หนังสือท่ีระลกึ เน่อื งในโอกาสงานฉลองอายุวฒั นมงคลครบ ๑๐๐ ป
พระราชมงคลวสิ ุทธ์ิ พระมหาเถระ ๕ แผนดิน
๑๙ กนั ยายน ๒๕๖๓
ตํานานพระธาตแุ ชโหวแ ละพญาลน้ิ กาน
ผูเลา และเขียน : พระราชมงคลวิสทุ ธิ์
ผูเรยี บเรยี ง : อภิชาติ มาตรมูล
ผตู รวจทาน : พระมหารุงวกิ รยั ชัยวร
ชาํ นาญ วงศประสิทธ์ิ
กรรณิการ มาตรมลู
ผจู ัดพมิ พ: มลู นิธหิ ลวงปกู าํ้ กลยฺ าณธมโฺ ม
ต.บุญเกิด อ.ดอกคาํ ใต จ.พะเยา ๕๖๑๒๐
พิมพค รั้งท่ี ๑ : สงิ หาคม ๒๕๖๓
จํานวน : ๕๐๐ เลม
พระราชมงคลวิสทุ ธิ์
ท่ปี รึกษาเจา คณะภาค ๖ เจา อาวาสวดั บญุ เกิด
อําเภอดอกคําใต จงั หวัดพะเยา
คํานาํ
หนังสือ “ตํานานพระธาตุแชโหวและ
พญาล้ินกาน” เลมน้ี จัดพิมพข้ึนโดยมูลนิธิหลวง
ปูก้ํา กลฺยาณธมฺโม มีวัตถุประสงค เพื่อเปนการ
ถวายมุทิตาสักการะและเปนอนุสรณเนื่องในงาน
ฉลองอายุวัฒนมงคลครบ ๑๐๐ ป ของพระเดช
พระคุณทานเจาคุณ หลวงปูพระราชมงคลวิสุทธิ์
พระมหาเถร ๕ แผนดิน ในวันที่ ๑๙ กันยายน
๒๕๖๓ สวนความเปนมาของการจัดทําหนังสือ
เลมน้ีก็เน่ืองมาจากลกู ศิษยล ูกหาเคยไดยนิ หลวงปู
ปรารภอยูบอย ๆ วาอยากรวบรวมงานเขียนของ
ทานทั้งท่ีเปนหนังสือและเอกสารโรเนียวท่ีเคยทํา
เอาไวต ง้ั แตใ นอดตี มาเรยี บเรยี งปรบั ปรุงเน้อื หาให
ทันสมัยขึ้นและจัดทาํ เปนรูปเสมหนังสือที่สมบูรณ
สวยงาม เพื่อเผยแพรความรูและประสบการณ
อันมีคาของทาน ใหแพรหลายไปยังอนุชนคนรุน
หลังและผูท่ีสนใจสืบตอไป หนังสือเรื่องตํานาน
ข
พระธาตุแชโหวและพญาลิ้นกาน เปนหน่ึงใน
จํานวนหลายเลมท่ีคณะศิษยานุศิษยไดรวบรวม
และเรียบเรียงขึ้น โดยเนื้อหาของหนังสือเลมน้ี
แบงออกเปน ๕ บท เริ่มจาก บทที่ ๑ ตํานานพระ
ธาตุแชโหว ไดกลาวถึงคําไหวพระธาตุ การไดมา
ของหนังสือตํานาน ตํานานของพระธาตุและบท
วิเคราะห บทที่ ๒ ตํานานพญาลิ้นกาน กลาวถึง
เวียงหาว ชางปูกํ่างาเขียว แมน้ํารองชางและบท
วิเคราะห บทท่ี ๓ ภาษาลานนา เปนความรู
เกีย่ วกับตัวเมืองและการปรวิ รรต บทท่ี ๔ ฝก อา น
ตวั เมอื ง เรื่องตาํ นานพระธาตแุ ชโ หว และ บทท่ี ๕
ฝกอานตัวเมือง เรอ่ื งตาํ นานพญาลนิ้ กา น
ขอกราบขอบพระคุณผูมีสวนรวมในการ
เรียบเรียง ตรวจทานและขออนโุ มทนากับผูใจบุญ
ทุกทานที่ไดชวยกันจัดพิมพหนังสือเลมนี้เพื่อเปน
ธรรมทานจนสําเรจ็ ลงไดด วยดี
หวังเปนอยางย่ิงวาหนังสือเลมนี้จะเปน
ประโยชนตอผูท่ีสนใจเกี่ยวกับประวัติศาสตร
ค
ทองถิ่นของอําเภอดอกคําใตท่ีผานบทวิเคราะห
ของภูมิปญญาทองถ่ิน ตลอดจนผูท่ีสนใจภาษา
ลานนา โดยเฉพาะในวงการของคณะสงฆ วงการ
สถาบันการศกึ ษาและผสู นใจทัว่ ไป
ถึงแมจะมีการตรวจทานเปนอยางดีแลว
ก็ตาม ผูเรียบเรียงก็เช่ือวายังขาดความสมบูรณ
อยูดี หากผูอานพบขอบกพรองประการใดใน
หนังสือเลม นี้ ผูเรยี บเรียงตอ งขออภัยไวใ นทีน่ ้ีดวย
และยินดีที่จะปรับปรุงแกไขในการจัดพิมพคร้ัง
ตอ ไป
อภชิ าติ มาตรมูล
ผเู รยี บเรียง
ง
สารบญั
เรอ่ื ง หนา
คาํ นํา................................................................................... ก
สารบญั .............................................................................. ง
บทที่ ๑ ตํานานพระธาตุแชโ หว. ..................... ฉ
คาํ ไหวบ ูชาพระธาต.ุ ............................ ๑
ทม่ี าของบันทกึ ตํานาน...................... ๒
ตํานาน......................................................... ๓
บทวเิ คราะห. ............................................ ๖
การวเิ คราะหค ติธรรม........................ ๒๕
การวิเคราะหเนติธรรม...................... ๒๕
การวิเคราะหส หธรรม........................ ๓๑
การวเิ คราะหวตั ถุธรรม..................... ๓๓
บทท่ี ๒ ตาํ นานพญาลิน้ กาน............................ ๔๒
บทวเิ คราะห. ............................................ ๔๗
การวิเคราะหค ติธรรม........................ ๖๔
การวเิ คราะหเ นติธรรม...................... ๖๔
๗๓
จ
สารบัญ (ตอ )
เร่ือง หนา
การวิเคราะหส หธรรม........................ ๗๔
การวิเคราะหวตั ถุธรรม..................... ๘๕
