การเรยี นรู้เชงิ ปฏบิ ัติการ (Action Learning) หลกั สตู รนกั ปกครองระดบั สงู (นปส.) รุ่นท่ี 76
ตารางผนวกที่ 2 ผลการประเมิน จดุ แข็ง จดุ ออ่ น โอกาสและขอ้ จากดั ในการจดั การปญั หาของบ้านห้วยตอง
หมู่ที่ 10
จุดแข็ง (Strengths) จดุ อ่อน (Weakness)
๑.มภี ูมิสงั คมทดี่ ี ทางกายภาพพื้นที่เป็นภเู ขา ดินดี เปน็ 1.ปญั หายาเสพตดิ และมกี ารม่ัวสมุ เลน่ อบายมุขใน
แหล่งตน้ นา้ อากาศดี และเป็นจดุ เชอ่ื มโยงหลาย ชุมชน
หมู่บ้าน คนในชุมชนมสี มั พนั ธภาพทีด่ ี มวี ฒั นธรรมและ 2.ปญั หาการสาธารณสขุ พ้นื ฐาน
ประเพณเี พอื่ ยดึ เปน็ หลกั ดาเนนิ ชวี ิต มีปราชญ์ชาวบ้าน 3.การบกุ รกุ พื้นท่อี า่ งเกบ็ น้า
4.ขาดการสอื่ สาร และประสานงานอย่างทว่ั ถงึ ในชุมชน
๒.เปน็ ทต่ี ง้ั ของโครงการหลวงทุง่ หลวง ทาใหม้ งี านมี 5.เส้นทางลาเลียงพืชผลทางการเกษตรชารุดในฤดูฝน
รายได้และมอี งคค์ วามรูด้ ้านการเกษตร 6.ไม่มีรางระบายน้าในชุมชน
7.ถงั เกบ็ น้าไม่เพียงพอกบั ครวั เรือนทงั้ หมดในหมู่บ้าน
3.คนในชมุ ชนมีจิตสานึกในการอนรุ กั ษท์ รพั ยากรป่าไม้ 8.การบรหิ ารจัดการขยะยงั ไม่มปี ระสิทธิภาพ เสี่ยงตอ่
และแหล่งต้นนา้ การเกดิ ปญั หาในอนาคต
9.ขาดแคลนไฟฟ้าเข้าถงึ พืน้ ทก่ี ารเกษตร
4.มีอา่ งเกบ็ นา้ สารองในหมบู่ า้ นรองรับผลกระทบ 10.ปญั หาสุขภาพผู้สงู อายุ(โรคทางเดนิ หายใจ)
ในช่วงขาดแคลนน้าในฤดรู ้อน มกี ารบรหิ ารจัดการน้าที่
ดีและเปน็ ระบบ
5.มีการสง่ เสรมิ การออมเงนิ ภายในหมบู่ ้าน และมี
คณะกรรมการและสมาชกิ กล่มุ ออมทรพั ยท์ เ่ี ขม้ แขง็
6.นบั ถอื ศาสนาเดยี วกนั ทั้งหมด
7.มศี นู ย์การเรียน กศน. สาหรบั ผทู้ ่มี รี ายได้นอ้ ยหรอื วยั
ทางานไดม้ ีโอกาสทางการศึกษา
8.กลุม่ สตรี องค์กรชุมชน และองค์กรสตรีมคี วามเขม้ แข็ง
9.ราษฎรในหมูบ่ ้านมีความสามคั คชี ว่ ยเหลอื เกอื้ กูลกนั
โอกำส (Opportunity) อนั ตรำย (Threat)
1.นโยบายรฐั บาลสง่ เสรมิ เศรษฐกิจฐานราก 1.กระแสโลกาภิวัตน์ ด้าน วัตถนุ ิยม
2.กระแสโลกในปจั จบุ นั ดา้ น“อาหารปลอดภยั ” 2.ความผันผวนของราคาสินคา้ การเกษตร
“อาหารเพื่อสขุ ภาพ”
๓. ผลกระทบจากโรคอบุ ัตใิ หม่ เชน่ โควิด 19
4.การคมนาคมทสี่ ะดวกเสน้ ทางผา่ นหมบู่ า้ นเปน็
ถนนลาดยาง ๔.บคุ คลภายนอกเข้ามาทาการเกษตรทาใหท้ รัพยากร
เสอ่ื มโทรม บางคนลักลอบเขา้ มาตัดไม้
247
การเรียนรูเ้ ชิงปฏิบตั ิการ (Action Learning) หลักสูตรนกั ปกครองระดับสงู (นปส.) รุ่นที่ 76
รำยงำนกำรเรียนรเู้ ชิงปฏบิ ตั ิ (Action Learning)
บำ้ นห้วยอคี ่ำง ตำบลแม่วิน อำเภอแม่วำง
จงั หวดั เชียงใหม่
จัดทำโดย
กลุ่มปฏบิ ตั ิกำรท่ี (กป.) ๑๒
นำงสำวสนุ ยี ร์ ตั น์ ภู่ขำ นำยอำเภอบ้ำนแหลม จังหวัดเพชรบรุ ี
โยธำธิกำรและผงั เมืองจังหวัดปทมุ ธำนี
นำงสำวบุษนี แพรว่ ศิ วกิจ หัวหน้ำสำนกั งำนคณะกรรมกำรมำตรฐำน
นำยอำเภอหนองกุงศรี จงั หวัดกำฬสนิ ธ์ุ
นำยสมำวษิ ฎ์ สพุ รรณไพ นำยอำเภอเวยี งสระ จงั หวดั สรุ ำษฎร์ธำนี
นำยอำเภอแมร่ ะมำด จังหวดั ตำก
นำยจำรวุ ตั ร ภแู กว้ ทอ้ งถน่ิ จังหวดั ปรำจนี บรุ ี
เจำ้ พนกั งำนท่ดี นิ จงั หวัดสตูล
นำยสพุ ัชรพงศ์ วรประดิษฐ์ ผู้อำนวยกำรสำนกั ป้องกนั ปรำบปรำม และ
ควบคมุ ไฟปำ่ กรมอุทยำนแหง่ ชำติ สตั วป์ ำ่
นำยเลศิ ศักด์ิ ทับผ้งึ และพันธพุ์ ืช
อัยกำรจงั หวดั ประจำสำนกั งำนอยั กำรสงู สดุ
นำยสำธติ อ่อนนอ้ ม
วำ่ ทีร่ ้อยตรี วิรวฒุ ิ อ่อนแก้ว
นำยศกั ดิ์ชยั จงกิจววิ ฒั น์
นำยรติ ช่อลำไย
รำยงำนนเ้ี ปน็ ส่วนหน่ึงของกำรศกึ ษำอบรมหลกั สตู รนกั ปกครองระดบั สงู (นปส.) รนุ่ ที่ ๗๖
สถำบนั ดำรงรำชำนภุ ำพ กระทรวงมหำดไทย
พทุ ธศกั รำช ๒๕๖๔
248
การเรยี นร้เู ชงิ ปฏบิ ัติการ (Action Learning) หลักสตู รนักปกครองระดับสงู (นปส.) ร่นุ ท่ี 76
คำนำ
“การเรียนรู้เชิงปฏิบัติการ (Action Learning) เป็นส่วนหน่ึงของหลักสูตรนักปกครองระดับสูง
(นปส.) รุน่ ที่ ๗๖ โดยมวี ัตถุประสงค์เพื่อนาบทเรยี นและประสบการณ์จากการมสี ว่ นรว่ มในการวิเคราะหป์ ญั หา
จากพื้นท่ีจริงไปใช้ในการบรหิ ารราชการและสรา้ งมูลคา่ เพม่ิ สาหรบั ประสบการณก์ ารบรหิ ารราชการใหแ้ กผ่ เู้ ขา้
อบรมหลักสตู ร สามารถนาไปประยุกต์ใช้ในการบริหารงานไดก้ ว้างขวางมากข้นึ โดยกาหนดพื้นที่การเรยี นรู้
จากการปฏิบัตกิ ารในพื้นทจ่ี ังหวัดเชียงใหม่
ทัง้ น้ี เพ่อื ใหผ้ ู้เข้าอบรมไดเ้ ก็บรวบรวมขอ้ มลู ณ สถานที่จริง โดยร่วมมือกบั ประชาชนหรือผูท้ ่ีเก่ียวขอ้ ง
ในพ้ืนที่ เพอ่ื วเิ คราะหใ์ หท้ ราบถงึ ปัจจยั ภายใน และปัจจยั ภายนอกของหมู่บ้านที่ส่งผลตอ่ อปุ สรรคหรือความ
ความสาเร็จในการประกอบสัมมาอาชีพของคนในชมุ ชนทผี่ เู้ ข้าอบรมไดเ้ ขา้ ไปศึกษา และทางราชการสามารถ
นาบทเรียนจากปัจจยั ทีไ่ ด้วิเคราะหน์ าไปปรับใช้กบั การทางานด้านการพัฒนาพ้ืนทีห่ รือการยกระดับคุณภาพ
ชีวติ ของคนในชุมชนต่อไป
คณะผูจ้ ดั ทำ
นกั ศึกษำหลักสูตรนักปกครองระดับสูง รนุ่ ท่ี ๗๖
กลมุ่ ปฏิบตั กิ ำรท่ี (กป.) ๑๒
249
การเรยี นร้เู ชิงปฏบิ ัติการ (Action Learning) หลกั สตู รนักปกครองระดับสงู (นปส.) รนุ่ ท่ี 76
ส่วนที่ ๑
กรอบกำรเรียนรู้ดว้ ยกำรลงมอื ปฏิบตั ิ เพอ่ื เข้ำใจ เข้ำถงึ วถิ ีชวี ิตชุมชน
๑. ภมู ิสังคมและวิถชี ีวิตของชมุ ชน
➢ ภูมิสังคม
❖ ประวัตศิ ำสตร์ควำมเป็นมำของบ้ำนหว้ ยอคี ำ่ ง
บ้านห้วยอีค่างเคยเป็นถ่ินท่ีอยู่อาศัยของชนเผ่าลั๊วะ ภายหลังชนเผ่าล๊ัวะได้ท้ิงถิ่นฐานไป
ต่อมาชนเผ่ากะเหร่ียงได้อพยพเขา้ มาอยู่ โดยบางส่วนมาจากแม่อุดอง จ.แม่ฮ่องสอน การเริ่มต้ังถ่ินฐานของ
บ้านห้วยอคี ่างมอี ายุประมาณ ๓๒๐ ปี โดยในช่วงแรกๆ ต้ังชุมชนเปน็ แนวยาวจากดอยปูปอเดาะจนถงึ หว้ ยอี
ค่างมีชื่อว่า “แดลอพะทอ" หรือบ้านยาว ในขณะน้ันบ้านห้วยอีค่างกับบ้านทุง่ หลวงยังเป็นหมู่บา้ นเดียวกันมี
เพยี ง ๒๐ หลังคาเรอื น ตอ่ มาเกดิ โรคระบาดทาใหม้ กี ารอพยพโยกยา้ ยชุมชนโดยส่วนท่ยี า้ ยขน้ึ ทางเหนอื ตงั้ เปน็
ชมุ ชนบ้านห้วยอีคา่ ง ส่วนที่ยา้ ยลงทางใต้เปน็ ชมุ ชนบ้านท่งุ หลวง และมีการแยกหมู่บ้านเป็นหมู่ท่ี ๑ และหมทู่ ี่
๒ ตง้ั แตน่ ้นั มา หลังจากนั้นก็ตัง้ เป็นชุมชนถาวรไมไ่ ด้อพยพอกี บ้านหว้ ยอีค่างถอื เปน็ หมูบ่ ้านอย่างเปน็ ทางการ
หมบู่ ้านแรกของตาบลแมว่ นิ เม่ือปี พ.ศ. ๒๔๑๒
❖ ขอ้ มลู พนื้ ฐำน
