The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

คัมภีร์ตรีนิสิงเห-งานวิจัย

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by Patiweth Ketkhong, 2021-03-22 04:32:17

คัมภีร์ตรีนิสิงเห-งานวิจัย

คัมภีร์ตรีนิสิงเห-งานวิจัย

คมั ภรี ์ตรีนสิ งิ เห: การตรวจสอบชาระและบทบาทในสังคมไทย

นายณฐั ธญั มณีรตั น์

วิทยานพิ นธ์นี้เปน็ สว่ นหนึ่งของการศึกษาตามหลักสตู รปรญิ ญาอักษรศาสตรดษุ ฎีบณั ฑติ
สาขาวิชาภาษาบาลี-สันสกฤต และพทุ ธศาสนศ์ ึกษา ภาควิชาภาษาตะวนั ออก
คณะอกั ษรศาสตร์ จฬุ าลงกรณม์ หาวิทยาลัย
ปกี ารศกึ ษา 2560
ลขิ สทิ ธิข์ องจุฬาลงกรณม์ หาวทิ ยาลัย

TRINISINGHE: A CRITICAL EDITION AND ITS ROLES IN THAI SOCIETY

Mr. Natthan Maneeratana

A Dissertation Submitted in Partial Fulfillment of the Requirements
for the Degree of Doctor of Philosophy Program in Pali-Sanskrit and Buddhist Studies

Department of Eastern Languages
Faculty of Arts

Chulalongkorn University
Academic Year 2017

Copyright of Chulalongkorn University

หวั ขอ้ วทิ ยานิพนธ์ คัมภีร์ตรีนิสิงเห: การตรวจสอบชาระและบทบาทใน
สังคมไทย
โดย นายณัฐธัญ มณีรัตน์
สาขาวิชา ภาษาบาลี-สนั สกฤต และพทุ ธศาสน์ศกึ ษา
อาจารยท์ ป่ี รึกษาวทิ ยานพิ นธ์หลกั ผชู้ ว่ ยศาสตราจารย์ ดร.ชานปว์ ชิ ช์ ทัดแกว้

คณะอกั ษรศาสตร์ จฬุ าลงกรณ์มหาวิทยาลัย อนมุ ัตใิ ห้นบั วทิ ยานิพนธ์ฉบบั น้ีเปน็ ส่วนหนึ่ง
ของการศึกษาตามหลักสูตรปรญิ ญาดุษฎีบณั ฑิต

คณบดีคณะอักษรศาสตร์
(รองศาสตราจารย์ ดร.กิง่ กาญจน์ เทพกาญจนา)

คณะกรรมการสอบวิทยานพิ นธ์
ประธานกรรมการ

(ผ้ชู ว่ ยศาสตราจารย์ ดร.อาทิตย์ ชรี วณิชย์กุล)
อาจารย์ท่ีปรกึ ษาวิทยานิพนธ์หลกั

(ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.ชานปว์ ชิ ช์ ทดั แกว้ )
กรรมการ

(อาจารย์ ดร.สมพรนุช ตนั ศรีสุข)
กรรมการ

(อาจารย์ ดร.ดาวเรอื ง วิทยารฐั )
กรรมการภายนอกมหาวิทยาลยั

(ศาสตราจารย์สุกญั ญา สุจฉายา)



ณัฐธัญ มณีรัตน์ : คัมภีร์ตรีนิสิงเห: การตรวจสอบชาระและบทบาทในสังคมไทย

(TRINISINGHE: A CRITICAL EDITION AND ITS ROLES IN THAI SOCIETY) อ.ท่ีปรึกษา

บทคดั ยอ่ ภาษาไทย วิทยานพิ นธห์ ลกั : ผศ. ดร.ชานป์วชิ ช์ ทดั แกว้ , 242 หน้า.
{

วิชาเลขยันต์เป็นส่ิงสาคัญของการศึกษาไสยศาสตร์ในประเทศไทย เลขยันต์มีบทบาทในวิถี

ชวี ิตของผู้คนจากอดีตถึงปัจจุบัน การศึกษาวิชาไสยศาสตร์แบบโบราณ ผู้ศึกษาจะต้องศึกษาคัมภรี ล์ บ

ผงเป็นอย่างแรก เร่ิมต้นด้วยคัมภีร์ปถมัง จากน้ันจึงศึกษาคัมภีร์ลบผงสาคัญอีก 4 คัมภีร์ เนื่องจาก

คัมภีร์ลบผงเป็นบาทฐานสาคัญในการเข้าใจระบบเลขยันต์ คัมภีร์ตรีนิสิงเหเป็นหน่ึงในคัมภีร์ลบผง

สาคัญท้ัง 5 คัมภีร์ มีเนื้อหาเก่ียวกับเลข การแทนค่าตัวเลขและท่ีมาของตัวเลขต่าง ๆ ช่วยให้ผู้ศึกษา

เข้าใจเลขทใี่ ช้ในระบบเลขยันต์ตา่ ง ๆ ไดอ้ ย่างถูกตอ้ ง

คัมภีรต์ รีนสิ งิ เหเปน็ คัมภรี ์ทีห่ ลงเหลือตน้ ฉบบั อยู่นอ้ ยท่ีสดุ การสืบทอดองคค์ วามรกู้ เ็ หลืออยู่
น้อยเช่นกัน การตรวจชาระต้นฉบับจึงเป็นสิ่งสาคัญ เพื่อรักษาองค์ความรู้ไว้ไม่ให้สูญหาย คัมภีร์ตรีนิ
สิงเหประกอบด้วยองคป์ ระกอบสาคัญ 5 ส่วน คือ บทนมัสการครู การทาอัตราทวาทสมงคล ท่ีมาของ
อตั ราทวาทสมงคล การคูณหารอตั ราทวาทสมงคลและอุปเท่ห์ ในงานวจิ ัยนี้ ผู้วจิ ัยไดค้ ัดเลือกตน้ ฉบับ
คัมภีร์ตรีนิสิงเหจานวน 6 สานวนมา ปริวรรตและตรวจสอบชาระ เพ่ือศึกษาลักษณะภาษา เน้ือหา
โครงสร้างและแนวคิดสาคัญในเนื้อหา โดยเฉพาะแนวคิดทางพุทธศาสนา และบทบาทสาคัญท่ีมีต่อ
สังคมไทย

คัมภีร์ตรีนิสิงเหไม่เพียงประกอบด้วยแนวคิดเก่ียวกับศาสนา แต่ยังมีบทบาทสาคัญใน
สังคมไทยนับจากอดีตจนถึงปัจจุบัน ได้แก่ ด้านวิทยาการความรู้โบราณ ด้านศาสนาและความเช่ือ
ดา้ นสังคมและวัฒนธรรม สง่ิ เหลา่ น้ีเป็นเครอ่ื งยนื ยันความสาคญั ของคัมภีรต์ รนี สิ ิงเหต่อสงั คมไทย และ
ความจาเป็นในการศกึ ษาและอนุรกั ษ์องคค์ วามรู้ของคมั ภรี น์ ้ีเอาไว้

ภาควิชา ภาษาตะวนั ออก ลายมือช่อื นิสติ

สาขาวิชา ภาษาบาลี-สันสกฤต และพุทธศาสน์ ลายมือช่ือ อ.ท่ีปรึกษาหลัก
ศึกษา

ปีการศกึ ษา 2560



# # 5780532722 : MAJOR PALI-SANSKRIT AND BUDDHIST STUDIES
KEYWORDS: TRINISINGHE / YANTRA / KHAM PI LOB PHONG
ษ NATTHAN MANEERATANA: TRINISINGHE: A CRITICAL EDITION AND ITS ROLES IN

บทคดั ย่อภาษาองั กฤ

THAI SOCIETY. ADVISOR: ASST. PROF. CHANWIT TUDKEAO, Ph.D., 242 pp.
{

The study of Yantra is principle knowledge of the studying mysticism in
Thailand. Yantra plays an important role in the Thai traditional way of life from the
past until the present day. To study Thai traditional mysticism, the learners must study
Kham Pi Lob Phong (The Lop Pong scriptures) by beginning with Pattamang book
before following with the rest of 4 manuscripts. Since Lob Phong scriptures are the
fundamental knowledge for comprehending of Yantra system, Trinisinghe – one of the
5 important books in Lop Phong scripture focusing on number, numeric substitute and
the origin of the numbers will help the learner to understand Yantra system correctly.

Trinisinghe is a Thai Yantra manuscript which is rarely left in Thailand while
the knowledge is nearly extinct. The revision of the manuscript is crucial to preserve
this knowledge so that it will not be lost. The book consists of 5 chapters: encomium,
computing the twelve sacred numbers, the source of the twelve sacred numbers,
calculating sacred digits from the twelve sacred numbers and making practical uses. In
this research, the researcher selected 6 manuscripts to transliterate and examine for
studying linguistic characters, content, structures and the important concepts in its
content, especially Buddhist ideas and its important roles in Thai society.

Trinisinghe does not only contain religious concept but also the concept of
its social role in Thai society up to the present time; such as ancient knowledge, sense
of religion and belief, sense of social and culture which remains essential and worth
to be preserved.

Department: Eastern Languages Student's Signature
Field of Study: Pali-Sanskrit and Buddhist Advisor's Signature

Studies
Academic Year: 2017



กิตติกรรมประกาศ

กิตติกรรมประกาศ วทิ ยานิพนธฉ์ บับน้ีสาเร็จลุล่วงไปได้เปน็ อย่างดดี ว้ ยความเมตตาของ ผู้ช่วยศาสตราจารย์
ดร.ชานป์วิชช์ ทัดแก้ว อาจารย์ที่ปรึกษาวิทยานิพนธ์หลักท่ีได้ประสิทธ์ิประสาทความรู้ทางด้าน
พุทธศาสนศึกษาให้ ช่วยแนะนาแนวทางการเขียนเสนอโครงร่างการทาวิจัย ให้คาแนะนาอันเป็น
ประโยชน์ในการเขียนวิทยานิพนธ์ และยังไดส้ ละเวลาอนั มีค่าในการให้คาปรึกษา อ่าน ตรวจทาน
แกไ้ ขวิทยานิพนธ์ดว้ ยความเอาใจใส่เป็นอย่างยงิ่ ผ้วู จิ ัยขอกราบขอบพระคุณเป็นอยา่ งสงู ไว้ ณ ท่นี ้ี

ผู้วิจัยขอกราบขอบพระคุณศาสตราจารย์ สุกัญญา สุจฉายา ท่ีเมตตาให้ข้อแนะนาอัน
เป็นประโยชน์ และช่วยขัดเกลาเน้ือหาวิทยานิพนธ์ และขอกราบขอบพระคุณผู้ช่วยศาสตราจารย์
ดร.อาทิตย์ ชีรวณิชยก์ ลุ ประธานกรรมการสอบวทิ ยานิพนธ์ อาจารย์ ดร.สมพรนชุ ตนั ศรีสุข และ
อาจารย์ ดร.ดาวเรือง วิทยารัฐ กรรมการสอบวิทยานิพนธ์ ที่ได้ให้คาแนะนาและข้อสังเกตอันเป็น
ประโยชน์อย่างยิ่งในการปรับปรุงแก้ไขวิทยานิพนธ์ฉบับน้ี ในการทาวิจัยคร้ังนี้ ผู้วิจัยได้รับ
ทุนอุดหนุนจากบัณฑิตวิทยาลัย จุฬาลงกรณ์-มหาวิทยาลัย ประจาปีการศึกษา 2558 และ
ทุนมลู นธิ เิ คนเซ ผวู้ ิจยั ขอขอบพระคุณเปน็ อย่างย่ิง

ผู้วิจัยขอน้อมนมัสการและระลึกถึงพระคุณของบรู พาจารย์ผู้รจนาคัมภีร์ตรีนิสิงเห และ
ปกรณ์เลขยันต์ท้ังหลาย อันทรงคุณค่าซึ่งเป็นประโยชน์อันสูงย่ิงต่อวิทยานิพนธ์เล่มนี้ ขอกราบ
ขอบพระคุณ อาจารย์อารี สวัสดี ท่ีกรุณาสละเวลาให้ความรู้เร่ืองดาราศาสตร์และโหราศาสตร์
รวมทั้งผู้เช่ียวชาญเลขยันต์อีกหลายท่านที่กรุณาให้ข้อมูลอันเปน็ ประโยชน์อันมีส่วนให้เน้ือหาของ
วิทยานิพนธ์มีความสมบูรณ์ ขอขอบคุณ คุณวุฒินันท์ ป้องป้อม คุณเอก นาครทรรพ และ
คุณอธิโรจน์ เจริญจิรฐากรณ์ ที่ช่วยเหลือจัดหาหนังสืออันเป็นประโยชน์แก่การทาวิจัย คุณเทวัญ
ฉวางวงศานุกูล คุณวันเฉลิม ฉัตรทอง และคุณพิชญ์พิมล กานดารักษ์ ที่คอยช่วยพิมพ์เอกสาร
ต่าง ๆ รวมทั้งช่วยตรวจสอบความถูกต้อง คุณบุณฑริกา บุญโญ ท่ีช่วยตรวจคาแปลภาษาบาลี
กัลยาณมิตรผ้ชู ่วยเหลือและให้กาลงั ใจแกผ่ ้วู ิจัยเสมอมาจนกระทัง่ งานวจิ ยั สาเร็จลุล่วงด้วยดี

สารบัญ
หนา้

บทคดั ย่อภาษาไทย............................................................................................................................... ง
บทคดั ย่อภาษาอังกฤษ..........................................................................................................................จ
กิตติกรรมประกาศ................................................................................................................................ฉ
สารบญั .................................................................................................................................................ช
สารบัญภาพ ..........................................................................................................................................ฎ
สารบญั ตัวอย่าง ....................................................................................................................................ฏ
สารบญั ตาราง .......................................................................................................................................ฐ
บทท่ี 1 บทนา.......................................................................................................................................1

1.1 ความเป็นมาและความสาคัญของปญั หา ...................................................................................1
1.2 วตั ถุประสงคข์ องการวจิ ัย..........................................................................................................6
1.3 สมมุตฐิ านในการวิจยั ................................................................................................................6
1.4 ขอบเขตของการวจิ ัย.................................................................................................................7
1.5 วิธีดาเนินการวจิ ัย......................................................................................................................7
1.6 ประโยชน์ทีค่ าดวา่ จะได้รับ........................................................................................................8
1.7 ทบทวนวรรณกรรม...................................................................................................................8
บทที่ 2 ตน้ ฉบบั คัมภรี ต์ รีนิสิงเหและการตรวจสอบชาระ ...................................................................15
2.1 การสารวจข้อมลู ต้นฉบบั .........................................................................................................17
2.2 ตน้ ฉบบั คมั ภรี ต์ รนี สิ งิ เหที่ใช้ในงานวจิ ยั ...................................................................................19

2.2.1 คัมภรี ต์ รนี สิ งิ เห สานวน ก............................................................................................19
2.2.2 คัมภีร์ตรนี สิ ิงเห สานวน ข............................................................................................20
2.2.3 คมั ภรี ์ตรีนสิ ิงเห สานวน ค............................................................................................21
2.2.4 คัมภรี ต์ รนี ิสงิ เห สานวน ง.............................................................................................21



หนา้
2.5.5 คัมภีร์ตรีนสิ ิงเห สานวน จ............................................................................................22
2.2.6 คัมภรี ต์ รีนิสิงเห สานวน ฉ............................................................................................23
2.3 การปริวรรตและการตรวจสอบชาระ.......................................................................................24
2.4 อกั ษรและรูปแบบอกั ขรวธิ ี......................................................................................................30
2.4.1 อักษรทใ่ี ชใ้ นการจารกึ ..................................................................................................30
2.4.2 รปู แบบอักขรวิธี............................................................................................................31

2.4.2.1 อักขรวิธภี าษาไทย...........................................................................................32
2.4.2.2 อกั ขรวิธภี าษาบาลี ..........................................................................................35
2.5 ภาษาเฉพาะท่ีใชใ้ นกลุ่มผูศ้ กึ ษาวชิ าเลขยันต์...........................................................................38
2.6 การเปรียบเทยี บโครงสร้างคัมภรี ต์ รนี สิ งิ เห .............................................................................41
บทที่ 3 การศกึ ษาโครงสร้างคัมภีร์ตรีนิสิงเห ......................................................................................44
3.1 คณุ สมบตั ขิ องผูท้ จ่ี ะศึกษาและบทนมสั การครู.......................................................................44
3.1.1 คณุ สมบตั ิของผทู้ ่ีจะศกึ ษาคมั ภีรต์ รีนิสงิ เห ...................................................................44
3.1.2 บทนมัสการครู..............................................................................................................47
3.2 การทาอัตราทวาทสมงคล .......................................................................................................51
3.2.1 ตัวเลขในคมั ภีรต์ รีนสิ ิงเห..............................................................................................52
3.2.2 วธิ คี านวณเลขทวาทสมงคล..........................................................................................53
3.2.3 วธิ คี านวณอตั ราทวาทสมงคล.......................................................................................54
3.3 ทมี่ าอัตราเลขทวาทสมงคล .....................................................................................................56
3.3.1 ทีม่ าของเลข 3..............................................................................................................56
3.3.2 ท่ีมาของเลข 7..............................................................................................................58
3.3.3 ที่มาของเลข 5 ตวั แรก..................................................................................................60
3.3.4 ท่ีมาของเลข 4..............................................................................................................61



หนา้
3.3.5 ที่มาของเลข 6..............................................................................................................63
3.3.6 ที่มาของเลข 5 ตวั ท่ีสอง...............................................................................................64
3.3.7 ท่ีมาของเลข 1..............................................................................................................65
3.3.8 ทีม่ าของเลข 9..............................................................................................................66
3.3.9 ทมี่ าของเลข 5 ตวั ทีส่ าม...............................................................................................66
3.3.10 ท่มี าของเลข 2............................................................................................................67
3.3.11 ที่มาของเลข 8............................................................................................................68
3.3.12 ที่มาของเลข 5 ตวั ที่ 4................................................................................................70
3.4 การคณู หารอตั ราทวาทสมงคล ..............................................................................................80
3.4.1 การนาผลลัพธ์อัตราทวาทสมงคลไปทาเป็นยนั ต์ ..........................................................86

3.4.1.1 การนาอตั ราทวาทสมงคลไปทาเปน็ ยันต.์ ........................................................86
3.4.1.2 การนาผลหารอัตราทวาทสมงคลไปทาเปน็ ยนั ต์ .............................................88
3.5 อุปเท่ห์และการนาไปใช้ .........................................................................................................90
3.5.1 การนาผงวเิ ศษไปใชโ้ ดยตรง .........................................................................................90
3.5.2 การนาเอากลเลขและกลยนั ตใ์ นคัมภรี ์ตรีนสิ ิงเหไปใชส้ รา้ งเครือ่ งราง ..........................97
บทที่ 4 บทบาทของคัมภรี ต์ รีนิสิงเหที่มีต่อสงั คมไทย ...................................................................... 104
4.1 ดา้ นวิทยาการความรโู้ บราณ ................................................................................................ 104
4.1.1 ดา้ นคณติ ศาสตร์โบราณ............................................................................................. 104
4.1.2 ด้านความรเู้ กยี่ วกับโหราศาสตรแ์ ละดวงดาว ............................................................ 109
4.1.3 ดา้ นเวชศาสตร์โบราณ............................................................................................... 112
4.1.4 ดา้ นพชิ ยั สงคราม....................................................................................................... 116
4.1.4.1 กลเลขท่ีใชใ้ นการจดั กระบวนทัพ................................................................. 119
4.1.4.2 คาถาอาคมท่ีใชใ้ นการศึกสงคราม............................................................... 125



