(๓) เคยต้องคาพิพากษาถึงที่สุดให้จาคุกไม่ว่าจะได้รับโทษ
จาคุกจริงหรือไม่ เว้นแต่เป็นโทษสาหรับความผิดท่ีได้กระทาโดยประมาท
หรอื ความผดิ ลหุโทษ
(๔) เป็นข้าราชการ พนักงาน หรือลูกจ้าง ของส่วนราชการหรือ
รฐั วสิ าหกิจหรอื หนว่ ยงานอ่นื ของรฐั หรือของราชการส่วนทอ้ งถนิ่
(๕) เป็นหรือเคยเป็นข้าราชการการเมือง ผู้ดารงตาแหน่ง
ทางการเมือง สมาชิกสภาท้องถิ่นหรือผู้บริหารท้องถ่ิน เว้นแต่จะได้พ้น
จากตาแหนง่ มาแล้วไมน่ ้อยกว่าหน่ึงปี
(๖) เป็นหรือเคยเป็นกรรมการหรือผู้ดารงตาแหน่งอ่ืนในพรรค
การเมืองหรือเจ้าหน้าท่ีของพรรคการเมือง เว้นแต่จะได้พ้นจากตาแหน่ง
มาแล้วไมน่ อ้ ยกวา่ หน่ึงปี
(๗) เคยถูกไล่ออก ปลดออก หรอื ใหอ้ อกจากราชการ หรือออกจาก
งานจากหน่วยงานที่เคยปฏิบัติหน้าที่ เพราะทุจริตต่อหน้าท่ีหรือประพฤติ
ชั่วอย่างรา้ ยแรง หรอื เคยถกู ถอดถอนจากตาแหนง่
(๘) เคยถูกให้ออกเพราะไม่ผ่านการประเมินผลการปฏิบัติงาน
ตามมาตรา ๖๒ (๔)
(๙) เป็นผู้มีส่วนได้เสียในกิจการท่ีเกี่ยวข้องกับสานักงานไม่ว่าโดย
ทางตรงหรือทางอ้อม
มาตรา ๖๐ เลขาธิการมีวาระการดารงตาแหน่งคราวละสี่ปี และ
อาจได้รับแตง่ ตงั้ อกี ไดแ้ ตจ่ ะดารงตาแหนง่ เกินสองวาระไมไ่ ด้
ก่อนครบกาหนดตามวาระการดารงตาแหน่งของเลขาธิการเป็นเวลา
ไม่น้อยกว่าสามสิบวันแต่ไม่เกินหกสิบวัน หรือภายในสามสิบวันนับแต่วันที่
เลขาธิการพ้นจากตาแหน่งก่อนครบวาระ ให้คณะกรรมการกากับสานักงาน
คณะกรรมการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลแต่งตั้งคณะกรรมการสรรหาเพื่อ
188
สรรหาเลขาธิการคนใหม่ ทั้งนี้ ให้คณะกรรมการสรรหาเสนอรายชื่อบุคคล
ทเ่ี หมาะสมไม่เกินสามคนต่อคณะกรรมการกากับสานักงานคณะกรรมการ
คุ้มครองข้อมลู สว่ นบคุ คล
มาตรา ๖๑ ในแต่ละปีให้มีการประเมินผลการปฏิบัติงานของ
เลขาธิการ ทั้งน้ี ให้เป็นไปตามระยะเวลาและวิธีการที่คณะกรรมการกากับ
สานักงานคณะกรรมการคมุ้ ครองขอ้ มูลส่วนบคุ คลกาหนด
มาตรา ๖๒ นอกจากการพ้นจากตาแหน่งตามวาระตามมาตรา ๖๐
เลขาธิการพ้นจากตาแหน่ง เมอ่ื
(๑) ตาย
(๒) ลาออก
(๓) ขาดคุณสมบัติตามมาตรา ๕๘ หรือมีลักษณะต้องห้ามตาม
มาตรา ๕๙
(๔) คณะกรรมการกากับสานักงานคณะกรรมการคุ้มครองข้อมูล
สว่ นบุคคลให้ออก เพราะไม่ผ่านการประเมินผลการปฏิบัตงิ าน มคี วามประพฤติ
เสื่อมเสีย บกพร่องหรือไม่สจุ รติ ตอ่ หน้าที่ หรอื หย่อนความสามารถ
มาตรา ๖๓ ให้เลขาธิการมีหน้าทแ่ี ละอานาจ ดังตอ่ ไปนี้
(๑) บริหารงานของสานักงานให้เกิดผลสัมฤทธ์ิตามภารกิจของ
สานกั งาน และตามนโยบายและแผนระดับชาติ แผนยุทธศาสตร์ นโยบายของ
คณะรัฐมนตรี คณะกรรมการ และคณะกรรมการกากับสานักงาน
คณะกรรมการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล และระเบียบ ข้อบังคับหรือมติของ
คณะกรรมการกากับสานักงานคณะกรรมการคมุ้ ครองขอ้ มลู ส่วนบุคคล
189
(๒) วางระเบียบเก่ียวกับการดาเนินงานของสานักงานโดยไม่ขัดหรือ
แย้งกับกฎหมาย มติของคณะรัฐมนตรี และระเบียบ ข้อบังคับ ข้อกาหนด
นโยบาย มติ หรือประกาศท่ีคณะกรรมการกากับสานักงานคณะกรรมการ
คุม้ ครองขอ้ มลู ส่วนบุคคลกาหนด
(๓) เป็นผู้บังคับบัญชาพนักงานและลูกจ้างของสานักงาน และ
ประเมินผลการปฏิบัติงานของพนักงานและลูกจ้างของสานักงานตามระเบียบ
หรือขอ้ บังคบั ของสานกั งาน
(๔) แต่งต้ังรองเลขาธิการและผู้ช่วยเลขาธิการโดยความเห็นชอบ
ของคณะกรรมการกากับสานักงานคณะกรรมการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล
เพื่อเปน็ ผู้ช่วยปฏบิ ตั งิ านของเลขาธิการตามท่ีเลขาธกิ ารมอบหมาย
(๕) บรรจุ แต่งตั้ง เล่ือน ลด ตัดเงินเดือนหรือค่าจ้าง ลงโทษทางวินัย
พนักงาน และลูกจ้างของสานักงาน ตลอดจนให้พนักงานและลูกจ้างของ
สานักงานออกจากตาแหน่ง ท้ังน้ี ตามระเบียบหรือข้อบังคับที่คณะกรรมการ
กากบั สานักงานคณะกรรมการคุม้ ครองข้อมูลส่วนบุคคลกาหนด
(๖) ปฏิบัติการอื่นใดตามระเบียบ ข้อบังคับ ข้อกาหนด นโยบาย มติ
หรือประกาศของคณะกรรมการกากับสานักงานคณะกรรมการคุ้มครองข้อมูล
ส่วนบุคคล
ให้เลขาธิการรับผิดชอบในการบริหารงานของสานักงานขึ้นตรงต่อ
คณะกรรมการกากบั สานกั งานคณะกรรมการคมุ้ ครองขอ้ มูลส่วนบุคคล
มาตรา ๖๔ ในกิจการของสานักงานท่ีเก่ียวกับบุคคลภายนอก
ให้เลขาธิการเป็นผู้แทนของสานักงาน เพื่อการนี้ เลขาธิการจะมอบอานาจ
ให้บุคคลใดปฏิบัติงานเฉพาะอย่างแทนก็ได้ แต่ต้องเป็นไปตามข้อบังคับ
ท่ีคณะกรรมการกากับสานักงานคณะกรรมการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล
กาหนด
190
มาตรา ๖๕ ให้คณะกรรมการกากับสานักงานคณะกรรมการ
คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลเป็นผู้กาหนดอัตราเงินเดือนและประโยชน์ตอบ
แทนอน่ื ของเลขาธิการตามหลักเกณฑ์ที่คณะรัฐมนตรีกาหนด
มาตรา ๖๖ เพอ่ื ประโยชนใ์ นการบรหิ ารงานของสานักงาน เลขาธกิ าร
อาจขอให้ข้าราชการพนักงาน เจ้าหน้าท่ี หรือลูกจ้างของส่วนราชการ
หน่วยงานของรัฐ รัฐวิสาหกิจ ราชการส่วนท้องถิ่น องค์การมหาชน หรือ
หนว่ ยงานอื่นของรฐั มาปฏบิ ัติงานเป็นพนักงานหรือลูกจ้างเป็นการชั่วคราวได้
ท้ังนี้ เม่ือได้รับอนุมัติจากผู้บังคับบัญชาหรือนายจ้างของผู้น้ัน และมีข้อตกลง
ที่ทาไว้ในการอนุมัติ และในกรณีที่เจ้าหน้าท่ีของรัฐได้รับอนุมัติให้
มาปฏิบัติงานเป็นพนักงานหรือลูกจ้างเป็นการช่ัวคราว ให้ถือว่าเป็นการได้รับ
อนุญาตใหอ้ อกจากราชการหรอื ออกจากงานไปปฏบิ ัตงิ านใด ๆ
เม่ือส้ินสุดระยะเวลาที่ได้รับอนุมัติให้มาปฏิบัติงานในสานักงาน
ให้เจ้าหน้าที่ของรัฐตามวรรคหนึ่งมีสิทธิได้รับการบรรจุและแต่งตั้งให้ดารง
ตาแหน่งและรับเงินเดือนในส่วนราชการหรือหน่วยงานเดิมไม่ต่ากว่าตาแหน่ง
และเงินเดือนเดมิ ตามข้อตกลงที่ทาไว้ในการอนุมัติ
ในกรณี ท่ี เจ้ าหน้ าที่ ของรั ฐผู้ น้ั นกลั บมาบรรจุ และได้ รั บแต่ งต้ั ง
ในส่วนราชการหรือหน่วยงานเดิมตามวรรคสองแล้ว ให้นับระยะเวลาของ
เจ้าหน้าท่ีของรัฐผู้น้ันระหว่างท่ีมาปฏิบัติงานในสานักงานสาหรับการคานวณ
บาเหน็จบานาญหรือประโยชน์ตอบแทนอื่นทานองเดียวกันเสมือนอยู่ปฏิบัติ
ราชการหรือปฏิบตั ิงานเต็มเวลาดังกล่าว แล้วแตก่ รณี