บ้านห้วยอีค่าง อยใู่ นเขต ต.แมว่ ิน อ.แมว่ าง จ.เชยี งใหม่ ทรี่ ะดบั ความสงู จากระดับนา้ ทะเล
ประมาณ ๕๐๐ – ๑,๔๐๐ เมตร มีดอยสาคัญรอบหมู่บา้ นคือ ดอยกะโจ๊ะ ดอยม่อนยะ ดอยเต่อปอเหอ ดอย
เดอะว่อ ดอยพระบาท ปอกเุ ด พโู ซวตู ดอยตะเกะย่าลู ดอยชนา ดอยช้างนอ้ ย เปน็ ตน้ กาเนดิ ของลาห้วยสาย
เลก็ หลายสาย ท่ไี หลมารวมกนั ลงสู่ลาห้วยอคี า่ ง นา้ แมเ่ ตยี น น้าแม่วางตามลาดับ ชมุ ชนบา้ นหว้ ยอีค่างอยู่ห่าง
จากตัวเมืองเชยี งใหม่ประมาณ ๙๐ กโิ ลเมตร เส้นทางคมนาคม เป็นถนนลาดยางสลบั ถนนคอนกรีตตลอดสาย
เปน็ เสน้ ทางหลกั สาหรับการขนสง่ พืชผัก ไมด้ อกเมืองหนาว ทีไ่ ด้รับการสง่ เสรมิ จากโครงการหลวง และมศี นู ย์
ของโครงการหลวงต้ังอยหู่ ลายแหง่ บ้านห้วยอีคา่ งมีประชากร ๑๒๒ หลังคาเรือน จานวน ๕๗๐ คน
บ้านหว้ ยอีคา่ งมีอาณาเขตตดิ ต่อกับชมุ ชนใกล้เคยี ง ดงั น้ี
ทศิ เหนือ ติดบา้ นแมข่ ะปู ต.บ่อแก้ว อ.สะเมิง จ.เชียงใหม่
ทศิ ใต้ ติดบ้านหว้ ยตอง ต.แมว่ นิ อ.แม่วาง จ.เชยี งใหม่
ทศิ ตะวันออก ตดิ บา้ นทงุ่ หลวง ต.แมว่ นิ อ.แมว่ าง จ.เชยี งใหม่
ทิศตะวนั ตก ตดิ บา้ นห้วยข้าวลีบ ต.แมว่ ิน อ.แมว่ าง จ.เชยี งใหม่
250
การเรียนรู้เชงิ ปฏบิ ตั ิการ (Action Learning) หลักสตู รนกั ปกครองระดับสงู (นปส.) รนุ่ ท่ี 76
วิธชี ุมชนและจติ วิญญำณ
ชุมชนหว้ ยอีค่าง เปน็ ชนเผ่าปกาเกอะญอ (สกอว์) วถิ ีชวี ิตโดยทวั่ ไปของชมุ ชน เดิมทาไรห่ มนุ เวยี นเพอื่
ปลกู ขา้ วและพืชผกั ต่างๆเชน่ ฟักทอง แตง พริก มะเขือ และบางครอบครัวมกี ารบกุ เบิกพื้นทีร่ าบทานาดาบา้ ง
อาศัยผนื ปา่ เล็กๆใกล้ๆบา้ นเปน็ แหล่งอาหาร ซงึ่ ทาใหช้ ุมชนมอี าหารเพียงพอแกก่ ารดารงชพี มีการทอผา้ และ
ทาเครื่องไม้เคร่ืองมอื ในการเกษตรไว้ใช้เอง วิถีชีวิตดาเนินไปอย่างเรยี บง่ายสอดคล้องกับทรพั ยากรที่มีอยู่ใน
ชุมชน เช่น ความเชื่อเรื่อง“ต้นเดปอถู่”เม่ือเด็กเกิดใหม่จะนารกเด็กใส่ในกระบอกไม้ไผ่ แล้วเอาไปผูกไว้กบั
ตน้ ไมท้ ี่มีอายยุ นื เช่ือวา่ จติ วิญญาณของเดก็ จะอยูท่ ่ตี น้ ไม้ จะดูแลตน้ ไมน้ นั้ และห้ามไมใ่ ห้มีการตัดต้นไม้ดังกลา่ ว
และความเชอ่ื เรอื่ ง "ม่อื กา่ เขลอ่ “ ให้คนมาเกิด ดังนัน้ เวลาเดก็ เลก็ ๆตายจะตอ้ งนาศพไปไว้ใต้ต้นเขลอ่ หรือต้น
โพธิ์ ต้นไทร และถากเปลอื กให้น้ายางไหล เพราะเชอื่ วา่ ยางของต้นโพธิ์ คือ นา้ นมท่ีจะเลีย้ งดูเด็กต่อไปแสดงให้
เห็นถงึ ความเคารพต่อธรรมชาตแิ ละสงิ่ ท่ีอยู่เหนือธรรมชาติ คนในชุมชนยงั มีความสมั พนั ธแ์ น่นแฟ้นด้วยระบบ
เครือญาติ มีการช่วยเหลือเก้ือกูล เช่น การเอาม้อื เอาวันหรือการเอาแรงลงแขกในการผลติ การช่วยกนั สร้าง
บา้ น การช่วยเหลอื กันในยามเดอื ดร้อน
กำรปฏิสมั พนั ธก์ ับสงั คมขำ้ งนอก เช่น ด้านเศรษฐกจิ การศกึ ษา การรกั ษาพยาบาล การรบั รู้
ข้อมูลข่าวสารต่างๆ ซึ่งชุมชนเองได้มีการปรับตัว ผสมผสานวัฒนธรรมด้ังเดิมกับวัฒนธรรมเมืองได้อย่าง
เหมาะสม
ตน้ “เดปอถ”ู่ และกระบอกไม้ไผท่ บี่ รรจสุ ายรกเดก็
251
การเรยี นรูเ้ ชงิ ปฏิบัตกิ าร (Action Learning) หลักสูตรนักปกครองระดับสูง (นปส.) รุ่นที่ 76
❖ กำรประกอบอำชพี ของชุมชน
๑ การทานาและทาไร่หมนุ เวยี น
๒ การเลย้ี งสัตวพ์ ืน้ บ้าน จาพวก หมู เป็ด ไก่ วัว ควาย ไว้ใชบ้ ริโภคภายในชมุ ชนเป็นหลัก ขายและ
ประกอบพิธีกรรม
๓ การเก็บหาของป่าในปา่ รอบๆ ชุมชน และยังมีการใช้ประโยชน์จากไม้ในปา่ เช่น ไม้ฟืน ไม้สร้าง
บา้ นและซ่อมแซมบ้าน
๔. การปลูกพืช ผัก ไม้ผล ไม้ดอก อาทิ ผักสลัด หอมญ่ีปุ่น สาลี่ บ๊วย พลับ อาโวคาโด ดอกแสตน
ดาด ดอกเบญจมาศ ส่งใหโ้ ครงการหลวง
๕. การรับจ้าง เมอื่ วา่ งจากการผลิตของครอบครวั จะไปรับจา้ งปลกู ขา้ ว ทาสวน ในพนื้ ทีใ่ กลๆ้ แถบตัว
อาเภอ
❖ วิถีดัง้ เดิมและควำมเช่อื
ชุมชนบ้านห้วยอคี า่ งได้รบั การสง่ ต่อคตคิ วามเชอ่ื และครรลองการดาเนนิ ชวี ิตจากบรรพชน มี
ความผกู พนั กับธรรมชาติ คน น้า ดิน ปา่ อาศัยพง่ึ พากัน จติ วญิ ญาณของบรรพชนคอื ผปู้ กปกั รกั ษาผนื
ป่า ดูแลลูกหลานปกาเกอะญอให้มีความสุขอยู่ดีกินดี วิถีดั้งเดิมและความเชื่อของชุมชนเป็น
ความสัมพันธ์ระหว่างคนกับธรรมชาติและส่ิงเหนือธรรมชาติ มีการยึดถือปฏิบัติสืบทอด ความเชื่อ
จารีต ประเพณีด้ังเดิมของชุมชน เช่น การเล้ียงผี การผูกข้อมือเรียกขวัญ การปฏิบัติตามข้อห้าม
ข้อกาหนดของชุมชน ฯลฯ การแต่งกาย การใช้ภาษายังคงยึดถือตามรปู แบบเดิม นับถือศาสนาพทุ ธ
ควบคู่กับความเชื่อดั้งเดิมเก่ียวกับผแี ละสิ่งศักดิ์สทิ ธ์ิต่างๆ ซ่ึงมีการผสมผสานกันอย่างเหมาะสม โดย
ในความเช่ือเก่ียวกับผีและส่งิ ศักดสิ์ ิทธ์ิจะมี "ฮีโข่“ เป็นผู้นาหรือผ้ปู ระกอบพธิ ีกรรม ส่วนทางศาสนา
พุทธจะมพี ระเป็นผู้นาและผปู้ ระกอบพธิ ีกรรม ซง่ึ การประกอบพธิ กี รรมตา่ งๆส่วนใหญ่จะทาควบคู่กัน
ไปทง้ั พทุ ธและผี
252
การเรียนรเู้ ชิงปฏบิ ัตกิ าร (Action Learning) หลกั สตู รนกั ปกครองระดบั สงู (นปส.) ร่นุ ที่ 76
❖ กำรจดั กำรทรัพยำกรภำยใตร้ ะบบวฒั นธรรม ควำมเชอ่ื และวถิ ชี ีวิตดัง้ เดิม
ในอดีตชุมชนมีการจัดทรัพยากรที่ได้รับการสืบทอดจากคนรุ่นพ่อ แม่ รุ่นปู่ ย่า มีทั้งอยู่ในการ
ดาเนินวิถีชีวิตประจาวัน สอดแทรกอยู่ในคาสอน บทธา(เพลงพ้ืนบ้าน) นิทาน เร่ืองเล่า สอดแทรกอยู่ใน
พิธกี รรมตา่ งๆ เป็นการสอนให้ลูกหลานรจู้ กั การดาเนนิ วิถีชวี ติ อยูร่ ่วมกบั ธรรมชาตไิ ด้อยา่ งยาวนาน ภมู ิปญั ญา
องคค์ วามรขู้ องชุมชนทข่ี อ้ งเก่ยี วกบั การจดั การทรัพยากรมดี ังนี้
ปำ่ ตำมควำมเช่อื
ผนื ปา่ ตามความเชอ่ื ของชุมชนเป็นป่าผนื ใหญ่เล็กไมเ่ ทา่ กัน มกี ระจัดกระจายทั่วไปตัง้ แต่ใกล้
บา้ นจนไกลถึงป่าขนุ นา้ แตล่ ะประเภทลว้ นมีความสาคญั ในแงม่ ุมที่แตกต่างกันไป นบั ต้ังแต่อดีตถึงปจั จุบันมปี า่
ทีช่ ุมชนอนรุ กั ษ์ไว้ตามความเชื่อโดยรวมแลว้ มีมากกวา่ ๓,๐๐๐ ไร่ ดงั ต่อไปน้ี
ประเภท ลกั ษณะควำมเชือ่ /พื้นที่
ตำ่ เดโดะ เป็นป่าท่ีมีลักษณะเป็นก่ิวขนาดใหญ่ ชุมชนเช่ือว่าเป็นทางเดินของผี โดยมีอยู่ ๒ จุดใหญ่ คือ
บริเวณกว่ิ โป่งเกย๊ี ะจานวน ๑,๐๐๐ ไร่ และบริเวณบือส่อเดจานวน ๑๐ ไร่
เดหมื่อเบอ เป็นดอยมีนา้ ไหลลอ้ มรอบ ปัจจุบันเปลีย่ นเป็นท่นี าของชาวบา้ น เนื่องจาก มีท่ีนาไม่เพียงพอ แต่
อย่างไรกต็ ามชาวบา้ นจะทากนิ จะต้องขออนญุ าติ และมีพธิ เี ล้ยี งผีเจา้ ท่เี จ้าดนิ เปน็ ประจาทกุ ปี
