The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

ม.1 หน่วยการเรียนรู้ที่ 1 สารบริสุทธิ์ (ปี กศ.2565)

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by ดิเรกฤทธิ์ ยุเหล็ก, 2022-07-23 10:00:47

ม.1 หน่วยการเรียนรู้ที่ 1 สารบริสุทธิ์ (ปี กศ.2565)

ม.1 หน่วยการเรียนรู้ที่ 1 สารบริสุทธิ์ (ปี กศ.2565)

1

แผนการจดั การเรยี นรู้ที่ 1

หนว่ ยการเรียนรทู้ ่ี 1 สารบรสิ ทุ ธิ์ เรอ่ื ง ธาตแุ ละสารประกอบ (1)

กลมุ่ สาระการเรียนรู้วิทยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี

รหัสวชิ า ว 21101 รายวชิ า วทิ ยาศาสตร์ 1 ชัน้ ม.1 เวลาเรียน 2 ช่วั โมง

ภาคเรียนท่ี 1 ปีการศกึ ษา 2565 ครูผู้สอน นายดิเรกฤทธ์ิ ยุเหล็ก ตำแหน่ง ครู คศ.1

ใชส้ อนวนั ....................... ท.่ี ........... เดือน.................................... พ.ศ. .........................

*************************************

1. มาตรฐานการเรยี นร/ู้ ตัวช้ีวัด
มาตรฐาน ว 2.1 เขา้ ใจสมบัตขิ องสสารองค์ประกอบของสสารความสัมพันธร์ ะหวา่ งสมบัตขิ องสสารกบั โครงสรา้ ง
และแรงยึดเหน่ยี วระหว่างอนุภาคหลกั และธรรมชาติของการเปลี่ยนแปลงสถานะของสสารการเกิดสารละลายและ
การเกดิ ปฏกิ ิริยาเคมี
ตวั ชว้ี ัด

ว 2.1 ม.1/1 อธิบายสมบตั ิทางกายภาพบางประการของธาตโุ ลหะอโลหะและกงึ่ โลหะโดยใชห้ ลกั ฐาน
เชิงประจักษ์ทไ่ี ด้จากการสังเกตและการทดสอบและใชส้ ารสนเทศทไ่ี ด้จากแหล่งขอ้ มูลต่างๆรวมท้ังจดั กลมุ่ ธาตุเปน็
โลหะอโลหะและก่งึ โลหะ

ว 2.1 ม.1/2 วเิ คราะห์ผลจากการใช้ธาตุโลหะอโลหะก่ึงโลหะและธาตกุ ัมมันตรังสที ่ีมีตอ่ สิ่งมีชีวิต
ส่งิ แวดลอ้ มเศรษฐกิจและสงั คมจากข้อมูลทร่ี วบรวมได้

ว 2.1 ม.1/3 ตระหนักถงึ คุณค่าของการใช้ธาตุโลหะอโลหะกึง่ โลหะธาตุกมั มนั ตรงั สโี ดยเสนอแนว
ทางการใช้ธาตอุ ย่างปลอดภัยค้มุ คา่

2. สาระสำคญั
ธาตุและสารประกอบเป็นสารเนอ้ื เดยี วทีม่ ีองคป์ ระกอบแตกตา่ ง โดยธาตุมอี งค์ประกอบเป็น

อะตอมชนิดเดยี ว ส่วนสารประกอบมีองคป์ ระกอบเปน็ ธาตมุ ากกว่าหน่งึ ชนดิ ที่รวมตัวกนั ทางเคมี

3. จุดประสงค์การเรยี นรู้
ดา้ นความรู้ (K)
1.อธบิ ายสมบัติของธาตุและสารประกอบ ความแตกตา่ งต่างของโลหะ อโลหะ

และกงึ่ โลหะได้
2. ศึกษาและทำการทดลอง เพอื่ ตรวจสอบสมบัติของธาตแุ ละสารประกอบได้

2

ประโยชน์ 3. ศกึ ษาความแตกต่างของโลหะ อโลหะ และกึง่ โลหะ พรอ้ มท้งั ยกตัวอยา่ งการนำมาใช้

4. ศึกษาสมบัตขิ องธาตุกมั มันตรงั สแี ละการนำมาใช้ในชีวิตประจำวนั
ดา้ นทกั ษะกระบวนการ (P)
กระบวนการสืบเสาะ หาความรู้
ดา้ นคณุ ลกั ษณะอันพึงประสงค์ (A)
ความสนใจใฝร่ ู้ ความมุง่ ม่นั อดทน

4. สาระการเรยี นรู้
1. ธาตุ
2. สารประกอบ
3. ธาตกุ มั มนั ตรังสี

5. กระบวนการจัดการเรียนรู้
ชว่ั โมงที่ 1

ขน้ั สร้างความสนใจ
1. แจ้งสาระสำคญั ของเน้อื เรอ่ื ง จุดประสงคก์ ารเรียนรู้ นักเรียนทำแบบทดสอบประเมินผล

กอ่ นเรยี น
2. นกั เรียนทำแบบทดสอบก่อนเรยี น เรือ่ ง ธาตแุ ละสารประกอบ
3. แบ่งนกั เรียนออกเปน็ 6 กลุ่ม โดยคละความสามารถ ( เกง่ ปานกลาง ออ่ น ) แลว้ ให้

เลือกประธาน และเลขานุการ ครไู ดช้ ีแ้ จงบทบาทหน้าท่ขี องประธาน สมาชิก และเลขานุการ ใหน้ กั เรียน
ทกุ คนเข้าใจ ในการแบง่ กลมุ่ ไดด้ ำเนนิ การดงั นี้

ระดบั ความสามารถ กลมุ่ ท่ี หมายเหตุ

123456

เกง่ 1 2 3 4 5 6

เก่ง 12 11 10 9 8 7

ปานกลาง 13 14 15 16 17 18

ปานกลาง 24 23 22 21 20 19

อ่อน 25 26 27 28 29 30

อ่อน 36 35 34 33 32 31

อ่อน 37 38 39

3

ขัน้ สำรวจและค้นหา
4. ให้นกั เรียนแต่ละกลุม่ ศกึ ษา เรื่อง ธาตุ สัญลักษณ์ของธาตุ สารประกอบ จากห้องสมุด
และอินเทอรเ์ น็ต

ช่ัวโมงท่ี 2
ขน้ั อภปิ รายและลงข้อสรปุ
5. นกั เรียนแตล่ ะกลุ่มออกมาอภปิ รายหนา้ ชั้นเรยี น
6. ครูและนกั เรียนร่วมกันสรปุ เร่อื ง ธาตุ สญั ลักษณ์ของธาตุ สารประกอบ ว่า

– ธาตุ เปน็ สารบริสทุ ธิ์ที่ประกอบด้วยอะตอมชนดิ เดยี วกันและไม่สามารถแยกสลายเปน็ สาร
อืน่ ไดอ้ กี โดยวธิ ีการทางเคมี

– สารประกอบเปน็ สารบริสุทธิ์ทป่ี ระกอบด้วยธาตตุ งั้ แต่สองธาตุขนึ้ ไป รวมตัวกนั ด้วย
อัตราสว่ นโดยมวลคงท่ี และมสี มบัตแิ ตกตา่ งจากสมบตั เิ ดิมของธาตุที่เปน็ องคป์ ระกอบ

ขั้นขยายความรู้
7. นกั เรียนศึกษาใบความรู้ เรอื่ ง ธาตแุ ละสญั ลักษณ์ของธาตุ เพิ่มเตมิ
ขนั้ ประเมิน
8. นักเรยี นทำ Fold able สง่ ครนู อกเวลา

6. สอ่ื และแหลง่ เรียนรู้
1. ระบบ Internet
2. ห้องสมดุ
3. ใบความรู้ เรือ่ ง ธาตแุ ละสญั ลกั ษณ์ของธาตุ
4. หนงั สือเรียนสาระการเรยี นรู้พ้นื ฐานวทิ ยาศาสตร์

4

7. การวัดผลและประเมนิ ผล

สง่ิ ท่ีตอ้ งการประเมิน วธิ ีการวัดผล เครอื่ งมือทใ่ี ช้ เกณฑ์การผา่ น
ในการวัดผล การประเมนิ ผล

ความรู้

1.อธบิ ายสมบัติของธาตุ การตรวจผลงาน แบบประเมินการตรวจ ได้คะแนนเฉลี่ย รอ้ ยละ
ผลงาน 60 ขึน้ ไป
และสารประกอบ ความ

แตกต่างต่างของโลหะ

อโลหะ และกึ่งโลหะได้

2.ศกึ ษาและทำการ

ทดลอง เพอ่ื ตรวจสอบ

สมบตั ขิ องธาตแุ ละ

สารประกอบได้

3.ศกึ ษาความแตกตา่ ง

ของโลหะ อโลหะ และ

กง่ึ โลหะ พร้อมท้งั

ยกตัวอยา่ งการนำมาใช้

ประโยชน์

4.ศึกษาสมบัตขิ องธาตุ

กมั มันตรงั สีและการ

นำมาใชใ้ นชวี ิตประจำวัน

ทกั ษะ

กระบวนการสืบเสาะ - การนำเสนอผลงาน - แบบประเมนิ การ ไดค้ ะแนนเฉล่ยี ร้อยละ
นำเสนอผลงาน 60 ข้ึนไป
หาความรู้ - แบบประเมนิ พฤติกรรม
การทำงานกลุ่ม
- สังเกตพฤตกิ รรมการ

ทำงานกลมุ่

คณุ ลักษณะอนั พึง

ประสงค์

ความสนใจใฝร่ ู้ ความ สงั เกตพฤตกิ รรม แบบประเมินพฤตกิ รรม ได้คะแนนเฉลี่ย 2 (ดี)

มุง่ ม่นั อดทน รายบุคคล รายบคุ คล ข้ึนไป

8. บนั ทึกหลงั การจัดการเรยี นรู้ 5
8.1 ผลการจดั การเรยี นรู้
ผู้เรยี นทผ่ี า่ นตัวชวี้ ัด/ผลการเรยี นรู้ จำนวน...............คน คิดเป็นร้อยละ.................
ผู้เรยี นทไ่ี มผ่ ่านตัวชวี้ ัด/ผลการเรียนรู้ จำนวน...............คน คดิ เป็นรอ้ ยละ.................

เลขท่ีของนกั เรียนทสี่ อบไม่ผ่านตวั ชี้วดั ..................................................................................................
............................................................................................................................................................................

สาเหตุทไี่ มผ่ า่ น .....................................................................................................................................
............................................................................................................................................................................

แนวทางแกป้ ญั หา.................................................................................................................................
............................................................................................................................................................................

ผเู้ รียนท่มี คี วามสามารถพิเศษ ไดแ้ ก่ ....................................................................................................
............................................................................................................................................................................

แนวทางการพัฒนา/ส่งเสรมิ ..................................................................................................................
............................................................................................................................................................................

ผเู้ รียนได้รับความรู้ (K) ในเรือ่ ง ............................................................................................................
ผเู้ รียนเกิดทกั ษะกระบวนการ (P) ในเรอื่ ง............................................................................................
ผู้เรียนมีคณุ ธรรม จรยิ ธรรม คา่ นิยม (A) ในเร่ือง.................................................................................

8.2 ปัญหาอุปสรรค
............................................................................................................................................................................
............................................................................................................................................................................

8.3 ข้อเสนอแนะและแนวทางแก้ปัญหา
............................................................................................................................................................................
............................................................................................................................................................................

ลงช่ือ.......................................................ครูผสู้ อน
(นายดเิ รกฤทธิ์ ยุเหลก็ )
ตำแหนง่ ครู คศ.1

วนั ที่............เดือน..........................พ.ศ. ................

6

9. ความคิดเหน็ ของผบู้ รหิ ารสถานศึกษา/ผู้ท่ีได้รับมอบหมาย
............................................................................................................................................................................
............................................................................................................................................................................
............................................................................................................................................................................

ลงชอื่ ......................................หวั หน้ากลุ่มสาระการเรยี นรู้
(นางสาวพัสราภรณ์ พูลแจง้ )

วนั ท่ี............เดอื น..........................พ.ศ. ................

รบั ทราบผลการจัดการเรยี นรู้

ลงชื่อ....................................................... ลงชือ่ ......................................................
(................................................) (นายวิรัชต์ จำปาทอง)

ตำแหน่ง รองผูอ้ ำนวยการสถานศึกษา ฝ่ายบรหิ ารวชิ าการ ตำแหนง่ ผอู้ ำนวยการสถานศึกษา
วนั ที่............เดือน..........................พ.ศ. ........... วนั ที.่ ...........เดอื น..........................พ.ศ. ...........

