คาํ นิยม
เม่อื จํานวนประชากรโลกได้ก้าวเขา้ สู่ 7 พนั ลา้ นคนในยุคท่นี ้ําดบิ หน้าดนิ เพาะปลูก พลงั งานและ
อาหารกาํ ลงั ขาดแคลนอยา่ งน่าวติ ก
ระบบคดิ เพอ่ื อย.ู่ ..และทาํ กนิ ของมนุษยก์ ต็ อ้ งไดร้ บั การเปลย่ี นแปลงขนานใหญ่
เศรษฐกจิ เชงิ สรา้ งสรรค์ จงึ ถูกนําเสนอขน้ึ ดว้ ยมมุ มองและฐานคดิ ตา่ ง ๆ จากแทบทกุ มมุ โลก
เพอ่ื ใหม้ นุษยอ์ ยรู่ ว่ มกนั และอยรู่ ว่ มกบั สงิ่ แวดลอ้ มทท่ี งั้ ยากแคน้ และแขง่ ขนั ไดต้ อ่ ไป...
มผี พู้ ยายามอธบิ ายเศรษฐกจิ เชงิ สรา้ งสรรคห์ ลายแบบ กล่าวถงึ ตาํ รา คน้ หาขอ้ สงั เกต บา้ งก็
ใชศ้ ลิ ปะแขนงตา่ ง ๆ ประกอบ
แต่ ดร.สมบตั ิ กุสุมาวลี นอกจากทาํ ทงั้ หมดขา้ งตน้ เป็นประเดมิ เพอ่ื ใหผ้ อู้ ่านสามารถมองไป
รอบ ๆ ความเป็นไปของบรรดาผู้คิด ผู้ทําเศรษฐกิจสร้างสรรค์เชิงระบบในรูปบทความสนั้ ๆ ท่ี
เชอ่ื มต่อเขา้ หากนั และเปรยี บเทยี บกนั ไดง้ า่ ยแลว้
ผู้เขยี นยงั พาให้ผู้อ่านก้มมองฐานคดิ ในวรรณกรรมทรงคุณค่าของไทย เร่อื ง พระมหาชนก
ผ่านการตคี วามในฐานะนักวชิ าการดา้ นการพฒั นาองคก์ ร และการพฒั นาทรพั ยากรมนุษย์ไดอ้ ย่าง
น่าสนใจ
วรรณคดชี าตใิ ดกส็ ะทอ้ นความเป็นมาและความเป็นไปของวฒั นธรรมแห่งชนชาตนิ ัน้ องคก์ ร
และคนในสังคมเราเป็ นอย่างไร ก็อาจสะท้อนให้สัมผัสและต่ืนตัวได้จากการจุดประกายจาก
วรรณกรรมและความรทู้ ถ่ี ูกปพู น้ื ไวน้ นั้
ดร.สมบตั ิ จุดประกายต่างจากนกั โฆษณา ต่างจากนกั การตลาด และต่างจากศลิ ปินน้อยใหญ่
ทใ่ี ฝ่หาความสรา้ งสรรค์ เพราะสว่ นมากเป็นความสรา้ งสรรคร์ ะดบั เหตกุ ารณ์
แต่ ดร.สมบตั ิ นําเสนอ...ระบบ
ซง่ึ เป็นแผนทใ่ี หญ่ ทช่ี ว่ ยใหร้ ฐั และองคก์ รทบทวนบทบาทในการชว่ ยสรรคส์ รา้ งได้
ดร. วรี ะศกั ดิ์ โควสรุ ตั น์
เลขาธกิ ารสมาคมสมาพนั ธภ์ าพยนตรแ์ หง่ ชาติ อดตี รฐั มนตรวี า่ การกระทรวงการทอ่ งเทย่ี วและกฬี า
เก่ียวกับผเู้ ขยี น
ผศ.ดร. สมบตั ิ กสุ มุ าวลี
เกดิ ท่ี จ.พทั ลงุ
จบมธั ยมตน้ และปลายจากโรงเรยี นพทั ลุง จ.พทั ลุง
ปรญิ ญาตรี รฐั ศาสตร์ ม.ธรรมศาสตร์ (เกยี รตนิ ิยม รางวลั เรยี นดที ุนภมู พิ ล)
ปรญิ ญาโท การพฒั นาทรพั ยากรมนุษย์ นดิ า้ (เกยี รตนิ ิยมอนั ดบั สอง)
ปรญิ ญาเอก Management Learning, Lancaster University, UK.
ปัจจบุ นั อาจารยป์ ระจาํ คณะพฒั นาทรพั ยากรมนุษย์ สถาบนั บณั ฑติ พฒั นบรหิ ารศาสตร์ ( นดิ า้ )
นอกจากน้ียงั เป็น บรรณาธกิ ารวารสาร “คน” (People) ของสมาคมการจดั การงานบุคคลแหง่
ประเทศไทย (PMAT)
ผลงานชน้ิ สาํ คญั ๆ เชน่
• หลกั ปรชั ญาเศรษฐกจิ พอเพยี งในภาคธุรกจิ เอกชน
• หนงั สอื “อ่าน HR มาเล่า เอา HR มาเขยี น (HR Synergy No.1 in OD Major)” (ตดิ
อนั ดบั หนงั สอื ขายดขี องสาํ นกั พมิ พจ์ ฬุ าลงกรณ์มหาวทิ ยาลยั )
ชอบอา่ น ชอบเขยี น มผี ลงานงานเขยี นออกมาบอ่ ยครงั้ แต่ในทส่ี ดุ พบวา่ สว่ นใหญ่จะ “เขยี นเอง
อ่านเอง เออเอง”
นอกจากน้ี ยงั ชอบดแู ละเล่นฟุตบอลเป็นชวี ติ จติ ใจ เชยี รท์ มี “ลเิ วอรพ์ ลู ” ตงั้ แตว่ ยั เดก็ ระยะหลงั
หนั มาสนบั สนุนเชยี รฟ์ ุตบอลไทยพรเี มยี รล์ กี
ปัจจบุ นั กาํ ลงั สนใจศกึ ษาลงลกึ เรอ่ื งของการพฒั นาบคุ ลากรและองคก์ ารแหง่ การเรยี นรบู้ น
ฐานความรทู้ ส่ี รา้ งสรรคแ์ ละการสรา้ งนวตั กรรม
Page |ก
คำนำผเู้ ขยี น
“Writing a book is a lonely occupation with the final outcome always in doubt.”
Charles Handy (2006)
หนงั สอื เรอ่ื ง “เศรษฐกจิ เชงิ สรา้ งสรรค”์ เป็นการรวบรวมบทความทผ่ี เู้ ขยี นเขยี นลงตพี มิ พ์
ประจาํ ทกุ เดอื นในวารสาร For Quality Magazine ในสว่ นของ Quality people มาอยา่ ง
ต่อเน่อื ง หากทบทวนยอ้ นหลงั ไปเมอ่ื ประมาณปลายปี พ.ศ. 2551 ผเู้ ขยี นไดร้ บั แจง้ จากทาง
ผบู้ รหิ ารคณะพฒั นาทรพั ยากรมนุษย์ นิดา้ วา่ ทาง “สมาคมสง่ เสรมิ เทคโนโลยี (ไทย-ญป่ี ่นุ )”
(สสท.) ไดแ้ สดงความประสงคจ์ ะสรา้ งความรว่ มมอื กบั ทางคณะ แนวทางของความรว่ มมอื
ประการหน่ึงคอื จะเปิดพน้ื ทใ่ี หค้ ณาจารยข์ องคณะไดเ้ ขยี นบทความเกย่ี วกบั “การจดั การและ
การพฒั นาทรพั ยากรมนุษยแ์ ละองคก์ าร” ลงตพี มิ พใ์ นสว่ นของ Quality people ของวารสาร
For Quality Magazine โดยผเู้ ขยี นไดร้ บั มอบหมายจากทางคณะใหเ้ ป็นผเู้ ขยี นบทความลง
ตพี มิ พเ์ ป็นการประเดมิ เป็นฉบบั แรก และนบั จากนนั้ เป็นตน้ มา ไมท่ ราบวา่ จะเป็นความโชคดี
หรอื โชครา้ ยของวารสารและผอู้ า่ นวารสารฉบบั ดงั กล่าวทจ่ี ะไดพ้ บกบั บทความของผเู้ ขยี น
ปรากฏอยใู่ นแทบทุกฉบบั จวบจนถงึ ปัจจุบนั
ความตงั้ ใจเรมิ่ แรกของผเู้ ขยี นกค็ อื การคน้ ควา้ หาความรใู้ นเชงิ ลกึ เพอ่ื นํามาเขยี นเป็น
บทความทจ่ี ะใหค้ วามรเู้ กย่ี วกบั การพฒั นาทรพั ยากรมนุษยแ์ ละองคก์ ารในบรบิ ทของระบบ
เศรษฐกจิ ยคุ ใหมแ่ กผ่ อู้ ่านซง่ึ คาดวา่ น่าจะเป็นผบู้ รหิ ารทวั่ ไป นกั บรหิ ารและนกั วชิ าชพี ดา้ น
การจดั การและพฒั นาทรพั ยากรมนุษยใ์ นภาคธุรกจิ อตุ สาหกรรม แตค่ รนั้ เมอ่ื ไดเ้ รมิ่ ลงมอื
เขยี นอยา่ งเอาจรงิ เอาจงั และดว้ ยอุปนิสยั สว่ นตวั ทม่ี ี “ความรกั ในความร”ู้ จงึ ไดเ้ พยี รคน้ ควา้
หาความรทู้ งั้ ในเชงิ ลกึ และในเชงิ กวา้ งขวาง ประสบการณ์ในการเขยี นบทความแตล่ ะชน้ิ ได้
นําพาผเู้ ขยี นทอ่ งตระเวนไปในอทุ ยานทางปัญญาอนั กวา้ งใหญ่ไพศาล จนทาํ ใหพ้ บวา่ ยงั มอี กี
หลากหลายเรอ่ื งราวจาํ นวนมากมหาศาลทผ่ี อู้ า่ นทเ่ี ป็นผบู้ รหิ าร นกั บรหิ ารและนกั วชิ าชพี
ดา้ นการจดั การและพฒั นาทรพั ยากรมนุษยใ์ นภาคธรุ กจิ อตุ สาหกรรมควรทจ่ี ะไดร้ ว่ มเรยี นรู้
และรว่ มทอ่ งตระเวนไปในผนื ป่าทอ่ี ุดมไปดว้ ยความรแู้ ละขอบฟ้าทางปัญญาอนั กวา้ งไกลทม่ี ี
Page |ข
อะไรมากไปกวา่ เรอ่ื งของวธิ กี ารและเครอ่ื งมอื ในการบรหิ ารจดั การและพฒั นาทรพั ยากร
มนุษยแ์ ละองคก์ าร
ผเู้ ขยี นพบวา่ “ขอ้ ดแี ละความงดงาม” ในการเขยี นบทความลงตพี มิ พใ์ น “วารสารทไ่ี มใ่ ช่
วชิ าการ” กค็ อื “อสิ ระภาพและจนิ ตนาการ” ของผเู้ ขยี นทไ่ี มต่ อ้ งถกู ตกี รอบในวงจาํ กดั ดงั ทม่ี กั
เกดิ ขน้ึ ใน “วารสารทางวชิ าการ” ซง่ึ มกั จะถกู ครอบงาํ โดยกองบรรณาธกิ ารและผอู้ ่าน
พจิ ารณาบทความ ทต่ี งั้ ตนเป็นผทู้ รงคณุ วฒุ แิ ละมกั มอี าํ นาจในการชว้ี า่ “อะไรคอื วชิ าการ/
ไมใ่ ชว่ ชิ าการ?” และชข้ี าดวา่ “บทความแบบใดทค่ี วรไดร้ บั การตพี มิ พ?์ ” ดว้ ยทศั นคตทิ าง
วชิ าการแบบคบั แคบและไมส่ รา้ งสรรค์ ดงั นนั้ เรามกั จะพบวา่ วารสารทางวชิ าการ (ทงั้ ไทย
และเทศ) สว่ นใหญ่จะเตม็ ไปดว้ ยความแหง้ แลง้ น่าเบ่อื ไรร้ สนิยมและขายไมอ่ อก (นอกจาก
บงั คบั ยดั เยยี ดใหน้ กั ศกึ ษาตอ้ งซอ้ื )
เน่อื งจากบทความแตล่ ะชน้ิ ทผ่ี เู้ ขยี นบรรจงสรรคส์ รา้ งขน้ึ มานนั้ ถอื ไดว้ า่ เป็น “ผลงานแหง่
ความรกั ” โดยไมส่ นใจวา่ น่คี อื บทความวชิ าการหรอื ไม?่ และไมส่ นใจวา่ บทความของผเู้ ขยี น
จะถอื เป็น “ตาํ รา” หรอื จะไดร้ บั คะแนน Impact factor หรอื ไม?่ (ชา่ งหวั สมศ. สกอ. กพร.)
หวงั เพยี งวา่ จะเขยี นบทความทใ่ี หค้ วามรแู้ ละผอู้ า่ นจะไดค้ วามรน่ื รมยใ์ นการอา่ นดว้ ยความรู้
ทางวชิ าการผสานภาษาเชงิ วรรณศลิ ป์ เป็นความพยายามของผเู้ ขยี นเองทจ่ี ะลบเสน้ แบง่
ระหวา่ งวชิ าการ-วทิ ยาศาสตรก์ บั งานประพนั ธ-์ ศลิ ปะ เน่ืองดว้ ยผเู้ ขยี นไมเ่ คยเชอ่ื ใน
“วทิ ยาศาสตรข์ องสงั คมศาสตรแ์ ละมนุษยศาสตร”์ และจะไมเ่ ชอ่ื ตลอดไป
หากแต่จะไดร้ ะบายความในใจบา้ ง กค็ งในแงท่ ว่ี า่ เสยี งตอบรบั กลบั มาจากผอู้ ่านตอ่ บทความ
ของผเู้ ขยี นมนี ้อยมาก จนแทบจะกล่าวไดว้ า่ “ไมม่ เี ลย” กว็ า่ ได้ อยา่ งไรกต็ าม ผเู้ ขยี นยงั
เชอ่ื มนั่ วา่ สกั วนั หน่ึงคงจะมผี เู้ หน็ ประโยชน์ของบทความชุดน้ี และปวารณาตวั วา่ จะพยายาม
พฒั นาการเขยี นใหด้ ยี งิ่ ๆขน้ึ ตอ่ ไป
สดุ ทา้ ยน้ี ขอขอบคณุ วารสาร For Quality ของสมาคมสง่ เสรมิ เทคโนโลยไี ทย-ญป่ี ่นุ (สสท.)
ทเ่ี ปิดโอกาสใหผ้ เู้ ขยี นไดม้ พี น้ื ทใ่ี นการเขยี นทุกๆเดอื น ขอขอบคณุ ดร.วรี ะศกั ดิ ์ โควสรุ ตั น์
ผเู้ ชย่ี วชาญเรอ่ื งเศรษฐกจิ เชงิ สรา้ งสรรคซ์ ง่ึ รบั เขยี นคาํ นยิ มใหก้ บั หนงั สอื เล่มน้ีทนั ทดี ว้ ย
ความยนิ ดี ขอขอบคณุ คณะพฒั นาทรพั ยากรมนุษยแ์ หง่ นดิ า้ หน่วยงานเลก็ ๆทม่ี อบโอกาส
แหง่ ชวี ติ อนั สรา้ งสรรคใ์ หแ้ กผ่ เู้ ขยี น และขอบคณุ จด๊ี ถนอมรตั น์ ฟองเลาทช่ี ว่ ยเป็นธรุ ะในการ
รวมเล่มและจดั พมิ พ์ และขอขอบพระคณุ ผอู้ า่ นทส่ี นบั สนุนงานเขยี นชน้ิ น้ี
Page |ค
หากหนงั สอื เลม่ น้ีจะมคี วามดงี ามอยบู่ า้ ง ผเู้ ขยี นขอมอบใหแ้ ก่บดิ าอนั เป็นทร่ี กั ของขา้ พเจา้ ซง่ึ
จากไปกอ่ นเวลาอนั ควรดว้ ยความผดิ พลาดทางการแพทย์ รวมทงั้ ครอบครวั เลก็ ๆของ
ขา้ พเจา้ – หวา้ องิ เอริ น์ – ควรไดร้ บั การกลา่ วถงึ ในฐานะผเู้ สยี สละเวลาทผ่ี เู้ ป็นหวั หน้า
ครอบครวั เบยี ดบงั เวลาสว่ นใหญ่ทพ่ี วกเขาควรจะไดไ้ ปปลกี วเิ วกนงั่ หลบมมุ แสวงหาความสขุ
สราญสว่ นตวั
หวงั วา่ คงจะไดส้ าระสาํ ราญกบั งานเขยี นชน้ิ น้ี และหวงั ใจวา่ จะไดพ้ บกนั ในงานเขยี นชน้ิ ตอ่ ไป
เรว็ ๆน้ีครบั
รมิ คลองแสนแสบ
สมบตั ิ กุสมุ าวลี
15 เมษายน 2557
Page |ง
สารบญั
หน้า
คาํ นําผเู้ ขยี น…………………………………………………………………………….. ก
คาํ นิยม………………………………………………………………….. ง
สารบญั ...................................................................................................................
