หน่วยการเรียนรู้อิงมาตรฐาน รายวิชาภาษาอังกฤษ 4 (อ22122) ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 ภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2566 หน้า 194 11. สื่อการเรียนรู้ / แหล่งเรียนรู้ 11.1 สื่อการเรียนรู้ 1. หนังสือเรียนรายวิชาพื้นฐาน ภาษาอังกฤษ Spark 2 ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 2. ใบความรู้เรื่อง Vocabulary 3. ใบงานเรื่อง Vocabulary 4. แบบฝึกหัดเรื่อง Reading and conversation ในหนังสือเรียนรายวิชาพื้นฐาน ภาษาอังกฤษ Spark 2 ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 11.2 แหล่งเรียนรู้ 1. หนังสือพิมพ์ 2. อินเทอร์เน็ตหรือสื่ออื่น ๆ 12. การวัดและประเมินผล ลำดับ รายการที่วัดและประเมินผล วิธีการ เครื่องมือ เกณฑ์ 1 ใบงานเรื่อง Vocabulary ตรวจใบงานท้ายบท ใบงานท้ายบท นั ก เรีย น ให้ ค วาม ร่วม มื อใน การท ำ แบบฝึกหัดและตอบ ถูกร้อยละ 60 ขึ้นไป ผ่านเกณฑ์ 2 แบบฝึกหัดเรื่อง Reading and conversation ในหนังสือเรียน รายวิชาพื้นฐาน ภาษาอังกฤษ Spark 2 Student’s book ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 ตรวจแบบฝึกหัด แบบฝึกหัด นั ก เรีย น ให้ ค วาม ร่วม มื อใน การท ำ แบบฝึกหัดและตอบ ถูกร้อยละ 60 ขึ้นไป ผ่านเกณฑ์ 13. เกณฑ์การประเมิน 16 - 20 คะแนน ดีมาก 11 - 15 คะแนน ดี 6 - 10 คะแนน พอใช้ น้อยกว่า 6 คะแนน ควรปรับปรุง ลงชื่อ ผู้จัดทำ (นายสุจินดา ปรากฏวงศ์) ตำแหน่ง ครู
หน่วยการเรียนรู้อิงมาตรฐาน รายวิชาภาษาอังกฤษ 4 (อ22122) ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 ภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2566 หน้า 195 บันทึกหลังการใช้แผนการจัดการเรียนรู้ ...................................................................................................................................................................................... ...................................................................................................................................................................................... ...................................................................................................................................................................................... ...................................................................................................................................................................................... ...................................................................................................................................................................................... ...................................................................................................................................................................................... ...................................................................................................................................................................................... ...................................................................................................................................................................................... ...................................................................................................................................................................................... ลงชื่อ ผู้จัดทำ (นายสุจินดา ปรากฏวงศ์) ตำแหน่ง ครู วันที่..............เดือน..................................พ.ศ. ..................
หน่วยการเรียนรู้อิงมาตรฐาน รายวิชาภาษาอังกฤษ 4 (อ22122) ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 ภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2566 หน้า 196 โรงเรียนแผนการจัดการเรียนรู้ หน่วยการเรียนรู้ที่ 7 เรื่อง Experiences แผนการจัดการเรียนรู้ที่11 เรื่อง Too / Enough รหัสวิชา อ22122 รายวิชา ภาษาอังกฤษ 4 ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาต่างประเทศ ปีการศึกษา 2566 ภาคเรียนที่ 2 เวลา 5 ชั่วโมง ผู้สอน นายสุจินดา ปรากฏวงศ์ 1. มาตรฐานการเรียนรู้/ ตัวชี้วัด 1.1 มาตรฐานการเรียนรู้ มาตรฐาน ต 1.1 เข้าใจและตีความเรื่องที่ฟังและอ่านจากสื่อประเภทต่าง ๆ และแสดงความคิดเห็น อย่างมีเหตุผล มาตรฐาน ต 1.2 มีทักษะการสื่อสารทางภาษาในการแลกเปลี่ยนข้อมูลข่าวสาร แสดงความรู้สึกและความ คิดเห็นอย่างมีประสิทธิภาพ มาตรฐาน ต 2.1 เข้าใจความสัมพันธ์ระหว่างภาษากับวัฒนธรรมของเจ้าของภาษา และนำไปใช้ได้อย่าง เหมาะสมกับกาลเทศะ มาตรฐาน ต 2.2 เข้าใจความเหมือนและความแตกต่างระหว่างภาษาและวัฒนธรรมของเจ้าของภาษากับ ภาษาและวัฒนธรรมไทย และนำมาใช้อย่างถูกต้องและเหมาะสม 1.2 ตัวชี้วัด ต 1.1 ม.2/2 อ่านออกเสียงข้อความ ข่าว ประกาศ และบทร้อยกรองสั้น ๆ ถูกต้องตามหลักการอ่าน ต 1.2 ม.2/5 พูดและเขียนแสดงความรู้สึกและความคิดเห็นของตนเองเกี่ยวกับเรื่องต่าง ๆ กิจกรรม และประสบการณ์ พร้อมทั้งให้เหตุผลประกอบอย่าง เหมาะสม ต 2.1 ม.2/2 อธิบายเกี่ยวกับเทศกาล วันสำคัญ ชีวิตความเป็นอยู่ และประเพณีของเจ้าของภาษา ต 2.2 ม.2/1 เปรียบเทียบและอธิบายความเหมือนและความแตกต่างระหว่างการออกเสียงประโยค ชนิดต่าง ๆ และการลำดับคำตามโครงสร้างประโยค ของภาษาต่างประเทศและภาษาไทย 2. จุดประสงค์การเรียนรู้ 2.1 ด้านความรู้ ความเข้าใจ (K) - นักเรียนมีความรู้เกี่ยวกับการอ่านออกเสียง Vocabulary บทสนทนา - นักเรียนมีความรู้ เรื่องการใช้ใช้ประโยค too และ enough ในการแสดงความคิดเห็น การให้เหตุผล 2.2 ด้านทักษะกระบวนการ (P) - นักเรียนสามารถอ่านออกเสียง Vocabulary บทสนทนา ได้ถูกต้อง - นักเรียนสามารถใช้ประโยค too และ enough ตามโครงสร้างประโยคของภาษาต่างประเทศใน ชีวิตประจำวันเพื่อนแสดงความรู้สึก ความคิดเห็น ให้เหตุผลประกอบ อธิบายเกี่ยวกับเทศกาล วันสำคัญ ชีวิตความ เป็นอยู่ และประเพณีของเจ้าของภาษาได้
หน่วยการเรียนรู้อิงมาตรฐาน รายวิชาภาษาอังกฤษ 4 (อ22122) ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 ภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2566 หน้า 197 2.3 คุณลักษณะ เจตคติ ค่านิยม (A) - รักการเรียนรู้ภาษาอังกฤษและฝึกฝนอย่างจริงจังเพียงพอ - ผู้เรียนใช้ภาษาอังกฤษอย่างมีมารยาท ถูกต้องตามกาลเทศะ และบุคคล 3. สาระสำคัญ / ความคิดรวบยอด - พูดและเขียนโดยใช้ too และ enough เพื่ออธิบายเกี่ยวกับเทศกาล วันสำคัญ ชีวิตความเป็นอยู่ และ ประเพณีของเจ้าของภาษา ใช้ too และ enough แสดงความรู้สึก ความคิดเห็น และให้เหตุผลประกอบ ใน ชีวิตประจำวันและอ่านออกเสียง Vocabulary บทสนทนา มีทักษะในการเลือก พอประมาณ มีเหตุผล มีภูมิคุ้มกัน และมีคุณธรรม ในการปฏิบัติตนอย่างเหมาะสม ตามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง 4. สาระการเรียนรู้ 4.1 สาระการเรียนรู้แกนกลาง พูดและเขียนโดยใช้ too และ enough เพื่ออธิบายเกี่ยวกับเทศกาล วันสำคัญ ชีวิตความเป็นอยู่ และประเพณีของเจ้าของภาษา ใช้ too และ enough แสดงความรู้สึก ความคิดเห็น และให้เหตุผลประกอบ ใน ชีวิตประจำวันและอ่านออกเสียง Vocabulary บทสนทนาได้ 4.2 สาระการเรียนรู้ท้องถิ่น 1. คำศัพท์ในเรื่อง Unit 7 : Experiences 2. บทสนทนาในเรื่อง Unit 7 : Experiences 3. การใช้โครงสร้าง too / enough ในรูปแบบต่าง ๆ 5. สมรรถนะสำคัญของผู้เรียน (เฉพาะที่เกิดในหน่วยการเรียนรู้นี้) 5.1 ความสามารถในการสื่อสาร 5.2 ความสามารถในการคิด 5.3 ความสามารถในการแก้ปัญหา 5.4 ความสามารถในการใช้ทักษะชีวิต 5.5 ความสามารถในการใช้เทคโนโลยี 6. คุณลักษณะอันพึงประสงค์ (เฉพาะที่เกิดในหน่วยการเรียนรู้นี้) 6.1 คุณลักษณะอันพึงประสงค์ (ตามหลักสูตรแกนกลาง) 1) รักชาติ ศาสน์ กษัตริย์ 2) ซื่อสัตย์สุจริต 3) มีวินัย 4) ใฝ่เรียนรู้ 5) อยู่อย่างพอเพียง 6) มุ่งมั่นในการทำงาน 7) รักความเป็นไทย 8) มีจิตสาธารณะ 6.2 คุณลักษณะตามหลักสูตรมาตรฐานสากล 1) มีความรู้พื้นฐานในยุคดิจิตอล วิทยาศาสตร์ เศรษฐศาสตร์ เทคโนโลยี รู้ภาษา พหุวัฒนธรรม ตระหนักสำนึกระดับโลก 2) สามารถคิดประดิษฐ์อย่างสร้างสรรค์ ปรับตัวใฝ่รู้ ใฝ่เรียน วิเคราะห์ สังเคราะห์สรุป สร้างองค์ความรู้ 3) มีทักษะสื่อสารอย่างมีประสิทธิภาพ 4) มีความสามารถในการใช้ทักษะชีวิต 5) มีความสามารถในการใช้เทคโนโลยี
หน่วยการเรียนรู้อิงมาตรฐาน รายวิชาภาษาอังกฤษ 4 (อ22122) ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 ภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2566 หน้า 198 7. ทักษะของผู้เรียนในศตวรรษที่ 21 (3R 7C เฉพาะที่เกิดในหน่วยการเรียนรู้นี้) 7.1 ทักษะการอ่าน (Reading) 7.2 ทักษะการเขียน (Writing) 7.3 ทักษะการคิดคำนวณ (Arithmetic) 7.4 ทักษะด้านการคิดอย่างมีวิจารณญาณและทักษะในการแก้ปัญหา (Critical thinking and problem solving) 7.5 ทักษะด้านการสร้างสรรค์และนวัตกรรม (Creativity and innovation) 7.6 ทักษะด้านความร่วมมือการทำงานเป็นทีมและภาวะผู้นำ (Collaboration, teamwork and leadership) 7.7 ทักษะด้านความเข้าใจต่างวัฒนธรรมต่างกระบวนทัศน์ (Cross-cultural understanding) 7.8 ทักษะด้านการสื่อสารสารสนเทศและรู้เท่าทันสื่อ (Communication information and media literacy) 7.9 ทักษะด้านคอมพิวเตอร์และเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร (Computing) 7.10 ทักษะอาชีพและทักษะการเรียนรู้ (Career and learning self-reliance, change) 8. การบูรณาการตามพระราชบัญญัติการศึกษาแห่งชาติ (เฉพาะที่เกิดในหน่วยการเรียนรู้นี้) 8.1 บูรณาการสวนพฤกษศาสตร์โรงเรียน 8.2 บูรณาการเศรษฐกิจพอเพียง 8.3 บูรณาการห้องเรียนสีเขียว 8.4 อื่น ๆ (โปรดระบุ)................................................................................................................................................. 9. ชิ้นงาน / ภาระงาน 1. ภาระงาน - ใบงานเรื่องToo / Enough 2. ชิ้นงาน - 10. กิจกรรมการเรียนรู้(Active Learning) เรื่อง Too / Enough วิธีการสอน (วิธีการสอนแบบ Inquiry Method : 5Es) ชั่วโมงที่ 1 1. สร้างความสนใจ (Engage) 1.1 นักเรียนดูคำศัพท์บน PowerPoint และร่วมกันแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับคำศัพท์ว่ามีความหมาย ว่าอย่างไรและใช้อย่างไร
หน่วยการเรียนรู้อิงมาตรฐาน รายวิชาภาษาอังกฤษ 4 (อ22122) ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 ภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2566 หน้า 199 1.2 นักเรียนสามารถตอบได้ว่า too มีความหมายว่า “...เกินไป” enough มีความหมายว่า “... เพียงพอ” ซึ่งเป็นคำกริยาวิเศษณ์ (adverb) ทั้งคู่ มีหน้าที่ใช้ขยายคำคุณศัพท์ (adj.) คำกริยาวิเศษณ์ (adv.) และ คำนาม (n.) เพื่อบอกปริมาณของคำนั้น ๆ 2. สำรวจและค้นหา (Explore) 2.1 นักเรียนดูรูปภาพและประโยคบน PowerPoint และร่วมกันแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับประโยค และข้อความที่ถูกทำเป็นสีว่ามีความหมายและลักษณะการใช้อย่างไร 2.2 นักเรียนรวมกลุ่มกัน โดยแบ่งออกกลุ่ม กลุ่มละเท่า ๆ กัน จำนวน 6 กลุ่ม แต่ละกลุ่มประกอบไป ด้วยนักเรียนเก่ง ปานกลางและอ่อน เพื่อทำกิจกรรมกลุ่มร่วมกัน 2.3 นักเรียนส่งตัวแทนรับบัตรคำและประโยคจากครู กลุ่มละ 6 ประโยค โดยบัตรคำประกอบไปด้วย ประโยคและคำตอบที่ขาดหายไป เช่น He is………………………….to play basketball. They aren’t………………………….to buy a big house. rich enough too short 3. อธิบาย (Explain) 3.1 นักเรียนนำประโยคและคำที่หายไปนำมาใส่ในประโยค พยายามให้ได้ความหมายใกล้เคียงที่สุดโดย ไม่มีคำตอบถูกหรือผิด 3.2 นักเรียนนำเสนอประโยคของตนเอง โดยนำบัตรคำมาติดบนกระดานพร้อมคำตอบ หลังจากนั้นให้ นักเรียนอ่านประโยคและคำตอบเข้าด้วยกัน เช่น He is ………………… to play basketball. They aren’t to buy a big house. 3.3 นักเรียนฝึกสังเกตคำที่นักเรียนมาเติมระหว่าง too และ enough ว่าตำแหน่งทั้ง 2 คำอยู่ตรงไหน 3.4 นักเรียนสามารถตอบได้ว่า too วางไว้ด้านหน้า short ซึ่งเป็นคำ adjective ส่วน enough วางไว้ ด้านหลัง rich ซึ่งเป็นคำ adjective และทั้ง 2 ประโยคจะตามด้วย to และ กริยาช่อง 1 และบริเวณด้านหน้าใช้ verb to be ทั้งคู่ ดังนั้นจึงแตกต่างกันระหว่างการใช้ too และ enough ซึ่ง too + adjective และ adjective + enough Oh! It’s too heavy to lift! I’m not strong enough to lift weights. too short rich enough
หน่วยการเรียนรู้อิงมาตรฐาน รายวิชาภาษาอังกฤษ 4 (อ22122) ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 ภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2566 หน้า 200 4. ขยายความรู้ (Elaborate) 4.1 นักเรียนแต่ละกลุ่มช่วยกันตอบคำถามในแบบฝึกหัดเรื่อง Too และ Enough โดยทำลงในกระดาษ ที่ครูเตรียมให้ จำนวน 10 ข้อ Instructions : Choose the correct one. “Too or Enough” 1. This car is too / enough old. We cannot go anywhere. 2. This book is too / enough thick. I can’t read it. 3. That dress is cheap too / enough. Let’s buy it! 4. This question is too / enough complicated. 5. Everybody is too / enough excited. 6. I can join that club. I’m young too / enough. 7. She can’t come with us. She’s too / enough young. 8. I like this house but it’s not big too / enough for 5 people. 9. This bag is too / enough heavy. I can’t carry it. 10.She’s old too / enough to get married. Answer Key : 1. too 2. too 3. enough 4. too 5. too 6. enough 7. too 8. enough 9. too 10. enough 5. ประเมินผล (Evaluate) 5.1 นักเรียนและครูร่วมกันตรวจสอบคำตอบแบบฝึกหัดเรื่อง Too และ Enough 5.2 นักเรียนสอบถาม / ซักถามถึงสาเหตุในการตอบคำถามหรือเลือกตอบในแต่ละข้อเพื่อความเข้าใจ มากขึ้น ชั่วโมงที่ 2 - 3 1. สร้างความสนใจ (Engage) 1.1 นักเรียนดูประโยคบน PowerPoint และช่วยกันแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับประโยคว่ามีความ แตกต่างจากเรื่องการใช้ too และ enough อย่างไรในชั่วโมงเรียนที่แล้ว I want a new car but I don’t have enough money. We don’t have enough food for ten people, so we need to buy some more. I can’t sleep at night because they make too much noise. Too many people came to the party yesterday. We didn’t have enough plates. 1.2 นักเรียนสามารถตอบได้ชั่วโมงที่แล้วเรียนเรื่องการใช้too และ enough กับคำคุณศัพท์adjective โดย too + adjective และ adjective + enough แต่ตัวอย่างบน PowerPoint นั้น too และ enough จะอยู่ ด้านหน้า คำนาม (noun) 2. สำรวจและค้นหา (Explore) 2.1 นักเรียนช่วยกันตอบคำถามบน PowerPoint “What is difference between “too” and “enough”?”
