The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

วิทยาการคำนวณ ป.6

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by nuengcomputer, 2021-09-29 13:08:26

วิทยาการคำนวณ ป.6

วิทยาการคำนวณ ป.6

- เกมน้คี ือเกมอะไร มวี ธิ กี ารเลน่ อย่างไร
- เกมนม้ี เี ง่ือนไขอะไรบ้าง จงยกตวั อยา่ ง
- อะไรทำให้เครื่องดูดฝ่นุ เคล่อื นทขี่ นึ้ -ลง ซ้าย-ขวา
- นักเรียนคิดว่าจะสามารถเขียนเกมในโปรแกรม Scratch ให้มีลักษณะเหมือนเกมนี้ได้
หรอื ไม่
2. ขน้ั สำรวจและค้นหา (exploration)
1. ครูยกตัวอย่างโปรแกรมใหน้ ักเรียนพจิ ารณาและนําอภิปรายว่านอกจากคำสัง่ if ที่ใช้ในการ
เขียนโปรแกรมแบบมีเงื่อนไขแล้ว ในโปรแกรม Scratch ยังมีคำสั่งอื่นที่ใช้ในการตรวจสอบเงื่อนไข ซึ่งจะได้
เรยี นในบทนี้ จากน้ันครทู บทวนคำส่งั ทีไ่ ด้ศกึ ษาจาก บทที่ 3 โดยอาจใช้คำถาม เชน่
- บลอ็ กคำสั่งอะไรทใ่ี ช้ในการเกบ็ ข้อมลู (ตวั แปร)
- บล็อกคำส่ังอะไรใชใ้ นการตรวจสอบการสมั ผสั (บลอ็ กคำสั่ง touching)
- บล็อกคำสั่ง wait until ทำงานอย่างไร (ใช้สำหรับทำให้โปรแกรมหยุครอจนกระทั่ง
เง่อื นไขเป็นไปตามทก่ี ำหนดแลว้ โปรแกรมจงึ ทำงานต่อ)
3. ขนั้ อธิบายและลงขอ้ สรุป (explanation)
1. ครูชี้แจงและให้นักเรียนทำใบงาน เรื่อง ค้างคางกินกล้วย จากนั้นสุ่มนักเรียนนําเสนอ
คำตอบ
4. ข้ันขยายความรู้ (elaboration)
1. ครูนำนกั เรยี นร่วมกนั สรุปความรู้ท่ไี ดจ้ ากการจัดกิจกรรมในประเด็นตอ่ ไปน้ี
- บล็อกคำสง่ั ใดที่นกั เรยี นรจู้ ักหรอื เคยใชง้ านมาแล้ว และใช้ทำอะไร
- นกั เรยี นได้เรียนรู้บล็อกคำส่งั อะไรเพิม่ เติมจากบทเรียนน้ี และ นาํ ไปใช้งานอย่างไร (pick
random ใช้สำหรับสุ่มค่า if else ใช้สำหรับตรวจสอบเงื่อนไข when key pressed ใช้ตรวจสอบ การกด
แปน้ พมิ พ)์
- นกั เรยี นแกป้ ญั หาอย่างไรเมอ่ื ผลลัพธไ์ ม่เปน็ ไปตามต้องการ
- นักเรียนคิดว่าการพิจารณาโจทย์ปัญหา และระบุว่ามีงานใดบ้าง ที่ต้องทำแล้วจึงลงมือ
เขยี นโปรแกรม มขี ้อดอี ย่างไร (ชว่ ยให้ สามารถแบ่งปญั หาออกเป็นงานย่อย ๆ และทำใหท้ ราบวา่ มีงานใดบ้าง
ท่ีคล้ายกนั หรือตอ้ งทําซ้ำเพ่อื ประโยชนใ์ นการนําสคริปต์ไปใชร้ ่วมกัน)
- นักเรียนสามารถนําความรู้ไปประยุกต์ในการสร้างเกมหรือเขียน โปรแกรมอื่น ๆ ได้
อย่างไร
5. ขนั้ ประเมนิ (evaluation)
1. ครูให้นักเรียนแต่ละคนพิจารณาว่า จากหัวข้อที่เรียนมาและการปฏิบัติกิจกรรม มีจุด
ใดบ้างท่ยี งั ไม่เข้าใจหรือยงั มขี ้อสงสัย ถ้ามี ครชู ว่ ยอธิบายเพิ่มเตมิ ใหน้ กั เรยี นเข้าใจ
2. นักเรยี นร่วมกนั ประเมนิ การปฏิบตั ิกจิ กรรมกลุ่มวา่ มีปัญหาหรืออุปสรรคใด และได้มีการ
แก้ไขอยา่ งไรบ้าง

3. ครูและนักเรียนร่วมกันแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับประโยชน์ที่ได้รับจากการปฏิบัติ
กิจกรรม และการนำความรู้ที่ไดไ้ ปใช้ประโยชน์

7. กระบวนการวัดและประเมนิ ผล
การประเมนิ การเรียนร้ขู องนกั เรียนทำได้ ดังนี้
1. ประเมนิ ความรเู้ ดิมจากการอภปิ รายในชน้ั เรยี น
2. ประเมินการเรียนรู้จากคำตอบของนักเรียนระหว่างการจัดการเรียนรู้และจากแบบบันทึก

กจิ กรรม
3. ประเมินทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์และทักษะแห่งศตวรรษที่ 21 จากการทำกิจกรรม

ของนกั เรียน

การประเมินจากการทำกจิ กรรม

ระดบั คะแนน

3 คะแนน หมายถึง ดี 2 คะแนน หมายถงึ พอใช้ 1 คะแนน หมายถงึ ควรปรับปรุง

รหัส ส่งิ ทปี่ ระเมนิ ระดับคะแนน

ทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์

S1 การสังเกต

S8 การลงความเหน็ จากขอ้ มูล

S13 การตีความหมายข้อมลู และลงข้อสรุป

ทกั ษะแหง่ ศตวรรษที่ 21

C4 การสื่อสาร

C5 ความรว่ มมอื

8. สือ่ และแหล่งการเรียนรู้
- หนังสือเรียนรายวิชาพื้นฐานวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี เทคโนโลยี ชั้นประถมศึกษาปีที่ 6

สสวท.

9. ความเหน็ ของหวั หน้าสถานศึกษา/ผทู้ ไี่ ด้รับมอบหมาย

ได้ทำการตรวจแผนการจัดการเรียนรู้ของ.......................................................... แล้วมีความเห็นดงั นี้
1. เปน็ แผนการจัดการเรยี นรูท้ ่ี
 ดีมาก
 ดี
 พอใช้
 ควรปรับปรุง
2. การจัดกจิ กรรมไดน้ ำเอากระบวนการเรียนรู้
 เน้นผเู้ รียนเปน็ สำคัญมาใช้ในการสอนไดอ้ ย่างเหมาะสม
 ยงั ไม่เนน้ ผู้เรยี นเปน็ สำคญั ควรปรับปรุงพัฒนาต่อไป
3. เปน็ แผนการจัดการเรยี นรู้ท่ี
 นำไปใช้ได้จริง
 ควรปรับปรุงกอ่ นนำไปใช้
4. ข้อเสนอแนะอ่นื ๆ

.................................................................................................................................................... ..........................
..............................................................................................................................................................................
..............................................................................................................................................................................

ลงชอ่ื ..................................................
(.................................................)

วันท่ี........เดือน...............พ.ศ. ...........

10. บันทกึ ผลหลงั การสอน
 ดา้ นความรู้

 ดา้ นสมรรถนะสำคัญของผู้เรียน

 ดา้ นคุณลักษณะอนั พงึ ประสงค์

 ด้านความสามารถทางวิทยาศาสตร์

 ด้านอืน่ ๆ (พฤตกิ รรมเด่น หรือพฤติกรรมที่มีปญั หาของนกั เรยี นเป็นรายบคุ คล (ถา้ ม)ี )

 ปัญหา/อปุ สรรค

 แนวทางการแกไ้ ข

ลงชอื่ ..................................................ครผู ู้สอน
(.................................................)

ตำแหนง่ ............................................

แผนการจัดการเรียนรู้ท่ี 17

กลมุ่ สาระการเรยี นรูว้ ทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี รายวิชาพื้นฐานวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี (เทคโนโลยี)
ชั้นประถมศึกษาปที ่ี 6 ปกี ารศึกษา ..........
เรื่อง คา้ งคาวกินกล้วย ตอน โค้ดไมด่ เี ลยมีบกั เวลา 1 ชัว่ โมง
ครูผ้สู อน.........................................

1. มาตรฐานการเรยี นร/ู้ ตัวช้ีวดั
สาระที่ 4 เทคโนโลยี
มาตรฐาน ว 4.2 เข้าใจและใช้แนวคิดเชิงคำนวณในการแก้ปัญหาที่พบในชีวิตจริงอย่างเป็นขั้นตอน
และเป็นระบบ ใช้เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารในการเรียนรู้ การทำงาน
และการแกป้ ญั หาไดอ้ ยา่ งมีประสทิ ธิภาพ รู้เท่าทนั และมจี ริยธรรม
ตวั ชีว้ ดั ป.6/1 ใชเ้ หตุผลเชิงตรรกะในการอธิบายและออกแบบวิธีการแกป้ ญั หาท่ีพบในชีวิตประจำวนั
ป.6/2 ออกแบบและเขยี นโปรแกรมอย่างง่ายเพื่อแก้ปญั หาในชวี ิตประจำวัน

2. จุดประสงค์การเรยี นรู้ (ความรู้, ทักษะ, เจตคต)ิ
1. นักเรียนมีความร้คู วามเขา้ ใจเกย่ี วกับการการเขียนโปรแกรมเพอ่ื สุ่มค่า
2. นกั เรยี นสามารถตรวจสอบและแกไ้ ขขอ้ ผิดพลาดของโปรแกรมได้
3. นกั เรียนมีเจตคตทิ ่ีดตี อ่ วิชาวทิ ยาศาสตร์และสามารถนำไปประยุกต์ใช้ในชีวิตประจำวนั ได้

3. สาระสำคญั
การวางแผนและออกแบบงานก่อนลงมือเขียนโปรแกรมจะช่วยให้เกิดความ เข้าใจในเป้าหมายการ

ทำงานไดช้ ัดเจนขนึ้
บลอ็ กคำส่ัง when key pressed อยใู่ นกล่มุ บล็อก Events ใช้สำหรับตรวจสอบเหตกุ ารณ์ว่ามีการกด

แป้นพิมพ์หรือไม่ และโปรแกรมจะทำตามคำสง่ั ถดั ไปหากมี การกดแปน้ พิมพ์ที่ระบไุ ว้
การคัดลอกสคริปต์หรือบล็อกคำสั่งทำได้โดยคลิกขวาแล้วเลือกคำสั่ง Duplicate นอกจากนี้อาจ

คัดลอกโดยคลิกทส่ี คริปตห์ รอื บลอ็ กคำสั่งนนั้ แลว้ ลากไปวางที่ ชอื่ ตัวละครทต่ี ้องการคดั ลอก
ตวั ละคร 1 ตัวสามารถมีสครปิ ต์ไดม้ ากกวา่ 1 สครปิ ต์ เพือ่ ใช้แบ่งสว่ นการทำงาน ให้ชดั เจนและเข้าใจ

ง่ายข้นึ
บล็อกคำสั่ง next costume ใช้แสดงชุดตัวละครถัดไป บล็อกคำสั่ง pick random อยู่ในกลุ่ม

Operators ใช้สำหรบั สมุ่ คา่ โดยการระบเุ ปน็ ช่วง

กลุ่มบล็อก Operators มีคำสั่งที่ใช้เปรียบเทียบค่าหรือตรวจสอบเงื่อนไข เช่น คำสั่ง and (และ)
คำส่งั or (หรอื ) โดยคำสง่ั and (และ) ใชส้ ำหรับตรวจสอบเงื่อนไข 2 เงื่อนไข จะให้ค่าเป็นจริงก็ต่อเมื่อทั้งสอง
เงื่อนไขเป็นจริง ส่วนคำสั่ง or (หรือ) ใช้สำหรับตรวจสอบเงื่อนไข 2 เงื่อนไข โดยจะให้ค่าเป็นจริงก็ต่อเม่ือ
เง่ือนไขใดเงอื่ นไข หน่ึงเป็นจรงิ หรือท้ังสองเงอื่ นไขเปน็ จรงิ

คำสั่ง if else ใช้ตรวจสอบเงื่อนไข โดยถ้าเงือ่ นไขเป็นจริง โปรแกรมจะทำตามคำส่ังที่อยูถ่ ัดไป แต่ถ้า
เงอ่ื นไขเป็นเทจ็ โปรแกรมจะทำตามคำสงั่ ทอ่ี ยตู่ อ่ จาก else

การกดแป้นพิมพ์ซ้ำ ๆ อาจทำให้คีย์บอร์ดชำรุด จึงควรใช้งานอย่างระมัดระวัง และดูแลรักษาให้ใช้
งานได้นาน ไมค่ วรใช้คอมพวิ เตอรน์ านเกินไป ควรแบ่งเวลาไป ว่งิ เลน่ กบั เพอื่ นหรอื ทำกจิ กรรมอนื่ ๆ

4. สาระการเรียนรู้
1. การเขียนโปรแกรมแบบมเี ง่อื นไข
2. การเขียนโปรแกรมเพ่ือสุ่มค่า
3. การเขยี นโปรแกรมโดยใช้ตวั แปร
4. การเขียนโปรแกรมตรวจสอบการกดแป้นพิมพจ์ ากผูใ้ ช้
5. การตรวจสอบและแกไ้ ขขอ้ ผดิ พลาดของโปรแกรม

5. คุณลักษณะอนั พึงประสงค์
1. ใฝเ่ รยี นรู้
2. อยู่อยา่ งพอเพยี ง
3. มุ่งมนั่ ในการทำงาน

5. ช้ินงานหรือภาระงาน
ใบกจิ กรรมท่ี 5.1 โคด้ ไม่ดีเลยมบี กั

6. กจิ กรรมการเรยี นรู้
แนวคิด/รูปแบบการสอน/วิธีการสอน/เทคนิค : สืบเสาะหาความรู้ (5Es Instructional Model)

โดยเน้นผ้เู รยี นเปน็ สำคัญ ดำเนนิ การเรียนการสอนดงั ตอ่ ไปน้ี

1. ขั้นสรา้ งความสนใจ (engagement)
1. ครูนำเข้าสู่บทเรียนโดยให้นักเรียนทดลองเล่นเกมทำความสะอาดบ้านจากลิงก์

oho.ipst.ac.th/im/6591 หลังจากทดลองเล่นเกม เสร็จแล้ว ครูนำนักเรียนรว่ มกนั อภิปรายเกี่ยวกบั เกม โดย
ใช้คำถาม ตวั อย่างคำถาม เช่น

- เกมนี้คือเกมอะไร มวี ิธกี ารเล่นอยา่ งไร (เกมทำความสะอาดบา้ น วิธกี ารเล่นคอื ผูเ้ ล่นต้อง
กดแป้นลูกศร สำหรบั กำหนดทิศทางการเคลื่อนทข่ี องเคร่ืองดูดฝุ่น เพือ่ ให้เครอ่ื งดูดฝนุ่ ทำความสะอาดบา้ น)

- เกมนี้มีเงื่อนไขอะไรบ้าง จงยกตัวอย่าง (ถ้าผู้เล่นกดแป้น ลูกศรขวาแล้วเครื่องดูดฝุ่นจะ
เคลื่อนที่ไปด้านขวา ถ้าผู้เล่นกดแป้นลูกศรซ้ายแลว้ เครื่องดูดฝุ่นจะเคลื่อนทีไ่ ปด้านซ้าย ถ้าผู้เล่นกดแป้นลกู ศร
บนแล้วเครื่องดูดฝุ่นจะเคลื่อนที่ไปด้านบน ถ้าผู้เล่นกดแป้นลูกศรล่างแล้วเครื่องดูดฝุ่นจะเคลื่อนที่ไปด้านล่าง
ถ้าเคลอ่ื นทไ่ี ปสมั ผสั ตัวปล่อยฝนุ่ จะเสยี ตวั เลน่ 1 ตวั ฯลฯ)

