The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

63หลักสูตรสถานศึกษาประถมโรงเรียนบ้านเขาเทียมป่าปรับปรุง

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by sukanya.ph, 2022-08-28 02:45:32

63หลักสูตรสถานศึกษาประถมโรงเรียนบ้านเขาเทียมป่าปรับปรุง

63หลักสูตรสถานศึกษาประถมโรงเรียนบ้านเขาเทียมป่าปรับปรุง

ห ลั ก สู ต ร ส ถ า น ศึ ก ษ า โ ร ง เ รี ย น บ้ า น เ ข า เ ที ย ม ป่ า . . . ห น ้ า | ๑

หลักสูตรสถานศกึ ษา

ระดับมธั ยมศกึ ษา(ฉบบั ปรบั ปรุงปกี ารศึกษา ๒๕๖๒)

ตามหลกั สูตรแกนกลางการศกึ ษาข้นั พ้นื ฐาน
พทุ ธศักราช ๒๕๕๑

ฉบับปรับปรงุ พ.ศ. ๒๕๖๐

โรงเรียนบ้านเขาเทยี มปา่

เขตพน้ื ทก่ี ารศกึ ษาประถมศึกษากระบี่

เอกสารเลขที่ ๕/๒๕๖๕

ห ลั ก สู ต ร ส ถ า น ศึ ก ษ า โ ร ง เ รี ย น บ้ า น เ ข า เ ที ย ม ป่ า . . . ห น ้ า | ๒

คำนำ

กระทรวงศึกษาธิการได้ประกาศใช้มาตรฐานการเรียนรู้และตัวชี้วัด กลุ่มสาระการเรียนรู้คณิตศาสตร์
วิทยาศาสตร์ และสาระภูมิศาสตร์ในกลุ่มสาระการเรียนรู้สังคมศึกษา ศาสนา และวัฒนธรรม (ฉบับปรับปรุง พ.ศ.
๒๕๖๐) ตามหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช ๒๕๕๑ ตามคำส่ังกระทรวงศึกษาธิการที่ สพฐ.
๑๒๓๙/๒๕๖๐ ลงวันที่ ๗ สิงหาคม ๒๕๖๐ และคำสั่งสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน ที่ ๓๐/๒๕๖๑
ลงวันที่ ๕ มกราคม ๒๕๖๑ ให้เปลี่ยนแปลงมาตรฐานการเรียนรู้และตัวชี้วัด กลุ่มสาระการเรียนรู้คณิตศาสตร์และ
วทิ ยาศาสตร์ (ฉบบั ปรับปรุง พ.ศ.๒๕๖๐) โดยมีคำส่งั ใหโ้ รงเรยี นดำเนินการใชห้ ลักสูตรในปีการศึกษา ๒๕๖๑ โดยให้
ใช้ในช้ันประถมศกึ ษาปีที่ ๑ และ ๔ ตั้งแตป่ กี ารศึกษา ๒๕๖๑ เปน็ ต้นมา ใหเ้ ปน็ หลกั สตู รแกนกลางของประเทศ โดย
กำหนดจุดหมาย และมาตรฐานการเรียนรู้เป็นเป้าหมายและกรอบทิศทางในการพัฒนาคุณภาพผู้เรียนมีพัฒนาการ
เตม็ ตามศักยภาพ มีคุณภาพและมที ักษะการเรยี นรูใ้ นศตวรรษท่ี ๒๑ เพ่ือให้สอดคลอ้ งกบั นโยบายและเป้าหมายของ
สำนกั งานคณะกรรมการการศึกษาขน้ั พืน้ ฐาน

โรงเรียนบ้านเขาเทียมป่า จึงได้ทำการปรับปรุงหลักสูตรสถานศึกษา พุทธศักราช ๒๕๖๓
ในกลุ่มสาระการเรียนรู้คณิตศาสตร์ วิทยาศาสตร์ และสาระภูมิศาสตร์ในกลุ่มสาระการเรียนรู้สังคมศึกษา ศาสนา
และวัฒนธรรม ใช้ในทุกระดับชั้น เพื่อนำไปใช้ประโยชน์และเป็นกรอบในการวางแผนและพัฒนาหลักสูตรของ
สถานศึกษาและจัดการเรียนการสอน อีกทั้งในปีการศึกษา ๒๕๖๓ โรงเรียนบ้านเขาเทียมป่า ได้จัดการเรียนการ
สอนโดยเน้นให้ผู้เรียน เกิดความรู้ มีคุณธรรมและเสริมสร้างทักษะอาชีพ โดยมีเป้าหมายในการพัฒนาคุณภาพ
ผู้เรียน ให้มีกระบวนการนำหลักสูตรไป สู่การปฏิบัติ โดยมีการกำหนดวิสัยทัศน์ จุดหมาย สมรรถนะสำคัญของ
ผู้เรียน คุณลักษณะอันพึงประสงค์ มาตรฐานการเรียนรู้และตัวชี้วัด โครงสร้างเวลาเรียน ตลอดจนเกณฑ์การวัด
ประเมินผล ใหม้ คี วามสอดคล้องกับมาตรฐานการเรียนรู้ เปดิ โอกาสให้โรงเรียนสามารถกำหนดทศิ ทางในการจัดทำ
หลักสูตรการเรยี นการสอนในแต่ละระดับตามความพร้อมและจุดเน้น โดยมีกรอบแกนกลางเปน็ แนวทาง ที่ชัดเจน
เพ่ือตอบสนองนโยบายไทยแลนด์ ๔.๐ มีความพร้อมในการก้าวสู่สังคมคุณภาพ มีความรู้อย่างแท้จริง และมีทักษะ
ในศตวรรษที่ ๒๑

การจัดหลักสูตรการศึกษาขั้นพื้นฐานจะประสบความสำเร็จตามเป้าหมายที่คาดหวังได้ ทุกฝ่าย
ที่เกี่ยวข้องทั้งระดับชาติ ชุมชน ครอบครัว และบุคคลต้องร่วมรับผิดชอบ โดยร่วมกันทำงานอย่างเป็นระบบ และ
ต่อเนื่อง ในการวางแผน ดำเนินการ ส่งเสริมสนับสนุน ตรวจสอบ ตลอดจนปรับปรุงแก้ไข เพื่อพัฒนาเยาวชนของ
ชาตไิ ปสคู่ ุณภาพตามมาตรฐานการเรียนร้ทู กี่ ำหนดไว้

คณะผู้จัดทำ
โรงเรียนบ้านเขาเทยี มป่า

ห ลั ก สู ต ร ส ถ า น ศึ ก ษ า โ ร ง เ รี ย น บ้ า น เ ข า เ ที ย ม ป่ า . . . ห น ้ า | ๓

ความนำ

การจัดการศึกษาขั้นพื้นฐานจะต้องสอดคล้องกับการเปลี่ยนแปลงทางเศรษฐกิจ สังคม วัฒนธรรม
สภาพแวดล้อม และความรู้ทางวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีที่เจรญิ ก้าวหน้าอย่างรวดเร็ว เพื่อพัฒนาและเสริมสร้าง
ศกั ยภาพคนของชาติให้สามารถเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขนั ของประเทศ โดยการยกระดับคุณภาพการศึกษา
และการเรยี นรใู้ หม้ คี ณุ ภาพและมาตรฐานระดบั สากล สอดคลอ้ งกบั ประเทศไทย 4.0 และโลกในศตวรรษที่ 21

กระทรวงศึกษาธิการโดยสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐานจึงได้ดำเนินการทบทวนหลักสูตร
แกนกลางการศกึ ษาขน้ั พืน้ ฐาน พทุ ธศักราช 2551 โดยนำข้อมลู จากแผนพัฒนาเศรษฐกจิ และสังคมแหง่ ชาติ ฉบบั ท่ี
12 ยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี และแผนการศึกษาแห่งชาติ พ.ศ. 2560 – 2579 มาใช้เป็นกรอบและทิศทางในการ
พัฒนาหลักสูตรให้มีความเหมาะสมชัดเจนยิ่งขึ้น ในระยะสั้นเห็นควรปรับปรุงหลักสูตรในกลุ่มสาระการเรียนรู้
คณิตศาสตร์ วิทยาศาสตร์ และสาระภมู ศิ าสตร์ในกลมุ่ สาระการเรียนรู้สงั คมศึกษา ศาสนา และวฒั นธรรม ซง่ึ มีความ
สาคัญต่อการพัฒนาประเทศ และเป็นรากฐานสาคัญที่จะช่วยให้มนุษย์มีความคิดริเร่ิม สร้างสรรค์ คิดอย่างมีเหตุผล
เป็นระบบ สามารถวิเคราะห์ปัญหาหรือสถานการณ์ได้อย่างรอบคอบและถี่ถ้วน สามารถนำไปใช้ในชีวิตประจำวัน
ตลอดจนการใช้เทคโนโลยีที่เหมาะสมในการบูรณาการกับความรู้ทางด้านวิทยาศาสตร์และคณิตศาสตร์ เพ่ือ
แก้ปญั หาหรอื พัฒนางานดว้ ยกระบวนการออกแบบเชิงวิศวกรรมทีน่ ำไปสู่การคิดค้นสิ่งประดิษฐ์ หรือสร้างนวัตกรรม
ตา่ ง ๆ ท่ีเอือ้ ประโยชน์ต่อการดารงชวี ติ การใช้ทักษะการคดิ เชิงคำนวณ ความรู้ทางด้านวิทยาการคอมพวิ เตอร์ และ
เทคโนโลยีและการสื่อสารในการแก้ปัญหาที่พบในชีวิตจริงได้อย่างมีประสิทธิภาพ รวมทั้งใช้ความรู้ ความสามารถ
ทักษะ กระบวนการ และเครื่องมือทางภูมิศาสตร์ เรียนรู้สิ่งต่าง ๆ ที่อยู่รอบตัวอย่างเข้าใจสภาพที่เป็นอยู่ และการ
เปลยี่ นแปลง เพ่อื นาไปส่กู ารจัดการและปรบั ใช้ในการดารงชวี ติ และการประกอบอาชพี อย่างสร้างสรรค์

ทั้งนี้ กระทรวงศึกษาธิการได้มอบหมายให้สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี (สสวท.)
รับผิดชอบในการปรับปรุงหลักสูตรกลุ่มสาระการเรียนรู้คณิตศาสตร์ และวิทยาศาสตร์ และสาระเทคโนโลยีในกลุ่ม
สาระการเรียนรู้การงานอาชีพและเทคโนโลยี ซึ่งต่อมาได้ผนวกรวมอยู่ในกลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ และ
สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาข้ันพนื้ ฐานรับผิดชอบปรบั ปรงุ สาระภูมิศาสตร์ในกลุ่มสาระการเรียนรู้สังคมศึกษา
ศาสนา และวัฒนธรรม

มาตรฐานการเรียนรู้และตัวชี้วัด ฯ (ฉบับปรับปรุง พ.ศ. 2560) ตามหลักสูตรแกนกลางการศึกษาข้ัน
พื้นฐาน พุทธศักราช 2551 ฉบับนี้ จัดทำขึ้นเพื่อให้สถานศึกษาทุกสังกัดที่จดั การศกึ ษาขั้นพืน้ ฐาน ใช้เป็นกรอบใน
การพัฒนาหลักสูตรสถานศึกษาและจัดการเรียนการสอน ตลอดจนเป็นแนวทางให้ผู้ท่ีเกี่ยวข้องเข้าใจในเป้าหมาย
การพัฒนาผู้เรยี น และมีสว่ นร่วมในการสง่ เสรมิ สนับสนนุ ใหผ้ ู้เรยี นบรรลตุ ามเปา้ หมายที่กาหนดไว้

สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน ขอขอบคุณ สสวท. ผู้ทรงคุณวุฒิ ผู้เชี่ยวชาญแต่ละสาขา
คณาจารย์ ศึกษานเิ ทศก์ ครผู ู้สอน และผมู้ ีส่วนรว่ มจากทกุ หนว่ ยงานทีเ่ กีย่ วข้อง ท้งั ในและนอกกระทรวงศึกษาธิการ
ทีช่ ่วยใหก้ ารพฒั นาหลักสูตรฉบับน้ี มีความสมบรู ณ์และเหมาะสมต่อการจดั การศกึ ษาเพ่ือคนไทยทงั้ ประเทศ

ห ลั ก สู ต ร ส ถ า น ศึ ก ษ า โ ร ง เ รี ย น บ้ า น เ ข า เ ที ย ม ป่ า . . . ห น ้ า | ๔

วสิ ัยทศั น์

วสิ ัยทศั นโ์ รงเรียนบ้านเขาเทียมป่า

โรงเรียนบา้ นเขาเทียมป่า เปน็ โรงเรยี นท่ีมคี ุณภาพ จัดการศึกษาให้มคี ณุ ภาพตามเกณฑ์มาตรฐานการศึกษา
ชาติ พัฒนาผเู้ รียนสูศ่ ตวรรษที่ ๒๑ ตามแนวทางศาสตร์พระราชา โดยการมีสว่ นร่วมของทกุ ภาคสว่ น

พันธกิจ – (Mission)
1. พฒั นาโรงเรยี นใหม้ ีคุณภาพตามเกณฑ์การศึกษาชาติ
2. พฒั นาผเู้ รยี นใหอ้ ่านออกเขยี นได้
3. พัฒนาผเู้ รยี นใหม้ ีผลสัมฤทธทิ์ างการเรยี นที่สูงข้นึ
4. บริหารจดั การโรงเรยี นโดยใช้ระบบคุณภาพและหลักธรรมาภบิ าล
5. พัฒนาผเู้ รยี นให้มคี ณุ ลกั ษณะของนักเรยี นในศตวรรษที่ ๒๑
6. นอ้ มนำศาสตรพ์ ระราชามาพัฒนาผ้เู รยี นและบุคลากรทางการศึกษา
๗. พัฒนาโรงเรยี นและระดมทรัพยากรต่างๆ โดยการมีสว่ นรว่ มของทุกภาคสว่ น

ปรัชญา
ความรู้ คู่ คุณธรรม

เปา้ ประสงค์ – (Goals)
๑. นักเรยี นมคี ณุ ภาพตามเกณฑ์มาตรฐานการศึกษาชาติ
๒. นกั เรยี นทุกคนสามารถอา่ นออกเขียนได้
๓. นกั เรียนรอ้ ยละ ๘๐ มผี ลสมั ฤทธ์ทิ างการเรียนที่สูงขนึ้
๔. ประชากรวัยเรยี นไดร้ ับโอกาสและได้รบั บริการทางการศกึ ษาอย่างมคี ุณภาพ
๕. นักเรียนทุกคนไดร้ บั การพัฒนาทกั ษะพ้นื ฐานทางวชิ าชีพ และมีคณุ ลกั ษณะผเู้ รียนในศตวรรษท่ี ๒๑
๖. โรงเรียนมรี ะบบบริหารจดั การศึกษาที่มคี ุณภาพ ยึดหลักธรรมมาภบิ าล

ห ลั ก สู ต ร ส ถ า น ศึ ก ษ า โ ร ง เ รี ย น บ้ า น เ ข า เ ที ย ม ป่ า . . . ห น ้ า | ๕

หลักการ

หลักสูตรสถานศึกษาโรงเรียนบ้านเขาเทียมป่า มีหลักการที่สำคัญตามหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้น
พ้นื ฐาน ดังน้ี

1. เป็นหลักสูตรการศึกษาเพื่อความเป็นเอกภาพของชาติ มีจุดหมายและมาตรฐานการเรียนรู้ เป็น
เปา้ หมายสำหรบั พฒั นาเดก็ และเยาวชนให้มคี วามรู้ ทักษะ เจตคติ และคุณธรรมบนพ้นื ฐาน ของความเป็นไทยควบคู่
กบั ความเปน็ สากล

2. เปน็ หลักสูตรการศึกษาเพ่ือปวงชน ท่ปี ระชาชนทกุ คนมีโอกาสไดร้ ับการศึกษาอย่างเสมอภาค และ มีคุณภาพ
3. เป็นหลักสูตรการศึกษาที่สนองการกระจายอำนาจ ให้สังคมมีส่วนร่วมในการจัดการศึกษาให้สอดคล้อง
กบั สภาพและความต้องการของท้องถนิ่
4. เปน็ หลักสูตรการศึกษาท่มี โี ครงสรา้ งยืดหยุ่นทัง้ ดา้ นสาระการเรียนรู้ เวลาและการจดั การเรยี นรู้
5. เปน็ หลักสูตรการศึกษาทเี่ นน้ ผูเ้ รียนเปน็ สำคญั
6. เป็นหลักสูตรการศึกษาสำหรับการศึกษาในระบบ ครอบคลุมทุกกลุ่มเป้าหมาย สามารถเทียบโอนผล
การเรียนรู้ และประสบการณ์

ห ลั ก สู ต ร ส ถ า น ศึ ก ษ า โ ร ง เ รี ย น บ้ า น เ ข า เ ที ย ม ป่ า . . . ห น ้ า | ๖

จุดหมาย

หลักสูตรสถานศึกษาโรงเรียนบ้านเขาเทียมป่า มุ่งพัฒนาผู้เรียนให้เป็นคนดี มีปัญญา มีความสุขมี
ศักยภาพในการศึกษาต่อ และประกอบอาชีพ จึงกำหนดเป็นจุดหมายเพื่อให้เกิดกับผู้เรียนเมื่อจบช่วงแรก
การศกึ ษาภาคบังคับ ดงั น้ี

1. มีคุณธรรม จริยธรรม และค่านิยมที่พึงประสงค์ เห็นคุณค่าของตนเอง มีวินัยและปฏิบัติตนตาม
หลักธรรมของพระพทุ ธศาสนา หรอื ศาสนาทตี่ นนับถอื ยดึ หลกั ปรัชญาของเศรษฐกจิ พอเพยี ง

2. มีความรู้ ความสามารถในการส่ือสาร การคิด การแกป้ ญั หา การใชเ้ ทคโนโลยี และมที ักษะชีวติ
3. มีสุขภาพกายและสุขภาพจิตทดี่ ี มสี ขุ นสิ ัย และรักการออกกำลังกาย
4. มีความรักชาติ มีจิตสำนึกในความเป็นพลเมืองไทยและพลโลก ยึดมั่นในวิถีชีวิตและการปกครองตาม
ระบอบประชาธิปไตยอนั มีพระมหากษัตริยท์ รงเป็นประมุข
5. มีจิตสำนึกในการอนุรักษ์วัฒนธรรมและภูมิปัญญาไทย การอนุรักษ์และพัฒนาสิ่งแวดล้อม มีจิต
สาธารณะทมี่ ุ่งทำประโยชน์และสรา้ งสิง่ ทดี่ งี ามในสงั คม และอยู่รว่ มกันในสงั คมอย่างมีความสุข

ห ลั ก สู ต ร ส ถ า น ศึ ก ษ า โ ร ง เ รี ย น บ้ า น เ ข า เ ที ย ม ป่ า . . . ห น ้ า | ๗

