The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.
Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search

การประมวลผลการเรียนรู้เชิงปฏิบัติการ (Action Learning) ในพื้นที่จังหวัดเชียงใหม่ โครงการศึกษาอบรมหลักสูตรนักปกครองระดับสูง (นปส.) รุ่นที่ 76 (ปี 2564)

โครงการอบรมหลักสูตรนักปกครองระดับสูง (นปส.) รุ่นที่ 76 ประจำปีงบประมาณ 2564

Keywords: ด้านทั่วไป

การเรียนรเู้ ชงิ ปฏบิ ัตกิ าร (Action Learning) หลกั สูตรนักปกครองระดับสงู (นปส.) รนุ่ ท่ี 76

รำยงำนกำรเรยี นรู้เชงิ ปฏิบัตกิ ำร (Action Learning)
ตำบลออนเหนือ อำเภอแมอ่ อน จงั หวดั เชียงใหม่

จงั หวดั เชยี งใหม่

จัดทำโดย
กลมุ่ ปฏิบตั กิ ำรที่ 4

นำงสำวสรนิ รตั น์ เกิดสกลุ ร่งุ โรจน์ หวั หนำ้ สำนักงำนจงั หวัดพิษณโุ ลก
นำงสำววำรี เชำวนค์ ณุ ำกร
ผู้อำนวยกำรกองมำตรฐำนกำรสอบบัญชีภำษี
นำยยุทธนำ เจำ้ ดูรี อำกร กรมสรรพำกร
นำยชชู ำติ จ่นั ทอง นำยอำเภอจะนะ จังหวัดสงขลำ
นำยสมบญุ วงศ์วัชรำนนท์ นำยอำเภอบำงคลำ้ จงั หวดั ฉะเชงิ เทรำ
นำยปรชี ำพงศ์ ทองมี นำยอำเภอท่ำตะโก จงั หวดั นครสวรรค์
นำยสุวิชชำ เพ็งไพบูลย์ นำยอำเภอบรบือ จงั หวัดมหำสำรคำม
นำยวีรวฒั น์ ศริ กิ ุลพิพัฒน์
ผู้เช่ียวชำญด้ำนกฎหมำยและระเบยี บท้องถิ่น
นำยประวัติ แดงบรรจง
นำยพุง่ พงษ์ สวุ รรณเลศิ หวั หนำ้ สำนักงำนปอ้ งกันและบรรเทำสำธำรณภยั
จงั หวดั ยะลำ

ผตู้ รวจรำชกำรกรมสง่ เสรมิ สหกรณ์

ผู้อำนวยกำรสถำบนั กำรขำ่ วกรอง
รกั ษำกำรในตำแหน่งทป่ี รึกษำสำนกั ขำ่ วกรองแห่ง
ชำติ

รำยงำนนเ้ี ป็นส่วนหนึ่งของกำรศกึ ษำอบรมหลักสูตรนกั ปกครองระดับสูง (นปส.) รนุ่ ที่ 76
สถำบนั ดำรงรำชำนุภำพ กระทรวงมหำดไทย
พทุ ธศกั รำช 2564

๑๔๗

การเรยี นรเู้ ชิงปฏบิ ตั ิการ (Action Learning) หลักสตู รนกั ปกครองระดับสงู (นปส.) ร่นุ ที่ 76

คำนำ
รายงานฉบับน้ี เป็นส่วนหนึ่งของการศึกษาอบรมหลกั สูตรนักปกครองระดับสงู (นปส.)
ร่นุ ที่ 76 ของสถาบนั ดารงราชานุภาพ กระทรวงมหาดไทย ประจาปีพทุ ธศกั ราช 2564 กลุม่
ปฏบิ ตั กิ าร(กป.) 4 ได้ศกึ ษาเรียนร้ใู นพน้ื ทหี่ มบู่ ้านแม่วอง หม่ทู ี่ 4 ตาบลออนเหนือ อาเภอแม่ออน
จังหวดั เชยี งใหม่ ระหวา่ งวนั ที่ 5 – 9 เมษายน 2564 เพอ่ื ศึกษาวิเคราะหด์ ้านเศรษฐกจิ สังคม
วัฒนธรรม สภาพความเปน็ อยู่ของชาวบ้าน โดยใชเ้ ทคนิค SWOT และวเิ คราะห์ความเสยี่ ง อนั จะ
เป็นการหากลยุทธ์ หรือมาตรการ แนวทางในการแก้ไขปัญหาให้กับหมู่บ้านท่ีได้รับมอบหมาย
ดงั กล่าวต่อไป
กลุ่มปฏิบัติการขอขอบคุณท่านผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ ปลัดอาเภอหัวหน้ากลุ่ม
การบริหารการปกครอง รวมท้ังคุณจันทรเพญ็ ท้าวศรี ผู้ใหญ่บ้านแม่วอง และผู้เก่ียวข้องทไี่ ด้
คอยให้ข้อมูลและตอบข้อซักถามด้วยความต้ังใจ รวมท้ังท่านอาจารย์ปริญญา อุดมทรัพย์
อาจารย์พินัย อนันตพงศ์ อาจารย์ท่ีปรึกษาทีต่ ดิ ตามและให้คาแนะนาการวิเคราะห์สภาพพ้ืนท่ี
อย่างไม่รู้จักเหนด็ เหนอ่ื ย รวมทั้งไดม้ าอธิบายวิธกี ารและสรา้ งความเขา้ ใจให้กับกลุ่มปฏิบัตกิ าร
เพอื่ ดาเนนิ การใหเ้ ป็นไปตามวัตถปุ ระสงคใ์ นการศกึ ษาในการลงพ้ืนท่คี ร้ังน้ี

คณะผจู้ ัดทา
นกั ศกึ ษาหลกั สตู รนักปกครองระดบั สงู รนุ่ ท่ี 76

กลมุ่ ปฏิบัตกิ ารท่ี (กป.) 4

๑๔๘

การเรียนรเู้ ชิงปฏบิ ัติการ (Action Learning) หลักสตู รนกั ปกครองระดบั สูง (นปส.) รนุ่ ท่ี 76

ส่วนที่ 1
ข้อมลู ทวั่ ไปของตำบลออนเหนอื จงั หวดั เชยี งใหม่

ประวตั คิ วำมเป็นมำของตำบลออนเหนือ

ตามข้อสันนิษฐานว่า คนเผ่าไทยลือ อพยพจากเมืองหลวย แคว้นสิบสองปันนา รัฐฉานใน

ประเทศพมา่ มาอาศยั อยู่ จึงตง้ั ชือ่ บา้ นออนหลวยใหส้ อดคล้องกับเมืองทอ่ี ย่มู า และเป็นศนู ยก์ ลางที่มี
ความเจริญมาก ถือเป็นจุดสาคัญ จึงเรียกชุมชนเหล่าน้ีอกี ชื่อหน่ึงว่า "เมืองออน" เพราะต้ังใกล้แมน่ ้า
สาคัญของชมุ ชน คือ แมน่ ้าออน จากความเชอ่ื และเหตผุ ล คอื 1. ภาษาไทยล้อื 2. ยุคเจ้ากาวิละแผ่

อานาจไปยังพ้นื ทีร่ ัฐฉาน และชาวเมืองได้อพยพมาตงั้ ถิ่นฐาน 3. หอไตร สรา้ งโดยชาวบา้ นอพยพจาก
เมอื งหลวย ต้งั อยู่ หมทู่ ่ี 6 ตาบลออนเหนือปัจจบุ นั

1.1 พ้นื ท่ี

พ้ืนท่ีตาบลออนเหนือมีลักษณะเป็นที่ราบสูง มีเนื้อที่ประมาณ 91.57 ตารางกิโลเมตร

57,232 ไร่ มหี มบู่ า้ นตั้งอยูใ่ นเขตปา่ สงวน 5 หมู่บา้ น เปน็ ทรี่ าบ 5 หมู่บ้าน มอี า่ งเก็บน้าขนาดกลาง
คือ อา่ งแมอ่ อน มนี า้ ตกทสี่ าคญั คอื นา้ ตกตาดเหมย, น้าตกเจ็ดชั้น, นา้ ตกช้างย่า, หอไตรโบราณ

1.2 อำณำเขตพน้ื ที่

ทิศเหนอื ติดตอ่ กับ ตาบลห้วยแกว้ ตาบลบา้ นสหกรณ์ อาเภอแมอ่ อน
ทิศใต้ ติดต่อกบั ตาบลออนกลางตาบลทาเหนือ อาเภอแมอ่ อน
ทศิ ตะวนั ออก ติดตอ่ กับ ตาบลแจซ้ ้อน ตาบลเมืองปานอาเภอแมอ่ อน
ทศิ ตะวนั ตก ติดตอ่ กับ ตาบลบ้านสหกรณ์ อาเภอแม่ออน

- ทางหลวงแผน่ ดิน หมายเลข 1230
- ทางหลวงแผ่นดิน หมายเลข 1006

1.3 ลักษณะภูมิประเทศ เป็นทรี่ าบและท่ีราบสูง

1.4 จำนวนหมู่บ้ำน 10 หมู่บ้าน ได้แก่ บา้ นแมร่ วม หมทู่ 1่ี บา้ นหนองหอย หมู่ที่ 2 บา้ นขุนออน
หมู่ที่ 3 บ้านแม่วอง หมู่ที่ 4 บ้านหัวฝาย หมู่ท่ี 5 บ้านออนหลวย หมู่ท่ี 6 บ้านออนหลวย หมู่ท่ี 7
บา้ นดอนทราย หม่ทู ี่ 8 บา้ นขนุ ทา หมูท่ ี่ 9 บา้ นแม่ป่าขาง หม่ทู ่ี10

จำนวนประชำกร รวมท้ังสิ้น ๒,816 คน แยกเป็น ชาย ๑,407 คน หญิง ๑,409 คน
(ขอ้ มูล จปฐ. ปี ๒๕๖2)

1.5 กำรประกอบอำชพี

ประชากรส่วนใหญ่ประกอบอาชีพเกษตรกรรม เช่น ทานา ทาสวน ปลูกข้าวโพด ปลูกผัก
(โครงการหลวง) เล้ยี งสัตว์ เชน่ วัว ควาย หมู ไก่ รับจา้ งท่ัวไป ทอผา้ จักสาน คา้ ขาย เปน็ ต้น

1.5.1 อาชพี เกษตรกรรม เช่น ทานา ทาสวน ปศุสตั ว์ จานวน 359 คน (ร้อยละ 15.52)
1.5.2 รับจา้ งทว่ั ไป จานวน 1,457 คน (ร้อยละ 51.74)
1.5.3 กาลงั ศกึ ษา จานวน 393 คน (รอ้ ยละ 13.96)

๑๔๙

การเรยี นรเู้ ชงิ ปฏบิ ตั กิ าร (Action Learning) หลกั สูตรนักปกครองระดบั สูง (นปส.) รุน่ ที่ 76

1.5.4 ค้าขาย/ธุรกจิ สว่ นตวั จานวน จานวน 234 คน (ร้อยละ 8.31)
1.5.5 รบั ราชการ/เจา้ หนา้ ทขี่ องรัฐ /พนกั งานรฐั วิสาหกิจ จานวน 68 คน (ร้อยละ 2.42)
1.5.6 พนกั งานบรษิ ทั จานวน ๒6 คน (ร้อยละ 0.92)
1.5.7 อาชีพอ่นื ๆ จานวน 53 คน (ร้อยละ 1.88)
1.5.8 ไม่มอี าชพี จานวน จานวน 226 คน (ร้อยละ 8.03) แยกเป็น เพศชาย จานวน 101
คน เพศหญงิ จานวน 125 คน

1.6 รำยไดเ้ ฉลี่ยของประชำกร (ตามเกณฑ์ จปฐ. ปี ๒๕๖2) จานวน 80,265.16 บาท/คน/ปี

1.7 จำนวนกลุ่มกิจกรรม/อำชีพ มีจานวน ๙ กลมุ่ ดงั นี้
1.7.๑ กลมุ่ แม่บา้ นตาบลออนเหนือ
1.7.2 กลมุ่ ผู้สงู อายุตาบลออนเหนอื
1.7.3 กลุ่มเยาวชนตาบลออนเหนอื
1.7.4 กล่มุ กองทุนหม่บู า้ นตาบลออนเหนือ
1.7.5 กลุ่ม อสม.ตาบลออนเหนือ
1.7.6 กล่มุ ออมทรพั ย์
1.7.7 กลมุ่ เกษตรกร
1.7.8 กลมุ่ ผเู้ ลยี้ งโค
1.7.9 กลุ่มทอผา้ /เยบ็ ผ้า

1.8 กองทนุ ในตำบล มจี านวน ๒ กองทนุ ดังน้ี

1.8.1 กองทนุ หมู่บา้ น มจี านวน 10 กองทุน
มงี บประมาณรวม ๑๑,๐๐๐,๐๐๐ บาท

1.8.2 กองทุน กขคจ. มีจานวน 8 กองทุน
มีงบประมาณรวม 2,240,000 บาท

บ้ำนแมว่ อง หมทู่ ่ี 4
ตำบลออนเหนือ อำเภอแม่ออน จังหวัดเชียงใหม่

๑๕๐

การเรยี นรเู้ ชงิ ปฏบิ ตั กิ าร (Action Learning) หลักสตู รนกั ปกครองระดบั สูง (นปส.) รุ่นท่ี 76

สว่ นท่ี 2
กรอบกำรเรียนร้ดู ว้ ยกำรลงมอื ปฏิบัตเิ พื่อเข้ำใจ เข้ำถึง วถิ ชี ีวติ ชุมชน

แผนที่ หมู่ 4 บ้ำนแมว่ อง

]

ทศิ เหนอื จรดหมู่ 9 บ้านขนุ ทา
ทศิ ใต้จรดตาบลทาเหนอื
ทิศตะวันออกจรดจงั หวดั ลาปาง
ทิศตะวันตกจรดหมู่ 8 บา้ นดอนทราย

๑๕๑

การเรียนรู้เชงิ ปฏิบตั ิการ (Action Learning) หลักสูตรนกั ปกครองระดบั สงู (นปส.) รุ่นท่ี 76

2.1 กำรศกึ ษำเรียนรู้ภูมสิ ังคมและวิถีชีวติ ของชุมชน

หมู่บำ้ นแม่วอง

1. ควำมเป็นมำของหมูบ่ ้ำน (ประวัตหิ มบู่ ้ำน)

บา้ นแม่วองเดิมทีประมาณ พ.ศ.2390 เป็นทพ่ี ักของคนเล้ียงช้างในขณะนนั้ จะมีการนาหวายไปใช้ คนเลี้ยงช้างเอา
หวายไปขายต่อมาพักอาศัยโดยย้ายมาจากเวียงจันทรโ์ ดยการมาในคร้ังน้นั มี นายเชยี ง, หนานสม, นายเงนิ และนายสริญ
ได้ไปพบควายปนู ป้ันมีลักษณะพเิ ศษ คอื มีเขาทีโค้งเขา้ หากันเป็นรูปวงกลม ดงั นน้ั จัดตั้งชอื่ บ้านแม่วอ้ ง คาว่า “ว้อง”
ไดม้ าจากลักษณะของเขาควาย ว้องเป็นภาษาคาพื้นเมอื ง แปลเป็นภาษากลางว่าโค้งงอ ต่อมามคี นยา้ ยมาอยูเ่ พิม่ ข้ึน
โดยมนี ายทา นางเงิน ยา้ ยมาจากป่าไผ่ ตาบลแช่ชา้ ง อาเภอสันกาแพง จังหวดั เชียงใหม่ พอมีบ้านเยอะขึ้น จงึ มกี ารต้ัง
ผูใ้ หญบ่ า้ นขึ้น ซ่ึงในขณะน้ันมี นายมอย ซึ่งเปน็ ผู้ใหญบ่ ้าน รวมกับบ้านขนุ ทา ชาวบ้านในขณะน้ันทาไรเ่ ลื่อนลอย ปลกู
ขา้ วไวป้ ระทงั ชีวิต เพราะไมม่ ีอาชีพเป็นหลกั แหล่ง ต่อมาในปี พ.ศ.2470 ไดม้ กี ารนาเมย่ี งมาปลูกเพอ่ื ทาเปน็ อาชพี และ
ในปีพ.ศ.2535 ไดม้ กี ารแยกหมูบ่ ้านซ่ึงมีหมบู่ ้านท่ีหางกันจึงแยกเป็น 2 หมูบ่ า้ น คอื หมู่ 4 คอื บา้ นแม่วอง และหมู่ 9 บา้ น
ขุนทา ในปจั จบุ ัน

1.1. กำรบรหิ ำรและกำรปกครอง มีผดู้ ำรงตำแหน่ง กำนัน – ผใู้ หญบ่ ้ำน ดงั ต่อไปน้ี

1.1.1 นายมอย บญุ ฝัน้ เปน็ ผใู้ หญบ่ ้านตั้งแตป่ ี พ.ศ.2500 ถงึ ปี พ.ศ.2510

1.1.2 นายเมา บุญฝน้ั เป็นผูใ้ หญบ่ า้ นตั้งแตป่ ี พ.ศ.2510 ถงึ ปี พ.ศ.2520

1.1.3 นายบุญตนั ไชยวงค์ เป็นผใู้ หญบ่ ้านต้ังแต่ปี พ.ศ.2520 ถงึ ปี พ.ศ.2525

1.1.4 นายปดุ๊ ไพยล เปน็ ผ้ใู หญบ่ ้านตง้ั แตป่ ี พ.ศ.2525 ถึง ปี พ.ศ.2533

1.1.5 นายบุญฤทธ์ิ วงคธ์ รรมคุณ เป็นผู้ใหญบ่ ้านตง้ั แต่ปี พ.ศ.2540 ถึง ปี พ.ศ.2546

1.1.6 นายสุพจน์ วนั ศรี เป็นผู้ใหญบ่ า้ นตัง้ แต่ปี พ.ศ.2546 ถึง ปี พ.ศ.2560

1.1.7 นางจันทร์เพญ็ ทา้ วศรี เป็นผใู้ หญบ่ า้ นตง้ั แตป่ ี พ.ศ.2560 ถงึ ปัจจุบัน

เมื่อปี พ.ศ.2542 ไดม้ ีการเปล่ียนแปลงการบริหารการปกครอง มาเปน็ องคก์ ารบรหิ ารสว่ นตาบลขึ้น

เป็นครงั้ แรกมีตัวแทนประชาชนในครงั้ นั้นเปน็ ตน้ มา ดังนี้

1.1.7 น.ส.จนั ทนา วงค์ธรรมคณุ เป็นสมาชิก อบต.ตง้ั แต่ปี พ.ศ.2542 - 2546

1.1.8 นางจาเนยี ร วันศรี เป็นสมาชิก อบต.ตงั้ แต่ปี พ.ศ.2542 - 2546

1.1.9 นายสพุ รรณ วนั ศรี เปน็ สมาชิก อบต.ตง้ั แต่ปี พ.ศ.2546 - 2550

1.1.10 นายสงกรานต์ เรอื นแกว้ เป็นสมาชิก อบต.ตง้ั แต่ปี พ.ศ.2546 - 2550

1.1.11 นายสุพรรณ วันศรี เปน็ สมาชิก อบต.ตง้ั แต่ปี พ.ศ.2550 - 2554

1.1.12 นายสงกรานต์ เรือนแก้ว เป็นสมาชกิ อบต.ตงั้ แต่ปี พ.ศ.2550 - 2554

1.1.13 นายกติ ติภพ ขันคา เป็นสมาชิก อบต.ตงั้ แต่ปี พ.ศ.2555 – พ.ศ.ปจั จบุ ัน

อำณำเขต

บ้านแม่วอง หมทู่ ี่ 4 ตาบลออนเหนอื อาเภอแมอ่ อน จงั หวดั เชยี งใหม่ มเี นอ้ื ที่ ประมาณ 5,000 ไร่

- ทิศตะวันออก ติดตอ่ กับ ป่าไม้หมู่ 10 บา้ นแม่ป่าขาง ตาบลออนเหนือ

- ทิศเหนือ ตดิ ตอ่ กบั หมู่ 6 บ้านสหกรณ์ ตาบลสหกรณ์

๑๕๒

การเรยี นรูเ้ ชิงปฏบิ ตั ิการ (Action Learning) หลกั สูตรนกั ปกครองระดบั สูง (นปส.) รุ่นท่ี 76

- ทิศใต้ ติดต่อกับ หมู่ 5 บา้ นหัวฝาย ตาบลออนเหนือ
- ทิศตะวันตก ตดิ ต่อกบั หมู่ 3 บ้านสหกรณ์ ตาบลสหกรณ์

2. กำรคมนำคม

- มีถนนลาดยาง/คอนกรตี จานวน 1 สาย ระยะทาง 7 กิโลเมตร

- ถนนดนิ ลูกรงั จานวน 2 สาย ระยะทาง 3 กโิ ลเมตร

3. แหลง่ นำ้ สาย ชือ่ แม่น้าแม่วอง
แหง่ ชือ่ หว้ ยขนุ วอง, หว้ ยผกั ละ, หว้ ยป่าเฮีย้
แหล่งน้ำธรรมชำติ
1. แม่นา้ 1
2. หว้ ย 3

แหล่งนำ้ ทส่ี รำ้ งข้ึนเอง

- ประปาหมบู่ ้าน 1 แห่ง ประปาภเู ขา 1 แหง่ ใชน้ า้ จากแหลง่ นา้ ประปาภูเขาของหมบู่ ้าน
- บอ่ บาดาลสาธารณะ 1 บอ่ ใชไ้ ด้ 1 บ่อ บอ่ บาดาลส่วนตวั 1 บ่อ ใช้ได้ - บอ่

- บ่อขดุ (บอ่ ดิน) 1 บอ่ ใชไ้ ด้ 1 บ่อ
- ฝาย 3 แหง่ ใช้ได้ 3 แห่ง
- ไม่มอี า่ งเกบ็ นา้

แหล่งน้ำเพือ่ กำรเกษตร
แหล่งนา้ เพ่ือการเกษตร ไมเ่ พียงพอในช่วงฤดแู ลง้ เดอื นกุมภาพันธ์ - เมษายน

4. อำชพี ดำ้ นกำรเกษตร
4.1 ครวั เรอื นที่ประกอบอาชีพการเกษตร จานวน 26 ครวั เรอื น
* ทาสวน 26 ครัวเรอื น ไมม่ คี รัวเรือนท่ีทาไร่

* เล้ียงสัตว(์ ววั ) 8 ครวั เรือน จานวน 150 ตัว เปน็ วัวเนอื้ ท้ังหมด
* ควาย 3 ครัวเรอื น จานวน 50 ตัว
* ไก่ 15 ครัวเรือน จานวน 300 ตัว เปน็ ไก่พื้นเมอื ง 300 ตวั

* สุนัข 20 ครวั เรือน จานวน 40 ตวั
4.2 ด้านการประมง

* การเล้ียงปลา

- ครัวเรอื นเลี้ยงปลา 6 ครวั เรอื น พนั ธุป์ ลาดกุ จานวน 1,200 ตวั
- ครวั เรือนเลย้ี งปลา 1 ครวั เรอื น พันธุป์ ลานิล จานวน 500 ตวั

5. ของใชใ้ นครวั เรอื นเทคโนโลยี
* โทรศัพทบ์ า้ น 8 เคร่อื ง / โทรศัพท์มอื ถือ 52 เครอื่ ง
* คอมพิวเตอร์ 3 เครอื่ ง / โทรทัศน์ 26 เครอื่ ง / วทิ ยสุ ่ือสาร 5 เคร่ือง

* รถจักรยาน 25 คนั / จักรยานยนต์ 49 คนั
* รถเกง่ 2 คนั / รถกระบะ 16 คนั / รถหกลอ้ - คัน

๑๕๓

การเรยี นรูเ้ ชิงปฏิบัตกิ าร (Action Learning) หลักสตู รนกั ปกครองระดบั สูง (นปส.) รุน่ ที่ 76

