หน้า | 7-30 การดำเนินธุรกิจที่เหมาะกับชุมชนให้มีรายได้เพิ่มขึ้น ลดต้นทุน หรือการเพิ่มฐานลุกค้าให้มากขึ้น ด้วยเหตผล เหล่านี้จึงสะท้อนให้เห็นว่า โครงการศูนย์ถ่ายทอดเทคโนโลยีการผลิตพลังงานไฟฟ้าจากเซลล์แสงอาทิตย์ ณ ศูนย์กสิกรรมธรรมชาติมาบเอื้องเป็นการนำเอาองค์ความรู้และเทคโนโลยีที่ทันสมัยจากนักวิจัยในมหาวิทยาลัย ไปถ่ายทอดสู่ชุมชนหรือผู้ประกอบการจำนวนมากที่มิใช่แค่ชุมชนที่เข้าร่วมอบรมในโครงการครั้งนี้เท่านั้น แต่ ยังเป็นศูนย์การถ่ายทอดองค์ความรู้ขยายไปยังชุมชนอื่น ๆ และประชาชนทั่วประเทศที่สนใจ วัตถุประสงค์ - ส่งเสริมการนำเทคโนโลยีและงานวิจัยจากมหาวิทยาลัยไปใช้ประโยชน์ในชุมชนอย่างยั่งยืน - ผู้ประกอบการในชุมชนสามารถนำองค์ความรู้ที่ได้การถ่ายทอดไปประยุกต์ใช้ในการทำธุรกิจเพื่อ ลดต้นทุน สร้างรายได้หรือทำให้การประกอบธุรกิจพัฒนาได้ดียิ่งขึ้น เป้าหมาย - การพัฒนาศูนย์ถ่ายทอดเทคโนโลยีการผลิตพลังงานไฟฟ้าจากเซลล์แสงอาทิตย์ ณ ศูนย์กสิกรรมธรรมชาติมาบเอื้อง ต.หนองบอนแดง อ.บ้านบึง จ.ชลบุรี - ชุมชนท่องเที่ยว OTOP นวัตวิถี “บ้านวังน้ำดำ” โจทย์ความต้องการของชุมชน ต้องการลดค่าไฟฟ้าซึ่งเป็นต้นทุนหลักอย่างหนึ่งในการประกอบธุรกิจของชุมชนโดยต้องการใช้ไฟฟ้าจาก พลังงานแสงอาทิตย์มาประยุกต์ใช้ในการประกอบธุรกิจ เช่น แปลงปลูกผักปลอดสารพิษ การใช้ระบบหมุนเวียนน้ำ ในสวนเกษตรทฤษฎีใหม่ อุปกรณ์ไฟฟ้าอื่น ๆ ในสถานที่ประกอบกิจกรรมของลูกค้าและผู้ปฏิบัติงาน รวมถึงเทคนิค ด้านการตลาด ความรู้ด้านการเงิน เพื่อให้สามารถเพิ่มจำนวนลูกค้าหรือเพิ่มรายได้ให้มากขึ้น ความพร้อมของชุมชนในการรับการถ่ายทอดเทคโนโลยี บ้านวังน้ำดำ หมู่ 4 ต.หนองบอนแดง อ.บ้านบึง จ.ชลบุรี เป็นการรวมกลุ่มกันของคนในชุมชนบ้านวังน้ำดำ มากกว่า 7 ปี มีสมาชิกจำนวน 20 คน โดยมีทั้งคนรุ่นเก่าและคนรุ่นใหม่ที่มีแนวคิดอยากประกอบอาชีพในพื้นที่บ้าน เกิดของตนเอง สามารถสร้างรายได้ให้กับสมาชิกในชุมชน อนุรักษ์ธรรมชาติและทำเกษตรแบบพอเพียง ชุมชนบ้าน วังน้ำดำมีแหล่งท่องเที่ยวแนววิถีธรรมชาติและเกษตรทฤษฎีใหม่ ที่ลูกค้าสามารถร่วมทำกิจกรรมกับชุมชนได้ ไม่ว่า จะเป็นปลูกผักสลัด ด้วยตนเองในกระถางสุดพิเศษ กิจกรรมนี้ลูกค้าสามารถนำกลับบ้านได้ด้วย การจำหน่ายผัก สลัดหลากหลายชนิด มีกิจกรรมชั่งให้ดีชั่งให้โดน ลูกค้าจะได้ผักไปกินฟรี และกิจกรรมโยนข้าว มีการจำหน่ายเมี่ยง คำชาววัง (น้ำดำ) ของดีชุมชน เรียนรู้ลักษณะควายสวยงามและควายมงคล นอกจากนี้ยังสามารถเดินชมสวนเกษตร ทฤษฎีใหม่ ป่า 3 อย่าง ประโยชน์ 4 อย่าง ได้อีกด้วย เทคโนโลยีที่มีความเหมาะสมกับชุมชน - การออกแบบและติดตั้งระบบการผลิตพลังงานไฟฟ้าจากเซลล์แสงอาทิตย์ - การจัดการพลังงานไฟฟ้าที่ผลิตได้จากเซลล์แสงอาทิตย์สำหรับชุมชน - เทคนิคด้านการตลาดและการเงินสำหรับการประกอบธุรกิจชุมชน
หน้า | 7-31 ความเป็นไปได้ในการนำไปประยุกต์ใช้งานจริง ด้วยชุมชนมีการรวมกลุ่มกันเพื่อประกอบธุรกิจชุมชนต่อเนื่องมานานมากกว่า 7 ปี มีสมาชิกจำนวน 20 คน ที่มีผ่านการอบรมและการส่งเสริมจากหน่วยงานภาครัฐมาอย่างต่อเนื่อง มีทรัพยากรบุคคลที่มีความพร้อมรับการ ถ่ายทอดเทคโนโลยี และมีความพร้อมของสถานที่ที่จะนำเทคโนโลยีไปติดตั้งใช้งาน การดำเนินโครงการ โดย ประกอบด้วยกิจกรรม ดังนี้ การสำรวจพื้นที่ และทำความเข้าใจเบื้องตันกับชุมชน ศูนย์กสิกรรมธรรมชาติมาบเอื้อง ตั้งอยู่ใน ต.หนองบอนแดง อ.บ้านบึง จ.ชลบุรี อยู่ห่างจาก มหาวิทยาลัยบูรพา ประมาณ 30 กิโลเมตร ใช้เวลาเดินทางด้วยรถยนต์ประมาณ 45 นาที ดังแผนที่ในรูปที่ 1 ผู้ดำเนินโครงการฯ เดินทางไปติดต่อประสานงานยังศูนย์กสิกรรมธรรมชาติมาบเอื้อง (ดังรูปที่ 2) เพื่อเข้าพบ คุณศลิษา ศัลยกำธร ผู้อำนวยการศูนย์กสิกรรมธรรมชาติมาบเอื้อง และคุณปวีณา ศัลยกำธร ผู้จัดการบริษัท มาบเอื้องวิสาหกิจเพื่อสังคม จำกัด เพื่อพูดคุยเกี่ยวกับการดำเนินกิจกรรมต่าง ๆ ของศูนย์กสิกรรมธรรมชาติ มาบเอื้อง มูลนิธิกสิกรรมธรรมชาติ ความเป็นมาและวัตถุประสงค์ ผู้ดำเนินโครงการฯ ก็ได้กล่าวถึง แผนงาน การส่งเสริมการนำนวัตกรรมไปใช้ประโยชน์ในพื้นที่เพื่อพัฒนาสังคมและชุมชน วัตถุประสงค์ การดำเนิน โครงการที่เคยได้ทำมาแล้ว ปัญหาและอุปสรรคที่เกิดขึ้น เพื่อให้ทั้งสองฝ่ายได้รับทราบและทำความเข้าใจ ระหว่างกัน ช่วยกันกำหนดแนวทางและวางแผนการดำเนินโครงการนี้ร่วมกันในเบื้องต้น โดยมีประเด็นที่สำคัญ คือ การจัดศูนย์เรียนรู้เพื่อถ่ายทอดเทคโนโลยีการผลิตพลังงานไฟฟ้าจากเซลล์แสงอาทิตย์ เนื่องจากในปัจจุบัน เกษตรกร/ผู้ประกอบการ/ประชาชนในชุมชนมีความต้องการนำเอาองค์ความรู้นี้ไปใช้ในกิจกรรมต่าง ๆ ไม่ว่า จะเป็นการนำพลังงานไฟฟ้าไปใช้ในการสูบน้ำเพื่อการเกษตร อุปกรณ์ไฟฟ้าเพื่อการผลิตสินค้าอุปโภคและ บริโภค อุปกรณ์ไฟฟ้าในที่พักอาศัย การใช้ไฟฟ้าภายในร้านจำหน่ายสินค้าของศูนย์ฯ เพื่อเพิ่มรายได้ให้กับคน ในชุมชน แผนภาพที่ 7.7 แผนที่การเดินทางสู่ศูนย์กสิกรรมธรรมชาติมาบเอื้อง ต.หนองบอนแดง อ.บ้างบึง จ.ชลบุรี
หน้า | 7-32 จากนั้น คุณปวีณา ได้แนะนำผู้ดำเนินโครงการฯ เดินไปเยี่ยมชมอาคารสถานที่ต่าง ๆ และการบริหาร จัดการพื้นที่เพื่อทำกิจกรรมในศูนย์กสิกรรมธรรมชาติมาบเอื้อง (ดังรูปที่ 3) เช่น พื้นที่สาธิตโคก หนอง นา เพื่อ การจัดสรรพื้นที่ทำการเกษตร การจัดการน้ำแบบคลองไส้ไก่ การทำสบู่ น้ำยาสระผม น้ำยาล้างจานไว้ใช้ใน ครัวเรือน และสถานที่จำหน่ายสินค้าของศูนย์ฯ เป็นต้น คุณปวีณา ได้นำเสนอชุมชนท่องเที่ยว OTOP นวัตวิถี “บ้านวังน้ำดำ” ซึ่งอยู่ใกล้กับกับศูนย์ฯ ที่มีความพร้อมและความเหมาะสมที่จะเข้าร่วมอบรมในโครงการฯ นี้ แผนภาพที่ 7.8 ทีมผู้ดำเนินโครงการเดินทางไปติดต่อประสานงานยังศูนย์กสิกรรมธรรมชาติมาบเอื้อง แผนภาพที่ 7.9 สถานที่โดยรอบของศูนย์กสิกรรมธรรมชาติมาบเอื้อง
หน้า | 7-33 แผนภาพที่ 7.10 ชุมชนท่องเที่ยว OTOP นวัตวิถี “บ้านวังน้ำดำ” ที่มา: https://www.youtube.com/watch?v=kU0cuHceqzg การให้ความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับเทคโนโลยีที่จะนำมาใช้งานในพื้นที่ ให้ความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับเทคโนโลยีเซลล์แสงอาทิตย์ การเชื่อมต่อของอุปกรณ์ไฟฟ้าในระบบ เซลล์แสงอาทิตย์ การคำนวณปริมาณทางไฟฟ้า การคำนวณต้นทุนการติดตั้งระบบเซลล์แสงอาทิตย์ ประเมิน ความคุ้มค่าจากการนำระบบเซลล์แสงอาทิตย์มาใช้งาน พื้นฐานเทคโนโลยี IoT การนำมาใช้ในการติดตามการ ผลิตและการใช้พลังงานไฟฟ้าจากระบบโซล่าเซลล์ ความคุ้มค่าและประโยชน์ที่ได้รับ การสาธิตการใช้งานเทคโนโลยี สาธิตการประกอบและติดตั้งอุปกรณ์ต่าง ๆ ผู้เข้าอบรมทดสอบการต่อโหลดต่าง ๆ และวัดค่าทาง ไฟฟ้า การบำรุงรักษาและการแก้ไขปัญหาเบื้องต้น สาธิตการทำงานของการนำเทคโนโลยี IoT มาใช้ในการ ติดตามและการใช้พลังงานไฟฟ้าจากระบบโซลาเซลล์ ผู้เข้าอบรมร่วมทดสอบและแปลความหมายจากค่าทาง ไฟฟ้าต่าง ๆ
หน้า | 7-34 การส่งเสริมให้ชุมชนนำเทคโนโลยีไปใช้งานจริง ช่วยเหลือผู้ประกอบการในชุมชนด้วยการแนะนำการออกแบบและการเลือกซื้ออุปกรณ์เพื่อติดตั้ง ระบบเซลล์แสงอาทิตย์ให้เหมาะสมกับความต้องการใช้งานเพื่อลดค่าใช้จ่าย ให้คำปรึกษาและข้อเสนอแนะ ต่าง ๆ รวมถึงช่วยแนะนำแหล่งจำหน่ายอุปกรณ์ที่มีคุณภาพและราคาถูก นอกจากนั้นยังได้ถ่ายทอดเทคนิค ด้านการตลาดและการเงินที่เหมาะกับการประกอบธุรกิจชุมชน เพื่อให้สามารถเพิ่มจำนวนลูกค้า จำหน่าย ผลิตภัณฑ์ได้เพิ่มขึ้น และเพิ่มกิจกรรมที่ส่งเสริมให้เกิดรายได้มากยิ่งขึ้น ซึ่งจะทำให้การจัดโครงการในครั้งนี้ ผู้ประกอบการจะมีศักยภาพในการประกอบธุรกิจมากยิ่งขึ้น 7.3.4 การแปรรูปเห็ดฟางพร้อมปรุงและพัฒนาบรรจุภัณฑ์ รัฐบาลไทยได้มีการกำหนดยุทธศาสตร์ในการสร้างความเข้มแข็งของชุมชน ตามกรอบแนวความคิดใน การบริหารจัดการชุมชนให้เข้มแข็ง โดยการจัดระบบการเรียนรู้และการจัดองค์ความรู้ชุมชนอย่างครบวงจร การรวบรวมกลุ่มและการนำเอาความรู้ในท้องถิ่นหรือเรียกว่าภูมิปัญญาท้องถิ่นมาสร้างสรรค์ให้เกิดคุณค่า ให้กับสินค้าและบริการ ซึ่งจากแผนยุทธศาสตร์ขับเคลื่อนการค้าไทย ปี พ.ศ. 2554 ภายใต้นโยบายพาณิชย์ สร้างสรรค์คนไทยเข้มแข็ง โดยเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันทางการค้า ระหว่างปี พ.ศ. 2553-2558 มี สาระสำคัญของแผนยุทธศาสตร์การขับเคลื่อนการค้าไทย 10 ยุทธศาสตร์เพื่อเพิ่มขีดความสามารถและ องค์ประกอบการค้าที่เอื้อต่อความสามารถในการแข่งขันให้กับผู้ประกอบการ ด้วยการบูรณาการร่วมกัน ระหว่างภาครัฐ เอกชนและประชาชน ในรูปแบบของ Public Private People (3P) ในการพัฒนาตลาดสินค้า จาก Local to Local /Local to Regional /Local to Global โดยมุ่งส่งเสริมการรวมตัว ร่วมคิด ร่วมทำ ใน รูปแบบที่หลากหลาย และจัดกิจกรรมอย่างต่อเนื่อง ตามความพร้อมของชุมชน เพื่อให้เกิดการสร้างความ มั่นคงของเศรษฐกิจชุมชน ที่เน้นการผลิตเพื่อการบริโภคอย่างพอเพียง ต่อยอดสู่การนำภูมิปัญญา และ วัฒนธรรมท้องถิ่นมาใช้สร้างสรรค์คุณค่าของสินค้าและบริการ ควบคู่กับการพัฒนาความรู้ และทักษะในการ ประกอบอาชีพ กลุ่มวิสาหกิจชุมชนเพาะเห็ดฟางบ้านยายดา เป็นการรวมกลุ่มกันของเกษตรกรที่เดิมมีอาชีพทำสวน ผลไม้ ซึ่งปกติสวนผลไม้จะให้ผลผลิตเพียงปีละ 1 ครั้ง ประมาณ 4 เดือน ดังนั้นในช่วงเวลาที่ว่างจากการทำ สวนผลไม้มารวมกลุ่มกันเพาะเห็ดฟางเพื่อเป็นอาชีพเสริม เป็นการสร้างโอกาสและสร้างรายได้ให้กับตนเอง การเพาะเห็ดฟางของกลุ่มวิสาหกิจชุมชนเพาะเห็ดฟางบ้านยายดา ใช้โรงเรือนเป็นระบบปิดเพื่อสร้าง สภาพแวดล้อมให้เหมาะสมกับการเจริญเติบโตของเห็ดตลอดช่วงระยะเวลาที่ทำการเพาะปลูก กลุ่มวิสาหกิจ ชุมชนเพาะเห็ดฟางบ้านยายดายังมีความต้องการแปรรูปเห็ดฟางเพื่อเพิ่มช่องทางการขาย ดังนั้น มหาวิทยาลัย บูรพา จึงสามารถนำองค์ความรู้ด้านวิทยาศาสตร์การอาหารมาประยุกต์ใช้เพื่อพัฒนากลุ่มวิสาหกิจชุมชนเพาะ เห็ดฟางบ้านยายดา ให้สามารถใช้ทรัพยากรที่มีอยู่ให้เกิดประโยชน์และมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น จนสามารถ สร้างรายได้จากการแปรรูปเห็ด การเพิ่มมูลค่า และสามารถพัฒนาช่องทางการจำหน่ายได้ดีขึ้น ส่งผลให้เกิด การสร้างงานสร้างอาชีพในชุมชน มีรายได้สูงขึ้น และมีคุณภาพชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น วัตถุประสงค์ - เพื่อถ่ายทอดองค์ความรู้ เทคโนโลยี และนวัตกรรม ที่ได้จากการวิจัยในมหาวิทยาลัยออกสู่ วิสาหกิจชุมชนเพาะเห็ดฟางบ้านยายดา ตำบลตะพง อำเภอเมือง จังหวัดระยอง - เพื่อเพิ่มมูลค่าของเห็ดฟางโดยการแปรรูปอาหาร (Food Processing) และจัดทำบรรจุภัณฑ์ให้ เหมาะสมกับการจัดจำหน่าย
