The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.
Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by Wannawat, 2022-04-28 22:20:10

พระราชบัญญัติข้อมูลข่าวสาร

พรบข้อมูลข่าวสาร

ประกาศคณะกรรมการข้อมูลขา่ วสารของราชการ
เรือ่ ง กาหนดใหข้ อ้ มูลข่าวสารเกีย่ วกับท่ีสาธารณประโยชน์
เป็นข้อมลู ขา่ วสารที่ตอ้ งจัดไว้ให้ประชาชนตรวจดูได้ตามมาตรา ๙
วรรคหนง่ึ (๘) แหง่ พระราชบญั ญัตขิ ้อมลู ขา่ วสารของราชการ

พ.ศ. ๒๕๔๐๑

ด้วยพระราชบัญญัติข้อมูลข่าวสารของราชการ พ.ศ. ๒๕๔๐
มาตรา ๙ วรรคหนึ่ง (๘) บัญญัติให้อานาจคณะกรรมการข้อมูลข่าวสาร
ของราชการกาหนดข้อมูลข่าวสารอ่ืนที่หน่วยงานของรัฐ ต้องจัดให้มีไว้ให้
ประชาชนตรวจดไู ด้ ทั้งนี้ ตามหลักเกณฑ์และวธิ ีการท่คี ณะกรรมการข้อมูล
ขา่ วสารของราชการกาหนด

อาศัยอานาจตามความในมาตรา ๙ วรรคหนึ่ง (๘) แห่ง
พระราชบัญญัติข้อมูลข่าวสารของราชการ พ.ศ. ๒๕๔๐ คณะกรรมการ
ข้อมูลข่าวสารของราชการจึง กาหนดให้ข้อมูลข่าวสารเก่ียวกับ
ท่ีสาธารณประโยชน์เป็นข้อมูลข่าวสารท่ีหน่วยงานของรัฐต้องจัดให้มีไว้ให้
ประชาชนเข้าตรวจดูได้ ตามมาตรา ๙ วรรคหนึ่ง (๘) แห่งพระราชบัญญัติ
ข้อมูลข่าวสารของราชการ พ.ศ. ๒๕๔๐ ท้ังนี้ ตามหลักเกณฑ์และเง่ือนไข
ดังต่อไปนี้

๑ ประกาศในราชกิจจานุเบกษา เล่ม ๑๓๔ ตอนพิเศษ ๑๒๖ ง วันที่ ๗
พฤษภาคม ๒๕๖๐ (หน้า ๔-๕)

88

ข้อ ๑ ให้หน่วยงานของรัฐซึ่งจัดทา จัดให้มี หรือครอบครองดูแล
ขอ้ มูลขา่ วสารเก่ียวกบั ทีส่ าธารณประโยชนป์ ระเภทที่ดินสาธารณประโยชน์
จดั ใหม้ ขี ้อมูลข่าวสารสาหรบั การสบื ค้นอยา่ งใดอย่างหน่งึ ต่อไปนี้

(๑) ทะเบียนทดี่ นิ สาธารณประโยชน์
(๒) หนังสือสาคัญสาหรบั ท่หี ลวง
(๓) เอกสารแสดงพิกดั และตาแหน่งที่ต้งั ของทีด่ ินสาธารณประโยชน์
(๔) เอกสารอ่ืนตามที่คณะกรรมการข้อมูลข่าวสารของราชการ
กาหนด

ข้อ ๒ ให้หน่วยงานของรัฐซึ่งจัดทา จัดให้มี หรือครอบครองดูแล
ข้อมูลข่าวสารเก่ียวกับที่สาธารณประโยชน์ประเภทเขตควบคุมทางน้า
ตามกฎหมายว่าด้วยการเดินเรือในน่านน้าไทย จัดให้มีข้อมูลข่าวสาร
สาหรับการสืบค้นอยา่ งใดอยา่ งหนง่ึ ดงั ต่อไปน้ี

(๑) แบบบนั ทึกรายละเอยี ดการปกั หมุดเขตควบคมุ ทางน้า
(๒) แผนทแ่ี สดงขอบเขตการปักหลักเขตควบคุมทางน้า
(๓) เอกสารอน่ื ตามที่คณะกรรมการขอ้ มลู ข่าวสารของราชการกาหนด

ข้อ ๓ การดาเนินการตามข้อ ๑ และข้อ ๒ ให้จัดทาในรูปแบบ
หนังสือ เอกสาร หรือข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์ ซึ่งประชาชนสามารถเข้า
ตรวจดูได้ ณ สถานที่ที่หน่วยงานของรัฐจัดให้ตามประกาศ คณะกรรมการ
ขอ้ มูลข่าวสารของราชการ เรื่อง หลักเกณฑ์และวิธีการเก่ียวกับการจัดให้มี
ข้อมูลข่าวสารของราชการไว้ให้ประชาชนเข้าตรวจดู ลงวันท่ี ๒๔ กุมภาพันธ์
๒๕๔๑ และโดยช่องทางการเผยแพร่ข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์ของแต่ละหน่วยงาน
ตามความเหมาะสม ท้ังนี้ ให้ดาเนินการให้แล้วเสร็จภายใน ๑๘๐ วัน นับแต่
วันทีม่ ปี ระกาศฉบบั นี้

89

ประกาศ ณ วนั ที่ ๒๙ มนี าคม พ.ศ. ๒๕๖๐
ออมสนิ ชีวะพฤกษ์

รัฐมนตรีประจาสานักนายกรฐั มนตรี
ประธานกรรมการข้อมลู ขา่ วสารของราชการ

90

ประกาศคณะกรรมการข้อมูลขา่ วสารของราชการ
เร่อื ง กาหนดใหข้ อ้ มูลข่าวสารเกีย่ วกับรายชื่อผู้เข้ารับการฝกึ อบรม
ของหน่วยงานตา่ ง ๆ เป็นขอ้ มูลขา่ วสารที่ตอ้ งจดั ไว้ให้ประชาชน

เข้าตรวจดูได้ตามมาตรา ๙ วรรคหนึ่ง (๘)
แหง่ พระราชบญั ญัตขิ อ้ มูลขา่ วสารของราชการ พ.ศ. ๒๕๔๐

91

ประกาศคณะกรรมการข้อมูลข่าวสารของราชการ
เร่ือง กาหนดใหข้ อ้ มลู ข่าวสารเกยี่ วกบั รายช่อื ผ้เู ข้ารับการฝึกอบรม
ของหน่วยงานต่าง ๆ เปน็ ขอ้ มูลข่าวสารท่ตี อ้ งจัดไวใ้ ห้ประชาชน

เข้าตรวจดไู ดต้ ามมาตรา ๙ วรรคหนึง่ (๘)
แหง่ พระราชบญั ญัตขิ ้อมลู ข่าวสารของราชการ พ.ศ. ๒๕๔๐๑

ตามท่ีคณะรัฐมนตรีมีมติเม่ือวันท่ี ๗ มีนาคม ๒๕๖๐ เร่ือง
การพัฒนาบุคลากรภาครัฐ โดยการจัดหลักสูตรฝึกอบรมของหน่วยงานต่าง ๆ
(เพิ่มเติม) โดยขอให้หน่วยงานของรัฐปฏิบัติตามแนวทางการพัฒนาบุคลากร
ดังกล่าวตามมติคณะรัฐมนตรีเม่ือวันที่ ๑๐ พฤษภาคม ๒๕๕๙ โดยเคร่งครัด
และเห็นควรให้ส่วนราชการ รัฐวิสาหกิจ องค์การมหาชน และหน่วยงานอื่น
ของรัฐที่เป็นเจ้าของหลักสูตรเผยแพร่รายชื่อผู้เข้ารับการฝึกอบรม
ในหลักสูตรน้ัน ๆ ทางเว็บไซต์ของหน่วยงานให้เป็นที่ทราบโดยท่ัวกัน
ทุกครั้ง นั้น

เพ่ือให้การปฏิบัติตามแนวทางการพัฒนาบุคลากรภาครัฐตาม
มติคณะรัฐมนตรีดังกล่าวมีความชัดเจนโปร่งใส และตรวจสอบได้ และ
ครอบคลุมหลักสูตรหรือการฝึกอบรมท่ีจัดโดยหน่วยงานของรัฐที่ไม่อยู่ใน
สังกัดของฝุายบริหาร อาศัยอานาจตามความในมาตรา ๙ วรรคหนึ่ง (๘)
แห่งพระราชบัญญัติข้อมูลข่าวสารของราชการ พ.ศ. ๒๕๔๐ ประกอบกับ
มติคณะกรรมการข้อมูลข่าวสารของราชการ ในการประชุมคร้ังท่ี

๑ ประกาศในราชกิจจานุเบกษา เล่ม ๑๓๔ ตอนพิเศษ ๓๒๑ ง วันท่ี ๒๖
ธันวาคม ๒๕๖๐ (หนา้ ๔๕–๔๖)

92

๖/๒๕๖๐ เม่ือวันพฤหัสบดีท่ี ๑๖ พฤศจิกายน ๒๕๖๐ คณะกรรมการ
ขอ้ มลู ขา่ วสารของราชการจึงออกประกาศไว้ ดังตอ่ ไปนี้

ข้อ ๑ ในประกาศน้ี
“หน่วยงานของรัฐ” หมายความว่า ราชการส่วนกลาง ราชการ
สว่ นภูมภิ าค ราชการส่วนทอ้ งถน่ิ รัฐวสิ าหกิจ ส่วนราชการสงั กดั รฐั สภา ศาล
เฉพาะในส่วนท่ีไม่เกี่ยวกับการพิจารณาพิพากษาคดี องค์กรควบคุมการ
ประกอบวิชาชีพ หน่วยงานอิสระของรัฐและหน่วยงานอื่นตามที่กาหนดใน
กฎกระทรวง
ข้อ ๒ ให้รายชื่อผู้เข้ารับการอบรมในหลักสูตรหรือการฝึกอบรม
ท่ีหน่วยงานของรัฐเป็นเจ้าของหรือเป็นผู้จัดให้มีขึ้นเป็นข้อมูลข่าวสาร
ท่ีหน่วยงานของรัฐต้องจัดให้มีไว้ให้ประชาชนเข้าตรวจดูได้ตามมาตรา ๙
วรรคหน่งึ (๘) แห่งพระราชบญั ญัตขิ ้อมลู ข่าวสารของราชการ พ.ศ. ๒๕๔๐
ข้อ ๓ หลักสูตรหรือการฝึกอบรมที่หน่วยงานของรัฐเป็นเจ้าของหรือ
เปน็ ผู้จดั ใหม้ ีข้นึ มลี ักษณะ ดังต่อไปน้ี
(๑) เป็นหลักสตู รหรือการฝึกอบรมที่ใช้เงินงบประมาณของรัฐท้ังหมด
หรือบางส่วนในการจัด และให้หมายความรวมถึงกรณีที่ผู้เข้าเรียนหลักสูตร
หรือการฝึกอบรมต้องใช้งบประมาณของหน่วยงานต้นสังกัดมาลงทะเบียน
หรือชาระคา่ ธรรมเนยี มด้วย
(๒) หลักสูตรหรือการฝึกอบรมที่จัดข้ึนเป็นประจาต่อเนื่องเป็นรุ่น ๆ
กาหนดจานวนและคุณสมบัติผู้เข้าเรียนหลักสูตรหรือการฝึกอบรม มีเน้ือหา
รายวชิ าและผู้บรรยายท่ชี ัดเจน และกาหนดจานวนครั้งทต่ี ้องเข้าเรียน

93

(๓) เป็นหลักสูตรหรือการฝึกอบรมที่อาจมีการวัดผล ดูงาน เสนอ
รายงาน หรือมีการแจกวฒุ บิ ัตรก็ได้

หลักสูตรหรือการฝึกอบรมตามวรรคหน่ึงไม่หมายความรวมถึง
หลักสูตรหรือการฝึกอบรมที่จัดเป็นเฉพาะกิจแก่ผู้เกี่ยวข้องเป็นครั้งคราว
เช่น การฝึกอบรมวิธีปฏิบัติงาน หรือฝึกอบรมเพื่อเพ่ิมทักษะและซักซ้อม
ความเข้าใจภายในหน่วยงานของรัฐ เป็นตน้

ขอ้ ๔ ขอ้ มูลขา่ วสารตามขอ้ ๒ ทตี่ อ้ งจัดไวใ้ หป้ ระชาชนเข้าตรวจดูได้
ให้จัดในรูปแบบหนังสือเอกสารหรือข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์ ณ สถานที่
ที่หน่วยงานของรัฐจัดให้ตามประกาศคณะกรรมการข้อมูลข่าวสารของ
ราชการ เรื่อง หลักเกณฑ์และวิธีการเก่ียวกับการจัดให้มีข้อมูลข่าวสารของ
ราชการไวใ้ ห้ประชาชนเข้าตรวจดู ลงวันท่ี ๒๔ กุมภาพันธ์ ๒๕๔๑ และมีช่องทาง
การเผยแพร่ขอ้ มูลอเิ ลก็ ทรอนิกสข์ องแต่ละหนว่ ยงานตามความเหมาะสม

