The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

วิชาวิทยาศาสตร์ ประถม

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by Jah Mari, 2022-05-26 07:55:51

วิชาวิทยาศาสตร์ ประถม

วิชาวิทยาศาสตร์ ประถม

132

ง. นำ้ ข้เี ถา้ เมือ่ ทำปฏกิ ริ ยิ ากบั เศษอะลูมเิ นียมจะเกดิ ฟองแกส๊ และทำใหอ้ ะลมู เิ นยี มผุ

4. การจัดเรียงตวั อนุภาคของของแข็ง ของเหลว และแก๊ส ข้อใดเรียงลำดับได้ถูกต้อง

5. จงเรียงลำดับสารต่อไปนี้ตามสถานะท่ีเป็นของเหลว ของแข็ง และแก๊ส

ก. ลูกบอล น้ำส้ม H ข. นำ้ เกลือ สำลี O2

ค. น้ำหวาน Co2 ง. O2 ปิ่นโต น้ำอัดลม

ตอนที่ 2 การจำแนกสาร

1. การจำแนกสารจากลักษณะเน้ือสารเป็นเกณฑ์สามารถแบ่งสารออกเป็น 2 ประเภทคือ

ก. สารเน้ือเดียว และ สารบริสุทธ์ิ ข. สารบรสิ ุทธ์ิ และ สารเนื้อผสม

ค. สารเน้ือผสม และ สารละลาย ง. สารเน้อื เดียว และ สารเนอ้ื ผสม

2. ข้อใดคือสารเน้ือเดียว

ก. สงั กะสี และ เกลอื แกง ข. น้ำหวาน และ ส้มตำ

ค. พริกเกลือ และ ทองคำ ง. น้ำทะเล และ แกงส้ม

3. ข้อใดคือสารแขวนลอย

ก. Solution ข. Colloid ค. Suspension ง. Suspense

4. น้ำเกลือมีส่วนประกอบคือ น้ำกับเกลือ ข้อใดคือตัวทำละลาย

ก. เกลือ ข. นำ้ ค. น้ำเกลือ ง. ถูกต้องทุกข้อ

5. น้ำกลัดจัดอยู่ในสารใด

ก. สารแขวนลอย ข. สารละลาย ค. สารคอลลอยด์ ง. ไม่มีข้อถูก

ตอนท่ี 3 การเปล่ียนแปลงของสาร

1. การเปลี่ยนแปลงสถานะของของแข็ง หากของแข็งจะหลอมละลายกลายเป็นของเหลว อุณหภูมิท่ีทำให้ของแข็งหลอม

ละลายเรียกว่าอะไร

ก. จุดเดือด ข. จุดควบแน่น ค. จดุ หลอมเหลว ง. จุดเยือกแข็ง

2. ของเหลวที่ได้รับความร้อน อนุภาคของของเหลวจะเป็นอย่างไร

ก. อนุภาคสูญเสียพลังงาน ข. อนภุ าคเคลอื่ นท่ีอย่างรวดเรว็

ค. อนุภาคไม่เกิดการเคลื่อนท่ี ง. ถูกต้องทุกข้อ

3. อุณหภูมิที่ทำให้แก๊สรวมตัวกันก่อรูปเป็นของเหลวน้ี เรียกว่าอะไร

ก. Freezing point ข. Melting point

ค. Condensation point ง. Boiling point

4. น้ำแข็งที่เปลี่ยนสถานะกลายเป็นน้ำ และเปล่ียนสถานะจากน้ำกลายเป็นไอ (ของแข็ง ของเหลว แก๊ส) ในทาง

กลับกัน เมื่อดึงความร้อนออกจากแก๊ส

แก๊สจะเปลี่ยนสถานะเป็นของเหลว และของเหลวก็เปลี่ยนสถานะเป็นของแข็ง ตรงกับหลักการในข้อใด

ก. ให้ความเย็น ข. ให้ความร้อน ค. ให้ความเย็น ง. ให้ความร้อน

ดูดความร้อน ดูดความร้อน ดูดความร้อน ดูดความร้อน

5. ข้อใดไม่ใช่ปัจจัยท่ีมีผลตอ่ การละลายของสาร

ก. ความดัน ข. อุณหภูมิ ค. ชนิดของสาร ง. แสงสว่าง

ตอนที่ 4 สมบัติของสารละลายกรดเบส

1. หากใช้อินดิเคเตอร์หรือกระดาษลิตมัส วัดค่าคุณสมบตั ิของสารว่าเป็นกรด เบส หรือกลาง ข้อใดต่อไปนี้กล่าวถูกต้อง

ท่สี ดุ

ก. สีแดงเปลี่ยนเปน็ สีน้ำเงิน = กรด ข. สีน้ำเงินเปลี่ยนเป็นแดง = เบส

ค. ไม่มีการเปล่ียนแปลง = เบส ง. ไม่มีการเปลี่ยนแปลง = กลาง

133

2. กำหนดให้ สารละลายท่ีมีค่า pH = 7 มีสมบัติเป็น.....

สารละลายท่ีมีค่า pH > 7 มีสมบัติเป็น.....

สารละลายที่มีค่า ph< 7 มีสมบัติเป็น.....

จากข้อความที่กำหนดให้ จงเรียงค่าความเป็นกรด เบส และกลางให้ถูกต้องตามลำดับ

ก. เบส กลาง กรด ข. กลาง กรด เบส ค. กลาง เบส กรด ง. เบส กรด กลาง

3. จากคำตอบในข้อ 2 ข้อใดเรียงลำดับการเปล่ียนสีของสารละลายยูนิเวอร์ซัลอินดิเคเตอร์ ได้ถูกต้อง

ก. เขยี วอ่อน มว่ ง ส้ม ข. น้ำเงิน เขียวอ่อน แดง

ค. แดง เขียวแก่ ม่วง ง. เขียวอ่อน แดง นำ้ เงิน

4. สมบัติของ.....สามารถทำปฏิกิริยากับโลหะบางชนิด และทำปฏิกิริยากับหินปูนได้ สมบัติของสารชนิดน้ี ยกตัวอย่าง

เช่น.....

จากข้อความที่กำหนดให้ จงเติมคำให้ครบถ้วนสมบูรณ์และถูกต้อง

ก. เบส น้ำส้มสายชู ข. กรด ผงซักฟอก ค. เบส น้ำสบู่ ง. กรด นำ้ ยาล้างห้องน้ำ

5. ข้อใดจัดว่าเป็นกลุ่มพวกเดียวกัน

ก. ยาสีฟัน น้ำสบู่ น้ำฝน ข. แชมพู ผงซกั ฟอก โซดาไฟ

ค. น้ำมะนาว โซดาไฟ นำ้ ฝน ค. น้ำปูนใส น้ำข้ีเถ้า โซดา

แผนการจดั การเรียนรู้ ครงั้ ท่ี5

กลมุ่ สาระการเรยี นรู้สาระความรพู้ น้ื ฐาน รายวชิ า วทิ ยาศาสตร์ ( พว 11001) จำนวน 3 หนว่ ยกติ
เวลาเรยี น 26 ชวั่ โมง (พบกลมุ่ 6 ชว่ั โมง การเรยี นรดู้ ว้ ยตนเอง 20 ชว่ั โมง)
เนอื้ หาการเรยี นรู้ เรอ่ื ง แรงและพลงั งานเพอื่ ชวี ติ
วนั ท.่ี .................... เดอื น..........................................พ.ศ.........................

มาตรฐานการเรียนรทู้ ี่2.2มคี วามรู้ ความเข้าใจ ทักษะ และเห็นคุณค่าเกีย่ วกบั กระบวนการทาวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี ส่งิ มีชวี ิต
ระบบนิเวศ ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมในท้องถ่ินและประเทศ สาร แรง พลังงานกระบวนการเปล่ียนแปลงของ
โลก และดาราศาสตร์ มีจติ วทิ ยาศาสตร์และนำความรู้ไปใชป้ ระโยชนใ์ นการดำเนนิ ชีวติ
มาตรฐานการเรยี นรรู้ ะดบั

-ความหมาย ประเภทของแรง แรงที่เกิดข้ึนจากการทำงานของแรง ความดัน แรงลอยตวั แรง
ดึงดดู ของโลก แรงเสยี ดทาน การนำแรงและการเคลื่อนทขี่ องแรงไปใช้ประโยชนใ์ นชวี ิตประจำวนั

- ความหมาย ความสำคัญของพลังงาน ประเภทของพลังงานในชีวติ ไฟฟ้าในบ้าน การต่อ
วงจรไฟฟ้าอยา่ งง่าย วธิ ีการประหยัด พลังงาน แรงและคุณสมบัติ ของแรงปรากฏการณ์ธรรมชาติของแสง เสียง คณุ สมบตั ิ
ของเสยี ง และมลภาวะจากเสยี งพลงั งานทดแทนท่ใี ช้ในชวี ติ ประจำวัน

134

ตวั ชว้ี ดั 1. อธิบายเกยี่ วกับประเภทของแรง ผลทีเ่ กิดจากการกระทำของแรง ความดัน แรงลอยตัว แรง ดึงดดู ของโลก แรง
เสยี ดทาน และการนำไปใชใ้ นชีวติ ประจำวนั

2. อธบิ ายเกย่ี วกบั พลงั งานในชีวิตประจำวนั

เนอื้ หา 1 ความหมายหนว่ ย และประเภทของแรง
2. ผลของแรงที่กระทำต่อวัตถุ และประโยชน์ของแรง
3. ความดัน
4. พลงั งาน และประเภทของพลงั งานท่ีใช้ในชวี ิตประจำวัน
5. พลังงานไฟฟา้
6. พลังงานแสง
7.พลงั งานเสียง

วธิ ีการเรียน : แบบพบกล่มุ (ON-Site)

กระบวนการจัดการเรียนรู้
การกำหนดสภาพ ปัญหา ความตอ้ งการในการเรยี นรู้ (O : Orientation)
1.ขนั้ นำเขา้ สบู่ ทเรยี น (เวลา 30 นาท)ี

1.1 ครทู กั ทายนักศึกษา และนำเขา้ สบู่ ทเรียนโดยให้นักศึกษาแสดงความคิดเห็นในเรือ่ งแรงและพลังงานเพ่ือ
ชีวิตตามความเขา้ ใจของนักศึกษา ครใู ห้นักศึกษาทำแบบทดสอบก่อนเรยี น เรอ่ื งแรงและพลังงานเพอ่ื ชวี ติ

1.2 ครูสนทนากบั ผูเ้ รียนช้แี จง สาระสำคัญ จุดประสงค์การเรียนรู้ เนอ้ื หา เรื่องแรงและพลังงานทมี่ ีใน
ชวี ิตประจำวันและการอนุรักษ์พลังงาน
การแสวงหาขอ้ มลู และการจดั การเรยี นรู้ (N : New ways of learning)
2.กระบวนการจัดการเรยี นรู้(N:newway of lerling)(เวลา 4 ชวั่ โมง)

2.1.ครูอธิบายหลักของ แรงและการเคล่อื นท่ีของแรงพลงั งานในชีวิตประจำวัน และการอนุรักษ์พลงั งาน
2.2.ครูใหผ้ ู้เรยี นแบ่งกลุม่ กลุ่มละไมเ่ กนิ 5 คน พดู คยุ ทบทวนเร่อื งแรงและการเคลือ่ นที่ของแรงพลงั งานใน
ชีวิตประจำวนั และการอนุรักษ์พลงั งาน มีเนื้อหาสำคญั อะไรบา้ ง ไดส้ รุปร่วมกันแลว้ เลอื กตวั แทน 1 คนพูดหน้าชนั้ สรปุ ให้
เพื่อนฟัง ในหวั ข้อดงั น้ี

1 ความหมายหน่วย และประเภทของแรง
2. ผลของแรงท่ีกระทำต่อวตั ถุ และประโยชนข์ องแรง
3. ความดัน
4. พลงั งาน และประเภทของพลังงานท่ีใช้ในชีวิตประจำวนั

135

5. พลงั งานไฟฟา้
6. พลังงานแสง
7. พลังงานเสยี ง
2.๓.ครสู อนและสอดแทรกคุณธรรม 12 ประการ ในเรื่อง ความสะอาด ความสุภาพ ความขยัน ความประหยัด
ความซื่อสัตย์สุจริต ความสามัคคี ความมีน้ำใจ ความมีวินัย ศาสน์ กษัตริย์ รักความเป็นไทย และยึดมั่นในวิถีชีวิตและการ
ปกครองตามระบอบประชาธปิ ไตยอนั มีพระมหากษตั ริย์ทรงเป็นประมุข
2.๔.ครูใหผ้ ู้เรียนทำแบบฝึกหดั /ใบงาน ที่ 5.๑

การปฏิบัติและนำไปประยุกต์ (I : Implementation)
3. ขนั้ การปฏบิ ัตแิ ละนำไปประยกุ ตใ์ ช้ ( 30 นาที )

3.1 ครูสุม่ ตวั แทนกล่มุ นำเสนอ เพ่ือแลกเปล่ยี นความคดิ เห็นซ่งึ กนั และกนั สรปุ ส่ิงท่ีไดเ้ รียนรู้ร่วมกันและให้
นักศกึ ษาบันทึกความรู้ทไี่ ด้ ลงในแบบบนั ทึกการเรยี นรู้ กศน.

3.2 นักศกึ ษานำความรู้ท่ีไดจ้ ากการเรยี นร้มู าเป็นแนวทางในการแกป้ ัญหาและการดำเนินชวี ิตในประจำวนั ตอ่ ไป

ขน้ั ประเมนิ ผล (E : Evaluation)
4. ขนั้ สรปุ และประเมนิ ผล (1ชว่ั โมง)

4.1.ครสู รปุ เนอื้ หาที่เรียนเพมิ่ เตมิ และข้อเสนอแนะให้กับผูเ้ รียน
4.๒ ครูให้นักศึกษาทำแบบทดสอบหลังเรียน เร่ือง แรงและพลังงานเพ่ือชีวิตจำนวน 10 ข้อ พร้อมเฉลยและ
ประเมนิ ผลให้นักศึกษาบันทกึ คะแนนลงในแบบบันทึกการเรียนรู้ กศน.
4.3 ครูให้นักศึกษาสรุปการทำความดีและคุณธรรมท่ีได้ปฏิบัติ พร้อมบันทึกลงในสมุดบันทึกความดี เพื่อการ
ประเมินคุณธรรม
4.3ครูติดตามงานท่ีไดม้ อบหมายนกั ศกึ ษา เพื่อตดิ ตามความคืบหน้าทางแอปพลเิ คชัน Line ดังนี้
4.4 ติดตามงานทไี่ ดร้ บั มอบหมายสปั ดาหท์ ผ่ี ่านมา
4.5 ติดตามการทำกจิ กรรมพัฒนาคุณภาพชวี ติ (กพช.)
4.6 ติดตามสอบถามสุขภาพของนักศึกษา (การตรวจสุขภาพ/ความสะอาด/การแตง่ กาย)
4.7 ตดิ ตามสอบถามการทำความดใี นแต่ละวนั สปั ดาห์ทผ่ี ่านมาและติดตามการบันทึก
กจิ กรรมที่ทำความดีลงในสมุดบนั ทกึ บันทึกความดีเพื่อการประเมนิ คุณธรรม
4.8ติดตามสอบถามเกีย่ วกับงานอดเิ รก สุนทรียภาพ การเล่นกฬี า การใชเ้ วลาวา่ งใหเ้ ป็นประโยชน์ ฯลฯ
4.9ตดิ ตามความกา้ วหนา้ การทำรายงาน
สอ่ื และแหล่งการเรยี นรู้
1.www.etvthai.tv
2.ทีวีดิจติ อลชอ่ ง 52 (กศน.)
3. แอปพลิเคชนั LINE
4. หนงั สือเรียนวิชารายวิชาวทิ ยาศาสตร์( พว 11001) จากล้ิง
http://loei.nfe.go.th/media/uploads/2014-07-01/20140701-1404202215.pdf
5. แบบทดสอบก่อนเรยี น เรื่อง แรงและพลังงานเพ่ือชีวติ แบบปรนัย จำนวน 10 ข้อ (Google Form)
6. แบบทดสอบหลังเรียน เรื่องแรงและพลงั งานเพ่ือชีวิต แบบปรนยั จำนวน 10 ขอ้ (Google Form)

136

7. ใบงานที่ 5.1
8.แบบบันทึกการเรยี นรู้ กศน.
ขั้นมอบหมายงาน
1.ครูมอบหมายให้นักศึกษาไปอ่านทบทวนเน้ือหาเพ่ิมเติมจากหนังสือเรียนรายวิชาวิทยาศาสตร์(พว11001) จากล้ิง
http://loei.nfe.go.th/media/uploads/2014-07-01/20140701-1404202215.pdfโดยศึกษาในเรื่อง แรง
และการเคล่ือนที่ของแรงพลังงานในชวี ติ ประจำวนั และการอนรุ กั ษ์พลงั งานและสรปุ ลงในแบบบนั ทกึ การเรยี นรู้ กศน.
2. ครูมอบหมายให้นักศึกษาไปศึกษาค้นคว้าเนื้อหาจากหนังสือเรียนออนไลน์รายวิชาหนังสือเรียนวิชาวิทยาศาสตร์(พว
11001) จากล้ิง http://loei.nfe.go.th/media/uploads/2014-07-01/20140701-1404202215.pdfศึกษา
เนอ้ื หาจากใบความรู้ ทำใบงานท่ี 8.1 และใบงานท่ี8.2ให้นักศึกษาสง่ งาน ตามวันเวลาทคี่ รูกำหนด ( ส่งงานในการพบกลุ่ม
ครงั้ ตอ่ ไป หรอื ทาง LINE ตามวันเวลาทีค่ รูกำหนด )
การวัดและประเมินผล (E:evaluation)
1. การสังเกตพฤติกรรมการมีรายบคุ คล/รายกลุ่ม
2. การตรวจแบบบนั ทกึ การเรยี นรู้ กศน.
3. ประเมนิ การนำเสนอผลงาน/ชิน้ งาน
4. การตรวจใบงาน
5. การตรวจแบบทดสอบ
6. การประเมินคุณธรรม

137

วธิ กี ารเรยี น : แบบออนไลน์ (ON-Line)

กระบวนการจัดการเรียนรู้
การกำหนดสภาพ ปัญหา ความตอ้ งการในการเรยี นรู้ (O : Orientation)
1.ขน้ั นำเขา้ สบู่ ทเรยี น (เวลา 30 นาท)ี
1.1 ครใู ห้นักศึกษาทำแบบทดสอบก่อนเรยี น แรงและพลังงานเพ่ือชวี ิตผา่ นทาง LINE กลมุ่ พร้อมอธิบายถึงเหตผุ ลความ
จำเป็นท่ตี อ้ งจัดกิจกรรมการเรยี นรปู แบบออนไลน์
1.2 ครนู ำเขา้ สบู่ ทเรยี นโดยครูเปดิ วีดที ัศน์ จากลงิ้ คh์ ttps://www.youtube.com/watch?v=B3bHM7DFbOoนักศกึ ษา
ร่วมกันวเิ คราะห์และแลกเปลี่ยนเรยี นรู้แสดงความคดิ เหน็ ผา่ นทาง แอปพลเิ คชนั LINE เพ่อื เชื่อมโยงเข้าสู่บทเรียนตอ่ ไป

1.3 ครูและนักศึกษาสรุปสิ่งที่อภปิ รายร่วมกัน แลกเปลี่ยนเรยี นรู้ และบันทึกลงในแบบบันทึกการเรยี นรู้ กศน.ผ่านทาง
แอปพลิเคชนั LINE
การแสวงหาขอ้ มลู และการจดั การเรยี นรู้ (N : New ways of learning)
2.กระบวนการจัดการเรยี นรู้(N:newway of lerling)(เวลา 4 ชม.)
2.1.ครอู ธิบายวิธีการจัดเกบ็ วิเคราะหข์ ้อมูลอย่างง่ายและเผยแพรข่ ้อมูล

2.2.ครใู หผ้ เู้ รยี นแบ่งกลุ่มกลมุ่ ละไม่เกิน 5 คน พดู คยุ ทบทวนเรื่องสารและสมบัตขิ องสาร ใหส้ รปุ รว่ มกันแลว้
เลือกตัวแทน 1 คนสรปุ ใหเ้ พื่อนฟังผา่ นแอปพลิเคชนั LINEในหวั ขอ้ ดังนี้

1 ความหมายหนว่ ย และประเภทของแรง
2. ผลของแรงทก่ี ระทำต่อวตั ถุ และประโยชน์ของแรง
3. ความดัน
4. พลงั งาน และประเภทของพลังงานท่ีใช้ในชวี ิตประจำวนั
5. พลงั งานไฟฟา้
6. พลังงานแสง
7. พลงั งานเสยี ง
2.๓.ครสู อนและสอดแทรกคุณธรรม 12 ประการ ในเรือ่ ง ความสะอาด ความสุภาพ ความขยัน ความประหยัด
ความซ่ือสัตย์สุจริต ความสามัคคี ความมีน้ำใจ ความมีวินัย ศาสน์ กษัตริย์ รักความเป็นไทย และยึดม่ันในวิถีชีวิตและการ
ปกครองตามระบอบประชาธปิ ไตยอนั มีพระมหากษัตริยท์ รงเป็นประมุข
2.๔.ครูให้ผเู้ รียนทำแบบฝกึ หดั /ใบงาน ท่ี 5.1 5.2
การปฏบิ ัติและนำไปประยกุ ต์ (I : Implementation)

138

3. ขนั้ การปฏบิ ัตแิ ละนำไปประยกุ ตใ์ ช้ ( 30 นาที )
3.1 ครูส่มุ ตัวแทนกลมุ่ นำเสนอ เพื่อแลกเปล่ยี นความคดิ เห็นซึง่ กันและกัน สรปุ สง่ิ ท่ีได้เรียนรู้รว่ มกันและให้

นักศึกษาบนั ทึกความรู้ท่ไี ด้ ลงในแบบบันทึกการเรยี นรู้ กศน.
3.2 นกั ศึกษานำความรทู้ ่ีได้จากการเรียนร้มู าเปน็ แนวทางในการแก้ปัญหาและการดำเนินชีวติ ในประจำวนั ตอ่ ไป

ขน้ั ประเมนิ ผล (E :Evaluation)
4. ขนั้ สรุปและประเมนิ ผล(เวลา 1ชว่ั โมง)
4.1.ครสู รปุ เนอ้ื หาทเ่ี รยี นเพิ่มเตมิ และข้อเสนอแนะใหก้ บั ผู้เรยี น

4.2 ครูให้นักศึกษาทำแบบทดสอบหลังเรียน รายวิชาวิทยาศาสตร์( พว 11001) แบบปรนัย จำนวน 10 ข้อ พร้อม
เฉลยและประเมินผลให้นักศึกษาบนั ทึกคะแนนลงในแบบบนั ทกึ การเรียนรู้ กศน.

