267
268
269
270
271
272
273
274
275
เกณฑ์การวัดประเมนิ ผล (ผ่านเกณฑใ์ นระดบั ดี)
ชว่ งคะแนน ระดับคณุ ภาพ
7-9 3 = ดี
4-6 2 = พอใช้
1-3 1 = ปรับปรุง
0 0 = แก้ไข
แนวทางในการประเมนิ คณุ ลักษณะอนั พึงประสงค์
ประเด็นการประเมนิ ระดบั คณุ ภาพ
3 (ด)ี 2 (พอใช้) 1 (ปรบั ปรงุ ) 0 (แก้ไข)
1. มวี ินยั นกั เรยี นเข้าเรยี นตรง นักเรยี นเข้าเรียน นกั เรยี นเข้าเรียน นักเรียนไมเ่ ข้า
ตอ่ เวลาสมา่ เสมอ ตรงต่อเวลา ตรงต่อเวลา เรยี น ไมป่ ฏิบตั ิ
บางคร้ัง ปฏบิ ัติ
ปฏิบัตติ าม บางครงั้ ไม่ปฏบิ ตั ิ ตาม
กฎระเบียบ ตามกฎระเบยี บ ตามกฎระเบยี บ กฎระเบียบ
สมา่ เสมอ บางคร้ัง
2. ใฝ่เรยี นรู้ มีความสนใจใน มคี วามสนใจใน มีความสนใจใน ไมม่ คี วาม
กิจกรรมการเรียน กิจกรรมการเรียน กิจกรรมการเรียน สนใจใน
การสอนสมา่ เสมอ การสอนสมา่ เสมอ การสอนบางคร้งั กจิ กรรมการ
ทาใบกจิ กรรมด้วย ทาใบกิจกรรมดว้ ย ไม่ทาใบกจิ กรรม เรยี นการสอน
ตนเองบางครั้ง ไมท่ าใบ
ตนเอง ด้วยตนเอง
กิจกรรม
3. มุ่งมั่นในการ นกั เรยี นตั้งใจทางาน นกั เรียนตงั้ ใจ นักเรียนไม่ตงั้ ใจ นกั เรยี นไม่
ทางาน อย่างเต็ม ทางานอย่างเตม็ ทางาน และส่งงาน ทางานสง่
ความสามารถแต่ ไม่ทนั ตามเวลาที่
ความสามารถ สง่ งานไม่ตรงตาม
ทางานเสรจ็ และส่ง เวลาทกี่ าหนด กาหนด
ทนั ตามเวลาที่
กาหนด
276
เกณฑ์การวัดประเมนิ ผล (ผา่ นเกณฑ์ในระดบั ดี)
ชว่ งคะแนน ระดบั คณุ ภาพ
7-9 3 = ดี
4-6 2 = พอใช้
1-3 1 = ปรบั ปรงุ
0 0 = แกไ้ ข
แนวทางในการประเมินทักษะการปฏบิ ตั ิ
ประเด็นการ ระดับคณุ ภาพ
ประเมิน 3 (ดี) 2 (พอใช้) 1 (ปรบั ปรงุ ) 0 (แกไ้ ข)
1. มที ักษะการ สมาชกิ ในกลุ่มมี สมาชิกในกลุม่ มี สมาชกิ ในกลุม่ ไม่มี สมาชกิ ในกลุ่มไมม่ ี
วางแผนทางาน การวางแผนก่อน การวางแผนก่อน การวางแผนก่อนลง การวางแผนกอ่ น
กลมุ่ ลงมือทาปฏิบตั ิ ลงมือทาปฏิบตั ิ มอื ทาปฏบิ ัติ และ ลงมอื ทาปฏบิ ัติ
และชว่ ยเหลือกัน และชว่ ยเหลอื กนั ช่วยเหลือกนั ทางาน และไมช่ ่วยเหลอื
อยา่ งเตม็ ท่ี เปน็ บางคน บางคน กนั ทางาน
2. มคี วาม สมาชิกในกลมุ่ ทุก สมาชกิ ในกลุม่ สมาชกิ ในกลุ่มไม่ เฉยชาขาดสนใจไม่
