The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

หนังสือเรียนวิชาทักษะการเรียนรู้ ม.ปลาย

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by ebookchon, 2020-05-27 02:51:41

หนังสือเรียนวิชาทักษะการเรียนรู้ ม.ปลาย (ทร31001)

หนังสือเรียนวิชาทักษะการเรียนรู้ ม.ปลาย

Keywords: ทร31001,ทักษะการเรียนรู้

~ 201 ~

แนวทางการทาํ กิจกรรม
. เลขานุการกลุ่มบนั ทึกความเห็นของกลุม่ ทีร่วมกนั อภิปราย ความเห็นอาจมหี ลายคาํ ตอบได้

. เปรียบเทียบคาํ ตอบหรือความเห็นของกลมุ่ ผเู้ รียนกบั ตวั อยา่ งขอ้ สรุปทีนาํ เสนอไวว้ ่าใกลเ้ คียงกนั
หรือไม่ เพียงใด

. เลอื กขอ้ คิดหรือคาํ ตอบของกลมุ่ ทีคิดว่าดีทีสุดไว้ คาํ ตอบ
. คาํ ตอบทีกลุม่ คดิ วา่ ดีทีสุด เลือกบนั ทึกไวค้ ือ
.............................................................................................................................................................
.............................................................................................................................................................
.............................................................................................................................................................
.............................................................................................................................................................
.............................................................................................................................................................
.............................................................................................................................................................
.............................................................................................................................................................
.............................................................................................................................................................
.............................................................................................................................................................
.............................................................................................................................................................
.............................................................................................................................................................
.............................................................................................................................................................
.............................................................................................................................................................
.............................................................................................................................................................
.............................................................................................................................................................

ตวั อยา่ งขอ้ สรุปของกรณีตวั อยา่ ง ตวั อย่าง
เรือง “ธญั ญวด”ี จากความเห็นของ ขอ้ สรุปผลการอภิปรายจากกรณีตวั อยา่ งเรือง
ผเู้ รียนหลายกลุ่มทีเคยเสนอไว้ “ธญั ญวด”ี
ดงั ปรากฏในกรอบดา้ นขวามอื -------------------------------
ตวั อยา่ งขอ้ สรุปนีอาจใกลเ้ คียง การทีคนเราจะมีชีวิตอยไู่ ดอ้ ย่างเป็ นสุขนัน ตอ้ ง
กบั ขอ้ สรุปของกล่มุ ของท่านก็ได้ รู้จกั ปรับตัวเองใหเ้ ขา้ กบั สถานการณ์ สิงแวดลอ้ ม
หรือปรับสถานการณ์สิงแวดลอ้ มใหเ้ ขา้ กับตนเอง
ห รื อป รั บ ทัง สอง ท า ง ให้เ ข้า ห า กัน ไ ด้อย่า ง
ผสมกลมกลนื กจ็ ะเกิดความสุขได้

~ 202 ~

ใบงานที
กรณตี วั อย่างเรือง “ว่นุ ”

ว่นุ

หมบู่ า้ นดอนทรายมลู ทีเคยสงบเงียบมาแต่กาลก่อน กลบั คึกคกั ดว้ ยผคู้ นทีอพยพเขา้ ไปอยเู่ พิมกนั
มากขึน ๆ ทุกวนั ทงั นีเป็นเพราะการคน้ พบพลอยในหม่บู า้ น มีการต่อไฟฟ้ า ทาํ ให้สว่างไสว ถนนลาดยาง
อยา่ งดี รถราวิงดูขวกั ไขว่ไปหมด สิงทีไม่เคยเกิดขึนมาก่อนก็เกนิดขเชึ ่น เมือวานเจา้ จุกลูกผใู้ หญ่จา้ ง
ถกู รถจากกรุงเทพฯ ทบั ตายขณะวิงไล่ยงิ นก เมือเดือนก่อน น.ส.เหรียญเงิน เทพสี งกรานตป์ ี นี ถูกไฟฟ้ าดูด
ขณะรีดผา้ อยู่ ซ่องผหู้ ญิงเกิดขึนเป็ นดอกเห็ด เพือตอ้ นรับผคู้ นทีมาทาํ ธุรกิจ ทีร้ายก็คือเป็ นทีเทียวของผชู้ าย
ในหมบู่ า้ นนีไปดว้ ย ทาํ ใหผ้ วั เมยี ตีกนั แทบไมเ่ วน้ แต่ละวนั

ครูสิงหแ์ กนงั ดูเหตุการณ์ต่าง ๆ ทีเกิดขึนแลว้ ไดแ้ ต่นงั ปลงอนิจจงั “เออ ไอพ้ วกนีเคยสอนจาํ จีจาํ ไช
มา ตงั แต่หวั เท่ากาํ ปัน เดี ยดวูมนนัี ขดั หูขดั ตากนั ไปหมด จะสอนมนั อย่างเดิมคงจะไปไม่รอดแลว้ เราจะทาํ
อยา่ งไรดี”

ประเด็น
1. ทาํ ไมจึงเกิดปัญหาต่าง ๆ เหลา่ นีขึนในหมบู่ า้ นดอนทรายมลู
2. ถา้ ท่านเป็นคนในหม่บู า้ นทรายมลู ท่านจะแกป้ ัญหาอยา่ งไร
3. ท่านคิดว่า การเรียนรู้ทีเหมาะสมกบั สภาพของชุมชนเช่นนี ควรเป็นอยา่ งไร

แนวทางการทาํ กิจกรรม
. บนั ทึกความเห็นของกลุม่ ผเู้ รียนทีร่วมกนั อภิปรายถกแถลง ความคิดเห็นอาจมีหลายขอ้

. เปรียบเทียบความคดิ เห็นทีกลุ่มผเู้ รียนเสนอกบั ตวั อยา่ งขอ้ คิดเห็นทีเสนอไวว้ า่ ใกลเ้ คียงกนั
หรือไม่ เพียงใด

. เลือกคาํ ตอบหรือขอ้ คิดทกี ลุ่มผเู้ รียนเลอื กไวว้ ่าดีทีสุด บนั ทึกไว้ คาํ ตอบ
. คาํ ตอบทีเลอื กไวค้ ือ
.............................................................................................................................................................
.............................................................................................................................................................
.............................................................................................................................................................
.............................................................................................................................................................

~ 203 ~

.............................................................................................................................................................
.............................................................................................................................................................
.............................................................................................................................................................
.............................................................................................................................................................
.............................................................................................................................................................
.............................................................................................................................................................
.............................................................................................................................................................
.............................................................................................................................................................

ตวั อยา่ งขอ้ สรุปของกรณี ตวั อยา่ ง
ตวั อยา่ ง เรือง “วนุ่ ” จาก ขอ้ สรุปผลการอภิปรายจากกรณีตวั อยา่ งเรือง
ความเห็นของผเู้ รียนหลาย “วนุ่ ”
กลุม่ หลายคนทีเคยเสนอไว้
ดงั ทีปรากฏในกรอบดา้ น สังคมปัจจุบันมีการเปลียนแปลงอย่างรวดเร็ ว
ขวามอื ตวั อยา่ งขอ้ สรุปนีอาจ ความเจริ ญทางวตั ถุและเทคโนโลยีวิงเข้าสู่ชุมชน
ใกลเ้ คียงกบั ขอ้ สรุปของกลุ่ม อย่างรวดเร็วและรุนแรงตลอดเวลา จนคนในชุมชน
ของท่านก็ได้ ตงั รับไม่ทนั ปรับตวั ไม่ไดจ้ ึงเกิดปัญหาทีหลากหลาย
ทังด้านเศรษฐกิจ สังคม การเมือง การปกครอง
การศึกษา อาชีพ ความมนั คง และความปลอดภัย
ของคนในชุมชน การจดั การเรียนการสอนในปัจจุบนั
จะใชว้ ิธีสอนโดยการบอกการอธิบายของครูใหผ้ เู้ รียน
จาํ ได้เท่านันคงไม่เพียงพอแต่ตอ้ งให้ผูเ้ รียนรู้จกั คิด
รู้จักการแก้ปั ญหาทีต้องได้ข้อมูลทีหลากหลาย
มาประกอบการคิดแกป้ ัญหาใหส้ อดคลอ้ งกบั ความเชือ
ค ว า ม จํา เ ป็ น ข อง ต น เ อง แ ล ะ ค ว า ม ต้อ ง ก า ร
ของชุมชนดว้ ย

~ 204 ~

กจิ กรรมที
ครูและผูเ้ รียนนังสบาย ๆ อยู่กันเป็ นกลุ่ม ครูแจกใบงานที ทีเป็ นกรณีตัวอย่าง เรือง

“สูไ้ หม” ครูเปิ ดเทปทีอดั เสียง กรณีตวั อยา่ งเรือง “สูไ้ หม” ใหผ้ เู้ รียนฟังพร้อม ๆ กนั ถา้ ไม่มีเทปครูตอ้ งอ่าน
ให้ฟังแบบละครวิทยุ เพือสร้างบรรยากาศใหต้ ืนเตน้ ตามเนือหาในกรณีตวั อยา่ ง เมือครูอ่านจบแลว้ ก็จะ
พดู คุยกบั ผเู้ รียนในเชิงทบทวนถงึ เนือหาและเหตุการณ์ในกรณีตวั อยา่ งเรือง “สูไ้ หม” เพือให้แน่ใจว่าผเู้ รียน
ทุกคนเขา้ ใจถึงเหตุการณ์ในเนือเรืองของกรณีตวั อยา่ งตรงกนั ไม่ตกหล่น จากนันครูจึงเสนอประเด็นกาํ กบั
กรณีตวั อยา่ งใหผ้ เู้ รียนนาํ ไปอภิปรายถกแถลง เพือหาคาํ ตอบในกล่มุ ยอ่ ย

ใบงานที
กรณตี วั อย่างเรือง “สู้ไหม”

“สู้ไหม”

ผมตกใจสะดุง้ ตืนขึนเมือเกิดเสียงเอะอะ พอลืมตาขึนมา เห็นทุกคนยืนกนั เกือบหมดรถ “ทุกคน
นงั ลงอยนู่ ิง ๆ อยา่ เคลอื นไหวไม่งนั ยงิ ตายหมด” เสียงตวาดลนั ออกมาจากปากของเจา้ ชายหนา้ เหียม คอสนั
ทียนื อยหู่ นา้ รถ กาํ ลงั ใชป้ ื นจ่ออยทู่ ีคอของคนขบั

ผมรู้ทันทีว่ารถทวั ร์ทีผมโดยสารคนั นีถูกเล่นงานโดยเจ้าพวกวายร้ายแน่ หันไปดูดา้ นหลงั
เห็นไอว้ ายร้ายอีกคนหนึงถือปื นจงั กา้ อยู่ ผมใชม้ ืออนั เสทั าลว้ งลงไปในกระเป๋ ากางเกง คลาํ . เห่าไฟ
ของผมซึงซือออกมาจากร้านเมือบ่ายนีเอง นึกในใจว่า “โธ่เพิงซือเอามายงั ไม่ทนั ยิงเลย เพียงใส่ลกู เต็ม
เท่านนั เองก็จะถกู คนอนื เอาไปเสียแลว้ ”

เสียงเจา้ ตาพองหน้ารถตะโกนข่บู อกคนขบั รถ “หยุดรถเดี ยวมนึงอี ยากตายโหงหรือไง” ผมนึก
ในใจว่า เดี ยวพอรถหยดุ มนั คงตอ้ งใหเ้ ราลงจากรถแลว้ กวาดกนั เยกงลตี วั แต่ผมตอ้ งแปลกใจแทนทีรถ
จะหยุดมนั กลบั ยงิ เร็นวทขุกึ ที ทุกที ยงิ ไปกว่านันรถกลบั ส่ายไปมาเสียดว้ ย ไอพ้ วกมหาโจรเซไปเซมา
แต่เจา้ ตาพองยงั ไมล่ ดละ แมจ้ ะเซออกไปมนั ก็กลงบัไวปิ ยืนประชิดคนขบั อีก พร้อมตะโกนอย่ตู ลอดเวลา
“หยดุ โวย้ หยดุ ไอน้ ี กลู งไปไดล้ ะมงึ จะเหยยี บใหค้ าสน้ ทีเดียว”

รถคงตะบึงไปต่อ คนขบั บา้ เลือดเสียแลว้ ผมไม่แน่ใจว่าเขาคิดอย่างไร ขณะนนั ผมกวาดสายตา
เห็นผชู้ ายงทถีนดั ั ไปทางมา้ นังด้านซา้ ย เป็ นตาํ รวจยศจ่ากาํ ลงั จ้องเขม็งไปทีไอว้ ายร้ายและถดั ไปอีก
เป็นชายผนมเสกัรียนอีก คน ใส่กางเกงสีกากี และสีขีมา้ ผมเขา้ ใจวา่ คงจะเป็นตาํ รวจหรือทหารแน่ กาํ ลงั
เอามือลว้ งกระเป๋ ากางเกงองยสทู่ อั งคน

บรรยากาศตอนนนั ช่างเครียดจริง ๆ ไหนจะกลวั ปลน้ ถกู ยงิ ไหนจะกลวั รถควาํ ทุกคนเกร็งไปหมด
ทุกสิงทุกอยา่ งถงึ จุดวิกฤตแลว้

~ 205 ~

ประเด็น
1. ถา้ คุณอยใู่ นเหตุการณ์อยา่ งผม คุณจะตดั สินใจอยา่ งไร
2. ก่อนทีคณุ จะตดั สินใจ คณุ คิดถึงอะไรบา้ ง

แนวทางการทํากจิ กรรม
ครูแบ่งกลุม่ ผเู้ รียนออกเป็น – กล่มุ ยอ่ ย ใหผ้ เู้ รียนเลือกประธานกล่มุ และเลขานุการกลุ่มเพือเป็ น

ผนู้ ําและผูจ้ ดบันทึกผลการอภิปรายของกลุ่มตามลาํ ดับ และนาํ ผลการอภิปรายทีบันทึกไวไ้ ปเสนอ
ต่อทีประชุมใหญ่ จากนัน ให้ผเู้ รี ยนทุกกลุ่มอภิปรายถกแถลงเพือหาคาํ ตอบตามประเด็นทีกาํ หนดให้
ครูติดตามสงั เกต การใชเ้ หตุผลของแต่ละกลุ่ม หากขอ้ มลู ยงั ไม่เพยี งพอ ครูอาจชีแนะใหอ้ ภิปรายเพิมเติมได้
เลขานุการกลุ่มบนั ทึกผลการพิจารณาหาคาํ ตอบตามประเด็นทีกาํ หนด และนาํ คาํ ตอนบไนปั รายงานในที
ประชุมกลุ่มใหญ่ (หากมีผเู้ รียนไม่มาก ครูอาจใหม้ ีการสนทนาหรืออภิปรายถกแถลงกันในกลุ่มใหญ่เลย
โดยไมต่ อ้ งแบ่งกลมุ่ ยอ่ ยก็ได)้

ตวั อยา่ งขอ้ สรุปของกรณี ตวั อย่าง
ตวั อยา่ ง เรือง “สูไ้ หม” จาก ขอ้ สรุปผลการอภิปรายจากกรณีตวั อยา่ งเรือง
ความเห็นของผเู้ รียนหลายกลุม่
หลายคนทีเคยเสนอไว้ ดงั ที “สูไ้ หม”
ปรากฏในกรอบดา้ นขวามอื
ตวั อยา่ งขอ้ สรุปนีอาจจะ ปัญหาในสังคมปัจจุบันซับซอ้ นและเปลียนแปลงรวดเร็ว
ใกลเ้ คียงกบั ขอ้ สรุปของกลุ่ม การเรียนรู้โดยการฟังการจาํ จากการสอนการอธิบายของครู
ของท่านก็ได้ อย่างเดียวคงไม่พอทีจะแก้ปัญหาได้อย่างยังยืน ทันต่อ
เหตุการณ์การสอนให้ผู้เรี ยนรู้จักคิดเอง โดยใช้ข้อมูล
ทีหลากหลายอย่างน้อย ประการ คือ ข้อมูลทีเกียวขอ้ งกับ
หลกั วิชาการ ขอ้ มลู เกียวกบั ตนเอง และขอ้ มลู เกียวกบั สังคม
สิงแวดลอ้ ม มาประกอบในการคิด การตดั สินใจอยา่ งพอเพียงก็
จะทาํ ให้การคิด การตดั สินใจเพือแกป้ ัญหานันมีความมนั ใจ
และถกู ตอ้ งมากขึน

~ 206 ~

เมอื ผเู้ รียนไดร้ ่วมทาํ กิจกรรม ความเชือพนื ฐานทางการศึกษาผใู้ หญ่ ครบทงั กิจกรรมแลว้ ครูนาํ
กระดาษบรู๊ ฟทีสรุปกรณีตัวอย่างงทักิจกรรมแลว้ ครูนาํ กระดาษบรู๊ ฟทีสรุปกรณีตวั อยา่ งงทัแผ่น
ติดผนงั ไว้ เชิญทุกคนเขา้ ร่วมประชุมกลุ่มใหญ่แลว้ ให้ผเู้ รียนบางคนอาสาสมคั รสรุปความเชือพืนฐานทาง
การศกึ ษาผใู้ หญ่ใหเ้ พอื นฟัง จากนนั ครูสรุปสุดทา้ ยดว้ ยบทสรุปตวั อยา่ งดงั นี

ความเชือพืนฐานทางการศึกษาผูใ้ หญ่ เชือว่าคนทุกคนมีพืนฐานทีแตกต่างกัน ความต้องการ
ก็ไม่เหมอื นกนั แต่ทุกคนก็มจี ุดมงุ่ หมายปลายทางของตนทีจะกา้ วไปสู่ความสาํ เร็จ ซึงถา้งบนรันรไลดุถ้ ึงสิ
เขาก็จะมีความสุข ดนงั นคัวามสุขเหลา่ นีจึงเป็นเรืองต่างจิตต่างใจทีกาํ หนดตามสภาวะของตนอยา่ งไรก็ตาม
การจะมีความสุขอยไู่ ดใ้ นสงั คม จาํ เป็ นตอ้ งปรับตวั เอง และสังคมใหผ้ สมกลมกลืนกนั จนเกิดความพอดี
แก่เอกตั ภาพ และบางครังหากเป็นการตดั สินใจทีไดก้ ระทาํ ดีทีสุดตามกาํ ลงั ของตวั เองแลว้ ก็จะมคี วามพอใจ
กบั การตดั สินใจนนั อกี ประการหนึงในสงั คมทีมีการเปลียนแปลงอยา่ งรวดเร็วกนารี ทีจะปรับตวั เองและ
สิงแวดลอ้ มให้เกิดความพอดีนัน จาํ เป็ นตอ้ งรู้จกั การคิด การแกป้ ัญหา การเรียนการสอนทีจะใหค้ นรู้จัก
แก้ปัญหาได้นัน การสอนโดยการบอกอย่างเดียวคงไม่ได้ประโยชน์มากนัก การสอนให้รู้จักคิด รู้จัก
วิเคราะห์จึงเป็ นวิธีทีควรนํามาใช้กระบวนการคิด การแก้ปัญหามีหลากหลายวิธีแตกต่างกันไป
แต่กระบวนการคิด การแกป้ ัญหาทีตอ้ งใช้ขอ้ มูลประกอบการคิด การวิเคราะห์อยา่ งน้อย ประการ คือ
ขอ้ มูลทางวิชาการ ขอ้ มลู เกียวกบั ตวั เอง และขอ้ มูลเกียวกบั สงั คมและสิงแวดลอ้ ม ซึงเมือนาํ ผลการคิดนี
ไปปฏบิ ตั ิแลว้ พอใจ มีความสุข ก็จะเรียกการคิดเชน่ วน่าั คิดเป็น
บทสรุป

เราไดเ้ รียนรู้ถงึ ความเชือพนื ฐานทางการศึกษาผใู้ หญ่ โดยการทาํ กิจกรรมร่วมกนั ทงั กิจกรรมแลว้
ดงั บทสรุปทีไดร้ ่วมกนั เสนอไวแ้ ลว้ ความเชือพนื ฐานทีสรุปไวน้ ีคือ ความเชือพนื ฐานทีเป็นความจริงในชีวิต
ของคนที กศน. นาํ มาเป็นหลกั ใหค้ นทาํ งาน กศน. ตลอดจนผเู้ รียนไดต้ ระหนกั และเขา้ ใจแลว้ นาํ ไปใชใ้ นการ
ดาํ รงชีวิตเพอื การคิด การแกป้ ัญหา การทาํ งานร่วมกบั คนอืน การบริหารจดั การในฐานะเป็ นนายเป็ นผนู้ าํ
หรือผตู้ าม ในฐานะผสู้ อน ผเู้ รียนในฐานะเป็นสมาชิกในครอบครัว สมาชิกในชุมชนและสังคม เพือใหร้ ู้จกั
ตวั เอง รู้จกั ผอู้ ืน รู้จกั สภาวะสิงแวดลอ้ ม การคิดการตดั สินใจต่าง ๆ ทีคาํ นึงถึงขอ้ มลู ทีเพียงพออยา่ งนอ้ ย
ประกอบดว้ ยขอ้ มลู ดา้ น คือ ขอ้ มลู ทางวชิ าการ ขอ้ มลู เกียวกบั ตนเองและขอ้ มลู เกียวกบั สงั คม สิงแวดลอ้ ม
ดว้ ยความใจกวา้ ง มีอสิ ระ ยอมรับฟังความคิดเห็นของผอู้ นื ไม่เอาแต่ใจตนเอง จะไดม้ ีสติ รอบคอบ ละเอียด
ถีถว้ น ไม่ผดิ พลาดจนเกินไป เราถอื ว่าความเชือพนื ฐานทางการศกึ ษาผใู้ หญ่ ดงั กล่าวนี คือ พืนฐานเบืองตน้
ของการนาํ ไปสู่การคิดเป็น หรือเรียกตามภาษานกั วชิ าการว่า ปฐมบทของกระบวนการคิดเป็น