ข้อ ๕ ประกาศน้ีให้ใช้บังคับกับหลักสูตรหรือการฝึกอบรมของ
หน่วยงานของรฐั จัดใหม้ ขี นึ้ ตง้ั แตว่ นั ท่ี ๗ มีนาคม ๒๕๖๐ เปน็ ต้นไป

ข้อ ๖ ในกรณีท่ีมีปัญหาเก่ียวกับการปฏิบัติตามประกาศนี้
ให้ประธานกรรมการข้อมูลข่าวสารของราชการเป็นผู้มีอานาจวินิจฉัยชี้ขาด
และคาวนิ จิ ฉัยนัน้ ใหเ้ ปน็ ที่สุด

ท้ังนี้ ตั้งแตว่ ันที่ ๒๑ พฤศจกิ ายน พ.ศ. ๒๕๖๐ เปน็ ตน้ ไป

94

ประกาศ ณ วนั ท่ี ๒๑ พฤศจกิ ายน พ.ศ. ๒๕๖๐
ออมสิน ชีวะพฤกษ์

รฐั มนตรีประจาสานกั นายกรัฐมนตรี
ประธานกรรมการขอ้ มลู ขา่ วสารของราชการ

95

ประกาศคณะกรรมการข้อมูลขา่ วสารของราชการ
เร่ือง กาหนดใหป้ ระกาศเชิญชวนทั่วไป ประกาศผลผชู้ นะการจดั ซ้ือ
จัดจ้าง และสญั ญาที่ได้มกี ารอนมุ ตั สิ ง่ั ซอ้ื หรือส่งั จา้ ง เป็นขอ้ มูลขา่ วสาร
ที่ตอ้ งจดั ไว้ใหป้ ระชาชนเข้าตรวจดูได้ ตามมาตรา ๙ วรรคหน่ึง (๘)

แหง่ พระราชบญั ญัติขอ้ มลู ข่าวสารของราชการ พ.ศ. ๒๕๔๐

96

ประกาศคณะกรรมการข้อมูลข่าวสารของราชการ
เรอ่ื ง กาหนดใหป้ ระกาศเชิญชวนทั่วไป ประกาศผลผู้ชนะการจดั ซอ้ื
จัดจ้าง และสญั ญาทไ่ี ด้มกี ารอนุมตั สิ ง่ั ซ้อื หรือสัง่ จา้ ง เปน็ ขอ้ มูลขา่ วสาร
ท่ีตอ้ งจดั ไวใ้ ห้ประชาชนเข้าตรวจดไู ด้ ตามมาตรา ๙ วรรคหนึ่ง (๘)

แหง่ พระราชบัญญัตขิ อ้ มูลข่าวสารของราชการ พ.ศ. ๒๕๔๐๑

โดยที่ในปัจจุบนั การจัดซอ้ื จดั จ้างภาครัฐเป็นไปตามหลักเกณฑ์และ
วิธีการท่ีกาหนดไว้ในพระราชบัญญัติการจัดซื้อจัดจ้างและการบริหารพัสดุ
ภาครัฐ พ.ศ. ๒๕๖๐ จึงสมควรปรับปรุงประกาศคณะกรรมการข้อมูลข่าวสาร
ของราชการ เรื่อง กาหนดให้ประกาศประกวดราคาและประกาศสอบราคา
ของหน่วยงานของรัฐที่หัวหน้าส่วนราชการลงนามแล้วเป็นข้อมูลข่าวสาร
ที่ต้องจัดไวใ้ ห้ประชาชนเข้าตรวจดไู ด้ ตามมาตรา ๙ (๘) แห่งพระราชบัญญัติ
ข้อมูลข่าวสารของราชการ พ.ศ. ๒๕๔๐ ลงวันที่ ๒๑ ตุลาคม พ.ศ. ๒๕๔๒
เพื่อให้สอดคลอ้ งกบั บทบญั ญัตแิ หง่ พระราชบัญญัติดงั กล่าว

อาศัยอานาจตามความในมาตรา ๙ วรรคหนึ่ง (๘) แห่งพระราชบัญญัติ
ข้อมูลข่าวสารของราชการ พ.ศ. ๒๕๔๐ ประกอบกับมติคณะกรรมการข้อมูล
ข่าวสารของราชการ ในการประชุม คร้ังที่ ๒/๒๕๖๑ เม่ือวันพุธท่ี ๑๖
พฤษภาคม ๒๕๖๑ คณะกรรมการข้อมูลข่าวสารของราชการจึงออก
ประกาศไว้ ดงั ตอ่ ไปนี้

๑ ประกาศในราชกิจจานเุ บกษา เล่ม ๑๓๕ ตอนพเิ ศษ ๑๔๔ ง วนั ที่ ๒๑
มิถนุ ายน ๒๕๖๑ (หน้า ๑๘-๑๙)

97

ข้อ ๑ ให้ยกเลิกประกาศคณะกรรมการข้อมูลข่าวสารของราชการ
เรื่อง กาหนดให้ประกาศประกวดราคาและประกาศสอบราคาของหน่วยงาน
ของรัฐท่ีหัวหน้าส่วนราชการลงนามแล้ว เป็นข้อมูลข่าวสารท่ีต้องจัดไว้ให้
ประชาชนเข้าตรวจดูได้ ตามมาตรา ๙ (๘) แห่งพระราชบัญญัติข้อมูล
ขา่ วสารของราชการ พ.ศ. ๒๕๔๐ ลงวันท่ี ๒๑ ตุลาคม พ.ศ. ๒๕๔๒

ข้อ ๒ ให้ข้อมูลเกี่ยวกับการจัดซื้อจัดจ้างพัสดุโดยวิธีประกาศ
เชญิ ชวนทั่วไป ประกาศผลผู้ชนะการจัดซ้ือจัดจ้าง และสัญญาท่ีได้มีการอนุมัติ
สั่งซื้อหรือส่ังจ้างแล้วตามพระราชบัญญัติการจัดซ้ือจัดจ้าง และการบริหาร
พัสดุภาครัฐ พ.ศ. ๒๕๖๐ เป็นข้อมูลข่าวสารที่หน่วยงานของรัฐต้องจัดไว้ให้
ประชาชนเข้าตรวจดูได้ตามมาตรา ๙ ทั้งน้ี มีกาหนดระยะเวลาไม่น้อยกว่า
๑ ปี นบั แต่วันประกาศ

ให้นาความในวรรคหนึ่งมาใช้บังคับกับข้อมูลเก่ียวกับการจัดซื้อจัดจ้าง
พัสดุโดยวิธีประกาศเชิญชวนท่ัวไป ประกาศผลผู้ชนะการจัดซื้อจัดจ้าง และ
สัญญาที่ได้มีการอนุมัติสั่งซื้อหรือส่ังจ้างแล้ว ตามพระราชบัญญัติการจัดซื้อ
จัดจ้างและการบริหารพัสดุภาครัฐ พ.ศ. ๒๕๖๐ ซ่ึงได้จัดทาข้ึนก่อนวันท่ี
ประกาศนีใ้ ช้บงั คับด้วย

ข้อ ๓ ให้ประกาศประกวดราคาและประกาศสอบราคาของ
หน่วยงานของรัฐท่ีหัวหน้าส่วนราชการลงนามแล้ว ซึ่งหน่วยงานของรัฐได้
จัดไว้ให้ประชาชนเข้าตรวจดูได้อยู่ในวันก่อนวันที่ประกาศนี้ใช้บังคับ ยังคง
เป็นข้อมูลข่าวสารท่ีหน่วยงานของรัฐต้องจัดไว้ให้ประชาชนเข้าตรวจดูได้
จนกวา่ จะครบกาหนดเวลา ตามประกาศคณะกรรมการข้อมูลข่าวสารของ
ราชการ เร่ือง กาหนดให้ประกาศประกวดราคาและประกาศสอบราคา
ของหน่วยงานของรัฐที่หัวหน้าส่วนราชการลงนามแล้วเป็นข้อมูลข่าวสาร

98

ท่ีต้องจัดไว้ให้ประชาชนเข้าตรวจดูได้ ตามมาตรา ๙ (๘) แห่ง
พระราชบัญญัติข้อมูลข่าวสารของราชการ พ.ศ. ๒๕๔๐ ลงวันท่ี ๒๑
ตุลาคม พ.ศ. ๒๕๔๒

ประกาศ ณ วนั ท่ี ๒๔ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๕๖๑
สวุ พนั ธุ์ ตันยวุ รรธนะ

รัฐมนตรีประจาสานักนายกรัฐมนตรี
ประธานกรรมการขอ้ มลู ขา่ วสารของราชการ

99

ประกาศคณะกรรมการข้อมูลขา่ วสารของราชการ
เร่อื ง กาหนดให้รายงานผลการตรวจสอบอาคารตามมาตรา ๓๒ ทวิ
แหง่ พระราชบญั ญตั ิควบคมุ อาคาร พ.ศ. ๒๕๒๒ เปน็ ข้อมูลข่าวสาร
ที่ตอ้ งจัดไวใ้ หป้ ระชาชนเข้าตรวจดูได้ตามมาตรา ๙ วรรคหน่งึ (๘)

แห่งพระราชบญั ญตั ิข้อมลู ข่าวสารของราชการ พ.ศ. ๒๕๔๐

100

ประกาศคณะกรรมการข้อมูลข่าวสารของราชการ
เรอ่ื ง กาหนดใหร้ ายงานผลการตรวจสอบอาคารตามมาตรา ๓๒ ทวิ
แหง่ พระราชบัญญัติควบคมุ อาคาร พ.ศ. ๒๕๒๒ เป็นข้อมลู ข่าวสาร
ที่ต้องจดั ไวใ้ หป้ ระชาชนเข้าตรวจดไู ด้ตามมาตรา ๙ วรรคหน่ึง (๘)

แห่งพระราชบัญญัตขิ ้อมลู ข่าวสารของราชการ พ.ศ. ๒๕๔๐๑

โดยที่มาตรา ๓๒ ทวิ แห่งพระราชบัญญัติควบคุมอาคาร พ.ศ. ๒๕๒๒
กาหนดให้เจ้าของอาคารต้องจัดให้มีผู้ตรวจสอบด้านวิศวกรรมหรือ
ผู้ตรวจสอบด้านสถาปัตยกรรม เพ่ือทาการตรวจสอบสภาพอาคาร
โครงสร้างของตัวอาคาร และอุปกรณ์ประกอบต่าง ๆ ของอาคารที่จาเป็น
ต่อการปูองกันภยันตรายต่าง ๆ ท่ีมีผลต่อสุขภาพ ชีวิต ร่างกาย หรือ
ทรัพย์สิน ประกอบกับสมาคมผู้ตรวจสอบอาคารได้ขอให้คณะกรรมการ
ข้อมูลข่าวสารของราชการกาหนดให้รายงานผลการตรวจสอบอาคาร
ดังกล่าว เป็นข้อมูลข่าวสารที่หน่วยงานของรัฐต้องจัดให้มีไว้ให้ประชาชน
เข้าตรวจดูได้

อาศัยอานาจตามความในมาตรา ๙ วรรคหนึ่ง (๘) แห่ง
พระราชบัญญัติข้อมูลข่าวสารของราชการ พ.ศ. ๒๕๔๐ ประกอบกับมติ
คณะกรรมการข้อมูลข่าวสารของราชการ ในการประชุมคร้ังท่ี ๕/๒๕๖๑

๑ ประกาศในราชกิจจานุเบกษา เล่ม ๑๓๖ ตอนพิเศษ ๑๙ ง วันที่ ๒๑
มกราคม ๒๕๖๒ (หน้า ๘-๙)

101

เมือ่ วันศุกร์ท่ี ๑๔ ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๖๑ คณะกรรมการข้อมูลข่าวสารของ
ราชการจงึ ออกประกาศไว้ ดังต่อไปนี้

