The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

ทศวรรษแรก ชีวิตนักศึกษา มช. (6) ฉบับ e-book resize และเพิ่มปก พร้อม ISBN

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by kwattananikorn, 2022-05-06 09:19:44

ทศวรรษแรก ชีวิตนักศึกษา มช. (6) ฉบับ e-book resize และเพิ่มปก พร้อม ISBN

ทศวรรษแรก ชีวิตนักศึกษา มช. (6) ฉบับ e-book resize และเพิ่มปก พร้อม ISBN

ทศวรรษแรกชวี ติ นกั ศกึ ษา มช. / 191

รวมเร่ืองฮา ประสาชาวหอหญงิ
(เล่าอดตี ผ่านกล่มุ ไลน)์

วีรกรรมทาํ เพ่อื เพื่อน เล่าโดยสาวแมท ย่งิ -นิรชราพร
- ตอนอยู่หอใหม่ๆ ปราณีมกั ออกไปทานขา้ วกะพ่ีสิทธิชยั กลบั มา

อาจไม่ทนั อาจารยเ์ เม่บา้ นตรวจหอ เราจึงแอบไปนอนแทนเป็นประจาํ เรา
อย่ชู นั้ สาม ปราณีอย่ชู นั้ สี่หอ้ งสดุ ทา้ ย

วนั หนึ่งเขาลืมใหก้ ุญแจเรา ห่วงเพ่ือนจะถูกลงโทษ เลยปีนหลัง
หอ้ งไปสามสี่หอ้ ง เเต่ลืมนบั จึงปีนเลยหอ้ งสดุ ทา้ ยไปจนเกือบตกตกึ เกือบ
ไปเเลว้ ไหมละ 555!!!

ลองตํานานหาเนือ้ คู่ เล่าโดยสาวแมท แต๋ว-อัจฉรา
- สมยั นนั้ วิธีหาเนือ้ ค่งู า่ ยๆ มีสองวิธี วธิ ีแรกใหท้ าํ ตอนดกึ โดยน่งั อยู่

หน้ากระจกจุดเทียน 1 เล่ม แล้วจะเห็นภาพเนื้อคู่ในกระจก แต่หากไม่
สาํ เรจ็ เห็นแตห่ นา้ ตวั เอง ก็ตอ้ งทาํ ใจรอถึงคืนวนั ท่ี 31 ธนั วา

ทนี ีส้ าวๆ ตอ้ งรีบนอนก่อนเท่ียงคืน เอาแกว้ ใสน่ าํ้ ครง่ึ แกว้ นาํ ก่ิงไม้
แห้งพาดปากแก้วไว้ เม่ือหลับจะฝันเห็นหน้าเนือ้ คู่ แต่หากครั้งนี้ยังไม่
สาํ เรจ็ อกี กค็ งตอ้ งเป็น “สาวเคนิ้ ” รอจนถงึ ธนั วาหนา้

มหัศจรรย์ อ่างล้างหน้าหออ่างแก้ว เล่าโดยสาวชีวะ ฮ้นุ -สุดารัตน์
(แจมโดยทพิ -พรทพิ ย์ และต๊กุ -รัตนา)

- เราเคยอย่หู ออ่างแกว้ ตอนปีสองเทอมแรก ไดฟ้ ังเร่ืองเลา่ ผๆี แลว้
สยอง แตเ่ รอื่ งขาํ ขนั ก็มี คือท่ีหอ้ งนาํ้ หอนที้ กุ หอ้ งมี Bidet ค่กู บั โถสว้ ม

192 / ทศวรรษแรกชีวติ นกั ศกึ ษา มช.

- Bidet คือไรอะ? มโี พสตแ์ จมเขา้ มาในไลนโ์ ดยทพิ -พรทพิ ย์
ฮนุ้ จึงไลนต์ อบไปวา่ :

- Bidet คือ โถปัสสาวะหญิง เร่ิมใช้ท่ีฝร่ังเศสตั้งแต่ศตวรรษท่ี
17 ไม่รูว้ ่าสถาปนิกสรา้ งหออ่างแกว้ จบนอกมาหรือเป็นคนฝร่งั เศส 555..
จากนนั้ ตกุ๊ -รตั นา สาวพยาบาล รีบแจมเขา้ มาเลา่ ตอ่ :

- เออใช่! เร่ืองนีท้ าํ เอาสาวๆ ชาวหอท่ีเขา้ มาใหม่ไปไม่ถูก เป็นงง
เอาไวท้ าํ ไรหว่า? พอกด-นาํ้ ก็พ่งุ ใส่หนา้ ออ้ ! เอาไวล้ า้ งหนา้ แต่ก็ไม่สะดวก
แฮะ เรามารูท้ ีหลงั ขาํ แทบตาย

กลัวสุดขีด เล่าโดยสาวแมท ส้ม-สมพศิ
- คืนหนึ่งพวกเรารวมกลุ่มในห้องหมู-เบญจนีจนเลยเท่ียงคืนไป

แลว้ เราเองอยากเขา้ หอ้ งนาํ้ ชวนเพ่ือนไม่มีใครยอมไปดว้ ย จาํ เป็นตอ้ งไป
คนเดียว กลวั ก็กลวั เพราะเงียบมาก แสงไฟก็สลวั ๆ

หลงั เสร็จธุระตอนขาออกจากหอ้ งนา้ํ ใช้มือผลักประตูบานสวิง
แลว้ ตอ้ งตกใจสดุ ขีด มีแรงผลกั จากดา้ นนอกเขา้ มาชนกนั พอดี เอาละซิ..
โดนผีหลอกแน่ๆ จึงรอ้ งขึน้ สุดเสียง และรีบผลกั ประตอู อกไป ปรากฏว่า ท่ี
กองอยกู่ บั พนื้ คอื ยายแต๋ว อยคู่ ณะมนษุ ย์ เขาคงกลวั มากกวา่ เราอกี

เปรตหอ 2 เล่าโดยสาวแมท แต๋ว-อัจฉรา (แจมโดยดํา-อาสา)
ขณะท่ีในกลุ่มไลน์ กาํ ลังเม้าท์กันสนุกเรื่องผีๆ โดยแต๋วโพสต์

ขนึ้ มาวา่ :
- ดึกๆ หากชาวหอหกเหลี่ยมนอนไม่หลับให้มายืนมองจาก

ระเบียงไปท่ีกลางหอ ซ่ึงมีตน้ สกั อยู่ 2-3 ตน้ แลว้ จะเห็นผหู้ ญิงผมยาว แต่ง

ทศวรรษแรกชวี ติ นกั ศกึ ษา มช. / 193

ชดุ สีขาว น่งั หอ้ ยขาอยู่บนก่ิงสกั .. จากนนั้ จึงมีขอ้ ความพิมพแ์ จมเขา้ มาทนั
ท่โี ดยดาํ หนมุ่ ธรณี:

- สาํ หรบั หอ้ งท่ีอย่รู มิ ถนนดา้ นนอกของหอหกเหลี่ยม มองมาทาง
หอชาย 2 จะเจอเปรต

เท่านัน้ แหละ! บรรดาสมาชิกกลุ่มทงั้ หลายก็ไดห้ วั เราะกนั งอหาย
เพราะหวนนึกถึงเสียงโวยวาย โหวกเหวก ใหอ้ วัยวะสาํ คัญเควง้ ควา้ งมา
กลางอากาศ กระทบโสตประสาทเต็มสองหู จากบรรดาเปรตหอชาย 2
หรอื หอปากหมา โดยเฉพาะชว่ งใกลส้ อบท่ไี ฟฟา้ ดบั

เชียรด์ ้วยกัน อดด้วยกัน เล่าโดยสาวแมท แต๋ว-อจั ฉรา
- พวกสาวๆ คณะวิทย์ มกั เกาะกลุ่มอยู่รวมๆ กัน เพราะเรียนวิชา

เดียวกนั เขา้ lab พรอ้ มกนั ไปเชียรก์ ีฬาดว้ ยกนั ซอ้ มเชียรเ์ หมือนๆ กนั แต่
เสรจ็ เชียรแ์ ทบตอ้ งวิ่งกลบั หอ เพราะถา้ ชา้ อาจตอ้ งอดขา้ วพรอ้ มกนั เพราะ
หอ้ งอาหารปิดแลว้

รองเท้าหาย เล่าโดยสาวชวี ะ หนุย-ชูศรี
- พวกเราอยู่หอหกเหลี่ยม ชัน้ 4 unit A จะ้ หอ้ งอยู่ดา้ นหน้าหอ

รวมกนั 5 หอ้ ง 10 คน ดา้ นตรงกนั ขา้ มเป็นหอ้ งพักของพ่ีปี 4 และอาจารย์
คมุ หอ เช่น อ.ไพฑรู ย์ อ.สมร

บางคืนเราก็คุยเสียงดังเม่ือรวมกลุ่มกัน 5 หอ้ ง คืนหนึ่งพอออก
หอ้ งมา ปรากฏว่ารองเทา้ หายหมดเกลีย้ งทงั้ สิบคู่ เอ๊ะใครขโมยไป! พลนั ก็
ไดย้ ินเสียงคนุ้ ๆ “เกือกแตะอยู่นี่ ใครอยากไดค้ นื คู่ละสิบบาท” พวกเราไม่มี
ใครไถ่คืน แตก่ ต็ อ้ งฟังเทศนาจากอาจารยค์ มุ หอพอหอมปากหอมคอ

194 / ทศวรรษแรกชีวติ นกั ศกึ ษา มช.
ประชุมหอกบั อาจารย์ผู้ปกครองเมือ่ พ.ศ. 2510 ดหู น้าตาสาวๆ แล้ว
วนั นัน้ คงไมใชว่ นั ทีถ่ กู เรยี กไปปรับทศั นคติ
วันสบายๆ ตามสไตล์ชาวหอหญิงในสมยั นัน้ (เน้นคาํ ว่า-สมยั นั้น)

ทศวรรษแรกชวี ติ นกั ศกึ ษา มช. / 195

รูปถ่ายทาํ ขายหน้า เล่าโดยสาวเทคนิค ป้อม-เครือวัลย์
- ตอนเร่มิ เปิดเรียนเพ่ิงเขา้ อย่หู อหกเหลี่ยมใหม่ๆ อาจารยแ์ ม่บา้ น

แจง้ ว่าตอ้ งการรูปถ่ายหนึ่งใบเพ่ือไวก้ บั แฟ้มนกั ศึกษา ตอนนนั้ เรามีอย่แู ต่
รูปถ่ายเป่ิ นๆ สมัยเป็ นนักเรียน ก็เลยแวะเอาไปให้ก่อนจะรีบไปเข้า
ห้องเรียน แต่ไม่มีใครอยู่ท่ีห้องแม่บ้าน เราก็เลยเอารูปใส่ไว้ในตะกรา้
เอกสารท่ีบนเคา้ เตอร์

อีกสองสามวนั ต่อมาเพ่อื นมาบอกวา่ เห็นรูปเราอยทู่ ่ีหอ้ งรบั แขก ก็
เลยลงไปดู ปรากฏว่ารูปเราเด่นหลาอยู่กลางโต๊ะใต้กระจกใสกลาง
ห้องรับแขก ท่ีสําคัญโต๊ะนี้มักมีหนุ่มๆ มาน่ังคอยสาวชาวหออยู่เป็ น
ประจาํ รูส้ กึ อบั อายขายหนา้ มาก คงมแี ขกมือดี (มอื รา้ ย) เอาไปเสยี บไว้

196 / ทศวรรษแรกชีวิตนกั ศกึ ษา มช.

อ่างแก้วขวัญใจ..ท่ีไม่ใช่ ช่ือเพลง

โดย..กติ ตชิ ยั วฒั นานกิ ร

ใครท่ีเคยอยู่หอใน ช่วงต้นทศวรรษแรกของ มช. คงไม่ลืม
เหตุการณ์เม่ือไฟฟ้าดับท่ีทําให้สาวๆ ในหอหญิง เกิดอาการหงุดหงิด
เออื มระอาทกุ คราไป แตห่ าใช่เพราะมองอะไรไม่เหน็ แตเ่ ป็นเพราะเสยี งน่า
ราํ คาญท่ีเขา้ มากระทบโสตประสาทจากบรรดานักศึกษาชาย โดยเฉพาะ
จากหอชาย 2

ไม่รูเ้ กิดอัดอนั้ อะไรกันนกั หนา! เม่ือไหร่ท่ีไฟดับ บรรดาหนุ่มๆ ใน
หอเป็นตอ้ งรีบว่ิงลงไปยังรถมอเตอรไ์ ซคท์ ่ีจอดไวห้ น้าหอบา้ ง หรือโรงรถ
หลงั หอบา้ ง ก่อนจะพากนั น่งั ซอ้ นทา้ ยอาศัยความมืด ซิ่งแผดเสียงสน่นั ไป
ตามถนนหนา้ หอหญิง ทงั้ หอหกเหลี่ยมจนเลยไปถึงหออ่างแกว้ พรอ้ มกบั
โหวกเหวก โวยวาย แจกของท่ีไม่เปิดเผย (ลบั ) ไปตลอดทาง จนบางครง้ั
ชาวหอหญิงทนไม่ไหวตะโกนตอบกลบั มาบา้ ง ซ่ึงคาํ ตะโกนนนั้ บางครง้ั ก็
เจ็บแสบชนิดเขียนลงในหนงั สือไมไ่ ด้

แต่ก็ตอ้ งระวงั ! หากเม่ือไหร่โชครา้ ยไฟฟ้าเกิดสว่างขึน้ มา ขณะท่ี
บรรดาสิงหม์ อเตอรไ์ ซคก์ าํ ลงั โหวกแหวกอย่หู นา้ หอ จนทาํ ใหช้ าวหอหญิง
เหน็ หนา้ เห็นตากนั ชดั ๆ เม่ือนนั้ แหละ ช่ือหนมุ่ ๆ ตวั แสบเหลา่ นี้ จะกระฉ่อน
แพร่สะพัดไปอย่างรวดเร็ว ดังนั้นหากหนุ่มคนไหนเผอิญกาํ ลงั จีบสาวหอ
นนั้ อยู่ ก็คิดกนั เอาเองละครบั วา่ อะไรจะเกิดขนึ้

นกั ศึกษาหอชาย 2 บางคนยงั อตุ รดิ งึ เอาผา้ ปเู ตียงสขี าวคลมุ ทงั้ ตวั
แลว้ รีบเดินไปหอหกเหล่ียม สง่ เสยี งรอ้ งโหยหวนเป็นผีเปรต จนโดนชาวหอ

ทศวรรษแรกชีวติ นกั ศกึ ษา มช. / 197

หญิงขวญั อ่อนบางคนตกใจ เอานา้ํ สาดไลผ่ ีจนเปียกโชก ซง่ึ หากเผอญิ เป็น
หนา้ หนาวของเชยี งใหม่ หนมุ่ คนนนั้ คงจาํ ไปอีกนาน

