The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.
Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by Wannawat, 2022-04-28 22:20:10

พระราชบัญญัติข้อมูลข่าวสาร

พรบข้อมูลข่าวสาร

พระราชบญั ญัติขอมูลขา วสารของราชการ
พ.ศ. ๒๕๔๐

พระราชบัญญตั คิ มุ ครองขอ มลู สว นบุคคล
พ.ศ. ๒๕๖๒

และกฎทเี่ ก่ยี วของ

โดยไดร้ บั การสนบั สนนุ จากมูลนธิ ิคอนราด อาเดนาวร์ (KAS)

พระราชบััญญััติขิ ้้อมูลู ข่่าวสารของราชการ พ.ศ. ๒๕๔๐
พระราชบััญญััติคิ ุ้�้ มครองข้้อมูลู ส่่วนบุุคคล พ.ศ. ๒๕๖๒
และกฎที่่เ� กี่�่ยวข้้อง
ISBN 978-616-333-091-8
พิมิ พ์ค์ รั้�งแรก : กันั ยายน ๒๕๖๔
จำ�ำ นวนพิมิ พ์์ ๒,๐๐๐ เล่่ม

จัดั พิมิ พ์โ์ ดย : สำำ�นัักงานศาลปกครอง
อาคารศาลปกครอง เลขที่่� ๑๒๐ หมู่� ๓ ถนนแจ้้งวััฒนะ
แขวงทุ่�งสองห้อ้ ง เขตหลักั สี่�่ กรุงุ เทพฯ ๑๐๒๑๐
โทรศััพท์์ ๐ ๒๑๔๑ ๑๑๑๑
สายด่ว่ น ๑๓๕๕
http://www.admincourt.go.th
พิิมพ์์ที่�่ : บริิษัทั สหมิิตรพริ้น� ติ้้�งแอนด์พ์ ับั ลิิสชิ่่ง� จำำ�กัดั
๕๙/๔ หมู่� ๑๐ ถนนกาญจนาภิเิ ษก ตำ�ำ บลบางม่่วง
อำ�ำ เภอบางใหญ่่ จัังหวััดนนทบุรุ ีี ๑๑๑๔๐
โทรศัพั ท์์: ๐ ๒๙๐๓ ๘๒๕๗-๙
โทรสาร: ๐ ๒๙๒๑ ๔๕๘๗





สารบญั

พระราชบัญญตั ิข้อมลู ขา่ วสารของราชการ พ.ศ. ๒๕๔๐ หนา้
หมวด ๑ การเปิดเผยขอ้ มูลข่าวสาร ๒
หมวด ๒ ขอ้ มูลข่าวสารทีไ่ มต่ ้องเปิดเผย ๕
หมวด ๓ ขอ้ มูลข่าวสารส่วนบุคคล ๑๐
หมวด ๔ เอกสารประวตั ิศาสตร์ ๑๓
หมวด ๕ คณะกรรมการข้อมลู ขา่ วสารของราชการ ๑๗
หมวด ๖ คณะกรรมการวินิจฉยั การเปดิ เผยขอ้ มลู ขา่ วสาร ๑๙
หมวด ๗ บทกาหนดโทษ ๒๒
บทเฉพาะกาล ๒๔
๒๔

กฎกระทรวง (พ.ศ. ๒๕๔๑) ออกตามความใน ๒๘
พระราชบญั ญตั ขิ อ้ มูลข่าวสารของราชการ พ.ศ. ๒๕๔๐ ๓๓
กฎกระทรวง ฉบับที่ ๒ (พ.ศ. ๒๕๔๑) ออกตามความใน
พระราชบญั ญตั ิขอ้ มูลข่าวสารของราชการ พ.ศ. ๒๕๔๐

กฎกระทรวง ฉบบั ท่ี ๓ (พ.ศ. ๒๕๔๑) ออกตามความใน ๓๘
พระราชบัญญัตขิ ้อมูลขา่ วสารของราชการ พ.ศ. ๒๕๔๐

(ก)

กฎกระทรวง ฉบับที่ ๔ (พ.ศ. ๒๕๔๒) ออกตามความใน หน้า
พระราชบัญญัติขอ้ มลู ข่าวสาร พ.ศ. ๒๕๔๐ ๔๓
กฎกระทรวงกาหนดหนว่ ยงานของรัฐทีไ่ ม่ต้องนาประเภท
ขอ้ มูลขา่ วสารส่วนบุคคลไปลงพมิ พ์ในราชกิจจานุเบกษา ๔๘
ตามพระราชบญั ญัติข้อมูลข่าวสารของราชการ พ.ศ. ๒๕๔๐
พ.ศ. ๒๕๔๖ ๕๒
ประกาศคณะกรรมการข้อมลู ข่าวสารของราชการ เรอ่ื ง ๕๖
หลกั เกณฑ์และวิธีการเกีย่ วกบั การจดั พิมพห์ รือ
จดั ใหม้ ีขอ้ มูลขา่ วสารของราชการทีเ่ กดิ ข้นึ ก่อน
วนั ที่พระราชบัญญตั ขิ ้อมลู ข่าวสารของราชการ พ.ศ. ๒๕๔๐
ใช้บังคับ (ประกาศ ณ วันที่ ๒๔ กุมภาพนั ธ์ ๒๕๔๑)
ประกาศคณะกรรมการข้อมลู ขา่ วสารของราชการ เร่ือง
หลกั เกณฑ์และวธิ กี ารเกย่ี วกบั การจัดใหม้ ีขอ้ มูลขา่ วสาร
ของราชการไวใ้ หป้ ระชาชนเข้าตรวจดู
(ประกาศ ณ วนั ท่ี ๒๔ กมุ ภาพนั ธ์ ๒๕๔๑)

(ข)

ประกาศคณะกรรมการข้อมูลขา่ วสารของราชการ เรอ่ื ง หน้า
การเรยี กคา่ ธรรมเนยี มการขอสาเนา หรือขอสาเนา ๕๙
ท่ีมีคารบั รองถูกต้องของข้อมลู ข่าวสารของราชการ ๖๒
(ประกาศ ณ วนั ที่ ๗ พฤษภาคม ๒๕๔๒)
ประกาศคณะกรรมการข้อมูลขา่ วสารของราชการ เรื่อง ๗๒
การกาหนดให้ขอ้ มูลข่าวสารเกยี่ วกับสิ่งแวดลอ้ ม
และสุขภาพเปน็ ข้อมลู ข่าวสารทีต่ อ้ งจัดไวใ้ ห้ประชาชน
เขา้ ตรวจดไู ด้ตามมาตรา ๙ (๘) แหง่ พระราชบัญญตั ิข้อมูล
ขา่ วสารของราชการ พ.ศ. ๒๕๔๐
ประกาศคณะกรรมการข้อมลู ขา่ วสารของราชการ เร่อื ง
กาหนดใหข้ อ้ มลู ข่าวสารเกยี่ วกบั ผลการพิจารณา
การจดั ซอ้ื จัดจ้างของหนว่ ยงานของรฐั เป็นข้อมูลขา่ วสาร
ทีต่ อ้ งจดั ไว้ให้ประชาชนตรวจดูได้ตามมาตรา ๙ (๘)
แห่งพระราชบัญญัตขิ อ้ มูลขา่ วสารของราชการ
พ.ศ. ๒๕๔๐
ประกาศคณะกรรมการข้อมูลขา่ วสารของราชการ เรอ่ื ง
กาหนดใหข้ อ้ มูลข่าวสารตามเกณฑ์มาตรฐานความโปร่งใส
และตัวชว้ี ดั ความโปร่งใสของหน่วยงานของรัฐ
เปน็ ข้อมูลข่าวสารทตี่ ้องจดั ไว้ใหป้ ระชาชนตรวจดูได้

(ค)

ตามมาตรา ๙ วรรคหน่ึง (๘) แห่งพระราชบญั ญตั ิ หนา้
ขอ้ มูลขา่ วสารของราชการ พ.ศ. ๒๕๔๐ ๗๗
ประกาศคณะกรรมการข้อมูลขา่ วสารของราชการ เรือ่ ง ๘๔
กาหนดให้ข้อมูลขา่ วสารเกย่ี วกับงานวิจัยท่ีใชเ้ งนิ ๘๘
งบประมาณเป็นข้อมลู ข่าวสารทีต่ อ้ งจดั ไว้ใหป้ ระชาชน
ตรวจดไู ดต้ ามมาตรา ๙ วรรคหนึ่ง (๘) แหง่ พระราชบัญญัติ ๙๒
ขอ้ มูลขา่ วสารของราชการ พ.ศ. ๒๕๔๐
ประกาศคณะกรรมการข้อมลู ข่าวสารของราชการ เรือ่ ง
กาหนดใหข้ อ้ มลู ขา่ วสารเกีย่ วกับทส่ี าธารณประโยชน์
เปน็ ขอ้ มลู ขา่ วสารทตี่ อ้ งจดั ไว้ใหป้ ระชาชนตรวจดูได้
ตามมาตรา ๙ วรรคหนง่ึ (๘) แห่งพระราชบัญญัติ
ข้อมลู ขา่ วสารของราชการ พ.ศ. ๒๕๔๐
ประกาศคณะกรรมการข้อมูลขา่ วสารของราชการ เรอ่ื ง
กาหนดให้ข้อมูลขา่ วสารเกีย่ วกับรายช่ือผเู้ ข้ารับการฝกึ อบรม
ของหน่วยงานตา่ งๆ เปน็ ขอ้ มูลขา่ วสารทตี่ ้องจัดไว้
ใหป้ ระชาชนเข้าตรวจดูไดต้ ามมาตรา ๙ วรรคหนึ่ง (๘)
แห่งพระราชบญั ญัตขิ อ้ มูลขา่ วสารของราชการ
พ.ศ. ๒๕๔๐

(ง)

ประกาศคณะกรรมการข้อมลู ขา่ วสารของราชการ เร่ือง หน้า
กาหนดให้ประกาศเชิญชวนท่วั ไป ประกาศผลผ้ชู นะ
การจดั ซอ้ื จดั จ้าง และสญั ญาทไ่ี ดม้ กี ารอนมุ ตั สิ ง่ั ซ้อื ๙๗
หรือสงั่ จ้าง เปน็ ข้อมูลขา่ วสารที่ต้องจัดไว้ให้ประชาชน
เข้าตรวจดูได้ตามมาตรา ๙ วรรคหนงึ่ (๘) ๑๐๑
แหง่ พระราชบญั ญตั ิข้อมูลขา่ วสารของราชการ ๑๐๕
พ.ศ. ๒๕๔๐ ๑๐๖
๑๐๙
ประกาศคณะกรรมการข้อมูลข่าวสารของราชการ เรื่อง
กาหนดใหร้ ายงานผลการตรวจสอบอาคาร
ตามมาตรา ๓๒ ทวิ แหง่ พระราชบัญญัติควบคุมอาคาร
พ.ศ. ๒๕๒๒ เป็นข้อมลู ข่าวสารท่ีตอ้ งจดั ไวใ้ หป้ ระชาชน
เขา้ ตรวจดไู ด้ตามมาตรา ๙ วรรคหนง่ึ (๘)
แหง่ พระราชบัญญตั ิขอ้ มูลข่าวสารของราชการ
พ.ศ. ๒๕๔๐