มาตรา ๖๗ ข้าราชการหรือเจ้าหน้าที่ของรัฐซึ่งอยู่ระหว่างการ
ปฏิบัติงานชดใช้ทุนการศึกษาที่ได้รับจากส่วนราชการหรือหน่วยงานของรัฐ
ที่ ไ ด้ ย้ า ย ม า ป ฏิ บั ติ ห น้ า ท่ี ที่ ส า นั ก ง า น โ ด ย ไ ด้ รั บ ค ว า ม เ ห็ น ช อ บ จ า ก
191
ผู้บังคับบัญชาต้นสังกัด ให้ถือเป็นการชดใช้ทุนตามสัญญา และให้นับ
ระยะเวลาการปฏิบตั ิงานในสานกั งานเป็นระยะเวลาในการชดใช้ทุน
ในกรณีท่ีหน่วยงานของรัฐแห่งใดประสงค์จะขอให้พนักงานของ
สานักงานซ่ึงอยู่ระหว่างการปฏิบัติงานชดใช้ทุนการศึกษาที่ได้รับจาก
สานักงานไปเป็นข้าราชการหรือเจ้าหน้าท่ีของรัฐในหน่วยงานของรัฐแห่งน้ัน
ต้องได้รับความเห็นชอบจากเลขาธิการก่อน และให้ถือว่าการไปปฏิบัติงานใน
หน่วยงานของรัฐแห่งนั้น เป็นการชดใช้ทุนตามสัญญา และให้นับระยะเวลา
การปฏบิ ตั งิ านในหน่วยงานของรัฐแห่งน้ันเป็นระยะเวลาในการชดใช้ทุน
มาตรา ๖๘ การบัญชีของสานกั งานใหจ้ ัดทาตามหลักสากล ตามแบบ
และหลักเกณฑ์ที่คณะกรรมการกากับสานักงานคณะกรรมการคุ้มครองข้อมูล
สว่ นบุคคลกาหนด
มาตรา ๖๙ ให้สานักงานจัดทางบการเงินและบัญชี แล้วส่งผู้สอบ
บญั ชีภายในหนึง่ ร้อยยีส่ ิบวนั นับแต่วันส้ินปีบญั ชี
ให้สานักงานการตรวจเงินแผ่นดินหรือผู้สอบบัญชีรับอนุญาต
ท่ีสานักงานการตรวจเงินแผ่นดินให้ความเห็นชอบเป็นผู้สอบบัญชีของ
สานกั งาน และประเมนิ ผลการใช้จา่ ยเงนิ และทรัพย์สนิ ของสานักงานทุกรอบปี
แล้วทารายงานผลการสอบบัญชีเสนอต่อคณะกรรมการกากับสานักงาน
คณะกรรมการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลเพอ่ื รบั รอง
มาตรา ๗๐ ให้สานักงานจัดทารายงานการดาเนินงานประจาปีเสนอ
คณะกรรมการกากับสานักงานคณะกรรมการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลและ
รฐั มนตรีภายในหนึง่ รอ้ ยแปดสิบวนั นับแตว่ ันส้นิ ปบี ัญชี และเผยแพร่รายงานน้ี
ตอ่ สาธารณชน
192
รายงานการดาเนินงานประจาปีตามวรรคหน่ึง ให้แสดงรายละเอียด
ของงบการเงินท่ีผู้สอบบัญชีให้ความเห็นแล้ว พร้อมท้ังผลงานของสานักงาน
และรายงานการประเมนิ ผลการดาเนินงานของสานกั งานในปที ี่ลว่ งมาแล้ว
การประเมินผลการดาเนินงานของสานักงานตามวรรคสอง จะต้อง
ดาเนินการโดยบุคคลภายนอกที่คณะกรรมการกากับสานักงานคณะกรรมการ
คมุ้ ครองข้อมลู สว่ นบุคคลให้ความเห็นชอบ
หมวด ๕
การรอ้ งเรยี น
มาตรา ๗๑ ให้คณะกรรมการแต่งต้ังคณะกรรมการผู้เชี่ยวชาญขึ้น
คณะหน่ึงหรือหลายคณะก็ได้ตามความเช่ียวชาญในแต่ละเร่ืองหรือตามที่
คณะกรรมการเห็นสมควร
คุณสมบัติและลักษณะต้องห้าม วาระการดารงตาแหน่ง การพ้นจาก
ตาแหนง่ และการดาเนนิ งานอนื่ ของคณะกรรมการผู้เชี่ยวชาญให้เป็นไปตามท่ี
คณะกรรมการประกาศกาหนด
มาตรา ๗๒ คณะกรรมการผู้เชี่ยวชาญมีหน้าที่และอานาจ ดังต่อไปน้ี
(๑) พจิ ารณาเรื่องร้องเรียนตามพระราชบัญญตั นิ ้ี
(๒) ตรวจสอบการกระทาใด ๆ ของผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคล หรือ
ผู้ประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคล รวมทั้งลูกจ้างหรือผู้รับจ้างของผู้ควบคุมข้อมูล
ส่วนบุคคลหรือผู้ประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลเกี่ยวกับข้อมูลส่วนบุคคล
ที่ก่อให้เกดิ ความเสยี หายแกเ่ จ้าของข้อมูลสว่ นบุคคล
(๓) ไกล่เกลี่ยขอ้ พิพาทเก่ยี วกับขอ้ มลู ส่วนบุคคล
193
(๔) ปฏิบัติการอื่นใดตามท่ีพระราชบัญญัตินี้กาหนดให้เป็นหน้าท่ีและ
อานาจของคณะกรรมการผ้เู ชี่ยวชาญหรือตามที่คณะกรรมการมอบหมาย
มาตรา ๗๓ เจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลมีสิทธิร้องเรียนในกรณีที่
ผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคลหรือผู้ประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคล รวมทั้งลูกจ้าง
หรือผู้รับจ้างของผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคลหรือผู้ประมวลผลข้ อมูล
ส่วนบุคคล ฝุาฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามพระราชบัญญัติหรือประกาศท่ีออกตาม
พระราชบญั ญัตินี้
การย่ืน การไม่รับเรื่อง การยุติเรื่อง การพิจารณา และระยะเวลา
ในการพิจารณาคาร้องเรียน ให้เป็นไปตามระเบียบที่คณะกรรมการประกาศ
กาหนดโดยคานึงถึงการกาหนดให้ไม่รับเรื่องร้องเรียนหรือยุติเรื่องในกรณีที่มี
ผ้มู อี านาจพิจารณาในเรื่องน้นั อยแู่ ล้วตามกฎหมายอื่นด้วย
มาตรา ๗๔ ในกรณีท่ีผู้ร้องเรียนไม่ได้ปฏิบัติให้ถูกต้องตามระเบียบ
ท่ีกาหนดไว้ในมาตรา ๗๓ วรรคสอง หรือเป็นเร่ืองร้องเรียนท่ีระเบียบน้ันได้
กาหนดไม่ให้รับไว้พิจารณา ให้คณะกรรมการผู้เช่ียวชาญไม่รับเรื่องร้องเรียน
ไวพ้ ิจารณา
เม่ือคณะกรรมการผเู้ ช่ียวชาญพจิ ารณาเร่ืองร้องเรียนตามมาตรา ๗๒ (๑)
หรือตรวจสอบการกระทาใด ๆ ตามมาตรา ๗๒ (๒) แล้วรับฟังได้ว่า เรื่อง
รอ้ งเรียนหรือการกระทานน้ั ไม่มมี ลู ให้คณะกรรมการผู้เช่ยี วชาญมคี าสั่งยตุ ิเรื่อง
ในกรณีที่คณะกรรมการผู้เช่ียวชาญพิจารณาหรือตรวจสอบตามวรรค
สองแล้วรับฟังไดว้ า่ เรือ่ งรอ้ งเรียนหรือการกระทาน้ันเป็นกรณีซ่ึงอาจไกล่เกล่ีย
ได้และคู่กรณีประสงค์จะให้ไกล่เกลี่ย ให้คณะกรรมการผู้เชี่ยวชาญดาเนินการ
ไกล่เกล่ีย แต่หากเร่ืองร้องเรียนหรือการกระทาน้ันไม่อาจไกล่เกลี่ยได้ หรือ
ไกล่เกลย่ี ไมส่ าเร็จ ให้คณะกรรมการผู้เชยี่ วชาญมีอานาจออกคาส่ัง ดงั ต่อไปนี้
194
(๑) ส่ังให้ผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคลหรือผู้ประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคล
ปฏบิ ัติหรอื ดาเนนิ การแก้ไขการกระทาของตนใหถ้ กู ต้องภายในระยะเวลาทก่ี าหนด
(๒) ส่ังห้ามผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคลหรือผู้ประมวลผลข้อมูล
ส่วนบุคคลกระทาการที่ก่อให้เกิดความเสียหายแก่เจ้าของข้อมูลส่วนบุคคล
หรือให้กระทาการใดเพอ่ื ระงบั ความเสียหายนน้ั ภายในระยะเวลาทก่ี าหนด
ในกรณีท่ีผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคลหรือผู้ประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคล
ไม่ยอมดาเนินการตามคาส่ังตามวรรคสาม (๑) หรือ (๒) ให้นาบทบัญญัติเกี่ยวกับ