* รถไถ - คนั

6. กำรประกอบอำชพี ของสมำชิกในหมู่บ้ำน

* ครวั เรอื นทใ่ี ช้แรงงานตนเองประกอบอาชีพ 10 ครัวเรือน

* อาชีพรบั จา้ งทั่วไป 10 ครวั เรือน

* รับราชการ - ครวั เรือน

* ธรุ กจิ สว่ นตัว 1 ครัวเรือน

* เสรมิ สวย - ครัวเรอื น

* ค้าขาย 1 ครัวเรือน

* อตุ สาหกรรมในครวั เรอื น 4 ครวั เรือน สนิ ค้าท่ีผลิตจกั รสานเคร่ืองใช้ ,ตัดเยบ็ กระเปา๋

แหล่งทุน (ทุนทำงสังคม)
* ครัวเรือนใชแ้ หลง่ สนิ เช่อื ดังตอ่ ไปนี้
1. กลมุ่ ออมทรพั ย์เพอื่ การผลิต สมาชิก 26 ครัวเรือน เงนิ ทุน 189,000.- บาท

- สมาชกิ ยมื 10 คน เป็นเงนิ - บาท
2. กองทนุ หมู่บ้านและชุมชนเมอื ง(เงินลา้ น) สมาชกิ 40 คน เงนิ ทนุ 2,200,000.- บาท

- สมาชิกยมื 38 คน เปน็ เงิน 1,700,000.- บาท

3. กองทนุ โครงการแก้ไขปัญหาความยากจน (กข.คจ) สมาชิก 26 คน เงินทุน 280,000.- บาท
- สมาชิกยมื 26 คน เปน็ เงิน 280,000.- บาท

4. ธกส. 13 ครวั เรือน เปน็ เงิน - บาท

5. กองทุน(องค์การบริหารส่วนตาบล 100,000.-บาท) 15 ครัวเรือน เปน็ เงนิ 100,000.- บาท

7. สถำนทีส่ ำธำรณะบริกำรในชมุ ชน

- ศาลาเอนกประสงค์ประจาหมบู่ ้าน
- ศาลาประชาคมหมบู่ า้ น

8. ดำ้ นกำรศึกษำ

- เดก็ อายุ 3-5 ปี ไดร้ ับการเลีย้ งดเู ตรยี มความพร้อมกอ่ นวยั เรียน จานวน 2 คน
คน
- เด็กอายุ 6-15 ปี ได้รบั การศึกษาภาคบังคับ 9 ปี จานวน 2
คน
- เดก็ กาลังศึกษาสายสามญั (ม.4 – ม.6) จานวน 2 คน
คน
- เด็กเรียนสายอาชพี ปวช./ปวส. จานวน -
คน
- เยาวชนทกี่ าลงั ศกึ ษา ปริญญาตรี จานวน 1 คน
คน
- เยาวชนท่ีจบการศกึ ษาภาคบงั คับและไม่ไดเ้ รยี นตอ่ (2561) จานวน -
คน
- คนในหมบู่ า้ นอายุ 20 ปี ข้นึ ไป จบ ป.6 และเรียน กศน. จานวน - คน
คน
- ผู้ทีม่ ีอายุ 15-60 ปีขนึ้ ไปอา่ นออกและเขยี นภาษาไทยได้ จานวน 46

- คนในหมู่บ้านทไี่ ดร้ ับการอบรมสง่ เสริมอาชพี จานวน 3 ครัง้ 30

- คนในหมู่บ้านได้รับการฝึกอบรมด้านสุขภาพอนามยั (อสม.) จานวน 4

- คนในหมบู่ า้ นมสี ว่ นรว่ มในการประชาคมแสดงความคิดเหน็ จานวน. 4 คร้งั 30

๑๕๔

การเรียนรู้เชิงปฏิบัติการ (Action Learning) หลักสูตรนักปกครองระดับสูง (นปส.) รุ่นที่ 76

9. ดำ้ นสำธำรณสขุ (สุขภำพ)

- มีร้านขายของชาและขายยาชดุ ยาอันตรายหรือยาวัตถอุ อกฤทธิ์ - แหง่

- คนในหมูบ่ ้านเสยี ชีวิตด้วยโรคต่าง ๆ ในปีทผ่ี ่านมา 2 คน

- คนในหมู่บา้ นมีสวสั ดกิ ารรักษาพยาบาล 73 คน

- มเี ดก็ กาพรา้ - คน

- เด็กทีม่ ผี ลกระทบจากโรคเอดส์ - คน

- คนพิการทางร่างกายชว่ ยเหลอื ตนเองไมไ่ ด้ - คน

- คนพิการทางสายตา 1 คน

- คนพกิ ารทางหู 1 คน

- คนพกิ ารทางจิต 1 คน

- คนป่วยเป็นโรคเบาหวาน 2 คน

- คนป่วยเป็นโรคความดนั โลหติ สงู /ตา่ 11 คน

- ป่วยเปน็ โรคมะเรง็ - คน

- ผปู้ ว่ ยตดิ เตยี ง - คน

- ผูป้ ว่ ยตดิ บ้าน - คน

- ครอบครัวทมี่ ลี กั ษณะหมา้ ย(หย่า/แยกทางกัน/เสยี ชีวิต) 1 คน

- คนในหมู่บ้านเสพยาเสพติด ยาบา้ เฮโรอนิ ฝิน่ ไอซ์ - คน

- คนในหมู่บา้ นติดเหลา้ 1 คน

- คนสูบบุหรี่ - คน

- คนในหมบู่ ้านได้รับการฝึกอบรมด้านสุขภาพอนามัย จานวน 5 ครงั้ 30 คน

- คนในหมบู่ ้านได้รับการตรวจสุขภาพประจาปี จานวน 2 ครง้ั 53 คน

10. กำรจดั ระเบยี บชุมชน/สังคม และรกั ษำควำมสงบเรยี บร้อย

- มีผปู้ ระสานพลงั แผ่นดินเอาชนะยาเสพติด 25 คน

- มีเจา้ หนา้ ทรี่ กั ษาความปลอดภัยหมบู่ ้าน 9 คน

- มคี ณะกรรมการหมบู่ า้ น 13 คน

- คนในหมู่บา้ นไดร้ บั การฝกึ อบรมดา้ นความม่ันคง/ต่อต้านยาเสพตดิ จานวน 1 คร้งั 15 คน

11. กำรบรหิ ำรจดั กำรและอนุรกั ษ์ทรพั ยำกรธรรมชำติ ส่ิงแวดล้อม

พัฒนาหมู่บ้านบริเวณถนนทางเข้าหมู่บ้านและภายในหมู่บ้านเป็นประจาทุกเดือน พัฒนาแห ล่ง
ทอ่ งเที่ยวใหด้ ูสวยงามเป็นท่ีพักผอ่ นของคนในหมบู่ ้านและผทู้ ี่เข้ามาท่องเทีย่ ว ทาฝายแมว้ เพอ่ื เป็นการกกั เก็บ
นา้ ไวใ้ ช้ในชว่ งฤดแู ลง้ จดั ทาแนวกันไฟเพอ่ื ปอ้ งกนั ไฟปา่ ในชว่ งฤดแู ล้ง

12. กำรอนรุ ักษว์ ฒั นธรรม จำรีตประเพณี ภมู ิปญั ญำทอ้ งถิ่นและศลิ ปะ

- เดือนเมษายน ทาบญุ รดน้าดาหัวผ้สู งู อายุ และทาบญุ วนั ป๋ีใหมเ่ มือง

- เดือนกรกฎาคม ทาบุญวันเข้าพรรษา

- เดือนตุลาคม ทาบุญวันออกพรรษา

- เดอื นพฤศจกิ ายน จัดประเพณลี อยกระทง

๑๕๕

การเรยี นร้เู ชิงปฏบิ ัตกิ าร (Action Learning) หลักสตู รนักปกครองระดบั สูง (นปส.) รนุ่ ที่ 76

13. สภำพทั่วไปของหมู่บ้ำน/ชมุ ชน

ทีต่ ั้ง อยหู่ า่ งจากทีว่ า่ การอาเภอแม่ออน ระยะทางประมาณ 30 กโิ ลเมตร

อยู่ห่างจากจงั หวัดเชยี งใหม่ ระยะทางประมาณ 60 กโิ ลเมตร

พืน้ ที่ มพี ้นื ทีท่ ั้งหมดที่อยอู่ าศัย 500 ไร่ ท่ที ากิน 3,950 ไร่ ทส่ี าธารณะ 10 ไร่

ลักษณะ ภูมปิ ระเทศ ภูมิอากาศ ฤดูกาล มีลกั ษณะ ดงั น้ี

ฤดูรอ้ น ตงั้ แต่เดอื น มนี าคม – มิถุนายน

ฤดูฝน ตัง้ แต่เดือน กรกฎาคม – ตุลาคม

ฤดหู นำว ตัง้ แตเ่ ดือน พฤศจกิ ายน – กมุ ภาพนั ธ์

ประชำกร รวมทั้งสน้ิ 74 คน แยกเปน็ ชาย 37 คน เปน็ หญงิ 37 คน
จานวนครวั เรือนท้ังส้ิน 26 ครัวเรือน

กำรนับถือศำสนำ ประชากรส่วนใหญใ่ นหมูบ่ า้ นนบั ถือศาสนา พุทธ .

สภำพทำงเศรษฐกจิ รายได้เฉล่ียของคนในหม่บู ้าน เป็นเงนิ 87,013 บาท/คน/ปี

อาชีพหลัก (รายได้หลกั ) ของคนในหมบู่ ้าน คอื ทาสวนกาแฟ .

อาชพี รอง (รายไดร้ อง) ของคนในหมูบ่ ้าน คอื ทาสวนเมีย่ ง .

อาชีพเสริม (ทากิน ทาใชใ้ นครวั เรอื น/รายได้เสรมิ ) ของคนในหมบู่ า้ น คอื หาของป่าขาย

. แหลง่ ท่องเท่ยี ว/สภำพบรกิ ำร ท่นี า่ สนใจในหมูบ่ ้านมี 4 แหง่ คอื

1. น้าตกเจ็ดช้ัน

2. ปา่ ต้นน้า
3. สวนกาแฟ
4. สวนเมีย่ ง

ผลติ ภัณฑ์/สินคำ้ ทม่ี ชี ือ่ เสยี งหรือนา่ สนใจของหมูบ่ ้านมีดงั นี้

1. ผลิตภณั ฑ์จากใบเม่ียง
2. กาแฟ

3. เสาวรส
4. แปรรปู หน่อไม้
5. จกั สานไมก้ วาด

6. จกั สานตะกร้าไม้ไผ่

งำนประเพณี/เทศกำลสำคญั /กำรละเลน่ พ้นื บ้ำน ทนี่ า่ สนใจของหมู่บา้ น มีดังนี้

1. งานประเพณีเข้าพรรษาแหเ่ ทียน

2. งานประเพณอี อกพรรษา
3. งานประเพณีลอยกระทง
4. งานประเพณปี ๋ีใหม่เมอื ง ดาหัวผสู้ งู อายุ

5. งานประเพณที าบญุ ทอดผ้าป่าประจาปี
6. งานประเพณเี ลี้ยงผีขุนน้า

๑๕๖

การเรียนรูเ้ ชงิ ปฏบิ ัติการ (Action Learning) หลกั สูตรนกั ปกครองระดับสูง (นปส.) ร่นุ ท่ี 76

ขอ้ มูลจำกกำรสงั เครำะห์ จปฐ./ กชช 2 ค.

ขอ้ มลู ประชำกร (2562)

จานวนประชากรทงั้ หมู่บ้าน 26 ครัวเรือน

ไดท้ าการสารวจจดั เก็บข้อมูล 26 ครวั เรอื น

ประชากรท่ีทาการสารวจข้อมูลรวม 1 คน

แยกเปน็ ชาย 37 คน หญงิ 37 คน

กำรจำแนกวัยของประชำกร

1. เด็กเล็กกอ่ นวยั เรียน (แรกเกดิ – 6 ปี) จานวน 2 คน

2. เยาวชน (7 - 20 ปี) จานวน 4 คน

3. วยั แรงงาน (21 - 60 ป)ี จานวน 44 คน

4. วัยสงู อายุ (60 ปขี ้ึนไป) จานวน 27 คน

ผพู้ ิการทางกายหรอื สมอง/ผู้สงู อายุทย่ี ากจน ดอ้ ยโอกาส/เดก็ ทก่ี าพรา้ หรอื ยากจนด้อยโอกาส

จานวน 3 คน ดังน้ี

- ได้รับการช่วยเหลอื แลว้ จากหนว่ ยงาน/วงเงนิ 800 บาทตอ่ เดือน

- ยังไม่ไดร้ ับการช่วยเหลือและความต้องการใหช้ ว่ ย

ท่ี ชื่อ – สกลุ อายุ ทีอ่ ยู่ ลักษณะผดู้ ้อยโอกาส/พิการ/สงู อายุ
ยากจน เป็นต้น
1. น.ส.สแุ กว้ ปัญญาเงนิ
2 นายจันทร์สม วางเปง็ 45 10 พิการทางการเคลือ่ นไหวหรือทางรา่ งกาย
3 นางคาเอย้ เรือนแก้ว
85 5 พิการทางการเคลอ่ื นไหวหรือทางรา่ งกาย
70 31 พกิ ารทางการเคล่ือนไหวหรือทางรา่ งกาย

ข้อมูลอำชพี ไดแ้ ก่ ทาสวนเม่ยี ง
อาชีพหลักของครัวเรอื นสว่ นใหญ่ ได้แก่ ทาสวนกาแฟ
อาชพี รองของครวั เรือน
ได้แก่ หาของปา่ ขาย และรบั จา้ งทวั่ ไป
อาชพี เสริมของครัวเรอื น 20 คน
คนวัยแรงงานมีงานทาประจา จานวน - คน
คนวัยแรงงานว่างงาน จานวน

ข้อมลู ทรัพยำกร .
ทรพั ยากรทางธรรมชาตทิ ี่มใี นพื้นท่ี อาทิ
.
แหลง่ น้าชื่อ หว้ ยแม่วอง, ห้วยผกั ละ , ห้วยปา่ เฮย้ี .
ป่าไม้ใช้สอย 1 แหง่ ป่าชุมชน 1 แห่ง
พืชเศรษฐกจิ ใบเม่ยี ง , กาแฟ , ถั่วดาวอินคา, เสาวรส

สัตว์ โคเน้อื พนั ธ์ุพ้ืนเมอื ง

๑๕๗

การเรยี นรูเ้ ชงิ ปฏิบตั ิการ (Action Learning) หลักสตู รนกั ปกครองระดบั สงู (นปส.) รนุ่ ท่ี 76

ข้อมูลเศรษฐกจิ 247,653.- บาท รวมเปน็ รำยไดต้ อ่ ปี
รวมรายได้ของทุกครัวเรือนปลี ะ 184,807
ที่มาของรายได้หลกั ไดแ้ ก่ จำนวนครวั เรอื น 27,230
26 22,792
ทมี่ ำของรำยได้ 26
ใบเมีย่ ง 26
กาแฟ
หาของป่า

ขอ้ มูลสุขภำพ

สวสั ดิกำรรักษำพยำบำล ดงั นี้

1. บัตรสุขภาพ 36 คน

2. บตั รผสู้ งู อายุ 25 คน

3. บัตรประกันสงั คม 5 คน

4. บตั รประจาตัวผพู้ กิ าร 3 คน

5. สวัสดิการข้าราชการ/เจา้ หน้าที่ของรัฐ 5 คน

ปญั หำหลกั ด้ำนสขุ ภำพ(โรค) ในพ้นื ที่

1. ความดันโลหติ สูง .

2. โรคเบาหวาน .

สำเหตอุ นื่ ๆ ทท่ี ำใหค้ นในครวั เรือนมปี ัญหำสขุ ภำพ มดี งั น้ี

1. ดา้ นอาหาร .

2. ดา้ นสภาพแวดลอ้ ม .

3. ดา้ นพฤติกรรมการออกกาลงั กาย .

4. ความเครยี ด , การพักผ่อน .

ภูมปิ ญั ญำ ผรู้ ู้ ปรำชญ์ชำวบำ้ น

ที่ รำยละเอยี ดขอ้ มลู ภมู ปิ ญั ญำ/ ชือ่ – สกลุ ผู้รู้ ท่ีอยู่ หมำยเลขโทรศพั ท์

ควำมเชี่ยวชำญ 17หมู่ที่ 4
21หม่ทู ี่ 4
1 การจกั สานตะกร้า นายบุญเรือน วงคส์ า 2 หมทู่ ่ี 4

2 การจกั สานไมก้ วาด นางเสาร์แกว้ คามา

3 รกั ษาแผลพพุ อง นางแสง วนั ศรี

๑๕๘

การเรียนรูเ้ ชิงปฏบิ ตั กิ าร (Action Learning) หลกั สตู รนักปกครองระดบั สูง (นปส.) รุน่ ท่ี 76

ขอ้ มลู กล่มุ กจิ กรรมดำ้ นต่ำง ๆ

ได้แก่ กลุ่มผู้นาด้านอาสาพัฒนา/ด้านกองทุนการเงิน/กิจกรรมด้านอ่ืน ๆ อาทิ ด้านสิ่งแวดล้อม

วฒั นธรรม ทีม่ ีอยใู่ นหมู่บ้าน/ชมุ ชน

ท่ี ช่อื กลมุ่ ลักษณะงาน จานวน รายละเอยี ดกจิ กรรมท่ที า

สมาชกิ

(คน)

1. กองทนุ หมบู่ า้ น เปน็ แหล่งเงินทนุ 40 ใหส้ มาชกิ กู้ยมื เงนิ เพื่อประกอบอาชีพ

(เงนิ ล้าน)

2. กลมุ่ ออมทรพั ย์ฯ เปน็ แหล่งเงินทนุ 26 ใหส้ มาชิกกยู้ มื เงนิ เพื่อประกอบอาชีพ

3. กองทนุ อบต. เปน็ แหลง่ เงนิ ทุน 15 ให้สมาชกิ กู้ยืมเงินเพื่อประกอบอาชพี

100,000.- บาท

4 กองทุนโครงการ เปน็ แหล่งเงินทนุ 26 ใหส้ มาชิกกู้ยมื เงนิ เพื่อประกอบอาชพี

กข.คจ.

2.2 กำรเรยี นรรู้ ะบบกำรบรหิ ำรจดั กำรชุมชน

ขอ้ มลู ดำ้ นกำรบริหำรหมู่บำ้ น

รายชอื่ กานัน นายวทิ ติ ย์ สุภามลู

รายชื่อ นายก อบต. นายนิวาต สุภามูล

รายชื่อ ผู้ใหญบ่ า้ น นางจนั ทรเ์ พ็ญ ท้าวศรี

รายชอ่ื ผู้ช่วยผูใ้ หญบ่ า้ น 1. นางสาวรดพี ร ใจกองคา

2. นายธานี จักขเุ รอื ง

3. นายณรงค์ วงคส์ า

รายช่ือสมาชกิ อบต. นายกิตตภิ พ ขนั คา

รำยชื่อคณะกรรมกำรหมบู่ ้ำน

1. นางจนั ทร์เพญ็ ทา้ วศรี 2. นายสพุ รรณ วันศรี

3. นายอินทร วนั ศรี 4. นางสาวรดพี ร ใจกองคา

5. นายธานี จกั ขุเรอื ง 6. นายณรงค์ วงคส์ า

7. นายบญุ ฤทธ์ิ วงคธ์ รรมคณุ 8. นายจันทร์ ปัญญาเงิน

9. นายแก้ว เรอื นแก้ว 10.นายส่ง มลู ฝั้น

11. นางวจิ ติ รา ขันคา 12.นายกติ ตภิ พ ขนั คา

13. นางสาวฉันทนา วงคธ์ รรมคณุ

รำยชื่อประธำนคุ้ม(ปอ๊ ก) บำ้ น จำนวน 2 คมุ้ /ปอ๊ ก

1. นายสพุ จน์ วันศรี 2. นายณรงค์ วงค์สา

รำยช่ืออำสำพฒั นำชมุ ชน (อช.) (ชำย 2 คน หญงิ 2 คน)

1. นางนงคราญ เชื้อเมืองพาน 2. นางสาวสุกญั ญา วงค์สา

3.นายกิตติภพ ขันคา 4. นายสมพร วางเป็ง

๑๕๙

การเรียนร้เู ชิงปฏิบตั ิการ (Action Learning) หลักสตู รนกั ปกครองระดบั สูง (นปส.) รนุ่ ท่ี 76

รำยชอื่ อำสำสำธำรณสขุ ประจำหมูบ่ ำ้ น (อสม.)