7

แบบทดสอบประเมนิ กอ่ นเรยี น

คำชีแ้ จง จงกาเครือ่ งหมายกากบาททับอกั ษรท่ีถูกที่สดุ เพียงข้อเดียว
1. น้ำ น้ำตาลทราย เกลือแกง เป็นสารประกอบเพราะสมบัติในข้อใด

ก เป็นตวั นำไฟฟา้ ที่ไมด่ ี
ข เปน็ ตวั นำความร้อนท่ดี ี
ค มสี ถานะเปน็ ของแข็งหรอื ของเหลวกไ็ ด้
ง เปน็ สารทป่ี ระกอบด้วยธาตุ 2 ชนดิ หรือมากกวา่
2. ธาตกุ ่ึงโลหะ (Metalloid) มีสมบตั ิตามข้อใด
ก เปน็ ตวั นำไฟฟ้าที่ดี
ข มีสมบัติท้งั โลหะและอโลหะ
ค ตีเป็นแผน่ บางหรือรปู ร่างต่าง ๆ ได้
ง เกดิ ขึ้นจากปฏิกริ ยิ าเคมี พลังงานความร้อนและแสงสวา่ ง
3. การจำแนกธาตุออกเป็นโลหะและอโลหะไมค่ วรใชส้ มบัติในข้อใด
ก การนำไฟฟา้
ข การนำความร้อน
ค pH ของสารละลายของออกไซดแ์ ละซลั ไฟด์
ง การละลายของสารประกอบออกไซดใ์ นน้ำ
4. ข้อใดใช้ประโยชน์จากธาตุกัมมันตรังสีไมถ่ ูกตอ้ ง
ก ใชว้ ัดมาตรฐานของผลิตภัณฑ์
ข ใช้คน้ หาซากดึกดำบรรพ์ใต้พื้นดิน
ค ใช้ตรวจสอบปรมิ าณการดูดซึมปยุ๋ ของพชื
ง ใชต้ รวจสอบการทำงานของอวยั วะมนุษย์
5. มกี ารนำธาตุโคบอลต์-60 ไปใชป้ ระโยชนใ์ นด้านใด
ก การถนอมอาหาร
ข การตรวจสอบหาอายุของวัตถขุ องโบราณ
ค การตรวจสอบการทำงานของอวัยวะตา่ ง ๆ
ง การตรวจสอบปรมิ าณการดูดซมึ ปุ๋ยของพืช

8

6. โลหะผสมระหวา่ งตะกว่ั กบั ดบี กุ สามารถนำไปใชป้ ระโยชน์ไดต้ ามขอ้ ใด
ก ผลติ ฟิวส์ใชต้ ามบา้ น
ข ผลิตอปุ กรณ์อิเล็กทรอนกิ ส์
ค ผลิตเปน็ เส้นใยแก้วในสายโทรศพั ท์
ง ผลติ เป็นสารฟอกขาวโดยนำไปผสมกับคลอรีน

7. ในการเกิดปฏิกิริยาของสารชนิดหน่ึง ถ้าใส่ตัวเร่งปฏิกริ ิยาและตัวยับย้ังปฏกิ ิริยาลงไปจะมผี ลตอ่ ปฏิกริ ิยา
อย่างไร

ก อัตราการเกดิ ปฏกิ ริ ยิ าคงท่ี
ข ปริมาณของสารต้ังตน้ เพิ่มขน้ึ และลดลง
ค อตั ราการเกดิ ปฏกิ ิรยิ าเพ่มิ ขนึ้ และช้าลง
ง อุณหภมู กิ ารเกดิ ปฏกิ ิรยิ าสูงขนึ้ และลดลง
8. ผลิตภณั ฑ์ทไี่ ดจ้ ากการเกิดปฏกิ ิริยาเคมีจะมีลักษณะตรงกบั ข้อใด
ก มีปรมิ าณเท่ากับสารต้งั ตน้
ข มีสถานะเหมอื นกบั สารต้งั ต้น
ค มคี ุณสมบตั คิ ลา้ ยกบั สารตัง้ ต้น
ง มคี ุณสมบตั ิผิดไปจากสารตั้งต้น
9. ปฏิกริ ยิ าเคมีระหว่างกรดไฮโดรคลอริกกบั แคลเซียมจะไดผ้ ลติ ภณั ฑ์ขอ้ ใด
ก โซเดียมคลอไรดก์ ับไอนำ้
ข แคลเซียมออกไซดก์ ับนำ้
ค แคลเซยี มคลอไรดก์ บั แกส๊ ไฮโดรเจน
ง โซเดียมไฮดรอกไซดก์ บั แกส๊ ออกซเิ จน
10. ในการจำแนกสารโดยใชเ้ นอ้ื สารเปน็ เกณฑ์ ข้อใดตอ่ ไปนก้ี ล่าวถกู ตอ้ ง
ก สารละลายเป็นสารเนื้อผสม
ข สารบริสทุ ธเ์ิ ป็นสารเนอื้ เดยี ว
ค สารเนื้อเดยี วเปน็ สารบริสุทธ์ิ
ง สารแขวนลอยเปน็ สารเนือ้ เดียว

9

11. ข้อใดคอื สมบัติท่สี ำคัญของสารเนื้อเดียว
ก เปน็ สารละลาย
ข เปน็ สารบริสทุ ธ์ิ
ค เป็นสารประกอบเท่านนั้
ง ทกุ สว่ นของเน้ือสารมีสมบตั ิเหมือนกัน

12. สารในข้อใดตอ่ ไปน้เี ปน็ สารเนือ้ ผสมทงั้ หมด
ก แป้งมนั น้ำเกลอื น้ำหวาน
ข ดิน นำ้ สารละลายแอมโมเนยี
ค ปนู ซเี มนต์ น้ำสม้ สายชู ถา่ นไม้
ง น้ำส้มค้นั ลอดชอ่ งกะทิ นำ้ คลอง

13. จะแยกเศษเหลก็ ท่ีปนอยู่กบั เกลด็ ไอโอดนี ได้โดยวธิ ีใด
ก การระเหย
ข การระเหดิ
ค การกรอง
ง การตกผลึก

14. ในการทำนาเกลือจะแยกเกลอื ออกจากน้ำทะเลโดยใชห้ ลักการใด
ก การกรอง
ข การระเหดิ
ค การตกตะกอน
ง การระเหยจนแห้ง

15. ถ้าตอ้ งการให้สารละลายอ่ิมตวั ละลายไดอ้ กี จะตอ้ งใชว้ ิธกี ารใด
ก ลดปริมาณของตัวทำละลาย
ข ลดอุณหภูมขิ องสารละลายให้ต่ำลง
ค เพม่ิ อณุ หภูมิของสารละลายให้สูงข้นึ
ง เพ่มิ ความดันของสารละลายอิ่มตัวนน้ั

16. ขอ้ ใดเปน็ หลักการแยกสารด้วย “การกรอง”
ก แยกสารเน้อื ผสมท่มี ีอนภุ าคของแก๊สปนอย่ใู นสารละลาย
ข แยกสารเนื้อผสมท่ีองค์ประกอบของสารนัน้ ไม่ละลายนำ้
ค แยกสารเนอ้ื ผสมที่องค์ประกอบของสารนัน้ ละลายนำ้ ได้
ง แยกสารเนอ้ื ผสมทม่ี อี นภุ าคของของเหลวปนอยู่ในสารละลาย

10

17. ขอ้ ใดเป็นหลักการแยกสารด้วย “การกลนั่ ”
ก แยกสารที่มจี ุดเดอื ดต่างกนั
ข แยกสารท่มี ีสภาพการละลายต่างกนั
ค แยกสารท่ีมขี นาดของอนุภาคแตกต่างกนั
ง แยกสารท่มี คี วามสามารถในการละลายและถูกดูดซับบนตัวดดู ซบั แตกต่างกนั

18. กรณที ี่ตวั ถกู ละลายมีความสามารถละลายในตวั ทำละลายไดใ้ นปริมาณทไี่ มเ่ ทา่ กนั ถ้าเราตอ้ งการแยกตวั
ถกู ละลายนนั้ ต้องใช้วิธีการใด

ก การกล่ัน
ข การสกัด
ค การตกผลกึ
ง การควบแนน่
19. เพราะเหตุใดเหลก็ จึงเกิดสนิม
ก เหล็กทำปฏกิ ิรยิ ากบั น้ำ
ข เหล็กทำปฏกิ ริ ิยากับไอน้ำในอากาศ
ค เหลก็ ทำปฏกิ ริ ยิ ากับออกซเิ จนในอากาศ
ง เหลก็ ทำปฏกิ ริ ิยากับแกส๊ ไฮโดรเจนในนำ้
20. กระบวนการท่ีตวั ถกู ละลายแยกตวั ออกจากสารละลายอ่ิมตวั เมื่ออุณหภูมติ ่ำลง คอื อะไร
ก การอิม่ ตัว
ข การตกผลึก
ค การควบแนน่
ง การตกตะกอน

11

เฉลยแบบทดสอบประเมนิ ผลกอ่ นเรียน

คำช้แี จง จงกาเครื่องหมายกากบาททับอักษรทถี่ ูกทีส่ ุดเพียงข้อเดียว
1. นำ้ น้ำตาลทราย เกลอื แกง เปน็ สารประกอบเพราะสมบัตใิ นขอ้ ใด

ก เป็นตัวนำไฟฟ้าทไี่ มด่ ี
ข เป็นตัวนำความรอ้ นทดี่ ี
ค มีสถานะเป็นของแขง็ หรอื ของเหลวก็ได้
ง เปน็ สารท่ปี ระกอบดว้ ยธาตุ 2 ชนดิ หรือมากกวา่
2. ธาตุกึ่งโลหะ (Metalloid) มีสมบัติตามข้อใด
ก เปน็ ตวั นำไฟฟา้ ท่ดี ี
ข มีสมบัติทั้งโลหะและอโลหะ
ค ตเี ป็นแผ่นบางหรือรปู รา่ งตา่ ง ๆ ได้
ง เกดิ ขนึ้ จากปฏกิ ริ ยิ าเคมี พลังงานความรอ้ นและแสงสวา่ ง
3. การจำแนกธาตอุ อกเปน็ โลหะและอโลหะไมค่ วรใช้สมบัตใิ นขอ้ ใด
ก การนำไฟฟ้า
ข การนำความรอ้ น
ค pH ของสารละลายของออกไซดแ์ ละซลั ไฟด์
ง การละลายของสารประกอบออกไซดใ์ นน้ำ
4. ขอ้ ใดใช้ประโยชน์จากธาตกุ ัมมันตรงั สีไมถ่ ูกต้อง
ก ใช้วัดมาตรฐานของผลิตภณั ฑ์
ข ใช้คน้ หาซากดึกดำบรรพใ์ ต้พ้นื ดิน
ค ใช้ตรวจสอบปรมิ าณการดูดซมึ ป๋ยุ ของพืช
ง ใช้ตรวจสอบการทำงานของอวัยวะมนษุ ย์
5. มีการนำธาตโุ คบอลต์-60 ไปใชป้ ระโยชน์ในด้านใด
ก การถนอมอาหาร
ข การตรวจสอบหาอายุของวัตถขุ องโบราณ
ค การตรวจสอบการทำงานของอวัยวะตา่ ง ๆ
ง การตรวจสอบปรมิ าณการดดู ซมึ ปยุ๋ ของพชื

12

6. โลหะผสมระหวา่ งตะก่ัวกบั ดบี ุกสามารถนำไปใช้ประโยชน์ได้ตามข้อใด
ก ผลติ ฟิวส์ใชต้ ามบ้าน
ข ผลิตอุปกรณ์อิเล็กทรอนกิ ส์
ค ผลติ เปน็ เส้นใยแก้วในสายโทรศพั ท์
ง ผลิตเป็นสารฟอกขาวโดยนำไปผสมกับคลอรีน
7. ในการเกิดปฏิกิริยาของสารชนดิ หน่ึง ถา้ ใส่ตวั เร่งปฏกิ ิริยาและตัวยับยงั้ ปฏิกิริยาลงไปจะ

มีผลต่อปฏิกริ ิยาอย่างไร
ก อัตราการเกิดปฏิกิริยาคงท่ี
ข ปรมิ าณของสารต้งั ต้นเพิ่มขึน้ และลดลง
ค อัตราการเกิดปฏกิ ิริยาเพม่ิ ขึน้ และช้าลง
ง อุณหภูมกิ ารเกิดปฏิกริ ิยาสงู ขึ้นและลดลง

8. ผลติ ภณั ฑ์ทไ่ี ดจ้ ากการเกิดปฏกิ ิริยาเคมจี ะมลี ักษณะตรงกบั ข้อใด
ก มปี ริมาณเท่ากับสารต้ังตน้
ข มีสถานะเหมอื นกบั สารตัง้ ตน้
ค มคี ุณสมบตั ิคลา้ ยกับสารตั้งตน้
ง มคี ุณสมบตั ผิ ิดไปจากสารตงั้ ตน้

9. ปฏกิ ิริยาเคมรี ะหว่างกรดไฮโดรคลอริกกับแคลเซยี มจะไดผ้ ลติ ภัณฑข์ อ้ ใด
ก โซเดียมคลอไรด์กับไอนำ้
ข แคลเซยี มออกไซดก์ บั นำ้
ค แคลเซยี มคลอไรด์กับแกส๊ ไฮโดรเจน
ง โซเดียมไฮดรอกไซดก์ บั แก๊สออกซิเจน

10. ในการจำแนกสารโดยใช้เนอ้ื สารเปน็ เกณฑ์ ข้อใดตอ่ ไปนีก้ ล่าวถูกตอ้ ง
ก สารละลายเป็นสารเนื้อผสม
ข สารบริสทุ ธ์ิเปน็ สารเนื้อเดยี ว
ค สารเนอ้ื เดยี วเปน็ สารบรสิ ุทธิ์
ง สารแขวนลอยเปน็ สารเนอื้ เดยี ว