เหตุการณ์เช่นนีป้ รากฏอยู่บ่อยๆ ในช่วงนั้น จนดูจะกลายเป็น
จิตวิทยาหมู่ ชาวหอชายบางคน ยงั วิปริตเกิดติดใจ อยากใหไ้ ฟดับบ่อยๆ
เขา้ ไปอกี เพ่อื จะไดอ้ อกของ เร่ืองทาํ นองนีป้ รากฏต่อมาเป็นประเพณี (ท่ไี ม่
ดี) นบั สิบๆ ปี แต่ปัจจุบนั เม่ือ มช. เขา้ สยู่ ุคไฟสว่างหนทางแจง้ หวงั ว่าโรค
จติ (วิทยาหม)ู่ เช่นนี้ คงหายไปจากรว้ั มช. แลว้

อกี เร่ืองท่ีมกั เกดิ ขนึ้ ในสมยั นนั้ คือ นา้ํ ในหอไม่ไหล เหตกุ ารณเ์ ช่นนี้
คนจาํ แม่นท่ีสุดคงเป็นบรรดาผูโ้ ชครา้ ยในหอ้ งติดกับหอ้ งนา้ํ ท่ีจะตอ้ งทน
สดู กล่ินท่ีทงั้ ฉนุ ทงั้ เหม็นปนๆ กนั โชยออกมาจากหอ้ งปลดทุกข์ ซ่งึ แน่นอน
เป็นหอ้ งรวม ย่ิงถา้ เป็นหนา้ รอ้ นดว้ ยแลว้ ใครเลยจะทนอยู่ในหอ้ งกันไหว
นกั ศกึ ษาชายบางคนจงึ ตอ้ งไปอาศยั “อา่ งแกว้ ” ท่ีขณะนนั้ เพิ่งกลายไปเป็น
ช่อื เพลงมีเนือ้ รอ้ งสนุ ทรชี วนใหร้ ่ืนรมย์ เพ่อื ใชเ้ ป็นท่ีคลายทกุ ข์

เม่ือขบั ข่ีมอเตอรไ์ ซคไ์ ปถึงอ่างแกว้ ก็รีบถอดเสือ้ ผา้ กระโจนลงไป
ในนาํ้ โดยหวังจะลงไปแช่ว่ายนาํ้ ใหเ้ ย็นฉ่าํ ช่ืนหัวใจ แต่ตอ้ งผิดหวงั อย่าง
แรง เพราะแทนท่จี ะไดว้ า่ ยนา้ํ ใสไหลเยน็ กลบั ไปเจอสาหร่ายพนั แขง้ พนั ขา
ยวั้ เยีย้ แถมยังคันยิบยบั จนตอ้ งรีบขึน้ จากนา้ํ ทาํ ใหท้ ุกขห์ นักยิ่งกว่าเดิม
เพราะหานาํ้ สะอาดมาลา้ งตวั แกค้ นั ไม่ได้

เหตุการณค์ รง้ั นัน้ ทาํ ใหพ้ วกเขาจดจาํ “อ่างแกว้ ขวญั ใจ” ไวไ้ ดไ้ ม่
ลมื มาจนบดั นี้

198 / ทศวรรษแรกชีวติ นกั ศกึ ษา มช.

ความผูกพัน ฉัน
เพ่อื น พ่ี นอ้ ง

ทศวรรษแรกชวี ติ นกั ศกึ ษา มช. / 199

หมู่ฮา หมูค่ งิ ...หมู่เฮา

โดย..ทวศี กั ดิ์ ระมงิ คว์ งศ์

นักศึกษาปี หน่ึงหรือน้องใหม่ของ มช. ทุกคนและในทุกปี
การศึกษา เม่ือแรกเขา้ มาใชช้ ีวิตอยู่ในมหาวิทยาลยั ก็อาจจะรูส้ ึกเหงาๆ
ดว้ ยเป็นการแปลกสถานท่ี แปลกผคู้ น แปลกวฒั นธรรม นกั ศกึ ษาท่ีมีคนท่ี
รูจ้ ักหรือมีเพ่ือนท่ีมาจากโรงเรียนเดียวกันก็อาจจะโชคดี มีเพ่ือนและไม่
เหงามากนัก สงั คมแรกๆ ของนักศึกษาปีหนึ่งจึงเป็นสงั คมในหมู่เพ่ือนฝูง
จากโรงเรียนเดยี วกนั จากจงั หวดั เดยี วกนั จากภาคเดียวกนั เป็นหลกั

ภาพถ่ายนีเ้ ป็นภาพของหม่นู กั ศึกษาท่ีมาจากหลายๆ จงั หวดั ของ
ภาคเหนือ เขาเหล่านีเ้ ป็น “คนเมือง” ท่ีมาจากโรงเรียนตา่ งๆ ในภาคเหนือ
เขาอาจไม่ไดร้ ูจ้ กั ไมไ่ ดเ้ ป็นเพ่อื นกนั มากอ่ น แต่ดว้ ยท่เี ป็นคนเมอื งดว้ ยกนั

200 / ทศวรรษแรกชีวติ นกั ศกึ ษา มช.

อกู้ าํ เมืองดว้ ยกัน มาจากวฒั นธรรมเดียวกัน ก็เลยเขา้ กนั ไดเ้ รว็ เป็นเพ่ือน
กนั ไดเ้ รว็ รวมตวั กนั เป็น “หม่ฮู า” ไดอ้ ย่างกลมกลนื เฉกเชน่ เดยี วกนั กบั หมู่
นกั ศึกษาท่ีมาจากภาคกลาง ภาคอีสาน ภาคใต้ แน่นอนก็จะรวมตัวกนั ได้
เรว็ รวมตวั กนั เป็น “หมฮู่ า” หลายๆ หมู่ เพ่อื นหมอู่ ่ืนๆ ท่ียงั ไม่ไดค้ บกนั สนิท
ใจในเพลานั้นก็จะเป็น “หมู่คิง” ไป เห็นชัดเจนในช่วงปีหน่ึง เทอมหนึ่ง
นกั ศกึ ษาจะแยกเป็นกลมุ่ เป็นหมู่ ซง่ึ ก็ไม่ใชเ่ ป็นเรอ่ื งผดิ ปกติแต่อย่างใด

ท่ี สํ า คั ญ ร ะ บ บ ก า ร เรี ย น ก า ร ส อ น กิ จ ก ร ร ม ข อ ง
มหาวิทยาลยั เชียงใหม่ โดยเฉพาะอยา่ งย่ิงการเอือ้ ใหน้ กั ศึกษาไดพ้ าํ นกั อยู่
ในหอพักร่วมกัน ระบบการเรียนแบบ “สหสาขาวิชา” ท่ีนักศึกษาจาก
สาขาวิชาต่างๆ จะมีวิชาพื้นฐานท่ีเรียนร่วมกัน กิจกรรมนักศึกษาใน
รูปแบบต่างๆ ทาํ ใหน้ กั ศึกษาไดร้ ูจ้ ักมกั คุน้ กัน มิตรภาพระหว่างนกั ศึกษา
จะพัฒนาไปอย่างรวดเรว็ นกั ศึกษาไม่ว่ามาจากโรงเรียนไหน มาจากภาค
ไหน มีวฒั นธรรมอย่างไร พูดไทยกลาง เวา้ อีสาน แหล่งใต้ หรืออคู้ าํ เมือง
จะผกู มิตร กา้ วขา้ มวฒั นธรรมต่างๆ และกลายสภาพเป็นเพ่ือนฝงู กนั อย่าง
รวดเรว็ และเม่ือถึงเพลานนั้ จะไม่มี “หมฮู่ า” “หม่คู ิง” ตอ่ ไปอกี แลว้ ทงั้ หมด
จะรวมตวั กลายเป็น “หมเู่ ฮา”

ภาพถ่ายใบนีถ้ ่ายท่ี “นา้ํ ตกหว้ ยแกว้ ” นา้ํ ตกไหลเย็นเซ็นซ่านไป
ท่ัว เป็นสถานท่ีท่องเท่ียวระดับห้าดาวของเชียงใหม่ นักศึกษา มช. รุ่น
แรกๆ จะรูจ้ ักเป็นอย่างดีและตอ้ งเคยสมั ผัสทงั้ “หว้ ยแกว้ วงั บวั บาน และ
ผาเงิบ” นักศึกษาในรูปใบนีเ้ ป็นลกู ชา้ งรุ่น 09 ท่ีเป็นเพ่ือนกนั มากว่า 50 ปี
และมติ รภาพยงั คงเหนยี วแนน่ จนถงึ เพลานี้

ทศวรรษแรกชีวติ นกั ศกึ ษา มช. / 201

ราํ พึงราํ พนั จากรูปถา่ ย

โดย..ทวศี กั ดิ์ ระมงิ คว์ งศ์

รูปถ่ายสองภาพนีถ้ า่ ยทีห่ น้าประตู มช. หา่ งกนั 44 ปี
รูปหนึ่งถา่ ยเมือ่ ปี พ.ศ. 2509 อกี รูปหน่ึงเมือ่ ปี พ.ศ. 2553

202 / ทศวรรษแรกชีวติ นกั ศกึ ษา มช.

สองรูปนี้ บนั ทกึ หลายส่ิงท่ดี งี ามของ มช. และเหลา่ ”ลกู ชา้ ง”
รูปปี 2509 เป็นรูปของบรรดาหนุ่มน้อยนักศึกษาปี 1 รุ่นรหัส 09
เขาเหล่านีแ้ ต่งกายสุภาพ ผูกเนคไทดูเรียบรอ้ ยและสง่างาม เขาเหล่านี้
เพลานนั้ เป็นท่ีช่ืนชมของคนเชียงใหม่เป็นอย่างมาก คนเชียงใหม่ใหค้ วาม
รกั ความอบอ่นุ กบั นกั ศึกษา มช. อย่างท่วั หนา้ เขาจะไดร้ บั ความเอ็นดแู ละ
ใหก้ ารตอ้ นรบั เป็นอย่างดยี งิ่
เป็นความผูกพันท่ีเกิดขึน้ จากการเรียกรอ้ งของคนเชียงใหม่ ท่ี
ตอ้ งการใหม้ ีมหาวิทยาลัยเกิดขึน้ ในจังหวัด คนเชียงใหม่และภาคเหนือ
เรียกรอ้ งตอ่ สมู้ าอย่างยาวนานและจรงิ จงั และเม่ือ มช. เกิดขึน้ ในเชยี งใหม่
ความผูกพันก็พัฒ นาเป็ นความรัก ความช่ืนชม ในตัวนักศึกษาท่ี
เปรียบเสมือนลกู หลาน
เพลานั้นไม่ว่าจะเป็นงานบุญ งานกุศล งานร่ืนเริง ชาวเชียงใหม่
และชาว มช. ก็จะมีสว่ นร่วมดว้ ยช่วยกนั ขบวนกฐิน มช.จะมีนกั ศกึ ษาเดิน
รบั บรจิ าคจากชาวบา้ นอยา่ งอบอ่นุ มกี ารแสดงราํ ฟ้อนต่างๆ เปรยี บเสมือน
ครอบครวั ใหญ่เดียวกนั เป็นความผกู พันท่ีลึกซึง้ ท่ีนกั ศึกษารูส้ ึกกนั ไดโ้ ดย
ถว้ นหนา้
ความผูกพันเหล่านี้จางหายไปตามกาลเวลา แต่ชาว มช. ทั้ง
นักศึกษาและบุคลากรน่าจะต้องจดจาํ และตระหนัก ในบทบาทของคน
เชยี งใหมท่ ่ีมตี ่อการไดม้ าและกาํ เนิดของ มช.
เพลานีห้ นุ่มน้อยในรูปนี้ ต่างก็เป็นผู้สูงวัยไปโดยถ้วนหน้า เขา
เหล่านีเ้ ป็นทงั้ แพทย์ ทนั ตแพทย์ เภสชั กร นายตาํ รวจ นายธนาคาร ครูบา
อาจารย์ ท่ีประสบความสาํ เรจ็ ในชวี ิตและการงาน

ทศวรรษแรกชีวติ นกั ศกึ ษา มช. / 203

เพลานีเ้ ขายังเป็นเพ่ือนรกั กันและมีอาการลิงโลดทุกครง้ั ท่ีไดเ้ จอ
กัน เขาเหล่านี้เป็ นผลพวงจากระบบการศึกษา วิถีชีวิตในสมัยเป็ น
นกั ศกึ ษา เป็นระบบท่ีเปิดโอกาสใหน้ ักศึกษาต่างคณะมาเรียนร่วมกนั มา
ใชช้ ีวิตร่วมกนั ในหอพกั เป็นระบบท่ีไดร้ บั การวางแผนมาอย่างชาญฉลาด
จากผูร้ บั ผิดชอบ ส่งผลใหม้ ิตรภาพความผกู พนั ของนักศกึ ษา มช. เป็นไป
อย่างเหนียวแน่นและกว้างขวาง ไม่จาํ กัดเฉพาะวิชาชีพตนเอง ดังนั้น
บุคลากรและนกั ศึกษา มช. รุน่ หลงั ๆ ควรไดต้ ระหนกั ถึงคณุ ูปการต่างๆ ท่ี
ผคู้ นรุน่ บกุ เบิกไดว้ างรากฐานไวใ้ ห้

เพลานนั้ นกั ศกึ ษาเหล่านีเ้ ดินทางมาจากทกุ ภาคของประเทศ เขา
เข้าหอพัก หาซือ้ ส่ิงของเคร่ืองใช้ เดินหาตึกเรียน เดินหาห้องเรียน เข้า
หอ้ งเรียน ดูแลชีวิตตนเองดว้ ยตัวเอง เขาไม่มีญาติพ่ีนอ้ งท่ีมาส่ง มาช่วย
จดั การ มาคอยช่วยเหลือ

แต่เพลานี้ ทุกปีจะมีการปฐมนิเทศพบผู้ปกครองนักศึกษาใหม่
ญาติมิตรผปู้ กครองนกั ศกึ ษาเดินกนั วนุ่ ใน มช. เพลานนั้ ภาพแบบนีจ้ ะไม่มี
ให้เห็นใน มช. จะเห็นภาพผู้ปกครองเดินกันวุ่นใน มช. เฉพาะวันรับ
ปรญิ ญาเทา่ นนั้

กลบั ไปท่ีป้ายช่ือ รูปแรกเป็นรูปปี พ.ศ. 2509 เป็นป้ายช่ืออนั แรก
ของ มช. ซ่งึ มีมาตัง้ แต่ปี พ.ศ. 2507 รูปล่างเป็นรูปปี พ.ศ. 2553 เป็นป้าย
ช่ืออันใหม่และเป็ นป้ายช่ือปัจจุบันของ มช. รูปล่างถ่ายเม่ือวันท่ี 24
มกราคม 2553 ซ่ึงเป็นวันท่ีมีพิธีการรบั มอบป้ายช่ือใหม่มหาวิทยาลัย มี
อธิการบดี ผบู้ รหิ ารและนกั ศกึ ษาเกา่ รุน่ รหสั 13 รว่ มเป็นสกั ขีพยาน

204 / ทศวรรษแรกชีวติ นกั ศกึ ษา มช.