กระตอื รือรน้ ใน คนรว่ มกนั ศึกษา ร่วมกันศกึ ษาหา ตั้งใจศกึ ษาหา แสดงความอยากรู้
การหาความรู้ หาความรอู้ ยา่ ง ความรอู้ ย่างต้งั ใจ ความรู้ อยากเหน็
ตัง้ ใจ เปน็ บางคน
3. มีความมั่นใจ สมาชิกในกล่มุ สมาชกิ ในกลมุ่ สมาชกิ ในกล่มุ ไม่ สมาชิกในกลมุ่ ไม่มี
และกลา้ สามารถนาเสนอ สามารถนาเสนอ สามารถนาเสนอ งาน
แสดงออก งานไดอ้ ย่างมน่ั ใจ งานได้อยา่ งมน่ั ใจ งานได้อย่างม่นั ใจ
ถูกต้อง ชดั เจน ถูกต้อง ชดั เจน ถูกตอ้ ง ชัดเจน
เป็นบางคร้งั
277
ภาคผนวก
278
บัตรขอ้ ความ
แทะผลไม้ วิ่ง
ดมกลิ่น เดิน
หายใจ มองดู
ฟังเสียง กระโดด
ส่งเสียงร้อง
279
แผนการจดั การเรยี นรทู้ ี่ 13
กลุม่ สาระการเรียนรู้วทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี รายวิชาวทิ ยาศาสตร์ รหสั วิชา ว 11101
ชั้นประถมศึกษาปที ี่ 1 ภาคเรยี นที่ 1/2565
หนว่ ยการเรยี นรทู้ ่ี 1 ตวั เรา พืช และสตั ว์ หนว่ ยยอ่ ยที่ 2 พชื และสัตวน์ า่ รู้
เร่ือง ลกั ษณะอวัยวะทแี่ ตกตา่ งกนั ของสตั วแ์ ตล่ ะชนดิ เวลา 2 ชว่ั โมง
ผ้สู อน นางสาวกวนิ ทพิ ย์ มะณี
1. มาตรฐาน/ตวั ช้วี ัด
1.1 ตวั ชี้วดั
ว 1.2 ป.1/1 ระบุช่ือบรรยายลักษณะและบอกหน้าทีข่ องส่วนต่าง ๆ ของร่างกายมนุษย์ สัตว์
และพชื รวมทง้ั บรรยายการทาหนา้ ท่ีร่วมกันของส่วนต่าง ๆ ของรา่ งกายมนุษยใ์ น
การทากิจกรรมตา่ ง ๆ จากขอ้ มลู ทีร่ วบรวมได้
2. จุดประสงคก์ ารเรยี นรู้
1. สงั เกตและระบชุ อ่ื อวัยวะตา่ ง ๆ ของสัตว์ได้ (K)
2. บอกหนา้ ที่ของอวัยวะตา่ ง ๆ ของสตั วไ์ ด้ (K)
3. เขยี นเปรียบเทยี บลักษณะและหน้าท่อี วัยวะภายนอกทแี่ ตกตา่ งกันของสตั ว์ (P)
4. รบั ผิดชอบต่อหนา้ ทท่ี ไี่ ด้รับมอบหมาย (A)
3. สาระการเรยี นรู้แกนกลาง
1. อวยั วะภายนอกของสตั ว์
2. หนา้ ทอ่ี วัยวะภายนอกของสัตว์
3. ลกั ษณะท่ีแตกต่างกันของอวัยวะภายนอกของสัตว์
4. สาระสาคัญ/ความคิดรวบยอด
สตั ว์แต่ละชนิดมีสว่ นต่าง ๆ ท่ีมลี กั ษณะและหนา้ ทีแ่ ตกต่างกนั เพื่อใหเ้ หมาะสมกบั การดารงชีวติ เช่น
ปลามคี รบี เป็นแผน่ ส่วนกบ เตา่ แมว มขี าและเทา้ 4 ข้าง สาหรบั ใชใ้ นการเคล่อื นท่ี เปน็ ต้น
280
