The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

แผนการจัดการเรียนรู้ เทอม 1

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by มณฑิดา ฝั่งซ้าย, 2024-01-29 10:02:12

แผนการจัดการเรียนรู้ เทอม 1

แผนการจัดการเรียนรู้ เทอม 1

แผนการจัดการเรียนรู้ วิชาชีววิทยาเพิ่มเติม 2 ว32242 กลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5 โรงเรียนมัธยมวาริชภูมิ อำเภอวาริชภูมิ จังหวัดสกลนคร นางสาวมณฑิดา ฝั่งซ้าย รหัสประจำตัวนักศึกษา 63040111108 สาขาวิชาวิทยาศาสตร์ทั่วไปและชีววิทยา คณะครุศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฏอุดรธานี ภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2566


ก คำนำ การจัดการศึกษากลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5 เพื่อให้สอดคล้อง กับหลักการและบรรลุตามจุดมุ่งหมายของหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐานพุทธศักราช 2551(ฉบับปรับปรุง พ.ศ.2560) จำเป็นต้องอาศัยองค์ประกอบหลายอย่างและการจัดทำหลักสูตรระดับรายวิชา ก็เป็นองค์ประกอบหนึ่ง ที่สำคัญที่เป็นกรอบในการจัดการศึกษาให้สามารถพัฒนาและยกระดับคุณภาพองผู้เรียนให้ดีขึ้น และช่วยให้ ครูผู้สอนได้ศึกษาหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐานอย่างเข้าใจ และส่งผลให้สามารถจัดกิจกรรมการเรียนรู้ที่ เหมาะสม เพื่อพัฒนาให้ผู้เรียนได้รับการพัฒนาเต็มตามศักยภาพ หลักสูตรรายวิชาชีววิทยาเพิ่มเติม กลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5 ฉบับนี้ประกอบด้วย ความเป็นมาและความสำคัญ สมรรถนะ คุณลักษณะอันพึงประสงค์ คำอธิบารายวิชา โครงสร้างรายวิชา และหน่วยการเรียนรู้ สำหรับการจัดทำหลักสูตรรายวิชาฉบับนี้ผู้จัดทำ ได้ศึกษาและวิเคราะห์ จากหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช 2551 (ฉบับปรับปรุง พ.ศ.2560) หลักสูตรสถานศึกษา และเอกสารที่เกี่ยวข้องหลายฉบับรวมทั้งได้รับคำแนะนำปรึกษา จากคณะครูกลมีสาระวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี และขอขอบคุณผู้อำนวยการโรงเรียน รองผู้อำนวยการโรงเรียน โรงเรียนมัธยมวาริชภูมิทุกท่านที่ให้ความสะดวก สนับสนุน และให้กำลังใจในการจัดทำแผนการจัดการเรียนรู้มาโดยตลอดจึงขอขอบพระคุณมา ณ โอกาสนี้ด้วย ผู้จัดทำหวังเป็นอย่างยิ่งว่า หลักสูตรรายวิชาชีววิทยาเพิ่มเติม กลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์และ เทคโนโลยี ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5 ฉบับนี้จะเป็นประโยชน์ต่อผู้ที่สนใจโดยเฉพาะผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องในอันที่จะช่วยให้ การจัดการศึกษากลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5 เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ ต่อไป นางสาวมณฑิดา ฝั่งซ้าย นักศึกษาปฏิบัติการสอนในสถานศึกษา สาขาวิชาวิทยาศาสตร์ทั่วไปและชีววิทยา คณะครุศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฏอุดรธานี


ข สารบัญ เรื่อง หน้า คำนำ ก สารบัญ ข สารบัญ (ต่อ) ค หลักสูตรฯ กลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี 1 ผลการเรียนรู้และสาระการเรียนรู้เพิ่มเติม สาระชีววิทยา 11 คำอธิบายรายวิชา 17 โครงสร้างรายวิชา 19 แผนการจัดการเรียนรู้ 21 แผนการจัดการเรียนรู้ที่1ปฐมนิเทศ 21 แผนการจัดการเรียนรู้ที่ 2 โครงสร้างของดอก 30 แผนการจัดการเรียนรู้ที่ 3 ชนิดของผล 42 แผนการจัดการเรียนรู้ที่ 4 วัฏจักรชีวิตแบบสลับของพืชดอก 49 แผนการจัดการเรียนรู้ที่ 5 การสืบพันธุ์แบบอาศัยเพศของพืชดอก 59 แผนการจัดการเรียนรู้ที่ 6 การปฏิสนธิ 68 แผนการจัดการเรียนรู้ที่ 7 การเกิดผลและเมล็ด 77 แผนการจัดการเรียนรู้ที่ 8 เนื้อเยื่อพืช 86 แผนการจัดการเรียนรู้ที่ 9 โครงสร้างภายในของปลายราก 96 แผนการจัดการเรียนรู้ที่ 10 โครงสร้างภายในเมื่อตัดตามขวางของราก 104 แผนการจัดการเรียนรู้ที่ 11 รากพิเศษ 113 แผนการจัดการเรียนรู้ที่ 12 ลำต้นของพืชดอก 127 แผนการจัดการเรียนรู้ที่ 13 โครงสร้างภายในตัดตามขวางของลำต้น 141 แผนการจัดการเรียนรู้ที่ 14 ใบของพืชดอก 152 แผนการจัดการเรียนรู้ที่ 15 โครงสร้างภายในของใบพืชดอก 160 แผนการจัดการเรียนรู้ที่ 16 การลำเลียงน้ำ 170 แผนการจัดการเรียนรู้ที่ 17 การแลกเปลี่ยนแก๊ส และการคายน้ำ 179 แผนการจัดการเรียนรู้ที่ 18 ปัจจัยที่มีผลต่อการคายน้ำ 189


ค สารบัญ (ต่อ) เรื่อง หน้า แผนการจัดการเรียนรู้ที่ 19 ธาตุอาหารพืช 198 แผนการจัดการเรียนรู้ที่ 20 การศึกษาที่เกี่ยวกับการสังเคราะห์ด้วยแสง 208 แผนการจัดการเรียนรู้ที่ 21 ความรู้เบื้องต้นเกี่ยวกับการสังเคราะห์ด้วยแสง 226 แผนการจัดการเรียนรู้ที่ 22 โฟโตเรสไฟเรชัน 236 แผนการจัดการเรียนรู้ที่ 23 การเพิ่มความเข้มข้นของแก๊สคาร์บอนไดออกไซด์ 244 แผนการจัดการเรียนรู้ที่ 24 ปัจจัยบางประการที่มีผลต่อการสังเคราะห์ด้วยแสง 252 แผนการจัดการเรียนรู้ที่ 25 ฮอร์โมนพืช 262 แผนการจัดการเรียนรู้ที่ 26 ปัจจัยที่มีผลต่อการงอกของเมล็ด 270 แผนการจัดการเรียนรู้ที่ 27 การตอบสนองของพืชในลักษณะการเคลื่อนไหว 277 แผนการจัดการเรียนรู้ที่ 28 การตอบสนองต่อภาวะเครียด 287 บรรณานุกรม


หลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน พ.ศ. 2551 (ฉบับปรับปรุง พ.ศ. 2560) กลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี หลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐานพุทธศักราช 2551 (ฉบับปรับปรุง พ.ศ. 2560)ได้กล่าวถึง ความสำคัญของกลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี วิสัยทัศน์การเรียนรู้คุณภาพผู้เรียนสาระการ เรียนรู้ มาตรฐานการเรียนรู้ ตัวชี้วัด และสาระการเรียนรู้แกนกลางไว้ ดังนี้ ความสำคัญของกลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ตัวชี้วัดและสาระการเรียนรู้แกนกลาง กลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ (ฉบับปรับปรุง พ.ศ. 2560 ) ตามหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช 2551 นี้ ได้กำหนดสาระ การเรียนรู้ออกเป็น 4 สาระ ได้แก่ สาระที่ 1 วิทยาศาสตร์ชีวภาพ สาระที่ 2 วิทยาศาสตร์กายภาพ สาระที่ 3 วิทยาศาสตร์โลกและอวกาศ และ สาระที่ 4 เทคโนโลยีมีสาระเพิ่มเติม 4 สาระ ได้แก่ สาระชีววิทยา สาระเคมีสาระฟิสิกส์ สาระโลก ดาราศาสตร์ และอวกาศ ซึ่งองค์ประกอบของหลักสูตร ทั้งในด้านของเนื้อหา การจัดการเรียนการสอน และการวัด และ ประเมินผลการเรียนรู้นั้น มีความสำคัญอย่างยิ่งในการวางรากฐานการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ของผู้เรียนในแต่ละ ระดับชั้น ให้มี ความต่อเนื่องเชื่อมโยงกัน ตั้งแต่ชั้นประถมศึกษาปีที่ 1 จนถึงชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6 สำหรับกลมีสาระ การเรียนรู้วิทยาศาสตร์ได้กำหนดตัวชี้วัดและสาระการเรียนรู้แกนกลาง ที่ผู้เรียนจำเป็นต้องเรียนี้เป็นพื้นฐาน เพื่อให้สามารถนำความรู้นี้ไปใช้ในการดำรงชีวิต หรือศึกษาต่อในวิชาชีพที่ต้องใช้วิทยาศาสตร์ได้ โดยจัดเรียงลำดับ ความยากง่ายของเนื้อหาแต่ละสาระในแต่ละระดับชั้นให้มีการเชื่อมโยงความรู้กับกระบวนการเรียนรู้และการจัด กิจกรรมการเรียนรู้ที่ส่งเสริมให้ผู้เรียนพัฒนาความคิด ทั้งความคิด เป็นเหตุเป็นผล คิดสร้างสรรค์ คิดวิเคราะห์ วิจารณ์ มีทักษะที่สำคัญทั้งทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์และทักษะในศตวรรษที่ 21 ในการค้นคว้าและ สร้างองค์ความรู้ด้วยกระบวนการสืบเสาะหาความรู้ สามารถแก้ปัญหาอย่างเป็นระบบ สามารถตัดสินใจ โดยใช้ ข้อมูลหลากหลายและประจักษ์พยานที่ตรวจสอบได้สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี (สสวท.) ตระหนักถึงความสำคัญของการจัดการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ที่มุ่งหวังให้เกิดผลสัมฤทธิ์ต่อผู้เรียนมากที่สุด จึงได้จัดทำ ตัวชี้วัดและสาระการเรียนรู้แกนกลาง กลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ (ฉบับปรับปรุง พ.ศ. 2560 ) ตาม หลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐานพุทธศักราช 2551 ขึ้น เพื่อให้สถานศึกษา ครูผู้สอน ตลอดจนหน่วยงาน ต่าง ๆ ได้ใช้เป็นแนวทางในการพัฒนาหนังสือเรียน คู่มือครูสื่อประกอบการเรียน การสอน ตลอดจนการวัดและ ประเมินผล โดยตัวชี้วัดและสาระการเรียนรู้แกนกลาง กลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ (ฉบับปรับปรุง พ.ศ. 2560 ) ตามหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช 2551 ที่จัดทำขึ้นนได้ปรับปรุง เพื่อให้มีความ สอดคล้อง และเชื่อมโยงกันภายในสาระการเรียนรู้เดียวกันและระหว่างสาระการเรียนรู้ในกลุ่มสาระการเรียนรู้ วิทยาศาสตร์ ตลอดจนการเชื่อมโยงเนื้อหาความรู้ทางวิทยาศาสตร์กับคณิตศาสตร์ด้วย นอกจากนี้ยังได้ปรับปรุง


