หน่วยการเรียนรู้อิงมาตรฐาน รายวิชาภาษาอังกฤษ 4 (อ22122) ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 ภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2566 หน้า 144 7.4 ทักษะด้านการคิดอย่างมีวิจารณญาณและทักษะในการแก้ปัญหา (Critical thinking and problem solving) 7.5 ทักษะด้านการสร้างสรรค์และนวัตกรรม (Creativity and innovation) 7.6 ทักษะด้านความร่วมมือการทำงานเป็นทีมและภาวะผู้นำ (Collaboration, teamwork and leadership) 7.7 ทักษะด้านความเข้าใจต่างวัฒนธรรมต่างกระบวนทัศน์ (Cross-cultural understanding) 7.8 ทักษะด้านการสื่อสารสารสนเทศและรู้เท่าทันสื่อ (Communication information and media literacy) 7.9 ทักษะด้านคอมพิวเตอร์และเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร (Computing) 7.10 ทักษะอาชีพและทักษะการเรียนรู้ (Career and learning self-reliance, change) 8. การบูรณาการตามพระราชบัญญัติการศึกษาแห่งชาติ (เฉพาะที่เกิดในหน่วยการเรียนรู้นี้) 8.1 บูรณาการสวนพฤกษศาสตร์โรงเรียน 8.2 บูรณาการเศรษฐกิจพอเพียง 8.3 บูรณาการห้องเรียนสีเขียว 8.4 อื่น ๆ (โปรดระบุ)................................................................................................................................................. 9. ชิ้นงาน / ภาระงาน 1. ภาระงาน - ใบงานเรื่อง Comparison : Superlative Degree 2. ชิ้นงาน - 10. กิจกรรมการเรียนรู้(Active Learning) เรื่อง Comparison : Superlative Degree วิธีการสอน (วิธีการสอนแบบ กระบวนการเรียนรู้ 5 ขั้นตอน : GPAS 5 Steps และแบบ Inquiry Method : 5Es) ชั่วโมงที่ 1 - 2 1. ขั้นสังเกต รวบรวมข้อมูล (Gathering) 1.1 นักเรียนดูรูปภาพและคำศัพท์บน PowerPoint 1.2 นักเรียนช่วยกันแสดงความคิดเห็นและอธิบายเกี่ยวกับคำศัพท์slow, slower และ slowest บน PowerPoint 1.3 นักเรียนดูรูปภาพพร้อมประโยคเพิ่มเติมเกี่ยวกับ slow, slower และ slowest บน PowerPoint
หน่วยการเรียนรู้อิงมาตรฐาน รายวิชาภาษาอังกฤษ 4 (อ22122) ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 ภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2566 หน้า 145 • The turtle is slow. • The slung is slower than the turtle. • The legislators are the slowest. 1.4 นักเรียนศึกษาเนื้อหาเรื่อง Comparison : Superlative Degree จากแหล่งเรียนรู้ Internet 2. ขั้นคิดวิเคราะห์และสรุปความรู้(Processing) 2.1 นักเรียนช่วยกันวิเคราะห์ประโยคที่ครูเขียนบนกระดาน • He is the happier person I know. • His car is the most fastest. • The youngest girl was also littlest. 2.2 นักเรียนสามารถวิเคราะห์ได้ว่า ประโยคที่ 1 ผิดเพราะว่าใช้การเปรียบเทียบขั้นกว่าแทนขั้นสูงสุด ซึ่งในบริบทไม่มีการเปรียบเทียบ กับใคร ดังนั้นจะต้องใช้การเปรียบเทียบขั้นสูงสุด และในความหมาย เขาคือบุคคลที่มีความสุขมากที่สุดที่ฉันรู้จัก ดังนั้นจะได้ประโยคเป็น He is the happiest person I know. ประโยคที่ 2 ผิดเพราะว่าเพิ่มคำเปรียบทียบ จากประโยคจะมีคำศัพท์ที่แสดงถึงการเปรียบเทียบ ขั้นสูงสุดของคำ คือคำว่า most และ fastest ซึ่งการจะใช้ most ได้นั้นจะต้องใช้นำหน้าคำคุณศัพท์ที่ไม่สามารถ เติม est ได้ ส่วน fastest เป็นคำที่ระบุว่าเป็นขั้นสูงสุดอยู่แล้วจึงไม่ต้องเติมคำว่า most นำหน้า ดังนั้นประโยคที่ ถูกต้องคือ His car is the fastest. ประโยคที่ 3 ผิดเพราะว่า ขาดการใช้“the” ในขั้นการเปรียบเทียบขั้นสูงสุด โดยจะเห็นได้ว่าใน ประโยคมีคำที่บ่งบอกขั้นสูงสุด 2 คำคือคำว่า youngest และ littlest ซึ่ง youngest นั้นมีคำว่า the นำหน้า ส่วน littlest ไม่มี และตามกฎแล้ว การใช้การเปรียบเทียบขั้นสูงสุดจะต้องมี the นำหน้าคำคุณศัพท์ที่แสดงการ เปรียบเทียบขั้นสูงสุด 2.3 นักเรียนช่วยกันสรุปการใช้ Comparison : Superlative Degree 3. ขั้นปฏิบัติและสรุปความรู้หลังการปฏิบัติ(Applying and Constructing the Knowledge) 3.1 นักเรียนทำแบบฝึกหัดเรื่อง Comparison : Superlative Degree บน PowerPoint จำนวน 10 ข้อ โดยเขียนคำตอบลงในกระดาษที่ครูเตรียมให้ Instructions : Complete the sentences with the superlative forms of adjectives. 1. Your pet ran…………………………….(fast) of any pet in the race. 2. Christopher is…………………………….(smart) boy in the class. 3. Neon is the…………………………….(good) music teacher in my school. 4. Which is…………………………….(good) language of all to learn? 5. Which is the…………………………….(fast) bird in the world?
หน่วยการเรียนรู้อิงมาตรฐาน รายวิชาภาษาอังกฤษ 4 (อ22122) ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 ภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2566 หน้า 146 6. Which is the…………………………….(small) bird in the world? 7. He is…………………………….(bad) employee in the company. 8. My project was…………………………….(good) in class. 9. She is…………………………….(beautiful) girl I ever met. 10. Katherine bought…………………………….(expensive) cakes. Answer Key : 1. the fastest 2. the smartest 3. best 4. the best 5. fastest 6. smallest 7. the worst 8. the best 9. the most beautiful 10. the most expensive 3.2 นักเรียนช่วยกันสรุปและอธิบายความรู้เรื่องการใช้ Comparison : Superlative Degree 4. ขั้นสื่อสารและนำเสนอ (Applying the Communication Skill) 4.1 นักเรียนแต่งประโยค Comparison : Superlative Degree คนละ 2 ประโยคลงในกระดาษ 4.2 นักเรียนนำเสนอประโยคของตนเองหน้าชั้นเรียน 5. ขั้นประเมินเพื่อเพิ่มคุณค่าบริการสังคมและจิตสาธารณะ (Self-Regulating) 5.1 นักเรียนทำการแลกเปลี่ยนประโยคของตนเองกับเพื่อน ๆ ในห้อง เพื่อให้ทุกคนในห้องได้ศึกษา ประโยคที่แต่ละคนได้เขียน 5.2 นักเรียนทำการวิเคราะห์ประโยค การใช้ไวยากรณ์ การใช้คำศัพท์ในแต่ละประโยคว่ามีความถูกต้อง หรือผิดพลาดตรงไหน 5.3 นักเรียนช่วยกันรวบรวมข้อผิดพลาดจากการวิเคราะห์ประโยคของเพื่อน ๆ และนำเสนอหน้าชั้น 5.4 นักเรียนและครูร่วมกันตรวจสอบคำตอบจากการทำแบบฝึกหัดเรื่อง Comparison : Superlative Degree บน PowerPoint ครูอธิบายเพิ่มเติมเกี่ยวกับการใช้ Comparison : Superlative Degree เพื่อให้นักเรียน เข้าใจมากยิ่งขึ้น ชั่วโมงที่ 3 - 4 1. สร้างความสนใจ (Engage) 1.1 นักเรียนดูรูปภาพและข้อมูลบน PowerPoint หลังจากนั้นช่วยกันแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับ รูปภาพและข้อมูล 1.2 นักเรียนช่วยกันแต่งประโยคจากรูปภาพและข้อมูลบน PowerPoint โดยใช้Superlative adjective Age Granddad : 85 Grandma : 67 Dad : 37 Mum : 32 Lucien : 2
หน่วยการเรียนรู้อิงมาตรฐาน รายวิชาภาษาอังกฤษ 4 (อ22122) ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 ภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2566 หน้า 147 1.3 นักเรียนแต่งประโยคได้ว่า • Granddad is the oldest in the family. • Dad is the tallest. • Lucien is the youngest. • The cat is the fastest pet in the family. • The dog is the smartest pet in the house. • The dog is the most friendly in the house. • Grandma is the kindest in the family. etc. 2. สำรวจและค้นหา (Explore) 2.1 นักเรียนดูวิดีโอคลิปเรื่อง หลักการใช้งาน superlative degree / การเปรียบเทียบขั้นสูงสุด / ไวยากรณ์ภาษาอังกฤษพื้นฐานจาก https://www.youtube.com/watch?v=AQH6_KiU22M 2.2 นักเรียนดูวิดีโอคลิปเรื่อง Superlative Adjectives จาก https://www.youtube.com/watch? v=K1Rs793CjqE 2.3 นักเรียนดูวิดีโอคลิปเรื่องSuperlative Degree จาก https://www.youtube.com/watch? v=geVN43poD2s 2.4 นักเรียนดูวิดีโอคลิปเรื่อง Comparative and Superlative Adjectives - English Grammar Lesson จาก https://www.youtube.com/watch?v=13TLUMw6og0 3. อธิบาย (Explain) 3.1 นักเรียนช่วยกันสรุปความรู้ที่ได้จากการดูวิดีโอทั้ง 4 คลิป 3.2 นักเรียนฟังครูอธิบาย Comparison : Superlative Degree Superlative Degree ใช้เปรียบเทียบตั้งแต่สามคน หรือ สามสิ่งขึ้นไป หรืออาจเป็นที่สุดในโลก ทวีป กลุ่ม พวก คณะ หรือ ชั้นเรียน เช่น the biggest, the most beautiful, the longest, the most quickly, the most easily มีโครงสร้างประโยค 2 แบบ คือ Subject + Verb to be + the + adjective + est Subject + Verb to be + the + most + adjective รูปแบบแรกจะใช้ the นำหน้า adj. ที่มีการเติม -est ท้ายคำนั้น ๆ เพื่อเปรียบเทียบว่า สิ่งนั้น … ที่สุด รูปแบบที่สอง จะใส่ the most ไว้ด้านหน้า adj. นั้น ๆ เพื่อเปรียบเทียบว่า สิ่งนั้น … ที่สุด วิธีการใช้ Superlative Degree 1. ใช้เปรียบเทียบระหว่างสามคน หรือ สามสิ่งขึ้นไป หรืออาจเป็นที่สุดในหมู่หรือในกลุ่ม • Canada, China and Russia are big countries. But Russia is the biggest. ประเทศแคนาดา ประเทศจีน และประเทศรัสเซียเป็นประเทศใหญ่ แต่ประเทศรัสเซียเป็น ประเทศที่ใหญ่ที่สุด
หน่วยการเรียนรู้อิงมาตรฐาน รายวิชาภาษาอังกฤษ 4 (อ22122) ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 ภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2566 หน้า 148 • Mouth Everest is the highest mountain in the world. เอเวอเรสต์เป็นภูเขาที่สูงที่สุดในโลก • That brand is the least powerful for getting out stains. สินค้ายี่ห้อนั้นมีประสิทธิภาพน้อยที่สุดในการขจัดคราบ แต่ถ้าเป็นการเปรียบเทียบสิ่งเดียวกันกับตัวมันเอง จะไม่มี the นำหน้า • England is coldest in winter. อังกฤษหนาวที่สุดในฤดูหนาว 2. สามารถขยายความได้ด้วยการเติม much, far, quite, almost, practically, nearly หรือ easily หน้าขั้นสูงสุด • Lily is much the most intelligent of them all. ลิลลี่เป็นคนฉลาดที่สุดในบรรดาพวกเขาทั้งหมด • Bastien is by far the most talented. บาสเตียนเป็นคนเก่งที่สุดแล้ว • Sarah is quite the most amazing person I have ever met. ซาร่าเป็นคนที่น่าทึ่งที่สุดที่ฉันเคยพบมา • This is easily the worst film I have seen in a long time. นี่เป็นภาพยนตร์ที่แย่ที่สุดที่ฉันเคยเห็นมาเป็นเวลานาน 3. ใช้ขั้นสูงสุดกับคำนามได้ตามโครงสร้าง ต่อไปนี้ the most + คำนามพหูพจน์ / คำนามเอกพจน์นับไม่ได้ = มากที่สุด the fewest + คำนามพหูพจน์ = น้อยที่สุด the least + คำนามเอกพจน์นับไม่ได้ = น้อยที่สุด • Olivier does the most work in this office. Anthony does the least. โอลิเวอร์ทำงานมากที่สุดในสำนักงานนี้ แอนโทนี่ทำน้อยที่สุด • The essay with the fewest mistakes is not always the best. เรียงความที่มีข้อผิดพลาดน้อยที่สุดไม่ได้ดีที่สุดเสมอไป 4. สามารถใช้ในโครงสร้าง one of the + ขั้นสูงสุดได้ • This is watch is one of the most expensive I have ever seen. นี่คือนาฬิกาเรือนหนึ่งที่แพงที่สุดที่ฉันเคยเห็นมา • This offer is one of the best I am going to get. ข้อเสนอนี้เป็นหนึ่งในสิ่งที่ดีที่สุดที่ฉันจะได้รับ 5. most ตามด้วยคำนามพหูพจน์ หรือ คำนามเอกพจน์นับไม่ได้ จะใช้ในความหมายว่า เป็นส่วน ใหญ่หรือเป็นส่วนมาก เวลาใช้ไม่ต้องมีthe นำหน้า • Most students have found top level professional jobs. นักเรียนส่วนใหญ่ได้พบงานระดับมืออาชีพระดับสูง • Most information is now obtained from the internet. ข้อมูลส่วนใหญ่ได้มาจากอินเทอร์เน็ตในขณะนี้
หน่วยการเรียนรู้อิงมาตรฐาน รายวิชาภาษาอังกฤษ 4 (อ22122) ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 ภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2566 หน้า 149 6. การเรียงลำดับคำคุณศัพท์ หากมี Ordinal Numeral Adjective ซึ่งเป็นคำคุณศัพท์ที่ใช้ขยาย นามเพื่อบอกลำดับที่ของนามนั้น ๆ มา ร่วมขยายด้วยจะต้องวางตามโครงสร้าง เช่น first, second, third, fifth, sixth, seventh มีโครงสร้างดังนี้ the + ordinal numeral adjective + superlative adjective • The world’s second largest gem quality diamond has been discovered in Botswana. เพชรคุณภาพที่เป็นอัญมณีใหญ่เป็นอันดับสองของโลกถูกค้นพบในบอตสวานา เพิ่มเติม เวลาเราเห็น more หรือ than หรือ adjective ที่ลงท้ายด้วย er ให้นึกถึงเรื่อง Comparative Degree วิธีสังเกตการเปรียบเทียบ Superlative Degree ให้สังเกตจากวลีต่อไปนี้ • of all • of them all • in the class • in the world • in the family • ever • that I have ever seen / visited / heard 3.3 นักเรียนสอบถามความรู้เพิ่มเติมเพื่อเสริมความเข้าใจในเรื่อง Comparison : Superlative Degree โดยครูเขียนตัวอย่างประโยคบนกระดานให้นักเรียนเห็นความหลากหลายมากขึ้น 4. ขยายความรู้ (Elaborate) 4.1 นักเรียนดูประโยคบน PowerPoint และร่วมกันแสดงความคิดเห็นว่าประโยคที่เห็นนั้นถูกหรือผิด และถ้าผิดจะแก้ไขให้ถูกต้องอย่างไร 1. This road is the most shortest of all. (Incorrect) 2. Donovan is the strongest and hardworking boy in the class. (Incorrect) 3. Selena is one of the most brilliant student in the class. 4. The software we bought the muchest of came from an online supplier. 5. Natalie types the most fastest out of all the secretaries. 4.2 นักเรียนสามารถตอบได้ว่าประโยคทั้งหมดเป็นประโยคที่ผิด และจะต้องแก้เป็น 1. This road is the shortest of all. 2. Donovan is the strongest and most hardworking boy in the class. 3. Selena is one of the most brilliant students in the class. (ผิดตรง student ในโจทย์ เป็นเอกพจน์ หลักการใช้ one of the most + Noun พหูพจน์) 4. The software we bought the most of came from an online supplier. 5. Natalie types the fastest out of all the secretaries. 4.3 นักเรียนศึกษาใบความรู้เรื่อง Comparison : Superlative Degree ในเอกสารประกอบการเรียน 4.4 นักเรียนทำใบงานเรื่อง Comparison : Superlative Degree ในเอกสารประกอบการเรียน
หน่วยการเรียนรู้อิงมาตรฐาน รายวิชาภาษาอังกฤษ 4 (อ22122) ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 ภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2566 หน้า 150 4.5 นักเรียนและครูร่วมกันเฉลยแบบฝึกหัดเรื่อง Comparison : Superlative Degree ในเอกสาร ประกอบการเรียน 5. ประเมินผล (Evaluate) 5.1 นักเรียนและครูร่วมกันตรวจสอบคำตอบแบบฝึกหัดเรื่อง Comparison : Superlative Degree ใน เอกสารประกอบการเรียน 5.2 นักเรียนสอบถาม / ซักถามถึงสาเหตุในการตอบคำถามหรือเลือกตอบในแต่ละข้อเพื่อความเข้าใจ มากขึ้น 11. สื่อการเรียนรู้/ แหล่งเรียนรู้ 11.1 สื่อการเรียนรู้ 1. เอกสารประกอบการเรียนเรื่อง Comparison : Superlative Degree 11.2 แหล่งเรียนรู้ 1. ใบงานเรื่อง Comparison : Superlative Degree 12. การวัดและประเมินผล ลำดับ รายการที่วัดและประเมินผล วิธีการ เครื่องมือ เกณฑ์ 1 ใบงานเรื่อง Comparison : Superlative Degree ตรวจใบงานท้ายบท ใบงานท้ายบท นั ก เรีย น ให้ ค วาม ร่วม มื อใน การท ำ แบบฝึกหัดและตอบ ถูกร้อยละ 60 ขึ้นไป ผ่านเกณฑ์ 13. เกณฑ์การประเมิน 16 - 20 คะแนน ดีมาก 11 - 15 คะแนน ดี 6 - 10 คะแนน พอใช้ น้อยกว่า 6 คะแนน ควรปรับปรุง ลงชื่อ ผู้จัดทำ (นายสุจินดา ปรากฏวงศ์) ตำแหน่ง ครู
หน่วยการเรียนรู้อิงมาตรฐาน รายวิชาภาษาอังกฤษ 4 (อ22122) ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 ภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2566 หน้า 151 บันทึกหลังการใช้แผนการจัดการเรียนรู้ ...................................................................................................................................................................................... ...................................................................................................................................................................................... ...................................................................................................................................................................................... ...................................................................................................................................................................................... ...................................................................................................................................................................................... ...................................................................................................................................................................................... ...................................................................................................................................................................................... ...................................................................................................................................................................................... ...................................................................................................................................................................................... ลงชื่อ ผู้จัดทำ (นายสุจินดา ปรากฏวงศ์) ตำแหน่ง ครู วันที่..............เดือน..................................พ.ศ. ..................
