ห ลั ก สู ต ร ส ถ า น ศึ ก ษ า โ ร ง เ รี ย น บ้ า น เ ข า เ ที ย ม ป่ า . . . ห น ้ า | ๕๑
ตวั ชว้ี ัดชัน้ ปี
ป.๑ ป.๒ ป.๓ ป.๔ ป.๕ ป.๖
๖. แสดงวธิ หี าคำตอบ
ของโจทยป์ ญั หาเกย่ี วกบั
ความยาว ท่มี ีหน่วยเปน็
เซนติเมตรและ
มิลลเิ มตร เมตรและ
เซนตเิ มตร กิโลเมตร
และเมตร
๗. เลือกใชเ้ ครือ่ งชัง่ ที่
เหมาะสม วดั และบอก
น้ำหนักเปน็ กิโลกรมั และ
ขีด กิโลกรมั และกรมั
๘. คาดคะเนนำ้ หนกั
เปน็ กโิ ลกรัมและเป็นขดี
๙. เปรยี บเทยี บนำ้ หนกั
ระหวา่ งกโิ ลกรัมกบั กรมั
เมตรกิ ตันกับกโิ ลกรัม
จากสถานการณ์ ตา่ ง ๆ
๑๐.แสดงวิธีหาคำตอบ
ของโจทยป์ ัญหาเกีย่ วกบั
นำ้ หนกั ทม่ี หี น่วยเป็น
กโิ ลกรมั กับกรัม
เมตริกตนั กับกิโลกรมั
๑๑.เลือกใช้เคร่ืองตวงท่ี
เหมาะสม วดั และ
เปรียบเทยี บปริมำตร
ความจเุ ป็นลิตรและ
มลิ ลลิ ติ ร
๑๒.คาดคะเนปรมิ าตร
และควำมจุเป็นลิตร
๑๓. แสดงวธิ หี าคำตอบ
ของโจทยป์ ัญหาเกีย่ วกับ
ปรมิ ำตรและความจทุ มี่ ี
หน่วยเป็นลติ รและ
มลิ ลลิ ิตร
ห ลั ก สู ต ร ส ถ า น ศึ ก ษ า โ ร ง เ รี ย น บ้ า น เ ข า เ ที ย ม ป่ า . . . ห น ้ า | ๕๒
สาระที่ ๒ การวัดและเรขาคณิต
มาตรฐาน ค ๒.๒ เขา้ ใจและวเิ คราะหร์ ปู เรขาคณติ สมบตั ิของรปู เรขาคณิต ความสัมพันธร์ ะหว่างรปู
เรขาคณิต และทฤษฎีบททางเรขาคณิต และนำไปใช้
ตวั ชวี้ ดั ช้ันปี
ป.๑ ป.๒ ป.๓ ป.๔ ป.๕ ป.๖
๑. จำแนกรปู ๑. จำแนกและ ๑. ระบรุ ูป ๑. จำแนกชนิด ๑. สรา้ งเส้นตรง ๑. จำแนกรปู
สามเหล่ยี ม รูป บอกลกั ษณะของ หรือส่วนของ สามเหล่ียมโดย
สีเ่ หลีย่ ม วงกลม รปู หลายเหลยี่ ม เรขาคณติ สองมติ ิ ของมุม บอกชื่อ เสน้ ตรงใหข้ นาน พิจารณาจาก
วงรี ทรงสี่เหลยี่ ม และวงกลม กับเส้นตรงหรือ สมบัตขิ องรูป
มมุ ฉาก ทรงกลม ท่มี แี กนสมมาตร มุม ส่วนประกอบ สว่ นของเสน้ ตรง ๒. สรา้ งรูป
ทรงกระบอก ท่กี ำหนดให้ สามเหล่ียมเม่อื
และกรวย และจำนวนแกน ของมุมและเขยี น ๒. จำแนกรปู กำหนดความยาว
ส่เี หลี่ยมโดย ของด้านและ
สมมาตร สญั ลกั ษณ์แสดง พิจารณาจาก ขนาดของมุม
สมบัตขิ องรปู ๓. บอกลักษณะ
มุม ๓. สรา้ งรูป ของรปู เรขาคณติ
สีเ่ หล่ยี มชนิด สามมติ ชิ นิด
๒. สรา้ งรปู ต่าง ๆ เม่ือ ตา่ ง ๆ
กำหนดความยาว ๔. ระบรุ ปู
ส่เี หลย่ี มมมุ ฉาก ของด้านและ เรขาคณิตสามมติ ิ
ขนาดของมุม ท่ีประกอบจำกรปู
เมื่อกำหนดความ หรือเมื่อกำหนด คล่ี และระบรุ ูป
ความยาวของเส้น คลีข่ องรปู
ยาวของด้าน ทแยงมมุ เรขาคณิตสามมติ ิ
๔. บอกลกั ษณะ
ของปรซิ ึม
ห ลั ก สู ต ร ส ถ า น ศึ ก ษ า โ ร ง เ รี ย น บ้ า น เ ข า เ ที ย ม ป่ า . . . ห น ้ า | ๕๓
สาระที่ ๓ สถิติและความนา่ จะเป็น
มาตรฐาน ค ๓.๑ เขา้ ใจกระบวนการทางสถิติ และใช้ความรู้ทางสถติ ิในการแก้ปญั หา
ตัวช้ีวดั ชน้ั ปี
ป.๑ ป.๒ ป.๓ ป.๔ ป.๕ ป.๖
๑. ใช้ขอ้ มูลจาก ๑. ใชข้ อ้ มูลจาก ๑. เขยี นแผนภูมิ ๑. ใชข้ ้อมูลจาก ๑. ใชข้ ้อมูลจาก ๑. ใชข้ อ้ มูลจาก
แผนภมู ริ ูปภาพ แผนภูมริ ปู ภาพ กราฟเส้นในการ แผนภูมริ ูปวงกลม
ในการหาคำตอบ ในการหาคำตอบ รูปภาพ และใช้ แผนภูมแิ ทง่ หาคำตอบของ ในการหาคำตอบ
ของโจทยป์ ญั หา ของโจทย์ปัญหา โจทย์ปัญหา ของโจทยป์ ัญหา
เมอ่ื กำหนดรูป ๑ เมอ่ื กำหนดรปู ๑ ขอ้ มลู จาก ตารางสองทาง ๒. เขียนแผนภมู ิ
รปู แทน ๑ หนว่ ย รปู แทน ๒ หนว่ ย แท่งจากข้อมลู ที่
๕ หนว่ ย หรือ แผนภูมริ ปู ภาพ ในการหาคำตอบ เปน็ จำนวนนบั
๑๐ หน่วย
ในการหาคำตอบ ของโจทย์ปัญหา
ของโจทยป์ ัญหา
๒. เขียนตาราง
ทางเดียวจาก
ขอ้ มลู ท่ีเป็น
จำนวนนบั และ
ใช้ข้อมลู จากตำ
รางทางเดยี วใน
การหาคำตอบ
ของโจทย์ปัญหา
สาระที่ ๓ สถิตแิ ละความนา่ จะเปน็ ป.๖
มาตรฐาน ค ๓.๒ เขา้ ใจหลักการนับเบ้ืองต้น ความน่าจะเปน็ และนำไปใช้ -
ตัวชว้ี ัดชนั้ ปี
ป.๑ ป.๒ ป.๓ ป.๔ ป.๕
-----
ห ลั ก สู ต ร ส ถ า น ศึ ก ษ า โ ร ง เ รี ย น บ้ า น เ ข า เ ที ย ม ป่ า . . . ห น ้ า | ๕๔
กลมุ่ สาระการเรยี นรวู้ ทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี
ทำไมต้องเรยี นวิทยาศาสตร์
วทิ ยาศาสตรม์ บี ทบาทสำคัญยิ่งในสงั คมโลกปจั จุบนั และอนาคต เพราะวิทยาศาสตรเ์ ก่ยี วขอ้ งกับทุก
คนท้งั ในชีวติ ประจำวันและการงานอาชีพต่าง ๆ ตลอดจนเทคโนโลยี เครอ่ื งมอื เครื่องใชแ้ ละผลผลติ ต่าง ๆ
ที่มนุษย์ได้ใช้เพื่ออำนวยความสะดวกในชีวิตและการทำงาน เหล่านี้ล้วนเป็นผลของความรู้วิทยาศาสตร์
ผสมผสานกับความคิดสร้างสรรค์และศาสตร์อื่น ๆ วิทยาศาสตร์ช่วยให้มนุษย์ ได้พัฒนาวิธีคิด ทั้งความคิด
เป็นเหตุเป็นผล คิดสร้างสรรค์ คิดวิเคราะห์ วิจารณ์ มีทักษะสำคัญในการค้นคว้าหาความรู้ มี
ความสามารถในการแก้ปัญหาอย่างเป็นระบบ สามารถตัดสินใจโดยใชข้ ้อมูล ที่หลากหลายและมีประจกั ษ์
พยานที่ตรวจสอบได้ วิทยาศาสตร์เป็นวัฒนธรรมของโลกสมัยใหม่ซึ่งเป็นสังคมแห่งการเรียนรู้ (knowledge-
based society) ดังนั้นทุกคนจึงจำเป็นต้องได้รับการพัฒนาใหร้ ู้วิทยาศาสตร์ เพื่อที่จะมีความรู้ความเข้าใจใน
ธรรมชาติและเทคโนโลยีที่มนุษย์สร้างสรรค์ขึ้น สามารถนำความรู้ไปใช้อย่างมีเหตุผล สร้างสรรค์ และมี
คณุ ธรรม
เรยี นรูอ้ ะไรในวทิ ยาศาสตร์
กลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์มุ่งหวังให้ผู้เรียนได้เรียนรู้วิทยาศาสตร์ ที่เน้นการเชื่อมโยงความรู้
กับกระบวนการ มีทักษะสำคัญในการค้นคว้าและสร้างองค์ความรู้ โดยใช้กระบวนการในการสืบเสาะหา
ความรู้ และแกป้ ญั หาที่หลากหลาย ใหผ้ เู้ รียนมีส่วนร่วมในการเรยี นรู้ทกุ ขัน้ ตอน มีการทำกิจกรรมด้วยการลง
มอื ปฏบิ ตั ิจรงิ อยา่ งหลากหลาย เหมาะสมกบั ระดับชั้น โดยกำหนดสาระสำคัญ ดงั นี้
✧ วิทยาศาสตรช์ วี ภาพ เรียนรเู้ กีย่ วกบั ชวี ิตในสิ่งแวดลอ้ ม องค์ประกอบของสิ่งมชี ีวิตการดำรงชีวิต
ของมนุษย์และสัตว์ การดำรงชีวิตของพืช พันธุกรรม ความหลากหลายทางชีวภาพ และวิวัฒนาการของ
สิ่งมีชีวติ
✧ วิทยาศาสตร์กายภาพ เรียนรู้เกี่ยวกับ ธรรมชาติของสาร การเปลี่ยนแปลงของสารการเคลือ่ นที่
พลังงาน และคล่นื
✧ วิทยาศาสตร์โลกและอวกาศ เรียนรู้เกี่ยวกับ องค์ประกอบของเอกภพ ปฏิสัมพันธ์ภายในระบบ
สุริยะ เทคโนโลยีอวกาศ ระบบโลก การเปลี่ยนแปลงทางธรณีวิทยา กระบวนการเปลี่ยนแปลงลมฟ้าอากาศ
และผลต่อสิ่งมชี วี ิตและส่งิ แวดลอ้ ม
✧ เทคโนโลยี
● การออกแบบและเทคโนโลยี เรียนรู้เกี่ยวกับเทคโนโลยีเพื่อการดำรงชีวิตในสังคมที่มีการ
เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว ใช้ความรู้และทักษะทางด้านวิทยาศาสตร์ คณิตศาสตร์ และศาสตร์อื่น ๆ เพ่ือ
แก้ปัญหาหรือพัฒนางานอย่างมีความคิดสร้างสรรค์ด้วยกระบวนการออกแบบเชิงวิศวกรรม เลือกใช้
เทคโนโลยอี ยา่ งเหมาะสมโดยคำนึงถึงผลกระทบตอ่ ชวี ิต สังคม และสงิ่ แวดล้อม
● วิทยาการคำนวณ เรียนรู้เกี่ยวกับการคดิ เชงิ คำนวณ การคิดวิเคราะห์ แก้ปัญหาเป็นขั้นตอนและ
เป็นระบบ ประยุกต์ใช้ความรู้ด้านวิทยาการคอมพิวเตอร์และเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร ในการ
แก้ปญั หาท่ีพบในชีวิตจรงิ ได้อย่างมีประสิทธภิ าพ
ห ลั ก สู ต ร ส ถ า น ศึ ก ษ า โ ร ง เ รี ย น บ้ า น เ ข า เ ที ย ม ป่ า . . . ห น ้ า | ๕๕
คุณภาพผูเ้ รียน
จบชน้ั ประถมศกึ ษาปที ่ี ๓
❖ เข้าใจลกั ษณะทัว่ ไปของสิ่งมีชีวติ และการดำรงชีวิตของสง่ิ มีชีวิตรอบตัว
❖ เข้าใจลักษณะที่ปรากฏ ชนิดและสมบัติบางประการของวัสดุที่ใช้ทำวัตถุและการเปลี่ยนแปลง
ของวสั ดุรอบตวั
❖ เขา้ ใจการดึง การผลกั แรงแม่เหล็ก และผลของแรงท่ีมตี ่อการเปลี่ยนแปลงการเคลื่อนที่ของวัตถุ
พลงั งานไฟฟา้ และการผลติ ไฟฟา้ การเกดิ เสียง แสงและการมองเห็น
❖ เข้าใจการปรากฏของดวงอาทิตย์ ดวงจันทร์ และดาว ปรากฏการณ์ขึ้นและตกของดวงอาทิตย์
การเกิดกลางวันกลางคืน การกำหนดทิศ ลักษณะของหิน การจำแนกชนิดดินและการใช้ประโยชน์ ลักษณะ
และความสำคญั ของอากาศ การเกิดลม ประโยชน์และโทษของลม
❖ ตั้งคำถามหรือกำหนดปัญหาเกี่ยวกับสิ่งที่จะเรียนรู้ตามที่กำหนดให้หรือตามความสนใจสังเกต
สำรวจตรวจสอบโดยใช้เครื่องมืออย่างง่าย รวบรวมข้อมูล บันทึก และอธิบายผลการสำรวจตรวจสอบด้วย
การเขียนหรอื วาดภาพ และส่ือสารสิง่ ทเ่ี รียนรู้ดว้ ยการเลา่ เรื่อง หรือด้วยการแสดงท่าทางเพอ่ื ให้ผอู้ นื่ เข้าใจ
❖ แก้ปัญหาอย่างง่ายโดยใช้ขั้นตอนการแก้ปัญหา มีทักษะในการใช้เทคโนโลยีสารสนเทศและการ
ส่ือสารเบือ้ งตน้ รักษาข้อมลู ส่วนตวั
❖ แสดงความกระตือรือร้น สนใจที่จะเรียนรู้ มีความคิดสร้างสรรค์เกี่ยวกับเรื่องที่จะศึกษาตามที่
กำหนดให้หรือตามความสนใจ มีส่วนร่วมในการแสดงความคิดเห็น และยอมรบั ฟังความคิดเหน็ ผูอ้ ่นื
❖ แสดงความรับผิดชอบด้วยการทำงานที่ได้รับมอบหมายอย่างมุ่งมั่น รอบคอบประหยัด ซื่อสัตย์
จนงานลุลว่ งเป็นผลสำเรจ็ และทำงานร่วมกบั ผูอ้ ืน่ อยา่ งมีความสขุ
❖ ตระหนกั ถึงประโยชนข์ องการใช้ความรู้และกระบวนการทางวิทยาศาสตรใ์ นการดำรงชวี ติ ศึกษา
หาความร้เู พิ่มเติม ทำโครงงานหรือชน้ิ งานตามทก่ี ำหนดให้หรือตามความสนใจ
ห ลั ก สู ต ร ส ถ า น ศึ ก ษ า โ ร ง เ รี ย น บ้ า น เ ข า เ ที ย ม ป่ า . . . ห น ้ า | ๕๖
จบชนั้ ประถมศึกษาปีที่ ๖
❖ เข้าใจโครงสร้าง ลักษณะเฉพาะและการปรับตัวของสิ่งมีชีวิต รวมทั้งความสัมพันธ์ของสิ่งมีชีวิต
ในแหลง่ ทอ่ี ยู่ การทำหนา้ ท่ขี องสว่ นต่าง ๆ ของพชื และการทำงานของระบบยอ่ ยอาหารของมนุษย์
❖ เข้าใจสมบัติและการจำแนกกลุ่มของวัสดุ สถานะและการเปลี่ยนสถานะของสสาร
การละลาย การเปลี่ยนแปลงทางเคมี การเปลี่ยนแปลงที่ผันกลับได้และผันกลับไม่ได้ และการแยกสาร
อย่างงา่ ย
❖ เข้าใจลักษณะของแรงโน้มถ่วงของโลก แรงลัพธ์ แรงเสียดทาน แรงไฟฟ้าและผลของแรงต่างๆ
ผลทีเ่ กดิ จากแรงกระทำต่อวัตถุ ความดนั หลักการที่มีต่อวัตถุ วงจรไฟฟ้าอย่างง่ายปรากฏการณ์เบื้องต้นของ
เสียง และแสง
❖ เข้าใจปรากฏการณ์การขึ้นและตก รวมถึงการเปลี่ยนแปลงรูปร่างปรากฏของดวงจันทร์
องค์ประกอบของระบบสรุ ิยะ คาบการโคจรของดาวเคราะห์ ความแตกต่างของดาวเคราะห์และดาวฤกษ์ การ
ขึ้นและตกของกลุ่มดาวฤกษ์ การใช้แผนที่ดาว การเกิดอุปราคา พัฒนาการและประโยชน์ของเทคโนโลยี
อวกาศ
❖ เข้าใจลักษณะของแหล่งน้ำ วัฏจักรน้ำ กระบวนการเกิดเมฆ หมอก น้ำค้างน้ำค้างแข็ง หยาดน้ำ
ฟ้า กระบวนการเกิดหิน วัฏจักรหิน การใช้ประโยชน์หินและแร่ การเกิดซากดึกดำบรรพ์ การเกิดลมบก ลม
ทะเล มรสุม ลักษณะและผลกระทบของภัยธรรมชาติ ธรณีพิบัติภัยการเกิดและผลกระทบของปรากฏการณ์
เรือนกระจก
❖ ค้นหาข้อมูลอย่างมีประสิทธิภาพและประเมินความน่าเชื่อถือ ตัดสินใจเลือกข้อมูลใช้เหตุผลเชิง
ตรรกะในการแก้ปัญหา ใช้เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารในการทำงานร่วมกันเข้าใจสิทธิและหน้าที่
ของตน เคารพสิทธขิ องผอู้ ื่น
❖ ตั้งคำถามหรือกำหนดปัญหาเกี่ยวกับสิ่งที่จะเรียนรู้ตามที่กำหนดให้หรือตามความสนใจ
คาดคะเนคำตอบหลายแนวทาง สร้างสมมติฐานที่สอดคล้องกับคำถามหรือปัญหาที่จะสำรวจตรวจสอบ
วางแผนและสำรวจตรวจสอบโดยใช้เครื่องมือ อุปกรณ์ และเทคโนโลยีสารสนเทศที่เหมาะสม ในการเก็บ
รวบรวมขอ้ มูลท้งั เชิงปริมาณและคุณภาพ
❖ วิเคราะห์ข้อมูล ลงความเห็น และสรุปความสัมพันธ์ของข้อมูลที่มาจากการสำรวจตรวจสอบใน
รปู แบบทเี่ หมาะสม เพอื่ ส่อื สารความรจู้ ากผลการสำรวจตรวจสอบได้อยา่ งมีเหตุผลและหลักฐานอ้างองิ
❖ แสดงถึงความสนใจ มุ่งมั่น ในสิ่งที่จะเรียนรู้ มีความคิดสร้างสรรค์เกี่ยวกับ
เรื่องที่จะศึกษาตามความสนใจของตนเอง แสดงความคิดเห็นของตนเอง ยอมรับในข้อมูลที่มี
หลกั ฐานอ้างอิง และรบั ฟังความคดิ เห็นผู้อ่นื
❖ แสดงความรับผิดชอบด้วยการทำงานท่ีได้รับมอบหมายอย่างมุ่งมั่นรอบคอบ ประหยัด ซื่อสัตย์
จนงานลุล่วงเปน็ ผลสำเรจ็ และทำงานรว่ มกับผ้อู ่ืนอยา่ งสร้างสรรค์
❖ ตระหนักในคุณค่าของความรู้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ใช้ความรู้และกระบวนการทาง
วิทยาศาสตร์ในการดำรงชีวิต แสดงความชื่นชม ยกย่อง และเคารพสิทธิในผลงานของผู้คิดค้นและศึกษาหา
ความรูเ้ พิ่มเติม ทำโครงงานหรอื ชนิ้ งานตามทกี่ ำหนดให้หรอื ตามความสนใจ
❖ แสดงถึงความซาบซึ้ง ห่วงใย แสดงพฤติกรรมเกี่ยวกับการใช้ การดูแลรักษาทรัพยากรธรรมชาติ
และสง่ิ แวดล้อมอยา่ งรคู้ ณุ คา่
ห ลั ก สู ต ร ส ถ า น ศึ ก ษ า โ ร ง เ รี ย น บ้ า น เ ข า เ ที ย ม ป่ า . . . ห น ้ า | ๕๗
สาระที่ ๑ สงิ่ มีชีวติ กับกระบวนการดำรงชีวิต
มาตรฐาน ว ๑.๑ เขา้ ใจหน่วยพ้นื ฐานของสิ่งมชี ีวิต ความสมั พันธ์ของโครงสรา้ ง และหนา้ ทีข่ องระบบต่างๆ
ของสงิ่ มีชวี ิตที่ทำงานสมั พนั ธ์กัน มีกระบวนการสบื เสาะหาความรู้ ส่ือสารสงิ่ ท่เี รยี นร้แู ละนำความรู้ไปใช้ใน
การดำรงชีวิตของตนเองและดูแลสิ่งมชี วี ิต
ตัวชี้วัดชั้นปี
ป. ๑ ป. ๒ ป. ๓ ป. ๔ ป. ๕ ป. ๖
๑. ระบชุ ือ่ พชื ๑. บรรยาย
และสตั ว์ทอ่ี าศัย โครงสรา้ งและ
อยบู่ รเิ วณตา่ ง ๆ ลักษณะของ
จากขอ้ มูลท่ี ส่งิ มชี ีวิต
รวบรวมได้ ทเี่ หมาะสมกับการ
๒. บอก ดำรงชีวิต ซ่งึ เป็น
สภาพแวดล้อมท่ี ผลมาจากการ
เหมาะสมกับการ ปรบั ตวั ของ
ดำรงชวี ิตของสตั ว์ ส่งิ มีชีวติ ในแต่ละ
ในบริเวณท่ีอาศยั แหล่งทีอ่ ยู่
อยู่ ๒. อธิบาย
ความสมั พันธ์
ระหวา่ งสง่ิ มีชวี ิตกับ
สิ่งมชี ีวิต และ
ความสัมพันธ์
ระหว่างสิ่งมีชวี ิต
กับส่งิ ไม่มชี วี ติ เพื่อ
ประโยชนต์ อ่ การ
ดำรงชวี ิต
๓. เขียนโซ่อาหาร
และระบุบทบาท
หนา้ ทีข่ อง
สิง่ มีชวี ติ ท่ีเปน็
ผ้ผู ลติ และผบู้ รโิ ภค
ในโซอ่ าหาร
๔. ตระหนักใน
คณุ ค่าของ
สิ่งแวดล้อมที่มตี ่อ
การดำรงชีวิตของ
สิ่งมีชีวิต โดยมีสว่ น
รว่ มในการดแู ล
รักษาสง่ิ แวดล้อม
ห ลั ก สู ต ร ส ถ า น ศึ ก ษ า โ ร ง เ รี ย น บ้ า น เ ข า เ ที ย ม ป่ า . . . ห น ้ า | ๕๘
สาระที่ ๑ วิทยาศาสตร์ชีวภาพ