หนา้
4.1.4.3 ยนั ต์ทใ่ี ชใ้ นการศึกสงคราม .......................................................................... 129
4.2 ด้านศาสนาและความเชือ่ ..................................................................................................... 132
4.3 สงั คมและวัฒนธรรม ............................................................................................................ 138
4.3.1 เก่ียวกบั พธิ กี รรมเน่ืองในการเกดิ ............................................................................... 139
4.3.2 เกีย่ วกับเคหสถาน...................................................................................................... 140
4.3.3 การสร้างศสั ตราวุธ..................................................................................................... 144
4.3.4 พิธฝี งั หลกั พระนคร.................................................................................................... 148
4.3.5 การสรา้ งพระพมิ พแ์ ละเคร่อื งรางของขลัง................................................................ 151
4.3.5.1 พระทสี่ รา้ งจากวัสดทุ ไี่ มใ่ ช่โลหะ .................................................................. 151
4.3.5.2 พระทส่ี รา้ งดว้ ยโลหะ ................................................................................... 158
4.3.5.3 การสรา้ งเครอ่ื งรางของขลัง........................................................................ 163
4.3.5.4 เหรียญพระพทุ ธและพระคณาจารย์............................................................. 165
บทที่ 5 สรปุ และขอ้ เสนอแนะ........................................................................................................ 167
5.1 สรุปผลการวิจัย .................................................................................................................... 167
5.2 ขอ้ เสนอแนะ ........................................................................................................................ 171
รายการอ้างองิ .................................................................................................................................. 172
ภาคผนวก ........................................................................................................................................ 178
ภาคผนวก ก ต้นฉบบั คมั ภรี ต์ รนี ิสงิ เห สานวน ก ........................................................................ 179
ภาคผนวก ข ต้นฉบบั คมั ภีรต์ รนี สิ ิงเห สานวน ก ........................................................................ 206
ภาคผนวก ค ต้นฉบับคมั ภีรต์ รนี สิ งิ เห สานวน ค ........................................................................ 218
ภาคผนวก ง ตน้ ฉบบั คมั ภรี ์ตรนี สิ งิ เห สานวน ง ......................................................................... 228
ภาคผนวก จ ต้นฉบับคมั ภีรต์ รนี สิ ิงเห สานวน จ ........................................................................ 231
ภาคผนวก ฉ ตน้ ฉบับคมั ภรี ต์ รีนสิ งิ เห สานวน ฉ ........................................................................ 236



หนา้
ประวัตผิ ู้เขียนวทิ ยานพิ นธ์ ............................................................................................................... 242

สารบญั ภาพ

หนา้
รปู ที่ 3.1 ยนั ตต์ รีนิสงิ เห เดนิ กลมา้ หมากรกุ ทีม่ า: คมั ภรี ต์ รีนสิ งิ เห สานวน ค...................................87
รูปท่ี 3.2 ยนั ตอ์ ัตราเลข 3 คูณ 3 หาร ท่มี า: คมั ภรี ์ตรีนิสงิ เห สานวน ข............................................87
รปู ท่ี 3.3 ยนั ตต์ รีนสิ ิงเหที่ประกอบดว้ ยตัวเลขและตวั อักษร ทีม่ า: คมั ภรี ต์ รีนิสงิ เห สานวน ค. .........88
รูปที่ 3.4 ยนั ตอ์ ัตราเลข 5 คณู 5 หาร ทมี่ า: คมั ภรี ต์ รนี ิสงิ เห สานวน ข................................................89
รปู ที่ 3.5 ยนั ตอ์ งคพ์ ระจากอตั ราเลข 5 คณู 5 หาร ท่ีมา: คมั ภรี ต์ รีนิสงิ เห สานวน จ........................89
รปู ที่ 4.1 การถอดอัตราทวาทสมงคล จากยนั ต์จตโุ ร (จัตุรสั กลแบบ 3x3)...................................... 104
รูปที่ 4.2 ยนั ตโ์ สฬสมงคล................................................................................................................ 106
รปู ท่ี 4.3 จารึกยันตโ์ สฬสมงคลวัดหน้าพระเมรุ............................................................................... 107
รูปที่ 4.4 ยันตอ์ รยิ สัจโสฬส ............................................................................................................. 108
รูปท่ี 4.5 แผนภมู ธิ าตแุ ละทศิ ทด่ี าวอฐั เคราะห์สถติ ใช้นบั กาลังดาว................................................ 111
รปู ที่ 4.6 ยนั ตพ์ ทุ ธจักร.................................................................................................................... 129
รปู ที่ 4.7 ยนั ตห์ อ่ ลกู กระสนุ ปนื ลงดว้ ยอตั ราเลข คณู 5 หาร 5...................................................... 130
รูปที่ 4.8 ยนั ตพ์ ระภควัม 7 องค์...................................................................................................... 131
รปู ที่ 4.9 การสร้างองคพ์ ระจากเลข ๐ ทัง้ สาม................................................................................ 135
รปู ท่ี 4.10 ยันตแ์ มซ่ ื้อ...................................................................................................................... 139
รปู ท่ี 4.11 ยนั ตล์ งสูบ สาหรบั ตศี าสราวุธ........................................................................................ 146
รูปท่ี 4.12 ยันตล์ งทั่ง สาหรับตีศาสราวุธ......................................................................................... 147
รูปท่ี 4.13 ยันตโ์ สฬสมงคล เกณฑ์ 34 ............................................................................................ 150
รปู ที่ 4.14 ยันต์องครกั ษ์ธาตุท้งั 4 เกณฑ์ 108................................................................................ 150
รูปที่ 4.15 ยนั ต์ปทุมจกั ร 5 ดวง...................................................................................................... 162

สารบญั ตวั อยา่ ง

หนา้
ตวั อยา่ งท่ี 2.1 การปรวิ รรตขอ้ ความจาก คมั ภีรต์ รีนสิ งิ เห สานวน ก ท่ีเขียนดว้ ยอักษรขอม ภาษา
บาลี เป็น อกั ษรไทย ภาษาบาลี..........................................................................................................24
ตวั อย่างที่ 2.2 การปริวรรตยนั ต์จาก คมั ภรี ต์ รีนสิ ิงเห สานวน ก ที่เขยี นดว้ ยอักษรขอม ภาษาบาลี
เปน็ อักษรไทย ภาษาบาลี ..................................................................................................................24
ตัวอย่างท่ี 2.3 การปริวรรตยันตท์ ีม่ ตี วั เลขจาก คัมภรี ์ตรีนสิ งิ เห สานวน ฉ ทเ่ี ขยี นด้วยเลข
โหราศาสตร์ เปน็ เลขไทย....................................................................................................................25
ตัวอยา่ งที่ 2.4 การตรวจสอบข้อความทร่ี างเลือนจาก คัมภีร์ตรีนิสงิ เห สานวน ก ที่เขยี นด้วย
อกั ษรไทย............................................................................................................................................26
ตัวอย่างที่ 2.5 การตรวจสอบขอ้ ความทีร่ างเลอื นจาก คมั ภรี ์ตรนี สิ ิงเห สานวน ก ทีเ่ ขียนด้วย
อกั ษรขอมในยนั ต์ และเลขทลี่ อ้ มยันต์................................................................................................26
ตวั อยา่ งที่ 2.6 ขอ้ ความทรี่ างเลอื นมาก จนไมส่ ามารถอ่านได้ จาก คมั ภรี ต์ รนี ิสิงเห สานวน ก .........26
ตวั อยา่ งท่ี 2.7 การตรวจสอบข้อความจาก คัมภรี ์ตรีนสิ ิงเห สานวน ค ทมี่ กี ารย่อไว้.........................27
ตัวอยา่ งท่ี 2.8 การตรวจสอบตัวเลขจาก คมั ภรี ต์ รีนสิ ิงเห สานวน ข ทบ่ี นั ทึกผดิ พลาด.....................27
ตวั อย่างที่ 2.9 การตรวจสอบข้อความจาก คมั ภีรต์ รนี สิ ิงเห สานวน ค ทไี่ มส่ มบรู ณ์ .........................28
ตวั อย่างที่ 2.10 การตรวจสอบข้อความจาก คมั ภีรต์ รนี ิสงิ เห สานวน ง ทเ่ี นือ้ ความทีไ่ มถ่ กู ต้อง .......28
ตัวอย่างท่ี 2.11 วธิ ีการชาระตน้ ฉบับ เน้อื ความจาก คัมภีร์ตรนี ิสงิ เห สานวน ก................................29

สารบญั ตาราง

หนา้
ตารางท่ี 2.1 คมั ภีร์ตรีนิสงิ เห ในบัญชรี ายช่อื เอกสารโบราณ หมวดไสยศาสตร์ หอสมุดแห่งชาติ......17
ตารางท่ี 2.2 เปรียบเทียบโครงสรา้ งคมั ภีรต์ รนี สิ ิงเห ทั้ง 6 สานวน....................................................42
ตารางท่ี 3.1 สรุปการแทนความหมายอตั ราทวาทสมงคลทงั้ 4 ระดับ...............................................79
ตารางที่ 3.2 การคณู หารอัตราทวาทสมงคลและชือ่ เรียกแต่ละขน้ั ...................................................83

บทท่ี 1

บทนา

1.1 ความเปน็ มาและความสาคญั ของปญั หา

คัมภีร์ลบผงเป็นงานประพันธใ์ นหมวดไสยศาสตร์ของชาวไทยโบราณ ซึ่งถือเป็นแม่บทสาคัญ
ในการศึกษาวิชาเลขยันต์ เนื่องจากผู้ศึกษาจะต้องผ่านข้ันตอนการเรียนลบผงเสียก่อน จึงสามารถ
เข้าใจรูปแบบ สัญลักษณ์และเลขท่ีอยู่ในยันต์ต่าง ๆ ได้ คาว่า “ลบผง” ในที่นี้หมายถึง การเขียน
อักขระเลขยันต์บนกระดานแล้วลบตามลาดับข้ันตอนท่ีกาหนfไว้ในคัมภีร์ลบผงแต่ลtคัมภีร์ เพื่อเป็น
การฝึกทักษะการเรียกสูตร เรียกนาม และยังช่วยให้เข้าใจที่มาของสัญลักษณ์ต่าง ๆ ท่ีใช้ในระบบเลข
ยันตไ์ ทยได้ เช่น สูรย์ จันทร์ อุโองการ มหาเมฆ มหานลิ มหาไวย รวมถึงตัวเลขต่าง ๆ โดยอธิบายผา่ น
ขั้นตอนการเขียน-การลบ ดังน้ันการศึกษาวิชาเลขยันต์ให้แตกฉานจาเป็นต้องเรียนรู้จากคัมภีร์ลบผง
เป็นบาทฐาน คมั ภีรล์ บผงที่ถอื เป็นแมบ่ ทสาคัญมีอยู่ดว้ ยกนั 5 คมั ภรี ์ ไดแ้ ก่ คมั ภรี ป์ ถมัง คมั ภีรอ์ ธิ ะเจ
คัมภีร์ตรีนสิ ิงเห คัมภรี ม์ หาราชและคัมภีรพ์ ุทธคุณ (รัตนมาลา) ซึง่ แตล่ ะคัมภีรม์ คี วามแตกตา่ งกันไปใน
ดา้ นเนอื้ หาและขั้นตอนการเขียน การลบ รวมท้ังอปุ เท่หก์ ารนาใช้

คัมภรี ป์ ถมงั เป็นคมั ภรี ท์ ี่มีเนอ้ื หาเกยี่ วกับสัญลักษณ์ต่าง ๆ โดยเริม่ จากสญั ลกั ษณ์ “พนิ ทฺ ”ุ ที่
ถือว่าเก่ียวพันกับเร่ืองปฐมอักขระ “น โม พุทฺ ธา ย” ตามตานาน ท้าวสหัมบดีพรหมพยากรณ์ช่ือกัป
(ดูเพ่ิมในบทที่ 3) จากนั้นจะมีการเขียน-ลบ สัญลักษณ์ต่าง ๆ เป็นลาดับไป โดยเฉพาะวรรคที่ 9
สัญลักษณ์ท่ีมีในคัมภีร์ปถมังปรากฏอยู่ในยันต์ต่าง ๆ ดังน้ันเมื่อผู้ศึกษาเขียนและลบสัญลักษณ์ต่าง ๆ
ในคัมภีร์ปถมังก็จะสามารถเข้าใจวิธีเรียกสูตรสัญลักษณ์ต่าง ๆ เช่น องค์พระ อุโองการ จันทร์ สูญ
และอุณาโลมได้ คนไทยโบราณเช่ือวา่ ผงปถมงั มีอานุภาพทางอยู่ยงคงกระพนั แคลว้ คลาด กาบังกาย
ตลอดถึงลอ่ งหนหายตัว เป็นตบะเดชะ สามารถป้องกันภยันตรายทกุ ประการ

คัมภีร์อิธะเจ เป็นการเขียน-ลบตามสูตรในคัมภีร์มูลกัจจายน์ ซึ่งเป็นตาราไวยากรณ์ภาษา
บาลี ปัจจุบันได้ถูกยกเลิกไปแล้ว หลังจากปรับปรุงหลักสูตรการศึกษาคณะสงฆ์ การลบผงอิธเจ
เริ่มต้นจากการตั้ง พยัญชนะและสระต่าง ๆ ตามวิธีการทารูปศัพท์แบบบาลี โดยใช้สูตรทาตัวสระ
พยัญชนะ มาสมาสและสนธิกันจน สาเร็จเป็น อิ ธ เจ ต โส ทฬฺ หัง คัณ หา หิ ถา ม สา เป็นอันขาด

2

ตัวในสูตรสนธิน้ี วิธีการต้ังเป็นประโยคแล้วแปลยกศัพท์ การฝึกลบผงอิธเจช่วยให้ผู้ศึกษามีความ
เข้าใจเรื่องสระและพยัญชนะที่มีอยู่ในยันต์ต่าง ๆ มากขึ้น รวมถึงการเรียกสูตรอักขระต่าง ๆ ทาให้
สามารถเรียกสูตรอักขระในยันต์ได้อย่างไม่ผิดพลาด อานุภาพของผงอิธเจนั้นคนโบราณเชื่อว่าเป็น
เมตตาและเป็นเสน่ห์แกค่ นทัง้ หลาย

คัมภีร์ตรีนิสิงเห เป็นคัมภีร์ว่าด้วยเรื่องเลข กลเลขและหัวใจ โดยมีหลักสาคัญที่ อัตราทวาท
สมงคล ท่ีเกิดจากอัตรากาลังเทวดานพเคราะห์ ประกอบดว้ ยเลข 12 ตัว แบง่ เปน็ 4 ชุด ชดุ ละ 3 ตัว
และทกุ ชดุ จะบวกกนั ได้เทา่ กับ 15 ไดแ้ ก่ “3 7 5 4 6 5 1 9 5 2 8 5” มีความหมายใช้แทนคณุ
พระตลอดจนเทพยดาในโลกธาตุ จากนั้นนาเลขอตั ราทวาทสมงคลมาคูณหารกันตามลาดับไป มีการ
ลงยันต์ประทับแล้วเสก การฝึกลบเลขต่าง ๆ ในคัมภีร์ตรีนิสิงเหน้ีจะช่วยให้ผู้ศึกษาสามารถเข้าใจถึง
ที่มาของตวั เลขต่าง ๆ ที่มีอย่ใู นยันต์ได้ เนื่องจากมียนั ต์อยหู่ ลายแบบท่ีมีตัวเลขอยูใ่ นยนั ต์ดว้ ย ผงที่
ลบจากกลเลขในคมั ภีร์ตรีนสิ งิ เหเรยี กวา่ ผงตรีนสิ ิงเห เชอื่ กนั วา่ มอี านุภาพใช้ปอ้ งกันคุณไสยและภูตผี
ปีศาจ การกระทายา่ ยที ั้งคณุ ผีคณุ คนไดท้ ุกประการ ทั้งยังเปน็ ตบะเดชะมหาอานาจ คงกระพันชาตรี
ท้ังคมอาวธุ และป้องกันสัตว์ร้าย ยันตต์ รีนิสิงเหน้ี โบราณาจารย์ท่านใชใ้ นการปอ้ งกันบา้ นเรือนให้พน้
จากอาถรรพต์ ่าง ๆ รวมถงึ ป้องกันอวมงคล โรคภยั ไข้เจบ็ ตา่ ง ๆ ได้

คัมภีร์มหาราช เป็นการเขียน-ลบนามของคนทั้งหลาย ที่กาหนดใช้เรียกแทนมนุษย์หญิง-
ชายทัง้ ปวง โดยตั้ง เจ้า นาง ออ สพเฺ พชนา พหูชนา นามทง้ั 5 เปน็ ส่งิ สมมตุ ใิ ช้แทนมนุษยห์ ญิงชายใน
โลก จากน้ันลบเป็น น โม พุทฺ ธา ย ลบเป็น ม อ อุ ลบเป็นอุโองการ แล้วลบเป็นยันต์มหาราช
ประกอบด้วยอักขระ ง ญ น ม โบราณเรียกว่าหัวใจสนธิ ถือเป็นพยัญชนะที่สุดวรรคและตัว
พยัญชนะนาสิกในบาลีไวยากรณ์ การฝึกลบผงมหาราชจะทาให้ผู้ศึกษามีความเข้าใจเรื่องวิธีการ
ลากเส้นของยันต์ต่าง ๆ รวมถึงการนาเอาอักขระเข้าไปไว้ในยันต์ ผงที่ได้จากการลบยันต์ตามคัมภีร์
มหาราชเช่ือกันว่ามีอานุภาพทางด้านมหานิยม อานวยความเจริญรุ่งเรือง และเป็นมหานิยมแก่ผู้คน
ทวั่ ไป

คมั ภีร์พทุ ธคณุ (คัมภรี ์รตั นมาลา) เป็นการเชยี น-ลบ คาถาในตวั คัมภีร์ โดยอาศยั เคา้ โครงจาก
บทสรรเสริญพุทธคณุ อิตปิ โิ สฯลฯภควาติ แต่ขยายความใหพ้ ิสดารแต่ละพยางค์ดว้ ยปฐั ยาวตั ร จานวน
56 บท ในการเขียน-ลบจะต้ังทีละอักขระนับแต่ อิ ติ ปิ โส ภ ค วา เป็นต้นจนถึง ภ ค วา ติ ลบเป็น
น โม พทุ ฺ ธา ย แลว้ ลบเป็น ม อ อุ แล้วลบเปน็ อิ สวา สุ แลว้ ลบเปน็ โส ธา ย จากนั้นทาเปน็ องคพ์ ระ

3

เสกด้วยพระคาถาพุทธนิมิต เรียกวา่ ผงพุทธคุณหรือผงรัตนมาลา การฝึกลบอักขระตามคัมภรี ์รัตนมา
ลาช่วยให้ผู้ศึกษาเข้าใจถึงอักขระในหมวดพุทธคุณที่ลงในยันต์ตา่ ง ๆ ว่าต้องเรียกสูตรอย่างไร ผงที่ได้
จากการลบอักขระในคมั ภีรพ์ ทุ ธคุณเชอื่ กนั วา่ มีอานุภาพครอบจกั รวาล ทง้ั ทางคุ้มครองปอ้ งกนั และยงั
เป็นเมตตามหานยิ มอีกด้วย1

