หน่วยการเรียนรู้อิงมาตรฐานและแผนการจัดการเรียนรู้ รายวิชา ภาษาอังกฤษ 5 รหัสวิชา อ23121 ชั้นมัธยมศึกษาปีที่3 ภาคเรียนที่1 ปีการศึกษา2566 ผู้จัดทำ นายสุจินดา ปรากฏวงศ์ ตำแหน่ง ครู กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาต่างประเทศ โรงเรียนแผนการจัดการเรียนรู้ สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษากรุงเทพมหานคร เขต 2 สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน กระทรวงศึกษาธิการ
แบบอนุมัติใช้หน่วยการเรียนรู้และแผนการจัดการเรียนรู้ เรื่อง ขออนุมัติใช้หน่วยการเรียนรู้และแผนการจัดการเรียนรู้ เรียน ผู้อำนวยการโรงเรียนการจัดการเรียนรู้ ตามที่ข้าพเจ้า นายสุจินดา ปรากฏวงศ์ ตำแหน่ง ครู วิทยฐานะ - . กลุ่มสาระการเรียนรู้ ภาษาต่างประเทศ ได้รับมอบหมายให้ปฏิบัติการสอนรายวิชา ภาษาอังกฤษ 5 . รหัสวิชา อ23121 ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 ปีการศึกษา 2566 ภาคเรียนที่ 1 นั้น ในการนี้ ข้าพเจ้าได้จัดทำหน่วยการเรียนรู้และแผนการจัดการเรียนรู้เพื่อใช้ในการจัดการเรียนรู้ และได้ประเมินคุณภาพ ก่อนนำไปใช้ด้วยตนเองเป็นที่เรียบร้อยแล้ว จึงขออนุมัติใช้หน่วยการเรียนรู้และแผนการจัดการเรียนรู้ตามเอกสารที่แนบมาพร้อมนี้ จึงเรียนมาเพื่อโปรดพิจารณาอนุมัติ ลงชื่อ ผู้จัดทำ ( นายสุจินดา ปรากฏวงศ์ ) วันที่ 15 เดือน พฤษภาคม พ.ศ. 2566 . 1. ความคิดเห็นของผู้นิเทศสาขาวิชา ได้ตรวจสอบและประเมินคุณภาพแล้วเห็นสมควรอนุมัติ ลงชื่อ ( ) ตำแหน่ง วิทยฐานะ . 4. ความคิดเห็นของรองผู้อำนวยการกลุ่มบริหารวิชาการ เรียน ผู้อำนวยการโรงเรียนการจัดการเรียนรู้ เพื่อโปรดพิจารณาอนุมัติ ลงชื่อ ( ) รองผู้อำนวยการกลุ่มบริหารวิชาการ 2. ความคิดเห็นของหัวหน้ากลุ่มสาระการเรียนรู้ ภาษาต่างประเทศ เห็นสมควรพิจารณาอนุมัติ ลงชื่อ ( ) ตำแหน่ง วิทยฐานะ .. 5.คำสั่งผู้อำนวยการโรงเรียน ❑ อนุมัติ ❑ สั่งการ ลงชื่อ ( ) ผู้อำนวยการโรงเรียนการจัดการเรียนรู้ 3. ความคิดเห็นของหัวหน้างานนิเทศฯ เห็นสมควรพิจารณาอนุมัติ ลงชื่อ ( ) ตำแหน่ง วิทยฐานะ .
โรงเรียนแผนการจัดการเรียนรู้ แบบตรวจสอบคุณภาพหน่วยการเรียนรู้และการการจัดการเรียนรู้ หน่วยการเรียนรู้ที่ 1 เรื่อง Lifestyles . รหัสวิชา อ23121 รายวิชา ภาษาอังกฤษ 5 ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 . กลุ่มสาระการเรียนรู้ ภาษาต่างประเทศ ปีการศึกษา 2566 ภาคเรียนที่ 1 . คำชี้แจง โปรดทำเครื่องหมาย ✓ ในช่องผลการตรวจสอบตามรายการตรวจสอบที่กำหนด รายการตรวจสอบ ผลการตรวจสอบ ตนเอง ผู้นิเทศ 1. หน่วยการเรียนรู้สอดคล้องกับมาตรฐานการเรียนรู้/ตัวชี้วัด/ผลการเรียนรู้ 2. หน่วยการเรียนรู้สอดคล้องกับบริบทของสถานศึกษา ผู้เรียนและท้องถิ่น 3. หน่วยการเรียนรู้มีองค์ประกอบตามที่โรงเรียนกำหนดและนำไปปฏิบัติได้จริง 4. หน่วยการเรียนรู้มีกิจกรรมการเรียนรู้ด้วยวิธีการปฏิบัติที่สอดคล้องกับธรรมชาติ ของสาระการเรียนรู้และผู้เรียน สามารถนำไปปฏิบัติได้จริง 5. แผนการจัดการเรียนรู้สอดคล้องกับหน่วยการเรียนรู้และธรรมชาติของผู้เรียน มีองค์ประกอบตามที่โรงเรียนกำหนดและนำไปปฏิบัติได้จริง 6. แผนการจัดการเรียนรู้มีกิจกรรมการเรียนรู้ที่จัดการเรียนรู้โดยใช้รูปแบบ เทคนิค และวิธีการที่เน้นการปฏิบัติ มีความหลากหลาย 7. หน่วยการเรียนรู้และแผนการจัดการเรียนรู้มีการเลือกใช้สื่อ นวัตกรรม เทคโนโลยีทางการศึกษาและแหล่งเรียนรู้ ในการจัดการเรียนรู้ เหมาะสมกับผู้เรียน สอดคล้องกับเนื้อหาสาระ มาตรฐานการเรียนรู้/ตัวชี้วัด/ผลการเรียนรู้ 8. หน่วยการเรียนรู้และแผนการจัดการเรียนรู้มีการเลือกใช้สื่อเครื่องมือวัดและ ประเมินผลที่หลากหลาย เหมาะสมสอดคล้องกับมาตรฐานการเรียนรู้/ตัวชี้วัด/ ผลการเรียนรู้ และมีการประเมินตามสภาพจริง * (กรณีผู้รับการนิเทศเป็นครู ค.ศ. 2 ขึ้นไป) - ออกแบบหน่วยการเรียนรู้โดยปรับประยุกต์ให้สอดคล้องเหมาะสมกับผู้เรียน - หน่วยการเรียนรู้และแผนการจัดการเรียนรู้มีกิจกรรมการเรียนรู้หลากหลาย - คัดสรรสื่อ นวัตกรรมฯ และเครื่องมือวัดและประเมินผล ได้เหมาะสมกับผู้เรียน * (กรณีผู้รับการนิเทศเป็นครู ค.ศ. 3 ขึ้นไป) - หน่วยการเรียนรู้และแผนการจัดการเรียนรู้มีกิจกรรมการเรียนรู้ด้วยวิธีปฏิบัติ ที่สร้างสรรค์ สอดคล้องกับธรรมชาติของสาระการเรียนรู้และผู้เรียน - สร้างสื่อ นวัตกรรมฯ และเครื่องมือวัดและประเมินผลได้เหมาะกับผู้เรียน * (กรณีผู้รับการนิเทศเป็นครู ค.ศ. 4 ขึ้นไป) - หน่วยการเรียนรู้และแผนการจัดการเรียนรู้มีกิจกรรมการเรียนรู้ด้วยวิธีการปฏิบัติ ที่สร้างสรรค์อย่างหลากหลาย สอดคล้องกับธรรมชาติของสาระการเรียนรู้และผู้เรียน ลงชื่อ ผู้จัดทำ ลงชื่อ ผู้นิเทศฯ ( นายสุจินดา ปรากฏวงศ์ ) ( )
โรงเรียนแผนการจัดการเรียนรู้ แบบตรวจสอบคุณภาพหน่วยการเรียนรู้และการการจัดการเรียนรู้ หน่วยการเรียนรู้ที่ 2 เรื่อง Narrow escapes! . รหัสวิชา อ23121 รายวิชา ภาษาอังกฤษ 5 ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 . กลุ่มสาระการเรียนรู้ ภาษาต่างประเทศ ปีการศึกษา 2566 ภาคเรียนที่ 1 . คำชี้แจง โปรดทำเครื่องหมาย ✓ ในช่องผลการตรวจสอบตามรายการตรวจสอบที่กำหนด รายการตรวจสอบ ผลการตรวจสอบ ตนเอง ผู้นิเทศ 1. หน่วยการเรียนรู้สอดคล้องกับมาตรฐานการเรียนรู้/ตัวชี้วัด/ผลการเรียนรู้ 2. หน่วยการเรียนรู้สอดคล้องกับบริบทของสถานศึกษา ผู้เรียนและท้องถิ่น 3. หน่วยการเรียนรู้มีองค์ประกอบตามที่โรงเรียนกำหนดและนำไปปฏิบัติได้จริง 4. หน่วยการเรียนรู้มีกิจกรรมการเรียนรู้ด้วยวิธีการปฏิบัติที่สอดคล้องกับธรรมชาติ ของสาระการเรียนรู้และผู้เรียน สามารถนำไปปฏิบัติได้จริง 5. แผนการจัดการเรียนรู้สอดคล้องกับหน่วยการเรียนรู้และธรรมชาติของผู้เรียน มีองค์ประกอบตามที่โรงเรียนกำหนดและนำไปปฏิบัติได้จริง 6. แผนการจัดการเรียนรู้มีกิจกรรมการเรียนรู้ที่จัดการเรียนรู้โดยใช้รูปแบบ เทคนิค และวิธีการที่เน้นการปฏิบัติ มีความหลากหลาย 7. หน่วยการเรียนรู้และแผนการจัดการเรียนรู้มีการเลือกใช้สื่อ นวัตกรรม เทคโนโลยีทางการศึกษาและแหล่งเรียนรู้ ในการจัดการเรียนรู้ เหมาะสมกับผู้เรียน สอดคล้องกับเนื้อหาสาระ มาตรฐานการเรียนรู้/ตัวชี้วัด/ผลการเรียนรู้ 8. หน่วยการเรียนรู้และแผนการจัดการเรียนรู้มีการเลือกใช้สื่อเครื่องมือวัดและ ประเมินผลที่หลากหลาย เหมาะสมสอดคล้องกับมาตรฐานการเรียนรู้/ตัวชี้วัด/ ผลการเรียนรู้ และมีการประเมินตามสภาพจริง * (กรณีผู้รับการนิเทศเป็นครู ค.ศ. 2 ขึ้นไป) - ออกแบบหน่วยการเรียนรู้โดยปรับประยุกต์ให้สอดคล้องเหมาะสมกับผู้เรียน - หน่วยการเรียนรู้และแผนการจัดการเรียนรู้มีกิจกรรมการเรียนรู้หลากหลาย - คัดสรรสื่อ นวัตกรรมฯ และเครื่องมือวัดและประเมินผล ได้เหมาะสมกับผู้เรียน * (กรณีผู้รับการนิเทศเป็นครู ค.ศ. 3 ขึ้นไป) - หน่วยการเรียนรู้และแผนการจัดการเรียนรู้มีกิจกรรมการเรียนรู้ด้วยวิธีปฏิบัติ ที่สร้างสรรค์ สอดคล้องกับธรรมชาติของสาระการเรียนรู้และผู้เรียน - สร้างสื่อ นวัตกรรมฯ และเครื่องมือวัดและประเมินผลได้เหมาะกับผู้เรียน * (กรณีผู้รับการนิเทศเป็นครู ค.ศ. 4 ขึ้นไป) - หน่วยการเรียนรู้และแผนการจัดการเรียนรู้มีกิจกรรมการเรียนรู้ด้วยวิธีการปฏิบัติ ที่สร้างสรรค์อย่างหลากหลาย สอดคล้องกับธรรมชาติของสาระการเรียนรู้และผู้เรียน ลงชื่อ ผู้จัดทำ ลงชื่อ ผู้นิเทศฯ ( นายสุจินดา ปรากฏวงศ์ ) ( )
โรงเรียนแผนการจัดการเรียนรู้ แบบตรวจสอบคุณภาพหน่วยการเรียนรู้และการการจัดการเรียนรู้ หน่วยการเรียนรู้ที่ 3 เรื่อง Travel . รหัสวิชา อ23121 รายวิชา ภาษาอังกฤษ 5 ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 . กลุ่มสาระการเรียนรู้ ภาษาต่างประเทศ ปีการศึกษา 2566 ภาคเรียนที่ 1 . คำชี้แจง โปรดทำเครื่องหมาย ✓ ในช่องผลการตรวจสอบตามรายการตรวจสอบที่กำหนด รายการตรวจสอบ ผลการตรวจสอบ ตนเอง ผู้นิเทศ 1. หน่วยการเรียนรู้สอดคล้องกับมาตรฐานการเรียนรู้/ตัวชี้วัด/ผลการเรียนรู้ 2. หน่วยการเรียนรู้สอดคล้องกับบริบทของสถานศึกษา ผู้เรียนและท้องถิ่น 3. หน่วยการเรียนรู้มีองค์ประกอบตามที่โรงเรียนกำหนดและนำไปปฏิบัติได้จริง 4. หน่วยการเรียนรู้มีกิจกรรมการเรียนรู้ด้วยวิธีการปฏิบัติที่สอดคล้องกับธรรมชาติ ของสาระการเรียนรู้และผู้เรียน สามารถนำไปปฏิบัติได้จริง 5. แผนการจัดการเรียนรู้สอดคล้องกับหน่วยการเรียนรู้และธรรมชาติของผู้เรียน มีองค์ประกอบตามที่โรงเรียนกำหนดและนำไปปฏิบัติได้จริง 6. แผนการจัดการเรียนรู้มีกิจกรรมการเรียนรู้ที่จัดการเรียนรู้โดยใช้รูปแบบ เทคนิค และวิธีการที่เน้นการปฏิบัติ มีความหลากหลาย 7. หน่วยการเรียนรู้และแผนการจัดการเรียนรู้มีการเลือกใช้สื่อ นวัตกรรม เทคโนโลยีทางการศึกษาและแหล่งเรียนรู้ ในการจัดการเรียนรู้ เหมาะสมกับผู้เรียน สอดคล้องกับเนื้อหาสาระ มาตรฐานการเรียนรู้/ตัวชี้วัด/ผลการเรียนรู้ 8. หน่วยการเรียนรู้และแผนการจัดการเรียนรู้มีการเลือกใช้สื่อเครื่องมือวัดและ ประเมินผลที่หลากหลาย เหมาะสมสอดคล้องกับมาตรฐานการเรียนรู้/ตัวชี้วัด/ ผลการเรียนรู้ และมีการประเมินตามสภาพจริง * (กรณีผู้รับการนิเทศเป็นครู ค.ศ. 2 ขึ้นไป) - ออกแบบหน่วยการเรียนรู้โดยปรับประยุกต์ให้สอดคล้องเหมาะสมกับผู้เรียน - หน่วยการเรียนรู้และแผนการจัดการเรียนรู้มีกิจกรรมการเรียนรู้หลากหลาย - คัดสรรสื่อ นวัตกรรมฯ และเครื่องมือวัดและประเมินผล ได้เหมาะสมกับผู้เรียน * (กรณีผู้รับการนิเทศเป็นครู ค.ศ. 3 ขึ้นไป) - หน่วยการเรียนรู้และแผนการจัดการเรียนรู้มีกิจกรรมการเรียนรู้ด้วยวิธีปฏิบัติ ที่สร้างสรรค์ สอดคล้องกับธรรมชาติของสาระการเรียนรู้และผู้เรียน - สร้างสื่อ นวัตกรรมฯ และเครื่องมือวัดและประเมินผลได้เหมาะกับผู้เรียน * (กรณีผู้รับการนิเทศเป็นครู ค.ศ. 4 ขึ้นไป) - หน่วยการเรียนรู้และแผนการจัดการเรียนรู้มีกิจกรรมการเรียนรู้ด้วยวิธีการปฏิบัติ ที่สร้างสรรค์อย่างหลากหลาย สอดคล้องกับธรรมชาติของสาระการเรียนรู้และผู้เรียน ลงชื่อ ผู้จัดทำ ลงชื่อ ผู้นิเทศฯ ( นายสุจินดา ปรากฏวงศ์ ) ( )
โรงเรียนแผนการจัดการเรียนรู้ แบบตรวจสอบคุณภาพหน่วยการเรียนรู้และการการจัดการเรียนรู้ หน่วยการเรียนรู้ที่ 4 เรื่อง The media . รหัสวิชา อ23121 รายวิชา ภาษาอังกฤษ 5 ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 . กลุ่มสาระการเรียนรู้ ภาษาต่างประเทศ ปีการศึกษา 2566 ภาคเรียนที่ 1 . คำชี้แจง โปรดทำเครื่องหมาย ✓ ในช่องผลการตรวจสอบตามรายการตรวจสอบที่กำหนด รายการตรวจสอบ ผลการตรวจสอบ ตนเอง ผู้นิเทศ 1. หน่วยการเรียนรู้สอดคล้องกับมาตรฐานการเรียนรู้/ตัวชี้วัด/ผลการเรียนรู้ 2. หน่วยการเรียนรู้สอดคล้องกับบริบทของสถานศึกษา ผู้เรียนและท้องถิ่น 3. หน่วยการเรียนรู้มีองค์ประกอบตามที่โรงเรียนกำหนดและนำไปปฏิบัติได้จริง 4. หน่วยการเรียนรู้มีกิจกรรมการเรียนรู้ด้วยวิธีการปฏิบัติที่สอดคล้องกับธรรมชาติ ของสาระการเรียนรู้และผู้เรียน สามารถนำไปปฏิบัติได้จริง 5. แผนการจัดการเรียนรู้สอดคล้องกับหน่วยการเรียนรู้และธรรมชาติของผู้เรียน มีองค์ประกอบตามที่โรงเรียนกำหนดและนำไปปฏิบัติได้จริง 6. แผนการจัดการเรียนรู้มีกิจกรรมการเรียนรู้ที่จัดการเรียนรู้โดยใช้รูปแบบ เทคนิค และวิธีการที่เน้นการปฏิบัติ มีความหลากหลาย 7. หน่วยการเรียนรู้และแผนการจัดการเรียนรู้มีการเลือกใช้สื่อ นวัตกรรม เทคโนโลยีทางการศึกษาและแหล่งเรียนรู้ ในการจัดการเรียนรู้ เหมาะสมกับผู้เรียน สอดคล้องกับเนื้อหาสาระ มาตรฐานการเรียนรู้/ตัวชี้วัด/ผลการเรียนรู้ 8. หน่วยการเรียนรู้และแผนการจัดการเรียนรู้มีการเลือกใช้สื่อเครื่องมือวัดและ ประเมินผลที่หลากหลาย เหมาะสมสอดคล้องกับมาตรฐานการเรียนรู้/ตัวชี้วัด/ ผลการเรียนรู้ และมีการประเมินตามสภาพจริง * (กรณีผู้รับการนิเทศเป็นครู ค.ศ. 2 ขึ้นไป) - ออกแบบหน่วยการเรียนรู้โดยปรับประยุกต์ให้สอดคล้องเหมาะสมกับผู้เรียน - หน่วยการเรียนรู้และแผนการจัดการเรียนรู้มีกิจกรรมการเรียนรู้หลากหลาย - คัดสรรสื่อ นวัตกรรมฯ และเครื่องมือวัดและประเมินผล ได้เหมาะสมกับผู้เรียน * (กรณีผู้รับการนิเทศเป็นครู ค.ศ. 3 ขึ้นไป) - หน่วยการเรียนรู้และแผนการจัดการเรียนรู้มีกิจกรรมการเรียนรู้ด้วยวิธีปฏิบัติ ที่สร้างสรรค์ สอดคล้องกับธรรมชาติของสาระการเรียนรู้และผู้เรียน - สร้างสื่อ นวัตกรรมฯ และเครื่องมือวัดและประเมินผลได้เหมาะกับผู้เรียน * (กรณีผู้รับการนิเทศเป็นครู ค.ศ. 4 ขึ้นไป) - หน่วยการเรียนรู้และแผนการจัดการเรียนรู้มีกิจกรรมการเรียนรู้ด้วยวิธีการปฏิบัติ ที่สร้างสรรค์อย่างหลากหลาย สอดคล้องกับธรรมชาติของสาระการเรียนรู้และผู้เรียน ลงชื่อ ผู้จัดทำ ลงชื่อ ผู้นิเทศฯ ( นายสุจินดา ปรากฏวงศ์ ) ( )
