ชุดวชิ า
ลกู เสือ กศน.
รหสั รายวิชา สค32035
รายวชิ าเลอื กบังคบั ระดับมธั ยมศกึ ษาตอนปลาย
ตามหลกั สูตรการศกึ ษานอกระบบระดับการศกึ ษาขน้ั พน้ื ฐาน
พทุ ธศักราช 2551
สํานกั งานสง เสริมการศึกษานอกระบบและการศกึ ษาตามอัธยาศยั
สํานักงานปลัดกระทรวงศกึ ษาธกิ าร
กระทรวงศกึ ษาธกิ าร
คาํ นํา
ชุดวิชาลูกเสือ กศน. รหัสรายวิชา สค32035 รายวิชาเลือกบังคับ ระดับ
มัธยมศึกษาตอนปลาย ตามหลักสูตรการศึกษานอกระบบระดับการศึกษาขั้นพื้นฐาน
พุทธศักราช 2551 ประกอบดวยเนื้อหาเก่ียวกับลูกเสือกับการพัฒนา การลูกเสือไทย
การลูกเสอื โลก คณุ ธรรม จริยธรรมของลกู เสือ วินัย และความเปนระเบยี บเรยี บรอย ลูกเสือ กศน.
กับการพฒั นา ลูกเสือ กศน. กับจิตอาสา และการบริการ การเขียนโครงการเพ่ือพัฒนาชุมชน
และสังคม ทักษะลูกเสือ ความปลอดภัยในการเขารวมกิจกรรมลูกเสือ การปฐมพยาบาล
การเดนิ ทางไกล อยคู ายพักแรม และชีวิตชาวคาย การฝกปฏิบัติการเดินทางไกล อยูคายพักแรม
และชีวติ ชาวคาย และชุดวชิ าน้มี วี ตั ถปุ ระสงคเพ่ือใหผ เู รียนสามารถนําสิ่งที่ไดเรียนรูเปนเครื่องมือ
ที่สําคัญในการพัฒนาตนเอง ครอบครัว ชุมชน และสังคม ใหเปนผูท่ีมีคุณภาพ เปนผูนําและ
ผูตามที่ดี มคี ณุ ธรรม มรี ะเบียบวินยั รจู ักเสยี สละ สรา งความสามัคคี บําเพ็ญตนใหเปนประโยชน
ตอผอู ืน่ สามารถดํารงตนอยใู นสงั คมไดอยา งมคี วามสุข
สาํ นกั งานสงเสริมการศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัย ขอขอบคุณ
ผูเช่ียวชาญเนื้อหา ท่ีใหการสนับสนุนองคความรูเพ่ือประกอบการนําเสนอเน้ือหา รวมทั้ง
ผูเก่ียวของในการจัดทําชุดวิชา หวังเปนอยางยิ่งวาชุดวิชานี้จะเกิดประโยชนตอผูเรียน กศน.
และนาํ ไปสกู ารปฏบิ ตั อิ ยา งเหน็ คุณคา ตอ ไป
สํานกั งาน กศน.
มถิ ุนายน 2561
คําแนะนําการใชชุดวชิ า
ลกู เสือ กศน.
ชุดวิชาลกู เสือ กศน. รหัสรายวชิ า สค32035 รายวิชาเลือกบังคับ ระดับมัธยมศึกษา
ตอนปลาย ตามหลักสูตรการศึกษานอกระบบระดับการศึกษาข้ันพื้นฐาน พุทธศักราช 2551
ประกอบดวยเน้อื หา 2 สวน คอื
สวนท่ี 1 ชุดวชิ า ประกอบดวย โครงสรา งของชดุ วชิ า โครงสรางของหนวยการเรียนรู
เนือ้ หา และกจิ กรรมเรยี งลาํ ดบั ตามหนวยการเรยี นรู
สวนท่ี 2 สมุดบันทึกกิจกรรมการเรียนรู ประกอบดวย แบบทดสอบกอนเรียน
กิจกรรมการเรียนรู แบบทดสอบหลังเรียน เฉลยแบบทดสอบกอนเรียนและหลังเรียน เฉลย/
แนวคาํ ตอบกจิ กรรมเรียงลาํ ดับตามหนวยการเรียนรู
วิธีการใชช ุดวิชา
ใหผ เู รียนดําเนินการตามขนั้ ตอน ดังนี้
1. ศึกษารายละเอียดโครงสรา งชดุ วชิ าโดยละเอยี ด เพือ่ ใหผ เู รียนทราบวา ตอ ง
เรียนรเู น้อื หาในเรอ่ื งใดบา งในชดุ วชิ าน้ี
2. วางแผนเพื่อกําหนดระยะเวลาและจัดเวลาท่ีผูเรียนมีความพรอมจะศึกษา
ชุดวิชาเพ่ือใหสามารถศึกษารายละเอียดของเน้ือหาไดครบทุกหนวยการเรียนรู พรอมทํา
กิจกรรมตามท่กี าํ หนดใหทนั กอ นสอบปลายภาค
3. ทําแบบทดสอบกอนเรียนของชุดวิชาตามท่ีกําหนดเพ่ือทราบพื้นฐานความรู
เดิมของผูเรียน โดยใหทําลงในสมุดบันทึกกิจกรรมการเรียนรูประกอบชุดวิชาลูกเสือ กศน. และ
ตรวจสอบคําตอบจากเฉลยแบบทดสอบทา ยเลม
4. ศกึ ษาเน้ือหาในชดุ วชิ าของแตละหนวยการเรียนรูอยางละเอียดใหเขาใจ ทั้งใน
ชุดวิชาและส่อื ประกอบ (ถา มี) และทํากจิ กรรมที่กําหนดไวใหครบถว น
5. เมื่อทําแตละกิจกรรมเรียบรอยแลวผูเรียนสามารถตรวจสอบคําตอบไดจาก
แนวตอบ/เฉลยทา ยเลมของสมุดบันทกึ กจิ กรรมการเรียนรู หากผูเรียนยังทํากิจกรรมไมถูกตอง
ใหผูเ รียนกลับไปทบทวนเนอ้ื หาในเร่ืองนั้น ๆ ซ้าํ จนกวาจะเขาใจ
6. เมือ่ ศกึ ษาเน้อื หาครบทุกหนวยการเรียนรูแ ลว ใหผ เู รียนทําแบบทดสอบหลงั เรียน
และตรวจสอบคําตอบจากเฉลยทายเลม วาผูเรียนสามารถทําแบบทดสอบไดถูกตองทุกขอ
หรือไมห ากขอ ใดยงั ไมถ ูกตอ งใหผ ูเรยี นกลบั ไปทบทวนเนื้อหาในเรื่องน้ันใหเขา ใจอีกคร้งั
ขอแนะนํา ผูเรียนควรทําแบบทดสอบหลังเรยี น ใหไดค ะแนนมากกวา แบบทดสอบ
กอนเรียนและควรไดคะแนนไมนอยกวารอยละ 60 ของแบบทดสอบท้ังหมด เพ่ือใหม่ันใจวา
จะสามารถสอบปลายภาคผา น
7. หากผูเรียนไดศึกษาเน้ือหาและทํากิจกรรมแลวยังไมเขาใจ ผูเรียนสามารถ
สอบถามและขอคาํ แนะนาํ ไดจ ากครหู รอื คน ควา จากแหลง การเรยี นรอู ่ืน ๆ เพิ่มเตมิ ได
8. ในการเรียนรูชุดวิชาลูกเสือ กศน. เลมนี้ จะเนนการเรียนรูเน้ือหาและปฏิบัติ
กิจกรรมดวยตนเอง สวนการฝกทักษะประสบการณจะมุงเนนในการปฏิบัติกิจกรรมระหวาง
เขา คายลูกเสอื เพอื่ ทดสอบความถูกตองในการปฏบิ ตั ิแตละกจิ กรรม
หมายเหตุ : การทําแบบทดสอบกอนเรียน แบบทดสอบหลังเรียน และทํากิจกรรมทายเรื่องในแตละ
หนว ยการเรยี นรู ใหผูเรยี นตอบคําถาม โดยเขยี นลงในสมดุ บนั ทกึ กิจกรรมการเรียนรูประกอบชุดวิชา
การศึกษาคน ควาเพม่ิ เติม
ผูเรียนอาจศึกษาหาความรูเพิ่มเติมไดจากแหลงการเรียนรูอื่น ๆ ที่เผยแพร
ความรูในเรื่องทเ่ี ก่ียวของและศึกษาจากผรู ู เปนตน
การวัดผลสมั ฤทธทิ์ างการเรียน
ผเู รียนตอ งวดั ผลสมั ฤทธ์ิทางการเรยี นดงั น้ี
1. ระหวา งภาค วัดผลจากการทํากจิ กรรมหรืองานทไี่ ดรับมอบหมาย
ระหวา งเรียน
2. ปลายภาค วดั ผลจากการทาํ ขอสอบวัดผลสัมฤทธ์ปิ ลายภาค
โครงสรางชุดวชิ า
ลกู เสือ กศน.
มาตรฐานการเรยี นรรู ะดับ
1. มคี วามรู ความเขา ใจ ตระหนกั เก่ียวกับภูมศิ าสตร ประวัติศาสตร เศรษฐศาสตร
การเมอื งการปกครองในโลก และนาํ มาปรับใชใ นการดาํ เนนิ ชวี ิตเพอื่ ความม่ันคงของชาติ
2. มีความรู ความเขาใจ เห็นคุณคา และสืบทอดศาสนา วัฒนธรรม ประเพณี
ของประเทศในสังคมโลก
3. มคี วามรู ความเขาใจ ดาํ เนนิ ชีวติ ตามวถิ ปี ระชาธิปไตย กฎระเบียบของประเทศ
ตา ง ๆ ในโลก
4. มีความรู ความเขาใจหลักการพัฒนาชุมชน สังคม สามารถวิเคราะหขอมูล
และเปนผูนํา ผูตาม ในการพัฒนาตนเอง ครอบครัว ชุมชน สังคม ใหสอดคลองกับสภาพการ
เปล่ียนแปลงของเหตุการณป จจุบัน
ตัวช้วี ดั
1. อธิบายสาระสาํ คญั ของการลกู เสอื
2. อธิบายความสาํ คัญของการลูกเสอื กบั การพัฒนา
3. อภปิ รายความเปนพลเมืองดีในทัศนะของลูกเสือ
4. นําเสนอผลการสํารวจตนเอง ครอบครวั ชุมชน และสังคม เพือ่ การพฒั นา
5. อธิบายประวตั กิ ารลูกเสือไทย
6. อธิบายความรูทั่วไปเกีย่ วกบั คณะลูกเสือแหง ชาติ
7. อธิบายประวตั ผิ ใู หกาํ เนิดลูกเสือโลก
8. อธิบายความสําคญั ขององคการลกู เสอื โลก
9. อธิบายความสัมพนั ธระหวา งการลกู เสอื ไทยกบั การลกู เสอื โลก
10. อธิบายคําปฏิญาณและกฎของลูกเสอื
11. อธบิ ายคุณธรรม จรยิ ธรรมจากคาํ ปฏิญาณและกฎของลกู เสือ
12. ยกตัวอยา งการนาํ คาํ ปฏิญาณและกฎของลูกเสือท่ีใชในชวี ิตประจาํ วนั
13. อธบิ ายความสัมพันธร ะหวา งคุณธรรม จริยธรรมในคาํ ปฏิญาณและกฎของ
ลูกเสอื กบั หลกั ปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพยี ง
14. อธิบายความหมาย และความสําคญั ของวนิ ยั และความเปน ระเบยี บเรยี บรอย
15. อธิบายผลกระทบจากการขาดวนิ ยั และขาดความเปน ระเบยี บเรยี บรอย
16. ยกตัวอยา งแนวทางการเสริมสรา งวินยั และความเปนระเบียบเรียบรอ ย
17. อธิบายระบบหมลู ูกเสอื
18. อธิบายและยกตวั อยางการพัฒนาภาวะผูนาํ – ผูตาม
19. อธบิ ายความเปน มา และความสาํ คญั ของลกู เสือ กศน.
20. อธบิ ายลูกเสือ กศน. กับการพัฒนา
21. ระบุบทบาทหนา ที่ของลกู เสือ กศน. ท่มี ตี อ ตนเอง ครอบครัว ชมุ ชน
และสังคม
22. ระบบุ ทบาทหนาทข่ี องลูกเสือ กศน. ท่ีมีตอสถาบนั หลักของชาติ
23. อธบิ ายความหมาย และความสําคญั ของจติ อาสา และการบริการ
24. อธบิ ายหลกั การของจิตอาสา และการบรกิ าร
25. ยกตวั อยา งกิจกรรมจติ อาสา และการใหบ รกิ ารของลูกเสอื กศน.
26. นาํ เสนอผลการปฏบิ ัติตนในฐานะลกู เสอื กศน. เพอ่ื เปนจติ อาสา
และการใหบรกิ ารอยา งนอย 4 กจิ กรรม
27. อธบิ ายความหมาย และความสาํ คัญของโครงการ
28. จาํ แนกลกั ษณะของโครงการ
29. ระบุองคประกอบของโครงการ
30. อธิบายขั้นตอนการเขยี นโครงการ
31. บอกข้นั ตอนการดําเนนิ งานตามโครงการ
32. อภิปรายผลการปฏิบัติงานตามโครงการ และการเสนอผลการดําเนินงาน
ตอ ทีป่ ระชุม
33. อธิบายความหมายและความสําคญั ของแผนที่ - เข็มทศิ
34. อธิบายสวนประกอบของเข็มทิศ
35. อธิบายวิธกี ารใช Google Map และ Google Earth
36. อธิบายความหมายและความสาํ คญั ของเงื่อนเชือก และการผูกแนน
37. ผูกเง่ือนเชือกได และบอกชื่อเงื่อนอยา งนอย 7 เง่ือน
38. สาธติ วธิ ีการผกู แนน อยางนอ ย 2 วธิ ี
39. บอกความหมาย และความสําคัญของความปลอดภัยในการเขารวมกิจกรรม
ลกู เสือ
40. บอกหลักการ วิธีการเฝาระวงั เบอ้ื งตน ในการเขา รว มกจิ กรรมลกู เสอื
41. อธิบายสถานการณห รอื โอกาสท่จี ะเกิดความไมปลอดภัยในการเขารว ม
กิจกรรมลูกเสือ
42. อธบิ ายความหมาย และความสาํ คญั ของการปฐมพยาบาล
43. อธิบายและสาธติ วิธกี ารปฐมพยาบาลกรณตี า ง ๆ อยางนอ ย 3 วธิ ี
44. อธบิ ายวธิ กี ารวดั สัญญาณชพี และการประเมนิ เบอื้ งตน
45. สาธิตวธิ ีการชว ยชวี ติ ข้นั พน้ื ฐาน
46. อธบิ ายความหมายของการเดินทางไกล
47. อธบิ ายความหมายของการอยคู ายพักแรม
48. อธบิ ายการใชเคร่อื งมอื สําหรบั ชวี ติ ชาวคา ย
49. อธิบายวธิ กี ารจัดการคา ยพักแรม
50. วางแผนและปฏบิ ัติกิจกรรมการเดินทางไกล อยคู ายพักแรม และชวี ิต
ชาวคายทุกกิจกรรม
51. ใชชวี ิตชาวคา ยรว มกบั ผอู ่ืนในคา ยพักแรมไดอยา งสนกุ สนานและมคี วามสุข
สาระสาํ คัญ
ลูกเสือ กศน. ระดับมัธยมศึกษาตอนปลาย เปนการเรียนรูเกี่ยวกับลูกเสือ
กับการพัฒนา การลกู เสือไทย การลกู เสอื โลก คุณธรรม จริยธรรมของลูกเสือ วินัย และความเปน
ระเบียบเรยี บรอ ย ลูกเสอื กศน. กับการพัฒนา ลูกเสือ กศน. กบั จิตอาสา และการบรกิ าร การเขยี น
โครงการเพื่อพัฒนาชุมชนและสังคม ทักษะลูกเสือ ความปลอดภัยในการเขารวมกิจกรรมลูกเสือ
การปฐมพยาบาล การเดนิ ทางไกล อยูค า ยพักแรม และชวี ิตชาวคา ย การฝกปฏิบัติการเดนิ ทางไกล
อยูคายพกั แรม และชวี ิตชาวคาย เนน การฝกปฏิบัติใหเกิดทักษะ โดยนําหลักการและคําปฏิญาณ
ของลูกเสอื มาสรางวนิ ัยและความเปนระเบียบเรยี บรอ ย และการบรกิ ารไปประยุกตใชในวิถีชีวิต
ของตนเองและชุมชนตอ ไป
ขอบขา ยเนอื้ หา
หนว ยการเรยี นรทู ่ี 1 ลูกเสือกบั การพฒั นา
หนวยการเรยี นรูที่ 2 การลูกเสือไทย
หนวยการเรยี นรทู ี่ 3 การลกู เสอื โลก
หนวยการเรยี นรทู ่ี 4 คุณธรรม จริยธรรมของลกู เสอื
หนว ยการเรยี นรทู ่ี 5 วนิ ัย และความเปนระเบียบเรียบรอย
หนว ยการเรยี นรูท่ี 6 ลูกเสือ กศน. กบั การพฒั นา
หนว ยการเรยี นรูที่ 7 ลกู เสอื กศน. กับจิตอาสา และการบรกิ าร
หนวยการเรยี นรทู ี่ 8 การเขียนโครงการเพ่อื พฒั นาชุมชนและสังคม
หนวยการเรียนรูที่ 9 ทกั ษะลูกเสอื
หนว ยการเรียนรูที่ 10 ความปลอดภัยในการเขา รวมกจิ กรรมลกู เสือ
หนว ยการเรียนรูท ี่ 11 การปฐมพยาบาล
หนว ยการเรยี นรูท ่ี 12 การเดินทางไกล อยูค า ยพักแรม และชวี ติ ชาวคาย
หนว ยการเรยี นรทู ่ี 13 การฝก ปฏิบัติการเดนิ ทางไกล อยคู ายพกั แรม
และชีวิตชาวคา ย
สื่อประกอบการเรียนรู
1. ชดุ วิชาลกู เสือ กศน. รหสั รายวิชา สค32035
2. สมุดบันทึกกจิ กรรมการเรียนรูป ระกอบชุดวชิ า
3. สอ่ื เสรมิ การเรยี นรูอนื่ ๆ
จํานวนหนวยกติ
จํานวน 3 หนว ยกิต
กิจกรรมเรียนรู
1. ทําแบบทดสอบกอนเรียน ในสมุดบันทึกกิจกรรมการเรียนรูประกอบชุดวิชา
และตรวจสอบคําตอบจากเฉลยทายเลม
2. ศึกษาเน้อื หาในหนว ยการเรยี นรทู ุกหนวย
3. ทาํ กิจกรรมตามที่กําหนด ในสมุดบันทึกกิจกรรมการเรียนรูประกอบชุดวิชา
และตรวจสอบคาํ ตอบจากเฉลยทายเลม
4. ทําแบบทดสอบหลังเรียน ในสมดุ บันทกึ กจิ กรรมการเรียนรปู ระกอบชดุ วิชา
และตรวจสอบคําตอบจากเฉลยทา ยเลม
การประเมินผล
1. ทาํ แบบทดสอบกอนเรียน และแบบทดสอบหลังเรียน
2. ทํากจิ กรรมในแตละหนวยการเรยี นรู
3. เขา รว มกจิ กรรมการเดนิ ทางไกล อยคู ายพักแรม และชีวติ ชาวคาย
4. เขารบั การทดสอบปลายภาค
สารบญั หนา
คํานํา 1
คําแนะนาํ การใชชุดวชิ า 3
โครงสรางชุดวิชา 6
หนว ยการเรียนรูท่ี 1 ลูกเสอื กบั การพฒั นา 10
15
เรื่องที่ 1 สาระสําคญั ของการลกู เสอื 18
เรื่องท่ี 2 ความสําคัญของการลูกเสอื กับการพฒั นา 20
เร่อื งท่ี 3 ลูกเสือกบั การพฒั นาความเปนพลเมอื งดี 42
เรื่องที่ 4 การสํารวจตนเอง ครอบครวั ชุมชน และสังคม เพ่อื การพัฒนา 48
หนวยการเรียนรทู ่ี 2 การลูกเสือไทย 50
เร่อื งที่ 1 ประวตั ิการลกู เสือไทย 54
เรอ่ื งท่ี 2 ความรทู ่ัวไปเกย่ี วกบั คณะลูกเสอื แหง ชาติ 60