ระเบียบคณะกรรมการข้อมลู ข่าวสารของราชการ วา่ ดว้ ย
อานาจหน้าท่ี วิธีพจิ ารณาและองคค์ ณะในการพิจารณา
และวนิ จิ ฉัยของคณะกรรมการวนิ จิ ฉยั การเปิดเผย
ข้อมูลขา่ วสาร พ.ศ. ๒๕๔๒

หมวด ๑ อานาจหนา้ ท่ีและองคค์ ณะ
หมวด ๒ การพิจารณาและวินิจฉัย

(จ)

ระเบียบวา่ ดว้ ยการรกั ษาความลับ หนา้
ของทางราชการ พ.ศ. ๒๕๔๔
๑๑๗
หมวด ๑ บททัว่ ไป ๑๑๘
หมวด ๒ การกาหนดช้นั ความลับ ๑๒๒
หมวด ๓ การทะเบยี น ๑๒๗
หมวด ๔ การดาเนินการ ๑๓๐
บทเฉพาะกาล ๑๓๘

พระราชบญั ญัติค้มุ ครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ. ๒๕๖๒ ๑๔๒
หมวด ๑ คณะกรรมการคุม้ ครองข้อมลู ส่วนบุคคล ๑๔๘
หมวด ๒ การค้มุ ครองขอ้ มูลส่วนบุคคล ๑๕๕
หมวด ๓ สิทธิของเจา้ ของข้อมูลส่วนบุคคล ๑๖๖
หมวด ๔ สานกั งานคณะกรรมการคุ้มครองขอ้ มูล
สว่ นบุคคล ๑๗๘
หมวด ๕ การรอ้ งเรียน ๑๙๓
หมวด ๖ ความรบั ผิดทางแพง่ ๑๙๗
หมวด ๗ บทกาหนดโทษ ๑๙๘
บทเฉพาะกาล ๒๐๓

(ฉ)

พระราชกฤษฎีกากาหนดหน่วยงานและกจิ การท่ีผู้ควบคมุ หนา้
ข้อมูลสว่ นบุคคลไม่อยู่ภายใตบ้ งั คับแหง่ พระราชบัญญัติ ๒๐๘
คุ้มครองขอ้ มลู สว่ นบคุ คล พ.ศ. ๒๕๖๒ พ.ศ. ๒๕๖๓ ๒๑๕
ประกาศกระทรวงดจิ ทิ ัลเพ่ือเศรษฐกจิ และสังคม เรอื่ ง ๒๒๐
มาตรฐานการรกั ษาความมนั่ คงปลอดภยั
ของข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ. ๒๕๖๓
ระเบยี บวา่ ดว้ ยหลกั เกณฑแ์ ละวธิ ีการสรรหา
ประธานกรรมการและกรรมการผทู้ รงคณุ วฒุ ิ
ในคณะกรรมการคมุ้ ครองข้อมลู สว่ นบคุ คล พ.ศ. ๒๕๖๓

(ช)



พระราชบญั ญตั ิ
ขอ้ มลู ขา่ วสารของราชการ

พ.ศ. ๒๕๔๐

1

พระราชบัญญตั ิ
ขอ้ มลู ข่าวสารของราชการ

พ.ศ. ๒๕๔๐

ภูมพิ ลอดุลยเดช ป.ร.
ใหไ้ ว้ ณ วนั ที่ ๒ กนั ยายน พ.ศ. ๒๕๔๐

เป็นปที ี่ ๕๒ ในรัชกาลปจั จบุ ัน
พระบาทสมเดจ็ พระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช มีพระบรมราชโองการ
โปรดเกลา้ ฯ ให้ประกาศวา่
โดยที่เปน็ การสมควรให้มกี ฎหมายว่าด้วยขอ้ มูลข่าวสารของราชการ
จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ตราพระราชบัญญัติขึ้นไว้
โดยคาแนะนาและยนิ ยอมของรฐั สภา ดงั ต่อไปน้ี
มาตรา ๑ พระราชบัญญัตินี้เรียกว่า “พระราชบัญญัติข้อมูล
ข่าวสารของราชการ พ.ศ. ๒๕๔๐”

2

มาตรา ๒ พระราชบัญญัตินี้ให้ใช้บังคับเมื่อพ้นกาหนดเก้าสิบวัน
นับแต่วนั ประกาศในราชกจิ จานเุ บกษาเป็นต้นไป๑

มาตรา ๓ บรรดากฎหมาย กฎ ระเบียบ และข้อบังคับอื่น ในส่วน
ที่บัญญัติไว้แล้วในพระราชบัญญัติน้ี หรือซึ่งขัดหรือแย้งกับบทแห่ง
พระราชบัญญัตินใี้ ห้ใช้พระราชบัญญตั ินีแ้ ทน

มาตรา ๔ ในพระราชบัญญตั ินี้
“ข้อมูลข่าวสาร” หมายความว่า ส่ิงท่ีสื่อความหมายให้รู้เร่ืองราว
ข้อเท็จจริง ข้อมูล หรือสิ่งใด ๆ ไม่ว่าการส่ือความหมายน้ันจะทาได้โดย
สภาพของสิ่งนั้นเองหรือโดยผ่านวิธีการใด ๆ และไม่ว่าจะได้จัดทาไว้ในรูป
ของเอกสาร แฟูม รายงาน หนังสือ แผนผัง แผนท่ี ภาพวาด ภาพถ่าย
ฟิล์ม การบันทึกภาพหรือเสียง การบันทึกโดยเครื่องคอมพิวเตอร์ หรือวิธี
อืน่ ใดทีท่ าให้สง่ิ ทีบ่ ันทึกไวป้ รากฏได้
“ข้อมูลข่าวสารของราชการ” หมายความว่า ข้อมูลข่าวสารที่อยู่ใน
ความครอบครองหรือควบคุมดูแลของหน่วยงานของรัฐ ไม่ว่าจะเป็นข้อมูล
ข่าวสารเกี่ยวกบั การดาเนนิ งานของรัฐหรอื ขอ้ มลู ข่าวสารเกี่ยวกับเอกชน
“หน่วยงานของรัฐ” หมายความว่า ราชการส่วนกลาง ราชการ
ส่วนภูมิภาค ราชการส่วนท้องถ่ิน รัฐวิสาหกิจ ส่วนราชการสังกัดรัฐสภา
ศาลเฉพาะในส่วนที่ไม่เกี่ยวกับการพิจารณาพิพากษาคดี องค์กรควบคุม

๑ ประกาศในราชกิจจานุเบกษา เล่ม ๑๑๔ ตอนที่ ๔๖ ก วันท่ี ๑๐
กนั ยายน ๒๕๔๐ (หน้า ๑-๑๖)

3

การประกอบวิชาชีพ หน่วยงานอิสระของรัฐและหน่วยงานอื่นตามที่
กาหนดในกฎกระทรวง

“เจ้าหนา้ ทข่ี องรัฐ” หมายความว่า ผ้ซู ่ึงปฏิบัติงานให้แก่หน่วยงาน
ของรัฐ

“ข้อมูลข่าวสารส่วนบุคคล” หมายความว่า ข้อมูลข่าวสาร
เกี่ยวกับสิ่งเฉพาะตัวของบุคคล เช่น การศึกษา ฐานะการเงิน ประวัติ
สุขภาพ ประวัติอาชญากรรม หรือประวัติการทางาน บรรดาท่ีมีช่ือของ
ผู้นั้นหรือมีเลขหมาย รหัส หรือสิ่งบอกลักษณะอื่นท่ีทาให้รู้ตัวผู้น้ันได้ เช่น
ลายพิมพ์นิ้วมือ แผ่นบันทึกลักษณะเสียงของคนหรือรูปถ่าย และให้
หมายความรวมถึงข้อมูลข่าวสารเกี่ยวกับสิ่งเฉพาะตัวของผู้ที่ถึงแก่กรรม
แล้วด้วย

“คณะกรรมการ” หมายความว่า คณะกรรมการข้อมูลข่าวสารของ
ราชการ

“คนต่างด้าว” หมายความว่า บุคคลธรรมดาท่ีไม่มีสัญชาติไทย
และไม่มถี ่นิ ทอี่ ยู่ในประเทศไทย และนิตบิ ุคคลดงั ตอ่ ไปนี้

(๑) บริษัทหรือห้างหุ้นส่วนท่ีมีทุนเกินกึ่งหน่ึงเป็นของคนต่างด้าว
ใบหนุ้ ชนิดออกใหแ้ ก่ผถู้ ือ ให้ถือว่าใบหุ้นนั้นคนต่างดา้ วเปน็ ผูถ้ ือ

(๒) สมาคมท่มี ีสมาชิกเกินกึ่งหนง่ึ เปน็ คนตา่ งด้าว
(๓) สมาคมหรอื มูลนิธทิ ่ีมีวัตถปุ ระสงค์เพื่อประโยชนข์ องคนต่างด้าว
(๔) นติ ิบุคคลตาม (๑) (๒) (๓) หรอื นิติบุคคลอื่นใดท่ีมีผู้จัดการหรือ
กรรมการเกินกงึ่ หนึง่ เป็นคนต่างดา้ ว
นิติบุคคลตามวรรคหนึ่ง ถ้าเข้าไปเป็นผู้จัดการหรือกรรมการ
สมาชิก หรือมีทุนในนิติบุคคลอื่น ให้ถือว่าผู้จัดการหรือกรรมการ หรือ
สมาชกิ หรือเจา้ ของทนุ ดงั กล่าวเป็นคนต่างดา้ ว

4

มาตรา ๕ ให้นายกรัฐมนตรีรักษาการตามพระราชบัญญัตินี้ และ
มอี านาจออกกฎกระทรวงเพื่อปฏบิ ตั ิตามพระราชบญั ญัตินี้

