95
96 แผนการจัดการเรียนรู้ที่ 9 รายวิชาชีววิทยาเพิ่มเติม ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5 บทที่ 9 โครงสร้างและการเจริญเติบโตของพืชดอก เวลาทั้งหมด 18 ชั่วโมง เรื่อง โครงสร้างภายในของปลายราก เวลา 1 ชั่วโมง ภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2566 ผู้สอน นางสาวมณฑิดา ฝั่งซ้าย 1. มาตรฐานการเรียนรู้ มาตรฐาน ว 4.3 เข้าใจส่วนประกอบของพืช การแลกเปลี่ยนแก๊สและคายน้ำของพืช การลำเลียงของพืช การสังเคราะห์ด้วยแสง การสืบพันธุ์ของพืชดอกและการเจริญเติบโต และการตอบสนองของพืช รวมทั้งนำความรู้ ไปใช้ประโยชน์ 2. ผลการเรียนรู้ สังเกต อธิบาย และเปรียบเทียบโครงสร้าง ภายในของรากพืชใบเลี้ยงเดี่ยวและรากพืชใบเลี้ยงคู่จากการ ตัดตามขวาง 3. สาระสำคัญ โครงสร้างภายในของปลายรากที่ตัดตามยาวประกอบด้วย เนื้อเยื่อเจริญ แบ่งเป็นบริเวณต่าง ๆ คือ บริเวณหมวกราก บริเวณเซลล์กำลังแบ่งตัว บริเวณเซลล์ขยายตัวตามยาว และบริเวณที่เซลล์ 4.จุดประสงค์การเรียนรู้ 4.1 ด้านความรู้ (K) - นักเรียนสามารถระบุ และอธิบายโครงสร้างภายในของปลายรากพืชตัดตามยาว 4.2 ด้านทักษะ/กระบวนการ (P) - นักเรียนสามารถนำเสนอโครงสร้างภายในของปลายรากพืชตัดตามยาวโดยใช้ภาพจำลองอย่างง่าย 4.3 ด้านคุณลักษณะอันพึงประสงค์ (A) - นักเรียนมีวินัย ใฝ่เรียนรู้ และรับผิดชอบต่อหน้าที่ของตนเองที่ได้รับมอบหมาย 5. สาระการเรียนรู้ ราก คือ ส่วนแกนของพืชที่โดยทั่วไปเจริญอยู่ ใต้ระดับผิวดิน ทำหน้าที่ยึดหรือค้ำจุนให้พืช เจริญเติบโตอยู่ กับที่ได้และยังมีหน้าที่สำคัญใน การดูดน้ำและธาตุอาหารในดิน เพื่อส่งไปยังส่วนต่าง ๆ ของพืช โครงสร้างภายในของปลายรากที่ตัดตามยาว ประกอบด้วย เนื้อเยื่อเจริญ แบ่งเป็นบริเวณต่างๆ คือ บริเวณหมวกราก บริเวณเซลล์กำลังแบ่งตัว บริเวณเซลล์ขยายตัวตามยาว และบริเวณที่เซลล์มีการเปลี่ยนแปลงไป ทำหน้าที่เฉพาะและเจริญ เติบโตเต็มที่
97 6. กระบวนการจัดการเรียนรู้แบบสืบเสาะหาความรู้ (5E) ขั้นที่ 1 ขั้นสร้างความสนใจ 1) ครูทบทวนผลการศึกษาการงอกและการเจริญของรากพืชไปแล้ว ซึ่งเป็นการศึกษาจากลักษณะ ภายนอกของรากพืช จากนั้นครูใช้คำถามกระตุ้นความสนใจ ดังนี้ - ถ้าหากตัดผ่าเข้าไปดูที่ด้านในของรากแล้วส่องดูด้วยกล้องจุลทรรศน์แบบใช้แสง นักเรียนคิดว่าจะพบ อะไรบ้าง แนวคำตอบ : เนื้อเยื่อต่าง ๆ ที่ทำหน้าที่เกี่ยวกับการลำเลียง เช่น ไซเล็ม โฟลเอ็ม พาเรงคิมา และอื่นๆ - ปลายสุดของราก กับ บริเวณโคนราก นักเรียนคิดว่าเหมือน หรือต่างกัน อย่างไร แนวคำตอบ : ต่างกัน เนื้อเยื่อบริเวณปลายรากเป็นเนื้อเยื่อเจริญที่เกิดการแบ่งเซลล์อยู่ตลอดเวลา ส่วนบริเวณโคนรากเป็นเนื้อเยื่อถาวรที่เจริญเติบโตเต็มที่แล้ว ขั้นที่ 2 ขั้นสำรวจและค้นหา 1) ครูแบ่งกลุ่มนักเรียนออกเป็นกลุ่ม ๆ ละ 5-6 คน แต่ละกลุ่มศึกษาโครงสร้างของรากพืชที่ตัดตามยาว โดยใช้หนังสือรายวิชาเพิ่มเติม วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ชีววิทยา ม.5 เล่ม 1 (ครูอาจเตรียมใบความรู้เพิ่มเติม ได้) โดยให้แต่ละคนในกลุ่มศึกษาหัวข้อส่วนใดส่วนหนึ่งแล้วนำมาอธิบายให้เพื่อนในกลุ่มฟังในหัวข้อที่ตนได้ศึกษา และร่วมกันอภิปรายทั้งหมดอีกครั้ง 2) ตัวแทนกลุ่มออกมารับกระดาษฟลิปชาร์ตหน้าชั้นเรียน ขั้นที่ 3 ขน้ัอธิบายและลงขอ้สรุป 1) นักเรียนแต่ละกลุ่มร่วมกันเขียนภาพจำลองการตัดตามยาวของรากพืชดอก โดยระบุรายละเอียด ดังนี้ ภาพ แบบจำลองโครงสร้างภายในของรากพืชที่ตัดตามยาว ค้นเมื่อ วันที่ 15 มิ.ย.66 จาก : http://www.nana-bio.com/e-learning/plant%20organ/root.html
98 ขั้นที่ 4 ขั้นขยายความรู้ 1) ครูและนักเรียนร่วมกันสรุปโครงสร้างและหน้าที่ของรากพืชที่ตัดตามยาว ซึ่งมีรายละเอียดดังนี้ โครงสร้างภายในของรากนับจากปลายสุดของรากขึ้นไป แบ่งเป็นบริเวณต่าง ๆ ได้ดังต่อไปนี้ บริเวณ หน้าที่ บริเวณหมวกราก (Root cap) ประกอบด้วยเซลล์ พาเรงคิมา หลายชั้นที่ปกคลุมเนื้อเยื่อเจริญที่ปลายรากที่อ่อนแอไว้ เซลล์ในบริเวณนี้มีอายุสั้น เนื่องจากเป็นบริเวณที่มีการฉีกขาดอยู่เสมอ เพราะส่วนนี้จะ ยาวออกไปและชอนไชลึกลงไปในดินเซลล์เรียงตัวกันอย่างหลวมๆ ส่วนใหญ่รากพืชจะมี หมวกราก ซึ่งเป็นโครงสร้างที่สำคัญในการเบิกนำส่วนอื่นๆ ของรากลงไปในดิน เป็นการ ป้องกันส่วนอื่นๆ ของรากไม่ให้เป็นอันตรายในการไชลงดิน เซลล์บริเวณหมวกรากจะหลั่ง เมือกลื่น (Mucigel) ออกมา สำหรับให้ปลายรากแทงลงไปในดินได้ง่ายขึ้น บริเวณเซลล์แบ่งตัว (Region of cell division) อยู่ถัดจากบริเวณหมวกรากขึ้นไป ประกอบด้วยเซลล์ของเนื้อเยื่อเจริญบริเวณปลายราก (Root apical meristem) ที่ได้กล่าวไว้ในเรื่องเนื้อเยื่อเจริญ เซลล์มีขนาดเล็ก มีผนังเซลล์ บาง ในแต่ละเซลล์มี โพรโทพลาซึม เข้มข้นและมีปริมาณมากเป็นบริเวณที่มีการแบ่ง เซลล์แบบไมโทซิส (Mitosis) บางเซลล์ที่แบ่งได้จะทำหน้าที่แทนเซลล์หมวกรากที่ตายไป ก่อนบางส่วนจะยืดตัวยาวขึ้นแล้วอยู่ในบริเวณเซลล์ยืดตัวที่เป็นส่วนที่อยู่สูงขึ้นไป บริเวณเซลล์ยืดตัว ตามยาว (Region of cell elongation) ประกอบด้วยเซลล์ที่มีรูปร่างยาว ซึ่งเกิดมาจากเซลล์ของเนื้อเยื่อเจริญที่แบ่งตัวแล้ว อยู่ ในบริเวณที่สูงกว่าบริเวณเนื้อเยื่อเจริญ การที่เซลล์ขยายตัวตามยาวทำให้รากยาวเพิ่มขึ้น บริเวณเซลล์ เจริญเติบโตเต็มที่ (Region of maturation) อยู่สูงถัดจากบริเวณเซลล์ยืดตัวขึ้นมา เซลล์ในบริเวณนี้เจริญเติบโตเต็มที่แล้วมีการ เปลี่ยนแปลงไปเป็นเนื้อเยื่อถาวรชนิดต่าง ๆ ในบริเวณนี้มีเซลล์ขนราก (Root hair cell) เป็นเซลล์เดี่ยวที่มีขนรากเป็นส่วนหนึ่งของผนังเซลล์ยื่นออกไปเพื่อเพิ่มพื้นที่ผิวในการดูด ซึมน้ำและแร่ธาตุ เซลล์ขนรากเกิดจากการเปลี่ยนแปลงของเซลล์ เอพิเดอร์มิส บางเซลล์ เซลล์ขนรากจะมีอยู่เฉพาะบริเวณนี้เท่านั้นเซลล์ขนรากมีอายุประมาณไม่เกิน 7-8 วัน แล้วจะเหี่ยวแห้งตายไป แต่ขนรากในบริเวณเดิมจะมีเซลล์ใหม่สร้างเซลล์ขนรากขึ้นมา แทนที่ เนื้อเยื่อที่อยู่บริเวณนี้เริ่มมีการเปลี่ยนแปลงเพื่อเจริญไปเป็นเนื้อเยื่อถาวรชนิดต่าง ๆ ต่อไป