ข้อ ๑ ในประกาศน้ี
“หน่วยงานของรัฐ” หมายความว่า องค์การบริหารส่วนจังหวัด
เทศบาล องค์การบริหารส่วนตาบล กรุงเทพมหานคร เมืองพัทยา และ
องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นอน่ื ท่มี กี ฎหมายจดั ตง้ั
ข้อ ๒ ให้ข้อมูลเกี่ยวกับรายงานผลการตรวจสอบอาคารตาม
มาตรา ๓๒ ทวิ แห่งพระราชบัญญัติควบคุมอาคาร พ.ศ. ๒๕๒๒ ยกเว้น
ข้อมูลในส่วนท่ีเป็นข้อมูลข่าวสารส่วนบุคคลตามกฎหมายว่าด้วยข้อมูล
ข่าวสารของราชการ เป็นข้อมูลข่าวสารท่ีหน่วยงานของรัฐต้องจัดไว้ให้
ประชาชนเข้าตรวจดูได้ตามมาตรา ๙ วรรคหน่ึง (๘) แห่งพระราชบัญญัติ
ข้อมลู ขา่ วสารของราชการ พ.ศ. ๒๕๔๐
ข้อ ๓ ข้อมูลข่าวสารตามข้อ ๒ ท่ีต้องจัดไว้ให้ประชาชน
เข้าตรวจดูได้ ให้จัดในรูปแบบ หนังสือ เอกสาร หรือข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์
ณ สถานท่ีท่ีหน่วยงานของรัฐจัดให้ตามประกาศ คณะกรรมการข้อมูล
ข่าวสารของราชการ เรือ่ ง หลักเกณฑ์และวิธีการเก่ียวกับการจัดให้มีข้อมูล
ข่าวสารของราชการไว้ให้ประชาชนเข้าตรวจดู ลงวันที่ ๒๔ กุมภาพันธ์
พ.ศ. ๒๕๔๑ และให้มีช่องทางการเผยแพร่ข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์ของแต่ละ
หนว่ ยงานตามความเหมาะสม

102

ข้อ ๔ ในกรณีท่ีมีปัญหาเก่ียวกับการปฏิบัติตามประกาศน้ี
ใหป้ ระธานกรรมการข้อมลู ข่าวสารของราชการเป็นผู้มีอานาจวินิจฉัยชี้ขาด
และคาวนิ ิจฉัยน้นั ให้เปน็ ท่สี ุด

ข้อ ๕ ประกาศนี้ให้ใช้บังคับเมื่อพ้นกาหนดเก้าสิบวันนับแต่วัน
ประกาศเป็นต้นไป

ประกาศ ณ วันที่ ๒๑ ธนั วาคม พ.ศ. ๒๕๖๑
สวุ พนั ธ์ุ ตนั ยุวรรธนะ

รฐั มนตรีประจาสานกั นายกรฐั มนตรี
ประธานกรรมการข้อมูลข่าวสารของราชการ

103

ระเบียบคณะกรรมการข้อมลู ขา่ วสารของราชการ
วา่ ด้วยอานาจหน้าที่ วิธีพจิ ารณาและองค์คณะในการพจิ ารณา
และวินิจฉยั ของคณะกรรมการวินิจฉัยการเปดิ เผยข้อมูลขา่ วสาร

พ.ศ. ๒๕๔๒

104

ระเบยี บคณะกรรมการข้อมลู ข่าวสารของราชการ
วา่ ด้วยอานาจหนา้ ที่ วธิ พี ิจารณาและองคค์ ณะในการพจิ ารณา
และวินจิ ฉัยของคณะกรรมการวินจิ ฉัยการเปิดเผยข้อมูลข่าวสาร

พ.ศ. ๒๕๔๒

อาศัยอานาจตามความในมาตรา ๓๘ แห่งพระราชบัญญัติข้อมูล
ข่าวสารของราชการ พ.ศ. ๒๕๔๐ คณะกรรมการข้อมูลข่าวสารของ
ราชการจึงวางระเบยี บไว้ดังต่อไปนี้

ข้อ ๑ ระเบียบนี้เรียกว่า “ระเบียบคณะกรรมการข้อมูลข่าวสาร
ของราชการ ว่าด้วยอานาจหน้าที่ วิธีพิจารณา และองค์คณะในการ
พิจารณาและวินิจฉัยของคณะกรรมการวินิจฉัยการเปิดเผยข้อมูลข่าวสาร
พ.ศ. ๒๕๔๒”

ข้อ ๒ ระเบียบนี้ให้ใช้บังคับนับแต่วันถัดจากวันประกาศใน
ราชกิจจานเุ บกษาเปน็ ต้นไป๑

ข้อ ๓ ในกรณีท่ีระเบียบนี้ไม่ได้กาหนดไว้ ให้คณะกรรมการ
วินิจฉัยการเปิดเผยข้อมูลข่าวสารสาขาใช้ดุลพินิจพิ จารณาดาเนินการ
ไปตามที่เห็นสมควร เพ่ือให้การพิจารณาและวินิจฉัยอุทธรณ์ของ

๑ ประกาศในราชกิจจานุเบกษา เล่ม ๑๑๖ ตอนพิเศษ ๗๖ ง วันที่ ๖
ตลุ าคม ๒๕๔๒ (หน้า ๑๐๕-๑๑๓)

105

คณะกรรมการวินิจฉัยการเปิดเผยข้อมูลข่าวสารสาขาเป็นไปโดยรวดเร็ว
และเที่ยงธรรม

หมวด ๑
อานาจหน้าที่และองค์คณะ

ข้อ ๔ คณะกรรมการวินิจฉัยการเปิดเผยข้อมูลข่าวสารสาขา
มีหน้าที่พิจารณาและวินิจฉัยอุทธรณ์ตามท่ีคณะกรรมการข้อมูลข่าวสาร
ของราชการมอบหมาย

ข้อ ๕ ในกรณที ี่เหน็ สมควรหากเป็นข้อมูลข่าวสารท่ีเกี่ยวกับความ
ชานาญเฉพาะด้านหลายสาขา คณะกรรมการข้อมูลข่าวสารของราชการ
จะแต่งต้ังกรรมการวินิจฉัยการเปิดเผยข้อมูลข่าวสารจากหลายสาขา
เปน็ องคค์ ณะพิเศษพจิ ารณาเป็นรายกรณกี ็ได้

ข้อ ๖ ให้ประธานกรรมการวินิจฉัยการเปิดเผยข้อมูลข่าวสาร
สาข าจั ด ให้มี อ ง ค์ค ณะ ใน ก ารพิ จ ารณาคาอุ ทธรณ์ข้ึน ม า คณะ ห น่ึง ห รือ
หลายคณะเพอ่ื พิจารณาคาอทุ ธรณ์

เมื่อได้รับคาอุทธรณ์ไว้พิจารณาแล้ว ให้ประธานกรรมการวินิจฉัย
การเปิดเผยข้อมูลข่าวสารสาขาที่รับพิจารณาคาอุทธรณ์มอบหมายให้
องค์คณะใดองค์คณะหน่ึงเป็นผู้พิจารณาเรื่องน้ัน และแจ้งให้ผู้อุทธรณ์
ทราบด้วยว่ามอบหมายให้องค์คณะใดประกอบด้วยบุคคลใดบ้างเป็น
ผพู้ จิ ารณา

106

องค์คณะในการพิจารณาคาอุทธรณ์ประกอบด้วยกรรมการวินิจฉัย
การเปิดเผยข้อมูลข่าวสารในสาขาน้ันไม่น้อยกว่าสามคน และให้
คณะกรรมการข้อมูลข่าวสารของราชการ แต่งต้ังเจ้าหน้าท่ีไม่น้อยกว่า
สองคนเพ่ือปฏิบัติหน้าทีฝ่ ุายเลขานุการใหแ้ กอ่ งคค์ ณะท่พี ิจารณาอุทธรณน์ ้ัน

การพิจารณาและวินิจฉัยอุทธรณ์ขององค์คณะในคณะกรรมการ
วินิจฉัยการเปิดเผยข้อมูลข่าวสารสาขาใด ให้ถือว่าเป็นการพิจารณาและ
วนิ ิจฉัยในนามของคณะกรรมการวนิ ิจฉัยการเปิดเผยขอ้ มูลข่าวสารสาขานน้ั

ข้อ ๗ ให้กรรมการวินิจฉัยการเปิดเผยข้อมูลข่าวสารในองค์คณะ
ท่ีพิจารณาอุทธรณ์เลือกกรรมการคนหนึ่งเป็นหัวหน้าคณะและเลือก
กรรมการอกี คนหน่งึ เป็นกรรมการผ้รู บั ผิดชอบสานวนอทุ ธรณ์

ในกรณที ่ีประธานกรรมการวินิจฉัยการเปิดเผยข้อมูลข่าวสารสาขา
น่ังพิจารณาอยู่ในองค์คณะใด ให้ประธานกรรมการวินิจฉัยการเปิดเผย
ขอ้ มูลขา่ วสารเปน็ หัวหน้าคณะ

ขอ้ ๘ ใหห้ วั หนา้ คณะกากบั การปฏิบัตหิ น้าที่ของกรรมการวินิจฉัย
การเปดิ เผยข้อมลู ข่าวสารในองค์คณะให้เป็นไปโดยเรียบร้อย

ขอ้ ๙ กรรมการผู้รับผิดชอบสานวนอุทธรณ์มีหน้าที่รวบรวม และ
วเิ คราะหป์ ัญหาข้อเทจ็ จรงิ และข้อกฎหมายทีเ่ ก่ียวขอ้ ง

กรรมการผู้รับผิดชอบสานวนอุทธรณ์ อาจมอบหมายให้ฝุาย
เลขานุการคณะกรรมการวินิจฉัยการเปิดเผยข้อมูลข่าวสารสาขาดูแล
รบั ผิดชอบการดาเนินงานทางธรุ การหรืองานอืน่ ๆ ได้

107

ข้อ ๑๐ ให้คณะกรรมการข้อมูลข่าวสารของราชการแต่งตั้ง
ฝุายเลขานุการตามท่ีเห็นว่าเหมาะสมกับเรื่องท่ีพิจารณา ผู้ที่ได้รับ
การแต่งต้ังไม่จาเป็นต้องเป็นเจ้าหน้าที่ของสานักงานคณะกรรมการข้อมูล
ข่าวสารของราชการ แต่ต้องมีการสอบประวัติและพฤติการณ์เพ่ือให้ได้รับ
ความไว้วางใจในการเขา้ ถึงชั้นความลบั ได้

ข้อ ๑๑ การประชุมพิจารณาขององค์คณะที่พิจารณาอุทธรณ์ต้อง
มี ก รร ม ก าร ม า ป ร ะ ชุ ม ไ ม่ น้ อ ย ก ว่ า ก่ึ ง ห น่ึ ง ข อ ง จ า น ว น ก รร ม ก าร ท่ี มี อ ยู่
แต่ต้องไมน่ ้อยกวา่ สามคนจึงเป็นองค์ประชุม

ให้หัวหน้าคณะเป็นประธานในท่ีประชุม ถ้าหัวหน้าคณะไม่มา
ประชุมหรือไม่อาจปฏิบัติหน้าท่ีได้ ให้กรรมการที่มาประชุมเลือกกรรมการ
คนหน่ึงเป็นประธานในทีป่ ระชุม

ขอ้ ๑๒ ในกรณีที่องค์คณะที่พิจารณาอุทธรณ์เห็นว่าการพิจารณา
และวินิจฉัยอุทธรณ์มีประเด็นที่มีข้อยุ่งยากและเป็นสาระสาคัญ องค์คณะ
ที่พิจารณาอุทธรณ์อาจขอให้ประธานกรรมการวินิจฉัยการเปิดเผยข้อมูล
ข่าวสารสาขาท่ีรับพิจารณาคาอุทธรณ์จัดให้มี การประชุมใหญ่
ของคณะกรรมการวินิจฉัยการเปิดเผยข้อมูลข่าวสารสาขาเพ่ือทาการ
พิจารณาและวนิ ิจฉยั อทุ ธรณด์ งั กล่าวได้

ที่ประชุมใหญ่ของคณะกรรมการวินิจฉัยการเปิดเผยข้อมูลข่าวสาร
สาขาประกอบด้วยกรรมการทุกคนในสาขานั้น แต่ต้องมีกรรมการมา
ประชมุ เกินกว่าก่งึ หนึ่งของจานวนกรรมการทม่ี ีอยู่จงึ จะเป็นองค์ประชมุ

ข้อ ๑๓ การวินิจฉัยช้ีขาดของที่ประชุมให้ถือเสียงข้างมาก
กรรมการคนหน่ึงให้มเี สยี งหนงึ่ ในการลงคะแนน

108

ข้อ ๑๔ ให้ประธานกรรมการวินิจฉัยการเปิดเผยข้อมูลข่าวสาร
สาขาทุกสาขาประชุมร่วมกันจัดให้มีระเบียบว่าด้วยการเก็บรักษาสานวน
ของเรื่องที่พิจารณาเพ่ือความสะดวกในการค้นหาและรักษาความลับมิให้
ร่ัวไหล ในกรณีที่จาเป็นระเบียบดังกล่าวอาจกาหนดให้เก็บข้อมูลข่าวสาร
ท่ีเป็นความลับของราชการไว้ในสานวนน้ัน หรือให้จัดทาสาเนาข้อมูล
ข่าวสารดังกล่าวไว้ก่อนคืนไปยังหน่วยงานของรัฐหรือเจ้าหน้าที่ของ
หนว่ ยงานของรัฐก็ได้