กฎกระทรวงน้ัน เมอื่ ประกาศในราชกจิ จานเุ บกษาแลว้ ให้ใช้บงั คบั ได้
มาตรา ๖ ให้จัดตั้งสานักงานคณะกรรมการข้อมูลข่าวสารของ
ราชการขึ้นในสานักงานปลัดสานักนายกรัฐมนตรี มีหน้าท่ีปฏิบัติงาน
เกี่ยวกับงานวิชาการและธุรการให้แก่คณะกรรมการและคณะกรรมการ
วนิ ิจฉยั การเปิดเผยข้อมลู ข่าวสาร ประสานงานกับหน่วยงานของรัฐ และให้
คาปรกึ ษาแก่เอกชนเก่ียวกบั การปฏิบัตติ ามพระราชบัญญตั นิ ี้

หมวด ๑
การเปดิ เผยข้อมลู ขา่ วสาร

มาตรา ๗ หน่วยงานของรัฐต้องส่งข้อมูลข่าวสารของราชการ
อย่างนอ้ ยดังตอ่ ไปนีล้ งพิมพ์ในราชกจิ จานเุ บกษา

(๑) โครงสร้างและการจดั องค์กรในการดาเนนิ งาน
(๒) สรปุ อานาจหนา้ ทีท่ ีส่ าคญั และวิธกี ารดาเนินงาน
(๓) สถานที่ติดต่อเพ่ือขอรับข้อมูลข่าวสารหรือคาแนะนาในการ
ตดิ ต่อกับหนว่ ยงานของรัฐ
(๔) กฎ มติคณะรัฐมนตรี ข้อบังคับ คาสั่ง หนังสือเวียน ระเบียบ
แบบแผน นโยบาย หรือการตีความ ท้ังนี้ เฉพาะท่ีจัดให้มีขึ้นโดยมีสภาพ
อยา่ งกฎ เพอื่ ใหม้ ผี ลเปน็ การท่วั ไปตอ่ เอกชนทเ่ี กย่ี วข้อง
(๕) ข้อมูลข่าวสารอื่นตามที่คณะกรรมการกาหนด

5

ข้อมูลข่าวสารใดท่ีได้มีการจัดพิมพ์เพ่ือให้แพร่หลายตามจานวน
พอสมควรแล้ว ถ้ามีการลงพิมพ์ในราชกิจจานุเบกษาโดยอ้างอิงถึงส่ิงพิมพ์น้ัน
กใ็ หถ้ อื ว่าเปน็ การปฏิบัติตามบทบญั ญตั วิ รรคหน่งึ แลว้

ให้หน่วยงานของรัฐรวบรวมและจัดให้มีข้อมูลข่าวสารตามวรรคหนึ่ง
ไวเ้ ผยแพรเ่ พอ่ื ขายหรือจาหน่ายจ่ายแจก ณ ท่ีทาการของหน่วยงานของรัฐ
แห่งน้นั ตามทเ่ี หน็ สมควร

มาตรา ๘ ข้อมูลข่าวสารท่ีต้องลงพิมพ์ตามมาตรา ๗ (๔) ถ้ายัง
ไม่ได้ลงพิมพ์ในราชกิจจานุเบกษา จะนามาใช้บังคับในทางท่ีไม่เป็นคุณ
แก่ผู้ใดไม่ได้ เว้นแต่ผู้น้ันจะได้รู้ถึงข้อมูลข่าวสารน้ันตามความเป็นจริง
มากอ่ นแลว้ เปน็ เวลาพอสมควร

มาตรา ๙ ภายใต้บังคับมาตรา ๑๔ และมาตรา ๑๕ หน่วยงาน
ของรัฐต้องจัดให้มีข้อมูลข่าวสารของราชการอย่างน้อยดังต่อไปน้ีไว้ให้
ประชาชนเข้าตรวจดูได้ ท้ังน้ี ตามหลักเกณฑ์และวิธีการที่คณะกรรมการ
กาหนด

(๑) ผลการพจิ ารณาหรอื คาวินิจฉยั ท่มี ีผลโดยตรงต่อเอกชน รวมทั้ง
ความเหน็ แย้งและคาสั่งทเ่ี กย่ี วขอ้ งในการพิจารณาวนิ จิ ฉัยดงั กล่าว

(๒) นโยบายหรือการตีความที่ไม่เข้าข่ายต้องลงพิมพ์ใน
ราชกจิ จานเุ บกษาตามมาตรา ๗ (๔)

(๓) แผนงาน โครงการ และงบประมาณรายจ่ายประจาปีของปี
ทก่ี าลงั ดาเนินการ

(๔) คู่มือหรือคาส่ังเก่ียวกับวิธีปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่ของรัฐซ่ึงมี
ผลกระทบถงึ สิทธิหนา้ ทีข่ องเอกชน

(๕) สิ่งพมิ พท์ ่ไี ด้มีการอา้ งองิ ถึงตามมาตรา ๗ วรรคสอง

6

(๖) สญั ญาสัมปทาน สัญญาท่ีมีลกั ษณะเป็นการผกู ขาดตัดตอนหรือ
สัญญารว่ มทนุ กับเอกชนในการจัดทาบริการสาธารณะ

(๗) มติคณะรัฐมนตรี หรือมติคณะกรรมการท่ีแต่งต้ังโดยกฎหมาย
หรือโดยมตคิ ณะรัฐมนตรี ทัง้ นี้ ให้ระบุรายช่ือรายงานทางวิชาการ รายงาน
ขอ้ เทจ็ จรงิ หรือข้อมลู ขา่ วสารทนี่ ามาใช้ในการพิจารณาไว้ด้วย

(๘) ขอ้ มูลขา่ วสารอืน่ ตามท่คี ณะกรรมการกาหนด
ข้อมูลข่าวสารท่ีจัดให้ประชาชนเข้าตรวจดูได้ตามวรรคหนึ่ง ถ้ามี
ส่วนท่ีต้องห้ามมิให้เปิดเผยตามมาตรา ๑๔ หรือมาตรา ๑๕ อยู่ด้วย ให้ลบ
หรือตัดทอนหรือทาโดยประการอ่ืนใดที่ไม่เป็นการเปิดเผยข้อมูลข่าวสาร
สว่ นน้ัน
บุคคลไม่ว่าจะมีส่วนได้เสียเกี่ยวข้องหรือไม่ก็ตาม ย่อมมีสิทธิ
เข้าตรวจดู ขอสาเนาหรือขอสาเนาที่มีคารับรองถูกต้องของข้อมูลข่าวสาร
ตามวรรคหน่ึงได้ ในกรณีที่สมควรหน่วยงานของรัฐโดยความเห็นชอบของ
คณะกรรมการ จะวางหลักเกณฑ์เรียกคา่ ธรรมเนียมในการนั้นก็ได้ ในการนี้
ให้คานึงถึงการช่วยเหลือผู้มีรายได้น้อยประกอบด้วย ทั้งน้ี เว้นแต่จะมี
กฎหมายเฉพาะบัญญตั ไิ ว้เปน็ อยา่ งอื่น
คนต่างด้าวจะมีสิทธิตามมาตราน้ีเพียงใดให้เป็นไปตามท่ีกาหนด
โดยกฎกระทรวง
มาตรา ๑๐ บทบัญญัติมาตรา ๗ และมาตรา ๙ ไม่กระทบถึง
ขอ้ มูลขา่ วสารของราชการที่มีกฎหมายเฉพาะกาหนดให้มีการเผยแพร่หรือ
เปดิ เผย ด้วยวธิ กี ารอยา่ งอนื่
มาตรา ๑๑ นอกจากข้อมูลข่าวสารของราชการท่ีลงพิมพ์ใน
ราชกิจจานุเบกษาแล้วหรือที่จัดไว้ให้ประชาชนเข้าตรวจดูได้แล้วหรือท่ีมีการ

7

จัดให้ประชาชนได้ค้นคว้าตามมาตรา ๒๖ แล้ว ถ้าบุคคลใดขอข้อมูล
ข่าวสารอื่นใดของราชการและคาขอของผู้น้ันระบุข้อมูลข่าวสารท่ีต้องการ
ในลักษณะท่ีอาจเข้าใจได้ตามควร ให้หน่วยงานของรัฐผู้รับผิดชอบจัดหา
ข้อมูลข่าวสารนั้นให้แก่ผู้ขอภายในเวลาอันสมควร เว้นแต่ผู้น้ันขอจานวน
มากหรือบ่อยครง้ั โดยไมม่ ีเหตผุ ลอันสมควร

ข้อมูลข่าวสารของราชการใดมีสภาพที่อาจบุบสลายง่าย หน่วยงาน
ของรัฐจะขอขยายเวลาในการจัดหาให้หรือจะจัดทาสาเนาให้ในสภาพ
อยา่ งหนงึ่ อย่างใดเพ่อื มใิ ห้เกิดความเสยี หายแก่ข้อมลู ขา่ วสารน้ันกไ็ ด้

ข้อมูลข่าวสารของราชการที่หน่วยงานของรัฐจัดหาให้ตามวรรคหน่ึง
ต้องเป็นข้อมูลข่าวสารท่ีมีอยู่แล้วในสภาพที่พร้อมจะให้ได้ มิใช่เป็น
การต้องไปจัดทา วิเคราะห์ จาแนก รวบรวม หรือจัดให้มีขึ้นใหม่ เว้นแต่
เป็นการแปรสภาพเป็นเอกสารจากข้อมูลข่าวสารที่บันทึกไว้ในระบบการ
บันทึกภาพหรือเสียง ระบบคอมพิวเตอร์ หรือระบบอ่ืนใด ทั้งน้ี ตามที่
คณะกรรมการกาหนด แต่ถ้าหน่วยงานของรัฐเห็นว่ากรณีที่ขอนั้นมิใช่การ
แสวงหาผลประโยชน์ทางการค้า และเป็นเร่ืองที่จาเป็นเพ่ือปกปูองสิทธิ
เสรีภาพสาหรับผู้นั้นหรือเป็นเรื่องที่จะเป็นประโยชน์แก่สาธารณะ
หนว่ ยงานของรัฐจะจัดหาข้อมลู ข่าวสารน้นั ใหก้ ็ได้

บทบัญญัติวรรคสามไม่เป็นการห้ามหน่วยงานของรัฐท่ีจะจัดให้มี
ข้อมูลข่าวสารของราชการใดขึ้นใหม่ให้แก่ผู้ร้องขอหากเป็นการสอดคล้อง
ด้วยอานาจหนา้ ทตี่ ามปกติของหน่วยงานของรฐั น้ันอยูแ่ ลว้

ให้นาความในมาตรา ๙ วรรคสอง วรรคสาม และวรรคส่ี มาใช้
บงั คับแก่การจดั หาข้อมูลข่าวสารให้ตามมาตราน้ี โดยอนโุ ลม

มาตรา ๑๒ ในกรณีที่มีผู้ยื่นคาขอข้อมูลข่าวสารของราชการตาม
มาตรา ๑๑ แม้ว่าข้อมูลข่าวสารท่ีขอจะอยู่ในความควบคุมดูแลของ

