The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.
Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search

การประมวลผลการเรียนรู้เชิงปฏิบัติการ (Action Learning) ในพื้นที่จังหวัดเชียงใหม่ โครงการศึกษาอบรมหลักสูตรนักปกครองระดับสูง (นปส.) รุ่นที่ 76 (ปี 2564)

โครงการอบรมหลักสูตรนักปกครองระดับสูง (นปส.) รุ่นที่ 76 ประจำปีงบประมาณ 2564

Keywords: ด้านทั่วไป

การเรยี นรเู้ ชิงปฏบิ ตั กิ าร (Action Learning) หลักสูตรนกั ปกครองระดบั สูง (นปส.) รุ่นท่ี 76

กติ ตกิ รรมประกาศ
เอกสารรายงานการเรียนรู้เชงิ ปฏิบัติ (Action Learning) ฉบบั นี้ เป็นส่วนหนึ่งของการอบรม
หลักสูตรนักปกครองระดับสูงรุ่นท่ี 76 ประจาปี พ.ศ. 2564 ซ่ึงรายงานการเรียนรู้ครั้งน้ี จะประสบ
ความสาเร็จลงมิได้หากไม่ได้รับคาชี้แนะท่ีเป็นประโยชน์จากคณะอาจารย์ท่ีปรึกษา ซ่ึงมีส่วนสาคัญในการ
พจิ ารณาและใหข้ ้อเสนอแนะเอกสารรายงานการเรยี นรเู้ ชิงปฏบิ ตั ิ (Action Learning) ฉบบั นที้ างคณะผู้จดั ทา
ตอ้ งขอขอบพระคณุ ไว้ ณ ที่น้ี
นอกจากนี้คณะผู้จัดทาต้องขอขอบคุณผู้มีส่วนเกี่ยวข้องกับความสาเร็จในการจัดทา
เอกสารรายงานการเรียนรเู้ ชิงปฏิบัติ (Action Learning) ครงั้ นป้ี ระกอบด้วย คณะกรรมการหมบู่ า้ นทีป่ รึกษา
คณะกรรมการหมู่บ้าน บ้านแม่แมะ หมู่ท่ี 11 ตาบลแม่นะ อาเภอเชียงดาว จังหวัดเชียงใหม่ นายสมศักด์ิ
กองสถาน ผู้ใหญ่บ้านแม่แมะ พระเลิศฤทธ์ิ จันทร์ฟู วัดแม่แมะ (ทรายคา) นางสาวสุพรรษา ผ่องใส ผู้ช่วย
ผู้ใหญบ่ ้าน บ้านแม่แมะ หมู่ที่ 11 และอดตี ผู้ใหญบ่ า้ นแมแ่ มะ หมูท่ ่ี 11 ตาบลแมน่ ะ อาเภอเชียงดาว จังหวัด
เชียงใหม่ ที่ไดส้ นับสนนุ และประสานการดาเนินงานด้านขอ้ มลู ตลอดท้ังเจ้าหนา้ ที่ท่ีมสี ่วนเกี่ยวข้องในการเก็บ
รวบรวมข้อมูลเพื่อนามาใช้ประกอบการจัดทารายงานการเรยี นรคู้ รงั้ น้ี ทั้งน้ี คณะผู้จัดทา หวังเปน็ อย่างยงิ่ วา่
เอกสารรายงานการเรยี นรู้เชิงปฏิบตั ิการ (Action Learning) ฉบบั นีจ้ ะเปน็ ประโยชน์แก่ท่านผูอ้ ่าน หน่วยงาน
ทเี่ ก่ียวข้อง รวมถึงผ้ทู ่ีสนใจทั่วไปไม่มากก็นอ้ ย แตห่ ากสว่ นหน่งึ ส่วนใดมีความผดิ พลาดไม่ครบถ้วนประการใดก็
ตาม คณะผู้จัดทาขอน้อมรับไว้แต่เพยี งผู้เดียว

คณะผู้จดั ทำ
นกั ศึกษำหลกั สตู รนกั ปกครองระดบั สงู รนุ่ ที่ 76

กลมุ่ ปฏิบัตกิ ำรท่ี 9 (กป.9)

97

การเรียนรเู้ ชิงปฏิบตั ิการ (Action Learning) หลักสูตรนักปกครองระดับสูง (นปส.) รุน่ ท่ี 76

ส่วนท่ี 1

กรอบกำรเรียนรู้ดว้ ยกำรลงมือปฏิบตั ิ เพื่อเขำ้ ใจถงึ วิถชี วี ิตชมุ ชน
บ้ำนแมแ่ มะ หมูท่ ี่ 11 ตำบลแม่นะ อำเภอเชียงดำว จงั หวดั เชยี งใหม่

1.1 กำรศกึ ษำเรยี นรภู้ มู ิสังคมและวถิ ีชีวิตของชุมชน
1.2 กำรศกึ ษำเรียนรู้ระบบกำรบรหิ ำรจัดกำรชุมชน
1.3 กำรศกึ ษำเรยี นรนู้ โยบำยภำครฐั และผลกระทบตอ่ กำรพฒั นำของชมุ ชน

1.1 กำรศกึ ษำเรียนรู้ภูมิสงั คมและวถิ ีชีวิตของชุมชน

ประวัติเมืองเชยี งใหม่
เมืองเชียงใหม่ มีชื่อที่ปรากฏในตานานว่า "นพบุรีศรีนครพิงค์เชียงใหม่" เป็นราชธานี

ของอาณาจักรล้านนาไทยมาต้ังแต่พระยามังรายได้ทรงสร้างขึ้น เมื่อ พ.ศ.1839 ซึ่งมี อายุครบ 710 ปี
ในปี พ.ศ.2549 และเมืองเชียงใหม่ได้มีวิวัฒนาการ สืบเน่ืองกันมาในประวัติศาสตร์ตลอดม า
เชียงใหม่มีฐานะเป็นนครหลวงอิสระ ปกครองโดยกษัตริย์ราชวงศ์มังราย ประมาณ 261 ปี (ระหว่าง
พ.ศ.1839-2100) ในปี พ.ศ.2101 เชียงใหม่ได้เสียเอกราชให้แก่กษัตริย์พม่าชื่อบุเรงนอง และได้ตกอยู่
ภายใต้การปกครองของพม่านานร่วมสองร้อยปี จนถึงสมัยพระบาทสมเด็จพระเจ้าตากสิ นมหาราช
และพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช ได้ทรงช่วยเหลือล้านนาไทยภายใต้การนาของพระยากาวิละและ
พระยาจ่าบา้ นในการทาสงครามขับไลพ่ มา่ ออกไปจากเชียงใหมแ่ ละเมอื งเชียงแสนได้สาเรจ็ พระบาทสมเด็จพระพุทธ
ยอดฟ้าจฬุ าโลกมหาราชสถาปนาพระยากาวิละเป็นเจ้าเมืองเชียงใหม่ ในฐานะเมอื งประเทศราชของกรุงเทพมหานคร
และมเี ช้อื สายของพระยากาวลิ ะ ซงึ่ เรยี กว่า ตระกลู เจ้าเจด็ ตนปกครองเมอื งเชียงใหม่ เมืองลาพนู และลาปางสืบต่อมา
จนกระทัง่ ในรัชสมยั ของพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกลา้ เจ้าอยหู่ ัว ฯ ได้โปรดให้ปฏิรปู การปกครอง หัวเมืองประเทศ
ราช ได้ยกเลิกการมเี มืองประเทศราชในภาคเหนือ จดั ตั้งการปกครองแบบ มณฑลเทศาภิบาล เรียกวา่ มณฑลพายัพ
และเมอ่ื ปี พ.ศ. 2476 พระบาทสมเดจ็ พระปกเกลา้ เจ้าอยู่หัวได้ปรับปรุงการปกครองเป็นแบบจังหวัดเชียงใหม่จึงมี
ฐานะเป็นจังหวดั จนถงึ ปจั จุบนั

ขนำดพนื้ ทีข่ องจงั หวดั เชียงใหม่
จังหวัดเชียงใหม่ต้ังอยู่ทางทิศเหนือของประเทศไทย เส้นรุ้งที่ 16 องศาเหนือ และเส้นแวงท่ี 99

องศาตะวนั ออก สูงจากระดบั นา้ ทะเลประมาณ 1,027 ฟตุ (310 เมตร) หา่ งจากกรงุ เทพมหานคร 696 กโิ ลเมตร มี
พน้ื ที่ประมาณ 20,107.057 ตารางกิโลเมตรหรือประมาณ 12,566,910 ไร่ ใหญ่เป็นอันดับ 1 ของภาคเหนอื และ
ใหญ่เป็นอันดับ 2 ของประเทศ จาแนกเป็นพ้ืนที่ป่าไม้ 69.92 % (8,787,656 ไร่) พ้ืนที่ทาการเกษตร 12.82 %
(1,835,425 ไร่) พื้นท่ีอยู่อาศัยและอ่ืน ๆ 17.26 % (2,167,971 ไร่) อาณาเขตติดต่อโดยรอบของเชียงใหม่ ทิศ
เหนือ รัฐฉานของสหภาพพมา่ โดยมดี อยผีปนั น้าของดอยคา ดอยปกกลา ดอยหลักแต่ง ดอยถ้าป่อง ดอยถว้ ย ดอยผา
วอก และดอยอ่างขางอนั เป็นส่วนหน่งึ ของทิวเขาแดนลาว เป็นเส้นก้นั อาณาเขต ทศิ ใต้ อาเภอสามเงา อาเภอแมร่ ะมาด
และอาเภอท่าสองยาง (จังหวัดตาก) มีร่องน้าแม่ต่ืนและดอยผีปนั น้า ดอยเรี่ยม ดอยหลวงเป็นเสน้ ก้นั อาณาเขต ทิศ
ตะวันออก อาเภอแม่ฟ้าหลวง อาเภอเมอื งเชียงราย อาเภอแม่สรวย อาเภอเวียงป่าเป้า(จงั หวัดเชียงราย) อาเภอเมือง

98

การเรียนรเู้ ชิงปฏิบัตกิ าร (Action Learning) หลักสตู รนกั ปกครองระดบั สูง (นปส.) รุน่ ที่ 76

ปาน อาเภอเมืองลาปาง (จังหวัดลาปาง) อาเภอบ้านธิ อาเภอเมืองลาพูน อาเภอปา่ ซาง อาเภอเวียงหนองลอ่ ง อาเภอ
บา้ นโฮ่ง และอาเภอล้ี (จังหวัดลาพูน) ส่วนท่ีติดจังหวัดเชียงรายและลาปาง มีร่องน้าลึกของแม่นา้ กก สันปันน้าดอย
ซาง ดอยหลมุ ข้าว ดอยแม่ววั น้อย ดอยวังผา และดอยแมโ่ ตเป็นเส้นกั้นอาณาเขต ส่วนท่ีติดจังหวัดลาพนู มีดอย
ขนุ หว้ ยหละ ดอยช้างสงู และร่องน้าแมป่ ิงเปน็ เสน้ ก้นั อาณาเขต ทิศตะวันตก อาเภอปาย อาเภอเมอื งแมฮ่ ่องสอน
อาเภอขุนยวม อาเภอแม่ลาน้อย อาเภอแม่สะเรียง และอาเภอสบเมย (จังหวัดแม่ฮ่องสอน) มีดอยผีปันน้า
ดอยกิ่วแดง ดอยแปรเมอื ง ดอยแม่ยะ ดอยอังเกตุ ดอยแม่สุรินทร์ ดอยขุนยวม ดอยหลวง และร่องแมร่ ดิ แม่
ออย และดอยผปี นั น้า ดอยขุนแม่ตนื่ เปน็ เส้นก้นั อาณาเขต จังหวัดเชียงใหม่มีชายแดนติดตอ่ กับประเทศพม่า
เพียงประเทศเดยี ว และมีพื้นท่ีติดต่อใน 5 อาเภอ ได้แก่ อาเภอแม่อาย : 4 ตาบลได้แก่ ตาบลแม่อาย ตาบล
มะลกิ า ตาบลแมส่ าว ตาบลทา่ ตอน เมืองที่ตดิ ต่อคอื เมอื งยอน รฐั ฉาน อาเภอฝาง : 2 ตาบล ไดแ้ ก่ ตาบลม่อน
ป่ิน และตาบลแมง่ อน เมืองที่ติดต่อ คือ บ้านโป่งปา่ แขม เมืองต่วน รัฐฉาน อาเภอเชียงดาว : 1 ตาบล ไดแ้ ก่
ตาบลเมืองนา เมืองที่ติดต่อคือ บ้านนา้ ยมุ เมืองต่วน รัฐตองยี อาเภอเวียงแหง : 3 ตาบล ได้แก่ ตาบลเปียงหลวง
ตาบลเมอื งแหง ตาบลแสนไห เมืองทีต่ ิดตอ่ คือ บา้ นบางใหมส่ งู บ้านปางเสือเฒา่ บา้ นกองเฮอื บิน เมืองต่วน รัฐ
ตองยี อาเภอไชยปราการ : 1 ตาบลไดแ้ ก่ ตาบลหนวงบวั เมืองทต่ี ิดตอ่ คือ บ้านโปง่ ปา่ แขม เมืองตว่ น รัฐฉาน
รวมระยะทางทง้ั ส้นิ 227 กโิ ลเมตร พ้ืนทเ่ี ขตแดนสว่ นใหญเ่ ปน็ ป่าเขา ทาให้ไม่สามารถปกั หลักเขตแดนได้อย่าง
ชัดเจน จึงเกิดปัญหาเส้นเขตแดนระหว่างประเทศบ่อยครั้ง ลักษณะภูมิประเทศของจังหวัดเชียงใหม่ โดยท่ัวไปมี
สภาพพื้นท่ีเป็นภูเขาและป่าละเมาะมีท่ีราบอยู่ตอนกลางตามสองฟากฝงั่ แมน่ ้าปิง มีภูเขาสูงที่สุดในประเทศ
ไทย คือ "ดอยอินทนนท์" สูงประมาณ 2,575 เมตร อยู่ในเขตอาเภอจอมทอง นอกจากน้ียังมดี อยอ่ืน ๆ ทมี่ ี
ความสูงรองลงมาอีกหลายแห่ง เช่น ดอยฟ้าห่มปก สูง 2,285 เมตร ดอยหลวงเชียงดาว สูง 2,170 เมตร
ดอยสุเทพ สูง 1,601 เมตร สภาพพื้นที่แบ่งออกได้เป็น 2 ลักษณะ คือ พื้นที่ภูเขา ส่วนใหญ่อยู่ทางทิศเหนือและ
ทิศตะวันตกของจงั หวัด คิดเป็นพื้นที่ประมาณ 80 % ของพื้นท่ีจังหวัด เป็นพื้นท่ีป่าต้นน้าลาธารไมเ่ หมาะต่อ
การเพาะปลูก พืน้ ท่ีราบลุ่มนา้ และทีร่ าบเชงิ เขา กระจายอยูท่ ่ัวไประหว่างหุบเขาทอดตัวในแนวเหนอื – ใต้ อัน
ไดแ้ ก่ ที่ราบลุ่มน้าปิง ล่มุ น้าฝาง และลุม่ น้าแมง่ ดั เป็นพืน้ ท่ีทม่ี ีความอุดมสมบูรณเ์ หมาะสมต่อการเกษตร

ลกั ษณะภมู ิอำกำศของจังหวัดเชียงใหม่
เชียงใหมเ่ ปน็ จงั หวัดทมี่ ีสภาพอากาศค่อนขา้ งเยน็ เกอื บตลอดท้ังปี มอี ณุ หภมู เิ ฉล่ยี ท้ังปี 25.4

องศาเซลเซียส โดยมีค่าอุณหภูมิสูงสุดเฉลี่ย 31.8 องศาเซลเซียส อุณหภูมิต่าสุดเฉลี่ย 20.1 องศาเซลเซียส มี
ปริมาณน้าฝนเฉล่ยี 1,100 - 1,200 มิลลิเมตร สภาพภูมิอากาศจงั หวัดเชียงใหม่อยู่ภายใต้อทิ ธิพลมรสมุ 2
ชนิด คือ ลมมรสมุ ตะวันตกเฉียงใต้ และลมมรสมุ ตะวนั ออกเฉียงเหนือ แบ่งภูมอิ ากาศออกไดเ้ ปน็ 3 ฤดู ไดแ้ ก่
ฤดูฝน เร่ิมต้ังแต่กลางเดือนพฤษภาคมจนถึงเดือนตุลาคม ฤดูหนาว เร่ิมตั้งแต่เดือนพฤศจิกายนไปจนถึง
กลางเดอื นกมุ ภาพนั ธ์ ฤดูรอ้ น เรมิ่ ตงั้ แต่เดือนกุมภาพันธถ์ ึงกลางเดือนพฤษภาคม

ประชำกรของจังหวัดเชยี งใหม่
จงั หวดั เชยี งใหม่มปี ระชากรรวมท้ังส้ิน 1,682,382 คน แยกเป็น ชาย 821,031 คน หญงิ

861,351 คน ความหนาแนน่ เฉลี่ย 84 คน/ตร.กม. ประชากรชนกลุ่มนอ้ ยในจงั หวดั มจี านวน 64,505 คน
กระจายตามอาเภอต่าง ๆ ใน 16 อาเภอ โดยแยกเป็น บุคคลบนพื้นที่สูง จานวน 7,828 คน อดีตทหารจีน
คณะชาติ จานวน 739 คน จนี ฮ่ออพยพ จานวน 302 คน จีนฮอ่ อิสระ จานวน 2,356 คน ผูพ้ ลดั ถน่ิ สัญชาติ
พม่า จานวน 451 คน ผู้หลบหนีเข้าเมอื งจากพม่า (มีถิ่นท่ีอยู่ถาวร) จานวน 1,852 คน ผู้หลบหนีเข้าเมอื ง
จากพมา่ (อยูก่ ับนายจ้าง) จานวน 3,393 คน ไทยลื้อ จานวน 271 คน ชมุ ชนบนพนื้ ที่สงู ทเ่ี ปน็ ชาวเขา จานวน
4,346 คน ชุมชนบนพ้ืนที่สูงที่ไม่ใช่ชาวเขา จานวน 35,528 คน บุตรของชนกลุ่มน้อยกลุ่มต่าง ๆ จานวน

99

การเรียนรู้เชิงปฏิบัตกิ าร (Action Learning) หลักสูตรนกั ปกครองระดับสูง (นปส.) รนุ่ ที่ 76

7,439 คน อาเภอท่ีมีประชากรชนกลุ่มน้อยมากท่ีสุด ได้แก่ อาเภอฝาง รองลงมา ได้แก่ อาเภอเชียงดาว
อาเภอแมอ่ าย และอาเภอเวียงแหง

ควำมเป็นมำของอำเภอเชียงดำว

วนั ท่ี 12 กรกฎาคม 2451 ยกฐานะจากก่งิ อาเภอเชียงดาว เปน็ อำเภอเชียงดำว
วันท่ี 7 มกราคม 2500 จดั ต้งั สขุ าภิบาลเชยี งดาว ในท้องท่ีบางส่วนของตาบลเชียงดาว

วันท่ี 26 กรกฎาคม 2520 ตั้งตาบลเปียงหลวง แยกออกจากตาบลเมอื งแหง
วันท่ี 16 สิงหาคม 2522 ตงั้ ตาบลปงิ โค้ง แยกออกจากตาบลเมอื งงาย
วนั ท่ี 5พฤษภาคม 2524แยกพืน้ ท่ตี าบลเมอื งแหง และตาบลเปียงหลวง อาเภอเชียงดาว มาต้ังเปน็ กิ่ง

อาเภอเวียงแหง ขน้ึ กับอาเภอเชยี งดาว
วนั ที่ 21 มถิ ุนายน 2526 ตง้ั ตาบลทงุ่ ข้าวพวง แยกออกจากตาบลเมอื งงาย
วันที่ 3 พฤศจิกายน 2536 ยกฐานะจากกงิ่ อาเภอเวียงแหง อาเภอเชียงดาว เปน็ อาเภอเวยี งแหง

วันท่ี 7 ตลุ าคม 2537 จดั ตั้งสุขาภบิ าลเมืองงาย ในทอ้ งท่บี างส่วนของตาบลเมอื งงาย
วันท่ี 25 พฤษภาคม 2542 ยกฐานะจากสุขาภิบาลเชียงดาว และสุขาภิบาลเมืองงาย
เป็นเทศบาลตาบลเชียงดาว และเทศบาลตาบลเมืองงาย ตามลาดบั

คำขวญั อำเภอเชียงดำว
“เชียงดาว ชายแดน ถา้ สวย ดอยสงู พระสถูปเมอื งงาย กาเนดิ สายแมป่ งิ ”

ข้อมลู พื้นฐำนอำเภอเชยี งดำว

อาเภอเชียงดาว ต้ังอยู่ทางทิศเหนือของอาเภอเมือง จังหวัดเชียงใหม่ เป็นอาเภอ
หนึ่งในจานวน 25 อาเภอ ของจังหวัดเชียงใหม่ ห่างจากตัวเมืองจงั หวัดเชียงใหม่ ประมาณ 72 กิโลเมตร มี
พื้นท่ีประมาณ 2,169 ตารางกิโลเมตร หรือประมาณ 1,355,625 ไร่ สูงกว่าระดับน้าทะเลปานกลาง

ประมาณ 400 เมตร จาแนกเป็นพ้ืนที่ทาการเกษตร 124,130.50 ไร่ พื้นที่ป่าไม้ 897,747 ไร่ และพ้ืนที่อ่ืนๆ
333,747.50 ไร่

อำณำเขตติดตอ่

ทศิ เหนอื ติดอาเภอไชยปราการ จงั หวดั เชยี งใหม่ และชายแดนด้านเมอื งหลวง

ของรัฐฉานของประเทศพม่า

ทศิ ใต้ ติดอาเภอแม่แตง จังหวัดเชยี งใหม่

ทศิ ตะวันออก ติดอาเภอพรา้ ว จังหวดั เชยี งใหม่

ทิศตะวนั ตก ติดตอ่ อาเภอเวียงแหง จงั หวดั เชยี งใหม่ และอาเภอปาย

จังหวัดแม่ฮ่องสอน

อาเภอเชียงดาวมีหมู่บ้านที่ติดกับชายแดน บ้านป่าแขม เมืองหาง ประเทศพม่า โดยพื้นที่

ติดต่อคอื หม่บู ้านในเขตพื้นท่ีตาบลเมืองนะมี 5 หมู่บา้ น ไดแ้ ก่

1) บ้านเมืองนะ หมู่ท่ี 1

2) บ้านแกน้อย หมูท่ ่ี 2

3) บา้ นไชยา หม่ทู ี่ 9

4) บ้านอรโุ ณทัย หมู่ท่ี 10

100

การเรยี นร้เู ชงิ ปฏบิ ตั ิการ (Action Learning) หลักสูตรนกั ปกครองระดบั สงู (นปส.) รุน่ ท่ี 76

5) บา้ นเจอื จนั ทร์ หมู่ที่ 13

ลักษณะทำงภมู ิประเทศ
โดยท่ัวไปสภาพพ้ืนท่ีอาเภอเชียงดาวเป็นภูเขา ท่ีราบลุ่มแม่น้า และท่ีราบเชิงเขา

ส่วนที่ตั้งท่ีว่าการอาเภอเชียงดาว เป็นชุมชนหนาแน่นของอาเภอตั้งอยู่บนที่ราบลุ่มของแม่น้าปิง โดยมีทาง
หลวงสายเชียงใหม่ - ฝาง หมายเลข 107 ผ่านขนานยาวเหนอื - ใต้ ความยาวประมาณ 38 กิโลเมตร บริเวณ
ท่ีราบกว้างประมาณ 4 กม. คิดเป็นพ้ืนทีป่ ระมาณ 48 ตร.กม. ความแตกต่างความสงู อยใู่ นช่วงประมาณ 300-400
เมตร ของระดับน้าทะเลปานกลางซ่งึ ส่วนใหญ่เป็นที่ตั้งของตาบลเชียงดาว ส่วนท่ีตั้งของตาบลแม่นะ ตาบล
เมืองงาย ตาบลทุ่งข้าวพวง ตาบลปิงโค้ง ตาบลเมืองนะ และตาบลเมืองคอง เป็นบริเวณป่าไม้ภูเขาสูงเกือบ
ทงั้ หมด โดยเฉพาะตาบลเมืองคอง มคี วามสูงเฉลี่ยเกิน 1,000 เมตร ของระดับทะเลปานกลาง

ในพ้ืนท่ีอาเภอเชียงดาวมีภูเขาท่ีสาคัญหลายแห่ง เช่น ดอยหลวงเชียงดาวสูง 2,175 เมตร ของ
ระดับน้าทะเลปานกลาง ดอยสันคมพรา้ สูง 1,443 เมตร ดอยผาสามเส้าสงู 1,045 เมตร ดอยผาเอ้ือง สูง 1,242
เมตร ดอยขนุ แม่ระงอสูง 1,193 เมตร ลานา้ ทส่ี าคญั มีดงั นี้

แม่น้าปิง มีต้นกาเนิดจากดอยถ้วยบริเวณชายแดนไทย-เมียนมาร์ ในท้องที่ตาบลเมืองนะ
ไหลผ่านตาบลเมืองงาย ตาบลเชียงดาว ตาบลปิงโค้ง และตาบลแม่นะ เข้าสู่อาเภอแม่แตง จังหวัดเชียงใหม่ รวม
ความยาวทไ่ี หลผา่ นอาเภอเชยี งดาว ประมาณ 97 กโิ ลเมตร

แม่น้าแตง มีต้นกาเนิดบริเวณดอยถ้าป่อง และดอยหลักแต่งชายแดนไทย-เมียนมาร์
ในท้องที่อาเภอเวียงแหง ไหลผ่านตาบลเมืองคอง ไปสู่อาเภอแม่แตง รวมความยาวที่ไหนผ่านอาเภอเชียงดาว
ประมาณ 35 กโิ ลเมตร

ห้วยแม่ก๊ะ มีต้นกาเนิดในตาบลเชียงดาว แล้วไหลลงสู่แม่น้าปิง มีพ้ืนที่ได้รับประโยชน์
คอื หมู่ที่ 4,6,7,8 ตาบลเชยี งดาว และหม่ทู ่ี 1 ตาบลแมน่ ะ