- อะไรทำใหเ้ ครื่องดูดฝุน่ เคล่ือนทขี่ ้ึน-ลง ซ้าย-ขวา (การกดแป้นลูกศรจากผู้เล่น)
- นักเรียนคิดว่าจะสามารถเขียนเกมในโปรแกรม Scratch ให้มีลักษณะเหมือนเกมนี้ได้
หรอื ไม่
2. ขั้นสำรวจและคน้ หา (exploration)
1. ครใู หน้ กั เรียนทำกจิ กรรมสำรวจความรู้ก่อนเรียนข้อ 1 ใหพ้ จิ ารณาเงื่อนไขต่อไปนี้ “ถ้าเป็น
วันหยุด (เสาร์-อาทิตย์) ให้รดน้ำต้นไม้และ ทำการบ้าน ถ้าไม่ใช่ให้อ่านหนังสือ” จากนั้นครูตั้งประเด็นคำถาม
ตัวอยา่ งคำถาม เช่น
- ถ้าวันนี้เป็นวันหยุดนักเรียนต้องทำอะไร เพราะอะไร (นักเรียนต้องรดน้ำต้นไม้และทำ
การบ้าน เพราะวันน้เี ปน็ วันหยุด)
- ถ้าเป็นวันจันทร์นักเรียนต้องทำอะไร เพราะอะไร (นักเรียนต้องอ่านหนังสือ เพราะวันนี้
ไม่ใชว่ ันหยุด)
- ถา้ เป็นวนั พธุ นักเรยี นต้องทำอะไรเพราะอะไร (นักเรียนต้องอ่านหนังสือ เพราะวันนี้ไม่ใช่
วนั หยดุ )
- ถ้าเป็นวันศุกร์นักเรียนต้องทำอะไร เพราะอะไร (นักเรียนต้อง อ่านหนังสือ เพราะวันน้ี
ไม่ใชว่ ันหยดุ )
- ถ้าวันนี้นกั เรยี นรดน้ำต้นไมแ้ ละทำการบ้าน แสดงว่าวนั นีเ้ ป็น วนั อะไร เพราะอะไร (วันน้ี
เปน็ วนั หยดุ เพราะ สิ่งท่ีนักเรยี น ทำคือรดน้ำตน้ ไมแ้ ละทำการบา้ น)
- ถ้าวันนี้นักเรียนอ่านหนังสือ แสดงว่าวันนี้เป็นวันอะไร เพราะอะไร (วันนี้ไม่ใช่วันหยุด
เพราะ ส่งิ ที่นักเรียนทำคือ อา่ นหนังสอื )
จากนั้นครูให้นักเรียนช่วยกันพิจารณาว่าถ้าต้องการ เขียนโปรแกรม Scratch ให้ตัวละคร
ตรวจสอบคา่ ท่ีรบั จาก ผใู้ ช้วา่ วันนี้เปน็ วันอะไร แล้วให้ตวั ละครพดู สิ่งท่ตี ้องทำจะใช้ บลอ็ กคำส่ังอะไรบ้าง และ
บลอ็ กคำสั่งอะไรทีจ่ ะใช้ในการ ตรวจสอบเงอ่ื นไข

2. ครูยกตัวอยา่ งโปรแกรมให้นกั เรียนพจิ ารณาและนําอภิปรายว่านอกจากคำสั่ง if ที่ใช้ในการ
เขียนโปรแกรมแบบมีเงื่อนไขแล้ว ในโปรแกรม Scratch ยังมีคำสั่งอื่นที่ใช้ในการตรวจสอบเงื่อนไข ซึ่งจะได้
เรียนในบทนี้ จากนั้นครทู บทวนคำสัง่ ที่ได้ศึกษาจาก บทท่ี 3 โดยอาจใช้คำถาม เช่น

- บลอ็ กคำสั่งอะไรท่ีใช้ในการเกบ็ ข้อมูล (ตวั แปร) บลอ็ กคำสงั่ อะไรใช้ในการตรวจสอบการ
สมั ผัส (บล็อกคำสั่ง touching)

- บล็อกคำสั่ง wait until ทำงานอย่างไร (ใช้สำหรับทำให้โปรแกรมหยุครอจนกระทั่ง
เงอื่ นไขเปน็ ไปตามที่กำหนดแล้วโปรแกรมจงึ ทำงานต่อ)

3. ขั้นอธบิ ายและลงขอ้ สรุป (explanation)
1. ครูนํานักเรียนศึกษาเนื้อหาในหนังสือเรียนบทที่ 6 ค้างคาวกินกล้วยหน้า 116-129 โดยครู

สาธิตและให้นักเรียนเขียนโปรแกรมตาม เนื้อหาในบทเรียน จากนั้นตั้งคำถามให้นักเรียนอภิปรายร่วมกัน
ตัวอย่างคำถาม เชน่

- โป้งและก้อยเขียนเกมอะไร มีกติกาการเล่นเกมอย่างไรมีเงื่อนไขอะไรบ้าง (เกมค้างคาว
แข่งกับนกแก้วกินกล้วย โดยการเคลื่อนที่ของคางคาวและนกแก้วจะถูกควบคุมโดย ผู้เล่นผ่านการกดบน
แป้นพมิ พ์ ถา้ กล้วยสมั ผัสกับค้างคาว หรือนกแกว้ แลว้ กล้วยจะยา้ ยตำแหนง่ ใหม่โดยการสมุ่ )

- ให้นักเรียนบอกงานที่ต้องทำทั้งหมดของโปรแกรมนี้ (การทำให้ค้างคาวและนกแก้ว
เคล่ือนทีไ่ ด้ตามการกดแปน้ พิมพ์คา้ งคาวและนกแก้วกระพือปีก)

- นักเรียนคิดว่าการเขียนโปรแกรมให้นกแก้วเคลื่อนที่และกระพือปีกได้แตกต่างจากการ
เขียนโปรแกรมให้ค้างคาวเคลื่อนที่ และกระพือปีกได้หรือไม่ เพราะอะไร (สคริปต์ไม่ต่างกันเพราะมีลักษณะ
การทำงานรปู แบบเดียวกนั สามารถคดั ลอกวธิ กี ารได้)

- มีสคริปต์ใดบ้างของนกแก้วที่เราสามารถคัดลอกไปใช้กับค้างคาวได้ (สคริปต์สั่งให้
ค้างคาวเคล่อื นท่ี สครปิ ต์สงั่ ใหค้ ้างคาวกระพือปีก)

- โป้งและก้อยใช้คำสั่งอะไรตรวจสอบการกดแป้นพิมพ์ (คำสั่ง when key pressed) การ
คัดลอกสคริปต์จากตัวละครหนึ่งไปอีกตัวละครทำได้โดยวิธี ใด คลิกที่สคริปต์หรือบล็อกคำสั่งนั้นแล้วลากไป
วางทีช่ ่ือ ตวั ละครที่ต้องการคดั ลอก)

- ตัวละคร 1 ตัวสามารถมีสคริปต์ได้มากกว่า 1 สคริปต์เพื่ออะไร (เพื่อแบ่งส่วนการทำงาน
ใหช้ ัดเจนและเขา้ ใจงา่ ยขน้ึ )

2. ครชู ีแ้ จงและให้นักเรียนทำใบกิจกรรมท่ี 5.1 โคด้ ไมด่ ีเลยมีบัก ขอ้ ที่ 1 โปรแกรม Ruby เป่า
เค้ก โดยเปิดคลิปวิดีโอตัวอย่างผลลัพธ์ ที่ได้จากลิงก์ oho.ipst.ac.th/im/6521 และผลลัพธ์ที่ต้องการ จาก
ลิงก์ oho.ipst.ac.th/im/6522 จากน้ันใหน้ ักเรยี นหาข้อ ผิดพลาดของโปรแกรม หลังจากทำกจิ กรรมเสรจ็ แลว้
ครูสุ่ม นักเรียนออกมานำเสนอคำตอบ อภิปรายคำตอบและแนวทาง ในแก้ไขโปรแกรมร่วมกัน โดยอาจใช้
คําถาม เช่น

- ข้อผิดพลาดของโปรแกรม Ruby เป่าเค้กเกิดจากสาเหตุใด(เขียนสคริปต์ผิดตัวละครและ
เขยี นสคริปต์ตรวจสอบการ กดแปน้ พิมพ์ไม่ถูกต้องตามทิศทางท่ีควรจะเป็น)

- คำตอบทเ่ี พื่อนออกมานำเสนอเหมอื นหรือแตกตา่ งกบั คนอน่ื ๆ หรอื ไม่ เพราะเหตใุ ด
- นักเรียนมีวิธีการแก้ไขข้อผิดพลาดของโปรแกรมอย่างไรแต่ละคนมีวิธีการเหมือนกัน
หรือไม่
3. ครใู ห้นกั เรยี นทำใบกจิ กรรมท่ี 5.1 โค้ดไมด่ เี ลยมบี ัก ข้อท่ี 2 โปรแกรมเกมผูร้ ักษาประตู โดย
ครูชแี้ จงกติกาการเลน่ จากนัน้ เปดิ คลิปวิดโี อตัวอย่างผลลพั ธท์ ี่ไดจ้ ากลงิ ก์ oho.ipst.ac.th/ im/6523 ผลลัพธ์
ที่ต้องการจากลิงก์ oho.ipst.ac.th/im/6524 และให้นักเรียนดาวน์โหลดโปรแกรมผู้รักษาประตูจากลิงก์
oho.ipst.ac.th/im/6525 จากนั้นให้นักเรียนหาข้อผิดพลาด ของโปรแกรม หลังจากทำกิจกรรมเสร็จแล้ว ครู
สุ่มนกั เรยี นออกมา นำเสนอคำตอบ อภิปรายคำตอบและแนวทางในแก้ไขโปรแกรม ร่วมกนั โดยอาจใช้คำถาม
เชน่
- ข้อผิดพลาดโปรแกรมเกมผู้รักษาประตูเกิดจากสาเหตุใด (เกิดจากกำหนด point in
direction ของ Soccer Ball (ลูกฟุตบอล) เป็น 90 องศา จงึ ทำใหล้ กู ฟุตบอลเคลือ่ น ทไ่ี ปดา้ นซ้ายเปน็ เส้นตรง)
- นักเรียนมีวิธีการแก้ไขข้อผิดพลาดของโปรแกรมอย่างไร แต่ละคนมีวิธีการเหมือนกัน
หรือไม่
- ช่วงตัวเลขในบล็อกคำสั่ง pick random ของแต่ละคนเหมือนกัน หรือไม่ และค่านี้ควร
เป็นค่าในช่วงใด เพราะเหตุใด (ค่าควร เป็นช่วงลบเพื่อให้ลูกบอลเคลื่อนที่มาทางซ้าย และค่าไม่ควร เป็น 0
และ 180 เพราะจะทำให้ลูกฟุตบอลเคลื่อนที่เป็นเส้นตรงข้ึนลงในแกน y ทำให้ลูกบอลไม่มีโอกาสไปสมั ผัสกับ
แมว)
- คำตอบที่เพื่อนออกมานำเสนอเหมือนหรือแตกต่างกับเพื่อนคนอื่น ๆ หรือไม่ เพราะเหตุ
ใด

4. ขั้นขยายความรู้ (elaboration)
1. ครูนำนกั เรยี นรว่ มกนั สรปุ ความร้ทู ีไ่ ดจ้ ากการจดั กิจกรรมในประเด็นตอ่ ไปนี้
- บลอ็ กคำส่ังใดทนี่ กั เรยี นรูจ้ ักหรือเคยใชง้ านมาแลว้ และใชท้ ำอะไร
- นักเรยี นได้เรียนรู้บล็อกคำสง่ั อะไรเพม่ิ เติมจากบทเรียนนี้ และ นําไปใช้งานอยา่ งไร (pick

random ใช้สำหรับสุ่มค่า if else ใช้สำหรับตรวจสอบเงื่อนไข when key pressed ใช้ตรวจสอบ การกด
แป้นพมิ พ)์

- นักเรยี นแกป้ ัญหาอยา่ งไรเมือ่ ผลลัพธ์ไมเ่ ป็นไปตามต้องการ
- นักเรียนคิดว่าการพิจารณาโจทย์ปัญหา และระบุว่ามีงานใดบ้าง ที่ต้องทำแล้วจึงลงมือ
เขียนโปรแกรม มีขอ้ ดีอยา่ งไร (ชว่ ยให้ สามารถแบ่งปัญหาออกเป็นงานย่อย ๆ และทำให้ทราบว่า มีงานใดบ้าง
ท่คี ลา้ ยกนั หรอื ตอ้ งทาํ ซำ้ เพอื่ ประโยชน์ในการนาํ สคริปต์ไปใชร้ ว่ มกัน)
- นักเรียนสามารถนําความรู้ไปประยุกต์ในการสร้างเกมหรือเขียน โปรแกรมอื่น ๆ ได้
อยา่ งไร
5. ขั้นประเมนิ (evaluation)
1. ครูให้นักเรียนแต่ละคนพิจารณาว่า จากหัวข้อที่เรียนมาและการปฏิบัติกิจกรรม มีจุด
ใดบ้างทย่ี ังไมเ่ ข้าใจหรือยังมีขอ้ สงสยั ถ้ามี ครชู ว่ ยอธบิ ายเพิม่ เตมิ ใหน้ ักเรยี นเข้าใจ
2. นักเรยี นรว่ มกันประเมนิ การปฏิบัติกิจกรรมกลุ่มว่ามีปญั หาหรืออุปสรรคใด และได้มีการ
แก้ไขอย่างไรบ้าง
3. ครูและนักเรียนร่วมกันแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับประโยชน์ที่ได้รับจากการปฏิบัติ
กิจกรรม และการนำความรู้ท่ไี ด้ไปใชป้ ระโยชน์

7. กระบวนการวัดและประเมนิ ผล
การประเมนิ การเรยี นรู้ของนกั เรียนทำได้ ดงั นี้
1. ประเมนิ ความรูเ้ ดมิ จากการอภิปรายในชัน้ เรียน
2. ประเมินการเรียนรู้จากคำตอบของนักเรียนระหว่างการจัดการเรียนรู้และจากแบบบันทึก

กิจกรรม
3. ประเมินทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์และทักษะแห่งศตวรรษที่ 21 จากการทำกิจกรรม

ของนกั เรียน

การประเมินจากการทำกิจกรรม

ระดับคะแนน

3 คะแนน หมายถึง ดี 2 คะแนน หมายถงึ พอใช้ 1 คะแนน หมายถึง ควรปรับปรงุ

รหสั สิ่งทีป่ ระเมิน ระดบั คะแนน

ทกั ษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์

S1 การสงั เกต

S8 การลงความเห็นจากข้อมูล

S13 การตคี วามหมายข้อมลู และลงขอ้ สรปุ

ทกั ษะแหง่ ศตวรรษที่ 21

C4 การส่อื สาร

C5 ความรว่ มมอื

8. สื่อและแหล่งการเรียนรู้
- หนังสือเรียนรายวิชาพื้นฐานวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี เทคโนโลยี ชั้นประถมศึกษาปีที่ 6

สสวท.
- แบบฝึกทักษะรายวิชาพื้นฐานวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี เทคโนโลยี ชั้นประถมศึกษาปีที่ 6

สสวท.
- เครื่องคอมพิวเตอร์ที่ติดตั้งโปรแกรม Scratch (หนังสือเรียนและแบบฝึกทักษะจะใช้ Scratch

version 3.6.0)
- เอกสารการจดั การเรยี นรสู้ ะเตม็ ศึกษาดว้ ยการเขยี นโปรแกรม Scratch สสวท.

oho.ipst.ac.th/im/5691
- เกมทำความสะอาดบ้าน oho.ipst.ac.tn/im/6591

9. ความเหน็ ของหัวหน้าสถานศกึ ษา/ผทู้ ไ่ี ด้รบั มอบหมาย

ได้ทำการตรวจแผนการจัดการเรียนรู้ของ.......................................................... แลว้ มีความเหน็ ดังนี้
1. เป็นแผนการจดั การเรยี นรู้ท่ี
 ดีมาก
 ดี
 พอใช้
 ควรปรับปรงุ
2. การจัดกจิ กรรมไดน้ ำเอากระบวนการเรยี นรู้
 เนน้ ผู้เรยี นเปน็ สำคญั มาใช้ในการสอนไดอ้ ยา่ งเหมาะสม
 ยงั ไมเ่ น้นผเู้ รยี นเปน็ สำคัญ ควรปรับปรงุ พัฒนาตอ่ ไป
3. เปน็ แผนการจัดการเรยี นรู้ที่
 นำไปใช้ได้จริง
 ควรปรับปรงุ กอ่ นนำไปใช้
4. ขอ้ เสนอแนะอ่นื ๆ

..............................................................................................................................................................................
..............................................................................................................................................................................
..............................................................................................................................................................................

ลงชอื่ ..................................................
(.................................................)

วันท่ี........เดือน...............พ.ศ. ...........

10. บันทกึ ผลหลงั การสอน
 ดา้ นความรู้

 ดา้ นสมรรถนะสำคัญของผู้เรียน

 ดา้ นคุณลักษณะอนั พงึ ประสงค์

 ด้านความสามารถทางวิทยาศาสตร์

 ด้านอืน่ ๆ (พฤตกิ รรมเด่น หรือพฤติกรรมที่มีปญั หาของนกั เรยี นเป็นรายบคุ คล (ถา้ ม)ี )

 ปัญหา/อปุ สรรค

 แนวทางการแกไ้ ข

ลงชอื่ ..................................................ครผู ู้สอน
(.................................................)

ตำแหนง่ ............................................