99 ขั้นที่ 5 ขั้นประเมิน 1) ครูให้นักเรียนแก้ไข เพิ่มเติม ตรวจความถูกต้องของแบบจำลองที่กลุ่มของตนเองทำเสร็จเรียบร้อยแล้ว จากนั้นให้แต่ละกลุ่มออกมานำเสนอผลการศึกษาโครงสร้างและหน้าที่ของรากพืชที่ตัดตาม โดยกำหนดให้แต่ละ กลุ่มใช้เวลาไม่เกิน 3 นาที 2) หลังจากนำเสนอจบครูทบทวน หรือเพิ่มเติมในเนื้อหา สาระสำคัญที่นักเรียนไม่ได้ลงรายละเอียด หรือ นำเสนอข้อมูลคลาดเคลื่อน 7. สื่อ/อุปกรณ์ แหล่งการเรียนรู้ 7.1 สื่อ/อุปกรณ์ 7.1.1 Power point เรื่อง รากพืช 7.1.2 กระดาษฟลิปชาร์ต 7.2 แหล่งการเรียนรู้ 7.2.1 หนังสือเรียนชีววิทยา ม.5 เล่ม 3 7.2.2 อินเทอร์เน็ต
100 8. การวัดและการประเมินผลการเรียนรู้ จุดประสงค์การเรียนรู้ วิธีการวัดผล การเรียนรู้ เครื่องมือวัดผล การเรียนรู้ เกณฑ์การวัด ประเมินผล ด้านความรู้ (K : Knowledge) - นักเรียนสามารถระบุ และอธิบายโครงสร้างภายในของ ปลายรากพืชตัดตามยาว - การถามตอบ - ตรวจแบบ ชิ้นงาน - แบบสังเกต การตอบคำถาม - แบบประเมิน ชิ้นงาน ผ่านเกณฑ์การ ประเมินไม่ น้อยกว่า ร้อยละ 70 ด้านทักษะกระบวนการ (P : Process) - นักเรียนสามารถนำเสนอโครงสร้างภายในของปลาย รากพืชตัดตามยาวโดยใช้ภาพจำลองอย่างง่าย - ตรวจแบบ ชิ้นงาน - ประเมินการ นำเสนอ - แบบประเมิน ชิ้นงาน - แบบประเมิน การนำเสนอ ด้านคุณลักษณะอันพึงประสงค์ (A : Attribute) - นักเรียนมีวินัย ใฝ่เรียนรู้ และรับผิดชอบต่อหน้าที่ของ ตนเองที่ได้รับมอบหมาย - การสังเกต พฤติกรรม - แบบสังเกต พฤติกรรม รายบุคคลด้าน คุณลักษณะ อันพึงประสงค์ - แบบสังเกต พฤติกรรมการ ทำงานกลุ่ม
101
102
103
104 แผนการจัดการเรียนรู้ที่ 10 รายวิชาชีววิทยาเพิ่มเติม ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5 บทที่ 9 โครงสร้างและการเจริญเติบโตของพืชดอก เวลาทั้งหมด 18 ชั่วโมง เรื่อง โครงสร้างภายในเมื่อตัดตามขวางของราก เวลา 2 ชั่วโมง ภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2566 ผู้สอน นางสาวมณฑิดา ฝั่งซ้าย 1. มาตรฐานการเรียนรู้ มาตรฐาน ว 4.3 เข้าใจส่วนประกอบของพืช การแลกเปลี่ยนแก๊สและคายน้ำของพืช การลำเลียงของพืช การสังเคราะห์ด้วยแสง การสืบพันธุ์ของพืชดอกและการเจริญเติบโต และการตอบสนองของพืช รวมทั้งนำความรู้ ไปใช้ประโยชน์ 2. ผลการเรียนรู้ สังเกต อธิบาย และเปรียบเทียบโครงสร้างภายในของรากพืชใบเลี้ยงเดี่ยวและรากพืช ใบเลี้ยงคู่จากการ ตัดตามขวาง 3. สาระสำคัญ เมื่อนำรากพืชที่มีการเจริญเติบโตแบบปฐมภูมิ จากบริเวณที่มีการเจริญเติบโตเต็มที่แล้วมาตัดตามขวาง พบว่ารากพืชประกอบขึ้นจากชั้นต่างๆ 3 ชั้น เรียงจากด้านนอกเข้ามาทางด้านใน คือ ชั้นเอพิเดอร์มิส เป็นชั้นนอก สุดของราก ประกอบด้วยเซลล์เรียงตัวเพียงชั้นเดียว ผนังเซลล์มีลักษณะบาง ไม่มีคลอโรพลาสต์, ชั้นคอร์เทกซ์เป็น ชั้นกลางที่อยู่ระหว่างชั้นเอพิเดอร์มิสและชั้นสตีล ประกอบด้วยเนื้อเยื่อพาเรนไคมาเป็นหลัก ทำหน้าที่ในการสะสม อาหาร (แป้ง) และชั้นสตีล เป็นชั้นในสุดของพืช อยู่ถัดจากชั้นเอพิเดอร์มิสเข้ามาทางด้านใน มีเนื้อเยื่อท่อลำเลียง ทั้งไซเล็มและโฟลเอ็มอยู่รวมกัน 4.จุดประสงค์การเรียนรู้ 4.1 ด้านความรู้ (K) - นักเรียนสามารถสืบค้นข้อมูล อธิบาย และสรุปลักษณะของเนื้อเยื่อรากพืชใบเลี้ยงคู่และรากพืชใบเลี้ยง เดี่ยวแต่ละบริเวณจากด้านนอกเข้าไปสู่ด้านใน 4.2 ด้านทักษะ/กระบวนการ (P) - นักเรียนสามารถศึกษา และบันทึกภาพรากพืชใบเลี้ยงคู่ และพืชใบเลี้ยงเดี่ยวที่ตัดตามขวาง เพื่อศึกษา เนื้อเยื่อชั้นต่าง ๆ ภายใต้กล้องจุลทรรศน์ใช้แสงเชิงประกอบ - นักเรียนสามารถเขียน หรือสร้างแผนภาพเปรียบเทียบโครงสร้างภายในของรากพืชใบเลี้ยงคู่ และราก พืชใบเลี้ยงเดี่ยวที่ตัดตามขวาง 4.3 ด้านคุณลักษณะอันพึงประสงค์ (A) - นักเรียนมีวินัย ใฝ่เรียนรู้ และรับผิดชอบต่อหน้าที่ของตนเองที่ได้รับมอบหมาย
105 5. สาระการเรียนรู้ โครงสร้างภายในของรากระยะการเติบโตปฐมภูมิเมื่อตัดตามขวางจะเห็นโครงสร้างแบ่งเป็น 3 ชั้น เรียง จากด้านนอกเข้าไป คือ ชั้นเอพิเดอร์มิส ชั้นคอร์เทกซ์และชั้นสตีล ในชั้นสตีลจะพบ มัดท่อลำเลียงที่มีลักษณะ แตกต่างกันใน พืชใบเลี้ยงเดี่ยวและพืชใบเลี้ยงคู่ โครงสร้างภายในของรากระยะการเติบโตทุติยภูมิชั้นเอพิเดอร์มิสจะถูกแทนที่ด้วยชั้นเพริเดิร์ม ซึ่งมีคอร์ก เป็นเนื้อเยื่อสำคัญ ชั้นคอร์เทกซ์อาจมีการ เปลี่ยนแปลงเกิดเซลล์ที่ทำให้มีความแข็งแรง เพิ่มขึ้น หรือเกิดเซลล์ที่ สะสมอาหารเพิ่มขึ้น ส่วนลักษณะมัดท่อลำเลียงจะเปลี่ยนไป เนื่องจาก มีการสร้างเนื้อเยื่อลำเลียงเพิ่มขึ้น 6. กระบวนการจัดการเรียนรู้แบบสืบเสาะหาความรู้ (5E) ขั้นที่ 1 ขั้นสร้างความสนใจ 1) ครูทบทวนเรื่อง โครงสร้างภายในของรากพืชดอกที่ตัดตามยาว จากนั้นครูใช้คำถามกระตุ้นความสนใจ เพื่อเชื่อมโยงสู่การเรียนเรื่องถัดไป ดังนี้ - เมื่อนักเรียนตัดตามขวางของรากพืชทั้งพืชใบเลี้ยงคู่ และใบเลี้ยงเดี่ยวแล้วจะพบอะไรบ้าง แนวคำตอบ : เนื้อเยื่อต่าง ๆ ที่ทำหน้าที่ต่าง ๆ เช่น ไซเล็ม ทำหน้าที่ลำเลียงน้ำและธาตุอาหาร โฟลเอ็ม ทำหน้าที่ลำเลียงอาหาร พาเรงคิมาทำหน้าที่สะสมสารต่าง ๆ เป็นต้น - เมื่อเปรียบเทียบระหว่างโครงสร้างภายในของรากพืชใบเลี้ยงคู่ และรากพืบใบเลี้ยงเดี่ยว นักเรียนคิดว่า โครงสร้างภายในเหมือนหรือต่างกัน อย่างไร แนวคำตอบ : ครูเปิดโอกาสให้นักเรียนแสดงความคิดเห็น ขั้นที่ 2 ขั้นสำรวจและค้นหา 1) ครูแบ่งกลุ่มนักเรียนออกเป็นกลุ่ม กลุ่มละ 5 - 6 คน แต่ละกลุ่มส่งตัวแทนออกมารับคู่มือปฏิบัติการ เรื่อง การศึกษาโครงสร้างภายในของรากโดยการตัดตามขวาง (ถ้ามีในหนังสือสามารถใช้แทนกันได้) 2) แต่ละกลุ่มศึกษาคู่มือปฏิบัติการอย่างละเอียด หากมีข้อสงสัย หรือประเด็นซักถามให้ครูผู้สอนชี้แจงใน ประเด็นนั้นๆ จากนั้นตัวแทนกลุ่มออกมารับอุปกรณ์การศึกษาหน้าชั้นเรียน 3) แต่ละกลุ่มลงมือศึกษาโครงสร้างภายในของรากโดยการตัดตามขวาง ซึ่งมีขั้นตอนดังนี้ วัสดุ อุปกรณ์ และสารเคมี ขั้นตอนการปฏิบัติ 1. เมล็ดพืชใบเลี้ยงคู่ชนิด ต่าง ๆ เช่น ถั่ว และเมล็ด พืชใบเลี้ยงเดี่ยว เช่น ข้าวโพด ข้าว หรือ พุทธรักษา 2. ใบมีดโกน การเตรียมการ ครูมอบหมายให้นักเรียนนำเมล็ดพืชใบเลี้ยงคู่ และเมล็ดพืชใบเลี้ยงเดี่ยวมาเพาะ ในกระบะเพาะชำไว้นานประมาณ 2 สัปดาห์ จากนั้นขุดต้นพืชใบเลี้ยงคู่ และพืช ใบเลี้ยงเดี่ยวขึ้นมาจากกระบะเพาะไม่ให้รากขาด ตัดรากพืชที่สมบูรณ์มาแช่น้ำ ประมาณอย่างละ 8 - 10 ราก