หน้า | 7-35 เป้าหมาย วิสาหกิจชุมชนเพาะเห็ดฟางบ้านยายดา หมู่ที่ 3 ตำบลตะพง อำเภอเมือง จังหวัดระยอง การถ่ายทอดเทคโนโลยีสู่ชุมชน (Tech transfer to Community) การสำรวจและวิเคราะห์ข้อมูลชุมชน มีการสำรวจและวิเคราะห์ข้อมูลชุมชนถึงปัญหาและความต้องการ วางแผนร่วมกันระหว่าง ผู้รับผิดชอบโครงการและชุมชน วิเคราะห์ถึงโอกาสความเป็นไปได้ในการนำไปประยุกต์ใช้งานจริงและความ เป็นไปได้ในการถ่ายทอดเทคโนโลยีสู่ชุมชนอย่างเป็นระบบ โดยการสำรวจความต้องการของชุมชนใช้วิธีการลง พื้นที่พูดคุยเกี่ยวกับปัญหาเพื่อให้ได้มาซึ่งโจทย์ปัญหาของชุมชน การประเมินศักยภาพและความต้องการของชุมชน กลุ่มวิสาหกิจชุมชนเพาะเห็ดฟางบ้านยายดา เป็นการรวมกลุ่มกันของเกษตรกรที่เดิมมีอาชีพทำสวน ผลไม้ ซึ่งปกติสวนผลไม้จะให้ผลผลิตเพียงปีละ 1 ครั้ง ประมาณ 4 เดือน ดังนั้นในช่วงเวลาที่ว่างจากการทำ สวนผลไม้มารวมกลุ่มกันเพาะเห็ดฟางเพื่อเป็นอาชีพเสริม เป็นการสร้างโอกาสและสร้างรายได้ให้กับตนเอง การเพาะเห็ดฟางของกลุ่มวิสาหกิจชุมชนเพาะเห็ดฟางบ้านยายดา ใช้โรงเรือนเป็นระบบปิดเพื่อสร้าง สภาพแวดล้อมให้เหมาะสมกับการเจริญเติบโตของเห็ดตลอดช่วงระยะเวลาที่ทำการเพาะปลูก โจทย์ความต้องการของชุมชน วิสาหกิจชุมชนเพาะเห็ดฟางบ้านยายดา มีจำนวนสมาชิกมากกว่า 20 คน ซึ่งสมาชิกในกลุ่ม ทำอาชีพ เกษตรกรสวนผลไม้ และเวลาว่างจากการทำสวนผลไม้ก็ได้รวมกลุ่มกันทำเพาะเห็ดฟางขายเพื่อเป็นอาชีพเสริม ในปัจจุบันวิสาหกิจชุมชนเพาะเห็ดฟางบ้านยายดาได้เพาะเห็ดฟางขายแบบสดเพียงอย่างเดียวเป็นหลัก ปัญหา และความต้องการของกลุ่มเป้าหมาย คือ ต้องการเทคโนโลยีมาช่วยในการแปรรูปเห็ดฟางเพื่อเพิ่มช่องทางการ จัดจำหน่าย และช่วยเพิ่มรายได้ ซึ่งมหาวิทยาลัยบูรพามีงานทรัพย์สินทางปัญญาเลขที่คำขอ 1803001707 กรรมวิธีการผลิตเห็ดฟางพร้อมปรุง ที่จะช่วยให้กลุ่มวิสาหกิจชุมชนฯ ความพร้อมของชุมชนในการรับการถ่ายทอดเทคโนโลยี การรวมกลุ่มของคนในชุมชนเป็นกลุ่มเกษตรกรสวนผลไม้ ที่มีความพร้อมในการรับการถ่ายทอด เทคโนโลยีและองค์ความรู้ที่ตอบโจทย์ความต้องการของชุมชน ทางกลุ่มมีสถานที่และบุคคลากรที่เอื้อต่อการ รับการถ่ายทอดองค์ความรู้ เทคโนโลยีที่มีความเหมาะสมกับชุมชน เทคโนโลยีและองค์ความรู้ในการผลิตเห็ดฟางพร้อมปรุง ความเป็นไปได้ในการนำไปประยุกต์ใช้งานจริง มีความเป็นไปได้ในการนำไปประยุกต์ใช้งานจริง เนื่องจากเทคโนโลยีและองค์ความรู้ที่ต้องการ ถ่ายทอดเกิดขึ้นจากความต้องการของชุมชน ซึ่งมีสมาชิกทั้ง 20 คน สามารถเข้าร่วมทุกขั้นตอน ตั้งแต่การอบรม จนถึงการใช้งานจริง โดยคาดการณ์เมื่อเสร็จสิ้นโครงการวิสาหกิจชุมชนเพาะเห็ดฟางบ้านยายดา มีรายได้เพิ่มมาก ขึ้นจากเดิมร้อยละ 10 นอกจากนี้ยังเป็นต้นแบบให้กับชุมชนอื่นๆ ที่สนใจ เป็นต้น
หน้า | 7-36 7.3.5 การถ่ายทอดเทคโนโลยีการทำอุปกรณ์อำนวยความสะดวกในการเก็บผลไม้ จังหวัดระยองเป็นหนึ่งในจังหวัดที่มีพื้นที่การทำสวนผลไม้จำนวนมาก ในแต่ละปีมีผลผลิตทาง การเกษตรที่ออกสู่ท้องตลาดเป็นจำนวนมากซึ่งได้ทำการส่งขายทั้งภายในและภายนอกประเทศ ทำ รายได้ให้กับประเทศเป็นอันดับต้นๆ แต่ปัจจุบันยังประสบปัญหาการขาดแคลนแรงงานและคนรุ่นใหม่ไม่ ค่อยหันมาสนใจภาคเกษตร และยังไม่มีเทคโนโลยีที่ช่วยสนับสนุนในด้านการเก็บเกี่ยว ซึ่งการเก็บเกี่ยว ผลไม้เพื่อให้จำหน่ายได้ราคาดีนั้น ผลไม้ต้องสดและไม่บอบช้ำ ดังนั้นการเก็บเกี่ยวต้องกระทำด้วยความ ระมัดระวัง หากเกิดการผิดพลาดจะก่อให้เกิดการบอบช้ำของผลไม้และจะส่งผลให้ราคาในการจำหน่าย ลดลง ซึ่งมหาวิทยาลัยบูรพามีงานทรัพย์สินทางปัญญาเลขที่อนุสิทธิบัตร 7799 อุปกรณ์อำนวยความ สะดวกในการเก็บผลไม้ ที่จะช่วยให้เกษตรกรเก็บผลไม้ได้ดีขึ้น ช่วยทุ่นแรงและลดความเสี่ยงอันตราย อีกทั้งลดความเสียหายที่อาจเกิดขึ้นกับผลไม้ได้ ดังนั้นจึงนำเทคโนโลยีที่ได้จากงานทรัพย์สินทางปัญญานี้ ไปถ่ายทอดให้แก่ชาวเกษตรกรที่อยู่ในพื้นที่จังหวัดระยอง ซึ่งจะส่งผลให้สมาชิกในกลุ่มมีความเป็นอยู่ที่ดี ขึ้น วัตถุประสงค์ - เพื่อถ่ายทอดเทคโนโลยีที่ได้จากการวิจัยในมหาวิทยาลัยออกสู่กลุ่มเกษตรกรสวนผลไม้ จังหวัดระยอง - เพื่อให้กลุ่มเกษตรกรสวนผลไม้ จังหวัดระยอง สามารถนำเทคโนโลยีไปสร้างอุปกรณ์เก็บ ผลไม้ได้ - เพื่อให้กลุ่มเกษตรกรสวนผลไม้จังหวัดระยอง ลดต้นทุนการจ้างแรงงาน และซื้ออุปกรณ์ใน การเก็บผลไม้และทำให้ลดความเสี่ยงจากอุบัติเหตุที่เกิดจากการเก็บผลไม้ เป้าหมาย สมาชิกในวิสาหกิจชุมชนส่งเสริมอาชีพเกษตรพอเพียง ตำบลตะพง อำเภอเมือง จังหวัดระยอง การสำรวจและวิเคราะห์ข้อมูลชุมชน มีการสำรวจและวิเคราะห์ข้อมูลชุมชนถึงปัญหาและความต้องการ วางแผนร่วมกันระหว่าง ผู้รับผิดชอบโครงการและชุมชน วิเคราะห์ถึงโอกาสความเป็นไปได้ในการนำไปประยุกต์ใช้งานจริงและความ เป็นไปได้ในการถ่ายทอดเทคโนโลยีสู่ชุมชนอย่างเป็นระบบ โดยการสำรวจความต้องการของชุมชนใช้วิธีการลง พื้นที่พูดคุยเกี่ยวกับปัญหาเพื่อให้ได้มาซึ่งโจทย์ปัญหาของชุมชน การประเมินศักยภาพและความต้องการของชุมชน สมาชิกในวิสาหกิจชุมชนส่งเสริมอาชีพเกษตรพอเพียง ทำอาชีพเกษตรกรโดยเฉพาะการปลูกไม้ผล เช่น เงาะ มังคุด ลองกอง มะปราง เป็นหลัก ซึ่งมีจำนวนสมาชิก 45 คน และ หลังจากว่างเว้นจากการดูแลไม้ ผลดังกล่าว จึงรวมกลุ่มกันปลูกผักเพื่อให้มีรายได้เสริม และจดทะเบียนวิสาหกิจชุมชนในปี 2555 ในชื่อ “กลุ่ม วิสาหกิจชุมชนส่งเสริมอาชีพเกษตรพอเพียง” ทางกลุ่มมีการส่งเสริมการผลิตและใช้ปุ๋ยอินทรีย์ชีวภาพในกลุ่ม สมาชิก เพื่อลดต้นทุนในการผลิตและเพิ่มความปลอดภัยกับเกษตรกรและผู้บริโภค ซึ่งทางกลุ่มมีการรวมกันทำ ปุ๋ยหมักแบบกลับกองแบ่งกันใช้ในสมาชิก เพื่อลดรายจ่ายจากการซื้อปุ๋ยเคมี ซึ่งทำให้ต้นทุนการผลิตมีราคาสูง
หน้า | 7-37 โจทย์ความต้องการของชุมชน วิสาหกิจชุมชนส่งเสริมอาชีพเกษตรพอเพียง รหัสทะเบียน : 3-21-01-03/1-0054 ที่อยู่ เลขที่ 107/3 หมู่ที่ 12 ถนน ตำบลตะพง อำเภอเมืองระยอง จังหวัดระยอง มีจำนวนสมาชิก 45 คน สมาชิกในวิสาหกิจ ชุมชนส่งเสริมอาชีพเกษตรพอเพียง ทำอาชีพเกษตรกรโดยเฉพาะการปลูกไม้ผล เช่น เงาะ มังคุด ลองกอง มะปราง เป็นหลัก ปัญหาและความต้องการของกลุ่มเป้าหมาย คือ ต้องการเทคโนโลยีมาช่วยอำนวยความ สะดวกในการเก็บผลไม้ เนื่องจากปัจจุบันยังขาดเทคโนโลยีที่ช่วยสนับสนุนในด้านการเก็บเกี่ยว ซึ่งการเก็บ เกี่ยวผลไม้เพื่อให้จำหน่ายได้ราคาดีนั้น ผลไม้ต้องสดและไม่บอบช้ำ ดังนั้นการเก็บเกี่ยวต้องกระทำด้วยความ ระมัดระวัง หากเกิดการผิดพลาดจะก่อให้เกิดการบอบช้ำของผลไม้และจะส่งผลให้ราคาในการจำหน่ายลดลง ซึ่งมหาวิทยาลัยบูรพามีงานทรัพย์สินทางปัญญาเลขที่ 7799 อุปกรณ์อำนวยความสะดวกในการเก็บผลไม้ ที่จะ ช่วยให้เกษตรกรเก็บผลไม้ได้ดีขึ้น ช่วยทุ่นแรงและลดความเสี่ยงอันตราย อีกทั้งลดความเสียหายที่อาจเกิด ขึ้นกับผลไม้ได้ ความพร้อมของชุมชนในการรับการถ่ายทอดเทคโนโลยี การรวมกลุ่มของคนในชุมชนเป็นกลุ่มเกษตรกรสวนผลไม้ ที่มีความพร้อมในการรับการถ่ายทอด เทคโนโลยีและองค์ความรู้ที่ตอบโจทย์ความต้องการของชุมชน ทางกลุ่มมีสถานที่และบุคคลากรที่เอื้อต่อการ รับการถ่ายทอดองค์ความรู้ เทคโนโลยีที่มีความเหมาะสมกับชุมชน เทคโนโลยีและองค์ความรู้ในการสร้างอุปกรณ์เก็บผลไม้ได้ ความเป็นไปได้ในการนำไปประยุกต์ใช้งานจริง มีความเป็นไปได้ในการนำไปประยุกต์ใช้งานจริง เนื่องจากเทคโนโลยีและองค์ความรู้ที่ต้องการ ถ่ายทอดเกิดขึ้นจากความต้องการของชุมชน ซึ่งมีสมาชิกทั้ง 15 คน สามารถเข้าร่วมทุกขั้นตอน ตั้งแต่การอบรม จนถึงการใช้งานจริง โดยคาดการณ์เมื่อเสร็จสิ้นโครงการวิสาหกิจชุมชนส่งเสริมอาชีพเกษตรพอเพียง มีผลไม้ที่รับ การบอบช้ำจากการเก็บผลไม้น้อยลงร้อยละ 10 และสมาชิกในวิสาหกิจชุมชนได้รับบาดเจ็บจากการเก็บผลไม้ลดลง นอกจากนี้ยังเป็นต้นแบบให้กับชุมชนอื่น ๆ ที่สนใจ เป็นต้น 7.3.6 องค์ความรู้กลยุทธ์การจัดการธุรกิจและระบบโลจิสติกส์และการพัฒนาทักษะ การตลาด ออนไลน์แก่ชุมชนชาวประมงปูม้า จังหวัดชลบุรี ปูม้า (Blue Swimming Crab) ถือเป็นสัตว์เศรษฐกิจที่มีความสำคัญต่อการทำประมงพื้นบ้าน แถบบริเวณชายฝั่งทะเลอันดามันและอ่าวไทย ผู้ที่นิยมบริโภคปูม้าเพราะเนื้อปูมีความยืดหยุ่นเวลารับประทาน มีรสชาติดีหวานอร่อยและยังถือเป็นอาหารเพื่อสุขภาพได้อีกด้วย ธุรกิจการจำหน่ายปูม้าของชาวประมง พื้นบ้านมีความสำคัญต่อเศรษฐกิจในชุมชนชาวประมงแถบชายฝั่งทะเลในบริเวณที่มีแหล่งความลึกประมาณ 10-20 เมตร พื้นที่ที่ลักษณะหาดทราย หาดโคลน หรือโคลนปนทราย (สุเมธ, 2527) ได้แก่ พื้นที่บริเวณ อำเภอสะเกา จังหวัดตรัง, อำเภอบางสะบานน้อย อำเภอบ้านแหลม และอำเภอเมือง จังหวัดประจวบคีรีขันธ์, อำเภอหลังสวน อำเภอประทิว จังหวัดชุมพร, อำเภอไชยา จังหวัดสุราษฎร์ธานี, อำเภอท่าใหม่ จังหวัดจันทบุรี, อำเภอคลองใหญ่ และอำเภอเกาะช้าง จังหวัดตราด รวมถึงอำเภอศรีราชา และอำเภอเมือง จังหวัดชลบุรี วิธีการจับปูม้าส่วนใหญ่ ร้อยละ 68.30 นิยมใช้อวนจมซึ่งเป็นเครื่องมือพื้นบ้านในการประกอบอาชีพของ
หน้า | 7-38 ชาวประมงมาตั้งแต่ในอดีต (กรมประมง, 2549) โดยชาวประมงจะทำการวางอวนไว้ในตอนบ่ายและทำการกู้ อวนในตอนเช้ามืด การจับปูม้าสามารถจับได้ตลอดทั้งปี แต่คุณภาพและปริมาณของปูม้าจะขึ้นอยู่กับ ปัจจัย สภาพแวดล้อมทางธรรมชาติ เช่น ปรากฎการณ์น้ำขึ้นน้ำลง, การเปลี่ยนแปลงของดวงจันทร์, และการ เปลี่ยนแปลงฤดูกาล โดยเฉพาะอย่างยิ่งการเปลี่ยนแปลงของดวงจันทร์ที่ส่งผลต่อปรากฎการณ์น้ำขึ้นน้ำลง ใน ระหว่างขึ้น 13 ค่ำถึงแรม 3 ค่ำ ช่วงเวลานี้จะทำให้ทะเลเกิดน้ำขึ้นน้ำลงสูง ทำให้ปูม้ามีแหล่งอาหารและแหล่ง หลบซ่อน ปูมีเวลาหาอาหารมากขึ้นและมีการลอกคราบ ทำให้ปูม้าที่จับได้ในช่วงนี้จึงมีลักษณะนิ่มไม่แน่นและ ขายไม่ค่อยได้ราคา (บรรจง, 2550) ช่วงเดือนหลักที่ทำการประมงปูม้าจะอยู่ในช่วงที่มีมรสุม ตะวันออกเฉียงเหนือพัดผ่าน คือ เดือนตุลาคม-เดือนกุมภาพันธ์ ของทุกปี ด้านการตลาดปูม้าในประเทศไทยนั้น ในแต่ละพื้นที่มีลักษณะที่หลากหลายและแตกต่างกัน เช่น ในพื้นที่ที่สามารถจับปูม้าได้จำนวนมากมักทำการประมงในเชิงพาณิชย์ ได้แก่ จังหวัดสุราษฎร์ธานี, นครศรีธรรมราช และจันทบุรี ปูม้าที่จับได้จะถูกส่งขายให้กับอุตสาหกรรมส่งออกปูม้าแช่แข็ง ปูม้าพาสเจอไรซ์ กระป๋อง เพื่อส่งออกสู่ตลาดอเมริกา จีน ไต้หวัน และฮ่องกง ในขณะที่พื้นที่ทำการประมงพื้นบ้าน ชาวประมงที่ จับปูม้าได้มักส่งขายให้กับพ่อค้าคนกลางในพื้นที่ หรือทำตลาดด้วยตนเองภายในครัวเรือน ในจังหวัดชลบุรีมี พื้นที่ทำการประมงพื้นบ้านเป็นอาชีพหลักอยู่หลายแห่ง ได้แก่ ชุมชนท่าเรือบางพระ อำเภอศรีราชา ชุมชน ท่าเรือหาดวอนนภา ชุมชนอ่างศิลา และชุมชนบางพลี ในเขตอำเภอเมือง ส่วนใหญ่จะอาศัยอยู่ในพื้นที่แนว ชายฝั่งทะเลใกล้กับแหล่งประกอบอาชีพ และยังคงใช้วัสดุอวนจมในการจับปูม้าเช่นกัน มีเรือลำเล็กเป็นของ ตนเองใน 1 ครัวเรือมีเรืออยู่ประมาณ 1-2 ลำ ชาวประมงที่อยู่ในระแวกเดียวกันจะออกเรือและเข้าฝั่งใน ช่วงเวลาเดียวกัน หลังจากเข้าฝั่งแล้วในตอนเช้ามืดจะเริ่มทำการคัดปูเพื่อส่งขายจึงมีการทำงานลักษณะเป็น กลุ่มก้อน ในระหว่างการพัฒนาข้อเสนอโครงการผู้ดำเนินโครงการได้นำปูม้าจากกลุ่มเป้าหมายมาทำการ ทดสอบความหวานของเนื้อปูจากการนึ่งในเบื้องต้น โดยใช้เครื่องมือทดสอบความหวานเปรียบเทียบกัน ระหว่างปูจากชุมชนเป้าหมายและปูจากภาคใต้ พบว่าค่าความหวานของปูม้าในพื้นที่จังหวัดชลบุรีมีค่าเท่ากับ 11 brix ส่วนปูม้าจากภาคใต้มีค่าความหวาน 9 brix จึงอนุมานว่าน่าจะเป็นสาเหตุหนึ่งที่ผู้บริโภคนิยม รับประทานปูม้าที่มาจากชลบุรี แผนภาพที่ 7.11 ผลการทดสอบความหวานระหว่างปูม้าจากจ.ชลบุรี(ซ้ายมือ) และปูม้าจากภาคใต้(ขวามือ)