~ 207 ~

เรืองที
คดิ เป็ นและกระบวนการคดิ เป็ น

2.1 แนวคดิ และทิศทางของการคดิ เป็ น

“คิดเป็น” เป็นคนาํ ไๆทงย่าสยั ๆ ทีดร.โกวทิ วรพิพฒั น์ ใชเ้ พืออธิบายถงึ คุณลกั ษณะทีพึงประสงค์
ของคนในการดาํ รงชีวติ อยใู่ นสงั คมทีมกี ารเปลยี นแปลงอยา่ งรวดเร็ว รุนแรง และซบั ซอ้ น ไดอ้ ย่างปกติสุข
“คิดเป็น” มาจากความเชนือฐพาื นเบืองตน้ ทีวา่ คนมคี วามแตกต่างกนั เป็นธรรมดา แต่ทุกคนมีความตอ้ งการ
สูงสุดเหมือนกนั คือความสุขในชีวติ คนจะมคี วามสุขไดก้ ็ต่อเมือมกี ารปรับตวั เองและสงั คมงแสวิ ดลอ้ มให้
เข้าหากันอย่างผสมกลมกลืนจนเกิดความพอดี นําไปสู่ความพอใจและมีความสุข อย่างไรก็ตามสังคม
สิงแวดลอ้ มไม่ไดห้ ยดุ นิง แต่จะมีการเปลียนแปลงอยา่ งรวดเร็วและรุนแรงอยตู่ ลอดเวลาก่อใหเ้ กิดปัญหา
เกิดความทุกข์ ความไม่สบายกายไม่สบายใจขึนไดเ้ สมอ กระบวนการปรับตนเองกบั สังคมสิงแวดลอ้ ม
ใหผ้ สมกลมกลืนจึงตอ้ งดาํ เนินไปอยา่ งต่อเนืองและทนั การ คนทีจะทาํ ไดเ้ ช่นนีตอ้ งรู้จกั คิด รู้จกั ใชส้ ติปัญญา
รู้จกั ตวั เองและธรรมชาติสังคมสิงแวดลอ้ มเป็ นอย่างดี สามารถแสวงหาขอ้ มูลทีเกียวขอ้ งอยา่ งหลากหลาย
และพอเพยี ง อยา่ งนอ้ ย ประการ คือ ขอ้ มลู ทางวชิ าการ ขอ้ มลู ทางสงั คมสิงแวดลอ้ ม และขอ้ มลู ทีเกียวขอ้ ง
กบั ตนเองมาเป็นหลกั ในการวิเคราะห์ปัญหาเพือเลือกแนวทางการตดั สินใจทีดีทีสุดในการแกป้ ัญหา หรือ
สภาพการณ์ทีเผชิญอยู่อย่างรอบคอบ จนมีความพอใจแล้วก็พร้อมจะรับผิดชอบการตัดสินในจนั
อยา่ งสมเหตุสมผล เกิดความพอดีความสมดุลในชีวิตอย่างสนั ติสุข เรียกไดว้ ่า “คนคิดเป็ น” กระบวนการ
คิดเป็น อาจสรุปไดด้ งั นี

~ 208 ~

“คดิ เป็ น”

ปัญหา กระบวนการคิดเป็ น ความสุข

ขอ้ มูลทีตอ้ งนาํ มาพิจารณา

ตนเอง สงั คม วิชาการ

ไมพ่ อใจ พอใจ

การวิเคราะห์และสงั เคราะห์
ขอ้ มลู

ทีหลากหลายและพอเพียง
อยา่ งละเอียดรอบคอบ
ประเมินผล
ประเมินผล

ลงมือปฎิบตั ิ การตดั สินใจ ลงมือปฏบิ ตั ิ
เลือกแนวทางปฏิบตั ิ

ท่านอาจารย์ ดร.โกวิท วรพิพฒั น์ เคยกล่าวไวว้ ่า “คิดเป็ น” เป็ นคาํ เฉพาะทีหมายรวมทุกอยา่ งไว้
ในตวั แลว้ เป็ นคาํ ทีบูรณาการเอาการคิด การกระทาํ การแกป้ ัญหา ความเหมาะสม ความพอดี ความเชือ
วฒั นธรรมประเพณี คุณธรรมจริยธรรม มารวมไวใ้ นคาํ ว่า “คิดเป็ น” หมดแลวน้ คนือั ตอ้ งคิดเป็ น คิดชอบ
ทาํ เป็น ทาํ ชอบ แกป้ ัญหาไดอ้ ยา่ งมีคุณธรรมและความรับผิดชอบ ไม่ใช่เพียงแค่คิดอยา่ งเดียว เพราะเรือง
ดงั กล่าวเป็นขอ้ มลู ทีตอ้ งนาํ มาประกอบการคิด การวเิ คราะห์อยา่ งพอเพยี งอยแู่ ลว้

กระบวนการเรี ยนรู้ตามทิศทางของ “คิดเป็ น”ผนูเ้ รี ี ยนสําคัญทีสุด ผูส้ อนเป็ นผูจ้ ัดโอกาส
จดั กระบวนการ จดั ระบบขอ้ มลู และแหลง่ การเรียนรู้ รวมทงั การกระตุน้ ใหก้ ระบวนการคิด การวเิ คราะหไ์ ด้
ใชข้ อ้ มูลอยา่ งหลากหลาย ลึกซึงและพอเพียง นอกจากนัน “คิดเป็ น” ยงั ครอบคลุมไปถึงการหล่อหลอม
จิตวิญญาณของคนทาํ งาน กศน. ทีปลกู ฝังกนั มาจากพีสู่นอ้ งนบั สิบ ๆ ปี เป็ นต้นว่า การเคารพคุณค่าของ
ความเป็ นมนุษยข์ องคนอย่างเท่าเทียมกัน การทาํ ตวั เป็ นสามญั เรียบง่าย ไม่มีมุม ไม่มีเหลียม ไม่มีอตั ตา

~ 209 ~

ใหเ้ กียรติผอู้ นื ดว้ ยความจริงใจ มองในดีมีเสีย ในเสียมีดี ในขาวมดี าํ ในดาํ มีขาว ไม่มีอะไรทีขาวไปทงั หมด
และไมม่ อี ะไรทีดาํ ไปทงั หมด ทงั นีตอ้ งมองในส่วนดีของผอู้ นื ไวเ้ สมอ

จากแผนภูมิดังกล่าวนี จะเห็นว่า คิดเป็ นหรื อกระบวนการคิดนเปจ็ะต้อนงนปัระกอบด้วย
องคป์ ระกอบต่าง ๆ ดงั ต่อไปนี

1. เป็นกระบวนการเรียนรู้ทีประกอบดว้ ยการคิด การวิเคราะห์ และสงั เคราะหข์ อ้ มลู ประเภทต่าง ๆ
ไมใ่ ช่การเรียนรู้จากหนงั สือหรือลอกเลียนจากตาํ ราหรือรับฟังการสอนการบอกเลา่ ของครูแต่เพยี งอยา่ งเดียว

2. ข้อมูลทีนํามาประกอบการคิด การวิเคราะห์ต่าง ๆ ต้องหลากหลาย เพียงพอ ครอบคลุม
อยา่ งนอ้ ย ดา้ น คือ ขอ้ มลู ทางวิชาการ ขอ้ มลู เกียวกบั ตนเอง และขอ้ มลู เกียวกบั สงั คมสิงแวดลอ้ ม

3. ผเู้ รียนเป็ นคนสาํ คญั ในการเรียนรู้ ครูเป็ นผูจ้ ดั โอกาสและอาํ นวยความสะดวกในการจดั การ
เรียนรู้

4. เรียนรู้จากวิถีชีวิต จากธรรมชาติและภูมิปัญญา จากประสบการณ์และการปฏิบตั ิจริง ซึงเป็ น
ส่วนหนึงของการเรียนรู้ตลอดชีวิต

5. กระบวนการเรียนรู้เป็ นระบบเปิ ดกวา้ ง รับฟังความคิดของผอู้ ืนและยอมรับความเป็ นมนุษย์
ทีศรัทธาในความแตกต่างระหว่างบุคคล ดงั นันเทคนิคกระบวนการทีนาํ มาใช้ในการเรียนรู้จึงมกั จะเป็ น
วธิ ีการสานเสวนา การอภิปรายถกแถลง กลมุ่ สมั พนั ธเ์ พือกลุ่มสนทนา

6. กระบวนการคิดเป็นนเมั อื มกี ารตดั สินใจ ลงมอื ปฏิบตั ิแลว้ จะเกิดความพอใจ มีความสุข แต่ถา้
ลงมือปฏิบตั ิแล้วยงั ไม่พอใจก็จะมีสติไม่ทุรนทุราย ไม่เดือดอเรน้อื นใจ แต่จะกลบั ยอ้ นไปหาสาเหตุ
แห่งความไมส่ าํ เร็จ ไม่พึงพอใจกบั การตดั สินใจดงั กลา่ ว แลว้ แสวงหาขอ้ มลูมเพติม เพือหาทางเลือกในการ
แกป้ ัญหาแลว้ ทบทวนการตดั สินใจใหมจ่ นกว่าจะพอใจกบั การแกป้ ัญหานนั

~ 210 ~

ท่านมีความเขา้ ใจเรืองคิดเป็นมากนอ้ ยเพยี งใด ครูใหค้ ะแนนผเู้ รียนแต่ละคนดว้ ยเครืองหมาย

เขา้ ใจดีมาก เขา้ ใจดีพอควร

2.2 คดิ เป็ นและการเชือมโยงสู่ปรัชญาคดิ เป็ น

พจนานุกรมไทยฉบบั ราชบณั ฑิตยสถาน พ.ศ. ใหน้ ิยามคาํ ว่า ปรัชญา ไวว้ ่า วิชาว่าดว้ ยหลกั
แห่งความรู้และหลกั แห่งความจริง

คิดเป็ น คือ ลกั ษณะอนั พึงประสงค์ทีช่วยใหค้ นสามารถดาํ รงชีวิตอย่ใู นสังคมทีเปลียนแปลงอยู่
ตลอดเวลา ได้อย่างสันติสุข เพราะคนคิดเป็ นเชนือใมนั หลกั แห่งความเป็ นจริ งของมนุษยท์ ียอมรับ
ในความแตกต่าง ของบุคคล รู้จกั ปรับตวั เองและสงั คมใหผ้ สมกลมกลืนจนเกิดความพอดีและพอเพียง และ
เชือมนั ในการตดั สินใจแก้ปัญหาทีใชข้ อ้ มูลประกอบการคิด การวิเคราะห์อย่างน้อย ประการ จนเกิด
ความพอใจกบั การตดั สินใจนันก็จะเป็ นการแกป้ ัญหาทีประสบความสุข ถา้ ยงั ไม่พอใจก็จะกลบั ไปศึกษา
วเิ คราะห์ขอ้ มลู ใหมท่ ีเพยี งพอ และทนั เหตุการณ์จนกว่าจะพอใจกบั การตดั สินใจของตนเอง คนทีจะทาํ ได้
เช่นนีตอ้ งรู้จกั คิด รู้จกั ใชส้ ติปัญญา รู้จกั ตวั เอง รู้จกั ธรรมชาติ สงั คมสิงแวดลอ้ มเป็ นอย่างดี มีความรอบรู้
ทีจะแสวงหาขอ้ มลู มาประกอบการคิด การวเิ คราะหข์ องตนเองได้

คิดเป็น นอกจากจะเป็นความเชือในหลกั ความเป็นจริงตามธรรมชาติของมนุษยด์ งั กล่าวแลว้ คิดเป็น
ยงั เป็ นหลกั การและแนวคิดสําคัญในการจัดดาํ เนินโครงการต่าง ๆ ทางการศึกษาผูใ้ หญ่ การศึกษา
นอกโรงเรียนตงั แต่ในอดีตทีผ่านมาถึงปัจจุบนั โดยเฉพาะในเรืองของความเป็ นธรรมชาติ ความเรียบง่าย
ทีหลากหลาย มขี อ้ มลู ใหพ้ จิ ารณาทงั ดา้ นบวกและดา้ นลบ มีประเด็นใหค้ ิด วิเคราะห์ แสวงหาเหตุผลในการ
หาคาํ ตอบทีเหมาะสมใหก้ บั ตนเองและชุมชน

คิดเป็น นอกจากจะเป็ นหลกั ในการดาํ เนินโครงการการศึกษาผใู้ หญ่ การศึกษานอกโรงเรียนแลว้
ยงั เป็นหลกั คิดและแนวทางในการดาํ เนินชีวิตประจาํ วนั ของคนทาํ งานการศึกษานอกโรงเรียนและบุคคล
ทวั ไป เป็นตน้ วา่ การเคารพในคุณค่าของความเป็นมนุษยข์ องคนอยา่ งเท่าเทียมกนั การทาํ ตวั เป็นคนเรียบง่าย
ไมม่ อี ตั ตายดึ เหนียวจนไม่รับฟังความคิดของผอู้ ืน รวมทงั การมีทกั ษะการเรียนรู้เพือการเรียนรู้ตลอดชีวิต
ดว้ ย

จากการทีคิดเป็ น เป็งควนามทเัชือในหลกั ความเป็ นจริงของมนุษย์ เป็งหลนกั ทกัาร แนวคิด และ
ทิศทางการดาํ เนินกิจกรรมและโครงการต่าง ๆ ของ กศน. และเป็นฐพาื นทีสาํ คญั ในวิถีการดาํ เนินชีวิต
ของบุคคลทวั ไป รวมทงั เป็นการส่งเสริมใหม้ ที กั ษะการเรียนรู้เพอื การเรียนรู้ตลอดชีวติ ในอนาคต คิดเป็ นจึง
เป็นทียอมรับและกาํ หนดใหเ้ ป็น “ปรัชญาคิดเป็น” หรือปรัชญาการศกึ ษานอกโรงเรียนทีเหมาะสมกบั ความเป็ น
กศน. เป็นอยงา่ งยิ

~ 211 ~

2.3 กระบวนการและขันตอนการแก้ปัญหาของคนคดิ เป็ น

คนคิดเป็นเชือวา่ ทุกขห์ รือปัญหาเป็นความจริงตามธรรมชาตนิทไีเกดิดก้ ข็ึ สามารถแกไ้ ขได้ ถา้ รู้จกั
แสวงหาขอ้ มูลทีหลากหลายและพอเพียงอย่างน้อย ดา้ น คือ ขอ้ มลู ทางวิชาการ ขอ้ มลู เกียวกบั สภาวะ
แวดลอ้ มทางสงั คมในวิถีชีวิต วิถวี ฒั นธรรมประเพณี วถิ ีคุณธรรมจริยธรรม และขอ้ มลู ทีเกียวกบั ตนเอง รู้จกั
ตนเองอย่างถ่องแท้ ซึงครอบคลุมถึงการพึงพาตนเองและความพอเพียง พอประมาณมาวิเคราะห์และ
สงั เคราะหป์ ระกอบการคิดและการตดั สินใจแกป้ ัญหา คนคิดเป็ นจะเผชิญกบั ทุกข์หรือปัญหาอย่างรู้เท่าทนั
มีสติไตร่ตรองอยา่ งละเอียดรอบคอบในการเลือกวิธีการแกป้ ัญหาและตดั สินใจแกป้ ัญหาตามวิธีการทีเลือก
แลว้ วา่ ดีทีสุด ก็จะมีความพอใจและเต็มใจรับผดิ ชอบกบั ผลการตดั สินในจเชอ่นยา่ นงัไรก็ตาม สังคมในยุค
โลกาภิวตั น์เป็ นสังคมแห่งการเปลียนแปลงทีรวดเร็วและรุนแรง ปัญหาก็เปลียนแปลงอยู่ตลอดเวลา
ทุกขก์ ็เกนิดขดึาํ รงอยู่ และดบั ไป หรือเปลียนโฉมหนา้ ไปตามกาลสมยั กระบวนทศั น์ในการดบั ทุกขก์ ็ตอ้ ง
พฒั นารูปแบบใหท้ นั ต่อการเปลียนแปลงเหล่านันอย่ตู ลอดเวลาให้เหมาะสมกบั สถานการณ์ทีเปลียนแปลง
ไปดว้ ย กระบวนการดบั ทุกขห์ รือแกป้ ัญหาก็จะหมุนเวียนมาจนกว่าจะพอใจอีกเป็ นอยเช่อู ่นยน่างี ต่อเนือง
ตลอดชีวิต

กระบวนการและขนั ตอนการแกป้ ัญหาแบบคนคิดเป็น อาจแบ่งไดด้ งั นี
1. ขันทําความเข้าใจกับทุกข์และปัญหา คนคิดเป็ นเชือว่าทุกข์หรือปัญหาเป็ นเรืองธรรมชาติ
ทีเกิดขึนก็แกไ้ ขไดด้ ว้ ยกระบวนการแกป้ ัญหา

“ปัญหา” ตามพจนานุกรมฉบบั ราชบณั ฑิตยสถาน หมายถึง ขอ้ สงสัย ความสงสัย สิงเขา้ ใจยาก
สิงทีตนไม่รู้หรื อคาํ ถาม อันได้แก่โจทยใ์ นแบบฝึ กหัด หรื อข้อสอบเพือประเมินผล เป็ นต้น ปัญหา
จะหมายรวมถงึ ปัญหาส่วนตวั ปัญหาครอบครัว ปัญหาเพือนร่วมงาน ปัญหาจากผบู้ งั คบั บญั ชา ปัญหาจาก
สภาวะสิงแวดลอ้ มและอนื ๆ

ปัญหาเกิดขึนได้ ทาง คือ
1) ปัญหาทีเกิดจากปัจจยั ภายนอก เช่น เมือเศรษฐกิจทรงตวั หรือซบเซา ทาํ ให้รายไดข้ องเรา
ลดนอ้ ยลง คนในสงั คมมกี ารดินรนแก่งแยง่ กนั การเอาตวั รอด การลกั ขโมย จี ปลน้ ฆาตกรรม ส่งผลกระทบ
ต่อความเป็ นอย่แู ละความปลอดภยั ในชีวิตและทรัพยส์ ิน ปัญหาหลายเรืองสืบเนืองมาจากสุขภาพอนามยั
ภยั จากสิงเสพติดหรือปรากฏการณ์ธรรมชาติ เป็นตน้
2) ปัญหาทีเกิดจากปัจจยั ภายใน คือปัญหาจากตวั มนุษยเ์ อง คือปัญหาทีเกิดจากกิเลสในจิตใจ
ของมนุษย์ ซึงมี เรืองสาํ คญั คือ โลภะ ไดแ้ ก่ความอยากได้ อยากมี อยากเป็ น มานกกขวึ ่าเดิม มีการดินรน
แสวงหาต่อไปอยา่ งไมม่ ที ีสินสุด ไมม่ ีความพอเพยี ง เมอื แสวงหาดว้ ยวิธีสุจริตไมไ่ ด้ ก็ใชว้ ธิ ีการทุจริต ทาํ ให้
เกิดความไม่สงบ ไม่สบายกาย ไม่สบายใจ ไม่มีทีสินสุด โทสะ ไดแ้ ก่ความโกรธ ความอาฆาตพยาบาท
คนอนื ความคิดประทุษร้ายคนอนื โมหะ ไดแ้ ก่ ความไมร่ ู้ หรือรู้ไม่จริง หลงเชือคาํ โกหก หลอกลวง ชกั ชวน
ใหห้ ลงกระทาํ สิงทีไม่ถกู ตอ้ ง ทาํ เรืองเสียหาย หลงผดิ เป็นชอบ เห็นกงจกั รเป็นดอกบวั เป็นตน้

~ 212 ~

2. ขันหาสาเหตุของปัญหา ซึงเป็นตขอั นหนึงของกระบวนการแกป้ ัญหาเป็นตขอั นทีจะ
วิเคราะห์ขอ้ มลู ต่าง ๆ ทีอาจเป็นสาเหตุของปัญหา เป็ นตวั ตน้ ตอของปงัญทหีเปา็ทั นตน้ เหตุโดยตรง และที
เป็ นสาเหตุทางออ้ มงนทีตั ้องวิเคราะห์จากสาเหตุทีหลากหลายและมีความเป็ นไปได้หลาย ๆ ทาง
การวิเคราะหห์ าสาเหตุของปัญหาอาจทาํ ไดง้ ่าย ๆ ใน วิธีคือ