2 เพื่อให้มีความทันสมัยต่อการเปลี่ยนแปลง และความเจริญก้าวหน้าของวิทยาการต่าง ๆ และทัดเทียมกับนานาชาติ กลมีสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ สรุปเป็นแผนภาพได้ ดังนี้ ทำไมต้องเรียนวิทยาศาสตร์ วิทยาศาสตร์มีบทบาทสำคัญยิ่งในสงคมโลกปัจจุบันและอนาคต เพราะวิทยาศาสตร์เกี่ยวข้องกับทุกคนทั้ง ในชีวิตประจำวันและการงานอาชีพต่างๆ ตลอดจนเทคโนโลยี เครื่องมือเครื่องใช้และผลผลิตต่าง ๆ ที่มนุษย์ได้ใช้ เพื่ออำนวยความสะดวกในชีวิตและการทำงาน เหล่านี้ล้วนเป็นผลของความรู้วิทยาศาสตร์ผสมผสานกับความคิด สร้างสรรค์และศาสตร์อื่น 1 วิทยาศาสตร์ช่วยให้มนุษย์ได้พัฒนาวิธีคิด ทั้งความคิดเป็นเหตุเป็นผล คิดสร้างสรรค์ คิดวิเคราะห์ วิจารณ์ มีทักษะสำคัญในการค้นคว้าหาความรู้ มีความสามารถในการแก้ปัญหาอย่างเป็นระบบ สามารถตัดสินใจโดยใช้ข้อมูลที่หลากหลายและมีประจักษ์ พยานที่ตรวจสอบได้วิทยาศาสตร์เป็นวัฒนธรรมของ โลกสมัยใหม่ซึ่งเป็นสงคมแห่งการเรียนรู้ (K knowledge-based society) ดังนั้นทุกคนจึงจำเป็นต้องได้รับการ พัฒนาให้รู้วิทยาศาสตร์ เพื่อที่จะมี ความรู้ความเข้าใจในธรรมชาติและเทคโนโลยีที่มนุษย์สร้างสรรค์ขึ้น สามารถน นำความรู้ไปใช้อย่าง มีเหตุผล สร้างสรรค์ และมีคุณธรรม เป้าหมายของการจัดการเรียนการสอนวิทยาศาสตร์ (กรมวิชาการ ,2545 ) ได้กล่าวถึงการจัดการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ไว้ว่า วิทยาศาสตร์เป็นเรื่องของการเรียนรู้ เกี่ยวกับธรรมชาติ โดยมนุษย์ในกระบวนการสังเกต การสำรวจตรวจสอบ และการทดลองเกี่ยวกับปรากฏการณ์


3 ทางธรรมชาติและนำผลมาจัดระบบ หลักการ แนวคิด และทฤษฎี ดังนั้นการเรียนการสอนวิทยาศาสตร์จึงมุ่งเน้น ให้ผู้เรียนได้เป็นผู้เรียนรู้และค้นพบด้วยตนเองมากที่สุด นั่นคือให้ได้ทั้งกระบวนการและองค์ความรู้ ตั้งแต่เริ่มแรก ก่อนเข้าเรียน เมื่ออยู่ในสถานศึกษา และเมื่อออกจากสถานศึกษาไปประกอบอาชีพแล้ว ในการจัดการเรียนการสอนวิทยาศาสตร์มุ่งเน้นให้ผู้เรียนได้ค้นพบความรู้ด้วยตนเองมากที่สุด เพื่อให้ได้ทั้ง กระบวนการและความรู้ จากวิธีการสังเกต การสำรวจตรวจสอบ การทดลอง แล้วนำผลที่ได้มาจัดระบบเป็น หลักการ แนวคิด และองค์ความรู้ การจัดการเรียนการสอนวิทยาศาสตร์จึงมีเป้าหมายสำคัญดังนี้ 1. เพื่อให้เข้าใจหลักการ ทฤษฎี และกฎที่เป็นพื้นฐานในวิชาวิทยาศาสตร์ 2. เพื่อให้เข้าใจขอบเขตของธรรมชาติ และข้อจำกัดของในการศึกษาวิทยาศาสตร์ 3. เพื่อให้มีทักษะสำคัญในการศึกษาค้นคว้า และคิดค้นทางวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี 4. เพื่อพัฒนากระบวนการคิดและจินตนาการ ความสามารถในการแก้ปัญหาและการจัดการ ทักษะในการ สื่อสาร และความสามารถในการตัดสินใจ 5. เพื่อให้ตระหนักถึงความสัมพันธ์ระหว่างวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี มวลมนุษย์ และสภาพแวดล้อมในเชิงที่มีอิทธิพลและผลกระทบซึ่งกันและกัน 6. เพื่อนำความรู้ความเข้าใจในเรื่องวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีไปใช้ให้เกิดประโยชน์ต่อสังคมและการ ดำรงชีวิต 7. เพื่อให้เป็นคนมีจิตวิทยาศาสตร์ มีคุณธรรม จริยธรรม และค่านิยมในการใช้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี อย่างสร้างสรรค์ สาระและมาตรฐานการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ กลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์มุ่งหวังให้ผู้เรียนได้เรียนรู้วิทยาศาสตร์ ที่เน้นการเชื่อมโยงความรู้กับ กระบวนการ มีทักษะสำคัญในการค้นคว้าและสร้างองค์ความรู้ โดยใช้กระบวนการในการสืบเสาะหาความรู้ และ แก้ปัญหาที่หลากหลาย ให้ผู้เรียนมีส่วนร่วมในการเรียนรู้ทุกขั้นตอน มีการทำกิจกรรมด้วยการลงมือปฏิบัติจริง อย่างหลากหลาย เหมาะสมกับระดับชั้นโดยกำหนดสาระสำคัญ สาระที่ 1 วิทยาศาสตร์ชีวภาพ มาตรฐาน ว 1.1 เข้าใจความหลากหลายของระบบนิเวศ ความสัมพันธ์ระหว่างสิ่งไม่มีชีวิตกับสิ่งมีชีวิต และความสัมพันธ์ระหว่างสิ่งมีชีวิตกับสิ่งมีชีวิตต่าง ๆ ในระบบนิเวศ การถ่ายทอดพลังงาน การเปลี่ยนแปลงแทนที่ ในระบบนิเวศ ความหมายของประชากร ปัญหาและผลกระทบที่มีต่อทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม แนวทาง ในการอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติและการแก้ไขปัญหาสิ่งแวดล้อม รวมทั้งนำความรู้ไปใช้ประโยชน์ มาตรฐาน ว 1.2 เข้าใจสมบัติของสิ่งมีชีวิต หน่วยพื้นฐานของสิ่งมีชีวิต การลำเลียงสารเข้าและออกจาก เซลล์ ความสัมพันธ์ของโครงสร้าง และหน้าที่ของระบบต่าง ๆ ของสัตว์และมนุษย์ที่ทำงานสัมพันธ์กับ


4 ความสัมพันธ์ของโครงสร้าง และหน้าที่ของอวัยวะต่าง ๆ ของพืช ที่ทำงานสัมพันธ์กัน รวมทั้งนำความรู้ไปใช้ ประโยชน์ มาตรฐาน ว 1.3 เข้าใจกระบวนการและความสำคัญของการถ่ายทอดลักษณะทางพันธุกรรม สาร พันธุกรรม การเปลี่ยนแปลงทางพันธุกรรมที่มีผลต่อสิ่งมีชีวิต ความหลากหลายทางชีวภาพและวิวัฒนาการของ สิ่งมีชีวิต รวมทั้งนำความรู้ไปใช้ประโยชน์ สาระที่ 2 วิทยาศาสตร์กายภาพ มาตรฐาน ว 2.1 เข้าใจสมบัติของสสาร องค์ประกอบของสสาร ความสัมพันธ์ระหว่างสมบัติของสสารกับ โครงสร้างและแรงยึดเหนี่ยวระหว่างอนุภาค หลักและธรรมชาติของการเปลี่ยนแปลงสถานะของสสาร การเกิด สารละลาย และการเกิดปฏิกิริยาเคมี มาตรฐาน ว 2.2 เข้าใจธรรมชาติของแรงในชีวิตประจำวัน ผลของแรงที่กระทำต่อวัตถุ ลักษณะการ เคลื่อนที่แบบต่าง ๆ ของวัตถุ รวมทั้งนำความรู้ไปใช้ประโยชน์ มาตรฐาน ว 2.3 เข้าใจความหมายของพลังงาน การเปลี่ยนแปลงและการถ่ายโอนพลังงาน ปฏิสัมพันธ์ ระหว่างสสารและพลังงาน พลังงานในชีวิตประจำวัน ธรรมชาติของคลื่น ปรากฏการณ์ที่เกี่ยวข้องกับเสียง แสง และคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า รวมทั้งนำความรู้ไปใช้ประโยชน์ สาระที่ 3 วิทยาศาสตร์โลก และอวกาศ มาตรฐาน ว 3.1 เข้าใจองค์ประกอบ ลักษณะ กระบวนการเกิด และวิวัฒนาการของเอกภพ กาแล็กซี ดาว ฤกษ์ และระบบสุริยะ รวมทั้งปฏิสัมพันธ์ภายในระบบสุริยะ ที่ส่งผลต่อสิ่งมีชีวิต และการประยุกต์ใช้เทคโนโลยี อวกาศ มาตรฐาน ว 3.2 เข้าใจองค์ประกอบและความสัมพันธ์ของระบบโลก กระบวนการเปลี่ยนแปลงภายในโลก และบนผิวโลก ธรณีพิบัติภัย กระบวนการเปลี่ยนแปลงลมฟ้า อากาศและภูมิอากาศโลก รวมทั้งผลต่อสิ่งมีชีวิตและ สิ่งแวดล้อม สาระที่ 4 เทคโนโลยี มาตรฐาน ว 4.1 เข้าใจแนวคิดหลักของเทคโนโลยีเพื่อการดำรงชีวิตในสังคมที่มีการเปลี่ยนแปลงอย่าง รวดเร็ว ใช้ความรู้และทักษะทางด้านวิทยาศาสตร์ คณิตศาสตร์ และศาสตร์อื่น ๆ เพื่อแก้ปัญหาหรือพัฒนางาน อย่างมีความคิดสร้างสรรค์ ด้วยกระบวนการออกแบบเชิงวิศวกรรม เลือกใช้เทคโนโลยีอย่างเหมาะสม โดยคำนึงถึง ผลกระทบต่อชีวิต สังคม และสิ่งแวดล้อม มาตรฐาน ว 4.2 เข้าใจและใช้แนวคิดเชิงคำนวณในการแก้ปัญหาที่พบในชีวิตจริงอย่างเป็นขั้นตอนและ เป็นระบบ ใช้เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารในการเรียนรู้การทำงาน และการแก้ปัญหาได้อย่างมี ประสิทธิภาพ รู้เท่าทัน และมีจริยธรรม


5 สาระวิทยาศาสตร์เพิ่มเติม วิทยาศาสตร์เพิ่มเติม ผู้เรียนจะได้เรียนรู้สาระสำคัญ ดังนี้ สาระชีววิทยา 1. เข้าใจธรรมชาติของสิ่งมีชีวิต การศึกษาชีววิทยาและวิธีการทางวิทยาศาสตร์ สารที่เป็นองค์ประกอบ ของสิ่งมีชีวิต ปฏิกิริยาเคมีในเซลล์ของสิ่งมีชีวิต กล้องจุลทรรศน์ โครงสร้างและหน้าที่ของเซลล์ การลำเลียงสารเข้า และออกจากเซลล์ การแบ่งเซลล์ และการหายใจระดับเซลล์ 2. เข้าใจการถ่ายทอดลักษณะทางพันธุกรรม การถ่ายทอดยีนบนโครโมโซม สมบัติ และหน้าที่ของสาร พันธุกรรม การเกิดมิวเทชัน เทคโนโลยีทางดีเอ็นเอ หลักฐานข้อมูลและแนวคิดเกี่ยวกับวิวัฒนาการของสิ่งมีชีวิต ภาวะสมดุลของฮาร์ดี- ไวน์เบิร์ก การเกิดสปีชีส์ใหม่ ความหลากหลายทางชีวภาพ กำเนิดของสิ่งมีชีวิต ความ หลากหลายของสิ่งมีชีวิต และอนุกรมวิธาน รวมทั้งนำความรู้ไปใช้ประโยชน์ 3. เข้าใจส่วนประกอบของพืช การแลกเปลี่ยนแก๊สและคายน้ำของพืช การลำเลียงของพืช การสังเคราะห์ ด้วยแสง การสืบพันธุ์ของพืชดอกและการเจริญเติบโต และการตอบสนองของพืช รวมทั้งนำความรู้ไปใช้ประโยชน์ 4. เข้าใจการย่อยอาหารของสัตว์และมนุษย์ รวมทั้งการหายใจและการแลกเปลี่ยนแก๊สการลำเลียงสาร และการหมุนเวียนเลือด ภูมิคุ้มกันของร่างกาย การขับถ่าย การรับรู้และการตอบสนอง การเคลื่อนที่ การสืบพันธุ์ และการเจริญเติบโต ฮอร์โมนกับการรักษาดุลยภาพ และพฤติกรรมของสัตว์ รวมทั้งนำความรู้ไปใช้ประโยชน์ 5. เข้าใจแนวคิดเกี่ยวกับระบบนิเวศ กระบวนการถ่ายทอดพลังงานและการหมุนเวียนสารในระบบนิเวศ ความหลากหลายของไบโอม การเปลี่ยนแปลงแทนที่ของสิ่งมีชีวิตในระบบนิเวศประชากรและรูปแบบการเพิ่มของ ประชากร ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ปัญหา และผลกระทบที่เกิดจากการใช้ประโยชน์และแนวทางการ แก้ไขปัญหา สาระเคมี 1. เข้าใจโครงสร้างอะตอม การจัดเรียงธาตุในตารางธาตุ สมบัติของธาตุ พันธะเคมีและสมบัติของสาร แก๊สและสมบัติของแก๊ส ประเภทและสมบัติของสารประกอบอินทรีย์ และพอลิเมอร์รวมทั้งการนำความรู้ไปใช้ ประโยชน์ 2. เข้าใจการเขียนและการดุลสมการเคมี ปริมาณสัมพันธ์ในปฏิกิริยาเคมี อัตราการเกิดปฏิกิริยาเคมี สมดุลในปฏิกิริยาเคมี สมบัติและปฏิกิริยาของกรด-เบส ปฏิกิริยารีดอกซ์และเซลล์เคมีไฟฟ้า รวมทั้งการนำความรู้ ไปใช้ประโยชน์ 3. เข้าใจหลักการทำปฏิบัติการเคมี การวัดปริมาณสาร หน่วยวัดและการเปลี่ยนหน่วยการคำนวณปริมาณ ของสาร ความเข้มข้นของสารละลาย รวมทั้งการบูรณาการความรู้และทักษะในการอธิบายปรากฏการณ์ใน ชีวิตประจำวันและการแก้ปัญหาทางเคมี