8

หน่วยงานส่วนกลางหรือส่วนสาขาของหน่วยงานแห่งน้ัน หรือจะอยู่ใน
ความควบคุมดูแลของหน่วยงานของรัฐแห่งอ่ืนก็ตาม ให้หน่วยงานของรัฐ
ที่รับคาขอให้คาแนะนาเพ่ือไปยื่นคาขอต่อหน่วยงานของรัฐท่ีควบคุมดูแล
ขอ้ มูลขา่ วสารน้นั โดยไมช่ ักชา้

ถ้าหน่วยงานของรัฐผู้รับคาขอเห็นว่าข้อมูลข่าวสารท่ีมีคาขอเป็น
ข้อมูลข่าวสารที่จัดทาโดยหน่วยงานของรัฐแห่งอ่ืน และได้ระบุห้ามการ
เปิดเผยไว้ตามระเบียบที่กาหนดตาม มาตรา ๑๖ ให้ส่งคาขอน้ัน
ให้หนว่ ยงานของรฐั ผู้จดั ทาขอ้ มลู ข่าวสารน้ันพิจารณาเพอ่ื มีคาสงั่ ต่อไป

มาตรา ๑๓ ผู้ใดเห็นว่าหน่วยงานของรัฐไม่จัดพิมพ์ข้อมูลข่าวสาร
ตามมาตรา ๗ หรือไม่จัดข้อมูลข่าวสารไว้ให้ประชาชนตรวจดูได้ตาม
มาตรา ๙ หรือไม่จัดหาข้อมูลข่าวสารให้แก่ตนตามมาตรา ๑๑ หรือฝุาฝืน
หรือไมป่ ฏิบตั ิตามพระราชบัญญัติน้ี หรือปฏิบัติหน้าท่ีล่าช้า หรือเห็นว่าตน
ไม่ได้รับความสะดวกโดยไม่มีเหตุอันสมควร ผู้นั้นมีสิทธิร้องเรียนต่อ
คณะกรรมการ เว้นแต่เป็นเร่ืองเกี่ยวกับการมีคาส่ังมิให้เปิดเผยข้อมูล
ขา่ วสารตามมาตรา ๑๕ หรือคาสั่งไม่รับฟังคาคัดค้านตามมาตรา ๑๗ หรือ
คาส่ังไมแ่ กไ้ ขเปลยี่ นแปลงหรือลบข้อมูลข่าวสารสว่ นบคุ คลตามมาตรา ๒๕

ใ น ก ร ณี ท่ี มี ก า ร ร้ อ ง เ รี ย น ต่ อ ค ณ ะ ก ร ร ม ก า ร ต า ม ว ร ร ค ห น่ึ ง
คณะกรรมการต้องพิจารณาให้แล้วเสร็จ ภายในสามสิบวันนับแต่วันท่ีได้รับ
คาร้องเรียน ในกรณีที่มีเหตุจาเป็นให้ขยายเวลาออกไปได้ แต่ต้องแสดง
เหตผุ ลและรวมเวลาท้งั หมดแลว้ ต้องไม่เกินหกสบิ วัน

9

หมวด ๒
ขอ้ มลู ขา่ วสารทไ่ี ม่ตอ้ งเปดิ เผย

มาตรา ๑๔ ข้อมูลข่าวสารของราชการท่ีอาจก่อให้เกิดความ
เสียหายต่อสถาบันพระมหากษัตรยิ จ์ ะเปดิ เผยมิได้

มาตรา ๑๕ ขอ้ มูลข่าวสารของราชการท่ีมีลักษณะอย่างหน่ึงอย่างใด
ดังต่อไปนี้ หน่วยงานของรัฐหรือเจ้าหน้าท่ีของรัฐอาจมีคาส่ังมิให้เปิดเผยก็ได้
โ ด ย ค า นึ ง ถึ ง ก า ร ป ฏิ บั ติ ห น้ า ที่ ต า ม ก ฎ ห ม า ย ข อ ง ห น่ ว ย ง า น ข อ ง รั ฐ
ประโยชนส์ าธารณะ และประโยชน์ของเอกชนที่เก่ียวขอ้ งประกอบกัน

(๑) การเปิดเผยจะก่อให้เกิดความเสียหายต่อความม่ันคงของ
ประเทศ ความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ หรือความมั่นคงในทางเศรษฐกิจ
หรอื การคลงั ของประเทศ

(๒) การเปิดเผยจะทาให้การบังคับใช้กฎหมายเส่ือมประสิทธิภาพ
หรือไม่อาจสาเร็จตามวัตถุประสงค์ได้ ไม่ว่าจะเก่ียวกับการฟูองคดี
การปูองกัน การปราบปราม การทดสอบ การตรวจสอบ หรือการรู้
แหล่งทม่ี าของขอ้ มูลข่าวสารหรอื ไมก่ ็ตาม

(๓) ความเห็นหรือคาแนะนาภายในหน่วยงานของรัฐในการ
ดาเนินการเร่อื งหนึง่ เรื่องใด แต่ทั้งน้ีไม่รวมถึงรายงานทางวิชาการ รายงาน
ข้อเท็จจริง หรอื ข้อมูลข่าวสารท่ีนามาใช้ในการทาความเห็นหรือคาแนะนา
ภายในดังกล่าว

(๔) การเปิดเผยจะก่อให้เกิดอันตรายต่อชีวิตหรือความปลอดภัย
ของบุคคลหนงึ่ บคุ คลใด

10

(๕) รายงานการแพทย์หรือข้อมูลข่าวสารส่วนบุคคลซ่ึงการเปิดเผย
จะเป็นการรกุ ล้าสทิ ธสิ ว่ นบุคคลโดยไม่สมควร

(๖) ข้อมูลข่าวสารของราชการท่ีมีกฎหมายคุ้มครองมิให้เปิดเผย
หรือขอ้ มูลข่าวสารทมี่ ผี ู้ให้มาโดยไม่ประสงคใ์ ห้ทางราชการนาไปเปิดเผยต่อ
ผูอ้ นื่

(๗) กรณอี ่นื ตามทีก่ าหนดในพระราชกฤษฎกี า
คาสั่งมิให้เปิดเผยข้อมูลข่าวสารของราชการจะกาหนดเงื่อนไข
อย่างใดก็ได้ แต่ต้องระบุไว้ด้วยว่า ที่เปิดเผยไม่ได้เพราะเป็นข้อมูลข่าวสาร
ประเภทใดและเพราะเหตใุ ด และให้ถือว่าการมคี าสง่ั เปดิ เผยข้อมูลข่าวสาร
ของราชการเปน็ ดลุ พินิจ โดยเฉพาะของเจา้ หนา้ ที่ของรัฐตามลาดับสายการ
บังคับบัญชา แต่ผู้ขออาจอุทธรณ์ต่อคณะกรรมการวินิจฉัยการเปิดเผย
ขอ้ มูลข่าวสารไดต้ ามท่ีกาหนดในพระราชบญั ญตั ินี้
มาตรา ๑๖ เพื่อให้เกิดความชัดเจนในทางปฏิบัติว่าข้อมูลข่าวสาร
ของราชการจะเปิดเผยต่อบุคคลใดได้หรือไม่ภายใต้เง่ือนไขเช่นใด และ
สมควรมีวิธีรักษามิให้รั่วไหลให้หน่วยงานของรัฐกาหนดวิธีการคุ้มครอง
ข้อมูลข่าวสารน้ัน ทั้งน้ี ตามระเบียบท่ีคณะรัฐมนตรีกาหนดว่าด้วยการ
รักษาความลับของทางราชการ
มาตรา ๑๗ ในกรณีที่เจ้าหน้าท่ีของรัฐเห็นว่า การเปิดเผยข้อมูล
ขา่ วสารของราชการใดอาจกระทบถึงประโยชนไ์ ด้เสยี ของผู้ใด ให้เจ้าหน้าท่ี
ของรัฐแจ้งให้ผู้น้ันเสนอคาคัดค้านภายในเวลาท่ีกาหนดแต่ต้องให้เวลา
อันสมควรท่ีผู้นั้นอาจเสนอคาคัดค้านได้ ซ่ึงต้องไม่น้อยกว่าสิบห้าวันนับแต่
วันท่ไี ด้รับแจ้ง

11

ผู้ที่ได้รับแจ้งตามวรรคหน่ึง หรือผู้ท่ีทราบว่าการเปิดเผยข้อมูล
ข่าวสารของราชการใดอาจกระทบถึงประโยชน์ได้เสียของตน มีสิทธิ
คัดค้านการเปิดเผยข้อมูลข่าวสารน้ันได้โดยทาเป็นหนังสือถึงเจ้าหน้าท่ี
ของรัฐผู้รบั ผิดชอบ

ในกรณีที่มีการคัดค้าน เจ้าหน้าท่ีของรัฐผู้รับผิดชอบต้องพิจารณา
คาคัดคา้ นและแจง้ ผลการพิจารณาใหผ้ ูค้ ัดค้านทราบโดยไม่ชักช้า ในกรณีที่
มีคาสั่งไม่รับฟังคาคัดค้าน เจ้าหน้าท่ีของรัฐจะเปิดเผยข้อมูลข่าวสารน้ัน
มิได้จนกว่าจะล่วงพ้นกาหนดเวลาอุทธรณ์ตามมาตรา ๑๘ หรือจนกว่า
คณะกรรมการวินิจฉัยการเปิดเผยข้อมูลข่าวสารได้มีคาวินิจฉัยให้เปิดเผย
ขอ้ มลู ขา่ วสารนัน้ ได้ แล้วแตก่ รณี

มาตรา ๑๘ ในกรณีที่เจ้าหน้าท่ีของรัฐมีคาสั่งมิให้เปิดเผยข้อมูล
ข่าวสารใดตามมาตรา ๑๔ หรือมาตรา ๑๕ หรือมีคาส่ังไม่รับฟังคาคัดค้าน
ของผู้มปี ระโยชน์ได้เสยี ตามมาตรา ๑๗ ผู้นั้นอาจอุทธรณ์ต่อคณะกรรมการ
วินิจฉัยการเปิดเผยข้อมูลข่าวสารภายในสิบห้าวันนับแต่วันที่ได้รับแจ้ง
คาส่งั นัน้ โดยยน่ื คาอุทธรณ์ตอ่ คณะกรรมการ