หว้ ยแมง่ าย มีต้นกาเนิดในท้องท่ตี าบลเมอื งงาย แลว้ ไหลลงสู่แม่น้าปิง มพี ้ืนทไี่ ด้รับประโยชน์
คอื หมทู่ ่ี 5,7 ตาบลเมอื งงาย

ห้วยแม่แมะ มีต้นกาเนิดในท้องท่ีตาบลแม่นะ แล้วไหลสู่แม่น้าปิง มีพ้ืนที่ได้รับประโยชน์
คือ หมู่ที่ 1,2,3 ตาบลแมน่ ะ

ห้วยน้าซุ้ม มีต้นกาเนิดในตาบลแม่นะ แล้วไหลสู่แม่น้าปิง มีพื้นที่ได้รับประโยชน์
คอื หมทู่ ี่ 3,4 ตาบลแม่นะ

ลกั ษณะภมู ิอำกำศ
อ า เ ภอ เ ชี ย ง ด า วเ ป็ น อ า เ ภอ ท่ี มี ส ภา พ อ า ก า ศค่ อ น ข้ า ง เ ย็ น เ กื อ บ ต ล อ ด ท้ังปี

ลักษณะทางภมู อิ ากาศเปน็ แบบมรสมุ มี 3 ฤดู คือ
ฤดูร้อน เร่ิมตงั้ แตเ่ ดอื น มีนาคม ถงึ เดือน พฤษภาคม
ฤดฝู น เรม่ิ ตงั้ แตเ่ ดอื น มิถุนายน ถงึ เดือน กันยายน
ฤดหู นาว เริ่มต้งั แต่เดือน ตุลาคม ถงึ เดือน กมุ ภาพันธ์

101

การเรยี นรเู้ ชงิ ปฏบิ ตั ิการ (Action Learning) หลกั สูตรนักปกครองระดับสูง (นปส.) รุ่นท่ี 76

ภำคกำรปกครองและประชำกร

กำรปกครอง แบ่งเขตการปกครองตาม พ.ร.บ. ลักษณะปกครองท้องท่ี พ.ศ. 2459

เป็น 7 ตาบล 83 หมู่บา้ น (ขอ้ มลู ณ เดือนกันยายน 2559) ดังนี้
1) ตาบลเชยี งดาว มี 16 หมู่บ้าน 5) ตาบลทุ่งขา้ วพวง มี 7 หมูบ่ ้าน
2) ตาบลแม่นะ มี 13 หมบู่ ้าน 6) ตาบลเมืองนะ มี 14 หมบู่ า้ น

3) ตาบลปิงโคง้ มี 16 หมบู่ ้าน 7) ตาบลเมอื งคอง มี 6 หม่บู า้ น
4) ตาบลเมอื งงาย มี 11 หม่บู ้าน

ข้อมูลองค์กรปกครองส่วนท้องถ่นิ

เทศบำลตำบล 7 แห่ง คือ องค์กำรบรหิ ำรสว่ นตำบล 2 แหง่ คือ
1. เทศบาลตาบลเชียงดาว 1. องคก์ ารบริหารสว่ นตาบลเชียงดาว

2. เทศบาลตาบลเมอื งงาย 2. องคก์ ารบริหารส่วนตาบลเมืองคอง
3. เทศบาลตาบลพระธาตุปกู่ ่า
4. เทศบาลตาบลปิงโคง้

5. เทศบาลตาบลเมืองนะ
6. เทศบาลตาบลทุ่งข้าวพวง
7. เทศบาลตาบลแม่นะ

ขอ้ มูลประชากร

อำเภอเชยี งดำว มจี ำนวนประชำกร ทั้งหมดจำนวน 92,316 คน แยกเป็น ชำย 46,131 คน
หญิง 46,185 คน จำนวนครวั เรือน 31,351 ครัวเรอื น โดยแยกเป็นตำบล ดงั น้ี

ตาบล จานวนประชากร จานวนประชากร รวม จานวนครวั เรือน
ชาย(คน) หญงิ (คน) (คน)
เชียงดาว 7,613 8,024 15,637 7,330
เมอื งนะ 16,947 17,349 34,296 8,470
เมืองงาย 3,071 3,237 6,308 2,872
แม่นะ 4,835 5,036 9,871 4,152
เมอื งคอง 1,977 1,968 3,945 1466
ปงิ โค้ง 6,839 5,819 12,658 4,185
ทงุ่ ขา้ วพวง 4,849 4,752 9,601 2,876
รวม 46,131 46,185 92,316 31,351

: ข้อมลู จากสานกั ทะเบียนอาเภอเชยี งดาว ณ เดือนมิถนุ ายน 2563

102

การเรียนรเู้ ชงิ ปฏบิ ัตกิ าร (Action Learning) หลักสตู รนกั ปกครองระดบั สงู (นปส.) ร่นุ ท่ี 76

ดำ้ นเศรษฐกิจ
กำรเกษตรกรรม
อาเภอเชียงดาวมีเนื้อท่ีเกษตรกรรมทั้งส้ิน 101,077.50 ไร่ ครอบครัวเกษตรกร

จานวน 10,094 ครอบครวั สภาพการผลติ พชื เศรษฐกจิ ทส่ี าคัญแยกได้ ดั้งนี้

ลำดบั พชื เศรษฐกจิ พชื ที่ปลูก (ไร่)

1 ข้ำวนำปี 11,237
2 พชื ไร่ 33,557
3 พชื ผัก 8,050
4 ไมผ้ ล 45,186
5 อื่นฯ (ถ้ำมี) 5,000

สถำบันเกษตรกร

1) กลุม่ เกษตรกร จานวน 9 กลุ่ม สมาชกิ 2,967 ราย

2) กลมุ่ แม่บ้าน จานวน 19 กล่มุ สมาชิก 508 ราย
สมาชิก 242 ราย
3) กลุม่ ยุวเกษตร จานวน 9 กลุ่ม สมำชิก 3,717 รำย

รวม จำนวน 37 กลมุ่

กรมปศุสตั ว์แบบรำยงำนข้อมูลเกษตรกรผู้เล้ยี งสตั ว์ (ระดับอำเภอ) ประจำปี พ.ศ. 2561

ตำบล จำนวน พืน้ ท่ีปลูกหญ้ำ โคเนื้อ(ตัว) โคนม(ตวั ) กระบอื (ตัว)
เกษตรกร (ไร่)
เชียงดำว 153 0 100
ท่งุ ข้ำวพวง 635 0.00 116 0 450
ปงิ โคง้ 286 0.00 347 0 57
เมืองคอง 876 0 1,154
เมอื งงำย 644 0.00 358 0 125
เมืองนะ 312 2.00 447 31 827
แม่นะ 286 13.00 368 0 10
2,665 31 2,723
รวมทั้งหมด 528 270.75
508 0.00

3,199 285.75

: ขอ้ มลู จากสานักงานปศสุ ัตว์อาเภอเชยี งดาว

103

การเรยี นรูเ้ ชงิ ปฏบิ ัตกิ าร (Action Learning) หลักสูตรนกั ปกครองระดบั สูง (นปส.) รนุ่ ที่ 76

กรมปศุสตั ว์แบบรำยงำนข้อมลู เกษตรกรผเู้ ล้ยี งสตั ว์ (ระดบั อำเภอ) ประจำปี พ.ศ. 2561

ตำบล สกุ ร ไก่ เปด็ แพะ แกะ สัตว์ สุนัข แมว สถำนะ
(ตวั ) (ตวั ) (ตัว) (ตวั ) (ตวั ) เลี้ยง (ตวั ) (ตวั )
ยนื ยันขอ้ มูล
เชยี งดำว 1,820 อื่นๆ ยนื ยันข้อมลู
ทุ่งข้ำวพวง 607 (ตัว) ยืนยนั ขอ้ มลู
ยนื ยันข้อมูล
ปิงโค้ง 1,639 31,266 266 0 0 5 1,421 353 ยืนยันขอ้ มูล
เมอื งคอง 739 10,061 44 0 0 13 314 86 ยนื ยนั ข้อมูล
เมอื งงำย 413 ยืนยนั ขอ้ มูล
เมอื งนะ 2,080 20,023 3,313 10 0 42 1,217 315
แม่นะ 5,035 6,250 8 0 0 8 652 155

12,175 70 0 0 3 601 164
17,655 55 0 0 4 1,109 547
40,680 73 17 0 0 445 121

:ขอ้ มูลจากสานักงานปศสุ ตั วอ์ าเภอเชยี งดาว

กำรอุตสำหกรรม
มีโรงงานอสุ าหกรรมทไ่ี ด้รับอนญุ าตดาเนนิ การและประกอบการจานวน 21 แหง่

ท่ี ตำบล จำนวนโรงงำนอสุ ำหกรรม (แหง่ )

1 ทุ่งข้ำวพวง โรงเรยี นแปรรูปอาหารกระปอ๋ ง 1 แหง่

2 เชยี งดำว ศูนย์ซอ่ มรถยนตโ์ ตโยตา้ 1 แหง่ /รถยนตอ์ ซี ุซุ 1 แห่ง

3 เชียงดำว โรงงานซีเมนตบ์ ลอ๊ ด 1 แหง่

4 เชยี งดำว โรงบ่มใบยา 2 แห่ง

5 เชยี งดำว โรงงานยอ้ มสี 1 แหง่

6 เชียงดำว โรงสีข้าวขนาดกลาง 3 แหง่

7 เมืองงำย โรงเล่ือยไม้ 1 แห่ง

8 เมืองงำย โรงบม่ ใบยา 1 แห่ง

9 เมืองงำย โรงงานอตุ สาหกรรมผงธูป 1 แห่ง

10 เมอื งงำย โรงสีข้าวขนาดกลาง 3 แหง่

11 แม่นะ โรงสขี า้ วขนาดกลาง 2 แหง่

12 เมืองนะ โรงงานธนชาติอตุ สาหกรรมผงรูป 1 แหง่

13 เมืองนะ โรงสีข้าวขนาดกลาง 2 แหง่

104

การเรยี นรู้เชิงปฏบิ ตั ิการ (Action Learning) หลกั สตู รนักปกครองระดบั สงู (นปส.) รุน่ ท่ี 76

กำรพำณิชย์

สถานบี ริการนา้ มันขนาดใหญ่ จานวน 3 แห่ง

1) ป๊ัมนา้ มัน ปตท.
2) ปั๊มน้ามนั PT
3) ปั๊มน้ามนั สหกรณ์การเกษตรเชยี งดาว

ธนาคาร 4 แหง่
1) ธนาคารกรุงไทย สาขาเชยี งดาว
2) ธนาคารออมสิน สาขาเชยี งดาว

3) ธนาคารเพ่ือการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร สาขาเชียงดาว
4) ธนาคารไทยพาณชิ ย์ สาขาเชียงดาว

กำรบริกำรและกำรท่องเทีย่ ว จานวน 2 แหง่
1) มีโรงแรม
จานวน 1 แหง่
2) มสี ถานบรกิ าร จานวน 42 แห่ง
3) สถานประกอบการ

กำรทอ่ งเที่ยวมีสถำนท่ีท่องเทย่ี วท่ีสำคญั ได้แก่

1) ถา้ เชียงดาว 2) พระสถปู เจดยี ์สมเด็จพระนเรศวรมหาราช

3) ดอยหลวงเชยี งดาว 4) น้าตกศรสี งั วาลย์

5) นา้ ตกหว้ ยลกึ 6) น้าตกนางเพลนิ

7) น้าตกทุง่ แก้ว 8) อ่างเกบ็ น้าโครงการพระราชดาริ ณ บา้ นห้วยลกึ

9) บ่อนา้ ร้อนโปง่ อาง 10) ท่าแพ-วังมัจฉา

11) นา้ ตกแม่แมะ 12) จุดผ่อนปรนชายแดนไทย-เมียนมาร์ (ก่ิวผาวอก)

กำรศกึ ษำ สภำพทำงสังคม วัฒนธรรม และกำรสำธำรณสุข 1 แห่ง
ระบบกำรศกึ ษำนอกโรงเรยี น (กศน.) 6 แหง่
7 แห่ง
กศน.มีอยู่ 7 ตำบล/แหง่ และ ศศธ. มี 18 แห่ง
1) กลมุ่ สนใจ 11 กลุ่ม 39 แหง่
2) วิชาชพี ระยะสัน้ 20 กล่มุ 2 แห่ง

3) ท่ีอา่ นหนงั สือพิมพป์ ระจาหมูบ่ า้ น 66 แห่ง
4) ห้องสมุดประชาชน 1 แห่ง
กำรศึกษำอนื่ ฯ

1) โรงเรียนปริยัตธิ รรม
2) ศนู ยอ์ บรมเดก็ ก่อนเกณฑ์ในวัด
3) หน่วยอบรมประชาชนประจาตาบล

4) โรงเรียนระดับประถมศึกษา
5) โรงเรียนระดับมัธยมศกึ ษา

105

การเรยี นรเู้ ชงิ ปฏิบตั กิ าร (Action Learning) หลกั สตู รนักปกครองระดบั สงู (นปส.) รนุ่ ที่ 76

กำรศึกษำ และศิลปวฒั นธรรม

ประชากรส่วนใหญ่นับถอื ศาสนาพุทธประมาณ 88% ศาสนาอ่ืนฯ ประมาณ 12% มสี ถาบัน

หรอื องคก์ รศาสนา ดงั น้ี

1) วัด ทีพ่ ักสงฆ์ จานวน 85 แห่ง

2) มสั ยดิ จานวน 1 แห่ง

3) ศาลเจ้า จานวน 5 แห่ง

4) โบสถ์ครสิ ต์ จานวน 35 แหง่

ศลิ ปวฒั นธรรม และขนบธรรมเนยี มประเพณี

1) ประเพณีสงกรานต์ และประเพณสี ระเกลา้ ดาหวั ระหว่างวนั ท่ี 13-15 เดอื นเมษายนของ

ทุกปีเป็นประเพณี อันดีงามของชาวเหนือท่ีปฏิบัติสืบต่อกันมา จะมีการสระเกล้าดาหัวผู้สูงอายุ

หรอื ผู้ท่ีตนเคารพนบั ถอื

2) ประเพณีเดือนย่ีเป็ง หรือประเพณีลอยกระทง ซึ่งตรงกับวันเพ็ญเดือนสิบสอง ของทุกปี

ประชาชนไปทาบญุ ตกั บาตร ฟังเทศนใ์ นตอนเช้า เวลากลางคนื จะมีการลอยกระทงตามแมน่ ้า ลาคลอง

3) ประเพณีเปรตพลี (เปตะพลี) เป็นประเพณีเดือนสิบสองเหนือ ซ่ึงตรงกับวันเพ็ญ

เดือนสิบของทุกปีมีการทาบุญให้กับญาติพี่น้องที่ได้เสียชีวิตไป โดยจะทาบุญถวายเครื่องไทยทานและ

ฟังเทศน์ 1 กัณฑ์ ชื่อว่า กัณฑ์เปรตพลี มีจุดประสงค์ว่า ในช่วงวันเพ็ญเดือนสบิ เปน็ ช่วงทพ่ี ระเจา้ เปิดโลกให้

สตั วท์ ั้งหลายไดใ้ ช้ชวี ิตตามอธั ยาศัย

4) ประเพณีตานก๋วยสลาก (สลากภตั ร)

กำรสำธำรณสขุ

มกี ำรใหบ้ รกิ ำรสำธำรณสุข โดยมีสถำนบริกำร ดังน้ี

1) โรงพยาบาลขนาด 90 เตยี ง จานวน 1 แหง่
จานวน 1 แหง่
2) สานกั งานสาธารณสุขอาเภอ
จานวน 13 แหง่
3) โรงพยาบาลสง่ เสรมิ สุขภาพประจาตาบล, หมูบ่ ้าน จานวน 1 แหง่
จานวน 9 แห่ง
4) สานกั งานสว่ นมาลาเรยี
จานวน 15 แหง่
5) สถานพยาบาลของเอกชน (คลนิ ิก)

6) รา้ นขายยาแผนปจั จบุ ัน

จำนวนบุคลำกรทำงด้ำนสำธำรณสุข

1) แพทย์ จานวน 6 คน

2) ทันตแพทย์ จานวน 3 คน

3) เภสัชกร จานวน 6 คน

4) พยาบาล จานวน 44 คน

5) จนท.สาธารณสุข จานวน 45 คน

6) จนท.อ่นื ฯ จานวน 127 คน

7) อาสาสมัครสาธารณสุข (อสม.) จานวน 1,510 คน

106

การเรยี นร้เู ชิงปฏบิ ตั กิ าร (Action Learning) หลกั สูตรนกั ปกครองระดบั สงู (นปส.) รุน่ ท่ี 76

ควำมปลอดภัยในชวี ติ และทรัพยส์ นิ
มีสถานีตารวจภูธร จานวน 2 แห่ง ได้แก่ สถานีตารวจภูธรเชียงดาว และสถานีตารวจภูธร

นาหวาย
ด้ำนโครงสรำ้ งพ้นื ฐำน

การคมนาคมติดต่อระหว่างอาเภอและจังหวัด รวมท้ังการคมนาคม ภายในตาบล
และหม่บู ้าน มีรายละเอยี ดดงั นี้

1) ทางหลวงแผน่ ดนิ หมายเลข 107 สายเชียงใหม่ – ฝาง
2) ทางหลวงแผ่นดนิ หมายเลข 1178 สายเชียงใหม่ – นาหวาย
3) ทางหลวงแผ่นดนิ หมายเลข 1322 สายแม่จา – เปยี งหลวง
4) ทางหลวงแผน่ ดนิ หมายเลข 1150 สายปงิ โคง้ – อาเภอพร้าว
5) ถนนสายบ้านเชยี งดาว – เมืองคอง
6) ถนนสายบา้ นแก่งปนั เต๊า – บา้ นปางมะโอ
7) ถนนสายบา้ นห้วยโจ้ – บ้านแมซ่ ้าย (ลกู รัง)
8) ถนนสายบา้ นจอมคีรี – บ้านสันปา่ เก๊ียะ (ลูกรงั )
9) ถนนเลียบชายเขาบา้ นสบออ้ – บ้านมว่ งฆ้อง

กำรโทรคมนำคมตดิ ต่อส่ือสำร
- มีทีก่ ารไปรษณยี โ์ ทรเลข จานวน 1 แห่ง
- มกี ารให้บรกิ ารตดิ ต่อสอื่ สารทางโทรศพั ท์ จานวน 7,570 หมายเลข 053-455252 หรอื 53
- มีหน่วยบริการผู้ใช้ไฟฟ้าสังกัดการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค จานวน 2 แห่ง ได้แก่ สานักงาน

บรกิ ารผู้ใช้ไฟฟ้าเชียงดาว และสานกั งานบริการผูใ้ ชไ้ ฟฟ้าเมืองงาย

กำรสำธำรณปู โภค

มกี ารประปาตามหมู่บา้ น ดังน้ี

1) การประปาส่วนภูมภิ าค จานวน 1 แหง่

2) ประปาหมบู่ า้ น จานวน 64 แห่ง

แหลง่ นา้ กิน-นา้ ใช้ ประเภทอื่น

1) บอ่ บาดาล จานวน 36 บอ่

2) บ่อน้าต้นื จานวน 5,640 บอ่

3) ถงั เก็บน้า จานวน 553 บ่อ

ด้ำนทรพั ยำกรธรรมชำติ

ดิ น ส ภา พ พ้ื น ที่ ส่ วน ใ ห ญ่ เป็ น ภู เ ขา มีท่ี รา บ ลุ่ม เชิ ง เ ขา แ ล ะ บ ริ เ วณส อ ง ฝั่ง แ ม่น้าปิง
เหมาะแก่การเพาะปลูกการชะล้างทาให้ดินขาดความอุดมสมบูรณ์ต้องมีการบารุงดิน โดยเกษตรกร
สว่ นใหญ่ใช้ปุย๋ เคมีในการเพาะปลูก

น้ำ อาเภอเชียงดาวมแี หลง่ น้าธรรมชาตทิ ี่สาคญั ได้แก่ แม่น้าปิง ซ่ึงมีต้นกาเนดิ ระหว่างประเทศไทย
กับสาธารณรัฐสังคมนยิ มเมยี นมาร์

107

การเรียนรู้เชิงปฏบิ ัตกิ าร (Action Learning) หลกั สตู รนักปกครองระดับสูง (นปส.) รุ่นท่ี 76

1) มแี ม่น้าและลาห้วยทส่ี าคัญ จานวน 6 สาย

2) สระน้า จานวน 41 แห่ง

3) ฝาย จานวน 83 แห่ง

ป่ำไม้ อาเภอเชยี งดาวมพี น้ื ทป่ี า่ ไม้ทสี่ าคญั แบ่งได้ 2 ประเภทใหญ่ๆ ไดแ้ ก่
1) ป่าไม่ผลัดใบ เป็นป่าที่ประกอบด้วยไม้ส่วนใหญ่ท่ีมีใบทึบตลอดปี การผลัดใบ

ค่อยเป็นค่อยไปเปน็ ลกั ษณะของป่าดงดบิ ป่าท่จี ดั อยู่ในประเภทน้ี
2) ป่าดงดิบ เป็นป่ารกทึบมองดูเขียวชอุ่มตลอดปี ปีพรรณไม้หนาแน่นในท่ีชุ่มชื่น

ที่ลุ่มริมลาธาร และแม่น้า หากได้อยู่ในท่ีสูงกว่า 1,000 เมตร จากระดับน้าทะเลเรียกว่า ป่าดงดิบหรือ
ป่าดงดิบเขา ปา่ ประเภทนี้พบในเขตตาบลแมน่ ะ ตาบลเมอื งนะ ตาบลปงิ โค้ง พนั ธุ์ไม้ทีข่ นึ้ ในปา่ นี้ ไดแ้ ก่ ไมย้ าง
จาปี ตะเคียน ยมหอม มะยมปา่

ควำมสัมพนั ธก์ ับประเทศเพ่ือนบ้ำน
- อาเภอเชียงดาว มีพื้นที่ติดชายแดนประเทศเมียนมาร์ในพ้ืนที่ตาบลเมืองนะ และมีจุดผ่าน

แ ด น ท่ี อ ยู่ ใ น ค ว า ม ดู แ ล ข อ ง ห น่ ว ย ท ห า ร คื อ ช่ อ ง ท า ง อ นุ ญ า ต ห น อ ง เ ขี ย ว ใ น ค ว า ม ดู แล
ของหน่วยเฉพาะกิจ กรมทหารม้าที่ 4 กองกาลังผาเมือง ซึ่งในปี พ.ศ.2563 ต้ังแต่เดือนกุมภาพนั ธ์ 2563
เป็นต้นมา ได้มีคาส่ังให้ปิดช่องทางอนุญาตหนองเขียว ไม่ให้มีการผ่านเข้าออกทุกกรณี เน่ืองจาก
การแพร่ระบาดของโรคติดเชอ้ื ไวรัสโคโรนา 2019 (COVID -19)

- ในพน้ื ที่อาเภอเชยี งดาว มแี รงงานจากประเทศเพอื่ นบ้านเข้ามาอาศัยอยใู่ นพื้นทีจ่ านวนมาก
ซึ่งไดร้ บั การสารวจและจัดทาทะเบยี นควบคุมตามกฎหมายที่เกี่ยวข้อง
ขอ้ มูลท่ัวไปของหมบู่ ้านแม่แมะ หมู่ที่ 11 ตาบลแมน่ ะ อาเภอเชียงดาว จังหวดั เชียงใหม่

แผนทห่ี มูบ่ า้ น

108

การเรียนรู้เชงิ ปฏบิ ตั กิ าร (Action Learning) หลกั สตู รนกั ปกครองระดับสงู (นปส.) รนุ่ ท่ี 76

ประวัตหิ มู่บำ้ น
บ้านแม่แมะเดิมมีชื่อว่า “บ้านแม่แมะทรายคา” ซึ่งคาว่าแม่แมะมาจากดอยแม่แมะ