ในบรรดาคัมภีรท์ างไสยศาสตร์น้ัน คัมภีร์ลบผงถอื ได้ว่ามีแบบแผนชดั เจนท่สี ุด กล่าวคือมีการ
อธิบายขั้นตอนเอาไว้อย่างเป็นระบบ ต้ังแต่ สูตรต้ังตัว สูตรการเรียกอักขระ บทนมัสการ คาถาเสก
และการนาไปใช้ แตกต่างจากคัมภรี ์เลขยันตอ์ ื่นท่ีมเี พียงรูปยนั ต์ คาถาสาหรบั ปลุกเสก และอุปเทห่ ์แต่
ไม่มีการแสดงวธิ ีการทาโดยละเอยี ดเอาไว้ ดังนั้นผู้ที่ร่าเรียนวชิ าไสยศาสตร์ในยุคโบราณจึงมักกล่าวว่า
ควรศึกษาคัมภีร์ลบผงให้แตกฉานเสียก่อนจึงค่อยศึกษาคัมภีร์เลขยันต์อ่ืน ๆ ต่อไป แนวคิดน้ีมิได้มีอยู่
แต่เพียงในหมู่ผู้ศึกษาวิชาไสยศาสตร์ ในวรรณกรรมของไทยเองก็แสดงแนวคิดเอาไว้อย่างชัดเจน
ดังเช่นเรื่อง ขุนช้างขุนแผนที่บอกเล่าวิถีชีวิตของชาวไทย ความเชื่อ และพิธีกรรมแต่คร้ังโบราณ เช่น
ตอนทีพ่ ลายแกว้ บวชเปน็ เณร ไดศ้ ึกษาคมั ภรี ด์ ังกล่าว

ครานนั้ จงึ โฉมเจ้าเณรแก้ว แต่เพลแล้วทาผงดนิ สออยู่
ปถมังตง้ั เพยี รเรยี นตอ่ ครู ได้ยนิ เสยี งเย่ียมดเู ห็นสีกาฯ2

และยังปรากฏในตอนกาเนดิ พลายงาม เมื่อพลายงามเรียนอ่านเขียนอกั ษรสมัยได้คลอ่ งแคลว่
แล้ว ก็เร่ิมศึกษาพระคัมภีร์ปถมังและคัมภีร์ลบผงปกรณ์อ่ืน ๆ เป็นเบ้ืองต้น จากนั้นจึงศึกษาวิชาไสย
ศาสตรแ์ ขนงอนื่ ๆ ดังทก่ี ลา่ ววา่

อันเรือ่ งราวกลา่ วความพลายงามน้อย ค่อยเรียบร้อยเรยี นรคู้ รทู องประศรี
ทัง้ ขอมไทยได้สิ้นกย็ ินดี เรียนคมั ภรี ์พุทธเพทพระเวทมนตร์
ปถั มงั ตง้ั ตวั นะปัดตลอด แล้วถอนถอดถกู ต้องเปน็ ลอ่ งหน
หัวใจกรดิ อทิ ธเิ จเสน่หก์ ล แล้วเล่ามนตร์เสกขมนิ้ กนิ น้ามนั

1 ณฐั ธัญ มณีรัตน์ เขยี น รศ. สกุ ัญญา สุจฉายา บรรณาธิการ, เลขยนั ต์: แผนผังอันศักด์ิสิทธ์ิ พิมพ์ครั้งท่ี 2
(กรุงเทพฯ: พิพิธภัณฑก์ ารเรยี นรู้แหง่ ชาติ, 2553), หน้า 98-107.

2 องคก์ ารค้าคุรุสภา, เสภาเร่อื งขุนชา้ งขุนแผน เล่ม 1, พมิ พ์คร้ังที่ 20 (กรงุ เทพฯ : โรงพมิ พพ์ ิมพ์ไทย,
2546), หนา้ 103.

4

เข้าในห้องลองวิชาประสาเด็ก แทงจนเหล็กแหลมลู่ยขู่ ย้ัน
มหาทะม่ืนยืนยงคงกระพัน ทัง้ เลขยนั ตล์ ากเหมือนไมเ่ คล่อื นคลาย
แล้วทาตัวหวั ใจอติ ปิ โิ ส สะเดาะโซต่ รวนไดด้ ังใจหมาย
สะกดคนมนตรจ์ ังงงั กาบงั กาย เมฆฉายสรู ย์จนั ทรข์ ยันดี
ทงั้ เรียนธรรมกรรมฐานนพิ พานสตู ร รอ้ งเรียกภูตพรายปราบการาบผี
ผกู พยนตห์ นุ่ หญา้ เข้าราวี ทองประศรีสอนหลานชานาญมา3

จะเห็นได้ว่าเน้ือความท่ียกมา กลา่ วถงึ ช่ือคมั ภรี ป์ ถมัง และกระบวนการเรยี นรู้เนื้อหาใน
คัมภรี ด์ ว้ ย โดยกล่าวไวเ้ ปน็ อันดับแรก จากนนั้ จงึ กลา่ วชอ่ื วิชาไสยศาสตร์ตา่ ง ๆ อีกหลายวิชา แสดงให้
เห็นวา่ ผูป้ ระพนั ธม์ ีความรเู้ ร่อื งคมั ภีรล์ บผง และเข้าใจกระการศกึ ษาวชิ าไสยศาสตร์ว่าตอ้ งเรียนคมั ภรี ์
ลบผงให้แตกฉานเสียกอ่ น แล้วจึงเรยี นวิชาไสยศาสตร์อน่ื ๆ

ในส่วนของผู้วิจัยได้เลือกคัมภีร์ตรีนิสิงเหเพ่ือทาการศึกษาวิจัย ซึ่งเป็นหน่ึงในคัมภีร์ที่
ประกอบด้วยความรู้ต่าง ๆ หลายแขนง ไม่ว่าจะเป็น คณิตศาสตร์ โหราศาสตร์ เวชศาสตร์และไสย
ศาสตร์ อนั ที่จริง คัมภีร์ตรีนิสิงเหมีความใกล้ชดิ กับชีวิตผูค้ นในอดีตอย่างมาก เนื่องจากตอ้ งใช้รูปยันต์
ในคัมภีร์ใช้ในการปลูกเรือน ตั้งศาลพระภูมิหรือแม้แต่ใช้ร่วมกับคัมภีร์เวชศาสตร์ในการรักษาโรค
ต่าง ๆ คนไทยรู้จักและคุ้นเคยกับคาว่า “ตรีนิสิงเห”จากเคร่ืองหมายการค้า ยาน้าสาหรับสตรีชนิด
หนึ่ง เรียกติดปากว่ายาตรีนิสิงเห แสดงให้เห็นถึงความคิดท่ีว่า ยันต์ตรีนิสิงเหเก่ียวข้องกับการรักษา
โรค จึงนามาเป็นเครื่องหมายการค้า หรือมีการนาเอายันต์น้ีประทับไว้บนปั้นชาโบราณท่ีคนไทยจ้าง
ผลิตจากเมืองอี๋ชิงประเทศจีน เรียกวา่ ป้ันยันต์ตรีนิสิงเห ผู้วจิ ัยสันนิษฐานวา่ เป็นเพราะอุปเท่ห์ท่ีกล่าว
ไว้ว่ายันต์นี้สามารถป้องกันคุณไสยตา่ ง ๆ ได้ ดังน้ันชาวไทยโบราณจึงนาเอายันต์ตรีนิสิงเหไปประทับ
ไวบ้ นปั้นชา

จากหลักฐานทางโบราณคดี ไดพ้ บอัตราเลขในคัมภีร์ตรีนิสิงเหประทับอยู่บนศิลาแลงประดับ
ลายเป็นกลีบบัวเล็ก ๆ เป็นปริมณฑล ปัจจุบันศิลาจารึกยันต์ตรีนิสิงเหทั้งสองชิ้นอยู่ท่ีพิพิธภัณฑ์จัน
เกษม ประวัติว่าได้มาจากวัดหน้าพระเมรุ ประดับอยู่ในพระอุโบสถ สันนิษฐานตามอายุของ

3 องคก์ ารค้าคุรุสภา, เสภาเรอ่ื งขุนช้างขนุ แผน เลม่ 2, พมิ พ์ครง้ั ที่ 20 (กรงุ เทพฯ : โรงพมิ พ์พมิ พไ์ ทย,
2546), หนา้ 167-168.

5

โบราณสถานว่าจารึกสองช้ินน้ีน่าจะมีอายุในราวพุทธศตวรรษที่ 21 (วัดหน้าพระเมรุสร้างขึ้นใน
พุทธศักราช 2046 ในรัชสมัยของสมเด็จพระรามาธิบดีที่ 2) ซ่ึงอัตราเลขเหล่านี้สอดคล้องกับบันทึก
ของ Simon de La Loubère ราชทูตของพระเจ้าหลุยส์ที่ 14 แห่งฝรั่งเศส ซ่ึงเคยเดินทางมายังกรุงศรี
อยุธยาในรัชสมัยสมเด็จพระนารายณ์มหาราช เพ่ือเจริญสัมพันธไมตรีกับกรุงศรีอยุธยาในพุทธศักราช
2230 La Loubère เล่าเอาไว้ในหนังสือที่มีช่ือว่า จดหมายเหตุ ลาลูแบร์ ราชอาณาจักรสยาม ว่า ได้
พบกลเลขชนิดหนึ่งท่ีชาวอยุธยานับถือกันว่าศักด์ิสิทธ์ิ ซึ่งก็คืออัตราเลขชุดหน่ึงในคัมภีร์ตรีนิสิงเห La
Loubère จงึ ขนานนามตวั เลขชดุ นว้ี า่ Siamese Method ในบนั ทึกของ La Loubère ยังกลา่ วเพิ่มเติมอีก
ว่าเคยพบตัวเลขชุดเดียวกันน้ีท่ีเมืองสุรัตประเทศอินเดียและอีกหลายแห่ง4 มีความเป็นไปได้ที่ว่า
อาณาจักรอยุธยาน่าจะรับเอาความคิดทางคณิตศาสตร์มาจากอาณาจักรโพ้นทะเลอาณาจักรใด
อาณาจักรหน่ึง ซึ่งแสดงให้เห็นว่าชาวไทยรู้จักระบบคณิตศาสตร์ท่ีมีความซับซ้อนกว่าการบวก ลบ
คณู หาร ทวั่ ไปมาตง้ั แต่สมัยกรุงศรอี ยุธยาหรอื ก่อนหน้านนั้

ผู้วิจัยได้เลือกคัมภีร์ลบผง คือคัมภีร์ตรีนิสิงเหซ่ึงเป็นปกรณ์ที่ 3 มาทาการศึกษาวิเคราะห์
ด้วยเหตุผลที่คัมภีร์ปกรณ์น้ีไม่เพียงประกอบด้วยระบบเลขยันต์ คาถาอาคม แต่ยังมีความรู้ทางด้าน
คณิตศาสตร์โบราณ ดาราศาสตร์ เวชศาสตร์และเร่ืองของพุทธศาสนาประกอบอยู่ด้วย ในส่วนที่เป็น
คณิตศาสตรไ์ ดร้ บั การกล่าวถึงโดย Simon de La Loubère ราชทตู ของพระเจา้ หลุยส์ท่ี 14 แหง่ ฝรงั่ เศส
แสดงถึงความสาคัญขององค์ความรู้ในคัมภีร์ และเหตุผลสาคัญอีกประการหนึ่งคือตัวต้นฉบับของ
คัมภรี ์ตรีนิสิงเหจัดว่าหาไดย้ ากท่ีสุด และมีผู้ที่สืบทอดองค์ความรู้ในคัมภีร์นี้เหลืออยู่น้อยมากจนเรียก
ได้ว่าแทบสูญหายแล้ว เพราะเนื้อหาในคัมภีร์ต้องอาศัยความรู้คณิตศาสตร์โบราณมาประกอบ จึง
สามารถเข้าใจได้ คนโบราณท่ัว ๆ ไปอาจไม่มีความเช่ียวชาญก็เป็นได้ดังท่ี เทพย์ สาริกบุตร กล่าวไว้
ใน คมั ภีรพ์ ระเวทพทุ ธศาสตราคม วา่

ทพี่ ิสดารออกไปก็คือตาราตรีนิสิงเหเทา่ น้ัน ทก่ี ระทาตามสตู รการคิดเลขของ
โบราณที่เลิกล้มกันไปหมดแล้ว จุดประสงค์ก็คือต้องการให้ทราบว่า ตัวเลขที่
นามาใช้ในเวทย์มนต์เลขยันต์น้ัน ตวั เลขทุก ๆ ตวั เป็นเครื่องหมายรวมใชแ้ ทนเวทย์

4 ลาลแู บร์, ซิมอน เดอ. จดหมายเหตุ ลาลแู บร์ ราชอาณาจักรสยาม. แปลโดย สันต์ ท. โกมลบตุ ร,
(นนทบรุ ี: ศรปี ัญญา,2557), หนา้ 622-626.

6

มนต์ต่าง ๆ ท้ังนั้น เช่นต้องการจะเขียนอิติปิโสท้ังบทลงไป ก็ใช้เขียนเพียงเลข 56
แทนเท่านั้นหรือเขียนสวากขาโตท้ังบทก็เขียนเพียง 38 ลงไปแทน ใช้แทนมนต์
คาถาท่ีเป็นหมวด ๆ หมวดหนึ่งมีเท่าไรก็ลงเลขจานวนเท่านั้นลงไป เช่นอิติปิโส
ทั้งหมดมี 56 อักขระก็ลงเลข 56 แทน สวากขาโตท้ังบทมี 38 อักขระก็ลง 38 แทน
เชน่ นเี้ ปน็ ตน้ 5

ส่วนเกณฑ์ในการคัดเลือกคัมภีร์ตรีนิสิงเหนั้น อาศัยโครงสร้างหลักที่คัมภีร์ตรีนิสิงเหต้องมี
ไดแ้ ก่ บทนมัสการครู การทาอตั ราทวาทสมงคล ทม่ี าอัตราทวาทสมงคล การคณู หารอัตราทวาทสมง
คล และอุปเท่ห์ การนาไปใช้ โดยท่ัวไปเอกสารที่จัดเป็นคัมภีร์ตรีนิสิงเห จะต้องประกอบด้วย ส่วน
ที่ว่าด้วยการทาอัตราทวาทสมงคล ซ่ึงถือว่าเป็นส่วนที่เป็นหัวใจของคัมภีร์ ดังนั้นแม้ว่าจะ
ประกอบด้วยโครงสร้างเพียงส่วนเดียว ก็จัดว่าเป็นคัมภีร์ตรีนิสิงเห โครงสร้างส่วนอ่ืนเป็น
สว่ นประกอบในดา้ นความสมบูรณข์ องเนอื้ หาของคมั ภีร์

1.2 วัตถุประสงคข์ องการวจิ ยั
1. ศกึ ษาและตรวจสอบชาระคมั ภีร์ตรีนสิ ิงเหทเ่ี ป็นลายลักษณ์
2. ศกึ ษาบทบาทของคัมภีรต์ รนี ิสิงเหในสงั คมไทย

1.3 สมมตุ ฐิ านในการวจิ ัย
1. คัมภีร์ตรีนิสิงเหท่ีเป็นลายลักษณ์มีอยู่หลายฉบับ แต่ที่พิมพ์เผยแพร่มีเพียง 2 สานวน ทั้ง

ยังไม่สมบูรณ์ ซ่งึ จาเปน็ ต้องมกี ารตรวจสอบชาระ

2. คัมภรี ์ตรีนิสิงเหมีองค์ประกอบสาคัญ ได้แก่ บทนมัสการ ที่มาของอตั ราเลข การคูณหาร
อตั ราเลข และการนาไปใช้

3. คัมภีร์ตรีนิสิงเหมีบทบาทในสังคมหลายด้าน ได้แก่ ด้านวิทยาการความรู้โบราณ ศาสนา
และความเชอ่ื และสงั คมและวัฒนธรรมนบั ตัง้ แตอ่ ดตี จนถงึ ปจั จุบัน

5 เทพย์ สารกิ บตุ ร, คมั ภรี พ์ ระเวทพุทธศาสตราคม, (กรุงเทพมหานคร: ศลิ ปาบรรณาคาร), 2516. หน้า
167

7

1.4 ขอบเขตของการวิจัย

งานวิจัยน้ีใช้คัมภีร์ตรีนิสิงเห จานวน 6 สานวน ได้แก่ คัมภีร์ตรีนิสิงเห สานวน ก สานวน ข
สานวน ค สานวน ง สานวน จ และสานวน ฉ ดังรายละเอียดในบทที่ 2 โดยจะใช้ คัมภีร์ตรีนิสิงเห
สานวน ก เป็นสานวนหลักในการศึกษาวิเคราะห์บทบาทในด้านต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นในด้านวิทยาการ
ความรู้โบราณ ด้านศาสนาและความเชื่อ ด้านสังคมและวัฒนธรรม เพราะคัมภีร์ตรีนิสิงเห สานวน ก
เปน็ สานวนทเี่ ก่าแก่ทสี่ ุด และมีเนื้อหาสมบูรณ์ท่สี ุด ประกอบด้วยโครงสรา้ งหลักถึง 4 ส่วนด้วยกัน อกี
ทั้งยังไม่เคยมีการพิมพ์เผยแพร่ ดงั นั้น งานวจิ ัยฉบับนี้ถือว่าเปน็ การศกึ ษาและเผยแพร่คมั ภีร์ตรีนิสิงเห
ท่ีเก่าแก่ท่ีสดุ เป็นคร้ังแรก ส่วนคัมภีร์เลขยันต์อ่ืน ๆ ท่ีเกี่ยวข้องหรืออาศัยองค์ความรู้จากคัมภีร์ตรนี สิ งิ
เห และตารามหาพิชัยสงคราม ฉบับวัดควนอินนิมิต จังหวัดพัทลุง ผู้วิจัยนามาใช้ประกอบการใน
การศึกษาในงานวิจยั ฉบับนเี้ ทา่ นนั้ ไม่ใช่เนื้อหาหลกั ทผ่ี วู้ จิ ัยจะทาการศึกษาโดยตรง

1.5 วิธีดาเนนิ การวิจัย

งานวิจยั น้เี ป็นงานวิจยั เชงิ เอกสาร (Documentary Research) โดยอาศยั เอกสารตา่ ง ๆ ดงั น้ี
1. ศึกษารวบรวมเอกสารปฐมภมู ิ ไดแ้ ก่ คัมภีร์ตรีนิสงิ เห จานวน 6 สานวน และเอกสารทตุ ิย
ภูมิท่ีเก่ียวข้องกับงานวิจัย ได้แก่ คัมภีร์เลขยันต์ คัมภีร์เวชศาสตร์ คัมภีร์โหราศาสตร์ ตารากลเลข
และบทความด้านคตชิ นวิทยา
2. รวบรวม ปริวรรต และตรวจสอบชาระคมั ภีร์ตรนี ิสงิ เห