หมวด ๒
การพจิ ารณาและวินิจฉัย

ข้อ ๑๕ ในการพิจารณาอุทธรณ์ให้หัวหน้าคณะและกรรมการ
ผู้รับผิดชอบสานวนอุทธรณ์คานึงถึงความเร่งด่วนของเร่ืองท่ีพิจารณา
ประกอบด้วย

ข้อ ๑๖ ให้กรรมการผู้รับผิดชอบสานวนอุทธรณ์แจ้งให้หน่วยงาน
ของรัฐท่ีถูกอุทธรณ์จัดส่งข้อมูลข่าวสารไปยังองค์คณะภายในระยะเวลา
ท่ีกาหนด

กรรมการผู้รับผิดชอบสานวนอุทธรณ์ จะเชิญบุคคลใดมา
ใหข้ อ้ เท็จจรงิ หรอื ความเห็นหรอื ขอความร่วมมือให้จัดส่งเอกสาร วัตถุ หรือ
พยานหลักฐานมาประกอบการพิจารณา หรือขอไปตรวจดูเอกสาร วัตถุ
หรือพยานหลักฐานก็ได้ แต่ต้องแจ้งให้หัวหน้าคณะท่ีพิจารณาอุทธรณ์
ทราบก่อน

109

ในกรณีที่กรรมการผู้รับผิดชอบสานวนอุทธรณ์เห็นว่าบุคคล
ท่ีเกี่ยวข้องจะไม่ให้ความร่วมมือตามวรรคสอง หรือบุคคลดังกล่าวปฏิเสธ
ที่จะให้ความร่วมมือ หากจาเป็นให้รายงานองค์คณะที่พิจารณาอุทธรณ์
เพ่ื อ พิ จ า ร ณ า ใ ช้ อ า น า จ ต า ม ก ฎ ห ม า ย ที่ จ ะ เ รี ย ก ใ ห้ บุ ค ค ล ดั ง ก ล่ า ว ม า
ให้ถ้อยคา หรอื จัดสง่ วัตถเุ อกสารหรอื พยานหลกั ฐานใหต้ อ่ ไป

ข้อ ๑๗ ให้หนว่ ยงานของรัฐท่ีถูกอุทธรณ์จัดส่งข้อมูลข่าวสารไปยัง
องค์คณะที่พิจารณาอุทธรณ์ โดยถือปฏิบัติตามระเบียบว่าด้วยการรักษา
ความปลอดภัยแห่งชาติ และระเบียบว่าด้วยการรักษาความลับของ
ทางราชการโดยเคร่งครัด

ในกรณีที่หน่วยงานของรัฐนั้นไม่อาจจัดส่งข้อมูลข่าวสารให้ได้
หน่วยงานของรัฐน้ันต้องช้ีแจงเหตุผลเป็นหนังสือให้องค์คณะท่ีพิจารณา
อุทธรณ์ทราบภายในเวลาท่ีกาหนดตามข้อ ๑๖ และเสนอให้มีการ
ตรวจสอบข้อมลู ข่าวสารนั้นด้วยวธิ ีการอ่นื

ข้อ ๑๘ ในกรณีที่มีอุทธรณ์หลายรายในเรื่องเดียวกันหรือ
เกี่ยวเนื่องกันอยู่ในการพิจารณาขององค์คณะเดียวกัน หากองค์คณะ
ท่ีพิจารณาอุทธรณ์เห็นเอง หรือผู้อุทธรณ์ร้องขอ องค์คณะที่พิจารณา
อุทธรณ์นั้นอาจมีคาสั่งให้รวมการพิจารณาอุทธรณ์เหล่านั้นและวินิจฉัย
ไปพรอ้ มกันกไ็ ด้

การรวมพิจารณาอุทธรณ์ที่อยู่ในการพิจารณาขององค์คณะ
ต่างองค์คณะกันแต่อยู่ในสาขาเดียวกัน ให้เสนอต่อประธานกรรมการ
วินจิ ฉัยการเปดิ เผยข้อมูลข่าวสารสาขาพิจารณา

110

ในกรณีที่มีเหตุจาเป็นต้องรวมเร่ืองท่ีอยู่ในการพิจารณาของ
คณะกรรมการวินิจฉัยการเปิดเผยข้อมูลข่าวสารต่างสาขากัน ให้เสนอ
ตอ่ คณะกรรมข้อมูลขา่ วสารของราชการพจิ ารณา

ข้อ ๑๙ ในระหว่างการพิจารณาหากผู้อุทธรณ์ขอถอนคาอุทธรณ์
หรือหน่วยงานของรัฐหรือเจ้าหน้าที่ของรัฐได้ปฏิบัติตามคาขอของ
ผอู้ ุทธรณแ์ ลว้ ให้องคค์ ณะท่ีพิจารณาอทุ ธรณม์ มี ติใหย้ ตุ ิเรอื่ งที่พิจารณานัน้

ข้อ ๒๐ ในระหว่างการพิจารณา ถ้าผู้อุทธรณ์ได้รับหนังสือจาก
องค์คณะท่ีพิจารณาอุทธรณ์ให้มาให้ถ้อยคาหรือแสดงพยานหลักฐานแล้ว
ไม่ดาเนินการตามหนังสือน้ันภายในระยะเวลาที่กาหนดโดยไม่มีเหตุ
อนั สมควร องค์คณะที่พจิ ารณาอุทธรณ์อาจมีคาส่งั ใหจ้ าหน่ายอุทธรณ์น้ันกไ็ ด้

อุทธรณ์ท่ีได้จาหน่ายตามวรรคหนึ่งแล้ว องค์คณะท่ีพิจารณา
อุทธรณ์อาจยกอุทธรณ์ขึ้นพิจารณาใหม่ก็ได้ หากเห็นว่าการที่ไม่ปฏิบัติ
ตามหนังสอื น้นั เปน็ เพราะเหตสุ ดุ วิสยั หรือมเี หตุอนั สมควรอย่างอืน่

ขอ้ ๒๑ ในระหว่างการพิจารณา หากองค์คณะท่ีพิจารณาอุทธรณ์
น้ัน เ ห็นว่ าผล ข อง การ พิจา รณา แ ละ วิ นิจ ฉั ยอุ ท ธร ณ์ดั ง ก ล่า ว
กระทบกระเทือนสิทธิ หรืออาจกระทบกระเทือนสิทธิของบุคคลอื่น
โดยมิอาจหลีกเลี่ยงได้ องค์คณะท่ีพิจารณาอุทธรณ์นั้นอาจแจ้งให้บุคคล
ดังกลา่ วเข้ามาในการพิจารณาอทุ ธรณ์เรอื่ งนน้ั ก็ได้

ข้อ ๒๒ เมื่อกรรมการผู้รับผิดชอบสานวนอุทธรณ์ เห็นว่าได้รับ
ข้อเท็จจริงเพียงพอแก่การวินิจฉัยแล้ว ให้จัดทาสรุปข้อเท็จจริงและ

111

ข้อกฎหมายเบ้ืองต้นเสนอต่อองค์คณะท่ีพิจารณาอุทธรณ์เพื่อดาเนินการ
พจิ ารณาตอ่ ไป

ข้อ ๒๓ ผู้อุทธรณ์และหน่วยงานของรัฐ หรือเจ้าหน้าท่ีของรัฐ
ท่ีถูกอุทธรณ์อาจเสนอความเห็นของตนเป็นหนังสือยื่นต่อองค์คณะ
ท่พี จิ ารณาอุทธรณ์เพื่อประกอบการพจิ ารณาก่อนมีคาวนิ จิ ฉยั ได้

ในกรณที ่ผี ู้อุทธรณ์เขียนหนังสือไม่ได้ ผู้อุทธรณ์อาจเสนอความเห็น
ด้วยวาจาก็ได้ ในการนี้ให้เจ้าหน้าท่ีของสานักงานคณะกรรมการข้อมูล
ข่าวสารของราชการมีหน้าท่ีจดบันทึกความเห็นของผู้อุทธรณ์ โดยให้
ผู้อทุ ธรณล์ งลายมือชื่อไว้เป็นหลกั ฐานเพอ่ื ประกอบการพิจารณา

ข้อ ๒๔ การพิจารณาขององค์คณะท่ีพิจารณาอุทธรณ์ต้อง
ระมัดระวังมิให้มีการเปิดเผยความลับของทางราชการ

ข้อ ๒๕ ในระหว่างการพิจารณา องค์คณะที่พิจารณาอุทธรณ์
อาจอนญุ าตใหบ้ คุ คลดงั ต่อไปน้ีอยู่ในหอ้ งพิจารณาได้

(๑) ผอู้ ุทธรณ์
(๒) ผแู้ ทนหน่วยงานของรฐั หรอื เจา้ หน้าที่ของรัฐท่ถี ูกอุทธรณ์
(๓) ผู้เชยี่ วชาญ
(๔) บุคคลอื่นท่ไี ดร้ บั อนุญาตจากองคค์ ณะที่พจิ ารณาอุทธรณ์
ข้อ ๒๖ ในระหว่างการพิจารณา องค์คณะท่ีพิจารณาอุทธรณ์
อาจเรียกให้หน่วยงานของรัฐ หรือเจ้าหน้าท่ีของรัฐ หรือผู้อุทธรณ์
มาให้ข้อเท็จจริงเพ่ิมเติม โดยให้หน่วยงานของรัฐหรือเจ้าหน้าที่ของรัฐ

112

เป็นผู้ช้ีแจงก่อน เว้นแต่องค์คณะท่ีพิจารณาอุทธรณ์จะเห็นสมควรให้
ผู้อทุ ธรณเ์ ป็นผู้ช้ีแจงกอ่ น

ในระหว่างการชี้แจงด้วยวาจา องค์คณะท่ีพิจารณาอุทธรณ์
จะซักถามขอ้ เทจ็ จริงเพิม่ เตมิ ดว้ ยก็ได้

ข้อ ๒๗ คาวินิจฉัยอุทธรณ์ต้องประกอบด้วยข้อเท็จจริง
ขอ้ กฎหมายและเหตุผลในการวินิจฉยั

ในกรณีทมี่ ีคาวินจิ ฉัยเห็นชอบกบั คาสั่งไม่เปดิ เผยขอ้ มูลข่าวสารของ
หน่วยงานของรัฐหรือเจ้าหน้าที่ของรัฐ คาวินิจฉัยต้องไม่เป็นการเปิดเผย
ความลบั ของราชการ

ข้อ ๒๘ คาวินิจฉัยให้ทาเป็นหนังสือและลงลายมือช่ือของ
กรรมการวินิจฉัยการเปิดเผยข้อมูลข่าวสารท่ีเป็นองค์คณะท่ีพิจารณา
อุทธรณน์ ้นั

ถ้ากรรมการวินิจฉัยการเปิดเผยข้อมูลข่าวสารในองค์คณะ
ที่พิจารณาอุทธรณ์คนใดมีความเห็นแย้ง ให้มีสิทธิทาความเห็นแย้งของตน
รวมไว้ในคาวินิจฉัยได้ แต่การเขียนความเห็นแย้งต้องไม่เป็นการเปิดเผย
ความลับของราชการ

ให้ฝุายเลขานุการคณะกรรมการวินิจฉัยการเปิดเผยข้อมูลข่าวสาร
ในองค์คณะที่พจิ ารณาอุทธรณน์ นั้ ส่งคาวินิจฉัยให้ประธานกรรมการข้อมูล
ข่าวสารของราชการทราบและแจ้งผลการพิจารณาอุทธรณ์ให้คู่กรณีทราบ
ภายในระยะเวลาที่กาหนดไว้ในมาตรา ๓๗ วรรคสาม ประกอบกับมาตรา
๑๓ วรรคสอง แห่งพระราชบัญญตั ิข้อมลู ขา่ วสารของราชการ พ.ศ. ๒๕๔๐

113

ข้อ ๒๙ การคัดค้านกรรมการวินิจฉัยการเปิดเผยข้อมูลข่าวสาร
ท่ีน่ังเป็นองค์คณะในสาขาใด ให้ผู้อุทธรณ์ย่ืนคาคัดค้านเป็นหนังสือ
ต่อหัวหน้าคณะพิจารณาคาอุทธรณ์น้ันภายในกาหนดสิบวันทาการนับแต่
วนั ทราบเหตคุ ดั คา้ นน้นั แตต่ อ้ งกอ่ นมีคาวินจิ ฉัย