5. สมรรถนะสาคญั ของผเู้ รียนและคณุ ลกั ษณะอันพงึ ประสงค์
สมรรถนะสาคัญของผู้เรยี น คณุ ลกั ษณะอันพงึ ประสงค์
1. ความสามารถในการสือ่ สาร 1. มี
2. ความสามารถในการคิด วนิ ยั
1) ทักษะการสงั เกต 2. ใฝ่
2) ทกั ษะการสารวจคน้ หา เรียนรู้
3. ความสามารถในการใชท้ กั ษะชวี ติ 3. ม่งุ มน่ั ในการทางาน
6. กิจกรรมการเรยี นรู้
วิธสี อนแบบสบื เสาะหาความรู้ 5Es (5Es Instructional Model)
ช่วั โมงที่ 1
6.3 ขน้ั กระตุ้นความสนใจ (Engage)
1. ครนู านักเรยี นร้องเพลง เปด็ อาบน้าในคลอง โดยมเี น้อื เพลงเขียนไว้บนกระดานดงั น้ี
เพลง เปด็ อาบนา้ ในคลอง
ก้าบ ก้าบ ก้าบ เปด็ อาบน้าในคลอง
ตากจ็ ้องแลมอง เพราะในคลองมี หอย ปู ปลา
ก้าบ ก้าบ ก้าบ เปด็ อาบน้าในคู
ตาก็จอ้ งแลดู เพราะในคู มี หอย ปู ปลา
ที่มา : เพลงสอนเดก็ ปฐมวยั
2. ครูให้นักเรียนร้องเพลงพร้อมกนั และทาท่าทางประกอบเพลง เพื่อความสนุกสนาน
3. ครูถามคาถามว่า เน้ือเพลงได้กล่าวถงึ สตั วช์ นดิ ใดบา้ ง ให้นกั เรียนยกมอื ตอบ
(หมายเหตุ: ครเู ริม่ ประเมินนักเรียน โดยใช้แบบสงั เกตพฤติกรรมการทางานรายบุคคล)
(แนวตอบ : เป็ด หอย ปู ปลา)
6.2 ขน้ั สารวจคน้ หา (Explore)
1. ใหน้ ักเรียนแบ่งกลุ่ม กลุ่มละ 4-5 คน จากนน้ั เปิดหนังสือเรียนวทิ ยาศาสตร์ หนา้ 36 แล้วทากิจกรรม
พฒั นาการเรียนร้ทู ่ี 2 ข้อ 2. โดยให้แตล่ ะกล่มุ วาดภาพสัตวท์ ีส่ นใจมา 1 ชนิด โดยที่สตั วต์ วั นั้นมีอวัยวะ
สว่ นใดส่วนหนง่ึ หายไป ลงในสมุดประจาตวั นักเรียน
(หมายเหต:ุ ครเู ร่มิ ประเมนิ นักเรยี น โดยใชแ้ บบสงั เกตพฤติกรรมการทางานกลุม่ )
2. ให้แต่ละกลุ่มร่วมกันอภิปรายว่า ถ้าสัตวข์ าดอวยั วะสว่ นใดสว่ นหนึ่งไปจะส่งผลต่อการดารงชวี ติ ของ
สตั วห์ รอื ไม่ อย่างไร
281
3. เมื่อแตล่ ะกลมุ่ ร่วมกันอภิปรายผลเสรจ็ แล้ว ใหเ้ ตรียมตัวออกมานาเสนอหนา้ ชน้ั เรียน โดยครสู ุ่มเรยี ก
ออกมานาเสนอทีละกลุม่
(หมายเหตุ: ครเู รมิ่ ประเมินนักเรยี น โดยใช้แบบประเมินการนาเสนอหนา้ ช้นั เรียน)
4. ครอู ธิบายความสาคัญของอวัยวะภายนอกของสัตว์ท่ีมผี ลต่อการดารงชีวิตของสัตว์ โดยใหน้ ักเรียน
เปดิ หนังสือเรยี นวิทยาศาสตร์ หน้า 36 ประกอบ