2.1 รวบรวมและคดั กรองเอกสารทจ่ี ัดเป็นคมั ภีร์ตรีนิสิงเห
2.2 ปริวรรตคมั ภรี ์ตรนี สิ ิงเหจากอกั ษรขอมและอกั ษรไทยโบราณใหเ้ ปน็ อกั ษรไทยปัจจบุ นั
2.3 ตรวจสอบชาระและศึกษาโครสรา้ งของคัมภีรต์ รีนสิ งิ เห
3. วิเคราะห์บทบาทของคัมภีร์ตรีนิสิงเหในสังคมไทยด้านวิทยาการความรู้โบราณ ศาสนา
ความเชอื่ สงั คมและวฒั นธรรมจากอดีตจนถงึ ปัจจุบนั
4. เรยี บเรียงผลการวจิ ยั
5. อภิปรายและสรปุ ผลการวิจยั

8

1.6 ประโยชนท์ ค่ี าดว่าจะไดร้ บั

1. ทาให้เกิดความรู้ความเข้าใจในเร่ืองที่มาและพัฒนาการของกลเลขในคัมภีร์ตรีนิสิงเห อัน
จะสามารถใหค้ วามกระจ่างเกีย่ วกบั ความรู้เรอ่ื งคณติ ศาสตร์ของชาวสยามโบราณ

2. เข้าใจอิทธพิ ลความเชื่อเรื่องเลขยันตใ์ นสว่ นที่เกยี่ วข้องกบั ศาสนวทิ ยา
3. เข้าใจเรื่องพิธีกรรมต่าง ๆ อันสืบเน่ืองจากระบบเลขยันต์ในคัมภีร์ตรีนิสิงเหที่นาไปสู่
พิธกี รรมตา่ ง ๆ รวมถึงการสรา้ งพระพมิ พแ์ ละวัตถมุ งคลตา่ ง ๆ ดว้ ย
4. เข้าใจเจตคตแิ ละจุดมงุ่ หมายของผู้ประพนั ธ์คมั ภรี ต์ รีนิสงิ เหท่ีใช้เป็นแบบแผนในการศึกษา
เล่าเรยี นของชาวพทุ ธโบราณ

1.7 ทบทวนวรรณกรรม

คัมภีร์ลบผงเป็นพื้นฐานความรู้สาคัญในการศึกษาวิชาเลขยันต์ ซึ่งถือเป็นแขนงหน่ึงของไสย
ศาสตร์ เป็นความรู้ท่ีว่าด้วยการทาอักขระยันต์และสัญลักษณ์ต่าง ๆ การศึกษาเก่ียวกับคัมภีร์ลบผง
โดยเฉพาะคัมภีร์ตรีนิสิงเหนั้น ส่วนงานเขียนที่มีการพิมพ์เผยแพร่ ปรากฏอยู่ในหนังสือ 2 เล่ม ซึ่งจะ
ไดก้ ล่าวถงึ ตอ่ ไป

หนังสือ ปริอรรถาอธิบายแห่งพระเครื่องฯ เล่ม 1 พระสมเด็จฯ โดย ตรียัมปวายหรือ พ.อ.
ผจญ กิตติประวัติ เป็นผู้ท่ีเผยแพร่งานเขียนเก่ียวกับพระเครื่องสกุลต่าง ๆ ถือเป็นผู้ที่บุกเบิกให้เกิด
กระแสความนิยมในการสะสมพระเคร่ือง เนื้อหาในหนังสือรวบรวม ประวัตแิ ละกรรมวิธีการสรา้ งพระ
สมเด็จฯ อย่างละเอียด การจาแนกพิมพ์ทรง เน้ือหามวลสาร ฯลฯ พร้อมด้วยรูปภาพประกอบ(ขาว-
ดา) เน้ือหาในปริเฉทที่ 4 มีตาราและวิธีการลบผงวิเศษ โดยมีเนื้อหาตั้งแต่ การทาดินสอสาหรับใช้ใน
การเขียนผง การเรียกสูตร การจัดเคร่ืองบูชาครู บทอัญเชิญครู เกี่ยวกับการศึกษาวิชาลบผง
ตรยี ัมปวาย กล่าววา่

ธาตุแท้แห่งคุณวิเศษ ในมวลสารของพระสมเด็จฯ คือ ผงวิเศษ 5 ประการ
อันประกอบด้วย ผงปถมัง อิธะเจ มหาราช พุทธคุณ และตรีนิสิงเห ซึ่งมิได้
หมายความว่าเป็นผงแต่ละชนิด แล้วเอามารวมกัน หากเป็นผงชุดเดียวกันแต่ผ่าน
กรรมวธิ ซี ับซอ้ นถึง 5 ช้ัน ในชัน้ ตน้ ทาผงปถมังกอ่ น แล้วเอาผงปถมงั มาทาเปน็ ผงอิธะ

9

เจ และต่อ ๆ ไปตามลาดับจนถึง ผงตรีนิสิงเห ด้วยเหตุนี้ ผงวิเศษ 5 ประการจึงทรง
กฤตยิ าคมเข้มข้นทสี่ ุด6

จากข้อความดงั กล่าวจะเห็นไดว้ ่าผู้เขียนอธิบายเร่ืองการลบผง โดยให้เริ่มตน้ จากคัมภีร์ปถมงั
ก่อน แล้วจึงทาผงในคัมภีร์อื่น ๆ ต่อไป โดยทาเป็นลาดับต่อเนื่องกันไป แสดงให้เห็นว่าผู้เขียนคุ้นเคย
และมีความเข้าใจการลบผงเปน็ อยา่ งดี และยังกลา่ วถงึ ผงปถมัง ดงั นี้

ผงปถมัง เป็นผงเร่ิมต้นสาหรับการศึกษาวิทยาคม ใช้สาหรับการลง น ทุก
ชนิดตามสูตร ปฐมพินฺธุ เร่ิมตั้งแต่ปฐมกัลป์ที่โลกยังว่างเปล่าปราศจากชีวิต มีแต่น้า
ซึ่งกาลังงวดลงไป แต่แผ่นดินเพ่ิงโผล่ข้ึนมา ท้าวสหัมบดีมหาพรหมได้เล็งญาณเห็น
ดอกบัว 5 ดอก ก็ทราบว่าในอนาคตกาลพระพุทธเจ้าจะเสด็จมาในโลก 5 พระองค์
ด้วยกัน จึงโปรยหญ้าคาลงมา พน้ื น้าก็งวดเป็นแผ่นดินส่งกลิ่นหอมหวน พวกพรหมก็
ลงมาเสพย์ง้วนดินเป็นอาหาร เลยพากันหลงกลับไปพรหมโลกไม่ได้ จึงสืบเผ่าพันธ์ุ
เป็นมนุษย์อยู่ในโลกตราบเท่าปัจจุบันกาลน้ี ด้วยเหตุนี้ สหัมบดีมหาพรหม จึงเป็น
ปฐมเหตุแห่งโลกธาต7ุ

นอกจากนี้ตรียัมปวายยังไดก้ ล่าวถึงความสาคัญ และการทาผงตรีนิสิงเห โดยตน้ ฉบบั ที่นามา
พิมพ์เผยแพร่เป็นฉบับเดียวกับท่ี เทพย์ สาริกบุตร เผยแพร่ในหนังสือ คัมภีร์พระเวท ตติยบรรพ คือ
ฉบับท่ี พรหม ขมาลา ปริวรรตจากต้นฉบับของพระสมุห์เฉ่ือย วัดสังเวช บางลาพู กรุงเทพฯ แต่ไม่
สมบูรณ์เน่ืองจาก ไม่มีรูปภาพรูปยันต์ จึงยากแก่การเข้าใจ หนังสือเล่มน้ีจัดพิมพ์คร้ังแรกเมื่อ ปี พ.ศ.
2495 และมีการจัดพิมพ์อีกอย่างน้อย 5 คร้ังจวบจนถึง ปี พ.ศ. 2515 ถือเป็นหนังสือที่ได้รับความ
นิยมอย่างมากในยุคนัน้ และอาจกลา่ วไดว้ า่ เปน็ หนังสอื พระเครอื่ งยุคแรกของเมืองไทย

หนังสืออีกชุดหน่ึงท่ีสาคัญต่อการศึกษาตัมภีร์ลบผง คือชุดคัมภีร์พระเวทท้ัง 6 เล่ม ของ
เทพย์ สาริกบุตร ซ่ึงเป็นผู้ที่บุกเบิกท่ีนาเสนอวิชาไสยศาสตร์และวิชาเลขยันต์สู่สังคมไทย ได้ทาการ
ปรวิ รรตคมั ภรี ์ไสยศาสตร์ และตาราเลขยันตโ์ บราณจานวนมาก

6 ตรียมั ปวาย, ปริอรรถาอธบิ ายแห่งพระเครอ่ื งฯ เลม่ 1 พระสมเด็จฯ, พิมพค์ รั้งที่ 5, (กรุงเทพฯ: เฟอ่ื ง
อกั ษร, 2515), หน้า 204.

7 เร่อื งเดียวกัน, หน้า 210-211.

10

ในหนังสือเคล็ดลับของวิชาไสยศาสตร์ ของ เทพย์ สาริกบุตร พิมพเ์ ผยแพร่ โดยอุตสาหกรรม
การพิมพ์ ปี พ.ศ. 2494 มีเน้ือหาเกี่ยวกับ ความรู้ต่าง ๆ ในวิชาไสยศาสตร์ มนต์คาถา การใช้พระ
ปริตร คาบ ปราณ ธาตุ การเขียนยันต์ ท่ีสาคัญมีวชิ าการลบผง ปถมัง อิธะเจ ตรีนิสิงเห และมหาราช
รวมอยู่ด้วย โดยใชค้ ัมภรี ์ทางพทุ ธศาสนา เช่น วิสุทธมิ รรค และคัมภีร์เลขยันตโ์ บราณเป็นแหล่งข้อมูล
ในการเขียน เพือ่ ใช้เป็นเครื่องมือสาหรับเล่าเรียนวิชาไสยศาสตร์ โดยได้รับความช่วยเหลือจาก พรหม
ขมาลา (เปรียญ) สานักวดั พระเชตุพน ผู้ชานาญทางผงวิเศษ เพราะสืบสายวชิ ามาจากสายสมเด็จพระ
พุฒาจารย์ (โต) วัดระฆัง ซ่ึงมีส่วนสาคัญในการแสวงหาตารับตาราต่าง ๆ เพ่ือมาชาระสอบทาน และ
พระมงคลราชมุนี (สนธ์)ิ วัดสุทัศน์ ฯ เป็นท่ีปรึกษา หลังจากนั้น ได้มีการรวบคัมภรี ์ไสยศาสตร์โบราณ
ใช้เวลารวบรวมและตรวจชาระนานหลายปี จึงสาเร็จออกมาเป็นชุดคัมภีร์พระเวท 6 เล่ม ตั้งแต่ฉบับ
ปฐมบรรพ ถึง ฉัฏฐบรรพ ซ่ึงได้รับความสนใจจากประชาชนทั่วไปจานวนมาก ทาให้มีการพิมพ์
เผยแพร่หลายครง้ั เนอื้ หาในหนังสอื ชดุ คมั ภรี ์พระเวท 6 ซ่งึ แตล่ ะเลม่ มีเนือ้ หาต่างกันดังน้ี

- คัมภีร์พระเวท ปฐมบรรพ มีเนื้อหาเก่ียวกับคาถาอาคม โองการ และตารายาที่ใช้สาหรบั
รักษาอาการเจบ็ ป่วยจากคุณไสย และโรคภยั ไขเ้ จ็บต่าง ๆ ซงึ่ ใชก้ ันมาตัง้ แตอ่ ดีต

- คัมภีร์พระเวท ทุติยบรรพ มีเนื้อหาเกี่ยวกับคาถาอาคม ท่ีใช้ในทางคุ้มครองป้องกัน อยู่
ยงคงกระพันชาตรี ตลอดจนวิธีการฝึกฝนเพื่อสร้างอิทธิปาฏิหาริย์ตามหลักวิชาไสย
ศาสตร์

- คัมภีร์พระเวท ตติยบรรพ มีเนื้อหาเก่ียวกับการทาผงวิเศษต่าง ๆ ซ่ึงมีคัมภีร์ลบผงท้ัง 5
คัมภีร์ ได้แก่ คัมภีร์ปถมัง คัมภีร์อิธะเจ คัมภีร์ตรีนิสิงเห คัมภีร์มหาราชและคัมภีร์
พุทธคุณเป็นเนอ้ื หาหลัก พรอ้ มรปู ประกอบและสตู รการเขยี นอักขระอยา่ งครบถว้ น เกี่ยว
คัมภีร์ตรีนิสิงเหท่ีมีการพิมพ์เผยแพร่ในหนังสือเล่มน้ี คือ คัมภีร์ตรีนิสิงเห ปริวรรต โดย
นายพรหม ขมาลา ที่ได้มาจากพระสมุห์เฉื่อย วัดสังเวช ต้นฉบับเดิมเป็นของหลวงคช
ริษฐ์(ไผ่) หรือที่ในงานวิจัยเรียกว่า สานวน ข และ คัมภีร์ตรีนิสิงเห ปริวรรต โดย นาย
พรหม ขมาลา ที่ได้มาจากพระสมุห์เฉ่ือย วัดสังเวช ต้นฉบับเดิมเป็นของหมอบุญ หรือที่
ในงานวิจัยเรียกว่า สานวน ค แม้ว่าคัมภีร์ตรีนิสิงเหท้ัง 2 สานวนจะมีการพิมพ์เผยแพร่
แต่ไม่ไดม้ ีการตรวจสอบชาระแต่อย่างใด ในส่วนท่ีเนื้อหาไม่สมบรู ณ์ ผู้พมิ พเ์ ผยแพร่คงไว้

11

เช่นเดิม และไม่ได้มีการศึกษาวิเคราะห์เนื้อหาในคัมภีร์ ผู้เขียนกล่าวถึงการศึกษาคัมภีร์
จรนี สิ งิ เหเพียงเลก็ นอ้ ย วา่
ผงตรีนิสิงเห เป็นผงสุดท้ายเก่ียวกับ สูตรเลขไทยโบราณ รวบรวมผงพุทธคุณท่ีลบ
ไดเ้ อามาปั้นทาเป็นดินสอ เรียกสูตร อัตราทวาทสมงคล 12 และทาต่อไปจนบงั เกิด
เป็น อัตราตรีนิสิงเห สาเร็จเป็น อัตรายันต์ 12 ยันต์สุดท้าย คือ ยันต์นารายณ์ถอด
รูป คือ ยันต์ประจาขององค์ตรีนิสงิ เห แล้วมี ยนั ต์ภควมั บดี และยันตราพระราชสหี ์
ประทับลงเปน็ ประการสุดทา้ ย8

- คัมภรี ์พระเวท จัตตุถบรรพ มีเน้ือหาเก่ียวกับเลขยันตส์ าคัญตา่ ง ๆ โดยเฉพาะจากคัมภีร์
พชิ ัยสงคราม และคัมภีร์โบราณของสานักวดั ประดู่โรงธรรม พระนครศรีอยุธยา และจาก
สานกั เรียนสาคญั อกี จานวนมาก

- คัมภีร์พระเวท ปัญจมบรรพ มีเน้ือหาเกี่ยวกับ มนต์คาถา เลขยันต์และพิธีกรรมในลัทธิ
มายาศาสตร์ ท่ีใช้ในการทาให้รัก ทาใช้ชัง หรือทาให้เจ็บป่วย ท่ีใช้กันทุกภาคของ
ประเทศไทยซ่งึ รวบรวมเอาไว้อยา่ งครบถ้วน

- คัมภีร์พระเวท ฉัฏฐบรรพ มีเน้ือหาเกี่ยวกับพิธีกรรมต่าง ๆ ท่ีใช้กันอยู่ท้ังในพระราชพิธี
และที่ประกอบกันโดยทั่วไป โดยมีรายละเอียด ตั้งแต่ โองการ เคร่ืองสังเวย ตลอดจน
การจัดประราพธิ ี เพอ่ื ที่จะนาไปปฏิบัติไดอ้ ยา่ งถูกตอ้ ง9

อยา่ งไรก็ตาม ในการรวบรวมองคค์ วามรเู้ หล่านี้ ตอ้ งใชเ้ วลายาวนานหลายปี เน่อื งจากผ้เู ขยี น
ต้องทาการสอบทานแก้ไขให้มีความถูกต้อง สาหรับบางตาหรับไม่สามารถหาต้นฉบับอ่ืนมาสอบทาน
ผู้เขียนจะคงตามต้นฉบบั เดิมไว้ทุกประการ ดังนน้ั คัมภรี พ์ ระเวทชดุ นี้ ถอื ว่าเปน็ หนังสือทใ่ี ชเ้ ป็นคูม่ อื ใน
การศึกษาวิชาไสยศาสตร์และเลขยนั ต์ ทาให้คมั ภีร์ไสยศาสตรเ์ ปน็ ที่รู้จักมากขนึ้

หนังสือ คัมภีร์ไสยศาสตร์ ฉบับสมบูรณ์ โดย ญาณโชติหรือชัยมงคล อุดมทรัพย์ เป็นผู้เขียน
ได้รวบรวมความรู้เกี่ยวกับวิชาไสยศาสตร์และเลขยันต์เอาไว้ โดยรวบรวมจากสรรพตาราของโบราณา
จารย์ และตาราของพระเกจิอาจารย์ผู้ทรงวิทยาคมร่วมสมัยหลายท่าน ผู้เขียนได้อธิบายวิธีการทา

8 เรือ่ งเดียวกัน, หน้า 226-227.
9 เทพย์ สารกิ บุตร, พระคมั ภีร์พระเวท ฉบบั ปฐมบรรพ (กรงุ เทพฯ: อุตสาหกรรมการพิมพ,์ 2515), หน้า
ค.