4.3 ครูใหน้ ักศึกษาสรปุ การทำความดแี ละคุณธรรมท่ีได้ปฏิบัติ พร้อมบันทึกลงในสมุดบันทึกความดี เพื่อการประเมิน
คณุ ธรรม
สื่อและแหลง่ การเรียนรู้

1.www.etvthai.tv
2.ทวี ีดจิ ติ อลชอ่ ง 52 (กศน.)
3.https://www.youtube.com/watch?v=B3bHM7DFbOo
4. แอปพลเิ คชนั LINE
5. หนังสือเรียนรายวชิ าวทิ ยาศาสตร์( พว 11001) จากล้ิงhttp://loei.nfe.go.th/media/uploads/2014-
07-01/20140701-1404202215.pdf 6. แบบทดสอบก่อนเรยี น เร่ือง แรงและพลังงานเพื่อชวี ติ แบบปรนยั
จำนวน 10 ขอ้ (Google Form)
7. แบบทดสอบหลังเรียน เรื่อง แรงและพลงั งานเพอ่ื ชีวิตแบบปรนยั จำนวน 10 ข้อ (Google Form)
8. ใบงานที่ 8.1
9. ใบงานท่ี 8.2
10.แบบบนั ทึกการเรยี นรู้ กศน.
ขั้นมอบหมายงาน
1.ครูมอบหมายให้นักศึกษาไปอ่านทบทวนเน้ือหาเพิ่มเติมจากหนังสือเรียนรายวิชาวิทยาศาสตร์(พว11001) จากล้ิง
http://loei.nfe.go.th/media/uploads/2014-07-01/20140701-1404202215.pdfโดยศึกษาในเร่ือง แรง
และพลังงานเพอื่ ชวี ติ นำผลทไ่ี ดจ้ ากการวางแผนไปประยุกตใ์ ช้ในชีวติ ประจำวัน และสรุปลงในแบบบันทึกการเรยี นรู้ กศน.
2. ครูมอบหมายให้นักศึกษาไปศึกษาค้นคว้าเน้ือหาจากหนังสือเรียนออนไลน์รายวิชาวิทยาศาสตร์(พว1001) จากลิ้ง
http://loei.nfe.go.th/media/uploads/2014-07-01/20140701-1404202215.pdfศึ ก ษ า เน้ื อ ห า จ า ก ใบ
ความรู้ และทำใบงานที่ 5.1 ใบงานที่ 5.2 ให้นักศึกษาส่งงาน ตามวันเวลาท่ีครูกำหนด ( ส่งงานในการพบกลุ่มครั้งต่อไป
หรอื ทาง LINE ตามวันเวลาทค่ี รูกำหนด )
การวัดและประเมินผล (E:evaluation)
1. การสงั เกตพฤติกรรมการมรี ายบคุ คล/รายกลมุ่
2. การตรวจแบบบนั ทกึ การเรียนรู้ กศน.
3. ประเมินการนำเสนอผลงาน/ชนิ้ งาน

139

4. การตรวจใบงาน
5. การตรวจแบบทดสอบ
6. การประเมนิ คุณธรรม

วธิ กี ารเรยี น : แบบหนังสอื เรยี น มอบหมายงาน (ON - Hand)

กระบวนการจัดการเรียนรู้
การกำหนดสภาพ ปญั หา ความตอ้ งการในการเรยี นรู้ (O : Orientation)
1.ขน้ั นำเขา้ สบู่ ทเรยี น (เวลา 30 นาท)ี

1.1 ครสู ำรวจความพร้อมของนักศึกษาในการเรียนรู้ สำหรับนกั ศกึ ษาไมม่ ีอนิ เตอร์เนต็ และเครื่องมือสอ่ื สาร โดย
นำหนงั สอื เรียน ใบความรู้ และใบงาน ใหผ้ ู้เรยี นได้เรียนรู้ท่ีบา้ นในรายวิชาวิทยาศาสตร์(พว 11001) จากหนังสอื ท่ีครไู ด้
นำไปให้ พร้อมใหน้ ักศึกษา ศึกษาใบความรู้ จดั ทำใบงาน พร้อมทัง้ ทำแบบทดสอบก่อนเรียน

1.2 ครใู ห้นักศกึ ษา ศึกษาเรียนรูท้ บ่ี ้าน เพือ่ เช่ือมโยงเข้าส่บู ทเรียนและมอบหมายงานต่อไป
1.3 นักศกึ ษาสรปุ สิง่ ทไ่ี ดเ้ รียนรู้ บนั ทกึ ลงในแบบบนั ทกึ การเรยี นรู้ กศน. และนำสง่ ตามวนั เวลาที่ครู กำหนด

การแสวงหาขอ้ มลู และการจดั การเรยี นรู้ (N : New ways of learning)
2.กระบวนการจดั การเรยี นรู้(N:newway of lerling)(เวลา 4 ชว่ั โมง)

2.1 ครมู อบหมายใหน้ ักศกึ ษาไปศึกษาหาความรู้ จากหนังสอื เรียนรายวชิ าวทิ ยาศาสตร์(พว 11001) ในหวั ข้อ
แรงและพลงั งานเพื่อชวี ิต

2.2ครมู อบหมายงานใหน้ ักศึกษาไปศกึ ษาคน้ ควา้ จากหนังสือ รายวิชาวทิ ยาศาสตร(์ พว 11001) จากใบความรู้
หรอื จากแหล่งการเรียนรู้ตา่ งๆ และให้นักศึกษาจดั ทำสรปุ ความรเู้ ป็นแผนผังความคดิ ลงในแบบบนั ทึกการเรียนรู้ กศน.
และใหน้ ักศึกษาส่งงานนำส่งตามวันเวลาที่ครู กำหนด

2.3 ครมู อบหมายครูมอบหมายให้นักศึกษาไปศึกษาคน้ คว้าเนอื้ หาจากหนังสือเรยี นรายวิชาวิทยาศาสตร์( พว
11001) และทำใบงาน ดงั นี้

- ใบงานที่ 5.1 เรื่อง แรงและการเคลอ่ื นที่
- ใบงานที่ 5.2เรือ่ งพลงั งานในชวี ิตประจำวนั และการอนุรักษ์
2.4 ครูสอนและสอดแทรกคณุ ธรรม 12 ประการ ในเรือ่ ง ความสะอาด ความสภุ าพ ความกตญั ญู
กตเวทีความขยัน ความประหยัด ความซอื่ สัตย์ ความมีน้ำใจ ความมีวินัย ศาสน์ กษัตริย์ รกั ความเป็นไทย และยึดม่นั ในวิถี
ชีวิตและการปกครองตามระบอบประชาธปิ ไตยอนั มพี ระมหากษัตรยิ ์ทรงเปน็ ประมขุ ผ่านใบความรู้ ใบงาน

การปฏบิ ตั ิและนำไปประยกุ ต์ (I : Implementation)
3. ขนั้ การปฏบิ ตั แิ ละนำไปประยกุ ตใ์ ช้ ( 30 นาที )

3.1 ครูสุ่มตวั แทนกลุม่ นำเสนอ เพื่อแลกเปล่ียนความคดิ เห็นซ่งึ กนั และกัน สรปุ สงิ่ ที่ไดเ้ รียนรู้ร่วมกันและให้
นกั ศกึ ษาบนั ทึกความรู้ท่ีได้ ลงในแบบบันทึกการเรียนรู้ กศน.

3.2 นกั ศึกษานำความร้ทู ่ีไดจ้ ากการเรยี นรมู้ าเป็นแนวทางในการแกป้ ัญหาและการดำเนินชวี ติ ในประจำวนั ตอ่ ไป

140

ข้ันประเมนิ ผล (E :Evaluation)
4. ขน้ั สรุปและประเมนิ ผล(เวลา 1.30 ชม.)

4.1 ครูให้นักศึกษาทำแบบทดสอบก่อนเรียน รายวิชาการหนังสือเรียนรายวิชาวิทยาศาสตร์(พว 11001) แบบ
ปรนัย จำนวน 10 ข้อ จากชุด แบบทดสอบ พร้อมเฉลยและประเมินผล ให้นักศึกษาบันทึกคะแนนลงในแบบบันทึกการ
เรยี นรู้ กศน.

4.2 ครูให้นักศึกษาสรุปการทำความดีและคุณธรรมท่ีได้ปฏิบัติ พร้อมบันทึกลงในสมุดบันทึกความดี เพ่ือการ
ประเมินคุณธรรม

4.3 ครูตดิ ตามงานทีไ่ ด้มอบหมายนกั ศกึ ษา เพ่ือตดิ ตามความคบื หน้า
4.4 ตดิ ตามงานท่ไี ดร้ ับมอบหมายสปั ดาห์ที่ผา่ นมา
4.5 ติดตามการทำกจิ กรรมพฒั นาคณุ ภาพชวี ติ (กพช.)
4.6 ติดตามสอบถามสุขภาพของนกั ศกึ ษา (การตรวจสขุ ภาพ/ความสะอาด/การแต่งกาย)
4.7 ติดตามสอบถามการทำความดีในแต่ละวัน สัปดาห์ท่ีผ่านมาและตดิ ตามการบันทึก กิจกรรมท่ที ำความดีลงใน
สมดุ บันทึกบนั ทึกความดีเพ่อื การประเมินคณุ ธรรม
4.8 ตดิ ตามสอบถามเกี่ยวกบั งานอดเิ รก สุนทรียภาพ การเล่นกฬี า การใชเ้ วลาว่างใหเ้ ป็นประโยชน์ ฯลฯ
4.9 ตดิ ตามความก้าวหนา้ การทำรายงาน
ส่ือและแหล่งการเรยี นรู้
1.www.etvthai.tv
2.ทวี ดี ิจิตอลช่อง 52 (กศน.)
3.https://www.youtube.com/watch?v=B3bHM7DFbOo
4. แอปพลเิ คชนั LINE
5. หนงั สือเรียนรายวชิ าวิทยาศาสตร์( พว 11001) จากลิง้ http://loei.nfe.go.th/media/uploads/2014-
07-01/20140701-1404202215.pdf
6. แบบทดสอบก่อนเรียน เรื่อง แรงและพลังงานเพ่ือชีวิตแบบปรนัย จำนวน 10 ขอ้ (Google Form)
7. แบบทดสอบหลังเรียน เร่อื ง แรงและพลังงานเพ่ือชีวติ แบบปรนยั จำนวน 10 ข้อ (Google Form)
8. ใบงานที่ 5.1
9. ใบงานที่ 5.2
10.แบบบนั ทกึ การเรยี นรู้ กศน.
ขั้นมอบหมายงาน
4.1 ครมู อบหมายให้นกั ศกึ ษาศกึ ษาเรียนรู้จากหนังสือเรยี นรายวิชาวิทยาศาสตร์( พว 11001) โดยศึกษาในเรือ่ ง
แรงและพลงั งานเพื่อชวี ติ และสรปุ ลงในแบบบนั ทึกการเรยี นรู้ กศน.
4.2 ครูมอบมายงานให้แต่ละกลุ่มดำเนินการให้ทำรายงาน แรงและพลังงานเพ่ือชีวิต รายคน/รายกลมุ่ ละ 1 เร่ือง
เก่ียวกับ ความหมายความดันของของเหลวความดันของอากาศแรงลอยตัวพลังงานไฟฟ้าพลังงานแสงพลังงานเสียงพร้อม
จัดทำรปู เล่ม นำเสนอรายงาน ตามวนั เวลาท่ีครูกำหนด กอ่ นสอบปลายภาคเรยี น

การวดั และประเมินผล(E:evaluation)

141

1. การสังเกตพฤตกิ รรมการมรี ายบคุ คล/รายกลมุ่
2. การตรวจแบบบันทกึ การเรียนรู้ กศน.
3. ประเมินการนำเสนอผลงาน/ชิน้ งาน
4. การตรวจใบงาน
5. การตรวจแบบทดสอบ
6. การประเมินคุณธรรม

วธิ กี ารเรยี น : แบบผา่ นชอ่ งทาง ETV (ON-Air)

กระบวนการจัดการเรียนรู้

142

การกำหนดสภาพ ปญั หา ความตอ้ งการในการเรยี นรู้ (O : Orientation)
1.ขน้ั นำเขา้ สบู่ ทเรยี น (เวลา 30 นาท)ี

1.1ครูทักทายนักศึกษา และนำเข้าสู่บทเรียนโดยให้นักศึกษาแสดงความคิดเห็นในเรื่อง แรงและพลังงานเพ่ือชีวิต
ตามความเข้าใจของนักศึกษา โดยครูแลกเปลี่ยนเรียนรู้ ร่วมกันวิเคราะห์ และแสดงความคิดเห็นร่วมกันในกลุ่ม LINE
พร้อมท้ังทำแบบทดสอบก่อนเรียน(Google Form) ผ่านทางLINE กลุ่ม พร้อมอธิบายถึงเหตุผลความจำเป็นท่ีต้องจัด
กิจกรรมการเรยี นรปู แบบ( ON-Air )

1.2 ครูนำเข้าสู่บทเรียนโดย ให้นักศึกษาสมัครเป็นสมาชิก ETV ตามลิ้งต่อไปน้ีhttps://youtu.be/FBaOD2W-
gVU เพ่ือให้นักศึกษามีรหัสผ่านเพื่อเข้าไปศึกษาหาความรู้ตาม ตารางออนแอร์ ในแต่ละวันของสถานีวิทยุโทรทัศน์เพ่ือ
การศึกษา กระทรวงศึกษาธิการตามลงิ้ รายการโทรทัศน์สง่ เสริมการศึกษานอกระบบโรงเรียน

การแสวงหาขอ้ มลู และการจดั การเรยี นรู้ (N : New ways of learning)
2.กระบวนการจัดการเรยี นรู้(N:newway of lerling)(เวลา 4 ชว่ั โมง )

2.1 ครูมอบหมายให้นักศึกษาเข้าไปศึกษาหาความรู้ ของสถานีวิทยุโทรทัศน์เพื่อการศึกษา กระทรวงศึกษาธิการ
ตามเว็บไซต์ www.etvthai.tv โดยเข้าสู่ระบบด้วยรหัสผ่านที่นักศึกษาสมัครไว้แล้ว โดยสามารถดูตาราง ออนแอร์ได้ ตาม
ลิ้ง http://www.etvthai.tv/Front_ETV/FETV_Schedule.aspx และสามารถดู รายการย้อน ห ลั งได้ ต าม ลิ้ง
http://www.etvthai.tv/home/home_External.aspx
อีกช่องทางการศึกษาหาความรู้โดยผ่าน ทีวีดิจิตอลช่อง 52 (กศน.) สามารถติดตามข่าวสารและตารางออนแอร์ได้ใน
เฟสบคุ๊ :ETV สือ่ ดิจทิ ลั เพอื่ การศึกษา สำนักงาน กศน. ตามลงิ้ น้ี https://www.facebook.com/etv.digital/

2.2 ครมู อบหมายใหน้ ักศึกษาเรียนร้แู บบ (ON-Air) ในเร่ืองการเรยี นรใู้ นหัวข้อตอ่ ไปน้ี
1. แรงและพลงั งานเพื่อชวี ิต
2. การนำผลท่ีได้จากการวางแผนไปประยุกต์ใช้ในชีวิตประจำวันและให้นักศึกษาสรุปลงในแบบบันทึก

การเรียนรู้ กศน. นำสง่ ผ่านทาง แอปพลเิ คชัน LINE
2.3 ครูมอบหมายให้นักศึกษาเลือกหัวข้อที่นักศึกษาสนใจ จำนวน 1 เร่ือง ให้ไปศึกษาค้นคว้าจากหนังสือ เรียน

ออนไลน์รายวิชา จากลิงค์http://loei.nfe.go.th/media/uploads/2014-07-01/20140701-1404202215.pdf
และจากการศึกษาในรูปแบบ(ON-Air)ทั้งในเว็บไซต์ www.etvthai.tv และทีวีดิจิตอลช่อง 52 (กศน.)หรือจากแหล่งการ
เรยี นรู้ต่างๆ และใหน้ ักศกึ ษาจดั ทำสรุปความรู้เป็นแผนผงั ความคดิ ลงในแบบบนั ทกึ การเรียนรู้ กศน. ในหัวขอ้ ดงั นี้

1. ความหมายหนว่ ย และประเภทของแรง
2. ผลของแรงทก่ี ระทำต่อวัตถุ และประโยชนข์ องแรง

3. ความดนั
- ความหมาย
- ความดันของของเหลว
- ความดันของอากาศ
- แรงลอยตวั

4. พลงั งาน และประเภทของพลังงานท่ีใชใ้ นชวี ิตประจำวนั
5. พลังงานไฟฟ้า

143

- แหล่งกำเนดิ
- การเปล่ยี นรปู
- ไฟฟ้าในบ้าน วงจรไฟฟ้าอย่างงา่ ย
- ความปลอดภยั ในการใชไ้ ฟฟ้าในครวั เรือน
- การประหยดั และอนรุ ักษ์พลงั งานไฟฟ้า
6. พลังงานแสง
- แหลง่ กำเนิดแสง
- สมบตั ขิ องแสง
- ปรากฏการณ์ธรรมชาติของแสง
7. พลงั งานเสยี ง
- การเกดิ และสมบตั ขิ องเสียง
- ความดัง และอันตรายที่เกดิ จากเสียง
และสง่ งานผา่ นทาง แอปพลิเคชนั LINE
2.4 ครูสอนและสอดแทรกคณุ ธรรม 12 ประการ ในเรอื่ ง ความสะอาด ความสภุ าพ ความกตญั ญู
กตเวทีความขยัน ความประหยัด ความซอื่ สัตย์ ความมีน้ำใจ ความมีวนิ ัย ศาสน์ กษัตริย์ รักความเป็นไทย และยึดม่ันในวิถี
ชีวิตและการปกครองตามระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษตั รยิ ์ทรงเป็นประมุข ผ่านทาง LINE กลมุ่

การปฏิบัตแิ ละนำไปประยกุ ต์ (I : Implementation)
3. ขนั้ การปฏบิ ตั แิ ละนำไปประยกุ ตใ์ ช้ ( 30 นาที )

3.1 ครูสุ่มตัวแทนกลุ่มนำเสนอ เพ่ือแลกเปลี่ยนความคิดเห็นซ่ึงกันและกัน สรุปสิ่งท่ีได้เรียนรู้ร่วมกันและให้
นกั ศึกษาบันทึกความรทู้ ไ่ี ด้ ลงในแบบบันทึกการเรียนรู้ กศน.

3.2 นกั ศกึ ษานำความรู้ทีไ่ ด้จากการเรียนรู้มาเป็นแนวทางในการแกป้ ัญหาและการดำเนนิ ชีวิตในประจำวันต่อไป

ขัน้ ประเมนิ ผล (E :Evaluation)
4. ขน้ั สรุปและประเมนิ ผล (1ชว่ั โมง)

4.1 ครตู ดิ ตามงานท่ีไดม้ อบหมายนักศกึ ษา เพ่ือติดตามความคืบหนา้ ทางแอปพลเิ คชัน Line ดงั น้ี
4.2 ติดตามงานทไ่ี ด้รบั มอบหมายสปั ดาหท์ ่ีผา่ นมา
4.3 ตดิ ตามการทำกจิ กรรมพฒั นาคุณภาพชวี ิต (กพช.)
4.4 ติดตามสอบถามสุขภาพของนกั ศึกษา (การตรวจสุขภาพ/ความสะอาด/การแต่งกาย)
4.5 ตดิ ตามสอบถามการทำความดใี นแตล่ ะวัน สปั ดาห์ท่ผี ่านมาและตดิ ตามการ

บันทึก กจิ กรรมทที่ ำความดลี งในสมดุ บนั ทึกบนั ทึกความดเี พื่อการประเมินคุณธรรม
4.6 ติดตามสอบถามเกี่ยวกับงานอดเิ รก สนุ ทรียภาพ การเล่นกีฬา การใช้เวลาว่างให้เปน็ ประโยชน์ ฯลฯ
4.7 ตดิ ตามความกา้ วหนา้ การทำรายงาน

สื่อและแหลง่ การเรยี นรู้
1.www.etvthai.tv
2.ทวี ีดจิ ติ อลช่อง 52 (กศน.)
3.https://www.youtube.com/watch?v=B3bHM7DFbOo
4. แอปพลเิ คชนั LINE
5. หนงั สอื เรยี นรายวชิ าวทิ ยาศาสตร์( พว 11001) จากลิ้งhttp://loei.nfe.go.th/media/uploads/2014-

07-01/20140701-1404202215.pdf
6. แบบทดสอบก่อนเรยี น เรื่อง แรงและพลงั งานเพ่ือชีวติ แบบปรนยั จำนวน 10 ขอ้ (Google Form)

144

7. แบบทดสอบหลงั เรียน เรอ่ื ง แรงและพลงั งานเพื่อชวี ิตแบบปรนยั จำนวน 10 ขอ้ (Google Form)
8. ใบงานที่ 5.1
9. ใบงานท่ี 5.2
10.แบบบนั ทึกการเรยี นรู้ กศน.
ข้ันมอบหมายงาน
4.1ครูมอบหมายให้นักศึกษาไปอ่านทบทวนเนื้อหาเพิ่มเติมจากหนังสือเรียนออนไลน์รายวิชาวิทยาศาสตร์(พว
11001) จากล้ิง http://loei.nfe.go.th/media/uploads/2014-07-01/20140701-1404202215.pdf โดย
ศกึ ษาในเร่ือง ความหมาย ความดันของของเหลว ความดันของอากาศ แรงลอยตวั พลังงานไฟฟ้าพลังงานแสงพลังงานเสียง
และสรุปลงในแบบบนั ทกึ การเรียนรู้ กศน.
4.2 ครูมอบหมายให้นักศึกษาไปศึกษาค้นคว้าเนื้อหาจากหนังสือเรียนรายวิชาวิทยาศาสตร์(พว 11001) จากลิ้ง
http://loei.nfe.go.th/media/uploads/2014-07-01/20140701-1404202215.pdf และศึกษาเนื้อหาจากใบ
ความรู้ และทำใบงานท่ี 5.1 ใบงานที่ 5.2 และใหน้ กั ศึกษาส่งงาน ให้นกั ศึกษาส่งงานทาง LINE
4.3 ครูมอบมายงานให้แต่ละคน/หรือรายกลุ่มดำเนินการวางแผนการดำเนินงานจัดทำรายงานกลุ่มละ 1 เรื่อง
พรอ้ มจดั ทำรูปเล่มรายงาน นำเสนอชนิ้ งาน และสง่ ช้ินงาน ตามวนั เวลาที่ครูกำหนด ก่อนสอบปลายภาคเรยี น
การวดั และประเมินผล (E:evaluation)
1. การสังเกตพฤติกรรมการมรี ายบคุ คล/รายกลมุ่
2. การตรวจแบบบันทกึ การเรียนรู้ กศน.
3. ประเมินการนำเสนอผลงาน/ช้ินงาน
4. การตรวจใบงาน
5. การตรวจแบบทดสอบ
6. การประเมนิ คณุ ธรรม