บทท่ี ๓ ภาษาลานนา............................................ ๙๑
ความเปน มา............................................. ๙๒
ความสาํ คัญ.............................................. ๙๘
ตัวอกั ษรลานนา (ตัวเมอื ง)............ ๑๐๑
หลกั การผสมกาํ เมือง.......................... ๑๐๕
การปรวิ รรตภาษาลานนา-ไทย.... ๑๑๓
ตวั เลข........................................................... ๑๒๖
บทที่ ๔ ฝก อานตวั เมอื งจากคัมภรี ใบลาน
เรือ่ งตํานานพระธาตแุ ชโ หว.......... ๑๓๕
บทที่ ๕ ฝกอานตวั เมืองจากคมั ภรี ใบลาน
เรือ่ งตาํ นานพญาล้นิ กาน................ ๑๗๑
บรรณานุกรม................................................................. ๑๘๖
รายนามผูรว มทําบญุ จัดพิมพห นังสือ........... ๑๘๘
บทที่ ๑
ตาํ นานพระธาตุแชโหว
ตํา¢ฯ� ธาแฯ ชโ่ ห้ฯ
พระธาตุแชโ หว
บานปาง ต.คอื เวียง อ.ดอกคาํ ใต จ.พะเยา
ตาํ นานพระธาตแุ ชโหวแ ละพญาลิน้ กา น ๒
ตาํ นานพระธาตแุ ชโหว
คาํ ไหวบ ูชาพระธาตุ
คําไหวพระธาตุแชโหว เวียงหาว เมืองพะเยา
ขอเสนอไว ๒ แบบ ดงั นี้
๑. แบบออกเสยี งเปนคาํ ไทยกลาง
นะโมตัสสะ ภะคะวะโต อะระหะโต สัมมา
สัมพุทธสั สะ (๓ จบ)
“อะหังวันทามิ สิละสา เทวะเกศาธาตุ ปะติ
ภันตุ เสละปพพตั ตา อะหังวนั ทามิ สลิ ะสา”
(กราบ ๓ คร้ัง แลว ตั้งจติ อธษิ ฐาน)
๒. แบบออกเสยี งเปนคาํ เมอื ง
นะโมต๋ัสสะ ภะกะวะโต อะระหะโต สัมมา
สัมปตุ ธสั สะ (๓ จบ)
“อะหังวันตามิ สิละสา เตวะเกศาธาตุ ปะต๋ิ
ภนั ตุ เสละปพ ปตตา อะหงั วนั ตามิ สลิ ะสา”
(กราบ ๓ ครั้ง แลวต้ังจติ อธษิ ฐาน)
พระราชมงคลวสิ ุทธิ์ พระมหาเถร ๕ แผนดนิ ๓
คําไหวพระธาตแุ ชโ หวแ ปลได ดังนี้
“ขา พเจาขอนอบนอ มกราบไหวพ ระเกศาธาตุ
และยอดพระนาสิกธาตุของพระสัมมาสัมพุทธเจา
ท่ี ส ถิ ต อ ยู ใ น เ จ ดี ย บ น ด อ ย แ ช โ ห ว แ ห ง นี้ ด ว ย
เศยี รเกลา”
ทม่ี าของบันทึกตํานาน
พระธาตุแชโหว ต้ังอยูทางทิศตะวันออกเฉียง
ใตของเมืองพะเยา ตํานานน้ีไดมาจากพระมหา
เถระทานหนง่ึ ช่ือวา “พระมหากาลวิชา” ทานได
ไปพบตํานานพระธาตุเจดียของเมืองพะเยาซึ่งยัง
ไมเคยปรากฏท่ีใดมากอน จํานวน ๓ เลม ท่ีเมือง
ลังกาทวีป ทานจึงไดเขียนบันทึกเก็บเอาไว ตอมา
ในปรวายไก (ปกุน) จุลศักราชได ๘๘ ตัว
(พ.ศ.๑๒๖๙) เดือน ๗ ออก ๕ คํ่า พระมหากาล-
วิชา ไดเดินทางมาถึงเมืองพะเยา แลวก็ไดเขาไป
พาํ นกั อยทู ี่วดั หลวงราชสัณฐาน กลางเวยี งพะเยา
ไดเขาไปกราบพระสงั ฆราช มหาอนิ ตาธิราชเจา
ตํานานพระธาตแุ ชโหวแ ละพญาลิ้นกาน ๔
วัดหลวงราชสณั ฐาน
แหลง ท่ีมา : https://www.facebook.com/raksinthai
หลังจากไดสนทนากันพักหนึ่ง พระมหากาลวิชา
ไดเ อยถามพระสังฆราชขนึ้ วา
“ทานผูเจริญ พระธาตุเจดียท้ังหลายที่ต้ังอยู
ในเมืองพะเยาแหงนี้ มีหนังสือบันทึกตํานานไว
ทุกท่ที กุ แหง แลวหรอื ยัง”
เมื่อน้ันพระสังฆราช มหาอินตาธิราชเจา จึง
ตอบขนึ้ วา
พระราชมงคลวสิ ุทธ์ิ พระมหาเถร ๕ แผนดิน ๕
“ดูกอน อาวุโส อันวาพระธาตุเจดียท้ังหลาย
อันสถิตตั้งอยูในเมืองพะเยาแหงนี้ ที่ยังไมปรากฏ
เปนหนงั สอื ทีบ่ ันทกึ ตํานานไว มอี ยู ๓ แหง ดวยกัน
คอื
๑) พระธาตุดอยนอย บานบวกเหงือก (บาน
จําปาหวาย อ.เมอื ง จ.พะเยา ปจจุบัน)
๒) พระธาตุแชโหว ดอยบานปาสัก ในเวียง
หา ว (บานปาง อ.ดอกคาํ ใต จ.พะเยา ปจจบุ นั )
๓) พระธาตุจอมศีล ดอยถ้ํา บานถํ้า (บานถํ้า
อ.ดอกคําใต จ.พะเยา ปจ จุบนั )”
พระมหากาลวิชา จงึ กลาววา
“ทานผูเจริญ ขาแดพระสังฆราชเจา ท่ี
ขาพเจาไดเขามาพบทานในวันน้ี ก็เพื่อนําบันทึก
ตํานานท้งั ๓ แหง ซ่งึ ไดมาจากเมอื งลงั กาทวปี มา
ถวายทาน เพื่อเปนอานิสงสแกคนรุนหลังสืบ
ตอ ไป”
ตาํ นานพระธาตุแชโหวแ ละพญาลิ้นกา น ๖
ตํานาน
ตํ า น า น ไ ด ก ล า ว ย อ น ไ ป ยั ง ส มั ย พุ ท ธ ก า ล
ครั้งเมื่อพระพุทธเจาไดเสด็จเผยแผพระสัทธรรม
แกช าวโลก คร้นั เสดจ็ มาถงึ เมอื งพะเยาไดแบงเสน
เกศาธาตุ (เสนผม) ไวท่ีดอยจอมทอง เสร็จแลวก็
ฉันภัตตาหารเชา ณ ที่บนดอยจอมทองแหงน้ี
เมื่อฉันเสร็จพระองคยังไมไดฉันน้ํา จึงใชให
พระอานนทลงไปตักน้ําท่ีตีนดอย เรียกกันวา
หนองเอี้ยง (กวานพะเยา) ฝายพญานาคเจาของ
