The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

แผนการสอน Active Learning รายวิชาภาษาอังกฤษพื้นฐาน ม.2 หนังสือเรียน Spark ภาคเรียนที่ 2

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by The School of Lesson Plans, 2023-11-06 00:14:37

Spark 2

แผนการสอน Active Learning รายวิชาภาษาอังกฤษพื้นฐาน ม.2 หนังสือเรียน Spark ภาคเรียนที่ 2

หน่วยการเรียนรู้อิงมาตรฐาน รายวิชาภาษาอังกฤษ 4 (อ22122) ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 ภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2566 หน้า 244 7.6 นักเรียนและครูร่วมกันตรวจสอบคำตอบจากการทำแบบฝึกหัดเรื่อง Question Tag บน PowerPoint 7.7 นักเรียนฟังครูอธิบายถึงสาเหตุในการตอบคำถามหรือเลือกตอบในแต่ละข้อให้นักเรียนเข้าใจ หลักการใช้ Question Tag และครูสรุปหลักการของกฎต่าง ๆ ให้นักเรียนฟังอีกครั้ง ชั่วโมงที่ 3 - 4 1. สร้างความสนใจ (Engage) 1.1 นักเรียนทำกิจกรรมทบทวนความรู้เรื่อง Question Tag โดยนักเรียนนั่งเป็นกลุ่มและช่วยกันตอบ คำถามบน PowerPoint จำนวน 10 ข้อ 2. สำรวจและค้นหา (Explore) 2.1 นักเรียนจับคู่กับเพื่อนเพื่อทำกิจกรรม Word search 2.2 นักเรียนทำกิจกรรม Complete the sentences จำนวน 12 ข้อ 1. You study English,……………………………. ? 2. They were busy,……………………………. ? 3. It’s two o’clock,……………………………. ? 4. You don’t drive,……………………………. ? 5. She is a teacher,……………………………. ? 6. We aren’t late,……………………………. ? 7. Mr. Smith has a car,……………………………. ? 8. They weren’t late,……………………………. ? 9. I was right,……………………………. ? 10. Today is Monday,……………………………. ? 11. The phone rang,……………………………. ? 12. He didn’t win,……………………………. ? Answer Key : 1. don’t you 2. weren’t they 3. isn’t it 4. do you 5. isn’t she 6. are we 7. doesn’t he 8. were they 9. wasn’t I 10. isn’t it 11. didn’t it 12. did he หลังจากตอบคำถามครบทั้ง 12 ข้อแล้วแต่ละคู่ช่วยกันหาคำตอบซ่อนอยู่ในตาราง


หน่วยการเรียนรู้อิงมาตรฐาน รายวิชาภาษาอังกฤษ 4 (อ22122) ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 ภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2566 หน้า 245 3. อธิบาย (Explain) 3.1 นักเรียนส่งตัวแทนออกมาตอบคำถามที่ 1 คน โดยเขียนคำตอบลงบนกระดาน 3.2 นักเรียนสำตรวจสอบคำตอบของคู่ตนเองว่ามีความเหมือนหรือแตกต่างจากเพื่อนหรือไม่ 3.3 นักเรียนช่วยกันอธิบายประโยคและคำตอบของแต่ละข้อว่าเพราะเหตุใดจึงต้องตอบแบบนี้ 4. ขยายความรู้ (Elaborate) 4.1 นักเรียนแต่ละคู่ช่วยกันทำแบบฝึกหัด Miscellaneous Error เรื่อง Question Tag โดยทำลงใน กระดาษที่ครูเตรียมให้ จำนวน 16 ข้อ Instructions : Find and correct the mistakes below (one mistake per sentence). Some sentences use the present tense, others use the past tense. 1. They live in San Franciso, aren’t they? 2. He didn’t buy the chairs, did they? 3. We are late, do we? 4. He can’t swim, does he? 5. She was a student, isn’t she? 6. Thomas saw a movie, wasn’t he? 7. He couldn’t answer the question, did he? 8. Mr. Smith were late, wasn’t he? 9. They had dinner, were they? 10. Your sister bought a new house, didn’t it? 11. You don’t exercise, don’t you? 12. It’s three o’clock, aren’t it? 13. She is your friend, don’t she? 14. He is from Canada, isn’t it?


หน่วยการเรียนรู้อิงมาตรฐาน รายวิชาภาษาอังกฤษ 4 (อ22122) ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 ภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2566 หน้า 246 15. Your father doesn’t drink tea, is he? 16. They already started their class, don’t they? Answer Key : 1. don’t they 2. did he 3. aren’t we 4. can he 5. wasn’t she 6. didn’t he 7. could he 8. wasn’t he 9. didn’t they 10. didn’t she 11. do you 12. isn’t it 13. isn’t she 14. isn’t h 15. does he 16. didn’t they 5. ประเมินผล (Evaluate) 5.1 นักเรียนและครูร่วมกันตรวจสอบคำตอบแบบฝึกหัด Miscellaneous Error เรื่อง Question Tag5.2 นักเรียนสอบถาม / ซักถามถึงสาเหตุในการตอบคำถามหรือเลือกตอบในแต่ละข้อเพื่อความเข้าใจมากขึ้น ชั่วโมงที่ 5 - 6 1. สร้างความสนใจ (Engage) 1.1 นักเรียนดูรูปประโยคแบบ Question Tag บน PowerPoint พร้อมช่วยกันแสดงความคิดเห็น เกี่ยวกับเครื่องหมายบวก (+) และเครื่องหมายลบ (-) บนประโยคและประโยคที่ทำเป็นสีต่าง ๆ ว่ามีความหมายหรือ รูปแบบประโยคแบบใด 1.2 นักเรียนทำกิจกรรมทบทวนความรู้เรื่อง Question Tag โดยนักเรียนนั่งเป็นกลุ่มและช่วยกันตอบ คำถามบน PowerPoint จำนวน 10 ข้อ Instructions : Complete the sentences with the correct question tags. 1. Mr. McGuinness is from Ireland,……………………………. ? 2. The car isn’t in the garage,……………………………. ? 3. You are John,……………………………. ? 4. She went to the library yesterday,……………………………. ? 5. He didn’t recognize me,……………………………. ? 6. Cars pollute the environment,……………………………. ? 7. Mr. Pritchard has been to Scotland recently,……………………………. ? 8. The trip is very expensive,……………………………. ? 9. He won’t tell her,……………………………. ? 10. Hugh had a red car,……………………………. ? Answer Key : 1. isn’t he 2. is it 3. aren’t you 4. didn’t she


หน่วยการเรียนรู้อิงมาตรฐาน รายวิชาภาษาอังกฤษ 4 (อ22122) ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 ภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2566 หน้า 247 5. did he 6. don’t they 7. hasn’t he 8. isn’t it 9. will he 10. didn’t he 2. สำรวจและค้นหา (Explore) 2.1 นักเรียนดูวิดีโอคลิปเรื่อง Question tags คืออะไร และวิธีการทำ question tags เป็นประโยค บอกความคิดเห็น คำสั่ง ขอร้อง จาก https://www.youtube.com/watch?v=S9u6hbWVw4I 2.2 นักเรียนดูวิดีโอคลิปเรื่องสรุปประโยค Question Tags ใช่ไหม ใช่ป่ะ จริงไหม จาก https://www.youtube.com/watch?v=IffdxwnQ75Q 2.3 นักเรียนดูวิดีโอคลิปเรื่องTag question จาก https://www.youtube.com/watch? v=CYwHf9GkLT8 2.4 นักเรียนดูวิดีโอคลิปเรื่อง Question Tags in English - Grammar Lesson จาก https://www.youtube.com/watch?v=6CSdK651k9Y 3. อธิบาย (Explain) 3.1 นักเรียนช่วยกันสรุปความรู้ที่ได้จากการดูวิดีโอทั้ง 4 คลิป 3.2 นักเรียนฟังครูอธิบายเรื่อง Question tag เพิ่มเติม Question tags คือ การถามแบบสั้นๆ ท้ายประโยคคำถาม ประมาณว่า ใช่มั้ย ใช่ปล่าว อะไร ประมาณนี้ถ้าประโยคแรกเป็นประโยคบอกเล่า ประโยคหลังจะเป็นปฎิเสธ แต่ถ้าประโยคแรกเป็นประโยคปฎิเสธ ประโยคหลังจะเป็นบอกเล่า ถ้าบางประโยคเไม่เห็นกิริยาช่วยในประโยค เช่น ไม่มี is – am – are – was – were – do – does – did เป็นต้น อันดับแรกเราจะต้องดูประโยคว่าเป็น Tense อะไร จากนั้นเราจะดึงกิริยาช่วยของ Tense นั้น เช่น • My father drives a car fast, doesn’t he ? ประโยคเป็น Present Simple Tense กิริยาช่วยคือ do / does แต่ my father เป็นเอกพจน์ แทนด้วย he จึงใช้ does ประโยคแรกเป็นบอกเล่า ประโยคหลังจึงเป็นปฎิเสธ • The children ate many sandwiches last night, didn’t they ? ประโยคเป็น Past Simple Tense กิริยาช่วยคือ did และ The children เป็นพหูพจน์แทนด้วย They ประโยคแรกเป็นบอกเล่า ประโยคหลังจึงเป็นปฎิเสธ ในบางประโยคต้องดูดีๆ เพราะส่วนใหญ่จะสับสนและตอบผิด เช่น 1. He has breakfast at 7 o’clock,……………………………. ? 2. He has swum in the pool for 2 hours,……………………………. ? ข้อ 1 ดูดีๆ ประโยคจะเป็นเพียง Present Simple Tense เราจึงใช้ doesn’t he ? เพราะ ประธาน he เป็นเอกพจน์He has breakfast at 7 o’clock, doesn’t he ? แต่ถ้ามองผ่าน ๆ พอเราเห็น has เราจะรีบตอบ hasn’t he ? ทันที จึงทำให้ผิด เพราะไม่ใช่ Present Perfect tense ข้อ 2 ส่วนใหญ่จะตอบกันถูก เพราะเจอ has ก็จะตอบ hasn’t he ? ประโยคนี้ Subject + has / have + Verb 3 จะอยู่ในโครงสร้างของ Present Perfect tense กิริยาช่วยคือ has / have ดังนั้นจึงสามารถดึง กิริยาช่วยออกมาตอบได้เลย 3.3 นักเรียนสอบถามความรู้เพิ่มเติมเพื่อเสริมความเข้าใจในเรื่อง Question tag โดยครูเขียนตัวอย่าง ประโยคบนกระดานให้นักเรียนเห็นความหลากหลายมากขึ้น


หน่วยการเรียนรู้อิงมาตรฐาน รายวิชาภาษาอังกฤษ 4 (อ22122) ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 ภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2566 หน้า 248 4. ขยายความรู้ (Elaborate) 4.1 นักเรียนศึกษาเนื้อหาเรื่อง Question tag บน PowerPoint 4.2 นักเรียนทำแบบฝึกหัดบน PowerPoint ร่วมกันวิเคราะห์ แสดงความคิดและตอบคำถาม แบบฝึกหัดจำนวน 10 ข้อ Instructions : Choose the best alternative. It tests what you learned on the Tag Questions 1. He’s still sleeping,……………………………. ? 1) is not he 2) isn’t he 3) wasn’t he 2. You do go to school,……………………………. ? 1) do you 2) aren’t you 3) don’t you 3. Let's go for a walk,……………………………. ? 1) shall we 2) shan’t we 3) will we 4. We won’t be late,……………………………. ? 1) won’t we 2) will we 3) are we 5. Nobody called,……………………………. ? 1) do they 2) didn’t they 3) did they 6. They will wash the car,……………………………. ? 1) will it 2) won’t they 3) wouldn’t they


หน่วยการเรียนรู้อิงมาตรฐาน รายวิชาภาษาอังกฤษ 4 (อ22122) ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 ภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2566 หน้า 249 7. We must lock the doors,……………………………. 1) mustn’t they 2) shouldn’t we 3) mustn’t we 8. I’m right,……………………………. ? 1) amn’t I 2) am not I 3) aren’t I 9. So you bought a car,……………………………. ? 1) did you 2) haven’t you 3) weren’t you 10. You wouldn't like to invite my Dad,……………………………. ? 1) did you 2) would you 3) won’t you Answer Key : 1. 2) 2. 3) 3. 1) 4. 2) 5. 3) 6. 2) 7. 3) 8. 3) 9. 1) 10. 2) 4.3 นักเรียนศึกษาใบความรู้เรื่อง Question tag ในเอกสารประกอบการเรียน 4.4 นักเรียนทำใบงานเรื่อง Question tag ในเอกสารประกอบการเรียน 4.5 นักเรียนและครูร่วมกันเฉลยแบบฝึกหัดเรื่อง Question tag ในเอกสารประกอบการเรียน 5. ประเมินผล (Evaluate) 5.1 นักเรียนและครูร่วมกันตรวจสอบคำตอบแบบฝึกหัดเรื่อง Question tag ในเอกสารประกอบการ เรียน 5.2 นักเรียนสอบถาม / ซักถามถึงสาเหตุในการตอบคำถามหรือเลือกตอบในแต่ละข้อเพื่อความเข้าใจ มากขึ้น เรื่องที่ 3 เรื่อง Connected Statement จำนวนเวลาเรียน 6 ชั่วโมง วิธีสอน (วิธีการสอนแบบกระบวนการเรียนรู้ 5 ขั้นตอน : GPAS 5 Steps และวิธีการสอนแบบ Inquiry Method : 5Es) กิจกรรมการเรียนรู้(Active Learning) ชั่วโมงที่ 1 - 2 1. ขั้นสังเกต รวบรวมข้อมูล (Gathering) 1.1 นักเรียนทบทวนความรู้เดิมเกี่ยวกับ Modal Verbs โดยให้นักเรียนทุกกคนยืนขึ้นและยกตัวอย่าง ประโยคที่มี Modal Verbs ใครยกตัวอย่างได้ถูกต้องได้นั่งลง 1.2 นักเรียนดูประโยคที่ครูเขียนบนกระดาน • Peter is a doctor. Bill is a doctor. • Peter is a doctor and Bill is too. • Peter is a doctor and so is Bill. • Peter likes coffee. Bill likes coffee. • Peter likes coffee and Bill does too.


