หน้า | 5-35 BangkokITA 2022 URL: https://2022.bangkokita.com/index.php#public/home.php KKU-ICOP URL: https://kkuicop.com/index.php#public/home.php
หน้า | 5-36 5.3. แผนพัฒนาด้านเทคโนโลยีและนวัตกรรม (Technology Roadmap) จากการรวบรวมข้อมูลและวิเคราะห์การผลของการรวบรวมคลังความรู้ และองค์ความรู้นำมาซึ่งการ วิเคราะห์และวางแผนการพัฒนาด้านเทคโนโลยีและนวัตกรรม เพื่อให้สอดคล้องกับการพัฒนาเชิงพื้นที่และ ความต้องการ นำเทคโนโลยีและนวัตกรรมมาใช้ในอนาคตให้สอดคล้องกับการการพัฒนาเชิงพื้นที่ในบริบทภาค ตะวันออกเฉียงเหนือ คณะผู้วิจัยได้ระดมสมอง การแลกเปลี่ยนประสบการณ์และการนำเสนอความคิดริเริ่ม โดยผนวกวิสัยทัศน์ด้านการนำเทคโนโลยีและนวัตกรรมที่พื้นที่จำเป็นต้องใช้กับวิสัยทัศน์ด้านแผนพันธกิจและ กลยุทธ์ของมหาวิทยาลัยขอนแก่น โดยครอบคลุมถึงทิศทางการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างสังคม ประชากร การ เปลี่ยนแปลงของตลาด การเปลี่ยนแปลงของผลิตภัณฑ์สภาพแวดล้อม การวางแผนด้านวิจัยและพัฒนา การ เตรียมจัดหาทรัพยากรรวมทั้งกำลังคน ซึ่งเป็นปัจจัยผลักดันที่สำคัญต่ออนาคตของพื้นที่ภาค ตะวันออกเฉียงเหนือ โดยในเบื้องต้น สามารถกำหนดขอบเขตในการพัฒนา (Area of Development) ด้าน เทคโนโลยีและนวัตกรรม ของภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ไว้ดังนี้ • เทคโนโลยีพลังงานสีเขียว • เทคโนโลยีสิ่งแวดล้อมชุมชน • เทคโนโลยีเกษตรเศรษฐกิจ (ข้าว อ้อย ไหม มันสำปะหลัง)
หน้า | 5-37
หน้า | 6-1 บทที่ 6 ผลการดำเนินการรวบรวมทรัพยากรทางเทคโนโลยีและนวัตกรรมของ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่และเครือข่ายภาคเหนือ 6.1 Knowledge Stock (คลังความรู้) รวบรวมทรัพยากรทางเทคโนโลยีและนวัตกรรมทั้งที่มีอยู่ และกำลังดำเนินการ ทำเป็นระบบบัญชีข้อมูล (Data Catalog) ของภาคเหนือ 6.1.1 ข้อมูลบุคคล ข้อมูลบุคคลที่ดำเนินการรวบรวมจากมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ในเบื้องต้นประกอบไปด้วย 170 คน มีรายละเอียดหลักประกอบไปด้วย ชื่อ ตำแหน่งทางวิชาการ คุณวุฒิสูงสุด ปีที่จบ ปีเกิด Scopus ID และ ORCID โดยสามารถสรุปข้อมูลตามสัดส่วนปริญญาสูงสุดที่ได้รับ และตำแหน่งทางวิชาการได้ตาม แผนภาพที่ 6.1 จากข้อมูลนักวิจัย สรุปได้ว่าส่วนใหญ่ของนักวิจัย (91%) จบการศึกษาระดับปริญญาเอก และมีตำแหน่งทางวิชาการระดับผู้ช่วยศาสตราจารย์ แผนภาพที่ 6.1 ตำแหน่งทางวิชาการ และคุณวุฒิสูงสุด 6.1.2 วารสาร บทความที่ตีพิมพ์ ข้อมูลบทความและวารสารที่ได้รวบรวมมาเบื้องต้นมีจำนวนทั้งสิ้น 1,218 ชิ้น โดยรวบรวมจากการ ตีพิมพ์ย้อนหลัง 4 ปีคือ 2561 2562 2563 และ 2564 โดยสามารถแบ่งกลุ่มของบทความทางวิชาการออกเป็น 7 กลุ่ม คือ 1). Mobility 2). Energy 3). Housing 4). Waste management 5). Disaster 6). Governance & management 7). Others โดยจะพบว่าสัดส่วนของกลุ่มที่ 7 เป็นสัดส่วนที่ใหญ่ที่สุด และตามด้วย Energy โดยทั้งสองส่วนนี้มีจำนวนรวมกันประมาณ 83% ของจำนวนบทความทางวิชาการทั้งหมด ซึ่งแสดงถึงความ สนใจและความเชี่ยวชาญของนักวิจัย ตามแผนภาพที่ 6.2
หน้า | 6-2 แผนภาพที่ 6.2 จำนวนองค์ประกอบแยกตามประเภท สำหรับมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ยังได้จำแนกการตีพิมพ์ตามยุทธศาสตร์ของมหาวิทยาลัย โดยแบ่ง ออกเป็น 3 ด้าน คือ 1) พลังงานและสิ่งแวดล้อม (Energy and Environment – EE) 2) อาหารและสุขภาพ (Food and Health – FH) 3) นวัตกรรมล้านนาสร้างสรรค์(Lanna Innovation – LN) เมื่อจำแนกบทความ ที่ตีพิมพ์ตามกลุ่มข้างต้น สามารถแสดงได้ดังรูปต่อนี้ โดยจะแสดงให้เห็นว่าบทความที่รวบรวมมามีความโดด เด่นด้านพลังงานและสิ่งแวดล้อม โดยมีสัดส่วนรวมกันถึงประมาณ 40% และด้านอาหารและสุขภาพรวมกับ ด้านนวัตกรรมล้านนาสร้างสรรค์มีจำนวนผลงานรวมกันประมาณ 6% ตามแผนภาพที่ 6.3 แผนภาพที่ 6.3 จำแนกการตีพิมพ์ตามยุทธศาสตร์ของมหาวิทยาลัย 6.1.3 เทคโนโลยีโดดเด่น จากผลงานตีพิมพ์และผลงานทางวิชาการ สามารถนำมารวบรวมและคัดเลือกเป็นเทคโนโลยีที่มีความ โดดเด่นได้จำนวน 10 ผลงาน โดยมีรายละเอียดดังต่อไปนี้
หน้า | 6-3 ชื่อผลงานวิจัย ( ภาษาไทย) การพัฒนาระบบตรวจวัดสภาพภูมิอากาศเพื่อสนับสนุนการทำการเกษตรอย่างแม่นยำ พื้นที่นำร่อง อำเภอแม่แจ่ม จังหวัดเชียงใหม่ บทคัดย่อ การตรวจสภาพภูมิอากาศเพื่อให้ทราบถึงลักษณะของสภาพอากาศในแต่ละพื้นที่ สามารถทำได้โดย การตรวจสภาพภูมิอากาศด้วยเรดาร์และดาวเทียมอุตุนิยมวิทยา ซึ่งสามารถติดตามการรายงานสภาพอากาศ ได้จากระบบสารสนเทศข้อมูลทางสภาพแวดล้อมที่เกี่ยวกับสภาพภูมิอากาศในประเทศไทย เช่น สถานีตรวจวัด อากาศอัตโนมัติ ศูนย์อุตุนิยมวิทยาทะเล เป็นต้น ซึ่งสถานีดังกล่าวเป็นการตรวจวัดและจัดเก็บข้อมูลสภาพ อากาศโดยรวมทั้งประเทศ อย่างไรก็ตามการรายงานสภาพอากาศจากศูนย์อุตุนิยมวิทยาทะเลยังไม่สามารถ แสดงข้อมูลสภาพอากาศที่มีความละเอียดเพียงพอ เพื่อตอบสนองต่อความต้องการของเกษตรกรในการน า ข้อมูลไปประยุกต์ใช้ในการท าการเกษตรได้คณะ ผู้จัดทำจึงพัฒนาเครื่องมือและระบบตรวจวัดสภาพ ภูมิอากาศ ให้สามารถมีปฏิสัมพันธ์กับประชาชนในพื้นที่ที่เกี่ยวกับข้อมูลโดยตรง เพื่อให้เกษตรกรสามารถวาง แผนการทำการเกษตร และวางแผนจัดการทรัพยากรที่มีอยู่ในพื้นที่ได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยการศึกษาวิจัย นี้เป็นการทดสอบและประยุกต์ใช้เทคโนโลยีเพื่อเตรียมพร้อมในการทำแพลตฟอร์มการบริหารและการจัดการ ทรัพยากรทางธรรมชาติที่มีอยู่ในพื้นที่ให้สามารถทำการเกษตรได้อย่างเหมาะสม โดยใช้พื้นที่ในตำบลช่างเคิ่ง อำเภอแม่แจ่ม จังหวัดเชียงใหม่ เป็นพื้นที่นำร่องในการพัฒนาระบบตรวจวัดสภาพภูมิอากาศ เนื่องจากตำบล ช่างเคิ่ง ตั้งอยู่จุดศูนย์กลางของอำเภอแม่แจ่ม และมีพื้นที่เพาะปลูกเป็นจำนวนมาก ทั้งนี้ ได้มีการติดตั้งสถานี ตรวจวัดสภาพภูมิอากาศ และสถานีตรวจวัดสภาพความชื้นในดิน เพื่อเก็บข้อมูลแบบ Real Time ในพื้นที่จริง โดยข้อมูลจะถูกส่งผ่านสถานีตรวจวัดมายัง Server เพื่อทำการประมวลผลสำหรับการปลูกพืชตามฤดู มี ฐานข้อมูลที่ถูกต้องและแม่นยำต่อการเจริญเติบโตของพืช และการกำหนดชนิดของพืชที่จะปลูกในพื้นที่ และ สามารถช่วยในการตัดสินใจในการใช้ทรัพยากรที่มีอยู่อย่างมีประสิทธิภาพ อีกทั้งต้นทุนในการติดตั้งเครื่องมือ ตรวจวัดยังมีต้นทุนที่ต่ำ ชื่อเจ้าของผลงาน ผศ.ดร.ภาสกร แช่มประเสริฐ1 และผศ.สมรวี อร่ามกุล2 หน่วยงานเจ้าของผลงาน 1ภาควิชาวิศวกรรมคอมพิวเตอร์คณะวิศวกรรมศาสตร์มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ 2ภาควิชาคอมพิวเตอร์ คณะวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี มหาวิทยาลัยราชภัฏเชียงใหม่
หน้า | 6-4 ชื่อผลงานวิจัย ( ภาษาไทย) ระบบคอมพิวเตอร์แบบฝังตัว GoGo Borad บทคัดย่อ GoGo Board คือระบบสมองกลฝังตัว (Embedded Board) ที่สามารถเขียนโปรแกรมควบคุมได้เป็น เทคโนโลยีที่แฝงอยู่ในอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ ซึ่งมีอิทธิพลและมีความสำคัญต่อการดำรงชีวิตประจำวัน ระบบ สมองกลฝังตัวถูกออกแบบให้สามารถพัฒนาความสามารถเพื่อตอบสนองความต้องการของมนุษย์และ ตอบสนองการเจริญเติบโตของอุตสาหกรรมในปัจจุบัน สามารถส่งเสริมการศึกษา เพื่อให้โรงเรียนต่อยอดการ เรียนรู้และเพิ่มศักยภาพของเยาวชนอายุระหว่าง 10 ถึง 18 ปีและบุคคลทั่วไป และสามารถนำไปแข่งขันใน ระดับประเทศได้ส่งเสริมปลูกฝังความคิดมีความคิดสร้างสรรค์ คิดเป็นระบบ การแก้ปัญหา อย่างเป็นระบบ ของตัวผู้เรียนโดยลดขั้นตอน รายละเอียดเชิงเทคนิคทางอิเล็กทรอนิกส์ ผู้เรียนสามารถค้นหาตัวตนได้รวดเร็ว ผ่านการเรียนรู้ไอเดียตนเองในการคิดในเชิงคอมพิวเตอร์และในหัวข้อที่เกี่ยวข้อง สามารถตั้งโปรแกรมและ ทำงานโดยอัตโนมัติโดยไม่ต้องเชื่อมต่อกับคอมพิวเตอร์ ในเวอร์ชัน 5 เป็นการออกแบบใหม่ทั้งหมด เป็น อุปกรณ์ที่คล้ายกับแป้นพิมพ์หรือเมาส์ ดังนั้นจึงไม่จำเป็นต้องใช้ไดรเวอร์ จึงมอบประสบการณ์ Plug-andPlay ที่แท้จริงบน แพลตฟอร์มต่างๆ และได้รับการปรับปรุงเพื่อให้มีฟังก์ชันใหม่ๆ มากมาย สภาพแวดล้อม การเขียนโปรแกรมด้วยภาพแบบบล็อกที่เรียกว่าทิงเกอร์ยัง ได้รับการพัฒนาควบคู่ไปกับสภาพแวดล้อมการ เขียนโปรแกรมข้อความแบบคลาสสิก และออกแบบมาเพื่อใช้ประโยชน์จาก Raspberry Pi คุณสมบัตินี้ช่วย ให้สามารถใช้อุปกรณ์ต่อพ่วงขั้นสูง เช่น กล้อง เสียง GPS เป็นต้น นอกจากนี้ยังสามารถรวมสมาร์ทโฟนเข้า ด้วยกันได้นอกจากนี้ คณะครุศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฏอุตรดิตถ์ ได้นำเอาอุปกรณ์ เพื่อนำไปใช้ส่งเสริมการ เรียนรู้ในเรื่องของคอมพิวเตอร์แบบฝังตัว เพื่อส่งเสริมการเรียนรู้ในศตวรรษที่ 21 เพื่อให้ความรู้แก่ อาจารย์ นักเรียน นักศึกษา และผู้ที่สนใจ ให้มีความรู้ความสามารถที่จะนำไปพัฒนางานในด้านต่าง ๆ โดยได้รับ สนับสนุนจาก มูลนิธิเทคโนโลยีสารสนเทศตามพระราชดำริ ในสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราช กุมารี โดยสำนักพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) และได้ออกคู่มือ การเรียนรู้ระบบ คอมพิวเตอร์แบบฝังตัว ในปัจจุบัน ถูกนำไปวางจำหน่ายแบบออนไลน์ www.seeedstudio.com และ ช่องทางที่เป็นการตลาดออนไลน์อื่น ๆ ชื่อเจ้าของผลงาน อ.ดร.อานันท์ สีห์พิทักษ์เกียรติ หน่วยงานเจ้าของผลงาน ภาควิชาวิศวกรรมคอมพิวเตอร์ คณะวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่
หน้า | 6-5 ชื่อผลงานวิจัย ( ภาษาไทย) ระบบสนับสนุนการตัดสินใจเพื่อการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำ บทคัดย่อ ปัญหาอุทกภัยและภัยแล้งสามารถเกิดขึ้นได้ทุกแห่งทั่วโลก หากไม่มีการบริหารจัดการน้ำอย่าง เหมาะสม การควบคุมการปล่อยน้ำในคลองชลประทานพบกว่าการจัดสรรน้ำอย่างมีประสิทธิภาพสามารถ บรรเทาปัญหาภัยแล้งได้ และการหาค่าที่เหมาะสมที่สุดเพื่อออกแบบคลองส่งน้ำเพื่อการเกษตร ซึ่งใช้เทคนิค การหาค่าที่เหมาะสมที่สุดด้วย Minimal Spanning Tree, Shortest Path Algorithm และ Algorithm อื่น ๆ ได้ผลเป็นที่น่าพอใจ และถือว่าเป็นการนำเทคนิคทางแบบจำลองคณิตศาสตร์และเทคนิคการหาค่าที่ เหมาะสมที่สุด (Optimization Techniques) มาประยุกต์ใช้เข้ากับการบริหารจัดการน้ำสำหรับการศึกษา ด้านการจัดสรรทรัพยากรน้ำมีการศึกษาอย่างต่อเนื่องมากกว่า 20 ปี จนถึงปัจจุบันก็ยังมีการศึกษาการจัดสรร ทรัพยากรน้ำที่ปรับเปลี่ยนไปตามสภาพภูมิอากาศที่เปลี่ยนแปลงและความก้าวหน้าของวิธีการหาค่าที่ เหมาะสม เพื่อให้ได้การจัดสรรทรัพยากรน้ำที่แม่นยำและรวดเร็วมากขึ้น ได้มีการนำข้อมูลที่ได้เครื่องมือ ตรวจวัดระดับนำขนาดเล็ก (MixKey) มาแสดงผลข้อมูลร่วมกับแสดงตำแหน่งของอ่างเก็บน้ำและฝาย โดยสังเขป รูปโครงข่ายลำน้ำนี้กำลังจะได้รับการปรับปรุงให้มีความละเอียดและสมบูรณ์มากยิ่งขึ้นตามข้อมูลที่ ได้รับมาจากการสำรวจพื้นที่ แสดงโครงสร้างลำดับของฝายในลำน้ำแม่จันที่ได้จากการสำรวจเบื้องต้น ใน ขั้นตอนต่อไปจะได้ลงรายละเอียดถึงปริมาณความจุของแต่ละเหมือนฝาย และทำระบบจำลองสถานการณ์ที่ เกิดขึ้นเพื่อสนับสนุนการตัดสินใจในการบริหารจัดการน้ำต่อไป ชื่อเจ้าของผลงาน ผศ.ดร.ภาสกร แช่มประเสริฐ หน่วยงานเจ้าของผลงาน ภาควิชาวิศวกรรมคอมพิวเตอร์คณะวิศวกรรมศาสตร์มหาวิทยาลัยเชียงใหม่
หน้า | 6-6 ชื่อผลงานวิจัย ( ภาษาไทย) ระบบสารสนเทศการติดตามเฝ้าระวังสถานการณ์น้ำ (CMDDi) บทคัดย่อ เนื่องจากในปัจจุบันการป้องกันเฝ้าระวังสถานการณ์น้ำ เป็นสิ่งที่สำคัญเป็นอย่างมากต่อการดำรงชีวิต ข้อมูล สารสนเทศที่ใช้ในการติดตามและเฝ้าระวังสถานการณ์น้ำมีหลากหลายรูปแบบ ซึ่งในแต่ละหน่วยงานก็ จะมีรูปแบบ ข้อมูลสารสนเทศที่เฉพาะเจาะจง ทางคณะผู้จัดทำจึงมีความคิดเห็นว่าหากพัฒนาระบบ สารสนเทศที่รวบรวมข้อมูลจาก หน่วยงานต่าง ๆ มาบูรณาการที่ระบบส่วนกลาง พัฒนาระบบแสดงข้อมูลให้ สามารถใช้งานได้เหมาะสม เพิ่มระบบ เตือนภัยและเฝ้าระวังสถานการณ์น้ำ จะช่วยให้การดำเนินงานในด้าน การป้องกันสาธารณะภัยมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น การวิจัยเพื่อพัฒนาระบบสารสนเทศการติดตามและเฝ้า ระวังสถานการณ์น้ำ ตามโครงการเชียงใหม่ปลอดภัย ภายใต้กลไกประชารัฐ เป็นระบบติดตามและเฝ้าระวัง สถานการณ์น้ำของจังหวัดเชียงใหม่ถูกออกแบบและพัฒนาขึ้น อย่างถูกต้องตามมาตรฐาน โดยมีการพัฒนา ระบบสารสนเทศในลักษณะของเว็บไซต์รวมทั้งจัดกิจกรรมการอบรมแก่เจ้าหน้าที่ ที่เกี่ยวข้องในการใช้งาน ระบบ และดูแลรักษาระบบให้สามารถทำงานได้ถูกต้อง เพื่อสนับสนุนการปฏิบัติงานและอำนวย ความสะดวก ในการติดตามข้อมูลของเจ้าหน้าที่สำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณะภัยจังหวัดเชียงใหม่ให้ปฏิบัติงานได้ รวดเร็วยิ่งขึ้น สามารถปฏิบัติการตอบสนองต่อการเกิดภัยและเผยแพร่ข้อมูลข่าวสารให้กับประชาชนได้อย่าง ทันท่วงที ชื่อเจ้าของผลงาน ผศ.ดร.ภาสกร แช่มประเสริฐและคณะ หน่วยงานเจ้าของผลงาน ภาควิชาวิศวกรรมคอมพิวเตอร์คณะวิศวกรรมศาสตร์มหาวิทยาลัยเชียงใหม่