หนองเอ้ียง ช่ือวาธุมมสิกขี ไมยอมใหน้ําแก
พระอานนท โดยใชหงอนพนควันปดหนองนํ้าไว
ดังนั้นพระพุทธเจาจึงลงจากดอยจอมทองไปที่
หนองเอ้ียง เม่ือไปถึงก็ไดแสดงอภินิหารเนรมิต
พระวรกายสูง ๓๒ ศอก แลวแสดงอิทธิฤทธ์ิ
สั่งสอนพญานาค เม่ือพระองคไดฉันน้ําแลว ก็ได
ทํานายหนองเอ้ียงไววาในภายภาคหนาจะมีตา
ยายสองผัวเมียมาสรางพระพุทธรูปองคใหญ
(พระเจา ตนหลวง) ไวใกลก ับหนองเอย้ี งแหง นี้
พระราชมงคลวสิ ุทธิ์ พระมหาเถร ๕ แผนดิน ๗
พระพุทธเจาสง่ั สอนพญานาคธมุ มสิกขี
ตอจากน้ันก็เสด็จไปที่วัดปาแดงหลวงและ
วัดบุญนาคซึ่งอยูเหนือเวียงพะเยา จากนั้นก็เสด็จ
ไปท่ีวัดลีเจดียหลวงกลางเวียงพะเยา พระองคได
แบงเกศาธาตุไวในพระธาตุเจดียท่ีวัดเหลาน้ี
ตามลําดับ เสร็จแลวไดเสด็จไปทางทิศตะวันออก
เฉียงใตของเมืองพะเยา จนไปถึงตีนดอย
บานปาสัก (บานปาง) ขณะหยุดพักอยูท่ีน่ีก็มอง
ไปในอนาคต แลว ก็รําพึงอยูในใจวา
ตํานานพระธาตุแชโ หวแ ละพญาล้ินกาน ๘
“ตอไปในภายภาคหนาเม่ือพระตถาคต ได
ปรินิพพานไปแลว บริเวณในท่ีแหงนี้จะเกิดเปน
บานเปน เมืองทเ่ี จริญรงุ เรืองขึน้ มา”
คิดดังนั้นแลวพระพุทธเจาก็เสด็จขึ้นไปสูบน
ยอดดอยบานปาสักแหง นัน้ ตอจากนั้นกไ็ ดท อด พระ
เนตรดูโลกท้ังมวลและไดทอดพระเนตรไปยัง ทิศ
นอยใหญโดยรอบ ก็ไดแลเห็นเปนบานเมืองกวาง
ใหญเจริญรุงเรืองอยูเบ้ืองลาง ลอมรอบดวยดอย
๘ ลูก ตอเนื่องกันตามลําดับ คือ ดอยปาสักแหงน้ี
ดอยนอย ดอยจอมทอง ดอยหยุก (จุก) ดอยปูขวาง
ดอยจอมไคร ดอยจอมแจง จาํ ไก และดอยถ้าํ
แผนทีต่ ั้ง ดอย ๘ ลูก เมืองพะเยา
พระราชมงคลวิสทุ ธ์ิ พระมหาเถร ๕ แผนดิน ๙
พระธาตุจอมทอง บนดอยจอมทอง
ต.บานตอม อ.เมือง จ.พะเยา
พระธาตุดอยนอย บนดอยนอย
ต.จําปาหวาย อ.เมือง จ.พะเยา
ตาํ นานพระธาตุแชโหวแ ละพญาลิ้นกา น ๑๐
พระธาตุแชโ หว บนดอยปา สัก
ต.คือเวียง อ.ดอกคําใต จ.พะเยา
พระธาตุจอมศีล บนดอยถํา้
ต.บานถํา้ อ.ดอกคําใต จ.พะเยา
พระราชมงคลวิสทุ ธ์ิ พระมหาเถร ๕ แผนดนิ ๑๑
พระธาตุดอยหนอย บนดอยจอมแจง จําไก
ต.สนั โคง อ.ดอกคาํ ใต จ.พะเยา
พระธาตจุ อมไคร บนดอยจอมไคร
ต.หว ยลาน อ.ดอกคําใต จ.พะเยา
ตาํ นานพระธาตุแชโ หวแ ละพญาลิ้นกา น ๑๒
พระธาตุภูขวาง บนดอยปูขวาง
ต.หวยแกว อ.ภูกามยาว จ.พะเยา
พระธาตุดอยจุก บนดอยหยกุ
ต.ดงเจน อ.ภกู ามยาว จ.พะเยา
พระราชมงคลวิสุทธ์ิ พระมหาเถร ๕ แผนดนิ ๑๓
ในขณะท่ีพระพุทธเจากําลังทอดพระเนตรอยู
น้ัน ก็เกิดแผนดินสั่นไหวขึ้น มีเสียงดังกองสนั่น
เปนอยางมาก และพรอมกันนั้นพระวรกายของ
พระพุทธเจาก็เปลงฉัพพรรณรังสี คือสีมงคล ๖ สี
ไดแก สีขาว สีนํ้าเงิน สีเหลือง สีแดง สีสม และ
สีหมน (สีท้ัง ๕ รวมกัน มีวรรณะเหมือนดั่งแกว
วิฑูรยน้ําคาง) เกิดความสวางไสวไปทั่วบนดอย
และปาไม แสงตกกระทบกับตนไมและใบไม
สะทอ นเปนสีเหลอื งเหมือนดง่ั ทองคาํ
ฉพั พรรณรงั สี
แหลงที่มา : http://forums.apinya.com/
ตาํ นานพระธาตุแชโ หวแ ละพญาล้นิ กาน ๑๔
นิมิตอัศจรรยเชนนี้ บอกใหทราบวาพุทธ
ศาสนาและพระมหาเจดียธาตุจะมาเจริญรุงเรือง
อยใู นท่แี หงน้ี ตลอด ๕ พันป
ขณะน้ันสองเฒาผวั เมีย ซ่ึงไดมาทําไรทําสวน
อยูที่บริเวณตีนดอยบานปาสักแหงนี้ ก็มองเห็น
แสงสวางอันเจิดจาไปท่ัวบนดอย ฝายเมียเห็น
กอน จงึ รอ งบอกตอผเู ปน ผวั วา
“พอเฒา เหย สูจงรีบข้ึนไปดูยงั บนดอยวา เปน
อะไร ทําไมจึงมีแสงสวา งอยูบนดอยมากนัก สวาง
จนเห็นไปถึงช้ันฟาชั้นพรหม แตกอนไมพบเคย
เหน็ สกั คร้ังเดยี ว”
เม่ือน้ันชายเฒาผูเปนผัวก็รีบว่ิงข้ึนไปดูที่
บนดอย เห็นเปนบุคคลกลุมหน่ึง ซึ่งมีผิวพรรณ
งามสงาเหมือนกับเทวดา (พระพุทธเจาอยูพรอม
กับพระอานนท พระอินทร และพระเจาอโศก)
จึงเขา ไปนอมตัวลงกราบไหวแ ลว ถามข้ึนวา
“ทานผูเจริญ ทานมีชื่อเสียงเรียงนามใด
ทา นเปน พระยาอนิ ทร พญาพรหม หรอื วาเปน
พระราชมงคลวสิ ทุ ธ์ิ พระมหาเถร ๕ แผน ดิน ๑๕
เทวดาบตุ รเทวดาองคใ ด”
พระผูมีพระภาคเจา ผทู รงมหากรณุ า ตอบวา
“ดูกอนอุบาสก เราน้ีช่ือวาพระพุทธเจา
ผูเปนทีต่ ง้ั และเปน ที่พ่งึ แกโ ลกท้ัง ๓”
ตอจากน้ัน พระพุทธองคก็ไดเทศนาส่ังสอน
ธรรมะใหก ับชายเฒาผูผวั ใหไดรูรักษาศลี ใหทาน
บําเพ็ญบุญ เมื่อเทศนาจบลงแลวชายเฒาก็