ข้อเสนอแนะ
- ครอู าจใช้เกมอ่นื ที่มีลักษณะการเลน่ โดยการกดปุ่มบนแป้นพิมพ์แทนเกมทำความสะอาดบ้านในการ

นำเข้าสบู่ ทเรียนได้
- ครูอาจแนะนําให้นักเรียนศึกษาเนื้อหาบทเรียนมาก่อน เพื่อลดเวลาในการทำความเข้าใจกับเนื้อหา

เมื่ออยู่ในชั่วโมงเรยี นปกติ

แนวคำตอบแบบฝกึ หดั ทา้ ยบท
ขอ้ 1.
- สครปิ ต์นมี้ กี ารทำงาน คอื
1. รบั ค่าตัวเลขระหวา่ ง 0-100 จากผ้ใู ช้
2. ตรวจสอบตัวเลขทีร่ บั มา
ถ้าตวั เลขท่ีรับมามีค่ามากกว่า 50 ให้ตัวละครพดู ขอ้ ความวา่ “ตัวเลขของคณุ มคี ่ามากกว่า 50"
มฉิ ะนัน้ ใหต้ ัวละครพูดขอ้ ความวา่ “ตัวเลขของคณุ มีคา่ นอ้ ยกวา่ 50”
- ถ้าผ้ใู ชป้ ้อนตัวเลข 30ตวั ละครจะพดู วา่ “ตัวเลขของคุณมีค่านอ้ ยกว่า 50”
- ถา้ ผูใ้ ชป้ อ้ นตัวเลข 51 ตัวละครจะพดู วา่ “ตัวเลขของคุณมคี ่ามากกวา่ 50”

ข้อ 2. โปรแกรมที่ปรับปรุง

แผนการจัดการเรยี นรู้ที่ 17

กลุ่มสาระการเรียนรวู้ ทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี รายวิชาพื้นฐานวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี (เทคโนโลยี)
ชั้นประถมศกึ ษาปีที่ 6 ปกี ารศกึ ษา ..........
เรื่อง ค้างคาวกินกลว้ ย ตอน กระตา่ ยหมายจนั ทร์ เวลา 2 ชั่วโมง
ครูผู้สอน.........................................

1. มาตรฐานการเรียนรู/้ ตวั ช้ีวดั
สาระท่ี 4 เทคโนโลยี
มาตรฐาน ว 4.2 เข้าใจและใช้แนวคิดเชิงคำนวณในการแก้ปัญหาที่พบในชีวิตจริงอย่างเป็นขั้นตอน
และเป็นระบบ ใช้เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารในการเรียนรู้ การทำงาน
และการแก้ปัญหาได้อยา่ งมปี ระสิทธิภาพ รู้เท่าทันและมีจริยธรรม
ตัวชีว้ ัด ป.6/1 ใช้เหตุผลเชิงตรรกะในการอธบิ ายและออกแบบวิธีการแกป้ ัญหาที่พบในชวี ิตประจำวัน
ป.6/2 ออกแบบและเขียนโปรแกรมอย่างงา่ ยเพอ่ื แกป้ ัญหาในชวี ิตประจำวัน

2. จุดประสงค์การเรยี นรู้ (ความรู,้ ทักษะ, เจตคติ)
1. นกั เรยี นมคี วามร้คู วามเขา้ ใจเกี่ยวกบั การการเขยี นโปรแกรมเพอ่ื สมุ่ ค่า
2. นกั เรียนสามารถตรวจสอบและแกไ้ ขขอ้ ผดิ พลาดของโปรแกรมได้
3. นักเรยี นมีเจตคตทิ ่ีดตี ่อวชิ าวิทยาศาสตร์และสามารถนำไปประยุกต์ใช้ในชวี ติ ประจำวันได้

3. สาระสำคญั
การวางแผนและออกแบบงานก่อนลงมือเขียนโปรแกรมจะช่วยให้เกิดความ เข้าใจในเป้าหมายการ

ทำงานได้ชัดเจนขึน้
บล็อกคำส่ัง when key pressed อยูใ่ นกลุ่มบล็อก Events ใช้สำหรบั ตรวจสอบเหตกุ ารณ์ว่ามกี ารกด

แปน้ พมิ พ์หรอื ไม่ และโปรแกรมจะทำตามคำส่งั ถัดไปหากมี การกดแปน้ พิมพท์ ่ีระบุไว้
การคัดลอกสคริปต์หรือบล็อกคำสั่งทำได้โดยคลิกขวาแล้วเลือกคำสั่ง Duplicate นอกจากนี้อาจ

คดั ลอกโดยคลกิ ทีส่ คริปต์หรือบล็อกคำส่ังนั้นแลว้ ลากไปวางที่ ช่อื ตัวละครท่ตี ้องการคัดลอก
ตัวละคร 1 ตัวสามารถมีสครปิ ตไ์ ด้มากกวา่ 1 สครปิ ต์ เพอ่ื ใชแ้ บง่ สว่ นการทำงาน ให้ชดั เจนและเข้าใจ

งา่ ยขึ้น
บล็อกคำสั่ง next costume ใช้แสดงชุดตัวละครถัดไป บล็อกคำสั่ง pick random อยู่ในกลุ่ม

Operators ใชส้ ำหรบั ส่มุ คา่ โดยการระบเุ ป็นชว่ ง

กลุ่มบล็อก Operators มีคำสั่งที่ใช้เปรียบเทียบค่าหรือตรวจสอบเงื่อนไข เช่น คำสั่ง and (และ)
คำส่งั or (หรอื ) โดยคำสง่ั and (และ) ใช้สำหรับตรวจสอบเงื่อนไข 2 เงื่อนไข จะให้ค่าเป็นจริงก็ต่อเมื่อทั้งสอง
เงื่อนไขเป็นจริง ส่วนคำสั่ง or (หรือ) ใช้สำหรับตรวจสอบเงื่อนไข 2 เงื่อนไข โดยจะให้ค่าเป็นจริงก็ต่อเม่ือ
เง่ือนไขใดเงอื่ นไข หน่ึงเป็นจรงิ หรอื ทั้งสองเงือ่ นไขเปน็ จรงิ

คำสั่ง if else ใช้ตรวจสอบเงือ่ นไข โดยถ้าเงื่อนไขเป็นจริง โปรแกรมจะทำตามคำส่ังที่อยูถ่ ัดไป แต่ถ้า
เงอ่ื นไขเป็นเทจ็ โปรแกรมจะทำตามคำสง่ั ท่อี ยูต่ ่อจาก else

การกดแป้นพิมพ์ซ้ำ ๆ อาจทำให้คีย์บอร์ดชำรุด จึงควรใช้งานอย่างระมัดระวัง และดูแลรักษาให้ใช้
งานได้นาน ไมค่ วรใช้คอมพวิ เตอรน์ านเกนิ ไป ควรแบ่งเวลาไป ว่งิ เลน่ กบั เพอื่ นหรอื ทำกจิ กรรมอนื่ ๆ

4. สาระการเรียนรู้
1. การเขียนโปรแกรมแบบมีเง่ือนไข
2. การเขียนโปรแกรมเพ่ือสุม่ ค่า
3. การเขยี นโปรแกรมโดยใชต้ วั แปร
4. การเขียนโปรแกรมตรวจสอบการกดแปน้ พิมพจ์ ากผูใ้ ช้
5. การตรวจสอบและแก้ไขขอ้ ผดิ พลาดของโปรแกรม

5. คุณลักษณะอนั พึงประสงค์
1. ใฝเ่ รยี นรู้
2. อยู่อยา่ งพอเพียง
3. มุ่งมนั่ ในการทำงาน

5. ช้ินงานหรือภาระงาน
ใบกจิ กรรมท่ี 5.2 กระต่ายหมายจันทร์

6. กจิ กรรมการเรยี นรู้
แนวคิด/รูปแบบการสอน/วิธีการสอน/เทคนิค : สืบเสาะหาความรู้ (5Es Instructional Model)

โดยเน้นผ้เู รยี นเปน็ สำคัญ ดำเนนิ การเรียนการสอนดงั ตอ่ ไปน้ี

1. ขั้นสรา้ งความสนใจ (engagement)
1. ครูนำเข้าสู่บทเรียนโดยให้นักเรียนทดลองเล่นเกมทำความสะอาดบ้านจากลิงก์

oho.ipst.ac.th/im/6591 หลังจากทดลองเล่นเกม เสร็จแล้ว ครูนำนักเรียนรว่ มกนั อภิปรายเกี่ยวกบั เกม โดย
ใช้คำถาม ตวั อย่างคำถาม เช่น

- เกมนีค้ อื เกมอะไร มวี ธิ ีการเลน่ อยา่ งไร (เกมทำความสะอาดบ้าน วิธีการเล่นคือ ผ้เู ล่นต้อง
กดแปน้ ลูกศร สำหรบั กำหนดทศิ ทางการเคล่ือนทข่ี องเคร่ืองดูดฝนุ่ เพ่ือให้เคร่ืองดูดฝนุ่ ทำความสะอาดบ้าน)

- เกมนี้มีเงื่อนไขอะไรบ้าง จงยกตัวอย่าง (ถ้าผู้เล่นกดแป้น ลูกศรขวาแล้วเครื่องดูดฝุ่นจะ
เคลื่อนที่ไปด้านขวา ถ้าผู้เล่นกดแป้นลูกศรซ้ายแล้วเคร่ืองดูดฝุ่นจะเคลือ่ นที่ไปด้านซ้าย ถ้าผู้เล่นกดแป้นลกู ศร
บนแล้วเครื่องดูดฝุ่นจะเคลื่อนที่ไปด้านบน ถ้าผู้เล่นกดแป้นลูกศรล่างแล้วเครื่องดูดฝุ่นจะเคลื่อนที่ไปด้านล่าง
ถา้ เคล่อื นทีไ่ ปสัมผัสตัวปลอ่ ยฝนุ่ จะเสียตัวเลน่ 1 ตัว ฯลฯ)

- อะไรทำใหเ้ คร่อื งดูดฝ่นุ เคลื่อนท่ีขึ้น-ลง ซา้ ย-ขวา (การกดแป้นลกู ศรจากผู้เล่น)
- นักเรียนคิดว่าจะสามารถเขียนเกมในโปรแกรม Scratch ให้มีลักษณะเหมือนเกมนี้ได้
หรอื ไม่
2. ขน้ั สำรวจและคน้ หา (exploration)
1. ครูนำนกั เรยี นศึกษาเนื้อหาในหนังสือเรยี นหน้า 130-139 โดยครูสาธิตและให้นักเรียนเขียน
โปรแกรมตามเน้ือหาในบทเรยี น จากน้ันตั้งคำถามให้นักเรียนอภปิ รายร่วมกัน ตัวอย่างคำถาม เชน่
- ตัวละครกล้วยมีการทำงานอย่างไรบ้าง (ตัวละครกล้วยจะสุ่มตำแหน่งเพื่อแสดงบนเวที
แลว้ รอจนกระทง่ั นกแก้วหรอื คา้ งคาวมาสัมผัส จากนั้นกจ็ ะสุม่ ตำแหน่งใหม)่
- โป้งและก้อยใช้คำสั่งอะไรในการตรวจสอบเงือ่ นไข “ถ้ากล้วย สัมผัสนกแก้ว หรือ สัมผัส
ค้างคาว” และคำสั่งนี้มีการทำงาน อย่างไร (คำสั่ง or (หรือ) การทำงานคือ ตรวจสอบเงื่อนไข 2 เงื่อนไข โดย
จะใหค้ า่ เป็นจริงก็ตอ่ เมอ่ื เง่ือนไขใดเง่ือนไขหนง่ึ เปน็ จริง หรือทัง้ สองเงอื่ นไขเป็นจริง)
- เมื่อตัวละครกล้วยสัมผัสกับตัวละครค้างคาวหรือนกแก้ว แล้ว ตัวละครกล้วยจะย้าย
ตำแหน่งใหมโ่ ดยการสมุ่ คำสัง่ ใดที่ส่มุ ตำแหน่งใหมใ่ ห้กับตวั ละครกลว้ ย (คำสัง่ pick random)
- คุณแม่แนะนำคำสั่งอะไรให้โป้งและก้อยใช้แทนคำสั่ง if ในการตรวจสอบว่าถ้าตัวละคร
กล้วยสัมผัสกับค้างคาวแล้วให้เพิ่มค่าคะแนนของค้างคาวครั้งละ 1 (คำสั่ง if else) และ คำสั่งนี้มีการทำงาน
อย่างไร (การทำงานคือ ใช้ตรวจสอบ เงื่อนไขถ้าเงื่อนไขเป็นจริง โปรแกรมจะทำตามคำสั่งที่อยู่ใน if แต่ถ้า
เงื่อนไขเป็นเท็จ โปรแกรมจะทำตามคำสั่งที่อยู่ใน else เช่น ถ้ากล้วยสัมผัสค้างคาวให้เพิ่มค่าคะแนนของ
ค้างคาว แตถ่ ้ากลว้ ยไม่สมั ผัสคา้ งคาวให้ทำตามคำสั่งทีอ่ ยู่ต่อจาก else นน่ั คือเพ่ิมค่าคะแนนใหน้ กแก้ว)
- เพราะอะไรโป้งและก้อยจึงชวนกันไปว่ิงเล่นข้างนอก แทนการ เล่นเกมต่อไป (เพราะโปง้
และก้อยเห็นว่าการกดแป้นพิมพ์ซ้ำ ๆ ขณะเล่นเกม แป้นพิมพ์อาจชํารุดได้ ควรดูแลรักษาให้ใช้งานได้นาน
และเพ่อื พกั สายตา)
- นักเรยี นคิดว่าการออกไปว่ิงเล่นขา้ งนอกกับการเล่นเกมคอมพิวเตอร์มีข้อดีข้อเสียอย่างไร
เราควรปฏบิ ัติอยา่ งไร
3. ขนั้ อธบิ ายและลงขอ้ สรุป (explanation)
1. ครแู บ่งนักเรียนออกเป็นกลุม่ กลุ่มละ 2-4 คน จากนั้นครูชี้แจงและให้นักเรียนทำใบกิจกรรม
ที่ 5.2 กระต่ายหมายจันทร์ โดยครูนำนักเรียนทำกิจกรรมข้อ 1 2 และ 3 ไปพร้อม ๆ กัน จากนั้น ครูแนะนำ
บล็อกคำสั่ง timer ว่าเป็นบล็อกคำสั่งสำหรับเก็บค่า เวลาที่โปรแกรมทำงานใช้คู่กับบล็อกคำสั่ง reset timer

เพ่ือตัง้ คา่ เวลาใหเ้ ป็น 0 และครแู นะนำบลอ็ กคำสั่ง repeat until วา่ เป็นบลอ็ กคำส่งั ทำซ้ำคลา้ ยกับบล็อกคำส่ัง
repeat ซึ่งเป็นการ ทําซ้ำโดยระบุจำนวนรอบแต่บล็อกคำสั่ง repeat until จะเป็นการทําซ้ำโดยระบุเงื่อนไข
เมอื่ แนะนําบล็อกคำสง่ั ให้นักเรยี นรู้จักแลว้ ให้นักเรยี นทำกิจกรรมข้อ 4 จากน้ันครูสุ่มนักเรียนออกมานำเสนอ
คำตอบ อภปิ รายคำตอบและแนวทางในการปรบั ปรงุ โปรแกรม รว่ มกนั โดยอาจใช้คำถาม เชน่

- การตรวจสอบเงื่อนไขโดยใช้คำสั่ง if else ต่างจากคำสั่ง if อย่างไร (คำสั่ง if จะตรวจสอบ
เงื่อนไข ถ้าเงื่อนไขจริงจะทำ คำสั่งที่อยูภ่ ายใน if ส่วนคำส่ัง if else นั้นถ้าเง่ือนไขจริง จะทำคำสั่งที่อย่ภู ายใน
if ถ้าเงอื่ นไขเท็จจะทำคำส่งั ที่อยู่ใน else จงึ ทำให้คำส่ัง if else เป็นการกำหนดทางเลอื กให้ 2 ทาง)

- นักเรียนคิดว่าโปรแกรมกระตา่ ยหมายจันทร์น้ีมีลักษณะคล้าย เกมอะไรที่นักเรียนเคยเลน่ มา
บ้าง (มาริโอ้ คุกกี้รัน) เกมนั้นมี ลักษณะที่คล้ายกับโปรแกรมกระต่ายหมายจันทร์อย่างไร (รูปแบบการกด
แปน้ พมิ พ์เพอ่ื ควบคุมการเคล่อื นที่ ภารกจิ ในเกมที่ตอ้ งการเก็บของอะไรบางอยา่ ง)

- มีบล็อกคำสั่งใดบ้างที่นักเรียนได้รู้จักในกิจกรรมนี้ และบล็อกคำสั่งนี้ใช้งานหรือทำหน้าท่ี
อะไร (บล็อกคำสั่ง if else ใช้ในการ ตรวจสอบเงื่อนไข บล็อกคำสั่ง repeat until ใช้ในการวนซ้ำ แบบมี
เงื่อนไข บล็อกคำสั่ง timer เป็นตัวแปรที่เก็บค่าเวลาบล็อกคำสั่ง reset timer ใช้ตั้งค่าเวลาเริ่มต้น คือ มีค่า
เปน็ 0)

4. ขั้นขยายความรู้ (elaboration)
1. ครนู ำนกั เรยี นรว่ มกันสรปุ ความรทู้ ่ไี ด้จากการจัดกจิ กรรมในประเด็นตอ่ ไปนี้
- บลอ็ กคำสัง่ ใดทนี่ กั เรยี นรู้จกั หรอื เคยใชง้ านมาแล้ว และใช้ทำอะไร
- นกั เรียนไดเ้ รียนรู้บล็อกคำสง่ั อะไรเพม่ิ เติมจากบทเรียนนี้ และ นําไปใชง้ านอย่างไร (pick

random ใช้สำหรับสุ่มค่า if else ใช้สำหรับตรวจสอบเงื่อนไข when key pressed ใช้ตรวจสอบ การกด
แปน้ พมิ พ์)