หน่วยการเรียนรู้อิงมาตรฐาน รายวิชาภาษาอังกฤษ 4 (อ22122) ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 ภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2566 หน้า 201 2.2 นักเรียนศึกษาเนื้อหาเรื่อง Too และ Enough จากแหล่งเรียนรู้ Internet 2.3 นักเรียนแบ่งออกกลุ่ม กลุ่มละเท่า ๆ กัน จำนวน 7 กลุ่ม แต่ละกลุ่มประกอบไปด้วยนักเรียนเก่ง ปานกลางและอ่อน เพื่อศึกษาเนื้อหาร่วมกันภายในกลุ่ม โดยแบ่งเนื้อหาการนำเสนอให้นักเรียนดังนี้ กลุ่มที่ 1 ศึกษาเรื่องการใช้ too + adjective กลุ่มที่ 2 ศึกษาเรื่องการใช้ too + adverb กลุ่มที่ 3 ศึกษาเรื่องการใช้ adjective + enough กลุ่มที่ 4 ศึกษาเรื่องการใช้ adverb + enough กลุ่มที่ 5 ศึกษาเรื่องการใช้ enough + noun กลุ่มที่ 6 ศึกษาเรื่องการใช้ too much + uncountable nouns กลุ่มที่ 7 ศึกษาเรื่องการใช้ too many + countable nouns 3. อธิบาย (Explain) 3.1 นักเรียนนำเสนอตามหัวข้อที่กลุ่มได้รับ โดยนำเสนอผ่านสื่ออิเล็กทรอนิกส์หรือแผนภาพสรุปผัง ความคิด 3.2 นักเรียนสอบถามความรู้เพิ่มเติมเพื่อเสริมความเข้าใจในเรื่อง Too และ Enough โดยครูเขียน ตัวอย่างประโยคบนกระดานให้นักเรียนเห็นความหลากหลายมากขึ้น 4. ขยายความรู้ (Elaborate) 4.1 นักเรียนจับคู่และช่วยกันตอบคำถามในแบบฝึกหัดเรื่อง Too และ Enough บน PowerPoint จำนวน 10 ข้อโดยเขียนคำตอบลงในกระดาษที่ครูเตรียมให้ Instructions : Complete the sentences with too or enough. 1. I can’t drink this coffee because it’s…………………………….hot. 2. I couldn’t buy that dress because I didn’t have…………………………….money. 3. We moved to another house because the previous one was……………………………. small. 4. I don’t know what to do because I don’t have…………………………….information. 5. I was…………………………….nervous during the interview and I blew it. 6. He is tall…………………………….to play basketball in NBA. 7. I am fast…………………………….to catch you. 8. We studied hard…………………………….to pass the English exam. 9. There were…………………………….many cars at the parking lot. 10. You are…………………………….young to marry.
หน่วยการเรียนรู้อิงมาตรฐาน รายวิชาภาษาอังกฤษ 4 (อ22122) ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 ภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2566 หน้า 202 Answer Key : 1. too 2. enough 3. too 4. enough 5. too 6. enough 7. enough 8. enough 9. too 10. too 5. ประเมินผล (Evaluate) 5.1 นักเรียนแต่ละคู่สลับกระดาษคำตอบกับเพื่อนร่วมชั้น 5.2 นักเรียนและครูร่วมกันตรวจสอบคำตอบแบบฝึกหัดเรื่อง Too และ Enough บน PowerPoint 5.3 นักเรียนสอบถาม / ซักถามถึงสาเหตุในการตอบคำถามหรือเลือกตอบในแต่ละข้อเพื่อความเข้าใจ มากขึ้น ชั่วโมงที่ 4 - 5 1. สร้างความสนใจ (Engage) 1.1 นักเรียนทำกิจกรรมทบทวนความรู้เรื่อง Too และ Enough โดยนักเรียนนั่งเป็นกลุ่มและช่วยกัน ตอบคำถามบน PowerPoint จำนวน 20 ข้อ 2. สำรวจและค้นหา (Explore) 2.1 นักเรียนดูวิดีโอคลิปเรื่อง Too vs Enough – What’s the difference? - English in a minute จาก https://www.youtube.com/watch?v=OvFweyjRAPI 2.2 นักเรียนดูวิดีโอคลิปเรื่องการใช้Too and enough / Use and meaning in English จาก https://www.youtube.com/watch?v=_IIUe-sHqWQ 2.3 นักเรียนดูวิดีโอคลิปเรื่องToo + adjective + infinitive - English Grammar Lesson จาก https://www.youtube.com/watch?v=WVjXbRIfuRE&list=RDCMUC0kejkXg2LG-pFqAeWD_zLQ& index=16 2.4 นักเรียนดูวิดีโอคลิปเรื่อง Enough - English grammar lesson จาก https://www.youtube.com/watch?v=qnMQq5W8yao&list=RDCMUC0kejkXg2LG-pFqAeWD_zLQ& index=1 3. อธิบาย (Explain) 3.1 นักเรียนช่วยกันสรุปความรู้ที่ได้จากการดูวิดีโอทั้ง 4 คลิป 3.2 นักเรียนฟังครูอธิบายToo และ Enough เมื่อจะบอกว่า “...เกินไป” หรือ “...เพียงพอ” สามารถใช้ too และ enough ซึ่งเป็นคำกริยา วิเศษณ์ (adverb) ไว้ใช้ขยายคำคุณศัพท์ (adj.) คำกริยาวิเศษณ์ (adv.) และคำนาม (n.) เพื่อบอกปริมาณของคำ นั้น ๆ โดยจะมีวิธีการใช้และเรียงลำดับตำแหน่งคำดังนี้ 1. Enough (เพียงพอ) ใช้คำว่า enough เมื่อต้องการจะสื่อว่าเพียงพอแล้ว พอแล้ว หรือไม่ต้องการ เพิ่มอีกต่อไป โดยคำนี้สามารถทำหน้าที่เป็นได้ทั้ง adj. และ adv. มีตำแหน่งการวางคำและการใช้ดังนี้
หน่วยการเรียนรู้อิงมาตรฐาน รายวิชาภาษาอังกฤษ 4 (อ22122) ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 ภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2566 หน้า 203 1.1 Enough เมื่อนำมาใช้เป็น determiner จะถูกนำไปว่างไว้หน้า คำนามนับได้พหุพจน์ หรือ คำนามนับไม่ได้ ให้ความหมายว่า มากพอ หรือ เพียงพอ (ในบทเรียนนี้จะใช้กับประโยคปฏิเสธ แปลว่าไม่พอ) • There wasn’t enough food for all. อาหารมีไม่เพียงพอสำหรับทุก ๆ คน • I didn’t have enough clothes for wearing last week. เมื่ออาทิตย์ที่แล้ว เสื้อผ้าสำหรับสวมใส่ของฉัน มี่ไม่พียงพอ (กับความต้องการของฉัน) 1.2 Enough ถูกนำมาใช้อย่าง adverb, จะถูกนำไปวางไว้ หลัง คำคุณศัพท์, หรือ หลังคำกริยา วิเศษณ์เอง • This house isn’t big enough for our family. บ้านหลังนี้ไม่ใหญ่โต(กว้างขวาง)พอ สำหรับครอบครัวของเรา • We didn’t leave early enough, so we got late to school. พวกเราออกมาช้า(เร็วไม่พอ) ดังนั้นพวกเราจึงไปถึงโรงเรียนสาย จากข้อสังเกตเราสามารถจำแนกวิธีการใช้ enough ได้ดังนี้ 1. Enough ถูกนำไปวางไว้หลัง adjective, adverb • I can’t run very far. I’m not strong enough. ฉันไม่แข็งแรงพอ ฉันจึงไม่สามารถวิ่งในระยะทางไกล ๆ ได้ • Let’s go. We have waited long enough. ไปกันเถอะ พวกเราได้รอมาเป็นเวลานานพอแล้ว 2. Enough ถูกนำไปวางไว้หน้า คำนาม • We haven’t got enough money to go on holiday. เราไม่มีเงินมากพอ ที่จะไปพักผ่อนในวันหยุด • Is Nicasio going to apply for the job? Does he have enough experiences? นิคาซิโอ้กำลังจะไปสมัครงานใช้ไหม? เขามีประสบการณ์เพียงพอแล้วหรือ? 2. Too มีความหมายว่า เกินไปหรือมากเกินไป โดยคำนี้สามารถทำหน้าที่เป็นได้ทั้ง adj. และ adv. มีตำแหน่งการวางคำและการใช้ดังนี้ค่ะ 2.1 ขยายคำ Adj. ใช้ too เพื่อสื่อความหมายว่า “เกินไป” • The dress is too tight for me. เสื้อผ้าชุดนี้มันคับเกินไปสำหรับฉัน • I am too tired to go out tonight. ฉันเหนื่อยเกินไปเกินกว่าที่จะออกไปข้างนอกคืนนี้ • Please do not speak too fast. ได้โปรด... อย่าพูดเร็วนัก 2.2 ขยายคำ noun นับได้ ใช้ too many และต้องเขียนในประโยคในรูปพหูพจน์ • There are too many students in GE classroom. - there are ใช้ในประโยคพหูพจน์ - too many ใช้กับนามนับได้ในรูปพหูพจน์ เช่น students • There were too many people in the mall yesterday.
หน่วยการเรียนรู้อิงมาตรฐาน รายวิชาภาษาอังกฤษ 4 (อ22122) ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 ภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2566 หน้า 204 • There are too many men in the police station. 2.3 ขยาย คำ noun นับไม่ได้ ใช้ too much และต้องเขียนในรูปประโยคเอกพจน์ • There is too much water in October. - there is ใช้ในประโยคพหูพจน์ - too much ใช้กับนามนับได้ในรูปพหูพจน์ เช่น water • There is too much money in his house. • There is too much fish sauce in my noodle. • There is too much sugar in my food. 3.3 นักเรียนสอบถามความรู้เพิ่มเติมเพื่อเสริมความเข้าใจในเรื่อง Comparison : Comparative Degree โดยครูเขียนตัวอย่างประโยคบนกระดานให้นักเรียนเห็นความหลากหลายมากขึ้น 4. ขยายความรู้ (Elaborate) 4.1 นักเรียนศึกษาเนื้อหาเรื่อง too และ enough บน PowerPoint 4.2 นักเรียนดูประโยคบน PowerPoint และร่วมกันแสดงความคิดเห็นว่าประโยคที่เห็นนั้นถูกหรือผิด และถ้าผิดจะแก้ไขให้ถูกต้องอย่างไร 1. Our old mattress wasn’t enough firm. We needed a mattress that gave better back support.
หน่วยการเรียนรู้อิงมาตรฐาน รายวิชาภาษาอังกฤษ 4 (อ22122) ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 ภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2566 หน้า 205 2. Our old mattress was lumpy, and you could feel the springs inside. We wanted a more comfortable mattress, one that would be soft enough for to get a good night’s rest. 3. We didn’t want a mattress that was to cheap. Nor did we want one that cost as much as a car. We had money enough to buy a mattress of good quality. 4. I worried that the delivery men wouldn’t be able to get the new mattress up the narrow stairs. I thought the mattress wouldn’t be too wide. I was wrong, and they got it up just fine. 5. Some may say our mattress very cost too much, but we believe we paid for quality and we got it. 4.3 นักเรียนสามารถตอบได้ว่าประโยคทั้งหมดเป็นประโยคที่ผิด และจะต้องแก้เป็น 1. firm enough 2. enough for us to get / enough to get 3. had enough money to buy 4. would be too wind 5. cost too much 4.4 นักเรียนแบบฝึกหัดบน PowerPoint ร่วมกันวิเคราะห์ แสดงความคิดและตอบคำถามแบบฝึกหัด จำนวน 5 ข้อ Instructions : Choose the best alternative. 1. Which sentence uses too incorrectly? 1) Change your clothes! Those clothes are too dirty. 2) Jemma is too beautiful. She’s the prettiest girl I know. 3) Don’t drive too fast. You’ll have an accident.
หน่วยการเรียนรู้อิงมาตรฐาน รายวิชาภาษาอังกฤษ 4 (อ22122) ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 ภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2566 หน้า 206 2. Which sentence is correct? 1) Paul is enough tall to reach the top of the cupboard. 2) Do we have tea enough? 3) Robert doesn’t get enough sleep. 3. Which sentence is not correct? 1) Please don’t put too much sugar in my coffee. 2) Clara eats too many. 3) John drinks much too much! 4. Which sentence is not correct? 1) There are not enough chairs for the audience in this convention. 2) Although these cakes contain too much sugar, I love eating them. 3)The price of the ticket is expensive enough for Mike to fly to Europe. 5. Which word goes in the space? You’ve cooked far too…………………………….food. 1) many 2) enough 3) much 4) too Answer Key : 1. 2) 2. 3) 3. 2) 4. 3) 5. 3) 4.5 นักเรียนศึกษาใบความรู้เรื่อง too และ enough ในเอกสารประกอบการเรียน 4.6 นักเรียนทำใบงานเรื่อง too และ enough ในเอกสารประกอบการเรียน 4.7 นักเรียนและครูร่วมกันเฉลยแบบฝึกหัดเรื่อง too และ enough ในเอกสารประกอบการเรียน 5. ประเมินผล (Evaluate) 5.1 นักเรียนและครูร่วมกันตรวจสอบคำตอบแบบฝึกหัดเรื่อง too และ enough ในเอกสาร ประกอบการเรียน 5.2 นักเรียนสอบถาม / ซักถามถึงสาเหตุในการตอบคำถามหรือเลือกตอบในแต่ละข้อเพื่อความเข้าใจ มากขึ้น 11. สื่อการเรียนรู้/ แหล่งเรียนรู้ 11.1 สื่อการเรียนรู้ 1. เอกสารประกอบการเรียนเรื่อง Too / Enough 11.2 แหล่งเรียนรู้ 1. ใบงานเรื่อง Too / Enough
หน่วยการเรียนรู้อิงมาตรฐาน รายวิชาภาษาอังกฤษ 4 (อ22122) ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 ภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2566 หน้า 207 12. การวัดและประเมินผล ลำดับ รายการที่วัดและประเมินผล วิธีการ เครื่องมือ เกณฑ์ 1 ใบงานเรื่อง Too / Enough ตรวจใบงานท้ายบท ใบงานท้ายบท นั ก เรีย น ให้ ค วาม ร่วม มื อใน การท ำ แบบฝึกหัดและตอบ ถูกร้อยละ 60 ขึ้นไป ผ่านเกณฑ์ 13. เกณฑ์การประเมิน 16 - 20 คะแนน ดีมาก 11 - 15 คะแนน ดี 6 - 10 คะแนน พอใช้ น้อยกว่า 6 คะแนน ควรปรับปรุง ลงชื่อ ผู้จัดทำ (นายสุจินดา ปรากฏวงศ์) ตำแหน่ง ครู บันทึกหลังการใช้แผนการจัดการเรียนรู้ ...................................................................................................................................................................................... ...................................................................................................................................................................................... ...................................................................................................................................................................................... ...................................................................................................................................................................................... ...................................................................................................................................................................................... ...................................................................................................................................................................................... ...................................................................................................................................................................................... ...................................................................................................................................................................................... ...................................................................................................................................................................................... ลงชื่อ ผู้จัดทำ (นายสุจินดา ปรากฏวงศ์) ตำแหน่ง ครู วันที่..............เดือน..................................พ.ศ. ..................