นอมตัวลงกราบไหวพระพุทธเจา แลวก็กลับ
ลงดอยไป พอถึงไรสวนของตน ก็บอกใหหญงิ เฒา
ผูเปนเมียฟงวาเปนสัพพัญูพระพุทธเจาและได
เลาเรื่องใหผูเปนเมียฟงท้ังหมด ฝายชายแกผูเปน
ผัวจึงกลาวข้นึ วา
“เราทั้งสองจะเอาอะไรไปถวายเปนทานแก
พระพทุ ธเจา กันด”ี หญงิ แกผ ูเปน เมยี กต็ อบวา
“เราเอานาํ้ ผงึ้ กบั ลูกสมอไปถวายกนั เถอะ”
วันตอมาสองเฒาผัวเมียก็นําเอานํ้าผึ้งและ
ลูกสมอขึ้นดอยไปถวายทานแกพระพุทธเจา และ
พระพุทธเจา กไ็ ดร บั เอาของทานของเขาท้งั สอง
ตํานานพระธาตแุ ชโ หวแ ละพญาลิ้นกาน ๑๖
นาํ้ ผึง้
แหลง ท่ีมา : https://htgetrid.com/
ลกู สมอ
แหลงที่มา : https://amprohealth.com/herb/chebulic-myrobalans/
ตอจากน้ันพระพุทธเจาก็ไดเล็งเหน็ วาสถานที่
แหงน้ีในภายภาคหนา เม่ือพุทธศาสนาเจริญ
พระราชมงคลวสิ ทุ ธิ์ พระมหาเถร ๕ แผนดิน ๑๗
รุงเรืองข้ึนแลว คนท้งั หลายกจ็ ะพากนั เขา มาสราง
บานเรือนอยูรอบ ๆ บริเวณตีนดอยแหงน้ีเปน
จํานวนมาก ตางก็จะมาทําไร ทําสวนและทํานา
อยูทุกหนทุกแหง เม่ือใดพระองคไดปรินิพพานไป
แลว กระดูกปลายจมูกของพระองคก็จะไดมา
บรรจุไวอยูที่นี่และจะมีความเจริญรุงเรืองเปน
อยางมาก คนและเทวดาท้ังหลายตางก็จะไดมา
รักษาศีล ใหทาน เมตตาภาวนา บําเพ็ญบุญกุศล
ในสถานทแ่ี หงนี้ กจ็ ะไดถ ึงมรรค ผลธรรมอนั วเิ ศษ
เปนอยางมาก คร้ันเม่ือพุทธศาสนารวงโรยพน
ศตวรรษท่ี ๓ ไปแลว พุทธศาสนาก็จะมีแตความ
เจริญรุงเรืองไมขาดสายจนสิ้นสุดลง เมื่อถึง
๕๐๐๐ ป
เม่ือพระพุทธเจาไดรําลึกนึกดูเชนนี้เสร็จแลว
พระอานนทจึงทูลขอเกศาธาตุของพระพุทธเจา
ดังนั้นพระพุทธเจาจึงใชมือขวาข้ึนลูบศีรษะ
ของพระองค ไดเสนเกศาติดมือออกมา ๒ เสน
ยาว ๘ น้ิวมือขวาง แลวก็ยื่นใหพระอานนทและ
ตาํ นานพระธาตแุ ชโ หวแ ละพญาล้ินกา น ๑๘
พระอินทร สวนพระเจาอโศกก็ไดควา เอากระบอก
ไมไผรวกขนาดยาว ๓ กํามือ ไดเนรมิตทําเปน
ผอบทองคําใสเกศาของพระพทุ ธเจาเอาไว
พระบรมเกศาธาตุบรรจุในผอบทองคํา
แหลง ท่ีมา : https://www.thansettakij.com/content/wow/418046
ตอจากน้ันพระพุทธเจาไดเอยถามสองเฒา
ผัวเมียวา
“บนดอยแหง นมี้ ถี าํ้ อยหู รือไม”
สองเฒา จึงกลา วตอบวา
“มีพระเจาขา มีถํ้าอยูกลางดอยท่ีน่ี ขาเหน็
ปลองมันที่กลางดอยและท่ีริมปากปลองถํ้าน้ัน
ยังมีกอไผรวกกอหนึ่ง ใบมันหลนปลิวตกลงถม
ปากปลองถํ้าเอาไว”
ทราบดังนั้นแลว พระพทุ ธเจา จงึ กลา ววา
พระราชมงคลวิสุทธ์ิ พระมหาเถร ๕ แผนดนิ ๑๙
“พระอินทร ทานจงเอาเกศาธาตุแหง
ตถาคตไปไวท ีก่ ลางถํา้ น้นั เถอะ”
เม่ือน้ันพระอินทรจึงเนรมิตปราสาททองคํา
ข้ึนหลังหนึ่งประดบั ประดาอยางวจิ ิตรพิศดารดวย
แกวอันมีวรรณะ ๗ สี มีรัศมีรุงเรืองสวยงามเปน
อยางมาก และไดนําเอาผอบทองคําที่บรรจุ
พระเกศาธาตุของพระพุทธเจาเขาสถิตไวในกลาง
ปราสาททองคําหลังนั้น ตอจากนั้นไดนําปราสาท
ไปวางไวในพ้ืนถํ้าซ่ึงลึกถึง ๑๐๐ วา พรอมกับใส
ขาวของตา ง ๆ ๓ ลาน ๓ แสนอัน ลงไปดวย แลว
พระอินทรไดลงยันตไวโดยรอบท้ัง ๘ ดาน เพ่ือ
ไมใหเปนที่รบกวนแกพระธาตุเจา แลวก็ปดดวย
แผนหิน ๑๒ ชั้น กอทับดวยดินและอิฐอีก ๕๒ ช้ัน
ตอจากน้ันไดกอเจดียครอบทับไวดานบน สูง ๓
ศอก เม่ือเสร็จเรียบรอยแลวพระพุทธเจา จึงส่ัง
พระอานนท พระอนิ ทร และพระเจาอโศกวา
“เมื่อใดที่ตถาคตปรินิพพานไปแลว ขอให
ทานไดเ อากระดกู ยอดจมกู ของตถาคต มาบรรจุ
ตาํ นานพระธาตแุ ชโหวแ ละพญาลิ้นกา น ๒๐
รวมไวกบั พระเกศาธาตใุ นทีแ่ หงน้ีดวย”
ตอจากนั้นพระพุทธเจาก็พูดกับพระอานนท
ขึน้ อกี วา
“ในภายภาคหนาสองเฒาผัวเมียผูไดถวาย
นํ้าผึ้งและลูกสมอเปนทานนี้ จะไดมาเกิดเปน
พญาคนหน่ึง ในเมืองท่ีน่ี มีช่ือวา “ทาวลิ้นกาน”
จะไดมาสรางเวียงรอบดอยลูกน้ี จะมาสรางวิหาร
ใหเจริญรุงเรืองสวยงามเปนอยางย่ิงและจะไดมา
สรางมหาเจดียหลังใหญครอบเจดียหลังนี้จะ
ปรากฏชื่อวา “พระธาตุดอยแชโหว” เวียงหาว
บานปาสัก ตามช่ือของอุบาสก อุบาสิกา สองเฒา
ผวั เมยี ซง่ึ ผผู ัวชอ่ื วา ปแู ช เมยี ช่ือวา ยา โป”
พระพทุ ธเจาไดกลาวตอไปวา
“ในภายภาคหนาคนทั้งหลายท่ีอยูในบานใน
เมืองแหงน้ี จะไดมาสรางบุญกุศล บําเพ็ญบารมี
ธรรม ๓๐ ทศั ณ พระธาตุเจดียแหง น”้ี
