The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

แผนการสอนวิชาคณิตศาสตร์ป.3 เทอม 2 ปี 2566 <br>ครูสุริยัน ไตรยพันธ์<br>โรงเรียนเทศบาลเมืองขลุง 1

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by kanom_pang007, 2023-10-30 09:23:41

แผนการสอนวิชาคณิตศาสตร์ป.3 เทอม 2/2566

แผนการสอนวิชาคณิตศาสตร์ป.3 เทอม 2 ปี 2566 <br>ครูสุริยัน ไตรยพันธ์<br>โรงเรียนเทศบาลเมืองขลุง 1

81 ดังนั้น 120 กิโลเมตร 500 เมตร หารดวย 5 เทากับ 24 กิโลเมตร 100 เมตร จากนั้นครูใหนักเรียนชวยกันเขียนแสดงวิธีหาคําตอบเกี่ยวกับการหารความยาวที่เปนหนวยผสมใน กรอบทายหนังสือเรียนหนา 87 แลวสุมนักเรียนออกมานําเสนอ ครูและนักเรียนรวมกันตรวจสอบความถูกตอง 4. ครูยกตัวอยางการหาผลหารเกี่ยวกับความยาวที่เปนหนวยผสมโดยการหารสั้นตามหนังสือเรียน หนา 88 เชน 162 เซนติเมตร 4 มิลลิเมตร หารดวย 8 เทากับเทาไร ครูใหนักเรียนชวยกันเขียนแสดงวิธีหา คําตอบ โดยเขียนหนวยความยาว เซนติเมตร มิลลิเมตร กอน แลวเขียนตัวเลขแสดงจํานวนใหตรงกับหนวย ความยาวเขียนการหารสั้นหาผลหารของแตละหนวยความยาว เมื่อหารความยาวในหนวยเซนติเมตร ได ผลหารเปน 20 แลวถามนักเรียนวาการหารในหนวยเซนติเมตรเปนการหารลงตัวหรือไม (ไมลงตัว หารแลว ไดผลหารและเศษเปนเทาไร (ไดผลหารเปน 20 เศษ 2 เซนติเมตร ครูใหนักเรียนเขียนผลหารในหนวย เซนติเมตรไดดังนี้ ครูอธิบายตอไปวา เศษที่ไดจากการหารในหนวยเซนติเมตร คือ 2 เซนติเมตรหรือ 20 มิลลิเมตรนี้ ตองนําไปรวมกับตัวตั้งในหนวยมิลลิเมตร จะไดตัวตั้งในหนวยมิลลิเมตรเปนเทาไร (20 + 4 = 24 มิลลิเมตร ครูใหนักเรียนหาผลหารในหนวยมิลลิเมตร เขียนผลหารที่ไดใหตรงกับหนวยความยาวแตละหนวย ดังนี้ ดังนั้น 162 เซนติเมตร 4 มิลลิเมตร หารดวย 8 เทากับ 20 เซนติเมตร 3 มิลลิเมตร ครูยกตัวอยางการหารความยาวที่เปนหนวยผสมโดยการหารสั้นและตองกระจายเศษที่ไดจากการหาร ในหนวยหนึ่งไปยังอีกหนวยหนึ่งเพิ่มเติมอีก 2 - 3 ตัวอยาง เชน 124 กิโลเมตร 500 เมตร หารดวย 5 เทากับ เทาไร ครูใหนักเรียนชวยกันเขียนแสดงวิธีหาคําตอบ โดยเขียนหนวยความยาวกิโลเมตร เมตร กอน แลวเขียน ตัวเลขแสดงจํานวนใหตรงกับหนวยความยาว เขียนการหารสั้นหาผลหารของแตละหนวยความยาว เมื่อหาร ความยาวในหนวยกิโลเมตรไดผลหารเปน 24 แลวถามนักเรียนวา การหารในหนวยกิโลเมตรเปนการหารลงตัว


