การเรยี นรเู้ ชงิ ปฏบิ ัตกิ าร (Action Learning) หลกั สูตรนักปกครองระดับสูง (นปส.) รุ่นท่ี 76
๕.๓ ประสทิ ธภิ าพและประสทิ ธผิ ลของการปฏบิ ตั งิ านตามนโยบายของรัฐบาล
คณะผู้ศึกษา ได้ลงพื้นทศี่ ึกษาเรยี นรชู้ ุมชน บ้านโป่งกวาว พบว่า ระบบบริหารจัดการชุมชน หมู่บ้าน
โปง่ กวาว มผี นู้ าชุมชนทม่ี ีความสาคัญ มคี วามสามารถ เปน็ ทีย่ อมรบั จากระชาชนในพนื้ ที่ คือ ผ้ใู หญบ่ า้ น นาย
สง่า กะธิโต และมีการบริหารจัดการหมบู่ ้านภายใต้ คณะกรรมการหมู่บ้าน ซ่ึงมีตัวแทนจากหลายๆ ภาค
ส่วน โดยการทางานของคณะกรรมการหมู่บ้าน มีผลงานเชิงประจักษ์ในหลายๆ ด้าน เช่น การพัฒนา
ระบบประปาหมู่บ้านจากภูเขา เปน็ ตน้ ซึ่งจากการลงพน้ื ทศี่ ึกษาในชุมชนบ้านโป่งกวาว พบว่า โครงการตาม
นโยบายของรัฐบาล ลงสู่พ้ืนท่ีชุมชนบ้านโป่งกวาว ไม่มากนัก แต่เมื่อลงไป ก็มีการตอบรับที่ดี อาทิเช่น
โครงการส่งเสริมอาชีพ พัฒนาผลิตภัณฑ์ตาบล โครงการหมู่บ้านท่องเที่ยว OTOP นวัตวิถี เป็นต้น มีการ
ดาเนินการได้อยา่ งดี มีประสิทธิภาพ เกิดการพัฒนาในระดับชุมชนตานโยบายของรฐั บาล อาทิเช่น เกิดกลมุ่
อาชีพต่างๆ เกิดกิจกรรมการท่องเท่ียวในพ้ืนที่ เป็นต้น ดังน้ัน คณะผู้ศึกษา จึงเหน็ ว่า ชุมชนบ้านโป่งกวาว มี
ศกั ยภาพเพียงพอ ท่ีจะดาเนินการไดอ้ ยา่ งมีประสิทธิภาพและประสิทธผิ ลของการปฏบิ ัตงิ านตามนโยบายของ
รัฐบาล ภายใต้ระบบบรหิ ารจดั การชมุ ชน โดยผใู้ หญ่บา้ น และ คณะกรรมการหมู่บ้าน ชุมชนหม่บู ้านโปง่ กวาว
รางวลั คณะกรรมการหมู่บา้ นดีเด่น ความร่วมมอื ร่วมแรง ประชาชน ระบบท่อประปาบ้านโปง่ กวาว
สภาพท่วั ไป บา้ นโปง่ กวาว การลงพน้ื ที่บา้ นโปง่ กวาว กป.๗
๑๙๗
การเรียนรูเ้ ชิงปฏิบตั กิ าร (Action Learning) หลักสตู รนักปกครองระดบั สงู (นปส.) รุ่นท่ี 76
อำเภอแม่แตง
๑๙๘
การเรยี นร้เู ชงิ ปฏิบัตกิ าร (Action Learning) หลักสูตรนกั ปกครองระดับสูง (นปส.) รุน่ ที่ 76
รำยงำนกำรเรยี นรเู้ ชงิ ปฏิบตั กิ ำร (Action Learning)
หมูบ่ ้ำนเมืองกื้ด หม่ทู ่ี ๑ ตำบลกื้ดชำ้ ง อำเภอแมแ่ ตง
จังหวัดเชยี งใหม่
จดั ทำโดย
กลุ่มปฏิบตั กิ ำรท่ี ๑๐ (กป.๑๐)
นำงสำวปรำรถนำ มงคลธวชั วัฒนธรรมจงั หวัดจันทบุรี
นำงสงวน มะเสนำ พัฒนำกำรจงั หวดั มหำสำรคำม
นำยดำรง มโนรถ หวั หน้ำสำนักงำนจงั หวดั สุโขทยั
นำยธบดินทร์ เศรษฐสุวรรณ นำยอำเภอหนองขำหย่ำง จงั หวดั อทุ ยั ธำนี
นำยคำรม คำพทิ รู ย์ นำยอำเภอหนองสองห้อง จังหวัดขอนแก่น
นำยคมป์ สังขว์ งษ์ นำยอำเภอขนุ หำญ จังหวดั ศรสี ะเกษ
นำยนพิ นธ์ วรกรรณ เจ้ำพนกั งำนท่ีดินจงั หวดั จันทบุรี
นำยนิรุทธ์ สำธวุ งษ์ ผ้เู ชยี่ วชำญดำ้ นกำรจดั กำรสำธำรณภัย
นำยวทิ ยำ แก้วมี ผู้อำนวยกำรกองแผนงำน กระทรวงเกษตรและสหกรณ์
นำยชำญชัย ลขิ ิตคันทะสร ผูเ้ ชีย่ วชำญเฉพำะดำ้ นคดีพเิ ศษ กรมสอบสวนคดพี เิ ศษ
รำยงำนนเ้ี ป็นส่วนหนึ่งของกำรศกึ ษำอบรมหลกั สตู รนักปกครองระดับสูง (นปส.) รุ่นท่ี 76
สถำบนั ดำรงรำชำนภุ ำพ กระทรวงมหำดไทย
พุทธศักรำช 2564
๑๙๙
การเรียนรูเ้ ชิงปฏบิ ตั ิการ (Action Learning) หลกั สตู รนักปกครองระดบั สงู (นปส.) รุน่ ที่ 76
คำนำ
รายงานฉบับนเ้ี ปน็ ส่วนหนงึ่ ของการศกึ ษาอบรมหลักสตู รนักปกครองระดับสูง รนุ่ ท่ี ๗๖ (นปส.)
รุ่นท่ี ๗๖ สถาบนั ดารงราชานุภาพ กระทรวงมหาดไทย พุทธศักราช ๒๕๖๔ ซึง่ ได้จากการลงมือปฏิบัติเรียนรู้
เชิงปฏิบัติการในพื้นทีจ่ ริง (Action Learning) เพื่อเข้าใจ เข้าถึง วิถีชิวิตชุมชน ในพื้นท่ีหมบู่ ้านเมอื งก้ืด หมู่ท่ี
๑ ตาบลก้ืดช้าง อาเภอแมแ่ ตง จงั หวัดเชียงใหม่ ระหวา่ งวันที่ ๕-๙ เมษายน ๒๕๖๔ โดยการรว่ มเรียนรู้และทา
ความเขา้ ใจกับชมุ ชนท้องถน่ิ เพอื่ รบั ทราบถงึ สถานการณ์ ณ ปจั จุบัน และแนวโนม้ การเปล่ยี นแปลงในอกี หลาย
ปขี ้างหนา้ ของชุมชนทอ้ งถิ่น รวมถงึ โอกาสและความสามารถในการปรับตัวของชุมชนทอ้ งถนิ่ ในสถานการณ์ท่ี
โครงสร้างทางเศรษฐกจิ เปลี่ยนแปลงไป เพราะเทคโนโลยีท่พี ลิกผัน ภาวะโลกรอ้ น และการระบาดของไวรัส
โควิด ๑๙ โดยนาหลักการทรงงานในการพัฒนา “เข้าใจ เข้าถึง พัฒนา” ท่ีในหลวงรัชกาลท่ี ๙ ทรง
พระราชทานให้ยึดถือปฏิบตั มิ าประยุกต์ใช้ในการวเิ คราะห์ดงั กลา่ ว
คณะผู้จัดทา หวงั เปน็ อย่างย่งิ วา่ รายงานฉบับนจี้ ะสามารถทจ่ี ะนาปรบั ไปใชเ้ พอ่ื ให้เกดิ ประโยชน์
ต่อชุมชนท้องถ่ิน และนาไปสู่การพัฒนาประเทศอย่างย่ังยนื ตอ่ ไป
คณะผู้จัดทำ
นกั ศึกษำหลกั สูตรนกั ปกครองระดับสงู รุน่ ที่ 76
กลุ่มปฏิบัตกิ ำรที่ ๑๐ (กป. ๑๐)
๒๐๐
การเรยี นรเู้ ชงิ ปฏิบัตกิ าร (Action Learning) หลักสูตรนักปกครองระดับสูง (นปส.) รุน่ ท่ี 76
ส่วนที่ ๑
กรอบกำรเรยี นรู้ด้วยกำรลงมอื ปฏบิ ัติ เพ่ือเขำ้ ใจ เขำ้ ถึง วถิ ชี ีวติ ชุมชน
๑.1 กำรศึกษำเรียนรูภ้ ูมสิ งั คมและวิถชี ีวติ ของชมุ ชน
ประวัตแิ ละควำมเปน็ มำของหมบู่ ้ำน
บา้ นเมืองกด้ื เปน็ หมบู่ ้านหน่ึงในตาบลกืด้ ช้าง เดิมเมื่อ พ.ศ. 2418 ตรงกบั สมัยพระบาทสมเดจ็
พระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลท่ี 5 ทรงรับสั่งให้พระเจ้าอินทวิชยานนท์ (เจ้าหลวง) เจ้าผู้ครองนคร
เชยี งใหม่ องค์ที่ 7 จัดตงั้ แขวงเมอื งแกนขนึ้ ทบี่ า้ นเปา้ เรียกวา่ แขวงบา้ นเปา้ เมืองแกน และแต่งตั้งทา้ วแสนไชย
ข้ึนเปน็ ผู้ปกครองแขวงเป็นคนแรก ต่อมา“ พ.ศ. 2435 ได้ย้ายไปต้ังอยู่บ้านเมืองกื้ด หมู่ที่ 1 ตาบล กื้ดช้าง
เรียกว่า แขวงเมืองก้ดื โดยมขี ุนกื้ด หรอื “ขนุ ก้ดื คีรวี งศ์” เปน็ ผปู้ กครองแขวงในสมัยน้ัน ตอ่ มาไดเ้ ปลยี่ นเป็น
ตาบลกดื้ ช้าง อาเภอแมแ่ ตง จังหวัดเชียงใหม่ จนถึงปัจจบุ ัน
บา้ นมอื งกดื้ เดิมมชี อ่ื วา่ “เมอื งงืด” ตามตานานเล่าวา่ มชี า้ งปา่ โขลงหนงึ่ มาหากนิ ที่ลาน้าแม่แตง
บริเวณเมืองก้ืดในปัจจุบัน ช้างป่าโขลงนี้ไปหากินท่ีตามบริเวณโขดหินและมีช้างจานวนหน่ึงเหยียบโขดหิน
ทม่ี ีความล่ืนทาใหช้ ้างเหลา่ นนั้ พลัดตกลงไปในลานา้ แม่แตงช้างเหลา่ นั้นได้ หายไปกบั สายน้าโดยไม่พบร่องรอย
ของช้างเหล่าน้ัน สถานท่ีแห่งน้ีจึงได้ชื่อว่า “งืด” และหมู่บ้านท่ีอยู่บริเวณนั้นจึงได้ชื่อว่าเมืองงืด ปัจจุบันได้
กลายมาเป็นเมืองก้ืด ตามประวัติศาสตร์บา้ นเมืองก้ืดเป็นเมืองโบราณ สร้างหมู่บ้านข้ึนในสมัยเดียวกับเมอื ง
เชียงใหม่ เมืองพร้าว เมืองแหง หรือประมาณ 600 - 700 ปีล่วงเลยมาแล้ว คนเฒ่าคนแก่เล่าให้ฟังว่า
บา้ นเมืองกด้ื สรา้ งโดยเจา้ เมือง 3 เมอื ง (ไม่ทราบชอ่ื ) ไดไ้ ปเทยี่ วปา่ บงั เอิญมาเจอกนั จงึ ได้ชวนกันสร้างหมู่บา้ น
ใหช้ ื่อว่า “เมืองงืด” เปน็ หมบู่ า้ นชาวลั๊วะหรอื ละวา้ ไดถ้ กู สร้างขน้ึ เพือ่ เปน็ การดารงไวซ้ ง่ึ พระพุทธศาสนา แต่จะ
สร้างปไี หนอนั นี้ไมม่ หี ลกั ฐานแน่ชัดมีในประวัติศาสตร์ปรากฏอยู่ในบันทึกในยุคสมเด็จพระนเรศวรมหาราช
ยกทัพมาเชียงใหม่ จะไปตีเมืองอังวะ ในปลายปี พ.ศ. ๒๑๔๗ ทรงกรีฑาทัพ ๑๐๐,๐๐๐ คน จากกรุงศรี
อยุธยา มายังเมืองเชียงใหม่ และแรมทัพอยู่ ณ เมืองเชียงใหม่นั้น เป็นเวลา ๑ เดือน จึงยกทัพไปทาง
“เมืองแหง” แขวงเมืองเชียงใหม่เพื่อมุ่งหน้าไปยัง “เมืองนาย” อันเป็นเมืองในขอบขัณฑสีมาของเมือง
เชียงใหม่ แต่มาบัดน้ีถูกกองทัพพระเจ้ากรุงอังวะรุกรานเข้ายึดครอง และเป้าหมายสุดท้ายเพื่อโจมตีทาลาย
“กรุงอังวะ” ซึ่งเป็นศูนยก์ ลางอานาจของพม่าในขณะน้ัน คร้ังนั้นพระองค์ ยกกองทัพออกจากเมืองเชียงใหม่
ไปทางทิศเหนือเม่อื ถึงพระธาตุดอยจอมแจง้ จงึ ไปตามเสน้ ทางลาห้วยแมข่ ะจาน จนกระทั่งถงึ “เมอื งกืด้ ” จึงได้
พักทัพ และแรมทัพ ณ ตาบลน้ัน ต่อมาจึงเดินทัพทวนสายน้าแมแ่ ตง เพื่อไปยังเมืองคอง เมืองแหง ข้ามแม่น้า
สาละวินท่ี “ท่าผาแดง” มุ่งตรงไปยัง เมืองปั่น เมืองนาย และกรุงอังวะ ต่อไป ในขณะท่ีสมเด็จพระนเรศวร
มหาราช แรมทัพ ณ “เมืองกื้ด” อยู่น้ัน ทรงเล่ือมใสศรัทธาในความเป็นอริยสงฆ์ผู้ปฏิบัติดีปฏิบัติชอบของ
สมภารวัดเมืองกื้ด พระองค์ทรงสร้างเสนาสนะถวายไว้ในพระบวรพุทธศาสนาและทรงปลกู ต้นโพธิ์ไว้ ๑ ต้น
ส่วนสมภารวัดเมอื งก้ืด ก็ปลูกตน้ โพธอิ์ กี ๑ ต้น ปัจจบุ ัน ตน้ โพธิ์ท้ังสองยงั คงปรากฏอยู่ คอื บรเิ วณหนา้ วัด และ
บรเิ วณหลงั พระอโุ บสถ หลงั จากนัน้ พระองค์ทรงเคลื่อนทัพต่อไปอกี ไม่ ก่รี าตรี กท็ รงประชวรและเสด็จสวรรคต
โดยเร็วพลัน ณ เมืองแหน แขวงเมืองเชียงใหม่ ในวันจันทร์ขึ้น ๘ ต่า เดือน ๖ ปีมะเส็ง ซ่ึงตรงกับวันที่ ๒๕
เมษายน พ.ศ. ๒๑๔๘ ขณะพระชนมายไุ ด้ ๕๐ พรรษา ในวัดเมอื งกืด้ ยงั ปรากฏศาลศกั ดส์ิ ิทธปิ์ ระจาวัด ท่ีสืบ
ทอดต่อกันมาแต่โบราณกาลเรียกเป็นภาษาท้องถ่ินว่า“ศาลปู่ดา” ซึ่งสันนิษฐานว่าเป็น “ศาลองค์ดา” อัน
หมายถงึ สมเดจ็ พระนเรศวรมหาราช “ศาลปู่ดา” แห่งน้ีกล่าวกันว่ามีความศักดิ์สิทธิ์ ย่ิงนักจนเป็นท่ีเคารพ
ยาเกรงแก่ชาวเมืองก้ืด มาหลายช่วั อายคุ น ซง่ึ สอดคล้องกับเอกสารจากการศึกษาค้นควา้ ของ นายชยั ยง
๒๐๑
การเรียนรู้เชงิ ปฏบิ ัติการ (Action Learning) หลักสตู รนกั ปกครองระดับสงู (นปส.) ร่นุ ที่ 76
ไชยศรี ว่า กองทัพพระนเรศวรมหาราชไดม้ าพักทพั คืนที่ 3 ณ เมอื งกื้ด แมน่ า้ แม่แตง (นา้ ลน่ั ก้ืด) วนั พฤหัสบดี
ที่ 14 แรม 11 คา่ เดอื น 5
“แขวงเมืองก้ืด” ความเป็นมาของ “เมืองกื้ด” เล่ากันว่า เดิมมีชื่อว่า “เมืองงืด” ส่วนคาว่า งืด
หรือ ก้ืด มาจากภาษาไทยพื้นบ้าน หมายถึง แปลกประหลาด งง สงสัย ด้วยลาน้าแม่แตงที่ไหลผ่านมาถึง
บรเิ วณเมอื งกืด้ แม่น้าท้งั สายไหลผ่านลอดก้อนหนิ ขนาดใหญ่หายไปแลว้ ทะลอุ ีกด้านหน่ึงหายออกไปประมาณ 50
เมตร สถานท่ีแห่งนี้ จึงได้ชื่อว่า “งืด” และหมบู่ ้านทีอ่ ยู่บริเวณน้ันจึงได้ช่ือว่า “เมืองงืด” ปัจจุบันได้เปล่ียนมา
เป็น “เมืองกดื้ ” จากการสอบถาม “อ้ยุ เปา ปรู กิ า” อายุ 81 ปี (พ.ศ.2549) ใหส้ ัมภาษณ์วา่ เร่มิ แรกมีผูอ้ าศัย
อยู่ในเมืองกื้ด ประมาณ 6 หลังคาเรือน อนั ได้ แกอ่ ุ้ยอิน อุ้ยหนานปัญญา พอ่ หนอ้ ยใจ๋ ปู่หนานมูล ป่อู ง้ และ
อุ้ยหนานใจค๋ า ซง่ึ ไดต้ ้งั บ้านเรือนอยทู่ ่รี าบล่มุ ใกลล้ านา้ แตง ในแต่ละปจี ะยา้ ยบ้านสูงขึ้นเรอ่ื ยๆ เนอ่ื งจากในฤดูนา้
หลากน้าท่วมบ้านเรือน จึงทาให้บริเวณของหมู่บ้านมีขนาดขยายใหญ่ขึ้นและมผี ู้คนเพิ่มขึ้นเร่ือยๆ ส่วนใหญ่
อพยพมาจากถิ่นอื่น และยังเล่าต่อไปอีกว่าการเดินทางต้องใช้วิธีการเดินทางด้วยเท้าเปล่าซึ้งต้องใช้เวลา
เดินทางหลายวนั ถนนหนทางกแ็ สนจะลาบากเนอื่ งจากบริเวณโดยรอบเป็นภูเขาและปา่ ไม้ พ.ศ.2417 พระเจา้
อินทรวิชยานนท์ เจา้ ผู้ครองนครเชียงใหม่ องค์ที่ ๗ ได้มีคาส่ังใหค้ นเมอื งกดื้ จานวน 50 คนไปดแู ลรักษาด่าน
เมืองแหง (ขณะน้ันเมืองแหงเป็นเมอื งรา้ งและเป็นช่องทางค้าขายกับพม่าคือช่องทางหลักแต่ง) เพื่อคุ้มครอง
ผู้เดนิ ทางค้าขาย และปราบปรามโจรผรู้ า้ ย บา้ นเมืองก้ดื เทา่ ที่ทราบ มีผู้ปกครอง ได้แก่
1. เจา้ พ่อขนุ ธนูทอง เปน็ ผ้ปู กครองดูแลเมืองก้ืดสมัยข้ึนกบั เมอื งเชียงใหม่
2. เจ้าขนุ ก้ืดครี ีวงค์ เป็นผู้ปกครองแขวงเมอื งกด้ื พ.ศ. 2435 (แขวงต้ังอยบู่ รเิ วณโรงเรยี นบา้ นเมอื ง
กื้ด เปน็ แขวงได้ 2 ปี จากน้นั ย้ายไปบา้ นวังแดง พ.ศ. 2437)
3. แสนคาเขื่อนขั้น จอมคีรีเมฆ (แสนไชย) เป็นผู้ปกครองเมืองก้ืด (ปกครองท้ังเมืองกื้ด บ้าน
ช้าง ดังปรากฏในค่าวว่า “เมืองก้ืดบ้านช้าง ก๋ินน้าบ่อไหล ลูกน้องแสนไชย คอปอตกปล้อง” หมายความว่า
เมอื งก้ืด และบ้านชา้ งดม่ื น้าแมแ่ ตงจนคอพอก เพราะสมัยกอ่ นไมม่ ีเกลอื ไอโอดนิ )
4. พอ่ ใหม่ อินศิริ เปน็ กานันตาบลเมืองกดื้
5. พ่อเมา อาจหาญ เปน็ กานนั ตาบลเมืองก้ดื
6. พ่อเหมย กาวิชัย เป็นกานันตาบลก้ืดช้าง พ.ศ. 2460 – 2514 (เปล่ียนจากตาบลเมือง
กื้ด มาเป็นตาบลก้ืดช้าง ประมาณ พ.ศ. 2500 อุ้ยดวงเนตร ทองทัน พ่อหลวงเก่าบ้านต้นขาม ซ่ึงเกิดและ
เติบโตที่บ้านเมืองกื้ด เล่าว่า ผู้เฒ่าผู้แก่เล่าสืบต่อกันว่า “ที่เรียกว่าตาบลก้ืดช้าง สืบเน่ืองมาจากสมัยก่อน
“บา้ นเมอื งกด้ื ” มีกานันเมอื งกด้ื ปกครอง ตอ่ มาผู้ใหญ่บ้าน บา้ นชา้ ง ชอ่ื พอ่ หลวงหมา ขอมารว่ มเข้าอย่ดู ว้ ยกับ
บา้ นเมอื งก้ืด จงึ เรียกรวมกนั วา่ เมอื งกด้ื ช้าง ตอ่ มาจึงเรียนวา่ กื้ดชา้ ง ปกครองโดยผู้ปกครอง (กานัน)”
7. พ่ออ้าย อนิ ตะ๊ เป็นกานันตาบลกื้ดชา้ ง พ.ศ. 2516 – 2532
8. นายอนพุ งษ์ อนิ ตะ๊ เป็นกานันตาบลกดื้ ชา้ ง พ.ศ. 2532 – 2539
9. นายประสทิ ธ์ิ อินต๊ะ เปน็ กานนั ตาบลกื้ดชา้ ง พ.ศ. 2540 – ปจั จบุ นั
พระราชประวัติ สมเด็จพระนเรศวรมหาราช ในความสัมพนั ธ์กับวัดเมืองก้ืด สมเด็จพระนเรศวร
มหาราช เป็นพระมหากษัตริย์นักรบที่ยิ่งใหญ่ ทรงกอบกู้เอกราชให้ ชาติไท ยตลอด 50 พรรษาของ
พระองค์ ทรงกรีฑา เข้าประจัญบานในการรบ จนเป็นที่คร่ันคร้ามของอริราชศัตรู พระบรมเดชานุภาพแผ่
ไพศาลไปท่ัว ทุกทิษานุทิศ ครั้นในปลายปี พ.ศ. 2147 ทรงกรีฑาทพั 100,000 คนจากกรุงศรีอยุธยา
มายังเมืองเชียงใหม่ และแรมทัพอยู่ ณ เมืองเชียงใหม่ นั้น เป็นเวลา 1 เดือน จึงยกทัพไปทาง “เมือง
แหง” แขวงเมอื งเชียงใหม่
๒๐๒
การเรยี นรเู้ ชงิ ปฏบิ ตั ิการ (Action Learning) หลกั สตู รนักปกครองระดบั สูง (นปส.) รนุ่ ท่ี 76
เพอ่ื มุง่ หนา้ ไปยงั “เมอื งนาย” อนั เปน็ เมืองในขอบขณั ฑสีมาของเมอื งเชยี งใหม่ แตม่ าบดั นถ้ี กู กองทพั พระเจา้ กรุง
อังวะรุกรานเข้ายึดครอง และเป้าหมายสดุ ท้ายเพื่อโจมตีทาลาย “กรุงอังวะ” ซ่ึงเป็นศูนย์กลางอานาจของพมา่
ในขณะนัน้ ครัง้ นั้นพระองคย์ กกองทัพออกจากเมอื งเชยี งใหม่ ไปทางทศิ เหนอื เมือ่ ถงึ พระธาตุดอยจอมแจง้ จึง
ไปตามเส้นทางลาหว้ ยแมข่ ะจาน จนกระทง่ั ถงึ “เมืองกด้ื ”จึงไดพ้ กั ทพั และแรมทัพ ณ ตาบลนัน้ ตอ่ มาจึงเดินทพั
ทวนสายนา้ แม่แตง เพ่ือไปยงั เมอื งคอง เมอื งแหง ข้ามแมน่ า้ สาละวนิ ที่ “ท่าผาแดง” มุ่งตรงไปยัง เมืองป่ัน เมอื ง
นาย และกรุงอังวะ ต่อไป
ในขณะท่ีสมเดจ็ พระนเรศวรมหาราชแรมทพั ณ “เมืองก้ืด” อย่นู ้ัน ทรงเลอื่ มใสศรทั ธาในความ