โรงเรียนแผนการจัดการเรียนรู้ แบบตรวจสอบคุณภาพหน่วยการเรียนรู้และการการจัดการเรียนรู้ หน่วยการเรียนรู้ที่ 5 เรื่อง Our future . รหัสวิชา อ23121 รายวิชา ภาษาอังกฤษ 5 ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 . กลุ่มสาระการเรียนรู้ ภาษาต่างประเทศ ปีการศึกษา 2566 ภาคเรียนที่ 1 . คำชี้แจง โปรดทำเครื่องหมาย ✓ ในช่องผลการตรวจสอบตามรายการตรวจสอบที่กำหนด รายการตรวจสอบ ผลการตรวจสอบ ตนเอง ผู้นิเทศ 1. หน่วยการเรียนรู้สอดคล้องกับมาตรฐานการเรียนรู้/ตัวชี้วัด/ผลการเรียนรู้ 2. หน่วยการเรียนรู้สอดคล้องกับบริบทของสถานศึกษา ผู้เรียนและท้องถิ่น 3. หน่วยการเรียนรู้มีองค์ประกอบตามที่โรงเรียนกำหนดและนำไปปฏิบัติได้จริง 4. หน่วยการเรียนรู้มีกิจกรรมการเรียนรู้ด้วยวิธีการปฏิบัติที่สอดคล้องกับธรรมชาติ ของสาระการเรียนรู้และผู้เรียน สามารถนำไปปฏิบัติได้จริง 5. แผนการจัดการเรียนรู้สอดคล้องกับหน่วยการเรียนรู้และธรรมชาติของผู้เรียน มีองค์ประกอบตามที่โรงเรียนกำหนดและนำไปปฏิบัติได้จริง 6. แผนการจัดการเรียนรู้มีกิจกรรมการเรียนรู้ที่จัดการเรียนรู้โดยใช้รูปแบบ เทคนิค และวิธีการที่เน้นการปฏิบัติ มีความหลากหลาย 7. หน่วยการเรียนรู้และแผนการจัดการเรียนรู้มีการเลือกใช้สื่อ นวัตกรรม เทคโนโลยีทางการศึกษาและแหล่งเรียนรู้ ในการจัดการเรียนรู้ เหมาะสมกับผู้เรียน สอดคล้องกับเนื้อหาสาระ มาตรฐานการเรียนรู้/ตัวชี้วัด/ผลการเรียนรู้ 8. หน่วยการเรียนรู้และแผนการจัดการเรียนรู้มีการเลือกใช้สื่อเครื่องมือวัดและ ประเมินผลที่หลากหลาย เหมาะสมสอดคล้องกับมาตรฐานการเรียนรู้/ตัวชี้วัด/ ผลการเรียนรู้ และมีการประเมินตามสภาพจริง * (กรณีผู้รับการนิเทศเป็นครู ค.ศ. 2 ขึ้นไป) - ออกแบบหน่วยการเรียนรู้โดยปรับประยุกต์ให้สอดคล้องเหมาะสมกับผู้เรียน - หน่วยการเรียนรู้และแผนการจัดการเรียนรู้มีกิจกรรมการเรียนรู้หลากหลาย - คัดสรรสื่อ นวัตกรรมฯ และเครื่องมือวัดและประเมินผล ได้เหมาะสมกับผู้เรียน * (กรณีผู้รับการนิเทศเป็นครู ค.ศ. 3 ขึ้นไป) - หน่วยการเรียนรู้และแผนการจัดการเรียนรู้มีกิจกรรมการเรียนรู้ด้วยวิธีปฏิบัติ ที่สร้างสรรค์ สอดคล้องกับธรรมชาติของสาระการเรียนรู้และผู้เรียน - สร้างสื่อ นวัตกรรมฯ และเครื่องมือวัดและประเมินผลได้เหมาะกับผู้เรียน * (กรณีผู้รับการนิเทศเป็นครู ค.ศ. 4 ขึ้นไป) - หน่วยการเรียนรู้และแผนการจัดการเรียนรู้มีกิจกรรมการเรียนรู้ด้วยวิธีการปฏิบัติ ที่สร้างสรรค์อย่างหลากหลาย สอดคล้องกับธรรมชาติของสาระการเรียนรู้และผู้เรียน ลงชื่อ ผู้จัดทำ ลงชื่อ ผู้นิเทศฯ ( นายสุจินดา ปรากฏวงศ์ ) ( )
หน่วยการเรียนรู้อิงมาตรฐาน รายวิชาภาษาอังกฤษ 5 (อ23111) ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 ภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2565 หน้า 1 วิเคราะห์ตัวชี้วัด เพื่อจัดทำอธิบายรายวิชา กลุ่มสาระการเรียนรู้ ภาษาต่างประเทศ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 . ภาคเรียนที่ 1 รหัสวิชา อ23121 รายวิชา ภาษาอังกฤษ 5 . ตัวชี้วัด ภาคเรียนที่ 1 2 ต 1.1 ม.3/1 ปฏิบัติตามคำขอร้อง คำแนะนำ คำชี้แจง และคำอธิบายที่ฟังและ อ่าน ✓ ต 1.1 ม.3/2 อ่านออกเสียงข้อความ ข่าว โฆษณา และบทร้อยกรองสั้น ๆ ถูกต้องตามหลักการอ่าน ✓ ต 1.1 ม.3/3 ระบุและเขียนสื่อที่ไม่ใช่ความเรียงรูปแบบต่าง ๆ ให้สัมพันธ์กับ ประโยค และข้อความที่ฟังหรืออ่าน ✓ ต 1.1 ม.3/4 เลือก / ระบุหัวข้อเรื่อง ใจความสำคัญ รายละเอียดสนับสนุน และแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับเรื่องที่ฟังและอ่านจากสื่อประเภทต่าง ๆ พร้อม ทั้งให้เหตุผลและยกตัวอย่างประกอบ ✓ ต 1.2 ม.3/1 สนทนาและเขียนโต้ตอบข้อมูลเกี่ยวกับตนเอง เรื่องต่าง ๆ ใกล้ตัว สถานการณ์ ข่าว เรื่องที่อยู่ในความสนใจของสังคมและสื่อสารอย่างต่อเนื่อง และเหมาะสม ✓ ต 1.2 ม.3/2 ใช้คำขอร้อง ให้คำแนะนำ คำชี้แจง และคำอธิบายอย่างเหมาะสม ✓ ต 1.2 ม.3/3 พูดและเขียนแสดงความต้องการ เสนอและให้ความช่วยเหลือ ตอบ รับและปฏิเสธการให้ความช่วยเหลือในสถานการณ์ต่างๆ อย่างเหมาะสม ✓ ต 1.2 ม.3/4 พูดและเขียนเพื่อขอและให้ข้อมูล อธิบาย เปรียบเทียบ และแสดง ความคิดเห็นเกี่ยวกับเรื่องที่ฟังหรืออ่านอย่างเหมาะสม ✓ ต 1.2 ม.3/5 พูดและเขียนบรรยายความรู้สึก และความคิดเห็นของตนเอง เกี่ยวกับเรื่องต่าง ๆ กิจกรรม ประสบการณ์ และข่าว / เหตุการณ์ พร้อมทั้งให้ เหตุผลประกอบอย่างเหมาะสม ✓ ต 1.3 ม.3/1 และเขียนบรรยายเกี่ยวกับตนเอง ประสบการณ์ ข่าว / เหตุการณ์ / เรื่อง / ประเด็นต่าง ๆ ที่อยู่ในความสนใจของสังคม ✓ ต 1.3 ม.3/2 พูดและเขียนสรุปใจความสำคัญ / แก่นสาระ หัวข้อเรื่องที่ได้จาก การวิเคราะห์เรื่อง / ข่าวเหตุการณ์ / สถานการณ์ที่อยู่ในความสนใจของสังคม ✓ ต 1.3 ม.3/3 พูดและเขียนแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับกิจกรรม ประสบการณ์ และเหตุการณ์ พร้อมทั้งให้เหตุผลประกอบ ✓ ต 2.1 ม.3/1 เลือกใช้ภาษา น้ำเสียง และกิริยาท่าทาง เหมาะกับบุคคลและโอกาส ตามมารยาทสังคมและวัฒนธรรมของเจ้าของภาษา ✓
หน่วยการเรียนรู้อิงมาตรฐาน รายวิชาภาษาอังกฤษ 5 (อ23111) ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 ภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2565 หน้า 2 ตัวชี้วัด ภาคเรียนที่ 1 2 ต 2.1 ม.3/2 อธิบายเกี่ยวกับชีวิตความเป็นอยู่ ขนบธรรมเนียมและประเพณี ของเจ้าของภาษา ✓ ต 2.1 ม.3/3 เข้าร่วม / จัดกิจกรรมทางภาษาและวัฒนธรรมตามความสนใจ ✓ ต 2.2 ม.3/1 เปรียบเทียบและอธิบายความเหมือนและความแตกต่างระหว่าง การออกเสียงประโยคชนิดต่าง ๆ และการลำดับคำตามโครงสร้างประโยคของ ภาษาต่างประเทศและภาษาไทย ✓ ต 2.2 ม.3/2 เปรียบเทียบและอธิบายความเหมือนและความแตกต่างระหว่าง ชีวิตความเป็นอยู่และวัฒนธรรมของเจ้าของภาษากับของไทย และนำไปใช้อย่าง เหมาะสม ✓ ต 3.1 ม.3/1 ค้นคว้า รวบรวม และสรุปข้อมูล / ข้อเท็จจริงที่เกี่ยวข้องกับกลุ่ม สาระการเรียนรู้อื่นจากแหล่งเรียนรู้และนำเสนอด้วยการพูดและการเขียน ✓ ต 4.1 ม.3/1 ใช้ภาษาสื่อสารในสถานการณ์จริง / สถานการณ์จำลองที่เกิดขึ้นใน ห้องเรียน สถานศึกษาชุมชนและสังคม ✓ ต 4.2 ม.3/1 ใช้ภาษาต่างประเทศในการสืบค้น / ค้นคว้า รวบรวม และสรุป ความรู้/ ข้อมูลต่าง ๆ จากสื่อและแหล่งการเรียนรู้ต่าง ๆ ในการศึกษาต่อและ ประกอบอาชีพ ✓ ต 4.2 ม.3/2 เผยแพร่ / ประชาสัมพันธ์ข้อมูลข่าวสารของโรงเรียน ชุมชน และ ท้องถิ่นเป็นภาษาต่างประเทศ ✓ รวมตัวชี้วัดในแต่ละภาคเรียน 10 11 รวมตัวชี้วัดตลอดปีการศึกษา 21
หน่วยการเรียนรู้อิงมาตรฐาน รายวิชาภาษาอังกฤษ 5 (อ23111) ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 ภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2565 หน้า 3 วิเคราะห์ตัวชี้วัด เพื่อจัดทำอธิบายรายวิชา กลุ่มสาระการเรียนรู้ ภาษาต่างประเทศ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 . ภาคเรียนที่ 1 รหัสวิชา อ23121 รายวิชา ภาษาอังกฤษ 5 . ตัวชี้วัด ความรู้ K ทักษะ / กระบวนการ P คุณลักษณะ A สมรรถนะสำคัญ C ต 1.1 ม.3/1 ปฏิบัติตามคำขอร้อง คำแนะนำ คำชี้แจง และคำอธิบายที่ฟังและ อ่าน - นักเรียนมีความรู้ ในการใช้คำขอร้อง คำแนะนำ คำชี้แจง และ คำอธิบายต่าง ๆ ได้ - เขียนประโยคโดยใช้ Relative Pronoun ในคำขอร้อง คำแนะนำ คำชี้แจง และคำอธิบายต่าง ๆ ได้ถูกโครงสร้างตาม หลักภาษา - รักการเรียนรู้ ภาษาอังกฤษและ ฝึกฝนอย่างจริงจัง เพียงพอ - ผู้เรียนใช้ ภาษาอังกฤษอย่างมี มารยาท ถูกต้องตาม กาลเทศะ และบุคคล 1. ความสามารถใน การสื่อสาร 2. ความสามารถใน การคิด 3. ความสามารถใน การแก้ปัญหา 4. ความสามารถใน การใช้ทักษะชีวิต 5. ความสามารถใน การใช้เทคโนโลยี ต 1.2 ม.3/1 สนทนาและเขียน โต้ตอบข้อมูลเกี่ยวกับ ตนเอง เรื่องต่าง ๆ ใกล้ตัว สถานการณ์ ข่าว เรื่องที่อยู่ในความ สนใจของสังคมและ สื่อสารอย่างต่อเนื่อง และเหมาะสม - นักเรียนมีความรู้ ในใช้ภาษาเพื่อ แลกเปลี่ยนข้อมูล เกี่ยวกับตนเอง เรื่องใกล้ตัว สถานการณ์ต่าง ๆ ในชีวิตประจำวัน ได้ - พูดข้อมูลเกี่ยวกับ ตนเองและบุคคลใกล้ ตัว สถานการณ์ ข่าว เรื่องที่อยู่ในความ สนใจในชีวิตประจำวัน ได้ถูกโครงสร้างตาม หลักภาษา - เขียนข้อมูลเกี่ยวกับ ตนเองและบุคคลใกล้ ตัว สถานการณ์ ข่าว เรื่องที่อยู่ในความ สนใจในชีวิตประจำวัน โดยใช้ Reported Speech ได้ถูก โครงสร้างตามหลัก ภาษา - รักการเรียนรู้ ภาษาอังกฤษและ ฝึกฝนอย่างจริงจัง เพียงพอ - ผู้เรียนใช้ ภาษาอังกฤษอย่างมี มารยาท ถูกต้องตาม กาลเทศะ และบุคคล 1. ความสามารถใน การสื่อสาร 2. ความสามารถใน การคิด 3. ความสามารถใน การแก้ปัญหา 4. ความสามารถใน การใช้ทักษะชีวิต 5. ความสามารถใน การใช้เทคโนโลยี
หน่วยการเรียนรู้อิงมาตรฐาน รายวิชาภาษาอังกฤษ 5 (อ23111) ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 ภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2565 หน้า 4 ตัวชี้วัด ความรู้ K ทักษะ / กระบวนการ P คุณลักษณะ A สมรรถนะสำคัญ C ต 1.2 ม.3/3 พูดและเขียนแสดงความ ต้องการ เสนอและให้ ความช่วยเหลือ ตอบรับ และปฏิเสธการให้ความ ช่วยเหลือในสถานการณ์ ต่างๆ อย่างเหมาะสม - นักเรียนมีความรู้ ในการใช้ภาษาที่ใช้ ในการแสดงความ ต้องการ เสนอและ ให้ความช่วยเหลือ ตอบรับและปฏิเสธ การให้ความ ช่วยเหลือใน สถานการณ์ต่าง ๆ โดยใช้ Conditional Sentences (IfClause) ได้ - เขียนประโยคโดยใช้ Conditional Sentences (IfClause) เพื่อแสดง ความต้องการ เสนอ และให้ความช่วยเหลือ ตอบรับและปฏิเสธการ ให้ความช่วยเหลือใน สถานการณ์ต่าง ๆ ได้ - รักการเรียนรู้ ภาษาอังกฤษและ ฝึกฝนอย่างจริงจัง เพียงพอ - ผู้เรียนใช้ ภาษาอังกฤษอย่างมี มารยาท ถูกต้องตาม กาลเทศะ และบุคคล 1. ความสามารถใน การสื่อสาร 2. ความสามารถใน การคิด 3. ความสามารถใน การแก้ปัญหา 4. ความสามารถใน การใช้ทักษะชีวิต 5. ความสามารถใน การใช้เทคโนโลยี ต 1.3 ม.3/2 พูดและเขียนสรุป ใจความสำคัญ / แก่น สาระ หัวข้อเรื่องที่ได้ จากการวิเคราะห์เรื่อง /ข่าวเหตุการณ์ / สถานการณ์ที่อยู่ใน ความสนใจของสังคม - นักเรียนมีความรู้ เกี่ยวกับเรื่อง Reported Speech - พูดประโยคเกี่ยวกับ ข่าว เหตุการณ์ / สถานการณ์ที่อยู่ใน ความสนใจของสังคม โดยใช้ Reported Speech ได้ - เขียนประโยค เกี่ยวกับสถานการณ์ ต่าง ๆ โดยใช้ Reported Speech ได้ - รักการเรียนรู้ ภาษาอังกฤษและ ฝึกฝนอย่างจริงจัง เพียงพอ - ผู้เรียนใช้ ภาษาอังกฤษอย่างมี มารยาท ถูกต้องตาม กาลเทศะ และบุคคล 1. ความสามารถใน การสื่อสาร 2. ความสามารถใน การคิด 3. ความสามารถใน การแก้ปัญหา 4. ความสามารถใน การใช้ทักษะชีวิต 5. ความสามารถใน การใช้เทคโนโลยี ต 2.1 ม.3/1 เลือกใช้ภาษา น้ำเสียง และกิริยาท่าทาง เหมาะกับบุคคลและ โอกาส ตามมารยาท สังคมและวัฒนธรรม ของเจ้าของภาษา - นักเรียนมีความรู้ ในการใช้รูปแบบ ประโยคตาม โครงสร้างต่าง ๆ (Tenses) และ Relative Pronoun ในการ สนทนา ตาม มารยาทสังคมและ วัฒนธรรมของ เจ้าของภาษา - เขียนประประโยค ตามโครงสร้างต่าง ๆ (Tenses) และ Relative Pronoun ในรูปแบบการสนทนา ตามมารยาทสังคมและ วัฒนธรรมของเจ้าของ ภาษาได้ - รักการเรียนรู้ ภาษาอังกฤษและ ฝึกฝนอย่างจริงจัง เพียงพอ - ผู้เรียนใช้ ภาษาอังกฤษอย่างมี มารยาท ถูกต้องตาม กาลเทศะ และบุคคล 1. ความสามารถใน การสื่อสาร 2. ความสามารถใน การคิด 3. ความสามารถใน การแก้ปัญหา 4. ความสามารถใน การใช้ทักษะชีวิต 5. ความสามารถใน การใช้เทคโนโลยี
หน่วยการเรียนรู้อิงมาตรฐาน รายวิชาภาษาอังกฤษ 5 (อ23111) ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 ภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2565 หน้า 5 ตัวชี้วัด ความรู้ K ทักษะ / กระบวนการ P คุณลักษณะ A สมรรถนะสำคัญ C ต 2.1 ม.3/2 อธิบายเกี่ยวกับชีวิต ความเป็นอยู่ ขนบธรรมเนียมและ ประเพณีของเจ้าของ ภาษา - นักเรียนมีความรู้ เกี่ยวกับชีวิตความ เป็นอยู่ ขนบธรรมเนียม และประเพณีของ เจ้าของภาษา - เขียนอธิบายเกี่ยวกับ ชีวิตความเป็นอยู่ ขนบธรรมเนียมและ ประเพณีของเจ้าของ ภาษาโดย Agreement of Subject and Verb และ Relative Pronouns ได้ - รักการเรียนรู้ ภาษาอังกฤษและ ฝึกฝนอย่างจริงจัง เพียงพอ - ผู้เรียนใช้ ภาษาอังกฤษอย่างมี มารยาท ถูกต้องตาม กาลเทศะ และบุคคล 1. ความสามารถใน การสื่อสาร 2. ความสามารถใน การคิด 3. ความสามารถใน การแก้ปัญหา 4. ความสามารถใน การใช้ทักษะชีวิต 5. ความสามารถใน การใช้เทคโนโลยี ต 2.2 ม.3/2 เปรียบเทียบและอธิบาย ความเหมือนและความ แตกต่างระหว่างชีวิต ความเป็นอยู่และ วัฒนธรรมของเจ้าของ ภาษากับของไทย และ นำไปใช้อย่างเหมาะสม - นักเรียนมีความรู้ เกี่ยวกับความ เหมือนและความ แตกต่างระหว่าง Active and Passive Voice ที่ เกี่ยวข้องกับชีวิต ความเป็นอยู่และ วัฒนธรรมของ เจ้าของภาษากับ ของไทย - เขียนเปรียบเทียบ ความเหมือนและความ แตกต่างระหว่าง Active and Passive Voice ได้ - รักการเรียนรู้ ภาษาอังกฤษและ ฝึกฝนอย่างจริงจัง เพียงพอ - ผู้เรียนใช้ ภาษาอังกฤษอย่างมี มารยาท ถูกต้องตาม กาลเทศะ และบุคคล 1. ความสามารถใน การสื่อสาร 2. ความสามารถใน การคิด 3. ความสามารถใน การแก้ปัญหา 4. ความสามารถใน การใช้ทักษะชีวิต 5. ความสามารถใน การใช้เทคโนโลยี ต 3.1 ม.3/1 ค้นคว้า รวบรวม และ สรุปข้อมูล / ข้อเท็จจริง ที่เกี่ยวข้องกับกลุ่มสาระ การเรียนรู้อื่นจากแหล่ง เรียนรู้และนำเสนอด้วย การพูดและการเขียน - นักเรียนมีความรู้ Conditional Sentences (IfClause) และ Reported Speech - เขียนประโยค เกี่ยวกับ Conditional Sentences (IfClause) ได้ - พูดนำเสนอข้อมูล โดยใช้ Reported Speech ได้ - รักการเรียนรู้ ภาษาอังกฤษและ ฝึกฝนอย่างจริงจัง เพียงพอ - ผู้เรียนใช้ ภาษาอังกฤษอย่างมี มารยาท ถูกต้องตาม กาลเทศะ และบุคคล 1. ความสามารถใน การสื่อสาร 2. ความสามารถใน การคิด 3. ความสามารถใน การแก้ปัญหา 4. ความสามารถใน การใช้ทักษะชีวิต 5. ความสามารถใน การใช้เทคโนโลยี