1) การวิเคราะห์ข้อมูล โดยการนําเอาขอ้ มลู ทีหลากหลายดา้ นต่าง ๆ มาแยกแยะและจดั กลุ่ม
ของขอ้ มลู สาํ คัญ ๆ เช่น ขอ้ มูลดา้ นเศรษฐกิจ วฒั นธรรม สภาวะแวดลอ้ ม วิทยาการใหม่ ๆ นโยบายและ
ทิศทางในการบริหารจดั การ ปัจจยั ทางดา้ นเทคโนโลยี ฯลฯ ขอ้ มลู ทีนาํ มาวเิ คราะห์นีเมือจาํ แนกแลว้ สาเหตุ
ของปัญหาอาจมาจากขอ้ มลู อยา่ งนอ้ ย ประการ คือ

- สาเหตุสาํ คญั มาจากตนเอง จากพืนฐานของชีวิตตนเองและครอบครัว ความไม่สมดุล
ของการงานอาชีพทีพึงปรารถนา ความขดั ขอ้ งทีเกิดจากโรคภยั ของตนเอง ความโลภ โกรธ หลง ในใจของ
ตนเอง ความคบั ขอ้ งใจในการรักษาคุณธรรม จริยธรรมของตนเอง ฯลฯ

- สาเหตุสาํ คญั มาจากสงั คม ชุมชนและสภาวะแวดลอ้ ม ความไม่พึงพอใจต่อพฤติกรรม
ไม่พึงปรารถนาของเพือนบ้าน การขาดแหล่งเงินทุนในการประกอบอาชีพ ชุมชนมีการทะเลาะเบาะแวง้
ขาดความสามคั คี ฯลฯ

- สาเหตุสาํ คญั มาจากการขาดแหล่งขอ้ มลู แหล่งความรู้ความเคลือนไหวทีเป็ นปัจจุบนั
ของวิชาการและเทคโนโลยที ีเกียวขอ้ งขาดภูมิปัญญาทีจะช่วยเติมขอ้ มลู ทางปัญญาในการบริหารจดั การฯลฯ

2) การวิเคราะห์สถานการณ์ โดยการนําเอาสภาพเหตุการณ์ต่าง ๆ มาพฒั นาหาคาํ ตอบ
โดยพยายามหาคาํ ตอบในลกั ษณะต่อไปนีใหม้ ากทีสุด คือ อะไร ทีไหน เมอื ไร เพียงใด ตวั อยา่ งเช่น

วิธีการอะไรทีก่อใหเ้ กิดสภาพเหตุการณ์เช่นนี
สิงแวดลอ้ มอะไรทีก่อใหเ้ กิดสภาพเหตุการณ์เช่นนี
บุคคลใดทีก่อใหเ้ กิดสภาพเหตุการณ์เช่นนี
ผลเสียหายเกิดขึนมาไดอ้ ยา่ งไร
ทาํ ไมจึงมีสาเหตุเช่นนีเกิดขึน

ฯลฯ
จากนันจึงกระทาํ การจดั ลาํ ดบั ความสาํ คญั ของสาเหตุต่าง ๆ คือหาพลงั ของสาเหตุทีก่อให้เกิด
ปัญหา ทงั นีเนืองจาก

- ปัญหาแต่ละปัญหาอาจเป็นผลเนืองมาจากสาเหตุหลายประการ
- ทุกสาเหตุย่อมมีอนั ดบั ความสาํ คญั หรือพลงั ของสาเหตุทีก่อให้เกิดปัญหาในอนั ดบั
แตกต่างกนั
- ทรัพยากรมีจาํ กดั ไม่ว่าจะเป็ น บุคลากร เงิน เวลา วสั ดุ ดนงั จนึงั ตอ้ งพิจารณาจดั สรร
การใชท้ รัพยากรใหต้ รงกบั พลงั ทีก่อปัญหาสูงสุด

~ 213 ~

3. ขันวิเคราะห์ เสนอทางเลือกของปัญหา เป็ นตขัอนทีต้องศึกษาหาข้อมูลทีเกียวข้อง
อย่างหลากหลายและทวั ถึง เพียงพอทงั ขอ้ มูลด้านบวกและดา้ นลบอยา่ งน้อย กลุ่มขอ้ มูล คือ ขอ้ มูลทาง
วิชาการ ขอ้ มูลเกียวกบั ตนเอง และขอ้ มูลทีเกียวขอ้ งกับสังคมสิงแวดลอ้ ม แลว้ สงั เคราะห์ขอ้ มลู เหล่านัน
ขึนมาเป็นทางเลอื กในการแกไ้ ขปัญหาหลาย ๆ ทางทีมคี วามเป็นไปได้

4. ขันการตัดสินใจ เลือกทางเลือกในการแกป้ ัญหาทีดีทีสุดจากทางเลือกทังหมดทีมีอยู่ เป็ น
ทางเลือกทีไดว้ ิเคราะห์และสังเคราะห์จากขอ้ มลู ทงั ดา้ น ดงั กล่าวแลว้ อยา่ งพร้อมสมบูรณ์แลว้ บางครัง
ทางเลือกทีดีทีสุดอาจเป็ นทางเลือกทีไดจ้ ากการพิจารณาองค์ประกอบทีดีทีสุดของแต่ละทางเลือก นาํ มา
ผสมผสานกนั ก็ได้

5. ขันนําผลการตัดสินใจไปสู่การปฏิบัติ เมือได้ตัดสินใจด้วยเหตุผลและไตร่ ตรองข้อมูล
อยา่ งรอบคอบพอเพยี งและครบถว้ นทงั ประการแลว้ นบั ว่าทางเลือกทีตดั สินใจนันเป็ นทางเลือกทีดีทีสุด
แลว้

6. ขันตดิ ตามประเมนิ ผล เมือตดั สินใจดาํ เนินการตามทางเลือกทีดีทีสุดแลว้ พบว่ามีความพอใจ
ก็จะมีความสุข แต่ถา้ นาํ ไปปฏิบตั ิแลว้ ยงั ไม่พอใจ ไม่สบายใจ ยงั ขดั ขอ้ งเป็ นทุกข์อยู่ ก็ตอ้ งกลบั ไปศึกษา
คน้ ควา้ หาขอ้ มลู เพมิ เติมดา้ นใดดา้ นหนึงหรือทงั ดา้ นทียงั ขาดตกบกพร่องอยู่ จนกว่าจะมีขอ้ มลู ทีเพียงพอ
ทาํ ใหก้ ารตดั สินใจครังนนั เกิดความพอใจ และมคี วามสุขกบั การแกป้ ัญหานนั

อยา่ งไรก็ตาม สงั คมในยคุ โลกาภิวตั น์เป็ นสงั คมแห่งการเปลียนแปลงทีรวดเร็วและรุนแรง ปัญหา
ก็เปลียนแปลงอยู่ตลอดเวลา ทุกข์ก็นเกดิดํารขงึ อยู่ และดับไป หรื อเปลียนโฉมหน้าไปตามกาลสมัย
กระบวนทศั น์ในการดบั ทุกขก์ ็ตอ้ งพฒั นารูปแบบใหท้ นั ต่อการเปลียนแปลงเหลน่าอนยั ตู่ ลอดเวลาใหเ้ หมาะสม
กบั สถานการณ์ทีเปลียนแปลงไปดว้ ย กระบวนการดบั ทุกขห์ รือแกป้ ัญหาก็จะหมุนเวียนมาจนกว่าจะพอใจ
อกี เป็นเช่นอยนอู่ี ยา่ งต่อเนืองตลอดชีวิต

. ปัญหา ~ 214 ~ ความสุข

. ประเมนิ ผล กระบวนการและขันตอนการแก้ปัญหาของคนคดิ เป็ น
(ยงั ไมพ่ อใจ)
กระบวนการแกป้ ัญหา

2. วิเคราะห์หาสาเหตขุ องปัญหาจากขอ้ มลู ทหี ลากหลายและพอเพียง

อยา่ งนอ้ ย ประการ

ตนเอง สังคมสิงแวดลอ้ ม วิชาการ

3. วเิ คราะห์หาทางเลอื กในการแกป้ ัญหาจากขอ้ มลู ทหี ลากหลาย . ประเมินผล
อยา่ งนอ้ ย ประการ (พอใจ)

ขอ้ มลู เกียวกบั ขอ้ มูลดา้ น
ตนเอง สงั คม

ขอ้ มลู ดา้ น สิงแวดลอ้ ม
วิชาการ

. ปฏิบตั ิ . ตดั สินใจเลือกวธิ ีการแกป้ ัญหาทดี ีทสี ุด . ปฏบิ ตั ิ

~ 215 ~

ตวั อย่างกระบวนการและขนั ตอนการคดิ แก้ปัญหาแบบคนคดิ เป็ น
กรณศี ึกษาเรือง การตดิ ยาเสพตดิ ของเยาวชน
ปัญหา

นายสามารถ เป็นเยาวชนอาศยั อยกู่ บั เพอื น ๆ ชานเมืองกรุงเทพ มอี าชีพเป็นช่างก่อสร้าง ซึงเป็ นช่าง
ชาวบา้ นในหม่บู า้ น รับจา้ งต่อเติมซ่อมแซมเล็ก ๆ นอ้ ย ๆ ในหมบู่ า้ น บางคกร็ั รับเป็ นคนงานรับจา้ งรายวนั
ของบริษทั รับเหมาทาํ งานไม้ งานปูน ทัวไป ไม่มีงานอย่เู ป็ นประจาํ เป็ นหลกั แหล่ง รายได้ไม่แน่นอน
เคลือนยา้ ยไปตามแหล่งงานพร้อม ๆ กบั เพือนคนงานอืน ๆ พืนเพเดิมพ่อแม่เป็ นเกษตรกรอยตู่ ่างจงั หวดั
ยากจนมีลกู หลายคน นายสามารถจึงตอ้ งมาเป็นคนงานก่อสร้างเพอื หาเงินส่งไปใหพ้ อ่ แม่ แต่ปรากฏวา่ ลาํ พงั
การเลยี งตวั เองก็ไมค่ ่อยจะพออยแู่ ลว้ ค่าครองชีพในกรุงเทพฯ ก็สูง ค่าใชจ้ ่ายก็มากกว่าอยตู่ ่างจงั หวดั ชีวิต
ก็โดดเดียวมีแต่เพือน ๆ วยั เดียวกนั ไม่มีผใู้ หญ่คอยดูแล สามารถเรียนจบแค่ประถมศึกษาจากต่างจงั หวดั
แลว้ ไม่ไดเ้ รียนต่อ ไม่ไดร้ ับการแนะนาํ หรือไดร้ ับความรู้เพิมเติมหลงั จากออกจากโรงเรียนแลว้ เพือน ๆ
ร่วมงานก็จะมีลกั ษณะเดียวกนั แทบทุกคน ผูร้ ับเหมาซึงเป็ นคนจา้ งงานก็ไม่เคยสนใจความเป็ นอยขู่ อง
คนงาน แต่ก็จ่ายค่าจา้ งตามแรงงานไมเ่ อาเปรียบคนงาน เมืองานมีนอ้ ยลง สามารถทาํ งานบ่อนยขคึ บเพือน
เทียวเตร่มากขึน เริมดืมเหลา้ และติดยาเสพติดตามเพอื น ๆ ในทีสุด

การทําความเข้าใจกบั ปัญหา
ประการแรก คิดมีสติ เพือพิจารณาปัญหาให้ชดั เจนและสร้างความมนั ใจว่าสามารถแกป้ ัญหาได้

จากนนั จึงพิจารณาความลาํ ลึกและซบั ซอ้ นของปัญหาการติดยาของนายสามารถ เพือแยกแยะความหนกั เบา
ของการติดยา และมองช่องทางในการเข้าถึงปัญหารวมทังเข้าถึงความเชือมโยงของสภาวะแวดลอ้ ม
ของการติดยาของสามารถว่าเกียวขอ้ งกบั เรืองอะไรบา้ ง อยา่ งไรในเบืองตน้

การหาสาเหตขุ องปัญหา
ขนั นีเป็นการศึกษาสาเหตุของการติดยาของสามารถ ซึงจะตอ้ งศกึ ษาจากขอ้ มลู ทีหลากหลางยจทากั

เรืองส่วนตวั ของสามารถของในเรืองประวตั ิครอบครัว ความเป็ นมา สถานะความเป็ นอยู่ เศรษฐกิจสงั คม
การทาํ มาหากิน นิสัย ความประพฤติ การพบเพือน ความอดทน ฯลฯ เพือดูว่าเรืองส่วนตวั ของสามารถ
เรืองใดจะเป็นตวั นาํ ไปสู่ปัญหาการติดยาของสามารถบา้ ง ตอ้ งศึกษาขอ้ มลู จากสภาวะแวดลอ้ มทีจะทาํ ให้
สามารถประสบปัญหาติดยา เช่น การคบเพือน การเสพสุรา ลักษณะของการทํางานทีต้องเร่ ร่ อน
ไปตลอดเวลา แหลง่ ความรู้หรือภูมิปัญญาทีจะเป็นประโยชน์ในการเรียนรู้ แหลว่งสมุรั าทงั การซือการขาย
การเสพยาในชุมชน ฯลฯ รวมทังข้อมูลทีเกียวกับความรู้เรื องยาเสพติดและอนั ตรายจากการเสพยา
ความใส่ใจของชุมชนในเรืองการรณรงคข์ ดั กนั ภยั จากยาเสพติด การเขา้ ถึงเอกสารและสือประชาสมั พนั ธ์
และประสิทธิภาพของสือป้ องกนั สิงเสพติดของประชาชนในชุมชน ฯลฯ ขอ้ มลู เหล่านีตอ้ งนาํ มาวิเคราะห์
อยา่ งหลากหลาย เพอื สงั เคราะหห์ าสาเหตุของปัญหาติดยาของสามารถ

~ 216 ~

ขันวเิ คราะห์หาทางเลอื กในการแก้ไขปัญหา
เป็นนตขอั นทีจะตอ้ งนาํ เอาสาเหตุต่าง ๆ ทีทาํ ให้สามารถติดยาทีวิเคราะห์ไดจ้ ากขอ้ มลู ทงั ดา้ น

ของสามารถมาสงั เคราะห์ สรุปเป็นทางเลือกในการแกไ้ ขปัญหาหลาย ๆ ทางเลือกทีมีความเป็ นไปได้ เช่น
ไปบวชเพือหนีให้พน้ จากสังคมติดยาเสพติดในชุมชน เลิกคบเพือนทีติดยาโดยสินเชิง เปลียนอาชีพ
ไปทาํ งานทีเป็นหลกั แหลง่ ไม่เร่ร่อน ศึกษาหาความรู้การประกอบอาชีพใหม่ทีห่างไกลจากยาเสพติด ปรึกษา
ผรู้ ู้และหน่วยงานทีช่วยเหลือผตู้ ิดยาเพือเลิกเสพยาและฝึ กอาชีพใหม่ เพือใหม้ ีรายได้ กลบั บา้ นต่างจงั หวดั
เพอื ไปบาํ บดั การติดยาและอยกู่ บั ครอบครัว ฯลฯ

ขันการตดั สินใจ เลอื กทางแก้ปัญหาทดี ีทสี ุด
เป็นนตขอั นทีสามารถเองจะตอ้ งตดั สินใจ เลือกทางแกป้ ัญหาการติดยาของตนเองทีคิดว่าดีทีสุด

เหมาะสมกบั ตนเอง สามารถปฏิบตั ิไดด้ ว้ ยความพอใจ เช่น เลิกเทียวเตร่กบั เพือนทีเสพยาแลว้ ไปปรึกษา
กบั ผรู้ ู้ขอเขา้ โครงการบาํ บดั การติดยาของหน่วยงานในชุมชน และเขา้ รับการฟื นฟูสุขภาพควบคู่กบั การ
ฝึกอาชีพทีมรี ายไดเ้ สริมเพมิ ขึน เป็นตน้

ขันนําผลการตดั สินใจไปสู่การปฏบิ ัติ
ขนั ตอนนีสามารถจะตอ้ งเขา้ รับการบาํ บดั การตดิ ยา ซึงมีขนั ตอนและวิธีการโดยเฉพาะ สามารถตอ้ ง

อดทนรับการบาํ บดั ใหค้ รบถว้ นตามวิธีการ และตอ้ งมคี วามตงั ใจแน่วแน่ทีจะเลกิ ติดยา สญั ญากบั ตนเองว่า
จะไมห่ วนกลบั มาเสพยาอกี ตอ้ งเขา้ รับการดแู ลรกั ษาฟืนฟสู ุขภาพทงั ร่างกายและจิตใจ รวมทงั เขา้ ศกึ ษา
อาชีพใหมจ่ ากศนู ยฝ์ ึกอาชีพ เพือจะไดม้ ชี ่องทางในการทาํ มาหากินหลงั จากบาํ บดั การติดยาแลว้

ขันตดิ ตามประเมนิ ผล
ขนั นีเป็นการประเมนิ ตนเองของสามารถวา่ การตดั สินใจของตนเองทีจะเลิกเสพยา แลงะใตจจั ะเป็ น

คนดีมีอาชีพเสริมทีจะเป็ นช่องทางในการทาํ มาหากินมีรายได้ ไม่ตอ้ งเป็ นทุกข์แลว้ หนั ไปเสพนยาอีกนั
ทาํ ไดห้ รือไมใ่ นทางปฏบิ ตั ิ พอใจและสบายใจทีจะเขา้ รับการบาํ บดั และฟื นฟูสุขภาพหรือไม่ ตงั ใจฝึ กอาชีพ
เสริมเพียงใด ถา้ พอใจและสบายใจก็จดั ว่าแกป้ ัญหาได้ แต่ถา้ ลงมือปฏิบตั ิแลว้ ยงั ไม่สบายใจ ยงั ทุรนทุราย
ยงั ไม่สงบสุข ก็ตอ้ งยอ้ นกลบั ไปดูขอ้ มงลู ทดั า้ นอีกครังว่ายงั ไม่ไดศ้ กึ ษาขอ้ มลู ดา้ นใดอยา่ งพอเพียงหรือไม่
จากนนั จึงศึกษาหาขอ้ มลู นนั ๆ จากแหลง่ ขอ้ มลู เพมิ เติม แลว้ นาํ มาคิดวิเคราะห์ สงั เคราะห์ หาทางเลือกใหม่
เพือการตดั สินใจแกป้ ัญหาต่อไป จนกว่าจะพบทางเลือกแกป้ ัญหาไดอ้ ยา่ งพอใจ

~ 217 ~

ใบงานที
ใหผ้ เู้ รียนสาํ รวจตนเอง ว่าเคยประสบปัญหาสาํ คญั อะไรบา้ งทีหนกั ใจทีสุด เลอื กมา ปัญหาแลว้

ตอบคาํ ถาม โดยการบนั ทึกสนั ๆ ในแต่ละขอ้ ทีกาํ หนดให้
1. ชือปัญหา ........................................................................................................................................

2. ลกั ษณะของปัญหา  ปัญหาการเรียน

 ปัญหาการงาน
 ปัญหากบั ครอบครัว
 ปัญหาสงั คม
 อืน ๆ (ระบุ)
3. สาเหตุ หรือทีมาของปัญหา .................................................................................................................

..........................................................................................................................................................................
..........................................................................................................................................................................
..........................................................................................................................................................................
..........................................................................................................................................................................
..........................................................................................................................................................................
..........................................................................................................................................................................
4. อธิบายผลเสีย หรือผลกระทบทีเกิดขนึ จากปัญหาดงั กลา่ ว

..........................................................................................................................................................................
..........................................................................................................................................................................
..........................................................................................................................................................................
..........................................................................................................................................................................
..........................................................................................................................................................................
5. ปัญหานนั ไดม้ กี ารแกไ้ ขเป็นทีพอใจหรือไม่ แกไ้ ขอยา่ งไร

..........................................................................................................................................................................
..........................................................................................................................................................................
..........................................................................................................................................................................
..........................................................................................................................................................................
..........................................................................................................................................................................
..........................................................................................................................................................................
..........................................................................................................................................................................