106 3. สีซาฟรานีน หรือสีผสม อาหารสีแดง ความเข้มข้น 1% 4. พู่กัน เข็มเขี่ย จานเพาะ เชื้อ และหลอดหยด 5. สไลด์ และกระจกปิด สไลด์ 6. กล้องจุลทรรศน์แบบใช้ แสงเชิงประกอบ ขั้นตอนการปฏิบัติ 1. ใช้ใบมีดโกนที่คมตัดแบ่งรากบริเวณค่อนไปทางปลายรากให้เป็นท่อนสั้น ๆ ประมาณ 3 ซม. นำไปตัดตามขวางให้ได้แผ่นบาง โดยจับท่อนรากด้วย นิ้วหัวแม่มือและนิ้วชี้ให้หน้าตัดที่ต้องการตัดอยู่ในแนวระนาบและสูงกว่านิ้วมือ เล็กน้อย จับใบมีดโกนที่จุ่มน้ำให้เปียกด้วยนิ้วหัวแม่มือ และนิ้วชี้ของมืออีกข้าง หนึ่งให้คมมีดอยู่ในแนวระนาบเสมอ จรดใบมีดกับหน้าตัดท่อราก ดึงใบมีดเข้าหา ตัว พยายามดึกใบมีดด้วยนิ้วทั้งสองเข้าหาตัวครั้งเดียวเพื่อให้ได้ส่วนของพืชเป็น แผ่นบาง 1 แผ่น ตัดให้ได้หลายๆ แผ่น ห้ามดึงใบมีดหลาย ๆ ครั้งแบบเลื่อยไม้ ใช้ พู่กันแตะชิ้นส่วนของรากที่เฉือนออกมาแล้วแช่ในน้ำสีที่ใส่ในจานเพาะเชื้อ หรือ ภาชนะอื่นแยกเป็นจานละชนิด 2. ใช้พู่กันเลือกชิ้นส่วนที่บางและสมบูรณ์ซึ่งย้อมสีแล้วจากจำนวน 3 - 4 แผ่น วางลงบนหยดน้ำบนสไลด์ ระวังอย่างให้มีฟองอากาศอยู่ภายใน เช็ดน้ำที่ล้นตรง ขอบกระจกปิดสไลด์ อย่าให้ด้านบนกระจกปิดสไลด์เปียกน้ำ 3. นำสไลด์ไปตรวจดูด้วยกล้องจุลทรรศน์เริ่มจากกำลังขยายต่ำก่อนเพื่อเลือก ศึกษาชิ้นเนื้อเยื่อที่บางและสมบูรณ์ที่สุด แล้วจึงเปลี่ยนเป็นกำลังขยายสูงขึ้นเพื่อ ศึกษารายละเอียดของโครงสร้างภายในของรากให้ได้มากขึ้น ** ในระหว่างทำการศึกษาครูผู้สอนสามารถเดินดูรอบ ๆ ห้องเรียนเพื่อสังเกตการปฏิบัติของนักเรียน และให้ คำแนะนำได้ 4) หลังจากส่องกล้องจุลทรรศน์เพื่อศึกษาโครงสร้างภายในของรากพืชทั้งใบเลี้ยงคู่ และใบเลี้ยงเดี่ยวแล้ว ให้นักเรียนบันทึกภาพเก็บไว้ ขั้นที่ 3 ขั้นอธิบายและลงข้อสรุป 1) นักเรียนแต่ละคนนำภาพการศึกษาโครงสร้างภายในรากพืชใบเลี้ยงคู่และใบเลี้ยงเดี่ยว ชี้ส่วนประกอบ ของเนื้อเยื่อต่าง ๆ ที่พบของรากพืชทั้งใบเลี้ยงคู่ และใบเลี้ยงเดี่ยว ผ่านโปรแกรม Canva หรือโปรแกรมอื่นๆที่ นักเรียนถนัด และโพสรูปส่งในกลุ่ม Facebook โดยมีแนว ดังนี้ โครงสร้างภายในเมื่อตัดตามขวาง รากพืชใบเลี้ยงคู่ รากพืชใบเลี้ยงเดี่ยว
107 เปรียบเทียบโครงสร้างภายในของราก ขั้นที่ 4 ขั้นขยายความรู้ 1) ครูอธิบายเพิ่มเติมเกี่ยวกับโครงสร้างภายในของรากพืชใบเลี้ยงคู่ และพืชใบเลี้ยงเดี่ยว ดังนี้ บริเวณ หน้าที่ เอพิเดอร์มิส (epidermis) เป็นเนื้อเยื่อชั้นนอกสุดมีเซลล์ที่เรียงตัวกันเพียงชั้นเดียวและผนังเซลล์บาง ไม่มีคลอโรพลาสต์ บางเซลล์จะเปลี่ยนแปลงไปเป็นขนราก คอเทกซ์ (cortex) เป็นอาณาเขตระหว่างชั้น epidermis และ stele ประกอบด้วยเนื้อเยื่อพาเรงคิมาที่ทำหน้าที่ สะสมน้ำและอาหารเป็นส่วนใหญ่ ชั้นในสุดของ cortex จะเป็นเซลล์แถวเดียวเรียก endodermis ในรากพืชใบเลี้ยงเดี่ยวจะเห็นชัดเจนเซลล์ในชั้นนี้เมื่อมีอายุมากขึ้นจะมี ผนัง หนาเพราะมีสารซูเบอริน หรือลิกนินสะสมอยู่ แต่จะมีช่วงที่มีเซลล์ผนังบางแทรกอยู่ในชั้นนี้ และอยู่ตรงกับแนวของไซเลม สตีล (stele) เป็นบริเวณที่อยู่ถัดจากชั้น endodermisเข้าไป พบว่าstele ในรากจะแคบกว่าชั้น cortex ประกอบด้วยชั้นต่าง ๆ ดังนี้ 1. pericycle เป็นเซลล์ผนังบางขนาดเล็กมี 1-2 แถว พบเฉพาะในรากเท่านั้น เป็นแหล่งกำเนิดของรากแขนง ( secondary root ) 2. vascular bundle ประกอบด้วย xylem อยู่ตรงใจกลางเรียงเป็นแฉกโดยมี phloem อยู่ ระหว่างแฉก สำหรับพืชใบเลี้ยงคู่ต่อมาจะเกิดเนื้อเยื่อเจริญ vascular cambium คั่นระหว่าง xylem กับ phloem ในรากของพืชใบเลี้ยงคู่มีจำนวนแฉกน้อยประมาณ 1-6 แฉก โดยมาก มักมี 4 แฉก ส่วนรากของพืชใบเลี้ยงเดี่ยวมักมีจำนวนแฉกมากกว่า 3. pith เป็นบริเวณตรงกลางรากหรือไส้ในของรากเห็นได้ชัดเจนในรากพืชใบเลี้ยงเดี่ยว ส่วน ใหญ่เป็นเนื้อเยื่อพาเรงคิมาส่วนรากพืชใบเลี้ยงคู่ตรงกลางมักเป็น xylem
108 ขั้นที่ 5 ขั้นประเมิน 1) ครูให้นักเรียนแก้ไข เพิ่มเติม ตรวจความถูกต้องของแบบบันทึกการศึกษาที่กลุ่มของตนเองทำเสร็จ เรียบร้อยแล้ว จากนั้นให้แต่ละกลุ่มออกมานำเสนอผลการศึกษาโครงสร้าง และหน้าที่ของรากพืชที่ตัดตามขวาง จากภาพถ่ายสมาชิกภายในกลุ่มที่คิกว่าดีที่สุด โดยกำหนดให้แต่ละกลุ่มใช้เวลาไม่เกิน 3 นาที 2) หลังจากนำเสนอจบครูทบทวน หรือเพิ่มเติมในเนื้อหา สาระสำคัญที่นักเรียนไม่ได้ลงรายละเอียด หรือ นำเสนอข้อมูลคลาดเคลื่อน 7. สื่อ/อุปกรณ์ แหล่งการเรียนรู้ 7.1 สื่อ/อุปกรณ์ 7.1.1 Power point เรื่อง โครงสร้างภายในรากตัดตามขวาง 7.1.2 โปรมแกรม CANVA 7.2 แหล่งการเรียนรู้ 7.2.1 หนังสือเรียนชีววิทยา ม.5 เล่ม 3 7.2.2 อินเทอร์เน็ต
109 8. การวัดและการประเมินผลการเรียนรู้ จุดประสงค์การเรียนรู้ วิธีการวัดผล การเรียนรู้ เครื่องมือวัดผล การเรียนรู้ เกณฑ์การวัด ประเมินผล ด้านความรู้ (K : Knowledge) - นักเรียนสามารถสืบค้นข้อมูล อธิบาย และสรุปลักษณะ ของเนื้อเยื่อรากพืชใบเลี้ยงคู่และรากพืชใบเลี้ยงเดี่ยวแต่ ละบริเวณจากด้านนอกเข้าไปสู่ด้านใน - การถามตอบ - ตรวจแบบ บันทึก - แบบสังเกต การตอบคำถาม - แบบประเมิน การนำเสนอ ผ่านเกณฑ์การ ประเมินไม่ น้อยกว่า ร้อยละ 70 ด้านทักษะกระบวนการ (P : Process) - นักเรียนสามารถศึกษา และบันทึกภาพรากพืชใบเลี้ยง คู่ และพืชใบเลี้ยงเดี่ยวที่ตัดตามขวาง เพื่อศึกษาเนื้อเยื่อ ชั้นต่าง ๆ ภายใต้กล้องจุลทรรศน์ใช้แสงเชิงประกอบ - นักเรียนสามารถเขียน หรือสร้างแผนภาพเปรียบเทียบ โครงสร้างภายในของรากพืชใบเลี้ยงคู่ และรากพืชใบ เลี้ยงเดี่ยวที่ตัดตามขวาง - ตรวจแบบ บันทึก - สังเกตทักษะ กระบวนการ ทาง วิทยาศาสตร์ - ประเมินการ นำเสนอ - สังเกตทักษะ กระบวนการ ทาง วิทยาศาสตร์ - แบบประเมิน แบบบักทึก - แบบสังเกต ทักษะ กระบวนการ ทาง วิทยาศาสตร์ - แบบประเมิน ด้านคุณลักษณะอันพึงประสงค์ (A : Attribute) - นักเรียนมีวินัย ใฝ่เรียนรู้ และรับผิดชอบต่อหน้าที่ของ ตนเองที่ได้รับมอบหมาย - สังเกต พฤติกรรม ในขณะทำ กิจกรรมในชั้น เรียน - แบบสังเกต พฤติกรรม รายบุคคล - แบบสังเกต พฤติกรรมการ ทำงานกลุ่ม