ทเี ปอถอ่ เชื่อวา่ มผี ีน้าอย่ทู ่ีนนั่ มีกระจดั กระจายทว่ั ไปในผนื ปา่ เม่ือเข้าป่าห้ามลว่ งลา้ โดยเฉพาะการอจุ จาระ
และปสั สาวะ
ดูตะ บรเิ วณทีเ่ ป็นป่าทบึ บนดอยสงู เป็นบรเิ วณทีจ่ ะละเว้นไม่มกี ารทาไรโ่ ดยเดด็ ขาดมีประมาณ ๒๐ จุด
บ่อโซะโอ่บู บริเวณถา้ นอนของเสือ เดก็ ๆ จะกลัวไม่กล้าเขา้ ไปล่วงล้า ปจั จุบัน ไม่มแี ลว้ เน้อื ทป่ี ระมาณ ๒ –
๓ ไร่
ต่ำคอเลำะ เป็นบริเวณที่มีรอยคน รอยสัตว์อยู่ในกอ้ นหิน ซ่งึ ในป่าชมุ ชนบ้านห้วย อคี า่ งมอี ยู่ ๔ จดุ คอื รอย
คน รอยเกง้ รอยม้า รอยช้าง บริเวณเหลง่ นีจ้ ะไม่มีการทาไร่
ตำ่ วีโดะ บริเวณป่าทึบตามลาห้วย เวลาคนเจ็บไข้ไม่สบายมีการเล้ียงส่งผีท่ีนี่ ถ้าเป็นคนท้องประมาณ
๒ – ๓ เดือน วันศลี หา้ มเดมิ ผา่ น มีประมาณ ๓ จดุ จดุ ละประมาณ ๕ ไร่ ต่ำซั้วโข่ ปกา่ โลปหู รือ
ชคิ ว้ำคี ป่าชา้ มี ๓ จุด
แดก่ วอ้ เปน็ ป่าขุนหว้ ยนา มที ัง้ ทดี่ แู ลโดยสว่ นบคุ คล และส่วนรวม รวมท้ังหมดมปี ระมาณ 200 จดุ
ปอกู๊เด บริเวณก่ิวเลก็ ๆ หา้ มทาไร่ มี ๑ จุด
มอโพ เปน็ บริเวณทพ่ี ักเวลาชาวบา้ นเข้าปา่ ไมม่ กี ารทาไร่หรอื ทาสวน
มอโดะ หรอื โปง่ น้อยเปน็ บรเิ วณทเี่ ปน็ แหลง่ อาหารของสตั วป์ า่ มี ๑ จุด เนอ้ื ท่ปี ระมาณ ๑๐ ไร่ ห้ามล่วงลา้
มอบรึ หรือโป่งหลวงเป็นบริเวณทเี่ ปน็ แหลง่ อาหารของสัตวป์ ่า มี ๑ จดุ แตป่ ัจจบุ ันไม่มแี ล้ว ห้ามลว่ งล้า
หรือโป่งจอมปลวก หา้ มล่วงลา้
253
การเรยี นรู้เชิงปฏิบตั ิการ (Action Learning) หลกั สตู รนกั ปกครองระดบั สงู (นปส.) ร่นุ ที่ 76
ประเภท ลักษณะความเชอื่ /พื้นที่
ตำ่ วำเวะ อยู่บนดอยมอ่ นยะ เป็นดอยทม่ี ีทางเดินชนรอบ ๒ ชั้น ซ่ึงเป็นร่องรอยทีช่ าวลัวะผู้เคยอยู่
มาก่อนขุดไว้ตามความเชื่อของชนเผ่าลัวะเช่ือว่ามีสมบัติอยู่บนยอดดอย บริเวณน้ัน
เชอเก๊อะกะ ชาวบ้านจะกลัวไม่กลา้ ทาไร่
เดปอ บรเิ วณทเี่ ป็นปา่ ดงมตี ้นไม้ใหญ่ เนื้อทป่ี ระมาณ ๑,๐๐๐ ไร่
ปา่ ที่ผกู สายสะดือเด็กเกิดใหม่ ปัจจบุ นั เหลอื เพียง ๒๐๐ กวา่ ตน้
ผนื ปา่ ตามความเชอ่ื เหลา่ น้ี โดยสว่ นใหญย่ ังคงสบื ทอดมาถึงคนร่นุ ปัจจบุ ัน มีเพยี งไมก่ ่แี หง่ ท่ีไม่มี
แล้ว ซ่ึงเป็นเพราะชาวบ้านไม่มีที่ดินทากินจาเป็นต้องใช้พ้ืนท่ีดังกล่าว และทรัพยากรถูกทาลายไปช่วง
ระยะเวลาหนง่ึ
พธิ กี รรมที่เกี่ยวข้องกับทรพั ยำกรของชมุ ชน
พธิ กี รรม ลกั ษณะพ้นื ท่ี / ลักษณะควำมเชื่อ
ต่อก่อแกร๊ะ พิธีกรรมนี้มิได้มีการทากันเป็นประจาทุกปี แต่จะเฉพาะบางปีที่มีคน
เจ็บป่วยมากๆ เม่ือมีการประกอบพิธีกรรมน้ีหมู่บ้านอื่นๆ ในบริเวณ
เลบอชิ เลย้ี งผใี นนำ ใกล้เคียงกันก็จะทาเช่นกัน เพราะเชื่อว่าเกิดสิ่งไม่ดีแก่ชุมชนคล้ายโรค
หลื่อเส่ปกำ่ เลย้ี งผใี นปำ่ ระบาด แต่ละชุมชนจะทากนั คนละวัน โดยชาวบ้านจะประกอบพิธีกรรมน้ี
ตำ่ คะแกะ๊ เลีย้ งในไร่ บริเวณป่า “ต่าเดโดะ” หรอื กวิ่ หลวง คนทง้ั บ้านทั้งเดก็ ผูห้ ญิง ผชู้ ายคนแก่
หลื่อนำธี กำรเลยี้ งผีนำ้ จะนาขนม – ข้าวต้ม ไปเซ่นไหว้ต่อเจ้าป่าบริเวณนั้น มีการทาสัญลักษณ์
ห้ามเข้าโดยใช้ “ตะแหล๋ว” ปักไว้บริเวณน้ัน โดยท้ังคนภายใน และนอก
ชุมชนห้ามเข้าเปน็ เวลา 1 วัน 1 คืน ระหว่างท่ปี ระกอบพิธีกรรมนีค้ นนอก
ชมุ ชนหา้ มเขา้ หม่บู า้ น ถา้ หากบงั เอิญเข้ามากจ็ ะต้องบอกกนั ตรง ๆ ใหอ้ อก
จากชุมชน
ก่อนท่ีจะเร่ิมตน้ ทานาต้องมกี ารเล้ียงผีในนาเช่ือว่าจะทาใหผ้ ลผลิตสมบรู ณ์
เวลาที่คนในบ้านเจบ็ ไขไ้ ม่สบายตอ้ งมพี ธิ เี ลยี้ งผี
พิธีกรรมเกี่ยวกับไร่หมุนเวียน จะทาพิธีเวลาท่ีต้นข้าวโตได้หนึ่งคืบ เวลา
ประกอบพธิ ีกรรมน้ีห้ามคนเดินผา่ นไรเ่ ปน็ ไรเ่ ปน็ เวลาหน่ึงวนั
ถ้าหากคนในบา้ นเจบ็ ไข้ไมส่ บายเชื่อว่าไปล่วงลา้ ผนี ้า ตอ้ งการผหี ลอื่ นาธี
ความเป็นจริงในอดีต บรรพชนปกาเกอะญอได้มีการสืบทอดองค์ความรู้ภูมิปัญญาในการอยู่ร่วมกบั
ธรรมชาติมานานหลายช่ัวอายุคน บ้านปกาเกอะญอโดยทั่วไปจะแวดล้อมไปด้วยทรพั ยากรธรรมชาติท่อี ุดม
สมบูรณ์ คนปกาเกอะญอรู้จักพืชพันธุ์ในป่า รู้จักการใช้การดูแลรักษา เพราะมีการสอนสอดแทรกในนิทาน
254
การเรียนร้เู ชิงปฏิบตั ิการ (Action Learning) หลกั สูตรนักปกครองระดบั สงู (นปส.) รุ่นที่ 76
เรอ่ื งเล่า พธิ ีกรรมต่าง ๆ และการดาเนนิ วถิ ีชวี ิตในแตล่ ะวัน บ้านห้วยอคี า่ งกเ็ ชน่ กัน แต่การพัฒนาในช่วงเวลาท่ี
ผ่านมา การเข้ามาของคนภายนอก และความเปลี่ยนแปลงในเรอ่ื งค่านิยมความเชื่อของชุมชนก็มสี ่วนทาให้
ทรพั ยากรรอบ ๆ บ้านถูกทาลายไปชว่ งเวลาหนง่ึ ประสบการณ์และบทเรยี นในอดีตได้ถูกส่งั สมมาหลายยคุ สมยั
ผา่ นเวลาบม่ เพาะจนตกผลึกกลายเปน็ องคก์ รชมุ ชนปา่ เชน่ ทกุ วันนี้
๒. ระบบกำรบรหิ ำรจัดกำรชมุ ชน
ชุมชนบ้านห้วยอีค่าง วิถีชุมชนได้ยืดถือแนวปฏิบัติตามครรลองจารีต คติความเช่ือ ประเพณีดั้งเดมิ
ของชุมชนในการอยู่ร่วมกัน คนในสังคมมีความสัมพันธ์แบบเครือญาติ มีการช่วยเหลือเกื้อกูลกันในยาม
เดือดร้อน การดาเนนิ ชวี ิตของผู้คนในปจั จบุ ันมกี ารปรับตัว ผสมผสานระหว่างวัฒนธรรมดั้งเดิมกับวัฒนธรรม
เมืองไดอ้ ยา่ งเหมาะสม พลวตั รของชุมชนเป็นไปใน ๒ ลกั ษณะทค่ี วบคู่กนั ไป
๑. การสืบทอดในวถิ บี รรพชนของชมุ ชน มี “ผู้นาจิตวิญญาณ”เปน็ เจา้ พิธกี รรมเปน็ ศูนยร์ วมจิตใจของ
ชุมชน
๒. การบริหารจัดการชุมชน มี“ผู้ใหญ่บ้าน”เป็นผู้นาชุมชนด้านการบริหารจัดการ โดยมี
“คณะกรรมการหมู่บา้ น(กม.)”เปน็ ผูช้ ว่ ยเหลอื ยดึ หลักการทางานแบบมสี ว่ นร่วม รว่ มคิด ร่วมทา รว่ มตัดสนิ ใจ
มีการแบ่งหน้าท่ีความรับผิดชอบออกเปน็ ด้านต่างๆได้แก่ ด้านอานวยการ ด้านการปกครองและรักษาความ
สงบเรียบร้อย ด้านแผนพัฒนาหมู่บ้าน ด้านส่งเสริมเศรษฐกิจ ด้านสังคม ส่ิงแวดล้อมและสา ธารณะ ด้าน
การศึกษา ศาสนาและวัฒนธรรม และด้านอ่ืนๆ เม่ือเกิดข้อพิพาทหรือมีความขัดแย้งกันของคนในหมู่บ้าน
ผู้นาจิตวญิ ญาณ ผ้ใู หญ่บา้ นและชาวบา้ นจะร่วมกนั แก้ไขข้อพพิ าทใหแ้ ล้วเสรจ็ และเกิดความเขา้ ใจอันดีร่วมกัน
โดยไม่ตอ้ งไปถงึ การใชก้ ระบวนการยตุ ธิ รรมนอกหม่บู ้าน
ในการพัฒนาหม่บู ้านมีแผนพฒั นาหมู่บา้ นเป็นเคร่อื งมือดาเนนิ การ ซึง่ ประชาชนทกุ คนไดเ้ ข้ามามสี ว่ น
ร่วมในการคิดวิเคราะห์ โดยใช้ฐานข้อมูลความจาเป็นพ้ืนฐาน(จปฐ.) ข้อมูลพ้ืนฐานระดับหมู่บ้าน(กชช. ๒ค.)