หลังจากที่พระพุทธเจาไดทํานายไวแลว
จงึ กลา วกบั พระอานนท ตออกี วา
พระราชมงคลวสิ ุทธ์ิ พระมหาเถร ๕ แผนดนิ ๒๑
พระธาตุแชโ หว
แหลงท่ีมา : ศูนยว ัฒนธรรมพ้ืนบา นบา นถ้ํา
“ดูกอนพระอานนท ไมวาจะเปนคนท้ังหลาย
เปนคฤหัสถและนักบวช ท่ีมีความศรัทธาและ
ไดมารว มกันสรางวดั แหง นี้ ไมว า จะมาทาํ บุญกุศล
สรางพระธาตุเจดีย วิหาร กุฏิ ศาลา กําแพง หรือ
ตาํ นานพระธาตุแชโหวแ ละพญาลิ้นกาน ๒๒
ถนนหนทางข้ึนไปยังพระธาตุเจดียเจาแหงนี้ก็ดี
ก็จะเกิดอานิสงสผลบุญแกผูนั้นมากมายจนนับ
ไมถ วน”
“ดูกอนพระอานนท อันวาบุคคลใดมีบุญกุศล
ก็จะไดมาชวยกันสรางวัดแหงนี้ บุคคลใดไมมีบุญ
หาบุญไมไ ดกจ็ ะไมไ ดมาสรา ง ไมไดม าไหวส กั การะ
บูชาพระธาตุเจดียเ จา ที่น่ี”
“ดูกอนพระอานนท ไมวาจะเปนคนทั้งหลาย
เปนคฤหัสถและนักบวช ที่ไดมารวมกันสรางวัด
ก็ดี ไดมาเยี่ยมชมกราบไหวก็ดี ไดมาใหทานก็ดี
ไดมาสักการะบูชาดวยจุดประทีปดวงหน่ึงก็ดี
ดวยดอกไมดอกหนึ่งก็ดี ดวยเทียนเลมหน่ึงก็ดี
ดวยขาวกอนหนึ่งก็ดี ไดยกมือขึ้นไหวดวยมือ
สิบนิ้วก็ดี ก็เสมอดั่งไดไหวบูชาใหทานกับตัวองค
ตถาคตเชนกนั ”
“ดูกอนพระอานนท ไมวาจะเปนคนท้ังหลาย
เปนคฤหัสถและนักบวชคนใดองคใด มีเจตนา
ศรัทธาอุตสาหะบันทึกเขียนธรรมตํานานนี้ไว
พระราชมงคลวิสทุ ธ์ิ พระมหาเถร ๕ แผนดิน ๒๓
ไมวาจะเอาไวกราบไหวบูชา ไมวาจะใหเปนทาน
เผยแผแกคนทั้งหลายเพ่ือไวค้ําชูพระศาสนา
นับเปนธรรมทาน ก็จักไดเสวยผลบุญมากนัก
จะไดถึงความสุข ๓ ประการ คือความสุขในเมือง
มนุษย ความสุขบนสวรรค และความสุขแหง
นิพพานเปนที่สุด หมดสิ้นจากบาปและวิบาก
กรรมเวรทง้ั มวล”
ตอจากน้ันพระพุทธเจาไดกลาวกับสองเฒา
ผัวเมียวา
“ขอใหทา นทง้ั สอง ไดอุปฐากรักษาและกราบ
ไหวบูชายังเกศาธาตุแหงพระตถาคตที่นี่ตอไป
ภายหนา จนหมดอายุไขของทา นทั้งสองเถอะ”
พระองคไ ดก ลาวตอไปวา
“หากแมนวาเมื่อไปเขาไร ไถสวน ทํานา
ปลูกขาว น้ําฟาสายฝนไมตกตองตามฤดูกาล
ดินไมดี พืชผลเห่ียวแหงไมงอกงาม เมื่อถึง
เทศกาลปใหม ในวันพญาวัน ใหนําขาวตอก
ดอกไม ธูปเทียน และน้ําอบนํ้าหอมไปสรงน้ํา
ตํานานพระธาตุแชโหวแ ละพญาลิน้ กา น ๒๔
พระธาตุเจา แลวต้ังจิตอธิษฐานขอน้ําฟาสายฝน
และขอใหดินอุดมสมบูรณพืชผลเจริญงอกงามกบั
พระธาตุเจาทุก ๆ ป ก็จะสมดังคําปรารถนา
ทุกประการ”
คร้ันเมื่อพระพุทธเจาไดกลาวแกสองเฒา
ผัวเมียเสร็จแลว ก็พาพระอานนท พระอนิ ทร และ
พระเจาอโศกเสดจ็ ไปยังดอยถา้ํ ทางทิศตะวนั ออก
ในวนั นน้ั เอง
สุดทายน้ีตํานานพระธาตุแชโหว ดอยเวียง
หาว บานปาสัก เมืองพะเยา ก็ไดจบลงเรียบรอย
แตเพยี งเทา นี้แล
♦♦♦♦♦
พระราชมงคลวิสทุ ธ์ิ พระมหาเถร ๕ แผนดิน ๒๕
บทวิเคราะห
ในการวเิ คราะหตํานานพระธาตุแชโ หวใ นครั้ง
นี้ไดทําการวิเคราะหเกี่ยวกับวัฒนธรรม โดยยึด
หลักการวเิ คราะหแบบสหวิทยาการ ๔ ดาน ไดแ ก
ด า น ค ติ ธ ร ร ม ( Moral) เ น ติ ธ ร ร ม ( Legal)
สหธรรม (Social) และวัตถุธรรม (Material) ซึ่ง
มรี ายละเอยี ดแตล ะดา น ดงั นี้
การวเิ คราะหค ตธิ รรม
คติธรรม คือวัฒนธรรมทางจิตใจที่ไดจาก
ศาสนาที่ยึดถือเปนแบบอยางในการดําเนินชีวิต
จากเรื่องตํานานพญาล้ินกาน สะทอนใหเห็น
คตธิ รรมที่สําคัญ ดงั นี้
๑. สัจธรรม หรืออริยสัจ ๔ ซ่ึงเปนหลัก
คําสอนหนึ่งของพระพุทธเจา แปลวา ความจริง
อันประเสริฐ ความจริงของพระอริยบุคคล หรือ
ความจริงที่ทําใหผูเขาถึงกลายเปนอริยะ มีอยูสี่
ประการ คือ
ตาํ นานพระธาตุแชโ หวแ ละพญาลน้ิ กาน ๒๖
๑) ทุกข คอื สภาพท่ที นไดย าก ภาวะท่ที น
อยูในสภาพเดิมไมได สภาพท่ีบีบค้ัน ไดแก ชาติ
(การเกดิ ) ชรา (การแก การเกา ) มรณะ (การตาย
การสลายไป การสูญสิ้น) การประสบกับสิ่งอัน
ไมเปนที่รัก การพลัดพรากจากส่ิงอันเปนที่รัก
ก า ร ป ร า ร ถ น า สิ่ ง ใ ด แ ล ว ไ ม ส ม ห วั ง ใ น ส่ิ ง นั้ น
กลาวโดยยอ ทกุ ขก ็คืออปุ าทานขันธ หรือขันธ ๕
๒) สมุทัย คือ สาเหตุท่ีทําใหเกิดทุกข
ไดแก ตัณหา ๓ คือ กามตัณหา-ความทะยาน
อยากในกาม ความอยากไดทางกามารมณ,
ภวตัณหา-ความทะยานอยากในภพ ความอยาก
เปนโนน เปน น่ี และวิภวตัณหา-ความทะยานอยาก
ในความปราศจากภพ อยากไมเปน โนน เปนน่ี
๓) นิโรธ คือ ความดับทุกข ไดแก ดับ
