The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

วิชาวิทยาศาสตร์ ประถม

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by Jah Mari, 2022-05-26 07:55:51

วิชาวิทยาศาสตร์ ประถม

วิชาวิทยาศาสตร์ ประถม

1

ตารางวเิ คราะหเ์ นอื้ หาส
หลักสตู รการศึกษานอกระบบ ระดบั กา

ภาคเรยี นท่ี 1 ปกี ารศกึ ษา
สาระความรู้พน้ื ฐาน รายวชิ าวทิ

จำนวน 3 หนว่ ยกติ 1
ศนู ยก์ ารศึกษานอกระบบและการศกึ ษ

มาตรฐานที่ 2.2 มีความรู้ ความเข้าใจ ทกั ษะ และเหน็ คุณค่าเกย่ี วกบั กระบวนการทางว
ในท้องถน่ิ และประเทศ สาร แรง พลังงานกระบวนการเปลี่ยนแป
ตวั ชวี้ ดั ดำเนินชวี ติ
หนว่ ยการเรยี นรู้ท่ี 1 1. ใช้ความรู้และกระบวนการทางวทิ ยาศาสตร์ใน การดำรงชีวิตไ
กระบวนการทางวทิ ยาศาสตร์ และเทคโนโลยี
1.1กระบวนการทางวทิ ยาศาสตร์ และเทคโนโลยี
1.2โครงงานวทิ ยาศาสตร์

ครง้ั ที่ ตวั ชว้ี ดั เนอ้ื หา

2 1.1กระบวนการทางวทิ ยาศาสตร์ 1.ธรรมชาติของวทิ ยาศาสตร์

และเทคโนโลยี 1.1 ความหมายและความสำคัญของ

1. อธิบายธรรมชาติและ วทิ ยาศาสตร์

ความสำคญั ของวทิ ยาศาสตร์และ 1.2 กระบวนการทางวิทยาศาสตร์

เทคโนโลยีได้ 1.2.1วิธกี ารทางวิทยาศาสตร์ 5 ขน้ั

2. อธบิ ายกระบวนการทาง 1.2.2 ทกั ษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์

วทิ ยาศาสตร์ได้

2

สาระการเรยี นรรู้ ายวชิ า
ารศกึ ษาขน้ั พน้ื ฐาน พุทธศกั ราช 2551
2564ระดบั ประถมศกึ ษา
ทยาศาสตร์ รหสั พว11001
120ชวั่ โมง
ษาตามอธั ยาศัยอำเภอเมอื งนราธวิ าส

วิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี สิง่ มีชวี ติ ระบบนเิ วศ ทรพั ยากรธรรมชาตแิ ละสิ่งแวดลอ้ ม
ปลงของโลก และดาราศาสตร์ มจี ติ วทิ ยาศาสตรแ์ ละนำความร้ไู ปใช้ประโยชนใ์ นการ

ได้อย่างเหมาะสม

วเิ คราะหเ์ นอื้ หา วธิ กี ารจดั การเรยี นรู้

ง่าย ปาน ยาก เนอ้ื หา กรต. ครู สอน โครงงาน จำนวน

กลาง ลึกซงึ้ สอน เสรมิ ชวั่ โมง

- ✓ - - ✓(4) ✓(3) - -7

ครงั้ ที่ ตวั ชว้ี ดั เนอื้ หา

2 3. นำความรู้และกระบวนการทาง 1.2.3 เจตคตทิ างวิทยาศาสตร์ 6 ลักษณ
(ตอ่ ) วิทยาศาสตรไ์ ปใชแ้ กป้ ญั หาต่างๆได้ 1.2.4 จติ วิทยาศาสตร์
2. เทคโนโลยี
4. เลอื กใช้เทคโนโลยีไดอ้ ยา่ ง 2.1 ความหมายและความสำคญั
เหมาะสม 2.2 เทคโนโลยกี ับชีวติ
5. ใชอ้ ปุ กรณ์ทางวิทยาศาสตรบ์ าง 3. อปุ กรณว์ ทิ ยาศาสตร์
ชนิดได้ 3.1 ประเภท
6. เกิดเจตคติทางวิทยาศาสตร์ 3.2 วธิ ใี ชอ้ ปุ กรณ์
7. มีจติ วทิ ยาศาสตร์

1.2โครงงานวทิ ยาศาสตร์

1. อธิบายประเภท การเลอื กหัวขอ้ 1. ประเภทของโครงงาน

วธิ ีดำเนินการ และการนำเสนอ 2. การเลอื กหวั ขอ้ โครงงาน

โครงงานได้ 3.การเขียนโครงงาน

2. นำความรู้เกยี่ วกับกระบวนการทาง 4. การวางแผน และการทำโครงงาน

วทิ ยาศาสตร์ และโครงงานไปใช้ได้ 5. การนำเสนอโครงงาน

3. เกดิ กระบวนการกลุ่ม

รวมจำนวนชว่ั โมง

3

วเิ คราะหเ์ นอื้ หา วธิ กี ารจดั การเรยี นรู้

ง่าย ปาน ยาก เนอื้ หา กรต. ครู สอน โครงงาน จำนวน

กลาง ลึกซง้ึ สอน เสรมิ ชวั่ โมง

ณะ

- ✓ - - (4) ✓(3) - -7

- -- - 8 6 - - 14

ตารางวเิ คราะหเ์ นอ้ื หาส
หลักสตู รการศกึ ษานอกระบบ ระดบั กา

ภาคเรยี นท่ี 1 ปกี ารศกึ ษา
สาระความรูพ้ น้ื ฐาน รายวชิ าวทิ

จำนวน 3 หนว่ ยกติ
ศนู ยก์ ารศึกษานอกระบบและการศ

มาตรฐานที่ 2.2 มคี วามรู้ ความเข้าใจ ทักษะ และเห็นคุณค่าเก่ยี วกับกระบวนการทางว

ในท้องถิน่ และประเทศ สาร แรง พลงั งานกระบวนการเปลย่ี นแป

ดำเนินชวี ติ

ตวั ชวี้ ดั 1. จำแนกสงิ่ มีชวี ิตในแหล่งที่อยู่

2. อธบิ าย ความสัมพันธข์ องกลุ่มสงิ่ มีชีวิตในระบบนิเวศ ความสมั

ในชมุ ชนและท้องถิน่

3.อธบิ ายความหมายประเภทของ ทรัพยากรธรรมชาติ การใช้แล

4.อธิบายเก่ยี วกับปรากฏการณท์ างธรรมชาติ และการพยากรณ์ท

หนว่ ยการเรยี นรู้ท่ี 2. สิ่งมีชวี ติ และสง่ิ แวดล้อม

2.1 สง่ิ มีชีวติ
2.2 ระบบนิเวศ
2.3 ทรพั ยากรธรรมชาตสิ ่ิงแวดล้อมและการอนรุ ักษ์
2.4 ปรากฏการณ์ทางธรรมชาติ

4

สาระการเรยี นรรู้ ายวชิ า
ารศกึ ษาขน้ั พน้ื ฐาน พุทธศกั ราช 2551
2564ระดบั ประถมศกึ ษา
ทยาศาสตร์ รหสั พว11001
120 ชว่ั โมง
ศกึ ษาตามอธั ยาศยั อำเภอนราธวิ าส

วิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี ส่งิ มีชีวติ ระบบนเิ วศ ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม
ปลงของโลก และดาราศาสตร์ มจี ิตวิทยาศาสตรแ์ ละนำความรไู้ ปใชป้ ระโยชน์ในการ

มพนั ธร์ ะหวา่ งสภาพแวดลอ้ มกบั การ ดำรงชวี ิตของส่ิงมีชีวติ

ละการดูแลรกั ษา ทรัพยากรธรรมชาติและสง่ิ แวดล้อมในชุมชน และทอ้ งถิ่นได้
ทางอากาศ

ครง้ั ท่ี ตวั ชวี้ ดั เนอื้ หา

3 2.1 สงิ่ มีชีวติ

1. บอกลกั ษณะและการจัดกลุ่ม 1.ลกั ษณะและการจดั กลุ่มของสิ่งมชี วี ติ

ของสิ่งมีชีวติ ในทอ้ งถิ่น 2. พชื

2.อธิบายเกยี่ วกบั ประเภทของพชื 2.1 ประเภทของพชื

ลกั ษณะภายนอกและหน้าท่ขี อง 2.2 ลกั ษณะภายนอกของส่วนประกอบต่างๆ

รากลำต้น ใบ ดอกและผลของพืช ของพชื

ท้องถ่นิ ทเ่ี หมาะสมต่อการ 2.3 หนา้ ทข่ี องส่วนประกอบของพชื

ดำรงชวี ิตในสงิ่ แวดล้อม 2.4 ปัจจยั ท่จี ำเป็นต่อการดำรงชวี ิตของพืช

ท่ีแตกต่างกันได้ 2.5 การขยายพนั ธ์พุ ชื

3. อธบิ ายเก่ียวกบั ปัจจยั ท่ีจำเป็น 2.6 พืชในทอ้ งถนิ่

ต่อการดำรงชีวติ ของพืชได้ 3. สตั ว์

4.อธบิ ายวธิ ีการขยายพันธุ์พืช 3.1 การแบง่ ประเภทของสตั ว์

ด้วยวธิ ีการตา่ งๆได้ 3.2 โครงสร้างและความเปน็ อยู่ของสิ่งมชี วี ิตใ

5.จำแนกพชื ในท้องถ่ินได๎ ท้องถ่ิน

6.อธิบายเกีย่ วกับประเภท

โครงสร้าง และหน้าท่ีของสตั ว์

ท้องถิน่ ทเี่ หมาะสมต่อการ

ดำรงชีวิตในส่งิ แวดล้อมท่ีแตกตา่ ง

กนั ได้

7. อธบิ ายเกีย่ วกบั ปัจจัยท่จี ำเปน็

ตอ่ การดำรงชวี ิตของสัตว์และการ

นำความรู้ไปใชป้ ระโยชน์ได้

5

วเิ คราะหเ์ นอ้ื หา วธิ กี ารจดั การเรยี นรู้

งา่ ย ปาน ยาก เนอ้ื หา กรต. ครู สอน โครงงาน จำนวน
กลาง ลึกซง้ึ
สอน เสรมิ ชวั่ โมง