- นักเรยี นแกป้ ญั หาอย่างไรเม่ือผลลพั ธ์ไมเ่ ปน็ ไปตามต้องการ
- นักเรียนคิดว่าการพิจารณาโจทย์ปัญหา และระบุว่ามีงานใดบ้าง ที่ต้องทำแล้วจึงลงมือ
เขยี นโปรแกรม มขี ้อดอี ยา่ งไร (ช่วยให้ สามารถแบง่ ปัญหาออกเป็นงานย่อย ๆ และทำใหท้ ราบว่า มงี านใดบ้าง
ท่คี ลา้ ยกนั หรือต้องทาํ ซ้ำเพ่อื ประโยชนใ์ นการนําสคริปต์ไปใชร้ ว่ มกนั )
- นักเรียนสามารถนําความรู้ไปประยุกต์ในการสร้างเกมหรือเขียน โปรแกรมอื่น ๆ ได้
อยา่ งไร
5. ข้ันประเมิน (evaluation)
1. ครูให้นักเรียนแต่ละคนพิจารณาว่า จากหัวข้อที่เรียนมาและการปฏิบัติกิจกรรม มีจุด
ใดบา้ งท่ยี งั ไม่เข้าใจหรือยงั มขี ้อสงสยั ถ้ามี ครูช่วยอธิบายเพิ่มเตมิ ใหน้ กั เรียนเข้าใจ
2. นกั เรียนร่วมกันประเมินการปฏบิ ตั ิกจิ กรรมกลุ่มวา่ มีปัญหาหรืออุปสรรคใด และได้มีการ
แกไ้ ขอยา่ งไรบา้ ง
3. ครูและนักเรียนร่วมกันแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับประโยชน์ที่ได้รับจากการปฏิบัติ
กจิ กรรม และการนำความรทู้ ี่ไดไ้ ปใชป้ ระโยชน์

7. กระบวนการวัดและประเมนิ ผล
การประเมนิ การเรียนรูข้ องนักเรียนทำได้ ดังนี้
1. ประเมนิ ความรูเ้ ดิมจากการอภิปรายในชนั้ เรียน
2. ประเมินการเรียนรู้จากคำตอบของนักเรียนระหว่างการจัดการเรียนรู้และจากแบบบันทึก

กิจกรรม
3. ประเมินทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์และทักษะแห่งศตวรรษที่ 21 จากการทำกิจกรรม

ของนักเรยี น

การประเมนิ จากการทำกจิ กรรม

ระดบั คะแนน

3 คะแนน หมายถงึ ดี 2 คะแนน หมายถึง พอใช้ 1 คะแนน หมายถึง ควรปรับปรงุ

รหัส สิง่ ท่ีประเมิน ระดับคะแนน

ทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์

S1 การสังเกต

S8 การลงความเหน็ จากขอ้ มลู

S13 การตคี วามหมายข้อมลู และลงข้อสรุป

ทกั ษะแห่งศตวรรษที่ 21

C4 การส่อื สาร

C5 ความรว่ มมือ

8. สอื่ และแหลง่ การเรยี นรู้
- หนังสือเรียนรายวิชาพื้นฐานวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี เทคโนโลยี ชั้นประถมศึกษาปีที่ 6

สสวท.
- แบบฝึกทักษะรายวิชาพื้นฐานวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี เทคโนโลยี ชั้นประถมศึกษาปีที่ 6

สสวท.
- เครื่องคอมพิวเตอร์ที่ติดตั้งโปรแกรม Scratch (หนังสือเรียนและแบบฝึกทักษะจะใช้ Scratch

version 3.6.0)
- เอกสารการจัดการเรยี นรูส้ ะเต็มศึกษาดว้ ยการเขยี นโปรแกรม Scratch สสวท.

oho.ipst.ac.th/im/5691
- เกมทำความสะอาดบา้ น oho.ipst.ac.tn/im/6591

9. ความเหน็ ของหัวหน้าสถานศกึ ษา/ผทู้ ไ่ี ด้รบั มอบหมาย

ได้ทำการตรวจแผนการจัดการเรียนรู้ของ.......................................................... แลว้ มีความเหน็ ดังนี้
1. เป็นแผนการจดั การเรยี นรู้ท่ี
 ดีมาก
 ดี
 พอใช้
 ควรปรับปรงุ
2. การจัดกจิ กรรมไดน้ ำเอากระบวนการเรยี นรู้
 เนน้ ผู้เรยี นเปน็ สำคญั มาใช้ในการสอนไดอ้ ยา่ งเหมาะสม
 ยงั ไมเ่ น้นผเู้ รยี นเปน็ สำคัญ ควรปรับปรงุ พัฒนาตอ่ ไป
3. เปน็ แผนการจัดการเรยี นรู้ที่
 นำไปใช้ได้จริง
 ควรปรับปรงุ กอ่ นนำไปใช้
4. ขอ้ เสนอแนะอ่นื ๆ

..............................................................................................................................................................................
..............................................................................................................................................................................
..............................................................................................................................................................................

ลงชอื่ ..................................................
(.................................................)

วันท่ี........เดือน...............พ.ศ. ...........

10. บันทกึ ผลหลงั การสอน
 ดา้ นความรู้

 ดา้ นสมรรถนะสำคัญของผู้เรียน

 ดา้ นคุณลักษณะอนั พงึ ประสงค์

 ด้านความสามารถทางวิทยาศาสตร์

 ด้านอืน่ ๆ (พฤตกิ รรมเด่น หรือพฤติกรรมที่มีปญั หาของนกั เรยี นเป็นรายบคุ คล (ถา้ ม)ี )

 ปัญหา/อปุ สรรค

 แนวทางการแกไ้ ข

ลงชอื่ ..................................................ครผู ู้สอน
(.................................................)

ตำแหนง่ ............................................

ขอ้ เสนอแนะ
- ครูอาจใช้เกมอนื่ ที่มีลักษณะการเล่นโดยการกดปุ่มบนแปน้ พิมพ์แทนเกมทำความสะอาดบ้านในการ

นำเข้าสบู่ ทเรยี นได้
- ครูอาจแนะนําให้นักเรียนศึกษาเนื้อหาบทเรียนมาก่อน เพื่อลดเวลาในการทำความเข้าใจกับเนื้อหา

เมือ่ อยใู่ นชวั่ โมงเรียนปกติ
- กิจกรรมที่ 5.2 กระต่ายหมายจันทร์ หากนักเรียนพบปัญหาเมื่อกดปุ่ม Space bar แล้วตัวละคร

เคล่อื นทไ่ี ปด้านบนและเปลีย่ นทิศทางดว้ ย ให้ตั้งคา่ การหนั หนา้ (Rotation style) แบบ Left Right ดังรูป

แนวคำตอบแบบฝึกหดั ทา้ ยบท
ข้อ 1.
- สครปิ ตน์ มี้ ีการทำงาน คือ
1. รับคา่ ตวั เลขระหว่าง 0-100 จากผใู้ ช้
2. ตรวจสอบตัวเลขที่รบั มา
ถา้ ตวั เลขทร่ี ับมามีคา่ มากกวา่ 50 ให้ตวั ละครพูดข้อความว่า “ตัวเลขของคุณมคี ่ามากกวา่ 50"
มิฉะน้นั ให้ตัวละครพูดข้อความวา่ “ตัวเลขของคุณมีคา่ น้อยกว่า 50”
- ถา้ ผใู้ ช้ปอ้ นตวั เลข 30ตวั ละครจะพดู วา่ “ตัวเลขของคุณมีคา่ นอ้ ยกวา่ 50”
- ถ้าผู้ใชป้ อ้ นตัวเลข 51 ตวั ละครจะพดู วา่ “ตวั เลขของคณุ มคี ่ามากกวา่ 50”

ขอ้ 2. โปรแกรมท่ปี รับปรงุ

แผนการจัดการเรยี นรู้ท่ี 19

กลมุ่ สาระการเรยี นรู้วทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี รายวิชาพื้นฐานวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี (เทคโนโลยี)

ชนั้ ประถมศกึ ษาปที ่ี 6 ปีการศกึ ษา ..........

เรอื่ ง คา้ งคาวกินกลว้ ย ตอน หนนู ้อยหมวกแดงเกบ็ แอปเปลิ เวลา 2 ชวั่ โมง

ครูผ้สู อน.........................................

1. มาตรฐานการเรยี นร/ู้ ตัวชี้วัด
สาระที่ 4 เทคโนโลยี
มาตรฐาน ว 4.2 เข้าใจและใช้แนวคิดเชิงคำนวณในการแก้ปัญหาที่พบในชีวิตจริงอย่างเป็นขั้นตอน
และเป็นระบบ ใช้เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารในการเรียนรู้ การทำงาน
และการแกป้ ัญหาไดอ้ ยา่ งมีประสิทธภิ าพ รูเ้ ท่าทันและมีจรยิ ธรรม
ตัวชีว้ ัด ป.6/1 ใช้เหตผุ ลเชงิ ตรรกะในการอธิบายและออกแบบวิธีการแกป้ ญั หาที่พบในชีวติ ประจำวัน
ป.6/2 ออกแบบและเขียนโปรแกรมอย่างงา่ ยเพ่อื แก้ปัญหาในชวี ติ ประจำวัน

2. จดุ ประสงค์การเรียนรู้ (ความร,ู้ ทักษะ, เจตคต)ิ
1. นักเรยี นมีความรู้ความเข้าใจเกยี่ วกบั การการเขียนโปรแกรมเพ่ือสมุ่ คา่
2. นกั เรยี นสามารถตรวจสอบและแก้ไขข้อผิดพลาดของโปรแกรมได้
3. นักเรียนมีเจตคตทิ ี่ดตี อ่ วชิ าวทิ ยาศาสตร์และสามารถนำไปประยุกตใ์ ช้ในชีวิตประจำวันได้

3. สาระสำคญั
การวางแผนและออกแบบงานก่อนลงมือเขียนโปรแกรมจะช่วยให้เกิดความ เข้าใจในเป้าหมายการ

ทำงานได้ชดั เจนขน้ึ
บล็อกคำสงั่ when key pressed อย่ใู นกลมุ่ บลอ็ ก Events ใชส้ ำหรับตรวจสอบเหตกุ ารณว์ ่ามีการกด

แป้นพิมพ์หรือไม่ และโปรแกรมจะทำตามคำสง่ั ถัดไปหากมี การกดแปน้ พิมพ์ท่ีระบุไว้
การคัดลอกสคริปต์หรือบล็อกคำสั่งทำได้โดยคลิกขวาแล้วเลือกคำสั่ง Duplicate นอกจากนี้อาจ

คดั ลอกโดยคลกิ ทสี่ ครปิ ตห์ รอื บล็อกคำสงั่ น้ันแลว้ ลากไปวางที่ ช่อื ตวั ละครท่ตี อ้ งการคดั ลอก
ตัวละคร 1 ตวั สามารถมสี คริปต์ไดม้ ากกวา่ 1 สครปิ ต์ เพอื่ ใช้แบง่ ส่วนการทำงาน ให้ชัดเจนและเข้าใจ

ง่ายขึน้
บล็อกคำสั่ง next costume ใช้แสดงชุดตัวละครถัดไป บล็อกคำสั่ง pick random อยู่ในกลุ่ม

Operators ใชส้ ำหรับสมุ่ คา่ โดยการระบเุ ปน็ ช่วง

กลุ่มบล็อก Operators มีคำสั่งที่ใช้เปรียบเทียบค่าหรือตรวจสอบเงื่อนไข เช่น คำสั่ง and (และ)
คำส่งั or (หรอื ) โดยคำสง่ั and (และ) ใช้สำหรับตรวจสอบเงื่อนไข 2 เงื่อนไข จะให้ค่าเป็นจริงก็ต่อเมื่อทั้งสอง
เงื่อนไขเป็นจริง ส่วนคำสั่ง or (หรือ) ใช้สำหรับตรวจสอบเงื่อนไข 2 เงื่อนไข โดยจะให้ค่าเป็นจริงก็ต่อเม่ือ
เง่ือนไขใดเงอื่ นไข หน่ึงเป็นจรงิ หรอื ทั้งสองเงือ่ นไขเปน็ จรงิ

คำสั่ง if else ใช้ตรวจสอบเงือ่ นไข โดยถ้าเงื่อนไขเป็นจริง โปรแกรมจะทำตามคำส่ังที่อยูถ่ ัดไป แต่ถ้า
เงอ่ื นไขเป็นเทจ็ โปรแกรมจะทำตามคำสง่ั ท่อี ยูต่ ่อจาก else

การกดแป้นพิมพ์ซ้ำ ๆ อาจทำให้คีย์บอร์ดชำรุด จึงควรใช้งานอย่างระมัดระวัง และดูแลรักษาให้ใช้
งานได้นาน ไมค่ วรใช้คอมพวิ เตอรน์ านเกนิ ไป ควรแบ่งเวลาไป ว่งิ เลน่ กบั เพอื่ นหรอื ทำกจิ กรรมอนื่ ๆ

4. สาระการเรียนรู้
1. การเขียนโปรแกรมแบบมีเง่ือนไข
2. การเขียนโปรแกรมเพ่ือสุม่ ค่า
3. การเขยี นโปรแกรมโดยใชต้ วั แปร
4. การเขียนโปรแกรมตรวจสอบการกดแปน้ พิมพจ์ ากผูใ้ ช้
5. การตรวจสอบและแก้ไขขอ้ ผดิ พลาดของโปรแกรม

5. คุณลักษณะอนั พึงประสงค์
1. ใฝเ่ รยี นรู้
2. อยู่อยา่ งพอเพียง
3. มุ่งมนั่ ในการทำงาน

5. ช้ินงานหรือภาระงาน
ใบกจิ กรรมท่ี 5.2 กระต่ายหมายจันทร์

6. กจิ กรรมการเรยี นรู้
แนวคิด/รูปแบบการสอน/วิธีการสอน/เทคนิค : สืบเสาะหาความรู้ (5Es Instructional Model)

โดยเน้นผ้เู รยี นเปน็ สำคัญ ดำเนนิ การเรียนการสอนดงั ตอ่ ไปน้ี

1. ขั้นสรา้ งความสนใจ (engagement)
1. ครูนำเข้าสู่บทเรียนโดยให้นักเรียนทดลองเล่นเกมทำความสะอาดบ้านจากลิงก์

oho.ipst.ac.th/im/6591 หลังจากทดลองเล่นเกม เสร็จแล้ว ครูนำนักเรียนรว่ มกนั อภิปรายเกี่ยวกบั เกม โดย
ใช้คำถาม ตวั อย่างคำถาม เช่น

- เกมน้คี ือเกมอะไร มวี ธิ กี ารเลน่ อย่างไร (เกมทำความสะอาดบ้าน วิธกี ารเลน่ คือ ผ้เู ลน่ ต้อง
กดแป้นลกู ศร สำหรบั กำหนดทิศทางการเคล่อื นท่ีของเครือ่ งดูดฝุ่น เพือ่ ให้เครอ่ื งดดู ฝุ่น ทำความสะอาดบ้าน)

- เกมนี้มีเงื่อนไขอะไรบ้าง จงยกตัวอย่าง (ถ้าผู้เล่นกดแป้น ลูกศรขวาแล้วเครื่องดูดฝุ่นจะ
เคลื่อนที่ไปด้านขวา ถ้าผู้เล่นกดแป้นลูกศรซ้ายแลว้ เครื่องดูดฝุ่นจะเคลื่อนที่ไปด้านซ้าย ถ้าผู้เล่นกดแป้นลูกศร
บนแล้วเครื่องดูดฝุ่นจะเคลื่อนที่ไปด้านบน ถ้าผู้เล่นกดแป้นลูกศรล่างแล้วเครื่องดูดฝุ่นจะเคลื่อนที่ไปด้านล่าง
ถ้าเคลอื่ นทไี่ ปสัมผัสตวั ปลอ่ ยฝนุ่ จะเสียตวั เล่น 1 ตัว ฯลฯ)