หน้า | 6-7 ชื่อผลงานวิจัย ( ภาษาไทย) คู่แฝดดิจิทัลสำหรับการจัดการเมืองอย่างชาญฉลาด ชื่อผลงานวิจัย ( ภาษาอังกฤษ) Digital Twin for Smart City Management บทคัดย่อ ปัจจุบันประเทศไทย นำโดยกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (Ministry of Digital Economy and Society: MDES) ได้มอบหมายให้สำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจดิจิทัล (Digital Economy Promotion Agency: DEPA) เป็นหน่วยงานที่ผลักดันและพัฒนาเมืองอัจฉริยะภายในประเทศ โดยจังหวัดเชียงใหม่ถือเป็น จังหวัดแรกที่มีแผนพัฒนาให้ก้าวสู่การเป็นเมืองอัจฉริยะ ร่วมมือกับมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ เพื่อให้จังหวัด เชียงใหม่มีความพร้อมเข้าสู่ยุคดิจิทัลและสามารถรองรับการเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุในอนาคตได้อย่างยั่งยืน โดย มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ที่แต่เดิมมีนโยบายส่งเสริมการพัฒนา Sustainable Development Goals (SDGs) อยู่ก่อนแล้วจึงได้ออกนโยบายที่หลอมรวมกับเรื่อง smart city ได้มีนโยบายพัฒนาพื้นที่ให้เป็น sustainable smart campus ส่งผลให้ต้องมีการวิจัยและพัฒนาระบบ Digital Twin for Smart City Management เพื่อ งานเป็นตัวอย่างและห้องทดลองเสมือนจริง เพื่อประโยชน์ต่อการพัฒนาและการเรียนการสอน และยังสามารถ สร้างผลงานวิชาการเพื่อตีพิมพ์ในวรสารวิชาการระดับนานาชาติได้ต่อไป ชื่อเจ้าของผลงาน ผศ. ดร. ภัทรพร คูวุฒยากร และคณะ หน่วยงานเจ้าของผลงาน มหาวิทยาลัยเชียงใหม่
หน้า | 6-8 ชื่อผลงานวิจัย ( ภาษาไทย) เครื่องขึ้นรูปอาหารสามมิติแบบเฉพาะเจาะจง โมเดล 1 ชื่อผลงานวิจัย ( ภาษาอังกฤษ) 3D Personalized Food Printer: Model 1 บทคัดย่อ ภาวะทุพโภชนาการมีสาเหตุมาจากภาวะเบื่ออาหารในผู้สูงอายุเนื่องจากการเปลี่ยนแปลงทาง สรีรวิทยาและความเจ็บป่วยซึ่งรวมถึงผลอันไม่พึงประสงค์จากการรักษาด้วยยา การศึกษาในประเทศไทยพบ ความชุกของภาวะนี้ในผู้ป่วยในโรงพยาบาลระหว่างร้อยละ 10-50 ซึ่งภาวะทุพโภชนาการส่งผลกระทบต่อการ รักษาแทบทุกด้าน เช่น พบภาวะแทรกซ้อนหลังการผ่าตัด การติดเชื้อ ค่าใช้จ่ายและระยะเวลาในการนอน โรงพยาบาลเพิ่มขึ้น ฯลฯ โดยการศึกษาในประเทศสหรัฐอเมริกาพบว่าค่าใช้จ่ายในโรงพยาบาลของผู้ป่วยที่มี ภาวะทุพโภชนาการร่วมด้วยสูงกว่ากลุ่มที่ไม่มีถึง 3 เท่า นอกจากนี้ยังพบอุบัติการณ์ของแผลกดทับและการติด เชื้อสูงกว่า 2 และ 3 เท่าตามลำดับ ที่สำคัญผู้ป่วยสูงอายุที่มีภาวะนี้ร่วมด้วยมักจะมีระยะเวลาการนอน โรงพยาบาลที่นานกว่าและมีอัตราการเสียชีวิตระหว่างเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาลสูงกว่า เพื่อเป็นการ รองรับปัญหาเหล่านี้ (ภาวะขาดสารอาหารในผู้สูงอายุในโรงพยาบาลซึ่งมีความแตกต่างและเฉพาะเจาะจงกับ ผู้ป่วยแต่ละรายเป็นอย่างมากภายใต้ข้อจำกัดด้านทรัพยากรของสถานพยาบาล) คณะผู้วิจัยจึงมีแนวคิดที่จะนำ ศาสตร์และเทคโนโลยีสมัยใหม่ 3 D Printing Technology ซึ่งถูกนำไปใช้แพร่หลายในอุตสาหกรรมการผลิต เพื่องานวิศวกรรมย้อนรอยและการสร้างโมเดลต้นแบบในงานอุตสาหกรรมมากว่าทศวรรษ มาประยุกต์ใช้ใน การพัฒนาเทคโนโลยีชาญฉลาดสำหรับการให้โภชนบำบัดและการผลิตอาหารแบบเฉพาะเจาะจง ซึ่งจัดเป็น นวัตกรรมทั้งด้านผลิตภัณฑ์ ด้านกระบวนการ และด้านการให้บริการ เพื่อท าการวิเคราะห์ความต้องการทาง โภชนาการที่ยังได้รับการตอบสนองไม่เพียงพอส่งต่อไปสู่การผลิตอาหารเสริมแบบรวดเร็ว (rapid prototype) ซึ่งทำให้เกิดความคล่องตัว (Flexible) เมื่อเกิดการเปลี่ยนแปลงรูปแบบการผลิต (Design or Production Change) ซึ่งส่งผลให้เกิดความคุ้มค่าด้านการผลิตแบบเฉพาะเจาะจง (Customization) หรือการผลิตปริมาณ น้อยได้เป็นอย่างดี เพราะไม่จำเป็นต้องหยุดสายการผลิตหลัก พร้อมยังสามารถสร้างต้นแบบเพื่อการออกแบบ และพัฒนาผลิตภัณฑ์ (Research and Development) ได้อย่างมีประสิทธิภาพ เทคโนโลยีดังกล่าวยังสามารถ นำไปใช้ประกอบในขั้นตอนการผลิตหรือการสร้างเครื่องมือเฉพาะกิจได้ในหลายแขนง เช่น การออกแบบ เครื่องประดับ การออกแบบเสื้อผ้า งานสถาปัตยกรรม อุตสาหกรรมรถยนต์ และเริ่มเข้าสู่อุตสาหกรรมอาหาร การแพทย์และเภสัชกรรม โดยในประเด็นหลังนั้น มีผลการวิจัยยืนยันความสามารถในด้านหลักๆ คือ (1) ความสามารถในการขึ้นรูปได้ตามต้องการและเป็นระบบกึ่งอัตโนมัติ (On-demand Processing) (2) ความสามารถในการก าหนดปริมาณสารที่ผลิตแบบเฉพาะเจาะจงหรือสอดคล้องต่อความจำเป็นของผู้ใช้แบบ รายบุคคลได้ (Personalization) และ (3) การนำไปใช้ในสถานที่เพื่อการผลิตแบบทันท่วงที (Point-of-Care) เพราะเป็นระบบที่มีขนาดไม่ใหญ่และรวมศูนย์ได้ ชื่อเจ้าของผลงาน รศ. ดร.วัสสนัย วรรธนัจฉริยา1 และคณะ หน่วยงานเจ้าของผลงาน 1ภาควิชาวิศวกรรมอุตสาหการ คณะวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่
หน้า | 6-9 ชื่อผลงานวิจัย ( ภาษาไทย) เครื่องสแกนอาหาร 3 มิติ (PINTO) ชื่อผลงานวิจัย ( ภาษาอังกฤษ) 3D Food Scanner (PINTO) บทคัดย่อ คณะผู้วิจัยมีแนวคิดที่จะนำศาสตร์และเทคโนโลยีสมัยใหม่ ในรูปแบบกำรเก็บข้อมูลด้วยระบบรับรู้ อัจฉริยะ ที่เชื่อมโยงกับระบบฐานข้อมูลสุขภาพส่วนบุคคลของผู้ป่วยเพื่อทำการวิเคราะห์ความต้องกำรทำงโภช นำกำรสำหรับผู้สูงอายุในโรงพยำบาล โดยมี กิจกรรมหลัก คือการสร้าง 2 ฐานข้อมูลรายการอาหารของ โรงพยาบาล และการพัฒนาชุดอุปกรณ์รับรู้ชนิดของอาหาร บนแนวคิดการประเมินความแม่นยำของอาหาร ก่อนและหลังกำรบริโภค ระบบตรวจสอบรับรู้ด้านน้ำหนักจะได้รับการออกแบบ เพื่อสามารถเก็บข้อมูลน้ำหนัก อาหาร ณ ตำแหน่งต่างๆ ของถาดอาหาร พร้อมระบบรับภาพ และเครือข่ายข้อมูล Neural Network เพื่อ วิเคราะห์ความถูกต้อง โดยอุปกรณ์จะประกอบด้วยส่วนฐานจะเป็นชุด Sensor สำหรับตรวจจับน้ำหนักตัว (Load cell) ซึ่งกระจำยตัวอยู่ด้านล่างของถาดหลุดทั้ง 3 ตัว และกล้องภาพสีและความลึก (RGB-D camera, 3D camera) ซึ่งเป็นกล้องที่จับภาพสี ที่มีตัวจับระยะความลึกโดยข้อมูลที่ได้จาก Sensor ทุกตัวจะนำไป วิเคราะห์โดยโครงข่ายประสำทเทียมที่จะให้ผลลัพธ์เป็นการประมาณค่าพลังงานและโปรตีนที่อยู่ในถาดหลุม ในการประมาณน้ำหนักขององค์ประกอบต่าง ๆ และใช้ค่ำ Mean Absolute Error ชื่อเจ้าของผลงาน ผศ.ดร.กานต์ ปทานุคม1 และคณะ หน่วยงานเจ้าของผลงาน 1ภาควิชาวิศวกรรมคอมพิวเตอร์ คณะวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่
หน้า | 6-10 ชื่อผลงานวิจัย (ภาษาไทย) เครื่องผลิตน้ำกระตุ้นพลาสมาอุณหภูมิต่ำสำหรับการยับยั้งเชื้อก่อโรคในอุตสาหกรรมอาหาร ชื่อผลงานวิจัย (ภาษาอังกฤษ) Non-thermal plasma-activated water machine for inactivation of food-borne pathogens in food industry บทคัดย่อ โดยทั่วไปในการฆ่าเชื้อเนื้อสัตว์ในโรงงำนอุตสาหกรรมนั้นนิยมใช้สารละลายคลอรีนเพื่อลดปริมาณ เชื้อที่ก่อให้เกิดโรคในเนื้อสัตว์ ทั้งนี้เพราะเป็นวิธีการที่ง่าย แต่ผลการวิจัยพบว่าคลอรีนนั้นส่งผลกระทบต่อ ผู้บริโภคได้โดยสามารถสร้างความระคายเคืองต่อระบบทางเดินหำยใจและยังไม่สามารถป้องกันการปนเปื้อน ข้ามผลิตภัณฑ์ได้ ซึ่งในปัจจุบันมีกระแสรักสุขภาพและการบริโภคอาหารที่ปลอดสาร อีกทั้งมาตรฐาน การ ส่งออกไปยังกลุ่มประเทศยุโรปนั้นเข้มงวดการใช้สารเคมีในกำรผลิต จึงมีประกาศให้ยกเลิกการใช้คลอรีนใน กระบวนการผลิตเนื้อไก่สด และแช่แข็ง (The guardian, 2019; forcechange.com, 2017) ทำให้หลายๆ โรงงานในประเทศไทยประสบปัญหาด้านการควบคุมเชื้อโดยไม่ใช้สารเคมี ซึ่งส่งผลให้เกิดการสูญเสีย ผลประโยชน์จากการส่งออกถึง 40-50% คิดเป็นมูลค่าหลายล้านดอลลาร์สหรัฐต่อเดือน ด้วยเหตุนี้ผู้วิจัย เห็น ว่าการใช้เทคโนโลยีพลาสมาที่หลำยประเทศกำลังให้ความสนใจเป็นอย่างมาก เช่น สหรัฐอเมริกา ยุโรป ญี่ปุ่น และเกาหลีใต้ แต่ยังไม่มีการประยุกต์ใช้ในประเทศไทย โดยเป็นเทคโนโลยีสะอาดที่มีประสิทธิภาพในการฆ่า เชื้อและยังคงคุณภาพของสินค้าไว้คงเดิมและป้องกันการปนเปื้อนข้ามผลิตภัณฑ์ได้ ดังนั้นจึงได้ประดิษฐ์ เครื่องมือเพื่อฆ่าเชื้อโดยประยุกต์ใช้เทคโนโลยีพลาสมา โดยร่วมวิจัยรับโจทย์จากโรงงานเบทาโกร จ.เชียงใหม่ พร้อมร่วมมือกับพันธมิตร เช่น ศูนย์วิจัยด้านพลาสมาภายในมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ และมหาวิทยาลัย Kwangwoon ประเทศเกาหลี ซึ่งผลการศึกษาวิจัยสามารถนำไปสู่การถ่ายทอดเทคโนโลยีให้กับอุตสาหกรรม อื่นๆ ที่สนใจเพื่อนำไปใช้ประโยชน์ในเชิงพาณิชย์ และเป็นการเพิ่มศักยภาพในการส่งออก รวมถึง ความสามารถในการแข่งขันของสินค้าไทยในตลาดโลกได้ ชื่อเจ้าของผลงาน รศ.ดร.วัสสนัย วรรธนัจฉริยา1 และคณะ หน่วยงานเจ้าของผลงาน 1ภาควิชาวิศวกรรมอุตสาหการ คณะวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่
หน้า | 6-11 ชื่อผลงานวิจัย ( ภาษาไทย) โพรไฟล์กระบวนการแปรรูปกาแฟที่เหมาะสมสำหรับการอบ ด้วยพลังงานแสงอาทิตย์ ชื่อผลงานวิจัย ( ภาษาอังกฤษ) Appropriate Processing Profile of Coffee Bean for Solar Drying Technique บทคัดย่อ กระบวนการทำแห้งกาแฟเป็นขั้นตอนการแปรรูปที่สำคัญที่สุดและส่งผลต่อคุณภาพของเมล็ดกาแฟ โดยตรง การตากบนลานกลางแจ้งเป็นการทำแห้งแบบดั้งเดิมของเกษตรกร บ้านดอยช้าง ต.วาวี อ.แม่สรวย จ. เชียงราย ซึ่งได้รับผลกระทบจากความไม่แน่นอนของสภาพอากาศในช่วงฤดูกาลผลิต (พฤศจิกายน-กุมภาพันธ์) จึงต้องใช้เวลานาน 2-3 สัปดาห์ ทำให้ผลผลิตเกิดความเสียหายจากการเจริญของเชื้อรา ด้วยเหตุนี้การทำแห้ง โดยใช้ตู้อบเป็นวิธีการหนึ่งที่ได้รับความสนใจโดยสามารถเพิ่มกำลังการผลิต ลดระยะเวลาการทำแห้ง และลด ความเสียหายของผลผลิตได้ ผู้วิจัยจึงสนในศึกษาการพัฒนาตู้อบพลังงานแสงอาทิตย์และหาสภาวะที่เหมาะสม สำหรับการทำแห้ง เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตโดยวิธีพื้นผิวตอบสนองและออกแบบการทดลองแบบประสม กลาง (Central Composite Design) พร้อมทั้งศึกษาฟังก์ชั่นการผลิตที่เหมาะสมกับสภาพการผลิตจริงโดยนำ ข้อมูลที่ได้จากการทดลองไปพัฒนาเป็นฟังก์ชั่นการผลิตร่วมกับตัวแทนเกษตรกรบ้านดอยช้าง ต.วาวี อ.แม่ สรวย จ.เชียงราย พบว่า กระบวนการอบแห้งโดยตู้พลังงานแสงอาทิตย์ที่เหมาะสม คือ ติดตั้งตู้ไว้กลางแจ้งและ ใช้ฮีตเตอร์ลมร้อนเฉพาะช่วงเวลา 18.00 - 06.00 น. ในช่วง 3 วันแรก และใช้พัดลมระบายความชื้นต่อเนื่อง ตลอด 3 วัน และนำผลแห้งออกตากอีก 4 วัน ด้วยกำลังการผลิต 4.8 ตันต่อปี ซึ่งสูงกว่าวิธีดั้งเดิม 6 เท่า และ สอดคล้องกับกำลังกาผลิตผลกาแฟสดที่ 5 ตัน/ไร่/ปี ซึ่งสามารถแปรรูปเป็นกาแฟสาร 960 กิโลกรัม/ไร่/ปี (ราคา 200 บาท/กิโลกรัม) คิดเป็น ค่าตอบแทนจากการขายกาฟสารจะอยู่ที่ 192,000 บาทต่อไร่ต่อปี กำไร 94,752 บาท/ไร่/ปี กำไรส่วนนี้สามารถช่วยให้เกษตรกรคืนทุนค่าตู้อบพลังงานแสงอาทิตย์ได้ภายใน 1 ฤดูกาล ผลิต ตู้อบพลังงานแสงอาทิตย์ที่ได้รับการพัฒนาจากงานวิจัยนี้ ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตโดย การเพิ่ม กำลังการผลิตจากการเพิ่มน้ำหนักผลสดต่อพื้นที่ ลดเวลาการทำแห้ง และเพิ่มจำนวนรอบการผลิตใน 1 ฤดูกาล ผลิต สามารถลดความเสียหายจากเชื้อราให้เหลือน้อยกว่าร้อยละ 2 โดยการวิเคราะห์และพัฒนากระบวนการ ผลิตและแปรรูปเมล็ดกาแฟในโครงการวิจัยนี้ ได้ใช้แนวทางการออกแบบการทดลองและการสร้างอุปกรณ์เพื่อ เพิ่มประสิทธิภาพการผลิตที่สอดคล้องกับความต้องการของชุมชน (Appropriate Technology) โดย ประกอบด้วยการพัฒนาเครื่องอบเมล็ดกาแฟพลังงานแสงอาทิตย์ และหาสภาวะที่เหมาะสมในการแปรรูป เมล็ดกาแฟแบบแห้งที่ได้พัฒนาขึ้นด้วยการใช้แผนการทดลองแบบ Response Surface Methodology จากนั้นทำการเปรียบเทียบคุณภาพเมล็ดกาแฟที่ได้กับการตากแดดแบบธรรมดาบนพื้นคอนกรีต จากนั้นจึงทำ การวัดคุณลักษณะของเมล็ดกาแฟอบแห้งที่ได้ โดยการวัดสารระเหยด้วยเครื่องแก๊สโครมาโทรกราฟี- แมสสเปคสเปคโทรมิเตอร์ (Gas Chromatograph-Mass Spectrometer, GCMS) เพื่อเป็นการสร้างโพรไฟล์ ของกระบวนการ เพื่อให้ได้สมการทำนายคุณสมบัติของเชอรี่กาแฟที่ผ่านการอบที่สอดคล้องต่อการนำไปแปร รูปต่อไปให้มีคุณลักษณะเชิงเทคนิคเฉพาะ ซึ่งจะส่งผลต่อกลิ่นและรสชาติของกาแฟตามที่ต้องการของ ผู้ประกอบการได้ ชื่อเจ้าของผลงาน รศ.ดร.พิสิฐ ศรีสุริยจันทร์1 และคณะ หน่วยงานเจ้าของผลงาน 1 สาขาวิชาเทคโนโลยีชีวภาพ คณะอุตสาหกรรมเกษตร มหาวิทยาลัยเชียงใหม่
หน้า | 6-12 ชื่อผลงานวิจัย ( ภาษาไทย) การพัฒนาอุปกรณ์สำหรับตรวจสอบโรค แมลงและการเปลี่ยนแปลงกลิ่นหืนในข้าวกล้อง โดยใช้ เทคโนโลยีจมูกอิเล็กทรอนิกส์ ชื่อผลงานวิจัย ( ภาษาอังกฤษ) Device Development for Detecting Pest, Insect and Rancidity Changing in Brown Rice Using Electronic Nose Technology บทคัดย่อ ในปัจจุบันมีการนำเทคโนโลยีการดมกลิ่นด้วยจมูกอิเล็กทรอนิกส์ (electronic nose, eNose) ที่ถูกสร้างขึ้นมาเพื่อเรียนแบบการดมกลิ่นของมนุษย์ ซึ่งเป็นเครื่องมือที่ใช้ตรวจวัดแยกแยะและจดจำกลิ่นหรือ สารเคมีระเหยที่มีความซับซ้อน โดยใช้แถวล ดับเซ็นเซอร์ทางเคมี (array of chemical sensor) จมูก อิเล็กทรอนิกส์ถูกนำไปประยุกต์ใช้หลายด้าน เช่น ใช้ตรวจสอบความเสื่อมสภาพของอาหารในอุตสาหกรรม อาหาร หรือตรวจสอบคุณภาพอากาศจากการจำแนกก๊าซมลพิษ แต่ในด้านของภาคการเกษตร โรคหลังจาก การเก็บเกี่ยวของผลิตผลที่มีสาเหตุมาจากแมลงมักจะมีกลิ่นผิดไปจากปกติส่งผลต่อคุณภาพของผลผลิต อีกทั้ง การเปลี่ยนแปลงทางธรรมชาติอาจเป็นอีกสาเหตุหนึ่งที่ก่อให้เกิดคุณภาพของผลผลิตผิดปกติได้เช่นเดียวกัน ยกตัวอย่าง เช่น การเกิดกลิ่นหืนของข้าวกล้องหลังการกะเทาะ คุณภาพของผลผลิตมักจะมีกลิ่นผิดไปจากปกติ ระดับของกลิ่นอาจต่ำเกินกว่าที่มนุษย์จะสามารถรับรู้ได้ การตรวจสอบปัญหาด้วยวิธีปกติที่ใช้ในปัจจุบัน ค่อนข้างใช้เวลานาน การพัฒนาอุปกรณ์การตรวจวัดการติดเชื้อ การเกิดแมลง และการเปลี่ยนแปลงคุณภาพ ของผลิตผลหลังการเก็บเกี่ยวด้วยอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ รวมถึงสร้างเครื่องจมูกอิเล็กทรอนิกส์เพื่อใช้ติดตาม การเปลี่ยนแปลงคุณภาพของผลผลิตหลังการเก็บเกี่ยวจึงมีความสำคัญและทำให้เกิดการศึกษานี้ ชื่อเจ้าของผลงาน ผศ.ดร.ณัฐวุฒิ เนียมสอน1 และคณะ หน่วยงานเจ้าของผลงาน 1ภาควิชาวิศวกรรมเครื่องกล คณะวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่