หน่วยการเรียนรู้อิงมาตรฐาน รายวิชาภาษาอังกฤษ 5 (อ23111) ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 ภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2565 หน้า 6 ตัวชี้วัด ความรู้ K ทักษะ / กระบวนการ P คุณลักษณะ A สมรรถนะสำคัญ C ต 4.1 ม.3/1 ใช้ภาษาสื่อสารใน สถานการณ์จริง / สถานการณ์จำลองที่ เกิดขึ้นในห้องเรียน สถานศึกษาชุมชนและ สังคม - นักเรียนมีความรู้ ในโครงสร้าง ประโยค (Tense) และ Agreement of Subject and Verb - พูดสื่อสารโดยใช้ โครงสร้างประโยค (Tense) ได้ - เขียนประโยคเพื่อใช้ ในการสื่อสารโดยใช้ โครงสร้างประโยค (Tense) และ Agreement of Subject and Verb ได้ - รักการเรียนรู้ ภาษาอังกฤษและ ฝึกฝนอย่างจริงจัง เพียงพอ - ผู้เรียนใช้ ภาษาอังกฤษอย่างมี มารยาท ถูกต้องตาม กาลเทศะ และบุคคล 1. ความสามารถใน การสื่อสาร 2. ความสามารถใน การคิด 3. ความสามารถใน การแก้ปัญหา 4. ความสามารถใน การใช้ทักษะชีวิต 5. ความสามารถใน การใช้เทคโนโลยี ต 4.2 ม.3/2 เผยแพร่ / ประชาสัมพันธ์ข้อมูล ข่าวสารของโรงเรียน ชุมชน และท้องถิ่นเป็น ภาษาต่างประเทศ - นักเรียนมีความรู้ ในโครงสร้าง ประโยค Active and Passive Voice และ Reported Speech - เขียนประโยค Active and Passive Voice และ Reported Speech เพื่อเผยแพร่ / ประชาสัมพันธ์ข้อมูล ข่าวสารของโรงเรียน ได้ - รักการเรียนรู้ ภาษาอังกฤษและ ฝึกฝนอย่างจริงจัง เพียงพอ - ผู้เรียนใช้ ภาษาอังกฤษอย่างมี มารยาท ถูกต้องตาม กาลเทศะ และบุคคล 1. ความสามารถใน การสื่อสาร 2. ความสามารถใน การคิด 3. ความสามารถใน การแก้ปัญหา 4. ความสามารถใน การใช้ทักษะชีวิต 5. ความสามารถใน การใช้เทคโนโลยี
หน่วยการเรียนรู้อิงมาตรฐาน รายวิชาภาษาอังกฤษ 5 (อ23111) ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 ภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2565 หน้า 7 โรงเรียนแผนการจัดการเรียนรู้ คำอธิบายรายวิชาพื้นฐาน กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาต่างประเทศ วิชา ภาษาอังกฤษ 5 รหัสวิชา อ23121 จำนวน 3 คาบ / สัปดาห์ ระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 จำนวน 1.5 หน่วยกิต จำนวนเวลาเรียนทั้งสิ้น 60 คาบ / ชั่วโมง : ภาคเรียน คำอธิบายรายวิชา ศึกษาคำศัพท์ สำนวน โครงสร้างประโยค ข้อความ พูดและเขียนบรรยายลักษณะของคนสิ่งต่าง ๆ เช่น แบบบ้าน /ห้อง / ส่วนต่าง ๆ ของบ้าน / ทำเลที่ตั้ง ชีวิตประจำวัน อาชีพ การศึกษา งานอดิเรก การบันเทิง พักผ่อนหย่อนใจ การเดินทาง ศึกษาวัฒนธรรมทางภาษาของเจ้าของภาษา ฟังและพูดโต้ตอบในสถานการณ์ต่าง ๆ เช่น การซื้อของหรือสอบถามข้อมูลจากตำรวจ โรงแรม ร้านอาหาร โรงพยาบาล ธนาคาร สายการบิน พูด โทรศัพท์ หรือแสดงความคิดเห็นจากการสนทนาและปฏิบัติได้อย่างถูกต้อง อ่านข้อความ บทความ เกี่ยวกับสุขภาพ วัฒนธรรม วิถีชีวิตของเจ้าของภาษา การประกันอุบัติเหตุ สารคดี ข่าว ตารางการเดินทาง บุคคลสำคัญที่มีชื่อเสียง ให้ข้อมูลแสดงความคิดเห็นและตอบคำถามจาก การอ่านได้ถูกต้อง ตระหนักถึงความสำคัญและคุณค่าของการเรียนภาษา ใช้ภาษาในการแสวงหาความรู้และข้อมูล จากแหล่งข้อมูลที่หลากหลายในรูปแบบที่แตกต่างกันยอมรับและเข้าใจวัฒนธรรมของเจ้าของภาษา และภาษาของ ตนเอง สื่อสารโดยใช้โครงสร้างทางภาษาที่ถูกต้อง โดยผ่านกระบวนการที่เน้นผู้เรียนเป็นสำคัญ กระบวนการคิดวิเคราะห์ที่เหมาะสมสืบค้นข้อมูลจากสื่อและ แหล่งการเรียนรู้ต่าง ๆ ในการศึกษาต่อและใช้ในชีวิตประจำวันโดยใช้เทคโนโลยีที่ทันสมัย บูรณาการเนื้อหาสาระกับ กลุ่มสาระการเรียนรู้อื่น ๆ และตามแนวคิดหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง เพื่อให้เกิดการเรียนรู้และสามารถใช้ภาษาอังกฤษเพื่อการศึกษาต่อและใช้ในชีวิตประจำวันได้อย่างถูกต้อง เหมาะสมตามสถานการณ์นั้น ๆ รวมทั้งมีเจตคติที่ดีต่อการเรียนรู้ภาษาอังกฤษ รหัสตัวชี้วัด / ผลการเรียนรู้ ต 1.1 ม.3/1 ต 2.2 ม.3/2 ต 1.2 ม.3/1, 3 ต 3.1 ม.3/1 ต 1.3 ม.3/2 ต 4.1 ม.3/1 ต 2.1 ม.3/1, 2 ต 4.2 ม.3/2 รวม 10 ตัวชี้วัด / ผลการเรียนรู้
หน่วยการเรียนรู้อิงมาตรฐาน รายวิชาภาษาอังกฤษ 5 (อ23111) ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 ภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2565 หน้า 8 โครงสร้างรายวิชา รหัสวิชา อ23111 รายวิชา ภาษาอังกฤษ 5 กลุ่มสาระการเรียนรู้ ภาษาต่างประเทศ . ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 ปีการศึกษา 2565 ภาคเรียนที่ 1 เวลาเรียน 1.5/3 หน่วยกิต/ชั่วโมง ครูผู้สอน นายสุจินดา ปรากฏวงศ์ . หน่วย ที่ ชื่อหน่วย การเรียนรู้ มาตรฐานการ เรียนรู้/ตัวชี้วัด สาระสำคัญ / สาระการเรียนรู้แกนกลาง เวลา คาบ / ชั่วโมง น้ำหนัก คะแนน 1 Lifestyles ต 2.1 ม.3/1 ต 2.1 ม.3/2 ต 4.1 ม.3/1 อธิบายและใช้ภาษาสื่อสารในสถานการณ์ จริง / สถานการณ์จำลองที่เกิดขึ้นใน ห้องเรียน สถานศึกษาชุมชนและสังคม ชีวิต ความเป็นอยู่ ขนบธรรมเนียมและประเพณี ของเจ้าของภาษา โดยใช้Agreement of Subject and Verb และรูปแบบประโยค ตามโครงสร้างต่าง ๆ (Tenses) ในการ สนทนา ตามมารยาทสังคมและวัฒนธรรม ของเจ้าของภาษา 15 13 2 Believe it or not! ต 2.2 ม.3/2 ต 4.2 ม.3/2 - เข้าใจในความเหมือนและความแตกต่าง ระหว่าง Active and Passive Voice ที่ เกี่ยวข้องกับชีวิตความเป็นอยู่และวัฒนธรรม ของเจ้าของภาษากับของไทย เพื่อนำมา ประชาสัมพันธ์ข้อมูลข่าวสารของโรงเรียน ชุมชน และท้องถิ่นเป็นภาษาต่างประเทศ 15 12 วัดผลกลางภาค 20 3 Experiences ต 1.2 ม.3/3 ต 3.1 ม.3/1 ความรู้ในการใช้ภาษาที่ใช้ในการแสดงความ ต้องการ เสนอและให้ความช่วยเหลือ ตอบ รับและปฏิเสธการให้ความช่วยเหลือใน สถานการณ์ต่าง ๆ โดยใช้ Conditional Sentences (If-Clause) เพื่อค้นคว้า รวบรวม และสรุปข้อมูล / ข้อเท็จจริงที่ เกี่ยวข้องกับกลุ่มสาระการเรียนรู้อื่นจาก แหล่งเรียนรู้และนำเสนอด้วยการพูดและ การเขียน 15 12
หน่วยการเรียนรู้อิงมาตรฐาน รายวิชาภาษาอังกฤษ 5 (อ23111) ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 ภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2565 หน้า 9 หน่วย ที่ ชื่อหน่วย การเรียนรู้ มาตรฐานการเรียนรู้ /ตัวชี้วัด สาระสำคัญ / สาระการเรียนรู้แกนกลาง เวลา คาบ / ชั่วโมง น้ำหนัก คะแนน 4 Safe and Sound ต 1.1 ม.3/1 ต 1.2 ม.3/1 ต 1.3 ม.3/2 ต 2.1 ม.3/1 ต 3.1 ม.3/1 ต 4.2 ม.3/2 - ความรู้ในการเลือกใช้Relative Pronouns and Reported Speech โดย การพูดและเขียน ปฏิบัติตามคำขอร้อง คำแนะนำ คำชี้แจง และคำอธิบายที่ฟังและ อ่าน สนทนาและเขียนโต้ตอบข้อมูลเกี่ยวกับ ตนเอง เรื่องต่าง ๆ ใกล้ตัว สถานการณ์ ข่าว เรื่องที่อยู่ในความสนใจของสังคมและ สื่อสารอย่างต่อเนื่องและเหมาะกับบุคคล และโอกาส ตามมารยาทสังคมและ วัฒนธรรมของเจ้าของภาษา และใช้ Relative Pronouns and Reported Speech เพื่อเผยแพร่ / ประชาสัมพันธ์ ข้อมูลข่าวสารของโรงเรียน ชุมชน และ ท้องถิ่นเป็นภาษาต่างประเทศ 15 13 วัดผลปลายภาค 30 รวมทั้งสิ้น 60 100
หน่วยการเรียนรู้อิงมาตรฐาน รายวิชาภาษาอังกฤษ 5 (อ23111) ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 ภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2565 หน้า 10 โรงเรียนแผนการจัดการเรียนรู้ กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาต่างประเทศ รายวิชา ภาษาอังกฤษ 5 (อ23121) ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 ภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2566 จำนวนหน่วยการเรียนรู้ 1.5 หน่วยกิต เวลา 60 ชั่วโมง หน่วยการ เรียนรู้ที่ หน่วยการเรียน / เนื้อหาสาระโดยสังเขป จำนวนคาบ / ชั่วโมง 1 Unit 1 : Lifestyles - Vocabulary, reading and conversation - Agreement of Subject and Verb - Agreement of Subject and Verb (Revision) - Present Simple Tense - Present Progressive Tense - Present Perfect Tense - Past Simple Tense - Past Progressive Tense - Past Perfect Tense - Future Simple Tense - Tenses (7 Tenses Revision) 15 1 3 2 1 1 1 1 1 1 1 2 2 Unit 2 : Believe it or not! - Vocabulary, reading and conversation - Active and Passive Voice - Active and Passive Voice (Revision) 15 2 11 2 3 Unit 3 : Experiences - Vocabulary, reading and conversation - Conditional Sentences (If-Clause) - Conditional Sentences (If-Clause) (Revision) 15 2 11 2 4 Unit 4 : Safe and Sound - Vocabulary, reading and conversation - Relative Pronouns - Relative Pronouns (Revision) - Reported Speech - Reported Speech (Revision) 15 2 5 1 5 2 รวม 60
หน่วยการเรียนรู้อิงมาตรฐาน รายวิชาภาษาอังกฤษ 5 (อ23111) ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 ภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2565 หน้า 11 โรงเรียนแผนการจัดการเรียนรู้ กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาต่างประเทศ รายวิชา ภาษาอังกฤษ 5 (อ23121) ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 ภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2565 จำนวนหน่วยการเรียนรู้ 1.5 หน่วยกิต เวลา 60 ชั่วโมง หน่วยการ เรียนรู้ที่ หน่วยการเรียน / เนื้อหาสาระโดยสังเขป วิธีการสอน จำนวนคาบ / ชั่วโมง 1 Unit 1 : Lifestyles 15 - Vocabulary, reading and conversation Discovery Method 1 - Agreement of Subject and Verb Inquiry Method : 5Es และ 2W3P 3 - Agreement of Subject and Verb (Revision) 5 STEPs 2 - Present Simple Tense Inquiry Method : 5Es 1 - Present Progressive Tense Inquiry Method : 5Es 1 - Present Perfect Tense 3Ps 1 - Past Simple Tense 2W3P 1 - Past Progressive Tense Active Learning 1 - Past Perfect Tense CIPPA Model 1 - Future Simple Tense 2W3P 1 - Tenses (7 Tenses Revision) 5 STEPs 2 2 Unit 2 : Believe it or not! 18 - Vocabulary, reading and conversation Discovery Method 2 - Active and Passive Voice 2W3P และ Inquiry Method : 5Es 11 - Active and Passive Voice (Revision) Inquiry Method : 5Es 2
หน่วยการเรียนรู้อิงมาตรฐาน รายวิชาภาษาอังกฤษ 5 (อ23111) ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 ภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2565 หน้า 12 3 Unit 3 : Experiences 15 - Vocabulary, reading and conversation Discovery Method 2 - Conditional Sentences (If-Clause) Discovery Method, 2W3P, Inquiry Method : 5Es และ 5 STEPs 11 - Conditional Sentences (If-Clause) (Revision) Inquiry Method : 5Es 1 4 Unit 4 : Safe and Sound 15 - Vocabulary, reading and conversation Discovery Method 2 - Relative Pronouns Discovery Method และ 2W3P 5 - Relative Pronouns (Revision) Inquiry Method : 5Es 1 - Reported Speech Inquiry Method : 5Es และ 5 STEPs 5 - Reported Speech (Revision) Inquiry Method : 5Es 2 รวม 60
