หน่วยการเรียนรู้อิงมาตรฐาน รายวิชาภาษาอังกฤษ 5 (อ23111) ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 ภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2565 หน้า 193 4. By whom was “Harry Potter” written? 5. What will I be sent by you? 6. When should the pill be taken? 7.By whom was the vase broken? 8.When was she sent a letter by him? 9. Which car was being driven when the accident happened (by he)? 10. How will it be done by you? 4.2 นักเรียนทำใบงานเรื่อง Passive Voice ในประโยค Wh-questions ในเอกสารประกอบการเรียน 5. ประเมินผล (Evaluate) 5.1 นักเรียนและครูร่วมกันตรวจสอบคำตอบจากการทำแบบฝึกหัด Passive Voice ในประโยค Whquestions บน PowerPoint จำนวน 10 ข้อ 5.2 นักเรียนและครูร่วมกันตรวจสอบคำตอบจากการทำใบงานเรื่อง Passive Voice ในประโยค Whquestions ในเอกสารประกอบการเรียน 5.3 นักเรียนและครูช่วยกันอธิบายถึงสาเหตุในการตอบคำถามหรือเลือกตอบในแต่ละข้อเพื่อให้นักเรียน ทุก ๆ คนเข้าใจหลักการใช้ Passive Voice ในประโยค Wh-questions 5.4 นักเรียนและครูร่มกันสรุปหลักการของกฎต่าง ๆ ของPassive Voice ในประโยค Wh-questions 5.5 นักเรียนและครูร่วมกันสรุปเกี่ยวกับเนื้อหาเรื่อง Passive Voice ในประโยค Wh-questions ชั่วโมงที่ 6 - 7 1. สร้างความสนใจ (Engage) 1.1 นักเรียนทบทวนเนื้อหาPassive Voice ในประโยค Wh-questions ที่นักเรียนเรียนในชั่วโมงก่อน หน้านี้ 1.2 นักเรียนดูรูปภาพและประโยคบน PowerPoint พร้อมร่วมกันแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับรูปภาพ และประโยคที่นักเรียนเห็น Active : Do you like mangoes? Passive : Are mangoes liked by you? 2. สำรวจและค้นหา (Explore) 2.1 นักเรียนดูวิดีโอคลิป passive voice in yes/no questions จาก https://www.youtube.com/ watch?v=Fn91YqeZSaw 2.2 นักเรียนช่วยกันสรุปความรู้ที่ได้จากการดูโอคลิป 3. อธิบาย (Explain) 3.1 นักเรียนดูข้อมูลบน PowerPoint ดังนี้
หน่วยการเรียนรู้อิงมาตรฐาน รายวิชาภาษาอังกฤษ 5 (อ23111) ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 ภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2565 หน้า 194 3.2 นักเรียนช่วยกันอธิบายข้อมูลบน PowerPoint โดยมีครูคอยช่วยเสริมข้อมูลเพิ่มเติม 3.3 นักเรียนฟังครูอธิบายเรื่อง Passive Voice ในประโยค Yes/ No questions ประโยค Active Voice ที่เป็นประโยคคำถาม ขึ้นต้นด้วย Yes / No question หากเปลี่ยนเป็น Passive Voice จะทำได้อย่างไร ประโยค Active voice ที่เป็นคำถามขึ้นต้นด้วยคำ Yes / No question เมื่อ เปลี่ยนเป็น Passive Voice มีโครงสร้างและวิธีการดังนี้ โครงสร้าง Present Simple : Is , Am , Are + s + V.3 +by …. Present Continuous :Is , Am , Are + s + being + V.3 + by … Present Perfect : Have , Has +s + been + V.3 + by …. Present Perfect Continuous : have + been + s + been +being + V.3 + by … Past Simple : Was , Were + s + V.3 + by… Past Continuous : Was , Were+ s+ being + V.3 + by… Past Perfect : Had + s + been + V.3 + by…. Past Perfect Continuous : Had + s + been + being + V.3 + by … Future Simple : Will + s + be + V.3 + by… Future Continuous : Will + s +be + being + V.3 + by … Future Perfect : Will+ s + have +been + V.3 + by …. Future Perfect Continuous : Will + s + have + been + being + V.3 + by … เช่น • Active : Did Jane eat the cake yesterday? เจนกินขนมเค้กเมื่อวานหรือเปล่า Passive : Was the cake eaten by Jane yesterday? ขนมเค้กถูกกิน โดยเจนเมื่อวาน หรือเปล่า • Active : Has Jane already eaten cake? เจนกินขนมเค้กแล้วหรือยัง Passive : Has the cake been eaten by Jane already? ขนมเค้กถูกกิน โดยเจน แล้วหรือยัง
หน่วยการเรียนรู้อิงมาตรฐาน รายวิชาภาษาอังกฤษ 5 (อ23111) ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 ภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2565 หน้า 195 3.4 นักเรียนช่วยกันเปลี่ยนประโยค Yes / No question ให้อยู่ในรูป passive voice จำนวน 5 ข้อ Instructions : Put the following sentences into passive voice. 1. Have you seen a lion? 2. Was he playing cricket? 3. May I take your pen? 4. Has he finished his work? 5. Did the teacher punish Peter? Answer Key 1. Has a lion been seen by you? 2. Was cricket being played by him? 3. May your pen be taken by me? 4. Has his work been finished by him? 5. Was Peter punished by the teacher? 4. ขยายความรู้ (Elaborate) 4.1 นักเรียนศึกษาเนื้อหาเรื่อง Passive Voice ในประโยค Yes / No questionในเอกสารประกอบการ เรียนและศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมจากแหล่งเรียนรู้ Internet 4.2 นักเรียนทำแบบฝึกหัด Passive Voice ในประโยค Yes / No question บน PowerPoint จำนวน 10 ข้อ Instructions : Put the following sentences into passive voice. 1. Do the Muslims burn their dead? 2. Had Martina Hingis defeated Monica Seles? 3. Should I take exercise? 4. Should we obey the elders? 5. Can you lift this box? 6. Must you cross this river? 7. Had you beaten your brother? 8. Will he write a letter? 9. Did you buy this shirt? 10. Does the postman deliver the mail? Answer Key 1. Are their dead burned by the Muslims? 2. Had Monica Seles been defeated by Martina Hingis? 3. Should exercise be taken by me? 4. Should the elders be obeyed by us? 5. Can this box be lifted by you? 6. Must this river be crossed by you? 7. Had your brother been beaten by you?
หน่วยการเรียนรู้อิงมาตรฐาน รายวิชาภาษาอังกฤษ 5 (อ23111) ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 ภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2565 หน้า 196 8.Will a letter be written by him? 9. Was this shirt bought by you? 10. Is the mail delivered by the postman? 4.2 นักเรียนทำใบงานเรื่อง Passive Voice ในประโยค Yes / No question ในเอกสารประกอบการ เรียน 5. ประเมินผล (Evaluate) 5.1 นักเรียนและครูร่วมกันตรวจสอบคำตอบจากการทำแบบฝึกหัด Passive Voice ในประโยค Yes / No question บน PowerPoint จำนวน 10 ข้อ 5.2 นักเรียนและครูร่วมกันตรวจสอบคำตอบจากการทำใบงานเรื่อง Passive Voice ในประโยค Yes / No question ในเอกสารประกอบการเรียน 5.3 นักเรียนและครูช่วยกันอธิบายถึงสาเหตุในการตอบคำถามหรือเลือกตอบในแต่ละข้อเพื่อให้นักเรียน ทุก ๆ คนเข้าใจหลักการใช้ Passive Voice ในประโยค Yes / No question 5.4 นักเรียนและครูร่มกันสรุปหลักการของกฎต่าง ๆ ของ Passive Voice ในประโยค Yes / No question 5.5 นักเรียนและครูร่วมกันสรุปเกี่ยวกับเนื้อหาเรื่อง Passive Voice ในประโยค Yes / No question ชั่วโมงที่ 8 - 9 1. สร้างความสนใจ (Engage) 1.1 นักเรียนทบทวนเนื้อหาPassive Voice ในประโยค Yes / No question ที่นักเรียนเรียนในชั่วโมง ก่อนหน้านี้ 1.2 นักเรียนดูรูปภาพและประโยคบน PowerPoint พร้อมร่วมกันแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับรูปภาพ และประโยคที่นักเรียนเห็น Active : Speak English. Passive : Let English be spoken. 2. สำรวจและค้นหา (Explore) 2.1 นักเรียนดูวิดีโอคลิป passive voice / imperative sentences / modal verbs / part 2 จาก https://www.youtube.com/watch?v=DKoVXxV9jTU 2.2 นักเรียนดูวิดีโอคลิป passive voice - and imperative sentences จาก https://www. youtube.com/watch?v=_jRCSg-hswo 2.3 นักเรียนช่วยกันสรุปความรู้ที่ได้จากการดูโอคลิปทั้ง 2 วิดีโอคลิป 3. อธิบาย (Explain) 3.1 นักเรียนดูข้อมูลบน PowerPoint ดังนี้
หน่วยการเรียนรู้อิงมาตรฐาน รายวิชาภาษาอังกฤษ 5 (อ23111) ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 ภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2565 หน้า 197 3.2 นักเรียนช่วยกันอธิบายข้อมูลบน PowerPoint โดยมีครูคอยช่วยเสริมข้อมูลเพิ่มเติม 3.3 นักเรียนฟังครูอธิบายเรื่อง Passive Voice ในประโยค Imperative sentences การเปลี่ยนประโยคคำสั่ง (Imperative) เป็น Passive Voice มีโครงสร้างและหลักการดังต่อไปนี้ โครงสร้าง ประโยคคำสั่ง Let + Object + be + V.3 (past participle) ประโยคคำสั่งห้าม Let + Object + not be + V.3 (past participle) เช่น • Active : Close the door. Passive : Let the door be closed • Active : Do not touch the flower. Passive : Let the flower not be touch. นอกจากนี้สามารถขึ้นประโยค Passive Voice ด้วยสรรพนาม You ในกรณีที่ต้องการเน้นตัวบุคคล โดยเฉพาะในประโยคคำสั่งเชิงขอร้องให้ผู้อื่นทำสิ่งใดสิ่งหนึ่ง โดยใช้คำแสดงการขอร้องถาษาอังกฤษ เช่น requested, asked หรือแสดงการให้คำแนะนำ ตักเตือน เช่น advised, warned เช่น • Active : See the doctor. Passive : You are advised to see the doctor. • Active : Do not buy that house. Passive : You are warned not to buy that house. 3.4 นักเรียนช่วยกันเปลี่ยนประโยค Imperative sentences ให้อยู่ในรูป passive voice จำนวน 5 ข้อ Instructions : Change following imperative sentences into passive voice. 1. Complete the work. 2. Turn off the television. 3. Don’t kill the snake. 4. Don’t punish the boy. 5. Speak the truth. Answer Key 1. Let the work be completed.
หน่วยการเรียนรู้อิงมาตรฐาน รายวิชาภาษาอังกฤษ 5 (อ23111) ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 ภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2565 หน้า 198 2. Let the television be turned off. 3. Let the snake not be killed. 4. Let the boy not be punished. 5. Let the truth be spoken. 4. ขยายความรู้ (Elaborate) 4.1 นักเรียนศึกษาเนื้อหาเรื่อง Imperative sentences ในรูป passive voice ในเอกสารประกอบการ เรียนและศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมจากแหล่งเรียนรู้ Internet 4.2 นักเรียนทำแบบฝึกหัด Imperative sentences ในรูป passive voice บน PowerPoint จำนวน 10 ข้อ Instructions : Write these imperative sentences into passive voice. 1. Please offer a seat to the elderly. 2. Walk on the footpath. 3. Use the zebra crossing. 4. Clean your room. 5. Do not scare the pigeons away. 6. Please come to my party tonight. 7. Do not keep him waiting. 8. Put your signature on the dotted lined. 9. Do not touch the electric wires. 10.Pack your bags quickly. Answer Key 1. Please let the seat be offered to the elderly. 2. Let the footpath be walked on. 3. Let the zebra crossing be used. 4. Let the pigeons not be scared away 5. He requested me to come to the party that night. 6. Let him not be kept waiting. 7. Let your signature be put on the dotted line. 8. Let the electric wires not be touched. 9. Let your bags be packed quickly. 10. Let the command be given. 4.2 นักเรียนทำใบงานเรื่อง Imperative sentences ในรูป passive voice ในเอกสารประกอบการ เรียน 5. ประเมินผล (Evaluate) 5.1 นักเรียนและครูร่วมกันตรวจสอบคำตอบจากการทำแบบฝึกหัด Imperative sentences ในรูป passive voice t จำนวน 10 ข้อ 5.2 นักเรียนและครูร่วมกันตรวจสอบคำตอบจากการทำใบงานเรื่อง Passive Voice ในประโยค Yes / No question ในเอกสารประกอบการเรียน
หน่วยการเรียนรู้อิงมาตรฐาน รายวิชาภาษาอังกฤษ 5 (อ23111) ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 ภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2565 หน้า 199 5.3 นักเรียนและครูช่วยกันอธิบายถึงสาเหตุในการตอบคำถามหรือเลือกตอบในแต่ละข้อเพื่อให้นักเรียน ทุก ๆ คนเข้าใจหลักการใช้ Imperative sentences ในรูป passive voice 5.4 นักเรียนและครูร่มกันสรุปหลักการของกฎต่าง ๆ ของ Imperative sentences ในรูป passive voice 5.5 นักเรียนและครูร่วมกันสรุปเกี่ยวกับเนื้อหาเรื่อง Imperative sentences ในรูป passive voice ชั่วโมงที่ 10 - 11 1. สร้างความสนใจ (Engage) 1.1 นักเรียนทบทวนเนื้อหาPassive Voice ที่นักเรียนเรียนในชั่วโมงก่อนหน้านี้ทั้งหมด 1.2 นักเรียนดูรูปภาพและประโยคบน PowerPoint พร้อมร่วมกันแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับรูปภาพ และประโยคที่นักเรียนเห็น 2. สำรวจและค้นหา (Explore) 2.1 นักเรียนดูวิดีโอคลิป Passive Voice คืออะไร? จาก https://www.youtube.com/watch?v=JyAWtPBwKo 2.2 นักเรียนดูวิดีโอคลิป Passive voice จาก https://www.youtube.com/watch?v =g3o6IY6Yrsw 2.3 นักเรียนดูวิดีโอคลิป passive voice / interrogative sentences & wh questions / Part 3 จาก https://www.youtube.com/watch?v=a06w-xCfrTA 2.4 นักเรียนช่วยกันสรุปความรู้ที่ได้จากการดูโอคลิปทั้ง 3 วิโอคลิป 3. อธิบาย (Explain) 3.1 นักเรียนช่วยกันอธิบายและสรุปเรื่อง Passive Voice 3.2 นักเรียนยกตัวอย่างPassive Voice เช่น • My son was bitten by a dog • The cheese cake was eaten. • His letter hasn’t been read yet. • The report will be finished soon
หน่วยการเรียนรู้อิงมาตรฐาน รายวิชาภาษาอังกฤษ 5 (อ23111) ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 ภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2565 หน้า 200 4. ขยายความรู้ (Elaborate) 4.1 นักเรียนศึกษาเนื้อหาเรื่อง Passive Voice ในเอกสารประกอบการเรียน 4.2 นักเรียนทำใบงานเรื่อง Passive Voice ในเอกสารประกอบการเรียน 5. ประเมินผล (Evaluate) 5.1 นักเรียนและครูร่วมกันตรวจสอบคำตอบจากการทำใบงานเรื่อง Passive Voice 5.2 นักเรียนและครูช่วยกันอธิบายถึงสาเหตุในการตอบคำถามหรือเลือกตอบในแต่ละข้อเพื่อให้นักเรียน ทุก ๆ คนเข้าใจหลักการใช้ Passive Voice 5.3 นักเรียนและครูร่มกันสรุปหลักการของกฎต่าง ๆ ของPassive Voice 5.4 นักเรียนและครูร่วมกันสรุปเกี่ยวกับเนื้อหาเรื่อง Passive Voice 11. สื่อการเรียนรู้/ แหล่งเรียนรู้ 11.1 สื่อการเรียนรู้ 1. หนังสือเรียนรายวิชาพื้นฐาน ภาษาอังกฤษ Spark 3 Student’s book ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 2. ใบความรู้เรื่อง Active and Passive Voice 3. ใบงานเรื่อง Active and Passive Voice 11.2 แหล่งเรียนรู้ 1. หนังสือพิมพ์ 2. อินเทอร์เน็ตหรือสื่ออื่น ๆ 12. การวัดและประเมินผล ลำดับ รายการที่วัดและประเมินผล วิธีการ เครื่องมือ เกณฑ์ 1 ใบงานเรื่อง Active and Passive Voice ตรวจใบงานท้ายบท ใบงานท้ายบท นักเรียนให้ความ ร่วมมือในการทำ แบบฝึกหัดและตอบ ถูกร้อยละ 60 ขึ้นไป ผ่านเกณฑ์ 13. เกณฑ์การประเมิน 16 - 20 คะแนน ดีมาก 11 - 15 คะแนน ดี 6 - 10 คะแนน พอใช้ น้อยกว่า 6 คะแนน ควรปรับปรุง ลงชื่อ ผู้จัดทำ (นายสุจินดา ปรากฏวงศ์) ตำแหน่ง ครู
หน่วยการเรียนรู้อิงมาตรฐาน รายวิชาภาษาอังกฤษ 5 (อ23111) ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 ภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2565 หน้า 201 บันทึกหลังการใช้แผนการจัดการเรียนรู้ ...................................................................................................................................................................................... ...................................................................................................................................................................................... ...................................................................................................................................................................................... ...................................................................................................................................................................................... ...................................................................................................................................................................................... ...................................................................................................................................................................................... ...................................................................................................................................................................................... ...................................................................................................................................................................................... ลงชื่อ ผู้จัดทำ (นายสุจินดา ปรากฏวงศ์) ตำแหน่ง ครู วันที่..............เดือน..................................พ.ศ. ..................