หน้า | 7-39 ขนาดปูที่จับมาได้ในบริเวณนี้มีขนาดไม่ใหญ่มากนัก ปูบางส่วนชาวประมงมักนำมาขายเป็นปูสดทั้งตัว ให้กับพ่อค้าเพื่อนำไปขายต่อที่ตลาด บางส่วนนำมาแช่น้ำปลาขายเป็นปูเย็น หรือปูดองเค็ม และบางส่วนนำมา ต้มสุกและแกะใส่กล่องขาย ในกิจกรรมการผลิตเพื่อขายเนื่องจากการทำการประมงเป็นอาชีพที่ค่อนข้างหนัก จึงมักมอบหน้าที่ผลิตให้คนในครัวเรือนและให้ญาติพี่น้องในชุมชนเป็นผู้ผลิตและขาย ซึ่งการแบ่งส่วนรายได้มี หลากหลายรูปแบบตามข้อตกลง ปูที่ผ่านกระบวนการผลิตคนในครอบครัวหรือสมาชิกในชุมชนจะนำไปขาย เองที่ตลาดและชายหาดบางแสน แต่อีกช่องทางหนึ่งที่ผู้จัดโครงการให้ความสนใจคือ ปูที่ชาวประมงจับมาได้ บางส่วนได้ถูกขายในตลาดออนไลน์ผ่านทาง Social Media เช่น Line และ Facebook แผนภาพที่ 7.12 ลักษณะเรือของชาวประมงพื้นบ้านที่ประกอบอาชีพจับปูม้า ในจังหวัดชลบุรี แผยภาพที่ 7.13 กิจกรรมภายหลังจากที่ชาวประมงนำเรือกลับเข้าฝั่งในตอนเช้า แผนภาพที่ 7.14 รูปแบบของสินค้าที่ขายผ่านสื่อออนไลน์ ของชาวประมงพื้นบ้านจังหวัดชลบุรี
หน้า | 7-40 จากการลงพื้นที่เก็บข้อมูลเบื้องต้นในชุมชนกลุ่มเป้าหมาย 4 แห่งในจังหวัดชลบุรี ได้แก่ ท่าเรือ บางพระ อำเภอศรีราชา, ท่าเรือหาดวอนนภา, ท่าเรืออ่างศิลาและท่าเรือพลี อำเภอเมือง การทำตลาดออนไลน์ ของชุมชนยังพบปัญหาในเรื่องทักษะการใช้งาน Social Media และทักษะในการทำสื่อโฆษณาประชาสัมพันธ์ จึงทำให้ขายได้เฉพาะลูกค้าประจำและลูกค้าที่เกิดจากการแนะนำบอกต่อ และไม่ค่อยพบลูกค้าใหม่ๆ ทำให้มี ยอดขายในช่องทางนี้ไม่มากเท่าที่ควร และเนื่องจากปูม้าเป็นสินค้าที่มีลักษณะเน่าเสียง่าย จึงทำให้ต้องมีทักษะ ในบริหารจัดการธุรกิจและโลจิสติกส์เพื่อค้นหาโมเดลธุรกิจให้สามารถเข้าถึงผู้บริโภคคนสุดท้าย (Last Mile delivery) ให้ได้มากที่สุด และทักษะการขายผ่านระบบออนไลน์ อย่างเป็นระบบเพื่อส่งสินค้าไปถึงมือลูกค้าได้ อย่างมีประสิทธิภาพ แผนภาพที่ 7.15 พื้นที่ตั้งของชุมชนชาวประมงพื้นบ้านที่เป็นกลุ่มเป้าหมายของโครงการ จากการสังเกตลักษณะความเป็นอยู่ของชุมชนกลุ่มเป้าหมาย มักอยู่กันเป็นครอบครัวขนาดปานกลาง มีสมาชิกต่อครัวเรือนประมาณ 3-5 คน สมาชิกมีทั้งรุ่นพ่อ-แม่ รุ่นลูกและรุ่นหลานแตกต่างกันหลายช่วงวัยและ ทำการประมงพื้นบ้านมาแล้วหลายรุ่น ชุมชนมีความผูกพันกับพื้นที่ทำกินซึ่งส่วนใหญ่ประกอบอาชีพประมง พื้นบ้านและค้าขายอาหารทะเลในบริเวณใกล้เคียงแหล่งที่อยู่อาศัย สภาพความเป็นอยู่ของสมาชิกในชุมชน ค่อนข้างมีความถ้อยทีถ้อยอาศัยและเป็นสังคมที่มีความคิดเห็นไปในเชิงบวกกับผู้ปกครองท้องถิ่น รุ่นพ่อแม่ยัง อาศัยร่วมกันหรืออยู่ในบริเวณเดียวกันกับรุ่นลูกรุ่นหลาน ซึ่งผู้ดำเนินโครงการได้ประเมินแล้วเห็นว่า สมาชิกรุ่น พ่อ-แม่มีความเห็นสอดคล้องรุ่นลูกและรุ่นหลาน ว่าทักษะการบริหารธุรกิจและระบบโลจิสติกส์ รวมทั้งทักษะ การขายผ่านทางออนไลน์นั้นมีความสำคัญ และสามารถเพิ่มรายได้สู่ชุมชนได้มากยิ่งขึ้น โดยมีความเข้าใจเป็น อย่างดีว่าในปัจจุบันหัวใจสำคัญของธุรกิจคือการทำการตลาดเพื่อให้ภาพลักษณ์ของผลิตภัณฑ์และบริการนั้น เข้าถึงตัวผู้บริโภคทำให้เกิดความสนใจ เกิดความต้องการอยากซื้อได้อย่างรวดเร็วและตัดสินใจซื้อสินค้าและ
หน้า | 7-41 บริการนั้น ๆ ในที่สุด ในยุคดิจิตัลที่เปลี่ยนแปลงวิถีชีวิตและพฤติกรรมของสังคมไปอย่างรวดเร็ว ประกอบกับ การที่โลกประสบกับวิกฤติ Covid-19 การตลาดออนไลน์ถือเป็นสิ่งท้าทายที่ผู้ประกอบการทุกแห่งต้องปรับตัว เพื่อความอยู่รอดให้มากยิ่งขึ้น เนื่องจากลูกค้าปรับเปลี่ยนพฤติกรรมในการลดการออกไปจับจ่ายใช้สอยสินค้า ในตลาดจริงและหันไปหาช่องทางการซื้อสินค้าผ่านทางออนไลน์ในสินค้าแทบทุกประเภท พื้นที่ออนไลน์จึง กลายเป็นที่พบปะระหว่างผู้ซื้อและผู้ขายเป็นจำนวนมากขึ้นอย่างทวีคูณ สอดคล้องกับทิศทางตลาดปูม้าใน พื้นที่เป้าหมายตั้งแต่ปีต้นปี พ.ศ. 2563 ชุมชนในพื้นที่ได้เริ่มเข้าสู่ตลาดออนไลน์เพื่อปรับตัวให้เข้าถึงลูกค้ามาก ยิ่งขึ้นเช่นกัน ผู้ดำเนินโครงการจึงเล็งเห็นว่า ภายใต้ระบบการทำตลาดออนไลน์ในรูปแบบต่าง ๆนั้น ผู้ขาย จำเป็นต้องใช้กลยุทธ์แตกต่างกันตามบริบทของกลุ่มลูกค้าที่ต้องการจะเข้าถึง และจำเป็นต้องมีความรู้และ ทักษะในการใช้เครื่องมือต่าง ๆ ที่มีอยู่เพื่อสามารถนำวิธีการไปปรับใช้ให้เข้าถึงลูกค้ากลุ่มเป้าหมายได้ ซึ่งเมื่อ ธุรกิจจำเป็นต้องปรับตัวด้านการตลาดไปสู่การตลาดในยุคดิจิตัล (Digital Marketing) จึงมีผลกระทบต่อการ ดำเนินธุรกิจและต้องปรับเปลี่ยนกลยุทธ์ทางการจัดการและระบบโลจิสติกส์ภายในธุรกิจตามไปด้วย ดังนั้น การส่งเสริมให้ชุมชนในพื้นที่กลุ่มเป้าหมายเกิดทักษะและความรู้ด้านกลยุทธ์การบริหารธุรกิจและระบบโลจิ สติกส์ รวมถึงทักษะและกลวิธีในการทำการตลาดออนไลน์อย่างลึกซึ้ง จะทำให้เกิดกระบวนการสื่อสารข้อมูล ในตัวผลิตภัณฑ์ให้เข้าถึงตัวลูกค้าได้มากยิ่งขึ้น ซึ่งจะเป็นประโยชน์ต่อการเพิ่มศักยภาพในช่องทางการตลาด สร้างยอดขายที่เพิ่มขึ้นให้กับชุมชนชาวประมงพื้นบ้านในพื้นที่เป้าหมาย ส่งผลให้เกิดการพัฒนาเศรษฐกิจใน พื้นที่สู่การสร้างรากฐานในอาชีพที่มั่นคงให้กับชุมชนในที่สุด วัตถุประสงค์ - เพื่อส่งเสริมให้ธุรกิจประมงพื้นบ้านปูม้า ในเขตพื้นที่อำเภอศรีราชา และอำเภอเมือง จังหวัด ชลบุรี ได้เข้าใจถึงกลยุทธ์ทางธุรกิจและระบบโลจิสติกส์ ที่สนับสนุนต่อการตลาดออนไลน์ - เพื่อให้ธุรกิจประมงพื้นบ้านปูม้า ในเขตพื้นที่อำเภอศรีราชา และอำเภอเมือง จังหวัดชลบุรี สามารถใช้เครื่องมือเพื่อทำการตลาดออนไลน์ผ่านทาง Social Media Marketing (SMM) ได้ อย่างหลากหลายและเข้าถึงกลุ่มลูกค้าเป้าหมายจนส่งผลต่อการเพิ่มยอดขายได้ เป้าหมาย กลุ่มเป้าหมายที่เป็นผู้เข้าร่วมโครงการคือชาวประมงพื้นบ้านหรือผู้ที่อาศัยอยู่ในบริเวณชุมชน จำนวน 15 ราย ในพื้นที่ 4 แห่ง ได้แก่ ท่าเรือบางพระ อำเภอศรีราชา, ท่าเรือหาดวอนนภา, ท่าเรืออ่างศิลาและท่าเรือ พลี อำเภอเมือง เหตุผลในการเลือกกลุ่มเป้าหมายดังกล่าว เนื่องจาก เมื่อได้ทำการศึกษาเบื้องต้นโดยใช้บท สนทนาพบว่า กลุ่มเป้าหมายมีความสนใจอยากเรียนรู้ทักษะด้านการทำตลาดออนไลน์ และวิธีการจัดการธุรกิจ เนื่องจากยังไม่สามารถเข้าถึงลูกค้าได้ จึงจำเป็นต้องขายสินค้าให้กับพ่อค้าคนกลางซึ่งมักขายไม่ค่อยได้ราคา ทำให้มีรายได้ไม่มากนักเมื่อเทียบกับต้นทุนทางด้านเวลาและต้นทุนที่เป็นตัวเงิน รวมถึงความเสี่ยงที่อาจจะ เกิดขึ้นจากการทำอาชีพนี้ เหตุผลอีกประการหนึ่งคือกลุ่มเป้าหมายเป็นสมาชิกชุมชนที่ตั้งอยู่ในพื้นที่ไม่ห่างจาก มหาวิทยาลัยบูรพามากนัก ผู้ดำเนินโครงการสามารถเดินทางลงพื้นที่เพื่อพบปะกับชุมชน จัดกิจกรรมสนทนา กลุ่ม ทำการอบรม รวมถึงตรวจติดตามและประเมินผลได้อย่างใกล้ชิด ประกอบกับลักษณะทางกายภาพของ ชุมชน มีความเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ ให้ความเป็นกันเองระหว่างกัน เปิดรับและยินดีเข้าร่วมโครงการเพื่อให้เกิดการ พัฒนาในอาชีพและรายได้ของตนเอง
หน้า | 7-42 การถ่ายทอดเทคโนโลยีสู่ชุมชน (Tech transfer to Community) การสำรวจและวิเคราะห์ข้อมูลชุมชน ในระหว่างการเขียนข้อเสนอโครงการนี้ ผู้ดำเนินโครงการได้เดินทางเพื่อสำรวจลักษณะทางกายภาพ ของพื้นที่และชุมชนเพื่อคัดเลือกชาวประมงพื้นบ้านที่อาศัยอยู่ภายบริเวณท่าเรือ 4 แห่ง ได้แก่ ท่าเรือบางพระ ท่าเรือหาดวอนนภา ท่าเรืออ่างศิลา และท่าเรือบางพลี (ระหว่างวันที่ 10-16 มิถุนายน 2664) โดยใช้การ พิจารณาจากข้อมูลที่ได้จากการสังเกต และการสัมภาษณ์ทั้งวิธีการเข้าพบภายในชุมชน ติดต่อผ่านทาง Facebook และทางโทรศัพท์ หลังจากนั้น ในวันที่ 18 มิถุนายน 2564 ผู้รับผิดชอบโครงการได้จัดประชุมกลุ่ม ย่อยภายในเพื่อนำข้อมูลที่ได้มาทำการสรุปผลการคัดเลือกกลุ่มเป้าหมายโดยใช้วิจารณญาณของผู้ดำเนิน โครงการ จึงได้จำนวนกลุ่มเป้าหมายทั้งสิ้นจำนวน 15 ราย การประเมินศักยภาพและความต้องการของชุมชน ผู้จัดทำโครงการได้ทำการประเมินศักยภาพและความต้องการของกลุ่มเป้าหมายแล้วเห็นว่า ชุมชนมี ความพร้อมในการเปิดรับองค์ความรู้และทักษะเพื่อต่อยอดในการประกอบอาชีพเป็นอย่างดี และมีความ ต้องการที่จะพัฒนาตนเองในเรื่องวิธีการบริหารจัดการธุรกิจสู่การทำการตลาดออนไลน์ให้เข้าถึงลูกค้า กลุ่มเป้าหมายได้มากยิ่งขึ้น โจทย์ความต้องการของชุมชน จากการที่ผู้ดำเนินโครงการได้ลงพื้นที่และเก็บข้อมูลจากบทสนทนาร่วมกับกลุ่มเป้าหมาย และ ประเมินผลจากการใช้คำถามปลายเปิดแบบไม่มีโครงสร้างและการสังเกตพฤติกรรมการขายผ่านออนไลน์ใน Facebook ที่ใช้งานอยู่ของกลุ่มเป้าหมายบางราย พบปัญหาเบื้องต้น ในเรื่องการกำหนดกลุ่มลูกค้าที่ชัดเจน และการใช้เครื่องมือการทำตลาดออนไลน์ผ่าน Social Media ที่ยังสามารถพัฒนาให้เกิดประสิทธิภาพมากขึ้น ได้ ประกอบกับกลุ่มเป้าหมายมีความสนใจในวิธีการจัดการธุรกิจและระบบการขนส่งและโลจิสติกส์เพื่อสร้าง ยอดขายให้เพิ่มขึ้น ความพร้อมของชุมชนในการรับการถ่ายทอดเทคโนโลยี สมาชิกภายในชุมชนมีความหลากหลายในช่วงอายุในกลุ่มอายุประมาณ 20-50 ปี สามารถใช้ Social Media Marketing เป็นในระดับดี แต่ยังไม่หลากหลาย ซึ่งส่วนใหญ่จะใช้เฉพาะ Facebook ในกลุ่มอายุ ประมาณ 50-60 ปี มีทักษะการใช้งานในระดับพอใช้ เทคโนโลยีที่มีความเหมาะสมกับชุมชน การเพิ่มช่องทางการขายสินค้าผ่านรูปแบบออนไลน์ ผู้ประกอบการจะต้องทำธุรกิจโดยคำนึงถึงความ ต้องการลูกค้าเป็นหลัก (Customer-Centric Marketing) โดยให้ความสำคัญตั้งแต่การเริ่มพัฒนาสินค้า สร้าง ประสบการณ์ที่ดีในการซื้อ ไปจนถึงการทำโฆษณาออนไลน์ และการให้บริการหลังการขายเพื่อให้เกิดการสร้าง แบรนด์ และการกลับมาซื้อซ้ำของลูกค้า การผสมผสานเครื่องมือภายในสื่อออนไลน์ต่าง ๆที่เกิดขึ้นใหม่ เช่น เว็บไซต์ Line Official Facebook Page Facebook Group Facebook Live Instagram YouTube TikTok ฯลฯ จะสามารถนำมาช่วยเติมเต็มประสบการณ์ของลูกค้า และช่วยเพิ่มช่องทางการขายใหม่ๆให้กับ ผู้ประกอบการได้นอกจากนี้ยังสามารถนำเอากลยุทธ์และเทคโนโลยีที่เกี่ยวกับการจัดการสินค้า มาประยุกต์ใช้ กับสินค้าที่ต้องการการจัดการเฉพาะแบบปูม้า ที่ตอบสนองต่อการการทำขายสินค้าออนไลน์ได้มากขึ้น เช่น การรวมคำสั่งซื้อผ่านระบบการขายสินค้าออนไลน์แบบพรีออเดอร์ การบันทึกและการจัดการข้อมูลการสั่งซื้อ