รวมถึมต้นทุนต่างๆที่มีอยู่ในชุมชน ได้แก่ ทุนมนุษย์(ปราชญ์ชาวบ้าน/ผู้มีความรู้ความสามารถ) ทุนสังคม
(ขนบธรรมเนียม จารีต ประเพณี องคก์ รทางสังคม) ทนุ ทางกายภาพ(สงิ่ สาธารณประโยชน)์ ทนุ ทางธรรมชาติ
(ทรัพยากรธรรมชาติท่สี าคัญ) การนาปัจจัยภายใน ปัจจัยภายนอกที่มีผลกระทบตอ่ ชุมชน มาวิเคราะห์และ
ประเมนิ ศักยภาพของหมู่บ้าน เพื่อจัดลาดับความสาคัญของปัญหานาไปสู่แผนงาน โครงการ กิจกรรมในการ
พัฒนาหมู่บ้านต่อไป
๓. นโยบำยภำครัฐและผลกระทบต่อกำรพัฒนำของชุมชน
การนานโยบายภาครฐั ไปสู่การปฏบิ ัติ หลายโครงการเกิดผลดใี นการยกระดับการพัฒนาคุณภาพชวี ติ
ของคนในชุมชน แตบ่ างโครงการกส็ ร้างความวิตกกงั วลต่อวถิ ีชวี ิตความเป็นอยู่ของคนในชุมชนอย่างหลกี เลย่ี ง
ไมไ่ ด้ ชมุ ชนบ้านหว้ ยอคี ่างก็เชน่ กนั
การเข้ามาของโครงการหลวงขุนวาง เมื่อ ปี ๒๕๒๘ ทาให้วิถีชีวิตของชาวไทยภูเขา ปกาเกอะญอ
และม้ง จานวน ๔ หมู่บ้าน ๗ กลมุ่ บ้าน ซงึ่ รวมถงึ บ้านห้วยอีค่างด้วย มีคุณภาพชีวติ ทดี่ ีขึน้ วถิ ชี วี ิตทีเ่ ปล่ยี นไป
โครงการหลวงสนับสนนุ สง่ เสริมและพัฒนาการปลูกพืชเขตหนาว ปลกู พชื ผกั ไม้ผล ไม้ดอก ชาจนี พืชไร่ เห็ด
กาแฟ ทดแทนพ้นื ที่ปลกู ฝ่นิ ทาใหม้ รี ายไดส้ ู่ครวั เรือนอย่างตอ่ เน่ือง มคี วามม่นั คงในการประกอบอาชีพ มพี ืน้ ที่
ทากินอยา่ งถาวร ต้ังถิ่นฐานเป็นหลักแหล่ง ชาวเขาไมห่ ันกลบั ไปทาไร่เลื่อนลอยและบกุ รกุ ทาลายปา่ อีก
255
การเรียนรเู้ ชิงปฏบิ ตั ิการ (Action Learning) หลกั สูตรนักปกครองระดบั สูง (นปส.) รุน่ ท่ี 76
แนวนโยบายแห่งรัฐตามคาสั่ง คสช.ท่ี ๖๔ และ ๖๖/๒๕๕๗ เรื่อง การปราบปรามการบุกรกุ ทาลาย
ทรัพยากรป่าไม้ กลับนามาซ่ึงความหว่ันวิตกกังวลของคนในชุมชน เนื่องจากหมู่บ้านห้วยอีค่างอยู่ในเขตปา่
สงวนแหง่ ชาตแิ ละสว่ นใหญ่ยงั ไม่มเี อกสารสทิ ธิ์ในทด่ี ินทากนิ และท่ีพักอาศัย
โครงการหลวงสนับสนุนส่งเสรมิ การปลกู พืชผกั เมอื งหนาวภายใต้ระบบอาหารปลอดภัย มีระบบการ
เพาะปลกู ท่ีด(ี Good agricultural practice:GAP) สรา้ งรายได้ที่ม่นั คงและความเปน็ อยทู่ ดี่ ขี ึน้ แก่เกษตรกร พืช
ท่ีสนับสนุนเป็นไปตามท่โี ครงการหลวงกาหนด ด้วยมาตรฐานอาหารปลอดภัยดังกล่าวทาใหเ้ ป็นท่ีสนใจของ
ผู้บริโภคทั่วไป จึงเกิดการผลิตทั้งในกลุ่มสมาชิกเพ่ือส่งโครงการหลวงและกลุ่มเกษตรกรผู้ผลิตส่งผู้ค้าทว่ั ไป
เมล็ดพันธ์ุพืชท่นี ามาปลูกส่วนมากจะเปน็ พืช GMO สายพนั ธุ์พืชอ่อนแอไมท่ นทานตอ่ โรค เกษตรกรจาเป็นตอ้ ง
พง่ึ สารเคมีเข้ามาชว่ ย สมาชกิ ทเ่ี ข้าร่วมโครงการหลวงมีกระบวนการตรวจสอบการใช้สารเคมวี า่ สารตกคา้ งอยู่
ในเกณฑ์อาหารปลอดภัยหรือไม่ ส่วนเกษตรกรทไ่ี ม่เปน็ สมาชิกในโครงการหลวงซ่ึงขายตรงกบั ผู้ค้าท่ัวไปไมม่ ี
กระบวนตรวจสอบความปลอดภัย เร่ืองน้ีจึงเป็นประเด็นปัญหานามาซ่ึงความวิตกกังวลถึงผลกระทบต่อ
คณุ ภาพชวี ติ ของคนในชมุ ชนและผบู้ รโิ ภคในอนาคตขา้ งหนา้
หมบู่ า้ นห้วยอคี ่าง เป็นอกี ชมุ ชนหนึ่งที่มีความเข้มแขง็ มีกระบวนการบริหารจดั การในชมุ ชุนแบบการ
มีสว่ นรว่ มของทุกฝา่ ย มีการปรับตวั ตอ่ ผลกระทบจากโครงการภาครัฐทเ่ี ข้ามาอย่างต่อเน่ือง เวทีของชุมชนจะ
ช่วยกันวิเคราะห์ตัดสินใจเลอื กรบั เลือกปฏิเสธหรือเลอื กตอบเสนอโครงการในลักษณะเช่นไร เช่น โครงการ
แกไ้ ขปัญหานา้ ของ สนทช. เพอื่ แกไ้ ขปญั หาน้าภาคการเกษตรโดยการสร้างอา่ งเก็บนา้ ขนาดใหญ่ ชุมชนหว้ ยอี
ค่างมีมติปฏิเสธไม่จดั ทาโครงการ มีการวิเคราะหว์ ่าโครงการดังกลา่ วมีผลกระทบตอ่ ระบบนเิ วศนข์ องหมู่บา้ น
ทรัพยากรปา่ ไม้จะถกู ทาลายเป็นจานวนมากซงึ่ ขดั กับจารตี วิถีชุมชนท่บี รรพชนปลกู ฝังไว้ คน น้า ดนิ ป่า ตอ้ ง
อยู่อาศัยร่วมกัน ปกาเกอะญอบ้านหว้ ยอคี ่างส่งเสริมสนับสนุนการปลกู ป่าแตไ่ มส่ นับสนุนการตัดไม้ทาลายป่า
รวมถึง การปฏิเสธการเขา้ ร่วมโครงการกองทนุ พฒั นาสตรี โดยเวทขี องชมุ ชนมีความเห็นวา่ กองทนุ หมบู่ ้านทมี่ ี
อยู่ (กทบ. ๑ ล้านบาท และ กขคจ. ๒๘๐,๐๐๐ บาท) ท่ีได้รับและใช้อยู่มคี วามเพียงพอแลว้ หากรัฐจะจดั ตัง้
กองทุนเข้ามาอีกจะทาให้วงจรหนี้สินของประชาชนไม่จบส้ิน เป็นต้น แต่ถึงอย่างไรชุมชนก็ไม่ได้ปฏิเสธใน
โครงการจากภาครัฐที่เป็นการยกระดับคุณภาพชีวิตประชาชนใหด้ ีข้นึ
256
การเรียนรู้เชิงปฏบิ ัตกิ าร (Action Learning) หลกั สูตรนักปกครองระดับสงู (นปส.) รุ่นที่ 76
สว่ นท่ี ๒
ประเด็นกำรพัฒนำชมุ ชน
กำรประเมนิ ศักยภำพของหมู่บ้ำน (SWOT)
(๑.) จุดแข็ง Strengths ศกั ยภำพของหมูบ่ ำ้ นทเี่ ป็นข้อเด่นเป็นปัจจยั ภำยในทหี่ มู่บ้ำนสำมำรถ
เปลยี่ นแปลงและพัฒนำได้
- วิถีชวี ติ จารีต ความเชื่อ “จติ วญิ ญาณของบรรพชน”ทฝี่ งั ลกึ มาอยา่ งยาวนาน ความสมั พนั ธ์
ระหวา่ งคน ธรรมชาติ และสงิ่ เหนือธรรมชาติ ทาให้ยงั คงรักษาสิง่ แวดล้อมความอดุ มสมบรู ณ์ให้คงอยู่
- มีกฎ ระเบียบของชุมชนทช่ี ัดเจน ทกุ คนยอมรบั และปฏบิ ัตติ าม
- ผนู้ าชมุ ชนเขม้ แขง็ และมีวสิ ยั ทัศนท์ ี่ดี
- ชมุ ชนเข้มแขง็ มีความสามัคคี มสี ่วนร่วมในการตดั สนิ ใจตอ่ การนานโยบายของรัฐมา
ดาเนนิ การในพนื้ ที่
- มที รัพยากรธรรมชาตทิ อี่ ุดมสมบรู ณ์
- การทาเกษตรสมยั ใหม่ทใ่ี ช้องค์ความรู้ มีการวางแผนการผลติ บนแนวคิดเศรษฐกจิ พอเพยี ง
- การบริหารจดั การกองทุนท่ีเข้มแขง็ และมคี วามรับผิดชอบ
- กลมุ่ อาชีพเข้มแข็ง
- ชมุ ชนมกี ารพงึ่ พาตนเองมกี ารนาหลักปรชั ญาเศรษฐกจิ พอเพียงมาใช้ในชีวิตประจาวัน
(๒.) จุดออ่ น Weakness ศักยภำพของหมบู่ ำ้ นทข่ี อ้ ด้อยเป็นปัจจัยภำยในที่หม่บู ำ้ นสำมำรถ
เปล่ยี นแปลงและพัฒนำได้
- มีการใชส้ ารเคมใี นภาคการเกษตรเพมิ่ มากขนึ้
- ตลาดรองรบั ผลผลิตด้านการเกษตรยงั ไมเ่ พียงพอ
- นา้ อปุ โภคบริโภคยังไมส่ ะอาดและไมเ่ พยี งพอ
- ไฟฟา้ ภาคการเกษตรยงั ไม่ทัว่ ถึง
- ไฟฟา้ ส่องแสงสวา่ งในชมุ ชนยงั ไมเ่ พียงพอ
- เสน้ ทางคมนาคมขนถ่ายสินคา้ ทางการเกษตรยังไมส่ ะดวกเท่าท่คี วร
- การสุขาภิบาลและการจัดการดา้ นสภาพแวดล้อมชุมชนยงั ไม่ดี
- อยู่ห่างไกลการเขา้ ถึงการบรกิ ารดา้ นสาธารณสขุ
- ครัวเรือนยากจนจากความดอ้ ยสมรรถภาพท่ีไมส่ ามารถพฒั นาต่อได้
- การแพร่ระบาดของยาเสพติดในชุมชน
- ขาดความรแู้ ละทักษะในอาชพี เสริมท่ชี ว่ ยสร้างรายได้
- ไม่มสี ถานทีฌ่ าปนกจิ ศพ
- วิถีชีวิต จารตี ความเชือ่ “จิตวิญญาณของบรรพชน”ทฝี่ ังลกึ มาอยา่ งยาวนานยากต่อการ
เปลี่ยนแปลง