~ 218 ~

ใบงานที
1. ใหผ้ เู้ รียนไปสนทนา หรือสมั ภาษณ์เพอื น ๆ หรือคนใกลเ้ คียง อยา่ งไม่เป็นทางการสกั - คน ในหวั ขอ้
เรืองต่อไปนี แลว้ บนั ทึกขอ้ มลู ไว้

1) ปัญหาครังใหญ่สุดทีเคยประสบในชีวติ ทีผา่ นมาคืออะไร
2) สาเหตุทีเกิดปัญหานนั คืออะไร
3) ปัญหานนั มกี ารแกไ้ ขทีสาํ เร็จดว้ ยความพอใจหรือไม่ ใชข้ อ้ มลู อะไรในการแกไ้ ขปัญหาบา้ ง
หรือไม่อยา่ งไร
4) มวี ธิ ีการแกไ้ ขปัญหาอยา่ งไร มีขนั ตอนในการแกไ้ ขปัญหาอยา่ งไรบา้ ง
5) ถา้ เกิดปัญหาลักษณะนันขึนอีก จะใช้วิธีในการแก้ปัญหาแบบเดิมหรื อจะมีวิธีใหม่ หรื อมี
ขนั ตอนใหมอ่ ยา่ งไรหรือไม่
6) ใหเ้ ปรียบเทียบปัญหา สาเหตุของปัญหา และกระบวนการแกป้ ัญหาของเพือน หรือบุคคลใกลเ้ คียง
ดงั กล่าววา่ มีอะไรบา้ งทีเหมือนกนั และมีอะไรบา้ งทีต่างกนั
7) ท่านจะสรุปแนวคิดในการแกป้ ัญหา จากประสบการณ์ทีไดร้ ับครังนีอยา่ งไรบา้ ง อธิบายสนั ๆ

ใบงานที
บา้ นของท่านอย่ใู นแหล่งชุมชนใกลว้ ดั ทีมีเยาวชนมวั สุมดว้ ยการซือขายและเสพยาเสพติด มีคดี

ลกั เล็กขโมยนอ้ ยไปจนถึงปลน้ ข่มจีขืน และฆาตกรรม เป็ นปัญหาทีเป็ นอยู่เป็ นประจาํ แต่ยงั ไม่เคยเกิด
ขึนกบั ท่าน และครอบครัวของท่าน
ประเด็น

1. ท่านคิดวา่ ปัญหานีเป็นปัญหาของท่านหรือไม่ เพราะอะไร
2. ท่านคิดวา่ ปัญหานีเกดิ ขนึ จากอะไร มที างเลอื กในการแกป้ ัญหาอยา่ งไรบา้ ง ขอใหเ้ รียงลาํ ดบั
ความเป็นไปไดข้ องทางเลือกเหลนา่ ทนีจั ะนาํ ไปแกไ้ ข
3. แหลง่ ขอ้ มลู อะไรบา้ งทีควรนาํ มาพจิ ารณา เพอื ใชป้ ระกอบการคิดแกป้ ัญหา
4. ใหท้ ่านบนั ทึกคาํ ตอบของทุกขอ้ ส่งใหค้ รูพจิ ารณา

~ 219 ~

เรืองที
ลกั ษณะของข้อมูลและการเปรียบเทียบข้อมลู ด้านวชิ าการ ตนเอง และสังคม สิงแวดล้อม

และทกั ษะเบอื งต้น การวเิ คราะห์ สังเคราะห์ข้อมลู ทังสามด้าน
เพอื ประกอบการตดั สินใจแก้ปัญหาแบบคนคดิ เป็ น

ผเู้ รียนไดเ้ รียนรู้ถึง “การคิดเป็น” และการเชือมโยงสู่ “ปรัชญาคิดเป็ น” และไดต้ รวจสอบความคิด

กบั เพอื นในกล่มุ ดว้ ยการทาํ กิจกรรมร่วมกนั บา้ งแลว้ พฤติกรรมสาํ คญั ของการคิดเป็ นอย่างหนึง คือการใช้

ขอ้ มลู ทีหลากหลายและพอเพียงเพือประกอบการคิดและตดั สินใจ โดยเฉพาะขอ้ มลู ทีเกียวขอ้ งกบั วิชาการ

ตนเอง และสงั คมสิงแวดลอ้ ม

ข้อมูลคอื อะไร

ขอ้ มลู คือ ข่าวสารรายละเอียดต่าง ๆ ทีเกิดขึนภายในองคก์ รหรือสิงแวดลอ้ มทางกายภาพ ก่อนทีจะ

มกี ารจดั ระบบใหเ้ ป็นรูปแบบทีคนสามารถเขา้ ใจ และนาํ ไปใชไ้ ด้ เป็นขอ้ เท็จจริงหรือตวั แทนของขอ้ เท็จจริง

ของสิงทีเราสนใจทีมอี ยใู่ นชีวติ ประจาํ วนั ขอ้ เท็จจริงทีเกียวกบั เหตุการณ์ทีเกนิดอขยึ า่ งต่อเนือง เช่น จาํ นวน

ผปู้ ่ วยทีติดเชือเอดส์ในหมู่บ้าน ราคาพืชผกั ผลไมต้ ่าง ๆ ขอ้ เท็จจริงทีเป็ นสญั ลกั ษณ์ ตวั เลขจาํ นวนลกู คา้

ตวั เลขทีเกียวกบั จาํ นวนชวั โมงทีทาํ งานในแต่ละสัปดาห์ ตวั เลขทีเกียวกบั สินคา้ คงคลงั เพือรายการสงั ของ

ตวั เลขทีเป็านหนนํ กั และส่วนสูงของคน หรือตวั เลขทีเป็นรายไดป้ ระจาํ เดือน ตวั เลขทีเป็ นคะแนนการสอบ

เป็นตน้ ขอ้ มลู เป็นขอ้ ความหรือรายละเอียดซึงอาจอยใู่ นรูปแบบต่าง ๆ เช่น รูปภาพ เสียง วีดีโอ คาํ อธิบาย

พนื ฐานหรือเหตุการณ์ทีเกียวขอ้ งกบั สิงต่างๆ เป็นตน้

ข้อมูล (Data) กบั สารสนเทศ (Information)

ขอ้ มูล และ สารสนเทศมีความหมายทีแตกต่างกนั แต่มีความคลา้ ยคลึงและสมั พนั ธเ์ กียวขอ้ งกนั

อยมู่ าก

ขอ้ มลู หมายถึง ขอ้ มูลดิบทีเป็ นขอ้ เท็จจริง หรือเหตุการณ์ต่าง ๆนทใีเกนิดชขีวึิตประจาํ วนั ทีเก็บ

รวบรวมมาจากแหล่งต่าง ๆ อาจเป็ นตวั เลข ตัวอกั ษร หรือสัญลกั ษณ์ รูปภาพ และเสียง ถือว่าเป็ นขอ้ มูล

ระดบั ปฏิบตั ิการ ขอ้ มลู ทีดีจะตอ้ งมีความถกู ตอ้ งแม่นยาํ และเป็ นปัจจุบนั เช่น ปริมาณ ระยะทาง ชือ ทีอยู่

เบอร์โทรศพั ท์ คะแนนการสอบ บนั ทึก รายงาน ฯลฯ

สารสนเทศ คือ ขอ้ มูลทีนาํ มาผ่านกระบวนการประมวลผล วิเคราะห์จนสามารถนาํ ไปใชใ้ นการ

ตดั สินใจต่อไปไดท้ นั ที

ตวั อยา่ ง ขอ้ แตกต่างระหว่างขอ้ มลู และสารสนเทศ

ขอ้ มลู : ผเู้ รียนศนู ย์ กศน.อาํ เภอ ก. มจี าํ นวน , คน มีครูผสู้ อนจาํ นวน คน

สารสนเทศ : อตั ราส่วนครูผสู้ อนต่อผเู้ รียนศนู ย์ กศน.อาํ เภอ ก. เท่ากบั , / =,

~ 220 ~

ลกั ษณะของข้อมลู
ขอ้ มลู เมอื จาํ แนกตามลกั ษณะแลว้ สามารถแบ่งออกได้ ชนิด คือ
1. ข้อมูลเชิงคุณภาพ (Qualitative Data) หมายถึง ขอ้ มลู ทีเป็ นนามธรรมไม่สามารถบอกไดว้ ่า

มคี ่ามากหรือนอ้ ยเพยี งใด แต่จะสามารถบอกไดว้ ่าดีหรือไมด่ ี หรือบอกลกั ษณะความเป็นกล่มุ ของขอ้ มลู เช่น
เพศ ศาสนา สีผม คุณภาพสินคา้ ความพงึ พอใจ ฯลฯ

2. ข้อมูลเชิงปริมาณ (Quantitative Data) หมายถึง ขอ้ มลู ทีสามารถวดั ค่าไดว้ ่ามีมากหรือน้อย
ซึงสามารถวดั ค่าออกมาเป็นตวั เลขได้ เช่น คะแนนสอบ อณุ หภมู ิ ส่วนสาูงหนนํ กั ปริมาณต่าง ๆ ฯลฯ
ประเภทของข้อมูล

ขอ้ มลู เมอื จาํ แนกตามแหลง่ ทีมาแลว้ สามารถแบ่งออกไดเ้ ป็น ชนิด คือ
1. ข้อมูลปฐมภูมิ (Primary Data) หมายถึง ข้อมลู ทีผใู้ ชเ้ ป็ นผเู้ ก็บรวบรวมขนอ้ เอมงลู ขเชึ ่น
การเก็บจากแบบสอบถาม การทดลองในหอ้ งทดลอง
2. ข้อมลู ทุตยิ ภูมิ (Secondary Data) หมายถงึ ขอ้ มลู ทีผใู้ ชน้ าํ มาจากหน่วยงานอืน หรือผอู้ ืนทีได้
ทาํ การเก็บรวบรวมมาแลว้ ในอดีต เช่น รายงานประจาํ ปี ของหน่วยง่านต่าง ๆ ขอ้ มลู ทอ้ นงซถึงิ แต่ละ อบต.
เป็นผรู้ วบรวมไว้ ฯลฯ
คุณสมบตั ทิ ีเหมาะสมของข้อมลู
1. ความถูกต้อง หากมกี ารเก็บรวบรวมขอ้ มลู แลว้ ขอ้ มลู เหลน่าเนชัือถือไม่ไดจ้ ะทาํ ให้เกิดผลเสีย
อย่างมาก ผูใ้ ช้ไม่กล้าอ้างอิงหรื อนําเอาไปใช้ประโยชน์ ซึงเป็ นเหตุให้การตัดสินใจของผูบ้ ริ หาร
ขาดความแมน่ ยาํ และมีโอกาสผดิ พลาดได้ โครงสร้างขอ้ มลู ทีออกแบบตอ้ งคาํ นึงถึงกรรมวิธีการดาํ เนินงาน
เพือใหไ้ ดค้ วามถกู ตอ้ งแม่นยาํ มากทีสุด โดยปกติความผดิ พลาดของสารสนเทศส่วนใหญ่มาจากขอ้ มลู ทีไม่มี
ความถกู ตอ้ ง ซึงอาจมีสาเหตุมาจากคนหรือเครืองจกั ร การออกแบบระบบจึงตอ้ งคาํ นึงถึงในเรืองนี
2. ความรวดเร็วและเป็ นปัจจุบนั การไดม้ าของขอ้ มลู จาํ เป็นตอ้ งให้ทนั ต่อความตอ้ งการของผใู้ ช้
มีการตอบสนองต่อผใู้ ช้ไดเ้ ร็ว ตีความหมายสารสนเทศไดท้ ันต่อเหตุการณ์หรือความต้องการ มีการ
ออกแบบระบบการเรียกคืน และรายงานตามความตอ้ งการของผใู้ ช้
3. ความสมบูรณ์ ความสมบูรณ์ของสารสนเทศขึนกับการรวบรวมข้อมูลและวิธีการ
ทางปฏิบตั ิดว้ ย ในการดาํ เนินการจดั ทาํ สารสนเทศต้องสํารวจและสอบถามความตอ้ งการการใช้ขอ้ มูล
เพอื ใหไ้ ดข้ อ้ มลู ทีมคี วามสมบรู ณ์ในระดบั หนึงทีเหมาะสม
4. ความชัดเจนและกะทัดรัด การจดั เก็บขอ้ มลู จาํ นวนมากจะตอ้ งในชทพ้ ีใื นการจดั เก็บขอ้ มลู มาก
จึงจาํ เป็ นตอ้ งออกแบบโครงสร้างขอ้ มูลให้กะทัดรัดสือความหมายได้ มีการใช้รหัสหรือยืนย่อขอ้ มูล
ใหเ้ หมาะสมเพอื ทีจะจดั เก็บเขา้ ไวใ้ นระบบคอมพิวเตอร์
5. ความสอดคล้อง ความต้องการเป็ นเรื องทีสําคัญ ดนังนจั ึงต้องมีการสํารวจเพือหา
ความตอ้ งการของหน่วยงานและองค์การ ดูสภาพการใชข้ อ้ มูล ความลึกหรือความกวา้ งของขอบเขตของ
ขอ้ มลู ทีสอดคลอ้ งกบั ความตอ้ งการ

~ 221 ~

การจดั การข้อมูลเพอื ให้เกดิ ประโยชน์กบั การใช้งาน
การทาํ ข้อมูลให้เป็ นสารสนเทศทีจะเป็ นประโยชน์ต่อการใช้งาน จาํ เป็ นต้องอาศยั เทคโนโลยี

เขา้ มาช่วยในการดาํ เนินการตามขนั ตอน ดงั นี
1. การเกบ็ รวบรวมข้อมูล เป็นเรืองของการเก็บรวบรวมขอ้ มลู ซึงมจี าํ นวนมาก และตอ้ งเก็บใหไ้ ด้

อยา่ งทนั เวลา เช่น ขอ้ มูลการลงทะเบียนเรียนของนกั เรียน ข้อมูลประวตั ิบุคลากร ปัจจุบนั มีเทคโนโลยี
ช่วยในการจดั เก็บอยเู่ ป็นจาํ นวนมาก เช่น การป้ อนขอ้ มลู เขา้ เครืองคอมพิวเตอร์ การอา่ นขอ้ มลู จากรหัสแท่ง
การตรวจใบลงทะเบียนทีมีการฝนดินสอในตาํ แหน่งต่าง ๆ เป็นวิธีการเก็บรวบรวมขอ้ มลู เช่นกนั

2. การตรวจสอบข้อมูล เมือมีการเก็บรวบรวมขอ้ มูลแลว้ จาํ เป็ นต้องมีการตรวจสอบข้อมูล
เพือตรวจสอบความถูกตอ้ งขอ้ มูลทีเก็บเข้าในระบบตอ้ งมีความเชือถือได้ หากพบทีผิดพลาดต้องแกไ้ ข
การตรวจสอบขอ้ มูลมีหลายวิธี เช่น การใชผ้ ปู้ ้ อนข้อมูลสองคนป้ อนข้อมูลชุดเดียวกนั เข้าคอมพิวเตอร์
แลว้ เปรียบเทียบกนั

3. การประมวลข้อมลู
การดาํ เนินการประมวลขอ้ มลู ใหก้ ลายเป็นสารสนเทศ อาจประกอบดว้ ยกิจกรรมดงั ต่อไปนี
- การจดั แบ่งกล่มุ ข้อมูล ขอ้ มลู ทีจะตอ้ งมีการแบ่งแยกกลุ่ม เพือเตรียมไวส้ าํ หรับการใชง้ าน

การแบ่งแยกกลุ่มมีวิธีการทีชดั เจน เช่น ข้อมูลในโรงเรี ยนมีการแบ่งแฟ้ มประวัตินักเรี ยน และแฟ้ ม
ลงทะเบียน สมุดโทรศพั ทห์ นา้ เหลอื ง มีการแบ่งหมวดสินคา้ และบริการเพือความสะดวกในการคน้ หา

- การจดั เรียงข้อมูล เมอื จดั แบ่งกลุ่มเป็ นแฟ้ มแลว้ ควรมีการจดั เรียงขอ้ มลู ตามลาํ ดบั ตวั เลข
หรือตวั อกั ษร เพอื ใหเ้ รียกใชง้ านไดง้ ่ายประหยดั เวลา ตวั อยา่ งการจดั เรียงขอ้ มลู เช่น การจดั เรียงบตั รขอ้ มูล
ผูแ้ ต่งหนังสือในตูบ้ ัตรรายการของห้องสมุดตามลาํ ดบั ตัวอกั ษร การจัดเรี ยงชือคนในสมุดรายนาม
ผใู้ ชโ้ ทรศพั ท์ ทาํ ใหค้ น้ หาไดง้ ่าย

- การสรุปผล บางครังขอ้ มลู ทีจดั เก็บมีเป็ นจาํ นวนมาก จาํ เป็ นตอ้ งมีการสรุปผลหรือสร้าง
รายงานยอ่ เพอื นาํ ไปใชป้ ระโยชน์ ขอ้ มลู ทีสรุปไดน้ ีอาจสือความหมายไดด้ ีกว่า เช่น สถิติจาํ นวนนักเรียน
แยกตามชนั เรียนแต่ละชนั

- การคํานวณ ข้อมูลทีเก็บมีเป็ นจาํ นวนมาก ข้อมูลบางส่วนเป็ นข้อมูลตวั เลขทีสามารถ
นาํ ไปคาํ นวณเพือหาผลลพั ธ์บางอย่างได้ ดงั นัน การสร้างสารสนเทศจากขอ้ มลู จึงอาศยั การคาํ นวณขอ้ มูล
ทีเก็บไวด้ ว้ ย

4. การดูแลรักษาสารสนเทศเพอื การใช้งาน
- การเก็บรักษาข้อมูล การเก็บรักษาขอ้ มูล หมายถึง การนําข้อมูลมาบันทึกเก็บไวใ้ นสือ

บนั ทึกต่าง ๆ เช่น แผน่ บนั ทึกขอ้ มูล นอกจากนียงั รวมถึงการดูแล และทาํ สาํ เนาขอ้ มลู เพือใหใ้ ชง้ านต่อไป
ในอนาคตได้

~ 222 ~

- การค้นหาข้อมูล ขอ้ มลู ทีจดั เก็บไวม้ ีจุดประสงค์ทีจะเรียกใชง้ านต่อไป การคน้ หาขอ้ มูล
จะตอ้ งคน้ ไดถ้ กู ตอ้ งแม่นยาํ รวดเร็ว จึงมกี ารนาํ คอมพิวเตอร์เขา้ มามีส่วนช่วยในการทาํ งาน ทาํ ใหเ้ รียกคน้
กระทาํ ไดท้ นั เวลา

- การทําสําเนาข้อมูล การทําสาํ เนาเพือทีจะนําขอ้ มูลเก็บรักษาไว้ หรือนําไปแจกจ่าย
ในภายหลงั จึงควรจดั เก็บขอ้ มลู ใหง้ ่ายต่อการทาํ สาํ เนา หรือนาํ ไปใชอ้ ีกงคไรดัโ้ ดยง่าย

- การสือสาร ขอ้ มลู ตอ้ งกระจายหรือส่งต่อไปยงั ผใู้ ชง้ านทีห่างไกลไดง้ ่าย การสือสารขอ้ มูล
จึงเป็นเรืองสาํ คญั และมีบทบาททีสาํ คงญั ทยีจิ ะทาํ ใหก้ ารส่งข่าวสารไปยงั ผใู้ ชท้ าํ ไดร้ วดเร็วและทนั เวลา

5. เทคนิคการรวบรวมข้อมลู ผเู้ รียนสามารถรวบรวมขอ้ มลู ต่าง ๆ เช่น ตาดู (สงั เกต) หูฟัง (สนใจ
ตอบรับ) ปากถาม (กระตุน้ ซกั ถาม ชวนคุย) สมองคิดจาํ (เชือมโยง สมเหตุสมผล) และมอื จด (สรุป บนั ทึก)
เพอื จบั ประเด็นและสามารถทาํ การรวบรวมขอ้ มลู ไดด้ ว้ ยวธิ ีการทางวิชาการต่าง ๆ พอสงั เขป ดงั นี

1. การสังเกต ได้แก่ การค้นหาข้อมูลด้วยตนเองโดยตรง เช่น การสังเกตพฤติกรรม
หรือเหตุการณ์ต่าง ๆ ในชีวติ ประจาํ วนั สามารถเก็บรวบรวมขอ้ มลู โดยใชท้ ีมงานหรือไปสงั เกตดว้ ยตนเอง

2. การสัมภาษณ์ ไดแ้ ก่ การรวบรวมขอ้ มูลจากบุคคลอืน ๆ โดยผถู้ ามใชค้ าํ พูดในการถาม และ
ผตู้ อบใหค้ าํ พดู ในการตอบจากครอบครัว ญาติ พนี อ้ ง เพอื นบา้ น ซึงสามารเก็บรวบรวมขอ้ มลู ดว้ ยตนเอง

3. การตอบแบบสอบถาม ไดแ้ ก่ แบบรายการคาํ ถามทีให้ผอู้ ืนตอบคาํ ถามตามทีผถู้ ามต้องการ
การสอบถามทางโทรศพั ท์ สามารถใหต้ อบและจดั รับส่งทางไปรษณีย์

4. การศกึ ษาเอกสารหรือแหล่งทีเก็บขอ้ มลู ไดแ้ ก่ ขอ้ มลู จากหนังสือพิมพ์ วารสาร คอมพิวเตอร์
เทปบนั ทึกภาพ เทปบนั ทึกเสียง ขอ้ มลู สารสนเทศ ทางอเี มล์ ทางเว็บไซต์ เพอื ใชเ้ ป็นหลกั ฐาน

5. การทดสอบ/ทดลอง และการสาํ รวจ ไดแ้ ก่ การทดสอบเรืองต่าง ๆ ทาํ การทดลองกบั สิงของ
และการสาํ รวจขอ้ มลู ร้านคา้ ในบริเวณใกลเ้ คียง เช่น อาหาร เครืองดืม หรือสินคา้ อะไรขายดีทีสุดในหม่บู า้ น
หรือไปถงึ สถานทีจริง ๆ เป็นตน้
การบนั ทึกข้อมูล