✓ ✓ - - ✓(14) ✓(2) - - 16

ใน

ครง้ั ที่ ตวั ชวี้ ดั เนอ้ื หา

3 8. อธิบายการขยายพันธส์ุ ัตว์

(ต่อ) และนำความรู้ไปใช้ประโยชนไ์ ด้

2.2 ระบบนิเวศ

1.อธบิ ายความสมั พันธ์ของกลมุ่ ความสมั พันธข์ องกลุ่ม

สิ่งมชี วี ิตตา่ งๆ กับสภาพแวดล้อม สง่ิ มีชีวติ ตา่ งๆ

ได้ 1 แหลง่ ท่อี ยู่อาศยั

2. อธิบายความสมั พนั ธ์ของ 2 ความสมั พนั ธข์ องสิ่งมีชีวิตกับสง่ิ มีชวี ติ

สง่ิ มีชวี ติ ในหว่ งโซอ่ าหารได้ 3 ความสมั พนั ธ์ของกลมุ่ ส่ิงมีชีวิต กบั

สภาพแวดลอ้ ม

3. อธิบายความสัมพันธ์ระหว่าง 2. หว่ งโซอ่ าหาร

สภาพแวดล้อมในทอ้ งถิน่ กบั การ 2.1 ความสัมพันธข์ องสิง่ มีชีวติ ในหว่ งโซอ่ าหา

ด ารงชีวิตของสงิ่ มชี วี ิตได้ 2.2 การถ่ายทอดพลังงานจากผู้ผลิตสผู่ ้บู รโิ ภค

3.ความสมั พนั ธร์ ะหว่างสภาพแวดลอ้ มกบั การ

ดำรงชวี ติ ของส่ิงมชี วี ติ

3.1 สภาพแวดลอ้ มท่เี หมาะสมของสิ่งมชี วี ติ

ในแต่ละแหล่งทีอ่ ยู่

3.2 ความสามารถในการปรับตัวใหเ้ ขา้ กับ

ส่ิงแวดล้อม

2.3 ทรพั ยากรธรรมชาติ 1. ทรัพยากรธรรมชาติ

ส่ิงแวดล้อมและการอนรุ ักษ์ 1.1ความหมายและประเภท

1.2การใชท้ รัพยากรธรรมชาติในทอ้ งถ่นิ

1.3 ผลกระทบจากการใชท้ รัพยากรธรรมชาต

ในท้องถ่นิ

6

วเิ คราะหเ์ นอื้ หา วธิ กี ารจดั การเรยี นรู้

ง่าย ปาน ยาก เนอ้ื หา กรต. ครู สอน โครงงาน จำนวน
กลาง ลึกซงึ้
สอน เสริม ชว่ั โมง

✓ ✓ - - ✓(5) ✓(2) - -7

าร



✓ ✓ - - ✓(5) ✓(2) - -7
ติ

ครง้ั ท่ี ตวั ชวี้ ดั เนอื้ หา

3 1.4 การดูแลรักษา

(ตอ่ ) 1. อธิบายความหมายและประเภท 2. สง่ิ แวดลอ้ ม

ของทรพั ยากรธรรมชาติ 2.1 ความหมายและประเภท

2. อธบิ ายเกีย่ วกบั การใช้ 2.2 การเปล่ียนแปลงสิ่งแวดลอ้ มใน

ทรพั ยากรธรรมชาตผิ ลกระทบ และ ทอ้ งถน่ิ

การดแู ลรักษาทรัพยากรธรรมชาติ 2.3 การปอ้ งกนั และแก้ไขปัญหา

ได3้ . อธิบายความหมายและประเภท ส่ิงแวดล้อมในท้องถ่ิน

ของสง่ิ แวดล้อมได้ 2.4 สภาวะโลกร้อนสาเหตุและผลกระทบ

4.อธิบาย การเปล่ยี นแปลง การป้องกนั และแก้ไขปัญหาโลกรอ้ น

สิ่งแวดล้อมในท้องถนิ่ และเสนอ

แนวทางป้องกันและแก้ไขได้

1.การเกิดปรากฏการณท์ างธรรมชาติ

1.1 เมฆ

1.2 หมอก

1.3 นำ้ คา้ ง

2.4 ปรากฏการณ์ทางธรรมชาติ 1.4 ฝน

1.อธบิ ายการเกิดเมฆหมอก นำ้ คา้ ง 1.5 ลูกเห็บ

ฝน และลกู เห็บได้ 1.6 กรณีศึกษาน้ำค้างแข็ง สาเหตแุ ละ

2. บอกสภาพอากาศของท้องถิ่นได้ ผลกระทบ

2. การรายงานสภาพอากาศของทอ้ งถนิ่

รวมจำนวนชว่ั โมง

7

วเิ คราะหเ์ นอื้ หา วธิ กี ารจดั การเรยี นรู้

งา่ ย ปาน ยาก เนอ้ื หา กรต. ครู สอน โครงงาน จำนวน
กลาง ลกึ ซงึ้
สอน เสรมิ ชว่ั โมง



✓ - - - ✓(5) - - -5

- - - - 29 6 - - 35

ตารางวเิ คราะหเ์ นอื้ หาส
หลักสตู รการศึกษานอกระบบ ระดบั กา

ภาคเรยี นที่ 1 ปกี ารศกึ ษา
สาระความร้พู น้ื ฐาน รายวชิ าวทิ

จำนวน 3 หนว่ ยกติ
ศนู ยก์ ารศกึ ษานอกระบบและการศึกษ

มาตรฐานท่ี 2.2 มคี วามรู้ ความเขา้ ใจ ทกั ษะ และเหน็ คณุ ค่าเกย่ี วกับกระบวนการทางว

ในทอ้ งถิน่ และประเทศ สาร แรง พลังงานกระบวนการเปลยี่ นแป

ดำเนินชวี ติ

ตวั ชวี้ ดั 1. อธิบายเกี่ยวกบั สมบตั ิของสาร การแยกสารใน ชวี ติ ประจำวนั แ

หนว่ ยการเรยี นรู้ที่ 3.สารและสมบัตขิ องสาร

3.1 สารและสมบตั ขิ องสาร
3.2 การแยกสาร

ครงั้ ที่ ตวั ชว้ี ดั เนอ้ื หา

4 สารและสมบัติของสาร
3.1 สารและสมบตั ขิ องสาร 1. ความหมายและความสำคญั
1. อธิบายความหมายความสำคญั 2. สมบตั ทิ ว่ั ไปของสาร
และความจำเปน็ ในการใช้สารได้ 3. สถานะของสาร
2. อธิบายสมบัติทั่วไปของสารได้ 4. การจดั เรยี งอนภุ าคของสาร
5. ปจั จยั ทมี่ ผี ลต่อการเปลย่ี นสถานะของสาร

8

สาระการเรยี นรรู้ ายวชิ า
ารศกึ ษาขนั้ พน้ื ฐาน พุทธศกั ราช 2551
2564ระดบั ประถมศกึ ษา
ทยาศาสตร์ รหสั พว11001
120 ชวั่ โมง
ษาตามอธั ยาศัยอำเภอเมอื งนราธวิ าส

วทิ ยาศาสตร์ เทคโนโลยี สิง่ มีชวี ติ ระบบนเิ วศ ทรัพยากรธรรมชาติและส่งิ แวดลอ้ ม
ปลงของโลก และดาราศาสตร์ มจี ิตวทิ ยาศาสตร์และนำความรู้ไปใชป้ ระโยชนใ์ นการ

และการเลือกใชส้ ารได้อย่าง ถูกต้องเหมาะสมและปลอดภยั

วเิ คราะหเ์ นอื้ หา วธิ กี ารจดั การเรยี นรู้

ง่าย ปาน ยาก เนอ้ื หา กรต. ครู สอน โครงงาน จำนวน

กลาง ลึกซง้ึ สอน เสริม ชวั่ โมง

✓ ✓ - - ✓(6) ✓(2) - -8

ครงั้ ที่ ตวั ชว้ี ดั เนอ้ื หา

4 3. จำแนกสารโดยใชส้ ถานะและ 1. การแยกสาร
(ต่อ) การจดั เรยี งอนุภาค 1.1 การกรองแบบต่าง ๆ
1.2 การกลน่ั
3.2 การแยกสาร 1.3 การระเหย
1. อธิบายวธิ ีการและ 1.4 การตกตะกอน
กระบวนการแยกสารได้ 1.5 การตกผลกึ
2. เลือกใช้วิธีการแยกสารท่ี 1.6 การกลั่นลำดับส่วน
เหมาะสม และนำมาใชไ้ ด้ 1.7 การระเหิดหรือการระเหยแหง้
1.8 โครมาโตกราฟี
3.3 สารในชวี ติ ประจำวนั 2. การแยกสารทใ่ี ชใ้ นชวี ติ ประจำวนั
1. อธบิ ายสมบัตขิ องสารท่ี 1. สมบัตขิ องสารทใ่ี ช้ในชวี ติ ประจำวนั
นำมาใช้ในชวี ติ ประจำวันได้ 2. การเข้าสรู่ า่ งกายของสาร
2. อธิบายการเขา้ ส่รู ่างกายของ 3. ประเภทของสารทพี่ บในชวี ติ ประจำวนั
สารได้ 4. สาร และผลติ ภณั ฑข์ องสารทใ่ี ชใ้ น
3. จำแนกประเภทของสารและ ชวี ติ ประจำวนั
ผลติ ภัณฑ์ทพ่ี บในชวี ติ ประจำวัน 4.1 สารทำความสะอาด
ได้ 4.2 สารทางการเกษตร
4. อธิบายวิธกี ารใชส้ ารใน 4.3 ยารกั ษาโรค
ชวี ิตประจำวนั บางชนิดและ 4.4 สารปรุงแต่ง และสารปนเปื้อน
4.5 ผลติ ภัณฑ์เสริมความงาม

9

วเิ คราะหเ์ นอ้ื หา วธิ กี ารจดั การเรยี นรู้

งา่ ย ปาน ยาก เนอื้ หา กรต. ครู สอน โครงงาน จำนวน
กลาง ลึกซงึ้
สอน เสริม ชว่ั โมง

✓ ✓ - - ✓(7) ✓(2) - -9

✓ ✓ - - ✓(10) ✓(2) - - 12

ครงั้ ท่ี ตวั ชวี้ ดั เนอ้ื หา

4 ผลกระทบที่เกิดต่อชีวิตและ 5. ผลกระทบทเี่ กดิ จากการใชส้ ารตอ่ ชวี ติ

(ตอ่ ) สิ่งแวดล้อมได้ และสง่ิ แวดลอ้ ม

5. อธบิ ายหลักการเลือกซือ้ และ 6. การเลอื กซอ้ื และการเลอื กใชส้ าร

เลือกใช้สารได้

6. เลือกซ้ือและเลือกใช้สารไดถ้ ูกต้อง

และเหมาะสม

รวมจำนวนชว่ั โมง

10

วเิ คราะหเ์ นอ้ื หา วธิ กี ารจดั การเรยี นรู้

ง่าย ปาน ยาก เนอ้ื หา กรต. ครู สอน โครงงาน จำนวน

กลาง ลกึ ซง้ึ สอน เสริม ชวั่ โมง



- - - - 23 6 - - 29

ตารางวเิ คราะหเ์ นอื้ หาส
หลักสตู รการศึกษานอกระบบ ระดบั กา

ภาคเรยี นท่ี 1 ปกี ารศกึ ษา
สาระความรู้พน้ื ฐาน รายวชิ าวทิ

จำนวน 3 หนว่ ยกติ
ศูนยก์ ารศกึ ษานอกระบบและการศึกษ

มาตรฐานท่ี 2.2 มีความรู้ ความเขา้ ใจ ทักษะ และเห็นคณุ คา่ เกย่ี วกับกระบวนการทางว

ในท้องถนิ่ และประเทศ สาร แรง พลงั งานกระบวนการเปล่ยี นแป

ดำเนนิ ชวี ิต

ตวั ชว้ี ดั 1. อธบิ ายเก่ยี วกับประเภทของแรง ผลทีเ่ กิดจากการกระทำของแ

ในชวี ิตประจำวัน

2. อธบิ ายเกย่ี วกับพลังงานในชีวติ ประจำวนั

หนว่ ยการเรยี นรู้ที่ 4. แรงและพลังงานเพื่อชีวิต

4.1แรงและการเคล่ือนท่ีของแรง

4.2 พลงั งานในชีวติ ประจำวนั และการอนรุ ักษ์พลงั งาน

11

สาระการเรยี นรรู้ ายวชิ า
ารศกึ ษาขน้ั พน้ื ฐาน พุทธศกั ราช 2551
2564ระดบั ประถมศกึ ษา
ทยาศาสตร์ รหสั พว11001
120 ชวั่ โมง
ษาตามอธั ยาศยั อำเภอเมอื งนราธวิ าส

วิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี สิง่ มชี ีวิต ระบบนิเวศ ทรพั ยากรธรรมชาตแิ ละสง่ิ แวดล้อม
ปลงของโลก และดาราศาสตร์ มีจิตวิทยาศาสตร์และนำความรไู้ ปใชป้ ระโยชนใ์ นการ

แรง ความดนั แรงลอยตัว แรง ดงึ ดดู ของโลก แรงเสียดทาน และการนำไปใช้

ครง้ั ท่ี ตวั ชวี้ ดั เนอ้ื หา

5 แรงและพลงั งานเพื่อชีวิต

4.1แรงและการเคล่ือนที่ของแรง 1. ความหมายหนว่ ย และประเภทของแรง

1. อธบิ ายความหมายประเภท 2. ผลของแรงท่ีกระทำตอ่ วตั ถุ และประโยชน

ของแรง ผลท่ีเกิดจากการกระทำ ของแรง

ของแรงความดัน แรงลอยตวั แรง 3. ความดนั

ดงึ ดดู ของโลก และแรงเสียดทาน 3.1 ความหมาย

ได้ 3.2 ความดนั ของของเหลว

2. การนำแรงและการเคลือ่ นที่ 3.3 ความดนั ของอากาศ

ของแรงไปใช้ประโยชน์ใช้ชวี ติ 3.4 แรงลอยตัว

ประจำวันได้

4.2 พลงั งานในชีวติ ประจำวัน

และการอนุรักษพ์ ลังงาน 1. พลังงาน และประเภทของพลงั งานที่ใชใ้ น

1.อธิบายและบอกถงึ ประเภทของ ชวี ติ ประจำวนั

พลังงานทเ่ี ก่ียวข้องใน 2. พลังงานไฟฟา้

ชีวติ ประจำวันได้ 2.1 แหล่งกำเนิด

2.อธิบายวธิ ีการใช้ไฟฟ้าในบ้าน 2.2 การเปล่ียนรูป

และต่อวงจรไฟฟ้าอยา่ งงา่ ยได๎ 2.3 ไฟฟ้าในบา้ นวงจรไฟฟา้ อยา่ งงา่ ย

3. บอกวิธีการประหยดั และ 2.5 ความปลอดภัยในการใช้ไฟฟ้าในครัวเรอื น

อนุรกั ษ์พลังงานไฟฟ้าได้ 2.6 การประหยดั และอนรุ ักษ์พลงั งานไฟฟา้

4. บอกคุณสมบัตขิ องแสงและ 3. พลังงานแสง

อธบิ ายปรากฏการณธ์ รรมชาติ 3.1 แหล่งกำเนิดแสง

จากแสงได้

12

วเิ คราะหเ์ นอื้ หา วธิ กี ารจดั การเรยี นรู้

ง่าย ปาน ยาก เนอ้ื หา กรต. ครู สอน โครงงาน จำนวน

กลาง ลึกซง้ึ สอน เสรมิ ชวั่ โมง

✓✓ - - ✓(10) ✓(3) - 13
น์

✓ ✓ - - ✓(10) ✓(3) - - 13



ครงั้ ที่ ตวั ชวี้ ดั เนอื้ หา

5 5. บอกคณุ สมบัติของเสยี งและการ 3.2 สมบัตขิ องแสง
(ต่อ) ป้องกนั มลภาวะของเสียงได้ 3.3 ปรากฏการณ์ธรรมชาติของแสง
4. พลังงานเสยี ง
6. บอกคุณสมบัติและชนดิ ของ 4.1 การเกดิ และสมบัติของเสียง
พลงั งานทดแทนในชีวิตประจำวนั 4.2 ความดัง และอนั ตรายทเี่ กิดจากเสยี ง

รวมจำนวนชว่ั โมง

13

วเิ คราะหเ์ นอ้ื หา วธิ กี ารจดั การเรยี นรู้

ง่าย ปาน ยาก เนอ้ื หา กรต. ครู สอน โครงงาน จำนวน

กลาง ลกึ ซงึ้ สอน เสรมิ ชวั่ โมง

ง - - 26
- - - - 20 6 -

ตารางวเิ คราะหเ์ นอ้ื หาส
หลักสตู รการศึกษานอกระบบ ระดบั กา

ภาคเรยี นท่ี 1 ปกี ารศกึ ษา
สาระความร้พู น้ื ฐาน รายวชิ าวทิ

จำนวน 3 หนว่ ยกติ
ศนู ยก์ ารศึกษานอกระบบและการศึกษ

มาตรฐานท่ี 2.2 มคี วามรู้ ความเข้าใจ ทกั ษะ และเห็นคณุ คา่ เก่ยี วกบั กระบวนการทางว

ในท้องถ่นิ และประเทศ สาร แรง พลงั งานกระบวนการเปลยี่ นแป

ดำเนินชวี ิต

ตวั ชว้ี ดั 1. อธิบายความสัมพนั ธ์ระหว่างดวงอาทิตย์ โลก และดวงจันทร์ได

หนว่ ยการเรยี นรู้ท่ี 5.ดาราศาสตร์เพอ่ื ชวี ิตความสัมพนั ธ์ระหว่างดวงอาทติ ย์โลก และดวงจนั

ครงั้ ท่ี ตวั ชวี้ ดั เนอ้ื หา

6 ดาราศาสตรเ์ พอื่ ชวี ติ 1. การเกดิ กลางวนั กลางคืน

ความสมั พนั ธร์ ะหวา่ งดวงอาทติ ย์ 2.การเกิดข้างขึ้น ข้างแรม

โลก และดวงจนั ทร์ 3.การเกดิ สรุ ยิ ปุ ราคา และจนั ทรปุ ราคา

1.อธบิ ายอทิ ธิพลของดวงอาทิตย์ 4.การเกดิ ฤดกู าล

และดวงจันทร์ท่ีมีผลต่อการเกิด 5.การเกิดลมบก ลมทะเล

ปรากฏการณ์ทางดาราศาสตร์บน

โลก และการนำไปใช้ประโยชน์

ได้

รวมจำนวนชว่ั โมง

14

สาระการเรยี นรรู้ ายวชิ า
ารศกึ ษาขน้ั พนื้ ฐาน พุทธศกั ราช 2551
2564ระดบั ประถมศกึ ษา
ทยาศาสตร์ รหสั พว11001
120 ชว่ั โมง
ษาตามอธั ยาศัยอำเภอเมอื งนราธวิ าส

วทิ ยาศาสตร์ เทคโนโลยี สงิ่ มชี ีวิต ระบบนิเวศ ทรพั ยากรธรรมชาตแิ ละสิ่งแวดล้อม
ปลงของโลก และดาราศาสตร์ มีจิตวทิ ยาศาสตร์และนำความรไู้ ปใช้ประโยชนใ์ นการ

ด้

นทร์

วเิ คราะหเ์ นอื้ หา วธิ กี ารจดั การเรยี นรู้

งา่ ย ปาน ยาก เนอื้ หา กรต. ครู สอน โครงงาน จำนวน

กลาง ลึกซงึ้ สอน เสรมิ ชว่ั โมง

- ✓ - - ✓(10) ✓(6) - - 6

- - - - 10 6 - - 16



14

14

แผนการจดั การเรียนรู้รายสปั ดาห์ ครงั้ ท2่ี

กลมุ่ สาระการเรยี นรู้สาระความรพู้ นื้ ฐาน รายวชิ า วทิ ยาศาสตร์ ( พว 11001)จำนวน 3 หนว่ ยกติ
เวลาเรยี น 14 ชว่ั โมง (พบกลมุ่ 6 ชวั่ โมง การเรยี นรดู้ ว้ ยตนเอง 8 ชวั่ โมง)
เนอื้ หาการเรยี นรู้ เรอื่ ง กระบวนการทางวทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี
วนั ท.ี่ ............... เดอื น.................................พ.ศ................

มาตรฐานการเรียนรู้ที่2.2มีความรู้ ความเข้าใจ ทักษะ และเห็นคุณค่าเก่ียวกับกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี
ส่ิงมีชีวิต ระบบนิเวศ ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมในท้องถ่ินและประเทศ สาร แรง พลังงานกระบวนการ
เปลีย่ นแปลงของโลก และดาราศาสตร์ มีจติ วทิ ยาศาสตร์และนำความร้ไู ปใช้ประโยชนใ์ นการดำเนนิ ชีวิต
มาตรฐานการเรียนรู้ระดับ

ความหมายและความสำคัญของวิทยาศาสตร์ และเทคโนโลยีของการดำรงชีวิต กระบวนการวิทยาศาสตร์ ทักษะ
กระบวนการทางวิทยาศาสตร์ และเทคโนโลยีความหมายและความสำคัญของเทคโนโลยีต่อชีวิตมนุษย์ความก้าวหน้าของ
เทคโนโลยีในปัจจุบันการนำเทคโนโลยีมาใช้กับการประกอบอาชีพและการดำรงชีวิตการใช้วัสดุอุปกรณ์และเครื่องมือด้วย
วทิ ยายาศาสตรอ์ ยา่ งถกู ตอ้ ง

ตวั ชวี้ ดั 1. อธิบายธรรมชาตแิ ละความสำคัญของวทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยีได้
2. อธบิ ายกระบวนการทางวทิ ยาศาสตร์ได้

3. นำความรู้และกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ไปใชแ้ ก้ปญั หาต่างๆได้
4. เลือกใช้เทคโนโลยีไดอ้ ย่างเหมาะสม
5. ใช้อปุ กรณ์ทางวทิ ยาศาสตรบ์ างชนดิ ได้
6. เกดิ เจตคตทิ างวิทยาศาสตร์
7. มจี ติ วิทยาศาสตร์
เนอ้ื หา

1.ธรรมชาติของวทิ ยาศาสตร์
1.1 ความหมายและความสำคญั ของวทิ ยาศาสตร์
1.2 กระบวนการทางวทิ ยาศาสตร์

2. เทคโนโลยี
2.1 ความหมายและความสำคัญ
2.2 เทคโนโลยกี บั ชวี ิต

3. อปุ กรณว์ ทิ ยาศาสตร์
3.1 ประเภท
3.2 วธิ ีใช้อุปกรณ์

4.โครงงานวทิ ยาศาสตร์
4.1 ประเภทของโครงงาน
4.2 การเลือกหวั ข้อโครงงาน

15

4.3การเขียนโครงงาน
4.4การวางแผน และการทำโครงงาน
4.5การนำเสนอโครงงาน

วธิ กี ารเรยี น : แบบพบกลมุ่ (ON-Site)

กระบวนการจดั การเรยี นรู้

การกำหนดสภาพ ปญั หา ความตอ้ งการในการเรยี นรู้ (O : Orientation)
1.ขน้ั นำเขา้ สบู่ ทเรยี น (เวลา 30 นาท)ี

16

1.1 ครูทักทายนักศึกษา และนำเข้าสู่บทเรียนโดยให้นักศึกษาแสดงความคิดเห็นในเรื่องความหมาย และ
ความสำคัญของวิทยาศาสตร์เทคโนโลยีของการดำรงชวี ิต ตามความเข้าใจของนักศกึ ษา ครูให้นักศึกษาทำแบบทดสอบกอ่ น
เรียนเรื่องกระบวนการทางวทิ ยาศาสตร์ และเทคโนโลยีโครงงานวทิ ยาศาสตร์

