The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

เอกสารพึ่งตนเอง 2566

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by ดิเรกฤทธิ์ ยุเหล็ก, 2023-09-12 20:28:43

เอกสารพึ่งตนเอง 2566

เอกสารพึ่งตนเอง 2566

แบ่งนิวเคลียสของเซลล์ สืบพันธุ์เพศผู้แบบไมโทซิส การสืบพันธุ์ของของพืช แบบอาศัยเพศแบบอาศัยเพศ มี 2 ขั˕นตอน ➀ ถ่ายละอองเรณู (Pollination) ➁ ปฏิสนธิ (Fertilization) ละอองเรณู เกสรตัวผู้ อับเรณู ก้านชูอับเรณู ก้านเกสรเพศเมีย ยอดเกสรเพศเมีย หลอดเรณู รังไข่ สเปิร์มนิวเคลียส 2 ตัว ในออวุล เกิดการปฏิสนธิ เกสรตัวผู้ (ละอองเรณู) ตกบนยอดเกสรตัวเมีย งอกเป็นหลอดเรณูลงไปตามก้านเกสรตัวเมีย เข้าไปยัง ออวุล เซลล์ไข่ สเปิร์มตัวที˒ 2 + โพลาร์นิวคลีไอ ⇢ เอนโดสเปิร์ม ➁ การเกิดปฏิสนธิ 2 ครั˕ง ปฏิสนธิซ้อน ออวุล ⇢ เมล็ด เยื˕อหุ้มออวุล ⇢ เปลือกหุ้มเมล็ด รังไข่ ⇢ ผล ไซโกต ⇢ ต้นอ่อน เอนโดสเปิร์ม ⇢ อาหารสะสม เมล็ดพันธุ์ ใช้เพาะเมล็ด ข้อดี ⇢ มีระบบรากแก้วทไให้ลําต้นแข็งแรง ข้อเสีย ⇢ มีโอกาสกลายพันธุ์ - ดอกเดียวกัน หรือดอกของต้นเดียวกัน ซึ˒งกรณีนี˕เรียกว่า Self Pollination - ผสมข้ามต้นโดยเกสรตัวผู้ของต้นหนึ˒งปลิวหรือติดตัวแมลงไปสัมผัสและผสมกับเซลล์สืบพันธุ์เพศเมียของอีก ต้นหนึ˒งจะเรียกว่า Cross Pollination โพลาร์นิวคลีไอ สเปิร์มตัวที˒ 1 + รังไข่ ⇢ ไซโกต ➀ การถ่ายละอองเรณู


แบบไม่อาศัยเพศ : ปːกชํา ➀ ปักชํา - ใช้ กิ˒ง ใบ เหง้า หัว ไหล มาปักลงในดิน - ออกรากใหม่ ตัดกิ˒ง นํากิ˒งไปแช่นํ˕า นํากิ˒งไปปลูก


➀ เตรียมถุงตอน ➁ ควั˒นกิ˒งแนวขวาง 2 รอบ ➂ ลอกเปลือก ➃ ขูดเนื˕อเยื˒อ ➄ ใช้ถุงตอนหุ้มบริเวณที˒ลอก เปลือกและมัดให้แน่น ➅ การเกิดรากของกิ˒งตอน แบบไม่อาศัยเพศ : ตอนกิ่ง ควั˒นตัดเนื˕อเยื˒อลําเลียงอาหาร (Phloem) ออก ให้เหลือแต่ท่อลําเลียงอาหาร หุ้มด้วยวัสดุชื˕น กระตุ้นให้พืชสร้างรากใหม่


➀ เฉือนต้นตอที˒มีรากแข็งแรง ให้เป็นรอยแผลรูปโล่ ➁ เฉือนกิ˒งพันธุ์ดีให้เป็นรอยแผล เหมือนกับต้นตอ ➂ นําต้นตอและกิ˒งพันธุ์ดีมา ทาบกัน โดยให้รอยแผลประกบ กันสนิท ➃ ใช้พลาสติก พันรอบรอยแผลให้แน่น แบบไม่อาศัยเพศ : ทาบกิ่ง


แบบไม่อาศัยเพศ : ติดตา ➀ ใช้มีดกรีดต้นตอที˒แข็งแรงให้เป็น รอยแผลมีลักษณะเหมือนรูปตัวที ➁ เฉือนแผ่นตาจากพืช ที˒ต้องการขยายพันธุ์ (พันธุ์ดี)รอยแผล ของตาจะมีลักษณะเหมือนรูปโล่ ➂ นําแผ่นตาสอดเข้าไปที˒รอยแผล ของต้นตอที˒แข็งแรง ➃ ใช้แผ่นพลาสติกพันรอยแผลให้ แน่นโดยให้ตาโผล่ไว้


แบบไม่อาศัยเพศ : เพาะเลี้ยงเนื้อเยื่อข้อดี & ข้อเสีย การสืบพันธุ์ของพืชแบบไม่อาศัยเพศ - ข้อดี ไม่กลายพันธุ์ ต้นเตี˕ยเก็บผลผลิตง่าย ได้ผลผลิตเร็ว - ข้อเสีย ต้องการความชํานวญ ไมีมีรากแก้วจะโค่นง่าย ค่าใช้จ่ายสูง การเพาะเลี้ยงเนื้อเยื่อ ⭗ เป็นการขยายพันธุ์พืช ⭗ โดยตัดเอา ตาอ่อน ยอดอ่อน หรือส่วนใดส่วนหนึ˒งของพืช ⭗ นําเนื˕อเยื˒อที˒สามารถโตได้ มาเลี˕ยงบนอาหารสังเคราะห์ ⭗ ภายใต้สภาวะที˒ควบคุม - ความสะอาด - อุณหภูมิ - แสง ข้อดี ⭗ เหมือนต้นเดิมทุกประการ ⭗ ผลิตต้นพืชได้ปริมาณมากในเวลารวดเร็ว ⭗ พืชมีขนาดสมํ˒าเสมอ ผลผลิตได้มาตรฐาน ปลอดโรค