มาตรฐาน ว ๑.๒ เข้าใจสมบัตขิ องสิ่งมีชวี ติ หน่วยพืน้ ฐานของสงิ่ มชี ีวติ การลำเลยี งสารเขา้ และออกจาก
เซลล์ ความสัมพันธข์ องโครงสรา้ งและหนา้ ที่ของระบบตา่ ง ๆ ของสตั วแ์ ละมนษุ ยท์ ี่ทำงานสัมพันธ์กนั
ความสมั พนั ธข์ องโครงสรา้ งและหน้าทข่ี องอวัยวะต่าง ๆ ของพชื ที่ทำงานสมั พนั ธก์ ัน รวมทั้งนำความรไู้ ปใช้
ประโยชน์
ตวั ชวี้ ดั ชน้ั ปี
ป. ๑ ป. ๒ ป. ๓ ป. ๔ ป. ๕ ป. ๖
๑. ระบสุ ารอาหาร
๑. ระบุชอื่ ๑. ระบุวา่ พืช ๑. บรรยายส่ิงท่ี ๑. บรรยาย และบอก
บรรยายลักษณะ ตอ้ งการแสงและ ประโยชน์ของ
และบอกหน้าท่ี น้ำ เพ่อื การ จำเปน็ ต่อการ หน้าท่ีของราก สารอาหารแตล่ ะ
ของส่วนตา่ ง ๆ เจริญเตบิ โต โดย ประเภทจาก
ของร่างกาย ใช้ขอ้ มลู จาก ดำรงชวี ติ และการ ลำต้น ใบ และ อาหารทีต่ นเอง
มนษุ ย์ สตั ว์ และ หลักฐานเชิง รับประทาน
พืช รวมทัง้ ประจักษ์ เจริญเตบิ โตของ ดอกของพชื ดอก ๒. บอกแนวทาง
บรรยายการทำ ๒. ตระหนกั ถงึ ในการเลอื ก
หน้าที่รว่ มกนั ของ ความจำเปน็ ทีพ่ ืช มนษุ ยแ์ ละสตั ว์ โดยใช้ขอ้ มูลท่ี รับประทาน
สว่ นตา่ ง ๆ ของ ตอ้ งไดร้ บั น้ำและ อาหาร
ร่างกายมนุษย์ใน แสงเพื่อการ โดยใช้ขอ้ มูล รวบรวมได้ ให้ไดส้ ารอาหาร
การทำกจิ กรรม เจริญเตบิ โต โดย ครบถ้วน ใน
ตา่ ง ๆ ดแู ลพืชให้ไดร้ บั ที่รวบรวมได้ สัดสว่ นที่
จากขอ้ มลู ที่ ส่งิ ดังกลา่ วอย่าง เหมาะสมกับเพศ
รวบรวมได้ เหมาะสม ๒. ตระหนักถงึ และวัย รวมทง้ั
๒. ตระหนักถึง ๓. สรา้ ง ความปลอดภัยต่อ
ความสำคญั ของ แบบจำลองที่ ประโยชน์ของ สขุ ภาพ
สว่ นตา่ ง ๆ ของ บรรยายวฏั จักร ๓. ตระหนักถงึ
ร่างกายตนเอง ชีวติ ของ อาหาร นำ้ และ ความสำคญั ของ
โดยการดูแลสว่ น พชื ดอก สารอาหาร โดย
ต่าง ๆ อย่าง อากาศ โดยการ การเลือก
ถูกตอ้ ง ให้ รับประทาน
ปลอดภัย และ ดแู ลตนเองและ อาหารที่มี
รกั ษาความ สารอาหาร
สะอาด สตั ว์ใหไ้ ดร้ บั ส่ิง ครบถว้ นใน
อยเู่ สมอ สดั ส่วนที่
เหลา่ นอี้ ยา่ ง เหมาะสมกบั เพศ
และวัย รวมทง้ั
เหมาะสม ปลอดภัยต่อ
สุขภาพ
๓. สรา้ ง
แบบจำลองที่
บรรยายวฏั จักร
ชวี ติ ของสตั ว์ และ
เปรยี บเทยี บวฏั
จกั รชวี ิตของสตั ว์
บางชนดิ
๔. ตระหนกั ถึง
คุณคา่ ของชวี ิต
สตั ว์ โดยไมท่ ำ
ใหว้ ัฏจกั รชวี ติ ของ
สตั วเ์ ปล่ียนแปลง
ห ลั ก สู ต ร ส ถ า น ศึ ก ษ า โ ร ง เ รี ย น บ้ า น เ ข า เ ที ย ม ป่ า . . . ห น ้ า | ๕๙
ตัวชีว้ ดั ชนั้ ปี
ป. ๑ ป. ๒ ป. ๓ ป. ๔ ป. ๕ ป. ๖
๔. สรา้ ง
แบบจำลองระบบ
ยอ่ ยอาหาร และ
บรรยายหน้าทีข่ อง
อวัยวะในระบบ
ยอ่ ยอาหาร รวมทงั้
อธบิ ายการยอ่ ย
อาหารและการดดู
ซึมสารอาหาร
๕. ตระหนักถึง
ความสำคญั ของ
ระบบย่อยอาหาร
โดยการบอก
แนวทางในการดแู ล
รักษาอวัยวะ
ในระบบยอ่ ย
อาหารใหท้ ำงาน
เป็นปกติ
ห ลั ก สู ต ร ส ถ า น ศึ ก ษ า โ ร ง เ รี ย น บ้ า น เ ข า เ ที ย ม ป่ า . . . ห น ้ า | ๖๐
สาระที่ ๑ วิทยาศาสตร์ชีวภาพ
มาตรฐาน ว ๑.๓ เข้าใจกระบวนการและความสำคัญของการถา่ ยทอดลักษณะทางพนั ธุกรรมสารพนั ธกุ รรม
การเปลย่ี นแปลงทางพนั ธุกรรมทมี่ ีผลต่อสิง่ มีชวี ิต ความหลากหลายทางชวี ภาพและวิวฒั นาการของสง่ิ มชี วี ิต
รวมทง้ั นำความรู้ไปใช้ประโยชน์
ตวั ช้วี ัดชน้ั ปี
ป. ๑ ป. ๒ ป. ๓ ป. ๔ ป. ๕ ป. ๖
๑. เปรยี บเทียบ ๑. จำแนกสิง่ มีชีวิต ๑. อธิบายลกั ษณะ
ลักษณะของ โดยใชค้ วามเหมือน ทางพันธุกรรมที่มี
สงิ่ มชี วี ิตและ และความแตกตา่ ง การถา่ ยทอดจาก
สง่ิ ไมม่ ีชวี ิต จาก ของลกั ษณะของ พ่อแมส่ ลู่ กู ของพืช
ข้อมูลท่รี วบรวมได้ สง่ิ มีชีวติ ออกเป็น สตั ว์ และมนษุ ย์
กล่มุ พืช กลุม่ สตั ว์ ๒. แสดงความ
และกลมุ่ ท่ีไมใ่ ช่พืช อยากรอู้ ยากเห็น
และสตั ว์ โดยการถาม
๒. จำแนกพชื คำถามเก่ียวกับ
ออกเปน็ พชื ดอก ลกั ษณะที่
และพืชไมม่ ดี อก คล้ายคลงึ กนั ของ
โดยใชก้ ารมดี อกเป็น ตนเองกบั
เกณฑ์ โดยใชข้ ้อมลู พ่อแม่
ท่รี วบรวมได้
๓. จำแนกสตั ว์
ออกเปน็ สตั วม์ ี
กระดกู สนั หลังและ
สัตว์ไม่มีกระดูกสนั
หลัง โดยใชก้ ารมี
กระดูกสันหลังเปน็
เกณฑ์ โดยใช้ขอ้ มูล
ทีร่ วบรวมได้
๔. บรรยาย
ลกั ษณะเฉพาะที่
สังเกตไดข้ องสัตว์
มีกระดกู สันหลังใน
กลุ่มปลา กลมุ่ สตั ว์
สะเทนิ น้ำสะเทินบก
กลมุ่ สตั วเ์ ลือ้ ยคลาน
กลุม่ นก และกลุม่
สตั ว์เลย้ี งลูกดว้ ย
น้ำนม และ
ยกตวั อยา่ ง
ส่ิงมีชวี ิตในแต่ละ
กลมุ่
ห ลั ก สู ต ร ส ถ า น ศึ ก ษ า โ ร ง เ รี ย น บ้ า น เ ข า เ ที ย ม ป่ า . . . ห น ้ า | ๖๑
สาระที่ ๒ วิทยาศาสตร์กายภาพ
มาตรฐาน ว ๒.๑ เข้าใจสมบัตขิ องสสาร องค์ประกอบของสสาร ความสมั พนั ธ์ระหว่างสมบตั ิของสสารกบั
โครงสรา้ งและแรงยึดเหนย่ี วระหวา่ งอนภุ าค หลักและธรรมชาติของการเปลีย่ นแปลงสถานะของสสาร การ
เกดิ สารละลาย และการเกิดปฏกิ ิริยาเคมี
ตัวชวี้ ัดชนั้ ปี
ป. ๑ ป. ๒ ป. ๓ ป. ๔ ป. ๕ ป. ๖
๑. อธบิ ายสมบตั ิที่ ๑. เปรยี บเทียบ ๑. อธิบายวา่ วัตถุ ๑. เปรยี บเทยี บ ๑. อธิบายการ ๑. อธิบายและ
สังเกตไดข้ องวัสดุ สมบตั ิการดดู ซบั ประกอบขึน้ จาก สมบัตทิ างกายภาพ เปลย่ี นสถานะ เปรียบเทยี บการ
ทใี่ ชท้ ำวัตถุ น้ำของวสั ดุโดยใช้ ชนิ้ สว่ นย่อย ๆ ซ่ึง ดา้ นความแขง็ ของสสาร เม่ือทำ แยกสารผสม
ซ่งึ ทำจากวัสดชุ นดิ หลกั ฐานเชิง สามารถแยกออก สภาพยดื หยุ่น การ ใหส้ สารรอ้ นขน้ึ โดยการหยิบออก
เดียวหรือหลาย ประจกั ษ์ และระบุ จากกนั ได้และ นำความรอ้ น และ หรือเย็นลง โดย การรอ่ น การใช้
ชนิดประกอบกัน การนำสมบตั ิ ประกอบกนั เปน็ การนำไฟฟ้าของ ใชห้ ลกั ฐาน แม่เหลก็ ดงึ ดดู
โดยใชห้ ลักฐานเชิง การดดู ซบั น้ำของ วัตถชุ ิน้ ใหม่ได้ โดย วัสดุโดยใช้หลกั ฐาน เชิงประจักษ์ การรินออก การ
ประจกั ษ์ วสั ดุไปประยุกตใ์ ช้ ใชห้ ลักฐานเชิง เชิงประจกั ษจ์ าก ๒. อธิบายการ กรอง และการ
๒. ระบชุ นิดของ ในการทำวัตถุใน ประจกั ษ์ การทดลองและระบุ ละลายของสาร ตกตะกอน
วสั ดุและจดั กลุ่ม ชวี ติ ประจำวัน ๒. อธบิ ายการ การนำสมบตั เิ ร่อื ง ในน้ำ โดยใช้ โดยใช้หลักฐานเชงิ
วสั ดุ ๒. อธิบายสมบัติท่ี เปล่ยี นแปลงของ ความแข็ง สภาพ หลกั ฐานเชิง ประจกั ษ์ รวมท้ัง
ตามสมบตั ิทส่ี ังเกต สังเกตได้ของวัสดุ วัสดุเม่อื ทำให้ ยดื หย่นุ การนำ ประจักษ์ ระบุวิธี
ได้ ท่ีเกดิ จากการนำ ร้อนขนึ้ หรือทำให้ ความรอ้ น และการ ๓. วิเคราะห์การ แก้ปญั หาใน
วสั ดมุ าผสมกนั โดย เยน็ ลง โดยใช้ นำไฟฟ้าของวัสดุไป เปลยี่ นแปลงของ ชีวติ ประจำวนั
ใชห้ ลกั ฐานเชิง หลักฐาน ใชใ้ นชีวติ ประจำวัน สารเม่ือเกิดการ เกยี่ วกบั การแยก
ประจกั ษ์ เชงิ ประจักษ์ ผา่ นกระบวนการ เปลย่ี นแปลงทาง สาร
๓. เปรยี บเทียบ ออกแบบช้ินงาน เคมี โดยใช้
สมบัติทส่ี ังเกตได้ ๒. แลกเปลี่ยน หลกั ฐานเชงิ
ของวสั ดุ เพือ่ ความคิดกบั ผูอ้ ืน่ ประจกั ษ์
นำมาทำเป็นวัตถุ โดยการอภิปราย ๔. วเิ คราะห์และ
ในการใช้งานตาม เกยี่ วกับสมบตั ิทาง ระบกุ าร
วัตถุประสงค์ และ กายภาพของวสั ดุ เปล่ยี นแปลงที่ผนั
อธบิ ายการนำวัสดุ อยา่ งมเี หตผุ ลจาก กลับไดแ้ ละการ
ท่ีใชแ้ ล้วกลับมาใช้ การทดลอง เปล่ยี นแปลงทีผ่ ัน
ใหมโ่ ดยใช้ ๓. เปรยี บเทียบ กลับไมไ่ ด้
หลักฐานเชิง สมบตั ิของสสารทัง้
ประจกั ษ์ ๓ สถานะ จาก
๔. ตระหนกั ถึง ข้อมลู ท่ไี ดจ้ ากการ
ประโยชน์ของการ สังเกตมวล การ
นำวสั ดทุ ่ใี ชแ้ ลว้ ต้องการทีอ่ ยู่ รปู รา่ ง
กลับมาใชใ้ หม่ โดย และปรมิ าตรของ
การนำวัสดทุ ี่ใช้ สสาร
แลว้ กลบั มา ๔. ใช้เครือ่ งมอื เพื่อ
ใชใ้ หม่ วัดมวล และ
ปริมาตร
ของสสารทง้ั ๓
สถานะ
ห ลั ก สู ต ร ส ถ า น ศึ ก ษ า โ ร ง เ รี ย น บ้ า น เ ข า เ ที ย ม ป่ า . . . ห น ้ า | ๖๒
สาระที่ ๒ วิทยาศาสตรก์ ายภาพ
มาตรฐาน ว ๒.๒ เข้าใจธรรมชาตขิ องแรงในชีวิตประจำวนั ผลของแรงที่กระทำต่อวตั ถุลักษณะการเคล่อื นที่
แบบตา่ ง ๆ ของวตั ถุ รวมท้งั นำความรไู้ ปใชป้ ระโยชน์
ตัวชว้ี ัดชั้นปี
ป. ๑ ป. ๒ ป. ๓ ป. ๔ ป. ๕ ป. ๖
๑. ระบผุ ลของแรง ๑. ระบผุ ลของแรง ๑. อธบิ ายวิธีการ ๑. อธิบายการเกดิ
ท่มี ตี ่อการ โนม้ ถว่ งท่มี ีต่อวตั ถุ หาแรงลัพธ์ของ และผลของแรง
เปล่ียนแปลง จากหลักฐานเชิง แรงหลายแรงใน ไฟฟา้ ซงึ่ เกิดจาก
การเคล่ือนทขี่ อง ประจักษ์ แนวเดยี วกันที่ วตั ถทุ ผี่ า่ นการขดั ถู
วัตถุจากหลักฐาน ๒. ใช้เครอ่ื งช่งั กระทำตอ่ วตั ถใุ น โดยใชห้ ลักฐานเชิง
เชงิ ประจักษ์ สปริงในการวัด กรณที ว่ี ตั ถุอยนู่ ง่ิ ประจกั ษ์
๒. เปรยี บเทียบ น้ำหนักของวตั ถุ จากหลกั ฐานเชิง
และยกตัวอย่าง ๓. บรรยายมวล ประจักษ์
แรงสัมผสั และ ของวตั ถุท่ีมผี ลตอ่ ๒. เขยี นแผนภาพ
แรงไมส่ ัมผสั ท่ีมผี ล การเปลย่ี นแปลง แสดงแรงที่กระทำ
ต่อการเคลอ่ื นท่ี การเคล่ือนท่ขี อง ต่อวัตถุทอ่ี ยู่ใน
ของวตั ถุ วัตถจุ ากหลักฐาน แนวเดยี วกันและ
โดยใช้หลักฐานเชงิ เชิงประจักษ์ แรงลพั ธ์ทก่ี ระทำ
ประจักษ์ ต่อวตั ถุ
๓. จำแนกวตั ถโุ ดย ๓. ใช้เครื่องชงั่
ใชก้ ารดงึ ดูดกับ สปรงิ ในการวัดแรง
แม่เหล็ก ท่กี ระทำตอ่ วัตถุ
เปน็ เกณฑ์จาก ๔. ระบผุ ลของแรง
หลักฐานเชิง เสยี ดทานทม่ี ตี อ่
ประจักษ์ การเปลยี่ นแปลง
๔. ระบขุ ้วั แม่เหลก็ การเคลื่อนทขี่ อง
และพยากรณผ์ ลที่ วัตถุจากหลกั ฐาน
เกดิ ข้ึนระหว่าง เชงิ ประจักษ์
ข้ัวแม่เหลก็ เม่อื ๕. เขียนแผนภาพ
นำมาเข้าใกล้กัน แสดงแรงเสยี ด
จากหลักฐานเชงิ ทานและแรง
ประจกั ษ์ ทอ่ี ยใู่ นแนว
เดยี วกนั ท่ีกระทำ
ตอ่ วัตถุ
ห ลั ก สู ต ร ส ถ า น ศึ ก ษ า โ ร ง เ รี ย น บ้ า น เ ข า เ ที ย ม ป่ า . . . ห น ้ า | ๖๓
สาระที่ ๒ วิทยาศาสตร์กายภาพ
มาตรฐาน ว ๒.๓ เข้าใจความหมายของพลงั งาน การเปลี่ยนแปลงและการถา่ ยโอนพลงั งาน ปฏสิ มั พันธ์
ระหว่างสสารและพลงั งาน พลงั งานในชวี ิตประจำวนั ธรรมชาตขิ องคลืน่ ปรากฏการณ์ที่เกย่ี วข้องกบั เสยี ง
แสง และคลน่ื แมเ่ หล็กไฟฟา้ รวมทงั้ นำความรู้ไปใช้ประโยชน์
ตัวชี้วดั ชัน้ ปี
ป. ๑ ป. ๒ ป. ๓ ป. ๔ ป. ๕ ป. ๖
๑. บรรยายการ ๑. บรรยายแนว ๑. ยกตวั อยา่ งการ ๑. จำแนกวัตถุเป็น ๑. อธบิ ายการได้ ๑. ระบุ
เกดิ เสยี งและทิศ การเคลอื่ นทข่ี อง เปลีย่ นพลงั งาน ตวั กลางโปร่งใส ยินเสียงผ่าน สว่ นประกอบและ
ทางการเคลอื่ นท่ี แสงจาก หนึง่ ไปเป็นอีก ตัวกลางโปรง่ แสง ตัวกลางจาก บรรยายหน้าทขี่ อง
ของเสียงจาก แหล่งกำเนดิ แสง พลังงานหน่ึงจาก และวัตถทุ ึบแสง หลกั ฐานเชิง แต่ละ
หลกั ฐานเชงิ และอธิบายการ หลักฐานเชิง จากลักษณะ ประจักษ์ สว่ นประกอบของ
ประจักษ์ มองเห็นวตั ถุ ประจกั ษ์ การมองเห็นสง่ิ ตา่ ง ๒. ระบตุ ัวแปร วงจรไฟฟ้าอย่าง
จากหลักฐานเชงิ ๒. บรรยายการ ๆ ผ่านวัตถุนั้นเป็น ทดลอง และ งา่ ยจาก
ประจักษ์ ทำงานของเครือ่ ง เกณฑโ์ ดยใช้ อธิบายลักษณะ หลักฐานเชิง
๒. ตระหนกั ใน กำเนดิ ไฟฟา้ และ หลกั ฐานเชงิ และการเกดิ เสยี ง ประจักษ์
คณุ ค่าของความรู้ ระบแุ หลง่ พลงั งาน ประจักษ์ สงู เสยี งต่ำ ๒. เขียนแผนภาพ
ของการมองเหน็ ในการผลติ ไฟฟ้า ๓. ออกแบบการ และตอ่ วงจรไฟฟ้า
โดยเสนอแนะแนว จากขอ้ มูลท่ี ทดลองและอธิบาย อย่างงา่ ย
ทางการปอ้ งกนั รวบรวมได้ ลักษณะและการ ๓. ออกแบบการ
อนั ตราย ๓. ตระหนกั ใน เกิดเสยี งดัง เสียง ทดลองและ
จากการมองวัตถทุ ่ี ประโยชน์และโทษ ค่อย ทดลองด้วยวธิ ที ี่
อยูใ่ นบริเวณที่มี ของไฟฟ้า โดย ๔. วัดระดบั เสยี ง เหมาะสมในการ
แสงสวา่ ง นำเสนอวธิ ีการใช้ โดยใช้เครอ่ื งมือวดั อธิบายวิธีการและ
ไม่เหมาะสม ไฟฟา้ อย่าง ระดบั เสียง ผลของ
ประหยดั และ ๕. ตระหนักใน การตอ่ เซลลไ์ ฟฟา้
ปลอดภัย คณุ ค่าของความรู้ แบบอนุกรม
เรื่องระดบั เสยี ง ๔. ตระหนกั ถงึ
โดยเสนอแนะ ประโยชน์ของ
แนวทางในการ ความร้ขู องการต่อ
หลกี เลี่ยงและลด เซลลไ์ ฟฟ้าแบบ
มลพิษทางเสียง อนกุ รมโดยบอก
ประโยชนแ์ ละการ
ประยุกต์ใช้ใน
ชวี ิตประจำวนั
๕. ออกแบบการ
ทดลองและ
ทดลองดว้ ยวธิ ีที่
เหมาะสมในการ
อธบิ ายการต่อ
หลอดไฟฟา้
แบบอนกุ รมและ
แบบขนาน
ห ลั ก สู ต ร ส ถ า น ศึ ก ษ า โ ร ง เ รี ย น บ้ า น เ ข า เ ที ย ม ป่ า . . . ห น ้ า | ๖๔
ตัวชี้วดั ชัน้ ปี
ป. ๑ ป. ๒ ป. ๓ ป. ๔ ป. ๕ ป. ๖
๖. ตระหนักถงึ
ประโยชน์ของ
ความรู้ของการตอ่
หลอดไฟฟา้ แบบ
อนกุ รมและแบบ
ขนาน โดยบอก
ประโยชน์
ข้อจำกัด และการ
ประยุกต์ใช้ ใน
ชวี ิตประจำวัน
๗. อธิบายการเกิด
เงามืดเงามวั จาก
หลักฐานเชงิ
ประจักษ์
๘. เขียนแผนภาพ
รงั สีของแสงแสดง
การเกิด
เงามืดเงามัว
ห ลั ก สู ต ร ส ถ า น ศึ ก ษ า โ ร ง เ รี ย น บ้ า น เ ข า เ ที ย ม ป่ า . . . ห น ้ า | ๖๕
สาระท่ี ๓ วิทยาศาสตร์โลก และอวกาศ
มาตรฐาน ว ๓.๑ เข้าใจองค์ประกอบ ลกั ษณะ กระบวนการเกดิ และววิ ฒั นาการของเอกภพ กาแล็กซี ดาว
ฤกษ์ และระบบสุรยิ ะ รวมทั้งปฏิสัมพันธภ์ ายในระบบสรุ ิยะ ทีส่ ่งผลต่อสง่ิ มชี วี ิต และการประยกุ ต์ใช้
เทคโนโลยีอวกาศ
ตวั ชี้วัดช้ันปี
ป. ๑ ป. ๒ ป. ๓ ป. ๔ ป. ๕ ป. ๖
๑. ระบดุ าวท่ี ๑. อธบิ ายแบบรูป ๑. อธบิ ายแบบรูป ๑. เปรยี บเทยี บ ๑. สรา้ ง
ปรากฏบนท้องฟา้ เสน้ ทางการขนึ้ เส้นทางการขนึ้ ความแตกตา่ งของ แบบจำลองที่
ในเวลากลางวนั และตก ของ และตก ดาวเคราะห์ อธบิ ายการเกดิ
และกลางคืนจาก ดวงอาทติ ยโ์ ดยใช้ ของดวงจนั ทร์ โดย และดาวฤกษจ์ าก และ
ข้อมูลทร่ี วบรวมได้ หลกั ฐานเชงิ ใช้หลกั ฐานเชงิ แบบจำลอง เปรียบเทยี บ
๒. อธบิ ายสาเหตทุ ี่ ประจกั ษ์ ประจกั ษ์ ๒. ใชแ้ ผนทด่ี าว ปรากฏการณ์
มองไม่เหน็ ดาว ๒. อธบิ ายสาเหตุ ๒. สรา้ ง ระบตุ ำแหนง่ และ สรุ ิยุปราคา
ส่วนใหญ่ การเกิด แบบจำลองที่ เส้นทางการข้นึ และจันทรปุ ราคา
ในเวลากลางวัน ปรากฏการณ์การ อธบิ ายแบบรูป และตกของกลมุ่ ๒. อธบิ าย
จากหลักฐานเชงิ ข้ึน การเปลยี่ นแปลง ดาวฤกษบ์ น พฒั นาการของ
ประจกั ษ์ และตกของดวง รปู ร่างปรากฏของ ท้องฟ้า และ เทคโนโลยีอวกาศ