13

11. ข้อใดคอื สมบัติที่สำคญั ของสารเนื้อเดยี ว
ก เป็นสารละลาย
ข เปน็ สารบริสทุ ธ์ิ
ค เปน็ สารประกอบเทา่ นน้ั
ง ทกุ ส่วนของเนื้อสารมีสมบัตเิ หมือนกัน

12. สารในข้อใดตอ่ ไปนเี้ ป็นสารเน้ือผสมท้งั หมด
ก แป้งมนั น้ำเกลอื นำ้ หวาน
ข ดิน นำ้ สารละลายแอมโมเนยี
ค ปนู ซีเมนต์ น้ำส้มสายชู ถา่ นไม้
ง นำ้ สม้ คน้ั ลอดช่องกะทิ นำ้ คลอง

13. จะแยกเศษเหล็กท่ีปนอยู่กบั เกล็ดไอโอดนี ได้โดยวิธใี ด
ก การระเหย
ข การระเหดิ
ค การกรอง
ง การตกผลึก

14. ในการทำนาเกลือจะแยกเกลือออกจากนำ้ ทะเลโดยใชห้ ลกั การใด
ก การกรอง
ข การระเหดิ
ค การตกตะกอน
ง การระเหยจนแห้ง

15. ถา้ ต้องการใหส้ ารละลายอมิ่ ตวั ละลายได้อีก จะต้องใชว้ ิธกี ารใด
ก ลดปรมิ าณของตัวทำละลาย
ข ลดอุณหภมู ิของสารละลายให้ตำ่ ลง
ค เพม่ิ อณุ หภูมิของสารละลายให้สงู ข้นึ
ง เพิ่มความดันของสารละลายอม่ิ ตวั น้ัน

16. ขอ้ ใดเปน็ หลักการแยกสารดว้ ย “การกรอง”
ก แยกสารเนื้อผสมท่มี ีอนภุ าคของแกส๊ ปนอยู่ในสารละลาย
ข แยกสารเนื้อผสมท่อี งค์ประกอบของสารน้นั ไมล่ ะลายน้ำ
ค แยกสารเน้ือผสมทอี่ งค์ประกอบของสารนน้ั ละลายน้ำได้
ง แยกสารเน้ือผสมทมี่ อี นภุ าคของของเหลวปนอยู่ในสารละลาย

14

17. ขอ้ ใดเป็นหลกั การแยกสารด้วย “การกลนั่ ”
ก แยกสารทีม่ ีจุดเดือดต่างกนั
ข แยกสารท่ีมีสภาพการละลายต่างกัน
ค แยกสารทม่ี ีขนาดของอนุภาคแตกต่างกนั
ง แยกสารทีม่ ีความสามารถในการละลายและถูกดดู ซับบนตัวดดู ซบั แตกต่างกนั

18. กรณที ีต่ วั ถูกละลายมคี วามสามารถละลายในตวั ทำละลายไดใ้ นปริมาณทไี่ มเ่ ทา่ กนั ถ้าเราตอ้ งการแยกตวั
ถูกละลายนั้นตอ้ งใช้วธิ กี ารใด

ก การกล่ัน
ข การสกัด
ค การตกผลกึ
ง การควบแนน่
19. เพราะเหตุใดเหลก็ จงึ เกิดสนมิ
ก เหลก็ ทำปฏิกิริยากับน้ำ
ข เหล็กทำปฏิกริ ิยากับไอน้ำในอากาศ
ค เหล็กทำปฏกิ ิรยิ ากับออกซเิ จนในอากาศ
ง เหล็กทำปฏิกริ ิยากบั แกส๊ ไฮโดรเจนในนำ้
20. กระบวนการท่ตี วั ถกู ละลายแยกตัวออกจากสารละลายอ่ิมตวั เมื่ออุณหภูมติ ่ำลง คอื อะไร
ก การอม่ิ ตวั
ข การตกผลึก
ค การควบแนน่
ง การตกตะกอน

15

ใบความรู้
ธาตุและสญั ลักษณข์ องธาตุ

มนุษย์พยายามศึกษาค้นควา้ เก่ยี วกบั ลกั ษณะโครงสรา้ งของสารมาเป็นเวลานาน จนในทีส่ ุด จอห์น
ดอลตนั นกั วทิ ยาศาสตร์ชาวอังกฤษ ได้เสนอแนวคิดวา่ ถ้าแบง่ สสารช้ินใดช้ินหนงึ่ เป็นหน่วยยอ่ ยที่สุด โดยแต่
ละชนิ้ ยงั คงสมบัติเดมิ ของสารนัน้ ไว้ เรียกหน่วยยอ่ ยที่สุดว่า อะตอม

ถา้ นำสสารชนิ้ ใดมาศกึ ษาสมบัตขิ องแต่ละอะตอมแลว้ ปรากฏว่าเป็นอะตอมชนิดเดยี วกนั เรียกสสารช้ิน
นน้ั ว่า ธาตุ

1. ธาตุ คือ สารท่ีประกอบดว้ ยอะตอมชนิดเดียวกนั ไมส่ ามารถทำให้เกิดการเปล่ียนแปลงใหก้ ลายเป็น
อนภุ าคท่ียอ่ ยกว่าน้ดี ้วยวิธีการทางเคมี เช่น เหล็ก ทองแดง เปน็ ตน้

2.สัญลกั ษณข์ องธาตุ เน่อื งจากธาตมุ อี ยหู่ ลายชนิด จอห์น ดอลตนั จงึ เสนอให้มีการใช้รูปภาพเป็น
สัญลกั ษณ์แทนชื่อธาตุ เช่น

ธาตุไฮโดรเจน ธาตุออกซเิ จน ธาตกุ ำมะถนั ธาตไุ นโตรเจน

ในปี พ.ศ. 2361 นักเคมีชาว วเี ดนชอื่ จาคอบ เบอร์ซเี ลีย (Jacob Berzelius) เห็นว่าไดม้ กี ารคน้ พบ
ธาตใุ หม่ ๆ เป็นจำนวนมาก การใชร้ ูปภาพไม่สะดวก จึงเสนอใหใ้ ช้ตัวอักษรแทนชือ่ ธาตุ เพื่อใหส้ ะดวกและมี
ความเปน็ สากลมากขน้ึ ควรใชอ้ ักษรตัวตน้ ในภาษาองั กฤษหรอื ละตนิ เปน็ สัญลักษณแ์ ทนอะตอมของธาตุ เพอ่ื
ไม่ใหส้ ัญลักษณ์ซ้ำกันใหใ้ ชอ้ กั ษรตวั รองหรอื ตัวถดั ไปควบกับอักษรตวั ตน้ โดยเขียนตัวพิมพใ์ หญ่ สำหรับอกั ษร
ตวั ตน้ และใชอ้ ักษรตวั เล็ก สำหรบั ตวั รอง

16

ตารางแสดงชอ่ื ธาตุและสัญลกั ษณ์ของธาตุบางชนดิ

ชอ่ื ธาตุ ช่อื ในภาษาองั กฤษ ชื่อในภาษาละติน สญั ลักษณ์
เหล็ก Iron Ferrum Fe
ตะกว่ั Lead Plumbum Pb
ชอื่ ธาตุ
ทองแดง ช่ือในภาษาองั กฤษ ชื่อในภาษาละติน สัญลกั ษณ์
เงนิ Copper Cuprum Cu
ดีบุก Silver Argentum Ag
ปรอท Tin Stannum Sn
อะลูมิเนยี ม Mercury Hg
ทองคำ Hydragyrum Al
สงั กะสี Aluminium - Au
พลวง Gold Zn
สารหนู Zinc Aurum Sb
แมงกานีส - As
โซเดยี ม Antimony - Mn
โพแทสเซียม Arsenic - Na
แคลเซยี ม Manganeese - K
คารบ์ อน Sodium Ca
ไนโตรเจน Potassium Natrium C
ออกซิเจน Calcium Kalium N
ไฮโดรเจน Carbon O
คลอรีน Nitrogen - H
กำมะถนั Oxygen - Cl
ฟอสฟอรัส Hydrogen - S
ไอโอดนี Chlorine - P
Sulphur - I
Phosphorus -
Iodine -
-
-

17

แบบทดสอบกอ่ นเรยี น
คำช้แี จง ให้นกั เรียนเลือกคำตอบทถ่ี กู ท่ีสุด แล้วทำเครือ่ งหมาย X ทบั อักษร ก ข ค หรอื ง

ในกระดาษคำตอบใหต้ รงกับข้อท่นี กั เรยี นเลอื กตอบ
1.ให้ใดจัดเป็นธาตุทุกสาร

ก. ไฮโดรเจน สารหนู นเิ กิล
ข. เหล็ก อากาศ ทองคำ
ค. กำมะถนั ด่างทับทมิ
ง. พลวง ปรอท แอลกอฮอล์
2.ธาตุในข้อใดเป็นโลหะท้งั หมด
ก. Li , Al , P
ข. Al , B , Zi
ค. Zn , Ag , Na
ง. Na , Mg , C
3.สารในข้อใดเป็นสารประกอบทกุ สาร
ก. น้ำอดั ลม นำ้ ปูนใส นำ้ ตาลทราย
ข. ด่างทบั ทิม ปูนขาว เกลือแกง
ค. แนฟทาลนี เหรยี ญบาท กำมะถนั
ง. ทิงเจอรไ์ อโอดีน นำ้ เช่อื ม ทองเหลอื ง
4.ธาตตุ ่าง ๆ ในขอ้ ตอ่ ไปนมี้ ที ั้งโลหะ อโลหะ และก่งึ โลหะ ธาตุในข้อใดที่เป็นประเภทเดยี วกันทั้งหมด
ก. K , I , As , C
ข. Sb , Si , Al , As
ค. Ca , Zn , Na , Hg
ง. Cs , Cr , Cl , Co
5. ข้อใดถูกต้อง
ก. ในภาวะปกติ ธาตมุ ไี ดท้ ้งั 3 สถานะ
ข. ธาตสุ ามารถแยกเปน็ องคป์ ระกอบยอ่ ยไดอ้ ีก
ค. ธาตอุ าจเปน็ สารเน้ือเดียวกนั หรือสารเนอื้ ผสมก็ได้
ง. ธาตสุ องชนิดขึน้ ไปมาผสมกนั ตอ้ งได้สารประกอบเสมอ
6. สารในข้อใดเปน็ สารประกอบ
ก. เกลือ น้ำตาล
ข. นำ้ ปรอท
ค. อากาศ ออกซเิ จน
ง. ทองเหลือง เงิน

18

7. (NH4)3 PO4 และ Na3Ag(SO3)2 มจี ำนวนแตกตา่ งกนั ก่อี ะตอม
ก. 4 อะตอม
ข. 8 อะตอม
ค. 14 อะตอม
ง. 20 อะตอม

8. อนุภาคมลู ฐานของธาตไุ ด้แกข่ ้อใด
ก. โปรตอน นวิ ตรอน
ข. โปรตอน อเิ ลก็ ตรอน
ค. นิวตรอน อเิ ลก็ ตรอน
ง. โปรตอน นวิ ตรอน อิเล็กตรอน

9. ธาตโุ ซเดยี ม แมกนีเซียม แมงกานีสและดบี ุก มีสัญลักษณ์ตามข้อใด เรยี งลำดับให้ถูกต้องทส่ี ุด
ก. S , Mn , Mg , Sn
ข. S , Mg , Mn , Sn
ค. Na , Mg , Mn , Sn
ง. Na , Mn , Mg , Sn

10. รงั สีทเี่ ปน็ คล่นื แม่เหลก็ ไฟฟ้าท่มี คี วามยาวคล่ืนส้นั มาก ไม่มมี วลและประจุ ไมเ่ บีย่ งเบนในสนามไฟฟา้
สามารถทะลุผา่ นสง่ิ กดี ขวางได้ดี คอื รงั สี หรอื อนุภาคในข้อใด

ก. แอลฟา
ข. บตี า
ค. แกมมา
ง. โพซติ รอน

19

เฉลยแบบทดสอบก่อนเรียน
คำชี้แจง ใหน้ ักเรียนเลือกคำตอบทถ่ี ูกท่ีสดุ แลว้ ทำเครอ่ื งหมาย X ทับอักษร ก ข ค หรือ ง

ในกระดาษคำตอบใหต้ รงกับข้อที่นักเรยี นเลอื กตอบ
1.ใหใ้ ดจัดเปน็ ธาตุทกุ สาร

ก. ไฮโดรเจน สารหนู นิเกิล
ข. เหลก็ อากาศ ทองคำ
ค. กำมะถัน ด่างทับทิม
ง. พลวง ปรอท แอลกอฮอล์
2.ธาตุในข้อใดเป็นโลหะท้ังหมด
ก. Li , Al , P
ข. Al , B , Zi
ค. Zn , Ag , Na
ง. Na , Mg , C
3.สารในขอ้ ใดเปน็ สารประกอบทกุ สาร
ก. น้ำอดั ลม นำ้ ปนู ใส น้ำตาลทราย
ข. ด่างทบั ทิม ปนู ขาว เกลือแกง
ค. แนฟทาลนี เหรยี ญบาท กำมะถัน
ง. ทิงเจอร์ไอโอดีน น้ำเชือ่ ม ทองเหลือง
4.ธาตตุ ่าง ๆ ในข้อต่อไปนมี้ ีทงั้ โลหะ อโลหะ และก่ึงโลหะ ธาตใุ นข้อใดทเี่ ป็นประเภทเดยี วกันท้งั หมด
ก. K , I , As , C
ข. Sb , Si , Al , As
ค. Ca , Zn , Na , Hg
ง. Cs , Cr , Cl , Co
5. ข้อใดถกู ตอ้ ง
ก. ในภาวะปกติ ธาตุมไี ดท้ ัง้ 3 สถานะ
ข. ธาตุสามารถแยกเป็นองค์ประกอบย่อยไดอ้ กี
ค. ธาตุอาจเป็นสารเนอ้ื เดยี วกนั หรือสารเนอ้ื ผสมก็ได้
ง. ธาตุสองชนิดข้นึ ไปมาผสมกัน ต้องได้สารประกอบเสมอ
6. สารในขอ้ ใดเป็นสารประกอบ
ก. เกลอื นำ้ ตาล
ข. นำ้ ปรอท
ค. อากาศ ออกซิเจน
ง. ทองเหลอื ง เงนิ