1. มองขา้ มผา่ นวกิ ฤตเศรษฐกจิ สอู่ ุตสาหกรรมยคุ ใหม่ Creative economy................ 1
2. การกา้ วเขา้ สยู่ คุ แหง่ ความสรา้ งสรรค์ (The Creative age).................................... 7
3. สงั คมเศรษฐกจิ แบบสรา้ งสรรค์ วา่ ดว้ ยนวตั กรรม และชนชนั้ ใหม…่ ……………… 14
4. ชนชนั้ สรา้ งสรรค:์ มนุษยค์ อื สง่ิ มชี วี ติ ทส่ี รา้ งสรรค…์ ……………………………….. 22
5. ความเขา้ ใจผดิ ทเ่ี กย่ี วกบั “ความสรา้ งสรรค”์ (1)................................................... 29
6. ความเขา้ ใจผดิ ทเ่ี กย่ี วกบั “ความสรา้ งสรรค”์ (2)................................................... 35
7. คนสรา้ งสรรคค์ อื ทนุ แหง่ ความสรา้ งสรรค์ (Creative capital)............................... 43
8. ทนุ ความสรา้ งสรรค์ มาจากคนสรา้ งสรรคแ์ ละสงั คมทส่ี รา้ งสรรค.์ ......................... 51
9. ปัจจยั ขบั เคลอ่ื นเศรษฐกจิ เชงิ สรา้ งสรรค:์ รชิ ารด์ ฟลอรดิ า้ กบั ตวั แบบ 3T............... 58
10. ญป่ี ่นุ : เศรษฐกจิ สรา้ งสรรค์ คนสรา้ งสรรค์ เมอื งสรา้ งสรรค.์ ................................ 67
11. เศรษฐกจิ เชงิ สรา้ งสรรคค์ อื อะไร?...................................................................... 74
12. อตุ สาหกรรมสรา้ งสรรค์ (Creative industries) (1)............................................. 80
13. อตุ สาหกรรมสรา้ งสรรค์ (Creative industries) (2)............................................. 88
14.เศรษฐกจิ บนฐานความร:ู้ ฐานสาํ คญั ของเศรษฐกจิ เชงิ สรา้ งสรรค์ (1)................... 98
15.เศรษฐกจิ บนฐานความร:ู้ ฐานสาํ คญั ของเศรษฐกจิ เชงิ สรา้ งสรรค์ (2)................... 107
16. The Prime mover of Knowledge Society………………………………………. 115
Page |จ
17.ก่อนจะถงึ ยคุ เศรษฐกจิ สรา้ งสรรค:์ สงั คมสารสนเทศ (1) 126
18.กอ่ นจะถงึ ยคุ เศรษฐกจิ สรา้ งสรรค:์ สงั คมสารสนเทศ (2) 137
19.กอ่ นจะถงึ ยคุ เศรษฐกจิ สรา้ งสรรค:์ สงั คมสารสนเทศ (3) 151
20.องั กฤษกบั การเป็น “ชาตแิ หง่ นวตั กรรม” (1) 166
21.องั กฤษกบั การเป็น “ชาตแิ หง่ นวตั กรรม” (2) 175
22.พระมหาชนกกบั แนวคดิ การพฒั นามนุษย:์ อจั ฉรยิ ภาพอนั สรา้ งสรรคข์ อง 188
พระบาทสมเดจ็ พระเจา้ อยหู่ วั
ว่าด้วยผเู้ ขียน
Page |1
-1 -
มองข้ามผา่ นวิกฤตเศรษฐกิจส่อู ตุ สาหกรรมยคุ ใหม่
Creative economy
จากความถดถอยทางเศรษฐกจิ การเงนิ โลก สสู่ ภาวะวกิ ฤตของเศรษฐกจิ อตุ สาหกรรม
อนั เน่ืองมาจากอุปสงค์ (Demand) ทเ่ี หอื ดหายไปอยา่ งรวดเรว็ อปุ ทานทล่ี น้ เกนิ ทาํ ให้
วงจรการผลติ ภาคอตุ สาหกรรมเผชญิ กบั สภาวะปัน่ ป่วนไปทวั่ โลก
หากใครไดห้ ยบิ นติ ยสาร The Economist ฉบบั ปลายเดอื น
กุมภาพนั ธ์ 2552 ขน้ึ มาดู อาจจะรสู้ กึ อกสนั ่ ขวญั ผวาไปกบั จวั่ หวั
ทพ่ี าดไวพ้ รอ้ มกบั ภาพประกอบทด่ี นู ่าสะพงึ กลวั เป็นอยา่ งยง่ิ วา่
“ความลม่ สลายของอตุ สาหกรรมการผลติ ” (The Collapse of
manufacturing) โดยนติ ยสารฉบบั น้ีตอ้ งการชใ้ี หเ้ หน็ วา่ วกิ ฤตทาง
การเงนิ (Financial crisis) ทเ่ี กดิ ขน้ึ ในสหรฐั อเมรกิ าไดก้ อ่ ใหเ้ กดิ วกิ ฤตการณ์ของ
ภาคอตุ สาหกรรมตามมาอยา่ งเลย่ี งไมพ่ น้
ปรากฏการณ์ความตกต่าํ ของภาคอตุ สาหกรรมการผลติ มไิ ดก้ ระจุกตวั อยใู่ นเฉพาะ
ประเทศตน้ เหตุแหง่ ปัญหาทางการเงนิ อยา่ งสหรฐั อเมรกิ าเทา่ นนั้ แต่มนั ไดแ้ ผก่ ระจายไป
ทวั่ โลก เชน่ ในกรณขี องตน้ เหตุแหง่ ปัญหาคอื ประเทศสหรฐั อเมรกิ า จาํ นวนการประกอบ
รถยนต์ ลดฮวบลงไปถงึ รอ้ ยละ 60 ต่าํ กวา่ ชว่ งเดอื นมกราคมของเมอ่ื ปีทแ่ี ลว้ ในกรณี
ประเทศเยอรมนั ชว่ งเดอื นธนั วาคม มคี าํ สงั ่ ซอ้ื เครอ่ื งมอื -เครอ่ื งจกั ร (Machine-tool)
ลดลงไปกวา่ รอ้ ยละ 40 เมอ่ื เทยี บกบั ชว่ งเดยี วกนั ในปีทผ่ี า่ นมา ในกรณีของประเทศ
ไตห้ วนั การสง่ ออกคอมพวิ เตอรโ์ น๊ตบคุ๊ ในชว่ งเดอื นมกราคม ตกฮวบลงไป 1 ใน 3 หรอื
แมแ้ ตใ่ นกรณขี องประเทศจนี ผสู้ ง่ ออกของเล่นทเ่ี คยมปี ระมาณ 9000 ราย กลบั ตอ้ งลม้
หายตายจากไปกวา่ ครง่ึ หน่งึ
Page |2
เมอ่ื มองภาพรวมใหญ่ ในกรณีของสหรฐั อเมรกิ าและองั กฤษ ในชว่ งไตรมาสสดุ ทา้ ยพบวา่
ยอดการผลติ ในภาคอุตสาหกรรมของสหรฐั อเมรกิ าตกลงมาถงึ รอ้ ยละ 3.6 และรอ้ ยละ
4.4 ในองั กฤษ (ในขณะทห่ี ากคดิ เป็นรายปี ยอดตกลงมารอ้ ยละ 13.8 และรอ้ ยละ 16.4
ตามลาํ ดบั ) บางคนอาจจะชน้ี ้วิ ตาํ หนิไปทต่ี ลาดหนุ้ วอลสตรที และการพยายามพยงุ อมุ้
บรษิ ทั ยกั ษใ์ หญ่เจา้ ปัญหาทงั้ หลาย แตน่ ่าสงั เกตวา่ ความรนุ แรงของการตกต่าํ ลม่ สลาย
ของภาคอตุ สาหกรรมจะเกดิ ขน้ึ อยา่ งมากในบรรดาประเทศทเ่ี ศรษฐกจิ ตอ้ งพง่ึ พงิ การ
สง่ ออกภาคอตุ สาหกรรม เชน่ การผลติ ภาคอุตสาหกรรมในเยอรมนั ในชว่ งไตรมาสทส่ี ่ี
ตกต่าํ ลงรอ้ ยละ 6.8 ในไตห้ วนั หดตวั ลงรอ้ ยละ 21.7 ในญป่ี ่นุ หดตวั ลงรอ้ ยละ 12 ผลท่ี
ตามมาคอื ประเทศเหล่าน้ีจะมกี ารหดตวั ของผลติ ภณั ฑม์ วลรวมภายในประเทศ (GDP)
อยา่ งรวดเรว็
เมอ่ื พจิ ารณาในเชงิ ประวตั ศิ าสตร์ กล่าวไดว้ า่ การผลติ ในภาคอตุ สาหกรรมไดห้ ดตวั เหอื ด
หายอยา่ งรนุ แรงอยา่ งทไ่ี มเ่ คยปรากฎมาก่อนนบั จากวกิ ฤตน้ํามนั (Oil crisis) เมอ่ื
ทศวรรษท่ี 1970 ความลม่ สลายของภาคอตุ สาหกรรมไดส้ ง่ ผลแพรก่ ระจายตวั ไปถงึ
ประเทศอ่นื ๆ ดงั เชน่ ประเทศในกลุ่มยโุ รปตะวนั ออก บราซลิ ตุรกี มาเลเซยี และรวมถงึ
ประเทศไทยของเรา โรงงานนบั พนั โรงในทางใตข้ องจนี ถกู ปิดตวั ลงไป คนงานจาํ นวน
มากทก่ี ลบั ไปเยย่ี มบา้ นในชว่ งตรษุ จนี นบั ลา้ นคนทก่ี ลบั แลว้ กลบั เลยคอื ไมไ่ ดก้ ลบั มา
ทาํ งานอกี
ในขณะทโ่ี ลกใบน้ีกาํ ลงั ต่นื เตน้ และขวญั ผวาไปกบั ภาวะวกิ ฤตทิ างเศรษฐกจิ ซง่ึ กาํ ลงั
ลุกลามระบาดไปทวั่ โลก จนแมก้ ระทงั่ นกั เศรษฐศาสตรช์ อ่ื ดงั บางทา่ นกล่าววา่ วกิ ฤติ
เศรษฐกจิ คราวน้ี “เกนิ การควบคมุ แลว้ ” แต่ขณะเดยี วกนั กม็ เี สยี งเลก็ ๆ ทพ่ี ยายามออกมา
นําเสนอแนวคดิ ในการทจ่ี ะ “หลุดพน้ ” ออกจากสภาพการทไ่ี มน่ ่าพงึ ประสงคเ์ ชน่ น้ี
ในคราวน้ี ผเู้ ขยี นใครข่ อนําเสนอแนวคดิ ของนกั คดิ ทา่ นหน่ึง ซง่ึ “ถกู กล่าวถงึ ” จาก
สอ่ื มวลชนในหลายบทบาท เชน่ บางคนเรยี กวา่ ทา่ นเป็น “นกั เศรษฐศาสตร”์ แต่สอ่ื บาง
ฉบบั กบ็ อกวา่ ทา่ นเป็น “นกั สงั คมวทิ ยา” ฯลฯ ผเู้ ขยี นจงึ ขอเรยี กรวมวา่ เป็น “นกั
Page |3
เศรษฐศาสตรส์ งั คมวทิ ยา” (Sociological economist) กแ็ ลว้
กนั ทา่ นผนู้ ้คี อื ศาสตราจารยร์ ิชารด์ ฟลอริด้า (Richard
Florida) ผอู้ าํ นวยการสถาบนั the Martin Prosperity
Institute ตงั้ อยทู่ ่ี the Rotman School of Management
แหง่ มหาวทิ ยาลยั โตรอนโต ประเทศแคนาดา
ศาสตราจารยฟ์ ลอรดิ า้ นําเสนอแนวคดิ ทว่ี า่ แมว้ กิ ฤตการคราวน้ีจะหนกั หนาสาหสั รนุ แรง
ขนาดไหน แตเ่ รายงั มี “ทางออก” เปรยี บเสมอื นกบั “แสงสวา่ งทป่ี ลายอุโมงค”์ นนั่ คอื
ทา่ นเสนอวา่ เราสามารถทจ่ี ะขบั เคลอ่ื นออกจากภาวะวกิ ฤตน้ีได้ ดว้ ยแนวคดิ วา่ ดว้ ย “การ
สรา้ งสรรค”์ และการสรา้ งระบบเศรษฐกจิ แบบใหมท่ เ่ี รยี กวา่ “เศรษฐกจิ สรา้ งสรรค”์
(Creative economy)
จากมมุ มองของศาสตราจารยฟ์ ลอรดิ า้ ทม่ี ตี ่อระบบเศรษฐกจิ ของสหรฐั อเมรกิ า ทา่ นเหน็
วา่ ปัจจุบนั สหรฐั อเมรกิ าอยภู่ ายใตช้ ว่ งการเปลย่ี นผา่ นครงั้ ใหญ่ จากยคุ แหง่ “กลา้ มเน้อื
และความแขง็ แกรง่ ” (Strength and muscle) สยู่ คุ ท่ี “ความรแู้ ละทกั ษะ” คอื หวั ใจสาํ คญั
กล่าวอกี นยั หน่ึงกค็ อื ระบบเศรษฐกจิ ของสหรฐั อเมรกิ าในหว้ งทผ่ี า่ นมามกั ขน้ึ อยกู่ บั ระบบ
อุตสาหกรรมทม่ี งุ่ ใชห้ ยาดเหงอ่ื แรงงานและพลงั ทางกายภาพมากกวา่ การใชพ้ ลงั
สตปิ ัญญา
ความทา้ ทายในปัจจบุ นั สาํ หรบั ภาคอุตสาหกรรมของ
สหรฐั อเมรกิ าคอื การตอ้ งขบั เคล่อื นจากอุตสาหกรรม
ทเ่ี ตม็ ไปดว้ ย “งานทม่ี ลี กั ษณะเป็นกจิ วตั ร”
(Routine-oriented job) ซง่ึ งานเหลา่ น้ีมกั มลี กั ษณะ
งานทต่ี อ้ งทาํ ตามมาตรฐานและเป็นการทาํ งานทซ่ี ้ําๆ ไปตามมาตรฐานทว่ี างไวแ้ ลว้
ดงั นนั้ งานพวกน้จี งึ มกั ใชค้ วามแขง็ แกรง่ ของ “มอื ” และ “รา่ งกาย” มากกวา่ “หวั ” และ
“สมอง” เคล่อื นผา่ นไปสอู่ ุตสาหกรรมทเ่ี ตม็ ไปดว้ ย “งานทข่ี น้ึ อยกู่ บั การใชค้ วามคดิ
สรา้ งสรรค”์ (Creativity-oriented occupations) ซง่ึ คนทาํ งานจะตอ้ งประยกุ ตใ์ ชค้ วามรใู้ ห้
Page |4
เหมาะสมกบั สถานการณ์ทม่ี กี ารเปลย่ี นแปลงตลอดเวลา และตอ้ งทาํ การตดั สนิ ใจและ
สอ่ื สารตอบโตก้ บั สถานการณ์ไดอ้ ยา่ งดี
จากขอ้ มลู ทศ่ี าสตราจารยฟ์ ลอรดิ า้ ศกึ ษามาพบวา่ สดั สว่ นของคนทท่ี าํ งานเชงิ สรา้ งสรรค์
(Creative job) มปี รมิ าณเพมิ่ มากขน้ึ เรอ่ื ยๆ และไดเ้ พม่ิ ขน้ึ เป็นสามเทา่ ในชว่ งศตวรรษท่ี
ผา่ นมา และเชอ่ื วา่ จะเพม่ิ มากขน้ึ ตอ่ ไปแมใ้ นภาวะวกิ ฤตเศรษฐกจิ เชน่ น้ี เน่อื งจากงาน
เชงิ สรา้ งสรรคจ์ ะมคี วามอ่อนไหวตอ่ ความถดถอยทางเศรษฐกจิ น้อยกวา่ งานแบบกจิ วตั ร
ศาสตราจารยฟ์ ลอรดิ า้ เชอ่ื วา่ ภายในทศวรรษหน้างานเชงิ สรา้ งสรรคจ์ ะมสี ดั สว่ นเป็น
“ครง่ึ หน่ึงของงานทงั้ หมด” ทม่ี ใี นประเทศแคนาดาและสหรฐั อเมรกิ า แต่ผคู้ นยงั มกั ให้
คณุ คา่ หรอื มองขา้ มความสาํ คญั ของงานเชงิ สรา้ งสรรคเ์ หล่าน้ี และสงิ่ ทน่ี ่าเป็นหว่ งคอื การ
ตดั ลดงบประมาณดา้ นการวจิ ยั และการสรา้ งนวตั กรรมของบรรดาประเทศตา่ งๆ และ
รวมทงั้ บรรดาบรษิ ทั น้อยใหญ่ทงั้ หลายดว้ ย
ในขณะทเ่ี ศรษฐกจิ แบบอุตสาหกรรมการผลติ แบบเดมิ ใหค้ วามสาํ คญั กบั ทกั ษะเชงิ
กายภาพ แตใ่ นเศรษฐกจิ เชงิ สรา้ งสรรคจ์ ะมที กั ษะเชงิ สรา้ งสรรคท์ จ่ี าํ เป็นมากนนั่ คอื
• ทกั ษะเชิงวิเคราะห์ (Analytical skills) เชน่ การรบั รแู้ ละแกป้ ัญหาอยา่ งมแี บบ
แผน (Pattern recognition and problem solving) และ
• ทกั ษะความฉลาดทางสงั คม (Social intelligence) เชน่ การมคี วามรสู้ กึ ทไ่ี วตอ่
สถานการณ์และความสามารถในการโน้มน้าวจงู ใจซง่ึ เป็นฐานสาํ คญั ในการสรา้ ง
การทาํ งานและการขบั เคลอ่ื นเป็นทมี
สาขาวชิ าทต่ี อ้ งใชท้ กั ษะการวเิ คราะหช์ นั้ สงู (เชน่ แพทย์ และวศิ วกรรมชวี ภาพ) และ
สาขาวชิ าทต่ี อ้ งใชค้ วามฉลาดทางสงั คม (เชน่ จติ เวชและการบรหิ ารจดั การ) ถอื เป็นสาขา
ทเ่ี ตบิ โตอยา่ งรวดเรว็
รายไดส้ าํ หรบั งานสรา้ งสรรคจ์ ะมคี า่ ตอบแทนทส่ี งู กวา่ งานแบบเดมิ ๆ พบวา่ กระทงั่ ผทู้ ่ี
เคล่อื นยา้ ยงานจากงานทต่ี อ้ งใชท้ กั ษะในการวเิ คราะหแ์ ตอ่ ยใู่ นระดบั ล่าง ขน้ึ ไปสงู่ านเชงิ
Page |5
สรา้ งสรรคร์ ะดบั บน จะมมี ลู คา่ เพม่ิ ขน้ึ อกี $18,700 หรอื คนทย่ี า้ ยงานจากงานทใ่ี ชท้ กั ษะ
ทางสงั คมระดบั ต่าํ ไปสรู่ ะดบั สงู จะมรี ายไดเ้ พม่ิ ถงึ อกี $25,100
สงิ่ สาํ คญั สาํ หรบั องคก์ รต่างๆกค็ อื การเพมิ่ สาระของความสรา้ งสรรค์ อนั ไดแ้ กก่ ารพฒั นา
ทกั ษะในการวเิ คราะหแ์ ละทกั ษะความฉลาดทางสงั คมลงไปในงานทกุ ๆงาน ความทา้ ทาย
คอื ธุรกจิ ตา่ งๆจาํ เป็นตอ้ งมตี วั แบบทางธุรกจิ ทป่ี ราณตี มากขน้ึ เป็นตวั แบบซง่ึ กระตุน้
สง่ เสรมิ ใหบ้ ุคลากรไดใ้ ชท้ กั ษะทส่ี าํ คญั เหล่าน้ี ซง่ึ จะทาํ ใหง้ านมผี ลติ ภาพมากขน้ึ ซง่ึ นนั่ ก็
นํามาสคู่ า่ ตอบแทนทส่ี งู ขน้ึ ดว้ ย ผลกค็ อื เกดิ วงจรแหง่ ความรงุ่ เรอื ง (Virtuous circle of
prosperity) นนั่ คอื เมอ่ื คนงานไดใ้ ชข้ ดี ความสามารถ ความสรา้ งสรรคม์ ากขน้ึ ผลติ ภาพ
กจ็ ะสงู ขน้ึ ธรุ กจิ มรี ายไดม้ ากขน้ึ นนั่ กย็ อ่ มนํามาสคู่ า่ จา้ งและมาตรฐานการครองชพี ทด่ี ี
ขน้ึ
สง่ิ น้ีไดเ้ กดิ ขน้ึ แลว้ ในสถานประกอบการบางแหง่ ในขณะทค่ี นงานในโรงงานอุตสาหกรรม
บางแหง่ ยงั ตดิ อยกู่ บั รปู แบบการทาํ งานทป่ี ฏบิ ตั ติ อ่ บคุ ลากรแบบ “แรงงานไรค้ วามคดิ
จติ ใจ” (Mindless labour) แตใ่ นบางสถานประกอบการสง่ เสรมิ ใหค้ นงานเขา้ รว่ มทาํ
กจิ กรรมคณุ ภาพ (Quality circles) มกี ารฝึกอบรมใหบ้ ุคลากรรจู้ กั ใชส้ ถติ มิ าวเิ คราะห์
หรอื มอบบทบาทใหบ้ ุคลากรมอี าํ นาจบทบาทในหน้างานมากขน้ึ ผลกค็ อื บรษิ ทั กจ็ ะได้
ประโยชน์จากผลติ ภาพทส่ี งู ขน้ึ บคุ ลากรกจ็ ะมงี านทม่ี นั่ คงยงิ่ ขน้ึ และมคี า่ จา้ งสงู ขน้ึ
หรอื แมแ้ ต่ในอตุ สาหกรรมการบรกิ าร เชน่ กรณี
ของโรงแรม Four Seasons เป็นตวั อยา่ งของ
ความพยายามทจ่ี ะกาํ หนดตาํ แหน่งของตนเองให้
เป็นเครอื โรงแรมหรชู นั้ นําของโลก โดยสามารถ
เพมิ่ สาระในเชงิ สรา้ งสรรคล์ งไปในงานต่างๆ ของโรงแรม โรงแรมแหง่ น้ปี ฏบิ ตั ติ อ่
บุคลากรดว้ ยความเคารพในศกั ดศิ ์ รแี ละชว่ ยยกระดบั ความสามารถของพวกเขา ดว้ ยเหตุ
น้ี โรงแรม Four Seasons จงึ สามารถใหบ้ รกิ ารทด่ี เี ยย่ี มอยใู่ นระดบั โรงแรมชนั้ นําของ
โลก
Page |6
ศาสตราจารยฟ์ ลอรดิ า้ เหน็ วา่ หากเราตอ้ งการใหเ้ กดิ ความจาํ เรญิ เตบิ โตทางเศรษฐกจิ อกี
ครงั้ และมรี ะบบเศรษฐกจิ ทส่ี ามารถสรา้ งรายไดใ้ นระดบั สูงใหแ้ ก่ผูค้ น เรากจ็ ะตอ้ งสรา้ ง
ความมนั่ ใจให้ได้ว่าประเทศของเราและองค์กรของเรา มีโปรแกรมการฝึกอบรมและ
พฒั นาท่ดี แี ละมสี ถานศึกษาท่ชี ่วยพฒั นาทกั ษะด้านการวเิ คราะห์และทกั ษะทางสงั คม
และมุ่งเน้นความมุ่งมนั่ ของเราไปทก่ี ารดงึ ดูดชกั จูงส่งเสรมิ องคก์ รธุรกจิ ทใ่ี หค้ วามสําคญั
กบั การลงทุนในดา้ นความคดิ รเิ รมิ่ สรา้ งสรรคใ์ หแ้ กบ่ ุคลากร
หากนําเอาภมู ปิ ัญญาของศาสตราจารยฟ์ ลอรดิ า้ มาพฒั นาเศรษฐกจิ สงั คมไทย กอ็ าจ
กลา่ วไดว้ า่ หากเราจะกลบั มาประสบความสาํ เรจ็ ในการพฒั นาเศรษฐกจิ อกี ครงั้ ได้ เรา
จะตอ้ งเจาะลกึ เขา้ ถงึ และบรหิ ารจดั การทรพั ยากรทส่ี าํ คญั ทส่ี ดุ ของเรา นนั่ คอื “ขดี
สมรรถนะและความสามารถในเชงิ สรา้ งสรรค”์ (Creative capability) ของคนไทยทุกคน
น่คี อื ความทา้ ทายทส่ี าํ คญั ทเ่ี ราจะตอ้ งฉกฉวยโอกาสน้ีทาํ ใหไ้ ด้ หรอื เราจะโยนโอกาสน้ีทง้ิ
ไป... นนั่ คอื ทางเลอื กทเ่ี รา “ตอ้ งเลอื ก”
Page |7
-2-
การก้าวเข้าส่ยู คุ แห่งความสรา้ งสรรค์
The Creative age
“ขณะท่อี ารยธรรมแห่งคล่ืนลูกท่ีสองปะทะกบั คล่ืนลูกที่หนึ่งส่งผลไป
ทัว่ โลก และแปรเปล่ียนทุกสิ่งทุกอย่างท่ีมันกระทบถึงนั้น มันนําทัง้
เทคโนโลยี การคา้ และความเป็นจรงิ ใหม่ๆ มาส่มู นุษยน์ ับลา้ น ๆ คน ไม่
เพียงแต่เท่านัน้ มนั ยงั นําวธิ ีคดิ ใหม่ท่ีสอดคล้องกบั ความจรงิ ให้เกิดข้นึ
ดว้ ย” (อลั วนิ ทอฟเฟลอร,์ 2532, 80)
วนั ท่ี 1 เมษายน ปี พ.ศ. 2552 ในขณะทโ่ี ลกใบน้กี าํ ลงั ปัน่ ป่วนวนุ่ วายอยกู่ บั สภาวะ The
great depression หรอื ความตกต่าํ ทางเศรษฐกจิ ครงั้ ใหญ่ครงั้ หน่ึงในประวตั ศิ าสตรข์ อง
มนุษยชาติ พรอ้ มไปกบั ความวนุ่ วายทางการเมอื งภายในประเทศ อดตี ผนู้ ําประเทศทค่ี รงั้
หน่งึ เคยขนานนามตวั เองวา่ เป็น “อศั วนิ คลน่ื ลกู ทส่ี าม” กาํ ลงั ปลกุ ระดมขา้ มพรมแดนสรา้ ง
ความโกลาหลขน้ึ ในสงั คมการเมอื งไทย ในขณะทต่ี วั เลขทางเศรษฐกจิ ของประเทศไทยจาก
สาํ นกั ตา่ งๆลว้ นบ่งชถ้ี งึ ความถดถอยอยา่ งรนุ แรงต่อเน่ือง ดเู หมอื นประเทศไทยกาํ ลงั กา้ วเขา้
สู่ “ทางแพรง่ ” ทส่ี าํ คญั หากเรากา้ วเดนิ ตอ่ ไปอยา่ งไมร่ ะมดั ระวงั ขาดสตสิ มั ปัชชญั ญะและไม่
ชาญฉลาดพอ หบุ เหวแหง่ ความหายนะยอ่ มรอเราอยขู่ า้ งหน้า
อยา่ งไรกต็ าม หากใครกต็ าม มวั จมจอ่ มอยกู่ บั ความมดื มนของปัจจบุ นั กาลยอ่ มแลเหน็ แต่
หนทางทต่ี บี ตนั และเตม็ ไปดว้ ยความคดิ ทเ่ี ศรา้ หมอง ทวา่ หากเราถอยออกมาสกั หน่ึงกา้ ว
เขยง่ ตวั ใหส้ งู ขน้ึ สดู ลมหายใจลกึ ๆ และแหงนหน้ามองไปยงั อนาคต กจ็ ะเหน็ ปัจจบุ นั กาล
เป็นเพยี ง “ทางผา่ น” ทเ่ี ราจะตอ้ งกา้ วยา่ งผา่ นไปเพอ่ื มงุ่ ไปสู่ “อนาคต”
Page |8
เมอ่ื ใครค่ รวญถงึ แนวโน้มการเปลย่ี นแปลงในอนาคต ผเู้ ขยี นอดไมไ่ ดท้ จ่ี ะตอ้ งกลบั ไปหยบิ
หนงั สอื ทส่ี ดุ แสนจะคลาสสคิ เรอ่ื ง “คลน่ื ลกู ทส่ี าม” ของอลั วนิ ทอฟเฟลอร0์1 ขน้ึ มาอ่านอกี ครงั้
หน่งึ
“...หนงั สอื เล่มน้ีตงั้ ขอ้ สมมตฐิ านเบอ้ื งตน้ ว่า เราคอื ชนยุคสดุ ทา้ ยของอารย
ธรรมเก่า และเป็ นชนยุคแรกของอารยธรรมใหม่ ความสับสนงุนงง
เจบ็ ปวดของเราทเ่ี กดิ ขน้ึ นนั้ เป็นเพราะไดเ้ กดิ มขี อ้ ขดั แยง้ ในตวั ของเราเอง
และในสถาบนั รอบดา้ น...” (อลั วนิ ทอฟเฟลอร,์ 2532, 21)2
เม่อื อ่านขอ้ ความประโยคน้ีของทอฟเฟลอร์ ทําให้อด
ไมไ่ ดท้ ผ่ี เู้ ขยี นจะคดิ ยอ้ นกลบั มายงั สภาวะสงั คมไทยใน
ปัจจุบัน นัน่ คอื เป็นไปได้หรอื ไม่? ใช่หรอื ไม่? ท่ีเรา
กําลงั อยใู่ นสภาวะของความ “สบั สนงนุ งงเจบ็ ปวด” นนั้
เป็นเพราะ “เรากําลงั มขี อ้ ขดั แยง้ ในตวั ของเราเอง และ
ในสถาบนั รอบดา้ น...” !!! หรอื วา่ เราคอื “ชนยุคสดุ ทา้ ย
ของอารยธรรมเก่า” (ของสงั คมไทย)? หรอื ว่า เราคอื “ชนยุคแรกของอารยธรรม
ใหม”่ (ของสงั คมไทย)?