หน้า | 7-43 สินค้าผ่านระบบออนไลน์และการแชต การใช้ Facebook Pixel เพื่อการทำโฆษณาไปยังกลุ่มเป้าหมายที่ กำหนด การวิเคราะห์ผลตอบสนองจากการยิงโฆษณาเพื่อปรับปรุงประสิทธิภาพ เป็นต้น ความเป็นไปได้ในการนำไปประยุกต์ใช้งานจริง จากที่ผู้จัดทำโครงการได้มีโอกาสร่วมสนทนากับชุมชนเพื่อรับฟังปัญหา ประกอบกับการเลือกใช้ บทเรียนและทักษะที่ไม่มีความยุ่งยากซับซ้อน รวมถึงการเข้าไปให้ความช่วยเหลือชุมชนอย่างมีขั้นตอน ผู้รับผิดชอบโครงการจึงมีความเห็นว่า โครงการที่จัดทำขึ้นมีความเป็นไปได้สูงที่ชุมชนจะสามารถนำไป ประยุกต์ใช้งานได้จริง เนื่องจากเทคโนโลยีที่ใช้ในการทำสื่อออนไลน์ต่าง ๆ ผู้ประกอบการสามารถเข้าถึงและ เรียกใช้งานได้ง่าย และผู้ประกอบการบางรายมีการใช้งานสื่อออนไลน์อยู่บ้างแล้ว แต่ยังไม่ประสบความสำเร็จ เท่าที่ควร การให้ความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับเทคโนโลยีที่จะนำมาใช้งานในพื้นที่ การให้ความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับเทคโนโลยีด้านสื่อออนไลน์เน้นการอบรมเชิงปฏิบัติการ (workshop) โดยให้ผู้เข้าร่วมได้ทดลองใช้เทคโนโลยีที่เกี่ยวกับสื่อออนไลน์ต่าง ๆ ด้วยตนเอง โดยมีการแทรก เสริมกระบวนการคิดและออกแบบสื่อโฆษณาที่คำนึงถึงความต้องการลูกค้าเป็นหลัก (Customer-Centric Marketing) นอกจากนี้ผู้เข้าร่วมจะได้รับงบประมาณสนับสนุนเพื่อฝึกทักษะและทดลองการทำโฆษณา ออนไลน์ และเรียนรู้เกี่ยวกับการวัดผลความสำเร็จของการทำโฆษณาจากประสบการณ์จริงของตนเอง และมี การแชร์ประสบการณ์ของการทำโฆษณาภายในกลุ่มผู้อบรมเพื่อให้เกิดการเรียนรู้แนวคิดที่หลากหลาย และ แนวคิดที่ทำให้ประสบความสำเร็จ การสาธิตการใช้งานเทคโนโลยี เทคโนโลยีที่เลือกใช้ในการสร้างแบรนด์และตัวตนออนไลน์ของผู้ประกอบการมีองค์ประกอบดังนี้ เว็บไซต์ วิธีการสร้างเว็บไซต์อย่างง่ายผ่านเว็บไซต์ www.lnwshop.com และการเลือกเนื้อหาที่ เหมาะสมต่อการลงเว็บไซต์เพื่อเพิ่มการเข้าถึง Line Official วิธีการสร้าง Line Official และการสร้าง Rich Menu เพื่อส่งเสริมการขาย การติดตั้งระบบ Chat Bot เบื้องต้น Facebook วิธีการสร้าง Facebook Page การใช้งาน Facebook Messenger และระบบ Chat Bot เบื้องต้น การใช้ประโยชน์จาก Facebook Group Facebook Story และ Facebook Live Facebook Business และ Instagram วิธีการกำหนดกลุ่มเป้าหมายในการยิงโฆษณา รวมทั้งแนวคิด ที่เหมาะสมในการเลือกกลุ่มเป้าหมาย การติดตั้งระบบ Facebook Pixel เพื่อการทำการตลาดที่เข้าถึง กลุ่มเป้าหมายได้มากขึ้น Youtube การทำคอนเทนต์ที่เหมาะสม และแนวทางในการสร้างช่อง Youtube เพื่อ ส่งเสริมการขายสินค้า TikTok วิธีการกำหนดกลุ่มเป้าหมายในการยิงโฆษณา รวมทั้งแนวคิดที่เหมาะสมในการ เลือกกลุ่มเป้าหมาย การติดตั้งระบบ Tiktok Pixel เพื่อการทำการตลาดที่เข้าถึงกลุ่มเป้าหมายได้มากขึ้น Influencer แนวทางการกำหนด influencer เพื่อส่งเสริมการขายสินค้าและการสร้างตัวตนออนไลน์ นอกจากนี้ผู้ประกอบการจะต้องเข้าใจถึงความแตกต่างของสื่อออนไลน์แบบต่าง ๆ และวัตถุประสงค์ในการใช้ งานตามความเหมาะสม
หน้า | 7-44 การส่งเสริมให้ชุมชนนำเทคโนโลยีไปใช้งานจริง โครงการได้กำหนดแผนการติดตามผลการใช้สื่อออนไลน์ของผู้ประกอบการทุกสัปดาห์ และ ประเมินผลจากตัวชี้วัดที่กำหนด เช่น ปริมาณยอดขาย จำนวนผู้เข้าถึงสื่อออนไลน์ที่ได้ออกแบบ ความมี ประสิทธิภาพในการยิงโฆษณาออนไลน์ ฯลฯ เพื่อเสนอแนะและให้คำปรึกษาและก่อให้เกิดการพัฒนาอย่าง ต่อเนื่องภายในกรอบเวลาของโครงการ และความยั่งยืนในการนำเทคโนโลยีไปใช้หลังจากจบโครงการ 7.3.7 เทคโนโลยีการแปรรูปผลิตภัณฑ์จากเนื้อปูต้มไปใช้ประโยชน์ในพื้นที่ชุมชนบางพระ ชุมชนบางพระ หมู่ 2 ต.บางพระ อ.ศรีราชา จ.ชลบุรี เป็นชุมชนที่แปรรูปแกะเนื้อปูเพื่อจัดจำหน่าย บรรจุกล่องพลาสติกจำหน่ายในรูปแบบเนื้อปูผสม ประกอบด้วยไข่ปู เนื้อปู และกรรเชียงปู และบรรจุถุง โพลี เอทธิลินจำหน่ายในรูปเนื้อปูแยกส่วนจาก กรรเชียงปู ขาปู ก้ามปู และไข่ปู แช่น้ำแข็งจำหน่ายทั้งขายปลีกและ ขายส่ง ในส่วนของการขายปลีก ชาวบ้านเป็นผู้ขายเองโดยลูกค้าจะมาซื้อที่บ้าน และจัดขายบริเวณหน้าร้าน เปรมสุข ซึ่งเป็นร้ายขายขนมของฝากเทศบาลตำบลบางพระ และขายส่งให้แม่ค้าไปขายยังตลาดสดหนอง มน ตลาดสดศรีราชา ตลาดสดชลบุรี ปัญหาที่พบคือ บางวันขายไม่หมดทำให้ต้องนำผลิตภัณฑ์ไปแช่เย็นด้วยการ เก็บในน้ำเข็ง เมื่อต้องเก็บเป็นเวลาหลายวันจะเป็นเนื้อปูเก่า เกิดการเสื่อมเสียทางกายภาพ ( physical damage) คือ ลักษณะปรากฏไม่เป็นที่ยอมรับของผู้บริโภค เช่นเนื้อปูมีสีคล้ำ การเสื่อมเสียทางเคมี (chemical damage) การเสื่อมเสียทางเคมีที่พบในสัตว์น้ำ ส่วนมากเกิดจากการย่อยสลายตัวเอง (autolysis) การรวมตัว กับออกซิเจนของไขมัน เกิดเป็น สารเอมีน แอมโมเนีย ส่งผลให้สัตว์น้ำ มีกลิ่นรสเปลี่ยนไป มีการเปลี่ยนสีของ สัตว์น้ำหรือการลดลงของคุณค่าทางอาหาร การเสื่อมเสียทางจุลินทรีย์ (microbial damage) เกิดจาก จุลินทรีย์ชนิดต่าง ๆ ปนเปื้อนเข้าไปในเนื้อสัตว์น้ำและเจริญเติบโตอย่างรวดเร็ว ทำให้เกิดการเสื่อมเสียหรือ การเปลี่ยนแปลงคุณภาพของสัตว์น้ำทำให้สัตว์น้ำมีกลิ่นเหม็นเน่า โดยทั่วไปสัตว์น้ำจะเสื่อมเสียเร็วกว่าเนื้อสัตว์ ชนิดอื่น เนื่องจากโปรตีนของสัตว์น้ำย่อยสลายได้ง่าย ทำให้แบคทีเรียเจริญได้ดี โปรตีนในสัตว์น้ำสลายตัว มีน้ำ ไหลออกมา ทำให้ผู้ขายขาดรายได้ในส่วนนี้ไป ซึ่งหากมีการนำเนื้อปูที่ขายไม่หมดมาแปรรูปเป็นผลิตภัณฑ์อย่าง อื่นเช่น ปั้นสิบไส้ปู เค้กเนื้อปู หรือขนมไทยอื่น ๆ ก็จะเป็นการเสริมรายได้ให้กับผู้ขายเนื้อปู ดังนั้นการนำเนื้อปู มาแปรรูปนับว่าเป็นอีกแนวทางหนึ่งที่จะเสริมรายได้ให้กับชุมชนผู้ขายเนื้อปูได้ วัตถุประสงค์ - เพื่อเพิ่มมูลค่าให้กับสินค้าคือเนื้อปูแปรรูป - ช่วยส่งเสริมการนำเทคโนโลยีและงานวิจัยไปใช้ประโยชน์เพื่อการส่งเสริมอาชีพและรายได้ให้กับ กลุ่มผู้แปรรูปเนื้อปู เป้าหมาย ชุมชนที่มีการนำเทคโนโลยีไปใช้ประโยชน์อย่างยั่งยืน
หน้า | 7-45 แผนและขั้นตอนการดำเนินงานการถ่ายทอดเทคโนโลยีสู่ชุมชน (Tech transfer to Community) การสำรวจและวิเคราะห์ข้อมูลชุมชน การสำรวจชุมชนบางพระ หมู่ 2 ต.บางพระ อ.ศรีราชา จ.ชลบุรี จะสำรวจและวิเคราะห์ข้อมูลของ ชุมชนโดยใช้แบบสอบถาม วิเคราะห์โดยใช้โปรแกรมทางสถิติ และการสัมภาษณ์ วิเคราะห์โปรแกรม CIA มา วิเคราะห์ความต้องการของชุมชน การวางแผนเพื่อพัฒนาชุมชนร่วมกันระหว่างคณะกรรมการโครงการและ ชุมชน การประเมินศักยภาพและความต้องการของชุมชน ชุมชนบางพระ หมู่ 2 ต.บางพระ อ.ศรีราชา จ.ชลบุรี เป็นชุมชนแปรรูปเนื้อปูจำหน่ายในจังหวัดชลบุรี โจทย์ความต้องการของชุมชน การประเมินความต้องการจำเป็น คือ กระบวนการดำเนินงานอย่างมีแบบแผนเพื่อค้นหา ศักยภาพความต้องการที่จำเป็นแก่ชุมชน การประเมินความต้องการด้านศักยภาพและความต้องการของ ชุมชน เป็นกระบวนการดำเนินงานอย่างเป็นระบบ เพื่อให้ทราบถึงศักยภาพที่แท้จริงของชุมชน หรือบริการที่ จำเป็นต่อความต้องการแต่ยังไม่มีการดำเนินการหรือดำเนินการไปบางส่วนแล้วแต่ยังไม่เสร็จสมบูรณ์ แล้ว นำไปสู่การเติมเต็มให้สมบูรณ์ยิ่งขึ้น และเป็นกระบวนการที่โครงการส่งเสริมการนำเทคโนโลยีไปใช้ประโยชน์ ในพื้นที่เพื่อพัฒนาสังคมและชุมชน ผลจากการประเมินศักยภาพนี้นอกจากจะเป็นข้อมูลที่สามารถนำมาใช้ใน การกำหนดความสำคัญและการจัดลำดับก่อน-หลัง ของการดำเนินงานโครงการนำเทคโนโลยีไปใช้ประโยชน์ใน พื้นที่เพื่อพัฒนาสังคมและชุมชนแล้ว ยังช่วยให้เข้าใจถึง ธรรมชาติ ลักษณะ และวัฒนธรรมของกลุ่มชุมชนอีก ด้วย ซึ่งผู้บริหารสามารถนำมาใช้เป็นข้อมูลเชิงประจักษ์ของพื้นฐานที่ ช่วยชี้นำในการตัดสินใจ เช่น การ วางแผน พัฒนา และกำหนดวิธีการดำเนินงานโครงการฯ ให้บรรลุผลสำเร็จอย่างมีประสิทธิภาพและมีการ ดำเนินการต่อเนื่อง อย่างยั่งยืน โดยชุมชน การวิเคราะห์หาแนวโน้มและการเปลี่ยนแปลงจากความร่วมมือจาก ชุมชน การกำหนด กิจกรรมที่ชุมชนให้ความสนใจและมีส่วนร่วม นอกจากนี้ ข้อสรุปจากการประเมินความ ต้องการจำเป็นยังเป็นข้อมูลพื้นฐานที่มีความสำคัญในการพัฒนาเครื่องมือ สำหรับเก็บรวบรวมข้อมูลเพื่อการ วิจัย การตัดสินใจ การระดมทุน และการลงทุนดำเนินโครงการต่าง ๆ สำหรับ ชุมชนเป้าหมาย และยังช่วยใน การติดตามผลและการประเมิน โครงการทั้งที่กำลังดำเนินอยู่และเสร็จสิ้นไปแล้วด้วย เมื่อกล่าวถึงการประเมิน ความต้องการจำเป็นของชุมชน เพื่อการจัดโครงการที่เกี่ยวข้องกับความต้องการของชุมชน สิ่งที่ควรต้อง ประเมินควบคู่ไปด้วยกันคือ การประเมินศักยภาพ หรือแหล่งทรัพยากรต่าง ๆ ที่มีอยู่ในท้องถิ่น ทั้งที่เป็นบุคคล ธรรมชาติ และวัตถุ ที่สามารถนำมาดัดแปลงเพื่อสนับสนุนในการส่งเสริมด้านศักยภาพและคุณภาพชีวิตของ ชุมชน ชุมชนบางพระ หมู่ 2 ต.บางพระ อ.ศรีราชา จ.ชลบุรี เป็นชุมชนที่แปรรูปแกะเนื้อปูเพื่อจัด จำหน่ายบรรจุกล่องพลาสติกจำหน่าย บางวันขายไม่หมดทำให้ต้องนำผลิตภัณฑ์ไปแช่เย็นด้วยการเก็บในน้ำ เข็ง เมื่อเก็บเป็นเวลาหลายวันจะเป็นเนื้อปูเก่าทำให้ไม่เป็นที่ยอมรับของผู้บริโภค ชุมชนจึงมีความต้องการ ได้รับ การถ่ายทอดเทคโนโลยีและองค์ความรู้ที่จำเป็นด้าน 1. การแปรรูปผลิตภัณฑ์อาหารจากเนื้อปู โดย ต้องการองค์ความรู้และการประยุกต์ใช้เทคโนโลยีที่ไม่ซับซ้อน สามารถทำได้ในระดับชุมชน มาตรฐานการ ปฏิบัติที่ดีในการผลิตอาหาร 2. บรรจุภัณฑ์สำหรับผลิตภัณฑ์อาหารจากเนื้อปู ที่ทำให้เก็บรักษาผลิตภัณฑ์ได้ นานและยังคงรักษาคุณภาพของผลิตภัณฑ์ พร้อมทั้งดึงดูดใจผู้บริโภค และ 3. การสร้างแบรนด์ และการตลาด