สมรรถนะสำคัญของผ้เู รียน

หลักสูตรสถานศึกษาโรงเรียนบา้ นเขาเทยี มป่า มงุ่ เนน้ พัฒนาผู้เรียนให้มีคุณภาพตามมาตรฐานทกี่ ำหนด ซึ่ง
จะชว่ ยใหผ้ เู้ รยี นเกดิ สมรรถนะสำคญั และคณุ ลกั ษณะอันพึงประสงค์ ดังนี้

สมรรถนะสำคัญของผู้เรียน

หลักสูตรสถานศึกษาโรงเรียนบา้ นเขาเทยี มป่า มงุ่ ใหผ้ ู้เรียนเกิดสมรรถนะสำคญั 5 ประการ ดังนี้
1. ความสามารถในการสื่อสาร เป็นความสามารถในการรับและส่งสาร มีวัฒนธรรมในการใช้ภาษา
ถ่ายทอดความคิด ความรู้ความเข้าใจ ความรู้สึก และทัศนะของตนเองเพื่อแลกเปลี่ยนข้อมูลข่าวสารและ
ประสบการณ์อันจะเป็นประโยชน์ต่อการพัฒนาตนเองและสังคม รวมทั้งการเจรจาต่อรองเพื่อขจัดและลดปัญหา
ความขัดแย้งต่าง ๆ การเลือกรับหรือไม่รับข้อมูลข่าวสารด้วยหลักเหตุผลและความถูกต้อง ตลอดจนการเลือกใช้
วธิ กี ารสื่อสาร ทมี่ ปี ระสทิ ธิภาพโดยคำนึงถึงผลกระทบทีม่ ตี ่อตนเองและสงั คม
2. ความสามารถในการคิด เป็นความสามารถในการคิดวิเคราะห์ การคิดสังเคราะห์ การคิด
อย่างสร้างสรรค์ การคิดอย่างมีวิจารณญาณ และการคิดเป็นระบบ เพื่อนำไปสู่การสร้างองค์ความรู้หรอื สารสนเทศ
เพอ่ื การตัดสนิ ใจเกย่ี วกบั ตนเองและสังคมได้อย่างเหมาะสม
3. ความสามารถในการแก้ปัญหา เป็นความสามารถในการแก้ปัญหาและอุปสรรคต่าง ๆ ที่เผชิญได้อย่าง
ถูกต้องเหมาะสมบนพื้นฐานของหลักเหตุผล คุณธรรมและข้อมูลสารสนเทศ เข้าใจความสัมพันธ์และการ
เปลี่ยนแปลงของเหตุการณ์ตา่ ง ๆ ในสังคม แสวงหาความรู้ ประยกุ ต์ความรมู้ าใช้ในการป้องกันและแก้ไขปัญหา และ
มีการตัดสินใจท่มี ปี ระสทิ ธิภาพโดยคำนงึ ถึงผลกระทบท่เี กิดข้ึน ตอ่ ตนเอง สังคมและสิ่งแวดล้อม
4. ความสามารถในการใช้ทักษะชีวิต ป็นความสามารถในการนำกระบวนการต่าง ๆ ไปใช้ใน
การดำเนินชีวิตประจำวัน การเรียนรู้ด้วยตนเอง การเรียนรู้อย่างต่อเนื่อง การทำงาน และการอยู่ร่วมกันในสังคม
ด้วยการสร้างเสริมความสัมพันธ์อันดีระหว่างบุคคล การจัดการปัญหาและความขัดแย้งต่าง ๆ อย่างเหมาะสม
การปรับตวั ใหท้ นั กับการเปลยี่ นแปลงของสงั คมและสภาพแวดลอ้ ม และการรู้จักหลีกเลย่ี งพฤติกรรมไม่พึงประสงค์ที่
ส่งผลกระทบตอ่ ตนเองและผ้อู ่นื
5. ความสามารถในการใช้เทคโนโลยี เป็นความสามารถในการเลือก และใช้ เทคโนโลยีด้านต่าง ๆ และมี
ทักษะกระบวนการทางเทคโนโลยี เพื่อการพัฒนาตนเองและสังคม ในด้านการเรียนรู้ การสื่อสาร
การทำงาน การแก้ปัญหาอย่างสร้างสรรค์ ถูกต้อง เหมาะสม และมีคุณธรรม

ห ลั ก สู ต ร ส ถ า น ศึ ก ษ า โ ร ง เ รี ย น บ้ า น เ ข า เ ที ย ม ป่ า . . . ห น ้ า | ๘

คณุ ลักษณะอันพึงประสงค์

หลกั สูตรสถานศึกษาโรงเรยี นบ้านเขาเทยี มปา่ มุง่ พฒั นาผเู้ รยี นใหม้ ีคณุ ลักษณะอนั พึงประสงค์ เพ่ือให้
สามารถอยรู่ ว่ มกบั ผอู้ น่ื ในสังคมได้อย่างมีความสุข ในฐานะเป็นพลเมืองไทยและพลโลก ดังนี้

1. รักชาติ ศาสน์ กษัตรยิ ์
2. ซ่ือสัตยส์ จุ รติ
3. มวี นิ ยั
4. ใฝเ่ รียนรู้
5. อยอู่ ยา่ งพอเพยี ง
6. มุ่งมัน่ ในการทำงาน
7. รกั ความเปน็ ไทย
8. มีจติ สาธารณะ

ห ลั ก สู ต ร ส ถ า น ศึ ก ษ า โ ร ง เ รี ย น บ้ า น เ ข า เ ที ย ม ป่ า . . . ห น ้ า | ๙

คา่ นิยมหลักของคนไทย ๑๒ ประการ

๑. มคี วามรักชาติ ศาสนา พระมหากษตั รยิ ์
๒. ซอ่ื สัตย์ เสียสละ อดทน มีอุดมการณ์ในส่ิงทีด่ ีงามเพ่ือส่วนรวม
๓. กตญั ญูตอ่ พอ่ แม่ ผ้ปู กครอง ครูบาอาจารย์
๔. ใฝห่ าความรู้ หมนั่ ศึกษาเลา่ เรียน ทั้งทางตรงและทางออ้ ม
๕. รักษาวัฒนธรรมประเพณไี ทยอนั งดงาม
๖. มีศีลธรรม รกั ษาความสัตย์ หวังดตี ่อผอู้ นื่ เผอ่ื แผแ่ ละแบ่งปัน
๗. เขา้ ใจเรยี นรูก้ ารเปน็ ประชาธิปไตย อันมพี ระมหากษัตรยิ ์ทรงเป็นประมุขทถ่ี ูกตอ้ ง
๘. มรี ะเบียบวนิ ัย เคารพกฎหมาย ผนู้ ้อยรูจ้ ักการเคารพผใู้ หญ่
๙. มีสตริ ้ตู ัว รคู้ ดิ รทู้ ำ รู้ปฏิบัติตามพระราชดำรสั ของพระบาทสมเดจ็ พระเจ้าอยูห่ ัว
๑๐. รู้จักดำรงตนอยู่โดยใช้หลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงตามพระราชดำรัสของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอย่หู วั
รู้จักอดออมไว้ใช้เมื่อยามจำเป็น มีไว้พอกินพอใช้ ถ้าเหลือก็แจกจ่ายจำหน่าย และพร้อมที่จะขยายกิจการเมื่อมี
ความพรอ้ ม เมอื่ มภี มู คิ ้มุ กันทด่ี ี
๑๑. มคี วามเข้มแข็งท้ังร่างกาย และจติ ใจ ไมย่ อมแพ้ต่ออำนาจฝ่ายต่ำ หรือกิเลส มีความละอายเกรงกลัวต่อ
บาปตามหลกั ของศาสนา
๑๒. คำนงึ ถงึ ผลประโยชนข์ องสว่ นรวมและของชาติ มากกว่าผลประโยชน์ของตนเอง

ห ลั ก สู ต ร ส ถ า น ศึ ก ษ า โ ร ง เ รี ย น บ้ า น เ ข า เ ที ย ม ป่ า . . . ห น ้ า | ๑๐

มาตรฐานการเรียนรู้

การพัฒนาผู้เรียนให้เกิดความสมดุล ต้องคำนึงถึงหลักพัฒนาการทางสมองและพหุปัญญา หลักสูตร
แกนกลางการศกึ ษาขน้ั พืน้ ฐาน จึงกำหนดให้ผู้เรียนเรยี นรู้ 8 กลมุ่ สาระการเรียนรู้ จำนวน ๓๑ สาระ ๕๕ มาตรฐาน
ดงั น้ี

1. ภาษาไทย
2. คณิตศาสตร์
3. วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
4. สงั คมศึกษา ศาสนา และวฒั นธรรม
5. สขุ ศกึ ษาและพลศึกษา
6. ศลิ ปะ
7. การงานอาชีพ
8. ภาษาต่างประเทศ
ในแต่ละกลุ่มสาระการเรียนรู้ได้กำหนดมาตรฐานการเรียนรู้เป็นเป้าหมายสำคัญของการพัฒนาคุณภาพ
ผู้เรียน มาตรฐานการเรียนรู้ระบุสิ่งที่ผู้เรียนพึงรู้ ปฏิบัติได้ มีคุณธรรมจริยธรรม และค่านิยม ที่พึงประสงค์เมื่อจบ
การศกึ ษาข้ันพน้ื ฐาน นอกจากน้นั มาตรฐานการเรยี นรู้ยังเป็นกลไกสำคัญ ในการขับเคลื่อนพัฒนาการศึกษาท้ังระบบ
เพราะมาตรฐานการเรียนรู้จะสะท้อนให้ทราบว่าต้องการอะไร จะสอนอย่างไร และประเมินอย่างไร รวมทั้งเป็น
เครื่องมือในการตรวจสอบเพื่อการประกันคุณภาพการศึกษาโดย ใช้ระบบการประเมินคุณภาพภายในและ
การประเมินคุณภาพภายนอก ซึ่งรวมถึงการทดสอบระดับเขตพื้นที่การศึกษา และการทดสอบระดับชาติ ระบบ
การตรวจสอบเพ่ือประกนั คุณภาพดังกล่าวเป็นสิ่งสำคัญทชี่ ว่ ยสะท้อนภาพการจัดการศึกษาว่าสามารถพัฒนาผู้เรียน
ใหม้ ีคุณภาพตามทีม่ าตรฐานการเรียนรกู้ ำหนดเพียงใด

ห ลั ก สู ต ร ส ถ า น ศึ ก ษ า โ ร ง เ รี ย น บ้ า น เ ข า เ ที ย ม ป่ า . . . ห น ้ า | ๑๑

ตวั ช้วี ัด

ตัวชี้วัดระบุสิ่งที่นักเรียนพึงรู้และปฏิบัติได้ รวมทั้งคุณลักษณะของผู้เรียนในแต่ละระดับชั้น ซึ่งสะท้อนถึง
มาตรฐานการเรียนรู้ มีความเฉพาะเจาะจงและมีความเป็นรูปธรรม นำไปใช้ ในการกำหนดเนื้อหา จัดทำหน่วย
การเรียนรู้ จัดการเรียนการสอน และเป็นเกณฑ์สำคัญสำหรบั การวัดประเมนิ ผลเพ่ือตรวจสอบคุณภาพผเู้ รยี น

ตัวชี้วัดชั้นปี เป็นเป้าหมายในการพัฒนาผู้เรียนแต่ละชั้นปีในระดับการศึกษาภาคบังคับ
ประถมศกึ ษาปที ี่ 1 – มธั ยมศกึ ษาปีที่ 3)

หลักสูตรได้มีการกำหนดรหัสกำกับมาตรฐานการเรียนรู้และตัวชี้วัด เพื่อความเข้าใจและให้สื่อสารตรงกัน
ดังนี้

ว 1.1 ป. 1/2 ตัวชวี้ ัดชั้นประถมศึกษาปที ่ี 1 ขอ้ ท่ี 2
สาระท่ี 1 มาตรฐานขอ้ ที่ 1
ป.1/2 กล่มุ สาระการเรยี นรูว้ ทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี
1.1


ห ลั ก สู ต ร ส ถ า น ศึ ก ษ า โ ร ง เ รี ย น บ้ า น เ ข า เ ที ย ม ป่ า . . . ห น ้ า | ๑๒

สาระการเรยี นรู้

สาระการเรยี นรู้ ประกอบด้วย องคค์ วามรู้ ทกั ษะหรือกระบวนการเรียนรู้ และคณุ ลักษณะอันพึงประสงค์
ซง่ึ กำหนดให้ผ้เู รยี นทุกคนในระดับการศึกษาขั้นพื้นฐานจำเป็นต้องเรียนรู้ โดยแบ่งเป็น 8 กลมุ่ สาระการเรยี นรู้ ดังน้ี

ภาษาไทย : ความรู้ ทกั ษะ คณติ ศาสตร์ : การนาความรู้ วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี : การนา
และวฒั นธรรมการใชภ้ าษา ทกั ษะและกระบวนการทาง
เพ่อื การส่ือสาร ความชื่นชม คณิตศาสตร์ไปใชใ้ น ความรู้และกระบวนการทางวิทยาศาสตร์
การเห็นคุณคา่ ภมู ิปัญญาไทย การแกป้ ัญหา การดาเนินชีวิต ไปใชใ้ นการศึกษา คน้ ควา้ หาความรู้ และ
และภูมใิ จในภาษาประจาชาติ และศึกษาต่อ การมีเหตุมีผล มีเจต แกป้ ัญหาอยา่ งเป็นระบบ การคดิ อยา่ งเป็น
คติท่ดี ีตอ่ คณิตศาสตร์ พฒั นาการ เหตเุ ป็นผล คิดวเิ คราะห์ คดิ สร้างสรรค์
คิดอยา่ งเป็นระบบและ จิตวทิ ยาศาสตร์และการใชเ้ ทคโนโลยี
สร้างสรรค์

ภาษาต่างประเทศ : ความรู้ องค์ความรู้ ทักษะสาคญั สังคมศึกษา ศาสนาและวฒั นธรรม :
ทกั ษะ เจตคติ และ และคณุ ลกั ษณะ การอยรู่ ่วมกนั ในสงั คมไทยและสงั คมโลก
วฒั นธรรม การใช้ อยา่ งสันติสุข การเป็นพลเมืองดี
ภาษาต่างประเทศในการ ในหลกั สูตรแกนกลางการศึกษา ศรัทธาในหลกั ธรรมของศาสนา การ
สื่อสาร การแสวงหาความรู้ ข้นั พืน้ ฐาน เห็นคุณคา่ ของทรัพยากรและ
และการประกอบอาชีพ สิ่งแวดลอ้ ม ความรักชาติ และภมู ิใจใน
ความเป็ นไทย

การงานอาชีพ: ความรู้ ทกั ษะ ศิลปะ : ความรู้และทกั ษะ สุขศึกษาและพลศึกษา : ความรู้
และเจตคติในการทางาน ในการคิดริเริ่ม ทกั ษะและเจตคติในการสร้างเสริม
การจดั การ การดารงชีวิต จินตนาการ สร้างสรรค์ สุขภาพพลานามยั ของตนเองและ
การประกอบอาชีพ และมีเจต งานศิลปะ สุนทรียภาพ ผอู้ ื่น การป้องกนั และปฏิบตั ิต่อสิ่ง
คติที่ดีและมีคุณธรรมใน และการเห็นคณุ ค่าทาง ตา่ ง ๆ ที่มีผลต่อสุขภาพอยา่ งถูกวธิ ี
การทางาน ศิลปะ และทกั ษะในการดาเนินชีวิต

ห ลั ก สู ต ร ส ถ า น ศึ ก ษ า โ ร ง เ รี ย น บ้ า น เ ข า เ ที ย ม ป่ า . . . ห น ้ า | ๑๓

ความสัมพันธ์ของการพัฒนาคุณภาพผู้เรยี นตามหลักสตู รแกนกลางการศึกษาขัน้ พ้ืนฐาน

วสิ ยั ทศั น์

หลักสูตรแกนกลางการศึกษาข้ันพน้ื ฐาน มุง่ พฒั นาผู้เรียนทุกคน ซ่ึงเป็นกำลงั ของชาติให้เป็นมนุษย์
ทมี่ ีความสมดุลทั้งด้านร่างกาย ความรู้ คุณธรรม มจี ิตสำนึกในความเป็นพลเมืองไทยและเป็นพลโลก ยึดมน่ั
ในการปกครองตามระบอบประชาธปิ ไตยอนั มีพระมหากษตั ริย์ทรงเปน็ ประมขุ มีความรู้และทกั ษะพื้นฐาน
รวมทงั้ เจตคติ ท่ีจำเป็นต่อการศกึ ษาต่อ การประกอบอาชีพและการศกึ ษาตลอดชวี ิต โดยม่งุ เนน้ ผ้เู รียน
เป็นสำคญั บนพนื้ ฐานความเชื่อว่า ทุกคนสามารถเรยี นร้แู ละพัฒนาตนเองไดเ้ ต็มตามศกั ยภาพ

จดุ หมาย

1. มคี ณุ ธรรม จรยิ ธรรม และค่านยิ มทีพ่ งึ ประสงค์ เหน็ คุณคา่ ของตนเอง มีวินัยและปฏิบตั ิ
ตนตามหลักธรรมของพระพทุ ธศาสนา หรอื ศาสนาทีต่ นนับถือ ยดึ หลักปรชั ญาของเศรษฐกจิ พอเพยี ง

2. มคี วามรอู้ นั เป็นสากลและมีความสามารถในการส่ือสาร การคดิ การแกป้ ัญหา การใช้
เทคโนโลยีและมที ักษะชีวติ

3. มสี ขุ ภาพกายและสุขภาพจติ ทด่ี ี มีสุขนิสัย และรักการออกกำลงั กาย
4. มีความรักชาติ มีจติ สำนึกในความเป็นพลเมืองไทยและพลโลก ยดึ มน่ั ในวถิ ีชีวติ และการ
ปกครองในระบอบประชาธิปไตยอนั มีพระมหากษัตรยิ ์ทรงเปน็ ประมุข
5. มจี ติ สำนึกในการอนุรกั ษว์ ฒั นธรรมและภูมปิ ัญญาไทย การอนุรกั ษแ์ ละพฒั นาสิง่ แวดลอ้ ม
มจี ิตสาธารณะที่มุ่งทำประโยชนแ์ ละสร้างสง่ิ ท่ีดงี ามในสังคม และอยู่รว่ มกนั ในสังคมอย่างมีความสขุ

สมรรถนะสำคัญของผู้เรยี น คุณลักษณะอนั พึงประสงค์

๑. ความสามารถในการสอื่ สาร 1.รักชาติ ศาสน์ กษตั รยิ ์ 2. ซอ่ื สัตยส์ ุจริต
๒. ความสามารถในการคดิ
๓. ความสามารถในการแก้ปญั หา 3. มีวินยั 4. ใฝ่เรียนรู้
๔. ความสามารถในการใชท้ กั ษะชวี ิต
๕. ความสามารถในการใช้เทคโนโลยี 5.อยูอ่ ย่างพอเพียง 6. มุง่ ม่ันในการทำงาน