20

7. (NH4)3 PO4 และ Na3Ag(SO3)2 มจี ำนวนแตกตา่ งกนั ก่อี ะตอม
ก. 4 อะตอม
ข. 8 อะตอม
ค. 14 อะตอม
ง. 20 อะตอม

8. อนุภาคมลู ฐานของธาตไุ ด้แกข่ ้อใด
ก. โปรตอน นวิ ตรอน
ข. โปรตอน อิเลก็ ตรอน
ค. นิวตรอน อเิ ลก็ ตรอน
ง. โปรตอน นวิ ตรอน อิเล็กตรอน

9. ธาตโุ ซเดยี ม แมกนีเซียม แมงกานีสและดบี ุก มีสัญลักษณ์ตามข้อใด เรยี งลำดับให้ถูกตอ้ งทส่ี ุด
ก. S , Mn , Mg , Sn
ข. S , Mg , Mn , Sn
ค. Na , Mg , Mn , Sn
ง. Na , Mn , Mg , Sn

10. รงั สีที่เปน็ คล่นื แม่เหลก็ ไฟฟ้าท่มี คี วามยาวคล่ืนส้นั มาก ไม่มมี วลและประจุ ไมเ่ บีย่ งเบนในสนามไฟฟา้
สามารถทะลุผา่ นสง่ิ กดี ขวางได้ดี คอื รงั สี หรอื อนุภาคในขอ้ ใด

ก. แอลฟา
ข. บตี า
ค. แกมมา
ง. โพซติ รอน

21

แผนการจดั การเรยี นรู้ที่ 2

หนว่ ยการเรยี นรู้ท่ี 1 สารบริสุทธิ์ เรือ่ ง ธาตแุ ละสารประกอบ (2)

กล่มุ สาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี

รหัสวชิ า ว 21101 รายวิชา วิทยาศาสตร์ 1 ชั้น ม.1 เวลาเรยี น 2 ชัว่ โมง

ภาคเรยี นท่ี 1 ปีการศกึ ษา 2565 ครูผูส้ อน นายดเิ รกฤทธ์ิ ยเุ หลก็ ตำแหนง่ ครู คศ.1

ใชส้ อนวัน....................... ที่............ เดือน.................................... พ.ศ. .........................

*************************************

1. มาตรฐานการเรยี นร/ู้ ตัวชว้ี ดั
มาตรฐาน ว 2.1 เข้าใจสมบัติของสสารองค์ประกอบของสสารความสัมพันธ์ระหว่างสมบตั ขิ องสสารกับโครงสร้าง
และแรงยดึ เหน่ียวระหว่างอนภุ าคหลกั และธรรมชาตขิ องการเปลี่ยนแปลงสถานะของสสารการเกิดสารละลายและ
การเกดิ ปฏกิ ิรยิ าเคมี
ตวั ชว้ี ัด

ว 2.1 ม.1/1 อธบิ ายสมบตั ิทางกายภาพบางประการของธาตโุ ลหะอโลหะและกงึ่ โลหะโดยใช้หลักฐาน
เชงิ ประจักษท์ ไ่ี ด้จากการสงั เกตและการทดสอบและใชส้ ารสนเทศทไี่ ด้จากแหลง่ ขอ้ มูลต่างๆรวมทงั้ จดั กลุ่มธาตุเปน็
โลหะอโลหะและกง่ึ โลหะ

ว 2.1 ม.1/2 วิเคราะหผ์ ลจากการใช้ธาตุโลหะอโลหะกึ่งโลหะและธาตุกัมมันตรงั สที ม่ี ีตอ่ สิ่งมชี ีวติ
ส่งิ แวดล้อมเศรษฐกจิ และสงั คมจากข้อมูลที่รวบรวมได้

ว 2.1 ม.1/3 ตระหนักถงึ คณุ ค่าของการใชธ้ าตุโลหะอโลหะก่งึ โลหะธาตกุ ัมมนั ตรงั สีโดยเสนอแนว
ทางการใชธ้ าตุอยา่ งปลอดภัยคุม้ ค่า

2. สาระสำคญั
ธาตแุ ละสารประกอบเป็นสารเน้อื เดียวทีม่ ีองค์ประกอบแตกตา่ ง โดยธาตมุ อี งคป์ ระกอบเปน็

อะตอมชนิดเดียว ส่วนสารประกอบมีองคป์ ระกอบเปน็ ธาตมุ ากกว่าหนง่ึ ชนิดทร่ี วมตัวกันทางเคมี

3. จดุ ประสงค์การเรียนรู้
ดา้ นความรู้ (K)
1.อธิบายสมบตั ิของธาตแุ ละสารประกอบ ความแตกตา่ งตา่ งของโลหะ อโลหะ

และกงึ่ โลหะได้
2. ศกึ ษาและทำการทดลอง เพ่อื ตรวจสอบสมบตั ิของธาตแุ ละสารประกอบได้

22

ประโยชน์ 3. ศึกษาความแตกต่างของโลหะ อโลหะ และกึง่ โลหะ พรอ้ มท้ังยกตัวอย่างการนำมาใช้

4. ศกึ ษาสมบัติของธาตกุ ัมมันตรงั สีและการนำมาใช้ในชวี ติ ประจำวัน
ด้านทักษะกระบวนการ (P)
กระบวนการสบื เสาะ หาความรู้
ด้านคุณลกั ษณะอันพงึ ประสงค์ (A)
ความสนใจใฝ่รู้ ความมุง่ มน่ั อดทน

4. สาระการเรียนรู้
1. ธาตุ
2. สารประกอบ
3. ธาตกุ ัมมันตรังสี

5. กระบวนการจัดการเรยี นรู้

ชวั่ โมงที่ 1

1. แจง้ สาระสำคัญของเนือ้ เรอื่ ง จดุ ประสงค์การเรยี นรู้
2. แบ่งนกั เรียนออกเป็น 6 กล่มุ โดยคละความสามารถ ( เกง่ ปานกลาง อ่อน ) แล้วให้
เลือกประธาน และเลขานกุ าร ครูไดช้ ี้แจงบทบาทหนา้ ที่ของประธาน สมาชกิ และเลขานุการ ให้นกั เรียน
ทุกคนเข้าใจ ในการแบง่ กล่มุ ได้ดำเนินการดังน้ี

ระดับความสามารถ กลุ่มที่ หมายเหตุ

123456

เก่ง 1 2 3 4 5 6

เก่ง 12 11 10 9 8 7

ปานกลาง 13 14 15 16 17 18

ปานกลาง 24 23 22 21 20 19

อ่อน 25 26 27 28 29 30

ออ่ น 36 35 34 33 32 31

ออ่ น 37 38 39 40 41 42

3.ใหส้ มาชิกในกลมุ่ แต่ละคนมหี มายเลขประจำตวั 1,2,3,4,5,6,7 ให้สมาชกิ แตล่ ะคน
ศกึ ษาใบความรู้ เพ่ิมเตมิ

23

4. นักเรียนในกลุม่ ร่วมกันติวความรู้ใหก้ ับเพื่อนสมาชิก นกั เรียนทเ่ี ป็นคนเกง่ จะเปน็ ผู้ติวความรู้
ใหก้ ับนกั เรียนทปี่ านกลาง และอ่อน จนนกั เรยี นทเ่ี ป็นสมาชิกมน่ั ใจในการหาคำตอบ

ช่วั โมงท่ี 2

5. ครูสุ่มถามคำตอบ นกั เรยี นที่มหี มายเลขตรงกบั ที่ครสู มุ่ เทา่ นนั้ จึงจะมีสิทธติ อบคำถาม
6. นับคะแนนรวมของสมาชิกในกลมุ่ ชมเชยกลุ่มทไี่ ด้คะแนนสูงสดุ โดยใหก้ ลุ่มท่ีมีคะแนน
สูงสดุ ได้คะแนนบวกเพ่ิม 3 คะแนน สว่ นกลุ่มที่ไดค้ ะแนนลำดับที่ 2 ไดค้ ะแนนบวกเพม่ิ 2 คะแนน
7. สรุปความรโู้ ดยใหน้ ักเรยี นทำใบงาน เรื่อง ธาตแุ ละสญั ลักษณ์
8. นกั เรยี นแต่ละกลุ่มอภิปรายผลการทำกจิ กรรม เร่ือง ธาตุและสญั ลกั ษณ์
9. ครูและนักเรียนรว่ มกันเฉลยใบงานเรื่อง ธาตุและสญั ลักษณ์

6. สื่อและแหล่งเรียนรู้
1. ระบบ Internet
2. หอ้ งสมดุ
3. ใบงาน เร่ือง ธาตุและสญั ลกั ษณ์
4. หนงั สือเรียนสาระการเรียนรพู้ นื้ ฐานวิทยาศาสตร์

24

7. การวัดผลและประเมนิ ผล

ส่งิ ที่ตอ้ งการประเมิน วธิ ีการวัดผล เครอื่ งมอื ทีใ่ ช้ เกณฑก์ ารผ่าน
ในการวัดผล การประเมนิ ผล

ความรู้

1.อธบิ ายสมบัติของธาตุ การตรวจผลงาน แบบประเมนิ การตรวจ ไดค้ ะแนนเฉลี่ย ร้อยละ
ผลงาน 60 ขึ้นไป
และสารประกอบ ความ

แตกตา่ งตา่ งของโลหะ

อโลหะ และก่งึ โลหะได้

2.ศึกษาและทำการ

ทดลอง เพ่ือตรวจสอบ

สมบัตขิ องธาตแุ ละ

สารประกอบได้

3.ศึกษาความแตกต่าง

ของโลหะ อโลหะ และ

กึ่งโลหะ พรอ้ มท้ัง

ยกตวั อยา่ งการนำมาใช้

ประโยชน์

4.ศกึ ษาสมบัติของธาตุ

กัมมนั ตรังสแี ละการ

นำมาใช้ในชวี ิตประจำวนั

ทักษะ

กระบวนการสบื เสาะ - การนำเสนอผลงาน - แบบประเมนิ การ ได้คะแนนเฉล่ีย ร้อยละ
นำเสนอผลงาน 60 ข้ึนไป
หาความรู้ - แบบประเมินพฤตกิ รรม
การทำงานกลุ่ม
- สงั เกตพฤตกิ รรมการ

ทำงานกล่มุ

คณุ ลักษณะอนั พึง

ประสงค์

ความสนใจใฝร่ ู้ ความ สงั เกตพฤตกิ รรม แบบประเมินพฤติกรรม ได้คะแนนเฉลยี่ 2 (ด)ี

มุง่ ม่ัน อดทน รายบคุ คล รายบคุ คล ข้ึนไป

8. บนั ทึกหลงั การจัดการเรยี นรู้ 25
8.1 ผลการจดั การเรยี นรู้
ผ้เู รยี นท่ผี า่ นตัวช้วี ัด/ผลการเรียนรู้ จำนวน...............คน คดิ เปน็ ร้อยละ.................
ผูเ้ รียนที่ไม่ผา่ นตวั ช้วี ดั /ผลการเรยี นรู้ จำนวน...............คน คิดเป็นร้อยละ.................

เลขท่ีของนกั เรียนทีส่ อบไมผ่ ่านตัวช้ีวัด..................................................................................................
............................................................................................................................................................................

สาเหตุท่ไี ม่ผา่ น .....................................................................................................................................
............................................................................................................................................................................

แนวทางแกป้ ัญหา..................................................................................................................................
............................................................................................................................................................................

ผู้เรยี นทีม่ คี วามสามารถพิเศษ ไดแ้ ก่ ....................................................................................................
............................................................................................................................................................................

แนวทางการพัฒนา/ส่งเสริม..................................................................................................................
............................................................................................................................................................................

ผู้เรียนไดร้ บั ความรู้ (K) ในเร่อื ง ............................................................................................................
ผเู้ รียนเกดิ ทักษะกระบวนการ (P) ในเร่อื ง............................................................................................
ผู้เรยี นมีคุณธรรม จริยธรรม คา่ นิยม (A) ในเร่อื ง.................................................................................

8.2 ปัญหาอุปสรรค
............................................................................................................................................................................
............................................................................................................................................................................

8.3 ข้อเสนอแนะและแนวทางแกป้ ญั หา
............................................................................................................................................................................
............................................................................................................................................................................

