การเรียนร้เู ชงิ ปฏบิ ัตกิ าร (Action Learning) หลกั สูตรนกั ปกครองระดบั สงู (นปส.) รนุ่ ท่ี 76
รำยงำนกำรเรยี นรู้เชิงปฏิบัติ (Action Learning)
หมบู่ ำ้ นเชงิ ดอย ตำบลสบเต๊ียะ อำเภอจอมทอง
จงั หวัดเชยี งใหม่
จดั ทำโดย
กลมุ่ ปฏบิ ตั ิกำรท่ี (กป.) 11
นำงอรณุ รัตน์ ชงิ ชนะ พัฒนำกำรจังหวัดนครรำชสีมำ
นำยบุญธรรม ถำวรทัศนกิจ ผู้อำนวยกำรสถำบนั ดำรงรำชำนภุ ำพ
นำยจกั รกฤษณ์ ฝ่งั ชลจติ ร์ นำยอำเภอดอนสกั จังหวัดสุรำษฎร์ธำนี
นำยสทิ ธำ ภู่เอย่ี ม นำยอำเภอเทพสถิต จังหวัดชัยภมู ิ
นำยยงยทุ ธ สขุ ศิริ นำยอำเภอทำ่ สองยำง จังหวดั ตำก
นำยวรวุฒิ หลำยพนู สวัสด์ิ เจ้ำพนกั งำนทีด่ ินจังหวดั กำญจนบรุ ี
นำยสงกรำนต์ ชุตธิ นธีระกลุ ผอู้ ำนวยกำรฝ่ำยวิศวกรรมและบรกิ ำร
นำยศำศวตั ภรู ภิ ัสสรกุล ผอู้ ำนวยกำรสำนักควำมปลอดภัย
นำยเศรษฐรชั ต์ เลือดสกลุ อุตสำหกรรมจังหวัดปทมุ ธำนี
นำยแสงทอง อนันตภักด์ิ ผูอ้ ำนวยกำรสำนกั ประชำสมั พันธ์ เขต 3 (เชยี งใหม)่
รำยงำนน้เี ป็นสว่ นหน่ึงของกำรศึกษำอบรมหลกั สตู รนกั ปกครองระดบั สงู (นปส.) รนุ่ ที่ 76
สถำบนั ดำรงรำชำนภุ ำพ กระทรวงมหำดไทย
พุทธศักรำช 2564
47
การเรียนรู้เชิงปฏิบัติการ (Action Learning) หลกั สูตรนักปกครองระดบั สงู (นปส.) รุ่นที่ 76
คำนำ
รายงานการเรียนรู้เชิงปฏิบัติ (Action Learning) บ้านเชิงดอย ตาบลสบเต๊ียะ อาเภอจอมทอง
จงั หวัดเชียงใหม่ เป็นการศกึ ษาเชงิ พืน้ ท่ี เพ่อื วิเคราะหแ์ ละประเมินภูมิสงั คม วถิ ชี ีวิต ความเขม้ แข็งของชุมชน
การพัฒนาขีดความสามารถของชุมชนในการรับรู้ การบริหารจัดการชุมชน และจัดการแก้ไขปัญหาตนเอง
ของชุมชน ตลอดจนข้อเสนอแนะการพัฒนาท่ีย่ังยืนในอนาคต โดยชุมชนร่วมเรียนรู้และทาความเข้าใจกับ
ชมุ ชนเก่ียวกบั สถานการณ์ในปัจจบุ นั และแนวโนม้ การเปล่ียนแปลงใน ๒ ปีขา้ งหน้าของชุมชนท้องถน่ิ โอกาส
ตลอดจนความสามารถในการปรับตัวของชุมชน ท้ังน้ี คณะผู้ศึกษาได้รับความอนุเคราะห์ข้อมูลอันเป็น
ประโยชน์จากหมู่บ้าน คณะกรรมการหมู่บ้าน และองค์กรภายในหมู่บ้านอย่างดีย่ิง รายงานฉบับนี้จะเป็น
ประโยชน์สาหรับหมู่บา้ นรวมทั้งคณะผู้ศึกษาเองท่ีจะสามารถนาไปปรับใช้เป็นกรอบแนวคิดในการเสริมสร้าง/
พัฒนาความเข้มแข็งชมุ ชน ภายใตก้ ารสนบั สนุนของหน่วยงานภาครัฐ โดยความร่วมมอื ของภาคประชาชน ภาค
วชิ าการ ตลอดจนภาคประชาสงั คมตอ่ ไป
คณะผจู้ ัดทำ
นกั ศกึ ษำหลกั สูตรนักปกครองระดับสงู รุ่นท่ี ๗๖
กล่มุ ปฏิบัติกำรท่ี (กป.) ๑๑
48
การเรียนรเู้ ชิงปฏบิ ตั ิการ (Action Learning) หลกั สูตรนกั ปกครองระดับสูง (นปส.) รุ่นท่ี 76
สว่ นที่ ๑ กรอบกำรเรยี นรู้ดว้ ยกำรลงมือปฏิบตั ิ เพอื่ เข้ำใจ เขำ้ ถงึ วถิ ีชีวิตชมุ ชน
บำ้ นเชงิ ดอย ตำบลสบเต๊ยี ะ อำเภอจอมทอง จังหวัดเชียงใหม่
๑.๑ กำรศกึ ษำเรียนรู้ภมู ิสงั คมและวิถีชวี ิตของชมุ ชน
๑.๑.๑ ประวตั หิ มบู่ ้ำนเชิงดอย
คำขวญั ของหมู่บ้ำน
ทิวเขางามล้า แมน่ า้ สองสาย
พระปางองค์องค์ใหญ่ ม๋วนใจอ๋ ุทยานธรรม
นอ้ มนาความพอเพียง
“หมู่บ้านเชิงดอย” เดิมมีช่ือเรียกว่า “บ้านโมคคัลลาน” ซึ่งตั้งช่ือเรียกตามพุทธประวัติล้านนา และ
ตานานพระบรมธาตุจอมทอง (ฉบับพิมพค์ ร้งั ที่ ๖ พ.ศ. ๒๔๙๖) กล่าวถึงเมอื่ ครงั้ ในสมัยพุทธกาล สมเด็จพระ
สัมมาสัมพทุ ธเจา้ ได้ทรงสง่ พระโมคคลั ลานอัครสาวกมาโปรดพญาอังครฐั เจ้าเมืองจอมทอง ผทู้ รงศรัทธานับถือ
เลื่อมใสและประสงค์ที่จะทอดพระเนตรเห็นพระบรมศาสดายง่ิ นัก พระโมคคัลลานได้เสด็จมาพร้อมกบั สาวก
อกี ๔ รปู โดยการเหาะเหินมาทางอากาศ และได้แสดงธรรมแกพ่ ญาอังครฐั ก่อนท่ีพระสมเดจ็ พระสัมมาสัมพุทธ
เจา้ จะเสด็จมาในภายหลัง พระโมคคลั ลานได้แสดงอทิ ธฤิ ทธเิ์ หาะเหนิ เดนิ อากาศเหยยี บเล่นตรงยอดดอยต่าง ๆ จึง
ไดม้ ีการเรียกขานช่ือดอยนี้วา่ ดอยโมคคลั ลาน กอ่ นจะเหาะลงตรงดอยจอมทองซง่ึ อยู่ทางทิศใต้ของเมืองจอมทอง
อาณาเขตบริเวณจากเหนือจรดใต้ของดอยโมคคัลลาน ยาวประมาณ ๑.๕ กิโลเมตร กว้างประมาณ ๑ กิโลเมตร อัน
เป็นที่ต้งั ของหมู่บ้านโมคคัลลานหรอื บ้านเชิงดอยในปจั จุบนั
ต่อมาเมื่อประมาณ ๑๐๐ กว่าปีล่วงมา ได้มพี ระธุดงค์จากภาคตะวันออกนาม หลวงปูแ่ กว้ สทุ โธ ได้มาจา
ศลี ปฏิบตั ธิ รรมทด่ี อยโมคคัลลาน และได้นิมิตเห็นพระโมคคัลลานเถระเจ้าไดม้ านั่งปฏิบตั ิธรรมอยู่ ณ ดอยแห่ง
นี้ จึงได้สร้างพระธาตุโมคคัลลานข้ึนโดยการสนับสนุนของทหารอากาศดอยอินทนนท์ และศรัทธาสาธุชน
ชาวบ้านโมคคัลลานและใกล้เคียง และเนื่องจากบ้านเรือนของชาวบ้านกับพระธาตุโมคคัลลานอยู่ห่างกัน
ประมาณสองกโิ ลเมตร การไปทาบญุ ปฏบิ ตั ิธรรมเปน็ ไปดว้ ยความยากลาบากมาก ชาวบ้านจงึ ไดร้ ่วมกันสรา้ งวดั
ใหม่ชื่อ “วัดโมคัลลาน” (หนองเตา) และได้รบั วิสุงคามสีมา ประกาศเปน็ วัดโมคคัลลาน (หนองเตา) ห่างจาก
พระธาตุโมคคัลลานลงมาที่เชิงเขา มีหนองน้าขนาดใหญ่ชื่อ หนองเตา ใกล้กับลาน้าแม่กลาง ต่อมาในปี พ.ศ.
๒๕๑๖ เกิดฝนตกหนัก น้าได้ไหลเข้าท่วมวัดโมคคัลลาน (หนองเตา) เป็นเวลานานหลายเดือน พระสงฆ์อยอู่ ยา่ ง
ยากลาบากเน่ืองจากชาวบ้านไมส่ ามารถไปทาบุญและดูแลวัดได้จงึ ได้มีชาวบา้ นผู้ใจบุญร่วมกันบริจาคทีส่ ร้างวัด
ข้ึนใหม่อยู่ในหมู่บ้านซึ่งตอนน้ันมอี ยู่เพียงไม่ก่ีครัวเรือน และหลังจากเหตุการณ์น้าท่วมใหญ่ ชาวบ้านได้มีการ
อพยพจากท่ตี ้ังบา้ นเรอื นตดิ น้า (บา้ นลอ้ ง) ข้นึ มาอยู่ใกล้กับวดั มากขนึ้ และเรยี งตัวโอบรอบดอยโมคคัลลาน โดยมี
ผนู้ าหมบู่ ้านท่สี บื ทอดการปกครองหมูบ่ ้านมาหลายคน ตั้งแต่ พอ่ หลวงหนานกอ๋ ง บญุ มาปะ พ่อหลวงเผือก ตยุ้
ตามพันธ์ พอ่ หลวงจัน๋ ตุย้ ตามพนั ธ์ พอ่ หลวงนอ้ ยอ่นุ ทาระนดั และได้เปลยี่ นช่อื หมบู่ า้ นจาก “บ้านโมคคลั ลาน”
มาเปน็ “หมู่บา้ นเชิงดอย” ในสมัยของพอ่ หลวงน้อยผดั ผู้ใหญ่บ้านคนต่อมาช่ือนายอ้าย ยานะโส ได้รับเลือก
เป็นผใู้ หญ่บา้ นต้งั แต่ พ.ศ. ๒๕๑๘ และได้ลาออกเมื่อปี พ.ศ. ๒๕๔๕ นายสุรพล มังยะสุ ได้เป็นผู้ใหญบ่ า้ นตั้งแต่
เดือนเมษายน พ.ศ. ๒๕๔๕ หมดวาระเมอ่ื ๑๐ เมษายน พ.ศ. ๒๕๕๕ นางสาวทัญกานร์ ยานะโส ได้รับเลือกเป็น
ผู้ใหญบ่ า้ นตัง้ แต่วนั ท่ี ๑๑ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๕๕๕ และเปน็ ผ้ใู หญบ่ ้านคนปัจจุบัน
49
การเรียนรู้เชิงปฏิบตั กิ าร (Action Learning) หลกั สตู รนกั ปกครองระดับสงู (นปส.) รนุ่ ท่ี 76
๑.๑.๒ สภำพทั่วไปของหมู่บ้ำน
บา้ นเชิงดอย หมู่ที่ ๓ ตาบลสบเต๊ยี ะ อาเภอจอมทอง จงั หวดั เชียงใหม่ มเี นื้อท่ปี ระมาณ ๖๒๐ ไร่ แบง่ เปน็
ท่ีอยู่อาศัย ๒๕๐ ไร่ ที่ดินสาหรบั ทากินประมาณ ๕๕๐ ไร่ ห่างจากตัวอาเภอจอมทองไปทางทิศใต้ ตามถนนสาย
เชียงใหม่ – ฮอด (๑๐๘) ประมาณ ๔ กิโลเมตร
ทิศเหนอื ติดกบั หมบู่ า้ นสบเต๊ียะ หมู่ ๑ และบา้ นเด่นตะวันใต้ หมู่ ๒๐
ทศิ ใต้ ติดต่อบา้ นแทน่ ดอกไม้ หมู่ ๖ และอุทยานแห่งชาติออบหลวง
ทศิ ตะวันออก ตดิ ตอ่ กับลาน้าแมก่ ลางและบ้านทุง่ หมากหน่มุ หมู่ ๕
ทิศตะวันตก ตดิ ต่อกับอุทยานแห่งชาตอิ อบหลวง และบา้ นทุง่ ปูน หมู่ ๑๐
อกี ทัง้ ยงั ไดด้ ูแลป่าชุมชนเน้ือทปี่ ระมาณ ๕๐๐ ไร่ ดูแลปา่ ของเขตอุทยานแหง่ ชาติออบหลวง ประมาณ ๑,๓๐๐
ไร่
๑.๑.๓ ลกั ษณะภูมิประเทศ
หมูบ่ ้านเชงิ ดอยมลี ักษณะภมู ิประเทศเปน็ พน้ื ทร่ี าบสลับกบั ภเู ขา ทตี่ ้ังของหม่บู ้านคอ่ นขา้ งลาดชนั ราษฎร
ปลูกบา้ นเป็นลกั ษณะข้นั บันไดเรียงรายขึน้ ไปตามเชิงเขา (ดอยโมคคัลลาน) สว่ นดา้ นทศิ เหนือเป็นทุง่ นาและมี
แมน่ า้ แม่กลางไหลผ่าน ซง่ึ เป็นแม่นา้ สายสาคญั ที่ชาวบ้านได้ใชป้ ระโยชน์ในการเกษตรและอุปโภค นอกจากน้นั
ทางด้านทิศตะวันตกยังติดกับลาน้าแม่เต๊ียะซงึ่ เปน็ แม่น้าสายสาคัญอีกเช่นกัน เน่ืองจากชาวบ้านได้ใช้ลาน้า
ดงั กลา่ วผลติ นา้ ประปาสาหรบั ใช้ในหมบู่ ้านและใช้สาหรบั ทาการเกษตร โดยลาน้าแมเ่ ต๊ยี ะแยกเป็นลาเหมือง
ดอยไหลผา่ นสวนลาไยซ่ึงทอดตวั ออ้ มดอยโมคคัลลานไปทางทศิ ใต้ของหมู่บ้านเชิงดอย
๑.๑.๔ ลักษณะภมู ิอำกำศ
โดยทวั่ ไปลกั ษณะภูมิอากาศจะมี ๓ ฤดหู ลัก คอื
ฤดูหนาว จะเริ่มตั้งแต่ประมาณเดือนพฤศจิกายนของทุกปีไปจนถึงประมาณปลายเดือนกุมภาพันธ์ ฤดู
หนาวอากาศจะหนาวเย็นและหนาวจดั ในช่วงเดอื นธนั วาคม
ฤดูร้อน จะเริม่ ในราวเดอื นมีนาคมของทกุ ปีและร้อนจัดในเดอื นเมษายน ฤดูร้อนอากาศจะแห้งแลง้ บางปีก็
ประสบกบั ปญั หาภัยแลง้ และปญั หาไฟปา่ ทุก ๆ ปี
ฤดูฝน จะเริ่มต้นประมาณเดือนมิถุนายน ท้ังนี้ เม่ือฝนตกหนักติดต่อกันจะทาให้เกิดปัญหาน้าท่วม
เนื่องจากอยู่ตดิ กบั แม่นา้ ถงึ สองสาย ทาให้พชื ผลทางการเกษตรของชาวบา้ นเสียหาย
๑.๑.๕ ขอ้ มลู ด้ำนประชำกร
จานวนครวั เรือนท่ีอาศัยอยจู่ ริง ๑๕๐ ครัวเรือน
ประชากร ๕๕๑ คน แบง่ เปน็ ชาย จานวน ๒๗๔ คน และหญิง จานวน ๒๗๗ คน
แบง่ เป็น หมวดหมเู่ รียกตามภาษถ่ินว่า “ปอ๊ ก” แบ่งเปน็
- ปอ๊ กบ้านนอก ๑๐๐ ครัวเรือน
- ป๊อกบ้านใหม่กลาง ๑๔ ครัวเรือน
- ปอ๊ กบ้านห้วยไข ๔๓ ครัวเรือน
มีรา้ นค้า สถานประกอบการ จานวน ๓ ราย
ประชากรนับถือศาสนาพุทธ ไมม่ ศี าสนาอ่ืน
๑.๑.๖ สภำพทำงเศรษฐกิจและรำยได้
- รายได้ภาคเกษตรเฉลี่ย ๓๐,๐๐๐ บาท / ครวั เรือน / ปี
- รายไดน้ อกภาคเกษตรเฉล่ยี ๓๕,๐๐๐ บาท / ครัวเรือน / ปี
50
การเรยี นรู้เชิงปฏบิ ตั ิการ (Action Learning) หลักสตู รนักปกครองระดบั สงู (นปส.) รนุ่ ท่ี 76
อำชพี หลกั
๑) เกษตรกรรม ทาสวนลาไยเปน็ หลกั ปลูกพืชตามฤดกู าล อาทิ ถว่ั เหลอื ง กระเทยี ม หอม
แตงกวา มะเขือเทศ ยาสบู มนั ฝร่งั
๒) รับจา้ ง
๓) คา้ ขาย
อำชีพเสรมิ
๑) ทอผา้
๒) เย็บผา้
๓) งานชา่ งกอ่ สรา้ ง
๔) งานชา่ งไม้ หรือ สลา่
๕) งานชา่ งอน่ื ๆ อาทิ จกั สาน
๑.๑.๗ ข้อมลู สภำพทวั่ ไปของหม่บู ำ้ น/ชมุ ชน
- พน้ื ทอ่ี ยอู่ าศยั ประมาณ ๒๕๐ ไร่ พืน้ ที่ทาการเกษตร ประมาณ ๕๕๐ ไร่ ทานาปีละ ๒ ครั้ง
- พื้นทีท่ านา ประมาณ ๓๐ ไร่ พน้ื ที่ทาไร่ ประมาณ ๔๐ ไร่ พ้นื ทที่ าสวน ประมาณ ๒๘๐ ไร่
- พน้ื ท่เี กษตรในเขตชลประทาน – ไร่
- ป่าชมุ ชน ๒ แห่ง คือ ปา่ ชมุ ชนเขตปา่ สงวนแห่งชาตแิ ละป่าชมุ ชนเขตอทุ ยานแหง่ ชาติออบหลวง
- แหลง่ น้าสาธารณะ ๓ แหง่
- ประปา ๒ บ่อ
- โรงเรยี นถูกยบุ รวมกับโรงเรยี นบ้านสบเต๊ยี ะ
- วดั ๑ แหง่ วัดเกา่ ๒ แห่ง สานักสงฆ์ ๑ แหง่
- หอกระจายข่าว ๑ แหง่
- ท่ีอ่านหนงั สอื ประจาหมูบ่ ้าน ๑ แห่ง
- หอประชมุ หมูบ่ ้าน ๑ แหง่
- ร้านคา้ ชมุ ชนประชารฐั กองทนุ หมู่บ้าน ๑ แห่ง
- สนามกีฬา ๑ แห่ง
- สสุ าน ต้องใช้รว่ มกับหมู่ ๒ หมู่ ๕ และหมู่ ๒๐
- แหลง่ เรียนรผู้ ้าทอมือยอ้ มสีธรรมชาติสหี นิ โมคคลั ลาน และงานหัตถกรรม ๑ แห่ง
- แหลง่ เรียนรูด้ า้ นเกษตรตามแนวพระราชดาริ ๑ แห่ง
- หนว่ ยพฒั นาอาชพี ดา้ นการทอผา้ ๑ แห่ง
- ผลติ ภัณฑ์โอทอป และกลมุ่ วสิ าหกิจชุมชน ๒ กลมุ่
51
การเรียนรู้เชิงปฏิบตั ิการ (Action Learning) หลักสูตรนักปกครองระดับสูง (นปส.) รุน่ ที่ 76
๑.1.๘ จดุ เดน่ จดุ ดอ้ ย สภำพปัญหำ และโอกำส ของหมบู่ ำ้ นเชงิ ดอย
จดุ เด่น จุดดอ้ ย สภาพปัญหา โอกาส
๑. สภาพพ้ืนทขี่ องหมบู่ ้าน - พนื้ ที่กวา้ งขวาง มีท้ัง - ในบางปี เกดิ ปญั หานา้ - สามารถพัฒนาพน้ื ท่ี
ชุมชนมที รพั ยากรทาง ป่า ภูเขา แม่น้า ทว่ มและภยั แลง้ และโบราณสถานตา่ ง ๆ
ธรรมชาติและส่งิ แวดลอ้ ม โบราณสถานหลายแหง่ - การบกุ รกุ /ลักลอบตัด ให้เป็นแหล่งท่องเที่ยวที่
ทีส่ วยงาม แต่การดแู ลรกั ษาไม่ท่ัวถงึ ไม้ ล่าสตั ว์ป่า นา่ สนใจเพื่อการสรา้ ง
- มปี า่ ชุมชน และป่าใช้ - โบราณสถานบางแหง่ โอกาสและรายได้ให้กับ
สอย ถูกท้ิงใหร้ กรา้ ง ชมุ ชนในอนาคต
- แมน่ ้าไหลผ่านสอง - มคี วามอุดมสมบรู ณ์
สาย ของอาหารการกนิ
- ประวัติความเป็นมา
ของหมบู่ ้านน่าสนใจ
- มีโบราณสถานท่ี
สาคัญ หลายแห่ง
- มพี ระนอนองค์ใหญ่ที่
เปน็ เอกลกั ษณโ์ ดดเด่น
๒. ชาวบา้ นมีความรกั - ชาวบ้านมากกวา่ รอ้ ย - ขาดแคลนบุคลากรทมี่ ี - ตอ้ งพฒั นาความรู้
สามคั คี ให้ความรว่ มมอื ละ ๗๐ สาเรจ็ การศึกษา ทกั ษะ ความรคู้ วาม ทก้ ษะฝีมอื ดา้ นตา่ ง ๆ
ในการชว่ ยเหลอื เกือ้ กลู เพียงชนั้ ประถมปีที่ ๔ ชานาญด้านตา่ ง ๆ ใหก้ ับชาวบา้ น
ซงึ่ กนั และกนั รอ้ ยละ ๑๐ สาเรจ็ - การประกอบสัมมาชพี
การศกึ ษาระดบั เป็นระดบั แรงงาน
มัธยมศกึ ษาตอนปลาย ไรท้ กั ษะ
หรือเทยี บเทา่ - การให้ความรว่ มมอื กัน
ร้อยละ ๓ สาเรจ็ การศกึ ษา เป็นเพียงความรจู้ กั มกั คุ้น
ระดบั ปรญิ ญาตรี แต่ไม่ได้ มาจากการคิด
ร้อยละ ๘ ไมไ่ ดเ้ รียน วิเคราะหผ์ ลดผี ลเสยี
หนงั สือ
๓. หตั ถกรรมและภมู ิ - ปราชญ์ชาวบ้าน/ - คนรุ่นใหมใ่ นหมบู่ า้ น - ผสู้ งู อายุไดร้ ับการดแู ล
ปัญญาทอ้ งถนิ่ ยงั เป็น ภูมิปัญญาทอ้ งถิ่น เป็น ชุมชนขาดความสนใจ สง่ เสริมใหม้ ีรายได้
อาชีพเสริมในครวั เรอื น ผูส้ งู อายุ และการมีสว่ นรว่ มใน มีงานทา อกี ทง้ั ยงั มี
ได้พออยู่พอกินอีกทัง้ การรว่ มสืบสานภูมิ ความภาคภมู ใิ จใน
ยังคงอัตลกั ษณ์ของตนไว้ ปญั ญาท้องถ่นิ ตนเอง
ให้อนชุ นรนุ่ หลัง
ตลอดจนผ้สู นใจทงั้ ชาว
ไทยและตา่ งประเทศ
ไดม้ าศึกษาเรียนรู้
52
การเรยี นรู้เชิงปฏบิ ตั กิ าร (Action Learning) หลักสตู รนกั ปกครองระดับสงู (นปส.) รุน่ ท่ี 76