เมือไดม้ ีการศึกษา จดั เก็บ และรวบรวมขอ้ มลู อยา่ งหลากหลาย ก็ตอ้ งมีการบนั ทึกขอ้ มูลนเหไลว่า้ นั
เพอื การวิเคราะห์และสงั เคราะห์ต่อไป การบนั ทึกขอ้ มลู ทีมีประสิทธิภาพนัน เทคนิคการเรียงความ ตีความ
ยอ่ ความ สรุปความ ทีไดศ้ กึ ษาจากสาระวชิ าภาษาไทย และสาระวชิ าอนื ๆ มาแลว้ สามารถนาํ ทกั ษะเหล่านนั
มาประยุกต์ใชไ้ ด้ และยงั สามารถนาํ ไปบนั ทึกผลการวิเคราะห์ สังเคราะห์ขอ้ มูล การจัดกระทาํ ขอ้ มูล
เป็ นสารสนเทศได้อีกดว้ ย หากมีขอ้ มูลจาํ นวนมากตอ้ งบันทึก หลกั การย่อความเป็ นเทคนิคทีควรฝึ กฝน
และนาํ ไปปฏบิ ตั ิดงั นี

1. อ่านขอ้ ความทีจะยอ่ ใหเ้ ขา้ ใจ หาใจความสาํ คญั ของแต่ละยอ่ หนา้ และใจความรองทีสาํ คญั ๆ
2. นาํ ใจความสาํ คญั และใจความรองมาเรียบเรียงดว้ ยสาํ นวนของตนเอง
3. ถา้ ขอ้ ความทีอ่านไม่มชี ือเรืองตอ้ งตงั ชือขึนเอง กรณีตวั เลขหรือจาํ นวนตอ้ งระบุหน่วยชดั เจน
4. ขอ้ ความร้อยกรอง ตอ้ งเปลยี นเป็นร้อยแกว้ ในความยอ่

~ 223 ~

ข้อมลู เพอื การคดิ เป็ น
การคิดการตดั สินใจแกป้ ัญหาตามแนวทางของ “การคิดเป็ นน” นกัระบวนการสาํ คญั คือ การใช้

ข้อมูลอย่างน้อย ประการมาประกอบการคิดการตดั สินใจ ข้อมูล ประการดังกล่าวได้แก่ ข้อมูล
ด้านวิชาการ ข้อมูลเกียวกับตนเอง และข้อมูลเกียวกับสังคม สิงแวดล้อม ลักษณะของข้อมูลทัง
ประการดงั กล่าว อาจสรุปเป็นตวั อยา่ งไดด้ งั ต่อไปนี

ข้อมลู เกยี วตนเอง
พนื ฐานของชีวิต ขอ้ มลู ภายในครัวเรือน อาชีพ ญาติพนี อ้ ง ครอบครัว ความสมั พนั ธ์ ทศั นคติ ทศั นะ
ทีเกียวขอ้ ง ความสามารถส่วนบุคคล ความเชือ นิสยั ใจคอ อารมณ์ บุคลิกภาพ คุณธรรม และพฤติกรรม
สภาพภายในภายนอกของตนเอง เป็นตน้
ข้อมูลทางวชิ าการ
หลกั วิชาการดา้ นต่าง ๆ ทีเกียวขอ้ งกบั ปัญหาทงั ทีศึกษาจากทฤษฎี เอกสาร ตาํ ราของทุกศาสตร์
ทุกสาขาวิชา ทีเรียนรู้จากนกั ปราชญ์ ผรู้ ู้ ภูมิปัญญา จากธรรมชาติ ผลงานวิจยั กฎหมาย ระเบียบขอ้ บงั คบั
เทคโนโลยสี ารสนเทศ ธรรมะ ขอ้ มลู ทางอาหารและยา และการวินิจฉยั ของแพทย์ขอ้ มลู ทางการเกษตร ฯลฯ
ข้อมลู ทางสังคมสิงแวดล้อม
ขอ้ มลู ทวั ไปเกียวกบั เศรษฐกิจและสงั คม วฒั นธรรมจารีตประเพณี ขอ้ มลู พืนฐานบริบททางสงั คม
ชุมชน การปกครอง อนามยั กิจกรรมของชุมชน สภาพการบริโภคทรัพยากรธรรมชาติ โรงเรือน บา้ น วดั
มสั ยดิ แหลง่ เรียนรู้ ขอ้ มลู เกียวกบั บุคคลทีเกียวขอ้ งรอบ ๆ ขา้ ง
การวเิ คราะห์และสังเคราะห์ข้อมลู เพอื นาํ มาใช้ประกอบการตดั สินใจ
การวเิ คราะห์ข้อมลู
การวิเคราะห์ขอ้ มลู หมายถึง การแยกแยะขอ้ มลู หรือส่วนประกอบของขอ้ มลู ออกเป็ นส่วนย่อย ๆ
ศึกษารายละเอยี ดของขอ้ มลู แต่ละเรืองเพือตรวจสอบขอ้ มลู ให้ไดม้ ากทีสุด โดยเฉพาะขอ้ มลู การคิดเป็งนทั
ประการว่า แต่ละดา้ นมีข้อมูลอะไรบ้าง เป็ นการหาคาํ ตอบว่า ใคร ทาํ อะไร ทีไหน อย่างไร ฯลฯ
การวเิ คราะห์ขอ้ มลู จะมกี ารศกึ ษาและตรวจสอบขอ้ มลู รอบดา้ นทงั ดา้ นบวกและดา้ นลบ ดูความหลากหลาย
และพอเพียงเพือให้ไดข้ อ้ มลู ทีแม่นยาํ เทียงตรง เชือถือได้ สมเหตุสมผล การวิเคราะห์ขอ้ มูลมีประโยชน์
ตรงทีทาํ ใหเ้ ราสามารถเขา้ ใจเรืองราวปรากฏการณ์ต่าง ๆ ทีแทจ้ ริง ช่วยใหม้ ีการแสวงหาขอ้ มูลหลากหลาย
โดยไมเ่ ชือคาํ บอกเล่าหรือคาํ กล่าวอา้ งของใครง่าย ๆ เป็ นการมองขอ้ มูลหลากหลายมิติ เกิดมุมมองเชิงลึก
และกวา้ ง เพยี งพอ ครบถว้ น

~ 224 ~

การสังเคราะห์ข้อมูล
เป็ นการนําข้อมูลทีเกียวข้อง ถูกต้อง ใกล้เคียง กลุ่มเดียวกันมารวบรวม จัดกลุ่ม จัดระบบ
เป็ นกลุ่มใหญ่ ๆ ในเชิงบูรณาการโดยเฉพาะนาํ ขอ้ มลู การคิดเป็ง ดนา้ทนั คือ ขอ้ มูลทางวิชาการ ขอ้ มูล
เกียวกบั ตนเอง และขอ้ มลู ทีเกียวกบั สงั คมสิงแวดลอ้ ม ทีวิเคราะหแ์ ม่นยาํ เทียงตรง หลากหลายและพอเพียง
ทงั ดา้ นบวกและลบไวแ้ ลว้ มาจดั กลุ่มทางเลือกในการแกป้ ัญหาทีเป็ นขอ้ มูลเชิงบูรณาการ ขอ้ มงูลทัดา้ น
หลาย ๆ ทางเลือก โดยแต่ละทางเลือกจะมีขอ้ มูลทงั ด้านมาสังเคราะห์รวมเข้าไวด้ ว้ ยกนั เพือให้เป็ น
ทางเลือกในการตดั สินใจ เลือกทางเลือกทีเหมาะสมเป็นทียอมรับและพอใจทีสุดนาํ มาแกป้ ัญหาต่อไป

~ 225 ~

เรืองที
คณุ ธรรม จริยธรรม : องค์ประกอบทีสําคญั ของการคดิ แก้ปัญหาแบบคนคดิ เป็ น

1. ความหมายของคณุ ธรรมและจริยธรรม

คุณธรรม (Moral) คือ คุณ + ธรรม หมายถึง คุณงามความดีทีเป็ นธรรมชาติก่อให้เกิดประโยชน์

ต่อตนเองและสงั คม ซึงรวมสรุปวา่ คือ สภาพคุณงาม ความดี

คุณธรรม คือ ความดีงามในจิตใจทีทาํ ให้บุคคลประพฤติดี ผูม้ ีคุณธรรมเป็ นผูม้ ีความเคยชิน

ในการประพฤติดีดว้ ยความรู้สึกในทางดีงาม คุณธรรมเป็งนทสีติ รงกนั ขา้ มกบั กิเลส ซึงเป็ นความไม่ดี

ในจิตใจ ผมู้ คี ุณธรรมจึงเป็นผไู้ ม่มกั มากดว้ ยกิเลส ซึงจะไดร้ ับการยกยอ่ งว่าเป็นคนดี

ดวงเดือน พนั ธุนาวนิ ( : ) ไดใ้ หค้ วามหมายของคุณธรรมในงแดงีง่สาิมไวว้ ่า หมายถึง สิงที

บุคคลยอมรับว่าเป็งนดสีงิ าม มีประโยชน์มาก มีโทษน้อย คุณธรรมในแต่ละสังคมอาจต่างกนั ขึนอยกู่ ับ

วฒั นธรรม เศรษฐกิจ ศาสนาและการศกึ ษาของคนในสงั คมนนั ๆ

พจนานุกรมฉบับราชบณั ฑิตยสถาน ( : ) ได้ให้ความหมายของคุณธรรมไวใ้ นแบบ

เดียวกนั ว่า เป็ นสภาพคุณงามความดี ส่วนธวชั ชยั ชยั จิรฉายากุล และวราพรรณ น้อยสุวรรณ กล่าวถึง

คุณธรรมในทางพุทธศาสนาว่า หมายถึง ความรัก ความรู้คิด

สรุปแลว้ คุณธรรม หมายถึง สิงทีสงั คมยอมรับว่าเป็งนดสีงิ ามทีเกิดจากส่วนร่วมของการศึกษา

การปฏบิ ตั ิ ฝึกอบรม และการกระทาํ จนเคยชินเกิดเป็ นลกั ษณะนิสยั เป็งทีมนีคสุณิ ประโยชน์ ต่อตนเองต่อ

ผอู้ ืนและต่อสงั คม

จริ ยธรรม (Ethics) คือ จริ ย ได้แก่ ความประพฤติ + ธรรมะ ได้แก่ หลักปฏิบัติ หมายถึง

หลกั แห่งความประพฤติหรือแนวทางของการประพฤติ มีผใู้ หค้ วามหมายของคาํ วา่ จริยธรรมไวห้ ลายทศั นะ

เช่น ดวงเดือน พนั ธุมนาวิน ( : ) กล่าวว่า จริยธรรม หมายถึง ระบบการทาํ ความดี คววามชั

พระธรรมปิ ฎก ( : 7) กล่าวว่า จริยธรรมเป็ นเรืองของความสมั พนั ธ์ของชีวิตกงบั แสวิ ดลอ้ มทางสังคม

และวัตถุ เป็ นเรื องของจิตใจและเป็ นเรื องของปัญญา ความรู้ ความคิด พนัส หันนคินทร์ อ้างใน

ธวชั ชยั ชยั จิรฉายากุล และวราพรรณ นอ้ ยสุวรรณ ( : ) อธิบายวา่ จริยธรรม หมายถึง ความประพฤติ

ทีปฏิบตั ิตามหลกั จริยธรรม จะตอ้ งประกอบดว้ ยกนั ทงั การปฏบิ ตั ิทางกายและความรู้สึกทางใจสอดคลอ้ งกนั

ดงั นนั ความหมายของจริยธรรมโดยรวมจะเห็นตรงกนั วา่ เปง็ทีเชนือสกิ นั ว่า เป็ นความดีงามทีควรยดึ

เป็นหลกั ในการประพฤติ ปฏบิ ตั ิต่อตนเอง ต่อผอู้ นื และต่อสงั คมงกทารั กระทาํ ดว้ ยกายและตระหนกั ดว้ ยใจ

จากการใหค้ วามหมายของคุณธรรม และจริยธรรมในหลายทศั นะนี จะเห็นไดว้ า่ แมค้ วามหมายของ

คุณธรรม และจริยธรรมจะแตกต่างกนั แต่ก็มีความหมายใกลเ้ คียงและสัมพนั ธก์ นั และบางคนก็ใชค้ วบคู่

กนั ไปเป็นคุณธรรม จริยธรรม ซึงหมายถึง การกระทาํ หรือการประพฤติปฏิบตั ิทีดีทีปลูกฝังอยใู่ นอุปนิสัย

อนั ดีงามของคน ตลอดจนความรู้สึกนึกคิดทีถกู ตอ้ ง ซึงอยใู่ นจิตสาํ นึกความรับผดิ ชอบชวั ดีของบุคคลนัน ๆ

~ 226 ~

อนั เป็นเครืองเหนียงวแรลัะควบคุมความประพฤติของบุคคลทีแสดงออกเพือใหบ้ รรลใุ นสิงทีปรารถนา เช่น
ความซือสตั ย์ ความสามคั คี ความมวี ินยั ความกตญั ู และความเอือเฟื อเผอื แผ่ เป็นตน้

2. ความสําคญั ของคุณธรรมและจริยธรรม
สภาพสงั คมไทยในปัจจุบนั มีการเปลียนแปลงทางดา้ นเศรษฐกิจและสงั คมอย่างรวดเร็ว พร้องมทั
ความเจริญทางดา้ นเทคโนโลยกี ารสือสารทีสามารถสือสารกนั ทวั ทงั โลกภายในระยะเวลาอนั สัน ส่งผลให้
ประชาชนและเยาวชนเกิดการรับรู้ข้อมูลข่าวสาร ศิลปวฒั นธรรม ขนบธรรมเนียมประเพณี รูปแบบ
การดาํ รงชีวิตของเพือนร่วมโลก แลว้ ถือเป็ นตวั แบบในการดาํ รงชีวิตของตน โดยขาดการคิดวิเคราะห์ถึง
ความเป็นมาและเหตุผลทีแทจ้ ริงอย่างถกู ตอ้ ง ซึงปรากฏอยใู่ นสงั คมปัจจุบนั และส่งผลกระทบต่อคุณภาพ
การทุจริตคอรัปชนั ในวงการราชการ การทุจริตในการสอบเขา้ ศึกษาต่อในสถาบนั การศึกษาต่าง ๆ โดยใช้
เทคโนโลยีทีทันสมยั เป็ นเครืองมือ รวงมปทัญั หาการขายบริ การทางเพศของนิสิตนักศึกษา เป็ นต้น
ซึงปัญหาต่าง ๆ เหล่านีแสดงใหเ้ ห็นถึงการหย่อนยานทางดา้ นคุณธรรม จริยธรรมของประชาชนในชาติ
เป็นอยา่ งมาก และควรทีจะไดร้ ับการแกไ้ ขอยา่ งเร่งด่วน
คุณธรรมและจริยธรรมมีความสําคญั มาก เพราะเป็ นรากฐานของความเจริญรุ่งเรืองของสังคม
และเป็งนทสีกิ าํ หนดความเจริญและความล่มสลายของสงั คม ดงั นนั ผบู้ ริหารประเทศ และผทู้ ีเกียวขอ้ งตอ้ ง
ตระหนักและเล็งเห็นความสาํ คญั ในการทีจะแก้ปัญหา เร่งพฒั นาจิตใจและพฤติกรรมของบุคคลในทุก
ระดบั ชนั ร่วมกนั หาแนวทางในการแกป้ ัญหาคุณธรรมและจริยธรรมในสังคม และหาทางปลกู ฝังให้บุคคล
ในสงั คมมีคุณธรรม จริยธรรม เพือใหบ้ ุคคลสามารถทีจะดาํ รงอยใู่ นสงั คมไดอ้ ยา่ งมีความสุข
3. องค์ประกอบของคุณธรรม จริยธรรม

3.1 องค์ประกอบของคุณธรรมในระดับองค์กร จริยธรรมเป็นเครืองมอื กาํ หนดหลกั ปฏบิ ตั ิ
ในการดาํ รงอยู่ขององค์กร แนวทางในการอยู่ร่วมกันอย่างสงบเรียบร้อยประกอบด้วยองค์ประกอบ
ดงั ต่อไปนี

1. ระเบียบวินัย (Discipline) เป็ นองค์ประกอบสําคงัญกยิารหย่อนยานระเบียบวินัย
เป็นการละเมิดสิทธิและหนา้ ทีตามบทบาทของแต่ละคน

2. สังคม (Society) การรวมกลุ่มกนั ประกอบกิจกรรมอย่างมีระเบียบแบบแผน ก่อใหเ้ กิด
ขนบธรรมเนียมประเพณีทีดีงาม มีวฒั นธรรมอนั เป็ นความมีระเบียบเรี ยบร้อย และศีลธรรมอันดี
ของประชาชน

3. อิสระเสรี (Autonomy) ความมสี าํ นึกในมโนธรรมทีพฒั นาเป็นลาํ ดบั ก่อใหเ้ กิดความอิสระ
สามารถดาํ รงชีวติ จากสิงทีไดเ้ รียนรู้จากการศกึ ษา และประสบการณ์ในชีวิต มีความสุข อย่ใู นระเบียบวินัย
และสงั คมของตน เป็ นค่านิยมสูงสุดทีคนไดร้ ับการขดั เกลาแลว้ สามารถบาํ เพ็ญตนตามเสรีภาพเฉพาะตน
ไดอ้ ยา่ งอิสระสามารถปกครองตนเอง และชกั นาํ ตนเองใหอ้ ยใู่ นทาํ นองครองธรรม

~ 227 ~

3.2 คณุ ธรรมจริยธรรมในระดบั บุคคล มอี งคป์ ระกอบ ประการ คือ
1. ดา้ นความเป็ นเหตุเป็ นผล (Moral Reasoning) คือ ความเขม้ แข็งทางจิตใจในเหตุผล
ของความถกู ตอ้ งดีงาม สามารถตดั สินแยกความถกู ตอ้ งออกจากความไม่ถกู ตอ้ งไดด้ ว้ ยการคิด
2. ดา้ นความเชือและทัศนคติ (Moral Attitude and Belief) คือ ความพึงพอใจ ศรัทธา
เลอื มใส ความนิยมยนิ ดีทีจะรับจริยธรรมมาเป็นแนวทางในการประพฤติปฏิบตั ิ
3. ด้านพฤติกรรม (Moral Conduct) คือการกระทําหรื อการแสดงออกของบุคคล
ในสถานการณ์ต่าง ๆ ซึงเชือวา่ เกิดจากอทิ ธิพลของสององคป์ ระกอบขา้ งตน้
4. คณุ ธรรม จริยธรรมเพอื การคดิ แก้ปัญหา
4.1 คุณธรรม จริ ยธรรม ประการ ตามแนวทางพระบรมราโชวาทของพระบาทสมเด็จ
พระเจา้ อยหู่ วั
พระบาทสมเด็จพระเจา้ อย่หู วั ทรงมีพระราชดาํ รัสในพระราชพิธีบวงสรวงสมเด็จพระบูรพา
มหากษตั ริยาธิราชเจา้ เมือวนั ที เมษายน พุทธศกั ราช ความวา่
“...คุณธรรมทีทุกคนควรจะศกึ ษาและนอ้ มนาํ มาปฏบิ ตั ิ มอี ยสู่ ีประการ
1) คือ การรักษาความสจั ความจริงใจต่อตวั เองทีจะประพฤติปฏิบตั ิแต่สิงทีเป็ นประโยชน์
และเป็ นธรรม
2) คือ การรู้จกั ข่มใจตนเอง ฝึกฝนตนเอง ใหป้ ระพฤติปฏิบตั ิอยใู่ นความสจั ความดีนนั
3) คือ การอดทน อดกลัน และอดออมทีจะไม่ประพฤติล่วง ความสัจสุจริ ต ไม่ว่าด้วย
เหตุประการใด
4) คือ การรู้จักละวางความชัว ความทุจริ ต และรู้จักสละประโยชน์ส่วนน้อยของตน
เพอื ประโยชน์ส่วนใหญ่ของบา้ นเมอื ง คุณธรรมสีประการนี ถา้ แต่ละคนพยายามปลูกฝังและบาํ รุงใหเ้ จริญ
งอกงามขึนโดยทวั ถึงกนั จะช่วยให้ประเทศชาติบงั เกิดความสุข ความร่มเย็น และมีโอกาสทีจะปรับปรุง
พฒั นาใหม้ นั คงกา้ วหนา้ ต่อไปดงั ประสงค.์ ..”
พระบรมราโชวาทเรื องคุณธรรม ประการนี สอดคล้องกับหลักพุทธธรรมในเรื อง
ฆราวาสธรรม คือ
1) สจั จะ มคี วามจริงใจต่อตนเองทีจะรักษาสจั จะทีใหไ้ วก้ บั ตน
2) ทมะ การรู้จกั ข่มใจตนเองทีจะปฏิบตั ิตามสจั จะทีกาํ หนด
3) ขนั ติ มีความอดทนอดกลนั ทีจะปฏิบตั ิตามสจั จะนนั ใหส้ าํ เร็จลุลว่ ง
4) จาคะ การสละความชวั ความทุจริตตามสจั จะนนั ๆ
4.2 คุณธรรมตามแนวคิดของอริสโตเติล ซึงอริสโตเติลนกั ปราชญช์ าวกรีก ไดใ้ หแ้ นวทางของ
คุณธรรมหลกั ๆ ไว้ ประการ คือ
1) ความรอบคอบ คือ รู้ว่าอะไรควรประพฤติปฏิบตั ิ อะไรไม่ควรประพฤติปฏิบตั ิ
2) ความกลา้ หาญ คือ ความกลา้ เผชิญต่อความเป็นจริง