หน่วยการเรียนรู้อิงมาตรฐาน รายวิชาภาษาอังกฤษ 4 (อ22122) ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 ภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2566 หน้า 152 โรงเรียนแผนการจัดการเรียนรู้ หน่วยการเรียนรู้ที่ 6 เรื่อง Out and About แผนการจัดการเรียนรู้ที่9 เรื่อง Comparison (Revision) รหัสวิชา อ22122 รายวิชา ภาษาอังกฤษ 4 ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาต่างประเทศ ปีการศึกษา 2566 ภาคเรียนที่ 2 เวลา 4 ชั่วโมง ผู้สอน นายสุจินดา ปรากฏวงศ์ 1. มาตรฐานการเรียนรู้/ ตัวชี้วัด 1.1 มาตรฐานการเรียนรู้ มาตรฐาน ต 1.1 เข้าใจและตีความเรื่องที่ฟังและอ่านจากสื่อประเภทต่าง ๆ และแสดงความคิดเห็น อย่างมีเหตุผล มาตรฐาน ต 2.1 เข้าใจความสัมพันธ์ระหว่างภาษากับวัฒนธรรมของเจ้าของภาษา และนำไปใช้ได้อย่าง เหมาะสมกับกาลเทศะ มาตรฐาน ต 2.2 เข้าใจความเหมือนและความแตกต่างระหว่างภาษาและวัฒนธรรมของเจ้าของภาษากับ ภาษาและวัฒนธรรมไทย และนำมาใช้อย่างถูกต้องและเหมาะสม 1.2 ตัวชี้วัด ต 1.1 ม.2/2 อ่านออกเสียงข้อความ ข่าว ประกาศ และบทร้อยกรองสั้น ๆ ถูกต้องตามหลักการอ่าน ต 1.1 ม.2/4 เลือกหัวข้อเรื่อง ใจความสำคัญ บอกรายละเอียดสนับสนุน (supporting detail) และ แสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับเรื่องที่ฟังและอ่าน พร้อมทั้งให้เหตุผลและยกตัวอย่างง่าย ๆ ประกอบ ต 2.1 ม.2/3 เข้าร่วม / จัดกิจกรรมทางภาษาและวัฒนธรรมตามความสนใจ ต 2.2 ม.2/1 เปรียบเทียบและอธิบายความเหมือนและความแตกต่างระหว่างการออกเสียงประโยค ชนิดต่าง ๆ และการลำดับคำตามโครงสร้างประโยค ของภาษาต่างประเทศและภาษาไทย 2. จุดประสงค์การเรียนรู้ 2.1 ด้านความรู้ ความเข้าใจ (K) - นักเรียนมีความรู้ เรื่องการใช้ Comparisons ในการแสดงความคิดเห็น การให้เหตุผลและการใช้ ประโยคเปรียบเทียบในภาษาอังกฤษ 2.2 ด้านทักษะกระบวนการ (P) - นักเรียนสามารถใช้ประโยค Comparisons ตามโครงสร้างประโยคของภาษาต่างประเทศ ในการ แสดงความคิดเห็น การให้เหตุผล ในชีวิตประจำวันและในกิจกรรมทางภาษาและวัฒนธรรมได้ 2.3 คุณลักษณะ เจตคติ ค่านิยม (A) - รักการเรียนรู้ภาษาอังกฤษและฝึกฝนอย่างจริงจังเพียงพอ - ผู้เรียนใช้ภาษาอังกฤษอย่างมีมารยาท ถูกต้องตามกาลเทศะ และบุคคล
หน่วยการเรียนรู้อิงมาตรฐาน รายวิชาภาษาอังกฤษ 4 (อ22122) ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 ภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2566 หน้า 153 3. สาระสำคัญ / ความคิดรวบยอด - อ่านออกเสียงคำศัพท์และใช้ประโยค Comparisons ตามโครงสร้างประโยคของภาษาต่างประเทศในการ แสดงความคิดเห็น การให้เหตุผล ในชีวิตประจำวัน กิจกรรมทางภาษาและวัฒนธรรม มีทักษะในการเลือก พอประมาณ มีเหตุผล มีภูมิคุ้มกัน และมีคุณธรรม ในการปฏิบัติตนอย่างเหมาะสม ตามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจ พอเพียง 4. สาระการเรียนรู้ 4.1 สาระการเรียนรู้แกนกลาง อ่านออกเสียงคำศัพท์และใช้ประโยค Comparisons ตามโครงสร้างประโยคของภาษาต่างประเทศใน การแสดงความคิดเห็น การให้เหตุผล ในชีวิตประจำวัน กิจกรรมทางภาษาและวัฒนธรรมได้ 4.2 สาระการเรียนรู้ท้องถิ่น 1. คำศัพท์ในเรื่อง Unit 6 : Out and About 2. บทสนทนาในเรื่อง Unit 6 : Out and About 3. การใช้โครงสร้าง Comparisons ในรูปแบบต่าง ๆ 5. สมรรถนะสำคัญของผู้เรียน (เฉพาะที่เกิดในหน่วยการเรียนรู้นี้) 5.1 ความสามารถในการสื่อสาร 5.2 ความสามารถในการคิด 5.3 ความสามารถในการแก้ปัญหา 5.4 ความสามารถในการใช้ทักษะชีวิต 5.5 ความสามารถในการใช้เทคโนโลยี 6. คุณลักษณะอันพึงประสงค์ (เฉพาะที่เกิดในหน่วยการเรียนรู้นี้) 6.1 คุณลักษณะอันพึงประสงค์ (ตามหลักสูตรแกนกลาง) 1) รักชาติ ศาสน์ กษัตริย์ 2) ซื่อสัตย์สุจริต 3) มีวินัย 4) ใฝ่เรียนรู้ 5) อยู่อย่างพอเพียง 6) มุ่งมั่นในการทำงาน 7) รักความเป็นไทย 8) มีจิตสาธารณะ 6.2 คุณลักษณะตามหลักสูตรมาตรฐานสากล 1) มีความรู้พื้นฐานในยุคดิจิตอล วิทยาศาสตร์ เศรษฐศาสตร์ เทคโนโลยี รู้ภาษา พหุวัฒนธรรม ตระหนักสำนึกระดับโลก 2) สามารถคิดประดิษฐ์อย่างสร้างสรรค์ ปรับตัวใฝ่รู้ ใฝ่เรียน วิเคราะห์ สังเคราะห์สรุป สร้างองค์ความรู้ 3) มีทักษะสื่อสารอย่างมีประสิทธิภาพ 4) มีความสามารถในการใช้ทักษะชีวิต 5) มีความสามารถในการใช้เทคโนโลยี 7. ทักษะของผู้เรียนในศตวรรษที่ 21 (3R 7C เฉพาะที่เกิดในหน่วยการเรียนรู้นี้) 7.1 ทักษะการอ่าน (Reading) 7.2 ทักษะการเขียน (Writing) 7.3 ทักษะการคิดคำนวณ (Arithmetic) 7.4 ทักษะด้านการคิดอย่างมีวิจารณญาณและทักษะในการแก้ปัญหา (Critical thinking and problem solving)
หน่วยการเรียนรู้อิงมาตรฐาน รายวิชาภาษาอังกฤษ 4 (อ22122) ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 ภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2566 หน้า 154 7.5 ทักษะด้านการสร้างสรรค์และนวัตกรรม (Creativity and innovation) 7.6 ทักษะด้านความร่วมมือการทำงานเป็นทีมและภาวะผู้นำ (Collaboration, teamwork and leadership) 7.7 ทักษะด้านความเข้าใจต่างวัฒนธรรมต่างกระบวนทัศน์ (Cross-cultural understanding) 7.8 ทักษะด้านการสื่อสารสารสนเทศและรู้เท่าทันสื่อ (Communication information and media literacy) 7.9 ทักษะด้านคอมพิวเตอร์และเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร (Computing) 7.10 ทักษะอาชีพและทักษะการเรียนรู้ (Career and learning self-reliance, change) 8. การบูรณาการตามพระราชบัญญัติการศึกษาแห่งชาติ (เฉพาะที่เกิดในหน่วยการเรียนรู้นี้) 8.1 บูรณาการสวนพฤกษศาสตร์โรงเรียน 8.2 บูรณาการเศรษฐกิจพอเพียง 8.3 บูรณาการห้องเรียนสีเขียว 8.4 อื่น ๆ (โปรดระบุ)................................................................................................................................................. 9. ชิ้นงาน / ภาระงาน 1. ภาระงาน - ใบงานเรื่อง Comparison (Revision) 2. ชิ้นงาน - 10. กิจกรรมการเรียนรู้(Active Learning) เรื่อง Comparison (Revision) วิธีการสอน (วิธีการสอนแบบการเรียนรู้เชิงรุก (Active Learning)) ชั่วโมงที่ 1 ขั้นที่ 1 ขั้นนำ 1.1 นักเรียนดูภาพ Comparison of Adjectives บน PowerPoint 1.2 นักเรียนช่วยกันแสดงความคิดเห็นว่า Comparison of Adjectives คืออะไรและมีกี่ประเภท 1.3 นักเรียนสามารถตอบได้ว่า Comparison of Adjective (การเปรียบเทียบคำคุณศัพท์) เป็นการ เปรียบเทียบคุณลักษณะต่าง ๆ ของ คน สัตว์ และสิ่งของตั้งแต่ 2 อย่างขึ้นไป การเปรียบเทียบมี 3 ระดับคือ • ขั้นธรรมดา Positive Degree • ขั้นกว่า Comparative Degree • ขั้นสูงสุด Superlative Degree ขั้นที่ 2 ขั้นการสืบค้นความรู้จากแหล่งข้อมูลและสารสนเทศ 2.1 นักเรียนดูภาพพร้อมคำคุณศัพท์ที่ใช้ในการเปรียบเทียบบนหน้าจอ Projector Comparison of Adjectives
หน่วยการเรียนรู้อิงมาตรฐาน รายวิชาภาษาอังกฤษ 4 (อ22122) ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 ภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2566 หน้า 155 2.2 นักเรียนช่วยกันแต่งประโยคจากรูปภาพและคำคุณศัพท์ที่ใช้ในการเปรียบเทียบบนหน้าจอ Projector 2.3 นักเรียนสามารถแต่งประโยคได้ว่า • The bicycle is fast. • The bicycle is not fast as the car. • The car is faster than the bicycle. • The areophane in the fastest of all. 2.4 นักเรียนช่วยกันหาคำคุณศัพท์ที่ใช้ในการเปรียบเทียบมาใช้แทนคำว่า fast, faster และ fastest เช่น slow, new, expensive, cheap เป็นต้น 2.5 นักเรียนนำคำคุณศัพท์ที่ช่วยกันคิดนำมาแต่งประโยค เช่น • The bicycle is the cheapest. • The areophane is the most expensive transportation. • The car is slower than the areophane. • The car is not slow as the bicycle. • The bicycle is the newest. etc. 2.6 นักเรียนสืบค้นหาข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับตัวอย่างประโยคที่ใช้Comparison of Adjectives จากเว็บไซต์ต่าง ๆ จากอินเทอร์เน็ตโดยครูตั้งกติกาว่าจะต้องศึกษาอย่างน้อย 2 เว็บไซต์ ขั้นที่ 3 ขั้นเชื่อมโยงความรู้ 3.1 นักเรียนส่งตัวแทนจำนวน 10 คน เพื่อรับบัตรคำคุณศัพท์และประโยค 3.2 นักเรียนที่ได้รับบัตรคำและประโยคแสดงบัตรคำพร้อมออกเสียงคำคุณศัพท์และประโยคให้ เพื่อนฟังด้วยความมั่นใจ 3.3 นักเรียนที่มีบัตรคำคุณศัพท์เดินค้นหาเพื่อนที่มีบัตรคำประโยคที่สามารถมีความหมายใกล้เคียง และสามารถใช้คำคุณศัพท์นั้น ๆ ได้ 3.4 เมื่อนักเรียนเจอคู่ของตัวเองแล้ว เช่น บัตรประโยค The Nile is……………………….river in the world. คู่กับ บัตรคำคุณศัพท์ the longest
หน่วยการเรียนรู้อิงมาตรฐาน รายวิชาภาษาอังกฤษ 4 (อ22122) ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 ภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2566 หน้า 156 ให้นักเรียนพูดออกเสียงประโยคและคำคุณศัพท์นั้น ๆ ทีละคู่แล้วนำบัตรคำคุณศัพท์และบัตร ประโยคมาติดที่กระดาน 3.5 เมื่อนักเรียนติดบัตรคำครบทุกคำเป็นที่เรียบร้อยแล้ว นักเรียนและครูร่วมกันตรวจสอบความ ถูกต้องของประโยคจากบัตรคำคุณศัพท์และบัตรประโยคที่นักเรียนติดบนกระดาน 3.6 นักเรียนช่วยกันวิเคราะห์ประโยคบนกระดานพร้อมจดบันทึกลงในสมุด ขั้นที่ 4 ขั้นการแลกเปลี่ยนประสบการณ์ปฏิบัติงานกลุ่ม 4.1 นักเรียนแบ่งออกเป็น 10 กลุ่มๆ ละ 5 คน และ โดยแต่ละกลุ่มประกอบไปด้วยสมาชิก นักเรียน เก่ง ปานกลางและอ่อน ให้แต่ละกลุ่มเลือกหัวหน้ากลุ่มของตนเอง 4.2 นักเรียนนั่งเป็นวงกลม และช่วยกันศึกษา Comparison of Adjectives จากเอกสาร ประกอบการเรียน 4.3 นักเรียนฟังครูอธิบายหลักการใช้ Comparison of Adjectives การเปรียบเทียบออกเป็นทั้งหมด 3 ระดับนั้น ดังนี้ 1. Positive Degree คือ การเปรียบเทียบขั้นปกติเป็นการเปรียบเทียบความเท่าเทียมกันมีรูป ประโยคดังนี้ as / so + adjectives / adverbs + as • Apple is as delicious as pineapple. • Mrs. Pisamai is as beautiful as Mrs. Supatra. • Mr.Puang is as tall as Mr.Daeng. 2. Comparative Degree คือ การเปรียบเทียบขั้นกว่า เป็นการเปรียบเทียบระหว่างคำนาม 2 สิ่งมีรูปประโยคดังนี้ คำคุณศัพท์ (adjectives) เติม er + than more + คำคุณศัพท์ (adjective) + than • Math is more difficult than English. • The car is faster than the mortorcycle. • The boy is taller than the girl • The tiger is more dangerous than the dog. 3. Superlative Degree คือ การเปรียบเทียบขั้นสุด เป็นการเปรียบเทียบขั้นสูงสุด ใช้ในการ เปรียบเทียบที่มากกว่า 2 สิ่งขึ้นไป นิยมใช้ the นำหน้ามีรูปประโยคดังนี้ the + คำคุณศัพท์ (adjectives) เติม -est the + most + คำคุณศัพท์ (adjectives) • The elephant is the biggest of all. • The tiger is the most dangerous of all.