- อะไรทำใหเ้ ครือ่ งดูดฝุ่นเคลือ่ นทขี่ น้ึ -ลง ซ้าย-ขวา (การกดแป้นลูกศรจากผู้เลน่ )
- นักเรียนคิดว่าจะสามารถเขียนเกมในโปรแกรม Scratch ให้มีลักษณะเหมือนเกมนี้ได้
หรือไม่
2. ขน้ั สำรวจและคน้ หา (exploration)
1. ครนู ำนักเรยี นศึกษาเนื้อหาในหนังสือเรยี นหน้า 130-139 โดยครสู าธติ และให้นักเรียนเขียน
โปรแกรมตามเนื้อหาในบทเรยี น จากนัน้ ตั้งคำถามให้นักเรียนอภิปรายรว่ มกนั ตวั อยา่ งคำถาม เช่น
- ตัวละครกล้วยมีการทำงานอย่างไรบ้าง (ตัวละครกล้วยจะสุ่มตำแหน่งเพื่อแสดงบนเวที
แลว้ รอจนกระท่ังนกแกว้ หรอื คา้ งคาวมาสัมผัส จากน้นั ก็จะสมุ่ ตำแหน่งใหม)่
- โป้งและก้อยใช้คำสั่งอะไรในการตรวจสอบเงือ่ นไข “ถ้ากล้วย สัมผัสนกแก้ว หรือ สัมผัส
ค้างคาว” และคำสั่งนี้มีการทำงาน อย่างไร (คำสั่ง or (หรือ) การทำงานคือ ตรวจสอบเงื่อนไข 2 เงื่อนไข โดย
จะให้คา่ เปน็ จริงก็ต่อเม่ือเงื่อนไขใดเง่ือนไขหน่งึ เปน็ จริง หรือทง้ั สองเงอื่ นไขเป็นจรงิ )
- เมื่อตัวละครกล้วยสัมผัสกับตัวละครค้างคาวหรือนกแก้ว แล้ว ตัวละครกล้วยจะย้าย
ตำแหนง่ ใหม่โดยการสุ่ม คำส่ังใดทสี่ ่มุ ตำแหน่งใหมใ่ ห้กบั ตัวละครกลว้ ย (คำสั่ง pick random)
- คุณแม่แนะนำคำสั่งอะไรให้โป้งและก้อยใช้แทนคำสั่ง if ในการตรวจสอบว่าถ้าตัวละคร
กล้วยสัมผัสกับค้างคาวแล้วให้เพิ่มค่าคะแนนของค้างคาวครั้งละ 1 (คำสั่ง if else) และ คำสั่งนี้มีการทำงาน
อย่างไร (การทำงานคือ ใช้ตรวจสอบ เงื่อนไขถ้าเงื่อนไขเป็นจริง โปรแกรมจะทำตามคำสั่งที่อยู่ใน if แต่ถ้า
เงื่อนไขเป็นเท็จ โปรแกรมจะทำตามคำสั่งที่อยู่ใน else เช่น ถ้ากล้วยสัมผัสค้างคาวให้เพิ่มค่าคะแนนของ
คา้ งคาว แตถ่ า้ กลว้ ยไมส่ มั ผสั ค้างคาวให้ทำตามคำสั่งทีอ่ ยู่ต่อจาก else นน่ั คอื เพม่ิ ค่าคะแนนใหน้ กแกว้ )
- เพราะอะไรโป้งและก้อยจึงชวนกันไปวิ่งเลน่ ขา้ งนอก แทนการ เล่นเกมต่อไป (เพราะโป้ง
และก้อยเห็นว่าการกดแป้นพิมพ์ซ้ำ ๆ ขณะเล่นเกม แป้นพิมพ์อาจชํารุดได้ ควรดูแลรักษาให้ใช้งานได้นาน
และเพื่อพกั สายตา)
- นักเรยี นคดิ ว่าการออกไปว่ิงเลน่ ข้างนอกกับการเลน่ เกมคอมพิวเตอร์มขี ้อดขี ้อเสียอย่างไร
เราควรปฏิบตั อิ ย่างไร
3. ขน้ั อธิบายและลงข้อสรุป (explanation)
1. ครูแบง่ นกั เรยี นออกเป็นกลุม่ กลุ่มละ 2-4 คน จากนน้ั ใหน้ ักเรียนทำกิจกรรมที่ 5.3 หนูน้อย
หมวกแดงเก็บแอปเปิล โดยให้นักเรียน ดาวน์โหลดโปรแกรมหนูน้อยหมวกแดงเก็บแอปเปิลจากลิงก์
oho.ipst.ac.th/ir/6526 และดูวิดีโอตัวอย่างผลลัพธ์จากลิงก์ oho.ipst.ac.th/im/6527 แล้วชี้แจงว่า

นอกจากการใช้บล็อก คำสั่ง when key pressed เพื่อเขียนโปรแกรมให้ตัวละครเคลื่อนที่ ตามที่ผู้ใช้กดบน
แป้นพิมพ์ ยังสามารถใชบ้ ล็อกคำส่ัง key pressed คูก่ บั บลอ็ กคำส่ัง if ได้ หลังจากทำกิจกรรมเสร็จแล้ว ครูสุ่ม
นักเรียน ออกมานำเสนอคำตอบ อภิปรายคำตอบและแนวทางในการปรับปรุงโปรแกรมร่วมกัน โดยอาจใช้
คำถาม เช่น

- มีบางส่วนของโปรแกรมยังไม่สมบูรณ์ ส่วนใดบ้าง (ส่วนการตรวจสอบการกดแป้นพิมพ์
ซ้ายขวาล่าง, เพิ่มตัวละครแอปเปิล ให้ครบ 10 ผล, ตรวจสอบว่าเก็บแอปเปิลครบ 10 ผลแล้วให้ แสดง
ข้อความว่า “You win!”)

- นกั เรยี นคิดว่าโปรแกรมหนนู ้อยหมวกแดงเก็บแอปเปิลมลี ักษณะคลา้ ยเกมอะไรทนี่ ักเรียน
เคยเล่นมาบ้าง (เกมห่นุ ยนตด์ ดู ฝุน่ ทเ่ี ลน่ ในกจิ กรรมนาํ เขา้ สูบ่ ทเรยี น, เกม Pacman)

- นักเรยี นคิดวา่ เกมที่นักเรยี นเคยเล่นมาน้นั มีการทำงานเหมือนกบั โปรแกรมหนูน้อยหมวก
แดงเก็บแอปเปิลหรือไม่ อย่างไร (อาจจะคล้ายกันในเรื่องของการกดแป้นพิมพ์เพื่อควบคุมการเคลื่อนที่ การ
สัมผัสแล้วลูกแอปเปิลหายไป)

4. ขน้ั ขยายความรู้ (elaboration)
1. ครนู ำนกั เรียนร่วมกนั สรปุ ความรทู้ ไ่ี ด้จากการจดั กิจกรรมในประเดน็ ต่อไปน้ี
- บล็อกคำส่ังใดทนี่ กั เรยี นรู้จักหรือเคยใช้งานมาแล้ว และใชท้ ำอะไร
- นกั เรียนได้เรยี นรู้บล็อกคำสั่งอะไรเพมิ่ เติมจากบทเรยี นนี้ และ นาํ ไปใชง้ านอยา่ งไร (pick

random ใช้สำหรับสุ่มค่า if else ใช้สำหรับตรวจสอบเงื่อนไข when key pressed ใช้ตรวจสอบ การกด
แปน้ พิมพ์)

- นักเรียนแก้ปญั หาอยา่ งไรเมื่อผลลพั ธไ์ มเ่ ป็นไปตามต้องการ
- นักเรียนคิดว่าการพิจารณาโจทย์ปัญหา และระบุว่ามีงานใดบ้าง ที่ต้องทำแล้วจึงลงมือ
เขียนโปรแกรม มีข้อดีอยา่ งไร (ชว่ ยให้ สามารถแบ่งปัญหาออกเป็นงานย่อย ๆ และทำให้ทราบว่า มีงานใดบ้าง
ท่คี ลา้ ยกนั หรือต้องทําซ้ำเพื่อประโยชนใ์ นการนําสครปิ ต์ไปใชร้ ว่ มกัน)
- นักเรียนสามารถนําความรู้ไปประยุกต์ในการสร้างเกมหรือเขียน โปรแกรมอื่น ๆ ได้
อยา่ งไร
5. ขน้ั ประเมนิ (evaluation)
1. ครูให้นักเรียนแต่ละคนพิจารณาว่า จากหัวข้อที่เรียนมาและการปฏิบัติกิจกรรม มีจุด
ใดบา้ งทย่ี งั ไม่เข้าใจหรอื ยังมขี ้อสงสัย ถ้ามี ครชู ว่ ยอธบิ ายเพิ่มเติมใหน้ กั เรยี นเขา้ ใจ
2. นักเรยี นรว่ มกนั ประเมนิ การปฏบิ ัติกิจกรรมกลุ่มวา่ มีปัญหาหรืออุปสรรคใด และได้มีการ
แก้ไขอย่างไรบา้ ง
3. ครูและนักเรียนร่วมกันแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับประโยชน์ที่ได้รับจากการปฏิบัติ
กจิ กรรม และการนำความรทู้ ี่ไดไ้ ปใช้ประโยชน์
7. กระบวนการวัดและประเมินผล
การประเมนิ การเรยี นรขู้ องนกั เรยี นทำได้ ดังนี้

1. ประเมินความรเู้ ดิมจากการอภปิ รายในช้ันเรยี น
2. ประเมินการเรียนรู้จากคำตอบของนักเรียนระหว่างการจัดการเรียนรู้และจากแบบบันทึก
กิจกรรม
3. ประเมินทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์และทักษะแห่งศตวรรษที่ 21 จากการทำกิจกรรม
ของนกั เรยี น

การประเมินจากการทำกจิ กรรม

ระดบั คะแนน

3 คะแนน หมายถึง ดี 2 คะแนน หมายถึง พอใช้ 1 คะแนน หมายถงึ ควรปรับปรุง

รหัส ส่งิ ทป่ี ระเมิน ระดบั คะแนน

ทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์

S1 การสงั เกต

S8 การลงความเหน็ จากข้อมูล

S13 การตคี วามหมายขอ้ มูลและลงขอ้ สรปุ

ทกั ษะแห่งศตวรรษที่ 21

C4 การสอื่ สาร

C5 ความร่วมมอื

8. สื่อและแหล่งการเรียนรู้
- หนังสือเรียนรายวิชาพื้นฐานวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี เทคโนโลยี ชั้นประถมศึกษาปีที่ 6

สสวท.
- แบบฝึกทักษะรายวิชาพื้นฐานวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี เทคโนโลยี ชั้นประถมศึกษาปีที่ 6

สสวท.
- เครื่องคอมพิวเตอร์ที่ติดตั้งโปรแกรม Scratch (หนังสือเรียนและแบบฝึกทักษะจะใช้ Scratch

version 3.6.0)
- เอกสารการจัดการเรยี นรู้สะเต็มศกึ ษาดว้ ยการเขียนโปรแกรม Scratch สสวท.

oho.ipst.ac.th/im/5691
- เกมทำความสะอาดบา้ น oho.ipst.ac.tn/im/6591

9. ความเหน็ ของหัวหน้าสถานศกึ ษา/ผทู้ ไ่ี ด้รบั มอบหมาย

ได้ทำการตรวจแผนการจัดการเรียนรู้ของ.......................................................... แลว้ มีความเหน็ ดังนี้
1. เป็นแผนการจดั การเรยี นรู้ท่ี
 ดีมาก
 ดี
 พอใช้
 ควรปรับปรงุ
2. การจัดกจิ กรรมไดน้ ำเอากระบวนการเรยี นรู้
 เนน้ ผู้เรยี นเปน็ สำคญั มาใช้ในการสอนไดอ้ ยา่ งเหมาะสม
 ยงั ไมเ่ น้นผเู้ รยี นเปน็ สำคัญ ควรปรับปรงุ พัฒนาตอ่ ไป
3. เปน็ แผนการจัดการเรยี นรู้ที่
 นำไปใช้ได้จริง
 ควรปรับปรงุ กอ่ นนำไปใช้
4. ขอ้ เสนอแนะอ่นื ๆ

..............................................................................................................................................................................
..............................................................................................................................................................................
..............................................................................................................................................................................

ลงชอื่ ..................................................
(.................................................)

วันท่ี........เดือน...............พ.ศ. ...........

10. บันทกึ ผลหลงั การสอน
 ดา้ นความรู้

 ดา้ นสมรรถนะสำคัญของผู้เรียน

 ดา้ นคุณลักษณะอนั พงึ ประสงค์

 ด้านความสามารถทางวิทยาศาสตร์

 ด้านอืน่ ๆ (พฤตกิ รรมเด่น หรือพฤติกรรมที่มีปญั หาของนกั เรยี นเป็นรายบคุ คล (ถา้ ม)ี )

 ปัญหา/อปุ สรรค

 แนวทางการแกไ้ ข

ลงชอื่ ..................................................ครผู ู้สอน
(.................................................)

ตำแหนง่ ............................................

ข้อเสนอแนะ
- ครอู าจใช้เกมอ่นื ที่มีลักษณะการเลน่ โดยการกดปุ่มบนแป้นพิมพ์แทนเกมทำความสะอาดบ้านในการ

นำเข้าสบู่ ทเรียนได้
- ครูอาจแนะนําให้นักเรียนศึกษาเนื้อหาบทเรียนมาก่อน เพื่อลดเวลาในการทำความเข้าใจกับเนื้อหา

เมื่ออยู่ในชั่วโมงเรยี นปกติ

แนวคำตอบแบบฝกึ หดั ทา้ ยบท
ขอ้ 1.
- สครปิ ต์นมี้ กี ารทำงาน คอื
1. รบั ค่าตัวเลขระหวา่ ง 0-100 จากผ้ใู ช้
2. ตรวจสอบตัวเลขทีร่ บั มา
ถ้าตวั เลขทรี่ ับมามีค่ามากกว่า 50 ให้ตัวละครพดู ขอ้ ความวา่ “ตัวเลขของคณุ มคี ่ามากกว่า 50"
มฉิ ะนัน้ ใหต้ ัวละครพูดขอ้ ความวา่ “ตัวเลขของคณุ มีคา่ นอ้ ยกวา่ 50”
- ถ้าผ้ใู ชป้ ้อนตัวเลข 30ตวั ละครจะพดู วา่ “ตัวเลขของคุณมีค่านอ้ ยกว่า 50”
- ถา้ ผูใ้ ชป้ อ้ นตัวเลข 51 ตัวละครจะพดู วา่ “ตัวเลขของคุณมคี ่ามากกวา่ 50”

ข้อ 2. โปรแกรมที่ปรับปรุง

แผนการจัดการเรียนร้ทู ี่ 20

กล่มุ สาระการเรยี นรู้วทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี รายวิชาพื้นฐานวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี (เทคโนโลยี)
ชนั้ ประถมศึกษาปีที่ 6 ปีการศึกษา ..........
เรื่อง เร่ืองวุ่น ๆ หนงั สือรุน่ ออนไลน์ เวลา 2 ช่ัวโมง
ครูผู้สอน.........................................

1. มาตรฐานการเรยี นรู้/ตวั ชีว้ ัด
สาระที่ 4 เทคโนโลยี
มาตรฐาน ว 4.2 เข้าใจและใช้แนวคิดเชิงคำนวณในการแก้ปัญหาที่พบในชีวิตจริงอย่างเป็นขั้นตอน
และเป็นระบบ ใช้เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารในการเรียนรู้ การทำงาน
และการแกป้ ญั หาได้อย่างมปี ระสทิ ธิภาพ รเู้ ท่าทันและมีจริยธรรม
ตัวชี้วัด ป.6/4 ใช้เทคโนโลยีสารสนเทศทำงานร่วมกันอย่างปลอดภัยเข้าใจสิทธิและ หน้าที่ของตน
เคารพในสิทธขิ องผู้อน่ื แจง้ ผูเ้ กีย่ วข้องเมื่อพบข้อมูลหรือบุคคลท่ีไมเ่ หมาะสม

2. จดุ ประสงคก์ ารเรยี นรู้ (ความรู,้ ทกั ษะ, เจตคติ)
1. นกั เรยี นมีความรคู้ วามเขา้ ใจเกย่ี วกบั การจดั กลมุ่ ขอ้ มูล
2. นกั เรียนสามารถใชง้ านโปรแกรมเอกสารออนไลน์ร่วมกนั ได้
3. นกั เรยี นมีเจตคตทิ ดี่ ตี อ่ วิชาวิทยาศาสตร์และสามารถนำไปประยุกตใ์ ช้ในชวี ติ ประจำวนั ได้

3. สาระสำคญั
โปรแกรมเอกสารออนไลน์ ช่วยทำให้ทุกคนสามารถแก้ไขเอกสารพร้อมกันได้ แม้จะอยู่คนละที่ และ

สามารถทราบไดว้ า่ ใครกำลังพมิ พห์ รือแก้ไขอะไรในเอกสารบ้าง นอกจากนี้ยังสามารถกำหนดสทิ ธิ์ของแต่ละคน
โดยคลิกทีป่ มุ่ แชร์และเลอื กสิทธิ์ในการเข้าถึง เช่น แกไ้ ขได้ (can edit) แสดงความคิดเห็นได้ (can comment)
หรือดูได้ อยา่ งเดยี ว (can view)

เวอรช์ ัน (version) คอื รุ่นของเอกสาร โปรแกรมเอกสารออนไลน์จะบันทึก การแกไ้ ขเอกสารไว้เป็นรุ่น
ๆ เราสามารถดูประวัติ (history) การแกไ้ ขเอกสาร และ เรียกคนื (restore) เอกสารเวอร์ชันเก่าได้

สามารถทำงานร่วมกันแบบออนไลน์ในโปรแกรมอื่น ๆ เช่น สไลด์นำเสนอ แบบฟอร์ม ตารางทำงาน
ปฏทิ นิ

การจัดกลุ่มหัวขอ้ หรอื เร่อื งราวจะช่วยใหด้ ขู อ้ มูลได้งา่ ยขน้ึ และมองเหน็ ข้อมูล ที่มีความซ้ำซ้อนกนั ได้