หน้า | 6-13 6.2 หลักสูตรและการถ่ายทอดองค์ความรู้ (Knowledge and Technology Transfer) ร่วมกับ หน่วยบริหารและจัดการทุนด้านการพัฒนาระดับพื้นที่ (บพท.) ในการเสริมและพัฒนาทักษะ เพิ่มความสามารถ ให้บุคลากรขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น จากการสำรวจข้อมูลในภูมิภาค พบว่าหลักสูตรที่เกี่ยวข้องกับการพัฒนาเมืองมีอยู่ใน 2 ลักษณะคือ 1) หลักสูตรแบบได้ปริญญาบัตร และ 2) หลักสูตรสำหรับการเรียนรู้ตลอดชีพ ในลักษณะการเรียนร่วมชั้นเรียน ผ่านวิทยาลัยการศึกษาตลอดชีวิต มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ (CMU School of Lifelong Education) โดย ณ ที่นี้ จะนำเสนอเฉพาะหลักสูตรสำหรับการเรียนรู้ตลอดชีพ ที่มีความพร้อมสำหรับการเปิดให้ บุคคลทั่วไปได้เลือกเข้าเรียนร่วมกับการเรียนในระบบปกติ โดยสามารถแบ่งออกเป็น 4 ชุดวิชา คือ 1) การสัญจรอย่างชาญฉลาด (smart mobility) 2) การออกแบบพื้นที่รับน้ำฝนด้วยวิธีทางชีวภาพในเขตเมือง (water sensitive city) 3) เทคโนโลยีดิจิทัลทวินเพื่อการจัดการเมือง (digital twin technologies for city management) และ 4) เทคโนโลยีพลังงานสำหรับการจัดการเมืองอย่างยั่งยืน (energy technologies for sustainable city management) โดยมีรายละเอียดของแต่ละชุดวิชาดังต่อไปนี้ 6.2.1 การสัญจรอย่างชาญฉลาด (smart mobility) เป็นชุดวิชาที่มุ่งเน้นการให้ความเข้าใจในพื้นฐานของระบบการขนส่งในเขตเมืองและความรู้ร่วมสมัย ในการออกแบบระบบสัญจรอย่างชาญฉลาด โดยเป็นการเรียนร่วมในรายวิชา วศ.ย.101 พื้นฐานจราจรและ ขนส่ง (Fundamental of Traffic and Transportation) ดำเนินการโดยภาควิชาวิศวกรรมโยธา คณะ วิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ และภายใต้กลุ่มวิชารองด้านเมืองอัจฉริยะ (smart city minor) ของมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ 6.2.1.1 ภาพรวมของหลักสูตร [Course Overview] ความสำคัญและองค์ประกอบของการจราจร รูปแบบการเดินทางและขนส่ง การเดินทางโดย ขับขี่รถยนต์และรถจักรยานยนต์ การเดินทางโดยใช้ระบบขนส่งสาธารณะ การเดินทางแบบไม่ใช้เครื่องยนต์ ความปลอดภัยในการจราจรและขับขี่ มารยาทในการจราจรและขับขี่ กฎหมายและพระราชบัญญัติจราจร ป้ายและเครื่องหมายสัญญาณจราจร การวางแผนการเดินทางและการดูแผนที่ เทคโนโลยีการจราจรและการ ขับขี่ บทบังคับการจราจรและการสอบใบอนุญาตขับขี่ การฝึกปฏิบัติการขับขี่และจราจร องค์ประกอบของ การจราจรในเขตเมือง รูปแบบการเดินทางและขนส่งในเขตเมือง การเดินทางโดยใช้ระบบขนส่งสาธารณะ การ เดินทางแบบไม่ใช้เครื่องยนต์ ความปลอดภัยในการจราจรและขับขี่ การสร้างแบบจำลองเพื่อวิเคราะห์ ผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อมและการพัฒนาที่ดิน และเครื่องมือสารสนเทศในการออกแบบและวางแผน 6.2.1.2 วัตถุประสงค์การเรียนรู้ [learning Objectives] - อธิบายองค์ประกอบของการจราจรและขนส่งได้ต่อการพัฒนาเมืองได้ - วิเคราะห์ระบบการจราจรและขนส่งได้ต่อการพัฒนาเมืองได้ - ประยุกต์ใช้เครื่องมือสารสนเทศในการออกแบบและวางแผน - ปฏิบัติการวิเคราะห์ผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อมและการพัฒนาที่ดิน 6.2.1.3 กลุ่มเป้าหมาย [Target Audience] นักเรียน นักศึกษา และบุคคลทั่วไปที่สนใจ หรือทำงานที่เกี่ยวข้อง
หน้า | 6-14 6.2.1.4 เนื้อหาหลักสูตร [Course Content] บทเรียนที่ 1 องค์ประกอบของการจราจรและรูปแบบการเดินทางและขนส่ง เรียนรู้เรื่องความสำคัญและองค์ประกอบของการจราจรและรูปแบบการ เดินทางและขนส่ง การเดินทางโดยใช้ระบบ บทเรียนที่ 2 การวางแผนการเดินทาง เรียนรู้ด้านการวางแผนการเดินทางและการดูแผนที่ เทคโนโลยีการจราจร และการขับขี่ เพื่อใช้ในการวางแผนการเดินทางที่เหมาะสมในแต่ละพื้นที่ บทเรียนที่ 3 เทคโนโลยีสารสนเทศที่สำคัญในการออกแบบและวางแผน เรียนรู้ด้านเทคโนโลยีสารสนเทศที่สำคัญในการออกแบบและวางแผน และการสร้างแบบจำลองเพื่อวิเคราะห์ผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อมและการ พัฒนาที่ดินในเขตเมืองเพื่อใช้ในการตัดสินใจเลือกแนวทางการพัฒนา ที่เหมาะสม 6.2.1.5 ระยะเวลาของหลักสูตร 45 ชั่วโมง 6.2.1.6 ผลลัพธ์การเรียนรู้ของหลักสูตร (Curriculum Learning Outcomes) พัฒนาบุคลากรที่มีความเข้าใจในพื้นฐานของระบบการขนส่งในเขตเมือง และความรู้ร่วมสมัยในการออกแบบระบบสัญจรอย่างชาญฉลาด ในเรื่องความสำคัญและองค์ประกอบของ การจราจร รูปแบบการเดินทางและขนส่ง การเดินทางโดยขับขี่รถยนต์และรถจักรยานยนต์ การเดินทางโดยใช้ ระบบขนส่งสาธารณะ การเดินทางแบบไม่ใช้เครื่องยนต์ ความปลอดภัยในการจราจรและขับขี่ มารยาทใน การจราจรและขับขี่ กฎหมายและพระราชบัญญัติจราจร ป้ายและเครื่องหมายสัญญาณจราจร การวางแผน การเดินทางและการดูแผนที่ เทคโนโลยีการจราจรและการขับขี่ บทบังคับการจราจรและการสอบใบอนุญาต ขับขี่ การฝึกปฏิบัติการขับขี่และจราจร องค์ประกอบของการจราจรในเขตเมือง รูปแบบการเดินทางและขนส่ง ในเขตเมือง การเดินทางโดยใช้ระบบขนส่งสาธารณะ การเดินทางแบบไม่ใช้เครื่องยนต์ ความปลอดภัยใน การจราจรและขับขี่ การสร้างแบบจำลองเพื่อวิเคราะห์ผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อมและการพัฒนาที่ดิน และเครื่องมือสารสนเทศในการออกแบบและวางแผน ได้อย่างมีประสิทธิภาพ 6.2.2 การออกแบบพื้นที่รับน้ำฝนด้วยวิธีทางชีวภาพในเขตเมือง (water sensitive city) เป็นชุดวิชาที่มุ่งเน้นการให้ความเข้าใจในพื้นฐานของการออกแบบพื้นที่ในเขตเมืองให้มี ความสามารถรับน้ำฝนได้มากขึ้นภายใต้ข้อจำกัดของการใช้ที่ดินในเขตเมือง โดยเป็นการเรียนร่วมใน รายวิชา วศ.ย.468 ระบบระบายน้ำฝนในชุมชนเมือง (Urban Storm Drainage System) ดำเนินการโดย ภาควิชาวิศวกรรมโยธา คณะวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ และภายใต้กลุ่มวิชาด้านวิศวกรรม และการพัฒนาเมือง (city engineering and development track) ของหลักสูตรวิศวกรรมศาสตรบัณฑิต (วิศวกรรมบูรณาการ) คณะวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ 6.2.2.1 ภาพรวมของหลักสูตร [Course Overview] การวางแผนจัดการทรัพยากรกายภาพในเขตเมือง การจัดการอาคารและพื้นที่ โดยรอบ การจัดการสภาพแวดล้อมโครงการ ที่สัมพันธ์กับการรับน้ำฝนไหลนอง การจัดการเพื่อเพิ่ม ประสิทธิภาพการรับน้ำฝนของพื้นที่วางในโครงการและเขตเมือง การใช้คอมพิวเตอร์ช่วยในการออกแบบพื้นที่ รับน้ำฝนในเขตเมือง การประเมินความเป็นไปได้และความเหมาะสมทางการลงทุน
หน้า | 6-15 6.2.2.2 วัตถุประสงค์การเรียนรู้ [learning Objectives] - อธิบายองค์ประกอบของการออกแบบพื้นที่รับน้ำฝนในเขตเมืองได้ - วิเคราะห์รูปแบบของการออกแบบพื้นที่รับน้ำฝนในเขตเมืองได้ - ประยุกต์ใช้เครื่องมือสารสนเทศในการออกแบบพื้นที่รับน้ำฝนในเขตเมืองได้ - วิเคราะห์ผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อมและความคุ้มค่าในการลงทุนของการ ออกแบบพื้นที่รับน้ำฝนในเขตเมืองได้ 6.2.2.3 กลุ่มเป้าหมาย [Target Audience] นักเรียน นักศึกษา และบุคคลทั่วไปที่สนใจ หรือทำงานที่เกี่ยวข้อง 6.2.2.4 เนื้อหาหลักสูตร [Course Content] บทเรียนที่ 1 องค์ประกอบของการออกแบบพื้นที่รับน้ำฝนในเขตเมือง บทเรียนที่ 2 รูปแบบของการออกแบบพื้นที่รับน้ำฝนในเขตเมือง บทเรียนที่ 3 เครื่องมือสารสนเทศในการออกแบบพื้นที่รับน้ำฝนในเขตเมือง บทเรียนที่ 4 ผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อมและความคุ้มค่าในการลงทุนของการออกแบบ พื้นที่รับน้ำฝนในเขตเมือง 6.2.2.5 ระยะเวลาของหลักสูตร 45 ชั่วโมง 6.2.2.6 ผลลัพธ์การเรียนรู้ของหลักสูตร (Curriculum Learning Outcomes) พัฒนาบุคลากรที่มีความเข้าใจในการวางแผนจัดการทรัพยากรกายภาพในเขตเมือง การจัดการอาคารและพื้นที่โดยรอบ การจัดการสภาพแวดล้อมโครงการ ที่สัมพันธ์กับการรับน้ำฝนไหลนอง การจัดการเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการรับน้ำฝนของพื้นที่วางในโครงการและเขตเมือง การใช้คอมพิวเตอร์ช่วยใน การออกแบบพื้นที่รับน้ำฝนในเขตเมือง การประเมินความเป็นไปได้และความเหมาะสมทางการลงทุน ได้อย่างมีประสิทธิภาพ 6.2.3 เทคโนโลยีดิจิทัลทวินเพื่อการจัดการเมือง (digital twin technologies for city management) เป็นชุดวิชาที่มุ่งเน้นการให้ความเข้าใจในพื้นฐานของเทคโนโลยีดิจิทัลทวินเพื่อการจัดการเมือง โดยเป็นการเรียนร่วมในรายวิชา รายวิชา วศ.พ.748 คู่แฝดดิจิทัลสำหรับการจัดการพลังงานและสิ่งแวดล้อม ขั้นสูง (Digital Twin for Advanced Energy and Environmental Management) และรายวิชา วศ.บก. 752 นวัตกรรม ระบบห่วงโซ่อุปทาน และเศรษฐกิจของเมือง (Urban Innovation, Supply Chain and Economic System) ภายใต้กลุ่มวิชาด้านวิศวกรรมและการพัฒนาเมือง (city engineering and development track) ของหลักสูตรวิศวกรรมบูรณาการ คณะวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ 6.2.3.1 ภาพรวมของหลักสูตร [Course Overview] แนวคิดเกี่ยวกับนวัตกรรมเมือง ปัญหาที่เกิดขึ้นจากการพัฒนาเมืองการออกแบบ และวางแผนเพื่อลดปัญหาปรากฏการณ์เกาะความร้อน การออกแบบและวางแผนเพื่อลดปัญหามลพิษ สิ่งแวดล้อมสถาปัตยกรรมสีเขียวและการสร้างสิ่งแวดล้อม เมืองคาร์บอนต่ำ การพัฒนาเมืองสำหรับการใช้ พลังงานอย่าง มีประสิทธิภาพ และนวัตกรรมเมืองอื่น ๆ หลักการและองค์ประกอบของคู่แฝดดิจิทัล เทคโนโลยี ฐานข้อมูลร่วมกับแบบจำลองสารสนเทศอาคาร เทคโนโลยีเซ็นเซอร์และ Internet of Things (IoT) ระบบ
หน้า | 6-16 สารสนเทศในอาคาร การสร้างแบบจำลองการเรียนรู้ของเครื่องจักร การแสดงข้อมูลในระบบเว็ปเพจ และการ ใช้เทคโนโลยีแฝดดิจิทัลสำหรับการจัดการพลังงานและสิ่งแวดล้อมขั้นสูง สำหรับการพัฒนาเมืองอย่างยั่งยืน 6.2.3.2 วัตถุประสงค์การเรียนรู้ [learning Objectives] - อธิบายแนวคิดเกี่ยวกับนวัตกรรมสำหรับการพัฒนาเมืองอย่างยั่งยืน - อธิบายหลักการและองค์ประกอบของคู่แฝดดิจิทัล - รวบรวมและจัดการข้อมูลพลังงานและสิ่งแวดล้อมอาคาร - สร้างแบบจำลองการเรียนรู้ของเครื่องจักร - ใช้เทคโนโลยีแฝดดิจิทัลสำหรับการจัดการพลังงานและสิ่งแวดล้อมขั้นสูง 6.2.3.3 กลุ่มเป้าหมาย [Target Audience] นักเรียน นักศึกษา และบุคคลทั่วไปที่สนใจ หรือทำงานที่เกี่ยวข้อง 6.2.3.4 เนื้อหาหลักสูตร [Course Content] บทเรียนที่ 1 บูรณาการความรู้ในมิติที่สัมพันธ์ระหว่างการพัฒนาเมืองและสภาวะแวดล้อม ชุมชนระบบห่วงโซ่อุปทาน และเศรษฐกิจของเมือง การประยุกต์ใช้ 3D GIS สำหรับการวิเคราะห์เมือง และนวัตกรรมและการพัฒนาเมือง บทเรียนที่ 2 หลักการและองค์ประกอบของคู่แฝดดิจิทัล อธิบายหลักการและองค์ประกอบของคู่แฝดดิจิทัล เทคโนโลยีฐานข้อมูล ร่วมกับแบบจำลองสารสนเทศอาคาร และเทคโนโลยีเซ็นเซอร์และ Internet of Things (IoT) บทเรียนที่ 3 เครื่องมือสารสนเทศในเทคโนโลยีคู่แฝดดิจิทัล ระบบสารสนเทศในอาคาร และการสร้างแบบจำลองการเรียนรู้ของเครื่องจักร บทเรียนที่ 4 เทคโนโลยีแฝดดิจิทัลสำหรับการพัฒนาเมืองอย่างยั่งยืน การแสดงข้อมูลในระบบเว็ปเพจ การใช้เทคโนโลยีแฝดดิจิทัลสำหรับการจัด การพลังงาน สิ่งแวดล้อม และเมืองขั้นสูง 6.2.3.5 ระยะเวลาของหลักสูตร 90 ชั่วโมง 6.2.3.6 ผลลัพธ์การเรียนรู้ของหลักสูตร (Curriculum Learning Outcomes) พัฒนาบุคลากรที่มีความเข้าใจเกี่ยวกับนวัตกรรมเมือง ปัญหาที่เกิดขึ้นจากการพัฒนาเมือง การออกแบบและวางแผนเพื่อลดปัญหาปรากฏการณ์เกาะความร้อน การออกแบบและวางแผนเพื่อลดปัญหา มลพิษสิ่งแวดล้อมสถาปัตยกรรมสีเขียวและการสร้างสิ่งแวดล้อม เมืองคาร์บอนต่ำ การพัฒนาเมืองสำหรับการ ใช้พลังงานอย่าง มีประสิทธิภาพ และนวัตกรรมเมืองอื่น ๆ หลักการและองค์ประกอบของคู่แฝดดิจิทัล, เทคโนโลยีฐานข้อมูลร่วมกับแบบจำลองสารสนเทศอาคาร เทคโนโลยีเซ็นเซอร์และ Internet of Things (IoT) ระบบสารสนเทศในอาคาร การสร้างแบบจำลองการเรียนรู้ของเครื่องจักร การแสดงข้อมูลในระบบเว็ปเพจ และการใช้เทคโนโลยีแฝดดิจิทัลสำหรับการจัดการพลังงานและสิ่งแวดล้อมขั้นสูง สำหรับการพัฒนาเมืองอย่าง ยั่งยืนได้อย่างมีประสิทธิภาพ
หน้า | 6-17 6.2.4 เทคโนโลยีพลังงานสำหรับการจัดการเมืองอย่างยั่งยืน (energy technologies for sustainable city management) เป็นชุดวิชาที่มุ่งเน้นการให้ความเข้าใจในพื้นฐานของเทคโนโลยีดิจิทัลทวินเพื่อการจัดการเมือง โดย เป็นการเรียนร่วมในรายวิชา รายวิชา วศ.พ.747 แบบจำลองสารสนเทศอาคารสำหรับการจัดการพลังงาน และสิ่งแวดล้อม (Building Information Modeling for Energy and Environmental Management) ดำเนินการโดยภาควิชาวิศวกรรมเครื่องกล คณะวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ภายใต้กลุ่มวิชา ด้านวิศวกรรมและการพัฒนาเมือง (city engineering and development track) ของหลักสูตรวิศวกรรม บูรณาการ คณะวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ 6.2.4.1 ภาพรวมของหลักสูตร [Course Overview] แนวคิดเกี่ยวกับระบบการทำงานของแบบจำลองสารสนเทศอาคาร สร้างแบบจำลอง สารสนเทศอาคารในงานวิศวกรรมและสถาปัตยกรรม ประยุกต์ใช้งานแบบจำลองสารสนเทศอาคารเพื่อบริหาร ต้นทุนและประสิทธิภาพของการออกแบบทางวิศวกรรม และประยุกต์ใช้งานแบบจำลองสารสนเทศอาคารเพื่อ การจัดการพลังงานและสิ่งแวดล้อม สำหรับการพัฒนาเมืองอย่างยั่งยืน 6.2.4.2 วัตถุประสงค์การเรียนรู้ [learning Objectives] - อธิบายการทำงานของแบบจำลองสารสนเทศอาคาร - สร้างแบบจำลองสารสนเทศอาคารในงานวิศวกรรมและสถาปัตยกรรม เพื่อบริหารต้นทุนและประสิทธิภาพของการออกแบบทางวิศวกรรม - ใช้งานแบบจำลองสารสนเทศอาคารเพื่อการจัดการพลังงานและสิ่งแวดล้อม 6.2.4.3 กลุ่มเป้าหมาย [Target Audience] นักเรียน นักศึกษา และบุคคลทั่วไปที่สนใจ หรือทำงานที่เกี่ยวข้อง 6.2.4.4 เนื้อหาหลักสูตร [Course Content] บทเรียนที่ 1 ระบบการทำงานของแบบจำลองสารสนเทศอาคาร เรียนรู้ระบบการทำงานของแบบจำลองสารสนเทศอาคาร สร้างแบบจำลอง สารสนเทศอาคารในงานวิศวกรรและสร้างแบบจำลองสารสนเทศอาคารใน งานสถาปัตยกรรม บทเรียนที่ 2 แบบจำลองสารสนเทศอาคารเพื่อการบริหารจัดการอาคาร ประยุกต์ใช้งานแบบจำลองสารสนเทศอาคารเพื่อบริหารต้นทุน ประยุกต์ใช้ งานแบบจำลองสารสนเทศอาคารเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพของการออกแบบ ทางวิศวกรรม บทเรียนที่ 3 แบบจำลองสารสนเทศอาคารเพื่อการจัดการพลังงานและสิ่งแวดล้อม ประยุกต์ใช้งานแบบจำลองสารสนเทศอาคารเพื่อการจัดการพลังงาน ประยุกต์ใช้งานแบบจำลองสารสนเทศอาคารเพื่อการจัดการสิ่งแวดล้อม 6.2.4.5 ระยะเวลาของหลักสูตร 45 ชั่วโมง 6.2.4.6 ผลลัพธ์การเรียนรู้ของหลักสูตร (Curriculum Learning Outcomes) พัฒนาบุคลากรที่มีความเข้าใจเกี่ยวกับแนวคิดเกี่ยวกับระบบการทำงานของแบบจำลอง สารสนเทศอาคาร สร้างแบบจำลองสารสนเทศอาคารในงานวิศวกรรมและสถาปัตยกรรม ประยุกต์ใช้งาน แบบจำลองสารสนเทศอาคารเพื่อบริหารต้นทุนและประสิทธิภาพของการออกแบบทางวิศวกรรม