อาทิตย์ การเกิด ดวงจันทร์ และ อธบิ ายแบบรูป และ
กลางวนั กลางคนื พยากรณร์ ูปร่าง เส้นทางการข้ึน ยกตัวอย่างการนำ
และการกำหนด ปรากฏของดวง และตกของกลมุ่ เทคโนโลยีอวกาศ
ทศิ โดยใช้ จนั ทร์ ดาวฤกษบ์ น มาใช้ประโยชนใ์ น
แบบจำลอง ๓. สรา้ ง ท้องฟา้ ในรอบปี ชีวติ ประจำวัน
๓. ตระหนักถงึ แบบจำลองแสดง จากข้อมูลที่
ความสำคญั ของ องค์ประกอบของ รวบรวมได้
ดวงอาทิตย์ โดย ระบบสรุ ยิ ะ และ
บรรยายประโยชน์ อธบิ าย
ของดวงอาทิตย์ตอ่ เปรียบเทยี บคาบ
ส่งิ มชี ีวิต การโคจร
ของดาวเคราะห์
ต่าง ๆ จาก
แบบจำลอง
ห ลั ก สู ต ร ส ถ า น ศึ ก ษ า โ ร ง เ รี ย น บ้ า น เ ข า เ ที ย ม ป่ า . . . ห น ้ า | ๖๖
สาระที่ ๓ วิทยาศาสตร์โลก และอวกาศ
มาตรฐาน ว ๓.๒ เข้าใจองค์ประกอบและความสมั พันธข์ องระบบโลก กระบวนการเปล่ียนแปลงภายในโลก
และบนผิวโลก ธรณีพิบตั ภิ ัย กระบวนการเปลี่ยนแปลง ลมฟ้าอากาศและภูมิอากาศโลก รวมทั้งผลตอ่
สง่ิ มชี ีวติ และสิ่งแวดล้อม
ตัวชวี้ ัดช้นั ปี
ป. ๑ ป. ๒ ป. ๓ ป. ๔ ป. ๕ ป. ๖
๑. อธบิ ายลักษณะ ๑. ระบุ ๑. ระบุ ๑. เปรยี บเทยี บ ๑. เปรยี บเทียบ
ภายนอกของหิน ส่วนประกอบของ สว่ นประกอบของ ปรมิ าณนำ้ ในแต่ กระบวนการเกิด
จาก ดนิ และจำแนก อากาศ บรรยาย ละแหลง่ และระบุ หินอคั นี หนิ
ลักษณะเฉพาะตัว ชนดิ ของดนิ โดยใช้ ความสำคญั ของ ปริมาณนำ้ ทมี่ นุษย์ ตะกอน และหนิ
ทส่ี ังเกตได้ ลกั ษณะเนอ้ื ดิน อากาศ และ สามารถนำมาใช้ แปร และ
และการจับตวั เปน็ ผลกระทบของ ประโยชนไ์ ด้ จาก อธบิ ายวัฏจักรหิน
เกณฑ์ มลพิษทางอากาศ ขอ้ มูลทร่ี วบรวมได้ จากแบบจำลอง
๒. อธิบายการใช้ ตอ่ ส่ิงมีชีวิต จาก ๒. ตระหนกั ถงึ ๒. บรรยายและ
ประโยชนจ์ ากดนิ ข้อมลู ท่รี วบรวมได้ คุณคา่ ของนำ้ โดย ยกตัวอย่างการใช้
จากข้อมลู ๒. ตระหนักถงึ นำเสนอแนว ประโยชน์ของหิน
ทรี่ วบรวมได้ ความสำคญั ของ ทางการใช้น้ำอยา่ ง และแรใ่ น
อากาศ โดย ประหยดั และการ ชีวติ ประจำวันจาก
นำเสนอแนว อนุรักษ์น้ำ ขอ้ มูลทีร่ วบรวมได้
ทางการปฏบิ ตั ติ น ๓. สรา้ ง ๓. สรา้ ง
ในการลดการเกดิ แบบจำลองท่ี แบบจำลองท่ี
มลพษิ ทางอากาศ อธิบายการ อธิบายการเกดิ
๓. อธบิ ายการเกิด หมุนเวยี นของนำ้ ซากดกึ ดำบรรพ์
ลมจากหลกั ฐาน ในวฏั จกั รน้ำ และคาดคะเน
เชิงประจกั ษ์ ๔. เปรยี บเทยี บ สภาพแวดล้อมใน
๔. บรรยาย กระบวนการเกิด อดตี ของซากดกึ ดำ
ประโยชนแ์ ละโทษ เมฆ หมอก นำ้ ค้าง บรรพ์
ของลม จากข้อมลู และน้ำค้างแข็ง ๔. เปรยี บเทียบ
ที่รวบรวมได้ จากแบบจำลอง การเกดิ ลมบก ลม
๕. เปรยี บเทยี บ ทะเล และมรสมุ
กระบวนการเกดิ รวมทงั้ อธิบายผลที่
ฝน หมิ ะ และ มตี อ่ ส่ิงมีชวี ติ และ
ลกู เห็บ จากข้อมลู สิ่งแวดลอ้ ม จาก
ท่รี วบรวมได้ แบบจำลอง
๕. อธิบายผลของ
มรสมุ ต่อการเกิด
ฤดขู องประเทศ
ไทย จากข้อมูลท่ี
รวบรวมได้
ห ลั ก สู ต ร ส ถ า น ศึ ก ษ า โ ร ง เ รี ย น บ้ า น เ ข า เ ที ย ม ป่ า . . . ห น ้ า | ๖๗
ตวั ชี้วดั ชั้นปี
ป. ๑ ป. ๒ ป. ๓ ป. ๔ ป. ๕ ป. ๖
๖. บรรยายลักษณะและ
ผลกระทบของน้ำทว่ ม
การกดั เซาะชายฝ่งั ดนิ
ถลม่ แผ่นดนิ ไหว สนึ ามิ
๗. ตระหนกั ถึง
ผลกระทบของภัย
ธรรมชาติและธรณพี ิบัติ
ภยั โดยนำเสนอ
แนวทางในการ
เฝ้าระวงั และปฏิบตั ติ น
ใหป้ ลอดภัยจากภยั
ธรรมชาติและธรณีพบิ ตั ิ
ภยั ท่ีอาจเกิดในท้องถนิ่
๘. สรา้ งแบบจำลองท่ี
อธิบายการเกิด
ปรากฏการณเ์ รอื น
กระจก และผลของ
ปรากฏการณ์เรือน
กระจกตอ่ สง่ิ มีชวี ิต
๙. ตระหนกั ถงึ
ผลกระทบของ
ปรากฏการณ์เรือน
กระจก โดยนำเสนอแนว
ทางการปฏบิ ตั ิตนเพื่อ
ลดกจิ กรรมท่ีก่อให้เกิด
แก๊สเรอื นกระจก
สาระท่ี ๔ เทคโนโลยี
มาตรฐาน ว ๔.๑ เข้าใจแนวคิดหลักของเทคโนโลยเี พื่อการดำรงชวี ติ ในสงั คมท่ีมกี ารเปลี่ยนแปลงอยา่ ง
รวดเร็ว ใช้ความรู้และทกั ษะทางด้านวทิ ยาศาสตร์ คณติ ศาสตร์ และศาสตร์อ่ืน ๆ เพ่ือแก้ปญั หาหรือพัฒนา
งานอย่างมคี วามคดิ สรา้ งสรรคด์ ้วยกระบวนการออกแบบเชงิ วศิ วกรรม เลือกใชเ้ ทคโนโลยีอย่างเหมาะสมโดย
คำนงึ ถงึ ผลกระทบตอ่ ชวี ติ สงั คม และสง่ิ แวดล้อม
ตวั ชว้ี ดั ช้ันปี
ป. ๑ ป. ๒ ป. ๓ ป. ๔ ป. ๕ ป. ๖
------
ห ลั ก สู ต ร ส ถ า น ศึ ก ษ า โ ร ง เ รี ย น บ้ า น เ ข า เ ที ย ม ป่ า . . . ห น ้ า | ๖๘
สาระที่ ๔ เทคโนโลยี
มาตรฐาน ว ๔.๒ เข้าใจและใชแ้ นวคิดเชิงคำนวณในการแก้ปญั หาท่พี บในชวี ติ จรงิ อยา่ งเป็นข้ันตอนและเปน็
ระบบ ใชเ้ ทคโนโลยีสารสนเทศและการส่ือสารในการเรียนรู้ การทำงาน และการแกป้ ัญหาไดอ้ ย่างมี
ประสทิ ธภิ าพ รูเ้ ทา่ ทนั และมีจรยิ ธรรม
ตวั ชว้ี ดั ช้นั ปี
ป. ๑ ป. ๒ ป. ๓ ป. ๔ ป. ๕ ป. ๖
๑. แก้ปญั หาอยา่ ง ๑. แสดงลำดับ ๑. แสดง ๑. ใช้เหตผุ ลเชงิ ๑. ใช้เหตุผลเชิง ๑. ใชเ้ หตผุ ลเชิง
ง่ายโดยใช้การลอง ข้ันตอนการ อัลกอรทิ มึ ใน ตรรกะในการ ตรรกะในการ ตรรกะในการ
ผดิ ลองถกู การ ทำงานหรือการ การทำงานหรอื แก้ปัญหา การ แก้ปัญหา การอธบิ าย อธบิ ายและ
เปรยี บเทยี บ แกป้ ญั หาอย่าง การแกป้ ญั หา อธิบายการทำงาน การทำงาน การ ออกแบบวธิ กี าร
๒. แสดงลำดบั ง่ายโดยใชภ้ าพ อยา่ งงา่ ยโดยใช้ การคาดการณ์ คาดการณ์ผลลพั ธ์ แกป้ ัญหาที่พบใน
ขนั้ ตอนการทำงาน สัญลกั ษณ์ หรือ ภาพ สัญลกั ษณ์ ผลลัพธ์ จาก จากปัญหาอย่างง่าย ชวี ิตประจำวัน
หรือการแกป้ ัญหา ขอ้ ความ หรอื ข้อความ ปัญหาอย่างง่าย ๒. ออกแบบ และ ๒. ออกแบบและ
อย่างง่ายโดยใช้ ๒. เขยี น ๒. เขยี น ๒. ออกแบบ และ เขยี นโปรแกรมทีม่ กี าร เขียนโปรแกรม
ภาพ สัญลกั ษณ์ โปรแกรมอย่าง โปรแกรมอยา่ ง เขียนโปรแกรม ใชเ้ หตผุ ลเชงิ ตรรกะ อย่างง่าย เพ่อื
หรอื ข้อความ ง่าย โดยใช้ ง่าย โดยใช้ อย่างง่าย โดยใช้ อย่างงา่ ย ตรวจหา แกป้ ัญหาใน
๓. เขยี นโปรแกรม ซอฟต์แวร์ ซอฟต์แวร์ ซอฟต์แวรห์ รือส่ือ ขอ้ ผิดพลาด ชีวิตประจำวนั
อย่างงา่ ย โดยใช้ หรอื สื่อ และ หรือสอ่ื และ และตรวจหา และแก้ไข ตรวจหา
ซอฟตแ์ วร์ ตรวจหา ตรวจหา ข้อผดิ พลาด ๓. ใช้อนิ เทอรเ์ น็ต ข้อผิดพลาดของ
หรอื สอื่ ขอ้ ผดิ พลาดของ ขอ้ ผดิ พลาดของ และแกไ้ ข คน้ หาข้อมูล โปรแกรมและ
๔. ใช้เทคโนโลยีใน โปรแกรม โปรแกรม ๓. ใชอ้ ินเทอร์เนต็ ตดิ ตอ่ ส่ือสาร แกไ้ ข
การสรา้ ง จดั เก็บ ๓. ใช้เทคโนโลยี ๓. ใช้ ค้นหาความรู้ และ และทำงานร่วมกัน ๓. ใช้อินเทอรเ์ น็ต
เรยี กใช้ข้อมลู ตาม ในการสร้าง จดั อนิ เทอร์เน็ต ประเมิน ประเมนิ ความ ในการค้นหาข้อมลู
วัตถปุ ระสงค์ หมวดหมู่ คน้ หา ค้นหาความรู้ ความน่าเชอ่ื ถือ น่าเชื่อถอื อยา่ งมี
๕. ใช้เทคโนโลยี จัดเก็บ เรยี กใช้ ๔. รวบรวม ของข้อมูล ของขอ้ มลู ประสทิ ธภิ าพ
สารสนเทศอย่าง ขอ้ มูลตาม ประมวลผล ๔. รวบรวม ๔. รวบรวม ประเมิน ๔. ใช้เทคโนโลยี
ปลอดภยั ปฏบิ ัติ วัตถปุ ระสงค์ และนำเสนอ ประเมนิ นำเสนอ นำเสนอขอ้ มลู และ สารสนเทศทำงาน
ตามข้อตกลงใน ๔. ใชเ้ ทคโนโลยี ขอ้ มลู โดยใช้ ขอ้ มลู และ สารสนเทศ ตาม รว่ มกันอยา่ ง
การใช้ สารสนเทศ ซอฟต์แวร์ตาม สารสนเทศ โดยใช้ วัตถุประสงคโ์ ดยใช้ ปลอดภัย เขา้ ใจ
คอมพิวเตอร์ อย่างปลอดภยั วตั ถุประสงค์ ซอฟตแ์ วรท์ ่ี ซอฟต์แวรห์ รอื บริการ สทิ ธแิ ละหนา้ ท่ี
ร่วมกนั ดูแลรักษา ปฏิบัตติ าม ๕. ใช้เทคโนโลยี หลากหลาย เพ่อื บนอินเทอร์เนต็ ท่ี ของตน เคารพใน
อุปกรณเ์ บือ้ งตน้ ขอ้ ตกลงในการ สารสนเทศอยา่ ง แก้ปัญหา หลากหลาย เพอ่ื สทิ ธขิ องผ้อู ืน่ แจ้ง
ใชง้ านอย่าง ใช้คอมพวิ เตอร์ ปลอดภยั ปฏบิ ัติ ในชีวติ ประจำวนั แกป้ ญั หา ผเู้ กยี่ วข้องเมือ่ พบ
เหมาะสม ร่วมกัน ดูแล ตามข้อตกลงใน ๕. ใชเ้ ทคโนโลยี ในชีวติ ประจำวนั ขอ้ มลู หรอื บคุ คลท่ี
รกั ษาอปุ กรณ์ การใช้ สารสนเทศอย่าง ๕. ใช้เทคโนโลยี ไม่เหมาะสม
เบอื้ งตน้ ใช้งาน อนิ เทอร์เนต็ ปลอดภยั เขา้ ใจ สารสนเทศอยา่ ง
อย่างเหมาะสม สทิ ธิและหนา้ ที่ ปลอดภัย มีมารยาท
ของตน เคารพใน เขา้ ใจสิทธแิ ละหน้าท่ี
สิทธิของผอู้ ่ืน แจง้ ของตน เคารพในสิทธิ
ผู้เก่ียวขอ้ งเม่ือพบ ของผู้อน่ื แจ้ง
ข้อมูลหรือบคุ คลที่ ผู้เกยี่ วขอ้ งเมอื่ พบ
ไม่เหมาะสม ขอ้ มูลหรอื บุคคล
ทไี่ มเ่ หมาะสม
ห ลั ก สู ต ร ส ถ า น ศึ ก ษ า โ ร ง เ รี ย น บ้ า น เ ข า เ ที ย ม ป่ า . . . ห น ้ า | ๖๙
กลุ่มสาระการเรยี นรสู้ ังคมศึกษา ศาสนา และวัฒนธรรม
ทำไมตอ้ งเรยี นสังคมศกึ ษา ศาสนา และวฒั นธรรม
กลุ่มสาระการเรียนรู้สังคมศึกษา ศาสนาและวัฒนธรรม ช่วยให้ผู้เรียนมีความรู้ ความเข้าใจ
การดำรงชีวิตของมนุษย์ทั้งในฐานะปัจเจกบุคคลและการอยู่ร่วมกันในสังคม การปรับตัวตามสภาพแวดล้อม การ
จัดการทรัพยากรที่มีอยู่อย่างจำกัดเข้าใจถึงการพัฒนาเปลี่ยนแปลงตามยุคสมัย กาลเวลา
ตามเหตปุ จั จยั ตา่ งๆ เกดิ ความเข้าใจในตนเองและผู้อ่นื มีความอดทนอดกลนั้ ยอมรับในความแตกตา่ ง และมี
คุณธรรม สามารถนำความรไู้ ปปรบั ใช้ในการดำเนนิ ชวี ติ เป็นพลเมอื งดีของประเทศชาติ และสังคมโลก
เรยี นรู้อะไรในสงั คมศึกษา ศาสนา และวฒั นธรรม
กลุ่มสาระการเรียนรู้สังคมศึกษา ศาสนา และวัฒนธรรมว่าด้วยการอยู่ร่วมกันในสังคม ที่มีความ
เชื่อมสัมพันธ์กัน และมีความแตกต่างกันอย่างหลากหลาย เพื่อช่วยให้สามารถปรับตนเองกับบริบท
สภาพแวดล้อม เป็นพลเมอื งดี มคี วามรบั ผิดชอบ มีความรู้ ทักษะ คณุ ธรรม และคา่ นิยมทเ่ี หมาะสม โดยได้
กำหนดสาระตา่ งๆไว้ ดังน้ี
• ศาสนา ศลี ธรรมและจรยิ ธรรม แนวคดิ พนื้ ฐานเกยี่ วกบั ศาสนา ศีลธรรม จรยิ ธรรม หลักธรรมของ
พระพุทธศาสนาหรือศาสนาที่ตนนับถือ การนำหลักธรรมคำสอนไปปฏิบัติในการพัฒนาตนเอง และการอยู่
ร่วมกันอย่างสันติสุข เป็นผู้กระทำความดี มีค่านิยมที่ดีงาม พัฒนาตนเองอยู่เสมอ รวมทั้งบำเพ็ญประโยชน์
ตอ่ สงั คมและสว่ นรวม
• หนา้ ท่ีพลเมือง วัฒนธรรม และการดำเนินชีวิต ระบบการเมืองการปกครองในสังคมปัจจุบันการ
ปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ลักษณะและความสำคัญ การเป็น
พลเมืองดี ความแตกต่างและความหลากหลายทางวัฒนธรรม ค่านิยม ความเชื่อ ปลูกฝังค่านิยมด้าน
ประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข สิทธิ หน้าที่ เสรีภาพการดำเนินชีวิตอย่าง สันติสุขใน
สังคมไทยและสงั คมโลก
• เศรษฐศาสตร์ การผลิต การแจกจ่าย และการบริโภคสินค้าและบริการ การบริหารจัดการ
ทรัพยากรที่มีอยู่อย่างจำกัดอย่างมีประสิทธิภาพ การดำรงชีวิตอย่างมีดุลยภาพ และการนำหลักเศรษฐกิจ
พอเพียงไปใชใ้ นชีวติ ประจำวัน
• ประวัติศาสตร์ เวลาและยุคสมัยทางประวัติศาสตร์ วิธีการทางประวัติศาสตร์ พัฒนาการของ
มนุษยชาติจากอดีตถึงปัจจุบัน ความสัมพันธ์และเปลี่ยนแปลงของเหตุการณ์ต่างๆ ผลกระทบที่เกิดจาก
เหตุการณ์สำคัญในอดีต บุคคลสำคัญที่มีอิทธิพลต่อการเปลี่ยนแปลงต่างๆในอดีต ความเป็นมาของ
ชาตไิ ทย วฒั นธรรมและภูมปิ ญั ญาไทย แหลง่ อารยธรรมที่สำคัญของโลก
• ภูมิศาสตร์ ลักษณะของโลกทางกายภาพ ลักษณะทางกายภาพ แหล่งทรัพยากร และภูมิอากาศ
ของประเทศไทย และภูมิภาคต่างๆ ของโลก การใช้แผนที่และเครื่องมอื ทางภูมิศาสตร์ ความสัมพันธก์ ันของ
ส่งิ ต่างๆ ในระบบธรรมชาติ ความสมั พันธข์ องมนุษยก์ บั สภาพแวดล้อมทางธรรมชาติ และส่งิ ที่มนุษย์สร้างข้ึน
การนำเสนอขอ้ มลู ภมู สิ ารสนเทศ การอนรุ ักษ์สิ่งแวดล้อมเพือ่ การพฒั นาทย่ี ั่งยืน
ห ลั ก สู ต ร ส ถ า น ศึ ก ษ า โ ร ง เ รี ย น บ้ า น เ ข า เ ที ย ม ป่ า . . . ห น ้ า | ๗๐
คณุ ภาพผู้เรียน
จบชนั้ ประถมศึกษาปที ี่ 3
❖ มีความรู้เรื่องเกี่ยวกับตนเองและผู้ที่อยู่รอบข้าง ตลอดจนสภาพแวดล้อมในท้องถิ่น ที่อยู่อาศัย
และเช่ืองโยงประสบการณไ์ ปสโู่ ลกกวา้ ง
❖ มีทักษะกระบวนการ และมีข้อมูลที่จำเป็นต่อการพัฒนาให้เป็นผู้มีคุณธรรม จริยธรรม ประพฤติ
ปฏิบัติตามหลักคำสอนของศาสนาที่ตนนับถือ มีความเป็นพลเมืองดี มีความรับผิดชอบ
การอยู่ร่วมกันและการทำงานกับผู้อื่น มีส่วนร่วมในกิจกรรมของห้องเรียน และได้ฝึกหัดใน
การตดั สนิ ใจ
❖ มีความรเู้ รือ่ งราวเกย่ี วกบั ตนเอง ครอบครวั โรงเรียน และชุมชนในลกั ษณะการบรู ณาการ ผ้เู รยี น
ได้เข้าใจแนวคิดเกี่ยวกับปัจจุบันและอดีต มีความรู้พื้นฐานทางเศรษฐกิจ ได้ข้อคิดเกี่ยวกับ
รายรับ-รายจ่ายของครอบครัว เข้าใจถึงการเป็นผู้ผลิต ผู้บริโภค รู้จักการออมขั้นต้นและวิธีการเศรษฐกิจ
พอเพยี ง
❖ รู้และเข้าใจในแนวคิดพื้นฐานเกี่ยวกับศาสนา ศีลธรรม จริยธรรม หน้าที่พลเมือง เศรษฐศาสตร์
ประวัตศิ าสตร์ และภมู ิศาสตร์ เพอื่ เปน็ พ้นื ฐานในการทำความเข้าใจในขน้ั ทส่ี งู ต่อไป
❖ มีความรู้เกี่ยวกับลกั ษณะทางกายภาพของสิง่ ต่างๆ ที่อยู่รอบตัวและชุมชน และสามารถปรับตัวเท่า
ทนั การเปลยี่ นแปลงทางกายภาพ และมีส่วนรว่ มในการจดั การทรัพยากรและส่ิงแวดล้อมใกลต้ ัว
จบช้ันประถมศึกษาปีที่ 6
❖ มีความรู้เรื่องของจังหวัด ภาค และประทศของตนเอง ทั้งเชิงประวัติศาสตร์ ลักษณะทาง
กายภาพ สังคมประเพณี และวัฒนธรรม รวมทั้งการเมือง การปกครอง และสภาพเศรษฐกิจโดยเน้นความ
เปน็ ประเทศไทย
❖ มีความรู้และความเข้าใจในเรื่องศาสนา ศีลธรรม จริยธรรม ปฏิบัติตนตามหลักธรรมคำสอน
ของศาสนาทตี่ นนบั ถอื รวมทงั้ มสี ่วนร่วมศาสนพธิ ี และพธิ กี รรมทางศาสนามากยงิ่ ข้ึน
❖ ปฏิบตั ติ นตามสถานภาพ บทบาท สทิ ธิหน้าที่ในฐานะพลเมืองดีของท้องถ่นิ จังหวดั ภาค และ
ประเทศ รวมท้งั ไดม้ สี ่วนร่วมในกิจกรรมตามขนบธรรมเนียมประเพณี และวัฒนธรรมของท้องถิ่นตนเอง มาก
ยิง่ ข้ึน
❖ สามารถเปรียบเทียบเรื่องราวของจงั หวดั และภาคตา่ งๆของประเทศไทยกับประเทศเพื่อนบ้าน
ได้รับการพัฒนาแนวคิดทางสังคมศาสตร์ เกี่ยวกับศาสนา ศีลธรรม จริยธรรม หน้าที่พลเมือง เศรษฐศาสตร์
ประวัตศิ าสตร์ และภมู ศิ าสตร์ เพอื่ ขยายประสบการณ์ไปสู่การทำความเข้าใจในภูมิภาค ซีกโลกตะวันออก
และตะวันตกเกี่ยวกับศาสนา คุณธรรม จริยธรรม ค่านิยม ความเชื่อ ขนบธรรมเนียม ประเพณี วัฒนธรรม