จดุ เดน่ จุดด้อย สภาพปัญหา โอกาส
๔. ด้านโครงสรา้ ง - บางครวั เรือนยังไมม่ ี - ชาวบา้ นขาดแคลนนา้ - สามารถใชป้ ระโยชน์
สาธารณูปโภคพน้ื ฐาน จากโครงสรา้ งพน้ื ฐาน
ถนน ไฟฟ้า นา้ ประปา ไฟฟ้า เพ่ือการอปุ โภค บริโภค เพื่อการพฒั นาได้งา่ ย
อนิ เทอร์เนต็ การเขา้ ถึง
สะดวก - ไฟฟ้าเพื่อการเกษตรยัง ทีส่ ะอาดปลอดภัย
มีไมท่ ั่วถึง - การสญั จรและขนสง่
- ถนนคอนกรตี พืชผลทางการเกษตรยัง
เสอื่ มสภาพเปน็ หลุมเป็น ยากลาบาก
บอ่ บางเสน้ ทางยงั เป็นดนิ - ไฟฟา้ ยังมีไมเ่ พยี งพอ
ลกู รงั - อินเทอร์เน็ตชมุ ชนยัง
- น้าประปาไม่ไดม้ าตรฐาน ไม่มปี ระสทิ ธิภาพ
ทั้งบ่อประปา แหล่งน้า
ดบิ การกรองและการ
จา่ ยน้า ยังไม่ท่วั ถึง
- ยงั ไมม่ ีระบบ
อินเทอรเ์ นต็ ชุมชน
ชาวบา้ นตอ้ งจ่ายเงินเพือ่
ตดิ ต้ังใช้เอง
๑.๑.๙ วิสัยทัศน์ หมูบ่ ้ำนเชิงดอย
ยดึ มัน่ ในระบอบประชาธปิ ไตยอนั มีพระมหากษตั ริยเ์ ป็นประมุข
สงบสขุ ตามวิถเี ศรษฐกิจพอเพียง
หลีกเลยี่ งสงิ่ เสพตดิ แหล่งอบายมขุ
สงบสุขสามคั คีปรองดอง
ปกปอ้ งธรรมชาติรักษาความสะอาดสิง่ แวดลอ้ ม
นอบน้อมรกั ศักดิ์ศรีเปน็ คนดมี ีคณุ ธรรม
เชิดชวู ัฒนธรรมประเพณี
๑.๑.๑๐ พนั ธกิจ
๑) ส่งเสริมและให้ความรู้ความเข้าใจเรอ่ื งการปกครองในระบอบประชาธปิ ไตยอันมพี ระมหากษตั รยิ ์ทรงเป็น
ประมขุ และความจงรกั ภักดีต่อสถาบนั
๒) ส่งเสริมพัฒนาอาชีพ ความเป็นอยู่อย่างพอเพียงตามแนวทางปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงของ
พระบาทสมเดจ็ พระบรมชนกาธเิ บศรมหาภูมพิ ลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร
๓) รณรงค์สง่ เสริมต่อตา้ นส่งิ เสพติด และ ลด ละ เลกิ อบายมุข
๔) สรา้ งความสงบสุข สง่ เสรมิ ให้มีความรัก สามคั คปี รองดองชว่ ยเหลือเก้อื กูลกันฉนั พ่นี ้อง
๕) ทานบุ ารุงพระพทุ ธศาสนา ปลูกฝงั จิตสานึกชาวบ้านใหป้ ระพฤติปฏิบตั ิตนอยู่ในศลี ธรรมอันดงี าม
๖) ส่งเสริมให้ชาวบ้านมีสุขภาพร่างกายท่ีสมบูรณ์แข็งแรง หมู่บ้านปราศจากโรคระบาดตลอดจน
โรคติดตอ่
53
การเรียนร้เู ชิงปฏิบัตกิ าร (Action Learning) หลกั สูตรนกั ปกครองระดับสงู (นปส.) รนุ่ ที่ 76
7) ดูแลรักษาครวั เรอื นสง่ิ แวดล้อมให้สะอาดน่าอยู่ รู้จักใช้และรกั ษาทรพั ยากรธรรมชาติทีม่ ีอยู่อย่างรู้
คา่ และเหมาะสม
๑.๑.๑๑ เป้ำหมำย
๑) ชาวบ้านได้รับการพัฒนาในทุกด้าน มีความกินดีอยู่ดี รู้จักพ่ึงพาตนเอง สร้างสรรค์เศรษฐกิจใน
ครัวเรอื นและชมุ ชน โดยใช้ทรพั ยากรทีม่ ีอยูใ่ นท้องถ่นิ ผสมผสานกับภมู ิปัญญานามาสร้างรายไดท้ ี่ยั่งยนื
๒) ชาวบา้ นมีความสุขมีความปลอดภยั ในชีวติ และทรพั ยส์ ิน ยดึ หลกั แนวทางปรชั ญาของเศรษฐกจิ พอเพยี ง
มีความสขุ พ่ึงพาอาศยั กนั และกนั ยดึ ม่ันในพระพทุ ธศาสนาและหลกั ธรรมคาสอน ปฏิบัติตนเปน็ สมาชกิ ทด่ี ีใน
สังคม ชว่ ยเหลือและเสยี สละเพือ่ สว่ นรวม
๓) หม่บู ้านมีสิง่ แวดลอ้ มทด่ี ี สะอาดร่มร่ืน น่าอยู่ รจู้ กั ใชพ้ ลงั งานทดแทน
๑.๑.๑๒ ระเบียบหรอื กฎกติกำของหมูบ่ ำ้ น
๑) งดการเลยี้ งสรุ าในงานศพ
๒) หา้ มตดั ไม้ ทาลายป่า เผาป่าลา่ สัตว์ และท้งิ ขยะในเขตปา่
๓) ห้ามทิ้งขยะในทสี่ าธารณะ เช่น แมน่ า้ ลาคลอง ถนนหนทาง
๔) หา้ มจาหนา่ ยสุราเกินเวลา ๒ ทมุ่
๕) การจดั งานเพ่ือความสนุกสนานสว่ นตัว เชน่ งานวนั เกิด ไม่ควรเกนิ ๔ ทุ่ม ยกเว้นงาน แต่งงาน งานข้ึน
บ้านใหม่ งานศพ
๖) ไม่อนุญาตเปิดรา้ นเกม รา้ นอนิ เทอร์เน็ต ในเขตพ้นื ทข่ี องหม่บู า้ น
๗) ผทู้ ี่ถกู ดาเนินคดีเกี่ยวกบั ยาเสพตดิ จะถกู ตดั จากการรับเงินฌาปนกจิ สงเคราะหห์ มบู่ า้ น
๑.๑.๑๓ ประเพณีและวฒั นธรรมท่สี ำคัญ
ประเพณี ๑๒ เดือน
เดือนเกย๋ี ง คือ เดือนที่ ๑ ตามคตขิ องคนเมืองเหนอื (ประมาณกนั ยายน - ตลุ าคม)
ชาวบา้ นทาบญุ ออกพรรษา และจัดประเพณตี กั บาตรเทโวโรหนะ ณ ทางลงพระธาตุโมคคัลลานอุทยาน
พระนอน
เดอื นย่ีเปง็ (ประมาณเดือนตุลาคม - พฤศจิกายน)
ประเพณียเ่ี ป็ง กลุม่ แม่บ้านและผู้สงู อายุจะเริม่ ทาประทปี ไว้จาหนา่ ย เพ่ือสร้างรายได้ให้แกช่ มุ ชน
นกั ทอ่ งเที่ยวสามารถเรียนรูก้ ารทาประทปี รว่ มกับกลุม่ แม่บา้ นและกล่มุ ผู้สูงอายุได้
เดอื นสำม (ประมาณเดือนธันวาคม - มกราคม)
ประเพณีสรงน้าพระธาตุวดั โมคคลั ลานและสืบชะตาหลวง
เดอื นสี่ (ประมาณมกราคม-กมุ ภาพนั ธ)์
ประเพณตี านขา้ วใหม่ หลงั เก็บเก่ยี วขา้ วเสรจ็ และชาวบา้ นจะนาขา้ วใหมม่ าถวายทานทาบุญทว่ี ดั และ
ทาบุญอุทศิ ส่วนกุศลไปให้ญาติผลู้ ว่ งลับให้ไดก้ ินข้าวใหม่
เดือนหำ้ (ประมาณเดอื นกมุ ภาพันธ์ - มนี าคม)
ทาบุญเดอื นหา้ เป็ง
เดือนหก (ประมาณเดอื นมีนาคม - เมษายน)
ประเพณบี รรพชาสามเณรภาคฤดูรอ้ นของวัดโมคคลั ลาน
54
การเรียนร้เู ชิงปฏิบัติการ (Action Learning) หลักสตู รนักปกครองระดบั สูง (นปส.) ร่นุ ท่ี 76
เดอื นเจ็ด (เดือนเมษายน)
ประเพณปี ๋ใี หมเ่ มอื งเรมิ่ จัดต้ังแตว่ นั ท่ี 13 - 20 เมษายน รดนา้ ดาหัวผู้สงู อายุ พอ่ อุ๊ยแม่อุ๊ย
เดอื นแปด
พิธขี อฝน บางปฝี นแลง้ มาก ๆ ชาวบา้ นจะทาพธิ ีขอฝนท่สี บน้าแม่เตยี๊ ะ
เดอื นเกำ้ (ประมาณพฤษภาคม-มิถนุ ายน)
ประเพณีการเลี้ยงผี เซน่ ผีบรรพบรุ ุษ ปู่หม่อนย่าหมอ่ น เสือ้ บ้านเสอ้ื เมอื ง
เดอื นเกำ้ ดบั
จัดประเพณีสรงนา้ พระธาตดุ อยโมคคลั ลาน สกั การะรูปปนั้ เหมือนหลวงปแู่ ก้ว และรอยพระบาทพระโมค
คลั ลานะ ณ สานักสงฆ์โมคคัลลาน
เดือนสิบ (ประมาณเดอื น มถิ นุ ายน-สิงหาคม)
ประเพณเี ข้าพรรษา
เดือนสิบสอง (ประมาณกนั ยายน-ตลุ าคม)
ทาบุญเดือน 12 ทานสลากภตั สลากโชคทาบุญใหก้ ับญาติพ่นี อ้ งผู้ล่วงลบั
๑.๑.๑๔ แหลง่ เรยี นร้แู ละแหลง่ ทอ่ งเทีย่ วในชมุ ชน
เส้นทำงกำรท่องเที่ยวบ้ำนเชิงดอย
(๑) เส้นทางทมี่ าของวดั โมคคัลลานและศาสนสถานทส่ี าคญั ของหมู่บา้ น
ซึ่งเป็นเรื่องเล่าเก่าแก่สบื ทอดเส้นทางสายธรรมตามรอยพระมหาโมคคัลลานะ เร่ิมท่ีการเดินขึ้นบันได
นาค ๒๒๐ ขั้น ไปส่พู ระธาตุโมคคัลลาน ซ่ึงเป็นท่ีประทับรอยพระบาทของพระมหาโมคคลั ลานะอคั รสาวกของ
องค์สมเด็จพระสมั มาสมั พุทธเจ้า ศึกษาเก่ียวกับประวัติความเป็นมาของหลวงปู่แกว้ สุทโธ สหายทางธรรมของ
หลวงป่แู หวน สจุ ิณโณ ผสู้ รา้ งพระธาตโุ มคคัลลาน ชมววิ ทิวทัศนข์ องจังหวดั ลาพูนและเชียงใหม่
55
การเรียนรู้เชงิ ปฏบิ ัตกิ าร (Action Learning) หลกั สตู รนักปกครองระดับสูง (นปส.) รนุ่ ท่ี 76
(2) วัดเก่าหนองเตา (โมคลั ลานเดมิ )
ศึกษาเยยี่ มชมวิหารเก่า เร่อื งเล่าในตานานพญานาคและตาน้าผดุ
วัดเกา่ หนองเตา (วดั โมคคลั ลานเดิม) สร้างขนึ้ เน่ืองจากชาวบา้ นท่ีจะข้ึนไปทาบญุ ท่บี นพระธาตุโมคคลั
ลานต้องใช้เวลามากในการขึ้นลง ตลอดจนพระภิกษุสงฆ์ที่ต้องเดินทางไปบิณฑบาตในหมู่บ้านค่อนข้าง
ยากลาบาก จึงได้มีการสรา้ งวัดหนองเตาข้ึนมาเพ่ือใหช้ าวบ้านมาทาบญุ ได้สะดวก พระสงฆ์สามารถเดนิ ทางไป-มา
สะดวกย่ิงขึ้น ท่ีวัดแห่งนี้มีหนองน้าขนาดประมาณ ๑๐ ไร่ ชื่อว่า หนองเตา ซ่ึงมีเรอื่ งเล่าถึงถ้าศักดิส์ ทิ ธิทีอ่ ยู่ใต้
หนองเตาและพญานาคท่ีสิงสถิตในหนองนา้ แหง่ นี้ ซง่ึ มีนา้ ผดุ ขึน้ มาตามธรรมชาติ โดยทีห่ นองแหง่ นี้ไม่มีแหล่ง
น้าจากที่อื่นใดเลย ท้ังนี้ วัดเก่าหนองเตาถูกทงิ้ รา้ งเนื่องจากเม่ือปี พ.ศ. ๒๕๑๖ เกิดน้าท่วมหนักและท่วมขังวัด
หนองเตาเปน็ เวลานานหลายปี ชาวบ้านและเจ้าอาวาสในสมยั น้นั จงึ ได้ทาการย้ายวัดขึ้นมาต้ังใหม่ในหมบู่ า้ น
โดยมีผู้บรจิ าคที่ดนิ สรา้ งวดั ข้นึ มาใหม่
วัดเก่าหนองเตามีวิหารโบราณที่สวยงามซ่อนตัวอยู่หลงั ต้นไม้ใหญ่ มองไม่เห็นเม่ืออยู่ภายนอก ต้อง
เดินเขา้ ไปหลังตน้ ไม้ใหญ่เทา่ นนั้ และผูท้ ี่มาเคารพกราบไหว้มกั จะโชคดสี มปรารถนากนั ทกุ คน
ทุก ๆ ปีในเดือนเก้าเหนือ ชาวบ้านจะไปประกอบพิธีฟังธรรมโปรดเมตตาต่อทุกสรรพส่ิงที่สถิตอยู่
บริเวณวัดหนองเตา และเล้ียงเจ้าแมส่ องนางซ่ึงเป็นผู้ปกปักรกั ษาอาณาบรเิ วณดังกลา่ วไม่ให้ผู้ทที่ าผดิ คิดร้ายมา
รบกวนสถานท่ศี ักด์สิ ทิ ธ์ิแหง่ น้ี
(3) อทุ ยานพระนอน
เปน็ สถานทป่ี ระดิษฐานพระนอนปางไสยาสนอ์ งค์ใหญส่ งู 15 เมตร ยาว 80 เมตร ตั้งโดดเด่นตามแนว
เขาโมคคัลลาน นกั ท่องเที่ยวนยิ มขึ้นมาสกั การะบูชาตลอดปี โดยเฉพาะวันหยดุ และเทศกาลตา่ ง ๆ บนอุทยานแหง่
นยี้ ังมีมอ่ นขุมข้าวโบราณซงึ่ มีตานานทางประวัตศิ าสตร์เล่าขานว่า มเี มด็ ขา้ วขนาดใหญ่วางปดิ หลุมขนาดใหญไ่ ว้
ภายในมศี าสตราวธุ โบราณนับร้อยปี ต่อมาพระครนู พิ ฒั น์ ธรรมทนิ เจ้าอาวาสวดั โมคคลั ลาน ได้รับการถวายเงนิ
ให้สร้างพระธาตุม่อนขุมข้าวไว้ใกล้ ๆ กับหลุมข้าวแห่งนี้ เพื่อไว้ให้กับพุทธศาสนิกชนได้มาสักการะบูชาและ
ศึกษาประวัตศิ าสตร์
56
การเรยี นรูเ้ ชิงปฏบิ ัตกิ าร (Action Learning) หลกั สตู รนกั ปกครองระดบั สงู (นปส.) รุ่นท่ี 76
(4) จุดเยี่ยมชมไมก้ ลายเป็นหิน
เป็นบริเวณท่ีมกี ลุม่ หินชั้นลักษณะเหมอื นไม้ วางเรียงรายบนพ้นื ทป่ี ระมาณ 500 ตารางเมตรอยู่เชิง
เขาห่างจากหมู่บา้ น ประมาณ 1.5 กิโลเมตร เป็นจุดที่น่าสนใจในการศึกษาธรรมชาติของหินที่มีรปู รา่ งและ
ลักษณะเหมอื นไม้ซ่ึงอดเช่ือไมไ่ ดว้ ่าไม้กลายเปน็ หนิ
(5) สอ่ งไฟชมหนิ ย้อยภายในถ้ามะเกลือ
เที่ยวถ้ามะเกลอื ความลึกประมาณ 10 เมตร ตามผนังถ้าจะปรากฏหินย้อย สวยงามมากในช่วงฤดูฝน
การเดนิ ทางไปสูถ่ า้ มะเกลือใช้เส้นทางเดยี วกบั จุดเยี่ยมชมไม้กลายเปน็ หนิ เดนิ ทางไดอ้ ย่างสะดวกท้ังรถยนต์ รถ
จักยานยนต์ และรถจกั รยาน
(6) แหล่งเรยี นรกู้ ารยอ้ มผา้ ดว้ ยสธี รรมชาตแิ ละการทอผา้
แหล่งเรียนรู้การย้อมผ้าด้วยหินโมคคัลลาน สิ่งมหัศจรรย์เพียงแห่งเดียว นักท่องเที่ยวจะได้รับ
ประสบการณ์ดา้ นการย้อมผ้าฝา้ ยด้วยหินดินดานและสเี ปลอื กไม้อื่น ๆ ตามธรรมชาติ และจะไดฝ้ ึกเรียนรู้วถิ ีการ
ทอผา้ ซึ่งเปน็ งานหัตถกรรมดงั้ เดิมของชาวบา้ นเชงิ ดอย
57
การเรยี นร้เู ชิงปฏบิ ตั ิการ (Action Learning) หลักสูตรนักปกครองระดบั สูง (นปส.) รุ่นที่ 76
(7) แหล่งเรยี นร้กู ารจักสาน
(8) แหลง่ เรยี นรู้ด้านการเยบ็ ผ้าดว้ ยมอื (ผา้ ด้นมอื )
ผา้ เยบ็ มือเป็นภมู ิปัญญาของคนโบราณเม่อื ขณะทยี่ งั ไมม่ เี คร่ืองมอื เช่นจักรเยบ็ ผา้ เริ่มจากการดน้ การเยบ็
ตะเขบ็ ธรรมดาและเย็บไขวเ้ พิ่มความแข็งแรงของการต่อผา้ ต่อมาลวดลายดงั กลา่ วเป็นที่นิยมเนือ่ งจากมีความ
สวยงาม สรา้ งลวดลายบนผืนผา้ เป็นเอกลกั ษณ์
(9) แหลง่ เรียนร้ดู า้ นการทาเกษตรพอกิน
(10) แหล่งเรียนรู้ด้านการทาป๋ยุ หมกั ปยุ๋ น้าหมักสวนเกษตรอินทรยี แ์ ละสวนสมุนไพร
เป็นแหล่งเรียนรู้การทาปุ๋ยหมักแบบไม่พลิกกลับกอง การทาสวนเกษตรอินทรีย์เกษตรปลอดภัย
สวนเกษตรสมุนไพร และการใชส้ มนุ ไพรในการรกั ษา การเก็บรกั ษาเมลด็ พนั ธุ์
58
การเรียนรเู้ ชิงปฏบิ ัตกิ าร (Action Learning) หลกั สตู รนกั ปกครองระดบั สงู (นปส.) รุน่ ท่ี 76
๑.๑.๑๕ เกยี รติบัตรและรำงวัลทีไ่ ด้รบั
- ปี พ.ศ. ๒๕๕๘ พฒั นาหมบู่ า้ นจัดการขยะ
รบั รางวลั ZERO WASTE จากกรมสง่ เสริมคุณภาพส่งิ แวดล้อม
- ปี พ.ศ. ๒๕๕๘ – ๒๕๕๙ พฒั นาบ้านสวยเมอื งสุข
รบั รางวัลรองชนะเลศิ อันดบั ๑ จังหวดั เชียงใหม่
- ปี พ.ศ. ๒๕๕๙ พฒั นาหมบู่ ้านเศรษฐกจิ พอเพียง
รับรางวลั รองชนะเลิศอันดับ ๒ จังหวัดเชยี งใหม่
- ปี พ.ศ. ๒๕๖๐ พฒั นาหมบู่ ้านสหู่ มู่บ้านทอ่ งเท่ยี วโดยชมุ ชน CBT
- ปี พ.ศ. ๒๕๖๔ รับรางวัล บ้านสวยเมืองสุขระดบั ท่ี ๒ ของอาเภอจอมทอง
รางวัลหมูบ่ ้านปลอดไขเ้ ลือดออก ๖ ปซี อ้ น
๑.๒ กำรศึกษำเรยี นรู้ระบบกำรบริหำรจัดกำรชุมชน
๑.๒.๑ ควำมผกู พนั กบั ประวัตศิ ำสตร์ ขนบธรรมเนยี มประเพณวี ฒั นธรรม
ระบบบริหารจัดการบ้านเชิงดอย หมู่ท่ี ๓ ตาบลสบเตี๊ยะ อาเภอจอมทอง จังหวัดเชียงใหม่ จาก
ประวัติความเป็นมาของคนในชุมชนที่อยู่ร่วมกัน จะมีความละเอียดอ่อนต่อการอนุรักษ์วัฒนธรรมประเพณี
ด้ังเดิม ความเป็นอยู่ การประกอบอาชีพ ความเช่ือ และการปฏบิ ัติตามความเชื่อทางศาสนา การเขา้ ไปศกึ ษา
เกี่ยวกับระบบบรหิ ารจัดการชุมชนบา้ นเชงิ ดอย หมู่ ๓ ตาบลสบเตย๊ี ะ อาเภอจอมทอง จังหวดั เชียงใหม่ หมู่บา้ น
มคี วามเป็นมาและความผกู พนั กับประวัติศาสตร์ ความเชอื่ ตลอดจนการเคารพ มีการอนุรกั ษ์ภมู ิปญั ญาท้องถน่ิ มี
รากเหงา้ ความเป็นมาสืบทอด ตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจบุ ัน โดยเฉพาะอย่างย่ิงความผกู พนั ทางจิตวิญญาณ และความ
เชอ่ื ในพระพทุ ธศาสนาว่า พระโมคคลั ลาน เคยเหยยี บลงตรงกลางดอยโมคคลั ลาน ปรากฏเป็นรอยขนาดใหญบ่ น
หินให้เห็น จนเรียกขานช่ือดอยแห่งน้ีว่า ดอยโมคคัลลาน รวมท้ังบริเวณเชิงดอยเป็นหมู่บ้านเชิงดอยจนถึง
ปจั จุบัน
๑.๒.๒ ชุมชนยึดหลกั ควำมพอเพยี งในกำรดำเนินชวี ิตและกำรอนรุ กั ษ์ภูมิปญั ญำท้องถน่ิ
การดาเนินชีวิตของคนในหม่บู ้านชุมชน ต่างยึดหลกั การตามปรชั ญาของเศรษฐกิจพอเพียง โดยมี
ความพอเพยี ง พออย่พู อกนิ ตามวิถชี นบทไทย อีกท้ังยงั คงมีความเรยี บงา่ ยในการประกอบอาชพี การใชช้ ีวิตใน
ชุมชน มีการปลกู พชื ผกั สวนครัว เลย้ี งไก่ เลี้ยงเปด็ เพอ่ื สร้างความมน่ั คงทางด้านอาหาร ชมุ ชนอยู่ใกล้พนื้ ที่ป่า
สามารถหาของปา่ เช่น หน่อไม้ มาถนอมอาหารไว้รบั ประทาน ใช้วัฒนธรรมมาเปน็ แบบแผนชีวิตแต่ละช่วงเวลา