มาตรา ๑๙ การพิจารณาเกี่ยวกับข้อมูลข่าวสารท่ีมีคาส่ังมิให้
เปิดเผยนั้นไม่ว่าจะเป็นการพิจารณาของคณะกรรมการ คณะกรรมการ
วินิจฉัยการเปิดเผยข้อมูลข่าวสารหรือศาลก็ตาม จะต้องดาเนิน
กระบวนการพิจารณาโดยมิให้ข้อมูลข่าวสารน้ันเปิดเผยแก่บุคคลอื่นใด
ทีไ่ มจ่ าเป็นแกก่ ารพิจารณา และในกรณีท่ีจาเป็นจะพิจารณาลับหลังคู่กรณี
หรอื คคู่ วามฝาุ ยใดก็ได้

12

มาตรา ๒๐ การเปิดเผยขอ้ มลู ข่าวสารใดแม้จะเข้าข่ายต้องมีความ
รับผิดตามกฎหมายใด ให้ถือว่าเจ้าหน้าที่ของรัฐไม่ต้องรับผิดหากเป็นการ
กระทาโดยสุจริตในกรณีดงั ต่อไปนี้

(๑) ข้อมูลข่าวสารตามมาตรา ๑๕ ถ้าเจ้าหน้าที่ของรัฐได้
ดาเนินการโดยถูกต้องตามระเบยี บตามมาตรา ๑๖

(๒) ข้อมูลข่าวสารตามมาตรา ๑๕ ถ้าเจ้าหน้าที่ของรัฐในระดับ
ตามที่กาหนดในกฎกระทรวง มีคาสั่งให้เปิดเผยเป็นการทั่วไปหรือเฉพาะ
แก่บุคคลใดเพื่อประโยชน์อันสาคัญยิ่งกว่าที่เกี่ยวกับประโยชน์สาธารณะ
หรือชีวิต ร่างกาย สุขภาพ หรือประโยชน์อ่ืนของบุคคล และคาส่ังน้ัน
ได้กระทาโดยสมควรแก่เหตุ ในการนี้จะมีการกาหนดข้อจากัดหรือเง่ือนไข
ในการใช้ข้อมูลข่าวสารน้ันตามความเหมาะสมก็ได้

การเปิดเผยข้อมูลข่าวสารตามวรรคหน่ึงไม่เป็นเหตุให้หน่วยงาน
ของรัฐพน้ จากความรบั ผิดตามกฎหมายหากจะพึงมใี นกรณีดังกลา่ ว

หมวด ๓
ข้อมูลขา่ วสารส่วนบคุ คล

มาตรา ๒๑ เพ่ือประโยชน์แห่งหมวดนี้ “บุคคล” หมายความว่า
บุคคลธรรมดาท่ีมีสัญชาติไทยและบุคคลธรรมดาท่ีไม่มีสัญชาติไทยแต่มี
ถน่ิ ทอี่ ยใู่ นประเทศไทย

มาตรา ๒๒ สานักข่าวกรองแห่งชาติ สานักงานสภาความม่ันคง
แห่งชาติ และหน่วยงานของรัฐแห่งอ่ืนตามท่ีกาหนดในกฎกระทรวง อาจ
ออกระเบียบโดยความเห็นชอบของคณะกรรมการ กาหนดหลักเกณฑ์

13

วิธีการ และเง่ือนไขที่มิให้นาบทบัญญัติวรรคหนึ่ง (๓) ของมาตรา ๒๓
มาใช้บังคับกับข้อมูลข่าวสารส่วนบุคคลที่อยู่ในความควบคุมดูแล
ของหน่วยงานดังกลา่ วกไ็ ด้

หน่วยงานของรัฐแห่งอ่ืนที่จะกาหนดในกฎกระทรวงตามวรรคหนึ่ง
นั้น ต้องเป็นหน่วยงานของรัฐ ซ่ึงการเปิดเผยประเภทข้อมูลข่าวสาร
ส่วนบุคคลตามมาตรา ๒๓ วรรคหน่ึง (๓) จะเป็นอุปสรรคร้ายแรง
ต่อการดาเนินการของหนว่ ยงานดงั กล่าว

มาตรา ๒๓ หน่วยงานของรัฐต้องปฏิบัติเก่ียวกับการจัดระบบ
ข้อมูลขา่ วสารส่วนบุคคลดังตอ่ ไปนี้

(๑) ตอ้ งจดั ให้มีระบบข้อมลู ข่าวสารส่วนบุคคลเพียงเท่าท่ีเก่ียวข้อง
และจาเป็นเพื่อการดาเนินงานของหน่วยงานของรัฐให้สาเร็จตาม
วัตถุประสงค์เท่านั้น และยกเลิกการจัดให้มีระบบดังกล่าวเม่ือหมด
ความจาเปน็

(๒) พยายามเก็บข้อมูลข่าวสารโดยตรงจากเจ้าของข้อมูล
โดยเฉพาะอย่างย่ิงในกรณีท่ีจะกระทบถึงประโยชน์ได้เสียโดยตรงของ
บุคคลน้ัน

(๓) จัดให้มีการพิมพ์ในราชกิจจานุเบกษาและตรวจสอบแก้ไขให้
ถกู ต้องอยู่เสมอเก่ียวกบั ส่ิงดังตอ่ ไปนี้

(ก) ประเภทของบคุ คลที่มีการเก็บขอ้ มลู ไว้
(ข) ประเภทของระบบข้อมูลขา่ วสารส่วนบคุ คล
(ค) ลักษณะการใช้ข้อมูลตามปกติ
(ง) วิธกี ารขอตรวจดขู ้อมูลข่าวสารของเจ้าของข้อมลู
(จ) วธิ กี ารขอให้แก้ไขเปลี่ยนแปลงขอ้ มลู
(ฉ) แหล่งท่ีมาของขอ้ มลู

14

(๔) ตรวจสอบแก้ไขข้อมูลข่าวสารส่วนบุคคลในความรับผิดชอบให้
ถูกตอ้ งอยู่เสมอ

(๕) จัดระบบรักษาความปลอดภัยให้แก่ระบบข้อมูลข่าวสารส่วน
บุคคลตามความเหมาะสมเพ่ือปูองกันมิให้มีการนาไปใช้โดยไม่เหมาะสม
หรอื เปน็ ผลร้ายตอ่ เจ้าของข้อมลู

ในกรณีท่ีเก็บข้อมูลข่าวสารโดยตรงจากเจ้าของข้อมูล หน่วยงาน
ของรัฐต้องแจ้งให้เจ้าของข้อมูลทราบล่วงหน้าหรือพร้อมกับการขอข้อมูล
ถึงวัตถุประสงค์ที่จะนาข้อมูลมาใช้ ลักษณะการใช้ข้อมูลตามปกติ และ
กรณีที่ขอข้อมูลน้ันเป็นกรณีที่อาจให้ข้อมูลได้โดยความสมัครใจหรือเป็น
กรณีมีกฎหมายบงั คบั

หน่วยงานของรัฐต้องแจ้งให้เจ้าของข้อมูลทราบในกรณีมีการให้
จัดส่งข้อมูลข่าวสารส่วนบุคคลไปยังท่ีใดซ่ึงจะเป็นผลให้บุคคลทั่วไปทราบ
ข้อมูลข่าวสารนั้นได้ เวน้ แต่เปน็ ไปตามลักษณะการใช้ขอ้ มูลตามปกติ

มาตรา ๒๔ หน่วยงานของรัฐจะเปิดเผยข้อมูลข่าวสารส่วนบุคคล
ท่ีอยู่ในความควบคุมดูแลของตนต่อหน่วยงานของรัฐแห่งอื่นหรือผู้อ่ืน โดย
ปราศจากความยินยอมเป็นหนังสือของเจ้าของข้อมูลที่ให้ไว้ล่วงหน้าหรือ
ในขณะนั้นมิได้ เวน้ แตเ่ ปน็ การเปิดเผย ดังต่อไปน้ี

(๑) ต่อเจ้าหน้าที่ของรัฐในหน่วยงานของตนเพ่ือการนาไปใช้ตาม
อานาจหนา้ ท่ีของหน่วยงานของรัฐแหง่ นนั้

(๒) เป็นการใช้ข้อมูลตามปกติภายในวัตถุประสงค์ของการจัดให้มี
ระบบขอ้ มลู ข่าวสารสว่ นบคุ คลน้ัน

(๓) ตอ่ หนว่ ยงานของรัฐทที่ างานด้านการวางแผนหรอื การสถิติหรือ
สามะโนต่าง ๆ ซ่ึงมีหน้าที่ต้องรักษาข้อมูลข่าวสารส่วนบุคคลไว้ไม่ให้
เปดิ เผยตอ่ ไปยังผอู้ นื่

15

(๔) เป็นการให้เพ่ือประโยชน์ในการศึกษาวิจัยโดยไม่ระบุชื่อหรือ
สว่ นทีท่ าใหร้ วู้ ่าเปน็ ขอ้ มลู ข่าวสารสว่ นบคุ คลทีเ่ ก่ียวกบั บคุ คลใด

(๕) ต่อหอจดหมายเหตุแห่งชาติ กรมศิลปากร หรือหน่วยงานอ่ืน
ของรัฐตามมาตรา ๒๖ วรรคหนึง่ เพือ่ การตรวจดคู ณุ คา่ ในการเกบ็ รักษา

(๖) ต่อเจ้าหน้าที่ของรัฐเพื่อการปูองกันการฝุาฝืนหรือไม่ปฏิบัติ
ตามกฎหมาย การสืบสวน การสอบสวน หรือการฟูองคดี ไม่ว่าเป็นคดี
ประเภทใดก็ตาม

(๗) เป็นการให้ซ่ึงจาเป็นเพื่อการปูองกันหรือระงับอันตรายต่อชีวิต
หรอื สุขภาพของบุคคล

(๘) ต่อศาล และเจ้าหน้าที่ของรัฐหรือหน่วยงานของรัฐหรือบุคคล
ท่มี ีอานาจตามกฎหมายทจี่ ะขอขอ้ เทจ็ จรงิ ดงั กลา่ ว

