The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

หนังสือเรียนวิชาทักษะการเรียนรู้ ม.ปลาย

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by ebookchon, 2020-05-27 02:51:41

หนังสือเรียนวิชาทักษะการเรียนรู้ ม.ปลาย (ทร31001)

หนังสือเรียนวิชาทักษะการเรียนรู้ ม.ปลาย

Keywords: ทร31001,ทักษะการเรียนรู้

~ 51 ~

วธิ ีคดิ อย่างไร นาํ มาซึงความสุข?
คงไม่ใช่วิธีคิดแบบเดียวอย่างแน่นอน แต่วิธีคิดซึงมีอยหู่ ลายแบบและนาํ มาซึงความสุขนัน มกั มี

พืนฐานคลา้ ยๆกนั คือ การมองดา้ นบวกหรือคาดหวงั ดา้ นบวก รวมทงั มองเห็นประโยชน์จางกตส่าิ ง ๆ
(แมว้ ่าจะเป็นเหตุการณ์ทีเลวร้ายก็ตาม)

แต่กว่าทีคนเราจะ "บรรลุ" ความเขา้ ใจได้ ก็อาจใชเ้ วลาเป็ นสิบๆ ปี เลยทีเดียว คริสโตเฟอร์ รีฟ
อดีตดาราในบทบาทของซุปเปอร์แมน ไดป้ ระสบอุบตั ิเหตุตกจากหลงั มา้ เขาเคยใหส้ มั ภาษณ์ในรายการหนึง
วา่ เขาตอ้ งปรับตวั อยา่ งมากในช่วงแรกๆ แลว้ ในทีสุด เขาก็สามารถมีความสุขได้ แมว้ ่าจะไม่สามารถขยบั
แขนขยบั ขาไดด้ งั ใจนึกก็ตาม

ผบู้ ริหารคนหนึงของบริษทั ในเครือเยอื กระดาษสยาม เล่าว่า เขาโชคดีทีถูกลูกคา้ ด่าเมือสิบกว่าปี ที
แลว้ ในเวลานนั ลกู คา้ ซึงเป็นผจู้ ดั การบริษทั แถวถนนสาธุประดิษฐ์ ไม่พอใจเซลลข์ ายกระดาษคนก่อนเป็ น
อยา่ งยงิ ทีปรับราคากระดาษโดยกะทนั หนั จนทาํ ใหบ้ ริษทั ของเขาตอ้ งสูญเสียเงินจาํ นวนมาก เขา (เซลลข์ าย
กระดาษ) ท่านนีไดใ้ ชค้ วามพยายามเอาชนะใจลกู คา้ คนนีอยู่ 6 เดือนเต็มๆ อนั เป็นเวลาทีออเดอร์ล๊อตปรากฎ
ขึน “ผมขอบคุณวิกฤติการณ์ในครังนนั มาก มนั ทาํ ใหผ้ มเขา้ ใจในอาชีพนกั ขายและสอนบทเรียนทีสาํ คญั มา
จนถงึ ปัจจุบนั ”

จากตวั อย่างดังกล่าว สามารถสรุปได้ว่า
1. ผปู้ ระสบความสาํ เร็จมกั ผา่ นวิกฤติการณ์และไดบ้ ทเรียนมาแลงว้สทินั
2. ผทู้ ีจะมีความสุขในการทาํ งานและใชช้ ีวติ ได้ ยอ่ มตอ้ งใชว้ ิธีคิดทีเป็นดา้ นบวกซึงไดร้ ับการพิสูจน์
มาแลว้

หากอยากมคี วามสุขต้องเริมจากการสร้างความคดิ ด้านบวก มองเหตกุ ารณ์อย่างได้ประโยชน์
(ทีมา: http://drterd.com/news/view.asp?id=4)

~ 52 ~

เรืองที การทาํ แผนผงั ความคดิ
แผนผงั ความคดิ (Mind Map)
การเขยี นแผนผงั ความคดิ คอื อะไร

การเขียนแผนผงั ความคิด คือ การเอาความรู้มาสรุปรวมเป็ นหมวดหมมู่ เกพาิ รใชส้ ี และใชร้ ูปภาพ
มาประกอบ ช่วยใหเ้ รามองเห็นภาพรวมไดช้ ดั เจน

แผนผงั ความคิด (Mind Map) จะช่วยให้เราฝึ กคิดเป็นรูปภาพ
จาํ เป็นภาพ เป็นสี ซึงกต็ รงกบั ลกั ษณะการจาํ ตามธรรมชาติของสมอง

การทาํ แผนผงั ความคดิ (Mind Map)
กฎของการทาํ แผนผงั ความคดิ
1. เริมตน้ ดว้ ยภาพสีตรงกึงกลางหน้ากระดาษ ภาพ ๆ เดียวมีค่ากว่าคาํ พนั คาํ ซาํ ยงั ช่วยให้

เกิดความคิดสร้างสรรค์ และเพมิ ความจาํ มากขึนดว้ ย ใหว้ างกระดาษตามแนวนอน
2. ใชภ้ าพใหม้ ากทีสุดในแผนผงั ความคิดของคุณ ตรงไหนทีใชภ้ าพไดใ้ ห้ใชก้ ่อนคาํ หรือรหัส

เป็นการช่วยการทาํ งานของสมอง ดึงดดู สายตาและช่วยจาํ
3. ควรเขียนคาํ บรรจงตวั ใหญ่ ๆ ถา้ เป็นภาษาองั กฤษให้ใชต้ วั พิมพใ์ หญ่ เพือทีว่าเมือยอ้ นกลบั มา

อ่านใหม่จะให้ภาพทีชัดเจน สะดุดตาอ่านง่าย และเกิดผลกระทบต่อความคิดมากกว่า การใชเ้ วลาเพิมอีก
เล็กนอ้ ยในการเขียนตวั ใหใ้ หญ่อ่านง่ายชดั เจน จะช่วยใหเ้ ราสามารถประหยดั เวลาไดเ้ มือยอ้ นกลบั มาอ่าน
ใหม่อกี ครัง

4. เขียนคาํ เหนือเสน้ และแต่ละเสน้ ตอ้ งเชือมต่อกบั เสน้ อืน ๆ เพอื ใหแ้ ผนผงั ความคิดมีโครงสร้าง
พนื ฐานรองรับ

5. คาํ ควรมีลกั ษณะเป็น “หน่วย” เช่น คาํ ละเสน้ เพราะจะช่วยใหแ้ ต่ละคาํ เชือมโยงกบั คาํ อนื ๆ ได้
อยา่ งอิสระเปิ ดทางใหแ้ ผนผงั ความคิดคล่องตวั และยดื หยนุ่ มากขึน

6. ใชส้ ีใหท้ วั แผนผงั ความคิด เพราะสีช่วยยกระดบั ความจาํ เพลนิ ตา กระตุน้ สมองซีกขวา
7. เพือใหเ้ กิดความคิดสร้างสรรคใ์ หม่ ๆ ควรปล่อยใหห้ ัวคิดมีอิสระมากทีสุดเท่าทีจะเป็ นไปได้
อยา่ มวั แต่คิดวา่ จะเขียนลงตรงไหนดี หรือว่าจะใส่หรือไม่ใส่อะไรลงไป เพราะลว้ นแต่จะทาํ ใหง้ านล่าชา้ ไป
อยา่ งน่าเสียดาย

~ 53 ~

หลักของแผนผังความคดิ (Mind Map) คือ การฟื นความจาํ ในทุกเรืองทีหัวคิดนึกออกจาก
ศนู ยก์ ลางความคิด สมองของคุณสามารถจะจุดประกายความคิดต่าง ๆ ไดเ้ ร็วกว่าทีมือคุณเขียนทนั คุณจึง
ตอ้ งเขียนแบบไมห่ ยดุ เลย เพราะถา้ คุณหยดุ คุณจะสงั เกตไดว้ า่ ปากกาหรือดินสอของคุณยงั คงขยกุ ขยกิ ต่อไป
บนหนา้ กระดาษ ในช่วงทีคุณสงั เกตเห็กน็นี อยา่ ปล่อยใหผ้ า่ นไป จงรีบเขียนต่ออยา่ กงั วลถึงลาํ ดบั หรือการ
จดั องคป์ ระกอบใหด้ ูดี เพราะในทีสุดมนั ก็จะลงตวั ไปเอง หรือไม่อยา่นงคน่อั ยมาจดั อีกครังในตอนทา้ ยเป็ น
ครังสุดทา้ ยก็ยอ่ มได้
กจิ กรรมที “ตวั ของฉนั ”

ให้ผูเ้ รียนใชก้ ฎของแผนผงั ความคิด (Mind Map) โดยให้เขียนแผนผงั ความคิด (Mind Map)
ในหวั ขอ้ “ตวั ของฉนั ”

~ 54 ~

กจิ กรรมที “สาระทกั ษะการเรียนรู้”
ใหผ้ ูเ้ รียนใชก้ ฎของแผนผงั ความคิด (Mind Map) โดยใหเ้ ขียนแผนผงั ความคิด (Mind Map)

ในหัวขอ้ “สาระทกั ษะการเรียนรู้” โดยสรุปใหไ้ ดเ้ นือหาครอบคลุมรายวิชาสาระทกั ษะการเรียนรู้ตาม
ความเขา้ ใจของท่าน

~ 55 ~

เรืองที ปัจจยั ทีทําให้การเรียนรู้ด้วยตนเองประสบความสําเร็จ
ความพร้อมในการเรียนรู้ด้วยตนเอง

ความพร้อมในการเรียนรู้ดว้ ยตนเอง (Self-Directed Learning Readiness : SDLR) เป็งนสสาํ ิ คญั
และจาํ เป็นอยา่ งมากสาํ หรับผทู้ ีมคี วามสนใจ มคี วามรักจะเรียนรู้ดว้ ยตนเอง วดั ไดจ้ ากความรู้สึก และความ
คิดเห็นทีผเู้ รียนมีต่อการแสวงหาความรู้ การทีบุคคลจะเรียนรู้ดว้ ยตนเองไนดตน้ อ้ั งมีลกั ษณะความพร้อม
ของการเรียนรู้ดว้ ยตนเอง ประการ ดงั นี

1. การเปิ ดโอกาสต่อการเรียนรู้ ไดแ้ ก่ การมคี วามสนใจในการเรียนรู้มากกว่าผอู้ ืน มีความพึงพอใจ
กบั ความคิดริเริมของบุคคล มีความรักในการเรียนรู้และความคาดหวงั ว่าจะเรียนรู้อยา่ งต่อเนือง แหล่งความรู้
มีความดึงดูดใจ มีความอดทนต่อการคน้ หาคาํ ตอบในสิงทีสงสัย มีความสามารถในการยอมรับและใช้
ประโยชน์จากคาํ วิจารณ์ได้ การนาํ ความสามารถดา้ นสติปัญญามาใชไ้ ด้ มีความรับผดิ ชอบต่อการเรียนรู้ของ
ตนเอง

. มอี ตั มโนทศั น์ในด้านของการเป็ นผ้เู รียนทมี ปี ระสิทธภิ าพ ไดแ้ ก่ การมีความมนั ใจในการเรียนรู้
ดว้ ยตนเอง ความสามารถจดั เวลาในการเรียนรู้ได้ มีระเบียบวินยั ต่อตนเองมีความรู้ในดา้ นความจาํ เป็ นใน
การเรียนรู้ และแหลง่ ทรัพยากรการเรียนรู้ มีความคิดเห็นต่อตนเองวา่ เป็นผทู้ ีมคี วามอยากรู้อยากเห็น

. การมีความคิดริเริมและเรียนรู้ด้วยตนเอง ไดแ้ ก่ ความสามารถติดตามปัญหายาก ๆ ไดอ้ ยา่ ง
คล่องแคล่ว ความปรารถนาต่อการเรียนรู้อย่เู สมอ ชืนชอบต่อการมีส่วนร่วมในการจดั ประสบการณ์การ
เรียนรู้ มีความเชือมนั ในความสามารถทีจะทาํ งานดว้ ยตนเองไดด้ ี ชืนชอบในการเรียนรู้ มีความพอใจกบั
ทกั ษะการอ่าน การทาํ ความเขา้ ใจ มคี วามรู้เกียวกบั แหล่งความรู้ต่าง ๆ มีความสามารถในการวางแผนการ
ทาํ งานของตนเองได้ และมคี วามคิดริเริมในเรืองการเริมตน้ โครงการใหม่ ๆ

. การมคี วามรับผดิ ชอบต่อการเรียนรู้ของตน ไดแ้ ก่ การมที ศั นะต่อตนเองในดา้ นสติปัญญาอยใู่ น
ระดับปานกลางหรือสูงกว่า ยินดีต่อการศึกษาในเรืองทียาก ๆ ในขอบเขตทีตนสนใจ มีความเชือมนั ต่อ
หนา้ ทีในการสาํ รวจตรวจสอบเกียวกบั การศึกษา ชืนชอบทีจะมีบทบาทในการจดั ประสบการณ์การเรียนรู้
ดว้ ยตนเอง มีความเชือมนั ต่อหนา้ ทีในการสาํ รวจตรวจสอบเกียวกบั การศกึ ษา ชืนชอบทีจะมีบทบาทในการ
จดั ประสบการณ์การเรียนรู้ดว้ ยตนเอง มีความรับผดิ ชอบต่อการเรียนรู้ของตนเอง และมคี วามสามารถในการ
ตดั สินความกา้ วหนา้ ในการเรียนรู้ของตนเองได้

. รักการเรียนรู้ ไดแ้ ก่ มคี วามชืนชมในการเรียนรู้สิงใหม่ ๆ อยเู่ สมอ มคี วามปรารถนาอยา่ งแรงกลา้
ในการเรียนรู้ มคี วามสนุกสนานกบั การสืบสวนหาความจริง

. ความคดิ สร้างสรรค์ ไดแ้ ก่ มีความคิดทีจะทาํ สิงต่าง ๆ ไดด้ ี สามารถคิดคน้ วธิ ีการ แปลก ๆ ใหม่ ๆ
และความสามารถทีจะคิดวธิ ีต่าง ๆ ไดม้ ากมายหลายวิธีสาํ หรับเรืองนนั ๆ

. การมองอนาคตในแง่ดี ไดแ้ ก่ การมีความเขา้ ใจตนเองว่าเป็ นผทู้ ีมีการเรียนรู้ตลอดชีวิต มีความ
สนุกสนานในการคิดถงึ เรืองในอนาคต มีแนวโนม้ ในการมองปัญหาวา่ เป็งนทสา้ ิ ทายไม่ใช่สัญญาณให้หยดุ
กระทาํ

~ 56 ~

. ความสามารถในการใช้ทักษะทางการศึกษาหาความรู้และทักษะการแก้ปัญหา คือ มคี วามสามารถ
ใชท้ กั ษะพนื ฐานในการศึกษา ไดแ้ ก่ ทกั ษะการฟัง อา่ น เขียนและจาํ มีทกั ษะในการแกป้ ัญหา

กจิ กรรมที 1 ใหอ้ ธิบายลกั ษณะของ “ความพร้อมในการเรียนรู้ดว้ ยตนเอง” มาพอสงั เขป

กจิ กรรมที 2 “รู้เขา รู้เรา”
วตั ถุประสงค์ เพอื ใหผ้ เู้ รียนแสดงความคิด และความรู้สึกทีมตี ่อตนเอง และผอู้ นื
แนวคดิ สิงแวดลอ้ มของการมเี พอื นใหม่ คือ การทาํ ความรู้จกั คุน้ เคยกนั บรรยากาศทีเป็ นกนั เอง

มารยาททางสงั คมจะเป็นแนวทางการนาํ ไปสู่สมั พนั ธภาพทีดีระหวา่ งสมาชิกในกลุม่ ซึงจะนาํ ไปสู่การแสดง
ความคิดเห็น การอภิปรายแลกเปลียนประสบการณ์ และความร่วมมือในการทาํ งาน

คาํ ชีแจง
1. ใหท้ ่านคิดสญั ลกั ษณ์แทนตวั เองซึงบ่งบอกถึงลกั ษณะนิสัยใจคอ จาํ นวน 1 ขอ้ วาด/เขียนลงใน
ช่องว่างทีกาํ หนดใหข้ า้ งล่าง หลงั จากนนั ใหท้ ่านเขียนอุดมการณ์ แนวคิด หรือคาํ ขวญั ประจาํ ตวั ลงใตภ้ าพ
2. ให้ท่านไปสัมภาษณ์ พูด คุยกับเพือนหรือคนใกลช้ ิด โดยการให้เพือนหรือคนใกล้ชิดคิด
สญั ลกั ษณ์แทนตวั เองซึงบ่งบอกถึงลกั ษณะนิสยั ใจคอ จาํ นวน 1 ขอ้ วาด/เขียนลงในช่องว่างทีกาํ หนดให้
ขา้ งลา่ ง หลงั จากนนั ใหเ้ ขียนอุดมการณ์ แนวคิด หรือคาํ ขวญั ประจาํ ตวั ลงใตภ้ าพ
. ท่านไดข้ อ้ คิดอะไรบา้ งจากกิจกรรมนี

กจิ กรรมที “คณุ ค่าของตน”
วตั ถุประสงค์
1. เพือใหผ้ เู้ รียนเกิดความตระหนกั ในคุณค่าของตนเอง และสร้างความภมู ิใจในตนเอง
2. เพือให้ผูเ้ รียนสามารถระบุปัจจัยทีมีผลทาํ ให้ตนไดร้ ับความสาํ เร็จ และความต้องการ

