274 พื้นฐานคอมพิวเตอร์และเทคโนโลยีสารสนเทศ
ความหมายและหลักการของระบบสารสนเทศชุมชน
ระบบสารสนเทศชุมชน (Community Informatics : CI) คือ ระบบข้อมูล สารสนเทศ และ
้
้
ิ
่
ู
ั
้
ุ
้
็
ี
้
้
ความรทมงเนนในการสรางประชาสงคม สรางความเขมแขงใหกบชมชน ใหสามารถบรหารจดการตนเอง
ั
ุ
ั
่
้
�
ื
ี
แก้ปัญหาต่าง ๆ ในชีวิตประจา วันเพ่อให้มีคุณภาพชีวิตท่ดีข้น ในทางวิชาการถือว่าระบบสารสนเทศ
ึ
DO NOT COPY
ชุมชนเป็นศาสตร์ที่มีลักษณะเป็นสหวิทยาการ (Interdisciplinary) ส�าหรับใช้ในการค้นหาปัจจัยต่าง ๆ
ทางด้านสังคมและด้านวัฒนธรรม ท่ส่งผลให้เกิดการพัฒนาชุมชน ซ่งประกอบไปด้วยวิทยาการด้าน
ึ
ี
สังคมศาสตร์ (Social Science) วิทยาการด้านระบบสารสนเทศ (Information System) และวิทยาการ
ด้านเทคโนโลยีและการสื่อสาร (Technology & Communication) เพื่อที่จะได้ท�า ความเข้าใจถึงวิธี
การ ในการสร้างและแลกเปลี่ยนข้อมูลสารสนเทศ และความรู้ต่างๆ ในชุมชน นักวิจัยทางด้าน CI คือ
ผู้ที่ท�าหน้าที่เป็นแกนกลางระหว่าง คน ชุมชน องค์กรในชุมชน และระบบสารสนเทศ เพื่อร่วมกันค้นหา
ี
ี
ั
ุ
ื
�
ว่าทุกภาคส่วนท่กล่าวมาน้สามารถร่วมกนแก้ปัญหาพ้นฐานของชมชนได้อย่างไร เพื่อให้ได้คาตอบในด้าน
่
ั
่
ื
ั
ึ
ี
ุ
การพัฒนาชมชน การเรียนรู้ชมชน และความยงยืนในการพฒนาชุมชน ซงในบริบทน้ถอว่าเป็นความ
ุ
ี
�
พยายามท่จะสนับสนุนให้การใช้คอมพิวเตอร์และอินเทอร์เน็ตก่อให้เกิดประโยชน์ต่อสังคม จาแนกข้อมูล
สารสนเทศและความรู้ที่ได้จากระบบสารสนเทศชุมชน ในแง่มุมของการให้บริการออกเป็น 2 ประเภท
คือ
(1) สารสนเทศพื้นฐานที่ใช้ในการด�ารงชีวิตประจ�าวัน เพื่อให้ประชาชนสามารถเข้าถึงแหล่ง
ข้อมูลในชุมชนได้อย่างมีประสิทธิภาพ เช่น ข้อมูลทางด้านสุขภาพ ข้อมูลทางด้านที่อยู่อาศัย ข้อมูลทาง
ด้านรายได้และโอกาสทางเศรษฐกิจ ข้อมูลทางด้านนโยบายของรัฐ กฎหมาย และสิทธิประโยชน์ต่างๆ
และข้อมูลในสภาวะวิกฤติเป็นต้น และ
(2) สารสนเทศท่เก่ยวข้องกับกิจกรรมของประชาชนในชุมชน สาหรับใช้ในการสร้างการม ี
�
ี
ี
ั
ส่วนร่วมของประชาชนในชุมชนน้นๆ ท้งในระดับบุคคล และระดับกลุ่มบุคคล เช่น ข้อมูลกิจกรรมดาเนิน
�
ั
การของสมาชิกในกลุ่มหรือชมรมต่างๆ ในชุมชน เป็นต้น
องค์ประกอบของระบบสารสนเทศของชุมชน
องค์ประกอบของระบบสารสนเทศของชุมชนประกอบด้วย 2 ส่วน ดังนี้
1) ระบบสารสนเทศ (Information System) หมายถึง กลุ่มของระบบงานที่ประกอบไปด้วย
ื
ื
ระบบคอมพิวเตอร์และเคร่องมือ(Hard ware & Equipment) ระบบโปรแกรมข้อมูลและส่อต่าง ๆ
(Software & Multimedia) ระบบบุคคล (People ware & Staffing) และระบบเทคโนโลยีและการ
สื่อสาร (Technology & Communication) ที่ท�าหน้าที่ในการสร้าง รวบรวม ประมวล จัดการ จัดเก็บ
ค้นหา ค้นคืนและเผยแพร่ข้อมูล สารสนเทศ ความรู้ เพื่อใช้ในการวางแผน การพัฒนา การตัดสินใจ การ
ประสานงาน การบริการ และการควบคุมงาน 7
7 ทิพวรรณ หล่อสุวรรณรัตน์, ระบบสารสนเทศเพ่อการจัดการ : Management Information
ื
System, (พิมพ์ครั้งที่ 7), (กรุงเทพฯ : แซทโฟร์ พริ้นติ้ง, 2548), หน้า 6.
275
บทที่ 11 การประยุกต์ใช้เทคโนโลยีสารสนเทศ
2) ข้อมูลชุมชน (Community profiling) ประกอบไปด้วย
ี
(1) ข้อมูลสถิติด้านประชากร (Statistical data) คือ ข้อมูลประชากรและท่เก่ยวข้องกับ
ี
ข้อมูลประชากร ได้แก่ รายได้และอาชีพ การมีงานท�าความมั่นคงด้านครัวเรือน การศึกษา สุขภาพและ
อนามัย สวัสดิการสังคม ความปลอดภัยทางสังคมและการมีส่วนร่วม เป็นต้น ซึ่งข้อมูลส่วนนี้ได้มาจาก
DO NOT COPY
�
ิ
�
การสารวจและปรับปรุงให้ทันสมัยอยู่ตลอดเวลาโดยองค์กรปกครองส่วนท้องถ่น เช่น เทศบาลตาบล
องค์การบริหารส่วนต�าบล และหน่วยงานทางด้านสุขภาพ เช่น โรงพยาบาลชุมชน สถานีอนามัย เป็นต้น
(2) ข้อมูลสารสนเทศด้านเศรษฐกิจ และสังคม (Socio-economic information) ได้แก่
ผลิตภัณฑ์มวลรวม ประเภทของธุรกิจในชุมชนการจดทะเบียนบริษัท การเงิน เกษตรกรรม อุตสาหกรรม
ี
การค้าและบริการ การผลิตและการตลาดสินค้าชุมชนการท่องเท่ยว การให้บริการในชุมชน กฎหมาย กฎ
8
ระเบียบของชุมชน อาสาสมัครต่างๆ สถานบันเทิง สถานที่ประชุม เป็นต้น
(3) ข้อมูลปัญหาในท้องถิ่น (Local issues) ได้แก่ การด้อยพัฒนาการว่างงาน คนยากจน
โครงสร้างพื้นฐานและการคมนาคม ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เป็นต้นและ
(4) มุมมองของชุมชน (Residents’ viewpoints) ได้แก่ จดหมายประกาศ หนังสือพิมพ์
ิ
ี
ี
ท้องถ่น โทรทัศน์และวิทยุชุมชน ข้อมูลจากกลุ่มบุคคล ประชาคม ข้อมูลท่ไม่เป็นทางการท่ได้จากการ
สังเกต เช่น ในร้านอาหารร้านค้า สวนสาธารณะ เป็นต้น
สรุปเม่อพิจารณาระบบสารสนเทศชุมชนในแง่มุมของหลักการ องค์ประกอบ ข้นตอนการ
ั
ื
้
็
ั
ื
ออกแบบการพัฒนาระบบฯ และแนวทางในการประเมินผลแล้วพบว่าระบบสารสนเทศชมชนนนกคอ
ุ
ึ
ึ
ื
ระบบสารสนเทศแบบหน่งท่ถูกพัฒนาข้นเพ่อใช้เป็นเคร่องมือในการพัฒนาชุมชนโดยชุมชนเอง ซ่งในอดีต
ื
ี
ึ
ระบบคอมพิวเตอร์และอินเทอร์เน็ตยังไม่แพร่หลายก็จะใช้วิธีการท�า งานแบบดั่งเดิม (Traditional) เป็น
หลัก แต่ในปัจจุบันคอมพิวเตอร์และอินเทอร์เน็ตมีการใช้งานอย่างกว้างขวางครอบคลุมทุกภาคส่วน รวม
�
ั
ิ
ี
ิ
ู
ิ
้
ุ
ถงในชมชน จงส่งผลให้ระบบสารสนเทศชมชนได้ปรบวธการทา งานไปส่ดจทล (Digital) มากขน แต่
ึ
ึ
ุ
ั
ึ
ไม่ว่าจะใช้วิธีไหนในการทางานก็ตาม ก็ยังคงวัตถุประสงค์และเป้าหมายเดิม คือการพัฒนาชุมชน และ
�
การลดช่องว่างของประชาชน (Digital Divide) ในการเข้าถึงข้อมูล สารสนเทศ และความรู้นั่นเอง
11.6 การประยุกต์ใช้เทคโนโลยีสารสนเทศเพื่อการเผยแพร่พระพุทธศาสนา
พระพุทธศาสนาได้ดารงอยู่ท่ามกลางกระแสการเปล่ยนแปลงของโลกมายาวนานถึง 2600 ปี
ี
�
ึ
ื
ื
จนถึงยุคของเทคโนโลยีสารสนเทศและการส่อสาร ซ่งเทคโนโลยีดังกล่าวได้เช่อมโยงให้โลกมีความเป็น
ึ
ิ
หน่งเดียวกัน มวลมนุษยชาตสามารถเข้าถึงและรบรู้ข้อมูลข่าวสารได้อย่างรวดเรวในมตของพระพทธ
ิ
็
ุ
ั
ศาสนาน้น เทคโนโลยีสารสนเทศและการส่อสารได้ส่งผลกระทบท้งด้านบวกและด้านลบต่อพระพุทธ
ั
ื
ั
�
8 มาลี กาบมาลา, การพัฒนาออนโทโลยีเพ่อบูรณาการข้อมูลสาหรับการบริหารงานจังหวัดแบบบูรณาการ,
ื
ขอนแก่น : บัณฑิตวิทยาลัย มหาวิทยาลัยขอนแก่น, 2552), หน้า 30.
276 พื้นฐานคอมพิวเตอร์และเทคโนโลยีสารสนเทศ
็
ุ
ั
ศาสนา ตวอย่างของผลกระทบด้านบวก เช่น การเผยแพร่พระพทธศาสนาได้อย่างรวดเรว กว้างขวาง
ั
�
ื
ท่วโลก ผู้คนสามารถเข้าถึงพระธรรมคาสอนผ่านทางเทคโนโลยีสารสนเทศและการส่อสารได้โดยสะดวก
ทุกทีทุกเวลาในขณะเดียวกันก็ส่งผลกระทบด้านลบ เช่น การใช้เทคโนโลยีสารสนเทศและการส่อสาร
ื
เผยแพร่คาสอนของพระพุทธศาสนาท่ไม่ถูกต้องเหมาะสม การดูหม่นพระพุทธศาสนาโดยกลุ่มคน
ิ
ี
�
DO NOT COPY
ต่างศาสนา 9
พระสงฆ์ใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยีสารสนเทศตามหน้าท่และบทบาทในมหาปรินิพพานสูตร
ี
ดังนี้
10
1) ด้านการศึกษาพระธรรม ผลจากการท่ภิกษุอาศัยส่อการเรียนการสอน เทคโนโลยีสารสนเทศ
ี
ื
ี
ึ
ท่พัฒนาให้ทันสมัยมากข้นมาโดยตลอด ช่วยให้ปัจจุบันพระภิกษุสามารถเรียนรู้พระธรรมวินัยได้อย่าง
�
รวดเร็ว อย่างสะดวก และอย่างครอบคลุม ส่งผลให้ภิกษุสามารถสอบได้เปรียญธรรม 9 ประโยค มีจานวน
มากขึ้นเป็นล�าดับทุกปี
ั
�
�
ั
2) ด้านการนาความรู้น้นไปประพฤติปฏิบติ ในการนาความรู้ไปปฏิบัติบางคร้งภิกษุบางรูปอาจ
ั
หลงลืมหรือสงสัยพระธรรมวินัยบางส่วนหรือบางข้อได้ ภิกษุรูปน้นก็จะสามารถนา ระบบเทคโนโลย ี
ั
�
สารสนเทศมาช่วยสอบทวนความเข้าใจได้โดยง่ายจนสิ้นสงสัย
3) ด้านการเผยแผ่พระศาสนาเพื่อให้บุคคลอื่นเข้าใจและน�าไปประพฤติปฏิบัติปัจจุบันโลกอยู่
ึ
ั
ในยุคโลกาภิวัตน์จึงปฏิเสธไม่ได้ว่าคนส่วนใหญ่ ใช้เวลากับเทคโนโลยีสารสนเทศมากข้นเป็นลาดับ ดังน้น
�
หากต้องการเผยแผ่พระพุทธศาสนาให้แพร่หลายครอบคลุม และรวดเร็ว ก็ไม่พ้นท่จะต้องอาศัยเทคโนโลย ี
ี
สารสนเทศ
4) ด้านการปกป้องพระศาสนา ในเวลาเดียวกันหากมีผู้ใดจ้วงจาบพระธรรมวินัยไม่ว่าจะโดย
ั
ต้งใจหรือไม่ต้งใจก็ตาม ก็สามารถใช้เทคโนโลยีสารสนเทศเป็นเคร่องมืออธิบายความเป็นจริงของพระ
ื
ั
วินัยแก่ผู้นั้นได้สะดวกรวดเร็วเช่นเดียวกัน
คณะสงฆ์ คือ กลุ่มพระภิกษุที่ร่วมกันเพื่อปฏิบัติกิจอย่างใดอย่างหนึ่ง บทบาทหน้าที่ของคณะ
สงฆ์เรียกว่า “การคณะสงฆ์” ซึ่งหมายถึง งานของคณะสงฆ์ได้แก่ กิจการที่คณะสงฆ์ต้องถือหรือควรถือ
ั
ี
เป็นธุระหน้าท่เพราะเป็นกิจการขององค์กรปกครองคณะสงฆ์ทุกส่วนและทุกช้น เพราะคณะสงฆ์ต้อง
ิ
ี
�
ี
ดาเนินกิจการคณะสงฆ์โดยแท้ตามพระราชบัญญัติคณะสงฆ์พ.ศ.2505 และท่แก้ไขเพ่มเติมฉบับท่ 2 พ.ศ.
2535 มาตรา15 ตรีและข้อ 5 แห่งกฎมหาเถรสมาคม ฉบับท่ 23 (พ.ศ.2541) ว่าด้วยระเบียบการปกครอง
ี
9 ทศพนธ์นรทัศน์, [ออนไลน์], แหล่งที่มา : เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารกับพระพุทธศาสนา,
[1 ตุลาคม 2555] จากManager [ออนไลน์], แหล่งที่มา : http:// www.manager.co.th/mwebboard/printCom-
ment.aspx?QNumber= [7 พฤษภาคม 2562]
10 ยิ่งศักดิ์นิติสิงห์, (2557), ความจ�าเป็นของพระสงฆ์ไทยกับการใช้ ICT ในยุคปัจจุบัน, [2 มกราคม
2558], จาก http:// www.phd.mbu.ac.th/index.php/2014-08-28-08-57-4/100-ict.