12

อย่างละเอียด สามารถใช้เป็นคู่มือในการศึกษาและประกอบพิธีกรรมต่าง ๆ ได้ เน้ือหาส่วนหนึ่ง
กล่าวถงึ การลบผงตา่ ง ๆ ดังน้ี

ยันตป์ ะถะมังมีหลายแบบหลายนัยด้วยกัน มีบทคาถาเรียกสูตรลงอักขระยืด
ยาว สลับซับซ้อนพิสดารมากกว่ายันต์การลงอักขระทาผงมหาอิธะเจ ผงมะหาปะ
ถะมัง จึงมีอิทธิปาฏิหาริย์สูงสุด สามารถกาบังกายหายตัวได้ และอานุภาพทางเสน่ห์
เมตตามหานยิ มกส็ งู ดุจกัน ยนั ต์ปะถะมังแบบใหญ่ มหาปะถะมัง เรยี กว่า ปะถะมงั 8-
9 วรรค มีแจ้งอยู่ในคัมภีร์ปะถะมัง เรียนสาเร็จได้ยาก ผู้ท่ีมีบุญวาสนามีความ
พากเพียรจริง ๆ จึงจะเรียนได้สาเร็จ ซ่ึงมีพระเถราจารย์ผู้รุ่งเรืองวิทยาคมทรงคุณ
วิเศษในอดีต ได้แก่ สมเด็จพระพุฒาจารย์ ขุน วัดท้ายตลาด ธนบุรี สมเด็จ
พระสังฆราช สุก ไก้เถ่ือน วัดพลับ ธนบุรี สมเด็จพระพุฒาจารย์ โต วัดระฆัง ธนบุรี
หลวงปู่ภู วัดอินทร์ บางขุนพรหม กรุงเทพฯ หลวงปู่ศุข วัดปากคลองมะขามเฒ่า
ชัยนาท หลวงพ่อเผือก วัดกิ่งแก้ว สมุทรปราการ หลวงพ่อแก้ว วัดเครือวัลย์ ชลบุรี
หลวงพ่อปาน วัดนมโค อยุธยา ท่านคณาจารย์เหล่านี้ ล้วนแต่เรียนการกระทาผง
วิเศษสาเร็จคือ ผงมหาปะถะมัง ผงมหาอิธะเจ ผงมหาราช ผงมหาตรีนิสิงเห ผงมหา
พุทธคุณ ผงธาตุทั้ง 4 ผงนะหน้าทอง ผงนะต่าง ๆ ซึ่งท่านได้รวบรวมนาเอาผงเหล่าน้ี
มาทาเปน็ พระพิมพ์ เพ่ือเป็นพุทธบูชาเผยแผ่พฒั นาการพทุ ธศาสนา มีชอื่ เสียงเกียรติ
คุณเปน็ ทรี่ ู้จักกันทว่ั ไป10

จากท่ีกล่าวมา ผู้เขียนมีความรู้เก่ียวกับการลบผงอยู่บ้าง แต่ผู้เขียนได้อ้างอิงช่ือพระเถรา
จารย์ในยุคโบราณที่ได้รับการบอกเล่าสืบต่อกันมาว่าสาเร็จวิชาลบผง 5 คัมภีร์ และนามาสร้างเป็น
พระพิมพ์เพ่ือสักการบูชา จนปรากฏช่ือเสียงเกียรติคุณเป็นที่เสาะแสวงหาจนถึงปัจจุบัน ญาณโชติ
กล่าวเก่ยี วกบั ผงตรีนสิ ิงเห ว่า

การทาผงตรีนิสิงเห มีคาถาเรียกสูตรสลับซับซ้อนยืดยาวพิสดารมาก มีแจ้ง
อยู่ในคัมภีร์ตรีนิสิงเห และยังมียันต์ตรีนิสิงเหอีกชนิดหนึ่ง มิสู้จะมีความพิสดารมาก
นัก มีคาถาเรียกสูตรแบบง่าย ๆ เรียนรู้และเข้าใจได้รวดเร็ว เม่ือจะเรียนท่านให้แต่ง

10 ญาณโชติ, คัมภรี ไ์ สยศาสตร์ ฉบบั สมบรู ณ์ (กรุงเทพฯ: โสภณการพิมพ์, 2550), หน้า 494-495.

13

เครื่องบูชาครู กล่าวคานมัสการและกล่าวคานมัสการนามเทพเทวาเรียงกัน
ตามลาดับ11

จากที่กล่าวมา แสดงให้เห็นว่าผู้เขียนรู้จักคัมภีร์ตรีนิสิงเห แต่เพราะมีเน้ือหาเกี่ยวกับ
คณิตศาสตร์ปนอยู่มาก จึงไม่ได้นามาเผยแพร่ต่อสาธารณชน อีกทั้งไม่บอกอุปเท่ห์ เพียงแค่บอก ว่า
“ใช้ในทางป้องกันอันตรายต่าง ๆ บาบัดโรคภัยไข้เจ็บ แก้ถอดถอนคุณไสย ท่ีเขาทามาด้วยประการ
ต่าง ๆ ป้องกันภูต ผี ปีศาจ ป้องกันเสนียดจัญไรท้ังปวง”12 ลักษณะเป็นการพูดถึงจากประสบการณ์
ตามท่ผี ้เู ขียนไดย้ นิ ได้ฟงั มา แต่ไมไ่ ดต้ ีพมิ พเ์ ผยแพร่ในหนังสทอดังกล่าว

งานวจิ ัยที่มีเน้อื หาเก่ยี วกับคัมภีร์ลบผง มีอยู่ 2 เล่ม ได้แก่ อิทธิพลของพุทธศาสนามหายานที่
มีตอ่ ระบบยันต์ในประเทศไทย ของ ณัฐธญั มณรี ัตน์ มหาวิทยาลยั ธรรมศาสตร์ ปี พ.ศ. 2550 งานวจิ ยั
ฉบับนี้เสนอแนวคิดที่ว่ายันต์ต่าง ๆ ที่เราเห็นอยู่ในปัจจุบันน้ีส่วนใหญ่ได้รับอิทธิพลทางด้านแนวคิด
และปรชั ญาจากพุทธศาสนามหายาน มีการกล่าวถึง การศกึ ษาคัมภีร์ตรีนิสิงเห ดังน้ี

ในการการทาผงตรีนสิ งิ เหซึง่ เปน็ ที่มาของยนั ต์ตรนี ิสงิ เหได้มีการนาเอาเลข
อัตราทวาทสมงคล (375 465 195 285) ซงึ่ เลขดังกลา่ วใชแ้ ทนกาลงั เทพยดาต่าง ๆ
จากนนั้ นามาหารด้วย 5 ไดผ้ ลลพั ธ์เปน็ 750 930 390 570 จากนน้ั ให้นาเอาศนู ย์ท้งั
สามตัวมาทาเป็นองค์พระ ดังทกี่ ลา่ วไวใ้ นคมั ภีร์ตรีนสิ งิ เห ว่า “จงึ ให้นาศนู ยท์ ้ังสาม
นม้ี าทาเป็นองคพ์ ระ ศนู ยห์ นา้ เป็นพระเศียร ศูนยก์ ลางเป็นองค์ ศนู ย์ทา้ ยเป็นพระ
บาท...” หลักการดังกลา่ วแสดงใหเ้ หน็ ว่านริ มาณกายของพระตถาคตเกิดขน้ึ จาก
พระธรรมกายคือศนู ยตสภาวะนั่นเอง13

เก่ียวกับองค์ความรู้ในคัมภีร์ตรีนิสิงเหบางส่วน ปรากฏในงานวิทยานิพนธ์ ช่ือ การศึกษาคา
สอนในพุทธศาสนาที่ปรากฏในเลขยันต์ไทย โดย เอก นาครทรรพ มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณ
มหาวิทยาลัย ปี พ.ศ. 2560 โดยงานวิจัยดังกล่าวมีเน้ือหาการศึกษาประวัติความเป็นมาของเลขยันต์

11 เร่อื งเดียวกนั , หน้า 511.
12 เร่อื งเดียวกัน, หน้า 516.
13 ณัฐธัญ มณีรัตน์ “อทิ ธพิ ลของพุทธศาสนามหายานทีม่ ตี ่อระบบยนั ตใ์ นประเทศไทย”
(มหาวทิ ยาลัยธรรมศาสตร,์ 2550), หน้า 47-48.

14
ไทย เพือ่ ศึกษาคาสอนของพุทธศาสนาที่มีอยใู่ นเลขยันตเ์ หล่านัน้ ในงานวจิ ยั ดังกล่าวไดก้ ลา่ วถึงการใช้
เลขแทนความหมาย โดยยกตัวอย่างการใช้เลขแทนความหมายที่มีอยู่ในคัมภีร์ตรีนิสิงเห ในเบื้องต้น
เลขต่าง ๆ ใช้แทนดาวนพเคราะห์ในระบบสุริยะ ได้แก่ 1 แทน ดวงอาทิตย์ 2 แทน ดวงจันทร์ 3 แทน
ดาวองั คาร 4 แทน ดาวพธุ 5 แทน ดาวพฤหัส 6 แทน ดาวศุกร์ 7 แทน ดาวเสาร์ 8 แทน ราหู 9 แทน
เกตุ และ 0 แทน มฤตยู นอกจากนี้ เลขยังสามารถใชแ้ ทนคาถาตา่ ง ๆ ได้อีกด้วย เช่น 3 เรียกว่า ตรีนิ
สงิ เห แทนอกั ขระ มะ อะ อุ 7 เรียกว่า สัตตนาเค แทนโพชฌงค์ 7 หรืออภธิ รรม 7 คมั ภีร์ เป็นต้น14

ผู้เขียนวทิ ยานิพนธไ์ ดส้ ัมภาษณ์ผู้วิจัยในประเด็นดงั กล่าว แต่ในงานวิจัยของ เอก นาครทรรพ
ไม่ได้ศึกษาคัมภีร์ตรีนิสิงเห ถึงแม้ว่าจะมีหนังสือ 2 เล่มพิมพ์เผยแพร่ คัมภีร์ตรีนิสิงเห 2 สานวน แต่
คัมภีร์ตรีนิสิงเห สานวน ก ที่มีเน้ือครบถ้วนท่ีสุด และมีความเก่าแก่มากท่ีสุด ยังไม่เคยได้รับการพมิ พ์
เผยแพร่ ท้ังยังไม่เคยมีการปริวรรต และตรวจสอบชาระ ร่วมกับคัมภีร์ตรีนิสิงเห สานวนอ่ืน ส่วน
งานวิจัยสองเล่มท่ีกล่าวถึงก่อนหน้าน้ี มีเน้ือหาเกี่ยวกับองค์ความรู้ท่ีมาจากคัมภีร์ตรีนิสิงเหเพียง
เล็กน้อย ไม่ได้เป็นวัตถุประสงค์หลักในการศึกษาวิจัย ดังน้ันงานวิจัยฉบับน้ีท่ีปริวรรตและตรวจสอบ
ชาระคมั ภรี ์ตรีนิสงิ เหท้งั 6 สานวน พร้อมทั้งศกึ ษาโครงสร้างและบทบาททีม่ ตี ่อสงั คมไทย จึงถือว่าเป็น
องคค์ วามรู้ใหม่ ท่ียังไม่เคยมผี ู้ศึกษามาก่อน

14 เอก นาครทรรพ, “การศึกษาคาสอนในพุทธศาสนาทป่ี รากฏในเลขยันตไ์ ทย” (มหาจฬุ าลงกรณร์ าช
วทิ ยาลัย, 2560), หนา้ 79.

บทที่ 2
ต้นฉบบั คมั ภีร์ตรนี ิสิงเหและการตรวจสอบชาระ

ดังท่ีกล่าวแล้วในบทท่ี 1 ว่าคัมภีร์ตรีนิสิงเหเป็นหน่ึงในคัมภีร์ลบผงสาคัญ 5 ปกรณ์ ซ่ึงเป็น
งานประพันธ์ในหมวดไสยศาสตร์ ถือเป็นแม่บทสาคัญของการศึกษาเลขยันต์โบราณของชาวไทย
การศึกษาเลขยันต์ต่าง ๆ นั้น ผู้ศึกษาจะต้องผ่านข้ันตอนการเรียนลบผงเสียก่อน จึงจะถือว่าถูกต้อง
การฝึกลบผงน้ันคือ การฝึกเขียนอักขระเลขยันต์ให้เกิดความชานาญ เพราะการเขียนไปลบไป เป็น
การฝึกทักษะการเรียกสูตร เรียกนาม ทาให้เกิดความเช่ียวชาญสามารถจดจากระบวนการต่าง ๆ
ได้อย่างคล่องแคล่ว อีกท้ังในคัมภีร์ลบผงยังกล่าวถึง ท่ีมาของสัญลักษณ์ต่าง ๆ ท่ีใช้ในระบบเลขยันต์
เชน่ สูรย์ จันทร์ อโุ องการ มหาเมฆ มหานลิ มหาไวย รวมถงึ ตวั เลขต่าง ๆ โดยอธิบายผา่ นขั้นตอนการ
ลบผง การศึกษาเวทย์มนต์ให้แตกฉานจาเป็นต้องเรียนรู้จากคัมภีร์ลบผงเหล่าน้ีเป็นบาทฐานเพื่อให้
เกิดความเข้าใจต่อกระบวนการลงเลขยันต์แบบต่าง ๆ การศึกษาของชาวไทยน้ันมีแบบแผนที่ชัดเจน
โดยกาหนดให้ผู้ศึกษาต้องผ่านขั้นตอนการเรียนลบผงก่อนที่จะเรียนตาราเลขยันต์อื่นใด วิธีการ
ถ่ายทอดองค์ความรู้เรื่องการลบผงสามารถแบ่งเป็นสองส่วนด้วยกัน คือ ส่วนที่เป็นตัวคัมภีร์ท่ีมี
ลักษณะเป็นคู่มือ หรือการจดบันทึกสาหรับป้องกันการลืมเลือน และส่วนที่เป็นมุขปาฐะ ท่ีถ่ายทอด
โดยตรงให้กับศิษย์ในสานัก วิธีการหลังนี้ เป็นการถ่ายทอดท่ีเป็นเคล็ดวิชา ซ่ึงแต่ละสานักจะมีความ
แตกต่างกันไป ทาให้เกิดสายวิชาต่าง ๆ ในระบบการศึกษาเลขยันต์ ดังปรากฏสานักเรียนที่สาคัญ
ดงั น้ี

พระนครศรอี ยธุ ยา วัดประดู่โรงธรรม วัดลอดช่อง วัดตูม วัดพุทไธ-
สวรรค์ วัดพระญาติ วัดสะแก วัดหน้าต่างนอก
วัดศักด์ิ วัดบึง วัดบางปลาหมอ วัดพิกุลโสคัณ
วดั ศาลาปนู วดั บางมอญ ฯลฯ

กรงุ เทพฯ วัดราชสิทธาราม วัดระฆังฯ วัดหนังฯ วัดท่าพระ
วดั โสมนสั ฯลฯ

สมทุ รสาคร วัดทา่ กระบือ วัดบางนา้ วน วัดบางปลา ฯลฯ

16

สมุทรสงคราม วดั ประดู่ วดั บางวันทอง วัดพวงมาลัย วัดช่องลม
ฯลฯ

ราชบรุ ี วัดอุทุมพร วัดยางงาม วัดแก้วเจริญ วัดเสด็จ
ฯลฯ

กาญจนบรุ ี วดั หนองบวั วัดบา้ นทวน ฯลฯ

นครปฐม วดั กลางบางแกว้ วัดพะเนียงแตก ฯลฯ

อทุ ยั ธานี วดั หนองเตา่ วดั หนองสะแก ฯลฯ

เพชรบุรี วัดคงคาราม วัดโตนดหลวง ฯลฯ

ชลบุรี วดั เขาคนั ธมาส วัดนอก วัดตะเคยี นเต้ีย ฯลฯ

ฉะเชงิ เทรา วัดซาปา่ ง่าม วัดบางกะเบา ฯลฯ

พจิ ิตร วดั บางคลาน วัดฆะมัง ฯลฯ

นครสวรรค์ วัดหนองโพ วดั เขาแกว้ วดั สระทะเล ฯลฯ15

สานักเรียนวชิ าเลขยันตท์ ่ีกล่าวมานี้ แต่เดิมสันนิษฐานว่ามีการเรียนลบผงแทบทุกสานัก จาก
หลักฐานที่เป็นลายลักษณ์ ได้แก่ ตาราเลขยันต์ต่าง ๆ ที่สืบทอดในสายวิชา แต่เม่ือเวลาผ่านไปสานัก
เรียนสาคัญส่วนใหญ่ขาดผู้สืบทอดองค์ความรู้ ทาให้วิชาบางส่วนเกิดการสูญหาย วิชาลบผงถือเป็น
วชิ าในส่วนท่ีสูญหายเป็นอันดับแรก เน่ืองจากเรียนรู้ไดย้ าก ตอ้ งอาศัยการเรียนการสอนแบบตัวต่อตัว
จึงจะสามารถเข้าใจได้ อีกท้ังผู้ศึกต้องมีพ้ืนฐานความรู้พุทธศาสนาดีพอสมควร รวมทั้งต้องมีความรู้
ภาษาบาลีเบื้องต้น ดังน้ันในการศึกษาคัมภีร์ตรีนิสิงเหจึงต้องอาศัยหลักฐานท่ีเป็นลายลักษณ์

15 ณัฐธญั มณรี ัตน์, เลขยันต:์ แผนผังอนั ศกั ดส์ิ ิทธ์ิ (กรงุ เทพฯ: สถาบันพพิ ิธภัณฑก์ ารเรยี นรู้แหง่ ชาต,ิ
2559), หน้า 123.

17

เป็นสาคัญ จากน้ันผู้วิจัยได้เสาะหาแหล่งข้อมูลคัมภีร์ตรีนิสิงเหเบื้องต้น คือ ส่วนงานเอกสารโบราณ
หอสมดุ แห่งชาติ ทยี่ ังคงเกบ็ รักษาต้นฉบบั เอกสารโบราณจานวนมากเอาไว้

2.1 การสารวจขอ้ มลู ตน้ ฉบบั

ดังที่กล่าวไว้แล้วใน บทที่ 1 ว่า คัมภีร์ตรีนิสิงเหมีความเสี่ยงในการสูญหายมากท่ีสุด อีกทั้งมี
ผู้รู้เก่ียวกับคัมภรี ์นี้เหลืออยู่น้อยมาก ผู้วจิ ัยได้ทาการสารวจแหล่งสบื ค้นขอ้ มูลเก่ียวกับคัมภรี ์ตรีนิสิงเห
ท่ีเป็นลายลักษณ์ ในเบื้องต้น ผู้วิจัยได้สารวจคัมภีร์ตรีนิสิงเหที่เก็บรักษาไว้ที่ส่วนงานเอกสารโบราณ
หอสมดุ แหง่ ชาติ จากการตรวจสอบบัญชีเอกสารโบราณ หมวดไสยศาสตรท์ ี่มีจานวน ราว 400 เล่ม มี
เอกสารโบราณทใี่ ชช้ ่ือคัมภีรต์ รีนสิ งิ เห จานวน 9 ฉบบั ดงั มีรายละเอียดดังต่อไปนี้

ตารางที่ 2.1 คัมภีร์ตรีนิสิงเห ในบัญชีรายชื่อเอกสารโบราณ หมวดไสยศาสตร์ หอสมุด

แห่งชาติ

ตาราตรีนสิ งิ เห เลขท่ี วัสดุ วธิ ีบนั ทกึ หมายเหตุ

15 สมุดไทยดา เขียนด้วยเสน้ ดนิ สอขาว

450 กระดาษฝรั่ง เขียนดว้ ยหมกึ

451 กระดาษฝรัง่ ตัวพมิ พด์ ีด มเี นื้อหาเหมือน เลขที่ 450

452 กระดาษฝรัง่ ตัวพิมพด์ ดี มีเนือ้ หาเหมือน เลขท่ี 450

453 กระดาษฝรั่ง ตัวพิมพ์ดีด มีเนอ้ื หาเหมือน เลขท่ี 450

454 กระดาษฝรั่ง เขยี นดว้ ยหมกึ

455 กระดาษฝรง่ั ตวั พมิ พด์ ีด มีเนื้อหาเหมือน เลขที่ 454

456 กระดาษฝรั่ง ตัวพิมพด์ ดี มีเนอ้ื หาเหมือน เลขท่ี 454

457 กระดาษฝรงั่ ตัวพมิ พ์ดดี มเี นื้อหาเหมอื น เลขท่ี 454

เม่ือผู้วิจัยได้ศึกษาคัมภีร์ตรีนิสิงเหเหล่านี้อย่างถี่ถ้วน สามารถจัดกลุ่มคัมภีร์ตรีนิสิงเห
ออกเป็น 3 กลมุ่ ดังน้ี

1. กลุ่มคัมภีร์ตรีนิสิงเหท่ีมีการคัดลอกซ้า โดยมีเลขทะเบียนหรือเลขเรียกตา่ งกัน แตเ่ นื้อหา
เหมือนกันทุกประการ ต่างกันเพียง ฉบับหนึ่งเขียนด้วยลายมือ ส่วนอีกฉบับอาจเป็น
ตัวพิมพ์