ลงช่ือ.......................................................ครูผสู้ อน
(นายดเิ รกฤทธิ์ ยเุ หล็ก)
ตำแหน่ง ครู คศ.1

วันท่.ี ...........เดือน..........................พ.ศ. ................

26

9. ความคิดเห็นของผ้บู รหิ ารสถานศกึ ษา/ผู้ที่ได้รับมอบหมาย
............................................................................................................................................................................
............................................................................................................................................................................
............................................................................................................................................................................

ลงชอ่ื ......................................หวั หน้ากลุ่มสาระการเรียนรู้
(นางสาวพัสราภรณ์ พลู แจง้ )

วันท.่ี ...........เดือน..........................พ.ศ. ................

รับทราบผลการจดั การเรียนรู้

ลงช่ือ....................................................... ลงช่ือ......................................................
(...................................................) (นายวิรชั ต์ จำปาทอง)

ตำแหนง่ รองผู้อำนวยการสถานศึกษา ฝ่ายบรหิ ารวิชาการ ตำแหน่ง ผู้อำนวยการสถานศึกษา
วนั ที.่ ...........เดอื น..........................พ.ศ. ........... วันที่............เดือน..........................พ.ศ. ..........

27

ใบงาน
ธาตแุ ละสญั ลักษณข์ องธาตุ

คำชี้แจง นักเรียนทำกิจกรรมตอ่ ไปนี้
1. นักเรยี นเขยี นสญั ลกั ษณ์ของธาตตุ ่อไปนี้

1.1 โซเดยี ม.......................................
1.2 โพแทสเซยี ม...............................
1.3 กำมะถัน......................................
1.4 สารหนู........................................
1.5 ฟอสฟอรัส..................................
1.6 เหลก็ ...........................................
1.7 เงิน..............................................
1.8 ออกซเิ จน....................................
1.9 อาร์กอน......................................
1.10 ลเิ ทียม........................................
2. จากสญั ลกั ษณ์ นักเรยี นเขยี นชือ่ ธาตุตอ่ ไปน้ี
1.1 F …………........................................
1.2 Cl ………………...............................
1.3 N …………........................................
1.4 Ne ………..........................................
1.5 Ca ……………...................................
1.6 Si ………. ...........................................
1.7 Mg ......................................................
1.8 Al ……………....................................
1.9 Br …………........................................
1.10 Mn ……….........................................

28

แผนการจัดการเรียนรู้ท่ี 3

หน่วยการเรยี นรูท้ ่ี 1 สารบริสุทธิ์ เรอ่ื ง ธาตุโลหะและอโลหะ

กลุ่มสาระการเรยี นรู้วิทยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี

รหัสวิชา ว 21101 รายวชิ า วทิ ยาศาสตร์ 1 ชั้น ม.1 เวลาเรยี น 2 ชัว่ โมง

ภาคเรียนท่ี 1 ปีการศึกษา 2565 ครูผสู้ อน นายดิเรกฤทธ์ิ ยุเหล็ก ตำแหนง่ ครู คศ.1

ใชส้ อนวัน....................... ท.ี่ ........... เดือน.................................... พ.ศ. .........................

*************************************

1. มาตรฐานการเรยี นร้/ู ตัวชว้ี ดั
มาตรฐาน ว 2.1 เข้าใจสมบัตขิ องสสารองค์ประกอบของสสารความสมั พนั ธ์ระหวา่ งสมบตั ขิ องสสารกับโครงสรา้ ง
และแรงยึดเหน่ยี วระหว่างอนภุ าคหลักและธรรมชาติของการเปลยี่ นแปลงสถานะของสสารการเกดิ สารละลายและ
การเกดิ ปฏิกริ ยิ าเคมี
ตัวชว้ี ัด

ว 2.1 ม.1/1 อธบิ ายสมบัติทางกายภาพบางประการของธาตุโลหะอโลหะและก่งึ โลหะโดยใช้หลักฐาน
เชงิ ประจักษท์ ไ่ี ด้จากการสังเกตและการทดสอบและใชส้ ารสนเทศทไ่ี ด้จากแหลง่ ขอ้ มูลต่างๆรวมทั้งจัดกลมุ่ ธาตุเป็น
โลหะอโลหะและกึง่ โลหะ

ว 2.1 ม.1/2 วเิ คราะห์ผลจากการใช้ธาตโุ ลหะอโลหะกึ่งโลหะและธาตกุ ัมมนั ตรงั สีท่ีมีตอ่ ส่งิ มีชีวิต
ส่งิ แวดลอ้ มเศรษฐกจิ และสังคมจากข้อมูลทร่ี วบรวมได้

ว 2.1 ม.1/3 ตระหนักถงึ คุณค่าของการใช้ธาตโุ ลหะอโลหะกึ่งโลหะธาตกุ ัมมันตรังสโี ดยเสนอแนว
ทางการใชธ้ าตุอย่างปลอดภยั คุ้มค่า

2. สาระสำคญั
ธาตุแต่ละชนิดมีสมบัติบางประการที่คล้ายกันและแตกตา่ งกัน จึงสามารถจำแนกกลุ่มธาตุตาม

สมบัตขิ องธาตุเป็นธาตโุ ลหะ กึ่งโลหะ อโลหะ และธาตกุ มั มนั ตรังสี

3. จดุ ประสงค์การเรียนรู้
ด้านความรู้ (K)
1.อธิบายสมบตั ขิ องธาตแุ ละสารประกอบ ความแตกต่างต่างของโลหะ อโลหะ

และกึง่ โลหะได้
2. ศึกษาและทำการทดลอง เพอ่ื ตรวจสอบสมบตั ิของธาตุและสารประกอบได้

29

ประโยชน์ 3. ศกึ ษาความแตกต่างของโลหะ อโลหะ และก่ึงโลหะ พรอ้ มทั้งยกตัวอย่างการนำมาใช้

4. ศึกษาสมบัตขิ องธาตกุ มั มนั ตรงั สีและการนำมาใช้ในชีวติ ประจำวัน
ด้านทกั ษะกระบวนการ (P)
กระบวนการสืบเสาะ หาความรู้
ดา้ นคณุ ลกั ษณะอันพึงประสงค์ (A)
ความสนใจใฝ่รู้ ความมุง่ มั่น อดทน

4. สาระการเรียนรู้
ธาตโุ ลหะและอโลหะ

5. กระบวนการจัดการเรียนรู้

ชว่ั โมงที่ 1

1. แบง่ นักเรยี นออกเป็น 6 กลมุ่ โดยคละความสามารถ ( เก่ง ปานกลาง ออ่ น ) แล้วให้
เลอื กประธาน และเลขานุการ ครไู ด้ชแ้ี จงบทบาทหนา้ ทีข่ องประธาน สมาชกิ และเลขานุการ ใหน้ ักเรียน
ทกุ คนเขา้ ใจ ในการแบง่ กล่มุ ไดด้ ำเนินการดงั นี้

ระดบั ความสามารถ กลุ่มที่ หมายเหตุ

123456

เก่ง 1 2 3 4 5 6

เกง่ 12 11 10 9 8 7

ปานกลาง 13 14 15 16 17 18

ปานกลาง 24 23 22 21 20 19

อ่อน 25 26 27 28 29 30

อ่อน 36 35 34 33 32 31

อ่อน 37 38 39

2. ให้นกั เรยี นแต่ละกลมุ่ ศึกษาใบความรู้ เรอ่ื ง ธาตโุ ลหะและอโลหะ
3. ใหน้ ักเรียนทุกคนในกลุ่มทำแบบทดสอบ เพื่อวัดความรู้ ความเข้าใจในเนื้อหาท่ีเรยี นจาก
บทเรียนใบความรู้

30

ชัว่ โมงท่ี 2

4. ตรวจคำตอบของผูเ้ รียน นำคะแนนของสมาชกิ ทกุ คนในกลุ่มมารวมกนั เป็นคะแนนกล่มุ
5. กลุ่มท่ีได้คะแนนรวมสงู สดุ ( ในกรณีท่แี ต่ละกลุม่ มีจำนวนสมาชกิ ไมเ่ ท่ากนั ให้ใช้คะแนนเฉลย่ี
แทนคะแนนรวมจะได้รับคำชมเชย
6. นกั เรยี นแต่ละกลุม่ เล่นเกมโดมิโน
7. ครแู ละนักเรยี นร่วมกนั สรปุ เรอื่ ง ธาตุ สญั ลกั ษณ์ของธาตุ ธาตโุ ลหะและอโลหะ
6. สอื่ และแหลง่ เรยี นรู้
1. ใบความรู้ เรื่อง ธาตโุ ลหะและอโลหะ
2. เกมโดมิโน
3. ระบบ Internet
4. ห้องสมดุ
5. หนังสือเรียนสาระการเรยี นรู้พน้ื ฐานวิทยาศาสตร์

7. การวดั ผลและประเมนิ ผล

สิ่งทตี่ อ้ งการประเมิน วิธกี ารวัดผล เคร่ืองมอื ทใี่ ช้ เกณฑก์ ารผ่าน
ในการวดั ผล การประเมนิ ผล

ความรู้ แบบประเมนิ การตรวจ ไดค้ ะแนนเฉล่ีย รอ้ ยละ
1.อธิบายสมบตั ิของธาตุ การตรวจผลงาน ผลงาน 60 ข้นึ ไป
และสารประกอบ ความ
แตกตา่ งต่างของโลหะ
อโลหะ และกึ่งโลหะได้
2.ศกึ ษาและทำการ
ทดลอง เพอ่ื ตรวจสอบ
สมบตั ขิ องธาตุและ
สารประกอบได้
3.ศึกษาความแตกตา่ ง
ของโลหะ อโลหะ และ
กึ่งโลหะ พร้อมทั้ง
ยกตัวอยา่ งการนำมาใช้
ประโยชน์

31

สิง่ ท่ตี ้องการประเมิน วิธีการวดั ผล เคร่ืองมอื ทใี่ ช้ เกณฑก์ ารผ่าน
ในการวดั ผล การประเมินผล

4.ศกึ ษาสมบัตขิ องธาตุ

กมั มันตรังสแี ละการ

นำมาใช้ในชีวิตประจำวนั

ทักษะ

กระบวนการสบื เสาะ - การนำเสนอผลงาน - แบบประเมินการ ไดค้ ะแนนเฉล่ยี รอ้ ยละ
นำเสนอผลงาน 60 ข้ึนไป
หาความรู้ - แบบประเมนิ พฤตกิ รรม
การทำงานกลุ่ม
- สังเกตพฤตกิ รรมการ

ทำงานกลุ่ม

คณุ ลกั ษณะอันพงึ

ประสงค์

ความสนใจใฝร่ ู้ ความ สงั เกตพฤตกิ รรม แบบประเมินพฤตกิ รรม ได้คะแนนเฉลี่ย 2 (ด)ี

มุ่งมัน่ อดทน รายบคุ คล รายบคุ คล ข้ึนไป

8. บนั ทึกหลังการจดั การเรียนรู้ 32
8.1 ผลการจัดการเรยี นรู้
ผ้เู รียนท่ีผ่านตัวชี้วัด/ผลการเรียนรู้ จำนวน...............คน คิดเปน็ รอ้ ยละ.................
ผูเ้ รียนทไี่ ม่ผา่ นตวั ชวี้ ดั /ผลการเรียนรู้ จำนวน...............คน คดิ เปน็ ร้อยละ.................

เลขที่ของนกั เรียนท่ีสอบไมผ่ ่านตวั ชี้วดั ..................................................................................................
............................................................................................................................................................................

สาเหตุที่ไมผ่ า่ น .....................................................................................................................................
............................................................................................................................................................................

แนวทางแก้ปัญหา..................................................................................................................................
............................................................................................................................................................................

ผเู้ รียนทมี่ ีความสามารถพเิ ศษ ไดแ้ ก่ ....................................................................................................
............................................................................................................................................................................

แนวทางการพฒั นา/สง่ เสริม..................................................................................................................
............................................................................................................................................................................

ผเู้ รยี นได้รบั ความรู้ (K) ในเรือ่ ง ............................................................................................................
ผเู้ รยี นเกดิ ทกั ษะกระบวนการ (P) ในเร่อื ง............................................................................................
ผเู้ รยี นมคี ุณธรรม จริยธรรม ค่านิยม (A) ในเรอ่ื ง.................................................................................

8.2 ปัญหาอุปสรรค
............................................................................................................................................................................
............................................................................................................................................................................

8.3 ขอ้ เสนอแนะและแนวทางแกป้ ญั หา
............................................................................................................................................................................
............................................................................................................................................................................

ลงช่อื .......................................................ครูผูส้ อน
(นายดเิ รกฤทธ์ิ ยุเหลก็ )
ตำแหนง่ ครู คศ.1

วันท.่ี ...........เดือน..........................พ.ศ. ................

33

9. ความคิดเห็นของผ้บู ริหารสถานศกึ ษา/ผู้ทีไ่ ด้รบั มอบหมาย
............................................................................................................................................................................
............................................................................................................................................................................
............................................................................................................................................................................

ลงชือ่ ......................................หัวหน้ากลุ่มสาระการเรียนรู้
(นางสาวพัสราภรณ์ พูลแจ้ง)

วนั ท.ี่ ...........เดือน..........................พ.ศ. ................