หน่วยการเรียนรู้อิงมาตรฐาน รายวิชาภาษาอังกฤษ 4 (อ22122) ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 ภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2566 หน้า 250 • Peter likes coffee and so does Bill. 1.3 นักเรียนสังเกตประโยคเหล่านั้นบนกระดาน และช่วยกันวิเคราะห์ อภิปราย แสดงความคิดเห็น เกี่ยวกับประโยคที่นักเรียนเห็นบนกระดาน 1.4 นักเรียนศึกษาเนื้อหาเรื่องการใช้ So และ Too ในประโยคของ Connected Statement บน PowerPoint 2. ขั้นคิดวิเคราะห์และสรุปความรู้(Processing) 2.1 นักเรียนช่วยกันวิเคราะห์ประโยค Connected Statement; So and too บนกระดาน โดย ช่วยกันแยกประโยคหรือเปลี่ยนประโยคจากการใช้ too และ so ให้เป็นประโยคปกติ • Lily likes ice-cream. Clara does too. Or So does Clara. • Her sister can swim. My sister can too. Or So can my sister. • Jason is very polite. Fred is too. Or So is Fred. • Albert has a problem. Peter has too. Or So has Peter. จากประโยค Lily likes ice-cream. Clara does too. Or So does Clara. นักเรียนสามารถแยก ประโยคออกได้เป็น • Lily likes ice-cream. Clara likes ice-cream. • Lily likes ice-cream and Clara does too. • Lily likes ice-cream and so does Clara. 2.2 นักเรียนช่วยกันสรุปการใช้ Connected Statement; So and too โดยนักเรียนสามารถสรุปได้ว่า คำว่า “too” จะวางไว้ท้ายประโยค หลังกริยาช่วยเสมอ ในขณะที่ คำว่า “so” จะวางไว้หน้าประโยค หลังกริยาช่วย เสมอ เพื่อนๆควรจำวิธีการใช้กริยาช่วยให้ถูกต้องเมื่อจะใช้คำว่า “too” กับ “so” ถ้าผู้พูดใช้กริยาพิเศษในประโยค แต่แรก เวลาตอบก็ต้องใช้กริยาพิเศษตัวนั้นตอบ อย่างเช่น Verb to be (is, am, are, was, were) และรวมถึง กริยาแสดงอาการด้วย และต้องมั่นใจว่าเลือกใช้กริยานั้น ๆ ได้ถูกต้องตามหลักไวยกรณ์ด้วย และการเรียงลำดับคำ คำว่า “too” จะวางไว้ท้ายประโยคและ “so” จะวางไว้หน้าประโยค 3. ขั้นปฏิบัติและสรุปความรู้หลังการปฏิบัติ (Applying and Constructing the Knowledge) 3.1 นักเรียนทำแบบฝึกหัดเรื่อง Connected Statement; So and too บน PowerPoint


หน่วยการเรียนรู้อิงมาตรฐาน รายวิชาภาษาอังกฤษ 4 (อ22122) ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 ภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2566 หน้า 251 3.2 นักเรียนช่วยกันสรุปและอธิบายความรู้เรื่อง Connected Statement; So and too โดยช่วยกัน ยกตัวอย่างประโยคและออกมาเขียนบนกระดาน 3.3 นักเรียนช่วยกันวิเคราะห์ ตรวจสอบประโยคที่นักเรียนช่วยกันยกตัวอย่างมานั้นมีความถูกต้อง หรือไม่ถูกต้องอย่างไร เมื่อพบว่าไม่ถูกต้องให้ช่วยกันแก้ไข โดยครูคอยช่วยเหลืออยู่ห่าง ๆ 4. ขั้นสื่อสารและนำเสนอ (Applying the Communication Skill) 4.1 นักเรียนแต่งประโยค Connected Statement; So and too คนละ 2 ประโยคลงในกระดาษ 4.2 นักเรียนนำเสนอประโยคของตนเองหน้าชั้นเรียน 5. ขั้นประเมินเพื่อเพิ่มคุณค่าบริการสังคมและจิตสาธารณะ (Self-Regulating) 5.1 นักเรียนทำการแลกเปลี่ยนประโยคของตนเองกับเพื่อนๆ ในห้อง เพื่อให้ทุกคนในห้องได้ศึกษา ประโยคที่แต่ละคนได้เขียน 5.2 นักเรียนทำการวิเคราะห์ประโยค การใช้ไวยากรณ์ การใช้คำศัพท์ในแต่ละประโยคว่ามีความถูกต้อง หรือผิดพลาดตรงไหน 5.3 นักเรียนช่วยกันรวบรวมข้อผิดพลาดจากการวิเคราะห์ประโยคของเพื่อนๆ และนำเสนอหน้าชั้น 5.4 นักเรียนและครูร่วมกันตรวจสอบคำตอบจากการทำแบบฝึกหัดเรื่อง Connected Statement; So and too บน PowerPoint 5.5 นักเรียนฟังครูอธิบายเพิ่มเติมเกี่ยวกับการใช้Connected Statement; So and too เพื่อให้ นักเรียนเข้าใจมากยิ่งขึ้น ชั่วโมงที่ 3 - 4 1. ขั้นสังเกต รวบรวมข้อมูล (Gathering) 1.1 นักเรียนทำกิจกรรมทบทวนความรู้เรื่อง Connected Statement; So and too โดยนักเรียนนั่ง เป็นกลุ่มและช่วยกันตอบคำถามบน PowerPoint จำนวน 10 ข้อ 1.2 นักเรียนดูประโยคบน PowerPoint และช่วยกันวิเคราะห์ อภิปราย แสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับ ประโยค A : He is happy. B : I’m happy too. A : He is not happy. B : I’m not happy either.


หน่วยการเรียนรู้อิงมาตรฐาน รายวิชาภาษาอังกฤษ 4 (อ22122) ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 ภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2566 หน้า 252 A : My mother has got a key. B : I have got a key too. A : My mother hasn’t got a key. B : Neither have I. (I haven’t either). 1.3 นักเรียนศึกษาเนื้อหาเรื่องการใช้ Neither และ Either ในประโยคของ Connected Statement บน PowerPoint 2. ขั้นคิดวิเคราะห์และสรุปความรู้(Processing) 2.1 นักเรียนช่วยกันวิเคราะห์ประโยค Connected Statement; Neither and either บนกระดาน โดยช่วยกันนำประโยคปฏิเสธ 2 ประโยคจำนวน 5 ข้อ นำมารวมกันโดยใช้neither และ either • They don’t like waking up early. I don’t like waking up early. • Mrs. Davis won’t attend the meeting. Mr. Johnson won’t attend the meeting. • Ann can’t cook. I can’t cook. • She hasn’t finished the test. I haven’t finished the test. • I never go to the cinema. My brother never go to the cinema. จากประโยคทั้ง 5 ข้อ นักเรียนสามารถนำมารวมกันโดยใช้ neither และ either ได้ดังนี้ • They don’t like waking up early. Neither do I. / I don’t either. • Mrs. Davis won’t attend the meeting. Neither would Mr. Johnson. / Mr. Johnson won’t either. • Ann can’t cook. Neither can I. / I can’t either. • She hasn’t finished the test. Neither have I. / I haven’t either. • I never go to the cinema. Neither does my brother. / My brother doesn’t either. 2.2 นักเรียนช่วยกันสรุปการใช้ Connected Statement; Neither and either โดยนักเรียนสามารถ สรุปได้ว่าคำว่า “either” จะวางไว้ท้ายประโยค หลังกริยาช่วยเชิงปฏิเสธ ในขณะที่ “neither” จะวางไว้หน้า ประโยค ก่อนกริยาช่วยที่เป็นเชิงบอกเล่า (เพราะ neither ให้ความหมายในเชิงปฏิเสธอยู่แล้ว) ส่วนคำว่า “either” จะวางไว้ท้ายประโยค หลังกริยาช่วยเชิงปฏิเสธ คือ คำว่า “don’t, won’t, can’t, haven’t” และ “doesn’t” ในขณะที่ ส่วนคำว่า “neither” จะวางไว้หน้าประโยค ก่อนกริยาช่วย คือ คำว่า “do, will, can, has” และ “does” ให้สังเกตว่ากริยาช่วยนั้นจะไม่อยู่ในรูปปฏิเสธ 2.3 นักเรียนฟังครูอธิบายและสรุปเพิ่มเติมเกี่ยวกับหลักการใช้ Connected Statement; Neither and either การจะใช้ and และ either, neither เพื่อแสดงความสอดคล้องในประโยคปฏิเสธ รูปแบบนี้ต้องใช้ คำกริยาช่วย (Auxiliary Verb) ในการสร้างประโยค ซึ่งการเลือกใช้กริยาช่วยให้ถูกต้องนั้น ให้ดูที่ประโยคด้านหน้า ว่าเป็น Tense อะไรและ Tense นั้นใช้กริยาช่วยตัวไหน เช่น - ประโยคข้างหน้าเป็น Simple Present (Subject + Verb 1) ใช้ do, does - ประโยคข้างหน้ามี Verb to be (is, am, are, was, were) ใช้ Verb to be - ประโยคข้างหน้าเป็น Present Perfect (Subject + have / has + Verb 3) ใช้ have, has


หน่วยการเรียนรู้อิงมาตรฐาน รายวิชาภาษาอังกฤษ 4 (อ22122) ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 ภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2566 หน้า 253 - ประโยคข้างหน้าเป็น Simple Past (Subject + Verb 2) ใช้ did - ประข้างหน้าเป็นกริยาช่วยตัวอื่น ๆ เช่น will, can, would ก็ใช้กริยาช่วยตัวนั้นเลย เมื่อเลือก กริยาช่วยได้แล้วให้ผันตามประธานของประโยคที่อยู่หลัง and 1. Either : การใช้ either จะคล้ายกับ too คือวางไว้ท้ายประโยค แต่จะเป็นประโยคปฏิเสธที่มี “not” อยู่ในประโยคด้วย ความหมายประมาณว่า “เช่นกัน, อีกด้วย” โครงสร้าง : Subject + auxiliary verb + either • Jenny doesn’t own a car, and Susan doesn't either. เจนนี่ไม่ได้มีรถยนต์เป็นของตัวเอง และซูซานก็ไม่มีเช่นกัน) • Laura didn’t hand in her report yesterday, and I didn't either. ลอร่าไม่ได้ส่งรายงานเมื่อวานนี้, และฉันก็ไม่ได้ส่งเหมือนกัน 2. Neither : การใช้ neither จะเป็นประโยคปฏิเสธคล้ายกับ neither ไม่ต้องมี “not” อยู่ใน ประโยคด้วย เพราะคำนี้จะแปลว่า “ไม่เช่นกัน, ไม่อีกด้วย” neither จะใช้นำหน้าประโยค และสลับกับระหว่าง ประธานกับกริยา ซึ่งคล้ายกับ so ถึงแม้ว่าจะเป็นการแสดงความสอดคล้องในประโยคปฏิเสธก็ตาม เพราะ neither แปลว่าไม่อยู่แล้ว และจะไม่ใช่คำว่า “ไม่” ซ้ำกัน โครงสร้าง : neither + auxiliary verb + Subject • Jennifer isn't a physician, and neither am I. เจนนิเฟอร์ไม่ใช่หมอ และฉันก็ไม่ใช่เหมือนกัน • My neighbors don’t have any pets, and neither do I. เพื่อนบ้านของฉันไม่มีสัตว์เลี้ยงเลย และฉันก็ไม่มีเหมือนกัน ** การใช้กริยาช่วยในประโยค either ต้องเป็นรูปปฏิเสธ ** การใช้กริยาช่วยในประโยค neither ต้องเป็นรูปบอกเล่า 3. ขั้นปฏิบัติและสรุปความรู้หลังการปฏิบัติ (Applying and Constructing the Knowledge) 3.1 นักเรียนทำแบบฝึกหัดเรื่อง Connected Statement; Neither and either บน PowerPoint Instructions : Complete the following sentences with the correct form of connected statement; neither and either. Example : A cat can’t swim and a cow……………………………. . A cat can’t swim and…………………………….a cow. Part I : 1 - 5 Using either 1. My brother won’t be home tonight and my sister……………………………. . 2. Joe has never been to Japan and William……………………………. . 3.The food is yummy and it…………………………….expensive……………………………. . 4. I couldn’t talk to the director yesterday and My colleague……………………………. . 5.Students were not tired at the end of the day and the teachers……………………………. . Part I : 6 - 10 Using neither 6. The Smiths won’t go to Hawaii this summer and…………………………….my family. 7. My friends haven’t seen that movie yet and…………………………….I. can’t either neither can


หน่วยการเรียนรู้อิงมาตรฐาน รายวิชาภาษาอังกฤษ 4 (อ22122) ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 ภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2566 หน้า 254 8. Claire is not a good dancer and…………………………….Alice. 9.They wouldn't understand me and…………………………….you. 10. He hasn’t helped me clean the floor and…………………………….he helped dad clean the car. Answer Key Part I : 1 - 5 Using either 1. won’t either 2. hasn’t either 3. is not / either 4. couldn’t either 5. weren’t either. Part I : 6 - 10 Using neither 6. neither will 7. neither have 8. neither is 9. neither would 10. neither has 3.2 นักเรียนช่วยกันสรุปและอธิบายความรู้เรื่อง Connected Statement; Neither and either โดย ช่วยกันยกตัวอย่างประโยคและออกมาเขียนบนกระดาน 3.3 นักเรียนช่วยกันวิเคราะห์ ตรวจสอบประโยคที่นักเรียนช่วยกันยกตัวอย่างมานั้นมีความถูกต้อง หรือไม่ถูกต้องอย่างไร เมื่อพบว่าไม่ถูกต้องให้ช่วยกันแก้ไข โดยครูคอยช่วยเหลืออยู่ห่าง ๆ 4. ขั้นสื่อสารและนำเสนอ (Applying the Communication Skill) 4.1 นักเรียนแต่งประโยค Connected Statement; Neither and either คนละ 2 ประโยคลงใน กระดาษ 4.2 นักเรียนนำเสนอประโยคของตนเองหน้าชั้นเรียน 5. ขั้นประเมินเพื่อเพิ่มคุณค่าบริการสังคมและจิตสาธารณะ (Self-Regulating) 5.1 นักเรียนทำการแลกเปลี่ยนประโยคของตนเองกับเพื่อนๆ ในห้อง เพื่อให้ทุกคนในห้องได้ศึกษา ประโยคที่แต่ละคนได้เขียน 5.2 นักเรียนทำการวิเคราะห์ประโยค การใช้ไวยากรณ์ การใช้คำศัพท์ในแต่ละประโยคว่ามีความถูกต้อง หรือผิดพลาดตรงไหน 5.3 นักเรียนช่วยกันรวบรวมข้อผิดพลาดจากการวิเคราะห์ประโยคของเพื่อนๆ และนำเสนอหน้าชั้น 5.4 นักเรียนและครูร่วมกันตรวจสอบคำตอบจากการทำแบบฝึกหัดเรื่อง Connected Statement; Neither and either บน PowerPoint 5.5 นักเรียนฟังครูอธิบายเพิ่มเติมเกี่ยวกับการใช้Connected Statement; Neither and either เพื่อให้นักเรียนเข้าใจมากยิ่งขึ้น ชั่วโมงที่ 5 - 6 1. สร้างความสนใจ (Engage) 1.2 นักเรียนทำกิจกรรมทบทวนความรู้เรื่อง Connected Statement โดยนักเรียนนั่งเป็นกลุ่มและ ช่วยกันตอบคำถามบน PowerPoint จำนวน 10 ข้อ


หน่วยการเรียนรู้อิงมาตรฐาน รายวิชาภาษาอังกฤษ 4 (อ22122) ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 ภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2566 หน้า 255 2. สำรวจและค้นหา (Explore) 2.1 นักเรียนดูวิดีโอคลิปเรื่อง So - Too - English grammar lesson จาก https://www.youtube.com/watch?v=e29CCCnNvas&t=185s 2.2 นักเรียนดูวิดีโอคลิปเรื่อง Neither - Either จาก https://www.youtube.com/watch? v=mcsmHYilD4A 2.3 นักเรียนดูวิดีโอคลิปเรื่อง How to use So & Neither in English: “So do I”, “Neither am I”... จาก https://www.youtube.com/watch?v=kbd_CajdXaw 2.4 นักเรียนดูวิดีโอคลิปเรื่อง การใช้ either too so neither ฉบับครบจบในคลิปเดียว - เรียน ภาษาอังกฤษด้วยตัวเอง จาก https://www.youtube.com/watch?v=tFTw3YIL_0E 3. อธิบาย (Explain) 3.1 นักเรียนช่วยกันสรุปความรู้ที่ได้จากการดูวิดีโอทั้ง 4 คลิป 3.2 นักเรียนฟังครูอธิบายเรื่อง Connected Statement เพิ่มเติม การใช้ Connected Statement : So, Too, Either, และ Neither ความแตกต่างหลัก ๆ ระหว่างการใช้คำว่า “so” กับ “too” และ “either” กับ “neither” นั่นก็ คือ “so” กับ “too” จะใช้ในประโยคบอกเล่า ในขณะที่ “either” กับ “neither” จะใช้กับประโยคปฏิเสธ 1. การใช้ so การใช้ so จะใช้ในประโยคบอกเล่า และจะใช้ในรูปของ inversion หรือการสลับตำแหน่ง ระหว่างประธานกับกริยานั่นเอง และจะใช้ so ขึ้นต้นประโยค โครงสร้างของประโยค คือ So + กริยาช่วย, verb to be + ประธานของประโยค • A : I am happy. ฉันมีความสุข B : So am I. ฉันก็เหมือนกัน am = verb to be • A : Jenny is a student. เจนนี่เป็นนักเรียน