หนวยการเรยี นรทู ี่ 3 การลูกเสอื โลก 66
เร่อื งที่ 1 ประวัติผใู หกําเนิดลูกเสือโลก 67
เร่อื งที่ 2 องคก ารลกู เสอื โลก 71
เรื่องท่ี 3 ความสมั พนั ธระหวา งลกู เสือไทยกบั ลูกเสอื โลก 72
หนวยการเรยี นรทู ่ี 4 คณุ ธรรม จรยิ ธรรมของลกู เสอื 73
เรอ่ื งท่ี 1 คาํ ปฏญิ าณและกฎของลูกเสอื
เรื่องท่ี 2 คณุ ธรรม จรยิ ธรรมจากคําปฏญิ าณและกฎของลกู เสอื 76
เรอ่ื งท่ี 3 การนําคําปฏญิ าณและกฎของลูกเสอื ทีใ่ ชใ นชวี ิตประจําวนั 78
เรื่องที่ 4 ความสมั พนั ธระหวางคณุ ธรรม จริยธรรมในคําปฏญิ าณ 79
81
และกฎของลูกเสือกบั หลักปรชั ญาของเศรษฐกิจพอเพยี ง 82
หนวยการเรยี นรทู ี่ 5 วินัย และความเปนระเบียบเรยี บรอย 84
เรื่องท่ี 1 วนิ ัยและความเปนระเบยี บเรียบรอย
เรือ่ งท่ี 2 ผลกระทบจากการขาดวนิ ยั และขาดความเปน ระเบยี บเรียบรอย
เร่ืองที่ 3 แนวทางการเสริมสรางวนิ ยั และความเปนระเบยี บเรยี บรอย
เรอื่ งท่ี 4 ระบบหมูลูกเสือ
เร่อื งที่ 5 การพัฒนาภาวะผนู ํา – ผตู าม
สารบัญ (ตอ)
หนา
หนวยการเรียนรทู ี่ 6 ลกู เสอื กศน. กบั การพัฒนา 87
เร่อื งที่ 1 ลกู เสอื กศน. 89
เรื่องที่ 2 ลูกเสอื กศน. กับการพฒั นา 90
เร่อื งท่ี 3 บทบาทหนา ท่ีของลกู เสอื กศน. ทมี่ ตี อ ตนเอง ครอบครวั 91
ชุมชน และสังคม
เร่อื งที่ 4 บทบาทหนา ที่ของลกู เสือ กศน. ทม่ี ีตอ สถาบนั หลักของชาติ 93
หนวยการเรียนรูท ี่ 7 ลกู เสอื กศน. กบั จิตอาสา และการบรกิ าร 94
เรื่องที่ 1 จติ อาสา และการบรกิ าร 96
เรอ่ื งที่ 2 หลกั การของจติ อาสา และการบริการ 97
เร่อื งท่ี 3 กจิ กรรมจติ อาสา และการใหบรกิ ารของลูกเสือ กศน. 98
เร่อื งที่ 4 การปฏิบัติตนในฐานะลูกเสอื กศน. เพอ่ื เปนจิตอาสาและการใหบ รกิ าร 102
หนวยการเรียนรทู ี่ 8 การเขยี นโครงการเพอื่ พฒั นาชมุ ชนและสงั คม 104
เรอ่ื งที่ 1 โครงการเพือ่ พฒั นาชมุ ชนและสังคม 106
เรื่องท่ี 2 ลกั ษณะของโครงการ 107
เรอ่ื งที่ 3 องคป ระกอบของโครงการ 108
เรอ่ื งที่ 4 ขั้นตอนการเขียนโครงการ 109
เรอ่ื งที่ 5 การดาํ เนินงานตามโครงการ 112
เรื่องที่ 6 การสรุปรายงานผลการดําเนนิ งานโครงการเพื่อเสนอตอทปี่ ระชุม 112
หนว ยการเรียนรูที่ 9 ทกั ษะลูกเสือ 115
เรอ่ื งท่ี 1 แผนที่ – เขม็ ทิศ 117
เรอ่ื งที่ 2 วิธีการใชแผนท่ี – เขม็ ทศิ 120
เรื่องที่ 3 การใช Google Map และ Google Earth 126
เรือ่ งท่ี 4 เงอ่ื นเชอื กและการผูกแนน 132
หนวยการเรยี นรทู ี่ 10 ความปลอดภัยในการเขารวมกจิ กรรมลูกเสอื 150
เรอ่ื งท่ี 1 ความปลอดภัยในการเขารว มกิจกรรมลกู เสอื 151
เร่ืองท่ี 2 หลกั การ วิธกี ารในการเฝา ระวังเบ้อื งตนในการเขา รว มกจิ กรรมลกู เสือ 151
เรื่องท่ี 3 การชว ยเหลอื เมือ่ เกดิ เหตุความไมปลอดภยั ในการเขา รวมกจิ กรรมลูกเสือ 152
เรอ่ื งที่ 4 การปฏิบัตติ นตามหลกั ความปลอดภัย 154
สารบญั (ตอ )
หนา
หนว ยการเรียนรทู ่ี 11 การปฐมพยาบาล 155
เร่อื งที่ 1 การปฐมพยาบาล 157
เรอื่ งที่ 2 วิธีการปฐมพยาบาลกรณีตาง ๆ 158
เร่ืองที่ 3 การวัดสัญญาณชีพและการประเมินเบ้ืองตน 170
เรอ่ื งท่ี 4 วิธกี ารชว ยชวี ติ ขั้นพนื้ ฐาน 171
หนวยการเรยี นรูท ี่ 12 การเดนิ ทางไกล อยคู ายพักแรม และชีวติ ชาวคา ย 175
เรอ่ื งท่ี 1 การเดนิ ทางไกล 177
เร่ืองที่ 2 การอยูคายพักแรม 179
เรือ่ งท่ี 3 ชวี ิตชาวคา ย 180
เรอื่ งที่ 4 วธิ ีการจดั การคายพักแรม 193
หนว ยการเรียนรูท่ี 13 การฝก ปฏิบตั กิ ารเดนิ ทางไกล อยคู า ยพกั แรม และชวี ิตชาวคา ย 195
เรื่องท่ี 1 การวางแผน ปฏิบัตกิ ิจกรรมการเดนิ ทางไกล 196
อยูคายพกั แรม และชวี ิตชาวคา ย
1) กิจกรรมเสริมสรางคุณธรรม และอุดมการณลูกเสอื
2) กิจกรรมสรางคายพักแรม
3) กจิ กรรมชีวติ ชาวคาย
4) กิจกรรมฝก ทักษะลกู เสือ
5) กิจกรรมกลางแจง
6) กจิ กรรมนันทนาการ และชมุ นุมรอบกองไฟ
7) กจิ กรรมนาํ เสนอผลการดําเนนิ งาน ตามโครงการทไ่ี ดด าํ เนินการ
มากอนการเขา คา ย
เร่อื งท่ี 2 การใชช วี ิตชาวคา ยรวมกับผูอื่นในคายพกั แรมไดอ ยา งสนุกสนาน
และมคี วามสขุ 200
บรรณานกุ รม 201
คณะผูจดั ทาํ 205
1
หนวยการเรียนรูท่ี 1
ลกู เสือกับการพัฒนา
สาระสาํ คญั
การลูกเสือ มีเปาหมายเพ่ืออบรมส่ังสอนและฝกฝนใหบุคคลเปนพลเมืองดี ซึ่ง
วตั ถปุ ระสงคของคณะลูกเสือแหง ชาติ น้ัน เพื่อพัฒนาลูกเสือทั้งทางกาย สติปญญา จิตใจ และ
ศีลธรรม ใหเปนพลเมืองดี มีความรับผิดชอบ และชวยสรางสรรคสังคมใหมีเกิดความสามัคคี
และมีความเจริญกาวหนา และหลักการของการลูกเสือ มุงสงเสริม สรางสรรคใหลูกเสือและ
ผบู งั คับบัญชาลูกเสอื ยดึ ถือเปนแนวปฏบิ ตั ิในการดําเนินกิจกรรมลูกเสือและใชในการดําเนินชีวิต
ของตนเองใหเกิดความสุขใหเปนคนดี คนเกง พ่ึงตนเอง เห็นอกเห็นใจและชวยเหลือผูอ่ืนได
มีความจงรักภักดีตอชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย โดยยึดหลักการ คําปฏิญาณและกฎของ
ลกู เสือเปนหลักปฏิบตั ิ และพรอ มทจี่ ะให “บริการ” ตามทศั นะของการลูกเสือ ท้ังน้ี ตองคํานึงถึง
สภาวะแวดลอม สถานภาพ และขีดความสามารถของตนเอง โดยการสํารวจตนเอง ครอบครัว
ชุมชนและสงั คมเพื่อการพัฒนา และมแี นวทางการพฒั นาตนเอง ครอบครัว ชมุ ชน และสังคม
ตวั ช้วี ัด
1. อธิบายสาระสําคญั ของการลูกเสอื
2. อธิบายความสําคญั ของการลกู เสอื กบั การพฒั นา
3. อภิปรายความเปนพลเมอื งดีในทัศนะของการลูกเสือ
4. นําเสนอผลการสํารวจตนเอง ครอบครวั ชมุ ชน และสงั คม เพอ่ื การพัฒนา
ขอบขา ยเน้อื หา
เรอ่ื งท่ี 1 สาระสาํ คัญของการลูกเสอื
1.1 วตั ถุประสงคข องการพัฒนาลกู เสอื
1.2 หลกั การสาํ คญั ของการลูกเสอื
เรอ่ื งที่ 2 ความสาํ คญั ของการลูกเสอื กับการพฒั นา
2.1 การพฒั นาตนเอง
2.2 การพฒั นาสัมพันธภาพระหวา งบุคคล
2.3 การพฒั นาสมั พนั ธภาพภายในชุมชนและสงั คม
2
เร่อื งท่ี 3 ลูกเสอื กบั การพัฒนาความเปนพลเมอื งดี
3.1 ความหมายของพลเมอื งดี
3.2 ความเปนพลเมอื งดใี นทศั นะของการลกู เสือ
เรือ่ งท่ี 4 การสาํ รวจตนเอง ครอบครัว ชมุ ชน และสังคม เพือ่ การพฒั นา
4.1 การสํารวจตนเอง ครอบครัว ชุมชน และสังคม
4.2 แนวทางการพัฒนาตนเอง ครอบครัว ชมุ ชน และสังคม
เวลาท่ใี ชในการศึกษา 2 ชั่วโมง
สอื่ การเรยี นรู
1. ชุดวชิ าลกู เสือ กศน. รหัสรายวชิ า สค32035
2. สมดุ บันทกึ กจิ กรรมการเรียนรปู ระกอบชุดวชิ า
3. สอ่ื เสริมการเรยี นรอู ื่น ๆ
3
เรื่องท่ี 1 สาระสําคญั ของการลกู เสือ
พระราชบญั ญัตลิ กู เสอื พ.ศ. 2551 ไดใ หค วามหมายของคําวา “ลูกเสือ” หมายถึง
เดก็ และเยาวชนท้งั ชายและหญิง ทส่ี มคั รเขาเปน ลกู เสือทงั้ ในสถานศึกษา และนอกสถานศึกษา
สวนลูกเสอื ท่ีเปนหญิงใหเรียกวา “เนตรนาร”ี
การลูกเสือ หมายถึง กิจการที่นําเอาวัตถุประสงค หลักการ และวิธีการของ
ขบวนการลูกเสอื มาใชเพ่ือการพฒั นาเด็กและเยาวชน
การลกู เสอื เปนกระบวนการสําคญั ยิ่งของการศึกษาท่ีไดรับการยอมรับจากทั่วโลก
เพราะเปน กจิ กรรมพฒั นาเยาวชนใหมีคุณธรรมสูง สงเสริมบุคลิกภาพที่ดี และมีความเปนผูนํา
ในการพฒั นาเยาวชนนน้ั พระราชบัญญตั ลิ กู เสือ พ.ศ. 2551 ไดใหความหมายของวัตถุประสงค
คณะลูกเสือแหง ชาติ ไวใ นมาตรา 8 ความวา “คณะลูกเสือแหงชาติ มีวัตถุประสงคเพ่ือพัฒนา
ลกู เสอื ทง้ั ทางกาย สตปิ ญญา จิตใจ และศีลธรรมใหเปนพลเมืองดี มีความรับผิดชอบ และชวย
สรางสรรคสงั คมใหเกิดความสามัคคี และมีความเจริญกาวหนา ทั้งนี้ เพื่อความสงบสุขและความ
ม่ันคงของประเทศชาติ” โดยมีวัตถุประสงคของการพัฒนาลูกเสือ และหลักการสําคัญของ
การลูกเสือ ดงั น้ี
1.1 วตั ถปุ ระสงคข องการพัฒนาลกู เสอื
คณะลูกเสือแหง ชาติ ไดกาํ หนดวัตถุประสงคเพ่ือพัฒนาลูกเสือทั้งทางกาย
สตปิ ญญา จิตใจ และศีลธรรม ใหเ ปน พลเมืองดี มีความรับผิดชอบ และชวยสรางสรรคสังคมใหมี
ความสามัคคีและมคี วามเจริญกาวหนา ทั้งน้ี เพื่อความสงบสุขและความมั่นคงของประเทศชาติ
ตามแนวทางดงั ตอไปน้ี
1) ใหมนี ิสัยในการสงั เกต จดจํา เชอ่ื ฟงและพงึ่ ตนเอง
2) ใหซือ่ สัตยส จุ รติ มีระเบียบวินัยและเหน็ อกเหน็ ใจผูอนื่
3) ใหรจู กั บาํ เพญ็ ตนเพอ่ื สาธารณประโยชน
4) ใหรูจกั ทาํ การฝมอื และฝกฝนใหท าํ กิจการตาง ๆ ตามความเหมาะสม
5) ใหรจู กั รกั ษาและสง เสริมจารตี ประเพณี วฒั นธรรม และความม่ันคง
ของประเทศชาติ
ซึ่งสอดคลองกับธรรมนูญขององคการแหง โลก วาดวยขบวนการลูกเสอื ทีไ่ ดกําหนด
วตั ถุประสงคข องขบวนการลูกเสอื ไวดังตอ ไปน้ี
“จุดมุงประสงคของขบวนการลูกเสือ คือ การสนับสนุนการพัฒนาอยางเต็มท่ี
ซงึ่ ศักยภาพทางกาย สตปิ ญญา สงั คม จติ ใจและศีลธรรม ใหแกเยาวชนเปน รายบุคคล เพ่ือให
4
เขาเปนพลเมืองดี มีความรับผิดชอบ ในฐานะที่เปนสมาชิกของชุมชนในทองถิ่น ในชาติ และ
ในชมุ ชนระหวางนานาชาติ”
ขบวนการลกู เสือท่ัวโลก เปนขบวนการท่ีมุงพัฒนาศักยภาพของบุคคล ทุกเพศ
ทกุ วัย และทุกฐานะ ใหไ ดร บั การพฒั นาในทกุ ดาน กลา วคอื
การพัฒนาทางกาย เพ่ือใหมีรางกายเจริญเติบโต แข็งแรง เพียบพรอมดวย
สขุ ภาพอนามยั ทส่ี มบรู ณ โดยการสง เสริมการใชชีวิตกลางแจง
การพฒั นาทางสติปญ ญา เพอ่ื ใหม ีสติปญ ญาเฉลยี วฉลาด พึง่ ตนเองได โดยการ
สงเสริมการเรยี นรูดวยการกระทาํ รวมกนั
การพัฒนาทางจิตใจ เพื่อใหมีคุณธรรม จริยธรรมในการดํารงชีวิต โดยยึด
คาํ ปฏญิ าณและกฎของลกู เสือเปนหลกั ประจําใจและนําไปใชใ นชีวิตประจําวัน
การพฒั นาทางสังคม เพอ่ื ใหมจี ติ สาธารณะ คดิ ดี ทําดี และมีความเปนพลเมืองดี
สามารถปรบั ตวั ใหอ ยูในสงั คมไดอยา งมคี วามสขุ โดยการบําเพ็ญประโยชนต อผูอ ่นื
1.2 หลกั การสําคญั ของการลกู เสือ
เบเดน โพเอลล ไดกาํ หนดหลักการสําคญั ของการลูกเสอื ไว 8 ประการ ดงั น้ี
1) ลูกเสือเปน ผมู ีศาสนา
2) ลกู เสอื มีความจงรกั ภักดีตอ ชาติบานเมอื ง
3) ลูกเสอื มีความเช่ือมน่ั ในมิตรภาพและความเปนภราดรของโลก
4) ลกู เสือเปน ผูบ าํ เพ็ญประโยชนตอ ผอู ่นื
5) ลกู เสอื เปนผยู ึดมั่นและปฏบิ ัติตามคําปฏญิ าณและกฎของลูกเสือ
6) ลูกเสอื เปน ผูอ าสาสมคั ร
7) ลูกเสือยอ มไมเ กยี่ วขอ งกบั การเมอื ง
8) มีกาํ หนดการพิเศษสําหรับการฝกอบรมเด็กชาย และคนหนุมเพ่ือให
เปน พลเมืองดี มีความรบั ผิดชอบ โดยอาศัยวิธีการระบบหมู ระบบกลุม มีการทดสอบเปนข้ันๆ
ตามระดับของหลักสตู รและวิชาพิเศษลูกเสอื และใชกจิ กรรมกลางแจง
เบเดน โพเอลล ไดเขียนสาสน ฉบบั สดุ ทายถึงลกู เสือ มีขอความสําคัญดังนี้ 1) จงทําตนเอง
ใหม ีอนามยั และแข็งแรงในขณะท่ียังเปนเด็ก 2) จงพอใจในส่ิงท่ีเธอมีอยูและทําสิ่งนั้นใหดีที่สุด
3) จงมองเรอื่ งราวตา ง ๆ ในแงด ี แทนทีจ่ ะมองในแงราย 4) ทางอันแทจริงท่ีจะหาความสุข คือ
โดยการใหความสุขแกผูอ่ืน 5) จงพยายามปลอยอะไรไวในโลกน้ีใหดีกวาท่ีเธอไดพบ และ
6) จงยดึ มั่นในคําปฏิญาณของลูกเสอื ของเธอไวเสมอ
5
พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกลาเจาอยูหัว ทรงมีพระราชดําริวา เด็กผูชายเปน
ผูท่ีสมควรไดรับการฝกฝนท้ังรางกายและจิตใจ เปรียบเหมือนไมท่ียังออน จะดัดใหเปนรูป
อยางไรกเ็ ปนไปไดโดยงายและงดงาม ถารอไวจนแกเสียแลวเมื่อจะดัดก็ตองเขาไฟ และมักจะ
หักได เพ่ือจะไดรูจักหนาที่ ผูชายไทยทุกคนควรประพฤติใหเปนประโยชนแกชาติบานเมือง
อนั เปน บานเกดิ เมืองนอนของตน
ห ลั ก ก า ร ข อ ง ลู ก เ สื อ อ ยู ท่ี ก า ร ป ฏิ บั ติ ต า ม คํ า ป ฏิ ญ า ณ แ ล ะ ก ฎ ข อ ง ลู ก เ สื อ
โดยคาํ ปฏญิ าณและกฎของลูกเสอื สํารอง มีดังนี้
คําปฏิญาณกลาววา ขา สัญญาวา
ขอ 1 ขาจะจงรกั ภักดตี อชาติ ศาสนา พระมหากษัตรยิ
ขอ 2 ขา จะยดึ ม่นั ในกฎของลูกเสอื สํารองและบําเพญ็ ประโยชนต อผอู ่ืนทุกวัน
กฎของลกู เสือสํารอง
ขอ 1 ลูกเสือสํารองทําตามลกู เสือรุน พ่ี
ขอ 2 ลูกเสือสํารองไมท าํ ตามใจตนเอง
สว นคําปฏิญาณและกฎของลูกเสือ ลูกเสือสามัญ ลูกเสือสามัญรุนใหญ ลูกเสือ
วิสามญั และผบู งั คับบัญชาลูกเสอื มีดังน้ี
คําปฏิญาณกลาววา ดว ยเกียรติของขา ขาสญั ญาวา
ขอ 1 ขาจะจงรักภกั ดตี อชาติ ศาสนา พระมหากษตั รยิ
ขอ 2 ขาจะชวยเหลือผูอ่นื ทกุ เม่อื
ขอ 3 ขา จะปฏิบัตติ ามกฎของลกู เสือ
กฎของลกู เสือ มี 10 ขอ ดงั น้ี
ขอ 1 ลูกเสือมเี กียรติเช่ือถือได
ขอ 2 ลูกเสือมีความจงรักภักดีตอชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย และซื่อตรง
ตอ ผูมีพระคณุ
ขอ 3 ลูกเสือมีหนา ทก่ี ระทาํ ตนใหเปน ประโยชนแ ละชวยเหลอื ผอู ่นื
ขอ 4 ลกู เสอื เปน มติ รของคนทุกคนและเปนพ่ีนองกับลูกเสอื อน่ื ทว่ั โลก