วธิ กี ารเรยี น : ผา่ น แอปพลเิ คชนั (ON-Demand)

กระบวนการจัดการเรียนรู้
การกำหนดสภาพ ปัญหา ความตอ้ งการในการเรยี นรู้ (O : Orientation)
1.ขนั้ นำเขา้ สบู่ ทเรยี น (เวลา 30 นาท)ี

1.1 ครูทักทายนักศึกษา และนำเข้าสู่บทเรียนโดยให้นักศึกษาแสดงความคดิ เห็นในเร่ืองแรงและพลังงานเพ่ือชีวิต
พรอ้ มท้ังแลกเปลีย่ นเรียนรู้ ร่วมกันวิเคราะห์ และแสดงความคิดเห็นรว่ มกันในชั้นเรยี น พร้อมทั้งทำแบบทดสอบก่อนเรียน
(Google Form) ผ่านทางแอปพลิเคชันLINE กลุ่ม พร้อมอธิบายถึงเหตุผลความจำเป็นที่ต้องจัดกิจกรรมการเรียนรูปแบบ
(ON-Demand)

1.2 ค รู น ำ เข้ า สู่ บ ท เรี ย น โ ด ย ค รู เปิ ด วี ดี ทั ศ น์ เร่ื อ ง แ ร ง แ ล ะ พ ลั ง ง า น เพ่ื อ ชี วิ ต จ า ก ล้ิ ง
https://www.youtube.com/watch?v=B3bHM7DFbOo ให้นักศึกษารับชมเพ่ือให้นักศึกษามีความรู้ความเข้าใจใน
เร่ืองแรงและพลังงานเพ่ือชีวิตนักศึกษาร่วมกันวิเคราะห์และแลกเปล่ียนเรียนรู้แสดงความคิดเห็นผ่านทาง แอปพลิเคชัน
LINE เพอ่ื เช่อื มโยงเขา้ สู่บทเรยี นต่อไป

1.3 ครูและนักศกึ ษาสรปุ ส่ิงทีอ่ ภปิ รายร่วมกัน แลกเปล่ยี นเรยี นรู้ และบันทกึ ลงในแบบบันทึกการเรียนรู้ กศน.ผา่ น
ทาง แอปพลิเคชนั LINE

145

การแสวงหาขอ้ มลู และการจดั การเรยี นรู้ (N : New ways of learning)
2.กระบวนการจดั การเรยี นรู้(N:newway of lerling)(เวลา 4 ชวั่ โมง)

2.1 ครูมอบหมายให้นักศึกษาไปศึกษาหาความรู้ เรื่อง แรงและพลังงานเพื่อชีวิตจากหนังสือเรียนออนไลน์
รายวิชาวิทยาศาสตร์( พว 11001) จากลิ้งhttp://loei.nfe.go.th/media/uploads/2014-07-01/20140701-
1404202215.pdf และศึกษาหาความรู้ ผ่านเว็บไซต์ www.etvthai.tv และช่อง Yutube หรือจากส่ือและแหลง่ เรียนรู้
ตา่ งๆ และให้สรปุ ลงในแบบบันทกึ การเรยี นรู้ กศน. ในหวั ขอ้ ตอ่ ไปน้ี

1. แรงและการเคลอื่ นทีข่ องแรง
2. พลังงานในชวี ิตประจำวัน และการอนุรกั ษ์พลงั งาน
3. การนำผลทีไ่ ดจ้ ากการวางแผนไปประยุกตใ์ ช้ในชีวิตประจำวนั
2.2 ครูมอบหมายให้นักศกึ ษาเลือกทำรายงานที่นักศึกษาสนใจ 1 เรือ่ ง ใหไ้ ปศึกษาคน้ ควา้ จากหนังสือ เรียน
ออนไลนร์ ายวิชาวิทยาศาสตร์( พว 11001) จากลิง้ http://loei.nfe.go.th/media/uploads/2014-07-
01/20140701-1404202215.pdf หรือจากแหลง่ การเรียนรตู้ ่างๆ และให้นักศึกษาจัดทำสรปุ ความร้เู ปน็ แผนผัง
ความคดิ ลงในแบบบนั ทกึ การเรียนรู้ กศน. ในหวั ขอ้ ดังนี้
1 ความหมายหนว่ ย และประเภทของแรง
2. ผลของแรงทกี่ ระทำต่อวัตถุ และประโยชน์ของแรง
3. ความดัน
4. พลงั งาน และประเภทของพลังงานที่ใชใ้ นชีวติ ประจำวัน
5. พลังงานไฟฟ้า
6. พลงั งานแสง
7. พลงั งานเสยี ง

2.3 ครูสอนและสอดแทรกคณุ ธรรม 12 ประการ ในเรอื่ ง ความสะอาด ความสุภาพ ความกตญั ญู
กตเวทีความขยนั ความประหยดั ความซื่อสัตย์ ความมีน้ำใจ ความมีวินัย ศาสน์ กษัตริย์ รกั ความเป็นไทย และยึดมนั่ ในวิถี
ชวี ิตและการปกครองตามระบอบประชาธปิ ไตยอนั มีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ผา่ นทาง LINE กลมุ่

การปฏิบตั ิและนำไปประยุกต์ (I : Implementation)
3. ขน้ั การปฏบิ ัตแิ ละนำไปประยกุ ตใ์ ช้ ( 30 นาที )

3.1 ครสู ุ่มตัวแทนกลุ่มนำเสนอ เพื่อแลกเปลี่ยนความคดิ เห็นซงึ่ กนั และกนั สรุปส่ิงที่ได้เรียนร้รู ว่ มกนั และให้
นักศกึ ษาบนั ทึกความรู้ที่ได้ ลงในแบบบันทึกการเรียนรู้ กศน.

3.2 นักศึกษานำความร้ทู ี่ได้จากการเรยี นรู้มาเปน็ แนวทางในการแก้ปัญหาและการดำเนินชวี ิตในประจำวนั ตอ่ ไป

ข้ันประเมนิ ผล (E :Evaluation)
4. ขน้ั สรุปและประเมนิ ผล (1 ชวั่ โมง)

4.1 ครูติดตามงานท่ีไดม้ อบหมายนกั ศึกษา เพ่อื ติดตามความคืบหน้าทางแอปพลิเคชัน Line ดังน้ี
4.2 ติดตามงานทไ่ี ด้รับมอบหมายสปั ดาห์ทีผ่ า่ นมา
4.3 ตดิ ตามการทำกิจกรรมพัฒนาคณุ ภาพชวี ิต (กพช.)
4.4 ติดตามสอบถามสุขภาพของนักศึกษา (การตรวจสขุ ภาพ/ความสะอาด/การแตง่ กาย)

146

4.5 ติดตามสอบถามการทำความดใี นแต่ละวัน สปั ดาหท์ ่ีผา่ นมาและตดิ ตามการบนั ทกึ กิจกรรมทีท่ ำความดลี งใน
สมุดบนั ทึกบนั ทึกความดีเพ่ือการประเมินคณุ ธรรม

4.6 ตดิ ตามสอบถามเกีย่ วกบั งานอดิเรก สนุ ทรียภาพ การเลน่ กีฬา การใชเ้ วลาว่างให้เปน็ ประโยชน์ ฯลฯ
4.7 ติดตามความกา้ วหนา้ การทำรายงาน
สอื่ และแหลง่ การเรยี นรู้

1.www.etvthai.tv
2.ทีวดี จิ ิตอลช่อง 52 (กศน.)
3.https://www.youtube.com/watch?v=B3bHM7DFbOo
4. แอปพลิเคชัน LINE
5. หนงั สือเรยี นรายวชิ าวิทยาศาสตร์( พว 11001) จากลงิ้ http://loei.nfe.go.th/media/uploads/2014-
07-01/20140701-1404202215.pdf
6. แบบทดสอบก่อนเรยี น เร่ือง แรงและพลังงานเพื่อชวี ิตแบบปรนยั จำนวน 10 ข้อ (Google Form)
7. แบบทดสอบหลงั เรียน เร่ือง แรงและพลงั งานเพ่อื ชีวิตแบบปรนยั จำนวน 10 ข้อ (Google Form)
8. ใบงานท่ี 5.1
9. ใบงานที่ 5.2
10.แบบบันทึกการเรียนรู้ กศน.
ขนั้ มอบหมายงาน
1 ครูมอบหมายให้นักศึกษาไปอ่านทบทวนเน้ือหาเพ่ิมเติมจากหนังสือเรียนรายวิชาวิทยาศาสตร์(พว11001) จา
กล้ิงhttp://loei.nfe.go.th/media/uploads/2014-07-01/20140701-1404202215.pdf โดยศึกษาในเร่ือง
แรงและพลงั งานเพื่อชีวติ และสรุปลงในแบบบันทกึ การเรยี นรู้ กศน.
2. ครูมอบหมายใหน้ ักศึกษาไปศึกษาค้นควา้ เน้ือหาจากหนังสือเรียนออนไลน์รายวิชาวทิ ยาศาสตร์(พว 11001) จา
กล้ิงhttp://loei.nfe.go.th/media/uploads/2014-07-01/20140701-1404202215.pdf และศึกษาเน้ือหา
จากใบความรู้ และทำใบงานที่ 8.1 ใบงานที่ 8.2 ให้นักศกึ ษาสง่ งานทาง LINE
3. ครูมอบมายงานให้แต่ละคน/หรือรายกลุ่มดำเนินการวางแผนการดำเนินงานจัดทำรายงานกลุ่มละ 1 เร่ือง
พรอ้ มจดั ทำรูปเลม่ รายงาน นำเสนอช้นิ งาน และส่งชน้ิ งาน ตามวนั เวลาท่ีครูกำหนด กอ่ นสอบปลายภาคเรยี น
การวดั และประเมนิ ผล (E:evaluation)
1. การสังเกตพฤติกรรมการมีรายบคุ คล/รายกล่มุ
2. การตรวจแบบบนั ทึกการเรยี นรู้ กศน.
3. ประเมินการนำเสนอผลงาน/ชน้ิ งาน
4. การตรวจใบงาน
5. การตรวจแบบทดสอบ
6. การประเมนิ คุณธรรม

147

กิจกรรมการเรยี นรดู้ ว้ ยตนเอง (จำนวน 20 ชว่ั โมง)
ใบงาน กรต. คร้ังท่ี 5

สาระความรู้พน้ื ฐาน รายวชิ าวทิ ยาศาสตร์ รหสั พว 11001
ระดบั ประถมศกึ ษา

คำสงั่ ใหน้ กั ศึกษาแบ่งกลุ่ม กลมุ่ ละ 3 คน และไปทำกิจกรรมการเรยี นรู้ตอ่ เนอ่ื ง (กรต) โดยการไปศึกษาค้นควา้ อา่ น
หนงั สอื จดบันทกึ จากหนังสือแบบเรียน ตำรา หนังสือ และส่ืออน่ื ๆ ในหอ้ งสมุดประชาชนจงั หวัด หอ้ งสมดุ ประชาชน
อำเภอ โรงเรียนประถมศึกษา โรงเรยี นมัธยมศึกษา ในพ้นื ที่อำเภอเมืองนราธิวาสหรอื อำเภออน่ื ๆ สื่อออนไลน์ หรอื ไป
สอบถามขอความรจู้ ากบุคคล ในหวั ขอ้ ต่อไปนี้

1 ความหมายหน่วย และประเภทของแรง
2. ผลของแรงทกี่ ระทำต่อวัตถุ และประโยชนข์ องแรง
3. ความดัน
4. พลงั งาน และประเภทของพลังงานท่ีใชใ้ นชวี ติ ประจำวนั
5. พลังงานไฟฟ้า
6. พลงั งานแสง
7. พลงั งานเสยี ง
ข้นั ตอนของการไปเรยี นรู้ตอ่ เนอื่ ง (กรต.) ของนักศกึ ษา มดี งั น้ี
1. แผนการเรยี นรตู้ ่อเน่ือง (กรต.) ในแตล่ ะแตล่ ะสปั ดาห์ แต่ละครั้งท่ีครู กศน.ตำบล/ครู ศรช. หรอื ครปู ระจำกลุ่ม
กลุ่มมอบหมาย

148

2. ใหบ้ ริหารเวลาและใช้เวลาในการศึกษาเรียนรู้ด้วยตนเองและทำกิจกรรมการเรียนรู้ตอ่ เนือ่ ง (กรต.) สัปดาห์ละ
15 ชงั่ โมงเปน็ อย่างน้อย

3. อา่ นหนังสอื สอบถามผูร้ ู้ และจดบันทกึ ทุกครัง้ ทีมีการทำกิจกรรม กรต. และเก็บหลักฐานไวท้ ุกครัง้ เพื่อส่ง
ครูกศน.ตำบล/ครูศรช. หรือครปู ระจำกล่มุ ตรวจให้คะแนนการทำ กรต.

4. จดั ทำรายงานเปน็ เลม่ ตามแบบรายงานท่ศี นู ย์การศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอธั ยาศยั กำหนดและให้
สง่ ในวนั ท่มี กี ารนำเสนอผลการทำกรต. ในเรือ่ งนน้ั ๆ

5. สมาชิกในกลุ่มรว่ มกันนำเสนอ/นำด้วยตนเอง(ในกรณที ำคนเดยี ว) โดยให้นำเสนอผลงานตามข้อ4 กลุ่มละ/คน
ละไม่เกนิ 10 นาที ในวันพบกลุ่มครั้งต่อไป

แบบสงั เกตพฤตกิ รรมการปฏิบตั กิ จิ กรรมของนกั เรยี นรายบุคคล

เลข ่ทีชื่อ – สกุล ผลการประเมนิ
มีความ ้ัตงใจในการทำงาน
มีความ ัรบ ิผดชอบ
ตรง ่ตอเวลา
ความสะอาดเ ีรยบร้อย
ผลสำเ ็รจของงาน
รวมคะแนน

๓ ๓ ๓ ๓ ๓ ๑๕ ผา่ น ไม่ผา่ น

149

เกณฑก์ ารประเมนิ ระดบั คณุ ภาพ เกณฑท์ ผี่ ่าน

๓ ปฏิบตั ิหรือแสดงพฤติกรรมสม่ำเสมอ ดี ๑๑ – ๑๕ คะแนน ดี ตง้ั แต่ ๑๐ คะแนน

๒ ปฏิบตั หิ รอื แสดงพฤตกิ รรมบอ่ ยครั้ง ปานกลาง ๖ – ๑๐ คะแนน พอใช้ ขึ้นไป

๑ ปฏบิ ตั หิ รือแสดงพฤติกรรมบางครัง้ หรือน้อยครั้ง ปรับปรุง ๑ – ๕ คะแนน ปรับปรุง

แบบสงั เกตพฤตกิ รรมการปฏบิ ตั กิ จิ กรรมกลมุ่
กลุ่มท่ี..............

ชอื่ – สกลุเลข ่ีท รวม ผลการประเมิน
ีม ่สวนร่วมในการแสดงความ ิคดเห็น
มีความกระ ืตอรือร้นในการทำงาน
ัรบ ิผดชอบในงานที่ไ ้ด ัรบมอบหมาย
ีม ั้ขนตอนในการทำงานอย่างเป็นระบบ
ใช้เวลาในการทำงานอย่างเหมาะสม

๓ ๓ ๓ ๓ ๓ ๑๕ ผา่ น ไมผ่ า่ น

150

เกณฑก์ ารประเมนิ ระดบั คณุ ภาพ เกณฑท์ ผ่ี า่ น
๓ ปฏบิ ัติหรือแสดงพฤติกรรมสมำ่ เสมอ ดี
๒ ปฏิบตั ิหรือแสดงพฤติกรรมบอ่ ยครัง้ ปานกลาง ๑๑ – ๑๕ คะแนน ดี ต้งั แต่ ๑๐ คะแนน
๑ ปฏบิ ัตหิ รือแสดงพฤติกรรมบางครงั้ หรือน้อยคร้ัง ปรับปรุง
๖ – ๑๐ คะแนน พอใช้ ขึน้ ไป

๑ – ๕ คะแนน ปรบั ปรงุ

ใบความรทู้ ี่ 1
แรงและการเคลอ่ื นทขี่ องแรง
1. เวกเตอรข์ องแรง
แรง หมายถงึ สิ่งทส่ี ามารถทำให้วตั ถุทอี่ ยนู่ ่ิงเคลอื่ นที่หรือทำให้วตั ถทุ ่กี ำลงั เคล่อื นทมี่ ีความเร็วเพมิ่ ข้นึ หรือช้าลง
หรือเปลยี่ นทิศทางการเคลอ่ื นท่ีของวัตถไุ ด้ปริมาณทางฟิสกิ ส์ มี 2 ชนิด คือ
1. ปริมาณเวกเตอร์ หมายถงึ ปริมาณที่มีท้ังขนาดและทศิ ทาง เช่น แรง ความเร็ว น้ำหนกั
2. ปริมาณสเกลาร์ หมายถงึ ปริมาณที่มีแตข่ นาดอยา่ งเดยี ว ไมม่ ที ศิ ทาง เช่น พลงั งาน อุณหภูมิ เวลา
พื้นที่ ปรมิ าตร อตั ราเร็ว
การเขยี นเวกเตอรข์ องแรง
ใชค้ วามยาวของสว่ นเสน้ ตรงแทนขนาดของแรง และหัวลกู ศรแสดงทศิ ทางของแรง
2. การเคลอ่ื นทใี่ นหน่ึงมติ ิ
2.1 การเคลอื่ นทใี่ นแนวเสน้ ตรง แบ่งเป็น 2 แบบ คือ
1. การเคล่อื นทีใ่ นแนวเส้นตรงทไ่ี ปทิศทางเดียวกนั ตลอด เชน่ โยนวตั ถขุ ้ึนไปตรงๆ รถยนต์กำลงั เคลื่อนท่ี
ไปข้างหนา้ ในแนวเสน้ ตรง
2. การเคลอื่ นทีใ่ นแนวเส้นเส้นตรง แตม่ ีการเคลอื่ นทีก่ ลบั ทิศดว้ ย เชน่ รถแลน่ ไปขา้ งหนา้ ในแนวเส้นตรง
เมอื่ รถมกี ารเลี้ยวกลับทิศทาง ทำใหท้ ศิ ทางในการเคล่ือนที่ตรงขา้ มกัน
2.2 อตั ราเรว็ ความเร่ง และความหนว่ งในการเคลอ่ื นทข่ี องวตั ถุ
1. อตั ราเรว็ ในการเคลอื่ นที่ของวัตถุ คือระยะทางทีว่ ตั ถุเคลือ่ นทใ่ี น 1 หนว่ ยเวลา
2. ความเร่งในการเคลื่อนที่ หมายถงึ ความเรว็ ที่เพม่ิ ขนึ้ ใน 1 หน่วยเวลา เช่น วตั ถตุ กลงมาจากทีส่ ูงใน
แนวดิง่
3. ความหน่วงในการเคลอื่ นที่ของวตั ถุ หมายถงึ ความเร็วท่ีลดลงใน 1 หน่วยเวลา เช่น โยนวตั ถุขึ้นตรงๆ
ไปในท้องฟ้า
3. การเคลอ่ื นทแ่ี บบตา่ งๆ ในชวี ติ ประจำวนั
3.1 การเคลอื่ นทแี่ บบวงกลม หมายถงึ การเคลอ่ื นทขี่ องวัตถุเป็นวงกลมรอบศนู ย์กลาง เกิดขึ้นเนื่องจากวัตถทุ ่ี
กำลงั เคล่อื นท่ีจะเดินทางเป็นเส้นตรงเสมอ แต่ขณะนั้นมแี รงดึงวตั ถุเขา้ สศู่ นู ย์กลางของวงกลม เรยี กว่า แรงเขา้ สศู่ นู ย์กลาง
การเคลอ่ื นท่ี จึงทำให้วตั ถเุ คลือ่ นทเี่ ป็นวงกลมรอบศนู ยก์ ลาง เชน่ การโคจรของดวงจนั ทร์รอบโลก

151

3.2 การเคลอ่ื นทขี่ องวตั ถใุ นแนวราบเปน็ การเคลอ่ื นที่ของวัตถุขนานกับพื้นโลก เช่น รถยนตท์ ี่กำลังแล่นอยบู่ น
ถนน

3.3 การเคลอ่ื นทแี่ นววถิ โี คง้ เปน็ การเคล่ือนท่ผี สมระหว่างการเคลื่อนทใี่ นแนวด่ิงและในแนวราบแรงในแบบต่างๆ
1. ชนดิ ของแรง