การดำเนินชีวติ การจัดระเบียบทางสงั คม และการเปลี่ยนแปลงทางสงั คมจากอดตี สปู่ จั จุบนั
❖ มีความรู้เกี่ยวกับลักษณะทางกายภาพ ภัยพิบัติ ลักษณะกิจกรรมทางเศรษฐกิจและสังคมใน
จังหวัดภาคและประเทศไทย สามารถเตรียมรับมือกับการเปลี่ยนแปลงทางกายภาพกับภัยพิบัติต่างๆ ใน
ประเทศไทยและหาแนวทางในการจัดการทรัพยากรและสง่ิ แวดลอ้ ม
ห ลั ก สู ต ร ส ถ า น ศึ ก ษ า โ ร ง เ รี ย น บ้ า น เ ข า เ ที ย ม ป่ า . . . ห น ้ า | ๗๑
สาระท่ี ๑ ศาสนา ศีลธรรม จรยิ ธรรม
มาตรฐาน ส ๑.๑ รู้ และเข้าใจประวตั ิ ความสำคัญ ศาสดา หลักธรรมของพระพุทธศาสนาหรอื ศาสนาท่ตี น
นบั ถอื และศาสนาอื่น มศี รัทธาทถ่ี ูกต้อง ยึดมนั่ และปฏบิ ตั ิตาม หลกั ธรรม เพ่ืออยู่ร่วมกันอยา่ งสนั ตสิ ุข
ตวั ชีว้ ดั ชนั้ ปี
ป. ๑ ป. ๒ ป. ๓ ป. ๔ ป. ๕ ป. ๖
๑. บอกพทุ ธ ๑. บอกความ ๑. อธบิ าย ๑. อธบิ าย ๑.วิเคราะห์ ๑.วิเคราะห์
ประวัตหิ รอื ประวตั ิ สำคญั ของ ความสำคญั ของ ความสำคญั ความสำคญั ของ ความสำคญั ของ
พระพุทธศาสนา พระพทุ ธศาสนาใน
ของศาสดาทตี่ น พระพุทธศาสนา พระพุทธศาสนา ของพระพทุ ธ- หรือศาสนาทต่ี น ฐานะเป็นศาสนา
นบั ถือในฐานะที่ ประจำชาติ หรือ
นบั ถอื โดยสงั เขป หรอื ศาสนาทตี่ น หรอื ศาสนาทต่ี น ศาสนา หรือ เปน็ มรดกทาง ความ สำคญั ของ
ศาสนาที่ตนนบั ถอื
๒. ช่นื ชมและบอก นบั ถือ นบั ถือในฐานะท่ี ศาสนาทต่ี น
แบบอยา่ งการ ๒. สรปุ เป็นรากฐานสำคัญ นับถอื ในฐานะเป็น
ดำเนินชีวิตและ พุทธประวัติตั้งแต่ ของวัฒนธรรมไทย ศนู ย์รวมจติ ใจของ วัฒนธรรมและ ๒. สรปุ
ขอ้ คิดจากประวตั ิ ประสตู ิจนถึงการ ๒. สรปุ พุทธ ศาสนิกชน
สาวก ชาดก/เรอื่ ง ออกผนวช หรือ ประวัตติ ั้งแต่การ ๒. สรปุ พทุ ธ หลกั ในการพัฒนา พุทธประวัตติ ัง้ แต่
เลา่ และศาสนิกชน ประวัติศาสดา บำเพ็ญเพยี รจนถึง ประวัตติ ัง้ แต่บรรลุ ชาตไิ ทย ปลงอายุสงั ขาร
ตวั อย่างตามท่ี ทต่ี นนับถอื ตามท่ี ปรินพิ พาน หรือ ธรรมจนถึง ๒. สรปุ พุทธ จนถงึ สังเวชนีย
กำหนด กำหนด ประวัตขิ องศาสดา ประกาศธรรม ประวตั ติ ัง้ แต่เสด็จ สถานหรือประวัติ
๓. บอก ๓. ชืน่ ชมและ ทต่ี นนบั ถือตามท่ี หรือประวตั ิศาสดา กรุงกบลิ พัสด์ุ ศาสดาทต่ี น นับ
ความหมาย บอกแบบอย่าง กำหนด ทตี่ นนับถอื ตามท่ี จนถึงพทุ ธกจิ ถือตามท่กี ำหนด
ความสำคญั และ การดำเนนิ ชวี ิต ๓. ช่ืนชมและบอก กำหนด สำคัญหรือประวตั ิ ๓. เหน็ คณุ คา่ และ
เคารพพระ และขอ้ คิดจาก แบบอย่างการ ๓. เห็นคณุ ค่าและ ศาสดาทต่ี นนบั ถอื ประพฤติตนตาม
รัตนตรยั ปฏิบตั ิ ประวัตสิ าวก ดำเนินชวี ิตและ ประพฤตติ นตาม ตามที่กำหนด แบบอย่างการ
ตามหลักธรรม ชาดก เรือ่ งเล่า ขอ้ คิดจากประวตั ิ แบบอย่างการ ๓. เหน็ คณุ ค่าและ ดำเนินชวี ติ และ
โอวาท ๓ ใน และศาสนิกชน สาวก ชาดก ดำเนนิ ชีวติ และ ประพฤตติ นตาม ขอ้ คิดจากประวัติ
พระพทุ ธศาสนา ตวั อยา่ งตามที่ เรอื่ งเล่าและศา ข้อคดิ จากประวตั ิ แบบอย่างการ สาวก ชาดก เร่อื ง
หรือหลกั ธรรมของ กำหนด สนกิ ชนตัวอย่าง สาวก ชาดก เรื่อง ดำเนนิ ชีวติ และ เลา่ และศาสนกิ ชน
ศาสนาที่ ตนนับ ๔. บอก ตามทกี่ ำหนด เลา่ และศาสนกิ ข้อคดิ จากประวตั ิ ตัวอยา่ งตาม
ถอื ตามท่กี ำหนด ความหมาย ๔. บอกความ ชนตัวอยา่ งตาม สาวก ชาดก ทีก่ ำหนด
๔. เหน็ คณุ ค่าและ ความสำคญั และ หมาย ท่ีกำหนด เรื่องเล่าและศา ๔. วิเคราะห์
สวดมนต์แผ่เมตตา เคารพพระ ความสำคัญของ ๔. แสดงความ สนิกชนตวั อย่าง ความสำคญั
มีสติทเ่ี ปน็ พืน้ ฐาน รัตนตรัย ปฏิบตั ิ พระไตรปิฏก เคารพพระ ตามที่กำหนด และเคารพ
ของสมาธใิ น ตามหลกั ธรรม หรอื คมั ภรี ์ของ รัตนตรัย ปฏบิ ัติ พระรัตนตรัย
พระพุทธศาสนา โอวาท ๓ ศาสนาทีต่ น ตามไตรสิกขาและ ๔. อธิบาย
องค์ประกอบและ ปฏิบตั ิตาม
หรอื การพฒั นาจิต ในพระพุทธ นบั ถอื หลักธรรม โอวาท ความสำคญั ของ ไตรสิกขาและ
ตามแนวทางของ ศาสนาหรอื ๓ ใน พระไตรปิฏก หรอื หลกั ธรรมโอวาท ๓
ศาสนาทต่ี นนบั ถือ หลกั ธรรมของ พระพุทธศาสนา คัมภีร์ของศาสนา ในพระพทุ ธศาสนา
ตามทกี่ ำหนด ศาสนาท่ตี น หรือหลกั ธรรมของ หรอื หลกั ธรรมของ
นบั ถอื ตามที่ ศาสนาทตี่ นนับถือ ทตี่ นนบั ถือ ศาสนาท่ตี นนบั ถอื
กำหนด ตามทีก่ ำหนด ตามที่กำหนด
ห ลั ก สู ต ร ส ถ า น ศึ ก ษ า โ ร ง เ รี ย น บ้ า น เ ข า เ ที ย ม ป่ า . . . ห น ้ า | ๗๒
ตัวช้วี ดั ช้ันปี
ป. ๑ ป. ๒ ป. ๓ ป. ๔ ป. ๕ ป. ๖
๕. ชืน่ ชมการทำ ๕. แสดงความ ๕. ชืน่ ชมการทำ ๕. แสดงความ ๕. ช่นื ชมการทำ
ความดขี องตนเอง เคารพพระ ความดขี องตนเอง เคารพพระ ความดขี องบุคคล
บคุ คล ใน รัตนตรยั และ บคุ คลในครอบครวั รัตนตรยั และ ในประเทศตาม
ครอบครัวและใน ปฏิบัตติ าม โรงเรียนและชมุ ชน ปฏบิ ตั ติ าม หลกั ศาสนา
โรงเรียนตามหลกั หลักธรรม ตามหลกั ศาสนา ไตรสกิ ขาและ พร้อมทัง้ บอกแนว
ศาสนา โอวาท ๓ ใน พร้อมทัง้ บอกแนว หลักธรรม ปฏิบตั ิในการ
๖. เห็นคณุ ค่าและ พระพทุ ธศาสนา ปฏบิ ตั ิในการ โอวาท ๓ ใน ดำเนินชวี ติ
สวดมนต์ แผ่ หรอื หลักธรรมของ ดำเนนิ ชวี ิต พระพุทธศาสนา ๖. เห็นคณุ คา่ และ
เมตตามีสตทิ ่เี ป็น ศาสนาท่ตี นนบั ถือ ๖. เหน็ คณุ คา่ หรอื หลักธรรม สวดมนต์ แผ่เมตตา
พนื้ ฐานของสมาธิ ตามทีก่ ำหนด และสวดมนต์ ของศาสนาท่ี และบรหิ ารจติ
ในพระพุทธ ๖. เหน็ คณุ คา่ และ แผ่เมตตา มสี ติ ตนนบั ถือตามที่ เจริญปญั ญา มสี ติ
ศาสนาหรอื การ สวดมนต์ แผ่ ท่เี ป็นพ้นื ฐานของ กำหนด ทเ่ี ป็นพืน้ ฐานของ
พัฒนาจิตตาม เมตตา มสี ติทเ่ี ป็น สมาธิใน ๖. เห็นคณุ คา่ และ สมาธิใน
แนวทางของ พนื้ ฐานของสมาธิ พระพุทธศาสนา สวดมนต์ พระพุทธศาสนา
ศาสนาที่ ในพระพทุ ธ- หรอื การพัฒนาจิต แผ่เมตตา มีสติ หรอื การพฒั นาจิต
ตนนบั ถอื ตาม ศาสนาหรือการ ตามแนวทาง ทเี่ ป็นพืน้ ฐานของ ตามแนวทางของ
ทีก่ ำหนด พฒั นาจิตตาม ของศาสนา สมาธใิ นพระพทุ ธ ศาสนาที่ตนนบั ถอื
๗. บอกช่ือศาสนา แนวทางของ ท่ีตนนับถอื ตามท่ี ศาสนาหรอื การ ตามทก่ี ำหนด
ศาสดาและ ศาสนาท่ีตน กำหนด พฒั นาจติ ตาม ๗. ปฏิบตั ติ น ตาม
ความสำคญั ของ นับถือตามท่ี ๗. ปฏบิ ัตติ นตาม แนวทางของ หลักธรรมของ
คมั ภีร์ของศาสนา กำหนด หลักธรรมของ ศาสนาท่ตี น นับ ศาสนา
ที่ตนนับถอื และ ๗. บอกชือ่ ศาสนาท่ีตน ถือตามที่กำหนด ทต่ี นนับถอื
ศาสนาอ่ืนๆ ความสำคญั และ นับถือ เพ่ือการอยู่ ๗. ปฏิบัตติ นตาม เพื่อแก้ปัญหา
ปฏบิ ัตติ นได้อย่าง รว่ มกนั หลักธรรมของ อบายมุขและ
เหมาะสม เป็นชาตไิ ด้อยา่ ง ศาสนาที่ตนนับถือ สิง่ เสพตดิ
ตอ่ ศาสนวตั ถุ สมานฉันท์ เพ่อื การพฒั นา ๘. อธบิ าย
ศาสนสถาน ๘. อธบิ ายประวัติ ตนเองและ หลกั ธรรมสำคญั
และศาสนบุคคล ศาสดาของศาสนา สิ่งแวดลอ้ ม ของศาสนาอนื่ ๆ
ของศาสนาอน่ื ๆ อื่นๆ โดยสังเขป โดยสงั เขป
๙.อธิบายลกั ษณะ
สำคญั ของศาสนพิธี
พธิ กี รรม ของ
ศาสนาอื่นๆ และ
ปฏบิ ตั ิตนไดอ้ ยา่ ง
เหมาะสมเมือ่ ต้อง
เข้ารว่ มพธิ ี
ห ลั ก สู ต ร ส ถ า น ศึ ก ษ า โ ร ง เ รี ย น บ้ า น เ ข า เ ที ย ม ป่ า . . . ห น ้ า | ๗๓
สาระท่ี ๑ ศาสนา ศลี ธรรม จรยิ ธรรม
มาตรฐาน ส ๑.๒ เข้าใจ ตระหนักและปฏบิ ัติตนเป็นศาสนิกชนทดี่ ี และธำรงรกั ษาพระพทุ ธศาสนาหรอื
ศาสนาที่ตนนบั ถือ
ตัวช้วี ัดช้ันปี
ป. ๑ ป. ๒ ป. ๓ ป. ๔ ป. ๕ ป. ๖
๑. บำเพญ็ ๑. ปฏิบตั ติ น ๑. ปฏิบตั ติ น ๑. อภิปราย ๑. จดั พิธกี รรม ๑. อธิบายความรู้
ประโยชน์ต่อวดั อย่างเหมาะสมตอ่ อย่างเหมาะสมตอ่ ความสำคญั และ ตามศาสนาที่ตน เก่ียวกบั สถานที่
หรอื ศาสนสถาน สาวกของศาสนา สาวก ศาสนสถาน มีส่วนรว่ มในการ นบั ถอื อยา่ งเรียบ ต่าง ๆในศาสน
ของศาสนาทต่ี น ท่ีตน นับถอื ศาสนวตั ถขุ อง บำรุงรกั ษา งา่ ย มปี ระโยชน์ สถานและปฏิบัติ
นับถอื ตามทีก่ ำหนดได้ ศาสนาท่ตี นนับถอื ศาสนสถานของ และปฏบิ ตั ิตน ตนไดอ้ ยา่ ง
๒. แสดงตนเป็น ถูกต้อง ตามทีก่ ำหนดได้ ศาสนาท่ตี นนบั ถือ ถูกตอ้ ง เหมาะสม
พุทธมามกะ หรือ ๒. ปฏบิ ตั ติ น ถูกต้อง ๒. มีมรรยาทของ ๒. ปฏบิ ตั ติ นในศา ๒. มีมรรยาทของ
แสดงตนเปน็ ในศาสนพิธี ๒. เห็นคณุ ค่าและ ความเปน็ สนพธิ ี พธิ กี รรม ความเป็นศาสนิก
ศาสนิกชนของ พธิ ีกรรมและ ปฏบิ ตั ิตนในศาสน ศาสนิกชนท่ดี ี และวนั สำคญั ทาง ชนท่ดี ีตามที่
ศาสนาทต่ี นนับถอื วันสำคัญทาง พิธี พธิ กี รรม และ ตามที่กำหนด ศาสนาตามที่ กำหนด
๓.ปฏบิ ตั ิตนใน ศาสนาตามที่ วนั สำคญั ทาง ๓. ปฏิบัตติ น กำหนดและ ๓. อธบิ าย
ศาสนพิธี พิธีกรรม กำหนดได้ถกู ตอ้ ง ศาสนาตามที่ ในศาสนพธิ ี อภปิ ราย ประโยชน์ของการ
และวันสำคญั ทาง กำหนดไดถ้ กู ต้อง พิธีกรรม ประโยชน์ทไ่ี ดร้ บั เขา้ รว่ มในศาสนพธิ ี
ศาสนาตามท่ี ๓. แสดงตนเปน็ และวนั สำคัญ ทาง จากการเข้ารว่ ม พธิ ีกรรมและ
กำหนดไดอ้ ยา่ ง พทุ ธมามกะ หรือ ศาสนาตามท่ี กจิ กรรม กิจกรรมในวัน
ถูกต้อง แสดงตนเปน็ ศา กำหนดไดถ้ กู ตอ้ ง ๓. มีมรรยาทของ สำคัญทางศาสนา
สนกิ ชนของ ความเป็น ตามท่กี ำหนดและ
ศาสนาทีต่ นนับถอื ศาสนิกชนท่ีดี ปฏบิ ตั ติ นไดถ้ ูกตอ้ ง
ตามท่ีกำหนด ๔. แสดงตนเป็น
พุทธมามกะ หรอื
แสดงตนเปน็
ศาสนิกชนของ
ศาสนาท่ตี นนับถอื
ห ลั ก สู ต ร ส ถ า น ศึ ก ษ า โ ร ง เ รี ย น บ้ า น เ ข า เ ที ย ม ป่ า . . . ห น ้ า | ๗๔
สาระที่ ๒ หน้าที่พลเมือง วัฒนธรรม และการดำเนินชีวิตในสังคม
มาตรฐาน ส ๒.๑ เข้าใจและปฏบิ ัตติ นตามหนา้ ที่ของการเปน็ พลเมืองดี มคี ่านิยมทด่ี ีงาม และธำรงรักษา
ประเพณีและวัฒนธรรมไทย ดำรงชีวติ อยู่รว่ มกนั ในสังคมไทยและสงั คมโลกอยา่ งสนั ตสิ ุข
ตวั ชวี้ ัดชนั้ ปี
ป. ๑ ป. ๒ ป. ๓ ป. ๔ ป. ๕ ป. ๖
๑. บอกประโยชน์ ๑. ปฏบิ ัตติ นตาม ๑. สรปุ ประโยชน์ ๑. ปฏิบตั ติ นเป็น ๑.ยกตวั อยา่ งและ ๑. ปฏบิ ัตติ าม
และปฏิบตั ติ นเปน็ ขอ้ ตกลง กตกิ า และปฏิบตั ิตนตาม พลเมืองดตี ามวถิ ี ปฏิบัติตนตาม กฎหมาย ที่
สมาชิกท่ดี ขี อง กฎ ระเบียบ ประเพณแี ละ ประชาธปิ ไตย สถานภาพ เกยี่ วขอ้ ง กับ
ครอบครวั และ และ หน้าทีท่ ตี่ ้อง วฒั นธรรมใน ในฐานะสมาชิก บทบาท สิทธิ ชวี ิตประจำวัน ของ
โรงเรยี น ปฏิบัตใิ นชีวติ ครอบครัวและ ที่ดขี องชมุ ชน เสรภี าพและ ครอบครัว และ
๒.ยกตวั อย่าง ประจำวนั ทอ้ งถิ่น ๒.ปฏบิ ตั ิตน หนา้ ที่ในฐานะ ชมุ ชน
ความ สามารถ ๒.ปฏบิ ตั ิตนตาม ๒. บอกพฤตกิ รรม ในการ เป็นผ้นู ำ พลเมืองดี ๒. วิเคราะหก์ าร
และความดีของ มารยาทไทย การดำเนินชีวิต และผตู้ ามทด่ี ี ๒. เสนอวิธีการ เปลย่ี นแปลง
ตนเอง ผู้อืน่ และ ๓. แสดง ของตนเองและ ๓. วิเคราะหส์ ิทธิ ปกป้องคุม้ ครอง วัฒนธรรมตาม
บอกผลจากการ พฤติกรรม ผอู้ ่ืนทอี่ ยูใ่ น พืน้ ฐาน ทีเ่ ดก็ ตนเองหรอื ผู้อ่ืน กาลเวลาและธำรง
กระทำนัน้ ในการยอมรับ กระแสวฒั นธรรม ทุกคนพึงได้รบั ตาม จากการละเมดิ รกั ษาวฒั นธรรม
ความคดิ ที่หลากหลาย กฎหมาย สิทธเิ ดก็ อันดงี าม
ความเชื่อ ๓. อธิบายความ ๔. อธบิ าย ๓. เห็นคณุ ค่า ๓. แสดง ออกถึง
และการปฏบิ ัติ สำคัญของวันหยุด ความแตกต่างทาง วัฒนธรรมไทย มารยาทไทยได้
ของบุคคลอน่ื ท่ี ราชการทส่ี ำคญั วัฒนธรรมของ ทีม่ ผี ลตอ่ การ เหมาะสมกับ
แตกตา่ งกัน โดย ๔. ยกตวั อยา่ ง กลมุ่ คน ดำเนนิ ชวี ิต กาลเทศะ
ปราศจากอคติ บุคคลซ่งึ มี ในทอ้ งถนิ่ ในสงั คมไทย ๔. อธบิ ายคณุ ค่า
๔. เคารพในสทิ ธิ ผลงานทีเ่ ปน็ ๕. เสนอวธิ ีการที่ ๔. มสี ว่ นรว่ มใน ทางวัฒนธรรม
ของตนเองและ ประโยชนแ์ ก่ จะอยู่รว่ มกันอยา่ ง การอนรุ ักษแ์ ละ ท่ีแตกตา่ งกัน
ผอู้ นื่ ชมุ ชนและ สันติสุขในชวี ิต เผยแพร่ ระหวา่ งกลมุ่ คน
ทอ้ งถ่นิ ของตน ประจำวัน ภมู ิปญั ญาทอ้ งถิ่น ในสงั คมไทย
ของชมุ ชน ๕. ตดิ ตามขอ้ มลู
ขา่ วสาร เหตกุ ารณ์
ตา่ ง ๆ ในชีวติ
ประจำวัน เลือก
รบั และใชข้ อ้ มูล
ขา่ วสารในการ
เรียนรู้ ได้
เหมาะสม
ห ลั ก สู ต ร ส ถ า น ศึ ก ษ า โ ร ง เ รี ย น บ้ า น เ ข า เ ที ย ม ป่ า . . . ห น ้ า | ๗๕
สาระท่ี ๒ หน้าทีพ่ ลเมือง วัฒนธรรม และการดำเนนิ ชีวิตในสงั คม
มาตรฐาน ส ๒.๒ เข้าใจระบบการเมืองการปกครองในสังคมปจั จุบนั ยดึ ม่ัน ศรัทธา และธำรงรักษาไว้ซงึ่
การปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมพี ระมหากษตั รยิ ์ ทรงเปน็ ประมุข
ตัวชว้ี ัดชนั้ ปี
ป. ๑ ป. ๒ ป. ๓ ป. ๔ ป. ๕ ป. ๖
๑. บอกโครงสรา้ ง ๑. อธบิ ายความ ๑. ระบุบทบาท ๑. อธบิ ายอำนาจ ๑. อธิบาย ๑. เปรยี บเทยี บ
บทบาทและหน้าท่ี สมั พันธ์ของ บทบาท หน้าที่
ของสมาชิกใน ตนเอง และ และหนา้ ที่ อธิปไตยและ โครงสร้างอำนาจ ขององคก์ ร
ครอบครวั และ สมาชิกใน ปกครองส่วน
โรงเรยี น ครอบครัว ของสมาชกิ ชมุ ชน ความสำคญั ของ หนา้ ทแ่ี ละ ท้องถิน่ และรฐั บาล
๒. ระบบุ ทบาท ในฐานะเปน็ ส่วน ๒. มีสว่ นรว่ ม
สทิ ธิ หนา้ ทขี่ อง หนึ่งของชมุ ชน ในการมสี ่วนรว่ ม ระบอบ ความสำคญั ของ ในกิจกรรมตา่ งๆ
ตนเองใน ๒. ระบผุ ูม้ ี ทส่ี ง่ เสรมิ
ครอบครวั และ บทบาท อำนาจ กิจกรรมตา่ ง ๆ ประชาธปิ ไตย การปกครองสว่ น ประชาธิปไตย ใน
โรงเรียน ในการตดั สินใจใน ทอ้ งถ่นิ และ
๓. มสี ่วนรว่ ม โรงเรียนและ ตามกระบวนการ ๒. อธิบายบทบาท ทอ้ งถิน่ ประเทศ
ในการตดั สนิ ใจ ชุมชน ๓. อภิปราย
และทำกิจกรรมใน ประชาธิปไตย หน้าทีข่ องพลเมือง ๒. ระบุบทบาท บทบาท
ครอบครวั และ ความสำคญั ในการ
โรงเรยี นตาม ๒.วเิ คราะห์ความ ในกระ บวนการ หน้าท่ีและวธิ กี าร ใชส้ ิทธิออกเสียง
กระบวนการ เลือกตงั้ ตาม
ประชาธปิ ไตย แตกตา่ งของ เลือกตั้ง เข้าดำรงตำแหนง่ ระบอบประชาธิป
ไตย
กระบวนการ การ ๓. อธิบาย ของผู้บรหิ าร
ตดั สินใจ ความสำคญั ทอ้ งถ่ิน
ในชั้นเรยี น/ ของสถาบัน ๓. วเิ คราะห์
โรงเรียน และ พระมหา กษัตริย์ ประโยชน์ที่ชมุ ชน
ชมุ ชน โดยวิธี ตามระบอบ จะไดร้ บั จาก
การออกเสียง ประชาธปิ ไตยอนั มี องคก์ รปกครอง
โดยตรงและ พระมหา กษตั รยิ ์ ส่วนทอ้ งถ่ิน
การเลือกตัวแทน ทรงเป็นประมขุ
ออกเสียง