หน้า | 7-46 ปัจจุบัน ผลิตภัณฑ์วางขายเฉพาะหน้าร้านขายของที่ระลึกเปรมสุข จังหวัดชลบุรี จึงมีกลุ่มลูกค้าน้อย ต้องการ เพิ่มช่องทางการประชาสัมพันธ์ การสร้างแบรนด์สินค้าให้เป็นที่รู้จักต้องการขยายตลาดให้กว้างขึ้น ความพร้อมของชุมชนในการรับการถ่ายทอดเทคโนโลยี ชุมชนบางพระ หมู่ 2 ต.บางพระ อ.ศรีราชา จ.ชลบุรี อาศัยอยู่ชายทะเล บางพระ เป็นชุมชน ขนาดใหญ่ที่มีอาชีพหลักในการแกะเนื้อปูสดขายเป็นหลักและมีความพร้อมรับการถ่ายทอดเทคโนโลยีและ ความรู้ที่ตอบโจทย์ความต้องการของชุมชน รวมถึงมีสถานที่และบุคลากรที่เอื้อต่อการรับการถ่ายทอด เทคโนโลยี เทคโนโลยีที่มีความเหมาะสมกับชุมชน เทคโนโลยีที่ใช้และเหมาะกับชุมชนควรเป็นเทคโนโลยีขั้นพื้นฐานที่ไม่ควรต้องมีการลงทุนมากนัก และสะดวกในการในการดูแลรักษาโดยคนในชุมชน ได้แก่ เทคโนโลยีและองค์ความรู้เกี่ยวกับ 1. การแปรรูป ผลิตภัณฑ์อาหารจากเนื้อปู 2. บรรจุภัณฑ์สำหรับผลิตภัณฑ์อาหารจากเนื้อปู และ 3. การสร้างแบรนด์ และ การตลาด ความเป็นไปได้ในการนำไปประยุกต์ใช้งานจริง การนำเทคโนโลยีพื้นฐานมาใชัในการดำเนินงานมีความเป็นไปได้สูง สมาชิกชุมชนให้ความ ร่วมมือกับสถาบันการศึกษาเป็นอย่างดี และเป็นความต้องการของชุมชน รวมทั้งเทคโนโลยีที่นำไปถ่ายทอด มี กระบวนการไม่ยุ่งยากและซับซ้อน บุคคลในชุมชนสามารถดำเนินการได้เมื่อโครงการเสร็จสิ้นแล้ว เช่นการใช้ ตู้อบ การใช้เครื่องตีไข่ การใช้เครื่องปั่นไอศกรีม การใช้กระทะทอด และชุมชนใกล้เคียงยังสามารถมาใช้ร่วมกัน ได้ เช่น ชุมชนหมู่ 3 เป็นต้น โดยคาดการณ์ผลกระทบทางเศรษฐกิจเมื่อเสร็จสิ้นโครงการ ชุมชนกลุ่มเป้าหมาย สามารถสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับเนื้อปูที่ไม่สามารถนำมาขายในรูปแบบแกะเนื้อเพราะเป็นเนื้อปูเก่าที่ขายไม่หมด เพิ่มขึ้นอย่างน้อยร้อยละ 10 เกิดการพัฒนาอย่างยั่งยืนในชุมชน นอกจากนี้ ด้านสิ่งแวดล้อมยังเป็นใช้ ทรัพยากรอย่างรู้คุณค่าอีกด้วย การสำรวจพื้นที่ และทำความเข้าใจเบื้องตันกับชุมชน คณะกรรมการ โครงการมีการลงพื้นที่เพื่อสำรวจ และสร้างความเข้าใจเบื้องต้นกับชุมชน เพื่อ สำรวจความต้องการและวางแผนในถ่ายทอดเทคโนโลยี การให้ความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับเทคโนโลยีที่จะนำมาใช้งานในพื้นที่ การให้ข้อมูลเบื้องต้นขององค์ความรู้และเทคโนโลยีที่จะนำไปถ่ายทอดให้กับชุมชนเนื่องจาก เทคโนโลยีที่ใช้เป็นเทคโนโลยีขั้นพื้นฐาน สามารถนำไปใช้และเข้าใจกระบวนการได้ง่าย ซึ่งหลังจากโครงการ เสร็จสิ้นแล้วประชาชนที่อยู่ในท้องถิ่นสามารถดำเนินกิจกรรมได้โดยด้วยการพึงพาตนเอง
หน้า | 7-47 การวางแผนการถ่ายทอดเทคโนโลยีโดยการ แบ่งกลุ่มกรรมการโครงการผู้รับผิดชอบตามกิจกรรม ที่ได้รับมอบหมาย และสาธิตการใช้เทคโนโลยี การส่งเสริมให้ชุมชนนำเทคโนโลยีไปใช้งานจริง การติดตามให้คำปรึกษาเพื่อให้ชุมชน นำองค์ความรู้และเทคโนโลยีไปใช้งานจริงเพื่อการผลิตสินค้า และบริการจำหน่ายทั้งในเขตพื้นที่และนอกเขตพื้นที่ ทำให้มีสินค้าและบริการมากขึ้นและส่งถึงลูกค้าได้อย่าง สะดวกและรวดเร็ว 7.3.8 การประยุกต์เทคนิคอย่างง่ายในการการสกัดรส กลิ่นและสารสำคัญจากใบของกัญชาเพื่อ นำมาประยุกต์ใช้ในการทำอาหาร ในปัจจุบันผู้บริโภคหันมาใส่ในเรื่องสุขภาพกันมากขึ้น อาหารเพื่อสุขภาพเป็นอีกทางเลือกหนึ่งสำหรับ ผู้ที่ใส่ใจสุขภาพหรือใส่ใจสุขภาพ สร้างสมดุลในร่างกาย เมื่อมีการปลดล็อกอนุญาตให้ประชาชนทุกคนสามารถ ใช้ประโยชน์จากส่วนของกัญชา กัญชง คือ ใบ ราก ลำต้น ออกจากรายการยาเสพติดให้โทษ โดยไม่จัดเป็นยา เสพติดได้ เนื่องจากมีสาร Tetrahydrocannabinol (THC) หรือ สารเมา ในปริมาณค่อนข้างน้อย และมีความ ปลอดภัยที่จะใช้อยู่พอสมควร การนำใบกัญชาไปประกอบอาหารเพื่อรับประทานในครัวเรือน หรือจำหน่ายใน ร้านอาหารของตัวเองสามารถทำได้ โดยไม่ผิดกฎหมาย แต่ต้องมาจากผู้ได้รับอนุญาตปลูกที่ถูกต้องตาม กฎหมาย จากการศึกษาพบว่ากัญชา สามารถนำไปปรุงอาหารได้หลายรูปแบบ ในต่างประเทศมีการนำไปใส่ใน คุกกี้ บราวนี่ ช็อกโกแลต และในประเทศไทยตามบันทึกประวัติศาสตร์วัฒนธรรม พบว่ามีการนำมาใช้เป็นใน การประกอบอาหารมาช้านานแล้วเช่นเดียวกัน ปัจจุบันจึงเกิดโมเดลธุรกิจใหม่ ในเรื่องของการดูแลสุขภาพด้วย กัญชาและเป็นการเพิ่มมูลค่าขึ้นในประเทศไทย จากการศึกษาวิจัยพบว่า ส่วนของใบกัญชามีแร่ธาตุเหมือนกับ พืชทั่วๆ ไป แต่อาจจะมีโซเดียมในปริมาณที่เยอะกว่า ดังนั้นเวลาบริโภคจะทำผู้บริโภคหลายคนรู้สึกว่า หิวน้ำ ปากแห้ง คอแห้ง นอกจากนี้พบว่าใน ใบกัญชา มี glutamate acid ซึ่งสารนีมีฤทธิ์ช่วยทำให้เกิดรสกลมกล่อม หรือเรียกว่าว่าเป็นผงชูรส ถือเป็นภูมิปัญญาของไทย ในการนำใบกัญชามาใช้ในการประกอบอาหารเพื่อเพิ่ม รสชาติ ในขณะที่ทางด้านสุขภาพ จากการศึกษาว่าใน กัญชา มีสารสองชนิดคือ THC คือสารเมา และ CBD สารไม่เมา ทั้งสองชนิดนี้ถ้าใช้ปริมาณสูงจะสามารถใช้เป็นยาได้ แต่ถ้าใช้ปริมาณน้อยๆ จะทำให้ความอยากกิน อาหารเพิ่มขึ้น กระตุ้นกระฉับกระเฉง โดยในต่างประเทศได้อนุญาตนำสารสกัดต่างๆ ใน กัญชา ใส่ลงไปใน ช็อกโกแลต หรือน้ำผึ้ง เพื่อประโยชน์ทางสุขภาพของผู้บริโภค นอกจากนี้อุบัติการณ์การเกิดโรคมะเร็งและ อัตราการเสียชีวิตด้วยโรคมะเร็งของคนไทยเพิ่มจำนวนมากขึ้นในห้วงทศวรรษที่ผ่านมา พร้อมกับหลักฐานเชิง ประจักษ์ว่า พืชกัญชาในฐานะสมุนไพรสามารถเพิ่มความอยากอาหาร ทำให้นอนหลับได้มากขึ้น ช่วยลดอาการ คลื่นไส้ อาเจียน ซึ่งเป็นผลข้างเคียงของการให้ยาเคมีบำบัด และลดความปวดทรมานจากมะเร็งในระยะท้ายได้ ทำให้ผู้ป่วยมะเร็งมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นอย่างมาก ในการนำกัญชามาใช้ประกอบอาหารนั้น สิ่งที่ควรระวังคือการมีปริมาณ THC มากเกินไปต่อการ บริโภคระยะยาวอาจจะทำให้เสพติดได้ แต่ปัจจุบันยังไม่ทราบว่า บริโภคเท่าใดจะทำให้เสพติด และจะต้องใช้ ระยะเวลาเท่าใด เพราะมีปัจจัยในเรื่องของการปรุงอาหาร การดูดซึมของยา รวมทั้งปัจจัยส่วนบุคคลของผู้ใช้ ด้วย ดังนั้นการแนะนำให้บริโภคจึงยึดตามองค์ความรู้ภูมิปัญญาดั้งเดิมคือ ไม่เกิน 5 ใบต่อวัน นอกจากนี้ยัง พบว่าปริมาณของสาร THC ยังขึ้นอยู่กับขั้นตอนการปรุง ถ้าเกิดเป็นอาหารที่ใช้ไขมันเยอะๆ จะทำให้ร่างกาย สามารถดูดซึมสาร THC เข้าไปได้มากขึ้น และยังมีปัจจัยส่วนบุคคล เช่น คนน้ำหนักมาก มีไขมันในตัวสูง ก็จะ ดูดซึมสารเมาได้ดีขึ้น ดังนั้นโมเดลหรือรูปแบบธุรกิจสุขภาพเพื่อชุมชนในปัจจุบันและอนาคต ส่วนหนึ่งจะเป็น
หน้า | 7-48 โมเดลในเรื่องของการดูแลสุขภาพด้วยกัญชาจะเป็นการเพิ่มมูลค่าให้กับชุมชนในการสร้างรายได้ การพัฒนา อาหารไทยให้ก้าวไปสู่ครัวโลก และชูอาหารไทยในการปรุงให้เป็นยา ช่วยดึงนักท่องเที่ยวต่างชาติเดินทางมา เที่ยวเมืองไทย ทานอาหารไทย ส่งเสริมการท่องเที่ยวและมีส่วนสร้างรายได้เข้าประเทศอีกทางหนึ่ง รวมถึงเป็น การกระตุ้นให้คนไทยหันมาทานอาหารไทยเพื่อเป็นยาเพื่อรักษาสุขภาพที่ดีไว้ วัตถุประสงค์ - เพื่อให้ผู้เข้าร่วมอบรมมีความรู้และความเข้าใจเกี่ยวกับสารสำคัญ และกลิ่นจากใบของกัญชา - เพื่อให้ผู้เข้าร่วมอบรมสามารถแยกสกัดรส กลิ่น และสารสำคัญบางส่วนจากใบของกัญชาด้วย เทคนิคอย่างง่ายได้ - เพื่อให้ผู้เข้าร่วมอบรมสามารถนำ รส กลิ่น และสารสำคัญบางส่วนจากใบของกัญชามาพัฒนาเป็น อาหารได้ เช่น อาหารคาว ขนม และเครื่องดื่ม เป็นต้น เป้าหมาย กลุ่มผู้ประกอบการ ชาวบ้านหรือผู้ที่สนใจการพัฒนาอาหารจากกัญชาที่อยู่ในชุมชนตะกาดเง้า เนื่องจากชุมชนนี้เป็นกลุ่มชุมชนและชาวบ้านที่แม้จะมีความเข้มแข็งในด้านการรวมตัวกัน แต่สภาพส่วนใหญ่ ยังรายได้น้อยและมีความต้องการที่จะมีอาชีพที่ช่วยสร้างรายได้เพิ่มขึ้น พร้อมกับบริบทชุมชนที่ส่งเสริมการ ท่องเที่ยว เช่น โบสถ์สีน้ำเงิน เส้นทางท่องเที่ยวทางทะเล อาหารถิ่น แต่ด้วยภาวะสถานณการณ์การแพร่ ระบาดของไวรัสโคโลน่า (COVID-19) ทำให้นักท่องเที่ยวลดลงไปอย่างมาก กลุ่มผู้บริหารในพื้นที่ ผู้ประกอบการ และชาวบ้าน มีความต้องการที่จะสร้างกิจกรรมหรือหาผลิตภัณฑ์ที่จะสามารถช่วยดึงดูดการ ท่องเที่ยวของชุมชนตะกาดเง้าให้กลับมาและเกิดความยุ่งยืน ดังนั้นการสร้างอาหารสุขภาพที่สอดคล้องกับ วัฒนธรรมอาหารของไทย ในขณะเดียวกันที่สามารถนำมาประยุกต์ให้เข้ากับอาหารสมัยใหม่ จะสามารถช่วย ฟื้นฟูให้ชุมชนตะกาดเง้ากลับมามีชีวิตได้อีกครั้ง การถ่ายทอดเทคโนโลยีสู่ชุมชน (Tech transfer to Community) การสำรวจและวิเคราะห์ข้อมูลชุมชน (อธิบายอย่างละเอียด) ดำเนินการสำรวจและวิเคราะห์ชุมชนโดยการลงพื้นที่สำรวจโดยใช้แบบสอบถาม แบบสัมภาษณ์ การ ทำสนทนากลุ่ม หรือสัมภาษณ์เชิงลึกกับกลุ่มผู้มีส่วนได้ส่วนเสียในทุกภาคส่วน ได้แก่ องค์การบริการส่วนตำบล ตะกาดเง้า ผู้ใหญ่บ้าน ผู้นำชุมชน ผู้ประกอบการอาหาร ปราชญ์ชาวบ้าน นักโภชนาการอาหาร สำนักงานท่อง เที่ยงจังหวัด สำนักงานพานิชย์จังหวัด สำนักงานเกษตรจังวหัด สภาเกษตรจังหวัด และชาวบ้าน ทั้งการ สัมภาษณ์แบบมีโครงสร้างและไม่มีโครงสร้างในประเด็นที่เกี่ยวข้อง เพื่อให้ได้ข้อมูลที่ถูกต้องและครอบคลุม ประเด็นที่ศึกษามากที่สุด รวมทั้งคลอบคลุมประเด็นความอ่อนไหวต่อความรู้สึกของประชาชนในชุมชนในด้าน การนำสารสกัดจากกัญชาอย่างง่ายมาเป็นส่วนหนึ่งในการประกอบอาหาร โดยยึดหลักการสานสัมพันธ์ สร้าง การมีส่วนร่วมและทำความเข้าใจชุมชน
หน้า | 7-49 การประเมินศักยภาพและความต้องการของชุมชน (อธิบายอย่างละเอียด) การประมินศักยภาพจะใช้เทคนิค SWOT (Strengths, Weaknesses, Opportunities and Threats) ซึ่งเป็นเครื่องมือในการวิเคราะห์สถานะของชุนชนว่าเป็นอย่างไรทั้งในแง่ของจุดอ่อน จุดแข็ง รวมถึงวิเคราะห์สถานะภาพแวดล้อมภายนอกที่มีผลกระทบ ทั้งในแง่บวกและแง่ลบของชุมชน ว่าเป็น อย่างไรบ้าง เปิดโอกาสให้กลุ่มผู้มีส่วนได้ส่วนเสียและคนในชุมชนมาร่วมกันคิด ตัดสินใจ และสร้างสรรค์ ผลิตภัณฑ์ และวางแผนโอกาสในการพัฒนาของชุมชนร่วมกัน โจทย์ความต้องการของชุมชน ใช้การประชุมกลุ่มย่อยของกลุ่มผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย เพื่อศึกษาผลิตภัณฑ์ที่เป็นที่ต้องการของชุมชน ความพร้อมของชุมชนในการรับการถ่ายทอดเทคโนโลยี ด้านศักยภาพพื้นที่ พื้นที่มีความพร้อม โดยเฉพาะบริบทของพื้นที่และผู้บริหารส่วนท้องถิ่นที่ตอบรับกิจกรรม/โครงการ ด้านสังคม เป็นความต้องการของชุมชนที่ต้องการมีรายได้เพิ่มมากขึ้น การพัฒนาด้านท่องเที่ยวให้ดีขึ้น เพื่อชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีขึ้นในอนาคต เทคโนโลยีที่มีความเหมาะสมกับชุมชน เป็นเทคโนโลยีอย่างง่าย เช่น การบด การสกัดรส กลิ่น และสารสำคัญด้วยตัวทำละลายที่สามารถหา ได้ทั่วไปและประยุกต์มาใช้ให้ง่ายขึ้นด้วยเทคนิค double-pot ความเป็นไปได้ในการนำไปประยุกต์ใช้งานจริง เนื่องจากเทคโนโลยีและกระบวนการที่ใช้เป็นการประยุตก์ให้ง่าย ไม่ซับซ้อน ราคาไม่แพง ใช้ เครื่องมือน้อยชิ้น ชุมชนและผู้ประกอบการรายย่อยสามารถเข้าถึงได้ง่าย โดยสามารถประเมินเบื้องต้นว่า สามารถ นำไปประยุกต์ใช้งานจริงไม่ต่ำกว่าร้อยละ 80
หน้า | 7-50 แผนพัฒนาด้านเทคโนโลยีและนวัตกรรม (Technology Roadmap) ภาคตะวันออก จากการรวบรวมข้อมูลและวิเคราะห์การผลของการรวบรวมคลังความรู้ และองค์ความรู้นำมาซึ่งการ วิเคราะห์และวางแผนการพัฒนาด้านเทคโนโลยีและนวัตกรรม เพื่อให้สอดคล้องกับการพัฒนาเชิงพื้นที่และ ความต้องการ นำเทคโนโลยีและนวัตกรรมมาใช้ในอนาคตให้สอดคล้องกับการการพัฒนาเชิงพื้นที่ในบริบทภาค ตะวันออกซึ่งเป็นพื้นที่ของเขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก (Eastern Economic Corridor : ECC) คณะผู้วิจัยได้ระดมสมอง การแลกเปลี่ยนประสบการณ์ และการนำเสนอความคิดริเริ่ม โดยผนวกวิสัยทัศน์ด้าน การนำเทคโนโลยีและนวัตกรรมที่พื้นที่จำเป็นต้องใช้ กับวิสัยทัศน์ด้านแผนพันธกิจและกลยุทธ์ของ มหาวิทยาลัยและการพัฒนาภาคตะวันออก โดยครอบคลุมถึงทิศทางการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างสังคม ประชากร การเปลี่ยนแปลงของตลาด การเปลี่ยนแปลงของผลิตภัณฑ์ สภาพแวดล้อม การวางแผนด้านวิจัย และพัฒนา การเตรียมจัดหาทรัพยากรรวมทั้งกำลังคน ซึ่งเป็นปัจจัยผลักดันที่สำคัญต่ออนาคตของพื้นที่ภาค ตะวันออก โดยในเบื้องต้น สามารถกำหนดขอบเขตในการพัฒนา (Area of Development) ด้านเทคโนโลยี และนวัตกรรม ของภาคตะวันออก ไว้ดังนี้ • เทคโนโลยีและนวัตกรรมทางสุขภาพ ความสมบูรณ์แข็งแรงและความงาม (Health, Wellness, and Beauty) • เทคโนโลยีเพื่อพัฒนาชุมชน (area-based innovation for community) • เทคโนโลยีอุตสาหกรรม ยานยนต์ เมคคาทรอนิกส์และหุ่นยนต์