4. สาระการเรยี นรู้
1. การใชเ้ อกสารออนไลนร์ ่วมกัน
2. การกำหนดสิทธิ์การใช้งาน (สทิ ธ์ิในการเขา้ ถงึ )

5. คณุ ลักษณะอันพึงประสงค์
1. ใฝเ่ รยี นรู้
2. อยูอ่ ย่างพอเพียง
3. มุ่งม่นั ในการทำงาน

5. ชน้ิ งานหรือภาระงาน
ใบกิจกรรมท่ี 6.1 สร้างห้อง สอ่ งงาน

6. กจิ กรรมการเรยี นรู้
แนวคิด/รูปแบบการสอน/วิธีการสอน/เทคนิค : สืบเสาะหาความรู้ (5Es Instructional Model)

โดยเน้นผู้เรยี นเปน็ สำคญั ดำเนินการเรียนการสอนดังตอ่ ไปน้ี

1. ขน้ั สรา้ งความสนใจ (engagement)
1. ครนู ำเข้าส่บู ทเรยี นโดยต้งั คำถาม เชน่
- เม่ือครสู ัง่ งานกล่มุ นกั เรยี นมวี ธิ กี ารทำงานอย่างไรบ้าง
- ถ้างานกลุ่มที่ครูสั่ง เป็นงานที่ต้องใช้โปรแกรมคอมพิวเตอร์นักเรียนมีวิธีทำงานร่วมกัน

อย่างไร ใครเป็นผ้พู ิมพ์ ใครเปน็ ผู้รวบรวมข้อมลู นักเรยี นชว่ ยกนั แก้ไขเอกสารนน้ั อย่างไร
- นกั เรียนคิดวา่ วิธีการทำงานดงั กลา่ วมคี วามสะดวก และเหมาะสมหรอื ไม่ เพราะอะไร

2. ครอู ธบิ ายเพิ่มเติมวา่ ในอินเทอรเ์ น็ตมบี รกิ ารท่ีชว่ ยให้นักเรียนสามารถใชโ้ ปรแกรมสร้างงาน
เอกสารพร้อมกนั ได้

2. ขน้ั สำรวจและค้นหา (exploration)
1. ครูนำนักเรียนศึกษาเนื้อหาในบทเรียนหน้า 145-156 จากนั้นครูตั้งคำถามเพื่อกระตุ้น

ความคดิ และตรวจสอบความรคู้ วามเข้าใจ เชน่
- ปีหน้านกั เรียนจะเรียนต่อท่โี รงเรยี นอะไรบา้ ง เพราะเหตใุ ด
- นักเรียนคิดว่าหนังสือรุ่นของคุณพ่อ มีข้อมูลอะไรบ้าง - นักเรียนคิดว่าจะทำหนังสือรุ่น

หรือไม่ เพราะอะไร
- นกั เรียนคิดว่าถา้ ต้องทำหนังสือรุ่น จะมขี อ้ มูลอะไรบา้ ง
- เพราะอะไรคุณครูจึงแนะนำให้กุ้งใช้ไฟล์เอกสารออนไลน์ (เพราะเพื่อนหลายคนช่วยกัน

เสนอหัวขอ้ ในหนังสอื รุ่นใหก้ ้งุ พิมพ์ แตก่ ุ้งพมิ พ์ไมท่ ัน)

- นักเรียนมีหัวข้ออื่น ๆ ที่ต้องการใส่ในหนังสือรุ่นนอกเหนือจากหัวข้อในหน้า 153 อีก
หรือไม่

- เด็ก ๆ ทุกคนช่วยกันจัดหัวข้อในหนังสอื รุน่ ใหม่ เพราะอะไร (หัวข้อที่ทุกคนช่วยกันพิมพ์
มจี ำนวนมาก และบางหัวขอ้ ซำ้ กัน การจดั กล่มุ ใหมท่ ำใหอ้ ่านเอกสารได้ง่ายขน้ึ ทำใหเ้ หน็ หวั ข้อท่ีซำ้ กนั ได)้

- นักเรียนมีวิธีการจัดกลุ่มรูปแบบอื่น ๆ ที่แตกต่างกับการ จัดกลุ่มหัวข้อในหน้า 156 อีก
หรอื ไม่ อย่างไร

- ขั้นตอนการแชร์เอกสารออนไลน์มีอะไรบ้าง (คลิกปุ่ม Share พิมพ์ที่อยู่อีเมลของคนท่ี
ต้องการแชร์ กำหนดสิทธิ์ในการเขา้ ถึงไฟล์ และคลกิ ปุ่ม Send)

- ทุกคนสามารถเข้าถึงเอกสารออนไลน์ในไฟล์เดียวกันได้อย่างไร (ด้วยการแชร์ไฟล์ให้คน
อนื่ ผา่ นอีเมลของคนนนั้ )

- เราจะทราบได้อย่างไรว่ามีคนแชร์ไฟล์ให้กับเรา (มีอีเมลแจ้ง ให้ทราบ) และจะเข้าไปดู
ไฟล์นั้นไดอ้ ยา่ งไร (คลกิ ลงิ กท์ ีแ่ จง้ ในอเี มล)

- เราจะทราบได้อย่างไรว่ามีใครกําลังเปิดเอกสารออนไลน์บ้าง (ที่ด้านบนของเอกสารจะ
ปรากฏภาพของผทู้ เี่ ปดิ เอกสารน้นั อย)ู่

- นักเรียนคิดว่าโปรแกรมเอกสารออนไลน์กับโปรแกรม สร้างงานเอกสารที่ใช้อยู่บน
คอมพิวเตอร์ของนักเรียนมีความ แตกต่างหรือคล้ายกันอย่างไร (โปรแกรมเอกสารออนไลน์ สามารถแก้ไข
เอกสารเดียวกันได้พร้อมกันหลายคน สามารถ สร้างตาราง ใส่รูปภาพ และมีคำสั่งในการใช้งานคล้ายกับ
โปรแกรมเอกสารบนคอมพวิ เตอร์ แตไ่ มต่ อ้ งคลิกป่มุ บนั ทกึ หรือ Save)

3. ข้ันอธบิ ายและลงข้อสรุป (explanation)
1. ครูชี้แจงและให้นักเรียนทำใบกิจกรรมที่ 6.1 สร้างห้องส่องงาน จากนั้นให้นักเรียนออกมา

นำเสนอผลงาน และร่วมกนั อภิปราย ในประเดน็ ตอ่ ไปนี้
- นกั เรียนแบ่งหนา้ ทกี่ นั ทำงานอยา่ งไรบ้าง นกั เรียนกำหนดสิทธ์ใิ นการใช้เอกสารของแต่ละ

คนอยา่ งไรบ้าง เพราะอะไร
- หากครูขอให้เพื่อนกลุ่มอื่นสามารถเข้าดูเอกสารของกลุ่ม นักเรียนได้นักเรียนจะกำหนด

สทิ ธใิ์ ห้เพอ่ื นกลุม่ อืน่ อยา่ งไร (ดไู ดอ้ ยา่ งเดียว)
- รายงานที่รวบรวมได้มีรายละเอยี ดอยา่ งไร
- นกั เรยี นคน้ หาขอ้ มูลจากแหลง่ ใด
- นกั เรียนคัดลอกขอ้ มูลมาวางตอ่ กัน หรอื เรยี บเรยี งเนือ้ หาใหมเ่ พราะอะไร
- นักเรียนพบปัญหาอุปสรรคในการทำงานหรือการใช้โปรแกรมเอกสารออนไลน์หรือไม่

หากพบปัญหานกั เรยี นมวี ธิ แี กป้ ัญนัน้ อย่างไร
- ข้อดีของการใชง้ านโปรแกรมเอกสารออนไลนร์ ว่ มกนั มีอะไรบา้ ง

4. ขน้ั ขยายความรู้ (elaboration)
1. ครูและนักเรียนรว่ มกันอภิปรายสรุปความรทู้ ี่ได้จากการทำกิจกรรมในประเดน็ ต่อไปนี้
- นักเรยี นไดร้ บั ความรอู้ ะไรบ้างจากการทำกิจกรรมน(ี้ การใชง้ านโปรแกรมเอกสารออนไลน์

รว่ มกัน การกำหนดสทิ ธิ์ ในการเข้าถึงไฟลเ์ อกสารออนไลน์ การจดั กลุ่มข้อมูล)
- นักเรียนจะนำความรู้เกี่ยวกับการใช้งานโปรแกรมเอกสาร ออนไลน์ไปใช้งานในการ

ทำงานอน่ื หรือแนะนําผอู้ ืน่ ให้ใช้งาน อย่างไร
5. ขนั้ ประเมนิ (evaluation)
1. ครูให้นักเรียนแต่ละคนพิจารณาว่า จากหัวข้อที่เรียนมาและการปฏิบัติกิจกรรม มีจุด

ใดบ้างทีย่ ังไมเ่ ข้าใจหรอื ยังมขี อ้ สงสัย ถา้ มี ครชู ่วยอธิบายเพม่ิ เติมให้นกั เรียนเข้าใจ
2. นักเรยี นร่วมกันประเมินการปฏิบตั ิกิจกรรมกลุ่มว่ามีปญั หาหรืออุปสรรคใด และได้มีการ

แกไ้ ขอยา่ งไรบา้ ง
3. ครูและนักเรียนร่วมกันแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับประโยชน์ที่ได้รับจากการปฏิบัติ

กิจกรรม และการนำความรทู้ ่ีได้ไปใชป้ ระโยชน์

7. กระบวนการวดั และประเมินผล
การประเมินการเรยี นรขู้ องนักเรยี นทำได้ ดงั นี้
1. ประเมนิ ความร้เู ดมิ จากการอภิปรายในชั้นเรียน
2. ประเมินการเรียนรู้จากคำตอบของนักเรียนระหว่างการจัดการเรียนรู้และจากแบบบันทึก

กิจกรรม
3. ประเมินทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์และทักษะแห่งศตวรรษที่ 21 จากการทำกิจกรรม

ของนักเรยี น

การประเมนิ จากการทำกิจกรรม

ระดับคะแนน

3 คะแนน หมายถึง ดี 2 คะแนน หมายถงึ พอใช้ 1 คะแนน หมายถงึ ควรปรับปรงุ

รหัส สงิ่ ท่ปี ระเมนิ ระดบั คะแนน

ทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์

S1 การสังเกต

S8 การลงความเห็นจากขอ้ มลู

S13 การตคี วามหมายขอ้ มลู และลงขอ้ สรุป

ทักษะแห่งศตวรรษที่ 21

C4 การสอื่ สาร

C5 ความร่วมมือ

8. สื่อและแหลง่ การเรยี นรู้
- หนังสือเรียนรายวิชาพื้นฐานวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี เทคโนโลยี ชั้นประถมศึกษาปีที่ 6

สสวท.
- แบบฝึกทักษะรายวิชาพื้นฐานวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี เทคโนโลยี ชั้นประถมศึกษาปีที่ 6

สสวท.
- เคร่ืองคอมพิวเตอร์ท่ีเชื่อมตอ่ อินเทอรเ์ น็ต
- อีเมลสำหรับนักเรียนทุกคน

9. ความเหน็ ของหัวหนา้ สถานศกึ ษา/ผทู้ ี่ไดร้ ับมอบหมาย

ไดท้ ำการตรวจแผนการจดั การเรยี นรูข้ อง.......................................................... แล้วมีความเห็นดงั น้ี
1. เปน็ แผนการจัดการเรียนร้ทู ี่
 ดีมาก
 ดี
 พอใช้
 ควรปรบั ปรงุ
2. การจัดกิจกรรมได้นำเอากระบวนการเรยี นรู้
 เนน้ ผูเ้ รยี นเป็นสำคญั มาใชใ้ นการสอนได้อยา่ งเหมาะสม
 ยงั ไม่เนน้ ผ้เู รียนเป็นสำคญั ควรปรบั ปรุงพฒั นาต่อไป
3. เปน็ แผนการจดั การเรยี นร้ทู ี่
 นำไปใชไ้ ดจ้ ริง
 ควรปรบั ปรุงก่อนนำไปใช้
4. ข้อเสนอแนะอนื่ ๆ

........................................................................................................................................ ......................................
..............................................................................................................................................................................
..............................................................................................................................................................................

ลงชื่อ..................................................
(.................................................)

วนั ที่........เดอื น...............พ.ศ. ...........

10. บันทกึ ผลหลงั การสอน
 ดา้ นความรู้

 ดา้ นสมรรถนะสำคัญของผู้เรียน

 ดา้ นคุณลักษณะอนั พงึ ประสงค์

 ด้านความสามารถทางวิทยาศาสตร์

 ด้านอืน่ ๆ (พฤตกิ รรมเด่น หรือพฤติกรรมที่มีปญั หาของนกั เรยี นเป็นรายบคุ คล (ถา้ ม)ี )

 ปัญหา/อปุ สรรค

 แนวทางการแกไ้ ข

ลงชอื่ ..................................................ครผู ู้สอน
(.................................................)

ตำแหนง่ ............................................

ข้อเสนอแนะ
- สำหรับโรงเรียนที่ไม่มีเครื่องคอมพิวเตอร์เพียงพอสำหรับนักเรียนทุกคนในกจิ กรรมการแชร์เอกสาร

ออนไลน์ อาจใหน้ กั เรียนใช้ 1 อีเมล ตอ่ 1 กลุ่ม
- ครูอาจจัดกิจกรรมเพิ่มเติมโดยให้นักเรียนเปรยี บเทียบปุ่มและลักษณะการใช้งานระหว่างโปรแกรม

เอกสารออนไลน์และโปรแกรมเอกสารบน เครื่องคอมพิวเตอร์ ว่ามีความเหมือนหรือแตกต่างกันอย่างไร และ
เน้นให้ นักเรียนสังเกตว่าโปรแกรมเอกสารออนไลน์จะไม่มีปุ่มบันทึกหรือ Save เนื่องจากเป็นการบันทึก
อตั โนมัติบนคลาวด์

- การลงทะเบียนเพื่อใช้อีเมลสาธารณะจะมีการกำหนดอายุของผู้ใชซ้ ึ่งนักเรียน ชั้น ป.6 บางคนจะไม่
สามารถใช้ได้ ครจู งึ ควรขอใช้อีเมลจาก บรกิ ารอนิ เทอร์เนต็ เพอ่ื การศกึ ษา

แนวคำตอบแบบฝกึ หดั ทา้ ยบท
ให้คณุ ครูตรวจผลงานจากการปฏบิ ตั ขิ องนักเรียนตามโจทยส์ ถานการณ์ใน ขอ้ 1-2

แผนการจัดการเรยี นรู้ที่ 21

กลุม่ สาระการเรยี นรู้วทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี รายวิชาพื้นฐานวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี (เทคโนโลยี)

ช้ันประถมศึกษาปที ่ี 6 ปกี ารศกึ ษา ..........

เรือ่ ง เรอ่ื งวุน่ ๆ หนงั สอื รุน่ ออนไลน์ ตอน ทำงานรว่ มกนั เวลา 1 ช่วั โมง

ครผู ู้สอน.........................................

