การถ่ายทอดลักษณะทางพันธุกรรม การเปลี˒ยนแปลงของยีนหรือโครโมโซม ➠ ส่งผลให้เกิดการเปลี˒ยนแปลงลักษณะทางพันธุกรรมของสิ˒งมีชีวิต เช่น โรคธาลัสซีเมีย เกิดจากการเปลี˒ยนแปลงของยีน กลุ่มอาการดาวน์เกิดจากการเปลี˒ยนแปลงจํานวนโครโมโซม โรคทางพันธุกรรม ➠ สามารถถ่ายทอดจากพ่อแม่ไปสู่ลูกได้ ดังนั˕นก่อนแต่งงานและมีบุตร จึงควรป˖องกันโดยการตรวจและวินิจฉัยภาวะเสี˒ยงจากการถ่ายทอดโรค ทางพันธุกรรม
อาหารและ สารอาหาร 8
03 การบริโภคอาหาร 01 อาหาร 02 สารอาหาร 04 สิ่งปนเปื้ อนในอาหาร หัวข้อที่เราจะเรียนกันนะ
อาหารและสารอาหาร ประเภท ไม่ให้พลังงาน อาหาร : กินแล้วทําให้เติบโตและซ่อมแซมส่วนที่สึกหรอ สารอาหาร : สารเคมีที่อยู่ในอาหาร ได้แก่ วิตามิน (Vitamin) เกลือแร่ (Mineral) คาร์โบไฮเดรต (Carbohydrate) ไขมัน (Lipid) โปรตีน (Protein) ประเภท ให้พลังงาน
โปรตีน เนื้อ นม ไข่ ถั่ว โปรตีนประกอบด้วย กรดอะมิโน
ชนิดของกรดอะมิโน ❶ กรดอะมิโนจําเป็น : สร้างเองไม่ได้ ต้องกินเข้าไป เช่น ทริปโตเฟน ฟีนิลอะลานีน ทรีโอนีน เมไธโอนีน ลิวซีน ไลซีน วาลีน ไอโซลิวซีน ฮิสทิดีน ❷ กรดอะมิโนไม่จําเป็น ร่างกายสร้างเองได้
ประโยชน์ของโปรตีน เจริญเติบโต ซ่อมแซมส่วนที่สึกหรอ เอนไซม์ ฮอร์โมน ภูมิคุ้มกัน รักษาสมดุลของนํ้าและกรด-เบส ให้พลังงาน 4 กิโลแคลอรีต่อกรัม
การทดสอบโปรตีน ทดสอบ ใช้สารละลายไบยูเร็ต (CuSO4 + NaOH ) ได้สารละลายสีม่วง สารละลาย CuSO4 สารละลาย NaOH เกิดสีม่วง ในสารละลายตัวอย่าง สีม่วง พบ โปรตีน
คาร์โบไฮเดรต ข้าว ธัญพืช ผลไม้ มัน ข้าวโพด ขนมปัง
ประเภทคาร์โบไฮเดรต กลูโคส กาแล็กโทส ซูโรส แล็กโทส นํ้าตาลโมเลกุลคู่ (ไดแซกคาไรด์) นํ้าตาลโมเลกุลเดี่ยว (โมโนแซกคาไรด์) คาร์โบไฮเดรต แป้งและเซลลูโลส (พบในพืชเท่านั้น) ไกลโคเจน (พบเฉพาะในสัตว์) นํ้าตาลโมเลกุลใหญ่ (พอลิแซกคาไรด์) ฟรักโทส มอลโทส นํ้าตาลโมเลกุลเดี่ยวจํานวนมากรวมตัวกัน นํ้าตาลโมเลกุลเดี่ยวมารวมตัวกัน (กลูโคส+ฟรักโทส) (กลูโคส+กลูโคส) (กลูโคส+กาแล็กโทส) ประโยชน์ ● เป็นแหล่งพลังงาน ● ให้พลังงาน 4 กิโลแคลอรีต่อกรัม
ทดสอบคาร์โบไฮเดรต สารละลาย เบเนดิกต์ สารละลาย ไอโอดีน ตะกอนแดงอิฐ สารละลายสี นํ้าเงิน ทดสอบนํ้าตาลโมเลกุเดี่ยว ทดสอบแป้ง
ไขมัน เนื้อสัตว์ติดมัน นํ้ามันพิช นํ้ามันจากสัตว์ เมล็ดพืช อโวคาโด องค์ประกอบของไขมัน กรดไขมัน และกลีเซอรอล