277
บทที่ 11 การประยุกต์ใช้เทคโนโลยีสารสนเทศ
คณะสงฆ์กล่าวถึง “การ” ไว้โดยชัดเจน 6 ประการ คือ การรักษาความเรียบร้อยดีงาม การศาสนศึกษา
การศึกษาสงเคราะห์การเผยแผ่พระพุทธศาสนา การสาธารณูปการ และการสาธารณสงเคราะห์ นอกจาก
ี
11
น้ พระเลิศพิพัฒน์ จนฺทปญฺโญ กล่าวถึงบทบาทของพระสงฆ์ในสังคมโลภาภิวัตน์โดยเร่มจากบทบาท
ิ
ึ
ิ
ภายในของคณะสงฆ์เองแล้วส่งผลต่อสังคม ต่อชุมชนในวงกว้างย่งข้น อันได้แก่ บทบาทด้านการปกครอง
DO NOT COPY
ด้านการศึกษา และการศึกษาสงเคราะห์ด้านการเผยแผ่ ด้านสาธารณูปการและสาธารณสงเคราะห์
สรุปท้ายบท
เทคโนโลยีสารสนเทศมีความก้าวหน้า มีความทันสมัย และมีการพัฒนาอย่างต่อเนื่องและมีการ
เปลี่ยนแปลงรูปแบบการสื่อสาร มีการพัฒนาให้เป็นการสื่อสารแบบสองทาง ส่งผลให้การกระจายข้อมูล
�
ั
ี
ข่าวสารเป็นไปอย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพ ท้งน้ได้มีการนาเทคโนโลยีสารสนเทศมาใช้ในหลายสาขา
วิชาชีพ ทั้งในด้านการเรียนรู้ การศึกษา การด�าเนินชีวิต พัฒนาชุมชน สังคม ด้านธุรกิจ ด้านการสื่อสาร
ทาให้คุณภาพชีวิตของในสังคมดีข้น เทคโนโลยีสารสนเทศถือเป็นเคร่องมือท่สาคัญในการจัดการและ
�
ึ
�
ื
ี
ั
การกระจายสารสนเทศไปยังผู้ใช้ได้อย่างท่วถึงและมีประสิทธิภาพ อีกท้งผู้ใช้สามารถนาสารสนเทศไปใช้
�
ั
ประโยชน์ในการประกอบการตัดสินใจ การวางแผน การแก้ปัญหา การพัฒนา ได้เป็นอย่างดี
ื
�
�
การนาเอาเทคโนโลยีสารสนเทศไปใช้ประโยชน์เพ่อการตัดสินใจ การดาเนินชีวิต การพัฒนา
อาชีพ การพัฒนาการศึกษา การพัฒนาองค์กร การพัฒนาตนเอง การพัฒนาชุมชน สังคม และประเทศ
ชาติ ได้อย่างทั่วถึงและมีประสิทธิภาพ
การน�าเทคโนโลยีมาใช้ในเรื่องต่าง ๆ เช่น การพิมพ์ การสื่อสาร การกระจ่ายข่าวสารทางสถาน
ท่วิทยุ โทรทัศน์ หนังสือพิมพ์ และส่อต่าง ๆ จะเห็นได้ชัดว่าการพัฒนาในแต่ละด้านได้พัฒนาไปอย่าง
ี
ื
ี
รวดเร็ว มีการพัฒนาอย่างก้าวกระโดด มีการใช้คอมพิวเตอร์และเทคโนโลยีสารสนเทศเข้าไปเก่ยวข้องใน
�
ชีวิตความเป็นอยู่เก่ยวข้องกับเทคโนโลยีสารสนเทศ ข้อมูลข่าวสารจานวนมาก สังคมในปัจจุบันเป็นสังคม
ี
ั
�
ื
ไร้พรมแดนเพราะมีการเช่อมโยงกันโดยเทคโนโลยีสารสนเทศ ดังน้นมนุษย์ในสังคมปัจจุบันจึงจาเป็นต้อง
มีความรู้ทางเทคโนโลยีสารสนเทศ และต้องสามารถน�าความรู้ที่ได้ไปประยุกต์ใช้ในด้านต่าง ๆ ดังนี้
1) การประยุกต์ใช้เทคโนโลยีสารสนเทศเพื่อการเรียนรู้
2) การประยุกต์ใช้เทคโนโลยีสารสนเทศเพื่อการศึกษา
3) การประยุกต์ใช้เทคโนโลยีสารสนเทศเพื่อการด�าเนินชีวิต
4) การประยุกต์ใช้เทคโนโลยีสารสนเทศเพื่อพัฒนาชุมชน สังคม
ส่วนส�าหรับพุทธบริษัท 4 คือ ภิกษุ ภิกษุณี อุบาสก และอุบาสิกา นอกเหนือจากด้านต่าง ๆ
ื
ข้างต้นแล้ว จาเป็นต้องมีความรู้และสามารถนาความรู้มาประยุกต์ใช้เทคโนโลยีสารสนเทศเพ่อการ
�
�
เผยแพร่พระพุทธศาสนา
11 พระเลิศพิพัฒน์ จนฺทปญฺโญ, วารสารการศึกษาและพัฒนาสังคม, 2554, 7 (2), 6-16.
278 พื้นฐานคอมพิวเตอร์และเทคโนโลยีสารสนเทศ
ค�าถามท้ายบท
ตอนที่ 1 ค�าชี้แจง : ข้อสอบอัตนัย มีทั้งหมด 10 ข้อ ให้นิสิตท�าทั้งหมด
1. จงอธิบาย ความหมาย ความสาคัญ ประโยชน์ของเทคโนโลยีสารสนเทศ และอิทธิพลของ
�
DO NOT COPY
เทคโนโลยีสารสนเทศที่มีต่อการเรียนรู้ ตามความเข้าใจ พร้อมยกตัวอย่างมาโดยสังเขป
2. การเรียนรู้รายบุคคล (Individualized Instruction) การเรียนรู้ตามอัธยาศัย(Informal edu-
cation) และการเรียนรู้ตลอดชีวิต (Lifelong Learning) เหมือนกันหรือต่างกันอย่างไร จงอธิบาย
3. จงอธิบายลักษณะเด่น ข้อดี ข้อจากัดของการเรียนรู้แบบออนไลน์ (E-learning) ตามความเข้าใจ
�
มาโดยสังเขป
4. จงอธิบายถึงอิทธิพลของเทคโนโลยีสารสนเทศที่มีการศึกษาในยุคปัจจุบัน พร้อมยกตัวอย่างมา
โดยสังเขป
5. กูเกิล (Google) เป็นโปรแกรมที่มีคุณสมบัติที่หลากหลายมีอะไรบ้าง? อธิบายพร้อมยกตัวอย่าง
มาโดยสังเขป
ี
6. นิสิตคิดว่าในอนาคตการเรียนรู้จะเปล่ยนแปลงไปในทิศทางใด วิเคราะห์และอธิบายตามความ
เข้าใจมาโดยสังเขป
7. เทคโนโลยีสารสนเทศท่เข้ามาช่วยในการบริหารการศึกษามีอะไรบ้าง? และเข้ามาช่วยการศึกษา
ี
อย่างไร
8. ให้นิสิตอธิบายถึงเทคโนโลยีสารสนเทศท่เข้ามาช่วยในการพัฒนาชุมชนว่ามีอะไรบ้าง? พร้อมยก
ี
ตัวอย่างมาโดยสังเขป
ื
�
ี
ื
9. นิสิตคิดว่าเทคโนโลยีสารสนเทศอะไรท่พระภิกษุสามเณรจาเป็นต้องเรียนรู้เพ่อเป็นเคร่องมือใน
การเผยแพร่พระพุทธศาสนา? พร้อมอธิบายมาโดยสังเขป
�
10. นิสิตคิดว่าเทคโนโลยีสารสนเทศเป็นภัยหรือเป็นสาเหตุท่จะคุกคามพระพุทธศาสนาทาให้
ี
พระพุทธศาสนาเสื่อมไปจากประเทศไทย
ตอนที่ 2 ค�าชี้แจง : ค�าถามปรนัย มีทั้งหมด 10 ข้อ ให้ท�าเครื่องหมาย x ทับข้อ ก ข ค
หรือ ง ที่ถูกต้องที่สุดเพียงข้อเดียว
1. เทคโนโลยีสารสนเทศ หมายถึง
ก. ข้อมูลจากการศึกษาค้นคว้าสารสนเทศ เป็นความรู้และข่าวสารที่ส�าคัญที่มีลักษณะพิเศษ ทั้ง
ในด้านการได้มาและประโยชน์ในการน�าไปใช้ปฏิบัติ
ข. เทคโนโลยีที่เกี่ยวข้องกับการจัดเก็บ ประมวลผล และเผยแพร่สารสนเทศ
�
ี
ค. ความรู้หรือข้อมูลและข้อเท็จจริงต่างๆ ท่ได้รับการประมวลแล้วและสามารถนาไปใช้ประโยชน์ได้
ี
ง. ข้อมูลต่าง ๆ ท่ได้ผ่านการเปล่ยนแปลงหรือมี การประมวลหรือวเคราะห์ผลสรุปด้วยวิธีการต่าง ๆ
ิ
ี
279
บทที่ 11 การประยุกต์ใช้เทคโนโลยีสารสนเทศ
2. เทคโนโลยีสารสนเทศทางการศึกษา หมายถึง
ก. เทคโนโลยีที่เกี่ยวข้องกับการจัดเก็บ ประมวลผล และเผยแพร่สารสนเทศ
�
ี
ข. ความรู้หรือข้อมูลและข้อเท็จจริงต่าง ๆ ท่ได้รับการประมวลแล้วและสามารถนาไปใช้ประโยชน์
ได้
DO NOT COPY
ค. ข้อมูลต่างๆ ท่ได้ผ่านการเปล่ยนแปลงหรือมี การประมวลหรือวิเคราะห์ผลสรุปด้วยวิธีการต่างๆ
ี
ี
ง. การประยุกต์ใช้เทคโนโลยีสารสนเทศกับงานด้านการศึกษา
3. ข้อใดเป็นระบบเทคโนโลยีสารสนเทศเพื่อการศึกษา
ก. ระบบการลงทะเบียน ข. ระบบคมนาคม
ค. ระบบภาษีอากร ง. ระบบทะเบียนราษฎร์
4. ข้อใดไม่ใช่ประโยชน์ของเทคโนโลยีสารสนเทศเพื่อการศึกษา
ก. เพิ่มโอกาสในการเรียนรู้ให้กับผู้พิการทางสายตาหรือหู
ข. ให้ผู้ท่อยู่ห่างไกลหรือไม่สะดวกในการเดินทางสามารถได้รับการศึกษาเช่นเดียวกับผู้ท่อยู่ในเมือง
ี
ี
ค. ช่วยเสริมประสิทธิภาพการเรียนการสอนในวิชาต่าง ๆ
ง. ช่วยประหยัดค่าจ้างครูผู้สอน
5. ข้อใดเป็นปัญหาและอุปสรรคในการใช้เทคโนโลยีสารสนเทศทางการศึกษา
้
ื
ั
ิ
ั
ี
่
ึ
่
ี
ึ
ก. สถานศกษาหลายแห่งและหลายพนท ทโทรศัพท์ยงเข้าไม่ถง และคอมพวเตอร์ยงไม่มีหรอ
ื
มีไม่เพียงพอต่อความต้องการ
ข. ท�าให้บทเรียนมีความน่าสนใจมากขึ้น และเกิดความเข้าใจได้ง่ายขึ้น
ค. ทาให้ผู้ท่อยู่ห่างไกลหรือไม่สะดวกในการเดินทางสามารถได้รับการศึกษาเช่นเดียวกับผู้ท่อยู่ใน
ี
�
ี
เมือง
ง. มีการแข่งขันของบริษัทผลิตอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์มากยิ่งขึ้น
6. การเรียนรู้แบบออนไลน์ (E-Learning) มีลักษณะอย่างไร
ก. การเรียนนอกสถานที่ ข. การเรียนการสอนผ่านดาวเทียม
ค. การเรียนการสอนโดยใช้สื่อ PowerPoint ง. การเรียนการสอนผ่าน World Wide Web
7. การเรียนรู้แบบออนไลน์ (e-learning) คือข้อใด
ก. การจัดการเรียนการสอนให้ผู้เรียนเรียนผ่านเครือข่ายคอมพิวเตอร์อินเทอร์เน็ต (Internet)
ข. ซอฟต์แวร์ส�าเร็จรูปที่น�าเสนอเนื้อหาบทเรียนที่ยากต่อการเข้าใจ มาพัฒนาในรูปแบบภาพนิ่ง
ภาพเคลื่อนไหว และเสียง
ค. สื่อน�าเสนอข้อมูลบนเครื่องคอมพิวเตอร์ หรือการรวบรวม หน้าเว็บเพจหลายหน้า
ง. หนังสือที่สร้างขึ้นด้วยโปรแกรมคอมพิวเตอร์ มีลักษณะเป็นเอกสาร อิเล็กทรอนิกส์
บทที่ 12
การเผยแผ่พระพุทธศาสนาในยุคดิจิทัล
DO NOT COPY
วัตถุประสงค์การเรียนประจ�าบท
เมื่อได้ศึกษาเนื้อหาในบทนี้แล้ว ผู้ศึกษาสามารถ
1. บอกความส�าคัญของการเผยแผ่พระพุทธศาสนาได้
2. บอกรูปแบบการเผยแผ่พระพุทธศาสนาได้
3. อธิบายการใช้ Social Media ในงานเผยแผ่พระพุทธศาสนาได้อย่างเหมาะสม
ั
4. สามารถสร้างเน้อหาสาหรบงานเผยแผพระพทธศาสนาด้วยระบบจัดการเน้อหา
ื
�
ุ
ื
่
(Content Management System : CMS) ได้อย่างเหมาะสม
ขอบข่ายเนื้อหา
• ความน�า
• ความส�าคัญของการเผยแผ่พระพุทธศาสนา
• รูปแบบการเผยแผ่พระพุทธศาสนา
• การใช้ Social Media ในการเผยแผ่พระพุทธศาสนา
• การสร้างเนื้อหาส�าหรับการเผยแผ่พระพุทธศาสนาด้วยระบบจัดการเนื้อหา (Con-
tent Management System : CMS)
284 พื้นฐานคอมพิวเตอร์และเทคโนโลยีสารสนเทศ
12.1 ความน�า
การเผยแผ่พระพุทธศาสนาในสังคมปัจจุบัน มีแนวโน้มใช้วิธีการสื่อสารเพื่อสร้างการเข้าใจและ
ี
ื
�
เข้าถึงด้วยส่อแลเทคโนโลยีท่ทันสมัย สามารถเผยแผ่หลักคาสอนโดยการประยุกต์ให้เหมาะกับสถานการณ์
ื
่
่
็
ื
ื
�
่
ี
์
่
ั
ุ
่
การเผยแผคาสอนผานสอสังคมออนไลนมระบบเครอขายและจะกลายเปนเครอขายสงคมพระพทธศาสนา
DO NOT COPY
ออนไลน์ที่สามารถศึกษาได้ทุกหนทุกแห่งและตลอดเวลา
รูปแบบของการเผยแผ่พระพุทธศาสนามีพัฒนาการมาตามล�าดับ เริ่มจากยุคแรกที่มีการเผยแผ่
ศาสนาโดยวิธีปากต่อปาก เรียกว่า “มุขปาฐะ” จากนั้นค่อยพัฒนาตามยุคสมัย เช่น จารึก พิมพ์หนังสือ
ั
จนกระท่งปัจจุบัน มีคาสอนของพระพุทธศาสนาปรากฏบนโลกไซเบอร์มากข้นในหลากหลายรูปแบบ
ึ
�
�
�
แม้แต่หลักคาสอนของพระพุทธศาสนาก็มีพระไตรปิฎกฉบับออนไลน์ มีเว็บไซต์อธิบายคาสอนทางศาสนา
เผยแผ่ทางอินเทอร์เน็ตจ�านวนมาก อาจกล่าวได้ว่าค�าสอนของพระพุทธศาสนาได้รับการเผยแผ่และเข้า
ถึงพุทธศาสนิกชนมากขึ้น
ั
�
ื
ี
ื
ี
ดังน้น เน้อหาของบทน้จึงได้เสนอความเข้าใจเบ้องต้นเก่ยวกับความสาคัญและรูปแบบการเผยแผ่
ื
�
พระพุทธศาสนา และเน้อหาท่ให้ความสาคัญต่อการการใช้ Social Media ในงานเผยแผ่พระพุทธศาสนา
ี
ุ
ื
่
�
ั
และสามารถสร้างเน้อหาสาหรบงานเผยแผพระพทธศาสนาด้วยระบบจัดการเน้อหา (Content Manage-
ื
ment System : CMS) ได้อย่างเหมาะสม
12.2 ความส�าคัญของการเผยแผ่พระพุทธศาสนา
ี
ึ
พระพุทธศาสนาได้อุบัติข้นมาแล้วกว่า 2 พันปี ปัจจัยสาคัญท่ทาให้ดารงอยู่นาน คือ มีการประกาศ
�
�
�
ั
เผยแผ่สืบทอดศาสนธรมในหมู่พุทธสาวกกันมาโดยลาดับ โดยพุทธสาวกเหล่าน้นต่างยึดถืออุดมคติการ
�
เผยแผ่พระพุทธศาสนาที่พระพุทธองค์ตรัสประทานเป็นพระโอวาทในคราวส่งพระอรหันตสาวก 60 รูป
ี
ั
ไปเผยแผ่พระพุทธศาสนาในคามนิคมต่างๆ ท่มีใจความว่า “...ภิกษุท้งหลาย พวกเธอจงเท่ยวจาริกไป
ี
เพอประโยชน์เกอกลแก่ชนหม่มาก เพอความสขแก่ชนหม่มาก เพออนเคราะห์ชาวโลก เพอประโยชน์
ื
่
ู
ุ
่
่
่
ื
ื
ู
ู
้
ื
ุ
ื
ั
เก้อกูลและความสุขแก่เทวดาและมนุษย์ท้งหลาย...” เป็นหลักวิสัยทัศน์ในการประกาศพุทธธรรม พร้อม
ื
1
ื
�
ท้งนาเอาหลักการและวิธีการท่พระพุทธองค์ทรงประทานเป็นพระโอวาทปาติโมกข์ เม่อคราวประชุมพระ
ั
ี
อรหันตสาวกครั้งใหญ่ที่เรียกว่า จาตุรงคสันนิบาต ณ พระวิหารเวฬุวัน มาเป็นพันธกิจและกลยุทธ์ในการ
เผยแผ่พระพุทธศาสนา
ั
ั
�
ิ
ุ
การเผยแผ่หลักพุทธธรรมมีความสาคัญย่งต่อสถานการณ์พระพทธศาสนา ท้งในอดีตและปัจจุบน
�
ื
พระสงฆ์ได้เลือกหลักพุทธธรรมเพ่อนามาแสดงให้แก่ประชาชนได้รักษารูปแบบสืบทอดเป็นประเพณี และ
ท�าให้ประชาชนรู้จัก เข้าใจ เข้าถึง พระพุทธศาสนาอย่างกว้างขวาง ดังนั้น จึงมุ่งให้บุคคลพึงละเว้นกรรม
ชั่ว ประกอบสัมมาอาชีวะ ประกอบอาชีพอยู่ในกรอบแห่งศีลธรรม ไม่เบียดเบียนซึ่งกันและกัน ไม่เอารัด
1 วิ.ม. (ไืทย) 4/32/49/50.