๓. ยกตวั อยา่ ง
การเปลย่ี นแปลง
ในช้ันเรยี น
โรงเรยี นและ
ชมุ ชน ท่เี ป็นผล
จากการตดั สินใจ
ของบคุ คล
และกลมุ่
ห ลั ก สู ต ร ส ถ า น ศึ ก ษ า โ ร ง เ รี ย น บ้ า น เ ข า เ ที ย ม ป่ า . . . ห น ้ า | ๗๖
สาระที่ ๓ เศรษฐศาสตร์
มาตรฐาน ส ๓.๑ เขา้ ใจและสามารถบรหิ ารจัดการทรัพยากรในการผลิตและการบริโภค การใช้ทรพั ยากร
ทมี่ ีอยู่จำกดั ไดอ้ ยา่ งมีประสทิ ธิภาพและคุ้มคา่ รวมทง้ั เข้าใจหลักการของเศรษฐกิจพอเพียง เพอื่ การดำรงชวี ิต
อยา่ งมีดุลยภาพ
ตัวช้ีวดั ช้นั ปี
ป. ๑ ป. ๒ ป. ๓ ป. ๔ ป. ๕ ป. ๖
๑. อธิบายปจั จัย
๑. ระบสุ ินค้าและ ๑. ระบุ ๑. จำแนกความ ๑. ระบุปจั จัยทม่ี ี การผลติ สินค้า ๑. อธบิ ายบทบาท
และบริการ ของผู้ผลติ ทมี่ คี วาม
บรกิ ารทีใ่ ช้ ทรัพยากรท่ีนำมา ต้องการและความ ผลตอ่ การเลอื กซ้อื ๒. ประยกุ ตใ์ ช้ รบั ผดิ ชอบ
จำเป็น สนิ คา้ และบริการ แนวคดิ ของ ๒. อธบิ ายบทบาท
ประโยชน์ในชีวติ ผลิตสนิ คา้ และ ในการใชส้ นิ คา้ ๒. บอกสิทธิ ปรัชญาของ ของผู้บรโิ ภคทรี่ ู้
และบรกิ าร พน้ื ฐานและรกั ษา เศรษฐกิจพอเพยี ง เท่าทัน
ประจำวนั บรกิ ารท่ใี ช้ในชีวิต ในการดำรงชวี ติ ในการทำกจิ กรรม ๓. บอกวธิ ีและ
ต่าง ๆ ใน ประโยชนข์ องการ
๒. ยกตัวอยา่ งการ ประจำวนั ครอบครัว ใชท้ รัพยากรอยา่ ง
โรงเรียนและชุมชน ยั่งยนื
ใชจ้ ่ายเงนิ ๒.บอกท่ีมาของ ๒. วิเคราะหก์ ารใช้ ผลประโยชนข์ อง ๓. อธบิ าย
หลักการสำคญั
ในชีวติ ประจำวัน รายไดแ้ ละรายจา่ ย จา่ ยของตนเอง ตนเองในฐานะ และประโยชน์ของ
สหกรณ์
ทไ่ี ม่เกินตวั และ ของตนเองและ
เห็นประโยชนข์ อง ครอบครัว ๓. อธบิ ายไดว้ ่า ผูบ้ รโิ ภค
ทรัพยากรท่มี อี ยู่ ๓. อธิบาย
การออม ๓.บนั ทกึ รายรบั จำกดั มผี ลตอ่ การ หลักการของ
ผลติ และ เศรษฐกจิ พอเพยี ง
๓. ยก ตัวอย่าง รายจ่ายของตนเอง บรโิ ภคสินค้าและ และนำไปใชใ้ น
บริการ ชีวิตประจำวันของ
การใชท้ รพั ยากรใน ๔.สรปุ ผลดี
ชวี ติ ประจำวัน ของการใชจ้ า่ ย
อย่างประหยดั ทเ่ี หมาะสมกบั รายได้
และ ตนเอง
การออม
ห ลั ก สู ต ร ส ถ า น ศึ ก ษ า โ ร ง เ รี ย น บ้ า น เ ข า เ ที ย ม ป่ า . . . ห น ้ า | ๗๗
สาระท่ี ๓ เศรษฐศาสตร์
มาตรฐาน ส ๓.๒ เข้าใจระบบและสถาบนั ทางเศรษฐกจิ ต่าง ๆ ความสัมพนั ธท์ างเศรษฐกจิ และความจำเป็น
ของการรว่ มมือกันทางเศรษฐกจิ ในสงั คมโลก
ตวั ช้วี ัดชนั้ ปี
ป. ๑ ป. ๒ ป. ๓ ป. ๔ ป. ๕ ป. ๖
๑. อธบิ าย
๑. อธบิ ายเหตผุ ล ๑. อธบิ ายการ ๑. บอกสินค้าและ ๑. อธิบาย บทบาทหนา้ ท่ี ๑. อธบิ าย
ความจำเปน็ ทค่ี น แลกเปลยี่ นสนิ คา้ บรกิ ารท่ีรฐั จดั หา เบอื้ งตน้ ของ ความสัมพนั ธ์
ต้องทำงานอยา่ ง และบรกิ ารโดยวธิ ี และใหบ้ ริการแก่ ความสมั พันธ์ทาง ธนาคาร ระหวา่ งผผู้ ลติ
สุจรติ ตา่ ง ๆ ประชาชน เศรษฐกิจของคน ๒. จำแนกผลดี ผู้บริโภค ธนาคาร
๒. บอก ๒. บอกความ ในชมุ ชน ผลเสยี ของการ และรฐั บาล
ความสมั พนั ธ์ สำคัญของภาษี ๒. อธิบายหนา้ ท่ี ก้ยู ืม ๒. ยกตวั อย่างการ
ระหว่างผูซ้ ้ือกบั และบทบาทของ เบื้องต้นของเงนิ รวมกลมุ่ ทาง
ผ้ขู าย เศรษฐกจิ ภายใน
ประชาชนในการ ทอ้ งถ่ิน
เสยี ภาษี
๓. อธบิ ายเหตผุ ล
การแขง่ ขันทาง
การค้าทมี่ ผี ลทำให้
ราคาสินค้าลดลง
ห ลั ก สู ต ร ส ถ า น ศึ ก ษ า โ ร ง เ รี ย น บ้ า น เ ข า เ ที ย ม ป่ า . . . ห น ้ า | ๗๘
สาระท่ี ๔ ประวัติศาสตร์
มาตรฐาน ส ๔.๑ เขา้ ใจความหมาย ความสำคญั ของเวลาและยคุ สมัยทางประวัติศาสตร์ สามารถใช้วธิ กี ารทาง
ประวตั ิศาสตร์มาวเิ คราะหเ์ หตกุ ารณ์ตา่ งๆ อย่างเป็นระบบ
ตวั ช้วี ดั ช้ันปี
ป. ๑ ป. ๒ ป. ๓ ป. ๔ ป. ๕ ป. ๖
๑. บอก วัน ๑. ใชค้ ำระบุเวลา ๑. เทยี บศกั ราชที่ ๑. นับช่วง ๑. สืบคน้ ความ ๑. อธิบาย
เดือน ปี และการ ท่ีแสดงเหตุการณ์ สำคัญตามปฏทิ นิ ท่ี เวลาเป็นทศวรรษ เปน็ มาของทอ้ งถน่ิ ความสำคญั ของ
นับช่วงเวลา ตาม ในอดีต ปจั จุบนั ใช้ในชวี ิต ศตวรรษ และ วธิ กี ารทางประวตั ิ
ปฏิทนิ ทใี่ ชใ้ นชวี ติ และอนาคต ประจำวัน สหัสวรรษ โดยใชห้ ลักฐานที่ ศาสตร์
ประจำวัน ๒. ลำดบั ๒. แสดงลำดับ ๒. อธบิ าย หลาก หลาย ในการศึกษา
๒. เรยี ง ลำดับ เหตกุ ารณท์ ีเ่ กดิ ขน้ึ เหตกุ ารณส์ ำคัญ ยคุ สมยั ใน ๒. รวบรวมขอ้ มูล เรอ่ื งราวทางประวตั ิ
เหตกุ ารณ์ในชีวติ ในครอบครวั หรอื ของโรงเรยี นและ
จากแหลง่ ตา่ งๆ ศาสตร์อย่างง่าย ๆ
การศกึ ษาประวตั ิ เพอ่ื ตอบคำถาม ๒. นำเสนอข้อมลู
ประจำวนั ในชวี ติ ของตนเอง ชุมชน
ตามวัน เวลา โดยใช้หลักฐาน โดยระบหุ ลกั ฐาน ของมนุษยชาติ ทางประวตั ิศาสตร์ จากหลักฐานท่ี
ทเ่ี กดิ ข้นึ ทเี่ กี่ยวขอ้ ง และแหล่งข้อมลู หลากหลาย
๓. บอกประวตั ิ ทเี่ กีย่ วขอ้ ง โดยสงั เขป อยา่ งมเี หตผุ ล ในการทำความ
ความเปน็ มาของ เข้าใจเร่อื งราว ใน
ตนเองและ ๓.แยกแยะ ๓. อธิบายความ อดีต
ครอบครวั
โดยสอบถาม ประเภทหลกั ฐานที่ แตกตา่ งระหวา่ ง
ใช้ในการ ศึกษา ความจริงกบั
ความเปน็ มา ขอ้ เท็จจรงิ
ผ้เู ก่ยี วข้อง ของทอ้ งถนิ่ เก่ียวกับเรอ่ื งราว
ในทอ้ งถนิ่
ห ลั ก สู ต ร ส ถ า น ศึ ก ษ า โ ร ง เ รี ย น บ้ า น เ ข า เ ที ย ม ป่ า . . . ห น ้ า | ๗๙
สาระท่ี ๔ ประวัติศาสตร์
มาตรฐาน ส ๔.๒ เข้าใจพัฒนาการของมนุษยชาติจากอดีตจนถงึ ปัจจบุ นั ในด้านความสัมพนั ธแ์ ละการ
เปล่ียนแปลงของเหตุการณ์อยา่ งต่อเนื่อง ตระหนักถึงความสำคญั และสามารถวเิ คราะหผ์ ลกระทบท่ีเกิดข้ึน
ตัวชี้วัดชัน้ ปี
ป. ๑ ป. ๒ ป. ๓ ป. ๔ ป. ๕ ป. ๖
๑. บอกความ ๑. สืบคน้ ถงึ การ ๑. ระบปุ จั จยั ทมี่ ี ๑. อธบิ ายการตง้ั ๑. อธบิ าย ๑. อธิบายสภาพ
เปลี่ยนแปลงของ เปลีย่ น แปลง อทิ ธพิ ลต่อการ อทิ ธิพลของ สังคม เศรษฐกิจ
สภาพแวดล้อม ในวถิ ชี วี ิต ตั้งถ่ินฐานและ หลกั แหล่งและ อารยธรรมอินเดยี และการเมืองของ
ส่งิ ของเครื่องใช้ ประจำวันของคน พฒั นาการของ พัฒนาการของ และจีนที่มตี ่อไทย ประเทศเพ่อื นบ้าน
หรอื การดำเนิน ในชุมชนของตน ชุมชน มนุษย์ยคุ กอ่ น และเอเชีย ในปัจจบุ นั
ชวี ิตของตนเองกบั จากอดตี ถึงปจั จบุ ัน ๒. สรปุ ลักษณะที่ ประวัตศิ าสตรแ์ ละ ตะวนั ออกเฉยี งใต้ ๒. บอก
สมยั ของพอ่ แม่ ๒. อธิบาย สำคญั ของ ยุคประวตั ิศาสตร์ โดยสังเขป ความสมั พนั ธ์ของ
ปยู่ ่า ตายาย ผลกระทบของการ กลุม่ อาเซยี น
๒. บอกเหตุการณ์ เปล่ียนแปลงทม่ี ีตอ่ ขนมธรรมเนยี ม โดยสังเขป
ท่ีเกดิ ขึน้ ในอดีต วิถชี ีวิตของคนใน
ท่ีมีผลกระทบต่อ ชมุ ชน ประเพณี และ ๒. ยก ตัวอยา่ ง ๒. อภปิ ราย โดยสงั เขป
ตนเองในปัจจบุ นั วฒั นธรรมของ
ชุมชน หลักฐานทาง อิทธิพลของ
๓. เปรียบ เทยี บ ประวตั ิ ศาสตร์
ความเหมือนและ ท่ีพบในทอ้ งถ่นิ ที่ วฒั นธรรมตา่ งชาติ
ความต่างทาง แสดงพฒั นาการ
วฒั นธรรมของ ของมนุษยชาติ ต่อสงั คม
ไทยปัจจุบนั
โดยสังเขป
ชุมชนตนเองกับ
ชมุ ชนอ่นื ๆ
ห ลั ก สู ต ร ส ถ า น ศึ ก ษ า โ ร ง เ รี ย น บ้ า น เ ข า เ ที ย ม ป่ า . . . ห น ้ า | ๘๐
สาระที่ ๔ ประวตั ิศาสตร์
มาตรฐาน ส ๔.๓ เขา้ ใจความเปน็ มาของชาติไทย วัฒนธรรม ภมู ิปญั ญาไทย มีความรกั ความภมู ใิ จและ
ธำรงความเป็นไทย
ตัวชี้วัดชั้นปี
ป. ๑ ป. ๒ ป. ๓ ป. ๔ ป. ๕ ป. ๖
๑. อธบิ าย
๑. . อธบิ าย ๑. ระบุบคุ คล ที่ ๑. ระบุ ๑. อธิบาย พฒั นา การของ ๑. อธิบาย
พระนามและ พัฒนาการของ อาณาจกั รอยุธยา พัฒนา การของไทย
ความหมายและ ทำประโยชน์ต่อ พระราชกรณียกิจ อาณาจักรสโุ ขทัย และธนบรุ ี สมัยรตั น โกสนิ ทร์
โดยสังเขปของ โดยสังเขป โดยสังเขป โดยสงั เขป
ความสำคญั ของ ทอ้ งถิ่น หรือ พระมหากษตั รยิ ์ ๒. บอกประวตั ิ ๒. อธิบายปัจจัย ๒. อธบิ ายปัจจัยที่
ไทยท่ีเปน็ ผู้ และผลงานของ ที่ส่งเสรมิ ความ สง่ เสริมความเจรญิ
สญั ลกั ษณส์ ำคัญ ประเทศ ชาติ สถาปนา เจรญิ รุ่ง เรอื งทาง รุง่ เรอื ง
เศรษฐกิจและการ ทางเศรษฐกจิ
ของชาตไิ ทยและ ๒. ยก ตัวอย่าง ปกครองของ และการปกครอง
อาณาจกั รอยธุ ยา ของไทยสมยั
ปฏบิ ตั ิตนได้ วฒั นธรรม ๓. บอกประวตั ิ รตั นโกสนิ ทร์
และผลงานของ ๓. ยก ตวั อยา่ ง
ถูกตอ้ ง ประเพณีและ ภูมิ อาณาจักรไทย บคุ คลสำคัญสมัย บุคคลสำคัญสมัย ผลงานของบคุ คล
อยุธยาและธนบรุ ี สำคัญดา้ นต่าง ๆ
๒. บอก สถานท่ี ปัญญาไทย ท่นี า่ ภาคภมู ใิ จ สมัยรตั นโกสนิ ทร์
๔. อธบิ ายภมู ิ ๔. อธบิ ายภมู ิ
สำคัญซึง่ เปน็ แหลง่ ที่ภาคภมู ิใจและ ๒. อธบิ าย สุโขทัย ปัญญาไทยที่ ปญั ญาไทยทสี่ ำคญั
สำคญั สมยั อยธุ ยา สมัยรตั นโกสินทร์
วัฒนธรรม ควรอนุรักษไ์ ว้ พระราชประวัติ ๓. อธบิ าย และธนบรุ ีท่ีน่า ทีน่ า่ ภาคภมู ิใจและ
และพระราช - ภมู ิปัญญาไทย ภาคภูมใิ จและ ควรคา่ แกก่ าร
ในชุมชน กรณยี กิจของ ทีส่ ำคญั สมยั ควรคา่ แก่การ อนุรกั ษไ์ ว้
พระมหากษตั ริย์ สุโขทยั ท่นี ่า อนุรกั ษ์ไว้
๓. ระบสุ ่งิ ท่ตี นรกั ในรชั กาลปัจจบุ นั ภาคภูมใิ จและควร
โดยสงั เขป
และภาคภมู ใิ จ
ในทอ้ งถิน่
๓. เล่าวรี กรรม ค่าแก่การอนรุ กั ษ์
ของบรรพบรุ ุษไทย
ทีม่ สี ่วนปกป้อง
ประเทศชาติ
ห ลั ก สู ต ร ส ถ า น ศึ ก ษ า โ ร ง เ รี ย น บ้ า น เ ข า เ ที ย ม ป่ า . . . ห น ้ า | ๘๑
สาระที่ ๕ ภูมศิ าสตร์
มาตรฐาน ส ๕.๑ เข้าใจลกั ษณะทางกายภาพของโลกและความสมั พันธ์ของสรรพสง่ิ ซ่ึงมผี ลต่อกัน ใช้แผน
ทแี่ ละเคร่ืองมือทางภมู ศิ าสตร์ในการคน้ หา วเิ คราะห์ และสรุปข้อมลู ตามกระบวนการทางภูมิศาสตร์
ตลอดจนใช้ภูมสิ ารสนเทศอย่างมปี ระสทิ ธิภาพ
ตวั ชวี้ ดั ชน้ั ปี
ป. ๑ ป. ๒ ป. ๓ ป. ๔ ป. ๕ ป. ๖
๑. จำแนก ๑. ระบุ ๑. สำรวจขอ้ มูล ๑. สบื ค้นและ ๑. สืบคน้ และ ๑. สบื คน้ และ
สงิ่ แวดลอ้ มรอบตวั สง่ิ แวดลอ้ มทาง ทางภมู ิศาสตร์ใน อธบิ ายขอ้ มูล อธบิ ายข้อมูล อธิบายขอ้ มูล
โรงเรียนและ ลกั ษณะทาง ลักษณะทาง ลกั ษณะทาง
ทเ่ี กดิ ขึน้ เอง ธรรมชาติ และท่ี ชุมชนโดยใช้ กายภาพ กายภาพ กายภาพ
แผนผงั แผนที่ ในจังหวัดของตน ในภูมภิ าคของตน ของประเทศไทย
ตามธรรมชาตแิ ละ มนษุ ย์ และรูปถ่าย ด้วยแผนทีแ่ ละรูป ด้วยแผนท่ีและรูป ดว้ ยแผนที่
เพ่อื แสดง รูปถ่ายทางอากาศ
ทีม่ นษุ ย์สรา้ งข้ึน สร้างขน้ึ ซงึ่
๒. ระบุ ปรากฏระหวา่ ง
ความสมั พันธ์ของ บา้ นกบั โรงเรยี น
ตำแหน่ง ระยะ ทศิ ๒. ระบตุ ำแหนง่ ความสมั พนั ธ์ของ ถา่ ย ถา่ ย และภาพจาก
ของสิ่งต่าง ๆ และลักษณะทาง ตำแหนง่ ระยะ ๒. ระบแุ หล่ง ๒. อธบิ าย ดาวเทียม
๓. ใช้แผนผังแสดง กายภาพ ทิศทาง ทรัพยากรและ ลกั ษณะทาง ๒. อธบิ าย
ตำแหน่งของ ของสิ่งตา่ งๆ ที่ ๒. วาดแผนผงั เพือ่ สถานท่สี ำคญั กายภาพท่ีส่งผล ความสัมพนั ธ์
แสดงตำแหน่งทต่ี ง้ั ในจงั หวดั ของตน ต่อ ระหวา่ งลักษณะ
สิ่งต่างๆ ใน ปรากฏในแผนผงั ของสถานที่ ดว้ ยแผนทแี่ ละรูป แหลง่ ทรัพยากร ทางกายภาพกบั ภยั
สำคัญในบริเวณ พิบัตใิ นประเทศ
ห้องเรยี น แผนท่ี
๔. สังเกตและบอก รูปถา่ ย และ โรงเรยี นและชมุ ชน ถา่ ย และสถานทส่ี ำคญั ไทย
การเปลย่ี นแปลง ลูกโลก ๓. อธบิ ายลักษณะ ในภมู ิภาค
ของสภาพอากาศ ๓. สงั เกตและ เพ่อื เตรยี มพรอ้ ม
ในรอบวนั แสดงความสัมพันธ์ ทางกายภาพที่ ของตน รับมอื ภัยพบิ ตั ิ
ระหว่างโลก สง่ ผลตอ่ แหลง่
ดวงอาทติ ยแ์ ละ ทรพั ยากรและ
ดวงจันทร์ ทีท่ ำให้ สถานที่สำคญั ใน
เกิด จงั หวัด
ปรากฏการณ์
ห ลั ก สู ต ร ส ถ า น ศึ ก ษ า โ ร ง เ รี ย น บ้ า น เ ข า เ ที ย ม ป่ า . . . ห น ้ า | ๘๒
สาระท่ี ๕ ภมู ิศาสตร์
มาตรฐาน ส ๕.๒ เข้าใจปฏสิ มั พนั ธ์ระหวา่ งมนษุ ย์กับสิ่งแวดล้อมทางกายภาพทก่ี ่อให้เกิดการสรา้ งสรรค์
วิถีการดำเนินชีวติ มจี ติ สำนกึ และมสี ่วนร่วมในการจดั การทรัพยากรและส่ิงแวดล้อมเพ่ือการพัฒนาทยี่ ั่งยืน
ตัวช้วี ดั ช้นั ปี
ป. ๑ ป. ๒ ป. ๓ ป. ๔ ป. ๕ ป. ๖
๑. วิเคราะห์
๑. บอก ๑. อธิบาย ๑. เปรยี บเทยี บ ๑. วเิ คราะห์ ส่ิงแวดลอ้ มทาง ๑. วิเคราะห์
สิง่ แวดล้อมท่ีเกดิ ความสำคญั ของ การเปลยี่ นแปลง กายภาพทีม่ ี ปฏิสมั พนั ธร์ ะหวา่ ง
ตามธรรมชาตทิ ี่ สงิ่ แวดลอ้ ม สง่ิ แวดล้อมของ สิ่งแวดลอ้ มทาง อิทธพิ ล ส่ิงแวดล้อม
ส่งผล ทางธรรมชาติและ ชมุ ชนในอดตี กบั กายภาพทสี่ ง่ ผลต่อ ตอ่ ลักษณะการตงั้ ทางกายภาพกับ
ต่อความเป็นอยู่ ท่ีมนษุ ย์สรา้ งขนึ้ ปัจจุบัน การดำเนินชีวิต ถ่นิ ฐานและการ ลักษณะกจิ กรรม
ของมนุษย์ ๒. จำแนกและใช้ ๒. อธบิ ายการใช้ ของคนในจังหวัด ย้ายถ่ิน ทางเศรษฐกิจ
๒. สงั เกตและ ทรัพยากรธรรมชา ประโยชนจ์ าก ๒. อธิบายการ ของประชากรใน และสังคมใน
เปรียบเทยี บการ ติ ที่ใช้แลว้ ภูมภิ าคของตน ประเทศไทย
เปลยี่ นแปลงของ ไมห่ มดไป ทใ่ี ช้ สง่ิ แวดลอ้ ม เปลีย่ นแปลง ๒. วิเคราะห์ ๒. วเิ คราะห์การ
สงิ่ แวดล้อมเพ่ือ แล้วหมดไป และ อิทธิพลของ เปลยี่ นแปลงทาง
การปฏบิ ตั ติ นอย่าง สร้างทดแทน และ ส่ิงแวดลอ้ มใน สิ่งแวดลอ้ มทาง กายภาพของ
เหมาะสม ขึ้นใหม่ไดอ้ ยา่ ง ทรัพยากรธรรมชา จังหวัด ธรรมชาตทิ ี่ ประเทศไทยในอดตี
๓. มีส่วนร่วมใน คมุ้ ค่า ตใิ นการสนอง กอ่ ให้เกดิ วิถกี าร กบั ปจั จุบัน และผล
การดแู ล ๓. อธิบาย ความต้องการ และผลทเี่ กิดจาก ดำเนินชวี ิต ทเ่ี กิด
สง่ิ แวดลอ้ มที่บา้ น ความสมั พนั ธ์ พื้นฐานของมนษุ ย์ การเปลยี่ นแปลง ในภมู ภิ าคของตน ขน้ึ จากการ
และ ระหว่างฤดกู าล และ ๓. นำเสนอ ๓. นำเสนอ เปล่ียนแปลง
หอ้ งเรียน กบั การดำเนนิ ชีวิต ตัวอยา่ งทีส่ ะท้อน ๓. นำเสนอ
ของมนุษย์ การประกอบอาชีพ แนวทางการ ใหเ้ ห็นผล ตัวอย่างท่ีสะทอ้ น
๔. มีส่วนร่วมใน ๓. อธิบายสาเหตุที่ จดั การส่ิงแวดล้อม จากการรักษาและ ให้เหน็ ผล
การจดั การ ทำลาย จากการรกั ษาและ
สงิ่ แวดลอ้ ม ทำใหเ้ กิดมลพษิ ในจังหวดั ส่งิ แวดลอ้ ม และ ทำลายทรัพยากร
ในโรงเรยี น โดยมนษุ ย์ เสนอแนวทางใน และสิ่งแวดลอ้ ม
การจัดการ และเสนอแนวทาง
๔. อธบิ ายความ สง่ิ แวดลอ้ ม ในการจัดการท่ี
ในภูมภิ าคของตน ยงั่ ยนื ในประเทศ
แตกต่างของ ไทย
ลกั ษณะเมอื งและ
ชนบท