หน่วยการเรียนรู้อิงมาตรฐาน รายวิชาภาษาอังกฤษ 4 (อ22122) ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 ภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2566 หน้า 157 นอกจากนี้ยังมีDouble comparative หรือ การใช้การเปรียบเทียบขั้นกว่ามารวมไว้ใน ประโยคเดียวกันเพื่อโยงถึงความสัมพันธ์ที่เกี่ยวข้องแบบแปรผัน ที่แปรตามกันหรือแปรผกผันกันก็ได้โครงสร้าง คือ The + adj / adv + er…, the + adj / adv +er… The + more / less adj / adv..., the + more / less adj / adv… หรือจะเขียนสรุปเป็น The + comparative form, the + comparative form • The more you eat, the bigger you will be. • The more he reads, the smarter he becomes. • The more the kitten looks at the big bunch of bananas, the more it feels afraid. • The colder the air became in the harsh winter, the less chance the homeless could survive in the streets. ขั้นที่ 5 ขั้นการสร้างองค์ความรู้ร่วมกัน 5.1 นักเรียนช่วยกันวิเคราะห์และตอบคำถามบน PowerPoint จำนวน 5 ข้อ Instructions : Choose the best alternative 1. A mouse is…………………………….than an elephant. a) big b) bigger c) smaller d) the smallest 2. A motorcycle is…………………………….than a bicycle. a) expensive b) more expensive c) expensiver d) the most expensive 3. The tiger is…………………………….of all. a) the dangerous b) the more dangerous c) the dangerouser d) the most dangerous. 4. Lions are…………………………….than rabbits. a) big b) more big c) bigger d) the biggest 5. February is…………………………….than January. a) the longest b) longer c) the shortest d) shorter Answer Key : 1. c) 2. b) 3. d) 4. c) 5. d) 5.2 นักเรียนรวมกลุ่มกัน และแต่ละคนในกลุ่มพูดสรุปความรู้เรื่อง Comparison of Adjectives
หน่วยการเรียนรู้อิงมาตรฐาน รายวิชาภาษาอังกฤษ 4 (อ22122) ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 ภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2566 หน้า 158 5.3 หัวหน้ากลุ่มรวบรวมคำพูด องค์ความรู้จากสิ่งที่เพื่อนทุกคนพูดเกี่ยวกับหลักการใช้ หลักการแต่ง ประโยค Comparison of Adjectives 5.4 นักเรียนช่วยกันทำใบงานเรื่อง Comparison (Revision) ในเอกสารประกอบการเรียนรู้ 5.5 นักเรียนและครูร่วมกันตรวจสอบคำตอบจากการทำใบงานเรื่อง Comparison (Revision) ใน เอกสารประกอบการเรียนรู้ 5.6 นักเรียนฟังครูอธิบายเหตุผลในการตอบในแต่ละข้อ ชั่วโมงที่ 2 ขั้นที่ 6 ขั้นการสื่อสารและการนำเสนอ 6.1 นักเรียนตัวแทนกลุ่มรับกระดาษและอุปกรณ์การเขียนเพื่อทำการสรุปเนื้อหา Comparison of Adjectives โดยแบ่งออกเป็นหัวข้อดังนี้ กลุ่มที่ 1 สรุปเรื่องการเปรียบเทียบขั้นธรรมดา Positive Degree กลุ่มที่ 2 สรุปเรื่องการเปรียบเทียบขั้นกว่า Comparative Degree กลุ่มที่ 3 สรุปเรื่องการเปรียบเทียบแบบคู่ Double Comparatives กลุ่มที่ 4 สรุปเรื่องการเปรียบเทียบขั้นสูงสุด Superlative Degree 6.2 นักเรียนแต่ละกลุ่มออกมานำเสนอประโยคและการใช้Comparison of Adjectives ของกลุ่ม ตนเองหน้าชั้นเรียน ขั้นที่ 7 ขั้นประยุกต์ใช้ในชีวิตประจำวัน 7.1 นักเรียนร่วมกันสรุป Comparison of Adjectives ที่เรียนไปแล้ว 7.2 นักเรียนยกตัวอย่างการนำความรู้เรื่อง Comparison of Adjectives ที่แต่ละกลุ่มได้เรียนรู้โดย สรุปร่วมกันทั้งห้องแล้วบันทึกความรู้ลงในสมุดบันทึก 11. สื่อการเรียนรู้/ แหล่งเรียนรู้ 11.1 สื่อการเรียนรู้ 1. เอกสารประกอบการเรียนเรื่อง Comparison (Revision) 11.2 แหล่งเรียนรู้ 1. ใบงานเรื่อง Comparison (Revision) 12. การวัดและประเมินผล ลำดับ รายการที่วัดและประเมินผล วิธีการ เครื่องมือ เกณฑ์ 1 ใบงานเรื่อง Comparison (Revision) ตรวจใบงานท้ายบท ใบงานท้ายบท นั ก เรีย น ให้ ค วาม ร่วม มื อใน การท ำ แบบฝึกหัดและตอบ ถูกร้อยละ 60 ขึ้นไป ผ่านเกณฑ์ 13. เกณฑ์การประเมิน 16 - 20 คะแนน ดีมาก 11 - 15 คะแนน ดี 6 - 10 คะแนน พอใช้ น้อยกว่า 6 คะแนน ควรปรับปรุง
หน่วยการเรียนรู้อิงมาตรฐาน รายวิชาภาษาอังกฤษ 4 (อ22122) ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 ภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2566 หน้า 159 ลงชื่อ ผู้จัดทำ (นายสุจินดา ปรากฏวงศ์) ตำแหน่ง ครู บันทึกหลังการใช้แผนการจัดการเรียนรู้ ...................................................................................................................................................................................... ...................................................................................................................................................................................... ...................................................................................................................................................................................... ...................................................................................................................................................................................... ...................................................................................................................................................................................... ...................................................................................................................................................................................... ...................................................................................................................................................................................... ...................................................................................................................................................................................... ...................................................................................................................................................................................... ลงชื่อ ผู้จัดทำ (นายสุจินดา ปรากฏวงศ์) ตำแหน่ง ครู วันที่..............เดือน..................................พ.ศ. ..................
หน่วยการเรียนรู้อิงมาตรฐาน รายวิชาภาษาอังกฤษ 4 (อ22122) ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 ภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2566 หน้า 160 โรงเรียนแผนการจัดการเรียนรู้ หน่วยการเรียนรู้ที่ 7 เรื่อง Experiences รหัสวิชา อ22122 รายวิชา ภาษาอังกฤษ 4 ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาต่างประเทศ ปีการศึกษา 2566 ภาคเรียนที่ 2 เวลา 14 ชั่วโมง ผู้สอน นายสุจินดา ปรากฏวงศ์ 1. มาตรฐานการเรียนรู้/ ตัวชี้วัด 1.1 มาตรฐานการเรียนรู้ มาตรฐาน ต 1.1 เข้าใจและตีความเรื่องที่ฟังและอ่านจากสื่อประเภทต่าง ๆ และแสดงความคิดเห็น อย่างมีเหตุผล มาตรฐาน ต 1.2 มีทักษะการสื่อสารทางภาษาในการแลกเปลี่ยนข้อมูลข่าวสาร แสดงความรู้สึกและความ คิดเห็นอย่างมีประสิทธิภาพ มาตรฐาน ต 2.1 เข้าใจความสัมพันธ์ระหว่างภาษากับวัฒนธรรมของเจ้าของภาษา และนำไปใช้ได้อย่าง เหมาะสมกับกาลเทศะ มาตรฐาน ต 2.2 เข้าใจความเหมือนและความแตกต่างระหว่างภาษาและวัฒนธรรมของเจ้าของภาษากับ ภาษาและวัฒนธรรมไทย และนำมาใช้อย่างถูกต้องและเหมาะสม 1.2 ตัวชี้วัด ต 1.1 ม.2/2 อ่านออกเสียงข้อความ ข่าว ประกาศ และบทร้อยกรองสั้น ๆ ถูกต้องตามหลักการอ่าน ต 1.2 ม.2/5 พูดและเขียนแสดงความรู้สึกและความคิดเห็นของตนเองเกี่ยวกับเรื่องต่าง ๆ กิจกรรม และประสบการณ์ พร้อมทั้งให้เหตุผลประกอบอย่าง เหมาะสม ต 2.1 ม.2/2 อธิบายเกี่ยวกับเทศกาล วันสำคัญ ชีวิตความเป็นอยู่ และประเพณีของเจ้าของภาษา ต 2.2 ม.2/1 เปรียบเทียบและอธิบายความเหมือนและความแตกต่างระหว่างการออกเสียงประโยค ชนิดต่าง ๆ และการลำดับคำตามโครงสร้างประโยค ของภาษาต่างประเทศและภาษาไทย 2. สาระสำคัญ / ความคิดรวบยอด - พูดและเขียนโดยใช้ too และ enough เพื่ออธิบายเกี่ยวกับเทศกาล วันสำคัญ ชีวิตความเป็นอยู่ และ ประเพณีของเจ้าของภาษา ใช้ Exclamation แสดงความรู้สึก ความคิดเห็น และให้เหตุผลประกอบ ใน ชีวิตประจำวันและอ่านออกเสียง Vocabulary บทสนทนา มีทักษะในการเลือก พอประมาณ มีเหตุผล มีภูมิคุ้มกัน และมีคุณธรรม ในการปฏิบัติตนอย่างเหมาะสม ตามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง 3. สาระการเรียนรู้ 3.3สาระการเรียนรู้แกนกลาง พูดและเขียนโดยใช้ too และ enough เพื่ออธิบายเกี่ยวกับเทศกาล วันสำคัญ ชีวิตความเป็นอยู่ และ ประเพณีของเจ้าของภาษา ใช้Exclamation แสดงความรู้สึก ความคิดเห็น และให้เหตุผลประกอบ ใน ชีวิตประจำวันและอ่านออกเสียง Vocabulary บทสนทนาได้
หน่วยการเรียนรู้อิงมาตรฐาน รายวิชาภาษาอังกฤษ 4 (อ22122) ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 ภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2566 หน้า 161 3.2 สาระการเรียนรู้ท้องถิ่น 1. คำศัพท์ในเรื่อง Unit 7 : Experiences 2. บทสนทนาในเรื่อง Unit 7 : Experiences 3. การใช้Too / Enough ในรูปแบบต่าง ๆ 4. การใช้ Exclamation ในรูปแบบต่าง ๆ 4. สมรรถนะสำคัญของผู้เรียน (เฉพาะที่เกิดในหน่วยการเรียนรู้นี้) 4.1 ความสามารถในการสื่อสาร 4.2 ความสามารถในการคิด 4.3 ความสามารถในการแก้ปัญหา 4.4 ความสามารถในการใช้ทักษะชีวิต 4.5 ความสามารถในการใช้เทคโนโลยี 5. คุณลักษณะอันพึงประสงค์ (เฉพาะที่เกิดในหน่วยการเรียนรู้นี้) 5.1 คุณลักษณะอันพึงประสงค์ (ตามหลักสูตรแกนกลาง) 1) รักชาติ ศาสน์ กษัตริย์ 2) ซื่อสัตย์สุจริต 3) มีวินัย 4) ใฝ่เรียนรู้ 5) อยู่อย่างพอเพียง 6) มุ่งมั่นในการทำงาน 7) รักความเป็นไทย 8) มีจิตสาธารณะ 5.2 คุณลักษณะตามหลักสูตรมาตรฐานสากล 1) มีความรู้พื้นฐานในยุคดิจิตอล วิทยาศาสตร์ เศรษฐศาสตร์ เทคโนโลยี รู้ภาษา พหุวัฒนธรรม ตระหนักสำนึกระดับโลก 2) สามารถคิดประดิษฐ์อย่างสร้างสรรค์ ปรับตัวใฝ่รู้ ใฝ่เรียน วิเคราะห์ สังเคราะห์สรุป สร้างองค์ความรู้ 3) มีทักษะสื่อสารอย่างมีประสิทธิภาพ 4) มีความสามารถในการใช้ทักษะชีวิต 5) มีความสามารถในการใช้เทคโนโลยี 6. ทักษะของผู้เรียนในศตวรรษที่ 21 (3R 7C เฉพาะที่เกิดในหน่วยการเรียนรู้นี้) 6.1 ทักษะการอ่าน (Reading) 6.2 ทักษะการเขียน (Writing) 6.3 ทักษะการคิดคำนวณ (Arithmetic) 6.4 ทักษะด้านการคิดอย่างมีวิจารณญาณและทักษะในการแก้ปัญหา (Critical thinking and problem solving) 6.5 ทักษะด้านการสร้างสรรค์และนวัตกรรม (Creativity and innovation) 6.6 ทักษะด้านความร่วมมือการทำงานเป็นทีมและภาวะผู้นำ (Collaboration, teamwork and leadership) 6.7 ทักษะด้านความเข้าใจต่างวัฒนธรรมต่างกระบวนทัศน์ (Cross-cultural understanding) 6.8 ทักษะด้านการสื่อสารสารสนเทศและรู้เท่าทันสื่อ (Communication information and media literacy) 6.9 ทักษะด้านคอมพิวเตอร์และเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร (Computing) 6.10 ทักษะอาชีพและทักษะการเรียนรู้ (Career and learning self-reliance, change)