ประชาชนแต่ละชว่ งวยั ใชช้ ีวติ ตามวิถที สี่ อดคล้องตามช่วงวัย ต้งั แตเ่ ดก็ วัยรุ่น ผู้ใหญ่ และวยั สูงอายุ อาจมีการ
รับวัฒนธรรม วิถีความคิด ความเช่ือของสังคมเมืองเข้ามาบ้าง แต่ก็ยังสามารถรกั ษาวิถีชีวิตความพอเพียงคง
เดิมเอาไว้ได้ โดยมีกลุ่มผใู้ หญ่และผู้สงู อายุ ผู้ทรงภูมิปญั ญา ยังคงสืบสานรักษาไว้ได้อยา่ งม่ันคง เช่น ประเพณี
สบิ สองเป็ง เปน็ ต้น ในการอนรุ ักษ์ภมู ิปัญญาทอ้ งถ่ิน มีกลมุ่ ทอผ้าบา้ นเชงิ ดอยซึ่งเป็นกลุ่มท่ีอนุรักษผ์ ้าทอ เปน็
ภูมิปัญญาท้องถิ่นซึ่งเพ่ิมมูลค่าโดยการแปรรูปเป็นเสื้อผ้าสาเร็จรูป กระเป๋า ย่าม ตลอดจนได้รวบรวมและ
59
การเรียนรเู้ ชงิ ปฏบิ ตั กิ าร (Action Learning) หลักสูตรนกั ปกครองระดับสูง (นปส.) รนุ่ ท่ี 76
เรียนรู้ภูมิปัญญาด้านการทาผา้ ยกล้านนา ซึ่งชาวบ้านเชิงดอยได้ค้นคิดภูมิปญั ญาในการใช้หนิ โมคคัลลาเปน็ สี
ย้อมผ้า อันเป็นอัตลักษณ์ภูมิปัญญาท้องถิ่นเฉพาะถ่ินที่เกิดขึ้นและเป็นการสร้างมูลค่าเพิ่มของผลิตภัณฑ์
ชุมชน ก่อให้เกิดรายได้สู่ชุมชนอย่างแท้จริง ในส่วนของวัตถุดิบคือ ฝ้าย ชุมชนได้คิดท่ีจะปลูกฝ้ายเพ่อื ใช้ใน
กระบวนการตงั้ แต่ต้นทาง กลางทาง ปลายทาง ซงึ่ จะทาให้ตน้ ทุนการผลติ ลดลง รายได้เพิม่ ข้ึน
๑.2.3 กำรบริหำรจดั กำรชมุ ชนโดยผู้นำท่มี ีควำมเขม้ แขง็ องค์กรชุมชนเขม้ แข็ง ตลอดจนมคี วำมรัก
๑.2.3 ควำมสำมคั คี และควำมเออ้ื อำทรในชมุ ชน
ความร่วมมือ รว่ มแรง ร่วมใจ ของผู้นาชมุ ชน (ผ้ใู หญ่บ้าน) คณะกรรมการหมู่บ้าน องค์กรในชุมชน
มีการรวมกลุ่มกัน บริหารจัดการหมู่บ้านโดยมีการกาหนด ทิศทาง วิสัยทัศน์ การพัฒนาหมู่บ้านร่วมกัน มีการ
ประชุมปรกึ ษาหารือ โดยเฉพาะอย่างยิ่งจากผู้อาวุโส ปราชญ์ชาวบ้าน ผู้ทรงคุณวุฒิ ชาวบ้าน กลุ่มองค์กรภายใน
ชุมชน มีการรวมกล่มุ จากกลุม่ เลก็ ๆ ขยายไปสู่อุตสาหกรรมและหัตถกรรมในครัวเรือน กลุ่มทอผ้าบ้านเชงิ ดอย
จนปัจจุบันเป็นท่ีรู้จักและมีชื่อเสียงในการผลิตสินค้าผ้าฝ้ายทอมือ ที่มีเอกลักษณ์ เป็นอัตลักษณ์ของชุมชน
โดยเฉพาะอย่างย่ิงการย้อมผ้าด้วยหินธรรมชาติ กระบวนการเหล่านี้ มีความเป็นมาอย่างต่อเนื่อง ตั้งแต่เริ่มรวมกัน
อยู่เป็นหมู่บา้ น มีการตั้งผ้ใู หญ่บ้านสืบต่อมา จนถึงผู้ใหญ่บ้านคนปัจจบุ ันซ่งึ มคี วามเปน็ ผนู้ าทเ่ี ข็มแข็ง สามารถ
สร้างความรว่ มมือร่วมใจ ในการพัฒนาหมู่บา้ นใหเ้ ป็นอย่างดียิ่ง มีการแข่งขัน ผ่านกลไกสมยั ใหม่ มีการจัดต้งั
กรรมการหมบู่ า้ นแต่ละฝ่าย องค์กรภาคเี ครอื ขา่ ย อสม. กล่มุ พฒั นาสตรี กลุม่ อาชพี กองทุนหมบู่ า้ น โรงเรยี น
วดั เยาวชน ปราชญ์ชมุ ชน และผ้สู ูงอายุ
60
การเรียนรูเ้ ชิงปฏบิ ตั กิ าร (Action Learning) หลักสตู รนักปกครองระดบั สูง (นปส.) รุ่นที่ 76
โครงสร้ำงคณะกรรมกำรหมู่บำ้ นเชิงดอย หม่ทู ่ี ๓ ตำบลสบเตีย๊ ะ อำเภอจอมทอง จังหวดั เชียงใหม่
ฝ่ำยอำนวยกำร ฝ่ำยรักษำ ฝ่ำยแผนงำน ฝ่ำยสงั คม กำรศกึ ษำ
ควำมสงบ และพัฒนำหมู่บำ้ น ศำสนำและวัฒนธรรม
๑.นางสาวทญั กานร์ ยานะโส ๑.นายบญุ ป๋นั มงั ยะสุ ๑.นายอินถา ใหม่มาเมอื ง ๑.นายสมบูรณ์ รงั สี
๒. นายบญุ ป๋ัน มงั ยะสุ ๒.นายพนิ ิจ อินต๊ะจาย ๒.นายอานาย แสนสัจจะ ๒.นายอา้ ย ยานะโส
๓.นายพินจิ อินต๊ะจาย ๓.นายดวงคา บญุ มาปะ ๓.นายสว่าง หมอ่ มแกว้ ๓.นายบญุ สม กาละวิน
๔.นายอนิ ถา ใหมม่ าเมือง ๔.นายศรีนวน ยานะโส ๔.นายสาคร นันต๊ะโส ๔.นายอนิ ตา นันตะ๊ เล
๕.นายอนิ ตา นันต๊ะเล ๕.นายทบั สิงห์คา ๕.นายบุญชม ยอมวิไล ๕.นายยศ คาเวโล
๖.นายดวงคา บุญมาปะ ๖.นายบุญชม ยอมวิไล ๖.นายดวงคา บุญมาปะ ๖.นายทา มูลมาวัน
๗.นายทบั สงิ ห์คา ๗.นายบุญสมแสนสัจจะ ๗.นายสขุ สนั ต์ ปนั มาเรอื น ๗.นายบุญทา มงั ยะสุ
๘.นายศรีนวน ยานะโส และ ชรบ.ทุกนาย ๘.นายอดุ ม ใจระวงั ๘.นางสมพร นันต๊ะเล
๙.นายบญุ ชม ยอมวไิ ล ๙.นายเดช อดุ ดง ๙.นางศรลี กั ษณ์ ปนิ นะสุ
๑๐.นายบญุ ทบั มลู มาวนั ฝ่ำยสำธำรณสุข ๑๐.นายศรีนวน ยานะโส ๑๐.นางคา ตานะเปง็
๑๑.นายทา มูลมาวัน และสิง่ แวดล้อม ๑๑.นายประเสริฐ ปินนะสุ ๑๑.นางแสงคา ยานะโส
๑๒. นายประสิทธ์ ไชยวงค์ ๑๒.นายแก้ว กาละวิน ๑๒.นางไฝ จันทร์สม
๑๓.นางเหรยี ญทอง นันตะ๊ โส ๑.นางเหรยี ญทองนันต๊ะโส ๑๓.นายทับ สงิ หค์ า ๑๔๓นางคามูล วงษายะ
๑๔.นางสมพร นันต๊ะเล ๒.นางวชิ ุดา มงั ยะสุ ๑๔.นายอาทติ ย์ จันตา ๑๔.นายป๋ันแก้ว มะโนธรรม
๑๕.นางเอื้องคา กันทะถ้า ๓.นายต๋นั นันต๊ะภมู ิ ๑๕. นายณัฐวฒุ ิ กันทะสงิ ห์
๑๖.นางลดั ดาวลั ย์ ใหมใ่ จ ๔.นายบุญทา สทุ ธิะนะ ฝ่ำยเศรษฐกิจ ๑๖.นางสาวสุกญั ญา กนั ทะ
๕.นายบุญชม ยอมวไิ ล และสวสั ดิกำรชมุ ชน
๖.นายอ้วน โทะ๊ วัง
๗.นายแกว้ กาละวิน ๑.นางสาวทญั กานร์ ยานะโส
๘.นายปราโมทย์ นามเทพ ๒.นายประสทิ ธ์ิ ไชยวงค์
๙.นายสุทศั น์ ใหมใ่ จ ๓.นางสาวจุรรี ตั น์ หล่อดี
๑๐ นางวิชดุ า มงั ยะสุ ๔. นายอ้าย ยานะโส
๑๑. นางคามลู วงศายะ ๕.นายบญุ บญุ มาปะ
๑๒.นายแดง มูลคาตัน ๖.นางเอ้ืองคา กันทะถ้า
๗.นางสาวจุรรี ัตน์ หลอ่ ดี
๘.นางสาวสพุ รรณี เผ่าพงษ์
๙.นางลัดดาวลั ย์ ใหมใ่ จ
61
การเรียนรเู้ ชงิ ปฏิบัตกิ าร (Action Learning) หลกั สตู รนักปกครองระดบั สงู (นปส.) รุ่นท่ี 76
ขอ้ มลู ปรำชญช์ มุ ชนบำ้ นเชิงดอย หมทู่ ี่ ๓ ตำบลสบเต๊ยี ะ อำเภอจอมทอง จงั หวดั เชยี งใหม่
ท่ี ชอ่ื สกุล อำยุ บำ้ นเลขท่ี ปรำชญ์ชมุ ชนด้ำน หมำยเหตุ
๑. นายอนิ ตา นันต๊ะเล ๖๘ ๒/๑ การค้นหาสยี อ้ มผ้าจากธรรมชาติ
๒. นายวนั กาวิล ๗๓ ๒๑ การจักสานดว้ ยไมไ้ ผ่
๓. นายอุ่น บญุ มาปะ ๗๘ ๑๒๓ การจักสานด้วยใบตาล
๔. นายอา้ ย ยานะโส ๗๒ ๖๒ การจักสานดว้ ยไม้ไผ่
๕. นางสมพร นันต๊ะเล ๖๘ ๒/๑ การย้อมผา้
๖. นางไฝ จนั ทร์สม ๕๖ ๑๕๓ การทอผา้ การทอลายจกลา้ นนา
๗. นางแสงคา ยานะโส ๗๑ ๙๘ งานใบตอง
๘. นางจ๋ัน ทาระนดั ๗๓ ๖๙ การปั่นเสน้ ฝ้าย
๙. นายบุญ บุญมาปะ ๕๘ ๑๐๓ เลา่ เรอื่ งชุมชน ปา่ สมนุ ไพร
๑.๓ กำรศกึ ษำเรยี นรู้นโยบำยภำครัฐและผลกระทบต่อกำรพฒั นำของชุมชน
หมู่บ้านเชิงดอย เป็นหมู่บ้านขนาดเลก็ มจี านวนครัวเรือนเพียง ๑๕๐ ครัวเรือน ประชากรจานวน ๕๕๑
คน โดยรายได้ของประชากรในหมู่บา้ นมาจากภาคเกษตรเฉล่ีย ๓๐,๐๐๐ บาท / ครัวเรือน / ปี และนอกภาค
เกษตรเฉล่ีย ๓๕,๐๐๐ บาท / ครัวเรอื น / ปี ซงึ่ นบั เป็นรายไดท้ คี่ อ่ นข้างตา่ เนอ่ื งจากหมบู่ ้านมพี ื้นทีท่ าการเกษตร
เพียง ๕๕๐ ไร่ โดยแบ่งเปน็ พ้ืนที่สาหรบั ทานา ๓๐ ไร่ พ้ืนท่ที าไร่ ๔๐ ไร่ พน้ื ทท่ี าสวน ๒๘๐ ไร่ และอน่ื ๆ จานวน
ประมาณ ๒๐๐ ไร่
การส่งเสริมสนับสนุนจากภาครัฐเพ่ือการพัฒนาหมู่บ้านเชิงดอย มีทั้งในรูปแบบของรัฐคิดให้ คือ
บริหารจัดการให้ทั้งหมดทงั้ กระบวนการ และรปู แบบท่เี ปิดโอกาสให้ชาวบ้านไดร้ ่วมกนั คิด ร่วมกันตัดสินใจเพอ่ื
ดาเนนิ การตามความตอ้ งการของชาวบ้านเอง ประกอบด้วย
๑.๓.๑ โครงกำรกองทุนหมู่บ้ำน
จากการศกึ ษาข้อมูลพบวา่ แมก้ ารจัดโครงการของภาครฐั จะมเี จตนาเพอื่ ส่งเสรมิ และพฒั นาความอยดู่ ี
กินดีของชาวบ้านแตผ่ ลกระทบในระยะยาวอาจจะเป็นการเพม่ิ ปญั หาด้านอืน่ แกป่ ระชาชนได้ เชน่ กรณีโครงการ
กองทุนหมู่บ้านของบ้านเชิงดอย ข้อมูลจากผู้นาชุมชนและชาวบ้านสอดคล้องกันคือ ช่วยลดปัญหาข้อจากัด
ด้านการกู้ยืม โครงการกองทนุ หมู่บา้ นส่งผลทาให้อัตราการกู้ยืมของครัวเรือนเพ่ิมมากขึ้น โดยเหตุผลหลกั ใน
การกู้ยืมคือเพ่ือการลงทุนทาการเกษตร การซ่อมแซมบ้าน การบริโภค ซ่ึงสอดคล้องกับผลของการดาเนิน
โครงการฯ กล่าวคือการบริโภคของครัวเรือนท่ีเพ่ิมมากขึ้น แต่ปัญหาที่ตามมาซ่ึงน่าเป็นห่วงอย่างย่ิงคือ การ
เพมิ่ ขนึ้ ของหน้ีสินภาคครัวเรือน และทีส่ าคญั คือมแี นวโน้มของการเกิดหนี้เสยี จานวนมากที่สง่ ผลกระทบตอ่ การ
ดาเนินงานกองทุนหมู่บ้านของคณะกรรมการกองทุนฯ
62
การเรยี นรูเ้ ชงิ ปฏิบตั ิการ (Action Learning) หลกั สตู รนักปกครองระดบั สูง (นปส.) ร่นุ ท่ี 76
๑.๓.๒ โครงกำรรำ้ นค้ำชมุ ชนประชำรัฐ
โครงการร้านคา้ ชุมชน เปน็ โครงการท่ีทาใหช้ าวบา้ นไดม้ สี ว่ นร่วมคิด รว่ มทา ซึ่งช่วยแกไ้ ขปัญหาคา่ ครอง
ชีพของชาวบา้ นเชิงดอยได้เปน็ อยา่ งดีในสภาวะท่ีเศรษฐกจิ ของประเทศยงั คงอยู่ในช่วงออ่ นแอ ค่าครองชพี สงู
รายไดข้ องชาวบ้านลดลง และยงิ่ มาผนวกกับโครงการตลอดจนมาตรการกระตุ้นเศรษฐกจิ ของรฐั บาลในการแก้ไข
ปญั หาสถานการณก์ ารแพรร่ ะบาดของโรคติดเช้อื ไวรัสโคโรนา ๒๐๑๙ (โควิด-๑๙) อาทิ มาตรการคนละครึง่ รา้ น
ธงฟ้า บัตรสวัสดกิ ารแหง่ รัฐ ซงึ่ เปน็ การช่วยบรรเทาความเดอื ดรอ้ นของประชาชน
๑.๓.๓ โครงกำรผันนำด้วยพลังงำนไฟฟ้ำ
บ้านเชิงดอยใช้น้าอปุ โภค บริโภคจากแหลง่ น้าธรรมชาติทไ่ี หลผ่านหมู่บ้าน 2 สาย คือ ลาน้าแม่เตีย๊ ะ
และลานา้ แม่กลาง ท้ังน้ี ในชว่ งฤดแู ลง้ แหลง่ นา้ ดบิ จะมีไม่เพยี งพอตอ่ การผลิตน้าประปาและน้าเพ่ือการเกษตร
ซ่ึงส่วนใหญ่ชาวบ้านจาเป็นต้องซื้อน้าด่ืมเป็นขวดจากโรงงานผลิตน้าดื่มนอกหมู่บ้าน ส่วนน้าเพื่อการเกษตร
ในชว่ งหน้าแล้งจาเปน็ ต้องเจาะบอ่ บาดาลกลางลานา้ แม่เตยี๊ ะทแ่ี หง้ แลว้ ลากโยงสายไฟจากหมูบ่ า้ นเพื่อไปสบู นา้
จากบ่อเพ่ือใช้ในการรดน้าสวนลาใย ซ่ึงส่ิงที่ชาวบ้านต้องการอย่างยิ่งคือโครงการสร้างฝายเก็บนา้ กั้นลาน้าแม่
เต๊ียะ และโครงการผันน้าด้วยพลังงานไฟฟ้า ซ่ึงจะสามารถบรรเทาและแก้ไขปัญหาการขาดแคลนน้าได้ในระดับ
หน่งึ
๑.๓.๔ โครงกำรขยำยเขตไฟฟ้ำเพอ่ื กำรเกษตร
พ้นื ที่การเกษตรของหมบู่ า้ นเชิงดอยทัง้ ที่เปน็ สวนลาไยและนาข้าวสว่ นใหญอ่ ยนู่ อกเขตชมุ ชนหมู่บ้านที่
ระบบไฟฟ้ายงั เข้าไปไม่ถึง ทาให้ชาวบ้านจานวนหนึ่งประสบปญั หาในการผลติ โดยเฉพาะอย่างยิ่งการสบู นา้ บาดาล
และสูบน้าจากลาห้วยลาเหมืองเพื่อการรดน้าพ้ืนท่ีสวนและนา ท้ังนี้ หากมีโครงการไฟฟ้าเพื่อการเกษตรก็จะ
สามารถบรรเทาปัญหาได้ ในการนี้ นักศึกษาหลักสูตรนักปกครองระดับสูง (นปส.) รุ่นท่ี ๗๖ (กป.๑๑) ได้
ประสานเป็นการภายในเพ่อื ใหก้ ารไฟฟ้าส่วนภมู ภิ าคเข้ามาชว่ ยเหลอื แกไ้ ขปญั หาระบบไฟฟ้าให้กับชาวบ้านเชงิ
ดอยในเบื้องตน้ ดว้ ยแล้ว
63
การเรยี นรูเ้ ชิงปฏบิ ตั ิการ (Action Learning) หลักสูตรนกั ปกครองระดบั สูง (นปส.) รุ่นที่ 76
สว่ นที่ ๒ ประเดน็ กำรพฒั นำของชมุ ชน
๒.๑ ควำมเสยี่ งทจ่ี ะไมม่ ีชีวิตที่มัน่ คงของบคุ คล ครอบครัว และชมุ ชน
จากการรวบรวมขอ้ มลู จากหนว่ ยงานทเี่ กย่ี วข้องและการลงพนื้ ทเ่ี พื่อพูดคุยกับผนู้ าท้องที่และชาวบ้าน
เชิงดอย ตาบลสบเตยี้ ะ อาเภอจอมมทอง คณะผู้ศึกษาสามารถวิเคราะห์แยกไดเ้ ป็น ๓ ประเด็น ดังนี้
๒.๑.๑ กำรจดั กำรแหล่งน้ำให้เพียงพอต่อกำรเกษตรในชุมชน
สภำพปญั หำ
บา้ นเชงิ ดอยมีแหล่งนา้ ท่สี าคัญตามธรรมชาติ ๒ แหลง่ ทไ่ี หลผ่านหมบู่ ้านคือ ลานา้ แม่เตี๊ยะและลาน้า
แม่กลาง ซึ่งไหลมาบรรจบกันเรยี กวา่ “สบเตย๊ี ะ” (ท่บี รเิ วณหมู่ ๓) โดยแหลง่ น้ามสี ภาพแหง้ ขอดในฤดแู ล้ง น้าดบิ มี
ปรมิ าณไม่เพียงพอต่อการผลิตนา้ ประปาและนา้ ใชเ้ พอื่ การเกษตร ซ่งึ บา้ นเชงิ ดอย ไมม่ ีแหลง่ กกั เกบ็ นา้ ไว้ใช้ใน
การอุปโภคบริโภค มีเพียงฝายชะลอน้าคอนกรีตขนาดเล็กซ่ึงมีสภาพชารุดบริเวณจุดสง่ น้า อีกท้ังหน้าฝ้ายมี
สภาพตื้นเขิน หน่วยงานที่เกี่ยวข้องไม่มีงบประมาณสาหรับการซ่อมบารุงฝาย จึงไม่สามารถกักเก็บน้าไว้ใช้
ในช่วงฤดูแล้งได้ ประชาชนจงึ ทาได้เพยี งเจาะบ่อนา้ ตื้นในพน้ื ที่ เพ่ือหาแหลง่ น้า
ประเดน็ กำรพฒั นำแกไ้ ขปญั หำ
ผู้นาชุมชน คณะกรรมการหมู่บ้าน ตลอดจนประชาชนในหมู่บ้านได้มีข้อเสนอแนะไปยังหน่วยงานท่ี
เกย่ี วข้อง โดยมีการจดั ทาแผนงาน/โครงการซอ่ มแซมบารุงขดุ รอกหน้าฝาย เพ่ือใหม้ สี ภาพการใชง้ านเป็นปกติ
สามารถกักเก็บน้าไดอ้ ยา่ งมีประสิทธภิ าพ ซ่ึงจะช่วยให้สามารถแก้ไขปัญหาการขาดแคลนน้าของภาคเกษตรได้
ท้ังนี้ ประเด็นการพัฒนาแหล่งน้าทางคณะผู้ศึกษาได้เห็นสภาพปัญหาและได้เหน็ โอกาสจึงมีแนวทางการแก้ไข
ปัญหาดังน้ี
(๑) ประสาน/จดั หาแหลง่ งบประมาณจากหนว่ ยงานที่เก่ียวข้อง อาทิ เทศบาลตาบลสบเตยี๊ ะ องค์การ
บริหารส่วนจังหวัดเชียงใหม่ กรมชลประทาน โดยหมู่บ้านเชิงดอย ตาบลสบเตี๊ยะ เสนอปัญหา
ความตอ้ งการไปยงั หน่วยงานที่เกีย่ วขอ้ งด้วย
(๒) หมู่บ้านเชิงดอยควรกาหนดแผนการพัฒนาหมู่บ้านโดยจัดทาโครงการขุดลอกฝายแม่เตี๊ยะและ
ซ่อมแซมฝายแม่เตี๊ยะ
(๓) หมู่บา้ นเสนอแผนงาน โครงการขุดลอกนา้ แมเ่ ตีย๊ ะ
(๔) หมู่บา้ นเสนอแผนงาน โครงการขุดลอกน้าแม่กลาง
(๕) หมบู่ า้ นเสนอแผนงาน โครงการก่อสร้างสถานีสูบนา้ ดว้ ยพลังงานไฟฟา้
บา้ นเชิงดอยมแี หล่งน้าธรรมชาตทิ พ่ี อเพยี ง แต่มีปัญหาการบรหิ ารจัดการนา้ ให้เพียงพอ ตลอดปี
และท่วั ถึงกับกลุม่ ผูใ้ ชน้ า้ ทกุ กลุ่ม ท้ังเพ่อื การอุปโภค บริโภค และเพ่ือการเกษตร ดังน้ัน หนว่ ยงานท่ีเก่ียวขอ้ ง เชน่
องค์กรปกครองทอ้ งถน่ิ ในพน้ื ที่ เทศบาลตาบลสบเตี๊ยะอาเภอจอมทอง องค์การบรหิ ารสว่ นจงั หวดั เชยี งใหม่ และ
กรมชลประทาน ต้องประสานการร่วมมือกนั แก้ไขปญั หา ในระสั้น ระยะกลาง ระยะยาวอยา่ งยง่ั ยนื
๒.๑.๒ กำรจดั กำรปำ่ ชมุ ชน เพือ่ กำรบริโภคในชมุ ชน และกำรสรำ้ งรำยได้
สภำพปญั หำ
สภาพภูมิประเทศบ้านเชิงดอยเป็นพื้นท่ีป่าสงวนแห่งชาติและพ้ืนท่ีติดอุทยานแห่งชาติออบหลวง