~ 228 ~

3) การรู้จักประมาณ คือ รู้จักควบคุมความตอ้ งการและการกระทาํ ให้เหมาะสมกับสภาพ
และฐานะของตน

4.3 กรมวชิ าการ กระทรวงศึกษาธิการ ไดว้ เิ คราะหค์ ุณธรรม จริยธรรมทีควรเร่งพฒั นาส่งเสริม
ให้เกิดขึน ในระดับประถมศึกษา ควรพฒั นาคุณธรรม จริ ยธรรม ประการคือ ความเมตตากรุ ณา
ความซือสัตยส์ ุจริต และความขยนั หมนั เพียร ส่วนระดบั มธั ยมศึกษาควรพฒั นาทงั ประการ และเพิม
จริยธรรมอีก ประการ คือ การใฝ่ สจั ธรรมและการใชป้ ัญญาในการแกป้ ัญหา ซึงกรมวิชาการไดก้ าํ หนด
พฤติกรรม คุณธรรมจริยธรรมต่าง ๆ ไวด้ งั ต่อไปนี

1) การใฝ่ สัจธรรม ไดแ้ ก่ พฤติกรรมทีเกียวข้องกบั การเลือกแนวทางความเชือทีมีเหตุผล
การแสดงความพอใจกบั คาํ กล่าวทีมีเหตุผล การแสดงความพอใจกบั การยึดถือและยอมรับความจริง การ
แสดงความพอใจกบั การแสวงหาความจริง การซกั ถาม คน้ ควา้ เพอื ตอบขอ้ สงสยั การซกั ถาม คน้ ควา้ เพือหา
ความรู้คาํ อธิบายเพมิ เติม

2) การใชป้ ัญญาแก้ปัญหา ไดแ้ ก่ พฤติกรรมทางด้านการเลือกแนวทางแก้ปัญหา หรื อ
ดาํ เนินงานอยา่ งมเี หตุผล การวเิ คราะห์ตามกระบวนการวิทยาศาสตร์ได้ การพอใจแนวทางแกป้ ัญหา หรือ
แนวปฏบิ ตั ิทีมีเหตุผล การปฏิบตั ิงานแกป้ ัญหา เช่น ทาํ แบบฝึกหดั ทาํ รายงาน คน้ ควา้ สาํ เร็จเป็ นทีน่าพอใจ
การตอบคาํ ถามทีขึนตน้ ดว้ ยคาํ วา่ “ทาํ ไม” “เราควรทาํ อยา่ งไร” ไดอ้ ยา่ งมีเหตุผล

4.4 สํานักคณะกรรมการการประถมศึกษาแห่งชาติ ( : ) ได้กาํ หนดขอบข่าย
ของคุณธรรม จริยธรรม ทีจาํ เป็ นการดาํ รงชีวิตไวว้ ่า คุณธรรม จริยธรรม ทีจาํ เป็ นในการดาํ รงชีวิตของ
คนไทยไดแ้ ก่ ความมีเมตตากรุณา ความมรี ะเบียบวินยั ความรับผดิ ชอบ ความซือสตั ย์ ความเสียสละไม่เห็น
แก่ตวั ความประหยดั และความกตญั ูกตเวที ซึงจดั หมวดหมไู่ ด้ ประการ คือ

1. ความไม่เห็นแก่ตวั ซึงไดแ้ ก่ การแบ่งปัน ความปรารถนาดี เห็นแก่ประโยชน์ส่วนรวม
มากกวา่ ส่วนตวั ความเมตตากรุณา และความกตญั ูกตเวที

2. ความรับผิดชอบ ซึงได้แก่ ความมุ่งมนั ตังใจปฏิบัติหน้าทีด้วยความผูกพนั พากเพียร
ละเอียดรอบคอบ ความซือสัตยต์ ่อหน้าที เคารพกฎระเบียบ มีวินัยในตนเอง ความตรงต่อเวลา และ
การยอมรับผลการกระทาํ ของตนเองเสมอ

4.5 กระทรวงศกึ ษาธิการไดป้ ระกาศนโยบายทีจะเร่งรัดการปฏิรูปการศึกษา โดยยดึ คุณธรรม
นาํ ความรู้สร้างความตระหนกั สาํ นึกคุณค่าของความสมานฉันท์ สนั ติวิธี วิถีประชาธิปไตย โดยการพฒั นา
คนใหเ้ ป็นคนดี มคี วามรู้ และอยดู่ ีมสี ุข ดงั นี

1) ขยนั คือ ความเพียรพยายามทาํ หนา้ ทีการงาน สูง้ านไมท่ อ้ ถอย ตงั ใจอยา่ งจริงจงั
2) ประหยดั คือ อยอู่ ยา่ งเรียบง่าย พอเพียง ไมฟ่ ่ มุ เฟื อย ระมดั ระวงั รายจ่ายของตนทีจาํ เป็น
3) ซือสตั ย์ คือ มคี วามประพฤติตรงต่อหนา้ ที จริงใจ ไมค่ ดโกง
4) มวี นิ ยั คือ ปฏบิ ตั ิตนอยใู่ นกฎระเบียบแบบแผนขอ้ บงั คบั รวมถึงต่อตนเองและสงั คม
5) สุภาพ คือ ออ่ นนอ้ มถ่อมตน มีสมั มาคารวะ เรียบร้อยทงั กาย วาจา ใจ และมีมารยาท

~ 229 ~

6) สะอาด คือ รักษาร่างกาย ทีอยอู่ าศยั และสิงแวดลอ้ ม ทาํ จิตใจใหแ้ จ่มใส สวยงาม
7) สามคั คี คือ ช่วยเหลือรับฟัง เกือกลู ทงั ความคิดเห็นของผอู้ นื และตนเองอยา่ งมีเหตุผล
8) มนี าํ ใจ คือ อาสาช่วยเหลอื สงั คม รู้จกั แบ่งปัน เสียสละ เห็นอกเห็นใจผอู้ ืน เห็นคุณค่าของ
เพือนมนุษย์ เอืออาทรต่อเพือนมนุษยด์ ว้ ยแรงกายและสติปัญญา ร่วมสร้างสรรค์สิงดีงามแก่สังคม และ
ชุมชน
4.6 คุณธรรมทีใชใ้ นการแกป้ ัญหาชีวิต
คุณธรรมทีใช้ในการแกป้ ัญหาชีวิต ไดแ้ ก่ อริยสัจ หมายถึง ความจริงอนั ประเสริฐ 4 ประการ
ในการดาํ เนินชีวิตของบุคคลหรื อการทาํ งานในกิจการต่าง ๆ มักจะประสบกับปัญหาและอุปสรรค
นานาประการ ซึงถา้ มีหลกั ธรรมต่าง ๆ ดงั ทีกล่าวมาแลว้ เป็ นหลกั ยดึ เพือการประพฤติปฏิบตั ิ บุคคลนผนู้ ั
ก็ยอ่ มจะผา่ นอปุ สรรคต่าง ๆ ไปได้ และประสบความสาํ เร็จในทา้ ยทีสุด สาระงสขาํ อคงญั อยริ ยสจั มีดงั นี
1) ทุกข์ คือ ความไมส่ บายกายไมส่ บายใจทีเกิดขึน เนืองจากสาเหตุนานาประการ
2) สมุทยั คือ เหตุทีทาํ ใหเ้ กิดทุกข์ ซึงเกิดจากตณั หาทงั หลาย
3) นิโรธ คือ ความดบั ทุกข์ โดยการดบั ตณั หาใหห้ มดจะเป็นภาวะทีปลอดทุกข์
4) มรรค คือ วิถีทางในการดับทุกข์ ไดแ้ ก่ ขอ้ ปฏิบัติต่าง ๆ ทีทําให้ทุกข์หมดไป นันคือ
อริยมรรค ประการ
สาํ หรับนกั ศกึ ษาสามารถนาํ หลกั ธรรมดงั กลา่ วไปใชแ้ กป้ ัญหา ดงั นี
ทุกข์ คือ สภาพทีเราขาดความสุขทนไม่ได้ มนั ทาํ ใหเ้ ราวา้ วนุ่ ทุกขจ์ ึงเป็นปัญหา
สมุทยั คือ สาเหตุของปัญหา อะไรทาํ ใหเ้ ราวา้ วนุ่ ใจ อะไรทาํ ใหเ้ ราวิตกกงั วล
นิโรธ คือ แนวทางแก้ไข ลองนังนึกว่าจะแกไ้ ขเรื องทีวา้ วุ่นได้อย่างไร หาหลาย ๆ แนวทาง
ลองนงั เขียนเป็นขอ้ ๆ แยกแยะขอ้ ดีขอ้ เสีย
มรรค คือ แนวทางปฏบิ ตั ิในเชิงพฤติกรรมทีเป็นไปไดท้ ีจะไมใ่ หเ้ กิดปัญหาอกี
5. แนวทางการพฒั นาบุคลากรด้านคุณธรรมจริยธรรม
เพือให้การพฒั นาคุณธรรมจริยธรรม เป็ นไปในทิศทางเดียวกนั จึงไดม้ ีการกาํ หนดคุณลกั ษณะ
ของผมู้ คี ุณธรรมจริยธรรมไว้ ดงั นี
1. เป็นผทู้ ีมีความเพยี รพยายามประกอบความดี ละอายต่อการปฏิบวตั ิชั
2. เป็นผมู้ คี วามซือสตั ยส์ ุจริต ยตุ ิธรรม และมเี มตตากรุณา
3. เป็นผมู้ ีสติปัญญา รู้ตวั อยเู่ สมอ ไมป่ ระมาท
4. เป็นผใู้ ฝ่ หาความรู้ ความสามารถในการประกอบอาชีพ เพือควานมคมงั
5. เป็นผทู้ ีรัฐสามารถอาศยั เป็นแกนหรือฐานใหก้ บั สงั คม สาํ หรับการพฒั นาใด ๆ ได้
แนวทางการพฒั นาคุณภาพและจริยธรรมทีกาํ หนดโดยรัฐบาล จากคุณสมบตั ิของผมู้ ีจริยธรรม
ดงั กล่าว แสดงถึงความเป็ นคนมีคุณภาพ มีภาวะความเป็ นผนู้ าํ อนั เป็ นทีตอ้ งการขององคก์ ารและสังคม
ทุกระดบั รัฐบาลไทยไดเ้ ห็นความสําคญั ของการพฒั นาคุณภาพของประชาชนในด้านจริ ยธรรมและ

~ 230 ~

คุณธรรมในสังคม จึงไดบ้ รรจุไวใ้ นแผนพฒั นาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ โดยเนน้ การพฒั นาจิตใจใน
ลกั ษณะทีสอดคลอ้ งและเหมาะสมกบั สภาพทางเศรษฐกิจและสงั คมปัจจุบนั ซึงผลทีปรากฏในปัจจุบนั ก็คือ
มีการเผยแพร่ธรรมะทางสือต่าง ๆ มากมาย วดั วาอารามก็ไดเ้ ขา้ มามสี ่วนร่วมส่วนช่วยในการอบรงมสสอั น
ดว้ ยจริยธรรมเป็ นจริยสมบตั ิ หน่วยงานต่าง ๆ ก็ใหก้ ารสนับสนุนเป็ นอย่างดี คนไทยวยั หนุ่มสาว และ
เยาวชนได้ให้ความสนใจเป็ นจํานวนมาก จากทีเห็นได้จากสือและข่าวต่าง ๆ เนืองจากจริ ยธรรม
เป็ นคุณสมบัติทีทาํ หน้าทีเป็ นเครืองมือในการวดั คุณภาพของคน ซึงมีความสาํ คัญต่อการดาํ รงชีวิต
ของประชากรทงั ประเทศ รัฐบาลจึงไดก้ าํ หนดแนวทางการพฒั นาคุณธรรมและจริยธรรมไวด้ งั นี

1. พฒั นาจิตใจประชากรกลุ่มเป้ าหมาย โดยใหผ้ นู้ าํ แต่ละกลุม่ เป็นผบู้ ริหารเปลียนแปลง
2. ให้สถาบนั ของสังคมและครอบครัวทาํ หน้าทีอันถูกต้องชอบธรรมของตนเอง แก้ไข
ขอ้ บกพร่องโดยรีบด่วน
3. บรรจุการพฒั นาจิตใจในหลกั สูตร การฝึ กอบรมทุกหลกั สูตร และให้ดาํ เนินการพฒั นา
ต่อเนืองต่อไป
4. ให้มีการพัฒนาวิธีปลูกฝัง อบรม สังสอนศีลธรรม จริ ยธรรม ตามความเหมาะสม
ของกลมุ่ เป้ าหมายใหเ้ ป็นทีน่าสนใจ
5. สร้างสรรค์สิงแวดลอ้ มของสังคมอันได้แก่ ศิลปะ วฒั นธรรม จริยธรรม และค่านิยม
ทีถกู ตอ้ งดีงามตามหลกั ศีลธรรมและจริยธรรม
นอกจากการพฒั นาของรัฐบาลดงั กล่าว องค์กรควรไดส้ ่งเสริมและพฒั นาบุคลากรในวิธีเดียวกนั
เพือให้บุคลากรขององค์กรเป็ นทรัพยากรมนุษยท์ ีพึงประสงค์โดยแทจ้ ริง การพฒั นาทรัพยากรมนุษย์
โดยวิธีดงั กลา่ วอาจเป็นส่วนหนึงสาํ หรับการพฒั นาองคก์ ร ทีสาํ คญั ก็คือองคก์ รควรใหม้ กี ารสร้างบรรยากาศ
หรื อสภาวะแวดล้อมในการทาํ งานให้ดีด้วย ดังเช่นไม่ให้คนมีงานทาํ มากเกินไปหรื อน้อยเกินไป
การพิจารณาความดีความชอบให้มีความยตุ ิธรรม มีธรรมาภิบาลและส่งเสริมดว้ ยมนุษยสมั พนั ธ์ภายใน
องค์กรด้วย ซึงบรรยากาศทีดีจะช่วยการพฒั นาจิตใจ ในดา้ นสถาบนั การศึกษาก็ควรไดม้ ีการบรรจุหลกั
คุณธรรมไวใ้ นหลกั สูตร เพอื เป็นการพฒั นาและให้การศึกษากบั คงนชทาัติ เพือการพฒั นาจิตใจของคนใน
ชาติใหม้ คี ุณภาพ
การพฒั นาบุคคลดว้ ยคุณธรรมตอ้ งฝึกฝนใหม้ คี วามรู้สึกตระหนกั วา่ อะไรดี อะไรควร อะไรไม่ควร
อะไรไมด่ ี และปฏบิ ตั ิแต่ในทางทีถกู ทีควรใหเ้ ป็นปกติวิสัย การพฒั นาใงนดสงั ิ กล่าวควรใชส้ ิงโนม้ นาํ ใหม้ ี
คุณธรรมสูง มีความระลึกได้ว่าอะไรไม่ควร และความรู้สึกตวั ว่ากาํ ลงั ทาํ อะไรอยู่ ผหู้ วงั ความสงบสุข
ความเจริญและความมนั คงแก่ตนเองและประเทศชาติ ตอ้ งฝึ กฝนตนเองให้มีคุณธรรม คุณธรรมเป็งนทสี ิ
สาํ คญั และจาํ เป็นมากสาํ หรับบุคลากร ควรใหก้ ารส่งเสริมสนบั สนุนและชกั จงู ใหบ้ ุคลากรขององคก์ รสนใจ
คุณธรรมและพร้อมนาํ มาปฏบิ ตั ิกบั ชีวติ การทาํ งานของตนเอง

~ 231 ~

บทสรุป
คนเราเมือเกิดมามีชีวิต มีการทาํ งาน สัมพนั ธต์ ิดต่อกบั คนอืน ๆ ในสังคมทีมีความแตกต่างกัน
อยา่ งหลากหลาย การเผชิญกบั ปัญหาก็เป็ นธรรมชาติหนีไม่พน้ คนจึงตอ้ งมีสติ มีสมาธิ เพือให้เกิดปัญญา
ในการแสวงหาขอ้ มลู ทีหลากหลายและเพียงพอมาใชป้ ระกอบการคิด การแกป้ ัญหาเหล่านันใหล้ ุล่วงไป
สภาพสังคมไทยปัจจุบันเป็ นยุคโลกาภิวตั น์ ความเจริญทางด้านเทคโนโลยีการสือสารถึงกวันโทลั ก
ในระยะเวลาอนั สัน ส่งผลให้เยาวชนและประชาชนเกิดการรับรู้ข่าวสาร ศิลปวฒั นธรรม รูปแบบการ
ดาํ รงชีวิตของเพือนร่วมโลก และรับมาเป็นตวั แบบในการดาํ รงชีวิตของตน โดยไม่มกี ารไตร่ตรองปรับแต่ง
ใหส้ อดคลอ้ งกบั วฒั นธรรม ประเพณีและความเชือของไทยเราเอง ขาดการวเิ คราะห์ถึงความเป็นมา และแนว
ปฏบิ ตั ิทีแทจ้ ริงของเขา ส่งผลใหเ้ กิดปัญหาดา้ นวฒั นธรรมและวถิ ีชีวิต กระทบต่อคุณภาพชีวิตของประชาชน
เป็นอนั มาก เช่น ปัญหาการทาํ งานทีไมโ่ ปร่งใสของผมู้ ีอาํ นาจ การทุจริตคอรนัปเชิังนโยบายในวงราชการ
ปัญหาขายบริการทางเพศของนกั ศึกษา ปัญหาการพนนั บอล ปัญหาติดยา ปัญหาหนีนอกระบบ ครอบครัว
แตกแยก ปัญหาการแต่งงานก่อนวยั อนั ควร ปัญหาการหย่าร้างบ่อยครัง ปัญหาเด็งกเซดิ ็กแวน้ ปัญหา
โรคเอดส์ ฯลฯ ปัญหาเหล่านีแสดงให้เห็นถึงการหย่อนทางด้านคุณธรรม จริ ยธรรมของประชาชน
ในชาติทีตอ้ งแกไ้ ขอย่างรี บด่วน คุณธรรมจริยธรรมหลายเรือง จึงมีความสําคัญตอ้ งนํามาเป็ นข้อมูล
ประกอบการคิดการตดั สินใจของคนคิดเป็นมานกทขึงั การนาํ มาเรียนรู้ นาํ มาฝึกพฒั นาบุคลากร นาํ มาปฏบิ ตั ิ
เพอื ป้ องกนั และแกไ้ ขปัญหา อยา่ งไรก็ตาม คุณธรรมและจริยธรรมก็เป็ นเรืองของบริบทของแต่ละชุมชน
ทีไม่เหมอื นกนั การนาํ คุณธรรมจริยธรรมไปใชใ้ นการคิดการแกป้ ัญหาของคนคิดเป็ นจึงตอ้ งใชว้ ิจารญาณ
ไตร่ตรอง พฒั นาใหเ้ หมาะสมกบั บริบทของชุมชนและวฒั นธรรมของชุมชนดว้ ย

ตวั อย่างคณุ ธรรม จริยธรรมทใี ช้ประกอบการคดิ การแก้ปัญหาแบบคนคดิ เป็ น
สังคหวตั ถุ

1. ทาน ไดแ้ ก่ การใหป้ ัน ซึงมีทงั อามสิ ทาน ธรรมทาน และอภยั ทาน
2. ปิ ยวาจา ไดแ้ ก่ การพดู จาออ่ นหวาน ออ่ นนอ้ ม ถ่อมตนใหเ้ กียรติผอู้ ืน
3. อตั ถจริยา การรู้จกั ช่วยเหลือเจือจุน ไม่นิงดูดายทาํ ตนใหเ้ ป็นประโยชน์
4. สมานตั ตตา ไดแ้ ก่ การวางตนใหส้ มาํ เสมอ เหมาะสมเสมอตน้ เสมอปลาย
ธรรมเพอื การบริหาร
1. ปัญญาพละ ไดแ้ ก่ กาํ ลงั ความรู้
2. วริ ิยพละ ไดแ้ ก่ กาํ ลงั ความเพยี ร
3. อนวชั ชพละ ไดแ้ ก่ กาํ ลงั ความดี ความซือสตั ย์
4. สงั คหพละ ไดแ้ ก่ กาํ ลงั สงเคราะห์ ช่วยเหลอื

~ 232 ~

ธรรมสุภาษิตสําหรับชาวบ้าน เป็ นคุณธรรมจริยธรรมทีคนในสมยั โบราณใชอ้ บรงมสสอั นลูกหลาน
ในรูปของสุภาษิตสอนใจ ส่วนใหญ่จะเน้นคาํ ร้อยกรอง เพราะคนไทยมกั จะเป็ นคนเจ้าบทเจา้ กลอน
เป็นภาษาง่าย ๆ แต่ลงกึ ใซนึความงามและความหมาย ตวั อยา่ งเช่น

1. ถา้ แคบนกั มกั ขยบั ยาก
ถา้ กวา้ งมากไม่มอี ะไรจะใส่สม
ถา้ สูงนกั มกั จะลอยไปตามลม
ถา้ ตาํ นกั มกั จะจมธรณี