01 กรดไขมันอิ่มตัว ประโยชน์ 02 กรดไขมัน ไม่จําเป็น 02 กรดไขมันไม่อิ่มตัว 01 กรดไขมันจําเป็น ❶ ให้พลังงานสูงสุด 9 แคลอรีต่อกรัม ❷ ช่วยดูดซึมวิตามิน A D E K แบ่งตามโครงสร้าง แบ่งตามความต้องการ ไขมัน
ทดสอบ ● หยดใส่กระดาษกรอง ● โปร่งแสงพบไขมัน ไขมัน นํ้า นํ้ามัน กระดาษกรอง
เกลือแร่
เกลือแร่ เหล็ก พบใน เนื้อ นม ไข่ ถั่ว ตับ ผักใบเขียว หน้าที่ องค์ประกอบของเอนไซม์และฮีโมโกลบิน ขาด โลหิตจาง ไอโอดีน พบใน อาหารทะเล เกลือสมุทร หน้าที่ ส่วนประกอบของไทรอยด์ฮอร์โมน ขาด โรคคอพอก ปัญญาอ่อน แคระแกร็น โซเดียม พบใน อาหารทะเล เกลือแกง นม ไข่ หน้าที่ ควบคุมปริมาณนํ้า ช่วยกลไกนํากระแสประสาท ขาด เบื่ออาหาร อ่อนเพลีย คลื่นไส้ ความดันตํ่า ฟอสฟอรัส พบใน เนื้อ นม ไข่ หน้าที่ เสริมสร้างกระดูกและฟัน สร้างเซลล์ประสาท ขาด อ่อนเพลีย กระดูกเปราะแตกหัก แคลเซียม พบใน เนื้อ นม ไข่ ปลาเล็กปลาน้อย หน้าที่ สร้างกระดูกและฟัน ช่วยการแข็งตัวของเลือด การทํางานของระบบประสาท ขาด โรคกระดูกอ่อน ฟันผุ Na P Ca Fe I
วิตามิน
วิตามิน พบใน ข้าวซ้อมมือ เนื้อ ถั่ว หน้าที่ สร้างการเจริญ เติบโต บํารุงประสาท กล้ามเนื้อและหัวใจ ขาด โรคเหน็บชา พบใน เนื้อ นม ถั่ว ยีสต์ หน้าที่ สร้างพลังงานแก่ เซลล์ ผิวดี การเจริยเติบ โต ขาด โรคปากนกกระจอก พบใน ธัญพืช ผักสด เนื้อ ถั่ว หน้าที่ สร้างภูมิคุ้มกัน แผลหายเร็วขึ้น ขาด เบื่ออาหาร เหน็บชา ผิวหนังอักเสบ ประสาท หล พบใน เนื้อ ถั่ว เครื่องใน สัตว์ ผักใบเขียว หน้าที่ เผาผลายโปรตีน สร้างสารสื่อประสาท ขาด โรคโลหิตจาง ชามือ ชาเท้า พบใน ไข่ นม ปลา ตับ หน้าที่ เสริมสร้างระบบ ประสาท ขาด โรคโลหิตจาง ประสาทเสื่อม ต้องการน้อยแต่ถ้าขาดแล้วผิดปกติ วิตามินมี 2 ประเภท ❶ ละลายในนํ้า ❷ละลายในไขมัน B1 B2 B5 B6 B12 ละลายในนํ้า
วิตามินเอ พบใน ไข่ นม นํ้ามันตับปลา ผลไม้ ผักใบเขียว เหลือง หน้าที่ บํารุงสายตา ขาด โรคตาบอดหลางคืน พบใน ไข่ นม นํ้ามันตับปลา หน้าที่ ช่วยดูดซึมแคลเซียม ขาด โรคกระดูกอ่อนและฟัน ผุ วิตามินดี พบใน นํ้ามันรําข้าว ถั่วเหลือง หน้าที่ ช่วยให้เม็ดเลือดแดง แข็งแรง ไม่เป็นหมัน ขาด เป็นหมัน วิตามินอี พบใน ตับและพักใบเขียว หน้าที่ ช่วยในการแข็งตัวของ เลือด ขาด เลือดแข็งตัวช้า วิตามินเค A D E K วิตามิน ละลายในไขมัน