1. นายณรงค์ วงคส์ า 2. นางสาวส่งศรี สรุ ยิ ะจติ ร

3. นางนงเยาว์ คาปนั 4. นางสาวพาณี ปญั ญาเงนิ

รำยชื่ออำสำสมัครเกษตร

1. นายณรงค์ วงค์สา

รำยชอื่ คณะกรรมกำรบรหิ ำรศนู ย์บริกำรและถำ่ ยทอดเทคโนโลยีกำรเกษตรประจำตำบล

1. นายสพุ รรณ วนั ศรี 2. นายสพุ จน์ วนั ศรี

รำยชอ่ื กลมุ่ สตรแี ม่บำ้ น

1. นางนงคราญ เชอื้ เมอื งพาน (ประธาน) 2. นางจนั ทร์เพญ็ ท้าวศรี

3. น.ส.พาณี ปญั ญาเงิน 4. นางนงเยาว์ คาปัน

5. นางวจิ ติ รา ขนั คา 6. นางจรูญ วนั ศรี

7. นางจาเนียร วนั ศรี 8. นางสุธี วางเป็ง

9. นางสาวฉันทนา วงค์ธรรมคุณ 10. นางกฤษฎาภรณ์ วนั ศรี

11. นางประทุม นวลฟู

วิสยั ทัศน์บำ้ นแม่วอง

แม่วองน่าอยู่ ชุมชนเขม้ แข็ง เศรษฐกจิ มน่ั คง สง่ิ แวดล้อมยั่งยืน

พันธกจิ (สิ่งทีช่ มุ ชนต้องร่วมมือกนั ทาเพอื่ ใหห้ มบู่ า้ นเปน็ ไปตามทมี่ ุ่งหวัง)
(1) พัฒนาโครงสร้างพนื้ ฐานและระบบสาธารณูปโภค
(2) สง่ เสรมิ และสนับสนนุ เศรษฐกิจชุมชนและอาชีพ
(3) สง่ เสรมิ และสนบั สนุนการจัดบรกิ ารด้านสาธารณสุข
(4) สง่ เสริมและสนับสนุนการจัดกจิ กรรมดา้ นการศึกษา ศาสนาและวฒั นธรรม
(5) สง่ เสริมและพฒั นาสงั คมและคุณภาพชีวติ
(6) สง่ เสริมและพฒั นา ปลกู จติ สานึกการอนุรกั ษท์ รพั ยากรธรรมชาติและสิง่ แวดลอ้ ม
(7) สง่ เสรมิ และพฒั นาการบรหิ ารจัดการบ้านเมืองทีด่ ี

ยทุ ธศำสตรบ์ ้ำนแม่วอง
1. ยุทธศำสตร์ : กำรพัฒนำดำ้ นโครงสร้ำงพน้ื ฐำนและระบบสำธำรณูปโภค
แนวทางการพฒั นา
(1) ก่อสรา้ ง ปรับปรงุ สภาพถนนใหไ้ ด้มาตรฐานครอบคลมุ และท่ัวถึง
(2) พัฒนาระบบน้าเพอื่ การอปุ โภค-บรโิ ภคใหเ้ พียงพอ และมีแหลง่ นา้ ทสี่ ะอาด
(3) ปรบั ปรงุ ขุดลอกลาห้วยและขยายสระเกบ็ นา้
(4) พัฒนาระบบไฟฟา้ ใหเ้ พียงพอตอ่ ทกุ ครวั เรอื นและติดตง้ั ระบบไฟฟ้าสาธารณะให้

ครอบคลมุ ทุกพืน้ ท่ี
(5) ปรบั ปรงุ พฒั นาส่งิ ก่อสร้างสาธารณะในเขตพ้ืนท่ี

2. ยทุ ธศำสตร์ : กำรพฒั นำด้ำนเศรษฐกิจชุมชนและอำชพี
แนวทางการพัฒนา
(1) สง่ เสริมการผลติ ของกล่มุ อาชพี และพฒั นากลุ่มอาชีพตา่ งๆ ภายในหมูบ่ ้าน

๑๖๐

การเรยี นรเู้ ชงิ ปฏิบัตกิ าร (Action Learning) หลักสตู รนกั ปกครองระดบั สูง (นปส.) รุ่นที่ 76

(2) สง่ เสริมและพัฒนาการเกษตรและปศสุ ตั ว์ ลดรายจา่ ย เพิ่มรายได้เพอ่ื แกป้ ัญหาความ
ยากจนในหมบู่ า้ น

(3) ส่งเสรมิ และพฒั นาการผลิตโดยการฝึกอบรมให้ความรู้
(4) ส่งเสริมระบบเศรษฐกิจชมุ ชน และการสรา้ งความเขม้ แขง็ ตามปรชั ญาเศรษฐกจิ พอเพยี ง
3. ยทุ ธศำสตร์ : กำรพัฒนำดำ้ นสำธำรณสุข
แนวทางการพัฒนา
(1) สนบั สนุนกิจกรรมดา้ นสุขภาพและการจดั บริการสาธารณสุขมลู ฐานให้มีความเขม้ แข็ง
(2) สนับสนุนและสง่ เสริมการออกกาลงั กาย การแข่งขันกฬี าและนันทนาการ
(3) จดั หาและพัฒนาอุปกรณก์ ีฬา นันทนาการและสถานทีอ่ อกกาลังกาย
4. ยทุ ธศำสตร์ : กำรพฒั นำด้ำนกำรศึกษำ ศำสนำและวัฒนธรรม
แนวทางการพฒั นา
(1) พัฒนา สง่ เสรมิ สนับสนุน ดา้ นการศกึ ษา การพัฒนาศกั ยภาพและการเรียนรขู้ องชุมชน
(2) สนบั สนุนการจัดกิจกรรมวันสาคัญของชาติ ศาสนาแผนหมู่บา้ น/ชมุ ชน
(3) สนบั สนุนกิจกรรมสาคัญของทอ้ งถ่นิ ประเพณีวัฒนธรรม ปราชญช์ าวบ้านและภูมปิ ญั ญาท้องถิ่น
5. ยทุ ธศำสตร์ : กำรพัฒนำด้ำนสงั คมและคณุ ภำพชวี ิต
แนวทางการพัฒนา
(1) ส่งเสริมและสนับสนุนการจดั สวัสดิการสังคมสงเคราะห์ใหแ้ ก่ผู้สูงอายุ ผู้พิการ และผู้ขาดแคลน
ผดู้ ้อยโอกาส
(2) สง่ เสริมการสร้างชุมชนน่าอยู่ และการสร้างความเขม้ แขง็ ของชุมชน
(3) ให้การสนับสนุนการปอ้ งกันและปราบปรามยาเสพตดิ และการบาบดั รกั ษาผ้ตู ิดยาเสพติด
(4) สนบั สนุนกจิ กรรม และการสรา้ งระบบความปลอดภัยในชวี ิตและทรัพย์สนิ ของประชาชน
(5) สนับสนุนการปอ้ งกันและบรรเทาอุบตั ภิ ยั สาธารณะภยั ต่างๆ
(6) ปรบั ปรงุ และพัฒนาระบบขอ้ มูลข่าวสาร การตดิ ตอ่ สือ่ สาร เทคโนโลยสี ารสนเทศในชมุ ชน
(7) สง่ เสรมิ และสนบั สนนุ กจิ กรรมทเี่ ป็นประโยชน์ต่อประชาชนในภาพรวม
6. ยทุ ธศำสตร์ : กำรพฒั นำดำ้ นทรัพยำกรธรรมชำติและสิ่งแวดล้อม
แนวทางการพฒั นา
(1) พฒั นาระบบการรกั ษาความสะอาด จดั หาวสั ดอุ ุปกรณ์ แหลง่ การกาจดั ขยะและสงิ่ ปฏกิ ูล
(2) รณรงค์สรา้ งจิตสานึก สง่ เสริมการมสี ่วนร่วมของประชาชนในหมู่บ้าน ในการอนุรักษ์
ทรพั ยากรธรรมชาตแิ ละสงิ่ แวดลอ้ ม น าไปสชู่ ุมชนนา่ อยู่
7. ยทุ ธศำสตร์ : กำรพฒั นำด้ำนกำรบรหิ ำรจดั กำรบ้ำนเมอื งท่ีดี
แนวทางการพฒั นา
(1) สง่ เสริมกระบวนการมสี ่วนร่วมของชุมชน
(2) พัฒนาระบบการบรหิ ารงานของคณะกรรมการหมูบ่ ้านใหม้ คี ุณภาพและประสิทธิภาพ
(3) จดั หา ปรบั ปรงุ พฒั นา บารงุ รกั ษา วสั ดอุ ปุ กรณแ์ ละสถานทีใ่ นการปฏบิ ตั งิ านใหเ้ พยี งพอและ
เหมาะสมตอ่ การปฏิบัตงิ านแผนหมู่บา้ น/ชุมชน
8. ยทุ ธศำสตร์ : ทนุ ทำงสังคม(ของดขี องหมบู่ ้านเชน่ บุคคล สง่ิ ของ สถานท่ี ทรพั ยากรธรรมชาติ แหล่งน้า
กลมุ่ เขม้ แข็ง ความสามัคคีเออ้ื อาทรของคนในชมุ ชน ฯลฯ)

๑๖๑

การเรยี นร้เู ชิงปฏิบตั กิ าร (Action Learning) หลกั สูตรนักปกครองระดับสูง (นปส.) ร่นุ ที่ 76

บ้านแม่วอง หมู่ 4 เป็นหมู่บ้านอนุรักษ์ธรรมชาติและส่ิงแวดล้อมธรรมชาติ และมีน้าตกภายใน
หมูบ่ ้านแตย่ ังไม่ไดพ้ ฒั นาและยงั มปี ่าทอ่ี ุดมสมบรู ณด์ ว้ ยพชื พันธต์ุ า่ ง ๆ แลว้ ยงั มีกลุ่มเข้มแข็งในหมู่คณะภายใน

หมบู่ ้านได้มกี ารจัดต้งั กองทุนตา่ ง ๆ ในหมูบ่ า้ นดังน้ี
1.กองทนุ หมู่บา้ นและชมุ ชนเมือง
2.กองทนุ โครงการแก้ไขปญั หาความยากจน (กข.คจ)

3.กองทนุ ออมทรัพยเ์ พื่อการผลติ
4.กองทนุ กระตุ้นเศรษฐกจิ
5.กองทนุ ผสู้ งู อายุ

6.กลุ่มสตรีแม่บ้าน/กองทนุ พฒั นาสตรี

ปฏิทินฤดกู ำล

เดือน เรือ่ ง สภำพท่ีเกิดผลกระทบ
มกราคม 1. ภัยธรรมชาติ อากาศหนาวเย็น
กมุ ภาพนั ธ์ 2. ภัยแลง้ ภยั หนาว 1. หมอกควัน
มีนาคม 1. ปญั หาไฟปา่ 2. เคร่อื งกันหนาวไมพ่ อเพียง
เมษายน 2. ภยั แล้ง ภยั หนาว
พฤษภาคม 1. โรคทางเดนิ อาหาร 1. หมอกควนั
2. โรคหอบหดื (ทางเดนิ หายใจ) 2. ขาดแคลนนา้ อากาศหนาวเย็น
มถิ ุนายน 1. ภัยแลง้
2. โรคพษิ สุนขั บ้า 1. อาหารเปน็ พษิ ,สกปรก
กรกฎาคม 1. ภัยแลง้ 2. มลภาวะเป็นพิษ ควันไฟ
สิงหาคม 2. วาตภัย
3. ทอ้ งรว่ ง/ตาแดง 1. ไฟปา่ อากาศแปรปรวน
กันยายน 1. อากาศแหง้ แล้งอยู่ 2. อากาศร้อน ขาดแคลนนา้
ตุลาคม 2. อุทกภยั
พฤศจกิ ายน 3. ไข้เลือดออก 1. อากาศแปรปรวน ขาดแคลนน้า
ธันวาคม 1. ไขห้ วัด 2. ลมพดั บา้ นเรอื นและพชื สวนลม้ เสียหาย
1. น้าท่วม 3. หมอกควนั /อาหารเสยี ไว

1. นา้ ท่วมฉับพลัน/การคมนาคมลาบาก 1. ระบบหลอดลม
1.น้าทว่ มฉับพลนั /การคมนาคมลาบาก 2. ถนนล้ืนเสยี หาย
2. ไข้หวดั 3. ชว่ งเปลี่ยนผา่ นฤดูร้อนสู่หน้าฝน(ยงุ ชุม)
1. ภยั หนาว
1. อากาศหนาวเยน็ 1. อากาศเปล่ียนแปลง
2. ภยั หนาว
1. บา้ นเรอื นเสยี หาย
2. ถนนลน้ื เสยี หาย
3. พืชผลทางการเกษตรเสยี หาย

1. หนา้ ฝนน้าปา่ ไหลหลาก/ถนนล้ืน

1. หนา้ ฝนน้าปา่ ไหลหลาก/ถนนลนื้
2. อากาศเปลีย่ นแปลง

1. เครอ่ื งกนั หนาวไม่พอเพียง

1. ขาดเครือ่ งกนั หนาว
2. อากาศหนาวเยน็

๑๖๒

การเรียนรูเ้ ชิงปฏิบัติการ (Action Learning) หลกั สตู รนกั ปกครองระดบั สูง (นปส.) รุ่นที่ 76

แนวทำงในกำรพฒั นำหมู่บำ้ น

- พัฒนาโครงสรา้ งพื้นฐาน พฒั นาโครงสร้างพืน้ ฐานและโครงสร้างพ้นื ฐานทางการเกษตร

- พัฒนาแหล่งนา้ สรา้ งฝายชะลอน้าเพือ่ กักเกบ็ น้าไวใ้ ช้หนา้ แล้ง

- พฒั นาและสง่ เสริมอาชีพ ซื้อเคร่ืองโม่กาแฟ และเคร่ืองสีกาแฟ และอบรมส่งเสริมอาชีพใหก้ บั

คนภายในหมูบ่ า้ น

- พัฒนาด้านการศกึ ษา สง่ เสรมิ ให้เด็กไดเ้ รยี นหนังสือและให้จบตามเกณฑ์มาตรฐาน

- พฒั นาส่งเสรมิ วัฒนธรรมจารีตประเพณี สง่ เสริมวัฒนธรรมประเพณีอันเก่าแก่ของหมู่บา้ น

- พัฒนาทรัพยากรธรรมชาติ อนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติ

- พฒั นารักษาสงิ่ แวดล้อมในชมุ ชน พัฒนาและทาความสะอาดภายในหมู่บา้ นบริเวณทางเข้าหมู่บ้าน

2.3 กำรศกึ ษำเรยี นรนู้ โยบำยภำครัฐและผลกระทบตอ่ กำรพฒั นำชุมชน

จากการลงพ้ืนทเ่ี พ่ือศึกษาเรียนรูว้ ถิ ีชาวบา้ น พบวา่ นโยบายของรฐั มกี ารขบั เคลอื่ นในพ้นื ที่หม่บู า้ นแม่
วองที่เห็นเปน็ รปู ธรรม ได้แก่

1. ด้านการติดต่อสื่อสาร

จากการสอบถามจากชาวบ้านแม่วองทราบว่า รัฐบาลได้สนับสนุนโครงการอินเตอร์เน็ท (เนท็
ประชารัฐ) ซ่ึงโครงการดังกล่าวเปน็ ประโยชน์ตอ่ ชาวบ้านเปน็ อย่างมาก เน่ืองจากหมบู่ ้านแม่วองเป็นหมู่บา้ นท่ี
ตั้งอยู่บนพน้ื ทภี่ เู ขา ห่างไกลจากตัวเมืองและความเจรญิ ทาใหก้ ่อนหน้าน้ีไม่มีระบบเชื่อมโยง ชาวบ้านขาดการ
ติดต่อส่ือสารทีท่ ันสมยั ต่อเมื่อมีโครงการของรัฐดังกล่าว ทาให้ชาวบ้านได้ประโยชน์เป็นอย่างมาก เช่น การ
ตดิ ต่อสอ่ื สารทางโทรศัพท์ สามารถใช้ได้อยา่ งสะดวก ชาวบา้ นจงึ ไดป้ ระโยชนอ์ ยา่ งสูงสดุ

อย่างไรก็ตาม จุดตดิ ตงั้ สญั ญาณอนิ เตอร์เนต็ ดังกล่าว จากการสอบถามพบวา่ มเี พียงจดุ เดยี ว และ
มรี ัศมีเพยี งแค่ 50 เมตร ซึ่งทาใหไ้ ม่ครอบคลุมทั้งหมู่บา้ น

2. ดา้ นระบบนา้ เพ่อื การเกษตร

จากการลงพน้ื ทพ่ี บว่า มีจุดกระจายนา้ เพียงจุดเดียว ซึ่งดาเนินการโดยกรมพัฒนาที่ดิน ตั้งอย่ทู ี่
พื้นที่สานักวิปัสสนาบ้านแม่วอง จากการสอบถามชาวบ้านแม่วองทราบว่า จานวนปริมาณน้าท่ีจะใช้ใน
การเกษตรจะมตี ามชว่ งฤดกู าล โดยเฉพาะในฤดูแลง้ (กุมภาพนั ธ์ – เมษายน) อาจขาดแคลนน้าเพือ่ การเกษตร
ซึ่งทาใหผ้ ลผลิตทางการเกษตรลดนอ้ ยลง

3. ดา้ นโครงสร้างพืน้ ฐาน

3.1 เส้นทางคมนาคม

ถนนที่เข้าสู่หมู่บา้ นเป็นถนนคอนกรีต ซึง่ มีความแข็งแรง ทาใหก้ ารคมนาคมมีความสะดวก
สาหรับผใู้ ชเ้ ส้นทาง จากการสอบถามชาวบ้านแม่วองทราบว่า เปน็ โครงการทไี่ ด้รบั การสนบั สนุนจากองค์การ
บรหิ ารจงั หวดั เชยี งใหม่ โครงการดังกลา่ วเปน็ โครงการทอี่ านวยความสะดวกให้กับชาวบา้ นเปน็ อยา่ งยิง่

อย่างไรก็ตาม ยังมีถนนบางช่วงท่ีชาวบ้านแม่วองมีความต้องการเพิ่มเติมจากเดิม เพ่ือให้
สามารถเช่ือมโยงการเดนิ ทางไปยังหมูบ่ ้านอืน่ ซง่ึ ปัจจบุ นั สภาพเปน็ ดนิ ลูกรังประมาณ 3 กโิ ลเมตร

๑๖๓

การเรียนรู้เชิงปฏิบัตกิ าร (Action Learning) หลักสตู รนักปกครองระดับสงู (นปส.) รุ่นท่ี 76

3.2 ไฟฟา้
จากการลงพนื้ ท่ีพบว่า หมู่บ้านแม่วองถึงแม้จะเปน็ หมบู่ ้านขนาดเล็ก มีจานวนประชาชน

เพียง 26 ครวั เรือน และอยูห่ ่างจากทวี่ า่ การอาเภอ 60 กิโลเมตร แตก่ ารไฟฟา้ สว่ นภมู ิภาคได้เข้าไปใหบ้ ริการ
ตดิ ตั้งไฟฟ้าให้กับหมู่บ้านมีไฟฟ้าใช้ทกุ ครวั เรอื น

3.3 ประปาภูเขา - ประปาหมบู่ า้ น
เปน็ โครงการทีไ่ ดร้ ับการสนับสนุนจากงบประมาณของรฐั เป็นโครงการประปาหมบู่ า้ นเพอ่ื

ใช้ในการอปุ โภคบรโิ ภค ทาใหป้ ระชาชนมนี า้ กินนา้ ใช้ครบทุกครัว และยงั สามารถนาน้าดังกลา่ วมาผลติ เป็นน้า
ด่มื เพอื่ จาหนา่ ยให้กับบคุ คลทัว่ ไป โดยใชง้ บประมาณจากกองทนุ หมบู่ า้ นมาบริหารจดั การ

4. การบริหารจดั การภัยพิบตั ิ
จากการลงพน้ื ทพี่ บว่า หมบู่ า้ นแมว่ องได้รับการสนบั สนุนจากกรมทรัพยากรนา้ ในการตดิ ตงั้ ระบบ

เตอื นภยั ตามโครงการเฝ้าระวงั และเตอื นภยั พ้ืนทเ่ี สย่ี งภัยน้าท่วมฉับพลนั - ดินถล่ม จากการสอบถามชาวบ้าน
ไดร้ บั แจง้ ว่า โครงการดังกลา่ วเป็นโครงการท่ีสามารถเตือนภยั ใหก้ บั ชาวบ้านโดยมอบหมายใหผ้ ้ใู หญ่บ้านและ
คณะกรรมการหมู่บ้านรับทราบข้อมูลดังกล่าว และตั้งคณะกรรมการคอยติดตามข้อมลู เพ่ือป้องกันภัยจากน้า
ท่วมฉบั พลันและดินถลม่ ได้เปน็ อยา่ งดี

5. หมูบ่ ้านเศรษกจิ พอเพียง
หมู่บ้านแม่วองเปน็ หมบู่ า้ นที่ได้รบั การรบั รองจากกรมการพฒั นาชุมชนว่า เป็นหมู่บา้ นเศรษฐกิจ

พอเพยี งต้นแบบระดบั “อยู่ดี กนิ ด”ี ซึ่งเป็นการรับประกันวา่ หมู่บ้านน้ี ไดร้ ับการส่งเสรมิ จากภาครัฐ ให้ดาเนิน
วิถีชีวิตตามแนวทางหลกั ปรัชญาเศรษฐกิจพอเพยี งตามพระราชดาริของพระบาทสมเดจ็ พระบรมชนกาธเิ บศร
มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร (รัชกาลที่ 9) และสืบสานต่อยอดโดยพระบาทสมเด็จพระวชิร
เกล้าเจ้าอยู่หวั (รชั กาลท่ี 10) ซง่ึ ทาใหช้ าวหมู่บา้ นแมว่ อง มอี งคค์ วามรู้ในหลักปรัชญาเศรษฐกจิ พอเพียงในการ
ดาเนนิ วิถีชวี ติ ได้เปน็ อย่างดี

๑๖๔

การเรียนร้เู ชงิ ปฏบิ ตั ิการ (Action Learning) หลกั สูตรนักปกครองระดบั สงู (นปส.) รนุ่ ท่ี 76

ส่วนท่ี 3
ประเดน็ กำรพัฒนำของชมุ ชน

วิเครำะหข์ ้อมลู ของหมบู่ ้ำน จุดอ่อน

จดุ แข็ง

1. ชำวบำ้ นมีควำมสำมัคคี ข่วยเหลอื กนั และมีผนู้ ำ 1. สมำชิกหมบู่ ้ำนมีน้อย เพยี ง 74 คน
2. ทีต่ ั้งหมู่บ้ำนอยู่บนที่สงู กำรคมนำคมเข้ำถงึ ลำบำก
หมู่บำ้ นทเ่ี ข้มแขง็ เสียสละในกำรทำงำน
ไมม่ รี ถประจำทำง
2. เปน็ หมบู่ ำ้ นปลอดยำเสพตดิ และไมม่ ขี โมย เป็น 3. อำชีพหลกั ทท่ี ำ มเี พยี งกำรปลูกสวนเมย่ี งและ
หมูบ่ ้ำนท่ีมีระบบกำรจดั กำรทำงสังคมที่ดี
3. ทรัพยำกรธรรมชำติท่ีอดุ มสมบรู ณ์ และอำกำศที่ กำแฟ และไมไ่ ดท้ ำแบบครบวงจร
4. ชำวบำ้ นยังไมส่ ำมำรถเพิ่มผลผลิตทำงกำรเกษตร
บรสิ ทุ ธ์ิ 5. ระบบกำรส่ือสำรมีจำกดั เพียงระบบเดียว

1. มีสถำนปฏบิ ัติธรรมท่มี ีบคุ คลศรทั ธำเข้ำมำปฏบิ ตั ิ 1. กำรพัฒนำพนื้ ที่ตดิ ปญั หำขอ้ กฎหมำยจำก
ธรรมจำนวนมำก หน่วยงำนทเ่ี กย่ี วข้อง
2. สถำนที่ตง้ั เหมำะสำหรบั สง่ เสริมกำรทอ่ งเทยี่ วเชิง 2. โรงเรยี นห่ำงจำกหมู่บ้ำนประมำณ 30 กโิ ลเมตร
อนรุ กั ษแ์ ละด้ำนสุขภำพ 3. หน่วยงำนรำชกำรยังเข้ำมำสนับสนุนไมเ่ ต็มท่ี
4. ไมม่ ีเอกสำรสิทธิ์ในพนื้ ทคี่ รอบครองที่ดนิ
โอกำส
อปุ สรรค

ประเดน็ กำรพฒั นำท่เี สนอแนะ

1. การจดั หาแหล่งน้าใหเ้ พยี งพอทง้ั ปีตอ่ การทาการเกษตรของทกุ ครัวเรอื นทีท่ าการเกษตรในชุมชน
2. การจัดการการหารายได้ การเงินและการลงทนุ ของครวั เรอื นและชมุ ชน
3. การส่งเสรมิ สขุ ภาพและการเพมิ่ ผลิตผลของการทางานของครัวเรอื นและชุมชน

3.1 ความเสีย่ งท่จี ะไมม่ ชี วี ติ ท่ีมน่ั คงของบคุ คล ครอบครวั และชมุ ชน

3.1.1 ด้านการจัดหาแหลง่ น้าให้เพียงพอทั้งปีตอ่ การทาการเกษตรของทกุ ครวั เรอื นทีท่ าการเกษตรใน
ชมุ ชน

- หมบู่ ้านแมว่ องขาดแคลนน้าอปุ โภคบริโภคชว่ งฤดแู ล้ง
- คุณภาพของนา้ ชว่ งน้าหลาก ไมส่ ามารถนามาบริโภคได้
3.1.2 ด้านการจดั การการหารายได้ การเงนิ และการลงทุนของครัวเรอื นและชุมชน
- ส่วนมากไมม่ กี ารวางแผนการออมเงนิ
- สว่ นมากไม่มกี ารจัดทาบญั ชีครวั เรอื นรายรับรายจ่าย

๑๖๕

การเรยี นรู้เชงิ ปฏบิ ัติการ (Action Learning) หลักสตู รนักปกครองระดับสงู (นปส.) รุ่นที่ 76

- ไมม่ ีการจัดการรวมกลมุ่ การผลิต ทาใหไ้ มม่ อี านาจต่อรองการขายผลผลิต
3.1.3 การสง่ เสรมิ สุขภาพและการเพมิ่ ผลติ ผลของการทางานของครวั เรอื นและชุมชน

จากการสอบถามพบว่า ชมุ ชนประกอบอาชีพเกษตรโดยไม่ได้ใช้สารเคมใี นการทาการเกษตร จึง
ได้รบั การบริโภคอาหารทปี่ ลอดสารพษิ ตกคา้ ง

3.2 ระดบั การพฒั นาหมูบ่ า้ น

3.2.1 ด้านการจัดหาแหล่งน้าใหเ้ พียงพอท้งั ปีตอ่ การทาการเกษตรของทุกครวั เรอื นที่ทาการเกษตรใน
ชมุ ชน