1.1 แรงยอ่ ย คอื แรงที่เป็นส่วนประกอบของแรงลัพธ์
1.2 แรงลพั ธ์ คอื แรงรวมซ่ึงเปน็ ผลรวมของแรงย่อย ซึ่งจะตอ้ งเปน็ การรวมกันแบบปริมาณเวกเตอร์
1.3 แรงขนาน คือ แรงที่ท่มี ีทิศทางขนานกนั ซึ่งอาจกระทำที่จดุ เดยี วกนั หรือตา่ งจุดกันก็ได้ มีอยู่ 2 ชนิด
- แรงขนานพวกเดยี วกนั หมายถึง แรงขนานทม่ี ีทิศทางไปทางเดยี วกัน
- แรงขนานตา่ งพวกกนั หมายถึง แรงขนานทม่ี ที ิศทางตรงข้ามกัน
1.4 แรงหมนุ หมายถึง แรงที่กระทำต่อวตั ถุ ทำให้วัตถเุ คล่ือนที่โดยหมนุ รอบจุดหมนุ ผลของการหมุนของ
เรียกว่า โมเมนต์ เชน่ การปดิ -เปิด ประตูหน้าตา่ ง
1.5 แรงคู่ควบ คอื แรงขนานต่างพวกกันค่หู นึ่งทม่ี ขี นาดเท่ากนั แรงลัพธ์มีค่าเป็นศูนย์ และวัตถุทถ่ี ูกแรงคู่
ควบกระทำ 1 คู่กระทำ จะไม่อยนู่ ง่ิ แต่จะเกิดแรงหมุน
1.6 แรงดงึ คอื แรงทเ่ี กดิ จากการเกร็งตวั เพอ่ื ต่อต้านแรงกระทำของวัตถุ เป็นแรงทีเ่ กิดในวตั ถทุ ล่ี ักษณะ
ยาวๆ เชน่ เสน้ เชือก เส้นลวด
1.7 แรงสศู่ นู ยก์ ลาง หมายถงึ แรงท่มี ที ิศเขา้ ส่ศู นู ย์กลางของวงกลมหรอื ทรงกลมอนั หน่ึงๆ เสมอ
1.8 แรงตา้ น คือ แรงทีม่ ที ิศทางตอ่ ต้านการเคลื่อนที่หรือทศิ ทางตรงข้ามกบั แรงที่พยายามจะทำใหว้ ตั ถุ
เกิดการเคล่ือนท่ี เชน่ แรงตา้ นของอากาศ แรงเสียดทาน
1.9 แรงโนม้ ถว่ งของโลก คอื แรงดึงดดู ที่มวลของโลกกระทำกบั มวลของวตั ถุ เพ่ือดึงดูดวัตถุน้นั เข้าสู่
ศนู ยก์ ลางของโลก
- นำ้ หนกั ของวตั ถุ เกดิ จากความเร่งเนือ่ งจากความโน้มถ่วงของโลกมากกระทำตอ่ วัตถุ
1.10 แรงกริ ยิ าและแรงปฏกิ ริ ยิ า
- แรงกริ ยิ า คือ แรงที่กระทำต่อวัตถุทีจ่ ุดจดุ หน่ึง อาจเป็นแรงเพียงแรงเดียวหรือแรงลัพธ์ของแรงย่อยก็ได้
- แรงปฏกิ ริ ยิ า คอื แรงทกี่ ระทำตอบโต้ต่อแรงกิริยาทจ่ี ดุ เดียวกัน โดยมีขนาดเทา่ กับแรงกิรยิ า แต่ทิศทางของแรง
ท้งั สองจะตรงข้ามกัน

2. แรงกริ ยิ าและแรงปฏกิ ริ ยิ ากบั การเคลอื่ นทขี่ องวตั ถุ
2.1 วตั ถเุ คลอื่ นทดี่ ว้ ยแรงกิรยิ า เป็นการเคล่อื นท่ีของวัตถุตามแรงที่กระทำ เชน่ การขว้างลกู หินออกไป
2.2 วตั ถเุ คลอ่ื นทด่ี ว้ ยแรงปฏกิ ิรยิ า เป็นการเคล่ือนท่ขี องวัตถเุ นือ่ งจากมีแรงขบั ดนั วตั ถุให้เคล่อื นท่ีไปใน

ทิศทางตรงกันขา้ ม เช่น การเคลือ่ นที่ของจรวด
แรงเสยี ดทาน

1. ความหมายของแรงเสยี ดทาน
แรงเสยี ดทาน คือ แรงทตี่ ้านการเคลอ่ื นท่ีของวตั ถซุ ่ึงเกดิ ขน้ึ ระหวา่ งผิวสัมผัสของวตั ถุ เกิดขึน้ ทัง้ วัตถทุ ่ีเคล่อื นท่แี ละไม่
เคล่ือนท่ี และจะมีทศิ ทางตรงกันขา้ มกบั การเคล่ือนทีข่ องวัตถแุ รงเสยี ดทานมี 2 ประเภท คอื

1. แรงเสียดทานสถติ คอื แรงเสยี ดทานทเ่ี กดิ ขึ้นระหว่างผิวสัมผัสของวัตถใุ นสภาวะที่วัตถุไดร้ ับแรง
กระทำแลว้ อยนู่ ิง่

2. แรงเสยี ดทานจลน์ คือ แรงเสียดทานท่เี กิดขนึ้ ระหวา่ งผวิ สมั ผสั ของวัตถใุ นสภาวะท่ีวัตถไุ ด้รับแรง
กระทำแล้วเกดิ การเคลื่อนท่ดี ้วยความเรว็ คงท่ี

2. การลดและเพม่ิ แรงเสยี ดทาน
การลดแรงเสยี ดทาน สามารถทำไดห้ ลายวธิ ี

152

1. การขัดถูผวิ วตั ถใุ ห้เรยี บและล่ืน
2. การใชส้ ารลอ่ ลน่ื เช่น นำ้ มัน
3. การใชอ้ ปุ กรณต์ ่างๆ เชน่ ลอ้ ตลบั ลูกปืน และบชุ
4. ลดแรงกดระหว่างผิวสัมผัส เช่น ลดจำนวนส่ิงที่บรรทุกใหน้ อ้ ยลง
5. ออกแบบรปู รา่ งยานพาหนะให้อากาศไหลผา่ นได้ดี
การเพม่ิ แรงเสยี ดทาน สามารถทำไดห้ ลายวธิ ี
1. การทำลวดลาย เพ่ือให้ผวิ ขรุขระ
2. การเพ่มิ ผิวสมั ผัส เชน่ การออกแบบหนา้ ยางรถยนต์ให้มีหน้ากวา้ งพอเหมาะ

153

ใบความรทู้ ่ี 2
ประโยชนแ์ ละโทษของแรง

ประโยชนแ์ ละโทษของแรงดนั อากาศ

ประโยชนข์ องแรงดนั อากาศ
เราสามารถนำประโยชนจ์ ากความดนั อากาศมาสรา้ งเครือ่ งมอื หรืออุปกรณ์บางชนิดหรือประดิษฐ์อุปกรณ์

เครื่องเล่นต่างๆ รวมทงั้ นำความรู้เรื่องความดันอากาศมาประยกุ ตใ์ ช้ใน ชวี ิตประจำวันได้ดว้ ย เช่น การเติมลมจักรยาน
หรือรถยนต์ ลมหรืออากาศท่ีเติมเขา้ ไปจะถูกบีบอัดอย่ภู ายใน แลว้ ดนั ใหย้ างพองตวั คงรูปอยูไ่ ด้ สามารถรองรบั น้ำหนกั
ของรถได้ นอกจากนย้ี ังนำไปใชป้ ระโยชนท์ างดา้ นการคมนาคมได้ เชน่ เคร่ืองบนิ เครื่องร่อน บอลลนู เป็นต้น
หรอื นำหลกั ไปใชท้ ำเครื่องสบู น้ำ ปากกา หรือแม้แต่หลอดฉีดยาก็ใช้หลักการนี้

ยางรถยนต์ เครื่องบนิ เครื่องร่อน เครอ่ื งสบู น้ำ หลอดฉดี ยา

โทษของแรงดนั อากาศ

ความดันอากาศหรือความกดอากาศจะมีคา่ น้อยลงเรอ่ื ยๆ ในทีร่ ะดับสงู ขึ้นไป เมื่ออยูใ่ นทสี่ ูงมากๆ

จะร้สู ึกว่าหูอื้อ จากการศกึ ษาพบวา่ หสู ่วนกลางมีท่อติดต่อกับคอหอย เรยี กวา่ ทอ่ ยูสเทเชยี น กักขังอากาศไว้

ทอ่ นที้ ำหนา้ ที่ปรับความดนั อากาศท้ังสองด้านของเยือ่ แกว้ หใู ห้เทา่ กนั ตลอดเวลา เมอ่ื เราขึ้นไปสู่ทสี่ งู ซึ่งมี

ความดันอากาศตำ่ จงึ ทำให้ความดนั ในหสู ว่ นกลาง มากกว่าความดันอากาศภายนอก เปน็ เหตุให้เยื่อแก้วหขู ยายออก

ทำใหป้ วดหู ความดันท่ีตา่ งกันนีจ้ ะเท่ากันไดเ้ ม่อื ทำให้อากาศสว่ นหนึ่งออกไปจากท่อยูสเทเชยี น

ได้มีผสู้ ร้างเคร่ืองมือสำหรับวัดความดันอากาศซง่ึ เรยี กวา่ บารอมิเตอร์

ประโยชนแ์ ละโทษ ของแรงลอยตวั

154

ประโยชนแ์ ละโทษของแรงเสยี ดทาน

แรงเสียดทาน (Friction) หมายถึง แรงท่ีเกิดข้ึนระหว่างผิวสัมผัสของวัตถุสองชิ้นเป็นแรงที่พยายามต้านมิให้
ผวิ สัมผัสทั้งสองขยบั เคลื่อนที่จากกัน แรงเสยี ดทานมที ิศทางสวน กับการเคลือ่ นท่ีที่ผวิ สัมผัส แรงเสียดทานคา่ ของแรงเสียด
ทานจะมากหรือน้อยขึ้นอย่กู ับส่งิ ต่อไปน้ี

1. ลักษณะผวิ สัมผัส
2. มวลของวัตถุ
3. ชนดิ วตั ถุ
ขอ้ ดีและข้อเสยี ของแรงเสยี ดทาน เป็นดังน้ี
ขอ้ ดี
แรงเสียดทานมีประโยชน์ต่อการเคล่ือนที่ เช่น ถ้าเดินในบริเวณที่มีพื้นผิวเรียบและ ลื่นจะเดินยากกว่าเดินบน
พื้นผิวท่ีขรุขระ และอาจทำให้หกล้มได้ง่ายเน่ืองจากมีแรงเสียดทานน้อย ดังน้ันการสวมรองเท้าที่มีพื้นรองเท้าท่ีทำให้เกิด
แรงเสียดทานกับพื้น เช่น พื้นยางจะเกิดความปลอดภัย นอกจากน้ีในการเคล่ือนที่ของรถยนต์ผิวล้อกับผิวถนนจะมีแรง
เสียดทานจึงทำให้รถยนต์เคล่ือนท่ีไปได้ปลอดภัย ช่วยลดอุบัติเหตุท่ีอาจเกิดขึ้นจากการเคลื่อนท่ี ดังนั้นการผลิตล้อรถยนต์
จะมีดอกยางเพื่อใหล้ อ้ เกาะถนนได้ดี เกดิ แรงเสียดทานพอเหมาะทจ่ี ะชว่ ยลดอบุ ัติเหตุ
ขอ้ เสีย
ในกรณีท่ีต้องการให้วัตถุเคลื่อนที่เร็ว ถ้ามีแรงเสียดทานเป็นตัวทำให้วัตถุ เคล่ือนที่ช้าต้องใช้แรงมากข้ึน เพ่ือ
เอาชนะแรงเสียดทานทำให้ส้ินเปลืองพลังงานมาก เช่น ถ้าล้อรถยนต์กับพื้นถนนมีแรงเสียดทานมากรถยนต์จะแล่นช้าต้อง
ใช้น้ำมนั เชอ้ื เพลิงมากขึ้นเพื่อให้รถยนต์ มีพลังงานมากพอ ท่ีจะเอาชนะแรงเสียดทาน นอกจากน้ีการเคล่ือนต้ขู นาดใหญ่ ถ้า
ใช้วิธีผลักตู้ปรากฏว่าตู้เคล่ือนท่ียากเพราะเกิดแรงเสียดทานจะต้องออกแรงผลักมากข้ึนหรือลดแรงเสียดทานโดยใช้ผ้ารอง
ขาตู้ที่ด้วยความเร็วคงที่ แรงเสียดทานที่เกิดขึ้นกับยานพาหนะทั้งทางบก ทางน้ำ และทางอากาศ มีลักษณะแตกต่างกัน
ขน้ึ อยกู่ บั พ้นื ทผ่ี ิวสัมผัสของยานพาหนะกบั แรงเสยี ดทาน
1. รถยนต์ พืน้ ที่ผิวสัมผสั จะอยู่ทลี่ อ้ รถยนต์กบั พน้ื ถนนและตวั ถังรถยนต์กบั อากาศ จึงมีแรงเสียดทานจากการเสียด
สีกบั ถนนและอากาศ
2. เรือ พื้นทีผ่ ิวสมั ผัสจะอยทู่ ่ีผวิ ดา้ นนอกของเรือกับน้ำ และเรือกบั อากาศ จงึ เกดิ แรงเสียดทานจากการเสียดสกี บั
น้ำและอากาศ
3. เครือ่ งบิน พนื้ ทผี่ วิ สัมผัสอยทู่ เ่ี คร่ืองบินกบั อากาศ จงึ เกิดแรงเสยี ดทานจากการ เสียดสกี บั อากาศ
การลดแรงเสยี ดทาน
1. ทำให้ผิวสัมผัสเรียบ ยิ่งผิวสัมผัสมีความขรุขระเท่าใดแรงเสียดทานก็ย่ิงมากดังนั้นจึงต้องทำให้ผิวสัมผัสมีความ
เรียบมากทสี่ ดุ
2. การชโลมน้ำมัน น้ำมันบางชนิด เช่น น้ำมันเครื่องหรือน้ำมันหล่อล่ืน มีคุณสมบัติล่ืนไหลได้ จึงนำมาใช้ลดแรง
เสยี ดทาน สำหรบั ผวิ ช้ินงานท่เี หมาะสมท่สี ดุ
3. การใช้แบร่ิง (ตลับลูกปืน) ภายในจะมีลูกกลมโลหะเล็ก ๆ ซึ่งล่ืนและหมุนได้สะดวก ใช้ลดการเสียดสีของเพลา
ต่าง ๆ
4. การใชว้ ัสดุลดความฝนื ไดแ้ ก่การนำเอาวัสดบุ างชนิดท่ีมีความฝืดน้อยมากเคลือบผวิ อุปกรณ์ ที่จะตอ้ งเสียดสกี ัน
ทำให้ความฝืดลดลง ตัวอย่างของวัสดุเหล่านี้ ได้แก่ ตะกั่วผสมทองแดง สังกะสีผสมทองแดงและพลวง เป็นต้น ซึ่งเรียกว่า
วสั ดลุ ดความฝืด

155

5. ใช้บุช ซึ่งเป็นโลหะทรงกระบอกกลวงท้ังสองผิวเรยี บลื่นช่วยลดแรงเสียดทานและการคลอนตัวของแกนหมุน มี
ลกั ษณะเปน็ วงแหวนสวมกันระหว่างแกนหมุนพดั ลมกบั ตวั เครอื่ งยนต์ แตบ่ ุชใชก้ บั ยานพาหนะที่ต้องรับน้ำหนักมาก
การเพม่ิ แรงเสยี ดทาน

ในกรณีท่ีแรงเสียดทานมีประโยชน์ เช่น ป้องกันการเกิดอุบัติเหตุทางรถยนต์ และป้องกันการหกล้มจากรองเท้า
เปน็ ตน้

1. เพ่ิมพื้นที่ผิวสัมผัส โดยออกแบบล้อรถยนต์ให้มีหน้ากว้างพอเหมาะจะทำให้เกาะถนนได้ดี ถ้าเพิ่มพื้นทีมาก
เกนิ ไปอาจทำให้เกิดผลเสยี

2. ลดความล่ืนของผิวสัมผัส โดยทำให้บริเวณผิวสัมผัสมีความฝืดขึ้น เช่น เพ่ิมดอกยางของรถยนต์ สำหรับพื้น
รองเทา้ ควรใช้พื้นยางหรอื พนื้ ไมเ่ รียบจะเกดิ ความปลอดภัยสงู ขณใชเ้ คล่ือนท่ี
ในการศึกษาเร่ืองโมเมนต์ของแรงน้ันจะมีอุปกรณ์เข้ามาเกี่ยวข้องก็คือคาน ดังน้ันเราจึงมาทำความรู้จักกับคานก่อนว่ามี
ลักษณะอยา่ งไร

ใบความรทู้ ี่ 3
พลงั งานในชวี ติ ประจำวนั และการอนรุ กั ษพ์ ลงั งาน

156

เชอ้ื เพลงิ และพลงั งานในชวี ติ ประจำวนั
พลังงานความร้อนที่ไดจ้ ากการเผาไหม้เชื้อเพลงิ เป็นพลงั งานเรม่ิ แรกท่ีมนุษยร์ ู้จักนำมาใช้ประโยชน์เป็นเวลานาน

แล้วโดยเชื้อเพลงิ เรมิ่ แรกท่ีมนุษย์รู้จกั นำมาใชค้ ือฟืนและถ่านไมซ้ ง่ึ เป็นเช้ือเพลิงเพ่ือใหแ้ สงสว่างความร้อนและใชใ้ นการหุง
ตม้ ประกอบอาหารต่อมามนุษยจ์ ึงเริ่มรู้จกั การใชป้ ระโยชนจ์ ากเชอ้ื เพลงิ ชนดิ อนื่ ๆ คือถา่ นหนิ น้ำมันและแก๊สธรรมชาติซ่ึง
เชอ้ื เพลิงเหลา่ นี้มปี ระสิทธิภาพในการให้พลงั งานความร้อนท่สี ูงกวา่ ฟนื หรือถา่ นไมธ้ รรมดาจึงสามารถนำไปใช้ในงาน
อุตสาหกรรมต่าง ๆ หรือใช้ในการขบั เคล่ือนยานพาหนะต่าง ๆ ไดถ้ ่านหินนำ้ มันและแกส๊ ธรรมชาติเปน็ แหลง่ พลงั งานท่ีมี
ความสำคัญและมีบทบาทต่อสงั คมมนุษย์เป็นอยา่ งยง่ิ ทงั้ ในดา้ นการคมนาคมขนสง่ การผลิตกระแสไฟฟา้ และในกระบวนการ
อตุ สาหกรรมต่าง ๆ แต่ปญั หาท่สี ำคัญของเช้อื เพลิงตา่ ง ๆ เหลา่ นกี้ ็คือ เชอ้ื เพลงิ ซ่ึงเกดิ จากการทบั ถมกันเป็นระยะเวลานาน
ของซากพชื และซากสัตว์ท่ีมีอยอู่ ย่างจำกัดใต้ผวิ โลกเมอ่ื นำมาใชใ้ นปรมิ าณมากกย็ ่อมจะหมดไปไมส่ ามารถทจ่ี ะเกดิ ขึน้ มา
ตอบสนองได้ทนั กับความตอ้ งการของมนษุ ย์การใช้พลงั งานเหลา่ นใ้ี นปริมาณมากกย็ ่อมจะนำไปสภู่ าวะขาดแคลนในท่ีสดุ
ดงั นั้นในปจั จุบันมนษุ ย์จึงพยายามคน้ หาและคน้ ควา้ เกี่ยวกับเชือ้ เพลิงชนิดใหมห่ รือแหล่งพลังงานทดแทนอ่ืน ๆ ที่จะ
นำมาใช้ทดแทนหรอื เพื่อลดการใช้เชอ้ื เพลงิ ฟอสซิลให้น้อยลงโดยเชอ้ื เพลิงหรือแหลง่ พลังงานทดแทนท่มี ีการนำมาใชง้ านใน
ปจั จบุ นั น้ีมีดังน้ี
1. แก๊สชีวภาพเป็นแกส๊ ที่เกิดจากปฏกิ ิรยิ าการย่อยสลายอินทรยี สารในสภาวะทม่ี ีออกซิเจนต่ำของแบคทเี รียชนดิ ตา่ ง ๆ
ส่วนใหญ่จะเป็นแกส๊ มีเทนซง่ึ ได้จากการหมักมลู สตั ว์
แก๊สชวี ภาพมคี ุณสมบตั ิเผาไหมไ้ ดด้ ีก่อใหเ้ กิดมลพิษทางอากาศนอ้ ยโรงงานอุตสาหกรรมบางแห่งนำมาใชเ้ น่ืองจากเปน็ การ
ประหยัดตน้ ทนุ คา่ เช้อื เพลงิ และยงั เปน็ การช่วยกำจดั ของเสยี ท่เี กดิ ขน้ึ ในโรงงานอีกดว้ ยแตแ่ กส๊ ชวี ภาพนี้ยงั ไมเ่ ป็นที่นยิ มใช้
กนั ตามครัวเรือนเนื่องจากยงั มีปญั หาในดา้ นการติดต้ังถังเก็บแก๊สและในด้านวตั ถุดิบทจ่ี ะนำมาหมัก
2. แกส๊ โซฮอลค์ ือสว่ นผสมระหวา่ งนำ้ มันเบนซนิ กับเอทานอลซ่ึงเอทานอลเปน็ เชือ้ เพลงิ ท่สี ามารถผลติ ได้จากพชื ท่ปี ลูกใน
ประเทศเช่นออ้ ยมันสำปะหลังข้างฟ่างขา้ วข้าวโพดเป็นตน้ ในบางคร้ังเราอาจได้ยินช่ือเรียกแก๊สโซฮอล์ E10 หรือแกส๊
โซฮอล์ E20 ซง่ึ ตวั เลข 10 หรอื 20 ท่ีอยขู่ า้ งหลงั หมายถึงปรมิ าณเปน็ ร้อยละของเอทานอลท่ผี สมเช่น E10 หมายถึงแก๊ส
โซฮอลท์ ม่ี ีเอทานอลผสมอยู่ร้อยละ 10 สว่ น E20 จะหมายถงึ แก๊สโซฮอล์ท่ีมีเอทานอลผสมอยูร่ ้อยละ 20 เปน็ ต้น
ในปจั จบุ ันกระทรวงพลังงานได้มกี ารส่งเสรมิ ให้ใช้น้ำมันแก๊สโซฮอลเ์ พิ่มมากข้นึ เนื่องจากแก๊สโซฮอล์เป็นเช้ือเพลิงที่มรี าคา
ต่ำกวา่ น้ำมันเบนซนิ สามารถช่วยชาติในการลดการนำเข้านำ้ มนั เชื้อเพลิงจากต่างประเทศได้และยังเป็นการเพ่ิมมลู คา่ ของ
ผลผลิตทางการเกษตรในประเทศดว้ ยนอกจากนี้แก๊สโซฮอล์ยงั มีการเผาไหมด้ กี วา่ น้ำมันเบนซนิ เนอื่ งจากมสี ว่ นผสมของเอ
ทานอลอยจู่ ึงชว่ ยลดมลพิษในอากาศได้
3. พลังงานนำ้ เป็นพลังงานทดแทนท่ีไดจ้ ากการนำพลงั งานทีเ่ กิดจากการไหลของกระแสนำ้ มาป่ันเคร่ืองกำเนดิ ไฟฟ้าเพ่อื
ผลติ เป็นกระแสไฟฟา้ ซ่งึ การผลิตกระแสไฟฟ้าจากพลังงานนำ้ นีจ้ ะตอ้ งอาศยั กระแสนำ้ ไหลผ่านเป็นปริมาณมากจึงต้องมีการ
สรา้ งเขอื่ นหรืออ่างเก็บน้ำขวางลำน้ำต่าง ๆ ท่ีมีน้ำไหลตลอดปีข้อดีของการใช้พลงั งานน้ำคือสามารถผลิตไฟฟา้ ได้ต่อเนื่อง
เป็นพลังงานหมุนเวยี นท่ีใช้แล้วไมห่ มดไปแต่มีข้อเสียคอื การสรา้ งเขือ่ นจะต้องมกี ารทำลายพ้นื ทป่ี ่าและท่ีอยู่อาศัยของ
ประชาชนเป็นจำนวนมากดังน้นั ในการสรา้ งเขื่อนจึงต้องมีการพจิ ารณาผลกระทบทีจ่ ะเกดิ ขนึ้ อยา่ งรอบคอบ
4. พลังงานลมเป็นการใช้พลังงานทีเ่ กิดจากการเคลือ่ นท่ีของอากาศในประเทศไทยมกี ารใชป้ ระโยชนจ์ ากพลังงานลมกันมา
เปน็ เวลานานแลว้ โดยใช้ในดา้ นการเกษตรและคมนาคมแต่ยังคงมีการพฒั นาการใชพ้ ลังงานในด้านน้ีอยูเ่ น่ืองจากพพนื้ ทสี่ ่วน
ใหญ่ในประเทศไทยมีกระแสลมท่ีไม่สมำ่ เสมอ ไมเ่ หมาะตอ่ การใชผ้ ลติ กระแสไฟฟ้าท้ังน้ีในประเทศไทยมสี ถานีผลิตไฟฟ้า
จากพลังงานลมอยู่ทีเ่ ดียวคือทีส่ ถานพี ลังงานทดทนแหลมพรหมเทพจังหวัดภเู กต็
5. พลงั งานแสงอาทิตย์เป็นการใชพ้ ลงั งานจากแสงอาทิตย์ในการผลติ กระแสไฟฟ้าโดยใช้เซลลส์ รุ ิยะ (Solar cell) เป็นตว้
เปลยี่ นพลงั งานจากแสงอาทติ ย์ให้เปน็ กระแสไฟฟ้าในประเทศไทยมีการใหค้ วามสนใจกบั พลังงานจากแสงอาทติ ยก์ ันมาก
เนื่องจากประเทศไทยเป็นประเทศในเขตเส้นศนู ย์สูตรซงึ่ ได้รับแสงอาทิตย์ยาวนานตลอดทงั้ ปีโดยในปัจจบุ นั ได้มีการผลิต
อุปกรณ์ที่ใช้ประโยชนจ์ ากพลังงานแสงอาทิตย์ออกมาอย่างมากมายเชน่ เครื่องคิดเลขเคร่ืองกรองนำ้ เครอ่ื งทำความร้อน
เครอื่ งอบผลผลิตทางการเกษตรเป็นต้น