หน่วยการเรียนรู้อิงมาตรฐาน รายวิชาภาษาอังกฤษ 4 (อ22122) ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 ภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2566 หน้า 256 B : So is Sam. แซมก็เช่นกัน is = verb to be • A : I love cats. ฉันชอบแมว B : So do I. ผมก็เหมือนกัน do = กริยาช่วย • A : A dog can swim. หมาสามารถว่ายน้ำได้ B : So can a snake. งูก็เช่นกัน can = กริยาช่วย 2. การใช้ too การใช้ too จะคล้ายกับ so แต่คำว่า too ซึ่งปกติจะวางไว้ท้ายประโยค • A : Nice to see you. ยินดีที่ได้รู้จัก B : Nice to see you too. ยินดีที่ได้รู้จักเช่นกัน • A : Jenny is a student. เจนนี่เป็นนักเรียน B : I am a student too. ฉันก็เช่นกัน • A : I love you. ฉันชอบคุณ B : I love you too. ผมก็เหมือนกัน • A : A dog can swim. หมาสามารถว่ายน้ำได้ B : A snake can swim too. งูก็เช่นกัน หรือจะเอา too ตามหลังประธานของประโยคก็ได้ • A : A dog can swim. หมาสามารถว่ายน้ำได้ B : A snake too can swim. งูก็เช่นกัน


หน่วยการเรียนรู้อิงมาตรฐาน รายวิชาภาษาอังกฤษ 4 (อ22122) ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 ภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2566 หน้า 257 3. การใช้ either การใช้ either จะคล้ายกับ too คือวางไว้ท้ายประโยค แต่จะเป็นประโยคปฏิเสธที่มี “not” อยู่ใน ประโยคด้วย ความหมายประมาณว่า “เช่นกัน, อีกด้วย” • A : A cat can’t swim. แมวไม่สามารถว่ายน้ำได้ B : A cow can’t either. วัวก็ไม่เช่นกัน • A : I’ve never been to Japan. ฉันไม่เคยไปญี่ปุ่นเลย B : I haven’t either. ฉันไม่เคยเหมือนกัน • A : I don’t like cats. ฉันไม่ชอบแมว B : I don’t either. ฉันก็ไม่เช่นกัน • I don’t like cats and I don’t dogs either. ฉันไม่ชอบแมว และฉันไม่ชอบหมาอีกด้วย • The food is yummy and it’s not expensive either. อาหารอร่อย และราคาไม่แพงอีกด้วย 4. การใช้ neither การใช้ neither จะเป็นประโยคปฏิเสธคล้ายกับ neither ไม่ต้องมี “not” อยู่ในประโยคด้วย เพราะคำนี้จะแปลว่า “ไม่เช่นกัน, ไม่อีกด้วย” neither จะใช้นำหน้าประโยค และสลับกับระหว่างประธานกับกริยา ซึ่งคล้ายกับ so • A : A cat can’t swim. แมวไม่สามารถว่ายน้ำได้ B : Neither can a cow. วัวก็ไม่เช่นกัน • A : I’ve never been to Japan. ฉันไม่เคยไปญี่ปุ่นเลย B : Neither have I. ฉันไม่เคยเหมือนกัน • A : I don’t like cats. ฉันไม่ชอบแมว B : Neither do I. ฉันก็ไม่เช่นกัน • He hasn’t helped me clean the floor, neither has he helped dad clean the car.


หน่วยการเรียนรู้อิงมาตรฐาน รายวิชาภาษาอังกฤษ 4 (อ22122) ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 ภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2566 หน้า 258 • เขาไม่ช่วยทำความสะอาดพื้น และเขาไม่ช่วยพ่อล้างรถอีกด้วย สรุปการใช้too / either, so am I / Neither do I 1. too และ either ใช้too และ either ท้ายประโยค ใช้too หลังคำกริยาบอกเล่า A : I’m happy. B : I’m happy too. A : I enjoyed the film. B : I enjoyed it too. Mary is a doctor. Her husband is a doctor too. …สามีของเธอก็เป็นหมอด้วย ใช้either หลังคำกริยาปฏิเสธ A : I’m not happy B : I’m not happy either. (ไม่ใช่“I’m not … too.”) A : I can’t cook. B : I can’t either. (ไม่ใช่ ‘I can’t too’) Bill doesn’t watch TV. He doesn’t read newspaper either. …เขาก็ไม่อ่านหนังสือพิมพ์ด้วย 2. so am I / neither do I So am / is / are…, was / were…, do / does…, did… Neither have / has…, can…, will…, would… So am I = I am too So have I = I have too Neither am I = I’m not either Neither can I = I can’t either A : I’m working. B : So am I.(= I’m working too) A : I was late for work today. B : So was John.(John was late too) A : I work in bank. B : So do I A : We went to the cinema last night. B : Did you? So did we. A : I’d like to go to Australia. B : So would I. A : I haven’t got a key. B : Neither have I.(= I haven’t either) A : Ann can’t cook. B : Neither an Tom. (= Tom can’t either) A : I won’t (= will not) be here tomorrow. B : Neither will I. A : I never go to the cinema. B : Neither do I. หรือจะใช้Nor …(= Neither …) ก็ได้ A : I’m not married. B : Nor am I. หรือ Neither am I. สังเกตว่าเราใช้So am I (ไม่ใช่“So am I”) และ Neither have I (ไม่ใช่“Neither I have”) 3.3 นักเรียนสอบถามความรู้เพิ่มเติมเพื่อเสริมความเข้าใจในเรื่อง Question tag โดยครูเขียนตัวอย่าง ประโยคบนกระดานให้นักเรียนเห็นความหลากหลายมากขึ้น 4. ขยายความรู้ (Elaborate) 4.1 นักเรียนศึกษาเนื้อหาเรื่อง Connected Statement บน PowerPoint


หน่วยการเรียนรู้อิงมาตรฐาน รายวิชาภาษาอังกฤษ 4 (อ22122) ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 ภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2566 หน้า 259 4.2 นักเรียนทำแบบฝึกหัดเรื่อง Connected Statement บน PowerPoint ร่วมกันวิเคราะห์ แสดง ความคิดและตอบคำถามแบบฝึกหัดจำนวน 20 ข้อ Part I : 1 - 10 Using Too and Either Instruction : Complete the sentences with an auxiliary + too or either. 1. I can’t play the piano, and my roommate……………………………. . 2. I like listening to music, and my wife ……………………………. . 3. I don’t like sour food, and my wife……………………………. . 4. Sugar is sweet, and honey……………………………. . 5. Talya wasn’t in class yesterday, and Susan……………………………. . 6. Annie didn’t know the answer to the question, and Tina……………………………. . 7. I couldn’t understand the teacher, and Mayumi……………………………. . 8. Everyone in the room laughed at the joke, and I……………………………. . 9. Fish can’t walk, and snakes……………………………. . 10. I’d rather stay home tonight, and my husband……………………………. . Part II : 11 - 20 Using So and Neither Instruction : Complete the sentences with so or neither + an auxiliary. 11. Pasta is a famous Italian food and…………………………….pizza. 12. Anteaters don’t have teeth and…………………………….most birds. 13. I didn’t go to the library and…………………………….my brother. 14. Turtles are reptiles and…………………………….snakes. 15. My older sister has dark hair and…………………………….I. 16. I’m studying English and…………………………….Stacey. 17. I’m not a native speaker of English and…………………………….Scott. 18. Wood burns and…………………………….paper. 19. Skydiving is dangerous and…………………………….auto racing. 20. I’ve never seen a giraffe in a wild and…………………………….my children. Answer Key : Part I : 1. can’t either 2. does too 3. doesn’t either 4. is too 5. wasn’t either 6. didn’t either 7. couldn’t either 8. did too 9. can’t either 10. would too Part II : 11. so is 12. neither do 13. neither did 14. so are 15. so do 16. so is 17. neither is 18. so does 19. so is 20. neither have 4.3 นักเรียนศึกษาใบความรู้เรื่อง Connected Statement ในเอกสารประกอบการเรียน 4.4 นักเรียนทำใบงานเรื่อง Connected Statement ในเอกสารประกอบการเรียน


หน่วยการเรียนรู้อิงมาตรฐาน รายวิชาภาษาอังกฤษ 4 (อ22122) ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 ภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2566 หน้า 260 4.5 นักเรียนและครูร่วมกันเฉลยแบบฝึกหัดเรื่อง Connected Statement ในเอกสารประกอบการ เรียน 5. ประเมินผล (Evaluate) 5.1 นักเรียนและครูร่วมกันตรวจสอบคำตอบแบบฝึกหัดเรื่อง Connected Statement ในเอกสาร ประกอบการเรียน 5.2 นักเรียนสอบถาม / ซักถามถึงสาเหตุในการตอบคำถามหรือเลือกตอบในแต่ละข้อเพื่อความเข้าใจ มากขึ้น เรื่องที่ 4 เรื่อง Question Tag and Connected Statement (Revision) จำนวนเวลาเรียน 2 ชั่วโมง วิธีสอน (วิธีการสอนแบบการเรียนรู้เชิงรุก (Active Learning)) กิจกรรมการเรียนรู้(Active Learning) ชั่วโมงที่ 1 ขั้นที่ 1 ขั้นนำ 1.1 นักเรียนทบทวนความรู้เรื่อง Question Tag โดยดูภาพและประโยคบน PowerPoint 1.2 นักเรียนช่วยกันแสดงความคิดเกี่ยวกับประโยค Question Tag บน PowerPoint ว่าเป็น ประโยค Question Tag ประเภทใด 1.3 นักเรียนสามารถตอบและอธิบายได้ว่า 1. Nice day, isn’t it? เป็น question tag ในรูปบอกเล่า จากประโยคจะเห็นได้ว่าประโยค question tag เป็นประโยคบอกเล่าประเภท Present simple ใช้ Verb to be เป็น Helping Verb 2. Let’s go out, shall we? เป็น question tags ในรูปปฏิเสธ จากประโยคจะเห็นได้ว่า ประโยค question tag เป็นประโยคปฏิเสธประเภท Future simple ใช้ Verb Tense (helping Verb) เป็น shall ขั้นที่ 2 ขั้นการสืบค้นความรู้จากแหล่งข้อมูลและสารสนเทศ 2.1 นักเรียนดูภาพประโยค Question Tag บน PowerPoint You will be here in ten minutes, won’t you? 2.2 นักเรียนช่วยกันแยกประโยคตามหัวข้อที่ครูเขียนบนกระดาน Subject = …………………………………………. . Auxiliary Verb = …………………………………………. . Main Verb = …………………………………………. . Auxiliary Verb + not = …………………………………………. . Subject pronoun = …………………………………………. .


หน่วยการเรียนรู้อิงมาตรฐาน รายวิชาภาษาอังกฤษ 4 (อ22122) ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 ภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2566 หน้า 261 2.3 นักเรียนสามารถแยกประโยคได้ว่า Subject = You Auxiliary Verb = Will Main Verb = Be Auxiliary Verb + not = Won’t Subject pronoun = You 2.4 นักเรียนช่วยกันวิเคราะห์ประโยค Question Tag บน PowerPoint ว่าประโยคที่นักเรียนเห็น นั้นมีความถูกต้องหรือไม่ถูกต้องอย่างไร และถ้านักเรียนคิดว่าไม่ถูกต้อง จะแก้ไขประโยคให้ถูกต้องอย่างไร I’m invited to the party, am not I? 2.5 นักเรียนสามารถวิเคราะห์ประโยค Question Tag บน PowerPoint ได้ว่า เป็นประโยคที่ไม่ ถูกต้อง ซึ่ง Question Tag ถ้าประโยคหลักใช้ I’m ส่วนของ Tag ต้องใช้ aren’t I? แต่ถ้าประโยคหลักใช้ I’m not ส่วนของ Tag ต้องใช้ am I? และประโยคจะต้องแก้ไขเป็น I’m invited to the party, aren’t I? 2.6 นักเรียนสืบค้นหาข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับตัวอย่างประโยคที่ใช้Question Tag จากเว็บไซต์ ต่าง ๆ จากอินเทอร์เน็ต โดยครูตั้งกติกาว่าจะต้องศึกษาอย่างน้อย 2 เว็บไซต์ ขั้นที่ 3 ขั้นเชื่อมโยงความรู้ 2.1 นักเรียนส่งตัวแทนจำนวน 10 คน เพื่อรับบัตรประโยคและบัตร Question Tag 2.2 นักเรียนที่ได้รับบัตรประโยคและบัตร Question Tag แสดงบัตรคำพร้อมออกเสียงประโยคให้ เพื่อนฟังด้วยความมั่นใจ 2.3 นักเรียนที่มีบัตร Question Tag เดินค้นหาเพื่อนที่มีบัตรประโยคที่สามารถเชื่อมต่อกันและมี ความหมายถูกต้อง 2.4 เมื่อนักเรียนเจอคู่ของตัวเองแล้ว เช่น บัตรประโยค You did your homework yesterday,………………………. ? คู่กับ บัตรคำ Question Tag didn’t you ให้นักเรียนพูดออกเสียงประโยคและ Question Tag นั้น ๆ ทีละคู่แล้วนำบัตรประโยคและ บัตร Question Tag ติดที่กระดาน 2.5 เมื่อนักเรียนติดบัตรคำครบทุกคำเป็นที่เรียบร้อยแล้ว นักเรียนและครูร่วมกันตรวจสอบความ ถูกต้องของประโยคจากบัตรคำประโยคและบัตร Question Tag ที่นักเรียนติดบนกระดาน 2.6 นักเรียนช่วยกันวิเคราะห์ประโยคบนกระดานพร้อมจดบันทึกลงในสมุด ขั้นที่ 4 ขั้นการแลกเปลี่ยนประสบการณ์ปฏิบัติงานกลุ่ม 4.1 นักเรียนแบ่งออกเป็น 10 กลุ่มๆ ละ 5 คน และ โดยแต่ละกลุ่มประกอบไปด้วยสมาชิก นักเรียน เก่ง ปานกลางและอ่อน ให้แต่ละกลุ่มเลือกหัวหน้ากลุ่มของตนเอง 4.2 นักเรียนนั่งเป็นวงกลม และช่วยกันศึกษา Question Tag บน PowerPoint


หน่วยการเรียนรู้อิงมาตรฐาน รายวิชาภาษาอังกฤษ 4 (อ22122) ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 ภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2566 หน้า 262 4.3 นักเรียนนั่งเป็นวงกลม และช่วยกันศึกษา Question Tag จากเอกสารประกอบการเรียน 4.4 นักเรียนสลับกันนำเสนอข้อมูลที่ได้จากการศึกษา โดยพูดสรุปตามความเข้าใจ 4.5 หัวหน้ากลุ่มรวบรวมข้อมูลที่สมาชิกพูด และเขียนลงในแผ่นกระดาษที่ครูเตรียมให้ 4.6 นักเรียนแต่ละกลุ่มทำการแลกเปลี่ยนกระดาษที่เขียนสรุปข้อมูล Question Tag กับกลุ่มอื่น ๆ จนครบ โดยทำการจดบันทึกข้อมูลเพิ่มเติมในส่งที่กลุ่มตนเองไม่มี 4.7 นักเรียนฟังครูอธิบายหลักการใช้ Question Tag Question tag หรือ Tag question คือ รูปประโยคคำถามย่อ ๆ ที่ถูกนำมาต่อท้ายประโยค บอกเล่า เพื่อให้ประโยคนั้นกลายเป็นประโยคคำถาม หรือเพื่อให้ผู้ฟังได้มีโอกาสแสดงความคิดเห็น *** ถ้าประโยคหลักเป็นประโยคบอกเล่า (Affirmative Sentence) ส่วนของ Tag จะต้องเป็น ประโยคปฏิเสธ (Negative Sentence) *** ถ้าประโยคหลักเป็นประโยคปฏิเสธ (Negative Sentence) ส่วนของ Tag จะต้องเป็น ประโยคบอกเล่า (Affirmative Sentence)