1. มาตรฐานการเรียนร/ู้ ตัวชีว้ ดั
สาระที่ 4 เทคโนโลยี
มาตรฐาน ว 4.2 เข้าใจและใช้แนวคิดเชิงคำนวณในการแก้ปัญหาที่พบในชีวิตจริงอย่างเป็นขั้นตอน
และเป็นระบบ ใช้เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารในการเรียนรู้ การทำงาน
และการแก้ปัญหาไดอ้ ยา่ งมปี ระสทิ ธิภาพ ร้เู ท่าทนั และมจี ริยธรรม
ตัวชี้วัด ป.6/4 ใช้เทคโนโลยีสารสนเทศทำงานร่วมกันอย่างปลอดภัยเข้าใจสิทธิและ หน้าที่ของตน
เคารพในสิทธขิ องผูอ้ ืน่ แจง้ ผ้เู กีย่ วขอ้ งเมอ่ื พบข้อมลู หรือบคุ คลท่ีไมเ่ หมาะสม

2. จุดประสงคก์ ารเรยี นรู้ (ความรู้, ทักษะ, เจตคติ)
1. นกั เรียนมคี วามรู้ความเขา้ ใจเกย่ี วกับการจัดกลมุ่ ข้อมูล
2. นักเรยี นสามารถใชง้ านโปรแกรมเอกสารออนไลน์รว่ มกนั ได้
3. นกั เรียนมีเจตคตทิ ดี่ ตี ่อวชิ าวทิ ยาศาสตร์และสามารถนำไปประยกุ ต์ใช้ในชวี ิตประจำวันได้

3. สาระสำคัญ
โปรแกรมเอกสารออนไลน์ ช่วยทำให้ทุกคนสามารถแก้ไขเอกสารพร้อมกันได้ แม้จะอยู่คนละที่ และ

สามารถทราบไดว้ า่ ใครกำลงั พิมพ์หรอื แก้ไขอะไรในเอกสารบ้าง นอกจากน้ียังสามารถกำหนดสทิ ธข์ิ องแต่ละคน
โดยคลิกท่ีปมุ่ แชร์และเลอื กสิทธิ์ในการเขา้ ถึง เช่น แก้ไขได้ (can edit) แสดงความคดิ เหน็ ได้ (can comment)
หรอื ดูได้ อยา่ งเดียว (can view)

เวอร์ชนั (version) คือรนุ่ ของเอกสาร โปรแกรมเอกสารออนไลน์จะบันทึก การแกไ้ ขเอกสารไว้เป็นรุ่น
ๆ เราสามารถดูประวตั ิ (history) การแกไ้ ขเอกสาร และ เรยี กคืน (restore) เอกสารเวอร์ชันเกา่ ได้

สามารถทำงานร่วมกันแบบออนไลน์ในโปรแกรมอื่น ๆ เช่น สไลด์นำเสนอ แบบฟอร์ม ตารางทำงาน
ปฏิทนิ

การจัดกลุม่ หวั ขอ้ หรอื เรือ่ งราวจะช่วยให้ดูข้อมลู ไดง้ ่ายขน้ึ และมองเหน็ ขอ้ มูล ทีม่ ีความซำ้ ซ้อนกนั ได้

4. สาระการเรียนรู้
1. การใชเ้ อกสารออนไลนร์ ่วมกนั
2. การกำหนดสิทธิ์การใช้งาน (สิทธิ์ในการเขา้ ถึง)

5. คณุ ลกั ษณะอันพงึ ประสงค์
1. ใฝเ่ รยี นรู้
2. อยอู่ ยา่ งพอเพยี ง
3. มุ่งม่ันในการทำงาน

5. ชนิ้ งานหรอื ภาระงาน
ใบกจิ กรรมท่ี 6.2 ทำงานร่วมกนั

6. กิจกรรมการเรยี นรู้
แนวคิด/รูปแบบการสอน/วิธีการสอน/เทคนิค : สืบเสาะหาความรู้ (5Es Instructional Model)

โดยเน้นผ้เู รยี นเปน็ สำคัญ ดำเนินการเรยี นการสอนดังตอ่ ไปนี้

1. ขนั้ สรา้ งความสนใจ (engagement)
1. ครูนำเขา้ สบู่ ทเรียนโดยต้งั คำถาม เช่น
- เม่ือครูสั่งงานกลุ่ม นกั เรียนมวี ธิ กี ารทำงานอย่างไรบ้าง
- ถ้างานกลุ่มที่ครูสั่ง เป็นงานที่ต้องใช้โปรแกรมคอมพิวเตอร์นักเรียนมีวิธีทำงานร่วมกัน

อยา่ งไร ใครเปน็ ผูพ้ ิมพ์ ใครเป็น ผรู้ วบรวมขอ้ มูล นักเรยี นช่วยกนั แกไ้ ขเอกสารน้นั อยา่ งไร
- นกั เรียนคดิ วา่ วธิ ีการทำงานดังกลา่ วมีความสะดวก และเหมาะสมหรือไม่ เพราะอะไร

2. ครูอธิบายเพิ่มเตมิ วา่ ในอินเทอรเ์ นต็ มบี รกิ ารที่ช่วยให้นักเรยี นสามารถใช้โปรแกรมสร้างงาน
เอกสารพรอ้ มกนั ได้

2. ขั้นสำรวจและคน้ หา (exploration)
1. ครูนำนักเรียนศึกษาเนื้อหาในบทเรียนหน้า 145-156 จากนั้นครูตั้งคำถามเพื่อกระตุ้น

ความคดิ และตรวจสอบความรคู้ วามเขา้ ใจ เชน่
- ปหี น้านักเรียนจะเรียนต่อท่ีโรงเรยี นอะไรบา้ ง เพราะเหตุใด
- นักเรียนคิดว่าหนังสือรุ่นของคุณพ่อ มีข้อมูลอะไรบ้าง - นักเรียนคิดว่าจะทำหนังสือรุ่น

หรือไม่ เพราะอะไร
- นกั เรียนคดิ ว่าถ้าต้องทำหนงั สือรนุ่ จะมขี ้อมลู อะไรบ้าง
- เพราะอะไรคุณครูจึงแนะนำให้กุ้งใช้ไฟล์เอกสารออนไลน์ (เพราะเพื่อนหลายคนช่วยกัน

เสนอหวั ขอ้ ในหนังสือร่นุ ให้กงุ้ พิมพ์ แต่กงุ้ พมิ พไ์ มท่ ัน)

- นักเรียนมีหัวข้ออื่น ๆ ที่ต้องการใส่ในหนังสือรุ่นนอกเหนือจากหัวข้อในหน้า 153 อีก
หรอื ไม่

- เด็ก ๆ ทุกคนช่วยกันจัดหวั ขอ้ ในหนังสือรุน่ ใหม่ เพราะอะไร (หัวข้อที่ทุกคนช่วยกนั พิมพ์
มจี ำนวนมาก และบางหัวข้อซ้ำกนั การจดั กลุม่ ใหม่ทำใหอ้ ่านเอกสารได้งา่ ยขึน้ ทำใหเ้ หน็ หวั ข้อทซี่ ำ้ กนั ได้)

- นักเรียนมีวิธีการจัดกลุ่มรูปแบบอื่น ๆ ที่แตกต่างกับการ จัดกลุ่มหัวข้อในหน้า 156 อีก
หรือไม่ อย่างไร

- ขั้นตอนการแชร์เอกสารออนไลน์มีอะไรบ้าง (คลิกปุ่ม Share พิมพ์ที่อยู่อีเมลของคนท่ี
ตอ้ งการแชร์ กำหนดสทิ ธ์ใิ นการเข้าถงึ ไฟล์ และคลกิ ปมุ่ Send)

- ทุกคนสามารถเข้าถึงเอกสารออนไลน์ในไฟล์เดียวกันได้อย่างไร (ด้วยการแชร์ไฟล์ให้คน
อ่นื ผา่ นอีเมลของคนนนั้ )

- เราจะทราบได้อย่างไรว่ามีคนแชร์ไฟล์ให้กับเรา (มีอีเมลแจ้ง ให้ทราบ) และจะเข้าไปดู
ไฟล์นัน้ ไดอ้ ยา่ งไร (คลิกลิงกท์ ี่แจ้งในอเี มล)

- เราจะทราบได้อย่างไรว่ามีใครกําลังเปิดเอกสารออนไลน์บ้าง (ที่ด้านบนของเอกสารจะ
ปรากฏภาพของผู้ท่เี ปดิ เอกสารน้นั อยู่)

- นักเรียนคิดว่าโปรแกรมเอกสารออนไลน์กับโปรแกรม สร้างงานเอกสารที่ใช้อยู่บน
คอมพิวเตอร์ของนักเรียนมีความ แตกต่างหรือคล้ายกันอย่างไร (โปรแกรมเอกสารออนไลน์ สามารถแก้ไข
เอกสารเดียวกันได้พร้อมกันหลายคน สามารถ สร้างตาราง ใส่รูปภาพ และมีคำสั่งในการใช้งานคล้ายกับ
โปรแกรมเอกสารบนคอมพิวเตอร์ แต่ไมต่ ้องคลกิ ปุ่มบันทกึ หรอื Save)

2. ครูนํานักเรียนศึกษาเนื้อหาในบทเรียน หน้า 157-164 และให้นักเรียนช่วยกันสรุปความรู้ที่ได้
เชน่

- กุ้งพบปัญหาอะไรในการใช้งานโปรแกรมเอกสารออนไลน์ (มีเพื่อนลบภาพกิจกรรมในไฟล์
เอกสารออนไลน์) และคุณครู แนะนำวิธีการแก้ไขอย่างไร (เรียกดูประวัติเวอร์ชันและ เรียกคืนเวอร์ชั่นที่
ตอ้ งการ)

- การกำหนดสิทธิใ์ นการใช้งานให้แตล่ ะคนมีข้อดีอยา่ งไร (ตรวจสอบการแก้ไขข้อมูลของแต่ละ
คนได้ เลอื กใหเ้ ฉพาะ ผ้ทู ม่ี หี นา้ ทีร่ บั ผิดชอบแกไ้ ขข้อมูลได้เท่านัน้ ข้อมลู สำคญั ไม่เปลีย่ นแปลงหรือสญู หาย)

- เราสามารถกำหนดสิทธิ์ในการใช้งานเอกสารออนไลน์ได้ แบบใดบ้าง (สามารถแก้ไขได้
สามารถแสดงความคดิ เหน็ สามารถดูไดอ้ ยา่ งเดยี ว) และนกั เรยี นคดิ วา่ เราควรกำหนด สทิ ธใ์ิ ห้แตล่ ะคนอย่างไร
(สิทธิ์ของแต่ละคนขึ้นอยู่กับหน้าที่ รับผิดชอบในงานนั้น เช่น หากเป็นผู้ที่ได้รับมอบหมายให้เป็น เลขานุการ
หรือเป็นทมี งานหลัก อาจกำหนดสทิ ธใิ์ หส้ ามารถ แก้ไขได้ ส่วนผ้อู ่นื ที่อยใู่ นกลุม่ ใหด้ ไู ดอ้ ย่างเดยี ว)

- นอกจากโปรแกรมเอกสารออนไลน์แล้ว มีโปรแกรมอะไร อีกบ้างที่สามารถทำงานร่วมกัน
แบบอออนไลนไ์ ด้ (สไลด์ นาํ เสนอ แบบฟอรม์ ตารางทำงาน ปฏิทิน) และนักเรยี นเคยใชห้ รอื ไม่

3. ขนั้ อธบิ ายและลงข้อสรปุ (explanation)
1. ครูชี้แจงและให้นักเรียนทำใบกิจกรรมที่ 6.2 ทำงานร่วมกัน จากนั้นสุ่มนักเรียนนําเสนอ

คําตอบที่ละข้อและครูตั้งคําถามว่า คําตอบของนักเรียนเหมือนหรือแตกต่างกันหรือไม่ เพราะอะไร และ
นักเรียนเห็นดว้ ยกับคำตอบทแ่ี ตกตา่ งกันหรอื ไม่ เพราะอะไร

4. ขนั้ ขยายความรู้ (elaboration)
1. ครแู ละนกั เรยี นร่วมกนั อภิปรายสรปุ ความรู้ท่ีไดจ้ ากการทำกจิ กรรมในประเด็นต่อไปนี้
- นกั เรยี นได้รบั ความรู้อะไรบ้างจากการทำกจิ กรรมนี(้ การใช้งานโปรแกรมเอกสารออนไลน์

รว่ มกัน การกำหนดสิทธ์ิ ในการเขา้ ถึงไฟล์เอกสารออนไลน์ การจัดกล่มุ ขอ้ มูล)
- นักเรียนจะนำความรู้เกี่ยวกับการใช้งานโปรแกรมเอกสาร ออนไลน์ไปใช้งานในการ

ทำงานอืน่ หรือแนะนาํ ผู้อนื่ ให้ใช้งาน อยา่ งไร
5. ข้นั ประเมนิ (evaluation)
1. ครูให้นักเรียนแต่ละคนพิจารณาว่า จากหัวข้อที่เรียนมาและการปฏิบัติกิจกรรม มีจุด

ใดบา้ งทย่ี งั ไม่เขา้ ใจหรอื ยังมขี อ้ สงสยั ถ้ามี ครูช่วยอธิบายเพ่มิ เตมิ ให้นกั เรียนเขา้ ใจ
2. นักเรยี นร่วมกันประเมินการปฏบิ ัติกจิ กรรมกลุ่มว่ามีปัญหาหรืออุปสรรคใด และได้มีการ

แกไ้ ขอยา่ งไรบ้าง
3. ครูและนักเรียนร่วมกันแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับประโยชน์ที่ได้รับจากการปฏิบัติ

กจิ กรรม และการนำความรู้ทไ่ี ดไ้ ปใช้ประโยชน์

7. กระบวนการวดั และประเมินผล
การประเมินการเรยี นร้ขู องนักเรียนทำได้ ดงั นี้
1. ประเมนิ ความรู้เดิมจากการอภิปรายในชนั้ เรยี น
2. ประเมินการเรียนรู้จากคำตอบของนักเรียนระหว่างการจัดการเรียนรู้และจากแบบบันทึก

กจิ กรรม
3. ประเมินทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์และทักษะแห่งศตวรรษที่ 21 จากการทำกิจกรรม

ของนกั เรียน

การประเมินจากการทำกจิ กรรม

ระดบั คะแนน

3 คะแนน หมายถงึ ดี 2 คะแนน หมายถงึ พอใช้ 1 คะแนน หมายถงึ ควรปรับปรุง

รหสั สง่ิ ทีป่ ระเมนิ ระดับคะแนน

ทกั ษะกระบวนการทางวทิ ยาศาสตร์

S1 การสงั เกต

S8 การลงความเห็นจากข้อมลู

S13 การตีความหมายข้อมลู และลงข้อสรุป

ทกั ษะแหง่ ศตวรรษที่ 21

C4 การสือ่ สาร

C5 ความร่วมมอื

8. ส่ือและแหลง่ การเรยี นรู้

- หนังสือเรียนรายวิชาพื้นฐานวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี เทคโนโลยี ชั้นประถมศึกษาปีที่ 6

สสวท.

- แบบฝึกทักษะรายวิชาพื้นฐานวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี เทคโนโลยี ชั้นประถมศึกษาปีที่ 6

สสวท.

- เครอื่ งคอมพวิ เตอร์ทเี่ ชือ่ มต่ออนิ เทอรเ์ น็ต

- อีเมลสำหรบั นกั เรยี นทกุ คน

9. ความเหน็ ของหวั หน้าสถานศึกษา/ผทู้ ไี่ ด้รับมอบหมาย

ได้ทำการตรวจแผนการจัดการเรียนรู้ของ.......................................................... แล้วมีความเห็นดงั นี้
1. เปน็ แผนการจัดการเรยี นรูท้ ่ี
 ดีมาก
 ดี
 พอใช้
 ควรปรับปรุง
2. การจัดกจิ กรรมไดน้ ำเอากระบวนการเรียนรู้
 เน้นผเู้ รียนเปน็ สำคัญมาใช้ในการสอนไดอ้ ย่างเหมาะสม
 ยงั ไม่เนน้ ผู้เรยี นเปน็ สำคญั ควรปรับปรุงพัฒนาต่อไป
3. เปน็ แผนการจัดการเรยี นรู้ท่ี
 นำไปใช้ได้จริง
 ควรปรับปรุงกอ่ นนำไปใช้
4. ข้อเสนอแนะอ่นื ๆ

.................................................................................................................................................... ..........................
..............................................................................................................................................................................
..............................................................................................................................................................................

ลงชอ่ื ..................................................
(.................................................)

วันท่ี........เดือน...............พ.ศ. ...........

10. บันทกึ ผลหลงั การสอน
 ดา้ นความรู้

 ดา้ นสมรรถนะสำคัญของผู้เรียน

 ดา้ นคุณลักษณะอนั พงึ ประสงค์

 ด้านความสามารถทางวิทยาศาสตร์

 ด้านอืน่ ๆ (พฤตกิ รรมเด่น หรือพฤติกรรมที่มีปญั หาของนกั เรยี นเป็นรายบคุ คล (ถา้ ม)ี )

 ปัญหา/อปุ สรรค

 แนวทางการแกไ้ ข

ลงชอื่ ..................................................ครผู ู้สอน
(.................................................)

ตำแหนง่ ............................................

ข้อเสนอแนะ
- สำหรับโรงเรียนที่ไม่มีเครื่องคอมพิวเตอร์เพียงพอสำหรับนักเรียนทุกคนในกจิ กรรมการแชร์เอกสาร

ออนไลน์ อาจใหน้ กั เรียนใช้ 1 อีเมล ตอ่ 1 กลุ่ม
- ครูอาจจัดกิจกรรมเพิ่มเติมโดยให้นักเรียนเปรยี บเทียบปุ่มและลักษณะการใช้งานระหว่างโปรแกรม

เอกสารออนไลน์และโปรแกรมเอกสารบน เครื่องคอมพิวเตอร์ ว่ามีความเหมือนหรือแตกต่างกันอย่างไร และ
เน้นให้ นักเรียนสังเกตว่าโปรแกรมเอกสารออนไลน์จะไม่มีปุ่มบันทึกหรือ Save เนื่องจากเป็นการบันทึก
อตั โนมัติบนคลาวด์

- การลงทะเบียนเพื่อใช้อีเมลสาธารณะจะมีการกำหนดอายุของผู้ใชซ้ ึ่งนักเรียน ชั้น ป.6 บางคนจะไม่
สามารถใช้ได้ ครจู งึ ควรขอใช้อีเมลจาก บรกิ ารอนิ เทอร์เนต็ เพอ่ื การศกึ ษา

แนวคำตอบแบบฝกึ หดั ทา้ ยบท
ให้คณุ ครูตรวจผลงานจากการปฏบิ ตั ขิ องนักเรียนตามโจทยส์ ถานการณ์ใน ขอ้ 1-2

แผนการจดั การเรยี นรู้ที่ 22

กลุ่มสาระการเรียนร้วู ทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี รายวิชาพื้นฐานวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี (เทคโนโลยี)
ชั้นประถมศกึ ษาปีท่ี 6 ปกี ารศกึ ษา ..........
เรอ่ื ง รวบรวม ร่วมแรง จดั แจงขอ้ มลู เวลา 1 ชว่ั โมง
ครผู ู้สอน.........................................