18

2. กลุ่มคัมภีร์ตรีนิสิงเหท่ีชารุดเสียหาย จนไม่สามารถอ่านประติดประต่อเนื้อความได้ ซ่ึง
เกิดจากความเกา่ ของคมั ภรี ์

3. กล่มุ คัมภีร์ตรนี ิสงิ เห ท่ีปรากฏแต่เพยี งยนั ตแ์ ละคาถาเสก ไมม่ โี ครงสรา้ งที่เป็นส่วนสาคัญ
ในกลุ่มน้ีผู้วิจัยไม่จัดว่าเป็นคัมภีร์ตรีนิสิงเห เพราะขาดความสมบูรณ์ด้านโครงสร้างและ
เน้อื หาหลกั ตามเกณฑ์ ซึง่ จะนามาพจิ ารณาประกอบ แต่ไม่ถอื เปน็ ขอ้ มูลหลกั ในการวจิ ัย

จากการศึกษาในเบื้องต้น พบว่ามีคัมภีร์ตรีนิสิงเหจานวน 4 ฉบับที่มีความต่างกัน ถือเป็น 4
สานวน ตามเกณฑ์ทกี่ ล่าวไว้ในบทที่ 1 คือ ตาราตรนี ิสงิ เห เลขที่ 15 ตาราปถมงั และตาราลบผง เลขที่
58 ตาราตรีนิสิงเห เลขที่ 450 และตาราตรีนิสิงเห เลขที่ 454 ถึงแม้ว่ายังมีเอกสารโบราณท่ีระบุว่า
เป็นตาราตรีนิสิงเหอีกหลายรายการ แต่เม่ือขอดูเอกสารแล้วปรากฏว่า ส่วนใหญ่มีเน้ือหาซ้ากัน เช่น
ตาราตรีนิสิงเห เลขที่ 453 มีเนื้อหาซ้ากับ ตาราตรีนิสิงเห เลขที่ 450 ต่างกันตรงท่ี ตาราตรีนิสิงเห
เลขท่ี 453 บันทึกด้วยตัวพิมพ์ ในขณะท่ี ตาราตรีนิสิงเห เลขที่ 450 บันทึกดว้ ยลายมือเขียน ตาราตรี
นิสิงเห เลขท่ี 457 มเี น้ือหาซ้ากับตาราตรนี ิสิงเห เลขที่ 454 เช่นเดียวดับสองฉบบั แรก ตาราตรีนสิ งิ เห
เลขท่ี 457 บันทึกด้วยตัวพิมพ์ ในขณะท่ี ตาราตรีนิสิงเห เลขท่ี 454 บันทึกด้วยลายมือเขียน ดังนั้น
ผู้วิจัยได้เลือกฉบับที่เป็นลายมือเขียนเพื่อใช้ในการวิจัย เพราะการเขียนด้วยลายมือนั้นถือว่าเป็นการ
บันทึกเน้ือความโดยตรง ในขณะท่ีฉบับท่ีเป็นตัวพิมพ์ สันนิษฐานว่าคัดลอกมาจากฉบับท่ีเป็น
ลายมือเขียนอีกทอดหนึ่ง ส่วนเกณฑ์ในการคัดเลือกเอกสารต้นฉบับ ผู้วิจัยคัดเลือกจากสภาพของตัว
คมั ภีร์ และโครงสร้างเน้ือหาเปน็ สาคญั กล่าวคือ สภาพของคมั ภีรต์ น้ ฉบบั ตอ้ งมีความสมบรู ณ์ สามารถ
อ่านได้เกือบท้ังหมด ไม่ชารุดฉีกขาด เนื้อหาของคัมภีร์ต้องประกอบด้วยโครงสร้างสาคัญที่จัดเป็น
คัมภีร์ตรีนิสิงเห ส่วนแหล่งสืบค้นอื่น ๆ ได้แก่ วัดโบราณท่ีเคยมีพระเกจิอาจารย์ที่มีช่ือเสียงหรือเคย
เป็นสานักเรียนเลขยันต์ และจากนักสะสมเอกสารโบราณเอกชน ผู้วิจัยได้พบคัมภีร์ต้นฉบับอีก 2
สานวน มาใช้ในงานวิจัยฉบับนี้ โดยใช้เกณฑ์การคัดเลือกข้างต้น จากการสารวจคัมภีร์ต้นฉบับ ผู้วิจัย
ไดเ้ ลือกคัมภีร์ตรีนิสิงเหมาท้ังหมด 6 สานวนซึ่งมีความแตกตา่ งกันในรายละเอยี ด ดังจะได้กล่าวในข้อ
ตอ่ ไป

19

2.2 ต้นฉบับคมั ภรี ์ตรนี ิสงิ เหที่ใช้ในงานวจิ ยั

คัมภีร์ตรีนิสิงเหมีความสาคัญย่ิงในฐานะเป็นคัมภีร์ท่ีอธิบายความรู้พื้นฐานเก่ียวกับเลข ท่ีมา
ของเลข การทากลเลขและคาถาที่เป็นหัวใจที่ปรากฏในยันต์ ผู้วิจัยเลือกศึกษาคัมภีร์ตรีนิสิงเห ด้วย
เหตุผลที่กล่าวไปแล้วข้างต้น ในส่วนการคัดเลือกต้นฉบับผู้วิจัยเลือกเอาเพียง 6 สานวนเท่านั้น โดย
เลอื กคมั ภีรต์ รนี สิ งิ เหที่มีแหลง่ ทมี่ าแตกต่างกัน เพ่ือทาการศกึ ษาเปรียบเทยี บข้อมูล ส่วนคัมภรี ์ตรีนสิ ิง-
เหสานวนอ่ืน ๆ แม้ไม่ได้ใช้ศึกษาเป็นหลัก แต่ได้นามาใช้ศึกษาเป็นส่วนประกอบของงานวิจัยน้ี
เนื่องจากชารุดมาก หรือมีเฉพาะองค์ความรู้บางส่วนที่ไม่สมบูรณ์ และไม่สามารถนามาเทียบเคียงกับ
สานวนอน่ื ได้ อยา่ งไรก็ตามในการเทยี บเคยี งคัมภีรต์ ้นฉบับทัง้ 6 สานวน ไมส่ ามารถใชว้ ิธีเทียบแบบ 1
ต่อ 1 ได้ บางสานวน ในส่วนท่ีชารุดเสียหาย มีข้อความที่ขาดหายไป ไม่สามารถที่จะนาข้อความจาก
สานวนอ่ืนมาเติมให้สมบูรณ์ได้ เพราะไม่มีคัมภีร์ตรีนิสิงเหฉบับใดเลยท่ีมีเน้ือความเหมือนกันทุก
ประการ อาจเปน็ เพราะการสืบทอดในสมัยโบราณทีเ่ ปน็ แบบมุขปาฐะ แตส่ ิ่งทส่ี ามารถเทียบกับได้ คือ
โครงสร้างหลักท่ีคัมภีร์ตรี-นิสิงเหมีหรือควรจะมี ได้แก่ 1. บทนมัสการครู 2. การทาอัตราเลขทวาท
สมงคล 3. ความหมายของอัตราเลขทวาทสมงคล 4. การคูณหารอัตราทวาทสมงคล 5. อุปเท่ห์
วิธีการนาเอาผงตรีนิสิงเหและยันต์ที่ได้ไปใช้ โดยคัมภีร์ตรีนิสิงเหทั้ง 6 สานวนท่ีคัดเลือกมาเพื่อใช้ใน
งานวจิ ยั ฉบับน้มี ีความเป็นมาดังนี้

2.2.1 คมั ภรี ์ตรีนิสงิ เห สานวน ก

- แหล่งท่มี า: ส่วนงานเอกสารโบราณ หอสมุดแหง่ ชาติ พระนคร เลขที่ 15

- วสั ด:ุ สมดุ ไทดา เขียนด้วยดนิ สอ(ขาว)

- อายุ/สมัย: รัตนโกสินทรต์ อนตน้

- ตัวอักษรและภาษาท่ีใช้ในการบันทึก: ตัวอักษรไทยใช้เขียนภาษาไทย ในส่วนท่ีเป็น
คาอธบิ าย และอุปเท่ห์ ตวั อักษรขอมใช้เขียนภาษาบาลี คาถาตา่ ง ๆ และโองการ

- สภาพเอกสาร: ลกั ษณะทางกายภาพของตวั คัมภรี ์จัดว่ามีความสมบรู ณ์มาก

20

- ส่วนประกอบ: การทาอัตราทวาทสมงคล ที่มาของเลขทวาทสมงคล การคูณหารอตั รา
ทวาทสมงคล และอุปเทห่ ์วธิ ีการนาเอาผงตรนี ิสิงเหไปใชส้ รา้ งวตั ถุมงคล

- ความสาคัญของตน้ ฉบับ: เป็นสานวนท่ีเก่าที่สุด มีโครงสร้างเน้ือหามากท่ีสุดถึง 4 สว่ น
ด้วยกัน ที่สาคัญเป็นเพียงหนึ่งในสองสานวนท่ีปรากฏที่มาของอัตราเลขทวาทสมงคล ซ่ึงใช้ใน
การศึกษาแนวคิดด้านความเช่ือและศาสนา คัมภีร์ตรีนิสิงเห สานวน ก น้ีพบต้นฉบับที่เหลืออยู่เพียง
ฉบับเดียว

2.2.2 คมั ภรี ต์ รีนิสงิ เห สานวน ข

- แหล่งทม่ี า: สว่ นงานเอกสารโบราณ หอสมุดแหง่ ชาติ พระนคร เลขที่ 450 นายพรหม
ขมาลา คัดลอกจากต้นฉบบั ของพระสมุห์เฉื่อย วัดสังเวช ไดม้ าจากหลวงคชริษฐ์ (ไผ่) คัดลอกเมื่อ 28
กรกฎาคม พ.ศ. 2481

- วสั ด:ุ กระดาษฝรั่ง เขยี นดว้ ยหมกึ

- อาย/ุ สมัย: 80 ปี

- ตัวอักษรและภาษาท่ีใช้ในการบันทึก: ตัวอักษรไทยใช้เขียนภาษาไทย และภาษาบาลี
ในส่วนท่เี ป็นคาถาตา่ ง ๆ และตัวอกั ษรในยันต์

- สภาพเอกสาร: ลักษณะทางกายภาพของตัวคัมภีรจ์ ัดว่ามีความสมบูรณ์มาก

- ส่วนประกอบ: บทนมัสการครู การทาอัตราทวาทสมงคล การคูณหารอัตราทวาทสมง
คล และอปุ เทห่ ์

- ความสาคัญของตน้ ฉบบั : เปน็ สานวนทไ่ี ดร้ บั การคัดลอกจากผูท้ ีม่ คี วามรู้ด้านการลบผง
ท่ีเชื่อถือได้ในอดีต เป็นสานวนท่ีมีการพิมพ์เผยแพร่ ปรากฏในหนังสือพระสมเด็จฯ ของ ตรียัมปวาย
และ หนังสอื คัมภีร์พระเวท ตตยิ บรรพ ของ เทพย์ สารกิ บตุ ร

21

2.2.3 คัมภีร์ตรนี ิสงิ เห สานวน ค
- แหล่งท่ีมา: ส่วนงานเอกสารโบราณ หอสมุดแห่งชาติ พระนคร เลขท่ี 454 นายพรหม

ขมาลา คัดลอกจากต้นฉบับของพระสมุห์เฉื่อย วัดสังเวช ได้มาจากหมอบุญ (สันนิษฐานว่าเป็น
อาจารยด์ า้ นเลขยนั ต์และหมอพ้นื บา้ น) คดั ลอกเม่อื 1 สิงหาคม พ.ศ. 2481

- วสั ด:ุ กระดาษฝรงั่ เขียนดว้ ยหมึก

- อายุ/สมัย: 80 ปี

- ตัวอักษรและภาษาที่ใช้ในการบันทึก: ตัวอักษรไทยใช้เขียนภาษาไทย และภาษาบาลี
ในสว่ นทีเ่ ป็นคาถาตา่ ง ๆ และตัวอกั ษรในยนั ต์

- สภาพเอกสาร: ลกั ษณะทางกายภาพของตวั คัมภีรจ์ ัดว่ามคี วามสมบูรณม์ าก

- ส่วนประกอบ: การทาอัตราทวาทสมงคล การคูณหารอัตราทวาทสมงคล

- ความสาคญั ของต้นฉบับ: เป็นสานวนทไี่ ดร้ บั การคดั ลอกจากผทู้ ่ีมคี วามรู้ดา้ นการลบผง
ท่ีเชื่อถือได้ในอดีต เป็นอีกหนึ่งสานวนที่มีการพิมพ์เผยแพร่ ปรากฏในหนังสือพระสมเด็จฯ ของ
ตรียมั ปวาย และ หนงั สอื คัมภีร์พระเวท ตติยบรรพ ของ อาจารย์เทพย์ สารกิ บตุ ร

2.2.4 คมั ภรี ์ตรีนิสงิ เห สานวน ง
- แหล่งที่มา: ส่วนงานเอกสารโบราณ หอสมุดแห่งชาติ พระนคร เลขท่ี 58 หลวงภักดี

อดศิ ยั (ปาน วิมกุ ตกุล) บันทกึ เมื่อ ปี พ.ศ. 2481

- วัสด:ุ กระดาษฝรง่ั เขียนดว้ ยหมึก

- อาย/ุ สมยั : 80 ปี

- ตัวอักษรและภาษาท่ีใช้ในการบันทึก: ตัวอักษรไทยใช้เขียนภาษาไทย ในส่วนท่ีเป็น
คาอธิบาย และอุปเท่ห์ ตัวอกั ษรขอมใช้เขยี นภาษาบาลี คาถาต่าง ๆ และโองการ

22

- สภาพเอกสาร: ไม่สมบรู ณ์ เนื่องจากเนื้อหาบางส่วนหายไป แตส่ ่วนท่ีเหลืออยู่สามารถ
อ่านได้ชัดเจน

- ส่วนประกอบ: การทาอัตราทวาทสมงคล ท่ีมาของเลขทวาทสมงคล

- ความสาคัญของต้นฉบับ: เป็นสานวนท่ีไดร้ ับการคัดลอกโดยผู้ท่ีมีความรู้ และเปน็ หนึ่ง
ในสองสานวนที่ปรากฏท่ีมาของอัตราทวาทสมงคล สามารถนามาใช้เปรียบเทียบกับคัมภีร์ตรีนิสิงเห
สานวน ก ได้

2.5.5 คมั ภีรต์ รนี ิสงิ เห สานวน จ

- แหล่งท่ีมา: สมบัติของวัดบางคณฑีใน เดิมเป็นของ พระครูพิศาลสมุทรคุณ (หลา
สุขวโร) อดตี เจ้าอาวาสวัดบางคณฑใี น อาเภอบางคณฑี จงั หวัดสมุทรสงคราม

- วัสด:ุ กระดาษฝร่ัง เขียนดว้ ยหมึก

- อาย/ุ สมัย: ประมาณ 50-60 ปี โดยเทยี บจากช่วงเวลาทผ่ี บู้ นั ทึกมีชวี ิตอยู่ (พ.ศ. 2464-
2536)

- ตัวอักษรและภาษาท่ีใช้ในการบันทึก: ตัวอักษรไทยใช้เขียนภาษาไทย ในส่วนที่เป็น
คาอธิบาย และอุปเท่ห์ ตัวอักษรขอมใช้เขยี นภาษาบาลี คาถาต่าง ๆ และโองการ

- สภาพเอกสาร: ลักษณะทางกายภาพของตัวคมั ภรี ์จดั ว่ามคี วามสมบูรณ์มาก

- ส่วนประกอบ: การทาอัตราทวาทสมงคล การคณู หารอัตราทวาทสมงคล และอปุ เทห่ ์

- ความสาคัญของต้นฉบับ: คัมภีร์ตรีนิสิงเห สานวน จ มีความน่าสนใจอย่างยิ่งเพราะ
เป็นสานวนท่ีเคยถูกใช้จริง โดยพระเกจิอาจารย์ผู้เป็นท่ีเคารพนับถือของชุมชน อีกท้ังลักษณะการ
บันทึกของคัมภีร์ตรีนิสิงเห สานวน จ นี้มีความแตกต่างจากคัมภีร์ตรีนิสิงเหฉบับอื่น ด้วยเนื้อความมี
ลักษณะเป็นคาบอกเล่า ในบางช่วงคล้ายกับงานประพันธ์ประเภทร่าย มีสัมผัสนอกในบา้ ง สันนิษฐาน
ว่าพระครูพิศาลสมุทรคุณ ได้เล่าเรียนคัมภีร์ตรีนิสิงเหมาจากพระสานักเรียนไสยศาสตร์ของจังหวัด
สมุทรสงคราม ซ่ึงส่งผ่านความรู้จากรุ่นสู่รุ่นจนมาถึงตัวของท่าน ดังน้ันตัวคัมภีร์ตรีนิสิงเห สานวน จ

23

ได้รับการบันทึกโดยผู้ศึกษา เพ่ือนาไปใชง้ านจริงในชว่ งเวลาร่วมสมัย จึงควรนามาเปรียบเทียบให้เห็น
ถึงการสืบทอดองคค์ วามรสู้ บื ตอ่ ไป

2.2.6 คมั ภรี ต์ รนี ิสงิ เห สานวน ฉ

- แหล่งที่มา: เดิมเป็นสมบัติของ อาจารย์พิทยา ปะทีปเสน อาจารย์วิชาเลขยันต์และ
ไสยศาสตร์ ไดม้ าจาก นายเจรียญ (ไม่ทราบนามสกุล) ศิษย์ของอาจารย์เทพย์ สาริกบตุ ร อาจารย์ด้าน
เลขยันตท์ ่ีมีชื่อเสียง และเป็นผู้เขียนหนังสือคัมภีร์พระเวทท้ัง 6 เล่ม โดยนายชาตรี ศิววัฒน์ ศิษย์ของ
อาจารย์เทพย์ สาริกบตุ ร และอาจารย์ พิทยา ปะทปี เสน ได้ทาสาเนาไว้

- วัสด:ุ กระดาษฝรั่ง จารึกตวั อักษรดว้ ยหมึก

- อาย/ุ สมยั : ประมาณ 80-90 ปี

- ตัวอักษรและภาษาท่ีใช้ในการบันทึก: ตัวอักษรไทยใช้เขียนภาษาไทย ในส่วนท่ีเป็น
คาอธบิ าย และอุปเทห่ ์ ตัวอกั ษรขอมใช้เขียนภาษาบาลี คาถาต่าง ๆ และโองการ ตัวเลขในยันต์ใช้เลข
โหราศาสตร์ซง่ึ เปน็ ตวั เลขเฉพาะในการเขียน

- สภาพเอกสาร: ลกั ษณะทางกายภาพของตวั คมั ภีร์มคี วามเลอื น แต่ยงั พอทจ่ี ะอ่านได้