- มกี ารสร้างฝายชะลอน้า แตย่ ังไม่เพยี งพอ
- ยงั ไมม่ ีการสร้างธนาคารน้าใตด้ ิน
- สร้างแนวการปรับปรงุ คุณภาพนา้
3.2.2 ด้านการจดั การการหารายได้ การเงนิ และการลงทุนของครัวเรอื นและชุมชน
- มีเพียงกองทนุ หมู่บา้ นท่ีจะทาการพัฒนาหมู่บา้ น
3.2.3 การสง่ เสรมิ สขุ ภาพและการเพิม่ ผลิตผลของการทางานของครวั เรือนและชุมชน
บ้านแม่วองใช้ปุ๋ยอินทรยี ์และปุ๋ยคอกในการเกษตร

3.3 สัดสว่ นจานวนครัวเรอื นทไ่ี ม่พออยู่พอกิน
3.3.1 ด้านการจัดหาแหลง่ น้าให้เพียงพอทัง้ ปีต่อการทาการเกษตรของทุกครัวเรือนท่ีทาการเกษตรใน

ชมุ ชน
ทงั้ ๒๖ ครวั เรอื นได้รบั ผลกระทบจากการขาดแคลนนา้ เน่อื งจากทงั้ ๒๖ ครวั เรือนทาการเกษตร

3.3.2 การจดั การการหารายได้ การเงินและการลงทนุ ของครัวเรอื นและชมุ ชน
ส่วนใหญแ่ ตล่ ะครวั เรอื นไม่คอ่ ยมคี ่าใชจ้ ่าย เน่ืองจากปลกู ผกั /ผลผลติ พออย่พู อกิน

3.3.3. การสง่ เสริมสุขภาพและการเพม่ิ ผลติ ผลของการทางานของครวั เรือนและชุมชน
ทกุ ครวั เรอื นไมป่ ระสบปญั หาการไมพ่ ออยพู่ อกิน

3.4 กิจกรรมการพัฒนาทช่ี มุ ชนจะทาเองเพ่ือใหท้ กุ ชวี ติ อยดู่ มี ีสุขในปีน้ี

3.4.1 ดา้ นการจดั หาแหล่งน้าใหเ้ พยี งพอทงั้ ปี ตอ่ การทาการเกษตรของทุกครวั เรอื นทที่ าการเกษตรใน
ชมุ ชน

(1) การจัดทาฝายชะลอน้าเพิม่ เตมิ จากที่มอี ยู่
(2) จัดทาธนาคารนา้ ใตด้ นิ ซ่ึงปจั จุบันยงั ไม่มี
3.4.2 การจดั การการหารายได้ การเงนิ และการลงทุนของครัวเรอื นและชมุ ชน
(1) จะมีการรวมกล่มุ เป็นวสิ าหกจิ ชุมชน
(2) จะมกี ารรวมกลมุ่ สง่ เสรมิ การประกอบอาชีพ

๑๖๖

การเรยี นรเู้ ชิงปฏบิ ัตกิ าร (Action Learning) หลักสูตรนกั ปกครองระดับสูง (นปส.) รุ่นท่ี 76

3.4.3. การสง่ เสริมสขุ ภาพและการเพิม่ ผลิตผลของการทางานของครวั เรือนและชมุ ชน
การสง่ เสรมิ ใหท้ าป๋ยุ หมกั

3.5 บทเรียนท่ไี ด้รับในด้าน

- การบรหิ ารการพฒั นาชุมชนท้องถ่ิน

การจดั หาแหล่งนา้ ใหเ้ พียงพอทงั้ ปตี ่อการทา คณะกรรมการหมบู่ า้ นไม่มงี บประมาณ

การเกษตรของทุกครวั เรอื นทที่ าการเกษตรในชมุ ชน สนับสนนุ การพัฒนาได้

ดา้ นการจดั การการหารายได้ การเงนิ และการลงทุน พัฒนาองค์ความรดู้ ้านการผลิต และด้าน

ของครวั เรอื นและชุมชน การตลาด

ดา้ นการสง่ เสรมิ สุขภาพและการเพ่มิ ผลติ ผลของการ ต้องส่งเสรมิ การออกกาลังกายเพ่ือให้ชาวบ้าน

ทางานของครัวเรือนและชุมชน แมว่ องมสี ุขภาพพลานามัยที่แข็งแรง

- การบริหารการพฒั นาระดับตาบลและอาเภอ

การจดั หาแหล่งน้าใหเ้ พยี งพอทง้ั ปตี ่อการทา องคก์ รปกครองสว่ นทอ้ งถนิ่ ยงั ไมม่ งี บประมาณ
การเกษตรของทุกครวั เรอื นทที่ าการเกษตรในชมุ ชน ทีจ่ ะสนบั สนุนงบประมาณได้
ด้านการจดั การการหารายได้ การเงนิ และการลงทุน
ของครัวเรอื นและชุมชน ตอ้ งจัดใหม้ ีเจา้ หนา้ ทใี่ ห้เขา้ ไปสนบั สนุนพัฒนา
องคค์ วามรู้ให้ชาวบา้ นในการประกอบอาชีพ

ดา้ นการสง่ เสรมิ สุขภาพและการเพิ่มผลิตผลของการ ส่งเสริมการออกกาลังกายเพ่ือให้มีสุขภาพ

ทางานของครัวเรือนและชุมชน ร่างกายท่แี ขง็ แรง เม่อื เสร็จจากงานประจาวนั

- ประสทิ ธภิ าพและประสิทธิผลของการปฏิบตั งิ านตามนโยบายของรัฐบาล

ดา้ นการจดั หาแหล่งน้าใหเ้ พยี งพอทงั้ ปี ต่อการทา ไม่ได้รับการจัดสรรงบประมาณ เนือ่ งจาก
การเกษตรของทุกครวั เรือนทที่ าการเกษตรในชุมชน งบประมาณมจี านวนจากัด

ด้านการจัดการการหารายได้ การเงินและการลงทนุ หน่วยงานของรัฐขาดการติดตามประเมินผล
ของครวั เรอื นและชุมชน การปฏบิ ตั ิตามนโยบายท่รี ฐั กาหนดให้

ด้านการสง่ เสรมิ สขุ ภาพและการเพิม่ ผลิตผลของการ ตอ้ งจดั ใหม้ ลี านกีฬาประจาหมู่บา้ น เพื่อให้

ทางานของครวั เรือนและชุมชน ชาวหมู่บ้านแม่วองมีศูนยใ์ นการออกกาลงั กาย
ทีจ่ ะทาให้มสี ขุ ภาพที่แขง็ แรง

๑๖๗

การเรยี นรเู้ ชงิ ปฏบิ ัตกิ าร (Action Learning) หลักสูตรนกั ปกครองระดับสงู (นปส.) รนุ่ ท่ี 76

กิจกรรมกำรลงพื้นทก่ี ำรเรยี นรู้เชิงปฏิบตั ิกำร (Action Learning)

ระบบประปำหมบู่ ำ้ น
ระบบแจง้ เตือน

๑๖๘

การเรียนรเู้ ชิงปฏิบัตกิ าร (Action Learning) หลกั สตู รนักปกครองระดบั สูง (นปส.) รุ่นท่ี 76

โรงแปรรูปเมลด็ กาแฟ

ผลติ น้าดม่ื

ผลิตภณั ฑ์หมู่บา้ น

๑๖๙

การเรียนรเู้ ชิงปฏบิ ัตกิ าร (Action Learning) หลกั สูตรนักปกครองระดบั สูง (นปส.) รุ่นท่ี 76

สานักวปิ ัสสนาบา้ นแมว่ อง

สรปุ งำน/ประชมุ ปดิ งำน

๑๗๐

การเรียนรเู้ ชิงปฏบิ ัตกิ าร (Action Learning) หลักสูตรนักปกครองระดับสูง (นปส.) รุน่ ท่ี 76

อำเภอสะเมิง

๑๗๑

การเรียนร้เู ชงิ ปฏิบัตกิ าร (Action Learning) หลักสูตรนักปกครองระดับสงู (นปส.) รุ่นท่ี 76

รำยงำนกำรเรยี นรู้เชิงปฏิบัตกิ ำร (Action Learning)
บ้ำนแมต่ งุ ตงิ หมู่ท่ี 5 ตำบลแม่สำบ อำเภอสะเมงิ
จงั หวดั เชยี งใหม่

จัดทำโดย
กลุ่มปฏิบัตกิ ำรท่ี 5

นางสาวสุภัทรา ชัยเทวารณั ย์ โยธาธิการและผังเมอื งจังหวัดชลบรุ ี
นางนิศากร งิ้ววจิ ติ ร หัวหนา้ สานักงานรัฐมนตรี
กระทรวงทรัพยากรธรรมชาตแิ ละสง่ิ แวดลอ้ ม
นายชชู ีพ ธรรมเพชร หวั หน้าสานกั งานจงั หวัดปัตตานี

นายชาครินทร์ อนิ อม่ิ วรปราชญ์ นายอาเภอหลม่ สกั จงั หวดั เพชรบูรณ์

นายธรี ะพล ขนุ พานเพิง นายอาเภอเมอื งบงึ กาฬ จังหวดั บึงกาฬ

นายมูฮัมมัด ศานติภมิ ขุ ผเู้ ชี่ยวชาญเฉพาะดา้ นการข่าว

นายกจิ จา ทองแดง พัฒนาการจังหวัดพระนครศรีอยุธยา
นายทรงศักด์ิ ฉลาดพงศพ์ ันธ์ หวั หน้าสานักงานปอ้ งกันและบรรเทาสาธารณภยั จงั หวดั น่าน
นายอาชวัน อมิ่ เอบิ ธรรม ผจู้ ดั การสานักงานประปา สาขาสวุ รรณภมู ิ
นายศักดินาถ สนธศิ ักด์โิ ยธนิ ผ้ตู รวจราชการกรม สานกั งานประกันสังคม

รำยงำนนีเ้ ป็นสว่ นหนึง่ ของกำรศกึ ษำอบรมหลักสูตรนักปกครองระดับสงู (นปส.) ร่นุ ที่ 76

สถำบนั ดำรงรำชำนภุ ำพ กระทรวงมหำดไทย
พทุ ธศักรำช 2564

๑๗๒

การเรียนรูเ้ ชิงปฏิบตั ิการ (Action Learning) หลักสตู รนกั ปกครองระดบั สูง (นปส.) รนุ่ ท่ี 76

คำนำ
การจัดทารายงานการเรียนรู้เชิงปฏิบัติ (Action Learning) เป็นส่วนหนึ่งของหลักสูตรนักปกครอง
ระดบั สงู (นปส.) รุนท่ี 76 โดยกลุ่มปฏิบตั ิการท่ี 5 ลงพนื้ ที่เก็บรวบรวมข้อมูลในหมู่ท่ี ๕ ตาบลแม่สาบ อาเภอ
สะเมิง จังหวัดเชียงใหม่ ร่วมกับผู้นาและประชาชนในหมู่บ้าน รวมท้ังหน่วยงานราชการในพ้ืนท่ี จัดทา
กระบวนการเรยี นรู้ และการมีส่วนร่วมของประชาชนในชมุ ชน เพือ่ นามาวเิ คราะห์ปัญหาจากพน้ื ท่จี รงิ ไปใช้ใน
การบริหารราชการและสรา้ งมูลค่าเพมิ่ แก่ชุมชนท้องถ่นิ ให้สามารถใช้โอกาสและความสามารถในการปรับตัว
รองรับกับสถานการณท์ ีโ่ ครงสร้างเศรษฐกจิ เปลยี่ นไปเพราะเทคโนโลยีท่พี ลกิ ผนั ภาวะโลกร้อน
กลุ่มปฏิบัติการท่ี 5 หวังเป็นอย่างยิ่งว่ารายงานการเรียนร้เู ชิงปฏิบัติ (Action Learning) จะใช้เป็น
แนวทางการพัฒนาชุมชนท้องถ่ินและเป็นประโยชน์ต่อส่วนราชการต่างๆ ท่ีจะนาไปเป็นแนวทางในการ
ปฏิบตั ิงานเพอื่ ให้การสนบั สนนุ ชว่ ยเหลอื ตอ่ ไป

คณะผจู้ ัดทำ
นักศกึ ษำหลกั สตู รนกั ปกครองระดับสูง รุ่นท่ี 76

กลุ่มปฏิบตั กิ ำรท่ี 5

๑๗๓

การเรียนร้เู ชิงปฏิบตั ิการ (Action Learning) หลกั สตู รนกั ปกครองระดับสูง (นปส.) รุน่ ที่ 76

สว่ นท่ี 1
กรอบกำรเรยี นร้ดู ว้ ยกำรลงมือปฏิบัติ เพื่อเขำ้ ใจ เข้ำถงึ วถิ ีชีวิตชุมชน

1. กำรศึกษำเรยี นรู้ ภมู ิสงั คมและวิถีชีวติ ของชมุ ชนทต่ี ั้ง / อำณำเขตบำ้ นแมต่ ุงติง
ชุมชนท้องถิ่น บ้านแม่ตุงติง เป็นชุมชนท่ีมีเอกลักษณ์ มีทรัพยากรธรรมชาติท่ีเป็นฐานชีวิต มีการ

ปรับตัว สั่งสมทุนทางปัญญา ทุนทางทรัพยากรธรรมชาติ เรียนรู้การอนุรักษ์ป่า และใช้ประโยชน์จากป่า
เพื่อการจัดการภูมิสังคม โดยศึกษาประเด็นในเร่ืองประวัติความเป็นมา การต้ังถิ่นฐาน วิถีชีวิต ภูมิปัญญา
ด้งั เดมิ ลกั ษณะทางชวี ภาพและกายภาพของชมุ ชน รวมทงั้ การเปลีย่ นแปลงท่เี กดิ ขน้ึ จากแรงกดดันจากปจั จยั
ภายนอกตา่ งๆ ดงั น้ี

ทต่ี ั้ง
บ้านแม่ตุงติง ต้ังอยู่หมู่ท่ี 5 ตาบลแม่สาบ อาเภอสะเมิง จังหวัดเชียงใหม่ พิกัด 467130,
2096837 ระวางแผนที่ 4646 IV ต้ังอยู่ในเขตป่าสงวนแห่งชาติ ป่าสะเมิง สภาพหมู่บ้านเป็นบ้านถาวร
ดาเนินการจัดต้งั เปน็ หมู่บา้ นเม่ือปี พ.ศ. 2528

ประวัตคิ วำมเป็นมำหมู่บ้ำนแมต่ งุ ตงิ
บ้านแม่ตุงติงเดิมมีชื่อว่า “บ้านกิ่วปิน” คาว่า “ กิ่วปิน” มาจากคาว่า “กิ่ว” แปลว่าคอด (Narrow)
หรือคับแคบ เล็กน้อย และคาว่า “ปิน” มาจากคาว่า “มะปิน” (ภาษาท้องถิ่น) แปลว่า มะตูม เนื่องมาจาก
แต่ก่อนมีต้นมะตูมต้นใหญ่อยู่ทางสามแยกในหมู่บ้าน ปัจจุบันเปลี่ยนเป็นบ้านแม่ตุงติง ซึ่งแต่เดิมน้ันแยก
หมบู่ ้านมาจากบา้ นปางเตมิ หมทู่ ่ี 4 ตาบลแมส่ าบ อาเภอสะเมิง จังหวดั เชียงใหม่ เม่ือปี พ.ศ. 2493 รวมกับ
บ้านทุ่งยาว หมู่ท่ี 5 นาโดยนายใจ๋ ไชยสุภา ผู้ใหญ่บ้าน ซ่ึงเร่ิมแรกมีการตั้งบ้านเรือนเพียง 4 หลังคาเรือน
และอยใู่ นการปกครองของตาบลสะเมิงเหนือ แต่เน่ืองจากการติดต่อกับผู้นาหม่บู า้ นหรอื กานนั ในสมยั นน้ั ต้อง
เดนิ ทางเปน็ ระยะทางไกล ข้ามภเู ขาสลับซบั ซ้อนด้วยความยากลาบาก และในฤดูนา้ หลากก็ไม่สามารถติดตอ่ ได้
จงึ ได้ขอเปล่ียนการปกครองมาข้ึนกับตาบลแม่สาบในปี พ.ศ. 2535 โดยมีนายอดุ ม อุทธาปา เป็นผู้ใหญบ่ ้าน
คนแรก และปจั จบุ นั มีนายสมศักด์ิ วงษาแก้ว ทาหนา้ ที่ผใู้ หญ่บา้ น

ภูมิประเทศ
บ้านแม่ตุงติงมีลักษณะภูมิประเทศเป็นที่ราบเชิงเขา ความสูงอยู่ในช่วง 600 -1,000 เมตร
จากระดบั นา้ ทะเลปานกลาง มพี ืน้ ทีป่ า่ และพนื้ ที่หมู่บา้ นรวม 5,600 ไร่ แยกเป็นพ้ืนทห่ี มบู่ า้ น 150 ไร่ พนื้ ที่
ทาการเกษตรประมาณ 500 ไร่ เป็นพ้นื ทีล่ าดเชงิ เขาและคอ่ นข้างราบเหมาะสาหรบั ทาการเกษตร พนื้ ที่ปา่
อนุรักษ์ประมาณ 1,850 ไร่ พ้นื ทป่ี ่าใช้สอยประมาณ 3,100 ไร่ สภาพพ้ืนทป่ี า่ ตงั้ อยใู่ นเขตรักษาพันธ์ุสตั วป์ ่า
สะเมงิ และเขตอทุ ยานแหง่ ชาตขิ นุ ขาน และจากลักษณะภูมิประเทศดงั กลา่ วทาใหม้ ชี นดิ ปา่ ถึง 3 ประเภท คอื
ปา่ เต็งรัง ปา่ เบญจพรรณ ปา่ ดงดบิ แลง้

ประชำกร
บ้านแม่ตุงติง มีจานวนครัวเรือนทั้งส้ิน 169 คน 46 ครัวเรือน (ตามข้อมูล จปฐ.ปี 2562)
แต่ปัจจุบันอาศัยอยู่จริงท้ังหมด 48 หลังคาเรือน 169 คน เป็นชาย 79 คน เป็นหญงิ 90 คน มีวัฒนธรรม
ประเพณแี บบล้านนา ตามแบบอยา่ งของคนภาคเหนือโดยทั่วไป

ศำสนำ
ราษฎรทง้ั หมดในหม่บู า้ นนบั ถือศาสนาพทุ ธ มวี ัด 1 แหง่

๑๗๔

การเรียนรูเ้ ชงิ ปฏิบตั ิการ (Action Learning) หลักสูตรนักปกครองระดับสงู (นปส.) รุ่นท่ี 76

กำรประกอบอำชพี
ราษฎรบ้านแม่ตุงติงส่วนใหญ่ประกอบอาชีพทาการเกษตร ทานา ทาไร่ พืชที่ปลูกได้แก่ กระเทยี ม
ข้าว ถั่วแระ ถัว่ แขก ข้าวโพดหวาน และอาชพี รับจ้าง รายไดเ้ ฉลย่ี 101,400 บาท/คน/ปี

วิถีชวี ติ ควำมเป็นอยู่ กำรใช้ชีวิต กำรจัดกำรชีวิตและครอบครวั ของผู้คนแตล่ ะกลุ่ม หมู่บ้ำน ผู้คน
แต่ละระดบั ชั้นทำงเศรษฐกจิ สงั คม

บา้ นแม่ตงุ ติงมีการตงั้ ถ่นิ ฐานประมาณสามชั่วอายุคน คนส่วนใหญ่ทงั้ หมดเป็นคนภาคเหนือโดยพ้ืนเพ
จะไม่มีชาวเขาหรอื ชนเผ่าอาศัยอยู่ในหมบู่ า้ น วิถีชีวิตในหมู่บ้านในแบบประชาชนภาคเหนอื โดยท่ัวไป ภาษา
ที่ใช้จะเป็นภาษาเหนอื เป็นภาษาหลกั ในการสื่อสาร ฐานะทางเศรษฐกจิ จะมีไม่แตกต่างกันมากนักเพราะเป็น
เกษตรกรเหมือนกัน โดยสลับกันเป็นผู้รับจ้างทางการเกษตรในขณะเดียวกันก็จะเป็นนายจ้างเช่นเดียวกัน
แต่ในเพาะปลกู จะมีการจา้ งแรงงานชาวไทยใหญ่มาชว่ ยเหลือในการปลูกกระเทียม หอม

วธิ ีกำรจดั กำรทรัพยำกรธรรมชำตเิ พื่อเสริมสรำ้ งควำมอยู่ดมี ีสขุ ของผคู้ นในชุมชนและระหวำ่ ง
ชุมชน

วิธีการจัดการทรัพยากรธรรมชาติ ราษฎรบ้านแม่ตุงติงในระยะแรกน้ันดาเนินการแบบร่วมด้วย
ช่วยกันไม่มีระบบแบบแผน เพียงแต่อาศัยพื้นฐานความรัก ความสามัคคีของคนในชุมชน จนกระท่ังปี
พ.ศ. 2539 ชมุ ชนได้เข้ารับการฝึกอบรมในหลกั สตู รราษฎรอาสาสมัครพิทักษป์ า่ (รสทป.) จากการสนบั สนุน
ของกองทัพภาคท่ี 3 กอ.รมน 3. ร่วมกับ สานักงานป่าไม้เขตเชียงใหม่ โดยศูนย์ปฏิบัติการโครงการฯ สะเมงิ
กองอานวยการโครงการอนุรักษ์ฯสะเมิง ซ่ึงหลังจากได้รับการฝึกอบรมแล้ว ราษฎรบ้านแม่ตุงติงได้ จัดต้ัง
คณะกรรมการราษฎรอาสาพทิ กั ษ์ป่า (รสทป.) ข้ึน นบั ตั้งแต่น้นั เปน็ ตน้ มา จึงถือเป็นจดุ เริ่มต้นของการอนุรักษ์
ป่าไม้อย่างมีรูปแบบ และแผนการดาเนินงานที่ชัดเจน โดยน้อมนาพระราชดาริของพระบาทสมเด็จ

๑๗๕

การเรียนร้เู ชิงปฏบิ ตั ิการ (Action Learning) หลักสตู รนักปกครองระดับสูง (นปส.) รุน่ ท่ี 76

พระเจา้ อยู่หวั ในรชั กาลท่ี ๙ ท่ีเกยี่ วกบั ทฤษฎปี ลูกปา่ โดยไม่ตอ้ งปลกู คอื การปลอ่ ยให้ต้นไม้ในปา่ เจรญิ เติบโต
เองตามธรรมชาติ โดยไม่เข้าไปรบกวน ชุมชนรักษ์ป่าไม้บ้านแม่ตุงติงมีการดาเนินงานที่สอดคล้องกับ
พระราชดาริดังกล่าวในบริเวณพื้นท่ีป่าต้นน้า ที่เคยมีการเพิกถอนสิทธ์ิ สทก. แล้ว ชุมชนมีข้อตกลงร่วมกัน
อย่างจริงจงั มิให้ผูใ้ ดเข้าใดบุกรุกพื้นที่บริเวณนี้อีก เพ่ือให้ฟื้นคืนกลับมาเป็นป่าที่สมบูรณ์อกี ครัง้ บริเวณป่า
อนุรกั ษ์ หรอื ป่าต้นน้า ชุมชนมกี ฎระเบยี บเพื่อสงวน รกั ษาพื้นท่อี ยา่ งเครง่ ครดั ห้ามเคลอื่ นย้ายแม้กระทง่ั ไม้ที่
ลม้ ขอนนอนไพรออกจากปา่ โดยเดด็ ขาด เพราะจะเปน็ การทาลายสมดลุ ของระบบนิเวศ และเพอื่ ขจัดขอ้ พิพาท
การเลอื กปฏบิ ัตทิ ีจ่ ะเกิดปญั หาตามมา นอกจากนชี้ ุมชนยงั มกี จิ กรรมการลาดตระเวนพื้นที่ป่าอนรุ กั ษ์ โดยจัด
เวรยามออกตรวจตราเป็นประจาสัปดาห์ละ 2 ครัง้ การทาแนวกันไฟ ระยะทางประมาณ 4 กิโลเมตร บริเวณ
สันเขา และเขตปา่ อนรุ ักษ์ โดยเฉพาะฤดแู ลง้ กิจกรรมเหล่าน้เี ป็นการสอดส่องดูแลปา่ เฝ้าระวงั ไมใ่ หค้ นเข้าไป
บุกรุก ตัดไม้ทาลายป่า และป้องกันไฟปา่ ไม่ใหเ้ ผาทาลายพื้นที่ป่า สอดคล้องกับแนวพระราชดาริปลูกปา่ โดย
ไม่ต้องปลูก ชุมชนมีกฎระเบียบการดูแลรักษาป่า โดยสมาชิกในหมูบ่ ้านแมต่ ุงติงท้งั หมด ให้ความร่วมมือใน
การปฏิบัติตามกฎระเบียบของชุมชนอยา่ งเครง่ ครัด และพร้อมให้ความรว่ มมือในการดูแลรักษาป่า ไม่ว่าจะ
เป็นการร่วมแรงร่วมใจปลูกป่าทดแทน/ปลูกป่าชุมชน การทาแนวกันไฟ คอยสอดส่องดูแล แจ้งข่าวต่างๆ
ใหแ้ ก่ผูน้ า คณะกรรมการชมุ ชนได้ทราบ