ใ ห้ อ ง ค์ ค ณ ะ ท่ี พิ จ า ร ณ า ค า อุ ท ธ ร ณ์ ป ร ะ ชุ ม พิ จ า ร ณ า ว่ า มี เ ห ตุ
ตามท่ีคัดค้านหรือไม่ ถ้าเห็นว่ามีเหตุตามท่ีคัดค้าน ให้มีมติส่ังให้กรรมการ
ทถ่ี กู คดั คา้ นหยุดการพิจารณาและให้ประธานกรรมการวินิจฉัยการเปิดเผย
ข้อมลู ขา่ วสารของสาขามอบหมายกรรมการผู้อ่ืนในสาขานั้นทาหน้าท่ีแทน
ในกรณีที่เป็นองค์คณะพิเศษ ให้คณะกรรมการข้อมูลข่าวสารของราชการ
ปรับปรงุ องค์คณะท่ีพจิ ารณาใหม่

ในกรณีที่เห็นว่าไม่มีเหตุตามท่ีคัดค้านก็ให้กรรมการผู้นั้นทาการ
พจิ ารณาอุทธรณ์ตอ่ ไป

ประกาศ ณ วันท่ี ๒๐ กนั ยายน พ.ศ. ๒๕๔๒
สพุ ัตรา มาศดติ ถ์

รฐั มนตรปี ระจาสานักนายกรัฐมนตรี
ประธานกรรมการข้อมลู ขา่ วสารของราชการ

114

หมายเหตุ :- เหตุผลในการประกาศใช้ระเบียบนี้ คือ โดยที่มาตรา
๓๘ แหง่ พระราชบัญญัติข้อมูลข่าวสารของราชการ พ.ศ. ๒๕๔ บัญญัติให้
คณะกรรมการวินิจฉัยการเปิดเผยข้อมูลข่าวสาร ซึ่งคณะรัฐมนตรีแต่งตั้ง
ตามข้อเสนอของคณะกรรมการข้อมูลข่าวสารของราชการตามมาตรา ๓๕
มีอานาจหน้าที่พิจารณาวินิจฉัยอุทธรณ์คาส่ังมิให้เปิดเผยข้อมูลข่าวสาร
ตามมาตรา ๑๔ หรือมาตรา ๑๕ หรือคาสั่งไม่รับฟังคาคัดค้านตามมาตรา
๑๗ และคาส่ังไม่แก้ไขเปล่ียนแปลงหรือลบข้อมูลข่าวสารส่วนบุคคลตาม
มาตรา ๒๕ เพื่อให้มีระเบียบวิธีพิจารณาและวินิจฉัยและการจัดให้มี
องค์คณะในการพิจารณาคาอุทธรณ์โดยมีกรรมการผู้รับผิดชอบสานวนเป็น
ผู้รับผิดชอบสานวนคาอุทธรณ์ คาส่ังมิให้เปิดเผยข้อมูลข่าวสารของ
หน่วยงานของรฐั จึงจาเปน็ ตอ้ งออกระเบียบน้ี

115

ระเบียบ
ว่าดว้ ยการรกั ษาความลับของทางราชการ

พ.ศ. ๒๕๔๔
(แกไ้ ขเพิ่มเตมิ ถึงระเบยี บว่าด้วยการรกั ษาความลับของทางราชการ

(ฉบับท่ี ๒) พ.ศ. ๒๕๖๑)

116

ระเบยี บ
วาดวยการรักษาความลับของทางราชการ

พ.ศ. ๒๕๔๔18*

โดยที่เปนการสมควรใหมีระเบียบวาดวยการรักษาความลับ
ของทางราชการ

อาศัยอํานาจตามความในมาตรา ๑๖ และมาตรา ๒๖ วรรคหา
แหงพระราชบัญญัติขอมูลขาวสารของราชการ พ.ศ. ๒๕๔๐ อันเปน
พระราชบัญญัติที่มีบทบัญญตั บิ างประการเกี่ยวกับการจํากัดสิทธิและเสรีภาพ
ของบุคคลในการรับรูขอ มูลขา วสารของราชการ ซ่ึงมาตรา ๕๘ และมาตรา ๒๙
ของรัฐธรรมนูญแหงราชอาณาจักรไทยบัญญัติใหกระทําไดโดยอาศัย
อาํ นาจของกฎหมาย คณะรฐั มนตรจี งึ มีมติใหว างระเบยี บไว ดังตอไปน้ี

ขอ ๑ ระเบียบน้ีเรียกวา "ระเบียบวาดวยการรักษาความลับ
ของทางราชการ พ.ศ. ๒๕๔๔"

ขอ ๒ ระเบยี บนใี้ หใชบังคบั เม่ือพน กําหนดหนึ่งรอยยี่สิบวันนับแต
วันประกาศในราชกจิ จานุเบกษา เปนตน ไป19๑

* แกไขเพิ่มเติมโดยระเบียบวาดวยการรักษาความลับของทางราชการ
(ฉบบั ที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๖๑ ประกาศในราชกิจจานุเบกษา เลม ๑๓๕ ตอนพิเศษ ๑๔๘ ง
วนั ที่ ๒๖ มิถนุ ายน ๒๕๖๑ (หนา ๑-๓)

๑ ประกาศในราชกิจจานุเบกษา เลม ๑๑๘ ตอนพิเศษ ๑๘ ง วันที่ ๒๓
กุมภาพนั ธ ๒๕๔๔ (หนา ๒๘-๔๗)

117

ขอ ๓ บรรดาระเบียบ ขอ บงั คบั มตคิ ณะรัฐมนตรี และคําส่ังอ่ืนใด
ในสวนที่กําหนดไวแ ลว ในระเบียบน้ี หรอื ซง่ึ ขัดหรือแยงกับระเบียบนี้ ใหใช
ระเบยี บน้แี ทน

ขอ ๔ ใหนายกรัฐมนตรรี ักษาการตามระเบียบนี้
หมวด ๑
บททั่วไป

ขอ ๕ ในระเบยี บนี้
“ขอ มูลขาวสารลับ” หมายความวา ขอมูลขา วสารตามมาตรา ๑๔
หรือมาตรา ๑๕ ท่ีมีคําสั่งไมใหเปดเผยและอยูในความครอบครองหรือ
ควบคุมดูแลของหนวยงานของรัฐ ไมวาจะเปนเร่ืองท่ีเกี่ยวกับการ
ดําเนินงานของรัฐหรือที่เกี่ยวกับเอกชนซ่ึงมีการกําหนดใหมีชั้นความลับ
เปน ช้ันลับ ชั้นลับมาก หรือชั้นลับท่ีสุด ตามระเบียบนี้โดยคํานึงถึงการ
ปฏบิ ัติหนาท่ขี องหนวยงานของรฐั และประโยชนแหงรัฐประกอบกนั
“ประโยชนแหงรัฐ” หมายความวา การดําเนินงานของรัฐที่
เกยี่ วกับประโยชนส าธารณะหรือประโยชนของเอกชนประกอบกนั ไมวาจะ
เปนเรือ่ งความมน่ั คงของรัฐที่เกยี่ วกับการเมอื งภายในประเทศหรือระหวาง
ประเทศ การปองกันประเทศ เศรษฐกิจ สังคม วิทยาศาสตรเทคโนโลยี
การพลงั งาน และสง่ิ แวดลอม

118

“หัวหน้าหนว่ ยงานของรัฐ”๒ หมายความวา่
(๑) หัวหน้าส่วนราชการที่มีฐานะเปน็ นิติบุคคล

สาหรับกระทรวงกลาโหม ให้หมายความรวมถึงหัวหน้า
ส่วนราชการที่ขึ้นตรงต่อส่วนราชการในสังกัดกระทรวงกลาโหมที่มีฐานะ
เปน็ นติ บิ ุคคลดว้ ย

(๒) ผู้ว่าราชการจังหวดั สาหรับราชการส่วนภมู ภิ าค
(๓) ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร นายกองคก์ ารบริหารส่วนจังหวัด
นายกเทศมนตรี นายกองค์การบริหารส่วนตาบล นายกเมืองพัทยา หรือ
หัวหน้าผู้บริหารองค์กรปกครองส่วนท้องถ่ินอ่ืนท่ีมีกฎหมายจัดตั้ง แล้วแต่
กรณี สาหรบั ราชการส่วนทอ้ งถ่นิ
(๔) ผู้ว่าการ ผู้อานวยการ กรรมการผู้จัดการ ผู้จัดการ หรือบุคคลซึ่ง
ดารงตาแหน่งผู้บริหารสูงสุดที่มีอานาจหน้าที่คล้ายคลึงกันในรัฐวิสาหกิจน้ัน
สาหรับงานของรัฐวิสาหกิจ
(๕) ผู้บริหารสูงสุดของหน่วยงานอ่ืนของรัฐ เช่น อัยการสูงสุด
เลขาธิการสานักงานศาลยุติธรรม เลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร เลขาธิการ
คณะกรรมการปูองกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ ผู้อานวยการ
องคก์ ารมหาชน นายกสภาทนายความ
“การปรับช้ันความลับ” หมายความว่า การลดหรือเพ่ิมช้ัน
ความลับของข้อมูลข่าวสารลับและให้หมายความรวมถึงการยกเลิกชั้น
ความลบั ของข้อมูลข่าวสารลบั นน้ั ดว้ ย

๒ ความในข้อ ๕ นิยามคาว่า "หัวหน้าหน่วยงานของรัฐ" แก้ไขเพ่ิมเติมโดย
ข้อ ๓ แห่งระเบียบว่าด้วยการรักษาความลับของทางราชการ (ฉบับที่ ๒)
พ.ศ. ๒๕๖๑

119

ขอ้ ๖ ทุกห้าปีเปน็ อย่างน้อย ใหน้ ายกรัฐมนตรีจัดให้มีการทบทวน
กา ร ป ฏิ บัติ ก า ร ต าม ร ะ เบีย บ น้ี แ ล ะพิ จ า ร ณาแ ก้ ไ ข เพิ่ ม เติ ม ระ เบี ย บ น้ี
ให้เหมาะสม

ข้อ ๗ ให้หัวหน้าหน่วยงานของรัฐมีหน้าที่รักษาข้อมูลข่าวสารลับ
ในหนว่ ยงานของตน และอาจมอบหมายหน้าที่ดังกล่าวได้ตามความจาเป็น
ให้ผู้ใต้บังคับบัญชาหรือให้แก่ราชการส่วนภูมิภาค ในกรณีที่สามารถ
มอบอานาจได้ตามกฎหมาย

ผู้มีหน้าที่ตามวรรคหน่ึง ต้องรักษาข้อมูลข่าวสารลับให้ปลอดภัย
การให้บุคคลใดเข้าถึงข้อมูลข่าวสารลับหรือการเปิดเผยข้อมูลข่าวสารลับ
แก่ผู้ใดต้องกระทาโดยระมัดระวัง ในกรณีจาเป็นให้กาหนดเงื่อนไขในการ
ปฏิบัติให้เหมาะสมแก่กรณี โดยคานึงถึงการรักษาความลับและ
ประสิทธภิ าพในการดาเนนิ การตามระเบยี บนี้

ขอ้ ๘ บคุ คลทีจ่ ะเข้าถึงข้อมลู ขา่ วสารลับในช้นั ความลับใด จะต้อง
เป็นบุคคลท่ีผู้บังคับบัญชามอบหมายความไว้วางใจ และให้เข้าถึงข้อมูล
ข่าวสารลบั ไดเ้ ฉพาะเร่อื งที่ไดร้ บั มอบหมายเทา่ น้ัน

ข้อ ๙ ในกรณีที่เห็นเป็นการสมควร หัวหน้าหน่วยงานของรัฐ
อ า จ ข อ ใ ห้ อ ง ค์ ก า ร รั ก ษ า ค ว า ม ป ล อ ด ภั ย ช่ ว ย ต ร ว จ ส อ บ ป ร ะ วั ติ แ ล ะ
พฤติการณข์ องเจ้าหนา้ ทีข่ องตนท่ีเกี่ยวขอ้ งกับช้นั ความลับได้

ข้อ ๑๐ ในการดาเนินงานของคณะกรรมการใด ๆ ถ้าคณะกรรมการ
มีมติกาหนดชั้นความลับไว้เช่นใด ให้เลขานุการดาเนินการตามน้ันและให้

120

หัวห น้ าหน่ วยง าน ข อ ง รัฐเจ้ าสั งกั ด ข อ งเล ข านุ การด าเนิ น ก ารต่ อ ไ ป ให้
ถูกต้องตามระเบยี บนี้ด้วย