เป็นอรยิ สงฆผ์ ปู้ ฏิบตั ดิ ีปฏิบตั ิชอบของสมภารวัดเมอื งกื้ด พระองค์ทรงสรา้ งเสนาสนะถวายไว้ในพระบวรพุทธ
ศาสนาและทรงปลกู ต้นโพธ์ิไว้ 1 ต้น ส่วนสมภารวัดเมืองก้ืดก็ปลูกตน้ โพธิ์อีก 1 ต้น ปัจจุบันต้นโพธิ์ท้งั สอง
ยังคงปรากฏอยู่ คือบริเวณหนา้ วดั และบริเวณหลงั พระอุโบสถ หลงั จากน้นั พระองค์ทรงเคลือ่ นทพั ต่อไปอกี
ไมก่ ่ีราตรี กท็ รงประชวรและเสดจ็ สวรรคตโดยเร็วพลนั ณ เมอื งแหน แขวงเมอื งเชียงใหม่ ในวันจันทรข์ ึน้ 8 ต่า
เดือน 6 ปมี ะเสง็ ซง่ึ ตรงกับวันท่ี 25 เมษายน พ.ศ. 2148ขณะพระชนมายุได้ 50 พรรษาในวดั เมอื งกด้ื ยงั
ปรากฏศาลศักดส์ิ ทิ ธิป์ ระจาวดั ทส่ี บื ทอดตอ่ กนั มาแต่โบราณเรยี กเป็นภาษาท้องถ่นิ ว่า “ศาลป่ดู า” ซง่ึ สนั นิษฐาน
วา่ เป็น“ศาลองคด์ า”อันหมายถงึ สมเดจ็ พระนเรศวรมหาราช“ศาลปดู่ า” แหง่ นี้ กล่าวกันวา่ มีความศกั ดิ์สทิ ธิ์ ยิ่ง
นักจนเปน็ ทเี่ คารพยาเกรงแกช่ าวเมอื งกืด้ มาหลายช่วั อายุคน และในพ.ศ. 2551 คณะศรทั ธาสาธุชน ผูจ้ งรักภกั ดี
ในองค์สมเดจ็ พระนเรศวรมหาราช ไดพ้ ร้อมใจกนั สรา้ งพระราชานสุ าวรยี ์ของพระองค์ ประดิษฐาน ณ วัดเมือง
ก้ืด เพ่อื เป็นการระลกึ ถงึ พระมหากรุณาธิคุณทีม่ ีตอ่ ปวงชนชาวไทยตลอดจนเป็นทร่ี าลกึ พระองคท์ รงเสดจ็ มา
แรมทพั ณ เมอื งก้ืด เมอื่ 400 ปีท่ผี า่ นมา
ตาบลกื้ดช้าง อยู่ในอาเภอแม่แตง จงั หวดั เชยี งใหมต่ ้งั อยู่ทางทศิ ตะวันตกเฉยี งเหนือ
อำณำเขตแผนทห่ี ม่บู ำ้ น
๑. อาณาเขตติดตอ่ (ทศิ เหนือ ทิศใต้ ทศิ ตะวนั ออก ทศิ ตะวันตก)
ทศิ เหนือ ตดิ ตอ่ กบั บา้ นต้นขาม หมู่ 4 ต.ก้ืดช้าง, อาเภอเชยี งดาว
ทิศใต้ ติดตอ่ กบั บ้านช้าง
ทิศตะวันตก ติดต่อกับ สบก๋าย, ตาบลเมอื งก๋าย
ทศิ ตะวนั ออก ตดิ ต่อกับ แม่ตะมาน
๒. ถนนในหมู่บ้านทุกสาย (ลาดยาง คอนกรตี ลกู รัง ดิน)
ถนนตดิ ตอ่ ระหว่างหมบู่ า้ น ระหว่างตาบล เข้าสู่อาเภอ มีการคมนาคมทางบกโดยทางรถยนต์ มี
ถนนสายหลักในการคมนาคมตดิ ต่อระหว่างตาบลและระหว่างหมบู่ า้ นในตาบล คอื
- สายทางบ้านปางกวา้ ง - บา้ นแม่ตะมาน - บ้านเมืองกด้ื ระยะทาง 12 กโิ ลเมตร
- สายทางบ้านห้วยไร่ - บา้ นเมอื งก้ดื ระยะทาง 17 กิโลเมตร
นอกจากนี้ยังมีถนน โครงขา่ ยท่แี ยกจากถนนสายหลักผ่านในหมบู่ ้าน ซงึ่ สว่ นใหญจ่ ะเป็นถนน
คอนกรีตเสริมเหล็กและถนนลูกรงั
๓. แหลง่ นา้ ธรรมชาติ (แม่นา้ ห้วย หนอง คลอง บงึ สระ)
- ลาห้วย 7 แห่ง
- ลานา้ แมแ่ ตง 1 แหง่
๒๐๓
การเรียนร้เู ชิงปฏิบัติการ (Action Learning) หลักสูตรนกั ปกครองระดับสงู (นปส.) รนุ่ ท่ี 76
๔. แหลง่ น้าประปา บอ่ บาดาลสาธารณะ
- ฝาย 1 แหง่
- บ่อน้าตนื้ 150 แห่ง
- ลาเหมือง 1 แห่ง
- สระกักเกบ็ น้า/อา่ งกกั เกบ็ น้า 3 แห่ง
(หนองบวั , หนองอ้อ , หนองยาว )
๕. สภาพเศรษฐกจิ อาชพี การประกอบอาชพี หลักของประชากรในบา้ นเมอื งก้ดื ได้แก่ การทา
เกษตร, คา้ ขาย รับจา้ งสถานประกอบการทอ่ งเที่ยว หนว่ ยธรุ กิจในเขต บ้านเมอื งก้ดื
- ร้านค้าปลีก 20 แห่ง
- ปางช้าง 17 แห่ง
- ป๊ัมน้ามัน (ปมั๊ หลอด/ปม๊ั หยอด) 6 แหง่
- โฮมสเตย์/บา้ นพัก/รสี อรท์ 15 แห่ง
- ปางแพ 11 แห่ง
- อซู่ ่อมรถ 3 แห่ง
- รา้ นรับซือ้ ขายของเกา่ 1 แหง่
และรับจา้ งทัว่ ไป
6. สภาพสงั คม
การศกึ ษา
- โรงเรยี นบ้านเมืองกืด้ 1 แหง่
- โรงเรยี นอนบุ าล อบต.กด้ื ช้าง 1 (บา้ นเมอื งกืด้ ) 1 แหง่
- ศูนยพ์ ัฒนาเดก็ เลก็ บา้ นเมอื งกดื้ 1 แห่ง
สถาบนั และองค์กรทางศาสนา
- วัดบ้านเมืองกืด้ 1 แหง่
- วัดบา้ นหว้ ยกบุ๊ กบั๊ 1 แหง่
- สานกั สงฆ์ถ้าผาแดง 1 แห่ง
- โบสถ์ 2 แหง่
การสาธารณสขุ
- คลนิ กิ 1 แหง่
- อัตราการมแี ละใช้ห้องสุขา 100 %
การโทรคมนาคม
- หอกระจายขา่ ว 2 แหง่
- สัญญาณโทรศพั ท์ เครอื ข่าย GIS / DTAG/TURE
๒๐๔
การเรียนรู้เชงิ ปฏิบัตกิ าร (Action Learning) หลักสตู รนกั ปกครองระดบั สงู (นปส.) รุน่ ท่ี 76
7. ขอ้ มลู อื่น
ทรัพยากรธรรมชาติในพ้ืนท่ี
- ปา่ สงวนแห่งชาตปิ า่ แมแ่ ตง
- ลาน้าแมแ่ ตง
- ถ้า อาทิ ถา้ ดอยถว้ ย
- แก่งกดื้
- น้าตก อาทิ น้าตกตาผาจี, น้าตกหว้ ยสถาน, น้าตกหว้ ยป่าหก
- ป่าชุมชน จานวน 3 แหง่ ป่าชมุ ชนหว้ ยกบุ๊ กบ๊ั ปา่ ชุมชนสนั ก้ืด และปา่ ชุมชนหว้ ยปา่ หก
สภำพทวั่ ไปของหมบู่ ำ้ น / ชุมชน
ภูมปิ ระเทศ
ลกั ษณะภมู ปิ ระเทศเปน็ ภูเขาสลบั ซับซอ้ น เปน็ หมบู่ ้านที่อยใู่ นเขตปา่ สงวนแห่งชาตปิ ่าแม่แตง และเขต
หน่วยจัดการต้นน้าแม่ตะมาน (หย่อมบ้านผาแดง) พ้ืนท่ีส่วนมากเป็นป่าไม้และภูเขาสูง อยู่ในเขตลุ่มน้า
ชั้น 1A 1B และลุ่มน้าชั้น 2 ดังนั้น บ้านเมืองกื้ดจึงมีทรัพยากรธรรมชาติ สิ่งแวดล้อม ภูมิประเทศอุดม
สมบูรณ์ อันเอ้อื อานวยต่อการทอ่ งเทย่ี ว แต่ขณะเดียวกนั กป็ ระสบปัญหาราษฎรบนพ้นื ที่สูง หยอ่ มบ้านผาแดง
หย่อมบ้านห้วยกุ๊บกั๊บ หย่อมบ้านหว้ ยสถาน ห่างไกลทุรกันดาร เป็นแหล่งพักและลาเลียงยาเสพติดท่ีสาคญั
ปัญหาคนต่างด้าวไม่มีสัญชาติ นอกจากน้ัน ยังมีความแตกต่างของเช้ือชาติ สัญชาติ ค่านิยม วัฒนธรรม
จารีตประเพณี โดยประชาชนเป็นคนพื้นที่ราบบางสว่ น และเป็นชนเผ่า เช่น เผ่าลาหู่ และยังมีประชากรแฝง
ทีม่ าจากการทอ่ งเทยี่ วอกี จานวนมาก
จานวนหมบู่ า้ น 1 หมู่บา้ น แยกเปน็ 5 กลุ่ม
1. บ้านเมอื งก้ืด
2. บ้านโท่งป่าซาง
3. บ้านผาแดง
4. บ้านหว้ ยกุ๊บกับ๊
5. บา้ นหว้ ยสถาน
ประชากรในเขตบา้ นเมอื งกด้ื
จานวนครวั เรอื น 622 ครวั เรอื น
- ชาย 773 คน หญิง 739 คน รวม 1,512 คน
กำรนับถือศำสนำ ประชากรสว่ นใหญใ่ นหมบู่ า้ นนับถอื ศาสนา พทุ ธ และประชากรบางส่วนนบั ถอื ศาสนาครสิ ต์
สภำพทำงเศรษฐกิจ รายได้เฉลีย่ ของคนในหมบู่ า้ น
ช่ือหมบู่ า้ น ลกั ษณะพ้ืนที่ การประกอบอาชีพ ชาติพนั ธ์ุ
เมืองก้ืด คนพนื้ เมอื ง ,
ป่าสงวนแห่งชาติป่าแม่แตง การทอ่ งเทีย่ ว/รับจ้าง ร้อยละ 60 ชนเผา่ ลาหู่
/หน่วยจดั การต้นนา้ แม่ตะมาน การเกษตร รอ้ ยละ 30
/โฉนด,นส.3/สค.1/ใบตอบ คา้ ขาย รอ้ ยละ 10
รับกรมป่าไม้ ปี 42
๒๐๕
การเรยี นรู้เชิงปฏบิ ัตกิ าร (Action Learning) หลกั สตู รนักปกครองระดับสงู (นปส.) รุน่ ที่ 76
แหลง่ ท่องเท่ยี ว แหลง่ ท่องเที่ยวทีน่ า่ สนใจในหมบู่ ้าน ประกอบดว้ ย
- แก่งกดื้
- นา้ ตกผจี นา้ ตกห้วยสถาน
- บ้านลาห่แู ละทะเลหมอกหว้ ยกุ๊บก๊บั
- จุดชมวิวสงู สุดอาเภอแมแ่ ตง (ในเขตป่าสงวนแหง่ ชาต)ิ ผาสามเหลยี่ ม
- วดั เมอื งกืด้ พลบั พลาสมเดจ็ พระนเรศวรฯ ต้นโพธ์ิอายุ 400 ปี
- เส้นทางเดินปา่ สนั ผาแทน่
- ปางชา้ ง ลอ่ งแก่ง ทพี่ กั
ผลิตภัณฑ์/สินคำ้ ทีม่ ชี ่อื เสยี งหรอื น่าสนใจของมหมูบ่ ้าน มดี ังนี้
1. ชาไผจ่ ดื
2. ลูกประคบสมนุ ไพร
3. สมุนไพรแชม่ อื แชเ่ ทา้
4. นวดเพื่อสุขภาพ ย่างแคร่ อบกระโจมสมุนไพร
5. เครอ่ื งจกั สาน
6. ตกุ๊ ตาชนเผา่
7. ผลไม้ เงาะ ทเุ รียน ส้มโอ ลน้ิ จี่ ฯลฯ
งำนประเพณี/เทศกำลสำคัญ/กำรละเล่นพ้ืนบ้ำน ท่ีน่าสนใจของหมบู่ า้ น มีดังน้ี
- ประเพณยี เี่ ปง็
- ประเพณีทาบญุ ซุม้ ประตเู มอื งกดื้
- ประเพณีปใ๋ี หม่เมอื ง
- ประเพณงี านลงแขกเก่ียวข้าว/ตีข๋ าว
- ประเพณที าบญุ ตกั บาตร
- ประเพณีตานข้าวใหม่ปละตานหลัวผงิ ไฟพระเจา้
- ประเพณีสรงน้าพระธาตุ
- พธิ ีบวงสรวงพระนเรศวร วดั เมอื งกืด้
- ประเพณีเลี้ยงผีปู่ย่า เลย้ี งผีโต้ง ผนี า ผฝี ายหม่บู า้ น
- ประเพณีตานก๋วยสลาก
๑.2 กำรศกึ ษำเรยี นร้รู ะบบกำรบริหำรจัดกำรชุมชน
นโยบายสง่ เสริมการทอ่ งเที่ยวของรัฐบาลและจังหวดั ทาให้หมู่บา้ นเมืองก้ืด อยใู่ นตาบลก้ืดช้าง อาเภอ
แม่แตง จังหวัดเชียงใหม่ ซ่ึงเป็นหมู่บ้านขนาดใหญ่ การคมนาคมสะดวก พ้ืนท่ีส่วนใหญ่เป็นภูเขาและท่ีราบ
ระหว่างหุบเขา มีทรัพยากรป่าไม้อุดมสมบูรณ์ การประกอบอาชีพของประชากรส่วนใหญ่ประกอบอาชีพ
เกษตรกรรม รับจ้าง และมีแหลง่ ทอ่ งเทีย่ วทเี่ ปน็ ธรรมชาติ โดยการเดนิ ทางทอ่ งเทยี่ วในพ้ืนที่ตาบลก้ืดช้าง จะ
เป็นรูปแบบของการท่องเท่ียวแบบ "มวลชน" (Mass Tourism) เป็นการเดินทางท่องเทยี่ วตามกระแสความ
นยิ มของนกั ท่องเที่ยว จงึ ก่อใหเ้ กดิ การไหลเขา้ ของนักท่องเที่ยวเป็นจานวนมากสร้างเศรษฐกิจที่ดใี ห้ชมุ ชน ทั้ง
ในด้านการประกอบการทอ่ งเที่ยว และการค้าขาย การใหบ้ ริการ ร้านอาหารตลอดริมลาน้า ชาวบ้านส่วน
ใหญ่มีรายได้จากการท่องเทยี่ วเปน็ จานวนมาก ในขณะทท่ี รพั ยากรดา้ นการท่องเทย่ี ว หรือตวั แหล่งทอ่ งเทย่ี วมี
๒๐๖
การเรียนรูเ้ ชงิ ปฏิบัตกิ าร (Action Learning) หลกั สูตรนักปกครองระดบั สงู (นปส.) รนุ่ ท่ี 76
ความสามารถ ในการรองรับอยู่อย่างจากัด จนทาให้เกิดการรุกล้าทาลายทรัพยากรป่าไม้ และสร้างความ
สกปรกในลาน้าแม่แตง จากการขยายธุรกิจการท่องเท่ยี ว อาทิปางช้าง รีสอร์ท โฮมสเตย์ เป็นต้น ก่อให้เกดิ
ปญั หาทั้งในด้านการทาลายสภาวะแวดลอ้ ม นอกจากนน้ั ยงั สรา้ งปัญหากบั วิถชี ีวิตของชุมชนทอ้ งถิ่นเป็นอย่าง
มาก เกิดคา่ นยิ มในเรอ่ื งของเงินตรา วตั ถนุ ิยม และเปลี่ยนวิถีชวี ิตคนในชุมชนบางส่วนให้กลายเปน็ ลกู จา้ ง การ
กนิ อยขู่ องคนในชุมชนเปล่ยี นไปเปน็ การพึง่ พาเงิน จนทาให้พ้ืนท่แี หลง่ ท่องเทยี่ วหลายแหง่ ในตาบลกื้ดช้าง ตก
อยู่ในสภาพผู้ป่วยที่ต้องใช้เวลาในการเยียวยาจึงนับว่าเป็นการเสียโอกาส ในการพัฒนาด้านการท่องเที่ยว
ทั้งน้ี เนื่องมาจากการขาดการบริหารจดั การทรัพยากรทดี่ ีของผ้มู ีส่วนเก่ยี วข้อง
ซึง่ จากการลงพ้ืนทเ่ี พอ่ื ศกึ ษาการเรยี นรู้เชิงปฏิบัติ (Action Learning) ในหมู่ท่ี ๑ บ้านเมอื งกืด้
ตาบลกื้ดช้าง อาเภอแม่แตง จังหวัดเชียงใหม่ ชองผู้เข้ารับการศึกษาอบรมหลักสูตรนักปกครองระดับสูง
(นปส.) รุ่นท่ี ๗๖ กลุ่มปฏิบัติการที่ ๑๐ ในครั้งนี้ ทาให้ทราบถึงกระบวนการแผนงาน/โครงการ ตลอดจน
แนวทางในการบริหารจัดการชุมชน ดงั นี้
1. กำรจัดทำแผนชมุ ชน
ในการจดั ทาแผนหมู่บา้ น / ชุมชน หรือแผนแมบ่ ทหม่บู ้าน / ชมุ ชน เปน็ กระบวนการเรยี นรู้
และการมสี ่วนร่วมของประชาชนในหมู่บ้านและชุมชน โดยเริ่มจากการกระตุ้นจติ สานึกและความรับผดิ ชอบ
ของประชาชน ในชุมชนให้มีจิตสาธารณะ แล้วร่วมกันคิด ร่วมกันจัดหา ร่วมกันเรียนรู้ / วิเคราะห์ เพื่อใหร้ ู้
และเข้าใจตนเองโดยใช้กระบวนการชุมชน คือการสารวจข้อมูลปัญหา และศักยภาพของชุมชน การ
วิเคราะห์สาเหตุ / แนวทางแก้ไข แล้วกาหนดอนาคตและทิศทางการพัฒนาตนเอง / หมู่บ้านและชุมชน
ในลักษณะจากชุมชน โดยชุมชน และเพ่ือชุมชน ซ่ึงเป็นการเสริมสรา้ งความเข้มแข็ง และพึ่งตนเองอย่าง
ยั่งยืน
การจัดทาแผนชุมชนบ้านเมืองกื้ด หมู่ที่ 1 ตาบลกื้ดช้าง ได้จัดทาโดยคณะกรรมการหมบู่ า้ น
สมาชิกองคก์ ารบริหารส่วนตาบล และชมุ ชน โดยได้รวบรวมขอ้ มูลของชุมชนด้านต่างๆ ตลอดจนสภาพปญั หา
ของชุมชน แล้วกาหนดทิศทางท่ีจะนาไปสู่การปฏิบัติท่ีมีประสิทธิภาพในการพัฒนาชุมชนสู่อนาคตท่ีชุมชน
ต้องการ ตลอดจนเป็นบทเรียนในการพฒั นาหมบู่ ้านโดยภาพรวม ซ่ึงจะเป็นประโยชน์ต่อชุมชน และให้การ
สนับสนนุ ของสว่ นทเี่ ก่ยี วข้องอย่างเปน็ รูปธรรม
โดยมอี งคป์ ระกอบทส่ี าคญั ๕ สว่ น คือ
ส่วนที่ ๑ ขอ้ มลู ทว่ั ไปหมู่บา้ น/ชุมชน
สว่ นที่ ๒ ข้อมลู จากการสังเคราะห์ จปฐ./กชช.๒ค
ส่วนท่ี ๓ ข้อมลู จากาการวเิ คราะห์บญั ชคี รัวเรอื น
ส่วนที่ ๔ ผลการวเิ คราะหข์ อ้ มลู
ส่วนที่ ๕ แนวทาง/โครงการ/แผนชุมชน ประกอบดว้ ย
1. ปญั หา/อปุ สรรค (จดุ อ่อนของหมู่บ้าน/ชมุ ชน) และแนวทางแก้ไข
2. ความตอ้ งการของหมูบ่ ้าน/ชุมชน
3. ศกั ยภาพของชุมชน (จุดแขง็ ของหม่บู ้าน/ชุมชน)
4. ทิศทางการพัฒนาของหมู่บ้าน/ชุมชนในอนาคต
๒๐๗
การเรยี นรู้เชิงปฏบิ ัติการ (Action Learning) หลักสูตรนกั ปกครองระดบั สูง (นปส.) รนุ่ ที่ 76
๒. กำรจัดตัง้ วิสำหกิจชมุ ชนกลมุ่ หมูบ่ ้ำนสมุนไพรและกำรท่องเทย่ี วบำ้ นเมอื งก้ดื
วิสาหากิจชุมชนกล่มุ หมู่บา้ นสมนุ ไพรและการทอ่ งเที่ยวบา้ นเมอื งก้ดื หมทู่ ่ี 1 บา้ นเมอื งกดื้
ตาบล ก้ืดช้าง อาเภอแม่แตง จังหวัดเชียงใหม่ เป็นวิสาหกิจชุมชนที่นาสมุนไพร เช่น ไพล ขมิ้น ตะไคร้
ใบมะขาม ใบพลับพลึง ใบส้มป่อย มาทาเป็นลูกประคบ และ ใบมะกรูด ขมิ้น ไพล ใบเป้า ส้มลม ข้ีเหล็ก
ใบมะขาม มาแปรรูปเป็นสมุนไพรแช่มือ แช่เท้า และมีการแปรรูปสมุนไพรสาหรับดูแลสุขภาพหลายชนิด
สาหรับที่เป็นพืชเด่น หรือพืชศึกษาของชุมชน คือ ไผ่จืด และหญ้าหวาน ซ่ึงเดิมนาต้นสดมามัดต้มแบบ
โบราณ และเร่มิ พัฒนามาเปน็ ชามดั อบแห้ง และชาชงสาเรจ็
โดยประวัติของกลุ่มเป็นกลุ่มวิสาหกิจที่มีแนวความคิดเรื่องจิตสาธารณะและความ
เสียสละ เริ่มจากครูภูมิปญั ญา 2 คน จากวิสาหกิจชุมชนกลุ่มนวดเพ่ือสขุ ภาพบา้ นเมอื งกืด้ ซ่ึงเป็นกลมุ่ ทีค่ ณุ
เสถียร ใจคาปราชญ์ชุมชนตาบลกื้ดช้าง (อดีตนายก อบต.ก้ืดช้าง) จัดทาการฝึกอบรมกลุ่มสตรีแม่บา้ นใหม้ ี
อาชีพโดยอบรมนวดแผนไทย โดยประธานกลุ่ม คือ นางจินตนา กอนแก้ว และรองประธานกลุ่ม คือ
นางจินดา ลานคา เร่ิมส่งเสรมิ อาชีพโดยคุณเสถียร และแม่ครูจินตนา ได้เข้าไปขอรับการสนบั สนุนจากมูลนิธิ
อนุรักษ์ช้าง และสิ่งแวดล้อม (Elephants Nature Park) เพ่ือให้กลุ่มนวดเพื่อสขุ ภาพไปนวดให้แขกท่มี าเปน็
อาสาสมัครในมลู นิธิฯ เม่ือแมค่ รูจินตนาได้ดาเนินการสง่ เสริมอาชีพจนกลุ่มสตรบี ้านเมืองกื้ดจานวนมากมีอาชีพ
นวดที่มน่ั คงแล้ว แมค่ รูจินตนาและสมาชิกบางส่วน ไดม้ ีแนวความคดิ ในการตอบแทนคนื ต่อชมุ ชน แม่ครจู งึ นา
กลุ่มสมาชิกทากิจกรรมจติ สาธารณะต่างๆ ในชุมชน เช่น การสอนนวดฝ่าเท้า ให้แก่เด็กนักเรยี นในโรงเรียน
บ้านเมืองกื้ด การสอนอาชีพนักเรยี น กศน. การไปแลกเปล่ียนเรียนรกู้ ับเครือข่ายพิพิธภัณฑก์ ารเกษตรเฉลมิ
พระเกียรติพระบาทสมเดจ็ พระเจา้ อยู่หวั รัชกาลที่ 9 (พกฉ.) เปน็ ต้น
ต่อมาคุณเสถียร ใจคา ปราชญ์ชุมชน ได้ส่งเสริมให้ชุมชนเรียนรู้การอนุรักษ์และใช้
ประโยชน์จากทรพั ยากรธรรมชาติและภูมิปญั ญาทีช่ มุ ชนมเี พ่อื สรา้ งอาชีพรายไดเ้ สริมพรอ้ มรกั ษาความเป็นอัต