82 หรือไม (ไมลงตัว หารแลวไดผลหารและเศษเปนเทาไร (ไดผลหารเปน 24 เศษ 4 กิโลเมตร ครูใหนักเรียน เขียนผลหารในหนวยกิโลเมตรไดดังนี้ ครูอธิบายตอไปวา เศษที่ไดจากการหารในหนวยกิโลเมตร คือ 4 กิโลเมตรหรือ 4,000 เมตรนี้ตอง นําไปรวมกับตัวตั้งในหนวยเมตร จะไดตัวตั้งในหนวยเมตรเปนเทาไร (4,000 + 500 = 4,500 เมตร ครูให นักเรียนหาผลหารในหนวยเมตร เขียนผลหารที่ไดใหตรงกับหนวยความยาวแตละหนวย ดังนี้ ดังนั้น 124 กิโลเมตร 500 เมตร หารดวย 5 เทากับ 24 กิโลเมตร 900 เมตร จากนั้นครูใหนักเรียนชวยกันเขียนแสดงวิธีหาคําตอบเกี่ยวกับการหารความยาวที่เปนหนวยผสมใน กรอบทายหนังสือเรียนหนา 88 แลวสุมนักเรียนออกมานําเสนอ ครูและนักเรียนรวมกันตรวจสอบความถูกตอง 5. ครูใหนักเรียนฝกการหาผลคูณและผลหารเกี่ยวกับความยาวที่เปนหนวยผสม โดยใหนักเรียนทํา กิจกรรม ความยาวที่เทากันตามหนังสือเรียนหนา 89 ครูแบงนักเรียนเปนกลุม แลวแจกอุปกรณกลุมละ 1 ชุด ประกอบดวย บัตรโจทยและแบบบันทึกกิจกรรม ซึ่งอุปกรณเหลานี้สามารถสแกนไดจาก QR Code ในหนา เปดบท จากนั้นครูใหนักเรียนแตละกลุมหาผลคูณและผลหารที่ไดในบัตรโจทยแตละบัตร แลวบันทึกคําตอบที่ ไดในแบบบันทึกกิจกรรม จากนั้นนําบัตรโจทยที่มีคําตอบเทากันอยูกลุมเดียวกัน บันทึกบัตรโจทยขอที่มี คําตอบเดียวกันลงในแบบบันทึกกิจกรรม ครูอาจกําหนดเวลาในการทํากิจกรรม เพื่อฝกการแบงงานใหทุกคนมี สวนรวมในการทํากิจกรรม ฝกใหมีวินัย และมีความรับผิดชอบที่ตองทํางานใหเสร็จทันเวลาที่กําหนด หลังจาก ถึงเวลาที่ครูกําหนดแลว ใหแตละกลุมนําเสนอผลงาน ครูอาจสุมใหนักเรียนออกมาเขียนแสดงวิธีหาคําตอบ ครู และนักเรียนรวมกันตรวจสอบความถูกตอง การตรวจสอบความเขาใจ 6. ตรวจสอบความเขาใจของนักเรียนเปนรายบุคคลโดยใหนักเรียนเขียนแสดงวิธีหาคําตอบของการ คูณและการหารเกี่ยวกับความยาวที่เปนหนวยผสมตามหนังสือเรียนหนา 90 กอนตรวจสอบความเขาใจ ครูอาจเนนย้ําเรื่องการหาผลคูณและผลหารเกี่ยวกับความยาวที่เปนหนวยผสมวา ควรเขียนหนวยความยาว กอนแลวเขียนตัวเลขแสดงจํานวนใหตรงกับหนวยความยาวเมื่อไดผลคูณหรือผลหารในหนวยความยาวใดให เขียนผลคูณหรือผลหารที่ไดใหตรงกับหนวยความยาวนั้น ถาผลคูณในหนวยใดสามารถเปลี่ยนหนวยเปนหนวย