หน่วยการเรียนรู้อิงมาตรฐาน รายวิชาภาษาอังกฤษ 4 (อ22122) ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 ภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2566 หน้า 162 7. การบูรณาการตามพระราชบัญญัติการศึกษาแห่งชาติ (เฉพาะที่เกิดในหน่วยการเรียนรู้นี้) 7.1 บูรณาการสวนพฤกษศาสตร์โรงเรียน 7.2 บูรณาการเศรษฐกิจพอเพียง 7.3 บูรณาการห้องเรียนสีเขียว 7.4 อื่น ๆ (โปรดระบุ)…………………………………………………………………………..………………………….………………………… 8. ชิ้นงาน / ภาระงาน 1. ภาระงาน - ใบงานเรื่อง Vocabulary - แบบฝึกหัดเรื่อง Reading and conversation ในหนังสือเรียนรายวิชาพื้นฐาน ภาษาอังกฤษ Spark 2 ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 - ใบงานเรื่อง Too / Enough - ใบงานเรื่อง Exclamation - ใบงานเรื่อง Too / Enough and Exclamation (Revision) 2. ชิ้นงาน - 9. การวัดและประเมินผล 9.1 การวัดและประเมินผลชิ้นงาน/ภาระงาน 1. วิธีการ 1. ตรวจใบงานเรื่อง Vocabulary 2. ตรวจแบบฝึกหัดเรื่อง Reading and conversation ในหนังสือเรียนรายวิชาพื้นฐาน ภาษาอังกฤษ Spark 2 ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 3. ตรวจใบงานเรื่อง Too / Enough 4. ตรวจใบงานเรื่อง Exclamation 5. ตรวจใบงานเรื่อง Too / Enough and Exclamation (Revision) 2. เครื่องมือ 1. ใบงานเรื่อง Vocabulary 2. แบบฝึกหัดเรื่อง Reading and conversation ในหนังสือเรียนรายวิชาพื้นฐาน ภาษาอังกฤษ Spark 2 ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 3. ใบงานเรื่อง Too / Enough 4. ใบงานเรื่อง Exclamation 4. ใบงานเรื่อง Too / Enough and Exclamation (Revision) 3. เกณฑ์ 1. ตรวจใบงานและแบบฝึกหัดร้อยละ 60 ผ่านเกณฑ์
หน่วยการเรียนรู้อิงมาตรฐาน รายวิชาภาษาอังกฤษ 4 (อ22122) ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 ภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2566 หน้า 163 9.2 การวัดและประเมินผลระหว่างการจัดกิจกรรม ลำดับ รายการที่วัดและประเมินผล วิธีการ เครื่องมือ เกณฑ์ 1 ใบงานเรื่อง Vocabulary ตรวจใบงานท้ายบท ใบงานท้ายบท นักเรียนให้ความ ร่วมมือในการทำ แบบฝึกหัดและตอบ ถูกร้อยละ 60 ขึ้นไป ผ่านเกณฑ์ 2 แบบฝึกหัดเรื่อง Reading and conversation ในหนังสือเรียน รายวิชาพื้นฐาน ภาษาอังกฤษ Spark 2 Student’s book ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 ตรวจแบบฝึกหัด แบบฝึกหัด นักเรียนให้ความ ร่วมมือในการทำ แบบฝึกหัดและตอบ ถูกร้อยละ 60 ขึ้นไป ผ่านเกณฑ์ 3 ใบงานเรื่อง Too / Enough ตรวจใบงานท้ายบท ใบงานท้ายบท นักเรียนให้ความ ร่วมมือในการทำ แบบฝึกหัดและตอบ ถูกร้อยละ 60 ขึ้นไป ผ่านเกณฑ์ 4 ใบงานเรื่อง Exclamation ตรวจใบงานท้ายบท ใบงานท้ายบท นักเรียนให้ความ ร่วมมือในการทำ แบบฝึกหัดและตอบ ถูกร้อยละ 60 ขึ้นไป ผ่านเกณฑ์ 5 ใบงานเรื่อง Too / Enough and Exclamation (Revision) ตรวจใบงานท้ายบท ใบงานท้ายบท นักเรียนให้ความ ร่วมมือในการทำ แบบฝึกหัดและตอบ ถูกร้อยละ 60 ขึ้นไป ผ่านเกณฑ์ 10. กิจกรรมการเรียนรู้ เรื่องที่ 1 เรื่อง Vocabulary, reading and conversation จำนวนเวลาเรียน 2 ชั่วโมง วิธีการสอน (วิธีการสอนแบบค้นพบ Discovery Method) กิจกรรมการเรียนรู้(Active Learning) ชั่วโมงที่ 1 1. ขั้นนำเข้าสู่บทเรียน 1.1 นักเรียนดูรูปภาพและประโยคบน PowerPoint “Look at the picture and tell me what you see in 3 pictures”
หน่วยการเรียนรู้อิงมาตรฐาน รายวิชาภาษาอังกฤษ 4 (อ22122) ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 ภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2566 หน้า 164 1.2 นักเรียนช่วยกันแสดงความคิดเห็น โดยครูรับคำตอบทุกคำ 1.3 นักเรียนดูหัวข้อ Exciting Activities บนกระดาน และร่วมกันแสดงความคิดเห็นว่ากิจกรรมที่น่า ตื่นเต้นที่นักเรียนรู้จักมีอะไรบ้าง โดยครูรับทุกคำตอบของนักเรียน 1.4 นักเรียนสามารถตอบได้ว่า ride in a hot-air balloon, feed shark, dive from a waterfall, fly a helicopter, climb mountain, explore a rain forest, swim with dolphins, try skydiving, ride a camel in the desert เป็นต้น 1.5 นักเรียนทำกิจกรรม Which of these things would / wouldn’t you like to experience? Why (not)? Tell your partner. เช่น I’d like to swim with dolphins, I think it’s exciting. I wouldn’t like to ride in a hot-air balloon. I think it’s dangerous. 1.6 นักเรียนทำกิจกรรม Reading : Experiences of a Lifetime ในหนังสือเรียน Spark 2 หน้าที่ 82 1.7 นักเรียนและครูร่วมกันเฉลยคำตอบในกิจกรรมที่นักเรียนทำทั้งหมดในหนังสือเรียน Spark 2 หน้าที่ 82 หากมีข้อใดที่นักเรียนยังตอบได้ไม่ถูกต้องให้ครูผู้สอนอธิบายคำตอบให้นักเรียนฟังเพื่อให้นักเรียนมีความเข้าใจ มากขึ้น 2. ขั้นเรียนรู้ 2.1 นักเรียนฟังบทสนทนาในหนังสือเรียน Spark 2 หน้าที่ 87 2.2 นักเรียนจับกลุ่มเพื่อฝึกบทสนทนา และส่งตัวแทนออกมา 1 กลุ่มเพื่อออกมาพูดบทสนทนา 2.3 นักเรียนทำกิจกรรมในหนังสือเรียน Spark 2 หน้าที่ 87 กิจกรรม Find phrases / sentences in the dialogue which mean 2.4 นักเรียนและครูร่วมกันเฉลยกิจกรรมในหนังสือเรียน Spark 2 หน้าที่ 87 กิจกรรม Find phrases / sentences in the dialogue which mean หากมีข้อใดที่นักเรียนยังตอบได้ไม่ถูกต้องให้ครูผู้สอนอธิบายคำตอบ ให้นักเรียนฟังเพื่อให้นักเรียนมีความเข้าใจมากขึ้น ชั่วโมงที่ 2 3. ขั้นนำไปใช้ 3.1 นักเรียนศึกษาคำศัพท์ในเอกสารประกอบการเรียน 3.2 นักเรียนทำใบงานแบบฝึกหัดเกี่ยวกับคำศัพท์ในเอกสารประกอบการเรียน 3.3 นักเรียนและครูร่วมกันเฉลยแบบฝึกหัดเกี่ยวกับคำศัพท์ในเอกสารประกอบการเรียน หากมีข้อใดที่ นักเรียนยังตอบได้ไม่ถูกต้องให้ครูผู้สอนอธิบายคำตอบให้นักเรียนฟังเพื่อให้นักเรียนมีความเข้าใจมากขึ้น
หน่วยการเรียนรู้อิงมาตรฐาน รายวิชาภาษาอังกฤษ 4 (อ22122) ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 ภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2566 หน้า 165 เรื่องที่ 2 เรื่อง Too / Enough จำนวนเวลาเรียน 5 ชั่วโมง วิธีการสอน (วิธีการสอนแบบ Inquiry Method : 5Es) กิจกรรมการเรียนรู้(Active Learning) ชั่วโมงที่ 1 1. สร้างความสนใจ (Engage) 1.1 นักเรียนดูคำศัพท์บน PowerPoint และร่วมกันแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับคำศัพท์ว่ามีความหมาย ว่าอย่างไรและใช้อย่างไร 1.2 นักเรียนสามารถตอบได้ว่า too มีความหมายว่า “...เกินไป” enough มีความหมายว่า “... เพียงพอ” ซึ่งเป็นคำกริยาวิเศษณ์ (adverb) ทั้งคู่ มีหน้าที่ใช้ขยายคำคุณศัพท์ (adj.) คำกริยาวิเศษณ์ (adv.) และ คำนาม (n.) เพื่อบอกปริมาณของคำนั้น ๆ 2. สำรวจและค้นหา (Explore) 2.1 นักเรียนดูรูปภาพและประโยคบน PowerPoint และร่วมกันแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับประโยค และข้อความที่ถูกทำเป็นสีว่ามีความหมายและลักษณะการใช้อย่างไร 2.2 นักเรียนรวมกลุ่มกัน โดยแบ่งออกกลุ่ม กลุ่มละเท่า ๆ กัน จำนวน 6 กลุ่ม แต่ละกลุ่มประกอบไป ด้วยนักเรียนเก่ง ปานกลางและอ่อน เพื่อทำกิจกรรมกลุ่มร่วมกัน 2.3 นักเรียนส่งตัวแทนรับบัตรคำและประโยคจากครู กลุ่มละ 6 ประโยค โดยบัตรคำประกอบไปด้วย ประโยคและคำตอบที่ขาดหายไป เช่น He is………………………….to play basketball. They aren’t………………………….to buy a big house. rich enough too short Oh! It’s too heavy to lift! I’m not strong enough to lift weights.
หน่วยการเรียนรู้อิงมาตรฐาน รายวิชาภาษาอังกฤษ 4 (อ22122) ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 ภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2566 หน้า 166 3. อธิบาย (Explain) 3.1 นักเรียนนำประโยคและคำที่หายไปนำมาใส่ในประโยค พยายามให้ได้ความหมายใกล้เคียงที่สุดโดย ไม่มีคำตอบถูกหรือผิด 3.2 นักเรียนนำเสนอประโยคของตนเอง โดยนำบัตรคำมาติดบนกระดานพร้อมคำตอบ หลังจากนั้นให้ นักเรียนอ่านประโยคและคำตอบเข้าด้วยกัน เช่น He is ………………… to play basketball. They aren’t to buy a big house. 3.3 นักเรียนฝึกสังเกตคำที่นักเรียนมาเติมระหว่าง too และ enough ว่าตำแหน่งทั้ง 2 คำอยู่ตรงไหน 3.4 นักเรียนสามารถตอบได้ว่า too วางไว้ด้านหน้า short ซึ่งเป็นคำ adjective ส่วน enough วางไว้ ด้านหลัง rich ซึ่งเป็นคำ adjective และทั้ง 2 ประโยคจะตามด้วย to และ กริยาช่อง 1 และบริเวณด้านหน้าใช้ verb to be ทั้งคู่ ดังนั้นจึงแตกต่างกันระหว่างการใช้ too และ enough ซึ่ง too + adjective และ adjective + enough 4. ขยายความรู้ (Elaborate) 4.1 นักเรียนแต่ละกลุ่มช่วยกันตอบคำถามในแบบฝึกหัดเรื่อง Too และ Enough โดยทำลงในกระดาษ ที่ครูเตรียมให้ จำนวน 10 ข้อ Instructions : Choose the correct one. “Too or Enough” 1. This car is too / enough old. We cannot go anywhere. 2. This book is too / enough thick. I can’t read it. 3. That dress is cheap too / enough. Let’s buy it! 4. This question is too / enough complicated. 5. Everybody is too / enough excited. 6. I can join that club. I’m young too / enough. 7. She can’t come with us. She’s too / enough young. 8. I like this house but it’s not big too / enough for 5 people. 9. This bag is too / enough heavy. I can’t carry it. 10.She’s old too / enough to get married. Answer Key : 1. too 2. too 3. enough 4. too 5. too 6. enough 7. too 8. enough 9. too 10. enough 5. ประเมินผล (Evaluate) 5.1 นักเรียนและครูร่วมกันตรวจสอบคำตอบแบบฝึกหัดเรื่อง Too และ Enough 5.2 นักเรียนสอบถาม / ซักถามถึงสาเหตุในการตอบคำถามหรือเลือกตอบในแต่ละข้อเพื่อความเข้าใจ มากขึ้น too short rich enough
หน่วยการเรียนรู้อิงมาตรฐาน รายวิชาภาษาอังกฤษ 4 (อ22122) ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 ภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2566 หน้า 167 ชั่วโมงที่ 2 - 3 1. สร้างความสนใจ (Engage) 1.1 นักเรียนดูประโยคบน PowerPoint และช่วยกันแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับประโยคว่ามีความ แตกต่างจากเรื่องการใช้ too และ enough อย่างไรในชั่วโมงเรียนที่แล้ว I want a new car but I don’t have enough money. We don’t have enough food for ten people, so we need to buy some more. I can’t sleep at night because they make too much noise. Too many people came to the party yesterday. We didn’t have enough plates. 1.2 นักเรียนสามารถตอบได้ชั่วโมงที่แล้วเรียนเรื่องการใช้too และ enough กับคำคุณศัพท์adjective โดย too + adjective และ adjective + enough แต่ตัวอย่างบน PowerPoint นั้น too และ enough จะอยู่ ด้านหน้า คำนาม (noun) 2. สำรวจและค้นหา (Explore) 2.1 นักเรียนช่วยกันตอบคำถามบน PowerPoint “What is difference between “too” and “enough”?” 2.2 นักเรียนศึกษาเนื้อหาเรื่อง Too และ Enough จากแหล่งเรียนรู้ Internet 2.3 นักเรียนแบ่งออกกลุ่ม กลุ่มละเท่า ๆ กัน จำนวน 7 กลุ่ม แต่ละกลุ่มประกอบไปด้วยนักเรียนเก่ง ปานกลางและอ่อน เพื่อศึกษาเนื้อหาร่วมกันภายในกลุ่ม โดยแบ่งเนื้อหาการนำเสนอให้นักเรียนดังนี้ กลุ่มที่ 1 ศึกษาเรื่องการใช้ too + adjective กลุ่มที่ 2 ศึกษาเรื่องการใช้ too + adverb กลุ่มที่ 3 ศึกษาเรื่องการใช้ adjective + enough กลุ่มที่ 4 ศึกษาเรื่องการใช้ adverb + enough กลุ่มที่ 5 ศึกษาเรื่องการใช้ enough + noun กลุ่มที่ 6 ศึกษาเรื่องการใช้ too much + uncountable nouns กลุ่มที่ 7 ศึกษาเรื่องการใช้ too many + countable nouns 3. อธิบาย (Explain) 3.1 นักเรียนนำเสนอตามหัวข้อที่กลุ่มได้รับ โดยนำเสนอผ่านสื่ออิเล็กทรอนิกส์หรือแผนภาพสรุปผัง ความคิด 3.2 นักเรียนสอบถามความรู้เพิ่มเติมเพื่อเสริมความเข้าใจในเรื่อง Too และ Enough โดยครูเขียน ตัวอย่างประโยคบนกระดานให้นักเรียนเห็นความหลากหลายมากขึ้น