ความสาํ เร็จ รวงมคทวัามคาดหวงั ทีจะไดร้ ับความสาํ เร็จอีกในอนาคต
แนวคดิ
ทุกคนยอ่ มมีความสามารถอยใู่ นตนเอง การมองเห็นถึงความสาํ คญั ของตน จะนาํ ไปสู่การรู้จกั คุณค่า

แห่งตน และถา้ มีโอกาสนาํ เสนอถึงความสามารถและผลสาํ เร็จในชีวิตให้ผอู้ ืนไดร้ ับทราบในโอกาสที
เหมาะสม จะทาํ ใหค้ นเราเกิดความภาคภูมิใจยงิ ขึน การทบทวนความสาํ เร็จในอดีตจะช่วยสร้างเสริมความ
ภมู ใิ จ กาํ ลงั ใจ เจตคติทีดี เกิดความเชือมนั วา่ ตนเองจะเป็นผทู้ ีสามารถเรียนรู้ดว้ ยตนเองได้และความตอ้ งการ
ประสบความสาํ เร็จต่อไปอีกในอนาคต ความรู้สึกเห็นคุณค่าในตนเองอย่างแท้จริงเป็ นการเห็นคุณค่า
คุณประโยชนใ์ นตนเอง เขา้ ใจตนเอง รับผดิ ชอบต่อทุกสิงทีตนเป็นเจา้ ของ ยอมรับความแตกต่างของบุคคล
เห็นคุณค่าการยอมรับของผอู้ นื สามารถพฒั นาตนเองงใทนัดา้ นส่วนตวั ยอมรับ ยกยอ่ ง ศรัทธาในตวั เองและ

~ 57 ~

ผอู้ ืน ทาํ ให้เกิดความเชือมนั ในตนเองเป็ นความรู้สึกไวว้ างใจตนเอง สามารถยอมรับในจุดบกพร่อง จุด
อ่อนแอของตนและพยายามแกไ้ ข รวมทงั ยอมรับความสามารถของตนเองในบางครัง และพฒั นาให้ดีขึน
เรือยไป เมอื ทาํ อะไรผดิ แลว้ ก็สามารถยอมรับไดอ้ ยา่ งแทจ้ ริง และแกป้ ัญหาไดอ้ ยา่ งสร้างสรรค์

คาํ ชีแจง
1. ให้ผเู้ รียนเขียนความสาํ เร็จทีภาคภูมิใจในชีวิตในช่วง 5 ปี ทีผ่านมา จาํ นวน 1 เรือง และตอบ
คาํ ถามในประเด็น 1) ความรู้สึกเมอื ประสบความสาํ เร็จ

2) ปัจจยั ทีมีผลทาํ ใหต้ นไดร้ ับความสาํ เร็จ
2. ใหผ้ เู้รียนเขียนเรืองทีมคี วามม่งุ หวงั ทีจะใหส้ าํ เร็จในอนาคตและซึงคาดวา่ ทาํ ไดจ้ ริงจาํ นวน 1 เรือง
และตอบคาํ ถามในประเด็น ปัจจยั อะไรบา้ งทีจะทาํ ใหค้ วามคาดหวงั ไดร้ ับความสาํ เร็จในอนาคต”
แนวการตอบ
ไดเ้ กิดความมนั ใจในตนเองวา่ จะเป็นผทู้ ีสามารถเรียนรู้ดว้ ยตนเองได้
ความรู้สึกเห็นคุณค่าในตวั เองของบุคคลทีมีต่อตนเองว่ามีคุณค่า มีความสามารถในการกระทงาํ สิ
ต่าง ๆ ใหป้ ระสบความสาํ เร็จ มีความเชนือแมลั ะนบั ถือตวั เอง ส่วนการมีอตั มโนทศั น์ในดา้ นของการเป็ น
ผเู้ รียนทีมีประสิทธิภาพนนั หมายถึง การมคี วามมนั ใจในการเรียนรู้ดว้ ยตนเอง ความสามารถจดั เวลาในการ
เรียนรู้ได้ มีระเบียบวินยั ต่อตนเอง มคี วามรู้ในดา้ นความจาํ เป็นในการเรียนรู้และแหล่งทรัพยากรการเรียนรู้
มีความคิดเห็นต่อตนเองว่าเป็นผทู้ ีมคี วามอยากรู้อยากเห็น

กจิ กรรมที “เวลาของชีวติ ”
วตั ถุประสงค์ เพือใหผ้ เู้ รียนตระหนกั ถงึ การใชเ้ วลาอยา่ งคุม้ ค่า
แนวคดิ
เวลาเป็งนมสีคิ ่าทุกคนมีเวลาในแต่ละวนั คือ ชวั โมงเท่า ๆ กนั เพียงแต่ว่า แต่ละคนจะบริหาร

จดั การเวลาของตนเองใหม้ คี ่าไดอ้ ยา่ งไร
คาํ ชีแจง
1. ในแต่ละวนั ท่านไดใ้ ชเ้ วลาของท่านอยา่ งไรบา้ ง
2. ใหท้ ่านอา่ นเรือง “อาคารขยายเวลา” แลว้ ใหเ้ ขียนถึงความรู้สึกของตนต่อการใชเ้ วลาทีผา่ น
มาในอดีต และแผนการใชเ้ วลาของตนนบั แต่นีไป

~ 58 ~

อาคารขยายเวลา
แด่...ทุกคนทมี เี วลาวนั ละ ชัวโมงเท่ากนั

ในตอนคาํ ฉนั โยนหนงั สือสองสามเล่มบนโต๊ะอยา่ งเบือหน่าย เวลาอีกไม่กีเดือนก็จะถึงฤดูสอบที
เขาจะคดั เลอื กพวกเราหนึงในจาํ นวนผสู้ มคั รเป็นแสน ๆ คน ใหเ้ ขา้ ไปเรียนในทีโก้ ๆ ทีชือมหาวิทยาลยั ไม่รู้
เหมือนกนั วา่ เรืองราวอยา่ งนีมนั เริมตน้ ขึนทีไหน ฉนั เพียงแต่รู้สึกเหมือนว่า คนเอารัวยาว ๆ สองแถวมากนั
ทุ่งกวา้ งใหเ้ ป็นทางเดินแคบ ๆ แลว้ ก็ตอ้ นพวกเราใหเ้ ขา้ ไปเบียดเสียดกนั เดินตามทางแคนบแๆละนเัมือถึง
ปลายทาง เขาก็เปิ ดประตูรับเราไมห่ มดทุกคน คนทีไดม้ โี อกาสเขา้ ไปก็เป็นเรืองดี ส่วนคนทีไมไ่ ดผ้ า่ นไปแน่
หละ...มนั ก็คงจะแยม่ ากทีเดียว จริงอยแู่ มจ้ ะมีทางเลือกอนื สาํ หรับบางคนทีจะตดั สินใจมุดหรือปวี นอรอั กไป
ขา้ งนอกเพอื หาทางเดินทีดีกวา่ ฉนั เองก็อยากเป็นนอบยา้่ งนแัต่ฉนั ไมก่ ลา้ พอ

ฉนั เอาคางเกยขอบโต๊ะ ไลป่ ลาวยไนปิ ตามสนั หนงั สือทีตงั เรียงรายเป็ นแถวยาวรอให้อ่าน ตอ้ งลอง
สูด้ ูสิ...สกั ครัง แต่อกี ใจหนึงมนั คอยบอกว่าเดี ยว...ยเกงั ีขยจี อยู่ ขอนอนก่อน ขอดูทีวีก่อน ขอไปเทียวก่อน
ฯลฯ เวลาเป็นปี ทีเขามีไวใ้ หเ้ ราเตรียมตวั จึงผา่ นไปอยา่ งไมเ่ ปน็เป็นชินอนั เพราะความเฉือยชาของฉนั เอง

อากาศกาํ ลงั ดี ฉันทิงตัวลงบนเตียงนอนทีคลุมดว้ ยผา้ ห่มขนหนูลายฝงู นกนางนวลสีเขียว เห็น
หนงั สือกองโตทียงั คา้ งคาคอยใหฉ้ นั ไปอ่าน พดั ลมคอยาวส่งเสียงครางเบา ๆ แลว้ ฉนั ก็หลบั ไป

พบตวั เองอกี ทีทีหนา้ อาคารหลงั ใหญ่ ดูเหมอื นจะสร้างดว้ ยหินอ่อน ลกั ษณะคลา้ ยธนาคารมบี นั ไดสี
เขียวเป็นมนั วบั เรียงรายเปน็ๆนสชุดับนั ไดขนั สุดทา้ ยมีประตกู ระจกติดฟิ ลม์ กรองแสงสีเขม้ มีป้ ายแผ่นหนึง
แขวนไวต้ รงประตูมีขอ้ ความวา่ “มเี วลาขาย”

ฉนั ไม่แน่ใจว่าเป็นเพราะความอยากรู้อยากเห็น หรือเพราะอะไรกนั แน่ทีทาํ ใงหส้เทองา้ ขทา้ั งกา้ ว
ขึนไปบนอาคารแห่งนี เมือเอือมมอื ผลกั ประตูกระจกเขา้ ไป ไอเย็นของเครืองปรับอากาศก็ปะทะร่างกาย

สถานทีนนั ดโู อ่โถงและสวยงาม ดูราวกบั หอ้ งรับรองชนั ดี มีโต๊ะสีเขียวตวั ยาวซึงกองแฟ้ มเอกสาร
เรียงรายอยทู่ วั ไปบนนนั ชายหนุ่มคนทีนงั ประจาํ โต๊ะเอย่ ทกั ทายฉนั ท่าทางเขาอบอนุ่ และเป็นมติ ร

“สวสั ดีครับ”
“ครับผม” ฉนั ตอบรับคาํ เขาเบา ๆ
“ผมคิดว่า คุณคงจะไมไ่ ดม้ าซือเวลา ท่าทางคุณยงั เป็นเด็กอยเู่ ลย อายยุ งั ไมเ่ กินยสี ิบ”
“ผมไมไ่ ดม้ าซือเวลาหรอกครับ” ฉนั ตอบไปทงั ๆ ทียงั ไม่แน่ใจว่าสินคา้ หรือบริการอะไรกนั แน่ที
เขากาํ ลงั ขายอยู่ “เพียงแต่วา่ ผมอยากด.ู ..ผคู้ น แลว้ ก็กาอรขซาืยของคุณเท่านนั ”
“ตามสบายเลยครับ” เขายิมอยา่ งมีไมตรี “เชิญนงั ” เขาผายมือไปทางโซฟาชุดทีตงั อย่ชู ิดผนังดา้ น
หนึง ฉนั จึงถอยไปทรุดตวั ลงนงั
ลกู คา้ คนแรกทีฉนั พบในอาคารขายเวลาคือชายชราร่ายกายผอมเกร็งผมขาวโพลน ใบหนา้ ซีดเหลอื ง เขา
พยงุ ตวั ใหก้ า้ วผา่ นบนั ไดทีละขนั ๆ อยา่ งลาํ บากยากเย็น จนกรงะผทลักประตูมาหยดุ ยนื ตรงหนา้ ชายขายเวลา

~ 59 ~

“ผมมาขอซือเวลาทีผา่ นไป...หา้ ปี ” นาํ เสียงเขาแหบแหง้ และสนั พร่าอยา่ งคนทีป่ วยหนกั “หมอบอก
วา่ ผมมาหาหมอชา้ ไปหา้ ปี ไมอ่ ยา่ งนนั แลว้ โรคนีก็พอจะมีทางรักษาหายและผมก็จะไมต่ าย”

คนต่อมาเป็นชายหนุ่ม หนา้ ตาดี แต่งตวั สะอาดสะอา้ น เพยี งแต่ดวู ่าหมน่ หมองและหมดหวงั ...
“ขอซือเวลาสามเดือน” เขาพดู กบั ชายขายเวลา “คุณรู้ไหม ผหู้ ญิงทีผมรัก เธอไปเมืองนอกเมือสาม
เดือนก่อน เราคบกนั มาเป็นปี แต่ผมก็ยงั ไมเ่ คยบอกรงักๆเธทอีรทักั เธอมาก เธอไปโดยไม่รู้อะไรเลย
ชายขายเวลามีทีท่าว่าเห็นใจ ฉนั คิดวา่ เขาเป็นนกั ขายทีมคี วามอดทนมากทีเดียว ทีจะตอ้ งพบลกู คา้ ที
ลว้ นแต่มีปัญหาต่าง ๆ กนั ไป พร้อม ๆ กบั นึกเสียดายแทนผชู้ ายคนนีทีเขา้ ผา่ นเวลาร่วมปี โดยเปลา่ ประโยชน์
แลว้ เพงิ จะเห็นคุณค่าของเวลาเหลนา่ .น..เั มอื มนั ไดผ้ า่ นไปแลว้
ยงั ไม่ทนั ทีชายหนุ่มคนนนั จะกา้ วพน้ ประตูออกไป หญิงคนหนึงก็เดินสวนเขา้ มา หล่อนสวมชุดไว้
ทุกขส์ ีดาํ ใบหนา้ ยงั เปื อนคราบนาํ ตา ดวงตายงั มีรอยบอบชาํ
“อยากไดเ้ วลาค่ะ สกั สองปี ปี เดียวหรือเพียงครึงปี ก็ได”้ หล่อนพดู ดว้ ายเสนียํ งทีโศกเศร้า
“ผมคิดวา่ คุณคงมปี ัญหาเกียวกบั เวลาในอดีตเหมือนคนอืน ๆ” ชายขายเวลากล่าวขึน
“ค่ะ” หลอ่ นรับคาํ เสียงแผว่ “คุณแม่ของดิฉนั เพงิ เสียเมือสองวนั ก่อน ท่านดีกบั ฉนั มาก เลียงดูอย่าง
เอาอกเอาใจ แต่ดิฉนั ยงั ไมท่ นั ทีจะทาํ อะไรใหแ้ มช่ ืนใจเลย มแี ต่ตงั แง่ตงั งอน ท่านก็มาด่วนจากไป”
“คุณเลยอยากซือเวลาทีผา่ นไปเพอื ทาํ ดีกบั คุณแม่ของคุณ”
“ค่ะ” หลอ่ นป้ ายนาํ ตา
ฉนั นึกเวทนาหลอ่ น เวทนาทีหล่อนมาคิดอะไร ๆ ไดก้ ็เมือสายไป ถา้ หากหล่อนไดท้ าํ อะไรไงปตั
นานแลว้ ก็คงไมต่ อ้ งมานึกเสียดายตอนวบนู ีหนึงฉนั จึงนึกยอ้ นกลบั มาทีตวั เอง
คนต่อมาเป็นเด็กหนุ่ม ใบหนา้ เขายงั อ่อนเยาว์ แวตร่อพยกครวิ ามกงั วลไวเ้ ต็มเปี ยม “ตอ้ งการเวลา
เท่าไรดีครับ” ชายขายเวลาถามขึนก่อน “สองปี ” เขายมิ อยา่ งอ่อนเพลีย “ผมอยากกลบั ไปตอนเลือกแผนการ
เรียนใหม่ ผมพลาดไปตอนนนั บางทีผมอาจจะไดเ้ ริมตน้ ใหม่ดว้ ยดีจะไดเ้ รียนวิชาทีชอบแทนวิชาทีน่าเบือ
ตอนนี”
แลว้ เขาก็จากไป เมือไงดทส้ ีติ อ้ งการแลว้ ฉนั เห็นชายขายเวลาหลบั ลงในขณะทีกาํ ลงั เวน้ ว่างลกู คา้
ต่อเมือฉนั ขยบั ตวั เขาก็ลมื ตนาขแึลว้ หนั มายมิ ใหฉ้ นั ดวงตาเขาอบอนุ่ ...
เป็นเวลานานเท่าไรก็ไม่ทราบงทมีฉอนังดนูผั คู้ นเดินผ่านมา ลว้ นแลว้ แต่มีท่าทีวิตก กงั วล ผดิ หวงั
เสียใจ แลว้ ก็มอาเวซลื าไป เพราะว่าพวกเขาไดพ้ ลาดสิงทีน่าจะไดใ้ นอดีต
แลว้ ชายขายเวลาก็เปิ ดแฟ้ มพร้อมกบั เงยหนนา้ มขาึ ทางฉนั สกั ครู่จึงเดินมาทรุดตวั ลงนังเกา้ อีโซฟา
ขา้ ง ๆ
“จะปิ ดร้านแลว้ หรือครับ” ฉนั ถาม
“ครับ...ไดเ้ วลาแลว้ ”
“ขอบคุณมากนะครับ สาํ หรับวนั นี ผมเห็นจะกลบั เสียที” ฉนั ว่า แมจ้ ะไมแ่ น่ใจวา่ ฉนั จะกลบั ไปไหน
อยา่ งไร

~ 60 ~

“เชิญครับ...ขอใหค้ ุณโชคดี จงใชเ้ วลาของคุณใหม้ คี ่า จงเห็นความสาํ คญั ของทุกวินาทีทีผ่านไป ผม