1 อลั วนิ ทอฟเฟลอร์ (Alvin Toffler) ถอื ไดว้ า่ เป็นนกั คดิ คนสาํ คญั คนแรกๆ ทบ่ี กุ เบกิ นํารอ่ งการศกึ ษา
แนวอนาคตวทิ ยา (Future studies) เพอ่ื ทาํ นายคาดการการเปลย่ี นแปลงทจ่ี ะเกดิ ขน้ึ ในอนาคต ผลงาน
ของทอฟเฟลอรส์ รา้ งสสี นั ใหก้ บั แวดวงวชิ าการและแวดวงการบรหิ ารจดั การอยา่ งมากทงั้ ในเชงิ การ
ยอมรบั การอา้ งองิ ถงึ และการวพิ ากษว์ จิ ารณ์มากมาย ผลงานชน้ิ สาํ คญั ของเขาไดแ้ ก่ The Third Wave,
Future Shock, Power Shift, Revolutionary Wealth เป็นตน้ สว่ นใหญ่มผี แู้ ปลหนงั สอื เหล่าน้เี ป็น
ภาษาไทยแลว้
2 ตอ้ งขอขอบพระคุณเป็นอยา่ งยงิ่ กบั คุณสกุ ญั ญา ตรี ะวนชิ และคณะ (ซง่ึ ผเู้ ขยี นไมร่ จู้ กั เป็นการสว่ นตวั
แมแ้ ต่คนเดยี ว) ทไ่ี ดก้ รุณาแปลตน้ ฉบบั The Third Wave ใหค้ นไทยไดอ้ ่านกนั ดว้ ยสาํ นวนภาษาทด่ี ี
เยย่ี ม
Page |9
ถา้ “ใช่” แสดงว่าเรากําลงั อยใู่ นชว่ งของการเปลย่ี นผ่านจากอารยธรรมเก่าสอู่ ารย
ธรรมใหม่ จากยคุ เก่าสยู่ คุ ใหม่ จากระบบเศรษฐกจิ แบบเก่าส่รู ะบบเศรษฐกจิ แบบ
ใหม่ จากอุตสาหกรรมแบบเก่าสู่อุตสาหกรรมแบบใหม่ จากแนวทางการบรหิ าร
จดั การแบบเกา่ สแู่ นวคดิ การบรหิ ารจดั การแบบใหม่ ใชห่ รอื ไม?่
ถ้า “ใช่” แล้วอะไรเล่าคอื “อารยธรรมเก่า” “ยุคเก่า” “ระบบเศรษฐกิจแบบเก่า”
“อตุ สาหกรรมแบบเก่า” “แนวทางการบรหิ ารจดั การแบบเก่า”?
ผู้เขยี นหยบิ หนังสอื “คล่นื ลูกท่สี าม” ข้นึ มาอ่านอีกครงั้ หน่ึง เพ่ือสํารวจหาและ
ทบทวนดวู า่ “ลกั ษณะของอารยธรรมเกา่ เป็นเชน่ ไร?”
“ความพร้อมเพรยี งกนั ความเป็นมาตรฐานเดียวกนั ความเป็นเส้นตรง
ทงั้ หมดน้ีไดก้ ลายเป็นสมมตฐิ านของอารยธรรมคล่นื ลกู ทส่ี อง ซง่ึ นําความ
เปลย่ี นแปลงอยา่ งมากมายมาสชู่ วี ติ ของผคู้ น เมอ่ื เวลาเปลย่ี นแปลง เน้ือท่ี
กค็ งจะตอ้ งมกี ารปรบั ตวั ใหม่ใหเ้ หมาะสมกบั ทศั นะความเป็นจรงิ แห่งโลก
อตุ สาหกรรมดว้ ยเชน่ เดยี วกนั ” (อลั วนิ ทอฟเฟลอร,์ 2532, 87)
ผเู้ ขยี นขอย้าํ ในบรรทดั น้ี สาํ หรบั ผทู้ ย่ี งั ไมค่ นุ้ เคยกบั แนวคดิ “คล่นื ลกู ทส่ี าม” ของทอฟเฟลอร์
นัน่ คอื คาํ ว่า “อารยธรรมเก่า” “ยุคเก่า” “อุตสาหกรรมเก่า” ทท่ี อฟเฟลอรก์ ล่าวถงึ หลายครงั้
ทงั้ หมดนัน้ หมายถงึ “คล่นื ลูกทส่ี อง” (The second wave) ซ่งึ เป็นสภาวะปัจจุบนั ทพ่ี วกเรา
กําลังใช้ชีวิตอยู่ร่วมกัน บางครงั้ ทอฟเฟลอร์เรยี กคล่ืนลูกน้ีว่า “คล่ืนยุคอุตสาหกรรม”
(Industrial age)
“อ า ร ย ธ ร ร ม ค ลื่ น ลู ก ท่ี ส อ ง ได้ยึด กุ ม ท ฤ ษ ฎี เห ตุ ผ ล ท่ีมีพ ลัง ยิ่ง ไว้ไ ด้
เร่อื งราวทเ่ี คยสลบั ซบั ซอ้ นในอดตี ปัจจุบนั สามารถสรปุ ออกมาเป็นสตู รท่ี
งา่ ยดาย ขอ้ สรปุ เหลา่ น้ีเป็นทย่ี อมรบั ของคนได้ กเ็ พราะไดผ้ า่ นการทดลอง
พิสูจน์แล้ว เราสามารถใช้กฏเหล่าน้ีไปสร้างสะพาน ส่งคล่ืนวิทยุเข้าสู่
อวกาศ คาดคะเนการเปลย่ี นแปลงของสงิ่ มชี วี ติ สามารถควบคมุ เศรษฐกจิ
P a g e | 10
จัดตัง้ การเคล่ือนไหวทางการเมือง กระทัง่ ใช้คาดคะเนและกําหนด
พฤตกิ รรมของคนไดต้ ามทค่ี าดหมาย...
...ตรรกะใหม่น้ีเม่ือประสานกับทัศนะกาลเวลา เน้ือท่ีและวตั ถุแล้ว ได้
ปลดปล่อยมนุษย์จากการควบคุมของภูตผิ ปี ีศาจ ทําใหว้ ทิ ยาศาสตรแ์ ละ
เทคโนโลยไี ดร้ บั ชยั ชนะ ปรากฏสง่ิ มหศั จรรยต์ ่างๆ ทงั้ ในดา้ นทฤษฎแี ละ
การปฏบิ ตั ิ
แต่ว่า ทศั นะความเป็นจรงิ แห่งโลกอุตสาหกรรมกไ็ ดส้ รา้ งอุปสรรคใหก้ บั
ตนเอง ความคดิ แบบอุตสาหกรรมมองขา้ มสง่ิ ทไ่ี ม่อาจคํานวณจบั ต้องได้
สรรเสรญิ แต่สงิ่ ท่เี ป็นกฏเกณฑ์ ลงโทษสง่ิ ท่เี ป็นความคดิ ฝัน มนุษยชาติ
กลายเป็นวตั ถุทไ่ี มม่ ชี วี ติ มุง่ หาแตค่ าํ ตอบแบบกลไกใหก้ บั ปัญหาทุกอยา่ ง
ทเ่ี กดิ ขน้ึ ...”
ทา้ ยทส่ี ุด ทศั นะความเป็นจรงิ แห่งโลกอุตสาหกรรม หรอื กค็ อื วฒั นธรรม
แห่งอารยธรรมคลื่นลูกที่สอง เหมาะสมสอดคลอ้ งกบั สงั คมทม่ี นั ไดส้ รา้ ง
ข้นึ มนั ได้สร้างสงั คมท่ีประกอบด้วยองค์กรขนาด
ใหญ่ เมืองขนาดใหญ่ ระบบอํามาตยาธปิ ไตยและ
ตลาดทเ่ี ขา้ ไปถงึ ทุกแห่งหน ซง่ึ ประสานกนั เขา้ อยา่ ง
สนิทกับระบบพลังงานใหม่ ระบบครอบครวั ใหม่
ระบบเทคโนโลยใี หม่ เศรษฐกจิ ใหม่ ระบบมลู คา่ และ
สงั คมใหม่ รวมตวั กนั ก่อรูปเป็นอารยธรรมคล่ืนลูกที่สองข้นึ ...” (อลั วนิ
ทอฟเฟลอร,์ 2532, 95)
หากกล่าวโดยสรุป จุดเด่นของคล่นื ลูกท่สี องน้ีคอื การพยายามแปลงความยุ่งเหยงิ ให้เป็น
“ระเบียบ”, การขจดั ความแตกต่างหลากหลายหรอื ความไม่คงท่ี แล้วสร้างให้มคี วามเป็น
“มาตรฐาน”, การลดความสบั สนหรอื ความไม่แน่นอน ให้กลายเป็น “กฎและสูตรสําเร็จ”,
เปลย่ี น “ความเชอ่ื ” “ความเหน็ ” “ความงมงาย” ใหก้ ลายเป็น “ความมเี หตุผล”, ลดคณุ ค่าของ
P a g e | 11
“นามธรรม” แลว้ เพมิ่ ความสาํ คญั ของ “รปู ธรรม” ในนามของ “วทิ ยาศาสตร”์ สาํ หรบั สงั คมยุค
สมยั ใหม่
ทว่า ความเป็ นระเบียบ ความเป็ นมาตรฐาน กฎและสูตรสําเร็จ ความมีเหตุผลแบบ
วทิ ยาศาสตร์ และการใหค้ วามสาํ คญั กบั รปู ธรรมอนั แขง็ ทอ่ื ของอารยธรรมคล่นื ลกู ทส่ี องกาํ ลงั
อยใู่ นสภาวะสนั ่ คลอน เน่ืองเพราะกระแสคล่นื ลกู ใหมก่ าํ ลงั ถาโถมเขา้ มา
“เม่อื คลื่นลูกท่ีสามย่างกรายเขา้ มา มนั กลบั ทําใหอ้ ารยธรรมและระบบ
ต่างๆเกดิ การแตกแยก ในทามกลางกระแสแห่งการเปลย่ี นแปลง เรากําลงั
มชี วี ติ อยู่ในช่วงสุดทา้ ยแห่งวกิ ฤตของระบบอุตสาหกรรมซ่งึ ไม่มผี ูใ้ ดอาจ
ทดั ทานได้ ยุคอุตสาหกรรมกาํ ลงั ผา่ นเขา้ สปู่ ระวตั ศิ าสตร์ ในขณะทย่ี คุ ใหม่
กาํ ลงั ถอื กาํ เนิดขน้ึ ” (อลั วนิ ทอฟเฟลอร,์ 2532, 95-96)
ขอ้ สงั เกตถงึ แนวคดิ เรอ่ื งการถาโถมเขา้ มาของคล่นื ลกู ทส่ี ามของอลั วนิ ทอฟเฟลอร์ ชา่ งสอด
รบั เขา้ กบั แนวคดิ ของศาสตราจารยร์ ิชารด์ ฟลอ
ริด้า (Richard Florida) ผูน้ ําเสนอแนวคดิ “ชนชนั้
สร้างสรรค์” (Creative class) โดยฟ ลอริด้าได้
ช้ีให้ เห็ น ว่ า ใน ไม่ ก่ีท ศ ว รรษ ข้างห น้ า ก าร
เปลย่ี นแปลงอย่างลกึ ซ้งึ ทงั้ ทางเศรษฐกจิ และสงั คม
จะค่อยๆ นําเราก้าวเข้าไปสู่ระบบใหม่ของการ
ทํางานและการใช้ชวี ติ ในรูปแบบใหม่ พลงั สําคญั ท่ี
จะเป็นตวั ผลกั ดนั ขบั เคลอ่ื นเศรษฐกจิ คอื พลงั แหง่ “ความสรา้ งสรรค”์ (Creativity) ซง่ึ มใิ ช่เป็น
แค่เร่อื งของเทคโนโลยหี รอื สารสนเทศเท่านัน้ แต่หมายถึง “ความสรา้ งสรรค์ของมนุษย์”
(Human creativity)
ปัจจุบัน แม้จะมีผู้กล่าวถึงความสําคัญของ “นวตั กรรม” (Innovation) กันอย่างมาก แต่
นวตั กรรมไม่ได้เป็นส่ิงวิเศษท่ีมาจากมือท่ีมองไม่เห็น นวตั กรรมมิใช่ส่ิงลอยล่องมาจาก
ฟากฟ้า นวตั กรรมย่อมมใิ ช่สง่ิ ท่ผี ุดบงั เกดิ ขน้ึ มาโดยไม่มรี ากเหงา้ แต่นวตั กรรมและบรรดา
P a g e | 12
ความทนั สมยั กา้ วหน้าทย่ี ง่ิ ใหญ่ของมนุษยล์ ว้ นแลว้ แต่พวยพุ่งมาจาก “ความคดิ สรา้ งสรรค์”
ทงั้ สน้ิ
แน่นอนความคดิ สรา้ งสรรคไ์ มไ่ ดเ้ ป็นสง่ิ ทต่ี กมาจากฟากฟ้า แต่ออกมาจากหวั และตวั ของ
มนุษย์
ดนตรแี นวใหม่ ซอฟตแ์ วรใ์ หมๆ่ ภาพยนตร์ สนิ คา้ บรกิ าร ตวั แบบทางธรุ กจิ ใหมๆ่ ลว้ น
แลว้ แต่สรา้ งสรรคม์ าจากมนุษยท์ ม่ี คี วามคดิ มนุษยผ์ มู้ คี วามพยายามมงุ่ มนั่ ทจ่ี ะหาแนวทาง
ใหมใ่ นการทาํ สง่ิ ตา่ งๆใหด้ ยี ง่ิ ขน้ึ ทงั้ สน้ิ
เมอ่ื มองในมมุ กวา้ งขน้ึ จะพบวา่ มนุษยม์ กั จะคดิ ถงึ สงิ่ ใหมๆ่ เสมอ เชน่ คดิ ถงึ การทาํ กสกิ รรม
แทนทจ่ี ะออกลา่ สตั วห์ รอื เกบ็ กนิ มนุษยผ์ ลติ เครอ่ื งจกั รไอน้ําแทนทจ่ี ะขม่ี า้ ตเุ ลงๆ และเมอ่ื ไร
ทม่ี นุษยค์ ดิ สง่ิ ใหมๆ่ การเปลย่ี นแปลงทางวตั ถุและความสมั พนั ธท์ างสงั คมกจ็ ะตดิ ตามมา สง่ิ
ทเ่ี กดิ ขน้ึ ในหว้ งทผ่ี า่ นมากค็ อื กา้ วยา่ งและความเขม้ ขน้ ของงานใน
เชงิ สรา้ งสรรคท์ กุ รปู แบบไดป้ ะทรุ ะเบดิ ออกมา ผลของความคดิ
สรา้ งสรรคน์ อกจากจะนํามาซง่ึ ความจาํ เรญิ เตบิ โตและความ
รงุ่ เรอื งทางเศรษฐกจิ แลว้ ยงั ทาํ ใหม้ นุษยไ์ ดพ้ ฒั นาศกั ยภาพของ
ตนเองอยา่ งเตม็ ทพ่ี รอ้ มกนั ไปอกี ดว้ ย โดยธรรมชาตแิ ลว้ มนุษย์
ลว้ นแลว้ แตร่ กั ทจ่ี ะไดท้ าํ งานทส่ี รา้ งสรรค์
ในหนงั สอื The Flight of Creative Class (2007) รชิ ารด์ ฟลอรดิ า้ ไดเ้ ลา่ ถงึ ประสบการณ์การ
ไปเยอื นโรงงานผลติ รถยนตแ์ ละเหลก็ กลา้ ทวั่ ประเทศสหรฐั อเมรกิ า โดยเฉพาะอยา่ งยงิ่ ใน
องคก์ รทใ่ี ชว้ ธิ กี ารปรบั ปรงุ งานอยา่ งตอ่ เน่อื ง (Continuous improvement) แบบญป่ี ่นุ คนงาน
ในโรงงานเหลา่ น้ีจะพดู ถงึ ความสนุกกบั การทาํ งาน มากกวา่ ความน่าเบ่อื หน่ายในการทาํ งาน
ทงั้ น้ีมใิ ชเ่ พราะการทไ่ี ดเ้ งนิ คา่ จา้ งมากขน้ึ หรอื การทง่ี านถกู ทาํ ใหง้ า่ ยขน้ึ แต่เป็นเพราะไดม้ ี
โอกาสทจ่ี ะ “มสี ว่ นรว่ มทางความคดิ ” มากขน้ึ สงิ่ ทพ่ี บตามมากค็ อื ในบรรดาองคก์ รทบ่ี ุคลากร
พดู ถงึ ความสนุก ทา้ ทาย ไดม้ สี ว่ นรว่ มในการทาํ งาน มกั มสี หสมั พนั ธก์ บั ความสาํ เรจ็ ทาง
ธรุ กจิ ขององคก์ ร
P a g e | 13
มแี นวโน้มทค่ี นจะแสวงหาแนวทางใหมๆ่ ทจ่ี ะทาํ งานท่ี “น่าตน่ื เตน้ ” “น่าทา้ ทาย” “อยากทาํ
หรอื สรา้ งสรรคอ์ ะไรใหมๆ่ ” มากขน้ึ ดงั นนั้ นอกจากมติ ทิ างการเงนิ แลว้ มแี นวโน้มทค่ี น
อเมรกิ นั จะพยายามแสวงหาโอกาสทจ่ี ะมสี ว่ นรว่ มในการทาํ งานทส่ี รา้ งสรรค์ สมการทส่ี าํ คญั
คอื เมอ่ื คนไดท้ าํ ในสง่ิ ตนเองรกั คนกจ็ ะมคี วามสขุ และสนุกกบั การทาํ งาน ครนั้ เมอ่ื คนมี
ความสขุ กบั งานทท่ี าํ ชน้ิ งานทอ่ี ยใู่ นมอื ของคนทม่ี คี วามสขุ ยอ่ มหมายถงึ คณุ ภาพและความ
สรา้ งสรรคท์ อ่ี ดั แน่นของผลงาน เมอ่ื นนั้ กจ็ ะนําไปซง่ึ ความเจรญิ รงุ่ เรอื งกา้ วหน้าทงั้ ในแง่
ผลงานสว่ นบคุ คลและผลงานโดยรวมขององคก์ รในทส่ี ดุ
P a g e | 14
-3-
สงั คมเศรษฐกิจแบบสร้างสรรค์
ว่าด้วยนวตั กรรม และชนชนั้ ใหม่
บริษทั ยอดเย่ียมกบั การสรา้ งนวตั กรรม
เมอ่ื ตน้ เดอื นเมษายน 2552 ทผ่ี า่ นมา นิตยสารทางธุรกจิ ชอ่ื ดงั กอ้ งโลก BusinessWeek1 ได้
นําเสนอผลการสาํ รวจเพอ่ื จดั อนั ดบั บรษิ ทั ทไ่ี ดร้ บั การยกยอ่ งวา่
สามารถแสดงผลงานไดอ้ ยา่ งยอดเยย่ี มทส่ี ดุ (The best
performers) ในรอบปีทผ่ี า่ นมา รายงานชน้ิ น้ีไดน้ ําเสนอรายชอ่ื 50
บรษิ ทั ทถ่ี อื ไดว้ า่ เป็น The 50 Best Performers และยงั ชใ้ี หเ้ หน็ ถงึ
การคน้ พบนยั ทส่ี าํ คญั รว่ มกนั ประการหน่งึ วา่ ในจาํ นวน 50 บรษิ ทั
ทม่ี ผี ลประกอบการยอดเยย่ี ม (BusinessWeek 50) นนั้ ปัจจยั ทถ่ี อื
ไดว้ า่ เป็นจกั รกลทส่ี าํ คญั ทข่ี บั เคลอ่ื นองคก์ รเหลา่ น้ไี ปสคู่ วามสาํ เรจ็ ไดอ้ ยา่ งทรงพลงั นนั่ กค็ อื
“นวตั กรรม” (Innovation) นนั่ เอง
บรษิ ทั เหลา่ น้หี ลายบรษิ ทั ไดช้ อ่ื วา่ เป็น “นกั สรา้ งนวตั กรรม” หรอื “นวตั กร” (Innovators) ดว้ ย
ความสามารถในการสรา้ งสรรคส์ นิ คา้ หรอื ยกระดบั บรกิ ารทม่ี คี ณุ ภาพไดด้ ยี ง่ิ ขน้ึ อยา่ งมาก แต่
ในสนนราคาทก่ี ลบั ถกู ลงกวา่ สนิ คา้ หรอื บรกิ ารแบบเดยี วกนั กบั ทค่ี แู่ ขง่ ขนั นําเสนอ
ศาสตราจารยเ์ คลต์ นั ครสิ เตนเซ่น (Clayton Christensen) ผเู้ ชย่ี วชาญดา้ นนวตั กรรมแหง่
มหาวทิ ยาลยั ฮารว์ ารด์ เรยี กบรรดาบรษิ ทั เหลา่ น้ีวา่ เป็นเสมอื น “นกั สรา้ งความแตกตา่ ง”