6 สาระฟิสิกส์ 1. เข้าใจธรรมชาติทางฟิสิกส์ ปริมาณและกระบวนการวัด การเคลื่อนที่แนวตรง แรงและกฎการเคลื่อนที่ ของนิวตัน กฎความโน้มถ่วงสากล แรงเสียดทาน สมดุลกลของวัตถุ งานและกฎการอนุรักษ์พลังงานกล โมเมนตัม และกฎการอนุรักษ์โมเมนตัม การเคลื่อนที่แนวโค้ง รวมทั้งนำความรู้ไปใช้ประโยชน์ 2. เข้าใจการเคลื่อนที่แบบฮาร์มอนิกส์อย่างง่าย ธรรมชาติของคลื่น เสียงและการได้ยิน ปรากฏการณ์ที่ เกี่ยวข้องกับเสียง แสงและการเห็น ปรากฏการณ์ที่เกี่ยวข้องกับแสง รวมทั้งนำความรู้ไปใช้ประโยชน์ 3. เข้าใจแรงไฟฟ้าและกฎของคูลอมบ์ สนามไฟฟ้า ศักย์ไฟฟ้า ความจุไฟฟ้า กระแสไฟฟ้า และกฎของ โอห์ม วงจรไฟฟ้ากระแสตรง พลังงานไฟฟ้าและกำลังไฟฟ้า การเปลี่ยนพลังงานทดแทนเป็นพลังงานไฟฟ้า สนามแม่เหล็ก แรงแม่เหล็กที่กระทำกับประจุไฟฟ้าและกระแสไฟฟ้า การเหนี่ยวนำแม่เหล็กไฟฟ้า และกฎของฟา ราเดย์ ไฟฟ้ากระแสสลับ คลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าและการสื่อสาร รวมทั้งนำความรู้ไปใช้ประโยชน์ 4. เข้าใจความสัมพันธ์ของความร้อนกับการเปลี่ยนอุณหภูมิและสถานะของสสาร สภาพยืดหยุ่นของวัสดุ และมอดุลัสของยัง ความดันในของไหล แรงพยุง และหลักของอาร์คิมีดีสความตึงผิวและแรงหนืดของของเหลว ของไหลอุดมคติ และสมการแบร์นูลลี กฎของแก๊ส ทฤษฎีจลน์ของแก๊สอุดมคติและพลังงานในระบบ ทฤษฎีอะตอม ของโบร์ ปรากฏการณ์โฟโตอิเล็กทริก ทวิภาวะของคลื่นและอนุภาค กัมมันตภาพรังสี แรงนิวเคลียร์ ปฏิกิริยา นิวเคลียร์ พลังงานนิวเคลียร์ ฟิสิกส์อนุภาค รวมทั้งนำความรู้ไปใช้ประโยชน์ สาระโลก ดาราศาสตร์ และอวกาศ 1. เข้าใจกระบวนการเปลี่ยนแปลงภายในโลก ธรณีพิบัติภัยและผลต่อสิ่งมีชีวิต และสิ่งแวดล้อม การศึกษา ลำดับชั้นหิน ทรัพยากรธรณี แผนที่ และการนำไปใช้ประโยชน์ 2. เข้าใจสมดุลพลังงานของโลก การหมุนเวียนของอากาศบนโลก การหมุนเวียนของน้ำในมหาสมุทร การ เกิดเมฆ การเปลี่ยนแปลงภูมิอากาศโลกและผลต่อสิ่งมีชีวิตและสิ่งแวดล้อม รวมทั้งการพยากรณ์อากาศ 3. เข้าใจองค์ประกอบ ลักษณะ กระบวนการเกิด และวิวัฒนาการของเอกภพ กาแล็กซี ดาวฤกษ์ และ ระบบสุริยะ ความสัมพันธ์ของดาราศาสตร์กับมนุษย์จากการศึกษาตำแหน่งดาวบนทรงกลมฟ้าและปฏิสัมพันธ์ ภายในระบบสุริยะ รวมทั้งการประยุกต์ใช้เทคโนโลยีอวกาศ คุณภาพของผู้เรียนวิทยาศาสตร์ เมื่อจบชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6 ผู้เรียนที่เรียนครบทุกผลการเรียนรู้ มีคุณภาพดังนี้ 1. เข้าใจวิธีการทางวิทยาศาสตร์ในการค้นหาคำตอบเกี่ยวกับสิ่งมีชีวิต สารที่เป็นองค์ประกอบของสิ่งมีชีวิต และปฏิกิริยาเคมีภายในเซลล์ การใช้กล้องจุลทรรศน์ โครงสร้างและหน้าที่ของเซลล์ การลำเลียงสารเข้าและออก จากเซลล์ การแบ่งเซลล์ และการหายใจระดับเซลล์ 2. เข้าใจหลักการถ่ายทอดลักษณะทางพันธุกรรมของสิ่งมีชีวิต การถ่ายทอดยีนบนออโตโซมและโครโมโซม เพศ โครงสร้างและองค์ประกอบทางเคมีของดีเอ็นเอ การจำลองดีเอ็นเอ กระบวนการสังเคราะห์โปรตีน การเกิด มิวเทชันในสิ่งมีชีวิต หลักการและการประยุกต์ใช้เทคโนโลยีทางดีเอ็นเอ หลักฐานและข้อมูลที่ใช้ในการศึกษา


7 วิวัฒนาการของสิ่งมีชีวิต แนวคิดเกี่ยวกับวิวัฒนาการของสิ่งมีชีวิเงื่อนไขของภาวะสมดุลของฮาร์ดี- ไวน์เบิร์ก กระบวนการเกิดสปีชีส์ใหม่ของสิ่งมีชีวิต ความหลากหลายทางชีวภาพ กำเนิดของสิ่งมีชีวิต ลักษณะสำคัญของ สิ่งมีชีวิต กลุ่มแบคทีเรีย โพรทิสต์ พืช ฟังไจ และสัตว์ การจำแนกสิ่งมีชีวิตออกเป็นหมวดหมู่และวิธีการเขียนชื่อ วิทยาศาสตร์ 3. เข้าใจโครงสร้างและส่วนประกอบของพืชทั้งราก ลำต้น และใบ การแลกเปลี่ยนแก๊สการคายน้ำ การ ลำเลียงน้ำและธาตุอาหาร การลำเลียงอาหาร การสังเคราะห์ด้วยแสงของพืชกระบวนการสร้างเซลล์สืบพันธุ์และ การปฏิสนธิของพืชดอก การเกิดผลและเมล็ด บทบาทของสารควบคุมการเจริญเติบโตของพืชและการประยุกต์ใช้ และการตอบสนองของพืช 4. เข้าใจกลไกการรักษาดุลยภาพของสิ่งมีชีวิต โครงสร้าง หน้าที่ และกระบวนการต่าง ๆ ของสัตว์และ มนุษย์ ได้แก่ การย่อยอาหาร การแลกเปลี่ยนแก๊ส การเคลื่อนที่ การกำจัดของเสียออกจากร่างกายของสิ่งมีชีวิต ระบบหมุนเวียนเลือด ระบบภูมิคุ้มกันในร่างกายของมนุษย์ การทำงานของระบบประสาทและอวัยวะรับความรู้สึก ระบบสืบพันธุ์ การปฏิสนธิ การเจริญเติบโต ฮอร์โมน และพฤติกรรมของสัตว์ 5. เข้าใจกระบวนการถ่ายทอดพลังงานและการหมุนเวียนสารในระบบนิเวศความหลากหลายของไบโอม การเปลี่ยนแปลงแทนที่แบบต่าง ๆ ในระบบนิเวศ การเปลี่ยนแปลงจำนวนประชากรมนุษย์ในระดับท้องถิ่น ระดับประเทศ และระดับโลก แนวทางการป้องกันและแก้ไขปัญหาทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม 6. เข้าใจการศึกษาโครงสร้างอะตอมของนักวิทยาศาสตร์ การจัดเรียงอิเล็กตรอนในอะตอม สมบัติบาง ประการของธาตุและการจัดเรียงธาตุในตารางธาตุ พันธะเคมี สมบัติของสารที่มีความสัมพันธ์กับพันธะเคมี กฎต่าง ๆ ของแก๊ส และสมบัติของแก๊ส ประเภทและสมบัติของสารประกอบอินทรีย์ และประเภทและสมบัติของพอลิเมอร์ 7. เข้าใจการเขียนและการดุลสมการเคมี การคำนวณปริมาณสารต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องกับปฏิกิริยาเคมี อัตรา การเกิดปฏิกิริยาเคมีและปัจจัยที่มีผลต่ออัตราการเกิดปฏิกิริยาเคมี สมดุลในปฏิกิริยาเคมีและปัจจัยที่มีผลต่อสมดุล เคมี ทฤษฎีกรด - เบส สมบัติและปฏิกิริยาของกรด - เบสสารละลายบัฟเฟอร์ ปฏิกิริยารีดอกซ์ และเซลล์เคมีไฟฟ้า 8. เข้าใจข้อปฏิบัติเบื้องต้นเกี่ยวกับความปลอดภัยในการทำปฏิบัติการเคมีการเลือกใช้อุปกรณ์หรือ เครื่องมือในการทำปฏิบัติการ หน่วยวัดและการเปลี่ยนหน่วยวัดด้วยการใช้แฟกเตอร์เปลี่ยนหน่วย การคำนวณ เกี่ยวกับมวลอะตอม มวลโมเลกุล และมวลสูตร ความสัมพันธ์ของโมล จำนวนอนุภาค มวล และปริมาตรของแก๊สที่ STP การคำนวณสูตรอย่างง่ายและสูตรโมเลกุลของสาร ความเข้มข้นของสารละลาย การเตรียมสารละลาย และ การบูรณาการความรู้ และทักษะในการอธิบายปรากฏการณ์ในชีวิตประจำวันและการแก้ปัญหาทางเคมี 9. เข้าใจธรรมชาติของฟิสิกส์ กระบวนการวัด ความสัมพันธ์ระหว่างปริมาณที่เกี่ยวข้องกับการเคลื่อนที่ การเคลื่อนที่ในแนวตรง แรงลัพธ์ กฎการเคลื่อนที่ แรงเสียดทาน กฎความโน้มถ่วงสากล สนามโน้มถ่วง งาน กฎ การอนุรักษ์พลังงานกล สมดุลกลของวัตถุ เครื่องกลอย่างง่าย โมเมนตัม และการดล กฎการอนุรักษ์โมเมนตัม การ ชน และการเคลื่อนที่ในแนวโค้ง