๕. อธิบาย
ความสมั พนั ธ์
ระหวา่ งลักษณะ
ทางกายภาพกับ
การดำเนินชวี ติ
ของคน
ในชมุ ชน
๖. มีสว่ นร่วมใน
การจัดการ
สงิ่ แวดล้อมใน
ชุมชน
ห ลั ก สู ต ร ส ถ า น ศึ ก ษ า โ ร ง เ รี ย น บ้ า น เ ข า เ ที ย ม ป่ า . . . ห น ้ า | ๘๓
กลุ่มสาระการเรยี นรสู้ ขุ ศกึ ษาและพลศึกษา
ทำไมต้องเรยี นสขุ ศึกษาและพลศกึ ษา
สุขภาพ หรือ สุขภาวะ หมายถึง ภาวะของมนุษย์ที่สมบูรณ์ทั้งทางกาย ทางจิต ทางสังคม และทาง
ปัญญาหรือจิตวิญญาณ สุขภาพหรือสุขภาวะจึงเป็นเรือ่ งสำคัญ เพราะเกี่ยวโยงกับทุกมิติของชวี ิต ซึ่งทุกคนควรจะ
ได้เรยี นรเู้ รอื่ งสขุ ภาพ เพ่ือจะไดม้ คี วามรู้ ความเขา้ ใจที่ถกู ต้อง มเี จตคติ คุณธรรมและค่านิยมท่เี หมาะสม รวมทั้งมี
ทักษะปฏบิ ัตดิ ้านสุขภาพจนเป็นกจิ นสิ ัย อนั จะส่งผลใหส้ ังคมโดยรวมมีคุณภาพ
เรียนร้อู ะไรในสุขศกึ ษาและพลศกึ ษา
สุขศึกษาและพลศึกษาเป็นการศึกษาด้านสุขภาพที่มีเป้าหมาย เพื่อการดำรงสุขภาพ การสร้างเสริมสุขภาพ
และการพฒั นาคณุ ภาพชวี ิตของบคุ คล ครอบครัว และชมุ ชนใหย้ งั่ ยืน
สุขศึกษา มุ่งเน้นให้ผู้เรียนพัฒนาพฤติกรรมด้านความรู้ เจตคติ คุณธรรม ค่านิยม และ การปฏิบัติ
เกยี่ วกับสขุ ภาพควบคู่ไปดว้ ยกนั
พลศึกษา มุ่งเน้นให้ผู้เรียนใช้กิจกรรมการเคลื่อนไหว การออกกำลังกาย การเล่นเกมและกีฬา เป็น
เครื่องมือในการพัฒนาโดยรวมทั้งด้านร่างกาย จิตใจ อารมณ์ สังคม สติปัญญา รวมทั้งสมรรถภาพเพื่อสุขภาพ
และกฬี า
สาระทเ่ี ป็นกรอบเน้ือหาหรือขอบขา่ ยองคค์ วามรูข้ องกลุ่มสาระการเรยี นรสู้ ุขศึกษาและพลศึกษาประกอบดว้ ย
• การเจริญเติบโตและพัฒนาการของมนุษย์ ผู้เรียนจะได้เรียนรู้เรื่องธรรมชาติของ การ
เจริญเติบโตและพัฒนาการของมนุษย์ ปัจจัยที่มีผลต่อการเจริญเติบโต ความสัมพันธ์เชื่อมโยงในการทำงานของ
ระบบตา่ งๆของรา่ งกาย รวมถึงวิธปี ฏิบตั ิตนเพอื่ ให้เจรญิ เติบโตและมพี ฒั นาการทสี่ มวัย
• ชีวิตและครอบครัว ผู้เรียนจะได้เรียนรู้เรื่องคุณค่าของตนเองและครอบครัว การปรับตัวต่อการ
เปล่ียนแปลงทางรา่ งกาย จติ ใจ อารมณค์ วามรสู้ ึกทางเพศ การสร้างและรกั ษาสัมพนั ธภาพกับผู้อ่นื สุขปฏบิ ัติทางเพศ
และทักษะในการดำเนนิ ชวี ติ
• การเคลื่อนไหว การออกกำลังกาย การเล่นเกม กีฬาไทย และกีฬาสากล ผู้เรียนได้เรียนรู้เรื่องการ
เคลื่อนไหวในรูปแบบต่าง ๆ การเข้าร่วมกิจกรรมทางกายและกีฬา ทั้งประเภทบุคคล และประเภททีมอย่าง
หลากหลายท้ังไทยและสากล การปฏิบตั ิตามกฎ กติกา ระเบียบ ข้อตกลงในการเข้ารว่ มกจิ กรรมทางกายและกีฬา
และความมนี ้ำใจนกั กฬี า
• การสร้างเสริมสุขภาพ สมรรถภาพ และการป้องกันโรค ผู้เรียนจะได้เรียนรู้เกี่ยวกับหลักและวิธีการ
เลือกบริโภคอาหาร ผลิตภัณฑ์และบริการสุขภาพ การสร้างเสริมสมรรถภาพเพื่อสุขภาพ และการป้องกันโรคท้ัง
โรคติดตอ่ และโรคไม่ตดิ ตอ่
• ความปลอดภัยในชีวิต ผู้เรียนจะได้เรียนรู้เร่ืองการปอ้ งกันตนเองจากพฤติกรรมเสี่ยงตา่ งๆ ทั้ง
ความเสี่ยงต่อสุขภาพ อุบัติเหตุ ความรุนแรง อันตรายจากการใช้ยาและสารเสพติด รวมถึงแนวทางในการสร้างเสรมิ
ความปลอดภัยในชีวิต
ห ลั ก สู ต ร ส ถ า น ศึ ก ษ า โ ร ง เ รี ย น บ้ า น เ ข า เ ที ย ม ป่ า . . . ห น ้ า | ๘๔
คุณภาพผเู้ รยี น
จบชนั้ ประถมศึกษาปที ่ี 3
• มีความรู้ และเข้าใจในเรื่องการเจริญเติบโตและพัฒนาการของมนุษย์ ปัจจัยที่มีผลต่อการเจริญเติบโต
และพัฒนาการ วิธกี ารสรา้ งสมั พันธภาพในครอบครัวและกลุม่ เพ่ือน
• มีสุขนิสัยที่ดีในเรื่องการกิน การพักผ่อนนอนหลับ การรักษาความสะอาดอวัยวะทุกส่วนของร่างกาย
การเลน่ และการออกกำลังกาย
• ป้องกันตนเองจากพฤติกรรมที่อาจนำไปสู่การใช้สารเสพติด การล่วงละเมิดทางเพศและรู้จักปฏิเสธใน
เรื่องทไ่ี มเ่ หมาะสม
• ควบคุมการเคลื่อนไหวของตนเองได้ตามพัฒนาการในแต่ละช่วงอายุ มีทักษะการเคลื่อนไหวขั้นพื้นฐาน
และมีส่วนร่วมในกิจกรรมทางกาย กิจกรรมสร้างเสริมสมรรถภาพทางกายเพื่อสุขภาพและเกม ได้อย่างสนุกสนาน
และปลอดภยั
• มีทักษะในการเลือกบริโภคอาหาร ของเล่น ของใช้ ที่มีผลดีต่อสุขภาพ หลีกเลี่ยงและป้องกันตนเอง
จากอบุ ัติเหตไุ ด้
• ปฏิบัติตนได้อยา่ งถูกตอ้ งเหมาะสมเมื่อมปี ญั หาทางอารมณ์และปัญหาสุขภาพ
• ปฏบิ ตั ิตนตามกฎ ระเบียบขอ้ ตกลง คำแนะนำและขน้ั ตอนตา่ ง ๆ และใหค้ วามร่วมมือกบั ผู้อ่ืนด้วยความ
เตม็ ใจจนงานประสบความสำเร็จ
• ปฏิบัติตามสทิ ธิของตนเองและเคารพสทิ ธิของผู้อ่ืนในการเลน่ เปน็ กล่มุ
จบชั้นประถมศึกษาปีที่ 6
• เข้าใจความสัมพันธ์เชื่อมโยงในการทำงานของระบบต่าง ๆ ของร่างกาย และรู้จักดูแลอวัยวะที่สำคัญ
ของระบบนัน้ ๆ
• เข้าใจธรรมชาติการเปลี่ยนแปลงทางร่างกาย จิตใจ อารมณ์และสังคม แรงขับทางเพศของชายหญิง
เมอ่ื ย่างเขา้ สูว่ ยั แรกร่นุ และวัยรุ่น สามารถปรบั ตวั และจดั การได้อยา่ งเหมาะสม
• เขา้ ใจและเห็นคณุ ค่าของการมชี วี ติ และครอบครวั ที่อบอุ่น และเปน็ สขุ
• ภูมใิ จและเห็นคณุ คา่ ในเพศของตน ปฏบิ ตั ิสุขอนามยั ทางเพศไดถ้ กู ต้องเหมาะสม
• ป้องกันและหลีกเลี่ยงปัจจัยเสี่ยง พฤติกรรมเสี่ยงต่อสุขภาพและการเกิดโรค อุบัติเหตุ ความรุนแรง
สารเสพตดิ และการล่วงละเมดิ ทางเพศ
• มีทกั ษะการเคลือ่ นไหวพืน้ ฐานและการควบคุมตนเองในการเคลื่อนไหวแบบผสมผสาน
• รู้หลักการเคลื่อนไหวและสามารถเลือกเข้าร่วมกิจกรรมทางกาย เกม การละเล่นพื้นเมือง กีฬาไทย
กีฬาสากลได้อย่างปลอดภัยและสนุกสนาน มีน้ำใจนักกีฬา โดยปฏิบัติตามกฎ กติกา สิทธิ และหน้าที่ของตนเอง
จนงานสำเร็จลลุ ว่ ง
• วางแผนและปฏิบัติกิจกรรมทางกาย กิจกรรมสร้างเสริมสมรรถภาพทางกายเพื่อสุขภาพได้ตามความ
เหมาะสมและความตอ้ งการเปน็ ประจำ
• จดั การกับอารมณ์ ความเครียด และปัญหาสุขภาพไดอ้ ย่างเหมาะสม
• มที กั ษะในการแสวงหาความรู้ ขอ้ มูลข่าวสารเพ่ือใช้สรา้ งเสริมสุขภาพ
ห ลั ก สู ต ร ส ถ า น ศึ ก ษ า โ ร ง เ รี ย น บ้ า น เ ข า เ ที ย ม ป่ า . . . ห น ้ า | ๘๕
สาระที่ ๑ การเจรญิ เตบิ โตและพฒั นาการของมนุษย์
มาตรฐาน พ ๑.๑ เข้าใจธรรมชาตขิ องการเจริญเติบโตและพฒั นาการของมนุษย์
ตวั ช้วี ัดชนั้ ปี
ป. ๑ ป. ๒ ป. ๓ ป. ๔ ป. ๕ ป. ๖
๑. อธิบายลักษณะ ๑. อธิบายกษณะ ๑. อธบิ ายลกั ษณะ ๑. อธบิ ายการ ๑. อธบิ าย ๑. อธิบาย
และหนา้ ที่ของ และหนา้ ทีข่ อง และการ เจรญิ เตบิ โต ความสำคญั ความสำคญั ของ
อวัยวะภายนอก อวยั วะภายใน เจรญิ เติบโตของ และ ของระบบย่อย ระบบสบื พนั ธ์ุ
๒. อธิบายวิธี ดูแล ๒. อธบิ ายวิธีดแู ล รา่ งกายมนษุ ย์ พัฒนาการ อาหาร และ ระบบไหลเวยี น
รักษาอวยั วะ ๒. เปรียบ เทยี บ ของรา่ งกาย ระบบขบั ถ่ายที่ โลหติ และระบบ
ภายนอก รักษาอวยั วะ การเจรญิ เตบิ โต และจติ ใจตาม มผี ลตอ่ สุขภาพ หายใจ ท่ีมีผลตอ่
ภายใน ของตนเองกบั วัย การเจรญิ เติบโต สุขภาพ การ
๓. อธิบาย เกณฑ์มาตรฐาน ๒. อธิบายความ และพัฒนาการ เจรญิ เติบโตและ
ธรรมชาตขิ อง ๓. ระบุปจั จยั ทม่ี ผี ล สำคัญของ ๒. อธบิ ายวิธดี แู ล พฒั นาการ
ชวี ิตมนษุ ย์ ตอ่ การเจริญเติบ กล้ามเนอ้ื ระบบยอ่ ย ๒. อธบิ ายวธิ กี าร
โต กระดูกและขอ้ อาหารและ ดูแลระบบสืบพันธ์ุ
ทีม่ ผี ลตอ่ ระบบขบั ถา่ ยให้ ระบบไหลเวยี น
สขุ ภาพ การ ทำงานตามปกติ โลหิต และระบบ
เจริญ เตบิ โต หายใจใหท้ ำงาน
และ ตามปกติ
พฒั นาการ
๓. อธบิ ายวิธี
ดแู ลกลา้ มเน้ือ
กระดกู และ
ขอ้ ให้ทำงาน
อย่างมี
ประสทิ ธภิ าพ
ห ลั ก สู ต ร ส ถ า น ศึ ก ษ า โ ร ง เ รี ย น บ้ า น เ ข า เ ที ย ม ป่ า . . . ห น ้ า | ๘๖
สาระที่ ๒ ชีวิตและครอบครวั
มาตรฐาน พ ๒.๑ เข้าใจและเห็นคุณคา่ ตนเอง ครอบครัว เพศศึกษา และมที ักษะในการดำเนนิ ชวี ิต
ตัวช้วี ดั ชน้ั ปี
ป. ๑ ป. ๒ ป. ๓ ป. ๔ ป. ๕ ป. ๖
๑. ระบสุ มาชกิ ใน ๑. ระบบุ ทบาท ๑. อธบิ ายการ ๑. อธบิ าย
๑. อธิบาย ๑. อธบิ าย
ครอบครัวและ หน้าท่ขี อง ความสำคญั คณุ ลักษณะของ เปลยี่ นแปลง ความสำคญั ของ
ความรักความ ตนเอง และ และความ ความเปน็ เพ่อื น ทางเพศ และ การสร้างและ
ผกู พนั ของ สมาชิกใน แตกต่างของ และสมาชิกท่ดี ี ปฏบิ ตั ิตนได้ รกั ษา
สมาชิกทม่ี ีตอ่ ครอบครวั ครอบครวั ทีม่ ี ของครอบครัว เหมาะสม สมั พนั ธภาพ
กนั ๒. บอก ต่อตนเอง ๒. แสดง ๒. อธบิ าย กับผู้อืน่
๒. บอกส่งิ ท่ีชนื่ ความสำคญั ของ ๒. อธิบายวธิ ี พฤติกรรมที่ ความสำคญั ของ ๒. วเิ คราะห์
ชอบ และ เพ่ือน สรา้ ง เหมาะสมกับ การมีครอบครวั พฤติกรรมเสย่ี ง
ภาคภูมิใจ ๓. ระบุพฤติกรรม สมั พนั ธภาพใน เพศของตนตาม ที่อบอนุ่ ตาม ที่อาจนำไปสู่
ในตนเอง ที่เหมาะสมกบั ครอบครัวและ วัฒนธรรมไทย วัฒนธรรมไทย การมี
๓. บอกลกั ษณะ เพศ กลุ่มเพื่อน ๓. ยกตวั อย่าง ๓. ระบุ เพศสมั พนั ธ์
ความแตกต่าง ๔. อธิบายความ ๓. บอกวิธี วธิ ีการปฏิเสธ พฤตกิ รรม การติดเชอ้ื เอดส์
ระหว่างเพศชาย ภาคภูมใิ จ หลีกเลย่ี ง การกระทำที่ ท่ีพงึ ประสงค์ และการ
และเพศหญิง ในความเปน็ พฤติกรรม เป็นอนั ตราย และไมพ่ ึง ต้ังครรภก์ ่อนวัย
เพศหญงิ หรือ ท่นี ำไปสกู่ าร และ ไม่ ประสงค์ อนั ควร
เพศชาย ลว่ งละเมดิ ทาง เหมาะสมใน ในการแกไ้ ข
เพศ เร่อื งเพศ ปญั หาความ
ขดั แยง้ ใน
ครอบครวั และ
กลุม่ เพอ่ื น
ห ลั ก สู ต ร ส ถ า น ศึ ก ษ า โ ร ง เ รี ย น บ้ า น เ ข า เ ที ย ม ป่ า . . . ห น ้ า | ๘๗
สาระท่ี ๓ การเคลอ่ื นไหว การออกกำลังกาย การเลน่ เกม กีฬาไทย และกีฬาสากล
มาตรฐาน พ ๓.๑ เขา้ ใจ มีทักษะในการเคลื่อนไหว กจิ กรรมทางกาย การเล่นเกม และกฬี า
ตวั ชว้ี ัดช้ันปี
ป. ๑ ป. ๒ ป. ๓ ป. ๔ ป. ๕ ป. ๖
๑. ควบคุมการ ๑. จดั รูปแบบ ๑. แสดงทักษะ
๑. เคลือ่ น ไหว ๑. ควบคมุ ๑. ควบคมุ ตนเอง
รา่ งกายขณะอยู่ เคล่ือนไหว การเคลอ่ื นไหว เม่ือใช้ทกั ษะ การเคลือ่ นไหว การเคลอ่ื นไหว
กับที่ เคลือ่ นท่ี รา่ งกาย การเคลอ่ื นไหว แบบผสมผสาน ร่วมกับผอู้ ่ืนใน
และใช้อปุ กรณ์ ขณะอยกู่ บั ท่ี รา่ งกาย ขณะ ในลกั ษณะ และควบคมุ ลกั ษณะ
ประกอบ เคลื่อนท่ี และใช้ อยู่กบั ที่ ผสมผสานได้ ตนเองเมอื่ ใช้ แบบผลดั และ
อุปกรณ์ เคล่อื นทแี่ ละใช้ ทงั้ แบบอยู่กับที่ ทกั ษะการ แบบผสมผสาน
๒. เล่นเกม ประกอบ อปุ กรณ์ เคลอ่ื นท่ี และ เคลือ่ นไหวตาม ได้ตามลำดบั ทงั้
เบด็ เตล็ดและ ประกอบ อยา่ ง แบบทกี่ ำหนด แบบอยกู่ บั ที่
เขา้ ร่วมกิจกรรม ๒. เล่นเกม มีทิศทาง ๒. เลน่ เกม เคล่ือนที่ และ
ทางกายท่ีใช้ นำไปสกู่ ฬี า ใช้อุปกรณ์
การเคลอ่ื นไหว เบด็ เตล็ดและ ๒. เคลื่อนไหว ใช้อปุ กรณ์ ท่ีเลือกและ ประกอบ และ
ตามธรรมชาติ รา่ งกายทใ่ี ช้ ประกอบ๒. ฝกึ กจิ กรรมการ การเคลื่อนไหว
เขา้ รว่ มกิจกรรม ทักษะการ กายบริหารทา่ เคลอื่ นไหว ประกอบเพลง
เคล่อื นไหวแบบ มือเปลา่ แบบผลดั
ทางกายท่วี ิธี บงั คับทศิ ทางใน ประกอบจงั หวะ ๒. จำแนก
การเลน่ เกม ๓. เลน่ เกม ๓. ควบคมุ การ
เล่น อาศยั การ เบด็ เตล็ด เลียนแบบและ หลักการ
เคลือ่ นไหว ใน
เคลอ่ื นไหว กจิ กรรมแบบ เคลอ่ื นไหวใน
เร่อื งการรบั แรง
เบือ้ งต้นทงั้ แบบ ผลดั เรื่องการรับแรง
การใช้แรงและ
อยู่กับท่ี ๔. เล่นกฬี า การใช้แรง
ความสมดลุ
เคลอื่ นที่และใช้ พื้นฐานไดอ้ ย่าง และความสมดุล
๔. แสดงทกั ษะ
อุปกรณ์ ในการ
กลไก ในการ
ประกอบ เคลือ่ นไหว
ปฏบิ ตั กิ จิ กรรม
นอ้ ย ๑ ชนดิ รา่ งกายในการ
ทางกายและเลน่
เลน่ เกม เล่น
กีฬา
กีฬา และนำผล
๕. เลน่ กีฬาไทย
มาปรบั ปรงุ
และกีฬาสากล
เพมิ่ พูนวธิ ีปฏบิ ัติ
ประเภทบุคคล
ของตนและผู้อืน่
และประเภททมี
๓. เลน่ กีฬาไทย
ได้อย่างละ ๑
กฬี าสากล
ชนดิ
ประเภทบุคคล
และประเภททมี
ห ลั ก สู ต ร ส ถ า น ศึ ก ษ า โ ร ง เ รี ย น บ้ า น เ ข า เ ที ย ม ป่ า . . . ห น ้ า | ๘๘
มาตรฐาน พ ๓.๒ รักการออกกำลงั กาย การเลน่ เกม และการเล่นกีฬา ปฏบิ ัตเิ ปน็ ประจำอยา่ งสม่ำเสมอ มวี ินัย
เคารพสิทธิ กฎ กติกา มนี ำ้ ใจนักกีฬา มจี ติ วญิ ญาณในการแข่งขันและช่นื ชมในสุนทรียภาพของการกฬี า
ตัวชี้วดั ช้ันปี
ป. ๑ ป. ๒ ป. ๓ ป. ๔ ป. ๕ ป. ๖
๑. ออกกำลงั กาย ๑. ออกกำลงั กาย ๑. ออกกำลงั กาย ๑. อธิบาย
๑. เลือก ๑. ออกกำลังกาย
และเลน่ เกม และเล่นเกม ออกกำลงั กาย เล่นเกม และ อยา่ งมีรูปแบบ ประโยชนแ์ ละ
ตามคำแนะนำ ได้ด้วยตนเอง การละเลน่ กีฬา ทีต่ นเอง เลน่ เกมที่ใช้ หลักการออก
อยา่ งสนุกสนาน อย่างสนกุ สนาน พน้ื เมือง ชอบและ ทักษะการคิด กำลงั กายเพ่ือ
๒. ปฏิบตั ติ นตาม ๒.ปฏบิ ตั ติ ามกฎ และเล่นเกม มีความสามารถ และตดั สินใจ สุขภาพ
กฎ กตกิ า กตกิ าและ ท่เี หมาะสมกบั ในการวิเคราะห์ ๒. เล่นกีฬา สมรรถภาพ
ขอ้ ตกลง ขอ้ ตกลงในการ จดุ เด่นจดุ ด้อย ผลพฒั นาการ ท่ตี นเองชอบ ทางกายและ
ในการเล่นเกม เล่นเกมเป็น และข้อจำกดั ของตนเองตาม อยา่ งสมำ่ เสมอ การสรา้ งเสรมิ
ตามคำแนะนำ กลุ่ม ของตนเอง ตัวอยา่ งและ โดยสรา้ ง บุคลกิ ภาพ
แบบปฏิบัตขิ อง ทางเลือก ๒. เล่นเกม ที่ใช้
๒. ปฏิบตั ติ ามกฎ ผอู้ นื่ ในวิธปี ฏิบตั ขิ อง ทักษะการ
กตกิ าและ ตนเองอยา่ ง วางแผน และ
ข้อตกลงของ ๒. ปฏิบัตติ ามกฎ หลาก หลาย สามารถเพ่มิ พนู
การออกกำลงั กติกาการเล่น และมีน้ำใจ ทกั ษะการออก
กาย การเลน่ กีฬาพืน้ ฐาน นกั กฬี า กำลังกายและ
เกม ตามชนิดกฬี าที่ ๓. ปฏบิ ตั ติ ามกฎ เคลอ่ื นไหวอยา่ ง
การละเลน่ - เล่น กตกิ า การเลน่ เป็นระบบ
พ้นื เมอื งไดด้ ว้ ย เกม กฬี าไทย ๓. เล่นกีฬา
ตนเอง และกีฬาสากล ทต่ี นเองช่นื ชอบ
ตามชนดิ กีฬา และสามารถ
ทีเ่ ล่น ประเมินทักษะ
๔. ปฏิบตั ติ นตาม การเลน่ ของตน
สิทธขิ องตนเอง เปน็ ประจำ
ไมล่ ะเมดิ สิทธิ ๔. ปฏิบัตติ ามกฎ
ผู้อน่ื และ กตกิ า ตาม
ยอมรับในความ ชนิดกฬี าทีเ่ ลน่
แตกต่าง โดยคำนึงถงึ
ระหวา่ งบุคคล ความปลอดภยั
ในการเล่นเกม ของตนเองและ
กีฬาไทยและ ผู้อืน่
กีฬาสากล ๕.จำแนกกลวิธี
การรุก
การป้องกัน
และนำไปใชใ้ น
การเลน่ กฬี า
๖. เลน่ เกมและ