หน่วยการเรียนรู้อิงมาตรฐาน รายวิชาภาษาอังกฤษ 5 (อ23111) ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 ภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2565 หน้า 13 โรงเรียนแผนการจัดการเรียนรู้ หน่วยการเรียนรู้ที่ 1 เรื่อง Lifestyles รหัสวิชา อ23121 รายวิชา ภาษาอังกฤษ 5 ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาต่างประเทศ ปีการศึกษา 2566 ภาคเรียนที่ 1 เวลา 15 ชั่วโมง ผู้สอน นายสุจินดา ปรากฏวงศ์ 1. มาตรฐานการเรียนรู้/ ตัวชี้วัด 1.1 มาตรฐานการเรียนรู้ มาตรฐาน ต 2.1 เข้าใจความสัมพันธ์ระหว่างภาษากับวัฒนธรรมของเจ้าของภาษา และนำไปใช้ ได้อย่าง เหมาะสมกับกาลเทศะ มาตรฐาน ต 4.1 ใช้ภาษาต่างประเทศในสถานการณ์ต่าง ๆ ทั้งในสถานศึกษา ชุมชน และสังคม 1.2 ตัวชี้วัด ต 2.1 ม. 3/1 เลือกใช้ภาษา น้ำเสียง และกิริยาท่าทาง เหมาะกับบุคคลและโอกาส ตามมารยาทสังคม และวัฒนธรรมของเจ้าของภาษา ต 2.1 ม. 3/2 อธิบายเกี่ยวกับชีวิตความเป็นอยู่ขนบธรรมเนียมและประเพณีของเจ้าของภาษา ต 4.1 ม. 3/1 ใช้ภาษาสื่อสารในสถานการณ์จริง / สถานการณ์จำลองที่เกิดขึ้นในห้องเรียน สถานศึกษา ชุมชนและสังคม 2. สาระสำคัญ / ความคิดรวบยอด อธิบายและใช้ภาษาสื่อสารในสถานการณ์จริง / สถานการณ์จำลองที่เกิดขึ้นในห้องเรียน สถานศึกษา ชุมชนและสังคม ชีวิตความเป็นอยู่ ขนบธรรมเนียมและประเพณีของเจ้าของภาษา โดยใช้ Agreement of Subject and Verb และรูปแบบประโยคตามโครงสร้างต่าง ๆ (Tenses) ในการสนทนา ตามมารยาทสังคมและวัฒนธรรม ของเจ้าของภาษา มีทักษะในการเลือก พอประมาณ มีเหตุผล มีภูมิคุ้มกัน และมีคุณธรรม ในการปฏิบัติตนอย่าง เหมาะสม ตามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง 3. สาระการเรียนรู้ 3.1 สาระการเรียนรู้แกนกลาง อธิบายและใช้ภาษาสื่อสารในสถานการณ์จริง / สถานการณ์จำลองที่เกิดขึ้นในห้องเรียน สถานศึกษา ชุมชนและสังคม ชีวิตความเป็นอยู่ ขนบธรรมเนียมและประเพณีของเจ้าของภาษา โดยใช้ Agreement of Subject and Verb และรูปแบบประโยคตามโครงสร้างต่าง ๆ (Tenses) ในการสนทนา ตามมารยาทสังคมและวัฒนธรรม ของเจ้าของภาษา 3.2 สาระการเรียนรู้ท้องถิ่น 1. คำศัพท์ในเรื่อง Unit 1 : Lifestyles 2. บทสนทนาในเรื่อง Unit 1 : Lifestyles 3. การใช้ Agreement of Subject and Verb 4. การใช้รูปแบบประโยคตามโครงสร้างต่าง ๆ (Tenses)
หน่วยการเรียนรู้อิงมาตรฐาน รายวิชาภาษาอังกฤษ 5 (อ23111) ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 ภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2565 หน้า 14 4. สมรรถนะสำคัญของผู้เรียน (เฉพาะที่เกิดในหน่วยการเรียนรู้นี้) 4.1 ความสามารถในการสื่อสาร 4.2 ความสามารถในการคิด 4.3 ความสามารถในการแก้ปัญหา 4.4 ความสามารถในการใช้ทักษะชีวิต 4.5 ความสามารถในการใช้เทคโนโลยี 5. คุณลักษณะอันพึงประสงค์ (เฉพาะที่เกิดในหน่วยการเรียนรู้นี้) 5.1 คุณลักษณะอันพึงประสงค์ (ตามหลักสูตรแกนกลาง) 1) รักชาติ ศาสน์ กษัตริย์ 2) ซื่อสัตย์สุจริต 3) มีวินัย 4) ใฝ่เรียนรู้ 5) อยู่อย่างพอเพียง 6) มุ่งมั่นในการทำงาน 7) รักความเป็นไทย 8) มีจิตสาธารณะ 5.2 คุณลักษณะตามหลักสูตรมาตรฐานสากล 1) มีความรู้พื้นฐานในยุคดิจิตอล วิทยาศาสตร์ เศรษฐศาสตร์ เทคโนโลยี รู้ภาษา พหุวัฒนธรรม ตระหนักสำนึกระดับโลก 2) สามารถคิดประดิษฐ์อย่างสร้างสรรค์ ปรับตัวใฝ่รู้ ใฝ่เรียน วิเคราะห์ สังเคราะห์สรุป สร้างองค์ความรู้ 3) มีทักษะสื่อสารอย่างมีประสิทธิภาพ 4) มีความสามารถในการใช้ทักษะชีวิต 5) มีความสามารถในการใช้เทคโนโลยี 6. ทักษะของผู้เรียนในศตวรรษที่ 21 (3R 7C เฉพาะที่เกิดในหน่วยการเรียนรู้นี้) 6.1 ทักษะการอ่าน (Reading) 6.2 ทักษะการเขียน (Writing) 6.3 ทักษะการคิดคำนวณ (Arithmetic) 6.4 ทักษะด้านการคิดอย่างมีวิจารณญาณและทักษะในการแก้ปัญหา (Critical thinking and problem solving) 6.5 ทักษะด้านการสร้างสรรค์และนวัตกรรม (Creativity and innovation) 6.6 ทักษะด้านความร่วมมือการทำงานเป็นทีมและภาวะผู้นำ (Collaboration, teamwork and leadership) 6.7 ทักษะด้านความเข้าใจต่างวัฒนธรรมต่างกระบวนทัศน์ (Cross-cultural understanding) 6.8 ทักษะด้านการสื่อสารสารสนเทศและรู้เท่าทันสื่อ (Communication information and media literacy) 6.9 ทักษะด้านคอมพิวเตอร์และเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร (Computing) 6.10 ทักษะอาชีพและทักษะการเรียนรู้ (Career and learning self-reliance, change) 7. การบูรณาการตามพระราชบัญญัติการศึกษาแห่งชาติ (เฉพาะที่เกิดในหน่วยการเรียนรู้นี้) 7.1 บูรณาการสวนพฤกษศาสตร์โรงเรียน 7.2 บูรณาการเศรษฐกิจพอเพียง 7.3 บูรณาการห้องเรียนสีเขียว 7.4 อื่น ๆ (โปรดระบุ)…………………………………………………………………………..………………………….…………………………
หน่วยการเรียนรู้อิงมาตรฐาน รายวิชาภาษาอังกฤษ 5 (อ23111) ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 ภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2565 หน้า 15 8. ชิ้นงาน / ภาระงาน 1. ภาระงาน - ใบงานเรื่อง Vocabulary, reading and conversation - แบบฝึกหัดเรื่อง Reading and conversation ในหนังสือเรียนรายวิชาพื้นฐาน ภาษาอังกฤษ Spark 3 Student’s book ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 - ใบงานเรื่อง Agreement of subject and verb - ใบงานเรื่อง Present Simple Tense - ใบงานเรื่อง Present Progressive Tense - ใบงานเรื่อง Present Perfect Tense - ใบงานเรื่อง Past Simple Tense - ใบงานเรื่อง Past Progressive Tense - ใบงานเรื่อง Past Perfect Tense - ใบงานเรื่อง Future Simple Tense 2. ชิ้นงาน - ชิ้นงานหา Grammar in News ในหนังสือพิมพ์หรืออินเตอร์เน็ต เกี่ยวกับ Tense ต่าง ๆ จำนวน 7 tenses 9. การวัดและประเมินผล 9.1 การวัดและประเมินผลชิ้นงาน / ภาระงาน 1. วิธีการ 1. ตรวจใบงานเรื่อง Vocabulary 2. ตรวจแบบฝึกหัดเรื่อง Reading and conversation ในหนังสือเรียนรายวิชาพื้นฐาน ภาษาอังกฤษ Spark 3 Student’s book ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 3. ตรวจใบงานเรื่อง Agreement of subject and verb 4. ตรวจใบงานเรื่อง Present Simple Tense 5. ตรวจใบงานเรื่อง Present Progressive Tense 6. ตรวจใบงานเรื่อง Present Perfect Tense 7. ตรวจใบงานเรื่อง Past Simple Tense 8. ตรวจใบงานเรื่อง Past Progressive Tense 9. ตรวจใบงานเรื่อง Past Perfect Tense 10. ตรวจใบงานเรื่อง Future Simple Tense 11. ตรวจชิ้นงาน Grammar in News ในหนังสือพิมพ์หรืออินเตอร์เน็ต เกี่ยวกับ 7 tenses 2. เครื่องมือ 1. ใบงานเรื่อง Vocabulary 2. แบบฝึกหัดเรื่อง Reading and conversation ในหนังสือเรียนรายวิชาพื้นฐาน ภาษาอังกฤษ Spark 3 Student’s book ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 3. ใบงานเรื่อง Agreement of subject and verb 4. ใบงานเรื่อง Present Simple Tense
หน่วยการเรียนรู้อิงมาตรฐาน รายวิชาภาษาอังกฤษ 5 (อ23111) ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 ภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2565 หน้า 16 5. ใบงานเรื่อง Present Progressive Tense 6. ใบงานเรื่อง Present Perfect Tense 7. ใบงานเรื่อง Past Simple Tense 8. ใบงานเรื่อง Past Progressive Tense 9. ใบงานเรื่อง Past Perfect Tense 10. ใบงานเรื่อง Future Simple Tense 11. ชิ้นงาน Grammar in News ในหนังสือพิมพ์หรืออินเตอร์เน็ต เกี่ยวกับ 7 tenses 3. เกณฑ์ 1. ตรวจใบงานร้อยละ 60 ผ่านเกณฑ์ 2. ตรวจชิ้นงานคุณภาพ ระดับ 2 ผ่านเกณฑ์การประเมิน 9.2 การวัดและประเมินผลระหว่างการจัดกิจกรรม ลำดับ รายการที่วัดและประเมินผล วิธีการ เครื่องมือ เกณฑ์ 1 ใบงานเรื่อง Vocabulary ตรวจใบงานท้ายบท ใบงานท้ายบท นักเรียนให้ความ ร่วมมือในการทำ แบบฝึกหัดและตอบ ถูกร้อยละ 60 ขึ้นไป ผ่านเกณฑ์ 2 แบบฝึกหัดเรื่อง Reading and conversation ในหนังสือเรียน รายวิชาพื้นฐาน ภาษาอังกฤษ Spark 3 Student’s book ชั้ น มัธยมศึกษาปีที่ 3 ตรวจแบบฝึกหัด แบบฝึกหัด นักเรียนให้ความ ร่วมมือในการทำ แบบฝึกหัดและตอบ ถูกร้อยละ 60 ขึ้นไป ผ่านเกณฑ์ 3 ใบงานเรื่อง Agreement of subject and verb ตรวจใบงานท้ายบท ใบงานท้ายบท นักเรียนให้ความ ร่วมมือในการทำ แบบฝึกหัดและตอบ ถูกร้อยละ 60 ขึ้นไป ผ่านเกณฑ์ 4 ใบงานเรื่อง Present Simple Tense ตรวจใบงานท้ายบท ใบงานท้ายบท นักเรียนให้ความ ร่วมมือในการทำ แบบฝึกหัดและตอบ ถูกร้อยละ 60 ขึ้นไป ผ่านเกณฑ์ 5 ใบงานเรื่อง Present Progressive Tense ตรวจใบงานท้ายบท ใบงานท้ายบท นักเรียนให้ความ ร่วมมือในการทำ แบบฝึกหัดและตอบ ถูกร้อยละ 60 ขึ้นไป ผ่านเกณฑ์
หน่วยการเรียนรู้อิงมาตรฐาน รายวิชาภาษาอังกฤษ 5 (อ23111) ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 ภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2565 หน้า 17 9.2 การวัดและประเมินผลระหว่างการจัดกิจกรรม (ต่อ) ลำดับ รายการที่วัดและประเมินผล วิธีการ เครื่องมือ เกณฑ์ 6 ใบงานเรื่อง Present Perfect Tense ตรวจใบงานท้ายบท ใบงานท้ายบท นักเรียนให้ความ ร่วมมือในการทำ แบบฝึกหัดและตอบ ถูกร้อยละ 60 ขึ้นไป ผ่านเกณฑ์ 7 ใบงานเรื่อง Past Simple Tense ตรวจใบงานท้ายบท ใบงานท้ายบท นักเรียนให้ความ ร่วมมือในการทำ แบบฝึกหัดและตอบ ถูกร้อยละ 60 ขึ้นไป ผ่านเกณฑ์ 8 ใบงานเรื่อง Past Progressive Tense ตรวจใบงานท้ายบท ใบงานท้ายบท นักเรียนให้ความ ร่วมมือในการทำ แบบฝึกหัดและตอบ ถูกร้อยละ 60 ขึ้นไป ผ่านเกณฑ์ 9 ใบงานเรื่อง Past Perfect Tense ตรวจใบงานท้ายบท ใบงานท้ายบท นักเรียนให้ความ ร่วมมือในการทำ แบบฝึกหัดและตอบ ถูกร้อยละ 60 ขึ้นไป ผ่านเกณฑ์ 10 ใบงานเรื่อง Future Simple Tense ตรวจใบงานท้ายบท ใบงานท้ายบท นักเรียนให้ความ ร่วมมือในการทำ แบบฝึกหัดและตอบ ถูกร้อยละ 60 ขึ้นไป ผ่านเกณฑ์ 11 ชิ้นงาน Grammar in News ใน หนังสือพิมพ์หรืออินเตอร์เน็ต เกี่ยวกับ 7 tenses ประเมินจากชิ้นงาน แบบประเมินชิ้นงาน เกณฑ์การประเมิน ชิ้นงาน
หน่วยการเรียนรู้อิงมาตรฐาน รายวิชาภาษาอังกฤษ 5 (อ23111) ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 ภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2565 หน้า 18 10. กิจกรรมการเรียนรู้ (Active Learning) เรื่องที่ 1 เรื่อง Vocabulary, reading and conversation จำนวนเวลาเรียน 1 ชั่วโมง วิธีการสอน (วิธีการสอนแบบค้นพบ Discovery Method) กิจกรรมการเรียนรู้(Active Learning) ขั้นที่ 1 ขั้นนำเข้าสู่บทเรียน 1.1 นักเรียนเข้าสู่บทเรียน โดยนักเรียนดูหัวข้อ Jobs and Qualities (อาชีพและคุณสมบัติของอาชีพ) บนกระดาน พร้อมช่วยกันแสดงความคิดเห็น 1.2 นักเรียนดูรูปภาพ คำศัพท์และประโยคคำถามบนกระดานดังนี้ Stuntman What qualities does a stuntman need? 1.3 นักเรียนช่วยกันแสดงความคิดเห็นและตอบคำถาม โดยนักเรียนสามารถตอบได้ว่า A stuntman needs to be daring and fit. 1.4 นักเรียนดูรูปภาพอาชีพ (Jobs) ในหนังสือแบบเรียนรายวิชาพื้นฐานภาษาอังกฤษ Spark 3 Student’s book ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 พร้อมช่วยกันแสดงความคิดเห็นและตอบคำถาม What qualities does each of the jobs? 1.5 นักเรียนศึกษาคำศัพท์ในเอกสารประกอบการเรียน และคำศัพท์ที่เกี่ยวกับ Lifestyles เพิ่มเติม 1.6 นักเรียนและครูร่วมกันอภิปรายความหมายของคำศัพท์ทุกตัว ครูยกตัวอย่างเพิ่มเติมให้นักเรียน เข้าใจวิธีการใช้คำศัพท์นั้นให้มากขึ้น ขั้นที่ 2 ขั้นเรียนรู้ 2.1 นักเรียนทำกิจกรรม Reading : Extreme jobs, Extreme looks ในหนังสือแบบเรียนรายวิชา พื้นฐาน ภาษาอังกฤษ Spark 3 Student’s book ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 หน้าที่ 10 2.2 นักเรียนช่วยกันสรุปกิจกรรม Reading : Extreme jobs, Extreme looks ในหนังสือแบบเรียน รายวิชาพื้นฐาน ภาษาอังกฤษ Spark 3 Student’s book ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 หน้าที่ 10 2.3 นักเรียนทำกิจกรรม Read the texts and answer the questions ในหนังสือแบบเรียนรายวิชา พื้นฐาน ภาษาอังกฤษ Spark 3 Student’s book ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 หน้าที่ 11 2.4 นักเรียนและครูร่วมกันเฉลยคำตอบในกิจกรรมที่นักเรียนทำทั้งหมด หากมีข้อใดที่นักเรียนยังตอบได้ ไม่ถูกต้องให้ครูผู้สอนอธิบายคำตอบให้นักเรียนฟังเพื่อให้นักเรียนมีความเข้าใจมากขึ้น 2.5 นักเรียนฟังบทสนทนา Talking about clothes ในหนังสือแบบเรียนรายวิชาพื้นฐาน ภาษาอังกฤษ Spark 3 Student’s book ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 หน้าที่ 15 2.6 นักเรียนช่วยกันสรุปบทสนทนา Talking about clothes ในหนังสือแบบเรียนรายวิชาพื้นฐาน ภาษาอังกฤษ Spark 3 Student’s book ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 หน้าที่ 15