8 10. เข้าใจการเคลื่อนที่แบบคลื่น ปรากฏการณ์คลื่น การสะท้อน การหักเห การเลี้ยวเบนและการแทรก สอด หลักการของฮอยเกนส์ การเคลื่อนที่ของคลื่นเสียง ปรากฏการณ์ที่เกี่ยวข้องกับเสียง ความเข้มเสียงและระดับ เสียง การได้ยิน ภาพที่เกิดจากกระจกเงาและเลนส์ ปรากฏการณ์ที่เกี่ยวข้องกับแสงและการมองเห็นแสงสี 11. เข้าใจสนามไฟฟ้า แรงไฟฟ้า กฎของคูลอมบ์ ศักย์ไฟฟ้า ตัวเก็บประจุ ตัวต้านทานและกฎของโอห์ม พลังงานไฟฟ้า การเปลี่ยนพลังงานทดแทนเป็นพลังงานไฟฟ้า เทคโนโลยีด้านพลังงาน สนามแม่เหล็ก ความสัมพันธ์ ระหว่างสนามแม่เหล็กกับกระแสไฟฟ้า การเหนี่ยวนำแม่เหล็กไฟฟ้า ไฟฟ้ากระแสสลับ คลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า และ ประโยชน์ของคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า 12. เข้าใจผลของความร้อนต่อสสาร สภาพยืดหยุ่น ความดันในของไหล แรงพยุง ของไหลอุดมคติ ทฤษฎี จลน์ของแก๊ส แนวคิดควอนตัมของพลังงาน ทฤษฎีอะตอมของโบร์ ปรากฏการณ์โฟโตอิเล็กทริก ทวิภาวะของคลื่น และอนุภาค การสลายของนิวเคลียสกัมมันตรังสี กัมมันตภาพ ปฏิกิริยานิวเคลียร์ พลังงานนิวเคลียร์ ความสัมพันธ์ ระหว่างมวลและพลังงาน แรงภายในนิวเคลียส และการค้นคว้าวิจัยด้านฟิสิกส์อนุภาค 13. เข้าใจการแบ่งชั้นและสมบัติของโครงสร้างโลก สาเหตุ และรูปแบบการเคลื่อนที่ของแผ่นธรณีที่ สัมพันธ์กับการเกิดลักษณะธรณีสัณฐานและธรณีโครงสร้างแบบต่าง ๆ หลักฐานทางธรณีวิทยาที่พบในปัจจุบันและ การลำดับเหตุการณ์ทางธรณีวิทยาในอดีต สาเหตุ กระบวนการเกิดแผ่นดินไหว ภูเขาไฟระเบิด สึนามิ ผลกระทบ แนวทางการเฝ้าระวัง และการปฏิบัติตนให้ปลอดภัยสมบัติและการจำแนกชนิดของแร่ กระบวนการเกิดและการ จำแนกชนิดหิน กระบวนการเกิดและการสำรวจแหล่งปิโตรเลียมและถ่านหิน การแปลความหมายจากแผนที่ภูมิ ประเทศและแผนที่ธรณีวิทยา และการนำข้อมูลทางธรณีวิทยาไปใช้ประโยชน์ 14. เข้าใจปัจจัยสำคัญที่มีผลต่อการรับและปลดปล่อยพลังงานจากดวงอาทิตย์ กระบวนการที่ทำให้เกิด สมดุลพลังงานของโลก ผลของแรงเนื่องจากความแตกต่างของความกดอากาศ แรงคอริออลิส แรงสู่ศูนย์กลางและ แรงเสียดทานที่มีต่อการหมุนเวียนของอากาศ การหมุนเวียนของอากาศตามเขตละติจูด และผลที่มีต่อภูมิอากาศ ปัจจัยที่ทำให้เกิดการแบ่งชั้นน้ำและการหมุนเวียนของน้ำในมหาสมุทร รูปแบบการหมุนเวียนของน้ำในมหาสมุทร และผลของการหมุนเวียนของน้ำ ในมหาสมุทรที่มีต่อลักษณะลมฟ้าอากาศ สิ่งมีชีวิตและสิ่งแวดล้อม ความสัมพันธ์ ระหว่างเสถียรภาพอากาศและการเกิดเมฆ การเกิดแนวปะทะอากาศแบบต่าง ๆ และลักษณะลมฟ้าอากาศที่ เกี่ยวข้องปัจจัยต่าง ๆ ที่มีผลต่อการเปลี่ยนแปลงภูมิอากาศของโลก รวมทั้งการแปลความหมายสัญลักษณ์ลมฟ้า อากาศ และการพยากรณ์ลักษณะลมฟ้าอากาศเบื้องต้น จากแผนที่อากาศและข้อมูลสารสนเทศ 15. เข้าใจการกำเนิดและการเปลี่ยนแปลงพลังงาน สสาร ขนาดอุณหภูมิของเอกภพหลักฐานที่สนับสนุน ทฤษฎีบิกแบง ประเภทของกาแล็กซี โครงสร้างและองค์ประกอบของกาแล็กซีทางช้างเผือก กระบวนการเกิดดาว ฤกษ์ และการสร้างพลังงานของดาวฤกษ์ ปัจจัยที่ส่งผลต่อความส่องสว่างของดาวฤกษ์ และความสัมพันธ์ระหว่าง ความส่องสว่างกับโชติมาตรของดาวฤกษ์ความสัมพันธ์ระหว่างสี อุณหภูมิผิว และสเปกตรัมของดาวฤกษ์ วิธีการหา ระยะทางของดาวฤกษ์ด้วยหลักการแพรัลแลกซ์ วิวัฒนาการและการเปลี่ยนแปลงสมบัติบางประการของดาวฤกษ์


9 กระบวนการเกิดระบบสุริยะ การแบ่งเขตบริวารของดวงอาทิตย์ ลักษณะของดาวเคราะห์ที่เอื้อต่อการดำรงชีวิต การโคจรของดาวเคราะห์รอบดวงอาทิตย์ด้วยกฎเคพเลอร์ และกฎความโน้มถ่วงของนิวตันโครงสร้างของดวง อาทิตย์ การเกิดลมสุริยะ พายุสุริยะและผลที่มีต่อโลก การระบุพิกัดของดาวในระบบขอบฟ้าและระบบศูนย์สูตร เส้นทางการขึ้นการตกของดวงอาทิตย์และดาวฤกษ์ เวลาสุริยคติ และการเปรียบเทียบเวลาของแต่ละเขตเวลาบน โลก การสำรวจอวกาศและการประยุกต์ใช้เทคโนโลยีอวกาศ 16. ระบุปัญหา ตั้งคำถามที่จะสำรวจตรวจสอบ โดยมีการกำหนดความสัมพันธ์ระหว่างตัวแปรต่าง ๆ สืบค้นข้อมูลจากหลายแหล่ง ตั้งสมมติฐานที่เป็นไปได้หลายแนวทาง ตัดสินใจเลือกตรวจสอบสมมติฐานที่เป็นไปได้ 17. ตั้งคำถามหรือกำหนดปัญหาที่อยู่บนพื้นฐานของความรู้และความเข้าใจทางวิทยาศาสตร์ ที่แสดงให้ เห็นถึงการใช้ความคิดระดับสูงที่สามารถสำรวจตรวจสอบหรือศึกษาค้นคว้าได้อย่างครอบคลุมและเชื่อถือได้ สร้าง สมมติฐานที่มีทฤษฎีรองรับหรือคาดการณ์สิ่งที่จะพบ เพื่อนำไปสู่การสำรวจตรวจสอบ ออกแบบวิธีการสำรวจ ตรวจสอบตามสมมติฐานที่กำหนดไว้ได้อย่างเหมาะสมมีหลักฐานเชิงประจักษ์ เลือกวัสดุ อุปกรณ์ รวมทั้งวิธีการใน การสำรวจตรวจสอบอย่างถูกต้องทั้งในเชิงปริมาณและคุณภาพ และบันทึกผลการสำรวจตรวจสอบอย่างเป็นระบบ 18. วิเคราะห์ แปลความหมายข้อมูล และประเมินความสอดคล้องของข้อสรุป เพื่อตรวจสอบกับ สมมติฐานที่ตั้งไว้ ให้ข้อเสนอแนะเพื่อปรับปรุงวิธีการสำรวจตรวจสอบ จัดกระทำข้อมูลและนำเสนอข้อมูลด้วย เทคนิควิธีที่เหมาะสม สื่อสารแนวคิด ความรู้ จากผลการสำรวจตรวจสอบ โดยการพูด เขียน จัดแสดงหรือใช้ เทคโนโลยีสารสนเทศ เพื่อให้ผู้อื่นเข้าใจ โดยมีหลักฐานอ้างอิงหรือมีทฤษฎีรองรับ 19. แสดงถึงความสนใจ มุ่งมั่น รับผิดชอบ รอบคอบ และซื่อสัตย์ ในการสืบเสาะหาความรู้ โดยใช้ เครื่องมือ และวิธีการที่ให้ได้ผลถูกต้อง เชื่อถือได้ มีเหตุผลและยอมรับได้ว่าความรู้ทางวิทยาศาสตร์อาจมีการ เปลี่ยนแปลงได้ 20. แสดงถึงความพอใจและเห็นคุณค่าในการค้นพบความรู้ พบคำตอบ หรือแก้ปัญหาได้ทำงานร่วมกับ ผู้อื่นอย่างสร้างสรรค์ แสดงความคิดเห็นโดยมีข้อมูลอ้างอิงและเหตุผลประกอบเกี่ยวกับผลของการพัฒนาและการ ใช้วิทยาศาสตร์ และเทคโนโลยีอย่างมีคุณธรรมต่อสังคม และสิ่งแวดล้อม และยอมรับฟังความคิดเห็นของผู้อื่น 21. เข้าใจความสัมพันธ์ของความรู้วิทยาศาสตร์ที่มีผลต่อการพัฒนาเทคโนโลยีประเภทต่าง ๆ และการ พัฒนาเทคโนโลยีที่ส่งผลให้มีการคิดค้นความรู้ทางวิทยาศาสตร์ที่ก้าวหน้า ผลของเทคโนโลยีต่อชีวิต สังคม และ สิ่งแวดล้อม 22. ตระหนักถึงความสำคัญและเห็นคุณค่าของความรู้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีที่ใช้ในชีวิตประจำวัน ใช้ ความรู้และกระบวนการทางวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีในการดำรงชีวิต และการประกอบอาชีพ แสดงความชื่นชม ภูมิใจ ยกย่อง อ้างอิงผลงาน ชิ้นงานที่เป็นผลมาจากภูมิปัญญาท้องถิ่นและการพัฒนาเทคโนโลยีที่ทันสมัย ศึกษาหา ความรู้เพิ่มเติม ทำโครงงานหรือสร้างชิ้นงานตามความสนใจ