110
111
112
113 แผนการจัดการเรียนรู้ที่ 11 รายวิชาชีววิทยาเพิ่มเติม ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5 บทที่ 9 โครงสร้างและการเจริญเติบโตของพืชดอก เวลาทั้งหมด 18 ชั่วโมง เรื่อง รากพิเศษ เวลา 1 ชั่วโมง ภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2566 ผู้สอน นางสาวมณฑิดา ฝั่งซ้าย 1. มาตรฐานการเรียนรู้ มาตรฐาน ว 4.3 เข้าใจส่วนประกอบของพืช การแลกเปลี่ยนแก๊สและคายน้ำของพืช การลำเลียงของพืช การสังเคราะห์ด้วยแสง การสืบพันธุ์ของพืชดอกและการเจริญเติบโต และการตอบสนองของพืช รวมทั้งนำความรู้ ไปใช้ประโยชน์ 2. ผลการเรียนรู้ สังเกต อธิบาย และเปรียบเทียบโครงสร้างภายในของรากพืชใบเลี้ยงเดี่ยวและรากพืช ใบเลี้ยงคู่จากการ ตัดตามขวาง 3. สาระสำคัญ ราก คือ ส่วนแกนของพืชที่โดยทั่วไปเจริญอยู่ ใต้ระดับผิวดิน ทำหน้าที่ยึดหรือค้ำจุนให้พืช เจริญเติบโตอยู่ กับที่ได้และยังมีหน้าที่สำคัญใน การดูดน้ำและธาตุอาหารในดิน เพื่อส่งไปยังส่วน ต่าง ๆ ของพืช นอกจากรากจะทำหน้าที่ดูดน้ำและธาตุอาหารจากดิน ยังสามารถทำหน้าที่อื่นได้อีก เช่น รากสะสมอาหาร เป็นรากที่ทำหน้าที่เก็บสะสมอาหาร, รากค้ำ เป็นรากที่เจริญออกทางด้านข้างลำต้นลงสู่ดินเพื่อช่วยพยุงลำต้น, ราก หายใจ เป็นส่วนของรากแขนงที่มีปลายรากที่โผล่ขึ้นมาเหนือพื้นดิน และผิวน้ำเพื่อทำหน้าที่หายใจ, รากอากาศ เป็นรากที่เกิดตามลำต้นและไม่เจริญลงไปในดิน ทำหน้าที่ยึดเกาะและช่วยดูดซับความชื้นในอากาศ เราจะเรียก รากที่กล่าวมานี้ว่า รากพิเศษ 4.จุดประสงค์การเรียนรู้ 4.1 ด้านความรู้ (K) - นักเรียนสามารถสืบค้นข้อมูล อธิบาย และสรุปลักษณะของรากพิเศษได้ 4.2 ด้านทักษะ/กระบวนการ (P) - นักเรียนสามารถจำแนกชนิดของรากพิเศษชนิดต่างๆได้ 4.3 ด้านคุณลักษณะอันพึงประสงค์ (A) - นักเรียนมีวินัย ใฝ่เรียนรู้ และรับผิดชอบต่อหน้าที่ของตนเองที่ได้รับมอบหมาย 5. สาระการเรียนรู้ ราก คือ ส่วนแกนของพืชที่โดยทั่วไปเจริญอยู่ ใต้ระดับผิวดิน ทำหน้าที่ยึดหรือค้ำจุนให้พืช เจริญเติบโตอยู่ กับที่ได้และยังมีหน้าที่สำคัญใน การดูดน้ำและธาตุอาหารในดิน เพื่อส่งไปยังส่วน ต่าง ๆ ของพืช
114 นอกจากรากจะทำหน้าที่ดูดน้ำและธาตุอาหารจากดิน ยังสามารถทำหน้าที่อื่นได้อีก เช่น รากสะสมอาหาร เป็นรากที่ทำหน้าที่เก็บสะสมอาหาร รากค้ำ เป็นรากที่เจริญออกทางด้านข้างลำต้นลงสู่ดินเพื่อช่วยพยุงลำต้น รากหายใจ เป็นส่วนของรากแขนงที่มีปลายรากที่โผล่ขึ้นมาเหนือพื้นดิน และผิวน้ำเพื่อทำหน้าที่หายใจ รากอากาศ เป็นรากที่เกิดตามลำต้นและไม่เจริญลงไปในดิน ทำหน้าที่ยึดเกาะและช่วยดูดซับความชื้นในอากาศ
115 6. กระบวนการจัดการเรียนรู้แบบทีมแข่งขัน (TGT) ขั้นที่ 1 ขั้นนำ 1) ครูถามทบทวนความรู้เดิมของนักเรียน โดยใช้คำถามกระตุ้นความสนใจของนักเรียน ดังนี้ - รากพืชมีหน้าที่อะไร แนวคำตอบ : นักเรียนตอบตามองค์ความรู้เดิมที่มี - รากนอกทำหน้าที่ในการลำเลียงน้ำและธาตุอาหาร นักเรียนคิดว่ารากสามารถทำหน้าที่อื่นได้หรือไม่ แนวคำตอบ : นักเรียนร่วมกันแสดงความคิดเห็นอย่างเป็นอิสระ ขั้นที่ 2 ขั้นจัดทีม 1) นักเรียนแบ่งกลุ่มออกเป็นกลุ่ม กลุ่มละ 7 คน โดยคละเพศและความสามารถ โดยสมาชิกในแต่ละกลุ่ม ประกอบไปด้วยผู้เรียนเก่ง ปานกลาง และอ่อน ขั้นที่ 3 ขั้นสอน 1) นักเรียนแต่กลุ่มร่วมกันศึกษาว่ารากนอกจากทำหน้าที่ในการดูดซึมน้ำ มีหน้าที่อื่นอีกหรือไม่ โดยศึกษา จากแหล่งข้อมูลต่างๆ เช่น หนังสือเรียนชีววิทยาเพิ่มเติม เล่ม 3, อินเทอร์เน็ต, ยูทูป และบันทึกลงในใบงาน ขั้นที่ 4 ขั้นจัดการแข่งขัน 1) ครูทำหน้าที่เป็นผู้จัดการห้องเรียน และอธิบายกติกาให้นักเรียนทราบ กติกาการเล่นเกม 2.1) ให้นักส่งตัวแทนกลุ่มออกมาแข่งขัน รอบละ 1 คน จำนวน 7 รอบ โดยคนที่ออกมาแข่งขันต้องห้าม เป็นคนเดิม 2.2) นักเรียนที่ออกมาเป็นตัวแทนการแข่งขัน จะได้การ์ดคนละ 5 ใบ โดยจะทำการเป่ายิงฉุบว่าใครจะได้ เป็นคนเริ่มเกม วิธีการเล่นเกม 2.3) นักเรียนคนแรกที่ได้เริ่มเกมจะเริ่มอ่านคำที่อยู่ด้านหลังการ์ด และเปิดภาพออก หากภาพที่เปิดมาตรง กับความหมายของคำที่อ่านที่อยู่ด้านหลังการ์ด ให้ทุกคนที่อยู่ภายในวงการแข่งขันรีบวางมือลงบนการ์ด หากมือ ของใครอยู่ล่างสุด จะได้การ์ดนั้นไป หากเปิดภาพออกและไม่ตรงกับความหมายของคำ ห้ามวางมือลงบนการ์ด และให้คนต่อไปอ่านต่อ หากผู้เข้าแข่งขันคนใดวางมือลง จะเสียการ์ดในมือ 1 ใบ 2.4) ทำแบบตามข้อ 2.3 ไปเรื่อยๆจนกว่าการ์ดในมือที่ได้ในตอนแรกของสมาชิกทุกคนจะหมดไป 2.5) ผู้เข้าแข่งที่ได้การ์ดจากการแข่งขันมากเป็นอันดับหนึ่ง ได้ 5 คะแนน ผู้เข้าแข่งที่ได้การ์ดจากการแข่งขันมากเป็นอันดับ 2 ได้ 4 คะแนน ผู้เข้าแข่งที่ได้การ์ดจากการแข่งขันมากเป็นอันดับ 3 ได้ 3 คะแนน