- สว่ นประกอบ: การทาอัตราทวาทสมงคล การคณู หารอตั ราทวาทสมงคล และอุปเทห่ ์

- ความสาคัญของต้นฉบับ: คมั ภีรต์ รีนิสิงเห สานวน ฉ มีความนา่ สนใจในขอ้ ที่ว่าเป็นเล่ม
ท่ีอาจารย์ฆราวาสผู้มีช่ือเสียงเคยใช้จริง อีกทั้งลักษณะการบันทึกของคัมภีร์ตรีนิสิงเห สานวน ฉ มี
ความแตกต่างจากคัมภีร์ตรีนิสิงเหฉบับอื่น ๆ เนื้อความมีลักษณะเป็นการจดไว้กันลืม ไม่ปรากฏ
รายละเอียดในเน้ือหามากนัก มีเพียงตัวเลขและตัวคาถาสาหรับเสกเท่าน้ัน ไม่มีวิธีการทา ไม่มีวิธีใช้
โดยละเอยี ด แสดงให้เห็นวา่ คัมภรี ์เล่มนี้ตอ้ งอาศัยผู้อรรถาธิบายจึงสามารถเข้าใจได้ อีกท้ังคัมภรี ์ตรี-นิ
สิงเหฉบับ ฉ นี้มีการหารอัตราเลขทวาทสมงคลที่ไม่เหมือนที่กล่าวไว้ในสานวนอื่น และไม่เคยพบ
วิธกี ารนใ้ี นตาราเลขยันต์ใด ๆ ผวู้ จิ ัยจึงเห็นว่ามีความสาคญั ในการนามาศึกษาเปรยี บเทยี บ

24
2.3 การปรวิ รรตและการตรวจสอบชาระ

การปริวรรต คือ การแปลงอักษรหรืออกั ขรวธิ ีจากระบบการเขียนหนึ่งไปสู่อกี ระบบการเขยี น
หน่ึง แบบคาต่อคาหรืออักษรตอ่ อักษรอยา่ งมีหลักการ เมื่อทาการปริวรรตแล้วสามารถแปลงกลับเป็น
อักษรและอักขรวิธีเดิมได้ ซึ่งผู้วิจัยได้ปริวรรตอักษรขอม ภาษาบาลี และอักษรขอม ภาษาไทย เป็น
อกั ษรไทย รวมทง้ั อกั ษรในตารางยนั ต์ เปน็ อกั ษรไทย การปริวรรตคัมภีร์ตรีนสิ งิ เหทกุ สานวน ผู้วิจัยจะ
คงอักขรวิธี เนอ้ื หารวมท้ังรปู แบบภาษาและยนั ตต์ า่ ง ๆ ไวต้ ามต้นฉบับทกุ ประการ

ตัวอย่างที่ 2.1 การปริวรรตข้อความจาก คัมภีร์ตรีนิสิงเห สานวน ก ที่เขียนด้วยอักษรขอม
ภาษาบาลี เปน็ อกั ษรไทย ภาษาบาลี

ตรีนิสิงฺเห สตตฺ นาเค ปญฺจพิสสลู นเมว จ จตฺตุเทวา ฉวสฺสราชา ปญฺจอนิ ฺตรา นเมว จ เอก ยกฺข นวเท
วา ปญจฺ พฺรหมฺ าสหบดี ทเวราชา อตถฺ อรหนฺตา ปญฺจพทุ ฺธา นมามิห

ตวั อย่างที่ 2.2 การปรวิ รรตยนั ต์จาก คัมภรี ต์ รีนสิ งิ เห สานวน ก ท่ีเขยี นด้วยอักษรขอม ภาษา
บาลี เป็น อักษรไทย ภาษาบาลี

มีข้อน่าสังเกตอีกประการหน่ึง คือ เลขท่ีใช้ในคัมภีร์ตรีนิสิงเห สานวน ฉ ไม่ได้ใช้เลขไทย
เหมือนคัมภีร์ตรีนิสิงเหสานวนอ่ืน ๆ แต่ใช้เลขโหราศาสตร์แทน การท่ีคัมภีร์ตรีนิสิงเหสานวนนี้ใชเ้ ลข
โหราศาสตร์ อาจเป็นเพราะเป็นสานวนท่ีตกทอดในสานักของ อาจารย์เทพย์ สาริกบุตร ซึ่งเป็นผู้ท่ีมี

25
ความรู้ด้านโหราศาสตร์เป็นอย่างดี ดังนั้นจึงใช้เลขโหราศาสตร์แทนเลขไทย ซึ่งผู้ที่ไม่มีความรู้
โหราศาสตร์จะไมม่ ที างรวู้ ่า เป็นตวั เลขหรอื ตัวอักษรอะไร

ตัวอย่างท่ี 2.3 การปริวรรตยันต์ที่มีตัวเลขจาก คัมภีร์ตรีนิสิงเห สานวน ฉ ท่ีเขียนด้วยเลข
โหราศาสตร์ เป็น เลขไทย

การตรวจสอบต้นฉบับคัมภีร์ตรีนิสิงเห ผู้วิจัยได้พิจารณาดูความเรียบร้อย และตรวจดูความ
ถกู ต้องของต้นฉบับคมั ภีรต์ รนี ิสิงเหท้ัง 6 สานวน ไดแ้ ก่ คาต่าง ๆ อกั ขระในยันต์ เลขทง้ั ในเนื้อหา และ
เลขในยันต์ รูปสญั ลกั ษณต์ า่ ง ๆ เช่น พระเจ้า 5 พระองค์ องค์พระ อุณาโลม อุโองการ สูรย์ จันทร์ ดงั
ตัวอย่างต่อไปน้ี เนื้อหาในคัมภีร์ตรีนิสิงเหแบ่งออกเป็นสองส่วน คือ ส่วนท่ีเป็นข้อความ และส่วนท่ี
เป็นรูปยันต์ ในกรณีท่ีต้นฉบับรางเลือน ผู้วิจัยใช้เทคโนโลยีและเคร่ืองมือช่วยในการตรวจสอบ จน
สามารถอา่ นได้ มีเพียงไม่ก่ีกรณีที่ตัวอักษรลบเลือนไปมาก จนไม่สามารถอา่ นได้ ผู้วิจัยจาเป็นตอ้ งเวน้
วา่ งไว้

26
ตัวอย่างท่ี 2.4 การตรวจสอบข้อความท่ีรางเลือนจาก คัมภรี ์ตรีนิสิงเห สานวน ก ท่ีเขียนด้วย
อักษรไทย ภาษาไทย ในส่วนที่ขีดเส้นใต้เป็นส่วนท่ีรางเลือนมาก แต่ยังพอท่ีจะสามารถอ่านได้ โดย
อาศยั เทคโนโลยีชว่ ย จงึ สามารถสนั นษิ ฐานคาอ่านได้

เอาดอกบัว ๑ แล้วเอาดอกไม้ ๑๐๘ จึงตากใหแ้ หง้ แลว้ เอาเกษรบลู นาก ๑
ตวั อย่างที่ 2.5 การตรวจสอบข้อความที่รางเลือนจาก คัมภีร์ตรีนิสิงเห สานวน ก ที่เขียนดว้ ย
อกั ษรขอมในยนั ต์ และเลขท่ลี ้อมยันต์

ตวั อย่างท่ี 2.6 ขอ้ ความทร่ี างเลือนมาก จนไมส่ ามารถอา่ นได้ จาก คัมภีร์ตรนี ิสงิ เห สานวน ก

เน้อื ความนอี้ า่ นได้เพยี ง ......... อกขฺ รยนตฺ วกิ รงึ ขเรฯ ข้อความกอ่ นหนา้ น้ไี ม่สามารถอ่านได้

27
ตวั อย่างที่ 2.7 การตรวจสอบข้อความจาก คัมภีร์ตรีนิสิงเห สานวน ค ที่มีการย่อไว้ ผู้วจิ ัยได้
ค้นคว้าหาข้อมูลที่สามารถทาให้ผู้อ่านเข้าใจส่วนท่ีย่อได้ โดยให้รายละเอียดในเชิงอรรถ ภาษาบาลี
เป็น อักษรไทย ภาษาบาลี

นโม เทวา มนสุ สฺ าน มาบงั เกดิ เปน็ ตัว อ ลบ อ เปน็ อ ส วิ สุ โล ปุ ส พุ ภ ลงในฐานพระ
ส สตฺตนาค นาเค สพฺเพ ชน มาบงั เกดิ เปน็ ตวั ส ลบ ส เป็น ส วิ ธา ปุ ก ย ป
ตัวอย่างที่ 2.8 การตรวจสอบตัวเลขจาก คัมภีร์ตรีนิสิงเห สานวน ข ที่บันทึกผิดพลาด ใน
กรณีที่ตรวจพบ ผู้วจิ ัยได้แก้ตัวเลขให้ถูกต้องสมบูรณ์ไว้ในเชิงอรรถ เพ่ือให้ผู้อ่านสามารถเปรียบเทียบ
ไดว้ ่า ตน้ ฉบบั เดมิ เป็นเช่นไร และสว่ นที่แก้ไขใหถ้ กู ต้องเปน็ เช่นไร

ปรับแกอ้ ัตราเลขใน ยันต์ตราพระราชสีห์ ให้ถูกต้อง 3 6 5 4 6 5 1 9 5 2 8 5 เป็น 3 7 5 4
65195285

28
ตัวอย่างที่ 2.9 การตรวจสอบขอ้ ความจาก คัมภรี ต์ รนี สิ งิ เห สานวน ค ทไ่ี ม่สมบรู ณ์ เนอ้ื หามี
การยอ่ โดยผ้บู นั ทึกใช้เครื่องหมายบุพสญั ญา (“) และเครอ่ื งหมายยัติภังค์ (-) ในการบอกความซา้ หรือ
การยอ่ ความ ในสว่ นทีอ่ ่านเขา้ ใจไดช้ ัดเจน ไมม่ ปี ัญหา ผ้วู จิ ยั คงได้ตามต้นฉบับเดมิ แต่ในสว่ นที่มีการ
ยอ่ ในการตรวจสอบชาระ ผวู้ จิ ัยได้ค้นควา้ และให้ความรเู้ พ่มิ เตมิ ไว้ในเชิงอรรถ

เอาทวาทสมงคลต้ัง เอา ๔ บวก เปน ๑๖ แล้วเอา ๔ หาร ไดล้ ัภ ๔ เอาลัภตั้ง เอา ๒ คูณ ได้
๘ แล้วเอา ๔ หารไดล้ ัภ ๒ คือ เทวราชา (ทเวราชา) (น ร (นาม รปู ) ต้นฉบับเว้นที่วา่ งไว้ ไม่ได้อธิบาย
ว่า น ร คือหัวใจอะไร คัมภีร์ตรีนิสิงเห สานวน ค ฉบับท่ีพิมพ์เผยแพร่ในหนังสือ คัมภีร์พระเวท ตติย
บรรพของ อาจารยเ์ ทพย์ สาริกบตุ ร ไมไ่ ดใ้ ห้ทมี่ าเอาไวเ้ ชน่ กัน

ตัวอย่างที่ 2.10 การตรวจสอบข้อความจาก คัมภีร์ตรีนิสิงเห สานวน ง ท่ีเนื้อความที่ไม่
ถกู ตอ้ ง

เน้ือความในคัมภีร์ตรีนิสิงเห สานวน ง มีเน้ือความว่า ตั้ง (เลขทวาทสมงคล หรือ เลข ๑๒)
เอา ๔ บวก ๔ หารลัภเปน ๕ ตราไว้ เอา ๔ บวก ๔ หารลัภเปน ๒ ตราไว้ ตัง้ (เลขทวาทสมงคล หรือ
เลข ๑๒) เอา ๒ บวก ๒ คูณ ๔ หารลภั เปน ๘ ตราไว้ เมื่อทาการ บวก ลบ คณู หาร แลว้ ไมไ่ ด้ผลลัพธ์
ดังนน้ั เน้อื ความท่ถี ูกต้องควรเปน็ ดงั นี้

29

ตงั้ (เลขทวาทสมงคล หรอื เลข ๑๒) เอา ๒ ลบ เอา ๒ คูณ เอา ๔ หารลภั เปน ๕ ตราไว้ เอา
๔ ลบ ๔ หารลภั เปน ๒ ตราไว้ ตงั้ (เลขทวาทสมงคล หรอื เลข ๑๒) เอา ๒ บวก ๒ คูณ เอา ๔ บวก ๔
หารลภั เปน ๘ ตราไว้ จงึ จะไดผ้ ลลพั ธท์ ถ่ี กู ตอ้ ง

ในส่วนการชาระ ผู้วิจัยได้วินิจฉัยข้อความตกหล่นหรือไม่ชัดเจน โดยให้ข้อสังเกตหรือ
คาอธิบายไว้ในเชิงอรรถคัมภีร์ตรีนิสิงเหทั้ง 6 สานวน ซึ่งได้ทาการชาระตัวอักษรไทย ภาษาไทย และ
ตัวอักษรไทย ภาษาบาลี โดยใชร้ ปู แบบการชาระแบบรักษารปู แบบอักขรวิธเี ดมิ ยกเวน้ สานวน ก ทใี่ ช้
การชาระทั้งแบบรักษารูปแบบอักขรวิธีเดิมและปรับเป็นภาษาปัจจุบัน เนื่องจาก คัมภีร์ตรีนิสิงเห
สานวน ก ใช้ภาษาไทยโบราณ สมัยรัตนโกสินทร์ตอนต้น ทาให้อ่านเข้าใจยากมาก เนื่องจากอักษร
และอักขรวิธีในช่วงเวลาดังกล่าวมีความต่างจากอักขรวิธีปัจจุบัน ส่วนคัมภีร์ตรีนิสิงเห สานวนอื่น ๆ
ซ่ึงบนั ทกึ ในเวลาย้อนหลังไปไม่เกนิ 100 ปี รูปแบบอกั ขรวิธีจงึ ใกล้เคยี งกับปัจจุบนั สามารถอา่ นเข้าใจ
ไดไ้ ม่ยาก ดงั ตัวอยา่ งตอ่ ไปนี้

ตัวอยา่ งท่ี 2.11 วธิ กี ารชาระตน้ ฉบับ เนือ้ ความจาก คมั ภรี ต์ รนี ิสิงเห สานวน ก

(เน้ือความตามอักขรวิธีเดิม) ถาจะให้คงกระพันชาตรี เอาผงด่ินส่อมาเสก ถาจปลูกเครื่อง
เอาผงดินส่อมาเสกในใจอม ผงด่นิ สอเสก แลเครื่องก็ดีคาถาดีมอิ ยู่เลย ถาจเปนความเสกผงดิ่นส่อ
ทาตัวเราฉณ่แล

(เน้ือความที่ปริวรรตเป็นอักขรวิธีปัจจุบัน) ถ้าจะให้คงกระพนั ชาตรี เอาผงดินสอมาเสก ๗ ที
ถ้าจะปลุกเครื่องเอาผงดนิ สอมาเสกในใจอม ผงดินสอเสก ๗ ที แลเครอื่ งก็ดคี าถาดีมิอยู่เลย ถ้าจะเปน็
ความเสกผงดนิ สอ ทาตวั เราชนะแล

30

2.4 อักษรและรูปแบบอกั ขรวิธี
ต้นฉบับคัมภีร์ตรีนิสิงเหท้ัง 6 สานวน หากแบ่งตามรูปแบบอักษรและอักขรวิธีท่ีใช้เขียน

สามารถแยกออกไดเ้ ปน็ สองกลุ่ม คือ ต้นฉบบั ที่มีอายุในสมัยรัตนโกสินทร์ตอนต้น (ก่อนสมัยรัชกาลที่
3) ซึง่ ไดแ้ ก่ คมั ภีรต์ รีนสิ ิงเห สานวน ก และตน้ ฉบับทม่ี อี ายุหลังจากสมยั รัตนโกสนิ ทรต์ อนต้น ซงึ่ ได้แก่
คัมภีร์ตรีนิสิงเห สานวน ข สานวน ค สานวน ง สานวน จ และสานวน ฉ ซ่ึงจะได้ทาการศึกษาแยก
เป็นสองกลุ่ม เพราะต้นฉบับสานวน ก มีรูปแบบอักษรและอักขรวิธีท่ีแตกต่างจากสมัยปัจจุบันมาก
ส่วนต้นฉบับในกลุ่มที่สองนี้มีรูปแบบอักษรและอักขรวิธีแทบไม่ต่างจากปัจจุบนั มีเพียงคาบางคาที่ยัง
ใช้ภาษาแบบเก่าอยู่ และดว้ ยอายุของตน้ ฉบบั กลุม่ นมี้ ีความใกล้เคยี งกัน จงึ ทาการวเิ คราะห์รว่ มกันได้

2.4.1 อกั ษรทใ่ี ชใ้ นการจารกึ
จากการศึกษาคัมภรี ์ตรนี ิสงิ เห สานวน ก พบวา่ มีการใช้อักษร 3 ประเภท ไดแ้ ก่
- อักษรไทย ภาษาไทย ใช้ในส่วนที่เป็นการ
บรรยายขั้นตอนการทาอัตราทวาทสมงคล การอธิบายท่ีมาของเลขและ
หวั ใจคาถาตา่ ง ๆ ตลอดจนอุปเทห่ ์และวธิ ีการนาเอาความรใู้ นคัมภรี ์ไปใช้
- อักษรขอม ภาษาไทย ใช้ในส่วนที่เป็นยันต์ และ
ใ ช้ ใ น ส่ ว น ที่ เ ป็ น ม น ต์ ใ ช้ ร่ ว ม กั บ ภ า ษ า บ า ลี เ ช่ น
พทุ ฺธํยดุ ธมมฺ ยํ ุด สงฆฺ ํยดุ
- อักษรขอม ภาษาบาลี ใชใ้ นส่วนทเี่ ป็นมนต์ เช่น

อิติปารมิตาตสึ า ฯลฯ อติ ิปิโสจเตนโมพุทฺธาย ฯ อณุ าโลมกํ สมุ พํ นฺธํ และใช้ในคาถาที่เป็นหัวใจ เชน่

สํ วิ ธา ปุ ก ย ป, น โม พุทฺ ธา ย, อ สํ วิ สุ โล ปุ ส พุ ภ เปน็ ต้น

31

สานวน ข และ สานวน ค ใช้อกั ษรไทยในการเขียนทั้งภาษาไทย และภาษาบาลี ไม่มี
การใช้อักษรขอม โดยส่วนท่ีเป็นคาถานมัสการใช้ทั้งภาษาบาลีและภาษาไทย ส่วนคาถาสาหรับเสก
หัวใจต่าง ๆ อักษรในยันต์ต่าง ๆ ใช้อักษรไทย ภาษาบาลีเขียน วิธีทาและอุปเท่ห์การนาความรู้ไปใช้
เขยี นดว้ ยภาษาไทย

สานวน ง ใชอ้ กั ษรในการเขยี น 2 ประเภท โดยใช้อักษรขอม ภาษาบาลี ในการเขยี น
คาถา และหวั ใจตา่ ง ๆ อกั ษรไทย ภาษาไทย ใช้ในการอธิบายอัตราเลข และท่ีมาของเลข

สานวน จ ใช้อักษรในการเขียน 2 ประเภท โดยใช้อักษรขอม ภาษาบาลี ในการ
เขียน คาถา และหัวใจตา่ ง ๆ อกั ษรไทย ภาษาไทย ใชใ้ นการอธิบายวธิ ีทายันต์ และอุปเท่ห์ในการเอา
ผงไปใช้

สานวน ฉ ใชอ้ ักษรในการเขียน 3 ประเภท โดยใช้อกั ษรขอม ภาษาบาลี ในการเขียน
อักษรในยันต์ และหัวใจต่าง ๆ อักษรไทย ภาษาบาลี ใช้ในการเขียนคาถาสาหรับเสกอัตราเลข
อักษรไทย ภาษาไทย ใช้ในการอธิบายวธิ ีทายันต์ และอปุ เท่ห์