ชว่ั โมงท่ี 2
6.3 ขน้ั อธบิ ายความรู้ (Explain)
1. ครูให้นักเรียนวาดรูปสัตว์ท่ีนักเรียนชอบลงในสมุดภายในเวลา 1 นาที จากนั้นครูสุ่มเรียกเลขที่
นกั เรียนทลี ะคน แลว้ ให้บอกลกั ษณะของสตั วท์ ่ีนกั เรียนวาดให้เพ่ือน ๆ ฟงั และใหเ้ พื่อน ๆ ทายว่าสตั ว์
ที่นักเรยี นวาดเป็นสตั ว์ชนดิ ใด
เชน่ ตัวอยา่ งคาใบบ้ อกลกั ษณะของสตั ว์
- เป็นสัตวท์ ี่อยู่บนบกมี 4 ขา มีใบหูใหญ่ แต่มตี าเล็กเปน็ สัตว์บกท่ีมีขนาดใหญ่ท่ีสดุ ตัวผู้มี
เขย้ี วยาว (ช้าง)
- มีหางไวส้ าหรบั ว่ายนา้ มีเหงอื กไวห้ ายใจในนา้ ลาตวั แบน ๆ มเี กลด็ (ปลา)
- มีปีกลาตัวมีขน มี 2 ขา มีปากแหลมและแข็ง (นก)
ให้นักเรยี นบอกลักษณะจนกว่าเพื่อนจะทายถูกว่าเป็นสตั วช์ นดิ ใด เปน็ ต้น
2. เมื่อทากิจกรรมจบครูให้นักเรียนรว่ มกันสรุปขอ้ มูลท่ีได้จากทากิจกรรมวา่ สัตว์แต่ละชนิดมีลักษณะ
แตกต่างกันอยา่ งไร โดยใหน้ ักเรียนยกมือแสดงความคิดเห็น
(หมายเหต:ุ ครูเริ่มประเมินนักเรยี น โดยใช้แบบสงั เกตพฤติกรรมการทางานรายบุคคล)
3. ครูอธิบายเน้อื หาในหนังสือเรียนวิทยาศาสตร์ หนา้ 37-38 หรอื เปดิ PowerPoint เรือ่ งอวยั วะ
เฉพาะตวั ของสัตวแ์ ต่ละชนิด เพื่อใหน้ ักเรียนเข้าใจมากย่ิงข้นึ
4. ครูให้นกั เรียนทากจิ กรรมสรุปความรู้ประจาบทท่ี 2 ลงในสมดุ ประจาตัวนักเรียนหรือในแบบฝกึ หัด
วทิ ยาศาสตร์ หนา้ 41
282
6.4 ขั้นขยายความเข้าใจ (Elaborate)
1. ครแู บง่ กลุ่มใหน้ ักเรียน กลุ่มละ 3-4 คน ให้แต่ละกลุ่มทากจิ กรรมสร้างสรรค์ผลงานจากหนังสอื เรียน
วทิ ยาศาสตร์ หน้า 40 หรอื ในแบบฝึกหัดวทิ ยาศาสตร์ หน้า 46 โดยจดั ทาสมุดภาพอวัยวะภายนอก
ของสัตว์ชนดิ ตา่ ง ๆ โดยวาดภาพหรอื ติดภาพสัตวท์ ีก่ ลุ่มตนเองรู้จักลงในสมุดภาพแล้วชีบ้ อกชอ่ื อวยั วะ
และหน้าที่ของอวัยวะ พรอ้ มตกแตง่ ใหส้ วยงาม
(หมายเหต:ุ ครูเร่มิ ประเมินนักเรยี น โดยใชแ้ บบสงั เกตพฤติกรรมการทางานกลมุ่ )
2. ครูกาหนดเวลาในการทาสมุดภาพ 40 นาที แลว้ ใหแ้ ต่ละกลมุ่ นาสมุดภาพมาส่งครูหนา้ ช้ันเรยี น
(หมายเหต:ุ ครเู ร่มิ ประเมนิ นักเรียน โดยใชแ้ บบประเมนิ ผลงาน/ชนิ้ งาน)