หน่วยการเรียนรู้อิงมาตรฐาน รายวิชาภาษาอังกฤษ 5 (อ23111) ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 ภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2565 หน้า 202 โรงเรียนแผนการจัดการเรียนรู้ หน่วยการเรียนรู้ที่ 3 เรื่อง Believe it or not! แผนการจัดการเรียนรู้ที่14 เรื่อง Active and Passive Voice (Revision) รหัสวิชา อ23121 รายวิชา ภาษาอังกฤษ 5 ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาต่างประเทศ ปีการศึกษา 2566 ภาคเรียนที่ 1 เวลา 2 ชั่วโมง ผู้สอน นายสุจินดา ปรากฏวงศ์ 1. มาตรฐานการเรียนรู้/ ตัวชี้วัด 1.1 มาตรฐานการเรียนรู้ มาตรฐาน ต 2.2 เข้าใจความเหมือนและความแตกต่างระหว่างภาษาและวัฒนธรรมของเจ้าของภาษากับ ภาษาและวัฒนธรรมไทย และนำมาใช้อย่างถูกต้องเหมาะสม มาตรฐาน ต 4.2 ใช้ภาษาต่างประเทศเป็นเครื่องมือพื้นฐานในการศึกษาต่อ การประกอบอาชีพและ การแลกเปลี่ยนเรียนรู้กับสังคมโลก 1.2 ตัวชี้วัด ต 2.2 ม.3/2 เปรียบเทียบและอธิบายความเหมือนและความแตกต่างระหว่างชีวิตความเป็นอยู่และ วัฒนธรรมของเจ้าของภาษากับของไทย และนำไปใช้อย่างเหมาะสม ต 4.2 ม.3/2 เผยแพร่ / ประชาสัมพันธ์ข้อมูลข่าวสารของโรงเรียน ชุมชน และท้องถิ่นเป็น ภาษาต่างประเทศ 2. สาระสำคัญ / ความคิดรวบยอด เข้าใจในความเหมือนและความแตกต่างระหว่าง Active and Passive Voice ที่เกี่ยวข้องกับชีวิตความ เป็นอยู่และวัฒนธรรมของเจ้าของภาษากับของไทย เพื่อนำมาประชาสัมพันธ์ข้อมูลข่าวสารของโรงเรียน ชุมชน และ ท้องถิ่นเป็นภาษาต่างประเทศ มีทักษะในการเลือก พอประมาณ มีเหตุผล มีภูมิคุ้มกัน และมีคุณธรรม ในการปฏิบัติ ตนอย่างเหมาะสม ตามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง 3. สาระการเรียนรู้ 3.1 สาระการเรียนรู้แกนกลาง เข้าใจในความเหมือนและความแตกต่างระหว่าง Active and Passive Voice ที่เกี่ยวข้องกับชีวิตความ เป็นอยู่และวัฒนธรรมของเจ้าของภาษากับของไทย เพื่อนำมาประชาสัมพันธ์ข้อมูลข่าวสารของโรงเรียน ชุมชน และ ท้องถิ่นเป็นภาษาต่างประเทศ 3.2 สาระการเรียนรู้ท้องถิ่น 1. คำศัพท์ในเรื่อง Unit 2 : Believe it or not! 2. บทสนทนาในเรื่อง Unit 2 : Believe it or not! 3. การใช้โครงสร้าง Active และ Passive Voice ในรูปแบบและ Tense ต่าง ๆ
หน่วยการเรียนรู้อิงมาตรฐาน รายวิชาภาษาอังกฤษ 5 (อ23111) ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 ภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2565 หน้า 203 4. สมรรถนะสำคัญของผู้เรียน (เฉพาะที่เกิดในหน่วยการเรียนรู้นี้) 4.1 ความสามารถในการสื่อสาร 4.2 ความสามารถในการคิด 4.3 ความสามารถในการแก้ปัญหา 4.4 ความสามารถในการใช้ทักษะชีวิต 4.5 ความสามารถในการใช้เทคโนโลยี 5. สมรรถนะสำคัญของผู้เรียน (เฉพาะที่เกิดในหน่วยการเรียนรู้นี้) 5.1 ความสามารถในการสื่อสาร 5.2 ความสามารถในการคิด 5.3 ความสามารถในการแก้ปัญหา 5.4 ความสามารถในการใช้ทักษะชีวิต 5.5 ความสามารถในการใช้เทคโนโลยี 6. คุณลักษณะอันพึงประสงค์ (เฉพาะที่เกิดในหน่วยการเรียนรู้นี้) 6.1 คุณลักษณะอันพึงประสงค์ (ตามหลักสูตรแกนกลาง) 1) รักชาติ ศาสน์ กษัตริย์ 2) ซื่อสัตย์สุจริต 3) มีวินัย 4) ใฝ่เรียนรู้ 5) อยู่อย่างพอเพียง 6) มุ่งมั่นในการทำงาน 7) รักความเป็นไทย 8) มีจิตสาธารณะ 6.2 คุณลักษณะตามหลักสูตรมาตรฐานสากล 1) มีความรู้พื้นฐานในยุคดิจิตอล วิทยาศาสตร์ เศรษฐศาสตร์ เทคโนโลยี รู้ภาษา พหุวัฒนธรรม ตระหนักสำนึกระดับโลก 2) สามารถคิดประดิษฐ์อย่างสร้างสรรค์ ปรับตัวใฝ่รู้ ใฝ่เรียน วิเคราะห์ สังเคราะห์สรุป สร้างองค์ความรู้ 3) มีทักษะสื่อสารอย่างมีประสิทธิภาพ 4) มีความสามารถในการใช้ทักษะชีวิต 5) มีความสามารถในการใช้เทคโนโลยี 7. ทักษะของผู้เรียนในศตวรรษที่ 21 (3R 7C เฉพาะที่เกิดในหน่วยการเรียนรู้นี้) 7.1 ทักษะการอ่าน (Reading) 7.2 ทักษะการเขียน (Writing) 7.3 ทักษะการคิดคำนวณ (Arithmetic) 7.4 ทักษะด้านการคิดอย่างมีวิจารณญาณและทักษะในการแก้ปัญหา (Critical thinking and problem solving) 7.5 ทักษะด้านการสร้างสรรค์และนวัตกรรม (Creativity and innovation) 7.6 ทักษะด้านความร่วมมือการทำงานเป็นทีมและภาวะผู้นำ (Collaboration, teamwork and leadership) 7.7 ทักษะด้านความเข้าใจต่างวัฒนธรรมต่างกระบวนทัศน์ (Cross-cultural understanding) 7.8 ทักษะด้านการสื่อสารสารสนเทศและรู้เท่าทันสื่อ (Communication information and media literacy) 7.9 ทักษะด้านคอมพิวเตอร์และเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร (Computing) 7.10 ทักษะอาชีพและทักษะการเรียนรู้ (Career and learning self-reliance, change)
หน่วยการเรียนรู้อิงมาตรฐาน รายวิชาภาษาอังกฤษ 5 (อ23111) ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 ภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2565 หน้า 204 8. การบูรณาการตามพระราชบัญญัติการศึกษาแห่งชาติ (เฉพาะที่เกิดในหน่วยการเรียนรู้นี้) 8.1 บูรณาการสวนพฤกษศาสตร์โรงเรียน 8.2 บูรณาการเศรษฐกิจพอเพียง 8.3 บูรณาการห้องเรียนสีเขียว 8.4 อื่น ๆ (โปรดระบุ)................................................................................................................................................. 9. ชิ้นงาน / ภาระงาน 1. ภาระงาน - ใบงานเรื่อง Active และ Passive Voice 2. ชิ้นงาน - ชิ้นงาน Grammar in News ในหนังสือพิมพ์หรืออินเตอร์เน็ต เกี่ยวกับ Passive Voice ในรูปแบบและ Tense ต่าง ๆ 10. กิจกรรมการเรียนรู้(Active Learning) เรื่อง Active and Passive Voice (Revision and Presentation) วิธีการสอน (วิธีการสอนแบบ Inquiry Method : 5Es) ชั่วโมงที่ 1 1. สร้างความสนใจ (Engage) 1.1 นักเรียนช่วยกันบอกหลักการเปลี่ยนประโยค Active และ Passive Voice 1.2 นักเรียนออกมาเขียนประโยคบนกระดาน 1.3 นักเรียนและครูร่วมกันวิเคราะห์ประโยคที่ตัวแทนเขียนบนกระดาน ว่าประโยคที่เขียนเป็นประโยค Active หรือ Passive Voice นักเรียนทราบได้อย่างไรว่าเป็น Tense ไหนสังเกตจากอะไร 2. สำรวจและค้นหา (Explore) 2.1 นักเรียนศึกษาตัวอย่างชิ้นงาน Grammar in News และฟังครูอธิบายการทำชิ้นงาน โดยให้นักเรียน ศึกษาอ่านข่าวที่ตนเองเลือก และหาประโยคที่อยู่ในรูปของ Active and Passive Voice จากข่าวที่นักเรียนศึกษา ในรูปแบบหรือ Tense อะไรก็ได้ คนละ 4 ประโยค 2.2 นักเรียนนำประโยคที่อยู่ในรูปของ Active and Passive Voice ที่นักเรียนพบในข่าว มาเขียนเรียง ประโยคใหม่ในสมุดของนักเรียนและเขียนอธิบายว่าเป็น Tense อะไรพร้อมเขียนโครงสร้างประกอบตามตัวอย่าง ชิ้นงาน 3. อธิบาย (Explain) 3.1 นักเรียนดูตัวอย่างประโยค บนกระดานและช่วยกันแสดงความคิดเห็น อธิบายว่าเป็น Passive Voice รูปแบบใด และเป็น Tense ไหนเพราะอะไร 3.2 นักเรียนส่งตัวแทนออกมานำเสนอการหาประโยค Active and Passive Voice ในข่าว ออกมาเขียน ประโยคบนกระดาน 3.3 นักเรียนและครูร่วมกันอภิปรายวิเคราะห์ประโยคบนกระดาน 2 - 3 ประโยค 3.4 นักเรียนฟังครูครูอธิบายเพิ่มเติมจากการนำเสนอของนักเรียน เพื่อให้นักเรียนเข้าใจรูปประโยค Active and Passive Voice และวิธีการหา Grammar in News มากขึ้น
หน่วยการเรียนรู้อิงมาตรฐาน รายวิชาภาษาอังกฤษ 5 (อ23111) ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 ภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2565 หน้า 205 ชั่วโมงที่ 2 4. ขยายความรู้ (Elaborate) 4.1 นักเรียนแต่ละคนนำชิ้นงาน Grammar in News ของตนเองแลกเปลี่ยนกับของเพื่อน แลกเปลี่ยน ความรู้ว่าตามประโยคเป็นรูปแบบและ Tense อะไร ช่วยกันคิดและแก้ไขถ้าไม่ถูกต้อง 4.2 นักเรียนช่วยกันเลือกชิ้นงาน Grammar in News มาวิเคราะห์และอธิบายให้สมาชิกในห้องฟัง 5. ประเมินผล (Evaluate) 5.1 นักเรียนนำชิ้นงาน Grammar in News ให้ครูผู้สอนตรวจ เพื่อให้ครูผู้สอนคัดเลือกผลงาน 2 - 3 ชิ้น ที่ดีที่สุดมาสรุปผลการประเมิน 5.2 นักเรียนและครูสรุปหลักการเปลี่ยนประโยค Active เป็นประโยค Passive Voice และการเปลี่ยน ประโยค Passive เป็นประโยค Active Voice ให้นักเรียนฟังอีกครั้ง และยกตัวอย่างประโยคให้นักเรียนเข้าใจมาก ขึ้น 11. สื่อการเรียนรู้/ แหล่งเรียนรู้ 11.1 สื่อการเรียนรู้ 1. หนังสือเรียนรายวิชาพื้นฐาน ภาษาอังกฤษ Spark 3 Student’s book ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 2. ใบความรู้เรื่อง Active and Passive Voice 3. ใบงานเรื่อง Active and Passive Voice 11.2 แหล่งเรียนรู้ 1. หนังสือพิมพ์ 2. อินเทอร์เน็ตหรือสื่ออื่น ๆ 12. การวัดและประเมินผล ลำดับ รายการที่วัดและประเมินผล วิธีการ เครื่องมือ เกณฑ์ 1 ชิ้นงาน Grammar in News ใน หนังสือพิมพ์หรืออินเตอร์เน็ต เกี่ยวกับ Active and Passive Voice ประเมินจากชิ้นงาน แบบประเมินชิ้นงาน เกณฑ์การประเมิน ชิ้นงาน 13. เกณฑ์การประเมิน 16 - 20 คะแนน ดีมาก 11 - 15 คะแนน ดี 6 - 10 คะแนน พอใช้ น้อยกว่า 6 คะแนน ควรปรับปรุง ลงชื่อ ผู้จัดทำ (นายสุจินดา ปรากฏวงศ์) ตำแหน่ง ครู
หน่วยการเรียนรู้อิงมาตรฐาน รายวิชาภาษาอังกฤษ 5 (อ23111) ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 ภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2565 หน้า 206 บันทึกหลังการใช้แผนการจัดการเรียนรู้ ...................................................................................................................................................................................... ...................................................................................................................................................................................... ...................................................................................................................................................................................... ...................................................................................................................................................................................... ...................................................................................................................................................................................... ...................................................................................................................................................................................... ...................................................................................................................................................................................... ...................................................................................................................................................................................... ...................................................................................................................................................................................... ลงชื่อ ผู้จัดทำ (นายสุจินดา ปรากฏวงศ์) ตำแหน่ง ครู วันที่..............เดือน..................................พ.ศ. ..................