7.รักความเป็นไทย 8. มจี ิตสาธารณะ

มาตรฐานการเรียนรู้และตัวชี้วัด 8 กลุ่มสาระการเรียนรู้ กิจกรรมพัฒนาผเู้ รียน
๑. ภาษาไทย ๒. คณติ ศาสตร์ ๓. วทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี 1.กจิ กรรมแนะแนว
2.กจิ กรรมนกั เรียน
4. สงั คมศึกษา ศาสนาและวฒั นธรรม 5. สุขศกึ ษาและพลศึกษา 3.กิจกรรมเพื่อสังคมและ
สาธารณประโยชน์
6. ศิลปะ 7. การงานอาชีพ 8. ภาษาตา่ งประเทศ

คุณภาพของผ้เู รยี นระดบั การศึกษาขนั้ พื้นฐาน

ห ลั ก สู ต ร ส ถ า น ศึ ก ษ า โ ร ง เ รี ย น บ้ า น เ ข า เ ที ย ม ป่ า . . . ห น ้ า | ๑๔

สาระและมาตรฐานการเรยี นรู้

หลกั สตู รแกนกลางการศึกษาขน้ั พ้ืนฐานกำหนดมาตรฐานการเรียนรใู้ น 8 กลมุ่ สาระการเรยี นรู้ ดงั น้ี

ภาษาไทย

สาระที่ 1 การอ่าน ใชก้ ระบวนการอ่านสรา้ งความรู้และความคดิ เพื่อนำไปใชต้ ัดสินใจ แกป้ ญั หาในการ
มาตรฐาน ท 1.1 ดำเนินชวี ติ และมีนิสัยรกั การอ่าน

สาระท่ี 2 การเขียน ใช้กระบวนการเขยี น เขียนสอ่ื สาร เขยี นเรยี งความ ยอ่ ความ และเขยี นเร่ืองราว
มาตรฐาน ท 2.1 ในรูปแบบตา่ งๆ เขียนรายงานขอ้ มลู สารสนเทศและรายงานการศกึ ษาคน้ คว้า
อยา่ งมีประสทิ ธิภาพ

สาระที่ 3 การฟงั การดู และการพดู
มาตรฐาน ท 3.1 สามารถเลือกฟงั และดูอยา่ งมีวิจารณญาณ และพดู แสดงความรู้ ความคดิ

ความรู้สกึ ในโอกาสต่างๆ อยา่ งมวี ิจารณญาณ และสรา้ งสรรค์

สาระที่ 4 หลักการใชภ้ าษาไทย
มาตรฐาน ท 4.1 เข้าใจธรรมชาติของภาษาและหลกั ภาษาไทย การเปล่ียนแปลงของภาษาและพลงั

ของภาษา ภูมิปัญญาทางภาษา และรักษา ภาษาไทยไว้เปน็ สมบตั ิของชาติ

สาระท่ี 5 วรรณคดีและวรรณกรรม
มาตรฐาน ท 5.1 เขา้ ใจและแสดงความคิดเห็น วิจารณ์วรรณคดี และวรรณกรรมไทยอยา่ ง

เห็นคุณค่าและนำมาประยุกต์ใช้ในชีวิตจริง

ห ลั ก สู ต ร ส ถ า น ศึ ก ษ า โ ร ง เ รี ย น บ้ า น เ ข า เ ที ย ม ป่ า . . . ห น ้ า | ๑๕

คณิตศาสตร์

สาระท่ี ๑ จำนวนและพีชคณติ
มาตรฐาน ค ๑.๑ เขา้ ใจความหลากหลายของการแสดงจำนวน ระบบจำนวน การดาเนินการของจำนวน ผลทีเ่ กดิ ขน้ึ

จากการดำเนนิ การ สมบตั ิของการดำเนินการ และนาไปใช้
มาตรฐาน ค ๑.๒ เขา้ ใจและวิเคราะหแ์ บบรปู ความสัมพันธ์ ฟงั กช์ ัน ลาดับและอนกุ รม และนาไปใช้
มาตรฐาน ค ๑.๓ ใชน้ ิพจน์ สมการ อสมการ และเมทริกซ์ อธิบายความสัมพนั ธ์หรอื ชว่ ยแกป้ ัญหา ที่กำหนดให้

สาระท่ี ๒ การวดั และเรขาคณิต
มาตรฐาน ค ๒.๑ เข้าใจพ้นื ฐานเกย่ี วกบั การวดั วดั และคาดคะเนขนาดของสิ่งทตี่ ้องการวดั และนาไปใช้
มาตรฐาน ค ๒.๒ เขา้ ใจและวิเคราะหร์ ูปเรขาคณิต สมบตั ขิ องรูปเรขาคณิต ความสมั พนั ธ์ระหวา่ งรูปเรขาคณติ และ

ทฤษฎบี ททางเรขาคณติ และนาไปใช้

สาระที่ ๓ สถติ ิและความน่าจะเปน็
มาตรฐาน ค ๓.๑ เข้าใจกระบวนการทางสถิติ และใช้ความรทู้ างสถิติในการแก้ปัญหา
มาตรฐาน ค ๓.๒ เข้าใจหลักการนับเบ้อื งต้น ความน่าจะเป็น และนาไปใช้

ห ลั ก สู ต ร ส ถ า น ศึ ก ษ า โ ร ง เ รี ย น บ้ า น เ ข า เ ที ย ม ป่ า . . . ห น ้ า | ๑๖

วิทยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี

สาระที่ ๑ วิทยาศาสตร์ชวี ภาพ
มาตรฐาน ว ๑.๑ เขา้ ใจความหลากหลายของระบบนิเวศ ความสัมพนั ธ์ระหว่างส่ิงไม่มชี วี ติ กับสงิ่ มชี ีวติ และ

ความสมั พนั ธร์ ะหว่างสิ่งมชี ีวิตกบั สงิ่ มชี ีวิตตา่ ง ๆ ในระบบนิเวศการถ่ายทอดพลงั งาน การ
เปลีย่ นแปลงแทนท่ีในระบบนิเวศ ความหมายของประชากร ปัญหาและผลกระทบทม่ี ีต่อ
ทรัพยากรธรรมชาติและส่งิ แวดล้อมแนวทางในการอนุรักษ์ทรพั ยากรธรรมชาติและการแก้ไข
ปญั หาสิง่ แวดลอ้ มรวมทั้งนำความร้ไู ปใชป้ ระโยชน์
มาตรฐาน ว ๑.๒ เขา้ ใจสมบัตขิ องส่ิงมชี ีวติ หนว่ ยพน้ื ฐานของสง่ิ มชี ีวิต การลำเลียงสารเขา้ และออกจากเซลล์
ความสัมพันธ์ของโครงสร้าง และหนา้ ทขี่ องระบบตา่ ง ๆของสตั ว์และมนษุ ย์ท่ีทำงานสมั พันธ์กัน
ความสัมพนั ธข์ องโครงสรา้ ง และหนา้ ทีข่ องอวยั วะต่าง ๆ ของพืชที่ทำงานสัมพนั ธ์กัน รวมทั้งนำ
ความรไู้ ปใช้ประโยชน์
มาตรฐาน ว ๑.๓ เข้าใจกระบวนการและความสำคญั ของการถ่ายทอดลกั ษณะทางพนั ธุกรรมสารพนั ธกุ รรม การ
เปลย่ี นแปลงทางพนั ธุกรรมท่ีมีผลต่อสงิ่ มชี วี ติ ความหลากหลายทางชีวภาพและวิวัฒนาการของ
สงิ่ มีชีวติ รวมท้งั นำความรูไ้ ปใชป้ ระโยชน์

สาระที่ ๒ วิทยาศาสตรก์ ายภาพ
มาตรฐาน ว ๒.๑ เขา้ ใจสมบัตขิ องสสาร องค์ประกอบของสสาร ความสัมพันธ์ระหวา่ งสมบตั ขิ องสสารกับโครงสร้าง

และแรงยึดเหนี่ยวระหว่างอนุภาค หลักและธรรมชาติของการเปลีย่ นแปลงสถานะของสสาร การ
เกิดสารละลาย และการเกิดปฏิกริ ิยาเคมี
มาตรฐาน ว ๒.๒ เข้าใจธรรมชาตขิ องแรงในชวี ิตประจำวนั ผลของแรงที่กระทำต่อวัตถุ ลักษณะการเคลื่อนทีแ่ บบ
ตา่ ง ๆ ของวัตถุ รวมทง้ั นำความร้ไู ปใชป้ ระโยชน์
มาตรฐาน ว ๒.๓ เข้าใจความหมายของพลังงาน การเปลี่ยนแปลงและการถ่ายโอนพลังงานปฏิสัมพนั ธร์ ะหว่างสสาร
และพลังงาน พลงั งานในชีวิตประจำวนั ธรรมชาตขิ องคลนื่ ปรากฏการณท์ เ่ี ก่ยี วข้องกับเสียง แสง
และคลน่ื แม่เหล็กไฟฟ้า รวมทั้งนำความรู้ไปใชป้ ระโยชน์

สาระท่ี ๓ วิทยาศาสตร์โลก และอวกาศ
มาตรฐาน ว ๓.๑ เข้าใจองค์ประกอบ ลักษณะ กระบวนการเกิด และวิวัฒนาการของเอกภพกาแลก็ ซี ดาวฤกษ์ และ

ระบบสุรยิ ะ รวมทงั้ ปฏิสัมพนั ธภ์ ายในระบบสุริยะท่สี ง่ ผลต่อสงิ่ มีชีวิต และการประยุกต์ใช้
เทคโนโลยีอวกาศ
มาตรฐาน ว ๓.๒ เข้าใจองค์ประกอบและความสัมพนั ธข์ องระบบโลก กระบวนการเปลี่ยนแปลงภายในโลก และบน
ผิวโลก ธรณพี บิ ตั ิภัย กระบวนการเปล่ียนแปลงลมฟ้าอากาศและภูมอิ ากาศโลก รวมท้ังผลต่อ
ส่งิ มชี วี ิตและสง่ิ แวดลอ้ ม

ห ลั ก สู ต ร ส ถ า น ศึ ก ษ า โ ร ง เ รี ย น บ้ า น เ ข า เ ที ย ม ป่ า . . . ห น ้ า | ๑๗

สาระที่ ๔ เทคโนโลยี
มาตรฐาน ว ๔.๑ เข้าใจแนวคิดหลักของเทคโนโลยเี พือ่ การดำรงชวี ิตในสงั คมที่มกี ารเปลีย่ นแปลงอยา่ งรวดเรว็ ใช้

ความรู้และทักษะทางด้านวทิ ยาศาสตร์ คณติ ศาสตร์ และศาสตรอ์ น่ื ๆ เพ่ือแก้ปญั หาหรือพัฒนา
งานอยา่ งมคี วามคิดสรา้ งสรรค์ดว้ ยกระบวนการออกแบบเชิงวิศวกรรม เลอื กใชเ้ ทคโนโลยอี ย่าง
เหมาะสมโดยคำนึงถึงผลกระทบต่อชวี ติ สงั คม และส่ิงแวดล้อม

มาตรฐาน ว ๔.๒ เข้าใจและใช้แนวคิดเชงิ คำนวณในการแก้ปญั หาที่พบในชีวิตจรงิ อย่างเปน็
ข้ันตอนและเปน็ ระบบ ใชเ้ ทคโนโลยสี ารสนเทศและการสอื่ สารในการเรยี นรู้
การทำงาน และการแกป้ ัญหาได้อยา่ งมปี ระสทิ ธภิ าพ รู้เทา่ ทนั และมจี ริยธรรม

ห ลั ก สู ต ร ส ถ า น ศึ ก ษ า โ ร ง เ รี ย น บ้ า น เ ข า เ ที ย ม ป่ า . . . ห น ้ า | ๑๘

สังคมศึกษา ศาสนาและวัฒนธรรม

สาระท่ี 1 ศาสนา ศลี ธรรม จริยธรรม
มาตรฐาน ส 1.1 รู้ และเขา้ ใจประวตั ิ ความสำคญั ศาสดา หลักธรรมของพระพุทธศาสนาหรอื

ศาสนาที่ตนนบั ถือและศาสนาอ่ืน มีศรัทธาท่ถี ูกต้อง ยดึ มัน่ และปฏบิ ัตติ ามหลกั ธรรมเพ่อื
อยู่ร่วมกนั อย่างสนั ตสิ ขุ
มาตรฐาน ส 1.2 เขา้ ใจ ตระหนักและปฏิบัติตนเปน็ ศาสนิกชนทด่ี ี และธำรงรักษาพระพุทธศาสนา
หรือศาสนาท่ตี นนับถือ

สาระท่ี 2 หนา้ ทพ่ี ลเมือง วัฒนธรรม และการดำเนินชีวติ ในสังคม
มาตรฐาน ส 2.1 เข้าใจและปฏิบตั ิตนตามหน้าท่ีของการเปน็ พลเมืองดี มีคา่ นิยมที่ดีงาม และ

ธำรงรักษาประเพณแี ละวัฒนธรรมไทย ดำรงชวี ิตอย่รู ่วมกันในสังคมไทย และ สังคมโลก
อยา่ งสนั ตสิ ุข
มาตรฐาน ส 2.2 เข้าใจระบบการเมืองการปกครองในสังคมปัจจุบัน ยดึ ม่นั ศรัทธา และธำรงรักษาไวซ้ งึ่
การปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมพี ระมหากษตั ริย์ทรงเปน็ ประมุข

สาระท่ี 3 เศรษฐศาสตร์
มาตรฐาน ส 3.1 เข้าใจและสามารถบรหิ ารจดั การทรัพยากรในการผลิตและการบรโิ ภค การใช้

ทรพั ยากรทีม่ ีอย่จู ำกดั ได้อย่างมปี ระสิทธภิ าพและคุ้มค่า รวมท้ังเขา้ ใจหลักการ
ของเศรษฐกิจพอเพียง เพื่อการดำรงชีวติ อยา่ งมีดุลยภาพ
มาตรฐาน ส 3.2 เข้าใจระบบ และสถาบนั ทางเศรษฐกจิ ตา่ ง ๆ ความสัมพันธท์ างเศรษฐกจิ และ ความ
จำเป็นของการร่วมมือกันทางเศรษฐกิจในสงั คมโลก

สาระท่ี 4 ประวัตศิ าสตร์
มาตรฐาน ส 4.1 เขา้ ใจความหมาย ความสำคัญของเวลาและยคุ สมัยทางประวตั ศิ าสตร์ สามารถใชว้ ิธกี าร

ทางประวัตศิ าสตร์มาวเิ คราะห์เหตุการณต์ า่ งๆ อย่างเปน็ ระบบ
มาตรฐาน ส 4.2 เข้าใจพัฒนาการของมนษุ ยชาตจิ ากอดีตจนถึงปจั จุบัน ในด้านความสัมพนั ธแ์ ละการ

เปลยี่ นแปลงของเหตกุ ารณ์อยา่ งตอ่ เน่ือง ตระหนักถึงความสำคัญและสามารถวเิ คราะห์
ผลกระทบทเ่ี กดิ ข้นึ
มาตรฐาน ส 4.3 เขา้ ใจความเป็นมาของชาติไทย วฒั นธรรม ภูมปิ ญั ญาไทย มีความรัก ความภูมิใจและ
ธำรงความเป็นไทย

สาระท่ี 5 ภูมิศาสตร์

มาตรฐาน ส ๕.๑ เขา้ ใจลักษณะทางกายภาพของโลกและความสัมพนั ธข์ องสรรพส่ิงซง่ึ มผี ลตอ่ กนั ใช้แผนที่
และเครื่องมือทางภูมิศาสตร์ในการคน้ หา วิเคราะห์ และสรุปข้อมลู ตามกระบวนการทาง
ภมู ศิ าสตร์ตลอดจนใชภ้ มู ิสารสนเทศอยา่ งมีประสทิ ธภิ าพ

มาตรฐาน ส ๕.๒ เข้าใจปฏสิ มั พนั ธร์ ะหว่างมนุษย์กับสง่ิ แวดล้อมทางกายภาพทีก่ ่อใหเ้ กิดการสร้างสรรคว์ ถิ ีการ
ดำเนนิ ชวี ติ มีจิตสำนกึ และมีส่วนรว่ มในการจดั การทรัพยากรและสิง่ แวดล้อมเพ่อื การ
พัฒนาทย่ี ่ังยนื

ห ลั ก สู ต ร ส ถ า น ศึ ก ษ า โ ร ง เ รี ย น บ้ า น เ ข า เ ที ย ม ป่ า . . . ห น ้ า | ๑๙

สุขศึกษาและพลศึกษา

สาระที่ 1 การเจรญิ เตบิ โตและพฒั นาการของมนุษย์

มาตรฐาน พ 1.1 เข้าใจธรรมชาติของการเจริญเติบโตและพฒั นาการของมนุษย์

สาระที่ 2 ชีวติ และครอบครวั
มาตรฐาน พ 2.1 เข้าใจและเห็นคุณค่าตนเอง ครอบครวั เพศศึกษา และมีทักษะในการดำเนนิ ชวี ติ

สาระที่ 3 การเคลอ่ื นไหว การออกกำลังกาย การเลน่ เกม กีฬาไทย และกีฬาสากล
มาตรฐาน พ 3.1 เข้าใจ มีทักษะในการเคลอ่ื นไหว กิจกรรมทางกาย การเล่นเกม และกฬี า
มาตรฐาน พ 3.2 รักการออกกำลงั กาย การเล่นเกม และการเลน่ กีฬา ปฏิบัตเิ ป็นประจำอย่างสม่ำเสมอ

มวี ินยั เคารพสิทธิ กฎ กตกิ า มีน้ำใจนกั กีฬา มจี ติ วิญญาณใน
การแข่งขัน และช่ืนชมในสนุ ทรียภาพของการกฬี า

สาระที่ 4 การสร้างเสริมสุขภาพ สมรรถภาพและการปอ้ งกันโรค
มาตรฐาน พ 4.1 เห็นคณุ คา่ และมีทกั ษะในการสร้างเสรมิ สุขภาพ การดำรงสุขภาพ การป้องกนั โรคและ

การสรา้ งเสรมิ สมรรถภาพเพื่อสขุ ภาพ

สาระที่ 5 ความปลอดภัยในชวี ิต
มาตรฐาน พ 5.1 ป้องกันและหลกี เลีย่ งปัจจัยเส่ียง พฤติกรรมเสีย่ งต่อสุขภาพ อบุ ตั ิเหตุ การใช้

ยาสารเสพติด และความรุนแรง

ห ลั ก สู ต ร ส ถ า น ศึ ก ษ า โ ร ง เ รี ย น บ้ า น เ ข า เ ที ย ม ป่ า . . . ห น ้ า | ๒๐