หน่วยการเรียนรู้อิงมาตรฐาน รายวิชาภาษาอังกฤษ 4 (อ22122) ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 ภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2566 หน้า 263 1. หลักการสร้าง Question tag มีดังต่อไปนี้ 1.1 ประโยคบอกเล่าที่มีกริยาช่วย (to be, V. to have, V. to do, will, would, shall, should, may, might, can, could) ให้ใช้กริยาช่วยเหล่านั้นมาทำเป็น Question tag ได้เลย • Jack is from Spain, isn’t he? • Mary can speak English, can’t she? • He shouldn’t say things like that, should he? • They aren’t funny, are they? 1.2 ถ้าประโยคหลักอยู่ในรูปของ present simple (รูปประโยค ประธาน + กริยาช่อง 1) ให้ใช้ do, does เข้ามาช่วยในการสร้างส่วนของ Tag • She loves shopping, doesn’t she? • They have a lot of friends, don’t they? (have ในประโยคไม่ได้ทำหน้าที่ เป็นกริยาช่วยแต่ทำหน้าที่เป็นกริยาแท้ แปลว่า มี) 1.3 ถ้าประโยคหลักอยู่ในรูปของ past simple (รูปประโยค ประธาน + กริยาช่อง 2) ให้ใช้ did เข้ามาช่วยในการสร้างส่วนของ Tag เช่น • You killed her, didn’t you? • He ate the banana, didn’t he? 1.4 ถ้าประโยคหลักใช้ I’m ส่วนของ Tag ต้องใช้ aren’t I? แต่ถ้าประโยคหลักใช้ I’m not ส่วนของ Tag ต้องใช้ am I ? • I am attractive, aren’t I ? • I am not the last one, am I ? 1.5 ถ้าประโยคที่มี This is, That is อยู่ในประโยคหลัก ส่วนของ Tag จะต้องใช้เป็น isn’t it? หรือ is it? (ขึ้นอยู่ว่าประโยคหลักอยู่ในรูปบอกเล่าหรือปฏิเสธ) • This is my friend, isn’t it? • That is a book, isn’t it? 1.6 ถ้าประโยคที่มี These are, Those are อยู่ในประโยคหลัก ส่วนของ Tag จะต้องใช้ เป็น aren't they? หรือ are they? (ขึ้นอยู่ว่าประโยคหลักอยู่ในรูปบอกเล่าหรือปฏิเสธ) • These are pens, aren't they? • Those are not your shoes, are they? 1.7 ถ้าประโยคหลักเป็นประโยคคำสั่ง(แต่ไม่ใช่ในเชิงปฏิเสธหรือประโยคคำสั่งที่ไม่มี not) ส่วนของ Tag จะเป็น will you? หรือ won't you? ก็ได้ • Stop daydreaming, will / won’t you? • Be quiet, will / won’t you? 1.8 ถ้าประโยคหลักเป็นประโยคคำสั่ง(ในเชิงปฏิเสธหรือประโยคคำสั่งที่มี not) ส่วนของ Tag จะเป็นต้องเป็น will you? เช่น • Don’t stop running, will you?


หน่วยการเรียนรู้อิงมาตรฐาน รายวิชาภาษาอังกฤษ 4 (อ22122) ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 ภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2566 หน้า 264 1.9 ถ้าประโยคหลักมี Let’s (Let us) ส่วนของ Tag จะต้องเป็น shall we? แต่ถ้าประโยค หลักมี Let + Objective + Verb 1 ส่วนของ Tag จะต้องเป็น will you? • Let’s go, shall we? • Let it go, will you? 2. การตอบคำถามของประโยค Question tag นั้นเราจะใช้ Yes และ No เข้ามาช่วยในการ ตอบคำถาม 2.1 ถ้าประโยคหลักเป็นประโยคบอกเล่า จะตอบ Yes เมื่อเห็นด้วยกับประโยคหลัก จะตอบ No เมื่อไม่เห็นด้วยกับประโยคหลัก • He can speak Thai, can’t he? เขาพูดภาษาไทยได้,ใช่ไหม Yes, he can. ใช่ เขาพูดภาษาไทยได้ No, he can’t. ไม่ เขาพูดภาษาไทยไม่ได้ 2.2 ถ้าประโยคหลักเป็นประโยคปฏิเสธ จะตอบ No เมื่อเราเห็นด้วยกับประโยคหลัก จะตอบ Yes เมื่อเราไม่เห็นด้วยกับประโยคหลัก • You don’t like dog, do you? คุณไม่ชอบสุนัข,ใช่ไหม No, I don’t. ใช่ ฉันไม่ชอบสุนัข Yes, I do. ไม่นะ ฉันชอบสุนัข ขั้นที่ 5 ขั้นการสร้างองค์ความรู้ร่วมกัน 5.1 นักเรียนช่วยกันวิเคราะห์และตอบคำถามบน PowerPoint จำนวน 15 ข้อ Instructions : Choose the best answer for each of the following sentences 1. She goes to school every day,…………………………….? 1) does not she 2) doesn’t she 3) doesn’t she go 4) does she 2. He never used to give sweet words,…………………………….he? 1) usedn’t 2) didn’t 3) did 4) never used 3. My car needs cleaning every morning,…………………………….? 1) doesn’t it 2) needsn’t it 3) isn’t it 4) needs it


หน่วยการเรียนรู้อิงมาตรฐาน รายวิชาภาษาอังกฤษ 4 (อ22122) ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 ภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2566 หน้า 265 4. I am a teacher by profession,…………………………….? 1) aren’t I 2) amn’t I 3) am I 4) are I 5. Let’s sing a national song,…………………………….? 1) don’t we 2) don’t you 3) shall we 4) shan’t we 6. Please come and see me at home tomorrow,…………………………….? 1) won’t you 2) will you 3) don’t you 4) do you 7. We have our lunch at school every day,…………………………….? 1) don’t we 2) do you 3) don’t you 4) don’t you have 8. You’d better finish your report this week,…………………………….? 1) hadn’t you 2) don’t you 3) do you 4) better you 9. That job is hardly suitable for Peter,…………………………….? 1) isn’t it 2) is it 3) hardly it 4) is that job 10. Nothing else was done,…………………………….? 1) wasn’t it 2) was it 3) wasn’t else 4) was else 11. She rarely goes to the cinema,…………………………….? 1) does she 2) rarely she 3) doesn’t she 4) doesn’t rarely 12. These are my belongings,…………………………….? 1) are they 2) aren’t they 3) aren’t these 4) are these 13. Nobody liked him,…………………………….? 1) didn’t they 2) didn’t he 3) didn’t nobody 4) did they 14. None of us loved her,…………………………….? 1) did none 2) did they 3) did we 4) did her


หน่วยการเรียนรู้อิงมาตรฐาน รายวิชาภาษาอังกฤษ 4 (อ22122) ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 ภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2566 หน้า 266 15. I think he is a doctor,…………………………….? 1) isn’t he 2) is he 3) don’t I 4) doesn’t he Answer Key : 1. 2) 2. 3) 3. 1) 4. 1) 5. 3) 6. 2) 7. 1) 8. 1) 9. 2) 10. 2) 11. 1) 12. 2) 13. 4) 14. 3) 15. 1 5.2 นักเรียนและครูร่วมกันตรวจสอบคำตอบจากการทำแบบฝึกหัดเรื่อง Question tag บน PowerPoint 5.3 นักเรียนซักถามครูเพิ่มเติมแต่ละข้อเมื่อนักเรียนไม่เข้าใจ โดยครูอธิบายโจทย์และตัวเลือกอย่าง ชัดเจน 5.4 นักเรียนทำใบงานเรื่อง Question tag (Revision) ในเอกสารประกอบการเรียนรู้ 5.5 นักเรียนและครูร่วมกันตรวจสอบคำตอบจากการทำใบงานเรื่อง Question tag (Revision) ใน เอกสารประกอบการเรียนรู้ ขั้นที่ 6 ขั้นการสื่อสารและการนำเสนอ 6.1 นักเรียนนำข้อมูลที่ได้จากการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ข้อมูลการสรุปเรื่อง Question tag จากกลุ่มอื่น นำมารวบรวมเข้ากับข้อมูลของกลุ่มตนเอง 6.2 ตัวแทนกลุ่มรับกระดาษและอุปกรณ์การเขียนเพื่อทำการสรุปเนื้อหา Question tag ที่นักเรียน ได้แลกเปลี่ยนเรียนรู้ 6.3 นักเรียนแต่ละกลุ่มออกมานำเสนอข้อมูลเรื่อง Question tag ของกลุ่มตนเองหน้าชั้นเรียน ขั้นที่ 7 ขั้นประยุกต์ใช้ในชีวิตประจำวัน 7.1 นักเรียนร่วมกันสรุป Question tag ที่เรียนไปแล้ว 7.2 นักเรียนยกตัวอย่างการนำความรู้เรื่อง Question tag ที่แต่ละกลุ่มได้เรียนรู้โดยสรุปร่วมกันทั้ง ห้องแล้วบันทึกความรู้ลงในสมุดบันทึก ชั่วโมงที่ 2 ขั้นที่ 1 ขั้นนำ 1.1 นักเรียนแบ่งกลุ่ม กลุ่มละเท่า ๆ กัน โดยสมาชิกประกอบไปด้วยนักเรียนเก่ง ปานกลาง และ อ่อน โดยสมาชิกจะต้องไม่ซ้ำกับสมาชิกเดิมในกลุ่มที่แล้ว 1.2 นักเรียนทบทวนความรู้เรื่อง Connected Statement ใช้รูปแบบกิจกรรม Quiz show จาก https://wordwall.net/th/resource/1684289/too-either-so-neither โดยนักเรียนดูภาพและประโยคบน PowerPoint และช่วยกันเลือกคำตอบภายในเวลาที่กำหนด จำนวน 10 ข้อ


หน่วยการเรียนรู้อิงมาตรฐาน รายวิชาภาษาอังกฤษ 4 (อ22122) ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 ภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2566 หน้า 267 ขั้นที่ 2 ขั้นการสืบค้นความรู้จากแหล่งข้อมูลและสารสนเทศ 2.1 นักเรียนดูภาพประโยค Connected Statement บน PowerPoint • I likes playing guitar and so does Ethan. • Snow White was beautiful and The Queen was too. • Sebastian can not sing a song and Hannah can not either. • Irene is not doing his homework and neither is Nathan. 2.2 นักเรียนช่วยกันเปลี่ยนประโยคที่ขีดเส้นใต้ให้อยู่ในรูปประโยคปกติ 2.3 นักเรียนสามารถเปลี่ยนประโยคได้เป็น • I likes playing guitar. Ethan also likes playing guitar. • Snow White was beautiful. The Queen was beautiful • Sebastian can not sing a song. Hannah can not sing a song • Irene is not doing his homework now. Nathan is also not doing his homework. 2.4 นักเรียนช่วยกันวิเคราะห์ประโยค Connected Statement บน PowerPoint ว่าประโยคที่ นักเรียนเห็นนั้นมีความถูกต้องหรือไม่ถูกต้องอย่างไร และถ้านักเรียนคิดว่าไม่ถูกต้อง จะแก้ไขประโยคให้ถูกต้อง อย่างไร A : I don’t play football. B : I don’t neither. 2.5 นักเรียนสามารถวิเคราะห์ประโยค Connected Statement บน PowerPoint ได้ว่า เป็น ประโยคที่ไม่ถูกต้อง ซึ่งตามหลักการใช้ neither ในประโยค Connected Statement นั้น Neither จะไม่วางไว้ ตำแหน่งหลังสุด และการใช้ Neither จะไม่มีการใช้ helping verb ที่เป็นปฏิเสธ ดังนั้นแล้วประโยคจะต้องแก้ไข เป็น Neither do I. หรือสามารถตัดคำว่า neither ออกและเป็นเป็น either แทนได้ เพราะ either สามารถวางไว้ ตำแหน่งสุดท้ายและต้องตามด้วย helping verb ที่เป็นปฏิเสธ ซึ่งสามารถแก้เป็น I don’t either. 2.6 นักเรียนสืบค้นหาข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับตัวอย่างประโยคที่ใช้Connected Statement จาก เว็บไซต์ต่าง ๆ จากอินเทอร์เน็ต โดยครูตั้งกติกาว่าจะต้องศึกษาอย่างน้อย 2 เว็บไซต์ ขั้นที่ 3 ขั้นเชื่อมโยงความรู้ 2.1 นักเรียนส่งตัวแทนจำนวน 10 คนเพื่อรับบัตรประโยคและบัตรประโยค Connected Statement 2.2 นักเรียนที่ได้รับบัตรประโยคและบัตรประโยค Connected Statement แสดงบัตรคำพร้อม ออกเสียงประโยคให้เพื่อนฟังด้วยความมั่นใจ 2.3 นักเรียนที่มีบัตรประโยค Connected Statement เดินค้นหาเพื่อนที่มีบัตรประโยคที่สามารถ เชื่อมต่อกันและมีความหมายถูกต้อง 2.4 เมื่อนักเรียนเจอคู่ของตัวเองแล้ว เช่น บัตรประโยค Dogs cannot fly and………………………. .


หน่วยการเรียนรู้อิงมาตรฐาน รายวิชาภาษาอังกฤษ 4 (อ22122) ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 ภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2566 หน้า 268 คู่กับบัตรประโยค Connected Statement Cats can’t either. ให้นักเรียนพูดออกเสียงประโยคและประโยค Connected Statement นั้น ๆ ทีละคู่แล้วนำ บัตรประโยคและบัตร Connected Statement ติดที่กระดาน 2.5 เมื่อนักเรียนติดบัตรคำครบทุกคำเป็นที่เรียบร้อยแล้ว นักเรียนและครูร่วมกันตรวจสอบความ ถูกต้องของประโยคจากบัตรคำประโยคและบัตรคำเชื่อมที่นักเรียนติดบนกระดาน 2.6 นักเรียนช่วยกันวิเคราะห์ประโยคบนกระดานพร้อมจดบันทึกลงในสมุด ขั้นที่ 4 ขั้นการแลกเปลี่ยนประสบการณ์ปฏิบัติงานกลุ่ม 4.1 นักเรียนแบ่งออกเป็นกลุ่มๆ ละเท่า ๆ กัน โดยแต่ละกลุ่มประกอบไปด้วยสมาชิก นักเรียนเก่ง ปานกลางและอ่อน ให้แต่ละกลุ่มเลือกหัวหน้ากลุ่มของตนเอง 4.2 นักเรียนนั่งเป็นวงกลม และช่วยกันศึกษา Connected Statement บน PowerPoint 4.3 นักเรียนนั่งเป็นวงกลม และช่วยกันศึกษา Connected Statement จากเอกสารประกอบการ เรียน 4.4 นักเรียนสลับกันนำเสนอข้อมูลที่ได้จากการศึกษา โดยพูดสรุปตามความเข้าใจ 4.5 นักเรียนฟังครูอธิบายหลักการใช้ Connected Statement ขั้นที่ 5 ขั้นการสร้างองค์ความรู้ร่วมกัน 5.1 นักเรียนช่วยกันวิเคราะห์และเลือกคำตอบบน PowerPoint จำนวน 10 ข้อ โดยนักเรียนอ่าน ประโยคและช่วยกันวิเคราะห์และนำตัวเลือกประโยค Connected Statement มาใส่ด้านหน้าประโยค Instructions : Choose the best answer for each of the following sentences Answer Key


หน่วยการเรียนรู้อิงมาตรฐาน รายวิชาภาษาอังกฤษ 4 (อ22122) ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 ภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2566 หน้า 269 เมื่อตอบจนครบทุกข้อแล้วนักเรียนช่วยกันตรวจสอบคำตอบอีกครั้งก่อนที่ครุจะกดเฉลย 5.2 นักเรียนช่วยกันวิเคราะห์และตอบคำถามบน PowerPoint จำนวน 2 ข้อ 5.3 นักเรียนแต่ละคู่ช่วยกันวิเคราะห์และตอบคำถามบน PowerPoint จำนวน 5 ข้อ ในกิจกรรมที่ 2 (Grammar » A2 Grammar lessons and exercises » so, neither – so am I, neither do I, etc. » Page 2) จาก https://test-english.com/grammar-points/a2/so-neither/2/ โดยเขียนคำตอบลงในกระดาษที่ครู เตรียมให้ Instructions : Choose the correct forms with so, neither, too, either to complete the sentences below. 1. A : I can’t go to the presentation. B : ……………………………………. . a) Neither can’t I b) Neither can I c) So can I 2. Choose TWO correct answers A : I’m not going out tonight. B : ……………………………………. . a) Neither I am b) Neither am I c) I am either d) I’m not going out either 3. A : I haven’t got time. B : Neither……………………………………. . a) have I b) I have c) do I 4. Choose TWO correct answers A : I went for a run this morning. B : ……………………………………. . a) So did I b) So am I c) So was I d) I went for a run too