บทที่ 12 การเผยแผ่พระพุทธศาสนาในยุคดิจิทัล 285
ี
ื
เอาเปรียบกัน ไม่ให้ประกอบอาชีพท่เป็นภัยหรืออันตรายต่อผู้อ่นหรือแม้กระท่งตนเองและครอบครัว ด้วย
ั
เหตุนี้ การเผยแผ่พระพุทธศาสนาจึงนับเป็นภารกิจโดยตรงของพระภิกษุพุทธสาวกในพระพุทธศาสนาที่
เมื่อท�าหน้าที่ของตนให้บริบูรณ์ ด้วยการศึกษาเล่าเรียนพระธรรมวินัยจนแตกฉาน และประพฤติปฏิบัติ
ั
ี
ี
�
ตามหลักพระธรรมวินัยท่ศึกษามาแล้วน้น จนมีภูมิรู้ภูมิธรรมเข้มแข็งและอุทิศตนทาหน้าท่เผยแผ่พระพุทธ
DO NOT COPY
ศาสนา เช่น การแสดงธรรม การบรรยายธรรม การสนทนาธรรม ตลอดถึงการปฏิบัติกัมมัฏฐานให้เป็น
แบบอย่าง สามารถเลือกสรรน�ามาบูรณาการปฏิบัติให้เกิดประโยชน์ในชีวิตประจ�าวัน ก่อให้เกิดเป็นวิถี
้
่
ั
ั
ิ
ี
�
ุ
ื
่
้
ั
พทธ คอ วถไทย ดารงอยอยางสงบสขมาชานานไดกเพราะอาศยบรรพชนไทย ทงฝายบรรพชตและคฤหสถ ์
้
ุ
ิ
็
่
ู
ผู้มีวิสัยทัศน์อันกว้างไกล มองเห็นคุณค่าและความสาคัญของพระพุทธศาสนา ได้ทุ่มเทเสียสละช่วยกัน
�
ุ
ี
ื
ิ
ประกาศเผยแผ่พระพทธศาสนา เพ่อให้เป็นรากฐานแห่งวิถชีวตและขนบธรรมเนียมประเพณีอนดีงาม
ั
ของสังคมไทยตลอดไป
12.3 รูปแบบการเผยแผ่พระพุทธศาสนา
การเผยแผ่พระพุทธศาสนาน้นมีรูปแบบและวิธีการท่หลากหลาย ไม่จากัดตายตัวเฉพาะรูปแบบ
ั
ี
�
ใดรูปแบบหน่ง แม้แต่การแสดงอาการสารวมอิริยาบถให้สงบเรียบร้อยงดงามก็ถือว่าเป็นรูปแบบหน่งของ
�
ึ
ึ
ึ
การเผยแผ่พระพุทธศาสนา ดังเช่น นักบวชอาชีวกผู้หน่งช่อว่า อุปกะ เดินสวนทางกับพระพุทธองค์ท ี ่
ื
ั
่
ื
็
ี
ี
ั
�
ิ
ั
ุ
็
กาลงเสดจม่งไปยงป่าอสปตนมฤคทายวน เพอทรงแสดงธรรมโปรดพระปัญจวคคย์ เพยงได้พบเหน
ิ
ั
พระพุทธลีลาที่สงบเรียบร้อยเท่านั้น เขาเกิดความประทับใจตรงเข้าไปสนทนาด้วย ภายหลังจากนั้น เขา
ื
ไปใช้ชีวิตฆราวาสแต่งงานมีครอบครัว แล้วเกิดความเบ่อหน่าย ได้กลับมาขอบวชกับพระพุทธองค์และ
บรรลุธรรมได้ในท่สุด หรือแม้แต่อุปติสสปริพาชกท่เข้ามาบวชเป็นกาลังสาคัญของพระพุทธศาสนาในนาม
�
�
ี
ี
อุโฆษเป็นที่รู้จักกันว่า พระธรรมเสนาบดีสารีบุตรเถระ ก็เพราะเลื่อมใสในอิริยาบถที่ส�ารวมเยี่ยงสมณะ
ของพระอัสสชิเถระเป็นจุดเบื้องต้น
12.3.1 รูปแบบของการแผยแผ่พระพุทธศาสนา
รูปแบบการเผยแผ่พระพุทธศาสนา สามารถรวบรวมได้ 7 วิธี ด้วยกันดังนี้ 2
1. อุปนิสินนกถา แปลว่า “ถ้อยคาของผู้เข้าไปน่งไกล้” หมายถึง การน่งคุยสนทนาอย่าง
�
ั
ั
กันเอง โดยสอดแทรกหลักธรรมในการสนทนากันนั้น เป็นการพูดคุยกันตามสมควรแก่เหตุการณ์ กาละ
เทศะและบุคคลผู้ฟัง เพื่อตอบค�าซักถาม แนะน�าชี้แจง ให้ค�าปรึกษา เป็นต้น ไม่เป็นแบบแผนพิธี
2. ธัมมีกถา แปลว่า “ถ้อยค�าที่กล่าวถึงธรรม” หมายถึง การบรรยายหรืออธิบายธรรม เป็น
ั
่
์
้
รูปแบบการเผยแผที่พระพุทธองคทรงแสดงหลักพระธรรมวินัยอยางเปนกิจจะลักษณะ ในปจจุบัน ไดแก่
่
็
การแสดงธรรมการปาฐกถาธรรม การบรรยายธรรม เป็นต้น
�
�
2 แก้ว ชิดตะขบ, ประวัติความสาคัญของการเผยแผ่พระพุทธศาสนา, (กรุงเทพมหานคร, โรงพิมพ์สานักงาน
พระพุทธศาสนาแห่งชาติ, 2553), หน้า 29-32.
286 พื้นฐานคอมพิวเตอร์และเทคโนโลยีสารสนเทศ
3. โอวาทกถา แปลว่า “ถ้อยค�าที่กล่าวสอน” หมายถึง การให้ค�าแนะน�าตักเตือนให้ละเว้น
ั
�
ื
ื
ั
ื
ี
ึ
ช่วประพฤติดี เป็นรูปแบบการเผยแผ่ท่มุ่งเน้นการกล่าวคาสอนส้นๆ และเจาะจงเร่องใดเร่องหน่ง เพ่อให้
ผู้ฟังเกิดความสังวรระวัง ไม่ท�าชั่ว ให้ละความชั่ว ให้ท�าแต่ความดี และให้รักษาความดีเอาไว้
4. อนุสาสนีกถา แปลว่า “ถ้อยคาท่กล่าวสอนให้เห็นจริง” หมายถึง คากล่าวสอนในลักษณะ
�
ี
�
DO NOT COPY
ื
ยาเตือนอย่างต่อเน่อง เพ่อให้เกิดความคุ้นเคย เน้อหาสารธรรมโดยส่วนมากจะเป็นคาสอนประเภทความ
้
�
ื
�
ื
ไม่ประมาท ความสามัคคี ความเพียรพยายาม สติสัมปชัญญะ ความอดทน
5. ธัมมสากัจฉากถา แปลว่า “ถ้อยค�าที่สนทนาในทางธรรม” หมายถึง การสนทนาธรรม
�
ี
เป็นทานองแลกเปล่ยนความคิดเห็นกัน บางคร้งมาในรูปแบบคาถาม เพ่อแสวงหาความถูกต้อง หรือปรับ
ื
�
ั
ความเข้าใจซึ่งกันและกัน เป็นรูปแบบการเผยแผ่ที่ใช้ในโอกาสรับรองความคิดเห็นของผู้ฟังบ้าง เพิ่มเติม
บ้าง ปรับปรุงบ้าง ปฏิเสธบ้าง ตามควรแก่กรณี ปัจจุบันนอกจากจะเรียกว่า การสนทนาธรรมแล้วอาจ
เรียกว่า การอภิปรายธรรม การเสวนาธรรม โดยผลัดกันพูดผลัดกันฟังอีกด้วย
6. ปุจฉาวิสัชนากถา แปลว่า “ถ้อยค�าที่ถาม-ตอบ” หมายถึง รูปแบบการเผยแผ่ที่มุ่งเน้น
การถาม-ตอบ โดยอาจถามน�าเพื่อกระตุ้นผู้ฟังให้ตอบ เป็นการทดสอบความรู้ความเข้าใจของผู้ฟัง เช่น
เมื่อทรงแสดงอนัตตลักขณสูตร พระองค์ทรงเริ่มอธิบายว่า รูป เวทนา สัญญา สังขาร และวิญญาณเป็น
3
ี
�
ี
อนัตตาโดยลาดับ แล้วตรัสย้อนถามว่า “พวกเธอเข้าใจข้อความตามท่กล่าวมาอย่างไร รูปเท่ยงหรือไม่
เที่ยง?” พระปัญจวัคคีย์ทูลตอบว่า “ไม่เที่ยง พระพุทธเจ้าข้า” ก็ตรัสถามต่อไปว่า “ก็สิ่งใดไม่เที่ยง สิ่ง
ี
�
ั
ั
ุ
ุ
นนเป็นทกข์หรอสขเล่า” พระปัญจวคคย์ทลตอบว่า “เป็นทุกข์ พระพทธเจ้าข้า” จงตรสนาให้สรปถง ึ
ึ
ู
ั
้
ุ
ื
ุ
ความเป็นอนัตตาว่า “สิ่งใดไม่เที่ยง เป็นทุกข์ มีความแปรผันไปเป็นธรรมดา ควรหรือหนอที่จะตามเห็น
ั
ิ
ั
้
ส่งน้นว่า น่นของเรา เราเป็นน่น น่นเป็นอัตตาของเรา” “ไม่ควรเห็นอย่างน้น พระพุทธเจ้าข้า” ดงนเปนตน
ั
ั
ั
ั
้
ี
็
ี
�
7. ธัมมเทสนากถา แปลว่า “ถ้อยคาท่แสดงธรรม” หมายถึง การแสดงพระธรรมเทศนา
เป็นการแสดงธรรมส่งสอน ช้แจงเร่องบาป บุญ คุณ โทษ ประโยชน์และมิใช่ประโยชน์ เพ่อให้ละช่ว
ั
ื
ี
ั
ื
ประพฤติดี ท�าจิตให้บริสุทธิ์เป็นรูปแบบการเผยแผ่พระพุทธศาสนาที่ปรากฏในพระสุตตันปิฎก
ื
�
พระธรรมโกศาจารย์ (พุทธทาสภิกขุ) กล่าวถึงการเผยแผ่พระพุทธศาสนาโดยควรทาเพ่อให้
4
�
ได้ยินได้ฟังโดยทุกวิถีทาง ด้วยการกระทาในลักษณะต่างๆ เช่น การพิมพ์โฆษณาสมุดเอกสารและ
หนังสือพิมพ์ขึ้นให้แพร่หลาย การทัศนศึกษาด้วยการแสดงให้เข้าใจในเรื่องราวด้วยภาพ ด้วยสิ่งของและ
อื่นๆ การจาริกสั่งสอน ด้วยค�าสอนและบุคคลที่เหมาะสมแก่กาลเทศะ การเปิดห้องสมุด หรือห้องอ่าน
ี
�
หนังสือประชาชนท้งท่ประจาและเคล่อนท่ การใช้บริการทางวิทยุโทรทัศน์ กระท่งมีสถานีวิทยุของตนเอง
ั
ี
ื
ั
โดยเฉพาะ และนักเผยแผ่พระพุทธศาสนาควรท�าตนเป็นผู้มีความสุข เช่น ท�าตนให้มีอินทรีย์ผ่องใสและ
อิ่มเอิบ มีความสงบสุขเรียบร้อยน่าบูชาเลื่อมใส
3 วิ.ม. 4/21/33.