ส่วนคาว่าทรายคา เป็นช่ือลาห้วยท่ีไหลมาจากบ้านป่าโหลลงมารวมกับห้วยจะมีทรายสีเทาเม่ือสะท้อน
กับแสงแดดจะเป็นประกาย งดงาม คล้ายกับทองคาจนนามาต้ังช่ือของหมู่บ้าน แต่เดิมบริเวณที่ต้ัง
ของหม่บู า้ นแมแ่ มะในปัจจบุ ัน เปน็ สวนเม่ยี งของชาวบ้านบา้ นแม่แมะท่มี ที ีอ่ าศยั อยเู่ ชงิ ดอย แตเ่ นือ่ งจากความ
ยากลาบากในการเดินทางมาทาการเกษตรกรรม จึงอพยพมาปลกู สร้างบา้ นเรอื นกันทีด่ อยแม่แมะบรเิ วณสอง
ข้างลาห้วย เพื่อสะดวกในการเดินทางมาทาการเกษตรกรรม ประกอบกับในบริเวณดังกล่าว
มคี วามอดุ มสมบูรณ์ จึงมีผ้คู นอพยพโยกยา้ ยตามกนั มาอกี หลายครอบครัว โดยนายแกว้ แกว้ ใจมาท่ีเปน็ หนึง่ ใน
กลุม่ ผอู้ พยพมาตัง้ ถน่ิ ฐานทากนิ ปี พ.ศ. 2498 บรเิ วณบ้านแมแ่ มะไดม้ ีเอกสารสทิ ธ์ิ ส.ค.1 ขน้ึ กบั บา้ นแม่นะ
จนกระทั่งในปี พ.ศ. 2499 ได้รับการแต่งตั้งให้เป็นหมู่บ้านแม่แมะ หมู่ 11 ข้ึนกับตาบลแม่นะ อาเภอเชียงดาว
จั ง ห วั ด เ ชี ย ง ใ ห ม่ โ ด ย ผ นวก เ อา ก ลุ่ ม ชา วไท ย ภู เ ขา เ ผ่ า มู เ ซ อ ท่ี ตั้ ง บ้ า น เ รื อน อ ยู่ สูง ขึ้นไป
บนภูเขาซ่ึงเป็นแหล่งต้นน้าเข้าเปน็ สว่ นหน่ึงของแม่แมะดว้ ย ปีพ.ศ. 2521 และ พ.ศ. 2522 มี 2 เหตุการณ์ ท่ีทา
ให้ชาวบา้ นมจี ติ สานึกเหน็ ความสาคัญของทรพั ยากร ป่าไม้ เหตุการณ์แรก เกดิ เหตุการณ์น้าทว่ มหมบู่ ้าน ในวันที่ 24
กันยายน 2521 ชว่ งเวลา 20.00 น. ถึง 05.00 น. ของอีกวนั ทาใหเ้ กิดความเสยี หายมากมาย มผี ูเ้ สยี ชีวิต
4 คน และสัตว์เล้ียงจานวนมาก พืชผล ที่ปลูกก็ล้มตาย น้าพัดพาบ้านเรือนเสียหาย พ่อหลวง (ผู้ใหญ่บ้าน)
ในขณะนัน้ คือนายบุญปนั ปนั ขนั คา จงึ ประกาศให้ชาวบา้ น ยา้ ยบ้านเรือนขึน้ ไปปลกู บนดอย ใหส้ ูงกวา่ ระดับ
น้า ชาวบา้ นจงึ พากันอพยพหนนี า้ ขึ้นมาอย่ทู างตอนบน เหตกุ ารณ์ คร้งั ท่ี 2 ปี พ.ศ. 2522 นา้ ในหว้ ยทรายคา
ทเ่ี คยไหลตลอดกลบั แห้งลง จากเหตผุ ลท่ีกลา่ วมาขา้ งต้นนี้ทาให้ ชาวบ้านเริม่ ตระหนกั ถึงคุณประโยชน์ปา่ มาก
ขึ้น พ.ศ. 2545 ราษฎรบ้านแม่แมะได้ดาเนนิ การ ราษฎรอาสาพิทักษ์ป่า (รสทป.) เป็นโครงการท่ีจดั ทาโดย
กองทพั ภาคกรมป่าไมแ้ ละกรมอุทยานแหง่ ชาติ สัตวป์ ่าและพนั ธพ์ุ ืช เพ่ือสนองพระราโชบายของสมเด็จพระนาง
เจ้า ฯ ที่มีพระราชประสงค์เปลยี่ นแปลงทัศนคติและพฤติกรรมของราษฎรจากผู้บุกรุกทาลายป่า มาเป็นผู้ดูแล
รกั ษาป่า และใช้ประโยชน์จากปา่ อย่างย่ังยืนได้ ราษฎรบ้านแมแ่ มะไดเ้ พียรพยายามดาเนนิ การ ปลูกจติ สานกึ
รักป่าดูแลปา่ จนไดร้ ับธงพระราชทาน “ธงพทิ ักษ์ปา่ เพ่ือรกั ษาชีวิต” ธงช้นั ท่ี 1 มีช้างประกอบบนพน้ื ธง 1 ตวั
การรกั ษาปา่ ตอ่ เนื่องมาตลอดจนได้รบั พระราชทานธงชน้ั ท่ี 2 ในปี พ.ศ. 2554 พ.ศ. 2561 บ้านแม่แมะได้
สนองนโยบาย ยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี (2561 - 2580) และแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแหง่ ชาติ ฉบับที่ 12
(2560 – 2564) ภายใต้กรอบความคดิ ความสามารถในการแขง่ ขัน ท่มี ุ่งเน้นการพฒั นาภาคการผลิตและบริการให้
สามารถแขง่ ขันไดเ้ กดิ ความยงั่ ยนื ประชาชนมีคุณภาพชวี ิต มรี ายไดท้ ่ีเพ่มิ มากข้นึ บา้ นแม่แมะถกู คดั เลือกใหร้ ว่ ม
โครงการ OTOP นวัตวิถี ตามพน้ื ฐานสงั คม และชมุ ชนที่รักษาปา่ ดเี ด่น โดยชมุ ชนบา้ นแม่แมะได้ประชุมประชา
วิจารณ์ รวมทั้งการประชาสังคมหาจดุ เด่นจดุ ดอ้ ยของหมู่บา้ น จนสรปุ ค้นพบการสรา้ งสรรค์ เสน่ห์ อัตลักษณ์
วิถีชีวิตชุมชนให้มีคุณค่า ผสมผสานวิถีชุมชนเพื่อให้เกิด การพัฒนา ยกระดับ ผลิตภัณฑ์ให้มีระดับมาตรฐาน
สร้างจดุ ขายให้นกั ทอ่ งเที่ยวศกึ ษาธรรมชาติรอบ ๆ หมู่บา้ น เพอื่ สรา้ งโอกาสการ พฒั นาและสรา้ งรายได้ ให้ทกุ
คนในหมู่บา้ นอย่างท่ัวถงึ

อาณาเขตบ้านแมแ่ มะ ต้ังอยู่ในตาบลแม่นะ อาเภอเชยี งดาวจงั หวัดเชียงใหม่ มีพ้นื ท่ที ง้ั หมด
64,000 ไร่ หา่ งจากอาเภอเชยี งดาวไปทางทศิ ใต้ ระยะทาง 17 กโิ ลเมตร ห่างจากจังหวดั เชียงใหม่ ไปทางทิศ
เหนือระยะทาง 85 กโิ ลเมตร มอี าณาเขตตดิ ต่อ ดงั น้ี

ทิศเหนอื ติดตอ่ กับ บา้ นสนั ป่าเกีย๊ ะ หม่ทู ่ี 12 ตาบลแมน่ ะ อาเภอเชยี งดาว จังหวดั เชียงใหม่
ทิศใต้ ติดต่อกับ บา้ นแมซ่ า้ ย หมู่ท่ี 13 ตาบลแม่นะ อาเภอเชียงดาว จังหวดั เชียงใหม่
ทิศตะวนั ออก ตดิ ตอ่ กบั บ้านแม่นะ หมทู่ ี่ 2 ตาบลแมน่ ะ อาเภอเชยี งดาว จังหวดั เชยี งใหม่

109

การเรยี นรเู้ ชิงปฏิบัติการ (Action Learning) หลกั สูตรนักปกครองระดบั สงู (นปส.) รุ่นที่ 76

ทิศตะวนั ตก ตดิ ต่อกับ บ้านปางมะโอ หมู่ที่ 9 ตาบลแม่นะ อาเภอเชยี งดาว จังหวดั เชียงใหม่

ลกั ษณะภูมปิ ระเทศ

บา้ นแมแ่ มะ ตั้งอยหู่ มู่ 11 ตาบลแมน่ ะ อาเภอเชยี งดาว จงั หวัดเชียงใหม่ ตั้งอยทู่ ่ีราบ ระหวา่ งหบุ
เขา ทิศเหนือติดกับดอยหลวงเชียงดาว มีภูเขาล้อมรอบ พื้นที่ความสูง 765 เมตร จากระดับน้าทะเลปานกลาง
มีลาหว้ ยแม่แมะไหลผา่ นตน้ น้าจากดอยผาแดง ขนุ น้าปา่ โหล

ข้อมลู พ้นื ฐำนของหมู่บ้ำนตำม จปฐ. และ กชช.2ค.

จานวนประชากร รวมท้งั สิ้น 512 คน แยกเป็น ชาย 191 คน หญิง 321 คน
- ผู้สูงอายุ (อายุ 60 ปี บริบูรณข์ นึ้ ไป) รวมท้ังสิ้น 48 คน แยกเปน็ ชาย 25 คน หญงิ 23 คน

- คนพกิ าร รวมทง้ั สน้ิ 7 คน แยกเป็น ชาย 3 คน หญงิ 4 คน
จานวนครวั เรือน 135 ครัวเรือน

กำรประกอบอำชีพ

อาชพี หลกั ของครวั เรือน อาชพี สวนชา (เมย้ี ง) จานวน 135 ครัวเรอื น
อาชพี เสริมหรืออาชีพรอง อาชีพ สานก๋วย จานวน 32 ครัวเรือน อาชีพ ปลูกกาแฟ จานวน 12
ครัวเรือน

รำยไดเ้ ฉล่ียของประชำกร

ตามเกณฑ์ จปฐ. ปีปัจจุบัน จานวน 1,500 -20,000บาท/คน/ปี ครัวเรือนยากจน (รายได้ไม่ถึง

30,000 บาท คน/ป)ี ปีปจั จบุ ัน จานวน 20 ครัวเรือน

จานวนกลุ่มกิจกรรม / อาชีพ มีจานวน 6 กลุม่ ดังน้ี

1) กลมุ่ แม่บ้าน จานวนสมาชกิ 64 คน

2) กลุ่มทอ่ งเทยี่ ว จานวนสมาชิก 36 คน

3) กลมุ่ นวด-สมนุ ไพร จานวนสมาชกิ 12 คน

4) กลมุ่ จกั สาน จานวนสมาชิก 34 คน

5) กลุ่มชา จานวนสมาชกิ 32 คน

6) กลุ่มกาแฟ จานวนสมาชกิ 25 คน

กองทนุ ในหม่บู ้าน มีจานวน 2 กองทนุ ดงั น้ี

1) ชอ่ื กองทนุ กองทุนหมบู่ า้ น มงี บประมาณ 1,000,000 บาท

2) ชื่อกองทุน กข.คจ มงี บประมาณ 180,000 บาท

ขอ้ มลู ควำมตอ้ งกำรพัฒนำฝมี อื แรงงำนของประชำชน

1) ชอื่ กิจกรรม/อาชีพ จักสาน จานวน 22 คน

2) ช่ือกจิ กรรม/อาชีพ ถนอมอาหาร จานวน 35 คน

3) ช่ือกจิ กรรม/อาชีพ อบรมมัคคเุ ทศกข์ องหม่บู า้ น จานวน 45 คน

4) ชือ่ กจิ กรรม/อาชีพ อาชีพเสรมิ จานวน 45 คน

110

การเรยี นรเู้ ชิงปฏิบัตกิ าร (Action Learning) หลกั สูตรนักปกครองระดับสงู (นปส.) รนุ่ ท่ี 76

ขอ้ มูลคมนำคม/สำธำรณูปโภค
1) การเดินทางเข้าหมู่บ้าน เดินทางโดยรถส่วนตัวไม่มีรถประจาทางผ่าน รถจักรยานยนต์

เนน้ ทางขึน้ เขาลาดชัน ระยะทาง 9 กโิ ลเมตร ถนนตอ่ จากบา้ นแมแ่ มะถึงหม่บู ้านป่าโหลเปน็ ทางธรรมชาติดิน
ลูกรัง ระยะทาง 8 กิโลเมตร

2) แหล่งน้า น้ามาจากแหล่งน้าธรรมชาติลาห้วย สองปีผ่านมาโดยเฉพาะฤดูแล้ง
ลาห้วยหยุดไหล แห้งขอดทาความ เสียหายด้านการปลูกพืชเสริมของหมู่บ้านขาดแคลนน้าอุปโภค บริโภค
ในอนาคตปี 2464 คาดว่าปัญหาเรื่องน้า จะทวีความรุนแรงมากข้ึนอย่างแน่นอน หมู่บ้านแม่แมะ
ไ ด้ ป ร ะ ส า น โ ค ร ง ก า ร พั ฒ น า พื้ น ที่ สู ง แ บ บ โ ค ร ง ก า ร ห ล ว ง ป า ง ม ะ โ อ ไ ด้ ส นั บ ส นุ น ท่ อ น้ า แ ล ะ สิ่ ง ก่ อ ส ร้ า ง
อ่างเก็บน้าเดินท่อน้าเข้าสู่หมู่บ้านโดยได้รับงบประมาณภัยแห้ง (โครงการหลวง) และทางเทศบาลแม่นะ
ไดส้ นบั สนนุ ทอ่ น้าอีกหน่วยงานหนึ่ง

1.2 กำรศกึ ษำเรียนรู้ระบบกำรบรหิ ำรจัดกำรชุมชน

กำรวเิ ครำะหข์ ้อมลู กำรประเมนิ ศักยภำพของหมูบ่ ้ำน

กำรวิเครำะห์ปัจจัยภำยในหรือสภำพแวดล้อมภำยใน จะทาให้หมู่บ้านทราบถึงจุดอ่อน
และข้อเสยี เปรยี บของหม่บู า้ น

จุดออ่ น คอื ลักษณะหรือขอ้ ด้อยของหมบู่ า้ นเม่ือเทียบกับหมบู่ ้านอื่น
- ชาวบ้านขาดรายได้ประจา
- การขนสง่ ยากลาบาก
- ระบบประปาของหมบู่ ้านไมไ่ ด้มาตรฐาน/ชารดุ
- ขาดความรู้และความเขา้ ใจในการอนุรกั ษ์ทรพั ยากรธรรมชาติและสง่ิ แวดล้อม
- ทีด่ นิ ทากินไมม่ ีเอกสารสทิ ธิ์
- หมบู า้ นเกิดมลพษิ จากการเผาไหม้ ไฟป่า

1) ด้านเศรษฐกิจ
- มีความเหลื่อมล้าของรายได้รายได้กระจายไม่ทวั่ ถึง
- ขาดอาชพี เสริมทีม่ ่นั คงและยง่ั ยนื
- พชื เศรษฐกจิ หลัก ชาและกาแฟไม่มีตลาด

2) ดา้ นสงั คม (เดก็ เยาวชน สตรี ผู้สงู อายุ ผดู้ อ้ ยโอกาส การศึกษา ศาสนา และวฒั นธรรม)
- ปญั หาหมอกควนั และไฟป่า ป่าไมถ้ กู ทาลาย ทาให้พืน้ ทปี่ า่ ลดลง
- ปญั หาชาวบ้านติดยาเสพตดิ
- เด็กด้อยโอกาสทางการศกึ ษา ขาดความเท่าเทียมในการรบั โอกาส

3) ด้านทรัพยากรธรรมชาตแิ ละส่งิ แวดลอ้ ม
- ชมุ ชนยงั ไมใ่ หค้ วามสาคญั เกี่ยวกบั การอนุรักษ์ทรพั ยากรธรรมชาตแิ ละส่งิ แวดลอ้ ม
- การกาจดั ขยะของชุมชน
- ปัญหาการขาดน้าบรโิ ภคในฤดูแลง้

4) ดา้ นความมัน่ คงและความสงบเรียบรอ้ ย
- ชุมชนยงั ขาดการรับฟงั ข่าวสารและการติดต่อจากทางรฐั ล่าช้า

111

การเรยี นรู้เชงิ ปฏบิ ตั กิ าร (Action Learning) หลักสตู รนกั ปกครองระดบั สงู (นปส.) รนุ่ ที่ 76

- สอ่ื สารลา่ ช้าไม่ทนั ต่อเหตกุ ารณย์ าเสพตดิ แพร่ระบาดอย่างกวา้ งขวาง
- ไมม่ ีความมั่นคงในชวี ติ และทรัพย์สิน ภยั จากผู้เสพตดิ ยาเสพติด
5) ดา้ นโครงสรา้ งพน้ื ฐาน
- ดา้ นคมนาคม ถนนยังต้องมีการปรบั ปรุงแกไ้ ข
- ปญั หาการสง่ เสริมการเกษตรอาชพี เสรมิ
- เอกสารสิทธิท์ ีด่ นิ ควรไดร้ ับแหล่งเงินทนุ เพ่ือสนองต่อเกษตรกรรมอาชพี
6) ดา้ นสาธารณสุข
- ระบบปอ้ งกันโรคโควดิ - 19 ยังไมไ่ ดม้ าตรฐาน

- อสม.ไม่มีระบบดแู ลด้านสาธารณะสุข สขุ ภาพอนามยั ให้ชาวบา้ นอยา่ งท่วั ถงึ
- ขาดระบบปอ้ งกันมลพิษจากปญั หาหมอกควนั ไฟฟา้
จดุ แข็ง คอื ศกั ยภาพความสามารถหรือขอ้ เด่นของหมู่บ้านเมื่อเทียบกับหมูบ่ ้านอนื่
- หมบู่ า้ นแมแ่ มะมีชุมชนที่มคี วามรูส้ กึ รกั และหวงแหนในท้องถน่ิ
- ชมุ ชนบา้ นแมแ่ มะมีความรักสมคั รสมานสามัคคใี นชมุ ชนสงู
- การเปน็ สว่ นหน่ึงของชมุ ชนทุกคนทกุ เพศทุกวยั ได้ให้ความรว่ มมือในการพัฒนา
- ชุมชนมีความตระหนกั ในภัยพิบตั ิรว่ มกนั สงู
1) ดา้ นเศรษฐกิจ
- ชมุ ชนบา้ นแมแ่ มะมีพชื เกษตรหลัก ชาและกาแฟ
- การปรบั ผลิตภณั ฑ์ ชาและกาแฟ
- ชมุ ชนบา้ นแมแ่ มะสร้างแหลง่ ท่องเทีย่ วละบา้ นพกั
2) ด้านสงั คม (เด็ก เยาวชน สตรี ผู้สงู อายุ ผูด้ ้อยโอกาส การศึกษา ศาสนา และวัฒนธรรม)
- เป็นชุมชนลกั ษณะแบบปฐมภูมิ รักหวงแหนทรัพยากรทอ้ งถ่นิ
- จิตใจโอบออ้ มอารชี ่วยเหลือสามคั คี
- มีสานกั สงฆ์ วดั สานักปฏบิ ัติธรรมแมช่ ี ไว้คอ่ ยยดึ เหนย่ี วจิตใจ
3) ดา้ นทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม
- ชุมชนยึดม่ันในการรักษาความมั่นคงของฐานทรัพยากรและสร้างความสมดุลระหว่าง
การอนุรักษ์กบั การใช้ประโยชนอ์ ยา่ งย่งั ยืน อนรุ กั ษป์ ่าไม้ สัตวป์ ่า และแหลง่ ธรรมชาติ
4) ด้านความมัน่ คงและความสงบเรียบรอ้ ย
- ชมุ ชนมวี ิถชี ีวติ พงึ พาอาศยั ป่า
- ทุกคนมจี ติ สานึกรว่ มกัน
- ยึดมนั่ ศรทั ธาพุทธศาสนาใชเ้ ป็นเครอ่ื งมอื ยดึ เหนย่ี วจิตใจ
5) ด้านโครงสรา้ งพื้นฐาน
- ชุมชนมคี วามพร้อมทจี่ ะพัฒนาโครงสรา้ งพื้นฐาน นา้ ถนน สุขภาพ

- ทกุ คนเปน็ ส่วนหนงึ่ ของการขับเคลอ่ื นและตระหนกั ในการปอ้ งกันโรคโควิด - 19

- ประสานหนว่ ยงานของรฐั เข้ามาพัฒนารว่ มกนั กับคนในชมุ ชน

6) ดา้ นสาธารณสขุ
- ชุมชนมีมาตรการป้องกันโดยเฉพาะการแพร่ระบาดของโควิด - 19 โดยมีการปฏิบัติ

ตามนโยบายเฝา้ ระวงั ของรัฐ มีการคดั กรองตนเอง ชุมชน ทัง้ คนในหมู่บ้านและนอกหมู่บา้ น

112

การเรียนรู้เชงิ ปฏบิ ตั กิ าร (Action Learning) หลักสตู รนกั ปกครองระดบั สงู (นปส.) รุ่นที่ 76

- ชุมชนเสนอแผนป้องกันคุ้มภัยจากการแพร่ระบาดจากยาเสพติดเช่น การป้องกัน
การบาบัด การเพม่ิ งานใหก้ ลุ่มทเ่ี ขา้ โครงการเลกิ ยาเสพติด มงี านรองรบั ให้

กำรวเิ ครำะห์ปจั จัยภำยนอก หรือสภำพแวดล้อมภำยนอก จะทาใหห้ มู่บา้ นทราบถงึ โอกาส
และอปุ สรรค การทางานของหมบู่ า้ น

จดุ เดน่ ของหมูบ่ ำ้ นแมแ่ มะ
1) หมู่บ้านแม่แม่ต้ังอยู่ท่ีมีทรัพยากรและสิ่งแวดล้อมธรรมชาติป่าไม้ ลาห้วยแม่แมะ
ไหลผา่ นพ้ืนทเี่ หมาะแก่ การปลูกชากาแฟซึ่งเปน็ อาชพี หลัก
2) คนในชุมชนมีความสมัครสมานสามัคคีมีประเพณีวัฒนธรรมยึดเหนี่ยวจิตใจทุกคน
มจี ติ ใจรักถน่ิ เกดิ มสี ว่ น รว่ มในกิจกรรมของหมูบ่ า้ นทุกคนชว่ ยแก้ไขปัญหาดว้ ยจติ อาสา
จุดอ่อนจดุ ดอ้ ยของหมู่บ้ำน
1) พืชหลักชาที่เป็นอาชีพหลักราคาต่าไม่ได้รับการแก้ไขทาให้การผลิตชาด้วยคุณภาพขาด
การสง่ เสริมอาชพี นามาทดแทนชาและชมุ ชนไมม่ ที นุ ในการประกอบอาชีพ
2) ชุมชนมีความเกี่ยวข้องกับยาเสพติดทาให้เกิดปัญหาการตัดไม้ทาลายป่า
เกดิ ความไม่ปลอดภยั ในทรัพย์สนิ ครอบครวั แตกแยก

โอกำสจำกภำยนอกหมู่บำ้ น
1) มีหน่วยงานโครงการพัฒนาพ้ืนท่ีสูงแบบโครงการหลวง ปางมะโอมาส่งเสริม
อาชีพหลักกาแฟและสนับสนุนวัสดุการเกษตรน้าเพ่ือการเกษตรและมีหน่วยงานรัฐอ่ืนสนับสนุน
การจดั ทาแนวกนั ไฟ
2) โครงการ OTOP นวัตวิถี สนับสนุนการทาหมู่บ้านแห่งการท่องเที่ยวและอนุรักษ์
ทรัพยากรส่งิ แวดลอ้ ม
ควำมเสย่ี งภัยคุกคำมจำกภำยนอก
1) กลุ่มนายทุนซื้อที่ทากินสวนเม่ียงมาเปล่ียนเป็นรีสอร์ททาให้เกิดปัญหาบุกรุกป่า
ถางปา่ เพอื่ มาทาบ้านพกั
2) ปัญหายาเสพติดแพร่ระบาดในหมู่บ้านโดยคนภายนอกหมู่บ้านนามาแพร่ระบาดค้าขาย
มาตรการป้องกนั การแพรร่ ะบาดของโรคติดเชื้อไวรสั โคโรนา 2019 (COVID - 19) ยังไมม่ ีความเข้มข้น ใน
มาตรการคดั กรองโดยเฉพาะชมุ ชนยงั ไมต่ ระหนักถึงผลของการระบาดของโรคโควิด 19

เป้ำหมำยกำรพฒั นำ (วิสยั ทัศน์) ของหมู่บ้ำน
1) เพื่อทราบถงึ ปัญหาความต้องการของชาวบ้านในชุมชนบา้ นแม่แมะ
2) เพื่อค้นหาศักยภาพของหมู่บ้านโดยใช้ข้อมูลพ้ืนฐานของหมู่บ้านแม่แมะ นาไปกาหนด
แนวทาง วธิ ีการในการพัฒนาและแก้ไขปญั หาของหมบู่ ้านแมแ่ มะได้อย่างถกู ตอ้ ง
3) เพ่ือปรับเปลี่ยนแนวคิดของชุมชนชาวบ้านได้รู้จักคิดรู้จักทารู้จักระดมความคิด
หาแนวทางแกไ้ ข ปัญหาร่วมกนั ซง่ึ นาไปสู่การกระบวนการพ่งึ พาตนเองขับเคล่อื นได้สู่การพฒั นาทีย่ งั่ ยืน
4) เพ่ือสร้างกระบวนการเรียนรู้ร่วมกัน ของชาวบ้านแม่แมะก็เกิดความสามัคคี
เป็นหนึ่งเดียวกัน สง่ เสรมิ การพัฒนาระบอบประชาธปิ ไตยโดยมพี ระมหากษตั ริยเ์ ปน็ ประมขุ
5) เพือ่ สร้างจิตสานกึ สาธารณะรว่ มกนั มีจติ อาสาในการปฏิบตั ิงานเพื่อส่วนรวมอยา่ งถอ่ งแท้

113

การเรียนรเู้ ชิงปฏบิ ัติการ (Action Learning) หลักสูตรนกั ปกครองระดับสงู (นปส.) รุน่ ท่ี 76

สภาพปัญหาและความต้องการของหมู่บ้าน

ลำดับ ปัญหำและควำมต้องกำร สำเหตุของปัญหำ แนวทำงกำรแก้ไข
ควำมสำคั
มคี วามเหล่ือมลา้ ของรายได้ของแตล่ ะ ชาวบ้านมีภาระหนสี้ ิน สง่ เสรมิ ใหช้ าวบา้ นมรี ายไดเ้ สริม
ญ ตามความต้องการ
1 ครอบครวั รายได้ไมพ่ อกับรายจ่าย จัดอบรมสินคา้ OTOP ของหมู่บา้ น
2 มาประยกุ ตใ์ ช้ในหมบู่ า้ น
3 ชมุ ชนต้องมีอาชีพเสริมจากรายได้หลกั ชาวบ้านมภี าระหน้สี นิ จัดใหม้ อี บรมการทาแนวกนั ไฟร่วม
4 กับหมู่บ้านอื่น
รายได้ไม่พอกับรายจ่าย ประสานงานกับกรมทรพั ยากรและ
5 สง่ิ แวดลอ้ มมาให้ความรแู้ ละ
ปญั หาหมอกควนั ไฟป่า ปา่ ไม้ ไฟป่าลุกลามมาจาก แนวทางมาปฏบิ ัติ
6 มมี าตรการบาบัดรักษาผู้เสพอย่าง
ถกู ทาลาย พืน้ ท่ปี ่าลดลง หมู่บา้ นอื่น จรงิ จงั โดยจะเพมิ่ กิจกรรมและ
7 หารายไดเ้ สริม
กาจดั ขยะชมุ ชน ไม่มที ีก่ าจดั ขยะของ ทกุ คนตอ้ งรว่ มมือในการปอ้ งกันขมุ
8 ชน
หมู่บา้ น มีมาตรการคัดกรองอย่างเขม้ ข้น
9
การแพรร่ ะบาดของยาเสพตดิ ผเู้ สพชุมชนยงั ขาด มีอาชพี เสริมท่เี พมิ่ รายได้ ขอรบั การ
ภมู ิคุม้ กัน สนบั สนนุ โครงการ
แบบขยายผล
การแพร่ระบาดของโรคระบาดไวรัส ชุมชนขาดความตระหนกั จากโครงการหลวง
โควิด – 19 และไข้เลือดออก ขาดการส่ือสารอยา่ งมี ประสานเกษตรอาเภอมาให้ความรู้
คณุ ภาพโทษความรนุ แรง ให้ชมุ ชนมาปรบั ใช้
รายได้ครวั เรือนลดลงแต่ค่าครองชีพ ของโรค
สูงข้ึน จดั ทาฝายกัน้ นา้ ลาห้วยปรบั ปรุง
วิถชี วี ิตชุมชนเปลีย่ นไป ระบบขนส่ง
คา่ ใชจ้ า่ ยสูง รายไดต้ า่ ไปยังพ้นื ที่เกษตร
อยา่ งท่ัวถงึ
รายได้ของครวั เรือนแตกต่างกนั ขาด มแี หล่งทรัพยากรแต่ไม่

กลุ่มพฒั นาแหล่งทอ่ งเที่ยวเชิงอนรุ กั ษ์ สามารถนามาใช้ ขาด

ความสมดลุ ระหว่างการ

ใชป้ ระโยชนก์ ับการ

อนรุ ักษอ์ ย่างยัง่ ยนื

ขาดแหล่งนา้ เพื่อการเกษตร เกดิ วิกฤตฝนแลง้ ฝนไม่

ตกรนุ แรงขนึ้ ทกุ ปี

114

การเรียนรู้เชิงปฏบิ ตั กิ าร (Action Learning) หลักสตู รนกั ปกครองระดับสูง (นปส.) รุ่นท่ี 76

โครงการ/กิจกรรมการบรู ณาการแผนพัฒนาหมู่บ้าน

ประเภทของแผนด้านตา่ ง ๆ วธิ กี ารดาเนนิ การ หมายเหตุ
(ระบุ /) (ระบุ /) (หน่วย
ดาเนินการ
ทาเอง ทารว่ ม หน่วยงาน
อื่นทาให้ )

ลาดบั ท่ี ชือ่ โครงการ/กจิ กรรม งบ ดา้ น ด้านสังคม ด้าน ด้าน ดา้ น
ประมาณ เศรษฐกจิ ทรพั ยากรฯ ความ การบริหาร
มั่นคงฯ การจัดการ
1 โครงการทาแนวกันไฟ 80,000 / //
/ /

2 โครงการมบู่ ้าน 150,000 / // /

ปลอดภัยโควดิ -19

3 โครงการนา้ ใช้เพอ่ื 200,000 / / / / / /

การเกษตร

4 โครงการสร้างโรงค่ัว 100,000 / / // /

ชากาแฟ

5 โครงการปรับปรุง 500,000 / / ///

แหลง่ ทอ่ งเท่ียวเขิง

อนุรกั ษ์

6 โครงการปรบั ปรงุ 500,000 / / // /

ถนนสายแมแ่ มะ -

ป่าโหล

7 โครงการไฟฟ้าสู่บา้ น 500,000 / / / / / /

ป่าโหล

8 โครงการส่งเสริม 500,000 / // /

ศลิ ปะและวัฒนธรรม

115

การเรียนรเู้ ชิงปฏบิ ตั ิการ (Action Learning) หลกั สตู รนกั ปกครองระดับสูง (นปส.) รนุ่ ที่ 76

ปฏิทินแผนการปฏิบัตงิ านประจาปีของหม่บู า้ น
ชว่ งเวลาในการดาเนินการ

ลาดับ โครงการ / กจิ กรรม
ม.ค. ก.พ. มี.ค. เม.ย. พ.ค. มิ.ย. ก.ค. ส.ค. ก.ย. ต.ค. พ.ย. ธ.ค.