(๙) กรณอี น่ื ตามทีก่ าหนดในพระราชกฤษฎกี า
การเปิดเผยข้อมูลข่าวสารส่วนบุคคลตามวรรคหนึ่ง (๓) (๔) (๕)
(๖) (๗) (๘) และ (๙) ให้มีการจัดทาบัญชีแสดงการเปิดเผยกากับไว้กับ
ขอ้ มลู ขา่ วสารน้นั ตามหลกั เกณฑแ์ ละวิธีการทก่ี าหนดในกฎกระทรวง
มาตรา ๒๕ ภายใต้บังคับมาตรา ๑๔ และมาตรา ๑๕ บุคคลย่อม
มีสิทธิที่จะได้รู้ถึงข้อมูลข่าวสารส่วนบุคคลท่ีเกี่ยวกับตน และเม่ือบุคคลนั้น
มีคาขอเป็นหนังสือ หน่วยงานของรัฐท่ีควบคุมดูแลข้อมูลข่าวสารน้ัน
จะต้องให้บุคคลนั้นหรือผู้กระทาการแทนบุคคลน้ันได้ตรวจดูหรือได้รับ
สาเนาข้อมูลข่าวสารส่วนบุคคลส่วนท่ีเก่ียวกับบุคคลน้ัน และให้นา
มาตรา ๙ วรรคสอง และวรรคสาม มาใช้บงั คับโดยอนุโลม
การเปิดเผยรายงานการแพทย์ท่ีเก่ียวกับบุคคลใด ถ้ากรณีมีเหตุ
อนั ควรเจา้ หน้าที่ของรัฐจะเปิดเผยต่อเฉพาะแพทย์ท่ีบุคคลนัน้ มอบหมายก็ได้

16

ถ้าบุคคลใดเห็นว่าข้อมูลข่าวสารส่วนบุคคลที่เก่ียวกับตนส่วนใด
ไม่ถูกต้องตามท่ีเป็นจริง ให้มีสิทธิยื่นคาขอเป็นหนังสือให้หน่วยงานของรัฐ
ที่ควบคุมดูแลข้อมูลข่าวสารแก้ไขเปล่ียนแปลงหรือลบข้อมูลข่าวสาร
ส่วนน้ันได้ ซึ่งหน่วยงานของรัฐจะต้องพิจารณาคาขอดังกล่าว และแจ้งให้
บคุ คลนัน้ ทราบโดยไม่ชักชา้

ในกรณีท่ีหน่วยงานของรัฐไม่แก้ไขเปล่ียนแปลงหรือลบข้อมูล
ข่าวสารให้ตรงตามท่ีมีคาขอ ให้ผู้นั้นมีสิทธิอุทธรณ์ต่อคณะกรรมการ
วินิจฉัยการเปิดเผยข้อมูลข่าวสารภายในสามสิบวันนับแต่วันได้รับแจ้ง
คาสั่งไม่ยนิ ยอมแกไ้ ขเปล่ียนแปลงหรอื ลบข้อมูลข่าวสาร โดยย่ืนคาอุทธรณ์
ต่อคณะกรรมการ และไม่ว่ากรณีใด ๆ ให้เจ้าของข้อมูลมีสิทธิร้องขอให้
หน่วยงานของรัฐหมายเหตุคาขอของตนแนบไว้กับข้อมูลข่าวสาร
ส่วนทเ่ี ก่ยี วข้องได้

ให้บุคคลตามที่กาหนดในกฎกระทรวงมีสิทธิดาเนินการตาม
มาตรา ๒๓ มาตรา ๒๔ และมาตราน้ีแทนผู้เยาว์ คนไร้ความสามารถ
คนเสมือนไร้ความสามารถ หรอื เจ้าของข้อมลู ทถี่ งึ แก่กรรมแลว้ ได้

หมวด ๔
เอกสารประวตั ศิ าสตร์

มาตรา ๒๖ ข้อมูลข่าวสารของราชการท่ีหน่วยงานของรัฐ
ไม่ประสงค์จะเก็บรักษาหรือมีอายุครบกาหนดตามวรรคสองนับแต่วันที่
เสร็จส้ินการจัดให้มีข้อมูลข่าวสารน้ัน ให้หน่วยงานของรัฐส่งมอบให้แก่
หอจดหมายเหตุแห่งชาติ กรมศิลปากรหรือหน่วยงานอ่ืนของรัฐตามที่
กาหนดในพระราชกฤษฎกี าเพ่ือคัดเลอื กไว้ใหป้ ระชาชนไดศ้ กึ ษาค้นคว้า

17

กาหนดเวลาตอ้ งส่งขอ้ มลู ขา่ วสารของราชการตามวรรคหน่ึงให้แยก
ตามประเภท ดังนี้

(๑) ขอ้ มูลขา่ วสารของราชการตามมาตรา ๑๔ เมอ่ื ครบเจ็ดสิบหา้ ปี
(๒) ข้อมลู ขา่ วสารของราชการตามมาตรา ๑๕ เมอ่ื ครบย่สี บิ ปี
กาหนดเวลาตามวรรคสอง อาจขยายออกไปได้ในกรณดี ังต่อไปน้ี
(๑) หน่วยงานของรัฐยังจาเป็นต้องเก็บรักษาข้อมูลข่าวสาร
ของราชการไว้เองเพื่อประโยชน์ในการใช้สอย โดยต้องจัดเก็บและจัดให้
ประชาชนได้ศึกษาค้นคว้าตามท่ีจะตกลงกับหอจดหมายเหตุแห่งชาติ
กรมศลิ ปากร
(๒) หน่วยงานของรัฐเห็นว่า ข้อมูลข่าวสารของราชการนั้น
ยังไม่ควรเปิดเผยโดยมีคาส่ังขยายเวลากากับไว้เป็นการเฉพาะราย คาส่ัง
การขยายเวลาน้ันให้กาหนดระยะเวลาไว้ด้วย แต่จะกาหนดเกินคราวละ
ห้าปีไม่ได้
การตรวจสอบหรือทบทวนมิให้มีการขยายระยะเวลาไม่เปิดเผย
จนเกินความจาเป็นให้เป็นไปตามหลักเกณฑ์และวิธีการที่กาหนดใน
กฎกระทรวง
บทบัญญัติตามมาตรานี้มิให้ใช้บังคับกับข้อมูลข่าวสารของราชการ
ตามทค่ี ณะรัฐมนตรีออกระเบียบกาหนดให้หน่วยงานของรัฐหรือเจ้าหน้าที่
ของรฐั จะต้องทาลายหรอื อาจทาลายไดโ้ ดยไมต่ ้องเกบ็ รกั ษา

18

หมวด ๕
คณะกรรมการข้อมูลขา่ วสารของราชการ

มาตรา ๒๗ ให้มีคณะกรรมการข้อมูลข่าวสารของราชการ
ประกอบด้วยรัฐมนตรี ซึ่งนายกรัฐมนตรีมอบหมายเป็นประธาน ปลัด
สานักนายกรัฐมนตรี ปลัดกระทรวงกลาโหม ปลัดกระทรวงเกษตรและ
สหกรณ์ ปลัดกระทรวงการคลัง ปลัดกระทรวงการต่างประเ ทศ
ปลัดกระทรวงมหาดไทย ปลัดกระทรวงพาณิชย์ เลขาธิการคณะกรรมการ
กฤษฎีกา เลขาธิการคณะกรรมการข้าราชการพลเรือน เลขาธิการ
สภาความมั่นคงแห่งชาติ เลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร ผู้อานวยการสานัก
ข่าวกรองแห่งชาติ ผู้อานวยการสานักงบประมาณ และผู้ทรงคุณวุฒิอ่ืน
จากภาครฐั และภาคเอกชน ซึ่งคณะรัฐมนตรแี ตง่ ตง้ั อีกเก้าคนเป็นกรรมการ

ให้ปลัดสานักนายกรัฐมนตรีแต่งต้ังข้าราชการของสานักงานปลัด
สานักนายกรัฐมนตรีคนหน่ึงเป็นเลขานุการ และอีกสองคนเป็น
ผชู้ ่วยเลขานุการ

มาตรา ๒๘ คณะกรรมการมอี านาจหนา้ ท่ี ดงั ตอ่ ไปน้ี
(๑) สอดส่องดูแลและให้คาแนะนาเก่ียวกับการดาเนินงานของ
เจ้าหนา้ ทขี่ องรฐั และหนว่ ยงานของรฐั ในการปฏิบัตติ ามพระราชบัญญตั นิ ี้
(๒) ให้คาปรึกษาแก่เจ้าหน้าที่ของรัฐหรือหน่วยงานของรัฐเกี่ยวกับ
การปฏิบัตติ ามพระราชบญั ญตั ินี้ ตามท่ีได้รับคาขอ
(๓) เสนอแนะในการตราพระราชกฤษฎีกาและการออก
กฎกระทรวงหรือระเบยี บของคณะรฐั มนตรตี ามพระราชบัญญัติน้ี
(๔) พจิ ารณาและให้ความเห็นเรอื่ งร้องเรียนตามมาตรา ๑๓

19

(๕) จัดทารายงานเกี่ยวกับการปฏิบัติตามพระราชบัญญัตินี้เสนอ
คณะรัฐมนตรเี ปน็ ครั้งคราวตามความเหมาะสม แตอ่ ยา่ งนอ้ ยปีละหนงึ่ ครัง้

(๖) ปฏบิ ัติหน้าทอี่ นื่ ตามทก่ี าหนดในพระราชบัญญัตินี้
(๗) ดาเนินการเร่ืองอ่ืนตามที่คณะรัฐมนตรีหรือนายกรัฐมนตรี
มอบหมาย
มาตรา ๒๙ กรรมการผูท้ รงคุณวุฒิซ่ึงได้รับแต่งต้ังตามมาตรา ๒๗
มีวาระอยู่ในตาแหน่งคราวละสามปีนับแต่วันท่ีได้รับแต่งตั้ง ผู้ท่ีพ้นจาก
ตาแหนง่ แลว้ อาจไดร้ ับแตง่ ตั้งใหมไ่ ด้
มาตรา ๓๐ นอกจากการพ้นจากตาแหน่งตามวาระ กรรมการ
ผู้ทรงคณุ วุฒิซ่งึ ไดร้ บั แต่งต้ังตามมาตรา ๒๗ พน้ จากตาแหนง่ เมื่อ
(๑) ตาย
(๒) ลาออก
(๓) คณะรฐั มนตรีใหอ้ อกเพราะมีความประพฤติเสื่อมเสีย บกพร่อง
หรอื ไมส่ ุจริตตอ่ หน้าทหี่ รือหยอ่ นความสามารถ
(๔) เป็นบคุ คลลม้ ละลาย
(๕) เป็นคนไร้ความสามารถหรือคนเสมอื นไร้ความสามารถ
(๖) ได้รับโทษจาคุกโดยคาพิพากษาถึงที่สุดให้จาคุก เว้นแต่เป็น
โทษสาหรบั ความผิดที่ไดก้ ระทาโดยประมาทหรอื ความผดิ ลหุโทษ
มาตรา ๓๑ การประชุมของคณะกรรมการต้องมีกรรมการ
มาประชุมไม่น้อยกว่ากึ่งหนึ่งของจานวนกรรมการท้ังหมดจึงจะเป็น
องคป์ ระชมุ