หวงั วา่ ...คงจะไม่ไดเ้ ห็นคุณมาทีนีเพออื เวซลื า” เขากล่าวในทีสุด

“ขอบคุณมากครับ ผมจะไม่ลมื คุณ...และทีนี” ฉนั ลุกขึนยนื ทนั ใดไฟก็ดบั วบู

ฉันตืนขึนมาดว้ ยความรู้สึกทีแปลกใหม่ เอือมมือไปรูดผา้ ม่านหนา้ ต่างสีครีม พบว่าทอ้ งฟ้ ายงั ไม่

สว่างดี และไก่ก็ยงั ไม่ขนั ฉนั ลนกุ มขาึ เก็บทีนอนและกระโดดเขา้ หอ้ างอนยํ่างสดชืนแลว้ ถึงกลบั เขา้ มานงั ที

โต๊ะเขียนหนงั สือตัวเดิมทีฉันไม่เคยจริงจงั ดว้ ยมานานแลว้ คิดอยากจะฮมั เพลงไปดว้ ายถซา้ ํไม่ติดว่าจะ

ทาํ ลายสมาธิในการอา่ นหนงั สือ

วบู หนึง...ฉันรู้สึกดีใจทีฉันยงั มีเวลาเหลืออยู่ ยงั ไม่สายเกินไปทีจะเริมลงมือทาํ อะไร ๆ อย่างมี

ความหวงั ไมเ่ หมอื นกบั ผคู้ นเหลา่ นนั ...ทีฉนั พบที...อาคารขายเวลา

มหาวิทยาลยั คือดินแดนทีใครใครต่างใฝ่ ฝัน

แมเ้ หนือยยาก..จะกา้ วไปใหถ้ ึงมนั ดว้ ยถือเป็งนสสาํ ิคญั ในชีวิต

ในสนามของการแข่งขนั ต่างมุง่ มนั ชิงชยั ใหไ้ ดส้ ิทธิ

ใชศ้ รัทธาอนั คมเขม้ เป็นเข็มทิศ ถกู หรือผดิ ยงั คงตอ้ งลองทาํ ดู

หวงั เบืองหนา้ มีรุ้งทองงามผอ่ งใส ช่อดอกไมไ้ มตรีคงมีอยู่

มีความรัก ความเริงรืนใหช้ ืนชู ทุกสิงสวยเลิศหรูดงั วาดไว้

แลว้ เมือการแข่งขนั ถึงจุดจบ ยอ่ มไดพ้ บคนยมิ ชืน คนร้องไห้

ต่างมีความมุง่ หวงั ความตงั ใจ หากไม่ไดด้ งั หมายมาดอาจทอ้ แท้

แต่จะมีใครบา้ งไหมทีไดร้ ู้ ความหมายของชีวิตอยทู่ ีใดแน่

เท่านีหรือเรียกไดว้ ่าชนะ-แพ้ อนั เกิดแต่มายาค่านิยม

ต่อเมอื ถึงพรุ่งนีของชีวติ อาจไดค้ ิดเห็นจริงทงุกสสมิ

การแข่งขนั ครังใหม่ในสงั คม ไดช้ มผชู้ นะอยา่ งแทจ้ ริง

~ 61 ~

เรียน พกั ผ่อน
ส่ วน ส่ วน

ครอบครัว ส่วนตวั /เพอื น
ส่ วน ( + ) = 6 ส่วน

คนเรามี ชวั โมง ใน วนั เท่ากนั การใชเ้ วลาใหเ้ กิดประโยชน์ จึงเกิดจากการทีมนุษยบ์ ริหาร
จดั การเวลาทุกวนิ าทีใหเ้ กินประโยชนส์ ูงสุด

ตวั อยา่ ง การบริหารเวลา โดยใชส้ ูตร ชวั โมง ใน วนั มงี านหลกั อยา่ ง สามารถทาํ ไดด้ งั นี
เนืองจากมนุษยเ์ ป็นสตั วส์ งั คมทีตอ้ งปฏสิ มั พนั ธก์ บั บุคคลขา้ ง พร้อมกนั ไปกบั การปฏบิ ตั ิหนา้ ที
ตามวยั ของตน นกั เรียนจึงควรมีการใชเ้ วลาใหค้ รบทงั ส่วนอยา่ งสมดุล ซึงเวลาทงั ส่วน ดงั กล่าวสามารถ
ยดื หยนุ่ สดั ส่วนไดข้ ึนกบั ความจาํ เป็นในแต่ละช่วงวยั และความรับผดิ ชอบของบุคคนลนๆั

กจิ กรรมที “บัณฑติ สูงวยั ”
วตั ถุประสงค์
1. เพือใหผ้ เู้ รียนทราบและเขา้ ใจในแนวคิดการเรียนรู้ดว้ ยตนเอง และความพร้อมในการเรียนรู้ดว้ ย

ตนเอง
2. เพือนาํ ไปสู่ลกั ษณะการเรียนรู้ดว้ ยตนเองทีใฝ่ เรียนรู้ เห็นคุณค่าของการเรียนรู้ ความสามารถทีจะ

เรียนรู้ดว้ ยตนเองความรับผิดชอบในการเรียนรู้ การมองอนาคตในแง่ดี ของสมาชิก รวมทงั สมาชิกเห็น
ความสาํ คญั และตระหนกั ในความพร้อมในการเรียนรู้ดว้ ยตนเอง

แนวคดิ
คุณลกั ษณะพิเศษในการทีจะเรียนรู้และพฒั นาตนเองอยา่ งต่อเนืองโดยมิจาํ เป็ นตอ้ งรอคอยจาก
การศึกษาหรือการเรียนรู้อยา่ งเป็นทางการเพยี งอยา่ งเดียว คุณลกั ษณะพิเศษ ดงั กล่าวคือ “ความพร้อมในการ
เรียนรู้โดยการชีนาํ ตนเอง” ซึงเป็นความคิดเห็นว่า ตนเองมเี จตคติ ความรู้ ความสามารถทีจะเรียนรู้โดยมิตอ้ ง
ให้คนอืนกาํ หนดหรือสังการ พร้อมทีจะเรียนรู้วิธีการเรียนรู้และประเมินการเรียนรู้ ทังอาจด้วยความ
ช่วยเหลอื จากผอู้ นื หรือไมก่ ็ตาม การทีบุคคลสามารนถาํ ชตี นเองทีจะเรียนรู้ ยอ่ มเป็นโอกาสทีบุคคลจะเรียนรู้
ทีจะพฒั นาตนเองอยา่ งต่อเนืองและเรียนรู้ตลอดชีวิต การพฒั นาการเรียนรู้โดยการชีนาํ ตนเอง ย่อมเป็ น
หนทางทีทาํ ใหบ้ ุคคลเรียนรู้อยา่ งไมส่ ินสุด

~ 62 ~

คาํ ชีแจง ใหผ้ เู้ รียนศกึ ษาภาพข่าว การสาํ เร็จการศึกษาจากภาพ ของ บณั ฑิตสูงวยั พร้อมอธิบาย
ในประเด็น

(1) “ความรู้สึกของท่านต่อภาพทีไดเ้ ห็น”
(2) “ทาํ ไมบุคคลในภาพ ถงึ ประสบความสาํ เร็จในการเรียนรู้”
แนวการตอบ
ไดเ้ ห็นคุณค่าและความสาํ เร็จทีจะมตี ่อผมู้ ีใจใฝ่ เรียนรู้

กจิ กรรม “ทางแห่งความสาํ เร็จ”
คาํ ชีแจง
ใหผ้ เู้ รียนอา่ นเรือง “ทางแห่งความสาํ เร็จ” แลว้ ใหส้ รุปเรืองทีอา่ นตามความเขา้ ใจ
ผลไมล้ กู หนึงกว่าจะสุกมกี ลนิ หอม ใหเ้ ราไดล้ มิ รสฉาํ หวานก็ผา่ นกาลเวลาเพาะบ่มคนเราก็เช่นกนั

กวา่ จะประสบผลสาํ เร็จใหไ้ ดก้ ็ผา่ นกาลเวลาแห่งการพสิ ูจน์ มใิ ช่ฉบั พลนั ทนั ใดความสนาํอเรา็ศยั หจลนายั สิง
หลายอยา่ ง เฉพาะความมุ่งหวงั ตงั ใจอยา่ งเดียวยงั ไม่เพียงพอตอ้ งมีความรู้จริง รู้วิธีทีดาํ เนินไป รู้เหตุปัจจยั
ทีมาสัมพันธ์เกี ยวข้องและที สําคัญคือต้องปฏิบัติ ให้ถูกวิธี มีปั ญหาคอยตรวจสอบอยู่เสมอ
ถา้ ประสบผลสาํ เร็จเพยี งเพรางะคตวัามหวงั โดยไม่ตอ้ งทาํ อะไร ในโลกนีคงไมต่ อ้ งมีใครผดิ ดงั ตงั ความหวงั
สกั วนั คงตอ้ งไดส้ มหวงั ตงั ใจ
แหลง่ ทีมา : http://watsunmamout.i.getweb.com

ลกั ษณะชีวิตและลกั ษณะนิสัยภายในของคนเป็ นฐานของความสําเร็จเป็ นเหตุให้คนสร้างฐานชีวิต
ปรับความสาํ เร็จงทยีนยื ัในอนาคตได้

~ 63 ~

กจิ กรรม “ แปรงสีฟันมหศั จรรย์ ”
วตั ถุประสงค์
เพือใหผ้ เู้ รียนตระหนกั ถึงความสาํ คญั ของการมองโลกในแง่ดี ความคิดสร้างสรรคแ์ ละพฒั นาทงั

ความคดิ ในดา้ นบวก และความคิดสร้างสรรคท์ ีมีในตนเอง
คาํ ชีแจง
1. ใหผ้ เู้ รียนเขียนประโยชน์ของแปรงสีฟัน ใหไ้ ดม้ ากทีสุด ในเวลา 5 นาที

………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………

ท่านไดเ้ รียนรู้และตระหนกั ถึงความสาํ คญั ของความคิดสรา้ งสรรคท์ ีมีอยใู่ นตนเอง

~ 64 ~

กจิ กรรมที “ บทสะท้อนจากการเรียนรู้ ”
วตั ถุประสงค์

ใหผ้ เู้ รียนสรุปความรู้ทีไดจ้ ากการเรียนรู้เกียวกบั “ความพร้อมในการเรียนรู้ดว้ ยตนเอง”
มีความสาํ คญั ทีผเู้ รียนสามารถนาํ ไปปรับใชใ้ นการเรียนรู้ของตนเองใหม้ ีคุณภาพไดอ้ ยา่ งไร
..........................................................................................................................................................................
..........................................................................................................................................................................
..........................................................................................................................................................................
..........................................................................................................................................................................
..........................................................................................................................................................................
..........................................................................................................................................................................
..........................................................................................................................................................................
..........................................................................................................................................................................
..........................................................................................................................................................................
..........................................................................................................................................................................
..........................................................................................................................................................................
..........................................................................................................................................................................
..........................................................................................................................................................................
..........................................................................................................................................................................
..........................................................................................................................................................................
..........................................................................................................................................................................
..........................................................................................................................................................................
..........................................................................................................................................................................
..........................................................................................................................................................................
..........................................................................................................................................................................
..........................................................................................................................................................................
..........................................................................................................................................................................
..........................................................................................................................................................................
..........................................................................................................................................................................
..........................................................................................................................................................................
..........................................................................................................................................................................
..........................................................................................................................................................................

~ 65 ~

แบบประเมนิ ตนเองหลงั เรียน

แบบสอบถาม เรือง ความพร้อมในการเรียนรู้ด้วยตนเองของผู้เรียน

ชือ........................................................นามสกุล................................................ระดบั มธั ยมศกึ ษาตอนปลาย

คาํ ชีแจง แบบสอบถามฉบบั นี เป็นแบบสอบถามทีวดั ความชอบและเจตคติเกียวกบั การเรียนรู้ของท่าน

ใหท้ ่านอ่านขอ้ ความต่าง ๆ ต่อไปนี ซึงมีดว้ ยกนั ขอ้ หลงั จากนนั โปรดทาํ เครืองหมาย 

ลงในช่องทีตรงกบั ความเป็ นจริง ของตวั ท่านมากทีสุด

ระดบั ความคดิ เหน็

มากทีสุด หมายถงึ ท่านรู้สึกว่า ขอ้ ความนนั ส่วนใหญ่เป็นเช่นนี

มาก หมายถงึ ท่านรู้สึกว่า ขอ้ ความเกินครึงมกั เป็เชน่ นี

ปานกลาง หมายถงึ ท่านรู้สึกวา่ ขอ้ ความจริงบา้ งไม่จริงบา้ งครึงต่อครึง

นอ้ ย หมายถึง ท่านรู้สึกว่า ขอ้ ความเป็นจริงบา้ งแต่ไมบ่ ่อยนกั

นอ้ ยทีสุด หมายถงึ ท่านรู้สึกว่า ขอ้ ความไมจ่ ริง ไมเ่ คยเป็นเช่นนี

ความคดิ เห็น

รายการคําถาม มาก มาก ปาน น้อย น้อย
ทสี ุด กลาง ทสี ุด
1. ขา้ พเจา้ ตอ้ งการเรียนรู้อยเู่ สมอตราบชวั ชวี ติ

2. ขา้ พเจา้ ทราบดีวา่ ขา้ พเจา้ ตอ้ งการเรียนอะไร

3. เมอื ประสบกบั บางสิงบางอยา่ งทีไม่เขา้ ใจ ขา้ พเจา้ จะหลกี เลียงไปจาก

สิงนนั

4. ถา้ ขา้ พเจา้ ตอ้ งการเรียนรู้สิงใด ขา้ พเจา้ จะหาทางเรียนรู้ใหไ้ ด้

5. ขา้ พเจา้ รักทีจะเรียนรู้อยเู่ สมอ

6. ขา้ พเจา้ ตอ้ งการใชเ้ วลาพอสมควรในการเริมศกึ ษาเรืองใหม่ ๆ

7. ในชนั เรียนขา้ พเจา้ หวงั ทีจะใหผ้ สู้ อนบอกผเู้ รียนทงั หมดอยา่ งชดั เจนวา่

ตอ้ งทาํ อะไรบา้ งอยตู่ ลอดเวลา

8. ขา้ พเจา้ เชือว่า การคิดเสมอว่าตวั เราเป็นใครและอยทู่ ีไหน และจะทาํ

อะไร เป็นหลกั สาํ คญั ของการศกึ ษาของทุกคน

9. ขา้ พเจา้ ทาํ งานดว้ ยตนเองไดไ้ ม่ดีนกั

10. ถา้ ตอ้ งการขอ้ มลู บางอยา่ งทียงั ไมม่ ี ขา้ พเจา้ ทราบดีว่าจะไปหาไดท้ ี
ไหน

11. ขา้ พเจา้ สามารถเรียนรู้สิงต่าง ๆ ดว้ ยตนเองไดด้ ีกวา่ คนส่วนมาก

~ 66 ~

ความคดิ เห็น

รายการคาํ ถาม มาก มาก ปาน น้อย น้อย

ทสี ุด กลาง ทสี ุด

12. แมข้ า้ พเจา้ จะมคี วามคิดทีดี แตด่ เู หมอื นไมส่ ามารถนาํ มาใชป้ ฏิบตั ิได้

13. ขา้ พเจา้ ตอ้ งการมีส่วนร่วมในการตดั สินใจว่าควรเรียนอะไร และจะ
เรียนอยา่ งไร

14. ขา้ พเจา้ ไม่เคยทอ้ ถอยต่อการเรียนสิงทียาก ถา้ เป็นเรืองทีขาพเจา้ สนใจ
15. ไม่มีใครอืนนอกจากตวั ขา้ พเจา้ ทีจะตอ้ งรับผดิ ชอบในสิงทีขา้ พเจา้
เลือกเรียน
16. ขา้ พเจา้ สามารถบอกไดว้ า่ ขา้ พเจา้ เรียนสิงใดไดด้ ีหรือไม่
17. สิงทีขา้ พเจา้ ตอ้ งการเรียนรู้มมี ากมาย จนขา้ พเจา้ อยากใหแ้ ต่ละวนั มี
มากกวา่ 24 ชวั โมง
18. ถา้ ตดั สินใจทีจะเรียนรู้อะไรก็ตาม ขา้ พเจา้ สามารถจะจดั เวลาทีจะ
เรียนรู้สิงนนั ได้ ไมว่ ่าจะมภี ารกิจมากมายเพยี งใดก็ตาม
19. ขา้ พเจา้ มีปัญหาในการทาํ ความเขา้ ใจเรืองทีอ่าน
20. ถา้ ขา้ พเจา้ ไม่เรียนก็ไมใ่ ช่ความผดิ ของขา้ พเจา้
21. ขา้ พเจา้ ทราบดวี ่า เมอื ไรทีขา้ พเจา้ ตอ้ งการจะเรียนรู้ในเรืองใด
เรือง หนึงใหม้ ากขึน
22. ขอใหท้ าํ ขอ้ สอบใหไ้ ดค้ ะแนนสูง ๆ ก็พอใจแลว้ ถึงแมว้ ่าขา้ พเจา้ ยงั
ไม่เขา้ ใจเรืองนนั อยา่ งถอ่ งแทก้ ็ตาม
23. ขา้ พเจา้ คดิ วา่ หอ้ งสมุดเป็นสถานทีทีน่าเบือ

24. ขา้ พเจา้ ชืนชอบผทู้ ีเรียนรู้สิงใหม่ ๆ อยเู่ สมอ

25. ขา้ พเจา้ สามารถคิดคน้ วธิ กี ารต่าง ๆ ไดห้ ลายแบบ สาํ หรับการเรียนรู้
หวั ขอ้ ใหม่ ๆ