ถ้าคณะกรรมการคณะใดมีฝุายเลขานุการซ่ึงมิได้เป็นเจ้าหน้าที่
ในหน่วยงานของรัฐให้ประธานกรรมการทาหน้าท่ีเป็นหัวหน้าหน่วยงาน
ของรัฐและใหน้ าระเบยี บนม้ี าใช้บงั คับโดยอนุโลม

ส่วนท่ี ๑
องค์การรกั ษาความปลอดภัย

ข้อ ๑๑๓ องคก์ ารรักษาความปลอดภยั ตามระเบียบนี้ ได้แก่
(๑) สานักข่าวกรองแห่งชาติ สานักนายกรัฐมนตรี เป็นองค์การ
รักษาความปลอดภยั ฝุายพลเรือน
(๒) ศูนย์รักษาความปลอดภัย กองบัญชาการกองทัพไทย
กองทัพไทย กระทรวงกลาโหมเป็นองค์การรกั ษาความปลอดภัยฝุายทหาร
(๓) กองบัญชาการตารวจสันติบาล สานักงานตารวจแห่งชาติ
เป็นองคก์ ารรกั ษาความปลอดภยั ฝาุ ยตารวจ

สว่ นที่ ๒
ประเภทชน้ั ความลับ

๓ ความในข้อ ๑๑ แก้ไขเพิ่มเติมโดย ข้อ ๔ แห่งระเบียบว่าด้วยการรักษา
ความลับของทางราชการ (ฉบบั ที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๖๑

121

ข้อ ๑๒ ช้นั ความลบั ของข้อมูลข่าวสารลับ แบ่งออกเปน็ ๓ ช้ัน คอื
(๑) ลบั ทสี่ ดุ (TOP SECRET)
(๒) ลับมาก (SECRET)
(๓) ลบั (CONFIDENTIAL)
ข้อ ๑๓ ลับท่ีสุด หมายความถึง ข้อมูลข่าวสารลับซึ่งหากเปิดเผย
ทั้งหมดหรือเพียงบางส่วนจะก่อให้เกิดความเสียหายแก่ประโยชน์แห่งรัฐ
อยา่ งรา้ ยแรงท่ีสุด
ข้อ ๑๔ ลับมาก หมายความถึง ข้อมูลข่าวสารลับซ่ึงหากเปิดเผย
ทั้งหมดหรือเพียงบางส่วนจะก่อให้เกิดความเสียหายแก่ประโยชน์แห่งรัฐ
อยา่ งรา้ ยแรง
ข้อ ๑๕ ลับ หมายความถึง ข้อมูลข่าวสารลับซ่ึงหากเปิดเผยทั้งหมด
หรอื เพียงบางสว่ นจะกอ่ ให้เกดิ ความเสยี หายแก่ประโยชนแ์ หง่ รัฐ

หมวด ๒
การกาหนดชัน้ ความลับ

สว่ นท่ี ๑
ผมู้ ีอานาจกาหนดชั้นความลับ

122

ข้อ ๑๖ ให้หัวหน้าหน่วยงานของรัฐมีหน้าท่ีรับผิดชอบในการ
กาหนดช้ันความลับ พร้อมท้ังให้เหตุผลประกอบการกาหนดช้ันความลับ
ของข้อมูลข่าวสารลับนั้นด้วยว่าเป็นข้อมูลข่าวสารประเภทใดและ
เพราะเหตุใด ในการน้ีอาจมอบหมายหน้าที่ดังกล่าวได้ตามความจาเป็นให้
ผู้ใต้บังคับบัญชาหรือให้แก่ราชการส่วนภูมิภาค ในกรณีที่สามารถ
มอบอานาจไดต้ ามกฎหมาย

ข้อ ๑๗ ในกรณีท่ีมีความจาเป็นเร่งด่วน เจ้าหน้าท่ีที่เก่ียวข้อง
มีอานาจกาหนดชั้นความลับเป็นการชั่วคราวได้และให้รีบเสนอต่อ
ผู้มีอานาจกาหนดช้ันความลับเพื่อสั่งการเกี่ยวกับการกาหนดชั้นความลับ
ต่อไปทันที

การกาหนดชั้นความลับของข้อมูลข่าวสารลับท่ีมีชั้นความลับหลาย
ช้ันในเรอ่ื งเดียวกันใหก้ าหนดชนั้ ความลบั เท่ากับช้ันความลับสูงสุดท่ีมีอยู่ใน
ข้อมูลขา่ วสารลับนน้ั

ใ น ก ร ณี ท่ี ก า ห น ด ใ ห้ ข้ อ มู ล ข่ า ว ส า ร ลั บ ท่ี มี ช้ั น ค ว า ม ลั บ ต่ า
แต่จาเป็นต้องอ้างอิงข้อความจากข้อมูลข่าวสารท่ีมีชั้นความลับสูงกว่า
ต้ อ ง พิ จ า ร ณ า ถึ ง เ น้ื อ ห า ที่ อ้ า ง ถึ ง น้ั น ว่ า จ ะ ไ ม่ ท า ใ ห้ ข้ อ มู ล ข่ า ว ส า ร
ทช่ี ัน้ ความลับสงู กว่ารว่ั ไหล

ข้อ ๑๘ ให้นายทะเบียนจดแจ้งเหตุผลประกอบการกาหนด
ช้ันความลับของข้อมูลข่าวสารลับไว้ในทะเบียนควบคุมข้อมูลข่าวสารลับ
แต่ถ้าเหตุผลน้ันมีรายละเอียดมากหรือเหตุผลน้ันบางส่วนมีช้ันความลับ
สูงกว่าช้ันความลับของทะเบียนข้อมูลข่าวสารลับ ให้บันทึกเหตุผลย่อไว้
ในทะเบยี นควบคุมข้อมูลข่าวสารลับและบันทึกเหตุผลละเอียดหรือเหตุผล

123

ส่วนที่มีช้ันความลับสูงกว่าดังกล่าวแยกออกมาโดยเก็บไว้ระหว่าง
ใบปกขอ้ มลู ขา่ วสารลับกับข้อมลู ขา่ วสารลับน้นั

ข้อ ๑๙๔ การกาหนดให้ข้อมูลข่าวสารอยู่ในช้ันความลับใด
ให้พจิ ารณาถึงองคป์ ระกอบอย่างนอ้ ยดงั ตอ่ ไปนี้

(๑) ความสาคัญของเนื้อหา
(๒) แหลง่ ท่มี าของขอ้ มูลข่าวสาร
(๓) วิธกี ารนาไปใชป้ ระโยชน์
(๔) จานวนบคุ คลท่คี วรรบั ทราบ
(๕) ผลกระทบหากมีการเปดิ เผย
(๖) หนว่ ยงานของรัฐที่รับผดิ ชอบในฐานะเจ้าของเรื่องหรือผู้อนมุ ตั ิ
ข้อ ๒๐ ในกรณีเป็นการสมควร หัวหน้าหน่วยงานของรัฐ
จะกาหนดระเบียบการใดเพ่ือปฏิบัติเพิ่มเติมจากระเบียบนี้ก็ได้และถ้า
หัวหน้าหน่วยงานของรัฐเห็นว่าการปฏิบัติตามระเบียบน้ีในเรื่องใดจะ
กอ่ ให้เกิดความยงุ่ ยากโดยไม่เหมาะสม หัวหน้าหน่วยงานของรัฐจะกาหนด
วธิ กี ารรักษาความลบั ในเรื่องนั้นด้วยวิธีการอ่ืนท่ีมีประสิทธิภาพเท่ากันหรือ
ดกี ว่าแทนได้

ส่วนท่ี ๒
การแสดงชนั้ ความลับ

๔ ความในข้อ ๑๙ แก้ไขเพิ่มเติมโดย ข้อ ๕ แห่งระเบียบว่าด้วยการรักษา
ความลบั ของทางราชการ (ฉบบั ท่ี ๒) พ.ศ. ๒๕๖๑

124

ข้อ ๒๑ เคร่ืองหมายแสดงช้ันความลับให้ใช้ตัวอักษรตาม
ช้ันความลับท่ีขนาดใหญ่กว่าตัวอักษรธรรมดา โดยใช้สีแดงหรือสีอื่น
ท่ีสามารถมองเหน็ ไดเ้ ดน่ และชดั เจน

ข้อ ๒๒ การแสดงช้นั ความลบั ใหป้ ฏิบตั ิ ดงั น้ี
(๑) ข้อมูลข่าวสารท่ีมีสภาพเป็นเอกสารให้แสดงชั้นความลับที่
กลางหน้ากระดาษทั้งด้านบนและด้านล่างของทุกหน้าเอกสารน้ัน ถ้า
เอกสารเขา้ ปกให้แสดงไวท้ ่ีดา้ นนอกของปกหนา้ ปกหลังด้วย
(๒) ข้อมูลข่าวสารที่มีสภาพเป็นภาพเขียน ภาพถ่าย แผนท่ี
แผนภูมิ แผนผังและสาเนาส่ิงของดังกล่าวนั้น ให้แสดงช้ันความลับ
ในลักษณะเดียวกับ (๑) ถ้าเอกสารนั้นม้วนหรือพับได้ให้แสดงชั้นความลับ
ไวใ้ หป้ รากฏเหน็ ไดข้ ณะทเี่ อกสารนนั้ ม้วนหรอื พบั อยู่ดว้ ย
(๓) ข้อมูลข่าวสารที่มีสภาพเป็นจานบัน ทึก แถบบันทึก
ฟิ ล์ ม บั น ทึ ก ภ าพ ทุ ก ป ระ เภ ทห รือ ส่ิ งบั น ทึ ก ท่ี สา ม า ร ถ แ สด ง ผ ลห รือ ส่ื อ
ความหมายโดยกรรมวิธีใด ๆ ให้แสดงช้ันความลับไว้ที่ต้นและปลาย
ม้วนฟิล์มหรือต้นและปลายของข้อมูลข่าวสารหรือบนวัสดุหรือบนภาชนะ
ที่บรรจุ ถ้าไม่สามารถแสดงช้ันความลับไว้ในที่ดังกล่าวได้ ให้เก็บในกล่อง
หรอื หบี หอ่ ซงึ่ มเี ครอื่ งหมายแสดงช้นั ความลับน้นั

ส่วนท่ี ๓
การปรบั ช้นั ความลับ

125

ข้อ ๒๓ การปรับช้ันความลับ ต้องกระทาโดยผู้มีอานาจกาหนด
ชั้นความลบั ของหน่วยงานเจ้าของเรือ่ ง

ในกรณที ี่หน่วยงานเจ้าของเร่ืองเห็นควรให้ทาการปรับช้ันความลับ
ของข้อมูลข่าวสารลับใดให้หน่วยงานเจ้าของเรื่องทาการปรับช้ันความลับ
และแจง้ ใหห้ น่วยงานของรฐั อื่นทีไ่ ดร้ ับการแจกจา่ ยทราบเพ่ือให้มีการแก้ไข
ชนั้ ความลบั โดยทั่วกนั ด้วย

ผู้บังคับบัญชาตามสายงานมีอานาจปรับช้ันความลับได้เม่ือ
พิจารณาเห็นว่าการกาหนดชั้นความลับไม่เหมาะสม แต่ต้องแจ้งให้
ผกู้ าหนดช้นั ความลบั เดิมทราบ

ถ้าสามารถกาหนดระยะเวลาในการปรับชั้นความลับล่วงหน้าได้
ให้หน่วยงานเจ้าของเร่ืองเดิมแสดงข้อความการปรับชั้นความลับไว้บน
ปกหน้าหรือหน้าแรกของข้อมูลข่าวสารแต่ละฉบับ โดยแสดงไว้ใกล้กับ
เครอื่ งหมายแสดงชั้นความลับเดิมเพ่ือให้ทราบว่าเม่ือถึงกาหนดเวลาท่ีระบุ
ไว้ล่วงหนา้ นัน้ จะปรับช้นั ความลับไดโ้ ดยไมต่ ้องยืนยนั ให้ทราบอกี

การแก้ไขชั้นความลับ ให้ขีดฆ่าเคร่ืองหมายแสดงช้ันความลับเดิม
แล้วแสดงเคร่ืองหมายช้ันความลับท่ีกาหนดใหม่ (ถ้ามี) ไว้ใกล้กับ
เครื่องหมายแสดงช้ันความลับเดิมบนข้อมูลข่าวสารดังกล่าวและให้จดแจ้ง
การปรับช้ันความลับนั้นไว้ในทะเบียนข้อมูลข่าวสารลับด้วย ในกรณี
ท่ีเห็นสมควร หัวหน้าหน่วยงานของรัฐจะกาหนดให้จดแจ้งการปรับ
ช้ันความลับไว้ที่หน้าแรกของเอกสารหรือท่ีแสดงชั้นความลับตามข้อ ๒๒
(๓) แล้วแตก่ รณี