157

ใบความรทู้ ่ี 4
การประหยดั พลงั งานในชวี ติ ประจำวนั
การใชเ้ ครอ่ื งใชไ้ ฟฟา้ ในชวี ติ ประจำวนั
การทม่ี นุษยใ์ ชเ้ ครอ่ื งใชไ้ ฟฟา้ เคร่ืองจกั รกลเพ่ืออำนวยความสะดวกในการดำเนินชีวติ ของตนเองน้ันเพราะมนษุ ย์
ศึกษาจนเขา้ ใจธรรมชาติและกฏเกณฑข์ องพลังงานจนสามารถควบคมุ พลงั งานให้เปน็ ไปตามความต้องการใช้งานได้จึงทำให้
การใชพ้ ลังงานในรูปแบบตา่ ง ๆ มากมายโดยเฉพาะอุปกรณ์ไฟฟ้าท่ใี ช้ตามอาคารบ้านเรือน การใช้อปุ กรณด์ ังกล่าวควรยึด
หลกั ดังต่อไปนี้
ทางเดนิ กระแสไฟฟา้ ภายในบา้ น
สายไฟฟา้
• สายไฟฟ้าเก่าหรือหมดอายุใช้งาน สังเกตได้จากฉนวนจะแตกหรือแหง้ กรอบบวม
• ฉนวนสายไฟชำรุดอาจเกดิ จากหนูหรือแมลงกัดแทะหรือวางของหนักทบั เดินสายไฟใกล้แหล่งความรอ้ นถูกของมี
คมบาด

158

• จดุ ต่อสายไฟต้องใหแ้ นน่ หน้าสมั ผสั ให้ดี พนั ฉนวนให้เรยี บร้อยขนาดของสายไฟฟา้ ใชข้ นาดของสายใหเ้ หมาะสม
กับปริมาณกระแสท่ีไหลในสายหรอื ใหเ้ หมาะสมกบั เคร่อื งใชไ้ ฟฟ้าในวงจรนั้น

• สายไฟฟ้าต้องไม่เดนิ อยู่ใกลแ้ หลง่ ความรอ้ น สารเคมีหรือถูกของหนักทับเพราะทำใหฉ้ นวนชำรุดได้งา่ ยและเกดิ
กระแสไฟฟา้ ลัดวงจรขน้ึ ได้สายไฟฟ้าต้องไม่พาดบนโครงเหลก็ รั้วเหลก็ ราวเหล็กหรือสว่ นท่ีเปน็ โลหะต้องเดนิ
สายไฟฟ้าโดยใชพ้ ุกประกับหรือร้อยท่อให้เรยี บร้อย เพื่อป้องกันกระแสไฟฟ้าร่ัวลงบนโครงโลหะซง่ึ จะเกิดอันตราย
ขน้ึ ได้

เต้ารบั -เตา้ เสยี บ
• เต้ารับ - เต้าเสียบตอ้ งไม่แตกรา้ วและไม่มีรอยไหม้
• การตอ่ สายทเี่ ตา้ รับและเตา้ เสียบตอ้ งให้แนน่ และใช้ขนาดสายให้ถูกต้อง
• เตา้ เสียบ เมื่อเสยี บใช้งานกบั เตา้ รับตอ้ งแน่น
• เต้ารับต้องติดต้งั ในที่แห้งไม่เปียกชืน้ หรือมนี ้ำท่วมและควรติดให้พน้ มือเด็กเล็กที่อาจเล่นถึงได้

แผงสวติ ชไ์ ฟฟา้
• ต้องติดตั้งในทีแ่ ห้งไม่เปียกชน้ื และสูงพอควร ห่างไกลจากสารเคมีและสารไวไฟตา่ งๆ
• ตรวจสอบดูวา่ มี มด แมลงเข้าไปทำรงั อยหู่ รือไมห่ ากพบวา่ มีให้ดำเนินการกำจัด
• อยา่ วางส่งิ กีดขวางบริเวณแผงสวิตช์
• ควรมีผังวงจรไฟฟา้ โดยสงั เขปติดอยูท่ ี่แผงสวิตชเ์ พ่ือให้ทราบวา่ แต่ละวงจรจ่ายไฟไปที่ใด แผงสวติ ชท์ เี่ ปน็ ตู้โลหะ
ควรทำการต่อสายลงดิน

สวติ ชต์ ดั ตอนชนดิ คดั เอาท์
• ตวั คทั เอาท์และฝาครอบต้องไม่แตก
• ใส่ฟวิ ส์ใหถ้ กู ขนาดและมฝี าครอบปิดให้มิดชดิ
• หา้ มใชว้ ัสดุอ่นื ใสแ่ ทนฟวิ ส์
• ขั้วต่อสายทค่ี ัทเอาทต์ ้องแนน่ และใชข้ นาดสายให้ถูกต้อง
• ใบมดี ของตทั เอาท์เมื่อสับใช้งานตอ้ งแน่น

เบรกเกอร์
• ตรวจสอบฝาครอบเบรคเกอร์ตอ้ งไม่แตกรา้ ว
• ต้องมฝี าครอบปดิ เบรคเกอร์ใหม้ ิดชิด
• ต้องตดิ ตั้งในที่แห้งไม่เปียกช้นื และหา่ งไกลจากสารเคมสี ารไวไฟต่าง ๆ
• เลือกเบรคเกอรท์ มี่ ีขนาดเหมาะสมกบั อุปกรณเ์ ครื่องใช้ไฟฟ้า

เครอ่ื งใช้ไฟฟา้
โทรทศั น์
ในปจั จุบนั เปน็ องค์ประกอบหนง่ึ ของชีวติ ประจำวนั ของมนุษย์โทรทัศนเ์ ป็นส่ือท่ีมีความสะดวกและคล่องตัวในการใช้
ประโยชนด์ ้านต่าง ๆ เป็นอย่างมากปจั จุบนั มผี ู้ใช้ โทรทัศน์ขาวดำและโทรทัศนส์ ี เปน็ จำนวนมากซึ่งรูปแบบของโทรทศั น์ได้
พฒั นาให้สนองตอบความต้องการใชข้ องมนุษย์ เชน่ การผลติ หน้าจอทม่ี ีขนาดใหญ่ข้ึน การผลติ โทรทศั นจ์ อแบน เป็นต้น
หลกั การใช้

1. ไม่เปดิ โทรทัศนท์ งิ้ ไว้โดยไมม่ ีคนดู
2. ไม่ปรบั จอภาพใหส้ วา่ งเกินความจำเป็นเพราะหลอดภาพจะมอี ายุการใชง้ านสั้นและสน้ิ เปลอื งไฟ
3. ไมเ่ ปดิ โทรทัศน์ล่วงหนา้ เพ่ือรอดูรายการที่ช่นื ชอบเปดิ ดรู ายการเม่ือถงึ เวลาท่ีออกอากาศ
4. ไมป่ ิดโทรทัศนด์ ว้ ยตวั รโี มทคอนโทรล เพราะเปลอื งไฟ ควรปดิ สวติ ชท์ ี่ตวั เครือ่ ง
5. ไมเ่ ปดิ โทรทัศนโ์ ดยตอ่ สายผา่ นเขา้ เครื่องวดิ ีโอเพราะต้องสิ้นเปลอื งไฟฟ้าใหก้ บั วดิ ีโอโดยไมจ่ ำเป็น
การดูแลรกั ษา

159

1. หมน่ั ตรวจสอบสายไฟเพ่ือป้องกันการร่ัวของกระแสไฟฟา้
2. ควรสะอาดหน้าจอโทรทัศนเ์ ป็นประจำ
ตเู้ ยน็
ตเู้ ย็นมสี ว่ นประกอบทสี่ ำคัญ 4 ส่วน คือ อแี วพอเรเตอร์ (Evaporator) เคร่ืองควบแน่น (Condenser) ตัวลดความดัน
(Pressure reducer) และเคร่ืองอัดสารทำความเยน็ (Compressor) ซึง่ เปน็ สว่ นที่สำคัญที่สุดเพราะเป็นสว่ นทช่ี ว่ ยชีว้ า่
ตู้เยน็ เคร่อื งใดมีคุณภาพดีกว่ากนั ต้เู ยน็ ตามมาตรฐานขณะที่ตเู้ ยน็ ทำงานต้องไม่เกิดเสยี งหรือสั่นสะเทือนมากเกนิ ไปมีความ
ปลอดภัยทางไฟฟา้ มคี วามสามารถทำนำ้ แข็งตามเกณฑ์กำหนด เป็นตน้
หลกั การใช้
1. ไมน่ ำอาหารท่ีร้อนหรือยงั อุน่ แช่ในตู้เย็น
2. ลดการเปดิ ตเู้ ยน็ โดยไม่จำเป็นเพราะค่าไฟฟา้ จะเพมิ่ ตามจำนวนครงั้ ของการเปดิ ตเู้ ย็น
3. ไมเ่ ปดิ ตเู้ ยน็ ค้างไว้เป็นเวลานานๆ
4. ไมแ่ ช่ของจนแนน่ เกนิ ไป เพราะความเย็นจะไหลเวยี นไมส่ ะดวก
5. อย่าตัง้ ตเู้ ยน็ ใกลเ้ ตาไฟ หรือหมอ้ หงุ ข้าว หรอื ถูกแสงอาทิตย์โดยตรงเพราะจะทำให้ตเู้ ย็นระบายความร้อนไมด่ ี

สน้ิ เปลืองไฟ
การดูแลรกั ษา

1. ควรตง้ั อณุ หภมู ภิ ายในตู้เย็น 3-6 องศาเซลเซียส และในชอ่ งแช่แข็งระหวา่ ง ลบ 15-18 องศาเซลเซยี ส ถ้าตงั้ ไว้
ตำ่ กวา่ 1 องศาเซลเซียสจะส้ินเปลืองไฟเพ่ิมเป็นร้อยละ 25

2. หมน่ั ละลายนำ้ แข็งอย่าใหน้ ำ้ แขง็ เกาะในช่องน้ำแข็งมากเกินไปโดยกดปุ่มละลายน้ำแขง็ หรือดงึ ปลกั๊ ออกจนนำ้ แข็ง
ละลายหมด

3. ควรตง้ั ตเู้ ยน็ ห่างจากฝาผนังอยา่ งน้อย 15 เซนตเิ มตร ประหยดั ไฟได้ร้อยละ 39
เครอื่ งปรบั อากาศ
เคร่ืองปรบั อากาศเป็นเครอ่ื งทำความเย็นซงึ่ เราสามารถปรับอุณหภูมใิ นที่ซ่ึงเราอย่ใู ห้เย็นสบายตามที่เราต้องการได้ไมว่ ่าจะ
เป็นหอ้ งทำงาน ห้องนอน ห้องพักผ่อนหรือแม้แต่รถประจำทางเครื่องปรบั อากาศมหี ลายชนดิ เครอื่ งปรับอากาศชนดิ ติด
ผนงั ห้องและเคร่อื งปรับอากาศสำหรบั ห้องแบบแยกส่วนระบายความรอ้ นดว้ ยอากาศ

หลักการใช้
1. ไม่ต้ังตเู้ ยน็ ไม่รดี ผา้ ไม่ตม้ นำ้ ร้อนในหอ้ งทมี่ ีเคร่ืองปรับอากาศ
2. ต้ังอณุ หภูมิที่ระดบั ร่างกายร้สู ึกสบายโดยไม่ตำ่ กว่า 25 องศาเซลเซียสและทกุ อณุ หภมู ิที่เพ่มิ ขนึ้ 1 องศาเซลเซยี ส
จาก 25 องศาเซลเซยี สจะช่วยประหยัดไฟไดร้ ้อยละ 10 แตไ่ ม่ควรเกนิ 28 องศาเซลเซียส
3. ถ้าไม่อย่ใู นห้องนานเกิน 1 ช่ัวโมงควรปิดเครื่องปรบั อากาศ
4. ไมป่ ลูกต้นไม้หรือตากผ้าในห้องทมี่ ีการปรบั อากาศ

การดูแลรกั ษา
1. ทำความสะอาดแผ่นกรองอากาศสมำ่ เสมอ
2. อย่านำสง่ิ ของไปขวางทางลมเข้าออกของชุดระบายความรอ้ นท่อี ยนู่ อกบา้ นทำให้เคร่ืองระบายความร้อนไมด่ ี
3. อย่าตดิ ตง้ั ชดุ ระบายความร้อนใกลผ้ นงั เพราะเคร่ืองจะใชไ้ ฟมากขน้ึ รอ้ ยละ 15-20 ควรตั้งหา่ งอยา่ งนอ้ ย 15
เซนตเิ มตร
4. อยา่ นำส่ิงของขวางทางเขา้ – ออก ของลมเยน็ จากเครื่องปรับอากาศ

พดั ลม
พดั ลมไฟฟ้าเป็นผลิตภณั ฑ์อำนวยความสะดวกชนดิ หนึง่ ทช่ี ่วยบรรเทาความร้อนจากสภาพภูมิอากาศ พัดลมไฟฟา้ ใน

160

ปจั จุบันมีหลายชนดิ คือ ชนิดตัง้ โตะ๊ ตั้งพ้ืน ตดิ ผนัง แขวนเพดาน และสา่ ยรอบตวั
หลักการใช้

1. เลกิ เปดิ ทง้ิ ไว้เม่ือไม่มใี ครอยู่
2. ถา้ ใช้พัดลมทม่ี ีระบบรโี มทคอนโทรลตอ้ งถอดปลกั๊ ทันทที ี่เลิกใช้
3. ย่งิ เปิดลมแรงขึ้น ยง่ิ ใชไ้ ฟมากขน้ึ
การดูแลรกั ษา
1. ทำความสะอาดใบพดั ตะแกรงครอบ และแผงห้มุ มอเตอร์พัดลม อยา่ ให้มฝี นุ่ เกาะ
2. อย่าให้ใบพดั โค้งงอผิดส่วน ความแรงจะลดลง

ต้งั พัดลมในท่ีที่มีอากาศถา่ ยเทสะดวก
หลอดไฟฟา้
หลอดไฟฟ้าเป็นอปุ กรณ์ไฟฟา้ ทใี่ ห้แสงสว่างโดยมีกระแสไฟฟา้ ไหลผ่านไสห้ ลอดเมื่อไสห้ ลอดร้อนจึงเกดิ แสงสวา่ งขนึ้ มา
หลอดไฟฟา้ มี 2 แบบ คอื แบบข้ัวเกลยี วและแบบขว้ั เขยี้ วแต่ละแบบยงั แบ่งออกเป็น 2 ประเภท คือประเภทให้ฟลักซ์การ
สอ่ งสวา่ งธรรมดาและประเภทใหฟ้ ลักซก์ ารส่องสว่างสูงแต่ละประเภทยงั แบ่งได้อีก 2 ชนดิ ได้แก่ ชนดิ สญู ญากาศและชนิด
บรรจกุ ๊าซ
หลักการใช้

1. ปดิ หลอดไฟบางบรเิ วณให้เร็วกวา่ ท่ีเคยปฏบิ ตั ิ
2. เลกิ เปดิ ไฟทิ้งไว้เมื่อไม่มีคนอยู่
3. ลดจำนวนหลอดไฟในบริเวณทีอ่ าศัยแสงธรรมชาติได้
4. เลิกใชห้ ลอดไฟที่ไม่ไดม้ าตรฐาน
การดแู ลรกั ษา
1. ใชโ้ คมไฟต้งั โต๊ะสำหรบั อ่านหนงั สอื หรือแสงสวา่ งเฉพาะจดุ
2. ทางเดนิ เฉลียงหนา้ บ้าน ภายในหอ้ งนำ้ และบริเวณที่ต้องเปดิ ไฟท้ิงไวน้ านควรใช้หลอดไฟฟ้าท่มี ีวัตต์ต่ำ
3. หม่นั ทำความสะอาดตัวหลอดไม่ใหม้ ีฝุ่นละอองเกาะ เพราะจะทำให้ความสวา่ งน้อยลง
เตารดี
เตารีดไฟฟา้ เป็นผลิตภัณฑ์ทใ่ี ช้กนั อย่างแพร่หลายทุกครวั เรือนช่วยให้งานรดี เสอ้ื ผ้าของแม่บา้ นเป็นไปโดยสะดวกและ
รวดเร็วยิ่งข้ึนแตบ่ างครงั้ ผู้ใช้อาจประสบปัญหาการใช้เมื่อเกิดการลัดวงจร หรอื ใช้งานไมด่ ีเนอ่ื งจากคณุ ภาพที่ไม่เหมาะสม
นอกจากน้ีในปัจจุบันยังมีเตารีดไฟฟา้ แบบใหมๆ่ อกี มากเช่นเตารีดไฟฟ้าแบบมีไอนำ้ เตารีดไฟฟา้ แบบมีน้ำพน่ ซึ่งนำ้ หรือไอ
น้ำอาจก่อใหเ้ กดิ อนั ตรายแกผ่ ู้ใชไ้ ด้
หลกั การใช้
1. เลิกพฤติกรรมการรีดผา้ และดูโทรทศั น์พร้อมๆ กนั
2. เก็บผ้าไวร้ ดี ครง้ั ละมากๆ และรดี ตดิ ตอ่ กันจนเสร็จ จะไม่เปลอื งไฟ
3. ไมพ่ รมน้ำผา้ ทีจ่ ะรดี จนชุ่มเกินไป
4. จดั ผา้ ที่จะตากให้ยบั น้อยที่สุดเพอ่ื ลดเวลาในการรดี
5. ไมร่ ดี ผา้ ในห้องที่มกี ารปรับอากาศ
6. ถอดปลกั๊ ก่อนเสร็จสิ้นการรีดประมาณ 2-3 นาทีเพราะยังมีความร้อนเหลือเพียงพอทจ่ี ะรีดเส้ือยืดได้ 1 ตวั
การดแู ลรกั ษา
หมั่นทำความสะอาดแผน่ โลหะหนา้ เตารีดซึง่ จะทำใหร้ ีดผ้าไดเ้ รียบและเรว็ ขนึ้ ช่วยลดเวลาในการรีดผา้ ลง ประหยดั คา่ ไฟ
ได้มาก
หมอ้ หงุ ขา้ วไฟฟา้
หมอ้ หงุ ข้าวไฟฟ้าเปน็ ววิ ฒั นาการทางเทคโนโลยีของมนุษย์ทีใ่ ช้ความร้อนจากไฟฟ้าหงุ ข้าวให้สกุ อยา่ งอัตโนมัตแิ ละรกั ษา

161

อณุ หภมู ิของขา้ วไดห้ ม้อหงุ ข้าวไดพ้ ฒั นารูปแบบออกไปมากมาย เชน่ ระบบเปดิ -ปดิ อัตโนมตั มิ ีระบบไอน้ำและมรี ะบบที่
สามารถประกอบอาหารได้หลายๆ อยา่ งเช่น นง่ึ ตุ๋น ต้ม เป็นต้นสว่ นประกอบท่ีสำคัญของหมอ้ หงุ ขา้ วไฟฟ้า คือ ปลัก๊
สายไฟฟ้าสวิตชแ์ ผ่นความร้อนและฉนวน ซึ่งอุปกรณ์ทกุ ชน้ิ เหล่านมี้ คี วามสำคญั ต่อคุณภาพของหม้อหุงขา้ วมผี ลต่ออายุการ
ใชง้ านและมผี ลต่อความปลอดภยั ของผู้ใช้
หลกั การใช้