สัตว์ (Animals) 4


หัวข้อที่เราจะเรียนกันนะ ➀ เซลล์ ➁ ประเภท ของสัตว์ ➂ ปัจจัยในการ ดํารงชีพ ➃ การเจริญ เติบโต ➄ สืบพันธ์ุ ➅ เทคโนโลยีการ ขยายพันธุ์ ➆ พฤติกรรม สัตว์ ➇ การตอบ สนองต่อสิ่ง เร้า


01 เซลล์สัตว์ไซโทพลาซึม (Cytoplasm) เยื้อหุ้มเซลล์ : ทุกเซลล์ต้องมีขาดไม่ได้ เป็นเยื˒อเลือกผ่าน กอลจิคอมเพล็กซ์ : สร้างคาร์โบไฮเดรต ไมโทคอนเดรีย : แหล่งสร้างพลังงานให้เซลล์ นิวเคลียส : บรรจุสารพันธุกรรม ถ่ายทอดลักษณะทางพันธุกรรม ร่างแหเอนโดพลาซึม : สร้างโปรตีนและไขมัน ไรโบโซม : สร้างโปรตีน ไลโซโซม : บรรจุเอนไซม์ย่อยสิ˒งแปลกปลอมที˒เซลล์กินเข้าไป ย่อย เซลล์ที˒ตายแล้ว เซนทริโอล : ช่วยให้โครโมโซม เคลื˒อนที˒ตอนแบ่งเซลล์ แวคิวโอล : ขนาดเล็กกว่าเซลล์พืช


สัตว์เลือดเย็น - อุณหภูมิร่างกายไม่คงที˒ - ปลา (ม้านํ˕าเป็นปลา) - ครึ˒งบกครึ˒งนํ˕า - เลื˕อยคลาน สัตว์เลือดอุ่น - อุณหภูมิร่างกายคงที˒ - สัตว์ปีกและสัตว์เลี˕ยง ลูกด้วยนม - วาฬ โลมา เป็นสัตว์เลี˕ยง ลูกด้วยนม 02 ประเภทสัตว์ กินเนื้อ แบ่งตามอาหารที˒กิน แบ่งตามกระดูกสันหลัง ประเภทของสัตว์ แบ่งตามแหล่งอาศัย กินพืช กินทั้งพืชและสัตว์ ไม่มีกระดูกสันหลัง มีกระดูกสันหลัง สัตว์บก สัตว์นํ้า สัตว์ครึ่งบกครึ่งนํ้า สัตว์ปีก เสือ สิงโต จระเข้ งู วัว ควาย แพะ แกะ คน ไก่ เป็ด สุนัข ไส้เดือน ก้ง หอย หมึก แมลง คน เสือ สิงโต กระทิง กุ้ง หอย ปู ปลา เป็ด ไก่ นก ค้างคาว กบ อึ˒งอ่าง คางคก


อาหาร ให้พลังงานและการ เจริญเติบโต ที่อยู่อาศัย นํ้า แหล่งที่อยู่อาศัย และกิน อากาศ ใช้หายใจ 03 ปัจจัยในการดํารงชีพ


04 การเจริญเติบโต ไม่มีเมทามอร์โฟซิส - ตัวอ่อนเหมือนโตเต็มวัย - เช่น สัตว์เลื˕อยคลาน แมลงหางดีด ค่อยเป็นค่อยไป - ตัวอ่อนคล้ายตัวเต็มวัยแต่ ไม่มีปีก - จิ˕งหรีด ตั๊กแตน แบบสมบูรณ์ - ครบ 4 ขั˕นตอน - ไข่ → ตัวอ่อน → ดักแด้ → ตัวเต็มวัย - เช่น ผีเสื˕อ ผึ˕ง ต่อ แตน มด ยุง แบบไม่สมบูรณ์ - ขาดขั˕นดักแด้ - ไข่ → ตัวอ่อน→ ตัวเต็มวัย - เช่น แมลงปอ จิ˕งโจ้นํ˕า ชีปะขาว เมทามอร์โฟซิส: การเปลี˒ยนแปลงรูปร่างระหว่างการเจริญเติบโต


05 การสืบพันธ์ุ แบบอาศัยเพศ แบบไม่อาศัยเพศ ไม่ใช้เซลล์สืบพันธุ์ - แบ่งตัวเป็น 2 - แตกหน่อ - งอกใหม่ - ขาดเป็นท่อน การปฏิสนธิ - การปฏิสนธิภายใน - การปฏิสนธิภายนอก


การสืบพันธ์ุแบบอาศัยเพศ ➀ การปฏิสนธิภายในร่างกาย ● เซลล์สืบพันธุ์เพศผู้ (อสุจิ) เข้าไปผสมกับเซลล์สืบพันธุ์เพศเมีย (ไข่) ภายในร่างกายของสัตว์เพศเมีย ● เพศเมียจะออกลูก - ออกมาเป็นไข่ที˒มีเปลือกแข็ง เช่น สัตว์เลื้อยคลาน เช่น จระเข้ เต่า งูบางชนิด หรือสัตว์ปีก เช่น ไก่ นก เป็ด ห่าน - ออกมาเป็นตัว เช่น สัตว์ที˒เลี้ยงลูกด้วยนํ้านม เช่น สุนัข แมว ช้าง ม้า วัว ควาย ลิง ลา โลมา วาฬ พะยูน ปลาบางชนิด เช่น ปลาหางนกยูง ปลาสายรุ้ง ปลาสอด เป็นต้น อสุจิ (Sperm) เพศผู้ เพศเมีย เซลล์ไข่ ไซโกต (Zygote) ตัวอ่อน (Embryo) ตัวเต็มวัย (ฺBaby)


การสืบพันธ์ุแบบอาศัยเพศ ➁ การปฏิสนธิภายนอกร่างกาย ● เซลล์สืบพันธุ์เพศผู้ (อสุจิ) เข้าผสมกับเซลล์สืบพันธุ์เพศเมีย (ไข่) ภายนอกร่างกายของสัตว์ตัวเมีย ● โดยมีนํ้าเป็นตัวกลางช่วยพาอสุจิให้เคลื˒อนที˒เข้าไปผสมกับไข่ หลังจากนั˕นไข่ที˒ได้รับการผสมแล้วจะฟักเป็นตัวต่อไป ● การปฏิสนธิภายนอกร่างกายจะพบในสัตว์นํ˕าประเภทปลา และสัตว์ครึ˒งนํ˕าครึ˒งบก