1.2 ครูช้ีแจง สาระสำคัญ จุดประสงค์การเรียนรู้ เน้ือหา กระบวนการทางวิทยาศาสตร์ และเทคโนโลยี
โครงงานวิทยาศาสตร์
การแสวงหาขอ้ มลู และการจัดการเรยี นรู้ (N : New ways of learning)
2.กระบวนการจดั การเรยี นรู้(N:newway of lerling)(เวลา 4 ช่วั โมง)

2.1.ครูอธิบายเนื้อหาตามหนังสือเรียนรายวิชา วิทยาศาสตร์เร่ืองธรรมชาติของวิทยาศาสตร์ กระบวนการทาง
วทิ ยาศาสตร์ และเทคโนโลยี โครงงานวิทยาศาสตร์

2.2.ครูให้ผู้เรียนแบ่งกลุ่มกลุ่มละไม่เกิน 5 คน พูดคุยทบทวนเร่ือง ธรรมชาติของวิทยาศาสตร์ ให้สรุปร่วมกัน
แล้ว เลอื กตัวแทน 1 คนพูดหน้าช้ันสรปุ ใหเ้ พ่อื นฟงั ในหวั ข้อต่อไปนี้

- ความหมายและความสำคัญของวิทยาศาสตร์
- เทคโนโลยี
- อุปกรณ์วทิ ยาศาสตร์
- โครงงานวิทยาศาสตร์
2.๓.ครูให้นักศึกษาศึกษาค้นคว้าจากแหล่งเรียนรู้เพ่ิมเติม ส่ือ ส่ิงพิมพ์อินเตอร์เน็ต และใบความรู้ที่1 และ2 ครู
และผเู้ รยี นร่วมกนั สรปุ เรอื่ งกระบวนการทางวทิ ยาศาสตร์ และเทคโนโลยี โครงงานวทิ ยาศาสตร์
2.4. ครใู ห้ผู้เรยี นทำแบบฝึกหดั /ใบงานที่ 2.๑และ 2.2
2.5.ครูสอนและสอดแทรกคุณธรรม 12 ประการ ในเร่ือง ความสะอาด ความสุภาพ ความขยัน ความประหยัด
ความซื่อสัตย์สุจริต ความสามัคคี ความมีน้ำใจ ความมีวินัย ศาสน์ กษัตริย์ รักความเป็นไทย และยึดมั่นในวิถีชีวิตและการ
ปกครองตามระบอบประชาธปิ ไตยอันมีพระมหากษัตรยิ ท์ รงเปน็ ประมุข
การปฏบิ ตั ิและนำไปประยุกต์ (I : Implementation)
3. ขน้ั การปฏิบตั ิและนำไปประยุกต์ใช้( 30 นาที )
3.1 ครูสุ่มตัวแทนกลุ่มนำเสนอ เพื่อแลกเปล่ียนความคิดเห็นซ่ึงกันและกันสรุปสิ่งที่ได้เรียนรู้ร่วมกันและให้
นักศึกษาบันทกึ ความรู้ท่ีได้ ลงในแบบบันทกึ การเรยี นรู้ กศน.
3.2นักศึกษานำความรู้ทีไ่ ด้จากการเรยี นรู้มาเป็นแนวทางในการแก้ปัญหาและการดำเนนิ ชีวติ ในประจำวันตอ่ ไป

ข้ันประเมนิ ผล (E :Evaluation)
4. ขน้ั สรปุ และประเมนิ ผล ( 1 ชั่วโมง)

4.1.ครสู รปุ เนื้อหาทเ่ี รยี นเพมิ่ เตมิ และข้อเสนอแนะให้กบั ผเู้ รียน
4.๒ ครูให้นักศึกษาทำแบบทดสอบหลังเรียน เรื่องกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ และเทคโนโลยี โครงงาน
วทิ ยาศาสตรจ์ ำนวน 10 ข้อ พรอ้ มเฉลยและประเมินผลให้นกั ศกึ ษาบนั ทกึ คะแนนลงในแบบบันทึกการเรียนรู้ กศน.

17

4.3 ครูให้นักศึกษาสรุปการทำความดีและคุณธรรมท่ีได้ปฏิบัติ พร้อมบันทึกลงในสมุดบันทึกความดี เพื่อการ
ประเมนิ คุณธรรม

4.3ครูติดตามงานที่ไดม้ อบหมายนักศึกษา เพอ่ื ตดิ ตามความคบื หน้าทางแอปพลเิ คชนั Line ดงั นี้
4.4 ตดิ ตามงานท่ีไดร้ บั มอบหมายสปั ดาห์ทผ่ี า่ นมา
4.5 ติดตามการทำกจิ กรรมพัฒนาคุณภาพชีวติ (กพช.)
4.6 ติดตามสอบถามสุขภาพของนักศึกษา (การตรวจสุขภาพ/ความสะอาด/การแต่งกาย)
4.7 ตดิ ตามสอบถามการทำความดีในแตล่ ะวัน สปั ดาหท์ ผ่ี ่านมาและตดิ ตามการบนั ทกึ
กจิ กรรมท่ีทำความดลี งในสมุดบันทกึ บันทึกความดเี พ่ือการประเมินคุณธรรม
4.8ตดิ ตามสอบถามเกย่ี วกบั งานอดิเรก สุนทรียภาพ การเล่นกฬี า การใช้เวลาว่างใหเ้ ปน็ ประโยชน์ ฯลฯ
4.9ตดิ ตามความก้าวหน้าการทำรายงาน

สอื่ และแหลง่ การเรยี นรู้
1. แอปพลเิ คชัน LINE
2. หนังสอื เรยี นวิชารายวิชาวทิ ยาศาสตร์ จากลงิ้ http://loei.nfe.go.th/media/uploads/2014-07-

01/20140701-1404202215.pdf
3. แบบทดสอบก่อนเรียน กระบวนการทางวิทยาศาสตร์ และเทคโนโลยี โครงงานวิทยาศาสตร์

แบบปรนยั จำนวน 10 ข้อ (ชดุ แบบทดสอบ หรอื Google Form)
4. แบบทดสอบหลังเรียน เรื่องกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ และเทคโนโลยี โครงงานวิทยาศาสตร์ แบบปรนัย

จำนวน 10 ข้อ (ชดุ แบบทดสอบ หรือ Google Form)
5. ใบงานท่ี 2.1และ2.2
6.แบบบนั ทกึ การเรยี นรู้ กศน.

ขั้นมอบหมายงาน
1.ครูมอบหมายใหน้ ักศึกษาไปอ่านทบทวนเนือ้ หาเพิ่มเติมจากหนงั สือเรียนรายวชิ าวิทยาศาสตร(์ พว 11001) จา

กล้งิ http://loei.nfe.go.th/media/uploads/2014-07-01/20140701-1404202215.pdf
(แบบเรียนออนไลน)์ โดยศึกษาในเรอ่ื ง กระบวนการทางวิทยาศาสตร์ และเทคโนโลยี โครงงานวิทยาศาสตรแ์ ละการนำผลที่
ไดจ้ ากการวางแผนไปประยุกต์ใชใ้ นชีวติ ประจำวัน และสรุปลงในแบบบนั ทึกการเรียนรู้ กศน.

2. ครมู อบหมายใหน้ ักศึกษาไปศกึ ษาค้นคว้าเนื้อหาจากหนังสอื เรียนออนไลน์รายวชิ าวทิ ยาศาสตร(์ พว 11001)
จากล้งิ http://loei.nfe.go.th/media/uploads/2014-07-01/20140701-1404202215.pdf
และศึกษาเนื้อหาจากใบความรู้ และทำใบงานที่ 1 เรื่อง กระบวนการทางวิทยาศาสตร์ และเทคโนโลยี โครงงาน
วิทยาศาสตร์ให้นักศึกษาส่งงาน ตามวันเวลาท่ีครูกำหนด ( ส่งงานในการพบกลุ่มครั้งต่อไป หรือ ทาง LINE ตามวันเวลาท่ี
ครูกำหนด )

การวดั และประเมนิ ผล (E:evaluation)
1. การสงั เกตพฤตกิ รรมการมีรายบุคคล/รายกลุ่ม
2. การตรวจแบบบนั ทกึ การเรียนรู้ กศน.
3. ประเมนิ การนำเสนอผลงาน/ชน้ิ งาน

18

4. การตรวจใบงาน
5. การตรวจแบบทดสอบ
6. การประเมินคุณธรรม

วธิ กี ารเรยี น : แบบออนไลน์ (ON-Line)
กระบวนการจดั การเรยี นรู้
การกำหนดสภาพ ปญั หา ความตอ้ งการในการเรยี นรู้ (O : Orientation)
1.ขนั้ นำเขา้ สบู่ ทเรยี น (เวลา 30 นาท)ี

1.1 ครูทักทายนักศึกษา และนำเข้าสู่บทเรียนโดยให้นักศึกษาแสดงความคิดเห็นในเร่ืองความหมาย และ
ความสำคัญของวทิ ยาศาสตร์เทคโนโลยีของการดำรงชวี ติ ตามความเข้าใจของนักศกึ ษา ครใู ห้นักศึกษาทำแบบทดสอบกอ่ น
เรยี น เรอื่ งกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ และเทคโนโลยี โครงงานวทิ ยาศาสตรผ์ ่านทาง LINE กลมุ่ พร้อมอธบิ ายถึงเหตุผล
ความจำเป็นท่ตี อ้ งจัดกจิ กรรมการเรียนรูปแบบออนไลน์

1.2 ครูช้ีแจง สาระสำคัญ จุดประสงค์การเรียนรู้ เนื้อหา กระบวนการทางวิทยาศาสตร์ และเทคโนโ ลยี
โครงงานวิทยาศาสตร์

1.3 ครนู ำเขา้ สบู่ ทเรยี นโดยครเู ปดิ วดี ีทัศน์ จากลิง้ ค์https://www.youtube.com/watch?v=gi8APkIQ7pY

19

นักศึกษารว่ มกันวิเคราะห์และแลกเปล่ียนเรียนรู้แสดงความคิดเห็นผ่านทาง แอปพลิเคชัน LINE เพ่ือเชอ่ื มโยงเข้าสู่บทเรยี น
ตอ่ ไป

1.4ครูและนักศึกษาร่วมกันวิเคราะห์ แลกเปล่ียนเรียนรู้ แสดงความคิดเห็น ความหมายและความสำคัญของ
วิทยาศาสตรผ์ ่านทาง แอปพลิเคชนั LINE
การแสวงหาขอ้ มลู และการจดั การเรยี นรู้ (N : New ways of learning)
2.กระบวนการจดั การเรยี นรู้(N:newway of lerling)(เวลา 4 ชม.)