หน่วยการเรียนรู้อิงมาตรฐาน รายวิชาภาษาอังกฤษ 4 (อ22122) ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 ภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2566 หน้า 270 5. A : I never go to the cinema. B : ……………………………………. . a) Neither do I b) Neither am I c) So am I 5.4 เมื่อนักเรียนแต่ละคู่ตอบจครบ 5 ข้อเรียบร้อยแล้ว นักเรียนและครูร่วมกันเฉลยคำตอบ โดย นักเรียนช่วยกันตอบว่าเลือกคำตอบใดบ้างพร้อมอธิบายเหตุผล หลังจากนั้นครูคลิกเฉลยและคำอธิบายทีละข้อ 5.5 นักเรียนเรียนร่วมกันอธิบายคำเฉลยและร่วมกันแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับคำอธิบายโดยช่วยกัน แปลความหมายเป็นภาษาไทย โดยมีคำตอบและคำอธิบายดังนี้ ข้อ 1 ตอบ b) ➪ We use so + auxiliary verb + subject in affirmative sentences and neither + auxiliary verb + subject in negative sentences. ➪ Neither / nor is a negative word, like not. For this reason, the auxiliary verb after neither should be affirmative. ข้อ 2 ตอบ b) และ d) ➪ We say neither + affirmative auxiliary verb + subject. And we use either at the end of a sentence with a negative verb. ข้อ 3 ตอบ a) ➪ The verb have is an auxiliary verb in the form have got. ➪ After neither we have to use an affirmative auxiliary verb because neither is a negative word, like not. ข้อ 4 ตอบ a) และ d) ➪ We don’t have an auxiliary verb in the first sentence, and when there isn’t an auxiliary or modal verb in the first sentence, we use do / does for present and did for past. ➪ We can also use too at the end of affirmative sentences to mean the same. ข้อ 5 ตอบ a) ➪ We use neither because the sentence “I never go to the cinema” is negative: never = not. ➪ After neither we use do because there is no auxiliary verb in the first sentence, and when there isn’t an auxiliary or modal verb in the first sentence, we use do / does for present and did for past. 5.6 นักเรียนซักถามครูเพิ่มเติมแต่ละข้อเมื่อนักเรียนไม่เข้าใจ โดยครูอธิบายโจทย์และตัวเลือกอย่าง ชัดเจน 5.7 นักเรียนทำใบงานเรื่อง Connected Statement (Revision) ในเอกสารประกอบการเรียนรู้ 5.8 นักเรียนและครูร่วมกันตรวจสอบคำตอบจากการทำใบงานเรื่อง Connected Statement (Revision) ในเอกสารประกอบการเรียนรู้


หน่วยการเรียนรู้อิงมาตรฐาน รายวิชาภาษาอังกฤษ 4 (อ22122) ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 ภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2566 หน้า 271 ขั้นที่ 6 ขั้นการสื่อสารและการนำเสนอ 6.1 นักเรียนแต่ละกลุ่มแลกเปลี่ยนเรียนรู้ข้อมูลที่แต่ละกลุ่มได้สรุปจนครบทุกกลุ่ม 6.2 นักเรียนนำข้อมูลที่ได้จากการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ข้อมูลการสรุปเรื่อง Connected Statement จากกลุ่มอื่นนำมารวบรวมเข้ากับข้อมูลของกลุ่มตนเอง 6.3 ตัวแทนกลุ่มรับกระดาษและอุปกรณ์การเขียนเพื่อทำการสรุปเนื้อหา Connected Statement ที่นักเรียนได้แลกเปลี่ยนเรียนรู้ 6.4 นักเรียนแต่ละกลุ่มออกมานำเสนอข้อมูลเรื่อง Connected Statement ของกลุ่มตนเองหน้า ชั้นเรียน ขั้นที่ 7 ขั้นประยุกต์ใช้ในชีวิตประจำวัน 7.1 นักเรียนร่วมกันสรุป Connected Statement ที่เรียนไปแล้ว 7.2 นักเรียนยกตัวอย่างการนำความรู้เรื่อง Connected Statement ที่แต่ละกลุ่มได้เรียนรู้โดยสรุป ร่วมกันทั้งห้องแล้วบันทึกความรู้ลงในสมุดบันทึก


หน่วยการเรียนรู้อิงมาตรฐาน รายวิชาภาษาอังกฤษ 4 (อ22122) ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 ภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2566 หน้า 272 โรงเรียนแผนการจัดการเรียนรู้ หน่วยการเรียนรู้ที่ 8 เรื่อง Places around Us แผนการจัดการเรียนรู้ที่14 เรื่อง Vocabulary, reading and conversation รหัสวิชา อ22122 รายวิชา ภาษาอังกฤษ 4 ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาต่างประเทศ ปีการศึกษา 2566 ภาคเรียนที่ 2 เวลา 2 ชั่วโมง ผู้สอน นายสุจินดา ปรากฏวงศ์ 1. มาตรฐานการเรียนรู้/ ตัวชี้วัด 1.1 มาตรฐานการเรียนรู้ มาตรฐาน ต 1.1 เข้าใจและตีความเรื่องที่ฟังและอ่านจากสื่อประเภทต่าง ๆ และแสดงความคิดเห็น อย่างมีเหตุผล มาตรฐาน ต 1.2 มีทักษะการสื่อสารทางภาษาในการแลกเปลี่ยนข้อมูลข่าวสาร แสดงความรู้สึกและความ คิดเห็นอย่างมีประสิทธิภาพ มาตรฐาน ต 1.3 นำเสนอข้อมูลข่าวสาร ความคิดรวบยอด และความคิดเห็นในเรื่องต่าง ๆ โดยการพูด และการเขียน มาตรฐาน ต 4.1 ใช้ภาษาต่างประเทศในสถานการณ์ต่าง ๆ ทั้งในสถานศึกษา ชุมชน และสังคม 1.2 ตัวชี้วัด ต 1.1 ม.2/2 อ่านออกเสียงข้อความ ข่าว ประกาศ และบทร้อยกรองสั้น ๆ ถูกต้องตามหลักการอ่าน ต 1.2 ม.2/2 ใช้คำขอร้อง ให้คำแนะนำ คำชี้แจง และคำอธิบายตามสถานการณ์ ต 1.3 ม.2/2 พูดและเขียนสรุปใจความสำคัญ / แก่นสาระ หัวข้อเรื่อง (topic) ที่ได้จากการวิเคราะห์ เรื่อง / ข่าว / เหตุการณ์ ที่อยู่ในความสนใจของสังคม ต 4.1 ม.2/1 ใช้ภาษาสื่อสารในสถานการณ์จริงท /สถานการณ์จำลองที่เกิดขึ้นในห้องเรียน สถานศึกษา และชุมชน 2. จุดประสงค์การเรียนรู้ 2.1 ด้านความรู้ ความเข้าใจ (K) - นักเรียนมีความรู้เกี่ยวกับการอ่านออกเสียง Vocabulary บทสนทนา - นักเรียนมีความรู้ เรื่องการใช้ Question Tag และ Connected Statement 2.2 ด้านทักษะกระบวนการ (P) - นักเรียนสามารถอ่านออกเสียง Vocabulary บทสนทนา ได้ถูกต้อง - นักเรียนสามารถใช้ประโยค Question Tag และ Connected Statement ในคำขอร้อง คำแนะนำ คำชี้แจง และคำอธิบาย การพูดและเขียนเหตุการณ์ที่อยู่ในความสนใจ ในสถานการณ์จริง / สถานการณ์จำลองที่ เกิดขึ้นในห้องเรียน สถานศึกษาและชุมชนได้ 2.3 คุณลักษณะ เจตคติ ค่านิยม (A) - รักการเรียนรู้ภาษาอังกฤษและฝึกฝนอย่างจริงจังเพียงพอ - ผู้เรียนใช้ภาษาอังกฤษอย่างมีมารยาท ถูกต้องตามกาลเทศะ และบุคคล


หน่วยการเรียนรู้อิงมาตรฐาน รายวิชาภาษาอังกฤษ 4 (อ22122) ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 ภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2566 หน้า 273 3. สาระสำคัญ / ความคิดรวบยอด - พูดและเขียนโดยใช้ Vocabulary ในคำขอร้อง คำแนะนำ คำชี้แจง และคำอธิบายในสถานการณ์จริง / สถานการณ์จำลองที่เกิดขึ้นในห้องเรียน สถานศึกษาและชุมชน และในเหตุการณ์ที่อยู่ในความสนใจ มีทักษะในการ เลือก พอประมาณ มีเหตุผล มีภูมิคุ้มกัน และมีคุณธรรม ในการปฏิบัติตนอย่างเหมาะสม ตามหลักปรัชญาของ เศรษฐกิจพอเพียง 4. สาระการเรียนรู้ 4.1 สาระการเรียนรู้แกนกลาง พูดและเขียนโดยใช้ Vocabulary ในคำขอร้อง คำแนะนำ คำชี้แจง และคำอธิบายในสถานการณ์จริง / สถานการณ์จำลองที่เกิดขึ้นในห้องเรียน สถานศึกษาและชุมชน และในเหตุการณ์ที่อยู่ในความสนใจได้ 4.2 สาระการเรียนรู้ท้องถิ่น 1. คำศัพท์ในเรื่อง Unit 8 : Places around Us 2. บทสนทนาในเรื่อง Unit 8 : Places around Us 3. การใช้ Vocabulary ในรูปแบบต่าง ๆ 5. สมรรถนะสำคัญของผู้เรียน (เฉพาะที่เกิดในหน่วยการเรียนรู้นี้) 5.1 ความสามารถในการสื่อสาร 5.2 ความสามารถในการคิด 5.3 ความสามารถในการแก้ปัญหา 5.4 ความสามารถในการใช้ทักษะชีวิต 5.5 ความสามารถในการใช้เทคโนโลยี 6. คุณลักษณะอันพึงประสงค์ (เฉพาะที่เกิดในหน่วยการเรียนรู้นี้) 6.1 คุณลักษณะอันพึงประสงค์ (ตามหลักสูตรแกนกลาง) 1) รักชาติ ศาสน์ กษัตริย์ 2) ซื่อสัตย์สุจริต 3) มีวินัย 4) ใฝ่เรียนรู้ 5) อยู่อย่างพอเพียง 6) มุ่งมั่นในการทำงาน 7) รักความเป็นไทย 8) มีจิตสาธารณะ 6.2 คุณลักษณะตามหลักสูตรมาตรฐานสากล 1) มีความรู้พื้นฐานในยุคดิจิตอล วิทยาศาสตร์ เศรษฐศาสตร์ เทคโนโลยี รู้ภาษา พหุวัฒนธรรม ตระหนักสำนึกระดับโลก 2) สามารถคิดประดิษฐ์อย่างสร้างสรรค์ ปรับตัวใฝ่รู้ ใฝ่เรียน วิเคราะห์ สังเคราะห์สรุป สร้างองค์ความรู้ 3) มีทักษะสื่อสารอย่างมีประสิทธิภาพ 4) มีความสามารถในการใช้ทักษะชีวิต 5) มีความสามารถในการใช้เทคโนโลยี 7. ทักษะของผู้เรียนในศตวรรษที่ 21 (3R 7C เฉพาะที่เกิดในหน่วยการเรียนรู้นี้) 7.1 ทักษะการอ่าน (Reading) 7.2 ทักษะการเขียน (Writing) 7.3 ทักษะการคิดคำนวณ (Arithmetic) 7.4 ทักษะด้านการคิดอย่างมีวิจารณญาณและทักษะในการแก้ปัญหา (Critical thinking and problem solving)


หน่วยการเรียนรู้อิงมาตรฐาน รายวิชาภาษาอังกฤษ 4 (อ22122) ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 ภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2566 หน้า 274 7.5 ทักษะด้านการสร้างสรรค์และนวัตกรรม (Creativity and innovation) 7.6 ทักษะด้านความร่วมมือการทำงานเป็นทีมและภาวะผู้นำ (Collaboration, teamwork and leadership) 7.7 ทักษะด้านความเข้าใจต่างวัฒนธรรมต่างกระบวนทัศน์ (Cross-cultural understanding) 7.8 ทักษะด้านการสื่อสารสารสนเทศและรู้เท่าทันสื่อ (Communication information and media literacy) 7.9 ทักษะด้านคอมพิวเตอร์และเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร (Computing) 7.10 ทักษะอาชีพและทักษะการเรียนรู้ (Career and learning self-reliance, change) 8. การบูรณาการตามพระราชบัญญัติการศึกษาแห่งชาติ (เฉพาะที่เกิดในหน่วยการเรียนรู้นี้) 8.1 บูรณาการสวนพฤกษศาสตร์โรงเรียน 8.2 บูรณาการเศรษฐกิจพอเพียง 8.3 บูรณาการห้องเรียนสีเขียว 8.4 อื่น ๆ (โปรดระบุ)................................................................................................................................................. 9. ชิ้นงาน / ภาระงาน 1. ภาระงาน - ใบงานเรื่อง Vocabulary - แบบฝึกหัดเรื่อง Reading and conversation ในหนังสือเรียนรายวิชาพื้นฐาน ภาษาอังกฤษ Spark 2 ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 2. ชิ้นงาน - 10. กิจกรรมการเรียนรู้(Active Learning) เรื่อง Vocabulary, reading and conversation วิธีการสอน (วิธีการสอนแบบค้นพบ Discovery Method) ชั่วโมงที่ 1 1. ขั้นนำเข้าสู่บทเรียน 1.1 นักเรียนดูรูปภาพและประโยคบน PowerPoint “Look at the picture and tell me what you see in the picture”


หน่วยการเรียนรู้อิงมาตรฐาน รายวิชาภาษาอังกฤษ 4 (อ22122) ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 ภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2566 หน้า 275 1.2 นักเรียนช่วยกันแสดงความคิดเห็น โดยครูรับคำตอบทุกคำ 1.3 นักเรียนสามารถตอบได้ว่า post office, mail box, music store, movie theater, bank, grocery store, parking lot, drugstore, swimming pool, park, bus stop, bookstore, restaurant, public rest room, travel agent เป็นต้น 1.4 นักเรียนดูประโยคคำถามบนกระดาน Where is the bookstore? 1.5 นักเรียนช่วยกันแสดงความคิดเห็น โดยนักเรียนสามารถตอบได้ว่า It’s on the Mable Street, close to the Chinese restaurant. 1.6 นักเรียนทำกิจกรรม Asking for the diction : Use theses proposition to ask for and give directions โดยใช้รูปภาพในหนังสือเรียน Spark 2 หน้าที่ 93 เช่น A : Excuse me, where is the bank? B : It’s on Apple Street, next to the chemist’s. 1.7 นักเรียนทำกิจกรรม Reading : Twin Cities Different Worlds. ในหนังสือเรียน Spark 2 หน้าที่ 94 1.8 นักเรียนและครูร่วมกันเฉลยคำตอบในกิจกรรม Reading : Twin Cities Different Worlds. ใน หนังสือเรียน Spark 2 หน้าที่ 94 หากมีข้อใดที่นักเรียนยังตอบได้ไม่ถูกต้องให้ครูผู้สอนอธิบายคำตอบให้นักเรียนฟัง เพื่อให้นักเรียนมีความเข้าใจมากขึ้น 2. ขั้นเรียนรู้ 2.1 นักเรียนฟังบทสนทนาในหนังสือเรียน Spark 2 หน้าที่ 99 2.2 นักเรียนจับกลุ่มเพื่อฝึกบทสนทนา และส่งตัวแทนออกมา 1 กลุ่มเพื่อออกมาพูดบทสนทนา 2.3 นักเรียนทำกิจกรรมในหนังสือเรียน Spark 2 หน้าที่ 99 กิจกรรม Look at the map. Act out dialogues asking for and giving directions from the hospital to the post office. -the park to café. - the car park to the library. -the police station to the café. 2.4 นักเรียนส่งตัวแทนออกมาพูดบทสนทนาตามหัวข้อ • the hospital to the post office. • the park to café. • the car park to the library. • the police station to the café. ชั่วโมงที่ 2 3. ขั้นนำไปใช้ 3. ขั้นนำไปใช้ 3.1 นักเรียนศึกษาคำศัพท์ในเอกสารประกอบการเรียน 3.2 นักเรียนทำใบงานแบบฝึกหัดเกี่ยวกับคำศัพท์ในเอกสารประกอบการเรียน 3.3 นักเรียนและครูร่วมกันเฉลยแบบฝึกหัดเกี่ยวกับคำศัพท์ในเอกสารประกอบการเรียน หากมีข้อใดที่ นักเรียนยังตอบได้ไม่ถูกต้องให้ครูผู้สอนอธิบายคำตอบให้นักเรียนฟังเพื่อให้นักเรียนมีความเข้าใจมากขึ้น