116 ผู้เข้าแข่งขันคนอื่นๆนอกจากที่กล่าวมาได้ 1 คะแนน 2.6) เพื่อนที่ไม่ได้ทำการแข่งขัน ทำหน้าที่ในการบันทึกคะแนน 2.7) ทำตามข้อ 2.3 – 2.6 จนกว่าจะครบตามจำนวนสมาชิกภายในกลุ่มทุกคน ขั้นที่ 5 ขั้นสรุป 2) นักเรียนและครูร่วมกันสรุปองค์ความรู้ที่ได้จากการศึกษา เพื่อให้เกิดความเข้าใจที่ตรงกัน โดยมีแนว ดังนี้ - รากค้ำ : พบในพืชที่เจริญเติบโตในบริเวณที่มีน้ำท่วมขังอยู่ตลอด ทำหน้าที่เพื่อช่วยในการพยุงลำต้น เช่น รากของต้นโกงกาง และต้นลำเจียก - รากหายใจ : เป็นรากค้ำจุนชนิดหนึ่ง พบในพืชซึ่งเจริญเติบโตในบริเวณที่มีน้ำท่วมขังอยู่ตลอดเช่นกัน มี ลักษณะเป็นรากแขนง ปลายโผล่พ้นน้ำขึ้นมาช่วยในการหายใจและดักตะกอนต่างๆ เช่น รากของต้นแสม และต้น ลำพู - รากสังเคราะห์แสง : เป็นรากค้ำจุนชนิดหนึ่งที่อยูบนบกแต่อยู่บนอากศไม่อยู่ในดิน ที่รากมีคลอโรฟิลล์ เช่น รากของต้นไทร และกล้วยไม้ - รากสะสมอาหาร : รากจะมีขนาดใหญ่กหกว่ารากทั่วไป และทำหน้าที่ในการสะสมอาหารี เช่น รากแค รอต หัวไชเท้า มันเทศ และกระชาย - รากกาฝาก : เป็นรากที่สามารถยึดเกาะ และเจาะลงไปในเนื้อของต้นไม้ที่เป็นผู้ถูกอาศัยได้ เช่น รากของ ต้นกาฝาก 1) สมาชิกร่วมกันรวมคะแนนที่ได้จากการแข่งขันของแต่ละกลุ่ม และให้คะแนนโบนัสกลุ่มที่ได้คะแนนรวม สูงสุด พร้อมทั้งมอบรางวัล เช่น การให้คะแนนเพิ่มพิเศษ คนละ 1 คะแนน และกล่าวคำยกย่องชมเชยด้วยถ้อยคำ ที่เสริมกำลังใจให้ผู้เรียน หรือการมอบรางวัลให้กับสมาชิกกลุ่มที่ได้คะแนนสูงสุด 7. สื่อ/อุปกรณ์ แหล่งการเรียนรู้ 7.1 สื่อ/อุปกรณ์ 7.1.1 Power point เรื่อง รากพิเศษ 7.1.2 การ์ดบอร์ดเกม เรื่อง รากพิเศษ 7.1.3 ใบงานเรื่อง รากพิเศษ 7.2 แหล่งการเรียนรู้ 7.2.1 หนังสือเรียนชีววิทยา ม.5 เล่ม 3 7.2.2 อินเทอร์เน็ต
117 8. การวัดและการประเมินผลการเรียนรู้ จุดประสงค์การเรียนรู้ วิธีการวัดผล การเรียนรู้ เครื่องมือวัดผล การเรียนรู้ เกณฑ์การวัด ประเมินผล ด้านความรู้ (K : Knowledge) - นักเรียนสามารถสืบค้นข้อมูล อธิบาย และสรุปลักษณะ ของรากพิเศษได้ - ตรวจใบงาน - ใบงาน เรื่อง รากพิเศษ ผ่านเกณฑ์การ ประเมินไม่ น้อยกว่า ร้อยละ 70 ด้านทักษะกระบวนการ (P : Process) - นักเรียนสามารถจำแนกชนิดของรากพิเศษชนิดต่างๆ ได้ - สังเกตการ ตอบคำถาม ขณะการทำ กิจกรรม - แบบสังเกต พฤติกรรม รายบุคคล ด้านคุณลักษณะอันพึงประสงค์ (A : Attribute) - นักเรียนมีวินัย ใฝ่เรียนรู้ และรับผิดชอบต่อหน้าที่ของ ตนเองที่ได้รับมอบหมาย - สังเกต พฤติกรรม ในขณะทำ กิจกรรมในชั้น เรียน - แบบสังเกต พฤติกรรม รายบุคคล - แบบสังเกต พฤติกรรมการ ทำงานกลุ่ม
118
119
120
121 ใบงานที่ 6 เรื่อง รากพิเศษ รายวิชาชีววิทยา ว32242 สอนโดย นางสาวมณฑิดา ฝั่งซ้าย คำชี้แจง : จงระบุประเภทและคุณสมบัติของรากพิเศษที่กำหนดให้ ภาพ ประเภท ลักษณะเด่น ประโยชน์
122 ใบงานที่ 6 เรื่อง รากพิเศษ รายวิชาชีววิทยา ว32242 สอนโดย นางสาวมณฑิดา ฝั่งซ้าย คำชี้แจง : จงระบุประเภทและคุณสมบัติของรากพิเศษที่กำหนดให้ ภาพ ประเภท ลักษณะเด่น ประโยชน์ รากกสะสมอาหาร (Storage root) มีลักษณะอวบอ้วน มัก เรียกว่า หัว เช่น แครอท แรดิช กระชาย ทำหน้าที่เก็บสะสม อาหาร รากอากาศ (Aerial root) เป็นรากที่แตกออกมาบริเวณ ข้อของลำต้น แล้วห้อยลงมา ในอากาศ ไม่เจริญลงดิน เช่น กล้วยไม้ เคราฤาษี ทำหน้าที่ดูดความชื้น ในอากาศ สังเคราะห์ แสง รากค้ำจุน (Prop root) เป็นรากที่แตกออกมาบริเวณ ข้อของลำต้นที่อยู่ใต้ดิน และ เหนือดินขึ้นมาเล็กน้อย ทำหน้าที่พยุงลำต้นไม้ ไม่ให้ล้ม รากหายใจ (Aerating root) เป็นรากที่ปลายโผล่ขึ้นมา เหนือดินหรือเหนือผิวน้ำ เพื่อหายใจ พบในพืชบาง ชนิด บริเวณป่าชายเลน เช่น รากต้นแสม ลำพู ทำหน้าที่หายใจและ ช่วยดักตะกอน รวมทั้ง อินทรียวัตถุต่างๆ ตาม พื้นที่ชายฝั่ง รากเกาะ (Climbing root) เป็นรากที่แตกออกมาจาก บริเวณข้อของลำต้น แล้วมา เกาะตามหลักหรือเสา เช่น รากของพลู พริกไทย พลูด่าง ทำหน้าที่พยุงลำต้นให้ มั่นคงและชูลำต้นขึ้นที่ สูง
123
124
125
126
127 แผนการจัดการเรียนรู้ที่ 12 รายวิชาชีววิทยาเพิ่มเติม ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5 บทที่ 9 โครงสร้างและการเจริญเติบโตของพืชดอก เวลาทั้งหมด 18 ชั่วโมง เรื่อง ลำต้นของพืชดอก เวลา 2 ชั่วโมง ภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2566 ผู้สอน นางสาวมณฑิดา ฝั่งซ้าย 1. มาตรฐานการเรียนรู้ มาตรฐาน ว 4.3 เข้าใจส่วนประกอบของพืช การแลกเปลี่ยนแก๊สและคายน้ำของพืช การลำเลียงของพืช การสังเคราะห์ด้วยแสง การสืบพันธุ์ของพืชดอกและการเจริญเติบโต และการตอบสนองของพืช รวมทั้งนำความรู้ ไปใช้ประโยชน์ 2. ผลการเรียนรู้ สังเกต อธิบาย และเปรียบเทียบโครงสร้างภายในของลำต้นพืชใบเลี้ยงเดี่ยว และลำต้นพืชใบเลี้ยงคู่จาก การตัดตามขวาง 3. สาระสำคัญ ลำต้น คือ ส่วนแกนของพืชที่โดยทั่วไปเจริญอยู่เหนือระดับผิวดินถัดขึ้นมาจากราก ทำหน้าที่สร้างใบ และ ชูใบ ลำเลียงน้ำ ธาตุอาหาร และอาหารที่พืชสร้างขึ้นส่งไปยังส่วนต่าง ๆ โครงสร้างภายในของลำต้นในพืชใบเลี้ยงเดี่ยว และพืชใบเลี้ยงคู่นั้น มีความแตกต่างกันโดยเฉพาะการ จัดเรียงตัวของกลุ่มท่อน้ำท่ออาหาร (vascular bundle) พืชใบเลี้ยงเดี่ยวมีกลุ่ม vascular bundle อยู่กระจัด กระจายทั่วไปไม่เป็นระเบียบ ส่วนพืชใบเลี้ยงคู่มีกลุ่ม vascular bundle เรียงต่อกันโดยรอบลำต้น และจะเกิดการ พัฒนา secondary phloem และ secondary xylem ขึ้นมาจากเนื้อเยื่อเจริญ (vascular cambium) ทำให้มี การเพิ่มขนาดของลำต้นได้ ซึ่งจะทำให้ primary phloem และ primary xylem ถูกผลักออกไป เมื่อพืชมีอายุมาก ขึ้นกลุ่มท่อน้ำท่ออาหารมาเรียงอยู่ต่อเนื่องกันโดยรอบลำต้น จึงทำให้สามารถขยายพันธุ์พืชใบเลี้ยงคู่ที่มีเนื้อไม้ด้วย วิธีการต่างๆ ได้หลายวิธี เช่น การตอนกิ่ง การติดตา การต่อกิ่ง การทาบกิ่ง และการตัดชำกิ่งได้สำเร็จ 4.จุดประสงค์การเรียนรู้ 4.1 ด้านความรู้ (K) - นักเรียนสามารถอธิบาย และสรุปโครงสร้างภายนอก และชนิดของลำต้นพืชดอกได้ 4.2 ด้านทักษะ/กระบวนการ (P) - นักเรียนสามรถจัดการอภิปรายแลกเปลี่ยนความคิดเห็นในหัวข้อ “แบบไหนถึงเรียกต้น”ได้ 4.3 ด้านคุณลักษณะอันพึงประสงค์ (A) - นักเรียนมีวินัย ใฝ่เรียนรู้ และรับผิดชอบต่อหน้าที่ของตนเองที่ได้รับมอบหมาย