3. ครนู าสมุดภาพของแตล่ ะกลุ่มมาวางไวห้ นา้ หอ้ ง เพอื่ ให้กลมุ่ อื่น ๆ ไดศ้ ึกษาสมดุ ภาพ
4. ครูให้นักเรยี นทากิจกรรมฝึกทักษะ จากหนังสือเรียนวิทยาศาสตร์ หน้า 39-40 ลงในสมุดประจาตัว
นักเรียนหรือแบบฝึกหัดวิทยาศาสตร์ หน้า 42-44 และกิจกรรมคาถามท้าทายการคิดขั้นสูงใน
แบบฝกึ หดั วิทยาศาสตร์ หน้า 45 เป็นการบา้ นนามาสง่ ในชว่ั โมงถดั ไป
5. ครูให้นักเรียนร่วมกันสรุปความรู้ท่ีได้จากการทากิจกรรมในช่ัวโมงน้ี หรือทาทบทวนท้ายบทใน
แบบฝกึ หัดวทิ ยาศาสตร์ หนา้ 47-49
6.5 ขนั้ ตรวจสอบผล (Evaluate)
1. ครใู ห้นักเรียนทาแบบทดสอบหลงั เรียน เพ่อื วดั ความเขา้ ใจหลังจากเรียนจบหนว่ ยการเรยี นรทู้ ่ี 1
2. ครใู หน้ กั เรียนทาตรวจสอบตนเองหลังจากทไี่ ดเ้ รยี นบทท่ี 2 เร่ืองพืชและสัตวน์ า่ รู้
3. ครปู ระเมนิ ผลนักเรยี นจากการทาแบบทดสอบหลังเรียน
4. ครปู ระเมินผล โดยการสังเกตพฤตกิ รรมการทางานรายบุคคล พฤตกิ รรมการทางานกลมุ่ และจากการ
นาเสนอผลการทากจิ กรรมหนา้ ช้ันเรียน
5. ครตู รวจผลจากช้นิ งานที่นักเรียนไดส้ ร้างขน้ึ จากขนั้ ขยายความเข้าใจของนักเรียนเป็นกลุ่ม
6. ครูตรวจสอบผลการทากจิ กรรมพัฒนาการเรียนรูท้ ี่ 2 ในสมุดประจาตัวนักเรียน
7. ครูตรวจสอบผลการทาสรุปสาระสาคญั ประจาบทที่ 2 ในสมุดประจาตัวนักเรียนหรือแบบฝึกหัด
วิทยาศาสตร์ หน้า 41
8. ครูตรวจสอบผลการทากจิ กรรมฝึกทักษะได้ในสมดุ ประจาตวั นักเรยี นหรือแบบฝึกหัดวิทยาศาสตร์
หนา้ 43-45
9. ครูตรวจสอบผลการทากิจกรรมท้าทายการคดิ ขน้ั สูงในแบบฝึกหัดวทิ ยาศาสตร์ หนา้ 45
10. ครตู รวจสอบผลการทาทบทวนทา้ ยหนว่ ยในแบบฝึกหดั วิทยาศาสตร์ หน้า 47-49
283
7. การวัดและประเมนิ ผล
รายการวัด วิธวี ดั เครื่องมอื เกณฑ์การประเมิน
7.1 การประเมินระหวา่ งการจัดกจิ กรรม
1) กิจกรรมพัฒนาการ - ตรวจสมุดประจาตัว - สมุดประจาตัว - รอ้ ยละ 60 ผา่ นเกณฑ์
เรยี นร้ทู ี่ 2 นกั เรียน นักเรยี น
2) สรุปความรู้ประจา บท - ตรวจสมุดประจาตวั - สมุดประจาตัว - ร้อยละ 60 ผ่านเกณฑ์
ที่ 2 นกั เรยี นหรอื แบบฝึกหัด นกั เรยี นหรอื
วทิ ยาศาสตร์ ป.1 เล่ม แบบฝกึ หดั
1 หน้า 41 วิทยาศาสตร์ ป.1
เลม่ 1 หน้า 41