หน้า | 7-51
หน้า | 8-1 บทที่ 8 ผลการดำเนินการรวบรวมทรัพยากรทางเทคโนโลยีและนวัตกรรมของ มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์และเครือข่ายภาคใต้ การพัฒนาเชิงพื้นที่ (Area – based Approach) เป็นเป้าหมายและทิศทางการพัฒนาที่สำคัญแก่การ เสริมสร้างความเข้มแข็งให้แก่ประเทศ การพัฒนาหรือส่งเสริมให้ชุมชนมีความเข้มแข็ง พึ่งพาตนเองได้และ สามารถปรับตัวให้ทันต่อการเปลี่ยนแปลง ด้วยการใช้ความรู้ในด้านของเทคโนโลยี องค์ความรู้ และนวัตกรรม จากการถ่ายทอดเทคโนโลยี (Technology Transfer) ให้แก่กลไกหลักในการพัฒนาพื้นที่ ไม่ว่าจะเป็นองค์กร ปกครองส่วนท้องถิ่น หน่วยงานรัฐ ภาควิชาการ และสถาบันการศึกษา แต่การถ่ายทอดเทคโนโลยี (Technology Transfer) นั้นจะไม่เกิดขึ้น หากไม่มีการทำการถ่ายทอดความรู้ (Knowledge Transfer) และ การจัดทำคลังความรู้ (Knowledge Stock) ทั้งนี้ คณะวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ เป็นตัวแทนเครือข่ายสถานศึกษาของภาคใต้ เพื่อรวบรวมทรัพยากรทางเทคโนโลยี และนวัตกรรม ทั้งที่มีอยู่ และกำลังดำเนินการ ของแต่ละภูมิภาค เพื่อจัดทำคลังความรู้และเพื่อที่จะทำการสำรวจสถานะขององค์ความรู้ ในภาคใต้ รายงานผลการดำเนินงานสังเคราะห์และประเมินสถานการณ์ของเทคโนโลยีและนวัตกรรม เพื่อถ่ายทอดสู่พื้นที่ทำให้เกิดนวัตกรรมในการพัฒนาระดับท้องถิ่น ภาคใต้ ได้รวบรวมผลการดำเนินงาน การวิเคราะห์ผลการดำเนินงานตามวัตถุประสงค์ของโครงการ การสรุปผล และประมวลภาพการจัดกิจกรรม 8.1 Knowledge Stock (คลังความรู้) รวบรวมทรัพยากรทางเทคโนโลยีและนวัตกรรมทั้งที่มีอยู่และกำลัง ดำเนินการ ทำเป็นระบบบัญชีข้อมูล (Data Catalog) ของภาคใต้ การจัดทำคลังความรู้ (Knowledge Stock) ด้านทรัพยากรทางเทคโนโลยีและนวัตกรรมทั้งที่อยู่และ กำลังดำเนินการของภาคใต้ประกอบด้วย ข้อมูลบุคคล หน่วยงานต้นสังกัด บทความวิจัยและวิชาการที่เผยแพร่ ในวารสารระดับนานาชาติ ตำรา สิ่งประดิษฐ์ ห้องปฏิบัติการ โรงงานต้นแบบ และอุปกรณ์วิจัย ทั้งนี้มีขั้นตอน การดำเนินงานหลัก 3 ลำดับคือ ขั้นตอนที่ 1 ผสานความร่วมมือและการรวมข้อมูล ขั้นตอนที่ 2 การวิเคราะห์ ออกแบบโครงสร้างข้อมูล และขั้นตอนที่ 3 การออกแบบและพัฒนาระบบคลังความรู้กลางภาคใต้ (Southern Knowledge Stock System: SKSS) โดยมีรายละเอียดในการดำเนินการในแต่ละส่วนดังนี้
หน้า | 8-2 8.1.1 การผสานความร่วมมือและการรวมข้อมูล ดำเนินการผสานความร่วมมือทั้งภายในมหาวิทยาลัย และสถาบันอุดมศึกษาในภูมิภาค 4 แห่ง ได้แก่ คณะวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ มหาวิทยาลัยทักษิณ มหาวิทยาลัยวลัยลักษณ์ และมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลศรีวิชัย ซึ่งมีทั้งสิ้น 15 วิทยาเขต โดยมีกระบวนการดำเนินการและผลความร่วมมือดังนี้ 1) คณะวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์เป็นหน่วยงานหลักที่ทำหน้าที่ประสานและ ดำเนินงานความร่วมมือ 2) การจัดทำข้อตกลงเกี่ยวกับการดำเนินงานโดยระบุวัตถุประสงค์ ผู้รับผิดชอบ งบประมาณ และ สิทธิในการเผยแพร่ข้อมูล 3) การกำหนดแผนการดำเนินงาน ขั้นตอน และวิธีการดำเนินงานความร่วมมืออย่างชัดเจน 4) การจัดประชุมผู้มีส่วนเกี่ยวข้องทุกฝ่ายเพื่อสร้างความเข้าใจและแนวทางดำเนินงานที่ตรงกัน 5) การรวมกลุ่มอาจารย์/นักวิจัยวิศวกรรมศาสตร์ในกลุ่มสาขานวัตกรรม (Consortium) สำหรับ การสร้างเป็นเครือข่าย ผลการผสานความร่วมมือนำไปสู่การแบ่งปันและรวมข้อมูลด้าน ข้อมูลนักวิจัย, โครงการวิจัยและ วิทยานิพนธ์, ห้องปฏิบัติการ, บทความ, หนังสือ, สิ่งประดิษฐ์และ อุปกรณ์วิจัย รวมทั้งสิ้น 2,145 รายการ ดังแสดงในตารางที่ 8.1 ตารางที่ 8.1 สรุปผลจำนวนข้อมูลในคลังความรู้ภาคใต้ ประเภทข้อมูล จำนวนข้อมูลในคลังความรู้ ม.อ. ม.ทักษิณ ม.เทคโนโลยีราช มงคลศรีวิชัย ม.วลัย ลักษณ์ รวม ม. เครือข่าย รวม ข้อมูลนักวิจัย 186 19 82 50 151 488 โครงการวิจัย และ วิทยานิพนธ์ 316 8 63 7 78 472 ห้องปฏิบัติการ 26 3 5 8 16 58 บทความ 874 22 25 102 149 1,172 หนังสือ 44 0 1 1 46 สิ่งประดิษฐ์ 83 1 12 21 34 117 อุปกรณ์วิจัย 126 0 0 6 6 132 รวม 1,680 64 195 206 465 2.574
หน้า | 8-3 8.1.2 การวิเคราะห์ออกแบบโครงสร้างข้อมูล จากการกำหนดรูปแบบข้อมูลจากคณะทำงานส่วนกลาง ผู้วิจัยกำหนดรูปแบบของข้อมูลสำหรับ จัดเก็บไว้ในระบบฐานข้อมูล โดยได้ดำเนินการประยุกต์ใช้โครงสร้างของข้อมูล (Data Schema) เพื่อนำไป สร้างระบบฐานข้อมูลและการจัดการข้อมูล ซึ่งได้ดำเนินการออกแบบโครงสร้างของข้อมูลเบื้องต้นทั้งหมด 11 ตาราง ดังแสดงในแบบจำลองโครงสร้างฐานข้อมูล (Entity Relationship Diagram: ER Diagram) ซึ่งเป็น การแสดงฐานข้อมูล และความสัมพันธ์ของฐานข้อมูลของระบบการทำงาน ตามแผนภาพที่ 8.1 แผนภาพที่8.1 แบบจำลองโครงสร้างของฐานข้อมูล
หน้า | 8-4 Mapping Entity–Relationship Diagram • researchers (id, prefix, firstname, lastname, phone, email, institute, faculty, department, scopus_id, orcid_id, web_of_science_id) • expert_areas (id, name, code, expert_area_group) • expert_area_groups (id, name, code) • institutes (id, name, province,postal_code, agency, campus) • articles (id, name, type, journal_name, publication_date, publication_type, database, keyword, abstract, address) • reports(id, name, type, trl, srl, end_date, keyword, abstract, address) • books (id, name, publication_date, publication_type, keyword, created_by) • ip (id, ip_nation, date_nation, ip_inter, date_inter, keyword, address) • laboratories (id, name, keyword) • equipments (id, name, laboratory) รายละเอียดของโครงสร้างตารางทั้ง 11 ตารางมีดังนี้ ตารางที่ 8.2 ข้อมูลนักวิจัย (researchers) แอททริบิว ชนิด(ขนาด) คีย์ Null คำอธิบาย id int PK KEY ลำดับ prefix enum คำนำหน้าชื่อ firstname varchar(50) N ชื่อตัว lastname varchar(50) N ชื่อสกุล phone varchar(10) DEFAULT N หมายเลขโทรศัพท์ email varchar(100) DEFAULT N อีเมลที่ใช้ประจำ institute int N สังกัด (มหาวิทยาลัย / หน่วยงาน) faculty int N สังกัด (คณะ) department int N สังกัด (ภาควิชา) scopus_id varchar(100) DEFAULT N Scopus ID orcid_id varchar(100) DEFAULT N Orcid ID web_of_science_id varchar(100) DEFAULT N Web of Science ID
หน้า | 8-5 ตารางที่ 8.3 ข้อมูลสาขาเชี่ยวชาญ (expert_areas) แอททริบิว ชนิด(ขนาด) คีย์ Null คำอธิบาย id int PK KEY ลำดับ name varchar(255) N ชื่อสาขาเชี่ยวชาญ code varchar(4) N รหัสสาขาเชี่ยวชาญ ตารางที่ 8.4 ข้อมูลกลุ่มสาขาเชี่ยวชาญ (expert_area_groups) แอททริบิว ชนิด(ขนาด) คีย์ Null คำอธิบาย id int PK KEY ลำดับ name varchar(255) N ชื่อกลุ่มสาขาเชี่ยวชาญ code varchar(2) N รหัสกลุ่มสาขาเชี่ยวชาญ ตารางที่ 8.5 ข้อมูลหน่วยงานต้นสังกัด (institutes) แอททริบิว ชนิด(ขนาด) คีย์ Null คำอธิบาย id int PK KEY ลำดับ name varchar(100) N ชื่อหน่วยงานต้นสังกัด province varchar(100) DEFAULT N จังหวัด postal_code varchar(5) DEFAULT N รหัสไปรษณีย์ campus varchar(100) DEFAULT N วิทยาเขต
หน้า | 8-6 ตารางที่ 8.6 ข้อมูลบทความ (articles) แอททริบิว ชนิด(ขนาด) คีย์ Null คำอธิบาย id SERIAL PK N ลำดับ name varchar(255) N ชื่อบทความ type enum N ประเภทบทความ journal_name varchar(255) N ชื่อวารสาร publication_date date N วันที่เผยแพร่ publication_type enum N การเผยแพร่ keyword varchar(255) N คำสำคัญ abstract longtext N บทคัดย่อ / รายละเอียดสังเขป address varchar(255) DEFAULT N ที่ตั้งของผลงาน ตารางที่ 8.7 ข้อมูลโครงการวิจัย/วิทยานิพนธ์ (reports) แอททริบิว ชนิด(ขนาด) คีย์ Null คำอธิบาย id int PK KEY ลำดับ name varchar(255) N ชื่อโครงการ type enum N ประเภทโครงการ trl enum N ระดับ TRL srl enum N ระดับ SRL end_date date DEFAULT N วันสิ้นสุดโครงการ keyword varchar(255) N คำสำคัญ abstract longtext N บทคัดย่อ / รายละเอียดสังเขป address varchar(255) DEFAULT N ที่ตั้งของผลงาน (ถ้ามี)
หน้า | 8-7 ตารางที่ 8.8 ข้อมูลหนังสือ/ตำรา (books) แอททริบิว ชนิด(ขนาด) คีย์ Null คำอธิบาย id int PK KEY ลำดับ name varchar(255) N ชื่อหนังสือ publication_date date DEFAULT N วัน(เดือน)ที่ตีพิมพ์/เผยแพร่ publication_type enum DEFAULT N การเผยแพร่ keyword varchar(255) N Keyword ตารางที่ 8.9 ข้อมูลสิ่งประดิษฐ์ (ip) แอททริบิว ชนิด(ขนาด) คีย์ Null คำอธิบาย id int PK KEY ลำดับ ip_nation varchar(10) N เลขที่สิทธิบัตร / อนุสิทธิบัตร (เฉพาะสิ่งประดิษฐ์) ในประเทศไทย date_nation date N วันที่ได้รับอนุมัติ (ในประเทศ) [2021/06] ip_inter varchar(10) DEFAULT N เลขที่สิทธิบัตร / อนุสิทธิบัตร (เฉพาะสิ่งประดิษฐ์) ในประเทศ ต่างประเทศ date_inter date DEFAULT N วันที่ได้รับอนุมัติ (ต่างประเทศ) [2021/06] keyword varchar(255) DEFAULT N คำสำคัญ ตารางที่ 8.10 ข้อมูลห้องปฏิบัติการ/โรงงานต้นแบบ (laboratories) แอททริบิว ชนิด(ขนาด) คีย์ Null คำอธิบาย id int PK KEY ลำดับ name varchar(255) N ชื่อห้องปฏิบัติการ keyword varchar(255) N Keyword คั่นแต่คำด้วย ;