128 5. สาระการเรียนรู้ ลำต้น คือ ส่วนแกนของพืชที่โดยทั่วไปเจริญ อยู่เหนือระดับผิวดินถัดขึ้นมาจากราก ทำหน้าที่สร้างใบและ ชูใบ ลำเลียงน้ำ ธาตุอาหาร และอาหารที่พืชสร้างขึ้นส่งไปยังส่วนต่าง ๆ ลำต้นแบ่งได้เป็น 2 ประเภทตามตำแหน่งที่อยู่คือ ลำต้นเหนือดิน (Aerial stem) และ ลำต้นใต้ดิน (Underground stem) ลำต้นเหนือดิน (Aerial stem) จำแนกตามลักษณะของลำต้นได้เป็น 3 ชนิด 1. ต้นไม้ใหญ่ (tree) หรือไม้ยืนต้น 2. ต้นไม้พุ่ม (shrub) 3. ต้นไม้ล้มลุก (herb) ลำต้นเหนือดินที่เปลี่ยนแปลงไปทำหน้าที่พิเศษ ได้แก่ 1. ครีพพิง สเต็ม (creeping stem) เป็นลำต้นที่ทอดหรือเลื้อยขนานไปตามผิวดินหรือน้ำ 2. ไคลบบิง สเต็ม ( Climbing stem) เป็นลำต้นที่เลื้อยหรือไต่ขึ้นที่สูง 2.1 ทวินนิง สเต็ม (twining stem) เป็นลำต้นที่ไต่ขึ้นที่ สูงโดยใช้ลำต้นพันหลักเป็นเกลียวไป 2.2 มือเกาะ (tendril stem) เป็นลำต้นที่ดัดแปลงไปเป็นมือเกาะ(tendril) สำหรับพันหลักเพื่อไต่ขึ้นที่สูง 2.3 รูท ไคลบบิง (root climbing) เป็นลำต้นที่ไต่ขึ้นที่สูงโดยใช้รากที่งอกออกมา ตามข้อยึดกับหลักหรือต้นไม้2.4 หนาม (stem spine) เป็นลำต้นที่เปลี่ยนแปลงไปเป็นหนามรวมทั้งขอเกี่ยว (hook) สำหรับไต่ขึ้นที่สูง และป้องกันอันตรายได้ด้วย ลำต้นใต้ดิน (Undergroud stem) สามารถจำแนกได้ 4 ชนิด 1. แง่ง หรือเหง้า หรือ ไรโซม (Rhizome) มักอยู่ขนานกับผิวดิน มีข้อและปล้องเห็นได้ชัดเจน 2. ทูเบอะ (Tuber) เป็นลำต้นใต้ดินที่เติบโตมาจากปลายไรโซม ประกอบด้วยปล้องประมาณ 3 - 4 ปล้อง 3. บัลบ (bulb) เป็นลำต้นที่ตั้งตรงอาจตั้งตรงพ้นดินขึ้นมาบ้างเป็นลำต้นเล็กๆมีปล้องสั้นมากตามปล้องมีใบเกล็ดห่อหุ้มลำต้นเอาไว้ จนเห็นเป็นหัวขึ้นมา อาหารจะสะสม ในใบเกล็ด แต่ในลำต้นจะไม่มีอาหารสะสม ตอนล่างของลำต้นจะมีรากฝอย งอกออกมาเป็นเส้นเล็กๆ 4. คอร์ม (Corm) เป็นลำต้นใต้ดินที่ตั้งตรงเหมือนกับ บัลบ แต่จะมีอาหารละสมอยู่ในลำ ต้น แทนที่จะสะสมไว้ในใบเกล็ด จึงทำให้ลำต้นอ้วนมากเห็นข้อได้ชัดเจน กว่าบัลบ์ 6. กระบวนการจัดการเรียนรู้แบบสืบเสาะหาความรู้ (5E) ขั้นที่ 1 ขั้นสร้างความสนใจ 1) ครูแสดงภาพเปรียบเทียบระหว่างมันเทศ และเผือก แล้วให้นักเรียนสังเกต อธิบายลักษณะ รวมถึงบอก ความแตกต่างระหว่างพืชทั้งสองชนิด ภาพที่ 1 : การเปรียบเทียบระหว่างมันเทศ และเผือก ที่มา : https://shorturl.asia/LIe6o ค้นข้อมูลวันที่ 14 ก.ค. 66
129 แนวคำตอบ : มันเทศลักษณะของหัวจะเรียบกว่าเผือก ส่วนเผือกที่เปลือกนอกจะมีลักษณะเป็นชั้น ๆ หรือข้อ 2) ครูให้นักเรียนแสดงความคิดเห็นต่อว่าลำต้นของพืชดอกควรมีลักษณะเป็นอย่างไร ประกอบด้วย อะไรบ้าง แนวคำตอบ : ลำต้นควรมีลักษณะเป็นแกนตั้งตรง มีเปลือกหุ้มรอบ ประกอบด้วยกิ่ง ก้าน ใบ ตาข้าง ใน พืชใบเลี้ยงเดี่ยวจะเห็นข้อปล้องชัดเจน ภายในประกอบด้วยเนื้อเยื่อที่ทำหน้าที่ต่าง ๆ ขั้นที่ 2 ขั้นสำรวจและค้นหา 1) นักเรียนแบ่งออกเป็น 7 กลุ่ม โดยคละเพศ และความสามารถ จากนั้นส่งตัวแทนออกมาจับฉลากว่า กลุ่มตนเองต้องศึกษาพืชใบเลี้ยงคู่หรือพืชใบเลี้ยงเดี่ยว 2) ร่วมกันสำรวจต้นไม้ในโรงเรียน และเลือกศึกษาโครงสร้างภายนอกของลำต้นพืชชนิดที่ตนเองได้รับ มอบหมาย แล้วบันทึกผลในรูปแบบของตารางในใบกิจกรรม : การศึกษาโครงสร้างภายนอกของลำต้น 3) นักเรียนร่วมกันศึกษาเอกสาร หรือหนังสือเรียน เรื่อง ลำต้นของพืชดอก ขั้นที่ 3 ขั้นอธิบายและลงข้อสรุป 1) นักเรียนแต่ละกลุ่มส่งตัวแทนออกมานำเสนอผลที่ได้จากการศึกษาของกลุ่มตนเอง 2) นักเรียนร่วมกันจัดเวทีเล็กๆ เพื่ออภิปรายแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกันในหัวข้อ “แบบไหนถึงเรียกต้น” และร่วมกันสรุปองค์ความรู้ที่ได้จากการศึกษา โดยมีครูเป็นผู้ดำเนินกิจกรรมการอภิปรายในการเสนอประเด็นต่าง ๆ นักเรียนแบ่งเป็นทีมเห็นด้วย และ ไม่เห็นด้วย ร่วมกันอภิปรายพร้อมระบุเหตุผลประกอบการอภิปรายของฝ่าย ตนเอง ตัวอย่างประเด็นเช่น ลำต้นต้องอยู่บนดิน ลำต้นต้องมีลักษณะแข็ง ลำต้นทำหน้าที่ลำเลียงอาหารและค้ำจุน และอื่น ๆ 3) นักเรียนและครูร่วมกันสรุปความรู้เรื่อง ลำต้นของพืชดอก ดังนี้ ลำต้น (Stem) เป็นอวัยวะของพืชที่ส่วนใหญ่จะเจริญขึ้นเหนือดิน เจริญมาจากส่วนที่เรียกว่า Hypocotyl ของ เมล็ด ประกอบด้วยส่วนสำคัญ 2 ส่วนคือ ข้อ (Node) ส่วนใหญ่มักมีตา (Bud) ซึ่งจะเจริญไปเป็นกิ่ง ใบ หรือ ดอกต่อไป และปล้อง (Internode) ซึ่งอยู่ระหว่างข้อ โดยพืชใบเลี้ยงเดี่ยวจะเห็นข้อ และปล้องชัดเจน แต่ในพืชใบเลี้ยงคู่เห็นข้อ และปล้องชัดเจนในขณะที่ เป็นต้นอ่อน หรือกิ่งอ่อน แต่เมื่อเจริเติบโต และมี Cork มาหุ้มทำให้เห็นข้อ และปล้องไม่ชัดเจน ลำต้นเป็น โครงสร้างขิงพืชที่เจริญขึ้นมาจากราก ลำต้นมีข้อปล้อง บริเวณข้อจะมีใบ ที่ซอกใบมีตา ลำต้นทำหน้าที่ชูกิ่ง ใบ ดอก ผล และทำหน้าที่ลำเลียงอาหาร ธาตุอาหาร และน้ำ
130 ขั้นที่ 4 ขั้นขยายความรู้ 1) ครูอธิบายเพิ่มเติมเกี่ยวกับชนิดของลำต้น รวมถึงการปรับตัวของลำต้นเพื่อทำหน้าที่พิเศษ ดังนี้ ชนิดของลำต้น ลำต้นเหนือดิน (aerial stem/terrestrial stem) ลำต้นใต้ดิน (underground stem) creeping stem ลำต้นที่ทอดหรือเลื้อยขนานไปตามผิวดินหรือผิวน้ำเช่นผักบุ้ง ผักกระเฉด ฟักทอง สตรอเบอรี่ และหญ้า เป็นต้น rhizome ลำต้นใต้ดินที่ เรียกกันว่าแง่ง หรือเหง้า ส่วน ใหญ่ขนานกับ พื้นดิน มีข้อ ปล้องเห็นได้ ชัดเจนตามข้อมี ใบที่เป็นแปลง เป็นสีน้ำตาล ได้แก่ขิงข่าขมิ้น บางชนิดอาจตั้ง ตรง เช่น กล้วย พุทธรักษา เป็น ต้น climbing stem ลำต้นที่ไต่ขึ้นที่ สูงโดยวิธีใดวิธี หนึ่งถ้ามีหลัก หรือต้นไม้ที่ลำ ต้นตั้งตรงอยู่ ใกล้ๆ จะถูกใช้ไต่ ขึ้นไป twining stem ลำต้นไต่ขึ้นที่สูงโดยใช้ลำ ต้นพันกับหลักเป็นเกลียวเช่น เถาวัลย์ต้น ถั่วบอระเพ็ดฝอยทอง เป็นต้น tendril stem ลำต้นไต่ขึ้นที่สูงโดยใช้ส่วน ของลำต้นดัดแปลงไปเป็นมือเกาะ(tendril) เพื่อพันหรือไต่ขึ้นที่สูงส่วนของ tendril จะ บิดเป็นเกลียวคล้ายสปริงเพื่อให้ยืดหยุ่น เช่น ต้นองุ่น บวบ แตงกวา กระทกรก โคกกระออม พวงชมพู เป็นต้น tuber ลำต้นใต้ดินที่ สะสมอาหารทำ ให้อวบอ้วนแต่ บริเวณที่เป็นตา จ ะ ไ ม ่ อ ้ ว น ออกมาด้วยทำ ให้เห็นเป็นรอย บุ๋มได้แก่มันฝรั่ง เป็นต้น