�
�
4 แก้ว ชิดตะขบ, ประวัติความสาคัญของการเผยแผ่พระพุทธศาสนา, (กรุงเทพมหานคร, โรงพิมพ์สานักงาน
พระพุทธศาสนาแห่งชาติ, 2553), หน้า 20.
บทที่ 12 การเผยแผ่พระพุทธศาสนาในยุคดิจิทัล 287
12.3.2 การเผยแผ่พระพุทธศาสนาโดยวิทยุกระจายเสียงและวิทยุโทรทัศน์
�
ื
วิทยุกระจายเสียงและวิทยุโทรทัศน์ เป็นเคร่องมือสาคัญในการเผยแผ่พระพุทธศาสนา มีการ
ั
จัดต้งสถานีวิทยุโทรทัศน์ทางพระพุทธศาสนา เรียกว่า “สถานีโทรทัศน์โลกพระพุทธศาสนาแห่ง
ประเทศไทย” ตั้งอยู่ที่วัดยานนาวา เขตสาทร กรุงเทพฯ โดยมีเป้าหมายเพื่อเผยแผ่พระพุทธศาสนาและ
DO NOT COPY
ศาสนกิจ ผลงานและกิจกรรมต่างๆ ของมหาเถรสมาคม คณะสงฆ์ วัด สถาน ศึกษา และองค์กรทาง
ื
พระพุทธศาสนาต่างๆ ท้งในประเทศ และต่างประเทศ ในปัจจุบัน ระบบการส่อสารก้าวหน้าอย่างรวดเร็ว
ั
�
ทาให้สามารถแพร่กระจายข่าวสารไปอย่างรวดเร็ว ทาให้รูปแบบการเผยแผ่พระพุทธศาสนาต้องปรับ
�
ี
ี
ื
เปล่ยนไปจากอดีต จากยุคมุขปาฐะ ยุคคัมภีร์ใบลาน หนังสือ วิทยุ โทรทัศน์ และในปัจจุบันยังมีส่อท่นิยม
กันมากในคณะสงฆ์ไทย คือ การเผยแผ่พระพุทธศาสนาทางอินเทอร์เน็ต 5
การเผยแผ่พระพุทธศาสนาในยุคท่เทคโนโลยีการส่อสารอินเทอร์เน็ตยังไม่ก้าวหน้า ได้มีการนา �
ื
ี
เอาพระไตรปิฎกมาบันทึกลงแผ่นซีดี กลายเป็นพระไตรปิฎกฉบับซีดีรอมเกิดข้นเป็นคร้งแรกเม่อปีพทธศกราช
ุ
ั
ื
ึ
ั
2531 โดยศูนย์คอมพิวเตอร์ มหาวิทยาลัยมหิดล ได้พัฒนาพระไตรปิฎกฉบับภาษาลีจ�านวน 45 เล่ม จน
ั
�
กระท่งปีพุทธศักราช 2540 จึงได้จัดทาพระไตรปิฎกฉบับภาษาไทย ประกอบด้วย พระไตรปิฎกฉบับแปล
เป็นภาษาไทย 45 เล่ม พระไตรปิฎกฉบับบาลีอักษรไทย 45 เล่ม พระไตรปิฎกฉบับบาลีอักษรโรมัน 45
เล่ม อรรถกถาและคัมภีร์อื่น ๆ พระไตรปิฎกฉบับบาลีอักษรไทย 70 เล่ม อรรถกถาและคัมภีร์อื่น พระ
ไตรปิฎกฉบับบาลีอักษรโรมัน 70 เล่ม และพระไตรปิฎกภาษาเทวนาครีและสิงหล 6
12.3.3 การเผยแผ่พระพุทธศาสนาแบบบูรณาการในยุคดิจิทัล
ื
การใช้โทรศัพท์มือถือและการเช่อมต่ออินเทอร์เน็ตในปัจจุบันสามารถประมวลผลโดยใช้
ึ
ื
ทรัพยากรจากเครือข่ายสาธารณะ ดังน้น ส่อดิจิทัลจึงเป็นทางเลือกหน่งในการเผยแผ่พระพุทธศาสนา
ั
สามารถสรุปได้ดังนี้ 7
ี
1. การปรับแปลงด้านภาษา พบว่า ภาษาท่ใช้ควรเป็นภาษาท่เข้าใจง่าย ทันสมัย เพ่อให้
ี
ื
สอดคล้องกับกลุ่มเป้าหมาย
1.2. การปรับแปลงด้านปริมาณเน้อหา พบว่า หลักธรรมคาสอนท่ใช้เผยแผ่ต้องมีการปรับ
ี
ื
�
แปลงทั้งด้านปริมาณของเนื้อหาให้เหมาะสมกับกลุ่มเป้าหมาย โดยอาจจ�าแนกตามกลุ่มเพศและวัย เพื่อ
ให้เหมาะสมกับสภาพการณ์ปัจจุบันด้วย
5 สานิตย์ กายาผาด, เทคโนโลยีสารสนเทศเพื่อชีวิต, (กรุงเทพมหานคร : เธิร์ดเวฟ เอ็ดดูเคชั่น, 2542),
หน้า 110.
6 ศูนย์คอมพิวเตอร์มหาวิทยาลัยมหิดล, “พระไตรปิฎกฉบับคอมพิวเตอร์บนอินเทอร์เน็ต” 14 มกราคม 2550,
< www.budsir.org/budsir-main.html> (27 มีนาคม 2562)
7 อุษา ศิลป์เรืองวิไล, การสื่อสารบูรณาการในยุคดิจิทัลในประเทศไทย: กรณีศึกษาสื่อวิทยุออนไลน์, วารสาร
วิชาการมหาวิทยาลัยอีสเทิร์นเอเชีย ปีที่ 6 ฉบับที่ 2 ประจ�าเดือน พฤษภาคม-สิงหาคม 2559 ฉบับสังคมศาสตร์และ
มนุษยศาสตร์, หน้า 353-366.
288 พื้นฐานคอมพิวเตอร์และเทคโนโลยีสารสนเทศ
1.3. การปรับแปลงด้านกิจกรรมข่าวและประชาสัมพันธ์ ท�าให้สามารถน�าเสนอกิจกรรมการ
เผยแผ่พระพุทธศาสนาและสามารถน�ามาเป็นช่องทางการเผยแพร่ข้อมูลข่าวสารได้อย่างดีรวดเร็ว
1.4 การปรับแปลงด้านเทคนิคการน�าเสนอ ควรใช้เทคนิควิธีการสื่อสารด้วยสื่อประสมเพื่อ
น�าเสนอหลักธรรมค�าสอนที่เน้นการมีปฏิสัมพันธ์ตามลักษณะของกลุ่มผู้ฟัง
DO NOT COPY
12.4 การใช้ Social Media ในการเผยแผ่พระพุทธศาสนา
ี
ึ
ื
�
ื
ื
Social Media เป็นรูปแบบการส่อสารทางเลือกท่เกิดข้นเพ่อให้สามารถนาเสนอเร่องราว ความ
รู้สึกนึกคิด ตลอดจนความคิดเห็นได้อย่างเสรีบนพื้นที่ส่วนตัว จนขยายเป็นเครือข่ายสังคมแบบออนไลน์
(Social Networking) การสื่อสารผ่าน Social Media ท�าให้พุทธศาสนิกชนสามารถเข้าถึงและแสวงหา
ี
ข้อมูลด้วยตนเอง บทบาทของพุทธศาสนิกชนจึงเปล่ยนไปเป็นผู้เลือกมากกว่าผู้ตาม (Active Audience)
หรือเรียกว่าเป็นผู้แสวงหาหรือเลือกข้อมูลที่โดยเสรี (Active Seeker) 8
Social Media ไม่เพียงจะมีผลต่อสื่อดั้งเดิม (Traditional Media) เท่านั้น แต่ยังสามารถเติม
ิ
เต็มประสิทธิภาพของการส่อสารและเพ่มช่องทางในการส่อสาร จากเดิมท่ต้องใช้โทรศัพท์ในการติดต่อ
ื
ี
ื
ส่อสารก็เปล่ยนมาเป็นการส่งอีเมล (E-Mail) หรือการพิมพ์ข้อความเพ่อสนทนา (Chatting) ท้งการสนทนา
ื
ื
ี
ั
่
ด้วยเสียงและการสนทนาแบบวิดีโอ (Video Call) จึงกลายเป็นคุณลักษณะของการสอสารทสามารถสงสาร
่
่
ื
ี
่
้
้
ไปยังผูคนหมูมากได (One-to-Many Communication) ในเวลาอันรวดเร็ว และได้สร้างพฤติกรรมการใช้
สื่อที่เรียกว่า Active Audience คือ การที่ผู้รับสารมีบทบาทในการเลือกที่จะรับสาร หรือเป็นผู้ส่งสาร
เอง ไปจนถึงการมีส่วนร่วมต่อเนื้อหาสาร เรียกว่า Co-Creator
ื
ั
ดังน้น จึงเห็นได้ว่าบทบาทและลักษณะความสัมพันธ์ของผู้ใช้ส่อใหม่มีความแตกต่างไปจากการ
ใช้ส่อด้งเดิมอย่างเห็นได้ชัด ท้งน้เกิดข้นจากการพัฒนาของเทคโนโลยีด้านการส่อสารท่อานวยความสะดวก
ื
ี
ื
ั
�
ี
ึ
ั
�
�
ในการส่อสารให้สอดรับกับวิถีชีวิตของมนุษย์ในยุคท่ข้อมูลข่าวสารมีความสาคัญต่อการดาเนินชีวิต ส่งผล
ื
ี
ให้มนุษย์จึงผูกติดกับการสื่อสารและการรับรู้ข้อมูลข่าวสารอยู่ตลอดเวลา
12.4.1 การใช้ Internet Application
ส่วนมากเรามักจะคุ้นเคยกับการใช้งานคอมพิวเตอร์ส่วนบุคคลท่ติดต้งโปรแกรมท่ใช้ใน
ี
ั
ี
ส�านักงาน เช่น โปรแกรม Microsoft Word ส�าหรับพิมพ์เอกสาร โปรแกรม Microsoft Excel ส�าหรับ
สร้างตารางค�านวณ บางองค์กรติดตั้งที่คอมพิวเตอร์เป็นลักษณะ Client-Server Application โดยเก็บ
ฐานข้อมูลไว้ที่เซิร์ฟเวอร์ (Server) และติดตั้งตัวโปรแกรมที่เครื่องใช้งาน (Client) เพื่อตอบสนองความ
ต้องการในด้าน Multi-User หรือใช้งานพร้อมกันได้หลายคน โดยใช้ฐานข้อมูลไว้ที่ส่วนกลาง การติดตั้ง
โปรแกรมดังกล่าว เป็นการใช้เทคโนโลยี Desktop Application ที่ไม่สามารถตอบสนองความต้องการ
8 วรวุฒิ อ่นน่วม, ปรากฏการณ์ทางการสื่อสารยุคดิจิทัล, วารสารวิชาการสมาคมสถาบันอุดมศึกษาเอกชนแห่ง
ประเทศไทย (สสอท.) ปีที่ 18 ฉบับที่ 2 พฤษภาคม 2555 หน้า 212-220.