หน้า | 8-8 ตารางที่ 8.11 ข้อมูลเครื่องมือวิจัย (equipments) แอททริบิว ชนิด(ขนาด) คีย์ Null คำอธิบาย id int PK KEY ลำดับ name varchar(255) N ชื่อเครื่องมือวิจัย laboratory int DEFAULT N รหัสห้องปฏิบัติการ 8.1.3 การออกแบบและพัฒนาระบบคลังความรู้กลางภาคใต้ (Southern Knowledge Stock System: SKSS) เครือข่ายวิจัยภาคใต้ได้มีการพัฒนาพัฒนาระบบคลังความรู้กลางภาคใต้ขึ้น ซึ่งเป็นโปรแกรม ประยุกต์เว็บที่ผู้ใช้ในแต่ละกลุ่มประเภทจะสามารถเข้าถึงระบบ Southern Knowledge Stock System หรือ SKSS ผ่าน URL http://knowledgestock.eng.psu.ac.th ซึ่งระบบให้บริการ 3 ด้าน ดังนี้ 1. บริการไดเรกทอรี่และให้บริการการสืบค้นข้อมูลคลังความรู้งานเทคโนโลยีและนวัตกรรมที่ได้ รวบรวมไว้ในมหาวิทยาลัยเครือข่าย 2. บริการข้อมูลเกี่ยวกับเครือข่ายวิจัยภาคใต้ ความสำคัญและที่มา ช่องทางการ และข่าวสาร ประชาสัมพันธ์ต่าง ๆ ที่เกี่ยวกับเครือข่ายฯ เช่น เพิ่มสื่อสารข้อมูลผ่านแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดีย และการฟีตข่าวสารที่เกี่ยวข้องจากแพลตฟอร์มต่างๆ เป็นต้น ดังรูปที่ 2 3. ระบบบริหารจัดการคลังข้อมูล (Southern Knowledge Stock Administrative System) ซึ่ง ทำหน้าที่จัดการเนื้อหา ดังแสดงในรูปที่ 3-4 การบริหารจัดการผู้ใช้งานระบบของผู้ดูแลระบบ เช่น เพิ่มและกำหนดสิทธิผู้ใช้งาน ดังแสดงในรูปที่ 5 การนำเข้าข้อมูลด้วยบันทึกผลที่ละชุดหรือ นำเข้าอัตโนมัติด้วยเทคนิคเว็บฮุกและการนำเข้าผ่านไฟล์รูป csv ดังแสดงในรูปที่ 6
หน้า | 8-9 แผนภาพที่ 8.2 ตัวอย่างหน้าจอการบริหารจัดการช่องทางการสื่อสารข้อมูลไปเครือข่ายวิจัยภาคใต้ แผนภาพที่ 8.3 ตัวอย่างหน้าจอแสดงผลการติดตามควบคุมข้อมูลด้าน
หน้า | 8-10 แผ่นภาพที่ 8.4 ตัวอย่างหน้าจอนำเข้าข้อมูลโครงการวิจัย แผ่นภาพที่ 8.5 ตัวอย่างหน้าจอการบริหารจัดการผู้ใช้งานระบบของผู้ดูแลระบบ
หน้า | 8-11 แผ่นภาพที่ 8.6 ตัวอย่างหน้าจอการสร้างตั้งค่าเว็บฮุคเพื่อนำเข้าข้อมูลอัตโนมัติ ในส่วนของการรวบรวมเทคโนโลยีและนวัตกรรมของภาคใต้ที่เด่น ๆ มีดังต่อไปนี้
หน้า | 8-12 ชื่อผลงานวิจัย ( ภาษาไทย) ระบบติดตามและอุปกรณ์ช่วยเหลือผู้สูงอายุหรือผู้ป่วยในการทำกายภาพบำบัดผ่านเครือข่ายสื่อสา สำหรับประโยชน์สาธารณะ ภาพรวมของนวัตกรรม มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ นำร่องทดสอบประสิทธิภาพนวัตกรรมฟื้นฟูกล้ามเนื้อแห่งแรก ณ โรงพยาบาลตรัง และยังนำเทคโนโลยีที่ใช้กับการตรวจผู้ป่วยต้องสงสัย โควิด-19 โดยแพทย์สามารถพูดคุย และให้ผู้ป่วยต้องสงสัยใช้อุปกรณ์ทางการแพทย์ ในการตรวจวัดความดัน การเต้นของหัวใจ เพื่อการวินิจฉัย ของแพทย์ได้โดยไม่ต้องเข้าไปตรวจ และได้ดำเนินการโครงการวิจัยต่อเนื่องเรื่องการขยายผลระบบติดตามและ อุปกรณ์ช่วยเหลือผู้สูงอายุหรือผู้ป่วยในการทำกายภาพบำบัด ผ่านเครือข่ายสื่อสารสำหรับประโยชน์สาธารณะ เพื่อนำไปพัฒนาระบบติดตามและอุปกรณ์ช่วยเหลือผู้สูงอายุและผู้ป่วยในการทำกายภาพบำบัดผ่านเครือข่าย สื่อสารสำหรับประโยชน์สาธารณะเพื่อสนับสนุนให้ก่อประโยชน์ทั้งในด้านการเรียนการสอนที่ได้รับรองจาก สภาวิศวกรรมในสาขาวิศวกรรมไฟฟ้าและทีมสหวิทยาการที่จะบูรณาการการประยุกต์ใช้งาน (Use Case) ถ่ายทอดเทคโนโลยีได้แก่โรงพยาบาลชุมชนหน่วยงานรัฐรัฐวิสาหกิจและผู้ประกอบการเพื่อประโยชน์สาธารณะ เป็นรูปประธรรมในวงกว้าง โดยทางคณะวิจัยได้ดำเนินการพัฒนาระบบและอุปกรณ์กายภาพบำบัดทั้งหมด 4 ชนิด ประกอบด้วย 1) นวัตกรรมบริหารหัวไหล่ระบบประมวลผล ภาพสำหรับการวัดองศาของการเคลื่อนไหวข้อไหล่เพื่อใช้ในผู้ที่มี ปัญหาข้อไหล่ติดหัวไหล่ 2) นวัตกรรมฝึกการขยายปอดระบบประมวลผลภาพสำหรับติดตามการทำ กายภาพบำบัดเพื่อการฟื้นฟูปริมาตรปอด 3) นวัตกรรมบริหารกล้ามเนื้อหัวใจระบบติดตามและอุปกรณ์ช่วย บริหารกล้ามเนื้อหายใจ และ 4) นวัตกรรมบริหารข้อเข่าระบบติดตามและอุปกรณ์ช่วย บริหารข้อเข่าโดย ระบบและอุปกรณ์ทั้งหมดจะทำการเชื่อมต่อเข้าสู่ระบบ Server และ Cloud Server ผ่านเครือข่ายสื่อสารซึ่ง เป็นการออกแบบพัฒนาและผลิตอุปกรณ์ต้นแบบทั้ง 4 ชนิด ให้ได้มาตรฐานสากลตามมาตรฐาน ISO 13485 และ IEC 60601 และเป็นประโยชน์ในระดับประเทศต่อไป ชื่อเจ้าของผลงาน รศ.คณดิถ เจษฎ์พัฒนานนท์ หน่วยงานเจ้าของผลงาน สาขาวิชาวิศวกรรมไฟฟ้า คณะวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์
หน้า | 8-13 ชื่อผลงานวิจัย ( ภาษาอังกฤษ) 5G Drones and Mobile Robots for Security Surveillance ภาพรวมของนวัตกรรม การนำเทคโนโลยี 5G รวมทั้งเทคโนโลยีอนาคต มาประยุกต์ใช้เพื่อพัฒนาด้านการศึกษา นวัตกรรม การวิจัย การทดสอบ และเทคโนโลยี ให้มีความเป็นเลิศ โดยติดตั้ง 5G base station ที่อาคารคณะ วิศวกรรมศาสตร์ สำหรับการทดลองใช้งานเครือข่าย 5G เพื่อแสดงถึงศักยภาพด้านความเร็วของระบบ เครือข่าย 5G ที่สามารถใช้งานได้จริงในระบบความปลอดภัย ระบบสนับสนุนทางการแพทย์ การส่งวิดีโอ ความเร็วสูง และโดยเฉพาะอย่างยิ่งการทดสอบความสามารถในการใช้งานข้าม base station ได้ โดยไม่มีการ หลุดของสัญญาณ ชื่อเจ้าของผลงาน รศ.ดร. วิกลม ธีรภาพขจรเดช หน่วยงานเจ้าของผลงาน สาขาวิชาวิศวกรรมไฟฟ้า คณะวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์
หน้า | 8-14 ชื่อผลงานวิจัย ( ภาษาไทย) ระบบอัจฉริยะเฝ้าติดตามและครวจสอบดูแลการทำงานของเครื่องจักร ชื่อผลงานวิจัย ( ภาษาอังกฤษ) Real-time Machine Monitoring ภาพรวมของนวัตกรรม การประยุกต์ใช้เทคโนโลยีดิจิทัลเพื่อทำการวิเคราะห์และพัฒนาเทคโนโลยีและนวัตกรรมระบบ อัจฉริยะเฝ้าติดตามและตรวจสอบดูแลการทำงานของเครื่องจักร (Machine Monitoring System) โดย กลุ่มเป้าหมายของกิจกรรม คือ วิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (SMEs) ที่เป็นนิติบุคคลในภาคการผลิต และบริการโดยเฉพาะกลุ่มอุตสาหกรรมที่มีศักยภาพซึ่งเป็นปัจจัยในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจ นวัตกรรม IoT ที่ ใช้เช่นเซนเซอร์วัดกระแสไฟฟ้าเพื่อใช้วัดปริมาณการใช้ไฟฟ้า วัดความชื้น กล้องถ่ายวีดิโอ กล้องวงจรปิด เป็น ต้น ข้อมูลทั้งหมดที่ได้จากการเก็บข้อมูลจะถูกส่งขึ้นระบบ Cloud ผ่านกระบวนการวิเคราะห์และนำเสนอ ข้อมูลการวัดทั้งหมดบนเว็บเซอร์วิส ผู้ประกอบการสามารถตรวจสอบข้อมูลได้ตลอดเวลาเพื่อนำไปวางแผน เพิ่มผลผลิตหรือลดจำนวนของเสียในกระบวนการผลิต ซึ่งพบว่าสามารถช่วยให้สถานประกอบการประหยัด ต้นทุนได้ประมาณ 120 ล้านบาทต่อปี ชื่อเจ้าของผลงาน ผศ.ดร.นิคม สุวรรณวร หน่วยงานเจ้าของผลงาน สาขาวิชาวิศวกรรมคอมพิวเตอร์ คณะวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์
หน้า | 8-15 ชื่อผลงานวิจัย ( ภาษาไทย) ระบบจัดการภัยพิบัติ ภาพรวมของนวัตกรรม ระบบนี้มีการใช้อุปกรณ์วัดระดับน้่าแบบUltrasonic Sensor เพื่อให้ทราบระดับน้ำแบบเวลาจริง และ กล้อง CCTV สำหรับการมองภาพโดยอาศัยพลังงานแสงอาทิตย์ผ่านแผงโซลาร์เซลล์เป็นแหล่งพลังงาน การ แสดงผลของการเตือนภัยสามารถเข้าถึงทางอินเตอร์เน็ตได้ที่ www.nadrec.psu.ac.th ส่งผลให้ประชาชน สามารถเตรียมความพร้อมในบริบทต่างๆ ท่าให้ความเสียหาย จากการเกิดน้ำท่วมลดลงอย่างมาก ระบบ ประเมินสถานการณ์น้ำเพื่อการเตือนภัยน้ำท่วมล่วงหน้า เพื่อใช้ในการเตรียมพร้อมรับมือการเกิดน้ำท่วมของ ประชาชนที่อาศัยอยู่บริเวณพื้นที่เสี่ยงภัยของอำเภอนาทวี อำเภอจะนะ และอำเภอรัตภูมิ จังหวัดสงขลา ชื่อเจ้าของผลงาน รศ.ดร.ธนิต เฉลิมยานนท์ หน่วยงานเจ้าของผลงาน ศูนย์วิจัยภัยพิบัติทางธรรมชาติภาคใต้ คณะวิศวกรรมศาสตร์มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์
หน้า | 8-16 ชื่อผลงานวิจัย ( ภาษาไทย) เครื่องอบแห้งระบบต่อเนื่องสมรรถนะสูงสำหรับแปรรูปอาหารทะเล ภาพรวมของนวัตกรรม ภาคใต้มีจังหวัดที่ติดทะเล มีชุมชนพื้นบ้านที่ทำอาชีพประมง มีอาหารทะเล เช่น ปลา ปลาหมึก กุ้ง ซึ่ง นอกจากขายสดแล้วถูกแปรรูปเป็นผลิตภัณฑ์อบแห้งในชุมชน เช่น กลุ่มชุมชนวังเขียววังขาว ชุมชนเก้าเส้ง เป็น ต้น ปัจจุบันผลิตภัณฑ์อบแห้งเหล่านี้ใช้วิธีตากแดดให้แห้ง ซึ่งต้องใช้พื้นที่ตากแห้งเป็นบริเวณกว้าง ระหว่าง ตากแห้งส่งกลิ่นเหม็นรบกวนชุมชนที่อยู่รอบ ใช้เวลาในการอบแห้งนาน ไม่สามารถอบแห้งได้ในวันที่ไม่มีแดด อีกทั้งผลิตภัณฑ์มีปัญหาสกปรกจากฝุ่น และมีแมลงวันตอมทำให้มีปัญหาเรื่องสุขอนามัย จึงเป็นที่มาของ โครงการนี้ที่ต้องการพัฒนาเครื่องอบแห้งสำหรับใช้ในชุมชน เพื่อลดปัญหาการส่งกลิ่นเหม็น ทัศนียภาพริม ชายหาด เพิ่มมูลค่าของผลิตภัณฑ์ในชุมชนให้มีมาตรฐาน ถูกสุขอนามัย และผลิตภัณฑ์มีคุณภาพขายได้ราคา สูง อีกทั้งภาคใต้มีผลไม้หลายชนิด ที่สามารถแปรรูปเป็นผลไม้แห้ง เพื่อส่งออกไปยังต่างประเทศได้ เช่น ลองกอง กล้วย ทุเรียน มังคุด เงาะ มะม่วงหิมพานต์ซึ่งในบางฤดูมีผลผลิตออกมามากจนล้นตลาด ทำให้ ชาวบ้านขายผลผลิตได้ในราคาต่ำ เกิดการเน่าเสียของผลผลิตบ้าง ประกอบกับชุมชนไม่มีเครื่องอบแห้งทำให้ ต้องส่งขายวัตถุดิบให้กับโรงงานแปรรูปในราคาที่ต่ำ นอกจากนี้ในสามจังหวัดชายแดนภาคใต้ มีการผลิตของ ขบเคี้ยว ข้าวเกรียบปลา ซึ่งต้องการกระบวนการอบแห้งข้าวเกรียบสด ที่ต้องการเครื่องอบสมรรถนะสูง ชื่อเจ้าของผลงาน รศ.ดร.ชยุต นันทดุสิต หน่วยงานเจ้าของผลงาน สาขาวิชาวิศวกรรมเครื่องกล คณะวิศวกรรมศาสตร์มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์
หน้า | 8-17 ชื่อผลงานวิจัย ( ภาษาไทย) โรงไฟฟ้าพลังน้ำปิยะมิตร ภาพรวมของนวัตกรรม โครงการศึกษาวิจัยไฟฟ้าพัฒนาพลังน้ำขนาดเล็กสำหรับชุมชนในท้องถิ่นสู่การพึ่งพาตนเองได้ เป็น โครงการที่ได้รับการสนับสนุนจากกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร(กอ.รมน) โดยให้ มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ ดำเนินงานเป็นที่ปรึกษาออกแบบและควบคุมงาน โดยดำเนินการในพื้นที่เขต ชายแดนระหว่างประเทศไทยกับประเทศมาเลเซียมีสภาพภูมิประเทศที่ลาดชันป่าเขาสลับกับที่ราบ ซึ่งยังมี ความขาดแคลนด้านสาธารณูปโภค ซึ่งมีกำลังการผลิตไฟฟ้ารวมไม่น้อยกว่า 60 กิโลวัตต์ ซึ่งเป็นการสร้าง นวัตกรรมด้านพลังงานสะอาดที่มั่นคง การรักษาป่าต้นน้ำการจัดการทรัพยากรน้ำ การป้องกันภัยพิบัติ ธรรมชาติ การรักษาสิ่งแวดล้อมและชุมชนเข้มแข็ง ชื่อเจ้าของผลงาน ผศ.พยอม รัตนมณี หน่วยงานเจ้าของผลงาน สาขาวิชาวิศวกรรมโยธา คณะวิศวกรรมศาสตร์มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์
หน้า | 8-18 ชื่อผลงานวิจัย ( ภาษาไทย) ระบบฟาร์มกัญชาอัจฉริยะ ภาพรวมของนวัตกรรม ระบบควบคุมภายในโรงเรือนต่าง ๆ ได้รับความร่วมมือจากคณาจารย์สาขาวิชาวิศวกรรมคอมพิวเตอร์ คณะวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ในการพัฒนาแอปพลิเคชันสั่งการระบบผ่านคอมพิวเตอร์ และสมาร์ทโฟน จึงช่วยควบคุมสภาพแวดล้อมในการปลูกได้แบบเรียลไทม์และมีประสิทธิภาพ ควบคุม/สร้าง สภาพแวดล้อมที่เหมาะสมต่อการเจริญเติบโตของต้นกัญชา ส่งผลให้วางแผนการปลูกง่ายขึ้น ลดความเสี่ยงใน การเกิดโรคในพืช โดยมีระบบรดน้ำอัตโนมัติ ตั้งค่าเวลาเปิดและปิดการให้ปุ๋ยน้ำ ปั๊มน้ำ และอุปกรณ์ไฟฟ้าอื่นๆ ผ่านอุปกรณ์สื่อสารเคลื่อนที่จากทางไกลได้จึงประหยัดต้นทุน มีอุปกรณ์เซ็นเซอร์วัดอุณหภูมิและความชื้นใน อากาศ และเซ็นเซอร์อื่นๆ ที่พัฒนาภายใต้ระบบอัจฉริยะซึ่งคำนึงถึงความแม่นยำและมีมาตรฐานอย่างต่อเนื่อง ชื่อเจ้าของผลงาน ผศ.ดร.นิคม สุวรรณวร หน่วยงานเจ้าของผลงาน สาขาวิชาวิศวกรรมคอมพิวเตอร์ คณะวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์