131 bulb ลำต้นใต้ดินที่ลำ ต้นเล็กมีปล้อง ส ั ้ น ม า ก ต า ม ปล้องมีใบเกล็ด ซ้อนกันหลายๆ ชั้นห่อหุ้มลำต้น เอาไว้และสะสม อาหาร เช่นหอม กระเทียม เป็น ต้น root climber ลำต้นไต่ขึ้นที่สูงโดยใช้ราก ซึ่งออกมาตามข้อ ยึดหลักหรือต้นไม้เช่นต้น พริกไทยพลูและพลูด่างเป็นต้น corm เป็นลำต้นใต้ดิน ที่ตั้งตรงเช่น เดียวกับ bulb ม ี ล ั ก ษ ณ ะ คล้ายกันแต่เก็บ สะสมอาหารไว้ ในลำต้นจนทำ ให้เห็นลำต้น อวบอ้วนตามข้อ มีใบเกล็ดบางๆ หุ้มมีตางอกตาม ข้อ เช่น เผือก แห้วจีน เป็นต้น stem spine / stem thorn ล ำ ต ้ น ที่ ดัดแปลงไปเป็นหนามหรือขอเกี่ยว (hook) เพื่อไต่ขึ้นที่สูง เช่น ต้นเฟื้องฟ้า ไผ่ ไมยราบ และพืชตระกูลส้ม เป็นต้น
132 cladophyll / phylloclade / cladode ลำต้นที่เปลี่ยนแปลงไปมีลักษณะหรือหน้าที่คล้ายใบ เช่น ลำ ต้นแป็นแผ่นแบนหรือมีสีเขียวของคลอโรฟีลล์ ได้แก่ กระบองเพชร พญาไร้ใบ หน่อไม้ฝรั่ง โปร่งฟ้า เป็นต้น Bulbil/ crown / slip คือลำต้นที่เป็นตาหรือหน่อเล็กๆ สั้นๆที่ประกอบด้วยยอดอ่อน และใบเล็กๆ 2-3 ใบ แตกออกระหว่างซอกใบกับลำต้นหรือ แตกออกจากยอดของลำต้นแทนดอกเมื่อมันหลุดร่วงลงดินก็ สามารถเจริญเป็นต้นใหม่ได้ เช่น หอม กระเทียมสับปะรด เป็น ต้น *** ลำต้นเหนือดิน (Aerial stem) จำแนกตามลักษณะของลำต้นได้เป็น 3 ชนิด 1. ต้นไม้ใหญ่(tree) หรือไม้ยืนต้น 2. ต้นไม้พุ่ม (shrub) 3. ต้นไม้ล้มลุก (herb) Tree / shrub / herb) creeping stem
133 twining stem tendril stem root climber
134 rhizome tuber bulb corm
135 ขั้นที่ 5 ขั้นประเมิน 1) ครูแสดงภาพลำต้น และส่วนอื่น ๆ ของพืช แล้วให้นักเรียนช่วยกันกันจำแนกกลุ่มที่เป็นลำต้น และกลุ่ม ที่ไม่ใช่ส่วนของลำต้น 2) นักเรียนและครูร่วมกันเฉลยกลุ่มที่เป็นลำต้น และกลุ่มที่ไม่ใช่ลำต้น 7. สื่อ/อุปกรณ์ แหล่งการเรียนรู้ 7.1 สื่อ/อุปกรณ์ 7.1.1 Power point ประกอบการสอน เรื่อง ลำต้น 7.1.2 ตารางบันทึกการสำรวจ 7.2.3 รูปภาพประกอบการสอนเรื่อง ลำต้น 7.2 แหล่งการเรียนรู้ 7.2.1 หนังสือเรียนชีววิทยาเพิ่มเติม ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5 เล่ม 3 7.2.2 อินเทอร์เน็ต 7.2.3 ต้นไม้ในบริเวณโรงเรียน
136 8. การวัดและการประเมินผลการเรียนรู้ จุดประสงค์การเรียนรู้ วิธีการวัดผล การเรียนรู้ เครื่องมือวัดผล การเรียนรู้ เกณฑ์การวัด ประเมินผล ด้านความรู้ (K : Knowledge) - นักเรียนสามารถอธิบาย และสรุปโครงสร้างภายนอก และชนิดของลำต้นพืชดอกได้ - ตรวจสอบ ชิ้นงาน - การถามตอบ - ตารางบันทึก การสำรวจ - แบบสังเกต การตอบคำถาม ผ่านเกณฑ์การ ประเมินไม่ น้อยกว่า ร้อยละ 70 ด้านทักษะกระบวนการ (P : Process) - นักเรียนสามรถจัดการอภิปรายแลกเปลี่ยนความ คิดเห็นในหัวข้อ “แบบไหนถึงเรียกต้น”ได้ - การอภิปราย กลุ่ม - สังเกตทักษะ กระบวนการ ทาง วิทยาศาสตร์ - แบบประเมิน การอภิปราย - แบบสังเกต ทักษะ กระบวนการ ทาง วิทยาศาสตร์ ด้านคุณลักษณะอันพึงประสงค์ (A : Attribute) - นักเรียนมีวินัย ใฝ่เรียนรู้และมีความรับผิดชอบ - การสังเกต พฤติกรรม - แบบสังเกต พฤติกรรม รายบุคคลด้าน คุณลักษณะ อันพึงประสงค์
137
138
139
140 กิจกรรมการศึกษาโครงสร้างภายนอกของลำต้น ตารางบันทึกลักษณะภายนอกของลำต้น ลักษณะภายนอก ลำต้น ......................................................................................... 1. ข้อ และปล้อง .................................................................................................... .................................................................................................... .................................................................................................... .................................................................................................... .................................................................................................... 2. ตำแหน่งที่เกิดใบ และตาตามซอก .................................................................................................... .................................................................................................... .................................................................................................... .................................................................................................... .................................................................................................... .................................................................................................... .................................................................................................... 3. ผิว สีของลำต้น และรูปร่างของลำต้น .................................................................................................... .................................................................................................... .................................................................................................... .................................................................................................... .................................................................................................... .................................................................................................... ....................................................................................................