การบริโภคอาหาร
ธงโภชนาการ 4 ชั้น 6 กลุ่ม สิ่งที่ควรคํานึง 1. ปริมาณพลังงานเพียงพอ 2. สารอาหารครบ 3. อาหารหลากหลาย 4. เหมาะสมกับวัยและเพศ 5. อาหารถูกสุขลักษณะ ปรุงสุก ไม่เน่าบูด 6. ไม่ปนเปื้ อนสารพิษ 7. เหมาะสมกับการเจ็บป่วย ข้าว แป้ง มากที่สุด (แหล่งพลังงาน) ผัก ผลไม้ นม เนื้อสัตว์ นํ้ามัน นํ้าตาล เกลือ น้อยที่สุด การบริโภคอาหาร
สิ่งปนเปื้ อนในอาหาร วัตถุกันเสีย ยับยั้งการเจริญเติบโตของจุลินทรีย์ ยืดอายุของอาหาร สารกันบูด สารกันหืน บอแรกซ์ สารเร่งเนื้อแดง สีผสมอาหาร สีธรรมชาติ ดอกอัญชัน กระเจี๊ยบ ขมิ้น ปลอดภัย สีสังเคราะห์ สีฉูดฉาด สีผสมอาหาร สีย้อมผ้า สีฉูดฉาด อันตราย สิ่งปรุงแต่งกลิ่น รส เพื่อให้คนกินพอใจ กลิ่นผลไม้ นํ้าตาล เทียม ผงชูรส เกิดอันตราย หากใส่มาก เกิน สารปนเปื้ อนอื่นๆ ● ฟอร์มาลีน สารฟอกขาว ● ยาฆ่าหญ้า ยาฆ่าแมลง ● ยาป้องกันเชื้อรา
ทรัพยากรธรรมชาติ 9
เรื่องที่เราจะเรียนกัน นํ้า อากาศ ป่าไม้ สัตว์ป่า หัวข้อ
ประเภททรัพยากรธรรมชาติ เกิดทดแทนไม่ได้หรืออาจจะได้แต่ใช้เวลานานมาก เช่น แร่ธาตุ ปิโตเลียม ก๊าซธรรมชาติ O1 ใช้แล้วหมดไป บางชนิดอาจเสื่อมคุณภาพ เช่น แสงอาทิตย์ ดิน อากาศ 03 ใช้แล้วไม่หมดไป ใช้แล้วสร้างทดแทนได้ เช่น ป่าไม้ นํ้า สัตว์ป่า 02 ทดแทนได้
01 นํ้า
ตัวบ่งชี้มลพิษของนํ้า ปริมาณออกซิเจน สารฆ่าแมลง สารฆ่าหญ้า ปริมาณโลหะหนัก อุณหภูมิ ความเป็นกรด-เบส
ตรวจวัดคุณภาพนํ้า 01 ค่า ดีโอ ● ปริมาณออกซิเจนที˒ละลายในนํ˕า ● ยิ˒งสูงยิ˒งดี ● DO < 3 มิลลิกรัมต่อลิตร นํ้าเสีย DO 02 ค่า บีโอดี ● ปริมาณออกซิเจนที˒แบคทีเรียใช้ย่อย สารอินทรีย์ในนํ˕า ● ยิ˒งตํ˒ายิ˒งดี ● BOD > 100 มิลลิกรัมต่อลิตร นํ˕าเสีย BOD 03 ค่า ซีโอดี ● ค่าความต้องการออกซิเจนในการ สลายสารอินทรีย์ด้วยสารเคมี ● COD > BOD เสมอ COD
สาเหตุและการแก้ปัญหานํ้าเสียนํ˕าทิ˕งจากครัวเรือน โรงงานอุตสาหกรรม สารเคมีเกษตร ปุ๋ย ยาฆ่าแมลง ยาฆ่าหญ้า เหมืองแร่ ตะกอนขุ่น สารพิษตกค้าง สาเหตุ ลดใช้สารพิษทางการเกษตร ให้ความรู้แก่ประชาชน กําหนดมาตรฐานนํ˕าทิ˕ง ออกกฏหมายและบังคับใช้กฎหมาย การแก้ปัญหา
ป่าไม้ 02