83 อื่นไดใหเปลี่ยนหนวยและนําไปรวมกับผลคูณในหนวยถัดไปทางซายและถาผลหารในหนวยใดเปนการหารไม ลงตัวใหกระจายเศษที่ไดจากการหารไปรวมกับตัวตั้งของอีกหนวยหนึ่งแลวจึงหารในขั้นตอไป ครูและนักเรียนรวมกันตรวจสอบความถูกตองถาพบวามีนักเรียนคนใดเขียนแสดงวิธีหาคําตอบไม ถูกตองใหนักเรียนมาฝกเพิ่มเติม จากนั้นครูและนักเรียนรวมกันสรุปสิ่งที่ไดเรียนรู สิ่งที่ไดเรียนรู การหาผลคูณหรือผลหารเกี่ยวกับความยาว ทําไดโดยคูณหรือหารความยาวทีละหนวยความยาว จากนั้นใหนักเรียนทําแบบฝกหัด 9.8 หนา 62 - 65


84 9.9 โจทยปญหาเกี่ยวกับความยาว (1) (2 ชั่วโมง แนวการจัดการเรียนรูการพัฒนาความรู 1. ครูทบทวนการบวกและการลบเกี่ยวกับความยาวที่เปนหนวยผสม เชน 72 กิโลเมตร 217 เมตร บวก 5,349 เมตร เทากับเทาไร หรือ 34 เมตร 56 เซนติเมตร ลบดวย 349 เซนติเมตร เทากับเทาไร เปนตน จากนั้นนําเขาสูบทเรียนเรื่องโจทยปญหาการบวกและโจทยปญหาการลบเกี่ยวกับความยาวตามหนังสือเรียน หนา 91 เชน เมื่อวานแมทอผาได1 เมตร 50 เซนติเมตร วันนี้ทอผาไดอีก 1 เมตร 75 เซนติเมตร รวมสองวัน แมทอผาไดกี่เมตร กี่เซนติเมตร ครูใหนักเรียนอานโจทยปญหาพรอมกัน แลวสุมถามนักเรียนวา โจทยถาม อะไร (รวมสองวันแมทอผาไดกี่เมตร กี่เซนติเมตร โจทยบอกอะไร (เมื่อวานแมทอผาได 1 เมตร 50 เซนติเมตร วันนี้ทอผาไดอีก 1 เมตร 75 เซนติเมตร จะหาคําตอบไดอยางไร นักเรียนควรตอบไดวา หาคําตอบ ไดโดยการบวก ครูอาจแสดงแนวคิดในการหาคําตอบโดยใชบารโมเดล ครูติดแถบบารโมเดลบนกระดาน และสนทนาเกี่ยวกับการแกโจทยปญหาโดยใชบารโมเดลดังนี้ - เมื่อวานแมทอผาไดเทาไร (1 เมตร 50 เซนติเมตร ครูติดแถบบารโมเดลแสดง 1 เมตร 50 เซนติเมตร ดังรูป - วันนี้แมทอผาไดอีกเทาไร (1 เมตร 75 เซนติเมตร ครูติดแถบบารโมเดลแสดง 1 เมตร 75 เซนติเมตร โดยกอนติดครูถามนักเรียนวา หาคําตอบไดอยางไร (โดยการบวก ดังนั้น ควรติดแถบบารโมเดล อยางไร (ติดบารโมเดลตอกัน ครูติดบารโมเดล ดังรูป - จากแถบบารโมเดลนักเรียนจะหาคําตอบไดอยางไร (นํา 1 เมตร 50 เซนติเมตร กับ 1 เมตร 75 เซนติเมตร มาบวกกัน จากนั้นครูและนักเรียนชวยกันเขียนแสดงวิธีหาคําตอบบนกระดาน ดังนี้ จากนั้นครูและนักเรียนรวมกันตรวจสอบความสมเหตุสมผลของคําตอบจะได 3 เมตร 25 เซนติเมตร เปนคําตอบที่สมเหตุสมผล เพราะแตละวันทอผาไดมากกวา 1 เมตร ดังนั้น รวมสองวันควรทอผาไดมากกวา 2 เมตร