3) กจิ กรรมฝึกทักษะ - ตรวจสมดุ ประจาตวั - สมุดประจาตัว - ร้อยละ 60 ผา่ นเกณฑ์
นกั เรยี นหรือแบบฝกึ หดั นักเรียนหรือ
วทิ ยาศาสตร์ ป.1 เลม่ แบบฝกึ หดั
1 หนา้ 42-44 วิทยาศาสตร์ ป.1
เล่ม 1 หนา้ 42-44
4) กิจกรรมทา้ ทายการคดิ - ตรวจแบบฝกึ หดั - แบบฝึกหดั - รอ้ ยละ 60 ผา่ นเกณฑ์
ขัน้ สูง วทิ ยาศาสตร์ ป.1 เลม่ วิทยาศาสตร์ ป.1
1 หน้า 45 เลม่ 1 หน้า 45
5) ผลงาน/ชิ้นงาน - ตรวจสมดุ ภาพอวัยวะ - สมดุ ภาพอวยั วะ - ระดับคณุ ภาพ 2
ภายนอกของสัตว์ชนดิ ภายนอกของสตั ว์ชนิด ผา่ นเกณฑ์
ต่าง ๆ ตา่ ง ๆ
6) การนาเสนอผลงาน - ประเมินการนาเสนอ - แบบประเมนิ การ - ระดับคณุ ภาพ 2
ผลงาน นาเสนอผลงาน ผา่ นเกณฑ์
7) พฤติกรรมการทางาน - สงั เกตพฤติกรรม - แบบสังเกตพฤตกิ รรม - ระดับคณุ ภาพ 2
รายบุคคล การทางานรายบุคคล การทางานรายบคุ คล ผ่านเกณฑ์
8) พฤตกิ รรมการทางาน - สงั เกตพฤตกิ รรม - แบบสงั เกตพฤตกิ รรม - ระดับคุณภาพ 2
กลมุ่ การทางานกลุ่ม การทางานกลุ่ม ผา่ นเกณฑ์
9) คุณลกั ษณะอันพึง - สงั เกตความมวี นิ ัย - แบบประเมนิ - ระดบั คุณภาพ 2
ประสงค์ ใฝ่เรียนรู้ และมงุ่ มน่ั คุณลักษณะอนั ผา่ นเกณฑ์
ในการทางาน พงึ ประสงค์
284
8. สื่อ/แหลง่ การเรียนรู้
8.1 สือ่ การเรยี นรู้
1) หนังสือเรยี นวทิ ยาศาสตร์ ป.1 เล่ม 1 หน่วยการเรียนรู้ท่ี 1 ตวั เรา พชื และสตั ว์
2) แบบฝกึ หัดวทิ ยาศาสตร์ ป.1 เล่ม 1 หนว่ ยการเรยี นรทู้ ี่ 1 ตวั เรา พืช และสัตว์
3) PowerPoint เรือ่ งอวัยวะเฉพาะตัวของสตั วแ์ ตล่ ะชนิด
4) แบบทดสอบหลังเรยี น
5) เพลงเป็ดอาบน้าในคลอง
8.2 แหล่งการเรียนรู้
1) ห้องเรียน
285
286
287
288
289
290
291
292
293
294
เกณฑ์การวัดประเมนิ ผล (ผ่านเกณฑใ์ นระดบั ดี)
ชว่ งคะแนน ระดับคณุ ภาพ
7-9 3 = ดี
4-6 2 = พอใช้
1-3 1 = ปรับปรุง
0 0 = แก้ไข
แนวทางในการประเมนิ คณุ ลักษณะอนั พึงประสงค์
ประเด็นการประเมนิ ระดบั คณุ ภาพ
3 (ด)ี 2 (พอใช้) 1 (ปรบั ปรงุ ) 0 (แก้ไข)
1. มวี ินยั นกั เรยี นเข้าเรยี นตรง นักเรยี นเข้าเรียน นกั เรยี นเข้าเรียน นักเรียนไมเ่ ข้า
ตอ่ เวลาสมา่ เสมอ ตรงต่อเวลา ตรงต่อเวลา เรยี น ไมป่ ฏิบตั ิ