การบังคับทางปกครองตามกฎหมายว่าด้วยวิธีปฏิบัติราชการทางปกครอง
มาใช้บังคับโดยอนุโลม ทั้งนี้ ในกรณีที่ต้องมีการยึด อายัด หรือขายทอดตลาด
ทรัพย์สินของผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคลหรือผู้ประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคล
เพ่ือบังคับตามหลักเกณฑ์ที่กาหนดไว้ในกฎหมายว่าด้วยวิธีปฏิบัติราชการ
ทางปกครอง ให้คณะกรรมการผู้เชี่ยวชาญเป็นผู้มีอานาจส่ังยึด อายัด หรือ
ขายทอดตลาดทรพั ย์สินเพื่อการน้ัน
การจัดทาคาสั่งตามวรรคหนึ่ง วรรคสอง หรือวรรคสาม (๑) หรือ (๒)
ใหเ้ ป็นไปตามหลักเกณฑ์และวิธีการที่คณะกรรมการประกาศกาหนด
คาส่ังของคณะกรรมการผู้เชี่ยวชาญ ให้ประธานกรรมการผู้เชี่ยวชาญ
เปน็ ผู้ลงนามแทน
คาสัง่ ของคณะกรรมการผู้เช่ียวชาญตามมาตรานี้ให้เป็นที่สดุ
ในการดาเนินการตามมาตรานี้ เม่ือผลการพิจารณาเป็นประการใด
ให้คณะกรรมการผู้เช่ียวชาญแจ้งให้ผู้ร้องเรียนทราบพร้อมด้วยเหตุผล และ
ในกรณีที่ไม่รับเร่ืองร้องเรียนหรือยุติเร่ืองท่ีมีผู้มีอานาจพิจารณาในเร่ืองนั้น
อยู่แล้วตามกฎหมายอื่น ให้แจ้งผู้ร้องเรียนทราบ หากผู้ร้องเรียนประสงค์
จะให้ส่งเร่ืองให้ผู้มีอานาจพิจารณาในเรื่องน้ันตามกฎหมายอ่ืน ให้ดาเนินการ
ตามความประสงค์ดังกล่าว และให้ถือว่าผู้มีอานาจพิจารณาได้รับ
เรอื่ งรอ้ งเรียนนับแต่วันท่ีคณะกรรมการผู้เช่ียวชาญได้รับเรื่องรอ้ งเรียนน้ัน
195
มาตรา ๗๕ คณะกรรมการผู้เชี่ยวชาญมีอานาจสั่งให้บุคคลใด
ส่งเอกสารหรือข้อมูลเกี่ยวกับเรื่องที่มีผู้ร้องเรียน หรือเร่ืองอ่ืนใดท่ีเก่ียวกับ
การคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลตามพระราชบัญญัติน้ี รวมท้ังจะส่ังให้บุคคลใด
มาชีแ้ จงข้อเท็จจรงิ ด้วยกไ็ ด้
มาตรา ๗๖ ในการปฏิบัติการตามพระราชบัญญัติน้ี พนักงาน
เจ้าหน้าท่ีมีหน้าทแ่ี ละอานาจดงั ต่อไปน้ี
(๑) มีหนังสือแจ้งให้ผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคล ผู้ประมวลผลข้อมูล
ส่วนบุคคล หรือผู้ใดมาให้ข้อมูลหรือส่งเอกสารหรือหลักฐานใด ๆ เก่ียวกับ
การดาเนินการหรือการกระทาความผิดตามพระราชบญั ญัติน้ี
(๒) ตรวจสอบและรวบรวมข้อเท็จจริง แล้วรายงานต่อคณะกรรมการ
ผู้เชี่ยวชาญ ในกรณีท่ีผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคล ผู้ประมวลผลข้อมูล
ส่วนบุคคล หรือผู้ใดได้กระทาผิดหรือทาให้เกิดความเสียหายเพราะฝุาฝืน
หรือไมป่ ฏิบัตติ ามพระราชบัญญัติหรอื ประกาศที่ออกตามพระราชบญั ญตั ิน้ี
ในการดาเนินการตาม (๒) หากมีความจาเป็นเพื่อคุ้มครองประโยชน์
ของเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลหรือเพ่ือประโยชน์สาธารณะ ให้พนักงาน
เจ้าหน้าท่ียื่นคาร้องต่อศาลท่ีมีเขตอานาจเพ่ือมีคาสั่งอนุญาตให้พนักงาน
เจา้ หน้าที่เข้าไปในสถานท่ีของผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคลหรือผู้ใดเกี่ยวกับการ
กระทาความผิดตามพระราชบัญญัตินี้ ในระหว่างเวลาพระอาทิตย์ข้ึนถึง
พระอาทิตย์ตกหรือในเวลาทาการของสถานท่ีน้ัน เพ่ือตรวจสอบและรวบรวม
ข้อเท็จจริง ยึดหรืออายัดเอกสารหลักฐาน หรือสิ่งอื่นใดที่เก่ียวกับการกระทา
ความผดิ หรอื มเี หตุอันควรเชอื่ ไดว้ ่ามไี ว้หรือใช้เพอ่ื กระทาความผิด
ในการแต่งต้ังพนักงานเจ้าหน้าท่ี ให้รัฐมนตรีพิจารณาแต่งต้ังจาก
ข้าราชการหรือเจ้าหน้าท่ีอ่ืนของรัฐซึ่งดารงตาแหน่งไม่ต่ากว่าข้าราชการ
196
พลเรือนระดับปฏิบัติการหรือเทียบเท่าและมีคุณสมบัติตามท่ีคณะกรรมการ
ประกาศกาหนด
ในการปฏิบัติหน้าท่ีของพนักงานเจ้าหน้าที่ตามมาตรานี้ ต้องแสดงบัตร
ประจาตัวตอ่ ผู้ท่ีเกย่ี วขอ้ งและใหผ้ ทู้ ี่เกี่ยวข้องอานวยความสะดวกตามสมควร
บัตรประจาตัวพนักงานเจ้าหน้าท่ี ให้เป็นไปตามแบบท่ีคณะกรรมการ
ประกาศกาหนด
หมวด ๖
ความรับผิดทางแพง่
มาตรา ๗๗ ผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคลหรือผู้ประมวลผลข้อมูล
ส่วนบุคคลซึ่งดาเนินการใด ๆ เก่ียวกับข้อมูลส่วนบุคคลอันเป็นการฝุาฝืน
หรอื ไมป่ ฏบิ ัติตามบทบัญญัติแห่งพระราชบัญญัตินี้ทาให้เกิดความเสียหายต่อ
เจ้าของข้อมูลส่วนบุคคล ต้องชดใช้ค่าสินไหมทดแทนเพ่ือการนั้นแก่เจ้า
ของข้อมูลส่วนบุคคล ไม่ว่าการดาเนินการน้ันจะเกิดจากการกระทาโดยจงใจ
หรือประมาทเลินเล่อหรือไม่ก็ตาม เว้นแต่ผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคลหรือ
ผู้ประมวลผลขอ้ มูลสว่ นบุคคลน้ันจะพิสจู นไ์ ดว้ ่า
(๑) ความเสียหายน้ันเกิดจากเหตุสุดวิสัย หรือเกิดจากการกระทา
หรือละเวน้ การกระทาของเจ้าของข้อมูลส่วนบคุ คลนั้นเอง
(๒) เป็นการปฏิบัติตามคาส่ังของเจ้าหน้าท่ีซึ่งปฏิบัติการตามหน้าที่
และอานาจตามกฎหมาย
ค่าสินไหมทดแทนตามวรรคหน่ึง ให้หมายความรวมถึงค่าใช้จ่าย
ท้ังหมดที่เจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลได้ใช้จ่ายไปตามความจาเป็นในการปูองกัน
ความเสียหายทก่ี าลงั จะเกดิ ขนึ้ หรือระงบั ความเสยี หายทเี่ กดิ ขน้ึ แลว้ ด้วย
197
มาตรา ๗๘ ให้ศาลมีอานาจส่ังให้ผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคลหรือ
ผู้ประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลจ่ายค่าสินไหมทดแทนเพ่ือการลงโทษเพ่ิมข้ึน
จากจานวนค่าสินไหมทดแทนท่ีแท้จริงท่ีศาลกาหนดได้ตามท่ีศาลเห็นสมควร
แต่ไม่เกินสองเท่าของค่าสินไหมทดแทนท่ีแท้จริงน้ัน ทั้งน้ี โดยคานึงถึง
พฤติการณ์ต่าง ๆ เช่น ความร้ายแรงของความเสียหายที่เจ้าของข้อมูล
ส่วนบุคคลได้รับ ผลประโยชน์ที่ผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคลหรือผู้ประมวลผล
ข้อมูลส่วนบุคคลได้รับ สถานะทางการเงินของผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคลหรือ
ผู้ประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคล การที่ผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคลหรือ
ผู้ประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลได้บรรเทาความเสียหายท่ีเกิดข้ึน หรือการท่ี
เจ้าของข้อมลู สว่ นบคุ คลมีสว่ นในการก่อให้เกิดความเสียหายดว้ ย
สิทธิเรียกร้องค่าเสียหายอันเกิดจากการละเมิดข้อมูลส่วนบุคคลตาม