หน่วยการเรียนรู้อิงมาตรฐาน รายวิชาภาษาอังกฤษ 4 (อ22122) ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 ภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2566 หน้า 208 โรงเรียนแผนการจัดการเรียนรู้ หน่วยการเรียนรู้ที่ 7 เรื่อง Experiences แผนการจัดการเรียนรู้ที่12 เรื่อง Exclamation รหัสวิชา อ22122 รายวิชา ภาษาอังกฤษ 4 ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาต่างประเทศ ปีการศึกษา 2566 ภาคเรียนที่ 2 เวลา 5 ชั่วโมง ผู้สอน นายสุจินดา ปรากฏวงศ์ 1. มาตรฐานการเรียนรู้/ ตัวชี้วัด 1.1 มาตรฐานการเรียนรู้ มาตรฐาน ต 1.1 เข้าใจและตีความเรื่องที่ฟังและอ่านจากสื่อประเภทต่าง ๆ และแสดงความคิดเห็น อย่างมีเหตุผล มาตรฐาน ต 1.2 มีทักษะการสื่อสารทางภาษาในการแลกเปลี่ยนข้อมูลข่าวสาร แสดงความรู้สึกและความ คิดเห็นอย่างมีประสิทธิภาพ มาตรฐาน ต 2.1 เข้าใจความสัมพันธ์ระหว่างภาษากับวัฒนธรรมของเจ้าของภาษา และนำไปใช้ได้อย่าง เหมาะสมกับกาลเทศะ มาตรฐาน ต 2.2 เข้าใจความเหมือนและความแตกต่างระหว่างภาษาและวัฒนธรรมของเจ้าของภาษากับ ภาษาและวัฒนธรรมไทย และนำมาใช้อย่างถูกต้องและเหมาะสม 1.2 ตัวชี้วัด ต 1.1 ม.2/2 อ่านออกเสียงข้อความ ข่าว ประกาศ และบทร้อยกรองสั้น ๆ ถูกต้องตามหลักการอ่าน ต 1.2 ม.2/5 พูดและเขียนแสดงความรู้สึกและความคิดเห็นของตนเองเกี่ยวกับเรื่องต่าง ๆ กิจกรรม และประสบการณ์ พร้อมทั้งให้เหตุผลประกอบอย่าง เหมาะสม ต 2.1 ม.2/2 อธิบายเกี่ยวกับเทศกาล วันสำคัญ ชีวิตความเป็นอยู่ และประเพณีของเจ้าของภาษา ต 2.2 ม.2/1 เปรียบเทียบและอธิบายความเหมือนและความแตกต่างระหว่างการออกเสียงประโยค ชนิดต่าง ๆ และการลำดับคำตามโครงสร้างประโยค ของภาษาต่างประเทศและภาษาไทย 2. จุดประสงค์การเรียนรู้ 2.1 ด้านความรู้ ความเข้าใจ (K) - นักเรียนมีความรู้เกี่ยวกับการอ่านออกเสียง Vocabulary บทสนทนา - นักเรียนมีความรู้ เรื่องการใช้ใช้ประโยค too, enough และ exclamation ในการแสดงความ คิดเห็น การให้เหตุผล 2.2 ด้านทักษะกระบวนการ (P) - นักเรียนสามารถอ่านออกเสียง Vocabulary บทสนทนา ได้ถูกต้อง - นักเรียนสามารถใช้ประโยค exclamation ตามโครงสร้างประโยคของภาษาต่างประเทศใน ชีวิตประจำวันเพื่อนแสดงความรู้สึก ความคิดเห็น ให้เหตุผลประกอบ อธิบายเกี่ยวกับเทศกาล วันสำคัญ ชีวิตความ เป็นอยู่ และประเพณีของเจ้าของภาษาได้
หน่วยการเรียนรู้อิงมาตรฐาน รายวิชาภาษาอังกฤษ 4 (อ22122) ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 ภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2566 หน้า 209 2.3 คุณลักษณะ เจตคติ ค่านิยม (A) - รักการเรียนรู้ภาษาอังกฤษและฝึกฝนอย่างจริงจังเพียงพอ - ผู้เรียนใช้ภาษาอังกฤษอย่างมีมารยาท ถูกต้องตามกาลเทศะ และบุคคล 3. สาระสำคัญ / ความคิดรวบยอด - พูดและเขียนโดยใช้ exclamation เพื่ออธิบายเกี่ยวกับเทศกาล วันสำคัญ ชีวิตความเป็นอยู่ และ ประเพณีของเจ้าของภาษา ใช้ exclamation แสดงความรู้สึก ความคิดเห็น และให้เหตุผลประกอบ ใน ชีวิตประจำวันและอ่านออกเสียง Vocabulary บทสนทนา มีทักษะในการเลือก พอประมาณ มีเหตุผล มีภูมิคุ้มกัน และมีคุณธรรม ในการปฏิบัติตนอย่างเหมาะสม ตามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง 4. สาระการเรียนรู้ 4.1 สาระการเรียนรู้แกนกลาง พูดและเขียนโดยใช้ exclamation เพื่ออธิบายเกี่ยวกับเทศกาล วันสำคัญ ชีวิตความเป็นอยู่ และ ประเพณีของเจ้าของภาษา ใช้ exclamation แสดงความรู้สึก ความคิดเห็น และให้เหตุผลประกอบ ใน ชีวิตประจำวันและอ่านออกเสียง Vocabulary บทสนทนาได้ 4.2 สาระการเรียนรู้ท้องถิ่น 1. คำศัพท์ในเรื่อง Unit 7 : Experiences 2. บทสนทนาในเรื่อง Unit 7 : Experiences 3. การใช้โครงสร้าง exclamation ในรูปแบบต่าง ๆ 5. สมรรถนะสำคัญของผู้เรียน (เฉพาะที่เกิดในหน่วยการเรียนรู้นี้) 5.1 ความสามารถในการสื่อสาร 5.2 ความสามารถในการคิด 5.3 ความสามารถในการแก้ปัญหา 5.4 ความสามารถในการใช้ทักษะชีวิต 5.5 ความสามารถในการใช้เทคโนโลยี 6. คุณลักษณะอันพึงประสงค์ (เฉพาะที่เกิดในหน่วยการเรียนรู้นี้) 6.1 คุณลักษณะอันพึงประสงค์ (ตามหลักสูตรแกนกลาง) 1) รักชาติ ศาสน์ กษัตริย์ 2) ซื่อสัตย์สุจริต 3) มีวินัย 4) ใฝ่เรียนรู้ 5) อยู่อย่างพอเพียง 6) มุ่งมั่นในการทำงาน 7) รักความเป็นไทย 8) มีจิตสาธารณะ 6.2 คุณลักษณะตามหลักสูตรมาตรฐานสากล 1) มีความรู้พื้นฐานในยุคดิจิตอล วิทยาศาสตร์ เศรษฐศาสตร์ เทคโนโลยี รู้ภาษา พหุวัฒนธรรม ตระหนักสำนึกระดับโลก 2) สามารถคิดประดิษฐ์อย่างสร้างสรรค์ ปรับตัวใฝ่รู้ ใฝ่เรียน วิเคราะห์ สังเคราะห์สรุป สร้างองค์ความรู้ 3) มีทักษะสื่อสารอย่างมีประสิทธิภาพ 4) มีความสามารถในการใช้ทักษะชีวิต 5) มีความสามารถในการใช้เทคโนโลยี
หน่วยการเรียนรู้อิงมาตรฐาน รายวิชาภาษาอังกฤษ 4 (อ22122) ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 ภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2566 หน้า 210 7. ทักษะของผู้เรียนในศตวรรษที่ 21 (3R 7C เฉพาะที่เกิดในหน่วยการเรียนรู้นี้) 7.1 ทักษะการอ่าน (Reading) 7.2 ทักษะการเขียน (Writing) 7.3 ทักษะการคิดคำนวณ (Arithmetic) 7.4 ทักษะด้านการคิดอย่างมีวิจารณญาณและทักษะในการแก้ปัญหา (Critical thinking and problem solving) 7.5 ทักษะด้านการสร้างสรรค์และนวัตกรรม (Creativity and innovation) 7.6 ทักษะด้านความร่วมมือการทำงานเป็นทีมและภาวะผู้นำ (Collaboration, teamwork and leadership) 7.7 ทักษะด้านความเข้าใจต่างวัฒนธรรมต่างกระบวนทัศน์ (Cross-cultural understanding) 7.8 ทักษะด้านการสื่อสารสารสนเทศและรู้เท่าทันสื่อ (Communication information and media literacy) 7.9 ทักษะด้านคอมพิวเตอร์และเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร (Computing) 7.10 ทักษะอาชีพและทักษะการเรียนรู้ (Career and learning self-reliance, change) 8. การบูรณาการตามพระราชบัญญัติการศึกษาแห่งชาติ (เฉพาะที่เกิดในหน่วยการเรียนรู้นี้) 8.1 บูรณาการสวนพฤกษศาสตร์โรงเรียน 8.2 บูรณาการเศรษฐกิจพอเพียง 8.3 บูรณาการห้องเรียนสีเขียว 8.4 อื่น ๆ (โปรดระบุ)................................................................................................................................................. 9. ชิ้นงาน / ภาระงาน 1. ภาระงาน - ใบงานเรื่องExclamation 2. ชิ้นงาน - 10. กิจกรรมการเรียนรู้(Active Learning) เรื่อง Exclamation วิธีการสอน (วิธีการสอนแบบ Inquiry Method : 5Es) ชั่วโมงที่ 1 1. สร้างความสนใจ (Engage) 1.1 นักเรียนดูคำศัพท์บน PowerPoint และร่วมกันแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับคำศัพท์ว่ามีความหมาย ว่าอย่างไร มีเครื่องหมายอะไรในคำศัพท์นั้น ๆ
หน่วยการเรียนรู้อิงมาตรฐาน รายวิชาภาษาอังกฤษ 4 (อ22122) ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 ภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2566 หน้า 211 1.2 นักเรียนสามารถตอบได้ว่าคำที่ปรากฏบน PowerPoint ทั้งหมดนั้นคือคำอุทาน มีการใช้ เครื่องหมายอัศเจรีย์ (!) หรือในภาษาอังกฤษเรียกว่า Exclamation mark โดยจะวางไว้ด้านหลังคำอุทาน เช่น ตัวอย่าง อุ๊ย ! โครม ! ปัง ! เปรี้ยง ! หยุด ! ระวัง ! อันตรายจากไฟฟ้าแรงสูง ! 2. สำรวจและค้นหา (Explore) 2.1 นักเรียนดูรูปภาพและประโยคบน PowerPoint และร่วมกันแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับประโยค และข้อความที่ถูกทำเป็นสีว่ามีความหมายและลักษณะการใช้แตกต่างกันอย่างไร 2.2 นักเรียนรวมกลุ่มกัน โดยแบ่งออกกลุ่ม กลุ่มละเท่า ๆ กัน จำนวน 5 กลุ่ม แต่ละกลุ่มประกอบไป ด้วยนักเรียนเก่ง ปานกลางและอ่อน เพื่อทำกิจกรรมกลุ่มร่วมกัน 2.3 นักเรียนส่งตัวแทนรับบัตรคำและประโยคจากครู กลุ่มละ 10 ประโยค โดยบัตรคำประกอบไปด้วย ประโยคและคำอุทานที่ขาดหายไป เช่น …………………………. ! Get out! …………………………. ! I caught you red-handed. You passed? …………………….………. ! Aha Congratulations Shoo 3. อธิบาย (Explain) 3.1 นักเรียนนำประโยคและคำอุทานที่หายไปนำมาใส่ในประโยค พยายามให้ได้ความหมายใกล้เคียง ที่สุดโดยไม่มีคำตอบถูกหรือผิด 3.2 นักเรียนนำเสนอประโยคของตนเอง โดยนำบัตรคำมาติดบนกระดานพร้อมคำตอบ หลังจากนั้นให้ นักเรียนอ่านประโยคและคำตอบเข้าด้วยกัน เช่น ! Get out! ! I caught you red-handed. You passed? ! Oh! I didn’t see you sitting there. “Aaaah! It’s eating my leg!” Aha Shoo Congratulations
หน่วยการเรียนรู้อิงมาตรฐาน รายวิชาภาษาอังกฤษ 4 (อ22122) ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 ภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2566 หน้า 212 3.3 นักเรียนฝึกสังเกตคำที่นักเรียนมาเติมว่าตำแหน่งของคำอุทานที่นำมาเติมนั่นอยู่ตรงไหนของ ประโยค 4. ขยายความรู้ (Elaborate) 4.1 นักเรียนช่วยกันตอบคำถามแบบฝึกหัดเรื่อง Uses of the Exclamation Mark บน PowerPoint จำนวน 5 ข้อ 1. Choose the example that shows correct placement of the exclamation mark. 1) “It serves you right!” she screamed. 2) “It serves you right” she screamed! 3) “It serves you right”! she screamed. 2. Choose the sentence that shows correct use of the exclamation mark(s). 1) Shut up!! You don't know what you’re talking about!! 2) Shut up! You don't know what you’re talking about! 3) Shut up! Do you know what you’re talking about?! 3. Which of the following sentences could correctly end with an exclamation mark? 1) Woe is me 2) That’s impossible 3) Both a and b 4. Which sentence shows correct use of the exclamation mark? 1) Her behavior was despicable! 2) Don’t you sometimes wonder about her!? 3) Neither a nor b 5. Which sentence shows incorrect use of the exclamation mark? 1) I am so surprised that it is almost 2:00 p.m.! 2) “Stop!” he yelled ! “You’ve got two flat tires!” 3) “That guy looks like Elvis!” he shouted. Answer Key : 1. 1) 2. 2) 3. 3) 4. 3) 5. 2) 4.2 นักเรียนแต่ละกลุ่มทำกิจกรรม Uses of the Exclamation Mark โดยเติมเครื่องหมายอุทานลงใน กระดาษแบบฝึกหัดที่ครูเตรียมให้จำนวน 10 ข้อ Instructions : Put the correct exclamation mark in each sentence. Add any necessary period and capitalization. 1. Oh you already bought a new car 2. Wow El Capitan is even bigger than I thought 3. I can’t wait to go to Disneyland 4. That news story made me so angry 5. No we don’t want to go to the party!