หน่วยการเรียนรู้อิงมาตรฐาน รายวิชาภาษาอังกฤษ 5 (อ23111) ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 ภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2565 หน้า 207 โรงเรียนแผนการจัดการเรียนรู้ หน่วยการเรียนรู้ที่ 3 เรื่อง Experiences รหัสวิชา อ23121 รายวิชา ภาษาอังกฤษ 5 ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาต่างประเทศ ปีการศึกษา 2566 ภาคเรียนที่ 1 เวลา 15 ชั่วโมง ผู้สอน นายสุจินดา ปรากฏวงศ์ 1. มาตรฐานการเรียนรู้/ ตัวชี้วัด 1.1 มาตรฐานการเรียนรู้ มาตรฐาน ต 1.2 มีทักษะการสื่อสารทางภาษาในการแลกเปลี่ยนข้อมูลข่าวสาร แสดงความรู้สึก และความ คิดเห็นอย่างมีประสิทธิภาพ มาตรฐาน ต 3.1 ใช้ภาษาต่างประเทศในการเชื่อมโยงความรู้กับกลุ่มสาระการเรียนรู้อื่น และเป็นพื้นฐานใน การพัฒนา แสวงหาความรู้ และเปิดโลกทัศน์ของตน 1.2 ตัวชี้วัด ต 1.2 ม.3/3 พูดและเขียนแสดงความต้องการ เสนอและให้ความช่วยเหลือ ตอบรับและปฏิเสธการให้ ความช่วยเหลือในสถานการณ์ต่าง ๆ อย่างเหมาะสม ต 3.1 ม.3/1 ค้นคว้า รวบรวม และสรุปข้อมูล / ข้อเท็จจริงที่เกี่ยวข้องกับกลุ่มสาระการเรียนรู้อื่นจาก แหล่งเรียนรู้และนำเสนอด้วยการพูดและการเขียน 2. สาระสำคัญ / ความคิดรวบยอด ความรู้ในการใช้ภาษาที่ใช้ในการแสดงความต้องการ เสนอและให้ความช่วยเหลือ ตอบรับและปฏิเสธการให้ ความช่วยเหลือในสถานการณ์ต่าง ๆ โดยใช้ Conditional Sentences (If-Clause) เพื่อค้นคว้า รวบรวม และสรุป ข้อมูล / ข้อเท็จจริงที่เกี่ยวข้องกับกลุ่มสาระการเรียนรู้อื่นจากแหล่งเรียนรู้และนำเสนอด้วยการพูดและการเขียน 3. สาระการเรียนรู้ 3.1 สาระการเรียนรู้แกนกลาง ความรู้ในการใช้ภาษาที่ใช้ในการแสดงความต้องการ เสนอและให้ความช่วยเหลือ ตอบรับและปฏิเสธการ ให้ความช่วยเหลือในสถานการณ์ต่าง ๆ โดยใช้ Conditional Sentences (If-Clause) เพื่อค้นคว้า รวบรวม และ สรุปข้อมูล / ข้อเท็จจริงที่เกี่ยวข้องกับกลุ่มสาระการเรียนรู้อื่นจากแหล่งเรียนรู้และนำเสนอด้วยการพูดและการ เขียน 3.2 สาระการเรียนรู้ท้องถิ่น 1. คำศัพท์ในเรื่อง Unit 3 : Experiences 2. บทสนทนาในเรื่อง Unit 3 : Experiences 3. การใช้โครงสร้าง Conditional Sentences ในรูปแบบต่าง ๆ
หน่วยการเรียนรู้อิงมาตรฐาน รายวิชาภาษาอังกฤษ 5 (อ23111) ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 ภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2565 หน้า 208 4. สมรรถนะสำคัญของผู้เรียน (เฉพาะที่เกิดในหน่วยการเรียนรู้นี้) 4.1 ความสามารถในการสื่อสาร 4.2 ความสามารถในการคิด 4.3 ความสามารถในการแก้ปัญหา 4.4 ความสามารถในการใช้ทักษะชีวิต 4.5 ความสามารถในการใช้เทคโนโลยี 5. สมรรถนะสำคัญของผู้เรียน (เฉพาะที่เกิดในหน่วยการเรียนรู้นี้) 5.1 ความสามารถในการสื่อสาร 5.2 ความสามารถในการคิด 5.3 ความสามารถในการแก้ปัญหา 5.4 ความสามารถในการใช้ทักษะชีวิต 5.5 ความสามารถในการใช้เทคโนโลยี 6. คุณลักษณะอันพึงประสงค์ (เฉพาะที่เกิดในหน่วยการเรียนรู้นี้) 6.1 คุณลักษณะอันพึงประสงค์ (ตามหลักสูตรแกนกลาง) 1) รักชาติ ศาสน์ กษัตริย์ 2) ซื่อสัตย์สุจริต 3) มีวินัย 4) ใฝ่เรียนรู้ 5) อยู่อย่างพอเพียง 6) มุ่งมั่นในการทำงาน 7) รักความเป็นไทย 8) มีจิตสาธารณะ 6.2 คุณลักษณะตามหลักสูตรมาตรฐานสากล 1) มีความรู้พื้นฐานในยุคดิจิตอล วิทยาศาสตร์ เศรษฐศาสตร์ เทคโนโลยี รู้ภาษา พหุวัฒนธรรม ตระหนักสำนึกระดับโลก 2) สามารถคิดประดิษฐ์อย่างสร้างสรรค์ ปรับตัวใฝ่รู้ ใฝ่เรียน วิเคราะห์ สังเคราะห์สรุป สร้างองค์ความรู้ 3) มีทักษะสื่อสารอย่างมีประสิทธิภาพ 4) มีความสามารถในการใช้ทักษะชีวิต 5) มีความสามารถในการใช้เทคโนโลยี 7. ทักษะของผู้เรียนในศตวรรษที่ 21 (3R 7C เฉพาะที่เกิดในหน่วยการเรียนรู้นี้) 7.1 ทักษะการอ่าน (Reading) 7.2 ทักษะการเขียน (Writing) 7.3 ทักษะการคิดคำนวณ (Arithmetic) 7.4 ทักษะด้านการคิดอย่างมีวิจารณญาณและทักษะในการแก้ปัญหา (Critical thinking and problem solving) 7.5 ทักษะด้านการสร้างสรรค์และนวัตกรรม (Creativity and innovation) 7.6 ทักษะด้านความร่วมมือการทำงานเป็นทีมและภาวะผู้นำ (Collaboration, teamwork and leadership) 7.7 ทักษะด้านความเข้าใจต่างวัฒนธรรมต่างกระบวนทัศน์ (Cross-cultural understanding) 7.8 ทักษะด้านการสื่อสารสารสนเทศและรู้เท่าทันสื่อ (Communication information and media literacy) 7.9 ทักษะด้านคอมพิวเตอร์และเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร (Computing) 7.10 ทักษะอาชีพและทักษะการเรียนรู้ (Career and learning self-reliance, change)
หน่วยการเรียนรู้อิงมาตรฐาน รายวิชาภาษาอังกฤษ 5 (อ23111) ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 ภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2565 หน้า 209 8. การบูรณาการตามพระราชบัญญัติการศึกษาแห่งชาติ (เฉพาะที่เกิดในหน่วยการเรียนรู้นี้) 8.1 บูรณาการสวนพฤกษศาสตร์โรงเรียน 8.2 บูรณาการเศรษฐกิจพอเพียง 8.3 บูรณาการห้องเรียนสีเขียว 8.4 อื่น ๆ (โปรดระบุ)................................................................................................................................................. 9. ชิ้นงาน / ภาระงาน 1. ภาระงาน - ใบงานเรื่อง Vocabulary - แบบฝึกหัดเรื่อง Reading and conversation ในหนังสือเรียนรายวิชาพื้นฐาน ภาษาอังกฤษ Spark 3 Student’s book ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 - ใบงานเรื่อง Conditional Sentences 2. ชิ้นงาน - ชิ้นงาน Grammar in News ในหนังสือพิมพ์หรืออินเตอร์เน็ต เกี่ยวกับ Conditional Sentences ใน รูปแบบ ต่าง ๆ 10. การวัดและประเมินผล 10.1 การวัดและประเมินผลชิ้นงาน / ภาระงาน 1. วิธีการ 1. ตรวจใบงานเรื่อง Vocabulary 2. แบบฝึกหัดเรื่อง Reading and conversation ในหนังสือเรียนรายวิชาพื้นฐาน ภาษาอังกฤษ Spark 3 Student’s book ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 3. ตรวจใบงานเรื่อง Conditional Sentences 4. ตรวจชิ้นงาน Grammar in News เกี่ยวกับ Conditional Sentences ในรูปแบบและ Tense ต่าง ๆ 2. เครื่องมือ 1. ใบงานเรื่อง Vocabulary 2. แบบฝึกหัดเรื่อง Reading and conversation ในหนังสือเรียนรายวิชาพื้นฐาน ภาษาอังกฤษ Spark 3 Student’s book ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 3. ใบงานเรื่อง Conditional Sentences 4. ชิ้นงาน Grammar in News เกี่ยวกับ Conditional Sentences ในรูปแบบและ Tense ต่าง ๆ 3. เกณฑ์ 1. ตรวจใบงานร้อยละ 60 ผ่านเกณฑ์ 2. ตรวจชิ้นงานคุณภาพ ระดับ 2 ผ่านเกณฑ์การประเมิน
หน่วยการเรียนรู้อิงมาตรฐาน รายวิชาภาษาอังกฤษ 5 (อ23111) ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 ภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2565 หน้า 210 10.2 การวัดและประเมินผลระหว่างการจัดกิจกรรม ลำดับ รายการที่วัดและประเมินผล วิธีการ เครื่องมือ เกณฑ์ 1 ใบงานเรื่อง Vocabulary ตรวจใบงานท้ายบท ใบงานท้ายบท นักเรียนให้ความ ร่วมมือในการทำ แบบฝึกหัดและตอบ ถูกร้อยละ 60 ขึ้นไป ผ่านเกณฑ์ 2 แบบฝึกหัดเรื่อง Reading and conversation ในหนังสือเรียน รายวิชาพื้นฐาน ภาษาอังกฤษ Spark 3 Student’s book ชั้น มัธยมศึกษาปีที่ 3 ตรวจแบบฝึกหัด แบบฝึกหัด นักเรียนให้ความ ร่วมมือในการทำ แบบฝึกหัดและตอบ ถูกร้อยละ 60 ขึ้นไป ผ่านเกณฑ์ 3 ใบงานเรื่อง Conditional Sentences ตรวจใบงานท้ายบท ใบงานท้ายบท นักเรียนให้ความ ร่วมมือในการทำ แบบฝึกหัดและตอบ ถูกร้อยละ 60 ขึ้นไป ผ่านเกณฑ์ 4 ชิ้นงาน Grammar in News ใน หนังสือพิมพ์หรืออินเตอร์เน็ต เกี่ยวกับ Conditional Sentences ประเมินจากชิ้นงาน แบบประเมินชิ้นงาน เกณฑ์การประเมิน ชิ้นงาน 11. กิจกรรมการเรียนรู้ เรื่องที่ 1 เรื่อง Vocabulary, reading and conversation จำนวนเวลาเรียน 2 ชั่วโมง วิธีการสอน (วิธีการสอนแบบค้นพบ Discovery Method) กิจกรรมการเรียนรู้(Active Learning) ชั่วโมงที่ 1 ขั้นที่ 1 ขั้นนำเข้าสู่บทเรียน 1.1 นักเรียนเข้าสู่บทเรียน โดยนักเรียนดูหัวข้อ Sport and Experience บนกระดาน พร้อมช่วยกัน แสดงความคิดเห็น 1.2 นักเรียนดูรูปภาพ คำศัพท์และบทสนทนาบน PowerPoint ดังนี้ A : I like snowboarding. B : So do I, It’s thrilling.
หน่วยการเรียนรู้อิงมาตรฐาน รายวิชาภาษาอังกฤษ 5 (อ23111) ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 ภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2565 หน้า 211 A : I don’t like hang-gliding. B : Neither do I. It’s very dangerous. 1.3 นักเรียนช่วยกันแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับรูปภาพและบทสนทนาดังกล่าว 1.4 นักเรียนดูรูปภาพกีฬา (Sports) ในหนังสือแบบเรียนรายวิชาพื้นฐาน ภาษาอังกฤษ Spark 3 Student’s book ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 พร้อมช่วยกันแสดงความคิดเห็นและทำกิจกรรม Match the picture (1- 12) to sports (a-l). 1.5 นักเรียนและครูร่วมกันเฉลยกิจกรรม Match the picture (1-12) to sports (a-l). ขั้นที่ 2 ขั้นเรียนรู้ 2.1 นักเรียนทำกิจกรรม Reading : Shark attack ในหนังสือแบบเรียนรายวิชาพื้นฐาน ภาษาอังกฤษ Spark 3 Student’s book ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 หน้าที่ 34 2.2 นักเรียนช่วยกันสรุปกิจกรรม Reading : Shark attack ในหนังสือแบบเรียนรายวิชาพื้นฐาน ภาษาอังกฤษ Spark 3 Student’s book ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 หน้าที่ 34 2.3 นักเรียนทำกิจกรรม Read the texts and answer the question ในหนังสือแบบเรียนรายวิชา พื้นฐาน ภาษาอังกฤษ Spark 3 Student’s book ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 หน้าที่ 34 2.4 นักเรียนทำกิจกรรม Choose the correct word. ในหนังสือแบบเรียนรายวิชาพื้นฐาน ภาษาอังกฤษ Spark 3 Student’s book ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 หน้าที่ 35 2.5 นักเรียนและครูร่วมกันเฉลยคำตอบในกิจกรรมที่นักเรียนทำทั้งหมด หากมีข้อใดที่นักเรียนยังตอบได้ ไม่ถูกต้องให้ครูผู้สอนอธิบายคำตอบให้นักเรียนฟังเพื่อให้นักเรียนมีความเข้าใจมากขึ้น 2.6 นักเรียนฟังบทสนทนา Apologising - Accepting an apology ในหนังสือแบบเรียนรายวิชา พื้นฐาน ภาษาอังกฤษ Spark 3 Student’s book ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 หน้าที่ 39 2.7 นักเรียนช่วยกันสรุปบทสนทนา Apologising - Accepting an apology ในหนังสือแบบเรียน รายวิชาพื้นฐาน ภาษาอังกฤษ Spark 3 Student’s book ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 หน้าที่ 39 2.8 นักเรียนจับกลุ่มเพื่อฝึกบทสนทนา และส่งตัวแทนออกมา 1 กลุ่มเพื่อออกมาพูดบทสนทนา ชั่วโมงที่2 ขั้นที่ 3 ขั้นนำไปใช้ 3.1 นักเรียนศึกษาคำศัพท์ในเอกสารประกอบการเรียน 3.2 นักเรียนทำใบงานแบบฝึกหัดเกี่ยวกับคำศัพท์ในเอกสารประกอบการเรียน 3.3 นักเรียนและครูร่วมกันเฉลยแบบฝึกหัดเกี่ยวกับคำศัพท์ในเอกสารประกอบการเรียน หากมีข้อใดที่ นักเรียนยังตอบได้ไม่ถูกต้องให้ครูผู้สอนอธิบายคำตอบให้นักเรียนฟังเพื่อให้นักเรียนมีความเข้าใจมากขึ้น
หน่วยการเรียนรู้อิงมาตรฐาน รายวิชาภาษาอังกฤษ 5 (อ23111) ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 ภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2565 หน้า 212 เรื่องที่ 2 เรื่อง Conditional Sentences จำนวนเวลาเรียน 12 ชั่วโมง วิธีการสอน (วิธีการสอนแบบค้นพบ Discovery Method แบบ 2W3P แบบ Inquiry Method : 5Es และ แบบกระบวนการเรียนรู้ 5 ขั้นตอน : 5 STEPs) กิจกรรมการเรียนรู้(Active Learning) ชั่วโมงที่ 1 - 2 (วิธีการสอนแบบค้นพบ Discovery Method) ขั้นที่ 1 ขั้นนำเข้าสู่บทเรียน 1.1 นักเรียนเข้าสู่บทเรียน โดยนักเรียนดูหัวข้อ If clauses / conditional clauses (type 0) บน กระดาน พร้อมช่วยกันแสดงความคิดเห็น 1.2 นักเรียนดูรูปภาพ คำศัพท์และประโยคบน PowerPoint ดังนี้ If it rains, the ground gets wet. If you leave the object, it drops. 1.3 นักเรียนช่วยกันแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับรูปภาพและประโยคดังกล่าว ขั้นที่ 2 ขั้นเรียนรู้ 2.1 นักเรียนดูวิดีโอคลิปเรื่อง หลักการใช้ conditional sentence type 0 / ประโยคเงื่อนไขแบบ 0 / ไวยากรณ์ภาษาอังกฤษเบื้องต้น จาก https://www.youtube.com/watch?v=0xMOO9bHqfI 2.2 นักเรียนดูวิดีโอคลิป เรื่อง Zero Conditional Sentences จาก https://www.youtube.com/ watch?v=TrLo-bOLPmE 2.3 นักเรียนช่วยกันสรุปความรู้ที่ได้จากการดูวิดีโอคลิปทั้ง 2 วิดีโอ 2.4 นักเรียนฟังครูอธิบายเรื่อง If clauses / conditional clauses (type 0) If clauses / conditional clauses (type 0) หรือประโยคเงื่อนไขแบบ 0 1. รูปแบบโครงสร้าง ทั้ง 2 ประโยคในประโยคเงื่อนไขแบบ 0 จะใช้ simple present tense If clause (สาเหตุ/เงื่อนไข) Main clause (ผลที่เกิดขึ้น) If + simple present simple present If this thing happens that thing happens. ในประโยคเงื่อนไขทุกแบบ ไม่มีการวางลำดับของประโยคที่แน่นอน หากต้องการเปลี่ยนการ เรียงลำดับของ if clause และ main clause เพียงแค่ต้องเปลี่ยนคำสรรพนามและใส่เครื่องหมายวรรคตอนให้ ถูกต้องเท่านั้น แต่ไม่ว่าจะจัดเรียงลำดับอย่างไร ความหมายของประโยคก็ไม่เปลี่ยนแปลง ในประโยคเงื่อนไขแบบนี้ สามารถใช้ “when” แทนคำว่า “if” ได้โดยที่ความหมายไม่เปลี่ยน เพราะทั้ง 2 ประโยคบอกให้ทราบถึงข้อเท็จจริง ทั่วไป โดยที่ความหมายไม่เปลี่ยน
หน่วยการเรียนรู้อิงมาตรฐาน รายวิชาภาษาอังกฤษ 5 (อ23111) ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 ภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2565 หน้า 213 ตัวอย่างเช่น • If you heat ice, it melts. • Ice melts if you heat it. • When you heat ice, it melts. • Ice melts when you heat it. • If it rains, the grass gets wet. • The grass gets wet if it rains. • When it rains, the grass gets wet. • The grass gets wet when it rains. 2. หน้าที่ ประโยคเงื่อนไขแบบ 0 ถูกนำมาใช้เมื่อต้องการอธิบายเกี่ยวกับโลกแห่งความเป็นจริง และ โดยทั่วไปแล้วจะถูกนำมาอธิบายความจริงทั่วไป เช่น ความจริงทางวิทยาศาสตร์ เป็นต้น ประโยคเงื่อนไขแบบนี้บอก ให้ทราบถึงสิ่งที่เป็นจริงและเป็นไปได้เสมอหรืออย่างน้อยที่สุดก็ในขณะที่พูด ตัวอย่างเช่น • If you freeze water, it becomes a solid. • Plants die if they don’t get enough water. • If my husband has a cold, I usually catch it. • If public transport is efficient, people stop using their cars. • If you mix red and blue, you get purple. นอกจากนี้ ประโยคเงื่อนไขแบบ 0 ยังถูกนำมาใช้เมื่อต้องการบอกให้ทำอะไรอีกด้วย โดยใน main clause จะเป็นคำสั่ง ตัวอย่างเช่น • If Bill phones, tell him to meet me at the cinema. • Ask Pete if you’re not sure what to do. • If you want to come, call me before 5:00. • Meet me here if we get separated. 2.5 นักเรียนช่วยกันตอบแบบฝึกหัดบน PowerPoint จำนวน 10 ข้อ Instructions : Complete the flowing sentences, using conditional clauses type 0. 1. If you…………………..…………….(freeze) water, it…………………..…………….(turn) into ice. 2. If you…………………..…………….(mix) red and green, you…………………..…………….(get) brown. 3. If you…………………..…………….(drop) a glass on the floor, it…………………..…………….(break). 4. If babies…………………..…………….(be) hungry, they…………………..…………….(cry). 5. When you…………………..…………….(add) sugar, the sauce…………………..…………….(taste) sweet. 6. Water…………………..…………….(boil) if you…………………..…………….(heat) it to 100 °C. 7. Plants…………………..…………….(die) if they…………………..…………….(not get) enough water. 8. If you…………………..………….(put) water in the freezer, it…………………..……………(become) ice.