ป้ายใหม่นีเ้ กิดจากสาํ นึกดี ทาํ ดี ของนักศึกษาเก่ารุ่นรหัส 13 ท่ี
เห็นว่าป้ายเก่ามีอายุถึง 46 ปี มีการเส่ือมสลายผุพัง จึงได้ร่วมกันจัดทาํ
ป้ายและติดตั้งป้ายใหม่ในวงเงิน 600,000 บาท ป้ายนี้เด่นเป็นสง่าอยู่
จนถึงเพลานี้ ส่วนป้ายอันเดิมไดเ้ ก็บอนุรักษ์ไวใ้ นศาลาธรรม พลังของ
นกั ศกึ ษาเกา่ จงึ เป็นพลงั ท่ีย่งิ ใหญ่เสมอ

ราํ พึงราํ พนั มาถึงตรงนี้ ขอจบลงตรงท่ีว่า “เกิดขึน้ ตัง้ อยู่ ดบั ไป...
ทกุ สิ่งมเี กิด มดี บั ” เอวงั ก็มีดว้ ยประการละฉะนี.้ ..

ทศวรรษแรกชีวติ นกั ศกึ ษา มช. / 205

ฉงนฉงาย

โดย..ทวศี กั ดิ์ ระมงิ คว์ งศ์

ยงั จาํ ไดแ้ ม่น วนั นนั้ เม่อื 56 ปีท่แี ลว้ เป็นวนั แรกท่เี ขา้ เรยี นวชิ า เคมี
101 ซง่ึ เป็นวิชาบงั คบั ของนกั ศึกษาคณะวิทยาศาสตรท์ ุกคน หอ้ งท่เี รียนคือ
หอ้ งสโลปแบบลาดเอียง เป็นหอ้ งเลคเชอรใ์ หญ่ ท่ีน่งั จะเป็นแบบแถวยาว
น่งั ติดๆกนั มีโต๊ะสาํ หรบั วางเขียนยาวเป็นพืด เน่ืองจากเป็นช่วั โมงแรกของ
การเรียนของนกั ศกึ ษาเฟรสชีปีท่ีหน่ึง สว่ นใหญ่จึงยงั ไม่ค่อยรูจ้ กั กันเพราะ
มากนั จากท่วั ประเทศ

นกั ศกึ ษาทงั้ หญิงชายค่อยๆทะยอยกนั เขา้ มาในหอ้ ง ต่างก็จะมอง
หาท่วี า่ งแลว้ เขา้ ไปน่งั ตดิ ๆกนั สมยั นนั้ ยงั ไม่มีการเวน้ ระยะหา่ ง distancing
นกั ศกึ ษากจ็ ะเขา้ ไปน่งั ตดิ ๆกนั ใหท้ ่ีน่งั เตม็ เพราะนกั ศกึ ษาเยอะ

ผมจาํ ไดแ้ ม่นว่าไดน้ ่ังติดกับหนุ่มหนา้ ใสดวงตาเป็นประกายฉาย
แววเป็นคนอยากรูอ้ ยากเห็นคนหน่ึง ผมยิม้ ใหเ้ ขา เขาก็ยิม้ ตอบ แต่เรา
ไมไ่ ดพ้ ดู คยุ กนั มากเพราะไดเ้ วลาเรม่ิ เลคเชอร์ ขณะเดยี วกนั แผ่นกระดาษท่ี
ใหน้ กั ศกึ ษาลงช่อื ก็เร่ิมสง่ ต่อๆกนั มา สมยั นนั้ นกั ศกึ ษาท่ีเขา้ เรียนจะตอ้ งลง
ช่ือเพ่ือตรวจสอบเวลาเรียนใหค้ รบ 80% เม่ือหนุ่มนอ้ ยท่ีน่ังขา้ งผมเซ็นช่ือ
ผมก็แอบชาํ เลืองผ่านไหลด่ ว้ ยความอยากรูว้ ่าเจา้ เพ่ือนใหม่คนนีม้ ีช่ือเสียง
เรียงนามวา่ กระไร ตอนเห็นเขาลงช่ือผมยงั แอบหวั เราะคนเดียวในใจ อะไร
นะ! เขาช่ือ “ฉงนฉงาย” ช่ือนีม้ ีในโลกนีด้ ว้ ยเหรอ น่ีแสดงว่าเขาตอ้ งเป็น
คนขสี้ งสยั หรอื อะไรกนั แน่ ผมจาํ ช่ือนีไ้ ดอ้ ยา่ งแมน่ ยาํ

206 / ทศวรรษแรกชีวิตนกั ศกึ ษา มช.

มาหลังๆเม่ือเราเหล่านักศึกษาใหม่เร่ิมสนิทสนมรูจ้ ักกันมากขึน้
ผมมาทราบทีหลังว่าช่ือจริงของเขาคือ “ฉายฉาน” หาใช่ “ฉงนฉงาย” ไม่
ลายเซ็นช่ือท่ีเขาเซ็นลงไปวันนั้น คงยึกยักจนทาํ ใหผ้ มจับประเด็นผิดไป
เหตกุ ารณผ์ ่านมากว่า 56 ปีแลว้

วนั นขี้ อเปิดเผยหน่อยนะเพ่ือน..ฉายฉาน

ทศวรรษแรกชวี ติ นกั ศกึ ษา มช. / 207

เธอ...ผูม้ เี สยี งทพิ ย์

โดย..ทวศี กั ดิ์ ระมงิ คว์ งศ์

ปี พ.ศ. 2509 เป็นปีท่ีการสอบเขา้ มหาวิทยาลัยว่นุ วายมากท่ีสุด
ทกุ มหาวิทยาลยั จดั การสอบเองและแยกจากกนั โดยอิสระ ดงั นนั้ นกั เรียนก็
ตอ้ งวิ่งรอกสอบตามมหาวิทยาลยั ต่างๆ เขา้ ใจว่านกั เรียนแต่ละคนจะตอ้ ง
สอบกันอย่างนอ้ ยก็สามสี่สถาบนั เพ่ือเป็นหลกั ประกนั ว่า อย่างนอ้ ยก็มีติด
บา้ งละ

ผมเป็นนักเรียนภูธรก็ต้องยอมเข้าไปกรุงเทพฯ เพ่ือสอบตาม
สถาบนั ต่างๆ จาํ ไดว้ ่าเพ่ือความชวั รผ์ มสอบไปน่าจะหา้ แห่ง มี มช. จุฬา
ธรรมศาสตร์ เกษตร หอ้ ยด้วยประสานมิตร อยู่กรุงเทพฯ กว่าสองเดือน
ว่งิ รอกสอบกว่าหนึง่ เดอื น

ระหว่างท่ีวิ่งรอกสอบ ผมสะดุดและรูส้ ึกคุน้ ๆ กับเด็กสาวคนหน่ีง
เธอมีหนา้ ตาท่ีธรรมดาแต่ดวงตามีประกาย ท่ีสาํ คญั เสียงเธอแหลมดงั ฟัง
ชัด ได้ยินได้ฟังครง้ั แรกก็สะดุด จาํ ไม่ได้ว่าได้ยินคร้งั แรกตอนสอบเข้า
สถาบันไหน ผมเห็นเธอ ไดย้ ินเสียงเธออยู่ในสนามสอบอย่างน้อยก็สอง
สามสถาบนั ประสานมิตรเธอก็ไปสอบ ผมก็ยงั นึกในใจว่าเธอก็คงเหมือน
เรา คงเรียนไมเ่ ก่งและกลวั จะไม่มีท่ีเรียน

และแลว้ ก็มาถึงการประกาศผลสอบ มนั เป็นบรรยากาศท่หี าท่ไี หน
ไม่ไดอ้ ีกแลว้ ทงั้ สามโลก นักเรียนจะพากันไปส่มุ มืด บา้ งจุดเทียนไข บา้ ง
ฉายไฟฉาย ออกันอยู่หนา้ บอรด์ ประกาศผล นิว้ จะค่อยๆ เลื่อนลงไปตาม
รายช่อื เม่ือไหรม่ ีรายช่อื ตนเองก็จะไดย้ นิ เสยี งเฮกนั ล่นั และ ผมจาํ ไดต้ ดิ หู

208 / ทศวรรษแรกชีวติ นกั ศกึ ษา มช.

หมอเนือ้ ทิพย์ นิพทิ สุขการ (สุนทรพนั ธุ)์ กําลังส่งเสยี งทิพย์
ในวันรับน้องใหม่ พ.ศ. 2509

เป็นอย่างดีว่าผมไดย้ ินเสียงแหลมดงั ดีใจของเธอคนนนั้ อีกแลว้ อย่างนอ้ ย
ก็หน่ึงหรอื สองสนาม

หลงั ประกาศผลการสอบคดั เลือกของแต่ละสถาบนั ซ่งึ ประกาศผล
ไม่พรอ้ มกนั ความวุ่นวายของนกั ศึกษารุ่นนีก้ ็ตามมา เพราะเม่ือทราบผล
ของสถาบนั หน่ึงกจ็ ะตอ้ งไปรายงานตวั ชาํ ระคา่ ธรรมเนียมแลว้ เขา้ ชนั้ เรยี น
ผมโชคดีท่ีสอบติดทุกสถาบันท่ีสอบ จุฬาประกาศผลก่อนผมก็ไปเรียนท่ี
จฬุ าไดเ้ กือบหนึ่งอาทิตย์ พอ มช. ประกาศผลและผมติดคณะวทิ ยาศาสตร์
ผมก็ถลากลบั เชียงใหม่ดว้ ยความลิงโลด มีนักศึกษามากมายหลายคนท่ี
เรียนอยู่แลว้ และเม่ือมีการประกาศผลก็จะยา้ ยไปมหาวิทยาลยั ท่ีตอ้ งการ
จนรุน่ นไี้ ดส้ มญาว่า “รุน่ ยบิ ซี”

ทศวรรษแรกชีวติ นกั ศกึ ษา มช. / 209

เม่ือเร่ิมเขา้ ชนั้ เรียน จาํ ไดด้ ีว่าเป็นช่ัวโมงแรกของการทาํ แล็บเคมี
101 มีนกั ศกึ ษาหน่มุ สาวทาํ แล็บกันอย่เู ต็มหอ้ ง พลนั ...ผมก็ไดย้ ินสียงของ
นกั ศกึ ษาสาวคนหน่ึงดงั ขึน้ มา เสียงนีแ้ หลมดงั ฟังชดั สดใสท่ีผมรูส้ กึ คนุ้ หู
เป็นอย่างยิ่ง ผมอดไม่ไดท้ ่ีจะมองหาเจา้ ของเสียงนั้น และใช่เลย เธอคือ
หญิงสาวท่ีผมไดย้ ินเสียงท่ีสนามสอบกรุงเทพฯ น่นั เอง และเพลานีเ้ รามา
เป็นเพ่ือนปี 1 คณะวิทยาศาสตรด์ ว้ ยกนั

เวลาผ่านไปผมก็มารูว้ ่าท่ีแทเ้ ธอเป็นคนท่ีเรียนเก่งติดคณะแพทย์
ฯ ตอ้ งเรียนท่ีคณะวิทยฯ์ สองปีก่อนยา้ ยไปแพทย์ หลงั สองปีท่ีคณะวิทยฯ์
เราก็ห่างเหินกนั ไป ติดต่อกนั บา้ งตามภารกิจท่ีเกิดขึน้ เพลาผ่านไปเกือบ
หกสิบปีเธอก็ยังมีเสียงแหลมดังท่ีสดใส เป็นนักรอ้ งเสียงดีมีพลังของรุ่น
เป็นแพทยห์ ญิงท่ีประสบความสาํ เร็จทั้งทางการแพทยแ์ ละธุรกิจ เขา้ ขั้น
“แม่เลีย้ ง” ของเชียงใหม่ ใช่แลว้ ครบั เธอคือ “หมออ่ึง เนือ้ ทิพย.์ ..เธอผู้มี
เสยี งทิพย”์ น่นั เอง

210 / ทศวรรษแรกชีวิตนกั ศกึ ษา มช.

ผมสารภาพ

โดย..กติ ตชิ ยั วฒั นานกิ ร

เหตกุ ารณ์นี้ เกิดขึน้ มานานกว่าหา้ สิบปี จริงๆ ผมก็จาํ อะไรไม่ได้
แลว้ ถา้ ไม่ใช่เพราะมอี ย่วู นั หน่งึ ในตน้ เดือนกมุ ภาพนั ธ์ พ.ศ. 2557 ขณะไป
ประชุมท่ีกรุงเทพฯ หลงั เกษียณจาก มช. ไปแลว้ หลายปี และกาํ ลงั เดินอยู่
ในห้างสรรพสินค้าช่วงใกล้เท่ียง เพ่ือหาอาหารรบั ประทาน จู่ๆ ก็ได้รับ
โทรศพั ทจ์ ากผชู้ ายคนหนงึ่

“จาํ ผมไดไ้ หม?”
เป็นประโยคแรกท่ีคนๆ นัน้ พดู ขึน้ เป็นประโยคขึน้ ตน้ ท่ีแปลก ซ่ึงก็แน่นอน
วา่ ผมย่อมจาํ ไม่ได้ จึงบอกไปตามนนั้ เขาจึงบอกช่ือพรอ้ มกบั พดู ขึน้ มาว่า
ผมเคยช่วยใหเ้ ขาจบการศกึ ษา และยงั ถามผมตอ่ อีกว่า

“จาํ นามสกลุ ผมไดไ้ หม?”
ผมจึงเร่ิมประติดประต่อเหตกุ ารณเ์ ม่ือเกือบหา้ สิบปีก่อนหนา้ นั้น
ขึน้ มาได้ และนึกถึงนามสกุลของชายคนนัน้ ไดท้ ันที แทจ้ ริงแลว้ เขาก็คือ
เพ่อื นรว่ มรุน่ เขา้ เรียนคณะวิทยาศาสตรพ์ รอ้ มกนั เม่ือปี พ.ศ. 2509
ภายหลงั เหตุการณ์พลิกผนั ทาํ ใหเ้ ขาดูจะไม่มีอนาคต หากยังคง
ฝืนเรียนต่อในคณะวิทยาศาสตร์ ซ่ึงก็เป็นเช่นเดียวกับนักศึกษาคณะ
วิทยาศาสตร์ หรือวิทยาศาสตรส์ ขุ ภาพรุน่ นนั้ อกี หลายๆ คน พวกเขาเหลา่ นี้
ได้ตัดสินใจย้ายไปเรียนท่ีคณะสังคมศาสตร์ เพ่ืออนาคตท่ีดีกว่า บ้างก็
เรยี นรฐั ศาสตร์ บา้ งก็เรยี นเศรษฐศาสตร์ ฯลฯ
ขณะท่เี พ่อื นกลมุ่ นีท้ ยอยยา้ ยคณะกนั ออกไปนนั้ หลายคนยงั คง