ประชาชนได้อาศัยพ้ืนท่ปี ่าสงวนแหง่ ชาติและพนื้ ที่ตดิ อทุ ยานแหง่ ชาตใิ นการดารงชีวิต เช่น การเกบ็ หาของป่า
เห็ด หน่อไม้ ล่าสัตว์ ตดั ไม้เพอ่ื เผาถ่านในอดีต ปัจจบุ ันพื้นที่ป่าไม่ไดน้ ามาสรา้ งมลู คา่ ใหเ้ กดิ ประโยชน์ทางเศรษฐกจิ ใน
หมู่บ้าน โดยแต่เดิมทางราชการพยายามแยกป่ากับประชาชนโดยเด็ดขาด แต่ด้วยความเป็นวิถีชีวิตของชุมชน
ประชาชนจาเป็นตอ้ งพ่งึ พาอาศัยพ้ืนท่ีป่า จากสถานการณใ์ นปจั จุบนั ทีเ่ ศรษฐก์ จิ สังคมเปลย่ี นแปลงไป การจัดการ
64
การเรียนรเู้ ชงิ ปฏิบตั ิการ (Action Learning) หลกั สูตรนักปกครองระดับสูง (นปส.) รุน่ ท่ี 76
พ้ืนป่าในชุมชนจึงมีความจาเป็นอย่างยิ่ง เพ่ือการใช้ทรัพย์ยากรทางธรรมชาติอย่างคุ้มค่าและเกิดมูลค่าทาง
เศรษฐกจิ อนุรกั ษไ์ วใ้ หค้ นรุ่นหลังต่อไปดว้ ย กรมปา่ ไม้ไดป้ ระกาศพนื้ ทปี่ ่าชุมชนประมาณ ๔๐๐ ไร่ เม่อื พ.ศ. ๒๕๕๐
ตามความต้องการของชุมชน ท้งั น้ี ไดม้ กี ารจดั ตง้ั คณะกรรมการดูแลป่าชมุ ชน โดยหนว่ ยงานทเ่ี ก่ียวข้องบ้านเชิง
ดอย
ประเดน็ กำรพฒั นำแก้ไขปัญหำ
หมู่บ้านเชิงดอยได้เสนอข้อใช้พื้นที่ ป่าสงวนแห่งชาติ ๒ แห่ง จานวน ๒ แปลง จานวนเน้ือที่รวม
๑,๓๐๐ ไร่ เพือ่ เปน็ ปา่ ชมุ ชน นามาสรา้ งมลู คา่ ทาเศรษฐกจิ ไมเ่ พมิ่ ในการส่งเสริมการทอ่ งเที่ยวโดยชุมชนเพ่ือ
สร้างรายได้ใหก้ บั ชมุ ชน นอกจากนั้นแล้วประชาชนยังสามารถเก็บและใช้ทรัพยากรจากปา่ ได้อย่างถูกตอ้ ง จาม
ระเบียบกฎหมายขณะเดียวกัน ชุมชนได้คืนสภาพปลูกป่าเพ่ิมเติม มีคณะกรรมการชุมชนและดูแลรักษาป่า
ปจั จุบนั กรมปา่ ไมไ้ ดอ้ นญุ าตใหพ้ ้นื ท่ีแลว้ ๑ แปลง ๔๐๐ ไร่ คณะผูศ้ ึกษาเหน็ ว่ามศี ักยภาพการพัฒนาให้เปน็ แหลง่
ท่องเทยี วเชิงอนุรักษ์ของชุมชน ท้ังน้ี หมู่บ้านได้เร่ิมจัดการการทอ่ งเท่ียวโดยชุมชนและมีนักทอ่ งเทยี วเข้ามาเที่ยว
ชุมชนแล้วบางส่วนในปีท่ีผ่านมา ซึ่งคาดว่าภายหลังจากสถานการณ์การระบาดของโรค COVID-19 ลดลง จะ
สามารถสรา้ งรายได้ใหก้ บั ชุมชนไดเ้ ป็นอยา่ งดี
๒.๑.๓ กำรสรำ้ งทักษะฝีมือใหม่ และกำรพัฒนำทักษะฝมี ือให้สงู ขน้ึ กำรแปรรปู กำรตลำดเพอื่ เพิ่มรำยได้ และ
ลดตน้ ทนุ กำรผลิตของชุมชน
สภำพปัญหำ
ชาวบ้านสบเตี๊ยะมีกลุ่มอาชีพทอผา้ และเกษตรกรรมผปู้ ลกู ลาไยเป็นอาชีพหลกั แต่ยังขาดทักษะมีฝมี อื
การพัฒนาทกั ษะฝมี ือเพือ่ เพิม่ ผลติ ภาพ การแปรรปู เพ่ือเพม่ิ มลู ค่า การตลาดเพอ่ื รายไดแ้ ละการจัดการเพื่อลดต้นทุน
โดยพบวา่
(๑) เกษตรกรผู้ปลูกลาไยไม่มีการจัดต้ังกลุ่ม/รวมกลุ่ม เพ่ือรวบรวมผลผลิต ต่อรองราคาซ้ือ-ขาย กับ
พ่อค้าคนกลาง แต่เกษตรกรเรยี กรอ้ งใหท้ างราชการมีการประกันราคาสินค้าใหไ้ ดร้ าคาท่เี กษตรกรสามารถอยู่
ได้
(๒) กลุ่มทอผ้าบ้านเชิงดอยเปน็ กลมุ่ ทมี่ ีความเขม้ แขง็ มีองค์ความรตู้ ้องการผลติ และภมู ปิ ญั ญาการผลติ
จากวถิ ชี วี ติ ชุมชน ท่ีสืบทอดตอ่ กนั มา จนเป็นอัตลักษณ์เฉพาะถิน่ มีการย้อมผ้าโดยใชห้ ินธรรมชาติเปน็ สยี ้อม สร้าง
ความสนใจใหก้ ับผู้บริโภคได้เป็นอย่างดี ท้ังนี้ ช่องทางการจาหนา่ ย ยังจาหน่ายในหมบู่ ้าน การเป็นขายหน้ารา้ น
การเยี่ยมชมกลมุ่ และการจดั แสดงและจาหน่ายผลติ พันธ์ุในงานแสดงสินค้าต่าง ๆ เท่านั้น ยังไม่มีช่องทางการ
จาหน่ายที่รวดเร็วทนั สมยั ซง่ึ มีความจาเป็นตอ้ งทา Online เพือ่ ให้สามารถสร้างการรบั รู้ สื่อสารกบั กลุม่ ลกู คา้ /
ผู้บริโภคได้โดยตรง ต้องเสริมสร้าง/พัฒนาช่องทางการจาหน่ายทาง Online ให้เกิดขึ้น และมีความเข้มแข็ง
ต่อไป
ประเด็นกำรพฒั นำแก้ไขปญั หำ : กล่มุ ทอผ้ำบ้ำนเชิงดอย
(๑) ส่งเสริมพัฒนาช่องทางการจาหน่ายแบบออนไลน์และออฟไลน์ โดยหน่วยงานส่วนราชการที่
เกย่ี วขอ้ ง อาทิ กรมการพัฒนาชมุ ชน กระทรวงอุตสาหกรรม สถาบนั การศกึ ษา จัดอบรมพัฒนาทกั ษะ ด้านการ
จาหนา่ ยออนไลน์ ความรูแ้ ละเทคนิควธิ ีการต่าง ๆ
(๒) สง่ เสริมลดตน้ ทุนผลิตตงั้ แต่ต้นทาง กลางทาง ปลายทาง โดยการปลกู ฝา้ ยในพืน้ ท่หี มบู่ ้าน ทดแทน
การจดั ซ้อื ฝ้ายดบิ จากตลาด เกษตรกรผ้ปู ลูกฝา้ ย แมไ้ ม่ไดเ้ ปน็ สมาชกิ กลมุ่ ทอผ้า สามารถมีรายได้เพ่ิมขนึ้ จากการ
ปลูกพชื เศรษฐกิจลาไยเพยี งอยา่ งเดียว ตลอดจนการปลูกพชื นาไปเปน็ สยี ้อมธรรมชาติ เช่น ขม้นิ คราม เปน็ ตน้
65
การเรียนรูเ้ ชิงปฏบิ ตั กิ าร (Action Learning) หลกั สตู รนักปกครองระดบั สูง (นปส.) รุน่ ท่ี 76
(๓) การเพ่ิมมูลค่าให้กับการผลิตภัณฑ์ผ้าทอ การเพิ่มทักษะฝีมือในด้านการย้อม มีสีให้เลือกที่
หลากหลาย ลวดลายทเี่ ป็นทต่ี อ้ งการของตลาด การเสรมิ ลวดลายทีเ่ ป็นอตั ลักษณ์เฉพาะดว้ ยลายจกลา้ นนา แต่
ยังคงไว้ซึง่ การยอ้ มสดี ว้ ยหนิ ธรรมชาติ (หนิ โมคคัลลาน)
(๔) การสร้างการรับรู้ในตัวเร่ืองราวสินค้าผ้าทอ (story) โดยการต้ังช่ือสามารถส่ือสารถึงประวัติความ
เป็นมา และคุณคา่ ด้านรสู้ ึกท่ีมตี อ่ สนิ คา้ เพมิ่ มูลค่า (ราคา) ให้กับสนิ คา้ ผา้ ทอ
(๕) การพฒั นาแปรรปู ออกแบบผลิตภัณฑ์ผา้ ทอ ดว้ ยการออกแบบการตดั เยบ็ เป็นเสื้อ กางเกง ผ้าฝนื
ผ้าพันคอ กระเปา๋ ยา่ ม ฯลฯ ใหท้ ันสมัยตรงกับความต้องการของผู้บรโิ ภค
(๖) การพฒั นาและสร้างเครือขา่ ยกลุ่มผผู้ ลิตผ้าทอ เพอ่ื เพ่ิมมูลค่าและเครือขา่ ย Value chain เพิม่
ช่องทางแลกเปล่ียนสนิ ค้า ลดต้นทุน และการเพมิ่ ช่องทางการจาหนา่ ยแบบเครอื ขา่ ย
ประเดน็ กำรพัฒนำแกไ้ ขปัญหำ : เกษตรกรผูป้ ลกู ลำไย
(1) จัดตั้งกลุ่มเกษตรกรผู้ปลูกลาไย เพ่ือรวบรวมผลผลิตต่อรองราคากับพ่อค้าคนกลาง การจัดซื้อ
ปัจจยั การผลิต (ปุย๋ ) เคมพี ันธุ์ (เทา่ ที่จาเปน็ ) และเป็นการสรา้ งโอกาสในการไดร้ ับการสนับสนุนจากภาครัฐใน
รปู แบบของกลุ่มเกษตรกรวิสาหกิจชมุ ชนกลุม่ ปลูกลาไยบา้ นเชิงดอย
(2) หน่วยงานท่เี ก่ยี วข้องรบั ประกัน ราคาซอ้ื ลาไยในฤดูการผลติ ให้กับกลุม่ เกษตรกรผปู้ ลูกลาไยในฤดู
การท่ีราคาตกต่า ทง้ั น้ีต้องเป็นไปดว้ ยความจาเป็น
(3) พัฒนาแหล่งน้าเพื่อการเกษตรในหมู่บ้านให้เพียงพอ ต่อความต้องการของเกษตรกรและพ้ืนที่
เพาะปลกู
(4) นาเทคโนโลยมี าปรบั ปรงุ ประสทิ ธภิ าพการผลติ ให้ไดห้ ลกั การผลติ เฉลยี่ ตอ่ ไร่สงู ข้ึนและลดตน้ ทุน เชน่ โซ
ล่าเซลล์ พลังงานสูบนา้ ระบบนา้ หยดอจั ฉรยิ ะเพอื่ ประโยชน์
2.๒ ระดับกำรพัฒนำของชมุ ชน
จากการลงพื้นท่ีพูดคุยกับชาวบ้านเชิงดอย ตาบลสบเต้ียะ อาเภอจอมทอง และเก็บรวบรวมข้อมลู จาก
หน่วยงานท่ีเกี่ยวข้อง คณะผู้ศึกษาเห็นว่า บ้านเชิงดอยมีการพัฒนาอยู่ในระดับ “พออยู่ พอกิน” โดยมี
ศกั ยภาพครบทั้ง ๔ ด้าน ดงั น้ี
๑) มิติด้านจติ ใจและสังคม กล่าวคือ มีความสามัคคีและร่วมมือกนั ของคนในหมู่บ้าน มีข้อตกลงร่วมกนั
ของคนในหมู่บา้ น มีกองทุน และร้จู กั สิทธแิ ละหน้าที่ตามระบอบประชาธิปไตย
๒) มติ ิดา้ นเศรษฐกจิ กลา่ วคอื มีการลดรายจ่าย สร้างรายได้ และรวมกลมุ่ พฒั นาอาชีพ
๓) มิตดิ ้านการเรียนรู้ กลา่ วคอื ใช้เทคโนโลยีท่เี หมาะสมกบั หมู่บ้าน ใชภ้ มู ปิ ัญญาท้องถ่นิ สรา้ งคุณคา่ มีและ
ใชข้ ้อมูลชมุ ชน
๔) มิติด้านทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กล่าวคือ มีการสร้างมูลค่าเพ่ิมจากทรัพยากร
ธรรมชาตแิ ละส่งิ แวดล้อม มีจิตสานกึ ในการอนุรกั ษ์ทรัพยากรธรรมชาติ
ทั้งน้ี บ้านเชิงดอย ตาบลสบเตี้ยะ อาเภอจอมทอง สามารถเป็นต้นแบบการใช้ชีวิตพึ่งตนเอง ทากิน ทาใช้ใน
ครัวเรอื น เพ่อื ลดรายจา่ ย เพิ่มรายได้ และมีการออม ดว้ ยกจิ กรรม ดังน้ี
- สง่ เสรมิ แนวคิดเศรษฐกจิ พอเพยี ง (ครวั เรอื นพฒั นา)
- ครวั เรอื นพฒั นาจดั ทาแผนชวี ิต นาเข้าสู่เวทกี ารทบทวนแผนชมุ ชน
- ครวั เรือนพฒั นาปฏิบัติกจิ กรรมตามแผนพฒั นาชวี ิต
- เพิ่มพนู ทกั ษะการดารงชวี ติ ตามแนวเศรษฐกิจพอเพยี งตามศักยภาพและความสนใจ
66
การเรยี นรู้เชงิ ปฏบิ ัติการ (Action Learning) หลกั สูตรนกั ปกครองระดับสูง (นปส.) รุ่นท่ี 76
- จัดเวทีสรุปผลการพัฒนาครอบครัวในภาพรวม ส่งเสริมความเป็นครัวเรือนต้นแบบจัดทาเปน็ เอกสารองค์
ความรู้เพือ่ เผยแพร่ขยายผล
- ประเมนิ ความสขุ มวลรวมของชุมชน (Gross Village Happiness : GVH)
๒.๓ สดั สว่ นจำนวนครัวเรอื นทไี่ ม่พออยู่พอกิน
จากการลงพ้ืนที่พูดคุยกับชาวบ้านเชิงดอย ตาบลสบเต้ียะ อาเภอจอมทอง และเก็บรวบรวมข้อมูลจาก
หน่วยงานท่ีเกี่ยวข้อง คณะผู้ศึกษาเห็นว่า บ้านเชิงดอย “ไม่มีครัวเรือนที่ไม่พออยู่พอกิน” ท้ังนี้ผู้นาท้องที่
ตลอดจนชาวบ้านชุมชนบ้านเชิงดอย ตาบลสบเตยี้ ะ อาเภอจอมทอง ให้ข้อมูลเพ่ิมเตมิ ตรงกันวา่ “ไม่มีกำรขอกนั
กิน แต่แบง่ ปันและเอือ้ อำทรกัน”
๒.๔ กจิ กรรมกำรพัฒนำท่ชี มุ ชนจะทำเองเพื่อให้ทุกชีวิตอยู่ดีมสี ุขในปีนี้ (Post COVID-19)
๒.๔.๑ โครงกำรกำรพัฒนำเพ่อื ยกระดับทักษะฝมี อื กำรทอผำ้ และเพมิ่ โอกำสทำงกำรตลำด (Post COVID-
19)
๑) สภำพปัญหำ
๔.๑.๑ บ้านเชิงดอยมภี ูมิปญั ญาด้านการทอผ้าจากเส้นใยธรรมชาติ ผลิตด้วยกรรมวิธีธรรมชาติ มีการ
พัฒนาต่อยอดโดยการใช้ “หินสีจากดอยโมคคลั ลาน” มาเป็นวัตถุดิบในการยอ้ มจนเป็นเอกลักษณ์ผ้าทอของหมู่บ้าน
ซึง่ ตอ่ มาได้มกี ารจดทะเบียนเป็นวิสาหกจิ ชุมชน “กลมุ่ ผา้ ฝ้ายเชงิ ดอย” โดยมีวตั ถุประสงค์เพือ่ ผลิตผ้าทอมอื ย้อมสี
ธรรมชาติ สร้างงาน สรา้ งรายไดใ้ หแ้ กส่ มาชิกในกลุ่ม ส่งเสรมิ อัตลกั ษณ์ ภูมปิ ญั ญา วัฒนธรรมท้องถิ่น จนได้รับ
ยกยอ่ งใหเ้ ปน็ สนิ คา้ OTOP ๕ ดาว จากสานกั งานพัฒนาชุมชนอาเภอจอมทอง ไดร้ บั รางวลั ผลิตภณั ฑ์ทีเ่ ปน็ มติ รกบั
สงิ่ แวดล้อมระดบั ดมี าก ประจาปี พ.ศ. ๒๕๖๒ จากกรมสง่ เสริมคุณภาพสิ่งแวดล้อม
๔.๑.๑ การดาเนินงานท่ีผ่านมาต้ังแต่ปี พ.ศ. ๒๕๕๐ กลุ่มผ้าฝ้ายเชิงดอยได้ดาเนินการผลิตและ
ส่งเสริมการจ้างงานแก่กลุ่มสมาชิกควบคู่ไปกับการประกอบการอาชีพหลักของชาวบ้านในชุมชน พร้อมท้ัง
ได้รับการสง่ เสริมสนับสนุนจากภาครฐั ในการจดั แสดงผลิตภัณฑ์ชุมชนตลอดจนการขยายช่องทาง ด้านการตลาด
แต่เมอ่ื เกิดสถานการณ์การระบาดของโรคติดเช้อื ไวรัสโคโรนา ๒๐๑๙ ทาใหเ้ กิดผลกระทบตอ่ การดาเนินชีวิตของ
ชาวบ้านอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ซึ่งนามาสู่ปัญหาด้านเศรษฐกิจในชุมชน เนื่องจากการดาเนินการต่าง ๆ ต้อง
หยดุ ชะงักลง สินคา้ ท่ผี ลิตไม่สามารถจาหนา่ ยได้
67
การเรียนร้เู ชิงปฏิบตั ิการ (Action Learning) หลักสูตรนกั ปกครองระดับสูง (นปส.) รนุ่ ท่ี 76
๒) ประเดน็ กำรพัฒนำแกไ้ ขปญั หำ
๔.๑.๒ ชมุ ชนบ้านเชิงดอยนาโดยผูใ้ หญ่บ้าน (นางสาวทญั กานร์ ยานะโส) ไดม้ กี ารประชุมร่วมกนั เพ่ือหา
แนวทางบรรเทาปัญหาทเ่ี กดิ ขึ้นจากสถานการณก์ ารระบาดของโรคตดิ เช้อื ไวรัสโคโรนา ๒๐๑๙ โดยได้รว่ มกนั
เสนอ “โครงการการพฒั นาเพือ่ ยกระดบั ทักษะฝีมอื การทอผา้ และเพมิ่ โอกาสทางการตลาด” ของกล่มุ ผดู้ ้อยโอกาส
ที่ไดร้ ับผลกระทบจากสถานการณโควิด ๑๙ แลว้ ของบประมาณไปยังกองทนุ เพอ่ื ความเสมอภาคทางการศึกษา
(กสศ.) ซ่ึงเป็นกองทุนท่ีต้ังขึ้นใหม่ (ต้ังข้ึนเมื่อปี พ.ศ. ๒๕๖๑) โดยโครงการมีรายละเอียดที่เป็นประโยชน์และ
น่าชืน่ ชมอย่างยิง่ หลายประการ อาทิ
- กลุ่มเป้ำหมำย โดยโครงการฯ จะคัดเลอื กกลมุ่ เปา้ หมายหลกั คือผทู้ ี่ไดร้ บั ผลกระทบจากสถานการณ์
การโรคติดเช้ือไวรัสโคโรนา ๒๐๑๙ โดยตรง อาทิ ผตู้ กงำนจากสถานการณ์ COVID-19 กลุม่ คนพกิ ำร (ผู้พิการ
ทางสมอง ผู้พิการซ้าซ้อน ผู้พิการตาบอด) กลุ่มเด็กที่มีใจรักวัฒนธรรมท้องถ่ิน ท้ังน้ี ผู้เข้าร่วมโครงการมี
มากกวา่ จานวนกล่มุ เปา้ หมายทีต่ ั้งไวเ้ มื่อคราวเสนอโครงการตอ่ กองทนุ ฯ
– กระบวนกำรผลิต มีการปรับปรุงกระบวนการผลติ อย่างครบวงจร ทั้งต้นนา้ กลางน้า และปลายนา้
กล่าวคือ
กระบวนกำรตน้ นำ แมช้ ุมชนบ้านเชิงดอยจะมีกลุ่มทอผา้ ฝา้ ยอยใู่ นพนื้ ท่ีนานแลว้ แต่วัตถดุ ิบท่ีนามาใช้ ใน
การการทอผา้ อาทิ ฝ้าย คราม (สี) ยงั ต้องซอ้ื จากนอกพน้ื ท่ี ซ่งึ โครงการฯ ไดจ้ ัดกจิ กรรมใหม้ กี ารสอนปลกู ฝา้ ย
ปลกู คราม โดยเชญิ ผ้มู ีความชานาญมาสอนการปลกู ฝา้ ย การผลิตสคี ราม ซึง่ ช่วยลดตน้ ทนุ ได้เป็น อย่างมาก
กระบวนกำรกลำงนำ มีการเชิญชวนปราชญ์ชาวบ้าน ผู้เฒ่าผแู้ ก่ ที่ยังสามารถทอผา้ ฝ้ายแบบโบราณ มารว่ ม
เป็นวิทยากรให้ความรู้แก่ผู้เข้าร่วมโครงการฯ เพ่อื ฟ้นื ฟกู ารทอผ้าลายโบราณ กระบวนการทอแบบโบราณ ท้งั นี้
มีการแบ่งงานกลุ่มเป้าหมายอย่างเหมาะสม อาทิ สอนให้ผู้พิการเรียนรู้การอีดฝ้าย (แยกเมลด็ ฝ้ายออกจาก
ปุยฝ้าย) การปน่ั ฝา้ ย สอนใหก้ ลุ่มเดก็ ปลูกฝ้าย ผลิตคราม โดยเร่มิ ต้งั แตข่ ้นั ตอนการเพาะเมล็ด การบารุงรักษา
การเกบ็ เกย่ี วผลผลติ การแปรรปู
กระบวนกำรปลำยนำ มีการเชิญวิทยากรมาให้ความรเู้ ก่ียวกบั การตลาด
การขายผลิตภัณฑ์ทง้ั แบบออฟไลน์และออนไลน์ การจบั คู่ (Matching)
ทางการคา้ ซึง่ มผี สู้ นใจทั้งในอาเภอเมอื งเชยี งใหมแ่ ละในจงั หวดั ขอนแก่น
68
การเรียนรูเ้ ชงิ ปฏิบัตกิ าร (Action Learning) หลักสตู รนกั ปกครองระดบั สงู (นปส.) รนุ่ ท่ี 76
– การติดตามประเมินผลการดาเนินโครงการฯ ชุมชนบ้านเชิงดอยค่อนข้างมีความตื่นตัวในการมีส่วน
ร่วมกับการดาเนินโครงการฯ มีการติดตามผลความก้าวหน้า ร่วมกันแก้ไขปัญหาขณะดาเนินงาน การประเมนิ ผล