กฎ ระเบียบกำรดแู ลรักษำปำ่ ของชุมชน

1) ทา่ นใดทีจ่ ะสร้างบา้ นเรอื นทอ่ี ย่อู าศัย จะตอ้ งแจ้งตอ่ ประธานหรอื กรรมการใหเ้ ปน็ ผพู้ ิจารณา
วา่ เห็นสมควรอนุมตั แิ ละแจ้งต่อปา่ ไม้ หรือทหารในทอ้ งทีใ่ ห้รับทราบ และมหี นงั สือรับรองจากคณะกรรมการ

2) หา้ มมใิ หผ้ ูใ้ ดเขา้ ปา่ ลา่ สัตว์ ถ้าพบเหน็ มีโทษปรบั 5,000 บาท
3) ห้ามมิให้ผู้ใดเข้าไปบุกรุกตัดไม้ทาลายป่า เพื่อทาเป็นที่ดินทากิน มีโทษปรับ 5,000 บาท
และยึดพื้นทีค่ ืน
4) ในฤดแู ลง้ องคก์ ร รสทป.จะตอ้ งรว่ มกันทาแนวกันไฟ
5) ห้ามมิใหผ้ ้ใู ดจุดไฟเผาปา่ ถา้ หากพบเหน็ การฝา่ ฝืน มโี ทษปรบั 2,000 บาท
6) ชาวบ้านคนไหนท่ีแผ้วถางไร่ ก่อนเผาจะต้องทาแนวกันไฟ และต้องแจ้งให้กรรมการ
เพือ่ ช่วยกนั เฝ้าระวงั ปอ้ งกันมใิ ห้ไฟลกุ ลาม
7) ถา้ ราษฎรครัวเรือนใดที่จะขายบา้ นเรอื นเก่า กรรมการจะเป็นผพู้ จิ ารณาในการขาย
และรเู้ หตผุ ลที่จะขายเพือ่ อะไร แลว้ จะสรา้ งตอ่ ไปทางกรรมการจะไม่อนญุ าตให้ใช้ไมใ้ นพนื้ ทมี่ าสร้าง โดยจะให้
สรา้ งบา้ นดว้ ยปูนซเี มนตเ์ ท่านน้ั
กำรเปล่ียนแปลงที่เกิดข้ึนในชุมชนอันเกิดจำกแรงกดดันจำกปจั จยั ภำยนอกท่ีสำคัญ เชน่ บทบำท
รฐั ในกำรพฒั นำชนบท
การสง่ เสรมิ การปลูกพืชเศรษฐกิจที่สร้างรายได้หลกั ใหแ้ กห่ มบู่ า้ น ได้แก่
➢ กระเทยี มพนั ธ์ุพ้นื เมือง ซึง่ เป็นพชื เศรษฐกจิ ทช่ี าวบา้ นแม่ตุงตงิ เริม่ ปลูกมาเป็นระยะเวลานานนับตั้งแต่เริ่ม
กอ่ ตัง้ หมูบ่ ้าน โดยไดผ้ ลผลติ ตอ่ ไร่ (กระเทยี มแหง้ ) 1 ไร่ : 1,500 กก.
ราคาสูงสุด ก.ก.ละ 70 บาท ตา่ สดุ ก.ก. 25 บาท
➢ ถั่วแระญี่ปุ่น ซ่ึงเกิดจากกระแสการบริโภคถ่ัวแระเพ่ือสุขภาพและมีวางจาหน่ายในห้างสรรพสินค้า
ซุปเปอร์มาร์เก็ตช้ันนา เป็นพืชระยะสน้ั ท่ีมบี รษิ ัทเข้ามาสง่ เสริมการปลูก รับซื้อ จาหน่าย ครบวงจร แต่
ชาวบา้ นยังไม่สามารถเป็นเจ้าของผลติ ภัณฑต์ ัวนไี้ ด้ เน่อื งจากไมส่ ามารถนามาขยายพันธเ์ุ องได้

๑๗๖

การเรยี นรู้เชิงปฏบิ ัตกิ าร (Action Learning) หลกั สูตรนักปกครองระดบั สูง (นปส.) ร่นุ ท่ี 76

๒. กำรเรยี นร้รู ะบบกำรบรหิ ำรจัดกำรชมุ ชน
➢ ระบบกำรบริหำรชุมชน ได้แก่ ผูน้ ำ คณะกรรมกำร ประชำชน (ผู้นำเขม้ แข็ง ชุมชนพงึ่ ตนเองได)้ มี

กำรบรหิ ำรจัดกำรชมุ ชนในรูปคณะกรรมกำรหม่บู ้ำน (กม.) แบง่ เป็นค้มุ หมวด จำนวน 5 หมวด ๆ ละ
ประมำณ 10 หลงั คำเรอื น มีหัวหนำ้ หมวดเป็นผ้ดู แู ลรับผิดชอบครัวเรอื น

รำยชอื่ คณะกรรมกำรหมูบ่ ้ำน

ท่ี ช่ือ – สกุล ตาแหนง่
๑ นายสมศกั ด์ิ วงษาแก้ว ผใู้ หญ่บา้ น / ประธาน
๒ นายมนดั กลิน่ ใจ ผชู้ ่วยผใู้ หญบ่ ้าน/ รอง ๑
๓ นายสวยลักษ์ อตุ ตะมะตงิ ผูช้ ่วยผู้ใหญบ่ า้ น/ รอง ๒
๔ นายบญุ ศรี วงษาแกว้ ส.อบต./ กรรมการ
๕ นายบุญสง่ อินตะนิ กรรมการ
๖ นายสถิต คาแสน กรรมการ
๗ นายยนู เรือนคาฟู กรรมการ
๘ นายสายญั ศรจี อมทอง กรรมการ
๙ นายตมุ้ เรอื นคาฟู กรรมการ
๑๐ นายสุบิน อนงคร์ ตั น์ กรรมการ
๑๑ นางสุธัญญา วงษาแกว้ กรรมการ
๑๒ นายศภุ วตั ร อุตตะมะติง กรรมการ
๑๓ นางศรจี นั ทร์ วงษาแกว้ กรรมการ
๑๔ นายคานวล แสนธิมา กรรมการ
15 นายศรมี า เรอื นคาฟู กรรมการ
16 นายสมศกั ดิ์ พรหมปัญญา กรรมการ

๑๗๗

การเรยี นรู้เชิงปฏบิ ตั กิ าร (Action Learning) หลักสูตรนักปกครองระดบั สูง (นปส.) รนุ่ ท่ี 76

ปรำชญ์ชำวบำ้ น

ที่ ชือ่ -สกลุ ดา้ น หมายเหตุ

๑ นายอดุ ม อุทธาปา วฒั นธรรมในหมบู่ ้าน/ชุมชน

๒ นายคานวล แสนชยั ดา้ นคาถาและยาสมนุ ไพร

๓ นายสถติ ย์ คาแสน ดา้ นตีผงึ้

๔ นายคา เจเล ยาสมุนไพร ตา่ ง ๆ

ประเพณี งานประเพณี/กจิ กรรม
เดอื น ประเพณสี งกรานต์ รดนา้ ดาหวั ผสู้ งู อายุ ผนู้ าหมบู่ ้าน
ประเพณสี ลากภตั ร
๑๓ – ๑๕ เมษายน ทกุ ปี
๑ - ๓๐ กันยายน ทกุ ปี ประเพณยี ่ีเปง็ (ลอยกระทง)
๑ - ๓๐ พฤศจิกายน ทุกปี ประเพณีเขา้ พรรษา
๑ มิถุนายน – ๓๐ กนั ยายน ทุกปี

➢ กำรบริหำรจดั กำรกลมุ่ ต่ำงๆ เพ่อื ดำเนนิ กจิ กรรมตำมวัตถปุ ระสงคข์ องกำรจดั ตงั้ กลุ่มนั้นๆ
ซงึ่ ในหม่บู ำ้ นแม่ตงุ ตงิ มีหลำกหลำยกลุ่ม ดังน้ี

กล่มุ องค์กรในหมูบ่ ้ำน

ท่ี ช่อื กลุม่ /องคก์ ร ปที ตี่ ้ัง จานวน ชอื่ ประธานกลุม่
สมาชิก
พ.ศ. ๔๔ นายอดุ ม อทุ ธาปา
80 นายสถิต คาแสน
๑ กลุ่มราษฎรอาสาพทิ กั ษป์ ่า ๒๕๓๙ ๘๗ นางบัวแก้ว โนนไทย

๒ กองทุนหมู่บา้ น 2544 ๗ นายเทียน อนิ ตานิ
๒๙ นางบัวแก้ว โนนไทย
๓ กลุม่ ทอผ้าศนู ย์ศิลปาชีพ ๒๕๔๒ 85 นายสมศกั ด์ิ พรหมปญั ญา

๔ กลมุ่ ตเี หลก็ ๒๕๔๒ ๔0 นายคานวล แสนธิมา
๔๔ นายบุญศรี วงษาแกว้
๕ กลุม่ ไมก้ วาด ๒๕๓๘ 51 นางแดง สพุ รรณ์
50 นางจนิ ดา คาแสน
๖ กองทุนปยุ๋ ยา ๒๕๔๑ ๒๒ นางบัวแก้ว โนนไทย
20 นายประกอบ โนนไทย
โครงการพระราชดาริ 60 นายศรีมา เรอื นคาฟู
๔๔ นางศรีจันทร์ วงษาแก้ว
๗ กลุ่มปศสุ ัตว์(เลย้ี งสกุ ร) ๒๕๓๕

๘ กล่มุ น้าฝน ๒๕๓๖

๙ กลุม่ ผ้ปู ลกู กระเทียม ๒๕๓๙

๑๐ อาสาสมคั รสาธารณสุขชมุ ชน (อสม.) ๒๕๐๕

๑๑ กลมุ่ หม่อนไหม ๒๕๔๘

๑๒ วิสาหกจิ ชุมชน ๒๕๕๑

๑๓ กลุ่มธนาคารขา้ ว ๒๕๔๒

๑๔ กลุ่มแม่บ้าน ๒๕๒๙

๑๗๘

การเรียนรเู้ ชิงปฏบิ ัตกิ าร (Action Learning) หลักสตู รนกั ปกครองระดบั สูง (นปส.) รุน่ ที่ 76

๓. กำรศกึ ษำเรียนร้นู โยบำยภำครัฐและผลกระทบต่อกำรพัฒนำของชมุ ชน
นโยบายการพัฒนาของรัฐบาลต่างๆท่ีส่งผลกระทบต่อประชาชนในชุมชนบ้านแม่ตุงติง มีความ

แตกต่างกัน ทั้งเป็นผลกระทบท้ังด้านบวกและด้านลบ เช่น นโยบายกองทุนหมู่บ้านมีวัตถุประสงค์หลักเพื่อ
ปล่อยสนิ เช่ือให้กบั สมาชกิ ของหมบู่ า้ น โดยแตล่ ะหมู่บ้านจะได้รับเงินทุนจานวนเทา่ กัน ทัง้ นแ้ี ต่ละหมู่บ้านต้อง
มีการจดั ระบบบรหิ ารจดั การเงินกองทุนหมนุ เวยี นในหมูบ่ า้ นกันเอง สาหรับนโยบายกองทุนหมูบ่ ้านของชุมชน
แม่ตุงติง ผลสาเร็จของการขับเคลอ่ื นกองทุนหมู่บ้านแม่ตงุ ตงิ คือ

1. สมาชกิ ได้นาเงินทนุ ไปใช้ประกอบอาชีพตรงตามวัตถุประสงคข์ องกองทนุ ฯ
2. สมาชิกนาเงินตน้ และดอกเบ้ียมาคนื ครบถว้ นไมม่ ีหนี้เสยี
3. การบริหารจัดการกองทุนหมบู่ ้านสามารถดาเนินการตามระเบียบ และสามารถใช้เงนิ ดอกเบี้ยมา
บรหิ ารจดั การด้านสาธารณประโยชน์ต่างๆ ทั้ง กจิ กรรมทางสงั คม การดูแลสวสั ดิการของคนในชุมชน

กำรวเิ ครำะหค์ วำมเส่ยี ง โอกำส จุดแข็ง จดุ อ่อนของหมบู่ ำ้ นชุมชนแมต่ งุ ตงิ (SWOT)

ผลกำรประเมนิ ระดบั กำรพัฒนำของหมูบ่ ำ้ นบำ้ นแมต่ งุ ตงิ อยู่ในระดับ พออย่พู อกนิ Sufficiency
ตามข้อมลู 5 มติ ิ ตามเป้าหมายการพฒั นาทยี่ งั่ ยนื
** เป็นหมบู่ ้านเรง่ รัดพฒั นา ระดบั 3 (มปี ญั หาน้อย) ขอ้ มลู กชช 2ค ปี 2562

สว่ นท่ี ๒

ประเด็นกำรพัฒนำทเ่ี สนอแนะ

๑๗๙

การเรียนรเู้ ชงิ ปฏบิ ัตกิ าร (Action Learning) หลักสูตรนกั ปกครองระดบั สูง (นปส.) รุน่ ท่ี 76

จากการวเิ คราะห์ต้นทุนทางทรพั ยากรธรรมชาติ ความเสี่ยง โอกาส จดุ แข็ง จดุ ออ่ น ศกั ยภาพของ
การบริหารจัดการของบา้ นแม่ตงุ ตงิ จากการลงพืน้ ที่ รวบรวมข้อเทจ็ จรงิ ประกอบกับการร่วมคดิ รว่ มเรียนรู้
กับคนในชุมชนบ้านแมต่ งุ ตงิ ตาบลแมส่ าบ อาเภอสะเมงิ จงั หวัดเชยี งใหม่ คณะผู้จัดทาได้ปรกึ ษาหารือ
ร่วมกันพจิ ารณาถงึ ความเสย่ี งของบุคคล ครอบครัวและชมุ ชน ปรากฎวา่ มี "ความเส่ยี ง" ในประเด็นต่างๆ ท่ี
น่าสนใจ ดังน้ี

๑. ควำมเส่ยี งของบุคคล ครอบครัวและชมุ ชน
ชุมชนบ้านแม่ตุงตงิ ตาบลแม่สาบ อาเภอสะเมิง จงั หวัดเชียงใหม่ เปน็ ชมุ ชนที่ทาการเกษตรกรรม
เปน็ หลกั คอื ทานา ทาสวน ปลูกกระเทียม และพืชผกั ตา่ ง ๆ สาหรับอาชพี รองคอื รบั จา้ งท่ัวไป ดงั นน้ั ความ
เสีย่ งของบคุ คล ครอบครวั และชมุ ชน จงึ เกดิ ขึ้นจากการเกษตรกรรม ซึง่ สามารถแยกความเส่ียงออกเป็น 3
ระดบั ดังนี้

1.1 ความเส่ียงของบคุ คล
(1) ราษฎรในหมบู่ า้ นส่วนใหญเ่ รม่ิ เข้าสู่วัยผสู้ งู อายุ บตุ รหลานไม่กลบั มาทาการเกษตรทีบ่ ้าน
เมือ่ สาเรจ็ การศกึ ษาในเมอื ง กจ็ ะหางานทาในเมอื งตอ่ ไป ไม่กลบั มายงั ถ่ินฐานเดมิ
(2) การใชป้ ุย๋ เคมที าใหม้ โี อกาสปนเปอื้ นเขา้ สแู่ หลง่ นา้ ธรรมชาติที่ชาวบ้านใช้ในการบริโภค
ซ่ึงจะสง่ ผลระยะยาวต่อสขุ ภาพของคนในหมู่บา้ นโดยไมร่ ู้ตวั
1.2 ความเสยี่ งของครอบครัว
(๑) การขาดแคลนแรงงานคนรุ่นใหม่และแรงงานภาคการเกษตร ทาใหม้ ีการจ้างแรงงานนอก
พ้ืนที่ สง่ ผลต่อต้นทนุ การผลติ หรอื ในกรณีทไี่ มม่ ีแรงงานรับจ้างจะไมส่ ามารถเก็บเกี่ยวผลผลติ ได้ทัน จะทาให้
ครวั เรอื นสูญเสยี รายได้
(2) ปัญหาหนีน้ อกระบบในชมุ ชนทเ่ี คยมมี ากในอดตี ซึ่งปจั จบุ นั ไดร้ บั การแก้ไขปญั หาโดย
นโยบายของรฐั โดยกองทนุ หมบู ้านและกองทนุ ต่างๆ แตย่ งั คงมีบางครัวเรอื นทีค่ งการกเู้ งินนอกระบบอยู่
1.3 ความเสย่ี งของชุมชน
(๑) ผนู้ าชมุ ชนทีเ่ ป็นคนรุ่นใหม่มีนอ้ ยสง่ ผลต่อการพฒั นาอยา่ งต่อเน่อื ง
(๒) ขาดเกษตรกรร่นุ ใหมแ่ ละแรงงานภาคเกษตร ส่งผลใหอ้ าชีพเกษตรกรรมมีแนวโนม้ ลดลง
(๓) ผลผลิตทางการเกษตรราคาผันผวก อันเน่ืองมาจากการลกั ลอบนาเขา้ กระเทยี มจาก
ประเทศเพ่อื นบ้านในราคาต่าและเป็นปรมิ าณมาก
2. ระดบั กำรพฒั นำของหมบู่ ำ้ น
จากข้อมลู ความจาเปน็ พน้ื ฐาน (จปฐ.) ประจาปี 2562 ของสานกั งานพฒั นาชุมชนอาเภอสะเมงิ
จังหวดั เชียงใหม่ พบว่า ชุมชนบ้านแม่ตงุ ตงิ ตาบลแมส่ าบ อาเภอสะเมิง จงั หวดั เชียงใหม่ ดัชนกี ารพฒั นา
อยู่ในระดับ 3 คือ ระดบั “พออยู่ พอกนิ ” ใหค้ วามสาคญั แก่ครัวเรือนที่มีการพฒั นากิจกรรมการพ่ึงตนเอง ทา
กิน ทาใช้ ลดรายจา่ ย เพมิ รายได้ และมีการออม (รายละเอยี ดใน ภาคผนวก)
3. สัดสว่ นครวั เรอื นท่ีไมพ่ ออย่พู อกิน
จากการลงพื้นทสี่ มั ภาษณ์แบบสอบถามของกลุมปฎิบตั ิการท่ี 5 ในชุมชนบ้านแม่ตุงตงิ ตาบลแม่สาบ
อาเภอสะเมิง จังหวดั เชียงใหม่ ตั้งแต่วนั ที่ 5-6 เมษายน 2564 จานวน 45 ครวั เรอื น พบวา่ มี 3 ครวั เรอื น
จาก 48 ครวั เรือน ท่ไี มพ่ ออยพู่ อกนิ
4. กจิ กรรมกำรพฒั นำทช่ี มุ ชนจะทำเองเพื่อให้ทกุ ชวี ติ อยู่ดีมีสุขในปีน้ี
ชุมชนบ้านแม่ตุงติง ตาบลแม่สาบ อาเภอสะเมิง จังหวัดเชียงใหม่ ถือได้ว่า เป็นชุมชนท่ีมีความ
เข้มแข็งเน่ืองจากมีผนู้ าทดี่ ี ชาวบ้านมีความกล้าหาญ ความสามัคคี ความตั้งใจแน่วแน่ในอดุ มการณก์ าร

๑๘๐

การเรียนรู้เชงิ ปฏบิ ตั กิ าร (Action Learning) หลกั สูตรนกั ปกครองระดบั สูง (นปส.) รุ่นที่ 76

รักษาป่า ในการดาเนินการบรหิ ารจัดการป่า การดูแลรักษาป่า ซ่ึงเป็นแหลง่ ทรัพยากรที่สาคัญของหมูบ่ า้ น
ประกอบกบั ชุมชนแห่งนี้ เป็นชุมชนเกษตรกรรมดัง้ เดิม จงึ มกี จิ กรรมการพฒั นาทช่ี มุ ชนดาเนนิ การเองเพ่ือใหม้ ี
ความเปน็ อยดู่ มี สี ขุ ท่ีต่อเนือ่ งมาทกุ ปี ดงั น้ี

(1) กิจกรรมที่เกย่ี วกับการอนุรักษ์ป่า โดยผู้นาและชาวบ้านมีการตรวจตราผูบ้ ุกรุกในพ้ืนท่ีต้นน้า มี
การบันทกึ สถานการณเ์ พ่ือหาแนวทางป้องกันแกไ้ ขและแนวทางการพัฒนาบรหิ ารจดั การนา้ ใหเ้ กิดประโยชน์
สูงสุดอยา่ งยง่ั ยืน

(2) กิจกรรมการเอาแรงเอามอื้ การ“เอามื้อ” ซงึ่ เป็นภาษาเหนอื หมายถงึ “ช่วยกันทา” ผกู ใจสามัคคี
ในการชว่ ยกนั เกบ็ ผลผลิตทางการเกษตรตา่ งๆ

(3) กิจกรรมการลดต้นทนุ ในทาการเกษตรกรรม โดยนายกองคก์ ารบริหารส่วนตาบลแมส่ าบได้
ส่งเสรมิ การผลิตปยุ๋ เพ่อื นามาใชก้ บั การเกษตรกรรม โดยการทาป๋ยุ อินทรีย์ เพ่ือลดความเสย่ี งต่อสขุ ภาพท่จี ะ
เกดิ ข้นึ จากอาหารไมป่ ลอดภัยด้วยสารเคมี

5.บทเรียนท่ีไดร้ ับในด้ำนกำรพัฒนำชมุ ชนทอ้ งถิ่น ระดบั ตำบลและอำเภอ และประสทิ ธิภำพและ
ประสทิ ธิผลของกำรปฏิบัติงำนตำมนโยบำยของรฐั บำล

สรุปและข้อเสนอแนะ จากการเรียนรู้จากประสบการณ์จริงในพ้ืนท่ี (Action Learning) ของชุมชน
บ้านแม่ตุงติง ตาบลแม่สาบ อาเภอสะเมงิ จังหวัดเชียงใหม่ ถือได้ว่าเป็นโครงการท่มี ีประสทิ ธิภาพและเกิด
ประสิทธิผลตาม แนวนโยบายของรฐั บาล แต่การดาเนินการยังมีปัญหาอุปสรรคอยบู่ ้างท่สี ่วนราชการจะต้อง
เข้าไปสนับสนนุ ชว่ ยแกไ้ ขปญั หาอปุ สรรค เพ่ือให้โครงการไดเ้ กิดผลสมั ฤทธ์ติ ามวัตถปุ ระสงค์ โดยพบบทเรยี นท่ี
ดเี พือ่ เป็นตวั อยา่ งต่อชุมชนอน่ื ๆ ดังน้ี

1. การบรหิ ารจดั การชมุ ชนท้องถน่ิ
- ชุมชนท้องถิ่นมีควำมเข้มแข็ง เนื่องจำกมีผู้นำที่เข้มแข็ง และควำมสมัครสมำนสำมัคคีของ

รำษฎร
บ้านแมต่ งุ ติง จนสามารถเร่ิมกอ่ ตั้งหมูบ่ า้ นแม่ตุงตงิ หมูท่ ่ี 5 ข้ึนในปี พ.ศ.2535