2.1.ครูอธบิ ายวธิ ีการจัดเกบ็ วิเคราะห์ข้อมูลอยา่ งง่ายและเผยแพร่ข้อมูล
2.2.ครอู ธบิ ายกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ และเทคโนโลยี โครงงานวิทยาศาสตร์
2.3.ครูให้ผู้เรียนแบ่งกลุ่มกลุ่มละไม่เกิน 5 คน พูดคุยทบทวนเรื่องกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ และเทคโนโลยี
โครงงานวิทยาศาสตร์ ให้สรุปร่วมกันแลว้ เลอื กตัวแทน 1 คนสรปุ ให้เพ่อื นฟังผา่ นแอปพลิเคชัน LINE
2.4.ครูและผู้เรียนร่วมกันสรุปเน้ือหาผ่านแอปพลิเคชัน LINEเร่ืองการใช้ประโยชน์จากกระบวนการทาง
วทิ ยาศาสตร์ และเทคโนโลยี โครงงานวทิ ยาศาสตร์

2.5.ครูสอนและสอดแทรกคุณธรรม 12 ประการ ในเรือ่ ง ความสะอาด ความสุภาพ ความขยัน ความประหยัด
ความซ่ือสัตย์สุจริต ความสามัคคี ความมีน้ำใจ ความมีวินัย ศาสน์ กษัตริย์ รักความเป็นไทย และยึดมั่นในวิถีชีวิตและการ
ปกครองตามระบอบประชาธปิ ไตยอนั มีพระมหากษัตริย์ทรงเปน็ ประมุข

2.6.ครใู ห้ผ้เู รยี นทำแบบฝกึ หัด /ใบงานท่ี 2.1 และ 2.2
การปฏบิ ตั แิ ละนำไปประยุกต์ (I : Implementation)
3. ขน้ั การปฏบิ ัตแิ ละนำไปประยกุ ตใ์ ช(้ 30 นาที )

3.1 ครูสุ่มตัวแทนนำเสนอ เพื่อแลกเปล่ียนความคิดเห็นซึ่งกันและกันสรุปสิ่งท่ีได้เรียนรู้ร่วมกันและให้นักศึกษา
บันทึกความรทู้ ่ีได้ ลงในแบบบนั ทึกการเรียนรู้ กศน.

3.2นักศกึ ษานำความรู้ท่ีไดจ้ ากการเรยี นรู้มาเป็นแนวทางในการแก้ปญั หาและการดำเนินชีวติ ในประจำวนั ต่อไป

ขั้นประเมนิ ผล (E :Evaluation)
4. ขนั้ สรุปและประเมนิ ผล(เวลา 1 ชม.)

4.1.ครสู รปุ เน้ือหาท่ีเรยี นเพม่ิ เตมิ และข้อเสนอแนะใหก้ ับผู้เรยี น
4.2 ครใู ห้นกั ศกึ ษาทำแบบทดสอบหลงั เรยี น รายวิชาวิทยาศาสตร์(พว 11001) แบบปรนัย จำนวน 10 ขอ้
พรอ้ มเฉลยและประเมนิ ผลให้นักศกึ ษาบนั ทึกคะแนนลงในแบบบันทกึ การเรียนรู้ กศน.
4.3 ครูใหน้ ักศกึ ษาสรุปการทำความดแี ละคณุ ธรรมท่ไี ด้ปฏิบตั ิ พรอ้ มบนั ทึกลงในสมุดบันทกึ ความดี เพ่ือการ
ประเมนิ คุณธรรม
สอ่ื และแหลง่ การเรยี นรู้
1.www.etvthai.tv
2.ทวี ีดจิ ติ อลชอ่ ง 52 (กศน.)
3. แอปพลเิ คชัน LINE
4. หนังสือเรยี นออนไลนร์ ายวิชาวิทยาศาสตร์( พว 11001) จากลิง้
http://loei.nfe.go.th/media/uploads/2014-07-01/20140701-1404202215.pdf

20

5.https://www.youtube.com/watch?v=gi8APkIQ7pY
6. แบบทดสอบก่อนเรียน เร่ือง กระบวนการทางวิทยาศาสตร์ และเทคโนโลยี โครงงานวทิ ยาศาสตรแ์ บบปรนัย
จำนวน 10 ข้อ (Google Form)
7. แบบทดสอบหลังกระบวนการทางวทิ ยาศาสตร์ และเทคโนโลยี โครงงานวิทยาศาสตรแ์ บบปรนยั จำนวน 10
ขอ้ (Google Form)
8. ใบงานที่ 2.1และ2.2
9.แบบบันทึกการเรียนรู้ กศน.
ข้นั มอบหมายงาน
1.ครูมอบหมายให้นักศึกษาไปอ่านทบทวนเนื้อหาเพ่ิมเติมจากหนังสือเรียนรายวิชาวิทยาศาสตร์ ( พว
11001) จากล้งิ http://loei.nfe.go.th/media/uploads/2014-07-01/20140701-1404202215.pdf
(แบบเรียนออนไลน)์ โดยศกึ ษาในเรอื่ ง กระบวนการทางวทิ ยาศาสตร์ และเทคโนโลยี โครงงานวทิ ยาศาสตร์และการนำผลท่ี
ไดจ้ ากการวางแผนไปประยกุ ต์ใชใ้ นชีวติ ประจำวัน และสรุปลงในแบบบนั ทึกการเรยี นรู้ กศน.
2. ครูมอบหมายให้นักศึกษาไปศึกษาค้นคว้าเนื้อหาจากหนังสือเรียนออนไลน์รายวิชาวิทยาศาสตร์ (พว
11001) จากลง้ิ http://loei.nfe.go.th/media/uploads/2014-07-01/20140701-1404202215.pdf
และศึกษาเนื้อหาจากใบความรู้ และทำใบงานท่ี 1 เร่ือง กระบวนการทางวิทยาศาสตร์ และเทคโนโลยี โครงงาน
วิทยาศาสตร์ให้นักศึกษาส่งงาน ตามวันเวลาที่ครูกำหนด ( ส่งงานในการพบกลุ่มคร้ังต่อไป หรือ ทาง LINE ตามวันเวลาท่ี
ครูกำหนด )

การวดั และประเมนิ ผล (E:evaluation)
1. การสังเกตพฤติกรรมการมีรายบคุ คล/รายกลมุ่
2. การตรวจแบบบนั ทกึ การเรยี นรู้ กศน.
3. ประเมินการนำเสนอผลงาน/ชนิ้ งาน
4. การตรวจใบงาน
5. การตรวจแบบทดสอบ
6. การประเมินคุณธรรม

21

กระบวนการจดั การเรยี นรู้
วธิ กี ารเรยี น : แบบหนงั สอื เรยี น มอบหมายงาน (ON - Hand)
การกำหนดสภาพ ปญั หา ความตอ้ งการในการเรยี นรู้ (O : Orientation)
1.ขนั้ นำเขา้ สบู่ ทเรยี น (เวลา 30 นาที )
1.1 ครูสำรวจความพรอ้ มของนักศึกษาในการเรียนรู้ สำหรับนักศึกษาไม่มีอินเตอร์เน็ต และเคร่ืองมือส่ือสาร โดย
นำหนังสือเรียน ใบความรู้ และใบงาน ให้ผู้เรียนได้เรียนรู้ท่ีบ้านในรายวิชาวิทยาศาสตร์( พว 11001)จากหนังสือที่ครูได้
นำไปให้ พร้อมให้นกั ศึกษา ศกึ ษาใบความรู้ จดั ทำใบงาน พร้อมท้ังทำแบบทดสอบก่อนเรยี น
1.2 ครใู หน้ ักศึกษา ศกึ ษาเรยี นรู้ทีบ่ ้าน เพ่ือเชือ่ มโยงเข้าสูบ่ ทเรียนและมอบหมายงานตอ่ ไป
1.3 นกั ศึกษาสรุปสิง่ ที่ได้เรยี นรู้ บนั ทกึ ลงในแบบบนั ทึกการเรยี นรู้ กศน. และนำสง่ ตามวนั เวลาท่คี รู กำหนด
การแสวงหาขอ้ มลู และการจดั การเรยี นรู้ (N : New ways of learning)
2.กระบวนการจดั การเรยี นรู้(N:newway of lerling)(เวลา 4 ชม.)
2.1 ครูมอบหมายให้นักศึกษาไปศึกษาหาความรู้ จากหนังสือ รายวิชาวิทยาศาสตร์( พว 11001)ในหัวข้อ
กระบวนการทางวิทยาศาสตร์ และเทคโนโลยี โครงงานวทิ ยาศาสตร์
2.2ครูมอบหมายงานให้นักศึกษาไปศึกษาค้นคว้าจากหนังสือ รายวิชาวิทยาศาสตร์( พว 11001) จากใบความรู้
หรือจากแหลง่ การเรียนรตู้ ่างๆ และให้นักศึกษาจัดทำสรปุ ความรู้เปน็ แผนผังความคดิ ลงในแบบบนั ทึกการเรยี นรู้ กศน. ใน

22

หัวข้อกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ และเทคโนโลยี โครงงานวิทยาศาสตร์และให้นักศึกษาส่งงานนำส่งตามวันเวลาที่ครู
กำหนด

2.3 ครูมอบหมายครูมอบหมายให้นักศึกษาไปศึกษาคน้ คว้าเน้ือหาจากหนังสือเรียนรายวิชาวทิ ยาศาสตร์( พว
11001)และทำใบงาน ดังนี้

- ใบงานที่ 2.1 เรือ่ ง กระบวนการทางวทิ ยาศาสตร์ และเทคโนโลยี
- ใบงานที่ 2.2 เรือ่ ง โครงงานวทิ ยาศาสตร์
2.4 ครมู อบหมายให้นักศึกษา บันทกึ สมุดบันทกึ ความดี เพ่ือประเมินคุณธรรม 12 ประการ ในเร่ือง ความสะอาด
ความสุภาพ ความกตัญญู กตเวทีความขยนั ความประหยัด ความซื่อสตั ย์ ความมนี ำ้ ใจ ความมีวนิ ยั ศาสน์ กษตั ริย์ รกั ความ
เป็นไทย และยึดมนั่ ในวิถีชีวิตและการปกครองตามระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษตั รยิ ์ทรงเป็นประมุข
การปฏบิ ตั ิและนำไปประยุกต์ (I : Implementation)
3. ขน้ั การปฏบิ ตั แิ ละนำไปประยกุ ตใ์ ช(้ 30 นาที )
3.1 ครูมอบหมายให้ผู้เรียนสรุปส่ิงที่ได้เรียนรู้ร่วมกันและให้นักศึกษาบันทึกความรู้ท่ีได้ ลงในแบบบันทึกการ
เรียนรู้ กศน.
3.2นกั ศึกษานำความรทู้ ไ่ี ด้จากการเรียนร้มู าเปน็ แนวทางในการแก้ปัญหาและการดำเนินชีวิตในประจำวันตอ่ ไป

ขน้ั ประเมนิ ผล (E :Evaluation)
4. ขน้ั สรปุ และประเมนิ ผล(เวลา 1ชม.)

4.1 ครูให้นกั ศึกษาทำแบบทดสอบก่อนเรียน เรอ่ื ง รายวิชาวิทยาศาสตร์ (พว 11001) แบบปรนยั จำนวน 10
ข้อ จากชดุ แบบทดสอบ พร้อมเฉลยและประเมนิ ผล ใหน้ กั ศึกษาบันทกึ คะแนนลงในแบบบนั ทกึ การเรยี นรู้ กศน.