ลักษณ์ของชุมชนไว้ ซ่ึงการดาเนินกิจกรรมดังกลา่ วได้บูรณาการทางานร่วมกับ โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพ
ตาบลบ้านแม่ตะมาน โรงเรยี นในเขตตาบลกด้ื ช้าง กลุ่มองค์กรชมุ ชนตา่ งๆ เปน็ กลมุ่ ที่อนรุ กั ษ์ทรัพยากรทอ้ งถนิ่
ร่วมกับองค์การบริหารส่วนตาบลกื้ดช้าง ท้ังเช่ือมโยงในการจัดการท่องเที่ยวโดยชุมชนและการท่องเที่ยวเชิงนิเวศน์
ร่วมกับกลุ่มองค์การต่างๆ ในชุมชน เช่น กลุ่มผปู้ ระกอบการในพ้ืนที่ตาบลก้ดื ช้าง กลุ่มผู้ปลกู สมุนไพร กลุ่มจกั
สาน กลุม่ ทาบายศรีสขู่ วัญ กลมุ่ บ้านพกั โฮม สเตย์ กล่มุ ล่องแกง่ ล่องแพยางแพไมไ้ ผ่ กลุม่ ปลูกพืชปลอดสารตาม
วิถีเศรษฐกิจพอเพียง เป็นกลมุ่ วิสาหกิจท่ีใหบ้ รกิ ารนักท่องเท่ยี วท่ีเข้ามาท่องเที่ยวในชุมชน ดาเนินงานมาเปน็
ระยะเวลา 6 ปี ทาให้สมาชิกมีรายได้จากการบริการนักท่องเที่ยวจากการนวดแผนไทย การทาโฮมสเตย์
การขายสมุนไพร ฯลฯ มีรายได้เฉลย่ี ต่อคน / เดือน ประมาณ 5,000 บาท
แตเ่ ม่ือการดาเนนิ งานของแม่ครจู ินตนากบั สมาชกิ จติ สาธารณะ ไดข้ ยายกิจกรรมไปเกีย่ วกบั
เร่ืองการสารวจพืชสมนุ ไพร การนาพืชสมุนไพรมาแปรรูป การพัฒนาผลติ ภัณฑ์ การทาแหลง่ เรยี นรู้ ส่งผลให้
สมาชิกวิสาหกิจกลุ่มนวดส่วนหน่ึงไม่สามารถดาเนินกิจกรรมเหล่านี้ได้ ดังนั้น กลุ่มผู้สืบทอดประกอบด้วย
นางเนตรนภา อินเตชะ นายพฤกษน์ ิธกิ ร บญุ ตนั นางสาวสุทธดิ า ทากอนแก้ว ซงึ่ เป็นคนรนุ่ ใหม่ในชุมชนที่ได้
เข้ามาร่วมทางานด้านการอนุรักษ์ตามแนวทางโครงการอนุรักษ์พันธุกรรมพืชอันเน่ืองมาจากพระราชดาริ
สมเด็จพระเทพรัตนราชสดุ าฯ สยามบรมราชกมุ ารี (อพ.สธ.) ในการอนุรกั ษแ์ ละพัฒนาฐานทรัพยากรท้องถิ่น
จึงได้มีแนวคิดในการจัดต้ังวิสาหกิจชุมชนขึ้นมาอีกกลมุ่ โดยมุ่งเน้นการสารวจความหลากหลายทางชีวภาพ
และภูมิปญั ญา เพอื่ การอนรุ กั ษ์ พร้อมท้ังการนาทรพั ยากรดงั กล่าวมาพัฒนาการใชป้ ระโยชน์ สร้างอาชพี สร้าง
๒๐๘
การเรยี นรู้เชงิ ปฏิบตั ิการ (Action Learning) หลกั สตู รนกั ปกครองระดบั สงู (นปส.) รุน่ ท่ี 76
รายได้เสริมให้แก่สมาชิกกลมุ่ ที่มอี ุดมการณ์ด้านจิตสาธารณะในชุมชน ทั้งยังเป็นการความอุดมสมบรู ณข์ อง
ทรัพยากรธรรมชาติ และรักษาอัตลักษณ์ของชุมชนไว้อีกทางหน่ึงด้วย ปัจจุบันวิสาหกิจชุมชนกลุ่มหมู่บ้าน
สมุนไพรและการท่องเที่ยวบ้านเมืองกื้ด หมู่ท่ี 1 ตาบลก้ืดช้าง มีคณะกรรมการบริหารกลุ่ม จานวน 7 คนมี
สมาชกิ ผู้เพาะขยายแปลงธนาคารความหลากหลายระดบั ชมุ ชน 20 แปลง
ในดา้ นการอนุรักษท์ รพั ยากรชวี ภาพและภมู ิปัญญาของวิสาหกจิ ชมุ ชนกลุ่มหมู่บา้ นสมุนไพร
และการท่องเที่ยวบ้านเมืองกด้ื เนื่องจากในพื้นท่ีตาบลกื้ดช้าง โดยองค์การบริหารส่วนตาบลก้ดื ช้าง ได้ร่วม
สนองพระราชดาริในโครงการอนรุ กั ษพ์ ันธกุ รรมพืชอันเน่ืองมาจากพระราชดารสิ มเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ
สยามบรมราชกุมารี (อพ.สธ.) ในกิจกรรมท่ี 8 กิจกรรมพิเศษสนับสนุนการอนุรักษ์พันธุกรรมพืช งานฐาน
ทรพั ยากรทอ้ งถนิ่ ตาบลกื้ดช้าง ตัง้ แต่วนั ท่ี 28 กนั ยายน พ.ศ. 2555 ดาเนนิ งานภายใตก้ รอบกิจกรรม 3 กรอบ
6 กิจกรรม ดังนี้
กรอบกำรดำเนนิ งำนดำ้ นที่ 1
การบริหารจัดการ มีการประกาศแต่งตั้งคณะกรรมดาเนินงานฐานทรัพยากรท้องถิ่น และ
คณะอนกุ รรมศนู ย์อนรุ กั ษ์พัฒนา ทม่ี าจากภาครฐั ภาคเอกชน ชุมชนเช่น โรงเรยี น โรงพยาบาลสง่ เสรมิ สขุ ภพ
ตาบลบ้านแม่ตะมาน ผู้นาชุมชน ปราชญ์ชาวบ้านที่มีความรู้เร่ืองสมุนไพร เจ้าหน้าท่ีองค์การบริหารส่วน
ตาบลกื้ดช้าง
กรอบกำรดำเนินงำนด้ำนท่ี 2 ดาเนนิ งานภายใตก้ รอบกิจกรรม 6 งาน ดังนี้
1) งำนปกปักทรัพยำกรท้องถ่ิน: กิจกรรมที่ดาเนินการกาหนดขอบเขตพื้นที่ ผังแสดง
ขอบเขตพ้นื ท่ี ทาตวั อย่างทรพั ยากรกายภาพ ชีวภิ าพ ภูมปิ ัญญาทอ้ งถน่ิ พรอ้ มจัดทาทะเบยี นทรพั ยากร ปกปกั
แปลงสันบนบ้านแม่ตะมาน จานวน 329 ไร่ ดูแลรักษาทรัพยากรในพื้นที่แปลงปัก โดยการทาแนวกันไฟ
รดนา้ ต้นไม้ ปลูกตน้ ไมพ้ ืน้ ถิน่ เพอ่ื สรา้ งความชมุ่ ชน้ื ในพ้ืนที่อนรุ ักษ์
2) งำนสำรวจเก็บรวบรวมทรพั ยำกรท้องถน่ิ : กจิ กรรมทีด่ าเนินการเกบ็ รวมรวมทรพั ยากร
ท้องถิ่น เช่นทรัพยากรกายภาพ ชีวิภาพ ภูมิปัญญาทอ้ งถิ่น และทรัพยากรชีวภาพอ่ืนๆ ในชุมชน อาทิ ข้อมลู
พนื้ ฐานในการประกอบอาชพี ข้อมลู ประวตั ิหม่บู า้ น ชุมชน วิถชี ุมชน ขอ้ มูลการใช้ประโยชนข์ องพืช สตั ว์ ข้อมลู
การใช้ประโยชนช์ ีวภาพอ่ืน ขอ้ มูลภูมิปัญญาทอ้ งถิ่น ข้อมลู แหลง่ ทรัพยากรธรรมชาตแิ ละโบราณคดี พรอ้ มทา
ทะเบยี น พืช สตั ว์ ชีวิภาพ ภมู ปิ ญั ญาท้องถนิ่ และชวี ภิ าพอ่ืนๆ ทีม่ ีในชมุ ชน
3) งำนปลูกรักษำทรัพยำกรท้องถิ่น: กิจกรรมทีด่ าเนินการจัดหาและรวบรวมทรัพยากร
ท้องถ่ินที่มีลักษณะเด่น และใกล้สูญพันธุ์ มาปลูกรักษา ติดตามความเจริญเติบโตและการเปล่ียนแปลงของ
ทรพั ยากร ชวี ภาพ กายภาพ ภมู ิปัญญาทอ้ งถ่นิ
4) งำนอนุรักษ์และใช้ประโยชน์ทรัพยำกรท้องถิ่น: กิจกรรมที่ดาเนินการ การฟื้นฟู
การบารงุ รักษา ขยายพันธุ์เพม่ิ ข้ึนและจานวนหน่าย จา่ ยแจกใหก้ ับชุมชน รวมถึงการใช้ประโยชน์ทรัพยากร
ท้องถ่นิ อย่างยั่งยืน เช่นการจัดการท่องเท่ียวเชิงนิเวศการพัฒนาผลิตภัณฑ์จากทรัพยากรท้องถิ่น แหล่ง
เรียนรู้ต่างๆ ในชุมชน
5) งำนศูนย์ข้อมูลฐำนทรัพยำกรท้องถ่ิน: กิจกรรมท่ีดาเนินการ เก็บข้อมูลทรัพยากร
ทอ้ งถนิ่ ในรูปไฟลข์ อ้ มูล เอกสาร ตัวอยา่ งทรัพยากรไวใ้ นศูนยข์ อ้ มลู กลาง
6) งำนสนับสนุนในกำรอนุรักษ์และจัดทำฐำนทรัพยำกรท้องถิ่น: กิจกรรมสนบั สนุน
งานสวนพฤกษศาสตร์โรงเรยี น อาทิ สนบั สนนุ วัสดอุ ุปกรณ์ สนับสนนุ บุคลากรในการใหค้ วามรนู้ กั เรียนในการเกบ็
ใบงาน ข้อมลู ทรัพยากร กายภาพ ชวี ภาพ ภมู ปิ ญั ญาทอ้ งถน่ิ และชวี ภาพอ่ืน ๆ ในชุมชน
๒๐๙
การเรยี นรู้เชงิ ปฏบิ ตั กิ าร (Action Learning) หลกั สูตรนกั ปกครองระดบั สูง (นปส.) รุน่ ท่ี 76
กรอบกำรดำเนินงำนด้ำนที่ 3 ผลการดาเนินงาน กิจกรรมที่เป็นภาพรวมของการ
ดาเนินงานฐานทรพั ยากรท้องถ่ินตาบลก้ดื ช้าง
จากการดาเนินงานฐานทรัพยากรท้องถิ่น ภายใต้โครงการอนุรักษ์พันธุกรรมพืชอัน
เนอ่ื งมาจากพระราชดารสิ มเดจ็ พระเทพรัตนราชสดุ าฯ สยามบรมราชกมุ ารี (อพ.สธ.) ทาใหต้ าบลกื้ดช้าง มแี หลง่
เรยี นรู้ตา่ งๆ ดังนี้
ม.1 บ้ำนเมืองกื้ด แหล่งเรียนรู้ภูมิปัญหาด้านสมุนไพรท้องถ่ิน :กลุ่มนวดเพื่อสุขภาพ (นาง
จินตนา กอนแก้ว) แหล่งเรียนรู้ภูมิปัญญาสมุนไพรแช่มือ แช่เท้า(นางจินดา ลานคา) แหล่งเรียนรู้เศรษฐกจิ
พอเพยี ง สมานบ้านปู๋เฮยี นฮูบ้ ่าเก่า (นายมินตา บุญเลศิ ) แหลง่ เรยี นรู้สมุนไพรท้องถ่นิ แหล่งเรียนรภู้ ูมปิ ญั ญา
ดา้ นจกั สาน (นางบัวผัน บุญเลศิ ) แหลง่ เรียนรูก้ ารทายามัดต้ม แหลง่ เรียนรสู้ ัมมาอาชพี โรงเรยี นบ้านเมืองกื้ด
แหล่งเรียนรโู้ บราณสถานวัดเมอื งกด้ื แหลง่ เรียนรูก้ ารเลีย้ งชา้ งชา้ งและสมุนไพรชา้ ง กลุม่ หม่บู า้ นสมุนไพรและ
การทอ่ งเท่ียวบ้านเมืองกืด้
ม.2 บ้ำนแม่ตะมำน แหล่งเรียนรู้พพิ ิธภัณฑ์เกษตรเฉลมิ พระเกียรติ(สาขาภาคเหนือ) แหลง่
เรียนรกู้ ารทอ่ งเทยี่ วเชงิ นเิ วศน์ แหล่งเรยี นรภู้ ูมปิ ญั ญาดา้ นการเลย้ี งชา้ ง แหล่งเรียนร้โู ฮมสเตย์ แหลง่ เรยี นรกู้ าร
ใช้ประโยชน์สมุนไพรท้องถิ่น (รพ.สต.บ้านแม่ตะมาน) แหล่งเรียนรู้ภูมิปัญญาการปลูกหญ้าหวานแหล่งเรียนรู้
ภูมิปัญญาด้านสมุนไพรชา้ ง (Elephant Eco Valley) แหล่งเรียนรู้ภูมิปัญญาด้านสมุนไพรยาต้มมัด แหล่ง
เรียนรู้ทางโบราณสถานวัดพระธาตุจอมธรรม แหล่งเรียนรแู้ ปลงปกปักทรัพยากรทอ้ งถิ่น (สันบนบ้านแม่ตะ
มาน)
ม.3 บ้ำนสบก๋ำย(หย่อมบ้ำนทุ่งยั๊วะ) แหล่งเรยี นรู้ภมู ิปญั ญาด้านการจักสานผิวไม้ไผ่ แหล่ง
เรียนรู้การจัดการพ้นื ทีเ่ กษตรผสมผสาน(โคกหนองนาโมเดล)
ม.6 บ้ำนทุ่งละคร แหล่งเรียนรู้ภูมปิ ญั ญากลุ่มนวดสมุนไพรบ้านทุ่งละคร ดาเนิน
กิจกรรมปลูก ขยายสมนุ ไพร แปรรปู รกั ษาตามวถิ ี
ม.7 บ้ำนป่ำข้ำวหลำม แหล่งเรียนรโู้ ฮมสเตยบ์ า้ นปา่ ข้าวหลาม แหล่งเรยี นรู้ภูมปิ ญั ญาดา้ น
การทอผา้ แหลง่ เรยี นรู้การอนุรักษพ์ ันธุป์ ลา
ในด้านภูมิปัญญาทอ้ งถ่ินท่ีเก่ยี วกบั การนาทรัพยากรชีวภาพมาใช้น้ัน ในตาบลก้ืดช้างมภี ูมิ
ปัญญาท่ีหลากหลาย เช่น ภูมิปัญญาด้านการทอผ้า ภูมิปัญญาด้านการนวดแผนไทย ภูมิปัญญาการนวดเพอื่
สุขภาพ ภูมิปัญญาด้านการทาบายศรีส่ขู วัญ ภูมิปัญญาด้านการทายามัดต้ม ภูมิปัญญาด้านการจักสาน ภูมิ
ปัญญาด้านภาษากาบ่าเก่า เป็นต้น แต่ยังขาดการทาสื่อประชาสัมพันธ์แหล่งเรียนรู้ภูมิปัญญาและป้ายฐาน
แหล่งเรียนรู้ต่างๆ ในชุมชน
ในด้านการพัฒนาคุณภาพผลิตภัณฑข์ องวิสาหกิจชุมชน สมารถนาสมนุ ไพรเด่นในพ้ืนที่
อาทิ ไผ่จืด หญ้าหวาน มาแปรรูปเป็นชาชงดื่มเพ่ือสุขภาพ และการนาสมุนไพรมาทาเป็นลูกประคบ และ
สมุนไพรแช่มือแช่เท้า มีกระบวนการผลิตแบบธรรมชาติคือการตากแห้งและการค่ัว ยังขาดการพัฒนาในเร่ือง
กระบวนการผลิตการใช้เทคโนโลยีทีท่ ันสมัยมาช่วยทาให้กระบวนการผลติ ได้เรว็ ยิ่งข้ึน และขาดการรวบรวม
เปน็ เอกสารที่สมบรู ณ์บางแหล่งเรยี นรู้
จากข้อมูลดังกล่าวจะเห็นได้ว่าวิสาหกิจชุมชน กลุ่มหมู่บ้านสมุนไพรและการท่องเที่ยวบา้ น
เมืองกื้ด เป็นกลุ่มที่มีการเช่ือมโยงกับกลุ่มต่างๆ ในชุมชน และเป็นกลุ่มท่มี ีความสาคัญต่อการท่องเที่ยวโดย
ชมุ ชน การท่องเที่ยวเชิงนเิ วศน์ บุคลากรในกลมุ่ หม่บู า้ นสมนุ ไพรและการทอ่ งเทีย่ วบา้ นเมืองกด้ื เปน็ หัวใจหลกั
ของการพัฒนาการท่องเทย่ี วโดยชุมชน จึงคิดจัดทาโครงการพัฒนาศูนย์เรยี นรฐู้ านทรัพยากรท้องถ่ินขึ้น เพื่อ
พฒั นาแหล่งเรยี นรใู้ นชุมชนและพัฒนาศักยภาพมาตรฐานบุคลากรด้านการบริการท่องเทีย่ ว เชน่ ด้านบริการ
๒๑๐
การเรยี นรู้เชิงปฏบิ ตั กิ าร (Action Learning) หลักสูตรนักปกครองระดับสงู (นปส.) รุน่ ที่ 76
ที่พัก ด้านอาหาร ด้านความปลอดภัย ด้านอัธยาศัยไมตรีของเจ้าบ้านและสมาชิก ด้านรายการนาเท่ียว ด้าน
ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ด้านวัฒนธรรม ด้านการสรา้ งคุณค่าและมูลค่าของผลติ ภัณฑช์ ุมชน ด้าน
การบริการของกลุ่มโฮมสเตย์ ด้านการประชาสัมพันธ์การท่องเท่ยี วโดยชมุ ชนของตนเอง ให้มคี วามย่ังยืนและ
ใชป้ ระโยชน์ทรัพยากรชวี ภาพ ในการสร้างเศรษฐกจิ ฐานรากอยา่ งยั่งยนื ตอ่ ไป
๓. แผนกำรจัดกำรขยะชุมชน
จากการไหลเข้าของนักท่องเท่ียวเป็นจานวนมาก ในขณะที่ทรัพยากรด้านการท่องเที่ยว
หรือตัวแหล่งทอ่ งเทยี่ วมีความสามารถในการรองรับอยอู่ ยา่ งจากัด จนทาให้เกิดการรุกลา้ ทาลายทรัพยากรป่า
ไม้ และสร้างความสกปรกในลานา้ แม่แตง จากการขยายธุรกิจการท่องเท่ียว อาทิ ปางช้าง รีสอร์ท โฮมสเตย์
เป็นต้น ก่อให้เกิดปัญหาทง้ั ในด้านการทาลายสภาวะแวดล้อม โดยเฉพาะปญั หาจากการท้งิ ขยะ
องค์การบริหารส่วนตบลกี้ดช้าง ในฐานะองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นตามกฎหมายจัดต้ัง
กาหนดใหม้ อี านาจหน้าท่รี กั ษาความสะอาดทส่ี าธารณะ รวมทั้งกาจัดขยะมลู ฝอยและสงิ่ ปฏกิ ลู โดยดาเนินการ
ภายใตแ้ ผนยุทธศาสตร์ชาติ พ.ศ.๒๕๖๑-๒๕๘๐ ในยุทธศาสตรท์ ่ี 5 : การเตบิ โตท่ีเป็นมิตรกับสง่ิ แวดล้อมเพ่ือ
การพัฒนาอยา่ งย่งั ยืน จงึ ได้มกี ารจดั ทาแผนการจัดการขยะชมุ ชน หมู่ที่ ๑ บ้านเมืองก้ืด ตาบลกดื้ ช้าง อาเภอแม่
แตง จงั หวดั เชยี งใหม่ โดยกาหนดแนวทางในการดาเนินงานตามแผน ดังน้ี
๑) ให้ทกุ ครวั เรือนดำเนนิ กำรคัดแยกขยะแตล่ ะชนิด ประเภท โดยให้จัดเตรยี มถงั ขยะหรือ
ถงุ แบบแยกชนดิ ประเภทขยะ ตำมควำมเหมำะสมของแต่ละครัวเรอื น เช่น ประเภทขยะเปียก ถังขยะใส่ชนิดเศษ
อำหำร, ประเภทขยะท่วั ไป ถังขยะใสถ่ งุ พลำสติก, ประเภทขยะรีไซเคิล ถงั ขยะใสข่ วดนำ, กระป๋อง, ฯลฯ และ
ประเภทขยะอันตรำย ถงั ขยะใสถ่ ่ำนไฟฉำย, หลอดไฟ, กระปอ๋ ง สเปรย์ยำฆำ่ แมลง เปน็ ต้น
๒) ให้แตล่ ะครวั เรอื น ดาเนนิ การจดั การขยะ ดงั ตอ่ ไปนี้
ประเภทขยะ ตัวอยำ่ งชนิดขยะ วิธกี ำรจัดกำรขยะ
ขยะเปยี ก เศษอาหาร ใหแ้ ต่ละครวั เรือนจดั การขยะด้วยตนเอง เชน่ ให้เป็นอาหารสตั ว์
ขยะรไี ซเคลิ / ทาป๋ยุ / ขุดหลุมฝงั ในพื้นทบ่ี า้ น/สวนตนเอง
ขวดพลาสตกิ , กระปอ๋ ง แตล่ ะครวั เรือนสามารถขายใหก้ บั รา้ น/รถรบั ซื้อของเกา่ ได้ดว้ ย
ขยะทวั่ ไป อลมู เิ นยี ม, กระดาษ, แก้ว ขวด ตนเอง
แกว้ ฯลฯ (ขายได)้
ขวดพลาสตกิ ชนิดสกรีนสี, ขวด 1. แตล่ ะครัวเรอื นดาเนินการทาความสะอาดถุงพลาสตกิ ก่อน
สีชมพู, สมี ว่ ง, แก้วพลาสตกิ , เชน่ ลา้ งน้า และผงึ่ ลม ตากใหแ้ หง้ กอ่ นใสถ่ งั ขยะ
แกว้ กาแฟ (ขายไมไ่ ด)้
ถุงพลาสตกิ เชน่ ถุงเย็น(ถุงหว้ิ ) 2. นาขยะดงั กลา่ วทสี่ ะอาดและแห้งแลว้ มารวบรวมไว้ท่จี ุด
PE, ถงุ ร้อน(ถงุ แกง) PP(ขายได)้ รวบรวมบา้ นหวั หมวด หรือบรเิ วณที่แตล่ ะหมวดตกลงกัน
ถงุ พลาสติกชนดิ ฟอยด์, สาหรับเป็นพ้นื ทจ่ี ดั เก็บรวบรวม
พลาสตกิ แรป (ฟิลม์ ยืด) (ชนิด
ขายไม่ได้) 3. ตวั แทน/คณะกรรมการบริหารจัดการขยะชุมชน มีบรกิ ารรถ
มาเก็บรวบรวมขยะของแตล่ ะหมวด และนาไปเกบ็ รวบรวมไว้
ทีโ่ รงเรอื นรวบรวมขยะชมุ ชน หมูท่ ี่ 1 ณ บรเิ วณปา่ ชา้ ของ
หมู่บา้ น ทุกวันเสำร์
4. ตวั แทน/คณะกรรมการบรหิ ารจัดการขยะชุมชน ดาเนินการ
อดั ขยะถุงพลาสตกิ เป็นกอ้ น
๒๑๑
การเรียนรเู้ ชิงปฏิบัตกิ าร (Action Learning) หลกั สูตรนกั ปกครองระดบั สูง (นปส.) รุน่ ท่ี 76
ประเภทขยะ ตวั อย่ำงชนดิ ขยะ วธิ ีกำรจดั กำรขยะ
ขยะอันตราย
กระปอ๋ งขวดยาฆา่ แมลง/สเปรย์ 5. ในกรณที ี่ขยะมปี รมิ าณมาก (ไมม่ พี นื้ ที่เกบ็ ) แลว้ ให้ตวั แทน
ฉดี มด แมลง ปลวก, ขวดนา้ ยา ชุมชนแจ้งให้กบั อบต.กด้ื ชา้ ง มารับขยะเพอื่ สง่ จาหนา่ ย
ลา้ งหอ้ งนา้ นา้ ยาเช็ดกระจก, และ/หรอื สง่ กาจดั อยา่ งถูกวิธี
แบตเตอรี่ ถา่ นไฟฉาย, ขยะ
อเี ลก็ ทรอนิกส์ และหลอดไฟ 1. นามารวบรวมไวท้ ถี่ งั ขยะอันตราย บรเิ วณหน้าศนู ย์
ประสานงาน ชรบ.