บทที่ 12 การเผยแผ่พระพุทธศาสนาในยุคดิจิทัล 289
ี
ี
�
การบริหารจัดการได้ โดยเฉพาะการทาธุรกิจท่ต้องปรับเปล่ยนไปตลอดเวลา ข้อมูลมีการเคล่อนไหวตลอด
ื
ิ
ี
เวลา ตัวอย่างเช่น หากต้องการ Upgrade หรือเพ่มคุณสมบัติเพ่มเติมให้กับ Application ท่ตัวเซิร์ฟเวอร์
ิ
ต้องหยุดระบบทั้งหมด และเมื่อ Upgrade ที่เซิร์ฟเวอร์แล้ว ก็จ�าเป็นต้อง Upgrade ที่ Client ด้วย หาก
ระบบมีผู้ใช้งานจ�านวนมาก จะยิ่งเพิ่มความยุ่งยากมากขึ้น
DO NOT COPY
ดังนั้น จึงได้มีการจัดการด้วยเทคโนโลยี Web Application หรือ Internet Application
เพราะสามารถตอบสนองความต้องการและสามารถแทนที่ Client-Server Application ได้เป็นอย่างดี
ตัวโปรแกรมของ Web Application จะถูกติดตั้งไว้ที่ Server คอยให้บริการกับ Client และที่ Client
ก็ไม่ต้องติดตั้งโปรแกรมเพิ่มเติม สามารถใช้โปรแกรมประเภท Web Brower เช่น Internet Explorer,
FireFox, Google Chrome ท�าให้ไม่จ�ากัดว่าเครื่องที่ใช้เป็น OS อะไร หรืออุปกรณ์อะไร อย่างอุปกรณ์
TouchPad หรือ SmartPhone ก็สามารถเรียกใช้งานได้ด้วย
การเผยแผ่พระพุทธศาสนาในปัจจุบันนี้ สามารถประยุกต์ใช้ Internet Application โดย
เฉพาะการใช้ Google Application เพื่อเป็นเครื่องมือเผยแผ่พระพุทธศาสนาได้เป็นอย่างดี (ศึกษาใน
รายละเอียดของเน้อหาบทเรียนท่ผ่านมา) สามารถใช้ประโยชน์ในการเก็บรวบรวมผลงาน พร้อมข้อเสนอ
ี
ื
แนะแบบเรียลไทม์ได้อีกด้วย โดยเฉพาะการใช้ Google Classroom เพื่อน�ามาใช้เป็นเครื่องมือสตรีมที่
ื
สามารถใส่ส่อมัลติมีเดียได้มากกมาย เช่น รูป ภาพ คลิป ไฟล์ในลักษณะรูปแบบอ่นๆ หรืออาจใช้ไฟล์จาก
ื
Google drive โดยตรงได้ นอกจากนี้ยังสามารถน�าเสนอเนื้อหาสาระโดยแนบคลิปจาก Youtube การ
ี
ั
ใส่ link ท่น่าสนใจจากใน internet และยังผู้เผยแผ่พระพุทธศาสนาสามารถต้งโจทย์เผยแผ่ธรรมะได้
ั
ื
�
อย่างอิสระ สามารถกาหนดให้ปรากฏสตรีม และกาหนดระยะเวลาในการส่อสารท้งข้อความและส่อมัลต ิ
�
ื
มีเดียอื่นๆ ได้ นอกจากนี้ยังสามารถเพิ่มไฟล์จากหลายๆ แบบได้ จาก Google drive / link / upload
ื
ี
หรือสร้างไฟล์ได้หลายรูปแบบ เพ่อส่งให้กับผู้สอนได้ และไฟล์เหล่าน้ก็จะถูกเก็บไว้ใน Google drive โดย
อัตโนมัติ
12.4.2 การใช้ Facebook
Facebook ถือก�าเนิดขึ้นในปี 2004 โดย Mark Elliot Zuckerberg ผู้มีเชื้อสายยิว-อเมริกัน
�
การก่อต้ง Facebook ของ Mark Elliot Zuckerberg เกิดข้นมาจากความรู้สึกท้าทายอยากทาให้ Face-
ึ
ั
book.com ถือก�าเนิดและเป็นรูปเป็นร่างขึ้นมา โดยเขามีคติในการท�างานที่เข้าใจง่ายว่า “ท�าในสิ่งที่รัก
ี
ี
ั
�
ิ
�
�
และรักในส่งท่ทา” ดังน้น จึงมีข้อกาหนดสาหรับผู้ใช้งานว่าคนท่มาเป็นสมาชิกในเครือข่ายจะต้องเปิดเผย
ี
ั
ื
ความจริงใจให้กับเพ่อน ดังน้น เราจะเห็นว่าในหน้า Profile จะเป็นหน้าหลักท่บ่งบอกถึงความเป็นตัวตน
ของแต่ละคนและคนที่เป็นสมาชิกในเครือข่ายสามารถเห็นได้
ื
ื
ื
Facebook เป็นเคร่องมือสร้างเครือข่ายสังคมออนไลน์ ใช้ติดต่อเพ่อนในกลุ่มเพ่อแบ่งบัน
ข้อมูลต่าง ๆ เช่น ความรู้ ความคิดเห็น ภาพ วิดีโอ เป็นต้น สามารถสร้างเว็บไซต์ส่วนตัว การสร้างกลุ่ม
เครือข่าย Fanpage เพื่อการใช้โฆษณาสินค้าและติดต่อเชื่อมโยงกับเว็บอื่นๆ เช่น Wordpress, MSN,
Twitter, Slideshare Application ต่างๆ
290 พื้นฐานคอมพิวเตอร์และเทคโนโลยีสารสนเทศ
ผู้สมัครใช้งานต้องมี e-mail ใช้ส�าหรับสมัครลงทะเบียน เช่น hotmai.com, gmail.com
ื
�
�
โดยเข้าเว็บไซต์ http://www.facebook.com เพ่อกรอกข้อมูลสาหรับลงทะเบียน โดยปฏิบัติตามคา
แนะนาไปตามลาดับ เม่อได้ลงทะเบียนแล้วสามารถใช้งานเพ่อการติดต่อส่อสารหรือใช้งานในการเผยแผ่
�
ื
ื
�
ื
พระพุทธศาสนาในระบบ Online ซึ่งก�าลังเป็นที่นิยม คือ การท�า Live Facebook ซึ่งมีขั้นตอนด�าเนิน
DO NOT COPY
การโดยสรุป ดังนี้ 9
1. ติดตั้งโปรแกรมส�าหรับท�า Live Streaming เช่น OBS, Wirecast หรือ XSplit ซึ่งมีทั้ง
โปรแกรมที่ให้ใช้ฟรี เช่น OBS ที่สามารถใช้งานได้ทั้งบน Windows, Mac และ Linux โดยดาวน์โหลด
ตัวติดตั้ง OBS Studio ได้จาก https://obsproject.com/download/
2. เมื่อได้ติดตั้งและก�าหนดค่าการใช้งานให้เหมาะสมกับความเร็วอินเตอร์เน็ตที่ใช้งาน เพื่อ
ให้ได้สัญญาณภาพที่ต่อเนื่อง ไม่สะดุด โดยเปิดโปรแกรม OBS Studio เลือกเมนู Settings แล้วตั้งค่า
Streaming ที่แถบ Output เพื่อปรับ video bitrate ให้เหมาะสมกับความเร็วการอัพโหลดของอินเตอร์
ที่ใช้งาน การตั้งค่านี้ควรก�าหนดให้น้อยกว่าความเร็วอัพโหลดจริง เช่น ความเร็วอัพโหลดอยู่ที่ 3 Mbps
ก็ให้ตั้งค่าเป็น 3072–20% ก็จะได้ประมาณ 2500 และให้เลือก encoder ตามที่ต้องการ
ถ้าต้องการที่จะบันทึกไฟล์การ live เก็บไว้ด้วย ให้ตั้งค่าเพิ่มเติมที่ Recording โดยก�าหนด
ี
�
ตาแหน่งท่ต้องการให้บันทึกท่ Recording Path ปรับความละเอียดของไฟล์ท่ Recording Quality
ี
ี
สุดท้ายเลือกชนิดของไฟล์ว่าต้องการให้บันทึกเป็นอะไร เช่น flv หรือ mp4 ที่ Recording Format
3. การสร้าง Live Streaming ด้วยโปรแกรม OBS Studio เพื่อการสตรีมหน้าจอ แทรกรูป
โลโก้ และแทรกหน้าจอจาก Web Cam โดยเปิดโปรแกรม OBS Studio แล้วกดปุ่ม + ท่กรอบ “Source”
ี
เพื่อเพิ่มสิ่งที่เราต้องการจะแสดงในหน้าจอการ Live Stream (พื้นที่สีด�าๆ) ให้เลือกเพิ่ม Display Cap-
ture เพื่อเพิ่มหน้าจอของเราลงไปในหน้าจอของ Live Streaming เมื่อกด Display Capture แล้วจะ
มีหน้าต่างขึ้นมาให้ตั้งชื่อ source แล้วกดปุ่ม OK
หน้าต่างถัดมา คือ การระบุเลือกหน้าจอ หรือจะเอาเฉพาะหน้าต่างโปรแกรมอะไรท่เรา
ี
ต้องการ live ถ้าต้องการจะ Live เฉพาะหน้าต่างโปรแกรมใดโปรแกรมหนึ่ง ให้เลือกที่ Crop แล้วเลือก
เป็น To Window จากนั้นหน้าต่างโปรแกรมที่ Window เสร็จกด OK ก็จะเห็นว่าหน้าจอที่เราเลือกเข้า
มาอยู่ในหน้าจอของ Live Streaming แล้ว ถัดมาจะเป็นการเพิ่มภาพโลโก้ค�าว่า “Live” ให้อยู่ที่มุมบน
ขวา เริ่มกดที่ปุ่ม + ของ Sources อีกครั้ง แล้วเลือกที่ “Image” ตั้งชื่อว่า “Live Logo” เสร็จแล้วกด
ปุ่ม OK และเลือกรูปที่ต้องการ โดยการกดปุ่ม Browse เสร็จแล้วกดปุ่ม OK จะเห็นว่ามีโลโก้เพิ่มมาใน
หน้าจอ Live Streaming ซึ่งสามารถปรับขนาด และปรับต�าแหน่งได้ตามต้องการ
9 Somprasong Damyos, วิธีการ Live Facebook และ Youtube บน PC [ออนไลน์], แหล่งที่มา : https://
medium.com/ open-source-technology/วิธีการ-live-facebook-และyoutube-บน-pc-c8ab832b1353[7
พฤษภาคม 2562]
บทที่ 12 การเผยแผ่พระพุทธศาสนาในยุคดิจิทัล 291
ิ
สุดท้ายจะเป็นการเพ่มหน้าต่าง Webcam เข้าไปในหน้าจอ Live Streaming ให้กดปุ่ม + ท ี ่
ั
ี
Sources และเลือกท่ “Video Capture Device” ต้งช่อว่า “Webcam” เสร็จแล้วกดปุ่ม OK แล้วให้
ื
ี
เลือก Webcam ท่ Device และกาหนดขนาดท่ต้องการ เสร็จแล้วกดปุ่ม OK ก็จะมีหน้าจอ Webcam
�
ี
ึ
แสดงอยู่ในหน้าจอ Live Streaming แล้ว ซ่งสามารถปรับขนาด และตาแหน่งตามท่ต้องการได้
ี
�
Live Streaming ผ่าน Facebook
�
การทา Live Streaming ผาน Facebook เทคนิควิธีดาเนินการโดยสรุปดังน ี 10
้
่
�
ี
ื
ิ
เร่มจากเข้าไปท่ https://www.facebook.com/live/create เพ่อขอ Stream Key โดยให้
ี
ี
ี
กดท่ปุ่ม Create Live Stream แล้วเลือกว่าเราต้องการท่ Live ไปท่ไหน จะเป็นหน้าโปรไฟล์ หรือ Page
หรือ Group หรือ Event ก็ได้ เสร็จแล้วกดปุ่ม Next
ื
ี
ั
ี
�
หน้าต่างถัดมาก็จะมีให้ใส่ข้อความท่ต้องการโพส ต้งช่อวีดิโอ และท่สาคัญจะมี Stream Key
ให้เราเอาไปใส่ในโปรแกรม OBS Studio เพ่อเช่อมต่อมายัง Facebook เม่อได้ Stream key มาแล้วให้
ื
ื
ื
ี
เอามาใส่ใน OBS Studio โดยเลือกท่ Settings > Stream แล้วเลือก Service เป็น Facebook Live
เสร็จแล้วกดปุ่ม OK จากน้นกดปุ่ม Start Streaming เสร็จแล้วรอการเช่อมต่อสักคร ู่
ื
ั
เม่อเช่อมต่อสาเร็จแล้วจะมีหน้าจอเปล่ยนจาก Offline เป็น Preview (สังเกตใน Live จะ
�
ื
ื
ี
DO NOT COPY
ดีเลย์กับหน้าจอเราประมาณ 10 วินาที) เม่อทุกอย่างพร้อมแล้วให้กดปุ่ม Go Live และเม่อต้องการจบ
ื
ื
การ Live ให้กดปุ่ม End Live Video รอสักครู่จะมีลิงค์ให้กดดาวน์โหลดไฟล์วีดิโอท่เรา Live จบไป
ี
่
ี
ภาพท 12.1 การ Live Streaming ผ่าน Facebook
ท่มา : www.wowza.com/ blog/facebook-live-for-broadcasters-10-ways-to-develop-an-audience
ี
10 Facebook Live for Broadcasters: 10 Ways to Develop an Audience, www.wowza.com/
blog/facebook-live-for-broadcasters-10-ways-to-develop-an-audience [28 มีนาคม 2562]
292 พื้นฐานคอมพิวเตอร์และเทคโนโลยีสารสนเทศ
12.4.3 การใช้ Line
ไลน์ (Line) หมายถึง แอปพลิเคชันส�าหรับการสนทนาบนอุปกรณ์การสื่อสารรูปแบบต่างๆ
เช่น สมาร์ทโฟน คอมพิวเตอร์และแท็บเล็ต (Tablet) สามารถสื่อสารด้วยการพิมพ์ข้อความจากอุปกรณ์
ึ
่
ี
ู
่
ื
่
ื
่
่
ี
ั
ื
ั
่
ื
ั
ึ
การสอสารเครองหนงไปส่อกเครองหนง ไลน์ได้รบการพฒนาให้มความสามารถหลากหลายเพอรองรบ
DO NOT COPY
การใช้งานของผู้ใช้หลายๆ ด้าน จุดเด่นที่ท�าให้ไลน์แตกต่างกับแอปพลิเคชันส�าหรับการสนทนา คือ รูป
ี
แบบของ“สติกเกอร์” (Sticker) ท่แสดงอารมณ์และความรู้สึกของผู้ใช้ท่หลากหลาย เช่น สติกเกอร์แสดง
ี
ื
ั
ความรู้สึกข้นพ้นฐานสตกเกอร์ตามเทศกาลและวนสาคญ สติกเกอร์ของตราสนค้าต่างๆ และสตกเกอร์
ิ
�
ั
ิ
ิ
ั
การ์ตูนที่มีชื่อเสียง เป็นต้น
ก�าเนิดไลน์ ไลน์ได้รับการพัฒนาขึ้นครั้งแรกเมื่อปี 2554 ณ ประเทศญี่ปุ่น โดยบริษัท NHN
Japan ซึ่งเป็นบริษัทที่ให้บริการอินเทอร์เน็ต เกม และระบบการสืบค้นข้อมูล (SearchEngine) ได้ร่วม
มือกับบริษัท Naver Japan Corporation และบริษัท livedoor ร่วมกันพัฒนาขึ้นโดยปรับปรุงรูปแบบ
การใช้งานที่หลากหลายเพื่อรองรับการใช้งานของผู้ใช้อย่างต่อเนื่อง ไลน์เกิดขึ้นหลังจากที่ประเทศญี่ปุ่น
เกิดแผ่นดินไหวครั้งใหญ่ในประเทศ เมื่อปี 2554 มีชื่อว่า Tohoku Earthquake เหตุการณ์ดังกล่าวนั้น
ท�าให้ระบบการติดต่อสื่อสารของประเทศญี่ปุ่นเป็นอัมพาต ขาดการติดต่อสื่อสารภาคพื้นดิน ประชาชน
ี
ื
ั
ในประเทศต้องใช้บริการโทรศัพท์สาธารณะท่ถูกติดต้งโปรแกรมอัตโนมัติไว้ให้สามารถใช้ได้ เม่อเกิด
ี
ื
�
เหตุการณ์ภัยพิบัติท่ไม่คาดฝัน ประชาชนจานวนมากต้องเข้าแถวเพ่อรอรับการบริการ จึงเป็นท่มาของ
ี
ค�าว่า ไลน์ ซึ่งแปลว่าการเข้าแถว 11
การเชื่อมต่อของไลน์กับสมาชิกอื่น ปัจจุบันไลน์มีจ�านวนการดาวน์โหลดเฉลี่ย 3 ล้านครั้ง
ต่อสัปดาห์ และในบรรดาผู้ใช้ไลน์เพิ่มขึ้นประมาณร้อยละ 80.3 ทั้งนี้ด้วยรูปแบบที่หลากหลายและง่าย
12
ต่อการเข้าถึง ซึ่งผู้ที่มีรหัสสมาชิก (ID) ไลน์สามารถค้นหาเพื่อนจากสมุดโทรศัพท์ หรือการบันทึกเบอร์
โทรศัพท์ หากสมาชิกที่เพิ่มมีไลน์ แอปพลิเคชันจะจดจ�าโดยอัตโนมัติ
นอกจากนี้ยังสามารถใช้ค้นหาไอดี (ID Search) จากสมาร์ทโฟนไปยังสมาชิกคนอื่น โดยใช้
Line ID หรือใช้การสแกนคิวอาร์โค้ด (QR Code Scan) เมื่อมีสมาร์ทโฟนตั้งแต่ 2 เครื่องขึ้นไป สามารถ
ื
ใช้ระบบการสแกนคิวอาร์โค้ดเพ่อค้นหาไอดีไลน์ของอีกฝ่าย จากน้นระบบจะเช่อมต่อกันโดยอัตโนมัต ิ
ั
ื
และอีกรูปแบบหนึ่งคือใช้การเขย่าสมาร์ทโฟน 2 เครื่องพร้อมกัน (Shake it) มีลักษณะคล้ายการจับมือ
ท�าให้เครื่องรู้จักค้นหาต�าแหน่งของไลน์ซึ่งกันและกัน
11 ศุภศิลป์ กุลจิตต์เจือวงศ์, ไลน์รูปแบบการสื่อสารบนความสร้างสรรค์ของสมาร์ทโฟน : ข้อดีและข้อจ�ากัด
ของแอปพลิเคชัน, วารสารนักบริหาร, ปีที่ 33 ฉบับที่ 4, หน้า 42-54.