พระราชบัญญตั นิ เี้ ป็นอันขาดอายุความเมื่อพ้นสามปีนับแต่วันท่ีผู้เสียหายรู้ถึง
ความเสียหายและรู้ตัวผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคลหรือผู้ประมวลผลข้อมูลส่วน
บคุ คลท่ีตอ้ งรับผิด หรือเม่ือพน้ สิบปีนบั แตว่ ันท่มี ีการละเมิดขอ้ มลู ส่วนบคุ คล
หมวด ๗
บทกาหนดโทษ
ส่วนที่ ๑
โทษอาญา
มาตรา ๗๙ ผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคลผู้ใดฝุาฝืนมาตรา ๒๗
วรรคหนึ่งหรือวรรคสองหรือไม่ปฏิบัติตามมาตรา ๒๘ อันเกี่ยวกับข้อมูล
198
ส่วนบุคคลตามมาตรา ๒๖ โดยประการท่ีน่าจะทาให้ผู้อื่นเกิดความเสียหาย
เสียชื่อเสียง ถูกดูหมิ่น ถูกเกลียดชัง หรือได้รับความอับอาย ต้องระวางโทษ
จาคุกไมเ่ กนิ หกเดือน หรอื ปรบั ไมเ่ กนิ ห้าแสนบาท หรอื ทงั้ จาทงั้ ปรับ
ผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคลผู้ใดฝุาฝืนมาตรา ๒๗ วรรคหน่ึงหรือ
วรรคสอง หรือไม่ปฏิบัติตามมาตรา ๒๘ อันเก่ียวกับข้อมูลส่วนบุคคลตาม
มาตรา ๒๖ เพ่ือแสวงหาประโยชน์ที่มิควรได้โดยชอบด้วยกฎหมายสาหรับ
ตนเองหรือผู้อื่น ต้องระวางโทษจาคุกไม่เกินหนึ่งปี หรือปรับไม่เกิน
หน่ึงล้านบาทหรือทั้งจาท้ังปรับ
ความผดิ ตามมาตรานเี้ ปน็ ความผิดอนั ยอมความได้
มาตรา ๘๐ ผู้ใดล่วงรู้ข้อมูลส่วนบุคคลของผู้อ่ืนเน่ืองจากการปฏิบัติ
หน้าที่ตามพระราชบัญญัติน้ี ถ้าผู้นั้นนาไปเปิดเผยแก่ผู้อื่น ต้องระวางโทษ
จาคกุ ไมเ่ กินหกเดือน หรอื ปรบั ไม่เกนิ ห้าแสนบาท หรอื ท้งั จาท้งั ปรับ
ความในวรรคหนง่ึ มใิ หน้ ามาใชบ้ งั คบั แกก่ ารเปดิ เผย ในกรณีดงั ต่อไปน้ี
(๑) การเปิดเผยตามหน้าที่
(๒) การเปดิ เผยเพื่อประโยชน์แก่การสอบสวน หรอื การพิจารณาคดี
(๓) การเปิดเผยแก่หน่วยงานของรัฐในประเทศหรือต่างประเทศ
ท่มี อี านาจหนา้ ทตี่ ามกฎหมาย
(๔) การเปิดเผยที่ได้รับความยินยอมเป็นหนังสือเฉพาะครั้งจาก
เจา้ ของขอ้ มูลส่วนบคุ คล
(๕) การเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลที่เกี่ยวกับการฟูองร้องคดีต่าง ๆ
ที่เปดิ เผยต่อสาธารณะ
มาตรา ๘๑ ในกรณีที่ผู้กระทาความผิดตามพระราชบัญญัตินี้เป็น
นิติบุคคล ถ้าการกระทาความผิดของนิติบุคคลนั้นเกิดจากการส่ังการหรือ
199
การกระทาของกรรมการหรือผู้จัดการ หรือบุคคลใดซ่ึงรับผิดชอบในการ
ดาเนินงานของนิติบุคคลน้ัน หรือในกรณีท่ีบุคคลดังกล่าวมีหน้าท่ีต้องสั่งการ
หรือกระทาการและละเว้นไม่สั่งการหรือไม่กระทาการจนเป็นเหตุให้นิติบุคคล
นน้ั กระทาความผิด ผู้นัน้ ต้องรบั โทษตามท่บี ัญญตั ไิ วส้ าหรบั ความผดิ น้ัน ๆ ด้วย
ส่วนที่ ๒
โทษทางปกครอง
มาตรา ๘๒ ผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคลผู้ใดไม่ปฏิบัติตามมาตรา ๒๓
มาตรา ๓๐ วรรคส่ี มาตรา ๓๙ วรรคหน่ึง มาตรา ๔๑ วรรคหนึ่ง หรือ
มาตรา ๔๒ วรรคสองหรือวรรคสาม หรือไม่ขอความยินยอมตามแบบหรือ
ข้อความที่คณะกรรมการประกาศกาหนดตามมาตรา ๑๙ วรรคสาม หรือ
ไม่แจ้งผลกระทบจากการถอนความยินยอมตามมาตรา ๑๙ วรรคหก หรือ
ไม่ปฏิบัติตามมาตรา ๒๓ ซ่ึงได้นามาใช้บังคับโดยอนุโลมตามมาตรา ๒๕
วรรคสอง ต้องระวางโทษปรบั ทางปกครองไม่เกินหน่ึงล้านบาท
มาตรา ๘๓ ผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคลผู้ใดฝุาฝืนหรือไม่ปฏิบัติตาม
มาตรา ๒๑ มาตรา ๒๒ มาตรา ๒๔ มาตรา ๒๕ วรรคหนึ่ง มาตรา ๒๗
วรรคหนึ่งหรือวรรคสอง มาตรา ๒๘ มาตรา ๓๒ วรรคสอง หรือมาตรา ๓๗
หรือขอความยินยอมโดยการหลอกลวงหรือทาให้เจ้าของข้อมูลส่วนบุคคล
เข้าใจผิดในวัตถุประสงค์ หรือไม่ปฏิบัติตามมาตรา ๒๑ ซึ่งได้นามาใช้บังคับ
โดยอนุโลมตามมาตรา ๒๕ วรรคสอง หรือส่งหรือโอนข้อมูลส่วนบุคคลโดย
ไม่เป็นไปตามมาตรา ๒๙ วรรคหน่ึงหรือวรรคสาม ต้องระวางโทษปรับ
ทางปกครองไม่เกินสามล้านบาท
200
มาตรา ๘๔ ผ้คู วบคมุ ข้อมลู ส่วนบุคคลผู้ใดฝุาฝืนมาตรา ๒๖ วรรคหนึ่ง
หรือวรรคสาม หรือฝุาฝืนมาตรา ๒๗ วรรคหนึ่งหรือวรรคสอง หรือมาตรา ๒๘
อันเกย่ี วกบั ขอ้ มลู สว่ นบุคคลตามมาตรา ๒๖ หรือส่งหรือโอนข้อมูลส่วนบุคคล
ตามมาตรา ๒๖ โดยไม่เป็นไปตามมาตรา ๒๙ วรรคหนึ่งหรือวรรคสาม
ตอ้ งระวางโทษปรับทางปกครองไม่เกนิ ห้าล้านบาท
มาตรา ๘๕ ผู้ประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลผู้ใดไม่ปฏิบัติตาม
มาตรา ๔๑ วรรคหนึ่ง หรือมาตรา ๔๒ วรรคสองหรือวรรคสาม ต้องระวางโทษ
ปรับทางปกครองไม่เกินหนึง่ ล้านบาท
มาตรา ๘๖ ผู้ประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลผู้ใดไม่ปฏิบัติตาม
มาตรา ๔๐ โดยไม่มีเหตุอันควร หรือส่งหรือโอนข้อมูลส่วนบุคคลโดย
ไม่เป็นไปตามมาตรา ๒๙ วรรคหน่ึงหรือวรรคสาม หรือไม่ปฏิบัติตาม
มาตรา ๓๗ (๕) ซ่ึงได้นามาใช้บังคับโดยอนุโลมตามมาตรา ๓๘ วรรคสอง
ต้องระวางโทษปรับทางปกครองไม่เกนิ สามล้านบาท
มาตรา ๘๗ ผู้ประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลผู้ใดส่งหรือโอนข้อมูล
ส่วนบุคคลตามมาตรา ๒๖ วรรคหนึ่งหรือวรรคสาม โดยไม่เป็นไปตามมาตรา ๒๙
วรรคหนึ่งหรอื วรรคสาม ตอ้ งระวางโทษปรับทางปกครองไม่เกินห้าล้านบาท
มาตรา ๘๘ ตัวแทนผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคลหรือตั วแทน
ผู้ประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลผู้ใดไม่ปฏิบัติตามมาตรา ๓๙ วรรคหน่ึง
ซ่ึงได้นามาใช้บังคับโดยอนุโลมตามมาตรา ๓๙ วรรคสอง และมาตรา ๔๑
วรรคหนึ่ง ซงึ่ ไดน้ ามาใช้บังคับโดยอนุโลมตามมาตรา ๔๑ วรรคส่ี ต้องระวางโทษ
ปรบั ทางปกครองไม่เกนิ หนึ่งล้านบาท
201
มาตรา ๘๙ ผู้ใดไม่ปฏิบัติตามคาสั่งของคณะกรรมการผู้เช่ียวชาญ
หรือไม่มาช้ีแจงข้อเท็จจริงตามมาตรา ๗๕ หรือไม่ปฏิบัติตามมาตรา ๗๖ (๑)
หรือไม่อานวยความสะดวกแก่พนักงานเจ้าหน้าที่ตามมาตรา ๗๖ วรรคสี่
ต้องระวางโทษปรับทางปกครองไม่เกนิ ห้าแสนบาท
มาตรา ๙๐ คณะกรรมการผู้เชี่ยวชาญมีอานาจสั่งลงโทษปรับ
ทางปกครองตามที่กาหนดไว้ในส่วนน้ี ท้ังน้ี ในกรณีที่เห็นสมควร
คณะกรรมการผู้เชี่ยวชาญจะสั่งใหแ้ กไ้ ขหรือตักเตือนก่อนก็ได้
ในการพิจารณาออกคาสั่งลงโทษปรับทางปกครอง ให้คณะกรรมการ
ผู้เชี่ยวชาญคานึงถึงความร้ายแรงแห่งพฤติกรรมที่กระทาผิด ขนาดกิจการ
ของผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคลหรือผู้ประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคล หรือ