20

ใหป้ ระธานกรรมการเป็นประธานในทป่ี ระชมุ ถ้าประธานกรรมการ
ไม่มาประชุมหรือไม่อาจปฏิบัติหน้าท่ีได้ ให้กรรมการท่ีมาประชุมเลือก
กรรมการคนหน่งึ เป็นประธานในท่ีประชมุ

การวินิจฉัยชี้ขาดของท่ีประชุมให้ถือเสียงข้างมาก กรรมการ
คนหน่ึงให้มีเสียงหน่ึงในการลงคะแนน ถ้าคะแนนเสียงเท่ากัน ให้ประธาน
ในท่ปี ระชุมออกเสยี งเพิ่มขึ้นอกี เสียงหน่งึ เปน็ เสียงชขี้ าด

มาตรา ๓๒ ให้คณะกรรมการมีอานาจเรียกให้บุคคลใดมาให้ถ้อยคา
หรอื ใหส้ ง่ วตั ถุ เอกสาร หรือพยานหลกั ฐานมาประกอบการพจิ ารณาได้

มาตรา ๓๓ ในกรณีที่หน่วยงานของรัฐปฏิเสธว่าไม่มีข้อมูลข่าวสาร
ตามทม่ี ีคาขอไมว่ า่ จะเป็นกรณีตามมาตรา ๑๑ หรอื มาตรา ๒๕ ถ้าผู้มีคาขอ
ไม่เช่ือว่าเป็นความจริงและร้องเรียนต่อคณะกรรมการตามมาตรา ๑๓
ใ ห้ ค ณ ะ ก ร ร ม ก า ร มี อ า น า จ เ ข้ า ด า เ นิ น ก า ร ต ร ว จ ส อ บ ข้ อ มู ล ข่ าวสาร
ของราชการท่ีเกยี่ วขอ้ งไดแ้ ละแจง้ ผลการตรวจสอบใหผ้ ู้ร้องเรียนทราบ

หนว่ ยงานของรัฐหรือเจ้าหนา้ ที่ของรฐั ตอ้ งยินยอมให้คณะกรรมการ
หรือผซู้ งึ่ คณะกรรมการมอบหมายเขา้ ตรวจสอบข้อมลู ข่าวสารที่อยูใ่ นความ
ครอบครองของตนไดไ้ ม่ว่าจะเป็นขอ้ มูลขา่ วสารทีเ่ ปดิ เผยได้หรือไม่กต็ าม

มาตรา ๓๔ คณะกรรมการจะแต่งตั้งคณะอนกุ รรมการเพ่ือพิจารณา
หรือปฏิบัติงานอย่างใดอย่างหน่ึงตามท่ีคณะกรรมการมอบหมายก็ได้ และ
ใหน้ าความในมาตรา ๓๑ มาใช้บังคบั โดยอนโุ ลม

21

หมวด ๖
คณะกรรมการวนิ จิ ฉยั การเปดิ เผยขอ้ มูลข่าวสาร

มาตรา ๓๕ ให้มีคณะกรรมการวินิจฉัยการเปิดเผยข้อมูลข่าวสาร
สาขาต่าง ๆ ตามความเหมาะสม ซ่ึงคณะรัฐมนตรีแต่งต้ังตามข้อเสนอของ
คณะกรรมการ มีอานาจหน้าท่ีพิจารณาวินิจฉัยอุทธรณ์คาสั่งมิให้เปิดเผย
ข้อมูลข่าวสารตามมาตรา ๑๔ หรือมาตรา ๑๕ หรือคาส่ังไม่รับฟัง
คาคัดค้านตามมาตรา ๑๗ และคาส่ังไม่แก้ไขเปล่ียนแปลงหรือลบข้อมูล
ข่าวสารส่วนบคุ คลตามมาตรา ๒๕

การแต่งตั้งคณะกรรมการวินิจฉัยการเปิดเผยข้อมูลข่าวสารตาม
วรรคหนึง่ ให้แต่งตัง้ ตามสาขาความเชยี่ วชาญเฉพาะด้านของข้อมูลขา่ วสาร
ของราชการ เช่น ความม่ันคงของประเทศ เศรษฐกิจและการคลังของ
ประเทศ หรือการบงั คับใชก้ ฎหมาย

มาตรา ๓๖ คณะกรรมการวินิจฉัยการเปิดเผยข้อมูลข่าวสารคณะ
หน่ึง ๆ ประกอบด้วยบุคคลตามความจาเป็น แต่ต้องไม่น้อยกว่าสามคน
และให้ข้าราชการที่คณะกรรมการแต่งตั้งปฏิบัติหน้าที่เป็นเลขานุการและ
ผ้ชู ่วยเลขานกุ าร

ในกรณีพจิ ารณาเก่ียวกบั ข้อมูลขา่ วสารของหน่วยงานของรัฐแห่งใด
กรรมการวินิจฉัยการเปิดเผยข้อมูลข่าวสารซึ่งมาจากหน่วยงานของรัฐ
แหง่ น้นั จะเข้าร่วมพจิ ารณาด้วยไมไ่ ด้

กรรมการวินิจฉัยการเปิดเผยข้อมูลข่าวสาร จะเป็นเลขานุการหรือ
ผู้ช่วยเลขานกุ ารไมไ่ ด้

22

มาตรา ๓๗ ให้คณะกรรมการพิจารณาส่งคาอุทธรณ์ให้คณะกรรมการ
วินิจฉัยการเปิดเผยข้อมูลข่าวสาร โดยคานึงถึงความเช่ียวชาญเฉพาะด้าน
ของคณะกรรมการวินิจฉัยการเปิดเผยข้อมูลข่าวสารแต่ละสาขาภายในเจ็ดวัน
นบั แต่วนั ท่ีคณะกรรมการไดร้ บั คาอุทธรณ์

คาวินิจฉัยของคณะกรรมการวินิจฉัยการเปิดเผยข้อมูลข่าวสาร
ให้เป็นที่สุด และในการมีคาวินิจฉัยจะมีข้อสังเกตเสนอต่อคณะกรรมการ
เพือ่ ใหห้ น่วยงานของรัฐท่เี กีย่ วขอ้ งปฏิบัติเก่ียวกบั กรณีใดตามท่ีเห็นสมควรกไ็ ด้

ให้นาความในมาตรา ๑๓ วรรคสอง มาใช้บังคับแก่การพิจารณา
อุทธรณข์ องคณะกรรมการวนิ จิ ฉยั การเปดิ เผยขอ้ มลู ขา่ วสารโดยอนุโลม

มาตรา ๓๘ อานาจหน้าที่ของคณะกรรมการวินิจฉัยการเปิดเผย
ข้อมูลข่าวสารแต่ละสาขา วิธีพิจารณาและวินิจฉัย และองค์คณะในการ
พิจารณาและวินิจฉัยให้เป็นไปตามระเบียบท่ีคณะกรรมการกาหนด
โดยประกาศในราชกจิ จานเุ บกษา

มาตรา ๓๙ ให้นาบทบัญญัติมาตรา ๒๙ มาตรา ๓๐ มาตรา ๓๒
และบทกาหนดโทษที่ประกอบกับบทบัญญัติดังกล่าวมาใช้บังคับกับ
คณะกรรมการวนิ ิจฉยั การเปดิ เผยข้อมูลข่าวสารโดยอนโุ ลม

23

หมวด ๗
บทกาหนดโทษ

มาตรา ๔๐ ผู้ใดไม่ปฏิบัติตามคาส่ังของคณะกรรมการท่ีส่ัง
ตามมาตรา ๓๒ ต้องระวางโทษจาคุกไม่เกินสามเดือน หรือปรับไม่เกิน
หา้ พนั บาท หรอื ทัง้ จาทงั้ ปรับ

มาตรา ๔๑ ผู้ใดฝุาฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามข้อจากัดหรือเง่ือนไข
ที่เจ้าหน้าที่ของรัฐกาหนดตามมาตรา ๒๐ ต้องระวางโทษจาคุกไม่เกินหน่ึงปี
หรือปรับไมเ่ กนิ สองหมนื่ บาท หรอื ท้งั จาท้ังปรับ

บทเฉพาะกาล

มาตรา ๔๒ บทบัญญัติมาตรา ๗ มาตรา ๘ และมาตรา ๙ มิให้ใช้
บังคับกับข้อมูลข่าวสารของราชการที่เกิดข้ึนก่อนวันที่พระราชบัญญัตินี้
ใช้บงั คบั

ให้หนว่ ยงานของรฐั จดั พิมพข์ ้อมลู ขา่ วสารตามวรรคหน่ึง หรือจัดให้
มีข้อมูลข่าวสารตามวรรคหน่ึงไว้เพ่ือให้ประชาชนเข้าตรวจดูได้ แล้วแต่
กรณี ท้ังน้ี ตามหลกั เกณฑแ์ ละวิธีการที่คณะกรรมการจะไดก้ าหนด

มาตรา ๔๓ ให้ระเบียบว่าด้วยการรักษาความปลอดภัยแห่งชาติ
พ.ศ. ๒๕๑๗ ในส่วนท่ีเก่ียวกับข้อมูลข่าวสารของราชการ ยังคงใช้บังคับ

24

ต่อไปได้เท่าที่ไม่ขัดหรือแย้งต่อพระราชบัญญัติน้ี เว้นแต่ระเบียบ
ทค่ี ณะรัฐมนตรีกาหนดตามมาตรา ๑๖ จะไดก้ าหนดเป็นอยา่ งอื่น
ผ้รู บั สนองพระบรมราชโองการ

พลเอก ชวลิต ยงใจยทุ ธ
นายกรัฐมนตรี

25

หมายเหตุ :- เหตุผลในการประกาศใช้พระราชบัญญัติฉบับนี้ คือ
ในระบอบประชาธิปไตย การให้ประชาชนมีโอกาสกว้างขวางในการได้รับ
ข้อมูลข่าวสารเก่ียวกับการดาเนินการต่าง ๆ ของรัฐเป็นส่ิงจาเป็น เพื่อที่
ประชาชนจะสามารถแสดงความคิดเห็นและใช้สิทธิทางการเมืองได้โดย
ถูกต้องกับความเป็นจริง อันเป็นการส่งเสริมให้มีความเป็นรัฐบาลโดย
ประชาชนมากยิ่งขึ้น สมควรกาหนดให้ประชาชนมีสิทธิได้รู้ข้อมูลข่าวสาร
ของราชการ โดยมีข้อยกเว้นอันไม่ต้องเปิดเผยท่ีแจ้งชัดและจากัดเฉพาะ
ข้อมูลข่าวสารท่ีหากเปิดเผยแล้วจะเกิดความเสียหายต่อประเทศชาติหรือ
ต่อประโยชน์ท่ีสาคัญของเอกชน ท้ังนี้ เพื่อพัฒนาระบอบประชาธิปไตยให้
มั่นคงและจะยังผลให้ประชาชนมีโอกาสรู้ถึงสิทธิหน้าที่ของตนอย่างเต็มท่ี
เพอ่ื ท่จี ะปกปักรกั ษาประโยชน์ของตนได้อีกประการหนึ่งด้วย ประกอบกับ
สมควรคุ้มครองสิทธิส่วนบุคคลในส่วนที่เก่ียวข้องกับข้อมูลข่าวสารของ
ราชการไปพรอ้ มกนั จงึ จาเป็นตอ้ งตราพระราชบญั ญตั ินี้