ทศวรรษแรกชวี ติ นกั ศกึ ษา มช. / 211

ติด F วิชาฟิ สิกสพ์ ืน้ ฐาน ท่ีสมัยนนั้ ไม่ว่าเป็นนักศึกษาสาขาวิทยาศาสตร์
หรือแพทยศาสตร์ เภสัชศาสตร์ ฯลฯ ตอ้ งเรียนร่วมกัน บุคคลเหล่านีไ้ ด้
พยายามแก้ F ปีแลว้ ปีเล่า ก็ยงั ไม่ประสบผลสาํ เรจ็ จนกระท่งั เพ่ือนคนอ่ืนๆ
จบการศึกษากันไปหมดแลว้ แต่พวกเขาก็ยังต้องลงทะเบียนเรียนซาํ้ อีก
จนกวา่ จะแก้ F ใหไ้ ด้ มฉิ ะนนั้ อาจไม่จบการศกึ ษา

สาํ หรบั ตวั ผมเอง เม่ือจบการศึกษาและเขา้ เป็นอาจารยเ์ ม่ือตน้ ปี
พ.ศ. 2513 ต่อมาได้รบั มอบหมายให้สอนวิชาทัศนศาสตร์ เผอิญในปีท่ี
สอน จาํ ไม่ไดแ้ น่ว่าเป็นปีการศึกษาใดก่อนไปศึกษาต่อต่างประเทศ เพ่ือน
กล่มุ นีบ้ างคนก็ไดเ้ ขา้ มาเรียนเพ่ือแก้ F ในวิชาท่ีผมสอน แต่หลงั จากสอบ
มิดเทอมผ่านไป คะแนนของเพ่ือนต่างก็ออกมาไม่ดีเอามากๆ จนไม่น่า
เป็นไปได้ว่า เม่ือถึงเวลาสอบปลายภาคการศึกษา พวกเขาจะได้เกรด
ตามท่ีต้องการเพ่ือสาํ เร็จการศึกษา ดังนั้นเพ่ือนจึงมาปรึกษาว่าจะทํา
อยา่ งไรดี

ผมขอสารภาพว่า ผมตดั สินใจช่วยเพ่ือนใหไ้ ดเ้ กรดตามตอ้ งการ ท่ี
ตดั สินใจเช่นนนั้ ไม่เพียงเพราะความผูกพันฉนั เพ่ือน แต่ดว้ ยนึกไม่ออกว่า
เพ่อื นจะเอาความรูท้ ฤษฎลี กึ ซงึ้ ทางทศั นศาสตร์ ท่ีตอ้ งมาเรียนและตดั เกรด
ร่วมกับกลุ่มนักศึกษาสาขาวิชาทางวิทยาศาสตร์ ไปทาํ อะไรหลังสาํ เร็จ
การศกึ ษาจากคณะสงั คมศาสตร์ ซ่ึงดูจะไม่จาํ เป็นและไม่แฟรก์ ับพวกเขา
การตดั สินใจครงั้ นนั้ ทาํ ใหเ้ พ่ือนกลมุ่ นีจ้ บการศกึ ษาไปในท่ีสดุ

ในวันนนั้ หลงั จากผมโทรศพั ทค์ ยุ กบั เพ่ือนต่ออีกสกั พกั ก็ทราบว่า
เม่อื เพ่อื นจบการศกึ ษาไปแลว้ ไดไ้ ปรบั ราชการจนกา้ วหนา้ มีตาํ แหน่งหนา้ ท่ี
สงู พอสมควร และภายหลงั เกษียณอายุ ยังไปเป็นครูอาสาสมัครสอนเด็ก

212 / ทศวรรษแรกชีวติ นกั ศกึ ษา มช.

ยากจนในประเทศเพ่ือนบา้ น และผมยงั ทราบอีกวา่ เพ่ือนในกลมุ่ ท่ีผ่านการ
สอบครง้ั นัน้ ก็ประสบความสาํ เร็จในอาชีพ บางคนเป็นทหาร บางคนเป็น
นกั ธุรกจิ ระดบั เจา้ ของกจิ การ

ตงั้ แต่วนั ท่ีคุยกับเพ่ือน ผมมานึกยอ้ นกลบั ไปว่า ถา้ หากในวันนัน้
เม่ือกว่าหา้ สิบปีมาแลว้ ผมตดั สินใจในทางตรงกนั ขา้ ม คือใหเ้ พ่ือนๆ เขา้
สอบและตดั เกรดตรงไปตรงมาตามคะแนนท่ีได้ จนมีผลใหบ้ ุคคลเหล่านัน้
ไม่จบการศึกษา โดยไม่ย่ืนมือไปช่วยเหลือ สิ่งท่ีตามมาจะเป็นอย่างไร คง
ไม่ใช่เป็นความลม้ เหลวเฉพาะบุคคลเท่านนั้ แต่จะเป็นความลม้ เหลวของ
ส่วนรวมท่ีรัฐได้ลงทุนในการศึกษาไปแล้ว แต่กลับไม่ได้ผลลัพธ์ท่ีเป็น
ประโยชนใ์ ดๆ ต่อสงั คม

อุทาหรณ์ของเรื่องนี้จึงมีว่า การเป็ นอาจารย์นั้น เราคงต้อง
พจิ ารณาใหร้ อบคอบตงั้ แตก่ ารออกแบบหลกั สตู ร ว่าแต่ละวิชาในหลกั สตู ร
จาํ เป็นสาํ หรบั สาขาวิชานั้นจริงหรือไม่ เพ่ือจะไดใ้ ชใ้ นการประกอบอาชีพ
หลงั สาํ เรจ็ การศกึ ษา

ขณะเดียวกนั การจดั การเรียนการสอนก็ตอ้ งเขา้ ใจถึงตวั นกั ศึกษา
แต่ละบุคคล เพ่ือจะไดช้ ่วยใหเ้ ขาประสบความสาํ เรจ็ ใหเ้ ขามีความรูใ้ นส่ิง
ท่ีจําเป็นต้องรู้ มีทักษะท่ีเหมาะสมในการประกอบอาชีพ มีคุณธรรม
จริยธรรมเพ่ือจรรโลงสงั คมไม่ใหเ้ สื่อมทรุด และมีคณุ ลักษณะส่วนบุคคล
เหมาะสมท่ีจะประสบความสาํ เรจ็ ในชีวติ

ทศวรรษแรกชีวติ นกั ศกึ ษา มช. / 213

ความรักผลแิ ละเบ่งบาน...ท่ี มช.

โดย.. ทวศี กั ดิ์ ระมงิ คว์ งศ์

เม่ือมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ (มช.) เร่ิมเปิดดาํ เนินการในปี พ.ศ.
2507 เหลา่ นกั ศึกษาชายหน่มุ หญิงสาวจากทกุ ภาคสว่ นของประเทศไทยก็
มารวมตัวกันอยู่ ณ มช. แห่งนี้ เขาและเธอตอ้ งจากบา้ น จากญาติสนิท
มิตรสหายมาใชช้ ีวติ รว่ มกนั มาเรียน มาเท่ียว มาทาํ กิจกรรมรว่ มกนั มาคบ
หาเป็นเพ่ือนฝูงกัน ระยะเวลา 4 ปีตามหลกั สตู รท่ีตอ้ งใชช้ ีวิตอยู่ท่ี มช. มี
เร่ืองราวเกิดขึน้ มากมายกบั หน่มุ สาวหลายรอ้ ยคนเหล่านี้ โดยเฉพาะเร่ือง
ความรกั คู่แลว้ คู่เล่า มีทั้งความรกั ท่ีหวานซึง้ ทั้งความรกั ท่ีผิดหวัง น่าจะ
ได้รับการเล่าขานและบันทึกไว้เป็นเสีย้ วหนึ่งของเหล่านักศึกษา มช.
โดยเฉพาะอยา่ งยงิ่ นกั ศกึ ษา 4 รุน่ แรก รหสั 07-08-09-10

“ความรกั ผลิและเบ่งบาน...ท่ี มช.” น่าจะมาจากหลายๆ ปัจจยั ท่ี
เอือ้ อาํ นวยใหก้ ามเทพตอ้ งแผลงศรดอกแลว้ ดอกเลา่ ใหห้ น่มุ สาวเกิดความ
รกั ความรกั ผลิดอกเบ่งบานจนถึงขนั้ ร่วมหอลงโรงกนั ถึงอย่างนอ้ ย 117 คู่
ปัจจยั ท่วี า่ นา่ จะกลา่ วไดเ้ ป็นขอ้ ๆ ดงั นี้

บรรยากาศที่แสนจะโรแมนติกของ มช. โดยเฉพาะอย่างยิ่ง
“อ่างแกว้ ” ท่ีใสสะอาด สงบเงียบ เป็นแหลง่ ท่หี น่มุ สาวค่รู กั ทกุ ค่จู ะตอ้ งเคย
มาบ่มเพาะความรกั ใหก้ นั และกนั หนมุ่ สาวครู่ กั ใดท่ีไมเ่ คยมาน่งั คกู่ นั ท่ีอา่ ง
แกว้ น่าจะไม่มีสทิ ธิค์ ยุ วา่ คตู่ วั เองเป็น “ค่รู กั จากรวั้ สมี ่วง”

ระบบการเรียนที่เป็ นแบบสหวิทยาการ ท่ีนักศึกษาไม่ว่าจะ
เป็นสายวิทยาศาสตร์ สงั คมศาสตร์ และมนุษยศาสตรส์ ามารถเลือกเรียน

214 / ทศวรรษแรกชีวิตนกั ศกึ ษา มช.

วิชาท่ีตนเองสนใจได้ ระบบการลงทะเบียนและจดั เวลาเรียนก็เอือ้ ใหห้ นุ่ม
สาวค่รู กั จดั การเวลาเรียนท่สี อดคลอ้ งกนั หรอื เรยี นดว้ ยกนั ท่สี าํ คญั จดั ใหม้ ี
เวลาว่างพรอ้ มกัน เท่ียวดว้ ยกันได้ ทาํ ใหค้ วามสัมพันธ์และความรกั บ่ม
เพาะเจรญิ งอกงาม

กิจกรรมนักศึกษา มช.เป็นมหาวิทยาลัยท่ีเน้นกิจกรรมเสริม
หลักสูตร ไม่ว่าจะเป็นกิจกรรมกีฬา กิจกรรมนันทนาการ กิจกรรมอาสา
พฒั นา เหลา่ นีส้ รา้ งเสรมิ ความใกลช้ ิดเห็นอกเหน็ ใจใหแ้ กห่ น่มุ สาวค่รู กั เป็น
อย่างดี

บรรยากาศของเชียงใหม่ ท่ีมีสถานท่ีท่องเท่ียวธรรมชาติ
มากมาย ไม่ว่าจะเป็นดอยสุเทพ นาํ้ ตกหว้ ยแกว้ วงั บวั บาน ผาเงิบ นา้ํ ตก
แม่กลาง นา้ํ ตกแม่ยะ ดอยอินทนนท์ หนองบวั เป็นท่ีเท่ียวธรรมชาติท่ีมีทงั้
บรรยากาศโรแมนติก ตื่นเตน้ ผจญภยั เรื่องราวความรกั มากมายท่ีมากับ
สถานท่ี ทาํ ใหค้ ู่หนุ่มสาวท่ีอินเลิฟฟูมฟักความรกั ใหเ้ บ่งบานและลึกซึง้ ได้
ง่ายและมากมาย

การที่ต้องอยู่ห่างบ้านห่างเรือน เม่ือมาเจอหนุ่มสาวท่ีถูกอก
ถกู ใจ ความผูกพนั ธก์ ็จะเกิดขึน้ ง่ายและทดแทนความอบอ่นุ จากครอบครวั
ญาตมิ ติ ร ความรกั กผ็ ลิบานไดง้ า่ ย

กรรมเก่า แน่นอนกรรมเก่าท่ีมีมาด้วยกันคงมีส่วนบันดาลให้
ความรกั มาผลิ มาเบ่งบานท่ี มช. แห่งนี้

รายนามหนุ่มสาวคู่รัก ท่ีความรักมาผลิ มาเบ่งบานที่ มช.
จนนําไปสู่การครองเรือน มีลูกมีหลานเต็มบ้านเต็มเมืองมาจนถึง
ทกุ วนั นี้ โดยเฉพาะ 4 รุ่นแรก ซึง่ มีทงั้ รุ่นเดียวกัน คณะเดยี วกัน และ

ทศวรรษแรกชวี ติ นกั ศกึ ษา มช. / 215

ขา้ มรุ่น ข้ามคณะ นับได้ถึงอยา่ งน้อย 117 คู่

รุ่น 07 .... (1) ดร.อรรณพ-พรรณี วราอศั วปติ (วิทย์ 07-สงั คม 08) (2) สมพงษ-์ อรุณ
ศรี จันทรม์ ี (วิทย์ 07-สังคม 08) (3) นพ.รธั ชัย-พญ.ยุพดี ฤทธาภรณ์ (แพทย์ 07-
แพทย์ 08) (4) นพ.สมศกั ดิ-์ พญ.ยพุ า สมุ ิตสวรรค์ (แพทย์ 07-แพทย์ 08) (5) สมพงษ-์
สมพร สมณะ (เภสชั 07-มนษุ ย์ 08) (6) ดร.ผดุงเกียรติ-ประพีร์ ผลอนนั ต์ (วิทย์ 07-
วิทย์ 09) (7) ดร.วจิ ิตร-ดร.เสาวณีย์ รตั นพานี (วทิ ย์ 07-วิทย์ 09) (8) สบื เสถียร-เกศินี
โชติกเสถียร (วิทย์ 07-มนุษย์ 07) (9) โกวิท-พญ.จิราภา สินธุเสก (วิทย์ 07-แพทย์
07) (10) ภก.บัญชา-นงลักษณ์ อภินันทนกูล (เภสัช 07-สังคม 07) (11) สุเนตร-
นนั ทนา คาํ นวณ (สงั คม 07-สงั คม 07) (12) ดร.วิบลู ย-์ ดร.นิธิยา รตั นาปนนท์ (วิทย์
07-วิทย์ 07) (13) ปรีชา-แพรวพรรณ นาํ เบญจพล (วิทย์ 07-มนุษย์ 07) (14) ดร.
สาํ ราญ-ระวิวรรณ ลาชโรจน์ (วิทย์ 07-วิทย์ 07) (15) นพ.นิรนั ดร-พญ.วรรณี วงศ์
สุรวัฒน์ (แพทย์ 07-แพทย์ 07) (16) กาํ พล-วนั เพ็ญ แกลว้ ทนงค์ (สังคม 07-สงั คม
07) (17) นพ.เธียร-พญ.วิไลวรรณ ธาริน (แพทย์ 07-แพทย์ 07) (18) พิพัฒน์-
พญ.ศุภวรรณ ตั้งสืบกุล (มนุษย์ 07-แพทย์ 07) (19) สุรินทร-์ สุมนา ธรรมนิเวศ
(สังคม 07-มนุษย์ 07) (20) วนั ชัย-เสาวภา สนธิไชย (วิทย์ 07-วิทย์ 09) (21) ทพ.
โชติ- ภญ.ลินดา เหลอื งอาภา (ทนั ต 07-เภสชั 10 (22) ดร.ยอดยิ่ง-กรรณิการ์ คงทอง
(สงั คม 07-พยาบาล 09) (23) ดร.พงษส์ วสั ดิ์-พรพมิ ล สวสั ดพิ งศ์ (สงั คม 07-พยาบาล
09) .........
รุ่น 08 .... (1) ดร.ขวญั ชยั -ดร.เบญจวรรณ รตั นเสถียร (วิทย์ 08-วิทย์ 07) (2) ครรชิต-
นภาวดี ศริ ภิ กั ดี (วิทย์ 08-มนษุ ย์ 08) (3) ชยั ศิลป์ -จนั ทรน์ ิภา ระมิงคว์ งศ์ (สงั คม 08-
สงั คม 08) (4) ชาญ-มาณวิกา ตนั ติสกุ ฤต (วทิ ย์ 08-มนษุ ย์ 08) (5) ดร.บญุ เสรมิ -ดร.
บุญลอ้ ม ชีวะอิสระกุล (เกษตร 08-เกษตร 08) (6) ธวัช-เพชรหทัย ปฏิรูปานุสรณ์
(เกษตร 08-เกษตร 09) (7) นพ.บดินทร-์ อุบล เทพชาตรี (แพทย์ 08-มนุษย์ 08) (8)