การสืบพันธ์ุแบบไม่อาศัยเพศ การสืบพันธุ์แบบไม่อาศัยเพศ : ไม่อาศัยเซลล์สืบพันธุ์ ● เป็นการสืบพันธุ์ที˒สร้างหน่วยใหม่ขึ˕นมาจากสิ˒งมีชีวิตเดิม อาจเกิดได้โดยการจําลองตัวเองของหน่วยพันธุกรรม ● การแบ่งนิวเคลียสแบบไมโตซีส หรือการแบ่งเซลล์แบบ mitotic cell division หน่วยใหม่ที˒เกิดขึ˕นมาจะมีลักษณะเหมือนตัวแม่ทุกประการ ● การสืบพันธุ์แบบนี˕พบตั˕งแต่สิ˒งที˒มีชีวิตที˒ยังไม่เป็นเซลล์ พวกเซลล์เดียว และพวกหลายเซลล์ไปจนถึง พบในสัตว์ชั˕นตํ˒าที˒ไม่มีระบบสืบพันธุ์หรือมี แต่ยังไม่เจริญดี ทําได้โดยการแบ่งตัวจาก 1 เป็น 2 ได้สิ˒งมีชีวิตตัวใหม่ที˒มีลักษณะเหมือนเดิมทุกประการ ● แต่ถ้าสิ˒งมีชีวิตเหล่านี˕ไม่สามารถปรับตัวให้เข้ากับสภาพแวดล้อมที˒เปลี˒ยนแปลงได้ ก็จะทําให้ตายและสูญพันธุ์ในที˒สุด


การสืบพันธ์ุแบบไม่อาศัยเพศ ➀ แบ่งตัวเป็นสอง (Binary Fission) ● เกิดขึ˕นกับสิ˒งมีชีวิตเซลล์เดียว ● การสืบพันธุ์เกิดขึ˕นโดยการแบ่งตัวจาก 1 เซลล์เป็น 2 เซลล์ โดยนิวเคลียสของเซลล์จะแบ่งตัวก่อน แล้วไซโทพลาซึมจะแบ่งตามได้ เป็นตัวใหม่ 2 ตัว ซึ˒งแต่ละตัวจะมีลักษณะเหมือนตัวเดิมทุกประการ ● เช่น การแบ่งตัวของ (พวกโพรติสต์) อะมีบา(Amoeba) พารามีเซียม(Paramecium) ยูกลีนา(Euglena) และแบคทีเรีย(Bacteria) วเคลียส นิวเคลียส นิวเคลียส นิวเคลียส พารามีเซียม ยูกลีนา อะมีบา แบคทีเรีย


➁ การแตกหน่อ (Budding) ● เป็นการสืบพันธุ์ของสัตว์ชั˕นตํ˒า โดยเมื˒อเจริญเติบโตเต็มที˒แล้วจะมีการสร้างเนื˕อเยื˒อข้างลําตัวงอกออกมา แล้วเจริญเติบโตเป็นตัวเล็ก ๆ ● อวัยวะต่าง ๆ เหมือนตัวแม่ ● เช่น ไฮดรา หนอนตัวแบน ฟองนํ˕า ยีสต์ ไฮดราฟองนํ˕า การสืบพันธ์ุแบบไม่อาศัยเพศ ไฮดรา เจริญเติบโตเต็มวัย จะสร้างเนื้อเยื่อ ข้างลําตัวออกมา เจริญเป็นไฮดรา ตัวเล็ก หลุดออก อยู่ตามลําพัง


➂ การงอกใหม่ (Regeneration) ● พบในสัตว์ชั˕นตํ˒า ได้แก่ ปลาดาว พลานาเรีย ไส้เดือนดิน ปลิงนํ˕าจืด ● การงอกใหม่เป็นการสร้างส่วนของร่างกายที˒ขาดหายไป โดยสัตว์เหล่านี˕ถ้าร่างกายถูกตัดออกเป็นส่วน ๆ แต่ละส่วนจะสามารถงอก เป็นสิ˒งมีชีวิตตัวใหม่ได้ ● การงอกใหม่นี˕จึงทําให้มีจํานวนสิ˒งมีชีวิตเพิ˒มขึ˕นจากจํานวนเดิม การสืบพันธ์ุแบบไม่อาศัยเพศ การงอกใหม่


➃ การขาดออกเป็นท่อน (Fragmentation) ● เป็นการสืบพันธุ์แบบไม่อาศัยเพศอีกแบบหนึ˒งของสิ˒งมีชีวิต ● โดยเฉพาะพวกที˒มีเซลล์ต่อกันเป็นเส้นสายโดยการหักเป็นท่อนๆ ● แต่ละท่อนที˒หลุดไปก็จะแบ่งตัวแบบ Mitotic cell division ได้เซลล์ใหม่ที˒ต่อกันเป็นเส้นสายเจริญต่อไป ● เช่น พวกหนอนตัวแบน การสืบพันธ์ุแบบไม่อาศัยเพศ Fragmentation


06 เทคโนโลยี การขยายพันธุ์


ผสมเทียม อาศัยพ่อพันธุ์ + แม่พันธุ์ ถ่ายฝากตัวอ่อน อาศัยพ่อพันธุ์ แม่พันธุ์ และ แม่ตัวรับ ทําโคลนนิ่ง อาศัยตัวพ่อหรือแม่ เทคโนโลยีการขยายพันธุ์