- มีคณะกรรมการหมู่บา้ นเปน็ กลไกในการบรหิ ารชมุ ชนและมกี ารแบง่ หน้าท่คี วามรบั ผดิ ชอบในการ
ดูแลหมู่บ้านอย่างชัดเจน เช่น ในปี 2539 กองทัพภาคที่ 3 กอ.รมน.3 ร่วมกับสานักงานปา่ ไมเ้ ขตเชียงใหม่
ได้เขา้ มาฝกึ อบรมใหก้ ับราษฎรและไดจ้ ดั ต้ังคณะกรรมการราษฎรอาสาพิทกั ษป์ า่ (รสทป.) ขน้ึ นบั ต้งั แต่นั้นเป็น
ต้นมา จงึ ถอื เป็นจุดเร่มิ ตน้ ของการอนุรกั ษป์ ่าไมอ้ ย่างมีรูปแบบ และแผนการดาเนนิ การทีช่ ัดเจน ซึง่ ตอ่ มาได้มี
การจดั ต้ังคณะกรรมการกลุ่มรกั ษ์ปา่ ไม้บ้านแมต่ ุงตงิ ขึน้ มาเพอื่ ดูแลรกั ษาป่าของบา้ นแมต่ ุงติง

- ประชาชนในหมู่บ้านใหค้ วามรว่ มมือในการพัฒนาหม่บู า้ นมาโดยตลอดทัง้ ในดา้ นเศรษฐกจิ สงั คม
สิ่งแวดลอ้ ม และทรัพยากรธรรมชาติ โดยเฉพาะการมสี ่วนร่วมในการดแู ลรกั ษาพนื้ ปา่ จนสามารถชักจูงใจให้
ชุมชนข้างเคียงหันมาร่วมมือกันในการอนุรักษ์ป่า หลายหมู่บ้านนาบ้านแม่ตุงติงไปเป็นแบบอย่าง ในการ
ดาเนินการบริหารจัดการป่า การดูแลรักษาป่า แม้กระท่ังชุมชนที่เคยมีความขัดแย้งกับบ้านแม่ตุงติงในอดตี
ก็ตระหนักถึงความสาคัญของการอนุรักษ์ป่าไม้ หันมาเป็นมิตรให้ความร่วมมอื ในการรกั ษาป่าด้วยดตี ลอดมา
ซึ่งปจั จบุ นั ป่าต้นน้าแม่ตงุ ตงิ เปน็ ป่าตน้ น้าชัน้ 1 A

2. การบรหิ ารการพัฒนาระดับตาบลและอาเภอ
- เนอ่ื งจาก นายพัฒนพงษ์ ไชยสภุ า เป็นราษฎรท่ีอาศยั อยู่ในหมู่บา้ นแม่ตงุ ตงิ และได้รับการ
เลือกต้ังให้เป็นนายกองค์การบริหารส่วนตาบลแม่สาบอย่างต่อเน่ืองมาเป็นเวลายาวนาน ต้ังแต่มีการก่อต้ัง
องค์การบริหารส่วนตาบล ทาให้รู้ถึงสภาพความเป็นอยู่ ปัญหาอุปสรรคของราษฎรในหมู่บ้าน ข้อมูลต่างๆ
รวมถงึ แนวทางในการพฒั นาหมูบ่ า้ นเป็นอยา่ งดี ทาให้หมบู่ า้ นแม่ตงุ ตงิ ได้รับการพัฒนามาอยา่ งต่อเนื่อง

๑๘๑

การเรยี นรู้เชงิ ปฏบิ ตั กิ าร (Action Learning) หลักสตู รนักปกครองระดับสงู (นปส.) รนุ่ ท่ี 76

- ด้วยความสามัคคแี ละการยดื หยัดในอุดมการณ์ในการอนุรกั ษท์ รัพยากรป่าไมข้ องราษฎร
บ้านแม่ตุงติง ทาให้สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ ได้ทรงเลง็ เหน็ ถึงความตัง้ ใจ และอุดมการณ์
ของราษฎรในหมู่บ้านแม่ตุงติง ทรงพระราชทานอ่างเก็บน้าให้แก่ราษฎรในพื้นที่เพื่อใช้ในการทาการเกษตร
และต่อมาทรงพระราชทานฟาร์มตัวอย่าง ให้ชาวบ้านไดฝ้ กึ อาชีพเปน็ การเพิ่มรายได้ให้กับราษฎรในพ้ืนที่ ทา
ให้ส่วนราชการต่าง ๆ ทุกภาคส่วนทั้งในระดับตาบล อาเภอและจงั หวัด ได้เข้ามาสนับสนุนกิจกรรมโครงการ
พัฒนาต่าง ๆ ในหมูบ่ า้ น เชน่ โครงการประปาภเู ขา เพือ่ การใชน้ ้าในการอปุ โภค บรโิ ภค ของราษฎรในพืน้ ท่ี

3. ประสทิ ธิภาพ และประสิทธิผลในการปฏบิ ตั ติ ามนโยบายรฐั บาล
- โครงการตามนโยบายท่สี าคญั ไดแ้ ก่ การดาเนินงานกองทนุ หมูบ่ า้ น (กองทนุ เงนิ ล้าน) หมู่บา้ น
แม่ตุงติงเริ่มดาเนินงานโครงการดงั กล่าวเม่ือปี พ.ศ.2544 โดยจัดตั้งเป็นนิติบุคคล มีราษฎรทุกครัวเรือนใน
หมู่บ้านแม่ตุงติงสมคั รเป็นสมาชิกกองทนุ ซ่ึงปัจจุบันมีเงินทุน 2,500,000 บาท สามารถบริหารจัดการได้
บรรลุผลสาเร็จตามวัตถุประสงค์ของทุน โดยนาเงินกองทุนไปใช้สร้างอาชีพ สร้างรายได้ และ สามารถนา
ดอกเบ้ียของกองทุนมาดูแลในเรื่องด้านสาธารณประโยชน์ให้กับราษฎรในชุมชน เช่น สวัสดิการชุมชน,
ผู้ดอ้ ยโอกาส, ทนุ การศึกษา และดา้ นอ่ืนๆ อกี มากมาย

สว่ นท่ี 2
ประเดน็ กำรพฒั นำชมุ ชน

กลุ่มปฎิบัติการท่ี 5 ได้วิเคราะห์ต้นทุนทางทรพั ยากรธรรมชาติ ความเสี่ยง โอกาส จุดแข็ง จุดอ่อน
ศกั ยภาพของการบริหารจัดการของบ้านแมต่ งุ ติง จากการลงพ้นื ที่ รวบรวมข้อเทจ็ จรงิ ประกอบกับการร่วม
คดิ ร่วมเรยี นรูก้ ับคนในชมุ ชนบา้ นแม่ตงุ ติง ในการแกป้ ญั หาต่าง ๆ ทเี่ กิดข้นึ จงึ ขอเสนอประเด็นใจการพัฒนา
2 ประเด็น คือ การจัดให้มีน้าสะอาดสาหรับด่ืมและใช้ในครัวเรือนที่ทุกครัวเรือนสามารถได้รับในราคาหรือ
ค่าใช้จ่ายที่ถูกลงกว่าเดิม และการปรับกระบวนการผลิตการเกษตรเพื่อเพ่มิ คุณค่าทางเศรษฐกิจ สังคม และ
สิ่งแวดลอ้ ม ใน 2 ประเด็น ดงั นี้

ประเด็นที่ 1 กำรจัดให้มีน้ำสะอำดสำหรับด่ืมและใชใ้ นครัวเรือนท่ีทุกครัวเรือนสำมำรถได้รับใน
รำคำหรือคำ่ ใช้จ่ำยท่ถี กู ลงกว่ำเดมิ

ชุมชนบ้านแม่ตุงติง มีตาน้าผุด อยู่ห่างจากหมู่บ้านขึ้นไปทางทิศเหนือประมาณ 4 กิโลเมตร
แตค่ ณุ ภาพน้าเพ่อื การบริโภคไม่ไดม้ าตรฐาน

๑๘๒

การเรยี นรเู้ ชิงปฏิบตั กิ าร (Action Learning) หลักสตู รนกั ปกครองระดับสูง (นปส.) รุน่ ที่ 76

ประเด็นการพัฒนาท่ีเสนอแนะสาหรับการจัดให้มีน้าสะอาดสาหรับด่ืมและใช้ในครัวเรือนที่ทุก
ครัวเรอื นสามารถได้รบั ในราคาหรอื คา่ ใช้จ่ายที่ถกู ลงกว่าเดมิ เพื่อให้ไดม้ าตรฐาน

คณะรัฐมนตรไี ด้มีมติเม่ือวันที่ 30 มีนาคม ๒564 เห็นชอบการเสนอโครงการพัฒนาและเสริมสรา้ ง
ความเข้มแข็งของเศรษฐกิจฐานราก วงเงิน 45,000 ล้านบาท สาหรับโครงการพัฒนาและเสริมสรา้ งความ
เข้มแข็งของเศรษฐกจิ ฐานราก เป็นโครงการท่ีรฐั บาลได้กาหนดข้ึนเพอื่ ตอบโจทย์ความต้องการของประชาชน
ในระดับพ้ืนท่ีท่ีมีโอกาสและศักยภาพท่ีแตกต่างกันโดยคานึงถึงการมีส่วนร่วมจากประชาชนใ น
พื้นที่ ขณะเดียวกันก็ให้ความสาคัญกับความมีประสทิ ธิภาพและความโปรง่ ใสในการใช้จ่ายงบประมาณ โดย
เป็นลักษณะโครงการท่ีจะเข้าร่วมนั้นจะต้องเป็นโครงการท่ีมีวัตถุประสงค์เพื่อสร้างงาน สร้างอาชีพ เป็น
แผนงานฟ้ืนฟูเศรษฐกิจท้องถ่ินและชุมชนดาเนินโครงการหรือกิจกรรมเพ่ือสร้างงาน สร้างอาชีพ โดยการ
ส่งเสริมตลาดสาหรับผลผลิต และผลิตภัณฑ์ของธุรกิจชุมชนท่ีเชื่อมโยงกับการท่องเท่ียว หรือภาคบริการ
อน่ื ยกระดบั ประสิทธิภาพและสร้างมูลคา่ เพิ่มดา้ นการเกษตร สง่ เสรมิ และพัฒนาทกั ษะฝีมอื แรงงาน ต้องเป็น
โ ค ร ง ก า ร ที่ พั ฒ น า โ ค ร ง ส ร้ า ง พื้ น ฐ า น เ พื่ อ ร อ ง รั บ ก า ร ฟื้ น ตั ว แ ล ะ พั ฒ น า กิ จ ก ร ร ม ท า ง เ ศ ร ษ ฐ กิ จ ข อ ง
ชุมชน โดยเฉพาะอย่างยิ่งทุกโครงการหรือกิจกรรมที่เสนอจะต้องเป็นโครงการที่มาจากความต้องการของ
พื้นท่ี และผ่านกระบวนการมีส่วนร่วมของประชาชน รวมทั้งพิจารณาใช้ข้อมูลระบบบริหารจดั การข้อมูลการ
พฒั นาคนแบบชี้เป้า มาประกอบการจัดทาโครงการ ดงั น้นั โครงการปรบั ปรุงคุณภาพการน้าจดั ให้มีน้าสะอาด
สาหรับดื่มและใช้ในครัวเรือนท่ีทุกครัวเรือน ในการแก้ปัญหาในเรื่องนี้ กลุ่มปฏิบัติการกลุ่มท่ี 5 เสนอการ
ติดตั้งสมาร์ทเพียว คอมแพค ระบบปรับปรุงคุณภาพน้าตามบัญชีนวัตกรรมไทย เลขที่ 01020004
(ปรบั ปรุงซอ่ มแซมระบบประปาเดิม) ประกอบดว้ ย กระบวนการเตมิ สารเคมอี ยา่ งแมน่ ยาดว้ ยปัม๊ จา่ ยสาร การ
กวนเร็วด้วยเครื่องผสมสารละลายเชงิ กล การเติมอากาศด้วยหัวฉีดสูญญากาศแบบเวนจรู ่ี การกวนชา้ ในห้อง
กวนเพ่ือการตกตะกอนในขั้นแรก การแยกอนุภาค ตะกอนหนกั ด้วยน้าหมนุ แบบไซโคลน การบังคับทิศทางการ
ตกตะกอนด้วยกรวยคว่าด้านลา่ ง และการกรองผ่านชนั ไส้กรอง แบบไหลขึ้น ง่ายต่อการติดตั้งและบารุงรักษา
โดยมีกาลังการผลิต 4 ลูกบาศก์เมตรต่อชั่วโมง ใช้พื้นที่ในการติดต้ัง 1.65 x 5.20 เมตร ระบบปรับปรุง
คุณภาพน้าสมารท์ เพียวคอมแพค็ ได้รบั การออกแบบและพฒั นามาเป็นพเิ ศษเพอ่ื แก้ไขพ้ืนท่ีที่ ระบบประปามี
ปญั หาหรือไม่สามารถใช้การได้ โดยสามารถใช้งานรว่ มกบั อปุ กรณ์ หรือระบบเก่าทม่ี อี ยู่ เช่น ถงั เกบ็ น้าหอถงั สงู
ได้ และสามารถใช้งานไดท้ ้ังน้าผิวดิน และน้าบาดาลในระบบเดียวกัน

๑๘๓

การเรยี นรู้เชงิ ปฏบิ ตั ิการ (Action Learning) หลกั สตู รนกั ปกครองระดบั สงู (นปส.) รุ่นท่ี 76

๑๘๔

การเรยี นรู้เชิงปฏิบตั ิการ (Action Learning) หลกั สตู รนักปกครองระดับสงู (นปส.) รุน่ ที่ 76

ประเดน็ ท่ี 2 กำรปรบั กระบวนกำรผลติ กำรเกษตรเพ่ือเพิ่มคุณค่ำทำงเศรษฐกจิ สังคม และ
สิง่ แวดล้อม

สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิต์ิ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง ได้เสด็จเยี่ยมราษฎร
บ้านแม่ตุงตงิ ตาบลแม่สาบ อาเภอสะเมิง จังหวัดเชียงใหม่ บริเวณป่าต้นนา้ ของหมบู่ า้ น เม่ือวันที่ 5 มีนาคม
2540 ทรงเหน็ วา่ ราษฎรมีความตัง้ ใจในการอนรุ ักษ์ทรพั ยากรป่าไมเ้ ปน็ อยา่ งดแี ตย่ ังมีความยากจน เน่ืองจาก
มีอาชีพทาการเกษตรได้ช่ัวระยะเวลาสนั้ ๆ มีอาชีพเสริมทาไมก้ วาดขายเพียงเท่านน้ั พระองค์จงึ พระราชทาน
โครงการฟารม์ ตัวอย่างให้ โดยไดข้ อซ้อื ทดี่ นิ ทเ่ี ปน็ ทเี่ ส่ือมโทรมจากสว่ นทีเ่ ก่ยี วขอ้ งบรเิ วณบ้านแม่ตุงติง หมู่ที่ 5
ตาบลแมส่ าบ อาเภอสะเมิง จงั หวดั เชียงใหม่ มาทาฟาร์มตัวอยา่ งเพอื่ ให้ชาวบ้านเข้าทางานและเรยี นรู้การทา
เกษตรทีถ่ ูกต้องเหมาะสมกับพน้ื ที่ โดยฟาร์มตัวอย่างได้ดาเนินงานในลักษณะของศูนย์สาธิต และสง่ เสริมการ
เกษตรกรรมตา่ งๆ ทัง้ น้ี ในพน้ื ทบ่ี ้านแมต่ ุงติงปลูกพืชต่างๆ ไดแ้ ก่ กระเทยี ม ขา้ ว ถัว่ แระ ถวั่ แขก ข้าวโพด
หวาน เป็นต้น แต่ต้นทุนการผลิตสูง ท้ังเรื่องแรงงานพม่าราคาสูง ราคาปุ๋ยและราคายาฆ่าแมลงท่ีมรี าคาสงู
และราคาสนิ ค้าเกษตรผันผวนท่ีเกดิ จากการลกั ลอบนาเข้ามาจากเพอื่ นบ้าน

ในการแกป้ ญั หาในทงั้ 2 เร่อื ง กลมุ่ ปฏิบัตกิ ารกลุ่มที่ 5 เสนอแนวทางในการแก้ปญั หาใน 2 ระดับ คือ
ระดับเชิงนโยบายและเชงิ ปฏบิ ัติ ดังนี้

1.เชิงนโยบาย รัฐบาลควรจะควบคุมการนาเข้ากระเทียมจากต่างประเทศ ส่งเสริมการใช้
เทคโนโลยีการเกษตรเพ่ือลดการพึ่งพาแรงงานคน และปรับปรงุ กฎหมาย/ระเบียบ ที่เป็นอุปสรรคต่อการใช้
ประโยชน์จากทดี่ ินทากิน ซ่ึงท่ีผ่านมามาตรการลดต้นทุนและเพิม่ โอกาสในการแข่งขันสินค้าเกษตรเป็นหน่งึ
ในมาตรการสาคัญ ท่ีขณะนี้เห็นผลเป็นรูปธรรมค่อนข้างชัดเจนเพราะมีการลดต้นทุนเกิดขึ้นแล้ว ตามที่
กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ได้ประกาศให้ปี 2559 เป็นปีแห่งการลดต้นทุนการผลิตภาคเกษตรและเพิ่ม
โอกาสในการแข่งขันโดยมีการกาหนดมาตรการหลายด้านมาสนับสนุน โดยเฉพาะการต้ังคณะกรรมการ
ขบั เคลอื่ นนโยบายกระทรวงเกษตรและสหกรณ์แบบเบด็ เสรจ็ เพ่อื เปน็ กลไกในการบรู ณาการขับเคลอื่ นนโยบาย
ไปสู่การปฏิบัติในพ้ืนที่และขับเคลื่อนมาตรการหลักๆมีอยู่ 6 เร่ือง ได้แก่ การลดต้นทุนและเพ่ิมโอกาสการ
แข่งขันสินค้าเกษตร การบริหารจัดการพื้นท่ีเกษตรกรรม (โซนนิ่ง) ระบบส่งเสรมิ การเกษตรแบบแปลงใหญ่
เกษตรอินทรีย์ ศูนยเ์ รียนร้กู ารเพ่ิมประสิทธิภาพการผลิตสินคา้ เกษตร และธนาคารสินค้าเกษตร แตน่ โยบายนี้
ยังไม่มาถงึ หมู่บา้ นแห่งน้ี การแกไ้ ขปญั หาราคากระเทียมตกต่า คือ จิตสานกึ ของฝ่ายความมั่นคงตามชอ่ งทาง
ธรรมชาติ ปล่อยให้ลักลอบเข้ามา ช่วยชดเชยราคากระเทียม ให้ได้ 35บาทต่อกิโลกรัม ชะลอการนาเข้า
กระเทียมในช่วงกระเทียมของไทยผลิตออกมาในช่วงเดือนเมษายนถงึ กันยายนของทุกปี ตรวจตราการลกั ลอบ
การนาเข้ากระเทยี มจากต่างประเทศ พ่อคา้ คนกลาง กดราคากระเทียม ส่งเสริมการแปรรปู เชน่ กระเทียมดา
กระเทียมผง นา้ กระเทียม และคุณภาพดนิ ของพ้นื ที่บ้านตุงติง ไม่สามารถสู้คณุ ภาพดินของศรีสะเกษได้

2. เชิงปฏิบัติ ส่วนราชการส่วนภูมิภาคและส่วนท้องถิ่น ควรส่งเสริมการมีส่วนร่วมของประชาชน
ในการอนรุ ักษ์ แหลง่ ตน้ น้า และใช้ประโยชนจ์ ากป่าอย่างเหมาะสม สง่ เสริมมาตรการลดรายจ่าย ต้นทุนการ
ผลิต วิถีชีวิต เศรษฐกิจพอเพียง ได้แก่ การทาปุ๋ยหมัก ปุ๋ยอินทรีย์ น้ายาสมุนไพรป้องกันศัตรูพืช แปรรูป
ผลผลติ กระเทียมเพ่อื เพ่ิมมลู ค่า และปรับปรุงคณุ ภาพพนั ธกุ์ ระเทยี มให้ได้รสชาตทิ ี่ดีขึน้

๑๘๕

การเรียนรู้เชงิ ปฏบิ ตั กิ าร (Action Learning) หลกั สูตรนกั ปกครองระดับสงู (นปส.) ร่นุ ที่ 76

รายงานการเรยี นรู้เชิงปฏิบตั กิ าร (Action Learning)
หมบู่ ้านโป่งกวาว หมทู่ ี่ ๓ ตาบลสะเมิงเหนือ อาเภอสะเมงิ

จงั หวดั เชยี งใหม่

จัดทาโดย
กลมุ่ ปฏบิ ัติการที่ (กป.๗)

นางรฐั ยา อาจหาญ เผยพร นายอาเภอลาดหลมุ แกว้ จงั หวดั ปทมุ ธานี
นางอรุณี เตง็ สวุ รรณ พัฒนาสงั คมและความม่นั คงของมนุษย์จงั หวดั นครสวรรค์
นายสันชยั พัฒนะวชิ ัย หัวหนา้ สานักงานจังหวัดสมทุ รสงคราม
นายสมบรู ณ์ เต็มชน่ื นายอาเภอเขาชยั สน จงั หวดั พทั ลงุ
นายพยงุ เหล็กดี นายอาเภออบุ ลรัตน์ จังหวัดขอนแกน่
นายธรี ศกั ด์ิ ลขิ ติ นายอาเภอพรานกระต่าย จงั หวดั กาแพงเพชร
นายวิจารณ์ เหลา่ ธรรมย่ิงยง ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดยโสธร
นายถกนธ์ ข่ายสวุ รรณ โยธาธิการและผังเมอื งจงั หวดั พะเยา
นายชายชาญ เตโชทนิ กร ผอู้ านวยการสานกั งานทรัพยากรธรรมชาตแิ ละสง่ิ แวดลอ้ ม
จงั หวดั ชลบรุ ี
เรอื เอก ดุลพินิจ ณ นครพนม สรรพสามิตพ้ืนทน่ี ครพนม

รายงานนเี้ ป็นส่วนหน่ึงของการศกึ ษาอบรมหลกั สตู รนกั ปกครองระดับสงู (นปส.) รุ่นที่ ๗๖
สถาบนั ดารงราชานภุ าพ กระทรวงมหาดไทย
พุทธศักราช ๒๕๖๔

๑๘๖

การเรียนรู้เชิงปฏิบัตกิ าร (Action Learning) หลักสตู รนกั ปกครองระดับสูง (นปส.) รุน่ ที่ 76

คานา
รายงานการเรียนร้เู ชิงปฏบิ ัติการ (Action Learning) ช่ือหม่บู ้าน หมบู่ ้านโป่งกวาว หมทู่ ่ี ๓ ตาบลสะ
เมิงเหนือ อาเภอสะเมิง จังหวัดเชียงใหม่ เป็นส่วนหนึ่งของการศึกษาอบรมหลักสูตรนักปกครอง
ระดับสูง (นปส.) รุ่นที่ ๗๖ สถาบันดารงราชานุภาพ กระทรวงมหาดไทย ดาเนินการโดยกลุ่มปฏบิ ตั ิการที่
(กป.) ๗ โดยเปน็ การศกึ ษาเรียนรู้เพ่ือเขา้ ใจ เขา้ ถงึ วิถีชีวิตชุมชน โดยการศึกษาเรียนรภู้ ูมิสังคมและวิถีชีวิตของ
ชุมชน การศึกษาเรียนรู้ระบบบริหารจัดการชุมชน การศึกษาเรียนรู้นโยบายภาครัฐและผลกระทบต่อการ
พัฒนาของชุมชน เพอ่ื คน้ หา บทเรียนท่ไี ดจ้ ากการพัฒนาชมุ ชน จากโครงการนโยบายของรัฐบาลในด้านต่างๆ
ทั้งนี้ คณะผู้ศึกษา จะได้นาเสนอเป็นบทเรียนสาคัญ ที่ได้จากการลงพนื้ ท่ีศึกษาเรยี นรู้ สาหรับเปน็ แนวทาง
ใหก้ ับหนว่ ยงานภาครัฐ หรอื ชมุ ชนตา่ งๆ นาไปใช้ประโยชนใ์ นการพัฒนาชุมชนในพื้นที่ตา่ งๆ ตอ่ ไป