หน่วยการเรียนรู้อิงมาตรฐาน รายวิชาภาษาอังกฤษ 5 (อ23111) ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 ภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2565 หน้า 19 2.7 นักเรียนจับกลุ่มเพื่อฝึกบทสนทนา และส่งตัวแทนออกมา 1 กลุ่มเพื่อออกมาพูดบทสนทนา ขั้นที่ 3 ขั้นนำไปใช้ 3.1 นักเรียนศึกษาคำศัพท์ในเอกสารประกอบการเรียน 3.2 นักเรียนทำใบงานแบบฝึกหัดเกี่ยวกับคำศัพท์ในเอกสารประกอบการเรียน 3.3 นักเรียนและครูร่วมกันเฉลยแบบฝึกหัดเกี่ยวกับคำศัพท์ในเอกสารประกอบการเรียน หากมีข้อใดที่ นักเรียนยังตอบได้ไม่ถูกต้องให้ครูผู้สอนอธิบายคำตอบให้นักเรียนฟังเพื่อให้นักเรียนมีความเข้าใจมากขึ้น เรื่องที่ 2 เรื่อง Agreement of subject and verb จำนวนเวลาเรียน 3 ชั่วโมง วิธีการสอน (วิธีการสอนแบบ Inquiry Method : 5Es และแบบ 2W3P) กิจกรรมการเรียนรู้(Active Learning) ชั่วโมงที่ 1 (วิธีการสอนแบบ Inquiry Method : 5Es) 1. สร้างความสนใจ (Engage) 1.1 นักเรียนช่วยกันอภิปรายถึงคำนาม คำสรรพนามและคำกริยา ที่นักเรียนคุ้นเคย เช่น I am, You are เป็นต้น จนกระทั่งมาสู่คำนามที่เป็นเอกพจน์และพหูพจน์ง่ายๆ เช่น A cat is, Two dogs are… 1.2 นักเรียนช่วยกันนำเสนอคำนามเอกพจน์หรือพหูพจน์ เพิ่มเติม เพื่อให้สมาชิกในห้องเรียนรู้ร่วมกัน 2. สำรวจและค้นหา (Explore) 2.1 นักเรียนดูข้อมูลบน PowerPoint ดังนี้ 2.2 นักเรียนช่วยกันวิเคราะห์ประโยคและคำที่ถูกขีดเส้นใต้ 2.3 นักเรียนช่วยกันวิเคราะห์ประธานในประโยคทั้ง 2 ประโยคว่ามีความเหมือนหรือแตกต่างกันอย่างไร พร้อมอธิบายโครงสร้างประโยค (Tense) 3. อธิบาย (Explain) 3.1 นักเรียนดูข้อมูลบน PowerPoint ดังนี้ 3.2 นักเรียนช่วยกันอธิบายข้อมูลบน PowerPoint โดยมีครูคอยช่วยเสริมข้อมูลเพิ่มเติม 3.3 นักเรียนฟังครูอธิบายเรื่อง Agreement of subject and verb กลุ่มประธานเอกพจน์ Agreement of subject and verb กลุ่มประธานเอกพจน์ คือการใช้คำกริยาให้สอดรับกับประธาน เอกพจน์
หน่วยการเรียนรู้อิงมาตรฐาน รายวิชาภาษาอังกฤษ 5 (อ23111) ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 ภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2565 หน้า 20 กฎข้อที่ 1 : ประธานเอกพจน์ อยู่ใน Present Simple Tense กริยาต้องเป็นเอกพจน์ คือเติม s,es เช่น • She speaks English very well. เธอพูดภาษาอังกฤษเก่งมาก • The dog barks at the cat. สุนัขเห่าแมว กฎข้อที่ 2 : นามนับไม่ได้ (uncountable Nouns) ใช้กริยาเอกพจน์ เช่น furniture, equipment, machinery, information, advice, traffic, clothing etc. • The furniture in this room is white. กฎข้อที่ 3 : ประธานที่เป็นชื่อเฉพาะ เช่น ชื่อประเทศ หนังสือ วิชา โรค ให้ใช้กริยาเอกพจน์ เช่น The United States, The Times, politics, mathematics, The Day After Tomorrow, gymnastics, measles, physics, billiards, news, mumps, etc. • The news seems good. • Measles is an infectious disease. กฎข้อที่ 4 : จำนวน เงิน เวลา ระยะทาง น้ำหนัก ปริมาตร ถือว่าเป็น 1 หน่วย ใช้กับกริยาอกพจน์ • Fifty dollars is too much to pay for that coat. • Forty miles of that road seems like two hundred. กฎข้อที่ 5 : Indefinite Pronoun ต่อไปนี้ใช้กับกริยาเอกพจน์ เช่น everyone, everybody, everything, no one, nobody, nothing, someone, somebody, something, each, either, neither • Everyone is in the room. ทุกคนอยู่ในห้อง • Someone in the office likes you. บางคนในที่ทำงานแอบชอบคุณ กฎข้อที่ 6 : One Every Each + of + the + Noun พหูพจน์ + กริยาเอกพจน์ Either Neither • Each of the students studies hard. • One of my friends is absent today. 3.4 นักเรียนช่วยกันทำแบบฝึกหัดบน PowerPoint เรื่อง Agreement of subject and verb กลุ่ม ประธานเอกพจน์ จำนวน 5 ข้อ Instructions : Complete the following sentences with the words in parentheses. 1. Either my mother or my father……………………………(be) coming to the meeting. 2. Nobody……………………………(know) the trouble I’ve seen. 3. Mathematics……………………………(be) John’s favorite subject. 4. The committee……………………………(debate) these questions carefully.
หน่วยการเรียนรู้อิงมาตรฐาน รายวิชาภาษาอังกฤษ 5 (อ23111) ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 ภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2565 หน้า 21 5. Eight dollars……………………………(be) the price of a movie these days. Answer Key 1. is 2. knows 3. is 4. debates 5. is 4. ขยายความรู้ (Elaborate) 4.1 นักเรียนศึกษาเนื้อหาเรื่อง Agreement of subject and verb กลุ่มประธานเอกพจน์ ในเอกสาร ประกอบการเรียนและศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมจากแหล่งเรียนรู้ Internet 4.2 นักเรียนทำแบบฝึกหัด Agreement of subject and verb กลุ่มประธานเอกพจน์ บน PowerPoint จำนวน 10 ข้อ Instructions : Complete the following sentences with the words in parentheses. 1. One of my sisters……………………………(be) going on a trip to France. 2. Either my shoes or your coat……………………………(be) always on the floor. 3. Everyone on the team……………………………(support) the coach 4. The crowd……………………………(be) getting angry 5. There……………………………(be) a hair in my lasagna. 6. Some sugar……………………………(is) required for taste. 7. My dog……………………………(wait) for the postal carrier. 8. Ten dollars……………………………(be) a high price to pay. 9.Five hundred square feet……………………………(be) a very small space to live in. 10. AIDS……………………………(spread) very easily. Answer Key 1. is 2. is 3. supports 4. is 5. is 6. is 7. waits 8. is 9. is 10. spreads 4.2 นักเรียนทำใบงานเรื่อง Agreement of subject and verb กลุ่มประธานเอกพจน์ในเอกสาร ประกอบการเรียน 5. ประเมินผล (Evaluate) 5.1 นักเรียนและครูร่วมกันตรวจสอบคำตอบจากการทำแบบฝึกหัด Agreement of subject and verb กลุ่มประธานเอกพจน์ บน PowerPoint จำนวน 10 ข้อ 5.2 นักเรียนและครูร่วมกันตรวจสอบคำตอบจากการทำใบงานเรื่อง Agreement of subject and verb กลุ่มประธานเอกพจน์ ในเอกสารประกอบการเรียน 5.3 นักเรียนและครูช่วยกันอธิบายถึงสาเหตุในการตอบคำถามหรือเลือกตอบในแต่ละข้อเพื่อให้นักเรียน ทุก ๆ คนเข้าใจหลักการใช้ Agreement of subject and verb กลุ่มประธานเอกพจน์ 5.4 นักเรียนและครูร่มกันสรุปหลักการของกฎต่าง ๆ ของ Agreement of subject and verb กลุ่ม ประธานเอกพจน์ 5.5 นักเรียนและครูร่วมกันสรุปเกี่ยวกับเนื้อหาเรื่อง Agreement of subject and verb กลุ่มประธาน เอกพจน์
หน่วยการเรียนรู้อิงมาตรฐาน รายวิชาภาษาอังกฤษ 5 (อ23111) ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 ภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2565 หน้า 22 ชั่วโมงที่ 2 (วิธีการสอนแบบ Inquiry Method : 5Es) 1. สร้างความสนใจ (Engage) 1.1 นักเรียนดูรูปภาพคำศัพท์บน PowerPoint ดังนี้ 1.2 นักเรียนช่วยกันแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับ Singular & Plural Nouns และรูปภาพบน PowerPoint โดยครูเปิดรับทุกคำตอบของนักเรียน 1.3 นักเรียนช่วยกันเสนอSingular & Plural Nouns ออกมาเขียนบนกระดาน โดยครูแบ่งกระดาน ออกเป็นสองฝั่ง ฝั่งซ้ายมอเขียนคำนามเอกพจน์ (Singular Nouns) ส่วนฝั่งขวามือเขียนคำนามพหูพจน์ (Plural Nouns 2. สำรวจและค้นหา (Explore) 2.1 นักเรียนดูข้อมูลบน PowerPoint ดังนี้ 2.2 นักเรียนช่วยกันวิเคราะห์ประโยคและคำที่ถูกขีดเส้นใต้ 2.3 นักเรียนช่วยกันวิเคราะห์ประธานในประโยคทั้ง 2 ประโยคว่ามีความเหมือนหรือแตกต่างกันอย่างไร พร้อมอธิบายโครงสร้างประโยค (Tense) ประธานและกริยาว่ามีความสอดคล้องกันอย่างไร 3. อธิบาย (Explain) 3.1 นักเรียนดูข้อมูลบน PowerPoint ดังนี้ 3.2 นักเรียนช่วยกันอธิบายข้อมูลบน PowerPoint โดยมีครูคอยช่วยเสริมข้อมูลเพิ่มเติม 3.3 นักเรียนฟังครูอธิบายเรื่อง Agreement of subject and verb กลุ่มประธานพหูพจน์ Agreement of subject and verb กลุ่มประธานพหูพจน์ คือการใช้คำกริยาให้สอดรับกับประธาน พหูพจน์ กฎข้อที่ 1 ประธานที่เป็นเครื่องนุ่งห่ม เครื่องมือที่ประกอบด้วย 2 สวน เช่น trousers, pants, shorts, clothes, spectacles, scissors, slippers, etc.
หน่วยการเรียนรู้อิงมาตรฐาน รายวิชาภาษาอังกฤษ 5 (อ23111) ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 ภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2565 หน้า 23 • The clothes I ordered were delivered yesterday. กฎข้อที่ 2 ประธานที่มีความหมายเป็นพหูพจน์อื่น ๆ เช่น cattle, clergy, data, dozen, goods, people, police, poultry, etc. • The people were excited about the news. กฎข้อที่ 3 The + Adjective จะกลายเป็น Noun พหูพจน์ ใช้กับกริยาพหูพจน์ เช่น the old, the young, the rich, the poor, the sick, the blind, the dead, the homeless, etc. • The poor need more help. 3.4 นักเรียนช่วยกันทำแบบฝึกหัดบน PowerPoint เรื่อง Agreement of subject and verb กลุ่ม ประธานพหูพจน์ จำนวน 5 ข้อ Instructions : Complete the following sentences with the words in parentheses. 1. My trousers……………………………(be) too short. 2. The data……………………………(be) collected by various researchers. 3. The eye glasses……………………………(be) very expensive. 4. The blind……………………………(live) in the dark. 5. The poor……………………………(be) rich when they are satisfied. Answer Key 1. are 2. were 3. are 4. live 5. are 4. ขยายความรู้ (Elaborate) 4.1 นักเรียนศึกษาเนื้อหาเรื่อง Agreement of subject and verb กลุ่มประธานพหูพจน์ ในเอกสาร ประกอบการเรียนและศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมจากแหล่งเรียนรู้ Internet 4.2 นักเรียนทำแบบฝึกหัด Agreement of subject and verb กลุ่มประธานพหูพจน์ บน PowerPoint จำนวน 10 ข้อ Instructions : Complete the following sentences with the words in parentheses. 1. The rich……………………………(be) not always happy. 2. Police……………………………(be) chasing the thieves. 3. The brave……………………………(be) always respected. 4. The scissors……………………………(have) gone missing again. 5. The goods……………………………(be) transported by train. 6. The sheep……………………………(be) taken abroad where they were butchered for meat. 7. The blind……………………………(deserve) sympathy. 8. My spectacles……………………………(be) broken I’ll need to buy another pair. 9.The homeless……………………………(sleep) in doorways and stations. 10.The cattle……………………………(be) on the grassland. Answer Key 1. are 2. are 3. are 4. have 5. were 6. were 7. deserve 8.are 9. sleep 10.are
หน่วยการเรียนรู้อิงมาตรฐาน รายวิชาภาษาอังกฤษ 5 (อ23111) ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 ภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2565 หน้า 24 4.2 นักเรียนทำใบงานเรื่อง Agreement of subject and verb กลุ่มประธานพหูพจน์ในเอกสาร ประกอบการเรียน 5. ประเมินผล (Evaluate) 5.1 นักเรียนและครูร่วมกันตรวจสอบคำตอบจากการทำแบบฝึกหัด Agreement of subject and verb กลุ่มประธานพหูพจน์ บน PowerPoint จำนวน 10 ข้อ 5.2 นักเรียนและครูร่วมกันตรวจสอบคำตอบจากการทำใบงานเรื่อง Agreement of subject and verb กลุ่มประธานพหูพจน์ ในเอกสารประกอบการเรียน 5.3 นักเรียนและครูช่วยกันอธิบายถึงสาเหตุในการตอบคำถามหรือเลือกตอบในแต่ละข้อเพื่อให้นักเรียน ทุก ๆ คนเข้าใจหลักการใช้ Agreement of subject and verb กลุ่มประธานพหูพจน์ 5.4 นักเรียนและครูร่วมกันสรุปหลักการของกฎต่าง ๆ ของ Agreement of subject and verb กลุ่ม ประธานพหูพจน์ 5.5 นักเรียนและครูร่วมกันสรุปเกี่ยวกับเนื้อหาเรื่อง Agreement of subject and verb กลุ่มประธาน พหูพจน์ ชั่วโมงที่ 3 (วิธีการสอนแบบ 2W3P) ขั้นที่ 1 ขั้นกระตุ้นทบทวนและปูพื้นฐานความรู้ (Warm up) 1.1 นักเรียนทบทวนความรู้เรื่อง Agreement of subject and verb กลุ่มประธานเอกพจน์และกลุ่ม พหูพจน์ โดยช่วยกันแสดงความคิดเห็นและอธิบายวิธีการใช้ 1.2 นักเรียนแบ่งออกเป็นกลุ่ม กลุ่มละเท่า ๆ กัน ซึ่งสมาชิกประกอบไปด้วย นักเรียนเก่ง ปานกลาง และ อ่อน เพื่อเล่นเกมตอบคำถามเกี่ยวกับ Agreement of subject and verb กลุ่มประธานเอกพจน์และกลุ่มพหูพจน์ โดยใช้วิธีการเก็บคะแนนสะสมจากแต่ละเกม เมื่อจบเกมแล้วกลุ่มที่ได้คะแนนรวมมากที่สุดเป็นทีมชนะ ขั้นที่ 2 ขั้นนำเสนอเนื้อหาสาระ (Presentation) 2.1 นักเรียนดูประโยคบน PowerPoint ดังนี้ • The family is the basic unit of our society. • The family have decided to move to Bangkok. 2.2 นักเรียนช่วยกันแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับประโยคทั้ง 2 ประโยค โดยครูเปิดรับทุกคำตอบของ นักเรียน 2.3 นักเรียนฝึกสังเกตการใช้ประธานและกริยาในประโยคดังกล่าวว่ามีความเหมือนและแตกต่างกัน อย่างไร พร้อมทั้งช่วยกันหาเหตุผลมาอธิบาย 2.4 นักเรียนฟังครูอธิบายเรื่อง Agreement of subject and verb กลุ่มประธานที่เป็นเอกพจน์หรือ พหูพจน์ กฎข้อที่ 1 Collective Nouns ใช้กับกริยาเอกพจน์ หรือ กริยาพหูพจน์ได้ เช่น army, class, committee, crowd, family, group, staff, team, etc. • The class are studying English. กฎข้อที่ 2 ประธานที่มีส่วนขยาย ใช้กริยาตามประธานหลัก • The package of cigarettes is on the table. • The boxes of candy are on the chair.