ข้อ ๒๔ ข้อมูลข่าวสารลับที่คณะกรรมการวินิจฉัยการเปิดเผย
ข้อมูลข่าวสารมีคาวินิจฉัยให้เปิดเผยโดยไม่มีข้อจากัดหรือเง่ือนไขใด

126

ให้ถือว่าข้อมูลข่าวสารนั้นถูกยกเลิกช้ันความลับแล้ว เว้นแต่มีการฟูองคดี
ตอ่ ศาลและศาลมคี าสัง่ หรือคาพพิ ากษาเป็นอย่างอืน่

หมวด ๓
การทะเบียน

ส่วนท่ี ๑
นายทะเบยี น

ข้อ ๒๕ ให้หัวหน้าหน่วยงานของรัฐแต่งต้ังเจ้าหน้าท่ีควบคุมและ
รับผิดชอบการดาเนินการเก่ียวกับข้อมูลข่าวสารลับขึ้นภายในหน่วยงาน
ท่ีตนรับผิดชอบเรียกว่า "นายทะเบียนข้อมูลข่าวสารลับ" และจะแต่งต้ัง
ผชู้ ่วยนายทะเบยี นขอ้ มูลข่าวสารลับตามความเหมาะสมด้วยกไ็ ด้

ให้ผู้ช่วยนายทะเบียนข้อมูลข่าวสารลับมีอานาจหน้าที่ปฏิบัติการ
แทนนายทะเบยี นขอ้ มูลขา่ วสารลบั ตามท่ีไดร้ ับมอบหมาย

ข้อ ๒๖ นายทะเบยี นข้อมูลข่าวสารลับ มหี น้าที่ดังนี้
(๑) ดาเนินการทางทะเบียนข้อมูลข่าวสารลับให้เป็นไปตาม
ระเบยี บน้ี
(๒) เกบ็ รักษาแบบเอกสารต่าง ๆ ซ่ึงกรอกข้อความแล้วตามระเบียบน้ี
และบรรดาข้อมูลขา่ วสารลับทอี่ ยูใ่ นความควบคุมดูแลไว้ในท่ีปลอดภยั

127

(๓) เก็บรักษาบัญชีลายมือชื่อนายทะเบียนข้อมูลข่าวสารลับและ
ผู้ช่วยนายทะเบียนข้อมูลข่าวสารลับของหน่วยงานของรัฐอื่น ๆ ที่ติดต่อ
เกีย่ วข้องกันเป็นประจา

(๔) ประสานงานกับผู้ควบคุมทะเบียนความไว้วางใจตามท่ีกาหนด
ในระเบียบว่าด้วยการรักษาความปลอดภัยแห่งชาติเพ่ือกาหนดตัวบุคคล
ที่จะเข้าถงึ ชนั้ ความลบั ตามความเหมาะสมและความรบั ผดิ ชอบ

(๕) ปฏิบัติงานอื่นท่ีเก่ียวข้องกับข้อมูลข่าวสารลับตามที่กาหนดไว้
ในระเบียบนห้ี รือตามทไ่ี ดร้ ับมอบหมายจากหัวหน้าหนว่ ยงานของรัฐ

ข้อ ๒๗ นายทะเบียนข้อมูลข่าวสารลับอย่างน้อยต้องจัดให้มี
ทะเบียนข้อมูลข่าวสารลับประกอบด้วย ทะเบียนรับ ทะเบียนส่ง และ
ทะเบียนควบคุมข้อมูลข่าวสารลับแยกต่างหากจากทะเบียนงานสารบรรณ
ตามปกตขิ องหน่วยงานของรฐั

ทะเบียนรับ ใช้สาหรับบันทึกรายละเอียดของข้อมูลข่าวสารลับ
ที่หนว่ ยงานไดร้ ับไว้

ทะเบียนส่ง ใช้สาหรับบันทึกรายละเอียดของข้อมูลข่าวสารลับ
ทส่ี ง่ ออกนอกบรเิ วณหน่วยงาน

ทะเบียนควบคุมข้อมูลข่าวสารลับ ใช้สาหรับบันทึกทางทะเบียน
เกี่ยวกับข้อมูลข่าวสารลับที่หน่วยงานจัดทาขึ้นใช้งานหรือได้ส่งออกหรือ
ไดร้ บั มา รวมท้ังบนั ทกึ การปฏบิ ตั ิต่าง ๆ เกย่ี วกับขอ้ มลู ขา่ วสารลับนัน้

ทะเบียนขอ้ มูลขา่ วสารลบั ใหถ้ ือวา่ เปน็ ขอ้ มลู ข่าวสารลบั ด้วย
แบบทะเบยี นรับ ทะเบียนส่งและทะเบียนควบคุมข้อมูลข่าวสารลับ
ให้เปน็ ไปตามที่นายกรฐั มนตรีกาหนดโดยประกาศในราชกจิ จานุเบกษา

128

ข้อ ๒๘ ในกรณีท่ีเห็นสมควร หัวหน้าหน่วยงานของรัฐจะจัดให้มี
ระบบทะเบียนข้อมูลข่าวสารลับขึ้นในหน่วยงานส่วนย่อยด้วยก็ได้ และให้
นาความในข้อ ๒๕ ข้อ ๒๖ และข้อ ๒๗ มาใช้บงั คบั โดยอนุโลม

ส่วนท่ี ๒
การตรวจสอบ

ข้อ ๒๙ ให้หัวหน้าหน่วยงานของรัฐแต่งตั้งคณะกรรมการ
ตรวจสอบ ประกอบด้วย นายทะเบียนข้อมูลข่าวสารลับเป็นประธาน
กรรมการและเจ้าหน้าท่ีอื่นอีกไม่น้อยกว่าสองคนเป็นกรรมการ ทาการ
ตรวจสอบความถูกต้องในการปฏิบัติตามระเบียบน้ีและการมีอยู่ของข้อมูล
ข่าวสารลับที่มีอยู่ในทะเบียนข้อมูลข่าวสารลับอย่างน้อยทุกหกเดือน
และเสนอรายงานการตรวจสอบให้หัวหน้าหน่วยงานของรัฐนั้นทราบ
และสงั่ การต่อไป

แบบรายงานการตรวจสอบข้อมูลข่าวสารลับให้เป็นไปตาม
ที่นายกรฐั มนตรีกาหนดโดยประกาศในราชกจิ จานุเษกษา๕

ข้อ ๒๙/๑๖ ให้หน่วยงานของรัฐรายงานผลการปฏิบัติเก่ียวกับ
ข้อมูลข่าวสารลับตามระเ บียบน้ีภายในเดือนมีนาคมของทุกปี

๕ ความในข้อ ๒๙ วรรคสอง เพิ่มโดยข้อ ๖ แห่งระเบียบว่าด้วยการรักษา
ความลับของทางราชการ (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๖๑

๖ ความในข้อ ๒๙/๑ เพิ่มโดยข้อ ๗ แห่งระเบียบว่าด้วยการรักษาความลับ
ของทางราชการ (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๖๑

129

ต่อคณะกรรมการข้อมูลข่าวสารของราชการตามแบบท่ีนายกรัฐมนตรี
กาหนดโดยประกาศในราชกิจจานุเษกษา

เมื่อคณะกรรมการข้อมูลข่าวสารของราชการได้รับรายงานผล
การปฏิบัติเก่ียวกับข้อมูลข่าวสารลับตามวรรคหน่ึงแล้ว ให้ตรวจสอบ
การปฏิบัติตามรายงานดังกล่าว และรายงานผลการตรวจสอบ
ตอ่ นายกรฐั มนตรโี ดยจะมขี อ้ คดิ เหน็ และขอ้ เสนอแนะดว้ ยก็ได้

ข้อ ๓๐ เม่ือสงสัยว่าบุคคลที่ไม่มีอานาจหน้าท่ีเกี่ยวกับข้อมูล
ขา่ วสารลับได้รู้หรืออาจรู้ถึงข้อมูลข่าวสารลับหรือเมื่อสงสัยว่ามีการละเมิด
การรักษาความลับของข้อมูลข่าวสารของราชการ ให้หัวหน้าหน่วยงาน
ของรัฐแต่งตั้งคณะกรรมการสอบสวนโดยไม่ชักช้า

คณะกรรมการสอบสวนตามวรรคหน่ึง ต้องเป็นผู้ซ่ึงมิได้เป็น
คณะกรรมการตรวจสอบตามข้อ ๒๙

หมวด ๔
การดาเนนิ การ

สว่ นท่ี ๑
การจัดทา

ขอ้ ๓๑ การดาเนินการใด ๆ เก่ยี วกับข้อมูลข่าวสารลับในทุกขั้นตอน
ให้หัวหน้าหน่วยงานของรัฐกาหนดจานวนเจ้าหน้าที่ท่ีเก่ียวข้องเพียงเท่าท่ี
จาเป็นตอ่ ภารกิจ และจากดั ให้ทราบเท่าทจ่ี าเป็นเทา่ นัน้

130

ข้อ ๓๒ ข้อมูลข่าวสารตามข้อ ๒๒ (๑) ให้แสดงช่ือหน่วยงาน
ของรัฐเจ้าของเร่ือง เลขท่ีชุดของจานวนชุดทั้งหมด และเลขที่หน้า
ของจานวนหน้าทั้งหมดไว้ทุกหน้าของข้อมูลข่าวสารลับ ทั้งน้ี จะแสดงชื่อ
หน่วยงานสว่ นยอ่ ยไว้ด้วยกไ็ ด้

ขอ้ มูลขา่ วสารตามขอ้ ๒๒ (๓) ใหแ้ สดงช่ือหน่วยงานของรัฐเจ้าของ
เรื่องและเลขที่ชุดของจานวนชุดทั้งหมดไว้ที่กล่องหรือหีบห่อของข้อมูล
ขา่ วสารลบั นน้ั ท้ังนี้ จะแสดงชื่อหนว่ ยงานสว่ นย่อยไวด้ ้วยก็ได้

ส่วนที่ ๒
การสาเนาและการแปล
ข้อ ๓๓ การสาเนา การแปลเอกสาร การเข้ารหัส หรือการ
ถอดรหัสข้อมูลข่าวสารลับต้องบันทึกจานวนชุด ยศ ชื่อ ตาแหน่งของ
ผู้ดาเนินการ และชอื่ หนว่ ยงานของรฐั ทีจ่ ดั ทาไว้ท่ีข้อมูลข่าวสารลับฉบับต้น
ท่ีตนครอบครองและท่ีฉบับสาเนา ฉบับคาแปล ฉบับเข้ารหัส หรือฉบับ
ถอดรหสั แลว้ แตก่ รณดี ว้ ย
การบันทกึ ตามวรรคหนงึ่ ผู้ดาเนนิ การจะจัดทาโดยใชร้ หสั ลบั ก็ได้

สว่ นท่ี ๓
การโอน

131

ข้อ ๓๔๗ การโอนข้อมูลข่าวสารลับระหว่างหน่วยงานของรัฐ หรือ
การโอนภายในหน่วยงานเดียวกัน ให้เจ้าหน้าที่ผู้โอนและเจ้าหน้าท่ีผู้รับโอน
จัดทาบันทึกการโอนและการรับโอนข้อมูลข่าวสารลับตามแบบท่ีนายกรัฐมนตรี
กาหนดโดยประกาศในราชกิจจานุเษกษาไว้เป็นหลักฐาน และให้นายทะเบียน
ข้อมูลข่าวสารลับจดแจ้งการโอนข้อมูลข่าวสารลับดังกล่าวไว้ในทะเบียน
ควบคุมข้อมลู ขา่ วสารลบั ดว้ ย

ส่วนที่ ๔
การสง่ และการรับ

ข้อ ๓๕ การส่งข้อมูลข่าวสารลับภายในบริเวณหน่วยงานเดียวกัน
ทกุ ชนั้ ความลับ ต้องใช้ใบปกขอ้ มลู ข่าวสารลับปิดทบั ขอ้ มูลข่าวสารลบั

แบบใบปกข้อมูลข่าวสารลับให้เป็นไปตามที่นายกรัฐมนตรีกาหนด
โดยประกาศในราชกิจจานเุ บกษา

ข้อ ๓๖ การส่งข้อมูลข่าวสารลับออกนอกบริเวณหน่วยงาน
ตอ้ งบรรจุซองหรอื ภาชนะทบึ แสงสองช้ันอยา่ งมั่นคง

บนซองหรือภาชนะช้ันใน ให้จ่าหน้าระบุเลขท่ีหนังสือนาส่ง
ชื่อหรือตาแหน่งผู้รับ และหน่วยงานผู้ส่ง พร้อมทั้งทาเครื่องหมายแสดง
ชัน้ ความลับทัง้ ดา้ นหนา้ และด้านหลัง