หน่วยการเรียนรู้อิงมาตรฐาน รายวิชาภาษาอังกฤษ 4 (อ22122) ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 ภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2566 หน้า 213 6.“You are in a lot of trouble” shouted Will’s dad 7.Stop don’t throw me in the pool 8.“Get out of my way” snapped the old lady 9. No I forgot my homework again 10. Help I locked myself out of my house Answer Key 1. Oh! You already bought a new car! 2. Wow! El Capitan is even bigger than I thought! 3. I can’t wait to go to Disneyland! 4. That news story made me so angry! 5. No! We don’t want to go to the party! 6.“You are in a lot of trouble!” shouted Will’s dad. 7.Stop! Don't throw me in the pool! 8.“Get out of my way!” snapped the old lady. 9. No! I forgot my homework again. 10. Help! I locked myself out of my house! 5. ประเมินผล (Evaluate) 5.1 นักเรียนและครูร่วมกันตรวจสอบคำตอบแบบฝึกหัดเรื่อง Uses of the Exclamation Mark 5.2 นักเรียนสอบถาม / ซักถามถึงสาเหตุในการตอบในแต่ละข้อเพื่อความเข้าใจมากขึ้น ชั่วโมงที่ 2 - 3 1. สร้างความสนใจ (Engage) 1.1 นักเรียนดูประโยคบน PowerPoint และช่วยกันแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับประโยคว่ามีความ แตกต่างจากเรื่องการใช้ Exclamation อย่างไรในชั่วโมงเรียนที่แล้ว • What a goal that was! • What big eyes you have! • How wonderful she is! • How greatly we admire her! 1.2 นักเรียนสามารถตอบได้ชั่วโมงที่แล้วเรียนเรื่องการใช้exclamation กับประโยคหรือคำอุทานสั้นๆ แต่ตัวอย่างบน PowerPoint นั้น exclamation จะใช้กับประโยคที่ขึ้นต้นด้วย what และ how 2. สำรวจและค้นหา (Explore) 2.1 นักเรียนตอบคำถาม “What is an exclamation sentence?” บน PowerPoint 2.2 นักเรียนสามารถตอบได้ว่า Exclamation sentence คือ 2.3 นักเรียนดูประโยคบน PowerPoint และช่วยกันวิเคราะห์ว่าประโยคบน PowerPoint มีกี่ประเภท อะไรบ้าง ครูเขียนคำตอบของนักเรียนลงบนกระดาน
หน่วยการเรียนรู้อิงมาตรฐาน รายวิชาภาษาอังกฤษ 4 (อ22122) ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 ภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2566 หน้า 214 • What delicious chocolate ! • How brave this man is ! • Doesnt’ t this pizza taste too salty ! • Aren’t these balloons superb ! • This teacher is so nice ! • It’s such delicious chocolate ! 2.4 นักเรียนศึกษาเนื้อหาเรื่อง Exclamation จากแหล่งเรียนรู้ Internet 2.5 นักเรียนแบ่งออกกลุ่ม กลุ่มละเท่า ๆ กัน จำนวน 5 กลุ่ม แต่ละกลุ่มประกอบไปด้วยนักเรียนเก่ง ปานกลางและอ่อน เพื่อศึกษาเนื้อหาร่วมกันภายในกลุ่ม โดยแบ่งเนื้อหาการนำเสนอให้นักเรียนดังนี้ กลุ่มที่ 1 ศึกษาเรื่องการใช้ Exclamation with “What” กลุ่มที่ 2 ศึกษาเรื่องการใช้ Exclamation with “How” กลุ่มที่ 3 ศึกษาเรื่องการใช้ Exclamation with “Auxiliary verb (negative)” กลุ่มที่ 4 ศึกษาเรื่องการใช้ Exclamation with “Subject + verb + so” กลุ่มที่ 5 ศึกษาเรื่องการใช้ Exclamation with “Subject + verb + such” 3. อธิบาย (Explain) 3.1 นักเรียนนำเสนอตามหัวข้อที่กลุ่มได้รับ โดยนำเสนอผ่านสื่ออิเล็กทรอนิกส์หรือแผนภาพสรุปผัง ความคิด 3.2 นักเรียนสอบถามความรู้เพิ่มเติมเพื่อเสริมความเข้าใจในเรื่อง Exclamation sentence โดยครู เขียนตัวอย่างประโยคบนกระดานให้นักเรียนเห็นความหลากหลายมากขึ้น 4. ขยายความรู้ (Elaborate) 4.1 นักเรียนจับคู่และช่วยกันตอบคำถามในแบบฝึกหัดเรื่อง Exclamation sentence บน PowerPoint จำนวน 10 ข้อโดยเขียนคำตอบลงในกระดาษที่ครูเตรียมให้ Instructions : Complete the sentences with “What (a / an), How, so or such.” 1. …………………………….fabulous this novel is ! 2. He’s…………………………….a smart student ! 3. …………………………….an interesting website ! 4. …………………………….marvelous our party was ! 5. She’s…………………………….a hardworking teacher ! 6. She plays the piano…………………………….perfectly ! 7. …………………………….miserable his life is ! 8. …………………………….fantastic flowers ! 9. They’re…………………………….mean ! 10. He’s…………………………….a jealous boy ! Answer Key : 1. How 2. such 3. What 4. How 5. such 6. so 7. How 8. What 9. what a 10. Such
หน่วยการเรียนรู้อิงมาตรฐาน รายวิชาภาษาอังกฤษ 4 (อ22122) ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 ภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2566 หน้า 215 5. ประเมินผล (Evaluate) 5.1 นักเรียนแต่ละคู่สลับกระดาษคำตอบกับเพื่อนร่วมชั้น 5.2 นักเรียนและครูร่วมกันตรวจสอบคำตอบแบบฝึกหัดเรื่อง Exclamation sentence บน PowerPoint 5.3 นักเรียนสอบถาม / ซักถามถึงสาเหตุในการตอบคำถามหรือเลือกตอบในแต่ละข้อเพื่อความเข้าใจ มากขึ้น ชั่วโมงที่ 4 - 5 1. สร้างความสนใจ (Engage) 1.1 นักเรียนฟังเพลง The Exclamation sentences Song! (What an amazing song this is!) จาก https://www.youtube.com/watch?v=Vfk_sOZ3aOo&t=16s 1.2 นักเรียนทำกิจกรรมทบทวนความรู้เรื่อง Exclamation โดยนักเรียนช่วยกันตอบคำถามบน PowerPoint จำนวน 10 ข้อ 2. สำรวจและค้นหา (Explore) 2.1 นักเรียนดูวิดีโอคลิปเรื่อง Exclamatory Sentences in English: Useful Rules and Examples จาก https://www.youtube.com/watch?v=njSl8wSlnEk 2.2 นักเรียนดูวิดีโอคลิปเรื่องการใช้Exclamations in English!!! จาก https://www.youtube.com /watch?v=gz-pfiO6lyA 2.3 นักเรียนดูวิดีโอคลิปเรื่อง What is an exclamatory sentence? (Function vs. Form) จาก https://www.youtube.com/watch?v=AWUTnOR5Xdo&t=12s 3. อธิบาย (Explain) 3.1 นักเรียนช่วยกันสรุปความรู้ที่ได้จากการดูวิดีโอทั้ง 3 คลิป 3.2 นักเรียนฟังครูอธิบายเรื่องExclamation Sentence ประโยคอุทาน หรือที่ภาษาอังกฤษเรียกว่า Exclamation Sentence นั้น เป็นประโยคที่แสดง อารมณ์ ความรู้สึกของผู้พูด มักจะมีเครื่องหมาย ! (อัศเจรีย์) ต่อท้าย โดยจะมีวิธีการใช้ดังนี้ 1. การใช้ Exclamation กับ “What” ใช้ what นำหน้า ในรูปแบบ What + a / an + adjective + นามเอกพจน์ + subject + verb • What a beautiful girl she is ! เธอช่างเป็นผู้หญิงที่สวยอะไรอย่างนี้ ! • What a cool Vespa he has! เขามีรถเวสป้าที่เจ๋งอะไรอย่างนี้ !
หน่วยการเรียนรู้อิงมาตรฐาน รายวิชาภาษาอังกฤษ 4 (อ22122) ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 ภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2566 หน้า 216 หรือ What + adjective + นามพหูพจน์/ นามนับไม่ได้ + subject + verb • What good questions she asked ! • เธอถามคำถามที่ดีอะไรอย่างนี้ ! หรือ What + a / an + นาม + (subject + verb) • What a pity ! น่าสงสารจัง • What a shame ! น่าอายจัง • What a surprise it is ! น่าประหลาดจัง 2. การใช้ Exclamation กับ “How” ใช้ How นำหน้า ในรูปแบบ How + adjective / adverb + subject + verb • How nice he is ! เขาช่างดีอะไรเช่นนี้ • How pretty you look ! เธอน่ารักอะไรอย่างนี้นะ • How sweetly she sings ! เธอร้องเพลงได้เพราะอะไรอย่างนี้นะ ** ข้อสังเกต ถ้าขึ้นต้นด้วย what จะมีคำนาม แต่ถ้าขึ้นต้นด้วย How จะไม่มีคำนาม 3. การใช้ Exclamation กับ Auxiliary verb (negative) มีรูปแบบดังนี้ 3.1 Auxiliary verb (negative) + subject + adverb + ! • Doesnt’ t this pizza taste too salty ! พิซซ่านี้รสไม่เค็มเกินไปใช่ไหม ! 3.2 Auxiliary verb (negative) + subject + adjective + ! • Aren’t these balloons superb ! ลูกโป่งพวกนี้ไม่เลิศเหรอ ! 4. การใช้Exclamation กับ so มีรูปแบบดังนี้ 4.1 Subject + verb + so adjective + ! • This teacher is so nice ! ครูคนนี้ใจดีจัง ! 4.2 Subject + verb + so adverb + ! • She sings so well ! เธอร้องเพลงเพราะมาก ! 5. การใช้ Exclamation กับ such มีรูปแบบดังนี้ 5.1 Subject + verb + such+ a + adjective + noun+ ! • He’s such a greedy man ! เขาเป็นคนโลภมาก!
หน่วยการเรียนรู้อิงมาตรฐาน รายวิชาภาษาอังกฤษ 4 (อ22122) ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 ภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2566 หน้า 217 5.2 Subject + verb + such+ an + adjective + noun+ ! • She’s such an ugly girl ! เธอเป็นผู้หญิงที่น่าเกลียดมาก ! 5.3 Subject + verb + such+ adjective + noun(s)+ ! • They are such wonderful balloons ! พวกมันเป็นลูกโป่งที่วิเศษมาก ! • It’s such delicious chocolate ! มันเป็นช็อกโกแลตที่อร่อยมาก ! 3.3 นักเรียนสอบถามความรู้เพิ่มเติมเพื่อเสริมความเข้าใจในเรื่อง Comparison : Comparative Degree โดยครูเขียนตัวอย่างประโยคบนกระดานให้นักเรียนเห็นความหลากหลายมากขึ้น 4. ขยายความรู้ (Elaborate) 4.1 นักเรียนศึกษาเนื้อหาเรื่อง Exclamation Sentence บน PowerPoint 4.2 นักเรียนดูประโยคบน PowerPoint จำนวน 8 ข้อและร่วมกันแสดงความคิดเห็นว่าประโยคที่เห็น นั้นถูกหรือผิด และถ้าผิดจะแก้ไขให้ถูกต้องอย่างไร 1. What a fun! 2. What rude man! 3. What surprise! 4. How it is sweet! 5. How she sings beautifully! 6. She is such pretty girl! 7. They are such a kind people! 8. What a beautiful smile has she! 4.3 นักเรียนสามารถตอบได้ว่าประโยคทั้งหมดเป็นประโยคที่ผิด และจะต้องแก้เป็น 1. What fun! 2. What a rude man! 3. What a surprise!
หน่วยการเรียนรู้อิงมาตรฐาน รายวิชาภาษาอังกฤษ 4 (อ22122) ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 ภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2566 หน้า 218 4. How sweet it is! 5. How beautifully she sings! 6. She is such a pretty girl! 7. They are such kind people! 8. What a beautiful smile she has! 4.4 นักเรียนทำแบบฝึกหัดบน PowerPoint ร่วมกันวิเคราะห์ แสดงความคิดและตอบคำถาม แบบฝึกหัดจำนวน 5 ข้อ Instructions : Change the following assertive sentences into exclamatory sentences. 1. It was a very hot day. 2. She dances very well. 3. He is a very rude man. 4. She looks exhausted. 5. The weather is very nice. 6. That was very interesting. 7. She is very generous 8. That is a sad state of affairs. 9. It was a nice evening. 10. She is an incredibly strong woman. Answer Key : 1. What a hot day! / How hot the day is! (Not How hot is the day!) 2. How well she dances! 3. What a rude man! / How rude he is! 4. How exhausted she looks! 5. How nice the weather is! 6. How interesting! 7. How generous she is! 8. What a sad state of affairs! 9. What a nice evening! 10. What an incredibly strong woman! / How incredibly strong she is! 4.5 นักเรียนศึกษาใบความรู้เรื่อง Exclamation ในเอกสารประกอบการเรียน 4.6 นักเรียนทำใบงานเรื่อง Exclamation ในเอกสารประกอบการเรียน 4.7 นักเรียนและครูร่วมกันเฉลยแบบฝึกหัดเรื่อง Exclamation ในเอกสารประกอบการเรียน 5. ประเมินผล (Evaluate) 5.1 นักเรียนและครูร่วมกันตรวจสอบคำตอบแบบฝึกหัดเรื่อง Exclamation ในเอกสารประกอบการ เรียน 5.2 นักเรียนสอบถาม / ซักถามถึงสาเหตุในการตอบคำถามหรือเลือกตอบในแต่ละข้อเพื่อความเข้าใจ มากขึ้น
หน่วยการเรียนรู้อิงมาตรฐาน รายวิชาภาษาอังกฤษ 4 (อ22122) ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 ภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2566 หน้า 219 11. สื่อการเรียนรู้/ แหล่งเรียนรู้ 11.1 สื่อการเรียนรู้ 1. เอกสารประกอบการเรียนเรื่อง Exclamation 11.2 แหล่งเรียนรู้ 1. ใบงานเรื่อง Exclamation 12. การวัดและประเมินผล ลำดับ รายการที่วัดและประเมินผล วิธีการ เครื่องมือ เกณฑ์ 1 ใบงานเรื่อง Exclamation ตรวจใบงานท้ายบท ใบงานท้ายบท นั ก เรีย น ให้ ค วาม ร่วม มื อใน การท ำ แบบฝึกหัดและตอบ ถูกร้อยละ 60 ขึ้นไป ผ่านเกณฑ์ 13 เกณฑ์การประเมิน 16 - 20 คะแนน ดีมาก 11 - 15 คะแนน ดี 6 - 10 คะแนน พอใช้ น้อยกว่า 6 คะแนน ควรปรับปรุง ลงชื่อ ผู้จัดทำ (นายสุจินดา ปรากฏวงศ์) ตำแหน่ง ครู บันทึกหลังการใช้แผนการจัดการเรียนรู้ ...................................................................................................................................................................................... ...................................................................................................................................................................................... ...................................................................................................................................................................................... ...................................................................................................................................................................................... ...................................................................................................................................................................................... ...................................................................................................................................................................................... ...................................................................................................................................................................................... ...................................................................................................................................................................................... ลงชื่อ ผู้จัดทำ (นายสุจินดา ปรากฏวงศ์) ตำแหน่ง ครู วันที่..............เดือน..................................พ.ศ. ..................