หน่วยการเรียนรู้อิงมาตรฐาน รายวิชาภาษาอังกฤษ 5 (อ23111) ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 ภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2565 หน้า 25 กฎข้อที่ 3 The number + of + Noun พหูพจน์ + กริยาเอกพจน์ A number + of + Noun พหูพจน์ + กริยาพหูพจน์ • The number of students in the music class is limited to five. • A number of books are on reserve in the library for this course. กฎข้อที่ 4 Some Any Most All + of + the Noun พหูพจน์ + กริยาพหูพจน์ None Noun นับไม่ได้ + กริยาเอกพจน์ Part One-third Half • Some of the students get low marks. • One third of the apples are yours. • Half of the time was spent in the country. กฎข้อที่ 5 ประธาน 2 ตัว เชื่อมด้วย or, either…or, neither…nor, not only…but also ใช้กริยา ตามประธานตามตัวหลัง • Neither John nor she is to go. • Either Susan or Andrew was responsible for mailing the letter. • Neither the principal nor the teachers favour long hair. กฎข้อที่ 6 ประธาน 2 ตัวเชื่อมด้วย as well as, with, together with, along with, including, in addition to ใช้กริยาตามประธานตัวหน้า • Mary together with her friends is walking in the park. • Gold, as well as platinum, has recently risen in price. กฎข้อที่ 7 ประธาน 2 ตัว เชื่อมด้วย and มีหลักในการสังเกต ดังนี้ 7.1 ใช้รูปกริยาพหูพจน์ เมื่อประธานประกอบด้วยนามเอกพจน์ 2 ตัว เชื่อมด้วย and • Jim and Jack are roommates this semester. • The author and the lecturer are standing there. 7.2 ถ้านามเอกพจน์ 2 ตัวนั้นหมายถึงบุคคลเดียวกัน หรือ สิ่งเดียวกัน หรือเป็นความคิด หนึ่งเท่านั้นได้ใช้กริยารูปเอกพจน์ • Bread and butter was all he asked for. • The author and lecturer is standing there. กฎข้อที่ 8 ในประโยคที่มี Relative Pronouns เช่น who, which, that ให้ใช้กริยาตาม noun • The man who spoke to me is my father. • The girls who spoke to me are my friends.
หน่วยการเรียนรู้อิงมาตรฐาน รายวิชาภาษาอังกฤษ 5 (อ23111) ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 ภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2565 หน้า 26 กฎข้อที่ 9 ประโยคที่ขึ้นต้นด้วย Here, There, Where, Why, How, How much ให้ดูนามที่อยู่ หลังกริยา ถ้านามที่อยู่หลังกริยาเป็นพหูพจน์ กริยาก็ใช้รูปพหูพจน์ แต่ถ้านามนั้นเป็นเอกพจน์ กริยานั้นก็เป็น เอกพจน์ • Here is some sugar. • There are some students in front of the class. ขั้นที่ 3 ขั้นฝึกฝนโดยยึดผู้เรียนเป็นศูนย์ (Practice) 3.1 นักเรียนช่วยกันตอบแบบฝึกหัดบน PowerPoint จำนวน 10 ข้อ Instructions : Complete the following sentences with the words in parentheses. 1. The number of children in the school……………………………(have) decreased this year. 2. The committee……………………………(have) thought carefully over this plan. 3. One third of the city’s students……………………………(drop) out before graduation. 4. The girl together with the boy……………………………(sing) well. 5. My blue tennis shoes which used to be my mom’s……………………………(be) under the bed. 6. Either the pitcher or the base runners……………………………(be) caught napping. 7. There……………………………(be) several dents in the car. 8. The box of apples……………………………(be) on the porch. 9. Some of the job applicants……………………………(be) expected to pass the difficult screening test. 10. The class……………………………(be) turning in their registration forms today. Answer Key 1. has 2. have 3. drop 4. sings 5. were 6. were 7. were 8. is 9. are 10. is ขั้นที่ 4 ขั้นนำไปใช้หรือการบูรณาการความรู้ (Production) 4.1 นักเรียนทำแบบฝึกหัด Agreement of subject and verb กลุ่มประธานที่เป็นเอกพจน์หรือ พหูพจน์ในเอกสารประกอบการเรียน 4.2 นักเรียนและครูร่วมกันเฉลยแบบฝึกหัด Agreement of subject and verb กลุ่มประธานที่เป็น เอกพจน์หรือพหูพจน์ในเอกสารประกอบการเรียน หากมีข้อใดที่นักเรียนยังตอบได้ไม่ถูกต้องให้ครูผู้สอนอธิบาย คำตอบให้นักเรียนฟังเพื่อให้นักเรียนมีความเข้าใจมากขึ้น ขั้นที่ 5 ขั้นสรุปความรู้ที่ได้รับจากกระบวน การเรียนรู้ (Wrap up) 5.1 นักเรียนช่วยกันสรุปความรู้เรื่อง Agreement of subject and verb กลุ่มประธานที่เป็นเอกพจน์ หรือพหูพจน์พร้อมทั้งช่วยกันยกตัวอย่างประโยคจำนวน 5 ประโยคเพื่อเป็นการทดสอบความเข้าใจของนักเรียน
หน่วยการเรียนรู้อิงมาตรฐาน รายวิชาภาษาอังกฤษ 5 (อ23111) ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 ภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2565 หน้า 27 เรื่องที่ 3 เรื่อง Agreement of subject and verb (Revision) จำนวนเวลาเรียน 2 ชั่วโมง วิธีการสอน (วิธีการสอนแบบกระบวนการเรียนรู้ 5 ขั้นตอน : 5 STEPs) กิจกรรมการเรียนรู้(Active Learning) ชั่วโมงที่ 1 ขั้นที่ 1 การเรียนรู้ตั้งคำถาม (Learning to Question) 1.1 นักเรียนดูประโยคบน PowerPoint ดังนี้ • My mom cooks some food for me. • One of her parents is blind. • The scissors are in the kitchen drawer • A number of councils operate mobile libraries. • Daniel who was late again today sits next to me in English. 1.2 นักเรียนร่วมกันแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับประโยคดังกล่าวว่าประธาน (Subject) และการใช้กริยา (verb) ในประโยคมีลักษณะอย่างไร โดยครูเปิดรับทุกคำตอบของนักเรียน ขั้นที่ 2 การเรียนรู้แสวงหาสารสนเทศ (Learning to Search) 2.1 นักเรียนแบ่งเป็น 8 กลุ่ม กลุ่มละเท่า ๆ กัน โดยสมาชิกประกอบไปด้วยนักเรียนเก่ง อ่อนและปาน กลาง 2.2 นักเรียนแต่ละกลุ่มทำการรวมกลุ่มศึกษาด้วยกัน 2.3 นักเรียนกลุ่มที่ 1 - 2 ศึกษาเรื่องดูวิดีโดคลิปเรื่อง Advanced Subject-Verb Agreement จาก https://www.youtube.com/watch?v=kKtj_a-ETw4&list=PLM7NbPzilFBeeDxY5mCV-m2lxQoIOA0BS 2.4 นักเรียนกลุ่มที่ 3 - 4 ศึกษาเรื่องดูวิดีโดคลิปเรื่อง ติว TOEIC Grammar : Subject-Verb Agreement คืออะไร? จำยังไงไม่ให้ลืม! จาก https://www.youtube.com/watch?v=z6we8Cgn_go 2.5 นักเรียนกลุ่มที่ 5 - 6 ศึกษาเรื่องดูวิดีโดคลิปเรื่อง เรียนแกรมมาร์เรื่องเด็ดดวง! Subject-Verb Agreements ที่อย่าเผลอใช้ผิดเด็ดขาด! จาก https://www.youtube.com/watch?v=GuJU01UDmQY 2.6 นักเรียนกลุ่มที่ 7 - 8 ศึกษาเรื่องดูวิดีโดคลิปเรื่อง subject- verb agreement / basic rules จาก https://www.youtube.com/watch?v=qI-vJdA026c 2.7 นักเรียนแต่ละกลุ่มถ่ายทอดสิ่งที่ได้ศึกษามาให้เพื่อนต่างกลุ่มฟังจนครบทุกกลุ่ม ครูสุ่มถามเพื่อ ทดสอบความเข้าใจเป็นรายกลุ่ม ขั้นที่ 3 การเรียนรู้เพื่อสร้างองค์ความรู้ (Learning to Construct) 3.1 นักเรียนศึกษาเนื้อเรื่อง Agreement of subject and verb ในเอกสารประกอบการเรียน 3.2 นักเรียนช่วยกันสรุปเนื้อเรื่อง Agreement of subject and verb ในเอกสารประกอบการเรียน 3.3 นักเรียนฟังครูอธิบายเรื่อง Agreement of subject and verb หลัก ๆ แล้ว subject-verb agreement จะถูกใช้ใน present tense ที่ไม่มี modal verb (ตัวอย่าง modal verb ก็อย่างเช่น can, could, will, would, may, might) ยกตัวอย่างประโยคที่เป็น present tense และไม่มี modal verb ก็อย่างเช่น • She drinks coffee every day. เธอดื่มกาแฟทุกวัน
หน่วยการเรียนรู้อิงมาตรฐาน รายวิชาภาษาอังกฤษ 5 (อ23111) ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 ภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2565 หน้า 28 • They drink coffee every day. พวกเขาดื่มกาแฟทุกวัน นอกจาก present tense แล้วจะต้องคำนึงถึง subject-verb agreement ด้วยเช่นกัน เมื่อใช้ tense ที่ใช้ was / were อย่างเช่น past continuous tense • She was doing her homework when I called her. เธอกำลังทำการบ้านอยู่ ตอนที่ฉันโทรหาเธอ • They were reading books when I arrived. พวกเขากำลังอ่านหนังสืออยู่ ตอนที่ฉันมาถึง หรือ past simple tense ที่มี verb to be (ซึ่งก็คือ was / were) เป็นคำกริยาหลัก • She was very happy when she received the present. เธอมีความสุขมากตอนที่เธอได้รับของขวัญ • They were my classmates in college. พวกเขาเป็นเพื่อนร่วมคลาสของฉันตอนเรียนมหาวิทยาลัย ตัวอย่างกรณีที่ไม่ต้องใช้ subject-verb agreement ก็อย่างเช่น เมื่อใช้ modal verb ในประโยค (เช่น can, could, will, would, may, might) จะต้องใช้ คำกริยาหลักเป็นรูปพหูพจน์เสมอ หรือเมื่อใช้ tense ที่มีการเปลี่ยนรูปคำกริยา เช่น past tense ก็ต้องใช้รูป คำกริยาตามที่ tense นั้นกำหนดแทน • He called me yesterday. เขาโทรหาฉันเมื่อวาน (จะไม่ใช้ He calls me yesterday.) หัวใจหลักของ subject-verb agreement ก็คือการใช้คำกริยารูปเอกพจน์กับประธานที่เป็น เอกพจน์ และใช้คำกริยารูปพหูพจน์กับประธานที่เป็นพหูพจน์ แต่ในการนำไปใช้จริง หลายๆ ครั้งจะสับสนว่า ประธานในประโยคนั้นถือเป็นเอกพจน์หรือพหูพจน์กันแน่ หรือในบางกรณีก็อาจมีข้อยกเว้น ทำให้ฃต้องเปลี่ยนไปใช้ คำกริยาอีกรูปหนึ่งแทนเพื่อให้กระจ่าง สรุปกฎการใช้ subject-verb agreement แบบง่าย ๆ ทั้ง 12 ข้อ 1. คำสรรพนาม I และ you ต้องใช้กับคำกริยารูปพหูพจน์ คำสรรพนาม I และ you แม้ว่าจะเป็นเอกพจน์ แต่ต้องใช้กับคำกริยารูปพหูพจน์ • I want to be a teacher. ฉันอยากเป็นครู • You inspire me. คุณสร้างแรงบันดาลใจให้ฉัน แต่จะมีข้อยกเว้นสำหรับคำสรรพนาม I ซึ่งก็คือเมื่อใช้กับ verb to be รูป present tense (ได้แก่ is, am, are) จะต้องใช้ am • I am 20 years old. ฉันอายุ 20 ปี
หน่วยการเรียนรู้อิงมาตรฐาน รายวิชาภาษาอังกฤษ 5 (อ23111) ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 ภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2565 หน้า 29 แต่ถ้าเป็น verb to be รูป past tense (ได้แก่ was, were) ปกติแล้วจะใช้ was • I was ill yesterday. เมื่อวานนี้ฉันป่วย 2. ประธานหลายตัวเชื่อมกันด้วย and ต้องใช้คำกริยารูปพหูพจน์ เมื่อมีประธานตั้งแต่ 2 ตัวขึ้นไปเชื่อมกันด้วย and จะถือว่าประธานในประโยคนั้นเป็นพหูพจน์ ต้องใช้กับคำกริยารูปพหูพจน์ • Tim and John are close. ทิมกับจอห์นนั้นสนิทกัน • The black and the white dog are my dogs. สุนัขตัวสีดำและสุนัขตัวสีขาวนั้นเป็นสุนัขของฉัน (ฉันมีสุนัขสีดำหนึ่งตัว และสุนัขสีขาวอีกหนึ่งตัว คำว่า the หน้า white จะเป็นตัวบ่งชี้ถึง ประธานตัวที่ 2) แต่ให้ระวัง เพราะบางทีคำว่า and ไม่ได้เชื่อมประธาน แต่เชื่อมคำคุณศัพท์ หรือเป็นส่วนหนึ่ง ของคำนาม ซึ่งถ้าเป็นกรณีนี้จะอิงความเป็นเอกพจน์ / พหูพจน์ตามประธานในประโยค กรณีที่ and ทำหน้าที่เชื่อมคำคุณศัพท์ • The black and white dog is very friendly. สุนัขตัวสีขาวดำนิสัยเป็นมิตรมาก (คำว่า and เชื่อมคำว่า black และ white ซึ่งหมายถึงสุนัขที่มีทั้งสีดำและสีขาวอยู่ในตัว ประโยคนี้มีประธานแค่ตัวเดียวคือ dog ซึ่งเป็นเอกพจน์) • The black and white dogs are very friendly. สุนัขสีขาวดำเหล่านั้นนิสัยเป็นมิตรมาก (คำว่า and เชื่อมคำว่า black และ white ซึ่งหมายถึงสุนัขที่มีทั้งสีดำและสีขาวอยู่ในตัว ประโยคนี้มีประธานแค่ตัวเดียวคือ dogs ซึ่งเป็นพหูพจน์) กรณีที่ and เป็นส่วนหนึ่งของคำนาม • Beauty and the Beast is a popular fairy tale. เรื่องโฉมงามกับเจ้าชายอสูรเป็นเทพนิยายที่ได้รับความนิยม (คำว่า Beauty and the Beast เป็นชื่อของเทพนิยาย ซึ่งถือเป็นเอกพจน์ เพราะเป็นการ พูดถึงเทพนิยายแค่เรื่องเดียว คำว่า and ในที่นี้เป็นส่วนหนึ่งของชื่อ จึงถือเป็นส่วนหนึ่งของคำนาม) 3. ประธานหลายตัวเชื่อมกันด้วย or, either…or หรือ neither…nor จะต้องใช้คำกริยารูปเดียวกับ ประธานตัวหลังสุด เมื่อมีประธานตั้งแต่ 2 ตัวขึ้นไปเชื่อมกันด้วย or, either…or หรือ neither…nor จะอิงความ เป็นเอกพจน์ / พหูพจน์ตามประธานตัวหลังสุด ถ้าประธานตัวหลังสุดเป็นเอกพจน์ ใช้คำกริยารูปเอกพจน์ • Tim or his friend feeds the cat every morning. ทิมหรือเพื่อนของเขาให้อาหารแมวทุกเช้า (ประธานตัวหลังสุดคือ his friend เป็นเอกพจน์ ใช้คำกริยารูปเอกพจน์คือ feeds)