ั
�
12 แฟลชฟลาย. Line ฉลองผู้ใช้ทะลุ 100 ล้านคนจานวนผู้ใช้สูงข้ามทวีปครอบคลุมท้งเอเชียและหลายประเทศ
ทั่วโลก [ออนไลน์], แหล่งที่มา : http://www.flashfly.net/wp/?p=44760[18 เมษายน 2556]
บทที่ 12 การเผยแผ่พระพุทธศาสนาในยุคดิจิทัล 293
ข้อดีของไลน์
1. มีอุปกรณ์รองรับหลากหลาย ได้แก่ สมาร์ทโฟน คอมพิวเตอร์ และแท็บเล็ตต่างๆ ท�าให้ผู้
ใช้สามารถซื้อและเลือกได้ตามขนาด ระบบปฏิบัติการ และความชอบส่วนตัว
2. มีความเป็นส่วนตัว ผู้ใช้สามารถเลือกรับหรือปฏิเสธข้อความด้วยการไม่โต้ตอบ โดยไลน์
จะแจ้งเตือน เมื่อผู้ใช้ไม่โต้ตอบก็จะมีการแจ้งเตือนที่เพิ่มขึ้น โดยผู้ใช้สามารถเลือกการปิดกั้นหรือยกเลิก
การปิดกั้นได้ตามต้องการ
3. สามารถสนับสนุนทางด้านธุรกิจ สามารถประยุกต์ใช้สติกเกอร์ของไลน์กับ Official Line
ี
ื
ึ
ึ
ึ
ของบุคคล หรือองค์กรท่มีช่อเสียงท่ได้ข้นทะเบียนไว้กับไลน์ ซ่งเป็นทางเลือกหน่งของตราสินค้าในการ
ี
สื่อสารกับกลุ่มเป้าหมาย โดยมีเงื่อนไขส�าคัญ คือ ผู้ใช้รายอื่นต้องตอบรับการเป็นเพื่อนเจ้าของบัญชี จึง
มักใช้วิธีการการสร้างรูปแบบสติกเกอร์ของตราสินค้า แล้วเปิดให้ผู้บริโภคดาวน์โหลดมาใช้ได้
4. ช่วยเพิ่มสีสันให้กับการสนทนา สามารถสื่อสารได้หลายรูปแบบ เช่น ข้อความ คลิปวิดีโอ
คลิปเสียง โปสเตอร์ รูปภาพ เกม ตราสินค้า สติกเกอร์ ฯลฯ อีกทั้งผู้ส่งสารยังสามารถเลือกรูปแบบของ
สารให้เหมาะสมกับรูปแบบของการส่อสารในลักษณะต่างๆ เพ่อให้สามารถเข้าถึงผู้บริโภคได้อย่างม ี
ื
ื
ประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น
5. มีความใหม่และทันสมัยอยู่เสมอ เน่องด้วยแอปพลิเคชันไลน์ต้องเช่อมต่อกับระบบ
ื
DO NOT COPY ื
ื
ี
ั
อนเทอร์เน็ตตลอดเวลา โดยในระบบจะมการต้งค่าการแจ้งเตอนให้แอปพลิเคชนมีรุ่น (Version) ท่ทน
ั
ี
ั
ิ
้
สมยอย่เสมอ ผ้ใช้จงสามารถตงค่าตดตามการแจ้งเตอนแอปพลเคชน (Update) ตามการพฒนาระบบ
ั
ิ
ื
ิ
ั
ู
ั
ั
ึ
ู
ของผู้ผลิตได้ตลอดเวลา
6. ประหยัดค่าใช้จ่ายในการสนทนาทางโทรศัพท์ ด้วยระบบของ Voice Call หรือการสนทนา
ุ
ั
็
ด้วยเสียงผ่านไลน์บนเครือข่ายอินเทอร์เนตความเร็วสูง คณสมบติของไลน์บนสมาร์ทโฟน คือ การโทรศัพท ์
หาผู้ใช้ไลน์ผ่านแอปพลิเคชันไลน์ ซึ่งก่อนหน้านี้รองรับเฉพาะการโทรศัพท์แบบ Voice Call บนสมาร์ท
โฟน แต่เมื่อได้พัฒนาการโทรแบบ Voice Call บนคอมพิวเตอร์ เพื่อรองรับการใช้งานของกลุ่มผู้ใช้ที่ไม่
�
ได้ใช้สมาร์ทโฟน ทาให้สามารถโทรผ่านคอมพิวเตอร์เพ่อสนทนากับผู้ใช้ไลน์บนสมาร์ทโฟนหรือ
ื
คอมพิวเตอร์ด้วยกันได้
�
ี
7. สามารถสามารถรองรับแฟ้มงานท่หลากหลายนามสกุล ทาให้สามารถใช้รับ-ส่งแฟ้มข้อมูล
ตามที่ไลน์รองรับ เช่น โปรแกรม Microsoft Powerpoint โปรแกรม icrosoft Word โปรแกรม Adobe
Premiere Pro และ โปรแกรม Adobe InDesign เป็นต้น จากนั้นผู้รับสามารถเปิดอ่าน ส่งต่อ หรือพิมพ์
ออกมาได้ทันที ช่วยสร้างความสะดวกสบาย และเพิ่มประสิทธิภาพในการท�างานมากขึ้น
ข้อจ�ากัดด้านเทคนิคของไลน์
1. ต้องอาศัยการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตในการรับ-ส่งข้อมูล โดยเฉพาะในรูปแบบของ Voice
ี
�
�
ี
�
ื
ื
Call ท่ต้องใช้อินเทอร์เน็ตความเร็วสูงจึงจะสามารถทางานได้อย่างราบร่น ข้อจากัดในเร่องน้ทาให้ไลน์
294 พื้นฐานคอมพิวเตอร์และเทคโนโลยีสารสนเทศ
สามารถเข้าถึงผู้ใช้ได้เฉพาะบางพื้นที่ที่มีระบบอินเทอร์เน็ตเท่านั้น
2. สิ้นเปลืองพลังงานแบตเตอรี่ ด้วยความสามารถที่หลากหลายบนไลน์ เช่น การเปิดคลิป
ื
�
วิดีโอ การเช่อมต่อจากลิงค์ภายนอก หรือการสนทนาโดยผ่าน Voice Call ทาให้สูญเสียพลังงานแบตเตอร ่ ี
เป็นจ�านวนมาก ซึ่งหากเปิดทิ้งไว้นานจะท�าให้พลังงานแบตเตอรี่ลดลงอย่างรวดเร็ว
ั
3. การลงทะเบียนท่กาหนดให้ผู้ใช้ถลงทะเบียนผ่านสมาร์ทโฟนเท่าน้น กล่าวคือ สมาร์ทโฟน
ี
�
1 เครื่อง จะมีไอดีไลน์ส�าหรับการเข้าใช้ได้เพียง 1 ไอดี และไม่สามารถลงทะเบียนได้ด้วยวิธีอื่น
12.4.4 การใช้ Youtube
ยูทูบ เป็นเว็บไซต์ที่ก่อตั้งเมื่อ 14 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2548 โดย Chad Meredith Hurley;
Chén Shìjùn และ Jawed Karim การท�างานของเว็บไซต์นี้จะเน้นการแสดงผลวิดีโอ ซึ่งเนื้อหามีหลาก
หลาย รวมถึงรายการโทรทัศน์มิวสิกวิดีโอ วิดีโอจากทางบ้าน งานโฆษณาทางโทรทัศน์ และบางส่วนจาก
�
ภาพยนตร์ และผู้ใช้สามารถนาวิดีโอไปใส่ไว้ในบล็อกหรือเว็บไซต์ส่วนตัวได้ ยูทูบมีนโนบายไม่ให้อัปโหลด
คลิปที่มีภาพโป๊เปลือย และคลิปที่มีลิขสิทธิ์ นอกจากเจ้าของลิขสิทธิ์ได้อัปโหลดเอง โดยผู้ใช้สามารถแจ้ง
ลบได้
DO NOT COPY
การใช้บัญชีส�าหรับ YouTube ผู้ใช้จ�าเป็นต้องมีบัญชี Google เพื่อลงชื่อเข้าใช้ YouTube
โดยให้ป้อนอีเมลและรหัสผ่านบัญชี Google เพื่อเข้าใช้โดยอัตโนมัติเมื่อเข้าใช้งาน YouTube หากผู้ใช้ร
ลบบัญชี Google จะเป็นการลบข้อมูล YouTube รวมทั้งวิดีโอ ความคิดเห็น และการติดตามทั้งหมด
ี
�
ี
ก่อนท่จะลบบัญชี Google จะต้องยืนยันว่าเข้าใจว่ากาลังจะลบข้อมูลเก่ยวกับบริการท้งหมดของ Google
ั
รวมถึง YouTube อย่างถาวร
วิธีการใช้งาน YouTube สามารถใช้งานโดยเข้าไปที่เว็บไซต์ YouTube.com แล้วสร้าง
Account และกรอกรายละเอียดการสมัคร Account เมื่อ Accept ข้อตกลงแล้ว จะปรากฏหน้าจอการ
ตั้งชื่อ Username และ Password เมื่อสมัครเรียบร้อยแล้วแต่ยังไม่สมบูรณ์ หากจะสมบูรณ์ได้จะต้อง
รอจดหมายยืนยันการสมัครจาก YouTube ก่อน โดยจดหมายยืนยันการสมัครจะส่งไปยังอีเมล์ที่เราใช้
ในการสมัคร
�
การสร้างช่องใหม่ YouTube การมีบัญชี Google ทาให้สามารถรับชม กดชอบ และติดตาม
ได้ ในการอัปโหลด แสดงความคิดเห็น หรือสร้างเพลย์ลิสต์ บนอุปกรณ์คอมพิวเตอร์ได้ ดังนี้
สร้างช่องส่วนตัว ตรวจสอบการลงชื่อเข้าใช้ YouTube แล้วสร้างช่องตามรายละเอียดและ
คลิกตกลงเพื่อสร้างช่องใหม่
ึ
ี
ี
เพลย์ลิสต์ คือ ชุดของวิดีโอท่สร้างข้น ประกอบด้วย เพลย์ลิสต์ท่ชอบ และวิดีโอท่ชอบ สามารถ
ี
ดูและจัดการเพลย์ลิสต์ได้ การคลิกที่ช่องใดช่องหนึ่งจะน�าไปที่หน้าของช่องนั้นๆ และยังสามารถคลิกที่
เรียกดูช่อง เพื่อดูช่องยอดนิยม หรือค้นหาช่องอื่นๆ เพิ่มเติมเพื่อติดตามก็ได้
บทที่ 12 การเผยแผ่พระพุทธศาสนาในยุคดิจิทัล 295
ิ
์
้
์
ิ
ิ
การสรางเพลยลสตวดีโอ เป็นการจัดระเบียบวดีโอเพ่อนาเสนอในหน้าแรกของช่อง แชร์กับ
�
ื
ื
ี
ผู้ชม หรือโปรโมตต่อผู้ใช้ใหม่ๆ ท่มีโอกาสสมัครเป็นผู้ติดตามจากคอมพิวเตอร์ให้ใช้เคร่องมือจัดการวิดีโอ
เพื่อเพิ่มวิดีโอทีละรายการหรือหลายรายการพร้อม
ึ
ื
ิ
ี
ื
การแชร์เพลย์ลิสต์ สามารถแชร์เพลย์ลสต์หรือเพลย์ลิสต์ท่บุคคลอ่นสร้างข้น เพ่อให้สามารถ
กระจายต่อไปบนเครือข่ายโซเชียล เช่น Facebook, Twitter และ Google+ โดยให้คลิกปุ่ม “แชร์” ใน
ี
หน้าเพลย์ลิสต์ หากวิดีโอไม่ปรากฏในเพลย์ลิสต์ท่ฝัง แสดงว่าผู้อัปโหลดอาจปิดตัวเลือกการฝังในวิดีโอ
นั้นเอาไว้ วิดีโอส่วนตัวก็จะไม่เล่นบนเพลย์ลิสต์เช่นกันคลิกเพลย์ลิสต์ที่ต้องการลบ
ื
่
การอัปโหลดวิดีโอ สามารถอปโหลดวดีโอได้โดยลงชอเข้าใช้ YouTube และคลิกป่มอัปโหลด
ั
ุ
ิ
ที่ด้านบนสุดของหน้า แล้วจึงเลือกวิดีโอที่ต้องการอัปโหลด ในขณะที่ก�าลังอัปโหลด สามารถแก้ไขได้ทั้ง
้
ิ
ั
ข้อมูลพ้นฐานและการต้งค่าขนสงของวิดโอ และตัดสนใจว่าต้องการแจ้งให้ผู้ติดตามทราบหรอไม่ เมื่อ
ี
ื
ื
ู
ั
เสร็จสิ้นการอัปโหลดวิดีโอแล้วให้คลิก “เสร็จสิ้น”เพื่อยืนยัน หรือคลิกแชร์เพื่อแชร์วิดีโอแบบส่วนตัว
ิ
ิ
ั
ี
�
การต้งค่าอัปโหลดเร่มต้น ค่าเร่มต้นการอัปโหลด เป็นการต้งค่าท่จะนาไปใช้กับการอัปโหลด
ั
ไปยังเว็บทั้งหมด โดยให้ไปที่ โปรแกรมจัดการวิดีโอ และคลิกที่ การตั้งค่าช่อง และ ค่าเริ่มต้น
แล้วใช้ค�าสั่งก�าหนดค่าเริ่มต้น ได้แก่ ข้อมูลส่วนบุคคล หมวดหมู่ ชื่อ ใบอนุญาต แท็ก การแก้ไขที่แนะน�า
และอื่นๆ DO NOT COPY
การถ่ายทอดสด Live Streaming ผ่าน YouTube