หน่วยการเรียนรู้อิงมาตรฐาน รายวิชาภาษาอังกฤษ 4 (อ22122) ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 ภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2566 หน้า 276 11. สื่อการเรียนรู้ / แหล่งเรียนรู้ 11.1 สื่อการเรียนรู้ 1. หนังสือเรียนรายวิชาพื้นฐาน ภาษาอังกฤษ Spark 2 ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 2. ใบความรู้เรื่อง Vocabulary 3. ใบงานเรื่อง Vocabulary 4. แบบฝึกหัดเรื่อง Reading and conversation ในหนังสือเรียนรายวิชาพื้นฐาน ภาษาอังกฤษ Spark 2 ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 11.2 แหล่งเรียนรู้ 1. หนังสือพิมพ์ 2. อินเทอร์เน็ตหรือสื่ออื่น ๆ 12. การวัดและประเมินผล ลำดับ รายการที่วัดและประเมินผล วิธีการ เครื่องมือ เกณฑ์ 1 ใบงานเรื่อง Vocabulary ตรวจใบงานท้ายบท ใบงานท้ายบท นั ก เรีย น ให้ ค วาม ร่วม มื อใน การท ำ แบบฝึกหัดและตอบ ถูกร้อยละ 60 ขึ้นไป ผ่านเกณฑ์ 2 แบบฝึกหัดเรื่อง Reading and conversation ในหนังสือเรียน รายวิชาพื้นฐาน ภาษาอังกฤษ Spark 2 Student’s book ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 ตรวจแบบฝึกหัด แบบฝึกหัด นั ก เรีย น ให้ ค วาม ร่วม มื อใน การท ำ แบบฝึกหัดและตอบ ถูกร้อยละ 60 ขึ้นไป ผ่านเกณฑ์ 13. เกณฑ์การประเมิน 16 - 20 คะแนน ดีมาก 11 - 15 คะแนน ดี 6 - 10 คะแนน พอใช้ น้อยกว่า 6 คะแนน ควรปรับปรุง ลงชื่อ ผู้จัดทำ (นายสุจินดา ปรากฏวงศ์) ตำแหน่ง ครู


หน่วยการเรียนรู้อิงมาตรฐาน รายวิชาภาษาอังกฤษ 4 (อ22122) ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 ภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2566 หน้า 277 บันทึกหลังการใช้แผนการจัดการเรียนรู้ ...................................................................................................................................................................................... ...................................................................................................................................................................................... ...................................................................................................................................................................................... ...................................................................................................................................................................................... ...................................................................................................................................................................................... ...................................................................................................................................................................................... ...................................................................................................................................................................................... ...................................................................................................................................................................................... ...................................................................................................................................................................................... ลงชื่อ ผู้จัดทำ (นายสุจินดา ปรากฏวงศ์) ตำแหน่ง ครู วันที่..............เดือน..................................พ.ศ. ..................


หน่วยการเรียนรู้อิงมาตรฐาน รายวิชาภาษาอังกฤษ 4 (อ22122) ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 ภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2566 หน้า 278 โรงเรียนแผนการจัดการเรียนรู้ หน่วยการเรียนรู้ที่ 8 เรื่อง Places around Us แผนการจัดการเรียนรู้ที่15 เรื่อง Question Tag รหัสวิชา อ22122 รายวิชา ภาษาอังกฤษ 4 ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาต่างประเทศ ปีการศึกษา 2566 ภาคเรียนที่ 2 เวลา 6 ชั่วโมง ผู้สอน นายสุจินดา ปรากฏวงศ์ 1. มาตรฐานการเรียนรู้ / ตัวชี้วัด 1.1 มาตรฐานการเรียนรู้ มาตรฐาน ต 1.1 เข้าใจและตีความเรื่องที่ฟังและอ่านจากสื่อประเภทต่าง ๆ และแสดงความคิดเห็น อย่างมีเหตุผล มาตรฐาน ต 1.2 มีทักษะการสื่อสารทางภาษาในการแลกเปลี่ยนข้อมูลข่าวสาร แสดงความรู้สึกและความ คิดเห็นอย่างมีประสิทธิภาพ มาตรฐาน ต 1.3 นำเสนอข้อมูลข่าวสาร ความคิดรวบยอด และความคิดเห็นในเรื่องต่าง ๆ โดยการพูด และการเขียน มาตรฐาน ต 4.1 ใช้ภาษาต่างประเทศในสถานการณ์ต่าง ๆ ทั้งในสถานศึกษา ชุมชน และสังคม 1.2 ตัวชี้วัด ต 1.1 ม.2/2 อ่านออกเสียงข้อความ ข่าว ประกาศ และบทร้อยกรองสั้น ๆ ถูกต้องตามหลักการอ่าน ต 1.2 ม.2/2 ใช้คำขอร้อง ให้คำแนะนำ คำชี้แจง และคำอธิบายตามสถานการณ์ ต 1.3 ม.2/2 พูดและเขียนสรุปใจความสำคัญ / แก่นสาระ หัวข้อเรื่อง (topic) ที่ได้จากการวิเคราะห์ เรื่อง / ข่าว / เหตุการณ์ ที่อยู่ในความสนใจของสังคม ต 4.1 ม.2/1 ใช้ภาษาสื่อสารในสถานการณ์จริงท /สถานการณ์จำลองที่เกิดขึ้นในห้องเรียน สถานศึกษา และชุมชน 2. จุดประสงค์การเรียนรู้ 2.1 ด้านความรู้ ความเข้าใจ (K) - นักเรียนมีความรู้ เรื่องการใช้ Question Tag 2.2 ด้านทักษะกระบวนการ (P) - นักเรียนสามารถใช้ประโยค Question ในคำขอร้อง คำแนะนำ คำชี้แจง และคำอธิบาย การพูดและ เขียนเหตุการณ์ที่อยู่ในความสนใจ ในสถานการณ์จริง / สถานการณ์จำลองที่เกิดขึ้นในห้องเรียน สถานศึกษาและ ชุมชนได้ 2.3 คุณลักษณะ เจตคติ ค่านิยม (A) - รักการเรียนรู้ภาษาอังกฤษและฝึกฝนอย่างจริงจังเพียงพอ - ผู้เรียนใช้ภาษาอังกฤษอย่างมีมารยาท ถูกต้องตามกาลเทศะ และบุคคล


หน่วยการเรียนรู้อิงมาตรฐาน รายวิชาภาษาอังกฤษ 4 (อ22122) ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 ภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2566 หน้า 279 3. สาระสำคัญ / ความคิดรวบยอด - พูดและเขียนโดยใช้ Question Tag ในคำขอร้อง คำแนะนำ คำชี้แจง และคำอธิบายในสถานการณ์จริง / สถานการณ์จำลองที่เกิดขึ้นในห้องเรียน สถานศึกษาและชุมชน และในเหตุการณ์ที่อยู่ในความสนใจ มีทักษะในการ เลือก พอประมาณ มีเหตุผล มีภูมิคุ้มกัน และมีคุณธรรม ในการปฏิบัติตนอย่างเหมาะสม ตามหลักปรัชญาของ เศรษฐกิจพอเพียง 4. สาระการเรียนรู้ 4.1 สาระการเรียนรู้แกนกลาง พูดและเขียนโดยใช้ Question Tag ในคำขอร้อง คำแนะนำ คำชี้แจง และคำอธิบายในสถานการณ์จริง / สถานการณ์จำลองที่เกิดขึ้นในห้องเรียน สถานศึกษาและชุมชน และในเหตุการณ์ที่อยู่ในความสนใจได้ 4.2 สาระการเรียนรู้ท้องถิ่น 1. คำศัพท์ในเรื่อง Unit 8 : Places around Us 2. บทสนทนาในเรื่อง Unit 8 : Places around Us 3. การใช้โครงสร้าง Question Tag ในรูปแบบต่าง ๆ 5. สมรรถนะสำคัญของผู้เรียน (เฉพาะที่เกิดในหน่วยการเรียนรู้นี้) 5.1 ความสามารถในการสื่อสาร 5.2 ความสามารถในการคิด 5.3 ความสามารถในการแก้ปัญหา 5.4 ความสามารถในการใช้ทักษะชีวิต 5.5 ความสามารถในการใช้เทคโนโลยี 6. คุณลักษณะอันพึงประสงค์ (เฉพาะที่เกิดในหน่วยการเรียนรู้นี้) 6.1 คุณลักษณะอันพึงประสงค์ (ตามหลักสูตรแกนกลาง) 1) รักชาติ ศาสน์ กษัตริย์ 2) ซื่อสัตย์สุจริต 3) มีวินัย 4) ใฝ่เรียนรู้ 5) อยู่อย่างพอเพียง 6) มุ่งมั่นในการทำงาน 7) รักความเป็นไทย 8) มีจิตสาธารณะ 6.2 คุณลักษณะตามหลักสูตรมาตรฐานสากล 1) มีความรู้พื้นฐานในยุคดิจิตอล วิทยาศาสตร์ เศรษฐศาสตร์ เทคโนโลยี รู้ภาษา พหุวัฒนธรรม ตระหนักสำนึกระดับโลก 2) สามารถคิดประดิษฐ์อย่างสร้างสรรค์ ปรับตัวใฝ่รู้ ใฝ่เรียน วิเคราะห์ สังเคราะห์สรุป สร้างองค์ความรู้ 3) มีทักษะสื่อสารอย่างมีประสิทธิภาพ 4) มีความสามารถในการใช้ทักษะชีวิต 5) มีความสามารถในการใช้เทคโนโลยี 7. ทักษะของผู้เรียนในศตวรรษที่ 21 (3R 7C เฉพาะที่เกิดในหน่วยการเรียนรู้นี้) 7.1 ทักษะการอ่าน (Reading) 7.2 ทักษะการเขียน (Writing) 7.3 ทักษะการคิดคำนวณ (Arithmetic) 7.4 ทักษะด้านการคิดอย่างมีวิจารณญาณและทักษะในการแก้ปัญหา (Critical thinking and problem solving)


หน่วยการเรียนรู้อิงมาตรฐาน รายวิชาภาษาอังกฤษ 4 (อ22122) ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 ภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2566 หน้า 280 7.5 ทักษะด้านการสร้างสรรค์และนวัตกรรม (Creativity and innovation) 7.6 ทักษะด้านความร่วมมือการทำงานเป็นทีมและภาวะผู้นำ (Collaboration, teamwork and leadership) 7.7 ทักษะด้านความเข้าใจต่างวัฒนธรรมต่างกระบวนทัศน์ (Cross-cultural understanding) 7.8 ทักษะด้านการสื่อสารสารสนเทศและรู้เท่าทันสื่อ (Communication information and media literacy) 7.9 ทักษะด้านคอมพิวเตอร์และเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร (Computing) 7.10 ทักษะอาชีพและทักษะการเรียนรู้ (Career and learning self-reliance, change) 8. การบูรณาการตามพระราชบัญญัติการศึกษาแห่งชาติ (เฉพาะที่เกิดในหน่วยการเรียนรู้นี้) 8.1 บูรณาการสวนพฤกษศาสตร์โรงเรียน 8.2 บูรณาการเศรษฐกิจพอเพียง 8.3 บูรณาการห้องเรียนสีเขียว 8.4 อื่น ๆ (โปรดระบุ)................................................................................................................................................. 9. ชิ้นงาน / ภาระงาน 1. ภาระงาน - ใบงานเรื่อง Question Tag 2. ชิ้นงาน - 10. กิจกรรมการเรียนรู้(Active Learning) เรื่อง Question Tag วิธีสอน (วิธีการสอนแบบโมเดลซิปปา CIPPA Model และวิธีการสอนแบบ Inquiry Method : 5Es) ชั่วโมงที่ 1 - 2 1. ขั้นทบทวนความรู้เดิม 1.1 นักเรียนดูรูปประโยคคำถามบน PowerPoint และร่วมกันแสดงความคิดเห็นว่าเป็นประโยคคำถาม แบบใด • Do you like dogs? • Are they your friends? • Can you help me, please? • What is your name? • How old are those babies? 1.2 นักเรียนสามารถตอบได้ว่า 1. ประโยคคำถาม Do you like dogs? Are they your friends? และ Can you help me, please? เป็นประโยคคําถามภาษาอังกฤษ แบบ Yes / No question ซึ่งประโยคคำถามที่ใช้ในการถามคำถาม ที่


หน่วยการเรียนรู้อิงมาตรฐาน รายวิชาภาษาอังกฤษ 4 (อ22122) ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 ภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2566 หน้า 281 ต้องการคำตอบ Yes หรือ No (ใช่หรือไม่ใช่) ซึ่งมักพบได้บ่อยและมีประโยชน์มากในการสนทนาในชีวิตประจำวัน ประโยคคำถามรูปแบบนี้ ถ้าเปรียบเทียบกับภาษาไทย ก็คือคำถามที่ถามว่า ใช่หรือไม่ ใช่ไหม 2. ประโยคคำถาม What is your name? และ How old are those babies? เป็นประโยค คําถามภาษาอังกฤษ แบบ Wh-question คือ ประโยคคำถาม ที่ไม่ต้องการคำตอบว่า Yes หรือ No แต่ต้องการเป็น รายละเอียด ซึ่งประโยคคำถามแบบ Wh-question จะประกอบด้วย Question Words หมายถึง คำที่ใช้ขึ้นต้น ประโยค เพื่อทำให้ประโยคนั้นเป็นคำถาม ซึ่งต้องการให้ผู้ตอบได้ตอบโดยใช้ข้อมูล หรือข้อเท็จจริง ประโยคคำถาม ส่วนใหญ่จะขึ้นต้นด้วย “W” และ “H” คำที่ใช้ในการตั้งคำถามมีอยู่หลายคำ เช่น who, whom, whose, which, what, when, where, why, how long, how often, how many, how much, how far และประโยคคำถาม Question Word ไม่ได้ ตอบว่า yes หรือ no 2. ขั้นแสวงหาความรู้ใหม่ 2.1 นักเรียนดูประโยคคำถามบน PowerPoint และร่วมกันแสดงความคิดเห็นว่าเป็นประโยคคำถาม แบบใด ซึ่งนักเรียนสามารถแสดงความคิดเห็น เสนอความคิดตามความเข้าใจของตนเอง โดยครูรับทุกคำตอบของ นักเรียนทุกคนโดยไม่มีคำตอบถูกหรือผิด • You eat a lot of oranges, don’t you? • You will have the exam next month, won’t you? • She came here yesterday, didn’t she? • She doesn’t want to disturb you, does she? • They haven’t turned it off, have they? 2.2 นักเรียนดูประโยคที่ครูเขียนบนกระดาน Question Tag 3. ขั้นศึกษาทำความเข้าใจข้อมูล/ความรู้ใหม่ และเชื่อมโยงความรู้ใหม่กับความรู้เดิม 3.1 นักเรียนแบ่งเป็นกลุ่ม กลุ่มละเท่า ๆ กัน โดยสมาชิกประกอบไปด้วยนักเรียนเก่ง ปานกลางและอ่อน 3.2 นักเรียนแต่ละคนในกลุ่มช่วยกันหาความหมายและศึกษาหลักการใช้ประโยคคำถามแบบ Question Tag จากแหล่งเรียนรู้ Internet 3.3 นักเรียนตอบคำถาม You’re a student, aren’t you? ในขณะที่นักเรียนตอบครูสังเกตการตอบ คำถามของนักเรียนว่านักเรียนจะรู้หรือไม่ว่าคำตอบที่สามารถตอบได้นั้นต้องเป็น Yes และ No ตามด้วยรูป Tense ของประโยคคำถามนั้น เช่น • Yes, I am. • No, I’m not. 3.4 นักเรียนฟังครูอธิบายการตอบประโยคคำถามแบบ Question Tag คำถามชนิดนี้เป็นคำถามสั้น ๆ ท้ายประโยค ภาษาไทยประมาณว่า ใช่ใหม่ ไม่ใช่หรือ คำตอบก็คล้ายกับ Yes / No Question คือตอบ Yes และ No 4. ขั้นแลกเปลี่ยนความรู้ความเข้าใจกับกลุ่ม 4.1 นักเรียนในกลุ่มช่วยกันนำเสนอข้อมูลที่ได้ศึกษาความหมายและศึกษาหลักการใช้ประโยคคำถาม แบบ Question Tag จากแหล่งเรียนรู้ Internet โดยสลับกันนำเสนอจนครบทุกคน