กีฬาด้วย
ความสามคั คี
และมนี ้ำใจ
นกั กีฬา
ห ลั ก สู ต ร ส ถ า น ศึ ก ษ า โ ร ง เ รี ย น บ้ า น เ ข า เ ที ย ม ป่ า . . . ห น ้ า | ๘๙
สาระท่ี ๔ การสรา้ งเสรมิ สุขภาพ สมรรถภาพและการปอ้ งกนั โรค
มาตรฐาน พ ๔.๑ เหน็ คุณคา่ และมที ักษะในการสร้างเสรมิ สุขภาพ การดำรงสุขภาพ การป้องกนั โรคและการสรา้ ง
เสรมิ สมรรถภาพเพ่ือสุขภาพ
ตวั ชว้ี ดั ชนั้ ปี
ป. ๑ ป. ๒ ป. ๓ ป. ๔ ป. ๕ ป. ๖
๑. ปฏิบตั ติ นตาม ๑. บอกลกั ษณะ ๑. อธบิ ายการ ๑. อธิบาย ๑. แสดง ๑. แสดง
หลักสุขบญั ญตั ิ- ของการมี
แหง่ ชาติ สขุ ภาพดี ตดิ ต่อและ ความสัมพันธ์ พฤตกิ รรม พฤติกรรม
ตามคำแนะนำ
๒. เลอื กกิน วิธีการป้องกัน ระหวา่ ง ทเ่ี หน็ ในการปอ้ งกนั
๒. บอกอาการ อาหารท่มี ี และแกไ้ ข
เจ็บป่วยทเ่ี กดิ ประโยชน์ การแพร่ สิ่งแวดล้อมกบั ความสำคญั ของ
ขน้ึ กบั ตนเอง๓. ปญั หา
ปฏบิ ัติตนตาม ๓. ระบุของใช้ กระจาย สุขภาพ การปฏิบตั ติ น
คำแนะนำเมอ่ื มี และของเลน่ ทม่ี ี สง่ิ แวดลอ้ มท่ีมี
อาการเจบ็ ป่วย ผลเสียต่อ ของโรค ๒. อธบิ ายสภาวะ ตามสุขบญั ญตั ิ ผลตอ่ สขุ ภาพ
สุขภาพ
๒. จำแนกอาหาร อารมณ์ แหง่ ชาติ ๒. วิเคราะห์
๔. อธิบายอาการ
และวิธปี ้องกัน หลัก๕ หมู่ ความรสู้ ึกที่มีผล ๒. คน้ หาข้อมูล ผลกระทบทีเ่ กดิ
การเจบ็ ป่วย จากการระบาด
การบาดเจบ็ ที่ ๓. เลอื กกนิ ต่อสุขภาพ ขา่ วสารเพื่อใช้
อาจเกดิ ขึน้ ของโรคและ
อาหารท่ี ๓. วิเคราะห์ สร้างเสริม
๕. ปฏบิ ตั ติ าม เสนอแนว
คำแนะนำเมื่อมี หลากหลายครบ ขอ้ มูลบนฉลาก สขุ ภาพ ทางการปอ้ งกนั
อาการเจบ็ ปว่ ย
และบาดเจบ็ ๕ หมู่ในสดั ส่วน อาหารและ ๓. วเิ คราะห์สอื่ โรคตดิ ตอ่ สำคญั
ท่ีเหมาะสม ผลิตภณั ฑ์ โฆษณาในการ ท่พี บในประเทศ
ไทย
๔. แสดงวธิ ีแปรง สุขภาพ เพ่อื ตัดสนิ ใจเลือก
๓. แสดง
ฟนั ใหส้ ะอาด การเลือก ซ้อื อาหาร และ
พฤติกรรมทบี่ ง่
อยา่ ง บริโภค ผลติ ภณั ฑ์ บอกถึงความ
ถกู วิธี ๔. ทดสอบและ สุขภาพอย่างมี รบั ผิดชอบตอ่
๕. สร้างเสรมิ ปรบั ปรงุ เหตผุ ล สขุ ภาพของ
๔. ปฏิบัตติ นใน ส่วนรวม
สมรรถภาพทาง สมรรถภาพทาง ๔. สรา้ งเสริมและ
กายไดต้ าม การป้องกนั โรค
คำแนะนำ กายตามผลการ ทพ่ี บบอ่ ยใน ปรับปรุง
ชวี ิตประจำวนั สมรรถภาพทาง
ตรวจสอบ ๕. ทดสอบและ กายเพอื่ สขุ ภาพ
สมรรถภาพ ปรบั ปรุง อย่างต่อเน่ือง
สมรรถภาพทาง
ทางกาย กายตามผลการ
ทดสอบ
สมรรถภาพ
ทางกาย
ห ลั ก สู ต ร ส ถ า น ศึ ก ษ า โ ร ง เ รี ย น บ้ า น เ ข า เ ที ย ม ป่ า . . . ห น ้ า | ๙๐
สาระท่ี ๕ ความปลอดภัยในชวี ิต
มาตรฐาน พ ๕.๑ ป้องกันและหลกี เลยี่ งปจั จยั เส่ียง พฤติกรรมเสีย่ งตอ่ สุขภาพ อบุ ัติเหตุ การใชย้ า สารเสพติด
และความรนุ แรง
ป. ๑ ป. ๒ ตวั ชว้ี ดั ชน้ั ปี ป. ๕ ป. ๖
ป. ๓ ป. ๔
๑. ระบุสิ่ง ท่ที ำ ๑. ปฏิบัตติ นใน ๑.วเิ คราะห์ปจั จัยท่ี ๑. วิเคราะห์
ให้เกดิ อันตราย การปอ้ งกัน ๑. ปฏบิ ัติตนเพ่อื ๑. อธบิ าย มีอิทธิพลตอ่ การ ผลกระทบจาก
ท่ีบ้าน โรงเรียน อบุ ตั ิเหตุท่ีอาจ ความปลอดภยั ความสำคญั ของ ใชส้ ารเสพตดิ ความรุนแรงของ
และการป้องกัน เกดิ ขึ้นทางนำ้ จากอบุ ตั ิเหตุใน การใช้ยาและใช้ ภัยธรรมชาตทิ ่ีมี
และทางบก บ้าน โรงเรยี น ยาอย่างถกู วิธี ๒. วเิ คราะห์ ต่อรา่ งกาย
๒. บอกสาเหตุ และการเดนิ ทาง ผลกระทบของ จิตใจ และสังคม
และการปอ้ งกนั ๒. บอกช่ือยา ๒. แสดงวิธีปฐม การใช้ยา และ
อันตรายที่เกดิ สามัญประจำ ๒. แสดงวิธี ขอ พยาบาลเมือ่ สารเสพตดิ ท่มี ี ๒. ระบวุ ิธปี ฏบิ ตั ิ
จากการเล่น บา้ น และใช้ยา ความชว่ ยเหลอื ไดร้ ับอันตราย ผลต่อร่างกาย ตน เพอื่ ความ
ตามคำแนะนำ๓. จากบคุ คลและ จากการใช้ยาผดิ จติ ใจ อารมณ์ ปลอดภยั จาก ภยั
๓. แสดงคำพดู หรอื ระบุโทษของสาร แหล่งตา่ ง ๆ สารเคมี แมลง สงั คม และ ธรรมชาติ
ท่าทางขอความ เสพติด สาร เม่ือเกดิ เหตรุ า้ ย สัตวก์ ดั ตอ่ ย สติปญั ญา
ชว่ ยเหลือจาก อันตรายใกลต้ วั หรืออบุ ัติเหตุ และการบาดเจ็บ ๓. วิเคราะหส์ าเหตุ
ผู้อ่ืนเมือ่ เกดิ และวิธกี าร จากการเล่นกฬี า ๓. ปฏบิ ตั ติ นเพอ่ื ของการ ตดิ
เหตรุ ้าย ที่บ้าน ปอ้ งกนั ๓. แสดงวิธปี ฐม ๓. วิเคราะห์ ความปลอดภัย สารเสพตดิ และ
และโรงเรยี น พยาบาล เมื่อ ผลเสยี ของการ จากการใช้ยา ชกั ชวน ใหผ้ อู้ น่ื
๔. ปฏิบัตติ นตาม บาดเจ็บจากการ สูบบุหร่ี และ และหลกี เลยี่ ง หลกี เลี่ยง
สญั ลักษณ์และ เลน่ การดื่มสุรา สารเสพตดิ สารเสพตดิ
ปา้ ยเตอื นของ ทม่ี ีต่อสุขภาพ
สง่ิ ของหรือ และการป้องกนั ๔. วิเคราะห์
สถานท่ที ่ีเปน็ อิทธพิ ลของส่อื ที่
อันตราย มตี ่อพฤตกิ รรม
สุขภาพ
๕. อธิบายสาเหตุ
๕. ปฏิบตั ติ นเพอ่ื
อนั ตราย ป้องกนั อันตราย
จากการเล่นกีฬา
วิธีป้องกัน
อคั คีภยั และ
แสดงการ
หนไี ฟ
ห ลั ก สู ต ร ส ถ า น ศึ ก ษ า โ ร ง เ รี ย น บ้ า น เ ข า เ ที ย ม ป่ า . . . ห น ้ า | ๙๑
กลุ่มสาระการเรยี นรู้ศลิ ปะ
ทำไมต้องเรยี นศลิ ปะ
กลุม่ สาระการเรยี นรู้ศลิ ปะเป็นกลมุ่ สาระท่ีช่วยพัฒนาให้ผู้เรยี นมีความคิดริเร่ิมสร้างสรรค์ มีจินตนาการ
ทางศิลปะ ชื่นชมความงาม มีสุนทรียภาพ ความมีคุณค่า ซึ่งมีผลต่อคุณภาพชีวิตมนุษย์ กิจกรรมทางศิลปะช่วย
พัฒนาผูเ้ รียนทั้งด้านรา่ งกาย จติ ใจ สติปัญญา อารมณ์ สงั คม ตลอดจนการนำไปสู่การพฒั นาสิ่งแวดล้อม ส่งเสริมให้
ผู้เรียนมีความเชอื่ ม่ันในตนเอง อนั เป็นพ้นื ฐานในการศึกษาตอ่ หรือประกอบอาชีพได้
เรียนรอู้ ะไรในศลิ ปะ
กลุ่มสาระการเรียนรู้ศิลปะ มุ่งพัฒนาให้ผู้เรียนเกิดความรู้ความเข้าใจ มีทักษะวิธีการทางศิลปะ เกิดความ
ซาบซึง้ ในคณุ ค่าของศลิ ปะเปิดโอกาสให้ผูเ้ รียนแสดงออกอยา่ งอิสระในศิลปะแขนงต่างๆ ประกอบด้วยสาระสำคญั คือ
• ทัศนศิลป์ มคี วามรู้ความเข้าใจองคป์ ระกอบศิลป์ ทัศนธาตุ สรา้ งและนำเสนอผลงานทางทัศนศิลป์จาก
จินตนาการ โดยสามารถใช้อุปกรณ์ที่เหมาะสม รวมทั้งสามารถใช้เทคนิค วิธีการของศิลปินในการสร้างงานได้อย่างมี
ประสิทธิภาพ วิเคราะห์ วิพากษ์วิจารณ์คุณค่างานทัศนศิลป์ เข้าใจความสัมพันธ์ระหว่างทัศนศิลป์ ประวัติศาสตร์
และวัฒนธรรมเห็นคุณค่างานศิลปะที่เป็นมรดกทางวัฒนธรรม ภูมิปัญญาท้องถิ่นภูมิปัญญาไทยและสากล ชื่นชม
ประยกุ ต์ใชใ้ นชีวิตประจำวนั
• ดนตรี มีความรู้ความเข้าใจองค์ประกอบดนตรีแสดงออกทางดนตรีอย่างสร้างสรรค์ วิเคราะห์
วิพากษ์วิจารณ์คุณค่าดนตรี ถ่ายทอดความรู้สึก ทางดนตรีอย่างอิสระ ชื่นชมและประยุกต์ใชใ้ นชีวิตประจำวัน เข้าใจ
ความสัมพันธ์ระหว่างดนตรี ประวัติศาสตร์ และวัฒนธรรม เห็นคุณค่าดนตรีที่เป็นมรดกทางวัฒนธรรม ภูมิปัญญา
ท้องถิ่น ภูมิปัญญาไทย และสากล ร้องเพลง และเล่นดนตรีในรูปแบบต่างๆ แสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับเสียงดนตรี
แสดงความรู้สึกที่มตี ่อดนตรีในเชิงสุนทรียะ เข้าใจความสัมพันธ์ระหว่างดนตรีกับประเพณีวัฒนธรรม และเหตุการณ์
ในประวตั ศิ าสตร์
• นาฏศิลป์ มีความรคู้ วามเขา้ ใจองค์ประกอบนาฏศลิ ป์ แสดงออกทางนาฏศิลปอ์ ย่างสร้างสรรค์ ใช้ศัพท์
เบื้องต้นทางนาฏศิลป์ วิเคราะห์วิพากษ์ วิจารณ์คุณค่านาฏศิลป์ ถ่ายทอดความรู้สึก ความคิดอย่างอิสระ สร้างสรรค์
การเคลื่อนไหวในรูปแบบต่างๆ ประยุกต์ใช้นาฏศิลป์ในชีวิตประจำวัน เข้าใจความสัมพันธ์ระหว่างนาฏศิลป์กับ
ประวัติศาสตร์ วัฒนธรรม เห็นคุณค่าของนาฏศิลป์ที่เป็นมรดกทางวัฒนธรรม ภูมิปัญญาท้องถิ่น ภูมิปัญญาไทย
และสากล
ห ลั ก สู ต ร ส ถ า น ศึ ก ษ า โ ร ง เ รี ย น บ้ า น เ ข า เ ที ย ม ป่ า . . . ห น ้ า | ๙๒
คณุ ภาพผู้เรยี น
จบชัน้ ประถมศกึ ษาปีที่ 3
รู้และเข้าใจเกี่ยวกับรูปร่าง รูปทรง และจำแนกทัศนธาตุของสิ่งต่าง ๆ ในธรรมชาติสิ่งแวดล้อมและ
งานทัศนศิลป์ มีทักษะพื้นฐานการใช้วัสดุอุปกรณ์ในการสร้างงานวาดภาพระบายสี โดยใช้เส้น รูปร่าง รูปทรง สี และ
พื้นผิว ภาพปะติด และงานปั้น งานโครงสร้างเคลื่อนไหวอย่างง่าย ๆ ถ่ายทอดความคิด ความรู้สึกจากเรื่องราว
เหตุการณ์ ชีวิตจริง สร้างงานทัศนศิลป์ตามที่ตนชื่นชอบ สามารถแสดงเหตุผลและวิธีการในการปรับปรุงงานของ
ตนเอง
รู้และเข้าใจความสำคัญของงานทัศนศิลป์ในชีวิตประจำวัน ที่มาของงานทัศนศิลป์ ในท้องถ่ิน
ตลอดจนการใชว้ สั ดุ อปุ กรณ์ และวธิ ีการสร้างงานทศั นศิลปใ์ นทอ้ งถ่นิ
รู้และเข้าใจแหล่งกำเนิดเสียง คุณสมบัติของเสียง บทบาทหน้าที่ ความหมาย ความสำคัญของบท
เพลงใกล้ตัวที่ได้ยิน สามารถท่องบทกลอน ร้องเพลง เคาะจังหวะ เคลื่อนไหวร่างกายให้สอดคล้องกับบทเพลง อ่าน
เขียน และใช้สัญลักษณ์แทนเสียงและเคาะจังหวะแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับดนตรี เสียงขับร้องของตนเอง มีส่วน
รว่ มกับกจิ กรรมดนตรใี นชีวิตประจำวัน
รู้และเข้าใจเอกลกั ษณข์ องดนตรีในทอ้ งถ่นิ มีความชน่ื ชอบ เหน็ ความสำคัญ และประโยชนข์ องดนตรี
ตอ่ การดำเนินชวี ิตของคนในท้องถิน่
สร้างสรรค์การเคลื่อนไหวในรูปแบบต่าง ๆ สามารถแสดงท่าทางประกอบจังหวะเพลงตามรูปแบบ
นาฏศิลป์ มีมารยาทในการชมการแสดง รู้หน้าที่ของผู้แสดงและผู้ชมรู้ประโยชน์ของการแสดงนาฏศิลป์ใน
ชีวิตประจำวนั เข้ารว่ มกจิ กรรมการแสดงท่ีเหมาะสมกบั วยั
ร้แู ละเขา้ ใจการละเลน่ ของเด็กไทยและนาฏศลิ ป์ทอ้ งถิ่น ชนื่ ชอบและภาคภมู ิใจในการละเล่นพื้นบ้าน
สามารถเชื่อมโยงสิ่งที่พบเห็นในการละเล่นพื้นบ้านกับการดำรงชีวิตของคนไทย บอกลักษณะเด่นและเอกลักษณ์ของ
นาฏศลิ ปไ์ ทยตลอดจนความสำคัญของการแสดงนาฏศลิ ปไ์ ทยได้
ห ลั ก สู ต ร ส ถ า น ศึ ก ษ า โ ร ง เ รี ย น บ้ า น เ ข า เ ที ย ม ป่ า . . . ห น ้ า | ๙๓
จบชั้นประถมศึกษาปีท่ี 6
รู้และเข้าใจการใช้ทัศนธาตุ รูปร่าง รูปทรง พื้นผิว สี แสงเงา มีทักษะพื้นฐานในการใช้วัสดุอุปกรณ์
ถ่ายทอดความคิด อารมณ์ ความรู้สึก สามารถใชห้ ลักการจัดขนาด สัดส่วนความสมดุล นำ้ หนัก แสงเงา ตลอดจนการ
ใชส้ ีค่ตู รงข้ามทีเ่ หมาะสมในการสรา้ งงานทัศนศลิ ป์ 2 มติ ิ 3 มิติ เช่น งานสอื่ ผสม งานวาดภาพระบายสี งานปนั้ งาน
พิมพ์ภาพ รวมทั้งสามารถสร้างแผนภาพ แผนผัง และภาพประกอบเพื่อถ่ายทอดความคิดจินตนาการเป็นเรื่องราว
เกี่ยวกับเหตกุ ารณ์ตา่ ง ๆ และสามารถเปรียบเทียบความแตกตา่ งระหว่างงานทัศนศลิ ป์ท่ีสร้างสรรค์ด้วยวสั ดุอุปกรณ์
และวิธกี ารทแ่ี ตกต่างกัน เข้าใจปญั หาในการจดั องคป์ ระกอบศลิ ป์ หลกั การลด และเพ่ิมในงานปั้น การสื่อความหมาย
ในงานทัศนศิลป์ของตน รู้วิธีการปรับปรุงงานให้ดีขึน้ ตลอดจนรู้และเข้าใจคุณค่าของงานทัศนศิลป์ท่ีมีผลต่อชีวิตของ
คนในสังคม
รแู้ ละเข้าใจบทบาทของงานทัศนศลิ ป์ที่สะท้อนชวี ิตและสังคม อทิ ธิพลของความเช่ือ ความศรัทธา
ในศาสนา และวฒั นธรรมทม่ี ผี ลต่อการสรา้ งงานทศั นศิลป์ในท้องถนิ่
รู้และเข้าใจเกี่ยวกับเสียงดนตรี เสียงร้อง เครื่องดนตรี และบทบาทหน้าที่ รู้ถึงการเคลื่อนที่ขึ้น ลง
ของทำนองเพลง องค์ประกอบของดนตรี ศัพท์สังคีตในบทเพลง ประโยค และอารมณ์ของบทเพลงที่ฟัง ร้อง และ
บรรเลงเคร่ืองดนตรี ดน้ สดอย่างง่าย ใชแ้ ละเก็บรกั ษาเครื่องดนตรีอย่างถูกวิธี อา่ น เขยี นโน้ตไทยและสากลในรูปแบบ
ต่าง ๆ รู้ลักษณะของผู้ที่จะเล่นดนตรีได้ดี แสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับองค์ประกอบดนตรี ถ่ายทอดความรู้สึกของบท
เพลงทีฟ่ ัง สามารถใช้ดนตรีประกอบกจิ กรรมทางนาฏศิลปแ์ ละการเลา่ เร่ือง
รู้และเข้าใจความสัมพันธ์ระหว่างดนตรีกับวิถีชีวิต ประเพณี วัฒนธรรมไทย และ
วัฒนธรรมต่าง ๆ เรื่องราวดนตรีในประวัติศาสตร์ อิทธิพลของวัฒนธรรมต่อดนตรี รู้คุณค่าดนตรีที่มาจากวัฒนธรรม
ตา่ งกัน เหน็ ความสำคัญในการอนรุ ักษ์
รู้และเข้าใจองค์ประกอบนาฏศิลป์ สามารถแสดงภาษาท่า นาฏยศัพท์พื้นฐาน สร้างสรรค์การ
เคลื่อนไหวและการแสดงนาฏศิลป์ และการละครง่าย ๆ ถ่ายทอดลีลาหรืออารมณ์ และสามารถออกแบบเครื่องแต่ง
กายหรืออุปกรณ์ประกอบการแสดงง่าย ๆ เข้าใจความสัมพันธ์ระหว่างนาฏศิลป์และการละครกับสิ่งที่ประสบใน
ชวี ติ ประจำวัน แสดงความคดิ เหน็ ในการชมการแสดง และบรรยายความรสู้ กึ ของตนเองท่มี ีตอ่ งานนาฏศลิ ป์
รู้และเข้าใจความสัมพันธ์และประโยชน์ของนาฏศิลป์และการละคร สามารถเปรียบเทียบการแสดง
ประเภทต่าง ๆ ของไทยในแต่ละท้องถิ่น และสิ่งที่การแสดงสะท้อนวัฒนธรรมประเพณี เห็นคุณค่าการรักษาและสืบ
ทอดการแสดงนาฏศิลปไ์ ทย
ห ลั ก สู ต ร ส ถ า น ศึ ก ษ า โ ร ง เ รี ย น บ้ า น เ ข า เ ที ย ม ป่ า . . . ห น ้ า | ๙๔
สาระท่ี ๑ ทศั นศลิ ป์
มาตรฐาน ศ ๑.๑ สรา้ งสรรคง์ านทัศนศลิ ป์ตามจินตนาการ และความคิดสร้างสรรค์ วิเคราะห์ วพิ ากษ์ วิจารณ์
คุณคา่ งานทัศนศลิ ป์ ถ่ายทอดความรสู้ ึก ความคิดตอ่ งานศิลปะอย่างอสิ ระ ชน่ื ชม และประยุกต์ใช้ในชวี ิตประจำวัน
ตวั ชวี้ ดั ชนั้ ปี
ป. ๑ ป. ๒ ป. ๓ ป. ๔ ป. ๕ ป. ๖
๑. อภปิ รายเกย่ี วกบั ๑. บรรยายรปู ร่าง ๑.บรรยาย รูปรา่ ง ๑. เปรยี บเทยี บ ๑. บรรยายเกยี่ วกบั ๑. ระบสุ ีคตู่ รงข้าม
รปู ทรง ใน รูปลกั ษณะของ
รปู รา่ ง ลกั ษณะ รปู ทรงทีพ่ บใน ธรรมชาติ รูปรา่ ง รูปทรง จังหวะ ตำแหน่ง และอภปิ ราย
และขนาดของส่งิ ธรรมชาติ สง่ิ แวดล้อม และ ในธรรมชาติ ของ ส่งิ ต่าง ๆ ท่ี เกยี่ วกบั การใช้ สีคู่
ตา่ ง ๆ รอบตวั ใน และสง่ิ แวดล้อม งานทัศนศลิ ป์ ส่ิงแวดลอ้ ม ปรากฏใน ตรงข้าม ในการ
ธรรมชาติ และสิ่ง ๒. ระบุ ๒. ระบุวสั ดุ และงาน สง่ิ แวดล้อม และ ถ่ายทอดความคดิ
ทีม่ นุษยส์ รา้ งขึ้น ทศั นธาตทุ ่ีอยู่ใน อปุ กรณท์ ่ีใชส้ รา้ ง ทัศนศลิ ป์ งานทัศนศิลป์ และอารมณ์
๒ บอกความรสู้ กึ ที่ สง่ิ แวดลอ้ มและ ผลงาน เม่ือชม ๒. อภิปราย ๒. เปรยี บเทยี บ ๒. อธบิ ายหลกั การจดั
มตี ่อธรรมชาติ งานทัศนศิลป์ งานทัศนศิลป์ เกี่ยวกับอทิ ธิพล ความแตกตา่ ง ขนาดสัดสว่ นความ
และส่ิงแวดล้อม โดยเน้นเรอ่ื งเส้น ๓. จำแนกทศั นธาตุ ของสวี รรณะ ระหว่างงาน สมดลุ ในการสรา้ ง