บางคร้ัง ปฏบิ ัติ
ปฏิบัตติ าม บางครงั้ ไม่ปฏบิ ตั ิ ตาม
กฎระเบียบ ตามกฎระเบยี บ ตามกฎระเบยี บ กฎระเบียบ
สมา่ เสมอ บางคร้ัง
2. ใฝ่เรยี นรู้ มีความสนใจใน มคี วามสนใจใน มีความสนใจใน ไมม่ คี วาม
กิจกรรมการเรียน กิจกรรมการเรียน กิจกรรมการเรียน สนใจใน
การสอนสมา่ เสมอ การสอนสมา่ เสมอ การสอนบางคร้งั กจิ กรรมการ
ทาใบกจิ กรรมด้วย ทาใบกิจกรรมดว้ ย ไม่ทาใบกจิ กรรม เรยี นการสอน
ตนเองบางครั้ง ไมท่ าใบ
ตนเอง ด้วยตนเอง
กิจกรรม
3. มุ่งมั่นในการ นกั เรยี นตั้งใจทางาน นกั เรียนตงั้ ใจ นักเรียนไม่ตงั้ ใจ นกั เรยี นไม่
ทางาน อย่างเต็ม ทางานอย่างเตม็ ทางาน และส่งงาน ทางานสง่
ความสามารถแต่ ไม่ทนั ตามเวลาที่
ความสามารถ สง่ งานไม่ตรงตาม
ทางานเสรจ็ และส่ง เวลาทกี่ าหนด กาหนด
ทนั ตามเวลาที่
กาหนด
295
เกณฑ์การวัดประเมนิ ผล (ผา่ นเกณฑ์ในระดบั ดี)
ชว่ งคะแนน ระดบั คณุ ภาพ
7-9 3 = ดี
4-6 2 = พอใช้
1-3 1 = ปรบั ปรงุ
0 0 = แกไ้ ข
แนวทางในการประเมินทักษะการปฏบิ ตั ิ
ประเด็นการ ระดับคณุ ภาพ
ประเมิน 3 (ดี) 2 (พอใช้) 1 (ปรบั ปรงุ ) 0 (แกไ้ ข)
1. มที ักษะการ สมาชกิ ในกลุ่มมี สมาชิกในกลุม่ มี สมาชกิ ในกลุม่ ไม่มี สมาชกิ ในกลุ่มไมม่ ี
วางแผนทางาน การวางแผนก่อน การวางแผนก่อน การวางแผนก่อนลง การวางแผนกอ่ น
กลมุ่ ลงมือทาปฏิบตั ิ ลงมือทาปฏิบตั ิ มอื ทาปฏบิ ัติ และ ลงมอื ทาปฏบิ ัติ
และชว่ ยเหลือกัน และชว่ ยเหลอื กนั ช่วยเหลือกนั ทางาน และไมช่ ่วยเหลอื
อยา่ งเตม็ ท่ี เปน็ บางคน บางคน กนั ทางาน
2. มคี วาม สมาชิกในกลมุ่ ทุก สมาชกิ ในกลุม่ สมาชกิ ในกลุ่มไม่ เฉยชาขาดสนใจไม่
กระตอื รือรน้ ใน คนรว่ มกนั ศึกษา ร่วมกันศกึ ษาหา ตั้งใจศกึ ษาหา แสดงความอยากรู้
การหาความรู้ หาความรอู้ ยา่ ง ความรอู้ ย่างต้งั ใจ ความรู้ อยากเหน็
ตัง้ ใจ เปน็ บางคน
3. มีความมั่นใจ สมาชิกในกล่มุ สมาชกิ ในกลมุ่ สมาชกิ ในกล่มุ ไม่ สมาชิกในกลมุ่ ไม่มี
และกลา้ สามารถนาเสนอ สามารถนาเสนอ สามารถนาเสนอ งาน
แสดงออก งานไดอ้ ย่างมน่ั ใจ งานได้อยา่ งมน่ั ใจ งานได้อย่างม่นั ใจ
ถูกต้อง ชดั เจน ถูกต้อง ชดั เจน ถูกตอ้ ง ชัดเจน
เป็นบางคร้งั
296