หน่วยการเรียนรู้อิงมาตรฐาน รายวิชาภาษาอังกฤษ 4 (อ22122) ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 ภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2566 หน้า 168 4. ขยายความรู้ (Elaborate) 4.1 นักเรียนจับคู่และช่วยกันตอบคำถามในแบบฝึกหัดเรื่อง Too และ Enough บน PowerPoint จำนวน 10 ข้อโดยเขียนคำตอบลงในกระดาษที่ครูเตรียมให้ Instructions : Complete the sentences with too or enough. 1. I can’t drink this coffee because it’s…………………………….hot. 2. I couldn’t buy that dress because I didn’t have…………………………….money. 3. We moved to another house because the previous one was……………………………. small. 4. I don’t know what to do because I don’t have…………………………….information. 5. I was…………………………….nervous during the interview and I blew it. 6. He is tall…………………………….to play basketball in NBA. 7. I am fast…………………………….to catch you. 8. We studied hard…………………………….to pass the English exam. 9. There were…………………………….many cars at the parking lot. 10. You are…………………………….young to marry. Answer Key : 1. too 2. enough 3. too 4. enough 5. too 6. enough 7. enough 8. enough 9. too 10. too 5. ประเมินผล (Evaluate) 5.1 นักเรียนแต่ละคู่สลับกระดาษคำตอบกับเพื่อนร่วมชั้น 5.2 นักเรียนและครูร่วมกันตรวจสอบคำตอบแบบฝึกหัดเรื่อง Too และ Enough บน PowerPoint 5.3 นักเรียนสอบถาม / ซักถามถึงสาเหตุในการตอบคำถามหรือเลือกตอบในแต่ละข้อเพื่อความเข้าใจ มากขึ้น ชั่วโมงที่ 4 - 5 1. สร้างความสนใจ (Engage) 1.1 นักเรียนทำกิจกรรมทบทวนความรู้เรื่อง Too และ Enough โดยนักเรียนนั่งเป็นกลุ่มและช่วยกัน ตอบคำถามบน PowerPoint จำนวน 20 ข้อ 2. สำรวจและค้นหา (Explore) 2.1 นักเรียนดูวิดีโอคลิปเรื่อง Too vs Enough – What’s the difference? - English in a minute จาก https://www.youtube.com/watch?v=OvFweyjRAPI
หน่วยการเรียนรู้อิงมาตรฐาน รายวิชาภาษาอังกฤษ 4 (อ22122) ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 ภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2566 หน้า 169 2.2 นักเรียนดูวิดีโอคลิปเรื่องการใช้Too and enough / Use and meaning in English จาก https://www.youtube.com/watch?v=_IIUe-sHqWQ 2.3 นักเรียนดูวิดีโอคลิปเรื่องToo + adjective + infinitive - English Grammar Lesson จาก https://www.youtube.com/watch?v=WVjXbRIfuRE&list=RDCMUC0kejkXg2LG-pFqAeWD_zLQ& index=16 2.4 นักเรียนดูวิดีโอคลิปเรื่อง Enough - English grammar lesson จาก https://www.youtube.com/watch?v=qnMQq5W8yao&list=RDCMUC0kejkXg2LG-pFqAeWD_zLQ& index=1 3. อธิบาย (Explain) 3.1 นักเรียนช่วยกันสรุปความรู้ที่ได้จากการดูวิดีโอทั้ง 4 คลิป 3.2 นักเรียนฟังครูอธิบายToo และ Enough เมื่อจะบอกว่า “...เกินไป” หรือ “...เพียงพอ” สามารถใช้ too และ enough ซึ่งเป็นคำกริยา วิเศษณ์ (adverb) ไว้ใช้ขยายคำคุณศัพท์ (adj.) คำกริยาวิเศษณ์ (adv.) และคำนาม (n.) เพื่อบอกปริมาณของคำ นั้น ๆ โดยจะมีวิธีการใช้และเรียงลำดับตำแหน่งคำดังนี้ 1. Enough (เพียงพอ) ใช้คำว่า enough เมื่อต้องการจะสื่อว่าเพียงพอแล้ว พอแล้ว หรือไม่ต้องการ เพิ่มอีกต่อไป โดยคำนี้สามารถทำหน้าที่เป็นได้ทั้ง adj. และ adv. มีตำแหน่งการวางคำและการใช้ดังนี้ 1.1 Enough เมื่อนำมาใช้เป็น determiner จะถูกนำไปว่างไว้หน้า คำนามนับได้พหุพจน์ หรือ คำนามนับไม่ได้ ให้ความหมายว่า มากพอ หรือ เพียงพอ (ในบทเรียนนี้จะใช้กับประโยคปฏิเสธ แปลว่าไม่พอ) • There wasn’t enough food for all. อาหารมีไม่เพียงพอสำหรับทุก ๆ คน • I didn’t have enough clothes for wearing last week. เมื่ออาทิตย์ที่แล้ว เสื้อผ้าสำหรับสวมใส่ของฉัน มี่ไม่พียงพอ (กับความต้องการของฉัน) 1.2 Enough ถูกนำมาใช้อย่าง adverb, จะถูกนำไปวางไว้ หลัง คำคุณศัพท์, หรือ หลังคำกริยา วิเศษณ์เอง • This house isn’t big enough for our family. บ้านหลังนี้ไม่ใหญ่โต(กว้างขวาง)พอ สำหรับครอบครัวของเรา • We didn’t leave early enough, so we got late to school. พวกเราออกมาช้า(เร็วไม่พอ) ดังนั้นพวกเราจึงไปถึงโรงเรียนสาย จากข้อสังเกตเราสามารถจำแนกวิธีการใช้ enough ได้ดังนี้ 1. Enough ถูกนำไปวางไว้หลัง adjective, adverb • I can’t run very far. I’m not strong enough. ฉันไม่แข็งแรงพอ ฉันจึงไม่สามารถวิ่งในระยะทางไกล ๆ ได้ • Let’s go. We have waited long enough. ไปกันเถอะ พวกเราได้รอมาเป็นเวลานานพอแล้ว 2. Enough ถูกนำไปวางไว้หน้า คำนาม • We haven’t got enough money to go on holiday. เราไม่มีเงินมากพอ ที่จะไปพักผ่อนในวันหยุด
หน่วยการเรียนรู้อิงมาตรฐาน รายวิชาภาษาอังกฤษ 4 (อ22122) ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 ภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2566 หน้า 170 • Is Nicasio going to apply for the job? Does he have enough experiences? นิคาซิโอ้กำลังจะไปสมัครงานใช้ไหม? เขามีประสบการณ์เพียงพอแล้วหรือ? 2. Too มีความหมายว่า เกินไปหรือมากเกินไป โดยคำนี้สามารถทำหน้าที่เป็นได้ทั้ง adj. และ adv. มีตำแหน่งการวางคำและการใช้ดังนี้ค่ะ 2.1 ขยายคำ Adj. ใช้ too เพื่อสื่อความหมายว่า “เกินไป” • The dress is too tight for me. เสื้อผ้าชุดนี้มันคับเกินไปสำหรับฉัน • I am too tired to go out tonight. ฉันเหนื่อยเกินไปเกินกว่าที่จะออกไปข้างนอกคืนนี้ • Please do not speak too fast. ได้โปรด... อย่าพูดเร็วนัก 2.2 ขยายคำ noun นับได้ ใช้ too many และต้องเขียนในประโยคในรูปพหูพจน์ • There are too many students in GE classroom. - there are ใช้ในประโยคพหูพจน์ - too many ใช้กับนามนับได้ในรูปพหูพจน์ เช่น students • There were too many people in the mall yesterday. • There are too many men in the police station. 2.3 ขยาย คำ noun นับไม่ได้ ใช้ too much และต้องเขียนในรูปประโยคเอกพจน์ • There is too much water in October. - there is ใช้ในประโยคพหูพจน์ - too much ใช้กับนามนับได้ในรูปพหูพจน์ เช่น water • There is too much money in his house. • There is too much fish sauce in my noodle. • There is too much sugar in my food. 3.3 นักเรียนสอบถามความรู้เพิ่มเติมเพื่อเสริมความเข้าใจในเรื่อง Comparison : Comparative Degree โดยครูเขียนตัวอย่างประโยคบนกระดานให้นักเรียนเห็นความหลากหลายมากขึ้น 4. ขยายความรู้ (Elaborate) 4.1 นักเรียนศึกษาเนื้อหาเรื่อง too และ enough บน PowerPoint
หน่วยการเรียนรู้อิงมาตรฐาน รายวิชาภาษาอังกฤษ 4 (อ22122) ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 ภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2566 หน้า 171 4.2 นักเรียนดูประโยคบน PowerPoint และร่วมกันแสดงความคิดเห็นว่าประโยคที่เห็นนั้นถูกหรือผิด และถ้าผิดจะแก้ไขให้ถูกต้องอย่างไร 1. Our old mattress wasn’t enough firm. We needed a mattress that gave better back support. 2. Our old mattress was lumpy, and you could feel the springs inside. We wanted a more comfortable mattress, one that would be soft enough for to get a good night’s rest. 3. We didn’t want a mattress that was to cheap. Nor did we want one that cost as much as a car. We had money enough to buy a mattress of good quality. 4. I worried that the delivery men wouldn’t be able to get the new mattress up the narrow stairs. I thought the mattress wouldn’t be too wide. I was wrong, and they got it up just fine. 5. Some may say our mattress very cost too much, but we believe we paid for quality and we got it. 4.3 นักเรียนสามารถตอบได้ว่าประโยคทั้งหมดเป็นประโยคที่ผิด และจะต้องแก้เป็น 1. firm enough 2. enough for us to get / enough to get 3. had enough money to buy 4. would be too wind
หน่วยการเรียนรู้อิงมาตรฐาน รายวิชาภาษาอังกฤษ 4 (อ22122) ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 ภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2566 หน้า 172 5. cost too much 4.4 นักเรียนแบบฝึกหัดบน PowerPoint ร่วมกันวิเคราะห์ แสดงความคิดและตอบคำถามแบบฝึกหัด จำนวน 5 ข้อ Instructions : Choose the best alternative. 1. Which sentence uses too incorrectly? 1) Change your clothes! Those clothes are too dirty. 2) Jemma is too beautiful. She’s the prettiest girl I know. 3) Don’t drive too fast. You’ll have an accident. 2. Which sentence is correct? 1) Paul is enough tall to reach the top of the cupboard. 2) Do we have tea enough? 3) Robert doesn’t get enough sleep. 3. Which sentence is not correct? 1) Please don’t put too much sugar in my coffee. 2) Clara eats too many. 3) John drinks much too much! 4. Which sentence is not correct? 1) There are not enough chairs for the audience in this convention. 2) Although these cakes contain too much sugar, I love eating them. 3)The price of the ticket is expensive enough for Mike to fly to Europe. 5. Which word goes in the space? You’ve cooked far too…………………………….food. 1) many 2) enough 3) much 4) too Answer Key : 1. 2) 2. 3) 3. 2) 4. 3) 5. 3) 4.5 นักเรียนศึกษาใบความรู้เรื่อง too และ enough ในเอกสารประกอบการเรียน 4.6 นักเรียนทำใบงานเรื่อง too และ enough ในเอกสารประกอบการเรียน 4.7 นักเรียนและครูร่วมกันเฉลยแบบฝึกหัดเรื่อง too และ enough ในเอกสารประกอบการเรียน 5. ประเมินผล (Evaluate) 5.1 นักเรียนและครูร่วมกันตรวจสอบคำตอบแบบฝึกหัดเรื่อง too และ enough ในเอกสาร ประกอบการเรียน
หน่วยการเรียนรู้อิงมาตรฐาน รายวิชาภาษาอังกฤษ 4 (อ22122) ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 ภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2566 หน้า 173 5.2 นักเรียนสอบถาม / ซักถามถึงสาเหตุในการตอบคำถามหรือเลือกตอบในแต่ละข้อเพื่อความเข้าใจ มากขึ้น เรื่องที่ 3 เรื่อง Exclamation จำนวนเวลาเรียน 5 ชั่วโมง วิธีการสอน (วิธีการสอนแบบ Inquiry Method : 5Es) กิจกรรมการเรียนรู้(Active Learning) ชั่วโมงที่ 1 1. สร้างความสนใจ (Engage) 1.1 นักเรียนดูคำศัพท์บน PowerPoint และร่วมกันแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับคำศัพท์ว่ามีความหมาย ว่าอย่างไร มีเครื่องหมายอะไรในคำศัพท์นั้น ๆ 1.2 นักเรียนสามารถตอบได้ว่าคำที่ปรากฏบน PowerPoint ทั้งหมดนั้นคือคำอุทาน มีการใช้ เครื่องหมายอัศเจรีย์ (!) หรือในภาษาอังกฤษเรียกว่า Exclamation mark โดยจะวางไว้ด้านหลังคำอุทาน เช่น ตัวอย่าง อุ๊ย ! โครม ! ปัง ! เปรี้ยง ! หยุด ! ระวัง ! อันตรายจากไฟฟ้าแรงสูง ! 2. สำรวจและค้นหา (Explore) 2.1 นักเรียนดูรูปภาพและประโยคบน PowerPoint และร่วมกันแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับประโยค และข้อความที่ถูกทำเป็นสีว่ามีความหมายและลักษณะการใช้แตกต่างกันอย่างไร 2.2 นักเรียนรวมกลุ่มกัน โดยแบ่งออกกลุ่ม กลุ่มละเท่า ๆ กัน จำนวน 5 กลุ่ม แต่ละกลุ่มประกอบไป ด้วยนักเรียนเก่ง ปานกลางและอ่อน เพื่อทำกิจกรรมกลุ่มร่วมกัน 2.3 นักเรียนส่งตัวแทนรับบัตรคำและประโยคจากครู กลุ่มละ 10 ประโยค โดยบัตรคำประกอบไปด้วย ประโยคและคำอุทานที่ขาดหายไป เช่น …………………………. ! Get out! …………………………. ! I caught you red-handed. Oh! I didn’t see you sitting there. “Aaaah! It’s eating my leg!”