85 2. ครูยกตัวอยางการแกโจทยปญหาการลบเกี่ยวกับความยาวที่เปนหนวยผสมตามหนังสือเรียนหนา 92 เชน วันแรกชางซอมผิวถนนได 4 กิโลเมตร 570 เมตร วันที่สอง ชางซอมผิวถนนได 5 กิโลเมตร วันที่สอง ชางซอมผิวถนนไดยาวกวาวันแรกเทาไร ครูใหนักเรียนอานโจทยพรอมกันและสุมถามนักเรียนวา โจทยถาม อะไร (วันที่สองชางซอมผิวถนนไดยาวกวาวันแรกเทาไร โจทยบอกอะไร (วันแรกชางซอมผิวถนนได 4 กิโลเมตร 570 เมตร วันที่สองชางซอมผิวถนนได 5 กิโลเมตร จะหาคําตอบไดอยางไร นักเรียนควรตอบไดวา หาคําตอบไดโดยการลบ ครูอาจแสดงแนวคิดในการหาคําตอบโดยใชบารโมเดล ครูติดแถบบารโมเดลบน กระดานและสนทนาเกี่ยวกับการแกโจทยปญหาโดยใชบารโมเดลดังนี้ - วันแรกชางซอมผิวถนนไดเทาไร (4 กิโลเมตร 570 เมตร ครูติดแถบบารโมเดลแสดง 4 กิโลเมตร 570 เมตร ดังรูป - วันที่สองชางซอมผิวถนนไดเทาไร (5 กิโลเมตร โดยกอนติดแถบบารโมเดลครูถามนักเรียนวา 5 กิโลเมตร ควรยาวกวาหรือสั้นกวา 4 กิโลเมตร 570 เมตร (ยาวกวา ครูติดแถบบารโมเดลแสดง 5 กิโลเมตร ใหเห็นวาเปนการเปรียบเทียบความยาวของแถบบารโมเดล ดังรูป ครูถามนักเรียนวาแถบบารโมเดลที่เปนสวนที่ยาวกวาหมายถึงอะไร (หมายถึงชางซอมผิวถนนของวันที่สองยาว กวาวันแรก ครูอธิบายวา สวนที่บารโมเดลของวันที่สองยาวกวาวันแรกอยูเทาไร สวนนั้นจะเปนคําตอบของ โจทยปญหานี้ ครูถามนักเรียนอีกครั้ง จากแถบบารโมเดลนักเรียนจะหาคําตอบไดอยางไร (นํา 5 กิโลเมตร ลบดวย 4 กิโลเมตร 570 เมตร จากนั้นครูและนักเรียนชวยกันเขียนแสดงวิธีหาคําตอบบนกระดาน ดังนี้ ครูอาจอธิบายการลบเกี่ยวกับความยาวที่ตองกระจายจํานวนจากหนวยหนึ่งไปยังอีกหนวยหนึ่ง เพิ่มเติมดังนี้ เนื่องจากในหนวยเมตร ตัวตั้งนอยกวาตัวลบ จึงตองกระจายจํานวนจากหนวยกิโลเมตร