(Disruptors) ทางเศรษฐกจิ 12
ไมว่ า่ จะเป็นธรุ กจิ พลงั งานไปจนถงึ อตุ สาหกรรมการรกั ษาสขุ ภาพ ไมว่ า่ จะเป็นธุรกจิ ใหมไ่ ป
จนถงึ องคก์ รเก่าแกท่ ม่ี อี ายขุ ยั ยาวนาน องคก์ รเหล่าน้ีลว้ นแลว้ แต่เป็นนกั สรา้ งสรรคน์ วตก
รรม ทงั้ ในแงข่ องยทุ ธศาสตรท์ างธรุ กจิ และเทคโนโลยที ส่ี รา้ งความแตกต่าง (Disruptive
P a g e | 15
technologies)** สงิ่ เหล่าน้ีกลายเป็นเครอ่ื งมอื สาํ คญั สาํ หรบั องคก์ รเหลา่ น้ีในหว้ งทม่ี แี รง
กดดนั ทางเศรษฐกจิ และอตุ สาหรรมอยา่ งมาก
เมอ่ื ปี ค.ศ. 2002 บรษิ ทั ทป่ี รกึ ษา **Disruptive innovation คอื รปู แบบทาง
นวตั กรรมทเ่ี ป็นตน้ กาํ เนดิ สายธารสาํ คญั ของ
McKinsey ไดท้ าํ การสาํ รวจผล การเปลย่ี นแปลงและพฒั นาสนิ คา้ หรอื บรกิ าร
รปู แบบใหมๆ่ ซง่ึ มกั จะเกดิ จากนกั ประดษิ ฐ์
ประกอบการของบรษิ ทั จาํ นวน 1,000 กรรมผชู้ าญฉลาด ศลิ ปินทม่ี กั เป็นขบถแหวก
แนวไมเ่ หมอื นใคร หรอื ผปู้ ระกอบการผกู้ ลา้
แหง่ ในชว่ ง 18 ปีทผ่ี า่ นมา พบวา่ บรษิ ทั แสดงลกู บา้ (Daredevil) นวตั กรรมแบบ
disruptive น้จี ะเป็นตวั สาํ คญั ในการสรา้ ง
ทส่ี ามารถทาํ กาํ ไรไดอ้ ยา่ งกา้ วกระโดด
มากทส่ี ดุ มกั จะเป็นบรษิ ทั ทเ่ี พมิ่ คา่ ใชจ้ า่ ย
ดา้ นการจดั หาและสรา้ งสรรคน์ วตั กรรม
มากทส่ี ดุ ในชว่ งทเ่ี ศรษฐกจิ ถดถอย!!!
ยกตวั อยา่ งเชน่ ในชว่ งปี ค.ศ. 2001 ซง่ึ ตลาดใหมอ่ นั เน่ืองมาจากการคดิ คน้
เศรษฐกจิ อยใู่ นสภาวะถดถอย บรษิ ทั เทคโนโลยใี หมท่ แ่ี หวกแนวออกมาจากชุด
Apple กลบั เรมิ่ ทาํ การตลาดขาย IPod ได้ ทางเทคโนโลยแี บบเดมิ (Discontinuity) ทาํ
เป็นกอบเป็นกาํ เป็นครงั้ แรก!!! ใหไ้ มส่ ามารถจดั มนั ใหล้ งรอยกบั มาตรฐาน
แนวโน้มทส่ี าํ คญั ประการหน่งึ ซง่ึ สามารถ และ value chain แบบเดมิ ได้ ก่อใหเ้ กดิ ความ
พบไดใ้ นบรรดาบรษิ ทั ยอดเยย่ี มทงั้ 50 ปัน่ ป่วนในระยะแรก แตม่ นั จะสรา้ งตลาดและ
บรษิ ทั น้คี อื การพยายามพฒั นาวฒั นธรรม อุปสงคใ์ หมข่ น้ึ มา
องคก์ รทเ่ี น้นการจา่ ยคา่ ตอบแทนตามผลงาน (Pay-for-performance culture) ใหแ้ ก่
พนกั งาน กล่าวคอื บคุ ลากรคนใดทส่ี ามารถแสดงผลงานในเชงิ สรา้ งสรรคน์ วตั กรรมใหแ้ ก่
องคก์ รได้ บคุ คลผนู้ นั้ กค็ วรไดร้ บั คา่ ตอบแทนหรอื ผลประโยชน์ตอบแทนจงู ใจทม่ี ากหรอื สงู
กวา่ บุคคลอน่ื ๆ
ดงั นนั้ นอกจากน้ี องคป์ ระกอบทส่ี าํ คญั อยา่ งยง่ิ อกี ประการหน่ึงของบรรดาบรษิ ทั นกั
สรา้ งสรรคน์ วตกรรมเหล่าน้ี กค็ อื การทอ่ี งคก์ รเหลา่ น้มี แี ละบาํ รงุ รกั ษาบรรดาทรพั ยากรบุคคล
ทม่ี คี วามคดิ รเิ รมิ่ สรา้ งสรรค์ สามารถสรา้ งสรรคน์ วตั กรรมได้
P a g e | 16
การผดุ บงั เกิดของชนชนั้ ใหม่
จากการศกึ ษาของ Richard Florida3 พบวา่ ในสงั คมของประเทศสหรฐั อเมรกิ า มแี นวโน้มท่ี
น่าสนใจคอื มคี นจาํ นวนมากกา้ วเขา้ สตู่ ลาดแรงงานวชิ าชพี ทต่ี อ้ งใช้
“ความสรา้ งสรรค”์ (Creativity) ในการทาํ งาน Florida เรยี กแรงงานกลมุ่
น้วี า่ กล่มุ “แรงงานสรา้ งสรรค”์ (Creative workers) โดยเขาพบวา่ เมอ่ื
ปี ค.ศ. 1900 แรงงานสรา้ งสรรคม์ สี ดั สว่ นเพยี งรอ้ ยละ 10 ของแรงงาน
ทงั้ หมดในสหรฐั อเมรกิ า แต่ในปี ค.ศ. 1980 ตวั เลขนนั้ กลบั เพม่ิ สงู ขน้ึ อกี
หน่ึงเทา่ ตวั นนั่ คอื คดิ เป็นรอ้ ยละ 20 และ ณ วนั น้ี (ค.ศ. 2007) ในจาํ นวนคนงานเกอื บ 40
ลา้ นคน มแี รงงานประมาณรอ้ ยละ 30 ถกู จา้ งงานอยใู่ นภาคเศรษฐกจิ สรา้ งสรรค์ (Creative
sector)
หากจาํ แนกภาคเศรษฐกจิ ของสหรฐั อเมรกิ าออกเป็น 4 ภาค ไดแ้ ก่ ภาคอตุ สาหกรรม ภาค
บรกิ าร ภาคเกษตรกรรม และภาคเศรษฐกจิ สรา้ งสรรค์ และพจิ ารณาบนพน้ื ฐานของคา่ จา้ ง
และเงนิ เดอื น เราจะพบวา่ “ภาคเศรษฐกจิ สรา้ งสรรค”์ จะมสี ดั สว่ นของคา่ จา้ งและเงนิ เดอื น
เกอื บครง่ึ หน่งึ ของรายไดจ้ ากคา่ จา้ งและเงนิ เดอื นทงั้ หมดของทุกภาคสว่ นในสหรฐั อเมรกิ า (ดู
ภาพท่ี 1)
P a g e | 17
ภาพที่ 1 ร้อยละของแรงงานและร้อยละของค่าจา้ งปี ค.ศ. 2006
ถา้ จะวา่ ไปแลว้ สาํ หรบั ในโลกวชิ าการ แนวคดิ เรอ่ื งบคุ ลากรในภาคเศรษฐกจิ สรา้ งสรรคห์ าใช่
สง่ิ แปลกใหมแ่ ตป่ ระการใดไม่ เราสามารถสบื ยอ้ นรอยแนวคดิ เชน่ น้ลี งไปถงึ แนวคดิ ของ
ศาสตราจารยเ์ ฮอรเ์ บริ ต์ ไซมอน (Herbert Simon) นกั เศรษฐศาสตรร์ างวลั โนเบลเมอ่ื ปี ค.ศ.
1978 ผเู้ ชย่ี วชาญดา้ นจติ วทิ ยาการรบั รู้ (Cognitive psychology) ศาสตรท์ างคอมพวิ เตอร์
และหนุ่ ยนต์ ไซมอนเคยทาํ นายไวว้ า่ ในอกี ไมช่ า้ นานบรรดาโรงงานทม่ี สี ายการผลติ แบบ
Routine factory และบรรดางานทม่ี ลี กั ษณะงานแบบเสมยี นจะถกู ทาํ ใหก้ ลายเป็นงานทถ่ี กู
ทดแทนไดโ้ ดยเทคโนโลยแี ละระบบออโตแมตคิ สมยั ใหม่ ในขณะเดยี วกนั กจ็ ะมงี านประเภท
ใหมเ่ กดิ ขน้ึ ไมว่ า่ จะในดา้ นการบรหิ ารจดั การ การออกแบบและการสรา้ งนวตั กรรม เขา
ทาํ นายไวต้ งั้ แต่เมอ่ื ทศวรรษท่ี 1960 วา่ จะมคี นจาํ นวนมากทอ่ี ยใู่ นระดบั มอื อาชพี ทาํ หน้าท่ี
รบั ผดิ ชอบในดา้ นการออกแบบผลติ ภณั ฑ์ การออกแบบกระบวนการผลติ และออกแบบการ
บรหิ ารจดั การ
P a g e | 18
ตอ่ มา Robert Reich4 ไดพ้ ฒั นาแนวคดิ เรอ่ื งน้แี ลว้ เรยี กงานลกั ษณะเหล่าน้ี
วา่ เป็นงาน “นกั วเิ คราะหส์ ญั ญลกั ษณ์” (Symbolic analysts) อนั หมายถงึ
บุคลากรทเ่ี ป็นผทู้ าํ หน้าทค่ี ดิ ออกแบบและจดั การสญั ญลกั ษณ์ในวชิ าชพี
ตา่ งๆ เชน่ โปรแกรมเมอร์ คอื นกั วเิ คราะหแ์ ละออกแบบสญั ญลกั ษณ์ใน
วชิ าชพี ดา้ นคอมพวิ เตอร์ นกั ออกแบบผลติ ภณั ฑ์ กค็ อื นกั วเิ คราะห์ ออกแบบ
และพฒั นาผลติ ภณั ฑบ์ นพน้ื ฐานของสญั ญลกั ษณ์ทส่ี อ่ื ความเขา้ ใจกนั ในเฉพาะกลมุ่ ของนกั
ออกแบบ เป็นตน้
ปัจจุบนั มหี ลายคนเรยี กบรรดานกั วเิ คราะหส์ ญั ญลกั ษณ์เหลา่ น้ีวา่ “คนงานความร”ู้
(Knowledge workers)5
นกั สงั คมวทิ ยา Steve Brint และ Steve Barley ประมาณการวา่ ในชว่ งทศวรรษ 2000 น้ี
สหรฐั อเมรกิ าจะมคี นงานความรปู้ ระมาณรอ้ ยละ 30 ถงึ 35 ของแรงงานทงั้ หมดและจะ
เพมิ่ ขน้ึ อยา่ งรวดเรว็ ในปี 2004 บรรดาผเู้ ชย่ี วชาญแหง่ สหรฐั อเมรกิ าไดร้ ว่ มกนั สรปุ เป็น
ประเดน็ แนวโน้มทส่ี าํ คญั ของอเมรกิ าและตพี มิ พใ์ น New York Time วา่ กวา่ ทศวรรษทผ่ี า่ น
มาการจา้ งงานทม่ี ขี นาดใหญ่ทส่ี ดุ จะอยใู่ นกลุม่ วชิ าชพี ทต่ี อ้ งอาศยั ทกั ษะของมนุษยแ์ ละมี
เชาวน์ปัญญาทางอารมณ์ (EQ) เชน่ พยาบาลและนกั กฎหมาย และบรรดางานทต่ี อ้ งใช้
จนิ ตนาการและความคดิ สรา้ งสรรค์ เชน่ นกั ออกแบบ สถาปนกิ และชา่ งถา่ ยภาพ การคา้ และ
เทคโนโลยจี ะเป็นตวั เปลย่ี นแปลงทางสงั คมอยา่ งลกึ ซง้ึ ไมว่ า่ เราจะชอบหรอื ไมก่ ต็ าม ชาว
อเมรกิ าจะมชี วี ติ ทด่ี ขี น้ึ หากใชค้ วามพยายามทจ่ี ะยกระดบั ขดี ความสามารถของมนุษย์
(Human talent) ใหส้ งู ขน้ึ และน่ีคอื ทๆ่ี อนาคตของเราจะอยทู่ น่ี นั่
Frank Levy และ Richard Murnane สองนกั เศรษฐศาสตรไ์ ดเ้ ขยี นหนงั สอื เรอ่ื ง The New
Division of Labor (2004)6 ไดส้ งั เกตการณ์อยา่ งใกลช้ ดิ เกย่ี วกบั การเปลย่ี นแปลงทไ่ี ดเ้ กดิ ขน้ึ
ในประเภทและลกั ษณะของงานทม่ี นุษยท์ าํ ในชว่ งหลายทศวรรษทผ่ี า่ นมา หลงั จากไดใ้ ช้
ขอ้ มลู อยา่ งกวา้ งขวางจาก Dictionary of Occupational Titles ของกระทรวงแรงแรงงานแหง่
สหรฐั อเมรกิ า ซง่ึ มรี ายละเอยี ดอยา่ งมากเกย่ี วกบั อาชพี ตา่ งๆประมาณ 12,000 อาชพี
P a g e | 19
(Occupations) ในสหรฐั อเมรกิ า ทงั้ คพู่ บวา่ สามารถจาํ แนกงานต่างๆออกมาเป็นประเภท
ต่างๆไดด้ งั น้ี
• งานที่ต้องใช้ความคิดแบบผเู้ ชี่ยวชาญ (Expert thinking) หมายถงึ งานทต่ี อ้ งการความ
สรา้ งสรรคแ์ ละการแกไ้ ขปัญหาแบบผเู้ ชย่ี วชาญ ไมว่ า่ จะเป็นงานการออกแบบผลติ ภณั ฑใ์ หม่
การวนิ จิ ฉยั โรค ไปจนถงึ การคดิ ออกแบบอาหารจานพเิ ศษทม่ี าจากเครอ่ื งปรงุ สดท่ี
หลากหลาย งานเหล่าน้ีเตบิ โตอยา่ งรวดเรว็ มากนบั ตงั้ แตป่ ี 1969 จดั เป็นงานทม่ี รี ายไดแ้ ละ
คา่ ตอบแทนสงู อยา่ งมากและคาดการวา่ น่าจะเป็นงานทม่ี แี นวโน้มเตบิ โตอยา่ งต่อเน่ือง
• งานท่ีต้องมีการสื่อสารแบบซบั ซ้อน (Complex communication) เป็นงานทเ่ี น้นดา้ น
การออกแบบ การสรา้ งนวตั กรรม และการจงู ใจหรอื การบรหิ ารจดั การคนอ่นื ทม่ี ลี กั ษณะท่ี
ตอ้ งมปี ฏสิ มั พนั ธแ์ บบเผชญิ หน้า (Face-to-face interaction) งานเหล่าน้ีเตบิ โตอยา่ งรวดเรว็
ไดร้ บั คา่ จา้ งและเงนิ ตอบแทนสงู มาก และเป็นงานทม่ี แี นวโน้มจะเตบิ โตอยา่ งต่อเน่ือง
• งานท่ีต้องใช้การคิดแบบกิจวตั ร (Routine cognitive tasks) เป็นงานทต่ี อ้ งใชค้ วาม
ความคดิ จติ ใจจดจอ่ ใสใ่ จการทาํ งานใหเ้ ป็นไปตามกฎ กตกิ า กระบวนการทไ่ี ดว้ างไวเ้ ป็น
ขนั้ ตอนอยา่ งดแี ลว้ เชน่ งานใน call center หรอื data-processing center หรอื งานบนั ทกึ
รหสั ขอ้ มลู ทต่ี อ้ งทาํ เป็นกจิ วตั รทกุ วนั งานเหล่าน้ีมแี นวโน้มจะคอ่ ยๆหดตวั ลดลงไปเรอ่ื ยๆ
นบั จากปี 1969 และมแี นวโน้มทจ่ี ะถกู ใชว้ ธิ กี ารแบบ Outsourcing มาทดแทนไดง้ า่ ย
• งานที่ต้องใช้ค่มู ือประกอบเป็นกิจวตั ร (Routine manual tasks) เป็นงานทผ่ี ปู้ ฏบิ ตั งิ าน
ตอ้ งใชแ้ รงกายทาํ งานใหเ้ ป็นไปตามกฎระเบยี บทไ่ี ดว้ างไวอ้ ยา่ งเป็นขนั้ ตอนดแี ลว้ เชน่ งาน
ประกอบชน้ิ สว่ นในสายการผลติ งานเหล่าน้ีมแี นวโน้มหดตวั ลดลง และจะถกู แทนทด่ี ว้ ย
ระบบเทคโนโลยอี ตั โนมตั แิ ละการ Outsourcing
• งานที่ต้องใช้ทกั ษะแบบไม่เป็นกิจวตั ร (Nonroutine manual tasks) เป็นงานทต่ี อ้ งใช้
แรงกายแตย่ ากต่อการเอาระบบเทคโนโลยอี ตั โนมตั มิ าทาํ แทน เน่อื งจากตอ้ งการความ
ชาํ นาญเฉพาะ เชน่ ตอ้ งใชค้ วามละเอยี ดออ่ น การใชด้ ุลพนิ จิ ความพถิ พี ถิ นั การควบคมุ
กลา้ มเน้ือมอื ทพ่ี เิ ศษ เชน่ ชา่ งตดั ผมทม่ี ฝี ีมอื หรอื แมก้ ารทาํ ความสะอาดครวั เรอื นแบบมอื
อาชพี แมง้ านลกั ษณะเชน่ น้ใี นโรงงานจะลดลงโดยการ Outsourcing แตง่ านในเชงิ การ
P a g e | 20
บรกิ ารสว่ นบคุ คล (Personal services) กลบั ไมล่ ดลง เน่ืองจาก ตอ้ งใชค้ วามชาํ นาญเฉพาะ
ซง่ึ ยงั ไมถ่ งึ ขนั้ ทม่ี นุษยจ์ ะสามารถพฒั นาหนุ่ ยนตห์ รอื เทคโนโลยอี น่ื มาทาํ งานแทน ชา่ งตดั ผม
มอื ทอง พอ่ ครวั ชนั้ เทพ นกั ถา่ ยภาพชนั้ ครู หรอื แมก้ ระทงั่ หมอนวดมอื เซยี น ได้
จากการคาดการของ Levy and Murnane พบวา่ งานทม่ี แี นวโน้มเตบิ โตอยา่ งมากคอื งานท่ี
ตอ้ งใชค้ วามความคดิ แบบผเู้ ชย่ี วชาญ และ งานทต่ี อ้ งใชก้ ารสอ่ื สารแบบซบั ซอ้ น ใน
ขณะเดยี วกนั งานทต่ี อ้ งใชท้ กั ษะแบบไมเ่ ป็นกจิ วตั ร กย็ งั มคี วามโดดเดน่ และมรี ายไดส้ งู แต่
ผปู้ ฏบิ ตั งิ านตอ้ งมคี วามช่าํ ชองเชย่ี วชาญเป็นพเิ ศษ ซง่ึ งานเหลา่ น้ีน่ีแหละคอื งานสาํ หรบั กลมุ่
คนทเ่ี รยี กวา่ “ชนชนั้ สรา้ งสรรค”์
1 ‘The Best Performers” Business Week, April 6, 2009
2 Christensen, Clayton M. (2003), The innovator's dilemma : the revolutionary book that will
change the way you do business, New York: HarperCollins,
Christensen, Clayton M., Baumann, Heiner, Ruggles, Rudy, & Sadtler, Thomas M. (2006).