2. ในกรณที ่ขี ยะมปี ริมาณมาก (เตม็ ถงั ) ใหต้ ัวแทนชุมชนแจง้
ให้กับ อบต.กด้ื ช้าง มารบั ขยะอนั ตราย เพ่ือสง่ กาจดั อยา่ ง
ถูกวิธี
๓) จัดทาโรงเรอื นรวบรวมขยะชุมชน หมทู่ ่ี 1 ณ บริเวณป่าช้าของหมบู่ ้าน
๔) ในระยะท่ี 1 ดาเนินการปิดบ่อทง้ิ ขยะ (บ่อแกง่ )
๕) การจัดตัง้ คณะกรรมการบรหิ ารจัดการขยะชุมชน หมู่ที่ 1 โดยมีหนา้ ที่
๕.๑ กาหนดนโยบาย จัดทาระเบียบข้อตกลง มาตรการในการบริหารจัดการขยะใน
ชมุ ชน และให้คาแนะนาในการแกป้ ญั หาให้กบั ครัวเรือน/สมาชกิ ในหมบู่ ้าน
๕.๒ ดาเนินการจัดทาโรงเรือนรวบรวมขยะชมุ ชน หมูท่ ่ี 1 ณ บรเิ วณป่าชา้ ของหมบู่ ้าน
๕.๓ ดาเนินการติดตั้งกลอ้ งวงจรปิด เพื่อตรวจตราความเรียบร้อย ป้องกันการท้ิงขยะท่ไี ม่
ถกู ต้อง
๕.๔ ดาเนินการจัดเก็บขยะรีไซเคิล (ขายไม่ได้) และขยะทั่วไป (ถุงพลาสตกิ ขายได้
และขายไมไ่ ด)้ จากแต่ละหมวดมารวบรวมไว้ทโ่ี รงเรอื นรวบรวมขยะ หม่ทู ี่ 1
๕.๕ ดาเนนิ การติดตาม ตรวจเยี่ยม และประเมินผลการคดั แยกขยะในแต่ละครวั เรือน
๕.๖ รายงานผลการดาเนนิ งานตอ่ ทมี บรหิ ารหมบู่ ้าน และ/หรอื อบต.กดื้ ช้าง
๑.3 กำรศึกษำเรยี นรูน้ โยบำยภำครัฐและผลกระทบตอ่ กำรพฒั นำของชมุ ชน
นโยบายภาครฐั ท่ีเกย่ี วขอ้ งกับชมุ ชนบา้ นเมอื งกืด้ ตาบลก้ืดชา้ ง อาเภอแมแ่ ตง จงั หวัดเชียงใหม่
คือการทอ่ งเท่ยี วเชิงนเิ วศซง่ึ มีจุดเด่นของพืน้ ทเ่ี ป็นหมูบ่ า้ นขนาดใหญ่ การคมนาคมสะดวก พน้ื ทส่ี ่วนใหญเ่ ป็น
ภูเขาและที่ราบระหว่างหบุ เขา มีทรัพยากรป่าไมอ้ ดุ มสมบูรณ์ มีประชาชนท่ีเท่ียวในช่วงสงกรานต์เป็นจานวน
มากคือ แก่งก้ืด เป็นพื้นที่ที่มีความพร้อมด้านการท่องเท่ียว มีแหล่งทรัพยากรธรรมชาติท่ีอุดมสบูรณ์และ
สวยงามอาทิ ลาน้าแม่แตง แก่งก้ืด ปางช้าง น้าตก หมู่บ้านชนเผ่าลาหู่ ดังน้ันการเดินทางท่องเที่ยวในพืน้ ที่
อบต. ก้ืดช้าง จะเป็นรูปแบบของการท่องเท่ยี วแบบ “มวลชน” เป็นการเดินทางท่องเทย่ี วตามกระแสความ
นิยมของนักท่องเทยี่ ว โดยบริษัททวั รใ์ ห้ความสาคัญกับแหลง่ ทอ่ งเทย่ี วยอดนิยม จึงก่อใหเ้ กิดการไหลเข้าของ
นักท่องเที่ยวเป็นจานวนมาก สร้างเศรษฐกิจที่ดีให้ชุมชน ทั้งในด้านการประกอบการท่องเที่ยวและการ
ค้าขาย การให้บริการ ร้านอาหารตลอดลาน้า ชาวบ้านส่วนใหญ่มีรายได้จากการท่องเที่ยวโดยเฉพาะ
ผู้ประกอบการทอ่ งเที่ยวทีเ่ ป็นแหล่งทอ่ งเทย่ี วที่มีชอ่ื เสียง เช่น ปางช้าง เป็นต้น นอกจากนั้นยังมีลาหว้ ยสาขา
จานวนหลายแห่ง มีน้าเพื่อการเกษตรเพียงพอกับการเพาะปลูก ราษฎรประกอบอาชีพเกษตรกรรมมีตน้ ทุน
การผลิตเร่ืองนา้ ต่า ดนิ อุดมสมบรู ณ์ ความเป็นอยขู่ องราษฎรในชุมชนคอ่ นข้างมคี ุณภาพชวี ติ ทีด่ ี
ในขณะที่รัฐส่งเสรมิ นโยบายการท่องเที่ยวเชิงนิเวศเกิดผลกระทบต่อชุมชนบ้านเมืองกืด้ หลัก ๆ
ดังน้ี
๒๑๒
การเรียนร้เู ชิงปฏิบตั ิการ (Action Learning) หลักสตู รนกั ปกครองระดับสูง (นปส.) รนุ่ ท่ี 76
1) ดา้ นสงิ่ แวดลอ้ ม การไหลเข้าของนกั ทอ่ งเทย่ี วเปน้ จานวนมาก ในขณะทท่ี รพั ยากรด้านการ
ท่องเที่ยวหรือตัวแหล่งท่องเที่ยวมีความสามารถในการรองรับอยู่อย่างจากัดจนทาให้เกิดการรุกล้า ทาลาย
ทรัพยากรป่าไม้ และ สร้างความสกปรกในลาน้าแม่แตง การขยายธุรกิจการท่องเที่ยว อาทิ ปางช้าง รีสอร์ท
โฮมสเตย์ เป็นต้น กอ่ ใหเ้ กิดปญั หาท้งั ในด้านการทาลายสภาวะแวดลอ้ ม ปัญหาขยะมลู ฝอยและสิ่งปฏิกูลต่าง ๆ
2) ปัญหาเปลี่ยนแปลงวิถชี ีวิตชุมชนทอ้ งถิ่น เกดิ คา่ นิยมในเรอื่ งเงนิ ตรา วตั ถนุ ิยม และเปลีย่ น
วิถีชีวิตในชุมชน บางส่วนกลายเปน็ ลกู จ้าง พืชพรรณธัญญาหารตามธรรมชาติของป่า เช่น หน่อไม้ เห็ด ฯลฯ
ลดปริมาณลง การกินอยู่ของคนในชุมชนเปลย่ี นไปเป็นการพ่งึ พาเงินจนทาใหพ้ ืน้ ทแ่ี หล่งทอ่ งเทยี่ วหลายแหง่
ในตาบลก้ืดช้างตกอยู่ในที่ต้องใช้เวลาในการเยียวยา จึงนับว่าเป็นการสูญเสียโอกาสในการพัฒนาด้านการ
ทอ่ งเท่ยี ว เน่ืองจากขาดการบรหิ ารจดั การทรพั ยากรทดี่ ีของผูท้ ีม่ ีส่วนเกีย่ วข้อง
3) รายได้ นโยบายการส่งเสริมการท่องเท่ียวเชิงนิเวศ ภาครัฐ ซ่ึงได้รับความนิยมจาก
นักท่องเทยี่ วต่างประเทศ เมื่อเกิดภาวะโรคระบาด (โควิด – 19) ซึ่งแพร่ระบาดไปทั่วโลก เกิดภาวะไม่มี
นักท่องเที่ยวมาเท่ียว ทาให้ชุมชนขาดรายได้จากท่เี คยมรี ายได้ตามปกติ หรือรายได้ลดลง ส่งผลกระทบเรือ่ ง
ความเป็นอย่ใู นอีกหลายดา้ นตามมา
ซึง่ เป็นผลกระทบบางส่วนจากนโยบายภาครฐั เรอ่ื งการทอ่ งเที่ยวเชิงนเิ วศ ซ่ึงเป็นการลงพนื้ ท่ี
สารวจดูงานในช่วงเกิดภาวะโรคโควิด - 19 แพร่ระบาด ไม่ใช่ช่วงเวลาปกติซงึ่ จะไม่เหน็ ภาพการท่องเที่ยวที่
แท้จริง
ส่วนที่ ๒
ประเด็นกำรพฒั นำของชมุ ชน
กลุ่มปฏิบัติการท่ี ๑๐ (กป.๑๐) ได้เลือกประเด็นการพฒั นาทเ่ี สนอแนะในหัวข้อเรือ่ ง การจดั การหา
รายได้ การเงิน และการลงทุนของครัวเรือนและชุมชน และหัวข้อ การลดรายจ่ายในรายการที่ไม่จาเป็นที่
ครัวเรือนและชุมชนสามารถผลติ หรือจัดทาเองได้ เพ่ือนามาประกอบการร่วมคิดรว่ มเรียนรกู้ ับคนยากจนใน
ครัวเรือนและชมุ ชนบ้านเมืองกืด้ ในการป้องกันความเส่ยี ง และแกป้ ญั หาการพฒั นา ดังนี้
๒.1 ควำมเสี่ยงทีจ่ ะไม่มีชีวติ ทีม่ น่ั คงของบุคคล ครอบครวั และชมุ ชน
บ้านเมืองกื้ด หมูที่ ๑ มีปัจจัยความเส่ียง หรือสาเหตุที่จะทาให้ไม่มีชีวิตที่มั่นคงของบุคคล
ครอบครัวและชุมชน มปี ัจจัยสาคัญ ดงั นี้
๑) ทด่ี ินใชป้ ระโยชน์บ้านเมืองกด้ื หมทู่ ่ี ๑ อยูใ่ นเขตปา่ สงวนแหง่ ชาติ ป่าแม่แตง ชาวบา้ นอาศัย
และทากินอยู่ในพ้ืนทเี่ ขตป่า ไม่มีเอกสารสิทธิ์ ไม่มีความมัน่ คงในที่ดินทากิน ประชาชนสว่ นหน่ึงกอ็ าศัยอยใู่ น
พน้ื ทปี่ ่ามาหลายชวั่ อายุคน ประชาชนบางสว่ นก็ขาดแคลนที่ดนิ ทากิน และเข้ารุกทป่ี า่ เพ่ือทาการเกษตร ดงั นัน้
การท่ีไมม่ เี อกสารสทิ ธใิ์ นพน้ื ท่ที ากนิ และพ้นื ท่ีอยู่อาศยั ทาใหช้ าวบ้านมีชีวติ ที่ไมม่ ่ันคง ขาดความเชื่อมั่น เช่น
การจัดทาโฮมสเตย์ ก็ไม่ได้รบั การจดทะเบียนรับรอง กเ็ นื่องมาจากสาเหตดุ ังกลา่ วขา้ งต้น
๒) น้าไม่เพียงพอต่อการทาการเกษตร ซึ่งเป็นอีกปัจจัยหนึ่งที่ชาวบ้านมีความเส่ียง ไม่กล้า
ลงทนุ กับการเกษตร ทาให้สญู เสียรายได้
๓) สถานการณโ์ รคระบาดโควิด 19 ทาใหข้ าดรายได้ทีม่ าจากด้านท่องเทย่ี วในชุมชน ซ่งึ บ้านเมอื ง
กื้ด หมู่ ๑ เป็นหมู่บ้านท่ีนกั ท่องเทยี่ ว ให้ความสนใจมาท่องเทีย่ วในรูปแบบการทอ่ งเที่ยวเชิงวัฒนธรรม เชิง
นิเวศและเชิงสุขภาพ เป็นความเส่ียงที่ทาให้ไม่มีชีวิตม่ันคง ชาวต่างประเทศหยุดการเดินมาท่องเที่ยวใน
ประเทศไทย
๒๑๓
การเรียนร้เู ชงิ ปฏบิ ัติการ (Action Learning) หลักสตู รนักปกครองระดบั สูง (นปส.) รุน่ ที่ 76
บุคคล ครอบครัว และชุมชน ได้พยายามในการปรบั เปลี่ยนรูปแบบการท่องเท่ียวให้กับคน
ไทยมากขนึ้ ไดเ้ ร่มิ ประชาสัมพันธ์ผลติ ภณั ฑช์ มุ ชนผ่านเครอื ข่ายเฟสบุ๊ค เปน็ ตน้
๒.๒ ระดับกำรพัฒนำของหมู่บำ้ น
พิจารณาข้อมูล และแผนพัฒนาชุมชน เป็นตัวกาหนดแนวทาง และทิศทางการพัฒนา จาก
ขอ้ มลู พืน้ ฐานท่วั ไป ข้อมลู เฉพาะครัวเรอื น เพ่ือทราบถงึ ปัญหาอปุ สรรค ข้อจากัด จดุ ระวัง จุดออ่ น โอกาส และ
ภัยคกุ คาม การปรบั ตวั ตามสภาพแวดลอ้ มทีเ่ ปลยี่ นแปลง เพอ่ื รักษาหรือยกระดับความเป็นอยู่ ในการดารงชพี
บนพ้ืนฐานของฝีมือและความถนัด ความรู้ และความสามารถของประชาชนในหมู่บา้ น/ชุมชน ตัวอย่างเช่น
การลดรายจ่าย เพ่ิมรายได้ ส่งเสริมพฒั นามูลค่าเพ่ิมผลติ ภัณฑ์ เพื่อสร้างรายได้นาไปสู่ความความผาสุกของ
ชุมชนอย่างย่ังยืน นอกจากน้ีการสง่ เสริมุขภาพวิถีชีวิตความเป็นอยู่ของประชาชน การส่งเสริมรายได้ ลด
รายจ่าย ดารงชีวิตบนพื้นฐานปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง นับเป็นปัจจัยสาคัญที่ส่งเสริม สนับสนุนระดับ
ความสามารถของชมุ ชน ในการจัดการปญั หายกระดบั การพฒั นาตนเอง สามารถแสดงถงึ ประสิทธิภาพ ในการ
นานโยบายของรฐั บาลมาปฏบิ ตั ใิ หเ้ กิดประสทิ ธิผล ขจดั ปญั หา ขอ้ จากดั และอปุ สรรค ในการร่วมคิดร่วมทาให้
หมู่บา้ น ชมุ ชน มีความเข้มแขง็ มัน่ คง และยั่งยนื ต่อไป
๒.3 สัดสว่ นจำนวนครัวเรือนท่ไี มพ่ ออยพู่ อกนิ
จากการสารวจข้อมลู ท้องถิ่นในเรอื่ งของรายได้และรายจา่ ยปรากฏว่า รายไดข้ องกลมุ่ ตัวอย่างใน
ชมุ ชนสว่ นใหญ่ ประกอบอาชีพเกษตรกรรม ค้าขายท่วั ไป กบั จากสวสั ดกิ ารของรัฐ และจากบุตรหลาน รายได้
รวมท้ังหมดต่อครัวเรือน ไม่เกิน 100,000 บาท ต่อปี และข้อมูลดา้ นรายได้ของแต่ละครัวเรือน โดย
แบ่งเป็นค่าใช้จ่าย ด้านอาชพี ส่วนตัว และภาษีสงั คม ปรากฏวา่ คา่ ใชจ้ า่ ยด้านอาชีพ ประมาณ 70 % ส่วนตัว
20 % และ ภาษีสงั คม 10 % โดยมีค่าใชจ้ า่ ยรวมกนั ประมาณปีละ 100,00 – 200,00 บาท ต่อ ปี
เมอ่ื เปรียบเทียบจากข้อมูลรายได้และรายจ่ายจะพบว่ารายได้ไม่เพียงพอกับคา่ ใช้จ่าย แสดงให้
เห็นว่าวิธีชาวบ้านหรือการดารงชีพของชาวบ้านและมีภาระหนี้สินทุกปี ซึ่งจะทาวิถีชาวบ้านไม่เป็นสุข ต้อง
ดิ้นรนเพื่อให้ครอบครัวมีความเป็นอยู่ที่ดี ทาให้ต้องไปประกอบอาชีพท่ีไม่ถูกกฎหมาย หรือ การให้ข้อมูล
ชาวบ้านมกี ารปกปดิ ของรายได้ เนื่องจากความไมไ่ ว้วางใจในการตอบแบบสารวจที่เจ้าหน้าทจี่ ักทา และ เกรง
วา่ จะตอ้ งจ่ายภาษีให้กบั รัฐ
แต่จากกการลงพื้นที่สารวจข้อมูลวิถีชาวบ้าน จะพบว่าลักษณะพ้ืนท่ีจะเป็นพื้นท่ีภูเขา
สลบั ซับซอ้ น อยู่ในเขตปา่ สงวนแหง่ ชาติ รายไดจ้ ากการท่องเที่ยวเปน็ หลกั เม่ือมสี ถานการณ์ โควดิ -19 ทาให้
นักท่องเท่ียวจากต่างประเทศไม่เดินทางมาทอ่ งเทีย่ ว ทาให้รายได้หลักจากการท่องเทย่ี วหดหายไป ซึ่งอาจจะไม่
เพยี งพอต่อการดารงชพี ของชาวบ้าน เน่ืองจากวถิ ีชาวบ้านจะต้องพ่ึงพาตนเอง ในเร่ืองอาหาร การเงิน และใช้
วิถีชุมชน ซึ่งมีค่าใช้จ่ายน้อย ประกอบกับมีรายได้จากการทาเกษตร และรายได้จากสวัสดิการของรัฐเข้ามา
ชว่ ยเหลอื ทาใหช้ าวบา้ นสามารถดารงชีพ ได้พอเพียงตามอตั ภาพ และเช่ือว่าชาวบา้ นไม่ได้แจ้งข้อมูลทแี่ ทจ้ รงิ
จงึ ทาใหก้ ารวเิ คราะห์ข้อมลู จากแบบสารวจเปน็ ไปในแนวทางที่ชาวบ้านมรี ายไดไ้ มเ่ พยี งพอกบั คา่ ใช้จ่ายและมี
หน้สี ิน
๒.4 กิจกรรมกำรพฒั นำทีช่ ุมชนจะทำเองเพือ่ ใหท้ กุ ชวี ิตอยู่ดีมีสขุ ในปีน้ี
จากการจดั เกบ็ ข้อมลู พื้นฐานด้านเศรษฐกิจ และสงั คม ของบ้านเมืองกื้ด หมู่ที่ 1 ตาบลกด้ื ชา้ ง
อาเภอแม่แตง จังหวัดเชียงใหม่ พบว่าด้านเศรษฐกิจ ประชาชนส่วนใหญ่มีรายได้จากการประกอบอาชีพ 3
ดา้ น คอื
1) รายได้จากการรับจ้าง ได้แก่ รับจ้างในสถานประกอบการเก่ียวกับธุรกิจการท่องเท่ียว
และบริการ เชน่ โรงแรม รสี อรท์ ปางช้าง การลอ่ งแก่ง การเดินป่า เปน็ ต้น
๒๑๔
การเรียนรเู้ ชงิ ปฏบิ ัตกิ าร (Action Learning) หลักสตู รนักปกครองระดบั สงู (นปส.) ร่นุ ที่ 76
2) รายได้จากภาคบรกิ าร ไดแ้ ก่ โฮมสเตย์ นวดแผนไทย การจดั ประชมุ สมั มนา และการศึกษา
ดูงาน
3) รายไดจ้ ากภาคการเกษตร คอื การทาสวนผลไม้ เชน่ ลาใย ลนิ้ จี่ เงาะ
โดยรายไดจ้ ากการรับจ้างและการใหบ้ ริการกับนักทอ่ งเที่ยวถือเป็นแหลง่ รายไดห้ ลกั ของคนใน
ชุมชน ซึ่งเป็นรายได้ท่ีเกิดจากปัจจัยท่ีต้องพ่ึงพิงภายนอกท่ีมีความเสี่ยง เพราะรายได้ข้ึนอยู่กับจานวนของ
นักท่องเท่ียว ท่ีเดนิ ทางเขา้ มาในหมู่บา้ นชมุ ชน แตเ่ มือ่ เกดิ สถานการณ์การแพรร่ ะบาดของเชอ้ื ไวรัส โค
วิด – 19 ทาให้นักท่องเท่ียวไม่สามารถเดินทางเข้ามาในหมู่บ้านชุมชนได้ ดังน้ันจึงเกิดผลกระทบทางด้าน
เศรษฐกจิ กล่าวคือ ทาให้ประชาชนและผู้ประกอบการที่ประกอบอาชีพดา้ นบริการและอาชีพรับจา้ งในสถาน
บริการ และแหล่งท่องเที่ยวดังกลา่ วข้างต้นขาดรายได้ ในขณะท่ีต้องมีค่าใช้จ่ายประจา เช่น ค่าเล่าเรียนลูก
ค่าอาหาร ค่าของใช้ ค่าสาธารณูปโภค ค่าคนเล้ียงช้าง ค่าอาหารช้าง เป็นต้น ทาให้ผู้ประกอบการและ
ประชาชนได้รบั ความเดอื ดรอ้ นจากการขาดรายไดด้ ังกลา่ ว
ด้านสังคม พบว่า ในครัวเรือนส่วนใหญ่จะเป็นผู้สูงอายุ ขาดความรู้และทักษะในการประกอบ
อาชีพใหม่ๆ แต่ยังคงรักษาวัฒนธรรมประเพณีดั้งเดิมของชุมชน มีความรักความสามัคคี ช่วยเหลือเกื้อกลู กนั
นอกจากน้ันคนในหมู่บ้านยังให้ความเคารพและเช่ือมัน่ ในตัวผนู้ าชุมชน คือ ผู้ใหญ่บ้านและผู้ช่วยผใู้ หญบ่ า้ น
เป็นอันมาก
ดังนั้น แนวทางการพัฒนาท่ีชุมชนจะต้องดาเนินการเพ่ือให้ทุกชีวิตอยู่ดีมีสุขในปีนี้ จึงต้อง
ปรับเปลยี่ นแนวคดิ และวธิ ีดาเนินชีวติ ของประชาชน โดยใหค้ วามสาคัญกบั การพึ่งตนเองให้มาก ดังนี้
1) ลดรายจ่ายในครวั เรือน / ชุมชน โดยการปลูกพืชผักสวนครวั และเลีย้ งสตั ว์ไว้บริโภค เพ่ือ
ลดรายจ่ายค่าอาหาร
2) ลดหรอื เลกิ อบายมขุ เชน่ การซ้อื หวย การดื่มสุรา เพ่อื ลดคา่ ใชจ้ ่ายในครัวเรือน
3) การส่งเสรมิ อาชีพ/การรวมกลุ่มแปรรปู ผลิตภัณฑ์ชุมชนเพ่อื สรา้ งรายได้
4) การส่งเสริมการตลาดออนไลน์สินค้า/บริการชมุ ชน
๒.5 บทเรียนท่ีไดร้ ับในดำ้ น
- กำรบริหำรกำรพัฒนำชมุ ชนท้องถ่ิน
การบริหารจัดการโดยเน้นเฉพาะการสร้างรายได้จากการท่องเท่ียวอย่างเดียว ทาให้เกิด
ปัญหาอย่างอ่ืนตามมาอีกมากมาย เช่นปัญหาสิ่งแวดล้อม ขยะ น้าเสีย ปัญหาทางด้านสุขภาพ อนามยั และ
สง่ิ แวดล้อม การพฒั นาในยุคใหม่ตอ้ งทาแบบองค์รวม เนน้ ความสมดุลและยั่งยนื
- กำรบรหิ ำรกำรพัฒนำระดบั ตำบลและอำเภอ
ตอ้ งดบู ริบทและศกั ยภาพของแต่ละพนื้ ทตี่ ลอดจน ภมู สิ ังคม วัฒนธรรม ประเพณี พฒั นา และ
แกไ้ ขปญั หาให้เหมาะสมกับแตล่ ะพ้ืนท่ี และควรเป็นการพัฒนาโดยพืน้ ท่ีเป็นผูเ้ สนอโครงการและปัญหาความ
ตอ้ งการขึ้นในแบบ ล่างขน้ึ บน
- ประสิทธภิ ำพและประสทิ ธิผลของกำรปฏบิ ตั งิ ำนตำมนโยบำยของรฐั บำล
การดาเนนิ การตามนโยบายของรฐั บาล มปี ระสทิ ธภิ าพในภาพรวม สามารถดาเนนิ การได้ตาม
เป้าหมายและระยะเวลาที่โครงการอนั เป็นนโยบายของรฐั บาลกาหนด แต่ละประสิทธภิ าพ อาจไมเ่ ปน็ ไปตาม
ที่ต้ังเป้าไว้ในระยะยาว สาเหตุท่ีสาคัญคือ ขาดการมีส่วนร่วมของประชาชนเน่ืองจากนโยบายบางอย่าง
ไม่ตรงกับปัญหาความต้องการของประชาชนในพื้นท่ี ประกอบกับการกาหนดนโยบายของรฐั บาล มักจะทา
แบบบนลงลา่ ง (TOP DOWN) เปน็ แบบเดยี งกันโดยไมค่ านึงถึงความเหมาะสมของบริบท พ้นื ท่ี ภมู ปิ ระเทศ และ
ภูมิสังคม จงึ ทาใหป้ ระสทิ ธิผล ไม่เกิดตามทคี่ าดหวงั
๒๑๕
การเรียนรู้เชิงปฏิบตั ิการ (Action Learning) หลกั สตู รนักปกครองระดบั สูง (นปส.) รุ่นท่ี 76
เขำ้ รับฟังกำรบรรยำยสรุปจำกอำเภอแม่แตง และ อบต.กด้ื ช้ำง
ประชุมชแี้ จงทำควำมเขำ้ ใจกับชุมชนในกำรลงพื้นท่ีเพ่อื สมั ภำษณแ์ ละตอบแบบสอบถำม
๒๑๖
การเรยี นรเู้ ชงิ ปฏบิ ัติการ (Action Learning) หลักสูตรนกั ปกครองระดบั สงู (นปส.) รุน่ ที่ 76
รำยงำนกำรเรยี นรู้เชงิ ปฏิบัติกำร (Action Learning)
เรื่อง กำรเพิ่มศกั ยภำพชมุ ชนทอ่ งเทีย่ วตำมแนวคดิ เศรษฐกจิ สร้ำงสรรค์
กรณีศึกษำ บ้ำนแม่โจ้ หมู่ที่ 1 ตำบลบำ้ นเปำ้ อำเภอแมแ่ ตง จังหวดั เชียงใหม่
จดั ทำโดย
กล่มุ ปฏิบัติกำรท่ี ๖ (กป.๖)
นำงสำวชมนำถ พรสมผล ผชู้ ว่ ยผอู้ ำนวยกำรกำรประปำสว่ นภูมภิ ำคเขต ๙ เชียงใหม่
นำยรำชัน มนี ้อย หวั หนำ้ สำนักงำนจังหวดั กระบ่ี
นำยสชุ ำติ ทอนมณี นำยอำเภอกมุ ภวำปี จังหวัดอุดรธำนี
นำยสมยศ ณ นคร นำยอำเภอทงุ่ ตะโก จงั หวดั ชุมพร
นำยรฐั พล ธุระพนั ธ์ นำยอำเภอผักไห่ จงั หวดั พระนครศรีอยุธยำ
นำยอรุณ เมฆฉำย นำยอำเภอแก้งสนำมนำง จังหวดั นครรำชสมี ำ
ร.ต.ต.สัณฐติ ิ ธรรมใจ หัวหน้ำสำนกั งำนป้องกันและบรรเทำสำธำรณภัย จงั หวัดนครปฐม
นำยพรรณรบ เตชะมงคลำภวิ ัฒน์ ผู้ตรวจรำชกำร กรมโยธำธิกำรและผังเมอื ง
นำยบญุ ชอบ วิเศษปรีชำ ผูอ้ ำนวยกำรกองพัฒนำและบำรงุ รักษำอำคำรรำชพสั ดุ
นำยชดิ ชนก สุขมงคล ผู้อำนวยกำรสำนกั บริหำรพ้ืนท่ีอนรุ ักษท์ ี่ ๑๕ (เชยี งรำย)
รำยงำนน้เี ป็นส่วนหนงึ่ ของกำรศกึ ษำอบรมหลกั สตู รนกั ปกครองระดับสงู (นปส.) รนุ่ ท่ี 76
สถำบันดำรงรำชำนภุ ำพ กระทรวงมหำดไทย
พุทธศักรำช 2564
๒๑๗
การเรยี นรู้เชิงปฏบิ ัตกิ าร (Action Learning) หลักสตู รนกั ปกครองระดับสงู (นปส.) รนุ่ ท่ี 76
คำนำ
รายงานการเรียนรู้เชิงปฏิบัติการ (Action Learning) เร่ือง การเพ่ิมศักยภาพชุมชนท่องเที่ยวตาม
แนวคิดเศรษฐกิจสร้างสรรค์ กรณีศึกษา บ้านแม่โจ้ หมู่ท่ี 1 ตาบลบ้านเป้า อาเภอแม่แตง จังหวัดเชียงใหม่
ฉบับนี้เป็นสว่ นหน่ึงของการศึกษาอบรมหลักสูตรนักปกครองระดับสงู (นบส.) รุ่นท่ี 76 สถาบันดารงราชานุ
ภาพ กระทรวงมหาดไทย โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาการเพิ่มศักยภาพชุมชนท่องเที่ยวเชิงธรรมชาติ ตาม
แนวคิดเศรษฐกิจสรา้ งสรรค์ ในพื้นท่ีบ้านแม่โจ้ ตาบลบ้านเปา้ อาเภอแม่แตง จังหวัดเชียงใหม่ เพ่ือนาบทเรยี น