หน่วยการเรียนรู้อิงมาตรฐาน รายวิชาภาษาอังกฤษ 5 (อ23111) ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 ภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2565 หน้า 214 9. When the sun…………………..…………….(rise), the street lights…………………..…………….(go) out . 10. When you…………………..…………….(heat) ice, it…………………..…………….(melt). Answer Key 1. If you freeze water, it turns into ice. 2. If you mix red and green, you get brown. 3. If you drop a glass on the floor, it breaks . 4. If babies are hungry, they cry . 5. When you add sugar, the sauce tastes sweet. 6. Water boils if you heat it to 100 °C. 7. Plants die if they don't get enough water. 8. If you put water in the freezer, it becomes ice. 9. When the sun rises, the street lights go out . 10. When you heat ice, it melts . 2.6 นักเรียนและครูร่วมกันเฉลยแบบฝึกหัดบน PowerPoint หากมีข้อใดที่นักเรียนยังตอบได้ไม่ถูกต้อง ให้ครูผู้สอนอธิบายคำตอบให้นักเรียนฟังเพื่อให้นักเรียนมีความเข้าใจมากขึ้น ขั้นที่ 3 ขั้นนำไปใช้ 3.1 นักเรียนทำแบบฝึกหัดIf clauses / conditional clauses (type 0) ในเอกสารประกอบการเรียน 3.2 นักเรียนและครูร่วมกันเฉลยแบบฝึกหัดIf clauses / conditional clauses (type 0) ในเอกสาร ประกอบการเรียน หากมีข้อใดที่นักเรียนยังตอบได้ไม่ถูกต้องให้ครูผู้สอนอธิบายคำตอบให้นักเรียนฟังเพื่อให้นักเรียน มีความเข้าใจมากขึ้น ชั่วโมงที่ 3 - 4 (วิธีการสอนแบบ 2W3P) ขั้นที่ 1 ขั้นกระตุ้นทบทวนและปูพื้นฐานความรู้ (Warm up) 1.1 นักเรียนดูรูปภาพและประโยคคำถาม What is the picture about? What happened to him or her? บน PowerPoint โดยนักเรียนสามารถอธิบายและแสดงความคิดเห็นได้ว่าเป็นภาพคนหนึ่งที่ถูกรางวัล ลอตเตอรี่ 1.2 นักเรียนช่วยกันตอบคำถาม If you won a lot of money in the lottery, what kinds of problems do you think the money would bring? ครูเขียนปัญหาต่าง ๆ ที่น่าจะเป็นผลที่ตามมาจากการถูก ลอตเตอรี่ตามที่นักเรียนบอกบนกระดาน
หน่วยการเรียนรู้อิงมาตรฐาน รายวิชาภาษาอังกฤษ 5 (อ23111) ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 ภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2565 หน้า 215 ขั้นที่ 2 ขั้นนำเสนอเนื้อหาสาระ (Presentation) 2.1 นักเรียนดูวิดีโอคลิปเรื่อง Conditionals - Type 1 / 1st Conditional Sentences / If Clause 1 - English Grammar Lesson จาก https://www.youtube.com/watch?v=zMZEZ0WjXx0 2.2 นักเรียนดูวิดีโอคลิปเรื่อง หลักการใช้ conditional sentence type 1 / ประโยคเงื่อนไขแบบที่ 1 / ไวยากรณ์ภาษาอังกฤษพื้นฐาน จาก https://www.youtube.com/watch?v=nlTvEzLpMsI 2.3 นักเรียนช่วยกันสรุปความรู้ที่ได้จากการดูวิดีโอคลิปทั้ง 2 วิดีโอ 2.4 นักเรียนฟังครูอธิบายเรื่อง If clauses / conditional clauses (type 1) If clauses / conditional clauses (type 1) หรือประโยคเงื่อนไขแบบ 1 คือ ประโยคเงื่อนไข ที่ใช้กับเหตุการณ์ที่เป็นจริง หรือมีความเป็นไปได้ที่จะเกิดขึ้น ใช้กับแผนการในอนาคต การตักเตือน ความเชื่อ ซึ่งถ้า หากมีเหตุการณ์แรกเกิดขึ้น ก็อาจจะส่งผลให้มีเหตุการณ์อีกอย่างหนึ่งตามมา 1. รูปแบบโครงสร้าง ประโยคเงื่อนไขแบบที่ 1 if clause จะใช้ simple present tense และ main clause จะใช้ simple future tense If clause (สาเหตุ/เงื่อนไข) Main clause (ผลที่เกิดขึ้น) If + simple present simple future If this thing happens that thing will happen. ในประโยคเงื่อนไขทุกแบบ ไม่มีการวางลำดับของประโยคที่แน่นอน หากต้องการเปลี่ยนการ เรียงลำดับของ if clause และ main clause เพียงแค่ต้องเปลี่ยนคำสรรพนามและใส่เครื่องหมายวรรคตอนให้ ถูกต้องเท่านั้น แต่ไม่ว่าจะจัดเรียงลำดับอย่างไร ความหมายของประโยคก็ไม่เปลี่ยนแปลง ตัวอย่างเช่น • If it rains, you will get wet. • You will get wet if it rains. • If Sally is late again I will be mad. • I will be mad if Sally is late again. • If you don’t hurry, you will miss the bus. • You will miss the bus if you don’t hurry. 2. หน้าที่ ประโยคเงื่อนไขแบบที่ 1 จะใช้เพื่อพูดถึงสิ่งที่เป็นเหตุเป็นผลกันว่า หากสิ่งหนึ่งเกิดขึ้นอีกสิ่ง หนึ่งก็จะเกิดขึ้นตามมาด้วย เพราะตั้งอยู่บนพื้นฐานของความเป็นจริง ใช้พูดถึงโลกแห่งความเป็นจริงและเหตุการณ์ เฉพาะ โดยทั่วไปแล้วมักจะใช้เพื่อเป็นการเตือน ในประโยคเงื่อนไขแบบที่ 1 นี้จะบอกเวลา ณ. ปัจจุบันหรือใน อนาคตที่สิ่งนั้นจะเกิดขึ้นจริง ตัวอย่างเช่น • If I have time, I’ll finish that letter. • What will you do if you miss the plane? • Nobody will notice if you make a mistake. • If you drop that glass, it will break. • If you don't drop the gun, I’ll shoot!
หน่วยการเรียนรู้อิงมาตรฐาน รายวิชาภาษาอังกฤษ 5 (อ23111) ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 ภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2565 หน้า 216 • If you don’t leave, I’ll call the police. นอกจากนี้ ใน main clause ของประโยคเงื่อนไขแบบที่ 1 สามารถใช้modals verb แทนการ ใช้ future tense ได้อีกด้วยเพื่อบอกระดับความแน่นอน การอนุญาต หรือเพื่อแนะนำให้ทราบว่าผลที่เกิดขึ้นจะ เป็นอย่างไร ตัวอย่างเช่น • If you drop that glass, it might break. • I may finish that letter if I have time. • If he calls you, you should go. • If you buy my school supplies for me, I will be able to go to the park. ขั้นที่ 3 ขั้นฝึกฝนโดยยึดผู้เรียนเป็นศูนย์ (Practice) 3.1 นักเรียนช่วยกันตอบแบบฝึกหัดบน PowerPoint จำนวน 10 ข้อ Instructions : Complete the sentences with the correct form of the verb given. 1. If we…………………..…………….(hurry), we…………………..…………….(get) there in time. 2. I…………………..…………….(not go) to the doctor unless the pain…………………..……………. (increase). 3. If you…………………..…………….(smoke) in public places you…………………..…………….(get) into trouble. 4. We…………………..…………….(go) for a picnic tomorrow if the weather…………………..……………. (stay) nice. 5. Everyone…………………..…………….(believe) you if you…………………..…………….(tell) them the truth. 6. If he…………………..…………….(not wake) up, he…………………..…………….(not get) to work on time. 7. If she…………………..…………….(lose) her keys, she…………………..…………….(be) angry. 8. If the baby…………………..…………….(be) a boy, I…………………..…………….(call) him Jonathon. 9. You…………………..…………….(cause) an accident if you…………………..…………….(drive) so carelessly. 10. She…………………..…………….(regret) it if she…………………..…………….(not tell) me the truth. Answer Key 1. If we hurry, we will get there in time. 2. I won't go to the doctor unless the pain increases. 3. If you smoke in public places you will get into trouble. 4. We will go for a picnic tomorrow if the weather stays nice. 5. Everyone will believe you if you tell them the truth. 6. If he does not wake up, he won't get to work on time. 7. If she loses her keys, she will be angry. 8. If the baby is a boy, I will call him Jonathon.
หน่วยการเรียนรู้อิงมาตรฐาน รายวิชาภาษาอังกฤษ 5 (อ23111) ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 ภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2565 หน้า 217 9. You will cause an accident if you drive so carelessly. 10. She will regret it if she doesn't tell me the truth. ขั้นที่ 4 ขั้นนำไปใช้หรือการบูรณาการความรู้ (Production) 4.1 นักเรียนทำแบบฝึกหัดIf clauses / conditional clauses (type 1) ในเอกสารประกอบการเรียน 4.2 นักเรียนและครูร่วมกันเฉลยแบบฝึกหัดIf clauses / conditional clauses (type 1) ในเอกสาร ประกอบการเรียน หากมีข้อใดที่นักเรียนยังตอบได้ไม่ถูกต้องให้ครูผู้สอนอธิบายคำตอบให้นักเรียนฟังเพื่อให้นักเรียน มีความเข้าใจมากขึ้น ขั้นที่ 5 ขั้นสรุปความรู้ที่ได้รับจากกระบวน การเรียนรู้ (Wrap up) 5.1 นักเรียนช่วยกันสรุปความรู้เรื่อง If clauses / conditional clauses (type 1) พร้อมทั้งช่วยกัน ยกตัวอย่างประโยคจำนวน 5 ประโยคเพื่อเป็นการทดสอบความเข้าใจของนักเรียน ชั่วโมงที่ 5 - 7 (วิธีการสอน Inquiry Method : 5Es) 1. สร้างความสนใจ (Engage) 1.1 นักเรียนทบทวนเนื้อหาIf clauses / conditional clauses type 1 ที่นักเรียนเรียนในชั่วโมงก่อน หน้านี้ 1.2 นักเรียนดูรูปภาพและประโยคบน PowerPoint พร้อมร่วมกันแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับรูปภาพ และประโยคที่นักเรียนเห็น 2. สำรวจและค้นหา (Explore) 2.1 นักเรียนดูวิดีโอคลิป Second conditional sentences จาก https://www.youtube.com/ watch?v=KvMyxUMqClQ 2.2 นักเรียนดูวิดีโอคลิป การใช้ If clause Type 2 เป็นไปไม่ได้ในปัจจุบัน (Unreal Present) พร้อม ข้อสอบ จาก https://www.youtube.com/watch?v=nBUKjnmR0fM 2.3 นักเรียนช่วยกันสรุปความรู้ที่ได้จากการดูโอคลิปทั้ง 2 วิดีโอคลิป 3. อธิบาย (Explain) 3.1 นักเรียนดูข้อมูลบน PowerPoint ดังนี้ 3.2 นักเรียนช่วยกันอธิบายข้อมูลบน PowerPoint โดยมีครูคอยช่วยเสริมข้อมูลเพิ่มเติม I would be happy if I had 1 billion baht.
หน่วยการเรียนรู้อิงมาตรฐาน รายวิชาภาษาอังกฤษ 5 (อ23111) ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 ภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2565 หน้า 218 3.3 นักเรียนฟังครูอธิบายเรื่อง If clauses / conditional clauses (type 2) If clauses / conditional clauses (type 2) หรือประโยคเงื่อนไขแบบที่ 2 จะใช้ในเหตุการณ์ที่ ไม่อาจเป็นไปได้หรือไม่เป็นจริงในปัจจุบันหรืออนาคต รวมไปถึงการจินตนาการด้วย 1. รูปแบบโครงสร้าง ในประโยคเงื่อนไขแบบที่ 2 if clause จะใช้ simple past tense และ main clause จะใช้ present conditional หรือ present continuous conditional If clause (สาเหตุ/เงื่อนไข) Main clause (ผลที่เกิดขึ้น) If + simple past present conditional หรือ present continuous conditional If this thing happened that thing would happen. ในประโยคเงื่อนไขทุกแบบ ไม่มีการวางลำดับของประโยคที่แน่นอน หากต้องการเปลี่ยนการ เรียงลำดับของ if clause และ main clause เพียงแค่ต้องเปลี่ยนคำสรรพนามและใส่เครื่องหมายวรรคตอนให้ ถูกต้องเท่านั้น แต่ไม่ว่าจะจัดเรียงลำดับอย่างไร ความหมายของประโยคก็ไม่เปลี่ยนแปลง ตัวอย่างเช่น • If it rained, you would get wet. • You would get wet if it rained. • If you went to bed earlier you wouldn't be so tired. • You wouldn't be so tired if you went to bed earlier. • If she fell, she would hurt herself. • She would hurt herself if she fell. 2. หน้าที่ ประโยคเงื่อนไขแบบที่ 2 ใช้เพื่อพูดถึงเงื่อนไขที่สมมุติขึ้นมาและผลที่อาจจะเกิดขึ้นได้ ประโยค เงื่อนไขแบบนี้ไม่ได้ตั้งอยู่บนพื้นฐานความจริง โดยประโยคเงื่อนไขแบบที่ 2 จะใช้เพื่อบอกเวลา ณ. ปัจจุบันหรือ เมื่อใดก็ได้และสิ่งนั้นเป็นสถานการณ์สมมุติ ตัวอย่างเช่น • If the weather wasn't so bad, we would go to the park. แต่ในความเป็นจริงแล้วสภาพอากาศแย่มาก พวกเราจึงไปไม่ได้ • If I was the Queen of England, I would give everyone a chicken. แต่ในความเป็นจริงแล้ว ฉันไม่ใช่พระราชินี • If you really loved me, you would buy me a diamond ring. • If I knew where she lived, I would go and see her. การใช้ “if I were” แทนf “if I was” ถือว่าถูกต้องและเป็นที่นิยมใช้ (เป็นอารมณ์ของภาษา) ตัวอย่างเช่น • If I were taller, I would buy this dress. • If I were 20, I would travel the world. • If I were you, I would give up smoking.