4.2 ครใู ห้นกั ศึกษาสรุปการทำความดีและคุณธรรมทไ่ี ด้ปฏิบัติ พร้อมบนั ทึกลงในสมดุ บนั ทึกความดี เพื่อการ
ประเมินคุณธรรม

4.3 ครูตดิ ตามงานท่ีได้มอบหมายนกั ศึกษา เพื่อติดตามความคืบหน้า
4.4 ตดิ ตามงานทไี่ ด้รบั มอบหมายสปั ดาห์ทผี่ า่ นมา
4.5 ตดิ ตามการทำกิจกรรมพฒั นาคุณภาพชวี ิต (กพช.)
4.6 ตดิ ตามสอบถามสขุ ภาพของนกั ศึกษา (การตรวจสุขภาพ/ความสะอาด/การแต่งกาย)
4.7 ติดตามสอบถามการทำความดีในแต่ละวัน สัปดาห์ท่ีผ่านมาและตดิ ตามการบันทึก กิจกรรมทท่ี ำความดีลงใน
สมุดบันทกึ บนั ทกึ ความดีเพื่อการประเมนิ คุณธรรม
4.8 ติดตามสอบถามเกีย่ วกับงานอดเิ รก สุนทรยี ภาพ การเลน่ กฬี า การใช้เวลาวา่ งใหเ้ ป็นประโยชน์ ฯลฯ
4.9 ติดตามความกา้ วหนา้ การทำรายงาน
สื่อและแหล่งการเรยี นรู้
1. หนังสือเรียนวชิ ารายวชิ าวทิ ยาศาสตร(์ พว 11001)
2. แบบทดสอบก่อนเรียน เรื่อง กระบวนการทางวิทยาศาสตร์ และเทคโนโลยี โครงงานวิทยาศาสตร์ แบบปรนัย
จำนวน 10 ขอ้
3.แบบทดสอบหลังเรียน เร่ือง กระบวนการทางวิทยาศาสตร์ และเทคโนโลยี โครงงานวิทยาศาสตร์ แบบปรนัย จำนวน
10 ข้อ

23

4. ใบงานที่ 2.1
5.บบันทกึ การเรียนรู้ กศน.
ขนั้ มอบหมายงาน
4.1 ครูมอบหมายใหน้ ักศกึ ษาศกึ ษาเรียนรู้จากหนังสือเรยี นรายวิชาวิทยาศาสตร(์ พว 11001) โดยศึกษาในการมี
สว่ นร่วม การบอกความหมายความสำคัญประโยชน์ของข้อมูลดา้ นต่างๆ และสรุปลงในแบบบันทกึ การเรียนรู้ กศน.
4.2 ครูมอบมายงานให้นักศึกษาได้ศึกษาเพ่ิมเติมและบันทึก เร่ืองกระบวนการทางวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
โครงงานวทิ ยาศาสตร์ พรอ้ มจัดทำรปู เลม่ นำเสนอรายงาน ตามวันเวลาท่ีครูกำหนด ก่อนสอบปลายภาคเรยี น

การวัดและประเมนิ ผล(E:evaluation)
1. การสงั เกตพฤตกิ รรมการมรี ายบุคคล/รายกลุ่ม
2. การตรวจแบบบนั ทกึ การเรยี นรู้ กศน.
3. ประเมินการนำเสนอผลงาน/ชิ้นงาน
4. การตรวจใบงาน
5. การตรวจแบบทดสอบ
6. การประเมนิ คุณธรรม

24

กระบวนการจดั การเรยี นรู้

วธิ กี ารเรยี น : แบบผา่ นชอ่ งทาง ETV (ON-Air)

การกำหนดสภาพ ปญั หา ความตอ้ งการในการเรยี นรู้ (O : Orientation)

1.ขนั้ นำเขา้ สบู่ ทเรยี น (เวลา 30 นาท)ี

1.1 ครูทักทายนักศึกษา และนำเข้าสู่บทเรียนโดยให้นักศึกษาแสดงความคิดเห็นในเร่ือง กระบวนการทาง

วิทยาศาสตร์ และเทคโนโลยี โครงงานวิทยาศาสตร์ บอกความหมายความสำคัญประโยชน์ของข้อมูลด้านต่างๆตามความ

เข้าใจของนักศึกษา โดยครูแลกเปลี่ยนเรียนรู้ ร่วมกันวิเคราะห์ และแสดงความคิดเห็นร่วมกันในกลุ่ม LINE พร้อมทั้งทำ

แบบทดสอบก่อนเรียน(ชุดแบบทดสอบ หรอื Google Form) ผ่านทางGoogle Classroom หรอื LINE กลมุ่ พรอ้ มอธิบาย

ถึงเหตุผลความจำเป็นทต่ี อ้ งจดั กจิ กรรมการเรียนรปู แบบ( ON-Air )

1.2 ครูนำเข้าสู่บทเรียนโดย ให้นักศึกษาสมัครเป็นสมาชิกETVตามลิ้งต่อไปน้ีhttps://youtu.be/FBaOD2W-

gVU เพ่ือให้นักศึกษามีรหัสผ่านเพ่ือเข้าไปศึกษาหาความรู้ตาม ตารางออนแอร์ ในแต่ละวันของสถานีวิทยุโทรทัศน์เพ่ือ

การศึกษา กระทรวงศกึ ษาธิการตามล้ิง รายการโทรทัศน์สง่ เสรมิ การศึกษานอกระบบโรงเรียน

การแสวงหาขอ้ มลู และการจดั การเรยี นรู้ (N : New ways of learning)
2.กระบวนการจดั การเรยี นรู้(N:newway of lerling)(เวลา 4 ชม.)

2.1 ครูมอบหมายให้นักศึกษาเข้าไปศึกษาหาความรู้ ของสถานีวิทยุโทรทัศน์เพ่ือการศึกษา กระทรวงศึกษาธิการ

ตามเว็บไซต์ www.etvthai.tv โดยเข้าสู่ระบบด้วยรหัสผ่านท่ีนักศึกษาสมัครไว้แล้ว โดยสามารถดูตาราง ออนแอร์ได้ ตาม

ล้ิ งhttp://www.etvthai.tv/Front_ETV/FETV_Schedule.aspx แ ล ะ ส าม ารถ ดู ราย ก ารย้ อ น ห ลั งได้ ต าม ล้ิ ง

http://www.etvthai.tv/home/home_External.aspx

อีกช่องทางการศึกษาหาความรู้โดยผ่าน ทีวีดิจิตอลช่อง 52 (กศน.) สามารถติดตามข่าวสารและตารางออนแอร์ได้ใน

เฟสบคุ๊ :ETV ส่ือดิจทิ ัลเพื่อการศึกษา สำนักงาน กศน. ตามล้งิ น้ี https://www.facebook.com/etv.digital/

2.2 ครูมอบหมายให้นักศึกษาเรยี นรู้แบบ (ON-Air) ใน

เรื่องการเรียนรู้ในหัวขอ้ ต่อไปนี้

1. กระบวนการทางวิทยาศาสตร์ และเทคโนโลยี โครงงานวทิ ยาศาสตร์

2. การใชป้ ระโยชน์จากกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ และเทคโนโลยี โครงงานวิทยาศาสตร์

25

3. การนำผลท่ีได้จากการวางแผนไปประยุกต์ใช้ในชีวิตประจำวันและให้นักศึกษาสรุปลงในแบบบันทึก
การเรียนรู้ กศน. นำส่งผา่ นทาง Google Classroom หรือแอปพลเิ คชัน LINE

2.3 ครูมอบหมายใหน้ ักศกึ ษาเลือกหวั ข้อท่นี กั ศึกษาสนใจ จำนวน 1 เรอื่ ง ใหไ้ ปศึกษาค้นคว้าจากหนงั สือ เรยี น
ออนไลนร์ ายวชิ า จากลิงค์http://loei.nfe.go.th/media/uploads/2014-07-01/20140701-1404202215.pdf
และจากการศึกษาในรปู แบบ(ON-Air)ท้ังในเวบ็ ไซต์ www.etvthai.tv และทวี ีดจิ ิตอลชอ่ ง 52 (กศน.) หรือจากแหล่งการ
เรยี นรู้ต่างๆ และให้นักศึกษาจัดทำสรุปความรเู้ ปน็ แผนผังความคดิ ลงในแบบบนั ทกึ การเรียนรู้ กศน. ในหวั ข้อ ดงั น้ี

1.ความหมายและความสำคัญของวิทยาศาสตร์
2.กระบวนการทางวิทยาศาสตร์
3. ธรรมชาตขิ องวทิ ยาศาสตร์
4. จติ วิทยาศาสตร์
5. เทคโนโยลี
๖. อปุ กรณ์วิทยาศาสตร์
๗. โครงงานวทิ ยาศาสตร์
และสง่ งานผา่ นทาง แอปพลเิ คชัน LINE
2.4 ครูสอนและสอดแทรกคุณธรรม 11 ประการ ในเร่ือง ความสะอาด ความสุภาพ ความกตัญญู กตเวทีความ
ขยัน ความประหยัด ความซ่ือสตั ย์ ความมีนำ้ ใจ ความมีวินัย ศาสน์ กษัตริย์ รักความเป็นไทย และยดึ มั่นในวิถชี ีวิตและการ
ปกครองตามระบอบประชาธปิ ไตยอันมีพระมหากษัตริยท์ รงเป็นประมุข ผา่ นทาง LINE กลุม่
การปฏบิ ตั ิและนำไปประยกุ ต์ (I : Implementation)
3. ขนั้ การปฏบิ ัติและนำไปประยกุ ตใ์ ช(้ 30 นาที )
3.1 ครูสุ่มตัวแทนนำเสนอ เพื่อแลกเปล่ียนความคิดเห็นซึ่งกันและกันสรุปสิ่งท่ีได้เรียนรู้ร่วมกันและให้นักศึกษา
บนั ทึกความรู้ท่ีได้ ลงในแบบบนั ทกึ การเรียนรู้ กศน.
3.2นกั ศึกษานำความร้ทู ไี่ ด้จากการเรยี นรมู้ าเปน็ แนวทางในการแก้ปัญหาและการดำเนนิ ชวี ิตในประจำวนั ตอ่ ไป
ขนั้ ประเมนิ ผล (E :Evaluation)
4. ขน้ั สรุปและประเมนิ ผล (1 ชม.)
4.1 ครตู ดิ ตามงานท่ไี ด้มอบหมายนกั ศึกษา เพื่อตดิ ตามความคบื หนา้ ทางแอปพลเิ คชนั Line ดงั น้ี

4.1.1 ติดตามงานท่ีได้รับมอบหมายสัปดาหท์ ผ่ี า่ นมา
4.1.2 ตดิ ตามการทำกิจกรรมพัฒนาคุณภาพชีวิต (กพช.)
4.1.3 ตดิ ตามสอบถามสขุ ภาพของนกั ศึกษา (การตรวจสุขภาพ/ความสะอาด/การแต่งกาย)
4.1.4 ติดตามสอบถามการทำความดีในแต่ละวัน สัปดาห์ที่ผ่านมาและติดตามการบันทึก กิจกรรมท่ีทำ
ความดีลงในสมดุ บนั ทกึ บันทึกความดีเพ่อื การประเมินคุณธรรม
4.1.5 ติดตามสอบถามเก่ียวกับงานอดิเรก สุนทรียภาพ การเล่นกีฬา การใช้เวลาว่างให้เป็นประโยชน์
ฯลฯ
4.1.6 ติดตามความกา้ วหน้าการทำรายงาน