หน้า | 6-18 6.3 แผนพัฒนาด้านเทคโนโลยีและนวัตกรรม (Technology Roadmap) จากการรวบรวมข้อมูลและวิเคราะห์การผลของการรวบรวมคลังความรู้ และองค์ความรู้นำมาซึ่งการ วิเคราะห์และวางแผนการพัฒนาด้านเทคโนโลยีและนวัตกรรม เพื่อให้สอดคล้องกับการพัฒนาเชิงพื้นที่และ ความต้องการ นำเทคโนโลยีและนวัตกรรมมาใช้ในอนาคตให้สอดคล้องกับการการพัฒนาเชิงพื้นที่ในบริบท ภาคเหนือ คณะผู้วิจัยได้ระดมสมอง การแลกเปลี่ยนประสบการณ์และการนำเสนอความคิดริเริ่ม โดยผนวก วิสัยทัศน์ด้านการนำเทคโนโลยีและนวัตกรรมที่พื้นที่จำเป็นต้องใช้กับวิสัยทัศน์ด้านแผนพันธกิจและกลยุทธ์ ของมหาวิทยาลัย โดยครอบคลุมถึงทิศทางการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างสังคม การเปลี่ยนแปลงของตลาด การ เปลี่ยนแปลงของผลิตภัณฑ์สภาพแวดล้อม การวางแผนด้านวิจัยและพัฒนา การเตรียมจัดหาทรัพยากรรวมทั้ง กำลังคน ซึ่งเป็นปัจจัยผลักดันที่สำคัญต่ออนาคตของพื้นที่ภาคเหนือ โดยในเบื้องต้น สามารถกำหนดขอบเขต ในการพัฒนา (Area of Development) ด้านเทคโนโลยีและนวัตกรรม ของมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ไว้ดังนี้ • เทคโนโลยีและนวัตกรรมการจัดการกับฝุ่น PM 2.5 • เทคโนโลยีและนวัตกรรมเมืองอัจฉริยะ • เทคโนโลยีและนวัตกรรมเกษตรอัจฉริยะ
หน้า | 7-1 บทที่ 7 ผลการดำเนินการรวบรวมทรัพยากรทางเทคโนโลยีและนวัตกรรมของ มหาวิทยาลัยบูรพา และเครือข่ายภาคตะวันออก 7.1 Knowledge Stock (คลังความรู้) รวบรวมทรัพยากรทางเทคโนโลยีและนวัตกรรม ทั้งที่มีอยู่และกำลังดำเนินการ ทำเป็นระบบบัญชีข้อมูล (Data Catalog) ของภาคตะวันออก ทีมวิจัยได้ดำเนินการรวบรวมข้อมูลนักวิจัย ผลงานวิจัย อันได้แก่ วารสาร บทความที่ตีพิมพ์ จากฐานข้อมูล และแพลตฟอร์มต่าง ๆ รวมทั้งชุดความรู้หรือนวัตกรรมที่เกี่ยวข้อง จากการรวบรวมข้อมูล นักวิจัยในมหาวิทยาลัยบูรพา และสถาบันเครือข่ายภาคตะวันออกได้แก่ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคล ตะวันออก มหาวิทยาลัยราชภัฏรำไพรพรรณ์ มหาวิทยาลัยราชภัฏราชนครินทร์ มีจำนวนนักวิจัยทั้งสิ้น 1224 คน โดยมีจำนวนผลงานวิจัยและสิ่งประดิษฐ์รวมทั้งสิ้น 10804 ผลงาน เมื่อจำแนกตามประเภทของการ เผยแพร่ แสดงดังตารางที่ 7.1 ตารางที่ 7.1 ตารางแสดงจำนวนผลงานวิจัยและสิ่งประดิษฐ์แยกตามประเภทการเผยแพร่ Processings สิทธิบัตร Journal ระดับชาติ Journal ระดับ นานาชาติ รวม มหาวิทยาลัยบูรพา 5083 96 3704 1612 10495 มหาวิทยาลัย เครือข่าย 35 0 255 19 309 รวม 5118 96 3959 1631 10804 จากตารางที่ 7.1 พบว่าข้อมูลที่รวบรวมได้ส่วนใหญ่เป็นรูปแบบของงานวิจัยที่ตีพิมพ์เชิงวิชาการส่วน ใหญ่ถึงร้อยละ 90 ของผลงานทั้งหมดรวบรวมได้ โดยมีงานวิจัยประเภทที่เป็นสิ่งประดิษฐ์หรือผลงานสร้างสรร ที่ที่จดทะเบียนทั้งสิ้น 96 ชิ้นงาน ดังแสดงในภาพที่ 4.1 ก) และ ข) ก) มหาวิทยาลัยบูรพา ข) มหาวิทยาลัยเครือข่าย แผนภาพที่ 7.1 แผนภูมิแสดงร้อยละของผลงานวิจัยและสิ่งประดิษฐ์แยกตามประเภทการเผยแพร่
หน้า | 7-2 เมื่อนำข้อมูลงานวิจัยมาพิจารณาจำแนกตามกลุ่มสาขา พบว่างานสาขาที่มีผลงานตีพิมพ์เป็นส่วนใหญ่ ได้แก่ด้าน Life Sciences & Biomedicine ร้อยละ 20 ของงานวิจัยทั้งหมด อันดับที่ 2 คือวิทยาศาสตร์และ คณิตศาสตร์ คิดเป็นร้อยละ 14 ของงานวิจัยทั้งหมด ดังแสดงตามตารางที่ 4.2 และแสดงร้อยละของงานวิจัย ตามสาขาของมหาวิทยาลัยบูรพา ดังภาพที่ 4.2 และ ภาพที่ 4.3 แสดงร้อยละของงานวิจัยตามสาขาของ สถาบันเครือข่าย ตารางที่ 7.2 ตารางแสดงจำนวนผลงานวิจัยแยกตามสาขาที่เผยแพร่ มหาวิทยาลัยบูรพา สถาบันเครือข่าย Agriculture, forestry, fisheries and veterinary 258 6 Arts & Humanities 326 17 Business, administration and law 310 31 Education 777 70 Engineering, manufacturing and construction 428 19 Health and welfare 338 3 Information and Communication Technologies (ICTs) 125 0 Life Sciences & Biomedicine 1609 8 Natural Sciences, mathematics and statistics 1012 78 Services 348 0 Social Sciences, journalism and information 825 35 Technology 382 5 ไม่ระบุ 951 62 แผนภาพที่ 7.2 แสดงร้อยละของงานวิจัยตามสาขาของมหาวิทยาลัยบูรพา
หน้า | 7-3 แผนภาพที่ 7.3 แสดงร้อยละของงานวิจัยจำแนกตามสาขาของมหาวิทยาลัยเครือข่าย เมื่อพิจารณาร้อยละของงานวิจัยจำแนกตามสาขาของมหาวิทยาลัยเครือข่าย่ 4.3 ในภาพทีพบว่ามี ความแตกต่างกันโดยผลงานวิจัยอันดับหนึ่งอยู่ที่วิทยาศาสตร์และคณิตศาสตร์ ร้อยละ 23 และอันดับสองได้แก่ สาขาศึกษาศาสตร์ ร้อยละ 21 ของงานวิจัยทั้งหมด ดังแสดงในแผนภาพที่ 7.3 ข้อมูลด้านสิ่งประดิษฐ์และงานสร้างสรรค์พบว่าส่วนใหญ่เป็นอนุสิทธิบัตรจำนวน 55 ชิ้น และ สิทธิบัตรด้านการออกแบบจำนวน 37 ชิ้น และเป็นสิทธิบัตรจำนวน 4 ชิ้น ดังแสดงในตารางที่ 7.3 ตารางที่ 7.3 ตารางแสดงจำนวนสิ่งประดิษฐ์และงานสร้างสรรค์แยกตามประเภทการจดทะเบียน ประเภท สิทธิบัตร/อนุสิทธิบัตร สิทธิบัตรการประดิษฐ์ 4 สิทธิบัตรการออกแบบผลิตภัณฑ์ 37 อนุสิทธิบัตร 55 รวม 96 เมื่อนำข้อมูลงานวิจัยมาพิจารณาจำแนกตามหมวดหมู่ความรู้ พบว่าผลงานตีพิมพ์เป็นส่วนใหญ่อยู่ใน หมวด Governance and management จำนวนทั้งสิ้น 584 ผลงาน รองลงมาได้แก่กลุ่ม waste management 224 ผลงาน ตารางที่ 7.4 ตารางแสดงจำนวนผลงานวิจัยแยกตามหมวดหมู่ความรู้ มหาวิทยาลัยบูรพา สถาบันเครือข่าย 1) Mobility 99 5 2) Energy 88 8 3) Housing 23 0 4) Waste management 115 9 5) Disaster 53 1 6) Governance & management 558 26 7) Others 6,753 285
หน้า | 7-4 เทคโนโลยีและนวัตกรรมของมหาวิทยาลัยบูรพา และเครือข่ายภาคตะวันออก มีดังต่อไปนี้ ชื่อผลงานวิจัย ( ภาษาไทย) บริการระบบสำหรับโรงพยาบาลและผู้ติดเชื้อที่ต้องแยกตัวที่บ้าน (Home Isolation) บทคัดย่อ weSAFE@HOME Virtual Clinic for Home Isolation เป็นระบบที่รองรับมาตรการ Home Isolation ให้ผู้ติดเชื้อโควิดกลุ่มสีเขียวกักตัวที่บ้าน สามารถบันทึกข้อมูลสุขภาพจากอุปกรณ์ รายงานผลค่า สุขภาพส่งไปยังโรงพยาบาลต้นสังกัด นัดหมายแพทย์เพื่อติดตามอาการ สามารถ Video Call เพื่อขอรับ คำปรึกษาจากผู้ดูแล และเชื่อมต่อข้อมูลสุขภาพไปยังสมาชิกในครอบครัวเพื่อช่วยเฝ้าระวัง เพื่อให้ผู้ป่วยได้รับ การรักษาอย่างเหมาะสมทันท่วงทีและรวดเร็วที่สุด ผู้ติดเชื้อโควิดกลุ่มสีเขียว จากการตรวจคัดกรองเชิงรุก และจากระบบบริการ ซึ่งเป็นกลุ่มที่ไม่มีอาการหรือมีอาการเล็กน้อย เช่น ไข้ ไอ น้ำมูก ตาแดง ผื่นขึ้น อายุไม่ เกิน 60 ปี ไม่มีอาการทางเดินหายใจส่วนล่าง จะนำเข้า รพ.สนาม หรือฮอสพิเทล (Hospitel) และกักตัวที่บ้าน (Home Isolation) ระบบ weSAFE@HOME จะช่วยเฝ้าระวังผู้ป่วยกลุ่มสีเขียวที่จะเพิ่มความรุนแรงถึงขั้นกลุ่ม สีเหลืองและสีแดงที่จะต้องเข้ารักษาตัวในโรงพยาบาล รวมทั้งให้แพทย์สามารถติดตามอาการ และให้ คำปรึกษาได้อย่างใกล้ชิดโดยผู้ป่วยไม่ต้องเดินทางมาที่โรงพยาบาล โดยมีขั้นตอนง่ายๆ ในการเข้าร่วมบริการ weSAFE@HOME ชื่อเจ้าของผลงาน รศ. วิรุฬห์ ศรีบริรักษ์ หน่วยงานเจ้าของผลงาน สาขาวิชาวิศวกรรมไฟฟ้า คณะวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยบูรพา
หน้า | 7-5 ชื่อผลงานวิจัย ( ภาษาไทย) กิน-อยู่-ดี แพลตฟอร์ม บทคัดย่อ เทคโนโลยีดิจิลทัลที่พัฒนาเพื่อ Aging In Place & Wellness The personal (exposome) ดูแลสุขภาพส่วนบุคคล สำหรับการดูแลสุขภาพส่วนบุคคล ภายในครอบครัวที่มีผู้สูงอายุ อาศัยอยู่บ้านพักเพียง ลำพัง หรือ ผู้ป่วยที่ต้องการ การเฝ้าระวังเป็นพิเศษ ด้วยอุปกรณ์ LoRa Smart Watch และ LoRa Necklace ค่าสุขภาพต่างๆ จะถูกส่งข้อมูลมายัง Family Connect App โดยที่สมาชิกครอบครัว สามารถรับรู้และ ตรวจสอบค่าสถานะสุขภาพของคนที่คุณรักได้ตลอดเวลา ส่วนสนับสนุนหน่วยงานทางการแพทย์ ช่วยให้การ ออกตรวจสุขภาพนอกสถานที่ทุกครั้ง มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น โดยได้รับข้อมูลที่เป็นจริงเสมอ และมีความ แม่นยำของข้อมูลที่ถูกต้อง ด้วย Health Kit Set ที่จะจัดเก็บข้อมูลลง Care Giver App ทันที ที่มีการตรวจวัด ค่าสุขภาพทุกครั้ง จึงลดภาระและโอกาสการสูญหายของเอกสารได้อย่างดี เพิ่มการวิเคราะห์สุขภาพของ สมาชิกในชุมชนหรือพื้นที่บริการด้วย Analytics Studio เพื่อนำไปสู่การพัฒนาการดูแลสุขภาพของสมาชิก ชุมชนหรือพื้นที่บริการที่ดีขึ้น ระบบ Security & Surveillance The external (exposome) เฝ้าระวังความ ปลอดภัยด้านสิ่งแวดล้อมและทรัพย์สิน สำหรับพื้นที่ที่ต้องการการรักษาความปลอดภัยสูง ป้องกันเหตุการณ์ ไม่คาดฝันที่อาจเกิดขึ้นกับชีวิตและทรัพย์สินมีค่า ด้วย AI มาดูแลรักษาความปลอดภัยที่ครอบคลุมพื้นที่ ที่ หลากหลาย สวนสาธารณะ อาคารจอดรถ ฟิตเนส สระว่ายน้ำ มีศูนย์บริการ 24/7 ที่คอยให้ความช่อยเหลือ ตลอด 24 ชม. พร้อม Cloud Bot คอยแจ้งความผิดปกติ หรือเหตุที่อาจเกิดขึ้นล่วงหน้าได้ แบบ Real-time รวมถึงอุปกรณ์ Smart Radar Pole ที่ช่วยเสริมความปลอดภัยด้านสิ่งแวดล้อมด้วยการตรวจสอบรายงานการ วัดค่าสภาพอากาศ และฝุ่นละออง (PM 2.5) ที่อยู่รอบพื้นที่บริการ เฝ้าระวังความปลอดภัยด้านสุขภาพ เสริมสร้างความปลอดภัยด้านสุขอนามัยให้กับพื้นที่บริการ เหมาะสำหรับ โรงแรม โรงเรียน ห้างสรรพสินค้า หรือพื้นที่สาธารณะที่มีผู้คนใช้บริการจำนวนมาก ภายใต้สถานการณ์ Covid-19 ด้วย อุปกรณ์ Mobility Edge AI ที่ใช้สำหรับการคัดกรองคนเข้า-ออก พื้นที่บริการ ด้วย AI ที่เหมาะสม การสแกนใบหน้า สแกนการสวมใส่ หน้ากากอนามัย ภายในพื้นที่บริการ เสริมการรักษาความสะอาดเพื่อสุขอนามัยที่ดีของผู้เข้าใช้บริการด้วย Safe UVC ที่ใช้ในการฆ่าเชื้อโรคและเชื้อไวรัส การดูแลสุขภาพระยะยาวและตามพื้นฐาน DNA เสริมการ ติดตามสุขภาพของคนไข้พักฟื้นที่บ้าน และเฝ้าระวังโรค โดยแพทย์สามารถนำผลการตรวจสุขภาพของคนไข้ มาวิเคราะห์ผลสุขภาพได้จากการเก็บสถิติข้อมูลสุขภาพ สามารถให้คำแนะนำการรักษาเบื้องต้น รวมถึงการให้ คำปรึกษาอาการทั่วไป ผ่าน Virtual Clinic Platform ช่วยให้คนไข้ลดการเดินทางจากที่พักมายัง สถานพยาบาล เสริมด้วยการดูแลด้านผิวหนังด้วย AI for Medical Skin Care สำหรับคนพิเศษที่มีอาการของ ผิวหนังร่วมด้วย เหมาะสำหรับคลินิก โดยเลือกทานอาหารให้เหมาะสมกับร่างกาย เป็นอีกหนึ่งวิธี ที่ช่วย ปกป้องร่างกายของเรา ให้มีสุขภาพที่ดีอยู่เสมอ ที่สุดแล้วเมื่อคุณสามารถรับรู้ได้ ว่า DNA ของคุณเหมาะกับ อาหารแบบใด การเลือกอาหารที่ดีและมีประโยชน์ต่อร่างกาย ชื่อเจ้าของผลงาน รศ. วิรุฬห์ ศรีบริรักษ์ หน่วยงานเจ้าของผลงาน สาขาวิชาวิศวกรรมไฟฟ้า คณะวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยบูรพา
หน้า | 7-6 ชื่อผลงานวิจัย ( ภาษาไทย) เทคโนโลยีการผลิตน้ำจืดจากน้ำทะเล ชื่อผลงานวิจัย ( ภาษาอังกฤษ) Reverse Osmosis (RO) บทคัดย่อ การนำกระบวนการ RO มาพัฒนาสำหรับตอบโจทย์ปัญหาด้านการจัดการทรัพยากรน้ำ โดยเฉพาะ พื้นที่ทําการเกษตรที่ประสบปัญหาการขาดแคลนน้ำในช่วงฤดูแล้งและได้รับผลกระทบที่ก่อให้เกิดความ เสียหายต่อผลผลิตทางการเกษตร ซึ่งมีแนวโน้มจะได้รับผลกระทบอย่างต่อเนื่องในอนาคต รวมถึงการนํา น้ำเค็มที่มีความเข้มข้นสูงมาก (brine) ซึ่งเป็นของเหลือทิ้งจากกระบวนการเปลี่ยนน้ำทะเลให้เป็นน้ำจืดโดย กระบวนการ RO มาใช้ประโยชน์ เพื่อลดปัญหาผลกระทบสิ่งแวดล้อมที่อาจเกิดขึ้นในอนาคต คณะเทคโนโลยี ทางทะเล มหาวิทยาลัยบูรพา วิทยาเขตจันทบุรี ได้ผลิตเครื่องกรองน้ำดื่มจากน้ำกร่อยและน้ำเค็มที่มีคุณภาพ ตามมาตรฐาน โดยใช้เทคโนโลยีนาโนผลิตไส้กรองเซรามิกส์เคลือบอนุภาคเงินเข้ามาช่วยให้ระบบการกรองดี ขึ้น ซึ่งไส้กรองที่พัฒนาขึ้นนี้มีจุดเด่นในการช่วยยืดอายุการใช้งานไส้กรอง โดยเครื่องกรองน้ำดื่มที่พัฒนาจะ อาศัยหลักการกรองน้ำด้วยไส้กรองที่ใช้เมมเบรนฟิลเตอร์ ซึ่งเป็นแผ่นเยื่อกรองที่มีรูพรุนขนาดเล็กมาก กรอง โดยใช้แรงดันเพื่อให้น้ำซึมแพร่ผ่านแผ่นเยื่อกรอง ยอมให้เพียงโมเลกุลของน้ำเท่านั้นที่ซึมผ่านได้ ส่วนเกลือ สารอินทรีย์ขนาดใหญ่ แบคทีเรีย และไวรัสบางชนิดจะถูกดักจับไปที่แผ่นเมมเบรน น้ำที่ได้จะไม่มีความเค็ม และความกร่อย ซึ่งหลักการทำงานจะคล้ายเครื่องกรองน้ำที่มีตามท้องตลาดทั่วไปซึ่งก็คือเครื่องกรองน้ำที่มี ระบบอาร์โอ แต่ทางนาโนเทคได้พัฒนาระบบกรองเพิ่มเข้าไปในเครื่องกรองน้ำดื่มอีก 1 ตัว เพื่อเพิ่ม ประสิทธิภาพการกรองน้ำให้ดีขึ้น โดยเป็นไส้กรองเซรามิกส์เคลือบอนุภาคเงินนาโน มีความสามารถในการฆ่า แบคทีเรียต่างๆ ซึ่งจะช่วยลดการอุดตันบริเวณแผ่นเมมเบรนลง การกรองที่ต้องใช้แรงดันน้ำนั้น ก็จะใช้แรงดัน น้ำน้อยลง ทำให้ประหยัดพลังงานมากขึ้น โดยอายุการใช้งานของไส้กรองจะใช้ได้ประมาณ 6 เดือน สามารถ กรองน้ำกร่อยหรือน้ำเค็มได้ต่อเนื่อง 8-10 ชั่วโมง โดยเครื่องกรองที่ได้จะมีกำลังการผลิตประมาณ 200 ลิตร ต่อชั่วโมง หรือ 2,000 ลิตรต่อวัน เพียงพอต่อการใช้น้ำของประชาชน 1,000 คนต่อวัน อีกทั้งเครื่องกรองที่ พัฒนาขึ้นสามารถเคลื่อนย้ายได้อีกด้วย โดยได้นำเครื่องกรองน้ำที่ได้พัฒนาดังกล่าวไปติดตั้งพร้อมกับทดสอบ ประสิทธิภาพการใช้งานที่คณะเทคโนโลยีทางทะเล มหาวิทยาลัยบูรพา วิทยาเขตจันทบุรี เพื่อใช้สำหรับ แก้ปัญหาน้ำเค็มรุกล้ำแม่น้ำ โดยปัญหาน้ำที่ผลิตออกมาเพื่อการบริโภคมีรสเค็มนั้น ประชาชนทั่วไปสามารถดื่ม ได้ เพราะไม่ส่งผลต่อร่างกาย ชื่อเจ้าของผลงาน ผศ.ดร.วศิน ยุวนะเตมีย์ ดร.บัลลังก์ เนื่องแสง ว่าที่ร้อยตรีพิสุทธิ์ เทศสวัสดิ์ นายธีระศักดิ์ สโมสร นายฉัตรดนัย ไชยหาญ หน่วยงานเจ้าของผลงาน คณะเทคโนโลยีทางทะเล มหาวิทยาลัยบูรพา วิทยาเขตจันทบุรี