2. ไมส้ ูงกว่าแม่ มกั จะแพล้ มบน
คนสูงเกินคน มกั จะโค่นกลางคนั

3 ผใู้ หญ่นะลกู เอ๋ยตอ้ งมีพรหมวหิ าร

ลบลา้ งสนั ดานโขดหิน
เสียงตมู ตอ้ งแสร้งวา่ ไมไ่ ดย้ นิ
เสียงนาํ ไหลรินรินลกู ตอ้ งฟัง
แลว้ ตอ้ งหยดุ พนิ ิจพิจารณา
สดบั เสียงนกกามนั บา้
ลกู นอ้ งพดู อะไรไมอ่ นิ งั
ลบั หลงั มนั ก็สบั เอาสบั เอา

4 จริงใจ ไมซ่ ีเรียส

ดูแลความสุข ความทุกขข์ องผรู้ ่วมงานอยเู่ สมอ แต่ตอ้ งไม่ซีเรียสไปตามตาํ รา พอให้มีความ
จริงใจและใจจริง ซึงเป็นความรู้สึกทีส่งถึงกนั ได้

5 อนุภาพของปาก

สร้างความรัก ความชงั ไดท้ งั โลก
ใหส้ ุขโศก สดชืน ใหข้ ืนขม
ใหห้ วนั หวาด กราดเกรียว ใหเ้ กลียวกลม
ใหน้ ิยม ชมชืน ใหต้ ืนตวั
ใหโ้ กรธเกลียด เหยยี ดหยาม ใหค้ วามรัก
ใหแ้ ตกหกั สามคั คี ใหด้ ีทวั
ใหค้ วามคิด วทิ ยา ใหก้ ลา้ กลวั
สุขทุกขท์ วั รัวหลาก จากปากคน

~ 233 ~

จะพดู จากปราศรัยกบั ใครนนั อยา่ ตะคนั ตะคอกใหเ้ คืองหู

ไมค่ วรพดู ออื องึ ขึนมงึ กู คนจะหล่ลู ว่ งลามไมข่ ามใจ

แมจ้ ะเรียนวิชาทางคา้ ขาย อยา่ ปากร้ายพดู จาอชั ฌาสยั

จะซือง่ายขายดีมีกาํ ไร ดว้ ยเขาไมเ่ คืองจิตคิดระอา

( บทกลอนของ สุนทรภู่ )

6. ความสามคั คี

นายมีโค่นไผ่ นายใจขดุ หลมุ

นายชนั นายชุ่ม คุมกนั ไปเกียวแฝก

เสร็จแลว้ เกลาเสา เอาโวย้ ยา้ ยแยก

เลกิ งานขา้ จะแจก ของแปลกแปลกใหก้ ิน

7. เลยี งชา้ งอยา่ กินเนือชา้ ง

เบิกทรัพยว์ นั ละบาทซือ มงั สา

นายหนึงเลยี งพยคั ฆา ไป่ อว้ น

สองสามสีนายมา กาํ กบั กนั แฮ

บงั ทรัพยส์ ีส่วนถว้ น บาทสินเสือตาย

8. รู้จกั โง่ใหเ้ ป็น

โง่ไม่เป็นเป็นใหญ่ยากฝากใหค้ ิด

ทางชีวติ จะรุ่งโรจน์โสตถิผล

ตอ้ งรู้โง่รู้ฉลาดปราดเปรืองตน

โง่สิบหนดีกวา่ เบ่งเก่งเดี ยวเดียว

9. การครองตน

นิคฺคฺณฺ เห ˚นิคฺคหารห

กาํ ราบคนทีควรกาํ ราบ
ปคฺคณฺ เห ปค˚ฺคหารห

ยกยอ่ งคนทีควรยกยอ่ ง

~ 234 ~

เรืองที
กจิ กรรมเพอื การฝึ กทกั ษะ

ใบงานที กรณตี วั อย่าง เรือง อ้อยอนิ เตอร์เนต็
“ออ้ ยไดร้ ู้จกั กบั ผชู้ ายเยอะมากทาง Thaimail โดยการเขา้ ไป แชท หอ้ งขาํ ขนั ออ้ ยชอบแอบ

เลน่ แชท พอ่ แมไ่ ม่ใหเ้ ลน่ เพราะกลวั ลกู โดนหลอก แต่ออ้ ยก็แอบเลน่ ตลอด เมอื ก่อนออ้ ยเป็นคนทีติดเกม
มาก ๆ เหตุทีออ้ ยมาเลน่ แชท เพราะเขา้ เว็บเพอื เล่นเกมไมไ่ ด้ เพอื นในหอ้ งแนะนาํ ใหเ้ ล่นแชท แต่พอเล่นไป
เรือย ๆ ก็ติดอยากคุยกบั คนอนื มคี นเขา้ คุยดว้ ย เขา้ ไปทกั คนอืน บางคกร็ั มกี ารใหเ้ บอร์โทรศพั ท์

จนกระทงั คืนหนึงออ้ ยไดค้ ุยกบั ผชู้ ายคนหนึงชือโอ๊ค ซึงเวลนานอัอ้ ยไมไ่ ดค้ ุยกบั โอ๊คคน
เดียว แต่กลบั คุยกบั ผชู้ ายอกี - คน เมอื คุยกนั ออ้ ยก็ไดเ้ บอร์โอ๊คมา ตอนแรกโอ๊คไม่ใหโ้ ทรไปเพราะโอ๊ค
บอกวา่ นอนกบั แม่ ออ้ ยก็คิดว่าผชู้ ายคมนีอนะี ไรแปลก ๆ คนอนื ๆ เขาอยากใหโ้ ทรไปจะตาย แลว้ ออ้ ยก็
ไม่ไดโ้ ทรไป ไดแ้ ต่ส่งขอ้ ความไปวา่ “ถา้ คุยได้ ยงิ มาดว้ ย” (“ยงิ มาดว้ ย” หมายความวา่ กดโทรออกถึงใคร
แลว้ รีบวาง) โอ๊คเป็นคนอยธุ ยานตทอีเพนนงิ รั ู้จกั โอ๊คอยมู่ .ปลาย แต่ออ้ ยอยู่ ม.ตน้ ออ้ ยใชช้ ือในแชท วา่
จอย เพราะพชี ายเคยบอกวา่ ไมใ่ หใ้ ชช้ ือจริงเพราะมนั เป็นการขายชือ ออ้ ยก็เชือตลอดมา ช่วงแรก ๆ ออ้ ยคุย
กบั โอ๊คเพราะมาก มี “ครับ มคี ่ะ” ทุกคาํ แต่พอคุยไปเรือย ๆ ก็เกิดความสนิทสนม คุยกนั อยา่ งเป็นกนั เอง
มาก ๆ ออ้ ยกบั โอ๊คไดน้ ดั พบกนั และมอี ะไรกนั ในทีสุด จนออ้ ยเกงิดทตอ้ ั งได้ เดือน และกลวั แมจ่ ะรู้เลย
ตอ้ งไปทาํ แทง้ ทีคลินิกเถือนแห่งหนึงในเขตปริมลฑล หลงั จากนนั ผา่ นมาหลายปี ออ้ ยกาํ ลงั จะจบ ม.ปลาย
ช่วงนนั ทะเลาะกนั บ่อยมาก โอ๊คบอกเลิกกบั ออ้ ยตลอด แต่ออ้ ยทาํ ใจไม่ได้ จนกรงะวทนั ั หนึงออ้ ยรู้ว่าวนั นี
ตอ้ งมาถงึ ออ้ ยยอมรับในสิงทีโอ๊คพดู แต่โอ๊คบอกว่าออ้ ยตอ้ งคุยกบั โอ๊คตลอดไปนะ ออ้ ยก็ไมร่ ู้ว่าจะทาํ ได้
หรือเปล่า ออ้ ยร้องไหท้ ุกคืนเลย คิดถึงโอ๊คมาก ๆ อยากกลบั ไปเหมอื นเดิม แต่ก็ทาํ ไม่ได้ เพอื น ๆ รู้ว่าเลกิ ยงั
ไมเ่ ชือกนั เลย เพราะเขาคบกนั มา ปีกวา่ ๆ ตอนนีออ้ ยไม่ไดค้ ุยกบั โอ๊คเลย เพราะคดิ ว่าโอ๊คมคี นใหมแ่ ลว้
โทรไปก็ทาํ เหมือนราํ คาญ ออ้ ยก็เลยไมค่ ่อยอยากโทรไป”รบกวน

. ปัญหาเรืองออ้ ยอินเตอร์เน็ต เกิดจากสาเหตุใด

~ 235 ~

. การแกป้ ัญหาโดยกระบวนการคิดเป็น จะตอ้ งใชข้ อ้ มลู ทีเกียวขอ้ งอะไรบา้ ง
ขอ้ มลู ทางวิชาการ

ขอ้ มลู เกียวกบั ตนเอง (ออ้ ย)

ขอ้ มลู เกียวกบั สภาวะแวดลอ้ ม

. ขอ้ มลู ดา้ นคุณธรรม จริยธรรม ซึงเป็นส่วนหนึงทีสาํ คญั ของขอ้ มลู ดา้ นสภาวะแวดลอ้ ม มอี ะไรบา้ ง
ทีเกียวขอ้ งและสามารถนาํ มาใชเ้ ป็นองคป์ ระกอบในการคิดแกป้ ัญหไาดน้ ี

~ 236 ~

. มีทางเลอื กในการแกป้ ัญหาของออ้ ยทีมคี วามเป็นไปได้ กีวธิ ี อะไรบา้ ง

. ถา้ ท่านเป็นออ้ ย ท่านจะเลอื กวิธีใดจึงจะดีทีสุด เพราะเหตุใด

~ 237 ~

ใบงานที กรณตี วั อย่างเรือง สมศักดิตดิ เกม
“สมศกั ดิ เป็นเด็กทีทาํ อะไรก็ทาํ อย่างจริงจงั เมือชอบเล่นเกมก็เล่นจนน่าเป็ นห่วง เขากลายเป็

เด็กติดเกม เขาเล่นเกมจนแทบไม่มีเวลากินขา้ ว ความงคไลคัลใ้ นเกมของเขาทาํ ให้เพือน ๆ ตงั ฉายาเขาว่า
เกมแมน เวลาส่วนใหญ่ของเขาหมดไปกบั การเล่นเกม เวลาสําหรับการเรียนจึงเหลือน้อยลง ๆ จนเขา
ลม้ ป่ วย อ่อนเพลียมากตอ้ งตอ้ งนาํ ตวั ส่งโรงพยาบาล ในวนั นีเขาไม่คิดจะเล่นเกมอีกแลว้ เพือน ๆ มาเยียม
เขาทีโรงพยาบาล เขาถามเพือนถึงเรืองทีโรงเรียน เพือนบอกว่าอาทิตยห์ น้าจะสอบ สมศกั ดิไม่ไดอ้ ่าน
หนงั สือเลย หลงั ออกจากโรงพยาบาลสมศกั ดิเร่งอ่านหนงั สืออย่างหนกั จนเขาง่วงหลบั ไปฝันถึงแต่เกม
ทีตวั เองเลน่ สมศกั ดิรู้สึกเบือหน่ายการอา่ นหนงั สือ ทนั ใดนัน สมศกั ดิก็นึกถึงคาํ ทีเพือนรุ่นพีบอกเขาไวว้ ่า
ยาขยนั กินแลว้ ตาแข็ง ไมม่ ีหลบั อ่านหนงั สือไดค้ ืนละหลายเลม่ สมศคกั ิดดจิ ะไปหาเพือนรุ่นพชี ือเสือเพือขอ
ใชส้ กั เม็ด

รุ่งเชา้ สมศกั ดิไปหาเสือตามทีตงั ใจไวโ้ ดยหวงั ว่าถา้ ไดย้ าคงอ่านหนงั สือทนั แน่นอน สมศกั ดิเดิน
ผา่ นไปเจอเพือน ๆ เพือนถามเขาว่าจะไปไหน เขาบอกว่าจะไปหาพีเสือ เพือนไดย้ นิ ก็ใหชส้ ี มศกั ดิดูพีเสือ
ซึงนอนช็อกหมดสติเพราะใชย้ าบา้ จนติดงอมแงม จานกเนพัือนถามสมศกั ดิวา่ นายยงั จะคิดใชย้ าบา้ อีกหรือ
นายควรตงั ใจอา่ นหนงั สือโดยไม่พงึ ยาเสพติด สมศกั ดิไมค่ ิดว่ายาบา้ อนั ตรายขนาดนี เขาไม่กลา้ ใชแ้ ลว้ เขา
จะใชค้ วามสามารถของเขาเอง วางแผนการอ่านหนงั สือดี ๆ แมจ้ ะอ่านไม่จบทงั หมด แต่ก็น่าจะรู้เรืองบา้ ง
พวกเพอื น ๆ บอกสมศกั ดิว่าจะเป็นกาํ ลงั ใจให้ สมศอกั า่ ดนิ หนงั สืออยา่ งตงั ใจและอดทน ไม่ลืมทีจะพกั ผ่อน
อยา่ งเพยี งพอ ไมล่ มื ทีจะกินอาหารใหเ้ ป็นเวลา เมือถึงวนั สอบสมศตกั งั ดใิจทาํ ขอ้ สอบ วนั ประกาศผลสอบ
สมศกั ดิสอบผา่ นหมดทุกวิชา สมศกั ดิดีใจเป็นทีสุดแมค้ ะแนนจะไม่สูงนักแต่ก็สอบผา่ นหมด ความสาํ เร็จ
จากการสอบครังนีเป็นความสามารถของเขาลว้ น ๆ ไมงม่ เสี พิ ติดมาเกียวขอ้ ง”

. ปัญหาเรืองสมศกัตดิดิ เกม มีสาเหตุเนืองมาจากอะไร

~ 238 ~

. การแกป้ ัญหาของสมศกั ดิโดยกระบวนการคิดเป็น จะตอ้ งใชข้ อ้ มลู ทีเกียวขอ้ งงทปั ระการต่อไปนี
อยา่ งไรบา้ ง จะไดข้ อ้ มลู จากทีใดในชุมชน

ขอ้ มลู ทางวชิ าการ

ขอ้ มลู เกียวกบั ตนเอง (สมศกั ดิ)

ขอ้ มลู เกียวกบั สภาวะแวดลอ้ ม

. จะใชข้ อ้ มลู ดา้ นคุณธรรม จริยธรรม อะไรบา้ งมาเป็นองคป์ ระกอบในการตดั สินใจแกไ้ ขปัญหา และใช้
อยา่ งไร

~ 239 ~

. ใหเ้ สนอทางเลือกทีมคี วามเป็นไปได้ และใหเ้ รียงลาํ ดบั จากทางเลือกทีเหมาะสมทีสุดลงมา

. ถา้ ท่านเป็นสมศทกั ด่านิ จะเลอื กปฏบิ ตั ิอยา่ งไร จึงจะพอใจ

~ 240 ~

ใบงานที กรณตี วั อย่างเรืองของสมพงษ์

“นายสมพงษเ์ กิดมาในครอบครัวทีมีฐานะยากจน มีอาชีพทาํ ไร่ขา้ วโพด ซึงในปัจจุบัน
อากาศ นาํ ก็ไมออเ่ อาํ ื นวยในการทาํ การเกษตร รายไดข้ องครอบครัวไม่แน่นอน ครอบครัวนีมีบุตร คน
สมพงษเ์ ป็นบุตรชายคนโต อายปุ ระมาณ ปี แต่เขาเป็ นคนรักดี รักพ่อแม่พีนอ้ ง บา้ นทีอย่อู าศยั มีลกั ษณะ
เป็ นไนมเช้ดัียวแต่ก็ขอปลูกอย่ใู นทีดินของป้ า จึงตอ้ งเสียค่าเช่าใหเ้ ป็ นรายปี และการทีนายสมพงษ์เป็ น
บุตรชายคนโตนนั เขาตอ้ งเสียสละออกจากโรงเรียนเมือจบประถมศึกษาปี ที เพอื ออกมาช่วยพอ่ แม่ ทาํ งาน
หาเงิน ดแู ลนอ้ ง แบ่งเบาภาระต่าง ๆ เนืองจากสภาพครอบครัวทียากจน ทาํ ใหเ้ ขาเสียโอกาสทางการศึกษา
โดยไม่มีขอ้ โตแ้ ยง้ เขาทาํ งานหนักหาเงินช่วยพ่อแม่ นาํ มาใชจ้ ่ายในครอบครัว ส่งน้องเรียน เพราะเขา
ไมอ่ ยากใหน้ อ้ ง ๆ ของเขาตอ้ งเสียโอกาสทางการเรียนอยา่ งทีเขาเจอ เขาตงั ใจทาํ งานทุกอยา่ งตามทีมีคนจา้ ง
และด้วยทีนายสมพงษ์เป็ นผทู้ ีเสียโอกาสทางการศึกษาแค่ ป. จึงหางานทาํ ยากมีโอกาสแค่รับจา้ งเขา
ไปวนั ๆ ซึงงานทีทาํ อยกู่ ็ไมแ่ น่นอน เงินทีไดม้ าในแต่ละเดือนจึงไม่แน่นอนทาํ ให้รายไดใ้ นครอบครัวก็ไม่
แน่นอนตามไปดว้ ย”

. ปัญหาเรืองของสมพงษ์ เกิดจากสาเหตุอะไรบา้ ง

. การแกป้ ัญหาโดยกระบวนการคิดเป็น จะตอ้ งใชข้ อ้ มลู ทีเกียวขอ้ งอะไรบา้ งใน ประการต่อไปนี
ขอ้ มลู ทางวิชาการ

~ 241 ~

ขอ้ มลู เกียวกบั ตนเอง (สมพงษ)์

ขอ้ มลู เกียวกบั สภาวะแวดลอ้ ม

. ถา้ ท่านเป็นสมพงษ์ และจะตอ้ งใชข้ อ้ มลู ทางคุณธรรม จริยธรรม มาเป็นองคป์ ระกอบในการพจิ ารณาคิด
แกไ้ ขปัญหาแบบคนคดิ เป็น ท่านจะเสนอคุณธรรมจริยธรรมอะไรบา้ ง

~ 242 ~

. มีทางเลือกในการแกป้ ัญหาทีมคี วามเป็นไปไดก้ วี ิธี ใหน้ าํ เสนอโดยการเรียงลาํ ดบั ทางเลือกทีเหมาะสม
ทีสุดเป็นสาํ คญั

. ถา้ ท่านเป็นสมพงษ์ ท่านจะมแี นวปฏิบตั ิเปน็เป็นขันตอนในการแกไ้ ขปัญหาของท่าน อยา่ งไร

~ 243 ~

บทที
การวจิ ยั อย่างง่าย
สาระสําคญั
การแสวงหาความรู้ ขอ้ มลู ขอ้ เท็จจริงอยา่ งมรี ะบบเพอื ใหไ้ ดร้ ับคาํ ตอบหรือความรู้ใหม่ทีเชือถือได้
สามารถทาํ ไดโ้ ดยกระบวนการวจิ ยั และขนั ตอนการวิจยั อยา่ งง่าย
ผลการเรียนรู้ทคี าดหวงั
เมือจบบทนี ผเู้ รียนสามารถ
7. อธิบายความหมายและความสาํ คญั ของการวจิ ยั ได้
8. ระบุกระบวนการ ขนั ตอนของการทาํ วจิ ยั อยา่ งง่ายได้
9. อธิบายสถิติง่าย ๆ และสามารถเลอื กใชส้ ถิติทีเหมาะสมกบั การวิจยั ในแต่ละเรืองของตนเองได้
อยา่ งถกู ตอ้ ง
10. สร้างเครืองมือการวจิ ยั ได้
11. เขียนโครงการวิจยั ได้
12. เขียนรายงานการวจิ ยั และเผยแพร่งานวจิ ยั ได้
ขอบข่ายเนือหา
เรืองที ความหมาย ความสาํ คญั ของการวจิ ยั
เรืองที กระบวนการและขนั ตอนการทาํ วิจยั อยา่ งง่าย
เรืองที สถติ ิง่ายๆ เพือการวจิ ยั
เรืองที การสร้างเครืองมือวิจยั
เรืองที การเขียนโครงการวจิ ยั
เรืองที การเขียนรายงานการวิจยั อยา่ งง่ายและการเผยแพร่ผลงานวิจยั
สือการเรียนรู้
1. บทเรี ยนวิจัยออนไลน์ (http://www.elearning.nrct.net/) ของสํานักงานคณะกรรมการวิจัย
แห่งชาติ
2. เขา้ ไปคน้ ขอ้ มลู โดยพมิ พห์ วั ขอ้ เรืองวิจยั ทีตอ้ งการศกึ ษาใน http://www.google.co.th/
3. วารสาร เอกสาร งานวจิ ยั และวทิ ยานิพนธ์ ต่าง ๆ

~ 244 ~

เรืองที ความหมาย ความสําคญั ของการวจิ ยั
เมือไดย้ ินคาํ ว่า “การวิจยั ” คนส่วนใหญ่จะรู้สึกว่าเป็ นเรืองทีทาํ ยากนมตีขอั นมาก ตอ้ งใชเ้ วลานาน