257
การเรียนรเู้ ชงิ ปฏิบัตกิ าร (Action Learning) หลักสูตรนกั ปกครองระดับสงู (นปส.) รนุ่ ท่ี 76
(๓.) โอกำส Opportunities ปัจจยั ภำยนอกที่เป็นผลบวกที่หมบู่ ำ้ นไม่สำมำรถควบคุมได้
- มโี ครงการหลวงสนบั สนุนดา้ นวชิ าการเกษตร การตลาด การรับซ้อื ผลผลิต รวมถงึ การ
สง่ เสริมเทคโนโลยสี มัยใหม่
- คนในชุมชนไดร้ บั การส่งเสริมใหม้ ีการศกึ ษา
- มีหน่วยงาน องคก์ รภายนอกมาสนับสนนุ ในเร่อื งการศกึ ษา อาชีพ การพฒั นาคุณภาพ
ชวี ิต
- กระแสบริโภคอาหารปลอดภยั
- กระแสการท่องเทย่ี วเชงิ นเิ วศน์ เชงิ วัฒนธรรม
(๔.) ภัยคกุ คำม Threat ปจั จยั ภำยนอกทีเ่ ป็นผลลบทหี่ มู่บำ้ นไมส่ ำมำรถควบคมุ ได้
- ความก้าวหน้าของเทคโนโลยี เดก็ เยาวชน เสพติดมือถอื (สอ่ื ออนไลน์)
- ปัญหาการมีกรรมสิทธ์ิในท่ีดินทากิน
- การขาดแคลนน้าและแหลง่ กกั เกบ็ นา้ ในภาคการเกษตร
- การส่อื สารและคมนาคมในการเขา้ ถงึ ชมุ ชน
- การเกดิ ภยั ธรรมชาตใิ นพ้นื ที่
- ผลกระทบจากสถานการณ์โควิด ๑๙ กับระบบเศรษฐกจิ ชมุ ชน
- คติความเช่ือตอ่ การพฒั นา
กำรวิเครำะห์ควำมเสยี่ ง โอกำส จดุ แขง็ จุดอ่อนของหมู่บ้ำน/ชุมชน
ชมุ ชนปกาเกอะญอบา้ นหว้ ยอคี ่าง เปน็ ชมุ ชนทีม่ ีอัตลักษณแ์ ละมีการพงึ่ ตัวเองสงู วิถีชีวิตชุมชนตาม
ครรลองจารตี ประเพณีจากบรรพชนทย่ี ดึ ถือกนั มาอย่างยาวนานชมุ ชนมีความผกู พันแบบเครอื ญาติ เป็นจดุ
แข็งในการขบั เคลื่อนการพฒั นางานต่างๆของชุมชน
คติความเช่ือในเร่ืองการอยู่ร่วมกันระหว่างคนกับธรรมชาติและสิ่งเหนือธรรมชาติ ทาให้เกิดการ
อนุรักษ์ทรัพยากรป่าไม้ การคงอยู่ของป่าชุมชนในรปู แบบ“ปา่ เดปอถู่” หรือผืนป่าแหง่ จติ วิญญาณของบรรพ
ชน ท่มี คี วามอดุ มสมบรู ณม์ าจนถึงปจั จุบนั
สิ่งหนง่ึ ทที่ าใหช้ มุ ชนบ้านห้วยอคี า่ ง พ่ึงพาตนเองได้ คอื การนาแนวทางเศรษฐกจิ พอเพยี งมาปรบั ใชใ้ น
วิถีชุมชน สถานการณ์การแพร่ระบาดโควิด ๑๙ นับตั้งแต่ปี ๒๕๖๓ จนถึงการแพร่ระบาดในระลอกท่ี ๓ ในปี
๒๕๖๔ ชมุ ชนบ้านห้วยอคี ่างได้รบั ผลกระทบไม่มากนัก ความเป็นอย่ทู ี่ยึดถอื แนวทางเศรษฐกิจพอเพียงมาใช้ใน
การดาเนนิ ชีวติ ชุมชนมคี วามมน่ั คงทางอาหาร มคี ลงั อาหารท่อี ดุ มสมบรู ณอ์ ยแู่ วดลอ้ มทั่วไปของชมุ ชน มกี าร
ปลกู พชื ผกั สวนครัว เลย้ี งหมเู ลยี้ งไกไ่ ว้บรโิ ภคเพื่อลดรายจ่ายในครัวเรือน
ชุมชนบ้านห้วยอีค่างมีธนาคารข้าวประจาหมู่บ้าน เพ่ือดูแลสวัสดิการของชุมชนในยามจาเป็น การ
ปลูกข้าวของที่นี่จะปลูกไว้แต่เพียงพอกินและแบ่งปันในชุมชน เหลือเก็บก็แบ่งปันไว้เป็นกองทุนกลางของ
หม่บู ้าน
รายได้หลักของชุมชนมาจากการผลิตภาคการเกษตร โดยการสนับสนุนแผนการผลิตและการตลาด
จากโครงการหลวง เกษตรกรปลกู พชื ผกั แบบสมัยใหมบ่ นหลักวิชาการ ในขณะเดียวกนั ก็ไมท่ งิ้ ภมู ปิ ัญญาดั้งเดมิ
มีการรักษาพันธ์พุ ชื ไวใ้ ช้ในชมุ ชนเพือ่ ความยง่ั ยนื ในหว่ งโซ่อาหารของชมุ ชน
258
การเรียนรู้เชิงปฏิบตั กิ าร (Action Learning) หลกั สตู รนกั ปกครองระดบั สงู (นปส.) รนุ่ ท่ี 76
ความต้องการของผู้บริโภคจากภายนอกและการตลาดท่ีกว้างขึ้นทาให้เกษตรกรหลายรายหันไปใช้
สารเคมีกับการเพาะปลกู มากขน้ึ เพือ่ ใหผ้ ลผลิตทันกบั ความต้องการของตลาด ทาให้ละเลยตอ่ การผลิตอาหาร
ปลอดภัยซึง่ จะส่งผลต่อคุณภาพชีวติ ของคนในชมุ ชนในวนั ขา้ งหนา้
กระแสการเปลีย่ นแปลงของโลกทรี่ วดเร็ว ชมุ ชนบ้านห้วยอีคา่ งมีความตระหนกั ตอ่ การเปล่ียนแปลงที่
ก ร ะ ท บ ต่ อ ค ติ ค ว า ม เ ชื่ อ แ ล ะ วิ ถี ด้ั ง เ ดิ ม ข อ ง ชุ ม ช น ที่ มี ค ว า ม สุ ข ท่ า ม ก ล า ง ค ว า ม อุ ด ม ส ม บู ร ณ์ ข อ ง
ทรัพยากรธรรมชาติทแี่ วดล้อมของชุมชน
ถึงแม้ชุมชนบ้านหว้ ยอีคา่ งจะประกอบอาชพี ทางการเกษตรมายาวนาน แต่คนในชุมชนส่วนใหญย่ ังไม่
มกี รรมสิทธิใ์ นที่ดินทากิน เนื่องจากอยูใ่ นเขตป่าสงวนแห่งชาติ ชมุ ชนเองอยากไดร้ ับความเช่อื มัน่ จากรฐั ในเรอ่ื ง
เอกสารสิทธทิ ากิน เพ่อื เป็นหลักประกนั ด้านทีอ่ ยอู่ าศัยและการประกอบอาชพี
ชมุ ชนบา้ นห้วยอคี า่ ง รทู้ ี่จะรบั หรอื เลอื กปฏเิ สธโครงการจากภาครัฐ ทีม่ ผี ลกระทบต่อคณุ ภาพชีวิตและ
วถิ ีความเป็นอยูข่ องคนในชุมชน โดยใชเ้ วทีการบริหารจัดการของชมุ ชนแบบการมีสว่ นรว่ มตดั สนิ ใจดาเนนิ การ
เช่น การปฏิเสธการเข้าถงึ กองทุนพัฒนาสตรีเน่ืองจากมีภาระหนสี้ ินกองทุนอื่นอยู่แล้วไมค่ วรสร้างภาระหนี้สิน
เพ่ิมในชุมชน สนับสนุนส่งเสริมให้คนในชุมชนใช้วิธีการออมในการแก้ไขปัญหาเพ่ือลดภาระหนี้สินท่ีมีอยู่
สง่ เสริมการนาแนวทางเศรษฐกจิ พอเพยี งมาใชเ้ พอื่ ลดคา่ ใชจ้ ่ายในครัวเรอื น เป็นตน้
การพัฒนาชุมชน หมู่บ้านห้วยอีค่างมีกระบวนการตัดสินใจเลือกแนวทางการพัฒนาท่ีเหมาะสมกับ
บรบิ ทของตนเองไม่ขัดต่อหลักความเช่อื ของบรรพชนที่คนและธรรมชาตติ อ้ งอยู่ร่วมกนั ชมุ ชนบา้ นห้วยอีคา่ งมี
ต้นน้าทางธรรมชาติที่ส่งมาทาประปาหมู่บ้านและส่งไปตามเหมืองสง่ นา้ เพื่อหล่อเลย้ี งในภาคการเกษตรใน ๓
สายหลัก รอบหมู่บ้าน ตอนกลาง และตอนล่าง ถึงแม้น้าเพ่ือการเกษตรจะไม่เพียงพอในช่วงฤดูแล้งระหว่าง
เดือนมีนาคม-เดือนเมษายน ชุมชนก็ตัดสินใจเลือกที่จะทาฝายทดน้าเพื่อกักเก็บและชะลอการไหลของน้า
มากกว่าการสร้างอา่ งเก็บนา้ ขนาดใหญซ่ ่ึงจะตอ้ งมกี ารตดั ตน้ ไม้ขนาดใหญจ่ านวนมาก กระทบตอ่ ระบบนเิ วศน์
ของชุมชน ขดั ต่อวิถีของปกาเกอะญอบา้ นหว้ ยอคี ่างทใ่ี หค้ วามสาคัญกับทรพั ยากรปา่ ไม้ ไมส่ ่งเสริมใหม้ ีการตัด
ตน้ ไม้ ผืนป่าคอื ทีอ่ ยขู่ องจิตวิญญาณบรรพชน คนกบั ป่าต้องอยูร่ ว่ มกนั อาศยั กันและกนั
ชุมชนบ้านหว้ ยอคี ่างมีต้นทุนแหลง่ น้าจากธรรมชาติมาจากภูเขา นามาใช้เป็นประปาหมู่บ้านเพอื่ การ
อุปโภคและบริโภค แต่การบริหารจัดการระบบน้าดังกลา่ วยังไม่ได้คุณภาพด้านความสะอาดเท่าท่ีควร และ
ปรมิ าณน้าสารองไวใ้ ช้ในเครอื เรือนยังมีไมพ่ อเพยี ง ความมนั่ คงในเร่ืองนา้ ต้องไดร้ ับการพฒั นา
การเกษตรคือรายได้หลกั ของชุมชน พ้ืนท่ีทางการเกษตรยงั ขาดแคลนน้าในห้วงฤดแู ลง้ รวมถึงความ
ต้องการในการพฒั นาโครงสรา้ งพ้นื ฐานท่จี าเป็นเพอื่ ลดตน้ ทนุ และเพม่ิ ประสทิ ธภิ าพในการขนถา่ ยผลผลติ ไดแ้ ก่
ความตอ้ งการขยายไฟฟา้ การเกษตร การทาถนน คสล.ไปยงั พน้ื ทีก่ ารเพาะปลูก
แม้ชุมชนบ้านหว้ ยอีค่างจะถูกรายลอ้ มด้วยความอุดมสมบรู ณ์ทางทรัพยากรธรรมชาติ แต่การบรหิ าร