การผสมเทียม(Artificial Insemination) การผสมเทียม (Artificial Insemination) ● คือการปฏิสนธิในสัตว์โดยไม่ต้องมีการ ร่วมเพศตามธรรมชาติ ● ใช้ได้ทั˕งสัตว์ที˒มีการปฏิสนธิภายนอก (ปลา) และ สัตว์ที˒มีการปฏิสนธิภายใน (วัว สุกร) ● ข้อดี คือ ไม่ต้องนําพ่อพันธุ์ไป นําแค่นํ˕าเชื˕อไป ฉีด ประหยัดค่าขนส่งพ่อพันธุ์ และสามารถ เก็บรักษานํ˕าเชื˕อไว้ จนถึงเวลาที˒แม่พันธุ์ พร้อมที˒จะผสม คัดเลือก พ่อพันธุ์ + แม่พันธุ์ ฉีดฮอร์โมนให้แม่พันธุ์ เพื˒อเร่งให้ไข่สุก รีดไข่แม่พันธุ์ + รีดนํ˕าเชื˕อพ่อพันธุ์ ลงในภาชนะ คนด้วยขนไก่ นําไข่ที˒ผสมไปพัก เพื˒อรอเวลาฟัก การผสมเทียมปลา เก็บนํ˕าเชื˕อจาก พ่อพันธุ์ นํานํ˕าเชื˕อฉีดเข้าแม่พันธุ์ (ที˒อยู่ในช่วงติดสัตว์) แม่พันธุ์ การผสมเทียมวัว


การถ่ายฝากตัวอ่อน (Embryo Transfer) ● การนําตัวอ่อนที˒ได้จากการปฏิสนธิของอสุจิของพ่อพันธุ์และไข่ของแม่พันธุ์เก็บจากมดลูกของแม่ พันธุ์ ● นําไปฝากใส่ในมดลูกของตัวเมียอีกตัวที˒เป็นตัวรับ ● ข้อดี คือ ได้ลูกจากพ่อพันธุ์และแม่พันธุ์คู่เดียวกันจํานวนมากจากการฉีดฮอร์โมนกระตุ้นให้ไข่ตกที ละหลายใบ และฉีดนํ˕าเชื˕อของตัวผู้ทําให้กลายเป็นตัวอ่อนหลายตัวในมดลูกแล้วจึงใช้เครื˒องมือดูด ออกจากมดลูก นําไปฝากกับตัวเมียตัวรับ การถ่ายฝากตัวอ่อน (Embryo Transfer) พ่อพันธุ์ ฉีดนํ˕าเชื˕อจาก พ่อพันธุ์ แม่พันธุ์ ฉีดฮอร์โมนกระตุ้น ให้ไข่ตกทีละหลายใบ นําตัวอ่อนออกจาก มดลูกของแม่พันธุ์ นําตัวอ่อนไปฝังในมดลูก ของแม่โคตัวรับ


การโคลนนิ่ง (Cloning) ● การคัดลอกพันธุ์โดยไม่ได้อาศัยการปฏิสนธิ ● ตัวลูกจะมีรหัสพันธุกรรมเหมือนตัวต้นแบบ ● เช่น แกะ วัว การโคลนนิ่ง (Cloning) เซลล์จาก ตัวที˒จะโคลน ไข่ที˒ไม่ผ่านการปฏิสนธิ เอานิวเคลียสออก นํามาฟิวส์กัน เจริญเป็น เอ็มบริโอ ไปฝังในมดลูก


07 พฤติกรรมสัตว์


พฤติกรรมสัตว์ มีมาแต่กําเนิด การเรียนรู้ - แบบฝังใจ - ความเคยชิน - ลองผิดลองถูก - แบบมีเงื˒อนไข - แบบใช้เหตุผล - แบบโอเรียนเตชัน - แบบรีเฟล็กซ์ - แบบรีเฟล็กซ์ต่อเนื˒อง


พฤติกรรมที่มีมาแต่กําเนิด ลักษณะสําคัญของพฤติกรรมที่มีมาแต่กําเนิด (Innate behavior) ● เป็นพฤติกรรมที˒สิ˒งมีชีวิตแสดงออกมาได้โดยไม่ต้องผ่านการเรียนรู้หรือฝึกฝนมาก่อน ● เป็นพฤติกรรมที˒ถ่ายทอดทางพันธุกรรมได้ ถูกกําหนดด้วยหน่วยพันธุกรรมหรือยีน (gene) ให้มีแบบแผนของการตอบสนองที˒คงที˒ แน่นอน (stereotyped) ในสิ˒งมีชีวิตแต่ละชนิด ● อาจถูกปรับปรุงหรือพัฒนาให้เหมาะสมมากขึ˕นได้ด้วยการเรียนรู้ภายหลัง ● มีแบบแผนที˒แน่นอน ในสิ˒งมีชีวิตชนิดเดียวกันทุกตัวจะแสดงพฤติกรรมเหมือนกันหมด ชนิดของพฤติกรรมที่มีมาแต่กําเนิด ➀ แบบโอเรียนเตชัน ➁ แบบรีเฟล็กซ์ ➂ แบบรีเฟล็กซ์ต่อเนื˒อง


ชนิดของพฤติกรรมที่มีมาแต่กําเนิด ➀ แบบโอเรียนเตชัน (orientation) ● เป็นพฤติกรรมที˒ตอบสนองต่อปัจจัยทางกายภาพ ทําให้เกิดการปรับตัวกับสภาพแวดล้อมให้เหมาะสมกับการดํารงชีวิต ● เช่น ปลาว่ายนํ˕าในลักษณะที˒หลังตั˕งฉากกับแสงอาทิตย์ ทําให้ศัตรูที˒อยู่ในระดับตํ˒ากว่ามองไม่เห็นเป็นการหลีกเลี˒ยงศัตรูได้ ● พฤติกรรมแบบโอเรียนเตชันแบ่งได้ 2 รูปแบบ ได้แก่ 1.1 ไคนีซิส (kinesis) ❏ เป็นพฤติกรรมที˒แสดงออกด้วยการเคลื˒อนที˒ทุกส่วนของร่างกายเพื˒อตอบสนองต่อสิ˒งเร้าจากภายนอกเป็นการเคลื˒อนที˒ซึ˒งไม่มีทิศทางไม่แน่นอน เช่น ❏ การเคลื˒อนที˒ของแมลงสาบ เมื˒ออยู่ตามที˒แคบที˒มีผิวสัมผัสใกล้กับตัวมันมาก เช่น ตามซอกบ้านมันจะอยู่นิ˒งกับที˒แต่เมื˒ออยู่ในที˒โล่งมันจะเคลื˒อนที˒รวดเร็ว และไม่มีทิศทางแน่นอน เพราะตัวมันไม่สามารถรับความรู้สึกจากผิวสัมผัสที˒ห่างไกล ❏ การเคลื˒อนที˒ออกจากบริเวณที˒มีมีอุณหภูมิสูงของพารามีเซียมโดยถอยหลังกลับ อาจขยับส่วนท้ายไปจากตําแหน่งเดิมเล็กน้อย แล้วเคลื˒อนที˒ไปข้างหน้า ในทิศทางที˒เปลี˒ยนไป โดยมันจะทําเช่นนี˕ซํ˕าๆ จนกว่าจะพบตําแหน่งที˒อุณหภูมิเหมาะสม ❏ การเคลื˒อนที˒หนีฟองแก๊สคาร์บอนไดออกไซด์ของพารามีเซียมโดยเบี˒ยงด้านท้ายของลําตัวไปนิดหนึ˒ง แล้วเคลื˒อนที˒ต่อไปข้างหน้าอีก ถ้ายังพบฟองแก๊ส อีกก็จะถอยหนีในลักษณะเดิมอีก เป็นเช่นนี˕เรื˒อยไปจนกว่าจะพ้นฟองแก๊ส