10 23. แสดงความซาบซึ้ง ห่วงใย มีพฤติกรรมเกี่ยวกับการใช้และรักษาทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม อย่างรู้คุณค่า เสนอตัวเองร่วมมือปฏิบัติกับชุมชนในการป้องกัน ดูแลทรัพยากรธรรมชาติ และสิ่งแวดล้อมของ ท้องถิ่น สาระและมาตรฐานการเรียนรู้ สาระชีววิทยา 1. เข้าใจธรรมชาติของสิ่งมีชีวิตการศึกษาชีววิทยาและวิธีการทางวิทยาศาสตร์ สารที่เป็นองค์ประกอบของ สิ่งมีชีวิต ปฏิกิริยาเคมีในเซลล์ของสิ่งมีชีวิตกล้องจุลทรรศน์ โครงสร้างและหน้าที่ของเซลล์ การลำเลียงสารเข้า และออกจากเซลล์ การแบ่งเซลล์ และการหายใจระดับเซลล์ 2. เข้าใจการถ่ายทอดลักษณะทางพันธุกรรม การถ่ายทอดยีนบนโครโมโซม สมบัติและหน้าที่ของสาร พันธุกรรม การเกิดมิวเทชั้น เทคโนโลยีทางดีเอ็นเอหลักฐานข้อมูลและแนวคิดเกี่ยวกับวิวัฒนาการของสิ่งมีชีวิต ภาวะสมดุลของฮาร์ดี-ไวน์เบริ์กการเกิดสปีชีส์ใหม่ ความหลากหลายทางชีวภาพ กำเนิดของสิ่งมีชีวิต ความ หลากหลายของสิ่งมีชีวิต และอนุกรมวิธาน รวมทั้งนำความรู้ไปใช้ประโยชน์ 3. เข้าใจส่วนประกอบของพืช การแลกเปลี่ยนแก๊สและคายน้ำของพืช การลำเลียงของพืชการสังเคราะห์ ด้วยแสง การสืบพันธุ์ของพืชดอกและการเจริญเติบโต และการตอบสนองของพืช รวมทั้งนำความรู้ไปใช้ประโยชน์ 4. เข้าใจการย่อยอาหารของสัตว์และมนุษย์ การหายใจและการแลกเปลี่ยนแก๊สการลำเลียงสารและการ หมุนเวียนเลือด ภูมิคุ้มกันของร่างกาย การขับถ่าย การรับรู้และการตอบสนอง การเคลื่อนที่การสืบพันธ์และการ เจริญเติบโต ฮอร์โมนกับการรักษาดุลย์ภาพ และพฤติกรรมของสัตว์ รวมทั้งนำความรู้ไปใช้ประโยชน์ 5. เข้าใจแนวคิดเกี่ยวกับระบบนิเวศ กระบวนการถ่ายทอดพลังงานและการหมุนเวียนสารในระบบนิเวศ ความหลากหลายของไบโอม การเปลี่ยนแปลงแทนที่ของสิ่งมีชีวิตในระบบนิเวศ ประชากรและรูปแบบการเพิ่มของ ประชากรทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ปัญหาและผลกระทบที่เกิดจากการใช้ประโยชน์ และแนวทางการ แก้ไขปัญหา


11 ผลการเรียนรู้และสาระการเรียนรู้เพิ่มเติม สาระชีววิทยา


12


13


14


15


16


17 คำอธิบายรายวิชาเพิ่มเติม ชีววิทยา เล่ม 3 กลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ (ฉบับปรับปรุง พ.ศ. 2560) ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5 เวลา 60 ชั่วโมง จำนวน 1.5 หน่วยกิต ศึกษาเกี่ยวกับชนิดและลักษณะของเนื้อเยื่อพืช โครงสร้างภายในของรากพืชใบเลี้ยงเดี่ยวและรากพืชใบ เลี้ยงคู่ โครงสร้างภายในของลำต้นพืชใบเลี้ยงเดี่ยวและลำต้นพืชใบเลี้ยงคู่ โครงสร้างภายในของใบพืช การ แลกเปลี่ยน แก๊สและการคายน้ำของพืช กลไกการลำเลียงน้ำ และธาตุอาหารของพืช ความสำคัญของธาตุอาหาร กลไกการลำเลียงอาหารในพืช การศึกษาที่ได้จากการ ทดลองของนักวิทยาศาสตร์ในอดีตเกี่ยวกับกระบวนการ สังเคราะห์ด้วยแสง กระบวนการ สังเคราะห์ด้วยแสงของพืช C3 กลไกการตรึงคาร์บอนไดออกไซด์ในพืช C3 พืช C4 และ พืช CAM ปัจจัยความเข้ม ของแสง ความเข้มข้นของคาร์บอนไดออกไซด์และอุณหภูมิที่มีผลต่อการ สังเคราะห์ด้วยแสงของพืช วัฏจักรชีวิตแบบสลับของพืชดอก บกระบวนการสร้าง เซลล์สืบพันธุ์เพศผู้และเพศเมีย ของพืชดอก และการปฏิสนธิของพืชดอก การเกิดเมล็ดและการเกิดผลของพืชดอก โครงสร้างของเมล็ดและผล และยกตัวอย่างการใช้ประโยชน์จากโครงสร้างต่างๆของเมล็ด และผล ปัจจัยต่าง ๆ ที่มีผลต่อการงอกของเมล็ด หน้าที่ของ ออกซิน ไซโทไคนิน จิบเบอเรลลิน เอทิลีน และกรดแอบไซซิก และการนำไปใช้ประโยชน์ทางการเกษตร สิ่งเร้าภายนอกที่มีผลต่อการเจริญเติบโตของพืช โดยใช้กระบวนการทางวิทยาศาสตร์ การสืบเสาะหาความรู้ การ สืบค้นข้อมูล การสังเกต วิเคราะห์ เปรียบเทียบ อธิบาย และสรุป เพื่อให้เกิดความรู้ ความเข้าใจ มีความสามารถใน การตัดสินใจ มีทักษะปฏิบัติการทางวิทยาศาสตร์ รวมทั้งทักษะการเรียนรู้ในศตวรรษที่ 21 ในด้านการใช้เทคโนโลยี สารสนเทศ ด้านการคิดและการแก้ปัญหา ด้านการสื่อสาร สามารถสื่อสารสิ่งที่เรียนรู้และนำความรู้ไปใช้ในชีวิต ของตนเอง มีจิตวิทยาศาสตร์ จริยธรรม คุณธรรม และค่านิยมที่เหมาะสม ผลการเรียนรู้ 1. อธิบายเกี่ยวกับชนิดและลักษณะของเนื้อเยื่อพืช และเขียนแผนผังเพื่อสรุปชนิดของเนื้อเยื่อพืช 2. สังเกต อธิบาย และเปรียบเทียบโครงสร้าง ภายในของรากพืชใบเลี้ยงเดี่ยวและรากพืช ใบเลี้ยงคู่จากการตัดตาม ขวาง 3. สังเกต อธิบาย และเปรียบเทียบโครงสร้าง ภายในของลำต้นพืชใบเลี้ยงเดี่ยวและลำต้นพืช ใบเลี้ยงคู่จากการตัด ตามขวาง 4. สังเกต และอธิบายโครงสร้างภายในของใบพืช จากการตัดตามขวาง 5. สืบค้นข้อมูล สังเกต และอธิบายการแลกเปลี่ยน แก๊สและการคายน้ำของพืช 6. สืบค้นข้อมูล และอธิบายกลไกการลำเลียงน้ำ และธาตุอาหารของพืช 7. สืบค้นข้อมูล อธิบายความสำคัญของธาตุอาหาร และยกตัวอย่างธาตุอาหารที่สำคัญที่มีผลต่อการเจริญเติบโต ของพืช


18 8. อธิบายกลไกการลำเลียงอาหารในพืช 9. สืบค้นข้อมูล และสรุปการศึกษาที่ได้จากการ ทดลองของนักวิทยาศาสตร์ในอดีตเกี่ยวกับ กระบวนการ สังเคราะห์ด้วยแสง 10. อธิบายขั้นตอนที่เกิดขึ้นในกระบวนการ สังเคราะห์ด้วยแสงของพืช C3 11. เปรียบเทียบกลไกการตรึงคาร์บอนไดออกไซด์ในพืช C3 พืช C4 และ พืช CAM 12. สืบค้นข้อมูล อภิปราย และสรุปปัจจัยความเข้มของแสง ความเข้มข้นของคาร์บอนไดออกไซด์และอุณหภูมิที่มี ผลต่อการสังเคราะห์ด้วยแสงของพืช 13. อธิบายวัฏจักรชีวิตแบบสลับของพืชดอก 14. อธิบาย และเปรียบเทียบกระบวนการสร้าง เซลล์สืบพันธุ์เพศผู้และเพศเมียของพืชดอก และอธิบายการ ปฏิสนธิของพืชดอก 15. อธิบายการเกิดเมล็ดและการเกิดผลของพืชดอก โครงสร้างของเมล็ดและผล และยกตัวอย่าง การใช้ประโยชน์ จากโครงสร้างต่าง ๆ ของเมล็ดและผล 16. ทดลอง และอธิบายเกี่ยวกับปัจจัยต่าง ๆ ที่มีผลต่อการงอกของเมล็ด สภาพพักตัวของเมล็ด และบอกแนวทาง ในการแก้สภาพพักตัวของเมล็ด 17. สืบค้นข้อมูล อธิบายบทบาทและหน้าที่ของ ออกซิน ไซโทไคนิน จิบเบอเรลลิน เอทิลีน และกรดแอบไซซิก และอภิปรายเกี่ยวกับการนำไปใช้ประโยชน์ทางการเกษตร 18. สืบค้นข้อมูล ทดลอง และอภิปรายเกี่ยวกับ สิ่งเร้าภายนอกที่มีผลต่อการเจริญเติบโตของพืช รวมทั้งหมด 18 ผลการเรียนรู้


19 โครงสร้างรายวิชา รายวิชา ว32242 ชีววิทยาเพิ่มเติม กลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5 ภาคเรียนที่ 1 จำนวน 1.5 หน่วยกิต เวลาเรียน 60 ชั่วโมง/ภาคเรียน บทที่ ชื่อหน่วยการ เรียนรู้ สาระสำคัญ ผลการเรียนรู้ ข้อที่ เวลา (ชั่วโมง) น้ำหนัก คะแนน 8 การสืบพันธุ์ของ พืชดอก - โครงสร้างของดอกและชนิดของผล - วัฏจักรชีวิตแบบสลับของพืชดอก - การสืบพันธุ์แบบอาศัยเพศของพืชดอก - การใช้ประโยชน์จากโครงสร้างต่างๆของ ผลและเมล็ด 13 - 15 8 10 9 โครงสร้างและ การเจริญเติบโต ของพืชดอก - เนื้อเยื่อพืช - โครงสร้างและการเจริญเติบโตของราก - โครงสร้างและการเจริญเติบโตของลำต้น - โครงสร้างและการเจริญเติบโตของใบ 1 - 4 18 15 10 การลำเลียงของ พืช - การลำเลียงน้ำ - การแลกเปลี่ยนแก๊สและการคายน้ำ - การลำเลียงธาตุอาหาร - การลำลเยงอาหาร 5 - 8 9 5 11 การสังเคราะห์ ด้วยแสง - การศึกษาที่เกี่ยวกับการสังเคราะห์ด้วย แสงของพืช - กระบวนการสังเคราะห์ด้วยแสงของพืช - โฟโตเรสไพเรชัน - การเพิ่มความเข้มข้นของแก๊ส คาร์บอนไดออกไซด์ - ปัจจัยบางประการที่มีผลต่อการ สังเคราะห์ด้วยแสง 9 - 12 14 10 12 การควบคุมการ เจริญเติบโตและ - ฮอร์โมน - ปัจจัยที่มีผลต่อการงอกของเมล็ด 16 - 18 9 10


20 การตอบสนอง ของพืช - การตอบสนองของพืชในลักษณะการ เคลื่อนไหว - การตอบสนองต่อภาวะเครียด รวม 58 50 สอบกลางภาค 1 20 สอบปลายภาคเรียน 1 30 รวมทั้งหมด 60 100