216 / ทศวรรษแรกชีวติ นกั ศกึ ษา มช.
ประวิทย-์ ชอ่ ทิพย์ พฤกษางกรู (วิทย์ 08-มนษุ ย์ 08) (9) พล.อ.ต.ปราโมทย-์ ศศิธร ภะ
รตะศิลปิน (สงั คม 08-มนุษย์ 08) (10) นพ.พหล-พญ.พาช่ืน วงศาโรจน์ (แพทย์ 08-
แพทย์ 08) (11) ไพฑรู ย-์ วไลพร ตระการศริ ินนท์ (สงั คม 08-สงั คม 08) (12) นพ.มิตร-
เยาวลกั ษณ์ เทวอกั ษร (แพทย์ 08-มนษุ ย์ 08) (13) ดร.ยืนยง-อจั ฉรา ปัญจสวสั ดว์ิ งศ์
(วิทย์ 08-สงั คม 09) (14) นพ.ยุทธนา-พญ.ศุภกาญจน์ ศิลปรสั มี (แพทย์ 08-แพทย์
08) (15) นพ.วชิ าญ-พญ.เพชรา หล่อวทิ ยา (แพทย์ 08-แพทย์ 08) (16) วนิช-สรุ ยี ์ ยา
คลา้ ย (เกษตร 08-สงั คม 09) (17) นพ.วเิ ชษฐ-สมพร บณุ ยปรีดี (แพทย์ 08-พยาบาล
09) (18) นพ.ศราวุธ-พญ.บษุ กร บชู างกูร (แพทย์ 08-แพทย์ 07) (19) พงษ์พนั ธ-์ วิไล
ลักษณ์ พงษ์โสภา (มนุษย์ 08-มนุษย์ 08) (20) นพ.ศิริวัฒน์-พญ.ลิยิน โสธรวิทย์
(แพทย์ 08-แพทย์ 08) (21) สมศกั ดิ์-พญ.จิรภา วนิชาชีวะ (วทิ ย์ 08-แพทย์ 08) (22)
นพ.สวุ ิช-รวีวรรณ อุปถัมภ์ (แพทย์ 08-สังคม 08) (23) สันติ-ทิพยส์ ุดา ฤกษ์จาํ นง
(สงั คม 08-มนุษย์ 09) (24) สกนธ-์ ประไพศรี ศุขรกั ษ์ (มนุษย์ 08 -มนุษย์ 08) (25)
สมเกียรติ-สมุ นา เหลืออนนั ต์ (สงั คม 08-สงั คม 08) (26) นพ.วฒั นา-ทวีวฒั น์ วานิช
สขุ สมบตั ิ (แพทย์ 08-มนษุ ย์ 09).......
รุ่น 09 .... (1) นพ.ไพฑูรย-์ พญ.กนกนาถ พิศุทธกุล (แพทย์ 09-แพทย์ 09) (2) สุ
รพงษ์-พญ.กสุ มุ า เลิศทศั นีย์ (วิทย์ 09-แพทย์ 09) (3) ดร.กิตติชยั -พญ.โสภา วฒั นา
นกิ ร (วทิ ย์ 09-แพทย์ 09) (4) ดร.ทวศี กั ดิ์-เกศณิ ี ระมิงคว์ งศ์ (วิทย์ 09-เกษตร 09) (5)
ดร.โกศล-ดร.ศิริรตั น์ สาระเวก (วิทย์ 09-วิทย์ 09) (6) สมกิจ-จีรพรรณ ธเนศพิพัฒ
(วิทย์ 09-วิทย์ 09) (7) เฉลิมชยั -พรพิมล วรวฒุ ิพุทธพงศ์ (สงั คม 09-มนษุ ย์ 10) (8)
พ.ต.อ.ชนินทร-์ พรสทุ ธิ์ แจง้ กระจ่าง (สังคม 09-สังคม 09) (9) นพ.ชาญชยั -วลั ลภา
รุง่ ศิรแิ สงรตั น์ (แพทย์ 09-มนุษย์ 09) (10) นพ.เดชา-สรุ รี ตั น์ ควู ฒุ ยากร (แพทย์ 09-
เทคนิคการแพทย์ 09) (11) ทวีศกั ดิ์-พล.อ.ต.พกั ตรพ์ รงิ้ เวียรศิลป์ (เกษตร 09-สงั คม
09) (12) นพ.ธนา-พญ.เนอื้ ทพิ ย์ นพิ ธิ สขุ การ (แพทย์ 09-แพทย์ 09) (13) ธรรมรกั ษ์-วี
ระพรรณ พิชญกุล (เกษตร 09-เกษตร 09) (14) วสนั ต-์ นวลวิภา เรืองพงษ์ (เกษตร

ทศวรรษแรกชวี ติ นกั ศกึ ษา มช. / 217

09-เกษตร 09) (15) ดร.นิกร-ดร.ผอ่ งศรี มงั กรทอง (วิทย์ 09-วทิ ย์ 09) (16) ดร.นิมิตร-
สธุ ีรา จวิ ะสนั ตกิ าร (สงั คม 09-สงั คม 09) (17) นิวตั ร-อรทยั ลตี้ ระกลู (วทิ ย์ 09-ศกึ ษา
09) (18) นพ.วีรชัย-ดร.บุษบง จาํ เริญดารารศั มี (แพทย์ 09-เภสัช 09) (19) นพ.
สมภพ-พญ.พันทวี พนั ธุโฆษิต (แพทย์ 09-แพทย์ 09) (20) นพ.วิชยั -พญ.พรพิศ ใจ
แกว้ (แพทย์ 09-แพทย์ 09) (21) มุนินทร-พูนทรพั ย์ ติยายน (เกษตร 09-สงั คม 09)
(22) เพทาย-พันทิพา พงษ์เพียจันทร์ (เกษตร 09-เกษตร 08) (23) ยุคล-รท. หญิง
อุสาห์ นิมมานเหมินท์ (สังคม 09-สังคม 08) (24) ดร.มนัส-อรวรรณ ทิตยว์ รรณ
(เกษตร 09-เภสชั 07) (25) สุพจน-์ กานดา ญานสาร (เกษตร 09-วิทย์ 10) (26) วีร
ชัย-กรองกาญจน์ บํารุงพงษ์ (สังคม 09-สังคม 09) (27) สุเทพ-สุจิตรา สุวรรณ
สมบูรณ์ (เกษตร 09-มนุษย์ 08) (28) จีรสิทธิ์-จินตนา สงคป์ ระเสริฐ (เกษตร 09-
มนุษย์ 10) (29) โยธิน-ยุพิน ยทุ ธยง (สังคม 09-สงั คม 09) (30) สนุ ทร-เกษร สิตตา
(เกษตร 09-เกษตร 10) (31) นิตยา-ดร.สพุ รชยั ศิรโิ วหาร (สงั คม 09-เกษตร 11) (32)
เสถียร-สมพร ดิเรกวฒั นะ (สงั คม 09-สงั คม 09)....
รุ่น 10 .... (1) ปรทิ รรศน-์ ดร.ชศู รี ไตรสนธิ (วิทย์ 10-วิทย์ 10) (2) ภก.วีระศกั ดิ์-ภญ.
พรทิพย-์ เชือ้ มโนชาญ (เภสชั 10-เภสชั 10) (3) ดร.สิทธิศกั ดิ์-ดร.ก่ิงแกว้ - ศิริวทิ ยากร
(วิทย์ 10-วิทย์ 10) (4) อาสา-สมใจ เอกะวภิ าต (วทิ ย์ 10-สงั คม 10) (5) ภมร-ภณิดา
นนั ทขวา้ ง (วิทย์ 10-วิทย์ 10) (6) ภิญโญ-พัณณทิพา ทองดี (มนุษย์ 12-สังคม 10)
(7) ทัศนัย-วิลาวัณย์ อติชาติ (สังคม 10-วิทย์ 11) (8) ไพฑูรย์-นันทา เล็กสวัสดิ์
(เกษตร 10-พยาบาล-10) (9) นพ.วีระวฒั น-์ พญ.มาลยั มตุ ตารกั ษ์ (แพทย์ 10-แพทย์
10) (10) นพ.สรุ นิ ทร-์ วงเพชร ชยั อรยิ ะกุล (แพทย์ 10-มนุษย์ 10) (11) สิทธิพงศ-์ ดร.
นภาพร ณ เชียงใหม่ (วิทย์ 10-สังคม 10) (12) นพ.กาํ ธร-พญ.อาริดา จันทรแ์ จ่ม
(แพทย์ 10-แพทย์ 10) (13) นพ.พิศทุ ธิ์-วีณา ลีลานิตยก์ ุล (แพทย์ 10-วิทย์ 11) (14)
ชาญ-กรองกาญจน์- เจียมกนกชัย (เกษตร 10-เกษตร 10) (15) ดร.พิสุทธิ์-พ่ึงพร
เนียมทรพั ย์ (เกษตร 10-วิทย์ ....) (16) วฒุ ิ-อมรรตั น์ สพุ รรณชาติ (เกษตร 10-เกษตร

218 / ทศวรรษแรกชีวติ นกั ศกึ ษา มช.
10) (17) สุวินัย-รตั นาภรณ์ จึงสงวนสิทธิ์ (วิทย์ 09-วิทย์ 10) (18) ดร.สง่า-สุมนา
อร่ามวิทย์ (วทิ ย์ 10-พยาบาล 10) (19) นิรนั ดร-์ ……ขนั ธต์ น้ ธง (วทิ ย์ ....-มนุษย์ ....)
(20) นพ.วรพนั ธ-์ พญ.เกวลี อณุ จกั ร (แพทย์ 10-แพทย์ 10) (21) ชชู าต-ิ สมลกั ษณ์ น่มิ
สกลุ (เกษตร 10-วทิ ย์ 11) (22) นพ.วินติ -กรรณาภรณ์ จาตเิ สถียร (แพทย์ 10-เทคนิค
10) (23) มานิต-จรรยา จาํ นงคไ์ ทย (วิทย์ 10-วิทย์ 10) (24) เกริก-วรนุช จิตตาลาน
(เกษตร 10-เกษตร 11) (25) ภาณสุ นั ต-์ ลาํ นติ ย์ เชอื้ หงษ์ทอง (วิทย์ 10-วิทย์ 11) (26)
ภก.สมิทธิ-์ ภญ.ผาณิต สมิทธารกั ษ์ (เภสชั 10-เภสชั 10) (27) สวุ ฒ้ น์ -ทญ….. รุจน
วศิ าล (วทิ ย์ 10-ทนั ต 12) (28) นพ.ธวชั ชยั -ทญ.ดวงพร สนุ ทราจารย์ (แพทย์ 09-ทนั ต
10) (29) นพ.กงั วาล-ทญ.จริ พร…..….(แพทย์ 09.-ทนั ต 10) (30) ดร.โสรชี -์ ภทั รา โพธิ์
แกว้ (มนษุ ย์ 10-มนษุ ย์ 10) (31) ทวี-สดุ ารตั น์ เลรามญั (สงั คม 10-เกษตร 10) (32)
สรุ พงษ์-โสภา โพธิ์วตั ถธุ รรม (เกษตร 10-เกษตร 10) (33) สเุ ทพ-กนั ยา ณ เชียงใหม่
(สงั คม 10-มนุษย์ 09) (34) อาคม-แสงดาว ตนั ตระกลู (ศกึ ษา ....-มนุษย์ 10) (35)
พงษ์ศกั ด-์ิ สทุ ธรธิปน์ บญุ ซูดวง (สงั คม 10-สงั คม 10) (36) ดร.ไชยวฒั น-์ …… รุง่ เรือง
ศรี (สงั คม 10-สงั คม ....) (37) ดร.วราวุธ-ประภสั รพ์ ร สธุ ีธร (วิทย์ 10-สงั คม ....) (38)
ดร.สทุ ศั น-์ ปิ่มใจ จุลศรีไกวลั (เกษตร 10-มนุษย์ 09) (39) (40) สมชยั -แสงมณี อศั วธิ
ตานนท์ (สงั คม 10-สงั คม 09) (41) สาํ ราญ-อญั ชลี เกษร (มนษุ ย์ 10-มนษุ ย์ 09)

ทศวรรษแรกชีวติ นกั ศกึ ษา มช. / 219
ค่ใู คร ค่เู ขา รักยงั คอยเฝ้าชม... ♪ ♫ (ดกู นั เอาเองนะครับ..ใครคู่ใคร)

220 / ทศวรรษแรกชีวติ นกั ศกึ ษา มช.
คู่ใคร คู่เขา รกั ยงั คอยเฝ้าชม... ♪ ♫ (ดูกนั เอาเองนะครับ..ใครคู่ใคร)

ทศวรรษแรกชวี ติ นกั ศกึ ษา มช. / 221

เร่อื ง (นนิ ทา) อาจารย์

222 / ทศวรรษแรกชีวิตนกั ศกึ ษา มช.