หน่วยการเรียนรู้อิงมาตรฐาน รายวิชาภาษาอังกฤษ 4 (อ22122) ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 ภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2566 หน้า 220 โรงเรียนแผนการจัดการเรียนรู้ หน่วยการเรียนรู้ที่ 7 เรื่อง Experiences แผนการจัดการเรียนรู้ที่13 เรื่อง Too / Enough and Exclamation (Revision) รหัสวิชา อ22122 รายวิชา ภาษาอังกฤษ 4 ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาต่างประเทศ ปีการศึกษา 2566 ภาคเรียนที่ 2 เวลา 2 ชั่วโมง ผู้สอน นายสุจินดา ปรากฏวงศ์ 1. มาตรฐานการเรียนรู้/ ตัวชี้วัด 1.1 มาตรฐานการเรียนรู้ มาตรฐาน ต 1.1 เข้าใจและตีความเรื่องที่ฟังและอ่านจากสื่อประเภทต่าง ๆ และแสดงความคิดเห็น อย่างมีเหตุผล มาตรฐาน ต 1.2 มีทักษะการสื่อสารทางภาษาในการแลกเปลี่ยนข้อมูลข่าวสาร แสดงความรู้สึกและความ คิดเห็นอย่างมีประสิทธิภาพ มาตรฐาน ต 2.1 เข้าใจความสัมพันธ์ระหว่างภาษากับวัฒนธรรมของเจ้าของภาษา และนำไปใช้ได้อย่าง เหมาะสมกับกาลเทศะ มาตรฐาน ต 2.2 เข้าใจความเหมือนและความแตกต่างระหว่างภาษาและวัฒนธรรมของเจ้าของภาษากับ ภาษาและวัฒนธรรมไทย และนำมาใช้อย่างถูกต้องและเหมาะสม 1.2 ตัวชี้วัด ต 1.1 ม.2/2 อ่านออกเสียงข้อความ ข่าว ประกาศ และบทร้อยกรองสั้น ๆ ถูกต้องตามหลักการอ่าน ต 1.2 ม.2/5 พูดและเขียนแสดงความรู้สึกและความคิดเห็นของตนเองเกี่ยวกับเรื่องต่าง ๆ กิจกรรม และประสบการณ์ พร้อมทั้งให้เหตุผลประกอบอย่าง เหมาะสม ต 2.1 ม.2/2 อธิบายเกี่ยวกับเทศกาล วันสำคัญ ชีวิตความเป็นอยู่ และประเพณีของเจ้าของภาษา ต 2.2 ม.2/1 เปรียบเทียบและอธิบายความเหมือนและความแตกต่างระหว่างการออกเสียงประโยค ชนิดต่าง ๆ และการลำดับคำตามโครงสร้างประโยค ของภาษาต่างประเทศและภาษาไทย 2. จุดประสงค์การเรียนรู้ 2.1 ด้านความรู้ ความเข้าใจ (K) - นักเรียนมีความรู้เกี่ยวกับการอ่านออกเสียง Vocabulary บทสนทนา - นักเรียนมีความรู้ เรื่องการใช้ใช้ประโยค too, enough และ exclamation ในการแสดงความ คิดเห็น การให้เหตุผล 2.2 ด้านทักษะกระบวนการ (P) - นักเรียนสามารถอ่านออกเสียง Vocabulary บทสนทนา ได้ถูกต้อง - นักเรียนสามารถใช้ประโยค too, enough และ exclamation ตามโครงสร้างประโยคของ ภาษาต่างประเทศในชีวิตประจำวันเพื่อนแสดงความรู้สึก ความคิดเห็น ให้เหตุผลประกอบ อธิบายเกี่ยวกับเทศกาล วันสำคัญ ชีวิตความเป็นอยู่ และประเพณีของเจ้าของภาษาได้
หน่วยการเรียนรู้อิงมาตรฐาน รายวิชาภาษาอังกฤษ 4 (อ22122) ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 ภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2566 หน้า 221 2.3 คุณลักษณะ เจตคติ ค่านิยม (A) - รักการเรียนรู้ภาษาอังกฤษและฝึกฝนอย่างจริงจังเพียงพอ - ผู้เรียนใช้ภาษาอังกฤษอย่างมีมารยาท ถูกต้องตามกาลเทศะ และบุคคล 3. สาระสำคัญ / ความคิดรวบยอด - พูดและเขียนโดยใช้ too, enough และ exclamation เพื่ออธิบายเกี่ยวกับเทศกาล วันสำคัญ ชีวิตความ เป็นอยู่ และประเพณีของเจ้าของภาษา ใช้too, enough และ exclamation แสดงความรู้สึก ความคิดเห็น และให้ เหตุผลประกอบ ในชีวิตประจำวันและอ่านออกเสียง Vocabulary บทสนทนา มีทักษะในการเลือก พอประมาณ มี เหตุผล มีภูมิคุ้มกัน และมีคุณธรรม ในการปฏิบัติตนอย่างเหมาะสม ตามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง 4. สาระการเรียนรู้ 4.1 สาระการเรียนรู้แกนกลาง พูดและเขียนโดยใช้ too, enough และ exclamation เพื่ออธิบายเกี่ยวกับเทศกาล วันสำคัญ ชีวิต ความเป็นอยู่ และประเพณีของเจ้าของภาษา ใช้ too, enough และ exclamation แสดงความรู้สึก ความคิดเห็น และให้เหตุผลประกอบ ในชีวิตประจำวันและอ่านออกเสียง Vocabulary บทสนทนาได้ 4.2 สาระการเรียนรู้ท้องถิ่น 1. คำศัพท์ในเรื่อง Unit 7 : Experiences 2. บทสนทนาในเรื่อง Unit 7 : Experiences 3. การใช้โครงสร้าง too, enough และ exclamation ในรูปแบบต่าง ๆ 5. สมรรถนะสำคัญของผู้เรียน (เฉพาะที่เกิดในหน่วยการเรียนรู้นี้) 5.1 ความสามารถในการสื่อสาร 5.2 ความสามารถในการคิด 5.3 ความสามารถในการแก้ปัญหา 5.4 ความสามารถในการใช้ทักษะชีวิต 5.5 ความสามารถในการใช้เทคโนโลยี 6. คุณลักษณะอันพึงประสงค์ (เฉพาะที่เกิดในหน่วยการเรียนรู้นี้) 6.1 คุณลักษณะอันพึงประสงค์ (ตามหลักสูตรแกนกลาง) 1) รักชาติ ศาสน์ กษัตริย์ 2) ซื่อสัตย์สุจริต 3) มีวินัย 4) ใฝ่เรียนรู้ 5) อยู่อย่างพอเพียง 6) มุ่งมั่นในการทำงาน 7) รักความเป็นไทย 8) มีจิตสาธารณะ 6.2 คุณลักษณะตามหลักสูตรมาตรฐานสากล 1) มีความรู้พื้นฐานในยุคดิจิตอล วิทยาศาสตร์ เศรษฐศาสตร์ เทคโนโลยี รู้ภาษา พหุวัฒนธรรม ตระหนักสำนึกระดับโลก 2) สามารถคิดประดิษฐ์อย่างสร้างสรรค์ ปรับตัวใฝ่รู้ ใฝ่เรียน วิเคราะห์ สังเคราะห์สรุป สร้างองค์ความรู้ 3) มีทักษะสื่อสารอย่างมีประสิทธิภาพ 4) มีความสามารถในการใช้ทักษะชีวิต 5) มีความสามารถในการใช้เทคโนโลยี
หน่วยการเรียนรู้อิงมาตรฐาน รายวิชาภาษาอังกฤษ 4 (อ22122) ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 ภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2566 หน้า 222 7. ทักษะของผู้เรียนในศตวรรษที่ 21 (3R 7C เฉพาะที่เกิดในหน่วยการเรียนรู้นี้) 7.1 ทักษะการอ่าน (Reading) 7.2 ทักษะการเขียน (Writing) 7.3 ทักษะการคิดคำนวณ (Arithmetic) 7.4 ทักษะด้านการคิดอย่างมีวิจารณญาณและทักษะในการแก้ปัญหา (Critical thinking and problem solving) 7.5 ทักษะด้านการสร้างสรรค์และนวัตกรรม (Creativity and innovation) 7.6 ทักษะด้านความร่วมมือการทำงานเป็นทีมและภาวะผู้นำ (Collaboration, teamwork and leadership) 7.7 ทักษะด้านความเข้าใจต่างวัฒนธรรมต่างกระบวนทัศน์ (Cross-cultural understanding) 7.8 ทักษะด้านการสื่อสารสารสนเทศและรู้เท่าทันสื่อ (Communication information and media literacy) 7.9 ทักษะด้านคอมพิวเตอร์และเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร (Computing) 7.10 ทักษะอาชีพและทักษะการเรียนรู้ (Career and learning self-reliance, change) 8. การบูรณาการตามพระราชบัญญัติการศึกษาแห่งชาติ (เฉพาะที่เกิดในหน่วยการเรียนรู้นี้) 8.1 บูรณาการสวนพฤกษศาสตร์โรงเรียน 8.2 บูรณาการเศรษฐกิจพอเพียง 8.3 บูรณาการห้องเรียนสีเขียว 8.4 อื่น ๆ (โปรดระบุ)................................................................................................................................................. 9. ชิ้นงาน / ภาระงาน 1. ภาระงาน - ใบงานเรื่องToo / Enough and Exclamation (Revision) 2. ชิ้นงาน - 10. กิจกรรมการเรียนรู้(Active Learning) เรื่อง Too / Enough and Exclamation (Revision) วิธีสอน (วิธีการสอนแบบโมเดลซิปปา CIPPA Model) ชั่วโมงที่ 1 1. ขั้นทบทวนความรู้เดิม 1.1 นักเรียนทำกิจกรรมทบทวนความรู้เรื่อง Too และ Enough โดยนักเรียนนั่งเป็นกลุ่มและช่วยกัน ตอบคำถามบน PowerPoint จำนวน 6 ข้อ
หน่วยการเรียนรู้อิงมาตรฐาน รายวิชาภาษาอังกฤษ 4 (อ22122) ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 ภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2566 หน้า 223 2. ขั้นแสวงหาความรู้ใหม่ 2.1 นักเรียนแบ่งออกกลุ่ม กลุ่มละเท่า ๆ กัน จำนวน 5 กลุ่ม แต่ละกลุ่มประกอบไปด้วยนักเรียนเก่ง ปานกลางและอ่อน เพื่อศึกษาเนื้อหาร่วมกันภายในกลุ่ม โดยแต่ละกลุ่มศึกษาข้อมูลจากประโยคดังต่อไปนี้ • I didn’t buy that car. It was too expensive. • You’re driving too fast! • Don’t eat too much cheese. • I gave the waiter five dollars. Was that too much? 2.2 นักเรียนช่วยกันอธิบายประโยคทั้ง 4 ประโยคว่ามีความเหมือนหรือแตกต่างกันอย่างไร 2.3 นักเรียนสามารถอธิบายได้ว่าจากประโยคทั้ง 4 มีการใช้ too ทั้ง 4 ประโยคแต่สามารถแยก ออกเป็น 2 กลุ่มใหญ่ ๆ คือ too และ too much โดยสามารถแยกได้ดังนี้ 1. I didn’t buy that car. It was too expensive. You’re driving too fast! ทั้ง 2 ประโยคแรก too วางไว้หน้าคำคุณศัพท์และคำกริยาวิเศษณ์ 2. Don’t eat too much cheese. I gave the waiter five dollars. Was that too much? too much เป็นสำนวนจะไม่ใช้นำหน้าคำคุณศัพท์และคำกริยาวิเศษณ์ แต่จะใช้นำหน้าคำนาม นับไม่ได้หรือใช้ตามลำพังก็ได้เช่น • Don’t drink too much coffee. • You talk too much! 3. ขั้นศึกษาทำความเข้าใจข้อมูล / ความรู้ใหม่ และเชื่อมโยงความรู้ใหม่กับความรู้เดิม 3.1 นักเรียนดูข้อมูลบน PowerPoint พร้อมช่วยกันวิเคราะห์และแสดงความคิดเห็น • too + adjective / adverb • too much • too many • enough + countable noun / uncountable noun 3.2 นักเรียนแต่กลุ่มช่วยกันศึกษาและหาความหมาย วิธีการใช้too + adjective / adverb, too much และ too many จากแหล่งเรียนรู้ Internet 3.3 นักเรียนแต่ละกลุ่มเขียนสรุปเนื้อหาที่ได้ศึกษาจากแหล่งเรียนรู้ Internet ลงบนกระดาษที่ครูเตรียม ให้ 3.4 นักเรียนแต่ละกลุ่มสามารถเขียนสรุปเนื้อหาได้ดังนี้
หน่วยการเรียนรู้อิงมาตรฐาน รายวิชาภาษาอังกฤษ 4 (อ22122) ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 ภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2566 หน้า 224 Too ที่ถูกวางไว้ข้างหน้าคำคุณศัพท์หรือคำกริยาวิเศษณ์ที่ต้องการขยาย สามารถใช้ได้ทั้งประโยค บอกเล่าเชิงบวกและประโยคปฏิเสธ • This coffee is too hot. • He works too hard. • Isn’t she too young? • I am not too short! คำว่า too much และ too many มีความหมายว่า “มากเกินไป” หรือ “เยอะเกินไป” วิธีใช้ก็คือ จะใช้ too many กับคำนามนับได้และใช้ too much กับคำนามนับไม่ได้จะไม่ใช้นำหน้าคำคุณศัพท์และคำกริยา วิเศษณ์ แต่จะใช้นำหน้าคำนามนับได้ (Countable Noun) และหน้าคำนามนับไม่ได้ (Uncountable Noun) • We have too many apples in the fridge. พวกเรามีแอปเปิลในตู้เย็นเยอะเกินไป • He has too much free time. เขามีเวลาว่างมากเกินไป Enough ใช้เป็นคำคุณศัพท์บอกจำนวนที่ใช้ได้กับทั้งคำนามนับได้พหูพจน์ และคำนามนับไม่ได้ โดย enough ต้องอยู่นำหน้าคำนามเสมอ ส่วนการจะดูว่าควรใช้กริยารูปไหนสำหรับประโยคที่คำนามของ enough เป็นประธานนั้น ให้ดูที่ตัวคำนามค่ะว่าต้องการกริยาอะไร • We have got enough problems without that. เรามีปัญหามากพอแล้วโดยไม่ต้องมีเรื่องนั้น • There are enough napkins. ** มีผ้าเช็ดปากพอ • There are enough apples. ** มีแอปเปิลเพียงพอ **สังเกตว่าใช้ are ตาม napkins กับ apples ที่เป็นคำนามพหูพจน์ • We’ve got enough work to do in the back! เรามีงานต้องทำมากพอแล้วข้างหลังเนี่ย • There is enough water. *** มีน้ำเพียงพอ • There is enough pizza. *** มีพิซซ่าเพียงพอ ***สังเกตว่าใช้ is ตาม water กับ pizza ที่เป็นคำนามนับไม่ได้ 4. ขั้นแลกเปลี่ยนความรู้ความเข้าใจกับกลุ่ม 4.1 นักเรียนแต่ละกลุ่มนำข้อมูลที่ได้ศึกษามาแลกเปลี่ยนกับสมาชิกกลุ่มอื่น ๆ เมื่อนักเรียนได้รับ กระดาษที่มีข้อมูลมาแล้วให้แต่ละกลุ่มวิเคราะห์ความเหมือนและความแตกต่างจากข้อมูลที่กลุ่มตนเองมีและไม่มี 4.2 นักเรียนแต่ละคนในกลุ่มร่วมแสดงความคิดเห็น แบ่งปัน อธิบายความรู้ความเข้าใจของตนเองให้ เพื่อน ๆ สมาชิกในกลุ่มฟัง 4.3 นักเรียนดูประโยคบน PowerPoint และช่วยกันวิเคราะห์ประโยคทั้ง 2 ประโยคว่ามีความเหมือน หรือความต่างกันอย่างไร
หน่วยการเรียนรู้อิงมาตรฐาน รายวิชาภาษาอังกฤษ 4 (อ22122) ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 ภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2566 หน้า 225 The mango is not sweet enough for him to eat. มะม่วงไม่หวานพอที่เขาจะกินได้ The mango is too sour for him to eat. มะม่วงเปรี้ยวเกินกว่าที่เขาจะกินได้ 5. ขั้นสรุปและจัดระเบียบความรู้ 5.1 สมาชิกในแต่ละกลุ่มช่วยกันสรุปความรู้เกี่ยวกับ Too และ Enough ที่ได้จากการแลกเปลี่ยนข้อมูล จากกลุ่มอื่น ๆ และจากสมาชิกในกลุ่ม 5.2 นักเรียนฟังครูอธิบายเพิ่มเติม Too และ Enough การใช้ Too กับ Enough สูตรสั้นๆ คือ Too adjective Enough Noun Too แปลว่า มาก..เกินไป เพราะฉะนั้นจะใช้ในแง่ที่ไม่ดี ใช้ในแง่ที่ขัดแย้งกัน เช่น เด็ก (young) แต่ จะขับรถ (drive) คำว่า young กับ drive นั้นขัดแย้งกัน ถ้าจะนำมาพูดเป็นประโยคได้ว่า “ประธาน + กริยา + too adjective (คำคุณศัพท์) + to + กริยาที่จะทำ” ประโยคคือ You are too young to drive. ตัวอย่างเพิ่มเติม 1. (แก่) old - (เต้น) dance : She is too old to dance. 2. The weather is very cold. I don’t want to swim : It is too cold to swim. 3. รอเพื่อนมานานมากแล้ว ไม่อยากรอแล้ว : It is too long to wait for Tom. / I’ve waited for too long. 4. เวลาไปซื้อกระโปรงแต่ไซส์เล็กไป : This is too small. Can I have the bigger size, please? 5. “You are never too old to set another goal or to dream a new dream.” C.S. Lewis : คำคมจาก C.S. Lewis “ไม่มีคำว่าแก่เกินไปที่จะตั้งเป้าหมาย หรือ มีความฝันใหม่ๆอีกสักครั้ง” ในกรณีที่ “พอดี” ไม่ขัดแย้ง หรือ คำคุณศัพท์กับกริยาไปในทิศทางเดียวกัน จะใช้คำว่า Enough แปลว่า พอ / เพียงพอ แต่จะใช้ต่างกับ too เพราะ จะใช้ตามหลังคำคุณศัพท์ เช่น เด็กคนหนึ่งอายุ 18 ปีแล้ว แก่ พอที่จะขับรถได้แล้ว ในกรณีนี้ old กับ drive ถือว่าคล้อยตามกัน ประโยคจะได้ว่า He is old enough to drive. สังเกตุดูว่า ตอนแรกประโยคคือ You are too young to drive. ซึ่ง too นำหน้า Adj. แต่ถ้ากรณี enough จะตามหลัง Adj. ก็เลยเป็นที่มาของสูตรที่ว่า Too adj, Enough ตัวอย่างเพิ่มเติม 1. (รวย) old - (ซื้อ) buy : He is rich enough to buy a new house. 2. She is not tall. She can’t be a model. : She is not tall enough to be a model. 3. Bruce Lee-- “Knowing is not enough, we must apply. Willing is not enough, we must do.” : คำคมจาก Bruce Lee “แค่รู้ไม่เพียงพอ เราต้องลองนำไปใช้, แค่หวังก็ยังไม่พอแต่เราต้องลงมือทำ” ข้อแม้อีกย่างของการใช้ Enough คือ ถ้าจะพูดถึงคำนาม หรือสิ่งของที่เรามีมากพอแล้ว ต้อง วาง Enough ไว้หน้าคำนาม เช่น I have enough money to buy a car. คือมีเงินพอที่จะซื้อรถ นอกจากนี้เราอาจใช้ too…for + somebody / something • This shirt is too big for me. เสื้อตัวนี้ใหญ่เกินไปสำหรับฉัน
หน่วยการเรียนรู้อิงมาตรฐาน รายวิชาภาษาอังกฤษ 4 (อ22122) ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 ภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2566 หน้า 226 และใช้ too…to do something • It’s too far to walk. มันไกลเกินไปที่จะเดิน 6. ขั้นปฏิบัติและ / หรือแสดงผลงาน 6.1 ตัวแทนแต่ละกลุ่มยกตัวอย่างประโยค Too และ Enough โดยประโยคทั้ง 2 ประโยคจะต้องมี ความสัมพันธ์กันหรือกล่าวถึงในเรื่องเดียวกันทั้งToo และ Enough เช่น • The crate is too heavy for him to carry. ลังนั้นหนักเกินกว่าที่เขาจะนำมันไปได้ He is not strong enough to carry the crate. เขาไม่แข็งแรงพอที่จะนำลังนั้นไปได้ • This room is too small for a us to live in. ห้องนี้เล็กเกินกว่าที่พวกเราจะเข้าไปอยู่ได้ This room is not big enough for us to live in. ห้องนี้ไม่ใหญ่พอสำหรับพวกเราที่จะเข้าไปอยู่ • The shelf is too high for him to reach. ชั้นวางของสูงเกินกว่าที่เขาจะเอื้อมถึง He is too short to reach the shelf. เขาเตี้ยเกินกว่าที่จะเอื้อมถึงชั้นวางของนั้น He is not tall enough to reach the shelf. เขาไม่สูงพอที่จะเอื้อมถึงชั้นวางของนั้น 7. ขั้นประยุกต์ใช้ความรู้ 7.1 นักเรียนแต่ละกลุ่มช่วยกันทำแบบฝึกหัดบน PowerPoint จำนวน 5 ข้อ Part I : 1 - 3 Using too Instructions : Change the following sentences by using too 1. This shirt is not large enough for me to wear. 2.Tanggwa did not arrive early enough to see the cartoon. 3.That blouse is not clean enough for you to wear. Part II : 4 - 5 Using enough Instructions : Change the following sentences by using enough 4. We are too young to understand such things. 5.That book is too difficult for us to understand. Answer Key : 1. This shirt is too small for me to wear. 2. Tanggwa arrived too late to see the cartoon. 3. That blouse is too dirty for you to wear. 4. We are not old enough to understand such things. 5. That book is not easy enough for us to understand.