"Disruptive Innovation for Social Change" Harvard Business Review, December 2006.
3 Florida, Richard (2007) The Flight of Creative Class: The New Global Competition for
Talent. HarperCollins.
4 Reich, Robert (1991) The work of nations: preparing ourselves for 21st century capitalism.
New York : Alfred A. Knopf
5 Barbrook, Richard (2006). The Class of the New (paperback ed.). London: OpenMute.
6 Levy, Frank and Murnane, Richard (2004) The New Division of Labor: How Computers are
Creating the Next Job Market. New York : Russell Sage Foundation ; Princeton, N.J. :
Princeton University Press
P a g e | 22
-4-
ชนชนั้ สรา้ งสรรค์
มนุษยค์ ือสิ่งมชี ีวิตที่สรา้ งสรรค์
ในหว้ งหลายปีทผ่ี า่ นมาจวบจนถงึ ปัจจุบนั มกี ารพยายามสรา้ งมายาภาพหรอื ความเขา้ ใจท่ี
ผดิ ๆ ขน้ึ มาชดุ หน่ึงทว่ี า่ ความสามารถในการคดิ รเิ รมิ่ สรา้ งสรรค์ (Creativity) เป็นเรอ่ื งทจ่ี าํ กดั
อยใู่ นเฉพาะคนกลุ่มเลก็ ๆกลุม่ หน่ึงทม่ี คี วามสามารถพเิ ศษเฉพาะ (Talent) มายาคตเิ ชน่ น้ี
เชอ่ื (หรอื สรา้ งความเชอ่ื ขน้ึ มา) วา่ คนสว่ นใหญ่ไมไ่ ดต้ อ้ งการทจ่ี ะคดิ สรา้ งสรรค์ คนสว่ นใหญ่
ไมจ่ าํ เป็นตอ้ งใชค้ วามคดิ สรา้ งสรรค์ คนสว่ นใหญไ่ มไ่ ดท้ าํ งานทต่ี อ้ งใชค้ วามสรา้ งสรรค์ และท่ี
รา้ ยไปกวา่ นนั้ กค็ อื การสรา้ งความเชอ่ื ทว่ี า่ พวกเขาหรอื เธอสว่ นใหญ่ไมม่ คี วามสามารถ
พอทจ่ี ะคดิ สรา้ งสรรคไ์ ด้ เน่อื งจาก การคดิ สรา้ งสรรคเ์ ป็นเรอ่ื งเฉพาะคนหรอื เฉพาะคนกลุ่ม
หน่ึงทม่ี ลี กั ษณะพเิ ศษเทา่ นนั้
อาจกลา่ วไดว้ า่ ความเขา้ ใจทบ่ี ดิ เบย้ี วเชน่ น้ปี รากฎอยอู่ ยา่ งแพรห่ ลายในสงั คมไทย นบั ตงั้ แต่
ประชาชนโดยทวั่ ไป ไปจนถงึ บรรดาผทู้ ม่ี สี ตปิ ัญญาทงั้ หลายในหน่วยงานระดบั ชาตทิ งั้
ภาครฐั และเอกชน ยกตวั อยา่ งเชน่ การกาํ หนดใหม้ แี ผนระดบั ชาตทิ เ่ี รยี กวา่ ยทุ ธศาสตรก์ าร
พฒั นาเดก็ และเยาวชนทม่ี คี วามสามารถพเิ ศษ การมศี นู ยส์ ง่ เสรมิ ผมู้ คี วามสามารถพเิ ศษ
P a g e | 23
แหง่ ชาติ ฯลฯ หรอื แนวทางการบรหิ ารจดั การทม่ี งุ่ ใหค้ วามสาํ คญั กบั พวกบรรดาดาวเดน่ ของ
องคก์ ร (Talent management)
แน่นอนวา่ คงไมส่ ามารถปฎเิ สธไดว้ า่ ในทกุ สงั คมหรอื ทกุ องคก์ รมกั จะมคี นกลมุ่ หน่งึ ทม่ี ที กั ษะ
ความสามารถพเิ ศษบางประการทต่ี ดิ ตวั มาแต่กาํ เนิด ทม่ี กั เรยี กกนั วา่ เป็นคนทม่ี ี “พรสวรรค”์
(Gift) เชน่ นกั ดนตรี ศลิ ปิน คตี กวนี กั ประพนั ธ์ นกั ประดษิ ฐ์ นกั วทิ ยาศาสตร์ นกั คณติ ศาสตร์
ผยู้ ง่ิ ใหญ่ ฯลฯ บคุ คลเหล่าน้มี กั มบี ุคลกิ ลกั ษณะและความสามารถพเิ ศษทเ่ี ป็นอจั ฉรยิ ภาพไม่
เหมอื นคนอน่ื ทวั่ ไป
บทความชน้ิ น้ีมไิ ดป้ ฏเิ สธความเป็นจรงิ เชน่ นนั้ แตป่ ระเดน็ อยทู่ ว่ี า่ การมคี วามคดิ สรา้ งสรรค์
มไิ ดม้ จี าํ กดั อยใู่ นตวั อจั ฉรยิ ะบุคคลเทา่ นนั้ แตบ่ คุ คลธรรมดาทวั่ ไปกส็ ามารถมคี วามคดิ
สรา้ งสรรคไ์ ด้ หากมกี ารบรหิ ารจดั การทด่ี ี
ศาสตราจารยร์ ชิ ารด์ ฟลอรดิ า้ (Richard
Florida) เจา้ ของแนวคดิ “ชนชนั้ สรา้ งสรรค”์
(Creative class) เป็นบุคคลผหู้ น่งึ ทย่ี นื หยดั
จดุ ยนื ทว่ี า่ ความเชอ่ื วา่ ความคดิ สรา้ งสรรคจ์ าํ กดั
อยใู่ นเฉพาะกลมุ่ อจั ฉรยิ ะบคุ คลนนั้ คอื ความ
เขา้ ใจทผ่ี ดิ พลาด เพราะแทจ้ รงิ แลว้ มนุษยท์ กุ คน
ลว้ นมศี กั ยภาพของความคดิ สรา้ งสรรคอ์ ยใู่ นตวั ทงั้ สน้ิ
รชิ ารด์ ฟลอรดิ า้ ยนื ยนั วา่ โดยธรรมชาตแิ ลว้ มนุษยท์ ุกคนลว้ นมี “ทนุ สรา้ งสรรค”์ (Creative
capital) อยใู่ นตวั ทงั้ สน้ิ สาํ หรบั คาํ วา่ “ทุนสรา้ งสรรค”์ ผเู้ ขยี นจะกลบั มากลา่ วถงึ คาํ น้ตี ่อไปใน
อนาคต แต่ ณ ทน่ี ้ี ผเู้ ขยี นขออธบิ ายทุนสรา้ งสรรคข์ องมนุษยว์ า่ หมายถงึ การทค่ี นเรามกั จะมี
ขดี ความสามารถอยา่ งเหลอื เชอ่ื ในการสรา้ งสรรคส์ งิ่ แปลกๆใหมๆ่ ไดอ้ ยา่ งเสมอมา เราจะ
เหน็ ไดว้ า่ ดว้ ยความสามารถในเชงิ สรา้ งสรรคน์ นั่ เองมใิ ชห่ รอื ทท่ี าํ ใหม้ นุษยเ์ ราสามารถ
ปรบั ตวั ปรบั ปรงุ เปลย่ี นแปลง เอาตวั รอดและววิ ฒั น์ฝ่าวกิ ฤตการณ์ต่างๆ มาไดจ้ นถงึ ปัจจบุ นั
P a g e | 24
อยา่ งไรกต็ าม หากสงั คมใด องคก์ รใดอาศยั เพยี งแคค่ วามสรา้ งสรรคข์ องคนกล่มุ เลก็ ๆ สงั คม
นนั้ องคก์ รนนั้ ๆ กม็ กั มรี ะดบั ความกา้ วหน้าทอ่ี ยใู่ นขนั้ ต่าํ แต่หากสงั คมใด องคก์ รใดสามารถ
ทาํ ใหม้ นุษยส์ ว่ นใหญ่ บคุ ลากรสว่ นใหญ่ – หรอื ทุกๆคน – ไดม้ สี ว่ นรว่ มในกระบวนการของ
การคดิ สรา้ งสรรค์ สงั คมนนั้ องคก์ รนนั้ กจ็ ะเป็นสงั คม/องคก์ รทม่ี ที งั้ ศกั ยภาพและโอกาสในการ
สรา้ งสรรคอ์ ยา่ งไมส่ น้ิ สดุ
ดงั นนั้ เมอ่ื กล่าวถงึ คาํ วา่ “ชนชนั้ สรา้ งสรรค”์ (Creative class) ฟลอรดิ า้ – ในฐานะผู้
สรา้ งสรรคแ์ ละป่าวประกาศแนวคดิ น้ี – จงึ ยา้ํ เน้นวา่ น่ีมใิ ชแ่ นวคดิ แบบทเ่ี น้น “ชนชนั้ นํา”
(Elitist) หรอื เป็นแนวคดิ ทเ่ี ลอื กจาํ แนกชนชนั้ (Exclusionary) แต่เขาตอ้ งการใชค้ าํ วา่ “ชนชนั้
สรา้ งสรรค”์ น้ี เพอ่ื ชใ้ี หเ้ หน็ ถงึ แหลง่ ทม่ี าทส่ี าํ คญั ตอ่ การสรา้ งมลู คา่ ทางเศรษฐกจิ อยา่ งแทจ้ รงิ
และตอ้ งการชใ้ี หเ้ หน็ วา่ มแี นวโน้มทพ่ี นกั งานกลมุ่ ทใ่ี ชค้ วามคดิ สรา้ งสรรคม์ กั จะไดร้ บั
ผลตอบแทนทงั้ ในรปู ตวั เงนิ หรอื ในรปู ของความสาํ คญั ทางวชิ าชพี สงู กวา่ พนกั งานกลุ่มอ่นื ๆ
และสง่ิ ทท่ี า้ ทายมากๆสาํ หรบั ยคุ สมยั ของเรากค็ อื การขยายกลุ่มคนทเ่ี รยี กวา่ ชนชนั้ สรา้ งสรรค์
น้ใี หก้ วา้ งออกไปครอบคลมุ ใหไ้ ดม้ ากทส่ี ดุ ซง่ึ นนั่ กค็ อื การทค่ี นสว่ นใหญ่เหล่านนั้ จะไดใ้ ชพ้ ลงั
อนั สรา้ งสรรคท์ ซ่ี อ่ นเรน้ อยใู่ นตวั ของพวกเขาออกมาไดอ้ ยา่ งเตม็ ท่ี
ความสรา้ งสรรคม์ ใิ ชส่ ง่ิ ทจ่ี ะหยบิ ยน่ื ยดั เยยี ด หรอื สง่ มอบใหแ้ ก่กนั ได้ แตม่ นั เป็นสง่ิ ทอ่ี ยขู่ า้ ง
ในของแตล่ ะบคุ คลในหลากหลายรปู แบบ เราไมส่ ามารถทจ่ี ะจาํ แนกหรอื ระบุไดว้ า่ ความ
สรา้ งสรรคอ์ ยใู่ นรปู ของเพศ เชอ้ื ชาติ สญั ชาติ เผา่ พนั ธุ์ รปู พรรณสณั ฐาน หรอื ชาตติ ระกลู
ฯลฯ แบบใด เราแทบจะไมส่ ามารถบอกไดก้ อ่ นลว่ งหน้าวา่ ใครจะเป็นผมู้ คี วามคดิ สรา้ งสรรค์
คนต่อไป มาจากไหน แตส่ งั คมของเรามกั จะเคยชนิ กบั การสง่ เสรมิ สนบั สนุนคนกลุม่ เลก็ ๆ
กล่มุ หน่งึ ทเ่ี ราเรยี กเขาวา่ “พวกมคี วามสามารถพเิ ศษในเชงิ สรา้ งสรรค”์ (Creative talents)
แลว้ กไ็ ปละเลยพลงั ความสามารถสรา้ งสรรคข์ องคนกลุ่มใหญ่จาํ นวนมาก
ดงั นนั้ จงึ จาํ เป็นอยา่ งยงิ่ ทเ่ี ราจะตอ้ งคดิ ถงึ “กองกาํ ลงั อนั มหาศาลแหง่ ความสรา้ งสรรคข์ อง
มนุษย”์ ในฐานะทเ่ี ป็นระบบนเิ วศน์ทางสงั คม (Socio-ecology) อนั มหมึ า ทซ่ี ง่ึ คณุ ลกั ษณะ
P a g e | 25
ของมนุษยท์ ม่ี คี วามโดดเดน่ แตกต่างกนั อยา่ งหลากหลายไดม้ าดาํ รงอยรู่ ว่ มกนั ได้ มกี าร
แลกเปลย่ี น ทดแทน ชดเชย ปะทะสงั สรร และสง่ เสรมิ เสรมิ แรง ซง่ึ กนั และกนั ได้
หากพจิ ารณาในแงม่ มุ เชงิ ชวี วทิ ยาแลว้ เป็นทย่ี อมรบั กนั อยา่ งแพรห่ ลายในปัจจบุ นั วา่ “ความ
หลากหลาย (Diversity) คอื ความอยรู่ อดของเผา่ พนั ธุ”์ ใน
แงม่ มุ ทางศลิ ปกรรม “ความหลากหลายคอื ความบรรเจดิ
งดงาม” และสาํ หรบั ในแงม่ มุ ของการพฒั นาองคก์ ารแลว้
ความหลากหลายมใิ ชเ่ ป็นเพยี งแคส่ งิ่ ทท่ี าํ ใหอ้ งคก์ ารแหง่ นนั้ ดู
มสี สี นั มชี วี ติ ชวี า น่าสนุกตน่ื เตน้ ทา้ ทายเทา่ นนั้ แต่นบั วนั ดู
เหมอื นวา่ ความหลากหลายยงั จะกลายเป็น “สง่ิ จาํ เป็นทข่ี าด
ไมไ่ ด”้ สาํ หรบั องคก์ รไปเสยี แลว้
ปัญหาสาํ คญั คอื การทจ่ี ะทาํ อยา่ งไรทจ่ี ะกระตนุ้ กลุ่มแรงงานทม่ี คี วามหลากหลายเหลา่ น้ีไดม้ ี
โอกาสในการใชค้ วามสรา้ งสรรคข์ องตนเองในการทาํ งาน และมารว่ มกนั เสรมิ สรา้ งภาค
เศรษฐกจิ ทส่ี รา้ งสรรคใ์ หก้ วา้ งขวางไพบลู ยอ์ อกไป
ตวั อยา่ งเชน่ ในปัจจุบนั ประเทศสหรฐั อเมรกิ า มแี รงงานทอ่ี ยใู่ นภาคเศรษฐกจิ สรา้ งสรรค์
ประมาณรอ้ ยละ 30 ของตลาดแรงงานทงั้ หมด เมอ่ื ปี 2004 มกี ารศกึ ษาเกย่ี วกบั แรงงานท่ี
Silicon Valley เพอ่ื ประเมนิ วา่ นายจา้ งในภาคแรงงานทส่ี รา้ งสรรคไ์ ดเ้ ออ้ื ใหเ้ กดิ งานท่ี
สรา้ งสรรคม์ ากน้อยเพยี งใด จากการสมั ภาษณ์คนงานจาํ นวน 316 คน พบวา่ เกอื บ 9 ใน 10
ของผตู้ อบคาํ สมั ภาษณ์กลา่ ววา่ พวกเขาไดเ้ กย่ี วขอ้ งกบั “ความคดิ สรา้ งสรรค”์ เมอ่ื อยนู่ อก
เวลางาน รอ้ ยละ 49 ของคนเหลา่ น้ีบอกวา่ ไดร้ ว่ มทาํ กจิ กรรมสรา้ งสรรคเ์ ชงิ ศลิ ปะ เชน่ การ
เลน่ เครอ่ื งดนตรี ในขณะทอ่ี กี รอ้ ยละ 38 บอกวา่ ไดร้ ว่ มในกจิ กรรมสรา้ งสรรคย์ ามอดเิ รก
(Creative hobby) มเี พยี งรอ้ ยละ 40 เทา่ นนั้ ทบ่ี อกวา่ งานของพวกเขาตอ้ งการความ
สรา้ งสรรคอ์ ยา่ งมาก ในขณะทเ่ี กอื บรอ้ ยละ 20 บอกวา่ งานของพวกเขา “ไมจ่ าํ เป็นตอ้ งมี
ความสรา้ งสรรคเ์ ลย” ทน่ี ่าสนใจคอื ในขณะทม่ี ากกวา่ 3 ใน 4 ของคนงานทต่ี อ้ งใชเ้ ทคโนโลยี
P a g e | 26
ชนั้ สงู บอกวา่ งานของพวกเขาตอ้ งการ “ความสรา้ งสรรคอ์ ยา่ งมาก” แตน่ ้อยกวา่ ครง่ึ หน่งึ บอก
วา่ เจา้ นายของพวกเขาใหก้ ารสนบั สนุนใหพ้ วกเขา “มคี วามสรา้ งสรรคใ์ นการทาํ งาน”
ในขณะเดยี วกนั เมอ่ื มองอยา่ งเป็นระบบแบบเป็นองคร์ วม จะเหน็ ไดว้ า่ เรากาํ ลงั ละเลยคนท่ี
เหลอื อกี กวา่ รอ้ ยละ 70 ทอ่ี ยนู่ อกภาคเศรษฐกจิ สรา้ งสรรค์ แต่คนกลมุ่ ใหญ่เหลา่ น้มี ศี กั ยภาพ
ทส่ี รา้ งสรรคอ์ ยทู่ งั้ สน้ิ ลองจนิ ตนาการดเู ถดิ วา่ สงั คมของเราจะมงั่ คงั่ เจรญิ รงุ่ เรอื งและมชี วี ติ
ทด่ี ขี น้ึ เพยี งใด หากวา่ เราไดด้ งึ เอาศกั ยภาพทย่ี งั ไมไ่ ดใ้ ชอ้ ยา่ งเตม็ ทเ่ี หล่านนั้ ขน้ึ มา
หากเราไดล้ องเอาแนวคดิ พน้ื ฐาน 3 ประการน้ีมาหลอมรวมกนั ไดแ้ ก่
1) ความสรา้ งสรรคค์ อื แหลง่ ทม่ี าทส่ี าํ คญั ทส่ี ดุ ของความมงั่ คงั่ ในโลกยคุ สมยั ใหม่
2) ทซ่ี ง่ึ มนุษยท์ ุกคนคอื สง่ิ มชี วี ติ ทส่ี รา้ งสรรค์
3) โลกยคุ ใหมค่ อื ทซ่ี ง่ึ มนุษยท์ กุ หนแหง่ ใหค้ ณุ คา่ ความสาํ คญั อยา่ งสงู กบั การรว่ มอยู่
ในการงานทส่ี รา้ งสรรค์