เฮย้ ตายห่าแล้วกู อาจารยบ์ ัวเรศ

โดย..เอนก กมิ สวุ รรณ

ปากท่ีคาบบุหร่ีท่ีเพ่ิงซือ้ จุดสูบท่ีหนา้ มช. ทาํ ใหผ้ มอุทานออกมา
ดงั ๆ ไม่ได้ ใจหลน่ ไปอยทู่ ่ตี าต่มุ เวลานนั้ ทกุ อยา่ งหยดุ น่ิง

ปี 2509 นักศึกษาคณะมนุษยร์ ุ่น 08-09 จะฝึกรอ้ งเพลงเชียรก์ ัน
จนถึงเย็น หลงั จากนนั้ มกั จะมีกล่มุ ย่อยท่ีเป็นนกั ศึกษาชายลว้ นจบั กล่มุ ม่วั
สุมชุมนุมกันต่อจนถึงดึกบนดาดฟ้าตึกโรงละคร สนทนาฮาเฮไปตามวัย
คะนอง ผมนาํ กระแช่ท่ีทาํ เองฝังไวใ้ ตถ้ ุนบา้ นเพ่ือนไปร่วมแจมกับเขา ดื่ม
แล้วกระชุ่มกระชวย รอ้ งเพลงได้ไม่เหน่ือย เสียงดังข้ามไปถึงบ้านพัก
อาจารยบ์ วั เรศท่ีอยเู่ ยือ้ งคณะมนษุ ยต์ ิดกบั คณะสงั คม

เจตนาของคนรอ้ งน่าจะไม่ค่อยดีเท่าไรนัก พวกเราไม่มีใครทราบ
ว่า อาจารยบ์ วั เรศและอาจารยส์ มุ นามีปฏิกิริยาอย่างไรบา้ ง เพราะไม่เคย
เห็นอาจารยท์ งั้ สองท่านออกมาตกั เตือนนกั ศกึ ษาบนดาดฟ้าเลยแมแ้ ต่ครงั้
เดียว เนือ้ เพลงท่ีพวกผมเจตนารอ้ งขา้ มขอบฟ้าใหไ้ ปตกใสห่ ลงั คาบา้ นพกั
อาจารยบ์ วั เรศมีดงั นี้

“มหาวทิ ยาลยั เชียงใหมข่ องบวั งามพรอ้ มทงั้ ครอบครวั ทจี่ ารยบ์ วั
แสนภมู ิใจ ... “
นักศึกษารุ่นแรกๆ ย่อมรูจ้ ักเพลงนีเ้ ป็นอย่างดี จะอย่างไรก็ตาม
แมไ้ ม่เคยมาตักเตือนพวกเราท่ีออกจะทะล่ึงตึงตัง อาจารยบ์ ัวเรศก็เป็น
อาจารยผ์ ใู้ หญ่ท่นี า่ เกรงขามท่สี ดุ ในขณะนนั้

ทศวรรษแรกชวี ติ นกั ศกึ ษา มช. / 223

อ่างแก้วในตอนเช้าเม่ือคร้ังกระโน้นอากาศจะเย็นสบายอัน
เน่ืองมาจากจาํ นวนตน้ ไมท้ ่ีมีอย่างหนาแน่น เหมือนเช่นทกุ เชา้ ท่ีผมเขา้ ไป
เรียน ผมจะตอ้ งซือ้ บุหรีห่ นา้ มช. จุดสบู แลว้ ค่อยๆ ข่ีรถซุปเปอรค์ พั 50 ซีซี
เขา้ ประตใู หญ่ ตรงไปถึงศาลพระภูมิ เลีย้ วขวาไปถึงสนั เข่ือนอ่างแกว้ ซ่ึงมี
ถนนขึน้ สนั เข่ือนและถนนเลียบใตส้ นั เข่ือน ถนนทงั้ สองเสน้ นีม้ ีป้ายกาํ กับ
ไวเ้ ป็นถนนว่ิงทางเดยี ว เสน้ บนสนั เข่ือนเป็นเสน้ ขาออก เสน้ ใตส้ นั เข่ือนเป็น
ขาเขา้

ความท่ีการจราจรใน มช. ยคุ นนั้ ยงั เบาบาง การกาํ หนดการวงิ่ ทาง
เดียวในบรเิ วณดงั กลา่ วจึงไม่ค่อยมใี ครใหค้ วามสาํ คญั ผมก็เป็นคนหน่ึงล่ะ
ด้วยความเคยชินและด้วยอารมณ์แบบศิลปิ นคิดแบบหนังคาวบอย
พระเอกคาบบหุ รข่ี ่ีมา้ ขึน้ เนินเขา เพ่ือจะขึน้ ไปสดู ดมอากาศบรสิ ทุ ธิ์ยามเชา้
ใครจะทาํ ไม

เม่ือรถขึน้ เนินไปถึงทางราบ โดยปกติจะเลีย้ วขวาไปยงั เกาะซ่งึ อยู่
ติดกบั สวนรุกขชาติเพ่ือไปสบู บหุ รีใ่ หห้ มดตวั และนึกถึงอะไรเลน่ เพลนิ ๆ แต่
วันนีพ้ อข่ีพ้นเนินมาแลว้ ก็ข่ีตรงไปเรื่อยๆ ตามองแต่ทิวทัศนข์ องอ่างแก้ว
และดอยสเุ ทพ โอ้ ช่างงดงามอะไรอย่างนี้ พอหนั กลบั มาอีกที เฮย้ ตายห่า
แลว้ กู อาจารยบ์ วั เรศ

นึกไดแ้ ค่นั้นก็สายเสียแลว้ อาจารยบ์ วั เรศขับรถจากบา้ นพักเพ่ือ
จะไปตึกอธิการ จึงใชเ้ สน้ บนสนั เข่ือนซ่ึงเป็นเสน้ ขาออก ส่วนผมข่ียอ้ นศร
ว่างัน้ เถอะ ดเู หมือนฟ้าดินจะปราณี ภาพเหตุการณใ์ นเวลานั้นจึงดูชา้ ลง
กวา่ ปกติหลายเทา่ ทาํ ใหผ้ มพอมเี วลาวางแผนเอาตวั รอด

224 / ทศวรรษแรกชีวติ นกั ศกึ ษา มช.

ระ บ บ ก า รเรีย น แ บ บ interdisciplinary น่ี แ ห ล ะ ดี นั ก แ ล
โดยเฉพาะวิชา Psycho ซ่ึงผมหลงใหลเป็นอย่างมากได้ออกมาช่วยผม
ทนั ที อย่าเลีย้ วกลบั Psycho บอกอย่างนนั้ เพราะจะเป็นการแสดงว่า เรา
กลวั ความผิดจึงข่ีรถหนี Psycho บอกต่อไปว่า ใหแ้ กลง้ จอดแลว้ สบู บุหร่ีดู
อ่างแก้วต่อไปแบบสบายๆ เหมือนกับว่า ไม่มีอาจารยบ์ วั เรศในท่ีนัน้ ผม
ปฎบิ ตั ิตามคาํ แนะนาํ ของ Psycho ทนั ที

แล้วรถอาจารย์บัวเรศก็มาเทียบขา้ งรถซุปเปอรค์ ัพของผม ผม
แกลง้ ทาํ เฉยทัง้ ท่ีในใจนัน้ รูส้ ึกเหมือนหมาท่ีหมดประตูสู้ ท่ีกาํ ลังรอถูกไม้
เรียวเพราะแอบเขา้ ไปคาบเอามว้ นกระดาษทิชช่มู าแทะเล่นจนเลอะไปทงั้
บา้ น

“เธอขขี่ นึ้ มาไดย้ งั ไง นเี่ ป็นถนนวนั เวย์ ขกี่ ลบั ลงไปเดยี๋ วน”ี้
เสียงนนั้ ดังกอ้ งสะทา้ นในบอ้ งหูซา้ ยของผม บรรยากาศพระเอกข่ีมา้ คาบ
บหุ ร่อี ยา่ งเท่ กลายเป็นผรู้ า้ ยกระจอกว่งิ หางจกุ ตดู ไม่เหลยี วหลงั

ลาก่อนถนนบนสันเข่ือนอันแสนวิจิตร ฉันไม่ขอข่ีขึน้ ไปชมความ
งามของอ่างแกว้ ยามเชา้ อกี แลว้

ทศวรรษแรกชวี ติ นกั ศกึ ษา มช. / 225

ศาสตราจารย์ ดร. มล.ตุ้ย ชุมสาย ในความทรงจํา

โดย..เอนก กมิ สวุ รรณ

อาจารย์ มล.ตยุ้ เป็นคณบดีคณะมนุษยต์ งั้ แต่ปี พ.ศ. 2507 จนถึง
ปี พ.ศ. 2512 ผมเขา้ เรียนเม่อื ปีการศึกษา 2509 จึงมโี อกาสไดเ้ ห็นอาจารย์
เป็นผบู้ รหิ ารอยู่ 3 ปีเศษ

คณะมนุษยฯ์ ในช่วงนนั้ มีอาคารเพียง 2 หลัง คือตึกไซโคท่ีมีโรง
ละครอยู่ด้านหน้า และตึกไทยท่ีอยู่เยือ้ งไปทางตะวันตก นักศึกษาจึงมี
โอกาสเดินสวนกับอาจารย์คณบดีทุกวัน วันละหลายๆ หน ภาพของ
อาจารย์ มล.ตยุ้ จึงเป็นภาพท่คี มชดั ฝังอยใู่ นความทรงจาํ อยา่ งแนบแนน่

ในสายตาของผม อาจารย์ มล.ตุย้ เป็นสุภาพบุรุษท่ีมีความสง่า
งามมาก อาจารยต์ ัวสูงโปรง่ แมจ้ ะอายุใกล้ 60 ปีในตอนนนั้ อาจารยก์ ็ยัง
เดินตัวตรง ไม่เคยแสดงอาการหงุดหงิด รีบรอ้ นหรือกังวลใดๆ ใหเ้ ห็นเลย
ความเป็นครูทาํ ใหอ้ าจารยเ์ ป็นคนพดู เสียงค่อนขา้ งดงั ชดั เจนและแจ่มใส
เป็นผใู้ หญ่ใจดี สรา้ งบรรยากาศท่ีสบายๆ แก่ผคู้ นรอบขา้ ง นกั ศกึ ษาจึงรูส้ กึ
มคี วามสขุ ท่ไี ดพ้ บเจออาจารยเ์ สมอ

ความงามของอาจารย์ มล.ตุย้ ท่ีตอ้ งกล่าวถึงประการต่อมา คือ
เรื่องการแต่งกาย เสื้อผ้าของอาจารย์มีความสะอาด ปราณีตมากๆ
โดยเฉพาะในฤดหู นาวอาจารยจ์ ะสวมใสส่ เวตเตอรท์ ่ีมีสีสนั ลวดลาย และ
รูปทรงท่ีเหมาะกบั บรรยากาศและสถานท่ี พดู ในองคร์ วม อาจารย์ มล.ตุย้
คือตน้ แบบท่ีควรแก่การจดจาํ และเอาเป็นแบบอย่าง

226 / ทศวรรษแรกชีวิตนกั ศกึ ษา มช.

การเป็นคณบดีไม่ใช่แค่เร่ืองการบริหารราชการอย่างเดียว เร่ือง
ความห่วงใยในทกุ ขส์ ขุ ของนกั ศกึ ษาก็เป็นสว่ นหนง่ึ ท่อี าจารย์ มล.ตยุ้ ไดท้ าํ
ไวเ้ ป็นท่ีประจกั ษ์ เหตกุ ารณม์ ีอยู่ว่า เม่ือครง้ั ท่ีนกั ศกึ ษาคณะมนษุ ยป์ ี 1 รุ่น
11 - นายสุรชยั เบญจประเสรฐิ ศรี – ประสบอบุ ตั ิเหตุจนเสียชีวิตจากการ
ถกู รถชนบนถนนหว้ ยแกว้

นักศึกษา 4-5 รุ่นแรกคงยังจําได้ว่า ในเวลานั้นมีการขุดคลอง
ชลประทานทาํ ใหต้ อ้ งทาํ ทางเบี่ยงตรงสี่แยกท่ีปัจจุบันคือสี่แยกโรงแรม
เชียงใหม่ภูคาํ อบุ ตั ิเเหตคุ รง้ั นีเ้ กิดตอนหวั ค่าํ อนั เป็นช่วงเวลาท่ีนกั ศึกษาข่ี
รถเขา้ เมืองเพ่ือรบั ประทานอาหารเย็น ถนนจะเต็มไปดว้ ยฝุ่นท่ีการสญั จร
ของรถราทาํ ใหด้ ินท่ีตกเรย่ี ราดบนถนนฟ้งุ กระจายกลายเป็นฝ่นุ ทาํ ใหถ้ นน
หว้ ยแกว้ ท่ีปกติมีไฟส่องสว่างไม่เพียงพออยู่แลว้ ไม่ปลอดภัยอย่างมาก
สาํ หรบั ผใู้ ชร้ ถใชถ้ นน

อาจารย์ มล.ตยุ้ ประกาศงดการเรยี นการสอนในช่วงเชา้ ของวนั ถดั
มา แลว้ เรยี กนกั ศึกษาคณะมนุษยท์ ุกชนั้ ปีใหม้ าประชุมท่ลี านหนา้ ตกึ ไซโค
โดยใหม้ ีการเช็คช่ือผทู้ ่ีเขา้ ประชุม แลว้ อาจารยไ์ ดอ้ ธิบายกฎจราจร ซ่งึ ตอน
นั้นผมเองก็เพ่ิงทราบว่า เส้นทึบ เส้นประ หรือเส้นทึบเส้นประคู่กันบน
ก่ึงกลางถนนหมายความว่าอะไร

ทงั้ หมดนีค้ ือความประทบั ใจของผมท่ีมีต่อ ศาสตราจารย์ ดร. มล.
ตยุ้ ชมุ สาย

ทศวรรษแรกชวี ติ นกั ศกึ ษา มช. / 227

ลงุ ทะเร้นจอมพลงั

โดย..กิตตชิ ยั วฒั นานกิ ร

เม่ือมหาวิทยาลยั เชียงใหม่เร่มิ จัดตงั้ ผบู้ ริหารยุคนนั้ คงเล็งเห็นว่า
หากจะอาศยั อาจารยท์ ่ีมีอยู่จาํ กัดในประเทศคงไม่เพียงพอ จึงดาํ ริในการ
“นําเข้า” อาจารย์ชาวต่างประเทศท่ีมีความรูค้ วามเช่ียวชาญสูง เพ่ือ
วางรากฐานท่ีแข็งแกร่งให้กับมหาวิทยาลัย ดังนั้นในทศวรรษแรกจึงมี
อาจารย์ชาวต่างชาติเข้ามาสอนจํานวนมาก โดยเฉพาะในสาย
วทิ ยาศาสตร์

ผมเองในฐานะนักศึกษารุ่นท่ีสามก็ไดร้ บั ประสบการณ์ตรงจาก
อาจารย์ชาวต่างประเทศหลายท่าน สําหรับอาจารย์ชาวต่างชาติท่ี
ประทับใจมากท่ีสุดคือ Dr. G T P Tarrant ผู้เช่ียวชาญจากโครงการ
โคลัมโบ (Colombo) ผู้เป็นลูกศิษย์ของ Ernest Rutherford ซ่ึงได้ช่ือว่า
เป็นบิดาของนิวเคลียรฟ์ ิ สิกส์ (พวกเราชาวฟิสกิ ส์ มช. สมยั นนั้ จึงคยุ ไดว้ ่า
เป็นหลานศษิ ยน์ กั วทิ ยาศาสตรค์ นดงั ของโลกท่านหนง่ึ )

อาจารย์ Tarrant เป็นนกั ฟิ สกิ สม์ อื เก๋า เกา๋ ทงั้ อายุ ทงั้ ความรูค้ วาม
เช่ียวชาญ และบุคลิกท่าทางการแต่งกาย อาจารยไ์ วห้ นวดเคราสีดอกเลา
พรอ้ มคาบไป๊ ป์ ท่ีมมุ ปาก สอนไปเคาะไป๊ ป์ ไป ทาํ ใหพ้ วกเราพลอยไดก้ ลิ่น
หอมอ่อนๆ ของยาเสน้ ไปดว้ ย

แต่เห็นแก่ๆ อย่างนั้น อาจารย์ก็นักเลงพอตัว แถมทรงพลังอีก
ต่างหาก สามารถเดินหอบแบตเตอร่ีรถยนต์ลูกโตสองลูก ดว้ ยแขนสอง
ขา้ ง เดินขึน้ ลงบนั ไดตกึ ฟิ สิกสส์ ามชนั้ ไดอ้ ย่างสบายๆ ทาํ ใหก้ ิตติศพั ทเ์ ลื่อง

228 / ทศวรรษแรกชีวิตนกั ศกึ ษา มช.