พฤตกิ ารณ์ต่าง ๆ ประกอบดว้ ย ทั้งนี้ ตามหลกั เกณฑท์ ี่คณะกรรมการกาหนด
ในกรณีที่ผู้ถูกลงโทษปรับทางปกครองไม่ยอมชาระค่าปรับทางปกครอง
ให้นาบทบญั ญัติเกย่ี วกับการบังคับทางปกครองตามกฎหมายว่าด้วยวิธีปฏิบัติ
ราชการทางปกครองมาใช้บังคับโดยอนุโลม และในกรณีท่ีไม่มีเจ้าหน้าท่ี
ดาเนนิ การบังคับตามคาส่ัง หรือมีแต่ไม่สามารถดาเนินการบังคับทางปกครอง
ได้ให้คณะกรรมการผู้เชี่ยวชาญมีอานาจฟูองคดีต่อศาลปกครองเพ่ือบังคับ
ชาระค่าปรับ ในการนี้ ถ้าศาลปกครองเห็นว่าคาส่ังให้ชาระค่าปรับนั้น
ชอบด้วยกฎหมาย ให้ศาลปกครองมีอานาจพิจารณาพิพากษา และบังคับให้มี
การยึดหรืออายัดทรัพย์สินขายทอดตลาดเพอ่ื ชาระค่าปรับได้
คาส่ังลงโทษปรับทางปกครองและคาสั่งในการบังคับทางปกครอง
ให้นาความในมาตรา ๗๔ วรรคหก มาใช้บังคับโดยอนุโลม และให้นาความใน
มาตรา ๗๔ วรรคส่ี มาใช้บังคับกับการบังคับทางปกครองตามวรรคสาม
โดยอนุโลม
202
บทเฉพาะกาล
มาตรา ๙๑ ในวาระเริ่มแรก ให้คณะกรรมการประกอบด้วยกรรมการ
ตามมาตรา ๘ (๒) (๓) และให้เลขาธิการคณะกรรมการคุ้มครองข้อมูล
ส่วนบุคคลเป็นกรรมการและเลขานุการ เพ่ือปฏิบัติหน้าท่ีเท่าท่ีจาเป็น
ไปพลางก่อนแต่ไม่เกินเก้าสิบวันนับแต่วันที่พระราชบัญญัติน้ีใช้บังคับ และ
ใหร้ องประธานกรรมการทาหน้าท่ีประธานกรรมการเปน็ การชั่วคราว
ให้สานักงานดาเนินการให้มีการแต่งตั้งประธานกรรมการตาม
มาตรา ๘ (๑) และกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิตามมาตรา ๘ (๔) ภายในเก้าสิบวัน
นับแตว่ นั ทีพ่ ระราชบัญญัตนิ ี้ใช้บงั คับ
มาตรา ๙๒ ให้ดาเนินการเพ่ือให้มีคณะกรรมการกากับสานักงาน
คณะกรรมการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลภายในเก้าสิบวันนับแต่วันท่ีได้มีการ
แต่งตั้งประธานกรรมการ และกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิตามมาตรา ๙๑
ให้ดาเนินการแต่งตั้งเลขาธิการคณะกรรมการคุ้มครองข้อมูล
ส่วนบุคคลตามพระราชบัญญัตินี้ให้แล้วเสร็จภายในเก้าสิบวันนับแต่วันท่ี
จัดตง้ั สานักงานแล้วเสร็จตามมาตรา ๙๓
มาตรา ๙๓ ให้ดาเนินการจัดต้ังสานักงานให้แล้วเสร็จเพ่ือปฏิบัติงาน
ตามพระราชบญั ญัตินีภ้ ายในหนง่ึ ปนี ับแต่วนั ท่ีพระราชบญั ญัตินี้ใชบ้ งั คบั
ใ น ร ะ ห ว่ า ง ท่ี ก า ร ด า เ นิ น ก า ร จั ด ตั้ ง ส า นั ก ง า น ยั ง ไ ม่ แ ล้ ว เ ส ร็ จ
ให้สานักงานปลัดกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมทาหน้าท่ีสานักงาน
ตามพระราชบัญญัตินี้ และให้รัฐมนตรีแต่งต้ังรองปลัดกระทรวงดิจิทัล
203
เพ่ือเศรษฐกิจและสังคมคนหน่ึงทาหน้าที่เลขาธิการจนกว่าจะมีการแต่งต้ัง
เลขาธกิ ารตามมาตรา ๙๒ วรรคสอง
มาตรา ๙๔ ในวาระเริ่มแรก ให้คณะรัฐมนตรีจัดสรรทุนประเดิม
ใหแ้ กส่ านกั งานตามความจาเป็น
ให้รัฐมนตรีเสนอต่อคณะรัฐมนตรีเพ่ือพิจารณาให้ข้าราชการ
พนักงาน เจ้าหน้าท่ี หรือผู้ปฏิบัติงานอ่ืนใดในหน่วยงานของรัฐ
มาปฏิบตั งิ านเป็นพนักงานของสานกั งานเป็นการช่ัวคราวภายในระยะเวลา
ท่คี ณะรฐั มนตรีกาหนด
ให้ถือว่าข้าราชการ พนักงาน เจ้าหน้าที่ หรือผู้ปฏิบัติงานอ่ืนใด
ในหนว่ ยงานของรัฐที่มาปฏิบัติงานในสานักงานเป็นการช่ัวคราวตามวรรคสอง
ไม่ขาดจากสถานภาพเดิมและคงได้รับเงินเดือนหรือค่าจ้างแล้วแต่กรณี
จากสังกัดเดิม ทั้งนี้ คณะกรรมการอาจกาหนดค่าตอบแทนพิเศษให้แก่
ข้าราชการ พนักงาน เจ้าหน้าที่ หรือผู้ปฏิบัติงานอ่ืนใดในหน่วยงานของรัฐ
ตามวรรคสอง ในระหวา่ งปฏิบตั ิงานในสานักงานด้วยก็ได้
ภายในหน่ึงร้อยแปดสิบวันนับแต่วันที่จัดต้ังสานักงานแล้วเสร็จ
ให้สานักงานดาเนินการคัดเลือกข้าราชการ พนักงาน เจ้าหน้าท่ี หรือ
ผู้ปฏิบัติงานอื่นใดในหน่วยงานของรัฐตามวรรคสองเพื่อบรรจุเป็นพนักงาน
ของสานกั งานต่อไป
ข้าราชการ พนักงาน เจ้าหน้าท่ี หรือผู้ปฏิบัติงานอ่ืนใดในหน่วยงาน
ของรัฐผู้ใดได้รับการคัดเลือกและบรรจุตามวรรคส่ี ให้มีสิทธินับระยะเวลา
ท าง านที่ เค ยท างานอยู่ ใน สั งกั ดเดิ มต่ อเน่ื อง รวมกั บ ระ ยะเวล าท างาน
ในสานักงานตามพระราชบัญญตั นิ ี้
204
มาตรา ๙๕ ข้อมูลส่วนบุคคลที่ผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคลได้เก็บ
รวบรวมไว้ก่อนวันที่พระราชบัญญัติน้ีใช้บังคับ ให้ผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคล
สามารถเก็บรวมรวมและใช้ข้อมูลส่วนบุคคลนั้นต่อไปได้ตามวัตถุประสงค์เดิม
ท้ังน้ี ผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคลต้องกาหนดวิธีการยกเลิกความยินยอมและ
เผยแพร่ประชาสัมพันธ์ให้เจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลท่ีไม่ประสงค์ให้ผู้ควบคุม
ข้อมูลส่วนบุคคลเก็บรวมรวมและใช้ข้อมูลส่วนบุคคลดังกล่าวสามารถ
แจ้งยกเลกิ ความยินยอมไดโ้ ดยง่าย
การเปิดเผยและการดาเนินการอ่ืนท่ีมิใช่การเก็บรวบรวมและการใช้
ขอ้ มูลส่วนบคุ คลตามวรรคหน่ึงให้เป็นไปตามบทบัญญัติแห่งพระราชบญั ญตั นิ ี้
มาตรา ๙๖ การดาเนินการออกระเบียบ และประกาศตาม
พระราชบัญญัตินี้ ให้ดาเนินการให้แล้วเสร็จภายในหน่ึงปีนับแต่วันท่ี
พระราชบัญญัติน้ีใช้บังคับ หากไม่สามารถดาเนินการได้ให้รัฐมนตรีรายงาน
เหตผุ ลที่ไมอ่ าจดาเนินการได้ตอ่ คณะรัฐมนตรีเพ่ือทราบ
ผรู้ ับสนองพระบรมราชโองการ
พลเอก ประยทุ ธ์ จันทรโ์ อชา
นายกรฐั มนตรี
205
หมายเหตุ :- เหตุผลในการประกาศใช้พระราชบัญญัติฉบับนี้ คือ
เนื่องจากปัจจุบันมีการล่วงละเมิดสิทธิความเป็นส่วนตัวของข้อมูลส่วนบุคคล
เป็นจานวนมากจนสร้างความเดือดร้อนราคาญหรือความเสียหายให้แก่เจ้าของ
ข้อมูลส่วนบุคคล ประกอบกับความก้าวหน้าของเทคโนโลยีทาให้การเก็บรวบรวม
ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลอันเป็นการล่วงละเมิดดังกล่าว ทาได้โดยง่าย
สะดวก และรวดเร็ว ก่อให้เกิดความเสียหายต่อเศรษฐกิจโดยรวม สมควรกาหนดให้
มีกฎหมายว่าด้วยการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลเป็นการท่ัวไปขึ้น เพ่ือกาหนด
หลักเกณฑ์ กลไก หรือมาตรการกากับดูแลเก่ียวกับการให้ความคุ้มครองข้อมูล