หน่วยการเรียนรู้อิงมาตรฐาน รายวิชาภาษาอังกฤษ 4 (อ22122) ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 ภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2566 หน้า 227 7.2 นักเรียนฟังครูอธิบายเพิ่มเติมเพื่อเสริมความเข้าใจในเรื่อง Too และ Enough เขียนตัวอย่าง ประโยคบนกระดานให้นักเรียนเห็นความหลากหลายมากขึ้น 7.3 นักเรียนและครูร่วมกันตรวจสอบคำตอบจากการทำแบบฝึกหัดเรื่อง Too และ Enough บน PowerPoint 7.4 นักเรียนฟังครูอธิบายถึงสาเหตุในการตอบคำถามหรือเลือกตอบในแต่ละข้อให้นักเรียนเข้าใจ หลักการใช้Too และ Enough ครูสรุปหลักการของกฎต่าง ๆ ให้นักเรียนฟังอีกครั้ง ชั่วโมงที่ 2 1. ขั้นทบทวนความรู้เดิม 1.1 นักเรียนทำกิจกรรมทบทวนความรู้เรื่อง Exclamation โดยนักเรียนนั่งเป็นกลุ่มและช่วยกันตอบ คำถามบน PowerPoint จำนวน 8 ข้อ จาก https://wordwall.net/resource/11273205/question-andexclamation-sentences 2. ขั้นแสวงหาความรู้ใหม่ 2.1 นักเรียนแบ่งออกกลุ่ม กลุ่มละเท่า ๆ กัน แต่ละกลุ่มประกอบไปด้วยนักเรียนเก่ง ปานกลางและอ่อน เพื่อช่วยกันตอบคำถาม What is the difference between “what” and “how” in questions and exclamations? 2.2 นักเรียนสามารถอธิบายได้ว่าประโยคคำถามและประโยคอุทานที่ใช้คำว่า what และ how มีความ แตกต่างกันดังนี้ 1. ประโยคคำถามกับ what และ how หลัง what และ how ถ้าเป็นประโยคคคำถามจะตามด้วย กริยาช่วย verb to be (is / are / was / were) แล้วตามด้วยประธาน (Subject) และอาจจะมีส่วนขยายหรือไม่มี ก็ได้เช่นกันและถ้าหลัง what และ how ตามด้วยกริยาช่วย do / does / did แล้วตามด้วย ประธาน (Subject) และตามด้วยกริยาช่อง 1 (base form) และนอกจากนี้ยังสามารถใช้ have / has / had ในประโยคคำถาม what และ how ได้เช่นกัน โดยวางไว้ด้านหลัง what และ how ตามด้วย have / has / had ตามด้วยประธาน (Subject) ตามด้วยกริยาช่อง 3 (past participle form) และยังสามารถใช้กับ Modal Verb ได้เช่นกัน ดังตัวอย่าง
หน่วยการเรียนรู้อิงมาตรฐาน รายวิชาภาษาอังกฤษ 4 (อ22122) ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 ภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2566 หน้า 228 What How is are was were • What is it? • What are you doing? • What was your elementary school? • What were you thinking? • How is your new teacher? • How are you feeling now? • How was your vacation? • How were they supposed to live? do does did • What do you want to be? • What did you watch at the cinema? • What did you do yesterday? • How do you cook spaghetti? • How does this machine work? • How did you do that? have has had • What has she done now? • What have they decided? • What had she done to provoke his wrath? • How have you weathered the storm? • How has your car been running lately? • How had he got hold of that name? modal • What will I talk to her about? • How can I improve my English? 2. ประโยคอุทานกับ what และ how จะไม่มี verb ช่วยต่าง ๆ อยู่ด้านหลัง แต่จะตามด้วย adjective / adverb ตามด้วยประธานและกริยา • How + adjective / adverb. + subject + verb • What + a / an + adjective + นามเอกพจน์นับได้ + subject + verb • What + a / an + นามวลี + ((subject + verb) (+tag)) 3. ขั้นศึกษาทำความเข้าใจข้อมูล / ความรู้ใหม่ และเชื่อมโยงความรู้ใหม่กับความรู้เดิม 3.1 นักเรียนแต่กลุ่มช่วยกันศึกษาและหาความหมาย วิธีการใช้Exclamation จากแหล่งเรียนรู้ Internet เพิ่มเติม 3.2 นักเรียนแต่ละกลุ่มเขียนสรุปเนื้อหาที่ได้ศึกษาจากแหล่งเรียนรู้ Internet ลงบนกระดาษที่ครูเตรียม ให้ 3.3 นักเรียนแต่ละกลุ่มสามารถเขียนสรุปเนื้อหาได้ดังนี้ Exclamatory Sentence คือประโยคอุทานในภาษาอังกฤษ ที่มักจะใช้ What + (กลุ่ม) นาม และ How + adjective / adverb การใช้ what, how ในประโยคอุทาน exclamatory sentence 1. ตัวอย่าง การใช้ What + (กลุ่ม) นาม ในประโยคอุทาน
หน่วยการเรียนรู้อิงมาตรฐาน รายวิชาภาษาอังกฤษ 4 (อ22122) ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 ภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2566 หน้า 229 • What a lovely flower! [What + a + adjective + noun (singular)] ดอกไม้ดอกนี้น่ารักจัง • What lovely flower! [What + adjective + noun (plural)] ดอกไม้พวกนี้น่ารักจัง (a lovely flower, lovely flowers = กลุ่มนาม) 2. ตัวอย่าง การใช้ How + adjective / adverb ในประโยคอุทาน • How lovely she is! [How + adjective + noun + be] เธอช่างน่ารักจัง • How beautifully she sings! [How + adverb + noun + verb] เธอร้องเพลงเพราะจริง ๆ 4. ขั้นแลกเปลี่ยนความรู้ความเข้าใจกับกลุ่ม 4.1 นักเรียนแต่ละกลุ่มนำข้อมูลที่ได้ศึกษามาแลกเปลี่ยนกับสมาชิกกลุ่มอื่น ๆ เมื่อนักเรียนได้รับ กระดาษที่มีข้อมูลมาแล้วให้แต่ละกลุ่มวิเคราะห์ความเหมือนและความแตกต่างจากข้อมูลที่กลุ่มตนเองมีและไม่มี 4.2 นักเรียนแต่ละคนในกลุ่มร่วมแสดงความคิดเห็น แบ่งปัน อธิบายความรู้ความเข้าใจของตนเองให้ เพื่อน ๆ สมาชิกในกลุ่มฟัง 5. ขั้นสรุปและจัดระเบียบความรู้ 5.1 สมาชิกในแต่ละกลุ่มช่วยกันสรุปความรู้เกี่ยวกับ Exclamatory Sentence ที่ได้จากการแลกเปลี่ยน ข้อมูลจากกลุ่มอื่น ๆ และจากสมาชิกในกลุ่ม 5.2 นักเรียนฟังครูอธิบายเพิ่มเติมเกี่ยวกับ Exclamation ประโยคอุทาน (Exclamatory Sentence) คือ ประโยคคำพูดแสดงความรู้สึกหรืออารมณ์ต่าง ๆ เช่น ดีใจ ประหลาดใจ ผิดหวัง เสียใจ โดยพื้นฐานทั่วไปประโยคอุทานจะกำหนดขึ้นตามหน้าที่ (วัตถุประสงค์) แล้ว ปิดท้ายประโยคด้วยเครื่องหมาย Exclamation Mark (!) เช่น • I love it ! ฉันรักมัน ! • You did a great job ! คุณทำได้ดีมาก ! และนอกจากนี้ยังมีรูปแบบการสร้างประโยคอุทานจากคำว่า What, How รวมถึงประโยคอุทานใน แบบประโยคคำถามปฏิเสธด้วย หลักการสร้างประโยคอุทาน 1. ประโยคอุทานที่ขึ้นต้นด้วย How มีโครงสร้าง How + adjective / adverb. + subject + verb เช่น • How funny she looks ! เธอช่างดูสนุกสนานอะไรอย่างนี้! • How interesting this film is ! หนังเรื่องนี้น่าสนใจอะไรอย่างนี้! • How lucky they are ! พวกเขาโชคดีจัง !
หน่วยการเรียนรู้อิงมาตรฐาน รายวิชาภาษาอังกฤษ 4 (อ22122) ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 ภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2566 หน้า 230 • How well he sings ! เขาร้องเพลงได้ไพเราะอะไรอย่างนี้! หรือบางครั้งอาจมีโครงสร้าง How + adjective / adverb เช่น How strange! (ประหลาดอะไร เช่นนี้!) หรือ How + subject + verb เช่น How you’ve grown! (คุณโตเป็นผู้ใหญ่อะไรอย่างนี้!) 2. ประโยคอุทานที่ขึ้นต้นด้วย What มีโครงสร้าง คือ 2.1 What + a / an + adjective + นามเอกพจน์นับได้ + subject + verb เช่น • What a nice house you buy ! คุณซื้อบ้านที่ดีเยี่ยมอะไรอย่างนี้! • What a rude boy ! ช่างเป็นเด็กชายที่หยาบคายอะไรอย่างนี้! 2.2 What + a / an + นามวลี + ((subject + verb) (+tag)) เช่น • What a pity ! ช่างน่าสงสารจัง ! • What a mess ! ช่างสับสนอะไรอย่างนี้! • What a long trip ! ช่างเป็นทริปที่ยาวนาน ! • What a beautiful day it is ! มันช่างเป็นวันที่ดี! • What a beautiful day it is, isn’t it ! มันช่างเป็นวันที่ดี ว่าไหม ! เพิ่มเติม : tag คือ Question Tag ประโยคที่ใช้แสดงความคิดเห็นและถามย้ำเพื่อความแน่ใจไป ในคราวเดียวกัน 2.3 What + adjective + นามพหูพจน์/ นามนับไม่ได้ + subject + verb เช่น • What fools ! โง่อะไรอย่างนี้! • What lovely roses ! ดอกกุหลาบช่างสวยอะไรอย่างนี้! • What beautiful weather ! อากาศช่างดีอะไรอย่างนี้! • What interesting questions you’ve asked ! คุณถามคำถามได้น่าสนใจอะไรอย่างนี้! 6. ขั้นปฏิบัติและ / หรือแสดงผลงาน 6.1 นักเรียนส่งตัวแทน 1 คนออกมาหน้าชั้น แล้วเขียนคำว่า Exclamatory Sentence ตรงบริเวณตรง กลางกระดาน 6.2 นักเรียนตัวแทนแต่ละกลุ่มออกมาเขียน mind mapping ตามความเข้าใจของนักเรียน โดย ประกอบไปด้วยหลักการใช้ โครงสร้าง และตัวอย่างประโยค
หน่วยการเรียนรู้อิงมาตรฐาน รายวิชาภาษาอังกฤษ 4 (อ22122) ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 ภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2566 หน้า 231 6.3 นักเรียนและครูร่วมกันตรวจสอบข้อมูลและประโยคที่แต่ละกลุ่มเขียนบนกระดาน 7. ขั้นประยุกต์ใช้ความรู้ 7.1 นักเรียนแต่ละกลุ่มช่วยกันทำแบบฝึกหัด Exclamation (Revision) ในเอกสารประกอบการเรียน 7.2 นักเรียนฟังครูอธิบายเพิ่มเติมเพื่อเสริมความเข้าใจในเรื่อง Exclamation เขียนตัวอย่างประโยคบน กระดานให้นักเรียนเห็นความหลากหลายมากขึ้น 7.3 นักเรียนและครูร่วมกันตรวจสอบคำตอบแบบฝึกหัด Exclamation (Revision) ในเอกสาร ประกอบการเรียน 7.4 นักเรียนฟังครูอธิบายถึงสาเหตุในการตอบคำถามหรือเลือกตอบในแต่ละข้อให้นักเรียนเข้าใจ หลักการใช้Exclamation ครูสรุปหลักการของกฎต่าง ๆ ให้นักเรียนฟังอีกครั้ง 11. สื่อการเรียนรู้/ แหล่งเรียนรู้ 11.1 สื่อการเรียนรู้ 1. เอกสารประกอบการเรียนเรื่อง Too / Enough and Exclamation (Revision) 11.2 แหล่งเรียนรู้ 1. ใบงานเรื่อง Too / Enough and Exclamation (Revision) 12. การวัดและประเมินผล ลำดับ รายการที่วัดและประเมินผล วิธีการ เครื่องมือ เกณฑ์ 1 ใบงานเรื่อง Too / Enough and Exclamation (Revision) ตรวจใบงานท้ายบท ใบงานท้ายบท นั ก เรีย น ให้ ค วาม ร่วม มื อใน การท ำ แบบฝึกหัดและตอบ ถูกร้อยละ 60 ขึ้นไป ผ่านเกณฑ์ 13. เกณฑ์การประเมิน 16 - 20 คะแนน ดีมาก 11 - 15 คะแนน ดี 6 - 10 คะแนน พอใช้ น้อยกว่า 6 คะแนน ควรปรับปรุง ลงชื่อ ผู้จัดทำ (นายสุจินดา ปรากฏวงศ์) ตำแหน่ง ครู
หน่วยการเรียนรู้อิงมาตรฐาน รายวิชาภาษาอังกฤษ 4 (อ22122) ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 ภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2566 หน้า 232 บันทึกหลังการใช้แผนการจัดการเรียนรู้ ...................................................................................................................................................................................... ...................................................................................................................................................................................... ...................................................................................................................................................................................... ...................................................................................................................................................................................... ...................................................................................................................................................................................... ...................................................................................................................................................................................... ...................................................................................................................................................................................... ...................................................................................................................................................................................... ...................................................................................................................................................................................... ลงชื่อ ผู้จัดทำ (นายสุจินดา ปรากฏวงศ์) ตำแหน่ง ครู วันที่..............เดือน..................................พ.ศ. ..................