86 มา 1 กิโลเมตร หรือ 1,000 เมตร ดังนั้นตัวตั้งในหนวยเมตรจึงเปน 1,000 เมตร แลวนํามาลบกับ 570 เมตร ไดผลลบเปน 430 เมตร และเนื่องจากตัวตั้งในหนวยกิโลเมตรถูกกระจายแลว 1 กิโลเมตร จึงเหลือตัวตั้งใน หนวยกิโลเมตรเปน 4 กิโลเมตร แลวนํามาลบกับ 4 กิโลเมตร ไดผลลบเปน 0 กิโลเมตร ดังนั้น 5 กิโลเมตร ลบ ดวย 4 กิโลเมตร 570 เมตร ได 430 เมตร จะไดวา วันที่สองซอมผิวถนนไดยาวกวาวันแรก 430 เมตร ครูและ นักเรียนรวมกันตรวจสอบความถูกตองของคําตอบโดยนํา 430 เมตร บวกกับ 4 กิโลเมตร 570 เมตรแลวได ผลบวกเปน 5 กิโลเมตร ดังนั้น 430 เมตร เปนคําตอบที่ถูกตอง 3. ครูยกตัวอยางการแกโจทยปญหาการลบเกี่ยวกับความยาวที่เปนหนวยผสม โดยเขียนแสดงวิธี หาคําตอบตามหนังสือเรียนหนา 93 เชน แกวน้ําสูง 9 เซนติเมตร 4 มิลลิเมตร แกวกินยาสูง 45 มิลลิเมตร แกวน้ําสูงกวาแกวกินยากี่เซนติเมตร กี่มิลลิเมตร แลวใชการถาม - ตอบ เชนโจทยถามอะไร โจทยบอกอะไร หาคําตอบไดอยางไร จากนั้นครูและนักเรียนรวมกันเขียนแสดงวิธีหาคําตอบโดยครูใหนักเรียนเปนผูบอกวา เขียนแสดงวิธีหาคําตอบแตละบรรทัดอยางไร ตองมีการกระจายจากหนวยใดไปหนวยใดอยางไร หาผลลบได เทาไร แลวเขียนแสดงวิธีหาคําตอบไดดังนี้ จากนั้นใหนักเรียนจับคูกันเขียนแสดงวิธีหาคําตอบคูละ 1 ขอ ตามหนังสือเรียนหนา 93 แลวให แตละคูออกมานําเสนอจนครบทุกขอ ครูและนักเรียนรวมกันตรวจสอบความถูกตองและตรวจสอบ ความสมเหตุสมผลของคําตอบ การตรวจสอบความเขาใจ 4. ตรวจสอบความเขาใจของนักเรียนเปนรายบุคคลโดยใหนักเรียนเขียนแสดงวิธีหาคําตอบตาม หนังสือเรียนหนา 94 ใหนักเรียนทําในเวลาที่กําหนด ครูและนักเรียนรวมกันตรวจสอบความถูกตอง และรวมกันสรุปสิ่งที่ไดเรียนรู ถาพบวามีนักเรียนคนใดเขียนแสดงวิธีหาคําตอบไมถูกตองใหฝกเพิ่มเติม สิ่งที่ไดเรียนรู การแกโจทยปญหาทําไดโดย อานทําความเขาใจปญหา วางแผนแกปญหา หาคําตอบ และตรวจสอบ ความสมเหตุสมผลของคําตอบ จากนั้นใหนักเรียนทําแบบฝกหัด 9.9 หนา 66 - 68