รอบตวั สี รูปร่าง และ ของส่งิ ต่าง ๆ ใน อ่นุ และสี ทศั นศลิ ป์ ที่ งานทศั นศลิ ป์
๓. มีทกั ษะพ้นื ฐาน รูปทรง ธรรมชาติ วรรณะเยน็ ที่มี สร้างสรรคด์ ว้ ย ๓. สรา้ งสรรค์งาน
ในการใช้วัสดุ ๓. สรา้ งงาน ส่งิ แวดล้อม และ ตอ่ อารมณข์ อที่ วสั ดุอุปกรณแ์ ละ ทัศนศลิ ปจ์ าก
อุปกรณส์ ร้างงาน ทศั นศลิ ป์ตา่ ง ๆ งานทศั นศลิ ป์ มตี อ่ อารมณ์ วิธีการทต่ี า่ งกนั รปู แบบ ๒ มติ ิ เปน็
ทัศนศลิ ป์ โดยใชท้ ัศนธาตุที่ โดยเนน้ เร่อื งเส้น ของมนษุ ย์ ๓. วาดภาพ โดยใช้ ๓ มิติ โดยใช้
๔. สรา้ งงาน เน้นเสน้ รปู รา่ ง สี รูปรา่ ง รปู ทรง ๓. จำแนกทัศน เทคนิคของแสง หลักการของแสง
ทัศนศิลป์ โดย ๔. มที กั ษะพืน้ ฐาน และพ้ืนผวิ ธาตขุ องสง่ิ เงา น้ำหนัก และ เงาและน้ำหนัก
การทดลองใช้สี ในการใชว้ ัสดุ ๔. วาดภาพ ระบาย ต่างๆ ใน วรรณะสี ๔. สรา้ ง สรรค์งานป้ัน
ด้วยเทคนคิ อปุ กรณ์ สรา้ ง สีส่งิ ของรอบตัว ธรรมชาติ ๔. สรา้ ง สรรคง์ าน
งา่ ย ๆ งานทัศนศิลป์ ๓ ๕. มที ักษะพน้ื ฐาน สิ่งแวดลอ้ ม ปนั้ จาก ดินนำ้ มนั โดยใช้หลักการเพ่มิ
๕. วาดภาพระบาย มิติ ในการใชว้ ัสดุ และงาน หรือดินเหนยี ว
สีภาพธรรมชาติ ๕. สรา้ งภาพปะตดิ อปุ กรณ์ ทัศนศิลป์โดย โดยเน้นการ และลด
ตามความรู้สึก โดยการตัดหรอื สรา้ งสรรค์ งาน เนน้ เร่อื ง ถา่ ยทอด
ของตนเอง ฉีกกระดาษ ปน้ั เส้น สี รูปรา่ ง จินตนาการ ๕. สรา้ ง สรรค์งาน
๖. วาดภาพเพ่ือ ๖. วาดภาพถ่าย รูปทรง พืน้ ผวิ ๕. สรา้ ง สรรคง์ าน
ถา่ ยทอดเรอื่ งราว ทอดความคิด และพน้ื ทว่ี ่าง พมิ พ์ภาพ โดย ทศั นศลิ ป์ โดยใช้
เก่ียวกับ ความรสู้ กึ จาก ๔. มีทักษะ เนน้ การจดั วาง
ครอบครวั ของ เหตุการณ์ชวี ติ พ้ืนฐานในการ ตำแหน่งของส่ิง หลักการของรปู
ตนเอง และ จรงิ โดยใช้เสน้ ใช้วสั ดุ อุปกรณ์ ตา่ ง ๆ ในภาพ
เพอ่ื นบ้าน รูปร่าง รูปทรงสี สร้างสรรคง์ าน ๖. ระบุปญั หาใน และพืน้ ท่วี า่ ง
๗. เลอื กงาน และพ้นื ผวิ พมิ พ์ภาพ การจัด
ทัศนศิลป์ และ ๗. บรรยายเหตุผล ๕. มีทักษะ องคป์ ระกอบศิลป์ ๖. สรา้ ง สรรคง์ าน
บรรยายถงึ สง่ิ ที่ และวธิ กี ารในการ พืน้ ฐานในการ และการสื่อ
มองเหน็ รวมถงึ สรา้ งงาน ใช้วัสดุ อุปกรณ์ ความหมายใน ทศั นศลิ ป์ โดยใช้
เน้ือหาเรอื่ งราว ทศั นศิลป์ โดย สรา้ งสรรคง์ าน งานทัศนศิลปข์ อง
เน้นถึงเทคนคิ และ วาดภาพระบาย ตนเอง และบอก สีคู่ตรงขา้ มหลักการ
วสั ดอุ ปุ กรณ์ สี วิธกี ารปรบั ปรงุ
งานใหด้ ขี น้ึ จดั ขนาดสดั สว่ น
และความสมดุล
๗. สรา้ งงานทัศนศลิ ป์
เป็นแผนภาพ
แผนผัง และภาพ
ประกอบเพ่ือ
ถ่ายทอดความคดิ
หรือ
ห ลั ก สู ต ร ส ถ า น ศึ ก ษ า โ ร ง เ รี ย น บ้ า น เ ข า เ ที ย ม ป่ า . . . ห น ้ า | ๙๕
ตวั ช้วี ัดชัน้ ปี
ป. ๑ ป. ๒ ป. ๓ ป. ๔ ป. ๕ ป. ๖
๘. สรา้ ง สรรค์งาน ๘. ระบสุ ่ิงที่ช่นื ชม ๖. บรรยายลกั ษณะ ๗. บรรยาย เรือ่ งราวเกี่ยวกับ
ของภาพโดยเนน้ ประโยชนแ์ ละ เหตกุ ารณต์ า่ ง ๆ
ทศั นศิลป์เปน็ และส่ิงทคี่ วร
ปรับปรงุ ในงาน เร่อื งการจัดระยะ คุณคา่ ของงาน
รูปแบบงาน ทศั นศลิ ป์ของตนเอง ความลึก น้ำหนัก ทศั นศลิ ป์ทม่ี ผี ลตอ่
โครงสร้าง และแสงเงาในภาพ ชวี ติ ของคนในสงั คม
เคล่อื นไหว ๙. ระบุ และ
จัดกลุม่ ของภาพ ๗. วาดภาพระบายสี
ตามทศั นธาตุ ท่ี โดยใชส้ ีวรรณะอนุ่
เนน้ ในงานทศั นศิลป์ และสีวรรณะเย็น
น้ัน ๆ ถ่ายทอดความรสู้ ึก
และจนิ ตนาการ
๑๐. บรรยาย
ลักษณะรปู ร่าง ๘. เปรยี บ เทยี บ
รปู ทรง ในงานการ ความคิดความรสู้ กึ
ทีถ่ ่ายทอดผ่านงาน
ออกแบบ
ทัศนศลิ ป์ของตนเอง
สง่ิ ต่าง ๆ ทม่ี ี
ในบ้านและโรงเรยี น และบุคคลอืน่
๙. เลือกใชว้ รรณะสี
เพอ่ื ถ่ายทอด
อารมณ์ ความรสู้ กึ
ในการสร้างงาน
ทศั นศลิ ป์
ห ลั ก สู ต ร ส ถ า น ศึ ก ษ า โ ร ง เ รี ย น บ้ า น เ ข า เ ที ย ม ป่ า . . . ห น ้ า | ๙๖
สาระที่ ๑ ทศั นศิลป์
มาตรฐาน ศ ๑.๒ เขา้ ใจความสัมพันธ์ระหวา่ งทศั นศิลป์ ประวัติศาสตร์ และวฒั นธรรม เห็นคณุ ค่างานทัศนศิลปท์ ่ี
เปน็ มรดกทางวฒั นธรรม ภูมิปัญญาท้องถ่นิ ภมู ปิ ัญญาไทย และสากล
ตัวชี้วดั ชน้ั ปี
ป. ๑ ป. ๒ ป. ๓ ป. ๔ ป. ๕ ป. ๖
๑. ระบงุ าน ๑. บอก ๑. ระบุ และ ๑. บรรยายบทบาท
๑. เลา่ ถึงที่มาของ ๑. ระบุ และ
ทศั นศลิ ป์ใน ความสำคญั ของ งานทศั นศลิ ป์ใน อภิปรายเกย่ี วกับ บรรยายเกีย่ วกับ ของงาน
ชวี ิตประจำวนั งานทัศนศลิ ปท์ ี่ ทอ้ งถ่ิน งานทศั นศิลป์ใน ลกั ษณะรปู แบบ ทศั นศิลปท์ ี่
พบเห็นใน ๒. อธิบายเกยี่ วกบั เหตกุ ารณ์ และ ของงาน สะท้อนชวี ิตและ
ชวี ติ ประจำวนั วสั ดอุ ปุ กรณ์และ งานเฉลมิ ฉลอง ทศั นศิลปใ์ น สังคม
๒. อภปิ ราย วิธีการสรา้ งงาน ของวัฒนธรรม แหล่งเรียนรหู้ รือ ๒. อภิปราย
เก่ียวกับงาน ทัศนศิลปใ์ น ในทอ้ งถ่ิน นิทรรศการศลิ ปะ เก่ยี วกับอทิ ธิพล
ทศั นศลิ ป์ ท้องถิน่ ๒. บรรยาย ๒. อภิปราย ของความเชื่อ
ประเภท ต่าง ๆ เกย่ี วกับงาน เกย่ี วกบั งาน ความศรัทธาใน
ในทอ้ งถ่นิ โดย ทัศนศิลปท์ ่มี า ทศั นศิลป์ท่ี ศาสนาทีม่ ผี ลต่อ
เนน้ ถงึ วิธกี าร จากวัฒนธรรม สะท้อน งานทศั นศลิ ปใ์ น
สรา้ งงานและ ต่างๆ วฒั นธรรมและ ท้องถิน่
วัสดอุ ุปกรณ์ ทใี่ ช้ ภมู ปิ ญั ญาใน ๓. ระบุ และ
ท้องถ่ิน บรรยายอทิ ธพิ ล
ทางวฒั นธรรมใน
ท้องถ่นิ ท่ีมผี ลตอ่
การสร้างงาน
ทัศนศิลปข์ อง
บุคคล
ห ลั ก สู ต ร ส ถ า น ศึ ก ษ า โ ร ง เ รี ย น บ้ า น เ ข า เ ที ย ม ป่ า . . . ห น ้ า | ๙๗
สาระท่ี ๒ ดนตรี
มาตรฐาน ศ ๒.๑ เขา้ ใจและแสดงออกทางดนตรอี ยา่ งสรา้ งสรรค์ วิเคราะห์ วพิ ากษ์วิจารณค์ ุณคา่ ดนตรี ถ่ายทอด
ความรู้สึก ความคิดต่อดนตรอี ย่างอิสระ ชนื่ ชม และประยุกต์ใชใ้ นชีวิตประจำวัน
ตวั ชว้ี ัดชนั้ ปี
ป. ๑ ป. ๒ ป. ๓ ป. ๔ ป. ๕ ป. ๖
๑. รู้ว่าส่งิ ตา่ ง ๆ ๑. จำแนก ๑. ระบรุ ูปรา่ ง ๑. บอกประโยค ๑. ระบุ ๑. บรรยายเพลงที่
ลกั ษณะของ เพลงอย่างงา่ ย
สามารถ แหล่งกำเนดิ เครอื่ งดนตรี ๒. จำแนกประเภท องคป์ ระกอบ ฟัง โดยอาศัย
ก่อกำเนดิ เสยี ง ของเสยี ง ท่ีเหน็ และได้ยนิ ดนตรีในเพลงที่ องคป์ ระกอบ
ท่แี ตกต่างกัน ทีไ่ ด้ยนิ ในชีวิตประจำวัน ของเครอ่ื ง ใช้ในการสอื่ ดนตรี และศพั ท์
๒. บอกลกั ษณะ ๒. จำแนก ๒. ใช้รูปภาพหรือ ดนตรที ีใ่ ช้ใน อารมณ์ สังคีต
ของเสยี งดงั - คุณสมบัตขิ อง สญั ลกั ษณแ์ ทน เพลงทีฟ่ งั ๒. จำแนกลักษณะ ๒. จำแนก
เบา และความ เสียง สงู - ต่ำ , เสยี งและจังหวะ ๓. ระบทุ ศิ ทางการ ของเสียงขบั รอ้ ง ประเภทและ
ชา้ - เร็วของ ดงั -เบา, ยาว- เคาะ เคล่ือนที่ ขนึ้ และเครอ่ื ง บทบาทหน้าท่ี
จงั หวะ ส้นั ของดนตรี ๓. บอกบทบาท – ลง ง่าย ๆ ดนตรีที่อยใู่ นวง เครอื่ งดนตรี
๓. ท่องบทกลอน รอ้ ง ๓. เคาะจงั หวะหรือ หน้าที่ของเพลง ของทำนอง ดนตรีประเภท ไทยและเครอื่ ง
เพลงง่าย ๆ เคลือ่ นไหว ทไ่ี ด้ยนิ รูปแบบ จงั หวะ ตา่ ง ๆ ดนตรที ่มี าจาก
๔. มสี ว่ นร่วมใน ร่างกายให้ ๔. ขบั รอ้ งและ และความเร็ว ๓. อา่ น เขียน โน้ต วัฒนธรรม
กิจกรรมดนตรี สอดคลอ้ งกบั บรรเลงดนตรี ของจังหวะใน ดนตรไี ทยและ ตา่ ง ๆ
อยา่ งสนกุ สนาน เนอ้ื หาของเพลง เพลง สากล ๕ ระดับ ๓. อา่ น เขยี น โนต้
๕. บอกความ ๔. รอ้ งเพลงง่าย ๆ ที่ ง่าย ๆ ท่ีฟงั เสยี ง ไทย และโนต้
เก่ยี วข้องของ เหมาะสม ๕. เคลือ่ นไหว ๔. อา่ น เขียนโน้ต ๔. ใชเ้ ครือ่ งดนตรี สากลทำนอง
เพลงทีใ่ ช้ใน กับวัย ทำจงั หวะและ งา่ ย ๆ
ชีวติ ประจำวนั ๕. บอกความหมาย ทา่ ทาง ดนตรไี ทยและ ทำนอง ๔. ใช้เครอ่ื งดนตรี
และ สอดคล้องกับ สากล ๕. รอ้ งเพลงไทย บรรเลง
ความสำคญั ของ อารมณข์ อง ๕. รอ้ งเพลงโดยใช้ หรือเพลงสากล ประกอบ
เพลงท่ีได้ยิน เพลงทฟ่ี ัง ชว่ งเสียงที่ หรือเพลงไทย การร้องเพลง
๖. แสดงความ เหมาะสมกับ สากลท่ี ดน้ สดท่มี ี
คิดเห็น ตนเอง เหมาะสมกับวยั จงั หวะและ
เกย่ี วกบั ๖. ใชแ้ ละเก็บ ๖. ดน้ สด งา่ ย ๆ ทำนอง ง่าย
เสยี งดนตรี เครอ่ื งดนตรี โดยใช้ประโยค ๕. บรรยาย
เสียงขบั ร้องของ อย่างถกู ตอ้ ง เพลงแบบถาม ความรสู้ ึกทีม่ ตี อ่
ตนเองและผู้อ่นื และปลอดภัย ตอบ ดนตรี
๗. ระบวุ ่าดนตรี ๗. ใช้ดนตรรี ่วมกับ ๖. แสดงความ
๗. นำดนตรี ไป สามารถใช้ใน กจิ กรรมในการ คิดเหน็ เกย่ี วกบั
ใช้ในชีวิต การสอ่ื เร่อื งราว แสดงออกตาม ทำนอง จังหวะ
ประจำวันหรือ จินตนาการ การประสาน
โอกาส ต่าง ๆ เสียง และ
ได้อย่าง คุณภาพเสียง
เหมาะสม ของเพลงท่ีฟัง
ห ลั ก สู ต ร ส ถ า น ศึ ก ษ า โ ร ง เ รี ย น บ้ า น เ ข า เ ที ย ม ป่ า . . . ห น ้ า | ๙๘
สาระท่ี ๒ ดนตรี
มาตรฐาน ศ ๒.๒ เข้าใจความสัมพันธร์ ะหวา่ งดนตรี ประวตั ศิ าสตร์ และวฒั นธรรม เห็นคณุ ค่าของดนตรีที่เปน็ มรดก
ทางวัฒนธรรม ภูมิปัญญาท้องถน่ิ ภูมิปญั ญาไทยและสากล
ตวั ชวี้ ดั ชัน้ ปี
ป. ๑ ป. ๒ ป. ๓ ป. ๔ ป. ๕ ป. ๖
๑. เลา่ ถึงเพลงใน ๑. บอก ๑. ระบลุ กั ษณะเด่น ๑. บอกแหล่ง ๑. อธบิ าย ๑. อธิบายเรอ่ื งราว
ท้องถ่นิ ความสัมพันธ์ ความสมั พนั ธ์ ของดนตรไี ทยใน
ของเสียงรอ้ ง และ เอกลักษณ์ ทีม่ าและ ระหว่างดนตรกี ับ ประวัติ ศาสตร์
๒. ระบสุ ิ่งท่ี เสียงเครื่องดนตรี ประเพณใี น
ชนื่ ชอบในดนตรี ในเพลงท้องถนิ่ ของดนตรี ความสัมพันธ์ วัฒนธรรมตา่ ง ๆ ๒. จำแนกดนตรี
ทอ้ งถน่ิ โดยใชค้ ำง่าย ๆ ทมี่ าจากยุคสมยั
ในทอ้ งถิ่น ของวถิ ีชวี ติ ไทย ๒. อธิบายคณุ คา่ ทตี่ า่ งกัน
๒. แสดงและเข้า ของดนตรีทมี่ า
รว่ มกิจกรรมทาง ๒. ระบคุ วามสำคญั ทสี่ ะท้อน จากวฒั นธรรมที่ ๓. อภปิ ราย
ดนตรีในท้องถน่ิ ตา่ งกัน อิทธิพลของ
และประโยชน์ ในดนตรแี ละ วฒั นธรรมต่อ
ดนตรีในทอ้ งถ่นิ
ของดนตรีตอ่ การ เพลงท้องถน่ิ
ดำเนินชวี ติ ของ ๒. ระบคุ วาม
คนในทอ้ งถิ่น สำคญั ในการ
อนรุ กั ษส์ ง่ เสรมิ
วฒั นธรรมทาง
ดนตรี
ห ลั ก สู ต ร ส ถ า น ศึ ก ษ า โ ร ง เ รี ย น บ้ า น เ ข า เ ที ย ม ป่ า . . . ห น ้ า | ๙๙
สาระที่ ๓ นาฏศิลป์
มาตรฐาน ศ ๓.๑ เข้าใจ และแสดงออกทางนาฏศลิ ป์อย่างสรา้ งสรรค์ วเิ คราะห์ วพิ ากษ์วจิ ารณ์คุณค่านาฏศิลป์
ถ่ายทอดความรสู้ ึก ความคิดอยา่ งอิสระ ช่นื ชม และประยกุ ตใ์ ชใ้ นชีวติ ประจำวนั
ตัวชว้ี ัดชนั้ ปี
ป. ๑ ป. ๒ ป. ๓ ป. ๔ ป. ๕ ป. ๖
๑. เลยี นแบบการ ๑. บรรยาย ๑. สรา้ งสรรค์การ
๑. เคลือ่ น ไหว ๑. สรา้ ง สรรคก์ าร ๑.ระบุทกั ษะ
เคล่ือนไหว ขณะอยู่กบั ท่ี เคลอ่ื นไหวใน พ้ืนฐานทาง องค์ประกอบ เคลื่อน ไหวและ
๒. แสดงทา่ ทาง และเคลอ่ื นท่ี รูปแบบตา่ ง ๆ นาฏศลิ ปแ์ ละ นาฏศิลป์ การแสดงโดย
๒. แสดงการ ในสถานการณ์ การละครท่ีใช้ ๒. แสดงทา่ ทาง เน้นการ
ง่าย ๆเพื่อสอ่ื เคลือ่ นไหวท่ี สั้น ๆ สื่อความหมาย ประกอบเพลง ถา่ ยทอดลลี า
ความหมาย สะท้อนอารมณ์ และอารมณ์ หรอื เรอื่ งราว หรืออารมณ์
แทนคำพูด ของตนเองอย่าง ๒. แสดงทา่ ทาง ๒. ใช้ภาษาท่าและ ตามความคิด ๒. ออกแบบ เครือ่ ง
อิสระ ประกอบเพลง ของตน แต่งกาย หรอื
๓. บอกสง่ิ ท่ีตนเอง ๓. แสดงทา่ ทาง ตามรปู แบบ นาฏยศพั ทห์ รอื ๓. แสดงนาฏศิลป์ อุปกรณ์
ชอบ จากการดู เพอ่ื สอื่ นาฏศิลป์ ศัพทท์ าง การ โดยเนน้ การใช้ ประกอบการ
หรือร่วมการ ความหมาย ละครง่าย ๆใน ภาษาท่าและ แสดง
แสดง แทนคำพูด ๓. เปรยี บ เทียบ การถ่ายทอด อย่างงา่ ย ๆ
๔. แสดงท่าทาง บทบาทหนา้ ท่ี เรอื่ งราว นาฏยศพั ทใ์ น ๓. แสดงนาฏศิลป์
ประกอบจังหวะ ของผู้แสดงและ ๓. แสดง การ การสอ่ื และการละคร
อย่างสร้างสรรค์ ผู้ชม เคลอื่ นไหวใน ความหมาย งา่ ย ๆ
๕. ระบมุ ารยาทใน จังหวะต่าง ๆ และการ ๔. บรรยาย
การชมการ ๔. มีส่วนรว่ มใน ตามความคิด แสดงออก๔. ความรสู้ กึ ของ
แสดง กจิ กรรมการ ของตน มสี ่วนร่วมใน ตนเองท่ีมีต่อ
แสดงที่ ๔. แสดงนาฏศิลป์ กลุ่มกบั การ งานนาฏศลิ ป์
เหมาะสมกับวัย เป็นคู่ และหมู่ และการละคร
เขยี นเค้าโครง อยา่ งสร้างสรรค์
๕. บอกประโยชน์ ๕. แสดงความ
เร่ืองหรือบท คิดเห็นในการ
ของการแสดง ๕. เลา่ สิ่งท่ชี ืน่ ชอบ ละคร สน้ั ๆ ชมการแสดง
นาฏศิลปใ์ นชีวติ ในการแสดง ๖. อธิบาย
ประจำวัน ๕. เปรยี บ เทยี บ ความสัมพันธ์
โดยเน้น การแสดง ระหว่าง
นาฏศลิ ป์ นาฏศลิ ป์และ
จุดสำคญั ของ ชดุ ต่าง ๆ การละครกบั ส่ิง
ทปี่ ระสบในชวี ิต
เรอื่ งและ ๖. บอกประโยชน์ที่ ประจำวนั
ไดร้ ับจากการ
ลกั ษณะเดน่ ชมการแสดง
ของตวั ละคร
ห ลั ก สู ต ร ส ถ า น ศึ ก ษ า โ ร ง เ รี ย น บ้ า น เ ข า เ ที ย ม ป่ า . . . ห น ้ า | ๑๐๐
สาระท่ี ๓ นาฏศลิ ป์
มาตรฐาน ศ ๓.๒ เขา้ ใจความสัมพันธร์ ะหวา่ งนาฏศิลป์ ประวัตศิ าสตร์และวฒั นธรรม เหน็ คณุ คา่ ของนาฏศิลปท์ ่ีเปน็ มรดก
ทางวัฒนธรรม ภูมิปัญญาทอ้ งถ่นิ ภูมปิ ญั ญาไทยและสากล
ตัวช้วี ัดช้ันปี
ป. ๑ ป. ๒ ป. ๓ ป. ๔ ป. ๕ ป. ๖
๑. ระบุ และเลน่ ๑. ระบุและเลน่ ๑. เลา่ การแสดง ๑. อธิบายประวตั ิ ๑. เปรยี บ เทยี บ ๑. อธิบายสิ่งทมี่ ี
การละเล่นของ การละเล่น นาฏศิลปท์ ี่เคย ความเปน็ มา การแสดง ความสำคญั ต่อ
เด็กไทย พ้นื บ้าน เห็นในทอ้ งถ่นิ ของนาฏศิลป์ ประเภทตา่ ง ๆ การแสดง
๒. บอกสิง่ ที่ ๒. เชอื่ มโยงส่ิงท่ี ๒. ระบสุ ง่ิ ท่ีเป็น หรอื ชุดการ ของไทย ในแต่ นาฏศิลปแ์ ละ
ตนเองชอบใน พบเห็นใน ลกั ษณะเดน่ แสดงอยา่ ง ละทอ้ งถ่นิ ละคร
การแสดง การละเลน่ และ ง่ายๆ ๒. ระบหุ รือแสดง ๒. ระบปุ ระโยชนท์ ี่
นาฏศลิ ปไ์ ทย พ้ืนบ้านกบั ส่งิ เอกลกั ษณข์ อง ๒. เปรยี บ เทยี บ นาฏศลิ ป์ ได้รบั จากการ
ทีพ่ บเห็นใน การแสดง การแสดง นาฏศิลป์ แสดงหรือการ
การดำรงชวี ิต นาฏศิลป์ นาฏศิลป์กับ พื้นบ้าน ที่ ชมการแสดง
ของคนไทย ๓. อธบิ าย การแสดงท่ีมา สะท้อนถึง นาฏศิลป์และ
๓. ระบสุ ่ิงที่ช่นื ความสำคญั จากวฒั นธรรม วัฒนธรรมและ ละคร
ชอบและ ของการแสดง อื่น ประเพณี
ภาคภมู ิใจ ใน นาฏศิลป์ ๓. อธิบาย
การละเลน่ ความสำคญั
พน้ื บ้าน ของการแสดง
ความเคารพใน
การเรยี นและ
การแสดง
นาฏศลิ ป์
๔. ระบเุ หตผุ ลท่ี
ควรรักษาและ
สบื ทอดการ
แสดงนาฏศลิ ป์