26. ขา้ พเจา้ พยายามเชือมโยงสิงทีกาํ ลงั เรียนกบั เป้ าหมายระยะยาว ทีตงั ไว้

27. ขา้ พเจา้ มคี วามสามารถเรียนรู้ ในเกือบทกุ เรือง ทีขา้ พเจา้ ตอ้ งการจะรู้
28. ขา้ พเจา้ สนุกสนานในการคน้ หาคาํ ตอบสาํ หรับคาํ ถามต่าง ๆ

29. ขา้ พเจา้ ไมช่ อบคาํ ถามทีมีคาํ ตอบถกู ตอ้ งมากกว่าหนึงคาํ ตอบ
30. ขา้ พเจา้ มีความอยากรู้อยากเห็นเกียวกงบั ตส่าิง ๆ มากมาย

~ 67 ~

ความคดิ เห็น

รายการคาํ ถาม มาก มาก ปาน น้อย น้อย

ทสี ุด กลาง ทีสุด

31. ขา้ พเจา้ จะดีใจมาก หากการเรียนรู้ของขา้ พเจา้ ไดส้ ินสุดลง

32. ขา้ พเจา้ ไมไ่ ดส้ นใจการเรียนรู้ เมอื เปรียบเทียบกบั ผอู้ ืน

33. ขา้ พเจา้ ไมม่ ีปัญหาเกียวกบั ทกั ษะเบืองตน้ ในการศึกษาคน้ ควา้ ไดแ้ ก่

ทกั ษะการฟัง อา่ น เขียน และจาํ

34. ขา้ พเจา้ ชอบทดลองสิงใหม่ๆ แมไ้ มแ่ น่ใจว่า ผลนนั จะออกมา อยา่ งไร

35. ขา้ พเจา้ ไม่ชอบ เมือมีคนชีใหเ้ ห็นถึงขอ้ ผดิ พลาด ใงนทสีขิ า้ พเจา้ กาํ ลงั

ทาํ อยู่

36. ขา้ พเจา้ มีความสามารถในการคดิ คน้ หาวิธีแปลกๆ ทีจะทาํ สิงต่าง ๆ

37. ขา้ พเจา้ ชอบคิดถึงอนาคต

38. ขา้ พเจา้ มคี วามพยายามคน้ หาคาํ ตอบในสิงทีตอ้ งการรู้ไดด้ ี เมือเทียบ

กบั ผอู้ นื

39. ขา้ พเจา้ เห็นว่าปัญหาเป็งนทสีทิ า้ ทาย ไม่ใช่สญั ญาณใหห้ ยดุ ทาํ

40. ขา้ พเจา้ สามารถบงั คบั ตนเอง ใหก้ ระทาํ สิงทีคิดวา่ ควรกระทาํ

41. ขา้ พเจา้ ชอบวิธีการของขา้ พเจา้ ในการสาํ รวจตรวจสอบปัญหาต่าง ๆ

42. ขา้ พเจา้ มกั เป็นผนู้ าํ กลุ่มในการเรียนรู้

43. ขา้ พเจา้ สนุกทีไดแ้ ลกเปลียนความคิดเห็นกบั ผอู้ ืน

55. ในแต่ละปี ขา้ พเจา้ ไดเ้ รียนรู้สิงใหม่ ๆ หลายๆ อยา่ งดว้ ยตนเอง

56. การเรียนรูไ้ มไ่ ดท้ าํ ใหช้ ีวิตของขา้ พเจา้ แตกต่างไปจากเดิม

57. ขา้ พเจา้ เป็นผเู้ รียนทีมีประสิทธิภาพงใทนัชนั เรียน และการเรียนรู้ดว้ ย

ตนเอง

58 ขา้ พเจา้ เห็นดว้ ยกบั ความคิดทีว่า “ผเู้ รียนคือ ผนู้ าํ ”

แบบประเมินตนเองหลังเรียนเรียน ~ 68 ~

บทสะท้อนทไี ด้จากการเรียนรู้

1. สิงทีท่านประทบั ใจในการเรียนรู้รายวชิ าการเรียนรู้ดว้ ยตนเองตนเอง

................................................................................................................
................................................................................................................
................................................................................................................
................................................................................................................
................................................................................................................
................................................................................................................
................................................................................................................
................................................................................................................
................................................................................................................
2. ปัญหา / อปุ สรรค ทีพบในการเรียนรู้รายวชิ าการเรียนรู้ดว้ ยตนเอง

................................................................................................................
................................................................................................................
................................................................................................................
................................................................................................................
................................................................................................................
................................................................................................................
................................................................................................................
................................................................................................................
................................................................................................................
................................................................................................................
3. ขอ้ เสนอแนะเพมิ เติม

................................................................................................................
................................................................................................................
................................................................................................................
................................................................................................................
................................................................................................................
................................................................................................................
................................................................................................................
................................................................................................................
................................................................................................................
................................................................................................................
................................................................................................................

~ 69 ~

แบบวดั ระดบั การเรียนด้วยตนเองของผู้เรียน

คาํ ชีแจง แบบวดั นีเป็นแบบวดั ระดบั การเรียนดว้ ยตนเองของผเู้ รียน มจี าํ นวน 7 ขอ้

โปรดกาเครืองหมาย  ลงในช่อง  ทีตรงกบั ความสามารถในการเรียนดว้ ยตนเองตามความเป็นจริง

ของท่าน

1. การวนิ ิจฉยั ความตอ้ งการเนือหาในการเรียน 4. การดาํ เนินการเรียน

 นกั ศกึ ษาไดเ้ รียนเนือหา ตามคาํ อธิบายรายวชิ า  นกั ศกึ ษาดาํ เนินการเรียนตามแนวทางทีครูกาํ หนด

เท่านนั  นกั ศึกษาดาํ เนินการเรียน ตามแนวทางทีครู

 ครู นาํ เสนอเนือหาอนื นอกเหนือจาก นาํ เสนอ แลว้ ใหน้ กั ศึกษาปรับ

คาํ อธิบายรายวิชา แลว้ ใหน้ กั ศกึ ษาเลือกเรียน  นกั ศึกษาดาํ เนินการเรียน ตามแนวทางที

เพมิ เติม นกั ศกึ ษาร่วมกนั กาํ หนดกบั ครู

 นกั ศึกษาไดเ้ สนอเนือหาอนื เพอื เรียนเพมิ เติม  นกั ศกึ ษาดาํ เนินการเรียน ตามการกาํ หนดของ

นอกเหนือจากคาํ อธิบายรายวชิ าดว้ ย ตนเอง

 นกั ศึกษาเป็นผกู้ าํ หนดอเหนาื ในการเรียนเอง

5. การแสวงหาแหล่งทรัพยากรการเรียน

2. การวนิ ิจฉยั ความตอ้ งการวิธีการเรียน  ครูเป็นผจู้ ดั หาแหล่งทรัพยากรการเรียนให้

 ครูเป็นผกู้ าํ หนดวา่ จะจดั การเรียนการสอนวธิ ีนกั ศกึ ษา

ใด  ครูเป็นผจู้ ดั หาแหล่งทรัพยากรการเรียน แลว้

 ครูนาํ เสนอวิธีการเรียนการสอนแลว้ ใหน้ กั ศกึ ษา ใหน้ กั ศกึ ษาเลอื ก

เลือก  นกั ศกึ ษาร่วมกบั ครูหาแหลง่ ทรัพยากรการ

 นกั ศกึ ษาร่วมกบั ครูกาํ หนดวธิ กี ารเรียนรู้ เรียน ร่วมกนั

 นกั ศกึ ษาเป็นผกู้ าํ หนดวิธีการเรียนรู้เอง  นกั ศึกษาเป็นผจู้ ดั หาแหลง่ ทรัพยากรการเรียน

เอง

3. การกาํ หนดจดุ ม่งุ หมายในการเรียน

 ครูเป็นผกู้ าํ หนดจุดมุง่ หมายในการเรียน 6. การประเมินการเรียน

 ครูนาํ เสนอจุดมุง่ หมายในการเรียนแลว้ ใหน้ กั ศึกษา  ครู เป็นผปู้ ระเมินการเรียนของนกั ศกึ ษา

เลอื ก  ครู เป็นผปู้ ระเมินการเรียนของนกั ศกึ ษาเป็น

 นกั ศึกษาร่วมกบั ครูกาํ หนดจดุ ม่งุ หมายในการ ส่วนใหญ่ และเปิ ดโอกาสใหน้ กั ศกึ ษาไดป้ ระเมนิ

เรียน การเรียนของตนเองดว้ ย

 นกั ศึกษาเป็นผกู้ าํ หนดจดุ มงุ่ หมายในการเรียน มกี ารประเมินการเรียนโดยครู ตวั นกั ศกึ ษาเอง

เอง และเพอื นนกั ศกึ ษา

 นกั ศึกษาเป็นผปู้ ระเมินการเรียนของตนเอง

~ 70 ~

7. การวางแผนการเรียน กระบวนการเรียนรู้ทีเป็นการเรียดนว้ รยู้ ตนเอง
 นกั ศกึ ษาไม่ไดเ้ ขียนแผนการเรียน มีความจาํ เป็นทีจะตอ้ งอาศยั ทกั ษะและความรู้
 ครูนาํ เสนอแผนการเรียนแลว้ ใหน้ กั ศกึ ษานาํ ไป บางอยา่ ง ผูเ้ รียนควรไดม้ ีการตรวจสอบพฤตกิ รรม
ปรับแก้ ทีจาํ เป็นสาํ หรับผูเ้ รียนทจี ะเรียนรู้ดว้ ยตนเอง
 นกั ศกึ ษาร่วมกบั ครูวางแผนการเรียน
 นกั ศึกษาวางแผนการเรียนเอง โดยการเขียน
สญั ญาการเรียนทีระบุจุดม่งุ หมายการเรียน วิธีการ
เรียน แหล่งทรัพยากรการเรียน วธิ ีการประเมินการ
เรียน และวนั ทีจะทาํ งานเสร็จ

~ 71 ~

บทที 2
การใช้แหล่งการเรียนรู้

 สาระสําคญั

แหลง่ เรียนรู้มีความสาํ คญั ในการพฒั นาความรู้ของมนุษยใ์ หส้ มบูรณ์มากยงิ ขึน
นอกเหนือการเรียนในชนั เรียน และเป็นแหลง่ ทีอยใู่ หส้ งั คมมนุษยล์ อ้ มรอบตวั
ผเู้ รียน ทีสามารถเขา้ ไปศึกษาคน้ ควา้ เพอื การเรียนรู้ไดต้ ลอดชีวิต

 ผลการเรียนรู้ทีคาดหวงั

1. ผเู้ รียนมีความรู้ ความเขา้ ใจ เห็นความสาํ คญั ของแหล่งเรียนรู้
และหอ้ งสมุดประชาชน

2. ผเู้ รียนสามารถใชแ้ หลง่ เรียนรู้ หอ้ งสมดุ ประชาชนได้

ขอบข่ายเนอื หา

เรืองที 1 ความหมาย ความสาํ คญั ประเภทของแหล่งเรียนรู้
เรืองที 2 แหล่งเรียนรู้ประเภทหอ้ งสมดุ
เรืองที 3 ทกั ษะการเขา้ ถึงสารสนเทศของหอ้ งสมุดประชาชน
เรืองที 4 การใชแ้ หลง่ เรียนรู้สาํ คญั ๆ ภายในประเทศ
เรืองที 5 การใชแ้ หลง่ เรียนรู้ผา่ นเครือขา่ ยอนิ เทอร์เน็ต

~ 72 ~

เรืองที 1 : ความหมาย ความสําคญั ประเภทของแหล่งเรียนรู้

ความรู้หรือขอ้ มลู สารสนเทศเกิดขึนและพฒั นาอยา่ งต่อเนืองตลอดเวลา และมีการเผยแพร่ถึงกนั
โดยใชเ้ ทคโนโลยสี ารสนเทศภายในไม่กีวินาที ทาํ ใหม้ นุษยต์ อ้ งเรียนรู้กบั สิงทีเปลียนแปลงใหม่ๆ เพือให้
สามารถรู้เท่าทนั เหตุการณ์ และนาํ มาใชใ้ หเ้ กิดประโยชน์ต่อการดาํ รงชีวิตไดอ้ ย่างมีความสุข ความรู้หรือ
ขอ้ มูลสารสนเทศต่าง ๆ ดงั กล่าวมีอย่ใู นแหล่งเรียนรู้ลอ้ มรอบตวั เรา ดงั นันการเรียนรู้ทีเกิดขึนภายใน
หอ้ งเรียนยอ่ มเป็นการไมเ่ พยี งพอในความรู้ทีไดร้ ับ

ความหมายของแหล่งเรียนรู้
แหล่งเรียนรู้ หมายถงึ บริเวณ ศนู ยร์ วม บ่อเกิด แห่ง หรือที ทีมีสาระเนือหาเป็นขอ้ มลู ความรู้

ความสําคญั ของแหล่งเรียนรู้
แหลง่ เรียนรู้มีบทบาทสาํ คญั ในการพฒั นาคุณภาพชีวติ ของประชาชน ดงั นี
1. เป็นแหลง่ ทีมีขอ้ มลู / ความรู้ ตามวตั ถปุ ระสงคข์ องแหล่งเรียนนรู้นเชั ่น สวนสตั ว์ ใหค้ วามรู้

เรืองสตั ว์ พพิ ิธภณั ฑใ์ หค้ วามรู้เรืองโบราณวตั ถสุ มยั ต่าง ๆ
2. เป็นสือการเรียนรู้สมยั ใหมท่ ีความรู้ก่อใหเ้ กิดทกั ษะ และช่วยการเรียนรู้สะดวกรวดเร็ว เช่น

อนิ เทอร์เน็ต
3. เป็นแหลง่ ช่วยเสริมการเรียนรู้ของการศึกษาประเภทต่าง ๆงกทารั ศึกษาในระบบ การศึกษา

นอกระบบ และการศึกษาตามอธั ยาศยั
4. เป็นแหลง่ การเรียนรู้ตลอดชีวิตทีมนุษยเ์ ขา้ ไปหาความรู้ไดด้ ว้ ยตนเองตามความสนใจ และ

ความสามารถ
5. เป็นแหลง่ ทีมนุษยส์ ามารถเขา้ ไปปฏิบตั ิไดจ้ ริง เช่น การประดิษฐเ์ ครืองใชต้ ่าง ๆ การซ่อม

เครืองยนต์ เป็นตน้ ช่วยกระตุน้ ใหเ้ กิดความสนใจ ความใฝ่ รู้
6. เป็ นแหล่งทีมนุษยส์ ามารถเขา้ ไปเรียนรู้เกียวกบั วิทยาการใหม่ ๆ ทียงั ไม่มีของจริงใหเ้ ห็น

หรือไมส่ ามารถเขา้ ไปดจู ากของจริงได้ โดยเรียนรู้ การดภู าพยนตร์ วดี ิทศั น์ หรือสืออนื ๆ
7. เป็ นแหล่งส่งเสริมความสมั พนั ธ์อนั ดีระหว่างคนในทอ้ นงใถหิ เ้ กิดความตระหนกั และเห็น

คุณค่าของแหลง่ เรียนรู้
8. เป็งนทสีชิ ่วยเปลียนแปลงทัศนคติ ค่านิยมให้เกิดการยอมรับสิงใหม่ แนวคิดใหม่

เกิด จินตนาการ และความคิดสร้างสรรคก์ บั ผเู้ รียน
9. เป็นการประหยดั ค่าใชจ้ ่ายแลมะเรพาิยไดใ้ หแ้ หล่งเรียนรู้ของชุมชน

~ 73 ~

ประเภทของแหล่งเรียนรู้
แหล่งเรียนรู้มีการแบ่งแยกตามลกั ษณะได้ 6 ประเภท ดงั นี
1. แหล่งเรียนรู้ประเภทบุคคล ไดแ้ ก่ บุคคลทีมีความรู้ ความสามารถดา้ นต่าง ๆ ทีสามารถ

ถ่ายทอดความรู้ดว้ ยรูปแบบวิธีต่าง ๆ ทีตนมีอยใู่ หผ้ สู้ นใจหรือผตู้ ้องการเรียนรู้ เช่น ผเู้ ชียวชาญใน
สาขาวิชาการต่าง ๆ ผอู้ าวุโสทีมปี ระสบการณ์มามาก หรืออาจจะเป็ นบุคคลทีไดร้ ับแตง่งเปต็ั นทางการ มี
บทบาทสถานะทางสงั คม หรืออาจเป็นบุคคลทีเป็นโดยการงานอาชีพ หรือบุคคลทีเป็ นโดยความสามารถ
เฉพาะตวั หรือบุคคลทีไดร้ ับแต่งตงั เป็นภูมิปัญญา

2. แหล่งเรียนรู้ประเภทธรรมชาติ ไดแ้ ก่ สิงต่าง ๆ ทีเกิดขึนโดยธรรมชาติ และให้ประโยชน์
ต่อมนุษย์ เช่น ดิน นาํ อากาศ พืช สตั ว์ ตน้ ไม้ แร่ธาตุ ทรัพยากรธรรมชาติ เหล่านีอาจถกู จดั ให้เป็ น
อทุ ยาน วนอทุ ยาน เขตรักษาพนั ธุส์ ตั วป์ ่ า สวนพฤกษศาสตร์ ศนู ยศ์ ึกษาธรรมชาติ เป็นตน้