1 โครงการทาแนวกนั ไฟ
2 โครงการหมู่บ้าน

ปลอดภยั โควิด - 19
3 โครงการน้าใช้เพอ่ื

การเกษตร
4 โครงการสร้างโรงค่ัวชา

กาแฟ
5 โครงการปรบั ปรงุ แหล่ง

ท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์
6 โครงการปรบั ปรุงถนน

สายแม่แมะ - ป่าโหล
7 โครงการไฟฟ้าสูบ่ า้ นปา่

โหล
8 โครงการสง่ เสริมศลิ ปะ

และวัฒนธรรม

116

การเรยี นรู้เชงิ ปฏิบตั กิ าร (Action Learning) หลักสูตรนักปกครองระดับสงู (นปส.) รุ่นท่ี 76

กำรทบทวนแผนพัฒนำหมูบ่ ้ำน
- 3 ก.ย. 2563 ทบทวน 1 ครั้ง ท่ีประชุมมีมติให้ปรบั แผนและโครงการการประเมินผล บรรจไุ ว้ในแผนปีต่อไป

จานวนผู้เข้าประชมุ 11 คน

- 7 ก.ย. 2563 ทบทวน 2 ครง้ั การปรบั แผนหมูบ่ า้ น
จานวนผ้เู ข้าประชมุ 15 คน

1.3 กำรศกึ ษำเรียนรู้นโยบำยภำครฐั และผลกระทบต่อกำรพฒั นำของชุมชน

นโยบายภาครัฐท่เี ข้ามาดาเนนิ การในพ้ืนทบี่ า้ นแมแ่ มะ หมทู่ ี่ 11 ตาบลแมน่ ะ อาเภอเชยี งดาว จงั หวดั

เชยี งใหม่ ประกอบด้วยนโยบายในด้านของการแก้ไขปญั หาความยากจน การกระจายรายได้ สู่ครัวเรือน

นโยบายส่งเสริมการท่องเที่ยวและนโยบายด้านการอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติและ ส่ิงแวดล้อม ท้ังน้ี มี

โครงการ การดาเนนิ การหรอื การสนับสนนุ จากภาครัฐตามนโยบายข้างต้นในพ้นื ท่ี ดงั น้ี

1.3.1) บ้านแม่แมะถูกคัดเลอื กใหร้ ว่ มโครงการ OTOP นวัตวิถี ตามพนื้ ฐานสงั คม และชมุ ชน ที่

รักษาปา่ ดีเด่น โดยสนบั สนุนให้มกี ารจัดทาทาหมูบ่ ้านแห่งการทอ่ งเท่ียวและอนรุ ักษท์ รัพยากรสิง่ แวดล้อมเพื่อ

ดงึ ดดู นกั ทอ่ งเท่ียวเขา้ มาท่องเทยี่ วในพื้นที่

1.3.2) เงินทนุ 1 ล้านบาท เป็นนโยบายของรฐั บาลท่ีมุ่งสนับสนุนทุนแก่ประชาชน และเกดิ ประโยชน์

แก่ประชาชนในหมู่บ้านอย่างมากในการนาไปใช้ ในการไปซื้ออุปกรณ์ในการการเกษตรและในการประกอบ

อาชีพ

1.3.3) มีหน่วยงานโครงการพัฒนาพื้นที่สูงแบบโครงการหลวง ปางมะโอเข้ามาส่งเสริมอาชีพหลกั

ในส่วนของการปลูกกาแฟและสนับสนุนวัสดุการเกษตรและน้าเพื่อการเกษตร ท้ังน้ี ยังมีหน่วยงานรัฐอื่นเข้ามา

ดาเนนิ การสนบั สนนุ การจัดทาแนวกันไฟเพ่ือปอ้ งกนั การลุกลามเม่ือเกดิ ไฟป่าในพนื้ ที่

1.3.4) กองทนุ ในโครงการแก้ไขปญั หาความยากจน (กข.คจ.) ของกระทรวงมหาดไทย โดย

กรมการพัฒนาชุมชน ทั้งนี้ เพื่อตอบสนองนโยบายการกระจายรายได้ และความเจริญ ไปสู่ส่วนภูมิภาค โดย

กระจายโอกาสให้คนยากจนระดบั ครัวเรือนในหมู่บ้านเปา้ หมาย มีเงินทนุ ในการประกอบอาชีพ เพื่อเพม่ิ

รายได้และพัฒนาคณุ ภาพชวี ิตของคนยากจนใหด้ ขี ้นึ ตามเกณฑค์ วามจาเปน็ ขัน้ พ้ืนฐาน (จปฐ.)

1.3.5) ราษฎรอาสาพทิ ักษ์ปา่ (รสทป.) ตามนโยบาย ทภ.3 กรมป่าไม้ กรมอุทยาน ฯ เปลีย่ นพฤตกิ รรมจาก

ผู้บกุ รกุ ทาลายป่า มาเปน็ ผดู้ ูแลรักษาป่าและใช้ประโยชน์จากปา่ อย่างยัง่ ยืน จนไดร้ บั ธงพระราชทาน “ธงพทิ กั ษ์

ปา่ เพือ่ รกั ษาชีวติ ” ช้นั ที่ 2 เมอื่ ปี 2554

1.3.6) การก่อสร้างโครงสรา้ งพ้ืนฐาน ถนน ระบบประปาหมูบ่ า้ น ฝาย จากหน่วยงานที่เกย่ี วข้องใน

ระดบั พ้นื ที่

117

การเรียนรูเ้ ชงิ ปฏบิ ัติการ (Action Learning) หลักสตู รนักปกครองระดับสงู (นปส.) รนุ่ ที่ 76

ส่วนที่ 2
ประเด็นกำรพฒั นำของชุมชน

2.1 กำรสำรวจข้อมลู เศรษฐกจิ และสงั คม

ข้อมูลพื้นฐำนเกย่ี วกบั สภำพครัวเรือน
น้ำบริโภคและอุปโภค
1) นา้ บริโภค 80% มาจากนา้ จากแหลง่ ธรรมชาติ
2) นา้ อุปโภค 85% มากจากนา้ ประปาหมบู่ า้ น
3) 95% มีนา้ บริโภคและอปุ โภคเพยี งพอตลอดปี

พนื้ ทีท่ ำกิน
1) 74% มีท่ที ากินทางการเกษตร 1-30 ไร่
2) 26% มีทที่ ากนิ ทางการเกษตร 31-60 ไร่
3) พืน้ ทเ่ี พราะปลกู ในครวั เรอื น 95% เปน็ พื้นของตัวเอง
สภำพควำมเปน็ อยู่ / สุขอนำมัย
1) โรคเรื้อรงั สว่ นใหญป่ ระมาณ 98 % ไมเ่ ปน็ โรคเรือ้ รงั และ 2 % เป็นโรคเกา๊ ท์ และโรคความดัน
2) โรคตดิ ต่อ ประชากรสว่ นใหญไ่ ม่เป็นโรคตดิ ตอ่
3) สมาชิกในครวั เรือนเปน็ ผพู้ ิการ สว่ นใหญป่ ระมาณ 98 % สมาชิกในครัวเรอื นไมเ่ ปน็ ผู้พกิ าร

ขอ้ มลู พืน้ ฐำนสมำชกิ ในครวั เรอื น

อายุ ระดับการศึกษา

2% 2% 1%

5% 16% 7% 8%
25%
0 - 20 ปี 12%
31% 21 - 40 ปี
23% 41 - 60 ปี 13%
61 -80 ปี 55%
81 - 100 ปี

ไม่ได้เรยี น อนบุ าล ประถม ม.ต้น ม.ปลาย ปวช. ปวส. ป.ตรี

118

การเรยี นรู้เชิงปฏิบัติการ (Action Learning) หลกั สูตรนักปกครองระดับสงู (นปส.) รนุ่ ท่ี 76

การทางาน

2%
1%

2% 13% ทางาน มากกวา่ 4 ชม./วัน
3% ทางาน นอ้ ยกว่า 4 ชม./วัน
วา่ งงาน ตอ้ งการทางาน
7% วา่ งงาน ไมต่ อ้ งการทางาน
เด็ก/เยาวชนกาลังเรยี น
72% เด็ก/เยาวชนไม่ได้เรยี น
คนพกิ าร/ปว่ ย ไมส่ ามารถทางานได้

สรุปข้อมูลพนื ฐานสมาชิกในครัวเรือน
1) ประชากรในหมู่บ้านประกอบอาชีพ เกษตรกรรรม รับจ้าง และบางสว่ นประกอบอาชีพส่วนตัว เช่น

ค้าขาย ลูกจ้างเอกชน นักเรยี น/นกั ศกึ ษา
2) ประชากร 81% ทางานในหมู่บ้าน และ 19% ทางานนอกหมบู่ ้าน
3) ประชากร 76% ไมเ่ คยทางานตา่ งถิน่ และอกี 24% เคยทางานต่างถ่นิ
4) ประชากร 92% อาศัยอยใู่ นพื้นที่ และอีก 8% อาศัยอยนู่ อกพื้นท่ี
5) ประชากร 58% มกี ารเขา้ ถงึ Internet และอีก 42% เขา้ ไม่ถงึ Internet

สภาพทางเศรษฐกจิ
1) พชื ทางเศรษฐกิจของหมู่บา้ นแม่แมะ ปลูกชา 72% ปลกู กาแฟ 27% และอนื่ ๆ 1%
2) เงินออม
- 55% มเี งนิ ออมไมเ่ กิน 100,000 บาท
- 45% มเี งนิ ออมมากกว่า 100,000 บาท
3) เงนิ ช่วยเหลอื
- เบีย้ ยังชพี ผูส้ งู อายุ 55%
- เบย้ี ยงั ชพี ผพู้ ิการ 8%
- เงนิ สวสั ดิการของรฐั 48%
- เงนิ ช่วยเหลอื ตามนโยบาย 36%
- อ่นื ๆ 14%

119

การเรียนรเู้ ชงิ ปฏบิ ตั ิการ (Action Learning) หลักสตู รนักปกครองระดับสงู (นปส.) ร่นุ ท่ี 76

4) หนีสนิ ในครวั เรอื น
- 36% มีหนี้สินไมเ่ กิน 100,000 บาท
- 20% มหี นส้ี ินมากกวา่ 100,000 บาท
- 44% ไม่มีหน้ีสนิ เลย

ชีวติ ปกตสิ ขุ

84652137000000000 มิติท่ี 2 มีความรู้ มติ ทิ ่ี 3 โอกาสในการ มิติที่ 4 สงั คมที่ดี แขง็
มติ ทิ ี่ 1 สงิ่ แวดลอ้ มที่ เพยี งพอต่อการ
ดี ประกอบอาชีพ ประกอบอาชีพตาม แรงฯ

11 ความถนดั ฯ

มากทส่ี ดุ 52 66 16 7
มาก 52
ปานกลาง 22 57 71 36
นอ้ ย 29
นอ้ ยท่ีสดุ 11 8 34 24
ไมม่ ี 26
0 12 16

1 1 46

3 62

2.2 ควำมเส่ียงที่จะไมม่ ีชีวิตท่ีมั่นคงของบุคคล ครอบครวั และชมุ ชน

กำรใช้ SWOT ในกำรวิเครำะห์บ้ำนแมแ่ มะ หมู่ท่ี 11 ตำบลแม่นะ อำเภอเชียงดำว จงั หวดั เขียงใหม่
1) สภาพสิง่ แวดลอ้ มภายใน

1.1) จุดเดน่
1.1.1) ด้วยความเป็นพ้ืนที่ชั้นคุณภาพลุ่มน้า 1A ของบ้านแม่แมะ หมู่ 11 ตาบลแมน่ ะ

อาเภอเขียงดาว จังหวัดเชียงใหม่ ทาให้คุณภาพอากาศและส่ิงแวดลอ้ มดีมาก ทาให้เป็นเสน่ห์และความ น่า
หลงใหลอยา่ งย่ิง

1.1.2) ด้วยความเป็นคนพื้นท่ีทาให้มีวิถีชีวิตขนบธรรมเนียมประเพณีท่ดี ีงามอย่างย่งิ มี
ความเปน็ เอกลักษณข์ องตนเอง

1.1.3) ความสวยงามของธรรมชาติในพ้ืนทเ่ี ป็นเสน่ห์ในการดึงดูดของผ้พู บเห็น และ
สมั ผัส ทาใหเ้ กิดความรสู้ ึกทด่ี ีและมคี วามประทับใจ

120

การเรียนรูเ้ ชงิ ปฏิบตั ิการ (Action Learning) หลักสูตรนกั ปกครองระดับสูง (นปส.) รนุ่ ท่ี 76

1.1.4) ด้วยความเป็นพ้ืนท่ีป่าอนุรักษ์ทาให้ยังคงดีมีสภาพท่ีดีและอุดมสมบูรณ์
เหมาะสมทีจ่ ะขออนุญาตจดั ตั้งป่าชุมชนตาม พ.ร.บ. ป่าชุมชน พ.ศ. 2562 เพ่ือจัดทาเป็นแหง่ ทอ่ งเท่ียวเชิง
อนรุ กั ษ์ไดเ้ ป็นอยา่ งดีย่งิ

1.2 จดุ ดอ้ ย
1.2.1) ด้วยความเป็นสังคมพ้ืนถ่ินดง้ั เดิม ทั้งน้ี หากสังคมเมอื งเข้ามาส่หู มบู่ ้านทาใหค้ น

ในชมุ ขนมีความต้องการและเลยี นแบบสังคมเมืองทาให้ความมเี สนห่ ์แบบสังคมทอ้ งถ่ินทเี่ ป็นสังคมแบบด้ังเดิม
สูญเสยี ไป ความเป็นอัตลักษณ์ของชมุ ชนดัง้ เดมิ หายไป

1.2.2) ด้วยความเป็นพนื้ ท่ีช้ันคุณภาพลุ่มน้า 1 A ทาให้เกิดเง่ือนไขของการพิจารณาด้าน
ต่าง ๆ เช่น การคิดสร้างถนนและสิ่งก่อสร้างอ่ืน ๆ ไม่สามารถขออนุญาตใช้พื้นที่ได้ รวมทั้งการจัดการ การใช้
ประโยชน์ของพ้ืนท่ีด้วย

1.2.3) เน่อื งจากสภาพพ้นื ที่เปน็ เขตป่าสงวนแห่งชาติ การดาเนินการในหลายส่วนหลาย
อยา่ งต้องตดิ ขดั ในข้อกฎหมายทาให้การการพิจารณาเป็นไปด้วยความยากลาบาก ไม่สามารถพฒั นาให้เป็นไป
ตามแผนงานได้ ประกอบกับปัญหาหมอกควันในฤดูแล้งทาให้บ้านแม่แมะได้รับผลกระทบจากปัญหาหมอก
ควันและคณุ ภาพอากาศดงั กล่าว

2) สภาพสิง่ แวดลอ้ มภายนอก
2.1) โอกาส
2.1.1) จากสภาพภูมิประเทศ สภาพพื้นที่ที่มีความอุดมสมบูรณ์ทาให้พ้ืนท่ีดังกลา่ ว มี

ศักยภาพในด้านการท่องเที่ยว แบบการท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์ และเชิงวัฒนธรรม โดยขายจุดเด่นของธรรมขาติ
วัฒนธรรม ขนบธรรมเนยี มประเพณที ดี่ งี ามในด้านต่าง ๆ ของชมุ ชนบา้ นแม่แมะ

2.1.2) จากสถานการณก์ ารระบาดของไวรสั โควิด – 19 ทาให้การท่องเท่ียวในพื้นทท่ี ่ี

นิยม การทอ่ งเท่ียวในแหล่งทอ่ งเทีย่ วทม่ี ีคนไปทอ่ งเท่ียวเป็นจานวนมาก เกิดความเส่ยี งในการติดเช้ือดงั กล่าว
ได้ง่าย ทาให้บ้านแม่แมะเป็นแหลง่ ท่องเที่ยวที่เปน็ ทางเลอื กที่ดี เนื่องจากเป็นการท่องเทย่ี วเชิงอนุรักษ์ และ
วฒั นธรรม จึงเปน็ การทอ่ งเทยี่ วท่ดี ที ่ีมคี วามสัมพนั ธก์ บั ธรรมขาติและวัฒนธรรม ประกอบกับความหา่ งไกลจาก
สังคมเมอื ง ทาใหเ้ หมาะสมตอ่ การเปน็ แหล่งทอ่ งเทย่ี วดังกลา่ ว

2.2) อุปสรรค
2.2.1) จากการระบาดของไวรัสโควิด - 19 ทาให้นักท่องเทย่ี วต่างชาติท่ีมีศักยภาพใน

เชิงเศรษฐกิจไม่สามารถเดินทางเข้ามาท่องเท่ียวในประเทศไทยได้ทาให้หมู่บ้านแม่แมะ ขาดนักท่องเท่ียว
ต่างชาติท่ีมีศักยภาพที่มีความต้องการมาสมั ผสั ธรรมชาติ ขนบธรรมเนียมประเพณี และวัฒนธรรมแบบชาว
เหนอื ของไทย

2.2.2) การระบาดของไวรัสโควิด - 19 ทาให้เศรษฐกิจของโลกและของประเทศไทย

ได้รับผลกระทบเปน็ กอยา่ งยิ่ง ทาใหศ้ ักยภาพของนักทอ่ งเทยี่ วลดลง ไมส่ ามารถใช้จา่ ยเงินด้านการท่องเทย่ี วได้มาก
นัก ทาให้การประกอบกิจการดา้ นการท่องเท่ยี วเชิงอนุรกั ษแ์ ละเชงิ วัฒนธรรมของบา้ นแมแ่ มะไดร้ ับผลกระทบ

จากการวิเคราะหพ์ ื้นที่ของบ้านแม่แมะ หมู่ท่ี 11 ตาบลแม่นะ อาเภอเชียงดาว จังหวัดเชียงใหม่
ในด้านของสภาพส่ิงแวดล้อมภายใน (วิเคราะห์จุดแข็งและจุดอ่อน) สภาพส่ิงแวดล้อมภายนอก (วิเคราะห์
โอกาสและอุปสรรค) ทาให้เห็นว่าหมู่บ้านแม่แมะมีศักยภาพที่จะพัฒนาท้ังด้านการท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์
การท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรม การพัฒนาทางด้านเศรษฐกิจของชุมชนแม่แมะต่อไปได้ เน่ืองจากมีจุดแข็งและ

121

การเรียนรูเ้ ชิงปฏบิ ัตกิ าร (Action Learning) หลักสตู รนักปกครองระดบั สูง (นปส.) รนุ่ ที่ 76

โอกาสท่ีดีมากแม้ว่าจะมีจุดด้อยและอุปสรรคบ้างแต่ไม่มากนัก ทาให้โอกาสท่ีจะใช้จุดเด่นและโอกาสใน
การพัฒนาขยายกิจการด้านการท่องเที่ยว รวมท้ังการประกอบกิจการอาชีพ เช่นการทาไร่ชา กาแฟ ฯลฯ ซ่ึงมี
ความเหมาะสมในการใช้สภาพของพ้นื ทแ่ี ละชมุ ชนต่อไป

Community Radar Analysis
ผลกำรวเิ ครำะห์สภำพปญั หำ คณุ ภำพชีวติ บ้ำนแมแ่ มะ
หมู่ 11 ตำบลแม่นะ อำเภอเชยี งดำว จงั หวดั เชียงใหม่

การพฒั นาด้านอาชีพ

33

การบรหิ ารจดั การชุมชน การจดั การทุนชุมชน

3 3

การแกไ้ ขปญั หาความยากจน การจดั การความเส่ียงชมุ ชน

2.8 ข้อมูล จปฐ.
ข้อมลู กชช 2 ก
ขอ้ มลู อ่ืน ๆ

สรุปควำมเสีย่ งท่ีจะไมม่ ชี วี ิตทมี่ ่ันคงของบคุ คล ครอบครัว และชุมชน
ด้ำนเศรษฐกิจ
1) ไม่มรี ายได้ประจา
2) ชา ซ่ึงเป็นพืชหลัก ราคาตกต่า ฤดูการเกบ็ ชามีเพียง 9 เดือน เว้นเดือนมกราคมถงึ เดือน
มีนาคมชาวบา้ นจึงจะขาดรายไดใ้ นช่วงเวลาน้ีไป รวมถึงปญั หาศตั รูพืชแพร่ระบาดในช่วงเดือนตุลาคม
ถึงเดือนธันวาคม
3) การแพร่ระบาดของโรคติดเช้ือไวรัสโคโรนา 2019 ส่งผลให้จานวนนักท่องเทยี่ วลดลง
กระทบต่อรายได้ของบคุ คลทีอ่ ยู่ในระบบการใหบ้ ริการ ดา้ นการท่องเทยี่ ว เชน่ เจ้าของทพ่ี กั คนขับรถ
รับส่ง ผูป้ ระกอบอาหาร คนนวด และไกด์

ด้ำนสังคม
1) กลุ่มบุคคลภายนอก ซ้ือทีท่ ากนิ สวนเม่ียงเปลี่ยนเป็นที่พักสาหรับนักท่องเที่ยว ส่งผลให้

ความเป็นเอกลกั ษณข์ องพ้ืนทีเ่ ปลี่ยนไป

122

การเรียนรเู้ ชงิ ปฏบิ ตั กิ าร (Action Learning) หลกั สตู รนักปกครองระดับสงู (นปส.) ร่นุ ท่ี 76

2) ภูมิคุ้มกันต่อกระแสการเปลี่ยนแปลงของสังคม เศรษฐกิจ ที่ส่งผลต่อวิถีชีวิต
ความมีเสน่ห์ สภาพธรรมชาติท่จี ะดารงอยดู่ ้านสิง่ แวดลอ้ ม

3) ที่ดินทากินไมม่ เี อกสารสทิ ธิ์
ดำ้ นโครงสรำ้ งพืน้ ฐำน

1) การคมนาคมไม่สะดวก
2) ระบบประปาไมไ่ ดม้ าตรฐานชารุด
3) ภัยธรรมชาตจิ ากเหตดุ นิ โคลนถลม่ ทับเส้นทางคมนาคม

2.3 ระดับกำรพัฒนำของหมู่บ้ำน
1) หมู่บา้ นมีกฎเกณฑข์ องหมบู่ า้ นที่ทกุ ครวั เรอื นยอมรบั ร่วมกนั และถือปฏิบัตติ ามอยา่ งเข้มแข็ง
2) มที รพั ยากรทอี่ ุดมสมบูรณ์เปน็ ต้นทุนของหมบู่ า้ น และมีวถิ ชี ีวิตท่เี รียบงา่ ยพอเพยี งผนู้ าและผคู้ นใน

ชมุ ชนสมานสามัคคี จึงเป็นจุดแขง็ ในการนามาใชป้ ระโยชนใ์ นการพัฒนา เชน่ การพฒั นาหมูบ่ ้านใหเ้ ปน็ แหลง่
ท่องเที่ยวเชิงนิเวศน์ และเรยี นรวู้ ถิ ีชมุ ชน