หากตรรกะทงั้ 3 ประการดงั กลา่ วถกู หลอมรวมกนั เป็นความคดิ ชดุ เดยี วกนั ไดแ้ ลว้ เกดิ การ
โยกเปลย่ี นสกู่ ระบวนทศั น์ชดุ ใหม่ (Paradigm shift) ผเู้ ขยี นเชอ่ื วา่ เราจะไดเ้ รมิ่ เหน็ ขอบขา่ ย
ของการเปลย่ี นแปลงอนั ไพศาลทางเศรษฐกจิ สงั คม
คลน่ื ลกู ทส่ี องกาํ ลงั จะซดั สาดผา่ นไป... การเปลย่ี นแปลงทางอุตสาหกรรม ภาพของบรรษทั -
โรงงาน-สายการผลติ ขนาดใหญ่ จากปลายศตวรรษท่ี 1800 และตน้ ศตวรรษ 1900 กาํ ลงั จะ
เสรจ็ สน้ิ สมบรู ณ์แลว้ เมอ่ื ประโยชน์โภคผลของมนั ไดแ้ ผก่ ระจายออกไปอยา่ งกวา้ งขวางทวั่ ทงั้
สงั คม คนงานทงั้ ทม่ี แี ละไมม่ ที กั ษะตา่ งกไ็ ดเ้ หน็ ถงึ คา่ จา้ งและรายไดท้ ส่ี งู ขน้ึ อุตสาหกรรม
ภวิ ฒั น์ (Industrialization) ไดข้ ยายวงออกไป มใิ ชจ่ าํ กดั อยแู่ คใ่ นโรงงาน แมแ้ ต่ภาค
เกษตรกรรมกถ็ กู ทาํ ใหก้ ลายสภาพเป็นเครอ่ื งจกั รกลไก (Mechanized) กระแสไฟฟ้าไดท้ าํ ให้
เครอ่ื งจกั รเขา้ ไปมบี ทบาทในครวั เรอื น โรงเรยี น รา้ นคา้ และสถานทท่ี าํ งาน มนุษยเ์ รม่ิ ขบั ข่ี
รถยนตก์ นั ทวั่ ทกุ คน เครอ่ื งยนตก์ ลไกเหลา่ น้ีไดช้ ว่ ยลดความเหน็ดเหน่ือยเมอ่ื ยลา้ ทาง
กายภาพของมนุษยแ์ ละชว่ ยปรบั ปรงุ คณุ ภาพชวี ติ ของมนุษย์
P a g e | 27
คล่นื ลกู ทส่ี ามกาํ ลงั ซดั สาดเขา้ มา.... ภาพอนาคตของเศรษฐกจิ สรา้ งสรรคถ์ อื เป็นภาพวสิ ยั น์ท่ี
ดงึ ดดู ใจไมน่ ้อย ดว้ ยสญั ญาทว่ี า่ มนั จะชว่ ยทาํ ให้ “ความ
เหน็ดเหน่ือยเมอ่ื ยลา้ ทางความคดิ จติ ใจ” (Mental drudgery)
ซง่ึ ครอบครองและบนั ่ ทอนชวี ติ และการทาํ งานของมนุษยใ์ น
ยคุ ปัจจุบนั น้อี ยา่ งมากจะลดลงไป มคี นจาํ นวนไมน่ ้อย และมี
แนวโน้มทจ่ี ะเพม่ิ จาํ นวนมากขน้ึ เรอ่ื ยๆ ซง่ึ เชอ่ื วา่ ความ
สรา้ งสรรคจ์ ะนํามาซง่ึ ความมงั่ คงั่ ของสงั คม และจะชว่ ยพฒั นาเตมิ เตม็ ขดี ความสามารถของ
มนุษยอ์ ยา่ งเตม็ ทใ่ี นอนาคต
เศรษฐกจิ เชงิ สรา้ งสรรคจ์ งึ กลายเป็นความหวงั ใหม่ ทจ่ี ะเขา้ มาทดแทนระบบเศรษฐกจิ แบบ
เก่าทน่ี บั วนั จะล่มสลายทางจติ วญิ ญาณ
เมอ่ื ใดทม่ี นุษยไ์ ด้ “ต่นื ” และตระหนกั ถงึ ทุนความสรา้ งสรรคใ์ นตนเอง เมอ่ื นนั้ รงุ่ อรณุ ของ
เศรษฐกจิ ใหมจ่ งึ จะบงั เกดิ
เอกสารประกอบ
Florida, Richard (2002) The Rise of the Creative Class. And How It's Transforming
Work, Leisure and Everyday Life. Basic Books.
Florida, Richard (2007) The Flight of Creative Class: The New Global Competition
for Talent. HarperCollins.
P a g e | 29
-5-
เศรษฐกิจสร้างสรรคก์ บั ความเข้าใจผิดที่เกี่ยวกบั “ความสรา้ งสรรค”์
(Myths about Creativity) ตอนที่ 1
ความสรา้ งสรรค์ (Creativity) คืออะไร?
หากพจิ ารณากนั โดยผวิ เผนิ แลว้ คงไมใ่ ชเ่ รอ่ื งยากอะไรทจ่ี ะหาคาํ อธบิ ายความหมายของ
“ความสรา้ งสรรค”์ แต่ในความเป็นจรงิ คาํ ๆน้คี อ่ นขา้ งมคี วามซบั ซอ้ นอยา่ งมาก สาเหตุสว่ น
หน่งึ – และเป็นสว่ นทส่ี าํ คญั – ทท่ี าํ ใหค้ าํ น้มี คี วามสลบั ซบั ซอ้ น กเ็ น่ืองมาจากการทม่ี หี ลายๆ
สาขาวชิ าการใหค้ วามสนใจศกึ ษาวจิ ยั ในเรอ่ื งน้ีกนั ดงั เชน่ มกี ารศกึ ษาเรอ่ื งความสรา้ งสรรค์
กนั ในสาขาวชิ าจติ วทิ ยาพฤตกิ รรม วชิ าจติ วทิ ยาสงั คม วชิ าจติ มติ ิ (Psychometrics) วชิ า
ศาสตรแ์ หง่ พทุ ธปิ ัญญา (Cognitive science) วชิ าปัญญาประดษิ ฐ์ (Artificial intelligence)
วชิ าปรชั ญา วชิ าประวตั ศิ าสตร์ วชิ าเศรษฐศาสตร์ วชิ าการวจิ ยั การออกแบบ วชิ า
บรหิ ารธรุ กจิ เป็นตน้
ผลจากการทม่ี หี ลายสาขาวชิ าทาํ การศกึ ษาวจิ ยั เรอ่ื งน้ี ทาํ ใหก้ ารใหค้ าํ นิยามความหมายของ
“ความสรา้ งสรรค”์ มคี วามหลากหลาย เชน่ บางกลุม่ กเ็ ชอ่ื วา่
ความสรา้ งสรรคม์ าพฒั นาการทางจติ ทแ่ี ตกต่างกนั ของมนุษย์
บางกลมุ่ กเ็ ชอ่ื วา่ ความสรา้ งสรรคเ์ กดิ จากกระบวนการทาง
พทุ ธปิ ัญญาของคนๆหน่ึง (Cognitive processes) ในทางตรง
ขา้ ม บางกลมุ่ กเ็ ชอ่ื วา่ ความสรา้ งสรรคเ์ กดิ มาจากกระบวนการ
และสภาพแวดลอ้ มทางสงั คม (Social environment) บางกลุ่ม
กเ็ ชอ่ื วา่ ความสรา้ งสรรคเ์ ป็นเสมอื นพรศกั ดสิ์ ทิ ธทิ ์ ไ่ี ดร้ บั จากฟากฟ้าสลุ าลยั (Divine
intervention) ดว้ ยมมุ มองทแ่ี ตกตา่ งกนั ทาํ ใหค้ าํ นยิ ามมคี วามแตกตา่ งหลากหลาย ยากทใ่ี คร
จะสามารถใหค้ วามหมายของคาํ ๆน้ไี ปในคาํ นยิ ามเดยี ว แมก้ ระทงั่ ในเชงิ จติ วทิ ยาอนั เป็น
ศาสตรท์ ค่ี วามชาํ นาญการอยา่ งสงู ในการพฒั นาเครอ่ื งมอื วดั มาตรฐานทางจติ กย็ งั ไม่
P a g e | 30
สามารถพฒั นาเครอ่ื งมอื หรอื เทคนคิ วธิ กี ารในการวดั “ความสรา้ งสรรค”์ ไดอ้ ยา่ งเป็น
มาตรฐาน
อยา่ งไรกต็ าม แมจ้ ะดเู หมอื นยงั ไมม่ คี วามลงตวั ในทางวชิ าการ แต่ในทางปฏบิ ตั ิ คาํ วา่
“ความสรา้ งสรรค”์ ไดก้ ลายเป็นคาํ และเป็นแนวทางปฏบิ ตั ทิ แ่ี พรห่ ลายในแวดวงตา่ งๆ เรม่ิ
จากแวดวงศลิ ปกรรม วรรณกรรม คตี ศลิ ป์ นาฏกรรม แลว้ แพรก่ ระจายไปยงั แวดวงของ
วงการออกแบบ เชน่ การออกแบบกราฟฟิค การออกแบบผลติ ภณั ฑ์ การออกแบบบรรจุ
ภณั ฑ์ การออกแบบอตุ สาหการ เป็นตน้ ปัจจุบนั “ความสรา้ งสรรค”์ ไดก้ ลายเป็นแนวคดิ ท่ี
เป็นสว่ นหน่ึงอยใู่ นแวดวงสถาปัตยกรรม วศิ วกรรม การโฆษณาประชาสมั พนั ธ์
เศรษฐศาสตร์ รวมถงึ การบรหิ ารธรุ กจิ และการพฒั นาองคก์ าร
แมจ้ ะมนี ิยามความหมายทแ่ี ตกตา่ งหลากหลายและมกี ารนําไปใชแ้ ละกล่าวถงึ ในแทบทกุ
วงการ แตส่ ง่ิ ทน่ี ่าสนใจในปัจจุบนั กค็ อื การมมี ายาคตหิ รอื ความเชอ่ื ทผ่ี ดิ ๆเกย่ี วกบั การ
สรา้ งสรรคแ์ พรก่ ระจายอยทู่ วั่ ไป มายาคตเิ หลา่ นนั้ ไดแ้ ก0่1
1. ความเชื่อผิดๆท่ีว่า ย่ิงคนเรามีความร้มู าก มีการศึกษาสงู มีปริญญาหลายใบ ก็
จะยิ่งมีความคิดสรา้ งสรรคม์ ากขึ้น (The smarter you are, the more creative
you are.) แทบจะไมเ่ คยปรากฎงานวจิ ยั ใดทช่ี ใ้ี หเ้ หน็ ถงึ สหสมั พนั ธเ์ ชอ่ื มโยงอยา่ งมี
นยั สาํ คญั ระหวา่ งการมคี วามรใู้ นสถาบนั การศกึ ษาหรอื การมปี รญิ ญาบตั รกบั ความคดิ
สรา้ งสรรค์ ไมเ่ คยมงี านวจิ ยั ใดทจ่ี ะมาสนบั สนุนวา่ คนทม่ี รี ะดบั IQ สงู จะตอ้ งมี
ความคดิ สรา้ งสรรคส์ งู ตามไปดว้ ย แต่น่ีคอื มายาคติ
ทค่ี รอบงาํ คนทวั่ โลก – และโดยเฉพาะอยา่ งคน
ไทย – มาชา้ นาน ทาํ ใหค้ นไทยตอ้ งดน้ิ รนแสวงหา
ใบปรญิ ญามาคกู่ ายประดบั บารมกี นั ดว้ ยความเชอ่ื
ทว่ี า่ ยง่ิ มปี รญิ ญามาก จะยง่ิ ดฉู ลาดดเู ท่ (Smart)
และโดยเฉพาะอยา่ งยง่ิ นกั กาํ หนดนโยบาย นกั
เศรษฐศาสตรท์ งั้ ในระดบั ชาตแิ ละระดบั โลกคอื ตวั
ละครสาํ คญั ในการปัน่ ความเชอ่ื เชน่ น้ี ผรู้ เู้ หลา่ น้ีมกั จะใชว้ ธิ กี ารวดั “ระดบั การพฒั นา
P a g e | 31
ของประเทศ” โดยดจู ากดชั นตี วั ชว้ี ดั (Index) ทม่ี ฐี านคตอิ ยบู่ นความเชอ่ื เชน่ น้ี เชน่ ดู
ท่ี “จาํ นวนปีทค่ี นอยใู่ นระบบการศกึ ษา” “จาํ นวนปีทค่ี นอยใู่ นโรงเรยี น” “จาํ นวนปีทถ่ี อื
เป็นการศกึ ษาภาคบงั คบั ของประเทศนนั้ ๆ” (บนพน้ื ฐานความเชอ่ื ทว่ี า่ ยงิ่ คนอยใู่ น
โรงเรยี น อยใู่ นระบบการศกึ ษานานเทา่ ไร มากเทา่ ไร ประเทศนนั้ กน็ ่าจะมรี ะดบั การ
พฒั นามากๆ)
ความเชอ่ื เชน่ น้ียงั แผก่ ระจายไปยงั กลมุ่ ผบู้ รหิ ารและนกั บรหิ ารทรพั ยากรมนุษยใ์ น
องคก์ รจาํ นวนมากทพ่ี ยายามออกแบบและแสวงหาแนวทางทจ่ี ะสรรหาคดั เลอื กคนท่ี
มคี วามสรา้ งสรรค์ โดยการพจิ ารณาจากใบปรญิ ญา (ยงิ่ มใี บปรญิ ญามาก ยงิ่ มใี บ
ปรญิ ญาชนั้ สงู เทา่ ไร กย็ งิ่ น่าจะมคี วามสรา้ งสรรค)์ เกรดเฉลย่ี ของนกั ศกึ ษา (ยงิ่ เกรด
เฉลย่ี มาก กย็ งิ่ น่าจะมคี วามสรา้ งสรรคม์ าก) การทาํ แบบทดสอบทาง IQ (ยงิ่ IQ สงู
ยงิ่ มคี วามสรา้ งสรรคส์ งู )
ความเชอ่ื เชน่ น้ยี ง่ิ เสรมิ แรงใหค้ นไทยจาํ นวนไมน่ ้อยตอ้ งดนั้ ดน้ หาทางเรยี นตอ่ ใน
ระดบั ทส่ี งู ขน้ึ ๆ เพอ่ื ไขวค่ วา้ หาใบปรญิ ญามาประดบั กายอยา่ งบา้ คลงั ่ แต่จาก
ประสบการณ์ของหลายๆ คนจะพบวา่ ในหลายๆสถานการณ์ บคุ ลากรทจ่ี บ
การศกึ ษาระดบั ประถมศกึ ษายงั มคี วามคดิ สรา้ งสรรคม์ ากกวา่ คนทจ่ี บการศกึ ษาระดบั
ปรญิ ญาเอกเสยี อกี
ในสถานการณ์ปัจจุบนั ทค่ี นไทยมโี อกาสทางการศกึ ษาสงู
มาก แทบจะไมม่ จี งั หวดั ใดในประเทศไทยทไ่ี มม่ ี
สถาบนั การศกึ ษาระดบั อุดมศกึ ษาไปเปิดหลกั สตู รระดบั
ปรญิ ญาตรแี ละโท (และเอกในอนาคต) ใบปรญิ ญาบตั ร
กาํ ลงั แพรก่ ระจายครอบคลมุ ทุกพน้ื ท่ี น่าสนใจวา่ คนไทยผู้
เป่ียมไปดว้ ยความรจู้ ะมคี วามสรา้ งสรรคม์ ากขน้ึ หรอื ไม?่
2. ความเชื่อผิดๆท่ีว่า คนหนุ่มสาวมีความคิดสร้างสรรคม์ ากกว่าคนแก่ (The
young are more creative than the old.) มกั จะมมี ายาคตแิ บบเดมิ ๆ วา่ อายมุ ผี ลต่อ
ความคดิ สรา้ งสรรค์ กล่าวคอื มกี ารสรา้ งมายาภาพและกลายเป็นความเชอ่ื มาอยา่ ง
ยาวนานวา่ คนเรายง่ิ สงู อายมุ ากขน้ึ เทา่ ใด ความสามารถในการคดิ สรา้ งสรรคก์ จ็ ะยง่ิ
P a g e | 32
ถดถอยลงไปเทา่ นนั้ แตใ่ นความเป็นจรงิ แลว้ อายหุ าใชต่ วั ทจ่ี ะมาบ่งบอกชดั เจนวา่
ใครมศี กั ยภาพดา้ นความสรา้ งสรรคม์ ากกวา่ ใคร จากผลการศกึ ษาวจิ ยั ของ Patricia
Benner2 ไดแ้ สดงใหเ้ หน็ วา่ กวา่ ทบ่ี คุ ลากรคนหน่งึ จะสรา้ งสมขดี ความสามารถจน
กลายเป็นผทู้ ม่ี คี วามชาํ นาญการทล่ี กึ ซง้ึ ในงาน (From novice to master)จะตอ้ งใช้
เวลาไมน่ ้อยกวา่ 7-10 ปี สาํ หรบั บคุ ลากรทส่ี ามารถสรา้ งสมบ่มเพาะความชาํ นาญการ
จนถงึ ระดบั สงู นนั้ ความชาํ นาญการประเภทน้จี ะชว่ ยทาํ ใหเ้ ขาสามารถรซู้ ง้ึ และเขา้ ใจ
นยั ความหมายหลายๆอยา่ งในโลกของการทาํ งานทซ่ี ง่ึ คนประเภททเ่ี พงิ่ เขา้ มารบั งาน
ใหมๆ่ ยากทจ่ี ะมคี วามรคู้ วามเขา้ ใจในเรอ่ื งนนั้ ไดด้ ี เป็นทน่ี ่าเสยี ดายวา่ สงั คมไทยใน
หว้ งทผ่ี า่ นมา ไดก้ ลายเป็นสงั คมทด่ี เู หมอื นจะดหู มนิ่ ดแู คลนผสู้ งู อายสุ งู วยั มาอยา่ งชา้
นาน เรามกั มคี าํ พดู เชงิ เสยี ดสวี า่ คนแก่มหี น้าท่ี “เลย้ี งหลาน”
ในโลกเศรษฐกจิ อตุ สาหกรรมการผลติ แบบเกา่ ดงั้ เดมิ มกั ไมม่ พี น้ื ทใ่ี หผ้ สู้ งู อายไุ ด้
แสดงบทบาทหน้าท่ี การเกษยี ณอายคุ อื การปลด
ระวางคนทไ่ี รค้ า่ ออกจากระบบ แต่ในอนาคต
โลกเศรษฐกจิ บนฐานความรทู้ จ่ี ะตอ้ งอาศยั