และประสบการณ์ทีไ่ ด้จากการเรียนร้ไู ปประยุกตใ์ ชใ้ นการบริหารระดบั พน้ื ทต่ี ่อไป
คณะผู้จัดทาหวังเป็นอยา่ งยิ่งว่า รายงานการเรยี นรู้เชงิ ปฏิบัตกิ ารน้ีฉบบั นจ้ี ะเปน็ ประโยชนส์ าหรับผู้ท่ี
สนใจนาไปประยุกต์ใช้ในการปฏิบัติงานพื้นที่ท่องเที่ยวอ่ืน ๆ ให้เกิดผลสัมฤทธ์ิย่ิงขึ้นไป หากมีข้อผิดพลาด
ประการใดคณะผู้จัดทาขอรบั ไว้ และขอขอบคณุ ผทู้ ่มี ีส่วนเก่ยี วขอ้ งทุกท่านท่ีใหก้ ารสนบั สนุนในการศกึ ษาครง้ั นี้
ไว้ ณ โอกาสนี้
คณะผ้จู ดั ทำ
นกั ศกึ ษำหลักสูตรนกั ปกครองระดบั สูง รุ่นที่ 76
กลุ่มปฏบิ ัติกำรท่ี 6 (กป. 6)
๒๑๘
การเรยี นร้เู ชิงปฏิบตั ิการ (Action Learning) หลักสตู รนกั ปกครองระดับสูง (นปส.) รนุ่ ที่ 76
สว่ นท่ี 1
กรอบกำรเรยี นรดู้ ้วยกำรลงมือปฏบิ ัติ เพ่อื เข้ำใจ เข้ำถงึ วถิ ชี วี ิตชุมชน
1. ขอ้ มลู ทวั่ ไปของบ้ำนแมโ่ จ้
1.1 ประวตั ิควำมเป็นมำ
เมอ่ื ประมาณปี พ.ศ. 2349 ราว ๒๐๐ กว่าปี ชาวบา้ นจากบ้านเลิมและบ้านทมุ่ ตีนเสา ซง่ึ อยู่ไม่
ไกลจากบา้ นแม่โจ้ได้อพยพมาตั้งถิน่ ฐาน บรเิ วณริมลาห้วยแมโ่ จ้ประมาณ 25 หลงั คาเรือน เนอื่ งจากพน้ื ทบ่ี า้ น
แม่โจ้ เป็นพื้นที่ทม่ี ีความอุดมสมบูรณ์ มีลาหว้ ยไหลผ่านหมบู่ ้านตลอดทงั้ ปี เหมาะสาหรบั การทาเกษตรกรรม
ในอดีตการเดินทางจากบ้านแมโ่ จ้ไปอาเภอแมแ่ ตง ใช้วิธีการเดินเท้า ใช้เวลาเดินทางประมาณ
ครึง่ วนั ระยะทางประมาณ 20 กิโลเมตร
1) ข้อมูลทวั่ ไป
(1) ทีต่ ั้ง อยบู่ รเิ วณภาคเหนอื ของประเทศไทย โดยหม่บู า้ นบา้ นแม่โจ้ ตาบลบ้านเปา้ อาเภอ
แม่แตง จงั หวัดเชียงใหม่ ตัง้ อยู่ทางทศิ ตะวันออกเฉยี งเหนอื หา่ งจากอาเภอแมแ่ ตงประมาณ 20 กิโลเมตร
(2) อำณำเขต ติดต่อเขตตาบลเมอื งนะ อาเภอเชยี งดาว จงั หวดั เชียงใหม่
ทศิ เหนือ ตดิ ตอ่ บ้านแมเ่ ลมิ ตาบลบา้ นเปา้ อาเภอแมแ่ ตง จงั หวัดเชียงใหม่
ทศิ ใต้
ตดิ ตอ่ เขตตาบลแมป่ ๋งั อาเภอพร้าว จงั หวัดเชยี งใหม่
ทิศตะวนั ออก ติดต่อบ้านแมเ่ ลมิ ตาบลบา้ นเป้า อาเภอแม่แตง จังหวัดเชียงใหม่
ทิศตะวนั ตก
(3) ลกั ษณะภูมิประเทศ
ลักษณะภูมิประเทศเป็นพ้ืนที่เขาสูง ตั้งแต่ 300 – 1,500 เมตร จากระดับน้าทะเลปาน
กลาง ความสงู เฉล่ียของพื้นทโ่ี ดยประมาณ เทา่ กบั 600 เมตรจากระดับนา้ ทะเลปานกลาง เป็นต้นกาเนิดของ
ลาห้วยหลายสาย กอ่ นจะไหลลงส่อู ่างเก็บน้าแมง่ ัดสมบรู ณ์ชล ซงึ่ อยูบ่ ริเวณพน้ื ทีต่ ลอดแนวทางด้านทิศใต้ของ
ตาบลบ้านเป้า
๒๑๙
การเรียนรู้เชงิ ปฏบิ ัตกิ าร (Action Learning) หลกั สูตรนักปกครองระดบั สงู (นปส.) รุ่นท่ี 76
(4) ลักษณะภมู ิอำกำศ
ลกั ษณะภมู ิอากาศบริเวณตาบลบา้ นเปา้ แบง่ ออกเป็น 3 ฤดูกาล ดังนี้
ฤดูหนาว เร่ิมตั้งแต่เดือนพฤศจิกายนถึงเดือนกุมภาพันธ์ ช่วงกลางวันอุณหภูมิเฉล่ีย
ระหว่าง 18 – 24 องศาเซลเซียส ช่วงเวลากลางคนื อุณหภมู ิเฉล่ียอยูร่ ะหวา่ ง 10 –15 องศาเซลเซียส
ฤดูร้อน เร่มิ ตง้ั แต่เดอื นมีนาคมถึงเดอื นพฤษภาคม ชว่ งกลางวนั อุณหภูมิเฉลีย่ 37 องศา
เซลเซียส ช่วงเวลากลางคนื อณุ หภมู เิ ฉลีย่ 30 องศาเซลเซยี ส
ฤดูฝน เริ่มตั้งแต่เดือนมิถุนายนถึงเดือนตุลาคม ช่วงกลางวันอุณหภูมิเฉล่ีย 36 องศา
เซลเซยี ส ช่วงเวลากลางคืน อณุ หภมู เิ ฉลยี่ 25 องศาเซลเซยี ส
1.2 ขอ้ มลู กำรปกครองและประชำกร
1) กำรปกครอง
บ้านแม่โจ้ หมู่ที่ ๑ แบ่งการบริหารจัดการหมู่บ้านเป็น 4 คุ้ม โดยมีประธานคุ้ม และ
คณะกรรมการคุ้ม ดแู ลในแตล่ ะค้มุ ซงึ่ บา้ นแม่โจ้มปี ระชากรท้ังหมด 123 ครวั เรอื น
2) โครงสรำ้ งประชำกร
ข้อมูลจากองค์การบริหารส่วนตาบลบ้านเป้า หมู่บ้านแม่โจ้ หมู่ท่ี 1 มีจานวน ประชากร
ท้ังหมด 431 คน แบง่ เปน็ เพศชาย 217 คน และเพศหญงิ 214 คน
1.3 ดำ้ นภูมศิ ำสตร์ / แหล่งน้ำสำคญั
พื้นที่บ้านแม่โจ้ มีลักษณะเป็นพ้ืนท่ีราบ และรายรอบด้วยภูเขาสูงสลับซับซอนเปน็ แนวเทือกเขา
ทอดยาว เป็นแหล่งต้นน้าทส่ี าคัญของตาบลบา้ นเปา้ และหลาย ๆ แหง่ โดยมแี หล่งนา้ ทีส่ าคัญ ดังน้ี
1) อ่างเก็บน้าห้วยแม่เริม (โครงการชลประทานขนาดเล็ก อันเน่ืองมาจากพระราชดาริ)
รบั ผิดชอบโดย กรมชลประทาน กระทรวงเกษตรและสหกรณ์
2) อ่างเก็บน้าตอนบน (โครงการพัฒนาแหล่งน้าขนาดเล็ก) รับผิดชอบโดย กรมพัฒนาท่ีดิน
กระทรวงเกษตรและสหกรณ์
อ่างเกบ็ น้าห้วยแมเ่ ริม
1.4 ด้ำนกำรท่องเที่ยว
ในปี พ.ศ. 2547 มปี ราชญ์ชาวบ้านท่านหนง่ึ นามว่า “นายโจน จันได” ไดเ้ ดนิ ทางเข้ามาสารวจ
พื้นทห่ี มบู่ า้ นแมโ่ จ้ เพอื่ หาสถานท่ีจดั ตงั้ ศนู ยเ์ กบ็ เมลด็ พนั ธ์พุ น้ื บา้ น เพ่อื นาไปแจกจ่ายใหแ้ กเ่ กษตรกรในหมบู่ า้ น
และเกษตรกรทว่ั โลก สง่ เสรมิ การเรียนรกู้ ารพ่งึ พาตวั เอง เนน้ สรา้ งความม่นั คงทางด้านอาหาร เน่ืองจากเหน็ วา่
บา้ นแมโ่ จเ้ ป็นหมูบ่ า้ นทีม่ คี วามอุดมสมบูรณท์ ้ังธรรมชาติ แหล่งนา้ และดนิ เหมาะสาหรบั การสง่ เสริมเปน็ แหลง่
๒๒๐
การเรียนรเู้ ชงิ ปฏบิ ตั กิ าร (Action Learning) หลักสตู รนกั ปกครองระดบั สงู (นปส.) รุ่นท่ี 76
ท่องเทีย่ วเชิงธรรมชาติและการทาเกษตรอนิ ทรยี ์ โดยมีแนวคิดว่า “อยู่บ้านดิน กินอาหารอนิ ทรีย์” ประกอบ
กบั ไดน้ าความรทู้ ไ่ี ดไ้ ปศกึ ษาดูงานในหลายประเทศ และเห็นว่าบา้ นแม่โจม้ ศี กั ยภาพทจ่ี ะสง่ เสริมการท่องเท่ียว
บ้านดิน จึงได้ดาเนินการก่อสร้างบ้านดินในที่ดินของตนเองก่อน และชักชวนชาวบ้านทส่ี นใจเข้ามารวมกลมุ่
กอ่ สรา้ งบ้านดิน เพ่ือเป็นที่พักของนักทอ่ งเที่ยว ซ่งึ ในชว่ งแรกมสี มาชกิ 30 ครอบครวั โดยมนี ักทอ่ งเท่ียวชาว
ไทย และชาวต่างชาติเข้ามาพักและท่องเท่ียวในหมู่บ้านแม่โจ้เน่ืองจากบ้านดินน้ันมีความสาคัญและมี
องคป์ ระกอบดงั น้ี
1) แสดงให้เหน็ วา่ เปน็ การส่งเสริมการท่องเทยี่ วเชงิ ธรรมชาติ
2) วัสดทุ ใี่ ช้ในการก่อสรา้ งสามารถหาไดใ้ นพื้นท่ี ทาใหใ้ ช้งบประมาณท่นี อ้ ย
3) แรงงานเกิดจากสมาชกิ ในกลมุ่ มารว่ มดาเนินงาน และศกึ ษาวิธกี ารสร้างบ้านดนิ ควบคู่กันไป
4) บา้ นดินมีความคงทน อายุการใชง้ านมากกว่า 10 ปี
สถานท่ีสาคัญของบา้ นแมโ่ จ้
ศนู ย์บ้านดินแมโ่ จ้
1.5 อำชีพ
ประชากรสว่ นใหญ่ของบ้านแมโ่ จป้ ระกอบอาชพี เกษตรกรรม มีรายละเอยี ดดงั นี้
1) อาชพี เกษตรกรรม ประกอบด้วย พืชสวน สวนลาไย กลว้ ย และมะมว่ งนา้ ดอกไม้
พชื เชิงเด่ยี ว เชน่ พชื ไร่ ข้าวโพดเลี้ยงสตั ว์ มันสาปะหลงั และทานาปีละครง้ั
2) งานฝีมอื แกะสลักไม้ เยบ็ ปกั ลายผ้า และสมุนไพรพ้นื บา้ น
3) การท่องเท่ยี วบ้านดนิ มบี รกิ ารบา้ นพักทงั้ ทเี่ ป็นบา้ นดิน และโฮมสเตย์
๒๒๑
การเรียนรเู้ ชิงปฏิบัตกิ าร (Action Learning) หลักสตู รนกั ปกครองระดับสงู (นปส.) รนุ่ ที่ 76
2. กำรวเิ ครำะหส์ ภำพแวดลอ้ มและศกั ยภำพ (SWOT)
2.1 จดุ แขง็ (Strengths)
1) ผู้นาและคณะกรรมการหมบู่ ้านมีความเข้มแขง็
2) มแี หลง่ นา้ ทอ่ี ดุ มสมบรู ณ์
3) ดินมีความอดุ มสมบูรณเ์ หมาะสาหรบั การทาเกษตรกรรม
4) มพี น้ื ทปี่ า่ ลอ้ มรอบหมบู่ ้าน และเป็นพื้นทีต่ น้ น้า
5) มวี ฒั นธรรมและประเพณที เ่ี ก่าแก่
6) ประชาชนดารงชีวิตตามแนวพระราชดาริ ปรัชญาเศรษฐกิจพอเพยี ง
2.2 จุดอ่อน (Weaknesses)
1) การเกษตรกรรมเปน็ การปลกู พชื เชิงเดีย่ ว
2) มีการใช้สารเคมีในการเกษตร
3) การถือครองทีด่ ินทากินมีเอกสารสิทธินอ้ ย
4) ชาวบา้ นขาดความรู้ และทกั ษะในการบรหิ ารจดั การกลมุ่
2.3 โอกำส (Opportunities)
1) มนี กั คดิ เปน็ ปราชญ์ชาวบา้ น
2) มีศกั ยภาพในการพฒั นาเป็นแหล่งทอ่ งเท่ยี วเชงิ ธรรมชาตเิ ปน็ อาชีพรอง
3) พน้ื ท่หี มบู่ ้านอยไู่ ม่ไกลจากตวั อาเภอ และแหล่งท่องเท่ยี วสาคัญอนื่ ๆ
4) สามารถพฒั นาวตั ถุดิบท่ีมอี ยแู่ ล้วไปสกู่ ารเพม่ิ มลู คา่
2.4 ภัยคกุ คำม (Treats)
1) พนื้ ท่กี ารเกษตรมีการใชส้ ารเคมเี พอื่ ใหผ้ ลผลติ ตรงตามความต้องการของตลาดรับซอ้ื
2) การแพรร่ ะบาดของสารเสพติดในหมู่บ้านโดยเฉพาะกลมุ่ เยาวชน
3) ชาวบ้านท่อี าศัยอยบู่ นพื้นทีส่ งู ใกลเ้ คียงหมบู่ ้านมกี ารเผาพ้ืนทปี่ ่าเพอื่ ลา่ สัตว์ เปน็ การทาลาย
ทรัพยากรธรรมชาตแิ ละส่ิงแวดลอ้ ม
4) สถานการณ์การแพรร่ ะบาดของไวรัสโควิด – 19 ทาให้ส่งผลกระทบต่อการประกอบอาชพี
ของประชากร เนอ่ื งจากผลผลติ ลาไย มะมว่ งน้าดอกไม้ ส่งออกตา่ งประเทศ
5) ปัญหาการขับรถจักรยานยนต์เรว็ และมีการปรับแต่งเครือ่ งยนต์ ก่อให้เกิดมลพิษทางเสียง
ของกล่มุ วยั ร่นุ และอาจนาไปสู่ปัญหาความปลอดภยั บนท้องถนน
6) การก่อสร้างโครงการอโุ มงค์ระบายน้าส่งน้าจากลาน้าแมแ่ ตงลงเข่ือนแม่งดั – แม่กวง สง่ ผล
ใหน้ ้าท่เี กดิ จากการกอ่ สร้างขุดเจาะอโุ มงค์ ปนเปอ้ื นคราบนา้ มนั นา้ ในลาหว้ ยขนุ่ และเกดิ มลพิษทางเสียง
๗) ผู้ด้อยโอกาส ประชาชนบา้ นแม่โจ้ มีรายได้ส่วนใหญ่จากการทาเกษตรกรรม ใช้แรงงานจาก
คนในครอบครัว และจ้างแรงงานจากคนในหมู่บ้าน ทาให้เงินหมุนเวียนและเสริมสร้างเศรษฐกิจ
ในหมู่บ้าน ซ่ึงมีรายได้เฉลี่ย 48,000 บาท/ คน/ ปี เพียงพอต่อการดารงชีพ อุปนิสัยของคนท้องถิ่นใช้ชีวติ
อย่างพอเพียง แต่ยงั คงมผี ูด้ อ้ ยโอกาสภายในหมบู่ ้านจานวน ๒ ราย คือ
๒๒๒
การเรยี นรูเ้ ชงิ ปฏบิ ัตกิ าร (Action Learning) หลกั สตู รนกั ปกครองระดับสูง (นปส.) ร่นุ ท่ี 76
(๑) เพศชายอายุ ๗๐ ปี ไม่มีญาติ โดยเพ่ือนบ้านแบง่ ปนั ที่ดินให้ปลกู บา้ นเพือ่ อยู่อาศัย ได้รบั
การช่วยเหลอื เบยี้ คนชราจากภาครัฐ หากมีสง่ิ ของหรอื การช่วยเหลือจากภายนอก คณะกรรมการหมู่บา้ นจะ
จัดให้เป็นผู้ได้รับการช่วยเหลือในลาดับต้นๆ และอุปนิสัยเพ่ือนบ้านมีความเอ้ือเฟื้อ คอยหยิบย่ืนให้การ
ช่วยเหลอื สม่าเสมอ
(๒) เพศชายอายุประมาณ ๔๐ ปี ติดสุรา มีอาชีพรับจ้างทั่วไป ไม่มีครอบครัว ไม่สามารถ
พฒั นาอาชพี ได้ และมีปญั หาดา้ นสุขภาพ
3. ข้ันตอนและขอบเขตกำรศกึ ษำ
3.1 ประชุมรับฟังบรรยายสรปุ จากนายอาเภอแม่แตง และนายกองคก์ ารบรหิ ารส่วนตาบลบา้ นเปา้
3.2 ประชุมกล่มุ กป.6 เพือ่ วางกรอบการศกึ ษา
3.3 ประชุมประชาคม ผู้นาหมู่บ้าน คณะกรรมการหมู่บ้าน ปราชญ์ชาวบา้ น สมาชิกองคก์ ารบรกิ าร
ส่วนตาบล และตัวแทนชาวบ้าน เพ่ือชี้แจงวัตถุประสงค์ของการลงพ้ืนท่ีศึกษา ตลอดจนรับฟังความคิดเหน็
สภาพปญั หาและความตอ้ งการของประชาชนในพน้ื ท่ี
3.4 การเกบ็ ขอ้ มูลโดยการสมั ภาษณ์ ดว้ ยแบบสอบถาม จากการสมุ่ ตวั อย่างของประชาชนในหมูบ่ ้าน
แม่โจ้
3.5 การเกบ็ ขอ้ มลู เชงิ ลกึ โดยการสัมภาษณ์ปราชญ์ชาวบา้ น
3.6 การสารวจและศกึ ษาลกั ษณะทางภูมปิ ระเทศ
3.7 การถอดบทเรียน
3.8 การคืนบทเรียน และขอ้ เสนอแนะแกห่ มูบ่ ้านแม่โจ้
4. ประเดน็ กำรศึกษำเรยี นรบู้ ้ำนแม่โจ้
4.1 กำรบริหำรจัดกำรกิจกรรมกำรท่องเทีย่ วบ้ำนดิน (โฮมสเตย)์
เน่ืองจากท่ีผ่านมาหมู่บ้านแม่โจป้ ระสบปัญหาทางเศรษฐกจิ ประกอบกับสถานการณ์การแพร่
ระบาดของโรคติดเช้ือไวรัสโคโรนา ๒๐๑๙ (Covid - 19) ทาให้จานวนนักท่องเที่ยวลดลง ส่งผลให้จานวน
สมาชกิ ส่งเสริมการท่องเทยี่ วลดลงจาก 30 ครอบครวั เหลือ 10 ครอบครัว โดยมกี ารปรับตัวจากท่เี น้นเฉพาะ
การท่องเท่ียว ปรับเปล่ยี นเปน็ ทพี่ ักให้กับกลุม่ คนงานที่เข้ามาก่อสรา้ งอุโมงคน์ ้าขนาดใหญใ่ นพนื้ ที่หม่บู ้านเช่า
พักเป็นรายเดือนในราคาท่ีไม่สูงมากนัก เน่ืองจากสถานการณ์ดังกล่าว ทาให้ประชากรในหมู่บ้านแม่โจ้ขาด
รายได้ สมาชิกกลุ่มจึงได้หารือและปรับตัวให้สามารถประคับประครองให้การท่องเท่ียวอยู่ต่อไปจนกว่า
เศรษฐกิจการท่องเทีย่ ว และสถานการณก์ ารแพรร่ ะบาดของโรคติดเช้ือไวรสั โคโรนา ๒๐๑๙ (Covid - 19) จะ
ดีข้นึ โดยมีข้อเสนอแนะดงั ตอ่ ไปนี้
1) การบรหิ ารจัดการกลุม่ สง่ เสริมการทอ่ งเท่ยี วสร้างความเข้มแข็ง รับฟังความเห็นของสมาชกิ
ร่วมคิด รว่ มทา รว่ มรบั ประโยชน์ เพื่อใหก้ ลุ่มสามารถพัฒนาไปขา้ งหน้าได้อย่างมั่นคงและยั่งยืน
2) การเช่ือมโยงพ้ืนท่ีท่องเท่ียวภายในหมู่บ้านและพ้ืนท่ีข้างเคียง ให้นักท่องเท่ียวสามารถ
ท่องเท่ียวไดม้ ากขนึ้ และเพือ่ เพ่ิมระยะเวลาใหน้ ักท่องเท่ียวพกั ผ่อนในหมู่บ้านมากขึ้น
3) การพัฒนาสินค้า OTOP เช่น สิ่งทอธรรมชาติ ผลไม้แปรรูป จาพวก ลาไยอบแห้ง มะม่วง
อบแห้ง มะมว่ งกวน เป็นตน้ และการออกแบบบรรจุภณั ฑ์ใหด้ ทู นั สมัย และเกบ็ รักษาได้นานยิง่ ขึน้
๒๒๓
การเรียนรูเ้ ชงิ ปฏบิ ัติการ (Action Learning) หลักสตู รนักปกครองระดับสูง (นปส.) รุ่นท่ี 76
4.2 กำรทำเกษตรกรรม
บ้านแมโ่ จ้ มกี ารทาอาชีพเกษตรกรรม โดยมกี ารเพาะปลกู ตลอดทั้งปี อาศยั แหลง่ น้าจากอ่างเกบ็
นา้ ห้วยแม่เรมิ ในการทาเกษตรกรรม โดยมขี อ้ เสนอแนะดงั น้ี
1) การทาการเกษตรแบบปลูกพืชเชิงเด่ียว เมื่อประสบปญั หาภาวะราคาตกต่ากจ็ ะทาใหไ้ ดร้ บั
ผลกระทบโดยตรง ควรมกี ารปลูกพชื กระจายความเสี่ยงใหห้ ลากหลายยง่ิ ข้ึน เนน้ ให้พออยู่พอกนิ
2) ปญั หาราคาลาไยตกต่า เกดิ จากการตลาด ราคานาการผลิต เมื่อผลผลติ ออกพรอ้ มกันยอ่ มทา
ให้เกิดภาวะสนิ ค้ามาก ราคาตกต่า ผู้ชื้อเป็นผูก้ าหนดราคารับซอ้ื ขาดอานาจการต่อรองควรปรบั เปลยี่ นเป็น
เกษตรอินทรีย์ทาตามกาลังและทนุ ทม่ี อี ยู่ เกษตรกรบ้านแมโ่ จ้ ประกอบอาชีพทานาไมม่ ากนัก ส่วนใหญ่ซ้อื ข้าว
เพ่ือบรโิ ภค ฉะน้ัน ควรจับคู่กับอาเภอหรือจงั หวดั ทมี่ กี ารผลิตข้าวท่ีมคี ณุ ภาพ โดยใชว้ ธิ กี ารแลกเปล่ียนผลผลิต
ทางการเกษตร
3) การแปรรปู ลาไยหรือผลผลติ ทางการเกษตร เพ่ือเพ่ิมมูลค่า และเป็นสินค้า OTOP จาหนา่ ย
ให้แกน่ กั ทอ่ งเทยี่ วหรอื ตลาดภายนอก เพ่ือแก้ไขปญั หาราคาผลผลิตลาไยตกตา่
4) การส่งเสรมิ การปลกู พืชผักปลอดสารพิษ โดยรวมกลุ่มทานอ้ ย แต่ได้มาก เน้นการปลกู เพื่อ
บริโภคในหมู่บ้าน แบ่งปัน หากเหลือก็จาหน่าย โดยเน้นตลาดนักท่องเที่ยวเชื่อมโยงกับศูนย์เพาะเมล็ดของ
ปราชญ์ชาวบ้าน นายโจน จันได ซ่ึงเป็นเมล็ดพันธ์ุพ้ืนเมืองสามารถเก็บเมล็ดกลับมาใช้ซ้าได้ และเป็นการ
อนุรกั ษเ์ มลด็ พนั ธ์ุพืน้ เมืองไมใ่ ห้สญู หายไปอีกด้วย
สว่ นท่ี ๒
ประเดน็ กำรพัฒนำของชุมชน
๑. วสิ ยั ทัศน์ของบ้ำนแมโ่ จ้ หมทู่ ่ี 2 ตำบลบ้ำนเป้ำ อำเภอแมแ่ ตง จังหวัดเชียงใหม่
๑.๑ ชุมชนน่ำอยู่
๑) ชาวบา้ นบ้านแม่โจ้ มคี วามรกั สามัคคีและเออ้ื อาทร
๒) มโี ครงสรา้ งพน้ื ทฐ่ี านสมบรู ณ์ เช่น ถนน นา้ ประปา และไฟฟ้า
๓) ไม่มีการลักเล็กขโมยนอ้ ยของชาวบา้ น อยูร่ ว่ มกันด้วยเหตแุ ละผล มกี ารแบ่งปนั และ
เอ้อื อาทรตอ่ กนั
๑.๒ หม่บู ำ้ นนำ่ มอง
๑) ถนนในหมบู่ ้านทกุ สายต้องสะอาด ไม่มีขยะมลู ฝอยและสง่ิ ปฏกิ ลู
๒) ทกุ ครัวเรอื นตอ้ งทาความสะอาดทั้งภายในบา้ นและบรเิ วณโดยรอบบา้ น มกี ารปลกู
ไม้ดอกไม้ประดบั รอบๆบา้ น
๓) ทกุ ครวั เรอื นตอ้ งมปี ้ายช่ือหัวหน้าครอบครวั และบ้านเลขท่ีของครวั เรอื นตนเอง
๒๒๔
การเรียนรเู้ ชิงปฏบิ ตั ิการ (Action Learning) หลกั สูตรนักปกครองระดบั สงู (นปส.) รุน่ ที่ 76
๑.๓ เปน็ หมบู่ ำ้ นที่สอดคลอ้ งกับเศรษฐกิจพอเพยี ง
ชาวบ้านบ้านแมโ่ จ้ หมูท่ ่ี ๑ มีความเออ้ื อาทร และมคี วามสามัคคี ไมส่ ร้างความเดือดรอ้ นแก่
ตนเองและผอู้ ื่น ลดละอบายมขุ ลดความฟุ่มเฟอื ยในการดารงชพี มคี วามขยนั อดทน และมีความพอเพยี งใน
ชีวิต รจู้ กั ประมาณตน พอใจในสงิ่ ทตี่ นมอี ยู่ ตามปรชั ญาเศรษฐกจิ พอเพยี งของ ในหลวงรชั กาลท่ี ๙ ทาให้
ชาวบ้านบา้ นแมโ่ จ้ หมู่ท่ี ๑ สง่ ผลให้บา้ นแมโ่ จ้มปี ญั หาทางสงั คมและความยากจนนอ้ ย
๑.๔ ยทุ ธศำสตรข์ องบ้ำนแมโ่ จ้
ประกอบด้วย
๑) ยทุ ธศาสตร์การพฒั นาหมบู่ า้ นบา้ นแมโ่ จ้
(๑) แนวทางการพัฒนาเส้นทางคมนาคม ถนนในหมบู่ า้ น ถนนเขา้ พน้ื ทีเ่ กษตรบางแห่ง
(๒) แนวทางการพัฒนาระบบการระบายน้า ชลประทาน และระบบน้าประปา เพื่อให้
ชาวบา้ นมีน้าใชใ้ นภาคครัวเรอื นและภาคการเกษตรอยา่ งทัว่ ถึง
(๓) แนวทางการพัฒนาการไฟฟ้าในหมู่บ้านและทางการเกษตร เพ่ือให้ชาวบ้านมีไฟฟ้าใช้
อยา่ งท่วั ถงึ ทุกครวั เรือน
๒) ยุทธศาสตรก์ ารพัฒนาด้านเศรษฐกิจตามแนวปรชั ญาเศรษฐกจิ พอเพียง
(๑) ส่งเสรมิ ใหป้ ระชาชนทปี่ ระกอบอาชพี เกษตรกรรมแบบ “ลดรายจา่ ย เพ่มิ รายได้” มีการ
เพิ่มศักยภาพให้เกษตรในการทาเกษตรกรรมรูปแบบต่างๆ เน้นเพาะปลูกให้เหมาะสมกับสภาพพื้นที่และ
สอดคล้องกบั แนวพระราชดาริเศรษฐกิจพอเพียง
(๒) ส่งเสริมให้ชาวบ้านบา้ นแมโ่ จ้ หมู่ที่ ๑ ท่ีเป็นกล่มุ ว่างงานและมีรายได้ตา่ ใหม้ ีอาชพี เสริม
หรอื ใหม้ รี ายได้ท่ีพอเลย้ี งชีพ เล้ยี งครอบครวั ให้มคี ณุ ภาพชีวติ ทีด่ ี บนพื้นฐานการพ่งึ พาตัวเอง
๓) ยทุ ธศาสตร์การพัฒนาดา้ นทรัพยากรธรรมชาติและส่งิ แวดล้อม
(๑) พัฒนาแหล่งท่องเที่ยวเชิงอนุรกั ษ์ เน้นกิจกรรมของนักท่องเที่ยวที่ไม้ทาลายทรัพยากร
ควบค่กู ับการอนรุ กั ษท์ รัพยากรป่าไม้ เพอื่ ให้เกิดความยั่งยืน