การดาเนินโครงการฯ (ท้ังกอ่ น ระหวา่ ง และส้ินสดุ โครงการฯ) เพ่ือใหก้ ารดาเนนิ โครงการฯบรรลตุ ามวตั ถปุ ระสงค์
๒.๔.๒ กำรจดั กำรแหลง่ นำใหเ้ พยี งพอต่อกำรเกษตรในชุมชน
๑) สภำพปัญหำ
๔.๒.๑ บา้ นเชิงดอยมีแหลง่ น้าท่ีสาคัญตามธรรมชาติ ๒ แหลง่ ท่ีไหลผา่ นหม่บู ้าน ๒ สาย ได้แก่ ลาน้าแม่
เตี๊ยะและลาน้าแมก่ ลาง ไหลมาบรรจบกันเรยี กว่า สบเตีย๊ ะ ซึ่งแหล่งน้ามสี ภาพแห้งขอดในฤดแู ลง้ ไม่เพียงพอต่อ
การผลิตน้าประปาและขาดแคลนน้าใช้ทางการเกษตรในฤดูแลง้ ท้ังนี้ บ้านเชิงดอยไม่มีแหล่งกักเกบ็ นา้ ไวใ้ ช้ มี
แต่ฝายชะลอน้าคอนกรีตขนาดเลก็ ซ่งึ ปจั จบุ ันชารุดใชง้ านไมไ่ ด้ บริเวณคลองสง่ นา้ หน้าฝายต้นื เขนิ ไมม่ ีหน่วยงาน
เข้ามาดูแลและขาดงบประมาณในการซ่อมบารงุ ฝาย ทาให้ไมม่ คี วามสามารถกักเกบ็ น้าใชใ้ นชว่ งฤดูแลง้ ประชาชนจงึ
ใช้การเจาะบ่อน้าตื้นในพื้นท่ี เพอื่ หาแหลง่ น้าเพือ่ ใช้ผลติ น้าประปาและใชท้ าการเกษตร
ผ้นู าชุมชน คณะกรรมการหมู่บา้ นแตล่ ะองค์กรและประชาชนในหม่บู ้านไดม้ ีขอ้ เสนอแนะไปยงั หน่วยงาน
ท่ีเก่ียวข้อง โดยมีการจัดทาแผนงานโครงการซ่อมแซมบารุงรักษาและขุดลอกหน้าฝาย เพ่ือให้มีสภาพใชง้ าน
และกักเก็บน้าได้อย่างมีประสทิ ธิภาพ ซ่ึงจะสามารถแกไ้ ขปัญหาการขาดน้าใช้ในภาคการเกษตรได้ ประเดน็
การพัฒนาแหลง่ น้า คณะผ้ศู กึ ษาได้เหน็ สภาพปญั หาและไดเ้ หน็ โอกาสจงึ มแี นวทางการแกไ้ ขปัญหา ดังนี้
๔.๒.๒ (๑) ประสานและจดั หาแหลง่ งบประมาณจากหน่วยงานทเี่ กย่ี วข้อง เช่น เทศบาลตาบลสบเตยี๊ ะ
องคก์ ารบรหิ ารสว่ นจงั หวัดเชยี งใหม่ และกรมชลประทาน โดยหมู่บา้ นเชงิ ดอย ตาบลสบเตยี๊ ะ เสนอปัญหาความ
ตอ้ งการไปยงั หน่วยงานที่เก่ยี วข้องดว้ ย
๔.๒.๒ (๒) หมู่บ้านเชิงดอยกาหนดแผนการพัฒนาหมู่บ้าน โดยจัดทาโครงการขุดลอกฝายแม่เต๊ียะและ
ซอ่ มแซมฝายแมเ่ ต๊ียะ
69
การเรยี นรู้เชงิ ปฏิบัตกิ าร (Action Learning) หลกั สตู รนักปกครองระดบั สูง (นปส.) รนุ่ ท่ี 76
๔.๒.๒ (๓) หมู่บา้ นเสนอแผนงาน โครงการขดุ ลอกน้าแมเ่ ตี๊ยะ
๔.๒.๒ (๔) หม่บู า้ นเสนอแผนงาน โครงการขุดลอกนา้ แมก่ ลาง
๔.๒.๒ (๕) หมู่บ้านเสนอแผนงาน โครงการก่อสร้างสถานสี บู นา้ ด้วยพลังงานไฟฟา้
๔.๒.๒ บ้านเชงิ ดอยมแี หลง่ นา้ ธรรมชาตทิ ี่เพยี งพอ แต่มีปัญหาการบรหิ ารจัดการนา้ ให้เพยี งพอสาหรบั
ใช้ได้ตลอดปี และทั่วถึงกับกลุ่มผู้ใช้น้าทุกกลุ่ม ทั้งนี้ เพื่อการอุปโภคบริโภคและเพ่ือการเกษตร ดังน้ัน
หน่วยงานทีเ่ ก่ียวข้อง เช่น เทศบาลตาบลสบเต๊ียะ อาเภอจอมทอง องค์การบริหารสว่ นจังหวัดเชยี งใหม่ กรม
ชลประทาน ต้องประสานการรว่ มมอื กันแก้ไขปญั หา ทง้ั ในระยะสนั้ ระยะกลาง ระยะยาวอยา่ งย่ังยืน
๒.๔.๓ กำรจัดกำรป่ำชมุ ชนเพือ่ กำรบรโิ ภคในชุมชนและกำรสรำ้ งรำยได้
๑) สภำพปัญหำ
๔.๒.๑ สภาพภูมิประเทศบา้ นเชิงดอยเป็นพ้นื ที่ป่าสงวนแหง่ ชาตแิ ละพ้ืนท่ตี ิดอุทยานแหง่ ชาติออบหล
วง ประชาชนได้อาศัยพืน้ ที่ป่าสงวนแหง่ ชาติและพื้นท่ีตดิ อทุ ยานแหง่ ชาตเิ พื่อการดารงชวี ิต เช่น การเก็บหาของ
ปา่ เหด็ หน่อไม้ ล่าสตั ว์ ตัดไมเ้ พอ่ื เผาถา่ น ในอดีตจนถึงปจั จบุ ัน พ้นื ทปี่ า่ ไมไ่ ด้ถกู นามาสร้างมูลค่าให้เกิดประโยชน์
ทางเศรษฐกิจในหมู่บ้านชุมชน โดยแต่เดิมทางราชการพยายามแยกป่ากบั ประชาชนโดยเดด็ ขาด แต่ดว้ ยความเป็น
วิถีชีวิตของชุมชน ประชาชนยังจาเป็นต้องพึ่งพาอาศัยพ้ืนที่ป่า จากสถานการณ์ในปัจจุบันท่ีสภาพเศรษฐกิจและ
สังคมเปล่ียนแปลงไป การจัดการพ้ืนป่าในชุมชนจึงมีความจาเป็นอย่างยิ่ง เพ่ือให้สามารถใช้ทรัพยากรทาง
ธรรมชาติได้อย่างคุ้มค่าและเกดิ มูลค่าทางเศรษฐกิจ อีกทั้งมีการอนุรักษ์ไว้ให้คนร่นุ หลงั ต่อไปด้วย กรมป่าไม้ได้
ประกาศพื้นท่ีป่าชุมชนประมาณ ๔๐๐ ไร่ เมอื่ พ.ศ. ๒๕๕๐ ซึ่งเปน็ ไปตามความตอ้ งการของชมุ ชน ท้ังนี้ ได้มกี าร
จดั ตัง้ คณะกรรมการดูแลป่าชมุ ชน โดยหนว่ ยงานทีเ่ กย่ี วข้องของบา้ นเชิงดอย
๒) ประเด็นกำรพฒั นำแกไ้ ขปญั หำ
4.2.2 หมบู่ า้ นเชิงดอยไดเ้ สนอขอใช้พ้ืนท่ปี ่าสงวนแหง่ ชาติ ๒ แหง่ จานวน ๒ แปลง จานวนเนอ้ื ที่รวม
๒,๐๐๐ ไร่ เพือ่ เป็นป่าชมุ ชน นามาสรา้ งมลู คา่ เพิ่มทางเศรษฐกิจ ในการส่งเสรมิ การทอ่ งเทีย่ วโดยชมุ ชนเพ่ือสร้าง
รายได้ใหก้ ับชมุ ชน นอกจากน้ันแล้ว ประชาชนยังสามารถเกบ็ และใช้ทรพั ยากรจากป่าได้อย่างถูกต้องตามระเบียบ
กฎหมาย ขณะเดียวกันชุมชนได้คืนสภาพปา่ โดยปลูกปา่ เพม่ิ เติม มีคณะกรรมการชุมชนเพอ่ื ดแู ลรักษาปา่ ปัจจบุ นั
กรมป่าไม้ได้อนุญาตให้ใช้พื้นท่ีแล้ว ๑ แปลง จานวนเนื้อที่ ๔๐๐ ไร่ คณะผู้ศึกษาเห็นว่า พ้ืนท่ีมีศักยภาพ
เพียงพอสามารถพฒั นาให้เปน็ แหลง่ ท่องเทีย่ วเชิงอนุรักษ์ของชุมชน ทั้งน้ี หมู่บ้านไดเ้ ร่ิมจดั การการทอ่ งเทีย่ ว
70
การเรยี นรู้เชงิ ปฏบิ ตั กิ าร (Action Learning) หลักสตู รนกั ปกครองระดบั สงู (นปส.) รนุ่ ที่ 76
และในปีท่ีผ่านมามีนกั ท่องเท่ียวเข้ามาเทยี่ วในพ้ืนทช่ี ุมชนแล้วบางส่วน ซ่ึงคาดว่าภายหลังจากสถานการณ์การ
ระบาดของโรค COVID-19 ลดลง น่าจะสามารถสรา้ งรายไดใ้ หก้ ับชมุ ชนได้เป็นอยา่ งดี
๒.๔.๔ กำรสรำ้ งทกั ษะฝีมือใหม่ และกำรพัฒนำทกั ษะฝมี อื ใหส้ ูงขนึ กำรแปรรปู กำรตลำดเพื่อเพ่มิ รำยได้ และลด
ต้นทนุ กำรผลติ ของชมุ ชน
4.3 ๑) สภำพปัญหำ
4.3 4.3.1 ชาวบ้านสบเต๊ียะ มีกลุ่มอาชีพทอผา้ และเกษตรกรรม โดยปลกู ลาไยเปน็ อาชีพหลัก แต่ยงั
ขาดทักษะฝมี ือและการพฒั นาทักษะฝีมือเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการผลิต การแปรรูปเพื่อเพ่มิ มลู ค่า การตลาด
เพ่อื เพม่ิ รายไดแ้ ละการจดั การเพอื่ ลดต้นทุน โดยพบว่า
4.3 4.3.1 (๑) เกษตรกรผู้ปลูกลาไยในพ้ืนท่ีไม่มีการจัดตั้งกลุ่ม/รวมกลุม่ เพื่อรวบรวมผลผลิต และ
ตอ่ รองราคาซ้อื -ขาย กบั พ่อคา้ คนกลาง แต่เกษตรกรเรยี กรอ้ งให้ทางราชการมกี ารประกันราคาสินค้าใหไ้ ดร้ าคาท่ี
เกษตรกรตอ้ งการ
4.3 4.3.1 (๒) กลุ่มทอผา้ บา้ นเชิงดอย เป็นกลุ่มที่มคี วามเข้มแข็งมาก มีองค์ความรใู้ นการผลติ และมีภมู ิ
ปัญญาการผลิตจากวิถีชีวิตชุมชนท่ีสืบทอดต่อเน่ืองกันมาจนเป็นอัตลักษณ์เฉพาะถ่ิน มีการย้อมสีผ้าโดยใช้หิน
ธรรมชาติ (หินโมคคัลลาน) มาบดเพื่อทาเป็นสีย้อมผ้า สร้างความสนใจให้กับผู้บริโภคได้อย่างดี สาหรับช่อง
ทางการจาหนา่ ย ยงั ใชช้ ่องการจาหน่ายในหมบู่ า้ นเป็นหลกั เปน็ การขายหน้าร้าน โดยอาศยั การศึกษาดงู าน การ
เยยี่ มชมกลมุ่ การจัดแสดงและจาหน่ายผลติ ภณั ฑใ์ นงานแสดงสนิ คา้ ต่าง ๆ เท่าน้ัน ยงั ไมม่ ีชอ่ งทางการจาหนา่ ยท่ี
รวดเรว็ ทนั สมัย เชน่ ช่องทางออนไลน์ท่ีสามารถสรา้ งความรบั รู้ การสื่อสารกบั กลมุ่ ลกู คา้ /กลมุ่ ผบู้ รโิ ภคได้โดยตรง
จงึ จาเป็นต้องเสรมิ สร้างและพัฒนาชอ่ งทางการจาหน่ายทางออนไลน์ใหเ้ กดิ ข้นึ และมีความเขม้ แข็งตอ่ ไป
๒) ก. ประเดน็ กำรพัฒนำแกไ้ ขปญั หำ : กลุ่มทอผ้ำ
๔.๓.๒ (๑) ส่งเสริมพัฒนาช่องทางการจาหน่ายออนไลน์ โดยหน่วยงานส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง อาทิ
กรมการพัฒนา กระทรวงอุตสาหกรรม สถาบันการศึกษา จัดอบรมพัฒนาทักษะด้านการจาหน่ายออนไลน์
ความรู้และเทคนคิ วิธีการต่างๆ
๔.๓.๒ (๒) ส่งเสรมิ การลดตน้ ทนุ ในการผลติ โดยการปลกู ฝา้ ยในพน้ื ทห่ี มู่บ้าน ทดแทนการจัดซ้อื ฝ้ายดิบ
จากตลาดภายนอก เกษตรกรผปู้ ลูกฝ้ายแม้ไม่ไดเ้ ปน็ สมาชิกกลุม่ ทอผา้ จะสามารถมรี ายไดเ้ พิม่ ขึ้นจากการปลูกพชื
เศรษฐกจิ ลาไยเพยี งอยา่ งเดียว ตลอดจนส่งเสรมิ การปลกู พชื ท่ีนาไปเปน็ สียอ้ มธรรมชาติได้ เช่น ขม้ิน คราม เป็น
ต้น
71
การเรียนร้เู ชิงปฏบิ ตั ิการ (Action Learning) หลักสูตรนกั ปกครองระดับสงู (นปส.) รนุ่ ท่ี 76
๔.๓.๒ (๓) การเพิ่มมูลค่าให้กับผลิตภัณฑ์ผ้าทอ การเพิ่มทักษะฝมี ือในด้านการย้อมท่ีมีสใี หเ้ ลือกอย่าง
หลากหลาย สร้างลวดลายทีเ่ ปน็ ที่ต้องการของตลาด การเสริมด้วยลวดลายท่ีเป็นอัตลักษณ์เฉพาะคอื ลายจก
ล้านนา แต่ยังคงไว้ซึง่ การย้อมสดี ว้ ยหินธรรมชาติ
๔.๓.๒ (๔) การสร้างการรับรู้ในเรอื่ งราวของตัวสนิ ค้าผา้ ทอ (story) โดยสามารถสื่อสารความเปน็ มา และ
คุณคา่ ด้านรู้สึกทมี่ ตี อ่ สินค้า เปน็ การเพ่ิมมลู คา่ (ราคา) ให้กับสินคา้ ผ้าทอ
๔.๓.๒ (๕) การพฒั นาการแปรรูป การออกแบบผลิตภัณฑ์ผ้าทอ ดว้ ยการออกแบบการตดั เยบ็ เปน็ เสอ้ื
กางเกง ผา้ ผนื ผ้าพันคอ กระเปา๋ ยา่ ม ฯลฯ ให้ทันสมัยตรงกับความตอ้ งการของผู้บริโภค
๔.๓.๒ (๖) การพฒั นาและสร้างเครือขา่ ยกล่มุ ผผู้ ลติ ผา้ ทอ เพ่ือเพม่ิ มูลค่าและเครอื ข่าย Value chain
เพ่ือเพ่มิ ชอ่ งทางแลกเปล่ยี นวัสดุ สินคา้ เพื่อลดตน้ ทุน และเพิ่มชอ่ งทางการจาหน่ายแบบเครือข่าย
๒) ข. ประเด็นกำรพฒั นำแกไ้ ขปัญหำ : เกษตรกรผ้ปู ลกู ลำไย
4.3.3 (1) จัดตั้งกลุ่มเกษตรกรผู้ปลูกลาไยในพื้นที่ เพื่อรวบรวมผลผลิต สาหรับการต่อรองราคากับ
พอ่ ค้าคนกลาง การจัดซ้อื ปจั จยั การผลติ อาทิ ปุย๋ เคมีภณั ฑ์ (เท่าทจ่ี าเป็น) และเป็นการสรา้ งโอกาสในการได้รบั
การสนับสนุนจากภาครัฐในรูปแบบของกลุ่มเกษตรกรวิสาหกิจชุมชนกลมุ่ ปลูกลาไยบ้านเชิงดอย
4.3.3 (2) หน่วยงานท่ีเกยี่ วข้องรับประกันราคารับซ้อื ลาไยในฤดูการผลิตใหก้ บั กลุม่ เกษตรกรผู้ปลกู
ลาไยในฤดกู าลท่ีราคาตกต่า ท้งั นี้ ตอ้ งเปน็ ไปด้วยความเหมาะสม จาเป็น
4.3.3 (3) พัฒนาแหล่งน้าเพ่ือการเกษตรในหมู่บ้านให้เพียงพอต่อความต้องการของเกษตรกรและ
พนื้ ทีเ่ พาะปลกู
4.3.3 (4) นาเทคโนโลยีมาปรบั ปรงุ ประสทิ ธิภาพของการผลติ ให้สามารถเพม่ิ ผลผลิตเฉลีย่ ต่อไร่สูงขน้ึ
และนามาใชจ้ ัดการเพื่อลดต้นทนุ เชน่ การใชโ้ ซลา่ ร์เซลล์เพ่อื การสูบนา้ การทาระบบนา้ หยดอจั ฉริยะเพอ่ื ประโยชน์
ในการเกษตร เป็นต้น
๒.5 บทเรยี นทไี่ ดร้ ับ
๒.๕.1 กำรบริหำรกำรพัฒนำชมุ ชนทอ้ งถ่ิน
๒.๕.1 1) มสี ายสัมพนั ธก์ ารพัฒนาในระบบเครอื ญาติ เกดิ ปญั หานอ้ ย ไม่มีความขัดแยง้ เกิดขึ้นในชุมชน
ไม่มีแนวคิดในเรื่องการแตกแยกแขง่ ขัน มีความเชื่อมั่นและศรัทธาในตวั ผนู้ า ทั้งผู้นาท่ีเปน็ ทางการ ไม่เป็นทางการ
และผนู้ าทางจิตวญิ ญาณ
๒.๕.1 2) มีความเขม้ แข็งด้านประเพณีทอ้ งถิ่น/ชมุ ชน เชน่ ประเพณีทด่ี งี ามทงั้ 12 เดอื น โดยใช้แนวคิด
ทางพุทธศาสนามาเป็นหลักในการดารงชีวิต เช่น การเสียสละ ความสามัคคี อันเป็นพ้ืนฐานสาคัญในการพัฒนา
ผนู้ าชุมชน
๒.๕.1 3) มีการปฏิบัติตนตามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงในการดาเนินชีวิตประจาวันของ
ประชาชน
๒.๕.1 บ้านเชิงดอยยดึ หลักการดาเนินชวี ิตตามแนวปรชั ญาของเศรษฐกิจพอเพียง ประชาชนในหมู่บ้าน
ทุกครัวเรือนปลูกทุกอย่างที่กิน กินทุกอย่างที่ปลูก มีครัวเรือนต้นแบบการดาเนินชีวิตตามแนวคิดเศรษฐกิจ
พอเพยี ง มีกิจกรรมลดรายจา่ ยในครวั เรอื น มีกจิ กรรมสรา้ งภมู ิคุม้ กนั ใหป้ ระชาชนในหมู่บา้ นโดยการเกบ็ ออม
72
การเรียนร้เู ชิงปฏบิ ตั กิ าร (Action Learning) หลักสตู รนกั ปกครองระดบั สงู (นปส.) รนุ่ ที่ 76
เงินของสมาชิกในหมูบ่ ้านเปน็ กล่มุ ออมทรัพยเ์ พื่อการผลติ กองทุนสวัสดิการของชุมชน มีการปลกู ผัก
ปลอดภัย เพ่ือลดรายจ่ายในครัวเรือน โดยให้ประชาชนในหมู่บ้านปลูกพืชสวนครัวไว้บริโภค เหลือจากน้ันก็
จาหน่าย มีน้าดื่มของชุมชนโดยมีคณะกรรมการบริหารงานกันเอง และจาหน่ายในราคาต้นทุน เป็นการลด
รายจ่ายในครวั เรอื นและมนี ้าดื่มทปี่ ลอดภัยในการบรโิ ภค งดกิจกรรมเกี่ยวกับอบายมุขเพ่อื ลดรายจา่ ยในชมุ ชน
เช่น ไมใ่ หเ้ ลยี้ งเหล้าในงานต่าง ๆ เปน็ ต้น
๒.๕.1 4) มีการรวมกลุ่มกันเพ่ือพัฒนาในรูปแบบวิสาหกิจชุมชนกลุ่มทอผ้าบ้านเชิงดอยวิสาหกิจเป็น
แนวคิดในเรื่องการบรหิ ารจดั การทนุ ในชุมชนอยา่ งเป็นระบบ มีระเบียบ เพ่ือประโยชน์ของชุมชน โดยคนใน
ชุมชนเป็นผู้บรหิ ารจดั การเพื่อใหส้ ามารถพ่งึ ตนเองได้อย่างยั่งยืน
๒.๕.2 กำรบรหิ ำรกำรพัฒนำระดับตำบลและอำเภอ
๒.๕.2 1) การบริหารงานในการพัฒนาตาบลมี 2 องค์กร คือ ฝ่ายท้องถิ่น มีเทศบาลตาบลสบเตี๊ยะ และ
ฝ่ายปกครอง ได้แก่ กานัน ผู้ใหญ่บ้าน เป็นผู้บริหารงานร่วมกัน โดยจดั ทาแผนพฒั นาหม่บู า้ นนาไปสู่แผนพัฒนา
ตาบล และแผนพัฒนาอาเภอต่อไป การบรหิ ารงานเป็นไปได้ด้วยดี ไม่มีปญั หาในการประสานงานเน่ืองจากชุมชนมี
จดุ แขง็ มคี วามเขม้ แขง็ จากระบบเครือญาติและความสามคั คใี นชุมชน
๒.๕.2 2) การจดั ทาแผนพัฒนาตาบลมาจากแผนพฒั นาหมบู่ ้าน โดยการบรรจุในแผนพฒั นาตาบล/อาเภอ
ส่วนใหญเ่ ปน็ ดา้ นโครงสรา้ งพืน้ ฐาน ไม่มีงบประมาณเพียงพอในทอ้ งถน่ิ /อาเภอ ตอ้ งขอรับงบประมาณจากส่วนกลาง
๒.๕.2 3) การส่งเสรมิ อาชพี โดยเฉพาะการประกอบอาชีพเสริม ส่วนใหญไ่ ม่สามารถดาเนนิ การไดอ้ ย่าง
จริงจงั เนื่องจากราษฎรส่วนใหญ่มีอาชีพหลักคือการทาการเกษตร ปลูกลาไย เน้นปลูกพืชเชิงเดี่ยว และเนื่องจาก
เป็นการผลติ เพื่อขายใหก้ ับพ่อค้าคนกลางซ่งึ มารบั ซอื้ เปน็ หลกั ทาใหย้ ังตดิ กบั ดักวงจรหนีส้ ิน ภาครัฐยังไม่สามารถ
จัดหาอาชีพเสริม และแขง่ ขนั ดา้ นการตลาดกบั เอกชนได้
๒.5.3 ประสทิ ธิภำพและประสทิ ธผิ ลของกำรปฏบิ ัติงำนตำมนโยบำยของรัฐบำล