ลือ เป็นท่เี กรงขามของบรรดาเทคนเิ ชียนหนมุ่ ๆ
อาจารยช์ อบใสเ่ สือ้ แขนสนั้ สีขาวหลวมโพรก ผกู เนคไทเกา่ ๆ อย่าง

ไม่พิถีพิถัน ใส่กางเกงสีกากีหลวมๆ รดั พุงไวด้ ว้ ยเข็มขัดกันหลุด แต่ก็ไม่
วายตอ้ งคอยเอามอื ดงึ กางเกงขึน้ เป็นครงั้ คราว ขณะสอนหนงั สอื

สิ่งท่ีทาํ ใหพ้ วกเรานกั ศึกษาฟิ สิกสจ์ ดจาํ อาจารยไ์ ดแ้ ม่นมีสองเรื่อง
เร่ืองแรกชุดการทดลองท่ีอาจารยใ์ หท้ าํ เวลาสอบภาคปฏิบตั ิ มักเป็น ‘ตวั
ประหลาด’ ท่ีพวกเราไม่เคยเห็นมาก่อน จึงตอ้ งอาศัยจินตนาการบวกกับ
ทฤษฎีท่ีไดเ้ รียนรูม้ าแกโ้ จทย์ แต่ส่วนใหญ่มกั อาศัยจินตนาการ (เพราะจะ
เป็ นนักฟิ สิกส์ทัง้ ทีต้องเชื่อไอน์สไตน์ที่บอกว่า ‘จินตนาการสําคัญกว่า
ความรู’้ )

เรื่องท่ีสองท่ีประทับใจพวกเราคืออาจารย์ Tarrant จะสอนและ
ส่งเสริมใหน้ กั ศึกษาใชเ้ คร่ืองมือในโรงงาน ซ่ึงอาจารยจ์ ะทาํ เป็นตัวอย่าง
ใหด้ ูก่อน ดังนั้นอุปกรณ์การทดลองในหอ้ งปฏิบตั ิการจึงมักเป็นฝีมือของ
อาจารย์ ไม่ตอ้ งไปซือ้ หาราคาแพงๆ บางชิน้ ยงั ใชต้ ่อมาอีกหลายสิบปี จน
ภายหลงั ภาควชิ าไดน้ าํ ไปจดั ตงั้ เป็นพิพธิ ภณั ฑ์

ประสบการณ์ท่ีนักศึกษาฟิ สิกส์รุ่นแรกๆ แต่ละคนได้รับจาก
อาจารย์ Tarrant หรือ “ลุงทะเร้น” นั้นมีอีกเยอะ ทุกรสชาติ ขึ้นกับ
พฤติกรรมส่วนตวั ของคนๆ นนั้ ซ่งึ เรื่องนีต้ อ้ งไปถามนกั ศกึ ษาฟิ สิกสร์ ุน่ รหสั
12-13 เช่น ดร.บณั ฑิต ณ ลาํ พูน อภิชาติ สัจจะวงษ์ ดร. กระหย่ิม ศานต์
ตระกูล โดยเฉพาะเวลาอาจารยแ์ สดงท่าทางขึงขังกบั ใครบางคน แต่จรงิ ๆ
แลว้ อาจารยเ์ ป็นคนใจดี

ทศวรรษแรกชวี ติ นกั ศกึ ษา มช. / 229

ถ่ายภาพกบั ลุงทะเร้น วนั รับปรญิ ญาเมือ่ 14 มกราคม พ.ศ. 2514

จาํ ไดว้ ่าในการสอบครงั้ หนึ่ง เพ่อื นท่นี ่งั ขา้ งๆ ผม แอบสง่ สญั ญาณ
ขอความช่วยเหลือ ผมก็ไม่ขัดใจ เปิดทางสะดวกใหเ้ พ่ือนลอก แต่ปรากฏ
ว่าเม่ือประกาศคะแนนออกมา กลับได้คะแนนน้อยกว่าเพ่ือน จึงเอะใจ
เป็นไปไดไ้ งหว่า ?

ผมเลยรวบรวมความกล้าเข้าไปพบอาจารย์เพ่ือขอดูคะแนน
อาจารย์ก็ดีใจหาย รีบเปิดลิน้ ชักตู้เก็บเอกสาร เอาสมุดคาํ ตอบของผม
ออกมาน่ังดพู รอ้ มกันไปทีละขอ้ โดยไม่มีอิดออดเร่ืองมากใดๆ ทงั้ สิน้ และ
เม่ือพบว่าใหค้ ะแนนผมผิดจริง จึงเปลี่ยนคะแนนใหใ้ หม่ น่ีคือความโอบ
ออ้ มอารีตอ่ ลกู ศษิ ยข์ อง “ลงุ ทะเรน้ ”

แต่วันที่ไปพบอาจารน์ ั้น ผมไม่ได้บอกอาจารยน์ ะครับ ว่า
ใครลอกผม!

230 / ทศวรรษแรกชีวติ นกั ศกึ ษา มช.

อาจารยฝ์ รัง่ หรือ CIA?

โดย..กติ ตชิ ยั วฒั นานกิ ร

สําหรับอาจารย์สอนคณิ ตศาสตร์ชาวต่างชาติในระยะนั้น
นอกจากบาทหลวง Andre Gomane อาจารยป์ ระจาํ คณะมนุษยฯ์ ซ่ึงจบ
มาทางคณิตศาสตร์ (แต่ไม่รูด้ ว้ ยเหตุใดจึงไปอยู่ผิดคณะ) อีกสองท่านคือ
Mr. Benjamin Batson ท่ีเราเรียกอาจารย์ Ben ชาวอเมริกัน เคยสอนท่ี
จฬุ าฯ หลงั จบจาก Harvard ต่อมาไปเรียนต่อปรญิ ญาโทและกลบั มาสอน
ท่ี มช. อีกท่านคือ Mr. Ian Murdoch ท่ีเราเรียกอาจารย์ Murdoch ซ่ึงจบ
จาก Oxford

พจิ ารณาจากการเรยี กช่อื จะสงั เกตไดว้ า่ ในระยะนนั้ เราคนุ้ เคยกบั
อาจารย์ Ben มากกว่า ส่วนหน่ึงเพราะอาจารย์ชอบไปด่ืมเบียร์กับ
นกั ศึกษาโดยเฉพาะมณฑล คงกระจา่ ง ธงชยั ศรชยั ยืน ววิ ฒั น์ ตียาสนุ ทรา
นนท์ และผมเองในบางโอกาส

ส่วนอาจารย์ Murdoch เป็นผู้ดีอังกฤษท่ีเจา้ ระเบียบ เวลาสอน
หนงั สืออาจารยจ์ ะทนไม่ไดก้ บั เสียงรบกวน โดยเฉพาะเสียงมอเตอรไ์ ซคท์ ่ี
จอดกนั เต็มพรืดรมิ ถนนใตห้ อ้ งเลคเชอรต์ กึ ฟิ สกิ ส์ เม่ือไหรเ่ สียงดงั ขณะสอน
หนังสือจะหงุดหงิดมากก.. เดินกลบั ไปกลบั มา หนา้ ตาแดงก่าํ บ่นพึมพาํ
(ซ่ึงไม่รูว้ ่าหลุดคําผรุสวาทอะไรออกมาบ้าง ฟังไม่ออก! เพราะบ่นเป็ น
ภาษาองั กฤษ)

วิธีสอนของอาจารยส์ องท่านนีแ้ ตกต่างกันชัดเจน อาจารย์ Ben
เขา้ มาเขียนกระดานอย่างเดียวตลอดช่วั โมง และใหก้ ารบา้ นทกุ ครง้ั เม่ือจบ

ทศวรรษแรกชวี ติ นกั ศกึ ษา มช. / 231

ช่ัวโมงสอน ส่วนอาจารย์ Murdoch พยายามอธิบายอย่างละเอียดใน
หอ้ งเรยี น มีเขียนกระดานบา้ งแตไ่ ม่ปะตดิ ปะต่อ

แถมเขียนๆ ลบๆ และแทนท่ีจะลบโดยแปรงลบกระดาน บณั ฑิต
อ๊อกฟอรด์ ท่านนีก้ ลบั ประณีตมาก ใชน้ ิว้ จิม้ นาํ้ ลายแลว้ ค่อยๆ ถไู ปท่ีคาํ ผิด
ส่วนแปรงลบกระดานนัน้ เอาไวโ้ ยน (จริงๆ คือขวา้ ง) ใส่นักศึกษา ท่ีชอบ
ตาเหม่อลอยออกไปนอกหอ้ งขณะสอน

ตาํ นานของอาจาย์ Murdoch ถา้ จะใหอ้ อกรสตอ้ งใหน้ ักศึกษารุ่น
10 ฟิ สิกส-์ คณิตศาสตร์ เช่น ดร.สงั วาลย์ ดวงไทย ดร.ก่ิงแกว้ ศิริวิทยากร
หรือ นิรชราพร สมัยศรีวฒั นากูล เล่าใหฟ้ ัง เพราะรุ่นนีห้ ลายคนเรียนกับ
อาจารยเ์ กือบทกุ วนั เช่ือวา่ ในวนั เลีย้ งสง่ อาจารย์ สาวๆ นกั ศกึ ษาหลายคน
คงนกึ ถึงเพลงฮิตติดชารต์ สมยั นนั้ อยใู่ นใจ “To sir, with love”

อาจารย์ Murdoch กลับไปทําปริญญาเอกต่อท่ีสหรัฐอเมริกา
ต่อมาไปสอนท่ีมหาวิทยาลยั สแตรทไคลด์ (Strathclyde) ในสก๊อตแลนด์
จนขึน้ เป็นศาสตราจารยท์ ่ีน่ัน ปัจจุบันเกษียณอายุแล้วและพํานักอยู่ท่ี
กลาสโกว์ กลายมาเป็นคนแก่ใจดีไม่ขีห้ งุดหงิดเหมือนสมัยหนุ่มๆ (ที่รู้
เพราะผมมกั ไปเยยี่ มอาจารยเ์ สมอ เมอื่ กลบั ไปสก๊อตแลนด)์

สาํ หรบั อาจารย์ Ben นั้นส่ิงหน่ึงท่ีจาํ ได้ไม่ลืมคือเวลาไปน่ังด่ืม
เบียรก์ บั อาจารย์ มกั ชวนคุยเรื่องเมืองไทย คยุ ไม่คยุ เปล่าเหมือนฝร่งั ท่ัวไป
แตช่ อบถามแบบวิเคราะหเ์ จาะลกึ ชนิดท่บี างครงั้ เราเองกไ็ ม่รู้ และดจู ะเป็น
คาํ ถามท่ีหมิ่นเหม่ชวนสงสยั แถมอาจารยย์ งั ชอบซอกแซกไปตามจงั หวดั
ต่างๆ จนทาํ ใหพ้ วกเราซุบซิบกนั ว่า อาจารยค์ งเป็น CIA ปลอมตวั มา

อาจารย์ Ben สอนหนงั สืออยรู่ าวปีเศษก่อนลาออก ภายหลงั

232 / ทศวรรษแรกชีวติ นกั ศกึ ษา มช.
อาจารยฝ์ ร่ังกบั นศ.รหสั 09-10 ยกเว้นรูปสุดท้าย วฑิ รู ย์ วงษเ์ กษม รหสั 11

ทศวรรษแรกชวี ติ นกั ศกึ ษา มช. / 233

ทราบว่าไดเ้ บนเข็มไปศึกษาต่อดา้ นประวตั ิศาสตรไ์ ทยท่ีมหาวิทยาลยั ใน
สหรฐั อเมริกาและออสเตรเลีย จนมีผลงานตีพิมพห์ ลายชิน้ เช่น เรื่องของ
“กุหลาบ สายประดิษฐ์” นกั เคลื่อนไหวทางการเมืองฝ่ ายซา้ ยคนสาํ คญั ใน
อดีต จนภายหลงั ตอ้ งลภี้ ยั ไปอยสู่ าธารณรฐั ประชาชนจีน

ดังน้ันข้อสงสัยของพวกเราเก่ียวกับพฤติกรรม CIA ของ
อาจารย์สมัยอยู่เชียงใหม่จึงมีคําตอบ.. แต่เป็ นที่น่าเสียใจว่า
อาจารย์ Ben ต้องจบชีวิตอย่างกระทันหันและโดดเด่ียวที่สิงคโปร์
เมือ่ มกราคม พ.ศ. 2539 ขณะอายเุ พยี ง 53 ปี

234 / ทศวรรษแรกชีวติ นกั ศกึ ษา มช.