(๒) การบารุงรักษาสิ่งแวดลอ้ มของชุมชนนา่ อยนู่ า่ มอง เพิ่มประสิทธิภาพในการบรหิ ารจัดการ
ทรพั ยากรธรรมชาติ และฟ้นื ฟูทรพั ยากรท่ีเส่ือมโทรมใหฟ้ ้นื คืนสภาพโดยสมบรู ณ์
ชาวบ้าน ๔) ยุทธศาสตร์การอนุรักษ์ฟื้นฟูและสืบสานศิลปะ วัฒนธรรม จารีตประเพณี และภูมิปัญญา
(๑) ฟื้นฟู สืบสานวฒั นธรรม ประเพณีดง้ั เดิม ส่งต่อใหแ้ ก่ประชาชนร่นุ หลัง
(๒) รณรงค์ใหเ้ ดก็ เยาวชน ให้ตระหนักและห่วงแหนวัฒนธรรม ประเพณี อันดงี านของชุมชน
๕) ยทุ ธศาสตร์ด้านสังคม
(๑) แนวทางการพัฒนา เพ่ือสร้างความเข้มแข็งของชุมชน เน้นการแสดงความคิดเหน็ และ
การมสี ว่ นร่วมของคนในชมุ ชน ในการทากิจกรรมต่างๆ และรว่ มคดิ แกป้ ญั หาด้วยตนเอง
๒๒๕
การเรียนร้เู ชิงปฏิบัติการ (Action Learning) หลักสตู รนักปกครองระดับสงู (นปส.) รุน่ ที่ 76
๖) ยทุ ธศาสตร์การพัฒนาการทอ่ งเท่ยี ว
(๑) พฒั นาการทอ่ งเท่ียวในหมู่บ้าน ไม่วา่ จะเป็นการท่องเที่ยวเชิงอนรุ ักษ์ บรกิ ารบา้ นพกั ศนู ย์
บ้านดนิ และโฮมสเตย์ ให้เป็นท่รี จู้ ักและเปน็ ท่ียอมรับของหมนู่ กั ทอ่ งเทีย่ ว
(๒) ปรับปรุง และพัฒนาอย่างสม่าเสมอ ไม่ว่าจะเป็นเจ้าหน้าท่ี บุคคล และสถานท่ี เพ่ือ
เตรียมความพรอ้ มในการตอ้ นรบั นกั ท่องเทยี่ ว
๒. กำรประเมินประสทิ ธิภำพกำรเพมิ่ ศกั ยภำพชมุ ชนทอ่ งเที่ยว ตำมแนวคิดเศรษฐกิจสร้ำงสรรค์
บ้านแมโ่ จ้ มคี วามพรอ้ มทางดา้ นความอดุ มสมบรู ณท์ างธรรมชาติ เชน่ แหล่งนา้ ดนิ และทรัพยากรปา่
ไม้ เป็นต้น อีกท้ังยังเป็นที่รู้จักอย่างแพร่หลาย ในด้านการท่องเที่ยวเชิงธรรมชาติแบบย่ังยืน ร่วมกับการ
ประกอบอาชีพเกษตรกรรม และเป็นหมบู่ ้านทอ่ งเท่ียว โดยมหี ลักการคอื “อยู่บ้านดิน กินอาหารอนิ ทรีย์” ดา้ น
การอนรุ ักษท์ รพั ยากรป่าไม้เป็นที่สนใจของกลมุ่ นกั ท่องเท่ียวตา่ งชาติ จากวกิ ฤตการแพร่ระบาดของโรคติดเช้ือ
ไวรัสโคโรนา 2019 (Covid – 19) ถือว่าเป็นช่วงเวลาสาคัญที่ทางผู้นาชุมชน ประชาชน และกลุ่มต่างๆ
ภายในบา้ นแมโ่ จ้ จะสามารถระดมความคิดเห็น เพอื่ เตรยี มความพร้อมรับมอื สรา้ งความเขม้ แข็งของชุมชนใน
บา้ นแม่โจ้ เช่น การสร้างความเข้มแข็ง การบริหารจดั การของกลมุ่ และทักษะในการส่งเสรมิ การทอ่ งเทยี่ ว ให้
เป็นที่นา่ สนใจย่ิงขึ้น สร้างจดุ ขายด้านการท่องเทยี่ วเชิงธรรมชาติ การท่องเทย่ี วเชิงวิถีชุมชน ให้สอดคล้องกับ
ทุนดา้ นทรพั ยากรเดมิ ทม่ี อี ยู่ การเกษตรท่ลี ดการใชส้ ารเคมี และปรับเปลี่ยนเป็นเกษตรอินทรีย์ ที่เป็นมติ รกับ
สิ่งแวดล้อม เพ่ือให้เกิดความย่ังยืน ลดการปลกู พืชเชิงเด่ียว มาปลูกพืชหลากหลายชนิดเนน้ การพ่ึงพาตนเอง
และอยู่รว่ มกบั ธรรมชาตใิ ห้มากที่สุด
การสรา้ งความเขม้ แข็งของชมุ ชน ใหท้ ุกครวั เรอื นมสี ่วนรว่ มในการเปน็ เจ้าของชมุ ชนท่ีดี รว่ มตอ้ นรับ
นักท่องเท่ียว รักษาความสะอาดของแหลง่ ท่องเท่ยี วต่างๆ รักษาวัฒนธรรมประเพณีทดี่ ีงาม ท่ีเป็นจดุ เด่นของ
ภูมิสังคม การจัดการขยะพึ่งวิธีธรรมชาติที่สุด เช่น การทาปุ๋ยหมักอินทรีย์ การคัดแยกขยะ การรักษา
สภาพแวดลอ้ มใหส้ ะอาด ดแู ลพ้ืนท่ีต้นนา้ และการดแู ลรกั ษาทรัพยกรปา่ ไม้ที่อยู่โดยรอบหมู่บ้าน
๓. กำรจดั ทำแผนพฒั นำของหมู่บำ้ นแมโ่ จ้ ประกอบด้วย
๓.1 แผนพัฒนำของหมบู่ ้ำนแมโ่ จ้ ระยะสั้น
1) การส่งเสริมและเชื่อมโยงให้การท่องเท่ียวมีความหลากหลายมากยิ่งขึ้น เพื่อดึงดูดให้
นักท่องเทยี่ วเข้ามาพกั บา้ นดนิ และมีการประกอบกจิ กรรมในหมู่บา้ นยาวนานขึ้น เช่น กิจกรรมการเดินปา่ ดู
นก เสน้ ทางศกึ ษาธรรมชาติ การประกอบกิจกรรมใกลก้ ับธรรมชาติมากที่สดุ
2) การรวมกลุ่มเสริมสรา้ งเศรษฐกิจสรา้ งสรรค์ พัฒนาปรับเปลี่ยนจากวัตถุดิบทม่ี ี เช่น การทา
ลาไยอบแห้ง จากเตาอบพลงั งานแสงอาทิตย์ และการทามะมว่ งกวน พรอ้ มทงั้ พฒั นาบรรจภุ ัณฑ์ ใหด้ ทู ันสมัย
และมีความนา่ สนใจ
๓.2 แผนพัฒนำของหมบู่ ำ้ นแมโ่ จ้ ระยะกลำง
1) การวางแผนการเช่ือมโยงการท่องเทีย่ วกับแหลง่ ทอ่ งเทย่ี ว ทสี่ ามารถเดนิ ทางไดภ้ ายใน 1 วนั
โดยพิจารณาจากกลุม่ นกั ทอ่ งเท่ียวทห่ี ลากหลาย
๒๒๖
การเรียนรเู้ ชิงปฏบิ ตั กิ าร (Action Learning) หลกั สูตรนกั ปกครองระดับสูง (นปส.) ร่นุ ที่ 76
2) การจัดทาประวัติของหมู่บ้าน ความเป็นมาของกลุ่มต่างๆ แผนท่ีแหล่งท่องเที่ยวภายใน
หมูบ่ ้าน และหมบู่ า้ นทอ่ งเทีย่ งบรเิ วณใกล้เคยี ง
3) ป้ายบอกเสน้ ทาง และปา้ ยแนะนาการทอ่ งเทยี่ วภายในหม่บู า้ น จดุ เดน่ ของสถานทีท่ อ่ งเที่ยวที่
สามารถบ่งบอกวัฒนธรรม ประเพณี และประวัติอันยาวนานของหมู่บ้าน และหาจุดเด่นที่นักท่องเท่ียวที่
น่าสนใจ ชกั ชวนให้นักท่องเท่ียวเยยี่ มชมในหม่บู ้านแมโ่ จ้ แหง่ น้ี
๓.3 แผนพัฒนำของหมบู่ ้ำนแม่โจ้ ระยะยำว
1) การปลกู พชื เชิงเดี่ยว อาจมีผลกระทบต่อการตลาด เน่ืองจากการปลูกลาไย มีการปลูกอยา่ ง
แพร่หลายในหลายพื้นท่ี อาจทาใหผ้ ลผลิตล้นตลาด ราคาตกต่า ควรปรับเปล่ียนเป็นการศึกษาการเพาะปลูก
พืชหลากหลายชนิด โดยศึกษาจากความต้องการของตลาดภายในและภายนอกประเทศ โดยอาศัยศักยภาพ
พื้นที่ที่อุดมสมบรู ณ์เหมาะกับการปลูกพืชได้หลากหลายชนิด รวมไปถึงการศึกษาวิธีการเพาะปลกู ไมด้ อกไม้
ประดบั ปลูกพืชแบบประณตี ใชพ้ ้ืนท่นี ้อย แต่ได้ผลตอบแทนทม่ี าก ส่งเสรมิ การปลูกพชื เกษตรทที่ ารายได้ ลด
ปญั หาการบุกรุกทาลายปา่
2) การสร้างประชาคมหมู่บ้าน โดยมีวิธีการ และเป้าประสงค์ของการพัฒนาที่เป็นท่ียอมรับ
ร่วมกนั มีการระดมความคิดการพฒั นาหมบู่ า้ นไปขา้ งหน้ารว่ มกัน เพือ่ สร้างความแข็งแกร่ง ความรกั และความ
สามัคคี “ร่วมคิด ร่วมทา ร่วมรับผลประโยชน์” หากมุ่งเน้นแต่การพัฒนาเสริมสร้างรายได้เพียงอย่างเดียว
หมู่บ้านยังไม่มีความปลอดภัยต่อนักท่องเที่ยวหรือแหล่งท่องเท่ียวนั้น จะทาให้การท่องเท่ียวเป็นท่ีนิยมลด
นอ้ ยลง หรืออาจจะลม่ สลายได้
๔. สรปุ ผลกำรศึกษำ
การพัฒนาการท่องเท่ยี วตามแนวคิดเศรษฐกจิ สรา้ งสรรค์ จะสาเรจ็ ไดต้ อ้ งเกดิ จากหมบู่ า้ นหรอื
ชุมชนที่ร่วมกันคิด ร่วมกันทา และร่วมรับผลประโยชน์ร่วมกัน จึงจะเกิดความยั่งยืน เน้นการพัฒนาจาก
ทรพั ยากรทม่ี อี ยใู่ นชุมชนของตนเอง การพัฒนาเพือ่ เพิ่มมลู คา่ ผลิตภณั ฑต์ ่างๆ โดยภาครัฐตอ้ งให้การสนับสนุน
ในเร่ืองการให้ความรู้ การแก้ไขปัญหาที่เกินขีดความสามารถของหมู่บ้านหรือชุมชน เช่น การพัฒนาด้าน
สาธารณูปโภค การให้ความรู้และเพิ่มทกั ษะในการบริหารกลุม่ ท่องเที่ยว และการประกอบอาชีพ โดยหน่วยงาน
ราชการทเี่ กยี่ วข้องอย่างจริงจงั เพิ่มการทาเกษตรกรรมแบบประณตี “ทาน้อย แต่ได้มาก” และเกดิ ความย่ังยนื ลด
การใช้สารเคมีทที่ าลายส่ิงแวดลอ้ มและระบบนิเวศน์
ภำพกำรดำเนนิ งำนในพื้นที่ศกึ ษำของกลมุ่ ปฏิบตั ิกำรที่ ๖ (กป.๖)
๒๒๗
การเรียนรูเ้ ชิงปฏิบตั กิ าร (Action Learning) หลักสูตรนกั ปกครองระดบั สงู (นปส.) รนุ่ ท่ี 76
อำเภอแม่วำง
228
การเรียนร้เู ชิงปฏิบัติการ (Action Learning) หลักสูตรนักปกครองระดับสงู (นปส.) ร่นุ ท่ี 76
รำยงำนกำรเรยี นรเู้ ชงิ ปฏบิ ตั ิ (Action Learning)
บำ้ นหว้ ยตวง ตำบลแม่วิน อำเภอแมว่ ำง
จงั หวดั เชียงใหม่
จัดทำโดย
กล่มุ ปฏบิ ตั กิ ำรที่ (กป.) 8
นำงวลิ ำวัณย์ ใครค่ รวญ ผู้อำนวยกำรสำนักคมุ้ ครองพนั ธพ์ุ ชื
นำงยพุ นิ จงจัดกลำง ธนำรักษพ์ ื้นทสี่ ุพรรณบรุ ี
นำยรุจตศิ กั ด์ิ รงั สี หวั หนำ้ สำนักงำนจังหวัดขอนแกน่
นำยเดชำธร เชำว์เลขำ นำยอำเภอท่ำเรือ จังหวดั พระนครศรีอยุธยำ
นำยคำเคลอ่ื น พณะชยั นำยอำเภอกระสัง จังหวัดบรุ รี มั ย์
นำยชำยสทิ ธิ์ สุวรรณโชติ นำยอำเภอนคิ มคำสร้อย จังหวดั มกุ ดำหำร
นำยคีรศี กั ด์ิ รำ่ งเล็ก ทอ้ งถนิ่ จังหวดั สรุ ำษฎรธ์ ำนี
นำยวสนั ต์ สุภำภำ เจำ้ พนกั งำนทด่ี นิ จงั หวดั ฉะเชิงเทรำ
นำยณรงคศ์ กั ด์ิ พิมพห์ นู ผ้อู ำนวยกำรไฟฟำ้ เขตบำงนำ
นำยไพฑรู ย์ เกง่ กำรชำ่ ง ผู้อำนวยกำรสำนกั งำนทรพั ยำกรนำ้ แห่งชำติภำค 4
รำยงำนนเี้ ปน็ ส่วนหนง่ึ ของกำรศกึ ษำอบรมหลกั สตู รนกั ปกครองระดบั สงู (นปส.) รนุ่ ท่ี ๗๖
สถำบนั ดำรงรำชำนุภำพ กระทรวงมหำดไทย
พทุ ธศกั รำช ๒๕๖๔
229
การเรียนรเู้ ชิงปฏิบตั กิ าร (Action Learning) หลกั สตู รนกั ปกครองระดับสูง (นปส.) รุ่นท่ี 76
คำนำ
การเรยี นร้เู ชงิ ปฏบิ ัตติ กิ าร เป็นส่วนหน่ึงของหลักสูตรนักปกครองระดับสูง (นปส) รนุ่ ท่ี 76 ท่ตี อ้ งการนาบทเรียนและ
ประสบการณ์จากการมสี ่วนร่วมวเิ คราะห์ปญั หาจากพื้นท่ีจรงิ ไปใชใ้ นการบรหิ ารราชการและสร้างมูลคา่ เพิม่ สาหรับประสบการณ์
การบริหารราชการใหแ้ ก่ผู้เข้ารบั การอบรมสามารถนาไปประยุกต์ใชใ้ นการบริหารงานได้กว้างขวางมากขึ้น โดยกาหนดให้กลุ่ม
ปฏบิ ัตกิ ารที่ (กป.) 8 เข้าปฏบิ ตั กิ ารท่ีบา้ นหว้ ยตอง หมูท่ ี่ 10 ตาบลแม่วิน อาเภอแม่วาง จังหวัดเชยี งใหม่
การท่ีคณะผเู้ ข้ารับการฝึกอบรมใน กป.๘ ท้งั 10 คนจากหลากหลายสงั กดั หน่วยงาน ไดร้ ับมอบหมายใหเ้ ดนิ ทางไป
หมูบ่ า้ นห้วยตอง ระหว่างวันท่ี 5-9 เมษายน ๒๕๖๔ เพ่ือการเรียนร้เู ชงิ ปฏบิ ัตติ ิการน้นั นอกจากจะไดท้ ราบถงึ สภาพทแ่ี ท้จรงิ
ของความเปน็ อยู่ของราษฎร์ในหมู่บา้ นหว้ ยตองหมู่ท่ี 10 เพ่ือนามาเขียนรายงานแลว้ การเดนิ ทางครัง้ น้ีถือเป็นประสบการณ์ที่
นา่ ประทบั ใจในหลายๆมติ ิ เริม่ จากสถานที่ ๆทุกคนได้มาสัมผัสเป็นคร้งั แรก ความเอื้อเฟ้ือเก้ือกลู กนั และสมั พันธภาพอันดที ี่
เกิดขึ้นระหวา่ งผฝู้ ึกอบรมดว้ ยกันและกบั ราษฎรในหมบู่ า้ น การแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้า การใหเ้ กียรติซึ่งกันและกัน การแบ่งงาน
กนั ทา การพฒั นาการที่เกดิ ข้ึนต้ังแต่วันแรกจนถงึ วนั ท่ีถึงกาหนดจะต้องลงมาอ.เมอื งเชียงใหม่ หากเปน็ การลงจุดบนกราฟเสน้
กราฟจะมีลกั ษณะกราฟเปน็ แบบ sigmoid curve ที่เสน้ ตวั S ดา้ นบนคือระดบั ความอ่มิ เอมและความสุขทม่ี รี ่วมกันของทุกคน
ณ เวลาน้นั ถงึ ขนาดท่วี ่า ในเช้าวันทจ่ี ะต้องเดินทางลงมามหี ลายเสยี งราพึงว่า “ยังไม่อยากลงมาจากดอยเลย”
กป.๘ นปส.รุ่น ๗๖ หวังวา่ รายงานฉบับนีจ้ ะเปน็ ภาพสะทอ้ นของเรื่องราวที่พวกเราทุกคนไดพ้ บประสบการณต์ ่าง ๆ
แล้วถา่ ยทอดส่ผู ทู้ ี่ไม่ได้มโี อกาสเดนิ ทางไปยังหมบู่ ้านนี้จะไดเ้ ห็นภาพตามไป และสาหรับพวกเราถอื เป็นภาพแห่งความทรงจาที่
งดงามยิง่ และคงจะอมยิม้ ทุกครั้งที่ได้หยิบขน้ึ มาอ่าน
คณะผู้จดั ทำ
นกั ศึกษำหลักสตู รนกั ปกครองระดับสงู รนุ่ ที่ 76
กลุ่มปฏบิ ตั กิ ำรท่ี (กป.) 8
230
การเรยี นร้เู ชงิ ปฏิบตั กิ าร (Action Learning) หลักสตู รนกั ปกครองระดบั สูง (นปส.) รุ่นที่ 76
สว่ นที่ 1
กรอบกำรเรยี นรดู้ ้วยกำรลงมอื ปฏบิ ตั ิ เพ่อื เขำ้ ใจ เขำ้ ถึง วถิ ชี ุมชน
๑. กำรศกึ ษำเรียนรภู้ มู ิสงั คมและวถิ ชี ีวิตของชุมชน
ประวัติความเป็นมา หมู่บ้านห้วยตองก่อตั้งเมื่อปี พ.ศ.2430 อพยพมาจากบ้านแม่อูคอ อาเภอ
ขุนยวม จังหวัดแม่ฮอ่ งสอน เปน็ ชนเผ่าปะกาเก่อญอ จากคาบอกเลา่ ของผูอ้ าวโุ สในหมบู่ า้ นชมุ ชนบ้านห้วยตอง
โดยพ่อเฒ่ากาโพ ซึ่งได้อพยพมาจากบ้านแม่อุคอ อ.ขุนยวม จ.แม่ฮ่องสอน กลาโพเคยรับจ้างลากไม้ให้กับ
บริษัทของอังกฤษในชว่ งทีก่ ลาโพทางานใหก้ บั บรษิ ัทดังกลา่ วไดเ้ ดินทางผา่ นบริเวณล่มุ นา้ ห้วยตอง และเหน็ วา่
เป็นพ้ืนที่ที่มีความอุดมสมบรู ณ์ เมื่อได้ลาออกจากบรษิ ัทองั กฤษแลว้ จึงได้ชักชวนญาติพี่น้องมาต้ังถิ่นฐานใน
บริเวณลุ่มน้าห้วยตองจุดแรกท่ีมีการต้ังหมู่บ้านคือบริเวณที่นาของนายหม่อเคอในปัจจบุ ัน โดยมีกลาโพเปน็
ผู้นาของหมู่บ้าน หลังจากน้ันก็มีคนอพยพมาอยู่เพ่ิมมากขึ้น ทุกคนในหมู่บ้านนับถือศาสนาคริสต์ นิกาย
คาทอลิก มีประชากร 608 คน เป็นหญิง 282 ชาย 326 จานวน 135 ครัวเรือน พื้นที่ท้ังหมด 7.922
ตารางกโิ ลเมตร หรือ 4,951.231 ไร่ รายได้ตอ่ ครัวเรอื น 207,583 บาทตอ่ ปี
อาชพี อาชีพหลกั ของราษฎรบ้านหว้ ยตองคอื อาชีพทาการเกษตร อันประกอบด้วย การผลติ พืชผกั
แบบอินทรีย์ในโรงเรือน เน้นท่ีผักสลดั ผักกวางตุ้ง กระหล่าปลี การปลูกไมผ้ ล เช่น พลับ อาโวคาโด เสาวรส
สาล่ี สตรอเบอรี การเล้ียงสัตว์ เช่น เลี้ยงไก่ หมู วัว นอกจากนั้นยังเป็นท่ีตั้งของโครงการหลวงทุ่งหลวง ซ่ึง
ได้รับการสนับสนุนใหด้ าเนินการพัฒนาพน้ื ท่ีจากพระราชดาริของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภมู พิ ลอ
ดลุ ยเดช ในหลวงรัชกาลที่ 9 มีการพัฒนาแหล่งน้าโดย สรา้ งอา่ งเก็บนา้ เม่อื วันท่ี 19 มกราคม พ.ศ. 2522
ในหลวงรัชกาลที่ 9 ได้เสด็จพื้นท่ีบ้านห้วยตอง ทรงพระราชดาริให้ก่อสร้างอ่างเก็บน้าบ้านห้วยตองเพื่อ
สนับสนนุ การเกษตรและเพื่อการอุปโภคบรโิ ภคของราษฎรบา้ นหว้ ยตองรวมถึงใชป้ ระโยชน์ในโครงการหลวง
ทุ่งหลวง โดยมีสันเข่ือนกว้าง 6 เมตร ยาว 103 เมตร สูง 18.5 เมตร สามารถเก็บกักน้าได้ 400,000
ลูกบาศกเ์ มตร
ภาพท่ี 1 สถานท่สี าคัญของหมบู่ า้ นห้วยตองหมู่ 10 ตาบลแม่วนิ อาเภอแมว่ าง จังหวดั เชียงใหม่
231
การเรียนรเู้ ชงิ ปฏิบัตกิ าร (Action Learning) หลักสูตรนกั ปกครองระดับสงู (นปส.) รนุ่ ท่ี 76
ทีต่ ้ัง บ้านหว้ ยตองตง้ั อยทู่ ่ี หมู่ที่ 10 ตัง้ อยู่ในตาบลแมว่ นิ อาเภอแมว่ าง จงั หวดั เชยี งใหม่ หา่ งจาก
อาเภอแม่วางไปทางทศิ ตะวนั ตก 30 กิโลเมตร มอี าณาเขตติดตอ่ กับตาบลแมว่ นิ ทั้ง 4 ทศิ ดงั น้ี
ทิศเหนือ ตดิ ต่อกับ บา้ นห้วยอีคา่ ง หมู่ท่ี 1
ทิศใต้ ติดต่อกบั บา้ นหนองเต่า หมู่ที่ 4
ทศิ ตะวันออก ติดตอ่ กบั บา้ นทงุ่ หลวง หมู่ที่ 2
ทิศตะวันตก ติดต่อกบั บา้ นหว้ ยข้าวลีบ หมูท่ ี่ 8
หมู่บ้านหว้ ยตองมลี กั ษณะเปน็ ทร่ี าบสงู และพื้นที่สงู ตา่ สลับมแี หล่งนา้ ในพื้นที่ สภาพพื้นทเ่ี ป็นป่าเขา
คอ่ นข้างอุดมสมบรู ณ์ ดงั ภาพที่ ๒
ภาพที่ 2 แผนทบี่ ้านหว้ ยตอง หมู่ 10 ตาบลแมว่ ิน อาเภอแม่วาง จงั หวัดเชียงใหม่
การใชท้ ่ดี ิน ในพ้ืนท่ที ้ังหมด 4,951.231 ไร่ มีมากกว่าครึ่งเปน็ พื้นท่ีป่า ทงั้ ป่าอนรุ กั ษแ์ ละปา่ ทเี่ ปน็
ไมใ้ ชส้ อย รองๆลงมาเปน็ พ้ืนทส่ี วนที่ปลกู ไมย้ นื ต้น ท่ีเหลือเป็นพื้นท่ีนา สวนผสมผสาน ที่อยอู่ าศยั ขณะทีเ่ ปน็
พ้ืนทแ่ี หล่งน้าราว เปอรเ์ ซน็ ต์ ดงั ตารางที่ 1
232
การเรียนรู้เชงิ ปฏบิ ัติการ (Action Learning) หลกั สูตรนักปกครองระดับสงู (นปส.) รุน่ ท่ี 76
ตารางท่ี ๑ ประเภทการใชท้ ด่ี นิ บา้ นห้วยตอง หมู่ 10 ตาบลแม่วนิ อาเภอแม่วาง จงั หวัดเชยี งใหม่
ประเภทกำรใช้ ตร.กม. พืน้ ที่
3.302
ประโยชนท์ ี่ดนิ 2.015 ไร่
พ้นื ท่ปี า่ อนรุ กั ษ์ 0.789 2,063.509
พื้นทป่ี า่ ใชส้ อย 1.284 1,259.638
พ้นื ทีน่ า 0.197 492.849
พ้นื ที่สวน 0.255 802.507
พนื้ ทีส่ วนผสม 0.081 123.151
พนื้ ที่อยอู่ าศัย 7.922 159.232
แหลง่ น้า 50.345
รวม 4,951.231
ลกั ษณะนิสยั ชนเผา่ ปะกาเกอ่ ญอ มีความรักสันโดษ จะมปี ฏิสัมพนั ธ์กนั เฉพาะในกลุ่ม รักความสงบ
ด้านภูมปิ ัญญา ชนเผ่าปะกาเกอ่ ญอมีการปลูกขา้ วเพ่อื บริโภคเองและส่งต่อความรู้ด้านการปลกู ข้าว โดยข้าวท่ี
ปลกู ตง้ั แตบ่ รรพบุรุษจนถงึ ปจั จบุ นั เป็นขา้ วพนั ธุ์พน้ื เมอื ง นอกจากการปลูกข้าวแลว้ ยงั มกี ารเลี้ยงสตั ว์ ไดแ้ ก่ ววั
ควาย ม้า หมู ไก่ เพ่ือใช้ในการบริโภคและพิธีกรรม สืบทอดกันมา ไม่น้อยกว่า 100 กว่าปี แต่หลงั จากมกี าร
ก่อต้ังโครงการหลวงทุ่งหลวงทาให้มกี ารเพ่มิ การประกอบอาชีพเปน็ การปลกู ผักเพิ่มเข้ามาและใหค้ วามร้ดู า้ น
การเกษตรแนวใหมพ่ ร้อมทั้งจัดหาตลาดเพื่อยกระดับความเป็นอยู่ของราษฎร สาหรับด้านสาธารณสุขเดิมมี
การรกั ษาพยาบาลโดยผ้มู ีความรดู้ า้ นสาธารณสขุ พืน้ บ้าน เดมิ คนในเผา่ ปะกาเกอ่ ญอ จะมแี ตช่ อ่ื ไม่มีนามสกุล
จนกระทง่ั ปี มกี าหนดใหร้ าษฎรทุกคนตอ้ งมนี ามสกลุ จงึ ทาให้ผูใ้ หญบ่ า้ น กานนั ไดต้ ง้ั นามสกุลให้ จะสงั เกตได้
วา่ จะเป็นนามสกุลที่มคี วามไพเราะ และมคี วามหมายท่ดี ี ในทกุ ครัวเรอื น
๒. กำรศกึ ษำเรยี นรรู้ ะบบกำรบริหำรจัดกำรชมุ ชน
จดุ แข็งทส่ี าคญั ของบา้ นห้วยตอง คือ มีภมู สิ งั คมทด่ี ี จดุ ดอ้ ยคอื ปญั หาดา้ นยาเสพตดิ และสาธารณสุข
พน้ื ฐาน โอกาส คอื นโยบายของรัฐเพ่ือสง่ เสริมเศรษฐกจิ พนื้ ฐานราก และกระแสโลกเรอื่ งความปลอดภยั ของ
อาหารและโรคอบุ ตั ิใหม่ ขณะทค่ี วามเสยี่ งทีพ่ บคอื กระแสโลกาภวิ ัตน์ (ค่านยิ มสมัยใหม)่ และความผนั ผวนของ
ราคาสนิ คา้ เกษตร การบริหารจัดการชุมชนของบ้านหว้ ยตอง ประกอบด้วย
2.1 กฎ ระเบียบ และข้อบงั คบั ของภาครัฐ
ภายในหมู่บ้านมีกฎ กตกิ า ระเบียบ และขอ้ บงั คับทช่ี ดั เจน ใหค้ นในพน้ื ทถ่ี อื ปฏิบัติได้ ไม่วา่
จะเปน็ การปฏบิ ตั งิ านในรูปคณะกรรมการ มีผู้นา หรอื ผู้บริหารกาหนดกติกาในการปฏบิ ตั ิ ประกอบการดาเนิน