จัดการจัดด้านส่ิงแวดล้อมชุมชนยังไม่เหมาะสมไม่เป็นไปตามหลักการสุขาภิบาล จึงเห็นภาพบ้านเรือนสว่ น
ใหญย่ งั คงมสี ตั วเ์ ลี้ยง เชน่ หมู ไก่ ววั ควาย ถกู เล้ยี งอยู่ใต้ถนุ บ้านพกั อาศัย ระบบนา้ ท้งิ นา้ เสียยังตอ้ งปรบั ปรุง
ด้านคุณภาพชีวิตของประชาชน อัตราการเจ็บป่วยของประชาชนกับโรคสมัยใหม่ เช่น โรคมะเร็ง
เบาหวาน ความดัน เป็นต้น มีน้อยมาก การเสียชีวิตส่วนมากเป็นไปตามอายุขัย ด้วยวิถีการบริโภคอาหาร
ปลอดภัยการพึ่งพาตนเองปลูกพชื ผักไว้บรโิ ภคในครัวเรือนเปน็ ส่ิงสาคัญ และในขณะเดียวกันชุมชนเองกเ็ รม่ิ
ตระหนกั ถงึ การใชส้ ารเคมใี นภาคการเกษตรท่ีเรมิ่ มากข้ึนซ่งึ จะมผี ลกระทบตอ่ คณุ ภาพชวี ิตของคนในชมุ ชนใน
อนาคต
259
การเรยี นรเู้ ชิงปฏิบตั ิการ (Action Learning) หลักสูตรนกั ปกครองระดบั สงู (นปส.) ร่นุ ที่ 76
ความม่ันคงปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สิน ชุมชนอยู่ร่วมกันอย่างปกติสุข ไม่มีสถานการณท์ ่ีนามาซึง่
ความไมส่ งบเรียบรอ้ ยในชุมชน ปญั หาเรอ่ื งการใช้ยาเสพติดในชมุ ชนยังอยใู่ นระดบั ท่คี วบคมุ ได้ คนในชุมชนซึ่ง
มีพฤตกิ รรมการเสพยามาจากชมุ ชนเมืองพ้นื ลา่ ง ในชุมชนไม่มผี ้คู ้าผขู้ ายยาเสพติด
สดั ส่วนจำนวนครวั เรอื นที่ไมพ่ ออย่พู อกนิ ในชุมชน
จากการประเมินข้อมูลพื้นฐานระดับหมูบ่ า้ นตามฐานข้อมลู จปฐ. และ กชช.๒ ค. ปี ๒๕๖๒ หม่บู า้ น
ห้วยอีค่าง มีค่าระดับการพัฒนาเป็นหมู่บ้านเร่งรัดการพัฒนาอันดับ ๓ มีรายได้เฉลี่ยต่อคนต่อปีอยู่ที่
๔๑,๑๗๓.๕๙ บาท ในภาพรวมถอื วา่ ผ่านเกณฑร์ ายได้ของประเทศที่กาหนดไวท้ ี่ ๓๘,๐๐๐ บาท
จากการลงพนื้ ท่ี Action Learning ของนกั ศึกษา นปส.ร่นุ ที่ ๗๖ กป. ๑๒ ระหวา่ งวนั ท่ี ๔-๘ เมษายน ๒๕๖๔
ค้นพบครัวเรือนเปราะบางมฐี านะยากจน จานวน ๖ ครัวเรือน เมือ่ วเิ คราะห์แลว้ แยกเปน็ กลมุ่ ได้ดงั นี้
๑.กลุม่ ครัวเรอื นยำกจนทมี่ ีศกั ยภำพพัฒนำต่อได้ จานวน ๓ ครวั เรอื น
- เป็นครัวเรือนท่ีขาดโอกาสในการประกอบอาชีพเนื่องไม่มีท่ีดินทากิน หรือมีแต่จานวนน้อย (เป็น
บคุ คลจากพนื้ ทอ่ี ืน่ ย้ายตามพีช่ ายมาอย่ใู นชุมชน) จานวน ๑ ครัวเรอื น สมาชิก ๖ คน
- เป็นผู้ไม่มีสถานะเป็นคนไทย(ไม่มีสญั ชาติ/ช่ือตกหลน่ ) ไม่มีเอกสารทางราชการเพื่อรับรองการเขา้
ทางาน จานวน ๒ ครวั เรือน สมาชกิ ๓ คน
กลุ่มน้ีอยู่ในช่วงวัยแรงงาน มีความขยัน สามารถส่งเสริมอาชีพรองรับด้านอ่ืนๆได้ เช่น การทา
ผลิตภณั ฑช์ ุมชนจากไม้ไผ่ เป็นตน้
๒.กลมุ่ ครัวเรอื นยำกจนทีไ่ มม่ ศี ักยภำพพฒั นำต่อได้ จานวน ๓ ครัวเรอื น
- เป็นครอบครัวผสู้ ูงอายดุ แู ลกนั เอง จานวน ๒ ครัวเรอื น สมาชกิ ๔ คน
- กลุ่มฐานะยากจนมีข้าวกินไม่เพียงพอตลอดทั้งปี (แม่เป็นโรคกล้ามเน้ืออ่อนแรง ลูกพิการ/ออทสิ ตกิ )
จานวน ๑ ครัวเรือน จานวน ๒ คน
เป็นกลุม่ เปราะบาง ครอบครวั ผูส้ งู อายุ เกินวัยแรงงาน ต้องได้รับการดแู ลจากสวัสดิการของรัฐ และ
การชว่ ยเหลือดแู ลจากชุมชน ในลกั ษณะให้การสงเคราะห์
สัดส่วนจานวนครัวเรือนที่ไม่พออยู่พอกินในชุมชน จานวน ๖ ครัวเรือนจากครัวเรือนท้ังหมดของ
หมู่บา้ นจานวน ๑๒๒ หลังคาเรอื น คดิ เป็นรอ้ ยละ ๔.๙๒
กำรประเมินระดับกำรพัฒนำของหมบู่ ำ้ น/ชุมชน
เม่อื พิจารณาจากขอ้ มูลพืน้ ฐานระดบั หมบู่ ้าน รวมถงึ การลงพ้ืนที่เกบ็ ข้อมลู จากการ Action Learning
แลว้ หมู่บา้ นหว้ ยอีค่างถือเป็นชุมชนท่มี ีการตืน่ ตวั มกี ารปรบั ตวั เพอื่ พัฒนาคุณภาพชีวิต มีการพง่ึ พาตนเองของ
ชุมชนในระดับสงู
มิติทำงด้ำนสังคม (No poverty : Zero hunger) ชุมชนบ้านห้วยอีค่างเปน็ ชุมชนที่มีความเอ้อื อารี
ตอ่ กนั ผูค้ นในสงั คมมีความสัมพันธ์อย่างแน่นแฟน้ แบบเครอื ญาติ มีจารตี ประเพณกี าหนดครรลองวิถีชีวติ ของ
คุณในชุมชน มตี ้นทุนทางสังคม ตน้ ทนุ ทางธรรมชาติทอ่ี ดุ มสมบรู ณ์ มกี ารบรหิ ารจดั การแบบมีสว่ นรว่ ม ชุมชน
มีอานาจในการตัดสินใจ มีสิทธิในการแสดงความคิดเห็น ชุมชนมีความสามารถจัดการในกิจกรรมของชมุ ชน
เปน็ สังคมเกษตรกรรมทีพ่ งึ่ พาตนเองสูง มีกองทนุ สวัสดกิ ารในการดูแลผตู้ กทุกข์ได้ยาก มแี ผนงานโครงการเพอื่
ยกระดบั คณุ ภาพชวี ติ ครวั เรอื นทต่ี กเกณฑร์ ายได้ ถือว่าเป็นชมุ ชนท่ชี ่วยเหลือตวั เองได้
260
การเรยี นรูเ้ ชงิ ปฏบิ ตั กิ าร (Action Learning) หลักสตู รนักปกครองระดบั สูง (นปส.) รุ่นที่ 76
มิติทำงด้ำนเศรษฐกิจ (Decent work and economic growth) เป็นชมุ ชนท่มี ีความมั่นคงทางด้าน
เศรษฐกิจ มีรายได้เฉลี่ยเป็นไปตามเกณฑ์มาตรฐานของประเทศท่ีกาหนด รายได้ของชุมชนมาจากทา
การเกษตรสมัยใหม่ มีการปลูกพืชที่หลากหลาย มีการวางแผนการผลิต มีวิชาการที่สนับสนุนจากโครงการ
หลวง มีคลังอาหารจากธรรมชาติในผืนป่าท่ีอุดมสมบูรณ์ มีการนาหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงมาใช้ใน
ครวั เรอื น สร้างความมั่นคงทางอาหาร ลดรายจา่ ยทไี่ มจ่ าเป็น ลดการเป็นหน้ี ปฏเิ สธการเข้าถึงแหล่งทนุ ในการ
กู้ยืมที่ไม่ได้สร้างมลู ค่าทางเศรษฐกิจ ส่งเสริมการออมในชุมชน สถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด 19 ที่
เกิดข้ึนจึงไม่ได้รับผลกระทบมากนัก
มิติทำงด้ำนสิ่งแวดล้อม (Clean water and sanitation) ด้วยวิถีของปกาเกอะญอท่ีเชื่อในกฎ
ธรรมชาตใิ หค้ วามสาคญั ในความสัมพนั ธร์ ะหว่างคนกับธรรมชาติและสิ่งเหนอื ธรรมชาติ จิตวิญญาณของบรรพ
ชนอยู่กับป่า คือผู้ดูแลปกปักรักษาผืนป่าและนาความผาสุกมาสู่ชุมชน การปลูกฝังทัศนคติต่อการหวงแหน
ทรัพยากรธรรมชาติเพ่ือให้ลกู หลานรู้จกั การดาเนินชีวิตอยรู่ ่วมกับธรรมชาติได้อย่างยาวนาน ภูมิปัญญา องค์
ความรู้ของชุมชน ถูกส่งต่อผ่านพิธีกรรมผูกจิตวิญญาณของผู้คนในสังคมเริ่มจากเด็กผู้เกิ ดใหม่ต้องนารกใส่
กระบอกไมไ้ ผ่ไปผูกไว้กบั ต้นท่ีพ่อเปน็ ผู้เลือกไว้เช่ือวา่ จติ วิญญาณของบรรพชนจะเป็นผคู้ มุ้ ครองดแู ล การนาเอา
จารีตคติความเชือ่ มาปลูกฝังความรกั ต่อผืนแผ่นดิน ความผูกพันต่อตน้ ไมแ้ หง่ จิตวิญญาณของตนเอง ไม่มีการ
ตัดไม้ในผืนป่าของบรรพชน จึงทาให้ชุมชนบ้านห้วยอีค่างมีสภาพแวดล้อมทางธรรมชาติที่ดี มีความอุดม
สมบูรณ์ มอี ากาศบริสทุ ธิ์
การบริหารจัดการดา้ นสิง่ แวดล้อมภายในชุมชน การสุขาภิบาลและส่ิงแวดล้อมชุมชนยังไมเ่ หมาะสม
ในบางด้าน เช่น บ้านพักอาศัยกบั พ้ืนทเี่ ลี้ยงสตั ว์ยังเป็นพนื้ ท่ีเดียวกันเป็นสว่ นมาก ระบบการจดั การน้าทิ้งน้า