หน่วยการเรียนรู้อิงมาตรฐาน รายวิชาภาษาอังกฤษ 5 (อ23111) ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 ภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2565 หน้า 219 • If I were a plant, I would love the rain. นอกจากนี้ ใน main clause ของประโยคเงื่อนไขแบบที่ 2 สามารถใช้ modals verb แทนการ ใช้ “would” ได้อีกด้วยเพื่อบอกระดับความแน่นอน การอนุญาต หรือเพื่อแนะนำให้ทราบว่าผลที่เกิดขึ้นจะเป็น อย่างไร ตัวอย่างเช่น • We might buy a larger house if we had more money • He could go to the concert if you gave him your ticket. • If he called me, I couldn't hear. • present conditional tense คำกริยาของ present conditional tense ประกอบไปด้วย 2 ส่วน ได้แก่ would + กริยาช่อง 1 ที่ไม่ต้องใช้ร่วมกับ “to” ประธาน + would + กริยาช่อง 1 He would go They would stay การใช้ To Go ใน present conditional ประโยคบอกเล่า ประโยคปฏิเสธ ประโยคคำถาม ประโยคคำถามเชิงปฏิเสธ I would go I wouldn't go Would I go? Wouldn't I go? You would go You wouldn't go Would you go? Wouldn't you go? He would go He wouldn't go Would he go? Wouldn't he go? She would go She wouldn't go Would she go? Wouldn't she go? We would go We wouldn't go Would we go? Wouldn't we go? They would go They wouldn't go Would they go? Wouldn't they go? 4. ขยายความรู้ (Elaborate) 4.1 นักเรียนศึกษาเนื้อหาเรื่อง If clauses / conditional clauses (type 2) ในเอกสารประกอบการ เรียนและศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมจากแหล่งเรียนรู้ Internet 4.2 นักเรียนทำแบบฝึกหัด If clauses / conditional clauses (type 2) บน PowerPoint จำนวน 10 ข้อ Instructions : Complete the Conditional Sentences (Type 2) by putting the verbs into the correct form. Use conditional type 2 with would in the main clause. 1. If we…………………..…………….(have) a yacht, we…………………..…………….(sail) the seven seas. 2. If he…………………..…………….(have) more time, he…………………..…………….(learn) karate. 3. If they…………………..…………….(tell) their father, he…………………..…………….(be) very angry. 4. She…………………..…………….(spend) a year in the USA if it…………………..…………….(be) easier to get a green card. 5. If I…………………..…………….(live) on a lonely island, I…………………..…………….(run) around naked all day. 6. We…………………..…………….(help) you if we…………………..…………….(know) how.
หน่วยการเรียนรู้อิงมาตรฐาน รายวิชาภาษาอังกฤษ 5 (อ23111) ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 ภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2565 หน้า 220 7. My brother…………………..…………….(buy) a sports car if he…………………..…………….(have) the money. 8. If I…………………..…………….(feel) better, I…………………..…………….(go) to the cinema with you. 9. If you…………………..…………….(go) by bike more often, you…………………..…………….(not be) so flabby. 10. She…………………..…………….(not talk) to you if she…………………..…………….(be) mad at you. Answer Key 1. If we had a yacht, we would sail the seven seas. 2. If he had more time, he would learn karate. 3. If they told their father, he would be very angry. 4. She would spend a year in the USA if it were easier to get a green card. 5. If I lived on a lonely island, I would run around naked all day. 6. We would help you if we knew how. 7. My brother would buy a sports car if he had the money. 8. If I felt better, I would go to the cinema with you. 9. If you went by bike more often, you would not be so flabby. 10. She would not talk to you if she were mad at you. 4.2 นักเรียนทำใบงานเรื่อง If clauses / conditional clauses (type 2) ในเอกสารประกอบการเรียน 5. ประเมินผล (Evaluate) 5.1 นักเรียนและครูร่วมกันตรวจสอบคำตอบจากการทำแบบฝึกหัด If clauses / conditional clauses (type 2) จำนวน 10 ข้อ 5.2 นักเรียนและครูร่วมกันตรวจสอบคำตอบจากการทำใบงานเรื่อง If clauses / conditional clauses (type 2) ในเอกสารประกอบการเรียน 5.3 นักเรียนและครูช่วยกันอธิบายถึงสาเหตุในการตอบคำถามหรือเลือกตอบในแต่ละข้อเพื่อให้นักเรียน ทุก ๆ คนเข้าใจหลักการใช้ If clauses / conditional clauses (type 2) 5.4 นักเรียนและครูร่มกันสรุปหลักการของกฎต่าง ๆ ของ If clauses / conditional clauses (type 2) 5.5 นักเรียนและครูร่วมกันสรุปเกี่ยวกับเนื้อหาเรื่อง If clauses / conditional clauses (type 2) ชั่วโมงที่ 8 - 10 (วิธีการสอนแบบกระบวนการเรียนรู้ 5 ขั้นตอน : 5 STEPs) ขั้นที่ 1 การเรียนรู้ตั้งคำถาม (Learning to Question) 1.1 นักเรียนดูรูปภาพต้นไม้บน PowerPoint ดังนี้ 1.2 นักเรียนร่วมกันแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับรูปภาพและประโยค If I had worked harder, I would have passed the exam. If I had passed my exam, I would not have been sad.
หน่วยการเรียนรู้อิงมาตรฐาน รายวิชาภาษาอังกฤษ 5 (อ23111) ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 ภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2565 หน้า 221 ขั้นที่ 2 การเรียนรู้แสวงหาสารสนเทศ (Learning to Search) 2.1 นักเรียนกลุ่มเดิม (สมาชิกประกอบไปด้วยนักเรียนเก่ง อ่อนและปานกลาง) 2.2 นักเรียนแต่ละกลุ่มทำการรวมกลุ่มศึกษาด้วยกัน โดยดูวิดีโดคลิปเรื่อง Cassia fistula – grow & care (Golden shower tree)จาก https://www.youtube.com/watch?v=FVKZhZ-uknc 2.3 นักเรียนแต่ละกลุ่มถ่ายทอดสิ่งที่ได้ศึกษามาให้เพื่อนต่างกลุ่มฟังจนครบทุกกลุ่ม ครูสุ่มถามเพื่อ ทดสอบความเข้าใจเป็นรายกลุ่ม ขั้นที่ 3 การเรียนรู้เพื่อสร้างองค์ความรู้ (Learning to Construct) 3.1 นักเรียนศึกษาเนื้อเรื่องIf clauses / conditional clauses (type 3) ในเอกสารประกอบการเรียน 3.2 นักเรียนช่วยกันสรุปเนื้อเรื่อง If clauses / conditional clauses (type 3) ในเอกสาร ประกอบการเรียน 3.3 นักเรียนฟังครูอธิบายเรื่อง If clauses / conditional clauses (type 3) If clauses / conditional clauses (type 3) หรือประโยคเงื่อนไขแบบที่ 3 จะใช้ในเหตุการณ์ที่ไม่ อาจเป็นไปได้หรือไม่เป็นจริงในอดีต ไม่สามารถทำให้เป็นจริงได้ในปัจจุบัน นอกจากนี้ยังใช้แสดงความเสียใจที่ไม่ได้ ทำสิ่งนั้นอีกด้วย 1. รูปแบบโครงสร้าง ในประโยคเงื่อนไขแบบที่ 3 if clause จะใช้past perfect tense และ main clause จะใช้ perfect conditional หรือ perfect continuous conditional If clause (สาเหตุ/เงื่อนไข) Main clause (ผลที่เกิดขึ้น) If + past perfect perfect conditional หรือ perfect continuous conditional If this thing had happened that thing would have happened. ในประโยคเงื่อนไขทุกแบบ ไม่มีการวางลำดับของประโยคที่แน่นอน หากคุณต้องการเปลี่ยนการ เรียงลำดับของ if clause และ main clause คุณเพียงแค่ต้องเปลี่ยนคำสรรพนามและใส่เครื่องหมายวรรคตอนให้ ถูกต้องเท่านั้น แต่ไม่ว่าจะจัดเรียงลำดับอย่างไร ความหมายของประโยคก็ไม่เปลี่ยนแปลง ตัวอย่างเช่น • If it had rained, you would have gotten wet. • You would have gotten wet if it had rained. • You would have passed your exam if you had worked harder. • If you had worked harder, you would have passed your exam. • I would have believed you if you hadn’t lied to me before. • If you hadn’t lied to me before, I would have believed you. 2. หน้าที่ ประโยคเงื่อนไขแบบที่ 3 ใช้เพื่ออ้างถึงเงื่อนไขในอดีตที่ไม่เป็นไม่ได้และผลในอดีตที่อาจจะ เป็นไปได้ ประโยคเงื่อนไขแบบนี้คือสมมุติเท่านั้นและไม่เป็นความจริง เพราะรู้ว่าสายเกินไปแล้วที่จะเปลี่ยนแปลงสิ่ง ใด ๆ มักจะบ่งบอกถึงความเสียใจหรือรู้สึกผิด ความเป็นจริงที่เกิดขึ้นจะตรงกันข้ามกับสิ่งที่พูด เวลาในประโยค เงื่อนไขแบบที่ 3 คือ อดีตและเป็นเพียงเรื่องสมมุติเท่านั้น ตัวอย่างเช่น
หน่วยการเรียนรู้อิงมาตรฐาน รายวิชาภาษาอังกฤษ 5 (อ23111) ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 ภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2565 หน้า 222 • If I had worked harder I would have passed the exam. แต่ฉันไม่ได้ขยันเรียนหนังสือ ฉันก็เลยสอบไม่ผ่าน • If I had known you were coming I would have baked a cake. แต่ฉันไม่รู้ว่าคุณจะมา ฉันก็เลยไม่ได้ทำเค้กไว้ • I would have been happy if you had called me on my birthday. แต่คุณไม่ได้โทรมาหาฉัน ฉันก็เลยไม่มีความสุข นอกจากนี้ ใน main clause ของประโยคเงื่อนไขแบบที่ 3 คุณสามารถใช้ modals verb แทน การใช้“would” ได้อีกด้วยเพื่อบอกระดับความแน่นอน การอนุญาต หรือเพื่อแนะนำให้ทราบว่าผลที่เกิดขึ้นจะ เป็นอย่างไร ตัวอย่างเช่น • If I had worked harder I might have passed the exam. • You could have been on time if you had caught the bus. • If he called you, you could go. • If you bought my school supplies for me, I might be able to go to the park. 3. การรวมคำสรรพนามกับคำกริยา (Contractions) ทั้ง would และ had สามารถย่อให้เป็น 'd ได้ แต่อาจจะทำให้รู้สึกสับสนได้หากไม่แม่น ประโยคเงื่อนไขแบบที่ 3 มากเพียงพอ ดังนั้น กรุณาจำกฎ 2 ข้อนี้ไว้ คือ 1. would จะไม่มีวันถูกใช้ใน if-clause ดังนั้น หากคุณเห็น ’d ใน if clause นั่นหมายถึง ตัวย่อของ had ได้เพียงอย่างเดียวเท่านั้น 2. had ไม่สามารถอยู่หน้า have โดยเด็ดขาด ดังนั้น หากคุณเห็น ’d ปรากฏอยู่หลังคำ สรรพนามและก่อน have นั่นหมายถึง ตัวย่อของ would ได้เพียงอย่างเดียวเท่านั้น ตัวอย่างเช่น • If I’d known you were in hospital, I’d have visited you. • If I had known you were in hospital, I would have visited you. • I'd have bought you a present if I’d known it was your birthday. • I would have bought you a present if I had known it was your birthday. • If you’d given me your e-mail, I’d have written to you. • If you had given me your e-mail, I would have written to you. 4. perfect conditional tense คำกริยาของ perfect conditional tense ประกอบไปด้วย 3 ส่วน ได้แก่ would + have + กริยาช่อง 3 (past participle) Have ที่ถูกตามหลังด้วยกริยาช่อง 3 (past participle) จะถูกใช้ในรูปประโยคอื่น ๆ ด้วย เรียกว่า “perfect infinitive” ประธาน + would + have + กริยาช่อง 3 (past participle) He would have gone They would have stayed
หน่วยการเรียนรู้อิงมาตรฐาน รายวิชาภาษาอังกฤษ 5 (อ23111) ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 ภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2565 หน้า 223 5. การใช้ to go ใน perfect conditional tense ประโยคบอกเล่า ประโยคปฏิเสธ ประโยคคำถาม ประโยคคำถามเชิงปฏิเสธ I would have gone I wouldn’t have gone Would I have gone? Wouldn’t I have gone? You would have gone You wouldn’t have gone Would you have gone? Wouldn’t you have gone? He would have gone He wouldn’t have gone Would he have gone? Wouldn’t he have gone? She would have gone She wouldn’t have gone Would she have gone? Wouldn’t she have gone? We would have gone We wouldn’t have gone Would we have gone? Wouldn’t we have gone? They would have gone They wouldn’t have gone Would they have gone? Wouldn’t they have gone? 3.4 นักเรียนช่วยกันตอบแบบฝึกหัดเรื่อง If clauses / conditional clauses (type 3) บน PowerPoint จำนวน 10 ข้อ Instructions : Complete the Conditional Sentences (Type 3) by putting the verbs into the correct form. Use conditional 3 with would in the main clause. 1. If you…………………..…………….(study) for the test, you…………………..…………….(pass) it. 2. If you…………………..…………….(ask) me, I…………………..…………….(help) you. 3. If we…………………..…………….(go) to the cinema, we…………………..…………….(see) my friend Jacob. 4. If you…………………..…………….(speak) English, she…………………..…………….(understand). 5. If they…………………..…………….(listen) to me, we…………………..…………….(be) home earlier. 6. I…………………..…………….(write) you a postcard if I…………………..…………….(have) your address. 7. If I…………………..…………….(not break) my leg, I…………………..…………….(take part) in the contest. 8. If it…………………..…………….(not start) to rain, we…………………..…………….(walk) to the museum. 9. We…………………..…………….(swim) in the sea if there…………………..…………….(not be) so many sharks there. 10. If she…………………..…………….(take) the bus, she…………………..…………….(not arrive) on time Answer Key 1. If you had studied for the test, you would have passed it. 2. If you had asked me, I would have helped you. 3. If we had gone to the cinema, we would have seen my friend Jacob. 4. If you had spoken English, she would have understood.