เล่นหล่วิ ค�วิ แขง่ กบั เลคเชอรอ์ าจารย์สุข

โดย..เอนก กมิ สวุ รรณ

ดชู ่ือแลว้ ทาํ ใหน้ ึกถึงคาํ ว่า หลิ่วตา คือ หรต่ี า แต่ คิว้ จะหลิ่วไดห้ รือ
ท่านอย่าเข้าใจผิดคิดว่าเป็นคาํ ไทย ความจริงมันเป็นช่ือเกมชนิดหน่ึง
โดยท่ัวไปจะเรียกช่ือง่ายๆ ว่า เลี๊ยบตุ่ย ในภาษาจีนคาํ ว่า หล่ิวคิว้ จะ
แปลว่าอะไรผมก็ไม่ทราบ แต่ เลีย๊ บต่ยุ มีความหมายว่า เลี๊ยบ = เด่ียว ตุ่ย
= คู่

สมัยนายกสโมสรคณะมนุษย์ สมเดช ซิงค์ (08) งบของสโมสร
คณะฯ เร่มิ เป็นชิน้ เป็นอนั ซ่งึ หมายความว่า เรม่ิ มีความชดั เจนว่า สว่ นไหน
สาํ หรบั กีฬาหรือชมรมใด พ่ีสมเดชแต่งตงั้ ให้ วิศิษฎ์ คตุ ติกลุ (10) ดแู ลและ
จดั หาหมากฮอส หมากรุก มาไวใ้ หน้ กั ศกึ ษาไดเ้ ลน่ ในยามว่าง เป็นการเปิด
โอกาสใหน้ ักศึกษาในคณะไดม้ ีปฏิสัมพันธ์กันมากขึน้ วิศิษฎซ์ ่ึงไม่ถนัด
เรื่องหมากไทย หมากฝร่งั แต่ถนัดหมากจีนเป็นท่ีสดุ เพราะมาจากชุมชน
กาดลาํ ไยท่ีเป็นลูกหลานจีนเกือบทุกหลังคาเรือนและเล่นหมากจีนเป็น
กิจวัตร หมากรุกจีนหรือหล่ิวคิว้ หรือเลี๊ยบตุ่ยจึงถือกาํ เนิดในช่วงนั้นโดย
อาศยั บรเิ วณเนือ้ ท่ีหนา้ หอ้ งเลคเชอร์ (โรงละคร) เป็นเวทีประลองฝีมอื

หล่ิวคิว้ เล่นได้ 2 แบบ เลน่ แบบหมากรุกคือตอ้ งใชก้ ระดานสาํ หรบั
เดิน เล่นได้ 2 คน และเล่นแบบไพ่คือคลา้ ยโปกเกอร์ เล่นไดต้ งั้ แต่ 2-4 คน
นักศึกษากลุ่มแรกท่ีเล่นกัน นอกจาก วิศิษฎแ์ ลว้ ยังมีสมชาย (09) กมล
(09) และผมเป็นขาประจาํ ไม่นานนักจาํ นวนนักศึกษาท่ีสนใจก็เพิ่มขึน้

ทศวรรษแรกชวี ติ นกั ศกึ ษา มช. / 235

บางวงมีครบ 3 รุ่น คือ 09-11 รุ่นน้องรหัส 11 ท่ีเขา้ มาร่วมเล่นดว้ ยในวง
ของผมเท่าท่จี าํ ไดค้ อื อนทุ ิน (โตง้ ) ยวุ บรู ณ์ (แป๊ ะ) และสรุ พงษ์ (หนใู หญ่)

จากการเล่นเอาสนกุ เร่มิ เปล่ียนเป็นเล่นพนนั จากการเล่นแบบใช้
ความคิดท่ีตอ้ งอาศยั ความสงบเปลี่ยนไปเป็นเสียงพดู เกทบั เสียงเฮเม่ือได้
กินคนอ่ืน เสียงโวยวายเม่ือสูญเสีย เสียงฟาดโต๊ะดว้ ยตัวหมากเม่ือสะใจ
และเสียงหัวเราะของสมชาย ซ่ึงเลียนแบบมาจากนักพากยต์ ัวโกงในหนัง
กาํ ลงั ภายในของโรงภาพยนตรช์ นิ ทศั นีย์

แลว้ วนั เวลาก็พามาถึงวนั วงพนันแตก ไม่ใช่เพราะการทะเลาะชก
ต่อยหรือวิ่งหนีตาํ รวจ แต่เกิดจากการท่ีอาจารยท์ ่ีเลคเชอรใ์ นหอ้ งโรงละคร
เสียงดังสเู้ สียงนกั พนนั หนา้ หอ้ งไม่ได้ เม่ือสอนต่อไปไม่ไหวเพราะเด็กท่ีน่งั
หลงั หอ้ งไม่ไดย้ นิ อาจารย์ ดราม่าจงึ เกิด

อาจารยท์ ่ีเดินจากหอ้ งเลคเชอรม์ าจดั การกบั นกั พนนั ก็ไม่ใช่ใครท่ี
ไหน คือ อาจารยส์ ขุ เดชชยั ซ่ึงปกติเป็นคนเสียงดงั ฟังชดั แต่วนั นนั้ สเู้ สียง
นกั พนนั ไมไ่ ด้

คาดว่านกั ศึกษา 4-5 รุ่นแรกคงยังนึกภาพอาจารยส์ ุขในเวลานัน้
ไดด้ ี อาจารยม์ ีรูปร่างสนั ทดั ไม่เล็กไม่ใหญ่ แต่เสียงของอาจารยด์ งั ราวฟ้า
สะท้าน ชนิดไม่ต้องพ่ึงไมโครโฟน เสียงอันทรงพลังนั้นมาจากการท่ี
อาจารยเ์ ป็นนกั กีฬาน่นั เอง อาจารยส์ นใจกีฬาหลากหลาย กีฬาท่ีชอบและ
เลน่ เป็นประจาํ แทบทุกเย็นคือเทนนิส บ่อยครง้ั พวกเราจะเห็นอาจารยเ์ ป็น
โคช้ บา้ งเป็นกรรมการบา้ ง ดงั นนั้ การท่ีตอ้ งใชเ้ สียงดงั เพ่ือกาํ กบั การเล่นจึง
เป็นเรอ่ื งธรรมชาติของอาจารย์ ท่ีทกุ คนคนุ้ เคยดี

236 / ทศวรรษแรกชีวิตนกั ศกึ ษา มช.

ดว้ ยความท่ีอาจารย์สุขเป็นนักกีฬาตัวยง และบ่อยครงั้ ตอ้ งเป็น
โคช้ หรือกรรมการกีฬาใหก้ บั นกั ศึกษา จึงเขา้ กับบรรดานักศึกษาไดด้ ีเป็น
พิเศษ ทาํ ใหไ้ ดร้ บั มอบหมายหนา้ ท่ีอาจารยท์ ่ีปรกึ ษาของสโมสรนักศึกษา
ทั้งระดับคณะและมหาวิทยาอยู่เป็นประจําในช่วงสิบปี แรกของ มช.
อาจารยจ์ งึ สนทิ สนมกบั บรรดานกั ศกึ ษา พดู จาหยอกลอ้ กนั ได้

แต่วันนั้น วันท่ีอาจารยเ์ ดินออกจากหอ้ งเลคเชอรข์ ณะยังไม่จบ
ช่วั โมงสอน ตามมาดว้ ยคาํ พดู เสียงดังฟังชดั เอ่ยช่ือนกั พนนั แต่ละคนแบบ
เน้นๆ ได้อย่างแม่นยํา พวกเรารูท้ ันที คราวนี้ไม่ใช่หยอกกันแน่ แต่จะ
ตามมาดว้ ยอบุ ตั ิภยั หากยงั ตะโกนเกทบั ปลฟั แหลกเลน่ กนั ต่อ

ทกุ คนหยดุ น่ิงอย่กู บั ท่ี ไม่มแี มแ้ ต่คนเดียวท่ีกลา้ ลกุ หนี จากนนั้ ก็ได้
เวลาน่ังรบั ฟังคาํ อบรมส่ังสอนจากอาจารยโ์ ดยสงบเสงียม อาการนักเลง
หวั ไมก้ อ่ นหนา้ นนั้ หายไปราวกบั เป็นคนละกลมุ่

เม่ืออาจารยก์ ลับเข้าไปสอนต่อ พวกเราต่างคนต่างค่อยๆ
แยกย้ายกันไป พืน้ ท่ีตรงนั้นกลับกลายเป็ นที่เงียบสงบจนดูน่าเบื่อ
ไร้ชีวติ ชีวาไปนานเลยทเี ดียว

ทศวรรษแรกชีวติ นกั ศกึ ษา มช. / 237

ผู้กองทองอุณห์.. ครูฝึ ก รด.

โดย..เอนก กมิ สวุ รรณ

นักศึกษาชายท่ีเรียน รด. ทุกคนคงจาํ ผูก้ อง ทองอุณห์ เจริญสม
ไดเ้ ป็นอย่างดี เพราะผูก้ องเป็นหวั หนา้ ครูฝึกท่ีเขม้ งวดสุดๆ ผมขอเอาบาง
ชว่ งบางตอนมาเลา่ ใหฟ้ ัง

ผูก้ องทองอุณห์ มีบุคลิกพิเศษ คือ ดุดัน ละเอียด แกมตลก (ใน
บางโอกาส) ระหว่างการสอนผูก้ องจะมีวลีเด็ดท่ีพูดทีไรพวกเราจะต้อง
หวั เราะกนั น่นั คือ

“เวลาเรียนหลับ เวลาฝึ กหลบ พอเข้าสนามรบ เปรีย้ ง เข้าที่
หนา้ ผาก กน็ กึ ขนึ้ ไดว้ า่ เออจริง ว่าแลว้ ก็คอพบั ไป”
และหากทาํ อะไรขดั หูขดั ตา มกั ไดย้ ินประโยคเด็ดๆ ท่ีดดุ นั จากผกู้ อง เช่นท่ี
สรุ พงษ์ เลศิ ทศั นีย์ (09) จาํ ไดแ้ ม่น เพราะเป็นคนกรุงเทพฯ
“ทนี่ เี่ ชียงใหม่ ไมใ่ ช่กรุงเทพฯ“
การฝึกความอดทนของผูก้ องคือ ส่งั ใหพ้ วกเราเล็งปืน ปลยบ 88
(ช่ือเต็ม ปืนเล็กยาวบรรจเุ องแบบ 88) แลว้ ผูก้ องก็เดินตรวจแถว เน่ืองจาก
นาํ้ หนักของปืนรุ่นนีน้ ่าจะอยู่ท่ี 5 กิโลกรมั ทาํ ให้หลายคนเกิดอาการลา้
แลว้ ปลายปืนก็ค่อยๆ ต่าํ ลงๆ ผูก้ องจะตวาดใหย้ กเล็งตรงๆ จนพวกเรา
เม่ือยจนสดุ จะทน
ผมได้มีโอกาสเจอผูก้ องบนรถไฟเชียงใหม่-กรุงเทพ ประมาณปี
2530 ซ่ึงผมไม่เช่ือว่า ผู้กองจะจําผมได้เพราะฝึกภาคสนาม รด. คร้ัง

238 / ทศวรรษแรกชีวติ นกั ศกึ ษา มช.

สดุ ทา้ ยเม่ือเมษายน 2512 และผมเป็นคนท่ไี ม่มอี ะไรเป็นท่ีนา่ จดจาํ ไม่เคย
ทาํ ผดิ ไมไ่ ดเ้ ป็นหวั หนา้ หรือมีตาํ แหนง่ ระหว่างการฝึก

ผู้กองเดินไปมาในรถไฟ แล้วจอ้ งมาท่ีผมพรอ้ มพยักหน้านิดๆ
แสดงว่า ผูก้ องจาํ ผมได้ ซ่งึ เป็นเรื่องไม่น่าเช่ือ ผมจึงยกมือไหวแ้ ลว้ ผูก้ องก็
มาน่ังคุยดว้ ย ผมก็เพิ่งรูต้ อนนั้นว่า ผู้กองไดโ้ อนจากทหารไปเป็นตาํ รวจ
ตระเวนชายแดน ไดร้ บั มอบหนา้ ท่ีสาํ คญั จากพลเอกเปรม ติณสลู านนทใ์ ห้
เป็นผูบ้ ญั ชาการในการรบกับกองกาํ ลงั ขุนส่า ซ่ึงมีโรงงานผลิตยาเสพติด
และมีกองกาํ ลังติดอาวุธท่ีบ้านหินแตก อ.แม่จัน จังหวัดเชียงราย จน
สามารถขบั ไล่กองกาํ ลังดงั กล่าวออกไปจากประเทศไทยไดใ้ นท่ีสุด สรา้ ง
เกียรตปิ ระวตั ไิ วใ้ หแ้ ก่ตาํ รวจตระเวณขายแดน

ปัจจุบนั ไดม้ ีการสรา้ งอนุสาวรียห์ ินแตกไวท้ ่ีอาํ เภอเมืองตาก เพ่ือ
ย้อนราํ ลึกสดุดีวีรกรรมในครั้งนั้น และมีการบวงสรวงทุกปีในวันท่ี 20
มกราคม

ทศวรรษแรกชวี ติ นกั ศกึ ษา มช. / 239

บนั ทึกประวัติศาสตร์

240 / ทศวรรษแรกชีวติ นกั ศกึ ษา มช.

นกั ศึกษาภาคสมทบ..รุ่นแรกและรุ่นเดยี ว

โดย..วชั ระ ตนั ตรานนท์

มีเหตุการณห์ นึ่งก่อนงานวนั รบั นอ้ งใหม่ในปี พ.ศ. 2512 ท่ีควรจะ
ได้รบั การบันทึกไว้ เรื่องมีอยู่ว่าก่อนงานครงั้ นั้น ได้มีเค้าลางว่าจะเกิด
ปัญหากระทบกระท่ังของนกั ศึกษาชนั้ ปีท่ีหนึ่ง ระหว่างนักศึกษาภาคปกติ
และนักศึกษาภาคสมทบท่ีรบั เขา้ มาภายหลัง ซ่ึงการรบั เขา้ ลกั ษณะนีไ้ ม่
เคยมีปรากฏมาก่อนในมหาวทิ ยาลยั เชยี งใหม่

ผมในฐานะนายกสโมสรนักศึกษาคณะสังคมศาสตร์ จึงได้ขอ
อนุญาตเขา้ พบท่านคณบดีคณะสงั คมศาสตร์ ดร.นิพนธ์ ศศิธร และท่าน
อธิการบดี ศ.ดร.บวั เรศ คาํ ทอง เพ่ือเรียนถามถึงเหตผุ ลในการรบั นกั ศึกษา
ภาคสมทบดังกล่าว ซ่ึงก็ไดร้ บั คาํ ตอบจากทางผูบ้ ริหารว่า มหาวิทยาลยั มี
ความจําเป็ นในการหางบประมาณเพิ่มเติมจึงได้เสนอเร่ืองไปทาง
สว่ นกลาง แต่กไ็ ดร้ บั คาํ ตอบกลบั มาว่าหากตอ้ งการงบประมาณเพ่ิม ก็ตอ้ ง
รบั นกั ศกึ ษาเพิ่มขึน้ นอกเหนือจากท่ีรบั ไปแลว้ จึงเป็นเหตใุ หจ้ าํ เป็นตอ้ งรบั
นักศึกษาเพ่ิมเข้ามาในภายหลัง โดยรัฐบาลได้จ่ายเงินอุดหนุนให้กับ
มหาวิทยาลยั เป็นรายหวั ต่อนกั ศกึ ษาท่ีรบั เขา้ ใหม่

ดังนั้น ใน ปี ก ารศึก ษ า 2512 จึงมี นัก ศึก ษ าเพ่ิ ม ใน ค ณ ะ
สงั คมศาสตร์ คณะมนุษยศาสตร์ และคณะวิทยาศาสตรอ์ ีกประมาณ 500
กว่าคน นอกเหนอื จากนกั ศกึ ษาภาคปกตทิ ่ีรบั เขา้ มาก่อนหนา้ นนั้ แลว้ เรียก
กนั ว่า “นกั ศึกษาภาคสมทบ” โดยเรียนในภาคค่าํ เป็นเวลาหนึ่งปี หลงั จาก
นนั้ จึงจะเขา้ เรียนกบั นกั ศกึ ษาภาคปกติ


Click to View FlipBook Version