สาเหตุท่ีทําใหเกิดทุกข กลาวคือ ดับตัณหาทั้ง ๓
ไดอ ยางส้ินเชิง
๔) มรรค คือ แนวปฏิบัติที่นําไปสูหรือ
นําไปถึงความดับทุกข มีองคประกอบอยู ๘
พระราชมงคลวสิ ุทธ์ิ พระมหาเถร ๕ แผน ดิน ๒๗
ประการ หรือมรรคมีองค ๘ ไดแก สัมมาทิฏฐิ-
ความเห็นชอบ, สัมมาสังกัปปะ-ความดําริชอบ,
สัมมาวาจา-เจรจาชอบ, สัมมากัมมันตะ-ทําการ
งานชอบ, สัมมาอาชีวะ-เลี้ยงชีพชอบ, สัมมา
วายามะ-พยายามชอบ, สัมมาสติ-ระลึกชอบ และ
สัมมาสมาธิ-ต้ังใจชอบ ซ่ึงรวมเรียกอีกชื่อหนึ่งได
วา "มัชฌมิ าปฏิปทา" หรือทางสายกลาง
๒. บุญกิริยาวัตถุ ๑๐ หมายถึง การกระทําท่ี
เกิดเปนบญุ เปน กุศลแกผกู ระทาํ ๑๐ อยาง ไดแ ก
๑) บุญสําเร็จไดดวยการบริจาคทาน
(ทานมยั )
๒) บญุ สําเรจ็ ไดด ว ยการรักษาศลี (สลี มยั )
๓) บุญสําเร็จไดดวยการภาวนา (ภาวนา
มยั )
๔) บุญสําเร็จไดดวยการประพฤติออน
นอมถอมตนตอผใู หญ (อปจายนมัย)
๕) บุญสําเร็จไดดวยการขวนขวายใน
กิจการทชี่ อบ (เวยยาวัจจมัย)
ตาํ นานพระธาตุแชโ หวแ ละพญาล้นิ กาน ๒๘
๖) บุญสาํ เรจ็ ไดดวยการใหสว นบญุ (ปต ติ
ทานมัย)
๗) บุญสําเร็จไดดวยการอนุโมทนา
(ปต ตานโุ มทนามยั )
๘) บุญสําเร็จไดด ว ยการฟง ธรรม (ธมั มัสส
วนมยั )
๙) บุญสําเร็จดวยการแสดงธรรม (ธัมม
เทสนามัย)
๑๐) บุญสําเร็จไดดวยการทําความเห็นให
ตรง (ทิฏฐชุกัมม)
บญุ กิริยาวัตถทุ ั้ง ๑๐ ประการนี้ ผใู ดไดป ฏบิ ัติ
อยา งใดอยา งหนึ่งหรอื ย่งิ มากจนครบ ๑๐ ประการ
แลว อานิสงสหรือผลบุญยอมเกิดแกผูไดกระทํา
มากตามบุญที่ไดกระทํา ย่ิงไดมีการเตรียมกาย
วาจา ใจ ใหสะอาดบริสุทธ์ิ แลวก็ย่ิงไดรับบุญ
มหาศาลตามความละเอียดประณีตท่ีเขาถึงย่ิง ๆ
ข้นึ ไป ซึง่ ผลบญุ ท่ไี ดร บั นน้ั จะมากหรอื นอยขนึ้ อยู
กบั ปจ จยั หลัก ๔ อยาง คือ
พระราชมงคลวิสทุ ธิ์ พระมหาเถร ๕ แผน ดนิ ๒๙
๑) ผูใหท านถอื ศีลบริสุทธ์ิ
๒) วัตถทุ านไดมาโดยบริสุทธิ์
๓) ผูใหท านมีเจตนาบรสิ ทุ ธ์ิ
๔) ผรู ับทานถือศลี บรสิ ทุ ธิ์
ดังน้ันการใหทานจะไดบุญมากหรือนอยนั้น
นอกจากจะข้ึนอยูกับตัวผูใหทานและวัตถุทาน
แลว ยังขึ้นอยูกับผูรับทานดวยวามีศีลบริสุทธ์ิ
แคไหน หรือเราอาจเคยไดยินเร่ือง “เนื้อนาบุญ”
มาบาง เน้ือนาบุญ เปรียบไดกับ การหวานเมล็ด
ขาว หากหวานลงบนพื้นนาดี ยอมไดผลผลิตมาก
แตหากหวานลงไปบนพื้นนาไมดีหรือบนคอนกรีต
ก็คงไมไดอะไร จากตํานานจะเห็นวาสองเฒา
ผัวเมียชาวไรชาวนาไดทําบุญถวายน้ําผึ้งและ
ลูกสมอแกพระพุทธเจาซึ่งเปนเน้ือนาบุญอยางหา
ท่ีเปรียบไมได อานิสงสผลบุญจึงสงใหมาเกิดเปน
ถึงพญาลน้ิ กาน เจาเมืองเวียงหา วในชาตติ อมา
ตัวอยาง ๑๐ อานิสงสผลบุญจากการทําบุญ
ที่เรามักทาํ กันบอย ๆ มีดงั น้ี
ตํานานพระธาตแุ ชโ หวแ ละพญาล้ินกา น ๓๐
๑) การบริจาคยารักษาโรค ขาวและ
อาหาร จะสงผลใหผูน้ันมีชีวิตอุดมสมบูรณ
สขุ ภาพแขง็ แรง
๒) การบริจาคเงินชวยเหลือเด็กกําพรา
จะสงผลให กิจการคา รงุ เรือง ครอบครัวอบอนุ
๓) การบริจาคเครื่องนุงหม จะสงผลให
ชาตหิ นา จะมเี ส้ือผา สวย ๆ สวมใสตลอดไป
๔) การบริจาคเงินรวมสรางถนน สะพาน
ศาลาริมทาง จะสงผลใหชีวิตความเปนอยูสะดวก
สมบรู ณ มผี อู ุปถัมภคาํ้ ชู
๕) การบริจาคหนังสือ จะสงผลใหเพ่ิม
วาสนา บารมี สติปญญา เปนที่นับหนาถือตาใน
สังคม
๖) การบริจาคทรัพยสินบานหรือที่ดิน
จะสงผลใหช าติหนาจะไดเปนเศรษฐี มฐี านะมงั่ ค่ัง
รํา่ รวย
๗) ทําบุญสรางโบถส วิหาร หลังคาวัด
จะสงผลให เสรมิ ดวงชวี ติ ใหด ขี นึ้ การงานมั่นคง
พระราชมงคลวิสุทธ์ิ พระมหาเถร ๕ แผนดนิ ๓๑
มีวาสนาสงู สง
๘) ทําบุญสรางพระพุทธรูป จะสงผลให
เสริมอํานาจวาสนาในชาตินี้ จะไดเปนผูบุญหนัก
ศักดิ์ใหญในชาตหิ นา
๙) ทําบุญทอดกฐิน ผาปา จะสงผลให
เสริมดวงชีวติ ใหม ีความสุข มคี วามเจริญรงุ เรอื ง
๑๑) ทําบุญตักบาตร ถวายดอกไม ธูป
เทียน น้ํามันตะเกียง จะสงผลให เสริมดวงชะตา
อุดมความสุข ความเจริญ ชื่อเสียง ลาภยศ
รปู กายงามสมบูรณ
แตสุดทายแลวไมวาเราจะทําบุญดวย
วิธีการใด ถาทําดวยความเต็มใจ ไมหวัง
ผลตอบแทน อานิสงสผลบุญที่ไดก็สงกลับมา
เชนเดยี วกนั
การวเิ คราะหเ นติธรรม
เนติธรรม คือวัฒนธรรมทางกฎหมายและ
ระเบียบประเพณปี ฏบิ ัตทิ ่ียอมรบั กนั เพอ่ื ใหค นอยู