หน่วยการเรียนรู้อิงมาตรฐาน รายวิชาภาษาอังกฤษ 5 (อ23111) ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 ภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2565 หน้า 224 5. If they had listened to me, we would have been home earlier. 6. I would have written you a postcard if I had had your address. 7. If I had not broken my leg, I would have taken part in the contest. 8. If it had not started to rain, we would have walked to the museum. 9. We would have swum in the sea if there had not been so many sharks there. 10. If she had taken the bus, she would not have arrived on time. 3.5 นักเรียนและครูร่วมกันเฉลยแบบฝึกหัดเรื่อง If clauses / conditional clauses (type 3) บน PowerPoint 3.6 นักเรียนทำใบงาน If clauses / conditional clauses (type 3) ในเอกสารประกอบการเรียน 3.7 นักเรียนและครูร่วมกันเฉลยใบงาน If clauses / conditional clauses (type 3) ในเอกสาร ประกอบการเรียน ขั้นที่ 4 การเรียนรู้เพื่อการสื่อสาร (Learning to Communicate) 4.1 นักเรียนแต่ละกลุ่มรวบรวมข้อมูล If clauses / conditional clauses (type 0 - 3) จากแหล่ง เรียนรู้ Internet หรือแหล่งข้อมูลอื่น ๆ โดยทำลงใบกระดาษฟรุ๊ปที่ครูแจกให้ 4.2 ผู้แทนนักเรียนแต่ละกลุ่มนำเสนอผลการทำกิจกรรม หน้าชั้นเรียนโดยให้นำข้อมูลของแต่ละกลุ่มติด ที่กระดาน 4.3 นักเรียนและครูร่วมสนทนาเกี่ยวกับ If clauses / conditional clauses (type 0 - 3) แล้วร่วมกัน สรุปเป็นความรู้ 4.4 นักเรียนประเมินผลงานของตนเองและผลงานกลุ่มว่าอยู่ในระดับใด โดยมีระดับการประเมิน 4 ระดับ คือ ปรับปรุง พอใช้ดีและดีมาก 4.5 นักเรียนเขียนสะท้อนเกี่ยวกับสิ่งที่ได้เรียนรู้ ปัญหาและอุปสรรคในการเรียน และความรู้สึกในการ เรียนชั่วโมงนี้ ขั้นที่ 5 การเรียนรู้เพื่อตอบแทนสังคม (Learning to Service) 5.1 นักเรียนช่วยกันสรุปบทเรียนเรื่อง If clauses / conditional clauses (type 0 - 3) 5.2 นักเรียนนำใบกระดาษฟรุ๊ปของนักเรียนแต่ละกลุ่มนำไปเผยแพร่โดยการนำไปติดที่ป้ายนิเทศหน้า ห้องเรียนและบริเวณภายในห้องเพื่อให้นักเรียนห้องอื่นที่สนใจร่วมแลกเปลี่ยนเรียนรู้ ชั่วโมงที่ 11 - 12 (วิธีการสอน Inquiry Method : 5Es) 1. สร้างความสนใจ (Engage) 1.1 นักเรียนดูรูปภาพบน PowerPoint ดังนี้ 1.2 นักเรียนแต่งประโยคจากรูปภาพที่เห็นว่า โดยใช้ประโยค Conditional Sentences ทุกประเภทที่ นักเรียนได้เรียนมา 1.3 นักเรียนทบทวนความรู้เดิมเกี่ยวกับ Conditional Sentences จากแหล่งเรียนรู้ Internet
หน่วยการเรียนรู้อิงมาตรฐาน รายวิชาภาษาอังกฤษ 5 (อ23111) ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 ภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2565 หน้า 225 2. สำรวจและค้นหา (Explore) 2.1 นักเรียนศึกษาเนื้อหาเรื่อง Conditional Sentences ในเอกสารประกอบการเรียน 2.2 นักเรียนดูโครงสร้างประโยคและสังเกตว่า คำสันธาน (conjunction) คือ คำที่เชื่อมระหว่าง 2 อนุประโยค (clauses) และอธิบายถึงความสัมพันธ์ระหว่าง 2 อนุประโยค 2.3 นักเรียนอธิบายความหมายของคำสันธาน after, as soon as, before และ until 3. อธิบาย (Explain) 3.1 นักเรียนฟังครูอธิบายว่าทุกประโยคจะแสดงความสัมพันธ์ระหว่าง 2 เหตุการณ์หรือสถานการณ์ อนาคต หรือระหว่างสถานการณ์หรือเหตุการณ์ในปัจจุบันกับการกระทำในอนาคต 4. ขยายความรู้ (Elaborate) 4.1 นักเรียนฟังครูครูอธิบายเรื่องอนุประโยค (clause) ที่มี if / when โดยชี้ให้เห็นว่า คำกริยาในอนุ ประโยค if / when จะต้องใช้ในรูปของ Simple present tense ถึงแม้ว่าจะแสดงถึงเหตุการณ์ในอนาคต 4.2 นักเรียนฟังครูอธิบายถึงการใช้เครื่องหมาย comma ในประโยคที่มี when และ if โดยให้นักเรียน สังเกตว่าถ้าอนุประโยคหลักนำหน้า ก็ไม่จำเป็นต้องใช้ comma เช่น I will go to college when I finish high school., I’ll call home once a week when I leave home. แต่ถ้าอนุประโยค when หรือ if นำหน้าจะต้อง ใช้เครื่องหมาย comma คั่นระหว่างอนุประโยคทั้งสอง เช่น • When I finished high school, I will go to college. • When I leave home, I’ll call home once a week. 4.3 นักเรียนดูโครงสร้างประโยคและสังเกตว่า คำสันธาน (conjunction) คือ คำที่เชื่อมระหว่าง 2 4.4 นักเรียนอธิบายความหมายของคำสันธาน after, as soon as, before และ until 4.5 นักเรียนทำใบงานเรื่อง Conditional Sentences ในเอกสารประกอบการเรียน 5. ประเมินผล (Evaluate) 5.1 นักเรียนและครูร่วมกันตรวจสอบคำตอบจากการทำใบงานเรื่อง Conditional Sentences 5.2 นักเรียนฟังครูอธิบายถึงสาเหตุในการตอบคำถามหรือเลือกตอบในแต่ละข้อเพื่อให้เข้าใจหลักการใช้ Conditional Sentences ให้มากขึ้น 5.3 นักเรียนและครูร่วมกันสรุปหลักการใช้Conditional Sentences ตามรูปแบบและ Tense ต่าง ๆ เรื่องที่ 3 เรื่อง Conditional Sentences (Revision and Presentation) จำนวนเวลาเรียน 1 ชั่วโมง วิธีการสอน (วิธีการสอนแบบ Inquiry Method : 5Es) กิจกรรมการเรียนรู้(Active Learning) 1. สร้างความสนใจ (Engage) 1.1 นักเรียนช่วยกันบอกหลักการใช้ประโยค Conditional Sentences ในรูปแบบต่าง ๆ 1.2 นักเรียนออกมาเขียนประโยคบนกระดาน 1.3 นักเรียนและครูวิเคราะห์ประโยคที่ตัวแทนเขียนบนกระดาน ว่าประโยคที่เขียนเป็นประโยค Conditional Sentences นักเรียนทราบได้อย่างไรว่าเป็น Conditional Sentences แบบไหนสังเกตจากอะไร 2. สำรวจและค้นหา (Explore) 2.1 นักเรียนดูตัวอย่างชิ้นงาน Grammar in News และฟังครูอธิบายการทำชิ้นงาน
หน่วยการเรียนรู้อิงมาตรฐาน รายวิชาภาษาอังกฤษ 5 (อ23111) ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 ภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2565 หน้า 226 2.2 นักเรียนศึกษาอ่านข่าวที่ตนเองเลือก และหาประโยคที่อยู่ในรูปของ Conditional Sentences จาก ข่าวที่นักเรียนศึกษาในรูปแบบหรือ Tense อะไรก็ได้ คนละ 4 ประโยค 2.3 นักเรียนนำประโยคที่อยู่ในรูปของ Conditional Sentences ที่นักเรียนพบในข่าว มาเขียนเรียง ประโยคใหม่ในสมุดของนักเรียนและเขียนอธิบายว่าเป็น Tense อะไรพร้อมเขียนโครงสร้างประกอบตามตัวอย่าง ชิ้นงาน 3. อธิบาย (Explain) 3.1 นักเรียนดูตัวอย่าง Passage ที่ครูเขียนบนกระดาน 3.2 นักเรียนฟังครูอธิบาย Passage บนกระดานว่าเป็น Conditional Sentences รูปแบบใด และเป็น Tense ไหนเพราะอะไร 3.3 นักเรียนส่งตัวแทนออกมานำเสนอการหาประโยค Conditional Sentences ในข่าว ออกมาเขียน ประโยคบนกระดาน 3.4 นักเรียนและครูร่วมกันอภิปรายวิเคราะห์ประโยคบนกระดาน 2 - 3 ประโยค 3.5 นักเรียนฟังครูอธิบายเพิ่มเติมจากการนำเสนอของนักเรียน เพื่อให้เข้าใจรูปประโยค Conditional Sentences และวิธีการหา Grammar in News มากขึ้น 4. ขยายความรู้ (Elaborate) 4.1 นักเรียนแต่ละคนนำชิ้นงาน Grammar in News ของตนเองแลกเปลี่ยนกับของเพื่อน แลกเปลี่ยน ความรู้ว่าตามประโยคเป็นรูปแบบและ Tense อะไร ช่วยกันคิดและแก้ไขถ้าไม่ถูกต้อง 4.2 นักเรียนช่วยกันคัดเลือกชิ้นงาน Grammar in News มาวิเคราะห์และอธิบายให้เพื่อนร่วมชั้นฟัง 5. ประเมินผล (Evaluate) 5.1 นักเรียนนำชิ้นงาน Grammar in News มาให้ครูผู้สอนตรวจสอบเพื่อให้ครูผู้สอนคัดเลือกผลงาน 2 - 3 ชิ้นที่ดีที่สุดมาสรุปผลการประเมิน 5.2 นักเรียนและครูสรุปหลักการเปลี่ยนประโยค Conditional Sentences และยกตัวอย่างประโยค เพื่อให้เข้าใจมากขึ้น 12. สื่อการเรียนรู้/ แหล่งเรียนรู้ 12.1 สื่อการเรียนรู้ 1. หนังสือเรียนรายวิชาพื้นฐาน ภาษาอังกฤษ Spark 3 Student’s book ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 2. ใบความรู้เรื่อง Conditional Sentences 3. ใบงานเรื่อง Conditional Sentences 12.2 แหล่งเรียนรู้ 1. หนังสือพิมพ์ 2. อินเทอร์เน็ตหรือสื่ออื่น ๆ
หน่วยการเรียนรู้อิงมาตรฐาน รายวิชาภาษาอังกฤษ 5 (อ23111) ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 ภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2565 หน้า 227 โรงเรียนแผนการจัดการเรียนรู้ หน่วยการเรียนรู้ที่ 3 เรื่อง Experiences แผนการจัดการเรียนรู้ที่15 เรื่อง Vocabulary, reading and conversation รหัสวิชา อ23121 รายวิชา ภาษาอังกฤษ 5 ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาต่างประเทศ ปีการศึกษา 2566 ภาคเรียนที่ 1 เวลา 2 ชั่วโมง ผู้สอน นายสุจินดา ปรากฏวงศ์ 1. มาตรฐานการเรียนรู้ / ตัวชี้วัด 1.1 มาตรฐานการเรียนรู้ มาตรฐาน ต 1.2 มีทักษะการสื่อสารทางภาษาในการแลกเปลี่ยนข้อมูลข่าวสาร แสดงความรู้สึก และความ คิดเห็นอย่างมีประสิทธิภาพ มาตรฐาน ต 3.1 ใช้ภาษาต่างประเทศในการเชื่อมโยงความรู้กับกลุ่มสาระการเรียนรู้อื่น และเป็นพื้นฐานใน การพัฒนา แสวงหาความรู้ และเปิดโลกทัศน์ของตน 1.2 ตัวชี้วัด ต 1.2 ม.3/3 พูดและเขียนแสดงความต้องการ เสนอและให้ความช่วยเหลือ ตอบรับและปฏิเสธการให้ ความช่วยเหลือในสถานการณ์ต่าง ๆ อย่างเหมาะสม ต 3.1 ม.3/1 ค้นคว้า รวบรวม และสรุปข้อมูล / ข้อเท็จจริงที่เกี่ยวข้องกับกลุ่มสาระการเรียนรู้อื่นจาก แหล่งเรียนรู้และนำเสนอด้วยการพูดและการเขียน 2. จุดประสงค์การเรียนรู้ 2.1 ด้านความรู้ ความเข้าใจ (K) - ใช้ภาษาที่ใช้ในการแสดงความต้องการ เสนอและให้ความช่วยเหลือ ตอบรับและปฏิเสธการให้ความ ช่วยเหลือในสถานการณ์ต่าง ๆ โดยใช้คำศัพท์ต่าง ๆ ได้ - มีความรู้เรื่องคำศัพท์ต่าง ๆ 2.2 ด้านทักษะกระบวนการ (P) - เขียนประโยคโดยใช้คำศัพท์เพื่อแสดงความต้องการ เสนอและให้ความช่วยเหลือ ตอบรับและปฏิเสธ การให้ความช่วยเหลือในสถานการณ์ต่าง ๆ ได้ - เขียนประโยคโดยใช้คำศัพท์ได้ถูกต้อง - พูดนำเสนอข้อมูลโดยใช้คำศัพท์ต่าง ๆ ได้ 2.3 คุณลักษณะ เจตคติ ค่านิยม (A) - ความสามารถในการฟัง พูด อ่าน และเขียน - ความสามารถในการคิดวิเคราะห์
หน่วยการเรียนรู้อิงมาตรฐาน รายวิชาภาษาอังกฤษ 5 (อ23111) ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 ภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2565 หน้า 228 3. สาระสำคัญ / ความคิดรวบยอด ความรู้ในการใช้ภาษาที่ใช้ในการแสดงความต้องการ เสนอและให้ความช่วยเหลือ ตอบรับและปฏิเสธการให้ ความช่วยเหลือในสถานการณ์ต่าง ๆ โดยใช้ Vocabulary เพื่อค้นคว้า รวบรวม และสรุปข้อมูล / ข้อเท็จจริงที่ เกี่ยวข้องกับกลุ่มสาระการเรียนรู้อื่นจากแหล่งเรียนรู้และนำเสนอด้วยการพูดและการเขียน 4. สาระการเรียนรู้ 4.1 สาระการเรียนรู้แกนกลาง ความรู้ในการใช้ภาษาที่ใช้ในการแสดงความต้องการ เสนอและให้ความช่วยเหลือ ตอบรับและปฏิเสธ การให้ความช่วยเหลือในสถานการณ์ต่าง ๆ โดยใช้Vocabulary เพื่อค้นคว้า รวบรวม และสรุปข้อมูล / ข้อเท็จจริง ที่เกี่ยวข้องกับกลุ่มสาระการเรียนรู้อื่นจากแหล่งเรียนรู้และนำเสนอด้วยการพูดและการเขียน 4.2 สาระการเรียนรู้ท้องถิ่น 1. คำศัพท์ในเรื่อง Unit 3 : Experiences 2. บทสนทนาในเรื่อง Unit 3 : Experiences 3. การใช้Vocabulary ในรูปแบบต่าง ๆ 5. สมรรถนะสำคัญของผู้เรียน (เฉพาะที่เกิดในหน่วยการเรียนรู้นี้) 5.1 ความสามารถในการสื่อสาร 5.2 ความสามารถในการคิด 5.3 ความสามารถในการแก้ปัญหา 5.4 ความสามารถในการใช้ทักษะชีวิต 5.5 ความสามารถในการใช้เทคโนโลยี 6. คุณลักษณะอันพึงประสงค์ (เฉพาะที่เกิดในหน่วยการเรียนรู้นี้) 6.1 คุณลักษณะอันพึงประสงค์ (ตามหลักสูตรแกนกลาง) 1) รักชาติ ศาสน์ กษัตริย์ 2) ซื่อสัตย์สุจริต 3) มีวินัย 4) ใฝ่เรียนรู้ 5) อยู่อย่างพอเพียง 6) มุ่งมั่นในการทำงาน 7) รักความเป็นไทย 8) มีจิตสาธารณะ 6.2 คุณลักษณะตามหลักสูตรมาตรฐานสากล 1) มีความรู้พื้นฐานในยุคดิจิตอล วิทยาศาสตร์ เศรษฐศาสตร์ เทคโนโลยี รู้ภาษา พหุวัฒนธรรม ตระหนักสำนึกระดับโลก 2) สามารถคิดประดิษฐ์อย่างสร้างสรรค์ ปรับตัวใฝ่รู้ ใฝ่เรียน วิเคราะห์ สังเคราะห์สรุป สร้างองค์ความรู้ 3) มีทักษะสื่อสารอย่างมีประสิทธิภาพ 4) มีความสามารถในการใช้ทักษะชีวิต 5) มีความสามารถในการใช้เทคโนโลยี 7. ทักษะของผู้เรียนในศตวรรษที่ 21 (3R 7C เฉพาะที่เกิดในหน่วยการเรียนรู้นี้) 7.1 ทักษะการอ่าน (Reading) 7.2 ทักษะการเขียน (Writing) 7.3 ทักษะการคิดคำนวณ (Arithmetic) 7.4 ทักษะด้านการคิดอย่างมีวิจารณญาณและทักษะในการแก้ปัญหา (Critical thinking and problem solving)
หน่วยการเรียนรู้อิงมาตรฐาน รายวิชาภาษาอังกฤษ 5 (อ23111) ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 ภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2565 หน้า 229 7.5 ทักษะด้านการสร้างสรรค์และนวัตกรรม (Creativity and innovation) 7.6 ทักษะด้านความร่วมมือการทำงานเป็นทีมและภาวะผู้นำ (Collaboration, teamwork and leadership) 7.7 ทักษะด้านความเข้าใจต่างวัฒนธรรมต่างกระบวนทัศน์ (Cross-cultural understanding) 7.8 ทักษะด้านการสื่อสารสารสนเทศและรู้เท่าทันสื่อ (Communication information and media literacy) 7.9 ทักษะด้านคอมพิวเตอร์และเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร (Computing) 7.10 ทักษะอาชีพและทักษะการเรียนรู้ (Career and learning self-reliance, change) 8. การบูรณาการตามพระราชบัญญัติการศึกษาแห่งชาติ (เฉพาะที่เกิดในหน่วยการเรียนรู้นี้) 8.1 บูรณาการสวนพฤกษศาสตร์โรงเรียน 8.2 บูรณาการเศรษฐกิจพอเพียง 8.3 บูรณาการห้องเรียนสีเขียว 8.4 อื่น ๆ (โปรดระบุ)................................................................................................................................................. 9. ชิ้นงาน / ภาระงาน 1. ภาระงาน - ใบงานเรื่อง Vocabulary - แบบฝึกหัดเรื่อง Reading and conversation ในหนังสือเรียนรายวิชาพื้นฐาน ภาษาอังกฤษ Spark 3 Student’s book ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 2. ชิ้นงาน - 10. กิจกรรมการเรียนรู้ (Active Learning) เรื่อง Vocabulary, reading and conversation วิธีการสอน (วิธีการสอนแบบค้นพบ Discovery Method) ชั่วโมงที่ 1 ขั้นที่ 1 ขั้นนำเข้าสู่บทเรียน 1.1 นักเรียนเข้าสู่บทเรียน โดยนักเรียนดูหัวข้อ Sport and Experience บนกระดาน พร้อมช่วยกัน แสดงความคิดเห็น 1.2 นักเรียนดูรูปภาพ คำศัพท์และบทสนทนาบน PowerPoint ดังนี้ A : I like snowboarding. B : So do I, It’s thrilling.