ชนิดของพฤติกรรมที่มีมาแต่กําเนิด 1.2 แทกซิส (taxis) ❏ เป็นพฤติกรรมที˒พบในโพรทิสต์ และสัตว์ไม่มีกระดูกสันหลังบางชนิด แสดงออกด้วยการเคลื˒อนที˒ทุกส่วนของร่างกายเพื˒อตอบสนองต่อสิ˒งเร้าที˒มา กระตุ้น โดยมีทิศทางการเคลื˒อนที˒ที˒แน่นอน เช่น ❏ การเคลื˒อนที˒เข้าหาแสงสว่างของพลานาเรีย โดยพยายามเคลื˒อนที˒ไปทิศทางที˒อวัยวะรับแสง คือ อายสปอต (eye spot) 2 ข้าง ได้รับการกระตุ้น เท่าๆ กัน ถ้าแหล่งกําเนิดแสงนั˕นอยู่นิ˒ง ทิศทางการเคลื˒อนที˒ก็จะอยู่ในแนวตรงขึ˕นเรื˒อยๆ เข้าสู่แสงสว่าง ❏ การบินตรงเข้าหาดวงอาทิตย์ขณะหนีศัตรูของผีเสื˕อชนิดหนึ˒ง โดยผีเสื˕อชนิดนี˕เมื˒อพบศัตรูมันจะบินเข้าหาดวงอาทิตย์เพื˒อให้ตาของศัตรูพร่า การที˒ มันหันไปอยู่ในทิศตรงเข้าหาดวงอาทิตย์ได้ เพราะตาของมันถูกกระตุ้นโดยแสงอาทิตย์เท่ากันทั˕ง 2 ข้าง ❏ การเคลื˒อนที˒เข้าหาและหนีจากแรงดึงดูดของโลก (geotaxis) ของสัตว์ เช่น ตัวอ่อนผีเสื˕อ เมื˒อมีการเจริญไปเป็นดักแด้จะมีการเคลื˒อนตัวลงจาก ต้นไม้ (positive geotaxis) แต่เมื˒อเจริญเต็มวัย จะเคลื˒อนตัวขึ˕นบนสวนกับแรงดึงดูดของโลก (negative geotaxis) เพื˒อตากปีกให้แห้ง ❏ การบินเข้าหาผลไม้สุกของแมลงหวี˒ ❏ การเคลื˒อนที˒ของค้างคาวเข้าหาแหล่งอาหารตามเสียงสะท้อน


ชนิดของพฤติกรรมที่มีมาแต่กําเนิด ➁ แบบรีเฟล็กซ์ (reflex หรือ simple reflex action) ● พบในสัตว์ที˒มีระบบประสาททุกชนิด แสดงออกด้วยการที˒ส่วนใดส่วนหนึ˒งของร่างกายตอบสนองต่อสิ˒งเร้าจากภายนอกที˒มากระตุ้นอย่างทันทีทันใด ● โดยมีแบบแผนการตอบสนองที˒แน่นอนคงที˒ ไม่ซับซ้อน และเกิดขึ˕นเฉพาะในเวลาสั˕นๆ ● ซึ˒งจะมีประโยชน์ในการดํารงชีวิตของสัตว์ที˒ช่วยให้สามารถหลีกเลี˒ยงจากสิ˒งเร้าที˒เป็นอันตรายได้อย่างรวดเร็ว การตอบสนองต่อสิ˒งเร้าจึงเกิดได้เองโดย อัตโนมัติและไม่ต้องใช้เวลาในการรับส่งกระแสประสาทมาก ● เช่น ในคนเรามีปฏิกิริยารีเฟล็กซ์ที˒ควบคุมด้วยสันหลัง (spinal cord) และสมองออกด้วยการเคลื˒อนไหวของแขนขา มี 2 ประเภทหลักๆ 2.1 รีเฟล็กซ์ในการงอแขนขา (flexion หรือ withdrawal reflex) เป็นการตอบสนองเพื˒อป˖องกันตัวจากสิ˒งเร้าที˒เป็นอันตราย เช่น ถ้าเอามือไป จับสิ˒งของที˒ร้อนจัดจะกระตุกงอแขนหนีออกจากสิ˒งของนั˕นทันที 2.2 รีเฟล็กซ์ในการเหยียดแขนขา (stretch reflex) เป็นการการตอบสนองเพื˒อช่วยในการทรงตัว เช่น เมื˒อลื˒นหกล้มเราจะเหยียดแขนออกไปยัง พื˕นเมื˒อเท้าข้างหนึ˒งสะดุดกับวัตถุกับวัตถุที˒อยู่ตามพื˕นขาอีกข้างหนึ˒งจะเหยียดตรงเพื˒อยันพื˕นเอาไว้ไม่ให้หกล้ม นอกจากนี˕ยังมีตัวอย่างอื˒นๆ ของพฤติกรรมแบบรีเฟล็กซ์ที˒พบในคนอีก เช่น การไอหรือจามเมื˒อมีสิ˒งระคายเคืองทางเดินหายใจ การหรี˒ของช่องมานตา (pupil) เมื˒อมีแสงมาก การกระพริบตาเมื˒อมีผงเข้าตา