ในการ Live ผ่าน YouTube น้น มีข้นตอนเร่มต้นเช่นเดียวกับการถ่ายทอดสดผ่าน Facebook
ั
ิ
ั
ื
�
ั
น่นคือจะต้องทาใน channel ซ่งเมนู Live Streaming จะอยู่ในส่วนของ Video Manager เม่อเข้ามาใน
ึ
�
ั
หน้าจอ Live Streaming แล้วให้เล่อนหน้าจอลงมาด้านล่างจนพบคาส่ง“ENCODER SETUP” จะม ี
ื
ื
ี
�
Stream key อยู่ โดยให้กดปุ่ม Reveal เพ่อดูคีย์ของเรา ซ่งคีย์น้จะเป็นคีย์ประจาของ channel ของเรา
ึ
จะต้องเก็บไว้เป็นความลับ
เม่อได้คีย์มาแล้ว ให้เอามาใส่ในโปรแกรม OBS Studio โดยเลือกท่ Settings > Stream โดย
ื
ี
ี
ให้เลือก Service เป็น “YouTube / YouTube Gaming” และใส่คีย์ท่ Stream Key เสร็จแล้วกดปุ่ม
�
OK ทาการเช่อมต่อไปยัง YouTube Live Streaming โดยกดปุ่ม “Start Streaming”รอสักครู่ เม่อ
ื
ื
ื
ึ
ื
เช่อมต่อเสร็จแล้ว ในหน้าจอของ YouTube จะข้นคาว่า Live พร้อมจุดสีเขียว และเล่อนลงมาด้านล่าง
�
ื
�
จะเจอลิงค์สาหรับแชร์การ Live Streaming และเม่อต้องการหยุดการ Live ให้กลับมากดปุ่ม “Stop
ี
Streaming” ท่โปรแกรม OBS Studio
296 พื้นฐานคอมพิวเตอร์และเทคโนโลยีสารสนเทศ
่
ี
ภาพท 12.2 การถ่ายทอดสด Live Streaming ผ่าน YouTube
12.5 ระบบจัดการเนื้อหา (Content Management System: CMS)
1. Web blog
DO NOT COPY
บล็อก (Blog) หรือ เว็บบล็อก (Weblog) เป็นเว็บไซต์ส�าหรับเขียนบันทึกเล่าเรื่องราวประจ�า
วันเพื่อสื่อสารความรู้สึกนึกคิด มุมมอง ประสบการณ์ ความรู้ และข่าวสาร ในเรื่องที่ผู้เขียน (Blogger)
สนใจโดยเฉพาะ ซึ่งลักษณะดังกล่าวนี้ ท�าให้บล็อกต่างกับเว็บบอร์ด และเนื่องจากเป็นความจริงใจและ
ื
ี
อิสระทางความคิดท่ส่อสารออกไป ซ่งส่วนใหญ่อยู่ในลักษณะของการบ่งบอกถึงความเป็นตัวตนของผู้
ึ
เขียนได้เป็นอย่างดีทีเดียว จึงท�าให้บล็อคเป็นสื่อที่นิยมมากขึ้นเรื่อยๆ ในนานาประเทศ ลักษณะของเว็บ
บล็อก สังเกตได้จากลักษณะต่างๆ ดังนี้คือ 13
1. มีการบันทึกเนื้อหาโดยเจ้าของบล็อกอย่างสม�่าเสมอ
2. ข้อมูลจะถูกจัดไว้อย่างเป็นระเบียบ คือ รายการล่าสุดจะถูกแสดงไว้ด้านบนสุด แล้วไล่
ล�าดับย้อนหลังตามวันเวลาการเขียนไปเรื่อยๆ
3. มักจะมีการลิงค์ไปหาบล็อกอ่นท่ผู้เขียนสนใจหรือได้เสนอความคิดเห็นโยงต่อจากข้อเขียน
ื
ี
ที่เขาอ้างถึง ดังนั้น นอกจากบล็อกจะใช้ในการเขียนและเผยแพร่เรื่องราวต่างๆ แล้ว ก็ยังเป็นแหล่งรวม
�
ื
ื
ลิงค์ท่เจ้าของบล็อกน้นๆ ใช้เป็นฐานเพ่อเสริมต่อความรู้อยู่เป็นประจา ไม่ว่าจะเป็นลิงค์ของบล็อกอ่นๆ
ี
ั
หรือลิงค์ของเว็บไซต์ก็ตาม
13 ดร. จันทวรรณ ปิยะวัฒน์, บล็อก (Blog or Weblog) คืออะไร? [ออนไลน์], แหล่งที่มา : www.gotok-
now.org/posts/3 [28 มีนาคม 2562]
บทที่ 12 การเผยแผ่พระพุทธศาสนาในยุคดิจิทัล 297
ื
ี
ี
4. บันทึกท่เขียนไว้ในบล็อกมักจะมีการแยกแยะเป็นกลุ่มเน้อหาตามหัวข้อหลักๆ ท่ผู้เขียน
สร้างขึ้น เพื่อช่วยอ�านวยความสะดวกให้แก่ผู้อ่าน ที่สนใจในบันทึกที่มีความสัมพันธ์กันในใจความหลัก
5. และเมื่อผู้อ่านได้รับความรู้ต่างๆ จากผู้เขียนบล็อกแล้ว ผู้อ่านมักจะมีการเสนอความคิด
ื
ี
ื
ิ
เห็นเพ่มเติม เพ่อเป็นการต่อยอดความรู้และเพ่อให้เกิดการแลกเปล่ยนความรู้ระหว่างกลุ่มผู้อ่านและผู้
เขียนบล็อก
บล็อกแต่ละบล็อกจะมีวัตถุประสงค์ที่ชัดเจน เช่น บล็อกที่เกี่ยวกับการจัดการความรู้ บล็อก
�
ด้านการพัฒนาการเรียนรู้ของเด็กปฐมวัย บล็อกด้านการทาธุรกิจอีคอมเมิร์ส เป็นต้น การสร้างจุดยืนของ
ี
�
่
บล็อกเช่นน้ และมีการเขียนท่เป็นประจาสมาเสมอ จะทาให้บล็อกเป็นท่น่าสนใจติดตามจากผู้อ่านมากมาย
�
ี
ี
�
แต่อย่างไรก็ตาม ผู้เขียนแต่ละคนอาจจะมีความรู้ความถนัดในหลากหลายด้าน การจะนา
�
ั
�
�
ความรู้ท้งหมดมาเขียนในบล็อกเดียว อาจทาให้การแยกแยะความรู้เป็นไปด้วยความลาบาก ทาให้หาแก่น
�
ความรู้ได้ยาก และส�าหรับผู้อ่านแล้วก็อาจจะยากในการติดตามอ่าน ดังนั้น ส�าหรับผู้เขียนหนึ่งคน ความ
สามารถของระบบในการสร้างบล็อกได้มากกว่าหนึ่งบล็อก เพื่อตอบสนองวัตถุประสงค์ที่แตกต่างกัน น่า
ื
ี
�
ึ
ี
จะเป็นฟังก์ชันการทางานท่น่าสนใจ ซ่ง GotoKnow.org เสนอจุดเด่นในเร่อง Multi- blog น้อย่างชัดเจน
การวิเคราะห์เนื้อหาเพื่อการสื่อสารในเว็บบล็อก
การวิเคราะห์เนื้อหา (Content Analysis) เป็นวิธีการจ�าแนกแยกย่อยเนื้อหาหรือแนวคิดที่
DO NOT COPY
ปรากฏในเอกสาร ข่าวสาร ค�าพูด หรือภาพ ท�าให้ทราบโครงสร้างและขอบเขตเนื้อหาอย่างละเอียด ผล
จากการวิเคราะห์เน้อหาช่วยให้สามารถแบ่งหัวเร่องหลัก หัวเร่องย่อย และหัวข้อย่อย โดยผู้ท่จะวิเคราะห์
ื
ี
ื
ื
ี
ั
ื
�
เน้อหาเพ่อการเผยแผ่พระพุทธศาสนาน้นจาเป็นต้องเข้าใจเก่ยวกับองค์ประกอบในการวิเคราะห์เน้อหา
ื
ื
และเทคนิควิธีวิเคราะห์เนื้อหา ดังนี้ 14
องค์ประกอบส�าคัญในการวิเคราะห์เนื้อหา มี 3 ประการ ได้แก่
1. เนื้อหาที่จะวิเคราะห์ เนื้อหาในที่นี้อาจเป็นหลักค�าสอนของพระพุทธศาสนา ทั้งที่ปรากฏ
ิ
ิ
ั
้
ึ
่
ั
ในพระไตรปิฎกซงถือว่าเป็นข้อมูลช้นปฐมภูมิ (Prรmary data) และข้อมูลชนทุตยภูม (Secondary data)
ได้แก่ แนวคิดทฤษฎีที่เกี่ยวข้องซึ่งปรากฏในต�ารา หนังสือ เอกสาร สื่อสิ่งพิมพ์ บทสนทนา รูปภาพ ภาพ
ในสไลด์ เป็นต้น
2. วัตถุประสงค์ในการวิเคราะห์ ในการวิเคราะห์เนื้อหาเพื่อผลิตสื่อเผยแผ่พระพุทธศาสนา
ผู้เผยแผ่มักมีวัตถุประสงค์เพื่อแบ่งเนื้อหาท�าให้ทราบโครงสร้าง และล�าดับของเนื้อหา
3. หน่วยในการวิเคราะห์ เพ่อใช้แสดงปริมาณของการวิเคราะห์ มักวิเคราะห์ออกเป็นหัวเร่อง
ื
ื
หลัก หัวเรื่องย่อย หัวข้อย่อย รวมทั้งปริมาณ เช่น จ�านวนแนวคิด จ�านวนหน้า เป็นต้น
14 เวทย์ บรรณกรกุล และวุฒิชัย อัตถาพงศ์, เอกสารประกอบการอบรมการสร้างบทเรียนออนไลน์แบบมี
ื
�
ปฏิสัมพันธ์ : นวัตกรรรมเพ่อการสอนธรรมศึกษา สนับสนุนโดยสานักงานทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์, (กรุงเทพฯ:
อักขระการพิมพ์, 2558), หน้า 81-82.
298 พื้นฐานคอมพิวเตอร์และเทคโนโลยีสารสนเทศ
เทคนิควิธีวิเคราะห์เนื้อหา มีล�าดับขั้นตอน ดังนี้
1. ศึกษาเนื้อหาจากแหล่งข้อมูลต่างๆ เพื่อให้ได้เนื้อหาครบถ้วน และไม่ ซ�้าซ้อน
2. ศึกษาวัตถุประสงค์เพื่อให้ทราบขอบเขตเนื้อหาและเรื่องที่ต้องการ
ื
�
ื
ื
3. กาหนดวัตถุประสงค์ในการวิเคราะห์ เช่น เพ่อแยกแยะรายละเอียดของเน้อหา เพ่อจัด
DO NOT COPY
ล�าดับเนื้อหาเพื่อให้ทราบความสอดคล้องและความสัมพันธ์กันของเนื้อหากับวัตถุประสงค์
ื
ั
4. ทาการวิเคราะห์เน้อหาท้งหมด โดยการเขียนแสดงภาพความสัมพันธ์ของเน้อหาในรูปของ
�
ื
15
แผนผังความคิด (Concept Mapping) เพื่อแสดงความสัมพันธ์แนวคิดอย่างมีล�าดับขั้น โดยมีค�าหรือ
ื
ั
ื
ข้อความเป็นตัวเช่อมแนวคิดเหล่าน้น แผนผังแนวคิดช่วยทาให้ผู้สอนเข้าใจเน้อหาสาระได้อย่างเป็นระบบ
�
สามารถเห็นความสัมพันธ์และประเด็นส�าคัญของเนื้อหาสาระได้อย่างรวดเร็ว
ภาพที่ 12.4 แสดงแผนผังแนวคิดในรูปแบบจ�าลอง
ที่มา : https://imindmap.com/blog/mind-map-your-lesson-plan/
จากภาพแสดงแผนผังแนวคิดในรูปแบบจาลองแสดงให้เห็นภาพรวมของหัวข้อหลักคาสอน
�
�
ี
ื
ของพระพุทะศาสนาท่คลอบคลุมขอบข่ายเน้อหาความรู้และเพียงพอต่อการเผยแผ่พระพุทธศาสนา
ี
แผนผังแนวคิดน้สามารน�าไปเป็นกรอบในการพิจารณาออกแบบกิจกรรมการการเผยแผ่พระพุทธศาสนา
ั
�
�
ื
ท้งกิจกรรมหลัก กิจกรรมรอง และกิจกรรมเสริม ตลอดจนกาหนดแนวทางการนาเสนอผ่านส่อและ
นวัตกรรมได้เป็นอย่างดี
2. Mobile Application
Mobile Application เป็นบริการพัฒนาระบบแอพลิเคชั่น รวมถึงมัลติมีเดียบนอุปกรณ์
16
เคลื่อนที่ เช่น IPAD / IPHONE / ANDROID / SYMBIAN เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและความประทับใจใน
15 Mind Map your lesson plan in 8 easy steps [ออนไลน์], แหล่งที่มา : https://imindmap.com/
blog/mind-map-your-lesson-plan/ [28 พฤศจิกายน 2558]
16 [ออนไลน์], แหล่งท่มา : https://www.itgenius.co.th/article/Mobile%20Application%20%คืออะไร.