หน่วยการเรียนรู้อิงมาตรฐาน รายวิชาภาษาอังกฤษ 5 (อ23111) ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 ภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2565 หน้า 30 • Normally, either mom or dad does the dishes. ปกติแล้ว ไม่แม่ก็พ่อจะเป็นคนล้างจาน (ประธานตัวหลังสุดคือ dad เป็นเอกพจน์ ใช้คำกริยารูปเอกพจน์ คือ does) • Neither the blue nor the red shirt has my size. ไม่ว่าจะเป็นเสื้อเชิ้ตสีฟ้าหรือสีแดงก็ไม่มีไซส์ฉัน (ประธานตัวหลังสุดคือ the red shirt เป็นเอกพจน์ ใช้คำกริยารูปเอกพจน์ คือ has) แต่ถ้าประธานตัวหลังสุดเป็นพหูพจน์ เราก็จะใช้คำกริยารูปพหูพจน์ • Tim or his friends feed the cat every morning. ทิมหรือเพื่อนๆของเขาให้อาหารแมวทุกเช้า (ประธานตัวหลังสุดคือ his friends เป็นพหูพจน์ ใช้คำกริยารูปพหูพจน์ คือ feed) • Normally, either mom or aunts do the dishes. ปกติแล้ว ไม่แม่ก็ป้า ๆ จะเป็นคนล้างจาน (ประธานตัวหลังสุดคือ aunts เป็นพหูพจน์ ใช้คำกริยารูปพหูพจน์ คือ do) • Neither the blue shirt nor the green shoes have my size. ไม่ว่าจะเป็นเสื้อเชิ้ตสีฟ้าหรือรองเท้าสีเขียวก็ไม่มีไซส์ฉัน (ประธานตัวหลังสุดคือ the green shoes เป็นพหูพจน์ ใช้คำกริยารูปพหูพจน์ คือ have) 4. ถ้ามี of ในประธาน เราจะดูวลีคำนามหน้า of เป็นหลัก ถ้ามีการใช้ of ในประธาน ยึดความเป็นเอกพจน์ / พหูพจน์ตามวลีคำนามหน้า of ตัวอย่างเช่น • A pair of shoes (รองเท้าหนึ่งคู่) – เป็นเอกพจน์ • Three pairs of shoes (รองเท้าสามคู่) – เป็นพหูพจน์ การเลือกใช้คำกริยาก็ต้องใช้ตามวลีคำนามหน้า of นั้น • A pile of books is on my desk. หนังสือกองหนึ่งอยู่บนโต๊ะของฉัน (วลีคำนามหน้า of ในประธานคือ a pile เป็นเอกพจน์ ใช้คำกริยารูปเอกพจน์ คือ is) • Two pieces of bread are not enough for me. ขนมปังสองชิ้นไม่พอสำหรับฉัน (วลีคำนามหน้า of ในประธานคือ two pieces เป็นพหูพจน์ ใช้คำกริยารูปพหูพจน์ คือ are) อย่างไรก็ตาม ถ้าหน้า of ในประธานไม่ใช่วลีคำนาม แต่เป็นคำบอกปริมาณ ให้ยึดความเป็น เอกพจน์/ พหูพจน์ตามความหมายโดยรวมของประธานแทน อย่างเช่น One of my friends (เพื่อนคนนึงของฉัน) – หนึ่งคน, เป็นเอกพจน์ Most of my friends (เพื่อนส่วนใหญ่ของฉัน) – มากกว่าหนึ่งคน, เป็นพหูพจน์ A few of my friends (เพื่อนบางส่วนของฉัน) – มากกว่าหนึ่งคน, เป็นพหูพจน์ ทั้งนี้ การเลือกใช้คำนามหลัง of เป็นรูปเอกพจน์หรือพหูพจน์ ก็มีผลต่อความหมายและความเป็น เอกพจน์หรือพหูพจน์ของประธานด้วยเช่นกัน ตัวอย่างเช่น All of the pie (พายทั้งอัน) – หนึ่งชิ้น, เป็นเอกพจน์ All of the pies (พายทุกชิ้น) – มากกว่าหนึ่งชิ้น, เป็นพหูพจน์
หน่วยการเรียนรู้อิงมาตรฐาน รายวิชาภาษาอังกฤษ 5 (อ23111) ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 ภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2565 หน้า 31 ตัวอย่าง subject-verb agreement เมื่อหน้า of เป็นคำบอกปริมาณ • One of the students is from Japan. มีนักเรียนคนหนึ่งมาจากประเทศญี่ปุ่น (One เป็นคำบอกปริมาณ มีความหมายว่าหนึ่งหน่วย ถือเป็นเอกพจน์ จึงใช้คำกริยารูป เอกพจน์ ซึ่งก็คือ is) • In this library, all of the books are in English. ในห้องสมุดนี้ หนังสือทุกเล่มเป็นภาษาอังกฤษ (All เป็นคำบอกปริมาณ มีความหมายว่าทั้งหมด all of the books แปลว่า หนังสือทุก เล่ม ถือเป็นพหูพจน์ จึงใช้คำกริยารูปพหูพจน์ ซึ่งก็คือ are) 5. ประโยคที่ขึ้นต้นด้วย here หรือ there ประธานจะอยู่หลังคำกริยา ประโยคที่ขึ้นต้นด้วย here หรือ there ตำแหน่งของประธานจะอยู่หลังคำกริยา ถ้าประธานเป็นเอกพจน์ จะใช้คำกริยารูปเอกพจน์ • Here is the pen. นี่คือปากกา (ประธานคือ the pen เป็นเอกพจน์ จึงใช้คำกริยารูปเอกพจน์ คือ is • There is a cat in the garden. มีแมวหนึ่งตัวอยู่ในสวน (ประธานคือ a cat เป็นเอกพจน์ เราจึงใช้คำกริยารูปเอกพจน์ คือ is) แต่ถ้าประธานเป็นพหูพจน์ เราก็จะใช้คำกริยารูปพหูพจน์ • Here are the pens. นี่คือปากกา (ประธานคือ the pens เป็นพหูพจน์ เราจึงใช้คำกริยารูปพหูพจน์ คือ are) • There are cats in the garden. มีแมวหลายตัวอยู่ในสวน (ประธานคือ cats เป็นพหูพจน์ เราจึงใช้คำกริยารูปพหูพจน์ คือ are) 6. เมื่อมี relative pronoun เราต้องมองประธานและคำกริยาให้ออก Relative pronoun คือคำจำพวก who, whom, whose, which, that ที่ใช้ขยายคำนาม อย่างเช่นในประโยค • The person who I called yesterday lives in the same apartment with me. คนที่ฉันโทรหาเมื่อวานอยู่ในอพาร์ทเมนต์เดียวกันกับฉัน หลายคนมักจะสับสนเวลาเจอประโยคที่มี relative pronoun ว่าคำไหนคือประธาน คำไหนคือ กริยา วิธีดูง่าย ๆ คือให้มองวลีของ relative pronoun (หรือที่เรียกว่า relative clause) ให้ออก ประธานหลักของประโยคจะอยู่หน้าวลี ส่วนคำกริยาจะอยู่หลัง ซึ่งต้องใช้รูปเอกพจน์ / พหูพจน์ของคำกริยาตาม ประธานของประโยค
หน่วยการเรียนรู้อิงมาตรฐาน รายวิชาภาษาอังกฤษ 5 (อ23111) ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 ภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2565 หน้า 32 • The person [who I called yesterday] lives in the same apartment with me. (ประธานในประโยคคือ the person เป็นเอกพจน์ จึงต้องใช้คำกริยาเป็นรูปเอกพจน์ ซึ่งก็ คือ lives) แต่บางประโยคก็อาจมีการละ relative pronoun ซึ่งจะต้องพยายามมองให้ออก • The person [I called yesterday] lives in the same apartment with me. (ประโยคนี้ละคำว่า who สามารถละ relative pronoun ได้ ถ้ามันทำหน้าที่เป็นกรรม) นอกจากประโยคหลักแล้ว ตัว relative clause ก็ต้องเป็นไปตามหลัก subject-verb agreement เช่นกัน • I want to buy a book [which is only available in the U.K.] ฉันต้องการซื้อหนังสือเล่มหนึ่งที่มีขายเฉพาะในประเทศอังกฤษ (คำว่า which เป็น relative pronoun แทนคำว่า a book ซึ่งเป็นเอกพจน์ใช้คำกริยาใน relative clause เป็นรูปเอกพจน์ คือ is) • I have the same book [that you have]. ฉันมีหนังสือเล่มเดียวกันกับที่คุณมีเลย (คำว่า that เป็น relative pronoun แทนคำว่า the same book แต่ใน relative clause นี้ คำว่า that จะทำหน้าที่เป็นกรรม ส่วนประธานจะเป็น you จึงใช้คำกริยารูปพหูพจน์ คือ have) 7. ไม่ต้องสนใจคำหรือวลีที่คั่นระหว่างประธานและคำกริยา บางครั้ง ในประโยคจะมีคำหรือวลีที่คั่นระหว่างประธานและคำกริยา ถ้าเป็นกรณีนี้ ให้เรา เลือกใช้รูปเอกพจน์ / พหูพจน์ของคำกริยาตามประธาน โดยที่ไม่ต้องสนใจคำหรือวลีที่เข้ามาคั่น คำหรือวลีที่คั่นระหว่างประธานและคำกริยา มักจะมีคอมม่าคั่นทั้งหน้าและหลัง ตัวอย่างเช่น • Anne, as well as her boyfriend, is very impressed with the service. แอน รวมถึงแฟนของเธอ ต่างก็รู้สึกประทับใจกับการบริการมาก • All of the students, including Joe, are extremely disappointed. นักเรียนทุกคน รวมถึงโจ ต่างก็รู้สึกผิดหวังมาก 8. คำสรรพนามจำพวก every…, some…, any…, no…, either และ neither ถือเป็นเอกพจน คำสรรพนามหลายๆคำ แม้ตามความหมายแล้วจะเหมือนเป็นพหูพจน์ หรือมีความก้ำกึ่งอยู่ แต่ จะถือว่าเป็นเอกพจน์ อย่างเช่น Everyone (ทุกคน) Everybody (ทุกคน) Someone (บางคน) Somebody (บาง คน) Anyone (คนหนึ่งคนใด) Anybody (คนหนึ่งคนใด) No one (ไม่มีใคร) Nobody (ไม่มีใคร) Either (ทั้งคู่ Neither (ไม่ใช่ทั้งคู่) การใช้คำสรรพนามเหล่านี้เป็นประธาน ใช้คำกริยารูปเอกพจน์ • Everyone has access to the internet these days. ทุกวันนี้ทุกคนสามารถเข้าถึงอินเตอร์เน็ตได้ • No one want to be my friend anymore. ไม่มีใครอยากเป็นเพื่อนกับฉันอีกแล้ว • Either of you is welcome any day. ยินดีต้อนรับคุณทั้งคู่เสมอ
หน่วยการเรียนรู้อิงมาตรฐาน รายวิชาภาษาอังกฤษ 5 (อ23111) ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 ภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2565 หน้า 33 9. ใช้คำกริยารูปเอกพจน์กับประธานที่เป็นค่าปริมาณต่าง ๆ ใช้คำกริยารูปเอกพจน์ เมื่อประธานเป็นค่าปริมาณต่าง ๆ เช่น ระยะเวลา จำนวนเงิน ระยะทาง • Ten thousand Baht is too expensive for this bag. หนึ่งหมื่นบาทนั้นแพงไปสำหรับกระเป๋าไปนี้ • Two hours is not enough, I need more time to complete the work. สองชั่วโมงนั้นไม่พอหรอก ฉันต้องการเวลามากกว่านี้ในการทำงานให้เสร็จ 10. คำนามที่เติม s / es ไม่จำเป็นว่าจะต้องเป็นพหูพจน์เสมอไป เวลาเปลี่ยนคำนามจากเอกพจน์ให้เป็นพหูพจน์ จะเติม s / es หลังคำนาม แต่ก็มีคำนามบาง คำที่แม้จะลงท้ายด้วย s / es แต่ก็ถือว่าเป็นเอกพจน์ เช่น News - ข่าว (ถ้าเป็น new จะแปลว่า “ใหม่”) Darts - กีฬาปาเป้า (ถ้าเป็น dart จะแปลว่า “ลูกดอก”) Billiards - กีฬาบิลเลียด (ถ้าเป็น billiard จะใช้เป็นคำขยาย เช่น billiard table จะแปลว่า “โต๊ะบิลเลียด”) การใช้คำนามเหล่านี้เป็นประธาน ใช้กับคำกริยารูปเอกพจน์ • News is information about current events. ข่าวคือข้อมูลเกี่ยวกับเหตุการณ์ปัจจุบัน • Darts is popular only in some countries. กีฬาปาเป้าเป็นที่นิยมแค่ในบางประเทศ ในอีกด้านหนึ่ง มีคำนามบางคำที่ลงท้ายด้วย s / es แต่สามารถใช้เป็นเอกพจน์หรือพหูพจน์ก็ ได้ ขึ้นอยู่กับบริบทที่ใช้ อย่างเช่น Statistics (วิชาสถิติ, สถิติ) Mathematics (วิชาคณิตศาสตร์) measles (โรคหัด) การเลือกใช้รูปคำกริยากับคำนามเหล่านี้ จะต้องดูความหมายและบริบทประกอบ • Statistics is my favorite subject. วิชาสถิติเป็นวิชาโปรดของฉัน • These statistics are not accurate. สถิติเหล่านี้ขาดความแม่นยำถูกต้อง นอกจากนี้ ยังมีคำนามที่ลงท้ายด้วย s / es อีกกลุ่มหนึ่ง ที่จะถือว่าเป็นพหูพจน์เสมอ คำนาม เหล่านี้มักจะเป็นสิ่งที่มีสองข้าง และทั้งสองข้างนั้นสมมาตรกัน ตัวอย่างเช่น Pants – กางเกงขายาว (แต่ถ้าเป็น British English จะแปลว่า “กางเกงใน”) Glasses – แว่นตา (ถ้าเป็น glass จะแปลว่า “แก้วน้ำ”) Scissors – กรรไกร การใช้คำนามเหล่านี้ เราจะต้องใช้กับคำกริยารูปพหูพจน์ • These glasses are cool. แว่นตาพวกนี้เท่ดี • Scissors are dangerous for small children. กรรไกรเป็นอันตรายต่อเด็กเล็ก แต่ถ้าต้องการใช้คำนามเหล่านี้เป็นเอกพจน์ ต้องใช้ a pair of ไว้ข้างหน้า เช่น a pair of pants, a pair of glasses, a pair of scissors
หน่วยการเรียนรู้อิงมาตรฐาน รายวิชาภาษาอังกฤษ 5 (อ23111) ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 ภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2565 หน้า 34 • This pair of glasses is cool. แว่นตาอันนี้เท่ห์ • A pair of scissors consists of a pair of metal blades. กรรไกรหนึ่งด้ามจะประกอบด้วยใบมีดเหล็กสองอัน 11. Collective noun สามารถใช้เป็นเอกพจน์หรือพหูพจน์ก็ได้ Collective noun คือคำนามที่ใช้แทนกลุ่มคน สัตว์ หรือสิ่งของ ตัวอย่างเช่น family (ครอบครัว) group (กลุ่ม) team (ทีม) flock (ฝูงสัตว์) bunch (ช่อ, พวง) หลายคนมักจะพลาด คิดว่าคำเหล่านี้เป็น พหูพจน์ แต่จริง ๆ แล้ว คำเหล่านี้จะใช้เป็นได้ทั้งเอกพจน์และพหูพจน์ ขึ้นอยู่กับว่าผู้ใช้ต้องการสื่อความหมายยังไง ถ้าใช้กล่าวถึงกลุ่มโดยรวม เราจะถือว่าเป็นเอกพจน์ • My family lives in France. ครอบครัวของฉันอยู่ในประเทศฝรั่งเศส • Our group is very competent. กลุ่มของเรามีความสามารถมาก แต่ถ้าเน้นถึงทุก ๆ คน / ทุก ๆ สิ่งในกลุ่ม นับว่าเป็นพหูพจน์ • His family were abducted one by one. ครอบครัวของเขาถูกลักพาตัวไปทีละคนสองคน • Our group are all wearing green shirts. ทุก ๆ คนในกลุ่มของเราใส่เสื้อสีเขียว ถ้าเทียบกันแล้วมักจะใช้ collective noun เป็นเอกพจน์มากกว่าพหูพจน์ ดังนั้น เวลานำไปใช้ ถ้าไม่มีเหตุผลชัดเจนว่าทำไมถึงใช้เป็นพหูพจน์ ก็ให้เลือกใช้เป็นเอกพจน์ไว้ก่อน 12. ใช้ were แทน was เมื่อแสดงความปรารถนา หรือเมื่อใช้กับสิ่งที่ไม่เป็นจริง ปกติแล้ว ถ้าประโยคเป็น past tense และประธานเป็นเอกพจน์ การใช้ verb to be จะใช้ was แต่มีกรณียกเว้นคือ เมื่อกล่าวถึงสิ่งที่ไม่เป็นจริง เรื่องจินตนาการ หรือสิ่งที่เป็นความปรารถนา จะใช้ were แทน ตัวอย่างประโยคเช่น • I wish Tim were here. ฉันอยากให้ทิมอยู่ที่นี่ • If I were a bird, I would fly freely and travel the world. ถ้าฉันเป็นนก ฉันจะบินอย่างอิสระ และเดินทางไปรอบโลก (ในกรณีทั่วไปจะใช้ I กับ was) 3.4 นักเรียนช่วยกันตอบแบบฝึกหัดเรื่อง Agreement of subject and verb บน PowerPoint จำนวน 20 ข้อ Instructions : Complete the following sentences with the words in parentheses. 1. Everybody……………………………(be) asked to be quiet. 2. In a marathon, few of the starters……………………………(finish) the race. 3. Sixty days……………………………(be) not enough time to complete the project. 4. All of the workers……………………………(be) receiving their bonus. 5. On our street……………………………(be) many tall trees.