21 แผนการจัดการเรียนรู้ที่ 1 รายวิชาชีววิทยเพิ่มเติม ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5 เรื่อง ปฐมนิเทศ เวลา 1 ชั่วโมง ภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2566 ผู้สอน นางสาวมณฑิดา ฝั่งซ้าย 1. สาระสำคัญ ในการเรียนรู้รายวิชา ว32242 ชีววิทยา จำเป็นอย่างยิ่งที่ผู้เรียนจะต้องมีความรู้ความเข้าใจในจุดประสงค์ การเรียนรู้ ขอบเขตของเนื้อหา วิธีการวัดและประเมินผลการเรียน และข้อตกลงในการจัดกิจกรรมการ เรียนการสอนในรายวิชานี้ เพื่อเป็นแนวทางให้นักเรียนในการวางแผนการเรียนรู้ของตนเองให้ดำเนินไปได้ อย่างมีประสิทธิภาพ รวมไปถึงเป็นแนวทางในการปฏิบัติตนภายในชั้นเรียนอย่างเหมาะสม 2. จุดประสงค์การเรียนรู้ 2.1 ด้านความรู้ (K) - นักเรียนสามารถบอกจุดประสงค์การเรียนรู้ ขอบเขตของเนื้อหา วิธีการวัดและประเมินผลการเรียน และ ข้อตกลงในการจัดกิจกรรมการเรียนการสอน 2.2 ด้านคุณลักษณะอันพึงประสงค์ (A) - นักเรียนเกิดความสนใจ อยากเรียนรู้ 3. สาระการเรียนรู้ 3.1 ข้อมูลเบื้องต้น : รายวิชา ว32242 ชีววิทยา เรื่อง การดำรงชีวิตของพืช ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5 เป็น วิชาที่มีเวลาเรียนจำนวน 3 ชั่วโมง/สัปดาห์ คิดเป็น 60 ชั่วโมง/ภาคเรียน จำนวน 1.5 หน่วยกิต 3.2 ขอบข่ายรายวิชา ว32242 ชีววิทยา เรื่อง การดำรงชีวิตของพืช รายวิชา ว32242 ชีววิทยา การดำรงชีวิตของพืชประกอบไปด้วย หน่วยการเรียนรู้ 5 หน่วย ดังนี้ บทที่ 8 การสืบพันธุ์ของพืชดอก 8.1 โครงสร้างของดอกและชนิดของผล 8.2 วัฏจักรชีวิตแบบสลับของพืชดอก 8.3 การสืบพันธุ์แบบอาศัยเพศของพืชดอก 8.4 การใช้ประโยชน์จากโครงสร้างต่างๆ ของผลและเมล็ด บทที่ 9 โครงสร้างและการเจริญเติบโตของพืชดอก 9.1 เนื้อเยื่อพืช 9.2 โครงสร้างและการเจริญเติบโตของราก 9.3 โครงสร้างและการเจริญเติบโตของลำต้น


22 9.4 โครงสร้างและการเจริญเติบโตของใบ บทที่ 10 การลำเลียงของพืช 10.1 การลำเลียงน้ำ 10.2 การแลกเปลี่ยนแก๊สและการคายน้ำ 10.3 การลำเลียงธาตุอาหาร 10.4 การลำเลียงอาหาร บทที่ 11 การสังเคราะห์ด้วยแสง 11.1 การศึกษาเกี่ยวกับการสังเคราะห์ด้วยแสง 11.2 กระบวนการสังเคราะห์ด้วยแสงของพืช 11.3 โฟโตเรสไพเรชัน 11.4 การเพิ่มความเข้มข้นของแก๊สคาร์บอนไดออกไซด์ 11.5 ปัจจัยบางประการที่มีผลต่อการสังเคราะห์ด้วยแสง บทที่ 12 การควบคุมการเจริญเติบโตและการตอบสนองของพืช 12.1 ฮอร์โมนพืช 12.2 ปัจจัยที่มีผลต่อการงอกของเมล็ด 12.3 การตอบสนองของพืชในลักษณะการเคลื่อนไหว 12.4 การตอบสนองต่อภาวะเครียด 3.3 คุณภาพของผู้เรียน เข้าใจโครงสร้างและส่วนประกอบของพืชทั้งราก ลำต้น ใบและดอก การแลกเปลี่ยนแก๊ส การคายน้ำ การ ลำเลียงน้ำและธาตุอาหาร การลำเลียงอาหาร การสังเคราะห์ด้วยแสงของพืช กระบวนการสร้างเซลล์สืบพันธุ์และ การปฏิสนธิของพืชดอก การเกิดผลและเมล็ด บทบาทของสารควบคุมการเจริญเติบโตของพืชและการประยุกต์ใช้ และการตอบสนองของพืช


23 3.4 การวัดและประเมินผลการเรียน อัตราส่วนคะแนน ลำดับที่ วิธีการประเมินผล ร้อยละ 1 การประเมินจากผลงาน - สมุดบันทึก ใบงาน/ใบกิจกรรมระหว่างเรียน/แบบฝึกหัด (เดี่ยว) 15% - รายงานการศึกษา/รายงานการทดลอง (กลุ่ม) 10% 25 2 การทดสอบระหว่างเรียน - บทที่ 8 การสืบพันธุ์ของพืชดอก 3 % - บทที่ 9 โครงสร้างและการเจริญเติบโตของพืชดอก 3 % - บทที่ 10 การลำเลียงของพืช 3 % - บทที่ 11 การสังเคราะห์ด้วยแสง 3 % - บทที่ 12 การควบคุมการเจริญเติบโตและการตอบสนองของพืช 3 % 15 3 การสอบกลางภาค 20 4 การสอบปลายภาค 30 5 การแสดงออกทางคุณลักษณะที่พึงประสงค์ในการเรียน เช่น การเข้าชั้นเรียน การมีส่วนร่วมในชั้นเรียน ความซื่อสัตย์ ความรับผิดชอบ มีจิตสาธารณะ 10 รวม 100 3.5 การตัดสินผลการเรียน มีผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนไม่ต่ำกว่าร้อยละ 50 ช่วงคะแนน (ร้อยละ) เกรด 80 ขึ้นไป 4 75 - 79 3.5 70 - 74 3 65 - 69 2.5 60 - 64 2 55 - 59 1.5 50 - 54 1 ต่ำกว่า 50 0


24 3.6 ข้อตกลงในการจัดกิจกรรมการเรียนการสอน (ข้อตกลงภายในชั้นเรียน) 1) นักเรียนต้องมีเวลาเรียนไม่ต่ำกว่าร้อยละ 80 ของเวลาเรียนทั้งหมด ถ้าต่ำกว่าร้อยละ 80 จะถือว่าไม่มี สิทธิ์สอบ (มส.) 2) นักเรียนไม่ควรเข้าห้องเรียนช้าเกิน 15 นาที ถ้าเกินนักเรียนจะถูกเขียน สาย (ส) ถ้าสาย 2 ครั้ง เท่ากับ ขาดเรียน 1 ครั้ง 3) นักเรียนควรส่งงานให้ตรงตามกำหนดเวลา และส่งงานให้ครบตามที่ได้รับมอบหมาย หากส่งช้ากว่า กำหนดจะถูกหักคะแนนในงานชิ้นนั้นๆ ตามวันที่ช้าออกไป (หักวันละ 0.5 คะแนน) 4) หากมีความจำเป็นต้องออกจากห้องเรียนต้องขออนุญาตครูก่อนทุกครั้ง 5) ไม่นำอาหารมารับประทานขณะครูสอน 6) ไม่ควรหยอกล้อกันระหว่างเรียน ส่งเสียงดัง หรือหลับในขณะเรียน ถ้านักเรียนฝ่าฝืนจะถูกหักคะแนน คุณลักษณะที่พึงประสงค์ 7) นักเรียนควรปิดเสียงเครื่องมือสื่อสารทุกชนิดขณะเรียน 8) นักเรียนควรให้ความร่วมมือกับสมาชิกในกลุ่มในการปฏิบัติกิจกรรมกลุ่ม 9) ในระหว่างเรียน นักเรียนห้ามนำงาน/การบ้าน นอกเหนือจากวิชาที่เรียนขึ้นมาอ่านหรือทำในขณะเรียน 10) ก่อนออกจากห้องเรียนทุกครั้ง ต้องจัดโต๊ะ เก้าอี้ ให้เป็นระเบียบเหมือนเดิมทุกครั้ง พร้อมปิดไฟ ปิดพัด ลม ให้เรียบร้อย 11) หากชั่วโมงใดมีการทดลอง ให้นักเรียนแต่ละกลุ่มเก็บและทำความสะอาดอุปกรณ์ให้เรียบร้อย หาก กลุ่มใดไม่ปฏิบัติตามจะถูกหักคะแนน 12) หากมีข้อสงสัยให้สอบถามครูได้ทันที 13) หากนักเรียนมีธุระไม่สามารถเรียนได้ ให้ส่งใบลาก่อนล่วงหน้า 1 วัน เว้นแต่เป็นธุระเร่งด่วน ให้ส่งใบลา ย้อนหลังได้ ในกรณีเจ็บป่วยให้ส่งใบลาย้อนหลัง 3.7 หนังสือประกอบการเรียน หนังสือเรียนรายวิชาเพิ่มเติมวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ชีววิทยา เล่ม 3 ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5 ตาม หลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช 2551 (ฉบับปรับปรุง 2560) 4. กระบวนการจัดการเรียนรู้ 4.1 ขั้นนำ 1) ครูสำรวจความพร้อมของนักเรียนและกล่าวทักทายนักเรียน 2) ครูแนะนำตัวกับนักเรียน


25 4.2 ขั้นสอน 1) ครูชี้แจงกำหนดการสอนแต่ละสัปดาห์ให้นักเรียนทุกคนทราบ พร้อมทั้งชี้แจงจุดประสงค์การเรียนรู้ ขอบเขตเนื้อหา การวัดประเมินผล ข้อตกลงกิจกรรมในวันนี้ว่าเป็นคาบปฐมนิเทศเพื่อเตรียมความพร้อมในการ เรียนในรายวิชา ว 32242 ชีววิทยา 2) ครูเปิดโอกาสให้นักเรียนแสดงความคิดเห็นในการสร้างข้อตกลงหรือ ข้อปฏิบัติในชั้นเรียน และสรุป เกี่ยวกับประเด็นดังกล่าวข้างต้นซ้ำอีกครั้งเพื่อให้นักเรียนและครูเข้าใจตรงกัน 3) ครูให้นักเรียนกรอกแบบฟอร์มทำความรู้จักกับนักเรียน โดยหลังจากทำเสร็จให้นักเรียนติดใส่สมุดแล้ว นำมาส่ง 4.3 ชั้นสรุป 1) ครูถามนักเรียนถึงสิ่งที่ได้เรียนรู้ในวันนี้ โดยเฉพาะแนวปฏิบัติและข้อตกลงรายวิชาให้นักเรียนตอบโดย พร้อมเพรียงกัน และนัดแนะสิ่งที่ต้องเตรียมมาในชั่วโมงถัดไป (ดอกไม้คนละ 1 ชนิด) 5. สื่อ/อุปกรณ์ แหล่งการเรียนรู้ - แบบฟอร์มทำความรู้จักกับนักเรียน 6. การวัดและการประเมินผลการเรียนรู้ จุดประสงค์การเรียนรู้ วิธีการวัดผล การเรียนรู้ เครื่องมือวัดผล การเรียนรู้ เกณฑ์การวัด ประเมินผล ด้านความรู้ (K : Knowledge) - นักเรียนสามารถบอกจุดประสงค์การเรียนรู้ ขอบเขต ของเนื้อหา วิธีการวัดและประเมินผลการเรียน และ ข้อตกลงในการจัดกิจกรรมการเรียนการสอน - การตอบ คำถามใน ห้องเรียน - แบบสังเกต พฤติกรรม รายบุคคลด้าน คุณลักษณะ อันพึงประสงค์ ผ่านเกณฑ์การ ประเมินไม่ น้อยกว่า ร้อยละ 70 ด้านคุณลักษณะอันพึงประสงค์ (A : Attribute) - นักเรียนเกิดความสนใจ อยากเรียนรู้ - การสังเกต พฤติกรรม - แบบสังเกต พฤติกรรม รายบุคคลด้าน คุณลักษณะ อันพึงประสงค์