ชนิดของพฤติกรรมที่มีมาแต่กําเนิด ➂ แบบรีเฟล็กซ์ต่อเนื่อง (chain of reflex) ● นักชีววิทยาบางคนเรียกพฤติกรรมแบบนี˕ว่า สัญชาตญาณ (instinct) หรือ ปฏิกิริยารีเฟล็กซ์แบบซับซ้อน (complex reflex action) ซึ˒งมีลักษณะ สําคัญดังนี˕ ● 3.1 มีมาแต่กําเนิด ซึ˒งสัตว์สามารถแสดงออกมาได้โดยไม่ต้องผ่านการเรียนรู้ หรือมีประสบการณ์มาก่อนเหมือนกับพฤติกรรมแบบรีเฟล็กซ์ แต่ต่างกัน ตรงที˒มีความซับซ้อนมากกว่า ● 3.2 มีแบบแผนของการแสดงออกที˒แน่นอน และมีลักษณะเฉพาะในสัตว์แต่ละชนิด (species) ซึ˒งเรียกว่า fixed action patterns (FAP) แต่อาจ เปลี˒ยนแปลงได้บ้างตามสภาพทางสรีรวิทยาของสัตว์และสิ˒งแวดล้อม โดยเฉพาะอย่างยิ˒งในสัตว์ที˒มีระบบประสาทที˒เจริญดี อาจจะถูกดัดแปลงบางส่วนได ด้วยประสบการณ์จากการเรียนรู้ ● 3.3 เป็นการตอบสนองด้วยพฤติกรรมแบบรีเฟล็กซ์หลายพฤติกรรมเกิดต่อเนื˒องกันเป็นลูกโซ่ โดยพฤติกรรมที˒เกิดขึ˕นอันดับแรกจะไปกระตุ้นให้มี พฤติกรรมแบบรีเฟล็กซ์อื˒นๆ ตามมา ● ตัวอย่างพฤติกรรมรีเฟล็กซ์แบบต่อเนื˒อง เช่น นกสร้างรัง แมงมุมชักใย ทารกดูดนม


พฤติกรรมการเรียนรู้ พฤติกรรมการเรียนรู้ ● อาศัยประสบการณ์หรือการเรียนรู้เกี˒ยวข้องกับระบบประสาท ในการจํา สัตว์ที˒มีวิวัฒนาการของระบบประสาทสูงจะมีความสามารถในการจํามากขึ˕น ทําให้มีการเรียนรู้ได้มากขึ˕น ● การเรียนรู้ (learning) คือ การเปลี˒ยนแปลงพฤติกรรม ซึ˒งเกิดโดยอาศัยประสบการณ์ในอดีต แต่ไม่ใช่เนื˒องมาจากการมีอายุมากขึ˕น สัตว์แต่ละ ชนิดจะมีความสามารถในการเรียนรู้ได้ไม่เท่ากันขึ˕นอยู่กับการเจริญและพัฒนาของระบบประสาท ประเภทของพฤติกรรมการเรียนรู้ได้แก่ ➀ การเรียนรู้แบบแฮบบิชูเอชันหรือความเคยชิน (habituation) ➁ การเรียนรู้แบบฝังใจ (imprinting) ➂ การเรียนรู้แบบมีเงื˒อนไข (conditioning หรือ conditioned response หรือ conditioned reflex) ➃ การเรียนรู้แบบลองผิดลองถูก (trial and error learning ) ➄ การเรียนรู้แบบใช้เหตุผล (reasoning หรือ insight learning)


➀ การเรียนรู้แบบแฮบบิชูเอชันหรือความเคยชิน (habituation) ● การเรียนรู้ว่าสิ˒งเร้าไม่มีผลต่อการดํารงชีพ ลดการตอบสนองลงเรื˒อยๆ ● ตัวอย่างการเรียนรู้แบบแฮบบิชูเอชัน เช่น - ในลูกนก เมื˒อมีเสียงดังมากหรือมีสิ˒งผ่ามาเหนือหัว มันจะหมอบลงหรือบินหนี แต่ถ้าเกิดซํ˕าหลายๆ ครั˕ง โดยไม่มีอันตรายต่อมัน มันจะนิ˒งอยู่ เฉยๆ ไม่ตอบสนองต่อสิ˒งเร้าที˒มากระตุ้นนี˕เลย - การบินหนีหุ่นไล่กา ตอนที˒ทําใหม่ๆ นกในบริเวณนั˕นไม่เคยเห็นมาก่อน จึงบินหนี ต่อมาพบว่าไม่มีผลเสียต่อตัวมันจึงไม่บินหนีอีก และอาจบินไป เกาะหุ่นไล่กาเลย - สุนัขลดการเห่าเมื˒อคนนั˕นมาบ้านบ่อยๆ การเรียนรู้แบบความเคยชิน


การเรียนรู้แบบฝังใจ ● เป็นพฤติกรรมที˒มีการทํางานร่วมกันระหว่างพันธุกรรมและการเรียนรู้ ● อาจแสดงในระยะแรกเกิด หรือภายหลังเมื˒อเจริญเติบโตแล้วขึ˕นแล้ว จะไม่แสดงออกหรือถูกปิดบังไปโดยพฤติกรรมการเรียนรู้แบบอื˒นๆ ● ความฝังใจที˒เกิดขึ˕นอาจจําไปตลอดชีวิต หรืออาจฝังใจเพียงระยะหนึ˒ง ● ตัวอย่างการเรียนรู้แบบฝังใจ เช่น ● - ลูกห่านและลูกไก่เคลื˒อนที˒ตามวัตถุที˒เคลื˒อนที˒ได้ (คิดว่าเป็นแม่ของมัน) การเรียนรู้แบบฝังใจ