ขอ 5 ลกู เสอื เปน ผสู ภุ าพเรียบรอ ย
ขอ 6 ลูกเสอื มคี วามเมตตากรณุ าตอสตั ว
ขอ 7 ลูกเสอื เช่ือฟง คาํ สงั่ ของบิดามารดา และผูบงั คับบญั ชาดวยความเคารพ
ขอ 8 ลกู เสือมใี จราเรงิ และไมยอ ทอ ตอความลาํ บาก
ขอ 9 ลูกเสอื เปน ผมู ัธยัสถ
ขอ 10 ลูกเสอื ประพฤตชิ อบดวยกาย วาจา ใจ
6
สรุปไดวา หลักการของลูกเสือดังกลาวมุงสงเสริมสรางสรรคใหลูกเสือและ
ผูบังคบั บัญชาลูกเสือยึดถือเปนแนวปฏิบัติในการดําเนินกิจกรรมลูกเสือและใชในการดําเนินชีวิต
ของตนเองใหเกิดความสุข ใหเปนคนดี คนเกง พึ่งตนเอง เห็นอกเห็นใจและชวยเหลือผูอ่ืนได
มคี วามจงรักภกั ดีตอ ชาติ ศาสนา พระมหากษตั ริย โดยยึดหลักการ คาํ ปฏิญาณและกฎของลูกเสือ
เปนหลักปฏิบตั ิ
กิจกรรมทา ยเร่อื งท่ี 1 สาระสาํ คญั ของการลูกเสือ
(ใหผ ูเ รียนไปทาํ กิจกรรมทา ยเรอื่ งที่ 1 ท่ีสมดุ บนั ทกึ กจิ กรรมการเรียนรปู ระกอบชดุ วิชา)
เรื่องที่ 2 ความสาํ คญั ของการลูกเสือกบั การพัฒนา
การลูกเสือท่ัวโลกมีจุดประสงค หลักการ วิธีการ และอุดมการณเดียวกัน คือ
การพัฒนาศักยภาพบุคคลใหเปนพลเมืองดี มีจิตสาธารณะ มีความรับผิดชอบในการพัฒนา
ตนเอง การพัฒนาสัมพันธภาพระหวางบุคคล และการพัฒนาสัมพันธภาพภายในชุมชนและ
สงั คม โดยมีรายละเอยี ด ดังน้ี
2.1 การพัฒนาตนเอง
การพัฒนาตนเอง หมายถึง ความตองการของบุคคลในการพัฒนาความรู
ความสามารถของตนจากที่เปนอยูใหมีความรู ความสามารถและพัฒนาศักยภาพของตนเอง
ใหเ พม่ิ ขนึ้ และดีข้ึนในการพัฒนาทางกาย จิตใจ อารมณ สติปญญา สังคม ความรู อาชีพ และ
สง่ิ แวดลอม โดยมีรายละเอียด ดังนี้
1) การพฒั นาทางกาย หมายถึง การพฒั นาสุขภาพ อนามยั ใหร างกาย
สมบูรณ แขง็ แรง รวมถงึ การพัฒนาบุคลิกภาพ กริยาทาทาง การแสดงออก การใชนํ้าเสียง วาจา
การใชค ําพูดในการสอ่ื ความหมาย และการแตง กายทสี่ ะอาด เหมาะสมกับกาลเทศะ เหมาะกับ
รปู รางและผิวพรรณ
2) การพฒั นาทางจติ ใจ หมายถงึ การพัฒนาเจตคติท่ีดี หรือความรูสึก
ท่ีดี หรอื การมองโลกในแงด ี รวมถึงการพัฒนาสุขภาพจิตของตนเองใหอยูในสถานการณที่เปน
ปกติ และ เปนสขุ โดยมคี ุณธรรมเปน หลักในการพัฒนาจติ ใจ
3) การพัฒนาทางอารมณ หมายถึง การพัฒนาความสามารถในการ
ควบคุมความรูสึก นึกคิด การควบคุมอารมณที่เปนโทษตอตนเองและผูอื่น โดยมีธรรมะ
เปน หลักพฒั นาทางอารมณ
4) การพัฒนาทางสติปญญา หมายถึง การพัฒนาทักษะการเรียนรู
ดวยการช้ีนําตนเอง การพัฒนาความสามารถในการแสวงหาความรูดวยตนเอง การพัฒนา
กระบวนการทางความคิดเชิงวิเคราะห การตัดสินใจดวยความเฉลียวฉลาดและมีไหวพริบ
ปฏญิ าณภมู ิคมุ กนั ทีด่ ีในตน และมีวิถกี ารดาํ เนนิ ชีวิตอยา งพอประมาณ และมเี หตผุ ลทดี่ ี
7
5) การพฒั นาทางสงั คม หมายถึง การพัฒนาความเปนพลเมืองดี คิดดี
ทาํ ดี มจี ติ สาธารณะ สามารถปรับตัวใหอยใู นสงั คมไดอ ยางมคี วามสขุ
6) การพฒั นาทางความรู หมายถึง การพัฒนาความรอบรูทางวิชาการ
และเทคโนโลยีที่กาวหนา สามารถนําเทคโนโลยีท่ีมีอยูมาใชในชีวิตประจําวันไดอยางมี
ประสทิ ธิภาพ
7) การพัฒนาทางอาชีพ หมายถึง การพัฒนาทักษะฝมือ ความรู
ความสามารถ ความชํานาญการทางอาชีพใหสอดคลองกับความตองการของตลาดแรงงาน
โดยการฝก ทักษะฝมือ
8) การพัฒนาส่ิงแวดลอม หมายถึง การกระตุน และรักษา ตลอดจน
แสวงหาแนวทางทจี่ ะทําใหสิ่งแวดลอม มีความย่ังยืน ดวยการสรางความรู ความเขาใจ ในคุณคา
และการดูแลการรักษา
2.2 การพฒั นาสัมพนั ธภาพระหวางบคุ คล
การพัฒนาสมั พนั ธภาพระหวางบคุ คล หมายถึง ความผูกพนั ความเกีย่ วของ
เปนกระบวนการติดตอเกี่ยวของระหวางบุคคลตั้งแตสองคนขึ้นไปเพื่อทําความรูจักกัน
โดยวัตถุประสงครวมกันดวยความเต็มใจ มีความรูสึกท่ีดีตอกัน อาศัยการแสดงออกทางกาย
วาจา และใจ ในชวงระยะเวลาหน่ึง ซ่ึงอาจไมจํากัดแนนอน สามารถอยูรวมกันและทํางาน
รวมกับผูอ่ืนได โดยมีสัมพันธภาพที่ดีตอกันและสรางสรรคผลงานที่เปนประโยชนใหเกิดขึ้น
โดยอาศัยความอดทนในการอยรู ว มกัน
การพัฒนาสัมพันธภาพระหวางบคุ คล จาํ เปน อยางยิง่ ทจี่ ะตองเร่ิมท่ตี นเอง
ดงั นี้
1) รูจักปรบั ตนเองใหมีอารมณห นักแนน ไมหวาดระแวง ไมออนแอหรือ
แขง็ กระดาง ไมเปลีย่ นแปลงหรือผนั แปรงาย
2) รูจ ักปรับตนเองใหเขากบั บคุ คล และสถานการณ รวมทั้งยอมรับและ
ปฏิบัตติ ามกฎ กติกา ระเบียบตาง ๆ รูจ ักบทบาทของตนเอง
3) รูจ กั สงั เกต รจู ด และรูจํา การสังเกตจะชว ยใหเ ราสามารถเขากับทุกคน
ทกุ ชนั้ ทุกเพศ และทกุ วัยไดด ี
4) รูจักตนเองและประมาณตน ชวยใหคนลดทิฐิ และเห็นความสําคัญ
ของผอู ืน่ ซึ่งชวยสรางความพึงพอใจใหแ กกนั
5) รจู กั สาเหตแุ ละใชเหตุผลตอผูอื่น ชวยลดความววู าม ทําใหการคบหา
กนั ไปดว ยดี
6) มคี วามมั่นใจในตนเอง และเปนตัวของตวั เอง
8
2.3 การพฒั นาสัมพันธภาพภายในชุมชนและสงั คม
การพัฒนาสัมพันธภาพภายในชุมชนและสังคม หมายถึง กระบวนการ
เปลี่ยนแปลงภายในสังคมท้ังดานเศรษฐกิจ สังคม การเมือง การปกครอง และวัฒนธรรม
เพื่อประชาชนมีชีวิตความเปนอยูท่ดี ขี ึน้ ทง้ั ดา นท่อี ยูอ าศยั อาหาร เครื่องนุงหม สุขภาพอนามยั
การศึกษา การมีงานทํา มีรายไดเพียงพอในการครองชีพ ประชาชนไดรับความเสมอภาค
ความยุติธรรม มีคุณภาพชีวิต ทั้งนี้ ประชาชนตองมีสวนรวมในกระบวนการเปลี่ยนแปลง
ทกุ ข้นั ตอนอยางมรี ะบบ
การพัฒนาสัมพนั ธภาพภายในชมุ ชนและสงั คม จําเปนตอ งเร่มิ ตนที่ตนเอง
ดังน้ี
1) พัฒนาบุคลกิ ภาพใหผูพ บเหน็ เกดิ ความช่ืนชมและประทับใจดวยการ
พดู และกริ ิยาทา ทาง
2) พัฒนาพฤตกิ รรมการแสดงออกดว ยความจริงใจ ใจกวา ง ใจดี
3) ใหความชวยเหลือเอาใจใสในกิจกรรมและงานสวนรวมดวยความ
มนี ้าํ ใจและเสียสละ
4) ใหค ําแนะนําหรอื เสนอแนะส่งิ ที่เปน ประโยชนตอสวนรวม
5) รวมแกไ ขปญหาขอขัดแยง ในสังคมใหดขี ึ้น
6) พูดคยุ กบั ทกุ คนดวยความยมิ้ แยม แจมใส และเปนมติ รกับทุกคน
7) ยดึ หลกั ปฏิบัตติ ามคา นยิ มพื้นฐาน คือ การพึ่งตนเอง ขยันหมั่นเพียร
มีความรับผิดชอบ ประหยัดและออม มีระเบียบวินัยและเคารพกฎหมาย ปฏิบัติตามคุณธรรม
ของศาสนา มีความจงรักภกั ดีตอ ชาติ ศาสนา และพระมหากษตั รยิ
นอกจากน้ี ยังจําเปนตองพัฒนาสัมพันธภาพตอส่ิงแวดลอม โดยการสํารวจ
สภาพทรพั ยากรธรรมชาตแิ ละสิง่ แวดลอม ใหความสนใจและรวมมือในการจัดกิจกรรม ตลอดจน
การบํารุงรักษาใหเกดิ ประโยชนต อ ชนรุนหลัง
สํานักงานคณะกรรมการบริหารลูกเสือแหงชาติ ไดกําหนดแนวทางการพัฒนา
ลูกเสือ 8 ประการ คอื
1) การพัฒนาทางกาย คือ การจัดกิจกรรมที่เปดโอกาสใหลูกเสือได
ออกกําลังกายอยางเต็มที่ และทําใหรางกายแข็งแรง เชน การเลนเกม การเดินทางไกลอยู
คายพักแรม การฝกวายน้ํา เลนฟุตบอล เปนตน ใหเหมาะสมกับสภาพอนามัยและอายุ
ของเดก็ ไมใชกิจกรรมทีต่ อ งออกแรงมากเกนิ ไป หรือเปน กิจกรรมสาํ หรบั เด็กเล็ก ๆ
2) การพัฒนาทางสติปญญา คือ การจัดกิจกรรมที่เราใจใหลูกเสือได
ปฏิบัติอันเปนการกระตุนใหเด็กเกิดความคิดริเริ่มสรางสรรค วิธีการบางอยางท่ีไดนํามาใช
ในการพัฒนาทางสติปญญา ไดแ ก งานประเภทงานผีมือตาง ๆ เชน การประดิษฐส่ิงของจากวัสดุ
เหลอื ใช การทาํ งานดวยเคร่อื งมือ การชมุ นุมรอบกองไฟ การแสดงหนุ กระบอก เปนตน
9
3) การพัฒนาทางจติ ใจและศีลธรรม ผูกํากับลูกเสือจะชวยพัฒนาจิตใจ
และศีลธรรมใหแกล กู เสอื ไดโ ดยสงเสริมใหมีความซาบซึ้งในศาสนา ดวยการฟงเทศน ไหวพระ
สวดมนต การปฏิบัติศาสนกิจและการไปทําบุญทําทานที่วัด พัฒนาแนวความคิดทางศาสนา
เชน การเชื่อคําสอนในพระพุทธองค การเช่ือในอํานาจลึกลับบางอยางที่ดลบันดาลความหวัง
ใหแ กชวี ติ กระตนุ ใหเ ด็กปฏิบัติตามและเชอื่ ถือตามพอแม กิจการลูกเสือสามารถที่จะเช่ือมโยง
กบั ศาสนาตาง ๆ ได
4) การพัฒนาในเรื่องการสรางคานิยมและเจตคติ ผูกํากับลูกเสือตอง
พยายามสรา งคา นยิ มและเจตคติที่ดีในส่ิงแวดลอมท่ัวไปใหเด็กเห็น และปลูกฝงลงไปในตัวเด็ก
โดยการแสดงภาพที่ดีที่มีคานิยม อภิปรายปญหาตาง ๆ ที่เกิดขึ้นกับลูกเสือแตละคนหรือกับ
กลุมลกู เสอื ทกุ โอกาส เพ่ือวา ลูกเสอื จะไดพบดว ยตัวเองวาคานยิ ม เจตคติและมาตรฐานอะไรที่มี
คุณคา อยา งยงิ่ ยวด
5) การพัฒนาสัมพันธภาพระหวางบุคคล ผูกํากับจะตองชวยเหลือให
ลูกเสือสรางสัมพันธภาพอยางฉันทมิตรกับผูอื่นอยางสม่ําเสมอ นอกจากน้ันก็ใหลูกเสือ
ไดทดสอบความสามารถหรือทักษะของเขาในการสรางสรรคความสัมพันธกับผูกํากับลูกเสือ
และทดสอบความสามารถในการผูกมิตรกบั เดก็ ชายหญงิ ในวยั เดยี วกันกับเขา
6) การพัฒนาสัมพันธภาพทางสังคม ผูกํากับลูกเสือควรตระหนักถึง
การพัฒนาสัมพันธภาพทางสังคมวา เปนเสมือนสวนหน่ึงท่ีสอดแทรกอยูในกิจการของลูกเสือ
กลมุ ลกู เสือควรจะมีความสามารถทจ่ี ะทาํ งานรวมกันอยางกลมเกลียวราบรื่น ลูกเสือควรจะได
เรยี นรถู ึงการใหค วามรวมมอื การใหและการรบั แสดงบทบาทผูกํากับ และเรียนรูถึงการยอมรับ
ในคุณคาและบคุ ลิกภาพของบุคคลอ่ืน ๆ เพราะไมมีใครจะอยูไดอยางเดียวดาย ระบบหมูของ
ลกู เสือจะชว ยใหลูกเสือแตล ะคนเขารว มกนั เปนกลุมที่ประกอบดวยบุคคลในรุนเดียวกัน และมี
ความสนใจคลายคลงึ กนั ในสภาพเชนนี้ ลูกเสอื สามารถทดลองทกั ษะในการทาํ งานในกลมุ เล็ก ๆ
ซึง่ จะมีสว นชวยเขาในอนาคตทั้งที่ทาํ งานและท่บี าน
7) การพฒั นาสัมพันธภาพตอชุมชน คือ ความพรอมและความสามารถ
ใหบ รกิ ารแกผูอืน่ ผูบ งั คบั บัญชาควรกระตุนใหลูกเสือไดเขาไปมีสวนรวมในชุมชนอยางเขมแข็ง
ไมวาจะเปนการบําเพ็ญประโยชนประจําเฉพาะตัว หรือปฏิบัติการรวมกันทั้งหมูในโครงการ
บําเพ็ญประโยชน เจตคตแิ ละทกั ษะดงั กลา วจะเปนทักษะท่มี ีคา และสําคัญ ถาในวันหนึ่งลูกเสือ
ไดร ับการกระตุนใหเ ปนผทู ม่ี สี วนชวยสรางสรรคสังคม ชุมชนในสังคมน้ันก็จะมีความประทับใจ
ในผลงานของลกู เสอื
8) การพัฒนาทางดานความรับผิดชอบตอสิ่งแวดลอม คือ การสงเสริม
ใหลูกเสอื ไดมคี วามเพลิดเพลินกับชวี ิตกลางแจง สง เสรมิ ใหร ูจักรักธรรมชาตแิ ละรกั ษาธรรมชาติ
การเรียนรูเรื่องธรรมชาติเปนกิจกรรมที่นําไปสูความสําเร็จในการลูกเสือ เพราะธรรมชาติให
บทเรียนวา คนเราสามารถเล้ียงชีพไดอยางไร รวมทั้งสอนใหรูจักการดํารงชีวิตตลอดไปจนถึง
10
การแสวงหาความสขุ จากชวี ติ อีกดวย ความรูพเิ ศษในเร่อื งของธรรมชาติเปนวิธีท่ีดีท่ีสุดที่จะเปด
ดวงจิตและความคิดของเด็กใหรูคุณคาความงามของธรรมชาติ เม่ือนิยมไพรไดฝงอยูในดวงจิต
ของเด็กแลว การสงั เกต การจดจํา การอนุมานจะไดร ับการพัฒนาข้ึนโดยอัตโนมัติจนกลายเปน
นสิ ยั อีกประการหน่งึ ในปจจุบันประชากรท่ัวโลกไดตระหนักถึงความตองการที่จะปองกันและ
อนุรักษธรรมชาติท้ังหลาย ท้ังรัฐบาลและองคการอนุรักษธรรมชาติตาง ๆ กําลังดําเนินการ
อยางเขมแข็งที่จะใหการศึกษาแกประชาชนใหคิดและดําเนินการรักษาสิ่งแวดลอมรอบตัว
มีวิถีทางอยางมากมายท่ีลูกเสือสามารถปฏิบัติและชวยเหลือในการอนุรักษธรรมชาติได เชน
การรณรงคตอตานการทิ้งเศษส่ิงของลงในที่สาธารณะ การทําความสะอาดทางระบายนํ้า
การปลูกตน ไม การจัดภาพแสดงการอนรุ กั ษป ดไวตามที่สาธารณะ เปนตน
กจิ กรรมทายเรือ่ งท่ี 2 ความสําคญั ของการลูกเสอื กบั การพฒั นา
(ใหผเู รียนไปทาํ กจิ กรรมทา ยเรอ่ื งที่ 2 ท่ีสมดุ บันทกึ กจิ กรรมการเรียนรูป ระกอบชดุ วชิ า)
เรื่องที่ 3 ลูกเสอื กับการพฒั นาความเปน พลเมอื งดี
การลกู เสือเปนขบวนการทางการศึกษาสําหรบั เดก็ และเยาวชนท่ีมีวัตถุประสงค
เพือ่ สรา งบุคลิกภาพ และพัฒนาการทางสังคมใหกับเด็กและเยาวชนเพื่อใหเปนพลเมืองดีของ
ประเทศ โดยใชวิธีการของลูกเสือท่ียึดม่ันในกฎและคําปฏิญาณ ซ่ึงลูกเสือกับการพัฒนา
ความเปนพลเมืองดีเก่ียวกับความหมายของพลเมืองดี ความเปนพลเมืองดีในทัศนะของ
การลกู เสอื และแนวทางการพฒั นาการลูกเสือไทยเพอ่ื สงเสริมความเปน พลเมอื งดี ดังนี้
3.1 ความหมายของพลเมอื งดี
พลเมอื งดี หมายถึง ผูปฏิบัติหนาท่ีตามกฎหมาย ขนบธรรมเนียมประเพณี
และวัฒนธรรมของชาติ คําส่ังสอนของพอแม ครู อาจารย มีความสามัคคี เอ้ือเฟอเผ่ือแผซึ่งกัน
และกัน รูจักรับผดิ ชอบชั่วดตี ามหลกั จรยิ ธรรม และหลักธรรมของศาสนา มีความรอบรู มีสติปญญา
ขยนั ขันแข็ง สรางความเจริญกาวหนาใหแ กตนเอง ครอบครัว สังคม และประเทศชาติไดครบถวน
ท้งั ภารกิจท่ีตอ งทําและภารกิจทคี่ วรทาํ
ภารกิจที่ตองทํา หมายถึง ส่ิงท่ีคนสวนใหญเห็นวาเปนหนาท่ีท่ีตองกระทํา
หรอื หามกระทํา
ถาทําก็จะกอใหเกิดผลดี เกิดประโยชนตอตนเอง ครอบครัว หรือสังคม
สว นรวม แลวแตกรณี
ถาไมท าํ หรือไมล ะเวนการกระทําตามท่ีกําหนดจะไดรับผลเสียโดยตรง คือ