หน่วยการเรียนรู้อิงมาตรฐาน รายวิชาภาษาอังกฤษ 5 (อ23111) ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 ภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2565 หน้า 35 6. It……………………………(not make) any difference. 7. The value of cars and motorcycles……………………………(have) increased. 8. The principal and her husband……………………………(be) honored guests. 9. One of my friends……………………………(believe) in E.S.P. 10. Have you ever heard the expression “No new……………………………(be) good news?” 11. Louise……………………………(not want) to drive that long distance. 12. Either Luis or Horace……………………………(pay) the bills in our house. 13. A boy and a girl……………………………(be) here to see you. 14. The army……………………………(be) conducting maneuvers in March. 15. Here……………………………(come) the family now. 16. Neither of us……………………………(be) going to work. 17. The government……………………………(have) promised to provide more money to help the homeless. 18. Thirty minutes……………………………(be) the time limit for the test. 19. Measles……………………………(be) a disease most children experience. 20. Beyond the mountains……………………………(be) a fertile valley Answer Key 1. was 2. finish 3. is 4. are 5. is 6. doesn’t make 7. have 8. are 9. believe 10. is 11. doesn’t want 12. pays 13 were 14. is 15. comes 16. is 17. have 18. is 19. is 20. are 3.5 นักเรียนและครูร่วมกันเฉลยแบบฝึกหัดเรื่อง Agreement of subject and verb บน PowerPoint 3.6 นักเรียนทำใบงาน Agreement of subject and verb ในเอกสารประกอบการเรียน 3.7 นักเรียนและครูร่วมกันเฉลยใบงาน R Agreement of subject and verb ในเอกสารประกอบการ เรียน ขั้นที่ 4 การเรียนรู้เพื่อการสื่อสาร (Learning to Communicate) 4.1 นักเรียนแต่ละกลุ่มรวบรวมข้อมูล Agreement of subject and verb จากแหล่งเรียนรู้ Internet หรือแหล่งข้อมูลอื่น ๆ โดยทำลงใบกระดาษฟรุ๊ปที่ครูแจกให้ 4.2 ผู้แทนนักเรียนแต่ละกลุ่มนำเสนอผลการทำกิจกรรม หน้าชั้นเรียนโดยให้นำข้อมูลของแต่ละกลุ่มติด ที่กระดาน 4.3 นักเรียนและครูร่วมสนทนาเกี่ยวกับ Agreement of subject and verb แล้วร่วมกันสรุปเป็น ความรู้ 4.4 นักเรียนประเมินผลงานของตนเองและผลงานกลุ่มว่าอยู่ในระดับใด โดยมีระดับการประเมิน 4 ระดับ คือ ปรับปรุง พอใช้ดีและดีมาก 4.5 นักเรียนเขียนสะท้อนเกี่ยวกับสิ่งที่ได้เรียนรู้ ปัญหาและอุปสรรคในการเรียน และความรู้สึกในการ เรียนชั่วโมงนี้
หน่วยการเรียนรู้อิงมาตรฐาน รายวิชาภาษาอังกฤษ 5 (อ23111) ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 ภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2565 หน้า 36 ขั้นที่ 5 การเรียนรู้เพื่อตอบแทนสังคม (Learning to Service) 5.1 นักเรียนช่วยกันสรุปบทเรียนเรื่อง Agreement of subject and verb 5.2 นักเรียนนำใบกระดาษฟรุ๊ปของนักเรียนแต่ละกลุ่มนำไปเผยแพร่โดยการนำไปติดที่ป้ายนิเทศหน้า ห้องเรียนและบริเวณภายในห้องเพื่อให้นักเรียนห้องอื่นที่สนใจร่วมแลกเปลี่ยนเรียนรู้ เรื่องที่ 4 เรื่อง Present Simple Tense จำนวนเวลาเรียน 1 ชั่วโมง วิธีการสอน (วิธีการสอนแบบ Inquiry Method : 5Es) กิจกรรมการเรียนรู้(Active Learning) 1. สร้างความสนใจ (Engage) 1.1 นักเรียนเข้าสู่บทเรียน โดยนักเรียนดูรูปภาพเกี่ยวกับการทำกิจกรรมในชีวิตประจำวันบน PowerPoint 1.2 นักเรียนแต่งประโยคจากรูปภาพที่เห็นว่า จากรูปภาพบุคคลในภาพกำลังทำอะไรโดยใช้โครงสร้าง ประโยค Present Simple 2. สำรวจและค้นหา (Explore) 2.1 นักเรียนศึกษาวิดีโดคลิปเรื่อง The Present Simple จาก https://www.youtube.com/ watch?v=FWJRwasIWnM 2.2 นักเรียนศึกษาวิดีโดคลิปเรื่องการใช้ Present simple จาก https://www.youtube.com/ watch?v=8IRl18yn4Aw 2.3 นักเรียนศึกษาวิดีโดคลิปเรื่อง ติว TOEIC: Present Tenses มีโครงสร้างยังไง? จำง่ายๆ กับครูดิว จาก https://www.youtube.com/watch?v=rQ7dNgUQ1Pg 2.4 นักเรียนช่วยกันสรุปและถ่ายทอดสิ่งที่ได้ศึกษามา โดยครูสุ่มถามเพื่อทดสอบความเข้าใจ 3. อธิบาย (Explain) 3.1 นักเรียนดูข้อมูลบน PowerPoint ดังนี้ 3.2 นักเรียนช่วยกันอธิบายข้อมูลบน PowerPoint โดยมีครูคอยช่วยเสริมข้อมูลเพิ่มเติม 3.3 นักเรียนฟังครูอธิบายเรื่อง Present Simple Tense หลักการใช้ Present Simple Tense เป็น Tense แรก ๆ ที่นักเรียนจะได้เรียนรู้กัน ใน Tense นี้ ให้จำขึ้นใจว่า หากประธานมีคนเดียว (เอกพจน์) กริยาเติม s หากประธานมีหลายคน (พหูพจน์) ไม่ต้องเติม s
หน่วยการเรียนรู้อิงมาตรฐาน รายวิชาภาษาอังกฤษ 5 (อ23111) ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 ภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2565 หน้า 37 โครงสร้าง คือ S+V1 (s, es) ประธาน + กริยาช่องที่ 1 ถ้าประธานเป็นเอกพจน์ กริยาต้องเติม s (เรียนรู้การเติม s ได้จากหัวข้อ “การเติม s ที่ท้ายกริยา present simple tense”) ประธาน + กริยาช่วย + กริยาช่องที่ 1 (กริยาไม่เติม s ทุกกรณี) หลักการใช้ simple present tense 1. เพื่อบอกให้ทราบถึงสิ่งที่ทำประจำจนเป็นนิสัย ความจริงทั่วไป และเพื่อบอกการกระทำที่ เกี่ยวข้องกับสถานการณ์ อารมณ์และความปรารถนาที่ไม่เปลี่ยนแปลง • I smoke (สิ่งที่ทำประจำจนเป็นนิสัย) • I work in London (สถานการณ์ที่ไม่เปลี่ยนแปลง) • London is a large city (ความจริงทั่วไป) 2. เพื่อให้คำแนะนำหรือบอกทิศทาง • You walk for two hundred meters, then you turn left. 3. เพื่อบอกสิ่งที่จัดการไว้เรียบร้อยแล้วแน่นอนว่าจะเกิดขึ้นในปัจจุบันหรือในอนาคต • Your exam starts at 09.00 4. เพื่อแสดงเวลาในอนาคต บางครั้งจะอยู่หลัง after, when, before, as soon as และ until • He’ll give it to you when you come next Saturday. 3.4 นักเรียนช่วยกันทำแบบฝึกหัดบน PowerPoint เรื่อง Present Simple Tense จำนวน 10 ข้อ Instructions : Choose the correct form of the verb to complete each sentence. 1. Doctor Moffett love / loves his job. 2. He study / studies ants. 3. A salesperson sell / sells products for a company. 4. You and Anita work / works on weekends. 5. Nurses help / helps people. 6. We write / writes science books. 7. Our office close / closes at 7:00 p.m. 8. She take / takes classes at the business school. 9. You walk / walks to work every day. 10. I start / starts work at 8:00 a.m. every morning. Answer Key 1. loves 2. studies 3. sells 4. work 5. Help 6. write 7. closes 8. takes 9. walk 10. Start 4. ขยายความรู้ (Elaborate) 4.1 นักเรียนศึกษาเนื้อหาเรื่อง Present Simple Tense ในเอกสารประกอบการเรียนและศึกษาข้อมูล เพิ่มเติมจากแหล่งเรียนรู้ Internet 4.2 นักเรียนทำแบบฝึกหัด Present Simple Tense บน PowerPoint จำนวน 10 ข้อ
หน่วยการเรียนรู้อิงมาตรฐาน รายวิชาภาษาอังกฤษ 5 (อ23111) ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 ภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2565 หน้า 38 Instructions : Complete each sentence with the correct form of the verb in parentheses. 1. A zookeeper……………………………(feed) animals. 2. Computer programmers……………………………(write) software. 3. Photographers……………………………(take) photos. 4. Kangaroos……………………………(live) in Australia. 5. A firefighter……………………………(fight) fires. 6. Musicians……………………………(play) instruments. 7. A farmer……………………………(work) on a farm. 8. Olivia……………………………(not go) shopping every day. 9. My parents……………………………(drive) to work together. 10.This shop……………………………(sell) sewing machines Answer Key 1. feeds 2. write 3. take 4. live 5. fights 6. play 7. works 8. doesn’t go 9. drive 10. sells 4.2 นักเรียนทำใบงานเรื่อง Present Simple Tense ในเอกสารประกอบการเรียน 5. ประเมินผล (Evaluate) 5.1 นักเรียนและครูร่วมกันตรวจสอบคำตอบจากการทำแบบฝึกหัด Present Simple Tense บน PowerPoint จำนวน 10 ข้อ 5.2 นักเรียนและครูร่วมกันตรวจสอบคำตอบจากการทำใบงานเรื่อง Present Simple Tense ใน เอกสารประกอบการเรียน 5.3 นักเรียนและครูช่วยกันอธิบายถึงสาเหตุในการตอบคำถามหรือเลือกตอบในแต่ละข้อเพื่อให้นักเรียน ทุก ๆ คนเข้าใจหลักการใช้ Present Simple Tense 5.4 นักเรียนและครูร่มกันสรุปหลักการของกฎต่าง ๆ ของPresent Simple Tense 5.5 นักเรียนและครูร่วมกันสรุปเกี่ยวกับเนื้อหาเรื่อง Present Simple Tense เรื่องที่ 5 เรื่อง Present Progressive Tense จำนวนเวลาเรียน 1 ชั่วโมง วิธีการสอน (วิธีการสอนแบบ Inquiry Method : 5Es) กิจกรรมการเรียนรู้(Active Learning) 1. สร้างความสนใจ (Engage) 1.1 นักเรียนเข้าสู่บทเรียน โดยนักเรียนดูรูปภาพเกี่ยวกับการทำกิจกรรมของบุคคลต่าง ๆ บน PowerPoint ดังนี้
หน่วยการเรียนรู้อิงมาตรฐาน รายวิชาภาษาอังกฤษ 5 (อ23111) ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 ภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2565 หน้า 39 1.2 นักเรียนตอบคำถาม What is / are…doing? จากรูปภาพ โดยนักเรียนสามารถตอบได้ว่า • He is singing. หรือ The man is singing • He is swimming. หรือ The boy is swimming • They are playing volleyball หรือ The girls are playing volleyball. • She is paining the picture. หรือ The girls is painting the picture. 2. สำรวจและค้นหา (Explore) 2.1 นักเรียนดูประโยคคำถามบน PowerPoint ดังนี้ 2.2 นักเรียนช่วยกันแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับประโยคคำถามและคำที่ถูกทำเป็นสีต่าง ๆ ว่ามี ความหมายว่าอย่างไร โดยครูเปิดรับทุกคำตอบของนักเรียน หลังจากนั้นนักเรียนช่วยกันตอบคำถามดังกล่าว 2.3 นักเรียนศึกษาวิดีโดคลิปเรื่อง Learn English Tenses: Present continuous (present progressive) จาก https://www.youtube.com/watch?v=w04YVmJR4w4 2.4 นักเรียนศึกษาวิดีโดคลิปเรื่องการใช้ Present Continuous Tense จาก https://www. youtube.com/watch?v=C-zRexjTvmY 2.5 นักเรียนศึกษาวิดีโดคลิปเรื่อง Present Continuous Tense การใช้ในภาษาอังกฤษ เรียน ภาษาอังกฤษออนไลน์กับESE จาก https://www.youtube.com/watch?v=iiMWeca4qN4 2.6 นักเรียนช่วยกันสรุปและถ่ายทอดสิ่งที่ได้ศึกษามา โดยครูสุ่มถามเพื่อทดสอบความเข้าใจ 3. อธิบาย (Explain) 3.1 นักเรียนดูข้อมูลบน PowerPoint ดังนี้ 3.2 นักเรียนช่วยกันอธิบายข้อมูลบน PowerPoint โดยมีครูคอยช่วยเสริมข้อมูลเพิ่มเติม 3.3 นักเรียนศึกษาวิดีโดคลิปเรื่อง Present Simple vs. Present Continuous - English Grammar Lesson จาก https://www.youtube.com/watch?v=Q5UEPSk9ipE 3.4 นักเรียนช่วยกันสรุปและถ่ายทอดสิ่งที่ได้ศึกษามา โดยครูสุ่มถามเพื่อทดสอบความเข้าใจ 3.5 นักเรียนฟังครูอธิบายเรื่อง Present Progressive Tense
หน่วยการเรียนรู้อิงมาตรฐาน รายวิชาภาษาอังกฤษ 5 (อ23111) ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 ภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2565 หน้า 40 Present Progressive Tense หรือ Present Continuous คือ Tense ที่ใช้พูดถึงเรื่องที่กำลัง เกิดขึ้นและดำเนินอยู่ในปัจจุบัน ตามชื่อของมัน Present (ปัจจุบัน) + Progressive/ Continuous (อย่างต่อเนื่อง) โครงสร้าง Present Progressive Tense Subject + is, am, are + Verb ing ประธาน + is, am, are + กริยาเติม ing หลักการใช้ present continuous tense 1. ใช้กับเหตุการณ์ที่กำลังเกิดขึ้น สามารถมี Adverb of Time หรือคำกำกับเวลาในประโยคเช่น now (ตอนนี้), right now (ตอนนี้), at the moment (ในตอนนี้), still (ยังคง), currently (ตอนนี้) • I’m watching a movie with my brother. ฉันกำลังดูหนังอยู่กับพี่ชาย • She is talking with her teacher now. เธอกำลังคุยกับอาจารย์ของเธออยู่ตอนนี้ • We’re working on a difficult project at the moment. เรากำลังทำโปรเจคที่ยากชิ้นหนึ่งอยู่ตอนนี้ • She is still sitting there. เธอยังคงนั่งอยู่ตรงนั้น Tips: How are you doing? ไม่ได้แปลว่า คุณกำลังทำอะไรอยู่ แต่แปลว่า ช่วงนี้คุณเป็น อย่างไรบ้าง 2. ใช้พูดถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเป็นประจำมาอย่างยาวนาน หรือเกิดขึ้นบ่อยจนเกินไป (รู้สึกในทาง ลบ) มักจะใช้กับคำเหล่านี้ constantly (อย่างต่อเนื่อง), always (ตลอด), this week (สัปดาห์นี้), this month (เดือนนี้) this year (ปีนี้) • She is always coming to class late. เธอเข้าเรียนสายเป็นประจำเลย • I don’t like them because they are always complaining. ฉันไม่ชอบพวกเขาเลย เพราะว่าพวกเขาขี้บ่น • My sister is constantly reading comic books. น้องสาวฉันกำลังอ่านหนังสือการ์ตูน (อ่านมานานสักพักแล้ว) • She is studying hard this month เธอเรียนหนักมากเดือนนี้ 3. ใช้กับเหตุการณ์ที่จะเกิดขึ้นแน่นอนในอนาคตอันใกล้ มักมีคำกำกับเวลา tomorrow (พรุ่งนี้), tonight (คืนนี้), next week (สัปดาห์หน้า), next month (เดือนหน้า), next year (ปีหน้า), now (ตอนนี้) • We’re meeting Tom at 10 o’clock tomorrow morning. เราจะไปเจอทอมตอน 10 โมงเช้าวันพรุ่งนี้ • I’m spending New Year with my friends. ฉันจะใช้เวลาช่วงปีใหม่กับเพื่อน ๆ • She is going to Chiang Mai next week. เธอจะไปเชียงใหม่สัปดาห์หน้า
หน่วยการเรียนรู้อิงมาตรฐาน รายวิชาภาษาอังกฤษ 5 (อ23111) ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 ภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2565 หน้า 41 • She is coming to my house tomorrow. เธอจะมาบ้านฉันพรุ่งนี้ • I’m going to bed now. ฉันจะไปนอนแล้ว • I’m leaving now. ฉันจะไปแล้ว กริยาที่ใช้กับ Present Progressive Tense ไม่ได้ 1. กริยาที่ใช้แสดงความรู้สึก เช่น believe (เชื่อว่า), love (รัก), feel (รู้สึก), suppose (สมมติว่า), imagine (นึกคิด), hate (เกลียด), want (อยาก, ต้องการ) remember (จำได้), know (รู้), see (เห็น, เข้าใจ) like (ชอบ), dislike (ไม่ชอบ), think (คิดว่า), prefer (ชอบมากกว่า) 2. กริยาที่เกี่ยวกับประสาทสัมผัสทั้ง 5 เช่น appear (ปรากฏ), hear (ได้ยิน), look (ดูเหมือนว่า), seem (ดูเหมือนว่า), smell (ได้กลิ่น), taste (รู้รส) 3. กริยาที่ใช้แสดงความเป็นเจ้าของ เช่น have (มี), own (ของ), belong (เป็นของ) 3.4 นักเรียนช่วยกันทำแบบฝึกหัดบน PowerPoint เรื่อง Present Progressive Tense จำนวน 10 ข้อ Instructions : Put in the verbs in brackets into the gaps. 1. Dennis……………………………(swap) comics with Peter at the moment. 2. Listen! Pete and Joe……………………………(scream). 3. Timmy……………………………(pack) the picnic basket. 4. Look! They……………………………(shake)hands. 5. You……………………………(write) the answer to question number 16. 6. We……………………………(collect) Stan from school. 7. Listen! Angela……………………………(come) home. 8. The cat……………………………(climb) through the window. 9. Look! The robber……………………………(steal) a bag. 10. I……………………………(go) to the pet shop. Answer Key 1. is swapping 2. are screaming 3. is packing 4. are shaking 5. are writing 6. are collecting 7. is coming 8. is climbing 9. is stealing 10. am going 4. ขยายความรู้ (Elaborate) 4.1 นักเรียนศึกษาเนื้อหาเรื่อง Present Progressive Tense ในเอกสารประกอบการเรียนและศึกษา ข้อมูลเพิ่มเติมจากแหล่งเรียนรู้ Internet 4.2 นักเรียนทำแบบฝึกหัด Present Progressive Tense บน PowerPoint จำนวน 10 ข้อ
หน่วยการเรียนรู้อิงมาตรฐาน รายวิชาภาษาอังกฤษ 5 (อ23111) ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 ภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2565 หน้า 42 Instructions : Complete each sentence with the correct form of the verb in parentheses. 1. Why……………………………you……………………………(stop) the car? 2. Julia……………………………(have) lunch in the cafeteria. 3. My wife and I……………………………(plan) to travel next summer. 4. Richard……………………………(pay) his telephone bill. 5. She……………………………(show) the report to her boss. 6. My friends……………………………(meet) each other in New York. 7. I……………………………(fill) the bucket with water. 8. The barber……………………………(cut) my hair. 9. ……………………………you……………………………(eat) breakfast now? 10. I think our team……………………………(win) the game. Answer Key 1. are / stopping 2. is having 3. are planning 4. is paying 5. is showing 6. are meeting 7. am filling 8. is cutting 9. Are / eating 10. is winning 4.2 นักเรียนทำใบงานเรื่อง Present Simple Tense ในเอกสารประกอบการเรียน 5. ประเมินผล (Evaluate) 5.1 นักเรียนและครูร่วมกันตรวจสอบคำตอบจากการทำแบบฝึกหัด Present Progressive Tense บน PowerPoint จำนวน 10 ข้อ 5.2 นักเรียนและครูร่วมกันตรวจสอบคำตอบจากการทำใบงานเรื่อง Present Progressive Tense ใน เอกสารประกอบการเรียน 5.3 นักเรียนและครูช่วยกันอธิบายถึงสาเหตุในการตอบคำถามหรือเลือกตอบในแต่ละข้อเพื่อให้นักเรียน ทุก ๆ คนเข้าใจหลักการใช้ Present Progressive Tense 5.4 นักเรียนและครูร่มกันสรุปหลักการของกฎต่าง ๆ ของPresent Progressive Tense 5.5 นักเรียนและครูร่วมกันสรุปเกี่ยวกับเนื้อหาเรื่อง Present Progressive Tense เรื่องที่ 6 เรื่อง Present Perfect Tense จำนวนเวลาเรียน 1 ชั่วโมง วิธีการสอน (วิธีการสอนแบบ 3Ps) กิจกรรมการเรียนรู้(Active Learning) 1. ขั้นการนำเข้าสู่บทเรียน (Warm-up) 1.1 นักเรียนทบทวนความรู้เรื่อง Present Simple Tense และ Present Progressive Tense โดย ช่วยกันแสดงความคิดเห็นและอธิบายวิธีการใช้ 1.2 นักเรียนแบ่งออกเป็นกลุ่ม กลุ่มละเท่า ๆ กัน ซึ่งสมาชิกประกอบไปด้วย นักเรียนเก่ง ปานกลาง และ อ่อน เพื่อเล่นเกมตอบคำถามเกี่ยวกับ Present Simple Tense และ Present Progressive Tense จาก