141 แผนการจัดการเรียนรู้ที่ 13 รายวิชาชีววิทยาเพิ่มเติม ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5 บทที่ 9 โครงสร้างและการเจริญเติบโตของพืชดอก เวลาทั้งหมด 18 ชั่วโมง เรื่อง โครงสร้างภายในตัดตามขวางของลำต้น เวลา 2 ชั่วโมง ภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2566 ผู้สอน นางสาวมณฑิดา ฝั่งซ้าย 1. มาตรฐานการเรียนรู้ มาตรฐาน ว 4.3 เข้าใจส่วนประกอบของพืช การแลกเปลี่ยนแก๊สและคายน้ำของพืช การลำเลียงของพืช การสังเคราะห์ด้วยแสง การสืบพันธุ์ของพืชดอกและการเจริญเติบโต และการตอบสนองของพืช รวมทั้งนำความรู้ ไปใช้ประโยชน์ 2. ผลการเรียนรู้ สังเกต อธิบาย และเปรียบเทียบโครงสร้างภายในของลำต้นพืชใบเลี้ยงเดี่ยว และลำต้นพืชใบเลี้ยงคู่จาก การตัดตามขวาง 3. สาระสำคัญ โครงสร้างภายในของลำต้นระยะการเติบโตปฐมภูมิ เมื่อตัดตามขวางจะเห็นโครงสร้างแบ่งเป็น 3 ชั้น เรียง จากด้านนอกเข้าไป คือ ชั้นเอพิเดอร์มิส ชั้นคอร์เทกซ์และชั้นสตีล ซึ่งชั้นสตีลจะพบมัดท่อลำเลียงที่มีลักษณะ แตกต่างกันในพืชใบเลี้ยงเดี่ยว และพืชใบเลี้ยงคู่ คือพืชใบเลี้ยงเดี่ยวมีมัดท่อลำเลียงแบบกระจัดกระจาย 4.จุดประสงค์การเรียนรู้ 4.1 ด้านความรู้ (K) - นักเรียนสามารถระบุ และอธิบายโครงสร้างภายในของลำต้นได้ 4.2 ด้านทักษะ/กระบวนการ (P) - นักเรียนสามารถศึกษา และบันทึกภาพลำต้นพืชใบเลี้ยงคู่ และพืชใบเลี้ยงเดี่ยวที่ตัดตามขวาง ภายใต้ กล้องจุลทรรศน์ใช้แสงเชิงประกอบได้ได้ - นักเรียนสามารถระบุเนื้อเยื่อชั้นต่าง ๆ ของลำต้นพืชใบเลี้ยงคู่ และพืชใบเลี้ยงเดี่ยวได้ 4.3 ด้านคุณลักษณะอันพึงประสงค์ (A) - นักเรียนมีวินัย ใฝ่เรียนรู้ และรับผิดชอบต่อหน้าที่ของตนเองที่ได้รับมอบหมาย
142 5. สาระการเรียนรู้ โครงสร้างภายในของลำต้นระยะการเติบโตปฐมภูมิ เมื่อตัดตามขวางจะเห็นโครงสร้างแบ่งเป็น 3 ชั้น เรียง จากด้านนอกเข้าไป คือ ชั้นเอพิเดอร์มิส ชั้นคอร์เทกซ์และชั้นสตีล ซึ่งชั้นสตีลจะพบมัดท่อลำเลียงที่มีลักษณะ แตกต่างกันในพืชใบเลี้ยงเดี่ยว และพืชใบเลี้ยงคู่ ลำต้นในระยะการเติบโตทุติยภูมิจะมีเส้นรอบวงเพิ่มขึ้น และมีโครงสร้างแตกต่างจากเดิมเนื่องจากมีการ สร้างเนื้อเยื่อเพริเดิร์ม และเนื้อเยื่อท่อลำเลียงทุติยภูมิเพิ่มขึ้น 6. กระบวนการจัดการเรียนรู้แบบสืบเสาะหาความรู้ (5E) ขั้นที่ 1 ขั้นสร้างความสนใจ 1) ครูนำเข้าสู่บทเรียนโดยทบทวนความรู้ที่ได้จากการทำกิจกรรม การศึกษาโครงสร้างภายนอกของลำต้น จากนั้นครูตั้งคำถามว่า - นักเรียนทราบหรือไม่ว่า ลำต้นพืชใบเลี้ยงคู่และพืชใบเลี้ยงเดี่ยวที่นักเรียนเห็นมีโครงสร้างภายในเหมือน หรือแตกต่างกันอย่างไร แนวคำตอบ : แตกต่างกัน โดยลำต้นของพืชใบเลี้ยงเดี่ยว จะมีปล้องปรากฏให้เห็นอย่างชัดเจน เช่น พืชตระกูล หญ้า อ้อย มะพร้าว ไผ่ และพืชสกุลปาล์ม ส่วนลำต้นของพืชใบเลี้ยงคู่ ไม่พบข้อและปล้อง เช่น พืชยืนต้นทั่วไป ได้แก่ มะม่วง มะปราง ขนุน และฝรั่ง - โครงสร้างภายในของลำต้นพืชใบเลี้ยงคู่และพืชใบเลี้ยงเดี่ยวมีการเรียงตัวของเนื้อเยื่อเหมือนกันหรือไม่ แนวคำตอบ : ให้นักเรียนแสดงความคิดเห็นตามความเข้าใจของนักเรียน 2) ครูแบ่งนักเรียนเป็นกลุ่มๆ ละ 5 - 6 คน และตัวแทนกลุ่มออกมารับคู่มือปฏิบัติการ หรือสามารถใช้ หนังสือเรียนแทนได้ (ถ้ามี) จากนั้นแต่กลุ่มร่วมกันศึกษาขั้นตอนการปฏิบัติอย่างละเอียด นักเรียนสามารถซักถาม ข้อสงสัยก่อนเริ่มทำปฏิบัติการ ครูสามารถแจ้งข้อควรระวัง หรือข้อห้ามในการปฏิบัติได้ 3) ตัวแทนกลุ่มออกมารับอุปกรณ์หน้าชั้นเรียน ตรวจสอบอุปกรณ์ว่าถูกต้อง ครบถ้วนหรือไม่ ขั้นที่ 2 ขั้นสำรวจและค้นหา 1) แต่กลุ่มเริ่มลงมือทำปฏิบัติการศึกษาโครงสร้างภายในตัดตามขวางของลำต้นพืชที่กลุ่มตนเองสนใจที่จะ ศึกษาและได้เตรียมมา ซึ่งมีขั้นตอนดังนี้
143 วัสดุ และ อุปกรณ์ ขั้นตอนการทดลอง 1. กล้อง จุลทรรศน์ 2. สีย้อมซาฟ รานิน หรือสี ผสมอาหารสี แดง 3. พืชศึกษาที่ กลุ่มของ ตนเองสนใจ 4. ใบมีดโกน 5. จานเพาะ เชื้อ และน้ำ 6. เข็มเขี่ย ปลายแหลม หรือพู่กัน 7. สไลด์ และ กระจกปิด สไลด์ 8. หลอดหยด สาร 9. กระดาษ ทิชชู 1. นำโครงสร้างของพืชที่ต้องการศึกษา (ลำต้น) มาล้างให้สะอาด 2. นำชิ้นส่วนของราก และลำต้นพืชมาตัดตามขวางด้วยใบมีดโกน เรียกวิธีนี้ว่า Free hand section โดยถือชิ้นส่วนของ ราก หรือลำต้นพืชไว้ระหว่างนิ้วชี้และนิ้วหัวแม่มือข้างซ้ายจากนั้น ใช้ใบมีดโกนแตะน้ำให้เปียกชุ่ม เพื่อลดความฝืดเวลาเฉือน จากนั้นใช้ใบมีดโกนเฉือนลำต้น เข้า หาตัวเอง ให้ได้ชิ้นบางๆ หลายๆ ชิ้น แล้วนำใบมีดโกนไปจุ่มลงลงในน้ำ 3. ใช้พู่กันเลือกชิ้นส่วนของเนื้อเยื่อพืช ที่ลอยน้ำมีสีเขียวอ่อนๆ (ยิ่งใสยิ่งดี) วางลงบนแผ่นสไลด์ หยดน้ำเล็กน้อย เพื่อไม่ให้แห้ง นำไปส่องดูด้วยกล้องจุลทรรศน์ด้วยเลนส์วัตถุกำลังขยายต่ำสุด เลือกชิ้นส่วนที่มีความบาง สม่ำเสมอ ไม่มีรอยเฉือน เห็นเนื้อเยื่อต่างๆ ชัดเจน 4. จากนั้นนำมาย้อมด้วยสี Safranin ประมาณ 40 - 50 วินาที จึงล้างสีออกโดยหยดน้ำลงบน ชิ้นเนื้อเยื่อพืชแล้วใช้กระดาษทิชชูซับออก หรือใช้พู่กันเขี่ยมาล้างในน้ำกลั่นในจานเพาะเชื้อ จนไม่มีสีละลายออกมา 5. หยดน้ำเล็กน้อย ปิดด้วยกระจกปิดสไลด์ ระวังอย่าให้มีฟองอากาศ โดยเอียงกระจกปิดสไลด์ ให้ขอบอีกด้านหนึ่งของกระจกปิดสไลด์ แตะกับหยดน้ำประมาณ 45 องศา ขอบอีกด้านหนึ่ง ของกระจกปิดสไลด์วางพาดบนเข็มเขี่ยปลายแหลม ค่อย ๆ ลดระดับของเข็มเขี่ยลงมาพร้อม ๆ กับค่อยๆ เลื่อนปลายเข็มเขี่ยออกจากกระจกปิดสไลด์จนกระจกปิดสไลด์ปิดแนบสนิทกับแผ่น สไลด์พอดีใช้ทิชชูซับน้ำและสีย้อมให้เรียบร้อย และเช็ดด้านล่างแผ่นสไลด์ให้แห้ง 6. นำแผ่นสไลด์ที่เตรียมได้ ไปตรวจดูด้วยกล้องจุลทรรศน์ โดยเริ่มต้นดูด้วยที่ เลนส์ใกล้วัตถุ กำลังขยายต่ำสุด ไปจนถึง 40x จากนั้นถ่ายภาพเก็บไว้ 7. เปรียบเทียบความแตกต่างโครงสร้างรากของพืชใบเลี้ยงคู่และพืชใบเลี้ยงเดี่ยว 2) หลังจากจบการทำปฏิบัติการแล้วให้นักเรียนเก็บ ล้างทำความสะอาดอุปกรณ์การทดลองให้เรียบร้อย จากนั้นแต่ละกลุ่มมร่วมกันวาด หรือติดภาพที่ถ่ายไว้ อภิปราย และสรุปผลการปฏิบัติการลงในแบบบันทึกผล
144 ขั้นที่ 3 ขั้นอธิบายและลงข้อสรุป 1) ครูและนักเรียนร่วมกันสรุปโครงสร้างภายในของลำต้น ดังนี้ ตาราง โครงสร้างภายในของลำต้นพืช ลำต้นพืชใบเลี้ยงคู่ ลำต้นพืชใบเลี้ยงเดี่ยว ลำต้นพืชใบเลี้ยงคู่ เมื่อตัดลำต้นของพืชใบเลี้ยงคู่ที่ยังอ่อนอยู่ตามขวาง แล้วนำมาศึกษาจะพบลักษณะการเรียงตัวของลำต้น และรากคล้ายกันและลำต้นมีการเรียงตัว ดังนี้ 1) เอพิเดอร์มิส (Epidermis) อยู่ชั้นนอกสุด ปกติเป็นเซลล์เรียงตัวชั้นเดียว ไม่มีคลอโรฟิลล์ อาจเปลี่ยนแปลงไป เป็นขน หนาม หรือเซลล์คุม (Guard Cell) ผิวด้านนอกของเอพิดอร์มิสมักมีสารพวกคิวทิน เคลือบอยู่เพื่อป้องกัน การระเหยของน้ำ 2) คอร์เทกซ์(Cortex) มีอาณาเขตแคบกว่าในราก ส่วนนี้ส่วนใหญ่เป็นเซลล์พาเรงคิมาเรียงตัวกันหลายชั้น เซลล์ พวกนี้มักมีสีเขียวและสังเคราะห์ด้วยแสงได้ด้วย นอกจากนี้ยังช่วยสะสมน้ำและอาหารให้แก่พืช 3) สตีล (Stele) ในลำต้นฃั้นสองของสตีลจะแคบมากและแบ่งออกจากชั้นของคอร์เทกซ์ได้ไม่ชัดเจนนัก และ แตกต่างจากในราก ประกอบด้วย