ส่อื และแหล่งการเรยี นรู้
1.www.etvthai.tv

26

2.ทีวีดิจิตอลช่อง 52 (กศน.)
3.หนงั สอื เรียนวชิ ารายวชิ าวทิ ยาศาสตร์(พว 11001)
4. แบบทดสอบก่อนเรียน เร่ือง กระบวนการทางวิทยาศาสตร์ และเทคโนโลยี โครงงานวทิ ยาศาสตร์ แบบปรนัย
จำนวน 10 ข้อ
5. แบบทดสอบหลังเรียน เรือ่ ง กระบวนการทางวิทยาศาสตร์ และเทคโนโลยี โครงงานวิทยาศาสตร์ แบบปรนัย
จำนวน 10 ขอ้
6. ใบงานที่ 2.1
7.แบบบันทึกการเรยี นรู้ กศน.
ขน้ั มอบหมายงาน
4.1 ครูมอบหมายให้นกั ศึกษาไปอ่านทบทวนเนอื้ หาเพม่ิ เติมจากหนังสอื เรียนออนไลนร์ ายวิชาวิทยาศาสตร์
(พว1001) จากลิ้ง http://loei.nfe.go.th/media/uploads/2014-07-01/20140701-1404202215.pdfโดย
ศึกษาในเร่ือง กระบวนการทางวิทยาศาสตร์ และเทคโนโลยี โครงงานวิทยาศาสตร์และสรุปลงในแบบบันทึกการเรียนรู้
กศน.
4.2 ครูมอบหมายให้นักศึกษาไปศึกษาค้นคว้าเน้ือหาจากหนังสือเรียนออนไลน์รายวิชาวิทยาศาสตร์( พว
11001) จากล้ิง http://loei.nfe.go.th/media/uploads/2014-07-01/20140701-1404202215.pdfและ
ศึกษาเนื้อหาจากใบความรู้ และทำ- ใบงานท่ี2. 1 เร่ือง กระบวนการทางวิทยาศาสตร์ และเทคโนโลยี ใบงานที่ 2เรื่อง
โครงงานวทิ ยาศาสตร์ และให้นักศกึ ษาส่งงานทาง LINE
4.3 ครูมอบมายงานให้แต่ละคน/หรือรายกลุ่มดำเนินการวางแผนการดำเนินงานจัดทำรายงานกลุ่มละ 1 เร่ือง
พร้อมจัดทำรปู เล่มรายงาน นำเสนอชิน้ งาน และส่งช้ินงาน ตามวนั เวลาทค่ี รูกำหนด ก่อนสอบปลายภาคเรยี น
การวัดและประเมนิ ผล (E:evaluation)
1. การสังเกตพฤติกรรมการมรี ายบุคคล/รายกลมุ่
2. การตรวจแบบบนั ทกึ การเรยี นรู้ กศน.
3. ประเมนิ การนำเสนอผลงาน/ช้ินงาน
4. การตรวจใบงาน
5. การตรวจแบบทดสอบ
6. การประเมินคุณธรรม

27

กระบวนการจดั การเรยี นรู้
วธิ กี ารเรยี น : ผา่ น แอปพลเิ คชนั (ON-Demand)
การกำหนดสภาพ ปัญหา ความตอ้ งการในการเรยี นรู้ (O : Orientation)
1.ขน้ั นำเขา้ สบู่ ทเรยี น (เวลา 30)
1.1 ครูทักทายนักศึกษา และนำเข้าสู่บทเรียนโดยให้นักศึกษาแสดงความคิดเห็นในเรื่องกระบวนการทาง
วิทยาศาสตร์ และเทคโนโลยี โครงงานวิทยาศาสตร์ ตามความเข้าใจของนักศึกษา พร้อมทั้งแลกเปลี่ยนเรียนรู้ ร่วมกัน
วเิ คราะห์ และแสดงความคิดเห็นร่วมกันในช้ันเรยี น พรอ้ มทั้งทำแบบทดสอบก่อนเรียน(Google Form) ผา่ นทางแอปพลเิ ค
ชนั LINE กลมุ่ พรอ้ มอธบิ ายถงึ เหตผุ ลความจำเปน็ ท่ีตอ้ งจดั กจิ กรรมการเรยี นรูปแบบ (ON-Demand)
1.2 ครูนำเขา้ สู่บทเรียนโดยครเู ปิดวีดที ศั น์ เรื่อง กระบวนการทางวิทยาศาสตร์ และเทคโนโลยี โครงงาน
วทิ ยาศาสตรจ์ ากลงิ ค์ https://www.youtube.com/watch?v=gi8APkIQ7pYให้นักศึกษารับชมเพ่ือใหน้ กั ศึกษามี
ความร้คู วามเข้าใจในกระบวนการทางวทิ ยาศาสตร์ และเทคโนโลยี โครงงานวทิ ยาศาสตร์ นักศึกษารว่ มกนั วเิ คราะห์และ
แลกเปลย่ี นเรยี นรแู้ สดงความคดิ เหน็ ผ่านทาง แอปพลเิ คชัน LINE เพ่อื เชอื่ มโยงเขา้ สูบ่ ทเรยี นตอ่ ไป
1.3 ครูและนกั ศึกษาสรุปส่ิงทีอ่ ภปิ รายรว่ มกนั แลกเปลีย่ นเรียนรู้ และบันทึกลงในแบบบนั ทกึ การเรียนรู้ กศน.ผา่ น
ทาง แอปพลิเคชนั LINE
การแสวงหาขอ้ มลู และการจดั การเรยี นรู้ (N : New ways of learning)
2.กระบวนการจัดการเรยี นรู้(N:newway of lerling)(เวลา 4 ชม.)
2.1 ครมู อบหมายใหน้ ักศกึ ษาไปศึกษาหาความรู้ เรื่อง กระบวนการทางวทิ ยาศาสตร์ และเทคโนโลยี โครงงาน
วิทยาศาสตร์และการนำผลท่ไี ด้จากการวางแผนไปประยุกต์ใชใ้ นชีวติ ประจำวนั จากล้งิ
http://loei.nfe.go.th/media/uploads/2014-07-01/20140701-1404202215.pdfศึกษาหาความรู้ ผา่ น
เว็บไซต์ www.etvthai.tvและช่อง Youtubeหรือจากสือ่ และแหลง่ เรยี นร้ตู ่างๆ และให้สรุปลงในแบบบนั ทึกการเรยี นรู้
กศน. ในหวั ขอ้ ต่อไปนี้
1. กระบวนการทางวทิ ยาศาสตร์ และเทคโนโลยี โครงงานวิทยาศาสตร์
2. การใช้ประโยชนจ์ ากกระบวนการทางวทิ ยาศาสตร์ และเทคโนโลยี โครงงานวิทยาศาสตร์
2.2 ครูมอบหมายให้นักศึกษาเลือกทำรายงานท่ีนักศึกษาสนใจ 1 เรื่อง ให้ไปศึกษาค้นคว้าจากหนังสือ เรียน
อ อ น ไล น์ ราย วิช าวิท ย าศ าส ต ร์( พ ว 1 1 0 0 1 ) จ าก ล้ิ ง http://loei.nfe.go.th/media/uploads/2014-07-
01/20140701-1404202215.pdfหรือจากแหล่งการเรียนรู้ต่างๆ และให้นักศึกษาจัดทำสรุปความรู้เป็นแผนผัง
ความคิด ลงในแบบบนั ทกึ การเรยี นรู้ กศน. ในหวั ข้อ ดงั น้ี
1. ความหมายและความสำคัญของวิทยาศาสตร์
2. กระบวนการทางวทิ ยาศาสตร์
3. ธรรมชาตขิ องวิทยาศาสตร์
4. จติ วทิ ยาศาสตร์
5. เทคโนโยลี
๖. อุปกรณว์ ิทยาศาสตร์

28

๗. โครงงานวิทยาศาสตร์

เปน็ รายบคุ คลในการเรียนออนไลน์ครั้งต่อไปผา่ นทาง แอปพลิเคชัน LINE

2.3 ครูสอนและสอดแทรกคุณธรรม 12 ประการ ในเรื่อง ความสะอาด ความสุภาพ ความกตัญญู กตเวทีความ

ขยัน ความประหยัด ความซ่อื สตั ย์ ความมีนำ้ ใจ ความมีวินัย ศาสน์ กษตั ริย์ รักความเป็นไทย และยึดมั่นในวิถีชีวิตและการ

ปกครองตามระบอบประชาธปิ ไตยอนั มีพระมหากษัตรยิ ์ทรงเปน็ ประมุข ผา่ นทาง LINE กลุม่

การปฏบิ ตั แิ ละนำไปประยุกต์ (I : Implementation)

3. ขนั้ การปฏบิ ตั แิ ละนำไปประยกุ ตใ์ ช้ ( 30 นาที )
3.1 ครูสุ่มตัวแทนกลุ่มนำเสนอ เพื่อแลกเปลี่ยนความคิดเห็นซ่ึงกันและกันสรุปส่ิงที่ได้เรียนรู้ร่วมกันและให้

นักศึกษาบนั ทึกความร้ทู ไ่ี ด้ ลงในแบบบนั ทกึ การเรยี นรู้ กศน.
3.2นักศกึ ษานำความรทู้ ไ่ี ดจ้ ากการเรยี นรมู้ าเป็นแนวทางในการแก้ปัญหาและการดำเนินชวี ิตในประจำวนั ตอ่ ไป

ขัน้ ประเมนิ ผล (E :Evaluation)
4. ขนั้ สรปุ และประเมนิ ผล (1 ชวั่ โมง)

4.1 ครตู ดิ ตามงานทไ่ี ด้มอบหมายนกั ศกึ ษา เพ่อื ตดิ ตามความคืบหน้าทางแอปพลเิ คชนั

Line ดงั น้ี

4.2 ติดตามงานทีไ่ ด้รบั มอบหมายสปั ดาห์ท่ีผ่านมา

4.3 ตดิ ตามการทำกิจกรรมพฒั นาคุณภาพชีวิต (กพช.)

4.4 ตดิ ตามสอบถามสุขภาพของนกั ศึกษา (การตรวจสขุ ภาพ/ความสะอาด/

การแตง่ กาย)

4.5 ติดตามสอบถามการทำความดีในแต่ละวนั สปั ดาหท์ ่ผี ่านมาและตดิ ตามการ

บันทกึ กิจกรรมทท่ี ำความดลี งในสมดุ บันทกึ บันทกึ ความดีเพื่อการประเมนิ

คณุ ธรรม

4.6 ตดิ ตามสอบถามเก่ียวกับงานอดเิ รก สนุ ทรียภาพ การเล่นกีฬา การใชเ้ วลาวา่ งใหเ้ ป็นประโยชน์ ฯลฯ

4.7 ติดตามความกา้ วหน้าการทำรายงาน

สอ่ื และแหลง่ การเรยี นรู้

1.www.etvthai.tv

2.ทวี ดี ิจติ อลชอ่ ง 52 (กศน.)

3. หนังสือเรยี นวชิ ารายวชิ าวทิ ยาศาสตร์(พว 11001)

4. แบบทดสอบก่อนเรียน เรื่อง กระบวนการทางวิทยาศาสตร์ และเทคโนโลยี โครงงานวิทยาศาสตร์ แบบปรนัย

จำนวน 10 ขอ้

5. แบบทดสอบหลังเรยี น กระบวนการทางวิทยาศาสตร์ และเทคโนโลยี โครงงานวิทยาศาสตร์ แบบปรนยั จำนวน

10 ขอ้

6. ใบงานท่ี 2.1

7.ใบงานที่ 2.2

8. แบบบันทึกการเรยี นรู้ กศน.