๒.5.3 1) การบริหารงานของหมู่บ้าน ได้มุ่งม่ันท่ีจะดาเนินการตามนโยบายของรัฐบาลเพ่ือให้เกิด
ประสิทธิผลและประสิทธิภาพสูงสุด โดยเฉพาะในเรื่องงบไทยนิยมยั่งยืน การถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐและ
สามารถรวมกลมุ่ จัดต้ังรา้ นคา้ ชุมชน เพื่อรองรบั การใช้จ่ายบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ ทาให้เกิดผลกาไร มีผลกาไร
เพื่อเฉลี่ยเป็นสวัสดกิ ารชุมชนช่วยเหลอื กลุ่มเปราะบางในชมุ ชนได้
๒.5.3 2) การส่งเสริมการผลิตสินค้าและบริการในระดับท้องถิ่น การดาเนินนโยบายสรา้ งรายได้และ
กระจายความเจริญสู่ชุมชนท้องถ่ินของหลายรัฐบาลนับตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน สร้างแรงกระตุ้นให้ชุมชน
หมบู่ ้านเชิงดอยมีศักยภาพทางดา้ นการผลิตในระดับครัวเรือน โดยเฉพาะผลิตภณั ฑ์ผา้ ทอมือ ซึง่ เดมิ
อาจจะเป็นเพียงการผลติ เพือ่ ใช้ในครัวเรือนหรอื ในพื้นท่ีชุมชนเท่าน้ัน ต่อมามีการยกระดับการผลิตเพ่ือการค้า
โดยการสนับสนุน การเสริมสร้างทักษะฝีมือแรงงาน การตลาด ตลอดจนความร่วมมือกับสถาบันทางวิชาการ
ที่มาเป็นพเ่ี ลี้ยงในการเสรมิ ศักยภาพในการผลติ และการจดั กิจกรรมส่งเสริมและต่อยอดผา่ นงานแสดงสินคา้ และ
การบรกิ าร โดยเฉพาะกรมการพัฒนาชุมชนได้มงุ่ เน้นการยกระดบั การพฒั นาชมุ ชนบ้านเชิงดอย ในเร่อื งสินคา้
หนงึ่ ตาบลหนง่ึ ผลติ ภัณฑ์ (OTOP) มีรา้ นค้าเพื่อจาหนา่ ยผลิตภณั ฑข์ องชุมชน โดยการระดมหุ้นจากสมาชกิ เพอื่
ใช้เป็นเงนิ ทุนในการบริหารจัดการซงึ่ ผลติ ภัณฑ์ชุมชนของบ้านเชิงดอยมีคุณภาพ ได้การรบั รองคุณภาพสนิ คา้
OTOP ระดบั 5 ดาว
73
การเรยี นร้เู ชงิ ปฏิบัตกิ าร (Action Learning) หลักสูตรนกั ปกครองระดบั สงู (นปส.) รนุ่ ที่ 76
๒.5.3 3) ส่งเสรมิ จิตสานึกรกั บ้านเกิดในการกลับมาของแรงงานวัยหนุม่ สาว เพื่อพัฒนาชมุ ชนถิ่นฐาน
บ้านเกิด ประชากรในชุมชนเป็นทรัพยากรการผลิตท่ีมีคุณค่าต่อการพัฒนาพนื้ ที่ การไหลออกของประชากรใน
อดีต เป็นการละทิ้งภูมิปญั ญาและทักษะความรู้ทส่ี ืบทอดกนั มาจากร่นุ สู่ร่นุ เม่ือภูมิปัญญาที่สืบทอดกนั มานน้ั
สามารถนามาใชเ้ ป็นเคร่ืองมอื ในการประกอบอาชีพตามความถนัด เปน็ ส่งิ ที่ดงึ ดดู ให้วัยหนุ่มสาวทอี่ อกไปหางาน
ทาต่างถิ่นฐานกลับมาอยู่กับครอบครัว และสืบทอดองค์ความรู้ที่บรรพบุรุษได้สั่งสมและถ่ายทอดมาให้ ความ
ภูมิใจในภูมิปัญญา วัฒนธรรม และประเพณีอันดีงาม นอกจากจะนาความเจรญิ มาส่ชู ุมชนและสังคมโดยรวม
แล้ว เปรียบเสมอื นการฟน้ื ฟรู ากฐานทางสงั คมทีเ่ ลอื นหายไปให้กลบั มามชี ีวติ ชวี าอกี ครั้งหนึ่ง และเป็นจดุ ขายที่
ผู้คนจากท้องถ่ินอื่น ๆ เข้ามาท่องเท่ียวและซ้ือสนิ ค้า นามาซ่ึงรายได้ที่จะสร้างความเป็นอยู่ที่ดีของครอบครัว
เปน็ ผลประโยชน์ทจ่ี ับต้องไดอ้ ย่างเปน็ รูปธรรม
๒.5.3 4) ความซ้าซ้อนในการดาเนินกิจกรรมของหน่วยงานภาครัฐ การส่งเสริมการดาเนินงานของ
ภาครัฐมักจะแบ่งไปตามภารกิจและอานาจหน้าที่ของหน่วยงานรัฐน้ัน ๆ ทาให้แต่ละแผนงาน/โครงการที่ลงมา
ดาเนนิ การในพื้นทบ่ี างครงั้ ไม่ตรงกับความตอ้ งการของชาวบา้ น มีความซา้ ซอ้ นและไม่เชอ่ื มโยงสอดคลอ้ งกนั
๒.5.3 5) การติดตามและประเมินผลนโยบายรัฐบาล การติดตามและประเมินผลการดาเนินงานของ
หนว่ ยงานภาครัฐได้มกี ารสนบั สนุนและสง่ เสรมิ การดาเนินงานโครงการตา่ ง ๆ ในพ้นื ทช่ี ่วยผลักดันในการทางาน
เปน็ ไปอยา่ งต่อเนือ่ ง เพอ่ื พฒั นาชุมชนให้มีความเข้มแขง็
ภำพกจิ กรรม กำรเรยี นรเู้ ชงิ ปฏิบัตกิ ำร (Action Learning) กลุม่ ปฏิบัติกำรท่ี 11
74
การเรียนรเู้ ชงิ ปฏบิ ัตกิ าร (Action Learning) หลักสูตรนกั ปกครองระดบั สูง (นปส.) ร่นุ ท่ี 76
อำเภอเชยี งดำว
๗๕
การเรยี นรเู้ ชิงปฏบิ ัติการ (Action Learning) หลักสูตรนกั ปกครองระดบั สงู (นปส.) รนุ่ ที่ 76
รำยงำนกำรเรยี นรู้เชิงปฏิบตั กิ ำร (Action Learning)
ณ บำ้ นปำงเฟอื ง ตำบลปิงโค้ง อำเภอเชยี งดำว
จงั หวัดเชียงใหม่
จัดทำโดย
กล่มุ ปฏิบตั ิกำรท่ี (กป.) ๒
นำงพรรณวภิ ำ ปิยมั ปตุ ระ หัวหนำ้ กลมุ่ พัฒนำระบบบรหิ ำร
นำงสุพตั รำ นม่ิ กุล นำยอำเภอเวียงหนองลอ่ ง จังหวัดลำพนู
นำยวรี ะชัย ประเสรฐิ โส ผเู้ ชีย่ วชำญเฉพำะดำ้ นยทุ ธศำสตร์
กลุ่มยทุ ธศำสตรก์ ำรพฒั นำภำคเหนอื
นำยไพรตั น์ ทบั ชุม นำยอำเภอสิชล จังหวดั นครศรีธรรมรำช
นำยไพโรจน์ จงึ ธนำเจรญิ นำยอำเภอบอ่ พลอย จังหวดั กำญจนบรุ ี
นำยนวรัตน์ วงศป์ น่ิ เพช็ ร์ นำยอำเภอบำ้ นม่วง จังหวัดสกลนคร
นำยวีรพฒั น์ บณุ ฑรกิ โยธำธิกำรและผังเมือง จงั หวัดยะลำ
นำยอวริ ทุ ธ์ วรกติ ต์ิ หัวหน้ำสำนกั งำนปอ้ งกนั และบรรเทำสำธำรณภัย
นำยสืบสกุล ไพศำล จงั หวดั ตรำด
หนไู ชยำ ผ้อู ำนวยกำรสำนักงำนทรัพยำกรทำงทะเลและชำยฝง่ั ที่ ๓
นำยสุรพล ธญั ญเจรญิ ปศุสตั ว์เขต ๔
รำยงำนนเี้ ป็นส่วนหน่งึ ของกำรศกึ ษำอบรมหลกั สตู รนกั ปกครองระดับสงู (นปส.) รนุ่ ที่ 76
สถำบนั ดำรงรำชำนุภำพ กระทรวงมหำดไทย
พุทธศักรำช 2564
๗๖
การเรยี นร้เู ชงิ ปฏิบัตกิ าร (Action Learning) หลกั สตู รนักปกครองระดับสงู (นปส.) รนุ่ ท่ี 76
คำนำ
การเรียนรูเ้ ชิงปฏบิ ตั ิการ (Action Learning) ณ จงั หวดั เชียงใหม่ เปน็ หนง่ึ ในกระบวนการการเรยี นรู้
ของโครงการศึกษาอบรมหลกั สตู รนกั ปกครองระดบั สงู (นปส.) รุ่นที่ 76 ระหว่างวนั ท่ี 5 – 9 เมษายน 2564
มีวัตถุประสงค์หลักในการท่ีจะให้ผู้เข้าร่วมการศึกษาอบรมในโครงการได้มี โอกาสในการเข้าไปมีส่วน
ในการศึกษาปัญหาและแนวทางในการพัฒนาชุมชนอยา่ งมีสว่ นร่วมในพื้นที่ และได้มีการมอบหมายใหแ้ ตล่ ะ
กลมุ่ ปฏบิ ัติการไดศ้ ึกษาตามหมบู่ ้านตา่ ง ๆ ในแต่ละอาเภอเพ่ือเปน็ กรณศี ึกษาร่วมกนั ในจงั หวดั เชียงใหม่
กลุ่มปฏิบัติการที่ 2 (กป.2) ได้รับมอบหมายให้ดาเนินการศึกษาและทาการศึกษาเชิงลึกในพ้ืนที่บ้านปาง
เฟอื ง ตาบลปงิ โค้ง อาเภอเชียงดาว จงั หวดั เชยี งใหม่ ตามหลักศาสตร์พระราชาในรูปแบบของการ เขา้ ใจ เขา้ ถงึ
และพฒั นา โดยไดส้ กดั เอาความร้แู ละส่งิ ทีไ่ ดร้ ับจากการศกึ ษาในครัง้ น้มี าเปน็ รายงานฉบับนี้ อนั จะประกอบไป
ด้วยบริบทของพื้นทีแ่ ละแนวทางการพัฒนาการแกไ้ ขปญั หาของประชาชนในพื้นท่ีและสามารถนาไปเปน็ แนว
ทางการพัฒนาหม่บู า้ นของประชาชนและเปน็ ข้อมลู ใหก้ บั ทางราชการเพอ่ื นาไปสู่การพัฒนาอย่างเปน็ รูปธรรม
เพอื่ นาไปสูก่ ารพฒั นาอยา่ งย่งั ยืนในอนาคตต่อไป
คณะผู้จัดทำ
นกั ศึกษำหลกั สูตรนักปกครองระดับสงู รนุ่ ท่ี 76
กล่มุ ปฏบิ ัตกิ ำรที่ (กป.) ๒
๗๗
การเรยี นร้เู ชงิ ปฏบิ ตั ิการ (Action Learning) หลักสตู รนกั ปกครองระดบั สงู (นปส.) รนุ่ ที่ 76
สว่ นท่ี ๑
กรอบกำรเรียนรดู้ ว้ ยกำรลงมือปฏบิ ัติ เพื่อเข้ำใจ เขำ้ ถึง วถิ ีชีวติ ชมุ ชน
1. กำรศกึ ษำเรียนรู้ภมู สิ งั คมและวถิ ชี วี ิตของชุมชน
1.1 ประวัติความเป็นมาของบา้ นปางเฟอื ง บ้านปางเฟอื งตั้งอยู่สองข้างทางบนถนนเชียงใหม่ – ฝาง
ระหว่างกิโลเมตรที่ 88 – 91 ประชากรสว่ นใหญป่ ระกอบอาชีพเกษตรกรรมและรบั จ้างทั่วไป เดมิ ชอ่ื หมบู่ า้ น
ห้วยช้างตาย เพราะเป็นสถานที่หนองน้า ดนิ เป็นโคลนลึกและปา่ พรุ ทาใหช้ า้ งปา่ ท่ลี งมากนิ น้าตดิ โคลนขึ้นไมไ่ ด้
จึงตายท่ีหนองน้า ชาวบ้านจึง เรียกกนั ว่า หนองช้างตาย เดิมตั้งอยู่ในเขตหมู่ที่ 13 ตาบลเมอื งงาย เริ่มก่อตั้ง
ประมาณปี พ.ศ.2480 มีชาวบ้านอาศัยประมาณ 15 ครัวเรือน อาชีพคือการเลี้ยงสัตว์และหาของป่าขาย
ปัจจุบนั มีการพัฒนาปรบั ปรงุ สถานทีเ่ ป็นอ่างน้าขนาดใหญใ่ นหมูบ่ ้านและ เรียกชือ่ วา่ “หนองนา้ ดงชมพู”ตาม
ต้นไม้ที่มอี ยู่มากบริเวณรอบอ่าง คือต้นชมพู่ป่า ต่อมาเมอ่ื ปี พ.ศ. 2522 ตาบลเมืองงายได้แบ่งเป็น 3 ตาบล
คอื ตาบลเมืองงาย ตาบลปิงโค้ง และตาบลท่งุ ข้าวพวง หมบู่ ้านหนองชา้ งตายจงึ ได้แยกออกจากตาบลเมอื งงาย
มาอยใู่ นตาบลปิงโค้ง และใช้ชอื่ วา่ หมู่บา้ นปางเฟอื ง หมู่ท่ี 2 ตาบลปงิ โค้ง เหตทุ ีใ่ ช้ช่อื หม่บู ้านว่าบ้านปางเฟอื ง
เพราะวา่ ตอนน้ันบา้ นปางเฟืองเปน็ เสน้ ทางผา่ นของขบวนเกวียนซ่งึ ใชข้ น สัมภาระและพชื ผลการเกสร พอผ่าน
มาก็จะแวะพัก เพ่ือให้วัว ควายได้พักกินน้าและฟางข้าว(เฟือง) ซ่ึงขบวนเกวียนเหล่านี้ได้จัดเตรียมฟางข้าว
นามาทับกันเปน็ กองขนาดใหญ่ เรียกว่ากองฟาง (กองเฟือง) เพ่ือสารองไว้ให้วัว ควาย ท่ีมาแวะได้กนิ ตลอดปี
พร้อมกับสร้างเพงิ พกั (ปาง) เปน็ หลัง ไวห้ ลบแดดหลบฝน ชาวบา้ นจงึ เรียกว่า “ปางเฟอื ง”
ภาพที่ 1 แผนทบี่ ้านปางเฟอื ง
1.2 ลักษณะทางชีวภาพและกายภาพของบา้ นปางเฟอื ง บา้ นปางเฟืองมพี น้ื ทท่ี ั้งหมด 4,000 ไร่ 64
ตารางกโิ ลเมตร ตั้งอย่ใู นตาบลปงิ โคง้ อาเภอเชียงดาว จงั หวัดเชยี งใหม่ มลี ักษณะภมู ปิ ระเทศเป็นท่ีราบเชิงเขา
โอบรอบด้วยภูเขาหินปนู ลกั ษณะเป็นดินรว่ นปนทราย พื้นที่ติดกับถนนใหญ่ จะเป็นท่ีอยู่อาศยั และพ้นื ทีท่ ีอ่ ยู่
ถัดไปจะเป็นพ้ืนที่ในการเพาะปลกู การเกษตร สวนผลไม้ ซ่ึงเป็นรอยต่อกับพ้ืนที่ของอุทยานแห่งชาติผาแดง
และมีแหล่งน้าซบั ใตด้ นิ หล่อเลยี้ งหมู่บ้านตลอดท้งั ปี
78
การเรียนร้เู ชงิ ปฏิบัตกิ าร (Action Learning) หลกั สตู รนกั ปกครองระดบั สงู (นปส.) รุน่ ท่ี 76
ภาพที่ 2 อา่ งเกบ็ นา้ ดงชมพู ภาพที่ 3 สวนลาไยบ้านปางเฟอื ง
1.3 ขอ้ มลู ด้านประชากร
จากข้อมูลของกรมการปกครองในปี พ.ศ. 2561 บ้านปางเฟอื ง มปี ระชากรอาศยั อยทู่ ัง้ สน้ิ 749 คน
จาแนกเป็นเพศชาย จานวน 340 คน และเพศหญิง 409 คน เป็นจานวนทั้งส้ิน 224 ครัวเรือน โดยในจานวน
ดังกล่าวมีการประกอบอาชีพสวนผลไม้ (ลาไยและมะม่วง) สวนผัก ค้าขาย และรับจา้ ง นอกจากนี้ประชาชน
ในหมู่บ้านยงั มีการรวมกลุ่ม OTOP นวัตวิถี วิสาหกิจชุมชนในการแปรรูปดอยหลวง รวมไปถึงการทาเฟอรน์ เิ จอร์
เป็นอาชพี เสริมเพอ่ื หารายไดใ้ นการดารงชีพอกี ทางหนง่ึ
ภาพที่ 4 โฮมสเตยบ์ า้ นปางเฟอื ง ภาพท่ี 5 ทวิ ทศั น์ยามเชา้ ยามโฮมสเตยบ์ ้านปางเฟือง
2. กำรศกึ ษำเรยี นรูร้ ะบบกำรบรหิ ำรจัดกำรชมุ ชน
จากการศึกษาเรียนรู้ของกลุ่มปฏิบัตกิ ารที่ 2 ในพ้ืนที่บ้านปางเฟือง ได้มีการเก็บรวบรวมข้อมูล
ท่สี าคญั โดยการแจกแบบสอบถามและสมั ภาษณ์ประชาชนในหมูบ่ ้าน รวมไปถงึ การนาข้อมลู ท่ีได้รับจากภาครฐั
เข้ามาประกอบในการวิเคราะหใ์ นมติ ติ ่าง ๆ ทาให้ไดข้ ้อเสนอแนะการพัฒนาบ้านปางเฟือง โดยมีรายละเอยี ด
ดงั นี้
79
การเรียนรเู้ ชงิ ปฏบิ ตั กิ าร (Action Learning) หลักสูตรนักปกครองระดับสงู (นปส.) รุน่ ท่ี 76
2.1 กำรวิเครำะห์ SWOT ของบ้ำนปำงเฟอื ง
ภาพที่ 6 การวเิ คราะหจ์ ดุ แขง็ จุดออ่ น (SWOT) ของบา้ นปางเฟอื ง
จากการสมั ภาษณ์เชิงลกึ และเก็บข้อมลู ในพนื้ ที่ชมุ ชน สามารถนาเคร่อื งมือในการวิเคราะห์จุด
แข็งจดุ อ่อน (SWOT Analysis) เขา้ มาวเิ คราะหโ์ ดยแบง่ การวิเคราะหอ์ อกมาทั้งส้ิน 4 สว่ นหลกั ได้แก่ จุดแข็ง
(Strength) และจุดอ่อน (Weakness) ซ่ึงเป็นองค์ประกอบภายในของหน่วยในการวิเคราะห์ รวมไปถึงการ
วิเคราะห์ โอกาส (Opportunity) และ ภัยคุกคาม (threat) ซ่ึงถือเป็นปัจจัยภายนอกหน่วยวิเคราะห์ โดยมี
รายละเอยี ดในแตล่ ะประเด็นดงั น้ี
80
การเรียนรูเ้ ชงิ ปฏิบตั กิ าร (Action Learning) หลักสูตรนักปกครองระดบั สูง (นปส.) รนุ่ ท่ี 76
จดุ แขง็ (Strengths)
ภาพท่ี 7 จดุ แข็งของบา้ นปางเฟอื ง
S1 ผู้นาชุมชนมีวิสัยทัศน์ท่ีดีมแี นวทางในการแก้ไขปัญหาโดยการเปิดพ้ืนทใี่ นการรบั ฟังความ
คิดเห็นและปัญหาของประชาชนที่อยู่ในพื้นท่ีผ่านเวทีการประชุมต่าง ๆ มีการนาเอาองค์ความรู้ท่ีได้มาจาก
ปราชญ์ชาวบ้านมาส่งเสริมให้ประชาชนในพ้ืนที่มีชีวิตความเป็นอยู่ท่ีดีข้ึน โดยให้มีการส่งเสริมการปลูกพืช
เศรษฐกิจ เช่น ลาไยและมะม่วง เพื่อสร้างเสรมิ รายได้ใหก้ บั ประชาชนในชุมชนไดอ้ ยา่ งยงั่ ยนื
S2 หมู่บ้านปางเฟืองมีการบริหารจัดการหมู่บ้านในรูปแบบของคณะกรรมการหมู่บ้านอยา่ ง
เป็นระบบตามแนวทางท่กี รมการปกครองได้มีการเข้ามาให้การดูแลอย่างเป็นรูปธรรม ส่งผลใหเ้ กิดความสงบ
เรยี บร้อยภายในหมบู่ า้ น พรอ้ มนย้ี ังไดม้ แี นวทางในการแตง่ ตง้ั ผูท้ รงคุณวุฒทิ เ่ี ป็นปราชญ์ชาวบา้ น จานวน 10
คน โดยปราชญช์ าวบา้ นทงั้ 10 คน ท่ไี ด้รบั การแต่งตงั้ จะเป็นคลังสมองของหมู่บ้านในการคดิ แก้ไขปญั หาและ
พฒั นาใหเ้ กดิ ความเจริญท้ังในดา้ นเศรษฐกจิ สังคม และความม่นั คงภายในหมบู่ า้ น
S3 หมู่บา้ นปางเฟืองไดม้ กี ารจัดการบริหารหมูบ่ ้านในรูปคณะกรรมการโดยมีการแบ่งออกเป็น
ภารกิจในด้านต่าง ๆ ๖ ด้านหลัก ได้แก่ภารกจิ ด้านอานวยการ ภารกิจด้านเศรษฐกิจ ภารกิจด้านสิ่งแวดลอ้ ม
ภารกจิ ดา้ นสงั คม ภารกิจดา้ นวัฒนธรรม ภารกิจดา้ นการศึกษา และในปี พ.ศ. 2561 ไดม้ ีการเพิ่มภารกิจตาม
อตั ลกั ษณพ์ นื้ ที่ 1 ด้าน ไดแ้ ก่ ภารกจิ ด้านการท่องเท่ยี วและ OTOP และสง่ ผลใหห้ มู่บา้ นปางเฟอื งเปน็ หน่ึงใน
หมู่บ้าน OTOP นวัตวิถีท่ีมีช่ือเสยี งและสามารถสง่ เสรมิ ให้เกิดการท่องเท่ียวในพื้นท่รี วมไปถึงสรา้ งรายได้จาก
การขานสนิ ค้า OTOP ของหมูบ่ า้ นตามแนวทางของกรมการพฒั นาชุมชนไดเ้ ปน็ อยา่ งดี
S4 หมู่บ้านปางเฟือง เป็นหมู่บ้านท่มี ีการน้อมนาแนวทางในการบริหารตามหลักปรัชญาของ