3. แหล่งเรียนรู้ประเภทวสั ดุและสถานที ไดแ้ ก่ อาคาร สิงก่อสร้าง วสั ดุ อุปกรณ์ และสิงต่าง ๆ
ทีประชาชนสามารถศึกษาหาความรู้ใหไ้ ดม้ าซึงคาํ ตอบ หรือสิงทีตอ้ งการจากการเห็น ไดย้ ิน สัมผสั เช่น
หอ้ งสมุด ศาสนสถาน ศนู ยก์ ารเรียน พิพิธภณั ฑ์ สถานประกอบการ ตลาด นิทรรศการ สถานทีทาง
ประวตั ิศาสตร์ ชุมชนแห่งการเรียนรู้ต่าง ๆ

4. แหล่งเรียนรู้ประเภทสือ ไดแ้ ก่ สิงทีทาํ หนา้ ทีเป็ นสือกลางในการถ่ายทอดอเหนาื ความรู้
สารสนเทศ ใหถ้ งึ กนั โดยผา่ นประสาทสมั ผสั ไดแ้ ก่ หู ตา จมกู ลนิ กาย และใจ แหลง่ เรียนรู้ ประเภทนี
ทาํ ใหก้ ระบวนการเรียนรู้เป็นไปไดอ้ ยา่ งรวดเร็ว มปี ระสิทธิภาพงสสือูงอทิเลั ็กทรอนิกส์ สงือพสิมิ พ์ สือ
โสตทศั น์

5. แหล่งเรียนรู้ประเภทเทคนิค สิงประดิษฐ์คิดคน้ ไดแ้ ก่ สิงทีแสดงถึงความกา้ วหนา้ ทาง
นวตั กรรม เทคโนโลยดี า้ นต่าง ๆ ทีไดม้ กี ารประดิษฐค์ ิดคน้ หรือพฒั นาปรับปรุงขึนมาให้มนุษยไ์ ด้ เรียนรู้
ถงึ ความกา้ วหนา้ เกิดจินตนาการ แรงบนั ดาลใจ

6. แหล่งเรียนรู้ประเภทกจิ กรรม ไดแ้ ก่ การปฏิบตั ิการดา้ นประเพณีวฒั นธรรม ตลอดจน การ
ปฏบิ ตั ิการความเคลอื นไหวเพอื แกป้ ัญหา และปรับปรุงพฒั นาสภาพต่าง ๆ ในทอ้ งถนิ การทีมนุษยเ์ ขา้ ไปมี
ส่วนร่วมในกิจกรรมต่าง ๆ เช่น การรณรงค์ป้ องกนั ยาเสพติด การส่งเสริมการเลือกตงั ตามระบบ
ประชาธิปไตย การรณรงคค์ วามปลอดภยั ของเด็กและสตรีในทอ้นงถิ

~ 74 ~

เรืองที 2 : แหล่งเรียนรู้ประเภทห้องสมุด

หอ้ งสมดุ เป็นแหลง่ เรียนรู้ทีสาํ คญั ประเภทหนึง ทีจดั หา รวบรวมสรรพวิชาการต่าง ๆ ทีเกิดน ขึ
จากทวั โลกมาจดั ระบบ และใหบ้ ริการแก่กล่มุ เป้ าหมายศกึ ษาคน้ ควา้ อยา่ งต่อเนืองตลอดชีวติ

ปัจจุบนั มคี าํ อนื ๆ ทีหน่วยงานต่าง ๆ ใชใ้ นความหมายของคาํ วา่ หอ้ งสมดุ เช่น หอ้ งสมดุ และ
ศนู ยส์ ารสนเทศ สาํ นกั บรรณาสารการพฒั นา สาํ นกั บรรณสารสนเทศ สาํ นกั หอสมุด สาํ นกั วทิ ยบริการ
เป็ นตน้

หอ้ งสมดุ โดยทวั ไปแบ่งออกเป็น 5 ประเภท ดงั นี

1. หอสมดุ แห่งชาติ

นบั เป็นหอ้ งสมุดทีใหญ่ทีสุดในประเทศ ดาํ เนินการโดยรัฐบาล ทาํ หนา้ ทีหลกั คือ รวบรวม
หนงั สือ สิงพิมพ์ และสือความรู้ ทุกอยา่ งทีผลิตขึนในประเทศ และ ทุกอยา่ งทีเกียวกบั ประเทศ ไม่ว่าจะ
จดั พิมพใ์ นประเทศใด ภาษาใด ทงั นีเป็นการอนุรักษส์ ือความรู้ ซึงเป็นทรัพยส์ ินทางปัญญาของชาติมใิ หส้ ูญ
ไป และใหม้ ไี วใ้ ชใ้ นอนาคต นอกจากรวบรวมสิงพมิ พใ์ นประเทศแลว้ ก็มหี นา้ ทีรวบรวมหนงั สือทีมี
คุณค่า ซึงพมิ พใ์ นประเทศอืนไวเ้ พือการคน้ ควา้ อา้ งอิง ตลอดจนทาํ หนา้ ที เป็นศนู ยร์ วบรวมบรรณานุกรม
ต่าง ๆ และจดั ทาํ บรรณานุกรมแห่งชาติออกเผยแพร่ใหท้ ราบทวั กนั ว่ามหี นงั สืออะไรบา้ งทีผลิตขึนใน
ประเทศ หอสมดุ แห่งชาติจึงเป็นแหล่งใหบ้ ริการทางความรู้แก่คงนปทรัะเทศ ช่วยเหลอื การคน้ ควา้ วิจยั
ตอบคาํ ถาม และใหค้ าํ แนะนาํ ปรึกษาเกียวกบั หนงั สือ

2. ห้องสมดุ ประชาชน

หอ้ งสมุดประชาชนดาํ เนินการโดยรัฐ อาจจะ เป็นรัฐบาลกลาง รัฐบาลทอ้นงถหิ รือเทศบาล
แลว้ แต่ระบบ การปกครอง ตามความหมายเดิม หอ้ งสมดุ ประชาชนเป็น หอ้ งสมดุ ทีประชาชนตอ้ งการให้มี
ในชุมชนหรือเมืองทีเขาอาศยั อยู่ ประชาชนจะสนบั สนุนโดยยนิ ยอมใหร้ ัฐบาลจ่ายเงิน รายไดจ้ ากภาษีต่าง ๆ
ในการจดั ตงั และดาํ เนินการห้องสมุด ประเภทนีใหเ้ ป็ นบริการของรัฐ จึงมิไดเ้ รียกค่าตอบแทน เช่น ค่า
บาํ รุงหอ้ งสมดุ หรือค่าเช่าหนังสือ ทงั นีเพราะถือว่าประชาชนไดบ้ าํ รุงแลว้ โดยการเสียภาษีรายไดใ้ หแ้ ก่

~ 75 ~

ประเทศ หน้าทีของห้องสมุด ประชาชนก็คือ ใหบ้ ริการหนงั สือและสืออืน ๆ เพือการศึกษาตลอดชีวิต
บริการข่าวและเหตุการณ์ต่าง ๆ ทีประชาชนควรทราบ ส่งเสริมนิสยั รักการอ่านและการรู้จกั ใชเ้ วลาว่างให้
เป็นประโยชน์ ใหข้ ่าวสาร ขอ้ มลู ทีจาํ เป็นตอ้ งใชใ้ นการปฏิบตั ิงานและการพฒั นาดา้ นต่าง ๆ

3. ห้องสมุดของมหาวทิ ยาลยั และวทิ ยาลยั

เป็นหอ้ งสมุดงทอีตยัใู่ นสถานศกึ ษาระดบั อุดมศกึ ษา ทาํ หนา้ ทีส่งเสริมการเรียนการสอนตาม
หลกั สูตร โดยการจดั รวบรวมหนงั สือและสือความรู้อนื ๆ ในหมวดวิชาต่าง ๆ ตามหลกั สูตรช่วยเหลือใน
การคน้ ควา้ วิจยั ของอาจารยแ์ ละนกั ศึกษา ส่งเสริมพฒั นาการทางวิชาการของอาจารย์ และนกั ศึกษา และ
ช่วยจดั ทาํ บรรณานุกรมและดรรชนีสาํ หรับคน้ หาเรืองราวทีตอ้ งการแนะนาํ นกั ศึกษาในการใชห้ นงั สืออา้ งองิ
บตั รรายการและคู่มือสาํ หรับการคน้ เรือง

4. ห้องสมุดโรงเรียน

เป็นหอ้ งสมดุ งทอีตยัใู่ นโรงเรียนมธั ยมและโรงเรียนประถมศึกษา มีหน้าทีส่งเสริมการเรียน
การสอนตามหลกั สูตร โดยการรวบรวมหนงั สือและสือความรู้อืน ๆ ตามรายวิชา แนะนาํ สอนการใช้
หอ้ งสมุดแก่ นักเรียน จดั กิจกรรมส่งเสริมนิสยั รักการอ่าน แนะนาํ ใหร้ ู้จกั หนงั สือทีควรอ่าน ใหร้ ู้จกั วิธี
ศึกษาคน้ ควา้ หาความรู้ดว้ ย ตนเอง ให้รู้จกั รักและถนอมหนังสือ และเคารพสิทธิของผอู้ ืนในการใช้
หอ้ งสมุดและยืมหนังสือซึงเป็ นสมบัติของทุกคน ร่วมกนั ร่วมมือกบั ครูอาจารยใ์ นการจวดั โชมั งใช้
หอ้ งสมดุ จดั หนงั สือ และสือการสอนอนื ๆ ตามรายวชิ าใหแ้ ก่ครูอาจารย์

5. ห้องสมุดเฉพาะ
เป็ นห้องสมุดซึงรวบรวมหนงั สือในสาขาวิชาบางสาขาโดยเฉพาะ มกั เป็ นส่วนหนึงของ

หน่วยราชการ องคก์ าร บริษัทเอกชน หรือธนาคาร ทาํ หน้าทีจดั หาหนงั สือและใหบ้ ริการความรู้
ขอ้ มลู และข่าวสารเฉพาะเรืองทีเกียวขอ้ งกบั การดาํ เนินงานของหน่วยงานนัน ๆ ห้องสมุดเฉพาะจะเน้น

~ 76 ~

การรวบรวมรายงานการคน้ ควา้ วิจยั วารสารทางวชิ าการ และเอกสารเฉพาะเรืองทีผลิตเพือการใชใ้ นกลุ่ม
นกั วิชาการบริการของห้องสมุดเฉพาะ จดั พิมพข์ ่าวสารเกียวกบั สิงพิมพเ์ ฉพาะเรืองส่งให้ถึงผใู้ ช้ จดั ส่ง
เอกสารและเรืองยอ่ ของเอกสารเฉพาะเรืองใหถ้ ึงผใู้ ชต้ ามความสนใจเป็นรายบุคคล

ในปัจจุบนั นี เนืองจากการผลิตหนังสือและสิงพิมพ์อืน ๆ โดยเฉพาะวารสารทางวิชาการ
รายงานการวิจยั และรายงานการประชุมทางวชิ าการมีปริมาณเพมิ ขึนมากมาย แต่ละสาขาวชิ า แยกยอ่ ยเป็ น
รายละเอียดลึกซึง จึงยากทีห้องสมุดแห่งใดแห่งหนึงจะรวบรวมเอกสารเหล่านีไดห้ มดทุกอยา่ ง และ
ใหบ้ ริการไดท้ ุกอยา่ งครบถว้ น จึงเกิดมีหน่วยงานดาํ เนินการเฉพาะเรือง เช่น รวบรวม หนงั สือและสิงพมิ พ์
อืน ๆ เฉพาะสาขาวิชายอ่ ย วิเคราะห์เนือหา จดั ทาํ เรืองยอ่ และดรรชนีคน้ เรืองนนั ๆ แลว้ พิมพอ์ อก
เผยแพร่ใหถ้ ึงตวั ผตู้ อ้ งการเรืองราวข่าวสารและขอ้ มลู ตลอดจนเอกสารในเรืองนัน หน่วยงานทีทาํ หน้าที
ประเภทนี จะมีชือเรียกว่า ศูนยเ์ อกสาร ศูนยส์ ารสนเทศ ศูนยข์ ่าวสาร หรือศูนยส์ ารนิเทศ เช่น ศนู ย์
เอกสารการวิจยั ทางวิทยาศาสตร์ ศูนยข์ ่าวสารการประมง เป็ นตน้ ศนู ยเ์ หลบ่าานงี ศนู ยเ์ ป็ นเอกเทศ บาง
ศนู ยก์ ็เป็นส่วนหนึงของหอ้ งสมดุ บางศนู ยก์ ็เป็นส่วนหนึงของ หน่วยงานเช่นเดียวกบั หอ้ งสมุดเฉพาะ

ห้องสมุดประชาชน
ในทีนีจะกล่าวถึงหอ้ งสมุดประชาชนเป็ นหลกั เนืองจากเป็ นห้องสมุดทีให้บริการในทุกอาํ เภอ

และใน กทม.บางเขต หรือใหบ้ ริการประชาชนทวั ไป และอยใู่ นชุมชนใกลต้ วั นกั ศึกษามากทีสุด
หอ้ งสมุดประชาชน หมายถึง สถานทีจดั หา รวบรวมทรัพยากรสารสนเทศ เพือการอ่าน และ

การศึกษาคน้ ควา้ ทุกชนิด ทุกประเภท มีการจดั ระบบหมวดหม่ตู ามหลกั สากล เพือการบริการ และ
จดั บริการอยา่ งกวา้ งขวางแก่ประชาชนในชุมชน สังคม โดยไม่จาํ กดั เพศ วยั ความรู้ เชือชาติ ศาสนา
รวมทงั การจดั กิจกรรมส่งเสริมการอ่าน โดยมีบรรณารักษเ์ ป็นผอู้ าํ นวยความสะดวก

หอ้ งสมดุ ประชาชนดาํ เนินการโดยหน่วยงานต่าง ๆ ไดแ้ ก่ สาํ นกั งาน กศน. (หอ้ งสมดุ ประชาชน
ทวั ประเทศ) กรุงเทพมหานคร (หอ้ งสมุดประชาชนในเขต กทม.) เทศบาล (หอ้ งสมุด ประชาชนเทศบาล)
เป็ นตน้

ประเภทของห้องสมุดประชาชน (สงั กดั สาํ นกั งาน กศน.)
หอ้ งสมุดประชาชน แบ่งตามขนาดไดเ้ ป็น ประเภทใหญ่ ๆ ดงั นี
1. ห้องสมุดประชาชนขนาดใหญ่ ไดแ้ ก่ หอ้ งสมุดประชาชนจงั หวดั ส่วนใหญ่ตงั อย่ใู นเขต

อาํ เภอเมือง และหอสมุดรัชมงั คลาภิเษกพระราชวงั ไกลกงั วล หัวหิน ซึงมีลกั ษณะอาคารส่วนใหญ่ เป็ น
2 ชนั ชนั บนจดั บริการหนงั สือ เอกสาร และสือเกียวกบั การศึกษาตามหลกั สูตรระดบั ต่าง ๆ โดยจดั เป็ น
หอ้ งการศกึ ษานอกโรงเรียนและหอ้ งโสตทศั นศึกษา หอ้ งหรือมุมหนังสือมหาวิทยาลยั สุโขทยั ธรรมาธิราช
มหาวิทยาลยั รามคาํ แหง และห้องหรือมุมศนู ยข์ อ้ มูลชุมชนทอ้ งถิน เป็ นตน้ ส่วนนลช่าั งจดั เป็นนชั

~ 77 ~

หนงั สือและบริการหนังสือ เอกสาร สือความรู้ทางวิชาการ สารคดีโดยทวั ไป และจดั บริการหนังสือ
สาํ หรับเด็ก สือสาํ หรับเด็ก เยาวชน มมุ จดั กิจกรรมสาํ หรับเด็ก

2. หอ้ งสมุดประชาชนขนาดกลาง ไดแ้ ก่ หอ้ งสมุดประชาชน “เฉลิมราชกุมารี” ลกั ษณะ
อาคารเป็ น 2น ชมั ีรูปแบบอาคารเหมือนกนั เกือบทุกแห่ง ชนั บนจดั เป็ นหอ้ งศูนยข์ อ้ มูลทอ้ นงบถริ ิการ
เกียวกบั ขอ้ มลู ชุมชน หอ้ งการศึกษานอกโรงเรียน บริการสือความรู้หลกั สูตรการศึกษานอกโรงเรียน ทุก
หลกั สูตร ทุกประเภท ตลอดจนหอ้ งโสตทศั นศึกษาและหอ้ งการศึกษาดาวเทียมไทยคม และห้องสาํ คญั
ทีสุดห้องหนึงคือหอ้ งเฉลิมพระเกียรติฯ จดั บริการขอ้ มูลเกียวกับพระราชประวตั ิ พระราชกรณียกิจ
โครงการในพระราชดาํ ริ หนังสือพระราชนิพนธ์ของสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี
และพระราชวงศท์ ีเกียวขอ้ ง เป็นตน้ นลช่าั งจดั บริการมุมเด็กซึงประกอบดว้ ยสือความรู้สาํ หรับเด็ก เครือง
เล่นพฒั นาความพร้อม สือความรู้ทุกประเภท รวมทงั เป็ นทีจดั กิจกรรมสาํ หรับเด็ก และจดั สือ เอกสาร
หนงั สือวิชาการ สารคดี ความรู้ทวั ไปสาํ หรับผใู้ หญ่ ประชาชนทวั ไป