● ป˓าโปร่งและมีไผ่ ● ดินร่วนปนทราย ● สัก ประดู่ แดง มะค่า ตะแบก ● ฝนตกชุก ความชื˕นสูง ● ภาคใต้ ภาคตะวันออก ● พยอม ยางนา ตะเคียน ● ป˓าชายเลน นํ˕าท่วม ขัง แฉะ ตลอดปี ● อินทรีย์วัตถุทับถม มาก ● โกงกาง แสมทะเล ● ภาคใต้ ● ภาคตะวันออก ● นํ˕าท่วมขัง ● ดินระบายนํ˕าไม่ดี ● จิก หวายนํ˕า โมก ระกํา ● ภาคใต้ ภาคกลาง ● ภาคเหนือ ● ภาคอีสาน ● ป˓าโปร่ง ● บนพื˕นที˒สูงภูเขา ● สนสองใบ ● สนสามใบ พบใน ● พืชที˒แห้งแล้ง ● ดินอุ้มนํ˕าไม่ดี ● พืชทนแล้ง ทนไฟได้ดี ● เต็งรัง มะค่า ประดู่ แดงพลวง พะยอม ป่าเต็งรัง ป่าเบญจพรรณ ป่าดงดิบ ป่าสน ป่าไม่ผลัดใบ (เขียวชอุ่มตลอดปี) ป่าผลัดใบ ประเภทป่าไม้ ป่าชายเลน ป่าพรุ
ป่าสงวน คุ้มครองเต็มที่ งดบุกรุกเด็ดขาด ป่าเสื่อมโทรม ปลูกทดแทน ป้องกันไฟป่า ให้ความรู้และปลูกจิตสํานึกรักป่า เพิ่มออกซิเจน ลดโลกร้อน แหล่งปัจจัยสี่ ช่วยสมดุลของธรรมชาติ ประโยชน์ การอนุรักษ์ ประโยชน์และการอนุรักษ์ป่า
03 สัตว์ป่า
ความหมาย : สัตว์ที˒เกิดและดํารงชีวิตในป˓า ในธรรมชาติ แมลง สัตว์บก สัตว์ปีก สัตว์นํ˕า ประเภทของสัตว์ป่า ❶ สัตว์ป่าสงวน ● เหลือน้อย หายาก ห้ามล่า ห้ามครอบครอง ● พรบ. สงวนและคุ้มครองสัตว์ป˓า พ.ศ. 2503 ● ห้ามนํามาศึกษาวิจัยเพาะพันธุ์ ❷ สัตว์ป่าคุ้มครอง ● ห้ามล่า ห้ามครอบครอง ● ยกเว้นกรณีศึกาาวิจัย เพาะพันธุ์ ● กิจการสวนสัตว์สาธารณะ
1 สัตว์ป่าสงวน ปี 2503 ประกาศ 9 ชนิด ปี 2535 ประกาศเพิ˒ม 7 ชนิด ถอด 1 ชนิด ปี 2562 ประกาศเพิ˒ม 4 ชนิด สัตว์ป่าสงวนมี 19 ชนิด
2 สัตว์ป่าคุ้มครอง ห้ามล่า ห้ามครอบครอง ยกเว้นกรณีศึกาาวิจัย เพาะพันธุ์ กิจการสวนสัตว์สาธารณะ เก้ง กวาง ค่าง ชะนี อีเห็น หมีควาย กระทิง ช้างป˓า ไก่ฟ˖า แร้ง เหยี˒ยว นกเป็ดนํ˕า
สาเหตุและการอนุรักษ์สัตว์ป่า 1 จัดตั้งศูนย์ศึกษาสัตว์ป่า 2 จัดตั้งศูนย์เพาะพันธุ์สัตว์ป่า 3 บังคับใช้กฎหมายอย่างเคร่งครัด 4 ดูแลและรักษาป่าให้ดี 6 จัดตั้งศูนย์วิจัยสัตว์ป่า 5 กําหนดเขตอนุรักษ์ให้ชัดเจน ลักลอบล่าสัตว์ป่า 1 ลักลอบค้าสัตว์ป่า 2 แหล่งที่อยู่ป่าไม้ ถูกทําลาย 3 ภัยธรรมชาติ 4 สาเหตุที่สัตว์ป่าลดลง การอนุรักษ์
อากาศ 04
การจราจร โรงงาน อุตสาหกรรม การเผาขยะ สาเหตุของมลพิษ