3) การจัดการป่าชุมชนเพื่อการบรโิ ภคในชุมชนและสรา้ งรายได้ โดยในอดตี ท่ีผา่ นมา หมู่บ้านแม่แมะ มี
การใชป้ า่ ไมท้ ่ขี าดการดูแลป่าเชน่ เดียวกับหมูบ่ า้ นอืน่ ๆ จนกระท่งั ปี พ.ศ. 2521 เกดิ โศกนาฎกรรมนา้ ป่าไหล
หลากอนั เกิดจากการตัดตน้ ไม้ ทาสวนเลื่อนลอยของชาวบ้านทาใหม้ ผี ้เู สยี ชวี ติ จากเหตกุ ารณ์น้ี ชาวบา้ นจึงเกดิ
การต่ืนตัวในการรักษาป่า ไม่ตัดไม้ทาลายป่า โดยมีหน่วยงานรัฐ กรมป่าไม้ หน่วยจัดการต้นน้าแมต่ ะมานเขา้
มาให้ความร้เู ร่ืองคนอยกู่ บั ปา่ การดแู ลปา่ วธิ จี ัดการปา่ ทาความเขา้ ใจกบั ชุมชนและมีการจดั ทามติประชาคม
ชาวบา้ นแมแ่ มะรว่ มกนั ในการจัดการปา่ ชมุ ชน ดังนี้

3.1) ห้ามใชป้ า่ ทาไร่เล่ือนลอย
3.2) กาหนดระเบียบหมู่บ้านการทาการเกษตร ปา่ ใชส้ อย ป่าอนุรักษข์ องชุมชน
3.3) ประชุมชาวบ้านและกาหนดกติกาสังคมร่วมกันตลอด และมีการปรับแก้ไขเพิ่มเติมตาม
ความเหมาะสม เชน่

- การทาแนวกันไฟทล่ี ้อมปา่ ของหมู่บ้านระยะยาว 26 กิโลเมตร กวา้ ง 4 เมตร โดยหากเกดิ ไฟปา่ ต้อง
รว่ มกนั ดับไฟป่าทกุ คน

- จัดชดุ ชาวบา้ นลาดตระเวนเฝา้ ระวังไฟปา่ โดยเฉพาะในหนา้ แลง้
- ประสานหมบู่ า้ นรอบข้างร่วมมือ เฝา้ ระวังและดับไฟป่าร่วมกนั เม่ือเกิดเหตุ
- กาหนดเขตอนุรักษ์สตั ว์น้า โดยห้ามจับสตั ว์น้าในเขตของหม่บู ้านท้งั หมดท้ังปี แต่ภายนอก
เขตชุมชนหมบู่ ้านให้คนในหมูบ่ ้านสามารถจบั บรโิ ภคได้ยกเวน้ บคุ คลภายนอกไมใ่ หจ้ บั
- การหา้ มเก็บของปา่ เชน่ หนอ่ ไมแ้ ละน้าผึง้ ฯลฯ ในรัศมี 2 กโิ ลเมตร จากตัวชมุ ชนหม่บู ้าน
ให้ชาวบ้านสามารถเกบ็ บริโภคได้ แตถ่ ้าเก็บเพอ่ื ขายใหเ้ กบ็ ระยะเกิน 2 กิโลเมตรขน้ึ ไป ยกเว้นคนนอกหมบู่ ้าน
ไมใ่ ห้เกบ็
- หากใครฝ่าฝนื กตกิ าของหมบู่ า้ นจะถือปรบั หรอื ดาเนนิ การตามกฎหมายท่ีเก่ียวข้องต่อไป
3.4) ช่องทางการตลาดในการจาหน่ายเพ่ือหารายได้โดยชาวบ้านจะนาสนิ ค้ามาจาหน่าย ตาม
รา้ นคา้ ในหมู่บ้านขายตามโฮมสเตย์แกน่ กั ท่องเท่ยี วและจาหนา่ ยแก่พอ่ คา้ จากภายนอก เป็นต้น
3.5) ในสถานการณ์การแพรร่ ะบาดของไวรสั โควดิ - 19 การรับนักทอ่ งเที่ยวเขา้ มาในหมบู่ า้ นจะ
มมี าตรการเพม่ิ ขึ้น เช่น
- มใี บรับรอง ใบตรวจสอบการผา่ นโรค ฯ หรือใบยืนยันอ่ืน ๆ ที่ราชการรบั รอง

123

การเรยี นร้เู ชงิ ปฏิบตั กิ าร (Action Learning) หลักสูตรนักปกครองระดบั สูง (นปส.) รนุ่ ที่ 76

- บ้านโฮมสเตย์ รา้ นค้าและรา้ นบริการปฏิบตั ิตามมาตรการทีส่ าธารณสขุ กาหนด
- ประชมุ ผปู้ ระกอบการในหมู่บ้านให้มีความเขา้ ใจตรงกันโดยมภี าครฐั เชน่ สาธารณสขุ อาเภอ
มารว่ มชแ้ี จงทาความเข้าใจ มีปา้ ยประชาสัมพันธก์ ารป้องกนั ตนเอง ตามสถานท่ตี ่าง ๆ ในหมบู่ า้ น
- คนท่ีอยูใ่ นหมู่บา้ นท่ีมาจากภายนอก และมีโอกาสไปติดตอ่ กบั บคุ คลทม่ี ีความเสยี่ งสงู ในการ
ติดโควิด - 19 จะมีการกักตัว 14 วัน ตามมาตรการของหน่วยงานสาธารณสุข หรือส่งกักตัวใน (LOCAL
QUARANTINE)
3.6) ปรับเปลยี่ นการใชส้ ารเคมเี ปน็ อนิ ทรีย์วตั ถุในการปลกู ชา (ออแกนิค) โดยใชห้ ลักจัดการเกษตรตาม
คาแนะนาของบริษัทชาระมิงค์ ซ่ึงอยู่ที่อาเภอแม่แตง จะทาให้ลดต้นทุนการผลิตและเพิ่มมูลค่าของผลผลิตและ
สง่ เสริมคณุ ภาพสิ่งแวดล้อม
3.7) การใชว้ ตั ถธุ รรมชาติ โดยเฉพาะไมไ้ ผ่มาจกั สานเป็นผลิตภัณฑ์ออกจาหน่าย หรือเปน็ การเพมิ่
ศักยภาพการบริหารจัดการทรพั ยากรธรรมขาตใิ ห้มคี วามสมดุลและเพม่ิ รายได้
3.8) การรวมกลมุ่ ผเู้ ก็บใบชาทาตามวิถีดั้งเดมิ คอื ใช้ทักษะท่ีได้รับการถ่ายทอดจากบรรพบุรษุ จาก
รุ่นสู่รุ่น หมู่บ้านจึงต้องใช้เทคโนโลยีเข้ามาสนับสนุนโดยเฉพาะเคร่ืองอบใบชา เพื่อพัฒนาคุณภาพของ
ผลิตภณั ฑ์ รวมทง้ั ตอ้ งการการบรหิ ารและช่องทางการจัดจาหน่ายอย่างเปน็ ระบบ
3.9) การรวมกลมุ่ ผู้ประกอบการโฮมสเตย์ และบ้านพกั ชมุ ชนโฮมสเตย์สว่ นกลางของหมู่บา้ น

2.4 สัดส่วนจำนวนครวั เรอื ที่ไม่พออย่พู อกนิ
หมู่บ้านไม่มีผพู้ ิการ มีเพียงผ้ปู ่วยตดิ ติดเตียงแต่มคี นดูแล และมีผู้สูงอายุ 80 ปีขึ้นไม่มีท่ีมีญาติดูแล ซ่ึง

หมู่บ้านได้เข้าไปช่วยเหลือ เช่น ไปรับเบี้ยยงั ชีพท่เี ทศบาลมาให้ รวมถึงสวัสดิการจากหน่วยงานอื่น ๆ ซึ่งคน
กลมุ่ นมี้ ไี มม่ าก จึงไมม่ ปี ญั หาแต่อย่างใด

2.5 กิจกรรมกำรพฒั นำทช่ี ุมชนจะทำเองเพอ่ื ให้ทุกชีวติ อยู่ดีมีสขุ ขึน้
1) การร่วมกนั ทาแนวกันไฟ และลาดตระเวนตรวจตราในหมบู่ า้ น
2) ผู้ประกอบการผู้มีรายได้จากการท่องเที่ยวช่วยคืนกาไรบางส่วนใหก้ ับชุมชน อัตรา 20 บาท ต่อ

นักท่องเทยี่ ว 1 คน เพ่ือให้ชุมชนมีเงินสว่ นกลางในการดแู ลและพัฒนาหมบู่ า้ นโดยนาไปทาแนวกันไฟรอ้ ยละ
30 พฒั นาถนนร้อยละ 20 พฒั นาวดั ร้อยละ 20 เก็บขยะรอ้ ยละ 10 อ่นื ๆ ร้อยละ 20

2.6 บทเรยี นทไี่ ดร้ ับ

2.6.1 กำรบริหำรกำรพัฒนำชุมชนท้องถิ่น
อุปสรรค
- ขาดงบประมาณในการดาเนนิ งานโครงการตามแผนพัฒนาหมูบ่ ้าน
- ขาดองค์ความรู้ในการจดั การโครงการอย่างรอบด้าน เช่น ไม่มีผู้รคู้ รบถว้ นในกระบวนการแต่ละ

โครงการ
- ขาดความร่วมมืออย่างจรงิ จงั และตอ่ เน่อื ง

ไมส่ ามารถพัฒนาโครงการตามแผนได้ เพราะขัดกบั ระเบยี บกฎหมายในบางประเดน็ ซึง่ หมูบ่ า้ นน้อี ยู่
ในพื้นทปี่ ่าไม้ท้ังหมด จงึ ติดขัดในการขออนญุ าตในการใช้พน้ื ท่ี

2.6.2 กำรบริหำรกำรพัฒนำชุมชนระดบั ตำบลและอำเภอ
อุปสรรค

124

การเรยี นรเู้ ชงิ ปฏิบัติการ (Action Learning) หลักสตู รนักปกครองระดับสงู (นปส.) รนุ่ ท่ี 76

- งบประมาณท่ไี ด้รับไม่เพยี งพอต่อความตอ้ งการของประชาชน เชน่ ถนน ประปา ไฟฟ้ายังไม่
ท่ัวถึง

- ขาดการพฒั นาของโครงการทมี่ ีอย่เู ดิมแลว้ ขาดการบรู ณาการของระบบไฟฟ้าท่ีมีการซ้าซอ้ น
ของ 2 หน่วยงาน เชน่ ระบบไฟฟา้ พลังงานนา้ เช้ามาในหม่บู า้ นแลว้ แต่พอดกี บั ระบบไฟฟ้าส่วนภูมภิ าคเข้ามา
ดว้ ยจึงเลิกใช้ระบบไฟฟา้ พลงั งานน้าไป ซง่ึ ยงั สามารถใช้งานไดอ้ ยู่จงึ ควรนาไฟฟา้ พลังงานน้าไปเสรมิ ในเขตบา้ น
ทไ่ี ม่มไี ฟฟา้ เขา้ ถงึ ครบทกุ ครวั เรือน

2.6.3 ประสิทธิภำพและประสิทธิผลของกำรปฏิบัติงำนตำมนโยบำยรฐั บำล
เงินทุน 1 ล้านบาทท่ีเป็นนโยบายของรัฐบาลมุ่งสนับสนุนทุนแก่ประชาชน เกิดประโยชน์แก่

ประชาชนในหม่บู า้ นอย่างมากในการนาไปใช้ ในการไปซอ้ื อุปกรณใ์ นการการเกษตร ในการประกอบอาชพี

2.7ข้อเสนอแนะตอ่ กำรบริหำรจัดกำรโดยรวมของชุมชน
1) เน่ืองจากชุมชนมี “ทุน” ดั้งเดิมมาก ทาให้ส่วนท่ีเป็นทรัพยากรธรรมชาติอุดมสมบูรณ์

สวยงาม วิถีชีวิตที่เรียบง่าย พอเพียงรวมท้ังการมีผู้นาที่เข้มแข็ง กรรมการหมู่บ้านเข้มแข็ง หมู่บ้านจึงควร
นามาใช้ประโยชน์ในการพัฒนา เช่น การพัฒนาเป็นแหล่งท่องเท่ียว พัฒนาเป็นแหล่งเรียนรู้วิถีชุมชน เพิ่ม
มลู คา่ แก่ทรพั ยากร ฯลฯ

2) ควรมีการรวมกลมุ่ กันใหม้ ากขึ้นเพื่อเพิ่มอานาจต่อรองและส่งเสริมสนับสนุนกันและกนั ใน
การสรา้ งผลผลิต

3) ชมุ ชนหมูบ่ ้านและหนว่ ยงานท่ีเกยี่ วขอ้ งและมีสว่ นรว่ มในการพัฒนาทกุ หน่วยงานควรบูรณาการร่วมกนั
วเิ คราะหก์ ารวางเปา้ หมายในการพฒั นารว่ มกันและใช้เป็นแนวทางสาหรับหมบู่ ้านและหน่วยงานท่เี กย่ี วขอ้ งทุกส่วน

4) ควรมีการศึกษาข้อมูลความต้องการของตลาดเพิ่มเติมว่ามที ิศทางอย่างไร ต้องการสินค้าแบบ
ไหน เพอ่ื จะได้เป็นแนวทางในการเพ่ิมทกั ษะทางอาชีพใหต้ รงกบั ความตอ้ งการของตลาด

5) ควรมีการประสานการปฏิบัติเชื่อมโยงและบูรณาการกับของหน่วยงานตา่ ง ๆ และหมู่บา้ น
เพือ่ ไม่ใหเ้ กดิ ความซา้ ซอ้ นและเกื้อหนนุ กับการทางานรว่ มกัน

6) การดารงรักษาวิถีชีวิตท่ีเรียบง่ายพอเพียง ท่ีดีอยู่แล้วให้คงอยู่อย่างยั่งยืน เช่น การไม่ฟุ้งเฟ้อ
ฟ่มุ เฟือย กลวั การเปน็ หนี้ เน้นการกยู้ มื เพือ่ การลงทนุ ในการประกอบอาชพี เป็นตน้

7) ควรมกี ารพัฒนาต่อยอดผลผลิตใหเ้ ป็นผลติ ภณั ฑใ์ หห้ ลากหลาย เพอื่ เป็นการเพิ่มมูลค่าใหแ้ ก่
ผลิตภัณฑ์

8) ควรมีการร่วมมือกับหมู่บ้านข้างเคียงที่มีแนวเขตติดต่อกัน ในการร่วมกันอนุรักษ์รักษา
ทรพั ยากรธรรมชาตทิ ่ีใช้ประโยชน์รว่ มกนั เชน่ การสร้างแนวกันไฟ การดูแลรกั ษาแหล่งน้า

9) ควรเสรมิ สร้างความรัก ความสามคั คี ท่ีดอี ยแู่ ล้วให้มากขนึ้ ดว้ ยการมีกิจกรรมรว่ มกันอย่าง
ต่อเน่อื งและรักษากฎระเบยี บของหมบู่ ้านทไ่ี ด้ร่วมกันกาหนดไว้ใหย้ ่ังยืน

10) ควรสร้างความรู้และความเข้าใจใหส้ มาชิกในหมูบ่ ้านได้รบั รู้รว่ มกันวา่ การพัฒนาท่ีเกิดข้นึ และ
เร่มิ ตน้ โดยคนในชมุ ชนจะเป็นการพัฒนาทีต่ อบสนองความตอ้ งการของชุมชนได้อย่างแทจ้ ริงและดที ่สี ดุ

ประเด็นกำรพัฒนำท่ีเสนอแนะ
ระยะส้นั

125

การเรยี นรเู้ ชงิ ปฏบิ ตั ิการ (Action Learning) หลกั สูตรนกั ปกครองระดบั สงู (นปส.) รนุ่ ที่ 76

- การพัฒนาทักษะฝีมือให้สูงข้ึนเพื่อเพิ่มมูลค่าของผลผลติ การแปรรูป และการตลาดเพื่อเพ่ิมรายได้ โดย
การพฒั นาโรงคั่วชา กาแฟ

ระยะต่อไป
- ควรมีแผนแม่บทเฉพาะด้านการท่องเทีย่ วของหมู่บ้านเพอ่ื กาหนดทิศทางการพัฒนา โดยควรจัดทา
เป็นแผนระยะยาว เชน่ แผนพฒั นาระยะ 20 ปี
- การยื่นคาขอเพ่ือพสิ จู น์สทิ ธิการออกโฉนดที่ดิน หรือหนงั สือรบั รองการทาประโยชนเ์ สนอขอจัดตงั้ ปา่ ชุมชน ตาม
พ.ร.บ.ป่าชุมชน พ.ศ.2562

ภำพกิจกรรมกำรเรยี นรู้เชิงปฏบิ ัตกิ ำร (Action Learning) นปส.76 กป.9

126

การเรียนรเู้ ชิงปฏบิ ัติการ (Action Learning) หลักสูตรนกั ปกครองระดับสูง (นปส.) รนุ่ ที่ 76

อำเภอแม่ออน

127

การเรียนรู้เชิงปฏบิ ตั กิ าร (Action Learning) หลักสตู รนกั ปกครองระดับสูง (นปส.) รุน่ ที่ 76

รำยงำนกำรเรยี นรู้เชงิ ปฏิบัตกิ ำร (Action Learning)

บำ้ นป่ำนอต หม่ทู ี่ 5 ตำบลแม่ทำ อำเภอแม่ออน
จังหวดั เชียงใหม่

จัดทำโดย
กลมุ่ ปฏบิ ตั กิ ำรที่ 3

นำงอบุ ลรัตน์ พว่ งภิญโญ หัวหนำ้ สำนกั งำนจงั หวดั เชียงใหม่
นำงสำวรณทร สงวนพงศ์ นำยอำเภอบำงกรวย จงั หวัดนนทบุรี
นำยจิรวตั ร์ มณโี ชติ หวั หนำ้ สำนักงำนจังหวัดเพชรบูรณ์
นำยธรี ะพงศ์ ช่วยชู นำยอำเภอเกำะสมยุ จงั หวัดสุรำษฎณธ์ ำนี
นำยอนุชำ ตงั้ พำณชิ ย์ นำยอำเภอสูงเนนิ จงั หวัดนครรำชสีมำ
นำยชำตรี ธนิ นท์ พัฒนำกำรจงั หวัดลำปำง
นำยดิษพล บุตรดวี งศ์ ท้องถ่ินจงั หวัดเลย
นำยสิทธิชัย เสรสี ง่ แสง ผอู้ ำนวยกำรสำนักบรหิ ำรพ้ืนทอี่ นุรักษท์ ่ี 7
นำยเกรียงไกร ภำคพิเศษ ผู้อำนวยกำรสำนักงำนชลประทำนที่ 3
นำยสุวิจักขณ์ ธรรมชยั พจน์ ผู้อำนวยกำรกองคดี 1
สำนกั งำนปอ้ งกนั และปรำบปรำมกำรฟอกเงนิ

รำยงำนนเี้ ป็นสว่ นหนงึ่ ของกำรศกึ ษำอบรมหลกั สตู รนกั ปกครองระดับสูง (นปส.) รนุ่ ที่ 76
สถำบนั ดำรงรำชำนุภำพ กระทรวงมหำดไทย
พุทธศักรำช 2564

๑๒๘

การเรยี นรเู้ ชงิ ปฏิบัติการ (Action Learning) หลกั สตู รนกั ปกครองระดบั สงู (นปส.) รนุ่ ท่ี 76

คำนำ

รายงานการเรยี นรู้เชิงปฏิบตั ิการ (Action Learning) ณ บ้านป่านอต หมู่ท่ี 5 ตาบลแม่ทา
อาเภอแม่ออน จังหวัดเชียงใหม่ ระหว่างวันที่ 5 - 8 เมษายน 2564 น้ี เป็นส่วนหนึง่ ของการศึกษา
อบรมหลักสูตรนกั ปกครองระดับสูง (นปส) รุ่นที่ 76 ซึง่ มปี ระเดน็ สาคญั ในการเรียนรู้เพอื่ ศกึ ษา เพอ่ื
ร่วมเรยี นรู้และทาความเขา้ ใจกบั ชุมชนทอ้ งถ่ิน ถึงสถานการณ์ในขณะนี้ และแนวโนม้ การเปลี่ยนแปลง
ในอีก 2 ปีข้างหน้าของ “ชุมชนทอ้ งถิ่น” “โอกาสและความสามารถในการปรบั ตวั ของชุมชนทอ้ งถนิ่ ”
ในสถานการณ์ที่โครงสร้างเศรษฐกจิ เปลย่ี นไปเพราะเทคโนโลยี ท่ีพลิกผัน ภาวะโลกร้อน และ การ
ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (Covid - 19) โดยนาหลักการทรงงานในการพฒั นา “เข้าใจ
เข้าถึง พัฒนา” ท่ีในหลวงรัชกาลท่ี 9 ทรงพระราชทานให้ยึดถือปฏิบัติ มาประยุกต์ใช้ในการ
วเิ คราะห์ นอกจากน้ี สิ่งสาคญั ท่ไี ด้จากการเรียนร้เู ชิงปฏิบัติการ (Action Learning) ทาให้ไดร้ บั ทราบ
ข้อมูลพ้ืนฐานครัวเรอื น สภาพความเป็นอยู่/สุขอนามัย สภาพทางเศรษฐกจิ ตลอดจนศักยภาพและ
ความตอ้ งการของคนในหม่บู า้ น

ในการนี้ คณะผู้จดั ทา ขอขอบคุณ จังหวัดเชียงใหม่ และ นายภาคภมู ิ วารปรีดี ปลดั อาเภอ
นายศิลป์ชัย นามจันทร์ ผู้ใหญ่บา้ น ในการประสานงานในพื้นที่ ตลอดจน กระทรวงมหาดไทย คณะ
อาจารย์ที่ปรกึ ษา ประจาหลกั สตู รนกั ปกครองระดับสงู (นปส) รุ่นที่ 76 ท่ีให้การสนับสนุนข้อมลู
และคาแนะนาต่าง ๆ รวมทง้ั เจา้ หน้าท่ีผู้เกีย่ วขอ้ งทกุ ท่าน ซ่งึ สง่ ผลใหก้ ารจัดทารายงานการเรยี นรเู้ ชงิ
ปฏิบัตกิ าร (Action Learning) ในครัง้ นี้ สาเรจ็ ลลุ ว่ งไปดว้ ยดี ซึง่ คณะผ้จู ัดทาหวังเปน็ อย่างย่งิ วา่ รายงาน
การเรียนรู้เชิงปฏิบัติการ (Action Learning) ฉบับนี้ จะเป็นประโยชน์สาหรับผู้สนใจ เพื่อนาไป
ประยกุ ต์ใช้ในพัฒนาและบรหิ ารจดั การเชิงพืน้ ท่ีไดอ้ ยา่ งมีประสิทธภิ าพและประสิทธิผล เกิดประโยชน์
กับประชาชนในหมู่บา้ นตอ่ ไป

คณะผู้จดั ทำ
นกั ศกึ ษำหลักสตู รนักปกครองระดับสงู รุ่นท่ี 76

กลมุ่ ปฏบิ ัติกำรที่ 3 (กป.3)
เมษำยน 2564

๑๒๙

การเรยี นรู้เชิงปฏิบัติการ (Action Learning) หลักสตู รนกั ปกครองระดบั สูง (นปส.) รุ่นที่ 76

รำยงำนเรียนรเู้ ชงิ ปฏบิ ัติกำร (Action Learning)
บำ้ นป่ำนอต หมู่ท่ี 5 ตำบลแมท่ ำ อำเภอแมอ่ อน จงั หวัดเชยี งใหม่

--------------------------------------------

การศกึ ษาเรยี นรเู้ ชิงปฏิบัตกิ าร (Action Learning) กาหนดกรอบการศึกษาเป็น ๒ สว่ น
๘ หัวข้อ ได้แก่ ส่วนท่ี 1 กรอบกำรเรียนรู้ด้วยกำรลงมือปฏิบัติ เพื่อเข้ำใจ เข้ำถึง วิถีชีวิตชุมชน
ประกอบด้วย ๑) การศึกษาเรียนรู้ภูมิสังคมและวิถีชีวิตของชุมชน ๒) การศึกษาเรียนรู้ระบบการ
บริหารจัดการชุมชน ๓) การศึกษาเรียนรู้นโยบายภาครัฐและผลกระทบต่อการพัฒนาชุมชน และ
สว่ นท่ี ๒ ประเดน็ กำรพฒั นำของชุมชน ประกอบดว้ ย ๑) ความเสย่ี ง ท่จี ะไม่มชี วี ิตท่ีม่ันคงของบคุ คล
ครอบครัว และชุมชน ๒) ระดับการพฒั นาของหมบู่ ้าน ๓) สัดส่วนจานวนครัวเรอื นท่ีไม่พออยพู่ อกนิ
๔) กิจกรรมการพฒั นาที่ชุมชนจะทาเองเพอื่ ให้ทกุ ชีวิตอยดู่ ีกินดีในปีนี้ และ ๕)บทเรียนทไี่ ดร้ ับ ในแต่
ละดา้ น (ด้านการบริหารการพฒั นาชุทมชนท้องถ่ิน ด้านการบรหิ ารการพัฒนาระดับตาบลและอาเภอ
และประสิทธิภาพและประสิทธิผลของการปฏิบัติงานตามนโยบายรัฐบาล) ซึ่งจากการเรียนรู้เชิง
ปฏิบัตกิ าร (Action Learning) สามารถสรปุ ผลได้ตามลาดับ ดงั นี้

ส่วนที่ ๑
กรอบกำรเรยี นรู้ ด้วยกำรลงมือปฏิบัติ เพอื่ เขำ้ ใจ เขำ้ ถงึ วถิ ีชีวิตชุมชน