รับทราบผลการจดั การเรยี นรู้

ลงช่ือ....................................................... ลงชือ่ ......................................................
(................................................) (นายวริ ชั ต์ จำปาทอง)

ตำแหน่ง รองผอู้ ำนวยการสถานศกึ ษา ฝ่ายบรหิ ารวิชาการ ตำแหน่ง ผู้อำนวยการสถานศึกษา
วันท่.ี ...........เดือน..........................พ.ศ. ........... วันที.่ ...........เดือน..........................พ.ศ. ..........

34

ใบความรู้
โลหะ อโลหะ และกง่ึ โลหะ

ในภาวะปกติ ธาตุบางชนิดดำรงอยู่ในสถานะของแข็ง บางชนดิ เป็นของเหลว และบางชนดิ เป็นแก๊ส
เราแบ่งธาตทุ ัง้ หมดออกไดเ้ ป็นสามพวกใหญ่ ๆ คือ โลหะ อโลหะ และก่ึงโลหะ ตวั อย่าง โลหะและอโลหะท่ี
ควรทราบไดแ้ ก่

โลหะ อโลหะ
ทองคำ (ของแข็ง) ไฮโดรเจน (แกส๊ )
เงนิ (ของแขง็ ) ไนโตรเจน (แก๊ส)
เหล็ก (ของแขง็ ) ออกซเิ จน (แก๊ส)
ปรอท (ของเหลว) คลอรีน (แก๊ส)
ตะกัว่ (ของแขง็ ) โบรมนี (ของเหลว)
ดีบกุ (ของแข็ง) ไอโอดนี (ของแข็ง)
สังกะสี (ของแข็ง) กำมะถัน (ของแขง็ )
อะลมู ิเนยี ม (ของแข็ง) อารก์ อน (แกส๊ )
โซเดยี ม (ของแขง็ ) คารบ์ อน (ของแขง็ )
แมกนีเซียม (ของแขง็ ) ฮเี ลยี ม (แก๊ส)

การทเ่ี ราจำแนกธาตุออกเป็นโลหะกับอโลหะ เนอ่ื งจากธาตุตา่ งๆ มีสมบตั ิเฉพาะตัวแตกตา่ งกัน แต่ก็
มสี มบตั ิบางประการเหมอื นหรือคล้ายกัน ซ่ึงแยกออกไดเ้ ปน็ 2 พวก

35

สมบตั ิ โลหะ อโลหะ

1. สถานะ เป็นของแขง็ ในสภาวะปกติ ยกเว้นปรอท มีอยูไ่ ด้ทง้ั 3 สถานะ ธาตทุ เี่ ปน็ แก็สใน

ซ่ึงเปน็ ของเหลว ไม่มโี ลหะท่ีเป็นแกส๊ ใน ภาวะปกตเิ ป็นอโลหะทงั้ สิ้น อโลหะที่เปน็

ภาวะปกติ ของเหลว คอื โบรมีน ท่ีเปน็ ของแขง็ เชน่

คารบ์ อน กำมะถนั ฟอสฟอรัส ฯลฯ

2. ความมันวาว มวี าวโลหะ ขัดข้ึนเงาได้ สว่ นมากไมม่ ีวาวโลหะ ยกเวน้ แกรไฟต์

(ผลกึ คาร์บอน) เกล็ดไอโอดนี (ผลึก

ไอโอดนี )

3. การนำไฟฟา้ นำไฟฟ้าและความรอ้ นได้ดี เชน่ นำไฟฟา้ และนำความรอ้ นไมไ่ ด้ ยกเวน้

และนำ ความรอ้ น สายไฟฟ้ามักทำดว้ ยทองแดง แกรไฟต์ นำไฟฟ้าได้ดี

4. ความเหนยี ว สว่ นมากเหนียว ดงึ ยดื เป็นเสน้ ลวด อโลหะท่ีเป็นของแขง็ มักเปราะ ดึงยดื

หรือตีเป็นแผน่ บาง ๆ ได้ ออกเปน็ เส้นลวด หรอื ตเี ป็นแผ่นบาง ๆ

ได้

5. ความหนาแนน่ ส่วนมากมีความหนาแน่น หรอื มคี วาม มคี วามหนาแน่น หรอื ความถ่วงจำเพาะ

หรอื ความ ถว่ งจำเพาะสูง ต่ำ

ถ่วงจำเพาะ

6. จุดเดือดและจุด ส่วนมากสูง เช่น เหล็ก มีจุดหลอมเหลว สว่ นมากตำ่ โดยเฉพาะพวกอโลหะทีเ่ ปน็

หลอมเหลว 1,536 °C และจดุ เดือด 3,000 °C แก็ส เช่น ออกซเิ จน มีจุดเดอื ด -183 °C

ยกเว้นปรอท ซ่งึ มีจุดหลอมเหลวต่ำ จดุ เยอื กแขง็ (จุดหลอมเหลว) -219 °C

เพียง -39°C กำมะถันมีจุดหลอมเหลว 113 °C จุด

เดอื ด 444 °C

7. การเกิดเสยี ง มเี สยี งดังกังวาน ไม่มีเสียงดงั กังวาน

เมื่อเคาะ

สว่ นพวกกง่ึ โลหะ หมายถงึ ธาตุที่มีสมบัตกิ ง่ึ โลหะและอโลหะ เชน่ ธาตุซิลิคอน มีสมบัติบางประการ
คลา้ ยโลหะ เชน่ นำไฟฟ้าได้ เป็นของแข็ง เป็นมันวาวสีเงนิ จุดเดือดสงู แต่เปราะแตกงา่ ย คลา้ ยอโลหะ

36

เกมโดมิโน

จดุ ประสงค์การเรียนรู้ นกั เรยี นจำแนกได้ว่าธาตใุ ด เปน็ โลหะ อโลหะ หรือกง่ึ โลหะ
คำชี้แจง ให้นกั เรยี นทำกิจกรรมต่อไปนี้
อปุ กรณ์ บัตรเกมโดมิโน
วิธเี ล่นเกม
1. นกั เรียนตัวแทนกลุ่มรับซองเกมโดมโิ น
2. ประธานกลุ่มนำการด์ โดมิโนแจกให้สมาชิก
3. ประธานกลุ่มนำโดมโิ นตัวแรกออกจากซอง แล้วให้นักเรยี นทางขวามือของประธานกล่มุ วางตวั ถดั ไป
4. ถา้ ไม่มตี วั วาง ให้ผ่านไปยังนักเรยี นคนอน่ื ก่อน
5. เลน่ จนหมด ผ้ชู นะคอื ผู้ที่แผ่นการ์ดโดมโิ นหมดก่อน

ตัวอยา่ งบัตรโดมโิ น

37

แผนการจัดการเรยี นรู้ท่ี 4

หน่วยการเรียนร้ทู ่ี 1 สารบริสทุ ธ์ิ เรื่อง ธาตกุ มั มันตรังสี

กลมุ่ สาระการเรียนรู้วิทยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี

รหัสวชิ า ว 21101 รายวชิ า วิทยาศาสตร์ 1 ช้ัน ม.1 เวลาเรยี น 1 ช่ัวโมง

ภาคเรยี นที่ 1 ปีการศกึ ษา 2565 ครูผู้สอน นายดเิ รกฤทธิ์ ยุเหล็ก ตำแหนง่ ครู คศ.1

ใชส้ อนวัน....................... ที.่ ........... เดอื น.................................... พ.ศ. .........................

*************************************

1. มาตรฐานการเรยี นรู้/ ตวั ชี้วัด
มาตรฐาน ว 2.1 เข้าใจสมบัตขิ องสสารองค์ประกอบของสสารความสมั พันธร์ ะหวา่ งสมบัตขิ องสสารกับโครงสรา้ ง
และแรงยึดเหน่ียวระหว่างอนภุ าคหลักและธรรมชาตขิ องการเปล่ยี นแปลงสถานะของสสารการเกดิ สารละลายและ
การเกิดปฏิกริ ยิ าเคมี
ตัวช้ีวัด

ว 2.1 ม.1/1 อธิบายสมบัติทางกายภาพบางประการของธาตโุ ลหะอโลหะและกง่ึ โลหะโดยใชห้ ลักฐาน
เชิงประจกั ษท์ ี่ได้จากการสงั เกตและการทดสอบและใช้สารสนเทศที่ได้จากแหลง่ ขอ้ มลู ต่างๆรวมทง้ั จัดกลุ่มธาตุเป็น
โลหะอโลหะและก่งึ โลหะ

ว 2.1 ม.1/2 วิเคราะหผ์ ลจากการใช้ธาตุโลหะอโลหะก่ึงโลหะและธาตุกมั มนั ตรงั สที ีม่ ีตอ่ สิ่งมชี ีวิต
สิง่ แวดล้อมเศรษฐกจิ และสงั คมจากขอ้ มูลที่รวบรวมได้

ว 2.1 ม.1/3 ตระหนักถงึ คุณค่าของการใชธ้ าตุโลหะอโลหะกึ่งโลหะธาตุกมั มนั ตรงั สีโดยเสนอแนว
ทางการใชธ้ าตอุ ย่างปลอดภัยคมุ้ คา่

2. สาระสำคัญ
ธาตแุ ตล่ ะชนิดมีสมบัตบิ างประการที่คลา้ ยกันและแตกต่างกนั จงึ สามารถจำแนกกลมุ่ ธาตตุ าม

สมบัติของธาตุเป็นธาตุโลหะ กงึ่ โลหะ อโลหะ และธาตกุ มั มันตรงั สี

3. จุดประสงค์การเรียนรู้
ด้านความรู้ (K)
1.อธบิ ายสมบัติของธาตุและสารประกอบ ความแตกตา่ งต่างของโลหะ อโลหะ

และกง่ึ โลหะได้
2. ศึกษาและทำการทดลอง เพือ่ ตรวจสอบสมบตั ิของธาตแุ ละสารประกอบได้

38

ประโยชน์ 3. ศกึ ษาความแตกต่างของโลหะ อโลหะ และกึ่งโลหะ พร้อมทง้ั ยกตวั อย่างการนำมาใช้

4. ศกึ ษาสมบัตขิ องธาตกุ ัมมนั ตรงั สแี ละการนำมาใช้ในชีวิตประจำวัน
ดา้ นทกั ษะกระบวนการ (P)
กระบวนการสืบเสาะ หาความรู้
ดา้ นคุณลักษณะอันพงึ ประสงค์ (A)
ความสนใจใฝ่รู้ ความมุ่งม่นั อดทน

4. สาระการเรียนรู้
ธาตกุ มั มนั ตรงั สี

5. กระบวนการจัดการเรยี นรู้

ขั้นนำ
1. ครทู บทวน เรือ่ ง ธาตแุ ละสัญลกั ษณ์ แล้วให้นกั เรยี นเล่นเกมโดมโิ น
2. แบง่ นกั เรียนออกเป็นกลุม่ นกั เรยี นศึกษาข้อมูลจากใบความรู้ และค้นควา้ เพม่ิ เติมจากหนังสือใน

หอ้ งสมุดหรือจากอินเทอร์เน็ต เร่ือง ธาตกุ มั มนั ตรังสี และประโยชน์ของธาตุกัมมนั ตรังสใี นประเดน็ ตอ่ ไปน้ี
ขนั้ สอน

3. นักเรยี นกลุ่มที่ 1 สืบคน้ ขอ้ มูลด้านอาหาร
นักเรียนกลุ่มท่ี 2 สืบค้นขอ้ มลู ด้านการแพทย์
นักเรยี นกลมุ่ ที่ 3 สบื คน้ ขอ้ มูลด้านอุตสาหกรรม
นักเรียนกลุ่มที่ 4 สบื ค้นขอ้ มูลด้านธรณีวทิ ยา
นกั เรยี นกลุม่ ท่ี 5 สืบคน้ ขอ้ มลู ด้านดวงดาวและท้องฟ้า
นักเรียนกลมุ่ ท่ี 6 สบื ค้นขอ้ มลู ดา้ นการเกษตร

4. นำผลงานที่ได้มาเขียนในรปู แผนผังความคิดส่งครูเพ่ือตรวจสอบแกไ้ ข
ข้นั สรุป

5. นำผลงานของแต่ละกล่มุ ออกมานำเสนอหนา้ ชั้นเรยี น
6. ครเู ปดิ โอกาสใหน้ ักเรียนซกั ถามข้อสงสัย
7.. นกั เรียนทำแบบทดสอบหลังเรียนเพอ่ื ทบทวนความรู้

6. สอ่ื และแหล่งเรยี นรู้
1. เลน่ เกมโดมโิ น
2. ใบความร้เู ร่อื ง ธาตกุ ัมมันตรังสี

39

3. ใบงาน เรื่อง ประโยชน์ของธาตุกมั มนั ตรงั สี

4. ระบบ Internet 5. หอ้ งสมุด

6. หนังสือเรยี นสาระการเรยี นร้พู นื้ ฐานวิทยาศาสตร์

7. การวัดผลและประเมินผล

สิ่งทต่ี ้องการประเมิน วิธกี ารวัดผล เคร่อื งมอื ท่ีใช้ เกณฑก์ ารผ่าน
ในการวดั ผล การประเมนิ ผล

ความรู้

1.อธบิ ายสมบัตขิ องธาตุ การตรวจผลงาน แบบประเมินการตรวจ ได้คะแนนเฉลี่ย ร้อยละ
ผลงาน 60 ขึ้นไป
และสารประกอบ ความ

แตกตา่ งตา่ งของโลหะ

อโลหะ และก่ึงโลหะได้

2.ศกึ ษาและทำการ

ทดลอง เพื่อตรวจสอบ

สมบตั ขิ องธาตุและ

สารประกอบได้

3.ศกึ ษาความแตกตา่ ง

ของโลหะ อโลหะ และ

ก่ึงโลหะ พร้อมท้งั

ยกตวั อยา่ งการนำมาใช้

ประโยชน์

4.ศกึ ษาสมบัตขิ องธาตุ

กัมมนั ตรังสีและการ

นำมาใช้ในชีวติ ประจำวัน

ทักษะ

กระบวนการสืบเสาะ - การนำเสนอผลงาน - แบบประเมนิ การ ได้คะแนนเฉล่ีย ร้อยละ
นำเสนอผลงาน 60 ข้ึนไป
หาความรู้ - แบบประเมินพฤตกิ รรม
การทำงานกลุ่ม
- สังเกตพฤติกรรมการ

ทำงานกลุ่ม

คณุ ลกั ษณะอนั พึง

ประสงค์

ความสนใจใฝ่รู้ ความ สังเกตพฤติกรรม แบบประเมนิ พฤติกรรม ไดค้ ะแนนเฉลยี่ 2 (ด)ี

ม่งุ มั่น อดทน รายบคุ คล รายบคุ คล ข้ึนไป

8. บันทกึ หลงั การจัดการเรยี นรู้ 40
8.1 ผลการจดั การเรียนรู้
ผเู้ รยี นทีผ่ ่านตัวชี้วดั /ผลการเรียนรู้ จำนวน...............คน คิดเปน็ ร้อยละ.................
ผูเ้ รยี นท่ีไมผ่ ่านตวั ชีว้ ดั /ผลการเรยี นรู้ จำนวน...............คน คดิ เป็นรอ้ ยละ.................