คณะผูจ้ ัดทา
นกั ศกึ ษาหลักสตู รนกั ปกครองระดบั สงู รุ่นท่ี ๗๖

กลมุ่ ปฏิบตั ิการที่ (กป.) ๗

๑๘๗

การเรยี นรเู้ ชงิ ปฏบิ ัตกิ าร (Action Learning) หลักสตู รนกั ปกครองระดบั สูง (นปส.) รุ่นที่ 76

รายงานการเรยี นรู้เชงิ ปฏิบัตกิ าร (Action Learning)
ช่ือหมูบ่ า้ น หมู่บา้ นโป่งกวาว หมู่ที่ ๓ ตาบลสะเมิงเหนือ อาเภอสะเมงิ จงั หวัดเชยี งใหม่

สว่ นท่ี ๑ กรอบการเรยี นรู้ดว้ ยการลงมอื ปฏิบตั ิ เพือ่ เข้าใจ เขา้ ถงึ วถิ ีชมุ ชน
การศกึ ษาเรียนรู้ หม่บู า้ นโปง่ กวาว หมูท่ ี่ ๓ ตาบลสะเมงิ เหนอื อาเภอสะเมงิ จงั หวดั เชียงใหม่
๑. การศึกษาเรยี นร้ภู ูมิสงั คมและวถิ ีชวี ิตของชุมชน
จากการลงพน้ื ที่ศกึ ษาเรียนรภู้ ูมิสงั คม พบว่า บ้านโปง่ กวาว มอี ายุมา กวา่ ๓๐๐ ปี มีเรื่องเลา่ แตเ่ ดมิ มา

กล่าวขานว่า ได้มีต้นทองกวาว ต้นหนึ่ง มีขนาดใหญ่พอสมควร ขึ้นสูงตระหง่าน สร้างความร่มเย็น ตรงทิศ
ตะวันออก ของหมู่บ้าน และตน้ ทองกวาวต้นนี้ แตกกิ่งก้านสาขามากมาย เปน็ ท่พี กั อาศัยของคนและสตั ว์ และ
บริเวณใกล้กบั ตน้ ทองกวาว ได้มบี รเิ วณตน้ โป่ง ดนิ โปง่ และมนี า้ รอ้ นออกมาจากบริเวณดินโป่ง ดังนั้น เม่ือมี
การจัดตั้งหมู่บ้าน ชาวบ้านจึงนาคาของชื่อทั้งสองอย่าง มารวมกันว่า “บ้านโป่งกวาว” ใช้เรียกขานมา
ตราบจนทกุ วนั นี้

พื้นท่ีในหมู่บา้ นมีประมาณ ๒๐,๐๐๐ ไร่ ลักษณะท่ัวไปเป็นภูเขาสลับท่ีราบบางส่วน คล้ายหุบเขา พื้นท่ี
ราบ เป็นพื้นที่อยู่อาศัย พื้นท่ีทากินและทาการเกษตร พ้ืนท่ีภูเขามีสภาพเป็นป่า โดยแบ่งเป็นพ้ืนท่ีอยู่อาศัย
๑๔๓ ไร่ พืน้ ที่ทากิน ๕๐๔ ไร่ ทีด่ นิ เพื่อการเกษตร ๖๔๒ ไร่ พื้นที่ป่าอนรุ ักษ์ ๕,๐๐๐ ไร่ นอกเหนือจากนนั้ จะ
เปน็ เขตป่าชุมชนและปา่ สงวนแห่งชาติ ทศิ เหนอื ติดกับตาบลป่าแป๋ อาเภอแม่แตง ทิศใตต้ ิดบ้านป่าลาน หมู่ท่ี
๔ ตาบลสะเมิงเหนือ อาเภอสะเมิง ทิศตะวันออกติดบ้านพระบาทสี่รอย ตาบลสะลวง อาเภอแม่ริม ทิศ
ตะวันตกติดกบั บ้านแม่แพะ หมทู่ ี่ ๒ ตาบลสะเมิงเหนอื อาเภอสะเมงิ บ้านโปง่ กวาว มีแหลง่ น้าธรรมชาติสาคัญ
คอื ลานา้ แมส่ ะเมิง ลาน้าห้วยไคร่ ห้วยโป่งหนอ้ ย คลองแมป่ าน และมกี ารสรา้ งเป็นอา่ งเก็บนา้ แมป่ าน

ประชากรในหมู่บ้านมีประมาณ ๒๒๐ ครัวเรือน จานวนประชากรประมาณ ๕๔๐ คน ส่วนใหญ่
มอี าชพี หลักคือ การเกษตร โดยมพี ืชหลกั ทป่ี ลูก ได้แก่ ขา้ วเหนยี ว ถ่วั ลสิ ง เบบบี้ รอ็ คโคล่ี โดยข้าเหนียว ส่วน
ใหญ่ปลูกเพื่อกินเองในบ้านเป็นหลัก บางคนใช้ขา้ วเหนียวจ่ายเป็นค่าเช่าทีด่ ิน ส่วนพืชตัวอื่นๆ จะเป็นพืช
เศรษฐกิจของหมู่บ้าน ท่ีปลูกส่วนใหญ่ระหว่างทานา คือ ถ่ัวลิสง และ เบบีบ้ รอ็ คโคลี่ โดยเป็นพืชท่ีปลกู เพอื่
จาหน่าย ทารายได้ให้แก่คนในหมู่บ้าน นอกจากนี้ มีประชากรบางส่วน ปลูกพืชประเภทอ่ืน อาทิเช่น อ้อย
ข้าวโพด มะเขือม่วงก้านเขียว พริกแดง เป็นต้น ซี่งเป็นพืชที่ปลูกเพื่อจาหน่ายเช่นกัน แต่ไม่ได้เป็นพืช
หลักของประชาชนในหมู่บ้าน ส่วนอาชีพอื่นๆ ของประชาชนในหมู่บ้าน ได้แก่ อาชีพรับจ้าง ทาประมง
ค้าขาย ทาโฮมสเตย์ เพ่อื การท่องเทย่ี ว เป็นตน้

๑๘๘

การเรยี นรเู้ ชิงปฏิบตั กิ าร (Action Learning) หลกั สูตรนักปกครองระดบั สูง (นปส.) รุ่นท่ี 76

ในเร่ืองวิถีชีวิตของชุมชน จากการลงพื้นท่ีศึกษาเรียนรู้ พบว่า ประชาชนในพ้ืนที่หมู่บ้านโป่งกวาว
ดารงชีวติ แบบเรียบง่าย ภายใตห้ ลักการวิถีเศรษฐกิจพอเพียง ตามพระราชดาริ พระบาทสมเดจ็ พระปรมินทร
มหาภูมิพลอดุลยเดช ส่วนใหญ่มวี ิถีชวี ิตแบบพออยู่พอกนิ ทามาหากินแบบพ่ึงตนเองได้ โดยหมู่บ้านเคยได้รบั
รางวัลสมเด็จพระเทพรัตนราชสดุ าฯ สยามบรมราชกมุ ารี หมู่บ้านเศรษฐกิจพอเพียง อยู่เย็นเปน็ สขุ ประจาปี
๒๕๕๖ และได้รับรางวัลหมู่บ้านเศรษฐกจิ พอเพยี งเพอ่ื การทอ่ งเท่ยี วต้นแบบ เมือ่ ปี ๒๕๕๗

๒. การศึกษาเรียนรู้ระบบบริหารจัดการชุมชน
จากการลงพ้ืนท่ีศกึ ษาเรยี นรรู้ ะบบบรหิ ารจดั การชุมชน หม่บู า้ นโป่งกวาว มีผนู้ าชมุ ชนทีม่ ีความสาคญั
มีความสามารถ เป็นที่ยอมรับจากระชาชนในพ้ืนที่ คือ ผู้ใหญ่บ้าน นายสง่า กะธิโต และมีการบรหิ ารจดั การ
หมู่บ้านภายใต้ คณะกรรมการหมู่บ้าน ซึ่งมีตัวแทนจากหลายๆ ภาคส่วน ได้แก่ ผู้ใหญ่บ้าน ผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้าน
สมาชิกสภาองค์การบริหารส่วนตาบล ประธานกลุ่มสตรีหมู่บ้านโป่งกวาว ประธานกลุ่มสตรีอาเภอสะเมิง
อาสาสมัครสาธารณสุขประจาหมู่บ้าน ตัวแทนกลุ่มอาชีพต่างๆ เป็นต้น โดยการทางานของคณะกรรมการ
หมู่บ้าน มีผลงานเชิงประจักษ์ในหลายๆ ด้าน เช่น การพัฒนาระบบประปาหมู่บ้านจากภูเขา เป็นต้น ซึ่ง
คณะกรรมการหมู่บ้าน เคยได้รับรางวลั ชนะเลิศระดับจังหวัด ตามโครงการประกวดผลงานของ
คณะกรรมการหมูบ่ ้าน (กม.) ในหมู่บ้านที่มีผลปฏิบัติงานของคณะกรรมการหมู่บ้าน (กม.) ดีเด่น (A) ระดับ
อาเภอและระดับจงั หวัด ประจาปงี บประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๖ โดยอธิบดีกรมการปกครอง นายชวน ศิรินันทพ์ ร
เป็นผู้มอบให้
นอกจากนี้แล้ว ประชาชนในหมู่บ้าน ยังมีการรวมกลุ่มบุคคลท่ีมีความสาคัญต่อกลไกการพัฒนา
หมู่บ้าน คือ ปราชญ์ชาวบา้ น และผู้ถือภูมิปัญญาท้องถ่ิน ประจาบ้านโปง่ กวาว ซ่ึงมีหลากหลายสาขาดว้ ยกัน
ประกอบด้วย ผ้มู คี วามสามารถดา้ น หมอตาแย สมุนไพรพ้นื เมอื ง หมอขวัญ ช่างทาบายศรี ช่างแกะสลัก ชา่ ง
จักรสาร ดนตรพี นื้ เมือง หมอนวดแผนไทย เปน็ ต้น
ในส่วนของการรวมกลมุ่ ต่างๆ ภายในหมู่บ้านโป่งกวาว จะพบเห็นในรูปสหกรณ์ และกลุ่มวิสาหกิจ
ชุมชน ส้ินค้าในรูปแบบต่างๆ อาทิ กลุ่มออมทรัพย์ กลุ่มนวดแผนไทย กลุ่มแม่บ้าน กลุม่ นา้ พรกิ ตาแดง
กลุ่มจ้ินส้ม กลุ่มปลานิลแดดเดียว กลุ่มน้าอ้อยโบราณ กลุ่มแคบหมูโบราณ กลุ่มลูกประคบสมุนไพร กลุ่ม
เฟอร์นเิ จอร์ไม้ กลมุ่ จักรสาร กลุ่มแกะสลกั กลมุ่ ดนตรีพืน้ บา้ น เป็นตน้
ภายใต้รูปแบบการบริหารจัดการชุมชน บ้านโป่งกวาว ดังกล่าว คณะผู้ศึกษาได้ลงพ้ืนท่ีและพบเป็น
ความเข้มแข็งของชุมชน บ้านโป่งกวาว กล่าวคือ ในวันที่ ๖ เมษายน ๒๕๖๔ ซึ่งตรงกับวันจักรี หมู่บ้านโป่ง
กวาวได้จัดกิจกรรม รวมพลังหมู่บ้านขึ้นเพื่อจัดการแก้ไขปัญหาระบบประปาหมู่บ้าน ซึ่งคณะผู้ศึกษา

๑๘๙

การเรยี นรู้เชิงปฏิบัตกิ าร (Action Learning) หลักสตู รนกั ปกครองระดับสูง (นปส.) รุ่นที่ 76

พบวา่ ในวันดงั กล่าว มีประชาชนในหมบู่ า้ นโป่งกวาว กว่า ๑๕๐ คน มาเขา้ รว่ มกจิ กรรม เพอ่ื ช่วยเหลอื หมบู่ า้ น
ในการจัดการระบบประปาหม่บู ้าน โดยต่างเดินทางมารว่ มกจิ กรรดว้ ยตนเอง ดว้ ยการขบั ขม่ี อรเ์ ตอร์ไซดม์ าจาก
บ้านของแต่ละคน ซึ่งมีกิจกรรมท่ีทาร่วมกันที่หลากหลาย ได้แก่ การล้าง ทาความสะอาดบ่อเก็บน้า การ
ซ่อมแซม การผุพังและรว่ั ของท่อประปา และทาความสะอาดระบบทอ่ ประปา ท่ีอุดตันจากหินปนู และสสาร
แร่ธาตุ ต่างๆ การทาความสะอาดถนนในหมู่บ้าน เป็นต้น ซึ่งจากภาพที่คณะผู้ศึกษาได้พบเห็นแล้ว จึง
สามารถกล่าวได้ว่า ชุมชนหมู่บ้านโป่งกวาว มีการบรหิ ารจดั การชมุ ชน ที่มีความเข้มแขง็ โดยการมีสว่ นร่วม
ของประชาชนในพืน้ ที่

๓. การศึกษาเรียนรู้นโยบายภาครัฐและผลกระทบตอ่ การพัฒนาของชมุ ชน
จากการลงพื้นที่ศึกษาเรียนรู้นโยบายภาครฐั และผลกระทบต่อการพฒั นาของชุมชน พบว่า ภายใน
หมู่บ้านโป่งกวาว ไม่ปรากฏว่า มีโครงการตามนโยบายภาครัฐในโครงการขนาดใหญล่ งมาในพื้นท่ีแต่อยา่ งใด
โดยในช่วงประมาณปี ๒๕๕๖ โครงการตามนโยบายภาครัฐทล่ี งสพู่ ื้นท่ีบ้านโป่งกวาว จะเป็นการส่งเสริมการ
พัฒนาอาชีพ การส่งเสริมผลิตภัณฑ์ชุมชน และส่งเสริมการรวมกลุ่มอาชีพ ซง่ึ ดาเนนิ การโดยกรมการพฒั นา
ชุมชน โดยได้มีการร่วมกลุ่มอาชีพในพ้ืนท่ีได้แก่ กลุ่มน้าพริกตาแดง กลุ่มจิ้นส้ม กลุ่มปลานิลแดดเดียว กลุ่ม
น้าอ้อยโบราณ กลุ่มแคบหมโู บราณ กลุ่มลูกประคบสมนุ ไพร กลุ่มเฟอรน์ ิเจอรไ์ ม้ กลุ่มจักรสาร กลุ่มแกะสลกั
เปน็ ต้น ซงึ่ โครงการดงั กลา่ ว ได้ชว่ ยใหป้ ระชาชนในหมบู่ า้ นโปง่ กวาว สามารถนาผลผลติ ในพนื้ ที่ มารวมตัวเปน็
กลุ่มเพื่อปรบั ปรุงพฒั นาผลผลิต ในรูปของการแปรรูปเป็นสินคา้ เพ่ือออกจาหนา่ ย เพิม่ รายได้ใหแ้ กป่ ระชาชน
ในพน้ื ทบ่ี า้ นโป่งกวาว ซึง่ คณะผูศ้ กึ ษา ได้สอบถามถงึ ผลของโครงการดงั กลา่ ว ทส่ี ง่ ผลตอ่ การพฒั นาชมุ ชนบา้ น
โป่งกวาว ทราบว่า ในชว่ งแรกของโครงการ ถือไดว้ า่ ประสบความสาเรจ็ เปน็ อย่างดี มกี ารรวมกล่มุ อาชีพภายใน
หมู่บ้านจากสาขาต่างๆ ซึ่งส่งผลให้ ประชาชนในหมู่บ้าน กินดีอยู่ดีเพิ่มมากข้ึน มีรายได้เพิ่มมากขึ้น แต่เม่ือ
เวลาผ่านไป โครงการดังกลา่ ว ไม่ได้รับการสนับสนุนเพ่มิ เติม และบางกลุ่มกไ็ ดห้ ายจากไปแล้ว อาทเิ ช่น กลุ่ม
แคบหมโู บราณ กลุ่มลกู ประคบสมทุ นไพร กลุ่มเฟอรน์ ิเจอร์ไม้ กลุ่มจักรสาร กลมุ่ แกะสลัก เป็นต้น
โครงการตามนโยบายภาครฐั ท่ลี งสพู่ นื้ ท่ีบา้ นโปง่ กวาวลา่ สุด จะเปน็ โครงการ หมูบ่ า้ นท่องเท่ียวชุมชน
OTOP นวัตวิถี บ้านโป่งกวาว เข้ามาดาเนินการในพื้นที่ตั้งแต่ปี ๒๕๖๑ เป็นต้นมา ซึ่งดาเนินการโดย
กรมการพัฒนาชุมชน โดยมุ่งเข้ามาดูแลเรื่องการท่องเที่ยวในหมู่บ้านโปง่ กวาว เป็นการเชิญชวนให้
บุคคลภายนอกเข้ามาท่องเท่ียว และสนับสนุนซ้ือสินค้าผลิตภัณฑ์ของชุมชน โดยหมู่บา้ นโป่งกวาว มีสถานท่ี
ท่องเที่ยวสาคัญ ประกอบดว้ ย น้าพุร้อนโป่งกวาว เป็นบ่อน้าแร่ ที่เปิดให้ประชาชนเข้าใช้บรกิ าร อาบน้าร้อน
อาบน้าแร่ อุโบสถวัดต้นตัน เป็นอุโบสถที่มีอายุมากกว่า ๓๐๐ ปี เป็นสถาปัตยกรรมลา้ นนา ก่อสรา้ งแบบเขา้ ลม่ิ

๑๙๐

การเรียนรู้เชงิ ปฏิบตั กิ าร (Action Learning) หลกั สตู รนักปกครองระดับสูง (นปส.) รนุ่ ที่ 76

ตามรอยต่อตา่ งๆ เรียกวา่ ไม่ไดใ้ ช้ตะปหู รือน็อตแตอ่ ยา่ งใด น้าตกนาดง เป็นนา้ ตกธรรมชาติทสี่ วยงาม อยู่ใกลก้ บั
บ่อน้าพุรอ้ น และ จดุ ชมวิวมอ่ นผาจว๋ ง หา่ งจากตวั หมู่บ้านประมาณ ๓ กิโลเมตร ช่วงฤดหู นาวจะมองเหน็ ทะเล
หมอก ๓๖๐ องศา นอกจากน้ี ประชาชนในพ้ืนที่ ยังได้รับการสนับสนุนให้มีการจัดทาบ้านพักบริการ
นกั ทอ่ งเท่ียวในรูปแบบ บ้านพกั โฮมเสตย์ ซ่ึงคณะผู้ศึกษา ได้สอบถามถึงผลของโครงการดังกลา่ ว ที่ส่งผลต่อ
การพัฒนาชุมชนบ้านโป่งกวาว ทราบว่า โครงการ หมู่บ้านท่องเที่ยวชุมชน OTOP นวัตวิถี บ้านโป่งกวาว
ดังกล่าว ชว่ ยให้ ประชาชนในหมบู่ า้ น มีรายไดเ้ พ่มิ มากขึ้น จากนักทอ่ งเท่ียว ท้ัง รายได้จากการเข้ารับบริการ
การทอ่ งเท่ียว รายได้จากท่ีพกั โฮมเสตย์ และรายไดจ้ ากการจาหนา่ ยผลิตภณั ฑช์ ุมชน เปน็ ต้น แต่ก็อาจกลา่ วได้
ว่า โครงการดังกลา่ วนี้ ยงั ไมส่ ามารถนาไปสู่การพัฒนาชุมชนอย่างยั้งยืนได้ โดยเฉพาะ ในห่วงปที ีผ่ า่ นมา เมอื่
เกดิ การระบาดของโรคติดเชอ้ื ไวรัสโคโรนา ๒๐๑๙ (COVID 19) สง่ ผลใหไ้ ม่มีนักท่องเที่ยวเข้ามาในหมู่บ้านโปง่
กวาว ทาให้รายได้ในส่วนนีข้ าดหายไป จนกระท่ังถึงทกุ วันนี้

โครงการตามนโยบายภาครัฐอื่นๆ ที่เข้ามาในพ้นื ที่ อาทิเช่น โครงการสนับสนนุ จาก องค์การบริหาร
ส่วนตาบลสะเมิงเหนือ อาทิเช่น การก่อสร้าง ซ่อมแซม เส้นทางคมนาคม ถนน ซอย และการสนับสนุนท่อ
พลาสติกประปาของหมู่บา้ น ถังเก็บน้า จากโครงการยกระดับศักยภาพหมู่บ้าน ของกรมการปกครอง
โครงการร้านค้าชุมชน จากกองทุนหมู่บ้านฯ เป็นต้น ซึ่งในแต่ละปี มีเข้ามาในหมู่บ้าน ปีล่ะ ๑ ถึง ๒
โครงการ ก็ไม่ได้เป็นโครงการท่ีส่งผลกระทบต่อการพัฒนาชุมชนหมู่บ้านโป่งกวาวแบบย่งั ยนื แตป่ ระการใด

นอกจากนี้แล้ว คณะผศู้ กึ ษา ได้สอบถามถงึ โครงการตามนโยบายภาครัฐ ในห่วงท่ีเกดิ การระบาดของ
โรคติดเช้ือไวรัสโคโรนา ๒๐๑๙ (COVID 19) อาทิเช่น เราชนะ คนละครง่ึ เป็นตน้ ประชาชนในหมู่บ้าน ตอบ
รับต่อนโยบายดังกล่าวหรือไม่ อย่างไร ซ่ึงพบว่า ประชาชนในหมู่บ้าน แทบไม่ได้เข้าร่วมโครงการดังกล่าว
เลย เน่ืองจาก ไม่มีร้านค้าใด ภายในหมู่บ้านเข้าร่วมโครงการ หากจะใช้จา่ ยเงินในโครงการ จะต้องเดินทาง
ไปในตัวอาเภอสะเมงิ ซ่งึ หา่ งจากหมู่บ้านออกไปไกลถึง ๓๐ กโิ ลเมตร ไม่คมุ้ กบั การเดินทาง ประกอบกบั การ
ใช้ชีวิตแบบวิถีเรียบง่ายของประชาชนในหมู่บ้านโป่งกวาว ซ่ึงแทบจะไม่มีใครใช้ Internet จึงไม่ได้เข้าร่วม
โครงการตามนโยบายภาครัฐ ในหว่ งทีเ่ กดิ การระบาดของโรคตดิ เชื้อไวรสั โคโรนา ๒๐๑๙ (COVID19) แต่อยา่ งใด

๑๙๑

การเรยี นรเู้ ชิงปฏิบัติการ (Action Learning) หลกั สูตรนกั ปกครองระดับสูง (นปส.) รุ่นที่ 76

สว่ นที่ ๒ ประเด็นการพฒั นาของชุมชน
๑. ความเส่ียงท่ีจะไม่มีชวี ิตที่มัน่ คงของบคุ คล ครอบครวั และชุมชน
คณะผู้ศึกษาได้ลงพื้นที่ศึกษาเรียนรู้ พบปะพูดคุย กับประชาชนในชุมชน ทราบถึง ปัญหา ทีเ่ ปน็

ความเส่ียงท่ีจะไม่มีชีวิตที่มั่นคงของบุคคล ครอบครัว และชุมชน คือ ปัญหาเร่ืองน้า ทั้งในเรื่อง การอุปโภค
บริโภค และการเกษตร