สว่ นบุคคลท่เี ปน็ หลักการท่ัวไป จงึ จาเป็นต้องตราพระราชบัญญัตนิ ้ี
206
พระราชกฤษฎกี า
กาหนดหน่วยงานและกิจการ
ท่ีผู้ควบคมุ ขอ้ มูลสว่ นบุคคลไม่อยู่ภายใตบ้ ังคับ
แหง่ พระราชบัญญตั ิคุม้ ครองข้อมลู ส่วนบุคคล พ.ศ. ๒๕๖๒
พ.ศ. ๒๕๖๓
207
พระราชกฤษฎีกา
กาหนดหนว่ ยงานและกิจการ
ทีผ่ ้คู วบคมุ ข้อมูลส่วนบุคคลไมอ่ ย่ภู ายใตบ้ งั คับ
แหง่ พระราชบัญญตั ิคุ้มครองขอ้ มูลส่วนบุคคล พ.ศ. ๒๕๖๒
พ.ศ. ๒๕๖๓
พระบาทสมเดจ็ พระปรเมนทรรามาธิบดีศรีสนิ ทรมหาวชิราลงกรณ
พระวชริ เกล้าเจ้าอย่หู วั
ใหไ้ ว้ ณ วันท่ี ๒๐ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๕๖๓
เป็นปที ่ี ๕ ในรัชกาลปัจจุบนั
พระบาทสมเด็จพระปรเมนทรรามาธิบดีศรีสินทรมหาวชิราลงกรณ
พระวชิรเกล้าเจา้ อยหู่ ัว มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ ใหป้ ระกาศวา่
โดยที่เป็นการสมควรกาหนดหน่วยงานและกิจการที่ผู้ควบคุมข้อมูล
สว่ นบุคคลไมอ่ ยู่ภายใต้บังคับแหง่ กฎหมายวา่ ดว้ ยการคุ้มครองข้อมูลสว่ นบคุ คล
208
อาศัยอานาจตามความในมาตรา ๑๗๕ ของรัฐธรรมนูญแห่ง
ราชอาณาจักรไทย และมาตรา ๔ วรรคสอง แห่งพระราชบัญญัติคุ้มครอง
ข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ. ๒๕๖๒ จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ตรา
พระราชกฤษฎกี าข้นึ ไว้ ดงั ต่อไปนี้
มาตรา ๑ พระราชกฤษฎีกานี้เรียกว่า “พระราชกฤษฎีกากาหนด
หน่ วยงานและกิ จการที่ ผู้ ควบคุ มข้ อมู ลส่ วนบุ คคลไม่ อยู่ ภายใต้ บั งคั บ
แห่งพระราชบญั ญัติค้มุ ครองข้อมลู สว่ นบุคคล พ.ศ. ๒๕๖๒ พ.ศ. ๒๕๖๓”
มาตรา ๒ พระราชกฤษฎีกานี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันท่ี ๒๗ พฤษภาคม
พ.ศ. ๒๕๖๓ จนถึงวันท่ี ๓๑ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๕๖๔๑
มาตรา ๓ มิใหน้ าบทบัญญัติในหมวด ๒ หมวด ๓ หมวด ๕ หมวด ๖
และหมวด ๗ และมาตรา ๙๕ แห่งพระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล
พ.ศ. ๒๕๖๒ มาใช้บังคับแก่ผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคลซ่ึงเป็นหน่วยงานหรือ
กจิ การตามบัญชที ้ายพระราชกฤษฎีกานี้
เพื่อประโยชน์ในการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล ให้ผู้ควบคุมข้อมูล
ส่วนบุคคลตามวรรคหน่ึงต้องจัดให้มีมาตรการรักษาความปลอดภัยของข้อมูล
ส่วนบุคคลให้เป็นไปตามมาตรฐานท่ีกระทรวงดิจิทัลเพ่ือเศรษฐกิจและสังคม
กาหนด
มาตรา ๔ ใหร้ ัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม
รักษาการตามพระราชกฤษฎีกานี้
๑ ประกาศในราชกิจจานุเบกษา เล่ม ๑๓๗ ตอนท่ี ๓๗ ก วันท่ี ๒๑
พฤษภาคม ๒๕๖๓ (หน้า ๑-๓)
209
ผ้รู ับสนองพระบรมราชโองการ
พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา
นายกรัฐมนตรี
210
บญั ชีท้าย
พระราชกฤษฎกี ากาหนดหน่วยงานและกิจการท่ีผู้ควบคุมข้อมลู สว่ นบุคคล
ไม่อยู่ภายใตบ้ งั คบั แหง่ พระราชบัญญตั คิ มุ้ ครองขอ้ มลู สว่ นบคุ คล พ.ศ. ๒๕๖๒
พ.ศ. ๒๕๖๓
(๑) หนว่ ยงานของรฐั
(๒) หนว่ ยงานของรฐั ต่างประเทศและองค์การระหว่างประเทศ
(๓) มูลนิธิ สมาคม องค์กรศาสนา และองค์กรไมแ่ สวงหากาไร
(๔) กจิ การด้านเกษตรกรรม
(๕) กิจการดา้ นอตุ สาหกรรม
(๖) กจิ การด้านพาณชิ ยกรรม
(๗) กจิ การดา้ นการแพทยแ์ ละสาธารณสุข
(๘) กิจการด้านพลังงาน ไอน้า น้า และการกาจัดของเสีย รวมท้ัง
กจิ การทเี่ กีย่ วขอ้ ง
(๙) กจิ การดา้ นการก่อสร้าง
(๑๐) กจิ การด้านการซอ่ มและการบารุงรกั ษา
(๑๑) กิจการดา้ นการคมนาคม ขนสง่ และการเก็บสินค้า
(๑๒) กจิ การดา้ นการทอ่ งเท่ยี ว
(๑๓) กิจการดา้ นการสื่อสารโทรคมนาคม คอมพวิ เตอร์ และดิจิทลั
(๑๔) กิจการดา้ นการเงนิ การธนาคาร และการประกันภยั
(๑๕) กจิ การด้านอสงั หารมิ ทรพั ย์
(๑๖) กิจการดา้ นการประกอบวชิ าชีพ
(๑๗) กจิ การดา้ นการบริหารและบรกิ ารสนับสนุน
211
(๑๘) กิจการด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี วิชาการ สังคม
สงเคราะห์ และศลิ ปะ
(๑๙) กิจการด้านการศกึ ษา
(๒๐) กจิ การดา้ นความบนั เทิงและนันทนาการ
(๒๑) กิจการดา้ นการรักษาความปลอดภัย
(๒๒) กิจการในครัวเรือนและวิสาหกิจชุมชน ซึ่งไม่สามารถจาแนก
กิจกรรมไดอ้ ยา่ งชัดเจน
ในกรณีท่ีมีปัญหาว่าหน่วยงานหรือกิจการใดเป็นหน่วยงานหรือ
กิจการตามบัญชีท้ายนี้ให้คณะกรรมการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลเป็น
ผูว้ ินจิ ฉัย
212
หมายเหตุ :- เหตุผลในการประกาศใช้พระราชกฤษฎีกาฉบับน้ี คือ โดยที่
พระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ. ๒๕๖๒ ได้กาหนดหลักเกณฑ์
วิธีการ และเง่ือนไขในการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลไว้ โดยละเอียด
โดยผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคลทุกรายทั่วประเทศท้ังภาครัฐและภาคเอกชนมีหน้าท่ี
ต้องดาเนินการตามหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขดังกล่าวโดยเคร่งครัด
อย่างไรก็ดี โดยท่ีการปฏิบัติตามหลักเกณฑ์ วธิ กี าร และเงอ่ื นไขตามท่ีกฎหมาย
กาหนดน้ันมีรายละเอียดมากและซับซ้อน กับต้องใช้เทคโนโลยีขั้นสูง เพ่ือให้
การคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพสมดังเจตนารมณ์
ของกฎหมาย ทาให้ผคู้ วบคุมขอ้ มลู ส่วนบุคคลซ่งึ เป็นหนว่ ยงานและกิจการต่าง ๆ
ทั้งภาครัฐและเอกชนจานวนมากทั่วประเทศยังไม่พร้อมท่ีจะปฏิบัติตาม
พระราชบญั ญัตดิ งั กล่าว ประกอบกับมาตรา ๔ วรรคสอง แห่งพระราชบัญญัติ
คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ. ๒๕๖๒ บัญญัติว่า การยกเว้นไม่ให้นา
บทบัญญัติแห่งพระราชบัญญัตินี้ท้ังหมดหรือแต่บางส่วนมาใช้บังคับ
แก่ผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคลในลักษณะใด กิจการใด หรือหน่วยงานใด
หรอื เพอื่ ประโยชน์สาธารณะอื่นใด ให้ตราเป็นพระราชกฤษฎีกา กรณีจึงสมควร
กาหนดให้บางหน่วยงานและบางกิจการท่ีผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคล
ไ ม่ อ ยู่ ภ า ย ใ ต้ บั ง คั บ แ ห่ ง พ ร ะ ร า ช บั ญ ญั ติ คุ้ ม ค ร อ ง ข้ อ มู ล ส่ ว นบุ คค ล
พ.ศ. ๒๕๖๒ ในช่วงระยะเวลาท่ียังไม่พร้อมที่จะปฏิบัติให้ถูกต้อง