ขั้นมอบหมายงาน

29

1 ครูมอบหมายให้นักศึกษาไปอา่ นทบทวนเนอื้ หาเพิ่มเตมิ จากหนังสือเรยี นรายวชิ าวทิ ยาศาสตร์( พว 11001) จา
กลิ้ง http://loei.nfe.go.th/media/uploads/2014-07-01/20140701-1404202215.pdfโดยศึกษาในเรื่อง
กระบวนการทางวิทยาศาสตร์ และเทคโนโลยี โครงงานวทิ ยาศาสตร์ และสรุปลงในแบบบนั ทึกการเรียนรู้ กศน.

2. ครูมอบหมายให้นักศึกษาไปศึกษาค้นคว้าเน้ือหาจากหนังสือเรียนออนไลน์รายวิชาวิทยาศาสตร์( พว 11001)
จากลิ้ง http://loei.nfe.go.th/media/uploads/2014-07-01/20140701-1404202215.pdfและศึกษาเน้ือหา
จากใบความรู้ และทำใบงานที่ 1 เร่ือง กระบวนการทางวิทยาศาสตร์ และเทคโนโลยี โครงงานวิทยาศาสตร์ และใบงานที่
2เรอ่ื ง โครงงานวิทยาศาสตร์ ให้นักศึกษาสง่ งานทาง LINE

3. ครูมอบมายงานให้แต่ละคน/หรือรายกลุ่มดำเนินการวางแผนการดำเนินงานจัดทำรายงานกลุ่มละ 1 เร่ือง
พร้อมจัดทำรูปเลม่ รายงาน นำเสนอช้ินงาน และสง่ ช้ินงาน ตามวันเวลาทีค่ รกู ำหนด กอ่ นสอบปลายภาคเรยี น
การวดั และประเมินผล (E:evaluation)

1. การสังเกตพฤตกิ รรมการมีรายบคุ คล/รายกลมุ่
2. การตรวจแบบบันทกึ การเรียนรู้ กศน.
3. ประเมนิ การนำเสนอผลงาน/ชนิ้ งาน
4. การตรวจใบงาน
5. การตรวจแบบทดสอบ
6. การประเมินคุณธรรม

กจิ กรรมการเรยี นรู้ดว้ ยตนเอง 8 ชวั่ โมง
ใบงาน กรต. ครงั้ ท่ี 2

สาระความรพู้ น้ื ฐาน รายวชิ าวทิ ยาศาสตร์ รหสั พว 11001
ระดบั ประถมศกึ ษา

คำสงั่ ใหน้ ักศกึ ษาแบง่ กลมุ่ กลมุ่ ละ 3 คน และไปทำกจิ กรรมการเรยี นรตู้ อ่ เนือ่ ง (กรต) โดยการไปศึกษาคน้ คว้า อา่ น
หนังสอื จดบันทึก จากหนงั สือแบบเรียน ตำรา หนังสือ และสื่ออนื่ ๆ ในหอ้ งสมดุ ประชาชนจงั หวัด ห้องสมุดประชาชน

30

อำเภอ โรงเรยี นประถมศึกษา โรงเรียนมธั ยมศึกษา ในพ้นื ท่ีอำเภอเมืองนราธิวาสหรืออำเภออืน่ ๆ สือ่ ออนไลน์ หรอื ไป
สอบถามขอความรจู้ ากบุคคล ในหัวข้อต่อไปนี้

- ความหมายและความสำคัญของวทิ ยาศาสตร์
- เทคโนโลยี
- อุปกรณ์วิทยาศาสตร์
- โครงงานวิทยาศาสตร์

ขน้ั ตอนของการไปเรยี นรตู้ อ่ เนอื่ ง (กรต.) ของนักศึกษา มีดังน้ี
1. แผนการเรยี นรตู้ อ่ เนอ่ื ง (กรต.) ในแต่ละแต่ละสัปดาห์ แต่ละครง้ั ที่ครู กศน.ตำบล/ครู ศรช. หรอื ครปู ระจำกลุ่ม

กล่มุ มอบหมาย
2. ให้บริหารเวลาและใชเ้ วลาในการศึกษาเรยี นรูด้ ว้ ยตนเองและทำกิจกรรมการเรยี นรูต้ ่อเน่ือง (กรต.) สปั ดาห์ละ

15 ชงั่ โมงเปน็ อยา่ งน้อย
3. อ่านหนังสือ สอบถามผูร้ ู้ และจดบนั ทกึ ทกุ ครง้ั ทมี ีการทำกจิ กรรม กรต. และเกบ็ หลักฐานไว้ทุกครั้งเพื่อส่ง

ครูกศน.ตำบล/ครูศรช. หรือครปู ระจำกลุ่ม ตรวจให้คะแนนการทำ กรต.
4. จดั ทำรายงานเปน็ เลม่ ตามแบบรายงานทีศ่ นู ย์การศกึ ษานอกระบบและการศกึ ษาตามอัธยาศัยกำหนดและให้

ส่งในวนั ท่ีมีการนำเสนอผลการทำกรต. ในเรื่องน้นั ๆ
5. สมาชิกในกลุ่มร่วมกนั นำเสนอ/นำดว้ ยตนเอง(ในกรณที ำคนเดียว) โดยใหน้ ำเสนอผลงานตามข้อ4 กล่มุ ละ/คน

ละไม่เกิน 10 นาที ในวันพบกลุ่มครัง้ ต่อไป

แบบสงั เกตพฤติกรรมการปฏบิ ัตกิ ิจกรรมของนักเรียนรายบุคคล

31

เลข ่ทีช่อื – สกุล ผลการประเมนิ
มีความ ้ัตงใจในการทำงาน
มีความรับผิดชอบ
ตรง ่ตอเวลา
ความสะอาดเรียบร้อย
ผลสำเร็จของงาน
รวมคะแนน

๓ ๓ ๓ ๓ ๓ ๑๕ ผา่ น ไมผ่ ่าน

เกณฑ์การประเมนิ ระดบั คณุ ภาพ เกณฑท์ ผี่ า่ น
๓ ปฏบิ ัตหิ รอื แสดงพฤติกรรมสมำ่ เสมอ ดี
๒ ปฏิบตั หิ รือแสดงพฤตกิ รรมบอ่ ยครง้ั ปานกลาง ๑๑ – ๑๕ คะแนน ดี ตัง้ แต่ ๑๐ คะแนน

๖ – ๑๐ คะแนน พอใช้ ขึน้ ไป

32

๑ ปฏบิ ัติหรือแสดงพฤติกรรมบางครง้ั หรือน้อยคร้ัง ปรับปรุง ๑ – ๕ คะแนน ปรบั ปรุง

แบบสงั เกตพฤตกิ รรมการปฏบิ ตั ิกจิ กรรมกลมุ่
กลมุ่ ที.่ .............

33

เลข ่ีทชอ่ื – สกลุ รวม ผลการประเมิน
ีมส่วนร่วมในการแสดงความคิดเห็น
มีความกระตือรือร้นในการทำงาน
รับผิดชอบในงาน ่ีทได้รับมอบหมาย
มี ั้ขนตอนในการทำงานอย่างเ ็ปนระบบ
ใช้เวลาในการทำงานอย่างเหมาะสม

๓ ๓ ๓ ๓ ๓ ๑๕ ผา่ น ไมผ่ า่ น

เกณฑก์ ารประเมนิ ระดบั คณุ ภาพ เกณฑท์ ผี่ ่าน
๓ ปฏบิ ตั หิ รือแสดงพฤติกรรมสมำ่ เสมอ ดี ๑๑ – ๑๕ คะแนน ดี ต้ังแต่ ๑๐ คะแนน
๒ ปฏบิ ัตหิ รอื แสดงพฤตกิ รรมบอ่ ยครงั้ ปานกลาง ๖ – ๑๐ คะแนน พอใช้ ข้นึ ไป
๑ ปฏิบตั ิหรือแสดงพฤติกรรมบางครัง้ หรือน้อยคร้ัง ปรับปรุง ๑ – ๕ คะแนน ปรับปรงุ

ใบความรทู้ ี่ 1
เร่อื ง ธรรมชาตขิ องวทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี

34

วิทยาศาสตร์เป็นเร่ืองของการเรียนรู้เก่ียวกับธรรมชาติ โดยมนุษย์ใช้กระบวนการสังเกต สำรวจ ตรวจสอบ
ทดลองเกี่ยวกับปรากฏการณ์ทางธรรมชาติ และนำผลมาจัดเป็นระบบหลักการ แนวคิดและทฤษฎี แนวคิดและทฤษฎี
ดงั นั้น ทักษะวิทยาศาสตร์ จึงเป็นการปฏิบตั ิเพอ่ื ใหไ้ ด้มาซ่งึ คำตอบในขอ้ สงสยั หรือข้อสมมตฐิ านต่าง ๆ ของมนษุ ยต์ ั้งไว้

ทักษะทางวิทยาศาสตร์ ประกอบด้วย

1. การสังเกต เป็นวิธีการได้มาของข้อสงสัย รับรู้ข้อมูล พิจารณาข้อมูล จากปรากฏการณ์ทางธรรมชาติท่ี
เกิดขึน้

2. ตง้ั สมมตฐิ าน เปน็ การการระดมความคดิ สรุปส่ิงทีค่ าดว่าจะเป็นคำตอบของปญั หาหรือขอ้ สงสัยน้นั ๆ
3. ออกแบบการทดลองเพื่อศึกษาผลของตัวแปรท่ีต้องศึกษา โดยควบคุมตัวแปรอ่ืน ๆ ท่ีอาจมีผลต่อตัวแปรที่

ต้องการศึกษา
4. ดำเนินการทดลอง เป็นการจักกระทำกับตัวแปรท่ีกำหนด ซ่ึงได้แก่ ตัวแปรต้น ตัวแปรตาม และตัวแปรท่ี

ต้องควบคุม
5. รวบรวมข้อมูล เปน็ การบนั ทกึ รวบรวมผลการทดลองหรือผลจากการกระทำของตัวแปรทกี่ ำหนด
6. แปลและสรุปผลการทดลอง

ทักษะกระบวนการทางวทิ ยาศาสตรป์ ระกอบดว้ ย 13 ทักษะ ดงั นี้

1. ทักษะขั้นมูลฐาน 8 ทักษะ ไดแ้ ก่

1.1 ทักษะการสงั เกต ( Observing )
1.2 ทักษะการวัด ( Measuring )
1.3 ทักษะการจำแนกหรือทักษะการจดั ประเภทสิง่ ของ ( Classifying )
1.4 ทกั ษะการใช้ความสัมพนั ธร์ ะหว่างมติ ิกบั เวลา( Using Space/Relationship )
1.5 ทักษะการคำนวณและการใช้จำนวน ( Using Numbers )
1.6 ทักษะการจดั กระทำและสอ่ื ความหมายขอ้ มลู ( Comunication )
1.7 ทักษะการลงความเหน็ จากข้อมูล ( Inferring )
1.8 ทักษะการพยากรณ์ ( Predicting )

2. ทักษะขั้นสงู หรือทักษะขัน้ ผสม 5 ทกั ษะ ไดแ้ ก่
2.1ทกั ษะการตัง้ สมมตุ ฐิ าน ( Formulating Hypthesis )
2.2ทกั ษะการควบคุมตัวแปร ( Controlling Variables )
2.3ทักษะการตคี วามและลงขอ้ สรุป ( Interpreting data )
2.4ทกั ษะการกำหนดนิยามเชิงปฏบิ ัติการ ( Defining Operationally )
2.5ทักษะการทดลอง ( Experimenting )


Click to View FlipBook Version