ไดรับโทษ หรือถูกบังคับ เชน ปรับ จําคุก หรือประหารชีวิต เปนตน โดยท่ัวไปส่ิงที่ระบุภารกิจ
ทต่ี อ งทํา ไดแก กฎหมาย ขอบงั คับ ระเบียบตาง ๆ เปน ตน
11
ภารกจิ ทค่ี วรทาํ หมายถึง ส่ิงที่คนสวนใหญเห็นวาเปนหนาที่ที่ควรทํา หรือ
ควรละเวนการกระทาํ
ถา ไมทาํ หรอื ละเวน การกระทํา จะไดรับผลเสียโดยทางออม เชน ไดรับการ
ดหู มนิ่ เหยยี ดหยาม หรอื ไมค บคา สมาคมดว ย
ถาทําจะไดรับการยกยอง สรรเสริญจากคนในสังคม โดยท่ัวไปส่ิงที่ระบุกิจ
ที่ควรทํา ไดแ ก วฒั นธรรม ประเพณี เปน ตน
3.2 ความเปน พลเมอื งดใี นทัศนะของการลูกเสอื
กิจกรรมลูกเสือ เปนการจัดมวลประสบการณท่ีมีประโยชน และทาทาย
ความสามารถ เพื่อเปดโอกาสใหบุคคลพัฒนาศักยภาพของตนเอง และสรางลักษณะนิสัยไมเห็นแกตัว
และพรอ มท่ีจะเสียสละประโยชนสว นตัว เพื่อใหมีอาชีพและให “บริการ” แกบุคคลและสังคม
สามารถดําเนินชีวิตของตนเอง เปนผูมีความรับผิดชอบตามหนาท่ีของตน และดํารงชีวิตใน
สังคมไดอ ยางมคี วามสขุ
กิจกรรมลูกเสือ เปนกิจกรรมท่ีมุงพัฒนาบุคคลท้ังทางกาย สติปญญา
ศีลธรรม จิตใจ เพ่ือใหเปนพลเมืองดี รูจักหนาที่รับผิดชอบ และบําเพ็ญประโยชนตอชุมชน
สังคม และประเทศชาติ
ในทศั นะของการลูกเสือ คาํ วา “พลเมืองดี” คอื บุคคลที่มีเกียรติ เช่ือถือได
มีระเบียบวินัย สามารถบังคับใจตนเอง สามารถพ่ึงตนเองและสามารถที่จะชวยเหลือชุมชน
และบําเพ็ญประโยชนตอผูอ่ืน ทั้งนี้ ตองคํานึงถึงสภาวะแวดลอม สถานภาพของตนเองและ
ขีดความสามารถของตนเอง เพื่อปองกันหรือไมกอใหเกิดความเดือดรอนแกตนเองและ
ครอบครวั
การพัฒนาตนเองใหเ ปนพลเมอื งดีในทศั นะของการลูกเสือ มีดงั น้ี
1) มีความจงรักภักดีตอ ชาติ ศาสนา พระมหากษตั ริย
2) มเี กยี รติเช่ือถอื ได
3) มรี ะเบียบวนิ ยั สามารถบงั คับใจตนเองได
4) สามารถพงึ่ ตนเองได
5) เต็มใจและสามารถชวยเหลือชุมชน และบําเพ็ญประโยชนตอผูอื่น
ไดท กุ เมือ่
3.3 แนวทางการพฒั นาการลูกเสอื ไทยเพือ่ สงเสริมความเปน พลเมืองดี
สภาพการจดั การการลูกเสือไทยในอดีตและปจจุบันในดานการปฏิบัติและ
การสงเสริมความเปนพลเมืองดีท่ีเกิดจากกระบวนการลูกเสือไทยของกลุมบุคคลทั่วไป
ผูอํานวยการลูกเสอื ผูกํากับลูกเสอื และลกู เสือ สะทอนใหเห็นภาพรวมของการลูกเสือท่ีผานมา
ไดวา กระบวนการลูกเสอื ไทยในอดีตและปจ จบุ นั มคี วามสอดคลองกันในดา นการสอนใหลูกเสือ
มีความจงรักภักดีตอชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย รูจักการคิดวิเคราะหอยางเปนระบบ
12
แกปญหาเฉพาะหนาไดเปนอยางดี และมีการฝกวินัยใหลูกเสือเปนผูมีความซ่ือสัตย ถึงกระนั้น
การลูกเสือไทยยังตองเรงพัฒนาใหลูกเสือมีจิตอาสาท่ีจะชวยเหลือผูอื่นและสวนรวม เพราะ
สังคมปจจุบนั ตองการผูม จี ติ อาสาในการรว มกันชวยเหลือสังคมและพัฒนาประเทศ นอกจากนี้
การจัดการลูกเสือไทยในอดีตและปจจุบันยังมีขอแตกตางกันในเรื่องของการนําทักษะทาง
การลูกเสอื ไปใชในชวี ติ ประจาํ วนั ซึง่ อาจมาจากการเปลี่ยนแปลงของสภาพแวดลอมทางสังคม
ที่มีบริบทแตกตางกันท้ังความเจริญดานวัตถุและเทคโนโลยี สําหรับการจัดกิจกรรมลูกเสือ
สามารถสงเสรมิ ความเปนพลเมืองดีไดในทกุ ดา น เพราะผูกํากบั ลูกเสอื ไดจ ดั กิจกรรมลูกเสือตาม
แนวทางการจดั กจิ กรรมลูกเสือที่สํานักงานลูกเสือแหงชาติกําหนด สวนการจัดการลูกเสือไทย
ในดานการพัฒนาครูและบุคลากรทางการลูกเสือทั้งในอดีตและปจจุบันมีความสอดคลองกัน
ที่ตองการใหครแู ละบุคลากรทางการลกู เสอื ไดรับการพัฒนาทกั ษะการสอนดานการลูกเสือมากข้ึน
ดังน้ัน แนวทางการพัฒนาการลูกเสือไทยเพ่ือสงเสริมความเปนพลเมืองดี ทําไดโดยการ
กําหนดวสิ ยั ทศั นแ ละพนั ธกิจของการลกู เสอื ไทย เพอื่ สง เสริมความเปน พลเมืองดีเพื่อเปนแมบท
และแนวทางเดียวกันในการดําเนินงาน โดยมุงเนนที่ตัวเด็กและเยาวชนใหมีคุณลักษณะ
ท่ีพึงประสงคเปนพลเมืองดีของชาติและพลโลกตามวัตถุประสงคของคณะลูกเสือแหงชาติ
ซ่ึงกําหนดไวในพระราชบัญญัติการลูกเสือ พ.ศ. 2551 และมีพันธกิจท่ีสงเสริมใหเด็กและ
เยาวชนไดพ ัฒนาตนเองใหเ ปนผมู รี ะเบียบวินัย มีจติ สาธารณะใหค วามชวยเหลือผูอื่นและสังคม
มีคุณธรรม รูจักหนาที่ของตนและไมทําความเดือดรอนใหแกผูอ่ืน โดยรัฐบาลเปนผูกําหนด
วิสัยทัศนและพันธกิจ ควรจัดทําเปนนโยบายแหงชาติและมีหนวยงานหลักรับผิดชอบ
อยางชดั เจน ท้งั นี้ ควรแยกบทบาทหนาทข่ี องหนว ยงานท่ีใหการศึกษาแกลูกเสือในสถานศึกษา
ออกจากหนว ยงานทม่ี ีหนาท่ีใหความรูผูกํากบั ลกู เสือ เพ่อื ใหการทาํ งานไมเกิดความซ้ําซอนและ
ลดขั้นตอนการทํางาน ในสวนของคณะกรรมการตามโครงสรางของพระราชบัญญัติลูกเสือ พ.ศ. 2551
ควรมีความเชื่อมโยงบทบาทหนาที่การดูแลงานลูกเสือในทุกระดับ และลดชองวางของการ
ทาํ งานในกระบวนการลกู เสือ โดยมกี ารควบคมุ ใหม กี ารดําเนนิ งานตามแผนงาน ระยะเวลาและ
เกณฑม าตรฐานทกี่ ําหนดไว มีการจดั สรรและใชง บประมาณตามทไ่ี ดร บั อนุมัติดานอัตรากาํ ลังควรมี
หนวยงานกลางท่ีรับผิดชอบประสานงานดานน้ีโดยตรงเพ่ือลดทอนภาระหนาท่ีของบุคลากรจาก
หนวยงานท่ีเกยี่ วขอ งใหสามารถปฏบิ ัติงานดา นการลกู เสือไดอยา งมปี ระสิทธภิ าพ
ดา นแนวทางการจัดกจิ กรรมลกู เสือ
กจิ กรรมลูกเสอื ที่จัดตอ งเหมาะสมกบั วัยของลูกเสือในแตล ะประเภทและมีความ
หลากหลายสามารถปฏิบัติไดจริง เหมาะสมกับยุคสมัยและตรงตามความตองการของลูกเสือ
ท้ังนี้ ตองอยภู ายใตห ลักเกณฑแ ละวธิ ีการของลูกเสือ และควรมุงเนนใหลูกเสือเปนผูมีจิตอาสา
มวี ินัยและรูจ กั หนา ที่ของตนดวยการปฏิบัติจริง (Learning by Doing) ท่ีเกิดจากกระบวนการ
กลุม โดยยึดกฎและคาํ ปฏิญาณของลกู เสอื เปนแนวทางในการจดั กิจกรรม ภายใตส ภาพแวดลอม
ที่เปนธรรมชาติ เพ่ือใหลูกเสือไดประยุกตทฤษฎีสูการปฏิบัติและซึมซับกับธรรมชาติท่ีแทจริง
13
รวมทงั้ ตอ งพฒั นาใหผูกํากบั ลกู เสือปฏบิ ัตติ นเปน แบบอยางทดี่ ีใหกับลกู เสือและเปน ตนแบบของ
การเรยี นรู อาทิ การแตงเครื่องแบบลูกเสอื ทถี่ ูกตอ งทกุ คร้ังทมี่ กี ารเรยี นการสอนกจิ กรรมลูกเสือ
นอกจากน้ี ตอ งเปน ผมู คี วามรูและทกั ษะทางการลกู เสือเพ่ือสามารถถายทอดวามรูและประสบการณ
ใหลูกเสือนําไปใชในชีวิตประจําวันได การจัดกิจกรรมลูกเสือจะดําเนินการตามขอบังคับ
คณะลูกเสือแหงชาติวาดวยการปกครองหลักสูตรและวิชาพิเศษลูกเสือ พ.ศ. 2509 ซ่ึงเปน
กฎหมายลกู ทงั้ นี้ขอ บงั คับฯ ดงั กลาวยงั มิไดรับการปรบั ปรุงแกไขใหสอดคลองกับพระราชบัญญัติ
ลูกเสือ พ.ศ. 2551 ซงึ่ เปนกฎหมายแม จึงควรมกี ารทบทวนปรับปรุงขอบังคับฯ ใหเปนปจจุบัน
และสอดรบั กบั พระราชบัญญตั ลิ กู เสอื กอปรกับเพอื่ เปนแนวทางเดียวกนั ในการจัดกิจกรรมลูกเสือ
ใหกับผูป ฏบิ ัติงานดา นการลกู เสอื ตอ ไป
ดา นการพฒั นาครแู ละบคุ ลากรทางการลกู เสือไทย
ครูและบุคลากรทางการลูกเสือเปนกลุมบุคคลท่ีนํานโยบายไปสูการปฏิบัติ
เพื่อใหบรรลุผลตามเปาหมายท่ีกําหนดไว ดังนั้น ในการคัดเลือกหรือกําหนดตัวบุคคลที่จะทํา
หนาทเ่ี ปนครแู ละบคุ ลากรทางการลกู เสือ จึงตองมีเกณฑคุณลักษณะท่ีเหมาะสมโดยเฉพาะครู
ท่จี ะมาเปนผกู าํ กบั ลกู เสือตองเปน ผูมีความรกั ศรัทธาและเหน็ คณุ คา ในการลูกเสือ มีความเสียสละ
อดทน และมีภาวะผูนํา มีความรูและทักษะการลูกเสือ ประพฤติตนเปนแบบอยางท่ีดีเสมอ
รวมท้ัง สามารถปรับตัวใหเขากับวัยและสังคมของเด็กในแตละยุคสมัยได ครูและบุคลากร
ทางการลูกเสอื จึงควรไดรับการพัฒนาใหมีความรอบรูอยูเสมอ ผูบริหารจึงตองสนับสนุนใหได
เขาอบรมและเขา รวมกิจกรรมทางการลูกเสืออยา งตอเนอ่ื ง ครแู ละบุคลากรทางการลกู เสือไมได
เรียนมาทางการลูกเสือโดยตรง จึงขาดทักษะในการจัดกิจกรรมลูกเสือ ดังน้ัน จึงควรจัดทํา
หลักสูตรดานการลูกเสือโดยตรงสําหรับการศึกษาระดับปริญญา เพื่อผลิตบุคลากรที่มีความรู
ความชํานาญดานการลูกเสือใหส ามารถพฒั นาการลกู เสือใหร กุ หนา ตอไป นอกจากนี้ ควรมีการ
สง เสรมิ และสรา งขวัญและกาํ ลังใจใหก ับครูและบุคลากรทางการลูกเสอื เพอ่ื เปนแรงกระตนุ และ
ผลักดันใหบ ุคคลปฏบิ ัตงิ านดวยความเต็มใจพรอมท่จี ะทํางานใหหนวยงานดวยการสงเสริมใหนํา
ผลงานทางการลูกเสอื ขอเลื่อนวิทยฐานะ การสรางขวัญและกาํ ลงั ใจ โดยมีคาตอบแทนใหกับครู
หรอื บุคลากรทางการลกู เสอื ท่ปี ฏิบัติงานนอกเวลาทาํ การ การนําชว่ั โมงการสอนกจิ กรรมลูกเสือ
มาคิดภาระงานได การประกาศเกียรติคุณสําหรับผูปฏิบัติงานดานการลูกเสือดีเดน และการ
สรา งคุณคา ใหกบั ผปู ฏบิ ตั งิ านดานการลกู เสอื
ดา นการสรา งเครือขา ยการลูกเสือไทย
การลกู เสือไทยเปน การทาํ งานในลักษณะมหภาคครอบคลุมลกู เสอื ครูและบุคลากร
ทางการลูกเสือทั่วประเทศ จึงควรสรางเครือขายการลูกเสือใหเกิดข้ึนเพ่ือเปนการเช่ือมโยง
กลุมบุคคลหรอื หนวยงานทร่ี ว มทาํ งานเพือ่ การลกู เสอื และมีเปาหมายเดียวกันในการพัฒนาเด็ก
และเยาวชนใหเปนพลเมืองดี โดยเครือขายการลูกเสือควรประกอบดวย สํานักงานลูกเสือแหงชาติ
เปนแกนหลกั สํานักงานคณะกรรมการการศึกษาขนั้ พื้นฐาน สถานศึกษา ครูและบุคลากรทางการ
14
ลกู เสือ หนวยงานภาครัฐและภาคเอกชนเพ่ือประสานความรวมมือ ใหการสนับสนุนในกิจการ
ลกู เสอื และรว มจัดกจิ กรรมลูกเสือ การสรางเครือขายการลูกเสือในระดับนโยบายควรเปนการ
กาํ หนดและแบง ภารกิจ อํานาจหนาท่ี วธิ ปี ฏิบตั ิ การจัดการรว มกันของภาคเี ครือขา ยตามขอตกลง
ท่ีไดท ําไวรว มกนั สาํ หรับระดบั ปฏบิ ตั ิควรใชว ิธกี ารรว มกันเปนผูรับผิดชอบการจัดกิจกรรมลูกเสือ
ในแตล ะโครงการ การรวมเปน คณะกรรมการในกจิ กรรมตาง ๆ ทางการลูกเสือ ทั้งนี้ตองอยูบน
พ้ืนฐานความสมัครใจของสมาชิกในเครือขาย และในการทํากิจกรรมตองมีลักษณะเทาเทียม
หรือแลกเปลย่ี นซงึ่ กันและกัน รวมทั้งตองไมกระทบกับตัวบุคคลหรือองคกรของสมาชิกเครือขาย
ดวยการสรางเครือขายท่ีดีนั้น สมาชิกเครือขายตองมีความรูสึกผูกพันกัน มีการรับรูภารกิจ
ในมุมมองเดียวกัน มีวิสัยทัศนหรือเปาหมายรวมกัน มีผลประโยชนที่ไดจากการรวมกิจกรรม
เทาเทียมกนั (win - win) การมสี ว นรวมของสมาชิก มีการเสริมสรางความเขมแข็งและลดจุดออน
ของกนั และกนั มกี ารเกือ้ หนุนพ่ึงพาและปฏิสัมพันธที่ดีตอกัน หากสรางเครือขายการลูกเสือไทย
ข้ึนไดแลว จะทาํ ใหก ารพัฒนาการลูกเสือไทยกระทาํ ไดงายยิ่งขน้ึ ดวยการแลกเปล่ียนความรูหรือ
ประสบการณจากกลมุ สมาชิก ลดความซา้ํ ซอ นในการทํางาน สรางความรวมมือและระบบการ
ทํางานทเ่ี ออ้ื ประโยชนตอ กันในกลมุ สมาชกิ เครอื ขา ย
ดา นปจ จัยเกอื้ หนุนตอการพัฒนาการลูกเสือไทย
นับจากท่ีการลูกเสือกอกําเนิดมาเปนเวลากวาหนึ่งรอยปนั้นบุคคลในวงการ
ลูกเสือตางรูถึงคุณคาของการลูกเสือที่สงเสริมความเปนพลเมืองดีทั้งเด็ก เยาวชน และผูใหญ
แตมีคนอีกจํานวนมากท่ียังไมเห็นคุณคาของการลูกเสือ น่ันเพราะการลูกเสือยังขาดการ
ประชาสัมพันธและการปฏิบัติอยางจริงจังท่ีแสดงใหเห็นถึงคุณความดีของบุคคลที่เกิดจาก
กระบวนการการลูกเสอื จงึ เปน สิ่งจําเปนอยางยิ่งท่ีสํานักงานลูกเสือแหงชาติตองเขามามีบทบาท
ในการสรา งคุณคาของการลกู เสือใหเ ปนท่ีประจักษกับสาธารณชน การท่ีประเทศไทยมีจํานวน
ลกู เสือมากในลาํ ดบั ตน ๆ ของโลก ดังน้ัน จึงเปนเร่ืองทาทายสําหรับการจัดการขอมูลของการ
ลูกเสือ ซ่ึงฐานขอมลู ถอื เปนสิง่ สาํ คัญในการบริหารจดั การ เพราะเปน สวนสนบั สนุนในการตดั สินใจ
ของผบู รหิ ารและชวยการทํางานของผูปฏิบัติใหมีความรวดเร็ว ถูกตองและแมนยํา นอกจากนี้
บุคลากรถือเปนปจจัยหลักของการจัดการ โดยเฉพาะผูบริหารของสํานักงานลูกเสือแหงชาติ
ซึ่งมีหนาที่ความรับผิดชอบโดยตรงตอการลูกเสือไทย ซ่ึงหลายคนมิไดมีหนาที่เฉพาะในการ
ลูกเสอื เพยี งอยา งเดียว แตเ ปนผทู ี่มาโดยตําแหนงตามโครงสรางท่ีถูกกําหนดไวในพระราชบัญญัติ
ลกู เสือ พ.ศ. 2551 ดงั น้ัน จึงเปนเร่ืองสําคัญท่ีผูบริหารกลุมนี้ตองศึกษาหาความรูเก่ียวกับการ
ลูกเสือใหมาก ๆ โดยเฉพาะผูที่ดํารงตําแหนงเลขาธิการคณะกรรมการบริหารลูกเสือแหงชาติ
ควรเปนผูมีหนาที่รับผิดชอบเฉพาะการลูกเสือและปฏิบัติงานเต็มเวลา เปนผูมีอุดมการณ
ทางการลูกเสือและมีสมรรถนะทางการจดั การ
กจิ กรรมทายเรื่องที่ 3 ลกู เสือกบั การพัฒนาความเปน พลเมืองดี
(ใหผ เู รียนไปทาํ กิจกรรมทา ยเรอ่ื งที่ 3 ทสี่ มดุ บนั ทกึ กิจกรรมการเรยี นรูป ระกอบชุดวิชา)
15
เรอ่ื งท่ี 4 การสาํ รวจตนเอง ครอบครัว ชมุ ชน และสังคม เพือ่ การพัฒนา
การสาํ รวจตนเอง ครอบครัว ชุมชน และสังคม เพื่อการพฒั นาของลูกเสือ กศน.