เลขที่ของนกั เรียนทีส่ อบไม่ผ่านตวั ช้วี ัด..................................................................................................
............................................................................................................................................................................

สาเหตุท่ไี ม่ผ่าน .....................................................................................................................................
............................................................................................................................................................................

แนวทางแกป้ ญั หา..................................................................................................................................
............................................................................................................................................................................

ผู้เรยี นที่มีความสามารถพิเศษ ไดแ้ ก่ ....................................................................................................
............................................................................................................................................................................

แนวทางการพัฒนา/ส่งเสริม..................................................................................................................
............................................................................................................................................................................

ผู้เรียนไดร้ บั ความรู้ (K) ในเรอ่ื ง ............................................................................................................
ผ้เู รียนเกิดทักษะกระบวนการ (P) ในเรอ่ื ง............................................................................................
ผู้เรยี นมคี ุณธรรม จรยิ ธรรม คา่ นิยม (A) ในเรื่อง.................................................................................

8.2 ปญั หาอุปสรรค
............................................................................................................................................................................
............................................................................................................................................................................

8.3 ขอ้ เสนอแนะและแนวทางแก้ปญั หา
............................................................................................................................................................................
............................................................................................................................................................................

ลงชอ่ื .......................................................ครูผสู้ อน
(นายดเิ รกฤทธ์ิ ยเุ หลก็ )
ตำแหน่ง ครู คศ.1

วันท่.ี ...........เดือน..........................พ.ศ. ................

41

9. ความคิดเห็นของผู้บรหิ ารสถานศกึ ษา/ผู้ที่ได้รบั มอบหมาย
............................................................................................................................................................................
............................................................................................................................................................................
............................................................................................................................................................................

ลงชือ่ ......................................หวั หน้ากล่มุ สาระการเรียนรู้
(นางสาวพัสราภรณ์ พูลแจ้ง)

วนั ที.่ ...........เดอื น..........................พ.ศ. ................

รบั ทราบผลการจดั การเรยี นรู้

ลงชื่อ....................................................... ลงชอ่ื ......................................................
(...............................................) (นายวริ ัชต์ จำปาทอง)

ตำแหนง่ รองผู้อำนวยการสถานศึกษา ฝ่ายบรหิ ารวชิ าการ ตำแหน่ง ผอู้ ำนวยการสถานศกึ ษา
วนั ท.่ี ...........เดอื น..........................พ.ศ. ........... วนั ที.่ ...........เดือน..........................พ.ศ. ..........

42

ใบความรู้
ธาตกุ มั มันตรังสี
ธาตกุ มั มันตรังสี หมายถึง ธาตทุ ่ีแผร่ งั สีได้ เนือ่ งจากนวิ เคลียสของอะตอมไม่เสถียร เป็นธาตุท่มี ีเลข
อะตอมสงู กวา่ 82
กมั มันตภาพรังสี หมายถงึ ปรากฏการณ์ทีธ่ าตุแผร่ ังสีได้เองอยา่ งต่อเนือ่ ง รงั สที ไ่ี ดจ้ ากการสลายตัว
มี 3 ชนดิ คือ รงั สีแอลฟา รังสบี ีตา และรังสแี กมมา
การแผร่ ังสจี ะทำให้เกิดธาตุใหมไ่ ด้ หรอื อาจเปน็ ธาตเุ ดมิ แต่จำนวนโปรตอนหรอื นิวตรอนไม่เทา่ กับธาตุ
เดิม เช่น

สลายตัว 231Th + 4He

235U

92 90 2

(ธาตยุ ูเรเนยี ม) (ธาตุทอเรียม) (อนุภาคแอลฟา)

ธาตุกมั มันตรังสแี ต่ละชนิด มีระยะเวลาในการสลายตัวแตกตา่ งกนั และแผ่รังสไี ด้แตกต่างกนั
การนำมาใช้ประโยชนจ์ งึ แตกต่างกนั ดังนี้

1. ด้านธรณีวิทยา
ใช้คาร์บอน C-14, K, Ar, U และ Sr ในการหาอายหุ ิน

2. ด้านเกษตรกรรม
ใชโ้ พแทสเซยี ม K-32 ในการหาอตั ราการดดู ซึมของต้นไม้

3. ด้านอตุ สาหกรรม
ใช้รังสีวดั ความหนาแนน่ ของวตั ถุ ทำให้อัญมณเี ปลี่ยนสี

4. การเก็บถนอมอาหาร
ใชร้ งั สีแกมมาของธาตโุ คบอลต์ C-60 ทำลายแบคทเี รยี ในอาหาร

5. ด้านโบราณคดี
ใช้คารบ์ อน C-14 ในการหาอายขุ องวตั ถุโบราณ

43

ใบงาน
ประโยชน์ของธาตุกมั มันตรังสี

คำชแี้ จง ให้นักเรียนแบง่ ออกเปน็ 6 กล่มุ คละความสามารถ กลมุ่ ละ 6–8 คนทำกิจกรรมตอ่ ไปนี้
วิธกี ารทำกิจกรรม
1. นกั เรยี นศึกษาข้อมูลจากใบความรู้ และคน้ คว้าเพ่มิ เติมจากหนังสือในหอ้ งสมุดหรือจากอนิ เทอร์เนต็

เรื่อง ธาตกุ ัมมันตรงั สี และประโยชน์ของธาตุกมั มันตรงั สี
2. นักเรียนกลุ่มที่ 1 สืบค้นขอ้ มูลด้านอาหาร

นักเรียนกลมุ่ ท่ี 2 สืบค้นข้อมลู ดา้ นการแพทย์
นกั เรียนกลุ่มที่ 3 สืบค้นขอ้ มูลดา้ นอุตสาหกรรม
นกั เรยี นกลุ่มที่ 4 สบื ค้นขอ้ มลู ด้านธรณีวิทยา
นักเรียนกลุ่มท่ี 5 สืบค้นข้อมลู ด้านดวงดาวและทอ้ งฟ้า
นกั เรียนกลมุ่ ท่ี 6 สืบคน้ ขอ้ มูลดา้ นการเกษตร
3. นำผลงานทีไ่ ดม้ าเขยี นในรูปแผนผังความคดิ ส่งครูเพือ่ ตรวจสอบแก้ไข
4. นำผลงานของแตล่ ะกลมุ่ ออกมานำเสนอหน้าชั้นเรียน

44

แบบทดสอบกอ่ นเรยี น
คำชแี้ จง ให้นกั เรียนเลอื กคำตอบทีถ่ กู ที่สดุ แลว้ ทำเคร่ืองหมาย X ทบั อกั ษร ก ข ค หรอื ง

ในกระดาษคำตอบใหต้ รงกบั ขอ้ ท่ีนักเรยี นเลอื กตอบ
1. ใหใ้ ดจัดเป็นธาตทุ กุ สาร

ก. ไฮโดรเจน สารหนู นเิ กิล
ข. เหลก็ อากาศ ทองคำ
ค. กำมะถนั ด่างทบั ทมิ
ง. พลวง ปรอท แอลกอฮอล์
2. ธาตใุ นขอ้ ใดเปน็ โลหะทง้ั หมด
ก. Li , Al , P
ข. Al , B , Zi
ค. Zn , Ag , Na
ง. Na , Mg , C
3. สารในข้อใดเปน็ สารประกอบทกุ สาร
ก. นำ้ อัดลม น้ำปูนใส น้ำตาลทราย
ข. ดา่ งทับทมิ ปนู ขาว เกลือแกง
ค. แนฟทาลีน เหรียญบาท กำมะถัน
ง. ทิงเจอร์ไอโอดีน นำ้ เชือ่ ม ทองเหลือง
4. ธาตตุ า่ ง ๆ ในข้อต่อไปน้ีมที ั้งโลหะ อโลหะ และกง่ึ โลหะ ธาตุในขอ้ ใดที่เป็นประเภทเดยี วกันทั้งหมด
ก. K , I , As , C
ข. Sb , Si , Al , As
ค. Ca , Zn , Na , Hg
ง. Cs , Cr , Cl , Co
5. ขอ้ ใดถูกตอ้ ง
ก. ในภาวะปกติ ธาตมุ ีได้ท้งั 3 สถานะ
ข. ธาตสุ ามารถแยกเป็นองคป์ ระกอบย่อยไดอ้ กี
ค. ธาตุอาจเป็นสารเนื้อเดียวกนั หรือสารเนือ้ ผสมกไ็ ด้
ง. ธาตสุ องชนดิ ขนึ้ ไปมาผสมกนั ต้องได้สารประกอบเสมอ
6. สารในข้อใดเปน็ สารประกอบ
ก. เกลอื น้ำตาล
ข. น้ำ ปรอท
ค. อากาศ ออกซเิ จน
ง. ทองเหลือง เงนิ

45

7. (NH4)3 PO4 และ Na3Ag(SO3)2 มจี ำนวนแตกต่างกนั กอี่ ะตอม
ก. 4 อะตอม
ข. 8 อะตอม
ค. 14 อะตอม
ง. 20 อะตอม

8. อนุภาคมูลฐานของธาตุได้แกข่ ้อใด
ก. โปรตอน นิวตรอน
ข. โปรตอน อเิ ล็กตรอน
ค. นิวตรอน อิเล็กตรอน
ง. โปรตอน นิวตรอน อิเลก็ ตรอน

9. ธาตุโซเดยี ม แมกนีเซยี ม แมงกานีสและดบี ุก มสี ัญลกั ษณ์ตามขอ้ ใด เรียงลำดับให้ถูกตอ้ งท่ีสุด
ก. S , Mn , Mg , Sn
ข. S , Mg , Mn , Sn
ค. Na , Mg , Mn , Sn
ง. Na , Mn , Mg , Sn

10. รงั สที ่เี ปน็ คลื่นแม่เหลก็ ไฟฟ้าทมี่ ีความยาวคลื่นส้นั มาก ไม่มมี วลและประจุ ไม่เบ่ียงเบนในสนามไฟฟา้
สามารถทะลุผ่านสง่ิ กีดขวางได้ดี คอื รังสี หรืออนุภาคในขอ้ ใด

ก. แอลฟา
ข. บีตา
ค. แกมมา
ง. โพซิตรอน

46

เฉลยแบบทดสอบกอ่ นเรียน
คำชแ้ี จง ใหน้ ักเรียนเลือกคำตอบที่ถกู ที่สดุ แล้วทำเคร่ืองหมาย X ทับอกั ษร ก ข ค หรอื ง