๗ ความในข้อ ๓๔ แกไ้ ขเพ่ิมเตมิ โดย ข้อ ๘ แหง่ ระเบยี บว่าดว้ ยการรกั ษา
ความลบั ของทางราชการ (ฉบับท่ี ๒) พ.ศ. ๒๕๖๑

132

บนซองหรือภาชนะช้ันนอกให้จ่าหน้าระบุข้อความเช่นเดียวกับ
บนซองหรอื ภาชนะชน้ั ในแต่ไม่ต้องมเี ครือ่ งหมายแสดงช้นั ความลับใด ๆ

ห้ามระบุช้ันความลับและชื่อเร่ืองไว้ในใบตอบรับ แต่ให้ระบุเลขที่
หนังสือส่ง วัน เดือน ปี จานวนหน้าและหมายเลขฉบับไว้ในใบตอบรับ
ดังกล่าว และเก็บรักษาใบตอบรับนั้นไว้จนกว่าจะได้รับคืนหรือยกเลิก
ช้ันความลบั หรอื ทาลายขอ้ มลู ข่าวสารลบั นนั้ แล้ว

แบบใบตอบรับให้เป็นไปตามท่ีนายกรัฐมนตรีกาหนดโดยประกาศ
ในราชกิจจานเุ บกษา

ข้อ ๓๗ การส่งข้อมูลข่าวสารลับออกนอกบริเวณหน่วยงาน
ภายในประเทศโดยเจ้าหน้าที่นาสาร ให้หัวหน้าหน่วยงานของรัฐหรือผู้ซึ่ง
หัวหน้าหน่วยงานของรัฐมอบหมายมีอานาจอนุญาตให้กระทาได้ และให้
นายทะเบียนขอ้ มลู ข่าวสารลบั ลงทะเบยี นก่อนสง่ ออก

การส่งข้อมูลข่าวสารลับตามวรรคหนึ่ง จะจัดให้มีผู้อารักขา
การนาสารด้วยก็ได้

ขอ้ ๓๘ เจา้ หนา้ ทีน่ าสารและผอู้ ารักขาการนาสาร มหี นา้ ท่ีดังนี้
(๑) รักษาความปลอดภยั ของข้อมูลข่าวสารลับตลอดเวลาท่ีนาออก
นอกบริเวณหน่วยงานและเก็บรักษาข้อมูลข่าวสารลับที่อยู่ในความดูแล
ให้ปลอดภยั
(๒) จัดส่งข้อมูลข่าวสารลับแก่นายทะเบียนข้อมูลข่าวสารลับ
ถ้านายทะเบียนข้อมูลข่าวสารลับหรือผู้ปฏิบัติการแทนไม่อยู่หรือไม่อาจ
ปฏิบัติหน้าที่ได้ให้ส่งข้อมูลข่าวสารลับน้ันแก่ผู้รับตามจ่าหน้า ถ้าผู้รับ
ตามจา่ หน้าไม่อย่หู รือไมอ่ าจปฏิบตั ิหนา้ ที่ได้ ใหน้ าขอ้ มูลขา่ วสารลับกลับมา
เก็บรักษาที่หน่วยงานของตน และแจ้งให้นายทะเบียนข้อมูลข่าวสารลับ

133

บันทึกไว้ในทะเบียนควบคุมข้อมูลข่าวสารลับหรือในกรณีที่สถานท่ีนาส่ง
อยู่ห่างจากหน่วยงานของรัฐที่ส่งและไม่สามารถเดินทางกลับภายในวัน
เดียวกันได้ ให้เก็บรักษาไว้ในท่ีปลอดภัยจนกว่าจะส่งมอบแก่นายทะเบียน
ขอ้ มูลขา่ วสารลับหรอื ผ้รู บั ตามจ่าหน้า แลว้ แต่กรณี

ในกรณีที่เจ้าหน้าที่นาสารไม่สามารถปฏิบัติหน้าที่ได้ ให้ผู้อารักขา
การนาสารปฏิบัติหน้าท่ีแทนและให้รายงานนายทะเบียนข้อมูลข่าวสารลับ
ทราบโดยเรว็

ข้อ ๓๙ การส่งข้อมูลข่าวสารลับออกนอกประเทศ ให้ปฏิบัติตาม
ระเบียบกระทรวงการต่างประเทศว่าด้วยถุงเมล์การทูตโดยอนุโลม หรือให้
เจา้ หน้าท่ีซ่งึ มฐี านะทางการทูตถอื ไปดว้ ยตนเองกไ็ ด้

ข้อ ๔๐ การส่งข้อมูลข่าวสารลับทั้งภายในประเทศและส่งออก
นอกประเทศ จะส่งทางโทรคมนาคม ไปรษณีย์ลงทะเบียนตอบรับหรือ
โดยวธิ กี ารอ่นื ใดกไ็ ด้ แตต่ ้องได้รับอนญุ าตจากหวั หน้าหน่วยงานของรัฐก่อน

กรณีการส่งทางโทรคมนาคมให้ปฏิบัติตามคาแนะนาขององค์การ
รักษาความปลอดภัย

ข้อ ๔๑ ในกรณีท่ีเจ้าหน้าท่ีสารบรรณทราบว่าข้อมูลข่าวสาร
ที่รับไว้เป็นข้อมูลข่าวสารลับให้รีบส่งข้อมูลข่าวสารลับดังกล่าวให้แก่
นายทะเบียนขอ้ มูลขา่ วสารลบั

ข้อ ๔๒ ให้นายทะเบียนข้อมูลข่าวสารลับลงช่ือในใบตอบรับแล้ว
คืนใบตอบรับน้ันแก่ผู้นาส่ง หรือจัดส่งใบตอบรับคืนแก่หน่วยงานของรัฐ
ทีเ่ ปน็ ผสู้ ง่ และลงทะเบียนข้อมูลขา่ วสารลับก่อนทจ่ี ะดาเนนิ การอยา่ งอนื่

134

ในกรณีที่ผู้รับยังไม่สามารถดาเนินการเกี่ยวกับข้อมูลข่าวสารลับ
ต่อไปได้ ให้ผู้รับนาข้อมูลข่าวสารลับที่ได้รับไปเก็บรักษาไว้ในท่ีปลอดภัย
ตามระเบยี บการเก็บรกั ษาขอ้ มลู ขา่ วสารลบั ที่หนว่ ยงานของรฐั นนั้ กาหนด

ข้อ ๔๓ ในกรณีท่ีเป็นการส่งแก่ผู้รับตามจ่าหน้า ให้ผู้รับตามจ่าหน้า
แจ้งต่อนายทะเบียนข้อมูลข่าวสารลับเพ่ือให้ลงทะเบียนในทะเบียน
ขอ้ มูลข่าวสารลบั โดยไม่ชกั ช้า

ส่วนท่ี ๕
การเกบ็ รกั ษา

ข้อ ๔๔ การเก็บรักษาข้อมูลข่าวสารลับ ให้หน่วยงานของรัฐ
เก็บรักษาไว้ในท่ีปลอดภัยและให้กาหนดระเบียบการเก็บรักษาข้อมูล
ข่ า ว ส า ร ลั บ ไ ว้ เ ป็ น ก า ร เ ฉ พ า ะ ต า ม ค า แ น ะ น า ข อ ง อ ง ค์ ก า ร รั ก ษ า
ความปลอดภัย

สว่ นท่ี ๖
การยมื

ข้อ ๔๕ การให้ยืมข้อมูลข่าวสารลับ ให้หัวหน้าหน่วยงานของรัฐ
หรือผู้ซึ่งหัวหน้าหน่วยงานของรัฐมอบหมายพิจารณาด้วยว่าผู้ยืมมีหน้าท่ี
ดาเนนิ การในเรอ่ื งทยี่ ืมและสามารถปฏบิ ตั ติ ามระเบียบนีไ้ ด้หรอื ไม่

135

ถ้าเร่ืองที่ผู้ประสงค์จะขอยืมเป็นเรื่องที่หน่วยงานของรัฐอ่ืนเป็น
หน่วยงานเจ้าของเรื่องการให้ยืมต้องได้รับอนุญาตจากหน่วยงานเจ้าของ
เร่อื งนั้นกอ่ น เว้นแต่ผูย้ ืมจะเปน็ หน่วยงานเจา้ ของเรื่องนั้นเอง

ให้นายทะเบียนข้อมูลข่าวสารลับทาบันทึกการยืมพร้อมทั้งจดแจ้ง
การยืมไวใ้ นทะเบียนควบคุมข้อมลู ข่าวสารลับดว้ ย

แ บ บ บั น ทึ ก ก าร ยื ม ใ ห้ เ ป็ น ไ ป ต า ม ท่ี น าย ก รั ฐ ม น ต รี ก า ห น ด โ ด ย
ประกาศในราชกจิ จานุเบกษา

สว่ นท่ี ๗
การทาลาย

ข้อ ๔๖ ในกรณีท่ีการเก็บรักษาข้อมูลข่าวสารลับช้ันลับท่ีสุด
จะเส่ียงตอ่ การรัว่ ไหลอันจะก่อให้เกิดอันตรายแก่ประโยชน์แห่งรัฐ หัวหน้า
หน่วยงานของรัฐจะพิจารณาสั่งทาลายข้อมูลข่าวสารลับช้ันลับท่ีสุดนั้นได้
หากพิจารณาเห็นวา่ มีความจาเป็นอย่างยง่ิ ที่จะตอ้ งทาลาย

หัวหน้าหน่วยงานของรัฐจะสั่งทาลายข้อมูลข่าวสารลับนอกจาก
กรณีตามวรรคหนึ่งได้ ต่อเมื่อได้ส่งข้อมูลข่าวสารลับให้หอจดหมายเหตุ
แหง่ ชาติ พจิ ารณากอ่ นวา่ ไมม่ ีคุณค่าในการเกบ็ รกั ษา

ในการส่ังทาลายข้อมูลข่าวสารลับ ให้หัวหน้าหน่วยงานของรัฐ
แต่งตั้งคณะกรรมการทาลายข้อมูลข่าวสารลับขึ้นคณะหนึ่ง ประกอบด้วย
นายทะเบียนข้อมูลข่าวสารลับเป็นประธานกรรมการและเจ้าหน้าท่ี
ท่ีเก่ียวข้องอีกไม่น้อยกว่าสองคนเป็นกรรมการ และเมื่อคณะกรรมการ
ดังกล่าวได้ทาลายข้อมูลข่าวสารลับเสร็จแล้ว ให้จดแจ้งการทาลายไว้ใน
ทะเบียนควบคุมข้อมูลข่าวสารลับและจัดทาใบรับรองการทาลายข้อมูล

136

ข่าวสารลับด้วย ใบรับรองการทาลายให้เก็บรักษาไว้เป็นหลักฐานไม่น้อย
กว่าหนึง่ ปี

ในกรณที ี่เห็นสมควร คณะกรรมการข้อมูลข่าวสารของราชการอาจ
เสนอต่อนายกรัฐมนตรีเพื่อกาหนดหลักเกณฑ์การใช้ดุลพินิจของหัวหน้า
หนว่ ยงานของรฐั หรอื กาหนดให้การใชด้ ุลพินิจของหัวหน้าหน่วยงานของรัฐ
ต้องได้รบั ความเหน็ ชอบจากบุคคลใดกอ่ นก็ได้

แบบใบรับรองการทาลายข้อมูลข่าวสารลับให้เป็นไปตามที่
นายกรฐั มนตรกี าหนดโดยประกาศในราชกจิ จานเุ บกษา

ส่วนท่ี ๘
การปฏิบัติในเวลาฉุกเฉิน

ข้อ ๔๗ ให้หน่วยงานของรัฐจัดให้มีแผนการปฏิบัติในเวลาฉุกเฉิน
โดยมีแผนการเคลอื่ นยา้ ย แผนการพิทกั ษ์รักษา และแผนการทาลายข้อมูล
ข่าวสารลบั เพ่อื นามาปฏิบตั เิ ป็นลาดบั ช้นั ตามความรุนแรงของสถานการณ์

ส่วนท่ี ๙
กรณสี ูญหาย

ข้อ ๔๘ ในกรณีที่ข้อมูลข่าวสารลับสูญหาย ให้ผู้ทราบข้อเท็จจริง
รายงานข้อเท็จจริงที่เกี่ยวข้องให้หัวหน้าหน่วยงานของรัฐที่ตนสังกัดทราบ
เพื่อดาเนินการต่อไปและให้นายทะเบียนข้อมูลข่าวสารลับบันทึกการที่
ข้อมลู ข่าวสารลบั สูญหายไว้ในทะเบยี นควบคมุ ข้อมลู ข่าวสารลบั ด้วย

137


Click to View FlipBook Version