ศลิ ปะ

สาระท่ี 1 ทัศนศลิ ป์ สร้างสรรคง์ านทัศนศิลปต์ ามจนิ ตนาการ และความคดิ สรา้ งสรรค์ วเิ คราะห์ วพิ ากษ์
มาตรฐาน ศ 1.1 วจิ ารณค์ ณุ คา่ งานทัศนศิลป์ ถ่ายทอดความรู้สึก ความคดิ ต่องานศลิ ปะอย่างอสิ ระ ชื่นชม
และประยุกต์ใชใ้ นชีวิตประจำวัน
มาตรฐาน ศ 1.2 เข้าใจความสมั พันธร์ ะหวา่ งทัศนศลิ ป์ ประวัตศิ าสตร์ และวฒั นธรรม เหน็ คณุ ค่างาน
ทัศนศลิ ปท์ ่ีเป็นมรดกทางวฒั นธรรม ภูมิปญั ญาทอ้ งถ่นิ ภมู ิปัญญาไทยและสากล

สาระท่ี 2 ดนตรี เข้าใจและแสดงออกทางดนตรอี ยา่ งสรา้ งสรรค์ วิเคราะห์ วพิ ากษว์ ิจารณค์ ุณคา่ ดนตรี
มาตรฐาน ศ 2.1 ถา่ ยทอดความรสู้ ึก ความคดิ ต่อดนตรีอย่างอิสระ ชืน่ ชม และประยุกต์ ใช้ในชวี ิตประจำวัน
มาตรฐาน ศ 2.2 เขา้ ใจความสมั พันธ์ระหวา่ งดนตรี ประวัติศาสตร์ และวัฒนธรรม เห็นคุณค่าของดนตรที ่ี
เป็นมรดกทางวฒั นธรรม ภมู ิปญั ญาท้องถิน่ ภมู ปิ ัญญาไทยและสากล
สาระท่ี 3 นาฏศลิ ป์
มาตรฐาน ศ 3.1 เข้าใจ และแสดงออกทางนาฏศิลป์อย่างสรา้ งสรรค์ วิเคราะห์ วิพากษ์ วิจารณค์ ุณค่า
นาฏศลิ ป์ ถ่ายทอดความรู้สกึ ความคิดอย่างอิสระ ช่ืนชม และประยกุ ตใ์ ชใ้ น
มาตรฐาน ศ 3.2 ชีวติ ประจำวนั
เขา้ ใจความสมั พันธ์ระหวา่ งนาฏศิลป์ ประวตั ิศาสตร์และวฒั นธรรม เหน็ คณุ ค่า ของนาฏศิลป์ที่
เป็นมรดกทางวัฒนธรรม ภมู ิปัญญาทอ้ งถิ่น ภมู ปิ ญั ญาไทยและสากล

ห ลั ก สู ต ร ส ถ า น ศึ ก ษ า โ ร ง เ รี ย น บ้ า น เ ข า เ ที ย ม ป่ า . . . ห น ้ า | ๒๑

การงานอาชีพ

สาระที่ 1 การดำรงชีวติ และครอบครัว
มาตรฐาน ง 1.1 เข้าใจการทำงาน มีความคดิ สรา้ งสรรค์ มีทกั ษะกระบวนการทำงาน ทักษะการจดั การ

ทกั ษะกระบวนการแกป้ ัญหา ทกั ษะการทำงานรว่ มกัน และทักษะการแสวงหาความรู้ มี
คุณธรรม และลกั ษณะนสิ ยั ในการทำงาน มจี ติ สำนึก ในการใช้พลังงาน ทรพั ยากร และ
สง่ิ แวดลอ้ ม เพื่อการดำรงชีวติ และครอบครวั

สาระท่ี ๒ การอาชีพ
มาตรฐาน ง ๒.1 เข้าใจ มีทักษะท่ีจำเป็น มปี ระสบการณ์ เหน็ แนวทางในงานอาชีพ ใชเ้ ทคโนโลยเี พื่อ

พัฒนาอาชีพ มีคุณธรรม และมีเจตคติท่ดี ีต่ออาชีพ

ห ลั ก สู ต ร ส ถ า น ศึ ก ษ า โ ร ง เ รี ย น บ้ า น เ ข า เ ที ย ม ป่ า . . . ห น ้ า | ๒๒

ภาษาตา่ งประเทศ (ภาษาองั กฤษ)

สาระท่ี 1 ภาษาเพือ่ การสื่อสาร
มาตรฐาน ต 1.1 เขา้ ใจและตีความเร่ืองที่ฟงั และอ่านจากสื่อประเภทต่างๆ และแสดงความคดิ เหน็ อยา่ งมี

เหตุผล

มาตรฐาน ต 1.2 มที ักษะการส่อื สารทางภาษาในการแลกเปล่ียนข้อมลู ขา่ วสาร แสดงความร้สู กึ และความ
คิดเหน็ อย่างมีประสิทธภิ าพ

มาตรฐาน ต 1.3 นำเสนอข้อมลู ข่าวสาร ความคิดรวบยอด และความคิดเห็นในเร่อื งต่างๆโดยการพดู และ

การเขยี น

สาระท่ี 2 ภาษาและวัฒนธรรม
มาตรฐาน ต 2.1 เข้าใจความสัมพนั ธร์ ะหวา่ งภาษากบั วฒั นธรรมของเจา้ ของภาษา และนำไปใช้ได้อย่าง

เหมาะสมกับกาลเทศะ
มาตรฐาน ต 2.2 เขา้ ใจความเหมือนและความแตกตา่ งระหวา่ งภาษาและวัฒนธรรมของเจ้าของ

ภาษากับภาษาและวัฒนธรรมไทย และนำมาใช้อยา่ งถูกตอ้ งและเหมาะสม

สาระท่ี 3 ภาษากบั ความสัมพันธก์ ับกลุ่มสาระการเรยี นรอู้ ื่น

มาตรฐาน ต 3.1 ใช้ภาษาต่างประเทศในการเช่ือมโยงความรกู้ ับกลุ่มสาระการเรียนรู้อ่นื และเปน็ พ้ืนฐานใน

การพฒั นา แสวงหาความรู้ และเปดิ โลกทัศน์ของตน

สาระท่ี 4 ภาษากบั ความสมั พนั ธก์ ับชมุ ชนและโลก
มาตรฐาน ต 4.1 ใชภ้ าษาต่างประเทศในสถานการณ์ตา่ งๆ ทง้ั ในสถานศึกษา ชุมชน และสังคม
มาตรฐาน ต 4.2 ใช้ภาษาต่างประเทศเป็นเครอื่ งมือพ้ืนฐานในการศึกษาต่อ การประกอบอาชพี และการ

แลกเปลย่ี นเรียนรู้กบั สงั คมโลก

ห ลั ก สู ต ร ส ถ า น ศึ ก ษ า โ ร ง เ รี ย น บ้ า น เ ข า เ ที ย ม ป่ า . . . ห น ้ า | ๒๓

กิจกรรมพฒั นาผู้เรยี น

กจิ กรรมพัฒนาผู้เรียน มุง่ ให้ผเู้ รยี นได้พฒั นาตนเองตามศักยภาพ พัฒนาอยา่ งรอบด้านเพื่อความเป็นมนุษย์
ทส่ี มบรู ณ์ ท้งั รา่ งกาย สติปัญญา อารมณ์ และสงั คม เสริมสรา้ งใหเ้ ป็นผู้มศี ีลธรรม จริยธรรม มรี ะเบียบวินัย ปลูกฝัง
และสร้างจิตสำนกึ ของการทำประโยชน์เพอ่ื สงั คม สามารถจัดการตนเองได้ และอยรู่ ่วมกับผอู้ ่ืนอย่างมีความสุข

กจิ กรรมพัฒนาผู้เรียน แบง่ เป็น 3 ลักษณะ ดงั นี้
1. กจิ กรรมแนะแนว
เป็นกิจกรรมที่สง่ เสรมิ และพัฒนาผู้เรียนให้รู้จักตนเอง รู้รักษ์สิ่งแวดล้อม สามารถคิดตัดสินใจ คิดแก้ปัญหา
กำหนดเป้าหมาย วางแผนชีวิตทั้งด้านการเรียน และอาชีพ สามารถปรับตนได้อย่างเหมาะสม นอกจากนี้ยังช่วยให้
ครูรจู้ ักและเขา้ ใจผเู้ รยี น ทงั้ ยงั เป็นกจิ กรรมท่ีชว่ ยเหลือและใหค้ ำปรึกษาแกผ่ ปู้ กครองในการมสี ว่ นร่วมพัฒนาผูเ้ รยี น
2. กิจกรรมนักเรียน

เป็นกิจกรรมที่มุ่งพัฒนาความมีระเบียบวินัย ความเป็นผู้นำผู้ตามที่ดี ความรับผิดชอบ การทำงาน
ร่วมกัน การรจู้ กั แกป้ ัญหา การตัดสินใจที่เหมาะสม ความมเี หตผุ ล การช่วยเหลือแบ่งปันกนั เออ้ื อาทร และสมานฉันท์
โดยจัดให้สอดคล้องกับความสามารถ ความถนัด และความสนใจของผู้เรียน ให้ได้ปฏิบัติด้วยตนเองในทุกขั้นตอน
ไดแ้ ก่ การศกึ ษาวเิ คราะหว์ างแผน ปฏบิ ัติตามแผน ประเมนิ และปรับปรุงการทำงาน เน้นการทำงานรว่ มกันเป็นกลุ่ม
ตามความเหมาะสมและสอดคล้องกับวุฒิภาวะของผู้เรียน บริบทของสถานศึกษาและท้องถิ่น กิจกรรมนักเรียน
ประกอบดว้ ย

2.1 กจิ กรรมลูกเสอื เนตรนารี ยุวกาชาด ผู้บำเพ็ญประโยชน์ และนกั ศึกษาวิชาทหาร
2.2 กิจกรรมชุมนมุ ชมรม
3. กจิ กรรมเพอ่ื สงั คมและสาธารณประโยชน์
เป็นกิจกรรมที่ส่งเสริมให้ผูเ้ รียนบำเพ็ญตนให้เป็นประโยชนต์ ่อสังคม ชุมชน และท้องถิ่นตามความสนใจใน
ลักษณะอาสาสมัคร เพื่อแสดงถึงความรับผิดชอบ ความดีงาม ความเสียสละต่อสังคม มีจิตสาธารณะ เช่น กิจกรรม
อาสาพฒั นาต่าง ๆ กิจกรรมสร้างสรรคส์ งั คม

ห ลั ก สู ต ร ส ถ า น ศึ ก ษ า โ ร ง เ รี ย น บ้ า น เ ข า เ ที ย ม ป่ า . . . ห น ้ า | ๒๔

ระดบั การศึกษา

หลกั สตู รสถานศกึ ษาโรงเรยี นบา้ นเขาเทียมป่า จดั ระดบั การศกึ ษา ดงั นี้
ระดับปฐมวัย (ชั้นอนุบาลปีที่ 1-2) การจัดประสบการณ์การเรียนรู้สำหรับเด็กอายุ 5-6 ปีเน้นการจัด
กิจกรรมบูรณาการผ่านการเล่นให้เด็กไดรับประสบการณ์ตรง ไดพัฒนาท้งัด้านร่างกายอารมณ์จิตใจ สังคมและ
สติปัญญา กิจกรรมในแต่ละวัน มีความแตกต่าง ยืดหยุ่นตามสถานการณ์ปัจจุบัน เช่น กิจกรรมวาดภาพระบายสี
กิจกรรมเล่นกับสี การป้ัน กิจกรรมการพับฉีก ตัดปะ กิจกรรมการร้อย สาน การ ออกแบบ และการพัฒนาการจัด
กจิ กรรมสร้างสรรคง์ านศลิ ปะแบบร่วมมือ
ระดับประถมศึกษา (ชั้นประถมศึกษาปีที่ 1 – 6) การศึกษาระดับนี้เป็นช่วงแรกของการศึกษา-ภาคบังคับ
มุ่งเน้นทักษะพื้นฐานด้านการอ่าน การเขียน การคิดคำนวณ ทักษะการคิดพื้นฐาน การติดต่อสื่อสาร กระบวนการ
เรียนรู้ทางสังคม และพื้นฐานความเป็นมนุษย์ การพัฒนาคุณภาพชีวิต อย่างสมบูรณ์และสมดุลทั้งในด้านร่างกาย
สติปัญญา อารมณ์ สงั คม และวฒั นธรรม โดยเน้นจัดการเรียนรแู้ บบบรู ณาการ
ระดับมัธยมศึกษา (ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 – 3) เป็นช่วงสุดท้ายของการศึกษาภาคบังคับ มุ่งเน้นให้
ผเู้ รยี น ไดส้ ำรวจความถนดั และความสนใจของตนเอง ส่งเสริมการพัฒนา บุคลกิ ภาพส่วนตน มีทักษะในการคิดอย่าง
มีวิจารณญาณ คิด สร้างสรรค์และคิดแก้ปัญหา มีทักษะในการดำเนินชีวิต มีทักษะการใช้เทคโนโลยีเพ่ือเป็น
เครื่องมือในการเรียนรู้มีความรับผิดชอบต่อสังคม มีความสมดุลทั้งด้านความรู้ ความคิด ความดีงาม และมีความ
ภมู ิ ใจในความเปน็ ไทย ตลอดจนใชเู ป็นพื้นฐานในการประกอบอาชีพ หรือการศึกษาต่อ

ห ลั ก สู ต ร ส ถ า น ศึ ก ษ า โ ร ง เ รี ย น บ้ า น เ ข า เ ที ย ม ป่ า . . . ห น ้ า | ๒๕

การจดั เวลาเรียน

หลกั สตู รสถานศกึ ษาโรงเรยี นบ้านเขาเทียมปา่ ได้กำหนดกรอบโครงสรา้ งเวลาเรียนขั้นตำ่ สำหรับกลมุ่ สาระ
การเรยี นรู้ 8 กล่มุ และกจิ กรรมพัฒนาผู้เรยี น ซึง่ สถานศึกษาสามารถเพิ่มเติมได้ตามความพร้อมและจุดเน้น โดย
สามารถปรบั ใหเ้ หมาะสมตามบริบทของสถานศึกษาและสภาพของผเู้ รียน คือ

- ระดบั ชัน้ ประถมศึกษา (ช้นั ประถมศึกษาปีที่ 1 – ชน้ั มธั ยมศกึ ษาปีที่ 3) ให้จดั เวลาเรียนเป็นรายปี
โดยมเี วลาเรยี น วนั ละ ไม่เกิน 6 ชว่ั โมง

โครงสรา้ งหลักสตู รโรงเรียนบ้านเขาเทยี มป่า

โครงสร้างเวลาเรียนระดับชัน้ ประถมศึกษาปที ่ี 1 - 6

กล่มุ สาระการเรยี นร/ู้ กิจกรรม ระดับประถมศึกษา
ป.1 ป.2 ป.3 ป.4 ป.5 ป.6
ภาษาไทย 200 200 200 160 160 160
คณิตศาสตร์ 200 200 200 160 160 160
วทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี 80 80 80 ๑๒๐ ๑๒๐ 120
สังคมศึกษา ศาสนา และวฒั ธนธรรม 80 80 80 80 80 80
ประวตั ศิ าสตร์ 40 40 40 40 40 40
สขุ ศกึ ษาและพลศึกษา 40 40 40 80 80 80
ศิลปะ 40 40 40 80 80 80
การงานอาชีพ 40 40 40 ๔๐ ๔๐ 40
ภาษาต่างประเทศ ๑๒๐ ๑๒๐ ๑๒๐ 80 80 80
รวมเวลาเรียนพนื้ ฐาน
รายวชิ าเพ่มิ เติม(หน้าท่ีพลเมอื ง) 840 840 840 840 840 840
สอนเสรมิ (ภาษาองั กฤษ)
รวมเวลาเรยี น (เพม่ิ เติม) 40 40 40 40 40 40
รวมกจิ กรรมพฒั นาผเู้ รยี น ๘๐ ๘๐ ๘๐ ๐ ๐ ๐
120 120 120 40 40 40
(บูรณาการหลกั สตู รการป้องกนั การทุจรติ )
120 120 120 120 120 120
รวมเวลาเรยี นทง้ั หมด
1,๐๘๐ ช่ัวโมง 1,๐00 ช่ัวโมง
หมายเหตุ
รวมสาระภาษาอังกฤษ
๒๐๐ ช่วั โมง

ห ลั ก สู ต ร ส ถ า น ศึ ก ษ า โ ร ง เ รี ย น บ้ า น เ ข า เ ที ย ม ป่ า . . . ห น ้ า | ๒๖

โครงสรา้ งเวลาเรยี นระดบั ชนั้ มัธยมศึกษาปที ่ี 1 - 3

กลุ่มสาระการเรียนรู้ / เวลาเรยี น ม.๓ หมายเหตุ
กิจกรรม ม.๑ ม.๒

ภาษาไทย เวลา จำนวน เวลา จำนวน เวลา จำนวน
คณติ ศาสตร์ เรียน/ปี ช่ัวโมง/ เรียน/ปี ช่ัวโมง/ เรียน/ปี ช่วั โมง/
วทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี สัปดาห์ สัปดาห์ สปั ดาห์
สงั คมศึกษาฯ,ศาสนา
ประวตั ศิ าสตร์ รายวิชาพืน้ ฐาน 120 3
สุขศึกษาและพลศกึ ษา 120 3 120 3 120 3
ศิลปะ 160 3
การงานอาชพี 120 3 120 3 120 3
ภาษาตา่ งประเทศ 40 1 จดั โครงสรา้ ง
รวมเวลาวิชาพื้นฐาน 1๖๐ 3 1๖0 3 80 2 ๒ ภาคเรียน
80 2
งานช่าง/งานประดษิ ฐ์ 120 3 120 3 40 2
คอมพวิ เตอร๑์ /คอมพวิ เตอร๒์ 120 3
เกษตรน่าร/ู้ โครงงานอาชีพ 40 1 40 1 880 22
ไมด้ อกไม้ประดับ/ผลติ ภณั ฑใ์ น
ท้องถ่ิน 80 2 80 2
หนา้ ทพี่ ลเมือง
รวมเวลาวิชาเพมิ่ เติม 80 2 80 2

กจิ กรรมแนะแนว ๔๐ 2 ๔0 2
กิจกรรมลูกเสอื -เนตรนารี
กิจกรรมเพือ่ สงั คม 120 3 120 3
รวมเวลากจิ กรรมพัฒนาผูเ้ รียน
880 22 880 22
(บูรณาการหลกั สูตรการปอ้ งกันการทุจรติ )
รายวชิ าเพิม่ เติม 40 1
40 1 40 1 40 1
40 1 40 1 40 1 จัดโครงสร้าง
40 1 40 1 40 1 ๒ ภาคเรยี น

40 1 40 1 40 1
200 5
40 1 40 1
200 5 200 5

กิจกรรมพฒั นาผู้เรียน 40 1
40 1 40 1 40 1
40 1 40 1 40 1 จดั โครงสรา้ ง
40 1 40 1
๒ ภาคเรยี น
120 3 120 3 120 3