หน่วยการเรียนรู้อิงมาตรฐาน รายวิชาภาษาอังกฤษ 4 (อ22122) ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 ภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2566 หน้า 282 4.2 นักเรียนแต่ละกลุ่มช่วยกันเขียนสรุปข้อมูลที่ได้จากการนำเสนอของสมาชิกแต่ละคน โดยเขียนสรุป ลงในกระดาษที่ครูเตรียมให้ 5. ขั้นสรุปและจัดระเบียบความรู้ 5.1 สมาชิกในแต่ละกลุ่มช่วยกันสรุปความรู้เกี่ยวกับประโยคคำถามแบบ Question Tag 5.2 นักเรียนศึกษาประโยคคำถามแบบ Question Tag บน PowerPoint 5.3 นักเรียนฟังครูอธิบายเพิ่มเติมเกี่ยวกับประโยคคำถามแบบ Question Tag Question Tag เป็นประโยคที่มีส่วนประกอบสองส่วนคือ ส่วน Statement ซึ่งเป็นประโยคบอก เล่าที่ใช้แสดงความคิดเห็น และส่วน Tag เป็นประโยคคำถามส่วนหลังห้อยท้ายซึ่งใช้ถามย้ำ โดยหากประโยคใด ประโยคหนึ่งเป็นบอกเล่า อีกประโยคจะอยู่ในรูปปฏิเสธเพื่อใช้ถามย้ำให้แน่ใจว่าผู้ฟังเห็นด้วยกับข้อความก่อนหน้าที่ ได้ถามขึ้นมาหรือไม่ ประโยคคำถามแบบ Question Tag มีสองรูปแบบด้วยกัน คือ 1. เมื่อต้องการให้ผู้ฟังแสดงความไม่เห็นด้วยเช่นเดียวกับประโยคหลัก ประโยค Question Tag แบบนี้ จะมีประโยคหลักเป็นประโยคปฏิเสธ และประโยคท้ายเป็น ประโยคคำถามถามย้ำเพื่อความแน่ใจว่าเห็นด้วยกับประโยคหลัก คือ Negative, Affirmative Tag? 2. เมื่อต้องการให้ผู้ฟังแสดงความเห็นด้วย แบบที่สองนี้ใช้ถามย้ำเพื่อให้ผู้ฟังแสดงความเห็นด้วย โดยประโยคหลักจะเป็นประโยคบอกเล่า ปกติ และประโยคหลังเป็นประโยคคำถามรูปปฏิเสธ คือ Statement, Negative Tag? Question tag หรือ Tag question นี้จึงประกอบด้วยประโยคสองส่วน คือส่วนต้นเป็นประโยค ธรรมดา ส่วนท้ายเป็นประโยคคำถาม ซึ่งเป็นรูปคำถามแบบ Yes / No Question คำถามชนิดนี้นิยมใช้ในการ พูดคุยสนทนา โดยเฉพาะในการใช้ประโยคยาวๆ จะทำให้ไม่สับสน อาจกล่าวได้ว่า คำถามชนิดนี้เป็นการแสดง ความรู้สึกหรือความเข้าใจของตนเองก่อนแล้วจึงขมวดเป็นการถามทีหลัง ว่าเป็นอย่างที่พูดมาข้างต้นหรือเปล่า ลักษณะสำคัญของ โครงสร้างคำถามชนิดนี้ก็คือ ท่อนต้นเป็นประโยคบอกเล่าหรือปฏิเสธ ท่อนหลังเป็นคำถามแบบ Yes / No Question แต่ใช้สรรพนาม (Pronoun) ของประธานในท่อนต้นมาเป็นประธานในท่อนคำถาม หลักการ สร้างประโยค Question tag จะมีดังต่อไปนี้ ถ้าประโยคที่มาข้างหน้าเป็นประโยคบอกเล่า ต้องใช้ question tag เป็นรูปปฏิเสธ • You eat a lot of oranges, don’t you? • You will have the exam next month, won’t you? • She came here yesterday, didn’t she? ถ้าประโยคที่มาข้างหน้าเป็นประโยคปฏิเสธ ต้องใช้ question tag เป็นรูปบอกเล่า • She doesn’t want to disturb you, does she? • They haven’t turned it off, have they? ถ้าประโยคข้างหน้ามี verb to have


หน่วยการเรียนรู้อิงมาตรฐาน รายวิชาภาษาอังกฤษ 4 (อ22122) ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 ภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2566 หน้า 283 (a) เมื่อ have แปลว่า “มี” จะใช้ tag ว่า haven’t หรือ don’t ก็ได้ • She has a lot of teddy bears, hasn’t she? • Sam and Smith have only one child, don’t they? (แบบ American) (b) เมื่อ have แปลอย่างอื่น ที่ไม่ได้แปลว่า “มี” ให้ใช้ verb to do มาช่วย • We have breakfast at six o’clock, don’t we? • I had his letter last week, didn’t I? • John had his hair cut by the best hairstylist in town, didn’t he? (c) question tag ของ “have to” (=จำเป็นต้อง) ใช้ verb to do มาช่วย • You often have to go to the dentist’s, don’t you? ในประโยค tag ที่เป็นรูปปฏิเสธ ต้องใช้ รูปย่อเสมอ • We shall go skiing, shan’t we? • He will come to my birthday party, won’t he? • Question tag ของ I am คือ aren’t I (เนื่องจาก am not ไม่มีรูปย่อ) • I am late for school for 30 minutes, aren’t I ? Question tag ของกริยาช่วย can, could, may, might, will, shall, ought to, should, V. be, etc. จะใช้กริยาช่วยเหล่านี้เป็น question tag ได้ • She can speak English it well, can’t she? • You ought to study hard, oughtn’t you? คำว่า “need” (ต้องการ) และ “dare” (กล้า) มีวิธีใช้ 2 แบบ คือ (a) ใช้เป็นกริยาแท้ tag ก็จะใช้ verb to do มาช่วย • He needs to go there alone, doesn’t he? • She does not need any help, does she? • We don’t dare to tell a lie, do we? (ข้อสังเกต ถ้า “need” “dare” ใช้เป็นกริยาแท้ จะตามหลังด้วย to + V1 โดยที่กริยา need / dare สามารถผันตามประธานได้ หรืออาจตามด้วย noun ก็ได้ ) (b) ใช้เป็นกริยาช่วย tag จะใช้ need / dare เป็นกริยาช่วยใน tag • She needn’t come on Sunday, need she? • You dare not go out alone at night, dare you? (ข้อสังเกต ถ้า need / dare เป็นกริยาช่วย จะตามหลังด้วย V1 ) question tag ของ used to (เคย) คือ didn’t หรือ usedn’t ( เก่ามากหรือล้าสมัย ) • She used to be his secretary, didn’t she (usedn’t she)? ประธานที่ใช้ใน tag ต้องเป็น pronoun เสมอ • Vinai went to Chiang Mai yesterday, didn’t he? • The children are playing in the garden, aren’t they? • tag ของ would like (=ต้องการ) ใช้ wouldn’t • We’d like to go now, wouldn’t we?


หน่วยการเรียนรู้อิงมาตรฐาน รายวิชาภาษาอังกฤษ 4 (อ22122) ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 ภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2566 หน้า 284 • tag ของ would rather (= อยากจะ) ใช้ wouldn’t • You’d rather stay at home, wouldn’t you? • We would rather not go there, would we? • tag ของ had better ใช้ hadn’t • You’d better finish your homework , hadn’t you? • She had better not go out alone, had she? ประโยคคำสั่ง หรือ ขอร้อง (Imperative, order, request) จะกลายเป็นประโยคสุภาพ ด้วยการ เติม question tag ว่า will you หรือ won’t you? • Open your book, will you? • Stop talking, will you? • Go out, will you? หากต้องการแสดงคำขอให้ใช้ “will“: • Take these things away, will you? • Let us go to the movies, will you? หากต้องการแสดงคำเชิญให้ใช้ “won’t“: • Drink some juice, won’t you? • Take a seat, won’t you? ถ้าประโยคข้างหน้ามีประธานเป็น There is , There are , There was, There were (=มี) question tag ใช้ verb to be นั้น ๆ + there • There is a purse in my bag, isn’t there? • There are many flowers in the garden, aren’t there? • There was an accident last night, wasn’t there? Question Tag ของ That is.., This is คือ isn’t it ? หรือ is it? • This is my book, isn’t it? • That is not your bag, is it? Question Tag ของ These are, Those are ใช้ aren’t they? หรือ are they? • These are your exercise books, aren’t they? • Those are not our balls, are they? คำต่อไปนี้คือ few, little, never, rarely, scarcely, hardly, seldom, neither, none, no one, nobody, nothing มีความหมายกึ่งปฏิเสธและปฏิเสธ เพราะฉะนั้น tag จะเป็นการบอกเล่า • Few students knew the answers to this question, did they? • Little progress has gradually been made, has it? • He never comes to the office early, does he? • That vacancy is hardly suitable for Chatichai, is it? • We have seldom seen such large watermelons, have we?


หน่วยการเรียนรู้อิงมาตรฐาน รายวิชาภาษาอังกฤษ 4 (อ22122) ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 ภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2566 หน้า 285 • I scarcely know who he is, do I? • Nothing was done on time, was it? • We saw no one we knew in that ceremony, did we? • None of the boys liked that song, did they? • You rarely go to the cinema to enjoy a film alone, do you? ประโยคที่ใช้ประธาน one ใน tag จะใช้ one เช่น • One wants to be rich, doesn’t one? ถ้าประธานเป็น everyone, everybody, everything, no one, nobody, anybody, neither ในส่วน tag ให้ใช้ they เช่น • Everyone likes eating ice cream, don’t they? • Nobody knows the answer to this exercise, do they? • Neither of the boys complained about that noise, did they? • None of the workmen arrived at the work site on time, did they? ถ้าเป็นประโยคซับซ้อน ให้ใช้กริยาใน main clause เป็นหลัก ยกเว้น ถ้าใน main clause หมายถึง ตัวเองหรือบุรุษที่ 1 เช่น • He said he would come to my graduation day, did he? • If he said it under oath, it must be true, mustn’t it? 6. ขั้นปฏิบัติและ / หรือแสดงผลงาน 6.1 นักเรียนแต่ละกลุ่มฝึกแต่งประโยคคำถามแบบ Question Tag โดยสร้างคำถามเพื่อถามเพื่อน ๆ ใน สมาชิก 6.2 นักเรียนแต่ละกลุ่มช่วยกันนำประโยคคำถามแบบ Question Tag ของสมาชิกแต่ละคนนำมาเขียน ลงในกระดาษเพื่อนำเสนอหน้าชั้น 7. ขั้นประยุกต์ใช้ความรู้ 7.1 นักเรียนส่งตัวแทนอาสาสมัครกลุ่มละ 1 คน ออกมาหน้าชั้นเรียนเพื่ออ่านประโยคคำถามแบบ Question Tag ของกลุ่มตนเองทีละข้อ โดยก่อนที่จะอ่านคำถามให้ตัวแทนเลือกสมาชิกในห้องที่ไม่ใช่ในกลุ่มเตรียม ความพร้อมเพื่อที่จะตอบคำถาม และเปลี่ยนผู้ตอบไปเรื่อย ๆ จนหมดคำถาม 7.2 นักเรียนจับคู่กันฝึกสนทนาโต้ตอบโดยใช้ประโยคคำถามแบบ Question Tag 7.3 ครูวัดและประเมินผลจากการสนทนาของนักเรียนถูกต้องตามหลักโครงสร้างของประโยคคำถาม แบบ Question Tag 7.4 นักเรียนทำแบบฝึกหัดเรื่อง Question Tag บน PowerPoint จำนวน 12 ข้อ Instructions : Complete the sentences with the correct question tags. 1. Steve and Jessy aren’t watching a film on TV,……………………………. ? 2. They played volleyball last Sunday,……………………………. ? 3. Your neighbours have got a blue house,……………………………. ? 4. My brother always arrives late at school,……………………………. ? 5. There’s a swimming pool in our town,……………………………. ? 6. Elephants can’t fly,……………………………. ?


หน่วยการเรียนรู้อิงมาตรฐาน รายวิชาภาษาอังกฤษ 4 (อ22122) ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 ภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2566 หน้า 286 7. She must lose some weight,……………………………. ? 8. He didn’t take a driving lesson yesterday,……………………………. ? 9. They won’t move to Manhattan,……………………………. ? 10. Your sister doesn’t want to become a housewife,……………………………. ? 11. Ken was doing his homework yesterday at 5.00pm,……………………………. ? 12. Your grandparents seem happy active people,……………………………. ? Answer Key : 1. are they 2. didn’t they 3. haven’t they 4. doesn’t he 5. isn’t there 6. can they 7. mustn’t she 8. did he 9. will they 10. does she 11. wasn’t he 12. don’t they 7.5 นักเรียนฟังครูอธิบายเพิ่มเติมเพื่อเสริมความเข้าใจในเรื่องประโยคคำถามแบบ Question Tag เขียนตัวอย่างประโยคบนกระดานให้นักเรียนเห็นความหลากหลายมากขึ้น 7.6 นักเรียนและครูร่วมกันตรวจสอบคำตอบจากการทำแบบฝึกหัดเรื่อง Question Tag บน PowerPoint 7.7 นักเรียนฟังครูอธิบายถึงสาเหตุในการตอบคำถามหรือเลือกตอบในแต่ละข้อให้นักเรียนเข้าใจ หลักการใช้ Question Tag และครูสรุปหลักการของกฎต่าง ๆ ให้นักเรียนฟังอีกครั้ง ชั่วโมงที่ 3 - 4 1. สร้างความสนใจ (Engage) 1.1 นักเรียนทำกิจกรรมทบทวนความรู้เรื่อง Question Tag โดยนักเรียนนั่งเป็นกลุ่มและช่วยกันตอบ คำถามบน PowerPoint จำนวน 10 ข้อ 2. สำรวจและค้นหา (Explore) 2.1 นักเรียนจับคู่กับเพื่อนเพื่อทำกิจกรรม Word search 2.2 นักเรียนทำกิจกรรม Complete the sentences จำนวน 12 ข้อ 1. You study English,……………………………. ? 2. They were busy,……………………………. ? 3. It’s two o’clock,……………………………. ? 4. You don’t drive,……………………………. ? 5. She is a teacher,……………………………. ? 6. We aren’t late,……………………………. ? 7. Mr. Smith has a car,……………………………. ? 8. They weren’t late,……………………………. ? 9. I was right,……………………………. ?