26


27


28


29


30 แผนการจัดการเรียนรู้ที่ 2 รายวิชาชีววิทยาเพิ่มเติม ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5 บทที่ 8 การสืบพันธุ์ของพืชดอก เวลาทั้งหมด 8 ชั่วโมง เรื่อง โครงสร้างของดอก เวลา 1 ชั่วโมง ภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2566 ผู้สอน นางสาวมณฑิดา ฝั่งซ้าย 1. มาตรฐานการเรียนรู้ เข้าใจส่วนประกอบของพืช การแลกเปลี่ยนแก๊สและคายน้ำของพืช การลำเลียงของพืชการสังเคราะห์ด้วย แสง การสืบพันธุ์ของพืชดอกและการเจริญเติบโต และการตอบสนองของพืช รวมทั้งนำความรู้ไปใช้ประโยชน์ 2. ผลการเรียนรู้ สำรวจ ตรวจสอบ สืบค้นข้อมูล อภิปราย ปฏิบัติการทดลอง และสรุปเกี่ยวกับโครงสร้างของดอก การ สืบพันธุ์ของพืชดอกและชนิดของผลได้ 3. สาระสำคัญ โครงสร้างของดอกที่เกี่ยวข้องกับการสืบพันธุ์ในพืชแต่ละชนิดมีโครงสร้างของดอกแตกต่างกัน บางชนิดมี โครงสร้างหลักครบทั้ง 4 ส่วน ซึ่งได้แก่ กลีบเลี้ยง (sepal) กลีบดอก (petal) เกสรเพศผู้(stamen) และ เกสรเพศ เมีย (pistil) เรียกว่า ดอกสมบูรณ์(complete flower) ถ้าขาดส่วนใดส่วนหนึ่งไปไม่ครบ 4 ส่วน เรียกว่า ดอกไม่ สมบูรณ์(incomplete flower) และดอกที่มีทั้งเกสรเพศผู้และเพศเมียอยู่ภายในดอกเดียวกัน เรียกว่า ดอก สมบูรณ์เพศ (perfect flower) ถ้ามีแต่เกสรเพศผู้ หรือ เกสรเพศเมียอย่างเดียว เรียกว่า ดอกไม่สมบูรณ์เพศ (imperfect flower) 4.จุดประสงค์การเรียนรู้ 4.1 ด้านความรู้ (K) - นักเรียนสามารถบอกโครงสร้างของดอกได้ 4.2 ด้านทักษะ/กระบวนการ (P) - นักเรียนสังเกตลักษณะความแตกต่างของดอกครบส่วนและดอกไม่ครบส่วนได้จากการปฏิบัติกิจกรรม 4.3 ด้านคุณลักษณะอันพึงประสงค์ (A) - นักเรียนมีวินัย ใฝ่เรียนรู้และมีความรับผิดชอบ 5. สาระการเรียนรู้ ส่วนประกอบของดอกที่เกี่ยวข้องกับการสืบพันธุ์โดยตรงคือชั้นเกสรเพศผู้และชั้นเกสรเพศเมียซึ่ง จำนวน รังไข่เกี่ยวข้องกับการเจริญเป็นผล ชนิดต่าง ๆ


31 1. โครงสร้างของพืชดอก โดยดอกไม้โดยทั่วไปจะประกอบด้วย กลีบดอก กลีบเลี้ยง เกสรเพศผู้ และเกสร เพศเมีย 2. ดอกสมบูรณ์และดอกไม่สมบูรณ์ดอกครบส่วนหรือดอกสมบูรณ์ (complete flower) คือ ดอกที่มี กลีบเลี้ยง กลีบดอก เกสรตัวผู้ เกสรตัวเมีย ครบทั้ง 4 ชั้น ดอกไม่ครบส่วนหรือดอกไม่สมบูรณ์ (incomplete flower) คือ ดอกที่มีส่วนประกอบไม่ครบทั้ง 4 ชั้น 4. ดอกเดี่ยวและดอกช่อ ดอกเดี่ยว (single folwer) คือ ดอกไม้ที่มีดอกอยู่เพียงดอกเดียวบนก้านชูดอก เพียงก้านเดียว ดอกช่อ (inflorescence flower) คือ ดอกที่ประกอบด้วยดอกย่อยหลายๆ ดอกอยู่บนหนึ่งก้าน ดอก แต่ละดอกมีดอกย่อย มีก้านดอกย่อย ที่โคนก้านดอกย่อยมีใบประดับ รองรับด้วยก้านดอกย่อยอยู่บนช่อดอก 6. กระบวนการจัดการเรียนรู้แบบสืบเสาะหาความรู้ (5E) ขั้นที่ 1 ขั้นสร้างความสนใจ 1) ครูนำบัตรภาพดอกไม้สด 3 ชนิดเข้ามาในชั้นเรียน แล้วถามนักเรียนว่า เป็นดอกอะไร 2) นักเรียนช่วยกันตอบคำถาม 3) ครูถามต่อว่านักเรียนเคยสังเกตหรือไม่ว่าดอกไม้มีส่วนประกอบอะไรบ้าง ดอกไม้แต่ละชนิดมี ส่วนประกอบเหมือนหรือแตกต่างกันอย่างไร และสามารถเจริญเป็นอะไรต่อไปได้ แนวคำตอบ : นักเรียนร่วมกันอภิปรายคำตอบของคำถาม ตามประสบการณ์ของนักเรียน ขั้นที่ 2 ขั้นสำรวจและค้นหา 1) ครูนำอภิปรายว่าพืชดอกเมื่อมีการเจริญเติบโตเต็มที่แล้วจะออกดอก ดอกไม้เป็นส่วนสำคัญที่ทำหน้าใน การสืบพันธุ์ของพืช และดอกของพืชบางชนิดสามารถเจริญไปเป็นผลได้ 2) นักเรียนแบ่งกลุ่มปฏิบัติกิจกรรมตามใบงานที่ 1 เรื่อง โครงสร้างของดอก แต่ละกลุ่มปฏิบัติกิจกรรม ตามขั้นตอนที่วางแผนไว้ ดังนี้ - สมาชิกในกลุ่มช่วยกันสังเกตส่วนประกอบของดอกไม้ที่กลุ่มตนเองเตรียมมา ภาพที่ 1 : ดอกชบา ที่มา : https://shorturl.asia/Es6kL ค้นข้อมูลวันที่ 28 เม.ย.66 ภาพที่ 2 : ดอกกุหลาบ ที่มา : https://shorturl.asia/3vVth ค้นข้อมูลวันที่ 28 เม.ย.66 ภาพที่ 3 : ดอกดาวเรือง ที่มา : https://shorturl.asia/CtJWq ค้นข้อมูลวันที่ 28 เม.ย.66


32 - สังเกตลักษณะของกลีบดอก กลีบเลี้ยง เกสรเพศผู้ เกสรเพศเมีย แล้วบันทึกผลลงในใบงาน - สมาชิกช่วยกันศึกษาลักษณะของดอกช่อ และดอกเดี่ยว พร้อมตอบคำถามในใบงาน ขั้นที่ 3 ขั้นอธิบายและลงข้อสรุป 1) นักเรียนแต่ละกลุ่มนำเสนอผลการปฏิบัติกิจกรรมของกลุ่มตนเองหน้าชั้นเรียน 2) ครูและนักเรียนร่วมกันอภิปรายผลจากการปฏิบัติกิจกรรม โดยใช้แนวคำถาม เช่น - ดอกไม้ที่นำมาสังเกตมีส่วนประกอบอะไรบ้าง แนวคำตอบ : กลีบเลี้ยง กลีบดอก เกสรเพศผู้และเกสรเพศเมีย - ดอกไม้ชนิดใดบ้างมีส่วนประกอบของดอกครบส่วน แนวคำตอบ : ชบา ต้อยติ่ง มะเขือ กุหลาบ บัว ผักบุ้ง - ส่วนประกอบใดของดอกไม้ที่ทำหน้าที่เกี่ยวข้องกับการสืบพันธุ์ แนวคำตอบ : เกสรเพศผู้และเกสรเพศเมีย 3) ครูและนักเรียนร่วมกันสรุปผลการปฏิบัติกิจกรรม และครูอธิบายให้นักเรียนเข้าใจว่า ดอกไม้โดยทั่วไป จะประกอบด้วย กลีบดอก กลีบเลี้ยง เกสรเพศผู้ และเกสรเพศเมีย ดอกไม้บางชนิดเป็นดอกครบส่วน บางชนิดเป็น ดอกไม่ครบส่วน บางชนิดเป็นดอกสมบูรณ์เพศ บางชนิดเป็นดอกไม่สมบูรณ์เพศ ส่วนที่ทำหน้าที่ในการสืบพันธุ์ คือ เกสรเพศผู้และเกสรเพศเมีย ขั้นที่ 4 ขั้นขยายความรู้ 1) ครูนำดอกเฟื่องฟ้า มาให้นักเรียนดูพร้อมถามว่า นักเรียนคิดว่าส่วนใดคือกลีบดอก ภาพที่ 4 : ดอกเฟื่องฟ้า ที่มา : ข้อมูลพันธุ์ไม้ระบบฐานข้อมูลเกษตรดิจิทัล ค้นข้อมูลวันที่ 22 เม.ย.66 แนวคำตอบ : นักเรียนร่วมกันตอบคำถาม ตามความเข้าใจของนักเรียน 2) ครูเสริมความรู้เพิ่มเติมให้กับนักเรียนเกี่ยวกับใบประดับของพืชว่า พืชบางชนิดมีใบที่เปลี่ยนแปลงไป เพื่อทำหน้าที่ป้องกันดอกอ่อน เรียกว่า ใบประดับ (bract) ซึ่งพบที่ก้านดอกหรือก้านช่อดอก ใบประดับอาจมีสีสัน สวยงามคล้ายกลีบดอก เช่น เฟื่องฟ้า หรือมีใบประดับขนาดใหญ่รองรับช่อดอกและมีสีสันต่างๆ เช่น หน้าวัว ดอก บางชนิดมีใบประดับขนาดเล็กและหลุดร่วงง่าย เช่น หางนกยูงไทย


33 ขั้นที่ 5 การประเมินผล 1) ครูทดสอบความเข้าใจของนักเรียนโดยการให้ตอบคำถาม ดังนี้ - ดอกไม้มีความสำคัญอย่างไร แนวคำตอบ : อวัยวะส่วนสำคัญที่ทำหน้าที่ในการสืบพันธุ์ของพืชดอก - ส่วนประกอบของดอกไม้แต่ละส่วนมีหน้าที่อะไรบ้าง แนวคำตอบ : กลีบเลี้ยง มีหน้าที่ป้องกันดอกที่ยังตูม โดยป้องกันไม่ให้เกิดการระเหยของน้ำ และป้องกัน แมลงและศัตรูพืช กลีบดอก มีหน้าที่ล่อแมลงให้มาช่วยผสมเกสร หรือถ่ายละอองเรณู เกสรตัว ผู้มีหน้าที่สร้างเซลล์สืบพันธุ์เพศผู้ เกสรตัว เมียมีหน้าที่สร้างเซลล์สืบพันธุ์เพศเมีย - ยกตัวอย่างดอกไม้ที่เป็นดอกสมบูรณ์และดอกไม่สมบูรณ์ แนวคำตอบ : ดอกสมบูรณ์เช่น ดอกพริก ดอกบัว ดอกกุหลาบ ดอกมะเขือ ดอกพู่ระหง ดอกไม่สมบูรณ์เช่น ดอกมะระ ดอกบวบ ดอกมะละกอ ดอกตำลึง ดอกมะพร้าว - บอกความแตกต่างของดอกสมบูรณ์เพศและดอกไม่สมบูรณ์เพศ แนวคำตอบ : ดอกสมบูรณ์เพศ คือ ดอกที่มีทั้งเกสรตัวผู้และเกสรตัวเมียอยู่ในดอกเดียวกัน ดอกไม่สมบูรณ์เพศ คือ ดอกที่มีแต่เกสรตัวผู้หรือเกสรตัวเมียอย่างใดอย่างหนึ่ง 7. สื่อ/อุปกรณ์ แหล่งการเรียนรู้ 7.1 สื่อ/อุปกรณ์ 7.1.1 Power point ประกอบการสอน 7.1.2 ใบงานที่ 1 เรื่อง โครงสร้างของดอก 7.2 แหล่งการเรียนรู้ 7.2.1 หนังสือเรียนชีววิทยา ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5 เล่ม 3 7.2.2 อินเทอร์เน็ต


34 8. การวัดและการประเมินผลการเรียนรู้ จุดประสงค์การเรียนรู้ วิธีการวัดผล การเรียนรู้ เครื่องมือวัดผล การเรียนรู้ เกณฑ์การวัด ประเมินผล ด้านความรู้ (K : Knowledge) - นักเรียนสามารถบอกโครงสร้างของดอกได้ - ตรวจสอบ ชิ้นงาน ใบงาน เรื่อง โครงสร้างดอก และชนิดของ ผล ผ่านเกณฑ์การ ประเมินไม่ น้อยกว่า ร้อยละ 70 ด้านทักษะกระบวนการ (P : Process) - นักเรียนสังเกตลักษณะความแตกต่างของดอกครบส่วน และดอกไม่ครบส่วนได้จากการปฏิบัติกิจกรรม - สังเกต พฤติกรรม การทำงานใน กลุ่ม - แบบสังเกต พฤติกรรมการ ทำงานในกลุ่ม ด้านคุณลักษณะอันพึงประสงค์ (A : Attribute) - นักเรียนมีวินัย ใฝ่เรียนรู้และมีความรับผิดชอบ - การสังเกต พฤติกรรม - แบบสังเกต พฤติกรรม รายบุคคลด้าน คุณลักษณะ อันพึงประสงค์