อาชีพท่ีมีส่วนราชการเข้าไปใหก้ ารส่งเสริม และสนบั สนุนอาชีพ โดยเฉพาะเรือ่ งเงนิ ทนุ สาหรับการดาเนินชีวิต
หากมีความประสงค์จะประกอบอาชีพ ส่วนราชการจะเข้าไปส่งเสริมประกอบกับหาเงินทุนในการประกอบ
อาชีพให้ อาทิเช่น กองทุนพัฒนาบทบาทสตรี กองทุนละไมเ่ กนิ 200,000 บาท (สองแสนบาท) โดยสมาชิก
กลุ่มพัฒนาบทบาทสตรีต้องรวมกลุ่มกันอย่างน้อย 5 คน เพื่อกู้เงินไปในการประกอบอาชีพ สินเช่ือเพ่ือ
233
การเรียนรเู้ ชงิ ปฏิบัติการ (Action Learning) หลักสูตรนกั ปกครองระดับสงู (นปส.) รุ่นที่ 76
การเกษตร ธกส. (ดอกเบี้ยถูก ล้านละร้อย) เพ่อื ส่งเสริมสนบั สนนุ กลุ่มอาชพี ใหร้ วมตัวกนั ประกอบอาชพี ซึ่งจะ
เปน็ การกระตุ้นเศรษฐกิจฐานราก เป็นต้น
๒.๒ การวิเคราะหค์ วามสามารถในการบรหิ ารจัดการชุมชน มกี ระบวนการขนั้ ตอน การตดิ ตาม และ
ประเมนิ ผล
บ้านหว้ ยตองมกี ารบรหิ ารจดั กาชุมชน ดว้ ยมกี ารรวมตวั เรียนรู้ ร่วมคิด ร่วมลงมอื ทาจรงิ รวมทัง้ หนนุ
เสรมิ ใหก้ ลมุ่ ทม่ี กี ารรวมตวั อยู่แล้วให้เขม้ แข็งมากยง่ิ ข้นึ โดยมีกระบวนการ ขัน้ ตอน ดังน้ี
๒.๒.๑ การรวมตัวเพอื่ มีส่วนร่วมในการขบั เคลื่อนพัฒนาด้านสงั คม วิถีชีวติ ประจาวัน อาทเิ ช่น
2.2.1.1 ประชาชนในหมูบ่ ้านห้วยตอง ร่วมกันจัดทาแนวกันไฟ เพ่ือป้องกันไฟป่า
อันเป็นสาเหตุสาคัญท่ีก่อให้เกิดปัญหาหมอกควันไฟ ปัญหาฝุ่นละอองขนาดเล็ก หรือ PM 2.5 ซ่ึงจะส่งผล
กระทบต่อสุขภาพโดยรวมของ ประชาชน และสังคมโดยรวม
2.2.1.2 ประชาชนหมู่บ้านห้วยตองร่วมกันสร้างธนาคารน้าใต้ดินในทุกครวั เรอื น
เพอ่ื บาบดั น้าท้ิง ให้เป็นน้าสะอาด และกักเก็บน้าใต้ดินเพอ่ื สรา้ งความชุมชืน่ ให้แก่ผิวดนิ และเพมิ่ ปริมาณน้า
ใตด้ ินให้มากย่ิงขน้ึ ซงึ่ ในอนาคตอันใกล้นีก้ จ็ ะไปดาเนนิ การตอ่ บรเิ วณพนื้ ที่บนภูเขาในรปู แบบของถาดขนมครก
โครงการแกม้ ลิง เปน็ ต้น เพอื่ เพมิ่ ความชมุ ช่นื บนพ้นื ที่ภูเขา ทาให้ระบบนิเวศมคี วามสมบูรณเ์ พิ่มขน้ึ
2.2.1.3 ประชาชนหมู่บ้านหว้ ยตอง ได้รวมกลุ่มกนั เพือ่ จัดตงั้ กลมุ่ ออมทรพั ย์เครดติ
โดยเปดิ โอกาสให้ประชาชนถือหนุ้ ๆ ละ 20 บาท ไมเ่ กนิ 5,000 บาท/คน มีการปันผลดอกเบ้ียเป็นรายปี และ
เงนิ รายได้ที่เกดิ จากการบรหิ ารจดั การ สว่ นหนง่ึ จะย้อนคืนสู่สงั คมในรปู แบบของสวัสดกิ ารช่วยเหลอื ซงึ่ กนั และกนั
เช่น เป็นสวัสดิการสาหรบั การจักงานศพ งานแต่งงาน ช่วยค่าคลอดบตุ ร ช่วยค่าจัดงานขน้ึ บ้านใหม่ เป็นต้น
ซ่ึงเป็นการแสดงใหเ้ ห็นถงึ ความรัก ความสามคั คี ความเอื้ออาทรตอ่ กันของคนในหมู่บา้ น/ชมุ ชน
จากท่ีกลา่ วมาข้างต้นถึงการบริหารจดั การชุมชนว่าจะมกี ารดาเนินการอยา่ งสม่าเสมอ และ
ตอ่ เนอื่ งยง่ั ยนื หรือไม่นน้ั อาจวิเคราะหแ์ ละประเมินผลดังนี้
1. กลุ่มออมทรพั ยเ์ ครดิต ขณะนี้มีเงิน 20 ล้านบาท ถือว่าเป็นจานวนเงินทมี่ ากพอสมควร
และมีสมาชกิ ทถ่ี ือหุ่นเป็นประชาชนภายในหมบู่ า้ นเกอื บรอ้ ยละ 100 และมีสมาชิกจากหมบู่ า้ นขา้ งเคยี ง ถอื วา่
เปน็ กลุ่มออมทรพั ย์ทม่ี ีความเขม็ แข็ง
๒. กรรมการมกี ารแบบบทบาทหน้าที่ชดั เจนเป็นชนเผาปะกาเกอ่ ญอ กรรมการซง่ึ เป็นชนเผา่
ใชห้ ลกั การบริหารงานทม่ี ีความซอ่ื สตั ย์ และเสียสละรบั ผดิ ชอบ วิเคราะห์ความเป็นไปได้น่าจะไมม่ ีการทจุ ริตต่อ
หนา้ ท่ี สร้างความม่นั ใจใหแ้ กผ่ ้ถู ือหุน้ ได้
3. กองทนุ การบรหิ ารจดั การของกลมุ่ ออมทรพั ย์เครดติ มีความเข้มแข็งฝากสจั จะทุกเดือนโดย
การระดมหุน้ ๆ ละ 20 บาท แต่ไม่เกินร้อยละ 5,000 บาท และในการพัฒนากลุม่ มีความโปรง่ ใส จะพฒั นา
ไปสกู่ องทนุ ทมี่ ีขนาดเงินกองทนุ ทีใ่ หญข่ นึ้ ในอนาคต
4. กฎ กติกา ระเบยี บ คณะกรรมการบริหารกล่มุ ออมทรพั ยเ์ ครดิตได้จดั ทาไว้เป็นระบบเป็น
ขั้นตอนสามารถตรวจสอบได้ โดยได้จดั การระเบียบการบรหิ ารจดั การกลุ่มเปน็ ลายลักอักษร
๕. กิจกรรม ท่ีดาเนินการภายในกลุ่ม เช่น การระดมเงินทุน และปล่อยเงินกู้ให้สมาชิกท่ี
เดือดร้อนนาไปประกอบอาชีพเพื่อช่วยเหลือครอบครัว และกาไรนามาจัดสวัสดิการช่วยเหลือสมาชิก และ
234
การเรยี นรูเ้ ชงิ ปฏบิ ตั กิ าร (Action Learning) หลักสูตรนักปกครองระดบั สงู (นปส.) ร่นุ ที่ 76
หมู่บ้าน/ชุมชนตั้งแต่ เกิด แก่ เจ็บ ตาย ซึ่งเป็นการแสดงออกถึงความรักเอื้ออาทรต่อคนในหมู่บ้าน/ชุมชน
เดยี วกนั
2.2.2 การรวมตัวกันเพื่อสร้างความมั่นคงด้านเศรษฐกิจชุมชน เน้นการผลิต การบริโภค
อยา่ งพอเพยี งในชุมชน และการปล่อยเงินกู้ นามาประกอบอาชีพ อาทิเชน่ การปลูกผกั ออแกนิค หากเหลือจาก
การบริโภคในชุมชนก็สามารถขายให้โครงการหลวง และบริษัทวัฒนาไพลศาล ท่ีได้เข้ามาสง่ เสรมิ การปลูกผกั
อินทรีย์ พรอ้ มรบั ซอ้ื ในราคาดี รวมทัง้ การสง่ เสริมบทบาทสตรี ในการขบั เคลื่อนเศรษฐกจิ ชมุ ชน เนอ่ื งจากกลมุ่
สตรใี นพน้ื ทจ่ี ะมีบทบาทในทางเศรษฐกิจ สังคม วัฒนธรรม และสิ่งแวดล้อมเป็นอย่างมาก หากสง่ เสริมบทบาท
สตรีก็จะสามารถขับเคลอ่ื นพฒั นาพนื้ ท่ใี นหลากหลายมิตไิ ด้
2.2.3 การอยู่ร่วมกันกบั ทรพั ยากรธรรมชาติ และสิง่ แวดล้อมโดยการมสี ่วนร่วมของชมุ ชนใน
การอนรุ กั ษฟ์ น้ื ฟู พฒั นา ใช้ประโยชน์ ซึง่ ประชาชนบ้านหว้ ยตอง ไดม้ ีวิธีการบริหารจัดการ ดังน้ี
2.2.3.1 ออกข้อบังคับหมบู่ า้ น ห้ามประชาชนตัดไมท้ าลายป่า และรว่ มกัน
ดูแลรักษา ฟื้นฟูสภาพป่าให้อุดมสมบูรณ์ และรักษาระบบนิเวศ และนอกจากกติกาที่มีลายลักษณ์
อักษรแลว้ ในดา้ นความเสีย่ งของการเปลย่ี นมอื ของเจ้าของที่ดิน เนอ่ื งจากกลุ่มของเราประเมินว่าในอนาคตมี
ความเป็นไปได้ว่าหมู่บ้านน้ีจะกลายเป็นแหล่งท่องเที่ยว มีความเป็นไปได้ว่าจะมีการขายท่ีดินให้คนนอก
หมู่บ้าน แม้ปัจจุบนั ในหมู่บา้ นจะมกี ารตกลงกันไว้ว่าห้ามขายที่ดินให้คนนอก แต่ในทางปฏบิ ัติจริงอาจไม่เป็น
เช่นนนั้
2.2.3.2 ประชาชนจะมโี ครงการดาเนนิ โครงการแกม้ ลิง และหลมุ ขนมครกบนพื้นท่ี
รอบภูเขาเพ่อื กกั เกบ็ นา้ และสร้างความช่มุ ชน่ื ใหก้ ับตน้ ไม้ และระบบชีวภาพ
2.2.3.3 ประชาชนร่วมกันจัดทาแนวกันไฟ เพ่ือเป็นการป้องกันไฟป่าตลอดถึง
ปอ้ งกันการเกดิ ฝนุ่ ละอองขนาดเลก็ PM 2.5
2.๒.4 การวิเคราะห์ภาพรวมของการเกษตรในพ้ืนท่ี โดยพจิ ารนาเป็นห่วงโซ่ วตั ถดุ ิบ ปัจจัย
การผลติ ความสะอาด รวมทั้งความเสียงทอี่ าจเกดิ ขึ้น
จากการสารวจพื้นท่ีเชิงปฏิบตั กิ าร ในสว่ นของพนื้ ทกี่ ารเกษตรพบว่า โดยส่วนใหญเ่ กษตรกร
นยิ มปลกู ผกั อนิ ทรยี ์ โดยผลผลติ จะถูกจาหน่ายไปยังแหลง่ ซ้ือ 3 แหลง่ คือ 1. โครงการหลวงมสี มาชิกจานวน
30 ครวั เรอื น รายได้ 7,000 – 8,000 บาท/เดือน มีลกั ษณะสญั ญาเป็นแบบเกษตรพันธะสญั ญา (Contrack
Farming) 2.เปน็ คู่สญั ญากบั บรษิ ทั กลมุ่ พัฒนาไพรศาล จานวน ๑๕ ครวั เรอื น มีรายได้ครวั เรอื นละ 10,000
– 12,000 บาท/เดือน มีลักษณะสัญญาเป็นแบบเกษตรพันธะสญั ญา (Contrack Farming) และกลมุ่ อสิ ระ
จานวน 2 ครัวเรือน รายได้ครัวเรือนละ 6,000 – 7,000 บาทเดือน กลุ่มนี้จะมีปัญหาเร่ืองเงินลงทุน
โดยเฉพาะไมม่ ีโรงเรือนสาหรับปลูกผกั และมีปัญหาในด้านปัจจยั การผลิต
ในส่วนของพชื การเกษตรอ่นื ๆ ก็มปี ลกู ท่วั ไปสาหรบั บริโภคในครวั เรือน เชน่ ขา้ ว พรกิ ขา่ ตะไครห้ อม
พชื ผักสวนครวั ตา่ งๆ ในสว่ นของไม้ผลกจ็ ะมกี ารปลูกตน้ พลบั ต้นอาโวคาโด กลว้ ย สตรอเบอร่ี มะมว่ ง แตส่ ่วน
ใหญ่จะปลกู ไวเ้ พ่ือการบริโภคในครวั เรือน หากมเี หลอื กจ็ ะขายภายในและภายนอกหมูบ่ ้าน
235
การเรยี นร้เู ชิงปฏบิ ัติการ (Action Learning) หลกั สูตรนักปกครองระดับสงู (นปส.) รนุ่ ที่ 76
ปัจจัยกำร กระบวนกำร กำรตลำด ควำมเส่ียง
ผลิต
- การปลกู - โครงการหลวง - พชื ผักลน้ ตลาด
- โรงเรือน - การเตรียมดนิ - เป็นคูส่ ัญญากบั ในฤดูหนาว
- ป๋ยุ - การใสป่ ุ๋ย บรษิ ทั กลมุ่ พฒั นา - การเกดิ สารณ
- พันธผ์ุ ักออแก - ระบบน้าหยด ไพศาล ภัยต่างๆ
นคิ - กล่มุ อสิ ระ - ตน้ ทนุ การผลิต
- วสั ดุ อปุ ณ์ (ปัจจัยการผลติ )
สาหรบั การ อาจมีราคาสงู ขนึ้
เตรยี มดนิ หรือ ในอนาคต
ใชใ้ นการภ4kr
ภาพท่ที างาน
ภาพท่ี ๓ วงจรการผลติ และจาหนา่ ย และผลกระทบจากปัจจัยทีเ่ กย่ี วข้องกับผักของบ้านหว้ ยตอง
จากภาพรวมการเกษตรในพืน้ ท่ีบ้านห้วยตอง เนน้ การปลูกผักอินทรยี เ์ พอ่ื จาหนา่ ยเปน็ หลกั โดยในการ
ปลูกผักอินทรยี ์แต่ละรอบจะใช้เวลาปลกู จนเกิดผลผลิตประมาณ 45 วัน จึงจะเตรียมดินและปลกู รอบถัดไป
เกษตรกรสามารถปลูกผักได้ประมาณ 6 – 7 รอบ/ปี ซึ่งถือว่าเปน็ อาชีพที่สรา้ งรายได้ใหแ้ ก่เกษตรกรได้เปน็
อย่างดี จนทาให้หมู่บ้านห้วยตองไม่มีคนตกเกณฑ์ความจาเป็นพื้นฐาน (จปฐ.) เลย อย่างไรก็ตาม จากการ
วเิ คราะห์สภาพการดาเนินการปลกู ผักอนิ ทรีย์ของเกษตรกรบ้านห้วยตอง กพ็ บปญั หาอปุ สรรคการดาเนินงาน
อยู่บ้าง ซึ่งหากมีการสนับสนนุ ส่งเสริม จากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องก็จะสามารถเพิ่มประสิทธิภาพ ประสิทธผิ ล
และลดความเสย่ี งไดม้ ากยิงข้ึน ซงึ่ จะพิจารณาในรายละเอยี ดในรปู แบบตาราง โดยพิจารณาจากภาพท่ี ๓
3. กำรศึกษำเรยี นรู้นโยบำยภำครัฐและผลกระทบตอ่ กำรพัฒนำของชมุ ชน
บทบาทของภาครัฐโดยมีส่วนราชการที่เกี่ยวข้องแปลงนโยบายไปสู่การปฏิบัติในพื้นที่เพื่อให้เป็น
รปู ธรรม สมั ฤทธิผ์ ล เกดิ ประโยชน์ต่อประชาชนท่ีสอดคล้องกบั พื้นที่ มดี ังนี้
๓.1 นโยบายเศรษฐกิจฐานราก
หนึ่งในนโยบายภายใต้มาตการฟ้ืนฟูเศรษฐกิจท่ีสาคัญคือ การสร้างงานสร้างอาชีพ พัฒนาด้านการ
เกษตรสมยั ใหม่ กระตุ้นเศรษฐกจิ ฐานราก ซึ่งคาดว่าแรงงานจะหลง่ั ไหลเข้ามาสู่ภาคการเกษตรมากข้ึน ทาให้
เศรษฐกจิ การเกษตรเปน็ ตัวขบั เคลือ่ นเศรษฐกจิ ระดบั ชมุ ชน
กลุ่มวิสาหกจิ ชุมชนบา้ นห้วยตอง เป็นกล่มุ ปลูกพืชผักอินทรยี ์ (Organic farming) โดยพืชผักอินทรียท์ ี่
ปลกู ประกอบดว้ ย กรนี โอค๊ เรดโอ๊ค บัตเตอร์เฮด กรีนคอส เรดคอส มนิ ิคอส เรดบตั ตาเวยี ร์ กรีนคลอรลั เรด
คลอรัล ฟิลเลย์ สลัดแก้ว แครอท หัวไชเท้า กะหล่าปลี กลุ่มวิสาหกิจชุมชนมีสมาชิกท้ังหมด 53 ครัวเรือน
ผลผลิตท่ีไดจ้ ากการผลติ จะถกู จาหน่ายไปยังแหลง่ รับซ้ือ 3 แหล่ง แต่ละแหล่งรบั ซ้อื มีครวั เรือนทเี่ ข้าร่วม และ
รายได้ต่อครวั เรือนดังน้ี
236
การเรียนร้เู ชงิ ปฏิบัตกิ าร (Action Learning) หลักสตู รนกั ปกครองระดบั สงู (นปส.) รุ่นท่ี 76
๓.1.1 เป็นสมาชิกของโครงการหลวง จานวน 30 ครัวเรือน รายได้ครัวเรือนละ 7,000 - 8,000
บาท
๓.1.2 เป็นคู่สญั ญากบั บริษทั กล่มุ วฒั นาไพศาล จานวน 15 ครัวเรือน มรี ายได้ครัวเรือนละ 10,000
- 12,000 บาท
๓.1.3 เป็นกลุ่มอิสระ จานวน 2 ครวั เรอื น รายไดค้ รัวเรอื นละ 6,000 – 7,000 บาท
ก. ข.
ภาพท่ี ๔ การผลติ ผักอินทรยี ์ของเกษตรกรบา้ นห้วยตอง ก. ปลกู ในโรงเรอื นและ ข. แปลงกลางแจง้
การปลูกผักอินทรีย์ส่งผลให้ประชาชนมีอาชีพ รายได้ สามารถดารงชีวิตตามวิถีพอเพียงอย่างมี
ความสุข ทาให้มีคุณภาพชีวิตท่ีดี อย่างไรก็ตามยังมีเกษตรกรบางส่วนท่ียังขาดวัสดุอุปกรณ์ในการประกอบ
อาชีพดังกล่าว อาทิ โรงเรือนปลูกผัก ระบบท่อส่งน้า ปัญหาดังกล่าวภาครัฐควรจะเข้ามาสนับสนุนส่งเสรมิ
แก้ไขในปัญหาดังกลา่ ว
แต่ในระยะเปล่ียนผ่านต่อไป ต้องมีพัฒนาการในทิศทางที่ดีข้ึนท้ังในด้านปร ะสิทธิภาพ และ
ประสิทธิผลทั้งในเร่ืองการเพ่ิมทักษะความเช่ียวชาญของเกษตร ยกระดับการผลิต เช่น การเกษตรท่ีเน้น
คุณภาพ เศรษฐกิจชีวภาพ และการท่องเทย่ี วเชิงธรรมชาติ นอกจากนั้นอาจต้องลงทุนเพื่อเพ่ิมศักยภาพของ
ชมุ ชน และ SMEs เพ่ือสรา้ งความเขม้ แขง็ ใหแ้ ก่เศรษฐกจิ ฐานราก
๓.2 ผลกระทบทางสงั คมและลดความเหลอื่ มลา้
๓.2.1 ประชาชนสามารถเข้าถึงบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ 350 คน ได้รับเงินช่วยเหลือจาก
ภาครฐั ประมาณ 100,000 บาท
๓.2.2 โครงการเราชนะ (กลุ่มที่มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ 350 คน กลุ่มท่ีลงทะเบียนโดย
สมารท์ โฟน 70 คน และกล่มุ ที่ไม่มสี มาทร์โฟน ได้ไปลงทะเบยี นทที่ ่ีวา่ การอาเภอแมว่ าง จานวน 15 คน รวม
435 คน ไดร้ บั เงนิ ชว่ ยเหลอื จากภาครัฐเปน็ เงินทั้งสิน้ 3,045,000 บาท ซ่ึงเงนิ จานวนดงั กล่าว ประชาชน
237
การเรยี นร้เู ชงิ ปฏิบตั ิการ (Action Learning) หลักสตู รนักปกครองระดบั สูง (นปส.) รุ่นท่ี 76
สามารถนามาใช้จ่ายในการดารงชวี ิตภายในครอบครวั เปน็ การกระตุ้นเศรษฐกจิ ฐานราก ทาใหม้ เี งนิ หมุนเวยี น
ภายในหมูบ่ า้ นและทาให้มเี งนิ เหลือจา่ ยจากการใชจ้ า่ ยในการดารงชีวติ เกบ็ เป็นเงินออมในครัวเรือน
๓.๒.๒ นโยบายการป้องกันและแก้ปัญหายาเสพติดของรฐั บาล เน่ืองจากหม่บู ้านหว้ ยตอง
หม่ทู ี่ 10 ตาบลแมว่ นิ อาเภอแม่วาง จงั หวัดเชียงใหม่เป็นจุดศนู ย์กลางเชอื่ มโยงของเสน้ ทางการคมนาคม ทา
ให้เป็นเส้นทางการลาเลียงของยาเสพติดเข้าออกหลายจดุ ทาให้มีผคู้ ้าและผู้เสพในพืน้ ที่ ส่งผลกระทบต่อเดก็
และเยาวชนสามารถเข้าถึงยาเสพติดไดโ้ ดยงา่ ย สาหรับเยาวชนที่ไมเ่ รียนหนังสอื ทาใหเ้ กิดปัญหาความรนุ แรง
ในครอบครวั และชุมชน ประกอบกบั หมู่บา้ นอยู่หา่ งไกลจากสถานตี ารวจ ทาใหก้ ารตรวจคน้ และปอ้ งกันปญั หา
ดังกล่าวไม่ทั่วถึง นอกจากน้ัน การท่ีภูมิประเทศของบ้านห้วยตองต้ังอยู่บนภูเขาสูง และอยู่ห่างจากสถานี
ตารวจ ทาให้เจา้ หนา้ ทีไ่ ม่สามารถออกมาตรวจตรารกั ษาความสงบเรยี บร้อยไดบ้ อ่ ยเทา่ ท่คี วร ราษฎรจงึ ต้องใช้
การพึ่งพาตนเองเป็นหลัก โดยได้การจัดตั้งชุดรักษาความเรียบร้อยในหมู่บ้าน (ชรก) ข้ึนมาโดยมีการจัดตั้ง
ถูกต้องตามกฎหมาย ซ่ึงจะต้องอาศัยอาเภอแม่วางเป็นผู้ออกคาสั่ง จึงจะมีอานาจหน้าที่ตามกฎหมายและ
อาจจะทาให้เกิดการบรู ณาการการทางานรว่ มกบั เจ้าหน้าท่ีตารวจ ทหาร เจ้าหน้าฝา่ ยปกครอง และควรจะมี
สานักงานท่ตี งั้ หรอื ด่านตรวจทชี่ ดั เจนและเปน็ รปู ธรรม
3.3.3 นโยบายประเทศไทยไรข้ ยะ พ.ศ. 2560-2564
บา้ นห้วยตองดาเนินโครงการกาจดั ขยะมลู ฝอยสงิ่ ปฎกิ ลู โดยนาหลักการคดั แยกขยะในครัวเรือน ขยะ
เปียก ขยะที่นาไปใช้ประโยชน์ได้อีก (recycle) ขยะทั่วไป และขยะอันตราย ไปใช้ในครัวเรือน โดยองค์การ
บริหารส่วนตาบลแมว่ างได้ขุดหลุมขนาดใหญไ่ ว้ให้ราษฎรเปน็ สถานทที่ ิ้งขยะของหมบู่ ้านหรือชุมชน และใน
ส่วนของขยะทวั่ ไป จะมีผู้ประกอบการมารบั ซือ้ ถึงหม่บู ้านเป็นรายเดือน ส่วนขยะอนั ตรายครัวเรือนจะรวบรวม
ส่งไปทงิ้ ในสถานทๆี่ องคก์ ารบริหารสว่ นตาบลแมว่ างได้จัดเตรยี มสถานท่ไี ว้
จากผลการดาเนินการตามนโยบายของภาครัฐดังกล่าวก่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงกับวิถีชีวิตของ
ประชาชนภายในชุมชนในเชิงบวก เนื่องจากทาให้มีอาชีพตามความถนัดและประสบการณ์ ก่อให้เกิดรายได้
เพิ่มมากขึ้นตลอดถึงการมีสภาพแวดล้อมที่ดีภายในชุมชน ส่งผลให้การพัฒนาหมู่บ้านชุมชนอยู่ในระดัง
พง่ึ ตนเองได้ ดงั ตารางท่ี ๒
238
การเรียนรเู้ ชิงปฏิบตั ิการ (Action Learning) หลักสูตรนักปกครองระดับสูง (นปส.) ร่นุ ท่ี 76
ตารางท่ี ๒ ผลการวิเคราะหป์ ัญหาอุปสรรค/ความตอ้ งการ ความเส่ยี ง แนวทางการแกไ้ ข
ประเภท ปญั หาอุปสรรค/ ความเสี่ยง แนวทางการแกไ้ ข
ความต้องการ
ลาดับท่ี 1. พืชผักอินทรีย์ล้นตลาดในฤดู 1 . ภ า ค รั ฐ / ห น่ ว ย ง า น ท่ี
โ ร ง เ รือ น เ ก ษต ร กรต้อง
1 จัดสร้างโรงเรือนเอง โดยการ
ซื้อวัสดุ อปุ กรณจ์ ดั ทา ซึ่งต้อง
ใช้ต้นทนุ คอ่ นขา้ งสูง หนาว ส่งผลให้ราคาผลิตตกต่า เกี่ยวขอ้ งควรสนับสนนุ สง่ เสรมิ
อยา่ งมาก โรงเรือน อาจเป็นในรูปแบบ
2. กรณอี าจภัยธรรมชาตเิ ชน่ ของการสนับสนุนด้านวัสดุ
อุปกรณ์ หรือ
2 ปยุ๋ เปน็ ต้นทุนการผลิต ฝนตก น้าท่วม พืชผลการผลิต ตามแนวทางสนับสนุนของ
สาหรับเตรยี มดนิ และเป็น ได้รับความเสียหาย หรือกรณี หนว่ ยงานทางราชการ
อาหารของพชื ผกั อนิ ทรยี ห์ าก การเกิดโรคระบาดพืชขึ้น จะ 2 . ห น่ วย ง า น ภา ครั ฐ ควร
สามารถลดตน้ ทุนเรือ่ งปยุ๋ ได้ ส่งผลต่อผลผลิตในภาพรวม สนับสนุนส่งเสริมให้มีการผลติ
ก็จะเปน็ การลดต้นทนุ การ 3. ด้านทุนการผลิตสูงข้ึนใน ปุ๋ยหมักชีวภาพ หรือสนับสนุน
ผลิตได้ อนาคต ส่งเสรมิ ให้เกษตรกรมคี วามรู้ใน
4. ระบบเกษตรพันธสัญญา การผลิตปุ๋ยหมักชีวภาพด้วย
(Contract farming) เกษตรกร ตนเอง เพ่ือลดต้นทุนการผลิต
จะเป็นผู้รับผิดชอบค่าใช้จ่าย 3. หนว่ ยงานที่เกี่ยวข้องควรจะ
ตลอดถึงผลการเสียหายของ เขามามีส่วนร่วมในการช่วย
ผลผลิต เช่น ค่าใช้จ่ายสร้าง ตรวจสอบการเป็นคู่สัญญา
โรงเรือน ค่าปุ๋ย กรณีผลผลิตล้น แบบเกษตรกรพันธะสัญญา
ตลาด หรือแม้กระท้ังการเกิดสา (Contrack Farming) เพื่อแบ่ง