87 9.10 โจทยปญหาเกี่ยวกับความยาว (2) (2 ชั่วโมง แนวการจัดการเรียนรูการพัฒนาความรู 1. ครูทบทวนการหาผลคูณและผลหารเกี่ยวกับความยาวที่เปนหนวยผสม เชน 12 เมตร 20 เซนติเมตร คูณ 8 เทากับเทาไร หรือ 45 กิโลเมตร 900 เมตร หารดวย 9 เทากับเทาไรเปนตน จากนั้นนําเขาสูบทเรียนการ แกโจทยปญหาการคูณและโจทยปญหาการหารที่เปนหนวยผสมเกี่ยวกับความยาวตามหนังสือเรียนหนา 95 เชน ครูมีกระดาษสียาวแผนละ 16 เซนติเมตร 5 มิลลิเมตร จํานวน 12 แผน นํามาวางตอกันจะยาวเทาไร ครูให นักเรียนอานโจทยปญหาพรอมกัน แลวสุมถามนักเรียนวา โจทยถามอะไร (นํามาวางตอกันจะยาวเทาไร โจทย บอกอะไร (ครูมีกระดาษสียาวแผนละ16 เซนติเมตร 5 มิลลิเมตร จํานวน 12 แผน ครูใหนักเรียนชวยกันคิดวา กระดาษยาวแผนละ 16 เซนติเมตร 5 มิลลิเมตร วางตอกันจํานวน 12 แผน จะหาความยาวทั้งหมดไดอยางไร นักเรียนอาจตอบวาหาความยาวทั้งหมดไดโดยการบวก คือนํา 16 เซนติเมตร 5 มิลลิเมตร บวกกัน 12 ครั้ง ครูถามวา การบวกกันซ้ํา ๆ เปนความหมายของการหาคําตอบโดยวิธีใด (เปน ความหมายของการคูณ ดังนั้นโจทยปญหาขอนี้หาคําตอบโดยวิธีใด (หาคําตอบดวยการคูณโดยนํา 16 เซนติเมตร 5 มิลลิเมตร คูณ 12) จากนั้นครูและนักเรียนชวยกันเขียนแสดงวิธีหาคําตอบ ไดดังนี้ ครูใหนักเรียนสังเกตวา ผลคูณของจํานวนในหนวยมิลลิเมตรสามารถเปลี่ยนเปนหนวยเซนติเมตรได นั่นคือ 60 มิลลิเมตร เทากับ 6 เซนติเมตร จึงนํา 6 เซนติเมตรไปรวมกับผลคูณในหนวยเซนติเมตร จะได 192 + 6 = 198 เซนติเมตร ดังนั้น 16 เซนติเมตร 5 มิลลิเมตร คูณ 12 เทากับ 198 เซนติเมตร จะไดวา นํากระดาษมาวางตอกันไดความยาวทั้งหมด 198 เซนติเมตร เมื่อไดคําตอบแลว ครูและนักเรียนรวมกัน ตรวจสอบความสมเหตุสมผลของคําตอบ จะไดวา ถากระดาษ 10 แผน แตละแผนยาว 16 เซนติเมตร ตอกัน ยาว 160 เซนติเมตร ดังนั้น กระดาษ 12 แผน แตละแผนยาวมากกวา 16 เซนติเมตร ตอกันตองยาวมากกวา 160 เซนติเมตร ดังนั้น 198 เซนติเมตร จึงเปนคําตอบที่สมเหตุสมผล 2. ครูยกตัวอยางการแกโจทยปญหาการหารเกี่ยวกับความยาวที่เปนหนวยผสมตามหนังสือเรียน หนา 96 เชน พลอยเดินออกกําลังกายรอบสวนสาธารณะ 5 รอบ ไดระยะทาง 16 กิโลเมตร 500 เมตร ถาแต