หน่วยการเรียนรู้อิงมาตรฐาน รายวิชาภาษาอังกฤษ 4 (อ22122) ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 ภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2566 หน้า 174 You passed? …………………….………. ! Aha Congratulations Shoo 3. อธิบาย (Explain) 3.1 นักเรียนนำประโยคและคำอุทานที่หายไปนำมาใส่ในประโยค พยายามให้ได้ความหมายใกล้เคียง ที่สุดโดยไม่มีคำตอบถูกหรือผิด 3.2 นักเรียนนำเสนอประโยคของตนเอง โดยนำบัตรคำมาติดบนกระดานพร้อมคำตอบ หลังจากนั้นให้ นักเรียนอ่านประโยคและคำตอบเข้าด้วยกัน เช่น ! Get out! ! I caught you red-handed. You passed? ! 3.3 นักเรียนฝึกสังเกตคำที่นักเรียนมาเติมว่าตำแหน่งของคำอุทานที่นำมาเติมนั่นอยู่ตรงไหนของ ประโยค 4. ขยายความรู้ (Elaborate) 4.1 นักเรียนช่วยกันตอบคำถามแบบฝึกหัดเรื่อง Uses of the Exclamation Mark บน PowerPoint จำนวน 5 ข้อ 1. Choose the example that shows correct placement of the exclamation mark. 1) “It serves you right!” she screamed. 2) “It serves you right” she screamed! 3) “It serves you right”! she screamed. 2. Choose the sentence that shows correct use of the exclamation mark(s). 1) Shut up!! You don't know what you’re talking about!! 2) Shut up! You don't know what you’re talking about! 3) Shut up! Do you know what you’re talking about?! 3. Which of the following sentences could correctly end with an exclamation mark? 1) Woe is me 2) That’s impossible 3) Both a and b Aha Shoo Congratulations
หน่วยการเรียนรู้อิงมาตรฐาน รายวิชาภาษาอังกฤษ 4 (อ22122) ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 ภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2566 หน้า 175 4. Which sentence shows correct use of the exclamation mark? 1) Her behavior was despicable! 2) Don’t you sometimes wonder about her!? 3) Neither a nor b 5. Which sentence shows incorrect use of the exclamation mark? 1) I am so surprised that it is almost 2:00 p.m.! 2) “Stop!” he yelled ! “You’ve got two flat tires!” 3) “That guy looks like Elvis!” he shouted. Answer Key : 1. 1) 2. 2) 3. 3) 4. 3) 5. 2) 4.2 นักเรียนแต่ละกลุ่มทำกิจกรรม Uses of the Exclamation Mark โดยเติมเครื่องหมายอุทานลงใน กระดาษแบบฝึกหัดที่ครูเตรียมให้จำนวน 10 ข้อ Instructions : Put the correct exclamation mark in each sentence. Add any necessary period and capitalization. 1. Oh you already bought a new car 2. Wow El Capitan is even bigger than I thought 3. I can’t wait to go to Disneyland 4. That news story made me so angry 5. No we don’t want to go to the party! 6.“You are in a lot of trouble” shouted Will’s dad 7.Stop don’t throw me in the pool 8.“Get out of my way” snapped the old lady 9. No I forgot my homework again 10. Help I locked myself out of my house Answer Key 1. Oh! You already bought a new car! 2. Wow! El Capitan is even bigger than I thought! 3. I can’t wait to go to Disneyland! 4. That news story made me so angry! 5. No! We don’t want to go to the party! 6.“You are in a lot of trouble!” shouted Will’s dad. 7.Stop! Don't throw me in the pool! 8.“Get out of my way!” snapped the old lady. 9. No! I forgot my homework again. 10. Help! I locked myself out of my house! 5. ประเมินผล (Evaluate) 5.1 นักเรียนและครูร่วมกันตรวจสอบคำตอบแบบฝึกหัดเรื่อง Uses of the Exclamation Mark 5.2 นักเรียนสอบถาม / ซักถามถึงสาเหตุในการตอบในแต่ละข้อเพื่อความเข้าใจมากขึ้น
หน่วยการเรียนรู้อิงมาตรฐาน รายวิชาภาษาอังกฤษ 4 (อ22122) ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 ภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2566 หน้า 176 ชั่วโมงที่ 2 - 3 1. สร้างความสนใจ (Engage) 1.1 นักเรียนดูประโยคบน PowerPoint และช่วยกันแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับประโยคว่ามีความ แตกต่างจากเรื่องการใช้ Exclamation อย่างไรในชั่วโมงเรียนที่แล้ว • What a goal that was! • What big eyes you have! • How wonderful she is! • How greatly we admire her! 1.2 นักเรียนสามารถตอบได้ชั่วโมงที่แล้วเรียนเรื่องการใช้exclamation กับประโยคหรือคำอุทานสั้นๆ แต่ตัวอย่างบน PowerPoint นั้น exclamation จะใช้กับประโยคที่ขึ้นต้นด้วย what และ how 2. สำรวจและค้นหา (Explore) 2.1 นักเรียนตอบคำถาม “What is an exclamation sentence?” บน PowerPoint 2.2 นักเรียนสามารถตอบได้ว่า Exclamation sentence คือ 2.3 นักเรียนดูประโยคบน PowerPoint และช่วยกันวิเคราะห์ว่าประโยคบน PowerPoint มีกี่ประเภท อะไรบ้าง ครูเขียนคำตอบของนักเรียนลงบนกระดาน • What delicious chocolate ! • How brave this man is ! • Doesnt’ t this pizza taste too salty ! • Aren’t these balloons superb ! • This teacher is so nice ! • It’s such delicious chocolate ! 2.4 นักเรียนศึกษาเนื้อหาเรื่อง Exclamation จากแหล่งเรียนรู้ Internet 2.5 นักเรียนแบ่งออกกลุ่ม กลุ่มละเท่า ๆ กัน จำนวน 5 กลุ่ม แต่ละกลุ่มประกอบไปด้วยนักเรียนเก่ง ปานกลางและอ่อน เพื่อศึกษาเนื้อหาร่วมกันภายในกลุ่ม โดยแบ่งเนื้อหาการนำเสนอให้นักเรียนดังนี้ กลุ่มที่ 1 ศึกษาเรื่องการใช้ Exclamation with “What” กลุ่มที่ 2 ศึกษาเรื่องการใช้ Exclamation with “How” กลุ่มที่ 3 ศึกษาเรื่องการใช้ Exclamation with “Auxiliary verb (negative)” กลุ่มที่ 4 ศึกษาเรื่องการใช้ Exclamation with “Subject + verb + so” กลุ่มที่ 5 ศึกษาเรื่องการใช้ Exclamation with “Subject + verb + such” 3. อธิบาย (Explain) 3.1 นักเรียนนำเสนอตามหัวข้อที่กลุ่มได้รับ โดยนำเสนอผ่านสื่ออิเล็กทรอนิกส์หรือแผนภาพสรุปผัง ความคิด 3.2 นักเรียนสอบถามความรู้เพิ่มเติมเพื่อเสริมความเข้าใจในเรื่อง Exclamation sentence โดยครู เขียนตัวอย่างประโยคบนกระดานให้นักเรียนเห็นความหลากหลายมากขึ้น
หน่วยการเรียนรู้อิงมาตรฐาน รายวิชาภาษาอังกฤษ 4 (อ22122) ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 ภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2566 หน้า 177 4. ขยายความรู้ (Elaborate) 4.1 นักเรียนจับคู่และช่วยกันตอบคำถามในแบบฝึกหัดเรื่อง Exclamation sentence บน PowerPoint จำนวน 10 ข้อโดยเขียนคำตอบลงในกระดาษที่ครูเตรียมให้ Instructions : Complete the sentences with “What (a / an), How, so or such.” 1. …………………………….fabulous this novel is ! 2. He’s…………………………….a smart student ! 3. …………………………….an interesting website ! 4. …………………………….marvelous our party was ! 5. She’s…………………………….a hardworking teacher ! 6. She plays the piano…………………………….perfectly ! 7. …………………………….miserable his life is ! 8. …………………………….fantastic flowers ! 9. They’re…………………………….mean ! 10. He’s…………………………….a jealous boy ! Answer Key : 1. How 2. such 3. What 4. How 5. such 6. so 7. How 8. What 9. what a 10. Such 5. ประเมินผล (Evaluate) 5.1 นักเรียนแต่ละคู่สลับกระดาษคำตอบกับเพื่อนร่วมชั้น 5.2 นักเรียนและครูร่วมกันตรวจสอบคำตอบแบบฝึกหัดเรื่อง Exclamation sentence บน PowerPoint 5.3 นักเรียนสอบถาม / ซักถามถึงสาเหตุในการตอบคำถามหรือเลือกตอบในแต่ละข้อเพื่อความเข้าใจ มากขึ้น ชั่วโมงที่ 4 - 5 1. สร้างความสนใจ (Engage) 1.1 นักเรียนฟังเพลง The Exclamation sentences Song! (What an amazing song this is!) จาก https://www.youtube.com/watch?v=Vfk_sOZ3aOo&t=16s 1.2 นักเรียนทำกิจกรรมทบทวนความรู้เรื่อง Exclamation โดยนักเรียนช่วยกันตอบคำถามบน PowerPoint จำนวน 10 ข้อ 2. สำรวจและค้นหา (Explore) 2.1 นักเรียนดูวิดีโอคลิปเรื่อง Exclamatory Sentences in English: Useful Rules and Examples จาก https://www.youtube.com/watch?v=njSl8wSlnEk 2.2 นักเรียนดูวิดีโอคลิปเรื่องการใช้Exclamations in English!!! จาก https://www.youtube.com
หน่วยการเรียนรู้อิงมาตรฐาน รายวิชาภาษาอังกฤษ 4 (อ22122) ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 ภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2566 หน้า 178 /watch?v=gz-pfiO6lyA 2.3 นักเรียนดูวิดีโอคลิปเรื่อง What is an exclamatory sentence? (Function vs. Form) จาก https://www.youtube.com/watch?v=AWUTnOR5Xdo&t=12s 3. อธิบาย (Explain) 3.1 นักเรียนช่วยกันสรุปความรู้ที่ได้จากการดูวิดีโอทั้ง 3 คลิป 3.2 นักเรียนฟังครูอธิบายเรื่องExclamation Sentence ประโยคอุทาน หรือที่ภาษาอังกฤษเรียกว่า Exclamation Sentence นั้น เป็นประโยคที่แสดง อารมณ์ ความรู้สึกของผู้พูด มักจะมีเครื่องหมาย ! (อัศเจรีย์) ต่อท้าย โดยจะมีวิธีการใช้ดังนี้ 1. การใช้ Exclamation กับ “What” ใช้ what นำหน้า ในรูปแบบ What + a / an + adjective + นามเอกพจน์ + subject + verb • What a beautiful girl she is ! เธอช่างเป็นผู้หญิงที่สวยอะไรอย่างนี้ ! • What a cool Vespa he has! เขามีรถเวสป้าที่เจ๋งอะไรอย่างนี้ ! หรือ What + adjective + นามพหูพจน์/ นามนับไม่ได้ + subject + verb • What good questions she asked ! • เธอถามคำถามที่ดีอะไรอย่างนี้ ! หรือ What + a / an + นาม + (subject + verb) • What a pity ! น่าสงสารจัง • What a shame ! น่าอายจัง • What a surprise it is ! น่าประหลาดจัง 2. การใช้ Exclamation กับ “How” ใช้ How นำหน้า ในรูปแบบ How + adjective / adverb + subject + verb • How nice he is ! เขาช่างดีอะไรเช่นนี้ • How pretty you look ! เธอน่ารักอะไรอย่างนี้นะ • How sweetly she sings ! เธอร้องเพลงได้เพราะอะไรอย่างนี้นะ ** ข้อสังเกต ถ้าขึ้นต้นด้วย what จะมีคำนาม แต่ถ้าขึ้นต้นด้วย How จะไม่มีคำนาม 3. การใช้ Exclamation กับ Auxiliary verb (negative) มีรูปแบบดังนี้ 3.1 Auxiliary verb (negative) + subject + adverb + ! • Doesnt’ t this pizza taste too salty ! พิซซ่านี้รสไม่เค็มเกินไปใช่ไหม !
หน่วยการเรียนรู้อิงมาตรฐาน รายวิชาภาษาอังกฤษ 4 (อ22122) ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 ภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2566 หน้า 179 3.2 Auxiliary verb (negative) + subject + adjective + ! • Aren’t these balloons superb ! ลูกโป่งพวกนี้ไม่เลิศเหรอ ! 4. การใช้Exclamation กับ so มีรูปแบบดังนี้ 4.1 Subject + verb + so adjective + ! • This teacher is so nice ! ครูคนนี้ใจดีจัง ! 4.2 Subject + verb + so adverb + ! • She sings so well ! เธอร้องเพลงเพราะมาก ! 5. การใช้ Exclamation กับ such มีรูปแบบดังนี้ 5.1 Subject + verb + such+ a + adjective + noun+ ! • He’s such a greedy man ! เขาเป็นคนโลภมาก! 5.2 Subject + verb + such+ an + adjective + noun+ ! • She’s such an ugly girl ! เธอเป็นผู้หญิงที่น่าเกลียดมาก ! 5.3 Subject + verb + such+ adjective + noun(s)+ ! • They are such wonderful balloons ! พวกมันเป็นลูกโป่งที่วิเศษมาก ! • It’s such delicious chocolate ! มันเป็นช็อกโกแลตที่อร่อยมาก ! 3.3 นักเรียนสอบถามความรู้เพิ่มเติมเพื่อเสริมความเข้าใจในเรื่อง Comparison : Comparative Degree โดยครูเขียนตัวอย่างประโยคบนกระดานให้นักเรียนเห็นความหลากหลายมากขึ้น 4. ขยายความรู้ (Elaborate) 4.1 นักเรียนศึกษาเนื้อหาเรื่อง Exclamation Sentence บน PowerPoint
หน่วยการเรียนรู้อิงมาตรฐาน รายวิชาภาษาอังกฤษ 4 (อ22122) ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 ภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2566 หน้า 180 4.2 นักเรียนดูประโยคบน PowerPoint จำนวน 8 ข้อและร่วมกันแสดงความคิดเห็นว่าประโยคที่เห็น นั้นถูกหรือผิด และถ้าผิดจะแก้ไขให้ถูกต้องอย่างไร 1. What a fun! 2. What rude man! 3. What surprise! 4. How it is sweet! 5. How she sings beautifully! 6. She is such pretty girl! 7. They are such a kind people! 8. What a beautiful smile has she! 4.3 นักเรียนสามารถตอบได้ว่าประโยคทั้งหมดเป็นประโยคที่ผิด และจะต้องแก้เป็น 1. What fun! 2. What a rude man! 3. What a surprise! 4. How sweet it is! 5. How beautifully she sings! 6. She is such a pretty girl! 7. They are such kind people! 8. What a beautiful smile she has! 4.4 นักเรียนทำแบบฝึกหัดบน PowerPoint ร่วมกันวิเคราะห์ แสดงความคิดและตอบคำถาม แบบฝึกหัดจำนวน 5 ข้อ Instructions : Change the following assertive sentences into exclamatory sentences. 1. It was a very hot day. 2. She dances very well. 3. He is a very rude man. 4. She looks exhausted. 5. The weather is very nice. 6. That was very interesting. 7. She is very generous 8. That is a sad state of affairs. 9. It was a nice evening. 10. She is an incredibly strong woman. Answer Key : 1. What a hot day! / How hot the day is! (Not How hot is the day!) 2. How well she dances! 3. What a rude man! / How rude he is! 4. How exhausted she looks!
หน่วยการเรียนรู้อิงมาตรฐาน รายวิชาภาษาอังกฤษ 4 (อ22122) ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 ภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2566 หน้า 181 5. How nice the weather is! 6. How interesting! 7. How generous she is! 8. What a sad state of affairs! 9. What a nice evening! 10. What an incredibly strong woman! / How incredibly strong she is! 4.5 นักเรียนศึกษาใบความรู้เรื่อง Exclamation ในเอกสารประกอบการเรียน 4.6 นักเรียนทำใบงานเรื่อง Exclamation ในเอกสารประกอบการเรียน 4.7 นักเรียนและครูร่วมกันเฉลยแบบฝึกหัดเรื่อง Exclamation ในเอกสารประกอบการเรียน 5. ประเมินผล (Evaluate) 5.1 นักเรียนและครูร่วมกันตรวจสอบคำตอบแบบฝึกหัดเรื่อง Exclamation ในเอกสารประกอบการ เรียน 5.2 นักเรียนสอบถาม / ซักถามถึงสาเหตุในการตอบคำถามหรือเลือกตอบในแต่ละข้อเพื่อความเข้าใจ มากขึ้น เรื่องที่ 4 เรื่อง Too / Enough and Exclamation (Revision) จำนวนเวลาเรียน 2 ชั่วโมง วิธีสอน (วิธีการสอนแบบโมเดลซิปปา CIPPA Model) กิจกรรมการเรียนรู้ (Active Learning) ชั่วโมงที่ 1 1. ขั้นทบทวนความรู้เดิม 1.1 นักเรียนทำกิจกรรมทบทวนความรู้เรื่อง Too และ Enough โดยนักเรียนนั่งเป็นกลุ่มและช่วยกัน ตอบคำถามบน PowerPoint จำนวน 6 ข้อ 2. ขั้นแสวงหาความรู้ใหม่ 2.1 นักเรียนแบ่งออกกลุ่ม กลุ่มละเท่า ๆ กัน จำนวน 5 กลุ่ม แต่ละกลุ่มประกอบไปด้วยนักเรียนเก่ง ปานกลางและอ่อน เพื่อศึกษาเนื้อหาร่วมกันภายในกลุ่ม โดยแต่ละกลุ่มศึกษาข้อมูลจากประโยคดังต่อไปนี้ • I didn’t buy that car. It was too expensive. • You’re driving too fast! • Don’t eat too much cheese.