1. หุงขา้ วให้พอดกี ับจำนวนคน
2. เลิกเปดิ ฝาหม้อขณะที่ข้าวยังไม่สกุ
3. ถอดปลกั๊ ออกทันทที เ่ี ลิกใชง้ าน
การดูแลรกั ษา
1. หากเสียบปลกั๊ อยู่ อย่ากดสวิตชป์ ดิ - เปิด ขณะท่ีไม่มหี ม้อข้าวช้ันใน
2. กอ่ นวางตัวหม้อชั้นในให้ตรวจดูว่าไม่มวี ัสดุอนื่ หรือเศษผงที่ด้านในของตวั หม้อชั้นนอกเพราะอาจเกดิ ไฟฟา้ ลดั วงจร

และถา่ ยเทความร้อนไม่ดี
3. อยา่ นำน้ำเยน็ ไปต้มทนั ที
เครอื่ งเลน่ แผน่ ซดี ี
ระยะ15 ปีทผ่ี า่ นมาแผน่ ซดี ไี ดเ้ ขา้ มามบี ทบาทในชวี ติ ประจำวนั ของผู้ฟังเพลงท่วั ไปและด้วยเทคโนโลยที ก่ี ้าวล้ำจึงทำให้
เครอ่ื งเลน่ ซีดีและแผ่นซีดีมกี ารพฒั นามากตามไปด้วยซง่ึ ในปจั จบุ ันเคร่ืองเล่นซีดีทสี่ ามารถเปลย่ี นแผ่นได้ 3 - 5 แผน่ เปน็ ที่
นยิ มกนั มากแต่ในอนาคตเคร่ืองเล่นซีดที ่เี ปลยี่ นแผ่นได้ 100 - 300 แผน่ จะเปน็ ทน่ี ิยมมากกว่าเพราะเครื่องนจี้ ะเกบ็ แผน่
ไดม้ ากกวา่ และมคี วามสามารถมากกวา่ เครื่องเล่นแผน่ ซดี ีแบบธรรมดาสำหรับเคร่อื งเล่นแผน่ ซดี ีแต่ละเคร่อื งจะให้
สัญญาณเสยี งท่ีตา่ งกันขนึ้ อยู่กับโครงสรา้ งต่างๆ ของตวั เครอื่ งและระบบการแปลงสญั ญาณจากระบบดิจติ อลเป็นระบบ
อนาล็อกทั้งนี้ถา้ คุณมชี ดุ ลำโพงและเครื่องขยายเสยี งทีม่ ีคุณภาพแลว้ คณุ ก็จะสามารถทำการตรวจสอบคณุ ภาพเสียงของ
เครอื่ งเล่นแต่ละตวั ได้นอกจากนีถ้ ้าคุณมีอุปกรณต์ า่ ง ๆที่มีคุณภาพอยแู่ ล้วคุณควรที่จะใหค้ วามสำคญั กับลักษณะพเิ ศษของ
ตัวเครื่องเลน่ แผ่นซีดีมากกว่า

หลกั การใช้
1. เลกิ เปิดพียงเพ่ือเป็นเพื่อนโดยไมไ่ ดส้ นใจฟัง
2. เลิกเสียบปลก๊ั ไว้เพอ่ื ใชด้ ูเวลาหากมีนาฬิกาอน่ื ๆ ใชด้ ูเวลาอยูแ่ ล้ว
3. เลกิ ปิดเคร่ืองโดยใชร้ ีโมทใหป้ ิดจากสวติ ชท์ ีเ่ ครอ่ื งแทน

การดแู ลรกั ษา
ต้ังใหห้ ่างจากเตาอบไมโครเวฟเพื่อไม่ใหร้ ะบบการทำงานถูกคลื่นไมโครเวฟรบกวน
เครอ่ื งซกั ผา้
เครอื่ งซักผา้ เปน็ เครื่องใช้ไฟฟ้าทช่ี ่วยอำนวยความสะดวกในการทำความสะอาดเส้อื ผา้ และเป็นท่นี ิยมใชก้ ันอย่างแพร่หลาย
มากข้นึ ทุกขณะเพราะนอกจากจะช่วยผอ่ นแรงของคุณที่ตอ้ งเหนด็ เหนอ่ื ยจากการทำงานหนักมาท้ังวนั แลว้ ยังสามารถ
ประหยดั เวลาของคณุ เพื่อนำไปใช้ทำกิจกรรมอื่นฯที่สำคัญหรืองานอดิเรกในวันหยุดพกั ผ่อนได้อีกดว้ ย
หลักการใช้

1. ใชเ้ คร่ืองซักผา้ ก็ต่อเมื่อมเี ส้ือผ้ามากพอเหมาะกบั พกิ ัดและขนาดของเคร่ือง
2. ต้ังโปรแกรมที่ใชน้ ำ้ ร้อนก็เม่อื จำเป็นเทา่ นั้นเพราะใช้ไฟมาก
การดแู ลรกั ษา
1. ตง้ั โปรแกรมซักผา้ ท่เี หมาะสมกับชนิดของผา้ ทกุ ครั้ง
2. แชผ่ า้ ก่อนนำเข้าเครื่อง จะช่วยใหซ้ กั ผา้ ได้งา่ ยข้ึนสามารถเลือกโปรแกรมซกั แบบประหยดั ได้
3. ต้งั ปริมาณน้ำและใส่ผงซักฟอกให้พอดีกับจำนวนผา้ ที่จะซัก

162

เครอื่ งทำนำ้ อนุ่
เครอื่ งทำนำ้ อ่นุ แบ่งออกเป็น 2 ประเภท คอื แบบท่ีทำน้ำอุ่นจุดเดยี วและแบบท่ีทำนำ้ อนุ่ หลายจดุ
หลักการใช้

1. ไมเ่ ปิดเครอ่ื งตลอดเวลาขณะฟอกสบู่อาบนำ้ หรือขณะสระผมส้ินเปลืองทง้ั นำ้ และไฟฟา้
2. ใช้แล้วควรปิดเครอื่ งอย่าเปดิ สวิตซท์ งิ้ ไว้ จะสน้ิ เปลอื งไฟ
3. เลกิ ตัง้ ระดบั ความแรงของน้ำไว้ทร่ี ะดับแรงสุด ควรตง้ั ไว้ทร่ี ะดับปานกลาง
การดแู ลรกั ษา
1. ดแู ลอย่าให้น้ำรวั่ จากฝักบัวจะเปลอื งน้ำและเคร่ืองจะทำงานมากกว่าปกตสิ นิ้ เปลอื งไฟ
2. ตรวจดรู ะบบท่อน้ำและรอยต่อใหม้ สี ภาพดีอยเู่ สมอ อยา่ ให้มีการรว่ั ซึม
3. เลือกใช้เคร่ืองทำน้ำอ่นุ ท่มี ีถังเกบ็ น้ำภายในตวั เคร่ืองและมฉี นวนหมุ้ ประหยดั การใช้ไฟไดร้ ้อยละ 10 - 20
เตาไมโครเวฟ
อยา่ วางเตาไมโครเวฟใกล้อุปกรณเ์ คร่ืองใช้ไฟฟา้ อืน่ ๆเช่น โทรทัศน์ หรอื วิทยุ เพราะรบกวนการทำงานของเครอื่ งใชไ้ ฟฟ้า
เหล่าน้ัน
การดแู ลรกั ษา
1. ทำความสะอาดภายในเครื่องไมโครเวฟทกุ ครงั้ หลังใช้งานเพราะเศษอาหารที่ตดิ ตามผนังจะลดประสทิ ธิภาพของ

เตา และอาจเกิดประกายไฟ
2. ควรตั้งเวลาใหส้ อดคล้องกับชนิดอาหารและปรมิ าณอาหาร
3. ควรใช้ไมโครเวฟเพ่อื การอนุ่ อาหาร ต้มนำ้ เดือดปริมาณน้อย ละลายอาหารแชแ่ ข็ง
เครอ่ื งคอมพวิ เตอร์
ควรเลอื กใช้คอมพิวเตอร์ทีม่ ีระบบประหยดั พลังงานโดยสังเกตสัญลักษณ์ Energy Star เพราะระบบนจ้ี ะใชก้ ำลงั ไฟฟ้าลดลง
รอ้ ยละ 55 ในขณะท่รี อทำงานควรซ้อื จอภาพที่ขนาดไม่ใหญเ่ กินไป เชน่ จอภาพขนาด 14 น้ิวจะใช้พลงั งานน้อยกวา่ 17
น้วิ ถึงรอ้ ยละ 25 คอมพิวเตอรช์ นิดกระเป๋าหิ้วประหยัดพ้ืนท่แี ละประหยดั ไฟไดม้ ากกว่าแบบตั้งโตะ๊
หลกั การใช้
1. ไม่เปิดเครอ่ื งคอมพวิ เตอรท์ ิง้ ไว้นานๆ เพราะทำใหส้ ิน้ เปลืองไฟฟา้
2. ถอดปลกั๊ เมือ่ เลกิ ใชง้ าน
3. ปดิ จอภาพเมื่อไม่ใช้งานนานเกนิ กวา่ 15 นาที
การดแู ลรกั ษา
1. ต้งั คอมพิวเตอรใ์ นบริเวณท่ีมกี ารระบายความร้อนไดด้ ี
2. ควรตั้งระบบ Screen Saver เพื่อรักษาคณุ ภาพของหน้าจอ
3. ตรวจสอบดูว่าระบบพลงั งานในเครื่องถกู สงั่ ให้ทำงานแล้วหรอื ไม่ต้องส่งั ใหร้ ะบบน้ีทำงานเพราะจะชว่ ยประหยัดไฟ

163

แบบทดสอบก่อนเรยี น (Pre-test)
รายวชิ า พว 11001 วทิ ยาศาสตร์

ระดบั ประถมศึกษา
คำช้ีแจง : จงเลือกคำตอบที่ถูกต้องท่ีสุดเพียงข้อเดียว
1.ทดลองใช้มือปัดลูกบอลที่อยู่น่ิง ผลจะเป็นอย่างไร

ก. ลูกบอลแตก
ข. ลูกบอลเคลื่อนที่
ค. ไม่เกิดการเปล่ียนแปลง
2.ขณะท่ีลูกบอลเคล่ือนท่ี แล้วใช้มือก้ันลูกบอลในทิศทางตรงกันข้าม ผลจะเป็นอย่างไร
ก. ลูกบอลเคลื่อนที่อย่างรวดเร็ว
ข. ลูกบอลหมุนวนไปมา
ค. ลูกบอลเคล่ือนท่ีช้าลง
3.กิจกรรมในข้อใดที่เราต้องออกแรงมากที่สุด
ก. เดิน
ข. นอน
ค. ยืน
4.ข้อใดกล่าวถูกต้องเก่ียวกับแรง
ก. แรงผลักทำให้วัตถุเคลื่อนเข้าหาตัว
ข. แรงดึงทำให้วัตถุเคล่ือนเข้าหาตัว
ค. ถูกท้ังข้อ ก. และ ข.
5.เมื่อเราใช้มือดัดเส้นลวดกำมะหยี่ ผลจะเป็นอย่างไร
ก. เส้นลวดเคล่ือนที่
ข. เส้นลวดเปล่ียนรูปร่าง
ค. ไม่มีข้อถูก
6.ข้อใดเป็นผลของแรงท่ีมีต่อวัตถุ

164

ก. ทำให้วัตถุเคลื่อนที่
ข. ทำให้วัตถุมีรูปร่าง
ค. ทำให้วัตถุมีชีวิต
7.แรงในข้อใดทำให้เกิดผลตอ่ วัตถุต่างจากพวก
ก. ช้างลากซุง
ข. ช้างเหยียบลูกแตงโม
ค. ช้างใช้งางัดท่อนไม้
8.เมื่อเราใช้มือผลักผนังอาคารจะเกิดการเปลี่ยนแปลงอย่างไร
ก. ผนังอาคารส่ันไหว
ข. พ้ืนอาคารส่ัน
ค. ไม่เกิดการเปลี่ยนแปลง

9.การเปิดปิดประตู ต้องใช้แรงลักษณะใด
ก. แรงดึง
ข. แรงผลัก
ค. ท้ังแรงดึงและแรงผลัก

10.ข้อใดไม่ใช่ผลของแรงที่กระทำต่อวัตถุ
ก. ทำให้วัตถุเคลื่อนที่
ข. ทำให้วัตถุท่ีกำลังเคล่ือนท่ีหยุดเคล่ือนที่
ค. ทำให้วัตถุสูญหายไป

165

เฉลยแบบทดสอบก่อนเรียน (Pre-test)
1ข 6 ก
2ค 7 ข
3ก 8 ค
4ข 9 ค
5 ข 10 ค

166

ใบงานที่ 5.1เรอ่ื ง แรงและการเคลอ่ื นท่ี

1) จงบอกความหมายของคำตอ่ ไปนี้
แรง......................................................................................................................................
ความเร็ว..................................................................................................................... ........
อตั ราเรว็ ............................................................................................................................
การกระจดั .........................................................................................................................
สนามโนม้ ถ่วง....................................................................................................................
สนามไฟฟา้ ......................................................................................................................

2) ปล่อยก้อนหนิ หลน่ ลงมาจากดาดฟ้าตึกแหง่ หน่ึง ก้อนหินตกถึงพื้นดนิ ใช้เวลา 15 วนิ าที ตกึ แห่งนสี้ งู เทา่ ใด
............................................................................................................................. .....................................................................
............................................................................................................................. .....................................................................
.................................................................................................................................. ................................................................
................................................................................................................................................................................................ ..
............................................................................................................................. .....................................................................
................................................................................................................................................... ...............................................
...........................................................................
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
3) ถ้าปลอ่ ยให้กอ้ นหินตกจากยอดตึกสู่พ้ืนดินความเร็วของก้อนหนิ เป็นอยา่ งไร
......................................................................................................................................................................... .........................
...................................................................................................... ............................................................................................
............................................................................................................................. .....................................................................
............................................................................................................................. .....................................................................
................................................................................................................................................................. .................................
.............................................................................................. ............................................................... .....................................
...........................................................................

167

……………………………………………………………………………………………………………………….……………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………….………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………

ชื่อ-สกุล………………………………………………………………………………………………………………………………………..

ใบงานท่ี 5.2
เรอื่ ง พลงั งานในชวี ิตประจำวนั และการอนุรกั ษ์

168

169

แบบทดสอบเร่อื งโมเมนต์

คำส่ัง ให้นักศึกษาเลือกข้อท่ีถูกต้องที่สุดเพียงคำตอบเดียว แบบทดสอบมีท้ังหมด 5 ข้อ
ข้อ 1. ถ้าโยนวัตถุข้ึนในแนวดิ่ง การเคล่ือนที่ของวัตถุจะเป็นอย่างไร

ก. วัตถุมีความเร็วคงตัว
ข. วัตถุค่อยๆ ลดความเร็วลง
ค. วัตถุมีความเร็วมากข้ึน
ง. วัตถุเคล่ือนท่ีเร็วและช้าสลับกัน

ข้อ 2. นักวิทยาศาสตร์ที่ศึกษาเกี่ยวกับแรงและการเคล่ือนท่ีคือใคร
ก. นิวตัน
ข. ดาร์วิน
ค. เมลเดล
ง. เอกิสัน

ข้อ 3. ข้อใดเป็นความหมายของคำว่าโมเมนต์
ก. ผลคูณของแรงกับระยะทาง
ข. ผลบวกของแรงกับระยะทาง
ค. ผลคูณของแรงกับระยะทางตามแนวแรง
ง. ผลคูณของแรงกับระยะต้ังฉากจากจุดหมุนไปยังแนวแรง

ข้อ 4. คีมสำหรับตัดลวด ทำข้ึนโดยอาศัย
ก. หลักของงาน
ข. หลักของโมเมนต์
ค. กฎการคงที่ของพลังงาน
ง. ใช้หลักทั้งสามข้อข้างต้น

ข้อ 5. ภาวะสมดุลของโมเมนต์ตรงกับข้อใด
ก. คานอยู่น่ิงในแนวระนาบ
ข. จุดหมุนของคานอยู่ที่ก่ึงกลางคาน
ค. คานมีลักษณะตรงและโตสม่ำเสมอ
ง. เมื่อเป็นโมเมนต์ทีห่ มุนตามเข็มนาฬิกา

170

เฉลยแบบทดสอบ

1. ตอบ ข
2. ตอบ ง
3. ตอบ ง
4. ตอบ ข
5. ตอบ ก

171

แผนการจดั การเรียนรู้ ครงั้ ที่ 6

กลมุ่ สาระการเรยี นรู้ สาระความรพู้ นื้ ฐาน รายวชิ า วทิ ยาศาสตร์ ( พว 11001) จำนวน 3 หนว่ ยกติ
เวลาเรยี น 16 ชวั่ โมง (พบกลมุ่ 6 ชวั่ โมง การเรยี นรดู้ ว้ ยตนเอง 10 ชวั่ โมง)

เนอื้ หาการเรยี นรทู้ ี่ เรอื่ ง ดาราศาสตรเ์ พอื่ ชวี ติ ความสมั พนั ธร์ ะหวา่ งดวงอาทติ ย์ โลก และดวงจนั ทร์
วนั ท.ี่ ................. เดอื น............................................พ.ศ………..........

มาตรฐานการเรียนรูท้ ่ี2.2มคี วามรู้ ความเข้าใจ ทักษะ และเห็นคุณค่าเกีย่ วกบั กระบวนการทาวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี สิ่งมีชีวิต
ระบบนิเวศ ทรัพยากรธรรมชาติและส่ิงแวดล้อมในท้องถ่ินและประเทศ สาร แรง พลังงานกระบวนการเปล่ียนแปลงของ
โลก และดาราศาสตร์ มีจิตวิทยาศาสตร์และนำความรไู้ ปใชป้ ระโยชนใ์ นการดำเนินชวี ิต

มาตรฐานการเรยี นรู้ระดับความสัมพันธ์ระหว่างดวงอาทิตย์โลกและดวงจันทร์เป็นปรากฏการณ์ธรรมชาติซึ่งมนุษย์คุ้นเคย
ในชีวติประจำวัน อาทิปรากฏการณ์เนื่องจากการเปล่ียนตำแหน่งของดวงจันทร์รอบโลกเช่นข้างขึ้น ข้างแรม สุริยุปราคา
จันทรุปราคา ปรากฏการณ์เน่ืองจากอิทธิพลแรงโนม้ถ่วงของดวงจันทร์และดวงอาทิตย์ที่มีต่อโลกเช่นน้ำ ข้ึน น้ำ ลง
ประเพณีกับดวงดาว ปรากฏการณ์ดาราศาสตร์บางอย่างงเป็นท่ีมาของวัฒนธรรม ประเพณีประจำชนชาติ และนิทาน
ปรัมปรา สบื ต่อกนั เร่ือยมา เชน่ ประเพณกี ารลอยกระทง สงกรานต์ ประเพณีทางศาสนา นิยายดาวพื้นบ้าน เป็นตน

ตวั ชวี้ ดั ดาราศาสตรเ์ พื่อชวี ติ ความสัมพนั ธ์ระหวา่ งดวงอาทิตย์โลก และดวงจันทร์
1.อธบิ ายอทิ ธิพลของดวงอาทิตย์ และดวงจนั ทร์ที่มีผลตอ่ การเกิดปรากฏการณท์ างดาราศาสตรบ์ นโลก และการ

นำไปใชป้ ระโยชนไ์ ด้

เนอ้ื หา 1. การเกิดกลางวนั กลางคืน
2.การเกิดข้างขึ้น ขา้ งแรม
3.การเกิดสุรยิ ปุ ราคา และจนั ทรุปราคา
4.การเกดิ ฤดูกาล
5.การเกิดลมบก ลมทะเล

วิธกี ารเรียน : แบบพบกลมุ่ (ON-Site)

กระบวนการจดั การเรยี นรู้

172

การกำหนดสภาพ ปญั หา ความตอ้ งการในการเรยี นรู้ (O : Orientation)
1.ขนั้ นำเขา้ สบู่ ทเรยี น (เวลา 30 นาที )

1.1 ครูทักทายนักศึกษา และนำเข้าสู่บทเรียนโดยให้นักศึกษาแสดงความคิดเห็นในเรื่องความสัมพันธ์ระหว่าง
ดวงอาทิตย์ โลกตามความเข้าใจของนักศึกษา ครูให้นักศึกษาทำแบบทดสอบก่อนเรียน เร่ืองความสัมพันธ์ระหว่างดวง
อาทติ ย์ โลกและดวงจันทร์

1.2 ครสู นทนากบั ผเู้ รยี น ชี้แจง สาระสำคัญ จุดประสงค์การเรียนรู้ เน้อื หา ธรรมชาติของดวงอาทิตย์ โลก และ
ดวงจันทร์

การแสวงหาขอ้ มลู และการจดั การเรยี นรู้ (N : New ways of learning)
2.กระบวนการจดั การเรยี นรู้(N:newway of lerling)(เวลา 4 ชวั่ โมง)

2.1.ครูอธบิ ายอิทธิพลของดวงอาทิตย์ และดวงจนั ทร์ท่มี ีผลต่อการเกิดปรากฏการณท์ างดาราศาสตร์บนโลก
2.2.ครใู ห้ผ้เู รียนแบง่ กลมุ่ กลุ่มละไมเ่ กิน 5 คน พูดคยุ ทบทวนเรื่องการเกดิ กลางวันกลางคนื
การเกิดข้างข้ึน ข้างแรมการเกดิ สรุ ยิ ปุ ราคา จันทรปุ ราคาการเกดิ ฤดูกาลและการเกิดลมบก ลมทะเลวา่ เกิดจากอะไร ให้สรุป
ร่วมกันแลว้ เลอื กผู้แทน 1 คนพูดหน้าช้นั สรปุ ให้เพ่ือนฟัง
2.๓.ครแู ละผู้เรียนรว่ มกันระดมสมอง เรื่องการใช้ประโยชน์จากอิทธิพลของดวงอาทติ ย์ ดวงจันทร์ และ
ปรากฏการณ์ทางดาราศาสตร์
2.4.ครูสอนและสอดแทรกคุณธรรม 12 ประการ ในเร่ือง ความสะอาด ความสภุ าพ ความขยัน ความประหยัด
ความซื่อสัตย์สุจริต ความสามัคคี ความมีน้ำใจ ความมีวินัย ศาสน์ กษัตริย์ รักความเป็นไทย และยึดมั่นในวิถีชีวิตและการ
ปกครองตามระบอบประชาธปิ ไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข
2.5.ครูใหผ้ ู้เรยี นทำแบบฝกึ หดั /ใบงานที่ 6.๑

การปฏบิ ัติและนำไปประยกุ ต์ (I : Implementation)
3. ขนั้ การปฏบิ ตั แิ ละนำไปประยกุ ตใ์ ช้ ( 30 นาที )

3.1 ครูสุ่มตัวแทนกลุ่มนำเสนอ เพื่อแลกเปลี่ยนความคิดเห็นซ่ึงกันและกัน สรุปส่ิงท่ีได้เรียนรู้ร่วมกันและให้
นักศกึ ษาบันทกึ ความรูท้ ่ีได้ ลงในแบบบนั ทกึ การเรียนรู้ กศน.