เศรษฐกิจพอเพียงตามศาสตร์พระราชา ซึ่งนอกจากจะส่งผลให้ประชาชนในพ้ืนท่ีมีชีวิตความเป็นอยู่ที่ดี
ในเชิงประจักษ์ผ่านสังคมท่ีสงบและรายได้ในหมู่บ้านท่ีมีมากข้ึนแล้ว ยังได้รับรางวัลหมู่บ้านต้นแบบพัฒนา
81
การเรยี นร้เู ชงิ ปฏบิ ตั กิ าร (Action Learning) หลกั สตู รนกั ปกครองระดับสงู (นปส.) รนุ่ ที่ 76
ตามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง ระดับตาบล ปี พ.ศ.2562 รับรางวัลชนะเลิศบ้านสวยเมืองสุข
ปี 2563 ของอาเภอเชียงดาว และเป็นลาดับที่ 2 ของระดับจังหวัด ซึ่งเป็นรางวัลจากกรมการปกครอง
กระทรวงมหาดไทย ดาเนินการของหมบู่ า้ นทีม่ งุ่ เน้นในการสง่ เสรมิ คณุ ภาพชวี ติ ในด้านตา่ ง ๆ ของประชาชนในพน้ื ที่
ได้อย่างเปน็ รูปธรรม
จดุ ออ่ น (Weakness)
ภาพท่ี 8 จดุ อ่อนของบ้านปางเฟือง
W1 การเข้าถงึ แหล่งทนุ เพื่อการประกอบอาชีพ/พฒั นาของบา้ นปางเฟือง เป็นหนึ่งในจดุ อ่อน
ขอ้ สาคญั ทาให้ประชาชนไมม่ เี งินทนุ เพียงพอในการประกอบอาชพี เสรมิ เนือ่ งจากประชาชนสว่ นใหญแ่ ม้วา่ จะมีอาชพี
ในด้านเกษตรกรรมเป็นแหล่งรายได้หลักของชุมชน แต่อย่างไรก็ตามเม่ือพิจารณาไปถึงอาชีพเสริมหรือ
การประกอบอาชีพในเวลาว่างเปน็ เรอื่ งทีย่ ังขาดการสง่ เสริมจากภาครัฐ เพ่ือใหส้ ามารถสรา้ งงาน สร้างรายได้
ให้กับคนในหมู่บา้ นเพม่ิ เติม
W2 ประชาชนในหมู่บ้านยังมีมีการกู้หน้ี ยืมสินเพ่ืออุปโภค/บริโภคและการประกอบอาชีพ
เนื่องจากในปจั จุบัน ปัจจัยทใี่ ช้ในการผลติ อาทิ ปุ๋ย และเคร่อื งมือการเกษตรมีราคาสงู ทาให้เกิดการกหู้ น้ยี มื
สินในการหาเงนิ เข้ามาเพอ่ื ดาเนนิ การในดา้ นการเกษตรของตนเอง
W3 หมู่บ้านปางเฟืองยังมีการทาเกษตรในรูปแบบเก่า ๆ ไม่ค่อยมีการปรับเปลี่ยนแนวคิด
เพ่ือการพัฒนาตามแนวทางเกษตรสมัยใหม่ โดยท้ังนี้มีสาเหตุอันเน่ืองมาจากการขาดการแนะนา ดูแล
เพื่อยกระดับการปลกู พืชสวนและการส่งเสริมอาชีพจากภาครัฐ ทาให้ประชาชนยงั ขาดความรู้ในการเพาะปลูก
รปู แบบใหม่ทม่ี ีลกั ษณะของการใช้ต้นทุนที่ตา่ ลง รวมไปถงึ การใหผ้ ลผลิตท่ีสูงข้ึนของหมู่บ้านในอนาคต
W4 การปรับวิธีคิดเพื่อเปลี่ยนแปลงไม่ยอมรับการปรับวิธีคิดและดารงชีพทาให้เกิดความ
เหล่ือมล้าทางเศรษฐกจิ (Economy) ในปัจจบุ ันบางพนื้ ทขี่ องหมบู่ ้านยังมเี รอ่ื งของค่านิยมท่มี ีความยึดตดิ กับ
82
การเรียนรู้เชงิ ปฏบิ ตั ิการ (Action Learning) หลกั สตู รนักปกครองระดับสูง (นปส.) รุน่ ที่ 76
วัตถุที่อย่างจะนามาซง่ึ การใช้จ่ายในสว่ นทไี่ มม่ ีความจาเป็นทาใหไ้ ม่สามารถมีเงินเก็บและตน้ ทุนในการพัฒนา
ตอ่ ยอดอาชพี รวมไปถึงการคดิ แบบเกา่ ๆ ไม่เปดิ รบั สง่ิ ใหม่ ทาใหก้ ารพฒั นาตนเองเป็นไปได้ยาก
W5 เกษตรกรในพ้ืนท่ีหมู่บ้านปางเฟือง ขาดอานาจต่อรองในการกาหนดราคาผลผลิตทาง
การเกษตร เนื่องจากเป็นกลุม่ เกษตรกรทีมีขนาดเล็ก ทาให้พืชผลทางเกษตรไม่มากพอในการที่จะต่อรองกับ
กลุ่มพ่อคา้ คนกลาง โดยนอกจากนี้ ยงั ขาดการสง่ เสริมจากหนว่ ยงานในการให้ความร้คู วามเข้าใจเกีย่ วกบั กลไก
ราคาของสินคา้ และการตลาดของผลติ ผลทางการเกษตร รวมไปถึงการรวมกลมุ่ กนั เปน็ เครอื ขา่ ยเกษตรในจังหวดั
ท่ีจะทาใหเ้ กิดการนาผลผลติ มารวมกัน และกอ่ เกดิ เป็นอานาจในการตอ่ รองราคากบั พ่อค้าคนกลางในท่สี ดุ
โอกำส (Opportunities)
ภาพท่ี 9 โอกาสของบา้ นปางเฟอื ง
O1 เป็นเส้นทางการคมนาคมหลักระหว่างเชียงใหม่ อาเภอเชียงดาว อาเภอฝาง และอาเภอ
ไชยปราการ ทาให้บา้ นปางเฟอื งเป็นหนึ่งในจดุ ยทุ ธศาสตรท์ ี่จะสามารถเป็นจดุ ท่องเทีย่ วของประชาชนทีม่ ีการ
สัญจรไป-มา ในพ้ืนท่ีดังกล่าวข้างต้น อย่างไรก็ตาม หากมีการพัฒนาบ้านปางเฟืองในทิศทางที่ถูกต้องก็จะ
สามารถเพม่ิ โอกาสในการเปน็ หมดุ หมายในการทอ่ งเที่ยว (Tourist Destination) พร้อมกบั การเป็นแหลง่ การ
ผลิตทางดา้ นการเกษตรท่ีมศี กั ยภาพไปพร้อมกันได้
O2 บ้านปางเฟืองมีพ้ืนท่ีและภูมิอากาศเหมาะกบั การปลูกพืชสวน โดยมีพืชผลท่ีสาคัญ เช่น
ลาไย มะม่วง ทาให้หมู่บ้านปางเฟืองมีโอกาสในการเพมิ่ รายได้ให้กับประชาชนในหมู่บา้ นได้เป็นอย่างดี โดย
นอกจากน้ี ผลผลิตท่ีได้มายังมีการนาไปแปรรูปเป็นสินค้าชนิดต่าง ๆ โดยการก่อต้ังวิสาหกิจชุมชน 3 แห่ง
ประกอบไปด้วยวิสาหกิจชุมชนกลุ่มลาไย วิสาหกิจชุมชนกล่มุ มะม่วง และวิสาหกจิ ชุมชนกลุ่มแปรรูปผลผลิต
ทางการเกษตร เปน็ การเพ่มิ มูลค่าสนิ คา้ เกษตร (Value Added) เพือ่ ประชาชนในพ้นื ท่ีมีชีวิตความเป็นอยู่ท่ีดี
เนอื่ งจากมรี ายไดท้ ส่ี ูงขึ้น
83
การเรียนรเู้ ชงิ ปฏิบตั กิ าร (Action Learning) หลกั สตู รนกั ปกครองระดับสูง (นปส.) ร่นุ ที่ 76
O3 มีแหล่งน้าธรรมชาติหล่อเล้ียงหมู่บ้านตลอดทั้งปี จากน้าซับใต้ดิน ซ่ึงหมู่บ้านปางเฟือง
ได้รบั งบประมาณจากกรมทรัพยากรน้า กระทรวงทรพั ยากรธรรมชาติและส่งิ แวดลอ้ ม ได้นาเอาเทคโนโลยกี าร
ใช้พลังงานแสงอาทิตย์ ซึ่งเป็นพลังงานทดแทน เข้ามาเป็นพลังงานหลกั ในการสง่ น้าจากแหล่งน้าไปยังพน้ื ท่ี
การเกษตรและการอปุ โภคตลอดทั้งปขี องหมู่บ้าน
ภาพท่ี 10 สถานทีท่ อ่ งเที่ยวหมูบ่ ้านปางเฟือง ภาพท่ี 11 โครงการสง่ นา้ ดว้ ยพลงั งานแสงอาทิตย์
ภาพท่ี 12 แหลง่ น้าและท่อสง่ นา้ พลงั งานแสงอาทติ ย์ ภาพที่ 13 แผง Solar Cell
ภาพท่ี 14 ถงั พกั นา้ ระหวา่ งการส่งด้วยพลังงานแสงอาทติ ย์
84
การเรียนร้เู ชงิ ปฏบิ ตั กิ าร (Action Learning) หลักสูตรนักปกครองระดับสงู (นปส.) รนุ่ ท่ี 76
ขอ้ จำกดั (Threats)
ภาพท่ี 15 ข้อจากดั ของบ้านปางเฟอื ง
T1 หมู่บา้ นปางเฟอื ง เปน็ หนง่ึ ในพ้ืนทีของจงั หวัดเชยี งใหม่ทมี่ ักจะได้รบั ผลกระทบจากภยั พบิ ตั ิ
ด้านไฟป่าและหมอกควัน ท่ีเป็นปัญหาหลกั ของพ้นื ท่ีในจังหวัดเชียงใหมแ่ ละภาคเหนือโดยทว่ั ไป ซึ่งส่งผลให้
ประชาชนในพื้นที่มีความเส่ียงในการเกิดปัญหาสุขภาพ โดยเฉพาะด้านทางเดินหายใจ และผลกระทบ
ทางเศรษฐกิจ
T2 ภูมิอากาศที่เปล่ียนแปลง (Climate Change) ของโลกโดยเฉพาะการเปล่ียนแปลงของ
ฤดกู าลที่ไมเ่ ป็นไปตามปกติ ทาใหป้ ระชาชนในพืน้ ที่มคี วามยากลาบากในการใช้ชีวติ จากวิถเี ดิม รวมไปถึงการ
เปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศยังส่งผลต่อผลผลิตทางการเกษตรในพื้นท่ี ซึ่งจาเป็นอย่างมากที่จะต้อง
ปรับตัวเพอ่ื ใหส้ ามารถดาเนนิ ชีวิตได้โดยปกติ
T3 ที่ดนิ ส่วนใหญ่เป็นพืน้ ท่ีท่ีไมส่ ามารถ ถือครองกรรมสทิ ธ์ทิ ด่ี นิ อันเนื่องมาจากพ้นื ทสี่ ่วนใหญ่
เป็นพ้ืนท่ีป่าสงวนแห่งชาติและพ้ืนที่ป่าอนุรักษ์ ทาให้ประชาชนในพ้ืนที่มีพื้นที่การเกษตรอยู่อย่างจากัด
นอกจากนี้ เมอื่ ไมม่ กี รรมสิทธใิ์ นทด่ี นิ ทากนิ กไ็ มส่ ามารถทจ่ี ะนาเอกสารสาคัญไปเขา้ ร่วมโครงการในการสง่ เสรมิ
การเพาะปลูกพชื ผลทางการเกษตรตามโครงการต่าง ๆ ของภาครฐั ได้
T4 ราคาผลผลติ ตกตา่ โดยท่ีเกษตรกรในพื้นท่ไี มส่ ามารถท่จี ะควบคมุ ราคาของสินคา้ ได้
ภาพท่ี 16 แสดงปญั หาไฟป่า ฝนุ่ ควนั ในพนื้ ท่ี
85
การเรียนร้เู ชิงปฏบิ ตั กิ าร (Action Learning) หลกั สูตรนักปกครองระดบั สงู (นปส.) รุ่นที่ 76
ภาพท่ี 17 บรรยากาศการประชุมและเก็บข้อมลู เพอ่ื การวิเคราะห์ SWOT
2.2 ระดบั ควำมสำมำรถของชมุ ชนในกำรจัดกำรปญั หำและพัฒนำตนเอง
บ้านปางเฟืองเป็นหมู่บา้ นที่มีความเข้มแข็งในการมีส่วนร่วมของคณะกรรมการหม่บู ้าน
และผูใ้ หญ่บา้ นทเี่ ปน็ ผนู้ าทม่ี วี สิ ยั ทัศนโ์ ดยแบ่งหม่บู ้านออกเปน็ คมุ้ หมวดเป็นการดแู ลกันเองเบ้อื งต้นเพ่อื แก้ไข
ปัญหาและความต้องการของชาวบ้านโดยผ่านคุ้มหมวด ยกตัวอย่างด้านการจัดการไฟป่าในพื้นที่อาศัย
คณะกรรมการหมูบ่ ้านเป็นชุดลาดตระเวนและมีจิตอาสาในหมบู่ า้ นด้วย จึงสามารถปอ้ งกันไฟป่าได้ถึง 95%
ซึ่งอยู่ในพื้นท่ีของกรมป่าไม้และกรมอุทยาน สัตว์ป่าและพันธ์ุพืช ด้านพัฒนาได้มีการส่งเสริมอาชีพด้าน
เกษตรกรรม เช่นปลูกมะม่วงปลกู ลาไยและนามาแปรรปู เป็นกลุ่มแปรรูปวิสาหกิจชมุ ชนกลมุ่ มะมว่ ง วิสาหกิจ
ชุมชนกลมุ่ ลาไยและวสิ าหกิจชมุ ชนกลุ่มแปรรปู ผลผลิตทางการเกษตร ดา้ นสง่ เสริมด้านหตั ถกรรมการจักสาน
การทาเฟอร์นเิ จอร์ไมไ้ ผ่ สง่ เสรมิ ด้านท่องเทย่ี ว OTOP นวัตวิถีโดยมีโฮมสเตยห์ ลายแหง่ เพ่อื รองรับนกั ทอ่ งเที่ยว
ภาพที่ 19 กลุ่มวิสาหกจิ ชมุ ชนของบ้านปางเฟือง
2.ภ3าพกำทรี่ ร2่ว0มคกดิล่มุกเับกชษุมตชรนแปในรกรปูำรดหอำยแหนลววทงำทำใหช้ มุ ภชานพอทย่ี ู่ร2อ1ดปภลาพอดราภงัยวแัลลขะอยงบงั่ ยา้ นื ปางเฟอื ง
86
การเรยี นรู้เชิงปฏิบัตกิ าร (Action Learning) หลักสตู รนักปกครองระดบั สงู (นปส.) รุ่นท่ี 76
ถอื วา่ เป็นความโชคดีของบ้านปางเฟอื งที่มีภูมิศาสตร์ทตี่ ั้งทด่ี ี มผี ูน้ าทีด่ ี มปี ราชญ์ชาวบา้ น
ทอ่ี ุทิศตนใหเ้ ป็นประโยชนโ์ ดยเรมิ่ ตน้ จากการสง่ เสริมให้ประชาชนในพ้นื ทปี่ ลูกพชื สวนแทนการทาไรเ่ ลอ่ื นลอย
มีการปลูกมะม่วง ปลูกลาไยและชุมชนเองก็เป็นชุมชนท่ีมีส่วนร่วมให้ความร่วมมือท่ีดี จึงสามารถทาให้
ประชาชนมีรายได้ทเี่ พม่ิ ขนึ้ พ้นเสน้ ความยากจนของ จปฐ ท่ีมเี สน้ ความยากจนไว้ท่ี 38,000 บาทถว้ นชาวบ้าน
ปางเฟืองแห่งน้ีถือว่าเป็นหมู่บ้านท่ีทาให้ชุมชนอยู่รอดปลอดภัยมีความม่ันคงทางด้านเศรษฐกิจและสังคม
ภายใต้หลักปรชั ญาของเศรษฐกิจพอเพียงอย่างย่ังยืน
3. กำรศกึ ษำเรียนรู้นโยบำยภำครฐั และผลกระทบต่อกำรพฒั นำของชุมชน
บ้านปางเฟืองมีความเห็นร่วมกันว่าต้ังแต่รัฐบาลพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชาได้มีแผนงาน/
โครงการ ที่ตรงกับความต้องการของประชาชนในพื้นท่ีอย่างท่ีสุดโดยสามารถจาแนกออกเป็นโครงการต่าง ๆ
อาทิ
- โครงการยกระดับศักยภาพหมู่บ้านเพื่อขับเคล่ือนเศรษฐกิจฐานรากตามแนวทางประชารัฐ
หรือโครงการหมู่บ้านละ 200,000 บาท ท่ีเปิดโอกาสให้กับประชาชนในระดับหมู่บ้านรับงบประมาณจาก
ภาครัฐไปแก้ไขปัญหาในพนื้ ท่หี มูบ่ า้ นของตนเอง
- โครงการส่งเสริมความเป็นอยู่ระดบั ตาบล โดยมีการอัดฉีดเมด็ เงนิ ลงไปในพ้ืนทต่ี าบลละ 5 ลา้ นบาท
โดยมวี ัตถปุ ระสงค์หลักในการจัดการกบั ปญั หาท่ีเกดิ ข้ึนในพื้นที่ชุมชน
- โครงการบัตรสวสั ดกิ ารแหง่ รัฐ ที่ประชาชนในหมบู่ ้านได้มีสว่ นเขา้ ร่วมในพ้ืนท่ี ทาให้ประชาชน
ท่มี รี ายไดน้ ้อย ไดร้ ับการสนับสนุนจากภาครฐั ไดอ้ ย่างมีประสทิ ธภิ าพ
- โครงการเงนิ เยียวยาชดเชยผู้ทไ่ี ด้รับผลกระทบจากโรคติดเช้ือไวรัสโควิด 2019 พื้นที่การเกษตร
ในพน้ื ทบี่ ้านปางเฟอื งไดร้ บั การเยียวยาจากภาครัฐโดยเฉพาะกล่มุ ที่เพาะปลูกลาไย ในอัตราไรละ 2,000 บาท
บ้านปางเฟืองสามารถนานโยบายของรัฐบาลมาปฏิบตั แิ ละให้ประชาชนเข้ามามสี ่วนร่วมมากทีส่ ดุ
จงึ เปน็ หม่บู า้ นที่สามารถแปลงยทุ ธศาสตร์สู่การปฏิบตั ไิ ดผ้ ล 100 %
87
การเรียนรู้เชิงปฏิบตั กิ าร (Action Learning) หลักสูตรนักปกครองระดับสงู (นปส.) รุ่นที่ 76
ส่วนท่ี ๒
ประเด็นกำรพัฒนำของชุมชน
1. ควำมเสีย่ งทจ่ี ะไมม่ ชี วี ติ ทม่ี ั่นคงของบุคคล ครอบครัวและชุมชน
สาหรับประเด็นในด้านความเสี่ยงท่ีจะไม่มีชีวิตท่ีมั่นคงของบุคคล ครอบครัว และชุมชนของ
ชาวบ้านปางเฟือง จากการวิเคราะห์และเก็บข้อมูลจากแบบสอบถามและการสัมภาษณ์เชิงลึกทาให้พบว่า
ปญั หาในประเด็นขา้ งต้นของหมู่บ้านปางเฟอื งนน่ั สามารถที่จะจาแนกออกเป็น 2 ประเด็นหลกั คอื ประเด็นดา้ น
ภัยพิบตั ิทางธรรมชาติ และ การระบาดของโรคตดิ เชอ้ื ไวรสั โคโรนา่ 2019 ในปัจจุบนั มีรายละเอียดดังนี้
1.1 ประเด็นด้านภัยพิบัติทางด้านธรรมชาติท่ีชาวบ้านปางเฟืองจะต้องเผชิญ อาทิ ภัยแล้ง
ที่ส่งผลต่อสภาพความเป็นอยู่และปริมาณผลผลิตในพื้นที่ รวมไปถึงในหน้าฝนจะเกิดดินโคลนถล่มในพื้นท่ี
ซงึ่ เป็นอันตรายตอ่ ทัง้ การดาเนินชวี ิตและการสญั จรในพืน้ ท่ี นอกจากน้ียังมีสาธารณภยั ทสี่ าคัญทสี่ ดุ คอื ปัญหาไฟปา่
และหมอกควัน อย่างไรก็ตาม แม้ว่าบ้านปางเฟืองเองจะไมม่ ีจุดความร้อน (Hotspot) ในพื้นท่ี แต่กลับไดร้ บั
ผลกระทบจากฝุ่นควันท่ีพัดมาจากภายนอกข้ามแดนมาก่อให้เกิดมลพิษทางอากาศ โดยจากปัญหาฝุ่นควัน
ดังกล่าวได้มีการแก้ไขโดยใช้กลไก คณะกรรมการหมูบ่ ้านและจติ อาสาหมู่บ้านเดินลาดตระเวนให้มีสว่ นรว่ ม
ในการจัดการความเส่ยี งใหก้ บั ชุมชนได้โดยสภาพพ้นื ทม่ี ีความพรอ้ มในการจัดตง้ั ชุมชน
1.2 ประเด็นด้านการระบาดของโรคติดเช้ือไวรัสโคโรน่า 2019 ซึ่งเป็นปัญหาใหญ่ของประเทศใน
ขณะนี้ ทาให้เห็นวา่ หมูบ่ า้ นปางเฟอื งมแี นวทางในการรบั มือได้เป็นอยา่ งดี มกี ารบรู ณาการการทางานระหว่าง
คณะกรรมการหมู่บ้านและ อสม. ซ่ึงเป็นเจ้าหน้าท่ีด่านหน้า (Front-line) ในการทาการคัดกรองผู้ท่ีเดิน
ทางเข้า-ออกพื้นท่ี รวมไปถึงการเฝ้าระวังไม่ให้ประชาชนในหมูบ่ า้ นมีการติดเชื้อในห้วงเวลาตา่ ง ๆ ได้อย่างมี
ประสทิ ธภิ าพ ทาใหไ้ ม่มผี ูต้ ดิ เชือ้ ไวรัสโคโรน่า 2019 ในพ้นื ท่หี มู่บ้าน
ภาพที่ 22 ปัญหาไฟป่าและฝ่นุ ควนั PM 2.5 ในพนื้ ทบ่ี ้านปางเฟือง
88
การเรยี นรเู้ ชิงปฏบิ ตั กิ าร (Action Learning) หลกั สูตรนกั ปกครองระดับสูง (นปส.) รุน่ ท่ี 76
2. ระดับกำรพัฒนำของหมู่บ้ำน
หมู่บ้านปางเฟืองเริ่มก่อตั้งเม่ือปี พ.ศ. 2481 ชื่อหมู่บ้านหนองช้างตาย อยู่ในตาบลเมืองงาย มี