รวมเวลาเรยี นทง้ั หมด 1,200 30 1,200 30 1,200 30

หมายเหตุ *** จดั บูรณาการการเรียนรู้ร่วมกนั ตามความสอดคล้องของเนือ้ หาและการจดั กิจกรรมการเรียนร*ู้ **

ห ลั ก สู ต ร ส ถ า น ศึ ก ษ า โ ร ง เ รี ย น บ้ า น เ ข า เ ที ย ม ป่ า . . . ห น ้ า | ๒๗

ชั้นประถมศึกษาปที ่ี 1 เวลาเรยี น (ช่ัวโมง / ปี)
8๔0
รายวิชา / กิจกรรม 200
รายวชิ าพ้ืนฐาน 200
80
ท11101 ภาษาไทย 80
ค11101 คณติ ศาสตร์ 40
ว11101 วทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี ๔0
ส11101 สงั คมศึกษา ศาสนาและวฒั นธรรม ๔0
ส11102 ประวตั ศิ าสตร์ 40
พ11101 สุขศกึ ษาและพลศึกษา ๑๒0
ศ11101 ศิลปะ
ง11101 การงานอาชพี
อ11101 ภาษาอังกฤษ

รายวชิ าเพ่ิมเติม 40
ส112๐1 หนา้ ทพ่ี ลเมือง 40

รายวิชาสอนเสรมิ 8๐
อ๑๑๒๐๑ ภาษาองั กฤษ (เพ่ิมเติม) 8๐

กจิ กรรมพัฒนาผู้เรยี น 120
กิจกรรมแนะแนว 40
กิจกรรมนกั เรียน
- ลูกเสือ / เนตรนารี / ยวุ กาชาด 40
- ชมรม ชุมนมุ 30
- กจิ กรรมเพื่อสังคมและสาธารณะประโยชน์ 10

รวมเวลาเรียนทั้งส้นิ 1,0๘0

ห ลั ก สู ต ร ส ถ า น ศึ ก ษ า โ ร ง เ รี ย น บ้ า น เ ข า เ ที ย ม ป่ า . . . ห น ้ า | ๒๘

ชั้นประถมศึกษาปที ่ี 2 เวลาเรียน (ช่ัวโมง / ปี)
8๔0
รายวิชา / กิจกรรม 200
รายวชิ าพืน้ ฐาน 200
80
ท12101 ภาษาไทย 80
ค12101 คณิตศาสตร์ 40
ว12101 วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ๔0
ส12101 สงั คมศึกษา ศาสนาและวัฒนธรรม ๔0
ส12102 ประวตั ิศาสตร์ 40
พ12101 สขุ ศกึ ษาและพลศึกษา ๑๒0
ศ12101 ศิลปะ
ง12101 การงานอาชพี
อ12101 ภาษาองั กฤษ

รายวชิ าเพมิ่ เติม 40
ส122๐๑ หนา้ ทพ่ี ลเมอื ง 40

รายวชิ าสอนเสริม ๘๐
อ๑๒๒๐๑ ภาษาอังกฤษ (เพ่ิมเติม) ๘๐

กิจกรรมพัฒนาผูเ้ รียน 120
กิจกรรมแนะแนว 40
กจิ กรรมนักเรียน
- ลูกเสอื / เนตรนารี / ยุวกาชาด 40
- ชมรม ชุมนมุ 30
กิจกรรมเพ่ือสังคมและสาธารณะประโยชน์ 10

รวมเวลาเรียนทงั้ ส้นิ 1,0๘0

ห ลั ก สู ต ร ส ถ า น ศึ ก ษ า โ ร ง เ รี ย น บ้ า น เ ข า เ ที ย ม ป่ า . . . ห น ้ า | ๒๙

ชั้นประถมศึกษาปีท่ี 3 เวลาเรียน (ช่ัวโมง / ปี)
8๔0
รายวชิ า / กิจกรรม 200
รายวชิ าพืน้ ฐาน 200
80
ท13101 ภาษาไทย 80
ค13101 คณิตศาสตร์ 40
ว13101 วทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี ๔0
ส13101 สังคมศกึ ษา ศาสนาและวัฒนธรรม ๔0
ส13102 ประวตั ศิ าสตร์ 40
พ13101 สขุ ศึกษาและพลศึกษา ๑๒0
ศ13101 ศลิ ปะ
ง13101 การงานอาชพี
อ13101 ภาษาองั กฤษ

รายวชิ าเพมิ่ เติม 40
ส132๐๑ หนา้ ท่ีพลเมอื ง 40

รายวชิ าสอนเสรมิ ๘๐
อ๑3๒๐๑ ภาษาองั กฤษ (เพ่ิมเติม) ๘๐

กิจกรรมพัฒนาผเู้ รยี น 120
กิจกรรมแนะแนว 40
กจิ กรรมนักเรยี น
- ลูกเสอื / เนตรนารี / ยวุ กาชาด 40
- ชมรม ชุมนมุ 30
กิจกรรมเพ่ือสงั คมและสาธารณะประโยชน์ 10

รวมเวลาเรียนทงั้ สน้ิ 1,0๘0

ห ลั ก สู ต ร ส ถ า น ศึ ก ษ า โ ร ง เ รี ย น บ้ า น เ ข า เ ที ย ม ป่ า . . . ห น ้ า | ๓๐

ช้ันประถมศึกษาปีท่ี 4 เวลาเรียน (ช่ัวโมง / ป)ี
8๔0
รายวิชา / กิจกรรม 160
รายวชิ าพน้ื ฐาน 160
๑๒0
ท14101 ภาษาไทย 80
ค14101 คณติ ศาสตร์ 40
ว14101 วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี 80
ส14101 สังคมศึกษา ศาสนาและวฒั นธรรม 80
ส14102 ประวัติศาสตร์ ๔0
พ14101 สุขศกึ ษาและพลศึกษา 80
ศ14101 ศิลปะ
ง14101 การงานอาชีพ
อ14101 ภาษาอังกฤษ

รายวชิ าเพิ่มเติม 40
ส142๐๑ หน้าทพี่ ลเมอื ง 40

กิจกรรมพฒั นาผูเ้ รียน 120
กจิ กรรมแนะแนว 40
กจิ กรรมนักเรียน
- ลกู เสอื / เนตรนารี / ยุวกาชาด 40
- ชมรม ชมุ นุม 30
-กจิ กรรมเพ่ือสงั คมและสาธารณะประโยชน์ 10

รวมเวลาเรียนท้งั สน้ิ 1,000

ห ลั ก สู ต ร ส ถ า น ศึ ก ษ า โ ร ง เ รี ย น บ้ า น เ ข า เ ที ย ม ป่ า . . . ห น ้ า | ๓๑

ชั้นประถมศึกษาปีท่ี 5

รายวิชา / กิจกรรม เวลาเรียน (ช่ัวโมง / ปี)
รายวิชาพ้ืนฐาน 8๔0
160
ท15101 ภาษาไทย 160
ค15101 คณติ ศาสตร์ ๑๒0
ว15101 วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี 80
ส15101 สังคมศึกษา ศาสนาและวัฒนธรรม 40
ส15102 ประวัตศิ าสตร์ 80
พ15101 สขุ ศกึ ษาและพลศึกษา 80
ศ15101 ศลิ ปะ ๔0
ง15101 การงานอาชพี 80
อ15101 ภาษาอังกฤษ

รายวชิ าเพ่มิ เติม 40
ส152๐๑ หน้าที่พลเมอื ง 40

กจิ กรรมพฒั นาผูเ้ รยี น 120
กิจกรรมแนะแนว 40
กิจกรรมนักเรียน
- ลกู เสอื / เนตรนารี / ยุวกาชาด 40
- ชมรม ชมุ นมุ 30
กิจกรรมเพ่ือสังคมและสาธารณะประโยชน์ 10

รวมเวลาเรยี นทง้ั ส้นิ 1,000

ห ลั ก สู ต ร ส ถ า น ศึ ก ษ า โ ร ง เ รี ย น บ้ า น เ ข า เ ที ย ม ป่ า . . . ห น ้ า | ๓๒

ชั้นประถมศกึ ษาปีท่ี 6 เวลาเรยี น (ช่ัวโมง / ป)ี
8๔0
รายวิชา / กจิ กรรม 160
รายวิชาพ้นื ฐาน 160
๘๐
ท16101 ภาษาไทย 80
ค16101 คณิตศาสตร์ 40
ว16101 วทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี 80
ส16101 สังคมศึกษา ศาสนาและวฒั นธรรม 80
ส16102 ประวตั ศิ าสตร์ ๘0
พ16101 สุขศึกษาและพลศึกษา 80
ศ16101 ศลิ ปะ
ง16101 การงานอาชพี
อ16101 ภาษาอังกฤษ

รายวชิ าเพ่มิ เติม 40
ส162๐๑ หน้าท่ีพลเมือง 40

กจิ กรรมพฒั นาผเู้ รยี น 120
กจิ กรรมแนะแนว 40
กิจกรรมนักเรียน
- ลูกเสือ / เนตรนารี / ยุวกาชาด 40
- ชมรม ชมุ นมุ 30
10
กจิ กรรมเพ่อื สังคมและสาธารณะประโยชน์

รวมเวลาเรยี นทั้งสนิ้ 1,000

ห ลั ก สู ต ร ส ถ า น ศึ ก ษ า โ ร ง เ รี ย น บ้ า น เ ข า เ ที ย ม ป่ า . . . ห น ้ า | ๓๓

มาตรฐานการเรียนร้แู ละตวั ชวี้ ดั

ห ลั ก สู ต ร ส ถ า น ศึ ก ษ า โ ร ง เ รี ย น บ้ า น เ ข า เ ที ย ม ป่ า . . . ห น ้ า | ๓๔

กล่มุ สาระการเรยี นรู้ภาษาไทย

ทำไมตอ้ งเรยี นภาษาไทย

ภาษาไทยเป็นเอกลักษณ์ของชาติเป็นสมบัติทางวัฒนธรรมอันก่อให้เกิดความเป็นเอกภ าพและเสริมสร้าง
บคุ ลกิ ภาพของคนในชาติใหม้ ีความเปน็ ไทยเป็นเคร่ืองมือในการตดิ ต่อส่ือสารเพื่อสร้าง ความเข้าใจและความสัมพันธ์
ที่ดตี ่อกัน ทำให้สามารถประกอบกจิ ธรุ ะ การงาน และดำรงชวี ติ รว่ มกนั ในสงั คมประชาธปิ ไตยได้อย่างสันตสิ ุข และ
เป็นเครื่องมือในการแสวงหาความรู้ ประสบการณ์จากแหล่งข้อมูลสารสนเทศต่าง ๆ เพื่อพัฒนาความรู้ พัฒนา
กระบวนการคิดวิเคราะห์ วิจารณ์ และสร้างสรรค์ให้ทันต่อการเปลี่ยนแปลงทางสังคม และความก้าวหน้าทาง
วิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี ตลอดจนนำไปใช้ในการพัฒนาอาชีพให้มีความมั่นคงทางเศรษฐกิจ นอกจากนี้ยังเป็นส่ือ
แสดงภูมิปัญญาของบรรพบุรุษด้านวัฒนธรรม ประเพณี และสุนทรียภาพ เป็นสมบัติล้ำค่าควรแก่การเรียนรู้
อนุรกั ษ์ และสืบสาน ใหค้ งอยู่คชู่ าติไทยตลอดไป

เรียนรู้อะไรในภาษาไทย

ภาษาไทยเป็นทักษะที่ต้องฝึกฝนจนเกิดความชำนาญในการใช้ภาษาเพื่อการสื่อสาร การเรียนรู้อย่างมี
ประสทิ ธิภาพ และเพือ่ นำไปใชใ้ นชีวติ จริง

• การอา่ น การอา่ นออกเสียงคำ ประโยค การอ่านบทร้อยแกว้ คำประพันธ์ชนิดต่าง ๆ การอ่านในใจ
เพื่อสร้างความเขา้ ใจ และการคดิ วเิ คราะห์ สังเคราะหค์ วามรจู้ ากสง่ิ ทอ่ี า่ น เพื่อนำไปปรับใช้ในชวี ิตประจำวัน

• การเขียน การเขียนสะกดตามอักขรวิธี การเขียนสื่อสาร โดยใช้ถ้อยคำและรูปแบบต่าง ๆ ของการเขียน
ซึ่งรวมถึงการเขียนเรียงความ ย่อความ รายงานชนิดต่าง ๆ การเขียนตามจินตนาการ วิเคราะห์วิจารณ์ และเขียน
เชงิ สรา้ งสรรค์

• การฟัง การดู และการพูด การฟังและดูอย่างมีวิจารณญาณ การพูดแสดงความคิดเห็น ความรู้สึก
พูดลำดับเรื่องราวต่าง ๆ อย่างเป็นเหตุเป็นผล การพูดในโอกาสต่าง ๆ ทั้งเป็นทางการและ ไม่เป็นทางการ และ
การพดู เพอื่ โน้มนา้ วใจ

• หลักการใช้ภาษาไทย ธรรมชาติและกฎเกณฑ์ของภาษาไทย การใช้ภาษาให้ถูกต้องเหมาะสมกับ
โอกาสและบุคคล การแต่งบทประพันธ์ประเภทต่างๆ และอทิ ธพิ ลของภาษาตา่ งประเทศในภาษาไทย

• วรรณคดีและวรรณกรรม วิเคราะห์วรรณคดีและวรรณกรรมเพื่อศึกษาข้อมูล แนวความคิด คุณค่าของ
งานประพันธ์ และความเพลดิ เพลนิ การเรียนรู้และทำความเข้าใจบทเห่ บทร้องเลน่ ของเด็ก เพลงพ้ืนบ้านที่เป็นภูมิ
ปัญญาที่มีคุณค่าของไทยซึ่งได้ถ่ายทอดความรู้สึกนึกคิด ค่านิยม ขนบธรรมเนียมประเพณีเรื่องราวของสังคมในอดีต
และความงดงามของภาษาเพื่อใหเ้ กดิ ความซาบซ้ึงและภมู ิใจในบรรพบุรุษท่ีไดส้ ั่งสมสบื ทอดมาจนถงึ ปจั จุบนั

ห ลั ก สู ต ร ส ถ า น ศึ ก ษ า โ ร ง เ รี ย น บ้ า น เ ข า เ ที ย ม ป่ า . . . ห น ้ า | ๓๕

คณุ ภาพผเู้ รียน

จบช้นั ประถมศกึ ษาปีท่ี 3
• อ่านออกเสียงคำ คำคล้องจอง ข้อความ เรื่องสั้นๆ และบทร้อยกรองง่ายๆ ได้ถูกต้องคล่องแคล่ว

เข้าใจความหมายของคำและข้อความที่อ่าน ตั้งคำถามเชิงเหตุผล ลำดับเหตุการณ์ คาดคะเนเหตุการณ์ สรุป
ความรู้ข้อคิดจากเรื่องที่อ่าน ปฏิบัติตามคำสั่ง คำอธิบายจากเรื่องที่อ่านได้ เข้าใจความหมายของข้อมูลจาก
แผนภาพ แผนท่แี ละแผนภูมิ อา่ นหนงั สืออยา่ งสมำ่ เสมอ และมมี ารยาทในการอ่าน

• มีทักษะในการคัดลายมือตัวบรรจงเต็มบรรทัด เขียนบรรยาย บันทึกประจำวัน เขียนจดหมายลาครู
เขยี นเรื่องเกยี่ วกับประสบการณ์ เขยี นเรอ่ื งตามจินตนาการและมมี ารยาทในการเขียน

• เล่ารายละเอียดและบอกสาระสำคัญ ตั้งคำถาม ตอบคำถาม รวมทั้งพูดแสดงความคิดความรู้สึก
เกี่ยวกับเรื่องที่ฟังและดู พูดสื่อสารเล่าประสบการณ์และพูดแนะนำ หรือพูดเชิญชวนให้ผู้อื่นปฏิบัติตามและมี
มารยาทในการฟัง ดู และพดู

• สะกดคำและเข้าใจความหมายของคำ ความแตกต่างของคำและพยางค์ หน้าที่ของคำ
ในประโยค มีทักษะการใช้พจนานุกรมในการค้นหาความหมายของคำ แต่งประโยคง่าย ๆ แต่งคำคล้องจอง แต่งคำ
ขวญั และเลือกใชภ้ าษาไทยมาตรฐานและภาษาถนิ่ ได้เหมาะสมกบั กาลเทศะ

• เข้าใจและสามารถสรุปข้อคิดที่ได้จากการอ่านวรรณคดีและวรรณกรรมเพื่อนำไปใช้ในชีวิตประจำวัน
แสดงความคิดเห็นจากวรรณคดที ่ีอา่ น รู้จักเพลงพ้นื บ้าน เพลงกลอ่ มเด็กซง่ึ เปน็ วฒั นธรรมของทอ้ งถิน่ ร้องบทรอ้ งเลน่
สำหรับเดก็ ในท้องถิน่ ท่องจำบทอาขยานและบทรอ้ ยกรองท่ีมีคุณคา่ ตามความสนใจได้

ห ลั ก สู ต ร ส ถ า น ศึ ก ษ า โ ร ง เ รี ย น บ้ า น เ ข า เ ที ย ม ป่ า . . . ห น ้ า | ๓๖

จบชน้ั ประถมศึกษาปีที่ 6
• อา่ นออกเสยี งบทรอ้ ยแก้วและบทร้อยกรองเป็นทำนองเสนาะได้ถกู ต้อง อธิบายความหมายโดยตรง

และความหมายโดยนยั ของคำ ประโยค ขอ้ ความ สำนวนโวหาร จากเร่ืองที่อ่าน เข้าใจคำแนะนำ คำอธิบายใน
คูม่ ือต่างๆ แยกแยะขอ้ คิดเห็นและข้อเทจ็ จริง รวมท้งั จับใจความสำคัญของเรอ่ื งทอี่ า่ นและนำความรู้ความคดิ จาก
เรอ่ื งที่อ่านไปตัดสนิ ใจแก้ปัญหาในการดำเนินชีวติ ได้ มมี ารยาทและมนี สิ ัยรกั การอ่าน และเห็นคณุ ค่าส่งิ ที่อา่ น

• มีทักษะในการคัดลายมือตวั บรรจงเต็มบรรทัดและคร่ึงบรรทัด เขียนสะกดคำ แต่งประโยคและเขียน
ขอ้ ความ ตลอดจนเขยี นสอื่ สารโดยใช้ถ้อยคำชดั เจนเหมาะสม ใช้แผนภาพ โครงเรือ่ งและแผนภาพความคดิ
เพือ่ พฒั นางานเขยี น เขียนเรียงความ ย่อความ จดหมายส่วนตัว กรอกแบบรายการต่างๆ เขยี นแสดงความรสู้ ึก
และความคิดเห็น เขยี นเรอ่ื งตามจินตนาการอย่างสร้างสรรค์ และมีมารยาทในการเขียน