หน้า | 7-7 ชื่อผลงานวิจัย ( ภาษาไทย) อุปกรณ์แบบกระดาษสำหรับวิเคราะห์ฟอร์มดีหายในอาหาร ชื่อผลงานวิจัย ( ภาษาอังกฤษ) Formaldehyde test paper บทคัดย่อ สำหรับงานวิจัยชิ้นนี้ ได้พัฒนาขึ้นจากความสำคัญของการใช้ฟอร์มาลีนในการรักษาอาหารให้สดใหม่ และตระหนักถึงความเป็นพิษของสารชนิดดังกล่าว โดยเฉพาะการปนเปื้อนในอาหารทะเล ซึ่งบริโภคกันเป็น ประจำเนื่องจากการทานอาหารทะเลมีความต้องการสูงและต้องการรักษาให้อาหารยังคงสดใหม่ ชุดทดสอบ ฟอร์มาลีนในอาหารที่อาศัยการอ่านผลจากการเทียบความเข้มสีกับแผนสี ซึ่งมีข้อเสีย คือ หากตัวอย่างอาหาร ที่มีสี จะทำให้สีของอาหารมารบกวนการอ่านผลทดสอบทำให้การอ่านคลาดเคลื่อน โดยโครงการวิจัยนี้จึง แก้ปัญหาและพัฒนาอุปกรณ์แบบกระดาษสำหรับตรวจวัดฟอร์มาลีน ซึ่งมีจุดเด่นคือสามารถอ่านผลทดสอบได้ โดยสีของอาหารไม่รบกวนทดสอบ และจะเป็นอุปกรณ์ที่ใช้ในการอ่านค่า โดยสามารถอ่านได้ด้วยการนับ จำนวนช่องที่สีปรากฏหรืออ่านจากตัวเลขระบุความเข้มข้นของสีที่ปรากฏในขั้นสุดท้าย โดยประสิทธิภาพใน การทดสอบมีความแม่นยำเทียบเท่ากับวิธีมาตรฐาน ซึ่งชุดตรวจมีขนาดเล็กและใช้ปริมาณสารน้อยก ราคา ต้นทุนถูก ชื่อเจ้าของผลงาน รองศาสตราจารย์ ดร.ยุภาพร สมีน้อย หน่วยงานเจ้าของผลงาน ภาควิชาเคมี คณะวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลัยบูรพา
หน้า | 7-8 ชื่อผลงานวิจัย ( ภาษาไทย) การพัฒนาผลิตภัณฑ์แปรรูปจากมะม่วงทวายเดือนเก้าอำเภอคลองเขื่อนจังหวัดฉะเชิงเทรา บทคัดย่อ ชุมชนบ้านคลองเขื่อน ตำบลคลองเขื่อน อำเภอคลองเขื่อน จังหวัดฉะเชิงเทรา มีทรัพยากรชุมชนคือ มะม่วง สายพันธุ์ต่าง ๆ เช่น มะม่วงน้ำดอกไม้ มะม่วงทวายเดือนเก้า และจำหน่ายเป็นมะม่วงสดและมะม่วง กวนเท่านั้น งานวิจัยนี้มีวัตถุประสงค์คือการพัฒนาผลติภภัณฑ์ เพื่อการท่องเที่ยวเชิงเกษตร สำหรับรองรับการ ยกระดับ ศักยภาพ การท่องเที่ยวเชิงสร้างสรรค์โดยชุมชน เป็นการวิจัยเชิงปฏิบัติการแบบมีส่วนร่วมระหว่าง นักวิจัย ชุมชน และภาคี เครือข่าย การดำเนินการประกอบด้วย 1) กระบวนการมีส่วนร่วมของภาคีเครือข่าย 2) การพัฒนาผลิตภัณฑ์การ ท่องเที่ยวคือ นมข้นหวานรสมะม่วงนำ ดอกไม้และมะม่วงลอยแก้วและการพัฒนา ของที่ระลึกที่ สะท้อนอัตลักษณ์ ชุมชนคือเส้ือยืดของดีคลองเข่ือนและกระเป๋าผ้าของดีคลองเข่ือน และ 3) การ พัฒนาศักยภาพของบุคคลากร โดยการฝึกอบรมและการประชาสัมพันธ์และเพิ่มช่องทางการตลาด ส่งผลให้ ชุมชนเป็นที่รู้ จัก มากขึ้นมีศักยภาพด้านการท่องเท่ียว และมีส่ือภายนอกเข้ามาถ่ายทำรายการสามารถ จำหน่ายผลิตภัณฑ์เพ่ือสร้างรายได้ให้แก่ชุมชน โดยเฉลย่ี 3,000-3,500 บาทตอ่ เดือนคนในชุมชนได้รับการ พัฒนาด้านการแปรรูปผลิตภัณฑ์มี การประชาสัมพันธ์และสร้างช่องทางการจำาหน่ายผลิตภัณฑ์ชุมชน ซ่ึง นำไปสู่การพัฒนาท้องถ่ินและสร้างรายได้ในชุมชน ชื่อเจ้าของผลงาน ผศ.กัญชญานิศ ศรีนุกูล และ อ.โปรดปราน ทาศิริ อาจารย์ ประจาคณะวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี และคุณชัยรัตน์ โสธรนพบุตร ประธานกรรมการ บริษัท ผลไม้แปรรูปวรพร จากัด หน่วยงานเจ้าของผลงาน คณะวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี มหาวิทยาลัยราชภัฏราชนครินทร์
หน้า | 7-9 ชื่อผลงานวิจัย ( ภาษาไทย) การพัฒนาผลิตภัณฑ์อาหารเสริมสุขภาพจากมะม่วงทวายเดือนเก้า อำเภอแปลงยาว จังหวัด ฉะเชิงเทรา บทคัดย่อ วิจัยที่พัฒนาองค์ความรู้เกี่ยวกับการแปรรูป ผลิตภัณฑ์จากมะม่วงต่อยอดองค์ความรู้เก่ียวกับคุณค่า โภชนาการและสารสาคัญต่าง ๆ เพ่ือพัฒนานวัตกรรมการ แปรรูปร่วมกลุ่มวิสาหกิจชุมชนแปลงยาว ชุมชน บ้านคลองเข่ือน ตำบลคลองเข่ือน อำเภอคลองเข่ือน จังหวัดฉะเชิงเทรา มีทรัพยากรชุมชนคือ มะม่วง สาย พันธุ์ต่าง ๆ เช่น มะม่วงนำ้ดอกไม้ มะม่วงทวายเดือนเก้า และจำาหน่ายเป็นมะม่วงสดและมะม่วงกวนเท่านั้น งานวิจัยนี้มี วัตถุประสงค์ คือ การพัฒนาผลิตภัณฑ์ เพื่อการท่องเที่ยวเชิงเกษตรสำหรับรองรับ การยกระดับ ศักยภาพการท่องเท่ียวเชิงสร้างสรรค์โดยชุมชน เป็นการวิจัยเชิงปฏิบัติการแบบมีส่วนร่วมระหว่างนักวิจัย ชุมชน และภาคี เครือข่าย การดำเนินการประกอบด้วย 1) กระบวนการมีส่วนร่วมของภาคีเครือข่าย 2) การ พัฒนาผลิตภัณฑ์การ ท่องเทย่ี วคอื นมข้นหวานรสมะม่วงน้ำดอกไม้และมะม่วงลอยแก้วและการพัฒนาของที่ ระลึกที่สะท้อนอัตลักษณ์ชุมชนคือเส้ือยืดของดีคลองเข่ือนและกระเป๋าผ้าของดีคลองเข่ือนและ 3) การพัฒนา ศักยภาพของบุคคลากร โดยการฝึก อบรมและการประชาสัมพันธ์และเพิ่มช่องทางการตลาด ส่งผลให้ชุมชน เป็นที่รู้จักมากขึ้นมีศักยภาพด้านการท่องเท่ียว และมีส่ือภายนอกเข้ามาถ่ายทำรายการ สาม ารถจำหน่าย ผลิตภัณฑ์เพ่ือสร้างรายได้ให้แก่ชุมชน โดยเฉลี่ย 3,000-3,500 บาทต่อเดือนคนในชุมชนได้รับการพัฒนาด้าน การแปรรูปผลิตภัณฑ์มีการประชาสัมพันธ์ และสร้างช่องทางการจำหน่ายผลิตภัณฑ์ชุมชน ซ่ึงนำไปสู่การ พัฒนาท้องถ่ินและสร้างรายได้ในชุมชน ชื่อเจ้าของผลงาน ดร.ณัฐฐาพร สามารถ หน่วยงานเจ้าของผลงาน วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี มหาวิทยาลัยราชภัฏราชนครินทร์
หน้า | 7-10 ชื่อผลงานวิจัย ( ภาษาไทย) AI-YARA ระบบปญหาประดิษฐ เพ่ือการตรวจจับและแจงเตือนชางปา บทคัดย่อ พื้นที่ทุ่งควายกิน อําเภอแกลง จังหวัดระยอง เป็นหนึ่งพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบจากปัญหาช้าง ป่าบุกรุก พื้นที่เกษตรกรรมของชาวบ้าน ที่สร้างความเสียหายให้กับพืชผลทางเกษตรกรรม ทั้งผลไม้ ทางเศรษฐกิจของ จังหวัด เช่น เงาะ ทุเรียน ลองกอง มะละกอ กล้วย ขนุน เป็นต้น และยังสร้างความ เสียหายทั้งชีวิตและ ทรัพย์สินของเกษตรกร ซึ่งส่งผลโดยตรงต่อชาวบ้านในเขตพื้นที่ ปัจจุบันผู้นํา หมู่บ้านและชาวบ้านได้รวมตัวกัน ตั้งชุดจิตอาสาฯ เพื่อผลักดันช้างป่าในพื้นที่ เพื่อบรรเทาความ เดือดร้อน ของพี่น้องประชาชนในพื้นที่ โดยใช้ ชื่อว่า “ชมรมเพื่อนช้าง ทุ่งควายกิน” มีสมาชิกทั้งหมด 161 คน มีอาสาฯ หมุนเวียนกันปฏิบัติหน้าที่กันโดย ตลอดทุกวัน จากความเสียหายที่เกิดขึ้นนั้นเป็นวงกว้าง และมีแนวโน้มขยายขึ้นมากทุกปี ที่ประชากรช้างมี การเพิ่มจํานวนมากขึ้น ตําบลทุ่งควายกินนั้นเป็นตําบลที่มีความอุดมสมบูรณ์ มีทั้งสวนผลไม้ มีป่า และ มีแหล่ง นํ้า (อ่างเก็บนํ้าเขาจุก) ดังนั้นการปฏิบัติงานของอาสาสมัคร ทําได้ค่อนข้างยาก ด้วยขนาดพื้นที่ ค่อนข้างกว้าง และมีกําลงัไม่เพียงพอจึงต้องอาศัยเทคโนโลยีเข้ามาช่วยอาสาฯในการทํางาน sคณะวิทยาการคอมพิวเตอร์และ เทคโนโลยีสารสนเทศ มหาวิทยาลัยราชภัฏรําไพพรรณี ได้ ตระหนักถึงความเดือนร้อนของชาวบ้าน หลังจาก ได้รับทราบปัญหาจากผู้นําชุมชน จึงได้จัดทํา โครงการเพื่อบริการวิชาการให้กับชาวบ้านในเขตพื้นที่ดังกล่าว โดยวางแผนที่จะใช้เทคโนโลยี ปัญญาประดิษฐ์ (Artificial Intelligent) วิเคราะห์ภาพจากกล้องที่ติดตั้งไว้ บริเวณที่มีการผ่านเข้าออก ของช้าง บนพื้นที่รอยต่อจากป่าสู่ชุมชน เพื่อตรวจจับและแจ้งเตือนการบุกรุกของ ช้าง และดําเนินการ แจ้งเตือนชาวบ้าน และชุดอาสาสมัครเพื่อผลักดันช้างก่อนก่อความเสียหายกับพื้นที่ เกษตรกรรมรวม ไปถึงชีวิตและทรัพย์สินของชาวบ้าน ชื่อเจ้าของผลงาน คณะวิทยาการคอมพิวเตอร์และเทคโนโลยีสารสนเทศ มหาวิทยาลัยราชภัฏรําไพพรรณี บริษัท ธิงส์อ นาไลติค จํากัด (สํานักงานใหญ) และศูนย์บริการ 3BB ภูมิภาคตะวันออก หน่วยงานเจ้าของผลงาน คณะวิทยาการคอมพิวเตอร์และเทคโนโลยีสารสนเทศ
หน้า | 7-11 ชื่อผลงานวิจัย ( ภาษาไทย) ระบบเกษตรแม่นยำสูงผ่านโครงข่าย LoRa Wan บทคัดย่อ การติดตั้งเกตุเวยโครงขาย LoRa Wan Long Range เปนเครือขายขอมูลระยะไกล สามารถเช่ือมต อกับอุปกรณ เซ็นเซอร หรือโหนดยอยรัศมี 15-20 กิโลเมตร จากเกตเวย Low Power ใชพลังงานต่ําแบตเต อรรี่ 1 ก้อน สามารถสงขอมูลไดหลายปด้วยคาใชจายนอย เนื่องจากใช คล่ืน 920-925MHz ท่ีเปดใหใชงานฟรี การติดตั้งเสาส่งสัญญาณ LoRa Wan อุปกรณเซ็นเซอรสวนทุเรียน วัดคาอุณหภูมิ ความชื้น จัดเก็บขอมู ลบนเคร่ืองแมขายแสดงผลผานแดชบอรดและควบคุมการเปดปดอุปกรณไฟฟา นอกจากนั้นติดตามอุปกรณ และการปองกันการขโมยผลผลิตทางการเกษตร ชื่อเจ้าของผลงาน คณะวิทยาการคอมพิวเตอร์และเทคโนโลยีสารสนเทศ มหาวิทยาลัยราชภัฏรําไพพรรณี หน่วยงานเจ้าของผลงาน คณะวิทยาการคอมพิวเตอร์และเทคโนโลยีสารสนเทศ มหาวิทยาลัยราชภัฏรําไพพรรณี
หน้า | 7-12 ชื่อผลงานวิจัย ( ภาษาไทย) การวิจัยระบบจำแนกภาพถ่ายเบาหวานขึ้นจอประสาทตาแบบอัตโนมัติห บทคัดย่อ โรคเบาหวานขึ้นจอตาและโรคจอประสาทตาเสื่อมสามารถป้องกันหรือลดความรุนแรงของโรคได้ หาก พบแนวโน้มการเป็นโรคตั้งแต่เนิ่นๆ จะนำไปสู่การรักษา ลดการสูญเสีย ลดค่าใช้จ่ายทางการแพทย์และเพิ่ม คุณภาพชีวิตของผู้สูงอายุได้ การตรวจวินิจฉัยโรคเบาหวานขึ้นจอตาและโรคจอประสาทตาเสื่อมนั้นต้องได้รับ การตรวจจากจักษุแพทย์โดยการตรวจจอตา อย่างไรก็ตามจักษุแพทย์ในประเทศไทยยังขาดแคลนไม่เพียงพอ ต่อความต้องการโดยเฉพาะอย่างยิ่งโรงพยาบาลในพื้นที่ห่างไกล ด้วยข้อจำกัดดังกล่าวทำให้การตรวจ วินิจฉัยโรคมีข้อจำกัด บ่อยครั้งที่ผู้ป่วยไม่ได้รับการรักษาอย่างทันท่วงทีทำให้เกิดการสูญเสียการมองเห็น ดังนั้น คณะผู้วิจัยจึงทำการพัฒนา DeepEye โดยใช้ขั้นตอนวิธีการเรียนรู้เชิงลึก (Deep Learning) ซึ่งเป็นเทคนิค หนึ่งในปัญญาประดิษฐ์ (Artificial Intelligence) ที่มีความถูกต้องแม่นยำสูงมาก โดยพัฒนาให้สามารถใช้งาน ง่ายในรูปแบบแอปพลิเคชันบนสมาร์ทโฟน สามารถเชื่อมต่อกับกล้องถ่ายภาพจอตาแบบพกพารุ่นใดก็ได้ สามารถตรวจคัดกรองได้อย่างรวดเร็ว ให้ความถูกต้องแม่นยำเทียบเท่าจักษุแพทย์ สามารถตรวจคัดกรอง โรคเบาหวานขึ้นจอตาและจำแนกภาพถ่ายจอตาออกเป็น 3 ประเภทใหญ่ๆ คือ ปกติ (Normal), มีเบาหวาน ขึ้นจอตา (Diabetic Retinopathy: DR) และเป็นโรคอื่นๆ (Other Diseases) ยิ่งไปกว่านั้น หากตรวจพบว่า เป็นเบาหวานขึ้นจอตา DeepEye ยังสามารถระบุระดับความรุนแรงของโรคออกเป็น 4 ระดับ อย่างถูกต้อง แม่นยำ กล่าวคือ เล็กน้อย (Mild Non-Proliferative Diabetic Retinopathy: Mild NPDR), ปานกลาง (Moderate Non-Proliferative Diabetic Retinopathy: Moderate NPDR), ร ุ น แ ร ง (Severe NonProliferative Diabetic Retinopathy : Severe NPDR), และรุนแรงมีเส้นเลือดเกิดใหม่ (Proliferative Diabetic Retinopathy: PDR) ซึ่งเป็นระยะที่อันตรายมากและสามารถคัดกรองโรคจอประสาทตาเสื่อมโดย สามารถแบ่งประเภทได้เป็น โรคจอประสาทตาเสื่อมแบบแห้ง (Dry Age-Related Macular Degeneration: Dry AMD) และโรคจอประสาทตาเสื่อมแบบเปียก (Wet Age-Related Macular Degeneration: Wet AMD) ชื่อเจ้าของผลงาน ดร.คัมภีร์ ธีระเวช หน่วยงานเจ้าของผลงาน คณะวิทยาการคอมพิวเตอร์และเทคโนโลยีสารสนเทศ มหาวิทยาลัยราชภัฏรําไพพรรณี รวมดวย โรงพยาบาลพระปกเกลาจังหวัดจันทบุรี
หน้า | 7-13 ชื่อผลงานวิจัย ( ภาษาไทย) การพัฒนาหุนยนตอุตสาหกรรมปอนชิ้นงานเขาเครื่องปมอุตสาหกรรม ชื่อผลงานวิจัย ( ภาษาอังกฤษ) Suk Sala smart health examination box บทคัดย่อ หุ่นยนต์และระบบอัตโนมัติมีความคล้ายกันในแง่มุมของการเป็นเครื่องจักรอัตโนมัติ (Automation Machine) โดยหุ่นยนต์สามารถเรียกได้ว่าเป็นส่วนหนึ่งในระบบอัตโนมัติได้เนื่องจากมีองค์ประกอบและการ ทางานที่คล้ายกัน แต่หุ่นยนต์จะสามารถทางานจากโปรแกรมการตัดสินใจและสามารถปรับเปลี่ยนโปรแกรม การทางานให้ทางานหลากหลายหน้าที่ได้ ซึ่งระบบอัตโนมัติไม่สามารถทาได้ สาหรับองค์ประกอบที่สามารถ แสดงให้เห็นอย่างชัดเจนสาหรับหุ่นยนต์ คือ องค์ประกอบของระบบในการควบคุมหุ่นยนต์ซึ่งประกอบด้วย องค์ประกอบหลักซึ่งจะมีอยู่ด้วยกัน 3 ส่วนที่มีความสัมพันธ์กัน ได้แก่ Programming Pendent หรือ อุปกรณ์ ที่ทาหน้าที่ในการปูอนคาสั่งโดยผู้ควบคุมหรือผู้ใช้งาน, Controller หรือ ส่วนที่ทาหน้าที่ในการรับคาสั่งจาก ผู้ใช้งานผ่านอุปกรณ์ที่ทาหน้าที่ในการปูอนคาสั่งและนามาประมวลผล เพื่อทาการควบคุมหรือสั่งการทางาน ของหุ่นยนต์ต่อไป และสุดท้าย Manipulator ที่จะทางานตามคาสั่งที่ผ่าน การประมวลผลจากส่วนที่ทาหน้าที่ ในการรับคาสั่งจากผู้ใช้งาน งานวิจัยนี้นำเสนอการวิเคราะห์และการประเมิณผลการทำงานของแขนกลจับ ชิ้นงานร่วมกับการทำงานเชิงการทองเห็นอัตโนมัติของวิทัศน์ (vision) เพื่อใช้ในการหยิบชิ้นงานได้อย่าง แม่นยำ ชื่อเจ้าของผลงาน อาจารย์ทัศพันธุ์ สุวรรณทัต หน่วยงานเจ้าของผลงาน สํานักวิชาวิศวกรรมศาสตรและนวัตกรรม มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลตะวันออก
หน้า | 7-14 7.2 หลักสูตรและการถ่ายทอดองค์ความรู้ (Knowledge and Technology Transfer) ร่วมกับหน่วย บริหารและจัดการทุนด้านการพัฒนาระดับพื้นที่ (บพท.) ในการเสริมและพัฒนาทักษะ เพิ่มความสามารถ ให้บุคลากรขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น เศรษฐกิจชุมชนถือว่าเป็นรากฐานที่สำคัญของประเทศ เนื่องจากประชากรไทยส่วนใหญ่ยังคงเป็นกลุ่ม ที่อาศัยอยู่ในท้องถิ่นมากกว่าอยู่ในเมือง ดังนั้นการสร้างฐานรากของเศรษฐกิจชุมชนให้มีความเข้มแข็ง และ ยั่งยืน ก็จะเป็นการพัฒนาเศรษฐกิจของประเทศให้มีศักยภาพด้วยเช่นกัน ทั้งนี้ การนำวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี และนวัตกรรมมาประยุกต์ใช้กับการดำรงชีวิตและธุรกิจของคนในชุมชน จะเป็นการส่งเสริมให้เกิดการพัฒนา และเรียนรู้อย่างยั่งยืน สามารถนำองค์ความรู้จากงานวิจัยไปใช้ในการทำธุรกิจ สร้างอาชีพ รวมถึงต่อยอดไปสู่ การแก้ปัญหาต่างๆ ในชีวิตประจำวันได้ การส่งเสริมการนำนวัตกรรมไปใช้ประโยชน์ในพื้นที่เพื่อพัฒนาสังคมและชุมชน (Area based Innovation for Community) เป็นงานที่ส่งเสริมให้มีการนำเทคโนโลยีหรืองานวิจัยไปใช้ประโยชน์ในชุมชนใน หลากหลายมิติ เช่น การดำรงชีพ สุขภาพ การแก้ไขปัญหาทางธุรกิจ การสร้างอาชีพ เป็นต้น ซึ่งจะทำให้เกิดการ เรียนรู้ในชุมชน เพิ่มศักยภาพของคนในท้องถิ่น และพัฒนาคุณภาพชีวิตอย่างยั่งยืน นอกจากนี้ ในแผนงานยังมี กิจกรรมที่ช่วยสนับสนุนการสร้างธุรกิจใหม่ในชุมชน ผ่านกระบวนการบ่มเพาะจากเครือข่ายอุทยาน วิทยาศาสตร์ภูมิภาค ซึ่งจะเป็นการช่วยผู้ประกอบการชุมชนลดความเสี่ยงในการตั้งธุรกิจ และสามารถต่อยอด ทางธุรกิจเองได้อย่างยั่งยืน โดยหน่วยบริหารและจัดการทุนด้านการพัฒนาระดับพื้นที่ (บพท.) ร่วมกับ มหาวิทยาลัยบูรพาได้วิเคราะห์แลพัฒนาหลักสูตรในการเสริมและพัฒนาทักษะ เพิ่มความสามารถให้บุคคลากร ขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นได้รับการถ่ายเทคโนโลยีสำหรับพื้นที่ 7.2.1 ภาพรวมของหลักสูตร [Course Overview] ภาพรวมของหลักสูตรการส่งเสริมการนำนวัตกรรมไปใช้ประโยชน์ในพื้นที่เพื่อพัฒนาสังคมและชุมชน (Area based Innovation for Community) คณะวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยบูรพา ประกอบด้วย กิจกรรม ดังนี้ การถ่ายทอดเทคโนโลยีสู่ชุมชน (Tech transfer to Community) 1) การสำรวจและวิเคราะห์ข้อมูลชุมชน - การลงพื้นที่เพื่อสำรวจความต้องการในการพัฒนา - การรวบรวมข้อมูลเทคโนโลยีที่พร้อมถ่ายทอดแก่ชุมชน - มีการสำรวจและวิเคราะห์ข้อมูลชุมชนถึงปัญหาและความต้องการ วางแผนเพื่อการพัฒนา ชุมชนร่วมกันระหว่างผู้รับผิดชอบโครงการและชุมชน วิเคราะห์ถึงโอกาสความเป็นไปได้ในการนำไป ประยุกต์ใช้งานจริงและความเป็นไปได้ในการถ่ายทอดเทคโนโลยีสู่ชุมชนอย่างเป็นระบบ โดยการ สำรวจความต้องการของชุมชนใช้วิธีการลงพื้นที่พูดคุยเกี่ยวกับปัญหาเพื่อให้ได้มาซึ่งโจทย์ปัญหาของ ชุมชนอย่างแท้จริง 2) การประเมินศักยภาพและความต้องการของชุมชน - การลงพื้นที่เพื่อประเมินความพร้อมของชุมชน พร้อมทั้งวางแผนการดำเนินงานพร้อมผู้นำ ชุมชน พร้อมทั้งกำหนดหลักสูตรที่เหมาะสมกับชุมชนในการอบรมถ่ายทอดเทคโนโลยีและองค์ความรู้ สู่ชุมชน
หน้า | 7-15 3) การดำเนินโครงการ โดยประกอบด้วยกิจกรรม ดังนี้ - การสำรวจพื้นที่ และทำความเข้าใจเบื้องตันกับชุมชน - การให้ความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับเทคโนโลยีที่จะนำมาใช้งานในพื้นที่ - การสาธิตการใช้งานเทคโนโลยี - การส่งเสริมให้ชุมชนนำเทคโนโลยีไปใช้งานจริง 4) ติดตามและประเมินผลการถ่ายทอดความรู้ - มีกระบวนการในการติดตามการดำเนินการถ่ายทอดความรู้ 4.2.2 วัตถุประสงค์การเรียนรู้ [learning Objectives] - ส่งเสริมการนำเทคโนโลยีและงานวิจัยไปใช้ประโยชน์ในชุมชน - สร้างผู้ประกอบการชุมชนที่มีพื้นฐานจากเทคโนโลยีและงานวิจัยในการทำธุรกิจ 4.2.3 กลุ่มเป้าหมาย [Target Audience] - ชุมชนที่มีการนำเทคโนโลยีไปใช้ประโยชน์อย่างยั่งยืน - ผู้ประกอบการชุมชนที่มีความพร้อมในการทำธุรกิจ 4.2.4 เนื้อหาหลักสูตร [Course Content] หัวข้อ รายละเอียดโครงการ หลักสูตรที่1 ชื่อหลักสูตร การถ่ายทอดเทคโนโลยีการแปรรูปผลิตภัณฑ์อาหารจากข้าวเพื่อการผลิต เชิงพาณิชย์ เทคโนโลยีที่เกี่ยวข้อง เทคโนโลยีและองค์ความรู้เกี่ยวกับการแปรรูปผลิตภัณฑ์อาหารจากข้าว และการพัฒนาบรรจุภัณฑ์และตราสินค้าเพื่อยกระดับคุณภาพมาตรฐาน สินค้า แผนดำเนินการ 1. การสำรวจพื้นที่ และทำความเข้าใจเบื้องตันกับชุมชน ทางคณะทำงานมีการสำรวจและวิเคราะห์ข้อมูลชุมชนถึงปัญหาและความ ต้องการ วางแผนเพื่อการพัฒนาชุมชนร่วมกันระหว่างคณะ กรรมการบริหารโครงการและชุมชน วิเคราะห์ถึงโอกาสความเป็นไปได้ใน การนำไปประยุกต์ใช้งานจริงและความเป็นไปได้ในการถ่ายทอดเทคโนโลยี สู่ชุมชนอย่างเป็นระบบ โดยการสำรวจความต้องการของชุมชนใช้วิธีการลง พื้นที่พูดคุยเกี่ยวกับปัญหาเพื่อให้ได้มาซึ่งโจทย์ปัญหาของชุมชนอย่าง แท้จริง 2. การให้ความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับเทคโนโลยีที่จะนำมาใช้งานในพื้นที่ จากการสำรวจพื้นที่และทำความเข้าใจเบื้องตันกับชุมชน โดยได้กำหนด แนวทางของการถ่ายทอดองค์ความรู้เป็น 2 กิจกรรมหลักๆ คือ กิจกรรมที่ 1 การแปรรูปผลิตภัณฑ์อาหารจากข้าว โดยการนำองค์ ความรู้และเทคโนโลยีทางด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีการอาหารมา ถ่ายทอดให้กับกลุ่มเป้าหมาย ได้แก่ การผลิตเส้นก๋วยเตี๋ยวเพื่อสุขภาพใน
หน้า | 7-16 หัวข้อ รายละเอียดโครงการ รูปแบบเส้นแห้ง การผลิตผลิตภัณฑ์ขนมขบเคี้ยวจากข้าว เป็นต้น เพื่อให้ กลุ่มเป้าหมายมีทักษะในการผลิตและสามารถผลิตผลิตภัณฑ์เพื่อจำหน่าย ได้ กิจกรรมที่ 2 การพัฒนาบรรจุภัณฑ์โดยการร่วมกับชุมชนในการ ออกแบบฉลากผลิตภัณฑ์และตราสินค้า รวมถึงการผลิตต้นแบบบรรจุ ภัณฑ์ การวิเคราะห์คุณค่าทางโภชนาการของผลิตภัณฑ์อาหารแปรรูปจาก ข้าวจากหน่วยงานที่ได้รับการรับรองมาตรฐานห้องปฏิบัติการ เพื่อใช้เป็น ข้อมูลแสดงให้กับผู้บริโภคบนฉลากผลิตภัณฑ์ และการขอรับเลขสารบบ อาหาร (เลข อย.) อาหารแปรรูปที่บรรจุในภาชนะพร้อมจำหน่าย 3. การสาธิตการใช้งานเทคโนโลยี กิจกรรมที่ 1 เทคโนโลยีการแปรรูปผลิตภัณฑ์อาหารจากข้าว อาทิ เครื่องขึ้นรูปและนึ่งเส้นก๋วยเตี๋ยว กิจกรรมที่ 2 การพัฒนาบรรจุภัณฑ์ให้ทันสมัยตอบโจทย์ความต้องการ ของผู้บริโภค 4. การส่งเสริมให้ชุมชนนำเทคโนโลยีไปใช้งานจริง การติดตามให้คำปรึกษาเพื่อให้ชุมชนนำองค์ความรู้และเทคโนโลยีไปใช้ งานจริง หลักสูตรที่2 ชื่อหลักสูตร การประยุกต์ใช้ปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงและนวัตกรรมเพื่อแก้ปัญหา ความยากจนในอำเภอวัฒนานคร จังหวัดสระแก้ว เทคโนโลยีที่เกี่ยวข้อง 1. การถ่ายทอดองค์ความรู้เกี่ยวกับเทคโนโลยีเกษตรแม่นยำ - การถ่ายทอดเทคโนโลยีระบบโดรนการเกษตร - การถ่ายทอดเทคโนโลยีระบบฟาร์มอัจฉริยะ 2. การถ่ายทอดความรู้หลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงสู่ชุมชน - การประยุกต์ใช้ปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงในชีวิตประจำวัน - การพัฒนาวิสาหกิจชุมชนตามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง ตอน โคก หนอง นา โมเดล 3.การถ่ายทอดเทคโนโลยีและนวัตกรรมเพื่อแก้ไขปัญหาความยากจน - การถ่ายทอดเทคโนโลยีการแปรรูปและการพัฒนาผลิตภัณฑ์ด้วย เทคโนโลยี - การถ่ายทอดนวัตกรรมการตลาดออนไลน์ แผนดำเนินการ 1. การประชุมวางแผนดำเนินกิจกรรมระหว่างผู้รับผิดชอบโครงการและ กลุ่มชุมชนเป้าหมาย 2. การถ่ายทอดองค์ความรู้เกี่ยวกับเทคโนโลยีเกษตรแม่นยำ 3. การถ่ายทอดความรู้หลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงสู่ชุมชน 4. การถ่ายทอดเทคโนโลยีและนวัตกรรมเพื่อแก้ไขปัญหาความยากจน 5. การพัฒนาต่อยอดผลิตภัณฑ์วิสาหกิจชุมชน
หน้า | 7-17 หัวข้อ รายละเอียดโครงการ 6. การบ่มเพาะ/ให้คำปรึกษา 7. การติดตามผลการดำเนินโครงการ 8. รายงานสรุปผลการดำเนินโครงการ หลักสูตรที่3 ชื่อหลักสูตร การพัฒนาศูนย์ถ่ายทอดเทคโนโลยีการผลิตพลังงานไฟฟ้าจากเซลล์ แสงอาทิตย์ เทคโนโลยีที่เกี่ยวข้อง 1. เทคโนโลยีการผลิตพลังงานไฟฟ้าจากเซลล์แสงอาทิตย์ 2. การนำเทคโนโลยี IoT มาช่วยติดตามการผลิตและการใช้พลังงานไฟฟ้า 3. เทคนิคการออกแบบและติดตั้งระบบเซลล์แสงอาทิตย์ให้เหมาะกับความ แผนดำเนินการ กิจกรรมที่ 1 ติดต่อประสานงานตัวแทนชุมชน 1.1 หัวหน้าโครงการฯ และคณะทำงานติดต่อประสานงานกับ ผู้อำนวยการ ศูนย์กสิกรรมธรรมชาติมาบเอื้อง และตัวแทน ชุมชนท่องเที่ยว OTOP นวัต วิถี “บ้านวังน้ำดำ” อ.บ้านบึง จ.ระยอง 1.2 ประชุมวางแผนการดำเนินงานร่วมกันระหว่างทีมผู้ดำเนินโครงการ และตัวแทนชุมชน 1.3 เตรียมพื้นที่และติดตั้งอุปกรณ์ที่ใช้ในระบบการผลิตพลังงานไฟฟ้าจาก เซลล์แสงอาทิตย์ 1.4 ส่งรายงานความก้าวหน้าครั้งที่ 1 กิจกรรมที่ 2 เทคโนโลยีการผลิตพลังงานไฟฟ้าระบบโซลาร์เซลล์ 2.1 พื้นฐานเทคโนโลยีเซลล์แสงอาทิตย์/การเชื่อมต่อของอุปกรณ์ไฟฟ้าใน ระบบเซลล์แสงอาทิตย์/การคำนวณค่าปริมาณทางไฟฟ้า/ผู้เข้าอบรม นำเสนอแผนที่จะนำพลังงานไฟฟ้าไปใช้งาน 2.2 คำนวณต้นทุน-ความคุ้มค่า/แนะนำอุปกรณ์และสาธิตการติดตั้งระบบ เซลล์แสงอาทิตย์/ สาธิตการนำเทคโนโลยี IoT มาใช้งาน/ ผู้เข้าอบรม แลกเปลี่ยนความคิดเห็นร่วมกัน 2.3 ความปลอดภัยในระบบเซลล์แสงอาทิตย์/ แนะนำการใช้เครื่องมือวัด ทางไฟฟ้า และการอ่านค่าทางไฟฟ้า 2.4 สาธิตทดสอบการต่อโหลดต่างๆ เพื่อนำพลังงานไฟฟ้าที่ผลิตขึ้นไปใช้ งาน/ อ่านค่าจากเครื่องมือวัด/ บำรุงรักษาและการแก้ไขปัญหา/ ผู้เข้า อบรมแลกเปลี่ยนความคิดเห็นร่วมกัน 2.5 เทคนิคด้านการตลาดและการเงินสำหรับการประกอบธุรกิจของ ชุมชน/ แบ่งกลุ่มทำกิจกรรมและนำเสนอผลงาน 2.6 จัดทำรายงานฉบับสมบูรณ์/ ดำเนินการปิดโครงการ
หน้า | 7-18 หัวข้อ รายละเอียดโครงการ หลักสูตรที่4 ชื่อหลักสูตร การประยุกต์เทคนิคอย่างง่ายในการการสกัดรส กลิ่นและสารสำคัญจากใบ ของกัญชาเพื่อนำมาประยุกต์ใช้ในการทำอาหาร เทคโนโลยีที่เกี่ยวข้อง การแปรรูปอาหารอย่างง่าย Low & Slow Cannabis Infuse Fat-based Liquid แผนดำเนินการ กิจกรรมที่ 1 การศึกษาความต้องการชุมชนและบริบทพื้นที่ 1.1 สำรวจความต้องการชุมชน 1.2 การสัมภาษณ์แบบเจาะลึก และการสัมมนากลุ่ม กับกลุ่มผู้มีส่วน เกี่ยวข้องทั้งหมดเพื่อศึกษารวมรวมและวิเคราะห์ข้อมูลร่วมกัน กิจกรรมที่ 2 การสอนการสกัดใบกัญชาลงในวิปครีมและกะทิ 2.1 การอบรมเพื่อให้ความรู้พื้นฐานเกี่ยวกับกัญชา การเก็บรักษาใบกัญชา เพื่อการสกัดรส กลิ่น และสารสำคัญ 2.2 การอบรมเชิงปฏิบัติการการสกัดสารจากใบกัญชาและผสมลงในวิป ครีมด้วยเทคนิค Double-Pot กิจกรรมที่ 3 การสาทิตการทำวิปครีมกัญชามาประยุกต์ทำขนม 3.1 การอบรมเชิงปฏิบัติการการทำเมนู “ชีสพายกัญชา” (Tip และ เทคนิค) 3.2 การอบรมเชิงปฏิบัติการการนำกากกัญชาที่สกัดได้ไปใช้ประโยชน์ต่อ เช่น การทำผงปรุงรสโรยอาหาร กิจกรรมที่ 4 การสังเกตคุณภาพผลิตภัณฑ์และการคำนวนตั้งราคาและ ต้นทุน 4.1 การอบรมให้ความรู้เกี่ยวกับอายุการเก็บรักษาผลิตภัณฑ์ และวิธีการ สังเกตการณ์เน่าเสีย และข้อควรระวังต่าง ๆ 4.2 การอบรมการคำนวณต้นทุน การตั้งราคา และประเมินผลตอบแทนที่ ได้รับ กิจกรรมที่ 5 รายงานผลการดำเนินงาน 5.1 การติดตามและประเมินผล และรายงานความสำเร็จของโครงการ หลักสูตรที่5 ชื่อหลักสูตร การถ่ายทอดองค์ความรู้กลยุทธ์การจัดการธุรกิจและระบบโลจิสติกส์และ การพัฒนาทักษะการตลาดออนไลน์แก่ชุมชนชาวประมงปูม้า จังหวัดชลบุรี เทคโนโลยีที่เกี่ยวข้อง Social media Marketing การให้ความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับเทคโนโลยี ด้านสื่อออนไลน์เน้นการอบรมเชิงปฏิบัติการ (workshop) โดยให้ผู้เข้าร่วม ได้ทดลองใช้เทคโนโลยีที่เกี่ยวกับสื่อออนไลน์ต่าง ๆ ด้วยตนเอง โดยมีการ แทรกเสริมกระบวนการคิดและออกแบบสื่อโฆษณาที่คำนึงถึงความ ต้องการลูกค้าเป็นหลัก (Customer-Centric Marketing) แผนดำเนินการ เริ่มต้นจากการแนะนำโครงการ เก็บข้อมูลภาพรวมในพื้นที่และบันทึก ปัญหาที่พบ รวมถึงประเมินองค์ความรู้ของชุมชนเบื้องต้นก่อนการจัด
หน้า | 7-19 หัวข้อ รายละเอียดโครงการ กิจกรรม หลังจากนั้นจะนำประเด็นปัญหาที่พบมาทำการวิเคราะห์จัดทำ แผนการปฏิบัติงานเพื่อให้ได้ผลลัพธ์ตามเป้าหมายและสอดคล้องกับบริบท ของชุมชน ซึ่งในขั้นตอนของการเตรียมการนี้จะใช้กระบวนการ PDCA มา ช่วยในการทำงาน เมื่อวางแผนได้ชัดเจนแล้ว จึงทำการจัดฝึกอบรมให้ ความรู้เรื่องกลยุทธ์ในการบริหารธุรกิจและการจัดระบบโลจิสติกส์เพื่อ ค้นหาโมเดลธุรกิจให้สามารถเข้าถึงผู้บริโภคคนสุดท้าย (Last Mile delivery) ให้ได้มากที่สุดและฝึกอบรมให้ความรู้เกี่ยวกับการทำตลาด ออนไลน์ผ่าน Social Media Marketing จำนวน 2 ครั้งเป็นระยะเวลา 4 วัน มีการประเมินชุมชนระหว่างการจัดฝึกอบรมและภายหลังการจัดอบรม เสร็จสิ้น ระหว่างการดำเนินโครงการผู้รับผิดชอบโครงการจะทำการลง พื้นที่ตรวจติดตามความก้าวหน้าในการพัฒนาชุมชนอย่างเป็นระยะและ ต่อเนื่องตลอดการจัดโครงการ หลักสูตรที่6 ชื่อหลักสูตร การนำเทคโนโลยีการแปรรูปผลิตภัณฑ์จากเนื้อปูต้มไปใช้ประโยชน์ในพื้นที่ ชุมชนบางพระ เทคโนโลยีที่เกี่ยวข้อง 1. การแปรรูปผลิตภัณฑ์อาหารจากเนื้อปู 2. บรรจุภัณฑ์สำหรับผลิตภัณฑ์อาหารจากเนื้อปู 3. การสร้างแบรนด์ และการตลาด แผนดำเนินการ กิจกรรมที่ 1การสำรวจความต้องการผลิตภัณฑ์และวิเคราะห์ความ ต้องการ 1.1 วิเคราะห์ความต้องการผลิตภัณฑ์ 1.2 สำรวจความต้องการของตลาด กิจกรรมที่ 2 การวางแผนการตลาด 2.1 การวางแผนการขายในพื้นที่ 2.2 การวางแผนการขายนอกพื้นที่ กิจกรรมที่ 3 การอบรมชุมชนเกี่ยวกับหลักการแปรรูปอาหารปลอดภัย 3.1 หลักการ GMP 3.2 การสุขาภิบาลส่วนบุคคล กิจกรรมที่ 4 การทำผลิตภัณฑ์เพื่อจำหน่าย 3.1 การผลิตเพื่อการจัดจำหน่าย กิจกรรมที่ 5 การออกแบบบรรจุภัณฑ์ 3.1 การออกแบบบรรจุภัณฑ์ กิจกรรมที่ 6 การสรุปและรายงานผล 3.1 การรายงานผล ผู้รับผิดชอบโครงการ ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.สวามินี ธีระวุฒิ คณะวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลัยบูรพา
หน้า | 7-20 หัวข้อ รายละเอียดโครงการ หลักสูตรที่7 ชื่อหลักสูตร การถ่ายทอดเทคโนโลยีการทำอุปกรณ์อำนวยความสะดวกในการเก็บผลไม้ เทคโนโลยีที่เกี่ยวข้อง เทคโนโลยีการทำอุปกรณ์อำนวยความสะดวกในการเก็บผลไม้ อนุสิทธิบัตรเลขที่ 7799 แผนดำเนินการ การให้ข้อมูลเบื้องต้นองค์ความรู้และเทคโนโลยีที่จะนำไปถ่ายทอดให้กับ ชุมชน โดยนำอุปกรณ์อำนวยความสะดวกในการเก็บผลไม้ อนุสิทธิบัตร เลขที่ 7799 ให้กลุ่มสมาชิกได้สัมผัส พร้อมทั้งชมวีดีโอสาธิตการใช้งานของ อุปกรณ์อำนวยความสะดวกในการเก็บผลไม้ โดยจัดอบรมเชิงปฏิบัติการ แบบมีส่วนร่วมในส่วนของการสร้างอุปกรณ์อำนวยความสะดวกในการเก็บ ผลไม้ จำนวน 20 อัน จำนวนผู้เข้าร่วมอบรมไม่น้อยกว่า 15-20 คน และ ทำการทดสอบประสิทธิภาพการใช้งานอุปกรณ์เก็บผลไม้จากโครงการนี้ใน สวนผลไม้ของเกษตรกร โดยทำการเก็บผลไม้จริงจากสวน และทำ แบบสอบถามความพึงพอใจของเกษตรกรต่ออุปกรณ์อำนวยความสะดวก จากโครงการนี้ หลักสูตรที่8 ชื่อหลักสูตร โครงการแปรรูปเห็ดฟางพร้อมปรุง และพัฒนาบรรจุภัณฑ์ให้เหมาะสมกับ การจัดจำหน่าย เทคโนโลยีที่เกี่ยวข้อง 1. ผลงานทรัพย์สินทางปัญญา เรื่อง กรรมวิธีการผลิตเห็ดฟางกึ่งสำเร็จรูป เลขที่อนุสิทธิบัตร12140 ผลงานของ ดร.จุฬารัตน์ หงส์วลีรัตน์ อาจารย์ ประจำภาควิชาวิทยาศาสตร์การอาหาร คณะวิทยาศาสตร์ 2. เทคโนโลยีการยืดอายุการเก็บรักษา ร่วมกับการเลือกใช้บรรจุภัณฑ์ที่ ปลอดภัยและได้มาตรฐาน 3. เทคโนโลยีการนำวัสดุเหลือใช้ทางการเกษตรมาประยุกต์ใช้ในการ บริหารจัดการ เพื่อให้สามารถลดต้นทุนและเพิ่มผลผลิตของเห็ดฟาง 4 . เ ท ค โ น โ ล ย ี ส า ร ส น เ ท ศ ก า ร ต ล า ด ( Marketing Information Technology) หรือการพัฒนาการตลาดให้เหมาะสมกับศักยภาพของ ชุมชน แผนดำเนินการ กิจกรรมที่ 1 การเตรียมความพร้อมถ่ายทอดความรู้ 1.1 ประชุมอาจารย์ที่ปรึกษาเพื่อสร้างความเข้าใจร่วมกัน 1.2 การสำรวจพื้นที่ และทำความเข้าใจเบื้องต้นกับชุมชน กิจกรรมที่ 2 ถ่ายทอดองค์ความรู้โดยการจัดอบรมเชิงปฏิบัติการ 2.1 จัดอบรมเชิงปฏิบัติการในหัวข้อ การผลิตเห็ดฟางพร้อมปรุง ให้แก่ สมาชิกจำนวน 20 คน 2.2 ทดสอบผลิตภัณฑ์ ด้วยเครื่องมือทางวิทยาศาสตร์ 2.3 ออกแบบบรรจุภัณฑ์ โดยเพิ่มเอกลักษณ์ อัตลักษณ์ หรือ Story telling เพื่อสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับผลิตภัณฑ์ จากนั้นจัดทำบรรจุภัณฑ์ของ สินค้า (Mockup) ที่ได้รับการพัฒนาแล้ว จำนวน 100 ชิ้น
หน้า | 7-21 หัวข้อ รายละเอียดโครงการ กิจกรรมที่ 3 การติดตามการนำเทคโนโลยีไปใช้ประโยชน์ 3.1 การติดตามประเมินผลโครงการ จำนวน 2 ครั้ง กิจกรรมที่ 4 รายงานผลการดำเนินงาน ส่งรายงานผลการดำเนินงานฉบับสมบูรณ์ 4.2.5 ระยะเวลาของหลักสูตร ในแต่ละหลักสูตรจะใช้เวลา 3 เดือนในการถ่ายทอดชุดความรู้ให้กับชุมชนหรือ องค์การปกครองส่วนท้องถิ่น แผนภาพที่7.4 หลักสูตร (Curriculum Learning Outcomes) ที่ถ่ายทอดสู่ชมชุน
หน้า | 7-22 7.3 แผนพัฒนาด้านเทคโนโลยีและนวัตกรรม (Technology Roadmap) นำมาวิเคราะห์ศักยภาพของ พื้นที่โดยใช้ชุดข้อมูลความรู้ที่มีอยู่ทำให้เกิดนวัตกรรมในการพัฒนาระดับท้องถิ่น นำไปสู่การลงทุนในพื้นที่ 7.3.1 เทคโนโลยีการแปรรูปผลิตภัณฑ์อาหารจากข้าวเพื่อการผลิตเชิงพาณิชย์ วิสาหกิจชุมชนเกษตรอินทรีย์ อาหารดี ปลอดภัย บ้านวังรีเป็นการรวมกลุ่มสมาชิกของเกษตรกรที่ สนใจการปลูกและแปรรูปผลิตภัณฑ์อาหารจากข้าวเพื่อจำหน่าย จากการลงพื้นที่สำรวจข้อมูลของผู้รับผิดชอบ โครงการ โครงการ ปัญหาที่พบคือ ในฤดูกาลที่มีปริมาณผลผลิตมาก ราคาข้าวจะถูกลง รวมถึงผลพลอยได้จาก ข้าว เช่น จมูกข้าว ปลายข้าว ข้าวหัก มีราคาค่อนข้าวถูก หากมีการนำมาแปรรูปเป็นผลิตภัณฑ์อาหารจะช่วย สร้างมูลค่าเพิ่มให้กับวัตถุดิบและสร้างรายได้ให้กับกลุ่มเกษตรกรได้ ความต้องการของวิสาหกิจชุมชนเกษตร อินทรีย์ อาหารดี ปลอดภัย บ้านวังรีคือ ต้องการองค์ความรู้และเทคโนโลยีในการแปรรูปผลิตภัณฑ์อาหารจาก ข้าว การพัฒนารูปแบบฉลากและตราสินค้า ดังนั้นนำเทคโนโลยีและองค์ความรู้เหล่านี้จะช่วยแก้ปัญหา ดังกล่าวให้กับกลุ่มเป้าหมาย ช่วยให้สมาชิกวิสาหกิจชุมชนเกษตรอินทรีย์ อาหารดี ปลอดภัย บ้านวังรีมีทักษะ และความรู้ที่สามารถนำไปใช้แก้ปัญหา สร้างมูลค่าเพิ่มให้กับผลผลิต ตลอดจนการเพิ่มรายได้ต่อครัวเรือนให้ สูงขึ้นได้ ซึ่งจะส่งผลให้สมาชิกในกลุ่มมีความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น และเกิดการพัฒนาอย่างยั่งยืนของชุมชนต่อไป วัสดุประสงค์ในส่งเสริมการนำเทคโนโลยีและงานวิจัยไปใช้ประโยชน์ในชุมชน ดังนี้ (1) การทอดเทคโนโลยีและองค์ความรู้เกี่ยวกับการแปรรูปผลิตภัณฑ์อาหารจากข้าว (2) การวิเคราะห์องค์ประกอบทางเคมีและคุณค่าทางโภชนาการของผลิตภัณฑ์อาหารจากข้าวที่ผลิต ได้ (3) การพัฒนาบรรจุภัณฑ์ต้นแบบเพื่อเป็นแนวทางในการผลิตเพื่อจำหน่ายในเชิงพาณิชย์ (4) การขอรับเลขสารบบอาหาร (เลข อย.) อาหารแปรรูปที่บรรจุในภาชนะพร้อมจำหน่าย เป้าหมาย ชุมชนที่มีการนำเทคโนโลยีไปใช้ประโยชน์อย่างยั่งยืน กลุ่มเป้าหมายคือ วิสาหกิจชุมชนเกษตรอินทรีย์ อาหารดี ปลอดภัย บ้านวังรี ซึ่งเป็นกลุ่มผู้ปลูกและแปรรูปข้าวจำหน่ายในรูปข้าวบรรจุถุงและผลิตภัณฑ์แปรรูป จากข้าว โดยผู้รับผิดชอบโครงการต้องการถ่ายทอดเทคโนโลยีและองค์ความรู้ เพื่อยกระดับให้กลุ่มเป้าหมายมี ผลิตภัณฑ์อาหารจากข้าวที่มีคุณภาพ มีการสร้างมูลค่าเพิ่มจากการแปรรูปข้าวเป็นผลิตภัณฑ์อาหาร รวมถึง การส่งเสริมในเรื่องของฉลากและบรรจุภัณฑ์สินค้าเพื่อจำหน่ายในเชิงพาณิชย์ต่อไป การถ่ายทอดเทคโนโลยีสู่ชุมชน (Tech transfer to Community) การสำรวจและวิเคราะห์ข้อมูลชุมชน มีการสำรวจและวิเคราะห์ข้อมูลชุมชนถึงปัญหาและความต้องการ วางแผนเพื่อการพัฒนา ชุมชนร่วมกันระหว่างผู้รับผิดชอบโครงการและชุมชน วิเคราะห์ถึงโอกาสความเป็นไปได้ในการนำไป ประยุกต์ใช้งานจริงและความเป็นไปได้ในการถ่ายทอดเทคโนโลยีสู่ชุมชนอย่างเป็นระบบ โดยการสำรวจความ ต้องการของชุมชนใช้วิธีการลงพื้นที่พูดคุยเกี่ยวกับปัญหาเพื่อให้ได้มาซึ่งโจทย์ปัญหาของชุมชนอย่างแท้จริง
หน้า | 7-23 การประเมินศักยภาพและความต้องการของชุมชน จากการประเมินศักยภาพและความต้องการของชุมชนเป้าหมาย คือ วิสาหกิจชุมชนเกษตร อินทรีย์ อาหารดี ปลอดภัย บ้านวังรีตั้งอยู่ที่ 264 หมู่ 1 ตำบลหนองตะเคียนบอน อำเภอวัฒนานคร จ. สระแก้ว รหัสทะเบียนวิสาหกิจชุมชน 3-27-05-10/1-0026 ซึ่งปัจจุบันมีกลุ่มเครือข่ายทั้งหมด 41 ราย มี วัตถุประสงค์ในการนำสินค้าจากกลุ่มวิสาหกิจชุมชนเกษตรอินทรีย์บ้านวังรีมาจัดจำหน่าย มีเป้าหมายในการ พัฒนาผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพที่ใช้วัตถุดิบจากธรรมชาติ 100 เปอร์เซ็นต์ให้ได้รับคุณภาพมาตรฐาน และเพิ่ม ความหลากหลายของสินค้า ซึ่งผู้ประกอบการมีความเข้มแข็งด้านการตลาดของสินค้าข้าวสารบรรจุถุง สุญญากาศที่สามารถขายในประเทศและมีศักยภาพในการส่งออก กลุ่มเครือข่ายมีการทำนาปีและนาปรัง แปลงนาอยู่ระหว่างการพัฒนาระบบ GAP และผลิตภัณฑ์ออแกนิค และมีกิจการไร่ดีต่อใจ ซึ่งเป็นต้นแบบของ การถ่ายทอดการเรียนรู้การท่องเที่ยวเชิงเกษตร วิสาหกิจชุมชนเกษตรอินทรีย์ อาหารดี ปลอดภัย บ้านวังรี ดำเนินกิจกรรมการผลิตและจัดจำหน่ายผลิตภัณฑ์แปรรูปจากข้าว และจัดจำหน่ายข้าวสารในแบรนด์ “สว่าง สาสีไรซ์” ซึ่งมีสายพันธุ์ข้าวที่สำคัญคือ ข้าวทับทิมชุมแพ ข้าวไรซ์เบอรี่ และข้าวหอมใบเตย มีอาคาร โรงงานผลิตและแปรรูปผลิตภัณฑ์อาหารที่ได้รับการตรวจสอบและรอการรับรอง Primary GMPs นอกจากนั้น ยังมีผลิตภัณฑ์ข้าวตูและข้าวตอกตั้งที่ผลิตสดเพื่อขายในงานแสดงสินค้าหนึ่งตำบลหนึ่งผลิตภัณฑ์ (OTOP) และ งานเทศกาลต่าง ๆ ทางกลุ่มมีความต้องการได้รับการถ่ายทอดเทคโนโลยีและองค์ความรู้ที่จำเป็นด้านการผลิต และแปรรูปข้าวเป็นผลิตภัณฑ์อาหารที่หลากหลาย เพื่อสร้างมูลค่าเพิ่ม สร้างรายได้ และเป็นทางเลือกในการ สร้างอาชีพเสริม อาทิ เส้นก๋วยเตี๋ยว ไอศครีม ทาร์ต ข้าวแตน เป็นต้น การเลือกใช้บรรจุภัณฑ์ที่เหมาะสม และ ออกแบบฉลากผลิตภัณฑ์ต้นแบบ วิสาหกิจชุมชนเกษตรอินทรีย์ อาหารดี ปลอดภัย บ้านวังรี มีสมาชิกสนใจ เข้าร่วมโครงการในครั้งนี้ทั้งหมด 15 คน ซึ่งมีรายชื่อดังนี้ ชื่อ-สกุล ที่อยู่ นายรัฐนันท์ สว่างสาลี 64 หมู่ 1 ต. หนองตะเคียนบอน อ. วัฒนานคร จ. สระแก้ว นาย ปราโมทย์ เวชการ 73 หมู่ 1 ต. หนองตะเคียนบอน อ. วัฒนานคร จ. สระแก้ว นาย บุญเลิศ จิตรน้อม 212 หมู่ 1 ต. หนองตะเคียนบอน อ. วัฒนานคร จ. สระแก้ว นาย คาด จิตร์อํานาจ 211 หมู่ 1 ต. หนองตะเคียนบอน อ. วัฒนานคร จ. สระแก้ว นางสาว ทองลิ้ม คำบัว 178 หมู่ 1 ต. หนองตะเคียนบอน อ. วัฒนานคร จ. สระแก้ว นาย บรรเพิง สว่างสาลี 244 หมู่ 1 ต. หนองตะเคียนบอน อ. วัฒนานคร จ. สระแก้ว นางสาวรัฐรินทร์ สว่างสาลีรัฐ 13 หมู่ 1 ต. หนองตะเคียนบอน อ. วัฒนานคร จ. สระแก้ว นางแสงรัศมี ธิกา 168 หมู่ 1 ต. หนองตะเคียนบอน อ. วัฒนานคร จ. สระแก้ว นาย ชาตรี สว่างสาลี 64 หมู่ 1 ต. หนองตะเคียนบอน อ. วัฒนานคร จ. สระแก้ว นายสังคม โกศลจิตร 77 หมู่ 1 ต. หนองตะเคียนบอน อ. วัฒนานคร จ. สระแก้ว นางวาสนา พรมวงษ์ษา 101 หมู่ 1 ต. หนองตะเคียนบอน อ. วัฒนานคร จ. สระแก้ว นางศิริพัฒน์ เวชการ 226 หมู่ 1 ต. หนองตะเคียนบอน อ. วัฒนานคร จ. สระแก้ว นางละออง กางจิตร 75 หมู่ 1 ต. หนองตะเคียนบอน อ. วัฒนานคร จ. สระแก้ว นาย คำพอง อุตส่าห์ 82 หมู่ 1 ต. หนองตะเคียนบอน อ. วัฒนานคร จ. สระแก้ว นาง พรเพ็ญ กายสอาด 69 หมู่ 1 ต. หนองตะเคียนบอน อ. วัฒนานคร จ. สระแก้ว
หน้า | 7-24 คัดเลือกโครงการโดยพิจารณาจากเกณฑ์ในเบื้องต้น ดังนี้ โจทย์ความต้องการของชุมชน วิสาหกิจชุมชนเกษตรอินทรีย์ อาหารดี ปลอดภัย บ้านวังรี ตั้งอยู่ที่ 264 หมู่ 1 ตำบลหนองตะเคียน บอน อำเภอวัฒนานคร จ.สระแก้ว มีสมาชิกทั้งหมด 41 ราย รหัสทะเบียนวิสาหกิจชุมชน 3-27-05-10/1-0026 ทำ กิจกรรมร่วมกัน คือ การรวมกลุ่มสมาชิกผู้ปลูกข้าวทับทิมชุมแพ ข้าวไรซ์เบอรี่ และข้าวหอมใบเตย เป็นต้น ผลิตภัณฑ์ของกลุ่มที่มีจำหน่ายในปัจจุบัน ประกอบด้วย ข้าวสารบรรจุถุงสุญญากาศ ผลิตภัณฑ์แปรรูปจากข้าว เช่น ข้าวพองกรอบ ข้าวตูและข้าวตอก ปัญหาและความต้องการของกลุ่มเป้าหมาย แบ่งออกได้เป็น 2ด้านหลักๆ ได้แก่ ด้านการแปรรูปผลิตภัณฑ์อาหารจากข้าว: ปัจจุบันทางกลุ่มเริ่มมีการแปรรูปผลิตภัณฑ์อาหารจาก ข้าวและมีอาคารสำหรับแปรรูปผลิตภัณฑ์ ทางกลุ่มมีความต้องการนำข้าวซึ่งเป็นวัตถุดิบหลักของกลุ่ม มาสร้างมูลค่าเพิ่มและสร้างรายได้ให้กับสมาชิกกลุ่ม ด้วยการแปรรูปเป็นผลิตภัณฑ์อาหารที่ หลากหลาย ได้แก่ ผลิตภัณฑ์ขนมขบเคี้ยว เส้นก๋วยเตี๋ยว เป็นต้น แต่ขาดองค์ความรู้และเทคโนโลยีใน การแปรรูป ด้านการพัฒนาบรรจุภัณฑ์: ทางกลุ่มต้ององค์ความรู้ในด้านการออกแบบฉลากผลิตภัณฑ์และตรา สินค้า การวิเคราะห์คุณค่าทางโภชนาการของผลิตภัณฑ์ เพื่อใช้เป็นข้อมูลแสดงให้กับผู้บริโภคบนฉลาก ผลิตภัณฑ์ และการขอรับเลขสารบบอาหาร (เลข อย.) อาหารแปรรูปที่บรรจุในภาชนะพร้อมจำหน่าย ความพร้อมของชุมชนในการรับการถ่ายทอดเทคโนโลยี การรวมกลุ่มของคนในชุมชนเป็นกลุ่มเกษตรกรรุ่นใหม่ (Young Smart Farmer) มีความพร้อมในการรับ การถ่ายทอดเทคโนโลยีและองค์ความรู้ที่ตอบโจทย์ความต้องการของชุมชน ทางกลุ่มมีสถานที่และบุคคลากรที่เอื้อ ต่อการรับการถ่ายทอดองค์ความรู้ เทคโนโลยีที่มีความเหมาะสมกับชุมชน - เทคโนโลยีและองค์ความรู้เกี่ยวกับการแปรรูปผลิตภัณฑ์อาหารจากข้าว - เทคโนโลยีและองค์ความรู้เกี่ยวกับการพัฒนาบรรจุภัณฑ์และตราสินค้าเพื่อยกระดับคุณภาพ มาตรฐานสินค้า ความเป็นไปได้ในการนำไปประยุกต์ใช้งานจริง ความเป็นไปได้ในการนำไปประยุกต์ใช้งานจริงมีโอกาสเกิดขึ้นได้สูงเนื่องจากเทคโนโลยีและองค์ ความรู้ที่ต้องการถ่ายทอดเกิดขึ้นจากความต้องการของชุมชน โดยสมาชิกทั้ง 15 คน สามารถเข้าร่วมทุกขั้นตอน ตั้งแต่การอบรม จนถึงการใช้งานจริง โดยคาดการณ์ผลกระทบทางเศรษฐกิจเมื่อเสร็จสิ้นโครงการวิสาหกิจชุมชน เกษตรอินทรีย์ อาหารดี ปลอดภัย บ้านวังรี ซึ่งเป็นกลุ่มเป้าหมายจะมีรายได้เพิ่มขึ้นอย่างน้อยร้อยละ 10 เกิดการ พัฒนาอย่างยั่งยืนในชุมชน นอกจากนี้ยังสามารถนำเทคโนโลยีไปใช้ประโยชน์ด้านอื่น ๆ อาทิ ด้านสังคมเป็น ต้นแบบให้กับชุมชนอื่น ๆ ที่สนใจ ด้านสิ่งแวดล้อมเป็นใช้ทรัพยากรอย่างรู้คุณค่า เป็นต้น
หน้า | 7-25 การดำเนินโครงการ โดยประกอบด้วยกิจกรรม ดังนี้ การสำรวจพื้นที่ และทำความเข้าใจเบื้องตันกับชุมชน: โดยผู้รับผิดชอบโครงการมีการสำรวจพื้นที่ และทำความเข้าใจเบื้องต้นกับชุมชน เพื่อสำรวจความต้องการและวางแผนถ่ายทอดเทคโนโลยี การให้ความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับเทคโนโลยีที่จะนำมาใช้งานในพื้นที่: มีการให้ข้อมูลเบื้องต้นองค์ ความรู้และเทคโนโลยีที่จะนำไปถ่ายทอดให้กับชุมชน การสาธิตการใช้งานเทคโนโลยี: มีการวางแผนการถ่ายทอดเทคโนโลยีโดยการแบ่งกลุ่มผู้รับผิดชอบ ตามกิจกรรมที่ได้รับมอบหมาย การส่งเสริมให้ชุมชนนำเทคโนโลยีไปใช้งานจริง: การติดตามให้คำปรึกษาเพื่อให้ชุมชนนำองค์ ความรู้และเทคโนโลยีไปใช้งานจริง ติดตามและประเมินผลการจัดอบรม มีกระบวนการในการติดตามการดำเนินงานของหน่วยงานในเครือข่าย: ตลอดระยะเวลาที่ดำเนิน โครงการมีการติดตามการดำเนินงานในเครือข่ายอย่างต่อเนื่อง เนื่องจากชุมชนเป้าหมายตั้งอยู่ไม่ไกลจากพื้นที่ ของมหาวิทยาลัย ผู้รับผิดชอบโครงการสามารถติดตามความคืบหน้าในการดำเนินงานของกลุ่มได้สะดวกทั้ง จากการลงพื้นที่และการติดต่อทางโทรศัพท์เคลื่อนที่ โดยผู้รับผิดชอบโครงการมีการวางแผนติดตามและ ควบคุมการดำเนินงานให้เป็นไปตามเป้าหมายและตัวชี้วัดที่กำหนดไว้ในทุก ๆ เดือน ตั้งแต่เริ่มต้นโครงการจน สิ้นสุดโครงการ ผู้รับผิดชอบโครงการทำหน้าที่หลักในติดตามความก้าวหน้าการดำเนินงานในแต่ละกิจกรรม และประสานกับกลุ่มเป้าหมาย มีการแบ่งหน้าที่รับผิดชอบในแต่ละกิจกรรมอย่างชัดเจน เมื่อเสร็จสิ้นในแต่ละ กิจกรรมผู้รับผิดชอบกลุ่มย่อยจะมีการสรุปรายงานและประเมินผลการดำเนินงาน การบริหารความเสี่ยงของโครงการ (Risk management) เพื่อเพิ่มโอกาสในการประสบ ความสำเร็จตามวัตถุประสงค์ของโครงการ และใช้งบประมาณของรัฐอย่างคุ้มค่า: ผู้รับผิดชอบโครงการ มี การวิเคราะห์และวางแผนเพื่อรับมือกับความเสี่ยงที่มีโอกาสเกิดขึ้นได้ เช่น การสื่อสารระหว่างผู้ถ่ายทอดองค์ ความรู้และผู้รับการถ่ายทอดองค์ความรู้อาจนำมาซึ่งความเข้าใจที่ไม่ตรงกันและเป็นอุปสรรคของการ ดำเนินงาน การบริหารจัดการงบประมาณให้เป็นไปตามที่กำหนดไว้ ความล่าช้าในการดำเนินโครงการจาก กระบวนการต่าง ๆ ภาวะการระบาดของโรคโควิด-19 ซึ่งอาจจะเป็นอุปสรรคในการลงพื้นที่และถ่ายทอดองค์ ความรู้ เป็นต้น ผู้รับผิดชอบโครงการมีการวางแผนเพื่อให้เกิดระบบบริหารความเสี่ยงที่ดี เช่น การวางแผน ประสานงานกับกลุ่มเป้าหมาย กระบวนการวางแผนและจัดทำเอกสารอย่างเป็นระบบ การเตรียมความพร้อม ในภาวะสถานการณ์ต่าง ๆ ที่อาจจะเป็นอุปสรรคในการดำเนินโครงการ ผู้รับผิดชอบโครงการพร้อมที่จะค้นหา และจัดการกับความเสี่ยงที่พบโดยไม่หลบเลี่ยงปัญหา วางแนวทางเพื่อป้องกันและการแก้ไขเมื่อเกิดปัญหา เป็นต้น