35


36


37


38 ใบงานที่ 1 เรื่อง โครงสร้างของดอกและชนิดของผล รายวิชาชีววิทยา ว32242 สอนโดย นางสาวมณฑิดา ฝั่งซ้าย รายชื่อสมาชิกในกลุ่ม 1................................................................................ 2.......................................... .......................................... 3................................................................................ 4.......................................... .......................................... 5................................................................................ 6.......................................... .......................................... กลีบเลี้ยง เกสรเพศเมีย เกสรเพศผู้ ยอดเกสรเพศเมีย ฐานรองดอก ก้านชูอับเรณู ก้านเกสรเพศเมีย อับเรณู รังไข่ กลีบดอก ออวุล Stigma Stamen Style Petal Ovary Receptacle Pistil Anther Filament Ovule Sepal คำชี้แจง : ให้นักเรียนร่วมกันศึกษาโครงสร้างของดอกและชนิดของผล แล้วเลือกคำที่กำหนดให้ทั้งภาษาไทย และภาษาอังกฤษที่มีความหมายตรงกับภาพ และเขียนคำอธิบายชนิดของผลให้ถูกต้อง


39 ชื่อดอกไม้................................................ ชื่อส่วนประกอบต่างๆ ส่วนประกอบจริง กลีบดอก กลีบเลี้ยง เกสรเพศเมีย เกสรเพศผู้ ตอนที่ 2 : ให้นักเรียนศึกษาส่วนประกอบของดอกไม้ที่นำมาศึกษาส่วนประกอบ ต่างๆแล้วเลือกส่วนต่างๆติด ลงในตารางให้ถูกต้อง


40 ชื่อส่วนประกอบต่างๆ ส่วนประกอบจริง รังไข่ ฐานรองดอก ก้านดอก สรุป : ลักษณะดอกไม้ที่นำมาศึกษาเป็น ดอกครบส่วน ดอกไม่ครบส่วน ดอกสมบูรณ์เพศ ดอกไม่สมบูรณ์เพศ ดอกเดี่ยว ดอกช่อ


41 ใบงานที่ 1 เรื่อง โครงสร้างของดอกและชนิดของผล รายวิชาชีววิทยา ว32242 สอนโดย นางสาวมณฑิดา ฝั่งซ้าย รายชื่อสมาชิกในกลุ่ม 1................................................................................ 2.......................................... .......................................... 3................................................................................ 4.......................................... .......................................... 5................................................................................ 6.......................................... .......................................... กลีบเลี้ยง เกสรเพศเมีย เกสรเพศผู้ ยอดเกสรเพศเมีย ฐานรองดอก ก้านชูอับเรณู ก้านเกสรเพศเมีย อับเรณู รังไข่ กลีบดอก ออวุล Stigma Stamen Style Petal Ovary Receptacle Pistil Anther Filament Ovule Sepal คำชี้แจง : ให้นักเรียนร่วมกันศึกษาโครงสร้างของดอกและชนิดของผล แล้วเลือกคำที่กำหนดให้ทั้งภาษาไทย และภาษาอังกฤษที่มีความหมายตรงกับภาพ และเขียนคำอธิบายชนิดของผลให้ถูกต้อง ยอดเกสรเพศเมีย (Stigma) อับเรณู (Anther) ก้านเกสรเพศเมีย (Style) เกสรเพศผู้ (Stamen) เกสรเพศเมีย (Pistil) รังไข่ (Ovary) ออวุล (Ovule) ฐานรองดอก (Receptacle) กลีบเลี้ยง (Sepal) กลีบดอก (Petal) ก้านชูอับเรณู (Filament)


42 แผนการจัดการเรียนรู้ที่ 3 รายวิชาชีววิทยาเพิ่มเติม ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5 บทที่ 8 การสืบพันธุ์ของพืชดอก เวลาทั้งหมด 8 ชั่วโมง เรื่อง ชนิดของผล เวลา 1 ชั่วโมง ภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2566 ผู้สอน นางสาวมณฑิดา ฝั่งซ้าย 1. มาตรฐานการเรียนรู้ มาตรฐาน ว 4.3 เข้าใจส่วนประกอบของพืช การแลกเปลี่ยนแก๊สและคายน้ำของพืช การลำเลียงของพืช การสังเคราะห์ด้วยแสง การสืบพันธุ์ของพืชดอกและการเจริญเติบโต และการตอบสนองของพืช รวมทั้งนำความรู้ ไปใช้ประโยชน์ 2. ผลการเรียนรู้ สำรวจ ตรวจสอบ สืบค้นข้อมูล อภิปราย ปฏิบัติการทดลอง และสรุปเกี่ยวกับโครงสร้างของดอก การ สืบพันธุ์ของพืชดอกและชนิดของผลได้ 3. สาระสำคัญ ผล (fruit) คือ รังไข่ที่ได้รับการปฏิสนธิ (fertilization) แล้วเจริญเติบโตเต็มที่ อาจมีบางส่วนของดอก เจริญมาด้วย เช่น ฐานรองดอก กลีบเลี้ยง ภายในมีเมล็ดหรือไม่มีก็ได้ สำหรับผลที่เกิดจากรังไข่ที่ไม่ได้รับการ ปฏิสนธิ และไม่มีเมล็ด เรียกว่า ผลลม (parthenocarpic fruit) 4.จุดประสงค์การเรียนรู้ 4.1 ด้านความรู้ (K) - นักเรียนสามารถบอกชนิดของผลได้ 4.2 ด้านทักษะ/กระบวนการ (P) - นักเรียนสามารถจำแนกชนิดของผล โดยใช้จำนวนรังไข่เป็นเกณฑ์ผ่านบัตรภาพ 4.3 ด้านคุณลักษณะอันพึงประสงค์ (A) - นักเรียนมีความใฝ่รู้ใฝ่เรียน และมุ่งมั่นในการทำงาน 5. สาระการเรียนรู้ 1) ประเภทของผล 1.1) ผลเดี่ยว (simple fruit) คือ ผลซึ่งมาจากดอกที่มีหนึ่งเกสรตัวเมีย อาจมีหลายเมล็ด (เพราะ มีหลาย ovule) เช่น องุ่น หรืออาจมีเมล็ดเดียว (เพราะมี ovule เดียว) เช่น มะม่วง ละมุด หรืออาจกั้นเป็นหลาย ห้อง เช่น ส้ม มะกรูด มะนาว


43 1.2) ผลกลุ่ม (aggregate fruit) คือ ผลซึ่งมาจากดอกที่มีหลายเกสรตัวเมีย แต่ละรังไข่ก็เจริญเป็น ผลย่อยติดอยู่บนฐานรองดอกเดียวกัน เช่น จำปี จำปา กระดังงา การเวก ลูกจาก นมแมว สตรอเบอร์รี่ น้อยหน่า ฝักบัว 1.3) ผลรวม (multiple fruit) คือ ผลที่เกิดจากช่อดอก ที่แต่ละรังไข่ของแต่ละดอกมาหลอม รวมกันจนเป็นผลเดียว เช่น มะเดื่อ ขนุน ลูกยอ สับปะรด สาเก หม่อน 6. กระบวนการจัดการเรียนรู้แบบสืบเสาะหาความรู้ (5E) ขั้นที่ 1 ขั้นสร้างความสนใจ 1) ครูนำผลไม้มาให้นักเรียนชิมจากนั้นให้นักเรียนร่วมกันแสดงความคิดเห็นว่าส่วนที่กินไปนั้นคือส่วนที่ เจริญมาจากส่วนใด แนวคำตอบ : ผลส่วนมากจะเจริญมาจากส่วนของรังไข่ของดอก 2) ครูใช้คำถามนำเข้าสู่การสืบค้น ผลสามารถจำแนกชนิดได้หรือไม่ ถ้าได้จะใช้ด้วยเกณฑ์ใดได้บ้าง ขั้นที่ 2 ขั้นสำรวจและค้นหา 1) ครูแบ่งกลุ่มนักเรียนออกเป็น 7 กลุ่ม ให้นักเรียนศึกษาชนิดของผล อภิปราย แลกเปลี่ยนความคิดเห็น และสรุปความคิดรวบยอดร่วมกันภายในกลุ่ม แล้วเขียนเป็น Mind mapping ขั้นที่ 3 ขั้นอธิบายและลงข้อสรุป 1) ครูนำภาพผลไม้ชนิดต่างๆ มาแสดงโดยเปิดให้เห็นเพียงบางส่วน ให้นักเรียนได้ลองทายชื่อผลไม้จาก ลักษณะบางส่วนที่สังเกตเห็น จากนั้นให้บอกประเภทของผล พร้อมเหตุผลประกอบ ขั้นที่ 4 ขั้นขยายความรู้ 1) ครูและนักเรียนร่วมกันสรุปการจำแนกประเภทของผล ซึ่งมีเนื้อหาดังนี้ผล (Fruits) คือ รังไข่ที่ได้รับ การปฏิสนธิ (fertilization) แล้วเจริญเติบโตเต็มที่ อาจมีบางส่วนของดอกเจริญมาด้วย เช่น ฐานรองดอก กลีบ เลี้ยง ภายในมีเมล็ดหรือไม่มีก็ได้ สำหรับผลที่เกิดจากรังไข่ที่ไม่ได้รับการปฏิสนธิ และไม่มีเมล็ด เรียกว่า ผลลม (parthenocarpic fruit) ประเภทของผล (Classification of Fruits) ผลเดี่ยว (Simple Fruit) ชนิดของผลที่เกิดจากดอกเดียว เกสรเพศเมียมีหนึ่งหรือหลายคาร์เพลที่เชื่อมติดกัน เช่น ผลแตงโม มะละกอ ส้ม มะม่วง


44 ผลกลุ่ม (Aggregate Fruit) ชนิดของผลที่เกิดจากดอกเดียวแต่มีหลายคาร์เพล และแต่ละคาร์เพลแยกจากกัน ซึ่ง แต่ละคาร์เพลนี้จะเจริญไปเป็นผลย่อย เช่น ผลน้อยหน่า การเวก จำปี จำปา สตรอเบอร์รี่ ผลรวม (Multiple Fruit) ชนิดของผลที่เกิดจากดอกย่อยหลายๆ ดอกในช่อดอกเดียวกันเจริญเชื่อมติดกันเป็นผล เดียว เช่นผลขนุน สับปะรด ยอ ขั้นที่ 5 การประเมินผล 1) ครูใช้คำถามเพื่อทบทวน และตรวจสอบผลการเรียนรู้ของนักเรียน ดังนี้ - ชนิดของดอกและจำนวนรังไข่ภายในดอกมีความสัมพันธ์กับชนิดของผลอย่างไร แนวคำตอบ : 1.รังไข่1 รังไข่ที่อยู่ในดอกเดี่ยว 1 ดอกหรือดอกย่อย 1 ดอกในดอกช่อ เมื่อเจริญเป็นผล ผลนั้นจะ เป็นผลเดี่ยว 2.รังไข่หลายรังไข่ที่อยู่ในดอกเดี่ยว 1 ดอกเมื่อเจริญเป็นผล ผลนั้นจะเป็นผลกลุ่ม 3.รังไข่ของดอกย่อย แต่ละดอกที่อยู่ชิดกันแน่นจะเจริญร่วมกันขึ้นมาเป็นผลย่อยที่อยู่เบียดชิดกันบนแกนช่อดอกจนดูคล้ายเป็นผล 1 ผล ผลนั้นจะเป็นผลกลุ่ม 7. สื่อ/อุปกรณ์ แหล่งการเรียนรู้ 7.1 สื่อ/อุปกรณ์ 7.1.1 หนังสือเรียน รายวิชาเพิ่มเติมวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ชีววิทยา ม.5 เล่ม 1 7.1.2 บัตรภาพสำหรับทำกิจกรรม 7.1.3 สไลด์นำเสนอ เรื่อง ชนิดของผล 7.2 แหล่งการเรียนรู้ 7.2.1 หนังสือเรียนชีววิทยา ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5 เล่ม 3 7.2.2 อินเทอร์เน็ต


Click to View FlipBook Version