หน่วยการเรียนรู้อิงมาตรฐาน รายวิชาภาษาอังกฤษ 4 (อ22122) ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 ภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2566 หน้า 233 โรงเรียนแผนการจัดการเรียนรู้ หน่วยการเรียนรู้ที่ 8 เรื่อง Places around Us รหัสวิชา อ22122 รายวิชา ภาษาอังกฤษ 4 ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาต่างประเทศ ปีการศึกษา 2566 ภาคเรียนที่ 2 เวลา 16 ชั่วโมง ผู้สอน นายสุจินดา ปรากฏวงศ์ 1. มาตรฐานการเรียนรู้/ ตัวชี้วัด 1.1 มาตรฐานการเรียนรู้ มาตรฐาน ต 1.1 เข้าใจและตีความเรื่องที่ฟังและอ่านจากสื่อประเภทต่าง ๆ และแสดงความคิดเห็น อย่างมีเหตุผล มาตรฐาน ต 1.2 มีทักษะการสื่อสารทางภาษาในการแลกเปลี่ยนข้อมูลข่าวสาร แสดงความรู้สึกและความ คิดเห็นอย่างมีประสิทธิภาพ มาตรฐาน ต 1.3 นำเสนอข้อมูลข่าวสาร ความคิดรวบยอด และความคิดเห็นในเรื่องต่าง ๆ โดยการพูด และการเขียน มาตรฐาน ต 4.1 ใช้ภาษาต่างประเทศในสถานการณ์ต่าง ๆ ทั้งในสถานศึกษา ชุมชน และสังคม 1.2 ตัวชี้วัด ต 1.1 ม.2/2 อ่านออกเสียงข้อความ ข่าว ประกาศ และบทร้อยกรองสั้น ๆ ถูกต้องตามหลักการอ่าน ต 1.2 ม.2/2 ใช้คำขอร้อง ให้คำแนะนำ คำชี้แจง และคำอธิบายตามสถานการณ์ ต 1.3 ม.2/2 พูดและเขียนสรุปใจความสำคัญ / แก่นสาระ หัวข้อเรื่อง (topic) ที่ได้จากการวิเคราะห์ เรื่อง / ข่าว / เหตุการณ์ ที่อยู่ในความสนใจของสังคม ต 4.1 ม.2/1 ใช้ภาษาสื่อสารในสถานการณ์จริงท /สถานการณ์จำลองที่เกิดขึ้นในห้องเรียน สถานศึกษา และชุมชน 2. สาระสำคัญ / ความคิดรวบยอด - พูดและเขียน Question Tag และ Connected Statement ในคำขอร้อง คำแนะนำ คำชี้แจง และ คำอธิบายในสถานการณ์จริง / สถานการณ์จำลองที่เกิดขึ้นในห้องเรียน สถานศึกษาและชุมชน และในเหตุการณ์ที่ อยู่ในความสนใจได้มีทักษะในการเลือก พอประมาณ มีเหตุผล มีภูมิคุ้มกัน และมีคุณธรรม ในการปฏิบัติตนอย่าง เหมาะสม ตามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง 3. สาระการเรียนรู้ 3.4สาระการเรียนรู้แกนกลาง พูดและเขียน Question Tag และ Connected Statement ในคำขอร้อง คำแนะนำ คำชี้แจง และ คำอธิบายในสถานการณ์จริง / สถานการณ์จำลองที่เกิดขึ้นในห้องเรียน สถานศึกษาและชุมชน และในเหตุการณ์ที่ อยู่ในความสนใจได้
หน่วยการเรียนรู้อิงมาตรฐาน รายวิชาภาษาอังกฤษ 4 (อ22122) ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 ภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2566 หน้า 234 3.2 สาระการเรียนรู้ท้องถิ่น 1. คำศัพท์ในเรื่อง Unit 8 : Places around Us 2. บทสนทนาในเรื่อง Unit 8 : Places around Us 3. การใช้Too / Enough ในรูปแบบต่าง ๆ 4. การใช้ Exclamation ในรูปแบบต่าง ๆ 4. สมรรถนะสำคัญของผู้เรียน (เฉพาะที่เกิดในหน่วยการเรียนรู้นี้) 4.1 ความสามารถในการสื่อสาร 4.2 ความสามารถในการคิด 4.3 ความสามารถในการแก้ปัญหา 4.4 ความสามารถในการใช้ทักษะชีวิต 4.5 ความสามารถในการใช้เทคโนโลยี 5. คุณลักษณะอันพึงประสงค์ (เฉพาะที่เกิดในหน่วยการเรียนรู้นี้) 5.1 คุณลักษณะอันพึงประสงค์ (ตามหลักสูตรแกนกลาง) 1) รักชาติ ศาสน์ กษัตริย์ 2) ซื่อสัตย์สุจริต 3) มีวินัย 4) ใฝ่เรียนรู้ 5) อยู่อย่างพอเพียง 6) มุ่งมั่นในการทำงาน 7) รักความเป็นไทย 8) มีจิตสาธารณะ 5.2 คุณลักษณะตามหลักสูตรมาตรฐานสากล 1) มีความรู้พื้นฐานในยุคดิจิตอล วิทยาศาสตร์ เศรษฐศาสตร์ เทคโนโลยี รู้ภาษา พหุวัฒนธรรม ตระหนักสำนึกระดับโลก 2) สามารถคิดประดิษฐ์อย่างสร้างสรรค์ ปรับตัวใฝ่รู้ ใฝ่เรียน วิเคราะห์ สังเคราะห์สรุป สร้างองค์ความรู้ 3) มีทักษะสื่อสารอย่างมีประสิทธิภาพ 4) มีความสามารถในการใช้ทักษะชีวิต 5) มีความสามารถในการใช้เทคโนโลยี 6. ทักษะของผู้เรียนในศตวรรษที่ 21 (3R 7C เฉพาะที่เกิดในหน่วยการเรียนรู้นี้) 6.1 ทักษะการอ่าน (Reading) 6.2 ทักษะการเขียน (Writing) 6.3 ทักษะการคิดคำนวณ (Arithmetic) 6.4 ทักษะด้านการคิดอย่างมีวิจารณญาณและทักษะในการแก้ปัญหา (Critical thinking and problem solving) 6.5 ทักษะด้านการสร้างสรรค์และนวัตกรรม (Creativity and innovation) 6.6 ทักษะด้านความร่วมมือการทำงานเป็นทีมและภาวะผู้นำ (Collaboration, teamwork and leadership) 6.7 ทักษะด้านความเข้าใจต่างวัฒนธรรมต่างกระบวนทัศน์ (Cross-cultural understanding) 6.8 ทักษะด้านการสื่อสารสารสนเทศและรู้เท่าทันสื่อ (Communication information and media literacy) 6.9 ทักษะด้านคอมพิวเตอร์และเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร (Computing) 6.10 ทักษะอาชีพและทักษะการเรียนรู้ (Career and learning self-reliance, change)
หน่วยการเรียนรู้อิงมาตรฐาน รายวิชาภาษาอังกฤษ 4 (อ22122) ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 ภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2566 หน้า 235 7. การบูรณาการตามพระราชบัญญัติการศึกษาแห่งชาติ (เฉพาะที่เกิดในหน่วยการเรียนรู้นี้) 7.1 บูรณาการสวนพฤกษศาสตร์โรงเรียน 7.2 บูรณาการเศรษฐกิจพอเพียง 7.3 บูรณาการห้องเรียนสีเขียว 7.4 อื่น ๆ (โปรดระบุ)…………………………………………………………………………..………………………….………………………… 8. ชิ้นงาน / ภาระงาน 1. ภาระงาน - ใบงานเรื่อง Vocabulary - แบบฝึกหัดเรื่อง Reading and conversation ในหนังสือเรียนรายวิชาพื้นฐาน ภาษาอังกฤษ Spark 2 ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 - ใบงานเรื่อง Question Tag - ใบงานเรื่อง Connected Statement - ใบงานเรื่อง Question Tag and Connected Statement (Revision) 2. ชิ้นงาน - 9. การวัดและประเมินผล 9.1 การวัดและประเมินผลชิ้นงาน / ภาระงาน 1. วิธีการ 1. ตรวจใบงานเรื่อง Vocabulary 2. ตรวจแบบฝึกหัดเรื่อง Reading and conversation ในหนังสือเรียนรายวิชาพื้นฐาน ภาษาอังกฤษ Spark 2 ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 3. ตรวจใบงานเรื่อง Question Tag 4. ตรวจใบงานเรื่อง Connected Statement 5. ตรวจใบงานเรื่อง Question Tag and Connected Statement (Revision) 2. เครื่องมือ 1. ใบงานเรื่อง Vocabulary 3. แบบฝึกหัดเรื่อง Reading and conversation ในหนังสือเรียนรายวิชาพื้นฐาน ภาษาอังกฤษ Spark 2 ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 4. ใบงานเรื่อง Question Tag 5. ใบงานเรื่อง Connected Statement 6. ใบงานเรื่อง Question Tag and Connected Statement (Revision) 3. เกณฑ์ 1. ตรวจใบงานและแบบฝึกหัดร้อยละ 60 ผ่านเกณฑ์
หน่วยการเรียนรู้อิงมาตรฐาน รายวิชาภาษาอังกฤษ 4 (อ22122) ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 ภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2566 หน้า 236 9.2 การวัดและประเมินผลระหว่างการจัดกิจกรรม ลำดับ รายการที่วัดและประเมินผล วิธีการ เครื่องมือ เกณฑ์ 1 ใบงานเรื่อง Vocabulary ตรวจใบงานท้ายบท ใบงานท้ายบท นักเรียนให้ความ ร่วมมือในการทำ แบบฝึกหัดและตอบ ถูกร้อยละ 60 ขึ้นไป ผ่านเกณฑ์ 2 แบบฝึกหัดเรื่อง Reading and conversation ในหนังสือเรียน รายวิชาพื้นฐาน ภาษาอังกฤษ Spark 2 Student’s book ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 ตรวจแบบฝึกหัด แบบฝึกหัด นักเรียนให้ความ ร่วมมือในการทำ แบบฝึกหัดและตอบ ถูกร้อยละ 60 ขึ้นไป ผ่านเกณฑ์ 3 ใบงานเรื่อง Question Tag ตรวจใบงานท้ายบท ใบงานท้ายบท นักเรียนให้ความ ร่วมมือในการทำ แบบฝึกหัดและตอบ ถูกร้อยละ 60 ขึ้นไป ผ่านเกณฑ์ 4 ใบงานเรื่อง Connected Statement ตรวจใบงานท้ายบท ใบงานท้ายบท นักเรียนให้ความ ร่วมมือในการทำ แบบฝึกหัดและตอบ ถูกร้อยละ 60 ขึ้นไป ผ่านเกณฑ์ 5 ใบงานเรื่อง Question Tag and Connected Statement (Revision) ตรวจใบงานท้ายบท ใบงานท้ายบท นักเรียนให้ความ ร่วมมือในการทำ แบบฝึกหัดและตอบ ถูกร้อยละ 60 ขึ้นไป ผ่านเกณฑ์ 10. กิจกรรมการเรียนรู้ เรื่องที่ 1 เรื่อง Vocabulary, reading and conversation จำนวนเวลาเรียน 2 ชั่วโมง วิธีการสอน (วิธีการสอนแบบค้นพบ Discovery Method) กิจกรรมการเรียนรู้(Active Learning) ชั่วโมงที่ 1 1. ขั้นนำเข้าสู่บทเรียน 1.1 นักเรียนดูรูปภาพและประโยคบน PowerPoint “Look at the picture and tell me what you see in the picture”
หน่วยการเรียนรู้อิงมาตรฐาน รายวิชาภาษาอังกฤษ 4 (อ22122) ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 ภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2566 หน้า 237 1.2 นักเรียนช่วยกันแสดงความคิดเห็น โดยครูรับคำตอบทุกคำ 1.3 นักเรียนสามารถตอบได้ว่า post office, mail box, music store, movie theater, bank, grocery store, parking lot, drugstore, swimming pool, park, bus stop, bookstore, restaurant, public rest room, travel agent เป็นต้น 1.4 นักเรียนดูประโยคคำถามบนกระดาน Where is the bookstore? 1.5 นักเรียนช่วยกันแสดงความคิดเห็น โดยนักเรียนสามารถตอบได้ว่า It’s on the Mable Street, close to the Chinese restaurant. 1.6 นักเรียนทำกิจกรรม Asking for the diction : Use theses proposition to ask for and give directions โดยใช้รูปภาพในหนังสือเรียน Spark 2 หน้าที่ 93 เช่น A : Excuse me, where is the bank? B : It’s on Apple Street, next to the chemist’s. 1.7 นักเรียนทำกิจกรรม Reading : Twin Cities Different Worlds. ในหนังสือเรียน Spark 2 หน้าที่ 94 1.8 นักเรียนและครูร่วมกันเฉลยคำตอบในกิจกรรม Reading : Twin Cities Different Worlds. ใน หนังสือเรียน Spark 2 หน้าที่ 94 หากมีข้อใดที่นักเรียนยังตอบได้ไม่ถูกต้องให้ครูผู้สอนอธิบายคำตอบให้นักเรียนฟัง เพื่อให้นักเรียนมีความเข้าใจมากขึ้น 2. ขั้นเรียนรู้ 2.1 นักเรียนฟังบทสนทนาในหนังสือเรียน Spark 2 หน้าที่ 99 2.2 นักเรียนจับกลุ่มเพื่อฝึกบทสนทนา และส่งตัวแทนออกมา 1 กลุ่มเพื่อออกมาพูดบทสนทนา 2.3 นักเรียนทำกิจกรรมในหนังสือเรียน Spark 2 หน้าที่ 99 กิจกรรม Look at the map. Act out dialogues asking for and giving directions from the hospital to the post office. -the park to café. - the car park to the library. -the police station to the café. 2.4 นักเรียนส่งตัวแทนออกมาพูดบทสนทนาตามหัวข้อ • the hospital to the post office. • the park to café. • the car park to the library. • the police station to the café.
หน่วยการเรียนรู้อิงมาตรฐาน รายวิชาภาษาอังกฤษ 4 (อ22122) ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 ภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2566 หน้า 238 ชั่วโมงที่ 2 3. ขั้นนำไปใช้ 3.1 นักเรียนศึกษาคำศัพท์ในเอกสารประกอบการเรียน 3.2 นักเรียนทำใบงานแบบฝึกหัดเกี่ยวกับคำศัพท์ในเอกสารประกอบการเรียน 3.3 นักเรียนและครูร่วมกันเฉลยแบบฝึกหัดเกี่ยวกับคำศัพท์ในเอกสารประกอบการเรียน หากมีข้อใดที่ นักเรียนยังตอบได้ไม่ถูกต้องให้ครูผู้สอนอธิบายคำตอบให้นักเรียนฟังเพื่อให้นักเรียนมีความเข้าใจมากขึ้น เรื่องที่ 2 เรื่อง Question Tag จำนวนเวลาเรียน 6 ชั่วโมง วิธีสอน (วิธีการสอนแบบโมเดลซิปปา CIPPA Model และวิธีการสอนแบบ Inquiry Method : 5Es) กิจกรรมการเรียนรู้(Active Learning) ชั่วโมงที่ 1 - 2 1. ขั้นทบทวนความรู้เดิม 1.1 นักเรียนดูรูปประโยคคำถามบน PowerPoint และร่วมกันแสดงความคิดเห็นว่าเป็นประโยคคำถาม แบบใด • Do you like dogs? • Are they your friends? • Can you help me, please? • What is your name? • How old are those babies? 1.2 นักเรียนสามารถตอบได้ว่า 1. ประโยคคำถาม Do you like dogs? Are they your friends? และ Can you help me, please? เป็นประโยคคําถามภาษาอังกฤษ แบบ Yes / No question ซึ่งประโยคคำถามที่ใช้ในการถามคำถาม ที่ ต้องการคำตอบ Yes หรือ No (ใช่หรือไม่ใช่) ซึ่งมักพบได้บ่อยและมีประโยชน์มากในการสนทนาในชีวิตประจำวัน ประโยคคำถามรูปแบบนี้ ถ้าเปรียบเทียบกับภาษาไทย ก็คือคำถามที่ถามว่า ใช่หรือไม่ ใช่ไหม 2. ประโยคคำถาม What is your name? และ How old are those babies? เป็นประโยค คําถามภาษาอังกฤษ แบบ Wh-question คือ ประโยคคำถาม ที่ไม่ต้องการคำตอบว่า Yes หรือ No แต่ต้องการเป็น รายละเอียด ซึ่งประโยคคำถามแบบ Wh-question จะประกอบด้วย Question Words หมายถึง คำที่ใช้ขึ้นต้น ประโยค เพื่อทำให้ประโยคนั้นเป็นคำถาม ซึ่งต้องการให้ผู้ตอบได้ตอบโดยใช้ข้อมูล หรือข้อเท็จจริง ประโยคคำถาม ส่วนใหญ่จะขึ้นต้นด้วย “W” และ “H” คำที่ใช้ในการตั้งคำถามมีอยู่หลายคำ เช่น who, whom, whose, which, what, when, where, why, how long, how often, how many, how much, how far และประโยคคำถาม Question Word ไม่ได้ ตอบว่า yes หรือ no 2. ขั้นแสวงหาความรู้ใหม่ 2.1 นักเรียนดูประโยคคำถามบน PowerPoint และร่วมกันแสดงความคิดเห็นว่าเป็นประโยคคำถาม แบบใด ซึ่งนักเรียนสามารถแสดงความคิดเห็น เสนอความคิดตามความเข้าใจของตนเอง โดยครูรับทุกคำตอบของ นักเรียนทุกคนโดยไม่มีคำตอบถูกหรือผิด • You eat a lot of oranges, don’t you?