หอ้ งสมดุ ประชาชน “เฉลมิ ราชกมุ ารี” เป็นหอ้ งสมุดทีไดพ้ ระราชทานพระราชานุญาตจาก สมเด็จ
พระเทพรัตนราชสุดา สยามบรมราชกมุ ารี ในวโรกาสทีทรงมีพระชนมายคุ รบ 36 พรรษา และพระองค์
ทรงเสด็จเปิ ดหอ้ งสมุดประชาชน “เฉลิมราชกุมารี” ทุกแห่งดว้ ยพระองคเ์ อง

3. ห้องสมุดประชาชนขนาดเล็ก ไดแ้ ก่ ห้องสมุดประชาชนอาํ เภวอไทปั จดั บริการหนังสือ
และสือความรู้ประเภทต่าง ๆ จดั มุมเด็กและครอบครัว มุมวารสารหนงั สือพิมพ์ มุมการศึกษานอก
โรงเรียนและหนงั สือวชิ าการ สารคดีทวั ไป รวมทงั หนงั สืออา้ งองิ เป็นตน้

ความสําคญั ของห้องสมดุ ประชาชน
หอ้ งสมดุ ประชาชนมคี วามสาํ คญั เป็นอยา่ งมากต่อการพฒั นาคนในชุมชน และของประเทศ ในทุก

ดา้ น ดงั นี
1. เป็นแหลง่ กลางในการจดั หารวบรวม และบริการขอ้ มูลข่าวสารสาํ คญั ทีทนั เหตุการณ์ และ

ความเคลือนไหวของโลกทีปรากฏในรูปลกั ษณ์ต่าง ๆ มาไวบ้ ริการแก่ประชาชน
2. เป็นแหลง่ เรียนรู้การศึกษาตามอธั ยาศยั ทีในหฐพ้ าื นความคิดของประชาชนโดย ส่วนรวมและ

เป็นฐพาื นความเติบโตทางสติปัญญาและวฒั นธรรมอยา่ งต่อเนืองตลอดชีวติ
3 เป็นศนู ยข์ อ้ มลู ชุมชนในการส่งเสริมกิจกรรมดา้ นการศึกษาและวฒั นธรรมของชุมชน
4. เป็ นแหล่งกลางทีจะปลกู ฝังใหป้ ระชาชนมีนิสัยรักการอ่าน การศึกษาคน้ ควา้ หาความรู้

การศกึ ษาวิจยั
5. เป็ นแหล่งทีประชาชนสามารถใชห้ นังสือ สือความรู้ต่าง ๆ ให้เป็ นประโยชน์อย่างเต็มที

ตามความตอ้ งการและสภาพแวดลอ้ มของประชาชน
6. เป็ นแหล่งสนับสนุนการเผยแพร่ความรู้ ความคิด ทศั นคติ ประสบการณ์ในรูปแบบ

ของสือต่าง ๆ

~ 78 ~

7. เป็ นแหล่งการเรียนรู้ทีเชือมโยงการศึกษานอกระบบ การศึกษาในระบบ และเชือมโยง
แหลง่ เรียนรู้ต่าง ๆ

1. การบริการภายในห้องสมดุ
ห้องสมุดประชาชนทุก ประเภทจะจัดบริ การภาย ในห้องสมุดตามความเหมาะสมของแต่ละ
หอ้ งสมดุ และการสนองตอบความตอ้ งการของผรู้ ับบริการ ดงั นี
1.1 บริการการอ่าน การศึกษาคน้ ควา้ จดั สือต่าง ๆ ในพืนทีทีถกู จดั เป็ นสัดส่วน แลงะอสาํ ินวย
ความสะดวกต่าง ๆ
1.2 บริการสืบคน้ ดว้ ยคอมพิวเตอร์ เพือการเขา้ ถึงสารสนเทศทีตอ้ งการไดอ้ ยา่ งรวดเร็ว ดว้ ย
โปรแกรม PLS (Public Library Service) โดยจดั บริการเครืองคอมพวิ เตอร์เพอื การสืบคน้ และ แนะนาํ การ
ใช้
1.3 บริการสืบคน้ ดว้ ยตูบ้ ตั รรายการ โดยสารสนเทศทุกประเภท ทุกชนิด จะถกู จดั ทาํ รายการ
คน้ เป็นบตั รรายการ จดั เรียงไวใ้ นตูบ้ ตั รรายการ แยกประเภทเป็นบตั รผแู้ ต่ง บตั รชือหนงั สือ และบตั รเรือง
รวมทงั บตั รดรรชนีต่าง ๆ ไวบ้ ริการ
1.4 บริการยืม-คืน หนงั สือ-สือความรู้ต่าง ๆ ใหผ้ ใู้ ชบ้ ริการยมื อ่านนอกหอ้ งสมุด โดยแต่ละ
แห่งจะกาํ หนด กฎ ระเบียบ ขอ้ บงั คบั ฯลฯ ตามความเหมาะสมของแต่ละหอ้ งสมุด และมีการใชร้ ะบบ
เทคโนโลยใี นการบริการทีรวดเร็ว
1.5 การบริการแนะแนวการศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอธั ยาศยั แก่นกั ศึกษา และ
ประชาชนผสู้ นใจทวั ไป
1.6 บริการสือเอกสารของสถาบนั อุดมศึกษา ทงั ของมหาวิทยาลยั รามคาํ แหง มหาวิทยาลยั
สุโขทยั ธรรมาธิราช
1.7 บริการขอ้ มลู สารสนเทศและเอกสารงานวจิ ยั ต่าง ๆ รวมทงั หนงั สืออา้ งองิ
1.8 บริการการเรียนรู้การใชค้ อมพิวเตอร์โปรแกรมต่าง ๆ อินเทอร์เน็ต สืออเิ ล็กทรอนิกสต์ ่าง ๆ
1.9 บริการสถานทีจดั กิจกรรมเสริมความรู้ต่าง ๆ
1.10บริการแนะนาํ ใหค้ วามรู้แก่นกั เรียน นกั ศึกษา สถาบนั ต่าง ๆ รวมทงั ประชาชนในการรู้จกั
ใชห้ อ้ งสมดุ ประชาชน
1.11บริการแนะนาํ ทางบรรณารักษศาสตร์แก่บุคลากรเครือข่ายในการจดั ปรับปรุง พฒั นา แหลง่
เรียนรู้หอ้ งสมดุ ของทอ้ งถนิ
1.12บริการฝึกประสบการณ์การปฏบิ ตั ิงานหอ้ งสมุดแก่นกั เรียน นกั ศกึ ษา สถาบนั ต่าง ๆ

~ 79 ~

2. การบริการภายนอกห้องสมุด
2.1 บริการหอ้ งสมดุ เคลอื นทีกบั หน่วยงานองคก์ รทอ้ งถนิ
2.2 บริการหมุนเวยี นสือในรูปแบบต่าง ๆ ไปยงั ศนู ยก์ ารเรียน แหล่งความรู้ ครอบครวั ฯลฯ
ทีอยหู่ ่างไกลหอ้ งสมดุ ในรูปแบบต่าง ๆ เช่น เป้ ยา่ ม หีบ กระเป๋ า ฯลฯ
2.3 บริการความรู้ทางสถานีวทิ ยุ โทรทศั น์ หอกระจายข่าว เสียงตามสาย แผน่ พบั แผน่ ปลิว ฯลฯ
2.4 บริการสือต่าง ๆ แก่บุคลากร กศน. ทงั ครู วิทยากร นกั ศกึ ษากลมุ่ การเรียนรู้ต่าง ๆ

~ 80 ~

เรืองที 3 : ทักษะการเข้าถงึ สารเทศของห้องสมดุ ประชาชน

ปัจจุบนั ความกา้ วหน้าของเทคโนโลยี ช่วยลดขนั ตอนการหาขอ้ มูลของหอ้ งสมุดประชาชน
ผเู้ รียนสามารถคน้ หาไดจ้ ากอินเทอร์เน็ตว่ามีห้องสมุดประชาชนทีใดบา้ ง สถานงทีตั เวลาเปิ ด-ปิ ด
หมายเลขโทรศพั ท์ กิจกรรมทีใหบ้ ริการ ช่วยใหผ้ ใู้ ชส้ ะดวกและสามารถเขา้ ถึงหอ้ งสมดุ ไดง้ ่าย

ห้องสมุดทุกประเภททุกชนิดจะมีการจัดระบบหมวดหม่ขู องสารสนเทศ โดยมีวตั ถุประสงค์
สาํ คญั เพอื ใหป้ ระชาชนเขา้ ถงึ สิงทีตอ้ งการสนใจไดง้ ่าย สะดวกรวดเร็ว และสะดวกในการบริหารจดั การ
หอ้ งสมดุ เพือการบริการกลุม่ เป้ าหมายในระยะยาว

ระบบหมวดหม่ทู ีหอ้ งสมุดนาํ มาใชจ้ ะเป็ นระบบสากลวทโีทลั กใช้ และเหมาะกบั กลุ่มเป้ าหมาย
เขา้ ถึงไดง้ ่าย ระบบทีนิยมใชใ้ นประเทศไทยเป็นส่วนใหญ่ มี 2 ระบบ ไดแ้ ก่ ระบบทศนิยม ของดิวซอึงี
ใชต้ วั เลขอารบิกเป็นสญั ลกั ษณ์ แทนหมวดหมสู่ ารสนเทศ นิยมใชใ้ นหอ้ งสมุดประชาชน กบั อีกระบบหนึง
ไดแ้ ก่ระบบรัฐสภาอเมริกนั ใชอ้ กั ษรโรมนั (A-Z) เป็นสญั ลกั ษณ์ นิยมใชใ้ นหอ้ งสมุดมหาวทิ ยาลยั

ระบบทศนิยมของดิวอี แบ่งความรู้ในโลกออกเป็นหมวดหม่จู ากหมวดใหญ่ไปหาหมวดยอ่ ย จาก
หมวดยอ่ ยแบ่งเป็นหม่ยู อ่ ย และหมยู่ อ่ ยๆ โดยใชเ้ ลขอารบิก 0-9 เป็นสญั ลกั ษณ์ ดงั นี

000 สารวทิ ยาความรู้เบ็ดเตลว็ไปดทั
100 ปรัชญาและวชิ าทีเกียวขอ้ ง
200 ศาสนา
300 สงั คมศาสตร์
400 ภาษาศาสตร์
500 วิทยาศาสตร์ (วทิ ยาศาสตร์บริสุทธิ)
600 เทคโนโลยี (วิทยาศาสตร์ประยกุ ต)์
700 ศลิ ปกรรมและการบนั เทิง
800 วรรณคดี
900 ภมู ิศาสตร์และประวตั ิศาสตร์

ระบบรัฐสภาอเมริกา (Library of Congress Classification)
ห้องสมุดมหาวิทยาลยั ในประเทศไทยส่วนใหญ่ใชร้ ะบบหอสมุดรัฐสภาอเมริกนั ซึงปรับปรุง
และพฒั นาโดย เฮอร์เบิร์ด พทั นมั (Herbirt Putnum) เมอื ปี พ.ศ. 2445
ระบบหอสมุดรัฐสภาอเมริกนั แบ่งหมวดหมวู่ ชิ าออกเป็น 20 หมวด ใชอ้ กั ษรโรมนั ตวั ใหญ่ A-Z
ยกเวน้ ตวั อกั ษร I, O, W, X, Y เพอื สาํ หรับการขยายหมวดหม่วู ิชาการใหม่ ๆ ในอนาคต
ตารางการแบ่งหมวดหม่หู นงั สือระบบหอสมุดอเมริกนั แบ่งหมวดหมวู่ ชิ าการเป็น 20 หมวด
ใหญ่ ดงั นี

~ 81 ~

1. หมวด A : ความรู้ทวั ไป
2. หมวด B : ปรัชญา ศาสนา
3. หมวด C : ประวตั ิศาสตร์
4. หมวด D : ประวตั ิศาสตร์สากล
5. หมวด E-F : ประวตั ิศาสตร์อเมริกา
6. หมวด G : ภมู ศิ าสตร์ มานุษยวทิ ยา คติชนวิทยา
7. หมวด H : สงั คมศาสตร์
8. หมวด J : รัฐศาสตร์
9. หมวด K : กฎหมาย
10. หมวด L : การศกึ ษา
11. หมวด M : ดนตรี
12. หมวด N : ศิลปกรรม
13. หมวด P : ภาษาและวรรณคดี
14. หมวด Q : วิทยาศาสตร์
15. หมวด R : แพทยศาสตร์
16. หมวด S : เกษตรศาสตร์
17. หมวด T : เทคโนโลยี
18. หมวด U : วชิ าการทหาร
19. หมวด V : นาวิกศาสตร์
20. หมวด Z : บรรณารักษศาสตร์

สาํ หรับหอ้ งสมุดประชาชนซึงผใู้ ชบ้ ริการเป็นประชาชวนไทปั การจดั หมวดหมหู่ นงั สือ นอกจาก
ระบบดงั กลา่ วแลว้ ยงั มีชือหมวดหนงั สือและสือเพอื เพมิ ความสะดวกในการคน้ หา เช่น นวนิยาย เรืองสัน
สารคดี ประวตั ิศาสตร์ วิทยาศาสตร์ กีฬา นนั ทนาการ เป็นตน้

การเข้าถึงสารสนเทศห้องสมุดประชาชน
หอ้ งสมุดประชาชนมีหลากหลายสงั กดั เช่น สังกดั สาํ นกั งาน กศน. สังกดั กรุงเทพมหานคร
สงั กดั เทศบาล การจดั ระบบการสืบคน้ ห้องสมุดประชาชนไดอ้ าํ นวยความสะดวกในการสืบค้นสาร
สนเทศ ดงั นี
1. การใชโ้ ปรแกรมเพือการสืบคน้ ในยคุ ปัจจุบนั สาํ นกั งาน กศน. ไดพ้ ฒั นาโปรแกรม เพือ
บริหารจดั การงานหอ้ งสมุดใหค้ รบวงจร เช่น ขอ้ มลู หนงั สือ สือ ขอ้ มลู สมาชิก ขอ้ มูลอืน ๆ ดงั นนั
หากผ้ใู ช้บริการตอ้ งการรู้ว่ามหี นงั สือหรือสือทีตอ้ งการในหอ้ งสมดุ แห่งนนั หรือไม่ ก็สามารถคน้ หาไดด้ ว้ ย

~ 82 ~

โปรแกรมดงั กล่าว ซึงหอ้ งสมดุ จะมคี อมพวิ เตอร์ใหส้ ืบคน้ ไดด้ ว้ ยตนเอง โดยพมิ พค์ าํ ทีเกียวขอ้ งกบั หนงั สือ
เช่น ประวตั ิศาสตร์ สตั วเ์ ลยี งลกู ดว้ ยนม การศึกษา โลกร้อน ฯลฯ ส่วนรายละเอียดวิธีการใชโ้ ปรแกรม
สามารถศึกษาไดจ้ ากหอ้ งสมุดประชาชนแห่งนนั

2. การสืบคน้ ขอ้ มลู สารสนเทศดว้ ยบตั รรายการ
หอ้ งสมดุ ประชาชนบางแห่งอาจยงั จดั บริการสืบคน้ ดว้ ยบตั รรายการ ซึงมีลกั ษณะเป็ นบตั ร

แข็ง เก็บนไชวใก้ั นในลิตูบ้ ตั รรายการ

เลขเรียกหนงั สอื ตวั อย่างลกั ษณะของบตั รรายการ ชอื หนงั สอื

ชือผ้แู ต่ง

จงั หวดั / 636.53 วรวิทย์ วณิชาภิชาติ สาํ นกั พิมพ์/
เมอื งทีพมิ พ์ ว ไข่และการฟกั ไข่ วรวิทย์ วณิชาภิชาติ โรงพิมพ์

จาํ นวนหน้า พิมพค์ รังที . กรุงเทพฯ รัวเขียว . ปี ทีพมิ พ์
ของหนงั สอื หนา้ ภาพประกอบ : 25 ซ.ม.