3.2 นกั ศกึ ษานำความรู้ที่ไดจ้ ากการเรยี นรู้มาเปน็ แนวทางในการแก้ปัญหาและการดำเนนิ ชีวิตในประจำวันตอ่ ไป

ขั้นประเมนิ ผล (E : Evaluation)
4. ขนั้ สรปุ และประเมนิ ผล (1 ชวั่ โมง)

4.1.ครสู รปุ เนอื้ หาทเ่ี รียนเพ่มิ เติมและข้อเสนอแนะใหก้ บั ผ้เู รียน
4.๒ ค รูให้ นั ก ศึ ก ษ าท ำแ บ บ ท ด ส อ บ ห ลั งเรีย น เร่ื อ งค ว า ม สั ม พั น ธ์ ร ะ ห ว่ างด ว งอ าทิ ต ย์ โล ก
และดวงจนั ทรจ์ ำนวน 10 ขอ้ พรอ้ มเฉลยและประเมินผลให้นักศึกษาบนั ทึกคะแนนลงในแบบบันทกึ การเรยี นรู้ กศน.
4.3 ครูให้นักศึกษาสรุปการทำความดีและคุณธรรมที่ได้ปฏิบัติ พร้อมบันทึกลงในสมุดบันทึกความดี เพ่ือการ
ประเมนิ คณุ ธรรม
4.3ครตู ดิ ตามงานทีไ่ ดม้ อบหมายนักศึกษา เพ่อื ตดิ ตามความคืบหน้าทางแอปพลเิ คชนั Line ดังน้ี
4.4 ติดตามงานท่ีได้รับมอบหมายสัปดาหท์ ่ีผ่านมา
4.5 ตดิ ตามการทำกิจกรรมพัฒนาคุณภาพชีวติ (กพช.)
4.6 ตดิ ตามสอบถามสุขภาพของนักศึกษา (การตรวจสขุ ภาพ/ความสะอาด/การแตง่ กาย)
4.7 ติดตามสอบถามการทำความดใี นแต่ละวนั สัปดาห์ที่ผ่านมาและติดตามการบันทึก
กจิ กรรมท่ีทำความดลี งในสมุดบนั ทกึ บันทึกความดเี พ่ือการประเมินคุณธรรม
4.8ติดตามสอบถามเกีย่ วกับงานอดเิ รก สนุ ทรยี ภาพ การเล่นกีฬา การใช้เวลาว่างใหเ้ ปน็ ประโยชน์ ฯลฯ
4.9ตดิ ตามความกา้ วหน้าการทำรายงาน

173

สอ่ื และแหล่งการเรียนรู้
1. แอปพลเิ คชัน LINE
2. หนังสือเรียนวชิ ารายวิชาวทิ ยาศาสตร์ จากลิ้งhttp://loei.nfe.go.th/media/uploads/2014-07-

01/20140701-1404202215.pdf
3. แบบทดสอบก่อนเรยี น เร่ืองความสัมพันธ์ระหวา่ งดวงอาทิตย์ โลก

และดวงจันทรแ์ บบปรนยั จำนวน 10 ข้อ (ชดุ แบบทดสอบ หรอื Google Form)
4. แบบทดสอบหลังเรยี น เรอ่ื งความสมั พันธร์ ะหว่างดวงอาทติ ย์ โลก และดวงจนั ทร์ แบบปรนัย จำนวน 10 ข้อ

(ชุดแบบทดสอบ หรือ Google Form)
5. ใบงานที่ 6.1
6.แบบบันทกึ การเรียนรู้ กศน.

ขั้นมอบหมายงาน
1.ครมู อบหมายใหน้ ักศึกษาไปอา่ นทบทวนเนื้อหาเพิ่มเติมจากหนังสอื เรียนรายวชิ าวิทยาศาสตร์( พว 11001) จากลิ้ง
http://loei.nfe.go.th/media/uploads/2014-07-01/20140701-1404202215.pdf (แบบเรียนออนไลน)์ โดย
ศกึ ษาในเร่อื ง ความสมั พนั ธร์ ะหวา่ งดวงอาทิตย์ โลก และดวงจันทร์และการนำผลที่ได้จากการวางแผนไปประยุกต์ใชใ้ น
ชีวิตประจำวนั และสรุปลงในแบบบนั ทึกการเรียนรู้ กศน.
2. ครูมอบหมายให้นักศึกษาไปศกึ ษาคน้ คว้าเนื้อหาจากหนังสือเรียนออนไลน์รายวิชาวิทยาศาสตร์( พว 11001) จากล้ิง
http://loei.nfe.go.th/media/uploads/2014-07-01/20140701-1404202215.pdf และศึกษาเนื้อหาจากใบ
ความรู้ และทำใบงานที่ 1 เร่ือง ความสัมพนั ธ์ระหวา่ งดวงอาทติ ย์ โลก และดวงจันทรใ์ หน้ ักศึกษาสง่ งาน ตามวนั เวลาที่ครู
กำหนด ( ส่งงานในการพบกลุ่มครง้ั ต่อไป หรือ ทาง LINE ตามวนั เวลาท่ีครกู ำหนด )
การวดั และประเมินผล (E:evaluation)

1. การสงั เกตพฤติกรรมการมรี ายบุคคล/รายกลมุ่
2. การตรวจแบบบนั ทึกการเรยี นรู้ กศน.
3. ประเมินการนำเสนอผลงาน/ชิน้ งาน
4. การตรวจใบงาน
5. การตรวจแบบทดสอบ
6. การประเมนิ คุณธรรม

วธิ กี ารเรยี น : แบบออนไลน์ (ON-Line)

กระบวนการจัดการเรียนรู้
การกำหนดสภาพ ปัญหา ความตอ้ งการในการเรยี นรู้ (O : Orientation)
1.ขน้ั นำเขา้ สบู่ ทเรยี น (เวลา 30 นาท)ี

1.1 ครใู ห้นักศกึ ษาทำแบบทดสอบก่อนเรียน เรอื่ งความสัมพนั ธ์ระหว่างดวงอาทติ ย์ โลก
และดวงจันทร์ผา่ นทาง LINE กลมุ่ พร้อมอธิบายถึงเหตผุ ลความจำเป็นที่ต้องจดั กจิ กรรมการเรียนรูปแบบออนไลน์

1.2 ครูนำเขา้ สบู่ ทเรยี นโดยครเู ปิดวีดีทัศน์ จากล้งิ ค์ https://www.youtube.com/watch?v=gi8APkIQ7pYนกั ศกึ ษา
รว่ มกนั วิเคราะห์และแลกเปลี่ยนเรียนรู้แสดงความคิดเหน็ ผา่ นทาง แอปพลเิ คชัน LINE เพ่อื เชื่อมโยงเขา้ สู่บทเรียนต่อไป

174

1.3 ครูและนักศกึ ษาสรุปส่ิงทอ่ี ภปิ รายรว่ มกนั แลกเปลยี่ นเรียนรู้ และบนั ทึกลงในแบบบันทกึ การเรียนรู้ กศน.ผ่าน
ทาง แอปพลเิ คชนั LINE
การแสวงหาขอ้ มลู และการจดั การเรยี นรู้ (N : New ways of learning)
2.กระบวนการจัดการเรยี นรู้(N:newway of lerling)(เวลา 4 ชวั่ โมง )
2.1.ครอู ธิบายวิธกี ารจัดเกบ็ วิเคราะห์ข้อมลู อย่างงา่ ยและเผยแพร่ข้อมูล

2.2.ครูอธบิ ายอิทธพิ ลของดวงอาทิตย์ และดวงจนั ทรท์ มี่ ีผลต่อการเกิดปรากฏการณ์ทางดาราศาสตร์บนโลก
2.3.ครูให้ผู้เรียนแบ่งกลุ่มกลุ่มละไม่เกิน 5 คน พูดคุยทบทวนเร่ืองการเกิดกลางวันกลางคืน การเกิดข้างขึ้น
ข้างแรมการเกิดสุริยุปราคา จันทรุปราคาการเกิดฤดูกาลและการเกิดลมบก ลมทะเลว่าเกิดจากอะไร ให้สรุปร่วมกันแล้ว
เลอื กผ้แู ทน 1 คนสรุปใหเ้ พื่อนฟงั ผ่านแอปพลิเคชนั LINE
2.4.ครูและผ้เู รียนร่วมกันระดมสมองผ่านแอปพลิเคชัน LINE เรอ่ื งการใช้ประโยชน์จากอิทธิพลของดวงอาทิตย์ ดวงจันทร์
และปรากฏการณท์ างดาราศาสตร์
2.5.ครูสอนและสอดแทรกคุณธรรม 12 ประการ ในเร่ือง ความสะอาด ความสุภาพ ความขยัน ความประหยัด
ความซื่อสัตย์สุจริต ความสามัคคี ความมีน้ำใจ ความมีวินัย ศาสน์ กษัตริย์ รักความเป็นไทย และยึดม่ันในวิถีชีวิตและการ
ปกครองตามระบอบประชาธปิ ไตยอนั มีพระมหากษัตริยท์ รงเป็นประมุข
2.6.ครูให้ผูเ้ รยี นทำแบบฝกึ หดั /ใบงานที่ 6.๑

การปฏบิ ัติและนำไปประยกุ ต์ (I : Implementation)
3. ขน้ั การปฏบิ ัตแิ ละนำไปประยกุ ตใ์ ช้ ( 30 นาที )

3.1 ครูสมุ่ ตัวแทนนำเสนอ เพ่ือแลกเปล่ียนความคิดเหน็ ซึ่งกันและกัน สรุปสิ่งทไี่ ด้เรยี นรรู้ ่วมกันและใหน้ ักศึกษา
บันทึกความรู้ท่ีได้ ลงในแบบบนั ทึกการเรียนรู้ กศน.

3.2 นักศกึ ษานำความร้ทู ่ีได้จากการเรียนรมู้ าเป็นแนวทางในการแกป้ ัญหาและการดำเนินชีวิตในประจำวันตอ่ ไป

ข้ันประเมนิ ผล (E :Evaluation)
4. ขนั้ สรุปและประเมนิ ผล(เวลา 1 ชวั่ โมง )
4.1.ครูสรุปเนือ้ หาทเ่ี รยี นเพมิ่ เตมิ และข้อเสนอแนะให้กับผ้เู รียน

4.2 ครูให้นักศึกษาทำแบบทดสอบหลังเรียน รายวิชาวิทยาศาสตร์(พว 11001) แบบปรนัย จำนวน 10 ข้อ พร้อม
เฉลยและประเมินผลให้นักศกึ ษาบนั ทึกคะแนนลงในแบบบนั ทึกการเรียนรู้ กศน.

4.3 ครูใหน้ ักศึกษาสรุปการทำความดแี ละคุณธรรมที่ได้ปฏิบัติ พร้อมบันทึกลงในสมุดบันทึกความดี เพื่อการประเมิน
คณุ ธรรม
ส่อื และแหล่งการเรยี นรู้

1.www.etvthai.tv
2.ทวี ีดจิ ิตอลชอ่ ง 52 (กศน.)
3. แอปพลเิ คชัน LINE
4. หนงั สอื เรียนออนไลนร์ ายวชิ าวทิ ยาศาสตร์( พว 11001) จากลง้ิ
http://loei.nfe.go.th/media/uploads/2014-07-01/20140701-1404202215.pdf5.
https://www.youtube.com/watch?v=gi8APkIQ7pY

175

6. แบบทดสอบก่อนเรียน เร่ือง ความสัมพันธ์ระหว่างดวงอาทิตย์ โลก และดวงจันทร์แบบปรนัย จำนวน 10 ข้อ
(Google Form)

7. แบบทดสอบหลังเรียน ความสัมพันธ์ระหว่างดวงอาทิตย์โลก และดวงจันทร์แบบปรนัย จำนวน 10 ข้อ
(Google Form)

8. ใบงานท่ี 6.1
9.แบบบันทกึ การเรยี นรู้ กศน.
ข้ันมอบหมายงาน
1.ครมู อบหมายให้นักศึกษาไปอ่านทบทวนเนื้อหาเพมิ่ เติมจากหนงั สอื เรียนรายวชิ าวทิ ยาศาสตร์(พว11001) จากล้ิง
http://loei.nfe.go.th/media/uploads/2014-07-01/20140701-1404202215.pdf (แบบเรียนออนไลน)์ โดย
ศกึ ษาในเรอ่ื ง ความสัมพันธร์ ะหวา่ งดวงอาทิตย์ โลก และดวงจนั ทร์และการนำผลท่ีไดจ้ ากการวางแผนไปประยุกต์ใช้ใน
ชีวิตประจำวัน และสรปุ ลงในแบบบนั ทกึ การเรยี นรู้ กศน.
2.ครูมอบหมายให้นักศึกษาไปศึกษาค้นคว้าเน้ือหาจากหนังสือเรียนออนไลน์รายวิชาวิทยาศาสตร์(พว11001) จากล้ิง
http://loei.nfe.go.th/media/uploads/2014-07-01/20140701-1404202215.pdf และศึกษาเนื้อหาจากใบ
ความรู้ และทำใบงานท่ี 9.1 เร่ือง ความสัมพันธ์ระหว่างดวงอาทิตย์ โลก และดวงจันทร์ให้นักศึกษาส่งงาน ตามวันเวลาท่ี
ครกู ำหนด ( ส่งงานในการพบกลุม่ ครั้งตอ่ ไป หรอื ทาง LINE ตามวนั เวลาทคี่ รกู ำหนด )
การวดั และประเมนิ ผล (E:evaluation)
1. การสังเกตพฤติกรรมการมีรายบุคคล/รายกลุ่ม
2. การตรวจแบบบันทกึ การเรยี นรู้ กศน.
3. ประเมนิ การนำเสนอผลงาน/ช้นิ งาน
4. การตรวจใบงาน
5. การตรวจแบบทดสอบ
6. การประเมนิ คุณธรรม

วธิ กี ารเรยี น : แบบหนงั สอื เรยี น มอบหมายงาน (ON - Hand)

กระบวนการจดั การเรียนรู้
การกำหนดสภาพ ปญั หา ความตอ้ งการในการเรียนรู้ (O : Orientation)
1.ขนั้ นำเขา้ สบู่ ทเรยี น (เวลา 30 นาท)ี

1.1 ครูสำรวจความพรอ้ มของนักศึกษาในการเรียนรู้ สำหรับนักศึกษาไม่มีอินเตอร์เน็ต และเครื่องมือส่ือสาร โดย
นำหนังสือเรียน ใบความรู้ และใบงาน ให้ผู้เรียนได้เรียนรู้ท่ีบ้านในรายวิชาวิทยาศาสตร์( พว 11001)จากหนังสือท่ีครูได้
นำไปให้ พรอ้ มใหน้ กั ศกึ ษา ศึกษาใบความรู้ จดั ทำใบงาน พร้อมทง้ั ทำแบบทดสอบกอ่ นเรียน

1.2 ครใู ห้นักศึกษา ศึกษาเรียนรทู้ บ่ี ้าน เพอ่ื เช่อื มโยงเขา้ สูบ่ ทเรยี นและมอบหมายงานตอ่ ไป
1.3 นักศึกษาสรปุ สิง่ ทไ่ี ด้เรียนรู้ บนั ทึกลงในแบบบันทกึ การเรียนรู้ กศน. และนำสง่ ตามวนั เวลาท่คี รู กำหนด
การแสวงหาขอ้ มลู และการจดั การเรยี นรู้ (N : New ways of learning)
2.กระบวนการจดั การเรยี นรู้(N:newway of lerling)(เวลา 4 ชวั่ โมง)
2.1 ครมู อบหมายให้นักศึกษาไปศึกษาหาความรู้ จากหนงั สือ รายวิชาวทิ ยาศาสตร์( พว 11001)ในหัวขอ้
ความสัมพนั ธร์ ะหวา่ งดวงอาทิตย์ โลก และดวงจันทร์

176

2.2ครูมอบหมายงานใหน้ กั ศึกษาไปศกึ ษาค้นคว้าจากหนงั สือ รายวชิ าวิทยาศาสตร์( พว 11001) จากใบความรู้
หรือจากแหลง่ การเรียนรตู้ ่างๆ และให้นักศึกษาจัดทำสรุปความรู้เปน็ แผนผังความคิด ลงในแบบบนั ทึกการเรยี นรู้ กศน. ใน
หัวข้อความสมั พันธ์ระหวา่ งดวงอาทิตย์ โลก และดวงจันทร์และใหน้ กั ศกึ ษาสง่ งานนำสง่ ตามวนั เวลาทคี่ รู กำหนด

2.3 ครมู อบหมายครูมอบหมายให้นักศึกษาไปศึกษาคน้ คว้าเนอื้ หาจากหนังสือเรียนรายวิชาวิทยาศาสตร์( พว
11001)และทำใบงานท่ี 9.1 เร่อื ง การใช้ประโยชน์จากอิทธิพลของดวงอาทิตย์ ดวงจันทร์ และปรากฏการณท์ างดารา
ศาสตร์

2.4 ครูมอบหมายให้นักศึกษา บนั ทึกสมุดบันทกึ ความดี เพ่ือประเมินคุณธรรม 12 ประการ ในเร่ือง ความสะอาด
ความสุภาพ ความกตัญญู กตเวทีความขยัน ความประหยัด ความซ่ือสัตย์ ความมนี ้ำใจ ความมีวนิ ยั ศาสน์ กษตั ริย์ รกั ความ
เป็นไทย และยดึ มนั่ ในวถิ ีชีวิตและการปกครองตามระบอบประชาธิปไตยอนั มีพระมหากษตั รยิ ท์ รงเปน็ ประมุข

การปฏิบตั ิและนำไปประยุกต์ (I : Implementation)
3. ขน้ั การปฏบิ ตั แิ ละนำไปประยกุ ตใ์ ช้ ( 30 นาที )

3.1 ครูมอบหมายใหผ้ เู้ รียน สรปุ ส่ิงทีไ่ ดเ้ รียนรูร้ ่วมกนั และใหน้ ักศึกษาบันทึกความรทู้ ี่ได้ ลงในแบบบนั ทึกการ
เรียนรู้ กศน.

3.2 นกั ศึกษานำความรทู้ ่ีไดจ้ ากการเรยี นรมู้ าเปน็ แนวทางในการแก้ปัญหาและการดำเนินชีวิตในประจำวนั ต่อไป

ข้นั ประเมนิ ผล (E :Evaluation)
4. ขนั้ สรปุ และประเมนิ ผล(เวลา 1ชว่ั โมง )

4.1 ครูให้นักศึกษาทำแบบทดสอบก่อนเรียน เร่ือง รายวิชาวิทยาศาสตร์ (พว 11001) แบบปรนัย จำนวน 10
ขอ้ จากชุด แบบทดสอบ พรอ้ มเฉลยและประเมนิ ผล ให้นักศกึ ษาบันทกึ คะแนนลงในแบบบันทกึ การเรยี นรู้ กศน.