การเรียนรู้แบบมีเงื่อนไข ● เป็นพฤติกรรมของสัตว์ที˒แสดงออกมาเพื˒อตอบสนองต่อสิ˒งเร้า 2 ชนิดที˒มากระตุ้นตามลําดับ ดังนี˕ ● เมื˒อมีสิ˒งเร้าชนิดแรกซึ˒งเรียกว่า สิ˒งเร้าแท้จริงหรือสิ˒งเร้าที˒ไม่มีเงื˒อนไข (unconditioning stimulus) มากระตุ้นสัตว์จะแสดงการตอบสนองที˒มี ขณะที˒คงมีการกระตุ้นจากสิ˒งเร้าชนิดแรก ● เมื˒อนําสิ˒งเร้าชนิดที˒ 2 ซึ˒งเรียกว่า สิ˒งเร้าไม่แท้จริงหรือสิ˒งเร้าที˒มีเงื˒อนไข (conditioning stimulus) มากระตุ้นพร้อมกับสิ˒งเร้าชนิดแรกและให้มีการ กระตุ้นจากสิ˒งเร้าชนิดที˒ 2 เพียงอย่างเดียว สัตว์จะมีการตอบสนองที˒มีการตอบสนองที˒มีแบบแผนเหมือนกับที˒กระตุ้นด้วยสิ˒งเร้าชนิดแรก ทั˕งๆ ที˒โดย ปกติแล้ว สิ˒งเร้าชนิดที˒ 2 ไม่ทําให้เกิดการตอบสนองเลย ตัวอย่างการเรียนรู้แบบมีเงื˒อนไข เช่น ● สั˒นกระดิ˒ง+อาหาร ทําให้สุนัขนํ˕าลายไหล ต่อมาสั˒นกระดิ˒งอย่างเดียว สุนัขนํ˕าลายไหล การเรียนรู้แบบมีเงื่อนไข


การเรียนรู้แบบลองผิดลองถูก ● ทําบ่อยๆแล้วผิดพลาดลดลง ● ตัวอย่างการเรียนรู้แบบลองผิดลองถูก เช่น - การเลือกทางเดินของไส้เดือนดินที˒อยู่ในกล่องรูปตัว T โดยมีด้านหนึ˒งที˒มืดและชื˕นกับอีกด้านหนึ˒งที˒มีกระแสไฟฟ˖าอ่อนๆ พบว่า ในการทดลองซํ˕าๆ กันไม่ตํ˒ากว่า 200 ครั˕ง ไส้เดือนดินที˒ผ่านฝึกมาแล้วจะเลือกทางได้ถูก คือ เคลื˒อนที˒ไปทางที˒มืดและชื˕น ประมาณร้อยละ 90 แต่ในระยะก่อนฝึกโอกาสที˒ ไส้เดือนดินจะเลือกทางถูกหรือผิดมีร้อยละ 50 เท่านั˕น - การที˒คางคกเห็นผึ˕งจะใช้ลิ˕นตวัตจับผึ˕งกินเป็นอาหารแล้วถูกต่อย ต่อมาเมื˒อคางคกเห็นผึ˕งอีกครั˕ง จึงไม่กินผึ˕งอีก การเรียนรู้แบบลองผิดลองถูก


การเรียนรู้แบบใช้เหตุผล ● ใช้ประสบการณ์+คิดวิเคราะห์ ● ตัวอย่างการเรียนรู้แบบใช้เหตุผล การแก้ปัญหาของลิงชิมแปนซี (chimpanzee) ในการหยิบของที˒อยู่ที˒สูงหรือไกล เมื˒อนํากล้วยไปห้อยไว้บนเพดานซึ˒งลิงชิมแปนซีเอื˕อมถึง ลิงชิมแพนซี สามารถแก้ไขปัญญาได้โดยนําลังไม้มาซ้อนกันจนสูงพอแล้วปีนขึ˕นไปหยิบกล้วย การเรียนรู้แบบใช้เหตุผล


การตอบสนองต่อสิ่งแวดล้อม 1 3 4 2 ตอบสนองต่ออุณหภูมิ เมื่ออุณหภูมิตํ่าลง (อากาศเย็น) ● สัตว์เลื˕อยคลานนอนผึ˒งแดด ● การอพยพย้ายถิ˒นของนก ● กระรอกดินจําศีลหนีหนาว เมื่ออุณหภูมิสูงขึ้น (อากาศร้อน) ● แมวและกระต่ายเลียอุ้งเท้าระบาย ความร้อน ● ควายลงนอนแช่นํ˕า ● หอบหายใจเร็วระบายความร้อน ตอบสนองต่อแสง ● หรี˒ตาเมื˒อเจอแสงจ้า ● นกบินกลับรังเมื˒อใกล้คํ˒า ● ไส้เดือนหนีแสง ● แมลงบินเข้าหาแสง ตอบสนองต่อนํ้า ● สัตว์ทะเลทรายหากินกลางคืนเพื˒อลดการสูญ เสียนํ˕า ● ไส้เดือนเคลื˒อนที˒เข้าหาความชื˕น ● กบหากินกลางคืนในที˒ที˒มีความชื˕นเหมาะสม ตอบสนองต่อการสัมผัส ● กิ˕งกือจะขดตัวเมื˒อถูกสัมผัส ● เต่าหดหัวเมื˒อถูกสัมผัสเพื˒อหลบภัย ● หอยหุบฝาเมื˒อถูกสัมผัส ● อึ˒งอ่างพองตัวเมื˒อถูกสัมผัส ● เป็นการตอบสนองต่อสิ˒งเร้าเพื˒อให้อยู่รอดอย่างปลอดภัย ● สิ˒งเร้า อุณหภูมิ แสง นํ˕า การสัมผัส


สิ่งมีชีวิต กับสิ่งแวดล้อม 5


หัวข้อที่เราจะเรียนกัน ระบบนิเวศ 01 สิ่งแวดล้อม 02 ความสัมพันธ์ ของสิ่งมีชีวิต 03 ห่วงโซ่อาหารและ สายใยอาหาร 04