ตอ้ งมคี วามรู้ในการสร้างเครืองมอื การวจิ ยั และการใชส้ ถติ ิต่าง ๆ ทาํ ใหห้ ลายคนไมอ่ ยากทาํ วจิ ยั
ขอ้ เท็จจริ งคือ การวิจัยมีหลายระดงบั แตตั ่ระดับยาก ๆ ซับซอ้ น ทีต้องใช้ความรู้ทางวิชาการ

ดา้ นต่างๆ และใชเ้ วลาเป็นปี ในการทาํ วิจยั แต่ละเรือง จนถงึ การวจิ ยั ทีง่าย แมแ้ ต่เด็กอนุบาลหรือเด็กประถม
ในเมอื งนอกก็มกี ารทาํ วจิ ยั หรือทีเรียกเป็นภาษาองั กฤษว่า Research เป็นวน่ากเลา่นรวดิจงัยั นจัึงไม่ใช่เรือง
ยากอยา่ งทีคิดเสมอไป

คาํ ถามคือ การวิจยั คืออะไร ทาํ ไมตอ้ งทาํ วจิ ยั ทาํ แลว้ ไดป้ ระโยชนอ์ ยา่ งไร
การวิจยั เป็ นการหาคาํ ตอบทีอยากรู้ ทีสงสัย ทีเป็ นปัญหาขอ้ ข้องใจ แต่คาํนตตออ้ บงนเชั ือถือได้
ไม่ใช่การคาดเดา หรือคิดสรุปไปเองโดยใชค้ วามรู้สึก วิธีการหาคาํ ตอบจึงตอ้ งเป็ นกระบวนกานรตขอั น
อยา่ งเป็นระบบ
ตัวอย่าง เช่น ถ้าต้องการทราบว่านักร้องในดวงใจของนักศึกษามัธยมศึกษาตอนปลาย
ใน ศรช. วดั แจง้ เป็นใคร จะคาดเดาเองหรือไปสอบถามนกั ศกึ ษาเพียงคน สองคน แลว้ มาสรุปว่านกั ร้องใน
ดวงใจของนกั ศึกษาตอนปลายใน ศรช. วดั แจง้ เป็ นคนนคันนีไม่ได้ แต่ตอ้ งทาํ แบบสอบถามไปใหก้ ลุ่ม
ตวั อยา่ งทีเป็นตวั แทนของนกั ศึกษามธั ยมศึกษาตอนปลายใน ศรช. วดั แจง้ เป็นผตู้ อบ แลว้ นาํ มาสรุปคาํ ตอบ
ขอ้ คน้ พบทีได้ เป็นตน้
ผลทีไดจ้ ากการทาํ วจิ ยั นอกจากจะไดร้ ับคาํ ตอบทีตอ้ งการรู้แลว้ ผวู้ ิจยั เองก็ไดป้ ระโยชน์จากการทาํ
วิจัย คือ การเป็ นคนช่างคิด ช่างสังเกต ศึกษาค้นคว้าหาความรู้และเขียนเรี ยบเรี ยงอย่างเป็ นระบบ
นอกจากนนั การวจิ ยั จะเกิดประโยชน์ในภาพรวม ดงั นี
1. การวจิ ยั ทาํ ใหเ้ กิดความรู้ทางวิชาการใหม่ ๆ
2. การวจิ ยั ช่วยใหเ้ กิดนวตั กรรม สิงประดิษฐ์ แนวคิดใหม่ ๆ
3. การวจิ ยั ช่วยตอบคาํ ถามทีอยากรู้ ใหเ้ ขา้ ใจปัญหาและช่วยในการแกไ้ ขปัญหา
4. การวจิ ยั ช่วยในการวางแผนและการตดั สินใจ
5. การวจิ ยั ช่วยใหท้ ราบผลและขอ้ บกพร่องจากการดาํ เนินงาน

กจิ กรรมที ใหผ้ เู้ รียนแบ่งกลุ่ม ศึกษาความหมายของการวิจยั และประโยชน์ของการวิจยั จากเอกสาร หรือ
Website แลว้ สรุปเป็นความคิดเห็นของกลุ่ม ทาํ เป็นรายงานและนาํ เสนอในการพบกล่มุ

~ 245 ~

เรืองที กระบวนการและขันตอนการทําวจิ ยั อย่างง่าย
การทาํ วจิ ยั ดาํ เนินการเป็นนตขอั น ดงั นี

ขันตอนแรก มกั จะเริมตน้ จากผวู้ ิจยั อยากรู้อะไร มีปัญหาขอ้ สงสยั อะไร เป็นนตขอั นการกาํ หนด
คาํ ถามวิจยั /ปัญหาวิจยั

ตวั อยา่ งคาํ ถามการวจิ ยั เช่น นกั ร้องในดวงใจวยั รุ่นคือใคร นกั การเมืองในดวงใจวยั รุ่นคือใคร วยั รุ่น
ใชเ้ วลาวา่ งทาํ อะไร เป็นตน้

ตวั อยา่ งปัญหาวจิ ยั เช่น ปัญหาการติดเกมส์ของวยั รุ่น ปัญหาการใชเ้ วลาวา่ งของวยั รุ่น ฯลฯ เป็นตน้
เมือกาํ หนดคาํ ถามการวจิ ยั /ปัญหาวจิ ยั แลว้
ขันตอนทีสอง คือ การเขียนโครงการวิจัย ซึงต้องเขียนก่อนการทําวิจัยจริ ง โดยเขียนให้
ครอบคลมุ วา่ จะทาํ วจิ ยั เรืองอะไร (ชือโครงการวิจยั ) ทาํ ไมจึงทาํ เรืองนี (ความเป็นมาและความสาํ คญั ) อยาก
รู้อะไรบ้างจากการวิจัย (วตั ถุประสงค์ของการวิจัย) มีแนวทางขันตอนการดําเนินงานวิจัยอย่างไร
(วิธีดาํ เนินการวิจัย) ระยะเวลาการวิจัยและแผนการดาํ เนินงาน (ปฏิทินปฏิบัติงาน) การวิจยั นีจะเป็ น
ประโยชนอ์ ยา่ งไร (ประโยชนข์ องการวิจยั หรือผลทีคาดวา่ จะไดร้ ับ)
ขันตอนทีสาม คือการดาํ เนินงานวจิ ยั ตามแผนทีกาํ หนดไวใ้ นโครงการวจิ ยั
ขันตอนทสี ี คือการเขียนรายงานการวจิ ยั ส่วนใหญ่ประกอบดว้ ยหวั ขอ้ คือ

1. ชือเรือง
2. ชือผวู้ ิจยั
3. ความเป็นมาของการวิจยั
4. วตั ถปุ ระสงคข์ องการวจิ ยั
5. วธิ ีดาํ เนินการวจิ ยั
6. ผลการวิจยั
7. ขอ้ เสนอแนะ
8. เอกสารอา้ งองิ (ถา้ ม)ี
ขันตอนสุดท้าย คือ การเผยแพร่ผลงานวจิ ยั เพือใหบ้ ุคคลหรือหน่วยงานทีเกียวขอ้ งนาํ ผลงานวิจยั นี
ไปใชป้ ระโยชน์ต่อไป

~ 246 ~

โดยสรุปกระบวนการและขนั ตอนการทาํ วจิ ยั อย่างง่าย เขยี นเป็ นแผนภูมไิ ด้ ดังนี
ขนั ตอน

. กาํ หนดคาํ ถามวจิ ยั /ปัญหาวจิ ยั

. เขยี นโครงการวจิ ยั

. ดาํ เนินการตามแผนในโครงการวจิ ัย

. เขยี นรายงานการวจิ ยั

. เผยแพร่ผลงานวจิ ยั

กจิ กรรมที ใหผ้ เู้ รียนแบ่งกลุม่ กาํ หนดคาํ ถามวจิ ยั /ปัญหาวิจยั ตามความสนใจ และเขียนชือโครงการวจิ ยั ที
สนใจจะทาํ นาํ เสนอเพือแลกเปลียนเรียนรู้ในกลุ่ม

~ 247 ~

เรืองที สถติ งิ ่ายๆ เพอื การวจิ ยั

สถติ ิทีใชใ้ นการวิจยั โดยทวั ไปไดแ้ ก่ ความถี ร้อยละ และค่าเฉลีย ซึงมคี วามหมายและวธิ ีคิดคาํ นวณ

ดงั นี

1. ความถี (Frequency)

ความถี (Frequency) คือการแจงนับจาํ นวนของสิงทีเราตอ้ งการศึกษาว่ามีจาํ นวนเท่าใด เช่น

จาํ นวนผเู้ รียนในหอ้ งเรียน จาํ นวนสิงของ จาํ นวนคนทีไปใชส้ ิทธิเลือกตงั เป็นตน้

วิธีหาความถี ทาํ ไดโ้ ดยการแจงนบั จาํ นวนของสิงทีเราตอ้ งการศึกษา ตวั อยา่ งเช่น

ชุดตวั เลขต่อไปนี ตวั เลขใดมคี วามถมี ากทีสุด 10 10 15 18 18

คาํ ตอบก็คือ เพราะแจงนบั ความถีได้ รองลงมาคือตวั เลข ทีแจงนับความถีได้ ตวั เลข

ความถี และตวั เลข มคี วามถีนอ้ ยทีสุด คือ

2. ร้อยละ (Percentage)

ร้อยละ (Percentage) เป็นสถติ ิทีใชก้ นั มากในงานวิจยั เพราะคาํ นวณและทาํ ความเขา้ ใจไดง้ ่าย

นิยมเรียกวา่ เปอร์เซ็นต์ ใชส้ ญั ลกั ษณ์ % การใชส้ ูตรในการคาํ นวณหาค่าร้อยละมดี งั นี

ร้อยละ = ตวั เลขทตี ้องการเปรียบเทยี บ ×
จาํ นวนเตม็

วิธีการคาํ นวณหาค่าร้อยละ ดงั ตวั อยา่ งต่อไปนี คน เป็นชาย คน มีประชากร
ตวั อย่าง หม่บู า้ นแห่งหนึงมีจาํ นวนประชากรรวมทงั สิน คน เป็นหญิง หรือ % เสมอ ยกเวน้ ถา้ มีจุด
หญิงและชายคิดเป็นร้อยละ ดงั นี

หญิง 20 100 = ร้อยละ หรือ %

50

ชาย 30 100 = ร้อยละ หรือ %

50

หมายเหตุ การคาํ นวณค่าร้อยละ เมือรวมกันแลว้ จะตอ้ งไดร้ ้อยละ
ทศนิยมและมกี ารปัดเศษ

3. ค่าเฉลยี (Mean)
ค่าเฉลีย (Mean) คือค่ากลางๆ ของขอ้ มลู คาํ นวณโดยการนาํ ค่าของขอ้ มูลทงั หมดมารวมกัน

แลว้ หารดว้ ยจาํ นวนขอ้ มลู ทีมอี ยู่ การใชส้ ูตรในการคาํ นวณหาค่าเฉลยี ไดด้ งั นี
ค่าเฉลยี = ผลรวมของข้อมูลทังหมด
จาํ นวนข้อมลู ทีมอี ยู่

~ 248 ~

ตวั อย่าง ครอบครัวหนึงพอ่ อายุ ปี แม่อายุ ปี ลกุ คน มีอายุ ปี , ปี , และ ปี ตามลาํ ดบั ถา้ อยาก
รู้ว่าคนในครอบครัวนีมอี ายเุ ฉลยี เท่าใด เราสามารถคาํ นวณได้ ดงั นี

อายเุ ฉลยี ของคนในครอบครัว = อายพุ อ่ + อายแุ ม่ + อายลุ กู รวม คน
จาํ นวนคนในครอบครัวทงั หมด

= 58  42 12 10  5

5

= 25.40
ดงั นนั คนในครอบครัวนีมีอายเุ ฉลีย = 25.40 ปี

กจิ กรรมที ใหผ้ เู้ รียนคาํ นวณค่าสถติ ิต่อไปนี โดยวงกลมคาํ ตอบทีถกู ตอ้ ง

1. ชุดตวั เลขต่อไปนี ตวั เลขใดมีความถมี ากที

ก.

ข.

ค.

2. ขอ้ มลู การแจงนบั ต่อไปนี มีความถีเท่าใด

ก.

ข.

ค.

3. ในครอบครัวหนึง ป่ อู ายุ ปี ยา่ อายุ ปี พ่ออายุ ปี แม่อายุ ปี ลุก คนอายุ ปี และ ปี

คนในครอบครัวนีมีอายเุ ฉลียเท่าใด

ก. ปี

ข. . ปี

ค. . ปี

4. ครอบครัวหนึงมรี ายไดร้ วม , บาท มีรายจ่ายเป็นค่าอาหาร , บาท ค่าอาหารคิดเป็

เท่าไรของรายไดท้ งั หมด

ก. ร้อยละ

ข. ร้อยละ

ค. ร้อยละ

5. ในการเลือกตงั ผแู้ ทนในหม่บู า้ นแห่งหนึง มีผมู้ ีสิทธิเลือกตงั ทงั หมด คน มีผชู้ ายไปใชส้ ิทธิ

เลอื กตงั คน มผี หู้ ญิงไปใชส้ ิทธิเลือกงตั คน ถามวา่ มีผไู้ ม่ไปใชส้ ิทธิเลือกงตมัีกีเปอร์เซ็นต์

ก. %

ข. . %

ค. . %

~ 249 ~

เรืองที การสร้างเครืองมอื การวจิ ยั
ความหมาย ความสําคญั ของเครืองมอื การวจิ ยั

ในการดาํ เนินงานวิจยั มีความจาํ เป็ นตอ้ งมีการรวบรวมขอ้ มลู เพือนาํ มาวิเคราะห์หาคาํ ตอบตาม
วตั ถุประสงคข์ องการวิจยั ทีกาํ หนด เครืองมอื การวิจยั เป็งนสสาํ ิ คญั ในการเก็บรวบรวมขอ้ มงูลทสีติ อ้ งการ
ศึกษา เครืองมือทีใชใ้ นการวิจยั มีหลายประเภท แต่ไม่วา่ จะเป็นเครืองมือการวิจยั แบบใด ลว้ นมีจุดมุ่งหมาย
เดียวกนั คือตอ้ งการไดข้ อ้ มลู ทีตรงตามขอ้ เท็จจริง เพือทาํ ให้ผลงานวิจยั เชือถือไดแ้ ละเกิดประโยชน์มาก
ทีสุด

ประเภทของเครืองมือการวจิ ยั ทีนิยมใชก้ นั มาก ไดแ้ ก่ การใชแ้ บบสอบถาม แบบสมั ภาษณ์ และแบบ
สงั เกต
การสร้างแบบสอบถาม

แบบสอบถามเป็นเครืองมือการวิจยั ทีนิยมนาํ มาใชร้ วบรวมขอ้ มูลงานเชิงปริมาณ เช่น การวิจยั เชิง
สาํ รวจ การวจิ ยั เชิงอธิบาย เป็นตน้

แบบสอบถามมที งั แบบสอบถามปลายปิ ด และแบบสอบถามปลายเปิ ด
แบบสอบถามปลายปิ ด เป็นแบบสอบถามทีระบุคาํ ตอบไวแ้ ลว้ ใหผ้ ตู้ อบเลือกตอบหรือาจให้เติมคาํ
หรือขอ้ ความสนั ๆ เท่านนั
ตวั อย่าง อาชีพของท่านคืออะไร

 ครู
 พยาบาล
 ทหาร
 เกษตรกร
 อืนๆ ระบุ......................
แบบสอบถามปลายเปิ ด เป็ นแบบสอบถามทีไม่ไดก้ าํ หนดคาํ ตอบไว้ แต่ให้ผตู้ อบไดเ้ ขียนแสดง
ความคิดเห็นอยา่ งอิสระ
ตวั อย่าง แบบสอบถามปลายเปิ ด
 นกั ศึกษานิยมไปศกึ ษาคน้ ควา้ ขอ้ มลู ทีแหลง่ การเรียนรู้ใด เพราะอะไร
 นกั ศึกษาใชเ้ วลาว่างทาํ อะไรบา้ ง
 นกั ศกึ ษา มปี ัญหาเรืองการเรียนอะไรบา้ ง

ฯลฯ
การสร้างแบบสอบถาม มขี ันตอนดังนี

1. ศึกษาคน้ ควา้ ขอ้ มลู ทีเกียวขอ้ งกบั เรืองทีจะวจิ ยั และประชากรกลุ่มตวั อย่างทีศึกษา แลว้ ยกร่าง
แบบสอบถาม

2. นาํ ไปใหผ้ มู้ คี วามรู้ช่วยตรวจสอบ และใหข้ อ้ เสนอแนะ

~ 250 ~

3. ปรับปรุงแกไ้ ขตามขอ้ เสนอแนะ
4. นาํ ไปทดลองใชก้ ่อนเพือความเชือมนั วา่ กลมุ่ ตวั อยา่ ง (กลุ่มเล็กๆ ไม่ตอ้ งทุกคน) เขา้ ใจคาํ ถาม
และวธิ ีการตอบคาํ ถาม แลว้ นาํ ผลการทดลองมาปรับปรุงแกไ้ ขอีกครังก่อนนาํ ไปใชจ้ ริง
5. นาํ ไปเก็บรวบรวมขอ้ มลู กบั กลมุ่ ตวั อยา่งงหทมั ด
การสร้างแบบสัมภาษณ์
การสมั ภาษณ์ เป็นเครืองมอื การวิจยั ทีใชใ้ นการเก็บรวบรวมขอ้ มลู งานวจิ ยั ทุกประเภท ทุกสาขา แต่
ทีนิยมคือใชก้ บั การวจิ ยั เชิงคุณภาพ
การสมั ภาษณ์ เป็นการรวบรวมขอ้ มลู ในลกั ษณะเผชิญหน้ากนั ระหว่างผสู้ ัมภาษณ์ โดยผสู้ มั ภาษณ์
เป็นผซู้ กั ถามและผใู้ หส้ มั ภาษณ์เป็นผใู้ หข้ อ้ มลู หรือตอบคาํ ถามของผสู้ มั ภาษณ์
แบบสมั ภาษณ์มีทงั แบบสมั ภาษณ์แบบไมม่ ีโครงสร้าง คือผสู้ มั ภาษณ์ใชค้ าํ ถามปลายเปิ ด เป็นคาํ ถาม
กวา้ งๆ ปรับเปลียนได้ ให้ผูใ้ ห้สัมภาษณ์แสดงความคิดเห็นได้อย่างอิสระ และแบบสัมภาษณ์แบบมี
โครงสร้าง ทีผสู้ มั ภาษณ์กาํ หนดประเด็นคาํ ถาม หรือรายการคาํ ถามเรียงลาํ ดบั ไวแ้ ลว้ ก่อนทีจะสมั ภาษณ์
ตวั อยา่ งการสัมภาษณ์แบบไม่มีโครงสร้าง เช่น ครูสมั ภาษณ์นกั ศึกษาเกียวกบั ปัญหาในการเรียน
การสอน ครูจะตงั คาํ ถามอยา่ งไรก็ไดเ้ พอื ใหน้ กั ศกึ ษาแสดงความคิดเห็นต่อเรืองทีครูอยากรู้
ตวั อย่างการสัมภาษณ์แบบมีโครงสร้าง เช่น คณะกรรมการสอบสัมภาษณ์นักศึกษาทีสอบเข้า
มหาวทิ ยาลยั ได้ คณะกรรมการอาจจะตอ้ งเตรียมแบบสัมภาษณ์แบบมีโครงสร้างไวล้ ่วงหนา้ โดยกาํ หนด
รายการคาํ ถามเพอื การสมั ภาษณ์ไวก้ ่อน แต่อาจปรับเปลยี นคาํ พดู ไดบ้ า้ งตามความเหมาะสม
การสร้างแบบสังเกต
แบบสงั เกตเป็นเครืองมือการเก็บรวบรวมขอ้ มลู ทีใชไ้ ดก้ บั งานวิจยั ทุกประเภทโดยเฉพาะงานวิจยั
เชิงคุณภาพ งานวจิ ยั เชิงทดลอง
แบบสงั เกตแบ่งเป็ น แบบสังเกตทีไม่มีโครงร่างการสงั เกต ซึงเป็ นแบบทีไม่ไดก้ าํ หนดเหตุการณ์
พฤติกรรม หรือสถานการณ์ทีจะสงั เกตไวช้ ดั เจน และแบบสงั เกตทีมโี ครงร่างการสงั เกต เป็ นแบบทีกาํ หนด
ไวล้ ว่ งหนา้ แลว้ ว่า จะสงั เกตอะไร สงั เกตอยา่ งไร เมือใด และจะบนั ทึกผลการสงั เกตอยา่ งไร
ตัวอย่างแบบสังเกตทีไม่มีโครงร่างการสังเกต เช่น การสังเกตพฤติกรรมในการพบกลุ่มของ
นกั ศึกษาระดบั มธั ยมศึกษาตอนปลาย ศรช. วดั แจง้ ผสู้ งั เกตก็จะบนั ทึกพฤติกรรมต่างๆ ของนกั ศึกษาตามที
เป็ นจริ ง
ตวั อยา่ งแบบสงั เกตทีมีโครงร่างการสงั เกต เช่น แบบสงั เกตพฤติกรรมในการพบกลุ่มของนกั ศึกษา
ระดบั มธั ยมศึกษาตอนปลาย ศรช.


Click to View FlipBook Version