• พดู แสดงความรู้ ความคิดเก่ียวกบั เรอ่ื งท่ีฟังและดู เล่าเรอ่ื งยอ่ หรือสรุปจากเร่ืองที่ฟงั และดู ตั้ง
คำถาม ตอบคำถามจากเร่อื งท่ฟี ังและดู รวมทง้ั ประเมนิ ความน่าเช่ือถือจากการฟงั และดูโฆษณาอย่างมเี หตุผล
พดู ตามลำดับข้นั ตอนเรื่องต่างๆ อยา่ งชัดเจน พดู รายงานหรอื ประเดน็ คน้ ควา้ จากการฟัง การดู การสนทนา
และพดู โน้มนา้ วไดอ้ ย่างมีเหตุผล รวมทง้ั มีมารยาทในการดูและพูด

• สะกดคำและเขา้ ใจความหมายของคำ สำนวน คำพงั เพยและสุภาษติ รแู้ ละเข้าใจ ชนิดและหนา้ ท่ี
ของคำในประโยค ชนิดของประโยค และคำภาษาตา่ งประเทศในภาษาไทย ใช้คำราชาศัพท์และคำสุภาพได้อยา่ ง
เหมาะสม แต่งประโยค แต่งบทร้อยกรองประเภทกลอนสี่ กลอนสภุ าพ และกาพย์ยานี 11

• เขา้ ใจและเหน็ คุณค่าวรรณคดีและวรรณกรรมท่อี ่าน เลา่ นิทานพนื้ บ้าน ร้องเพลงพ้ืนบา้ นของทอ้ งถิ่น
นำขอ้ คิดเหน็ จากเรื่องท่ีอ่านไปประยุกต์ใชใ้ นชีวติ จริง และทอ่ งจำบทอาขยานตามทีก่ ำหนดได้

ห ลั ก สู ต ร ส ถ า น ศึ ก ษ า โ ร ง เ รี ย น บ้ า น เ ข า เ ที ย ม ป่ า . . . ห น ้ า | ๓๗

สาระท่ี ๑ การอ่าน

มาตรฐาน ท ๑.๑ ใช้กระบวนการอ่านสรา้ งความรแู้ ละความคดิ เพื่อนำไปใช้ตดั สนิ ใจ แกป้ ญั หาในการดำเนนิ

ชีวติ และมีนิสยั รกั การอา่ น

ตัวชว้ี ัดช้ันปี

ป. ๑ ป. ๒ ป. ๓ ป. ๔ ป. ๕ ป. ๖

๑. อา่ นออกเสยี งคำ ๑. อา่ นออกเสยี งคำ ๑. อา่ นออกเสยี งคำ ๑. อ่านออกเสียง บท ๑. อา่ นออกเสยี งบท ๑. อา่ นออกเสยี งบท
คำคล้องจองและ ขอ้ ความ เรอ่ื ง รอ้ ยแก้วและบท ร้อยแกว้ และบท ร้อยแก้วและบท
ข้อความสั้นๆ คำคล้องจอง
สนั้ ๆ และบทรอ้ ย รอ้ ยกรองได้ ร้อยกรองได้
๒. บอกความหมาย ข้อความ และบท กรองงา่ ยๆ ได้ ถูกต้อง ร้อยกรองได้ ถูกต้อง
ของคำ และ ร้อยกรองงา่ ยๆ ได้ ถกู ตอ้ ง ล่องแคลว่ ๒. อธบิ าย ถกู ตอ้ ง ๒. อธิบาย
ขอ้ ความทอ่ี า่ น ถูกตอ้ ง ๒. อธิบาย ความหมายของคำ ๒. อธบิ าย ความหมายของคำ

๓. ตอบคำถาม ๒. อธิบาย ความหมายของคำ ประโยคและ ความหมายของคำ ประโยคและ

เก่ียวกับเรื่องท่ี ความหมายของคำ และข้อความท่ี สำนวนจากเร่ืองที่ ประโยคและ ขอ้ ความทเี่ ป็น

อ่าน และข้อความท่ี อ่าน อ่าน ข้อความท่เี ปน็ การ โวหาร
๔. เลา่ เรื่องย่อจาก ๓. ต้งั คำถามและ ๓. อา่ นเรื่องสน้ั ๆ ๓. อา่ นเร่ืองสน้ั ๆ
เรอ่ื งทีอ่ ่าน อ่าน ตอบคำถามเชงิ ตามเวลา ที่ บรรยาย
๓. ต้งั คำถามและ เหตุผลเกีย่ วกับ กำหนด และตอบ อย่างหลากหลาย
๕. คาดคะเน เร่ืองทอ่ี ่าน คำถามจากเร่อื งที่ และการพรรณนา โดยจับเวลา แล้ว
เหตกุ ารณ์ ตอบคำถาม อา่ น ๓. อธิบาย ถามเก่ียวกับเรอื่ งที่
จากเร่อื งทอี่ า่ น เกี่ยวกบั ๔. ลำดบั เหตุการณ์ อ่าน
เรื่องทีอ่ ่าน และคาดคะเน ๔. แยกข้อเทจ็ จรงิ ความหมายโดยนยั
๖. อ่านหนังสือตาม
๔. ระบุใจความ จากเรอ่ื งทอี่ ่าน ๔. แยกขอ้ เท็จจรงิ
เหตกุ ารณจ์ าก และขอ้ คดิ เหน็ อย่างหลากหลาย และขอ้ คดิ เห็น
ความสนใจ

อย่างสมำ่ เสมอ สำคญั และ เรอ่ื งท่อี ่านโดย จากเร่ืองที่อา่ น ๔. แยกขอ้ เท็จจรงิ จากเรื่องท่อี า่ น
และนำเสนอเรอ่ื ง รายละเอยี ดจาก ระบเุ หตุผล ๕. คาดคะเน และข้อคิดเห็น ๕. อธบิ ายการนำ
ประกอบ
ทอี่ า่ น เรอ่ื งทอ่ี ่าน ๕. สรปุ ความร้แู ละ เหตกุ ารณ์จาก จากเร่อื งทอ่ี า่ น ความรแู้ ละ
๗. บอกความหมาย ๕. แสดงความ ขอ้ คิด จากเรอ่ื งท่ี เรอ่ื งท่ีอา่ นโดย ความคิด จากเรอ่ื ง
อา่ นเพื่อ นำไปใช้ ระบเุ หตผุ ล ๕. วเิ คราะห์และ ทอี่ ่านไปตดั สินใจ
ของเครือ่ งหมาย คดิ เห็นและ ในชวี ิต ประจำวัน ประกอบ แสดงความคดิ เห็น แก้ปัญหาในการ
หรอื สญั ลักษณ์ ๖. อ่านหนงั สือตาม ๖. สรปุ ความรแู้ ละ เกี่ยวกับเรื่องที่ ดำเนินชีวติ
สำคญั ทมี่ ักพบเหน็ คาดคะเน ความสนใจ ข้อคดิ จากเรอ่ื งที่ อา่ นเพื่อนำไปใช้ ๖. อา่ นงานเขยี นเชิง
ในชวี ติ ประจำวนั เหตุการณ์จาก อยา่ งสมำ่ เสมอ อา่ นเพ่อื นำไปใช้ ในการดำเนินชวี ติ อธิบาย คำส่ัง
และนำเสนอเร่ือง ในชวี ิต ประจำวนั ขอ้ แนะนำ และ
๘. มมี ารยาท เรื่องทีอ่ ่าน ทีอ่ า่ น ๗. อา่ นหนังสือที่มี ๖. อา่ นงานเขยี นเชิง ปฏิบตั ิตาม
๗. อา่ นข้อเขยี นเชิง คุณคา่ ตามความ อธิบาย คำสั่ง ๗. อธิบาย
ในการอ่าน ๖. อา่ นหนังสอื ตาม อธบิ าย และ สนใจอย่าง ข้อแนะนำ และ ความหมาย ของ
ปฏิบัตติ ามคำส่งั สม่ำเสมอและ ปฏิบัตติ าม ขอ้ มลู จากการอ่าน
ความสนใจ อยา่ ง หรือขอ้ แนะนำ แสดงความคดิ เห็น แผนผัง แผนที่
๘. อธบิ าย เกีย่ วกับเร่ืองที่ ๗. อา่ นหนงั สือท่มี ี แผนภูมิ และ
สมำ่ เสมอและ ความหมายของ อ่าน คณุ ค่าตามความ กราฟ
ขอ้ มลู จาก ๘. มมี ารยาท ใน สนใจอยา่ ง ๘. อ่านหนงั สือตาม
นำเสนอเรอื่ งท่ี แผนภาพ แผนที่ การอา่ น สมำ่ เสมอและ ความสนใจ และ
และแผนภมู ิ แสดงความคดิ เห็น อธิบายคุณค่าท่ี
อา่ น ๙. มีมารยาท เกย่ี วกบั เรอ่ื งที่ ได้รับ
อา่ น ๙. มีมารยาท
๗. อา่ นขอ้ เขยี นเชิง
๘. มมี ารยาท
อธบิ าย และ ในการอา่ น

ปฏิบตั ติ ามคำสั่ง

หรือข้อแนะนำ

๘. มมี ารยาท

ในการอ่าน

ในการอา่ น ในการอ่าน

ห ลั ก สู ต ร ส ถ า น ศึ ก ษ า โ ร ง เ รี ย น บ้ า น เ ข า เ ที ย ม ป่ า . . . ห น ้ า | ๓๘

สาระที่ ๒ การเขียน

มาตรฐาน ท ๒.๑ ใช้กระบวนการเขียนเขียนส่ือสาร เขียนเรยี งความ ยอ่ ความ และเขยี นเรือ่ งราวในรูปแบบ

ตา่ งๆ เขียนรายงานข้อมลู สารสนเทศและรายงานการศึกษาค้นคว้าอยา่ งมีประสิทธภิ าพ

ตัวชวี้ ดั ชนั้ ปี

ป. ๑ ป. ๒ ป. ๓ ป. ๔ ป. ๕ ป. ๖

๑. คดั ลายมอื ตัว ๑. คัดลายมอื ตัว ๑. คดั ลายมือตวั ๑. คัดลายมือตวั ๑. คดั ลายมอื ตัว ๑. คัดลายมือตวั

บรรจงเต็ม บรรจงเต็ม บรรจงเต็ม บรรจงเตม็ บรรจง เตม็ บรรจง

บรรทัด บรรทดั บรรทัด บรรทัด บรรทัด และครง่ึ เต็มบรรทัด

๒. เขยี นสอ่ื สารดว้ ย ๒. เขยี นเรอื่ งสนั้ ๆ ๒ เขียนบรรยาย และครง่ึ บรรทดั บรรทัด และครง่ึ บรรทดั

คำและประโยค เกี่ยวกับ เก่ยี วกับส่ิงใดสงิ่ ๒. เขียนสอื่ สารโดย ๒. เขยี นส่ือสารโดย ๒. เขียนส่ือสารโดย

งา่ ยๆ ประสบการณ์ หนง่ึ ไดอ้ ยา่ ง ใชค้ ำไดถ้ ูกตอ้ ง ใช้คำไดถ้ ูกตอ้ ง ใช้คำได้ถูกตอ้ ง

๓. มมี ารยาทในการ ๓. เขยี นเรือ่ งสั้นๆ ชดั เจน ชัดเจน และ ชดั เจน และ ชัดเจน และ

เขยี น ตามจนิ ตนาการ ๓. เขียนบนั ทกึ เหมาะสม เหมาะสม เหมาะสม

๔. มีมารยาท ประจำวัน ๓. เขยี นแผนภาพ ๓. เขียนแผนภาพ ๓. เขยี นแผนภาพ

ในการเขยี น ๔. เขียนจดหมายลา โครงเรอ่ื ง โครงเรื่องและ โครงเร่อื ง

ครู และแผนภาพ แผนภาพ และแผนภาพ

๕. เขียนเรื่องตาม ความคดิ เพอ่ื ใช้ ความคดิ เพือ่ ใช้ ความคดิ เพอื่ ใช้

จินตนาการ พฒั นางานเขียน พัฒนางานเขยี น พฒั นางานเขยี น

๖. มีมารยาทในการ ๔. เขียน ๔. เขียนยอ่ ความ ๔. เขยี นเรียงความ

เขียน ยอ่ ความ จากเร่อื งทอี่ ่าน ๕. เขยี น

จากเรอื่ งส้นั ๆ ๕. เขียนจดหมายถงึ ยอ่ ความจาก

๕. เขียนจดหมาย ถึง ผปู้ กครองและ เรื่องท่อี า่ น

เพอ่ื น และบดิ า ญาติ ๖. เขียนจดหมาย

มารดา ๖. เขยี นแสดง สว่ นตวั

๖. เขียนบนั ทึกและ ความรสู้ ึกและ ๗. กรอกแบบ

เขียนรายงาน ความคิดเหน็ ได้ รายการต่างๆ

จากการศึกษา ตรงตามเจตนา ๘. เขยี นเรื่องตาม

ค้นคว้า ๗. กรอกแบบ จินตนาการและ

๗. เขยี นเร่อื งตาม รายการต่างๆ สร้างสรรค์

จนิ ตนาการ ๘. เขียนเร่ืองตาม ๙. มีมารยาทในการ

๘. มีมารยาทในการ จินตนาการ เขยี น

เขยี น ๙. มมี ารยาทในการ

เขียน

ห ลั ก สู ต ร ส ถ า น ศึ ก ษ า โ ร ง เ รี ย น บ้ า น เ ข า เ ที ย ม ป่ า . . . ห น ้ า | ๓๙

สาระที่ ๓ การฟัง การดู และการพดู

มาตรฐาน ท ๓.๑ สามารถเลอื กฟงั และดูอย่างมวี จิ ารณญาณ และพูดแสดงความรู้ ความคดิ และความรสู้ ึกในโอกาส

ตา่ งๆ อย่างมีวิจารณญาณและสรา้ งสรรค์

ตวั ช้ีวัดชนั้ ปี

ป. ๑ ป. ๒ ป. ๓ ป. ๔ ป. ๕ ป. ๖

๑. ฟงั คำแนะนำ ๑. ฟังคำแนะนำ ๑. เลา่ รายละเอยี ด ๑. จำแนก ๑. พดู แสดงความรู้ ๑. พูดแสดงความรู้

คำสั่งงา่ ยๆ และ คำสั่งท่ีซับซอ้ น เกี่ยวกับเร่อื งท่ี ข้อเทจ็ จริงและ ความคิดเห็น ความเขา้ ใจ

ปฏิบัตติ าม และปฏบิ ตั ติ าม ฟังและดทู ้ังทเ่ี ปน็ ข้อคิดเหน็ จาก และความรสู้ กึ จุดประสงค์ของ

๒. ตอบคำถามและ ๒. เลา่ เรื่อง ทฟี่ งั ความรู้และความ เร่อื งทีฟ่ งั และดู จากเรอ่ื งทีฟ่ งั เรือ่ งท่ีฟงั และดู

เล่าเร่ือง ท่ีฟงั และดูทัง้ ท่เี ปน็ บันเทิง ๒. พดู สรุปความ และดู ๒. ตัง้ คำถามและ

และดู ทัง้ ที่เปน็ ความรู้และความ ๒. บอกสาระสำคัญ จากการฟังและดู ๒. ตั้งคำถามและ ตอบคำถามเชงิ

ความรู้และความ บันเทิง จากการฟังและ ๓. พดู แสดงความรู้ ตอบคำถามเชงิ เหตผุ ลจากเรอ่ื ง

บันเทิง ๓. บอกสาระสำคญั การดู ความคดิ เห็น เหตผุ ลจากเรื่อง ที่ฟังและดู

๓. พูดแสดงความ ของเรอื่ งท่ีฟัง ๓. ตั้งคำถามและ และความรสู้ กึ ทีฟ่ งั และดู ๓. วิเคราะหค์ วาม

คิดเห็นและ และดู ตอบคำถาม เกี่ยวกับเรื่องท่ี ๓. วเิ คราะหค์ วาม น่าเช่ือถือจาก

ความรสู้ ึกจาก ๔. ต้งั คำถามและ เกี่ยวกับเรือ่ งที่ ฟงั และดู น่าเช่อื ถือจาก การฟงั และดสู ่ือ

เรอื่ งท่ีฟงั และดู ตอบคำถาม ฟงั และดู ๔. ตงั้ คำถามและ เรื่องทีฟ่ งั และดู โฆษณาอย่างมี

๔. พูดสื่อสารได้ เก่ยี วกับเร่อื งท่ี ๔. พดู แสดงความ ตอบคำถามเชงิ อยา่ งมีเหตผุ ล เหตผุ ล

ตามวตั ถุประสงค์ ฟงั และดู คิดเห็นและ เหตุผลจากเรอื่ ง ๔. พดู รายงานเร่อื ง ๔. พูดรายงานเร่อื ง

๕. มมี ารยาท ใน ๕. พดู แสดงความ ความรสู้ กึ จาก ที่ฟงั และดู หรอื ประเดน็ ที่ หรือประเด็นที่

การฟงั การดู คดิ เหน็ และ เร่ืองทฟ่ี ังและดู ๕. รายงานเร่อื ง ศกึ ษาคน้ คว้าจาก ศึกษาค้นคว้าจาก

และการพดู ความรสู้ กึ จาก ๕. พูดสือ่ สารได้ หรอื ประเด็นที่ การฟงั การดู การฟังการดู

เรื่องที่ฟงั และดู ชดั เจนตรงตาม ศกึ ษาคน้ คว้าจาก และการสนทนา และการสนทนา

๖. พดู สือ่ สารได้ วตั ถุประสงค์ การฟงั การดู ๕. มมี ารยาทใน ๕. พดู โน้มนา้ ว

ชัดเจนตรงตาม ๖. มีมารยาท ใน และการสนทนา การฟงั การดู อย่างมเี หตผุ ล

วตั ถุประสงค์ การฟงั การดู ๖. มีมารยาทใน และการพดู และน่าเชือ่ ถอื

๗. มมี ารยาท ใน และการพดู การฟงั การดู ๖. มมี ารยาทในการ

การฟงั การดู และการพดู ฟงั การดู และ

และการพดู การพดู

ห ลั ก สู ต ร ส ถ า น ศึ ก ษ า โ ร ง เ รี ย น บ้ า น เ ข า เ ที ย ม ป่ า . . . ห น ้ า | ๔๐

สาระท่ี ๔ หลกั การใชภ้ าษาไทย

มาตรฐาน ท ๔.๑ เข้าใจธรรมชาติของภาษาและหลักภาษาไทย การเปล่ียนแปลงของภาษาและพลังของภาษา ภูมิ