หน่วยการเรียนรู้อิงมาตรฐาน รายวิชาภาษาอังกฤษ 4 (อ22122) ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 ภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2566 หน้า 182 • I gave the waiter five dollars. Was that too much? 2.2 นักเรียนช่วยกันอธิบายประโยคทั้ง 4 ประโยคว่ามีความเหมือนหรือแตกต่างกันอย่างไร 2.3 นักเรียนสามารถอธิบายได้ว่าจากประโยคทั้ง 4 มีการใช้ too ทั้ง 4 ประโยคแต่สามารถแยก ออกเป็น 2 กลุ่มใหญ่ ๆ คือ too และ too much โดยสามารถแยกได้ดังนี้ 1. I didn’t buy that car. It was too expensive. You’re driving too fast! ทั้ง 2 ประโยคแรก too วางไว้หน้าคำคุณศัพท์และคำกริยาวิเศษณ์ 2. Don’t eat too much cheese. I gave the waiter five dollars. Was that too much? too much เป็นสำนวนจะไม่ใช้นำหน้าคำคุณศัพท์และคำกริยาวิเศษณ์ แต่จะใช้นำหน้าคำนาม นับไม่ได้หรือใช้ตามลำพังก็ได้เช่น • Don’t drink too much coffee. • You talk too much! 3. ขั้นศึกษาทำความเข้าใจข้อมูล / ความรู้ใหม่ และเชื่อมโยงความรู้ใหม่กับความรู้เดิม 3.1 นักเรียนดูข้อมูลบน PowerPoint พร้อมช่วยกันวิเคราะห์และแสดงความคิดเห็น • too + adjective / adverb • too much • too many • enough + countable noun / uncountable noun 3.2 นักเรียนแต่กลุ่มช่วยกันศึกษาและหาความหมาย วิธีการใช้too + adjective / adverb, too much และ too many จากแหล่งเรียนรู้ Internet 3.3 นักเรียนแต่ละกลุ่มเขียนสรุปเนื้อหาที่ได้ศึกษาจากแหล่งเรียนรู้ Internet ลงบนกระดาษที่ครูเตรียม ให้ 3.4 นักเรียนแต่ละกลุ่มสามารถเขียนสรุปเนื้อหาได้ดังนี้ Too ที่ถูกวางไว้ข้างหน้าคำคุณศัพท์หรือคำกริยาวิเศษณ์ที่ต้องการขยาย สามารถใช้ได้ทั้งประโยค บอกเล่าเชิงบวกและประโยคปฏิเสธ • This coffee is too hot. • He works too hard. • Isn’t she too young? • I am not too short! คำว่า too much และ too many มีความหมายว่า “มากเกินไป” หรือ “เยอะเกินไป” วิธีใช้ก็คือ จะใช้ too many กับคำนามนับได้และใช้ too much กับคำนามนับไม่ได้จะไม่ใช้นำหน้าคำคุณศัพท์และคำกริยา วิเศษณ์ แต่จะใช้นำหน้าคำนามนับได้ (Countable Noun) และหน้าคำนามนับไม่ได้ (Uncountable Noun) • We have too many apples in the fridge. พวกเรามีแอปเปิลในตู้เย็นเยอะเกินไป • He has too much free time. เขามีเวลาว่างมากเกินไป
หน่วยการเรียนรู้อิงมาตรฐาน รายวิชาภาษาอังกฤษ 4 (อ22122) ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 ภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2566 หน้า 183 Enough ใช้เป็นคำคุณศัพท์บอกจำนวนที่ใช้ได้กับทั้งคำนามนับได้พหูพจน์ และคำนามนับไม่ได้ โดย enough ต้องอยู่นำหน้าคำนามเสมอ ส่วนการจะดูว่าควรใช้กริยารูปไหนสำหรับประโยคที่คำนามของ enough เป็นประธานนั้น ให้ดูที่ตัวคำนามค่ะว่าต้องการกริยาอะไร • We have got enough problems without that. เรามีปัญหามากพอแล้วโดยไม่ต้องมีเรื่องนั้น • There are enough napkins. ** มีผ้าเช็ดปากพอ • There are enough apples. ** มีแอปเปิลเพียงพอ **สังเกตว่าใช้ are ตาม napkins กับ apples ที่เป็นคำนามพหูพจน์ • We’ve got enough work to do in the back! เรามีงานต้องทำมากพอแล้วข้างหลังเนี่ย • There is enough water. *** มีน้ำเพียงพอ • There is enough pizza. *** มีพิซซ่าเพียงพอ ***สังเกตว่าใช้ is ตาม water กับ pizza ที่เป็นคำนามนับไม่ได้ 4. ขั้นแลกเปลี่ยนความรู้ความเข้าใจกับกลุ่ม 4.1 นักเรียนแต่ละกลุ่มนำข้อมูลที่ได้ศึกษามาแลกเปลี่ยนกับสมาชิกกลุ่มอื่น ๆ เมื่อนักเรียนได้รับ กระดาษที่มีข้อมูลมาแล้วให้แต่ละกลุ่มวิเคราะห์ความเหมือนและความแตกต่างจากข้อมูลที่กลุ่มตนเองมีและไม่มี 4.2 นักเรียนแต่ละคนในกลุ่มร่วมแสดงความคิดเห็น แบ่งปัน อธิบายความรู้ความเข้าใจของตนเองให้ เพื่อน ๆ สมาชิกในกลุ่มฟัง 4.3 นักเรียนดูประโยคบน PowerPoint และช่วยกันวิเคราะห์ประโยคทั้ง 2 ประโยคว่ามีความเหมือน หรือความต่างกันอย่างไร The mango is not sweet enough for him to eat. มะม่วงไม่หวานพอที่เขาจะกินได้ The mango is too sour for him to eat. มะม่วงเปรี้ยวเกินกว่าที่เขาจะกินได้ 5. ขั้นสรุปและจัดระเบียบความรู้ 5.1 สมาชิกในแต่ละกลุ่มช่วยกันสรุปความรู้เกี่ยวกับ Too และ Enough ที่ได้จากการแลกเปลี่ยนข้อมูล จากกลุ่มอื่น ๆ และจากสมาชิกในกลุ่ม 5.2 นักเรียนฟังครูอธิบายเพิ่มเติม Too และ Enough การใช้ Too กับ Enough สูตรสั้นๆ คือ Too adjective Enough Noun Too แปลว่า มาก..เกินไป เพราะฉะนั้นจะใช้ในแง่ที่ไม่ดี ใช้ในแง่ที่ขัดแย้งกัน เช่น เด็ก (young) แต่ จะขับรถ (drive) คำว่า young กับ drive นั้นขัดแย้งกัน ถ้าจะนำมาพูดเป็นประโยคได้ว่า “ประธาน + กริยา + too adjective (คำคุณศัพท์) + to + กริยาที่จะทำ”
หน่วยการเรียนรู้อิงมาตรฐาน รายวิชาภาษาอังกฤษ 4 (อ22122) ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 ภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2566 หน้า 184 ประโยคคือ You are too young to drive. ตัวอย่างเพิ่มเติม 1. (แก่) old - (เต้น) dance : She is too old to dance. 2. The weather is very cold. I don’t want to swim : It is too cold to swim. 3. รอเพื่อนมานานมากแล้ว ไม่อยากรอแล้ว : It is too long to wait for Tom. / I’ve waited for too long. 4. เวลาไปซื้อกระโปรงแต่ไซส์เล็กไป : This is too small. Can I have the bigger size, please? 5. “You are never too old to set another goal or to dream a new dream.” C.S. Lewis : คำคมจาก C.S. Lewis “ไม่มีคำว่าแก่เกินไปที่จะตั้งเป้าหมาย หรือ มีความฝันใหม่ๆอีกสักครั้ง” ในกรณีที่ “พอดี” ไม่ขัดแย้ง หรือ คำคุณศัพท์กับกริยาไปในทิศทางเดียวกัน จะใช้คำว่า Enough แปลว่า พอ / เพียงพอ แต่จะใช้ต่างกับ too เพราะ จะใช้ตามหลังคำคุณศัพท์ เช่น เด็กคนหนึ่งอายุ 18 ปีแล้ว แก่ พอที่จะขับรถได้แล้ว ในกรณีนี้ old กับ drive ถือว่าคล้อยตามกัน ประโยคจะได้ว่า He is old enough to drive. สังเกตุดูว่า ตอนแรกประโยคคือ You are too young to drive. ซึ่ง too นำหน้า Adj. แต่ถ้ากรณี enough จะตามหลัง Adj. ก็เลยเป็นที่มาของสูตรที่ว่า Too adj, Enough ตัวอย่างเพิ่มเติม 1. (รวย) old - (ซื้อ) buy : He is rich enough to buy a new house. 2. She is not tall. She can’t be a model. : She is not tall enough to be a model. 3. Bruce Lee-- “Knowing is not enough, we must apply. Willing is not enough, we must do.” : คำคมจาก Bruce Lee “แค่รู้ไม่เพียงพอ เราต้องลองนำไปใช้, แค่หวังก็ยังไม่พอแต่เราต้องลงมือทำ” ข้อแม้อีกย่างของการใช้ Enough คือ ถ้าจะพูดถึงคำนาม หรือสิ่งของที่เรามีมากพอแล้ว ต้อง วาง Enough ไว้หน้าคำนาม เช่น I have enough money to buy a car. คือมีเงินพอที่จะซื้อรถ นอกจากนี้เราอาจใช้ too…for + somebody / something • This shirt is too big for me. เสื้อตัวนี้ใหญ่เกินไปสำหรับฉัน และใช้ too…to do something • It’s too far to walk. มันไกลเกินไปที่จะเดิน 6. ขั้นปฏิบัติและ / หรือแสดงผลงาน 6.1 ตัวแทนแต่ละกลุ่มยกตัวอย่างประโยค Too และ Enough โดยประโยคทั้ง 2 ประโยคจะต้องมี ความสัมพันธ์กันหรือกล่าวถึงในเรื่องเดียวกันทั้งToo และ Enough เช่น • The crate is too heavy for him to carry. ลังนั้นหนักเกินกว่าที่เขาจะนำมันไปได้ He is not strong enough to carry the crate. เขาไม่แข็งแรงพอที่จะนำลังนั้นไปได้ • This room is too small for a us to live in. ห้องนี้เล็กเกินกว่าที่พวกเราจะเข้าไปอยู่ได้
หน่วยการเรียนรู้อิงมาตรฐาน รายวิชาภาษาอังกฤษ 4 (อ22122) ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 ภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2566 หน้า 185 This room is not big enough for us to live in. ห้องนี้ไม่ใหญ่พอสำหรับพวกเราที่จะเข้าไปอยู่ • The shelf is too high for him to reach. ชั้นวางของสูงเกินกว่าที่เขาจะเอื้อมถึง He is too short to reach the shelf. เขาเตี้ยเกินกว่าที่จะเอื้อมถึงชั้นวางของนั้น He is not tall enough to reach the shelf. เขาไม่สูงพอที่จะเอื้อมถึงชั้นวางของนั้น 7. ขั้นประยุกต์ใช้ความรู้ 7.1 นักเรียนแต่ละกลุ่มช่วยกันทำแบบฝึกหัดบน PowerPoint จำนวน 5 ข้อ Part I : 1 - 3 Using too Instructions : Change the following sentences by using too 1. This shirt is not large enough for me to wear. 2.Tanggwa did not arrive early enough to see the cartoon. 3.That blouse is not clean enough for you to wear. Part II : 4 - 5 Using enough Instructions : Change the following sentences by using enough 4. We are too young to understand such things. 5.That book is too difficult for us to understand. Answer Key : 1. This shirt is too small for me to wear. 2. Tanggwa arrived too late to see the cartoon. 3. That blouse is too dirty for you to wear. 4. We are not old enough to understand such things. 5. That book is not easy enough for us to understand. 7.2 นักเรียนฟังครูอธิบายเพิ่มเติมเพื่อเสริมความเข้าใจในเรื่อง Too และ Enough เขียนตัวอย่าง ประโยคบนกระดานให้นักเรียนเห็นความหลากหลายมากขึ้น 7.3 นักเรียนและครูร่วมกันตรวจสอบคำตอบจากการทำแบบฝึกหัดเรื่อง Too และ Enough บน PowerPoint 7.4 นักเรียนฟังครูอธิบายถึงสาเหตุในการตอบคำถามหรือเลือกตอบในแต่ละข้อให้นักเรียนเข้าใจ หลักการใช้Too และ Enough ครูสรุปหลักการของกฎต่าง ๆ ให้นักเรียนฟังอีกครั้ง ชั่วโมงที่ 2 1. ขั้นทบทวนความรู้เดิม 1.1 นักเรียนทำกิจกรรมทบทวนความรู้เรื่อง Exclamation โดยนักเรียนนั่งเป็นกลุ่มและช่วยกันตอบ คำถามบน PowerPoint จำนวน 8 ข้อ จาก https://wordwall.net/resource/11273205/question-andexclamation-sentences
หน่วยการเรียนรู้อิงมาตรฐาน รายวิชาภาษาอังกฤษ 4 (อ22122) ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 ภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2566 หน้า 186 2. ขั้นแสวงหาความรู้ใหม่ 2.1 นักเรียนแบ่งออกกลุ่ม กลุ่มละเท่า ๆ กัน แต่ละกลุ่มประกอบไปด้วยนักเรียนเก่ง ปานกลางและอ่อน เพื่อช่วยกันตอบคำถาม What is the difference between “what” and “how” in questions and exclamations? 2.2 นักเรียนสามารถอธิบายได้ว่าประโยคคำถามและประโยคอุทานที่ใช้คำว่า what และ how มีความ แตกต่างกันดังนี้ 1. ประโยคคำถามกับ what และ how หลัง what และ how ถ้าเป็นประโยคคคำถามจะตามด้วย กริยาช่วย verb to be (is / are / was / were) แล้วตามด้วยประธาน (Subject) และอาจจะมีส่วนขยายหรือไม่มี ก็ได้เช่นกันและถ้าหลัง what และ how ตามด้วยกริยาช่วย do / does / did แล้วตามด้วย ประธาน (Subject) และตามด้วยกริยาช่อง 1 (base form) และนอกจากนี้ยังสามารถใช้ have / has / had ในประโยคคำถาม what และ how ได้เช่นกัน โดยวางไว้ด้านหลัง what และ how ตามด้วย have / has / had ตามด้วยประธาน (Subject) ตามด้วยกริยาช่อง 3 (past participle form) และยังสามารถใช้กับ Modal Verb ได้เช่นกัน ดังตัวอย่าง What How is are was were • What is it? • What are you doing? • What was your elementary school? • What were you thinking? • How is your new teacher? • How are you feeling now? • How was your vacation? • How were they supposed to live? do does did • What do you want to be? • What did you watch at the cinema? • What did you do yesterday? • How do you cook spaghetti? • How does this machine work? • How did you do that?
หน่วยการเรียนรู้อิงมาตรฐาน รายวิชาภาษาอังกฤษ 4 (อ22122) ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 ภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2566 หน้า 187 What How have has had • What has she done now? • What have they decided? • What had she done to provoke his wrath? • How have you weathered the storm? • How has your car been running lately? • How had he got hold of that name? modal • What will I talk to her about? • How can I improve my English? 2. ประโยคอุทานกับ what และ how จะไม่มี verb ช่วยต่าง ๆ อยู่ด้านหลัง แต่จะตามด้วย adjective / adverb ตามด้วยประธานและกริยา • How + adjective / adverb. + subject + verb • What + a / an + adjective + นามเอกพจน์นับได้ + subject + verb • What + a / an + นามวลี + ((subject + verb) (+tag)) 3. ขั้นศึกษาทำความเข้าใจข้อมูล / ความรู้ใหม่ และเชื่อมโยงความรู้ใหม่กับความรู้เดิม 3.1 นักเรียนแต่กลุ่มช่วยกันศึกษาและหาความหมาย วิธีการใช้Exclamation จากแหล่งเรียนรู้ Internet เพิ่มเติม 3.2 นักเรียนแต่ละกลุ่มเขียนสรุปเนื้อหาที่ได้ศึกษาจากแหล่งเรียนรู้ Internet ลงบนกระดาษที่ครูเตรียม ให้ 3.3 นักเรียนแต่ละกลุ่มสามารถเขียนสรุปเนื้อหาได้ดังนี้ Exclamatory Sentence คือประโยคอุทานในภาษาอังกฤษ ที่มักจะใช้ What + (กลุ่ม) นาม และ How + adjective / adverb การใช้ what, how ในประโยคอุทาน exclamatory sentence 1. ตัวอย่าง การใช้ What + (กลุ่ม) นาม ในประโยคอุทาน • What a lovely flower! [What + a + adjective + noun (singular)] ดอกไม้ดอกนี้น่ารักจัง • What lovely flower! [What + adjective + noun (plural)] ดอกไม้พวกนี้น่ารักจัง (a lovely flower, lovely flowers = กลุ่มนาม) 2. ตัวอย่าง การใช้ How + adjective / adverb ในประโยคอุทาน • How lovely she is! [How + adjective + noun + be] เธอช่างน่ารักจัง • How beautifully she sings! [How + adverb + noun + verb] เธอร้องเพลงเพราะจริง ๆ 4. ขั้นแลกเปลี่ยนความรู้ความเข้าใจกับกลุ่ม 4.1 นักเรียนแต่ละกลุ่มนำข้อมูลที่ได้ศึกษามาแลกเปลี่ยนกับสมาชิกกลุ่มอื่น ๆ เมื่อนักเรียนได้รับ กระดาษที่มีข้อมูลมาแล้วให้แต่ละกลุ่มวิเคราะห์ความเหมือนและความแตกต่างจากข้อมูลที่กลุ่มตนเองมีและไม่มี
หน่วยการเรียนรู้อิงมาตรฐาน รายวิชาภาษาอังกฤษ 4 (อ22122) ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 ภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2566 หน้า 188 4.2 นักเรียนแต่ละคนในกลุ่มร่วมแสดงความคิดเห็น แบ่งปัน อธิบายความรู้ความเข้าใจของตนเองให้ เพื่อน ๆ สมาชิกในกลุ่มฟัง 5. ขั้นสรุปและจัดระเบียบความรู้ 5.1 สมาชิกในแต่ละกลุ่มช่วยกันสรุปความรู้เกี่ยวกับ Exclamatory Sentence ที่ได้จากการแลกเปลี่ยน ข้อมูลจากกลุ่มอื่น ๆ และจากสมาชิกในกลุ่ม 5.2 นักเรียนฟังครูอธิบายเพิ่มเติมเกี่ยวกับ Exclamation ประโยคอุทาน (Exclamatory Sentence) คือ ประโยคคำพูดแสดงความรู้สึกหรืออารมณ์ต่าง ๆ เช่น ดีใจ ประหลาดใจ ผิดหวัง เสียใจ โดยพื้นฐานทั่วไปประโยคอุทานจะกำหนดขึ้นตามหน้าที่ (วัตถุประสงค์) แล้ว ปิดท้ายประโยคด้วยเครื่องหมาย Exclamation Mark (!) เช่น • I love it ! ฉันรักมัน ! • You did a great job ! คุณทำได้ดีมาก ! และนอกจากนี้ยังมีรูปแบบการสร้างประโยคอุทานจากคำว่า What, How รวมถึงประโยคอุทานใน แบบประโยคคำถามปฏิเสธด้วย หลักการสร้างประโยคอุทาน 1. ประโยคอุทานที่ขึ้นต้นด้วย How มีโครงสร้าง How + adjective / adverb. + subject + verb เช่น • How funny she looks ! เธอช่างดูสนุกสนานอะไรอย่างนี้! • How interesting this film is ! หนังเรื่องนี้น่าสนใจอะไรอย่างนี้! • How lucky they are ! พวกเขาโชคดีจัง ! • How well he sings ! เขาร้องเพลงได้ไพเราะอะไรอย่างนี้! หรือบางครั้งอาจมีโครงสร้าง How + adjective / adverb เช่น How strange! (ประหลาดอะไร เช่นนี้!) หรือ How + subject + verb เช่น How you’ve grown! (คุณโตเป็นผู้ใหญ่อะไรอย่างนี้!) 2. ประโยคอุทานที่ขึ้นต้นด้วย What มีโครงสร้าง คือ 2.1 What + a / an + adjective + นามเอกพจน์นับได้ + subject + verb เช่น • What a nice house you buy ! คุณซื้อบ้านที่ดีเยี่ยมอะไรอย่างนี้! • What a rude boy ! ช่างเป็นเด็กชายที่หยาบคายอะไรอย่างนี้! 2.2 What + a / an + นามวลี + ((subject + verb) (+tag)) เช่น • What a pity ! ช่างน่าสงสารจัง !