ตามกฎหมายนี้ จงึ จาเป็นต้องตราพระราชกฤษฎีกานี้
213
ประกาศกระทรวงดจิ ทิ ลั เพือ่ เศรษฐกิจและสงั คม
เรอื่ ง มาตรฐานการรกั ษาความมนั่ คงปลอดภัยของขอ้ มูลสว่ นบคุ คล
พ.ศ. ๒๕๖๓
214
ประกาศกระทรวงดิจทิ ลั เพอื่ เศรษฐกจิ และสงั คม
เรอื่ ง มาตรฐานการรกั ษาความมัน่ คงปลอดภยั ของขอ้ มูลสว่ นบคุ คล
พ.ศ. ๒๕๖๓
โดยท่ีมาตรา ๓ วรรคสอง แห่งพระราชกฤษฎีกากาหนดหน่วยงาน
แ ล ะ กิ จ ก า ร ท่ี ผู้ ค ว บ คุ ม ข้ อ มู ล ส่ ว น บุ ค ค ล ไ ม่ อ ยู่ ภ า ย ใ ต้ บั ง คั บ แ ห่ ง
พระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ. ๒๕๖๒ พ.ศ. ๒๕๖๓
กาหนดให้ผู้ควบคุมข้อมูลซึ่งเป็นหน่วยงานหรือกิจการตามบัญชีท้าย
พระราชกฤษฎีกาดังกล่าวต้องจัดให้มีมาตรการรักษาความปลอดภัยของ
ข้อมูลส่วนบุคคลให้เป็นไปตามมาตรฐานท่ีกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจ
และสังคมกาหนด
อาศัยอานาจตามความในมาตรา ๓ วรรคสอง แห่งพระราชกฤษฎีกา
กาหนดหน่วยงานและกิจการท่ีผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคลไม่อยู่ภายใต้บังคับ
แห่งพระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ. ๒๕๖๒ พ.ศ.๒๕๖๓
รฐั มนตรวี ่าการกระทรวงดจิ ทิ ัลเพ่ือเศรษฐกิจและสงั คมจึงออกประกาศไว้ ดังนี้
ข้อ ๑ ประกาศนี้เรียกว่า “ประกาศกระทรวงดิจิทัลเพ่ือเศรษฐกิจ
และสังคม เรื่อง มาตรฐานการรักษาความม่ันคงปลอดภัยของข้อมูล
ส่วนบคุ คล พ.ศ. ๒๕๖๓”
215
ข้อ ๒ ประกาศน้ีให้ใช้บังคับต้ังแต่วันถัดจากวันประกาศใน
ราชกจิ จานเุ บกษาจนถึงวันที่ ๓๑ พฤษภาคม ๒๕๖๔๑
ข้อ ๓ ในประกาศน้ี
“ผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคล” หมายความว่า ผู้ควบคุมข้อมูล
ส่วนบุคคลซ่ึงเป็นหน่วยงานหรือกิจการตามบัญชีท้ายพระราชกฤษฎีกา
กาหนดหน่วยงานและกิจการท่ีผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคลไม่อยู่ภายใต้
บังคับแห่งพระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ. ๒๕๖๒
พ.ศ. ๒๕๖๓
“ความม่ันคงปลอดภัยของข้อมูลส่วนบุคคล” หมายความว่า
การธารงไว้ซ่ึงความลับ (confidentiality) ความถูกต้องครบถ้วน
(integrity) และสภาพพร้อมใช้งาน (availability) ของข้อมูลส่วนบุคคล
ทั้งนี้ เพื่อปูองกันการสูญหาย เข้าถึง ใช้ เปลี่ยนแปลง แก้ไข หรือเปิดเผย
ข้อมูลสว่ นบคุ คลโดยมชิ อบ
ข้อ ๔ ผู้ควบคมุ ข้อมูลส่วนบคุ คลต้องแจ้งมาตรการรักษาความม่ันคง
ปลอดภัยของข้อมูลส่วนบุคคลตามประกาศน้ี ให้แก่บุคลากร พนักงาน
ลูกจ้างหรือบุคคลท่ีเกี่ยวข้องทราบ รวมถึงสร้างเสริมความตระหนักรู้
ด้านความสาคัญของการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลให้กับกลุ่มบุคคลดังกล่าว
ปฏิบัติตามมาตรการทก่ี าหนดอย่างเครง่ ครดั
๑ ประกาศในราชกิจจานุเบกษา เล่ม ๑๓๗ ตอนพิเศษ ๑๖๔ ง วันท่ี ๑๗
กรกฎาคม ๒๕๖๓ (หนา้ ๑๒-๑๓)
216
ข้อ ๕ ผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคลต้องจัดให้มีมาตรการรักษาความ
ม่ันคงปลอดภัยของข้อมูลส่วนบุคคล ซ่ึงควรครอบคลุมถึงมาตรการปูองกัน
ด้านการบริหารจัดการ (administrative safeguard) มาตรการปูองกันด้าน
เทคนิค (technical safeguard) และมาตรการปูองกันทางกายภาพ (physical
safeguard) ในเร่ืองการเข้าถึงหรือควบคุมการใช้งานข้อมูลส่วนบุคคล
(access control) โดยอยา่ งนอ้ ยต้องประกอบด้วยการดาเนินการ ดงั ตอ่ ไปนี้
(๑) การควบคมุ การเข้าถึงข้อมูลส่วนบุคคลและอุปกรณ์ในการจัดเก็บ
และประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลโดยคานึงถึงการใช้งานและความม่ันคง
ปลอดภยั
(๒) การกาหนดเกี่ยวกับการอนุญาตหรือการกาหนดสิทธิในการ
เข้าถงึ ข้อมูลสว่ นบุคคล
(๓) การบริหารจัดการการเข้าถึงของผู้ใช้งาน (user access
management) เพ่ือควบคุมการเข้าถึงข้อมูลส่วนบุคคลเฉพาะผู้ที่ได้รับ
อนญุ าตแลว้
(๔) การกาหนดหน้าท่ีความรับผิดชอบของผู้ใช้งาน (user
responsibilities) เพ่ือปูองกันการเข้าถึงข้อมูลส่วนบุคคลโดยไม่ได้รับ
อนญุ าต การเปิดเผย การล่วงรู้ หรือการลักลอบทาสาเนาข้อมูลส่วนบุคคล
การลักขโมยอุปกรณ์จัดเกบ็ หรอื ประมวลผลข้อมลู สว่ นบคุ คล
(๕) การจัดให้มีวิธีการเพื่อให้สามารถตรวจสอบย้อนหลังเก่ียวกับ
การเข้าถึง เปล่ียนแปลง ลบ หรือถ่ายโอนข้อมูลส่วนบุคคล ให้สอดคล้อง
เหมาะสมกับวิธีการและส่ือท่ีใช้ในการเก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูล
สว่ นบุคคล
ข้อ ๖ ผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคลอาจเลือกใช้มาตรฐานการรักษา
ความม่นั คงปลอดภยั ของขอ้ มลู ส่วนบุคคลที่แตกต่างไปจากประกาศฉบับน้ีได้
217
หากมาตรฐานดังกล่าวมีมาตรการรักษาความม่ันคงปลอดภัยไม่ต่า กว่า
ทกี่ าหนดในประกาศน้ี
ข้อ ๗ ให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพ่ือเศรษฐกิจและสังคม
รักษาการตามประกาศนี้ และให้มีอานาจตีความและวินิจฉัยปัญหาอันเกิด
จากการปฏิบตั ติ ามประกาศนี้
ประกาศ ณ วนั ที่ ๒๔ มิถุนายน พ.ศ. ๒๕๖๓
พทุ ธิพงษ์ ปณุ ณกนั ต์
รัฐมนตรวี ่าการกระทรวงดิจทิ ัลเพอื่ เศรษฐกิจและสงั คม
218
ระเบียบ
วา่ ดว้ ยหลักเกณฑ์และวิธกี ารสรรหาประธานกรรมการและกรรมการ
ผู้ทรงคณุ วุฒิในคณะกรรมการค้มุ ครองขอ้ มูลส่วนบุคคล
พ.ศ. ๒๕๖๓
219
ระเบยี บ
วา่ ดว้ ยหลักเกณฑแ์ ละวิธีการสรรหาประธานกรรมการและกรรมการ
ผ้ทู รงคุณวุฒิในคณะกรรมการคุ้มครองขอ้ มูลสว่ นบุคคล
พ.ศ. ๒๕๖๓
โดยท่ีเป็นการสมควรกาหนดหลักเกณฑ์และวิธีการสรรหาบุคคล
เพื่อเสนอคณะรัฐมนตรีแต่งตั้งเป็นประธานกรรมการและกรรมการ
ผู้ทรงคุณวุฒิ และการสรรหาประธานกรรมการและกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ
เพื่อดารงตาแหน่งแทนผู้ที่พ้นจากตาแหน่งก่อนวาระในคณะกรรมการ
คุ้มครองขอ้ มลู ส่วนบคุ คล
อาศยั อานาจตามความในมาตรา ๘ วรรคสาม แห่งพระราชบัญญัติ
คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ. ๒๕๖๒ คณะรัฐมนตรีจึงวางระเบียบไว้
ดังต่อไปนี้
ข้อ ๑ ระเบียบนี้เรียกว่า “ระเบียบว่าด้วยหลักเกณฑ์และวิธีการ
สรรหาประธานกรรมการ และกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการ
ค้มุ ครองขอ้ มูลส่วนบุคคล พ.ศ. ๒๕๖๓”
ข้อ ๒ ระเบียบน้ีให้ใช้บังคับต้ังแต่วันถัดจากวันประกาศใน
ราชกิจจานุเบกษาเปน็ ต้นไป๑
๑ ประกาศในราชกิจจานุเบกษา เล่ม ๑๓๗ ตอนพิเศษ ๔๐ ง วันที่ ๒๐
กุมภาพันธ์ ๒๕๖๓ (หน้า ๑-๓)
220
ข้อ ๓ ในระเบียบนี้
“ประธานกรรมการ” หมายความว่า ประธานกรรมการคุ้มครอง
ขอ้ มลู ส่วนบุคคล
“กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ” หมายความว่า กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ
ในคณะกรรมการคุม้ ครองข้อมูลสว่ นบุคคล
“คณะกรรมการสรรหา” หมายความว่า คณะกรรมการสรรหา
ประธานกรรมการและกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการคุ้มครอง
ข้อมลู ส่วนบคุ คล
“ประธานกรรมการสรรหา” หมายความว่า ประธานกรรมการ
สรรหาประธานกรรมการและ กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการ
คุม้ ครองข้อมูลส่วนบุคคล
“กรรมการสรรหา” หมายความว่า กรรมการในคณะกรรมการ
สรรหาประธานกรรมการและกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการ
คุม้ ครองขอ้ มูลสว่ นบุคคล
“สานักงาน” หมายความว่า สานักงานคณะกรรมการคุ้มครอง
ข้อมลู ส่วนบุคคล
ข้อ ๔ ในกรณีท่ีมีเหตุให้ต้องสรรหาประธานกรรมการและ
กรรมการผทู้ รงคณุ วุฒิ ให้สานักงานดาเนินการสรรหาบุคคลที่สมควรได้รับ
การเสนอช่ือเป็นประธานกรรมการและกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ เพ่ือเสนอ
คณะรัฐมนตรใี หม้ ีมติแต่งตัง้
การสรรหาประธานกรรมการและกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิให้
ดาเนินการให้แล้วเสร็จภายในหกสิบวันนับแต่วันที่มีคณะกรรมการสรรหา
ครบถ้วนตามมาตรา ๙ และหากมีเหตุจาเป็น ให้คณะกรรมการสรรหา
ขยายระยะเวลาไดอ้ ีกไม่เกนิ หกสิบวัน
221
ในระหว่างท่ีคณะกรรมการสรรหายังไม่ส้ินสุดลงตามข้อ ๘ และ
มีเหตุให้ต้องสรรหาประธานกรรมการและกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิเพิ่มขึ้น
ให้ดาเนินการให้แล้วเสร็จภายในหกสิบวันนับแต่วันท่ีมีเหตุให้ต้องสรรหา
ดงั กลา่ ว
ขอ้ ๕ ให้สานักงานดาเนินการ ดังตอ่ ไปน้ี
(๑) รับสมัครบุคคลท่ีประสงค์จะเข้ารับการคัดเลือกเป็นประธาน
กรรมการ ไม่น้อยกวา่ สามรายชอ่ื
(๒) รับสมัครบุคคลที่ประสงค์จะเข้ารับการคัดเลือกเป็นกรรมการ
ผูท้ รงคณุ วฒุ ิ ไมน่ อ้ ยกว่าสองเทา่ ของจานวนกรรมการทีจ่ ะสรรหา
(๓) ตรวจสอบประวัติ คุณสมบัติและลักษณะต้องห้าม และความ
ยินยอมให้เสนอชื่อเข้ารับการคัดเลือกของบุคคลตาม (๑) หรือ (๒) รวมถึง
ขอ้ มูลอน่ื ๆ ทีจ่ าเป็นตอ่ การสรรหา
ในการรับสมัครบุคคลตาม (๑) หรือ (๒) ให้สานักงานเปิดรับสมัคร
เปน็ ระยะเวลาย่ีสิบเอด็ วัน
เมื่อครบกาหนดระยะเวลาการรับสมัครแล้ว หากมีจานวนผู้สมัคร
น้อยกว่าที่กาหนดไว้ใน (๑) หรือ (๒) หรือได้ผู้สมัครท่ีมีความรู้
ความเชี่ยวชาญ และประสบการณ์ยังไม่หลากหลาย จนเป็นประโยชน์ต่อการ
คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล ให้สานักงานเสนอบัญชีรายชื่อบุคคลเพิ่มเติมได้
โดยดาเนินการตาม (๓) ให้แล้วเสร็จภายในสิบสี่วัน แล้วเสนอบัญชีรายชื่อ
บุคคลดังกล่าวโดยจัดเรียงลาดับ ตามตัวอักษร ต่อคณะกรรมการสรรหา
ภายในสามวันนับแต่วันทีต่ รวจสอบตาม (๓) แลว้ เสรจ็
การดาเนินการและวิธีการรับสมัคร ให้เป็นไปตามท่ีสานักงาน
ประกาศกาหนด
222
ข้อ ๖ ให้คณะกรรมการสรรหาคัดเลือกบุคคลผู้มีคุณสมบัติตาม
มาตรา ๘ (๑) หรือตามมาตรา ๘ (๔) แล้วแต่กรณี รวมท้ังมีคุณสมบัติและ
ไม่มีลักษณะต้องห้ามตามมาตรา ๑๑ และยินยอมให้เสนอช่ือเข้ารับ
คัดเลือกเท่ากับจานวนประธานกรรมการและกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ
ที่จะไดร้ ับแต่งต้งั โดยใหค้ านงึ ถงึ ความโปรง่ ใสและความเป็นธรรมในการสรรหา
เม่อื ได้คัดเลือกบุคคลเป็นประธานกรรมการและกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ
ครบจานวนแลว้ ใหค้ ณะกรรมการสรรหาแจง้ รายช่อื ประธานกรรมการและ
กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ พร้อมหลักฐานแสดงคุณสมบัติและการไม่มีลักษณะ
ตอ้ งหา้ ม รวมทั้งความยินยอมของบุคคลดังกล่าวต่อคณะรัฐมนตรี เพื่อแต่งต้ัง
เปน็ ประธานกรรมการและกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ
ข้อ ๗ การประชุมของคณะกรรมการสรรหาต้องมีกรรมการสรรหา
มาประชุมไม่น้อยกว่าก่ึงหน่ึงของจานวนกรรมการสรรหาทั้งหมดจึงจะเป็น
องค์ประชมุ
ในกรณีท่ีประธานกรรมการสรรหาท่ีได้รับการแต่งตั้งไม่มาประชุมหรือ
ไม่อาจปฏิบัติหน้าที่ได้ ให้กรรมการสรรหาท่ีมาประชุมเลือกกรรมการสรรหา
คนหน่ึงเป็นประธานในทปี่ ระชุม
การวินิจฉัยช้ีขาดของท่ีประชุมให้ถือเสียงข้างมาก กรรมการสรรหา
คนหนึ่งให้มีเสียงหนึ่งในการลงคะแนน ถ้าคะแนนเสียงเท่ากัน ให้ประธาน
ออกเสยี งเพ่มิ ข้ึนอีกเสียงหน่ึงเปน็ เสียงช้ขี าด
ข้อ ๘ เม่ือคณะรัฐมนตรีแต่งต้ังประธานกรรมการและกรรมการ
ผ้ทู รงคุณวุฒติ ามจานวนท่กี าหนดในมาตรา ๘ (๑) หรือมาตรา ๘ (๔) แล้วแต่กรณี
ใหค้ ณะกรรมการสรรหาสิน้ สุดลง
223
ข้อ ๙ เมื่อคณะกรรมการสรรหาส้ินสุดลง และกรณีมีเหตุให้ต้อง
สรรหาประธานกรรมการและกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิให้เร่ิมดาเนินการตาม
ข้อ ๔ ก่อนครบวาระของประธานกรรมการและกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิชุดเดิม
เปน็ ระยะเวลาไม่น้อยกว่าเก้าสิบวัน หรือภายในเก้าสิบวันนับแต่วันท่ีประธาน
กรรมการและกรรมการผ้ทู รงคุณวฒุ พิ ้นจากตาแหน่งกอ่ นครบวาระ
ข้อ ๑๐ ในวาระเรม่ิ แรก การดาเนินการสรรหาประธานกรรมการและ
กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิตามข้อ ๔ วรรคสอง ให้นับตั้งแต่วันที่ระเบียบน้ี
ใชบ้ ังคับ
ข้อ ๑๑ ให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพ่ือเศรษฐกิจและสังคม
รักษาการตามระเบียบน้ี
ให้ประธานกรรมการสรรหามีอานาจตีความและวินิจฉัยปัญหา
เกี่ยวกับการปฏิบัติตามระเบียบนี้ และคาวินิจฉัยของประธานกรรมการ
สรรหาให้เป็นท่ีสุด
ประกาศ ณ วนั ท่ี ๑๙ กมุ ภาพันธ์ พ.ศ. ๒๕๖๓
พลเอก ประยทุ ธ์ จันทร์โอชา
นายกรฐั มนตรี
224