เสยี ยงั ไม่มเี น่อื งการใชช้ ีวติ กบั ความเชือ่ ในวิถีดง้ั เดมิ กเ็ ป็นส่วนหนึ่งท่ีมผี ลต่อการพฒั นาเปล่ียนแปลงทศั คติของ
คน
น้าเพื่อการอุปโภคบริโภค เป็นอีกประเด็นหนึ่งท่ีต้องพัฒนาให้มีความเหมาะสมมากย่ิงข้ึน ระบบ
ประปาของชุมชน เป็นประปาภูเขามีระบบกรองน้าท่ีถูกสขุ อนามัยไมเ่ พียงพอซ่ึงจะสง่ ผลต่อคณุ ภาพชีวติ ของ
คนในชุมชน
มติ ดิ ้ำนคณุ ภำพชวี ิต (Good health and well-being) คณุ ภาพชีวิตของประชาชนบา้ นห้วยอีค่าง มี
อัตราการเจ็บป่วยของประชาชนกับโรคสมยั ใหมน่ ้อยมาก การเสยี ชีวติ ส่วนมากเปน็ ไปตามอายุขัย ดว้ ยวิถชี ีวิต
ท่ีมีความสุขอยู่กับทรัพยากรธรรมชาติที่อุดมสมบูรณ์ และการบริโภคอาหารปลอดภัยในครัวเรือน การมีสขุ
ภาวะอนามยั ท่ีดเี ป็นสง่ิ สาคัญ และขณะเดยี วกันชุมชนเองกเ็ ร่ิมตระหนกั กับการใชส้ ารเคมใี นภาคการเกษตรที่
เร่ิมมากขนึ้ ซง่ึ จะมีผลกระทบต่อคณุ ภาพชวี ิตของคนในชุมชนในอนาคต
โดยสรุป การประเมินระดับการพัฒนาของหมู่บ้านห้วยอีค่างในภาพรวมอยู่ในระดับพ่ึงตนเองได้
(Sustainability) มีความสามารถพ่ึงพาตนเองในระดับสูง แต่ยังมีความจาเป็นต้องพัฒนาอย่างต่อเน่ืองเพ่ือ
ยกระดับคุณภาพชีวิตที่ดีข้ึนและการพัฒนาท่ียั่งยืนต่อไป ซ่ึงสอดคล้องกับผลประเมินจากฐานข้อมลู พื้นฐาน
ระดบั หมู่บ้าน จปฐ.และ กชช.๒ ค. ปี ๒๕๖๒ ซึ่งประมวลผลหมบู่ า้ น/ชมุ ชนนีจ้ ดั เปน็ หมู่บ้าน/ชุมชนเร่งรดั การ
พัฒนาอันดับ ๓
261
การเรยี นรเู้ ชงิ ปฏิบตั ิการ (Action Learning) หลักสูตรนกั ปกครองระดบั สูง (นปส.) ร่นุ ที่ 76
ควำมต้องกำรของชมุ ชนบำ้ นห้วยอีคำ่ ง
๑. หนังสือแสดงกรรมสิทธ์ิในทด่ี ินทากนิ เพ่ือสร้างหลักประกันความมั่นคงในถ่ินทอ่ี ยู่อาศัยและการ
ประกอบอาชพี เนื่องจากบ้านห้วยอคี ่างอย่ใู นเขตป่าสงวนแห่งชาติ ประชาชนสว่ นใหญ่ท่ีบ้านเรอื นตง้ั อยู่บนท่ี
สูงยังไมเ่ อกสารสิทธ์ิ มีบ้านเรือนท่ีตง้ั ในทรี่ าบลุม่ ส่วนน้อยทไ่ี ดร้ บั เอกสารสทิ ธิ์ในท่ดี ิน
๒. ตลาดรองรับผลผลิตทางการเกษตร เน่ืองจากรายได้หลักของหมู่บ้านมาจากอาชีพเกษตรกรรม
ปลกู พืชผัก ไมด้ อก ไม้ผล สง่ โครงการหลวง ในขณะทส่ี ถานการณ์การโควิดระบาด เกษตรกรไมม่ ตี ลาดรองรบั
ผลผลิตซงึ่ โครงการหลวงก็รับผลกระทบเช่นเดียวกัน
๓. แหล่งน้าเพ่ือการเกษตร ซ่ึงประสบปัญหาการกระจายน้าได้ไม่ท่ัวถึงในฤดูแล้งช่วงเดือนมีนาคม-
เดอื นเมษายน โดยชมุ ชนต้องการฝายทดน้าขนาดเล็กเพ่ือเก็บกักนา้ และทดน้าไปยังเหมืองสง่ น้าท่มี ีอยู่ได้อย่าง
ครอบคลุมและพอเพียงตอ่ การเพาะปลูกในทกุ ฤดกู าล
๔. ขยายเขตไฟฟา้ ภาคการเกษตรใหค้ รอบคลมุ เพอ่ื ลดต้นทุนการผลติ
๕. กอ่ สร้างถนน คสล.ไปยังพ้นื ทีก่ ารเกษตรซ่ึงยังไม่ทว่ั ถงึ เพอื่ เพ่ิมประสิทธิภาพการขนถา่ ยสินคา้
๖. ก่อสร้างถังรับน้าและระบบประปาอนามัย เนอื่ งจากนา้ อุปโภคบรโิ ภคยังไม่สะอาดและไม่เพียงพอ
๗. ระบบการสขุ าภิบาลและการจัดการด้านสิง่ แวดล้อมชุมชน
๘. ไฟฟา้ ส่องแสงสวา่ งในชุมชนยงั ไม่เพยี งพอ
๙. การได้รบั บริการจากภาครัฐอย่างเสมอภาคและทวั่ ถงึ เนอ่ื งจากประชากรเปน็ ชาวไทยภูเขามภี าษา
เป็นของตัวเอง สถานบริการหน่วยงานภาครัฐอยู่ห่างไกลและเจา้ หน้าท่ีส่วนมากจะเป็นคนเมอื งพื้นท่ีลา่ งใช้
ภาษากลางทาให้มีปัญหาด้านการส่อื สาร จึงต้องการใหห้ น่วยงานบริการภาครัฐมีลา่ มส่อื สารเพ่ือสรา้ งความ
เขา้ ใจและการเขา้ ถงึ บริการภาครัฐทีร่ วดเร็ว
๑๐.การสง่ เสริมการศึกษาให้มรี ะดับที่สูงขึน้ ซงึ่ อัตราการเรยี นต่อในระดับมัธยมปลายถึงปริญญาตรยี ัง
อยใู่ นสดั สว่ นท่ีตา่
๑๑.ขาดความรแู้ ละทกั ษะในอาชพี เสริมที่ช่วยสรา้ งรายได้ ประชาชนทอี่ ยใู่ นวยั แรงงานแต่ขาดโอกาส
ในการประกอบอาชพี เชน่ ไมม่ สี ญั ชาตไิ ทย ไมม่ ีท่ีดนิ ทากิน ไมม่ ีหลกั ฐานทางราชการเพอ่ื ประกอบการรบั รอง
การเข้าทางาน กลมุ่ คนเหลา่ น้ีอยู่ในชว่ งวัยแรงงานมีความขยันสามารถนามาพัฒนาตอ่ ยอดเพ่ือสร้างงานสร้าง
อาชพี เสริมสร้างรายไดส้ คู่ รัวเรอื นได้
ขอ้ เสนอแนะต่อประเดน็ กำรพัฒนำของชมุ ชน
๑. การผลติ สนิ ค้าปลอดภัยเป็นมิตรกับสิง่ แวดลอ้ ม เพ่ือลดอตั ราการเสียชีวิตของคนไทยด้วยโรคอุบัติ
ใหม่ เช่น โรคมะเร็ง ความดันสูง เบาหวาน ให้อยู่ในอัตราทตี่ ่า ทาให้กระแสบรโิ ภคอาหารปลอดภัยมมี ากข้นึ
ชมุ ชนบา้ นหว้ ยอคี ่างมีจุดเด่นเปน็ พืน้ ทอ่ี ยู่ในโครงการหลวง ได้สนบั สนนุ ด้านวชิ าการเกษตร การตลาด การรับ
ซ้ือผลผลิต ซึ่งได้มีความได้เปรียบในมาตรฐานการผลิตที่ดี (Good agricultural practice:GAP) อยู่ในกลุ่ม
ประเภทอาหารปลอดภัย การพัฒนาปรับปรุงผลผลติ ให้มีคุณภาพเพื่อไปสู่ “Green Market” จะตอบโจทย์
ความต้องการของผู้บริโภคได้กว้างขึ้นพื้นท่ีตลาดของชุมชนกจ็ ะมากขน้ึ ชุมชนต้องช่วยกันรณรงค์สร้างความ
ตระหนักลดการใชส้ ารเคมีในการเพาะปลูกและร่วมกันกาหนดมาตรการให้ผลผลติ ทางการเกษตรของชุมชนมี
คุณภาพไดร้ ับความเชอ่ื ม่ันในความปลอดภัย และสร้างความเข้มแขง็ ดว้ ยการมีส่วนร่วมเพือ่ ความยงั่ ยนื บรหิ าร
262
การเรยี นรเู้ ชิงปฏบิ ัตกิ าร (Action Learning) หลักสูตรนกั ปกครองระดบั สูง (นปส.) ร่นุ ท่ี 76
จัดการชุมชนร่วมกันไปสู่พื้นท่ีเกษตรอินทรีย์ในอนาคต “พลังของผู้บริโภคจะเปล่ียนแปลงผู้ผลิต” โลกที่
เปลยี่ นไปเกษตรกรต้องปรับตัวเช่นเดยี วกนั
๒. การทาการตลาดเชงิ รกุ ด้วยการนาเทคโนโลยสี มยั ใหมเ่ ขา้ มาใช้เปน็ การเพิ่มชอ่ งทางการตลาด เช่น
การจาหน่ายสนิ ค้าออนไลน์
๓. กระแสการท่องเทีย่ วเชิงนิเวศน์ เชิงวัฒนธรรม โดยบริบทของชุมชนบา้ นห้วยอีค่าง เป็นชุมชนทม่ี ี
ชีวติ มีอตั ลกั ษณม์ ีตัวตน มีจารตี วถิ ีชวี ิตความเปน็ อย่ทู ีน่ ่าสนใจ มีทรัพยากรธรรมชาติทอี่ ุดมสมบรู ณ์ มสี ินคา้ มี
เร่ืองราวความเป็นมาของชาวไทยภูเขาปกาเกอะญอ ต้นทุนเหล่าน้ีสามารถนามาจัดรูปแบบกิจกรรมการ
ทอ่ งเทยี่ วชมุ ชนในเชงิ นิเวศน์ เชงิ วฒั นธรรม เพ่ือสรา้ งโอกาสทางเศรษฐกจิ และรายไดแ้ กช่ ุมชน
กจิ กรรมกำรพฒั นำท่ีชุมชนจะทำเองเพอ่ื ใหท้ กุ ชีวติ อย่ดู ีมีสขุ ในปนี ี้
จากการ Action Learning การค้นหาปัญหาความตอ้ งการพฒั นาเพื่อให้คณุ ภาพชีวติ ของคนในชุมชน
มีความเป็นอยู่ที่ดี ในการคืนข้อมูลให้กับชุมชนพบว่าปัญหาความต้องการของชุมชนหลายด้านเกินศักยภาพ
ของชุมชนท่ีต้องเข้าไปแก้ไขต้องอาศัยความร่วมมือจากหน่วยงานและภาคีอื่นๆ ปัญหาความต้องการนั้นถกู
กาหนดเปน็ แผนงาน โครงการ กิจกรรม อยู่ในแผนพัฒนาหม่บู า้ น เพ่ือนาไปสู่แผนพัฒนาขององคก์ รปกครอง