๑.๑ กำรศึกษำเรยี นรู้ภมู สิ ังคมและวิถีชีวิตของชุมชน

ขอ้ มูลทั่วไปของจังหวดั เชยี งใหม่
เมอื งเชยี งใหม่มีชอ่ื ท่ปี รากฏในตานานวา่ "นพบรุ ีศรนี ครพงิ คเ์ ชยี งใหม"่ เป็นราชธานขี อง
อาณาจักรลา้ นนาไทยมาตั้งแตพ่ ระยามังรายได้ทรงสร้างขนึ้ เมื่อ พ.ศ. 1839 ซึ่งจะมีอายคุ รบ 720
ปี ในปี พ.ศ. 2559 และเมืองเชียงใหม่ได้มีวิวัฒนาการสืบเนื่องกันมาในประวัติศาสตร์ตลอดมา
เชียงใหม่มีฐานะเป็นนครหลวงอิสระปกครองโดยกษัตริย์ราชวงศ์มังราย ประมาณ 261 ปี (ระหว่าง
พ.ศ. 1839 - 2100) ในปี พ.ศ. 2101 เชยี งใหมไ่ ดเ้ สยี เอกราชให้แกก่ ษตั ริย์พม่าช่อื บเุ รงนอง และไดต้ ก
อยู่ภายใต้การปกครองของพมา่ นานร่วมสองร้อยปี จนถึงสมัยพระบาทสมเดจ็ พระเจ้าตากสนิ มหาราช
และพระบาทสมเด็จพระพทุ ธยอดฟา้ จุฬาโลกมหาราชได้ทรงช่วยเหลือลา้ นนาไทยภายใตก้ ารนาของ
พระยากาวลิ ะและพระยาจา่ บ้านในการทาสงครามขับไล่พม่าออกไปจากเชยี งใหม่และเมืองเชยี งแสน
ได้สาเร็จ พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราชสถาปนาพระยากาวิละเป็นเจ้าเมือง
เชยี งใหม่ ในฐานะเมืองประเทศราชของกรุงเทพมหานครและมีเช้ือสายของพระยากาวลิ ะ ซึง่ เรยี กว่า
ตระกูลเจ้าเจ็ดตนปกครองเมืองเชียงใหม่ เมืองลาพูนและลาปาง สืบต่อมาจนกระทั่งในรัชสมัยของ
พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวฯ ได้โปรดให้ปฏิรูปการปกครองหัวเมืองประเทศราชได้
ยกเลิกการมีเมอื งประเทศราชในภาคเหนือ จัดตั้งการปกครองแบบมณฑลเทศาภิบาล เรียกว่า มณฑล
พายัพ และเมอ่ื ปี พ.ศ. 2476 พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอย่หู ัวได้ปรับปรุงการปกครองเปน็ แบบ
จังหวัดเชยี งใหม่ จงึ มฐี านะเป็นจงั หวดั จนถึงปจั จบุ ัน

๑๓๐

การเรียนรเู้ ชงิ ปฏบิ ตั กิ าร (Action Learning) หลกั สตู รนกั ปกครองระดบั สงู (นปส.) รุ่นท่ี 76

จังหวัดเชียงใหม่มีพื้นทีป่ ระมาณ 13,865,388.61 ไร่ มีขนาดใหญ่เปน็ อันดับ 1 ของ
ภาคเหนอื และเปน็ อนั ดบั 2 ของประเทศ รองจากจังหวดั นครราชสมี า โดยเปน็ พ้นื ท่ปี า่ ไม้ ร้อยละ 69.92
พ้นื ทที่ างการเกษตร ร้อยละ 12.82 และพ้ืนทอี่ ยอู่ าศัยและอ่ืนๆ ร้อยละ 17.26 โดยทิศเหนือ ตดิ รฐั
ฉาน สาธารณรัฐแห่งสหภาพเมียนมา (The Republic of the Union of Myanmar) ทิศใต้ติดอาเภอสามเงา
อาเภอแม่ระมาด อาเภอทา่ สองยาง จังหวดั ตาก ทิศตะวันออก ตดิ อาเภอแมฟ่ ้าหลวง อาเภอเมืองเชียงราย
อาเภอแม่สรวย อาเภอเวยี งปา่ เปา้ จังหวดั เชยี งราย, อาเภอเมืองปาน อาเภอเมืองลาปาง จงั หวดั ลาปาง,
อาเภอบ้านธิ อาเภอเมืองลาพูน อาเภอป่าซาง อาเภอเวียงหนองลอ่ ง อาเภอบ้านโฮ่ง อาเภอลี้ จังหวัด
ลาพูน และทศิ ตะวนั ตก ตดิ อาเภอปาย อาเภอเมอื งแมฮ่ ่องสอน อาเภอขนุ ยวม อาเภอแม่ลานอ้ ย อาเภอแม่
สะเรียง อาเภอสบเมย จังหวัดแม่ฮ่องสอน โดยมี ๕ อาเภอ มีชายแดนติดกับสาธารณรฐั แหง่ สหภาพ
เมียนมาร์ คอื อาเภอแมอ่ าย อาเภอฝาง อาเภอเชยี งดาว อาเภอเวียงแหง และ อาเภอไชยปราการ

ในปี พ.ศ. 2561 จังหวัดเชียงใหม่มีผลิตภัณฑ์มวลรวม มูลค่า 427,831 ล้านบาท
ผลิตภัณฑ์มวลรวมจังหวัดต่อหัว (GPP Per capital) 137,316 บาท ซ่ึงรายได้ส่วนใหญ่มาจากภาค
บริการ ภาคอุตสาหกรรม และภาคเกษตรกรรม ตามลาดับ โดยแบ่งเขตการปกครองออกเป็น 25
อาเภอ 204 ตาบล และ 2,066 หมู่บ้าน ประชากร ๑.๗๘๔,๓๘๐ คน ๘๑๑,๔๐๐ ครัวเรือน เป็น
ครัวเรือนภาคเกษตร ๑๗๗,๖๓๕ ครัวเรือน มีส่วนราชการ/หน่วยงานท่ีตั้งอยู่ในพื้นท่ีของจังหวัด
เชียงใหม่ ประกอบด้วย หน่วยงานบรหิ ารราชการสว่ นกลาง จานวน 166 แห่ง หน่วยงานราชการส่วน
ภูมิภาค จานวน 34 แห่ง และหน่วยงานบริหารราชการส่วนท้องถ่ิน จานวน 211 แห่ง แบ่งเป็น
องคก์ ารบริหารส่วนจังหวดั จานวน 1 แห่ง เทศบาลนคร จานวน 1 แห่ง เทศบาลเมือง จานวน 1 แหง่
เทศบาลตาบล จานวน 116 แห่ง และองคก์ ารบริหารสว่ นตาบล จานวน 89 แห่ง (ท่มี า : แผนพฒั นา
จังหวัดเชียงใหม่ (พ.ศ. ๒๕๖๑ - ๒๕๖๕) ฉบับทบทวนรอบปี พ.ศ. ๒๕๖๕

๑๓๑

การเรียนรเู้ ชิงปฏบิ ัติการ (Action Learning) หลักสูตรนกั ปกครองระดบั สูง (นปส.) รนุ่ ที่ 76

ภมู สิ งั คมและวถิ ชี วี ิตของชุมชน
บำ้ นปำ่ นอต หม่ทู ่ี 5 ตำบลแมท่ ำ อำเภอแมอ่ อน จงั หวดั เชียงใหม่

“บ้านป่านอต” เดิมต้ังอยหู่ มู่ที่ 5 ตาบลแม่ทา อาเภอสนั แพง จังหวัดเชียงใหม่ ต่อมาในปี
พ.ศ. 2537 คณะรัฐมนตรีได้มีมติแยกเขตปกครองอาเภอสันกาแพง ต้ังขึ้นเปน็ กิ่งอาเภอใหม่ ชื่อว่า
“กงิ่ อาเภอแม่ออน” มี 6 ตาบล คอื ตาบลออนเหนือ ตาบลออนกลาง ตาบลบา้ นสหกรณ์ ตาบลห้วย
แก้ว ตาบลแม่ทา และตาบลทาเหนือ ต่อมาเม่ือวันที่ 6 กันยายน พ.ศ.2550 ได้รบั การยกฐานะขนึ้
เป็นอาเภอในช่ือเดิมว่า “อาเภอแม่ออน” ประกอบด้วย ๖ ตาบล ๓๙ หมู่บ้าน ประชากร ๒๑,๑๖๙
ครัว เป็นชาย 10,533 คน เป็นหญิง 10,636 คน ๙,๒๐๒ ครัวเรือน เป็นครัวเรือนภาคเกษตร
๔,๓๘๗ ครัวเรือน ซ่ึง “บ้านป่านอต” ตั้งอยู่หมู่ท่ี 5 ตาบลแม่ทา อาเภอแม่ออน จังหวัดเชียงใหม่ มี
พน้ื ท่ีท้งั หมด 2,056 ไร่ หรอื 3.2896 ตารางกโิ ลเมตร มลี กั ษณะเปน็ ทีร่ าบ เชิงเขา มเี ทือกเขาน้อย
ใหญ่สูงสลบั ซบั ซ้อน สภาพภูมิอากาศโดยท่ัวไปของพื้นทโี่ ครงการ อยู่ในเขตร้อนช้ืน ฤดูฝน มีฝนตก
หนักพอสมควร ฤดหู นาวมอี ากาศหนาวจัด โดยทางดา้ นทศิ เหนอื มีอาณาเขตติดตอ่ กับบ้านหว้ ยทราย
หมทู่ ่ี 4 ทิศใต้ ติดต่อกบั บ้านดอนชัย หม่ทู ่ี 6 ทิศตะวนั ออกติดต่อกบั บา้ นใหม่ดอนชยั หมู่ ๗ และบา้ น
คอ้ กลาง หมู่ ๓ ตาบลแมท่ า อาเภอแม่ออน และทศิ ตะวนั ตกตดิ ต่อกับอาเภอบ้านธิ จังหวดั ลาพนู ซึ่ง
การคมนาคมเพอ่ื เดินทางมายังบ้านป่านอต สามารถใช้การเดินทางได้ 2 เส้นทาง ได้แก่ 1) จากแยก
ทาปลาดกุ มาตามทางหลวงชนบท หมายเลข ลพ.2031 ระยะทาง 23 กิโลเมตร และ 2) จากสแี่ ยก
ไฟแดงรอ้ งวัวแดง ทางหลวงชนบท หมายเลข พช.1317 เลีย้ วมาตามทางหลวงชนบทหมายเลข พช.
1006 ถึงบริเวณสามแยกวัดเปาสามขา ระยะทาง 49 กิโลเมตร เลี้ยวขวามาตามทางหลวงชนบท
หมายเลข พช.1229 ถึงสามแยกบ้านใหม่แมต่ ะไคร้ ระยะทาง 10.6 กิโลเมตร จากนั้นเลย้ี วขวามา
ตาม ทางหลวงชนบท หมายเลข ลพ.2031 ถึงบริเวณหมู่ที่ 5 บ้านป่านอต ระยะทาง 15.9
กโิ ลเมตร รวมระยะทางจากจงั หวัดเชียงใหมถ่ งึ พนื้ ทตี่ าบลแม่ทา เปน็ ระยะทางประมาณ 77 กโิ ลเมตร

บ้านป่านอต มีประชากรรวมทง้ั สน้ิ ๓๔๐ คน จาแนกเป็น เพศชาย ๑๗๕ คน และเพศ
หญิง 213 คน ซ่งึ ส่วนใหญเ่ ป็นผสู้ ูงอายุ (อายุ 60 ปี บรบิ รู ณ์ขึ้นไป) จานวน 126 คน และมีจานวน
ครัวเรอื น 142 ครวั เรอื น ประชากรส่วนใหญป่ ระกอบอาชีพเกษตรกร ทานา ทาสวน และปลกู พชื ไร่
พชื หลกั ท่ีทาการเพาะปลกู ได้แก่ ขา้ ว ลาไย ลิน้ จี่ กระเทยี ม ขา้ วโพด เปน็ ต้น จานวน 115 ครวั เรือน
คดิ เป็นรอ้ ยละ 81 รองลงมาคอื อาชีพเลีย้ งววั พ้นื เมือง จานวน ๒๔ ครวั เรือน คดิ เป็นรอ้ ยละ 17 และ

๑๓๒

การเรียนรเู้ ชิงปฏิบัติการ (Action Learning) หลกั สตู รนกั ปกครองระดับสงู (นปส.) ร่นุ ท่ี 76

อันดับท่ีสามคืออาชีพรับจ้างท่ัวไป จานวน 22 ครัวเรือน คิดเป็นร้อยละ 16 นอกจากน้ียังมีอาชีพ
อ่ืนๆ เช่น อาชีพเลี้ยงหมู ก่อสรา้ ง ค้าขาย รับราชการ เล้ยี งวัวนม ปลูกผักโครงการหลวง ช่างไฟฟ้า
เปน็ ต้น ทั้งน้ี ประชาชนมีความต้องการพัฒนาฝีมือแรงงานในด้านอาชพี ชา่ งไฟฟ้าและอาชีพช่างยนต์
ซ่งึ ประชากรของบ้านปา่ นอตมรี ายไดเ้ ฉล่ีย จานวน ๘๑,๕๗๖.๘๔ บาทต่อคนต่อปี (ตามเกณฑ์ จปฐ. ปี
256๒) โดยหมู่บ้านมีรายได้ ท้ังส้ิน ๒๐๕,๙๑๕.๗๓ บาทต่อปี และมีรายจ่าย ๑๐๖,๗๑๔.๕๒ บาท
ต่อปี ราษฎรมีรายได้พอใช้และมีคุณภาพชีวิตระดับปานกลาง ราษฎรสามารถใช้น้าเพอื่ การเกษตร
และอปุ โภคบรโิ ภคไดเ้ พยี ง 7 เดอื น ในชว่ งเดือน มกราคม-พฤษภาคม แหลง่ น้าจะมีสภาพแห้งแลง้ ซ่งึ
แหล่งน้าตา่ งๆไม่สามารถเก็บกักได้ โดยวถิ ชี ีวติ และความเป็นอยู่ ประชากรอย่แู บบพอเพียง เป็นสงั คม
แห่งการเรียนรู้ ถ่ายทอดจากรุ่นสู่รุ่น เชื่อมั่นในผู้นา ให้ความเช่ือถือปราชญ์ชาวบ้าน และมีการ
รวมกลุ่มกนั ภายในหมบู่ า้ นเพอื่ สรา้ งรายได้ และสง่ เสริมความเป็นอยู่รว่ มกัน มกี ารรวมกล่มุ อาชีพเลยี้ ง
โคนม มจี านวนสมาชกิ 10 คน มเี งนิ ทนุ จานวน 100,000 บาท การจดั ตง้ั กองทุนภายในหมู่บ้านขึ้น
จานวน 3 กองทุน ได้แก่ 1) กองทุนที่ดิน มีสมาชิกจานวน 143 คน งบประมาณ 100,000 บาท
2) กองทนุ เงนิ ลา้ น มสี มาชกิ จานวน 92 คน งบประมาณ 500,000 บาท และ 3) กองทนุ ฌาปนกจิ
มสี มาชิกจานวน 143 คน งบประมาณ 43,902 บาท

สาหรับในด้านสาธารณูปโภคข้ันพืน้ ฐานน้ัน บ้านป่านอตมีไฟฟ้าใช้ครบทกุ ครัวเรือน มี
ประปาหมู่บ้านให้บริการ จานวน 2 แห่ง นอกจากน้ี ยังมีแหล่งน้าอ่ืนๆ ทั้งแหล่งน้าตามธรรมชาติ
ไดแ้ ก่ ลาหว้ ย จานวน 7 แหง่ และแหลง่ นา้ ที่สร้างข้ึนในหมู่บ้าน ได้แก่ บอ่ บาดาลจานวน 4 แห่ง สระ
น้า จานวน ๒ แห่ง แกม้ ลิง จานวน ๑ แห่ง และบ่อนา้ ต่นื จานวน ๒ แห่ง

ในภาพรวมสามารถสรุปได้ว่า บ้านป่านอต มีลักษณะภูมิประเทศท่ีดี มีฐาน
ทรพั ยากรธรรมชาติ ทีเ่ ออ้ื อานวยต่อการทาการเกษตร สังคมอยูร่ ว่ มกนั แบบเรยี บงา่ ย เป็นสังคม
แห่งการเอือ้ อาทรซงึ่ กนั และกัน มกี ารรวมกลุ่มเพอ่ื สรา้ งมลู ค่าทางเศรษฐกิจ การเชอื่ มน่ั ในผู้นาหมบู่ า้ น
เพื่อเดินไปในทิศทางเดียวกัน และให้ความเคารพผู้เฒ่า ผู้แก่ ที่เป็นเสมือนปราชญ์ชาวบ้าน และ
ถา่ ยทอดองค์ความรู้ ภูมิปญั ญา จากร่นุ สูร่ ุ่นต่อไป

1.2 กำรเรียนรรู้ ะบบกำรบริหำรจัดกำรชุมชน
ในการเรียนรู้ระบบการบริหารจดั การชุมชนบ้านป่านอต หมู่ที่ 5 ตาบลแม่ทา อาเภอ

แม่ออน จังหวดั เชยี งใหม่ พบวา่ ไดก้ าหนดแนวทางในการบริหารจัดการชมุ ชน รวม ๓ ประการ คอื
๑. การกาหนดธรรมนญู หมบู่ ้าน
๒. การน้อมนาหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง มาประยุกตใ์ ช้ เพื่อสร้างความเขม้ แข็ง
ของชุมชน
๓. การกาหนดทศิ ทางการพฒั นาหมู่บา้ น

กำรกำหนดธรรมนูญหม่บู ้ำน
การบริหารจัดการชุมชนบ้านป่านอต หมู่ท่ี 5 ตาบลแม่ทา อาเภอแม่ออน จังหวัด

เชียงใหม่ ได้ใช้หลักการบรหิ ารหมูบ่ า้ น โดยมีการกาหนด “ธรรมนูญหมู่บ้ำน” เพ่ือเป็นการกาหนด
กฎระเบียบร่วมกันในชุมชน และเป็นแนวทางปฏิบัติร่วมชุมชน ซึ่งเกิดการการมีส่วนร่วมของ

๑๓๓

การเรยี นรู้เชิงปฏิบตั กิ าร (Action Learning) หลักสูตรนักปกครองระดบั สงู (นปส.) ร่นุ ท่ี 76

ประชาชนในชุมชนในการกาหนดร่วมกัน โดย เน้นหลักกำรบริหำรชุมชนแบบมีส่วนร่วม
ประกอบดว้ ย

1) การมสี ่วนร่วมในการตดั สินใจ โดยประชาชนบา้ นป่านอตการมีสว่ นรว่ มในการตดั สินใจ
ของหมู่บ้าน เร่ิมต้ังแต่การกาหนดธรรมนญู หมู่บ้าน ท่ีเกิดจากการประชาคมหมบู่ ้านให้ประชาชนใน
พ้ืนที่ได้แสดงความคดิ เหน็ เพื่อกาหนดแนวทางปฏิบัตริ ่วมกัน ร่วมถึงมีการจดั ทาแผนพัฒนาหมบู่ า้ น
เพ่ือใชเ้ ป็นแนวทางในการพฒั นาหมู่บ้านร่วมกัน ซง่ึ เกดิ จากการคดิ รเิ ริม่ โครงการจากปัญหาและความ
ต้องการของพื้นที่ มี การจัดลาดับความสาคัญของปัญหา และเห็นพ้องต้องกันในการแก้ไข
ปัญหาในพน้ื ท่ี ซึ่งจะสามารถนาไปสู่การพัฒนาหมู่บ้านอย่างยั่งยืน

2) การมีส่วนร่วมในการปฏิบตั ิ โดยประชาชนบ้านปา่ นอตการมีส่วนร่วมในการปฏิบตั ิ
ตามธรรมนูญหมู่บ้าน โดยร่วมแรงร่วมใจอย่างเต็มกาลังสามารถ ร่วมถึงร่วมปฏิบัติตามโครงการใน
แผนพัฒนาหมู่บ้าน ทั้งในด้านการสนับสนุนแรงงาน วัสดุอุปกรณ์ และการมีส่วนร่วมในการบริหาร
และประสานงานโครงการต่าง ๆ ด้วย

3) การมีส่วนร่วมในผลประโยชน์ โดยประชาชนบ้านป่านอตการมีส่วนร่วมใน
ผลประโยชน์ จากการขบั เคลือ่ นแผนพัฒนาหมบู่ ้านร่วมกัน โดยสามารถมรี ายไดแ้ ละทรพั ย์สินเพ่ิมขึ้น
และม่นั คงมากขน้ึ หรือการมสี าธารณูปโภคท่ีเพยี งพอ มปี ระสทิ ธภิ าพ หรือคณุ ภาพดี และมีคณุ ภาพดี
ขึ้น

4) การมีส่วนร่วมในการติดตามผลการดาเนินงาน โดยประชาชนบ้านป่านอตการมีส่วน
ร่วมในการติดตามผลการดาเนินงาน เช่น การประชุมเพ่อื ทบทวนผลการดาเนนิ งานทีผ่ ่านมา การร่วม
เป็นคณะทางานหรือคณะกรรมการหมู่บา้ น หรือการพบปะพดู คุยแลกเปลีย่ นความคิดเห็นเก่ียวกบั
การดาเนนิ งานของโครงการ

กำรน้อมนำหลักปรชั ญำเศรษฐกิจพอเพียง มำประยกุ ตใ์ ช้ เพอื่ สรำ้ งควำมเข้มแขง็ ของชุมชน
เศรษฐกิจพอเพียง เป็นปรัชญาชี้ถึงแนวการดารงอยู่และปฏิบัตติ นของประชาชนในทุก

ระดับ ต้ังแต่ระดับครอบครัว ระดับชุมชน จนถึงระดับรัฐ ท้ังในการพัฒนาและบริหารประเทศให้
ดาเนินไปในทางสายกลาง โดยเฉพาะการพฒั นาเศรษฐกจิ เพอ่ื ใหก้ ้าวทันตอ่ โลกยคุ โลกาภิวตั น์ ความ
พอเพยี ง หมายถึง ความพอประมาณ ความมเี หตผุ ล รวมถงึ ความจาเป็นท่ีจะต้องมีระบบภูมคิ ุ้มกันใน
ตัวท่ีดีพอสมควร ต่อการกระทบใดๆ อันเกิดจากการเปลี่ยนแปลงท้ังภายในภายนอก ท้ังน้ี จะต้อง
อาศัยความรอบรู้ ความรอบคอบ และความระมดั ระวังอย่างยง่ิ ในการนาวิชาการต่างๆ มาใช้ในการ
วางแผนและการดาเนินการ ทุกขั้นตอน และขณะเดียวกัน จะต้องเสริมสร้างพน้ื ฐานจติ ใจของคนใน
ชาติ โดยเฉพาะเจ้าหน้าท่ีของรัฐ นักทฤษฎี และนักธุรกิจในทุกระดับ ให้มีสานึกในคุณธรรม ความ
ซื่อสัตย์สุจริต และให้มีความรอบรทู้ ่ีเหมาะสม ดาเนินชีวิตด้วยความอดทน ความเพียร มีสติ ปัญญา
และความรอบคอบ เพ่ือให้สมดุลและพรอ้ มต่อการรองรบั การเปล่ยี นแปลงอย่างรวดเรว็ และกว้างขวาง
ทั้งดา้ นวัตถุ สงั คม สิง่ แวดล้อม และวฒั นธรรมจากโลกภายนอกไดเ้ ปน็ อยา่ งดี

๑๓๔

การเรยี นรู้เชิงปฏิบัติการ (Action Learning) หลกั สูตรนักปกครองระดับสูง (นปส.) ร่นุ ท่ี 76

การจัดการชุมชนเข้มแข็งตามหลักปรชั ญาเศรษฐกิจพอเพียงของหมบู่ า้ นป่านอต ได้ยึด
เป็นแนวทางตามหลกั ปรชั ญาของเศรษฐกิจพอเพียง มาประยุกต์ใช้ในการดารงชีวติ ประจาวัน และการ
พัฒนาพ้นื ที่ โดยสรุปไดว้ ่า

ควำมพอประมำณ หมายถึง ความพอดีท่ีไม่น้อยเกินไปและไม่มากเกินไป โดยไม่
เบียดเบียนตนเองและผู้อื่น คนในชุมชนบ้านป่านอต มีอาชีพหลักคือการทางานเกษตร และเป็น
เกษตรอินทรีย์ ท่ีเน้นคุณภาพของผลิตผล มีการกาหนดพ้ืนท่ี ปริมาณในการปลูก เพ่ือไม่ให้มีมาก
เกินไป จนล้นตลาด พืชผักเสียหาย กล่าวคือ ผลิตอยู่ในระดับพอประมาณ เพียงพอต่อการบริโภค
และจาหนา่ ยเพ่อื สรา้ งรายไดใ้ ห้กับครอบครัว

ควำมมีเหตุผล หมายถึง การตัดสินใจเก่ียวกับระดับความพอเพียงนั้น จะต้องเป็นไป
อยา่ งมีเหตผุ ล โดยพจิ ารณาจากเหตปุ จั จัยทเ่ี กย่ี วข้อง ตลอดจนคานึงถงึ ผลทีค่ าดวา่ จะเกิดข้นึ จากการ
กระทานน้ั ๆ อยา่ งรอบคอบ โดยคนในชมุ ชน จะมีการรวมกลมุ่ อาชพี มวี สิ าหกจิ ชุมชนท่เี ข้มแข็ง สามารถ
เป็นแบบอย่างใหป้ ระชาชนในอาเภออ่ืน หรอื จังหวัดอ่ืน เข้ามาเรียนรู้และศึกษาดูงาน ในรูปแบบของ
โฮมเสตย์ ที่สง่ ผลต่อการมีรายไดใ้ นการเขา้ พักในบ้านของคนในชุมชน การดาเนินการจะประชุมหารอื
และตัดสินใจร่วมกัน ผลการของการกระทาจะเป็นภาพรวมของคนในชุมชน ไม่เฉพาะคนใดคนหนงึ่
คนในชุมชนจึงสามารถอย่รู ่วมกนั อยา่ งสงบและมีความสขุ

ภูมิคุ้มกัน หมายถึง การเตรยี มตัวให้พรอ้ มรับผลกระทบและการเปลี่ยนแปลงด้านต่างๆ
ทจี่ ะเกดิ ขึ้น โดยคานงึ ถงึ ความเปน็ ไปไดข้ องสถานการณต์ า่ งๆ ท่คี าดวา่ จะเกดิ ข้ึนในอนาคต ประชาชน
ในหมบู่ ้านป่านอต มีการวางแผนชวี ติ บนความไมป่ ระมาท จากการทค่ี นในหมูบ่ า้ นยึดอาชีพเกษตรกร
ส่วนใหญ่ปลูกพืชผักอินทรีย์ เพื่อการบริโภคและจาหน่าย โดยส่งไปยังตลาดในเมืองเชียงใหม่และ
ห้างสรรพสนิ ค้า การปศสุ ตั ว์ ส่วนใหญ่จะเลย้ี งหมู โดยมตี ลาดเอกชนรองรบั การเล้ียงปลา เพอื่ ดารง
ชีพ ซึ่งบ้านป่านอต เป็นแหล่งเกษตรอินทรยี ์ท่ีใหญ่เป็นอัน 2 ของตาบลแม่ทา ประชาชนสามารถอยู่
อย่างมีความสุข มีอาหารเพยี งพอในการดารงชีวติ การแบ่งขายเพอ่ื สรา้ งรายได้ มีความเปน็ อย่แู บบไม่
ฟงุ้ เฟ้อ มีความพอเพียง ใช้จ่ายอย่างประหยัด ไม่มหี นส้ี นิ ล้นพน้ ตัว มีความสุขตามวิถพี อเพียง กรณีมี
ผลกระทบจากความเปล่ียนแปลงภายนอก ทั้งสภาพอากาศ โรคระบาด คนในหมู่บ้านไม่ได้รับ