01 ระบบนิเวศ


01 ระบบนิเวศ ระบบนิเวศ : ระบบความสัมพันธุ์ระหว่าง สิ่งมีชีวิตกับสิ่งแวดล้อม สิ˒งมีชีวิตต่างชนิดรวมกลุ่มกัน ถ้าสิ˒งมีชีวิต ชนิดเดียวกันรวมกลุ่มกัน เรียก ประชากร กลุ่มสิ่งมีชีวิต เป็นปัจจัยหนึ่งที่จะทําให้ระบบนิเวศสมดุลได้ การ หมุนเวียนของแร่ธาตุเป็นวัฏจักรหมุนเวียนกัน ตลอดเวลา หมุนเวียนสาร บนบก เช่น ป˓าดิบชื˕น ป˓าผลัดใบ ป˓าสน ป˓าสะวันนา ในนํ้า เช่น นํ˕าจืด นํ˕าเค็ม นํ˕ากร่อย ถิ่นที่อยู่ การถ่ายทอดพลังงาน ผู้ผลิต ผู้บริโภค ผู้ย่อยสลาย องค์ประกอบ


01 ระบบนิเวศ ผู้ผลิต (Producer) ● สิ˒งมีชีวิตที˒มีการสังเคราะห์อาหารขึ˕น มาเองได้เพราะมีคลอโรฟิลล์ ● สามารถสร้างอาหารได้เองโดยอาศัย แสงอาทิตย์ ซึ˒งจะผลิตนํ˕าตาลออกมา กักเก็บไว้ในส่วนต่าง ๆ ของพืช ● เช่น สาหร่าย พืชสีเขียว แบคทีเรีย บางชนิดที˒สังเคราะห์ด้วยแสงได้ ผู้บริโภค (Consumer) ● สิ˒งมีชีวิตที˒ไม่สามารถสร้างอาหารเองได้ ● กินพืช : เต่า กระต่าย วัว ควาย ● กินสัตว์ : เสือ สิงโต จระเข้ ● กินทั˕งพืชและสัตว์ เช่น คน สุนัข ● กินซากพืชซากสัตว์ : แร้ง แมลงวัน ไส้เดือนดิน ผู้ย่อยสลาย (Decomposer) ● มีหน้าที˒ย่อยสลายซากพืชซากสัตว์ ต่าง ๆ เช่น รา (Fungi) แบคทีเรีย (Bacteria) ● ปล่อยเอนไซม์ย่อยสารอินทรีย์ ● ช่วยหมุนเวียนสารในระบบนิเวศ ผู้ผลิต ผู้บริโภคลําดับที่ 1 ผู้บริโภคลําดับที่ 2 ผู้บริโภคลําดับที่ 3


02 สิ่งแวดล้อม


02 สิ่งแวดล้อม สิ่งแวดล้อม ● สิ˒งที˒อยู่รอบๆตัวของสิ˒งมีชีวิต ● แบ่งออกเป็น 2 ประเภท 1. เกิดเองตามธรรมชาติ : แม่นํ˕า ทะเล ภูเขา บรรยากาศ 2. คนสร้างขึ˕น : วัด โรงเรียน สระนํ˕าที˒ขุดโดยคน สาเหตุของปัญหาสิ่งแวดล้อม ● พฤติกรรมของคน ● จํานวนประชากรเพิ˒มขึ˕น ● ใช้เทคโนโลยีไม่เหมาะสม ● ปุ๋ยและยาฆ่าแมลง ยาฆ่าหย้าตกค้าง ● สารเคมีปนเปื˕ อนจากโรงงานอุตสาหกรรม


02 สิ่งแวดล้อม ภาวะเรือนกระจก (Greenhouse effect) ● อุณหภูมิของโลกสูงขึ˕น ● จากความร้อนสะสมใต้ชั˕นบรรยากาศ ● ก๊าซที˒ทําให้เกิด ● คาร์บอนไดออกไซด์ ควันจากรถและโรงงาน อุตสาหกรรม การเผาป˓า ● ก๊าซมีเทน การเกษตร เช่น ทํานาปลูกข้าว ● สาร CFC (คลอโรฟลูออโรคาร์บอน) สารทําความเย็นในตู้เย็น กระป๋องสเปรย์


03 ความสัมพันธ์ ของสิ่งมีชีวิต


1 ภาวะแข่งขัน ● อยู่ร่วมกัน ( -,-) ● แยกกัน (0, 0) 2 ภาวะล่าเหยื่อ ● อยู่ร่วมกัน ( +,-) ● แยกกัน (0, 0) 3 ภาวะพึ่งพา ● อยู่ร่วมกัน ( +,+) ● แยกกัน (-, -) ภาวะได้ประโยชน์ร่วมกัน 4 ● อยู่ร่วมกัน ( +,+) ● แยกกัน (0, 0) ภาวะอิงอาศัย 5 ● อยู่ร่วมกัน ( +,0) ● แยกกัน (-, 0) ● อยู่ร่วมกัน ( +,-) ● แยกกัน (-, 0) ภาวะปรสิต 6 สัญลักษณ์ + ได้ประโยชน์ 0 ไม่ได้ ไม่เสียประโยชน์ - เสียประโยชน์ 03 ความสัมพันธ์ของสิ่งมีชีวิต


ภาวะแข่งขัน ภาวะแข่งขัน (Competition) ● การอยู่ร่วมกันของสิ˒งมีชีวิต(ชนิดเดียวกัน หรือต่างชนิดกัน) ที˒มี การแย่งปัจจัยในการดํารงชีพเหมือนกันจึงทํา ให้เสียประโยชน์ ทั˕งสองฝ˓าย (-, -) ● ต้นไม้ที˒ปลูกรวมอยู่ในเนื˕อที˒จํากัด พยายามแข่งกันเจริญสูงขึ˕น เพื˒อรับแสงแดด ● ฝูงปลาแย่งกันตะครุบเหยื˒อ ● สุนัขแย่งกินอาหาร ● สิงโตแย่งเหยื˒อกับฝูงหมาป˓า เป็นต้น ● โดยทั˒วไปการแข่งขันระหว่างสิ˒งมีชีวิตชนิดเดียวกันมักจะรุนแรง มากกว่าสิ˒งมีชีวิตต่างชนิดกัน ฝ่าย 1 ฝ่าย 2 อยู่ร่วมกัน - - แยกกัน 0 0


Click to View FlipBook Version