หน้า | 8-19 ชื่อผลงานวิจัย ( ภาษาไทย) การพัฒนาและถ่ายทอดเทคโนโลยีระบบโรงอบแห้งแห้งสาคูต้นพลังงานแสงอาทิตย์ร่วมกับพลังงานชีวมวล ภาพรวมของนวัตกรรม - ออกแบบโรงอบแห้งความร้อนร่วม - เขียนแบบสำหรับการก่อสร้าง - เตรียมวัสดุในการก่อสร้าง - สร้างโรงอบแห้งและเครื่องแลกเปลี่ยนความร้อน ชื่อเจ้าของผลงาน รศ.ดร.จตุพร แก้วอ่อน หน่วยงานเจ้าของผลงาน คณะวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยทักษิณ
หน้า | 8-20 ชื่อผลงานวิจัย ( ภาษาไทย) การพัฒนาหม้อผลิตไอน้ำประสิทธิภาพสูง สำหรับนึ่งก้อนเชื้อเห็ด ภาพรวมของนวัตกรรม - ออกแบบระบบหม้อผลิตไอน้ำ สำหรับนึ่งก้อนเชื้อเห็ด - เขียนแบบสำหรับการก่อสร้าง - เตรียมวัสดุในการก่อสร้าง - สร้างระบบหม้อผลิตไอน้ำ สำหรับนึ่งก้อนเชื้อเห็ด ชื่อเจ้าของผลงาน รศ.ดร.จตุพร แก้วอ่อน หน่วยงานเจ้าของผลงาน คณะวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยทักษิณ
หน้า | 8-21 ชื่อผลงานวิจัย ( ภาษาไทย) แผ่นปูพื้นลดการบาดเจ็บผู้ป่วยกายภาพบำบัดและผู้สูงอายุ ภาพรวมของนวัตกรรม ด้วยคุณสมบัติที่พิเศษของยางธรรมชาติ จึงสามารถช่วยลดผลกระทบจากอาการบาดเจ็บเมื่อหกล้ม และการออกแบบพื้นผิวเป็นพิเศษเพื่อป้องกันการลื่นไหล จะช่วยให้ใช้งานได้จริงสำหรับผู้ป่วยกายภาพบำบัด และผู้สูงอายุ การประยุกต์ใช้ด้านอื่นๆ เช่น พื้นสนามเด็กเล่นซึ่ง เป็นแผ่นพื้นที่พัฒนาสูตรยางโดยศูนย์ถ่ายทอด เทคโนโลยียางเพื่อชุมชนเพื่อให้เหมาะกับการใช้งานต่างๆ เช่น สนามเด็กเล่น สนามกีฬา และสำหรับ ผู้สูงอายุ นอกจากนั้น ยังมีการออกแบบให้แต่ละแผ่นสามารถยึดเกาะกันได้อย่างแน่นหนา หรือใช้เป็นแผ่นพื้นกันลื่น อเนกประสงค์ที่ใช้ในงานปศุสัตว์และกันลื่นทั่วไป โดยนำเศษเหลือทิ้งของยางฟองน้ำ จากการผลิตหมอนและที่ นอนยางพารา มาเป็นส่วนประกอบเพื่อเพิ่มมูลค่าให้กับของเสียที่เกิดนกระบวนการผลิตหมอนและที่นอน ยางพารา ชื่อเจ้าของผลงาน ผศ.ดร. กฤษฎา พัชรสิทธิ์ หน่วยงานเจ้าของผลงาน คณะวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยทักษิณ
หน้า | 8-22 ชื่อผลงานวิจัย ( ภาษาไทย) บรรจุภัณฑ์พิเศษช่วยยืดอายุ เพื่อลดการเน่าเสียของผักและผลไม้ ชื่อเจ้าของผลงาน ดร. กรกนก อุบลชลเขต หน่วยงานเจ้าของผลงาน คณะวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลัยทักษิณ
หน้า | 8-23 ชื่อผลงานวิจัย ( ภาษาไทย) เครื่องจ่ายแอลกอฮอล์อัตโนมัติ ขนาดกะทัดรัดใช้ได้ทั้งระบบไฟฟ้าและแบตเตอรี่ ชื่อผลงานวิจัย ( ภาษาอังกฤษ) - ภาพรวมของนวัตกรรม ขนาดกะทัดรัด ใช้ได้ทั้งระบบไฟฟ้าและแบตเตอรี่ ลดปัญหาเจลไม่ออกและความเสี่ยงจากการสัมผัส ซึ่งนำไปใช้จริงในสำนักงานคณะต่างๆ ในมหาวิทยาลัยโรงพยาบาลสนาม จ.พัทลุง ศูนย์ผู้พักคอย จ.พัทลุง ตัวเครื่องจ่ายเจลแอลกอฮอล์อัตโนมัติ ประกอบด้วย (1) โครงสร้างไม้ (2) กล่องควบคุม (3) แหล่งจ่ายไฟทั้งกระแสตรงและแบตเตอรี่ (4) ชุดเซนเซอร์และปั๊มแบบท่อรีด (5) ขวดบรรจุและหัวจ่ายเจลแอลกอฮอล์ ชื่อเจ้าของผลงาน ดร. ธนวัฒน์ ศรีรักษา หน่วยงานเจ้าของผลงาน คณะวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยทักษิณ
หน้า | 8-24 ชื่อผลงานวิจัย ( ภาษาไทย) พันธุ์ปาล์มน้ำมันชนิดใหม่ พันธุ์ทรัพย์ ม.อ. ชื่อผลงานวิจัย ( ภาษาอังกฤษ) - ภาพรวมของนวัตกรรม ลักษณะพิเศษของพันธุ์ทรัพย์ ม.อ.1 คือ ผลผลิตทะลายและผลผลิตน้ำมันสูง เนื้อในมล็ดมีขนาดปาน กลาง และเป็นพันธุ์ที่มีพันธุกรรมที่สามารถปรับตัวเข้ากับดินที่มีความอุดมสมบูรณ์ต่ำ และสภาพแห้งแล้ง เนื่องจากต้นพ่อและต้นแม่พันธุ์ถูกคัดเลือกภายใต้สภาพแวดล้อมดังกล่าว • สามารถผลิตเมล็ดพันธุ์เผยแพร่แก่เกษตรกรและเอกชนปีละ 200,000 – 400,000 เมล็ดต่อปี • เป็นพันธุ์ที่มีพันธุกรรมที่สามารถปรับตัวเข้ากับดินที่มีความอุดมสมบูรณ์ต่าและทนต่อสภาพแห้งแล้ง • เผยแพร่เมล็ดพันธุ์จ่านวน 500,000 เมล็ด ให้กับบริษัท OPG Tech ประเทศไทย จำกัด • ท่าข้อตกลงการเผยแพร่ต้นกล้าพันธุ์ทรัพย์ ม.อ.1 ร่วมกับส่านักงานกองทุนสงเคราะห์การท่าสวนยาง (สกย.) โดยเน้นพื้นที่น่าร่องที่จังหวัดพัทลุง ชื่อเจ้าของผลงาน ศ.ดร.ธีระ เอกสมทราเมษฐ์ หน่วยงานเจ้าของผลงาน คณะทรัพยากรธรรมชาติ
หน้า | 8-25 ชื่อผลงานวิจัย ( ภาษาไทย) การผลิตยางแผ่นรมควันด้วยก๊าซชีวภาพที่ได้จากกระบวนการทำยางแผ่น ภาพรวมของนวัตกรรม เป็นนวัตกรรมที่ประหยัดและเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมซึ่งเพิ่มประสิทธิภาพการบ่าบัดน้ำเสีย โดยใช้ ปรับปรุงร่วมกับระบบบ่าบัดน้ำเสียเดิมซึ่งระบบบ่อของสหกรณ์ผลิตยางแผ่นรมควัน ลดปัญหาเรื่องกลิ่นเหม็น รบกวน และได้ก๊าซชีวภาพจากระบบบ่าบัดมาใช้ในการรมยางร่วมกับไม้ฟืน ช่วยลดต้นทุนค่าไม้ฟืนได้ร้อยละ 30-40 โดยมีเกษตรกรผู้ได้รับผลประโยชน์โดยตรงประมาณ 6,000 ราย และมีผู้ความสนใจติดต่อมาจากหลาย องค์กรเพื่อออกแบบและประเมินพื้นที่ส่าหรับการน่าเทคโนโลยีอีกกว่า 30 แห่ง จนได้น่าไปสู่การสร้างแบบ มาตรฐานน่าขึ้นเว็บไซต์ส่าหรับกลุ่มเกษตรกรที่สนใจ อีกกทั้งได้น่าไปติดตั้งในสหกรณ์ผลิตยางแผ่นรมวัน จ่านวน 25 แห่ง และขณะนี้ได้มีการน่าไปขยายเพิ่มโดยหน่วยงานส่านักงานพลังงานจังหวัด และสหกรณ์ผลิต ยางแผ่นรมควัน ชื่อเจ้าของผลงาน ศ.ดร.สุเมธ ไชยประพัทธ์ หน่วยงานเจ้าของผลงาน สถาบันวิจัยระบบพลังงาน คณะวิศวกรรมศาสตร์
หน้า | 8-26 8.2 หลักสูตรและการถ่ายทอดองค์ความรู้ (Knowledge and Technology Transfer) ร่วมกับหน่วย บริหารและจัดการทุนด้านการพัฒนาระดับพื้นที่ (บพท.) ในการเสริมและพัฒนาทักษะ เพิ่มความสามารถ ให้บุคลากรขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น จากการรวบรวมข้อมูลหลักสูตรที่พร้อมจะถ่ายทอดสู่กลไกการพัฒนาพื้นที่จากเครือข่ายภาคใต้ พบว่า หลักสูตรพร้อมจะถ่ายทอดสู่กลไกการพัฒนาพื้นที่มีจำนวน 55 หลักสูตร สรุปได้ดังตารางที่ 2 โดยมีข้อมูล หลักสูตรแสดงในตารางที่ 8.13 ตารางที่ 8.13 สรุปจำนวนหลักสูตรพร้อมจะถ่ายทอดสู่กลไกการพัฒนาพื้นที่ภาคใต้ มหาวิทยาลัย จำนวนหลักสูตร มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ 25 มหาวิทยาลัยทักษิณ 11 มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลศรีวิชัย 7 มหาวิทยาลัยวลัยลักษณ์ 12 รวม 55 8.2.1 การพัฒนาทักษะเสริมรายได้ด้วยการปลูกกระถินยักษ์เพื่อเป็นเชื้อเพลิงและอาหารสัตว์ [Energy] 8.2.1.1 ภาพรวมของหลักสูตร [Course Overview] เนื้อหาการเรียนการสอนเป็นการประยุกต์องค์ความรู้จากงานวิจัยและประสบการณ์การเรียนรู้จาก พื้นที่ปลูกจริงที่มีความหลากหลาย โดยเน้นการปฏิบัติเป็นหลัก นอกจากนี้ บูรณาการการบริหารจัดการการ ปลูกที่มีมิติด้านเศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อมด้วย 8.2.1.2 วัตถุประสงค์การเรียนรู้ [learning Objectives] - ผู้เรียนมีองค์ความรู้ ทักษะการปลูกและดูแลกระถินยักษ์ และการบริหารจัดการผลผลิต - ผู้เรียนมีความสามารถแปรรูปกระถินยักษ์เป็นอาหารสัตว์ - ผู้เรียนได้มีองค์ความรู้การบริหารจัดการผลผลิตกระถินยักษ์แบบครบวงจร 8.2.1.3 กลุ่มเป้าหมาย [Target Audience] - เกษตรกร-ปลูกพืช - เกษตรกร-เลี้ยงสัตว์ - ผู้มีพื้นที่ว่างเปล่า 4. โรงไฟฟ้าชีวมวล 5. ผู้สนใจด้านพลังงานชีวมวลและอาหารสัตว์โปรตีนสูง
หน้า | 8-27 8.2.1.4 เนื้อหาหลักสูตร [Course Content] บทเรียนที่ 1 การสำรวจพื้นที่ปลูก บทเรียนที่ 2 การวิเคราะห์และเตรียมดิน บทเรียนที่ 3 การเพาะกล้ากระถินยักษ์และบริหารจัดการโรงเรือน บทเรียนที่ 4 การปลูกและบริหารจัดการกระถินยักษ์และการดูแล บทเรียนที่ 5 การแปรรูปกระถินยักษ์: ไม้เชื้อเพลิง อาหารสัตว์ บทเรียนที่ 6 การบริหารจัดการผลผลิตกระถินยักษ์ให้สอดคล้องกับตลาดรับซื้อ 8.2.1.5 ระยะเวลาของหลักสูตร 1 ปี 8.2.1.6 ผลลัพธ์การเรียนรู้ของหลักสูตร (Curriculum Learning Outcomes) 1. ผู้เรียนมีองค์ความรู้และทักษะการปลูกและดูแลกระถินยักษ์ 2. ผู้เรียนมีความสามารถบริหารจัดการผลผลิตกระถินยักษ์ทั้งรูปแบบไม้เชื้อเพลิง และอาหารสัตว์ 8.2.2 การเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตของวิสาหกิจชุมชนกลุ่มโรงสีข้าวตำบลควนรู 8.2.2.1 ภาพรวมของหลักสูตร [Course Overview] การนำองค์ความรู้ด้านวิศวกรรมไปประยุคต์ใช้กับชุมชน เพื่อพัฒนาสัมมาชีพและสร้างอาชีพ ใหม่ (การยกระดับสินค้า OTOP/อาชีพอื่นๆ) การสร้างและพัฒนา Creative Economy (การยกระดับการ ท่องเที่ยว) การนำองค์ความรู้ไปช่วยบริการชุมชน (Health Care/เทคโนโลยีด้านต่างๆ) และการส่งเสริมด้าน สิ่งแวดล้อม/Circular Economy (การเพิ่มรายได้หมุนเวียนให้แก่ชุมชน) ให้แก่ชุมชน) 8.2.2.2 วัตถุประสงค์การเรียนรู้ [learning Objectives] เพื่อพัฒนาสิ่งอำนวยความสะดวก ส่งเสริมและพัฒนาฝีมือแรงงานชุมชม ส่งเสริมให้เกิดการฟื้นฟู และพัฒนาท้องถิ่นตนเองได้ 8.2.2.3 กลุ่มเป้าหมาย [Target Audience] วิสาหกิจชุมชน 8.2.2.4 เนื้อหาหลักสูตร [Course Content] 1. การนำระบบไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์มาใช้กับโรงสีข้าว 2. พัฒนาระบบการจำหน่ายสินค้า OTOP ผ่านระบบออนไลน์ 8.2.2.5 ระยะเวลาของหลักสูตร 3 เดือน 8.2.2.6 ผลลัพธ์การเรียนรู้ของหลักสูตร (Curriculum Learning Outcomes) 1. ระบบไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์ 2. ระบบการจำหน่ายสินค้า OTOP ผ่านระบบออนไลน์
หน้า | 8-28 8.2.3 การติดตั้งชุดแก๊สชีวภาพสำหรับใช้เป็นเชื้อเพลิงเพื่อประกอบอาหารภายในโรงเรียน 8.2.3.1 ภาพรวมของหลักสูตร [Course Overview] ทำให้ชุมชนและโรงเรียนทำความเข้าใจและสามารถผลิตแก๊สชีวภาพจากบ่อหมักแก๊สชีวภาพ ที่จะทำให้ได้ปุ๋ยเหลวสำหรับการทำเกษตรอินทรีย์ และได้แก๊สชีวภาพสำหรับการใช้เป็นเชื้อเพลิงในการ ประกอบอาหาร โดยใช้ของเสียชีวมวลจากชุมชนเป็นวัตถุดิบป้อน 8.2.3.2 วัตถุประสงค์การเรียนรู้ [learning Objectives] 1) เพื่อให้ชุมชนเข้าใจหลักการและกระบวนการผลิตแก๊สชีวภาพ และปุ๋ยเหลวจากบ่อหมัก แบบไร้อากาศ 2) ให้ชุมชนสามารถทำตลาดการขายปุ๋ยเหลวที่ได้จากบ่อหมักเพื่อสร้างรายได้ 3) เพื่อให้ชุมชนสามารถใช้แก๊สชีวภาพในการประกอบอาหารเพื่อเป็นพลังงานทดแทน การใช้ LPG 4) เพื่อให้ชุมชนหันมาให้ความสำคัญกับการจัดการของเสียโดยนำมาเพิ่มมูลค่าเป็นปุ๋ยเหลว สำหรับการปลูกผักอินทรีย์ 8.2.3.3 กลุ่มเป้าหมาย [Target Audience] ชุมชนและโรงเรียน 8.2.3.4 เนื้อหาหลักสูตร [Course Content] 1. การถ่ายทอดองค์ความรู้เกี่ยวกับพลังงานทดแทน 2. การถ่ายทอดเทคโนโลยีการหมักแก๊สชีวภาพ 8.2.3.5 ระยะเวลาของหลักสูตร 12 ชั่วโมง 8.2.3.6 ผลลัพธ์การเรียนรู้ของหลักสูตร (Curriculum Learning Outcomes) 1. ลดค่าใช้จ่ายด้านเชื้อเพลิงในการทำอาหารกลางวัน 2. แก้ปัญหาสิ่งแวดล้อมจากเศษอาหารที่เหลือทิ้ง 3. เป็นโรงเรียนต้นแบบการเรียนรู้และการประยุกต์ใช้เทคโนโลยีสำหรับนักเรียนและชุมชน