2.4.2 รปู แบบอักขรวิธี

อักขรวิธีท่ีใช้ในคัมภีร์ตรีนิสิงเหแต่ละสานวนมีความแตกต่างกัน เน่ืองมาจาก
ช่วงเวลาท่ีถูกบันทึกก่อนหลังไม่เท่ากัน โดยรูปแบบอักขรวิธีสามารถนาไปกาหนดช่วงเวลาท่ีคัมภีร์
ตรีนิสิงเหถูกเขียนหรือบันทึก โดยเฉพาะคัมภีร์ตรีนิสิงเหสานวนท่ี 1 ซึ่งมีความเก่าแก่ท่ีสุด ดังนั้น
อักขรวิธีท่ีใช้จึงมีความแตกต่างจากอักขรวิธีในปัจจุบันมาก ส่วนอักขรวิธีที่ใช้ในคัมภีร์ตรีนิสิงเห
สานวน ข สานวน ค สานวน ง สานวน จ และสานวน ฉ มีความแตกต่างจากอักขรวิธีปัจจุบันไม่มาก
ยังมีรูปแบบการสะกดและสัญลักษณ์พิเศษไม่กี่สัญลักษณ์เท่าน้ัน จึงทาการศึกษารูปแบบภาษาโดย
แบ่งคัมภีร์ตรีนิ-สิงเหออกเป็นสองกลุ่ม คือ กลุ่มท่ีมีอายุเกิน 100 ปี ได้แก่ คัมภีร์ตรีนิสิงเห สานวน ก
และกลุ่มที่มีอายุต่ากว่า 100 ปี ได้แก่ คัมภีร์ตรีนิสิงเห สานวน ข ค ง จ และ ฉ โดยลักษณะของ
อักขรวธิ ีคัมภีรต์ รีนิสิง-เหเทา่ ทร่ี วบรวมไดม้ ลี ักษณะ ดงั น้ี

32

2.4.2.1 อักขรวิธีภาษาไทย
ก. คัมภรี ต์ รนี ิสงิ เห สานวน ก

- พยัญชนะ ข ท่ีเป็นพยัญชนะต้นพยางค์ มีการใช้ ฃ แทน เช่น คาว่า ของ
หอม เขยี นเป็น ฃองหอม

- พยัญชนะ ข ท่ีเป็นพยัญชนะต้นพยางค์ มีการใช้ ค แทน เช่น คาว่า ขี้ผ้ึง
เขยี นเปน็ คผี ึง เปน็ ต้น

- พยัญชนะ ฉ และ ช ท่ีเป็นพยัญชนะต้นพยางค์มีการใช้ สลับกัน เช่น
คาวา่ ฉัททันต์ เขียนเปน็ ชัดทนั ชนะ เขยี นเป็น ฉ่น

- พยัญชนะ ซ ท่ีเป็นอักษรต้นพยางค์ มีการใช้ ทร แทน เช่น คาว่า ซ้าย
เขียนเปน็ ทรา้ ย เป็นต้น

- พยัญชนะ พ และ ภ ท่ีเป็นพยัญชนะต้นพยางค์ มีการใช้สลับกัน เช่น
คาวา่ โพยภยั เขียนเป็น โพยไพ้ โภคา เขยี นเป็น โพคา เปน็ ตน้

- พยัญชนะ ษ ศ ส ท่ีเป็นพยัญชนะต้นพยางค์ มีการใช้สลับกัน เช่น คาว่า
(วัน) ศุกร์เขียนเป็น สุก ศากยะ เขียนเป็น สากยะ อิศวร เขียนเป็น อินสวน ศูนย์ เขียนเป็น สุน มุสา
เขียนเป็น มุษา เกศา เขียนเป็น เกษา ศีล เขียนเป็น สีน สารพัด เขียนเป็น ษาระพัด ศัตรู เขียนเป็น
สัตรู เปน็ ต้น

- พยัญชนะ อย ที่เป็นพยญั ชนะต้นพยางค์ มกี ารใช้ ญ แทน เช่น คาว่า อยา่
สนเท่ห์เลย เขียนเป็น ญาสนเทเลย

- พยัญชนะ อ และ ห ที่เป็นอักษรนา มีการใช้มากกว่าคาในปัจจุบัน เช่น
คาวา่ ยันต์ ใช้เป็น อยนั มิ ใชเ้ ปน็ หมิ

33

- พยัญชนะ ต ธ ษ ส ที่เป็นตัวสะกดในแม่กด มีการใช้ ด แทน เช่น คาว่า
พุธ สะกดเป็น พุด ประสาท สะกดเป็น ประสาด โพธิสัตว์ สะกดเป็น โพธิสัด โสฬส สะกดเป็น โสลด
วเิ ศษสะกดเป็น วิเสด กระดาษ เขยี นเป็น กระดาด วัตถุ เขยี นเปน็ วดั ถุ เปน็ ต้น

- พยัญชนะ น ที่เป็นตัวสะกดในแม่กน มีการใช้ ล แทน เช่น คาว่า มนต์

สะกดเป็น มล

- พยัญชนะ น ท่ีเป็นตวั สะกดในแม่กน มีการใช้ ญ แทน เช่น คาว่า บานมิรู้
โรย สะกดเป็น บาญหมริ ู้โรย

- พยัญชนะ ร ที่เป็นตวั สะกดในแม่กน มีการใช้ น แทน เช่น คาว่า องั คาร
สะกดเป็น อังคาน อิศวร สะกดเป็น อนิ สวน กระบวน สะกดเปน็ กระบวร

- การใชส้ ระ อะ ในคาท่ปี ระสมดว้ ยสระ อะ หรอื คาท่ีอา่ นออกเสียงสระ อะ
นิยมใชเ้ คร่ืองหมายฝนทอง เช่น ทศ่มงคล นาค่เสน ม่หาพหรม โลก่บาญ กระทง เขียนเป็น ก่ทง และ
คาทีป่ ระสมสระ อะ ทมี่ ีตัว น สะกด นยิ มใช้ รร เช่น คาว่า น้ามนั เขียนเปน็ นามรร และคาทีป่ ระสม
สระ อะ ทีม่ ตี ัว ง สะกด นยิ มใช้ งง เชน่ คาวา่ ทง้ั เขียนเป็น ทง้ ง คาว่า ดงั เขยี นเป็น ดงั ง เป็นตน้

- การใช้สระ ไอ คาที่มีสระ ไอ นาหน้าจะนิยมมีพยัญชนะ ย ตามหลัง เช่น
คาว่า ไตรเขียนเป็น ไตรย คาวา่ ได้ เขยี นเปน็ ไดย คาวา่ ชัย เขยี นเป็น ไชย เป็นต้น

- การใช้สัญลักษณ์นิคหิตในคาท่ีมีเสียงสระ “โอะ” เช่น พระปุคคลบัญญัติ
เขียนเป็น ปุกคลปันยัด ทศมงคล เขียนเป็น ทศมงคล องค์ เขียนเป็น องค์ ณรงค์สงคราม เขียนเป็น
ณร่ งสงคราม คงกระพัน เขยี นเป็น คงกระพนั กสั สปะ เขียนเป็น กัษสพ กระทง เขยี นเป็น ก่ทง คงทน
เขียนเป็น คงทน ลง เขียนเป็น ลง เป็นตน้

- วรรณยุกต์ วรรณยุกต์ท่ีนิยมใช้มี 2 รูป ได้แก่ วรรณยุกต์เอก และ
วรรณยุกต์โท แต่ในบางกรณีคาที่มีเสียงวรรณยุกต์เอกหรือวรรณยุกต์โทไม่นิยมใช้รูปวรรณยุกต์ เช่น
กอ่ น เขยี นเปน็ กอร ได้ เขยี นเป็น ได นี้ เขยี นเป็น นี เป็นต้น

34

- อักขรวธิ ที ตี่ ่างไปจากปัจจุบัน อกั ขรวิธที ่ีใช้ในตาราตรีนิสงิ เห สานวน ก คา
เดียวกันมีทั้งลักษณะที่ใช้อักขรวิธีที่เหมือนกัน อักขรวิธีที่ไม่มีหลักเกณฑ์ที่ตายตัว สันนิษฐานว่า เกิด
จากการถ่ายทอดด้วยระบบมุขปาฐะ มีผลให้รูปแบบอักขรวิธีท่ีใช้ในคัมภีร์เล่มน้ีไม่มีความแน่นอน คา
เดียวกัน บางแห่งเขียนเหมือนกัน บางแห่งเขียนแตกต่างกัน แต่เมื่ออ่านออกเสียง ได้เสียงเดียวกัน
หรือเสยี งทีค่ ลา้ ยกนั สามารถส่อื ความได้ เนือ่ งจากเวลาบนั ทึก บนั ทึกตามคาบอกเล่า ท่ผี บู้ นั ทกึ ทรงจา
หรอื ไดย้ ินมา นอกจากนี้ยังมคี าทใ่ี ช้รปู แบบอกั ษรทแ่ี ตกตา่ งไปจากปัจจุบันอีกหลายคา เชน่ คอื เขียน
เป็น ครื เสาร์ เขียนเป็น เสา เศษ เขียนเป็น เสถ ลัพธ์ เขียนเป็น ลับ จาตุมหาราชิกา เขียนเป็น เจ้าตุ
มม่หาราชิกะ ดาวดึงสา เขียนเป็น ด้าวว่ดึงษา ดุสิตา เขียนเป็น ดุฐสีตา นิมานรดี เขียนเป็น นีมาณะ
ระดี จักรพรรดิ เขียนเป็น จักกระพัด นงแก้ว ม้าแก้ว เขียนเป็น หม้าแก้ว โสฬสมงคล เขียนเป็น โส
ลดมงคล ผงดินสอ เขียนเป็น ผงดืนสอ พระพุทธเจ้า เขียนเป็น พุทิเจ้า อุปเท่ห์ เขียนเป็น อุปะเท
เถิด เขียนเป็น เทีย ภควัมบดี เขียนเป็นภคั วมั ปดี เสนียดจัญไร เขียนเป็น สะเนียดจังไร้ ภตู ิ เขียนเป็น
พดู สหี นาถ เขียนเปน็ สิงหน่ ารถ ตบะเดชะ เขียนเปน็ กระบะเดชะ จาเรญิ สวัสดี เขียนเป็น ราเริญ่ สะ
วัดดี สถาน เขียนเป็น สะถาร แหลนหลาว เขียนเป็น แล่นหล้าว โรค เขียนเป็น โรก สาริด เขียนเป็น
สารษี ดอกบานไมร่ ู้โรย เขียนเป็นบาญหมรี ู้โรย เนาวโลกอุดร เขียนเปน็ เนาวโลกอุดอร

- การเขียนด้วยสัญลักษณ์พิเศษที่ไม่มีใช้ในภาษาไทยปัจจุบัน เช่น คาบ
เขียนเป็น คา พญา เขียนเป็น พระ เขียนเป็น ทีเขียนด้วยเลข ใช้เชิงตัว ท ขอมใส่สระอี เช่น
๗ ที เขยี นเปน็

- การสลับเสยี ง ยืดเสียงหรือหดเสยี ง เช่น ตะกรุดเขียนเป็นกระตดุ อรหันต์
เขียนเป็น อารหนั บายศรี เขียนเปน็ ไบยศรี นโิ รธสจั เขียนเปน็ นีโรดสดั เปน็ ตน้

- คาที่ออกเสียง อะ ก่ึงเสียงซ่ึงอักขรวิธีปัจจุบันไม่ปรากฏสระ อะ แต่
อักขรวิธีในคัมภีร์ตรีนิสิงเหสานวน ก มีการใส่สระ อะ เพ่ิมเข้าไป เช่น อนิจจัง เขียน เป็นอะนีดจัง
อนัตตา เขียนเป็น อะนัตา จัตตุริยสัจจธรรม เขียนเป็น จัตุรียะสัจจะทามะ อชาตศัตรู เขียนเป็น
อะชาติสัดตรู อโลโภ เขยี นเป็น อะโลโพ ปัญจขันธ์ เขียนเป็น ปนั จะขัน เป็นต้น

ข. คัมภีรต์ รนี สิ ิงเห สานวน ข ค ง จ และ ฉ

35

- พยัญชนะ พ ท่ีเป็นตัวสะกดในแม่กน มีการใช้ ภ แทน เช่น คาว่า ลัพธ์

สะกดเปน็ ลภั

- พยัญชนะ ศ และ ส ท่ีเป็นพยัญชนะต้นพยางค์ มีการใช้สลับกัน เช่น
คาวา่ ศูนย์ เขียนเปน็ สนู เสก เขยี นเปน็ เศก ศัตรู เขยี นเป็น สตั รู

- การเขียนด้วยสัญลักษณ์พิเศษท่ีไม่มีใช้ในภาษาไทยปัจจุบัน เช่น คาบ
เขยี นเป็น คา พญา เขียนเป็น พระ เขียนเป็น

- อักขรวิธีไมค่ รบ เช่น คาว่า ศุกร์ เขยี นเปน็ ศกุ ร เปน็ เขยี นเปน็ เปน

จะเห็นได้ว่าต้นฉบับคัมภีร์ตรีนิสิงเหกลุ่มหลังน้ีมีอักขรวิธีภาษาไทยที่ต่าง
จากปัจจุบันไม่มาก ในส่วนอักขรวิธีภาษาบาลี และภาษาเฉพาะท่ีใช้ในกลุ่มผู้ศึกษาวิชาเลขยันต์ ไม่
แตกตา่ งจากสานวน ก

2.4.2.2 อกั ขรวธิ ภี าษาบาลี
ก. คมั ภรี ์ตรีนิสิงเห สานวน ก

ดังที่กล่าวไว้แล้วในเบ้ืองต้นว่า คัมภีร์ตรีนิสิงเห สานวน ก มีการใช้ภาษา
บาลี ซ่ึงเขียนด้วยอักษรขอมในส่วนท่ีเป็นมนต์คาถา อักขระในยันต์และหัวใจต่าง ๆ โดยส่วนที่เป็น
มนตค์ าถาสามารถจาแนกไดเ้ ปน็ 5 ประเภท คอื

- ประเภทแรกแตง่ เป็นร้อยกรองทเ่ี รยี กว่าปัฐยาวัตร16 เชน่

อิติปารมิตาตึสา อิติสพฺพญฺญูมาคตา อิติโพธิมนุปตฺโต อิติปิโสจเตน
โมฯ (คาแปล พระผู้มีพระภาคพระองค์น้ันผู้บรรลุโพธิญาณแล้ว ด้วยบารมีทั้งหลาย
30 ประการ อันนามาแล้วสู่ความเป็นผู้รู้ส่ิงท้ังปวง ขอความนอบน้อมจงมีแด่พระผู้มี
พระภาคพระองค์นนั้ )

16 คาประพันธท์ บี่ ังคบั ฉันทลกั ษณ์ดว้ ยครุลหุ เป็นคาถา 4 บาท ๆ ละ 8 คา

36

โสฬสมงฺคลญฺเจว นวโลกุตฺตรธมฺมตาจตฺตาโร จ มหาทีปาปญฺจ
พุทฺธามหามุนี ตปิ ิฏกาธมฺมกฺขนฺธา ฉกามาวจรา ตถา ปญฺจทส ภเว สจฺจ ทสมสีลเมว
จ เตรสฺสธุตคา จ ปาฎิหารญฺ จ ทวาทส เอกเมรุ จ สุรา อฎฺฐ ทเวจนฺท สุริย สคฺคา
สตตฺ โพชฌงฺคา เจว จทุ ทฺ ส จกฺกวตตฺ ิ จ เอกาทสวิสสฺ ณรุ าชา สพเฺ พเทวา สมาคตาฯ

(คาแปล มงคลสิบหกประการ และธรรมเหนือโลกเก้าประการ
มหาทวีปทั้งส่ี พระมุนีผู้ยิ่งใหญ่ทั้งห้า กองแห่งธรรม คือ ปิฎกทั้งสาม ฉกามา-
วจรสวรรค์หกน้ัน สัจจบารมีสิบหา้ และคุณแห่งศีลสิบด้วย และคุณแห่งธุดงค์สิบสาม
ประการและปาฏิหาริย์สิบสองประการ พระสุเมรุหนึ่งเทวดาท้ังแปด พระจันทร์และ
พระอาทิตย์ทั้งสอง สวรรค์ท้ังหลาย โพชฌงค์เจ็ดประการด้วย และจักรพรรดิสิบส่ี
วิษณรุ าชาทงั้ สบิ เอ็ด ขอเทวดาทั้งหลายมาชมุ นุมกัน)

- ประเภทที่สอง แต่งเป็นร้อยแก้ว ซึ่งมีลักษณะเป็นภาษาบาลีผสม แต่งขึ้น
โดยการนาคาภาษาบาลีมาต่อกัน ไม่คานึงว่าจะถูกตอ้ งตามหลักไวยากรณ์ มีการผสมมนต์ท่ีเป็นหัวใจ
เช่น อิติปิโสภควา อรหํสมฺสมฺพุทฺโธ อนฺตพเตชา โสตาจติผล อนาคามิเตโช ริทฺธิสิทฺธิ เตโช ชยฺย
สพพฺ สตฺตรวู นิ าสนฺติ ฯ โอมอมรนชิ ิวนั ติ เย ม อ อุ อุ อ ม อ ม อุ สิวพํ รฺ หฺมา สวาห นรานรหิตฺตวิ า
ภวา อรหํ สวาสุติ ฯ อิติปิโส จเตนโม พุทฺธาย อุณาโลมกํ สุมํพนฺธํฯ ดังน้ันในส่วนท่ีเป็นคาถาหรือ
มนต์ ผ้วู จิ ยั จะไม่แปลเป็นภาษาไทย เนอื่ งจากไม่สามารถแปลใหไ้ ด้ใจความท่เี ข้าใจได้

- ประเภทที่สาม เป็นการนาพระปริตรบางตอน มาใส่เนื้อความที่เป็นคาถา
คน่ั เอาไวเ้ ปน็ ชว่ ง ๆ ดังจะเหน็ ไดจ้ ากคาถาชอ่ื สมั พุทเธหงษา ทีน่ าบทสวด สัมพุทเธ มาใชด้ ังนี้

สมฺพุทฺเธ อฏฺฐวีสญฺจ พุทฺโธ เม อมฺหากํ ปาการํ ทฺวาทสญฺ จ
สหสฺสเก ธมฺโม เม อมฺหากํ ปาการํ ปญฺจสตสหสฺสานิ สงฺโฆ เม อมฺหากํ ปาการํ
นมามิ สิรสา อห สิทฺธิ พุทฺธา ชนา จิตฺตํ เตส ธมฺมญฺจ สงฺฆญฺจ สิทฺธิธมมฺ า ชนาจิตฺตํ
อาทเรน นมามิห สิทฺธิสงฺฆา ชนา จิตฺตํ นมการานุภาเวน ม อ อุ หนฺตฺวา สพฺเพ
อปุ ททฺ เว อุ อ ม อเนกา อนตฺ รายาปิ นโมพุทธฺ าย วนิ สสฺ นฺตุ อเสสโต ยธาพทุ โฺ มน

(คาแปล พระสัมพุทธเจ้าท้ังหลาย ห้าแสนหนึ่งหม่ืน สองพัน ยี่สิบแปด
พระองค์ ขอพระพุทธเจ้าโปรดมาเป็นปราการให้ข้าพเจ้า ข้าพเจ้าขอนอบน้อม ขอ


Click to View FlipBook Version