ตํานานพระธาตแุ ชโ หวแ ละพญาลน้ิ กา น ๓๒
รวมกันในสังคมอยางมีความสุข จากเร่ืองตํานาน
พระธาตุแชโหว สะทอนใหเห็นเนติธรรมท่ีสําคัญ
ดังนี้
๑. “พระอินทร ทานจงเอาเกศาธาตุแหง
ตถาคตไปไวทก่ี ลางถา้ํ นัน้ เถอะ”
๒. “เม่ือใดท่ีตถาคตปรินิพพานไปแลว ขอให
ทานไดเอากระดูกยอดจมูกของตถาคต มาบรรจุ
รวมไวก บั พระเกศาธาตใุ นทแี่ หงนี้ดว ย”
๓. “ตอไปในภายภาคหนาเมื่อพระตถาคต ได
ปรินิพพานไปแลว บริเวณในท่ีแหงนี้จะเกิดเปน
บานเปนเมืองท่เี จรญิ รงุ เรอื งขึ้นมา”
จากคํากลาวขางบน ในสวนของประเด็นที่ ๑
และ ๒ เปนคําส่ังของพระพุทธเจา ท่ีส่ังพระ
อานนท พระอินทรและพระเจาอโศกเอาไว ซึ่งผูที่
ไดรับคําสั่งจะตองปฏิบัติตามคําสั่งอยางเครงครัด
สวนประเด็นท่ี ๓ เปนคําทํานายของพระพุทธเจา
ซ่ึงเปนที่ยอมรับของพุทธศาสนิกชนทุกคนวา
จะตองเกิดขน้ึ จรงิ ๆ อยา งไมมขี อโตแยง ขอ สงสยั
พระราชมงคลวิสทุ ธ์ิ พระมหาเถร ๕ แผนดิน ๓๓
ใด ๆ เพราะพระพทุ ธเจา เปนพระสัพพัญตุ ญาณ
หมายถึงพระญาณที่รูสิ่งท้ังปวง พระญาณนี้ไมมี
แกบุคคลทั่วไป นอกจากพระอรหันตสัมมาสัม
พทุ ธเจาเทา นน้ั
วเิ คราะหสหธรรม
สหธรรม คือวัฒนธรรมทางสังคม ท้ังดาน
ภาษา ความเชื่อถือ มารยาท และกิจกรรมตาง ๆ
ในสังคม จากเร่ืองตาํ นานพระธาตุแชโหว สะทอ น
ใหเหน็ สหธรรมท่สี ําคัญ ดงั นี้
๑. คําไหวพระธาตุแชโหว แมวาจะออกเสียง
เปนคําไทยหรือเปนคําเมืองก็ตาม สําเนียงแมจะ
ผิดเพี้ยนแตกตางกันไปบางก็ตาม แตคําไหวบูชา
พระธาตุน้ันก็ยังคงความศักด์ิสิทธิ์ในตัวเองเสมอ
ทั้งนี้ผมู าสกั การะบูชาตองมีความเชอ่ื ความศรัทธา
และตั้งจิตใหม น่ั กอนกลาวคําไหวพระธาตุและเม่ือ
อธษิ ฐานแลวก็จะสมความมุงมาดปรารถนา
ตํานานพระธาตุแชโหวแ ละพญาล้ินกา น ๓๔
๒. ชื่อของพระธาตุแชโหว มาจากชื่อของ
อุบาสก อุบาสิกา สองเฒาผัวเมีย ท่ีนํานํ้าผ้ึงและ
ลูกสมอมาถวายแกพระพุทธเจา ซ่ึงผูผัวชื่อวา
“ปแู ช” เมียช่ือวา “ยาโป”
ช่อื วา “ปูแช” เมยี ชื่อวา “ยาโป”
“แช่” คนเมือง อานวา “แจ” สวนคนไทย
อานวา “แช” คําวา “แจ” กับ “แช” นั้นถึงแม
รูปพยัญชนะกับวรรณยุกตไมเหมือนกันแตจะมี
เสียงวรรณยุกตโทเหมือนกันและความหมายก็
เหมอื นกัน
“โบ้” จะอานวา “โบ” หรือ “โป” ก็ได เม่ือ
พิจารณาดู คําวา “โบ” นั้นจะไมมีความหมายแต
อยางใด สวนคาํ วา “โป” นนั้ คนเมืองจะหมายถงึ
ถังนา้ํ สงั กะสีสําหรบั ใสน ้ํา กค็ ือ “โปน ํา้ ” นนั้ เอง
พระราชมงคลวสิ ทุ ธ์ิ พระมหาเถร ๕ แผนดิน ๓๕
โปน้ํา
เขาใจวา คําวา “โป”ตอมา สําเนียงเสียง
เรียกก็เพี้ยนเปลย นไปเปน “โหว” ตรงกับตัวเมือง
คือ “โหฯ้” ซึ่งหมายถึง ชอง รู ปลอง เชน คําวา
“ปลองถํ้ากลางดอย” เมื่อนําคําทั้งสองมาประสม
กันก็จะไดคําวา“แช่โหฯ้” ตรงกับคําในธรรม
คัมภรี ใบลาน ดงั น้ี
พระธาตุเจา “แชโหว” ดอยบานปาสัก
ตาํ นานพระธาตุแชโหวแ ละพญาลิ้นกา น ๓๖
ดังนั้นชื่อของ “วัดพระธาตุแชโหว” ก็
สามารถอา นได ๒ แบบ คือ
๑) อานแบบคนไทย จะออกเสียง
สาํ เนียงไทย ตองอานวา “วดั พระธาตแุ ชโหว”
๒) อานแบบคนเมือง จะออกเสียง
สําเนียงเมอื ง ตอ งอา นวา “วัดพระธาตแุ จโ หว”
สวนการเขียนปายน้ันก็ควรเขียนทั้งตัวไทย
กลางและตัวเมือง ใหถูกตองตามหลักวิชาการ
ดังน้ี
วดั พระธาตแุ ชโหว
วฯ� ธาแฯ ชโ่ ห้ฯ
๓. “ฉัพพรรณรังสี”คือสีท่ีแผออกจาก
พระวรกายขององคสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธ
เจา มี ๖ สี คือ
๑) สีนีละ - สีเขียวเหมือนดอกอัญชัน คือ
สีนาํ้ เงินนั่นเอง
๒) สีปตะ - สเี หลอื งเหมอื นหรดาลทอง
พระราชมงคลวสิ ทุ ธิ์ พระมหาเถร ๕ แผน ดนิ ๓๗
๓) สโี รหิตะ - สแี ดงเหมือนแสงตะวันออน
๔) สีโอทาตะ - สขี าวเงินยวง
๕) สีมญั เชฏฐะ - สแี สดเหมือนหงอนไก
๖) สีประภัสสร – สีเลื่อมพรายเหมือน
แกว ผลกึ (คือสที งั้ 5 ขางตนรวมกนั )
แสงเหลานี้เรียกอีกอยางวา “วรรณรังสี”
ซงึ่ ท้ัง ๖ สนี ีถ้ ือวา เปนสีมงคลของพุทธศาสนิกชน
ฉัพพรรณรังสีนยี้ งั ใชในธงฉพั พรรณรังสอี กี ดว ย
ธงฉัพพรรณรังสี เปนธงของศาสนาพุทธ
ท่ีใชท่ัวไปเปนสากล ประกาศใหธงนี้เปน
“ธงพุทธศาสนาสากล” เมอ่ื พ.ศ. ๒๔๙๒
ธงฉพั พรรณรังสี
ตาํ นานพระธาตุแชโหวแ ละพญาล้ินกาน ๓๘