หน่วยการเรียนรู้อิงมาตรฐาน รายวิชาภาษาอังกฤษ 5 (อ23111) ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 ภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2565 หน้า 230 A : I don’t like hang-gliding. B : Neither do I. It’s very dangerous. 1.3 นักเรียนช่วยกันแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับรูปภาพและบทสนทนาดังกล่าว 1.4 นักเรียนดูรูปภาพกีฬา (Sports) ในหนังสือแบบเรียนรายวิชาพื้นฐาน ภาษาอังกฤษ Spark 3 Student’s book ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 พร้อมช่วยกันแสดงความคิดเห็นและทำกิจกรรม Match the picture (1-12) to sports (a-l). 1.5 นักเรียนและครูร่วมกันเฉลยกิจกรรม Match the picture (1-12) to sports (a-l). ขั้นที่ 2 ขั้นเรียนรู้ 2.1 นักเรียนทำกิจกรรม Reading : Shark attack ในหนังสือแบบเรียนรายวิชาพื้นฐาน ภาษาอังกฤษ Spark 3 Student’s book ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 หน้าที่ 34 2.2 นักเรียนช่วยกันสรุปกิจกรรม Reading : Shark attack ในหนังสือแบบเรียนรายวิชาพื้นฐาน ภาษาอังกฤษ Spark 3 Student’s book ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 หน้าที่ 34 2.3 นักเรียนทำกิจกรรม Read the texts and answer the question ในหนังสือแบบเรียนรายวิชา พื้นฐาน ภาษาอังกฤษ Spark 3 Student’s book ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 หน้าที่ 34 2.4 นักเรียนทำกิจกรรม Choose the correct word. ในหนังสือแบบเรียนรายวิชาพื้นฐาน ภาษาอังกฤษ Spark 3 Student’s book ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 หน้าที่ 35 2.5 นักเรียนและครูร่วมกันเฉลยคำตอบในกิจกรรมที่นักเรียนทำทั้งหมด หากมีข้อใดที่นักเรียนยังตอบได้ ไม่ถูกต้องให้ครูผู้สอนอธิบายคำตอบให้นักเรียนฟังเพื่อให้นักเรียนมีความเข้าใจมากขึ้น 2.6 นักเรียนฟังบทสนทนา Apologising - Accepting an apology ในหนังสือแบบเรียนรายวิชา พื้นฐาน ภาษาอังกฤษ Spark 3 Student’s book ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 หน้าที่ 39 2.7 นักเรียนช่วยกันสรุปบทสนทนา Apologising - Accepting an apology ในหนังสือแบบเรียน รายวิชาพื้นฐาน ภาษาอังกฤษ Spark 3 Student’s book ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 หน้าที่ 39 2.8 นักเรียนจับกลุ่มเพื่อฝึกบทสนทนา และส่งตัวแทนออกมา 1 กลุ่มเพื่อออกมาพูดบทสนทนา ชั่วโมงที่ 2 ขั้นที่ 3 ขั้นนำไปใช้ 3.1 นักเรียนศึกษาคำศัพท์ในเอกสารประกอบการเรียน 3.2 นักเรียนทำใบงานแบบฝึกหัดเกี่ยวกับคำศัพท์ในเอกสารประกอบการเรียน 3.3 นักเรียนและครูร่วมกันเฉลยแบบฝึกหัดเกี่ยวกับคำศัพท์ในเอกสารประกอบการเรียน หากมีข้อใดที่ นักเรียนยังตอบได้ไม่ถูกต้องให้ครูผู้สอนอธิบายคำตอบให้นักเรียนฟังเพื่อให้นักเรียนมีความเข้าใจมากขึ้น 11. สื่อการเรียนรู้ / แหล่งเรียนรู้ 11.1 สื่อการเรียนรู้ 1. หนังสือเรียนรายวิชาพื้นฐาน ภาษาอังกฤษ Spark 3 Student’s book ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 2. ใบความรู้เรื่อง Vocabulary and Conversation 3. ใบงานเรื่อง Vocabulary and Conversation
หน่วยการเรียนรู้อิงมาตรฐาน รายวิชาภาษาอังกฤษ 5 (อ23111) ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 ภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2565 หน้า 231 11.2 แหล่งเรียนรู้ 1. หนังสือพิมพ์ 2. อินเทอร์เน็ตหรือสื่ออื่น ๆ 12. การวัดและประเมินผล ลำดับ รายการที่วัดและประเมินผล วิธีการ เครื่องมือ เกณฑ์ 1 ใบงานเรื่อง Vocabulary ตรวจใบงานท้ายบท ใบงานท้ายบท นักเรียนให้ความ ร่วมมือในการทำ แบบฝึกหัดและตอบ ถูกร้อยละ 60 ขึ้นไป ผ่านเกณฑ์ 2 แบบฝึกหัดเรื่อง Reading and conversation ในหนังสือเรียน รายวิชาพื้นฐาน ภาษาอังกฤษ Spark 3 Student’s book ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 ตรวจแบบฝึกหัด แบบฝึกหัด นักเรียนให้ความ ร่วมมือในการทำ แบบฝึกหัดและตอบ ถูกร้อยละ 60 ขึ้นไป ผ่านเกณฑ์ 13. เกณฑ์การประเมิน 16 - 20 คะแนน ดีมาก 11 - 15 คะแนน ดี 6 - 10 คะแนน พอใช้ น้อยกว่า 6 คะแนน ควรปรับปรุง ลงชื่อ ผู้จัดทำ (นายสุจินดา ปรากฏวงศ์) ตำแหน่ง ครู
หน่วยการเรียนรู้อิงมาตรฐาน รายวิชาภาษาอังกฤษ 5 (อ23111) ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 ภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2565 หน้า 232 บันทึกหลังการใช้แผนการจัดการเรียนรู้ ...................................................................................................................................................................................... ...................................................................................................................................................................................... ...................................................................................................................................................................................... ...................................................................................................................................................................................... ...................................................................................................................................................................................... ...................................................................................................................................................................................... ...................................................................................................................................................................................... ...................................................................................................................................................................................... ...................................................................................................................................................................................... ลงชื่อ ผู้จัดทำ (นายสุจินดา ปรากฏวงศ์) ตำแหน่ง ครู วันที่..............เดือน..................................พ.ศ. .................
หน่วยการเรียนรู้อิงมาตรฐาน รายวิชาภาษาอังกฤษ 5 (อ23111) ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 ภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2565 หน้า 233 โรงเรียนแผนการจัดการเรียนรู้ หน่วยการเรียนรู้ที่ 3 เรื่อง Experiences แผนการจัดการเรียนรู้ที่ 16 เรื่อง Conditional Sentences รหัสวิชา อ23121 รายวิชา ภาษาอังกฤษ 5 ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาต่างประเทศ ปีการศึกษา 2566 ภาคเรียนที่ 1 เวลา 12 ชั่วโมง ผู้สอน นายสุจินดา ปรากฏวงศ์ 1. มาตรฐานการเรียนรู้ / ตัวชี้วัด 1.1 มาตรฐานการเรียนรู้ มาตรฐาน ต 1.2 มีทักษะการสื่อสารทางภาษาในการแลกเปลี่ยนข้อมูลข่าวสาร แสดงความรู้สึก และความ คิดเห็นอย่างมีประสิทธิภาพ มาตรฐาน ต 3.1 ใช้ภาษาต่างประเทศในการเชื่อมโยงความรู้กับกลุ่มสาระการเรียนรู้อื่น และเป็นพื้นฐานใน การพัฒนา แสวงหาความรู้ และเปิดโลกทัศน์ของตน 1.2 ตัวชี้วัด ต 1.2 ม.3/3 พูดและเขียนแสดงความต้องการ เสนอและให้ความช่วยเหลือ ตอบรับและปฏิเสธการให้ ความช่วยเหลือในสถานการณ์ต่าง ๆ อย่างเหมาะสม ต 3.1 ม.3/1 ค้นคว้า รวบรวม และสรุปข้อมูล / ข้อเท็จจริงที่เกี่ยวข้องกับกลุ่มสาระการเรียนรู้อื่นจาก แหล่งเรียนรู้และนำเสนอด้วยการพูดและการเขียน 2. จุดประสงค์การเรียนรู้ 2.1 ด้านความรู้ ความเข้าใจ (K) - ใช้ภาษาที่ใช้ในการแสดงความต้องการ เสนอและให้ความช่วยเหลือ ตอบรับและปฏิเสธการให้ความ ช่วยเหลือในสถานการณ์ต่าง ๆ โดยใช้ Conditional Sentences (If-Clause) ได้ - มีความรู้เรื่อง Conditional Sentences (If-Clause) 2.2 ด้านทักษะกระบวนการ (P) - เขียนประโยคโดยใช้ Conditional Sentences (If-Clause) เพื่อแสดงความต้องการ เสนอและให้ ความช่วยเหลือ ตอบรับและปฏิเสธการให้ความช่วยเหลือในสถานการณ์ต่าง ๆ ได้ - เขียนประโยคเกี่ยวกับ Conditional Sentences (If-Clause) ได้ - พูดนำเสนอข้อมูลโดยใช้ Reported Speech ได้ 2.3 คุณลักษณะ เจตคติ ค่านิยม (A) - ความสามารถในการฟัง พูด อ่าน และเขียน - ความสามารถในการคิดวิเคราะห์
หน่วยการเรียนรู้อิงมาตรฐาน รายวิชาภาษาอังกฤษ 5 (อ23111) ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 ภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2565 หน้า 234 3. สาระสำคัญ / ความคิดรวบยอด ความรู้ในการใช้ภาษาที่ใช้ในการแสดงความต้องการ เสนอและให้ความช่วยเหลือ ตอบรับและปฏิเสธการให้ ความช่วยเหลือในสถานการณ์ต่าง ๆ โดยใช้ Conditional Sentences (If-Clause) เพื่อค้นคว้า รวบรวม และสรุป ข้อมูล / ข้อเท็จจริงที่เกี่ยวข้องกับกลุ่มสาระการเรียนรู้อื่นจากแหล่งเรียนรู้และนำเสนอด้วยการพูดและการเขียน 4. สาระการเรียนรู้ 4.1 สาระการเรียนรู้แกนกลาง ความรู้ในการใช้ภาษาที่ใช้ในการแสดงความต้องการ เสนอและให้ความช่วยเหลือ ตอบรับและปฏิเสธการให้ ความช่วยเหลือในสถานการณ์ต่าง ๆ โดยใช้ Conditional Sentences (If-Clause) เพื่อค้นคว้า รวบรวม และสรุป ข้อมูล / ข้อเท็จจริงที่เกี่ยวข้องกับกลุ่มสาระการเรียนรู้อื่นจากแหล่งเรียนรู้และนำเสนอด้วยการพูดและการเขียน 4.2 สาระการเรียนรู้ท้องถิ่น 1. คำศัพท์ในเรื่อง Unit 3 : Experiences 2. บทสนทนาในเรื่อง Unit 3 : Experiences 3. การใช้โครงสร้าง Conditional Sentences ในรูปแบบต่าง ๆ 5. สมรรถนะสำคัญของผู้เรียน (เฉพาะที่เกิดในหน่วยการเรียนรู้นี้) 5.1 ความสามารถในการสื่อสาร 5.2 ความสามารถในการคิด 5.3 ความสามารถในการแก้ปัญหา 5.4 ความสามารถในการใช้ทักษะชีวิต 5.5 ความสามารถในการใช้เทคโนโลยี 6. คุณลักษณะอันพึงประสงค์ (เฉพาะที่เกิดในหน่วยการเรียนรู้นี้) 6.1 คุณลักษณะอันพึงประสงค์ (ตามหลักสูตรแกนกลาง) 1) รักชาติ ศาสน์ กษัตริย์ 2) ซื่อสัตย์สุจริต 3) มีวินัย 4) ใฝ่เรียนรู้ 5) อยู่อย่างพอเพียง 6) มุ่งมั่นในการทำงาน 7) รักความเป็นไทย 8) มีจิตสาธารณะ 6.2 คุณลักษณะตามหลักสูตรมาตรฐานสากล 1) มีความรู้พื้นฐานในยุคดิจิตอล วิทยาศาสตร์ เศรษฐศาสตร์ เทคโนโลยี รู้ภาษา พหุวัฒนธรรม ตระหนักสำนึกระดับโลก 2) สามารถคิดประดิษฐ์อย่างสร้างสรรค์ ปรับตัวใฝ่รู้ ใฝ่เรียน วิเคราะห์ สังเคราะห์สรุป สร้างองค์ความรู้ 3) มีทักษะสื่อสารอย่างมีประสิทธิภาพ 4) มีความสามารถในการใช้ทักษะชีวิต 5) มีความสามารถในการใช้เทคโนโลยี 7. ทักษะของผู้เรียนในศตวรรษที่ 21 (3R 7C เฉพาะที่เกิดในหน่วยการเรียนรู้นี้) 7.1 ทักษะการอ่าน (Reading) 7.2 ทักษะการเขียน (Writing) 7.3 ทักษะการคิดคำนวณ (Arithmetic) 7.4 ทักษะด้านการคิดอย่างมีวิจารณญาณและทักษะในการแก้ปัญหา (Critical thinking and problem solving)
หน่วยการเรียนรู้อิงมาตรฐาน รายวิชาภาษาอังกฤษ 5 (อ23111) ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 ภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2565 หน้า 235 7.5 ทักษะด้านการสร้างสรรค์และนวัตกรรม (Creativity and innovation) 7.6 ทักษะด้านความร่วมมือการทำงานเป็นทีมและภาวะผู้นำ (Collaboration, teamwork and leadership) 7.7 ทักษะด้านความเข้าใจต่างวัฒนธรรมต่างกระบวนทัศน์ (Cross-cultural understanding) 7.8 ทักษะด้านการสื่อสารสารสนเทศและรู้เท่าทันสื่อ (Communication information and media literacy) 7.9 ทักษะด้านคอมพิวเตอร์และเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร (Computing) 7.10 ทักษะอาชีพและทักษะการเรียนรู้ (Career and learning self-reliance, change) 8. การบูรณาการตามพระราชบัญญัติการศึกษาแห่งชาติ (เฉพาะที่เกิดในหน่วยการเรียนรู้นี้) 8.1 บูรณาการสวนพฤกษศาสตร์โรงเรียน 8.2 บูรณาการเศรษฐกิจพอเพียง 8.3 บูรณาการห้องเรียนสีเขียว 8.4 อื่น ๆ (โปรดระบุ)................................................................................................................................................. 9. ชิ้นงาน / ภาระงาน 1. ภาระงาน - ใบงานเรื่อง Conditional Sentences 2. ชิ้นงาน - 10. กิจกรรมการเรียนรู้(Active Learning) เรื่อง Conditional Sentences วิธีการสอน (วิธีการสอนแบบค้นพบ Discovery Method แบบ 2W3P แบบ Inquiry Method : 5Es และแบบกระบวนการเรียนรู้ 5 ขั้นตอน : 5 STEPs) ชั่วโมงที่ 1 - 2 (วิธีการสอนแบบค้นพบ Discovery Method) ขั้นที่ 1 ขั้นนำเข้าสู่บทเรียน 1.1 นักเรียนเข้าสู่บทเรียน โดยนักเรียนดูหัวข้อ If clauses / conditional clauses (type 0) บน กระดาน พร้อมช่วยกันแสดงความคิดเห็น 1.2 นักเรียนดูรูปภาพ คำศัพท์และประโยคบน PowerPoint ดังนี้ If it rains, the ground gets wet.