จากการลงศกึ ษาเรียนรู้ในพน้ื ที่ บา้ นโป่งกวาว ในเรือ่ งนา้ จะพบปัญหาใน ๒ ด้านสาคญั ดังน้ี
๑.๑ ระบบประปาหมูบ่ ้าน หม่บู า้ นโปง่ กวาว มกี ารกอ่ สร้างการประปา ด้วยหมู่บ้านเอง ประชาชนใน
หมบู่ า้ นร่วมแรงรว่ มใจ สร้างระบบประปา โดยได้รับการสนบั สนนุ จากองค์การบริหารส่วนตาบลสะเมิงเหนือ
ในส่วน วัสดุ อุปกรณ์ เช่น ท่อประปาพลาสติก ข้อต่อ กาวประปา เป็นต้น โดยเป็นระบบประปาภูเขา มี
การสารวจแหล่งน้าสะอาดบนภูเขา แล้วตอ่ ท่อลงส่หู มู่บา้ น แล้วต่อเขา้ ไปในแตล่ ะครวั เรอื น การดาเนนิ การทกุ
อย่างดาเนินการโดยประชาชนในพืน้ ท่ีหมูบ่ ้านโปง่ กวาว ร่วมแรงร่วมใจกัน สรา้ งระบบประปาดังกล่าวขนึ้ มา
เพื่อใช้อุปโภค บริโภค ภายในหมู่บ้าน โดยเม่ือต่อเข้าไปยังครัวเรือน จะมีการจัดเก็บค่าใช้น้า เพื่อเป็น
ค่าใช้จ่ายในการบารุงซ่อมแซมระบบประปาดังกล่าว มีคณะกรรมการหม่บู ้านเปน็ ผู้บริหารโครงการท้ังหมด
ปัญหาท่ีเกิดจากการดาเนินโครงการประปาในลักษณะดังกล่าว เป็นปัญหาที่เกิดกับ สุขภาพ และ
ความปลอดภัยของประชาชนในพื้นที่บา้ นโป่งกวาว กล่าวคือ ระบบประปาภูเขาดังกลา่ ว ไม่มีระบบกรองน้า
ทาความสะอาดน้า แต่อย่างใด เป็นเพียงการนาน้าสะอาดจากบนภูเขาลงมาใช้ในครวั เรือนทันที น้าที่นา
ลงมาในระบบประปา จงึ มี สสาร สง่ิ เจือปน มากบั น้า อาทิ หนิ ปนู ดนิ แร่ ต่างๆ เปน็ ตน้ ทาใหป้ ระชาชน ใช้นา้
ดังกลา่ วในการอุปโภคได้เพยี งอยา่ งเดยี ว ไม่สามารถนาน้าดงั กลา่ วใช้ในการบรโิ ภคได้ เพราะอาจจะเกิดปญั หา
ต่อสุขภาพ ร่างกาย ได้ ซึ่งในปัจจุบัน การบริโภคน้าของประชาชนในพื้นท่ีบ้านโปง่ กวาว ต้องซ้ือน้าเพื่อการ
บรโิ ภคเทา่ น้ัน ไมม่ ีแหล่งนา้ อื่นใดสามารถนามาใช้ในการบรโิ ภคได้
จากปัญหาดังกล่าว เม่ือคณะผู้ศึกษา ได้สอบถามความต้องการของประชาชนในหมู่บ้านโป่งกวาว
ทราบว่า มีความต้องการระบบประปาท่ีมีมาตรฐาน หรือระบบกรองน้าท่ีได้มาตรฐาน หรือเคร่ืองกรองน้า
ครัวเรือน เพ่ือสามารถสนับสนุนน้าสะอาดสาหรับการอุปโภค และบริโภค ให้แก่ประชาชนในพื้นที่บ้านโป่ง
กวาวได้
คณะผู้ศึกษา ได้เสนอประเด็นการพัฒนาท่ีเสนอแนะให้แก่ชุมชน บ้านโป่วกวาว คือ การจัดให้มีน้า
สะอาดสาหรับดื่มและใช้ในครัวเรือนทุกครัวเรือน โดยให้ชุมชนบ้านโป่งกวาว ประสาน กรมทรัพยากร
น้าบาดาล เข้าสารวจและดาเนินโครงการเจาะบอ่ นา้ บาดาลมาใช้เปน็ ระบบประปาน้าบาดาลสาหรับหมู่บา้ น

๑๙๒

การเรยี นรู้เชงิ ปฏิบตั ิการ (Action Learning) หลักสูตรนกั ปกครองระดับสูง (นปส.) รนุ่ ท่ี 76

โป่งกวาว ซ่ึงนา้ บาดาล มีความสะอาดพอที่จะนาไปบริโภคได้ ซง่ึ โครงการดงั กลา่ ว น่าจะมีคา่ ใชจ้ ่ายท่ีนอ้ ยกว่า
ระบบประปาภูเขา ที่มีค่าใช้จ่ายสูงจากการเดินท่อประปาระยะทางไกล (บ้านโป่งกวาวเดินทอ่ ประมาณ ๑๐
กิโลเมตร) เพราะสามารถดาเนินโครงการได้ในพืน้ ทีห่ มูบ่ ้าน ไม่ต้องเสยี ค่าใช้จา่ ยในอปุ กรณ์ ท่อประปา ซึ่งจะ
ส่งผลให้ ค่าใชจ้ ่ายของประชาชนในการใช้นา้ ประปาถกู ลงดว้ ยเช่นกัน

๑.๒ น้าเพื่อการเกษตร หม่บู ้านโป่งกวาว มีการใชน้ ้าเพ่ือการเกษตร จากแหลง่ น้าธรรมชาติ ได้แก่ ลา
น้าแม่สะเมิง ลาน้าแม่ปาน ห้วยไคร่ ห้วยโป่งหน้อย อ่างเก็บน้าแม่ปาน และ ระบบเหมือง ฝาย แต่ยังไม่มี
ระบบชลประทาน คลองชลประทานในพื้นท่ีแต่อย่างใด ทาให้ ในฤดูแล้ง ประชาชนในพื้นท่ี ท่ีมีอาชพี หลกั
คือการทาเกษตร ทานา ทาสวน ทาไร่ ขาดแคลนน้าเพอื่ การเกษตรอย่างมาก อ่างเก็บนา้ แมป่ าน ถูกสร้างขน้ึ
เพ่ือสนับสนุนการเกษตรให้แก่ประชาชนใน บ้านป่าลาน หมู่ท่ี ๔ ตาบลสะเมิงเหนือ อาเภอสะเมิง จังหวัด
เชียงใหม่ เป็นหลัก บ้านโป่งกวาว สามารถนาน้าจากอ่างเก็บน้าแม่ปานมาใช้ได้เพียง ร้อยละ ๓๐ ของความ
จุอ่างเก็บน้า ดังนั้น ประชาชนในพ้ืนที่หมู่บ้านโป่งกวาว จึงขาดแคลนน้าเพือ่ การเกษตร ในฤดูแลง้ เป็นอยา่ ง
มาก

จากปัญหาดังกล่าว เม่ือคณะผู้ศึกษา ได้สอบถามความต้องการของประชาชนในหมู่บ้านโป่งกวาว
ทราบว่า มีความต้องการให้ทางราชการดาเนินโครงการก่อสร้างอ่างเก็บน้า ลาน้าสะเมิง ซง่ึ จะชว่ ย
ให้ประชาชนในพ้ืนที่บ้านโป่งกวาว มีน้าเพื่อการเกษตรใช้ได้ตลอดท้ังปี ซ่ึงเป็นโครงการที่จะต้องใช้เงิน
งบประมาณจานวนมาก ประมาณการว่าต้องใช้งบประมาณในการดาเนินการกว่า ๕๐ ล้านบาท

คณะผู้ศึกษา ได้เสนอประเด็นการพฒั นาท่ีเสนอแนะให้แก่ชุมชน บ้านโป่วกวาว คือ การจัดหาแหลง่
น้าให้เพยี งพอท้ังปีต่อการทาการเกษตรของทกุ ครวั เรอื นท่ที าเกษตรในชมุ ชน ทงั้ น้ี จะเหน็ ไดว้ า่ บ้านโป่งกวาว
มีแหล่งน้าทางธรรมชาติหลากหลายเส้นทาง สามารถพัฒนาแหล่งนา้ ดังกล่าว ใหส้ ามารถกกั เก็บนา้ ไวใ้ ช้
ในการเกษตรได้มากขึ้น โดยการสร้างฝายเกบ็ น้าเพิม่ มากข้ึนตามลาน้าตา่ งๆ สรา้ งแก้มลงิ สาหรับกักเก็บน้าไว้
ใช้ในการเกษตร หรือการขุดเจาะบ่อน้าบาดาล สาหรับการเกษตร ซึ่งเป็นกิจกรรมโครงการ ท่ีดาเนินการได้
งา่ ยกว่าการก่อสร้างอ่างเกบ็ นา้ และสามารถดาเนินการได้ทนั ที ไมต่ ้องรอ งบประมาณ หรือการสนับสนนุ จาก
หนว่ ยงานภาครฐั แต่อยา่ งใด

จะเห็นได้ว่า ปัญหาเรื่อง น้า เป็นความเสี่ยงที่จะไม่มีชีวิตที่ม่ันคงของบุคคล ครอบครัว และชุมชน
ของบา้ นโป่งกวาว ทง้ั ในเรื่อง การประปาสาหรบั การอปุ โภค และบริโภค และระบบนา้ เพือ่ การเกษตร ซง่ึ คณะ
ผู้ศึกษาได้เสนอประเด็นการพัฒนาทีเ่ สนอแนะใหแ้ ก่ชมุ ชน บ้านโป่วกวาว ทั้ง ๒ ประเดน็ ดังกล่าวแล้ว คณะผู้
ศกึ ษาขอเสนอประเดน็ การพัฒนาทเี่ สนอแนะให้แก่ชมุ ชน บา้ นโปว่ กวาว อกี ๑ ประเดน็ คือ การนาเทคโนโลยี

๑๙๓

การเรียนรเู้ ชงิ ปฏิบตั ิการ (Action Learning) หลักสตู รนักปกครองระดับสูง (นปส.) รุ่นท่ี 76

สมัยใหมม่ าใชใ้ นการจัดการแบ่งปนั และการใชน้ า้ อย่างคมุ้ คา่ และคุม้ ทนุ ในพนื้ ท่ี กลา่ วคือ หากหมู่บ้านโปง่ กวาว
ศึกษา และนาระบบสารสนเทศทางภูมิศาสตร์ (geographic information system) หรือ GIS มาใช้ในการ
ตรวจสอบผใู้ ช้นา้ ในพ้นื ท่ีหม่บู ้านโป่งกวาว ซึ่งจะช่วยให้สามารถพิจารณาจัดสรรนา้ ใหก้ ับทกุ ครวั เรอื นไดอ้ ย่างมี
ประสิทธิภาพ โดยสามารถขอรับการสนับสนุนจากสานักงานสถิติจังหวัด นอกจากน้ี ระบบสารสนเทศทาง
ภมู ศิ าสตร์ จะชว่ ยในเรอ่ื งของการบริหารจดั การระบบประปา ลดค่าใช้จา่ ยในกระบวนงานจดั การระบบประปา
ซงึ่ จะทาให้ชมุ ชนหมู่บา้ นโป่งกวาว มีการพฒั นามากข้ึน และมีศักยภาพในการพัฒนาทเี่ พิม่ ขึ้นด้วย เทคโนโลยี
อีกสมัยใหม่อีกหนึ่งตัวที่น่าสนใจและสามารถนามาใช้ในการดาเนินการจัดหาแหล่งน้าเพมิ่ เติม ทั้งน้าสาหรบั
การอุปโภค บรโิ ภค และนา้ เพ่อื การเกษตร คอื การสูบนา้ บาดาลดว้ ยพลงั งานแสงอาทิตย์ โดยมหี น่วยงานทีใ่ ห้
การสนับสนุนคอื กรมทรัพยากรนา้ บาดาล ผา่ นสานกั งานทรพั ยากรน้าบาดาลจังหวดั ซึง่ จะเป็นการลดต้นทุน
ในการจัดหาน้า โดยใชพ้ ลงั งานแสงอาทติ ยแ์ ทนการใช้พลงั งานจากเชอื้ เพลงิ ตา่ งๆ ในการสูบนา้ บาดาลข้ึนมาใช้

๒. ระดับการพฒั นาของหม่บู ้าน
คณะผศู้ ึกษา ไดล้ งพนื้ ท่ีศกึ ษาเรยี นรู้ชมุ ชน บา้ นโป่งกวาว พบว่า บ้านโปง่ กวาว มีระดับการพฒั นาอยู่
ในระดับ “พออยู่พอกิน” (Sufficiency) โดยพจิ ารณาจาก ๕ มิตกิ ารพัฒนา (UN’s SDGs) มาประเมิน ดังน้ี
๒.๑ no poverty ขจัดความยากจน กล่าวคือ ชุมชนหมู่บ้านโปรง่ กวาว มีวิถีชีวิตตามหลักเศรษฐกิจ
พอเพยี ง ทกุ ครวั เรอื นประกอบอาชีพท่ดี ี สามารถเลีย้ งดูคนในครอบครัวตัวเองไดอ้ ยา่ งดี พร้อมท่จี ะชว่ ยเหลือ
ซง่ึ กันและกนั จึงอาจกลา่ วไดว้ ่า เป็นชุมชนทีป่ ราศจากความยากจนในพ้นื ท่ี
๒.๒ zero hunger ยุติความหิวโหย กล่าวคือ ชุมชนหมู่บ้านโปร่งกวาว มีความมั่นคงด้านอาหาร
ประชาชนส่วนใหญ่มีอาชีพเกษตรกรรม ทุกครัวเรือนเกษตรกรรมจะมีการปลูกข้าว ปลกู ผักสวนครัว ไว้กิน
เอง นอกเวลาปลูกข้าว จะปลูกพืชเศรษฐกิจอื่นๆ เพื่อหารายได้ จึงอาจกล่าวได้ว่า ชุมชนบ้านโปง่ กวาวปรา
ศจากความหวิ โหย
๒.๓ decent work and economic growth การจ้างงานท่ีมีคุณค่าและการเติบโตทางเศรษฐกิจ
กล่าวคือ ชุมชนหมู่บ้านโปร่งกวาว ประชาชนมีงานที่เหมาะสมกับพื้นท่ี และตัวบุคคลในชุมชนเอง กล่าวคอื
สว่ นใหญ่ประกอบอาชพี เกษตรกรรม มคี วามเหมาะสมอยา่ งย่ิงกบั พืน้ ทชี่ ุมชนบ้านโป่งกวาว แต่ในสว่ นของการ
เติบโตทางเศรษฐกิจ อาจกล่าวได้ว่า ชุมชนบ้านโปง่ กวาว มีวิถีชีวิตตามหลักเศรษฐกิจพอเพียง ไม่ต้องการผล
จากการเติบโตทางเศรษฐกจิ แตอ่ ยา่ งใด

๑๙๔

การเรียนรเู้ ชงิ ปฏบิ ตั กิ าร (Action Learning) หลักสูตรนักปกครองระดบั สงู (นปส.) รุ่นท่ี 76

๒.๔ good health well-being มีสุขภาพและความเป็นอยู่ท่ีดี กล่าวคือ ชุมชนหมู่บ้านโปร่งกวาว
ประชาชนส่วนใหญ่มสี ขุ ภาพที่ดี จากการสอบถาม ในพื้นที่ไม่ปรากฏโรคระบาดรุนแรงแต่อย่างใด ปัญหา
ดา้ นสุขภาพท่พี บมีเพยี งอยา่ งเดยี ว คือฝุน่ ควนั จากไฟปา่ ซง่ึ เกิดขึน้ เปน็ ประจาทุกปี

๒.๕ clean water and sanitation น้าสะอาดและระบบประปาท่ีดี กล่าวคือ ชุมชนหมู่บ้านโปร่ง
กวาว น้าสะอาดและระบบประปา ยังคงเป็นปัญหาสาคัญของชุมชน ปัจจุบันใช้ระบบประปาภูเขา น้าท่ีได้
ใช้ไดเ้ พยี งการอปุ โภค ไม่เหมาะแกก่ ารบริโภคแตอ่ ยา่ งใด ระบบประปาภูเขาดังกล่าว ก็มไิ ด้เป็นระบบประปาที่
ได้มาตรฐานแต่อยา่ งใด

เมื่อพิจารณาจาก ๕ มิติการพัฒนา (UN’s SDGs) ดังกล่าว แล้ว จะพบว่า ชุมชนบ้านโปง่ กวาว
มี no poverty, zero hunger แต่ยังประสบปัญหาในบางส่วนใน decent work and economic growth,
good health well-being และประสบปัญหาอย่างมากใน clean water and sanitation จึงกล่าวได้ว่า
ชุมชนบ้านโปง่ กวาว มีศักยภาพการพฒั นาอยใู่ นระดับ “พออยพู่ อกิน” (Sufficiency)

๓. สดั ส่วนจานวนครวั เรือนท่ไี มพ่ ออยู่พอกิน
คณะผศู้ กึ ษา ไดล้ งพืน้ ทศ่ี ึกษาเรยี นร้ชู ุมชน บา้ นโปง่ กวาว ไม่พบว่า มคี รวั เรอื นท่ไี มพ่ ออยูพ่ อกนิ ในพื้นท่ี
บา้ นโป่งกวาว แต่อย่างใด
๔. กิจกรรมพัฒนาท่ีชมุ ชนจะทาเองเพ่อื ให้ทกุ ชีวติ อย่ดู ีมีสุขในปีนี้
คณะผู้ศึกษา ได้ลงพื้นท่ีศึกษาเรียนรู้ชุมชน บ้านโป่งกวาว พบว่า ชุมชนมองถึงปัญหาสาคัญของ
หมู่บ้าน คือ ปัญหาเร่ืองน้า ทั้งในเร่ืองความสะอาด และน้าเพ่ือการเกษตร ส่ิงท่ีชุมชนมีความตอ้ งการในการ
แก้ไขปัญหาเรื่องน้า เป็นเร่ืองใหญ่ที่เกินกาลังความสามารถของชุมชนเองในการดาเนินการ ได้แก่ ความ
ต้องการในระบบประปาสะอาด ระบบกรองน้า หรือการสนับสนุนเครื่องกรองน้า สาหรับการอุปโภคและ
บริโภค และอ่างเก็บน้าแม่สะเมิง เพื่อการเกษตร ดังน้ัน กิจกรรมที่ชุมชนจะดาเนินการเองโดยประชาชนใน
ชุมชน เกีย่ วกับการจดั การปัญหาเรือ่ งนา้ มดี ังน้ี
๔.๑ การรว่ มมือ รว่ มแรง ร่วมใจ ของประชาชนในชมุ ชนบ้านโปง่ กวาว ทาความสะอาดระบบประปา
ภูเขา ซ่ึงได้ดาเนินการครงั้ ท่ี ๑ เมื่อวันท่ี ๖ เมษายน ๒๕๖๔ และมีแผนจะดาเนนิ การในเดือนกันยายน และ
ธนั วาคม ในปี ๒๕๖๔ โดยมกี ิจกรรม การ ลา้ ง ทาความสะอาดบอ่ เกบ็ น้า การซอ่ มแซม การผพุ งั และรว่ั ของทอ่
ประปา และทาความสะอาดระบบทอ่ ประปา ท่อี ุดตนั จากหนิ ปูน และสสาร แร่ธาตุ ต่างๆ เป็นตน้

๑๙๕

การเรียนรเู้ ชิงปฏบิ ัติการ (Action Learning) หลกั สูตรนกั ปกครองระดับสงู (นปส.) รุ่นท่ี 76

๔.๒ การร่วมมือ ร่วมแรง ร่วมใจ ทาฝายขนาดเล็กเพ่ิมเติม เพ่ือกักเก็บน้าเพ่ือการเกษตร สาหรับ
รองรบั ชว่ งแล้งในปี ๒๕๖๕ โดยเร่ิมสารวจภายในเดอื น มถิ ุนายน ๒๕๖๔ และลงมอื ก่อสร้างฝายที่ทาจาวัสดุ
ธรรมชาติ เช่น ไม้ไผ่ ไม้เนื้อแข็งในพ้ืนที่ เป็นต้น ในช่วงเดือนกรกฎาคม ๒๕๖๔ เป็นตน้ ไป

ทั้งน้ี ชุมชนจะมีการประสานสานักงานทรัพยากรน้าบาดาล เพ่ือดาเนินการสารวจเพ่ือขุดเจาะน้า
บาดาล ภายในเดือนตุลาคม ๒ค๖๔ เพ่ือเพ่ิมช่องทาง แหล่งน้าสะอาด ให้กับครัวเรือนในชุมชนบ้านโป่งกวาว
และแหล่งนา้ สาหรับการเกษตรเพ่ิมเติม

๕. บทเรียนที่ได้รบั ในดา้ น
๕.๑ การบริหารการพฒั นาชุมชนท้องถ่ิน
คณะผูศ้ ึกษา ไดล้ งพน้ื ทีศ่ กึ ษาเรยี นรชู้ ุมชน บ้านโป่งกวาว พบวา่ บทเรยี นสาคัญจากการพัฒนาชุมชน
ที่พบเห็นไดจ้ ากชุมชนบ้านโป่งกวาว คือ ความร่วมมือ ร่วมแรง ร่วมใจของประชาชนในพื้นที่ นาไปสู่การ
พัฒนาต่างๆ ของชุมชน ดังที่คณะผู้ศึกษาได้พบเห็นจาก การร่วมมือ ร่วมแรง รว่ มใจ ของประชาชนในชุมชน
บ้านโปง่ กวาว ทาความสะอาดระบบประปาภเู ขา ซึ่งไดด้ าเนนิ การครงั้ ท่ี ๑ เมื่อวันท่ี ๖ เมษายน ๒๕๖๔ โดยมี
กิจกรรม การ ล้าง ทาความสะอาดบ่อเก็บน้า การซ่อมแซม การผุพังและร่วั ของท่อประปา และทาความ
สะอาดระบบท่อประปา ที่อุดตันจากหินปูน และสสาร แร่ธาตุ ต่างๆ เป็นต้น ซง่ึ ถือได้วา่ เป็นกจิ กรรมทพี่ ฒั นา
ชมุ ชนบา้ นโป่งกวาว ให้มรี ะบบนา้ ประปาที่มีความสะอาดมากขนึ้ ซ่ึงลักษณะการพัฒนาชุมชนแบบน้ี สามารถ
นาไปเป็นตวั แบบใหก้ ับชุมชนต่างๆ ทั่วประเทศ ในการสร้างความร่วมมอื ภายในชุมชน เพื่อพัฒนาชุมชนใหด้ ี
ย่งิ ๆ ขึน้
๕.๒ การบริหารพฒั นาระดบั ตาบล อาเภอ
คณะผู้ศึกษา ได้ลงพื้นที่ศึกษาเรียนรู้ชุมชน บ้านโป่งกวาว พบว่า บทเรียนสาคัญจากการบริหาร
พัฒนาระดับตาบล อาเภอ ท่ีเกิดจาก ชุมชนบ้านโป่งกวาว คือ การเป็นหมู่บ้านห่างไกล ขาดการสนับสนนุ
การพฒั นาจากระดับ ตาบล อาเภอ การพัฒนาชมุ ชนบา้ นโปง่ กวาว จะเกดิ ขึ้นได้จากการดาเนินการของชุมชน
เอง ดังจะเห็นได้ว่ากิจกรรมหลายๆ อย่างท่ีเกิดข้ึนภายในชุมชนหมู่บ้านโปง่ กวาวเอง ดงั นั้น ภาพการพัฒนา
ในระดับตาบล อาเภอ จึงอาจจะเกิดภาพการพัฒนาแบบเอกเทศ แต่ละหมู่บ้านต่างพัฒนาตนเอง แบบไม่มี
แบบแผน ไม่เป็นไปในลักษณะภาพรวมตาบล หรืออาเภอ ดังนั้น คณะผู้ศึกษาจึงเห็นว่า การบริหารระดับ
ตาบล อาเภอ ควรให้ความสาคัญกับชุมชนหมู่บ้าน ในทุกระดับอย่างเท่าเทียมกัน ซ่ึงจะทาให้ การพัฒนา
ระดับตาบล อาเภอ เกิดเอกภาพ และเปน็ ไปในทิศทางเดยี วกนั

๑๙๖


Click to View FlipBook Version