หน้า | 7-26 7.3.2 การประยุกต์ใช้ปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงและนวัตกรรมเพื่อแก้ปัญหาความยากจนใน อำเภอวัฒนานคร จังหวัดสระแก้ว วิสาหกิจชุมชนศูนย์ข้าวบ้านจิก ต.วัฒนานคร อ.วัฒนานคร จ.สระแก้ว เกิดจากการรวมกลุ่มของ เกษตรกรทำนา ในหมู่ที่ 7 ตำบลวัฒนานคร อำเภอวัฒนานคร จังหวัดสระแก้ว เพื่อแก้ปัญหาการทำนาของ กลุ่ม โดยการส่งเสริมของสำนักงานเกษตรอำเภอวัฒนานคร เมื่อปี 2553 มีสมาชิกเริ่มต้นจำนวน 20 คน ได้ยื่น จดทะเบียนและอนุมัติเมื่อวันที่ 12 กรกฎาคม 2556 ปัจจุบันมีสมาชิกจำนวน 58 คน จุดเด่น คือ กลุ่มวิสาหกิจมีศักยภาพในการผลิตข้าวที่มีคุณภาพดี และเมล็ดพันธุ์ข้าวซึ่งเป็นที่ต้องการ ของคนในชุมชนและชุมชนใกล้เคียง เนื่องจากข้าวหอมมะลิ 105 ที่ผลิตได้มีเอกลักษณ์คือ เมล็ดข้าวสารยาว เรียวสีขาว กลิ่นหอมคล้ายใบเตยเมื่อหุงสุก เวลารับประทานข้าวจะกลิ่นหอม เนื้อสัมผัสนุ่ม รสชาติดี และยัง ได้รับมาตรฐาน GAP เพื่อเป็นการรับรองถึงความปลอดภัยและคุณภาพของผลิตภัณฑ์ ปัญหาของวิสาหกิจชุมชนศูนย์ข้าวบ้านจิก คือ ต้นทุนการผลิตสูงขึ้นเนื่องจากปุ๋ย มีราคาสูงขึ้น ทำให้ ต้องใช้เงินในการลงทุนปลูกข้าวเพิ่มมากขึ้น แต่ราคาข้าวไม่ได้สูงขึ้นตาม ทำให้รายได้ของสมาชิกลดลง และ ศูนย์ข้าวบ้านจิกยังไม่เป็นที่รู้จักอย่างกว้างขวาง ทั้งในพื้นที่ใกล้เคียงหรือต่างจังหวัด จึงทำให้เกิดการเข้าถึงได้ ยาก แต่ก็สามารถแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้นภายในวิสาหกิจชุมชนได้อย่างเข้มแข็ง ทั้งนี้เนื่องมากจากสมาชิกมี ความสามัคคีและการเอื้ออาทรต่อกัน และช่วยเหลือเกื้อกูลกันมาโดยตลอด ซึ่งนั่นหมายถึง ทุนทางสังคมที่ดีที่ ที่เกิดจากการมีความไว้เนื้อเชื่อใจเกิดจากความน่าเชื่อถือ ความซื่อสัตย์และความตั้งใจที่จะพึ่งพากันและกัน (นงนุช ศรีสุข, 2563) แผนภาพที่ 7.5 แผนที่ และแผนผังที่ตั้งของกลุ่มวิสาหกิจชุมชนศูนย์ข้าวบ้านจิก ต.วัฒนานคร อ.วัฒนานคร แผนภาพที่ 7.6 วิสาหกิจชุมชนศูนย์ข้าวบ้านจิก ต.วัฒนานคร อ.วัฒนานคร จ.สระแก้ว
หน้า | 7-27 วัตุประสงค์ 1. เพื่อให้ความรู้และพัฒนาศักยภาพในการทำธุรกิจของกลุ่มเกษตรกร 2. เพื่อถ่ายทอดเทคโนโลยีและงานวิจัยที่เกี่ยวข้องกับข้าวสู่ชุมชน 3. เพื่อกำหนดแนวคิดและวางแผนธุรกิจของกลุ่มเกษตรกรสู่การพัฒนาอย่างยั่งยืน 4. เพื่อเพิ่มช่องทางการจัดจำหน่ายและเพิ่มยอดขายให้กับสมาชิกในวิสาหกิจชุมชน เป้าหมาย กลุ่มวิสาหกิจชุมชนศูนย์ข้าวบ้านจิก ต.วัฒนานคร อ.วัฒนานคร โจทย์ความต้องการของชุมชน กลุ่มวิสาหกิจชุมชนศูนย์ข้าวบ้านจิก มีความต้องการองค์ความรู้ที่เกี่ยวกับการตลาดออนไลน์เพิ่มขึ้น เนื่องจากต้องการเพิ่มช่องทางการขาย และต้องการให้สินค้าเป็นที่รู้จักในตลาดเพิ่มขึ้น จากปกติมีเฉพาะช่อง ทางการขายตรงเท่านั้น ถึงแม้โครงการก่อนหน้ามีการดำเนินงานเกี่ยวกับการถ่ายทอดเทคโนโลยีการสร้าง ธุรกิจในตลาดออนไลน์ (e-commerce) ไปแล้วก็ตาม แต่ก็ยังพบว่าสมาชิกส่วนใหญ่ยังคงความรู้ที่เกี่ยวกับ การตลาดออนไลน์เพิ่มขึ้น กลุ่มวิสาหกิจชุมชนศูนย์ข้าวบ้านจิก มีความต้องการองค์ความรู้ด้านการพัฒนาผลิตภัณฑ์จากวัตถุดิบ ในชุมชน เช่น ข้าว กล้วย เป็นต้น นอกจากนี้ยังต้องการองค์ความรู้ที่เกี่ยวกับการออกแบบบรรจุภัณฑ์ เพื่อ พัฒนาต่อยอดผลิตภัณฑ์ข้าวสารถุง ซึ่งเป็นผลิตภัณฑ์หลักของกลุ่ม กลุ่มวิสาหกิจชุมชนศูนย์ข้าวบ้านจิก มีความต้องการองค์ความรู้ด้านเทคโนโลยีเกษตรแม่นยำเข้ามา ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการเพาะปลูกข้าว เนื่องจากในปี 2563 ที่ผ่าน กลุ่มวิสาหกิจชุมชนศูนย์ข้าวบ้านจิก สนับสนุนโครงการระบบส่งเสริมเกษตรแบบแปลงใหญ่จากจังหวัดสระแก้ว แต่ทางสมาชิกยังขาดองค์ความรู้ใน การจัดการผลิต เพื่อลดต้นทุนและเพิ่มประสิทธิภาพการผลิต กลุ่มวิสาหกิจชุมชนศูนย์ข้าวบ้านจิก มีความต้องการองค์ความรู้หลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงสู่ชุมชน เนื่องจากสมาชิกส่วนใหญ่มีรายได้ค่อนข้างน้อย (เฉลี่ยประมาณ 5,143 บาทต่อเดือน) การนำหลักปรัชญา เศรษฐกิจพอเพียงเข้ามาประยุกต์ใช้ในระดับชีวิตประจำวัน และระดับวิสาหกิจชุมชน จะช่วยให้เสริมสร้าง ความเข้มแข็งของครัวเรือน และวิสาหกิจชุมชนได้ ความพร้อมของชุมชนในการรับการถ่ายทอดเทคโนโลยี กลุ่มวิสาหกิจชุมชนศูนย์ข้าวบ้านจิก มีสมาชิกจำนวน 58 คน แม้ว่าสมาชิกส่วนใหญ่จะมีอายุประมาณ 40-60 ปี และมีการศึกษาชั้นประถมถึงมัธยมต้น แต่จากสมาชิกมีความสามัคคีและการเอื้ออาทรต่อกัน และ ช่วยเหลือเกื้อกูลกันมาโดยตลอด ซึ่งนั่นหมายถึง ทุนทางสังคมที่ดีนอกจากนี้ยังพบว่าผู้นำกลุ่มวิสาหกิจชุมชน ศูนย์ข้าวบ้านจิกเป็นต้นแบบที่ดีให้แก่สมาชิกในชุมชน และเป็นบุคคลที่สมาชิกยอมรับและเป็นที่เชื่อถืออขง สมาชิกในกลุ่ม จึงทำให้กลุ่มวิสาหกิจชุมชนศูนย์ข้าวบ้านจิกมีความเข้มแข็ง กลุ่มวิสาหกิจชุมชนศูนย์ข้าวบ้านจิก มีสมาชิกส่วนใหญ่ประกอบอาชีพเกษตรกร และปลูกข้าว เป็นพืชหลัก โดยข้าวที่ปลูกได้รับมาตรฐาน GAP เพื่อเป็นการรับรองถึงความปลอดภัยและคุณภาพของ ผลิตภัณฑ์ซึ่งสอดรับกับยุทธศาสตร์จังหวัดสระแก้ว นอกจากนี้กลุ่มวิสาหกิจชุมชนศูนย์ข้าวบ้านจิกได้รับ สนับสนุนโครงการระบบส่งเสริมเกษตรแบบแปลงใหญ่ผู้ผลิตข้าวจากจังหวัดสระแก้ว ทำให้มีประสิทธิภาพการ ผลิตข้าวจำนวนมากได้
หน้า | 7-28 เทคโนโลยีที่มีความเหมาะสมกับชุมชน เทคโนโลยีเกษตรแม่นยำ เนื่องจากไปเพิ่มประสิทธิภาพของการจัดการเพาะปลูกข้าวแปลงใหญ่ และ ลดต้นทุนการผลิตลง หลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง การนำหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงมาใช้ใน ชีวิตประจำวัน และนำมาประยุกต์ใช้ในดำเนินของกิจการของวิสาหกิจชุมชน เพื่อใช้เป็นแนวทางในการ แก้ปัญหาการยากจนของสมาชิก และช่วยให้เกิดความมั่งคงและยั่งยืนของกลุ่มวิสาหกิจชุมชนศูนย์ข้าวบ้านจิก เทคโนโลยีการแปรรูปและพัฒนาผลิตภัณฑ์โดยเฉพาะด้านการออกแบบผลิตภัณฑ์เพื่อเป็นแนวทาง ในการพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ ให้กับกลุ่มวิสาหกิจชุมชนศูนย์ข้าวบ้านจิก และพัฒนาต่อยอดผลิตภัณฑ์ข้าวสาร ถุงของกลุ่มวิสาหกิจชุมชนศูนย์ข้าวบ้านจิกให้ดีขึ้น นวัตกรรมการตลาดออนไลน์จะช่วยให้เพิ่มช่องทางการขายให้แก่กลุ่มวิสาหกิจชุมชนศูนย์ข้าวบ้านจิก และต้องการให้สินค้าเป็นที่รู้จักในตลาดเพิ่มขึ้น ความเป็นไปได้ในการนำไปประยุกต์ใช้งานจริง การพัฒนาต่อยอดผลิตภัณฑ์ข้าวสารถุงของกลุ่มวิสาหกิจชุมชนศูนย์ข้าวบ้านจิก ผลิตภัณฑ์โดยเฉพาะ ด้านการออกแบบผลิตภัณฑ์ เนื่องจากข้าวสารถุงเป็นผลิตภัณฑ์หลักของกลุ่ม และข้าวเป็นผลิตภัณฑ์ที่ได้รับ มาตรฐาน GAP แต่เนื่องจากกระบวนการผลิตข้าวสารถุงยังพบปัญหาเรื่องสมาชิกส่วนใหญ่ขาดความรู้ความ เข้าในการผลิตข้าวสารถุง ทำให้เกิดรอยรั่วของถุงเป็นจำนวนมาก ส่งผลต่อต้นทุนการผลิตที่สูงขึ้น ดังนั้นคณะผู้ จัดโครงการจึงจะไปช่วยแก้ไขในเรื่องดังกล่าว นวัตกรรมการตลาดออนไลน์ จากดำเนินการโครงการเกี่ยวกับการตลาดออนไลน์ครั้งก่อนหน้า พบว่า สมาชิกส่วนใหญ่มีความสนใจในการตลาดออนไลน์จำนวนมาก และช่วยเพิ่มยอดขายให้กับกลุ่มให้เพิ่มขึ้น อย่างไรก็ตามยังพบว่าปัญหาเกี่ยวกับการตลาดออนไลน์ในด้านต่างๆ เช่น ความรู้ความเข้าใจเชิงลึกเกี่ยวกับ การตลาดออนไลน์คู่แข่ง การโฆษณาไม่ตรงกับกลุ่มเป้าหมาย เป็นต้น ดังนั้นคณะผู้จัดโครงการจึงจะไปช่วยให้ ความรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับการตลาดออนไลน์รวมถึงการเปิดช่องทางการขายเพิ่มขึ้น เช่น บน Lazada หรือ Shopee เป็นต้น เทคโนโลยีที่ถ่ายทอด รายละเอียดเทคโนโลยี 1. การถ่ายทอดองค์ความรู้ เกี่ยวกับเทคโนโลยีเกษตร แม่นยำ 1) การถ่ายทอดเทคโนโลยีระบบโดรนการเกษตร 2) การถ่ายทอดเทคโนโลยีระบบฟาร์มอัจฉริยะ 2. การถ่ายทอดความรู้หลัก ปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงสู่ ชุมชน 1) การประยุกต์ใช้ปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงในชีวิตประจำวัน 2) การพัฒนาวิสาหกิจชุมชนตามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง ตอน โคก หนอง นา โมเดล 3. การถ่ายทอดเทคโนโลยี และนวัตกรรมเพื่อแก้ไข ปัญหาความยากจน 1) การถ่ายทอดเทคโนโลยีการแปรรูปและการพัฒนาผลิตภัณฑ์ด้วย เทคโนโลยี 2) การถ่ายทอดนวัตกรรมการตลาดออนไลน์ 4. การพัฒนาต่อยอด ผลิตภัณฑ์วิสาหกิจชุมชน 1) การพัฒนาต่อยอดผลิตภัณฑ์ข้าววิสาหกิจชุมชน
หน้า | 7-29 7.3.3 การพัฒนาศูนย์ถ่ายทอดเทคโนโลยีการผลิตพลังงานไฟฟ้าจากเซลล์แสงอาทิตย์ เนื่องด้วย ดร.วิวัฒน์ ศัลยกำธร ผู้รับใช้ใต้เบื้องพระยุคลบาทพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ โดยรับ ราชการ ใกล้ชิดพระองค์ท่านในหน่วยงาน สำนักงานคณะกรรมการพิเศษเพื่อประสานงานโครงการอัน เนื่องมาจากพระราชดำริ (กปร.) สำนักนายกรัฐมนตรีกว่า 16 ปี ได้สัมผัสกับชีวิตของเกษตรกรในทั่วภูมิภาค ของประเทศ ได้พบกับปัญหาต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องที่ดินทำกิน ความยากจน ความรู้ในเรื่องการเกษตร ตลอดจนปัญหาสุขภาพ การศึกษาและอื่น ๆ ประกอบกับที่ได้ถวายการรับใช้พระองค์ท่านได้เห็นพระองค์ท่าน ทุ่มเทพระวรกาย กำลังพระราชทรัพย์ อีกทั้งเวลาส่วนใหญ่กับการพัฒนาค้นคว้าและทดลองในสิ่งต่าง ๆ ภายใต้ โครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริซึ่งเกี่ยวข้องกับการเกษตรเป็นส่วนใหญ่ พระองค์ท่านทรงเน้นให้เกษตรกร และประชาชนรู้จักพึ่งพาตนเอง ซึ่งทรงลงมือปฏิบัติการด้วยพระองค์เอง จึงได้พระราชทานแนวคิดเรื่อง “ทฤษฎีใหม่ เศรษฐกิจพอเพียง” เพื่อเป็นหลักคิดให้กับทุก ๆ คน ด้วยสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณ ดร.วิวัฒน์ ศัลยกำธร จึงได้รวบรวมกลุ่มคนในหลาย ๆ อาชีพที่มี แนวคิดแนวอุดมการณ์ในการที่จะฟื้นฟูประเทศโดยการนำแนวคิดเรื่องทฤษฎีใหม่ เศรษฐกิจพอเพียงมา ประยุกต์ใช้กับการทำเกษตรและการดำรงชีวิตให้อยู่รอดได้อย่างยั่งยืน รวมทั้งการรณรงค์ให้เกษตรกรเลิกใช้ สารเคมี หยุดการพึ่งพาชาติตะวันตก หันกลับมาพึ่งพาตนเอง โดยใช้เทคโนโลยีและภูมิปัญญาชาวบ้านที่สืบ ทอดกันมา เพื่อเน้นการทำการเกษตรที่ยั่งยืนบนผืนแผ่นดินไทย จึงได้จัดตั้งเป็น “ชมรมกสิกรรมธรรมชาติไท” จากแนวคิด “ทฤษฎีใหม่ เศรษฐกิจพอเพียง” นี้เองเป็นแรงบันดาลใจให้ชมรมฯ ออกรณรงค์เผยแพร่และให้ ความรู้ในเรื่องการทำกสิกรรมธรรมชาติ เพื่อพิสูจน์ให้เห็นว่าสามารถทำการเกษตรและอยู่อย่างพอเพียงได้จริง การดำเนินงานครั้งแรกเริ่มจากการผลิตเอนไซม์สมุนไพรธรรมชาติใช้กันเองในนาข้าว พืชชนิดอื่น ๆ ทั้งพืชผัก และไม้ผล รวมถึงการเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำ โดยทำการทดลองที่ ศูนย์กสิกรรมธรรมชาติมาบเอื้อง ต.หนองบอน แดง อ.บ้านบึง จ.ชลบุรี และนำประสบการณ์ที่ปฏิบัติจริงไปเผยแพร่ความรู้ให้แก่เกษตรกร ในเวลาต่อมาได้ จัดตั้งมูลนิธิกสิกรรมธรรมชาติขึ้นเพื่อส่งเสริมการผลิตอาหารไร้สารพิษ ปราศจากสารเคมี การฝึกอบรม ศึกษา ค้นคว้า วิจัย พัฒนาเทคโนโลยีชีวภาพเพื่อการกสิกรรม การเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำ การปศุสัตว์ การพลังงาน การแพทย์เภสัชกรรม และการจัดการสิ่งแวดล้อม โดยเน้นภูมิปัญญาตะวันออก สนับสนุนให้ชุมชนพึ่งตนเองได้ พึ่งพาอาศัยกันและการพึ่งพิงกันกว้างขวางยิ่งขึ้น จากการที่คณะผู้ดำเนินงานได้เข้าพบคุณศลิษา ศัลยกำธร ผู้อำนวยการศูนย์กสิกรรมธรรมชาติมาบ เอื้อง และคุณปวีณา ศัลยกำธร ผู้จัดการบริษัทมาบเอื้องวิสาหกิจเพื่อสังคม จำกัด ได้อธิบายถึงแผนงานการ ส่งเสริมการนำนวัตกรรมไปใช้ประโยชน์ในพื้นที่เพื่อพัฒนาสังคมและชุมชน วัตถุประสงค์ ตัวอย่างการดำเนิน โครงการที่ผ่านมา และประเด็นต่างๆ ที่สำคัญ ได้รับทราบประวัติความเป็นมา การจัดสรรพื้นที่ดำเนินกิจกรรม ต่างๆ และการร่วมกลุ่มสมาชิก/ชุมชนของศูนย์กสิกรรมธรรมชาติมาบเอื้องในเบื้องต้น ทั้งนี้ศูนย์กสิกรรมฯ มี หลักสูตรถ่ายทอดถ่ายทอดองค์ความรู้จำนวนมากตามแนวพระราชดำริ เรื่องเศรษฐกิจพอเพียงตามแนวทฤษฎี ใหม่ และมีวิทยากรมาให้ความรู้หลากหลายสาขาวิชา อย่างไรก็ตาม คุณศลิษา ได้กล่าวว่ามีความสนใจที่อยาก จัดทำแหล่งเรียนรู้เพื่อถ่ายทอดเทคโนโลยีการผลิตพลังงานไฟฟ้าจากเซลล์แสงอาทิตย์ เนื่องจากในปัจจุบัน เกษตรกร/ผู้ประกอบการในชุมชนมีความต้องการนำเอาองค์ความรู้นี้ไปใช้ในกิจกรรมต่าง ๆ ของตนเอง พลังงานไฟฟ้าจากเซลล์แสงอาทิตย์เป็นพลังงานสะอาดที่ไม่มีวันหมด และวัสดุอุปกรณ์มีราคาลดอย่างต่อเนื่อง ประชาชนสามารถจัดซื้อมาใช้งานได้ทั่วไป รวมถึงการนำพลังงานไฟฟ้าไปใช้กับปั๊มน้ำและระบบควบคุมการ จ่ายน้ำให้กับแหล่งสาธิตการจัดสรรพื้นที่ในรูปแบบโคก หนอง นา เพื่อให้ประชาชนที่สนใจได้ศึกษาและนำ กลับไปใช้ในพื้นที่ทำเกษตรของตนเองได้ ประกอบกับคณะผู้ดำเนินงานมีความรู้ความเชี่ยวชาญและ ประสบการณ์เทคโนโลยีด้านนี้โดยเฉพาะ และมีวิทยากรด้านการตลาดและการเงินที่จะช่วยถ่ายทอดเทคนิค