๑๓๕

การเรยี นรเู้ ชิงปฏบิ ัตกิ าร (Action Learning) หลักสูตรนักปกครองระดบั สูง (นปส.) รุน่ ท่ี 76

ผลกระทบ สามารถดารงชีวิตอยู่ได้ ภายใต้การเป็นแหล่งอาหารของชุมชน และการดูแลคนนอกที่จะ
เข้าไปในชุมชน

เง่ือนไขควำมรู้ คือความรอบรู้เกี่ยวกับวิชาการต่างๆ ที่เกี่ยวข้องรอบด้าน ความ
รอบคอบท่ีจะนาความรู้เหล่านั้นมาพิจารณาให้เช่ือมโยงกัน เพื่อประกอบการวางแผนและความ
ระมัดระวงั ในการปฏบิ ัติ ในพนื้ ท่ีบา้ นป่านอต มีปราชญ์ชาวบา้ น ท่จี ะสง่ ผ่านความรูใ้ ห้กับคนในชมุ ชน
และทกุ คนให้ความเช่ือถือ และใชเ้ ป็นแนวทางดาเนินการ

เง่ือนไขคณุ ธรรม มคี วามตระหนกั ใน คุณธรรม มีความซ่อื สตั ยส์ ุจรติ และมีความอดทน
มีความเพียร ใช้สติปัญญาในการดาเนินชีวิต ในพ้ืนที่บ้านป่านอต เป็นสังคมเอื้ออาทร ให้เกียรติกัน
เคารพผสู้ ูงอายุ รบั ฟัง และยดึ ถอื ขนบธรรมเนียมประเพณีดั้งเดิม

บทสรุป จากการสอบถาม ผู้นาหมู่บ้าน ผู้แทนชุมชน และประชาชน ถึงผลกระทบ
สถานการณ์การแพรร่ ะบาดของโรคตดิ เชื้อไวรสั โคโรนา 2019 สามารถสรปุ ได้ว่า ประชาชนสามารถ
ดารงชีพอยู่ได้โดยอาศัยวัตถดุ ิบที่มีของชมุ ชน ในลักษณะ ปลูกเอง กินเอง พืชสวนครวั รั้วกินได้ ไม่มี
ความเดือดร้อน และประชาชนได้ทดลองปรับกระบวนการในการจาหน่ายผลิตผลทางการเกษตร
เน่ืองจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 จากการไปวางขายตาม
ห้างสรรพสนิ ค้า เปน็ ขายในระบบออนไลน์ ซ่ึงสามารถขายได้ และมรี ายไดเ้ พิม่ เนื่องจากลดค่าใชจ้ ่ายใน
การเดินทางไปจาหน่ายผลิตผลทางการเกษตร แต่ยังต้องพัฒนารูปแบบผลิตภัณฑ์ให้ตรงกับความ
ตอ้ งการของตลาด ดงั นั้น สามารถสรุปได้ว่า การนาหลักปรชั ญาของเศรษฐกจิ พอเพยี ง มาประยกุ ต์ใช้
ในการดารงชีวิต สามารถสร้างการพัฒนาท่ียั่งยืน ผ่านภาวะวิกฤต และสามารถดารงชีวิตอยไู่ ด้อย่าง
ปกตสิ ุข

กำรกำหนดทิศทำงกำรพัฒนำหมูบ่ ้ำน
ในการการบรหิ ารจัดการชมุ ชนบา้ นปา่ นอต หมทู่ ี่ 5 ตาบลแม่ทา อาเภอแม่ออน จังหวดั

เชยี งใหม่ นอกจากกาหนด ธรรมนูญหมบู่ ้าน และนาหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงมาประยุกตใ์ ช้
ในการดารงชีวติ แล้ว ชมุ ชนพจิ ารณาแลว้ เหน็ วา่ ในการพฒั นาและแกไ้ ขปัญหาในพนื้ ท่นี ้ัน ควรจะตอ้ ง
มีการกาหนดทิศทางการพัฒนาหมู่บ้าน เพื่อให้เป็นไปในทิศทางเดียวกัน เกิดการพัฒนาและแก้ไข
ปัญหาอย่างเป็นระบบ ประชาชนมีเป้าหมายร่วมกัน ได้รับผลประโยชน์ร่วมกัน โดยใช้หลักการ
วิเคราะห์ SWOT เพือ่ กาหนดเปา้ หมายในการพฒั นาต่อไป

กำรวิเครำะห์ศกั ยภำพของหมู่บ้ำน (SWOT Analysis)
จากการศึกษาเรียนรู้ภูมิสังคม วิถีชีวิตของชุมชน และลงพื้นที่หมู่บ้านปา่ นอต หมู่ท่ี 5
ตาบลแมท่ า อาเภอแม่ออน จังหวดั เชียงใหม่ สามารถวิเคราะห์ศกั ยภาพของหมูบ่ ้าน ดังน้ี

๑๓๖

การเรยี นรู้เชงิ ปฏบิ ตั ิการ (Action Learning) หลกั สูตรนักปกครองระดับสูง (นปส.) รุน่ ที่ 76

จดุ แขง็ (Strengths) โอกำส (Opportunities)
๑. คนในหมูบ่ ้านมีความสามคั คีกนั ๑. การสนบั สนุนจากหนว่ ยงานภาครัฐ และ
๒. มกี ารบรหิ ารจดั การแบบมสี ว่ นรว่ ม เอกชน
๓. มคี วามมนั่ คงทางอาหาร ๒. นโยบายรัฐบาล ในการสง่ เสรมิ เกษตร
๔. เป็นพื้นทผ่ี ลิตเกษตรอนิ ทรียเ์ ป็นอนั ดับ ๒ ปลอดภัย และเกษตรอนิ ทรยี ์
๓. นโยบายรัฐบาล คทช.
ของตาบล
๕. มปี ราชญ์ชาวบา้ น
๖. มีสัมมาชีพ อาชีพหลากหลายในชมุ ชน
๗. ดารงชีวติ ภายใตห้ ลักปรัชญาของเศรษฐกจิ

พอเพียง ชมุ ชนมีความเข้มแข็ง พง่ึ ตนเองได้
๘. ชมุ ชนมคี วามเขม้ แขง็ แบ่งปนั กนั
๙. มีทรัพยากรธรรมชาติทางกายภาพทส่ี มบรู ณ์

จุดออ่ น (Weaknesses) อปุ สรรค (Threats)

๑. แหลง่ น้าไมเ่ พียงพอในช่วงฤดูแล้ง ๑. การแพรร่ ะบาดของโรคโคโรนาไวรสั 2019

๒. ระบบชลประทานไมท่ ่ัวถึง (คลองดาด ลา ๒. กลไกทางการตลาด เชน่ สนิ ค้าเกษตรราคา
เหมอื ง ตกต่า
๓. การเปลย่ี นแปลงราคาน้ามัน
รวมถึงการซอ่ มบารงุ ) ๔. ปัญหาพื้นทีด่ าเนนิ การ เช่น พ้นื ท่ปี า่ พื้นที่
๓. ลกู หลานไมส่ นใจเรียนรเู้ รอ่ื งภมู ปิ ญั ญา คทช. ส่งผลกระทบตอ่ การพฒั นาโครงสร้าง
๔. ระบบไฟฟ้าไม่ครอบคลมุ พื้นทก่ี ารเกษตร พ้นื ฐาน
๕. ถนนเข้าพน้ื ทกี่ ารเกษตรเป็นถนนดนิ เปน็
หลุม เป็นบอ่

๖. การฝ่าฝนื ระบบการแก้ไขปญั หาไฟปา่ ของคน

ในหมบู่ า้ น ส่วนน้อย แตเ่ กดิ ผลกระทบในวง

กว้าง

จากการวิเคราะห์จุดแข็ง จุดอ่อน โอกาส อุปสรรค ของหมู่บ้าน สามารถสรุป ได้ว่าหมู่บ้าน
ควรไดร้ ับการพฒั นา/สนบั สนุนการพัฒนา โดยมีเปา้ หมายการพัฒนาหมบู่ ้าน เพื่อเปน็ “หมู่บา้ นเป็น
แหล่งผลิตเกษตรอินทรีย์ บนวิถีความพอเพียง สังคมดี ประชาชนมีความสุขอย่างยั่งยนื ” ซ่ึงจะ
สอดคล้องกับแนวทางและวิถีการดารงชีวิตของประชาชนในหมู่บ้าน ที่ยึดอาชีพการปลูกพชื อินทรยี ์
และเป็นแหล่งผลิตสินค้าเกษตรที่สาคัญของจังหวัด รวมถึงมีการดารงวิถีชีวิตท่ีพอเพยี งในการพง่ึ พา
ตนเอง มีการปลกู พชื เลยี้ งสตั ว์ และดารงชวี ติ ไดใ้ นสถานการณ์การเปลย่ี นแปลงของโลก และภายใต้

๑๓๗

การเรยี นรู้เชิงปฏบิ ัตกิ าร (Action Learning) หลกั สตู รนักปกครองระดบั สงู (นปส.) รุ่นท่ี 76

การแพร่ระบาดของโลกติดเช้ือไวรัสโคโรนา 2019 ทั้งน้ี ได้ร่วมกันกาหนดเป้าประสงค์ ยุทธศาสตร์
และกลยุทธก์ ารพฒั นาหมูบ่ า้ น ดังน้ี
ทศิ ทำงกำรพัฒนำหมู่บ้ำน บำ้ นป่ำนอต หมูท่ ่ี 5 ตำบลแม่ทำ อำเภอแม่ออน จังหวัดเชยี งใหม่

วิสยั ทัศน์ : “หม่บู ำ้ นเปน็ แหล่งผลิตเกษตรอนิ ทรีย์ บนวิถีควำมพอเพยี ง สงั คมดี ประชำชนมี

ควำมสุข อยำ่ งยั่งยืน”

เปำ้ ประสงค์ : ๑. สรา้ งมูลค่าเพ่มิ ทางการเกษตร

๒. เพอื่ ใหป้ ระชาชนมคี ุณภาพชวี ิตทด่ี ี

๓. เพื่อรักษาทรพั ยากรธรรมชาติให้สมบูรณ์

ยุทธศำสตร์ กลยทุ ธ์

ประเด็นยทุ ธศำสตรท์ ี่ ๑ 1. การสง่ เสรมิ การขาย และการตลาดแนวใหม่

สง่ เสริมการเกษตรปลอดภัย สเู่ กษตรอินทรีย์ 2. การสรา้ งแบรนด์ เพ่อื สรา้ งมลู คา่ ของสินค้า

ประเดน็ ยทุ ธศำสตรท์ ี่ ๒ 1. ส่งเสรมิ การสร้างระบบบริหารจดั การนา้

พัฒนาโครงสร้างพืน้ ฐานเพอื่ สนบั สนุนด้าน 2. พฒั นาเส้นทางพน้ื ที่เข้าสู่การเกษตร

การเกษตร

ประเดน็ ยุทธศำสตร์ท่ี ๓ 1. สง่ เสรมิ การใช้ธรรมนญู หมบู่ ้านในการ

ส่งเสรมิ การบริหารจดั การสิง่ แวดลอ้ มแบบมี ควบคมุ คน/ หมู่บา้ น และการแกไ้ ขปัญหาของ

สว่ นรว่ ม หมบู่ า้ น

ประเด็นยทุ ธศำสตร์ท่ี ๔ 1. ส่งเสรมิ การพง่ึ พาตนเองภายใต้ปรัชญา

ส่งเสริมความมนั่ คงและคุณภาพชวี ิตของ เศรษฐกจิ พอเพยี ง

ประชาชน 2. ส่งเสรมิ การมสี ว่ นรว่ มในการดแู ลรกั ษา

ความปลอดภยั ในหมบู่ า้ น

1.3 กำรศกึ ษำเรยี นรูน้ โยบำยภำครัฐและผลกระทบต่อกำรพฒั นำของชุมชน

จากการประชุมกลุ่มย่อยกับผู้นาหมู่บ้าน สรุปนโยบายภาครัฐและผลกระทบต่อการ
พัฒนาของชุมชน บ้านป่านอต หมู่ท่ี 5 ตาบลแม่ทา อาเภอแม่ออน จังหวัดเชียงใหม่ เฉพาะใน
ประเด็นสาคญั ทีส่ ่งผลกระทบทง้ั ในเชงิ บวก และเชงิ ลบ โดยยกมานาเสนอ รวม 3 ประเด็น

(๑) นโยบำยสมั ปทำนปำ่ ส่งผลกระทบให้ป่ำถูกทำลำย
การสัมปทานป่า คือ การที่รัฐอนุญาตให้เอกชนจัดทาประโยชน์เก่ียวกับป่าหรือ

ทรพั ยากร ธรรมชาติ ภายในระยะเวลาและตามเงือ่ นไขท่รี ฐั กาหนด ซง่ึ ตามหลักการการสัมปทานป่า
จะเป็นการรักษาป่า ให้มีความอุดมสมบูรณ์และเพ่ิมจานวนพ้ืนท่ีป่าให้มากขึ้น และต้องการให้
ประชาชนมีส่วนร่วมได้รับผลประโยชน์จากทรัพยากรป่าไม้ และจะเป็นประโยชน์แก่ลกู หลานในวัน
หน้า แตใ่ นทางปฏบิ ตั ิการดาเนนิ ตามนโยบายสัมปทานปา่ กลับทาให้พืน้ ทป่ี ่าไม้ลดลง กลายเปน็ แหล่ง
ท่ีนายทุนเข้ามาแสวงหากาไร โดยประชาชนไม่ได้รับผลประโยชน์ ทาให้ต้นไม้ถูกลอบตัดและตัด
ถูกต้องตามกฎหมาย มีการอนุญาตผูกขาดการสัมปทานในระยะยาว ขาดระบบการควบคุมที่ดี ผู้ท่ี
เก่ียวข้องทุกฝ่ายมุ่งแต่ตัวเลขท่ีจะทาออก โดยไม่ระวังดแู ลพ้ืนทป่ี ่า ไม่ติดตามผลการปลูกป่าทดแทน
ตามเง่ือนไขสัมปทานว่าได้ดูแลรักษาต้นไม้ใหเ้ จริญเติบโตหรอื ไม่ จึงทาให้พื้นที่ป่าในพื้นที่หมบู่ า้ นมี

๑๓๘

การเรยี นรู้เชงิ ปฏิบตั กิ าร (Action Learning) หลกั สูตรนกั ปกครองระดับสูง (นปส.) รนุ่ ที่ 76

จานวนลดน้อยลง ส่งผลกระทบต่อสภาพแวดล้อมทั้งดิน น้า และอากาศ และต่อการใช้ชีวิตต่อ
ประชาชนในหมู่บา้ น

(๒) นโยบำยกำรบริหำรจัดกำรพ้ืนทเี่ กษตรตำมแผนท่กี ำรเกษตรเชิงรุก (Zoning by
Agri-Map)

การบรหิ ารจดั การพื้นท่ีเกษตรตามแผนที่การเกษตรเชิงรกุ (Zoning by Agri-Map)
เป็นนโยบายสาคัญของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อสนับสนุน ส่งเสริมให้
เกษตรกรปรบั เปลย่ี นการผลติ ในพ้นื ทไี่ มเ่ หมาะสม เปน็ การผลติ ทเ่ี หมาะสมสอดคล้องกบั ศกั ยภาพของ
พื้นท่ีตลาดตามแผนท่ีเกษตร และตามแนวทางเศรษฐกิจพอเพียง เพ่ือช่วยให้เกษตรกรมีรายไดแ้ ละ
คุณภาพชีวิตท่ีดีขึ้น โดยมีหน่วยงานต่าง ๆ บูรณาการร่วมกัน ได้แก่ กรมพัฒนาท่ีดิน ร่วมกับ กรม
ประมง กรมปศุสตั ว์ กรมวิชาการเกษตร กรมสง่ เสรมิ การเกษตร กรมสง่ เสรมิ สหกรณ์ กรมหม่อนไหม
สานกั งานการปฏิรูปท่ีดนิ เพ่อื เกษตรกรรม กรมตรวจบัญชสี หกรณ์ และการยางแห่งประเทศไทย ทง้ั น้ี
เน่ืองจากปัจจุบันภาคการเกษตรไทย ยังมีการผลิตไม่สอดคลอ้ งกับสถานการณท์ ม่ี ีการเปลย่ี นแปลงทง้ั
ทางด้านเศรษฐกจิ ทั้งภายในประเทศ และการเชื่อมโยงในระดบั โลก มีความไม่สมดลุ ระหว่างอปุ สงค์
และอุปทานของสินค้าบางชนิด ส่งผลถึงราคาสินค้าเกษตรท่ีเกษตรกรได้รับ ส่วนด้านกายภาพ
เกษตรกรยังมีการผลิตตามความเคยชิน สินค้าเกษตรหลายชนิดจึงถูกผลิตอยู่ในพ้ืนที่เหมาะสมนอ้ ย
หรอื ไมเ่ หมาะสม ทาใหม้ ตี ้นทุนในการผลิตสูงในขณะท่ีได้ผลตอบแทนต่า ขาดศกั ยภาพในการแข่งขัน
เมือ่ เปรยี บเทยี บกบั ประเทศอ่นื กระทรวงเกษตรและสหกรณไ์ ดผ้ ลกั ดนั นโยบายการลดต้นทนุ และเพม่ิ
โอกาสในการแข่งขัน ซึ่งการบรหิ ารจดั การพ้ืนท่เี กษตรกรรมจะเปน็ เคร่ืองมือท่ีสาคัญในการบรรลผุ ล
ตามนโยบายดังกล่าว โดยมีแนวทางการดาเนินงานเป็นการทางานแบบบูรณาการระหว่าง Single
command และคณะทางาน เพอ่ื กาหนดเป้าหมายและความต้องการจริงในพน้ื ท่ีโดยมีแนวทางการ
ดาเนินการ ดงั น้ี

๑. สารวจพน้ื ทไ่ี ม่เหมาะสม (N) โดยใช้แผนที่ Agri-Map
2. คดั เลอื กเกษตรกรเขา้ ร่วมโครงการ
3. จัดอบรมและชแี้ จงความเข้าใจเก่ียวกับกิจกรรมการปรบั เปลีย่ นพืชให้เหมาะสม
กับพ้นื ที่
4. ดาเนินการปรับเปลย่ี นการผลิต โดยปรับโครงสร้างของดินเพอื่ รองรบั การทา
เกษตรผสมผสาน / พชื เศรษฐกิจ
5. ติดตามและประเมนิ ผล และจัดทารายงานสรปุ ผลในการบรหิ ารจัดการพืน้ ท่ี
เกษตรตามแผนทีก่ ารเกษตรเชิงรุก (Zoning by Agri-Map) ทาใหห้ ม่บู ้านปา่ นอต ถกู กาหนดให้ปลูก
พชื เชียงเดีย่ ว ทาใหป้ ระชาชนต้องปรบั เปลีย่ นพฤตกิ รรมหรอื อาชีพจากเดมิ ทกี่ ารปลกู ข้าว ลาไย ลน้ิ จี่
กระเทยี ม มาเปน็ การปลูกพืชเชงิ เด่ียวแทน เชน่ การปลูกขา้ วโพด ส่งผลกระทบวิถชี ีวติ ของประชาชน
ในพนื้ ที่ ดนิ ถกู ทาลาย และน้าขาดแคลน การสารวจจงึ ไมเ่ หมาะสมกบั พนื้ ที่
(๓) นโยบำยบตั รสวสั ดิกำรแหง่ รัฐ

บัตรสวัสดิการแห่งรัฐ หรือ บัตรคนจน คือ บัตรท่ีออกโดยกรมบัญชีกลาง ตาม

นโยบายของรัฐทจ่ี ะชว่ ยลดภาระคา่ ใช้จ่ายบางอยา่ งเท่านนั้ ใหก้ ับประชาชน สทิ ธิทผี่ ู้ถอื บตั รสวสั ดกิ าร

แห่งรัฐได้รบั กค็ ือ วงเงิน 200-300 บาทตอ่ เดือน (ผู้มีรายไดม้ ากกวา่ 30,000 บาท/ปี ไดว้ งเงนิ 200

บาท ผ้มู ีรายไดไ้ มเ่ กนิ 30,000 บาท/ปี ได้วงเงิน 300 บาท) ใช้สาหรบั นาไปซื้อสินค้าตา่ ง ๆ ในร้านธง

ฟ้าประชารัฐ และร้านค้าอื่นๆที่สะดวกไปซ้ือ โดยสินค้าที่จาหน่ายในร้านค้าธงฟ้าประชารัฐและ

๑๓๙

การเรยี นรู้เชิงปฏิบตั ิการ (Action Learning) หลกั สูตรนกั ปกครองระดับสงู (นปส.) รุ่นที่ 76

สามารถใช้สทิ ธบิ ตั รสวัสดกิ ารแหง่ รัฐจ่ายได้ ทั้งนี้ เพอ่ื ต้องการยกระดบั ชีวติ คุณภาพประชาชนให้ดีขึ้น
ซึ่งจากการดาเนินนโยบายดังกล่าวทาใหป้ ระชาชนในพ้ืนที่ สามารถมเี งิน ที่จะไปใชจ้ ่ายสนิ ค้าอุปโภค
บริโภคในชีวิตประจาวันได้มากข้ึน รวมถึงสามารถทาใหร้ า้ นค้าในพื้นที่ที่เข้าร่วมโครงการประชารัฐ
สามารถขายสนิ คา้ ได้มากย่งิ ขน้ึ

ส่วนที่ 2
ประเดน็ กำรพฒั นำของชุมชน

2.1 ควำมเสีย่ งทีจ่ ะไม่มีชีวิตทม่ี ่ันคงของบุคคล ครอบครัว และชมุ ชน
จากการประชมุ รว่ มกับชมุ ชน ได้ใหข้ อ้ คดิ เหน็ ถงึ ความเสย่ี งที่กระทบต่อความมั่นคงของ

บคุ คลครอบครัว และชุมชน มปี ระเด็นหลกั ๒ ประเด็น คือ
(๑) กำรพัฒนำดำ้ นอตุ สำหกรรม
พ้นื ท่ีไมต่ ้องการ เน่ืองจากจะส่งผลกระทบตอ่ การดารงชีวิต วถิ ีชมุ ชน ไมต่ อ้ งการ

นายทนุ เพราะจะส่งผลกระทบตอ่ ส่ิงแวดลอ้ ม และความเปน็ อยู่ ไม่ให้พน้ื ทีต่ ้นน้าดาเนินการด้านการ
ลงทุน จะสง่ ผลกระทบมีการจดั ทาข้อตกลงภายในหมบู่ ้าน เช่น ธรรมนญู หมู่บ้าน เช่น กรณีมนี ายทุน
จะซื้อพืน้ ท่ี เพอื่ ทาฟารม์ โคนม แตป่ ระชาชนในพน้ื ทไี่ ม่เห็นดว้ ย เน่อื งจากเปน็ พ้นื ท่ีเกษตรอนิ ทรยี ์ กม็ ี
การหารอื ร่วมกนั ระหว่างชมุ ชน กับเจ้าของพื้นท่ี เพอื่ ไมข่ ายพนื้ ที่นน้ั

(๒) กำรจัดทำรสี อรท์ ในพื้นท่ี (กรณีนำยทนุ )
ประชาชนไมต่ อ้ งการผูป้ ระกอบการเอกชน มาจดั ทารสี อร์ทในพ้ืนท่ี เพราะจะสง่ ผล

กระทบต่อวิถีความเป็นอยู่แบบพอเพียง เน่ืองจากมีคนต่างถิ่นเข้ามา อาจส่งผลกระทบต่อวัฒนธรรม
ประเพณี ดั้งเดมิ ประกอบกับ พืน้ ทสี่ ามารถบรหิ ารจดั การตนเองได้ การจดั ทพ่ี กั แบบโฮมสเตย์ โดยคน
ในหมู่บา้ น สามารถหมุนเวยี นกนั เปน็ ท่ีพัก การทาอาหารจัดเล้ียง ให้กบั ผู้มาศกึ ษาดูงาน ประชาชนใน
หมู่บ้านใช้การบริหารแบบหมุนเวียนเปลี่ยนแปลงกัน ในทุกครัวเรือน เป็นลักษณะ Participation
และสร้างรายได้ใหค้ นในชมุ ชน

(๓) กำรรว่ มคิดกบั ชุมชนในกำรหำแนวทำงทำให้ชุมชนอยู่รอดปลอดภยั และยั่งยนื
หมู่บ้านป่านอต หมู่ท่ี 5 ตาบลแม่ทา อาเภอแม่ออน จังหวัดเชียงใหม่ ยึดแนวทาง

ในการบริหารหม่บู า้ นโดยการมีส่วนรว่ มของประชาชนในทุกๆ ด้าน โดยใช้ “ธรรมนูญหม่บู ้าน” เปน็
แนวทางปฏิบัติรว่ มชมุ ชน จงึ ทาใหเ้ กิดความสามคั คีและร่วมแรงรว่ มใจกัน ท้งั นี้ ประชากรส่วนใหญ่ใน
พื้นทยี่ ดึ อาชีพเกษตรกรรมแบบอนิ ทรีย์ มกี ารปลูกพชื เลย้ี งหมู เลี้ยงโคนม จึงทาใหเ้ กิดความปลอดภยั
และมคี วามมั่นคงทางอาหาร และเปน็ แหลง่ ผลิตผลผลติ ทางการเกษตรทส่ี าคัญของจังหวัด นอกจากน้ี
ยงั มีการรวมกลุ่มสัมมาชพี ทีห่ ลากหลาย จึงทาใหม้ ีการดารงวิถชี วี ิตท่ีพอเพยี งในการพ่งึ พาตนเอง และ
ดารงชวี ิตได้ในสถานการณ์การเปลีย่ นแปลงของโลก และภายใตก้ ารแพร่ระบาดของโลกตดิ เชอ้ื ไวรสั โค
โรนา 2019