หน่วยการเรียนรู้อิงมาตรฐาน รายวิชาภาษาอังกฤษ 4 (อ22122) ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 ภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2566 หน้า 239 • You will have the exam next month, won’t you? • She came here yesterday, didn’t she? • She doesn’t want to disturb you, does she? • They haven’t turned it off, have they? 2.2 นักเรียนดูประโยคที่ครูเขียนบนกระดาน Question Tag 3. ขั้นศึกษาทำความเข้าใจข้อมูล/ความรู้ใหม่ และเชื่อมโยงความรู้ใหม่กับความรู้เดิม 3.1 นักเรียนแบ่งเป็นกลุ่ม กลุ่มละเท่า ๆ กัน โดยสมาชิกประกอบไปด้วยนักเรียนเก่ง ปานกลางและอ่อน 3.2 นักเรียนแต่ละคนในกลุ่มช่วยกันหาความหมายและศึกษาหลักการใช้ประโยคคำถามแบบ Question Tag จากแหล่งเรียนรู้ Internet 3.3 นักเรียนตอบคำถาม You’re a student, aren’t you? ในขณะที่นักเรียนตอบครูสังเกตการตอบ คำถามของนักเรียนว่านักเรียนจะรู้หรือไม่ว่าคำตอบที่สามารถตอบได้นั้นต้องเป็น Yes และ No ตามด้วยรูป Tense ของประโยคคำถามนั้น เช่น • Yes, I am. • No, I’m not. 3.4 นักเรียนฟังครูอธิบายการตอบประโยคคำถามแบบ Question Tag คำถามชนิดนี้เป็นคำถามสั้น ๆ ท้ายประโยค ภาษาไทยประมาณว่า ใช่ใหม่ ไม่ใช่หรือ คำตอบก็คล้ายกับ Yes / No Question คือตอบ Yes และ No 4. ขั้นแลกเปลี่ยนความรู้ความเข้าใจกับกลุ่ม 4.1 นักเรียนในกลุ่มช่วยกันนำเสนอข้อมูลที่ได้ศึกษาความหมายและศึกษาหลักการใช้ประโยคคำถาม แบบ Question Tag จากแหล่งเรียนรู้ Internet โดยสลับกันนำเสนอจนครบทุกคน 4.2 นักเรียนแต่ละกลุ่มช่วยกันเขียนสรุปข้อมูลที่ได้จากการนำเสนอของสมาชิกแต่ละคน โดยเขียนสรุป ลงในกระดาษที่ครูเตรียมให้ 5. ขั้นสรุปและจัดระเบียบความรู้ 5.1 สมาชิกในแต่ละกลุ่มช่วยกันสรุปความรู้เกี่ยวกับประโยคคำถามแบบ Question Tag 5.2 นักเรียนศึกษาประโยคคำถามแบบ Question Tag บน PowerPoint 5.3 นักเรียนฟังครูอธิบายเพิ่มเติมเกี่ยวกับประโยคคำถามแบบ Question Tag Question Tag เป็นประโยคที่มีส่วนประกอบสองส่วนคือ ส่วน Statement ซึ่งเป็นประโยคบอก เล่าที่ใช้แสดงความคิดเห็น และส่วน Tag เป็นประโยคคำถามส่วนหลังห้อยท้ายซึ่งใช้ถามย้ำ โดยหากประโยคใด
หน่วยการเรียนรู้อิงมาตรฐาน รายวิชาภาษาอังกฤษ 4 (อ22122) ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 ภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2566 หน้า 240 ประโยคหนึ่งเป็นบอกเล่า อีกประโยคจะอยู่ในรูปปฏิเสธเพื่อใช้ถามย้ำให้แน่ใจว่าผู้ฟังเห็นด้วยกับข้อความก่อนหน้าที่ ได้ถามขึ้นมาหรือไม่ ประโยคคำถามแบบ Question Tag มีสองรูปแบบด้วยกัน คือ 1. เมื่อต้องการให้ผู้ฟังแสดงความไม่เห็นด้วยเช่นเดียวกับประโยคหลัก ประโยค Question Tag แบบนี้ จะมีประโยคหลักเป็นประโยคปฏิเสธ และประโยคท้ายเป็น ประโยคคำถามถามย้ำเพื่อความแน่ใจว่าเห็นด้วยกับประโยคหลัก คือ Negative, Affirmative Tag? 2. เมื่อต้องการให้ผู้ฟังแสดงความเห็นด้วย แบบที่สองนี้ใช้ถามย้ำเพื่อให้ผู้ฟังแสดงความเห็นด้วย โดยประโยคหลักจะเป็นประโยคบอกเล่า ปกติ และประโยคหลังเป็นประโยคคำถามรูปปฏิเสธ คือ Statement, Negative Tag? Question tag หรือ Tag question นี้จึงประกอบด้วยประโยคสองส่วน คือส่วนต้นเป็นประโยค ธรรมดา ส่วนท้ายเป็นประโยคคำถาม ซึ่งเป็นรูปคำถามแบบ Yes / No Question คำถามชนิดนี้นิยมใช้ในการ พูดคุยสนทนา โดยเฉพาะในการใช้ประโยคยาวๆ จะทำให้ไม่สับสน อาจกล่าวได้ว่า คำถามชนิดนี้เป็นการแสดง ความรู้สึกหรือความเข้าใจของตนเองก่อนแล้วจึงขมวดเป็นการถามทีหลัง ว่าเป็นอย่างที่พูดมาข้างต้นหรือเปล่า ลักษณะสำคัญของ โครงสร้างคำถามชนิดนี้ก็คือ ท่อนต้นเป็นประโยคบอกเล่าหรือปฏิเสธ ท่อนหลังเป็นคำถามแบบ Yes / No Question แต่ใช้สรรพนาม (Pronoun) ของประธานในท่อนต้นมาเป็นประธานในท่อนคำถาม หลักการ สร้างประโยค Question tag จะมีดังต่อไปนี้ ถ้าประโยคที่มาข้างหน้าเป็นประโยคบอกเล่า ต้องใช้ question tag เป็นรูปปฏิเสธ • You eat a lot of oranges, don’t you? • You will have the exam next month, won’t you? • She came here yesterday, didn’t she? ถ้าประโยคที่มาข้างหน้าเป็นประโยคปฏิเสธ ต้องใช้ question tag เป็นรูปบอกเล่า • She doesn’t want to disturb you, does she? • They haven’t turned it off, have they? ถ้าประโยคข้างหน้ามี verb to have (a) เมื่อ have แปลว่า “มี” จะใช้ tag ว่า haven’t หรือ don’t ก็ได้ • She has a lot of teddy bears, hasn’t she? • Sam and Smith have only one child, don’t they? (แบบ American) (b) เมื่อ have แปลอย่างอื่น ที่ไม่ได้แปลว่า “มี” ให้ใช้ verb to do มาช่วย • We have breakfast at six o’clock, don’t we? • I had his letter last week, didn’t I? • John had his hair cut by the best hairstylist in town, didn’t he? (c) question tag ของ “have to” (=จำเป็นต้อง) ใช้ verb to do มาช่วย • You often have to go to the dentist’s, don’t you? ในประโยค tag ที่เป็นรูปปฏิเสธ ต้องใช้ รูปย่อเสมอ • We shall go skiing, shan’t we? • He will come to my birthday party, won’t he? • Question tag ของ I am คือ aren’t I (เนื่องจาก am not ไม่มีรูปย่อ)
หน่วยการเรียนรู้อิงมาตรฐาน รายวิชาภาษาอังกฤษ 4 (อ22122) ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 ภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2566 หน้า 241 • I am late for school for 30 minutes, aren’t I ? Question tag ของกริยาช่วย can, could, may, might, will, shall, ought to, should, V. be, etc. จะใช้กริยาช่วยเหล่านี้เป็น question tag ได้ • She can speak English it well, can’t she? • You ought to study hard, oughtn’t you? คำว่า “need” (ต้องการ) และ “dare” (กล้า) มีวิธีใช้ 2 แบบ คือ (a) ใช้เป็นกริยาแท้ tag ก็จะใช้ verb to do มาช่วย • He needs to go there alone, doesn’t he? • She does not need any help, does she? • We don’t dare to tell a lie, do we? (ข้อสังเกต ถ้า “need” “dare” ใช้เป็นกริยาแท้ จะตามหลังด้วย to + V1 โดยที่กริยา need / dare สามารถผันตามประธานได้ หรืออาจตามด้วย noun ก็ได้ ) (b) ใช้เป็นกริยาช่วย tag จะใช้ need / dare เป็นกริยาช่วยใน tag • She needn’t come on Sunday, need she? • You dare not go out alone at night, dare you? (ข้อสังเกต ถ้า need / dare เป็นกริยาช่วย จะตามหลังด้วย V1 ) question tag ของ used to (เคย) คือ didn’t หรือ usedn’t ( เก่ามากหรือล้าสมัย ) • She used to be his secretary, didn’t she (usedn’t she)? ประธานที่ใช้ใน tag ต้องเป็น pronoun เสมอ • Vinai went to Chiang Mai yesterday, didn’t he? • The children are playing in the garden, aren’t they? • tag ของ would like (=ต้องการ) ใช้ wouldn’t • We’d like to go now, wouldn’t we? • tag ของ would rather (= อยากจะ) ใช้ wouldn’t • You’d rather stay at home, wouldn’t you? • We would rather not go there, would we? • tag ของ had better ใช้ hadn’t • You’d better finish your homework , hadn’t you? • She had better not go out alone, had she? ประโยคคำสั่ง หรือ ขอร้อง (Imperative, order, request) จะกลายเป็นประโยคสุภาพ ด้วยการ เติม question tag ว่า will you หรือ won’t you? • Open your book, will you? • Stop talking, will you? • Go out, will you? หากต้องการแสดงคำขอให้ใช้ “will“: • Take these things away, will you?
หน่วยการเรียนรู้อิงมาตรฐาน รายวิชาภาษาอังกฤษ 4 (อ22122) ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 ภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2566 หน้า 242 • Let us go to the movies, will you? หากต้องการแสดงคำเชิญให้ใช้ “won’t“: • Drink some juice, won’t you? • Take a seat, won’t you? ถ้าประโยคข้างหน้ามีประธานเป็น There is , There are , There was, There were (=มี) question tag ใช้ verb to be นั้น ๆ + there • There is a purse in my bag, isn’t there? • There are many flowers in the garden, aren’t there? • There was an accident last night, wasn’t there? Question Tag ของ That is.., This is คือ isn’t it ? หรือ is it? • This is my book, isn’t it? • That is not your bag, is it? Question Tag ของ These are, Those are ใช้ aren’t they? หรือ are they? • These are your exercise books, aren’t they? • Those are not our balls, are they? คำต่อไปนี้คือ few, little, never, rarely, scarcely, hardly, seldom, neither, none, no one, nobody, nothing มีความหมายกึ่งปฏิเสธและปฏิเสธ เพราะฉะนั้น tag จะเป็นการบอกเล่า • Few students knew the answers to this question, did they? • Little progress has gradually been made, has it? • He never comes to the office early, does he? • That vacancy is hardly suitable for Chatichai, is it? • We have seldom seen such large watermelons, have we? • I scarcely know who he is, do I? • Nothing was done on time, was it? • We saw no one we knew in that ceremony, did we? • None of the boys liked that song, did they? • You rarely go to the cinema to enjoy a film alone, do you? ประโยคที่ใช้ประธาน one ใน tag จะใช้ one เช่น • One wants to be rich, doesn’t one? ถ้าประธานเป็น everyone, everybody, everything, no one, nobody, anybody, neither ในส่วน tag ให้ใช้ they เช่น • Everyone likes eating ice cream, don’t they? • Nobody knows the answer to this exercise, do they? • Neither of the boys complained about that noise, did they? • None of the workmen arrived at the work site on time, did they?
หน่วยการเรียนรู้อิงมาตรฐาน รายวิชาภาษาอังกฤษ 4 (อ22122) ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 ภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2566 หน้า 243 ถ้าเป็นประโยคซับซ้อน ให้ใช้กริยาใน main clause เป็นหลัก ยกเว้น ถ้าใน main clause หมายถึง ตัวเองหรือบุรุษที่ 1 เช่น • He said he would come to my graduation day, did he? • If he said it under oath, it must be true, mustn’t it? 6. ขั้นปฏิบัติและ / หรือแสดงผลงาน 6.1 นักเรียนแต่ละกลุ่มฝึกแต่งประโยคคำถามแบบ Question Tag โดยสร้างคำถามเพื่อถามเพื่อน ๆ ใน สมาชิก 6.2 นักเรียนแต่ละกลุ่มช่วยกันนำประโยคคำถามแบบ Question Tag ของสมาชิกแต่ละคนนำมาเขียน ลงในกระดาษเพื่อนำเสนอหน้าชั้น 7. ขั้นประยุกต์ใช้ความรู้ 7.1 นักเรียนส่งตัวแทนอาสาสมัครกลุ่มละ 1 คน ออกมาหน้าชั้นเรียนเพื่ออ่านประโยคคำถามแบบ Question Tag ของกลุ่มตนเองทีละข้อ โดยก่อนที่จะอ่านคำถามให้ตัวแทนเลือกสมาชิกในห้องที่ไม่ใช่ในกลุ่มเตรียม ความพร้อมเพื่อที่จะตอบคำถาม และเปลี่ยนผู้ตอบไปเรื่อย ๆ จนหมดคำถาม 7.2 นักเรียนจับคู่กันฝึกสนทนาโต้ตอบโดยใช้ประโยคคำถามแบบ Question Tag 7.3 ครูวัดและประเมินผลจากการสนทนาของนักเรียนถูกต้องตามหลักโครงสร้างของประโยคคำถาม แบบ Question Tag 7.4 นักเรียนทำแบบฝึกหัดเรื่อง Question Tag บน PowerPoint จำนวน 12 ข้อ Instructions : Complete the sentences with the correct question tags. 1. Steve and Jessy aren’t watching a film on TV,……………………………. ? 2. They played volleyball last Sunday,……………………………. ? 3. Your neighbours have got a blue house,……………………………. ? 4. My brother always arrives late at school,……………………………. ? 5. There’s a swimming pool in our town,……………………………. ? 6. Elephants can’t fly,……………………………. ? 7. She must lose some weight,……………………………. ? 8. He didn’t take a driving lesson yesterday,……………………………. ? 9. They won’t move to Manhattan,……………………………. ? 10. Your sister doesn’t want to become a housewife,……………………………. ? 11. Ken was doing his homework yesterday at 5.00pm,……………………………. ? 12. Your grandparents seem happy active people,……………………………. ? Answer Key : 1. are they 2. didn’t they 3. haven’t they 4. doesn’t he 5. isn’t there 6. can they 7. mustn’t she 8. did he 9. will they 10. does she 11. wasn’t he 12. don’t they 7.5 นักเรียนฟังครูอธิบายเพิ่มเติมเพื่อเสริมความเข้าใจในเรื่องประโยคคำถามแบบ Question Tag เขียนตัวอย่างประโยคบนกระดานให้นักเรียนเห็นความหลากหลายมากขึ้น