ปญั ญาทางภาษา และรักษาภาษาไทยไว้เป็นสมบตั ขิ องชาติ

ตวั ชีว้ ัดชน้ั ปี

ป. ๑ ป. ๒ ป. ๓ ป. ๔ ป. ๕ ป. ๖

๑. บอกและเขยี น ๑. บอกและเขยี น ๑. เขยี นสะกดคำ ๑. สะกดคำและ ๑. ระบชุ นดิ และ ๑. วเิ คราะหช์ นิด
พยัญชนะ สระ พยัญชนะ สระ และบอก บอกความหมาย หนา้ ทข่ี องคำใน และหนา้ ที่ของคำ
วรรณยุกต์ และ วรรณยกุ ต์ และ ความหมายของ ของคำในบรบิ ท ประโยค ในประโยค
เลขไทย เลขไทย คำ ต่างๆ
๒. จำแนกส่วน ๒. ใชค้ ำได้
๒. เขียนสะกดคำ ๒. เขียนสะกดคำ ๒. ระบชุ นดิ และ ๒. ระบชุ นดิ และ ประกอบของ เหมาะสม กับ
และบอก และบอก หน้าทข่ี องคำใน หน้าทขี่ องคำใน ประโยค กาลเทศะและ
ความหมายของ ความหมายของ ประโยค บุคคล
๓. ใชพ้ จนานุกรม ประโยค ๓. เปรยี บเทียบ

คำ คำ ภาษาไทยมาตรฐาน ๓. รวบรวมและ

๓. เรยี บเรยี งคำ ๓. เรยี บเรยี งคำ คน้ หา ๓. ใชพ้ จนานุกรม กับภาษาถน่ิ บอกความหมาย

เป็นประโยค เป็นประโยคได้ ความหมายของ คน้ หา ๔. ใชค้ ำราชาศพั ท์ ของคำภาษาตา่ ง
ง่ายๆ ตรงตามเจตนา คำ ความหมายของ ๕. บอกคำภาษา ประ เทศที่ใชใ้ น
๔. ต่อคำคล้องจอง ของการสอื่ สาร ๔. แตง่ ประโยค คำ ภาษาไทย
งา่ ยๆ ๔. บอกลกั ษณะคำ ง่ายๆ ๔. แต่งประโยคได้ ต่างประ เทศ ใน ๔. ระบลุ ักษณะ
คลอ้ งจอง ๕. แต่งคำคลอ้ ง ถูกต้องตามหลัก ภาษาไทย ของประโยค
๕. เลือกใช้ จองและคำขวญั ๖. แตง่ บทร้อย ๕. แตง่ บทรอ้ ย
ภาษา กรอง

ภาษาไทย ๖. เลือกใช้ ๗. ใชส้ ำนวนได้ กรอง

มาตรฐานและ ภาษาไทย ๕. แตง่ บทรอ้ ย ถกู ตอ้ ง ๖. วิเคราะห์ และ

ภาษาถน่ิ ได้ มาตรฐานและ กรองและคำขวญั เปรยี บเทยี บ
เหมาะสมกบั ภาษาถิ่นได้ ๖. บอกความหมาย สำนวนที่เปน็
กาลเทศะ เหมาะสมกับ คำพังเพยและ
กาลเทศะ ของสำนวน สภุ าษติ
๗. เปรยี บเทียบ

ภาษาไทย

มาตรฐานกบั

ภาษาถิ่นได้

ห ลั ก สู ต ร ส ถ า น ศึ ก ษ า โ ร ง เ รี ย น บ้ า น เ ข า เ ที ย ม ป่ า . . . ห น ้ า | ๔๑

สาระท่ี ๕ วรรณคดแี ละวรรณกรรม

มาตรฐาน ท ๕.๑ เขา้ ใจและแสดงความคิดเห็น วจิ ารณ์วรรณคดแี ละวรรณกรรมไทยอย่างเหน็ คุณคา่ และนำมา

ประยุกตใ์ ช้ในชวี ติ จริง

ตัวชี้วดั ช้นั ปี

ป. ๑ ป. ๒ ป. ๓ ป. ๔ ป. ๕ ป. ๖

๑. บอกขอ้ คิดท่ไี ด้ ๑. ระบุข้อคดิ ทไี่ ด้ ๑. ระบุข้อคดิ ทีไ่ ด้ ๑. ระบุขอ้ คิดจาก ๑. สรปุ เรอื่ งจาก ๑. แสดงความ

จากการอ่าน จากการอ่าน จากการอ่าน นทิ านพื้นบ้าน วรรณคดีหรือ คดิ เหน็ จาก

หรอื การฟัง หรือการฟัง วรรณกรรมเพอ่ื หรือนทิ านคติ วรรณกรรมที่ วรรณคดี หรอื

วรรณกรรมรอ้ ย วรรณกรรม นำไปใชใ้ นชวี ิต ธรรม อา่ น วรรณกรรม ที่

แกว้ และร้อย สำหรับเดก็ เพอื่ ประจำวัน ๒. อธบิ ายข้อคิดจาก ๒. ระบคุ วามรูแ้ ละ อา่ น

กรองสำหรับ นำไปใชใ้ น ๒. รจู้ กั เพลง การอ่านเพอ่ื ขอ้ คดิ จากการ ๒. เล่านทิ าน

เด็ก ชวี ติ ประจำวัน พื้นบา้ นและ นำไปใชใ้ นชวี ติ อา่ นวรรณคดี พ้นื บา้ นทอ้ งถน่ิ

๒. ท่องจำบท ๒. ร้องบทรอ้ งเลน่ เพลงกลอ่ มเด็ก จริง และวรรณกรรม ตนเอง และ

อาขยานตามท่ี สำหรับเดก็ ใน เพ่ือปลูกฝัง ๓. รอ้ งเพลงนบา้ น ทีส่ ามารถ นทิ านพื้นบา้ น

กำหนด และ ทอ้ งถนิ่ ความชืน่ ชม ๔. ท่องจำบท นำไปใช้ในชีวติ ของท้องถิ่นอื่น

บทรอ้ ยกรองตาม ๓. ท่องจำบท วฒั นธรรม อาขยานตามท่ี จรงิ ๓. อธบิ ายคณุ คา่

ความสนใจ อาขยานตามที่ ทอ้ งถน่ิ กำหนด และบท ๓. อธบิ ายคณุ คา่ ของวรรณคดี

กำหนด และบท ๓. แสดงความ รอ้ ยกรองท่มี ี ของวรรณคดี และวรรณกรรม

ร้อยกรองท่มี ี คดิ เหน็ เกยี่ วกับ คณุ คา่ ตาม และวรรณกรรม ทอ่ี า่ นและนำไป

คุณคา่ ตาม วรรณคดีท่ีอ่าน ความสนใจ ๔. ท่องจำบท ประยุกต์ใช้

ความสนใจ ๔. ท่องจำบท อาขยานตามท่ี ในชวี ติ จรงิ

อาขยานตามท่ี กำหนดและบท ๔. ท่องจำบท

กำหนดและบท ร้อยกรองท่มี ี อาขยานตามที่

รอ้ ยกรอง คุณค่าตาม กำหนด และบท

ทม่ี คี ณุ คา่ ตาม ความสนใจ ร้อยกรองท่ีมี

ความสนใจ คณุ ค่าตาม

ความสนใจ

ห ลั ก สู ต ร ส ถ า น ศึ ก ษ า โ ร ง เ รี ย น บ้ า น เ ข า เ ที ย ม ป่ า . . . ห น ้ า | ๔๒

กลุ่มสาระการเรียนรูค้ ณิตศาสตร์

ทำไมตอ้ งเรียนคณติ ศาสตร์

คณิตศาสตร์มีบทบาทสาคัญย่ิงต่อความสาเรจ็ ในการเรียนรู้ในศตวรรษท่ี ๒๑ เนื่องจากคณิตศาสตร์
ช่วยให้มนุษย์มีความคิดริเริ่มสร้างสรรค์ คิดอย่างมีเหตุผล เป็นระบบ มีแบบแผน สามารถวิเคราะห์ปัญหา
หรือสถานการณ์ได้อย่างรอบคอบและถี่ถ้วน ช่วยให้คาดการณ์ วางแผน ตัดสินใจ แก้ปัญหา ได้อย่างถูกต้อง
เหมาะสม และสามารถนาไปใช้ในชีวิตจรงิ ได้อย่างมีประสิทธิภาพ นอกจากนี้คณิตศาสตร์ยังเป็นเครือ่ งมือใน
การศึกษาด้านวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี และศาสตร์อื่น ๆ อันเป็นรากฐานในการพัฒนาทรัพยากรบุคคลของ
ชาติให้มีคุณภาพและพัฒนาเศรษฐกิจของประเทศให้ทัดเทียมกับนานาชาติ การศึกษาคณิตศาสตร์จึงจาเป็น
ต้องมีการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้ทันสมัยและสอดคล้องกับสภาพเศรษฐกิจ สังคม และความรู้ทาง
วิทยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยีท่ีเจริญก้าวหนา้ อยา่ งรวดเรว็ ในยคุ โลกาภวิ ัฒน์

มาตรฐานการเรยี นรู้และตวั ชี้วัดกลมุ่ สาระการเรียนรู้คณิตศาสตร์ (ฉบบั ปรบั ปรุง พ.ศ. ๒๕๖๐) ตาม
หลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช ๒๕๕๑ ฉบับนี้ จัดทาขึ้นโดยคานึงถึงการส่งเสริมให้
ผู้เรียนมีทักษะที่จาเป็นสาหรับการเรียนรู้ในศตวรรษที่ ๒๑ เป็นสาคัญ นั่นคือ การเตรียมผู้เรียนให้มีทักษะ
ด้านการคิดวิเคราะห์ การคิดอย่างมีวิจารณญาณ การแก้ปัญหา การคิดสร้างสรรค์ การใช้เทคโนโลยี
สารสนเทศและการสื่อสารอย่างปลอดภัย ซง่ึ จะสง่ ผลให้ผู้เรียนรเู้ ท่าทันการเปลี่ยนแปลงของระบบเศรษฐกิจ
สงั คม วฒั นธรรม และสภาพแวดล้อม สามารถแขง่ ขันและอยูร่ ่วมกับประชาคมโลกได้ ทั้งนีก้ ารจัดการเรียนรู้
คณิตศาสตร์ที่ประสบความสาเร็จนั้น จะต้องเตรียมผู้เรียนให้มีความพร้อมที่จะเรียนรู้สิ่งต่าง ๆ พร้อมที่จะ
ประกอบอาชีพเมื่อจบการศึกษา หรือสามารถศึกษาต่อในระดับที่สูงขึ้น ดังนั้นสถานศึกษาควรจัดการเรียนรู้
ให้เหมาะสมตามศกั ยภาพของผู้เรยี น

เรียนรอู้ ะไรในคณติ ศาสตร์

กลุ่มสาระการเรียนรู้คณิตศาสตร์ได้จัดเป็น ๔ สาระ ได้แก่ จำนวนและพีชคณิต การวัดและ
เรขาคณิต สถติ แิ ละความน่าจะเปน็ และแคลคูลัส

จำนวนและพีชคณติ เรียนรูเ้ กี่ยวกับระบบจำนวนจริง สมบัติเก่ียวกบั จำนวนจริง อตั ราส่วน ร้อยละ
การประมาณค่า การแกป้ ัญหาเกย่ี วกับจานวน การใชจ้ านวนในชีวิตจรงิ แบบรปู ความสมั พันธ์ ฟังก์ชัน เซต
ตรรกศาสตร์ นิพจน์ เอกนาม พหนุ าม สมการ ระบบสมการ อสมการ กราฟ ดอกเบยี้ และมูลค่าของเงนิ เมท
ริกซ์ จานวนเชิงซ้อน ลาดับและอนุกรม และการนาความรู้เกี่ยวกับจานวนและพีชคณิตไปใช้ในสถานการณ์
ต่าง ๆ

การวัดและเรขาคณิต เรียนรู้เกี่ยวกับความยาว ระยะทาง น้าหนัก พื้นที่ ปริมาตรและความจุ เงิน
และเวลา หน่วยวัดระบบต่าง ๆ การคาดคะเนเกี่ยวกับการวัด อัตราส่วนตรีโกณมิติ รูปเรขาคณิตและสมบัติ
ของ รูปเรขาคณิต การนึกภาพ แบบจำลองทางเรขาคณิต ทฤษฎีบททางเรขาคณิต การแปลงทางเรขาคณิต
ในเรื่องการเลื่อนขนาน การสะท้อน การหมุน เรขาคณิตวิเคราะห์ เวกเตอร์ในสามมิติ และการนาความรู้
เกย่ี วกับ การวดั และเรขาคณติ ไปใช้ในสถานการณต์ ่าง ๆ

ห ลั ก สู ต ร ส ถ า น ศึ ก ษ า โ ร ง เ รี ย น บ้ า น เ ข า เ ที ย ม ป่ า . . . ห น ้ า | ๔๓

สถติ ิและความน่าจะเป็น เรยี นร้เู ก่ยี วกบั การต้ังคาถามทางสถิติ การเก็บรวบรวมข้อมูล การคานวณ
ค่าสถิติ การนาเสนอและแปลผลสาหรับข้อมูลเชิงคณุ ภาพและเชิงปริมาณ หลักการนับเบื้องต้น ความน่าจะ
เป็น การแจกแจงของตัวแปรสุ่ม การใช้ความรู้เกี่ยวกับสถิติและความน่าจะเป็นในการอธิบายเหตกุ ารณ์ต่าง
ๆ และช่วยในการตัดสินใจ

ห ลั ก สู ต ร ส ถ า น ศึ ก ษ า โ ร ง เ รี ย น บ้ า น เ ข า เ ที ย ม ป่ า . . . ห น ้ า | ๔๔

คุณภาพผู้เรยี น

จบชั้นประถมศกึ ษาปีท่ี ๓
 อา่ น เขียนตัวเลข ตัวหนงั สือแสดงจำนวนนับไมเ่ กิน ๑๐๐,๐๐๐ และ ๐ มีความรสู้ กึ เชงิ จำนวน มี

ทกั ษะการบวก การลบ การคูณ การหาร และนำไปใช้ในสถานการณต์ า่ ง ๆ
 มีความรู้สึกเชิงจำนวนเกี่ยวกับเศษส่วนที่ไม่เกิน ๑ มีทักษะการบวก การลบ เศษส่วนที่ตัวส่วน

เทา่ กัน และนำไปใช้ในสถานการณ์ต่าง ๆ
 คาดคะเนและวัดความยาว น้ำหนัก ปริมาตร ความจุ เลือกใช้เครื่องมือและหน่วยที่เหมาะสม

บอกเวลา บอกจานวนเงนิ และนำไปใช้ในสถานการณ์ตา่ ง ๆ
 จำแนกและบอกลักษณะของรูปหลายเหลี่ยม วงกลม วงรี ทรงสี่เหลี่ยมมุมฉาก ทรงกลม

ทรงกระบอกและกรวย เขียนรูปหลายเหลี่ยม วงกลมและวงรีโดยใช้แบบของรูป ระบุรูปเรขาคณิตที่มีแกน
สมมาตรและจำนวนแกนสมมาตร และนำไปใช้ในสถานการณต์ า่ ง ๆ

 อ่านและเขยี นแผนภมู ิรปู ภาพ ตารางทางเดียว และนำไปใชใ้ นสถานการณต์ า่ ง ๆ

จบชนั้ ประถมศึกษาปีที่ ๖
 อ่าน เขียนตัวเลข ตัวหนังสือแสดงจำนวนนับ เศษส่วน ทศนิยมไม่เกิน ๓ ตำแหน่ง อัตราส่วน

และร้อยละ มีความรู้สกึ เชิงจำนวน มที กั ษะการบวก การลบ การคูณ การหาร ประมาณผลลพั ธ์ และนำไปใช้
ในสถานการณ์ตา่ ง ๆ

 อธิบายลักษณะและสมบัติของรูปเรขาคณิต หาความยาวรอบรูปและพื้นที่ของรูปเรขาคณิต
สร้างรูปสามเหลี่ยม รูปสี่เหลี่ยมและวงกลม หาปริมาตรและความจุของทรงสี่เหลีย่ มมุมฉาก และนำไปใช้ใน
สถานการณต์ า่ ง ๆ

 นำเสนอข้อมูลในรูปแผนภูมิแท่ง ใช้ข้อมูลจากแผนภูมิแท่ง แผนภูมิรูปวงกลม ตารางสองทาง
และกราฟเสน้ ในการอธิบายเหตุการณ์ตา่ ง ๆ และตัดสินใจ

ห ลั ก สู ต ร ส ถ า น ศึ ก ษ า โ ร ง เ รี ย น บ้ า น เ ข า เ ที ย ม ป่ า . . . ห น ้ า | ๔๕

สาระท่ี ๑ จำนวนและพชี คณิต
มาตรฐาน ค ๑.๑ เขา้ ใจความหลากหลายของการแสดงจำนวน ระบบจำนวน การดาเนินการของจำนวน ผล