ลูกเสือจะตองเรียนรูเก่ียวกับการรูจักตนเอง การรูจักครอบครัว ชุมชน และสังคม และการมี
ความรบั ผดิ ชอบและชว ยสรา งสรรคสงั คมใหเกดิ ความสามัคคี ดงั น้ี
4.1 การรูจ กั ตนเอง
การรูจ กั และเขา ใจตนเอง สามารถดาํ เนินการไดโดยการสํารวจตนเอง รับรู
สภาพการดํารงชีวติ ที่เปน อยูในปจ จบุ นั วา อยใู นสภาวะใดหรอื กาํ ลงั เผชิญปญหาใดอยูบ าง
4.2 การรจู กั ครอบครัว ชุมชน และสงั คม
เม่ือเรารูจักตนเองแลว หากเรารักใครเราก็ตองมีความรูเก่ียวกับผูนั้นดวย
เชนกัน คนในครอบครัวก็ทํานองเดียวกัน ภรรยาและสามีตองรูจัก และเขาใจกันใหดี รูวาใคร
ชอบไมชอบอะไร เหมอื นหรือตา งกนั ตรงไหน ชอบรับประทานอะไร รูจักนิสัยใจคอ ยิ่งครองรัก
กนั นานเทา ใด ยงิ่ ตอ งรจู กั กนั มากขน้ึ ไมใ ชรจู กั กนั นอยลง และตองเขา ใจกันใหมากขึ้น ถาเรารัก
ลกู กต็ องรูจ ักและมีความรูเกยี่ วกับลูกวาชอบไมช อบวิชาใด ถนัดอะไร ชอบอาชีพอะไร อุปนิสัย
เปนอยางไร มีจุดเดน จุดดอยอะไรบาง โดยเราจะตอง “ปรับ” พ้ืนฐานเหลาน้ีใหเขากันใหได
เพื่อชวยใหเราสามารถอยูดวยกันอยางมีความสุข การที่เรารูจักนิสัย รูจุดเดน จุดดอย ของ
ครอบครัวมากเทา ใดก็จะยิง่ ชว ยใหเราสามารถดแู ลเขาไดด ีขึ้น
นอกจากน้ีเรายังตองรูจักชุมชนของเราใหถองแทยิ่งข้ึน ตองศึกษาความเช่ือ
ของชมุ ชนเพราะพน้ื ฐานการศึกษาประสบการณ ศาสนามีความแตกตางกัน ตองศึกษาผูนําชุมชน
หรือผมู ชี ื่อเสียง ศึกษาบริบทพื้นฐานของชุมชน ไดแ ก ขนาดของชุมชน สถานท่ีต้ังทางภูมิศาสตร
ประวัติศาสตร จํานวนประชากร ปญหาของชุมชนท้ังในอดีตและปจจุบัน การประกอบอาชีพ
ของคนในชมุ ชน รวู า บทบาทภารกจิ ท่ีตอ งรับผิดชอบคืออะไร มีทักษะและประสบการณในการ
ดําเนนิ งานดานใด มคี วามรูส กึ ชอบ และยอมรับความคิดเห็นของผอู นื่ ทั้งผูเห็นตางและผูเห็นดวย
สามารถรบั รถู งึ ความรูสึกของผอู ่ืน ตลอดจนมีความรู และทักษะในการสื่อความหมายไดด ี
คณุ สมบัตทิ ง้ั หมดนี้ ลว นมีความสาํ คัญมากในการอยูรวมกันของชุมชน เพราะ
ความสมั พนั ธท ่ดี ใี นชุมชน จะชวยใหก ารทํางานของชมุ ชนเปน ไปอยา งมปี ระสิทธภิ าพ
4.3 การมีความรบั ผดิ ชอบและชวยสรา งสรรคสงั คมใหเ กิดความสามคั คี
สมาชกิ ทกุ คนในสงั คมยอมตองมีบทบาทหนา ท่ตี ามสถานภาพของตน ซึ่งบทบาท
และหนาที่ของสมาชิกแตละคนจะมีความแตกตางกันไป แตในหลักใหญและรายละเอียด
จะเหมอื นกัน ถา สมาชิกทุกคนในสังคมไดปฏิบัติตามบทบาทหนาท่ีของตนอยางถูกตองก็จะได
ชื่อวาเปน "พลเมืองที่ดีของสังคมและประเทศชาติ" และยังสงผลใหประเทศชาติพัฒนา
อยา งยงั่ ยนื ดังนนั้ สมาชิกในสังคมทุกคน โดยเฉพาะเยาวชนท่ีถอื วา เปนอนาคตของชาติ จึงจําเปน
อยางยงิ่ ทจ่ี ะตอ งเรยี นรแู ละปฏบิ ตั ติ ามบทบาทหนาที่ของตน เพ่ือชวยนําพาประเทศชาติใหพัฒนา
สืบไป
16
การเปนสมาชิกท่ีดีของสังคมและประเทศชาตินั้นประชาชนทุกคนนับเปนพลัง
อันสําคัญท่ีจะชวยกันเสริมสรางกิจกรรม ควรเปนผูท่ีมีคุณธรรม จริยธรรม กลาวคือจะตองมี
ธรรมะในการดําเนินชีวติ และรว มแรงรว มใจ สามัคคแี ละเสยี สละเพื่อสว นรวม ไดแก
1) การเสียสละตอสวนรวม เปนคุณธรรมท่ีชวยในการพัฒนาประเทศชาติใหมี
ความเจริญกาวหนา เพราะหากสมาชิกในสังคมเห็นแกประโยชนสวนรวม และยอมเสียสละ
ประโยชนส ว นตน จะทําใหส ังคมพฒั นาไปอยางรวดเรว็ และมั่นคง
2) การมีระเบียบวินัยและความรับผิดชอบตอหนาที่ เปนคุณธรรมท่ีชวยใหคน
ในสงั คมอยรู วมกันไดอยา งสงบสุข เพราะถาสมาชิกในสังคมยึดมั่นในระเบียบวินัย รูและเขาใจ
สทิ ธิของตนเอง ไมละเมิดสิทธิผูอ่ืน และตั้งใจปฏิบัติหนาท่ีของตนใหดีท่ีสุด สังคมน้ันก็จะมีแต
ความสุข เชน ขาราชการทําหนาที่บริการประชาชนอยางดีที่สุด ก็ยอมทําใหเปนที่ประทับใจ
รกั ใครข องประชาชนผมู ารับบริการ
3) ความซื่อสตั ยสุจริต เปน คุณธรรมทมี่ คี วามสําคัญ เพราะหากสมาชิกในสังคม
ยึดมั่นในความซื่อสัตยสุจริต เชน ไมลักทรัพย ไมเบียดเบียนทรัพยสินของผูอ่ืนหรือของ
ประเทศชาติมาเปนของตน รวมทั้งผูนําประเทศมีความซื่อสัตยสุจริตก็จะทําใหสังคมมีแต
ความเจรญิ ประชาชนมีแตค วามสุข
4) ความสามัคคี ความรักใครกลมเกลียวปรองดองและรวมมือกันทํางาน เพื่อ
ประโยชนสวนรวมจะทําใหสังคมเปนสังคมท่ีเขมแข็ง แตหากคนในสังคมเกิดความแตกแยก
ทง้ั ทางความคดิ และการปฏบิ ัติตนในการอยูรวมกนั จะทาํ ใหส งั คมออนแอและลมสลายในท่สี ดุ
5) ความละอายและเกรงกลัวในการทําช่ัว ถาสมาชิกในสังคมมีหิริโอตัปปะ
มคี วามเกรงกลวั และละอายในการทาํ ชวั่ สังคมกจ็ ะอยกู ันอยางสงบสุข เชน นักการเมืองจะตอง
มีความซ่ือสัตยสุจริตไมโกงกิน ไมเห็นแกประโยชนพวกพอง โดยตองเห็นแกประโยชนของ
ประชาชนเปนสาํ คญั ประเทศชาตกิ จ็ ะสามารถพฒั นาไปไดอ ยา งมน่ั คง
ดงั น้ัน การสํารวจตนเอง ครอบครัว ชุมชน และสังคม เพ่ือการพัฒนา จําเปนตอง
มองใหครอบคลุมประเด็นของการพัฒนา และตรงตามความจําเปนท่ีควรไดรับการพัฒนา
เพ่ือใหเกิดทักษะการดํารงชีวิตอยูในสังคมไดอยางมีความสุข ไมวาจะเปนการพัฒนาตนเอง
การพฒั นาสัมพันธภาพระหวางบุคคล หรอื การพฒั นาสมั พนั ธภาพภายในชุมชนและสังคม ซึ่งการ
สํารวจเพอ่ื การพฒั นา จึงสามารถทําไดทั้งการสํารวจดวยวิธีมองตนเอง และใหบุคคลอื่นชวยมอง
ตัวเรา จากน้ันจึงนาํ ขอ มูลท่ีไดม าคดิ วิเคราะห จัดลาํ ดบั ความเปนไปไดวามีเร่ืองใดที่จะสามารถ
พฒั นาไดด ว ยปจ จยั ใด
17
ตัวอยางแบบสาํ รวจ เพอ่ื การพัฒนา ลูกเสอื กศน.
หัวขอการสํารวจ ขอ ดี ขอ ควรพฒั นา วิธกี ารพฒั นา ปจ จัย
สนับสนุน
1. การพัฒนาตนเอง
1.1 การพัฒนาทางกาย
1.2 การพฒั นาทาง
สติปญญา
1.3 การพฒั นาทาง
จิตใจ
1.4 การพฒั นาทาง
สังคม
2. การพัฒนา
สัมพนั ธภาพ
ระหวางบคุ คล
3. การพฒั นา
สมั พนั ธภาพภายใน
ชุมชนและสังคม
กจิ กรรมทา ยเรอื่ งที่ 4 การสาํ รวจตนเอง ครอบครวั ชมุ ชนและสงั คม เพอื่ การพฒั นา
(ใหผูเรียนไปทาํ กิจกรรมทายเรือ่ งที่ 4 ท่สี มดุ บันทกึ กจิ กรรมการเรยี นรปู ระกอบชดุ วชิ า)
18
หนวยการเรยี นรูที่ 2
การลูกเสอื ไทย
สาระสาํ คญั
พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกลาเจา อยูห วั ทรงเล็งเหน็ ความสําคัญของกจิ การลกู เสอื
จึงไดทรงพระราชทานกําเนิดลูกเสือไทยขึ้นเม่ือวันท่ี 1 กรกฎาคม พ.ศ. 2454 ในการตั้งลูกเสือ
กเ็ พอ่ื ใหค นไทยรกั ชาติบานเมือง เปนผูนับถือศาสนาและมีความสามัคคี ไมทําลายซ่ึงกันและกัน
เปน รากฐานแหง ความม่ันคงของประเทศชาติ โดยกิจการลูกเสือไทย เร่ิมขึ้นครั้งแรกที่โรงเรียน
มหาดเล็กหลวง (โรงเรียนวชิราวุธวิทยาลัย ในปจจุบัน) เมื่อวันท่ี 1 กรกฎาคม พ.ศ. 2454
มคี วามเจริญกาวหนามาถงึ ปจจุบัน (พ.ศ. 2561) นับเนอ่ื งเปนเวลา 107 ป โดยจําแนกตามรัชสมัย
ดังน้ี 1) รัชสมัยพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกลาเจาอยูหัวรัชกาลท่ี 6 (พ.ศ. 2454 –2468)
2) รัชสมัยพระบาทสมเด็จพระปกเกลาเจาอยูหัว รัชกาลท่ี 7 (พ.ศ. 2468 –2477) 3) รัชสมัย
พระบาทสมเด็จพระปรเมนทรมหาอานันทมหิดล รัชกาลท่ี 8 (พ.ศ. 2477 – 2489) 4) รัชสมัย
พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภมู ิพลอลุยเดช รัชกาลท่ี 9 (พ.ศ. 2489 – 2559) และ 5) รชั สมยั
สมเด็จพระเจาอยูหัวมหาวชริ าลงกรณ บดินทรเทพยวรางกูร รัชกาลท่ี 10 (พ.ศ. 2559 - พ.ศ. 2561
ถงึ ปจ จบุ ัน)
พระราชบัญญัติลกู เสอื แหงชาติ พ.ศ. 2551 ไดกําหนดไววาคณะลูกเสือแหงชาติ
ประกอบดวย บรรดาลูกเสือท้ังปวง และบคุ ลากรทางการลูกเสือ โดยมพี ระมหากษัตริยทรงเปน
ประมุขของคณะลูกเสือแหงชาติ การบริหารงานของคณะลูกเสือแหงชาติ ประกอบดวย
สภาลูกเสือแหงชาติมีนายกรัฐมนตรีเปนสภานายก มีกรรมการโดยตําแหนง และกรรมการ
ผูทรงคุณวุฒิ กรรมการบริหารลูกเสือแหงชาติ มีรัฐมนตรีวาการกระทรวงศึกษาธิการ
เปนประธานกรรมการ มีกรรมการโดยตําแหนง และกรรมการผูทรงคุณวุฒิ กรรมการลูกเสือ
จังหวัด มีผูวาราชการจังหวัด เปนประธานกรรมการมีกรรมการโดยตําแหนง กรรมการ
ประเภทผูแ ทน และกรรมการผูทรงคณุ วฒุ ิ กรรมการลกู เสอื เขตพนื้ ท่กี ารศึกษา มผี ูอ าํ นวยการ
สํานักงานเขตพื้นที่การศึกษา เปนประธานกรรมการ มีกรรมการโดยตําแหนง กรรมการ
ประเภทผแู ทน และกรรมการผูทรงคุณวฒุ ิ
19
ตัวช้ีวดั
1. อธิบายประวตั ิการลูกเสือไทย
2. อธิบายความรูทว่ั ไปเก่ยี วกบั คณะลกู เสือแหงชาติ
ขอบขา ยเน้อื หา
เรือ่ งท่ี 1 ประวัติการลูกเสือไทย
1.1 พระราชประวตั ิของพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกลาเจา อยหู วั
1.2 กาํ เนิดลูกเสือไทย
1.3 กจิ การลูกเสือไทยแตละยคุ
เรอ่ื งท่ี 2 ความรูท ัว่ ไปเก่ียวกบั คณะลูกเสือแหง ชาติ
2.1 คณะลูกเสอื แหง ชาติ
2.2 การบริหารงานของคณะลูกเสือแหง ชาติ
2.3 การลูกเสอื ในสถานศกึ ษา
เวลาที่ใชใ นการศกึ ษา 3 ชัว่ โมง
ส่ือการเรยี นรู
1. ชดุ วิชาลูกเสือ กศน. รหสั รายวชิ า สค32035
2. สมุดบันทกึ กิจกรรมการเรยี นรูประกอบชุดวชิ า
3. ส่อื เสริมการเรียนรูอืน่ ๆ
20
เรื่องท่ี 1 ประวตั กิ ารลูกเสือไทย
พระบาทสมเดจ็ พระมงกุฎเกลา เจาอยูหัว ทรงเล็งเห็นความสาํ คญั ของกจิ การลกู เสอื
จึงไดทรงพระราชทานกําเนิดลูกเสือไทยข้ึนเม่ือวันที่ 1 กรกฎาคม พ.ศ. 2454 โดยมีพระราช
ประสงค 3 ประการ ซึ่งเปนรากฐานแหงความม่ันคงที่จะนําใหชาติดํารงอยูเปนไทยไดสมนาม
คอื 1) ความจงรักภกั ดตี อผทู รงดาํ รงรัฐสีมาอาณาจักรโดยตองตามนิติธรรมประเพณี 2) ความรัก
ชาตบิ านเมืองและนับถอื พระศาสนา และ 3) ความสามัคคีในคณะและไมทําลายซ่ึงกันและกัน
ประเทศไทยเปน ประเทศอนั ดับทส่ี ามของโลกทม่ี ีลูกเสอื โดยต้ังกองลกู เสือกองแรกข้นึ ทีโ่ รงเรียน
มหาดเล็กหลวงหรือโรงเรียนวชิราวุธวทิ ยาลยั ในปจ จบุ นั เรียกวา กองลูกเสือกรงุ เทพฯ ที่ 1 ลูกเสือ
คนแรกของประเทศไทย คือ นายชัพน บุนนาค พระองคไดทรงดําเนินการสอนลูกเสือโดย
พระองคเอง วิชาที่ใชในการฝกอบรมเปนวิชาฝกระเบียบแถว ทาอาวุธ การสะกดรอย หนาที่
ของพลเมอื ง ฯลฯ และไดท รงพระกรณุ าโปรดเกลา โปรดกระหมอมพระราชทานพระบรมราชานุญาต
ใหจ ดั ตั้งกองลูกเสือตามโรงเรียนตาง ๆ ทาํ ใหก ิจการลูกเสือไดร ับความนยิ มแพรห ลายและเจริญขึ้น
อยางรวดเรว็ และโปรดเกลา โปรดกระหมอ มใหมขี อบังคับลักษณะการปกครองลูกเสือ พระองค
ทรงต้ังสภากรรมการลูกเสือแหงชาติและพระองคดํารงตําแหนงสูงสุดของคณะลูกเสือแหงชาติ
หลังจากนั้นพระมหากษตั ริยไ ทยทกุ ประองคท รงเปนพระประมุขของคณะลกู เสือแหง ชาติ
ประวัตลิ กู เสือไทย แบงออกเปน 5 ยุค ไดแ ก
1) ยุคกอตัง้ (พ.ศ. 2454 - 2468) เปน ยคุ รชั กาลพระบาทสมเด็จพระมงกุฎ-
เกลาเจาอยูหัว โดยพระองคทรงสถาปนาลูกเสือแหงชาติขึ้น เมื่อวันท่ี 1 กรกฏาคม พ.ศ. 2454
โปรดใหต้ังกองลกู เสือกองแรกข้ึนที่โรงเรียนมหาดเล็กหลวง เรียกวากองลูกเสือกรุงเทพฯ ที่ 1
ซง่ึ ตอมากิจการลกู เสอื ไดขยายตัวไปหลายจังหวดั
2) ยคุ สงเสริม (พ.ศ. 2468 - 2482) เร่มิ ตง้ั แตแผน ดนิ พระบาทสมเด็จพระปกเกลา-