ความคดิ ความสรา้ งสรรคจ์ ากผทู้ ม่ี คี วามชาํ นาญ
การอยา่ งลกึ ซง้ึ ในขณะเดยี วกนั หลายสงั คมใน
โลกน้ี – รวมทงั้ ประเทศไทย – กาํ ลงั จะกา้ วไปสู่
การเป็นสงั คมผสู้ งู อายใุ นอนาคตอนั ใกลน้ ้ี ในขณะท่ี คนรนุ่ ใหมท่ ม่ี คี วามรคู้ วาม
ชาํ นาญสงู มจี าํ นวนน้อยลง หรอื ถกู ผลติ มาไมท่ นั กบั ความตอ้ งการของตลาดแรงงานท่ี
จะใหเ้ ขา้ มาทดแทนแรงงานรนุ่ เกา่ เมอ่ื วนั นนั้ มาถงึ ผสู้ งู อายจุ ะกลายเป็น “ทนุ ” ท่ี
สาํ คญั ของสงั คม หากสงั คมนนั้ รจู้ กั และเขา้ ใจการบรหิ ารจดั การสงิ่ ทม่ี คี ณุ คา่ ของ
คนชรา
นิตยสาร Fortune magazine ฉบบั เดอื นกรกฎาคม 2009 อนั เป็นฉบบั ทต่ี พี มิ พ์
เผยแพรร่ ายชอ่ื บรษิ ทั ทใ่ี หญ่ทส่ี ดุ ในโลก 500 บรษิ ทั (Global 500) และตามธรรม
เนียมปฏบิ ตั ขิ องทกุ ปี ในบรรดาบรษิ ทั ชนั้ นําทงั้ 500 บรษิ ทั เหลา่ น้ี Fortune ไดเ้ ลอื ก
P a g e | 33
เอา 1 บรษิ ทั ขน้ึ มาเพอ่ื ยกยอ่ งถงึ ความเป็น “บรษิ ทั ทน่ี ่าชน่ื ชมยกยอ่ งมากทส่ี ดุ ใน
โลก” (World’s most admired companies) ใน
ปี 2009 น้ี บรษิ ทั ทไ่ี ดร้ บั การยกยอ่ งมากทส่ี ดุ (จากสายตาของ Fortune) นนั่ กค็ อื
BASF บรษิ ทั ยกั ษใ์ หญ่ดา้ นเคมภี ณั ฑจ์ ากประเทศเยอรมนั ความโดดเดน่ ของ BASF
ทไ่ี ดร้ บั การยกยอ่ งชน่ื ชมนนั่ กค็ อื นโยบายและแนวทางใน “การบรหิ ารบคุ ลากรอาวโุ ส”
ในขณะท่ี หลายบรษิ ทั ในโลกน้ีกาํ ลงั เผชญิ กบั ภาวะวกิ ฤตทางธรุ กจิ ความจาํ เป็นท่ี
จะตอ้ งปลดบุคลากรออก – โดยเฉพาะคนกลุม่ ท่ี
มคี วามเสย่ี งสงู คอื บรรดาพวกทม่ี อี ายมุ าก – ถอื
เป็นเรอ่ื งปกตธิ รรมดา แต่สาํ หรบั ท่ี BASF การ
รกั ษาบุคลากรอาวโุ ส โดยเฉพาะกลมุ่
นกั วทิ ยาศาสตรแ์ ละวศิ วกรถอื เป็นเรอ่ื งสาํ คญั
ทงั้ น้ี เน่ืองจากนโยบายของบรษิ ทั ทเ่ี ลง็ เหน็
ความสาํ คญั ของ “ความรคู้ วามชาํ นาญ” ทอ่ี ยใู่ น
ตวั ของบคุ ลากรอาวโุ สเหลา่ น้ี และไดม้ กี าร
วเิ คราะหถ์ งึ องคก์ รในอนาคตวา่ หากไมม่ กี าร
บรหิ ารจดั การบคุ ลากรทด่ี ี ในอนาคตไมก่ ป่ี ีขา้ งหน้า บุคลากรทม่ี คี วามชาํ นาญสงู สว่ น
ใหญ่ขององคก์ รในปัจจบุ นั กจ็ ะคอ่ ยๆทะยอยออกหรอื เกษยี ณออกจากบรษิ ทั แหง่ น้ีไป
และเมอ่ื วนั นนั้ มาถงึ ยอ่ มหมายถงึ ปัญหาทย่ี งิ่ ใหญ่ทา้ ทายองคก์ รในอนาคต
ดงั นนั้ ในชว่ ง 3 ปีทผ่ี า่ นมา BASF จงึ ไดร้ เิ รม่ิ โครงการตา่ งๆขน้ึ มาโดยมงุ่ หวงั ทจ่ี ะ
รกั ษาบคุ ลากรเหล่าน้ไี วพ้ รอ้ มไปกบั การเชอ่ื มโยงไปสกู่ ารเพม่ิ ผลติ ภาพขององคก์ ร
โครงการทน่ี ่าสนใจของบรษิ ทั น้ี เชน่ การพฒั นาระบบบดั้ ด้ี (Buddy system) อนั เป็น
ระบบทด่ี งึ เอาบคุ ลากรรนุ่ หนุ่มสาวกบั บุคลากรรนุ่ อาวโุ สมาทาํ งานรว่ มกนั เป็นทมี เพอ่ื
คนทต่ี ่างรนุ่ ตา่ งวยั กนั น้ไี ดใ้ ชข้ ดี ความสามารถของตนเองออกมาอยา่ งเตม็ ท่ี และ
โครงการการจดั การความรู้ ทเ่ี น้นใหบ้ ุคลากรอาวโุ สไดแ้ ลกเปลย่ี นและถา่ ยทอด
ความรไู้ ปสบู่ ุคลากรรนุ่ ใหม่ รวมกระทงั่ การเปลย่ี นแปลงแนวทางการจดั สรร
คา่ ตอบแทนทใ่ี หค้ วามสาํ คญั กบั การใหร้ างวลั กบั ระบบพเ่ี ลย้ี ง (Mentoring)
P a g e | 34
โดยเฉพาะอยา่ งยงิ่ การปรบั เปลย่ี นระบบการประเมนิ ผลงานทม่ี งุ่ เน้นไปทก่ี ารเป็นพ่ี
เลย้ี งทด่ี ี (Good mentor)
1 ผเู้ ขยี นประยกุ ตแ์ ละดดั แปลงแนวคดิ เรอ่ื ง “มายาคต”ิ (Myth) น้มี าจาก Luecke, R. (2003) Harvard
Business Essentials: Managing Creativity and Innovation. Harvard Business School
Publishing Corporation.
2 Benner, Patricia (2000) From Novice to Expert: Excellence and Power in Clinical Nursing
Practice, Commemorative Edition. Prentice-Hall.
P a g e | 35
-6-
เศรษฐกิจสรา้ งสรรคก์ บั ความเข้าใจผิดท่ีเก่ียวกบั “ความสรา้ งสรรค”์ (2)
(Myths about Creativity) ตอนที่ 2
ในตอนทแ่ี ลว้ ผเู้ ขยี นไดก้ ล่าวถงึ “มายาคต”ิ (Myth) หรอื “ความเขา้ ใจทผ่ี ดิ พลาด” เกย่ี วกบั
ความสรา้ งสรรคไ์ ว้ 2 ประการ คอื 1) ความเขา้ ใจผดิ ทว่ี า่ ยงิ่ คนเรามคี วามรมู้ าก มกี ารศกึ ษา
สงู มปี รญิ ญาหลายใบ กจ็ ะยง่ิ มคี วามคดิ สรา้ งสรรคม์ ากขน้ึ และ 2) ความเขา้ ใจผดิ ทว่ี า่ คน
หนุ่มสาวมคี วามคดิ สรา้ งสรรคม์ ากกวา่ คนชรา โดยผเู้ ขยี นไดห้ ยบิ ยกขอ้ คดิ เชงิ ถกแยง้ มา
นําเสนอไวพ้ อสมควรในตอนทแ่ี ลว้
ในคราวน้ี ผเู้ ขยี นใครข่ อยกเอาประเดน็ ความเขา้ ใจผดิ ทเ่ี กย่ี วกบั การสรา้ งสรรคอ์ กี 3 ประการ
สดุ ทา้ ยมานําเสนอในทน่ี ้ี ความเชอ่ื และความเขา้ ใจทผ่ี ดิ พลาดทงั้ 3 ประการ ไดแ้ ก่
3. ความเชื่อผิดๆท่ีว่าภารกิจที่เกี่ยวกบั ความคิดสร้างสรรคค์ วรจะมอบหมายให้
เป็นเรือ่ งของกล่มุ คนเฉพาะบางกล่มุ ความเชอ่ื เชน่ น้เี กดิ จากความเขา้ ใจวา่ ความ
สรา้ งสรรคถ์ อื เป็นเรอ่ื งพเิ ศษทส่ี ามารถเกดิ ขน้ึ ไดห้ รอื มอี ยเู่ ฉพาะในคนกล่มุ หน่ึง
เทา่ นนั้ ยกตวั อยา่ งเชน่ ความเชอ่ื ทว่ี า่ ความสรา้ งสรรคม์ กั จะ
เกดิ กบั กล่มุ คนทม่ี คี วามกลา้ ทาํ กลา้ เสย่ี ง (Risk takers)
หลายบรษิ ทั ในหว้ งทม่ี า มคี วามเชอ่ื วา่ ควรมอบหมาย
บทบาทหน้าทภ่ี ารกจิ ในเรอ่ื งของความคดิ รเิ รมิ่ สรา้ งสรรค์
ใหก้ บั บางหน่วยงานเป็นการเฉพาะ บางประเทศบางสงั คม
ตคี วามวา่ ความคดิ สรา้ งสรรค์ (Creative) เป็นเรอ่ื งของ
เฉพาะคน หรอื เฉพาะอุตสาหกรรม เชน่ บางสงั คมตคี วามในเชงิ นโยบายวา่ ความ
สรา้ งสรรคท์ ส่ี งั คมนนั้ ใหก้ ารสนบั สนุนควรจะมงุ่ เน้นไปทก่ี ล่มุ คนทท่ี าํ งานดา้ นศลิ ปะ
P a g e | 36
ดา้ นสอ่ื และดา้ นการออกแบบ (Artists, media and designers) บางสงั คมกม็ ี
นโยบายทจ่ี ะสง่ เสรมิ ความสรา้ งสรรคไ์ ปทบ่ี างอตุ สาหกรรมอยา่ งชดั เจน ดงั เชน่
สหราชอาณาจกั ร ทม่ี นี โยบาย “บรเิ ตนสรา้ งสรรค”์ (Creative Britain) และมกี าร
กาํ หนดกลุ่ม “อตุ สาหกรรมสรา้ งสรรค”์ (Creative industries) ออกเป็น 13 กล่มุ อยา่ ง
ชดั เจน เป็นตน้ แน่นอนวา่ ในหว้ งทผ่ี า่ นมา ความคดิ รเิ รม่ิ สรา้ งสรรคม์ กั จะเกดิ ขน้ึ จาก
น้ํามอื ของคนทม่ี คี วามพรอ้ มและกลา้ ทจ่ี ะเสย่ี งและมคี วามสามารถทจ่ี ะคดิ อา่ นไปใน
ทศิ ทางทแ่ี หวกไปจากจารตี ธรรมเนยี มประเพณใี นทางปฏบิ ตั ิ จนทาํ ใหเ้ กดิ ความเชอ่ื
หรอื มายาคตริ ว่ มกนั วา่ คนทม่ี คี วามสรา้ งสรรคจ์ ะตอ้ งมบี ุคลกิ ลกั ษณะเฉพาะ เชน่ ตอ้ ง
ทาํ ตวั ใหด้ แู หวกแนว ทาํ ทวี า่ มหี วั ดา้ นศลิ ปะ หรอื กลา้ ทาํ ตวั ใหไ้ มเ่ หมอื นคนอ่นื ฯลฯ
แตอ่ ยา่ งไรกต็ าม กม็ ขี อ้ สงสยั เกดิ ขน้ึ มาวา่ จาํ เป็นหรอื ไมท่ ค่ี นทม่ี คี วามคดิ สรา้ งสรรค์
จะตอ้ งประพฤตติ วั แสดงตนใหม้ บี คุ ลกิ ลกั ษณะเฉกเชน่ นนั้ เชน่ ตอ้ งทาํ ตวั ใหด้ เู หมอื น
มคี วามคดิ กลา้ กลา้ เสย่ี ง หรอื ตอ้ งแสดงตนใหผ้ อู้ ่นื เหน็ วา่ ตนเองชอบทาํ ตวั แปลก
แหวกแนวหวอื หวาไมเ่ หมอื นใครอ่นื อยตู่ ลอดเวลา เน่ืองจากทผ่ี า่ นมายงั ไมม่ งี านวจิ ยั
ใดทจ่ี ะสามารถยนื ยนั ไดว้ า่ ความสรา้ งสรรคจ์ ะจาํ กดั เฉพาะอยใู่ นแวดวงของคนทม่ี ี
ความกลา้ คดิ กลา้ เสย่ี ง หรอื มบี คุ ลกิ ดงั ทก่ี ล่าวมาแลว้ เทา่ นนั้ ในทางกลบั กนั กย็ งั ไม่
เคยเหน็ งานวจิ ยั ใดทจ่ี ะกลา้ ยนื ยนั วา่ คนทม่ี คี วามสรา้ งสรรคจ์ ะตอ้ งมบี ุคลกิ ลกั ษณะ
เชน่ ใด ในงานเขยี นของโรบนิ สนั และสเตอรน์ (Robinson and Stern) เรอ่ื ง
Corporate Creativity (1998) ไดช้ ใ้ี หเ้ หน็ ถงึ ความพยายามของนกั จติ วทิ ยาท่ี
ทาํ การศกึ ษาวจิ ยั เพอ่ื คน้ หาบคุ ลกิ ลกั ษณะเฉพาะของบคุ คลทม่ี คี วามสรา้ งสรรค์
(Characteristics of a Creative Person) โดยศกึ ษาถงึ ความเชอ่ื มโยงของภมู ปิ ัญญา
(Intelligence) อายุ (Age) หรอื ความชาํ นาญการ (Expertise) วา่ มคี วามเกย่ี วขอ้ ง
หรอื มอี ทิ ธพิ ลตอ่ ความสรา้ งสรรคห์ รอื ไม?่ การศกึ ษาของนกั วชิ าการหลายสาํ นกั เชน่
J.P. Guildford (1950, 1987) อดตี ประธานสมาคมจติ วทิ ยาอเมรกิ นั , J.W. Getzels
and P.W. Jackson (1962) แหง่ สาํ นกั หอ้ งทดลองแหง่ ชคิ าโก (University of
Chicago Laboratory Schools), MacKinnon (1978) แหง่ สถาบนั เพอ่ื การประเมนิ
P a g e | 37
และวจิ ยั บคุ ลกิ ภาพ (Institute for Personality Assessment and Research) ของ
มหาวทิ ยาลยั แคลฟิ อรเ์ นยี เบอรค์ เลย่ ์ ฯลฯ ลว้ นแลว้ แตช่ ใ้ี หเ้ หน็ อยา่ งชดั เจนวา่ ไมม่ ี
นยั สาํ คญั หรอื ไมม่ เี ครอ่ื งรบั ประกนั ใดๆ วา่ การมภี มู ปิ ัญญาสงู หรอื อายมุ ากหรอื น้อย
และหรอื การมคี วามชาํ นาญสงู หรอื ต่าํ จะมอี ทิ ธพิ ลตอ่ ความคดิ สรา้ งสรรค์ ผเู้ ขยี นเองก็
มขี อ้ สงสยั เหมอื นกนั วา่ ในอดตี ทผ่ี า่ นมา คนไทยผา่ นการศกึ ษาและฝึกอบรมในระบบ
การศกึ ษาและการพฒั นาทรพั ยากรมนุษยม์ ากมาย แน่นอนวา่ คนไทยน่าจะมคี วามรู้
และทกั ษะมากขน้ึ แต่ผเู้ ขยี นไมแ่ น่ใจวา่ เรามี “ความสรา้ งสรรค”์ เพม่ิ มากขน้ึ ในอตั รา
สดั สว่ นเดยี วกนั หรอื ไม?่ คาํ ถามคอื นอกจากการศกึ ษาและพฒั นาในระบบแลว้ อะไร
คอื ปัจจยั ทจ่ี ะทาํ ใหเ้ กดิ ความสรา้ งสรรคข์ น้ึ ในบคุ ลากร? ในแงน่ ้ีจงึ นํามาสคู่ าํ ถามใหญ่
วา่ แลว้ อะไรคอื องคป์ ระกอบทจ่ี ะกอ่ ใหเ้ กดิ ความสรา้ งสรรค?์ ความสรา้ งสรรคเ์ กดิ
ขน้ึ มาไดอ้ ยา่ งไร? เราจะสามารถพฒั นาใหเ้ กดิ ความสรา้ งสรรคไ์ ดอ้ ยา่ งไร? ซง่ึ โรบนิ
สนั และสเตอรน์ ยา้ํ เน้นใน “หลกั การอยา่ ทกึ ทกั เอาลว่ งหน้า” (The No-
Preconceptions Principle) คอื อยา่ ทกึ ทกั เหมารวมเอาวา่ คนสรา้ งสรรคม์ ลี กั ษณะ
เชน่ ใด เพราะหากเราไปทกึ ทกั เหมารวมวา่ คนทม่ี ลี กั ษณะสรา้ งสรรคต์ อ้ งมี
คณุ ลกั ษณะเชน่ ใดนนั้ ความคดิ ล่วงหน้าเชน่ น้ีจะกลายเป็นตวั ผกู มดั หรอื เป็นอุปสรรค
และในทส่ี ดุ อาจจะกลายเป็นการทาํ ลายความสรา้ งสรรคข์ องคนบางคนทเ่ี ราไปทกึ ทกั
เอาก่อนลว่ งหน้าวา่ เขาไมม่ คี ณุ ลกั ษณะของความสรา้ งสรรค์ ดงั นนั้ สง่ิ ทผ่ี บู้ รหิ ารควร
ระลกึ เป็นอยา่ งยงิ่ กค็ อื แนวคดิ ทว่ี า่ “ความสรา้ งสรรคม์ อี ยใู่ นตวั ของทุกคน” และ “ทุก
คนสามารถคดิ สรา้ งสรรคไ์ ด”้ ประเดน็ สาํ คญั น่าจะอยทู่ ว่ี า่ เราจะปลุก “ความ
สรา้ งสรรค”์ นนั้ ออกมาจากคนธรรมดาๆไดอ้ ยา่ งไร?