ทเ่ี กิดขน้ึ จากการดำเนนิ การ สมบตั ิของการดำเนินการ และนาไปใช้

ป.๑ ป.๒ ตัวชี้วัดช้ันปี ป.๕ ป.๖

๑. บอกจำนวน ๑. บอกจำนวน ป.๓ ป.๔ ๑. เขียนเศษสว่ น ๑. เปรยี บเทยี บ
ของสงิ่ ตา่ ง ๆ ของสิง่ ตา่ ง ๆ ท่ีมีตัวส่วนเปน็ ตวั เรียงลาดับ
แสดงสง่ิ ตา่ ง ๆ แสดงส่ิงต่าง ๆ ๑. อา่ นและเขียน ๑. อ่านและเขยี น ประกอบของ ๑๐ เศษสว่ นและจาน
ตามจำนวนที่กา ตามจำนวนที่ ตัวเลขฮินดูอา ตัวเลขฮินดอู า หรอื ๑๐๐ หรอื วนคละจาก
หนด อา่ นและ กำหนด อา่ นและ รบกิ ตัวเลขไทย รบกิ ตวั เลขไทย ๑,๐๐๐ ในรูป สถานการณ์ตา่ ง
เขียนตัวเลขฮนิ ดู เขียนตวั เลขฮินดู และตัวหนงั สอื และตวั หนังสอื ทศนยิ ม ๒. แสดง ๆ ๒. เขียน
อารบกิ ตัวเลข อารบกิ ตวั เลข แสดงจำนวนนบั แสดงจานวนนับที่ วธิ หี าคาตอบของ อตั ราส่วนแสดง
ไทยแสดงจำนวน ไทย ตัวหนังสอื ไมเ่ กิน มากกวา่ โจทย์ปัญหาโดย การเปรยี บเทียบ
นบั ไมเ่ กนิ ๑๐๐ แสดงจานวนนบั ๑๐๐,๐๐๐ ๑๐๐,๐๐๐ ๒. ใช้ ปรมิ าณ ๒
และ ๐ ไม่เกิน ๑,๐๐๐ และ ๐ เปรียบเทยี บและ บัญญัตไิ ตรยางศ์ ปรมิ าณ จาก
๒. เปรยี บเทียบ และ ๐ ๒. เปรยี บเทียบ เรียงลาดบั จานวน ๓. หาผลบวก ผล ข้อความหรอื
จำนวนนบั ไมเ่ กนิ ๒. เปรยี บเทียบ และเรียงลำดบั นับทีม่ ากกว่า ลบของเศษสว่ น สถานการณ์ โดย
๑๐๐ และ ๐ โดย จำนวนนับไมเ่ กิน จานวนนบั ไมเ่ กิน ๑๐๐,๐๐๐ จาก และจานวนคละ ท่ี ปริมาณแตล่ ะ
ใชเ้ ครอื่ งหมาย = ๑,๐๐๐ และ ๐ ๑๐๐,๐๐๐ จาก สถานการณ์ต่าง ๔. หาผลคณู ปริมาณเป็นจาน
≠>< โดยใช้ สถานการณ์ ๆ ๓. บอก อ่าน ผลหารของ วนนับ ๓. หา
๓. เรยี งลาดับ เครือ่ งหมาย = ≠ ตา่ ง ๆ และเขียน เศษส่วนและจาน อัตราสว่ นที่
จำนวนนบั ไมเ่ กนิ >< ๓. บอก อา่ นและ เศษส่วน จานวน วนคละ เทา่ กับอัตราส่วน
๑๐๐ และ ๐ ๓. เรยี งลาดับ เขยี นเศษสว่ น คละแสดง ๕. แสดงวธิ ีหาคา ท่ีกาหนดให้ ๔.
ตั้งแต่ ๓ ถึง ๕ จำนวนนบั ไมเ่ กนิ แสดงปริมาณสิ่ง ปรมิ าณส่ิงตา่ ง ๆ ตอบของโจทย์ หา ห.ร.ม. ของ
จานวน ๑,๐๐๐ และ ๐ ต่าง ๆ และแสดง และแสดงสงิ่ ตา่ ง ปัญหาการบวก จานวนนับไม่เกิน
๔. หาค่าของตวั ตัง้ แต่ ๓ ถึง ๕ สิ่งตา่ ง ๆ ตาม ๆ ตามเศษส่วน การลบ การคณู ๓ จานวน
ไมท่ ราบคา่ ใน จำนวนจาก เศษสว่ นทกี่ ำหนด จานวนคละที่กา การหารเศษส่วน ๕. หา ค.ร.น.
ประโยค สถานการณ์ ๔. เปรยี บเทยี บ หนด ๔. ๒ ข้นั ตอน ของจานวนนับไม่
สญั ลักษณแ์ สดง ตา่ ง ๆ เศษสว่ นทตี่ ัวเศษ เปรยี บเทยี บ ๖. หาผลคณู ของ เกนิ ๓ จานวน ๖.
การบวก และ ๔. หาค่าของตวั เทา่ กัน โดยทีต่ ัว เรียงลาดบั ทศนิยม ที่ผลคณู แสดงวธิ ีหาคา
ประโยค ไมท่ ราบคา่ ใน เศษน้อยกวา่ หรือ เศษสว่ น และ เปน็ ทศนยิ มไม่ ตอบของโจทย์
สัญลกั ษณ์แสดง ประโยค เทา่ กับตวั สว่ น จานวนคละท่ี ตัว เกิน ๓ ตาแหน่ง ปัญหาโดยใช้
การลบของ สัญลักษณ์แสดง ความรเู้ กี่ยวกับ
จำนวนนบั ไมเ่ กิน การบวก และ ส่วนตัวหน่งึ เป็น ห.ร.ม. และ
๑๐๐ และ ๐ ประโยค พหคุ ณู ของอกี ตวั ค.ร.น.
สัญลกั ษณ์แสดง หนงึ่
การลบของจาน
วนนบั ไมเ่ กนิ
๑,๐๐๐ และ ๐

ห ลั ก สู ต ร ส ถ า น ศึ ก ษ า โ ร ง เ รี ย น บ้ า น เ ข า เ ที ย ม ป่ า . . . ห น ้ า | ๔๖

ตวั ชี้วดั ช้นั ปี

ป.๑ ป.๒ ป.๓ ป.๔ ป.๕ ป.๖

๕. แสดงวธิ ีหา ๕. หาค่าของตวั ๕. หาคา่ ของตัว ๕. อา่ นและเขยี น ๗. หาผลหารท่ีตัว ๗. หาผลลัพธ์ของ
คำตอบของโจทย์ ไม่ ทราบค่าใน ต้ังเปน็ จานวนนบั การบวก ลบ คูณ
ปัญหาการบวก ประโยค ไมท่ ราบคา่ ใน ทศนิยมไมเ่ กิน ๓ หรอื ทศนิยมไม่ หารระคนของ
และโจทยป์ ัญหา สัญลกั ษณแ์ สดง เกิน ๓ ตาแหน่ง เศษส่วนและจาน
การลบของจาน การคณู ของ ประโยค ตาแหน่ง แสดง และตัวหารเป็น วนคละ ๘. แสดง
วนนับไม่เกนิ จำนวน ๑ หลกั จานวนนบั วธิ หี าคาตอบของ
๑๐๐ และ ๐ กบั จานวนไม่เกิน สญั ลักษณ์แสดง ปริมาณของส่งิ ผลหารเป็น โจทย์ปัญหา
๒ หลกั ทศนิยมไมเ่ กนิ ๓ เศษส่วนและ
๖. หาค่าของตัว การบวกและ ตา่ ง ๆ และแสดง ตาแหนง่ จานวนคละ ๒ -
ไมท่ ราบคา่ ใน ๘. แสดงวิธีหาคา ๓ ขนั้ ตอน
ประโยค ประโยค สิ่งต่าง ๆ ตาม ตอบของโจทย์ ๙. หาผลหารของ
สัญลักษณแ์ สดง ปัญหาการบวก ทศนยิ มท่ตี ัวหาร
การหารท่ี ตัวตงั้ สญั ลักษณแ์ สดง ทศนิยมท่ีกาหนด การลบ การคูณ และผลหารเป็น
ไมเ่ กิน ๒ หลัก การหารทศนยิ ม ทศนยิ มไมเ่ กนิ ๓
ตัวหาร ๑ หลัก การลบของ ๖. เปรยี บเทียบ ๒ ข้ันตอน ตาแหน่ง ๑๐.
โดยทีผ่ ลหารมี ๑ ๙. แสดงวิธีหาคา แสดงวิธหี าคา
หลัก ท้ังหารลง จำนวนนับไม่เกิน และเรียงลาดบั ตอบของโจทย์ ตอบของโจทย์
ตวั และหารไม่ลง ปัญหารอ้ ยละ ไม่ ปัญหาการบวก
ตวั ๑๐๐,๐๐๐ ทศนิยมไมเ่ กิน ๓ เกนิ ๒ ขัน้ ตอน การลบ การคูณ
๗. หาผลลัพธ์การ การหารทศนยิ ม
บวก ลบ คณู และ ๐ ตาแหน่งจาก ๓ ขัน้ ตอน ๑๑.
หาร ระคนของ แสดงวธิ หี าคา
จานวนนับไมเ่ กิน ๖. หาคา่ ของตวั สถานการณต์ า่ ง ตอบของโจทย์
๑,๐๐๐ และ ๐ ปัญหาอัตราส่วน
๘. แสดงวธิ ีหาคา ไม่ ทราบคา่ ใน ๆ ๗. ประมาณ ๑๒. แสดงวธิ หี า
ตอบของโจทย์ คาตอบของโจทย์
ปญั หา ๒ ประโยค ผลลพั ธข์ องการ ปญั หารอ้ ยละ ๒
ขัน้ ตอนของจาน - ๓ ขน้ั ตอน
วนนับไมเ่ กิน สญั ลกั ษณ์แสดง บวก การลบ การ
๑,๐๐๐ และ ๐
การคณู ของ คณู การหาร จาก

จำนวน ๑ หลัก สถานการณต์ า่ ง

กบั จานวนไม่เกิน ๆ อยา่ ง

๔ หลกั และ สมเหตุสมผล ๘.

จำนวน ๒ หลัก หาคา่ ของตัวไม่

กบั จานวน ๒ ทราบค่าใน

หลกั ประโยค

๗. หาคา่ ของตัว สัญลักษณ์ แสดง

ไมท่ ราบคา่ ใน การบวกและ

ประโยค ประโยค

สัญลกั ษณ์ แสดง สัญลักษณ์แสดง

การหารท่ีตัวตัง้ การลบของจาน

ไม่เกนิ ๔ หลกั วนนบั ท่ี มากกว่า

ตวั หาร ๑ หลัก ๑๐๐,๐๐๐ และ

๘. หาผลลพั ธ์การ ๐

บวก ลบ คณู

หารระคน ของ

จำนวนนบั ไม่เกนิ

๑๐๐,๐๐๐

และ ๐

ห ลั ก สู ต ร ส ถ า น ศึ ก ษ า โ ร ง เ รี ย น บ้ า น เ ข า เ ที ย ม ป่ า . . . ห น ้ า | ๔๗

ตวั ชี้วดั ชน้ั ปี

ป.๑ ป.๒ ป.๓ ป.๔ ป.๕ ป.๖

๙. แสดงวธิ ีหาคา ๙. หาคา่ ของตวั

ตอบของโจทย์ ไม่ทราบคา่ ใน

ปัญหา ๒ ประโยค

ขน้ั ตอน ของ สญั ลกั ษณ์แสดง

จำนวนนบั ไม่เกิน การคณู ของจาน

๑๐๐,๐๐๐ วนหลายหลกั ๒

และ ๐ จานวน ท่ีมี ผล

๑๐. หาผลบวก คณู ไมเ่ กิน ๖

ของเศษส่วนทม่ี ี หลัก และ

ตวั ส่วนเท่ากัน ประโยค

และผลบวกไม่ สญั ลักษณแ์ สดง

เกิน ๑ และหาผล การหารทีต่ วั ตงั้

ลบของเศษส่วนที่ ไม่เกนิ ๖ หลัก

มตี ัวสว่ นเทา่ กัน ตัวหารไม่เกนิ ๒

๑๑. แสดงวธิ ีหา หลกั

คาตอบของโจทย์ ๑๐. หาผลลัพธ์

ปญั หาการบวก การบวก ลบ คณู

เศษสว่ นที่มีตวั หารระคนของ

ส่วนเท่ากันและ จานวนนับ และ

ผลบวกไมเ่ กิน ๑ ๐

และโจทย์ปญั หา ๑๑. แสดงวธิ หี า

การลบเศษส่วน คาตอบของโจทย์

ที่มีตัวสว่ นเทา่ กัน ปญั หา ๒ ข้นั ตอน

ของจำนวนนับท่ี ของจานวนนับที่

มากกว่า มากกว่า

๑๐๐,๐๐๐ ๑๐๐,๐๐๐ และ

และ ๐ ๐

๑๒. สร้างโจทย์

ปัญหา ๒ ข้นั ตอน

ของจานวนนับ

และ ๐ พรอ้ มทงั้

หาคาตอบ

๑๓. หาผลบวก

ผลลบ ของ

เศษสว่ นและจาน

วนคละท่ีตวั

ส่วนตวั หนึ่งเปน็

พหคุ ูณของอกี ตัว

หน่งึ

ห ลั ก สู ต ร ส ถ า น ศึ ก ษ า โ ร ง เ รี ย น บ้ า น เ ข า เ ที ย ม ป่ า . . . ห น ้ า | ๔๘

ตวั ช้ีวดั ช้ันปี
ป.๑ ป.๒ ป.๓ ป.๔ ป.๕ ป.๖

๑๔. แสดงวิธีหา
คาตอบของโจทย์
ปัญหาการบวก
และโจทยป์ ัญหา
การลบเศษสว่ น
และจานวนคละที่
ตัวส่วนตัวหน่งึ
เปน็ พหคุ ณู ของ
อกี ตัวหน่งึ ๑๕.
หาผลบวก ผลลบ
ของทศนยิ มไม่
เกิน ๓ ตาแหนง่
๑๖. แสดงวธิ หี า
คาตอบของโจทย์
ปัญหาการบวก
การลบ ๒
ขั้นตอนของ
ทศนิยมไมเ่ กนิ ๓
ตาแหน่ง

ห ลั ก สู ต ร ส ถ า น ศึ ก ษ า โ ร ง เ รี ย น บ้ า น เ ข า เ ที ย ม ป่ า . . . ห น ้ า | ๔๙

สาระท่ี ๑ จำนวนและพีชคณิต
มาตรฐาน ค ๑.๒ เขา้ ใจและวิเคราะห์แบบรูป ความสัมพันธ์ ฟงั กช์ ัน ลำดับและอนุกรม และนำไปใช้

ตัวชว้ี ดั ช้ันปี

ป.๑ ป.๒ ป.๓ ป.๔ ป.๕ ป.๖

๑. ระบจุ ำนวนท่ี ๑. ระบจุ ำนวนท่ี ๑. แสดงวธิ ีคดิ
และหำคำตอบ
หำยไปในแบบรปู หำยไปในแบบรปู ของปญั หำ
เกี่ยวกบั แบบรูป
ของจำนวนที่ ของจำนวนที่

เพมิ่ ข้นึ หรือลดลง เพมิ่ ข้นึ หรอื ลดลง

ทีละ ๑ และทลี ะ ทลี ะเท่ำ ๆ กนั

๑๐ และระบรุ ูปท่ี

หำยไปในแบบรปู

ซำ้ ของรูปเรขำ

คณติ และรูปอื่น

ๆ ทสี่ มำชกิ ในแต่

ละชดุ ท่ซี ำ้ มี ๒

รูป

สาระที่ ๑ จำนวนและพชี คณิต
มาตรฐาน ค ๑.๓ ใช้นพิ จน์ สมการ อสมการ และเมทริกซ์ อธบิ ายความสัมพนั ธ์ หรือชว่ ยแกป้ ญั หาท่ี

กำหนดให้

ตัวชว้ี ัดช้นั ปี
ป.๑ ป.๒ ป.๓ ป.๔ ป.๕ ป.๖
------

ห ลั ก สู ต ร ส ถ า น ศึ ก ษ า โ ร ง เ รี ย น บ้ า น เ ข า เ ที ย ม ป่ า . . . ห น ้ า | ๕๐

สาระที่ ๒ การวัดและเรขาคณติ
มาตรฐาน ค ๒.๑ เขา้ ใจพ้นื ฐานเกย่ี วกับการวดั วัดและคาดคะเนขนาดของสง่ิ ท่ีตอ้ งการวัด และนาไปใช้

ตวั ช้ีวดั ช้นั ปี

ป.๑ ป.๒ ป.๓ ป.๔ ป.๕ ป.๖

๑. วัดและ ๑. แสดงวธิ หี ำ ๑. แสดงวธิ หี ำ ๑. แสดงวธิ หี า ๑. แสดงวิธีหา ๑. แสดงวิธหี า
เปรยี บเทยี บ คำตอบของ คำตอบของโจทย์ คำตอบของ
ควำมยำวเป็น โจทยป์ ัญหำ คำตอบของ คำตอบของโจทย์ ปญั หาเกี่ยวกบั โจทยป์ ญั หำ
เซนตเิ มตร เป็น เกย่ี วกับเวลำ ท่ีมี ความยาวทม่ี กี าร เกยี่ วกบั ปริมาตร
เมตร หน่วยเด่ยี วและ โจทย์ปัญหำ ปญั หาเกย่ี วกับ เปลี่ยนหนว่ ยและ ของรูปเรขาคณติ
๒. วดั และ เป็นหน่วย เขียนในรปู สามมติ ทิ ่ี
เปรียบเทยี บ เดียวกัน เก่ียวกับเงนิ เวลา ทศนยิ ม ประกอบดว้ ย
นำ้ หนกั เป็น ๒. วัดและ ๒. แสดงวิธหี ำ ทรงสเี่ หล่ยี มมมุ
กโิ ลกรมั เป็นขดี เปรียบเทยี บ ๒. แสดงวธิ ีหำ ๒. วัดและสรา้ ง คำตอบของโจทย์ ฉาก
ควำมยำวเปน็ ปัญหาเกี่ยวกับ ๒. แสดงวธิ ีหา
เมตรและ คำตอบของโจทย์ มมุ โดยใช้โพร น้ำหนักท่มี ีการ คำตอบของโจทย์
เซนตเิ มตร เปลยี่ นหน่วยและ ปัญหาเกย่ี วกับ
๓. แสดงวธิ หี ำ ปญั หาเกีย่ วกบั แทรกเตอร์ เขียนในรปู ความยาวรอบรปู
คำตอบของโจทย์ ทศนยิ ม และพื้นทข่ี องรปู
ปัญหาการบวก เวลา และ ๓. แสดงวิธีหา ๓. แสดงวิธีหา หลายเหลยี่ ม
การลบเกย่ี วกบั คำตอบของโจทย์ ๓. แสดงวธิ หี า
ความยาวทีม่ ี ระยะเวลา คำตอบของโจทย์ ปญั หาเก่ยี วกับ คำตอบของโจทย์
หนว่ ยเปน็ เมตร ปริมาตรของทรง ปญั หาเกีย่ วกับ
และเซนติเมตร ๓. เลอื กใช้ ปญั หาเก่ียวกับ สี่เหลีย่ มมมุ ฉาก ความยาวรอบรูป
๔. วัดและ และความจุของ และพื้นทข่ี อง
เปรียบเทยี บ เครอ่ื งวัดความ ความยาวรอบรปู ภาชนะทรง วงกลม
นำ้ หนักเปน็ สีเ่ หลย่ี มมมุ ฉำก
กิโลกรมั และกรมั ยาวทีเ่ หมาะสม และพน้ื ที่ของรปู ๔. แสดงวธิ ีหา
กิโลกรมั และขดี คำตอบของโจทย์
๕. แสดงวธิ ีหา วัดและบอก สีเ่ หล่ียมมมุ ฉาก ปญั หาเกยี่ วกับ
คำตอบของโจทย์ ความยาวรอบรูป
ปัญหาการบวก ควำมยำวของส่งิ ของรูปสเี่ หลยี่ ม
กำราลบเกยี่ วกับ และพืน้ ท่ีของรปู
นำ้ หนกั ท่ีมีหนว่ ย ต่ำง ๆ เปน็ ส่ีเหลีย่ มด้าน
เป็นกโิ ลกรัมและ ขนาน และรูป
กรัม กโิ ลกรัมและ เซนตเิ มตรและ สเี่ หลย่ี มขนม
ขดี เปยี กปนู
๖. วัดและ มิลลเิ มตร เมตร
เปรียบเทยี บ
ปริมาตรและ และเซนตเิ มตร
ความจุเป็นลติ ร
๔. คาดคะเน

ความยาวเป็น

เมตรและเปน็

เซนตเิ มตร

๕. เปรยี บเทียบ

ความยาวระหว่าง

เซนตเิ มตรกบั

มิลลเิ มตร เมตร

กับเซนติเมตร

กโิ ลเมตรกบั เมตร

จากสถานการณ์

ตำ่ ง ๆ


Click to View FlipBook Version