เจา อยูห ัว จนถึงตนสงครามโลกครง้ั ที่ 2 ยคุ น้ไี ดมกี ารชุมนุมลูกเสือแหงชาติข้ึนเปนคร้ังแรก เมื่อ
พ.ศ. 2470 ณ พระราชวงั อทุ ยานสราญรมย จงั หวดั พระนคร และเม่ือ พ.ศ. 2473 ไดมีการจัดงาน
ชุมนมุ ลูกเสอื แหงชาติ คร้งั ท่ี 2 ณ สถานท่เี ดียวกัน ป พ.ศ.2476 ตงั้ กองลกู เสือสังกัดกรมพลศึกษา
กระทรวงศึกษาธิการ และ พ.ศ. 2482 ไดมีการตราพระราชบัญญตั ลิ ูกเสือข้ึนเปน ฉบับแรก
3) ยคุ ประคบั ประคอง (พ.ศ. 2482 - 2489) เปนยุคทีอ่ ยูใ นระหวางเกิดสงครามโลก
ครง้ั ท่ี 2 ผลของสงครามทาํ ใหก จิ การลกู เสอื ซบเซาลงมาก มกี ารตราพระราชบญั ญตั ิยวุ ชนแหงชาติขึ้น
โดยแบงหนวยราชการเปนหนวยลกู เสอื และหนวยยุวชนทหาร
4) ยคุ กา วหนา (พ.ศ. 2489 - 2514) กิจการลูกเสือท่ีสําคัญที่เกิดข้ึนในยุคน้ี
คือ การยกเลิกพระราชบัญญัติยุวชนแหงชาติ พ.ศ. 2486 ไดตราพระราชบัญญัติลูกเสือข้ึน
พ.ศ. 2490 และไดต้งั คายลูกเสือวชริ าวุธทจี่ ังหวัดชลบุรี พ.ศ. 2504 มีการฝกอบรมวิชาผูกํากับ
ลูกเสอื สามัญ ขนั้ วูดแบดจ ครั้งท่ี 1 และสงเจาหนา ที่ไปรวมกิจกรรมของกิจกรรมลูกเสือนานาชาติ
กจิ กรรมของลกู เสอื โลกหลายกจิ กรรม
21
5) ยุคถึงประชาชน (พ.ศ. 2514 - ปจจุบัน) เกิดกิจกรรมลูกเสือชาวบาน
โดยสภาลูกเสอื แหงชาติ มีมติรับกิจการลูกเสือชาวบานเปนสวนหน่ึงของคณะลูกเสือแหงชาติ
เม่ือ พ.ศ. 2516 และกระทรวงศึกษาธิการไดมีคําสั่งลงวันท่ี 4 เมษายน พ.ศ. 2516 ใหนําวิชา
ลกู เสือเขาสูหลกั สูตรของโรงเรียน
จะเห็นไดวา กจิ การลูกเสือมีประวัติที่ยาวนาน เปน กระบวนการท่ีทั่วโลกยอมรับวา
สามารถพัฒนาเยาวชนใหเปนพลเมืองท่ีดี มีความรับผิดชอบตอตนเอง ตอสวนรวมและชาติ
บา นเมืองไดเปนอยางดี รูจักการทํางานเปนระบบหมู รูจักการเปนผูนําและผูตาม รวมทั้งเปน
กระบวนการท่ีฝกคนใหรูจักการเปนประชาธิปไตย ฝกผูใหญใหรูจักวิธีการฝกชาวบานใหรูจัก
แยกแยะชัว่ ดี
1.1 พระราชประวัตขิ องพระบาทสมเดจ็ พระมงกุฎเกลา เจา อยหู วั
พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกลาเจาอยูหัว ทรงเปนพระราชโอรสใน
พระบาทสมเด็จพระจลุ จอมเกลาเจาอยูห วั และสมเด็จพระศรีพัชรินทราบรมราชินีนาถ (สมเด็จ
พระนางเจาเสาวภาผองศรี) ทรงพระราชสมภพ เม่ือวันเสารที่ 1 มกราคม พ.ศ. 2423 ไดรับ
พระราชทานพระนามวาสมเด็จเจาฟาวชิราวุธ เมื่อทรงพระเยาวไดศึกษาวิชาหนังสือไทยกับ
พระยาศรสี ุนทรโวหาร เพิ่งไดพระชนมายุได 13 พรรษา เสด็จไปทรงศึกษา ณ ประเทศอังกฤษ ใน
สาขาประวตั ิศาสตร รัฐศาสตร กฎหมาย วรรณคดี ทีม่ หาวทิ ยาลยั ออกฟอรด และวิชาทหารบกที่
โรงเรยี นแฮนดเ ฮสิ ต รวม 9 ป
พระองคไดเสด็จเถลิงถวัลยราชสมบัติตอจากสมเด็จพระบรมชนกนาถ
เม่อื วนั ท่ี 23 ตุลาคม พ.ศ. 2453 ขณะน้ันมีพระชนมายุได 31 พรรษา ตลอดรัชสมัยของพระองค
ไดทรงประกอบพระราชกรณียกิจทํานุบํารุงประเทศชาติในดานการปกครอง การทหาร
การศกึ ษา การสาธารณสุข การคมนาคม การศาสนา โดยเฉพาะทางวรรณคดีทรงพระราชนิพนธ
ทัง้ รอ ยแกว รอ ยกรองประมาณ 200 เรื่อง ดว ยพระปรชี าสามารถของพระองค ประชาชนจึงถวาย
พระสมญาแดพระองควา “พระมหาธีรราชเจา” ทรงอยูในราชสมบัติเพียง 16 ป เสด็จสวรรคต
เมื่อวันที่ 25 พฤศจิกายน พ.ศ. 2468 พระชนมายุ 46 พรรษา แตเน่ืองดวยพระราชกรณียกิจ
ของพระองค ทําใหเกดิ คุณประโยชนแกบานเมืองอยา งใหญห ลวง รฐั บาลกบั ประชาชนจึงรว มใจกัน
สรางพระบรมรูปของพระองคประดิษฐานไวที่สวนลุมพินี และคณะลูกเสือแหงชาติ รวมดวย
คณะลูกเสือท่ัวราชอาณาจักร ไดสรางพระบรมรูปของพระองคประดิษฐานไวหนาคายลูกเสือ
วชริ าวธุ อําเภอศรีราชา จังหวัดชลบรุ ี
22
1.2 กําเนิดลกู เสอื ไทย
ในการตั้งลูกเสือก็เพ่ือใหคนไทยรักชาติบานเมือง เปนผูนับถือศาสนาและ
มีความสามัคคี ไมทําลายซึ่งกันและกัน เปนรากฐานแหงความมั่นคงของประเทศชาติ ทรงให
ทม่ี าของช่อื ลกู เสอื ไววา
“ลูกเสือบใ ชเสือสัตวไพร
เรายืมมาใชดว ยใจกลา หาญปานกนั
ใจกลา มใิ ชก ลา อธรรม
เชน เสืออรญั สญั ชาติชนคนพาล
ใจกลา ตองกลา อยา งทหาร
กลา กอปรกิจการแกชาติประเทศเขตคน”
พทุ ธศักราช 2454 (ค.ศ. 1911)
พระบาทสมเด็จพระมงกฎุ เกลา เจา อยหู วั ทรงกอ ตั้งกจิ การลกู เสอื ไทย เมือ่ วันท่ี
1 กรกฎาคม 2454
พทุ ธศกั ราช 2463 (ค.ศ. 1920)
สง ผูแทนคณะลูกเสือไทยไปรว มงานชมุ นุมลูกเสือโลก คร้งั ท่ี 1 ณ ประเทศองั กฤษ
พุทธศกั ราช 2465 (ค.ศ. 1922)
คณะลกู เสือแหง ชาติ เขาเปนสมาชกิ สมัชชาลูกเสือโลก
พทุ ธศกั ราช 2467 (ค.ศ. 1924)
สง ผแู ทนคณะลกู เสือไทยไปรวมงานชุมนมุ ลกู เสอื โลก คร้ังท่ี 2 ณ ประเทศเดนมารก
พุทธศกั ราช 2470 (ค.ศ. 1927)
จัดงานชุมนมุ ลูกเสอื แหง ชาติคร้ังท่ี 1 (1st National Jamboree) ณ พระราช
อุทยานสราญรมย
26 กุมภาพนั ธ - 3 มีนาคม 2470 จํานวนลกู เสือไทยท้งั ส้ิน 1,836 คน
พทุ ธศกั ราช 2473
จัดงานชุมนมุ ลกู เสอื แหงชาติครง้ั ท่ี 2 (2st National Jamboree) ณ พระราช
อทุ ยานสราญรมย
1 - 7 มกราคม 2473 จํานวนลูกเสอื ไทย 1,955 คน ลูกเสอื ตา งประเทศ 22 คน
23
พุทธศกั ราช 2478
กําเนิดตราประจําคณะลูกเสอื แหง ชาติ
พุทธศกั ราช 2497
จัดงานชมุ นมุ ลกู เสือแหง ชาติครง้ั ท่ี 3 (3st National Jamboree) ณ กรีฑา
สถานแหง ชาตพิ ระนคร
20 - 26 พฤศจิกายน 2497 จํานวนลกู เสือไทย 5,155 คน
พทุ ธศกั ราช 2499 (ค.ศ. 1956)
เปน สมาชิกของสํานักงานลกู เสือภาคตะวนั ออกไกล ซึง่ เพง่ิ จดั ตง้ั ข้นึ ขณะนั้น
มปี ระเทศสมาชิกอยู 10 ประเทศ
พทุ ธศกั ราช 2504 (ค.ศ. 1961)
เฉลมิ ฉลองครบรอบ 50 ปลกู เสือไทย
จดั งานชมุ นุมลูกเสอื แหง ชาติครง้ั ที่ 4 ณ สวนลุมพินี พระนคร
19 - 25 พฤศจิกายน 2504 จํานวนลูกเสอื ไทย 5,539 คน ลกู เสือตา งประเทศ
348 คน
พุทธศกั ราช 2505 (ค.ศ. 1962)
เปน เจา ภาพจัดการประชุมผูบังคับบญั ชาลูกเสือภาคพ้นื ตะวันออกไกล ครั้งที่ 3
(3rd Far East Scout Conference) ณ ศาลาสนั ติธรรม
วชริ าวธุ พุทธศกั ราช 2508 (ค.ศ. 1965)
จัดงานประชุมสภาลกู เสอื แหงชาติ ครงั้ ท่ี 1 (1st National Scout Conference)
จดั งานชมุ นุมลกู เสือแหงชาติครง้ั ท่ี 5 (5st National Jamboree) ณ คา ยลูกเสือ
9 - 15 ธันวาคม 2508 จาํ นวนลกู เสอื ไทย 5,736 คน ลูกเสือตางประเทศ 431 คน
วชิราวุธ พทุ ธศกั ราช 2512 (ค.ศ. 1969)
จดั งานชมุ นมุ ลูกเสือแหง ชาติครัง้ ที่ 6 (6st National Jamboree) ณ คา ยลกู เสือ
11 - 17 ธันวาคม 2512 จํานวนลกู เสอื ไทย 5,000 คน ลกู เสือตา งประเทศ 582 คน
24
จงั หวัดเลย พุทธศกั ราช 2514 (ค.ศ. 1971)
วชิราวธุ เฉลิมฉลองครบรอบ 60 ปก ารลูกเสือไทย
เขา รว ม ทดลองเปด อบรมลกู เสอื ชาวบา นครัง้ แรก ณ บา นเหลา กอหก ก่งิ อําเภอนาแหว
จัดงานชุมนมุ ลกู เสือแหงชาติครงั้ ที่ 7 (7st National Jamboree) ณ คายลูกเสอื
28 - 30 มิถนุ ายน 2514 จํานวนลกู เสือไทย 1,667 คน ลูกเสอื ตางประเทศไมไ ด
วชริ าวธุ พุทธศกั ราช 2516 (ค.ศ. 1973)
256 คน จัดงานชมุ นุมลกู เสือแหง ชาติครั้งที่ 8 (8st National Jamboree) ณ คายลกู เสือ
23 - 30 พฤศจิกายน 2516 จํานวนลูกเสอื ไทย 4,968 คน ลูกเสือตางประเทศ
วชริ าวธุ พทุ ธศกั ราช 2520 (ค.ศ. 1977)
159 คน จดั งานชมุ นุมลกู เสอื แหงชาติครั้งท่ี 9 (9st National Jamboree) ณ คา ยลกู เสือ
21 - 27 พฤศจิกายน 2520 จํานวนลูกเสอื ไทย 10,827 คน ลกู เสอื ตางประเทศ
พุทธศกั ราช 2523 (ค.ศ. 1980)
จดั งานชุมนุมลกู เสอื แหง ชาติคร้งั ที่ 10 (10st National Jamboree)
ณ คา ยลูกเสอื วชริ าวุธ
28 ธ.ค. 2523 - 3 ม.ค. 2524 จาํ นวนลกู เสือไทย 12,692 คน ลูกเสือ
ตางประเทศ 108 คน
พทุ ธศกั ราช 2528 (ค.ศ. 1985)
เปน เจา ภาพจัดงานชมุ นมุ ลูกเสอื ภาคพ้ืนเอเชีย - แปซิฟก คร้งั ท่ี 9
งานชมุ นุมลกู เสอื แหงชาติ ครง้ั ที่ 11 (11st National Jamboree)
ณ คายลูกเสอื วชิราวุธ
21 - 27 พฤศจกิ ายน 2528 จาํ นวนลกู เสือไทย 5,336 คน ลกู เสือตา งประเทศ
391 คน
25
พุทธศกั ราช 2529 (ค.ศ. 1986)
เปนเจา ภาพจดั การประชมุ สมชั ชาลูกเสือภาคพน้ื เอเชยี - แปซฟิ ก ครงั้ ท่ี 15
พุทธศกั ราช 2532 (ค.ศ. 1989)
งานชมุ นุมลูกเสือครงั้ ท่ี 12 ณ คา ยลูกเสอื วชริ าวุธ
21 - 27 พฤศจิกายน 2532 จาํ นวนลูกเสอื ไทย 9,330 คน ลูกเสอื ตางประเทศ
422 คน
พทุ ธศกั ราช 2534 (ค.ศ. 1991)
จดั กจิ กรรมเฉลิมฉลอง 80 ปล ูกเสอื ไทย
งานชุมนุมลกู เสอื แหงชาติ ครัง้ ท่ี 13 (13st National Jamboree)
ณ คายลกู เสือวชริ าวธุ
1 - 7 กรกฎาคม 2534 จํานวนลูกเสอื ไทย 10,022 คน ลกู เสือตา งประเทศ
357 คน
พทุ ธศกั ราช 2536 (ค.ศ. 1993)
เปนเจาภาพจดั การประชมุ สมชั ชาลูกเสอื โลก ครงั้ ท่ี 33 ทก่ี รงุ เทพ (33rd World
Scout Conference)
งานชุมนมุ ลูกเสอื แหง ชาติ ครั้งที่ 14 (14st National Jamboree)
ณ คายลกู เสอื วชิราวธุ
22 - 28 พฤศจกิ ายน 2536 จาํ นวนลูกเสือไทย 10,263 คน ลกู เสือตางประเทศ
357 คน
พทุ ธศกั ราช 2540 (ค.ศ. 1997)
จัดงานชมุ นุมลกู เสือแหง ชาติครั้งท่ี 15 (15st National Jamboree)
ณ คา ยลูกเสอื วชิราวธุ
21 - 27 พฤศจิกายน 2540 จํานวนลูกเสอื ไทย 11,274 คน ลกู เสอื ตา งประเทศ
160 คน
พุทธศกั ราช 2544 (ค.ศ. 2001)
เฉลมิ ฉลองครบรอบ 90 ปล ูกเสอื ไทย
เตรยี มการ การจดั งานชมุ นุมลูกเสอื โลก
จดั งานชุมนุมลูกเสือแหง ชาติ คร้งั ท่ี 16 ณ หาดยาว จ.ชลบุรี
28 ธ.ค. 2544 - 4 ม.ค. 2545
26
พทุ ธศกั ราช 2546 (ค.ศ. 2003)
เปน เจาภาพจดั งานชุมนุมลูกเสอื โลก ครงั้ ท่ี 20 (20thWorld Scout Jamboree)
พุทธศกั ราช 2548 (ค.ศ. 2005)
จดั งานชุมนมุ ลกู เสอื แหงชาติครั้งที่ 17 (17st National Jamboree) ณ หาดยาว
จ.ชลบุรี
25 - 31 กรกฎาคม 2548
เปนเจา ภาพจดั งานชมุ นุมลูกเสอื ภาคพื้นเอเชีย - แปซิฟก ครัง้ ท่ี 25 (25th Asia –
Pacific Regional Scout Jamboree)
พุทธศกั ราช 2552 (ค.ศ. 2009)
จดั งานชุมนุมลกู เสือแหงชาติครง้ั ท่ี 18 ณ คา ยลกู เสือไทยเฉลิมพระเกียรติ จ.ตรัง
25-30 เมษายน 2552
พทุ ธศกั ราช 2554 (ค.ศ. 2011)
เฉลมิ ฉลองครบรอบ 100 ปการลกู เสอื ไทย
1.3 กจิ การลกู เสือไทยแตล ะยคุ
กิจการลูกเสือไทย เร่ิมข้ึนครั้งแรกที่โรงเรียนมหาดเล็กหลวง (โรงเรียน
วชิราวุธวิทยาลัย ในปจจุบัน) เม่ือวันท่ี 1 กรกฎาคม พ.ศ. 2454 มีความเจริญกาวหนามาถึง
ปจจุบนั (พ.ศ. 2561) นับเนือ่ งเปนเวลา 107 ป โดยจําแนกตามรชั สมัย ดงั น้ี
1) รัชสมยั พระบาทสมเดจ็ พระมงกุฎเกลาเจาอยหู วั รชั กาลท่ี 6
(พ.ศ. 2454 –2468)
2) รัชสมัยพระบาทสมเดจ็ พระปกเกลาเจา อยูห ัว รชั กาลที่ 7
(พ.ศ. 2468 –2477)
3) รัชสมัยพระบาทสมเดจ็ พระปรเมนทรมหาอานนั ทมหิดล รชั กาลท่ี 8
(พ.ศ. 2477 – 2489)
4) รชั สมยั พระบาทสมเด็จพระปรมนิ ทรมหาภูมิพลอลยุ เดช รัชกาลที่ 9
(พ.ศ. 2489 – 2559)
5) รชั สมัยสมเดจ็ พระเจาอยหู ัวมหาวชิราลงกรณ บดินทรเทพยวรางกูร
รัชกาลที่ 10 (พ.ศ. 2559 - พ.ศ. 2561 ถึงปจจุบนั )
27