2.๒ ระดับกำรพฒั นำของหม่บู ำ้ น
จากการสารวจขอ้ มูลของสานกั งานพฒั นาชุมชนอาเภอแมอ่ อน และทปี่ ระชมุ ของหม่บู ้านป่า

นอตที่ประชมุ เห็นพ้องตอ้ งกัน ให้การพฒั นาหมบู่ ้านป่านอตอย่ใู นระดบั การพัฒนา ในระดับ ๒ พออยู่

๑๔๐

การเรยี นรเู้ ชิงปฏบิ ตั ิการ (Action Learning) หลกั สตู รนกั ปกครองระดับสงู (นปส.) รุ่นที่ 76

พอกิน (Sufficiency) คอื ประชาชนมมี ีอาชีพรอ้ ยละ 90 ของหมบู่ ้าน ทงั้ น้ยี ังยดึ อาชพี เกษตรกรเป็น
ส่วนใหญ่ ทั้งการปลูกพชื ผักอนิ ทรยี ์ เล้ียงหมู เล้ียงวัวนม ซ่ึงสามารถดารงชีพอยู่ได้ในสถานการณ์ที่
เปลย่ี นแปลงไปได้ ประกอบกับประชากรของบา้ นป่านอตมีรายไดเ้ ฉล่ีย จานวน ๘๑,๕๗๖.๘๔ บาทตอ่
คนต่อปี (ตามเกณฑ์ จปฐ. ปี 256๒) โดยหมู่บ้านมีรายได้ ทั้งสิ้น ๒๐๕,๙๑๕.๗๓ บาทต่อปี และมี
รายจ่าย ๑๐๖,๗๑๔.๕๒ บาทต่อปี

หากจะพิจารณาระดับการพัฒนาของหมู่บ้านตาม 5 มิติการพัฒนา ของ UN’s SDG มา
ประเมิน สามารถสรปุ ได้ ดังน้ี

กำรดำเนนิ กำรของหมู่บ้ำน

1. ขจดั ความยากจน - มีสัมมาชพี อาชีพหลากหลายในชมุ ชน

- ดารงชีวิตภายใต้หลกั ปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพยี ง

ชมุ ชนมคี วามเขม้ แขง็ พ่งึ ตนเองได้

2. ขจัดความหวิ โหย บรรลคุ วามมน่ั คง - หมู่บา้ นเปน็ แหลง่ อาหาร แหลง่ ผลติ เกษตรอินทรยี ์

ทางอาหาร สง่ เสรมิ เกษตรกรรม อันดับ 2 ของตาบล สามารถสรา้ งผลผลิตทาง

อย่างยั่งยืน การเกษตรไดต้ ลอดปี

3. การจ้างงานทม่ี ีคณุ คา่ และ - จากสถานการณ์การแพรร่ ะบาดของโรคตดิ เชื้อไวรัสโค

การเตบิ โตทางเศรษฐกิจ โรนา จึงส่งเสริมให้คนในหมบู่ ้านกลบั มายึดการ

ประกอบอาชีพเกษตรกรรมทเี่ กดิ จากสร้างงานจาก

พนื้ ที่

- มีการรวมกลุม่ อาชีพ จานวน 1 กลุม่ ไดแ้ ก่ กลมุ่ อาชีพ

เลี้ยงโคนม มจี านวนสมาชิก 10 คน

- การส่งเสรมิ ความรว่ มมอื กับภาคเอกชน (เซนทรลั ) ใน

การสง่ เสรมิ อาชีพการเล้ยี งหมู เพือ่ ใหเ้ กดิ การจา้ งงาน

ในพื้นที่ และสง่ ผลผลิตใหก้ ับบรษิ ัทภาคเอกชนตอ่ ไป

4. การมสี ขุ ภาพและความเป็นอยู่ทีด่ ี - ประชากรของบ้านป่านอตมรี ายไดเ้ ฉล่ีย จานวน

๘๑,๕๗๖.๘๔ บาทตอ่ คนต่อปี (ตามเกณฑ์ จปฐ. ปี

256๒) โดยหมบู่ ้านมรี ายได้ ทง้ั สิ้น ๒๐๕,๙๑๕.๗๓

บาทตอ่ ปี และมรี ายจา่ ย ๑๐๖,๗๑๔.๕๒ บาทตอ่ ปี

5. การจัดการน้าและสขุ าภบิ าล - หมู่บ้านมปี ระปาหมบู่ า้ นใหบ้ รกิ าร จานวน 2 แหง่

รวมถึงเป็นแหล่งตน้ น้า โดยมีแหลง่ น้าตามธรรมชาติ

ไดแ้ ก่ ลาหว้ ย จานวน 7 แห่ง และแหล่งน้าท่ีสร้างข้ึน

ในหม่บู ้าน ได้แก่ บอ่ บาดาลจานวน 4 แห่ง สระนา้

จานวน ๒ แห่ง แกม้ ลิง จานวน ๑ แห่ง และบอ่ น้าต่ืน

จานวน ๒ แหง่ ทงั้ น้ีแหล่งนา้ ดังกล่าว สามารถใช้น้า

เพ่อื การเกษตรและอุปโภคบรโิ ภคไดเ้ พียง 7 เดือน

ในช่วงเดอื น มกราคม-พฤษภาคม แหลง่ น้าจะมสี ภาพ

แห้งแลง้ ซึ่งแหลง่ น้าตา่ งๆ ไมส่ ามารถเก็บกกั ได้

๑๔๑

การเรยี นรูเ้ ชงิ ปฏิบัติการ (Action Learning) หลักสตู รนักปกครองระดบั สูง (นปส.) รนุ่ ท่ี 76

ระดับความสามารถชุมชนในการจัดการปัญหาและพัฒนาตนเอง โดยเมื่อพิจารณา

ระดับความสามารถชุมชนในการจัดการปัญหาและพัฒนาตนเองของบ้านป่านอต สามารถจัดการ

ตนเองได้ อยู่ในระดับร้อยละ ๙๕ จากเครือข่ายชุมชนทเี่ ข้มแข็ง โดยมีแนวทางในการจดั การปญั หา
และพฒั นาร่วมกันในชุมชน ดังนี้

(๑) การบริหารจดั การชุมชนแบบการมสี ว่ นรว่ ม โดยใหป้ ระชาชนในชุมชนสามารถมีสว่ น
ร่วมตามหลักการมี ส่วนร่วม 4 ด้าน ได้แก่ การร่วมคิด/ตัดสินใจ การร่วมปฏิบัติ การร่วมรับ
ผลประโยชน์ และการร่วมประเมินผล เช่นมีการกาหนดธรรมนูญหมู่บ้าน เพื่อกาหนดกฎระเบียบ
ร่วมกันในชมุ ชน เพอ่ื เป็นแนวทางปฏบิ ตั ิร่วมชมุ ชน ซง่ึ เกิดการการมีสว่ นร่วมของประชาชนในชุมชน

(2) ปราชญ์ชาวบ้าน ในหมู่บ้านยังคงมีบุคคลท่ีเป็นเจา้ ของภูมิปญั ญาชาวบ้านในพืน้ ท่ี
และมีการนาภูมิปญั ญาไปใช้ประโยชน์ในการดารงชีวิต รวมถึงสามารถถ่ายทอดเชื่อมโยงคุณค่าของ
อดีตกับปัจจบุ นั ได้เหมาะสม และยงั คงยึดถอื แนวทางตามภมู ิปญั ญามาใช้ในการดารงชวี ิตปจั จุบนั

(๓) การรักษาวถิ ีชุมชนจากรนุ่ สรู่ นุ่ ในชุมชน มกี ารถ่ายทอดภูมปิ ัญญาทอ้ งถ่ิน/ประเพณี
ทอ้ งถิน่ จากรุน่ ส่รู ่นุ และยงั มีการสบื ทอดประเพณจี ากอดตี มาสปู่ จั จบุ นั เช่น ประเพณีการเล้ียงผขี นุ นา้

(4) สงั คมเอ้ืออาทร ในพน้ื ท่ีชุมชนยังมกี ารแบ่งปัน และชว่ ยเหลอื ซ่งึ กันและกัน เช่น การ
แบ่งปันอาหาร พืชผัก ผลไม้ และการช่วยเหลือเพื่อนบ้านหรือกิจกรรมในชุมชนในเรื่องอื่นๆ เช่น
งานวัด งานศพ งานบญุ ตา่ ง ๆ

(5) การดารงชีวติ ภายใตห้ ลกั ปรชั ญาของเศรษฐกิจพอเพียง โดยประชาชนในพ้นื ท่ยี ังคง
ยึดอาชีพเกษตรกรรม และมีการดารงชีวิตอย่างพอเพียง ปลูกผัก เล้ียงปลา เลี้ยงหมู ถึงแม้ยังอยู่
ภายใต้สถานการณก์ ารแพรร่ ะบาดของโรคตดิ เช้อื ไวรสั โคโรนา 2019 ก็ยังสามารถดารงชพี อยไู่ ด้ โดย
ไมเ่ ดอื ดร้อน

๒.๓ สัดสว่ นจำนวนครัวเรือนท่ีไม่พออยู่พอกิน

จากการศึกษาข้อมูลด้านการพัฒนารายได้ครัวเรือน โดยตัวช้ีวัดด้านคนในครัวเรือนมี
รายได้ไม่น้อยกว่าคนละ 38,000 บาทตอ่ คนต่อปี ของจังหวัดเชยี งใหม่ สรุปดงั น้ี

ปี จานวนท่สี ารวจ จานวนผ่านเกณฑ์ จานวนทีไ่ มผ่ ่านเกณฑ์
(ครัวเรอื น) ครวั เรือน รอ้ ยละ ครัวเรือน รอ้ ยละ
573 0.18
ปี 2559 302,815 302,242 99.81 1,431 0.38
408 0.10
ปี 2560 374,972 373,541 99.62 00

ปี 2561 378,466 378,058 99.89

ปี 2562 379,466 379,466 100

ทีม่ า : สานกั งานพัฒนาชุมชนจังหวัดเชยี งใหม่

การพิจารณาสัดส่วนจานวนครัวเรอื นท่ีไม่พออยู่พอกิน ของบ้านป่านอต พิจารณา
เทียบเคียง จากข้อมูลเกณฑ์ จปฐ. ของจังหวัดเชียงใหม่ ซ่ึงไม่พบครัวเรือนท่ตี กเกณฑ์ จปฐ. ดังน้ัน
สรุปไดว้ า่ บา้ นป่านอต จงึ ไม่มีครวั เรอื นท่ไี ม่พออย่พู อกนิ ประกอบกับได้สอบถามผนู้ าหมบู่ า้ น ตัวแทน
ชมุ ชน ทราบวา่ ประชาชนมคี วาม พออยู่ พอกิน ตามวถิ ีพอเพียง

๑๔๒

การเรียนรเู้ ชิงปฏบิ ตั ิการ (Action Learning) หลักสตู รนกั ปกครองระดับสูง (นปส.) ร่นุ ท่ี 76

๒.๔ กิจกรรมกำรพฒั นำทีช่ ุมชนจะทำเองเพอื่ ใหท้ กุ ชวี ิตอยดู่ ีกนิ ดใี นปนี ้ี
ประเดน็ สำคญั ท่ีตอ้ งพัฒนำชมุ ชน ทิศทำง แนวคดิ แนวทำงในกำรพฒั นำที่เหมำะสม

และปฏิบัติไดจ้ รงิ ซ่ึงจากการศึกษาเรียนรู้ภมู ิสังคม วิถีชีวิตของชมุ ชน การลงพ้ืนที่หม่บู า้ นป่านอต หมู่
ที่ 5 ตาบลแม่ทา อาเภอแม่ออน จังหวัดเชียงใหม่ และการประชุมระดมความคิดเหน็ สามารถสรปุ
กิจกรรมการพัฒนาท่ีชมุ ชนจะทาเองเพอ่ื ใหท้ ุกชวี ติ อย่ดู กี นิ ดใี นปนี ี้ มี ๓ กจิ กรรม คือ

(๑) การจัดหาแหล่งน้าให้เพียงพอท้งั ปตี ่อการทางานการเกษตรของทุกครัวเรอื นที่ทา
การเกษตร
ในชมุ ชน

(๒) การปรับกระบวนการผลิตการเกษตร เพ่ือเพ่ิมมูลค่าทางเศรษฐกิจ สังคม และ
สง่ิ แวดลอ้ ม

(๓) การสร้างทักษะใหม่ใหแ้ ก่หมู่บ้านชุมชนบทในการจัดการตนเองในการพัฒนาของ
ชุมชน

แผนภำพ “กำรบริหำรจดั กำรนำ้ แบบมีสว่ นร่วม”
ท้ังนี้ ในการเรียนรู้เชิงปฏิบัติการ (Action Learning) เป็นการศึกษาในระยะสั้น จาก
การลงพื้นทีใ่ นหมู่บ้านป่านอต หมู่ที่ 5 ตาบลแม่ทา อาเภอแมอ่ อน จังหวัดเชียงใหม่ ในระหว่างวันท่ี
5 – 9 เมษายน 2564 ดงั น้นั นกั ศกึ ษาจงึ คดั เลือกกจิ กรรมหมู่บ้านจะดาเนนิ การเพื่อใหท้ กุ ชวี ิตอยู่ดี
กนิ ดี และมผี ลอย่างเปน็ รปู ธรรม จานวน ๑ กิจกรรม เปน็ เรอื่ งของการบรหิ ารจดั การนา้ โดยเสนอเปน็
โครงกำรนำรอ่ ง “ป่ำนอตโมเดล กำรบรหิ ำรจดั กำรน้ำแบบมสี ว่ นร่วม” โดยมี 3 แนวทาง ดงั น้ี

(๑) แนวทางการกาหนดแผนปฎบิ ัตงิ าน
(๒) แนวทางการบรหิ ารงบประมาณ
(๓) แนวทางการบริหารจัดการเพ่อื ความยั่งยืน

๑๔๓

การเรียนรู้เชิงปฏบิ ัติการ (Action Learning) หลกั สตู รนกั ปกครองระดับสงู (นปส.) รุ่นท่ี 76

แนวทำงที่ ๑ กำรกำหนดแผนปฏบิ ัตงิ ำน

ในการดาเนินกิจกรรม จะใช้ระบบการบริหารจัดการแบบมีส่วนร่วม ซ่ึงประกอบด้วย

กิจกรรมที่ชุมชนร่วมทา และหน่วยงานสนับสนุนกิจกรรมของชุมชน โดยกาหนดแผนออกเป็น ๓

ระยะ

(1) แผนระยะส้ัน ให้ขุดแก้ปัญหาระยะสั้น กว้าง 15 เมตร ยาว 300 เมตร ลึก 1

เมตร ซ่อมแซมอุปกรณ์/ระบบส่งนา้ เพ่ือขุดลอกคลองในหมู่บา้ นทีต่ ้ืนเขนิ ให้สามารถกระจายน้าไป

ยังพ้ืนท่ีการเกษตรต่างๆได้อย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งเป็นกิจกรรมที่ทาร่วมกันระหว่างชุมชน กับ

นักศึกษา และองค์กรปกครองส่วนท้องถิน่ ในพืน้ ที่ สรุปดังนี้

- ชุมชน สารวจสภาพพ้ืนท่ี และร่วมแรงทางาน

- องค์กรปกครองส่วนทอ้ งถิ่น สนบั สนุนเครือ่ งจักร

- นักศึกษา สนับสนุนงบประมาณ ค่าเป็นค่าวัสดุน้ามนั เช้ือเพลงิ เป็นเงนิ ๑๐,๐๐๐

บาท

(2) แผนระยะกลำง ให้ศึกษาแผนพฒั นาแหล่งน้า พฒั นาโครงการ/แผนงาน/แบบ

แปลน และ

การประสานความรว่ มมอื ในภาคี ให้มีการต่อยอดทนุ และระดมทุนจากภาคสว่ นตา่ ง ๆ แบบบรู ณาการ

ท้ังจากชุมชน เอกชน เพ่อื พฒั นา

(3) แผนระยะยำว พัฒนาโครงข่ายระบบน้าทั้งระบบ เพ่ิมแหล่งกักเก็บน้า (สระ/

ธนาคารน้า) ฟื้นฟูระบบเหมืองฝายด้ังเดิม ปลูกป่าต้นน้า (พืชฟ้ืนดิน) และทาฝายชะลอน้าในพ้ืนท่ี

ตาบลแมท่ า

ในการดาเนนิ งานตามแผนระยะยาว สานักงานชลประทานที่ 1 เปน็ หนว่ ยงานหลัก

ในการจัดหาแหล่งน้าและเพิ่มประสิทธิภาพการเก็บกักน้าสนับสนุนพ้ืนท่ีโครงการจัดท่ีดินทากินให้

ชุมชนบ้านปา่ นอด หมทู่ ่ี 5 ตาบลแมท่ า อาเภอแม่ออน จังหวดั เชยี งใหม่ โดยไดพ้ ิจารณาแนวทางการ

จัดหาน้าช่วยเหลือราษฎรตามโครงการที่ราษฎรมีความต้องการเร่งด่วนจานวน 7 โครงการ โดยมี

ลักษณะเป็นโครงการกอ่ สร้างฝาย และระบบสง่ น้าคลองดาดคอนกรตี หรือรางน้า คสล. ทดแทนฝาย

และลาเหมืองดินเดมิ ทีพ่ ังเสยี หายราษฎรต้องสูญเสียงบประมาณและแรงงานในการซ่อมแซม หรือขุด

ลอกเปน็ ประจาทุกปี โดยมรี ายละเอยี ดดงั น้ี

1. กอ่ สร้างระบบสง่ น้าฝายหลวง ดาเนินการแลว้ เสรจ็

2. ก่อสรา้ งฝายหลวง พร้อมระบบส่งนา้ ดาเนนิ การแลว้ เสรจ็

3. กอ่ สร้างระบบส่งน้าฝ่งั ซา้ ยฝายทงุ่ โฮง้ ดาเนินการแล้วเสร็จ

4. ก่อสร้างระบบส่งน้าฝายทงุ่ เฮี๊ย ดาเนินการแล้วเสร็จ

5. ก่อสรา้ งระบบส่งน้าฝัง่ ขวาฝายทุ่งโฮง้ แผนดาเนินการปี พ.ศ. 2566

6. ก่อสรา้ งระบบสง่ น้าฝายป้นิ แผนดาเนนิ การปี พ.ศ. 2567

7. ก่อสรา้ งระบบสง่ น้าฝายป่มู ่าน แผนดาเนนิ การปี พ.ศ. 2566

ทั้งนี้ หากดาเนินการแล้วเสรจ็ ตามแผนการจัดหาแหลง่ นา้ และเพิม่ ประสทิ ธิภาพการ
เก็บกักน้าของสานกั งานชลประทานท่ี 1 จะสามารถแกไ้ ขปญั หาเรื่องน้าเพ่ือการอปุ โภคและบรโิ ภค
และนา้ เพื่อการเกษตร ในพนื้ ท่ีได้

๑๔๔

การเรียนรู้เชิงปฏิบตั กิ าร (Action Learning) หลักสูตรนกั ปกครองระดับสงู (นปส.) รุ่นที่ 76

แนวทำงท่ี 2 กำรบรหิ ำรงบประมำณ
สง่ เสริมใหเ้ กดิ ความร่วมมอื เพื่อบูรณาการงบประมาณจากภาคส่วนตา่ ง ๆ เพอ่ื การ
พฒั นาพื้นที่
2.1 ภาคราชการ ใช้งบประมาณรายจ่ายประจาปี/งบประมาณสะสม
2.2 ชุมชน การจัดกิจกรรมเพ่ือเพิ่มทุน เช่น การรบั บรจิ าค การจดั กิจกรรม
ทอดผ้าป่า
2.3 ธรุ กจิ เพอื่ ชุมชน (CSR) รว่ มกบั บริษทั เอกชน เชน่ เซนทรัล ปตท.
2.4 จดั ต้งั เปน็ กองทนุ สาหรบั การบรหิ ารจัดการระบบน้าของหมูบ่ า้ น จานวน 20,000
บาท และให้ชุมชนบริหารจัดการงบประมาณ เพื่อให้เพ่ิมพูน และเกิดประโยชน์กับประชาชนใน
หมบู่ ้าน โดยจากการลงพ้ืนท่ใี นหม่บู า้ นปา่ นอต หมู่ที่ 5 ตาบลแม่ทา อาเภอแมอ่ อน จงั หวดั เชยี งใหม่
ในระหว่างวันท่ี 5 – 9 เมษายน 2564 นักศึกษาได้สนับสนุนเงนิ ทนุ ในการบรหิ ารจัดการระบบน้า
ของหมู่บ้านจานวน 30,000 บาท โดยมวี ตั ถุประสงค์ใหช้ มุ ชนใชด้ าเนนิ การ และสนบั สนุนการจัดหา
นา้ มนั เพ่อื ขดุ ลอกคลองในหมบู่ า้ นทตี่ ้นื เขิน ใหส้ ามารถกระจายนา้ ไปยังพืน้ ทีก่ ารเกษตรตา่ งๆไดอ้ ยา่ งมี
ประสิทธิภาพ จานวน 10,000 บาท

แนวทำงที่ ๓ การบรหิ ารเพื่อความยง่ั ยืน
ให้ข้อเสนอนะ ในการแต่งต้ังคณะกรรมการบริหารจัดการน้าของชุมชน เพ่ือให้ชุมชน
ดแู ลชมุ ชน เกิดการใชน้ ้าอยา่ งคุ้มค่า และแบ่งบัน และบรู ณาการขบั เคลอ่ื นกิจกรรม ใหต้ ่อเนื่องกัน
ไป เพือ่ ให้เกดิ การบริหารจดั การนา้ อย่างยง่ั ยืน

๒.5 สรุปบทเรยี นท่ีไดร้ บั ในดำ้ น

๒.๕.๑ กำรบรหิ ำรกำรพัฒนำชุมชนท้องถิ่น
ชุมชนมีการบรหิ ารจดั การอย่างเปน็ ระบบ ภายใต้การมีส่วนรว่ มของทุกคนในชุมชน มี

ความชัดเจนในการบรหิ ารจดั การชุมชน ทาให้คนในชุมชนมีความสขุ ภายใต้บริบทของพื้นที่ ผ่านกลไก
ธรรมนญู หมบู่ ้าน การน้อมนาหลกั ปรชั ญาของเศรษฐกจิ พอเพียงไปประยกุ ตใ์ ช้ และมที ิศทางการพฒั นา
หมู่บ้าน เพอ่ื นาไปสูเ่ ป้าหมายเดียวกนั

๒.๕.๒ กำรบรหิ ำรกำรพฒั นำระดับตำบลและอำเภอ
การบริหารการพัฒนาระดบั ตาบลอาเภอ สามารถเช่ือมโยงการพัฒนาไปยงั บ้านป่านอต

ได้ ภายใตก้ ระบวนการแผนหม่บู า้ น ชุมชน ทีเ่ ชอ่ื มโยงการเปน็ แผนเดียว (One Plan) โดยมแี ผนงาน
โครงการ งบประมาณ ไปสนับสนุนการพัฒนา ตามความจาเป็น เหมาะสม และศักยภาพของพื้นที่
เพ่ือให้การพัฒนาเป็นไปตามกรอบยุทธศาสตร์ชาติ ๒๐ ปี แผนพัฒนาเศรษฐกิจและสงั คมแห่งชาติ
ฉบับที่ ๑๒ แผนพัฒนาจังหวัด แผนพัฒนาขององค์กรปกครองสว่ นท้องถ่นิ อย่างมีนยั สาคญั

๑๔๕

การเรียนรเู้ ชิงปฏิบัติการ (Action Learning) หลักสูตรนักปกครองระดบั สงู (นปส.) รนุ่ ท่ี 76

๒.๕.๓ ประสิทธิภำพและประสิทธผิ ลของกำรปฏิบตั ิงำนตำมนโยบำยรฐั บำล
การนานโยบายของรัฐดงั กลา่ วไปปฏิบตั ใิ นพน้ื ท่ี ชมุ ชนไม่ไดน้ านโยบายรัฐบาลเปน็ ตวั ต้ัง

แต่ใช้พื้นท่ีเป็นตัวตั้งในการพัฒนา โดยการนานโยบายไปปปฏิบัติจะมีการปรับตัวโครงการและ
นโยบาย มาพัฒนาให้เหมาะสมกับพนื้ ที่ (Area Base) ถ้านโยบาย แผนงาน/โครงการ หรือกิจกรรม
ไมส่ อดคล้องกบั พนื้ ที่ จะไมร่ ับมาปฏิบตั ิ เช่น กรณปี ญั หาหมอกควันไฟปา่ การลาดตระเวน ทีก่ าหนด
แนวทางการแกไ้ ขปัญหาให้ หรอื สนับสนนุ แผนงาน/โครงการมาให้ จะประชมุ รว่ มกันในหมู่บา้ น เพ่ือ
พิจารณาในระดับหมู่บ้านว่าหลักเกณฑ์ที่กาหนดหรือแนวทางการนาไปปฏิบัติ มีความเหมาะสม
สอดคล้องกับพื้นท่ีหรอื ไม่ หากไม่สอดคลอ้ งกับพื้นทจี่ ะไม่นานโยบายหรือแนวทางดังกล่าวไปปฏิบตั ิ
เพราะนอกจากจะไม่เกิดผลสมั ฤทธิ์ในการพัฒนาและแก้ไขปัญหาในพน้ื ที่แลว้ ยังอาจสง่ ผลกระทบตอ่
การใช้งบประมาณโดยไม่มีความคุ้มค่า ซึ่งในบางกรณี หมู่บ้านก็สามารถจดั การปัญหาได้ด้วยตนเอง
โดยอาศยั เงินทุนภายในหม่บู า้ น หรอื การร่วมแรงรว่ มใจของคนในหมู่บา้ น ดังนน้ั จงึ อาจสรปุ ไดว้ า่ บา้ น
ป่านอต เป็นหมู่บ้านท่ีเข้มแข็ง สามารถจัดการปัญหาของตนเองได้ในระดับหนึ่ง รวมทั้งสามารถนา
นโยบายแปลงไปสกู่ ารปฏิบตั ิได้อย่างเปน็ รูปธรรม ภำยใต้บรบิ ทของพืน้ ที่

------------------------------------------------

๑๔๖


Click to View FlipBook Version