P a g e | 38
4. ความเชื่อผิดๆท่ีว่า ความคิดริเริ่มสรา้ งสรรคเ์ ป็นภารกิจหรือกิจกรรมที่ต้อง
ปลีกวิเวก (Creativity is a solitary
act.) หลายครงั้ ทเ่ี มอ่ื กล่าวถงึ ความคดิ
สรา้ งสรรคห์ รอื นวตั กรรมอะไรใหมๆ่
มกั จะมกี ารสรา้ งจนิ ตภาพวา่ ความคดิ
สรา้ งสรรคห์ รอื นวตั กรรมเหล่านนั้ เกดิ
ขน้ึ มาจากฮโี รน่ กั คดิ หรอื นกั ประดษิ ฐ์
บางคนทม่ี กั จะปลกี ตวั เงยี บหายไปจากสงั คม จนกระทงั่ วนั หน่งึ ถงึ ไดป้ รากฎตวั
ออกมาสสู่ าธารณะพรอ้ มกบั ความรเิ รมิ่ สรา้ งสรรคห์ รอื นวตั กรรมใหมๆ่ ดงั นนั้ ความ
เชอ่ื เชน่ น้ีถกู ถ่ายทอดออกมาใหก้ บั คนรนุ่ ใหมแ่ ละปลกู ฝังกลายเป็นความเชอ่ื วา่ หาก
จะคดิ รเิ รม่ิ สรา้ งสรรค์ กต็ อ้ งปลกี วเิ วก ไมไ่ ปยงุ่ เกย่ี วกบั ผอู้ น่ื แตใ่ นความเป็นจรงิ กลบั
พบวา่ ประดษิ ฐกรรมทส่ี าํ คญั ๆของโลกสว่ นใหญ่ลว้ นแลว้ แต่เป็นผลงานทเ่ี กดิ มาจาก
ความรว่ มไมร้ ว่ มมอื (Collaboration) ของกลมุ่ คนทม่ี ที กั ษะฝีมอื ทแ่ี ตกตา่ ง
หลากหลายแต่ชดเชยสง่ เสรมิ เกอ้ื หนุนกนั งานเขยี นของนกั คดิ คนสาํ คญั เชน่ John
Sealy Brown and Paul Duguid (1991) แสดงใหเ้ หน็ ถงึ แนวทางของบรษิ ทั ชนั้ นํา
เชน่ Xerox ทส่ี ง่ เสรมิ ใหบ้ ุคลากรไดม้ ารว่ มกนั แลกเปลย่ี นเรยี นรปู้ ระสบการณ์ในการ
ทาํ งานจนเกดิ กลายเป็นความชาํ นาญการ
และเกดิ ความคดิ รเิ รม่ิ สรา้ งสรรคใ์ หมๆ่ จน
ในทส่ี ดุ เกดิ กลายเป็นแนวคดิ การบรหิ าร
จดั การทเ่ี รยี กวา่ Communities of Practice
(CoP) หรอื งานเขยี นชน้ิ สาํ คญั ของโนนากะ
และทาเคอชู ิ (Nonaka and Takeuchi) เรอ่ื ง
The Knowledge-Creating Company (1995) กส็ ะทอ้ นใหเ้ หน็ ถงึ แนวทางการบรหิ าร
จดั การของบรษิ ทั ชนั้ นําของญป่ี ่นุ ทส่ี ง่ เสรมิ ใหค้ นทงั้ ภายในและภายนอกองคก์ ร ทงั้
บคุ ลากรทม่ี คี วามรทู้ ช่ี ดั เจน (Explicit knowledge) และบคุ คลอ่นื ๆทม่ี คี วามรแู้ บบ
P a g e | 39
แนบนยั (Tacit knowledge) ไดม้ ามกี ระบวนการทางสงั คม (Socialization) คอื ไดม้ า
พบปะ สงั สรร แลกเปลย่ี นเรยี นรจู้ นในทส่ี ดุ นํามาซง่ึ การพฒั นาความคดิ สรา้ งสรรค์
และนวตั กรรมใหมๆ่ เกดิ ขน้ึ ตอ่ มามกี ารเรยี กขานตวั แบบของโนนากะและทาเคอชู วิ า่
SECI (Socialization – Externalization – Combination – Internalization) ดงั นนั้
ดว้ ยขอ้ เทจ็ จรงิ เชน่ น้ี ผบู้ รหิ ารทช่ี าญฉลาดมกั จะมงุ่ มองหาวธิ กี ารแนวทางทจ่ี ะดงึ ดดู
เอาคนทม่ี คี วามรทู้ กั ษะความสามารถทแ่ี ตกตา่ งหลากหลายแตส่ นบั สนุนชดเชยซง่ึ กนั
และกนั (Complementary skills) เหล่าน้มี าทาํ งานรว่ มกนั ในรปู แบบตา่ งๆทงั้ ในรปู
ของการทาํ โครงการรว่ มกนั การเปิดเวทใี หม้ าอภปิ รายแลกเปลย่ี นความเหน็ กนั การ
จดั ประชมุ ระดมสมองของผเู้ ชย่ี วชาญหลายสาขา การทาํ สมั มนาเชงิ ปฏบิ ตั กิ าร หรอื
แมก้ ระทงั่ การเชอ้ื เชญิ ใหม้ ารบั ประทานอาหารมอ้ื เทย่ี งรว่ มกนั การประชมุ โต๊ะจนี
เป็นตน้
5. ความเชื่อผิดๆท่ีว่า เราไม่สามารถจดั การให้เกิดความคิดสร้างสรรคไ์ ด้ (You
can’t manage creativity) หลายครงั้ ท่ี ภาพพจน์ของการเกดิ ความคดิ สรา้ งสรรคห์ รอื
การเกดิ นวตั กรรมมกั จะมาคกู่ บั คาํ วา่ “บงั เอญิ ” หรอื “ความประหลาดใจ” (Surprise)
ดงั เชน่ ภาพยนตรข์ องฮอลลวี ดู๊ หลายเรอ่ื งมกั จะสรา้ งใหเ้ หน็ วา่ สงิ่ ประดษิ ฐห์ รอื
นวตั กรรมใหมๆ่ สว่ นใหญ่เกดิ จากความบงั เอญิ ทไ่ี มไ่ ดต้ งั้ ใจหรอื แมก้ ระทงั่ เกดิ จาก
ความเซ่อซา่ ความผดิ พลาด พลงั้ เผลอของตวั ละครใน
ทอ้ งเรอ่ื ง ผลจากการสรา้ งความเชอ่ื เชน่ น้ขี น้ึ มาทาํ ใหเ้ กดิ
ทศั นคตทิ ผ่ี ดิ พลาดวา่ ความสรา้ งสรรคค์ อื ความบงั เอญิ
นวตั กรรมเป็นเรอ่ื งทเ่ี กดิ ขน้ึ อยา่ งเหลอื เชอ่ื น่าประหลาดใจ
(Surprise) ประหน่ึงดรู าวกบั วา่ เราคงไมส่ ามารถทจ่ี ะไป
บรหิ ารจดั การใหเ้ กดิ ความคดิ รเิ รม่ิ สรา้ งสรรคข์ น้ึ มาได้ เราคง
ตอ้ งปล่อยใหม้ นั เป็นไป จนกระทงั่ สกั วนั หน่งึ เราคงจะ “โชคด”ี ทจ่ี ะไดพ้ บกบั แสงสวา่ ง
แหง่ ความสรา้ งสรรคแ์ ละนวตั กรรมใหมๆ่ ซง่ึ น่ีคอื ทศั นคตทิ ผ่ี ดิ พลาด เพราะทศั นคตทิ ่ี
ถกู ตอ้ งน่าจะตอ้ งปลกู ฝังใหเ้ ชอ่ื วา่ เราสามารถจดั การใหเ้ กดิ ความรเิ รม่ิ สรา้ งสรรคไ์ ด้
P a g e | 40
แน่นอนวา่ เราอาจจะไมส่ ามารถทจ่ี ะรเู้ รอ่ื งราวสงิ่ ต่างๆไดก้ อ่ นลว่ งหน้าวา่ มใี ครบา้ งท่ี
จะเขา้ มามสี ว่ นรว่ มในการดาํ เนินการใหเ้ กดิ การรเิ รมิ่ สรา้ งสรรค์ การดาํ เนนิ การ
เหล่านนั้ จะเป็นเชน่ ใด หรอื เมอ่ื ไร ทไ่ี หน และดว้ ยวธิ กี ารอยา่ งไรทค่ี วามรเิ รมิ่
สรา้ งสรรคห์ รอื นวตั กรรมจะเกดิ ขน้ึ แต่ผบู้ รหิ ารสามารถสรา้ งหรอื กอ่ ใหเ้ กดิ เงอ่ื นไข
และบรรยากาศทจ่ี ะทาํ ใหค้ วามคดิ รเิ รม่ิ สรา้ งสรรคม์ แี นวโน้มทจ่ี ะเกดิ ขน้ึ มาไดอ้ ยา่ ง
มาก เชน่ การออกแบบระบบการใหร้ างวลั คา่ ตอบแทน แรงจงู ใจในรปู แบบต่างๆ
การจดั สรรหรอื กระจายทรพั ยากรอยา่ งเหมาะสม หรอื แมก้ ระทงั่ การออกแบบ
โครงสรา้ งองคก์ าร การออกแบบสถานทท่ี าํ งาน ฯลฯ สงิ่ เหล่าน้ลี ว้ นแลว้ แต่เป็น
เงอ่ื นไขและบรรยากาศทจ่ี ะทาํ ใหเ้ กดิ หรอื ไมเ่ กดิ ความคดิ รเิ รมิ่ สรา้ งสรรคข์ น้ึ มาได้
และน่คี อื หน้าทข่ี อง “ผบู้ รหิ าร” มใิ ชห่ รอื ทจ่ี ะตอ้ ง “สรา้ งความแตกต่าง” (Make a
difference) ขน้ึ มา ในกรณีศกึ ษาระดบั สากล มกั จะมผี กู้ ลา่ วถงึ บรษิ ทั กเู กล้ิ (Google)
ในฐานะทเ่ี ป็น “บรษิ ทั ทย่ี ง่ิ ใหญ่ทค่ี นอยากทาํ งานดว้ ยมากทส่ี ดุ ” (The Great
Company to Work For) จากการจดั อนั ดบั ของ Fortune Magazine กเู กล้ิ ถอื เป็น
องคก์ รหน่ึงทม่ี กี ารจดั การออกแบบใหม้ สี ภาพแวดลอ้ มทก่ี ระตนุ้ ความสรา้ งสรรคข์ อง
บุคลากรมากทส่ี ดุ แหง่ หน่ึง
ปัจจบุ นั มกี ระแสความสนใจในเรอ่ื งของความสมั พนั ธร์ ะหวา่ งการออกแบบและการ
จดั การสภาพแวดลอ้ ม บรรยากาศ รปู แบบทางกายภาพ (Layouts) และ
สถาปัตยกรรมของสถานทท่ี าํ งานทส่ี ง่ ผลตอ่ การกระตุน้ แรงบนั ดาลใจและความคดิ
สรา้ งสรรคใ์ นการทาํ งาน (เชน่ ผอู้ า่ นสามารถตดิ ตามกระแสน้ไี ดใ้ นสว่ นของ Design
และ Most Creative People ใน วารสาร Fast Company)
ในอกี ซกี โลกหน่ึง ประเทศไทยในหว้ งทผ่ี า่ นมา มี
หลายองคก์ รทต่ี ่นื ตวั กบั การจดั การ
สภาพแวดลอ้ มของทท่ี าํ งานเพอ่ื กระตุน้ ใหเ้ กดิ
บรรยากาศความคดิ สรา้ งสรรคใ์ นการทาํ งาน
กรณีศกึ ษาทเ่ี ปรยี บเสมอื นผบู้ กุ เบกิ แนวคดิ น้ี
P a g e | 41
ไดแ้ ก่ บรษิ ทั บตั รเครคติ กรงุ ไทย (KTC) ถอื เป็นตวั อยา่ งอนั โดดเดน่ ของประเทศไทย
ทน่ี ่าจะเป็นกรณศี กึ ษาในระดบั World-Class ได้ ดว้ ยความสามารถและความมี
วสิ ยั ทศั น์ของผบู้ รหิ ารบรษิ ทั เฉกเชน่ เชน่ คณุ นวิ ตั ิ จติ ตาลาน ทส่ี รา้ งสรรคบ์ รรยากาศ
การทาํ งานโดยการเปลย่ี นรปู โฉมสถานทท่ี าํ งานไปเป็น Smart Office อนั เป็นสถานท่ี
ทาํ งานทท่ี นั สมยั มบี รรยากาศทเ่ี ตม็ ไปดว้ ยความไมเ่ ป็นทางการ มสี สี นั สะดวกสบาย
ฯลฯ สง่ ผลใหบ้ คุ ลากรของบรษิ ทั เตม็ ไปดว้ ยความคดิ สรา้ งสรรค์ สอดรบั กบั แนวคดิ
ของโรบนิ สนั และสเตอรน์ ทย่ี า้ํ เน้นวา่ “สาํ หรบั ความสรา้ งสรรคข์ องบรรษทั
สภาพแวดลอ้ มในการทาํ งานคอื ปัจจยั หลกั ทส่ี าํ คญั ” (For corporate creativity, the
work environment is the dominant factor.) (Robinson and Stern, 1998: 39)
เอกสารประกอบ
Brown, J.S. and Duguid, P. (1991) "Organizational Learning and Communities of
Practice: Toward A Unified View of Working, Learning and Innovation"
Management Science. February.
Getzels, J.W. and Jackson, P.W. (1962) Creativity and Intelligence: Explorations
with Gifted Students. New York: Wiley.
Guildford, J.P. (1950) “Creativity,” American Psychologist, 5.
___________ (1987) “Creativity Research: Past, Present, and Future,” in Scott G.
Isaksen, ed., Frontiers of Creativity Research. Buffalo: N.Y.: Bearly Press.
MacKinnon, Douglas W. (1978) In Search of Human Effectiveness: Identifying and
Developing Creativity. Buffalo, N.Y.: Creative Education Foundation.
Nonaka, I. and Takeuchi, H. (1995) The Knowledge-Creating Company. Oxford:
Oxford University Press.
P a g e | 42
Robinson, A.G. and Stern, S. (1998) Corporate Creativity: How Innovation and
Improvement Actually Happen. San Francisco, C.A.: Berrett-Koehler
Publishers.
P a g e | 43
-7-
คนสรา้ งสรรคค์ ือทุนแห่งความสรา้ งสรรค์
(Creative People, Creative capital)
In the creative age, real economic growth requires more than a degree.
Richard Florida
คงไมอ่ าจปฏเิ สธไดว้ า่ ระบบเศรษฐกจิ สงั คมปัจจุบนั ของประเทศต่างๆทวั่ โลกสว่ นใหญ่ลว้ น
ตกอยภู่ ายใตว้ ถิ กี ารผลติ และความสมั พนั ธท์ างเศรษฐกจิ สงั คมแบบ
“ทุนนยิ ม” โดยมี “ทนุ ” เป็นตวั ขบั เคลอ่ื นกลไกการทาํ งานของระบบน้ี
Fernand Braudel (1902-1985) นกั ประวตั ศิ าสตรเ์ ศรษฐกจิ ระบบ
โลกเคยกล่าวไวอ้ ยา่ งน่าสนใจวา่ “ทุน” คอื องคป์ ระกอบสาํ คญั ทไ่ี ม่
อาจหลกี เลย่ี งไดข้ องสงั คมยคุ สมยั ใหมซ่ ง่ึ จะตอ้ งมกี ารตอ่ สแู้ ก่งแยง่
แขง่ ขนั ดว้ ยความจาํ เป็นเพอ่ื ทจ่ี ะก่อใหเ้ กดิ การผลติ การบรโิ ภคและการแลกเปลย่ี น
โดยทวั่ ไปแลว้ เรามกั ใชค้ าํ วา่ ทนุ (Capital) สลบั กนั ไปสลบั กนั มากบั อกี หลายๆคาํ เชน่ คาํ วา่
สนิ ทรพั ย์ (Assets) เงนิ ทนุ (Funds) ทรพั ยส์ มบตั ิ (Property) ทรพั ยส์ นิ (Goods) จนดู
เหมอื นวา่ คาํ พวกน้ีกลายเป็นคาํ เดยี วกนั ไปเสยี แลว้ แตท่ วา่ จรงิ ๆแลว้ คาํ วา่ “ทุน” เป็นคาํ ทม่ี ี
ความหมายกวา้ งใหญ่และลกึ ซง้ึ กวา่ คาํ เหลา่ นนั้ และมคี วามหมายบง่ บอกไปในเชงิ ชช้ี วนให้
เหน็ ถงึ สนิ ทรพั ยท์ ส่ี าํ คญั ทเ่ี ป็นตวั ผลกั ดนั ขบั เคล่อื น เกอ้ื หนุน ยกระดบั กจิ กรรมทาง
เศรษฐกจิ ในขณะนนั้ รวมทงั้ เป็นพลงั ขบั เคล่อื นระบบเศรษฐกจิ ในอนาคตดว้ ย
ในแต่ละยคุ แตล่ ะสมยั จะมี “ทนุ ” ทส่ี าํ คญั แตกตา่ งกนั ออกไปอนั เป็นภาพสะทอ้ นถงึ พฒั นาการ
ทางเศรษฐกจิ สงั คมทเ่ี ปลย่ี นแปลงไป กลา่ วคอื ววิ ฒั นาการทางสงั คมจากยคุ เรร่ อ่ นลา่ สตั ว์
ไปสยู่ คุ ลงหลกั ปักฐานทาํ กสกิ รรม เป็นสงั คมเกษตรกรรม แลว้ กา้ วสยู่ คุ แหง่ การคา้ พาณิชย์
P a g e | 44
มกี ารผลติ ในโรงงานอุตสาหกรรม และการใหบ้ รกิ าร จวบจนถงึ เขา้ สยู่ คุ แหง่ ความกา้ วหน้า
ทางเทคโนโลยี เกดิ เป็น “สงั คมแหง่ สารสนเทศ” (Information society) ในปัจจุบนั หาก
สงั เกตใหด้ ี สงั คมแต่ละยคุ ลว้ นแตต่ อ้ งการ “ทุน” ทแ่ี ตกต่างกนั การเกดิ ยคุ ใหมน่ ําไปสคู่ วาม
ตอ้ งการ “ทนุ ” รปู แบบใหมๆ่
ในยคุ ชนเผา่ เรร่ อ่ นล่าสตั ว์ ทนุ ทส่ี าํ คญั คอื อาวธุ และกบั ดกั
ในยคุ เกษตรกรรม ทนุ ทส่ี าํ คญั คอื ทด่ี นิ และพนั ธพุ์ ชื
ในยคุ อุตสาหกรรมชว่ งตน้ ทนุ ทส่ี าํ คญั คอื เงนิ ตราและวตั ถุดบิ
ต่อมาเมอ่ื อตุ สาหกรรมกา้ วหน้ามากขน้ึ นกั เศรษฐศาสตรเ์ ชน่ Alfred Marshall, John
Maynard Keynes เหน็ วา่ การสรา้ งความจาํ เรญิ ทางเศรษฐกจิ คอื ความจาํ เป็นของสงั คม
สมยั ใหม่ โดยเศรษฐกจิ จะจาํ เรญิ เตบิ โตไดจ้ าํ เป็นตอ้ งมกี ารสะสมทนุ ทส่ี าํ คญั 2 ประเภท
ไดแ้ ก่ ทุนทางการเงนิ (Financial) และทนุ ทางกายภาพ (Physical capital) ยง่ิ สะสมทุน
เหลา่ น้มี ากเทา่ ใด กจ็ ะก่อใหเ้ กดิ ความประหยดั ของขนาด (Economies of scale)
นบั จากทศวรรษท่ี 1950 หลายประเทศทม่ี กี ารพฒั นาเศรษฐกจิ ระดบั สงู ไดก้ า้ วเขา้ สยู่ คุ
อตุ สาหกรรมการบรกิ าร (Services industries) มกี ารทาํ การวจิ ยั และพฒั นา, การออกแบบ,
การใหบ้ รกิ ารทางการเงนิ , การบรกิ ารดา้ นสารสนเทศ (Data processing), การโฆษณาและ
การตลาด เป็นตน้ ความสาํ เรจ็ ของอุตสาหกรรมแบบใหมน่ ้ไี มไ่ ดข้ น้ึ อยกู่ บั ความสามารถใน
การหาตลาดใหม่ หรอื การลดตน้ ทุนลดวตั ถุดบิ แต่กลบั อยทู่ ค่ี วามสามารถในการสรา้ ง
นวตั กรรม (Innovations) ความสามารถในการสรา้ งความแตกตา่ งหลากหลาย
(Diversification) หรอื แมก้ ระทงั่ ความสามารถในการสรา้ งคณุ คา่ ทไ่ี มส่ ามารถจบั ตอ้ งได้
(Intangible values)
ผบู้ รหิ าร นกั ธุรกจิ นกั อุตสาหกรรมในยคุ น้เี รม่ิ ตระหนกั มากขน้ึ เรอ่ื ยๆวา่ ความสาํ เรจ็ ในการ
บรหิ ารจดั การอุตสาหกรรมยคุ น้มี ใิ ชม่ เี พยี งแคเ่ รอ่ื งของการบรหิ ารจดั การเพอ่ื ใหเ้ กดิ
Economies of scale เทา่ นนั้ แตส่ ง่ิ ทส่ี าํ คญั มากขน้ึ เรอ่ื ยๆกค็ อื การทจ่ี ะบรหิ ารจดั การอยา่ งไร