1) การลูกเสอื ไทยรชั สมัยพระบาทสมเดจ็ พระมงกุฎเกลาเจาอยูหัว รัชกาลท่ี 6
(พ.ศ. 2454 –2468)
ภายหลังจากที่พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกลาเจาอยูหัว ทรงพระราชทานกําเนิด
เสอื ปาได 2 เดือน ซึ่งในระยะเวลาน้ันกิจการเสือปาไดดําเนินไปอยางเปนท่ีพอพระราชหฤทัย
อยางยิ่ง เห็นไดจากการเพ่ิมจํานวนสมาชิกของเสือปาท่ีมากขึ้น และกิจการเสือปาถูกจําแนก
ออกไปเปน กองเสอื ปาประเภทตาง ๆ อกี มาก แมจะทรงพอพระราชหฤทัยเพยี งใด พระองคก็ไม
เคยทจี่ ะยุติในพระราชดําริที่จะเปนประโยชน ตอประเทศชาติ ดวยพระองคทรงเห็นวากิจการ
เสือปา นน้ั แมจ ะประสบผลสาํ เร็จเพยี งใด แตสมาชิกน้ันเปนผูใหญแตฝายเดียว ทั้ง ๆ ที่บานเมืองน้ัน
ประกอบดวยพลเมอื งหลายชวงวัย เด็กผูชายทั้งหลายก็เปนผูท่ีสมควรจะไดรับการฝกฝน และ
ปลูกฝงอุดมการณความรักชาติไปพรอม ๆ กับการฝกฝนใหมีความรู และทักษะในทางเสือปาดวย
เพือ่ วาในอนาคตเม่อื เติบโตขึ้นจะไดประพฤติตัวใหเปนประโยชนแกบ า นเกดิ เมืองนอน
ดงั นั้น ในวันท่ี 1 กรกฎาคม พ.ศ. 2454 พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกลาเจาอยูหัว
จงึ ไดท รงพระราชทานกําเนดิ กจิ การเสือปาสาํ หรบั เด็กชาย ท่ีทรงพระราชทานช่ือวา ลูกเสือ
ในกิจการน้ีพระองคทรงมีพระราชประสงคที่ใหเด็กชายจดจําหลักสําคัญ
3 ประการคอื
1) ความจงรักภักดีตอผูทรงดํารงรัฐสีมาอาณาจักร โดยตองตามนิติธรรม
ประเพณี
2) ความรักชาติบา นเมอื ง และนับถือพระศาสนา
3) ความสามัคคใี นคณะ และไมทาํ ลายซ่ึงกันและกัน
การกอตั้งกิจการลูกเสือในครั้งแรกน้ัน พระองคทรงต้ังกองลูกเสือใหมีใน
โรงเรียนกอน และกองลูกเสอื กองแรกของสยามประเทศคือ กองลกู เสอื โรงเรียนมหาดเล็กหลวง
หรือโรงเรยี นวชริ าวธุ ในปจจุบัน และถูกเรียกวากองลูกเสือหลวง หรือกองลูกเสือกรุงเทพที่ 1
และลูกเสือในโรงเรียนน้ีก็ถูกเรียกวาลูกเสือหลวงเชนกัน กอนที่กิจการลูกเสือจะขยายไปสู
โรงเรยี นเด็กชายท่ัวประเทศในเวลาไมนาน โดยลูกเสือคนแรก คือ นักเรียนโรงเรียนมหาดเล็กหลวง
ทีช่ อ่ื ชัพน บนุ นาค การเปนลูกเสือของนาย ชัพน บุนนาค น้ันเกิดจากการที่ไดแตงเครื่องแบบ
ลูกเสือ และกลาวคําปฏิญาณของลูกเสือ ซึ่งเปนการกลาวตอหนาพระพักตร ซึ่งคร้ังน้ันมีผูท่ี
บนั ทกึ เหตุการณเอาไวว า
28
ร.6 - “อา ยชพั น ดอกหรือ เอง็ กลาวคาํ สาบานของ
ลกู เสอื ไดห รอื เปลา”
ชพั น - “ขา พระพุทธเจา ทอ งมาแลววา
1. ขา จะมใี จจงรักภักดีตอพระเจาอยหู ัว
2. ขาจะประพฤติตนใหส มควรเปนลกู ผชู าย
3. ขาจะประพฤตติ นตามขอบังคับและแบบแผน
ของลูกเสอื ”
ร.6 - ในหนาที่ซึ่งขาไดเปนผูประสิทธิประสาทลูกเสือ
ของชาตขิ ้นึ มา ขาขอใหเ จาเปน ลูกเสือคนแรก”
จากน้ันพระองคทรงมีพระราชดํารัสเพียงส้ัน ๆ วา “อาย ชัพน เอ็งเปนลูกเสือแลว"
และแลวกิจการลูกเสือ ก็ไดถือกําเนิดขึ้นมาอยาง
สมบูรณแบบ
ตอมาพระองคก็ทรงพระราชทานคติพจน
ใหก บั ลูกเสือท่ีภายหลังลือล่ันไปทั่วท้ังแผนดินและ
เปนท่ีกลาวขาน รําลึก พูดสอนกันอยางติดปากใน
สงั คม อีกท้งั ยังปรากฏอยบู นเคร่ืองหมายสําคัญตาง ๆ
ของลกู เสอื วา “เสยี ชพี อยาเสยี สัตย”
คาํ วา ลูกเสือ ทพี่ ระองคท รงพระราชทาน
ชื่อน้ัน มีนัยวาพระองคทรงเลนลอคํากับคําวา
เสือปา ที่บางครั้งทรงเรียกวา พอเสือ และเม่ือมีกิจการแบบเดียวกันท่ีมีเหลาสมาชิกเปน
เด็กชาย พระองคจึงทรงใชคําวาลูกเสือ แตภายหลังทรงพระราชนิพนธถึงท่ีมาของชื่อลูกเสือ
อยา งเปนทางการเอาไวว า
“ลกู เสอื บ ใชส ตั วเสอื ไพร เรายมื มาใชดวยใจกลาหาญปานกนั
ใจกลามใิ ชก ลา อาธรรม เชนเสอื อรญั สัญชาติชนคนพาล
ใจกลา ตองกลาอยา งทหาร กลากอปรกิจการแกช าตปิ ระเทศเขตคน"
29
เปนเวลา 6-7 เดือน หลังจากท่ี พระบาทสมเด็จ
พระมงกุฎเกลาเจาอยูหัวฯ ทรงพระราชทานกําเนิดลูกเสือ
ในสยามประเทศ หากยอนกลับไปที่ประเทศอังกฤษท่ีเปน
ตนกําเนิดกิจการลูกเสือโลกขณะนั้น ก็กําลังคึกคักและแพร
ขยายความนยิ มไปยังพนื้ ทต่ี าง ๆ ท่ัวเกาะอังกฤษ เด็ก ๆ รวมไป
ถึงผูใหญตางใหความสนใจในกิจการน้ีมาก นายซิดนีย ริชเชส
ซ่ึงอดีตเคยเปนครูสอนศาสนาวันอาทิตย เปนผูหนึ่งท่ีสนใจ
กิจการลูกเสอื และไดเ ขารับตําแหนง เปนผกู ํากบั กองลูกเสือที่ 8
แหงลอนดอนตะวันตกเฉียงใต นายริชเชส ซ่ึงครั้งหนึ่งบิดาของ
เขาไดเคยทํางานอยูในสถานกงศุลไทย ซึ่งภายหลังไดเปนถึงกงศุลใหญประจําสถานทูตไทย
ณ กรุงลอนดอนนั้นมีความใกลชิดสนิทสนมกับ พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกลาเจาอยูหัว เม่ือ
ครงั้ ทีย่ งั ทรงดํารงอสิ รยิ ยศเปนมงกฎุ ราชกุมาร สมยั ทีย่ งั ทรงศึกษาอยูที่ประเทศอังกฤษและเมื่อ
ความเจริญกาวหนา ของกจิ การลูกเสือในอังกฤษน้ัน ควบคูไปกับการเจริญกาวหนาของกิจการ
ลูกเสือแหงสยามประเทศ ขาวคราวของกิจการลูกเสือแหงสยามประเทศ ก็แพรกระจายเขาสู
เกาะอังกฤษอยางรวดเร็ว นายริชเชส เปนผูหน่ึงท่ีไดรับทราบขาวน้ัน และประกอบกับ
ความสัมพนั ธข องผูเ ปน บดิ ากับพระเจาแผนดินแหงสยามประเทศ เขาจึงไดทําหนังสือมากราบ
บังคมทูลอัญเชิญ พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกลาเจาอยูหัว ใหทรงเปนองคอุปถัมภกองลูกเสือที่
เขาเปนผูกํากับอยูและขอพระบรมราชานุญาตใหชื่อลูกเสือกองนี้วา “King of Siam ’s own
boy scout group” ซึ่งแปลวา กองลูกเสือในพระเจากรุงสยาม หรือ กองลูกเสือแหง
พระบาทสมเดจ็ พระเจา กรงุ สยาม หรอื กองลูกเสอื รักษาพระองคพ ระเจา แผนดนิ สยาม โดย
มชี ื่อยอวา K.S.O.
หลงั จากทพ่ี ระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกลา เจาอยูหวั ไดทรงพระราชกรุณาโปรดเกลา
ใหจ ดั ต้งั กองลูกเสอื แหงชาตขิ น้ึ เพียง 5 เดือนเทานัน้ ก็ปรากฏวา มีกองลูกเสือทั่วราชอาณาจักร
อยถู ึง 61 กอง
30
การดําเนินกิจการลูกเสือทั่วทั้งโลก
มั ก มี ลั ก ษ ณ ะ ท่ี เ ห มื อ น กั น อ ย า ง ห น่ึ ง คื อ
เร่ิมจากกิจการลูกเสือสําหรับเด็กชายกอน
ที่จะเร่ิมแพรเขาไปในหมูเด็กหญิง และ
สาํ หรบั กิจการลูกเสือในไทยก็เชนกัน เม่ือถึง
ระยะเวลาอันควร พระบาทสมเด็จพระมงกุฎ-
เกลาเจาอยูหัว ก็ทรงมีพระราชดําริท่ีจะให
สตรีและเด็กหญิงไดมีสวนรวมในกิจการ
ลูกเสือ โดยทรงเหน็ วา สามารถทจ่ี ะเปนกําลัง
ใหก บั ชาตบิ านเมอื งได แมจะไมใ ชกองกาํ ลงั หลกั กต็ ามที ดงั นั้น จึงทรงตั้งกลุมสตรีข้ึนมากลุมหนึ่ง
ซงึ่ พระองคเ รียกวา สมาชกิ แมเสือ สวนใหญเปนบุตรและภรรยาเสือปา โดยแมเสือมีหนาที่หลัก
ในการจัดหาเสบียงและเวชภัณฑใ หกบั กองเสอื ปา ในขณะเดียวกันก็ทรงจดั ตง้ั กองลูกเสือสาํ หรับ
เด็กหญิง และพระราชทานช่ือวา เนตรนารี
ซึ่งเนตรนารี กองแรก คือ กองเนตรนารี
โรงเรียนกุลสตรีวังหลัง ตอมาไดเปน
ชอื่ โรงเรยี นวฒั นาวทิ ยาลยั
นางสาวหนยุ โชติกเสถียร หน่ึงใน
เนตรนารีกองแรก ไดเขียนถึงกิจกรรม
สําหรับเนตรนารใี นสมัยน้ันไวว า
“ในป พ.ศ. 2457 โรงเรียนกุลสตรี
วังหลงั จัดต้งั กองเนตรนารีข้ึน และใหเราเปนกลุมแรกที่รับการฝกหัด ขาพเจายังจําและรูสึกถึง
ความสนุกสนานของเวลาน้ันไดจ นบัดนี้ เราชวยกันจัดขาวของและหองหลับ หองนอน ตลอดจน
ชวยครวั หาโมงเย็นก็ลงมือรบั ประทานอาหาร สองทุมก็เขา นอนกันหมด เขาเรียนเวลา สามโมงเชา
และเรียนกนั ตามใตรม ไม วิชาที่เรียนคอื
1. วชิ าพฤกษศาสตร เปนวิชาทีพ่ วกเราชอบมาก เพราะไดล งมือเพาะเมล็ดพืช ผัก ดอกไม
มนั ฝรั่งและหวั หอม
2. วชิ าปฐมพยาบาล หดั ชวยคนเปน ลม วธิ พี นั ผาพนั แผลและเขาเฝอ ก เราจบั เดก็ ชาวนามา
ชําระลา งและพนั แผลให
3. วิธที าํ กบั ขา ว หุงขา ว วิชานีเ้ ปน งานไปในตวั เพราะเราตองผลดั เวรกนั ไปตลาดและทํากับขาว
เวลาบาย ๆ เราตองเรียนและฝกซอมกฎของเนตรนารี คือ พยายามหาความงามในทุกสิ่ง
ทกุ อยางท่ตี นประพฤติ โดยมีความสุภาพออนโยน อารีอารอบ ตองพยายามหาความรูเพ่ือเปน
ประโยชนแ กส วนรวม และสวนตวั อดทนในส่งิ ทเี่ ปนประโยชนแ กสว นรวม เวลาเรยี กเขาประชุม
31
อาจารยมกั จะกวู า โว วลิ โล (คําที่ใชเปน เสยี งรองเรยี ก แทนการใชสญั ญาณนกหวีด) หลาย ๆ ครั้ง
พวกเราก็รีบวงิ่ มาทนั ที”
2) รชั สมยั พระบาทสมเดจ็ พระปกเกลา เจาอยูหวั รชั กาลที่ 7 (พ.ศ. 2468 –2477)
พทุ ธศักราช 2468
พระบาทสมเด็จพระปกเกลาเจาอยูหัว ทรงรับราชภาระตอจากพระบาทสมเด็จ
พระมงกุฎเกลาเจาอยหู วั โดยทรงรบั ตําแหนง เปน นายกสภากรรมการกลางลูกเสือ ซึ่งมีหนาท่ี
กําหนดนโยบาย และอนุมัตงิ บประมาณ
ทรงโปรดเกลาใหคดั เลอื กนักเรียน 2 คนเขา รวม ประชมุ ในเรื่องเกี่ยวกับลูกเสือ
รุนใหญ ท่ีประเทศอังกฤษ คอื นายปนุ มีไผแ กว และ นายประเวศ จนั ทนยง่ิ ยง
พทุ ธศักราช 2469
ทรงพระกรณุ าโปรดเกลาฯ คัดเลือก นักเรียนไทย ท่ีศึกษาอยูท่ีประเทศอังกฤษ
ซึ่งเคยเปนรองผูกํากับ หรือนายหมูลูกเสือเอก ไปเขารวมงานชุมนุมลูกเสือนานาชาติ
ประเทศสวสิ เซอรแ ลนด ระหวา งวนั ท่ี 22 - 28 สงิ หาคม
พทุ ธศกั ราช 2470
ทรงพระกรุณาโปรดเกลาใหมีการจัดงานชุมนุมลูกเสือแหงชาติข้ึน ในราชพิธี
ฉตั รมงคล ซง่ึ ถือเปนการจดั งานชมุ นมุ เปนครั้งแรกของประเทศ ซึ่งมีลูกเสือ 14 มณฑลเขารวม
ในวันท่ี 26 กุมภาพนั ธ - 3 มีนาคม เนือ่ งจากงานชุมนุมน้ีไดผ ลดีอยางย่ิง จึงทรงใหมีการจัดงาน
ชุมนมุ ลกู เสือแหง ชาติข้ึน ทุก ๆ 3 ป
พุทธศกั ราช 2470
จดั ใหม ีการอบรมวชิ าผกู าํ กับข้นึ ณ สมคั ยาจารยส มาคม
พทุ ธศกั ราช 2473
จัดชุมนมุ ลูกเสอื แหง ชาตคิ รง้ั ที่ 2 ณ พระราชอุทยานสราญรมย และพระราชทาน
บริเวณพระรามราชนิเวศน จ.เพชรบรุ ี (พระราชวังบานปน ) เปน สถานทอ่ี บรมวิชาผกู าํ กับลูกเสือ
พทุ ธศกั ราช 2475
เกิดการเปลี่ยนแปลงการปกครองทําใหพระบาทสมเด็จพระปกเกลาเจาอยูหัว
ทรงพระราชทานอํานาจการปกครองใหประชาชน อันทําใหตําแหนงนายกสภากรรมการกลาง
จัดการลูกเสือแหงชาติ ตองยุติไปดวย แตตอมาไดทรงโปรดเกลาใหอธิบดีกรมพลศึกษา ดํารง
ตําแหนงอุปนายกสภากรรมการกลางจัดการลูกเสือแหงชาติและตอมากองลูกเสือจึงตกอยู
ในการบริหารจัดการของกรมพลศึกษา นับแตบัดน้ัน (กรมพลศึกษาเปนหนวยงานในสังกัด
กระทรวงศึกษาธิการ และเมื่อกิจการลูกเสือเติบโตขึ้นจึงไดโอนยายออกมาจัดต้ังหนวยงาน
32
ข้ึนใหม เพอ่ื รบั ผดิ ชอบกจิ การลูกเสือโดยตรง ไดแ ก คณะกรรมการบรหิ ารลกู เสอื แหงชาติ ซ่ึงอยู
ภายใตการกํากับดูแลของกระทรวงศึกษาธิการเชนกัน)
พุทธศกั ราช 2477
ทรงโปรดเกลา ฯ ใหม การจดั ตง้ั กองลูกเสือเหลาสมุทรเสนาในจังหวัดชายทะเล
หลงั จากนัน้ เพียง 7 วนั พระองคก ไ็ ดท รงสละราชสมบตั ิ
3) รัชสมัยพระบาทสมเด็จพระปรเมนทรมหาอานันทมหิดล รัชกาลท่ี 8
(พ.ศ. 2477 – 2489)
อาจกลาวไดวากิจการลูกเสือในยุคน้ีเปนยุคท่ีมี
ความเคลือ่ นไหว ตลอดจนพัฒนาการแหงคณะลูกเสือนอยท่ีสุด
ดว ยเหตวุ า
(1) เกิดสงครามขอ พิพาทดินแดนในอินโดจนี ระหวางไทย
กับฝรง่ั เศส ในป พ.ศ. 2482
(2) เกดิ สงครามโลกครงั้ ที่ 2 ในป พ.ศ. 2484
(3) ยุคเร่มิ ตน ในระบอบประชาธปิ ไตยอนั มี
พระมหากษัตรยิ ทรงเปนพระประมุข กอใหเกิดระบอบการเมือง