01 ฝุ˓นละอองในอากาศ มีผลต่อทางเดินหายใจ 03 ปนเปื˕ อนแคดเมียม โรคอิไต อิไต ทําลายระบบ ทางเดินหายใจ ทําลายไต 05 คาร์บอนมอนอกไซด์ จับกับฮีโมโกลบินได้ดี กว่าออกซิเจน ตายได้ 02 ปนเปื˕ อนปรอทในอากาศ โรคมินามาตะ สมองถูกทําลาย นัยน์ตาพิการ ปนเปื˕ อนสารตะกั˒ว มีผลต่อระบบประสาท เด็กในครรภ์ 04 06 ไนโตรเจนออกไซด์ และซัลเฟอร์ไดออกไซด์ ระคายเคืองทางเดินหายใจ ทําให้เกิดฝนกรด ตัวอย่างของมลพิษ 07 PM 2.5 ฝุ˓นขนาดเล็กไม่เกิน 2.5 ไมครอน ส่วนใหญ่เกิดจากการเผาไหม้ของเครื˒องยนต์ในรถยนต์
1 การป้องกันและแก้ไข ควบคุมแหล่งปล่อยมลพิษ บังคับใช้กฎหมาย 2 เฝ้าระวังและตรวจคุณภาพอากาศ 3 4 ปลูกต้นไม้และเพิ่มพื้นที่ป่า 5 ลดการเผาป่าและขยะ
วัสดุและคุณสมบัติของวัสดุ 10
คุณสมบัติของวัสดุ ความหนาแน่น 1 2 ความยืดหยุ่น 3 ความแข็ง 4 ความเหนียว 5 การนําความร้อน 6 การนําไฟฟ้า
ความหนาแน่น (D) มวลของวัสดุในปริมาตร 1 หน่วย M = มวล หน่วย กรัม หรือ กิโลกรัม V = ปริมาตร หน่วย ลูกบาศก์เมตร ลูกบาศก์เซนติเมตร ความถ่วงจําเพาะ = ความหนาแน่นของวัสดุ ความหนาแน่นของนํ้า
ความแข็ง ความยืดหยุ่น ความเหนียว 01 ● ทนต่อแรงและการขูดขีด ● ถ้าเหล็กขูดพลาสติกเป็นรอย เหล็กแข็งกว่าพลาสติก ความแข็ง 02 ● ความสามารถในการคืนสภาพเดิม ถูกแรงกระทําแล้วไม่คืนสภาพเดิม ● ไม่มีความยืดหยุ่น ความหยืดหยุ่น 03 ● ความสามารถในการรับนํ˕าหนัก ● ไม่หัก ไม่ขาดเมื˒อดึง ความเหนียว
การนําความร้อน ตัวนําความร้อน ● ความร้อนผ่านได้ดี ● เหล็ก ทองแดง เงิน โลหะ ฉนวนความร้อน ● ความร้อนผ่านไปไม่ได้ ● ไม้ พลาสติก ยาง อโลหะ การถ่ายเทความร้อนจากอนุภาคหนึ่งไปยังอนุภาคอื่น
การนําไฟฟ้า ตัวนําไฟฟ้า ฉนวนไฟฟ้า ● นําไฟฟ˖าได้ดีที˒สุดคือเงิน ไฟฟ˖าไหลผ่านได้ดี ● โลหะ ทอง ทองแดง เงิน ● ไม่ยอมให้กระแสไฟฟ˖าไหลผ่าน ● อโลหะ กระดาษ ไม้ ยาง พลาสติก การถ่ายเทความร้อนจากอนุภาคหนึ˒งไปยังอนุภาคอื˒น
11 สสาร
เราจะเรียนอะไรกันบ้าง การเปลี่ยนแปลงของสาร สารที่ควรรู้จัก ความหมาย การแยกสาร การจําแนกสาร ➀ ➁ ➂ ➃ ➄ สสาร สาร สมบัติทางกายภาพ สมบัติทางเคมี สถานะของ สาร การเปลี่ยนแปลงสถานะ
ความหมาย สสาร (Matter) สิ่งที่มีมวล ต้องการที่อยู่ สามารถสัมผัสได้ (Texture) สาร (Substance) การนําสสารมาศึกษา ค้นคว้า เจาะจงลงไป จนทราบเนื้อของสสาร สถานะของสารเป็นชนิดใด และมีสมบัติ องค์ประกอบของสาร ที่ชัดเจนแล้ว พลังงาน (Energy) สิ่งที่อยู่นอกเหนือจากนิยามของสสาร ขาดองค์ประกอบอย่างใดอย่างหนึ่งไปไม่ได้