ธงสัญลักษณของพระพุทธศาสนาท่ีใชใน
ประเทศไทย โดยทั่วไปคือ “ธงธรรมจักร” อัน
หมายถึง ธรรมะที่นําไปสอนในที่ตางๆ แลวยัง
ความสันติสุขใหเกิดข้ึนในที่น้ัน ๆ ลักษณะของ
ธงเปนรูปสี่เหล่ยี มผนื ผาสีเหลอื งแก ตรงกลางเปน
รูปพระธรรมจักรสีแดง คณะสงฆไทยไดประกาศ
ใชธงธรรมจกั รอยางเปน ทางการเมื่อ พ.ศ. ๒๕๐๑
ธงธรรมจักร
ในประเทศไทยน้ัน เมื่อมีการประกอบพิธี
สําคัญหรืออยูในวาระสําคัญทางพระพุทธศาสนา
พระราชมงคลวสิ ุทธ์ิ พระมหาเถร ๕ แผนดิน ๓๙
เชน วันมาฆบูชา วันวิสาขบูชา ก็จะมีการประดับ
ธงธรรมจกั รรว มกบั ธงชาตไิ ทยอยเู สมอ
๔. การทําบุญท่ีวัดพระธาตุแชโหว มีประเด็น
ที่นาสนใจ ดงั น้ี
๑) “บุคคลใดไมมีบุญ หาบุญไมไดก็จะไมมี
โอกาสไดไปทาํ บญุ ท่วี ัดพระธาตุเจดียแ หง นี้”
ดังน้ันใครก็ตามท่ีเกิดมาแลวแตยังหาบุญ
ไมไดก ็ควรไปทําบญุ ท่วี ัดพระธาตแุ ชโหวแ หง นี้
สกั คร้ังหนึ่งก็จะไดพบบุญและไดช ่อื วาเปนผมู บี ญุ
๒) “บุคคลใดท่ีไดไปรวมกันทําบุญสรา งวัด
แหงนี้ ไมวาจะเปนพระธาตเุ จดีย วิหาร กุฏิ ศาลา
กาํ แพง หรอื ถนนหนทางข้นึ ไปยังพระธาตเุ จดียก็ดี
ก็จะเกิดอานิสงสผลบุญแกผูน้ันมากมายจนนับ
ไมถ ว น”
ดังน้ันหลังจากท่ีเราไดไปทําบุญสรางวัด
แหงน้ีแลว อยาลืมตั้งจิตอธิษฐานขอผลบุญกุศลท่ี
เราไดรับ ชวยดลบันดาลตามที่เราปรารถนา ก็จะ
ประสบแตค วามสาํ เร็จ ความสมหวังทกุ ประการ
ตํานานพระธาตแุ ชโ หวแ ละพญาล้นิ กา น ๔๐
๓) “บุคคลใด ท่ีไดมาเย่ียมชมก็ดี ไดมาให
ทานก็ดี ไดม าสกั การะบูชาพระธาตดุ ว ยจุดประทปี
ดวงหนึ่งก็ดี ดวยดอกไมดอกหน่ึงก็ดี ดวยเทียน
เลมหน่ึงก็ดี ดวยขาวกอนหน่ึงก็ดี ไดยกมือขึ้นไหว
ดวยมือสิบนิ้วก็ดี ก็เสมอด่ังไดไหวบูชาใหทานกับ
ตวั องคต ถาคตเชนกนั ”
เน่ืองจากพระธาตุแชโหวเปนที่ประดิษฐาน
ของพระบรมเกศาธาตุ (เสนผม) และพระบรม
สารีริกธาตุ(กระดูกปลายจมูก) ของพระพุทธเจา
ดังนั้นพระธาตุแชโหวก็เปรียบเสมือนเปนตัวองค
ของพระสัมมาสัมพุทธเจาเอง เพราะฉะน้ันหาก
ใครอยากจะทําบุญถวายทานกับองคสมเด็จ
พระสัมมาสัมพุทธเจาผูเปนเน้ือนาบุญโดยตรง
ก็ใหไปทําบุญถวายทานกับองคพระธาตุแชโหว
ก็จะไดอ านิสงสผ ลบุญมากท่ีสดุ เชน กัน
อีกประการหนึ่งสําหรับนักปฏิบัติธรรม
ท้ังหลาย ที่เจริญอานาปานสติ กําหนดลมหายใจ
เขาออก หากไดมาปฏิบัติธรรมอยูใกลพระธาตุ
พระราชมงคลวสิ ทุ ธิ์ พระมหาเถร ๕ แผนดิน ๔๑
ธาตุเจดียแหงนี้ซ่ึงเปนท่ีบรรจุสวนของกระดูก
ปลายจมูกของพระพุทธเจาเอาไว ก็เปรียบเสมอื น
ตัวทานไดมาปฏิบัติธรรมเจริญอานาปนสติอยู
ใกลชิดกับองคสมเดจ็ พระสัมมาสัมพทุ ธเจานัน้ เอง
๔) “บุคคลใดมีเจตนาศรัทธาอุตสาหะ
บันทึกเขียนธรรมตํานานนี้ไว ไมวาจะเอาไว
กราบไหวบูชา ไมวาจะใหเปนทานเผยแผแกคน
ทั้งหลายเพ่ือค้ําชูพระศาสนา นับเปนธรรมทาน
ก็จักไดเสวยผลบุญมากมาย จะไดถึงความสุข ๓
ประการ คือความสุขในเมืองมนุษย ความสุข
บนสวรรค และความสุขแหงนิพพานเปนท่ีสุด
หมดสนิ้ จากบาปและวิบากกรรมเวรท้งั มวล”
ดังน้ันญาติโยมทั้งหลายที่ไดมารวมกัน
จัดทําและพิมพเผยแพรหนังสือเรื่องตํานาน
พญาลิ้นกานเลมนี้ ไมวาจะเปนการถวาย
ในรูปของปจจัยเงินทอง แรงกาย แรงใจและ
แรงสติปญญา เพ่ือถวายเปนธรรมทานในคร้ังนี้
ก็จะไดเสวยผลบุญกุศลมากมายท้ังชาตินี้และ
ตาํ นานพระธาตแุ ชโ หวแ ละพญาล้นิ กาน ๔๒
ชาติหนา ทานจะพบแตความสุขความเจริญ
ลูกหลานที่เกิดมาก็จะเปนคนมีวาสนาบารมี
มีสติปญญาดี เชื่อฟงในถอยคําท่ีพร่ําสอน
หอมลอมดวยกัลยาณมิตรและเปนคนดี เปนที่
นบั หนา ถือตาในสงั คม
สวนใครที่เคยทําบาปกรรมไวไมวาในท่ีลับ
หรือท่ีแจง ไมวาชาตินี้หรือชาติไหน เปนคนมี
วิบากกรรมติดตัว มีเจากรรมนายเวรคอยติดตาม
เลนงาน คือมีแตเรื่องเจ็บไขไดปวย เรื่องทุกขอก
ทุกขใจ มีแตเรื่องราวไมดีไมงามเขามาในชีวิต
หาความสุขไมได หากไดมาชวยจัดทําหรือพิมพ
หนังสือเผยแพร เพื่อเปนธรรมทาน ก็นับวาเปน
การ “แกกรรม” อีกรูปแบบท่ีจะชวยเหลือคนให
หมดสน้ิ จากบาปและวิบากกรรมเวรทงั้ มวลได
การวเิ คราะหวัตถุธรรม
วัตถุธรรม คือวัฒนธรรมทางวัตถุและสิ่งท่ีมี
ประโยชนที่ไดสรางขึ้น จากเรื่องตํานานพระธาตุ
แชโหว สะทอนใหเ ห็นวตั ถุธรรมทีส่ าํ คัญ ดงั นี้