“หนงั สือนีไดร้ ับทุนอดุ หนุนการแต่งตาํ ราและเอกสาร
การสอนของคณะทรัพยากรธรรมชาติ มหาวทิ ยาลยั สงขลา
นครินทร์”

ISBN 974-605-041-9
1. ไข่ . ชือเรือง

เรือง/หวั เรือง

บตั รรายการหนงั สือทีปรากฏขา้ งบน จะมีชือผแู้ ต่งอยบู่ รรทดั บนสุด มีชือเรียกวา่ บตั รผแู้ ต่ง

กจิ กรรมที
ให้ครู กศน. รวมกล่มุ ผ้เู รียน แบ่งเป็ นกลุ่มละประมาณ 10 คน ไปห้อง สมุดประชาชน โดย

ประสานงานกบั บรรณารักษ์ให้แนะนาํ ห้องสมุด การใช้ห้องสมดุ แหล่งสารสนเทศ และให้ผ้เู รียนแข่งขัน
การหาหนังสือจากโปรแกรมห้องสมดุ หรือจากตู้บัตรรายการ ให้ผู้แข่งขันหยิบหนังสือตาม รายการทีค้น
ให้ได้จากชันหนังสืออย่างรวดเร็ว และให้แต่ละกล่มุ จัดทาํ รายงานส่งครู

~ 83 ~

เรืองที 4 : การใช้แหล่งเรียนรู้สําคญั ๆ ภายในประเทศ

ห้องสมุดประชาชน “เฉลมิ ราชกมุ ารี”
ในโอกาสมิงมงคลสมยั ทีสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ทรงเจริญ
พระชนมายุ 36 พรรษา เมอื ปี พุทธศกั ราช 2534 กระทรวงศึกษาธิการไดร้ ับพระราชทานพระราชานุญาต
ให้ดาํ เนินโครงการจดั ตงั ห้องสมุดประชาชน “เฉลิมราชกุมารี” เพือเฉลิมพระเกียรติ และเพือสนอง
แนวทางพระราชดาํ ริในการส่งเสริมการศึกษาสาํ หรับประชาชนทีไดท้ รงแสดงในโอกาสต่าง ๆ เช่น
ในโอกาสทีทรงมีพระมหากรุณาธิคุณเสด็จเป็ นองค์ประธานในการประชุมสมชั ชาสากล ว่าดว้ ย
การศึกษาผใู้ หญ่ เมอื วนั ที 12 มกราคม 2533 ไดท้ รงพระราชทานลายพระหตั ถเ์ ชิญชวนให้
“ร่วมกนั ทาํ ใหช้ าวโลกอา่ นออกเขียนได”้
และในบทพระราชนิพนธเ์ รือง “หอ้ งสมดุ ในทศั นะของขา้ พเจา้ ” ไดท้ รงกล่าววา่
“...ความรู้ของมนุษยเ์ ป็นมรดกทีตกทอดกนั มาแต่โบราณ เมอื มีการประดิษฐ์คิดคน้ อกั ษนรขผึ มู้ ี
ความรู้ก็ไดบ้ นั ทึกความรู้ของตนงทสีติ นคน้ พบเป็ นการจารึก หรือเป็ นหนงั สือทาํ ใหบ้ ุคคลอืนในสมยั
เดียวกนั หรืออนุชนรุ่นหลงั ไดม้ โี อกาสศกึ ษาทราบถงึ เรืองนัน ๆ และไดใ้ ชค้ วามรู้เก่าๆ เป็นฐพาื น ทีจะ
หาประสบการณ์คิดคน้ สิงใหม่ๆ ทีเป็นความกา้ วหนา้ เป็นความเจริญสืบต่อไป...
หอ้ งสมุดเป็นสถานทีเก็บเอกสารต่าง ๆ อนั เป็ นแหล่งความรู้ดงั กล่าว แลว้ จึงเรียกไดว้ ่า เป็ นครู
เป็นนผาํ ชู้ใีหเ้ รามีปัญญาวเิ คราะห์วิจารณ์ใหร้ ู้สิงควรรู้อนั ชอบดว้ ยเหตุผลได้
ขา้ พเจา้ อยากใหเ้ รามีหอ้ งสมุดทีดี มีหนงั สือครบทุกประเภทสาํ หรับประชาชน...”
ดว้ ยความจงรักภกั ดีและความมุ่งมนั ศรัทธาทีจะร่วมสนองแนวทางพระราชดาํ ริในการส่งเสริม
โอกาสทางการศึกษา ภายในปี 2533 และ 2534 ไดม้ ีประชาชนในแต่ละพืนที หน่วยงาน ภาครัฐและ
ภาคเอกชนใหค้ วามสนบั สนุนกระทรวงศึกษาธิการจดั ตงั หอ้ งสมดุ ประชาชน “เฉลมิ ราชกมุ ารี” จาํ นวน 59
แห่ง ในพืนที 47 จงั หวดั เกินเป้ าหมายทีกาํ หนดไวเ้ ดิม 37 แห่ง และนับเนืองจากนนั ยงั มีขอ้ เสนอจาก
จงั หวดั ต่างๆ ขอเขา้ ร่วมโครงการเพิมเติมจวบจนปัจจุบนั มีหอ้ งสมุดประชาชน “เฉลิมราชกุมารี” จาํ นวน
82 แห่ง (ขอ้ มลู จากสถาบนั พฒั นาวตั กรรมการเรียนรู้ สาํ นกั งาน กศน. พฤศจิกายน 2553)

บทบาทหน้าที
1. ศูนย์ข่าวสารข้อมูลของชุมชน หมายถึง การจดั ห้องสมุดให้เป็ นแหล่งศึกษาหาความรู้
คน้ ควา้ วิจยั โดยมกี ารจดั บริการหนงั สือ เอกสารสิงพิมพ์ สือโสตทศั น์ ตลอดจนการจดั ทาํ ทาํ เนียบ และ
การแนะแนวแหลง่ ความรู้อืนๆ ทีผใู้ ชบ้ ริการสามารถไปศกึ ษาเพมิ เติม
2. ศูนย์ส่งเสริมการเรียนรู้ของชุมชน หมายถึง การเป็ นแหล่งส่งเสริม สนบั สนุน และจดั
กิจกรรมการเรียนรู้ทีหลากหลาย โดยหอ้ งสมุดอาจดาํ เนินการเอง หรือประสานงานอาํ นวยความสะดวก ให้
ชุมชน หรือหน่วยงานภายนอกมาจดั ดาํ เนินการ

~ 84 ~

กิจกรรมการเรียนรู้ทีจดั ขึนจะให้ความสาํ คญั แก่การจดั กิจกรรมส่งเสริมการอ่าน การแนะแนว
การศึกษา และการพฒั นาอาชีพ การสนับสนุนการเรียนรู้ดว้ ยตนเอง การจดั การศึกษานอกโรงเรียน
สายสามญั การจดั กล่มุ สนใจและชนั เรียนวิชาชีพ การส่งเสริมการศึกษาตามอธั ยาศยั ในรูปของนิทรรศการ
การอภิปรายการเรียนรู้ระหว่างสมาชิกในครอบครัว การถ่ายทอดความรู้จากผรู้ ู้ในชุมชน และการแสดง
ภาพยนตร์และสือโสตทศั น์

3. ศูนย์กลางจัดกิจกรรมของชุมชน หมายถึง การให้บริการแก่ชุมชนในการจดั กิจกรรม
การศกึ ษาและศิลปวฒั นธรรม เช่น การประชุมขององคก์ รทอ้ งถนิ และชมรมต่างๆ การจดั นิทรรศการ การ
แสดงผลิตภณั ฑ์ การจดั กิจกรรมวนั สาํ คญั ตามประเพณี การจดั สวนสุขภาพ สนามเด็กเล่น และ
สวนสาธารณะ เป็นตน้

4. ศูนย์กลางสนับสนุนเครือข่ายการเรียนรู้ในชุมชน หมายถึง การจดั ให้เกิดกระบวนการทีจะ
เชือมประสานระหว่างหอ้ งสมุดและแหลง่ ความรู้ในชุมชนอนื ๆ เช่นทีอา่ นหนงั สือประจาํ หมู่บา้ น สถานศึกษา
แหลง่ ประกอบการ ภูมิปัญญาทอ้ งถิน ดว้ ยการผลิตและเผยแพร่เอกสารสิงพิมพไ์ ปสนับสนุน เวียนหนังสือ
จดั ทาํ ทาํ เนียบผรู้ ู้ในชุมชน จดั กิจกรรมเพือใหเ้ กิดการแลกเปลยี นเรียนรู้ระหว่างชุมชน เป็นตน้

อาคารห้องสมุดประชาชน “เฉลมิ ราชกมุ ารี”
หอ้ งสมุดประชาชน “เฉลิมราชกุมารี” ทีจดั สร้างขึนในรุ่นแรกจะเป็ นอาคาร 2น ชัมีเนือที

ใชส้ อยประมาณ 320 ตารางเมตร และมีรูปทรงทีคลา้ ยคลึงกนั จะต่างกนั เฉพาะบริเวณหลงั คาและจวั
ทงั นีเป็นไปตามมติของคณะกรรมการอาํ นวยการโครงการทีกาํ หนดใหห้ อ้ งสมุดงมเอีทกั ลกั ษณะเฉพาะของ
หอ้ งสมดุ ประชาชน “เฉลมิ ราชกมุ ารี” และในขณะเดียวกนั ใหม้ เี อกลกั ษณ์เฉพาะภาค

~ 85 ~

ห้องสมุดประชาชน “เฉลิมราชกุมารี” อ. ศรีมโหสถ จ.ปราจนี บุรี

~ 86 ~

ห้องสมุดประชาชน “เฉลิมราชกุมารี” นครราชสีมา
ห้องสมุดประชาชน “เฉลมิ ราชกุมารี” ราชบุรี

~ 87 ~

ห้องสมุดประชาชน “เฉลมิ ราชกุมารี” สมุทรสาคร
ห้องสมุดประชาชน “เฉลมิ ราชกุมารี” สกลนคร

~ 88 ~

ห้องสมุดประชาชน “เฉลิมราชกุมารี” อ.ดอนเจดยี ์ จ.สุพรรณบุรี

ห้องสมุดประชาชน “เฉลมิ ราชกุมารี”
อ.สัตหีบ จ.ชลบุรี

~ 89 ~

ห้องสมุดประชาชน “เฉลิมราชกุมารี” จ.นครปฐม
ห้องสมุดประชาชน “เฉลิมราชกุมารี” อ.เสนา จ.พระนครศรีอยธุ ยา

~ 90 ~

ห้องสมุดประชาชน “เฉลมิ ราชกุมารี”
อ.วเิ ศษชยั ชาญ จ.อ่างทอง

ห้องสมุดประชาชน “เฉลิมราชกุมารี”
อ.รือเสาะ จ.นราธิวาส

~ 91 ~

การบริการของห้องสมดุ ประชาชน “เฉลมิ ราชกมุ ารี”
บริการหนังสือทัวไป
หนงั สือทีจดั บริการประกอบดว้ ย หนังสืออา้ งอิง นวนิยาย สารคดี และแบบเรียนในระดบั

ต่างๆ โดยเฉพาะอยา่ งยงิ สาํ หรับนกั ศกึ ษานอกโรงเรียนทีจะสามารถยมื หนังสือเรียนไปใช้ นอกจากนียงั มี
หนงั สือพิมพแ์ ละวารสารจดั บริการ พร้อมกบั กฤตภาค จุลสาร และสิงพมิ พอ์ นื ๆ

บริการพิเศษทีเป็นเอกลกั ษณ์เฉพาะสาํ หรับหอ้ งสมุดประชาชน “เฉลิมราชกมุ ารี” ไดแ้ ก่
บริการศนู ยข์ อ้ มูลทอ้ งถิน หอ้ งสมุดแต่ละแห่งจะจดั ศูนยข์ อ้ มูลทอ้ งถินตามพระราโชบายของ
สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกมุ ารี ทีมพี ระราชประสงคใ์ หห้ อ้ งสมุดประชาชน “เฉลิมราช
กุมารี” จดั รวบรวมขอ้ มลู เกียวกบั อาํ เภอ และจงั หวดั ทีตงั ในรูปของสถิติ เอกสารสิงพิมพ์ บทสมั ภาษณ์
แผนที ตลอดจนภาพถา่ ย
ในปัจจุบนั ศนู ยข์ อ้ มูลภายในหอ้ งสมุดประชาชน “เฉลิมราชกุมารี” ยงั มีความแตกต่างกนั ใน
ความสมบรู ณ์และวิธีการนาํ เสนอ แต่ส่วนใหญ่จะมขี อ้ มลู ในเรืองดงั ต่อไปนี
1. ขอ้ มลู สภาพทวั ไป
2. ขอ้ มลู ทางสงั คม
3. ขอ้ มลู ทางการเมืองการปกครอง
4. ขอ้ มลู ทางการศกึ ษา
5. ขอ้ มลู ทางศิลปวฒั นธรรม
6. ขอ้ มลู ทางวทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี
7. ขอ้ มลู ทางการเกษตร
8. ขอ้ มลู ทางอุตสาหกรรม
9. ขอ้ มลู ทางเศรษฐกิจ

มุมนักเขียนท้องถิน การประกาศเกียรติคุณและรวบรวมผลงานนักเขียน ทอ้ งถินทีมีผลงาน
มีชือเสียงระดบั ชาติ และเป็นทีรู้จกั ภายในทอ้นงถทิ งั นีเพอื ใหป้ ระชาชนในแต่ละพืนทีเกิดความภาคภูมิใจ
ในพลงั ความสร้างสรรคใ์ นทอ้ งถนิ ของตนและเยาวชนรุ่นหลงั เกิดแรงบนั ดาลใจ ทีจะเจริญรอยตาม

มุมวรรณกรรมพนื บ้าน ไดร้ วบรวมวรรณกรรมพืนบา้ นทงั ทีอยู่ในรูปของเอกสารสิงพิมพ์
และเป็นตาํ นานเลา่ สืบต่อกนั มา

~ 92 ~

มุมธรรมะ หอ้ งสมดุ ประชาชน “เฉลิมราชกุมารี” หลายแห่งไดร้ ิเริมหอ้ งธรรมะหรือมุมธรรมะ
ซึงนอกจากจะนําเสนอประวตั ิและผลงานของพระสงฆ์ทีเป็ นทีเคารพในทพีืแลว้ ยงั จัดหนังสือ
พระไตรปิ ฏก และรวบรวมหนงั สือธรรมะ ตลอดจนเทปธรรมะเพือประโยชนใ์ นการศกึ ษาคน้ ควา้ อีกดว้ ย

มุมหนังสือทัวไป

มุมศลิ ปิ นท้องถนิ

~ 93 ~

บริการแนะแนว เนืองจากผใู้ ชบ้ ริการหอ้ งสมดุ จาํ นวนไม่น้อยเป็ นประชาชนนอกระบบโรงเรียน
จึงมีการจัดมุมแนะแนวขึนในหลายแห่ง เพือใหข้ อ้ มูลเกียวกับโอกาสในการศึกษานอกระบบโรงเรียน
ประโยชน์ทีจะไดร้ ับและขอ้ มลู เกียวกบั แหล่งทีจดั สอน ค่าเลา่ เรียน และรายละเอียดพนื ฐานอนื ๆ

ห้องเดก็ และครอบครัว
หอ้ งสมุดประชาชน “เฉลมิ ราชกมุ ารี” แต่ละแห่งไดจ้ ดั บริเวณเฉพาะสาํ หรับเด็กและเยาวชน ให้

มาใชบ้ ริการร่วมกนั ดว้ ยการจดั หนังสือและสือนานาชนิดซึงมีทงั สือทดลองทีผใู้ ชส้ ามารถทดลองด้วย
ตนเองหรือเป็นกลุ่ม เครืองเลน่ และสือสาธิต

ในบริเวณดงั กลา่ ว จะจดั บรรยากาศใหด้ ึงดดู ใจ โดยอาจจาํ ลองภาพจากตาํ นานพืนฐาน เทพนิยาย
หรือสภาพภมู ิประเทศทงั ใกลแ้ ละไกลตวั มาตกแต่ง พร้อมกบั จดั ทีนงั อา่ น ทีนงั เล่นทีเหมาะสม มีบริเวณจดั
กิจกรรมทีเด็กและครอบครัวสามารถมีส่วนร่วมและแสดงออก เช่น การเล่านิทาน การแสดง ละครหุ่น
การวาดภาพ การแข่งขนั อ่านเขียน เป็ นตน้ หอ้ งสมุดบางแห่ง เช่น ทีอาํ เภอไทพอธงิ ไดส้ อดแทรกการ
ปลกู ฝังระเบียบวนิ ยั ใหก้ บั เด็ก ดว้ ยการจดั ระบบใหเ้ ด็ก ไมว่ ่าจะเล็กเพียงใดไดฝ้ ึ กหัด เบิกและเก็บของเล่น
ใหเ้ ป็นระเบียบ

การจัดกิจกรรมส่งเสริ มการอ่านทีหลากหลายและต่อเนือง การรักษาระเบียบวินัยภายใน
หอ้ งสมดุ ฯ การส่งเสริมใหค้ รอบครัวมาใชบ้ ริการร่วมกนั การดแู ลสภาพเครืองเล่นใหใ้ ชก้ ารได้ ตลอดจน
การเสริมหนังสือและสือให้มีพอเพียง จึงเป็ นประเด็นทีทา้ ทายผมู้ ีส่วนร่วมในการจดั หอ้ งสมุดประชาชน
“เฉลมิ ราชกุมารี” ทุกคน

~ 94 ~

ห้องโสตทัศนศกึ ษา
หอ้ งโสตทศั นศกึ ษา เป็นหอ้ งทีมงุ่ พฒั นาใหเ้ ป็นศนู ยเ์ ทคโนโลยที างการศกึ ษาของอาํ เภอ โดยมี

วตั ถุประสงคท์ ีจะจดั บริการสือเพือการศกึ ษาคน้ ควา้ เพือส่งเสริมการศกึ ษาดว้ ยตนเอง เพือประกอบการ
เรียนการสอน ทงั ในและนอกระบบโรงเรียน และเพือส่งเสริมศลิ ปวฒั นธรรม และการนนั ทนาการ

ในแต่ละหอ้ งสมดุ จะมสี ือพนื ฐาน ซึงไดแ้ ก่ สไลด์ CD C.A.I CD-ROM และคู่มือประกอบการ
ฟังและการชม ซึงจะมีเนือหาดงั นี