1. มาตรฐานการเรียนร/ู้ ตัวช้วี ดั
สาระท่ี 4 เทคโนโลยี
มาตรฐาน ว 4.2 เข้าใจและใช้แนวคิดเชิงคำนวณในการแก้ปัญหาที่พบในชีวิตจริงอย่างเป็นขั้นตอน
และเป็นระบบ ใช้เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารในการเรียนรู้ การทำงาน
และการแกป้ ัญหาได้อยา่ งมปี ระสทิ ธภิ าพ รูเ้ ทา่ ทนั และมจี ริยธรรม
ตัวชี้วัด ป.6/4 ใช้เทคโนโลยีสารสนเทศทำงานร่วมกันอย่างปลอดภัยเข้าใจสิทธิและ หน้าที่ของตน
เคารพในสทิ ธขิ องผอู้ ่ืน แจ้งผู้เก่ยี วขอ้ งเม่อื พบข้อมลู หรอื บคุ คลท่ีไมเ่ หมาะสม

2. จดุ ประสงค์การเรียนรู้ (ความร,ู้ ทักษะ, เจตคติ)
1. นกั เรียนมคี วามรคู้ วามเขา้ ใจเกี่ยวกับการประมวลผลข้อมูลเบ้อื งต้น
2. นักเรยี นสามารถใช้งานโปรแกรมตารางทำงานร่วมกันได้
3. นกั เรยี นมีเจตคตทิ ี่ดตี อ่ วชิ าวทิ ยาศาสตร์และสามารถนำไปประยกุ ตใ์ ช้ในชีวติ ประจำวันได้

3. สาระสำคัญ
โปรแกรมแบบฟอร์มออนไลน์ ช่วยให้การทำแบบสอบถามสะดวกยิ่งขึ้น สามารถ ดูการตอบกลับของ

ผตู้ อบแบบสอบถามในรปู แผนภมู ิได้ ทำใหเ้ ปรยี บเทียบและ สรุปผลของขอ้ มลู ได้งา่ ยขน้ึ
โปรแกรมตารางทำงานออนไลน์ สามารถกำหนดสิทธิ์ในการแกไ้ ข และทำงานร่วมกันได้ สตู รคำนวณท่ี

ใช้ในโปรแกรมตารางทำงาน เช่น SUM, COUNTIF, IF
COUNTIF ใช้นับจำนวนเซลแบบมีเงื่อนไขโดยต้องระบุช่วงเซล ที่ต้องการนับ และเงื่อนไข เช่น นับ

เซลในช่วง G2 ถึง G20 ทีม่ คี า่ เท่ากับ 0 สูตรท่ีใช้คือ =COUNTIF(G2:G20,0)
IF ใช้สำหรับตรวจสอบเงื่อนไขเพื่อแสดงค่าตามที่ต้องการ โดยระบุเงื่อนไขที่ ต้องการตรวจสอบและ

ค่าที่ต้องการแสดง เช่น ถ้าเซล G2 มีค่าเท่ากับ 0 ให้แสดงค่า 1 ถ้าไม่ใช่ ให้แสดงค่า 0 สูตรที่ใช้คือ
=IF(G2=0,1,0)

ตวั กรอง (filter) ใช้สำหรบั กรองขอ้ มูล เพอื่ ให้แสดงผลตามท่ีตอ้ งการ

4. สาระการเรยี นรู้
1. การใชโ้ ปรแกรมตารางทำงานรว่ มกัน
2. การประมวลผลข้อมูลเบ้อื งตน้

5. คณุ ลักษณะอันพงึ ประสงค์
1. ใฝ่เรยี นรู้
2. อยอู่ ยา่ งพอเพียง
3. มุ่งม่นั ในการทำงาน

5. ชิ้นงานหรือภาระงาน
ใบกจิ กรรมที่ 7.1 ดเู คร่อื งบนิ

6. กิจกรรมการเรยี นรู้
แนวคิด/รูปแบบการสอน/วิธีการสอน/เทคนิค : สืบเสาะหาความรู้ (5Es Instructional Model)

โดยเน้นผูเ้ รียนเปน็ สำคญั ดำเนนิ การเรยี นการสอนดังต่อไปนี้

1. ข้นั สรา้ งความสนใจ (engagement)
1. ครูนำอภิปรายและทบทวนความรู้เกี่ยวกับการใช้โปรแกรมตารางทำงาน โดยใช้โจทย์

สถานการณจ์ ากสำรวจความรู้ก่อนเรียน ซ่ึงให้ บนั ทึกขอ้ มลู รายรับรายจ่ายใน 1 สัปดาห์ จากนั้นแสดงผลในรูป
แผนภมู ิ

2. ขั้นสำรวจและคน้ หา (exploration)
1. ครูนำนักเรียนศึกษาเนื้อหาในหนังสือบทที่ 7 รวบรวม ร่วมแรง จัดแจงข้อมูล หน้าที่ 170 -

177 (จนจบบทสนทนาของก้อยและ ป้าพร) ครูนำอภิปรายตรวจสอบความรคู้ วามเขา้ ใจโดยใชค้ าํ ถาม เชน่
- เกิดปัญหาอะไรกับเอกสารตารางทำงานออนไลน์ที่กุ้งให้เพื่อน ๆ ร่วมกันโหวตกิจกรรม

ประทับใจ (เพื่อนแต่ละคนพิมพ์ชื่อ กิจกรรมไม่เหมือนกันถึงแม้ว่าจะเป็นกิจกรรมเดียวกัน ทำให้นำมาใช้
ประมวลผลไม่ได้ และมีจำนวนกิจกรรมที่เขียน แตกต่างกัน) โป้งและกุ้งแก้ไขปัญหานี้อย่างไร (ใช้โปรแกรม
แบบฟอรม์ ออนไลน์แทน)

- เพราะเหตุใดโป้งและกุ้งจึงใช้โปรแกรมแบบฟอร์มออนไลน์ แทนการใช้โปรแกรมตาราง
ทำงานออนไลน์ เพ่ือเกบ็ ข้อมลู การโหวตกิจกรรมประทบั ใจของเพื่อน ๆ (แบบฟอร์มออนไลน์ สามารถระบุช่ือ
กิจกรรมเพื่อให้เพื่อน ๆ เลือกตอบได้ทันที และสามารถรวบรวมผลการตอบ แล้วนําเสนอในรูปแบบของ
แผนภมู ิเพอ่ื ใหเ้ ข้าใจได้งา่ ย)

- จากผลการโหวตโดยใช้แบบฟอร์มออนไลน์ในหน้า 174 ยังมี คนที่ไม่โหวตอีก 2 คน
นักเรยี นคดิ ว่าเปน็ ใคร (กงุ้ และโปง้ )

- แผนภูมิแสดงผลการโหวตในหนา้ 175 เป็นแผนภมู ชิ นิดใด (แผนภูมิวงกลม)
- ถ้าโปง้ และกงุ้ บอกเพ่อื น ๆ ใหโ้ หวตกิจกรรมท่ีประทับใจ คนละ 1 กจิ กรรมลงในโปรแกรม
ตารางทำงานออนไลน์เช่นเดิมสามารถทำได้หรือไม่ (ได้ แต่ในการรวมคะแนนโหวต จะทำได้ยาก หรืออาจนับ
คะแนนบางคนไม่ได้ เพราะ แต่ละคนเขียนชื่อกิจกรรมแตกต่างกัน อาจแยกไม่ออกว่า เป็นกิจกรรมเดียวกัน
หรอื ไม่ รวมทงั้ โป้งและกุ้งจะคำนวณคะแนนโหวตไดช้ ้า)
- โปรแกรมแบบฟอร์มออนไลน์มีประโยชน์อย่างไร (ใช้สร้างแบบฟอร์มหรือแบบสอบถาม
โดยผสู้ รา้ งแบบฟอร์มสามารถ กำหนดคำถามตัวเลือกคําตอบท่ตี ้องการ เพ่อื ใหผ้ ู้อ่ืนตอบได้ และสามารถดูการ
ตอบกลับของผูต้ อบแบบสอบถามในรปู แผนภมู ิได้ ทำใหเ้ ปรียบเทียบและสรปุ ผลขอ้ มลู ไดง้ ่ายขนึ้ )
2. ครูนำนักเรียนศึกษาเนื้อหาในหนังสือเรียนหน้าที่ 177-190 แล้วให้นักเรียนทดลองใช้
โปรแกรมตารางทำงานออนไลน์ โดยเปิด เว็บไซต์ https://docs.google.com/spreadsheets แล้วคลิกท่ี
กรอบ + (Blank) เพื่อสร้างเอกสารใหม่ หรือดาวน์โหลดไฟล์ ประกอบจากลิงก์ oho.ipst.ac.th/im/6791
จากน้ันปฏิบัติตาม หนงั สือเรียน และอภปิ รายทบทวนความรทู้ ไ่ี ด้ ตวั อย่างประเด็น การอภปิ ราย เช่น
- ระหว่างหนังสอื รุ่นทเ่ี ป็นไฟล์พีดีเอฟ (pdf) กบั ทพี่ มิ พ์ลงกระดาษ นักเรยี นจะเลือกรูปแบบ
ใด เพราะเหตใุ ด
- เพราะเหตุใดก้อยและจอยจึงไม่แชร์ไฟล์เอกสารตารางทำงาน ออนไลน์ให้เพื่อนทุกคน
กรอกขอ้ มลู เอง (เพราะหากทกุ คน สามารถแก้ไขขอ้ มลู การเงนิ ได้ ขอ้ มูลอาจจะผดิ พลาด)
- สูตร COUNTIF มีไว้สำหรับทำอะไร (ใช้นับจำนวนข้อมูล ตามเงื่อนไขที่ระบุ ทั้งนี้เรา
สามารถแทนข้อความดว้ ยตัวเลข เพื่อนําตัวเลขที่แทนค่าน้ันมาคํานวณได้เช่นกัน เช่น การแทน ข้อความ “ส่ง
งานแล้ว” เป็นเลข 1 และข้อความ “ยงั ไม่ สง่ งาน” เป็นเลข 2 จากน้นั จงึ ใช้สตู ร COUNTIF ในการ นับจำนวน
ผทู้ ส่ี ่งงานแล้ว (เลข1) หรอื จำนวนผู้ท่ยี งั ไม่สง่ งาน (เลข2)
- สูตร IF คอื อะไร (เปน็ สูตรทใ่ี ชต้ รวจสอบเงอื่ นไขการทำงาน)
- สูตร IF แตกต่างจากสูตร COUNTIF อย่างไร (IF ใช้ในการ ตรวจสอบเงื่อนไขและ
กาํ หนดค่าอย่างใดอย่างหนึ่ง ส่วน COUNTIF ใช้ในการนับจำนวนขอ้ มูลตามเงอื่ นไข)
- การใช้สูตร IF ในเอกสารนี้ใช้ในเซลใดบ้าง และใช้ในกรณีใด (ใช้ในคอลัมน์ Hเพ่ือ
กําหนดค่าให้เป็น 1 สำหรับคนที่มีข้อมูล ในคอลัมน์ C ว่า “ส่งแล้ว” ใช้ในคอลัมน์ I เพื่อกําหนดค่าให้ เป็น 1
สำหรบั คนทม่ี ขี ้อมลู ในคอลัมน์ G ว่า “0” (คนท่จี า่ ย เงินครบแลว้ )
- สูตร SUM มีไวส้ ำหรบั ทำอะไร (ใชห้ าผลรวม)
- จากหน้า 183 เกง่ ต้องการนบั จำนวนเลข 1 ในช่วงเซล H2H20 โดยระบวุ ่าการนับจำนวน
เลข 1 ก็เหมือนกับการหา ผลรวม ดังนั้นใช้สูตร SUM ก็ได้ นักเรียนคิดว่าเราสามารถ ใช้วิธีการเดียวกันนี้กับ
การนับจำนวนในคอลมั น์ Gได้หรือไม่ เพราะอะไร (ไม่ได้ เนื่องจากในคอลมั น์ H มีค่าข้อมูลเป็น 1 และ 0 เม่ือ
ใช้คำสง่ั SUM ในการหาผลรวม จะใหผ้ ลลัพธ์ เชน่ เดียวกบั การใช้คำส่งั COUNTIF แต่ในคอลมั น์ G1:G20 มีค่า
ข้อมูลที่เป็นเลขอื่น ๆ ซึ่งไม่ใช่ 0 และ 1 ผลลัพธ์ที่ได้จาก การใช้คำสั่ง SUM จะแตกต่างจากการใช้คำสั่ง
COUNTIF)

- ถา้ ตอ้ งการแสดงขอ้ มูลในคอลัมน์ K วา่ ใครทส่ี ง่ ข้อมลู และ จ่ายเงินครบแลว้ ใหแ้ สดงคาํ วา่
“ปิดจ๊อบ” ถ้ายังไม่ครบให้ แสดงคำว่า “ติดตาม” จะต้องใช้สูตร IF ว่าอย่างไร (=IF (12=1, “ปิดจ๊อบ” ,
“ติดตาม”))

- คำสั่ง FILTER คืออะไร (คำสั่งกรองช่วงข้อมูลตามเงื่อนไข ที่กำหนด เพื่อนําข้อมูลนั้นมา
ประมวลผลตามทต่ี ้องการ เชน่ นบั จำนวนผูท้ ี่สง่ ขอ้ มูลแลว้ เฉพาะนักเรียนห้อง 4 สามารถใช้ FILTER เพ่ือเลือก
นำขอ้ มลู เฉพาะนักเรียน หอ้ ง A เท่าน้ันมานับจำนวน)

3. ข้นั อธิบายและลงข้อสรุป (explanation)
1. ครชู แี้ จงและใหน้ กั เรยี นทำใบกิจกรรมท่ี 7.1 ดูเครอื่ งบิน จากนั้นสุ่มนกั เรียนออกมานำเสนอ

แล้วร่วมกนั ตอบคำถามในใบกจิ กรรม โดยครอู าจถามคำถามเพ่มิ เติม เช่น
- ข้อที่ 1. ข้อ 3. เพราะเหตุใดจงึ เปน็ เดอื นนี้
(ขอ้ 1. ดจู ากจำนวนเครอื่ งบินบนิ ข้นึ ซ่ึงมีจำนวนมากกว่า เดอื นอ่นื ๆ
ขอ้ 2. ดูจากจำนวนผูโ้ ดยสารขาออก ซ่งึ มีผ้โู ดยสารมาใช้ บรกิ ารนอ้ ย
ข้อ 3. ดูจากค่าเฉลี่ยของจำนวนผู้โดยสารต่อจำนวนเครื่องบิน ในแต่ละเดือน หรือ

คำนวณจากตัวเลขคอลัมน์ C หารด้วย คอลัมน์ B แล้วเดือนใดได้ค่าน้อยที่สุด แสดงว่าเดือนนั้น มีจำนวน
ผโู้ ดยสารต่อเครอ่ื งบนิ 1 ลำน้อยทสี่ ดุ )

- เดอื นใดมผี ู้โดยสารมาใช้บรกิ ารมากทส่ี ุด (เดอื นมีนาคม จำนวน 1,944,358 คน)
- จำนวนผู้โดยสารขาออกรวมทั้งหมดของปี 2557 มีเท่าใด (20,599,879 คน โดยหา
ผลรวมจากเซล C2 ถึง C13)
- จำนวนเฉลี่ยผูโ้ ดยสารต่อ 1 ลำในปี 2557 คือเท่าไร (174.61 คนหรือประมาณ 175 คน
ตอ่ ลำคาํ นวณจากจำนวนผู้โดยสารขาออกท้งั หมดหารดว้ ยจำนวนเคร่อื งบนิ บนิ ขึ้นทั้งหมด)
4. ข้ันขยายความรู้ (elaboration)
1. ครแู ละนกั เรียนรว่ มกนั สรปุ ความรู้ท่ีได้รบั จากการทำกจิ กรรมโดยมีประเดน็ ดังน้ี
- โปรแกรมท่ใี ช้งานรว่ มกนั แบบออนไลน์ทน่ี ักเรียนรูจ้ กั มีอะไรบา้ ง (Google Doc, Google
Slide, Google Sheet)
- โปรแกรม Microsoft Excel และ Google Sheet คล้าย หรือแตกต่างกันอย่างไร
(คล้ายกันคือเป็นโปรแกรมตารางทำงานที่ใช้ในการคำนวณ เช่น หาผลรวม หาค่าเฉลี่ย เรียงลำดับ นับจำนวน
และแสดงผลในรูปแบบของกราฟ หรือแผนภูมิได้ แต่ Google Sheet เป็นบริการออนไลน์ ที่สามารถกำหนด
สทิ ธ์กิ ารใช้งานสำหรับผู้ท่ตี อ้ งการใช้งานร่วมกันได)้
- นักเรียนคิดว่าจะนําโปรแกรมตารางทำงานไปใช้ในการทำงานเรื่องใดบ้าง (การทำบัญชี
คา่ ใชจ้ า่ ยประจำเดือน การบนั ทกึ ขอ้ มูลรายการกีฬาสี การนับจำนวนผลู้ งคะแนนเลือกประธาน นกั เรียน การ
สร้างกราฟแสดงการเติบโตของตน้ ไม้ใน หอ้ งทดลอง)


Click to View FlipBook Version