ี
html [7 พฤษภาคม 2562]
บทที่ 12 การเผยแผ่พระพุทธศาสนาในยุคดิจิทัล 299
การน�าเสนอข้อมูล มีระบบ Back Office เพื่อให้สามารถเพิ่มข้อมูลและบริหารจัดการข้อมูลได้ เหมาะ
�
สาหรับการเข้าถึงกลุ่มคนรุ่นใหม่ รวมถึงการให้บริการผ่านมือถือ สร้างความแตกต่างและทันสมัย สามารถ
�
ื
จัดทาส่อ บทเรียนหรือระบบ Learning Management SystemMobile Application for Healthcare
Mobile Application ประกอบขึ้นด้วยค�าสองค�า คือ Mobile กับ Application มีความ
DO NOT COPY
ี
ื
หมายดังน้ Mobile คือ อุปกรณ์ส่อสารท่ใช้ในการพกพา ซ่งนอกจากจะใช้งานได้ตามพ้นฐานของโทรศัพท์
ื
ี
ึ
แล้ว ยังท�างานได้เหมือนกับเครื่องคอมพิวเตอร์ เนื่องจากเป็นอุปกรณ์ที่พกพาได้จึงมีคุณสมบัติเด่น คือ
�
�
ี
ขนาดเล็กนาหนักเบาใช้พลังงานค่อนข้างน้อย ปัจจุบันมักใช้ทาหน้าท่ได้หลายอย่างในการติดต่อแลก
้
เปลี่ยนข่าวสารกับคอมพิวเตอร์ ส�าหรับ Application หมายถึงซอฟต์แวร์ที่ใช้เพื่อช่วยการท�างานของผู้
ใช้ (User) โดย Application จะต้องมีสิ่งที่เรียกว่า ส่วนติดต่อกับผู้ใช้ (User Interface หรือ UI) เพื่อ
เป็นตัวกลางการใช้งานต่าง ๆ
ื
ี
Mobile Application เป็นการพัฒนาโปรแกรมประยุกต์สาหรับอุปกรณ์เคล่อนท่ เช่น
�
โทรศัพท์มือถือแท็บเล็ตโดยโปรแกรมจะช่วยตอบสนองความต้องการของผู้บริโภค อีกท้งยังสนับสนุน ให้
ั
ผู้ใช้โทรศัพท์ได้ใช้ง่ายยิ่งขึ้น ในปัจจุบันโทรศัพท์มือ หรือ สมาร์ทโฟน มีหลายระบบปฏิบัติการที่พัฒนา
ี
�
ี
ออกมาให้ผู้บริโภคใช้ ส่วนท่มีคนใช้และเป็นท่นิยมมากก็คือ ios และ Android จึงทาให้เกิดการเขียนหรือ
พัฒนา Application ลงบนสมาร์ทโฟนเป็นอย่างมาก อย่างเช่น แผนที่, เกมส์, โปรแกรมคุยต่างๆ และ
ื
หลายธุรกิจก็เข้าไปเน้นในการพัฒนา Mobile Application เพ่อเพ่มช่องทางในการส่อสารกับลูกค้ามาก
ื
ิ
ขึ้น ตัวอย่าง Application ที่ติดมากับโทรศัพท์ อย่างแอพพลิเคชั่นเกมส์ชื่อดังที่ชื่อว่า Angry Birds หรือ
facebook ที่สามารถแชร์เรื่องราวต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น ความรู้สึก สถานที่ รูปภาพ ผ่านทางแอพพลิเคชั่น
ได้โดยตรงไม่ต้องเข้าเว็บบราวเซอร์
ั
ประเภทของโมบายแอพพลิเคช่น แบ่งออกเป็น 3 ประเภท คือ Native Application,
Hybrid Applicationและ Web Application 17
Native App (เนทีฟ แอพ) คือ Application ที่ถูกพัฒนามาด้วย Library หรือ SDK เครื่อง
มือที่เอาไว้ส�าหรับพัฒนาโปรแกรมหรือแอพพิเคชั่น ของ OS Mobile นั้นๆโดยเฉพาะ อาทิ Android ใช้
Android SDK, IOS ใช้ Objective c, Windows Phone ใช้ C# เป็นต้น
ึ
Hybrid Application คือ Application ท่ถูกพัฒนาข้นมาด้วยจุดประสงค์ ท่ต้องการให้
ี
ี
สามารถ รันบนระบบปฏิบัติการได้ทุก OS โดยใช้ Framework (เฟรมเวิร์ก) เข้าช่วย เพื่อให้สามารถ
ท�างานได้ทุกระบบปฏิบัติการ
Web Application คือ Application ที่ถูกเขียนขึ้นมาเพื่อเป็น Browser ส�าหรับการใช้งาน
เว็บเพจต่างๆ ซ่งถูกปรับแต่งให้แสดงผลแต่ส่วนท่จาเป็น เพ่อเป็นการลดทรัพยากรในการประมวลผล
ี
ึ
ื
�
17 [ออนไลน์], แหล่งท่มา : https://sites.google.com/site/suhainee571031221/prapheth-khxng-mo-
ี
bay-xaeph-phli-khechan [7 พฤษภาคม 2562]
300 พื้นฐานคอมพิวเตอร์และเทคโนโลยีสารสนเทศ
ของตัวเครื่องสมาร์ทโฟน หรือ แท็บเล็ต ท�าให้โหลดหน้าเว็บไซต์ได้เร็วขึ้น อีกทั้งผู้ใช้งานยังสามารถใช้
�
งานผ่าน อินเตอร์เน็ตและอินทราเน็ต ในความเร็วต่าได้
ประโยชน์ของ Mobile App
ปัจจุบันนี้ผู้ที่ประกอบธุรกิจต่างๆ ไม่ว่าจะขนาดใหญ่หรือขนาดเล็กได้ให้ความสนใจในการที่
ึ
จะพัฒนา Mobile Application เพ่อให้เป็นอีกช่องทางหน่งในการโฆษณา ประชาสัมพันธ์ รวมไปถึง
ื
ติดต่อกลุ่มลูกค้าของตน อาทิเช่น กลุ่มธุรกิจการการเท่องเที่ยวและการเดินทาง มีการจัด Mobile App
ระบบแนะน�าสถานที่ท่องเที่ยว แนะน�าโรงแรมและการจองโรงแรมที่พัก มีระบบการจองตั๋วรถทัวร์ จอง
ตั๋วเครื่องบิน รวมไปถึงการเช็คอินได้ด้วย ส่วนกลุ่มธุรกิจเพื่อการศึกษา มีการโฆษณาประชาสัมพันธ์ การ
ื
ื
ื
ซ้อขายส่อการเรียนการสอน การแลกเปล่ยนความรู้ต่างๆ กลุ่มธุรกิจการค้าและแฟช่น มีระบบการซ้อ
ั
ี
ขายแลกเปลี่ยนสินค้า เป็นต้น
�
สาหรับการใช้ประโยชน์ Mobile Application ในงานเผยแผ่พระพุทธศาสนาในปัจจุบันมีให้
เห็นในรูปของโปรแกรมสืบค้นพระไตรปิฎก เช่น E-Tipitaka ซึ่งเป็นโปรแกรมที่ใช้สืบค้นข้อมูล พระ
18
ไตรปิฎก มีหลากหลายฉบับให้เลือกศึกษา เช่น ฉบับหลวง, บาลี (สยามรัฐ) , มหามกุฏฯ, มหาจุฬาฯ ดัง
ตัวอย่าง DO NOT COPY
ภาพที่ 12.5 วิธีการเปิดอ่านโปรแกรมพระไตรปิฎก
ที่มา http://www.tong9.com/main/index.php/menu61/menu62/menu77/menu78/menu81
18 [ออนไลน์], แหล่งที่มา : http://www.tong9.com/main/index.php/menu61/menu62/menu77/
menu78/ menu79 [17 มีนาคม2562]
บทที่ 12 การเผยแผ่พระพุทธศาสนาในยุคดิจิทัล 301
3. มัลติมีเดียเพื่อการน�าเสนอ
ึ
ึ
ี
โปรแกรมมัลติมีเดียเพ่อการนาเสนอซ่งเป็นที่นิยมและใช้งานง่ายมากท่สุดโปรแกรมหน่งคือ
ื
�
�
ิ
่
ี
ุ
Microsoft Office PowerPoint เป็นโปรแกรมทนยมใช้ในการนาเสนอข้อมลมากทสดไม่ว่าจะเป็น
่
ู
ี
การเรียนการสอน การบรรยายทางวิชาการ โดยเฉพาะในงานเผยแผ่พระพุทธศาสนา ถือว่าโปรแกรมนี้
้
่
ื
ื
ื
ึ
ี
ิ
่
ั
้
�
สามารถนามาใชเปนเครองมอสรางสองด้านมลตมีเดยคือ วิดีโอและเสียงประกอบ ตลอดจนสามารถบันทก
็
หน้าจอคอมพิวเตอร์และเสียงที่เกี่ยวข้อง แล้วฝังลงในสไลด์ PowerPoint หรือสามารถบันทึกเป็นไฟล์
แยกต่างหากได้ เมื่อต้องการบันทึกและฟังเสียงที่เชื่อมโยงกับการบันทึกหน้าจอ คุณจะต้องมีการ์ดเสียง
ไมโครโฟน และล�าโพง พร้อมทั้งตรวจสอบให้แน่ใจว่ามีเนื้อที่ว่างเพียงพอบนไดรฟ์ในเครื่องของคุณเพื่อ
บันทึกและจัดเก็บการบันทึกหน้าจอโดยมีเทคนิควิธีการดังนี้ 19
บันทึกจากหน้าจอคอมพิวเตอร์ของคุณและฝังการบันทึกใน PowerPoint 2016
1. เปิดสไดล์ที่ต้องการใส่การบันทึกหน้าจอ
DO NOT COPY
2. บนแท็บ แทรก ของ Ribbon ให้เลือก การบันทึกหน้าจอ
3. บนแท่นควบคุม ให้คลิก เลือกพื้นที่ (ปุ่มโลโก้ Windows+Shift+A) หรือถ้าต้องการ
เลือกการบันทึกทั้งหน้าจอ ให้กดปุ่มโลโก้ Windows+Shift+F
(แป้นพิมพ์ลัดปุ่มโลโก้ Windows+Shift+F จะใช้งานได้ ถ้าคุณใช้การติดต้งแบบOffice 2016
ั
คลิก-ทู-รัน เท่านั้น การติดตั้งแบบ MSI จะไม่มีทางลัด นอกจากนี้ยังต้องใช้ Office เวอร์ชัน 2016 เป็น
อย่างต�่าเพื่อใช้งานทางลัด) พื้นที่ขนาดต�่าสุดที่สามารถบันทึกได้คือ 64x64 พิกเซล
ื
ื
ี
ี
ื
ี
ถ้าเลือกท่จะเลือกพ้นท่ จะเห็นเคอร์เซอร์รูปกากบาท คลิกและลากเพ่อเลือกพ้นท่ของ
�
หน้าจอท่ต้องการบันทึก (ถ้าทาการบันทึกหน้าจอระหว่างเซสชัน PowerPoint ปัจจุบันเรียบร้อยแล้ว
ี
19 บันทึกหน้าจอของคุณใน PowerPoint [ออนไลน์], แหล่งที่มา : https://support.office.com/th-th/
article/บันทึกหน้าจอของคุณใน-powerpoint-0b4c3f65-534c-4cf1-9c59-402b6e9d79d0 [28 มีนาคม 2562]
302 พื้นฐานคอมพิวเตอร์และเทคโนโลยีสารสนเทศ
ี
ี
พ้นท่ท่เลือกไว้ก่อนหน้าจะปรากฏบนหน้าจอ สามารถทาการบันทึกต่อได้ ถ้าพ้นท่ท่เลือกไว้แล้วเหมาะ
ื
ี
ี
�
ื
สม หรือสามารถคลิก เลือกพื้นที่เพื่อเริ่มต้นใหม่)
เคล็ดลับ: PowerPoint จะบันทึกเสียงและตัวชี้เมาส์โดยอัตโนมัติ ดังนั้น ตัวเลือกเหล่านั้น
ิ
จะถูกเลือกบนแท่นควบคุมตามค่าเร่มต้น เม่อต้องการปิด ให้ยกเลิกการเลือก เสียง (ปุ่มโลโก้ Windows+-
ื
Shift+U) และ บันทึกตัวชี้ (ปุ่มโลโก้ Windows+Shift+O)
1. คลิก บันทึก (ปุ่มโลโก้ Windows+Shift+R)
เคล็ดลับ: ถ้าคุณไม่ได้ปักหมุดแท่นควบคุมไปบนหน้าจอ แท่นควบคุมจะเล่อนชิดขอบขณะ
ื
ที่คุณบันทึก เมื่อต้องการให้แท่นควบคุมที่ยกเลิกการปักหมุดปรากฏขึ้นอีกครั้ง ให้ชี้เคอร์เซอร์ของเมาส์
ไปที่ด้านบนของหน้าจอ
2. เมื่อต้องการควบคุมการบันทึกของคุณ:
2.1 คลิก หยุดชั่วคราว เพื่อหยุดการบันทึกชั่วคราว (ปุ่มโลโก้ Windows+Shift+R)
2.2 คลิก บันทึก เพื่อด�าเนินการบันทึกต่อ (ปุ่มโลโก้ Windows+Shift+R)
2.3 คลิก หยุด เพื่อสิ้นสุดการบันทึก (ปุ่มโลโก้ Windows+Shift+Q) (ตามที่แสดงด้านล่าง)
DO NOT COPY
3. เมื่อบันทึกเรียบร้อยแล้ว ให้บันทึกงานน�าเสนอ: ไฟล์ > บันทึก ตอนนี้ การบันทึกจะฝัง
บนสไลด์ที่คุณเลือกในขั้นตอนที่ 2
ื
เม่อต้องการบันทึกการบันทึกเป็นไฟล์แยกต่างหากบนคอมพิวเตอร์ ให้คลิกขวาท่รูปภาพบน
ี
่
ื
ั
ื
่
ึ
ั
ึ
ื
ี
สไลด์ท่มีการบันทึก และเลือก บนทกสอเป็น ในกล่องโต้ตอบ บนทกสอเป็น ให้ระบุช่อไฟล์และ
ต�าแหน่งที่ตั้งโฟลเดอร์ แล้วคลิก บันทึก
บันทึกการบันทึกหน้าจอเป็นไฟล์แยกต่างหากจาก PowerPoint
ถ้าก�าลังใช้ PowerPoint 2013 ก่อนที่จะบันทึกการบันทึกหน้าจอเป็นไฟล์แยกต่างหากให้
ตรวจสอบให้แน่ใจว่าได้ติดตั้งการอัปเดตที่จ�าเป็นทั้งหมดแล้ว:
1. ติดตั้งเวอร์ชัน 15.0.4641.1001 หรือใหม่กว่าส�าหรับเวอร์ชันคลิก-ทู-รัน
2. ติดต้งท้งสองการอัปเดต (KB2883051 และ KB2883052) สาหรับทุกเวอร์ชัน ยกเว้นแบบ
ั
�
ั
คลิก-ทู-รัน เมื่อคุณติดตั้งการอัปเดตที่ถูกต้องแล้ว จะสามารถบันทึกไฟล์วิดีโอได้ วิธีการมีดังนี้:
บทที่ 12 การเผยแผ่พระพุทธศาสนาในยุคดิจิทัล 303
1. คลิกขวาที่กรอบวิดีโอ และคลิก บันทึกสื่อเป็น
เคล็ดลับ: ตรวจสอบให้แน่ใจว่าดิสก์มีพื้นที่เพียงพอส�าหรับการบันทึกไฟล์วิดีโอ มิฉะนั้น
จะต้องเพิ่มพื้นที่ว่างและลองอีกครั้ง
1. ในกล่อง บันทึกสื่อเป็น ให้เลือกโฟลเดอร์ และในกล่อง ชื่อไฟล์ ให้พิมพ์ชื่อ
2. คลิก บันทึก
ตั้งค่าการตั้งค่า ‘เริ่ม’ วิดีโอ คลิกขวาที่กรอบวิดีโอ คลิก เริ่ม และเลือกวิธีการเริ่มต้น
วิดีโอในงานน�าเสนอ ได้แก่ การเริ่มต้นโดยอัตโนมัติเมื่อสไลด์ปรากฏขึ้น หรือเริ่มต้นเมื่อคลิกเมาส์
ตัดแต่งวิดีโอ คลิกขวาที่กรอบของวิดีโอ และคลิก ตัดแต่ง
DO NOT COPY
ื
ี
�
1. เม่อต้องการกาหนดช่วงของคลิปวิดีโอท่ต้องการตัดแต่ง ในกล่อง ตัดแต่งวิดีโอ ให้คลิก เล่น
2. เมื่อถึงจุดที่ต้องการตัด ให้คลิก หยุดชั่วขณะ
เคล็ดลับ: ใช้ปุ่ม เฟรมถัดไป และ เฟรมก่อนหน้า เพื่อระบุช่วงเวลาที่แม่นย�า
3. ท�าอย่างน้อยหนึ่งอย่างต่อไปนี้:
3.1 เมื่อต้องการตัดแต่งตอนต้นของคลิป ให้คลิกจุดเริ่มต้น (แสดงอยู่ในรูปใต้เครื่องหมายสี
เขียว) เมื่อคุเห็นลูกศรสองหัว ให้ลากลูกศรไปยังต�าแหน่งเริ่มต้นที่ต้องการของวิดีโอ
304 พื้นฐานคอมพิวเตอร์และเทคโนโลยีสารสนเทศ
ุ
ุ
ิ
่
้
ั
ุ
่
ิ
ื
้
ุ
ิ
ิ
ู
3.2 เมอต้องการตดแต่งจดสนสดของคลป ให้คลกทจดสนสด (แสดงไว้ในรปด้านบนเป็น
ี
เครื่องหมายสีแดง) เมื่อคุณเห็นลูกศรสองหัว ให้ลากลูกศรไปยังต�าแหน่งสิ้นสุดส�าหรับวิดีโอที่ต้องการ
4. คลิก ตกลง.
ี
ี
น�าสไตล์ไปใช้กับกรอบวิดีโอ คลิกขวาท่กรอบวิดีโอ คลิก สไตล์ และเลือกสไตล์ท่ชอบ จาก
DO NOT COPY
ค�าสั่งด้านล่าง
สรุปท้ายบท
ี
่
�
�
่
ี
ิ
ั
ั
ิ
ุ
การเผยแพร่พระพุทธศาสนาในยคดจิทลเป็นการนาแบบอยางการดารงชวิตอนประเสรฐทเรียก
ว่า พรหมจรรย์ ออกไปเผยแผ่แก่ประชาชน พระพุทธเจ้าได้ประกาศนโยบายในการประกาศหรือเผยแผ่
ุ
ิ
ุ
็
ี
ิ
่
ี
่
พระพทธศาสนาไว้ว่าหรือไปขอพงเทวดา เพราะเทวดาทเป็นมจฉาทฏฐกมพทธศาสนาจงเป็นศาสนาท ่ ี
ิ
ึ
ึ
เป็นประโยชน์ท้งแก่เทวดาและมนุษย์ท้งหลาย มัลติมีเดียได้รวมเอาฮาร์ดแวร์และซอฟต์แวร์ไว้ด้วย
ั
ั
�
ึ
กัน การนาเสนอด้วยระบบมัลติมีเดียเน้นผลผลิตท่เกิดข้นจากการนาข้อมูลหลากหลายรูปแบบ ซ่งเป็นการ
�
ึ
ี
�
มองภาพของการนาเสนอมากกว่ากระบวนการและอุปกรณ์ในการสร้างงานคอมพิวเตอร์ช่วยสอนด้วย
ระบบมัลติมีเดีย