หน่วยการเรียนรู้อิงมาตรฐาน รายวิชาภาษาอังกฤษ 4 (อ22122) ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 ภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2566 หน้า 287 10. Today is Monday,……………………………. ? 11. The phone rang,……………………………. ? 12. He didn’t win,……………………………. ? Answer Key : 1. don’t you 2. weren’t they 3. isn’t it 4. do you 5. isn’t she 6. are we 7. doesn’t he 8. were they 9. wasn’t I 10. isn’t it 11. didn’t it 12. did he หลังจากตอบคำถามครบทั้ง 12 ข้อแล้วแต่ละคู่ช่วยกันหาคำตอบซ่อนอยู่ในตาราง 3. อธิบาย (Explain) 3.1 นักเรียนส่งตัวแทนออกมาตอบคำถามที่ 1 คน โดยเขียนคำตอบลงบนกระดาน 3.2 นักเรียนสำตรวจสอบคำตอบของคู่ตนเองว่ามีความเหมือนหรือแตกต่างจากเพื่อนหรือไม่ 3.3 นักเรียนช่วยกันอธิบายประโยคและคำตอบของแต่ละข้อว่าเพราะเหตุใดจึงต้องตอบแบบนี้ 4. ขยายความรู้ (Elaborate) 4.1 นักเรียนแต่ละคู่ช่วยกันทำแบบฝึกหัด Miscellaneous Error เรื่อง Question Tag โดยทำลงใน กระดาษที่ครูเตรียมให้ จำนวน 16 ข้อ Instructions : Find and correct the mistakes below (one mistake per sentence). Some sentences use the present tense, others use the past tense. 1. They live in San Franciso, aren’t they? 2. He didn’t buy the chairs, did they? 3. We are late, do we?


หน่วยการเรียนรู้อิงมาตรฐาน รายวิชาภาษาอังกฤษ 4 (อ22122) ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 ภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2566 หน้า 288 4. He can’t swim, does he? 5. She was a student, isn’t she? 6. Thomas saw a movie, wasn’t he? 7. He couldn’t answer the question, did he? 8. Mr. Smith were late, wasn’t he? 9. They had dinner, were they? 10. Your sister bought a new house, didn’t it? 11. You don’t exercise, don’t you? 12. It’s three o’clock, aren’t it? 13. She is your friend, don’t she? 14. He is from Canada, isn’t it? 15. Your father doesn’t drink tea, is he? 16. They already started their class, don’t they? Answer Key : 1. don’t they 2. did he 3. aren’t we 4. can he 5. wasn’t she 6. didn’t he 7. could he 8. wasn’t he 9. didn’t they 10. didn’t she 11. do you 12. isn’t it 13. isn’t she 14. isn’t h 15. does he 16. didn’t they 5. ประเมินผล (Evaluate) 5.1 นักเรียนและครูร่วมกันตรวจสอบคำตอบแบบฝึกหัด Miscellaneous Error เรื่อง Question Tag 5.2 นักเรียนสอบถาม / ซักถามถึงสาเหตุในการตอบคำถามหรือเลือกตอบในแต่ละข้อเพื่อความเข้าใจ มากขึ้น ชั่วโมงที่ 5 - 6 1. สร้างความสนใจ (Engage) 1.1 นักเรียนดูรูปประโยคแบบ Question Tag บน PowerPoint พร้อมช่วยกันแสดงความคิดเห็น เกี่ยวกับเครื่องหมายบวก (+) และเครื่องหมายลบ (-) บนประโยคและประโยคที่ทำเป็นสีต่าง ๆ ว่ามีความหมายหรือ รูปแบบประโยคแบบใด 1.2 นักเรียนทำกิจกรรมทบทวนความรู้เรื่อง Question Tag โดยนักเรียนนั่งเป็นกลุ่มและช่วยกันตอบ คำถามบน PowerPoint จำนวน 10 ข้อ Instructions : Complete the sentences with the correct question tags. 1. Mr. McGuinness is from Ireland,……………………………. ?


หน่วยการเรียนรู้อิงมาตรฐาน รายวิชาภาษาอังกฤษ 4 (อ22122) ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 ภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2566 หน้า 289 2. The car isn’t in the garage,……………………………. ? 3. You are John,……………………………. ? 4. She went to the library yesterday,……………………………. ? 5. He didn’t recognize me,……………………………. ? 6. Cars pollute the environment,……………………………. ? 7. Mr. Pritchard has been to Scotland recently,……………………………. ? 8. The trip is very expensive,……………………………. ? 9. He won’t tell her,……………………………. ? 10. Hugh had a red car,……………………………. ? Answer Key : 1. isn’t he 2. is it 3. aren’t you 4. didn’t she 5. did he 6. don’t they 7. hasn’t he 8. isn’t it 9. will he 10. didn’t he 2. สำรวจและค้นหา (Explore) 2.1 นักเรียนดูวิดีโอคลิปเรื่อง Question tags คืออะไร และวิธีการทำ question tags เป็นประโยค บอกความคิดเห็น คำสั่ง ขอร้อง จาก https://www.youtube.com/watch?v=S9u6hbWVw4I 2.2 นักเรียนดูวิดีโอคลิปเรื่องสรุปประโยค Question Tags ใช่ไหม ใช่ป่ะ จริงไหม จาก https://www.youtube.com/watch?v=IffdxwnQ75Q 2.3 นักเรียนดูวิดีโอคลิปเรื่องTag question จาก https://www.youtube.com/watch? v=CYwHf9GkLT8 2.4 นักเรียนดูวิดีโอคลิปเรื่อง Question Tags in English - Grammar Lesson จาก https://www.youtube.com/watch?v=6CSdK651k9Y 3. อธิบาย (Explain) 3.1 นักเรียนช่วยกันสรุปความรู้ที่ได้จากการดูวิดีโอทั้ง 4 คลิป 3.2 นักเรียนฟังครูอธิบายเรื่อง Question tag เพิ่มเติม Question tags คือ การถามแบบสั้นๆ ท้ายประโยคคำถาม ประมาณว่า ใช่มั้ย ใช่ปล่าว อะไร ประมาณนี้ถ้าประโยคแรกเป็นประโยคบอกเล่า ประโยคหลังจะเป็นปฎิเสธ แต่ถ้าประโยคแรกเป็นประโยคปฎิเสธ ประโยคหลังจะเป็นบอกเล่า ถ้าบางประโยคเไม่เห็นกิริยาช่วยในประโยค เช่น ไม่มี is – am – are – was – were – do – does – did เป็นต้น อันดับแรกเราจะต้องดูประโยคว่าเป็น Tense อะไร จากนั้นเราจะดึงกิริยาช่วยของ Tense นั้น เช่น • My father drives a car fast, doesn’t he ? ประโยคเป็น Present Simple Tense กิริยาช่วยคือ do / does แต่ my father เป็นเอกพจน์ แทนด้วย he จึงใช้ does ประโยคแรกเป็นบอกเล่า ประโยคหลังจึงเป็นปฎิเสธ • The children ate many sandwiches last night, didn’t they ? ประโยคเป็น Past Simple Tense กิริยาช่วยคือ did และ The children เป็นพหูพจน์แทนด้วย They ประโยคแรกเป็นบอกเล่า ประโยคหลังจึงเป็นปฎิเสธ


หน่วยการเรียนรู้อิงมาตรฐาน รายวิชาภาษาอังกฤษ 4 (อ22122) ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 ภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2566 หน้า 290 ในบางประโยคต้องดูดีๆ เพราะส่วนใหญ่จะสับสนและตอบผิด เช่น 1. He has breakfast at 7 o’clock,……………………………. ? 2. He has swum in the pool for 2 hours,……………………………. ? ข้อ 1 ดูดีๆ ประโยคจะเป็นเพียง Present Simple Tense เราจึงใช้ doesn’t he ? เพราะ ประธาน he เป็นเอกพจน์He has breakfast at 7 o’clock, doesn’t he ? แต่ถ้ามองผ่าน ๆ พอเราเห็น has เราจะรีบตอบ hasn’t he ? ทันที จึงทำให้ผิด เพราะไม่ใช่ Present Perfect tense ข้อ 2 ส่วนใหญ่จะตอบกันถูก เพราะเจอ has ก็จะตอบ hasn’t he ? ประโยคนี้ Subject + has / have + Verb 3 จะอยู่ในโครงสร้างของ Present Perfect tense กิริยาช่วยคือ has / have ดังนั้นจึงสามารถดึง กิริยาช่วยออกมาตอบได้เลย 3.3 นักเรียนสอบถามความรู้เพิ่มเติมเพื่อเสริมความเข้าใจในเรื่อง Question tag โดยครูเขียนตัวอย่าง ประโยคบนกระดานให้นักเรียนเห็นความหลากหลายมากขึ้น 4. ขยายความรู้ (Elaborate) 4.1 นักเรียนศึกษาเนื้อหาเรื่อง Question tag บน PowerPoint 4.2 นักเรียนทำแบบฝึกหัดบน PowerPoint ร่วมกันวิเคราะห์ แสดงความคิดและตอบคำถาม แบบฝึกหัดจำนวน 10 ข้อ Instructions : Choose the best alternative. It tests what you learned on the Tag Questions 1. He’s still sleeping,……………………………. ? 1) is not he 2) isn’t he 3) wasn’t he


หน่วยการเรียนรู้อิงมาตรฐาน รายวิชาภาษาอังกฤษ 4 (อ22122) ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 ภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2566 หน้า 291 2. You do go to school,……………………………. ? 1) do you 2) aren’t you 3) don’t you 3. Let's go for a walk,……………………………. ? 1) shall we 2) shan’t we 3) will we 4. We won’t be late,……………………………. ? 1) won’t we 2) will we 3) are we 5. Nobody called,……………………………. ? 1) do they 2) didn’t they 3) did they 6. They will wash the car,……………………………. ? 1) will it 2) won’t they 3) wouldn’t they 7. We must lock the doors,……………………………. 1) mustn’t they 2) shouldn’t we 3) mustn’t we 8. I’m right,……………………………. ? 1) amn’t I 2) am not I 3) aren’t I 9. So you bought a car,……………………………. ? 1) did you 2) haven’t you 3) weren’t you 10. You wouldn't like to invite my Dad,……………………………. ? 1) did you 2) would you 3) won’t you Answer Key : 1. 2) 2. 3) 3. 1) 4. 2) 5. 3) 6. 2) 7. 3) 8. 3) 9. 1) 10. 2) 4.3 นักเรียนศึกษาใบความรู้เรื่อง Question tag ในเอกสารประกอบการเรียน 4.4 นักเรียนทำใบงานเรื่อง Question tag ในเอกสารประกอบการเรียน 4.5 นักเรียนและครูร่วมกันเฉลยแบบฝึกหัดเรื่อง Question tag ในเอกสารประกอบการเรียน 5. ประเมินผล (Evaluate) 5.1 นักเรียนและครูร่วมกันตรวจสอบคำตอบแบบฝึกหัดเรื่อง Question tag ในเอกสารประกอบการ เรียน 5.2 นักเรียนสอบถาม / ซักถามถึงสาเหตุในการตอบคำถามหรือเลือกตอบในแต่ละข้อเพื่อความเข้าใจ มากขึ้น 11. สื่อการเรียนรู้/ แหล่งเรียนรู้ 11.1 สื่อการเรียนรู้ 1. เอกสารประกอบการเรียนเรื่อง Question Tag 11.2 แหล่งเรียนรู้ 1. ใบงานเรื่อง Question Tag


หน่วยการเรียนรู้อิงมาตรฐาน รายวิชาภาษาอังกฤษ 4 (อ22122) ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 ภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2566 หน้า 292 12. การวัดและประเมินผล ลำดับ รายการที่วัดและประเมินผล วิธีการ เครื่องมือ เกณฑ์ 1 ใบงานเรื่อง Question Tag ตรวจใบงานท้ายบท ใบงานท้ายบท นั ก เรีย น ให้ ค วาม ร่วม มื อใน การท ำ แบบฝึกหัดและตอบ ถูกร้อยละ 60 ขึ้นไป ผ่านเกณฑ์ 13. เกณฑ์การประเมิน 16 - 20 คะแนน ดีมาก 11 - 15 คะแนน ดี 6 - 10 คะแนน พอใช้ น้อยกว่า 6 คะแนน ควรปรับปรุง ลงชื่อ ผู้จัดทำ (นายสุจินดา ปรากฏวงศ์) ตำแหน่ง ครู บันทึกหลังการใช้แผนการจัดการเรียนรู้ ...................................................................................................................................................................................... ...................................................................................................................................................................................... ...................................................................................................................................................................................... ...................................................................................................................................................................................... ...................................................................................................................................................................................... ...................................................................................................................................................................................... ...................................................................................................................................................................................... ...................................................................................................................................................................................... ...................................................................................................................................................................................... ลงชื่อ ผู้จัดทำ (นายสุจินดา ปรากฏวงศ์) ตำแหน่ง ครู วันที่..............เดือน..................................พ.ศ. ..................


หน่วยการเรียนรู้อิงมาตรฐาน รายวิชาภาษาอังกฤษ 4 (อ22122) ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 ภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2566 หน้า 293 โรงเรียนแผนการจัดการเรียนรู้ หน่วยการเรียนรู้ที่ 8 เรื่อง Places around Us แผนการจัดการเรียนรู้ที่16 เรื่อง Connected Statement รหัสวิชา อ22122 รายวิชา ภาษาอังกฤษ 4 ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาต่างประเทศ ปีการศึกษา 2566 ภาคเรียนที่ 2 เวลา 6 ชั่วโมง ผู้สอน นายสุจินดา ปรากฏวงศ์ 1. มาตรฐานการเรียนรู้ / ตัวชี้วัด 1.1 มาตรฐานการเรียนรู้ มาตรฐาน ต 1.1 เข้าใจและตีความเรื่องที่ฟังและอ่านจากสื่อประเภทต่าง ๆ และแสดงความคิดเห็น อย่างมีเหตุผล มาตรฐาน ต 1.2 มีทักษะการสื่อสารทางภาษาในการแลกเปลี่ยนข้อมูลข่าวสาร แสดงความรู้สึกและความ คิดเห็นอย่างมีประสิทธิภาพ มาตรฐาน ต 1.3 นำเสนอข้อมูลข่าวสาร ความคิดรวบยอด และความคิดเห็นในเรื่องต่าง ๆ โดยการพูด และการเขียน มาตรฐาน ต 4.1 ใช้ภาษาต่างประเทศในสถานการณ์ต่าง ๆ ทั้งในสถานศึกษา ชุมชน และสังคม 1.2 ตัวชี้วัด ต 1.1 ม.2/2 อ่านออกเสียงข้อความ ข่าว ประกาศ และบทร้อยกรองสั้น ๆ ถูกต้องตามหลักการอ่าน ต 1.2 ม.2/2 ใช้คำขอร้อง ให้คำแนะนำ คำชี้แจง และคำอธิบายตามสถานการณ์ ต 1.3 ม.2/2 พูดและเขียนสรุปใจความสำคัญ / แก่นสาระ หัวข้อเรื่อง (topic) ที่ได้จากการวิเคราะห์ เรื่อง / ข่าว / เหตุการณ์ ที่อยู่ในความสนใจของสังคม ต 4.1 ม.2/1 ใช้ภาษาสื่อสารในสถานการณ์จริงท /สถานการณ์จำลองที่เกิดขึ้นในห้องเรียน สถานศึกษา และชุมชน 2. จุดประสงค์การเรียนรู้ 2.1 ด้านความรู้ ความเข้าใจ (K) - นักเรียนมีความรู้ เรื่องการใช้ Connected Statement 2.2 ด้านทักษะกระบวนการ (P) - นักเรียนสามารถใช้ประโยค Connected Statement ในคำขอร้อง คำแนะนำ คำชี้แจง และ คำอธิบาย การพูดและเขียนเหตุการณ์ที่อยู่ในความสนใจ ในสถานการณ์จริง / สถานการณ์จำลองที่เกิดขึ้นใน ห้องเรียน สถานศึกษาและชุมชนได้ 2.3 คุณลักษณะ เจตคติ ค่านิยม (A) - รักการเรียนรู้ภาษาอังกฤษและฝึกฝนอย่างจริงจังเพียงพอ - ผู้เรียนใช้ภาษาอังกฤษอย่างมีมารยาท ถูกต้องตามกาลเทศะ และบุคคล


Click to View FlipBook Version