หน่วยการเรียนรู้อิงมาตรฐาน รายวิชาภาษาอังกฤษ 4 (อ22122) ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 ภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2566 หน้า 189 • What a mess ! ช่างสับสนอะไรอย่างนี้! • What a long trip ! ช่างเป็นทริปที่ยาวนาน ! • What a beautiful day it is ! มันช่างเป็นวันที่ดี! • What a beautiful day it is, isn’t it ! มันช่างเป็นวันที่ดี ว่าไหม ! เพิ่มเติม : tag คือ Question Tag ประโยคที่ใช้แสดงความคิดเห็นและถามย้ำเพื่อความแน่ใจไป ในคราวเดียวกัน 2.3 What + adjective + นามพหูพจน์/ นามนับไม่ได้ + subject + verb เช่น • What fools ! โง่อะไรอย่างนี้! • What lovely roses ! ดอกกุหลาบช่างสวยอะไรอย่างนี้! • What beautiful weather ! อากาศช่างดีอะไรอย่างนี้! • What interesting questions you’ve asked ! คุณถามคำถามได้น่าสนใจอะไรอย่างนี้! 6. ขั้นปฏิบัติและ / หรือแสดงผลงาน 6.1 นักเรียนส่งตัวแทน 1 คนออกมาหน้าชั้น แล้วเขียนคำว่า Exclamatory Sentence ตรงบริเวณตรง กลางกระดาน 6.2 นักเรียนตัวแทนแต่ละกลุ่มออกมาเขียน mind mapping ตามความเข้าใจของนักเรียน โดย ประกอบไปด้วยหลักการใช้ โครงสร้าง และตัวอย่างประโยค 6.3 นักเรียนและครูร่วมกันตรวจสอบข้อมูลและประโยคที่แต่ละกลุ่มเขียนบนกระดาน 7. ขั้นประยุกต์ใช้ความรู้ 7.1 นักเรียนแต่ละกลุ่มช่วยกันทำแบบฝึกหัด Exclamation (Revision) ในเอกสารประกอบการเรียน 7.2 นักเรียนฟังครูอธิบายเพิ่มเติมเพื่อเสริมความเข้าใจในเรื่อง Exclamation เขียนตัวอย่างประโยคบน กระดานให้นักเรียนเห็นความหลากหลายมากขึ้น 7.3 นักเรียนและครูร่วมกันตรวจสอบคำตอบแบบฝึกหัด Exclamation (Revision) ในเอกสาร ประกอบการเรียน 7.4 นักเรียนฟังครูอธิบายถึงสาเหตุในการตอบคำถามหรือเลือกตอบในแต่ละข้อให้นักเรียนเข้าใจ หลักการใช้Exclamation ครูสรุปหลักการของกฎต่าง ๆ ให้นักเรียนฟังอีกครั้ง
หน่วยการเรียนรู้อิงมาตรฐาน รายวิชาภาษาอังกฤษ 4 (อ22122) ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 ภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2566 หน้า 190 โรงเรียนแผนการจัดการเรียนรู้ หน่วยการเรียนรู้ที่ 7 เรื่อง Experiences แผนการจัดการเรียนรู้ที่10 เรื่อง Vocabulary, reading and conversation รหัสวิชา อ22122 รายวิชา ภาษาอังกฤษ 4 ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาต่างประเทศ ปีการศึกษา 2566 ภาคเรียนที่ 2 เวลา 2 ชั่วโมง ผู้สอน นายสุจินดา ปรากฏวงศ์ 1. มาตรฐานการเรียนรู้/ ตัวชี้วัด 1.1 มาตรฐานการเรียนรู้ มาตรฐาน ต 1.1 เข้าใจและตีความเรื่องที่ฟังและอ่านจากสื่อประเภทต่าง ๆ และแสดงความคิดเห็น อย่างมีเหตุผล มาตรฐาน ต 1.2 มีทักษะการสื่อสารทางภาษาในการแลกเปลี่ยนข้อมูลข่าวสาร แสดงความรู้สึกและความ คิดเห็นอย่างมีประสิทธิภาพ มาตรฐาน ต 2.1 เข้าใจความสัมพันธ์ระหว่างภาษากับวัฒนธรรมของเจ้าของภาษา และนำไปใช้ได้อย่าง เหมาะสมกับกาลเทศะ มาตรฐาน ต 2.2 เข้าใจความเหมือนและความแตกต่างระหว่างภาษาและวัฒนธรรมของเจ้าของภาษากับ ภาษาและวัฒนธรรมไทย และนำมาใช้อย่างถูกต้องและเหมาะสม 1.2 ตัวชี้วัด ต 1.1 ม.2/2 อ่านออกเสียงข้อความ ข่าว ประกาศ และบทร้อยกรองสั้น ๆ ถูกต้องตามหลักการอ่าน ต 1.2 ม.2/5 พูดและเขียนแสดงความรู้สึกและความคิดเห็นของตนเองเกี่ยวกับเรื่องต่าง ๆ กิจกรรม และประสบการณ์ พร้อมทั้งให้เหตุผลประกอบอย่าง เหมาะสม ต 2.1 ม.2/2 อธิบายเกี่ยวกับเทศกาล วันสำคัญ ชีวิตความเป็นอยู่ และประเพณีของเจ้าของภาษา ต 2.2 ม.2/1 เปรียบเทียบและอธิบายความเหมือนและความแตกต่างระหว่างการออกเสียงประโยค ชนิดต่าง ๆ และการลำดับคำตามโครงสร้างประโยค ของภาษาต่างประเทศและภาษาไทย 2. จุดประสงค์การเรียนรู้ 2.1 ด้านความรู้ ความเข้าใจ (K) - นักเรียนมีความรู้เกี่ยวกับการอ่านออกเสียง Vocabulary บทสนทนา - นักเรียนมีความรู้ เรื่องการใช้ใช้ประโยค too, enough และ exclamation ในการแสดงความ คิดเห็น การให้เหตุผล 2.2 ด้านทักษะกระบวนการ (P) - นักเรียนสามารถอ่านออกเสียง Vocabulary บทสนทนา ได้ถูกต้อง - นักเรียนสามารถใช้ประโยค too, enough และ exclamation ตามโครงสร้างประโยคของ ภาษาต่างประเทศในชีวิตประจำวันเพื่อนแสดงความรู้สึก ความคิดเห็น ให้เหตุผลประกอบ อธิบายเกี่ยวกับเทศกาล วันสำคัญ ชีวิตความเป็นอยู่ และประเพณีของเจ้าของภาษาได้
หน่วยการเรียนรู้อิงมาตรฐาน รายวิชาภาษาอังกฤษ 4 (อ22122) ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 ภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2566 หน้า 191 2.3 คุณลักษณะ เจตคติ ค่านิยม (A) - รักการเรียนรู้ภาษาอังกฤษและฝึกฝนอย่างจริงจังเพียงพอ - ผู้เรียนใช้ภาษาอังกฤษอย่างมีมารยาท ถูกต้องตามกาลเทศะ และบุคคล 3. สาระสำคัญ / ความคิดรวบยอด - พูดและเขียนโดยใช้ Vocabulary เพื่ออธิบายเกี่ยวกับเทศกาล วันสำคัญ ชีวิตความเป็นอยู่ และประเพณี ของเจ้าของภาษา ใช้ Vocabulary แสดงความรู้สึก ความคิดเห็น และให้เหตุผลประกอบ ในชีวิตประจำวันและอ่าน ออกเสียง Vocabulary บทสนทนา มีทักษะในการเลือก พอประมาณ มีเหตุผล มีภูมิคุ้มกัน และมีคุณธรรม ในการ ปฏิบัติตนอย่างเหมาะสม ตามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง 4. สาระการเรียนรู้ 4.1 สาระการเรียนรู้แกนกลาง พูดและเขียนโดยใช้ Vocabulary เพื่ออธิบายเกี่ยวกับเทศกาล วันสำคัญ ชีวิตความเป็นอยู่ และ ประเพณีของเจ้าของภาษา ใช้ Vocabulary แสดงความรู้สึก ความคิดเห็น และให้เหตุผลประกอบ ในชีวิตประจำวัน และอ่านออกเสียง Vocabulary บทสนทนาได้ 4.2 สาระการเรียนรู้ท้องถิ่น 1. คำศัพท์ในเรื่อง Unit 7 : Experiences 2. บทสนทนาในเรื่อง Unit 7 : Experiences 3. การใช้ Vocabulary ในรูปแบบต่าง ๆ 5. สมรรถนะสำคัญของผู้เรียน (เฉพาะที่เกิดในหน่วยการเรียนรู้นี้) 5.1 ความสามารถในการสื่อสาร 5.2 ความสามารถในการคิด 5.3 ความสามารถในการแก้ปัญหา 5.4 ความสามารถในการใช้ทักษะชีวิต 5.5 ความสามารถในการใช้เทคโนโลยี 6. คุณลักษณะอันพึงประสงค์ (เฉพาะที่เกิดในหน่วยการเรียนรู้นี้) 6.1 คุณลักษณะอันพึงประสงค์ (ตามหลักสูตรแกนกลาง) 1) รักชาติ ศาสน์ กษัตริย์ 2) ซื่อสัตย์สุจริต 3) มีวินัย 4) ใฝ่เรียนรู้ 5) อยู่อย่างพอเพียง 6) มุ่งมั่นในการทำงาน 7) รักความเป็นไทย 8) มีจิตสาธารณะ 6.2 คุณลักษณะตามหลักสูตรมาตรฐานสากล 1) มีความรู้พื้นฐานในยุคดิจิตอล วิทยาศาสตร์ เศรษฐศาสตร์ เทคโนโลยี รู้ภาษา พหุวัฒนธรรม ตระหนักสำนึกระดับโลก 2) สามารถคิดประดิษฐ์อย่างสร้างสรรค์ ปรับตัวใฝ่รู้ ใฝ่เรียน วิเคราะห์ สังเคราะห์สรุป สร้างองค์ความรู้ 3) มีทักษะสื่อสารอย่างมีประสิทธิภาพ 4) มีความสามารถในการใช้ทักษะชีวิต 5) มีความสามารถในการใช้เทคโนโลยี
หน่วยการเรียนรู้อิงมาตรฐาน รายวิชาภาษาอังกฤษ 4 (อ22122) ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 ภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2566 หน้า 192 7. ทักษะของผู้เรียนในศตวรรษที่ 21 (3R 7C เฉพาะที่เกิดในหน่วยการเรียนรู้นี้) 7.1 ทักษะการอ่าน (Reading) 7.2 ทักษะการเขียน (Writing) 7.3 ทักษะการคิดคำนวณ (Arithmetic) 7.4 ทักษะด้านการคิดอย่างมีวิจารณญาณและทักษะในการแก้ปัญหา (Critical thinking and problem solving) 7.5 ทักษะด้านการสร้างสรรค์และนวัตกรรม (Creativity and innovation) 7.6 ทักษะด้านความร่วมมือการทำงานเป็นทีมและภาวะผู้นำ (Collaboration, teamwork and leadership) 7.7 ทักษะด้านความเข้าใจต่างวัฒนธรรมต่างกระบวนทัศน์ (Cross-cultural understanding) 7.8 ทักษะด้านการสื่อสารสารสนเทศและรู้เท่าทันสื่อ (Communication information and media literacy) 7.9 ทักษะด้านคอมพิวเตอร์และเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร (Computing) 7.10 ทักษะอาชีพและทักษะการเรียนรู้ (Career and learning self-reliance, change) 8. การบูรณาการตามพระราชบัญญัติการศึกษาแห่งชาติ (เฉพาะที่เกิดในหน่วยการเรียนรู้นี้) 8.1 บูรณาการสวนพฤกษศาสตร์โรงเรียน 8.2 บูรณาการเศรษฐกิจพอเพียง 8.3 บูรณาการห้องเรียนสีเขียว 8.4 อื่น ๆ (โปรดระบุ)................................................................................................................................................. 9. ชิ้นงาน / ภาระงาน 1. ภาระงาน - ใบงานเรื่อง Vocabulary - แบบฝึกหัดเรื่อง Reading and conversation ในหนังสือเรียนรายวิชาพื้นฐาน ภาษาอังกฤษ Spark 2 ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 2. ชิ้นงาน - 10. กิจกรรมการเรียนรู้(Active Learning) เรื่อง Vocabulary, reading and conversation วิธีการสอน (วิธีการสอนแบบค้นพบ Discovery Method) ชั่วโมงที่ 1 1. ขั้นนำเข้าสู่บทเรียน 1.1 นักเรียนดูรูปภาพและประโยคบน PowerPoint “Look at the picture and tell me what you see in 3 pictures”
หน่วยการเรียนรู้อิงมาตรฐาน รายวิชาภาษาอังกฤษ 4 (อ22122) ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 ภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2566 หน้า 193 1.2 นักเรียนช่วยกันแสดงความคิดเห็น โดยครูรับคำตอบทุกคำ 1.3 นักเรียนดูหัวข้อ Exciting Activities บนกระดาน และร่วมกันแสดงความคิดเห็นว่ากิจกรรมที่น่า ตื่นเต้นที่นักเรียนรู้จักมีอะไรบ้าง โดยครูรับทุกคำตอบของนักเรียน 1.4 นักเรียนสามารถตอบได้ว่า ride in a hot-air balloon, feed shark, dive from a waterfall, fly a helicopter, climb mountain, explore a rain forest, swim with dolphins, try skydiving, ride a camel in the desert เป็นต้น 1.5 นักเรียนทำกิจกรรม Which of these things would / wouldn’t you like to experience? Why (not)? Tell your partner. เช่น I’d like to swim with dolphins, I think it’s exciting. I wouldn’t like to ride in a hot-air balloon. I think it’s dangerous. 1.6 นักเรียนทำกิจกรรม Reading : Experiences of a Lifetime ในหนังสือเรียน Spark 2 หน้าที่ 82 1.7 นักเรียนและครูร่วมกันเฉลยคำตอบในกิจกรรมที่นักเรียนทำทั้งหมดในหนังสือเรียน Spark 2 หน้าที่ 82 หากมีข้อใดที่นักเรียนยังตอบได้ไม่ถูกต้องให้ครูผู้สอนอธิบายคำตอบให้นักเรียนฟังเพื่อให้นักเรียนมีความเข้าใจ มากขึ้น 2. ขั้นเรียนรู้ 2.1 นักเรียนฟังบทสนทนาในหนังสือเรียน Spark 2 หน้าที่ 87 2.2 นักเรียนจับกลุ่มเพื่อฝึกบทสนทนา และส่งตัวแทนออกมา 1 กลุ่มเพื่อออกมาพูดบทสนทนา 2.3 นักเรียนทำกิจกรรมในหนังสือเรียน Spark 2 หน้าที่ 87 กิจกรรม Find phrases / sentences in the dialogue which mean 2.4 นักเรียนและครูร่วมกันเฉลยกิจกรรมในหนังสือเรียน Spark 2 หน้าที่ 87 กิจกรรม Find phrases / sentences in the dialogue which mean หากมีข้อใดที่นักเรียนยังตอบได้ไม่ถูกต้องให้ครูผู้สอนอธิบายคำตอบ ให้นักเรียนฟังเพื่อให้นักเรียนมีความเข้าใจมากขึ้น ชั่วโมงที่ 2 3. ขั้นนำไปใช้ 3.1 นักเรียนศึกษาคำศัพท์ในเอกสารประกอบการเรียน 3.2 นักเรียนทำใบงานแบบฝึกหัดเกี่ยวกับคำศัพท์ในเอกสารประกอบการเรียน 3.3 นักเรียนและครูร่วมกันเฉลยแบบฝึกหัดเกี่ยวกับคำศัพท์ในเอกสารประกอบการเรียน หากมีข้อใดที่ นักเรียนยังตอบได้ไม่ถูกต้องให้ครูผู้สอนอธิบายคำตอบให้นักเรียนฟังเพื่อให้นักเรียนมีความเข้าใจมากขึ้น