1. สือการศึกษาสาํ หรับศึกษาดว้ ยตนเอง หรือเสริมหลกั สูตรการศึกษาสายสามญั ทงั ใน และ
นอกระบบโรงเรียน ตงั แต่ระดบั ประถมศึกษา มธั ยมศกึ ษา และในบางแห่งมีถงึ ระดบั อุดมศึกษา ทงั นีโดย
ไดร้ ับการสนบั สนุนจากศนู ยเ์ ทคโนโลยที างการศึกษา และมหาวทิ ยาลยั เปิ ด

2. สือการศกึ ษาสายอาชีพ สาํ หรับศึกษาดว้ ยตนเอง หรือประกอบการเรียนตามหลกั สูตร
3. สือทีใหค้ วามรู้ทวั ไปเชิงสารคดี เช่นเรืองศลิ ปวฒั นธรรม การท่องเทียว เป็นตน้
4. สือทีใหค้ วามรู้ในเรืองธรรมะ และศาสนา
5. สือดนตรีประเภทต่างๆ ทงั ดนตรีพนื บา้ น ดนตรีไทย และดนตรีสากล
6. สือบนั เทิง

~ 95 ~

ห้องอเนกประสงค์
หอ้ งสมุดประชาชน “เฉลิมราชกุมารี” มบี ทบาทในการเป็นศนู ยส์ ่งเสริมการเรียนรู้ของประชาชน

ในการวางแผนเบืองตน้ จึงกาํ หนดใหม้ หี อ้ งอเนกประสงคท์ ีจะสามารถจดั กิจกรรมการศึกษาทีหลากหลาย
ทงั ในรูปของพิพิธภณั ฑท์ อ้ งถิน นิทรรศการ การอภิปราย การพบกลุ่มของนักศึกษา หรือการเรียนการ
สอนกลุม่ สนใจ ซึงมเี นือหาดงั ต่อไปนี

1. ประวตั ิศาสตร์ โบราณคดีของพืนทีนันๆ ทงั ในภาพรวม และเจาะลึกในบางประเด็น เช่น
หอ้ งสมุดอ่าวลึกแสดงนิทรรศการถาํ หวั กะโหลกและลกู ปัดโบราณ หอ้ งสมุดปัตตานีจดั หอ้ งพิเศษ เพือ
นาํ เสนอเรืองเมอื งโบราณ หอ้ งสมุดพฒั นานิคมจดั นิทรรศการตามรอยสมเด็จพระนารายณ์ และหอ้ งสมุด
ทองผาภมู ิ เสนอเสน้ ทางเดินทพั เป็นตน้

2. ภมู ศิ าสตร์และสิงแวดลอ้ ม หอ้ งสมดุ แต่ละแห่งจะนาํ เสนอแผนทีแสดงอาณาเขต และสภาพ
ทางภูมิประเทศ พร้อมกบั เสนอประเด็นปัญหา เช่น ห้องสมาุดพนอํ งเสนอนิทรรศการลาํ นาํ แห่งชีวิต
หอ้ งสมุดบางปะกงจัดนิทรรศการป่ าชายเลน ห้องสมุดวิเศษชยั ชาญแสดงเรืองแม่นาํ น้อย ห้องสมุด
สิงหนครเนน้ การสร้างความตระหนกั ในเรืองทะเลสาปสงขลา เป็นตน้

3. ศิลปวฒั นธรรมประเพณี ห้องสมุดหลายแห่งให้ความสนใจต่อการนาํ เสนอนิทรรศการ
ทีเกียวกบั ความหลากหลายของศิลปวฒั นธรรมประเพณี และการเปลียนแปลงในวิถีชีวิตของประชาชน
เช่นหอ้ งสมุดแม่สะเรียงเสนอเรืองไทยใหญ่และชาวเขาเผ่าต่างๆ ห้องสมุดทีจตั ุรัสแสดงวฒั นธรรมชาว
ชยั ภูมิ ทีมีพนื ฐานไทยโคราชและลาว หอ้ งสมดุ ลาดหลมุ แกว้ จดั นิทรรศการวฒั นธรรมมอญ ห้องสมุดศีขร
ภมู ิเนน้ เรืองส่วย ในขณะทีหอ้ งสมุดกาบเชิงเนน้ เรืองวฒั นธรรมเขมร เป็นตน้

4. อาชีพ เป็ นหวั ขอ้ ทีมีการนําเสนออย่างกวา้ งขวางงใทนั แง่ของการแสดงวิวฒั นาการของ
อาชีพในพืนที เช่น การทาํ เครืองปันดินเผาทีหอ้ งสมดุ ชุมพวง ผา้ ยกดอกทีลาํ พนู ผา้ ไหม ผา้ ขิต ผา้ แพรวา
ในหอ้ งสมดุ เขตอีสาน จนถึงการทาํ ขนมเคก้ ทีขึนชือของจงั หวดั ตรัง การประกาศเกียรติคุณครูชาวบา้ นทีมี
ความรู้ และประสบการณ์ทีมีคุณค่าแก่การสนับสนุนให้ถ่ายทอดไปสู่ประชาชน การปรับปรุงอาชีพใน
พนื ทีและการนาํ เสนอทางเลือกใหม่ตลอดจนขนั ตอนในการประกอบอาชีพ

5. การส่งเสริมคุณภาพชีวิต ห้องสมุดหลายแห่งได้รับความร่วมมือในการจัดนิทรรศการ
เกียวกบั การส่งเสริมคุณภาพชีวิต เช่น นิทรรศการเรืองคุณค่าทางโภชนาการของพืชผกั พืนเมืองที
หนองบวั ลาํ ภู นิทรรศการเรืองการขาดวิตามินเอ ทีปัตตานี เรืองอุบตั ิภยั ทีศีขรภูมิ การพฒั นาชายแดนที
หอ้ งสมดุ นาดี เป็นตน้

6. คนดีมีฝี มือ นอกเหนือการจดั มุมนกั เขียนทอ้ งถินในหอ้ งอ่านหนังสือทวั ไปแลว้ ยงั มีการ
พยายามทีจะรวบรวมประวตั ิและผลงานของคนดีมีฝี มือทีเกิดในอาํ เภอ และจงั หวดั เพือเผยแพร่
ในหอ้ งนีดว้ ย

~ 96 ~

7. ภูมิปัญญาทอ้ งถิน สอดแทรกภายในนิทรรศการแต่ละหวั ขอ้ มีความพยายามทีจะเสนอ
ผลงานและประสบการณ์จากผรู้ ู้ในชุมชน เช่น หมอยาสมุนไพร ช่างทอผา้ ช่างตีเหล็ก เกษตรกรทีทาํ ไร่
ทาํ นาสวนผสม ทงั นีเพือใหห้ อ้ งสมดุ ไดเ้ ป็ นสือกลางระหว่างเทคโนโลยจี ากภายนอก และภูมิปัญญาทีได้
สงั สมไวใ้ นแต่ละพืนที

~ 97 ~

ห้องเฉลมิ พระเกยี รติ
หวั ใจของหอ้ งสมุดประชาชน “เฉลมิ ราชกุมารี” คือห้องเฉลิมพระเกียรติซึงมีวตั ถุประสงค์ ทีจะ

นาํ เสนอพระราชประวตั ิ พระปรีชาญาณ และพระมหากรุณาธิคุณทีสถาบนั พระมหากษตั ริยม์ ีต่อประชาชน
ชาวไทย หอ้ งเฉลิมพระเกียรติจึงแบ่งเป็น 4 ส่วน กลา่ วคือ

1. นิทรรศการเกียวกบั พระราชประวตั ิของสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกมุ ารี
2. พระราชนิพนธข์ องสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี พระราชนิพนธ์ ของ
พระบรมวงศานุวงศใ์ นราชวงศจ์ กั รี หนงั สือเทิดพระเกียรติสถาบนั พระมหากษตั ริยแ์ ละราชวงศจ์ กั รี
3. นิทรรศการเกียวกบั พระอจั ฉริยภาพของสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี
ในดา้ นต่างๆ เช่น ศลิ ปกรรม วรรณกรรม การดนตรี
4. พระราชกรณียกิจและโครงการพระราชดําริ ในรัชกาลปัจจุบันของสมเด็จพระเทพ
รัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกมุ ารี
การนาํ เสนอนนั จะแตกต่างในแต่ละหอ้ งสมดุ ส่วนใหญ่ จะประกอบดว้ ยภาพซึงส่วนหนึง ไดร้ ับ
พระมหากรุณาธิคุณโปรดเกลา้ โปรดกระหมอ่ มพระราชทาน และอีกส่วนหนึงไดจ้ ากประชาชนใน พืนทีที
เก็บรักษาไวด้ ว้ ยความเทิดทูนบูชา หลายภาพมีอายุกว่า 20 ปี หนงั สือ กฤตภาคงทสีจิ าํ ลอง ผลงาน
ฝีพระหตั ถ์ และสือโสตทศั น์

~ 98 ~

ห้องสมุดวทิ ยาลยั และมหาวทิ ยาลยั

หอ้ งสมดุ วิทยาลยั และมหาวิทยาลยั เป็นแหล่งเรียนรู้หลกั ในสถาบนั อุดมศึกษา มีบทบาท หน้าที
ส่งเสริมการเรียนการสอนตามหลกั สูตรทีเปิ ดในวิทยาลยั หรือมหาวิทยาลยั นัน ๆ เป็ นสาํ คญั โดยการจดั
รวบรวมหนังสือและสือความรู้อืน ๆ ในสาขาวิชาตามหลกั สูตร ส่งเสริมช่วยเหลือการคน้ ควา้ วิจยั ของ
อาจารยแ์ ละนกั ศึกษา ส่งเสริมพฒั นาการทางวิชาการของอาจารยแ์ ละนกั ศึกษาโดย จดั ใหม้ ีแหล่งความรู้
และช่วยเหลอื จดั ทาํ บรรณานุกรมและดรรชนีสาํ หรับคน้ หาเรืองราวทีตอ้ งการ แนะนาํ นกั ศึกษาในการใช้
หนงั สืออา้ งอิงบตั รรายการและคู่มอื สาํ หรับการคน้ เรือง

หอ้ งสมดุ วิทยาลยั และมหาวทิ ยาลยั เนน้ การใหบ้ ริการกบั นิสิตนกั ศกึ ษาของวิทยาลยั นนั ๆ แต่ก็มี
หลายแห่งทีเปิ ดให้ประชาชนเข้าไปใช้บริ การได้ตามข้อกาํ หนดของวิทยาลัยและมหาวิทยาลัยนัน
(ใหค้ น้ ควา้ ขอ้ มลู เพมิ เติมในอินเทอร์เน็ต)

ตวั อยา่ งเช่น ห้องสมุดมหาวิทยาลยั สุโขทยั ธรรมาธิราช เป็ นห้องสมุดมหาวิทยาลยั เปิ ด มีชือ
เรียกว่า “สาํ นกั บรรณสารสนเทศ” มบี ริการทงั ในมหาวิทยาลยั ส่วนกลาง (กทม.) ระดบั ภาค ทีประชาชนมี
โอกาสเขา้ ใชบ้ ริการได้ โดยเสียค่าบาํ รุงรายวนั จงั หวดั ทีเปิ ดให้บริการ ไดแ้ ก่ นครศรีธรรมราช เพชรบุรี
นครสวรรค์ สุโขทยั อดุ รธานี อบุ ลราชธานี ลาํ ปาง จนั ทบุรี ยะลา และนครนายก เนน้ เพือการเรียนของ
นกั ศึกษา มสธ. ตามหลกั สูตรต่าง ๆ และหนงั สือทวั ไป เช่น นวนิยาย เรืองสนั หนงั สือเยาวชน


กจิ กรรมที

ใหผ้ เู้ รียนยกตวั อยา่ งหอ้ งสมดุ ในวิทยาลยั หรือมหาวิทยาลยั 1 แห่ง พร้อมทงั บอกลกั ษณะการ
ใหบ้ ริการของหอ้ งสมุด ไดแ้ ก่ สถานทีตงั การเปิ ด-ปิ ด บริการ ค่าบริการ สาํ หรับประชาชนทวั ไป ฯลฯ

หอสมุดแห่งชาติ
หอสมดุ แห่งชาติของไทย สถาปนาขึนดว้ ยพระมหากรุณาธิคุณสมเด็จพระมหากษตั ราธิราช ใน

พระบรมราชจกั รีวงศ์ โดยการรวบรวมหอพระมณเฑียรธรรม หอพระสมดุ วชิรญาณ และหอพุทธสาสน
สงั คหะ เขา้ ดว้ ยกนั ในรัชสมยั พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกลา้ เจา้ อยหู่ วั รัชกาลที ทรงพระกรุณาโปรด
เกลา้ ฯ ใหม้ ีพระบรมราชโองการประกาศจดั การหอพระสมดุ วชิรญาณ ใหเ้ ป็นหอสมดุ สาํ หรับพระนคร
เมือวนั ที 12 ตุลาคม พทุ ธศกั ราช 2448 และไดว้ วิ ฒั นาการเป็นสาํ นกั หอสมดุ แห่งชาติปัจจุบนั

~ 99 ~

บทบาทและหน้าที
1. ดาํ เนินการจดั หา รวบรวม และสงวนรักษาทรัพยส์ ินทางปัญญา วิทยาการ ศิลปกรรม และ

วฒั นธรรมของชาติในรูปของหนงั สือ ตวั เขียน เอกสารโบราณและจารึก หนังสือตวั พิมพ์ สือสิงพิมพ์ สือ
โสตทศั นวสั ดุ และสืออิเล็กทรอนิกส์ ทีผลติ จากในประเทศและต่างประเทศ

2. ศึกษา วิเคราะห์ วจิ ยั ดาํ เนินงานดา้ นเทคนิควิชาการบรรณารักษศาสตร์ สารนิเทศศาสตร์
และเทคโนโลยีสารนิเทศตามหลกั มาตรฐานสากล ตลอดจนใหก้ ารฝึ กอบรมแก่ บุคลากรของหน่วยงาน
และสถาบนั การศึกษาทงั ในประเทศและต่างประเทศ

3. ใหบ้ ริการการอา่ น ศกึ ษาคน้ ควา้ และวิจยั แก่ประชาชนเพือให้เป็ นแหล่งการเรียนรู้ ตลอด
ชีวติ และการศกึ ษาตามอธั ยาศยั

4. เป็นศนู ยป์ ระสานงานระบบสารนิเทศทางวิชาการแห่งชาติ
5. เป็ นศูนยข์ อ้ มูลวารสารระหว่างชาติแห่งประเทศไทย และภูมิภาคเอเซียตะวนั ออกเฉียงใต้
ศนู ยก์ าํ หนดเลขมาตรฐานสากลประจาํ หนงั สือและวารสาร ศนู ยก์ าํ หนดรายละเอียดทาง บรรณานุกรมของ
หนงั สือทีจดั พิมพใ์ นประเทศ และเป็นศนู ยก์ ลางแลกเปลยี นและยงมื พสิมิ พใ์ นระดบั ชาติและนานาชาติ

หอสมุดแห่งชาตสิ าขาต่าง ๆ
หอสมดุ แห่งชาติ นอกจากจะตงั อยทู่ ีท่าวาสุกรี เทเวศน์ เขตดุสิต กรุงเทพฯ ยงั มหี อสมดุ

แห่งชาติสาขาในภูมิภาคต่าง ๆ อีก 17 แห่ง ดงั นี

ภาคกลาง

หอสมุดแห่งชาตเิ ขตลาดกระบงั เฉลมิ พระเกยี รติ
280/8 หมู่ 2 ถนนหลวงพรตพทิ ยพยตั เขตลาดกระบงั กรุงเทพฯ 10520
โทรศพั ท์ 0-2739 - 2297 - 8 โทรสาร 0 - 2739 - 2297 - 8
ต่อ 206 เวลาเปิ ด - ปิ ดทาํ การ/บริการ : 08.30 - 16.30 น.
วนั จนั ทร์ - วนั ศกุ ร์ หยดุ วนั เสาร์ - วนั อาทิตย์ และวนั นกั ขตั ฤกษ์

~ 100 ~

หอสมุดแห่งชาตอิ นิ ทร์บุรี สิงห์บุรี
109 หมู่ 1 ตาํ บลอนิ ทร์บุรี อาํ เภอินทร์บุรี จงั หวดั สิงหบ์ ุรี 16110
โทรศพั ท์ 036 - 581 - 520
เวลาเปิ ด - ปิ ดทาํ การ/ บริการ : 09.00 - 17.00 น. วนั องั คาร - วนั เสาร์
หยดุ วนั อาทิตย์ - วนั จนั ทร์ – และวนั นกั ขตั ฤกษ์

หอสมุดแห่งชาตริ ัชมงั คลาภเิ ษก กาญจนบุรี
ถนนแสงชโู ต ตาํ บลบา้ นเหนือ อาํ เภอเมอื ง
จงั หวดั กาญจนบรุ ี 71000 โทรศพั ท์ 034 - 513 924 - 6, 516 - 755
โทรสาร 034 - 513 -924
เวลาเปิ ด - ปิ ดทาํ การ / บริการ : 09.00 - 17.00 น.
วนั องั คาร - วนั เสาร์ หยดุ วนั อาทิตย์ - วนั จนั ทร์ และวนั นกั ขตั ฤกษ์


Click to View FlipBook Version