ธารณภยั หรอื โรคระบาดตา่ งๆ เบาภาระให้แก่เกษตรกรได้บ้าง
เชน่ กรณีผลิตผลล้นตลาด และ
กรณี เกิดสาธารณภัย โ ร ค
ระบาดพชื เปน็ ตน้
3.3 ระบบการพัฒนาของบา้ นหว้ ยตอง
จากการประเมนิ ระดบั การพัฒนาของหม่บู ้าน มี 5 มิติการพัฒนา ประกอบดว้ ย
มิตทิ ี่ 1 No Poverty บา้ นหว้ ยตองเปน็ หมบู่ ้านท่ีมีรายได้ผา่ นเกณฑ์ ไม่มผี ตู้ กเกณ์ขอ้ มูลความจาเป็น
พ้ืนฐาน (จปฐ.) แต่จากการได้ศึกษาปัญหาในชุมชนบ้านห้วยตอง มีชีวิตความเป็นอยู่แบบ พออยู่ พอกิน
สาหรับสภาพเศรษฐกจิ ในชุมชน คนในชมุ ชนได้นอ้ มนาหลกั ปรัชญาเศรษฐกจิ พอเพียง มาใช้ในการดาเนินชีวิต
ความม่นั คงทางด้านอาหาร ปลกู ผกั สวนครัวไว้รบั ประทานเอง และมีการสร้างความม่นั คงทางด้านอาหาร เลยี้ ง
239
การเรียนรเู้ ชงิ ปฏบิ ัตกิ าร (Action Learning) หลักสตู รนกั ปกครองระดบั สงู (นปส.) รุ่นที่ 76
ไก่ เลี้ยงปลาไว้ทานในครัวเรือน และมีการสร้างคน สร้างอาชีพ สร้างรายได้ โดยการปลูกผักอินทรีย์เพื่อ
จาหน่าย โดยมีตลาดท่ีมั่นคง คือบริษัทพัฒนาไพศาล และโครงการหลวง ที่รับซื้อผักปลอดสารพิษอยู่อยา่ ง
ตอ่ เนอ่ื ง
มิติท่ี 2 Zero hunger บ้านห้วยตอไม่มีผู้หิวโหยขาดอาหาร แต่มีผู้พิการ จานวน 15 คน แต่คนใน
ชมุ ชนดแู ลเอาใจใส่ซงึ่ กนั และกนั
มิติท่ี 3 Decent work and economic growth บ้านห้วยต้องมีการเจริญเติมโตทางเศรษฐกจิ แบบ
คอ่ ยเป็นคอ่ ยไป ดารงชีวิตแบบเรียบง่าย พอเพียงแบบมีความสขุ ตามฐานานรุ ปู ของตนเอง
มิติท่ี 4 Good health and well being บ้านห้วยตอง มีโรงพยาบาลส่งเสริมประจาตาบล มี
อาสาสมคั รสาธารณสขุ ประจาหม่บู า้ น หรอื อสม. ทีช่ ว่ ยดแู ล ป้องกันรกั ษาสขุ ภาพของคนในชุมชนให้มสี ขุ ภาพ
ร่างกายแขง็ แรง
มิตทิ ี่ 5 Clean water and Sanitation บา้ นหว้ ยตอง ใชน้ ้าประปาจากภเู ขาในการอปุ โภคบริโภค มี
ระบบนา้ สาหรับใชเ้ พ่อื การเกษตร แต่นา้ สาหรับบรโิ ภคยงั ไมส่ ะอาดเพียงพอ และขาดการประเมนิ การพฒั นา
(UN’s SDGs) อยู่ในระดับพออยู่ พอกิน คนในชุมชนบ้านห้วยตองต้องได้รับการพัฒนายกระดับให้สามารถ
พึ่งตนเองได้อย่างตอ่ เนื่อง
240
การเรียนรู้เชงิ ปฏบิ ตั กิ าร (Action Learning) หลักสูตรนักปกครองระดับสงู (นปส.) รุ่นท่ี 76
ส่วนที่ 2
ประเด็นกำรพัฒนำของชุมชน
1. ควำมเสีย่ งจะไมม่ ชี วี ิตท่มี ัน่ คงของบุคคล ครอบครวั และชมุ ชน
จากการลงพน้ื ทบ่ี า้ นห้วยตองหมู่ที่ 10 ตาบลแมว่ ิน อาเภอแม่วาง จงั หวัดเชยี งใหม่ เพือ่ ศกึ ษาและ
เรยี นรู้ในชมุ ชนถงึ โอกาสความเสย่ี งทจี่ ะเกิดในพนื้ ท่ี
1.1 กระแสโลกาภิวัตน์ (Globalization) จะส่งผลให้มีการติดต่อส่ือสารการคมนาคมขนส่งและ
เทคโนโลยีสนเทศ อันแสดงให้เห็นถึงการเจรญิ เติบโตของเศรษฐกิจ การเมอื ง เทคโนโลยี และวัฒนธรรม ที่
เชอ่ื มโยงระหวา่ งปจั เจกบุคคลชมุ ชน อาจส่งผลใหว้ ถิ ีชวี ิต วฒั นธรรมของประชาชนมคี วามเปลีย่ นแปลงในด้าน
ต่างๆ อาทิ เช่น การเข้าถึงวัตถุนยิ ม บริโภคนิยม อันก่อใหเ้ กิดวิถีชีวิตในความสะดวกสบาย แต่จะสรา้ งภาระ
คา่ ใช้จา่ ยเพิม่ มากขึน้ สง่ ผลใหม้ ีภาระหนี้สนิ ในครัวเรือนเพมิ่ มากขึ้น
๑.๒ ความผันผวนของราคาสนิ ค้าเกษตร โดยเฉพาะการผลติ ผกั ที่อายุสั้น เน่าเสียได้ง่าย ในฤดูร้อน
และฤดฝู น ผลผลติ ผกั จะน้อย ปริมาณผลผลิตจะขาดหรอื เพียงพอต่อความต้องการของตลาดทาใหส้ ามารถขาย
ได้ทั้งหมดและได้ราคาดี ขณะที่ในช่วงฤดูหนาวที่มีสภาพอากาศเหมาะสมต่อการเจริญของพืชผัก ผลผลติ จะ
เพ่ิมขึ้นมากกว่าเท่าตวั ทาใหม้ ผี ลผลติ เกนิ ความต้องการและล้นตลาด ผลผลิตท่ีเกินความตอ้ งการขายได้ราคา
ต่า หรือต้องท้ิงไว้คาแปลง นอกจากความผันผวนที่เกดิ จากฤดูกาลแล้ว สถานการณ์การระบาดของโรคอบุ ตั ิ
ใหม่ ยังมีผลต่อความผันผวนของราคาผลผลติ เช่นเดียวกัน ทาให้ไม่สามารถพยากรณ์ความต้องการผลผลติ ได้
แม่นยานัก บางครงั้ ตอ้ งการมากแตผ่ ลผลิตไม่เพียงพอ หรือบางครง้ั การขนส่งหยุดชงักทาให้ผลผลิตทเ่ี ตรียมไว้
ถูกทิง้
๑.๓ ปัญหายาเสพติด เน่ืองจากหมู่บ้านห้วยตองหมู่ท่ี 10 ตาบลแม่วิน อาเภอแม่วาง จังหวัด
เชียงใหม่เป็นจุดศูนย์กลางเชื่อมโยงของเส้นทางการคมนาคม ทาให้เปน็ เสน้ ทางการลาเลยี งของยาเสพติดเข้า
ออกหลายจุด ทาให้มีผู้ค้าและผู้เสพในพ้ืนท่ี ส่งผลกระทบต่อเด็กและเยาวชนสามารถเข้าถึงยาเสพติดได้
โดยง่าย สาหรับเยาวชนท่ีไม่เรียนหนังสอื ทาให้เกิดปัญหาความรุนแรงในครอบครัวและชุมชน ประกอบกับ
หมู่บ้านอยหู่ ่างไกลจากสถานตี ารวจ ทาให้การตรวจค้นและปอ้ งกนั ปัญหาดังกล่าวไม่ทัว่ ถงึ
๑.๔ ปญั หาขยะมูลฝอย ขยะมลู ฝอยในบ้านห้วยตอง ในปจั จุบันยงั ไม่กอ่ ใหเ้ กิดปัญหาที่รุนแรงเพราะมี
บ่อขยะทอ่ี งค์การบรหิ ารสว่ นตาบลแมว่ ินได้ขุดเอาไว้และในพนื้ ทยี่ ังมกี ารท้ิงขยะไม่มากนัก แต่ในอนาคตขยะ
ชุมชนและขยะในครวั เรือนจะมีเพิ่มข้ึนเร่ือยๆ หากไม่มกี ารเตรียมการและการวางแผนการบริหารจดั การขยะ
ให้ดจี ะมปี ญั หาเรือ่ งขยะมากขึน้
ขอ้ เสนอแนะ สาหรบั ค่านยิ มท่เี ปลยี่ นไปเน่อื งจากกระแสโลกาภวิ ัตน์ อาจจะตอ้ งใชก้ ารสรา้ งจติ สานกึ
โดยนาหลักการของเศรษฐกิจพอเพียงมาใช้ ผู้นาในชุมชน (ทั้งสองแบบ) ต้องเป็นตัวอย่างที่ดีให้กับเยาวชน
หรือลูกบ้าน ไม่ให้อิทธพิ ลของวัตถุมาเปน็ สงิ่ ควบคุมจติ ใจ การมีสมดุลระหว่างรายได้และรายจ่าย ส่วนปัญหา
ความผนั ผวนของราคาสินค้าเกษตร ควรจะตอ้ งมีการประกันราคาผลผลิตและวางแผนการผลติ สนิ ค้าเกษตรให้
241
การเรียนรเู้ ชงิ ปฏบิ ัติการ (Action Learning) หลักสูตรนักปกครองระดับสูง (นปส.) รุ่นท่ี 76
เหมาะสมสอดคล้องกับความต้องการของตลาด ซึ่งจะทาให้ลดผลกระทบปัญหาดังกล่าวได้ นอกจากน้ัน
เกษตรกรที่ปลกู ผกั อ ในบางช่วงเวลา เช่น ฤดูหนาวจะมผี ลผลิตท่ีล้นตลาด เกษตรกรควรมีองคค์ วามรเู้ รือ่ งการ
ถนอมอาหาร การแปรรปู ผลผลิต ตลอดถงึ การสร้างตลาดชมุ ชนเพือ่ รองรบั ผลผลิตลน้ ตลาด ขณะที่ ปัญหายา
เสพตดิ น้ัน หม่บู ้านชมุ ชนต้องมีการบรหิ ารจัดการแกไ้ ขปัญหาดงั กลา่ วเบอ้ื งต้นดว้ ยตนเอง เชน่ การจดั ต้ังด่าน
หมู่บ้านชุมชน การจัดต้ังชุดรักษาความสงบเรียบร้อยภายในหมู่บ้าน (ชรบ.) เป็นกองกาลังอาสาสมัครภาค
ประชาชนที่เข้ามารักษาความสงบเรียบร้อยในหมู่บ้านชุมชนในด้านต่างๆ และประสานงานกับเจ้าหน้าที่
ตารวจและฝ่ายปกครองเพ่ือบูรณาการร่วมกัน ส่วนปัญหาขยะมูลฝอย ผู้นาและผู้บริหาร ต้องเร่งวางแผน
ดาเนินการโดยการจัดสร้างเตาเผาขยะไร้ควันขนาดเล็กหรือวิธีการอ่ืนใดท่ีเหมาะสมท่ีไม่ส่งผลกระทบต่อ
สิ่งแวดล้อมและคณุ ภาพชีวิตของประชาชนในพ้นื ท่ี องค์ความรู้ นวัตกรรมและภูมปิ ญั ญา
การจดวิสาหกจิ ชมุ ชนและกลมุ่ แปลงใหญ่ กลุ่มปลูกผักปลอดสารพิษเพอ่ื ให้เขา้ ถึงงบประมาณ
ของภาครัฐ การเพ่ิมชื่อบุคคลสัญชาติไทย (หญิง) ตกหล่น 1 ราย อายุ 84 ปี ซึ่งมีความพกิ าร ขาดโอกาสรบั
สวสั ดกิ ารแหง่ รฐั เช่นเบย้ี ผสู้ งู อายุ เบี้ยผู้พกิ าร การรกั ษาพยาบาล
2. ระดบั กำรพฒั นำของหมูบ่ ้ำน
ปัจจุบันบ้านห้วยตองมีจุดเด่นด้านบุคคลากร ด้านการบรหิ ารจัดการกลุ่มที่มีศักยภาพ ไม่ว่าจะเป็น
วสิ าหกิจชุมชนปลกู ผกั ออแกนคิ กลมุ่ ออมทรพั ยเ์ ครดิตชมุ ชน ซ่งึ มเี งินหมนุ เวียน 20 ลา้ นบาท ซ่งึ เป็นรายได้ที่
เกิดจากการออม จากการขายผลผลติ สนิ ค้าเกษตรท่ีเกิดขึ้นในหมู่บ้าน และใช้เป็นภูมิป้องกันและต่อยอดการ
พฒั นาเพ่อื เตรียมรองรับความเส่ียงท่จี ะเกิดขึ้นในอนาคต
ในอดีตบ้านห้วยตองเคยเป็นท่ีปลูกฝิ่น เช่นเดียวกับพ้ืนท่ีชาวเขาเผ่าอ่ืนๆ แต่เม่ือได้รับพระมหา
กรุณาธคิ ณุ จากพระบาทสมเดจ็ พระเจ้าอยู่หัวรชั กาลที่ 9 ทมี่ ีพระราชดารใิ หก้ อ่ ตั้งโครงการหลวง ทาให้ราษฎร
เปล่ยี นอาชพี มาปลกู พืชผกั และไมผ้ ลเมืองหนาว มีการเรยี นร้แู ละพฒั นาจากการปลกู พชื ผักทวั่ ไป เปน็ การปลกู
พืชผักในโรงเรือน เพ่ือลดผลกระทบของสภาพอากาศ ความเสยี หายจากศตั รพู ชื คงคุณภาพทดี่ ี เป็นพนื้ ทปี่ ลูก
ผักอินทรีย์ที่ตอบสนองความต้องการของตลาดระดับสูง ขายได้ราคาดี นอกจากนั้นยังมีการเรียนรู้วิธีการ
ขยายพันธ์ุพืช เพื่อเปล่ียนยอดพันธุ์ไม้ผลจากพันธ์ุพ้ืนเมืองสู่พันธ์ุดีท่ีตลาดต้องการ เช่นพลับหวาน อาโวกาโด
อีกท้ังยังมีการนาพันธุ์ไม้ผลพันธ์ุใหม่ เช่นสตรอเบอรี่ พระราชทาน 80 ท่ีมีความเหมาะสมและปลูกได้ดีมี
คณุ ภาพในประเทศไทยมาปลกู ในพนื้ ทเี่ พือ่ สร้างรายได้
ในการพัฒนาเพื่อใหไ้ ด้พลังงานทดแทน แม้ในหมู่บ้านท้ัง 135 ครัวเรือน จะมีเพียง 1 ครัวเรือนทมี่ ี
การติดแผงพลังงานแสงอาทิตย์ หรือโซลาร์เซล (Solar cell) ก็ตาม จากคาบอกเล่าของราษฎรในพ้ืนที่
ตามปกติหากมฝี นตก สง่ิ ท่มี ักจะเกดิ ควบคู่กันคือการเกิดไฟดบั ดังนัน้ การท่บี ้านหลังนีม้ ีไฟสารองที่ไดจ้ ากการ
สะสมพลังไฟฟ้าจากแผงโซลา่ ร์เซล จะทาให้สามารถทุเลาความยากลาบากท่ีตอ้ งอยใู่ นความมืดมดิ ไดเ้ ปน็ อยา่ ง
ดี (จากประสบการณ์จรงิ ในวนั ที่มีฝนตกและไฟดับ จะมผี ลไปถงึ สัญญาณท่ีขาดหายไปของระบบโทรศัพทม์ อื ถอื
ไปดว้ ย)
242
การเรยี นรู้เชงิ ปฏบิ ตั ิการ (Action Learning) หลกั สูตรนกั ปกครองระดบั สูง (นปส.) รนุ่ ที่ 76
ในพื้นที่บ้านห้วยตอง ซึ่งเป็นพ้ืนท่ีๆไม่เหมาะสมสาหรับการเจริญเติบโตของเหด็ เผาะ ท่ีเป็นต้นเหตุ
หนง่ึ ของการเผาปา่ ประกอบกบั ราษฎรไม่นิยมการเขา้ ไปหาของปา่ นกั ทาใหไ้ ม่มปี ญั หาการเผาปา่ อันเป็นทม่ี า
ของฝุ่นละอองขนาดเล็กมากนัก และยิ่งราษฎรส่วนใหญ่มีอาชีพปลูกผักในโรงเรือน การเผาเศษวัสดุทาง
การเกษตรไม่มคี วามจาเปน็ ต้องเผาหรือรู้ผลกระทบของการเผา นอกจากนั้นจากการพดู คุยกับราษฎร พบว่า
เป็นหมู่บ้านท่ีกาหนดการเผาเปน็ ช่วงเวลา ไม่เผาตามใจชอบ และนอกเหนือจากการ ในทางอ้อมแต่ได้ผลล
ประโยชน์ท่ีคาดไม่ถึง จากการวิจัยของสถานศึกษาในจังหวัดเชียงใหม่ พบว่าสภาพพื้นท่ีในพ้ืนที่สวนผลไม้
โดยเฉพาะใต้โคนต้นพลบั ป่า หรือตน้ กลว้ ยฤาษี พบการเตบิ โตของเห็ดทรฟั เฟลิ ซึ่งโดยปกตมิ ักพบเห็ดท่ีมีราคา
สงู (ราคาประมาณ 160,000 บาทต่อกิโลกรัม) น้ี ในประเทศแถบยุโรปเทา่ น้ัน สาเหตุหลักของการมีอยขู่ อง
เห็ดชนิดนี้เปน็ ไปได้ท่จี ะมาจากการท่ีพนื้ ทีบ่ ริเวณนเี้ ปน็ พื้นที่ๆไม่มีการใช้สารเคมีสังเคราะห์ท่เี ปน็ อันตรายตอ่
สรรพชวี ิตทั้งหลาย
การพัฒนาที่จนถึงบดั น้ีราษฎรที่เปน็ ผผู้ ลิตเองยังไมท่ ราบถึงจุดเด่นของสินค้าของตนเองทเี่ หนือกวา่
ผู้ผลิตรายอ่ืนๆ คือคุณภาพของสินค้าที่เป็นส่ิงทอท่ีมีคุณภาพสูง ที่สามารถเทียบเคียงได้กับสนิ ค้าแบรนด์ดัง
ทว่ั ไป ท่ีอาจจะมีคณุ ภาพสงู กวา่ ด้วยซ้าไป
๓. สัดสว่ นจำนวนครัวเรือนทไี่ มพ่ ออย่พู อกิน
แม้จะมอี าหารพอกนิ แต่ยังมีราษฎรอกี หลายราย หรือครวั เรือน ต้องการผลติ ผักในโรงเรือน แต่
ยงั ขาดเงินทนุ สาหรับการสร้างโรงเรอื น ทต่ี ้องใชเ้ งนิ ทุนพอสมควร
ราษฎรสว่ นใหญ่มหี นีส้ นิ ตัง้ แต่ 10,000 – 100,000 บาท เป็นหนี้ที่เกิดกบั รา้ นคา้ ในหม่บู า้ น
สหกรณ์ สถาบันการเงนิ กองทุนหมบู่ า้ น เปน็ ต้น มไี ม่กีร่ ายทีม่ ีหน้ีสินมากถงึ 500,000 – 1,000,000 บาท
ซึ่งเป็นหน้ีท่เี กดิ กับสถาบันการเงิน ซึ่งมีความเสี่ยงน้อยกว่าการการก้หู นี้นอกระบบ อย่างไรก็ตาม แม้จะมหี น้ี
อยู่บ้างแต่ราษฎรเหลา่ นี้ก็ยงั ได้เปรียบกว่าคนในเมืองท่ีทุกคนยังมพี ้ืนท่ใี นการทาการเกษตรทุกครวั เรอื นท่จี ะ
เป็นแหล่งสร้างอาหารในกรณีที่ไม่มีเงนิ ซอ้ื ต้องถือว่ายังดีท่ยี ังมปี จั จัยสี่ค่อนขา้ งครบถ้วน มากหรอื นอ้ ยขน้ึ กบั
ความมานะอุสาหะของราษฎรแต่ละคน
๔. กิจกรรมกำรพัฒนำทีช่ ุมชนจะทำเองเพือ่ ให้ทกุ ชีวิตอยู่ดมี ีสุขในปนี ี้
รอบปนี ้ีราษฎรบ้านห้วยตองมีกจิ กรรมท่ีดาเนนิ การรว่ มกันเพ่ือประโยชน์รว่ มกนั ประกอบดว้ ย
- โครงการหมู่บ้านปลอดการเผา เป็นโครงการท่ีหมู่บ้านมีความภาคภูมิใจ ซ่ึงผลประโยชน์จาก
โครงการนอกจากส่งผลดกี ับหมูบ้านหว้ ยตองเองแล้ว ยังส่งผลกระทบในวงกว้างด้วย โดยอาศัยประสบการณื
ของราษฎรที่ไดแ้ สนอแนวคิดเร่อื งการกาหนดเวล ดีกวา่ การปลอ่ ยใหม้ กี ารเผาเศษวัสดตุ ามอาเภอใจ โครงการ
น้ีชาวบ้านได้ส่งเข้าร่วมการประกวด และมีแนวโน้มที่จะได้รับรางวัล ซ่ึงรางวัลท่ีจะได้รับ ชาวบ้านขอเป็น
เตาเผาขยะ ซงึ่ จะเป็นการต่อยอดความคิดและเป็นกาลังใจท่สี าคัญทจี่ ะกระตนุ้ ใหเ้ กิดความคิดในการสร้างสรร
สง่ิ ดๆี ให้กับบ้านเกิดถนิ่ ท่อี ยขู่ องตนเอง
243
การเรียนร้เู ชงิ ปฏิบตั ิการ (Action Learning) หลักสตู รนกั ปกครองระดับสงู (นปส.) รุน่ ที่ 76
ธนาคารนา้ ใต้ดินระบบเปดิ
- โครงการบอ่ หมกั เหด็ ฟางและเตาเผาขยะ บอ่ กาจดั ขยะขนาดเลก็
- โครงการทาแนวกนั ไฟ เพอ่ื ลดปญั หาไฟป่าและการเกิดหมอกควัน
- โครงการปลกู ป่าและบวชปา่ ร่วมกบั องคก์ ารบรหิ ารสว่ นตาบลทเี่ ปน็ กศุ โลบายในการรกั ษา
ทรัพยากรธรรมชาติ
ภาพท่ี ๕ ลักษณะของธนาคารน้าใต้ดนิ ระบบเปิด
ภาพที่ ๖ บอ่ ปุ๋ยหมกั เหด็ ฟาง และเตาเผาขยะ
ภาพท่ี ๗ บ่อกาจัดขยะขนาดเล็ก
244
การเรียนรู้เชงิ ปฏบิ ัตกิ าร (Action Learning) หลักสตู รนักปกครองระดบั สงู (นปส.) รุน่ ที่ 76
ภาพท่ี ๘ การทาแนวกนั ไฟ
ภาพท่ี ๙ การปลกู ป่าและบวชปา่
5. บทเรยี นทไ่ี ด้รับในดำ้ น
- การบรหิ ารการพัฒนาชมุ ชนท้องถิน่
ด้านทรัพยากรมนุษย์ ความสัมพันธ์ระหว่างกลุ่มคนและผู้นา ทาให้เรียนรู้ว่า ในแต่ละกลมุ่
ชาติพันธ์ โดยเฉพาะจะมีการนับถือศาสนาเดียวกัน มีอัตลักษณ์ท่ีโดดเด่น มีความรัก ความสามัคคี มีส่วน
ร่วมกับหมู่บา้ น/ชุมชน และหมู่บา้ น/ชุมชน ให้เจริญ พัฒนาก้าวหนา้ ได้หรือไม่ มากน้อยอย่างไร ข้ึนกับความ
เสยี สละ กล้าคดิ กล้าทา ของผนู้ า โดยผนู้ าในท่ีนี้จะมีทงั้ ผนู้ าโดยธรรมชาตทิ ่เี ป็นทย่ี อมรับแม้ไมม่ ีตาแหน่งอยา่ ง
เปน็ ทางการ และผู้นาโดยตาแหน่ง อาทเิ ช่น ผใู้ หญบ่ ้าน กานนั ฯลฯ
ด้านการบริหารงานในชุมชน ทาให้เห็นว่าบ้านห้วยตอง หมู่ที่ 10 มีการรวมกลุ่มกัน ได้แก่
กลุม่ วสิ าหกจิ ชมุ ชนปลูกผกั อนิ ทรีย์ กล่มุ ออมทรพั ยเ์ ครดติ กลุ่มราษฎรพิทกั ษป์ ่า เป็นต้น ในการรวมกลมุ่ ทาให้
ราษฎรร่วมกันวิเคราะห์ปญั หาชุมชน มองอนาคตของชุมชน วางแผนการพัฒนาชุมชน โดยการรว่ มกันจดั ทา
แผนพัฒนาหมูบ่ ้าน/ชุมชนมกี ารจดั สวสั ดกิ ารชมุ ชนหรอื ไม่ เชน่ จากกองทุนออมทรพั ยเ์ ครดติ สาหรับคา่ จดั การ
ศพ ค่าคลอดบุตร ค่าจัดงานแต่งงาน จัดงานขึ้นบ้านใหม่ เป็นต้น ซึ่งเป็นการแสดงให้เห็นถึงความรักความ
สามคั คี ความเอ้ืออาทรตอ่ กัน
245
การเรยี นรู้เชงิ ปฏิบัตกิ าร (Action Learning) หลกั สตู รนักปกครองระดบั สงู (นปส.) รุ่นท่ี 76
แนวทางการพัฒนาพนื้ ทห่ี ลังการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัส โคโรนา หรอื โควดิ -19 เนอ่ื งจาก
สภาพภูมศิ าสตรแ์ ละทกั ษะความชานาญของราษฎรส่วนใหญ่ที่สามารถผลติ พืชผักและไม้ผลเมืองหนาว มกี าร
เล้ียงสัตว์เพือ่ การบริโภคอยู่แล้ว เพื่อลดผลกระทบหรอื เพื่อความเข้มแข็งให้กับชุมชน ควรมุ่งเน้นการผลิตใน
แนวทางเกษตรทฤษฎีใหม่ ปลูกสิ่งท่ีกนิ กินส่ิงที่ปลกู เพ่ือลดผลกระทบจากการพงึ่ พาปจั จัยภายนอก และไม่
ต้องเสย่ี งกับการเดินเออกไปหาเชื้อโรค หรือนาเช้ือโรคเข้ามาใหค้ นในบา้ น อาหารทผี่ ลิตปลอดภัยต่อสขุ ภาพ
เพราะมจี ุดประสงคเ์ พอื่ ใชบ้ ริโภคเอง มคี วามมั่นใจที่จะแจกจ่ายเพอื่ นบา้ น หรือแม้นาไปจาหน่ายเมื่อเหลือจาก
การบรโิ ภคกจ็ ะมัน่ ใจไดว้ า่ ผลผลติ เหล่านน้ั มาคณุ ภาพเชอื่ ถือได้
- การบรหิ ารการพัฒนาระดบั ตาบลและอาเภอ
การสร้างเครอื ขา่ ยการบรหิ ารในระดับตาบล อาเภอ โดยใชก้ ลไกลของ พชต. (คณะกรรมการ
พัฒนาคณุ ภาพชวี ิตระดับตาบล) และ พชอ. (คณะกรรมการพัฒนาคุณภาพชวี ติ ระดับอาเภอฯ) การจดั เตรยี ม
เสนอโครงการระดับพื้นท่ีเพ่ือเตรียม สาหรับขอรับสนับสนุนงบประมาณ โดยการจัดการการหารายได้
ครัวเรือนและชุมชน เพื่อรองรบั การท่องเทย่ี ว โดยการสรา้ งถนนในหมบู่ า้ น ไดแ้ ก่ ถนนคลองชลประทานห้วย
ตอง-ห้วยเกียง (5กม) ห้วยตอง-ห้วยเค้าลีบ (4 กม) ห้วยตอง-ต้นน้า (5กม) เดิมถนนท้ังสามสายเป็นถนน
หลัก มีสภาพเป็นดินลูกรัง มีหลุม บ่อจานวนมาก ในฤดูฝนสัญจรลาบาก เปน็ การแก้ปัญหาเพอ่ื รองรบั การ
ท่องเท่ียวชุมชนและขนถ่ายสินค้าเกษตรโดยเฉพาะผลไม้และผัก ท่ีเป็นรายได้หลักของหมู่บ้าน รวมถึง
โครงการนา้ ดื่มสะอาดทจ่ี ะพัฒนาจากน้าบ่อธรรมชาติที่ยงั ไมม่ รี ะบบการกรองทีเ่ หมาะสม
- ประสิทธิภาพและประสิทธิผลของการปฏิบัติงานตามนโยบายของรัฐบาล บ้านห้วยตองได้มีผล
การดาเนินงานตามนโยบายของรฐั บาลในส่วนของ กลุม่ วสิ าหกจิ ชมุ ชน บตั รสวสั ดกิ ารแห่งรฐั และ โครงการ
เราชนะ
ภาพที่ ๑๐ การเกบ็ ขอ้ มลู โดยการสมั ภาษณ์
246