ในกระดาษคำตอบใหต้ รงกับข้อที่นักเรียนเลือกตอบ
1. ให้ใดจัดเปน็ ธาตุทกุ สาร

ก. ไฮโดรเจน สารหนู นิเกิล
ข. เหลก็ อากาศ ทองคำ
ค. กำมะถัน ดา่ งทับทมิ
ง. พลวง ปรอท แอลกอฮอล์
2. ธาตใุ นข้อใดเปน็ โลหะทง้ั หมด
ก. Li , Al , P
ข. Al , B , Zi
ค. Zn , Ag , Na
ง. Na , Mg , C
3. สารในข้อใดเปน็ สารประกอบทกุ สาร
ก. นำ้ อดั ลม น้ำปูนใส นำ้ ตาลทราย
ข. ด่างทับทมิ ปนู ขาว เกลอื แกง
ค. แนฟทาลีน เหรียญบาท กำมะถัน
ง. ทงิ เจอรไ์ อโอดนี น้ำเชอ่ื ม ทองเหลอื ง
4. ธาตตุ ่าง ๆ ในขอ้ ตอ่ ไปนม้ี ีทงั้ โลหะ อโลหะ และกงึ่ โลหะ ธาตใุ นข้อใดท่เี ปน็ ประเภทเดียวกนั ทั้งหมด
ก. K , I , As , C
ข. Sb , Si , Al , As
ค. Ca , Zn , Na , Hg
ง. Cs , Cr , Cl , Co
5. ข้อใดถูกตอ้ ง
ก. ในภาวะปกติ ธาตุมไี ดท้ ั้ง 3 สถานะ
ข. ธาตุสามารถแยกเปน็ องค์ประกอบย่อยไดอ้ ีก
ค. ธาตุอาจเปน็ สารเนอื้ เดียวกนั หรอื สารเนอ้ื ผสมกไ็ ด้
ง. ธาตสุ องชนดิ ข้นึ ไปมาผสมกนั ตอ้ งไดส้ ารประกอบเสมอ
6. สารในข้อใดเปน็ สารประกอบ
ก. เกลือ น้ำตาล
ข. นำ้ ปรอท
ค. อากาศ ออกซเิ จน
ง. ทองเหลอื ง เงิน

47

7. (NH4)3 PO4 และ Na3Ag(SO3)2 มจี ำนวนแตกตา่ งกนั ก่อี ะตอม
ก. 4 อะตอม
ข. 8 อะตอม
ค. 14 อะตอม
ง. 20 อะตอม

8. อนุภาคมลู ฐานของธาตไุ ด้แกข่ ้อใด
ก. โปรตอน นวิ ตรอน
ข. โปรตอน อเิ ลก็ ตรอน
ค. นิวตรอน อเิ ลก็ ตรอน
ง. โปรตอน นวิ ตรอน อิเลก็ ตรอน

9. ธาตโุ ซเดยี ม แมกนีเซียม แมงกานีสและดบี กุ มีสัญลักษณ์ตามข้อใด เรยี งลำดับให้ถูกตอ้ งทส่ี ุด
ก. S , Mn , Mg , Sn
ข. S , Mg , Mn , Sn
ค. Na , Mg , Mn , Sn
ง. Na , Mn , Mg , Sn

10. รงั สีทเี่ ปน็ คล่นื แม่เหลก็ ไฟฟ้าท่มี คี วามยาวคล่ืนส้ันมาก ไม่มมี วลและประจุ ไมเ่ บีย่ งเบนในสนามไฟฟา้
สามารถทะลุผา่ นสง่ิ กดี ขวางได้ดี คือ รงั สี หรอื อนภุ าคในขอ้ ใด

ก. แอลฟา
ข. บตี า
ค. แกมมา
ง. โพซติ รอน

48

แผนการจัดการเรยี นรู้ที่ 5

หน่วยการเรยี นรู้ท่ี 1 สารบรสิ ทุ ธิ์ เรือ่ ง สารและการจำแนก

กลุม่ สาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี

รหัสวชิ า ว 21101 รายวชิ า วทิ ยาศาสตร์ 1 ชนั้ ม.1 เวลาเรยี น 2 ช่ัวโมง

ภาคเรียนที่ 1 ปีการศกึ ษา 2565 ครูผ้สู อน นายดเิ รกฤทธ์ิ ยุเหลก็ ตำแหน่ง ครู คศ.1

ใช้สอนวัน....................... ที.่ ........... เดือน.................................... พ.ศ. .........................

*************************************

1. มาตรฐานการเรียนรู้/ ตัวชี้วัด
มาตรฐาน ว 2.1 เข้าใจสมบัตขิ องสสารองคป์ ระกอบของสสารความสัมพันธ์ระหว่างสมบัติของสสารกบั โครงสร้าง
และแรงยดึ เหน่ยี วระหว่างอนุภาคหลกั และธรรมชาติของการเปลยี่ นแปลงสถานะของสสารการเกิดสารละลายและ
การเกิดปฏกิ ริ ยิ าเคมี
ตัวชี้วัด

ว 2.1 ม.1/8 อธิบายโครงสรา้ งอะตอมท่ปี ระกอบด้วยโปรตอนนิวตรอนและอิเล็กตรอนโดยใชแ้ บบ
จำลอง

ว 2.1 ม.1/9 อธิบายและเปรียบเทียบการจดั เรียงอนภุ าคแรงยึดเหนยี่ วระหว่างอนภุ าคและการเคล่ือที่
ของอนุภาคของสสารชนดิ เดียวกันในสถานะของแข็งของเหลวและแกส๊ โดยใช้แบบจำลอง

2. สาระสำคัญ
สารตา่ ง ๆ รอบตวั มีสมบัติทั้งทค่ี ล้ายกันและแตกต่างกัน สมบตั ขิ องสารสามารถใช้เป็น

เกณฑใ์ นการจัดกลุ่ม ลกั ษณะเนื้อสารและขนาดของอนภุ าคสารกเ็ ปน็ เกณฑห์ นึ่งทใ่ี ชใ้ นการจัดกลมุ่
สาร ถ้าใช้เนอ้ื สารเปน็ เกณฑ์ในการจัดกลมุ่ จะจัดได้เปน็ สารเนอื้ เดยี วและสารเนื้อผสม ถ้าใช้ขนาด
ของอนุภาคสารเปน็ เกณฑ์ จะจดั ได้เปน็ สารแขวนลอย คอลลอยด์ และสารละลาย สารแต่ละกลุ่ม
มีสมบัตแิ ละองคป์ ระกอบตา่ งกนั

3. จุดประสงค์การเรียนรู้
ดา้ นความรู้ (K)
1. บอกความหมายของสสาร สาร สมบตั ิของสาร และการจำแนกสารได้
2. อธบิ ายสมบัตทิ างกายภาพของสารได้
3. จำแนกสารตามลักษณะของเนอ้ื สารได้

49

ด้านทักษะกระบวนการ (P)
กระบวนการสืบเสาะ หาความรู้
ด้านคณุ ลักษณะอันพงึ ประสงค์ (A)
ความสนใจใฝร่ ู้ ความมุ่งม่ัน อดทน

4. สาระการเรียนรู้
สารเนอ้ื เดียวและสารเนื้อผสม

5. กระบวนการจัดการเรียนรู้ (กระบวนการวทิ ยาศาสตร์)
ชวั่ โมงท่ี 1

ข้ันกำหนดปัญหาและสมมุติฐาน
1. ใหน้ ักเรียนทุกคนทำแบบทดสอบก่อนเรียนเร่อื ง การจำแนกสารบริสุทธ์ิ

2. ให้นักเรยี นสังเกตและร่วมกันอภิปรายลกั ษณะของสิ่งต่าง ๆ ที่อยรู่ อบ ๆ ตวั เราโดยใช้
ทกั ษะการสังเกต ครูถามนำวา่ ส่งิ ตา่ ง ๆ ท่ีอยรู่ อบ ๆ ตวั เรานนั้ มีสมบัตเิ หมอื นหรอื ต่างกนั อย่างไร

3. ครถู ามนกั เรยี นว่า เนอ่ื งจากสารที่อยู่รอบตวั เรามอี ยมู่ ากมาย เราจะแยกประเภทหรือ
ระบุชนิดของสารไดอ้ ย่างไร

4. ครยู กตวั อยา่ งสารบางชนดิ เชน่ ส้มตำ น้ำเกลือ โซเดียมคลอไรด์ แลว้ ถามนักเรียนว่าเปน็
สารประเภทใด

5. นกั เรยี นชว่ ยกนั คาดเดาคำตอบ
ขั้นทดลอง

1. แบง่ นักเรียนออกเป็นกลุ่ม กลุ่มละ 4-5 คน ให้นกั เรียนเกง่ -อ่อน ชาย-หญงิ คละกนั
2. ให้แต่ละกลุ่มศึกษาขัน้ ตอนวิธกี ารทดลอง กจิ กรรมในใบงาน เรื่อง การจำแนกสารตาม
ลักษณะเน้ือสาร พรอ้ มท้ังจัดเตรียมอุปกรณ์การทดลองให้พร้อม โดยครูตอ้ งคอยดูแลให้คำปรกึ ษาและความ
ช่วยเหลืออยา่ งใกลช้ ิด
3. กอ่ นการทดลองครูแนะนำวา่ ในการสังเกตส่งิ ตา่ ง ๆ ถ้าสารบางชนิดไมอ่ าจตดั สนิ ไดท้ นั ที
แล้ว อาจใชอ้ ปุ กรณ์อน่ื ๆ ช่วย เชน่ แทง่ แกว้ สำหรับคน

ขั้นวเิ คราะห์และอภิปรายผล
1.นกั เรียนลงมือทดลองโดยใชว้ ัสดุอปุ กรณ์ทีจ่ ำเปน็ ตามขนั้ ตอนที่กำหนดและบันทึกข้อมูล

การทดลอง
2.แต่ละกลุ่มดำเนินการทดลองตามวธิ ีการในหนงั สอื เรยี น เกบ็ รวบรวมข้อมลู และบันทึกผล

การทดลอง
3. เมอ่ื ทำการทดลองเสร็จแล้ว แตล่ ะกลุ่มช่วยกันเขียนรายงานการทดลอง

50

ช่ัวโมงที่ 2
4 . นักเรียนวเิ คราะห์และสรุปผลการทดลอง

4.1 แตล่ ะกลุ่มส่งตัวแทนออกมานำเสนอผลการทดลองหนา้ ชนั้ เรยี น
4.2 ครูและนกั เรียนร่วมกนั สรุปผลการทดลอง โดยใหไ้ ดข้ ้อสรุปดงั นี้

- ส่ิงที่นำมาสังเกตลักษณะเนอื้ สารพิจารณาแลว้ มีสถานะเป็นของแข็งอยู่ 7 ชนิด มี
สถานะเป็นของเหลวอยู่ 3 ชนิด และมีสถานะเปน็ ทั้งของแขง็ และของเหลวอยู่ 3 ชนิด แตถ่ า้ เราพิจารณา
โดยใช้ลกั ษณะเนือ้ สารเปน็ เกณฑพ์ บวา่ สารทส่ี ังเกตเหน็ เป็นเนอ้ื เดียวมีอยู่ 9 ชนิด และท่สี งั เกตเห็นไมเ่ ปน็ เนอ้ื
เดียวมีอยู่ 4 ชนดิ

ขั้นสรปุ
1. ครูและนกั เรียนอภปิ รายผลการทดลอง และสรปุ การเรยี นรู้
2. ครูและนกั เรียนรว่ มกันอภปิ รายผลการทดลองโดยใช้แนวคำถาม ดังน้ี

- สารท่ใี ชใ้ นการทดลองครงั้ น้ีมีกี่สถานะ อะไรบา้ ง
- ถา้ ผสมน้ำเกลือกับนำ้ สม้ สายชเู ข้าด้วยกันจะเรยี กว่าเป็นสารเนื้อเดยี วหรอื สาร
เนือ้ ผสม
- สารทีใ่ ช้ในการทดลองที่มองเห็นไมเ่ ป็นเน้ือเดียว เช่น ลอดช่องน้ำกะทิ ส้มตำ
เราเรียกสารน้ีวา่ อะไร
- ให้นักเรียนยกตวั อย่างสารเนื้อเดยี วท่ีไมม่ ใี นกจิ กรรมมา 3 ชนิด บอกว่าอยู่ใน
สถานะใด
3. ครแู ละนักเรียนชว่ ยกนั สรปุ ผลการเรียนรู้ โดยใหไ้ ดข้ อ้ สรปุ ดังน้ี
- สารที่อยรู่ อบตวั เรามีสถานะตา่ ง ๆ กัน
- ในการจำแนกสาร ถา้ ใช้ลกั ษณะเนอื้ สารเป็นเกณฑ์ จะจำแนกได้เป็น 2 พวก
คือสารเนือ้ เดียว และสารเน้ือผสม
- สารเนื้อเดียวมองเห็นเป็นเนื้อเดยี ว อาจจะประกอบด้วยสารอยา่ งเดยี วหรือหลาย
อยา่ งก็ได้สารเนื้อผสมมองเห็นไม่เปน็ เน้ือเดยี วประกอบด้วยสารมากกว่าหนึ่งอยา่ ง
4. ครูอธิบายเพม่ิ เตมิ เกย่ี วกับคำจำกัดความของ สสาร สาร สมบัติของสารและการจำแนกสาร
บรสิ ุทธิ์ โดยเปดิ โอกาสใหน้ ักเรียนซักถามปญั หาหรอื แสดงความคดิ เห็นเพิม่ เติม
5. ครแู ละนักเรยี นร่วมกนั สรุปสาระสำคญั เรื่องสมบตั ิของสารและการจำแนกทไ่ี ดจ้ ากการเรียน
และการปฏบิ ตั กิ จิ กรรม
6. ใหน้ ักเรยี นทำแบบฝกึ หดั

6. สอื่ /แหลง่ การเรียนรู้
1. สอื่ สิง่ พมิ พ์ และเว็บไซตต์ า่ ง ๆ ทางอนิ เทอร์เน็ตที่เกี่ยวข้อง
2. อุปกรณก์ ารทดลองของแตล่ ะกิจกรรมในการจัดการเรียนรู้แตล่ ะครง้ั


Click to View FlipBook Version