ทีม่ ีความผันผวนอยูต ลอดเวลา ความขัดแยงระหวางฝายบริหาร
และนติ ิบญั ญัติ ทาํ ใหตองยบุ สภาและเปล่ียนรัฐบาลบอย ๆ เม่ือ
การเมืองไมนิ่งสงบทําใหไมมีใครเขามาดูแลกิจการลูกเสืออยาง
จรงิ จัง เพราะอํานาจในการบริหารเปล่ียนมอื ตลอดเวลา
(4) รัฐบาลในยุคน้ันกอตั้งกิจการยุวชนทหาร เพื่อรับมือ
กบั สถานการณท ร่ี ุนแรงของโลก ซ่ึงไดท บั ซอนกับกิจการลกู เสอื จนถงึ ที่สดุ ก็ไดยุบกิจการลูกเสือ
ใหเปนเพียงหนว ยหน่งึ ในกจิ การยวุ ชนทหาร
33
(5) รัชสมัยของพระองคนั้นส้ันมากโดยสิ้นสุดลงในวันท่ี 9 มิถุนายน พ.ศ. 2489 รวม
เวลาในการครองสิรริ าชสมบัตเิ พียง 9 ป
แตอยางไรก็ดียงั มปี รากฏการณส าํ คญั ของกิจการลูกเสือ
ทต่ี อ งจารกึ ไว คือ
1) การมตี ราสัญลักษณประจาํ คณะลกู เสอื เปนครั้งแรก
เ พื่ อ ใ ห เ ข า กั บ ห ลั ก ส า ก ล ท่ี ลู ก เ สื อ ท่ั ว โ ล ก ต า ง ก็ มี ต ร า
สัญลักษณข องตนเองทง้ั สิ้น โดยใชส ญั ลักษณลูกเสือโลก คือ
รูป เฟอร เดอ ลีร ประกอบกับรูปหนาเสือ มีอักษรจารึก
ดานลา งวา เสยี ชพี อยา เสียสตั ย
2) มีการออกพระราชบัญญัติลูกเสือข้ึนครั้งแรก ใน
ป พ.ศ. 2482 มีสาระคอื การกําหนดใหคณะลูกเสือแหงชาติ
มีสภาพเปนนิติบุคคล และโอนทรัพยสินท้ังหลายในกิจการ
เสอื ปาใหต กเปนของคณะลูกเสือแหงชาติ เน่ืองจากกิจการ
เสือปา หยุดลงไป และไมม ใี ครใสใ จดูแล
3) ป พ.ศ. 2479 เม่ือถึงวันท่ี 1 กรกฎาคม ซึ่งเปนวัน
กําเนิดลูกเสือ แตทางคณะลูกเสือไมสามารถจัดงานใหญได
เพราะสถานการณการเมืองและสถานการณที่ตึงเครียดทั่วโลก
จึงไดเปลี่ยนใหมการจัดสรางพระบรมรูปพระบาทสมเด็จ
พระมงกุฎเกลาเจาอยูหัว องคใหญ โดยประกาศของสํานัก
นายกรัฐมนตรี เพื่อเทิดพระเกียรติและประดิษฐานไวท่ีหนา
สวนลมุ พนิ ี จนปจ จบุ นั
34
4) รัชสมัยพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอลยุ เดช รัชกาลท่ี 9
(พ.ศ. 2489 – 2559)
คร้ันมาถึงในรัชสมัยของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช
รัชกาลที่ 9 ท่ีทรงเสด็จข้ึนเสวยสิริราชสมบัติ ตอจากพระเจาอยูหัวรัชกาลท่ี 8 ในวันท่ี 9 มิถุนายน
พ.ศ. 2489 พระองคทรงปฏิบัติราชภารกิจในฐานะกษัตริย ในหลาย ๆ ดาน กิจการลูกเสือ เปน
กิจการทพี่ ระองคทรงใหความสาํ คัญเปนอยา งยงิ่ อันสงผลในการกระตนุ ใหข าราชการท่เี กีย่ วของ
มีความกระตือรือรน ซึ่งน่ันเปนการสงสัญญาณวา
กิจการลูกเสือจะไดรับการฟนฟูใหกลับมามีชีวิตชีวา
อกี ครั้ง เพยี ง 1 ป หลังจากการข้ึนครองราชย รัฐบาลท่ี
มีนายปรีดี พนมยงค เปนผูนํา ไดออกพระราชบัญญัติ
ป พ.ศ. 2490 ซ่ึงมีลักษณะท่ีคลายกับพระราชบัญญัติ
ป พ.ศ. 2482 แตม สี าระที่เพ่ิมข้ึน คอื
“กําหนดใหพระมหากษัตริยทรงดํารงตําแหนง
บรมราชูปถมั ภค ณะลกู เสือแหงชาติ” กิจการยุวชน
ทหารจึงไดถกู ยบุ ลงไปโดยปรยิ าย ทาํ ใหล ูกเสือกลับมา
มบี ทบาทในสังคมอีกคร้ัง รวมทั้งไดทรัพยสินที่เคยถูก
ถายโอนใหไปอยูรวมกับยุวชนทหารกลับคืนมาดวย
หลัง จา กกิ จกา รลู กเ สือถู กป ลุก ใหฟ นคื นม า
ก็ไดกาวหนาไปอยา งรวดเรว็ จนไดม ีการจัดตัง้ กอง
ลกู เสอื ในโรงเรยี นตาง ๆ ท่วั ประเทศ แมองคพระบาทสมเดจ็ พระปรมนิ ทรมหาภูมิพลอดลุ ยเดชเอง
กย็ งั ทรงจัดตั้งกองลูกเสือข้ึนในโรงเรียนจิตรลดา และโปรดเกลาฯ ใหสมเด็จพระเจาลูกยาเธอ
เจาฟาวชิราลงกรณฯ (สมเด็จพระบรมโอรสาธิราช สยามมกุฎราชกุมารฯ) ทรงสมัครเขาเปน
ลูกเสือดวย ในป พ.ศ. 2507 รัฐบาลไดออกพระราชบัญญัติอีก 1 ฉบับ เพื่อปรับปรุงกฎหมาย
วา ดว ยกิจการลกู เสือใหทนั สมยั และทันเหตุการณยง่ิ ขน้ึ
โดยมาตรา 5 กําหนดใหคณะลูกเสอื แหง ชาติ ประกอบดว ยลูกเสือท้ังปวง ผูบังคับบัญชา
ลูกเสือ ผูตรวจการลูกเสือ กรรมการลูกเสือ และเจาหนาที่ลูกเสือ และมาตรา 8 กําหนดให
พระมหากษตั ริยทรงเปน พระประมขุ ของคณะลูกเสอื แหง ชาติ
35
ในรัชสมัยของพระบาทสมเด็จพระ
ปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช รัชกาลที่ 9
นน้ั มสี งิ่ ท่ีบง บอกถึงพัฒนาการอันสําคัญของ
กจิ การลูกเสอื ในประเทศ และนับเปน ประเทศ
เดียวในโลกที่มีกิจการลูกเสือประเภทนี้ คือ
การกอตง้ั กจิ การลกู เสือชาวบาน ซ่ึงกอต้ังใน
วนั ที่ 9 สิงหาคม พ.ศ. 2514 ท่ีหมูบานเหลา
กอหก ตําบลแสงพา กิ่งอําเภอนาแหว อําเภอ
ดา นซา ย จงั หวดั เลย ดวยการจัดทําหลักสูตร
และฝกอบรม ลูกเสือชาวบานน้ันจะแตงกาย
อยางไรก็ไดท ส่ี ุภาพเรียบรอย ขอสําคัญตองมี
ผาผูกคอ วอคเก้ิลรูปหนาเสือ ที่ไดรับพระราชทานจากพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิ
พลอดุลยเดช ลกู เสอื รุนแรกที่หมูบานเหลากอหกน้ัน มีมุมผาผูกคอเปนรูปพระแกวมรกต เปน
สัญลักษณ ซ่งึ หมายถงึ ประชาชนในผืนแผนดนิ ไมวาจะเปนใครกส็ ามารถเขา รบั การฝกอบรมและ
เปน ลกู เสือชาวบานได
นอกจากนี้กิจการลูกเสือของไทยยังกาวหนาทั้งในระดับชาติและระดับสากล
เจาหนา ที่ลกู เสอื ของไทยมโี อกาสเขา รวมงานลกู เสอื ระดับโลก และขณะที่งานลูกเสือระดับโลก
หลายงานก็มาจดั ข้ึนท่ีเมอื งไทยเชน กนั
แ ล ะ พ ร ะ ร า ช ก ร ณี ย กิ จ ท่ี เ กี่ ย ว ข อ ง
กับลูกเสือนั้น ก็ไมใชจะเพียงแครูกันในหมู
คนไทย หากแตลูกเสือทั่วโลกก็ไดยิน ไดฟง
และไดรู ในสิ่งท่ีพระองคทรงปฏิบัติเชนกัน
แ ล ะ เ ห ตุ ก า ร ณ ที่ โ ล ก ต อ ง จ า รึ ก ไ ว สํ า ห รั บ
พระมหากษตั รยิ ผูที่ทรงงานอันสงเสริมกิจการ
ลูกเสือใหกาวหนาพัฒนา คือการทูลเกลาถวาย
เคร่ืองหมายวูดแบดจช้ันพิเศษ 4 บีด ในวันที่
1 กรกฎาคม พ.ศ. 2511 จากศูนยฝกอบรม
ผูบังคับบัญชาลูกเสือนานาชาติ กิลเวลล
ประเทศอังกฤษ ซ่ึงไมเคยมีใครท่ีจะไดรับถาไมไดผานการฝกอบรม และไมเคยถวายแด
พระประมุขของประเทศใดเลย พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ทรงเปน
บุคคลแรกของโลกทไ่ี ดรบั เกียรตยิ ศอันสงู สง นี้
36
และอีกคร้ังหนึ่งในป มหามงคลการครองสิริราชสมบัติครบ 60 ป ท่ีทรงเปน
พระมหากษัตริยพระองคแรกและพระองคเดียวในโลก (ป พ.ศ. 2549) ที่ทรงครองราชสมบัติ
ยาวนานที่สุด ประเทศไทยจึงไดมีการจดั งานท่ียงิ่ ใหญและมีการเฉลมิ ฉลองกนั ทง้ั ป
ในวันท่ี 20 มิถุนายน พระราชาธิบดี คารล
ท่ี 16 กุสตาฟ (กษตั รยิ ) แหงสวีเดน เสด็จมาเพ่ือ
เขาเฝาในฐานะประธานกิตติมศักดิ์ของมูลนิธิ
ลูกเสือโลก (World Scout Foundation) เพื่อ
ทูลเกลาถวายอิสริยาภรณสดุดีลูกเสือโลก หรือ
บอรน วูฟ (The Bronze Wolf) ท่ีมีสัญลักษณเปน
รูปสุนัขจิ้งจอก สีบอรน ประดับอยูบนสายริบบ้ิน
พ้ืนคลองคอสีเขียว ที่มีปลายสีเหลือง เปน
อิสริยาภรณที่คณะกรรมการลูกเสือโลกพิจารณา
มอบใหเปนเกียรติแกบุคคลที่มีผลงานโดดเดนทางดานการสนับสนุนกิจการลูกเสือ โดย BP
ประมุขตลอดกาลของลูกเสือโลกเปนผูริเริ่มในการมอบมาตั้งแตป พ.ศ. 2478 และมีคนไทย
เพียงไมก่ีคนที่เคยไดรับเคร่ืองหมายอันทรงเกียรตินี้ โดยคนแรกท่ีไดรับคือ นายอภัย จันทวิมล
อดตี รัฐมนตรวี า การกระทรวงศึกษาธิการ ในป พ.ศ. 2514
5) รัชสมัยสมเด็จพระเจาอยูหัวมหาวชิราลงกรณ บดินทรเทพยวรางกูร
รชั กาลท่ี 10 (พ.ศ. 2559 - พ.ศ. 2561 ถึงปจ จุบนั )
สมเด็จพระเจาอยูหัวมหาวชิราลงกรณ บดินทรเทพยวรางกูร เมื่อคร้ังดํารง
พระอิสริยยศ สมเด็จพระบรมโอรสาธิราช สยามมกุฎราชกุมาร ไดพระราชทานพระราโชวาท
ในพิธีปฏิญาณตนและสวนสนาม เน่ืองในวันคลายวันสถาปนาคณะลูกเสือแหงชาติ
เม่ือวนั ท่ี 1 กรกฎาคม พ.ศ. 2541
“...กิจการลกู เสือและเนตรนารนี ้มี คี วามสาํ คัญอยา งยงิ่ ในการพฒั นาเยาวชนของ
ชาติ เพราะการฝก อบรมอยางถูกตองครบถวนตามแบบแผนและวิธีการของลูกเสือน้ัน ยอมจะ
ทําใหเยาวชนมีคุณสมบัติในตัวเองสูงขึ้นหลายอยาง เชน ทําใหมีระเบียบวินัยที่ดี มีความ
เขม แข็งอดทนขยนั หมนั่ เพียร เออ้ื เฟอ เสียสละ ซ่ือสัตย สุจริต และรูจักใชความคิดอยางฉลาด
คณุ สมบัติเหลาน้ี ลวนเปนปจจัยหลักที่จะเกื้อหนุนสงเสริมใหแตละคนสามารถพ่ึงตนเอง และ
สรา งสรรคประโยชนอนั ยั่งยืน เพ่ือสวนรวมและประเทศชาติได”
37
เม่ือพระองคทา นขนึ้ ครองราชย ทรงมีพระบรมราโชบายดา นการศึกษาและความม่ันคง
มพี ระราชประสงค เห็นคนไทยมีวนิ ัย รูหนาที่ มีความรับผิดชอบ สรางวินัยโดยกิจกรรมลูกเสือ
เนตรนารี
“ลกู เสือ” วิชาท่ีทรงโปรด
พระราชบัญญัตลิ กู เสือ พ.ศ. 2551 หมวด 1 บทท่ัวไป มาตรา 6 ใหมีคณะลูกเสือ
แหงชาติ ประกอบดวยลูกเสือทั้งปวงและบุคลากรทางการลูกเสือ มาตรา 7 พระมหากษัตริย
ทรงเปนประมุขของคณะลูกเสือแหงชาติ สมเด็จพระเจาอยูหัวมหาวชิราลงกรณ บดินทร-
เทพยวรางกูร รัชกาลท่ี 10 ทรงเปนลูกเสือสํารองต้ังแตวันที่ 15 พฤศจิกายน พ.ศ. 2504 ซ่ึง
เปนวันทโ่ี รงเรยี นจิตรลดาทําพิธีเปดหนวย “ลูกเสือสํารอง” โดย นายกอง วิสุทธารมณ อธิบดี
กรมพลศึกษาขณะน้ัน ในฐานะเลขาธิการสภาคณะกรรมการจัดการลูกเสือแหงชาติ เปน
ประธานในพธิ ี หนังสือพิมพเ ดลินิวส ฉบับประจําวนั พฤหัสบดีที่ 1 ธันวาคม พ.ศ. 2559 อัญเชิญ
พระบรมฉายาลกั ษณส มเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร เมื่อครั้งทรงพระเยาว
ทรงฉลองพระองคดวยชุดลูกเสือสามัญ ซ่ึงเปน วชิ าทพี่ ระองคทรงโปรดมากท่สี ุด ข้ึนเปน ภาพปก
พรอ มพาดหัวขา ววา (ขออนุญาตนําความบางประการมาตีพมิ พซาํ้ ณ ท่ีนี้)
“ทรงโปรดวิชาลูกเสือ” พรอมโปรยขาวตอนหน่ึงวา “ต้ังแตทรงพระเยาว วิชาที่
ทรงโปรดคือ “ลูกเสือ” เพราะไดอ อกกําลังกลางแจง จดุ ประกายความฝนใหศึกษาตอวิชาทหาร
จากสถาบันช้ันนาํ จนไดร บั การยกยอ งในระดับสากล”
ความอีกตอนหนึ่งบรรยายวา “การไดเ ปน ลกู เสอื สํารองเปนความภาคภูมิใจและ
เปนทใี่ ฝฝนสําหรับเด็กชายท่ีเขาสูวัยเรียนทุกคนเชนไร สมเด็จพระเจาลูกยาเธอ เจาฟาวชิรา-
ลงกรณฯ ในขณะนั้นก็รูสึกเชนนั้น โดยพระองคทรงเฝารอเวลานี้มานานแลว พรอมกับพระสหาย
ในวยั เดียวกนั ”
หนว ยลกู เสอื ของโรงเรยี นจิตรลดาแบง ออกเปน 2 หมู หรอื 2 ซิกซ เพราะขณะน้ัน
มีนกั เรยี นอยใู นเกณฑเ ปนลูกเสอื สาํ รองไดเพียง 12 คน โดยหมูหนึ่งแบงออกเปน 6 คน หมูแรก
ชื่อหมูสีฟา ทรงเปนหัวหนาหมู หมูที่สองชื่อหมูสีน้ําเงิน หัวหนาหมูคือ สัณห ศรีวรรฑธนะ
การเปนหัวหนาหมูลูกเสือสํารองน้ี โดยท่ัวไปผูบังคับบัญชาลูกเสือเปนผูเลือก แตในโรงเรียน
จติ รลดาเปดโอกาสใหน กั เรียนเลือกกนั เอง
หัวหนาหมูม ีหนา ที่ดแู ลและเกบ็ สง่ิ ของซึ่งเปน ของหมูใ หเ รียบรอย เมื่อถึงเวลาฝก
กน็ ําออกมาแจกใหลูกหมู เสร็จแลวกเ็ กบ็ รวบรวมไปไวยังทใี่ หเปน ระเบียบ ซ่งึ ทรงปฏบิ ัติหนาที่นี้
ไดโดยไมข าดตกบกพรอง แมทรงอิดเอื้อนบางในตอนแรก เพราะยังไมเขาพระทัยในหนาที่น้ีดี
แตเม่ือพระอาจารยอธิบายถวายก็ทรงปฏิบัติตาม พระองคทรงโปรดวิชาลูกเสือสํารองมาก
เพราะนอกจากจะไดทรงกระโดดโลดเตน ออกกําลงั กายกลางแจงแลว ยังไดท รงฟงนิทานสนุก ๆ
และไดท รงรองเพลงทีส่ นกุ สนานอีกดว ย ทรงเปนนักเรียนท่ีชางซักมากที่สุดในช้ัน วันใดท่ีมีการ
ฝกลูกเสือสํารองจะทรงตื่นบรรทมเชากวาปกติ เตรียมฉลองพระองคลูกเสือดวยพระองคเอง