ชาวบ้านอาศัยรวมอยปู่ ระมาณ 15 ครัวเรือน ประกอบอาชีพเลยี้ งสัตว์และการหาของป่าขาย ต่อมาเม่อื พ.ศ. 2522
ตาบลเมอื งงายไดแ้ บง่ เปน็ ๓ ตาบล ได้แก่ ตาบลเมอื งงาย ตาบลปิงโคง้ และตาบลทุง่ ข้าวพวงหมูบ่ า้ นหนองชา้ งตาย
ได้แยกออกจากตาบลเมืองงายมาอยู่กับตาบลปิงโค้งและใช้ช่ือว่าหมู่บ้านปางเฟือง ได้มีการปรับปรุงสถานที่
อันเป็นแหล่งน้าขนาดใหญ่ในหมูบ่ ้านเพื่อใช้ประโยชน์ร่วมกันแต่ก็ยังประกอบอาชีพ ในลักษณะไร่เลื่อนลอย
รายไดไ้ ม่ชัดเจนไม่มกี ารรวมกลุ่มประกอบอาชีพ
ต้ังแต่ปี พ.ศ. 2540 เป็นต้นมา จนถงึ ปจั จุบนั ชาวบ้านได้รบั ข้อมูลขา่ วสารมากข้นึ ประกอบกบั ภาครัฐ
มีนโยบายและโครงการในการส่งเสริมสนับสนุนท้ังเทคโนโลยีและแหล่งเงินทุนทาให้มีการส่งเสริม
การประกอบอาชีพโดยใช้พ้ืนท่ีส่วนใหญ่ปลูกพืชเศรษฐกิจได้แก่ ลาไย พันธุ์อีดอ ในพ้ืนที่ 1,100 ไร่
โดยประมาณและปลูกมะม่วงพันธ์น้าดอกไม้ ในพ้ืนท่ี 600 ไร่ โดยประมาณ สร้างรายได้ให้กับประชาชน
ในพ้ืนท่ี โดยเฉพาะกลุ่มลาไยมีรายได้ปีละ 50 ล้านบาท และกลุ่มมะม่วงมีรายได้ปีละ 40 ล้านบาท
โดยประมาณ อกี ท้ังยังสามารถรวมกล่มุ เป็นวิสาหกจิ ชุมชนในการแปรรูปผลผลติ ทางการเกษตรเปน็ ผลิตภัณฑ์
OTOP ของดีบ้านปางเฟอื งหลายชนิดเช่น ชาเชียงดาว เมี่ยงคา แยมมะม่วง น้ามะม่วงมหาชนกและยงั เป็น
หมู่บ้านตามโครงการชมุ ชนทอ่ งเทีย่ ว OTOP นวตั วถิ ขี องจงั หวัดเชียงใหม่อกี ดว้ ย ทาใหเ้ หน็ วา่ หมู่บา้ นปางเฟอื ง
มีศักยภาพท่ีจะทาการยกระดับพัฒนาให้เป็นหมู่บ้านที่มีความพร้อมของแหล่งท่องเที่ยวที่พักและแหล่ง
สิ่งอานวยความสะดวกต่างๆเพือ่ ต้อนรับผ้ทู ม่ี าเยอื นบา้ นปางเฟอื งจะนามาสงิ่ การกระจายรายได้ใหก้ บั ชุมชน
ทาให้บ้านปางเฟืองเปน็ หมู่บ้านท่ีมีการพัฒนาในระดับพออยู่ พอกิน ตามแนวทางการพัฒนาชุมชนของกรม
การพัฒนาชมุ ชนอย่างยั่งยืน
ภาพท่ี 23 สรุปการพฒั นาของบ้านปางเฟอื ง
ภาพท่ี 24 ตัวอยา่ งไร่ลาไยพนั ธ์ุ อดี อ ของบา้ นปางเฟือง
89
การเรียนรเู้ ชงิ ปฏบิ ตั ิการ (Action Learning) หลักสูตรนักปกครองระดับสงู (นปส.) รุ่นที่ 76
3. สดั ส่วนจำนวนครัวเรือนที่ไมพ่ ออยูพ่ อกิน
ตามวิสัยทัศนข์ องหม่บู า้ น “เป็นหมู่บ้านรักษ์สิง่ แวดลอ้ มน้อมนาศาสตรพ์ ระราชา” จากการสารวจ
ในพ้ืนท่ีไม่มีครัวเรือนไหนท่ีไม่พออยู่พอกินเน่ืองจากได้น้อมนาศาสตร์พระราชาเศรษฐกิจพอเพียงมาใช้โดย
มรี ายละเอียดดงั ตอ่ ไปน้ี
1. ใช้ชีวติ โดยมคี วามพอประมาณไมม่ ีภาวะหนี้สนิ ไมก่ ู้เงนิ เกินตัว สง่ ผลใหป้ ระชาชนในพ้ืนทไ่ี ม่มี
ปญั หาหนี้สนิ ไมก่ อ่ ใหเ้ กดิ อาชญากรรมการลกั เล็กขโมยนอ้ ยในพ้นื ที่ รวมไปถงึ การทีป่ ระชาชนร้จู กั มีความพอเพยี ง
ยังนามาซึ่งความสุขในการดารงชีวิตในสังคมและมีการแบ่งปันซึ่งกันและกันในพ้ืนที่ พร้อมกันน้ีเอง ก็ยังเปน็
การป้องกันปัญหาด้านวตั ถนุ ยิ มอนั เปน็ เหตุใหเ้ กิดความไม่พอเพียงอีกดว้ ย
2. ความมเี หตุผลทีป่ ระชาชนพิจารณาถงึ เหตปุ จั จยั ในการดาเนนิ ชวี ติ ซง่ึ ในสว่ นดงั กลา่ วจะเหน็ ได้วา่
ประชาชนในบ้านปางเฟืองได้นาหลักเหตุผลในการดารงชีวิตมาใช้ทาใหก้ ารดาเนินชีวิตของประชาชนในพ้ืนที่
มีความสงบสขุ และสามารถทจ่ี ะจัดการปญั หาต่าง ๆ ไดอ้ ย่างเป็นระบบ
3. มีภูมิคุ้มกนั ในตวั ท่ีดี ซึ่งจะสามารถสงั เกตไดจ้ ากกรณที ่ีราคาพืชผลตกตา่ เกษตรกรในพื้นที่เอง
ก็มีการปรบั ตัวโดยปรับเปล่ียนวิธีในการจัดส่งผลติ ผลจากเดิมท่ีเคยส่งเป็นรายฤดูก็สามารถที่จะปรับตัวเองได้
โดยโดยการปลูกผักสวนครวั ขายเปน็ รายสัปดาหเ์ พอ่ื ขายจาหนา่ ยกอ่ นทส่ี วนออกผลผลิต
นอกจากนีย้ ังไดอ้ าศัยหลักการ 2 เงอื่ นไขอันได้แก่
1. เงื่อนไขความรู้โดยอาศัยปราชญ์ชาวบ้านที่เป็นผู้นาหมู่บ้านทีม่ ีความรู้ด้านมะม่วงและลาไย
นามาใหป้ ระชาชนในพ้ืนที่ปลกู ทาให้เกิดรายได้มาถึงปจั จบุ ันมากข้ึน พรอ้ มกันน้ยี ังได้นาเอาภูมปิ ัญญาชาวบ้าน
ทม่ี กี ารสงั่ สมต้งั แตใ่ นสมยั โบราณมาประกอบปรับใชก้ บั เทคโนโลยีการผลิตสมยั ใหม่
2. เงอื่ นไขคณุ ธรรม ในหมู่บา้ นปางเฟอื งจากแบบสารวจไม่มีปัญหาดา้ นอาชญากรรมไมม่ ีคนติด
สรุ ายาเสพตดิ ไมม่ อี บายมขุ และไดร้ บั ธงจากกองทุนแม่ของแผ่นดนิ ครัวเรือนนปี้ ลอดภัยจากยาเสพติด 100%
ของพื้นที่ จึงทาให้ประชาชนในพ้ืนที่ไม่มีครัวเรือนท่ีต่ากว่าเกณฑ์ จปฐ ปี 2562 ในเรื่องรายได้จึงยืนยันได้
วา่ บ้านปางเฟืองไดท้ าตามวิสยั ทัศนห์ มู่บ้านได้อยา่ งมปี ระสิทธภิ า
ภาพท่ี 25 ปรชั ญาเศรษฐกิจพอเพียงทีห่ มบู่ า้ นปางเฟืองนอ้ มนามาปฏบิ ัติ
90
การเรียนรู้เชงิ ปฏิบตั กิ าร (Action Learning) หลักสูตรนักปกครองระดบั สูง (นปส.) รุ่นท่ี 76
4. กจิ กรรมกำรพัฒนำที่ชมุ ชนจะทำเองเพอื่ ให้ทุกชีวิตอยู่ดีมสี ุขในปีน้ี
บ้านปางเฟืองไดน้ าเสนอความอยู่ดมี ีสุขทท่ี าในปีน้ี 2 เรอื่ งได้แก่
4.1 ความมั่นคงทางอาหารโดยกรมการพัฒนาชุมชนส่งเสริมให้มีการปลูกผักสวนครัวเป็นการลดรายจ่ายของ
ครัวเรือน พรอ้ มกับนโยบายแนวทางของกรมสง่ เสริมการเกษตรสง่ เสรมิ ใหเ้ ล้ยี งไกไ่ ขท่ กุ ครัวเรอื นเพอื่ เป็นแหลง่
โปรตีนให้กับประชาชน ทาให้ชาวบ้านในบ้านปางเฟืองมีการดารงชีวิตอย่างมีความสุขมากย่ิงข้ึน เนื่องจากมี
ความม่ันคงทางอาหารอย่างยั่งยืนตามแนวนโยบายของรัฐบาล อีกท้ังยังเปน็ การลดรายจ่ายภายในครัวเรือน
ทาให้ประชาชนมเี งินออม รวมไปถงึ เป็นการเพิม่ ต้นทุนในการต่อยอดการเกษตรภายในครวั เรอื นอย่างยั่งยืน
ภาพท่ี 26 ผลผลติ ของประชาชนในหมู่บา้ น
4.2 การกาจัดขยะโดยใช้ 3 ช คือนากลับไปใช้ (REUSE) ลดการใช้ (REDUCE) และรีไซเคิล
(RECYCLE) โดยมีการแยกตั้งแต่ครัวเรือนทาขยะเปียกไปทาปุ๋ยโดยเสวียนรอบต้นไม้ขยะพลาสติกขวดแก้ว
นาไปขาย เป็นเงินกองทุนขยะของหมู่บ้านโดยใช้ชื่อ “ขยะออมบุญ” มีวัตถุประสงค์ให้เป็นสวัสดิการชุมชน
โดยทุกครัวเรือนนาใบไม้ไปทาปยุ๋ เพื่อลดการเผาขยะด้านการเกษตรลดลง นับว่าเป็นหนึ่งในการทางานของ
หมูบ่ า้ นท่จี ะเปน็ การสร้างความสุขในการลดขยะไปพร้อมกันกบั การเสริมสร้างรายได้ให้คนในชุมชน พรอ้ มทง้ั
เป็นการบริหารจัดการขยะท่ีเปน็ วาระสาคัญของโลกไปอกี ทางหน่งึ
ภาพท่ี 27 หลกั การ 3 ช
91
การเรียนรเู้ ชิงปฏบิ ตั กิ าร (Action Learning) หลักสตู รนกั ปกครองระดับสงู (นปส.) รนุ่ ที่ 76
ภาพท่ี 28 เสวียนกาจดั ใบไม้ในหมบู่ ้าน
5. บทเรียนที่ไดร้ บั จำกกำรศกึ ษำเรียนรู้เชงิ ปฏิบตั ิกำร (Action Learning)
จากการศึกษาเรียนรู้เชิงปฏิบัติการ (Action Learning) โดยสามารถจาแนกออกมาเป็นประเด็นได้
ดังนี้
5.1 ประสิทธิภาพและประสิทธิผลของการปฏิบัติงานตามนโยบายของรฐั บาล จากท่ีกล่าวไป
ในข้างต้นของรายงานฉบับน้ีว่าการดาเนินงานตามนโยบายของภาครัฐส่วนใหญ่ของบ้านปางเฟืองเป็นไปได้
อย่างมีประสิทธิภาพ โดยเฉพาะการแก้ไขปัญหาความยากจนภายในหมู่บ้านอันเน่ืองมาจากผลกระทบ
ดา้ นการเกษตรจนเป็นชุมชนหม่บู ้านท่ปี ระชาชนทุกคนในพื้นที่มรี ายได้เฉลี่ยมากกว่าเส้นความยากจน
ถือได้ว่าบ้านปางเฟืองได้นาแผนพัฒนาหมบู่ ้านมาสู่การปฏิบัตเิ ป็นการดาเนินการภายใต้
One Plan อย่างแท้จรงิ จงึ เกิดเป็นรูปธรรมท่ชี ัดเจน และเกิดผลสมั ฤทธกิ์ ับพ่ีน้องประชาชนในหมบู่ า้ นทาใหเ้ กดิ
การกนิ ดอี ยู่ดี มีเศรษฐกิจท่ดี ี สงั คมทีด่ ี ชีวติ มคี วามสุข
92
การเรยี นรู้เชิงปฏิบตั กิ าร (Action Learning) หลักสูตรนกั ปกครองระดับสูง (นปส.) รุน่ ที่ 76
ภาพที่ 29 การเช่ือมโยงยทุ ธศาสตร์ตามระเบยี บ One-Plan
5.2 ประเดน็ การพัฒนาในระดับชุมชน/ทอ้ งถ่นิ
- การจัดหาแหลง่ น้าใหเ้ พยี งพอท้งั ปตี ่อการเกษตรของทกุ ครวั เรือนทท่ี าการเกษตรในชุมชนเนอ่ื งจาก
บ้านปางเฟืองมีต้นทุนนา้ ทส่ี งู แต่ยงั ขาดการบรหิ ารจดั การ ดา้ นระบบการส่งน้าอปุ โภคและดา้ นการเกษตรทม่ี ี
ประสทิ ธภิ าพ ตอ่ มาได้รับการสนบั สนนุ งบประมาณจากกรมทรัพยากรนา้ จานวน 9.9 ล้านบาท เพอื่ นามา
ติดตั้งระบบกระจายนา้ ด้วยพลงั งานแสงอาทติ ยเ์ ข้าสพู่ นื้ ที่ของหมบู่ า้ นและด้านการเกษตร ซง่ึ จะทาใหเ้ สร็จ
ภายในเดอื นเมษายนนี้ จึงมขี ้อเสนอแนะใหม้ กี ารจดั การนา้ อยา่ งเปน็ ระบบมากข้นึ และระบบประปาหม่บู า้ นท่ี
ชารุดจานวน 2 จดุ ใหค้ ณะกรรมการหมู่บา้ นเร่งสารวจจัดทาประมาณการเพ่อื สง่ โครงการขอรบั งบประมาณ
ผา่ นโครงการขบั เคลอื่ นไทยไปด้วยกัน ซ่ึงหากไดร้ บั การสนบั สนนุ ก็จะทาใหร้ ะบบ
- สง่ นา้ มีความสมบรู ณ์ครอบคลมุ พื้นทที่ างการเกษตร
- การจดั การปา่ ชมุ ชนเพื่อการบริโภคและสรา้ งรายได้ให้กับชมุ ชน ในปจั จุบัน
93
การเรียนร้เู ชงิ ปฏิบตั กิ าร (Action Learning) หลักสูตรนักปกครองระดับสูง (นปส.) ร่นุ ที่ 76
- จากการศึกษาเรียนรู้เชิงลึก พบว่าปัญหาด้านการบริหารจัดการป่าชุมชนในการสร้างรายได้ของ
ประชาชนในพื้นท่ียังเป็นปัญหาความขัดแย้ง เน่ืองจากประชาชนในพ้ืนท่ีต่างมีความต้องการท่ีจะใช้พ้ืนท่ใี น
การเข้าไปทาการเกษตรและการหาของป่า เพ่ือสรา้ งรายได้ใหก้ ับครอบครัว แต่อย่างไรก็ตาม เม่ือไม่ไดม้ ีการ
บริหารจัดการหรือจัดสรรพ้ืนที่กันอย่างเป็นระบบก็จะส่งผลเสียให้เกิดความขัดแย้งตามมา ดังน้ัน จึงขอให้
เสนอให้มีการตกลงจัดสรรแนวทางการใช้พ้ืนที่กัน ในที่ประชุมคณะกรรมการหมูบ่ ้านอย่างสมา่ เสมอเพ่อื ลด
ปญั หาความขดั แยง้ ดังกล่าว
- การสร้างทักษะฝมี อื เพือ่ เพิ่มผลผลติ การแปรรปู การตลาดเพ่ือเพิม่ รายไดแ้ ละลดต้นทุนของกลุ่มการ
ผลิตในชุมชน บ้านปางเฟืองมีสินค้าด้านการเกษตรและผลิตภัณฑ์ OTOP หลากหลาย ท้ังผลิตภัณฑ์จักสาน
และผลิตภัณฑผ์ ลไม้แปรรูป แต่อย่างไรก็ตาม ผลิตภัณฑ์ดังกลา่ ว ยังขาดความเป็นอัตลักษณ์ของหมู่บ้านปาง
เฟือง ซึ่งหากจะพฒั นาให้เกิดอัตลักษณ์จาเป็นจะต้องค้นหาตัวเองให้พบ และมีความชัดเจนในอตั ลักษณ์ของ
ชุมชน แล้วจึงประชาสัมพนั ธ์ใหน้ ักท่องเทย่ี วไดร้ ู้จักและนกึ ถึงบ้านปางเฟืองได้ทนั ทพี ร้อมสง่ เสริมด้านการคา้
ผ่านระบบออนไลน์เพ่ือเป็นการเพมิ่ ชอ่ งทางให้กบั ชาวบ้านปางเฟอื งใหม้ ากขึน้
ภาพท่ี 30 พื้นท่ีป่าชมุ ชนของบา้ นปางเฟอื ง ภาพท่ี 31 การสง่ มอบบทเรียนคนื สู่ชมุ ชนบ้านปางเฟอื ง
94
การเรียนรเู้ ชิงปฏบิ ตั กิ าร (Action Learning) หลักสูตรนกั ปกครองระดบั สงู (นปส.) รนุ่ ที่ 76
รายงานการเรยี นรู้เชงิ ปฏิบัติ (Action Learning)
บา้ นแม่แมะ ตาบลแม่นะ อาเภอเชยี งดาว
จังหวัดเชียงใหม่
จดั ทำโดย
กลุ่มปฏิบตั ิกำรท่ี (กป.) 9
นางสาวเพชรรตั น์ ภมู าศ นายอาเภอนางรอง จังหวัดบรุ รี มั ย์
นางเนาวรตั น์ เอกภาพนั ธ์ หวั หน้าสานักงานปอ้ งกันและบรรเทาสาธารณภยั
จงั หวดั พิษณุโลก
นายกฤษณะ พินิจ หัวหน้าสานักงานจงั หวดั เชยี งราย
นายอาเภอจะแนะ จงั หวดั นราธิวาส
ว่าทรี่ อ้ ยตรี สมบัติ สิงห์คาร นายอาเภอบางแพ จงั หวัดราชบุรี
นายอาเภอนาปาด จงั หวัดอตุ รดติ ถ์
นายสายชล จันทร์เพ็ญ โยธาธิการและผังเมือง จังหวดั ยโสธร
ทอ้ งถิ่นจงั หวดั นครนายก
นายศุภชยั บุญทิพย์ ผู้อานวยการสานกั อนุรักษ์สัตว์ปา่
ผอู้ านวยการสานกั งานศุลกากรภาคที่ 1
นายธีรพงศ์ ไชยราช
นายกิตติพงษ์ ชปู ระสิทธ์ิ
นายสมปอง ทองสเี ขม้
นายธาดา ชุมไชโย
รำยงำนนี้เป็นสว่ นหนึง่ ของกำรศึกษำอบรมหลกั สูตรนกั ปกครองระดับสงู (นปส.) รนุ่ ที่ 76
สถำบนั ดำรงรำชำนุภำพ กระทรวงมหำดไทย
พทุ ธศกั รำช 2564
95
การเรยี นรูเ้ ชงิ ปฏบิ ัตกิ าร (Action Learning) หลกั สตู รนกั ปกครองระดบั สงู (นปส.) รุน่ ท่ี 76
คานา
บา้ นแมแ่ มะ เป็นหมู่บา้ นทอ่ งเทยี่ วเชิงอนุรักษ์ธรรมชาติ วิถชี ุมชนของที่นม่ี ีสองชนเผ่าอาศัยอยู่รว่ มกัน
คือ ชนพ้ืนเมือง และชนเผ่าลาหู่ (มูเซอ) ซึ่งในสมัยก่อนจะนิยมเก็บเมี่ยง เก็บชาเป็นอาชีพต่อมาภายหลังจึง
ปรับเปล่ยี นเป็นสถานท่ีทอ่ งเท่ียวเชิงอนุรักษ์วฒั นธรรม ประเพณี จะมีการบชู ารกั ษา และบวชป่า รวมท้งั การ
ทาแนวกันไฟ เพือ่ อนรุ กั ษ์ธรรมชาติ
ปัจจุบัน “บ้านแม่แมะ” ได้รับการพัฒนาใหก้ ลายเป็นสถานท่ีท่องเทยี่ ว ท่ีได้รับความสนใจมบี ้านพัก
แบบโฮมสเตย์ ต้อนรับนักทอ่ งเทย่ี วท้ังชาวไทย และชาวต่างชาติ ท่ีแวะเวียนเข้ามาชมวิถีชีวิตในป่าเขา และ
สัมผัสกล่ินอายวัฒนธรรมทีแ่ ตกต่าง มีโฮมสเตย์ท่ีน่ารัก ๆ และกิจกรรมท่องเที่ยวท่นี ่าสนใจมากมาย ทั้งนวด
แผนไทย กิจกรรมเดินป่าศึกษาธรรมชาติ รวมถึงการเรียนรู้วัฒนธรรมชนเผ่าท่ีเรียบง่าย แต่มีเสน่ห์อย่าง
นา่ สนใจ
ในโอกาสที่ได้เข้ามาศึกษา เรียนรู้ และสัมผัสกับทีมงานท่ีเข้มแข็งของบ้านแม่แมะ ทาให้ทราบ
กระบวนการบริหารจัดการท่ีเป็นระบบ มีการแบ่งปันรายได้อย่างทั่วถึง และเป็นท่ียอมรับของชุมชน มี
การรว่ มมือร่วมใจกันสร้างแนวกันไฟ และช่วยดบั ไฟป่าเมอ่ื เกดิ ขน้ึ แม้ว่าในปัจจบุ นั หมู่บ้านจะได้รับผลกระทบ
จากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID – 19) ที่ทาให้จานวนนักทอ่ งเทย่ี ว
ท่มี าเยือนลดนอ้ ยลง แต่ก็ยังมีความร่วมมือรว่ มใจกันคิดค้นวธิ ีการ แนวทางแกไ้ ขปัญหา ด้วยการสง่ เสริมการปลกู
ชา และแปรรปู ผลผลิต เพอื่ เพิ่มรายได้แก่ชุมชนอีกทางหนง่ึ
คณะผูจ้ ัดทำ
นักศึกษำหลักสูตรนักปกครองระดับสงู รนุ่ ท่ี 76
กลุ่มปฏิบัติกำรที่ 9 (กป.9)
96