26

กฎกระทรวง
(พ.ศ. ๒๕๔๑)
ออกตามความในพระราชบญั ญตั ิข้อมูลข่าวสารของราชการ
พ.ศ. ๒๕๔๐

27

กฎกระทรวง
(พ.ศ. ๒๕๔๑)
ออกตามความในพระราชบญั ญัติขอ้ มูลข่าวสารของราชการ
พ.ศ. ๒๕๔๐๑

อาศยั อานาจตามความในมาตรา ๕ และมาตรา ๒๔ วรรคสอง แห่ง
พระราชบัญญัติข้อมูลข่าวสารของราชการ พ.ศ. ๒๕๔๐ นายกรัฐมนตรี
โ ด ย ค า เ ส น อ แ น ะ ข อ ง ค ณ ะ ก ร ร ม ก า ร ข้ อ มู ล ข่ า ว ส า ร ข อ ง ร า ช ก า ร
ออกกฎกระทรวงไว้ ดงั ตอ่ ไปนี้

ข้อ ๑ ให้มีการจัดทาบัญชีแสดงการเปิดเผยข้อมูลข่าวสาร
ส่วนบุคคลตามมาตรา ๒๔ (๓) (๔) (๕) (๖) (๗) (๘) และ (๙) แห่ง
พระราชบัญญัติข้อมูลข่าวสารของราชการ พ.ศ. ๒๕๔๐ พร้อมสาเนา
หนึ่งชุด ซึ่งอย่างน้อยต้องมีรายการตามบัญชีแสดงบัญชีแสดงการเปิดเผย
ข้อมูลข่าวสารส่วนบุคคลตามที่แนบท้ายกฎกระทรวงน้ี และเก็บรักษาไว้
กับเจ้าหนา้ ทผี่ คู้ วบคมุ ดแู ลข้อมลู ข่าวสารดงั กล่าว

๑ ประกาศในราชกิจจานุเบกษา เล่ม ๑๑๕ ตอนท่ี ๔๑ ก วันท่ี ๑๐
กรกฎาคม ๒๕๔๑ (หน้า ๑-๓)

28

ข้อ ๒ ให้หน่วยงานของรัฐจัดเก็บรวบรวมบัญชีหรือสาเนาบัญชี
แสดงการเปิดเผยข้อมูลข่าวสารส่วนบุคคลให้เป็นระบบกากับไว้กับข้อมูล
ข่าวสาร นั้น เพ่ือความสะดวกในการเก็บรักษาของหน่วยงานของรัฐและ
ตรวจสอบของบคุ คลที่ขอตรวจดขู ้อมลู ขา่ วสารสว่ นบคุ คลทเ่ี ก่ยี วกับตนตาม
มาตรา ๒๕

ข้อ ๓ กรณีที่บัญชีแสดงการเปิดเผยข้อมูลข่าวสารส่วนบุคคล
มีส่วนท่ีเห็นควรไม่เปิดเผยแก่ผู้ขอตรวจดูหรือยืมอยู่ด้วย หน่วยงานของรัฐ
หรือเจ้าหนา้ ทขี่ องรฐั จะตัดรายการใดออกจากรายการในบัญชีที่จะเปิดเผย
ก็ได้ แต่อย่างน้อยต้องคงรายการที่แสดงลาดับที่ วัน เดือน ปี ที่ขอตรวจดู
หรอื ขอยมื ไว้ และใหแ้ สดงเหตผุ ลทไี่ มเ่ ปดิ เผยไว้ในชอ่ งหมายเหตุด้วย

ใหไ้ ว้ ณ วันที่ ๒๕ มิถนุ ายน พ.ศ. ๒๕๔๑
ชวน หลีกภยั
นายกรฐั มนตรี

29

บัญชีแสดงการเปดิ เผยขอ้ มลู ขา่ วสารสว่ นบุคคล
ชอ่ื ของขอ้ มูลข่าวสาร............................................................

ลาดับ วนั เดือน วัตถุประสงค์ ชื่อผขู้ อ ลายมือ วัน ชอื่ ผู้ ลายมือ หมาย
ท่ี ปี ทขี่ อ ในการขอ ตรวจดู ชอื่ ผขู้ อ เดือน ปี คืน ช่ือผู้คืน เหตุ
ตรวจดู ตรวจดู หรือ หรือยืม ตรวจดู ที่คนื
หรอื ยมื ยมื และ หรือยืม
หลกั ฐาน
แสดงตวั
บุคคล

30

หมายเหตุ : - เหตุผลในการประกาศใช้กฎกระทรวงฉบับน้ี คือ
โดยทีม่ าตรา ๒๔ วรรคสอง แหง่ พระราชบัญญัติข้อมูลข่าวสารของราชการ
พ.ศ. ๒๕๔๐ กาหนดให้หน่วยงานของรัฐท่ีเก็บรักษาข้อมูลข่าวสารส่วน
บุคคลจัดทาบัญชีแสดงการเปิดเผยข้อมูลข่าวสารส่วนบุคคลกากับไว้กับ
ข้อมูลข่าวสารน้ัน ในกรณีท่ีมีการเปิดเผยข้อมูลข่าวสารส่วนบุคคลตาม
มาตรา ๒๔ (๓) (๔) (๕) (๖) (๗) (๘) และ (๙) จึงจาเป็นต้องออก
กฎกระทรวงนี้

31

กฎกระทรวง
ฉบับที่ ๒ (พ.ศ. ๒๕๔๑)
ออกตามความในพระราชบัญญตั ิขอ้ มูลขา่ วสารของราชการ

พ.ศ. ๒๕๔๐

32

กฎกระทรวง
ฉบับท่ี ๒ (พ.ศ. ๒๕๔๑)
ออกตามความในพระราชบัญญัตขิ ้อมูลข่าวสารของราชการ

พ.ศ. ๒๕๔๐๑

อาศัยอานาจตามความในมาตรา ๕ และมาตรา ๒๕ วรรคห้า แห่ง
พระราชบัญญัติข้อมูลข่าวสารของราชการ พ.ศ. ๒๕๔๐ นายกรัฐมนตรี
โดยคาเสนอแนะของคณะกรรมการข้อมูลข่ าวสารของราชการ
ออกกฎกระทรวงไว้ ดังต่อไปนี้

ข้อ ๑ ในกรณีเจ้าของข้อมูลเป็นผู้เยาว์ ให้ผู้ใช้อานาจปกครอง
มีสิทธดิ าเนินการแทนตามมาตรา ๒๕ วรรคห้า

๑ ประกาศในราชกิจจานุเบกษา เล่ม ๑๑๕ ตอนที่ ๔๑ ก วันที่ ๑๐
กรกฎาคม ๒๕๔๑ (หน้า ๔-๕)

33

การดาเนินการตามวรรคหน่ึง ถ้าผู้เยาว์มีอายุไม่ต่ากว่า ๑๕ ปี
ต้องไดร้ ับความยินยอมจากผู้เยาวด์ ว้ ย

ข้อ ๒ ในกรณีเจ้าของข้อมูลเป็นคนไร้ความสามารถ ให้ผู้อนุบาล
มสี ทิ ธิดาเนนิ การแทนตามมาตรา ๒๕ วรรคหา้

ข้อ ๓ ในกรณีเจ้าของข้อมูลเป็นคนเสมือนไร้ความสามารถ
ไม่สามารถทาการตามมาตรา ๒๓ มาตรา ๒๔ และมาตรา ๒๕ ด้วยตนเอง
เพราะเหตุมีกายพิการหรือมีจิตฟ่ันเฟือนไม่สมประกอบหรือมีเหตุอ่ืน
ทานองเดยี วกัน ใหผ้ ้พู ทิ กั ษม์ ีสทิ ธิดาเนนิ การแทนตามมาตรา ๒๕ วรรคหา้

ข้อ ๔ ในกรณีเจ้าของข้อมูลถึงแก่กรรม และมิได้ทาพินัยกรรม
กาหนดไว้เป็นอย่างอื่น ให้บุคคลดังต่อไปน้ีมีสิทธิดาเนินการแทนตาม
มาตรา ๒๔ ไดต้ ามลาดับก่อนหลงั ดังต่อไปนี้

(๑) บุตรชอบดว้ ยกฎหมายหรอื บุตรบญุ ธรรม
(๒) คู่สมรส
(๓) บดิ าหรอื มารดา
(๔) ผสู้ บื สันดาน
(๕) พีน่ ้องรว่ มบิดามารดา
(๖) คณะกรรมการขอ้ มูลขา่ วสารของราชการ
ในกรณีตามมาตรา ๒๓ และมาตรา ๒๕ ให้บุคคลตามข้อ ๔ (๑)
(๒) (๓) (๔) และ (๕) มีสิทธิดาเนินการแทนได้ไม่ว่าบุคคลหน่ึงบุคคลใดจะ
มีความเห็นเชน่ ใดก็ตาม

34

ให้ไว้ ณ วนั ที่ ๒๕ มิถุนายน พ.ศ. ๒๕๔๑
ชวน หลีกภยั
นายกรัฐมนตรี

35

หมายเหตุ : - เหตุผลในการประกาศใช้กฎกระทรวงฉบับน้ี คือ
โดยที่มาตรา ๒๕ วรรคห้า แห่งพระราชบัญญัติข้อมูลข่าวสารของราชการ
พ.ศ. ๒๕๔๐ กาหนดว่า บุคคลผู้มีสิทธิดาเนินการตามมาตรา ๒๓ มาตรา ๒๔
และมาตรา ๒๕ แทนผู้เยาว์ คนไร้ความสามารถ คนเสมือนไร้ความสามารถ
หรือเจ้าของข้อมูลที่ถึงแก่กรรม ให้เป็นไปตามที่กาหนดในกฎกระทรวง
จึงจาเป็นตอ้ งออกกฎกระทรวงนี้

36

กฎกระทรวง
ฉบับที่ ๓ (พ.ศ. ๒๕๔๑)
ออกตามความในพระราชบัญญตั ิขอ้ มูลขา่ วสารของราชการ

พ.ศ. ๒๕๔๐

37


Click to View FlipBook Version