หน่วยการเรียนรู้อิงมาตรฐาน รายวิชาภาษาอังกฤษ 5 (อ23111) ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 ภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2565 หน้า 236 If you leave the object, it drops. 1.3 นักเรียนช่วยกันแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับรูปภาพและประโยคดังกล่าว ขั้นที่ 2 ขั้นเรียนรู้ 2.1 นักเรียนดูวิดีโอคลิปเรื่อง หลักการใช้ conditional sentence type 0 / ประโยคเงื่อนไขแบบ 0 / ไวยากรณ์ภาษาอังกฤษเบื้องต้น จาก https://www.youtube.com/watch?v=0xMOO9bHqfI 2.2 นักเรียนดูวิดีโอคลิป เรื่อง Zero Conditional Sentences จาก https://www.youtube.com/ watch?v=TrLo-bOLPmE 2.3 นักเรียนช่วยกันสรุปความรู้ที่ได้จากการดูวิดีโอคลิปทั้ง 2 วิดีโอ 2.4 นักเรียนฟังครูอธิบายเรื่อง If clauses / conditional clauses (type 0) If clauses / conditional clauses (type 0) หรือประโยคเงื่อนไขแบบ 0 1. รูปแบบโครงสร้าง ทั้ง 2 ประโยคในประโยคเงื่อนไขแบบ 0 จะใช้ simple present tense If clause (สาเหตุ/เงื่อนไข) Main clause (ผลที่เกิดขึ้น) If + simple present simple present If this thing happens that thing happens. ในประโยคเงื่อนไขทุกแบบ ไม่มีการวางลำดับของประโยคที่แน่นอน หากต้องการเปลี่ยนการ เรียงลำดับของ if clause และ main clause เพียงแค่ต้องเปลี่ยนคำสรรพนามและใส่เครื่องหมายวรรคตอนให้ ถูกต้องเท่านั้น แต่ไม่ว่าจะจัดเรียงลำดับอย่างไร ความหมายของประโยคก็ไม่เปลี่ยนแปลง ในประโยคเงื่อนไขแบบนี้ สามารถใช้ “when” แทนคำว่า “if” ได้โดยที่ความหมายไม่เปลี่ยน เพราะทั้ง 2 ประโยคบอกให้ทราบถึงข้อเท็จจริง ทั่วไป โดยที่ความหมายไม่เปลี่ยน ตัวอย่างเช่น • If you heat ice, it melts. • Ice melts if you heat it. • When you heat ice, it melts. • Ice melts when you heat it. • If it rains, the grass gets wet. • The grass gets wet if it rains. • When it rains, the grass gets wet. • The grass gets wet when it rains. 2. หน้าที่ ประโยคเงื่อนไขแบบ 0 ถูกนำมาใช้เมื่อต้องการอธิบายเกี่ยวกับโลกแห่งความเป็นจริง และ โดยทั่วไปแล้วจะถูกนำมาอธิบายความจริงทั่วไป เช่น ความจริงทางวิทยาศาสตร์ เป็นต้น ประโยคเงื่อนไขแบบนี้บอก ให้ทราบถึงสิ่งที่เป็นจริงและเป็นไปได้เสมอหรืออย่างน้อยที่สุดก็ในขณะที่พูด
หน่วยการเรียนรู้อิงมาตรฐาน รายวิชาภาษาอังกฤษ 5 (อ23111) ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 ภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2565 หน้า 237 ตัวอย่างเช่น • If you freeze water, it becomes a solid. • Plants die if they don’t get enough water. • If my husband has a cold, I usually catch it. • If public transport is efficient, people stop using their cars. • If you mix red and blue, you get purple. นอกจากนี้ ประโยคเงื่อนไขแบบ 0 ยังถูกนำมาใช้เมื่อต้องการบอกให้ทำอะไรอีกด้วย โดยใน main clause จะเป็นคำสั่ง ตัวอย่างเช่น • If Bill phones, tell him to meet me at the cinema. • Ask Pete if you’re not sure what to do. • If you want to come, call me before 5:00. • Meet me here if we get separated. 2.5 นักเรียนช่วยกันตอบแบบฝึกหัดบน PowerPoint จำนวน 10 ข้อ Instructions : Complete the flowing sentences, using conditional clauses type 0. 1. If you…………………..…………….(freeze) water, it…………………..…………….(turn) into ice. 2. If you…………………..…………….(mix) red and green, you…………………..…………….(get) brown. 3. If you…………………..…………….(drop) a glass on the floor, it…………………..…………….(break). 4. If babies…………………..…………….(be) hungry, they…………………..…………….(cry). 5. When you…………………..…………….(add) sugar, the sauce…………………..…………….(taste) sweet. 6. Water…………………..…………….(boil) if you…………………..…………….(heat) it to 100 °C. 7. Plants…………………..…………….(die) if they…………………..…………….(not get) enough water. 8. If you…………………..………….(put) water in the freezer, it…………………..……………(become) ice. 9. When the sun…………………..…………….(rise), the street lights…………………..…………….(go) out . 10. When you…………………..…………….(heat) ice, it…………………..…………….(melt). Answer Key 1. If you freeze water, it turns into ice. 2. If you mix red and green, you get brown. 3. If you drop a glass on the floor, it breaks . 4. If babies are hungry, they cry . 5. When you add sugar, the sauce tastes sweet. 6. Water boils if you heat it to 100 °C. 7. Plants die if they don't get enough water. 8. If you put water in the freezer, it becomes ice. 9. When the sun rises, the street lights go out . 10. When you heat ice, it melts .
หน่วยการเรียนรู้อิงมาตรฐาน รายวิชาภาษาอังกฤษ 5 (อ23111) ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 ภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2565 หน้า 238 2.6 นักเรียนและครูร่วมกันเฉลยแบบฝึกหัดบน PowerPoint หากมีข้อใดที่นักเรียนยังตอบได้ไม่ถูกต้อง ให้ครูผู้สอนอธิบายคำตอบให้นักเรียนฟังเพื่อให้นักเรียนมีความเข้าใจมากขึ้น ขั้นที่ 3 ขั้นนำไปใช้ 3.1 นักเรียนทำแบบฝึกหัดIf clauses / conditional clauses (type 0) ในเอกสารประกอบการเรียน 3.2 นักเรียนและครูร่วมกันเฉลยแบบฝึกหัดIf clauses / conditional clauses (type 0) ในเอกสาร ประกอบการเรียน หากมีข้อใดที่นักเรียนยังตอบได้ไม่ถูกต้องให้ครูผู้สอนอธิบายคำตอบให้นักเรียนฟังเพื่อให้นักเรียน มีความเข้าใจมากขึ้น ชั่วโมงที่ 3 - 4 (วิธีการสอนแบบ 2W3P) ขั้นที่ 1 ขั้นกระตุ้นทบทวนและปูพื้นฐานความรู้ (Warm up) 1.1 นักเรียนดูรูปภาพและประโยคคำถาม What is the picture about? What happened to him or her? บน PowerPoint โดยนักเรียนสามารถอธิบายและแสดงความคิดเห็นได้ว่าเป็นภาพคนหนึ่งที่ถูกรางวัล ลอตเตอรี่ 1.2 นักเรียนช่วยกันตอบคำถาม If you won a lot of money in the lottery, what kinds of problems do you think the money would bring? ครูเขียนปัญหาต่าง ๆ ที่น่าจะเป็นผลที่ตามมาจากการถูก ลอตเตอรี่ตามที่นักเรียนบอกบนกระดาน ขั้นที่ 2 ขั้นนำเสนอเนื้อหาสาระ (Presentation) 2.1 นักเรียนดูวิดีโอคลิปเรื่อง Conditionals - Type 1 / 1st Conditional Sentences / If Clause 1 - English Grammar Lesson จาก https://www.youtube.com/watch?v=zMZEZ0WjXx0 2.2 นักเรียนดูวิดีโอคลิปเรื่อง หลักการใช้ conditional sentence type 1 / ประโยคเงื่อนไขแบบที่ 1 / ไวยากรณ์ภาษาอังกฤษพื้นฐาน จาก https://www.youtube.com/watch?v=nlTvEzLpMsI 2.3 นักเรียนช่วยกันสรุปความรู้ที่ได้จากการดูวิดีโอคลิปทั้ง 2 วิดีโอ 2.4 นักเรียนฟังครูอธิบายเรื่อง If clauses / conditional clauses (type 1) If clauses / conditional clauses (type 1) หรือประโยคเงื่อนไขแบบ 1 คือ ประโยคเงื่อนไข ที่ ใช้กับเหตุการณ์ที่เป็นจริง หรือมีความเป็นไปได้ที่จะเกิดขึ้น ใช้กับแผนการในอนาคต การตักเตือน ความเชื่อ ซึ่งถ้า หากมีเหตุการณ์แรกเกิดขึ้น ก็อาจจะส่งผลให้มีเหตุการณ์อีกอย่างหนึ่งตามมา 1. รูปแบบโครงสร้าง ประโยคเงื่อนไขแบบที่ 1 if clause จะใช้ simple present tense และ main clause จะใช้ simple future tense
หน่วยการเรียนรู้อิงมาตรฐาน รายวิชาภาษาอังกฤษ 5 (อ23111) ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 ภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2565 หน้า 239 If clause (สาเหตุ/เงื่อนไข) Main clause (ผลที่เกิดขึ้น) If + simple present simple future If this thing happens that thing will happen. ในประโยคเงื่อนไขทุกแบบ ไม่มีการวางลำดับของประโยคที่แน่นอน หากต้องการเปลี่ยนการ เรียงลำดับของ if clause และ main clause เพียงแค่ต้องเปลี่ยนคำสรรพนามและใส่เครื่องหมายวรรคตอนให้ ถูกต้องเท่านั้น แต่ไม่ว่าจะจัดเรียงลำดับอย่างไร ความหมายของประโยคก็ไม่เปลี่ยนแปลง ตัวอย่างเช่น • If it rains, you will get wet. • You will get wet if it rains. • If Sally is late again I will be mad. • I will be mad if Sally is late again. • If you don’t hurry, you will miss the bus. • You will miss the bus if you don’t hurry. 2. หน้าที่ ประโยคเงื่อนไขแบบที่ 1 จะใช้เพื่อพูดถึงสิ่งที่เป็นเหตุเป็นผลกันว่า หากสิ่งหนึ่งเกิดขึ้นอีกสิ่ง หนึ่งก็จะเกิดขึ้นตามมาด้วย เพราะตั้งอยู่บนพื้นฐานของความเป็นจริง ใช้พูดถึงโลกแห่งความเป็นจริงและเหตุการณ์ เฉพาะ โดยทั่วไปแล้วมักจะใช้เพื่อเป็นการเตือน ในประโยคเงื่อนไขแบบที่ 1 นี้จะบอกเวลา ณ. ปัจจุบันหรือใน อนาคตที่สิ่งนั้นจะเกิดขึ้นจริง ตัวอย่างเช่น • If I have time, I’ll finish that letter. • What will you do if you miss the plane? • Nobody will notice if you make a mistake. • If you drop that glass, it will break. • If you don't drop the gun, I’ll shoot! • If you don’t leave, I’ll call the police. นอกจากนี้ ใน main clause ของประโยคเงื่อนไขแบบที่ 1 สามารถใช้modals verb แทนการ ใช้ future tense ได้อีกด้วยเพื่อบอกระดับความแน่นอน การอนุญาต หรือเพื่อแนะนำให้ทราบว่าผลที่เกิดขึ้นจะ เป็นอย่างไร ตัวอย่างเช่น • If you drop that glass, it might break. • I may finish that letter if I have time. • If he calls you, you should go. • If you buy my school supplies for me, I will be able to go to the park.
หน่วยการเรียนรู้อิงมาตรฐาน รายวิชาภาษาอังกฤษ 5 (อ23111) ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 ภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2565 หน้า 240 ขั้นที่ 3 ขั้นฝึกฝนโดยยึดผู้เรียนเป็นศูนย์ (Practice) 3.1 นักเรียนช่วยกันตอบแบบฝึกหัดบน PowerPoint จำนวน 10 ข้อ Instructions : Complete the sentences with the correct form of the verb given. 1. If we…………………..…………….(hurry), we…………………..…………….(get) there in time. 2. I…………………..…………….(not go) to the doctor unless the pain…………………..……………. (increase). 3. If you…………………..…………….(smoke) in public places you…………………..…………….(get) into trouble. 4. We…………………..…………….(go) for a picnic tomorrow if the weather…………………..……………. (stay) nice. 5. Everyone…………………..…………….(believe) you if you…………………..…………….(tell) them the truth. 6. If he…………………..…………….(not wake) up, he…………………..…………….(not get) to work on time. 7. If she…………………..…………….(lose) her keys, she…………………..…………….(be) angry. 8. If the baby…………………..…………….(be) a boy, I…………………..…………….(call) him Jonathon. 9. You…………………..…………….(cause) an accident if you…………………..…………….(drive) so carelessly. 10. She…………………..…………….(regret) it if she…………………..…………….(not tell) me the truth. Answer Key 1. If we hurry, we will get there in time. 2. I won't go to the doctor unless the pain increases. 3. If you smoke in public places you will get into trouble. 4. We will go for a picnic tomorrow if the weather stays nice. 5. Everyone will believe you if you tell them the truth. 6. If he does not wake up, he won't get to work on time. 7. If she loses her keys, she will be angry. 8. If the baby is a boy, I will call him Jonathon. 9. You will cause an accident if you drive so carelessly. 10. She will regret it if she doesn't tell me the truth. ขั้นที่ 4 ขั้นนำไปใช้หรือการบูรณาการความรู้ (Production) 4.1 นักเรียนทำแบบฝึกหัดIf clauses / conditional clauses (type 1) ในเอกสารประกอบการเรียน 4.2 นักเรียนและครูร่วมกันเฉลยแบบฝึกหัดIf clauses / conditional clauses (type 1) ในเอกสาร ประกอบการเรียน หากมีข้อใดที่นักเรียนยังตอบได้ไม่ถูกต้องให้ครูผู้สอนอธิบายคำตอบให้นักเรียนฟังเพื่อให้นักเรียน มีความเข้าใจมากขึ้น ขั้นที่ 5 ขั้นสรุปความรู้ที่ได้รับจากกระบวน การเรียนรู้ (Wrap up) 5.1 นักเรียนช่วยกันสรุปความรู้เรื่อง If clauses / conditional clauses (type 1) พร้อมทั้งช่วยกัน ยกตัวอย่างประโยคจำนวน 5 ประโยคเพื่อเป็นการทดสอบความเข้าใจของนักเรียน
หน่วยการเรียนรู้อิงมาตรฐาน รายวิชาภาษาอังกฤษ 5 (อ23111) ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 ภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2565 หน้า 241 ชั่วโมงที่ 5 - 7 (วิธีการสอน Inquiry Method : 5Es) 1. สร้างความสนใจ (Engage) 1.1 นักเรียนทบทวนเนื้อหาIf clauses / conditional clauses type 1 ที่นักเรียนเรียนในชั่วโมงก่อน หน้านี้ 1.2 นักเรียนดูรูปภาพและประโยคบน PowerPoint พร้อมร่วมกันแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับรูปภาพ และประโยคที่นักเรียนเห็น 2. สำรวจและค้นหา (Explore) 2.1 นักเรียนดูวิดีโอคลิป Second conditional sentences จาก https://www.youtube.com/ watch?v=KvMyxUMqClQ 2.2 นักเรียนดูวิดีโอคลิป การใช้ If clause Type 2 เป็นไปไม่ได้ในปัจจุบัน (Unreal Present) พร้อม ข้อสอบ จาก https://www.youtube.com/watch?v=nBUKjnmR0fM 2.3 นักเรียนช่วยกันสรุปความรู้ที่ได้จากการดูโอคลิปทั้ง 2 วิดีโอคลิป 3. อธิบาย (Explain) 3.1 นักเรียนดูข้อมูลบน PowerPoint ดังนี้ 3.2 นักเรียนช่วยกันอธิบายข้อมูลบน PowerPoint โดยมีครูคอยช่วยเสริมข้อมูลเพิ่มเติม 3.3 นักเรียนฟังครูอธิบายเรื่อง If clauses / conditional clauses (type 2) If clauses / conditional clauses (type 2) หรือประโยคเงื่อนไขแบบที่ 2 จะใช้ในเหตุการณ์ที่ ไม่อาจเป็นไปได้หรือไม่เป็นจริงในปัจจุบันหรืออนาคต รวมไปถึงการจินตนาการด้วย 1. รูปแบบโครงสร้าง ในประโยคเงื่อนไขแบบที่ 2 if clause จะใช้ simple past tense และ main clause จะใช้ present conditional หรือ present continuous conditional If clause (สาเหตุ/เงื่อนไข) Main clause (ผลที่เกิดขึ้น) If + simple past present conditional หรือ present continuous conditional If this thing happened that thing would happen. I would be happy if I had 1 billion baht.
หน่วยการเรียนรู้อิงมาตรฐาน รายวิชาภาษาอังกฤษ 5 (อ23111) ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 ภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2565 หน้า 242 ในประโยคเงื่อนไขทุกแบบ ไม่มีการวางลำดับของประโยคที่แน่นอน หากต้องการเปลี่ยนการ เรียงลำดับของ if clause และ main clause เพียงแค่ต้องเปลี่ยนคำสรรพนามและใส่เครื่องหมายวรรคตอนให้ ถูกต้องเท่านั้น แต่ไม่ว่าจะจัดเรียงลำดับอย่างไร ความหมายของประโยคก็ไม่เปลี่ยนแปลง ตัวอย่างเช่น • If it rained, you would get wet. • You would get wet if it rained. • If you went to bed earlier you wouldn't be so tired. • You wouldn't be so tired if you went to bed earlier. • If she fell, she would hurt herself. • She would hurt herself if she fell. 2. หน้าที่ ประโยคเงื่อนไขแบบที่ 2 ใช้เพื่อพูดถึงเงื่อนไขที่สมมุติขึ้นมาและผลที่อาจจะเกิดขึ้นได้ ประโยค เงื่อนไขแบบนี้ไม่ได้ตั้งอยู่บนพื้นฐานความจริง โดยประโยคเงื่อนไขแบบที่ 2 จะใช้เพื่อบอกเวลา ณ. ปัจจุบันหรือ เมื่อใดก็ได้และสิ่งนั้นเป็นสถานการณ์สมมุติ ตัวอย่างเช่น • If the weather wasn't so bad, we would go to the park. แต่ในความเป็นจริงแล้วสภาพอากาศแย่มาก พวกเราจึงไปไม่ได้ • If I was the Queen of England, I would give everyone a chicken. แต่ในความเป็นจริงแล้ว ฉันไม่ใช่พระราชินี • If you really loved me, you would buy me a diamond ring. • If I knew where she lived, I would go and see her. การใช้ “if I were” แทนf “if I was” ถือว่าถูกต้องและเป็นที่นิยมใช้ (เป็นอารมณ์ของภาษา) ตัวอย่างเช่น • If I were taller, I would buy this dress. • If I were 20, I would travel the world. • If I were you, I would give up smoking. • If I were a plant, I would love the rain. นอกจากนี้ ใน main clause ของประโยคเงื่อนไขแบบที่ 2 สามารถใช้ modals verb แทนการ ใช้ “would” ได้อีกด้วยเพื่อบอกระดับความแน่นอน การอนุญาต หรือเพื่อแนะนำให้ทราบว่าผลที่เกิดขึ้นจะเป็น อย่างไร ตัวอย่างเช่น • We might buy a larger house if we had more money • He could go to the concert if you gave him your ticket. • If he called me, I couldn't hear. • present conditional tense