4.2 ครูให้นักศึกษาสรุปการทำความดีและคุณธรรมท่ีได้ปฏิบัติ พร้อมบันทึกลงในสมุดบันทึกความดี เพ่ือการ
ประเมนิ คุณธรรม

4.3 ครูติดตามงานท่ีไดม้ อบหมายนักศกึ ษา เพอื่ ติดตามความคบื หน้า
4.4 ตดิ ตามงานท่ไี ด้รับมอบหมายสัปดาหท์ ีผ่ ่านมา
4.5 ติดตามการทำกจิ กรรมพัฒนาคุณภาพชีวติ (กพช.)
4.6 ติดตามสอบถามสขุ ภาพของนกั ศึกษา (การตรวจสุขภาพ/ความสะอาด/การแต่งกาย)
4.7 ติดตามสอบถามการทำความดีในแต่ละวัน สัปดาห์ที่ผ่านมาและตดิ ตามการบันทึก กิจกรรมทที่ ำความดีลงใน
สมุดบันทกึ บนั ทึกความดีเพื่อการประเมินคณุ ธรรม
4.8 ตดิ ตามสอบถามเกยี่ วกบั งานอดิเรก สนุ ทรียภาพ การเลน่ กีฬา การใช้เวลาวา่ งให้เป็นประโยชน์ ฯลฯ
4.9 ตดิ ตามความกา้ วหนา้ การทำรายงาน
สอ่ื และแหลง่ การเรียนรู้
1. หนงั สอื เรียนวิชารายวชิ าวิทยาศาสตร(์ พว 11001)
2. แบบทดสอบก่อนเรียน เร่ือง ดาราศาสตร์เพ่ือชีวิตความสัมพันธ์ระหว่างดวงอาทิตย์ โลก และดวงจันทร์แบบ
ปรนัย จำนวน 10 ข้อ

177

3.แบบทดสอบหลังเรียน เร่ือง ดาราศาสตร์เพื่อชีวิตความสัมพันธ์ระหว่างดวงอาทิตย์ โลก และดวงจันทร์แบบปรนัย
จำนวน 10 ข้อ

4. ใบงานท่ี 9.1 เรือ่ ง การใชป้ ระโยชนจ์ ากอทิ ธพิ ลของดวงอาทิตย์ ดวงจนั ทร์ และปรากฏการณ์ทางดาราศาสตร์
5.แบบบนั ทึกการเรยี นรู้ กศน.
ขนั้ มอบหมายงาน
4.1 ครูมอบหมายใหน้ ักศึกษาศึกษาเรียนรู้จากหนงั สือเรียนรายวชิ าวิทย่าศาสตร์( พว 11001) โดยศึกษาในการมี
สว่ นรว่ ม การบอกความหมายความสำคัญประโยชน์ของขอ้ มลู ดา้ นต่างๆ และสรปุ ลงในแบบบันทกึ การเรยี นรู้ กศน.
4.2 ครูมอบมายงานให้นักศึกษาได้ศึกษาเพ่ิมเติมและบันทึก เร่ืองความสัมพันธ์ระหว่างดวงอาทิตย์ โลก และดวง
จนั ทรเ์ รื่องพร้อมจดั ทำรปู เล่ม นำเสนอรายงาน ตามวันเวลาท่ีครูกำหนด ก่อนสอบปลายภาคเรียน
การวัดและประเมนิ ผล(E:evaluation)
1. การสังเกตพฤติกรรมการมีรายบุคคล/รายกลมุ่
2. การตรวจแบบบนั ทกึ การเรยี นรู้ กศน.
3. ประเมินการนำเสนอผลงาน/ชิน้ งาน
4. การตรวจใบงาน
5. การตรวจแบบทดสอบ
6. การประเมินคุณธรรม

วธิ กี ารเรยี น : แบบผา่ นชอ่ งทาง ETV (ON-Air)

กระบวนการจดั การเรยี นรู้
การกำหนดสภาพ ปัญหา ความตอ้ งการในการเรยี นรู้ (O : Orientation)
1.ขนั้ นำเขา้ สบู่ ทเรยี น (เวลา 30 นาที )

1.1ครทู ักทายนักศึกษา และนำเข้าสู่บทเรียนโดยให้นักศกึ ษาแสดงความคิดเห็นในเร่ือง ความสมั พันธ์ระหว่างดวง

อาทิตย์ โลก และดวงจันทร์ตามความเข้าใจของนักศึกษา โดยครูแลกเปลี่ยนเรียนรู้ ร่วมกันวิเคราะห์ และแสดงความ

คิดเห็นร่วมกันในกลุ่ม LINE พร้อมทั้งทำแบบทดสอบก่อนเรียน(ชุดแบบทดสอบ หรือ Google Form) ผ่านทางGoogle

Classroom หรอื LINE กลุม่ พรอ้ มอธบิ ายถึงเหตุผลความจำเปน็ ที่ต้องจดั กิจกรรมการเรียนรูปแบบ( ON-Air )

1.2 ครูนำเขา้ สูบ่ ทเรียนโดย ให้นกั ศกึ ษาสมัครเปน็ สมาชิก ETV ตามล้ิงต่อไป

นี้https://www.youtube.com/watch?v=gi8APkIQ7pYเพอื่ ใหน้ ักศึกษามรี หัสผา่ นเพอ่ื เข้าไปศึกษาหาความรู้ตาม

ตารางออนแอร์ ในแตล่ ะวันของสถานวี ทิ ยโุ ทรทัศนเ์ พื่อการศึกษา กระทรวงศึกษาธกิ ารตามลิง้ รายการโทรทัศน์สง่ เสริม

การศึกษานอกระบบโรงเรยี น

การแสวงหาขอ้ มลู และการจดั การเรยี นรู้ (N : New ways of learning)
2.กระบวนการจดั การเรยี นรู้(N:newway of lerling)(เวลา 4 ชวั่ โมง)

2.1 ครูมอบหมายให้นักศึกษาเข้าไปศึกษาหาความรู้ ของสถานีวิทยุโทรทัศน์เพ่ือการศึกษา กระทรวงศึกษาธิการ
ตามเว็บไซต์ www.etvthai.tv โดยเข้าสู่ระบบด้วยรหัสผ่านท่ีนักศึกษาสมัครไว้แล้ว โดยสามารถดูตาราง ออนแอร์ได้ ตาม
ลิ้ง http://www.etvthai.tv/Front_ETV/FETV_Schedule.aspx และสามารถดู รายการย้อน ห ลังได้ ต าม ล้ิง
http://www.etvthai.tv/home/home_External.aspx
อีกช่องทางการศึกษาหาความรู้โดยผ่าน ทีวีดิจิตอลช่อง 52 (กศน.) สามารถติดตามข่าวสารและตารางออนแอร์ได้ใน
เฟสบคุ๊ :ETV สอื่ ดจิ ิทลั เพอื่ การศกึ ษา สำนักงาน กศน. ตามลงิ้ น้ี https://www.facebook.com/etv.digital/

2.2 ครมู อบหมายใหน้ ักศกึ ษาเรยี นรู้แบบ (ON-Air)ในเรอ่ื งการเรียนรู้ในหัวข้อตอ่ ไปนี้
1. ความสัมพนั ธ์ระหวา่ งดวงอาทิตย์ โลก และดวงจันทร์

178

2. การใช้ประโยชนจ์ ากอทิ ธพิ ลของดวงอาทติ ย์ ดวงจันทร์ และปรากฏการณ์ทางดาราศาสตร์
3. การนำผลท่ีได้จากการวางแผนไปประยุกต์ใช้ในชีวิตประจำวันและให้นักศึกษาสรุปลงในแบบบันทึก
การเรียนรู้ กศน. นำสง่ ผา่ นทาง Google Classroom หรือแอปพลิเคชัน LINE
2.3 ครูมอบหมายให้นักศึกษาเลือกหัวข้อท่ีนักศึกษาสนใจ จำนวน 1 เรื่อง ให้ไปศึกษาค้นคว้าจากหนังสือ เรียน
ออนไลน์รายวชิ า จากลิงค์http://loei.nfe.go.th/media/uploads/2014-07-01/20140701-1404202215.pdf
และจากการศึกษาในรูปแบบ(ON-Air)ท้ังในเว็บไซต์ www.etvthai.tv และทีวีดิจิตอลช่อง 52 (กศน.)หรือจากแหล่งการ
เรยี นรูต้ ่างๆ และให้นักศกึ ษาจัดทำสรปุ ความรู้เป็นแผนผงั ความคดิ ลงในแบบบันทกึ การเรียนรู้ กศน. ในหัวข้อ ดงั น้ี
1.การเกดิ กลางวนั กลางคนื
2.การเกดิ ขา้ งข้ึน ขา้ งแรม
3. การเกิดสรุ ยิ ุปราคา จนั ทรุปราคา
4. การเกิดฤดกู าล
5. การเกิดลมบก ลมทะเล
และส่งงานผา่ นทาง แอปพลิเคชัน LINE
2.4 ครูสอนและสอดแทรกคุณธรรม 11 ประการ ในเร่ือง ความสะอาด ความสุภาพ ความกตัญญู กตเวทีความ
ขยัน ความประหยัด ความซ่ือสัตย์ ความมีน้ำใจ ความมีวนิ ัย ศาสน์ กษตั ริย์ รักความเป็นไทย และยึดมน่ั ในวิถีชีวิตและการ
ปกครองตามระบอบประชาธปิ ไตยอันมีพระมหากษัตริยท์ รงเป็นประมุข ผา่ นทาง LINE กลมุ่

การปฏบิ ัติและนำไปประยกุ ต์ (I : Implementation)
3. ขนั้ การปฏบิ ัตแิ ละนำไปประยกุ ตใ์ ช้ ( 30 นาที )

3.1 ครสู ุ่มตัวแทนนำเสนอ เพ่ือแลกเปลยี่ นความคดิ เห็นซ่ึงกันและกัน สรุปส่ิงท่ไี ด้เรียนรรู้ ว่ มกนั และใหน้ ักศึกษา
บนั ทึกความรู้ทไ่ี ด้ ลงในแบบบันทึกการเรยี นรู้ กศน.

3.2 นักศกึ ษานำความรทู้ ่ีได้จากการเรียนร้มู าเปน็ แนวทางในการแกป้ ัญหาและการดำเนินชวี ติ ในประจำวันตอ่ ไป

ข้นั ประเมนิ ผล (E :Evaluation)
4. ขน้ั สรุปและประเมนิ ผล (1ชวั่ โมง)

4.1 ครตู ดิ ตามงานท่ไี ดม้ อบหมายนักศึกษา เพอ่ื ตดิ ตามความคบื หนา้ ทางแอปพลเิ คชนั Line ดังนี้
4.2 ตดิ ตามงานทีไ่ ดร้ บั มอบหมายสัปดาหท์ ผี่ ่านมา
4.3 ตดิ ตามการทำกจิ กรรมพัฒนาคณุ ภาพชวี ิต (กพช.)
4.4ติดตามสอบถามสขุ ภาพของนักศกึ ษา (การตรวจสุขภาพ/ความสะอาด/การแต่งกาย)
4.5 ติดตามสอบถามการทำความดีในแต่ละวัน สัปดาห์ท่ีผ่านมาและติดตามการบันทึก กิจกรรมทท่ี ำความดีลงใน
สมุดบนั ทกึ บันทกึ ความดเี พื่อการประเมนิ คณุ ธรรม
4.6 ตดิ ตามสอบถามเกย่ี วกบั งานอดเิ รก สุนทรียภาพ การเลน่ กีฬา การใช้เวลาว่างให้เป็นประโยชน์ ฯลฯ
4.7 ติดตามความก้าวหนา้ การทำรายงาน

ส่อื และแหลง่ การเรียนรู้
1.www.etvthai.tv
2.ทวี ดี ิจิตอลชอ่ ง 52 (กศน.)
3.หนังสอื เรยี นวชิ ารายวิชาวทิ ยาศาสตร(์ พว 11001)
4. แบบทดสอบก่อนเรยี น เรื่อง ดาราศาสตร์เพื่อชีวิตความสัมพนั ธ์ระหว่างดวงอาทติ ย์ โลก และดวงจนั ทรแ์ บบ

ปรนยั จำนวน 10 ขอ้

179

5. แบบทดสอบหลงั เรยี น เรอื่ ง ดาราศาสตร์เพ่ือชวี ติ ความสัมพันธ์ระหว่างดวงอาทติ ย์ โลก และดวงจนั ทร์แบบ
ปรนัย จำนวน 10 ข้อ

6. ใบงานที่ 6.1เรอ่ื ง การใช้ประโยชนจ์ ากอทิ ธิพลของดวงอาทติ ย์ ดวงจนั ทร์ และปรากฏการณท์ างดาราศาสตร์
7.แบบบันทกึ การเรียนรู้ กศน.
ขนั้ มอบหมายงาน
1. ครูมอบหมายให้นักศึกษาไปอา่ นทบทวนเน้ือหาเพม่ิ เติมจากหนังสอื เรียนออนไลน์รายวชิ าวิทยาศาสตร์( พว
11001) จากล้ิง http://loei.nfe.go.th/media/uploads/2014-07-01/20140701-1404202215.pdf โดย
ศึกษาในเร่ือง ความสมั พนั ธ์ระหวา่ งดวงอาทิตย์ โลก และดวงจนั ทร์ การใช้ประโยชน์จากอิทธิพลของดวงอาทิตย์ ดวง
จันทร์ และปรากฏการณ์ทางดาราศาสตรแ์ ละสรปุ ลงในแบบบนั ทึกการเรียนรู้ กศน.
2 ครูมอบหมายให้นกั ศึกษาไปศึกษาคน้ คว้าเนื้อหาจากหนงั สอื เรียนออนไลน์รายวิชาวทิ ยาศาสตร์( พว 11001) จา
กล้ิง http://loei.nfe.go.th/media/uploads/2014-07-01/20140701-1404202215.pdf และศึกษาเนื้อหา
จากใบความรู้ และทำ ใบงานท่ี 9.1 เรื่อง การใช้ประโยชน์จากอิทธิพลของดวงอาทิตย์ ดวงจันทร์ และปรากฏการณ์ทาง
ดาราศาสตรแ์ ละใหน้ กั ศึกษาส่งงานทาง LINE
3 ครูมอบมายงานให้แต่ละคน/หรือรายกลุ่มดำเนินการวางแผนการดำเนินงานจัดทำรายงานกลุ่มละ 1 เรื่อง
พร้อมจดั ทำรปู เลม่ รายงาน นำเสนอช้ินงาน และสง่ ช้ินงาน ตามวนั เวลาที่ครกู ำหนด ก่อนสอบปลายภาคเรียน
การวัดและประเมินผล (E:evaluation)
1. การสงั เกตพฤติกรรมการมีรายบคุ คล/รายกล่มุ
2. การตรวจแบบบนั ทึกการเรยี นรู้ กศน.
3. ประเมินการนำเสนอผลงาน/ชน้ิ งาน
4. การตรวจใบงาน
5. การตรวจแบบทดสอบ
6. การประเมนิ คุณธรรม

180

วธิ กี ารเรยี น : ผา่ น แอปพลเิ คชนั (ON-Demand)

กระบวนการจดั การเรยี นรู้
การกำหนดสภาพ ปัญหา ความตอ้ งการในการเรยี นรู้ (O : Orientation)
1.ขน้ั นำเขา้ สบู่ ทเรยี น (เวลา 30 นาท)ี

1.1ครทู ักทายนกั ศึกษา และนำเข้าสู่บทเรียนโดยให้นักศกึ ษาแสดงความคิดเหน็ ในเรอื่ ง ความสัมพันธ์ระหว่างดวง
อาทิตย์ โลก และดวงจันทร์ ตามความเข้าใจของนักศึกษา โดยครูแลกเปล่ียนเรียนรู้ ร่วมกันวิเคราะห์ และแสดงความ
คิดเห็นร่วมกนั ในกลุ่ม LINE พรอ้ มทั้งทำแบบทดสอบก่อนเรียน (ชุดแบบทดสอบ หรือ Google Form) ผ่านทาง Google
Classroom หรือ LINE กล่มุ พร้อมอธบิ ายถึงเหตุผลความจำเป็นที่ตอ้ งจดั กจิ กรรมการเรยี นรูปแบบ (ON-Demand)

1.2 ครูนำเข้าส่บู ทเรยี นโดยครเู ปิดวีดที ศั น์ เรื่อง ความสัมพันธร์ ะหวา่ งดวงอาทิตย์ โลก และดวงจนั ทร์
จากลิงค์ https://www.youtube.com/watch?v=gi8APkIQ7pYให้นักศึกษารับชมเพื่อให้นักศึกษามีความรู้ความเข้าใจ
ในเร่ืองความสัมพันธ์ระหวา่ งดวงอาทิตย์ โลก และดวงจนั ทร์ การใช้ประโยชน์จากอิทธพิ ลของดวงอาทิตย์ ดวงจันทร์ และ
ปรากฏการณ์ทางดาราศาสตร์นักศึกษาร่วมกันวิเคราะห์และแลกเปลี่ยนเรียนรู้แสดงความคิดเห็นผ่านทาง แอปพลิเคชัน
LINE เพื่อเชื่อมโยงเข้าสู่บทเรียนตอ่ ไป

1.3 ครูและนกั ศกึ ษาสรุปสง่ิ ท่อี ภปิ รายรว่ มกนั แลกเปลี่ยนเรยี นรู้ และบันทกึ ลงในแบบบนั ทกึ การเรียนรู้ กศน.ผา่ น
ทาง แอปพลเิ คชนั LINE
การแสวงหาขอ้ มลู และการจดั การเรยี นรู้ (N : New ways of learning)
2.กระบวนการจัดการเรยี นรู้(N:newway of lerling)(เวลา4 ชว่ั โมง)

2.1 ครูมอบหมายให้นักศึกษาไปศึกษาหาความรู้ เรอ่ื ง ความสมั พันธ์ระหวา่ งดวงอาทิตย์ โลก และดวงจันทร์ และ
การนำผลท่ีได้จากการวางแผนไปประยุกต์ใชใ้ นชีวติ ประจำวัน จากล้ิงhttp://loei.nfe.go.th/media/uploads/2014-
07-01/20140701-1404202215.pdfศึกษาหาความรู้ ผ่านเว็บไซต์ www.etvthai.tv และช่อง Youtube หรือจาก
สือ่ และแหลง่ เรยี นรตู้ ่างๆ และให้สรปุ ลงในแบบบันทกึ การเรียนรู้ กศน. ในหัวข้อต่อไปน้ี

1. ความสัมพนั ธร์ ะหวา่ งดวงอาทิตย์ โลก และดวงจนั ทร์
2. การใช้ประโยชน์จากอทิ ธิพลของดวงอาทิตย์ ดวงจันทร์ และปรากฏการณท์ างดาราศาสตร์
2.2 ครูมอบหมายให้นักศึกษาเลือกทำรายงานที่นักศึกษาสนใจ 1 เร่ือง ให้ไปศึกษาค้นคว้าจากหนังสือ เรียน
อ อ น ไล น์ ราย วิช า วิท ย าศ าส ต ร์ ( พ ว 1 1 0 0 1 ) จ าก ลิ้ ง http://loei.nfe.go.th/media/uploads/2014-07-
01/20140701-1404202215.pdf หรือจากแหล่งการเรียนรู้ต่างๆ และให้นักศึกษาจัดทำสรุปความรู้เป็นแผนผัง
ความคิด ลงในแบบบนั ทึกการเรยี นรู้ กศน. ในหัวขอ้ ดังน้ี
1. การเกิดกลางวนั กลางคืน
2.การเกิดขา้ งข้นึ ข้างแรม
3. การเกดิ สรุ ิยปุ ราคา จันทรุปราคา
4. การเกิดฤดกู าล
5. การเกดิ ลมบก ลมทะเล
เปน็ รายบคุ คลในการเรยี นออนไลนค์ รงั้ ต่อไปผ่านทาง แอปพลเิ คชนั LINE

181

2.3 ครูสอนและสอดแทรกคุณธรรม 12 ประการ ในเร่ือง ความสะอาด ความสุภาพ ความกตัญญู กตเวทีความ
ขยัน ความประหยัด ความซือ่ สตั ย์ ความมีน้ำใจ ความมีวินัย ศาสน์ กษตั ริย์ รักความเป็นไทย และยึดมน่ั ในวิถีชีวิตและการ
ปกครองตามระบอบประชาธปิ ไตยอันมีพระมหากษตั รยิ ท์ รงเป็นประมุข ผา่ นทาง LINE กลุม่
การปฏบิ ัตแิ ละนำไปประยกุ ต์ (I : Implementation)
3. ขนั้ การปฏบิ ัตแิ ละนำไปประยกุ ตใ์ ช้ ( 30 นาที )

3.1 ครูสุ่มตัวแทนกลมุ่ นำเสนอ เพื่อแลกเปลยี่ นความคิดเห็นซึ่งกันและกนั สรปุ สิง่ ท่ีไดเ้ รียนรูร้ ว่ มกนั และให้
นักศกึ ษาบันทึกความรู้ทีไ่ ด้ ลงในแบบบันทึกการเรยี นรู้ กศน.

3.2 นักศึกษานำความรูท้ ่ีได้จากการเรียนรมู้ าเป็นแนวทางในการแก้ปัญหาและการดำเนินชีวิตในประจำวันต่อไป

ขน้ั ประเมนิ ผล (E :Evaluation)
4. ขน้ั สรปุ และประเมนิ ผล (1ชว่ั โมง)

4.1 ครูติดตามงานที่ไดม้ อบหมายนักศึกษา เพือ่ ติดตามความคบื หน้าทางแอปพลิเคชัน Line ดังน้ี
4.2 ติดตามงานท่ไี ดร้ ับมอบหมายสัปดาหท์ ่ผี า่ นมา
4.3 ติดตามการทำกจิ กรรมพัฒนาคุณภาพชวี ิต (กพช.)
4.4 ติดตามสอบถามสุขภาพของนกั ศกึ ษา (การตรวจสขุ ภาพ/ความสะอาด/การแต่งกาย)
4.5 ติดตามสอบถามการทำความดีในแต่ละวัน สัปดาห์ที่ผ่านมาและตดิ ตามการบันทึก กิจกรรมที่ทำความดีลงใน
สมุดบนั ทกึ บันทกึ ความดเี พอ่ื การประเมนิ คณุ ธรรม
4.6 ติดตามสอบถามเกีย่ วกบั งานอดิเรก สุนทรียภาพ การเล่นกฬี า การใช้เวลาว่างใหเ้ ปน็ ประโยชน์ ฯลฯ
4.7 ตดิ ตามความกา้ วหนา้ การทำรายงาน
สือ่ และแหล่งการเรียนรู้
1.www.etvthai.tv
2.ทีวีดิจิตอลชอ่ ง 52 (กศน.)
3. หนังสอื เรียนวชิ ารายวชิ าวทิ ยาศาสตร์(พว 11001)
4. แบบทดสอบก่อนเรียน เร่ือง ดาราศาสตร์เพ่ือชีวิตความสัมพันธ์ระหว่างดวงอาทิตย์ โลก และดวงจันทร์แบบ
ปรนัย จำนวน 10 ข้อ
5. แบบทดสอบหลังเรียน เร่ือง ดาราศาสตร์เพ่ือชีวิตความสัมพันธ์ระหว่างดวงอาทิตย์ โลก และดวงจันทร์แบบ
ปรนยั จำนวน 10 ข้อ
6. ใบงานที่ 6.1เร่ือง การใชป้ ระโยชน์จากอิทธิพลของดวงอาทติ ย์ ดวงจนั ทร์ และปรากฏการณท์ างดาราศาสตร์
7.แบบบนั ทกึ การเรียนรู้ กศน.
ข้ันมอบหมายงาน
1 ครูมอบหมายให้นักศึกษาไปอ่านทบทวนเนอื้ หาเพ่ิมเติมจากหนงั สือเรียนรายวิชาวทิ ยาศาสตร์( พว 11001) จา
กลิ้ง http://loei.nfe.go.th/media/uploads/2014-07-01/20140701-1404202215.pdf โดยศึกษาในเร่ือง
การเกิดกลางวันกลางคืนการเกิดข้างข้ึน ข้างแรมการเกิดสุริยุปราคา จันทรุปราคาการเกิดฤดูกาลการเกิดลมบก ลมทะเล
และสรุปลงในแบบบันทกึ การเรยี นรู้ กศน.
2. ครูมอบหมายให้นักศึกษาไปศึกษาค้นคว้าเน้ือหาจากหนังสือเรียนออนไลน์รายวิชาวิทยาศาสตร์( พว 11001)
จากล้ิง http://loei.nfe.go.th/media/uploads/2014-07-01/20140701-1404202215.pdf และศึกษาเนื้อหา
จากใบความรู้ และทำใบงานท่ี 9.1 เร่ือง การใช้ประโยชน์จากอิทธิพลของดวงอาทิตย์ ดวงจันทร์ และปรากฏการณ์ทาง
ดาราศาสตร์ให้นกั ศึกษาส่งงานทาง LINE
3. ครูมอบมายงานให้แต่ละคน/หรือรายกลุ่มดำเนินการวางแผนการดำเนินงานจัดทำรายงานกลุ่มละ 1 เร่ือง
พรอ้ มจดั ทำรูปเล่มรายงาน นำเสนอชน้ิ งาน และสง่ ชนิ้ งาน ตามวนั เวลาที่ครูกำหนด กอ่ นสอบปลายภาคเรยี น
การวดั และประเมินผล (E:evaluation)


Click to View FlipBook Version