ส่วนท้องถิ่น แผนพัฒนาอาเภอและแผนพัฒนาจังหวัด เพื่อขอรับงบประมาณเพ่ือการแก้ไขปัญหาจาก
หน่วยงานทีเ่ กี่ยวข้องตอ่ ไป สาหรับปัญหาทีช่ ุมชนสามารถจัดการได้ด้วยตนเองและสามารถเริ่มดาเนินการได้
ทันทนี น้ั มีความเห็นชอบรว่ มกันใน ๓ ประเด็น ดงั น้ี
๑. มกี ารปรับปรงุ สภาพแวดลอ้ มชุมชน สขุ อนามยั ของครัวเรือน ใหน้ า่ อยนู่ า่ มอง ไดแ้ ก่
(๑) นาสตั ว์เลี้ยง เช่น สุกร แยกไปเล้ยี งในพื้นทที่ เี่ หมาะสม
(๒) จัดใหม้ รี ะบบสุขาภบิ าลนา้ ทงิ้ นา้ เสียภายในชมุ ชน
๒. จัดการต่อปัญหาการใช้สารเคมีในภาคการเกษตร เพื่อสร้างคุณค่าผลผลิตท่ีปลอดภัยซ่ึงมี
ความสาคญั ตอ่ คุณภาพชวี ติ ของเกษตรกรและผบู้ รโิ ภค กิจกรรมท่สี ามารถดาเนินการได้
(๑) จดั เวทีสร้างการรับรู้ร่วมกนั
(๒) วเิ คราะหป์ ัญหา
(๓) สรา้ งมาตรการของชมุ ชนลดการใชส้ ารเคมีใหอ้ ยใู่ นระดับท่ีปลอดภัย
(๔) ในระยะยาวสร้างกลไกเพอ่ื นาไปส่พู นื้ ที่เกษตรอนิ ทรยี ์อยา่ งแทจ้ รงิ ต่อไป
๓. ทาการตลาดเชงิ รกุ จาหน่ายสินคา้ ออนไลน์ เพอ่ื เพิม่ ชอ่ งทางการจาหน่ายสนิ ค้าทางการเกษตร
บทเรียนท่ไี ดร้ ับ
ด้ำนกำรบรหิ ำรกำรพัฒนำชุมชน
การพัฒนาชมุ ชนใหม้ ีความเข้มแข็งและย่ังยืนนน้ั ต้องอาศยั ทกุ ภาคสว่ นเข้ามามีสว่ นร่วมในการบริหาร
จัดการงานของชมุ ชน ใชเ้ วทีร่วมคิด รว่ มทา ร่วมแก้ปญั หาไมร่ วมศูนย์ ทาให้การพฒั นาหมูบ่ ้านเคลือ่ นตวั ไปได้
อย่างมีประสิทธิภาพ ชุมชนมีแผนเป็นเครื่องมือทางาน มีการนาต้นทุนที่มีอยู่ในชุมชนมาใช้ร่วมกันอย่าง
เหมาะสม ชุมชนบ้านหว้ ยอีค่างจึงเป็นชุมชนตน้ แบบอกี แห่งหนึง่ ที่สามารถเป็นแหลง่ ถ่ายทอดองค์ความรกู้ าร
บรหิ ารจดั การชมุ ชนไปสูค่ วามเขม้ แขง็ ให้กับชมุ ชนอน่ื ๆได้
263
การเรยี นร้เู ชิงปฏบิ ัตกิ าร (Action Learning) หลกั สูตรนักปกครองระดับสูง (นปส.) รุน่ ที่ 76
ด้ำนกำรบริหำรกำรพฒั นำระดับตำบลและอำเภอ
ชุมชนบ้านห้วยอีค่างถึงแม้จะเป็นชุมชนท่ีมีการพ่ึงพาตนเองสูง ปัญหาหลายอย่างสามารถแก้โดย
ชมุ ชนได้ ปญั หาท่เี กนิ ศกั ยภาพยงั ต้องอาศัยความร่วมมอื กับภาคีเครอื ข่ายท่เี กี่ยวข้อง แผนพัฒนาหม่บู า้ นซึ่งมี
การทบทวนทกุ ปีมีการนาเสนอตอ่ องค์การบริหารส่วนตาบล และอาเภอเพือ่ ขอรับการแกไ้ ขปัญหาของชมุ ชน
ต่อไป
โจทย์ของชมุ ชนทีพ่ ยายามหาทางออกและแกไ้ ขปญั หารว่ มกนั
๑. ตาบลแม่วิน สภาพพ้ืนที่กว้าง หมู่บ้านชุมชนอยู่ห่างไกล การเข้าถึงบริการสาธารณะค่อนข้างชา้
ตอ้ งใช้เวลาในการเดินทางนาน โดยเฉพาะการเขา้ ถึงการบรกิ ารดา้ นสาธารณสุข โรงพยาบาล ควรทตี่ อ้ งมกี าร
สรา้ งกลไกในการดสู ขุ ภาพชุมชนในพนื้ ทใี่ หท้ ว่ั ถึง
๒. ปัญหาความเป็นกลุ่มชาติพันธุ์ เป็นชาวไทยภูเขาบนท่ีสูงใช้ภาษาของชนเผ่าเป็นหลักทาให้การ
สื่อสารกับหน่วยงานภาครัฐประสบปัญหาไม่ได้รบั ความสะดวกในบริการเท่าที่ควร ทาให้เกิดอคติต่อกัน เกดิ
ความร้สู ึกวา่ มคี วามเหล่ือมลา้ ไม่ไดร้ ับความเสมอภาค ซง่ึ ควรจะมีการแกไ้ ขโดยใหห้ นว่ ยงานบริการของรฐั จดั ให้
มีเจ้าหนา้ ที่หรือบุคลากรท่มี ีความรูด้ ้านภาษาเปน็ ล่ามประจาสื่อสารสร้างความเข้าใจเพือ่ ความสะดวกรวดเร็ว
ในการบรกิ าร ในชมุ ชนบ้านหว้ ยอคี ่างเองกม็ กี ารต้งั ลา่ มประจาหมบู่ ้านจากลูกหลานเยาวชนทีไ่ ปเรยี นหนังสอื ไว้
คอยชว่ ยเหลอื ในยามจาเป็น
๓. ปกาเกอะญอบ้านห้วยอีค่าง เป็นกลุ่มที่อนุรักษ์รักษาป่าไม้สืบทอดจารีตภูมิปญั ญาจากบรรพชน
เชอ่ื ในจติ วญิ ญาณของบรรพชนอย่ทู ่ผี ืนป่าคอยปกปกั รักษาใหช้ ุมชนมีความร่มเยน็ มอี ย่มู กี ินไม่ขัดสนจงึ มคี วาม
หวงแหนในผนื ปา่ ที่รกั ษามาจากบรรพชน การเผาทาลาย การเกดิ ไฟปา่ ทุกครั้งจะถูกเหมารวมว่าคนไทยภูเขา
คือคนเผาปา่ เป็นต้นเหตุของการทาลายทรพั ยากรธรรมชาติและสรา้ งมลพิษทางอากาศ ทาให้มีทัศคติดา้ นลบ
กบั ภาครฐั
ด้ำนประสิทธิภำพและประสิทธิผลของกำรปฏบิ ัติงำนตำมนโยบำยของรัฐบำล
ชุมชนบ้านห้วยอีค่างเป็นชุมชนท่ีมีการพ่ึงพาตนเองในระดับสูง ชุมชนสามารถนาศักยภาพท่ีมีอยู่
มาร่วมกันคิดวิเคราะห์เหตุผลต่อแนวนโยบายของรัฐว่าจะรับหรือปฏิเสธ หากนโยบายหรือโครงการน้ันๆ
กระทบต่อวิถีความเป็นอยู่โดยปกติสุขของชุมชนก็เลือกทีจ่ ะไม่ดาเนินการ แต่ก็ไม่ปฏิเสธโครงการที่ยกระดับ
คุณภาพชีวิตความเปน็ อยู่ท่ดี ีขึ้น ท้ังน้ีการตัดสินมาจากความเห็นในเวทขี องชุมชน ไม่ใช่การตดั สินใจจากผู้นา
แต่ฝา่ ยเดียว
หลายโครงการทีภ่ าครัฐมองกบั ชุมชนมองไม่ตรงกนั เชน่ การแกไ้ ขปญั หานา้ การเกษตรให้เพยี งพอต่อ
การเพาะปลูก ชมุ ชนต้องการน้าแต่โครงการของรฐั ไมส่ อดคล้องกบั จารตี วิถคี วามเช่ือของชุมในการปกปกั รกั ษา
ดแู ลตน้ ไม้ ถึงแมว้ ตั ถุประสงค์ในการแก้ไขปัญหาจะตรงกนั แตโ่ ครงการดังกล่าวกไ็ ม่เกดิ ข้นึ
โครงการหลวงทาให้ชุมชนมีความอยู่ดีกินดีมีความม่ันคงมากข้ึน คนในชุมชนเลิกแผ้วทางป่าทาไร่
เล่ือนลอย เลิกปลกู ฝ่นิ ปรับเปล่ยี นมาปลกู พืชผัก ไม้ดอก ไม้ผลเมืองหนาว มีอาชีพมั่นคงมีรายสคู่ รัวเรอื น มี
ความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น แนวนโยบายเรื่องการปราบปรามการบุกรุกทาลายทรัพยากรธรรมชาติตามคาส่งั คสช.ที่
๖๔ และ ๖๖/๒๕๕๗ กลับนามาซึ่งความหวั่นวติ กของคนในชุมชนตอ่ หลักประกนั ความมนั่ คงในอาชพี และถนิ่ ที่
อยู่อาศัย เนื่องจากพื้นทีห่ มบู่ า้ นต้งั อยู่ในเขตป่าสงวนแหง่ ชาติและไมม่ เี อกสารสทิ ธใ์ิ นที่ดนิ เปน็ ส่วนมาก
264
การเรียนรูเ้ ชิงปฏบิ ัตกิ าร (Action Learning) หลกั สูตรนกั ปกครองระดบั สูง (นปส.) รนุ่ ที่ 76
นโยบายกองทุนหมู่บ้านซึง่ รฐั มองถึงการเข้าถึงแหลง่ ทุนของชุมชน แต่ชุมชนมองว่าเป็นต้นเหตุของ
ภาระหน้สี นิ ไม่จบสิน้ จึงไมข่ อรับกองทนุ อ่นื ๆทร่ี ฐั จะจัดสรรให้มาอกี ชมุ ชนเลือกใชว้ ิธีสง่ เสริมการออมมากกว่า
การกยู้ ืมเงนิ กองทนุ เปน็ ตน้
เพื่อการพัฒนาที่ย่ังยืนภาครัฐเองควรเพ่ิมช่องทางให้ชุมชนได้เข้ามามีส่วนต่อการเสนอปัญหาและ
กาหนดแผนงานโครงการกิจกรรมที่สอดคล้องกับบริบทของชุมชน(Area) ภายใต้กรอบนโยบายของรัฐ
(Agenda) ซ่ึงมีอาเภอและจงั หวดั ทาหน้าที่เปน็ หน่วยกลัน่ กรองประสานแผนงานงบประมาณใหส้ อดคล้องกบั
ความต้องการของชุมชน(Function) ซ่ึงจะทาให้เกิดประสิทธิภาพและประสิทธิผลของการปฏิบัติงานตาม
นโยบายของรฐั บาลมากขึน้
*********************
ภำพกจิ กรรมกำรเรียนรเู้ ชิงปฏิบัติกำร (Action Learning) นปส.76 กป.12
0
265