88 ละรอบพลอยเดินไดระยะทางเทากัน พลอยเดินรอบละกี่กิโลเมตร กี่เมตร ครูใหนักเรียนอานโจทยปญหา พรอมกัน แลวสุมถามนักเรียนวา - โจทยถามอะไร (พลอยเดินรอบละกี่กิโลเมตรกี่เมตร - โจทยบอกอะไร (พลอยเดินออกกําลังกายรอบสวนสาธารณะ 5 รอบ ไดระยะทาง 16 กิโลเมตร 500 เมตร ถาแตละรอบพลอยเดินไดระยะทางเทากัน ครูถามนักเรียนวา ระยะทางทั้งหมด 16 กิโลเมตร 500 เมตร เดิน 5 รอบ รอบละเทา ๆ กัน จะหา ระยะทางแตละรอบไดอยางไร (หาระยะทางแตละรอบไดโดยการหาร ครูถามนักเรียนวาจะหาผลหารได อยางไร (16 กิโลเมตร 500 เมตรหารดวย 5) อะไรเปนตัวตั้ง อะไรเปนตัวหาร (16 กิโลเมตร 500 เมตร เปน ตัวตั้ง 5 เปนตัวหาร จากนั้นครูและนักเรียนชวยกันเขียนแสดงวิธีหาคําตอบไดดังนี้ ครูอธิบายเพิ่มเติมวา การหารในหนวยกิโลเมตรไดผลหารเปน 3 เศษ 1 กิโลเมตร ตองนําเศษ 1 กิโลเมตร หรือ 1,000 เมตร ไปรวมกับ 500 เมตร เปน 1,500 เมตร หารในหนวยเมตรจะไดผลหารเปน 300 เมตร ดังนั้น 16 กิโลเมตร 500 เมตร หารดวย 5 เทากับ 3 กิโลเมตร 300 เมตร จะไดวา พลอยเดินรอบละ 3 กิโลเมตร 300 เมตร เมื่อไดคําตอบแลว ครูและนักเรียนรวมกันตรวจสอบความสมเหตุสมผลของคําตอบ จะได วา ถาเดิน 5 รอบ รอบละ 3 กิโลเมตร จะไดระยะทาง 15 กิโลเมตร แตพลอยเดินไดระยะทาง 16 กิโลเมตร 500 เมตร ซึ่งมากกวา 15 กิโลเมตร ถาเดิน 5 รอบเทากัน ดังนั้น แตละรอบพลอย ตองเดินไดมากกวา 3 กิโลเมตร ดังนั้น 3 กิโลเมตร 300 เมตร จึงเปนคําตอบที่สมเหตุสมผล 3. ครูยกตัวอยางโจทยปญหาการคูณและโจทยปญหาการหารเกี่ยวกับความยาวที่เปนหนวยผสม ตามหนังสือเรียนหนา 97 เชน กระเบื้องหนา 1 เซนติเมตร 4 มิลลิเมตร วางซอนกัน 25 แผน สูงเทาไร ครูใช การถามตอบวาโจทยถามอะไร โจทยบอกอะไร หาคําตอบไดอยางไร จากนั้นครูและนักเรียนรวมกันเขียนแสดง วิธีหาคําตอบโดยครูใหนักเรียนเปนผูบอกวาเขียนแสดงวิธีหาคําตอบแตละบรรทัดอยางไร คําตอบเปนเทาไร ดังนี้


89 เมื่อไดคําตอบ 25 เซนติเมตร 100 มิลลิเมตร ครูถามนักเรียนวา สามารถเปลี่ยนหนวยความยาว ไดหรือไม (ได เพราะอะไร (เพราะผลคูณในหนวยมิลลิเมตรเปน 100 มิลลิเมตร หรือ 10 เซนติเมตร ดังนั้น คําตอบเปนเทาไร (25 + 10 = 35 เซนติเมตร จากนั้นครูใหนักเรียนจับคูกันเขียนแสดงวิธีหาคําตอบ ของโจทยปญหาการคูณและโจทยปญหาการหารเกี่ยวกับความยาวคูละ 1 ขอ ครูใหนักเรียนออกมา นําเสนอวิธีหาคําตอบจนครบทุกขอ ครูและนักเรียนรวมกันตรวจสอบความถูกตอง ถามีคูใดที่เขียนแสดง วิธีหาคําตอบขอเดียวกันแลวไดคําตอบไมตรงกันใหออกมานําเสนอและเพื่อนทุกคนชวยกันแกไขให ถูกตองพรอมบอกเหตุผลในการแกไข ครูและนักเรียนรวมกันตรวจสอบความสมเหตุสมผลของคําตอบ การตรวจสอบความเขาใจ 4. ตรวจสอบความเขาใจของนักเรียน เปนรายบุคคลโดยใหนักเรียนเขียนแสดงวิธีหาคําตอบ ของโจทยปญหาการคูณและโจทยปญหาการหารเกี่ยวกับความยาวที่เปนหนวยผสมตามหนังสือเรียนหนา 98 ครูและนักเรียนรวมกันตรวจสอบความถูกตอง ถาพบวามีนักเรียนคนใดเขียนแสดงวิธีหาคําตอบไมถูกตอง ให ฝกเพิ่มเติม จากนั้นครูและนักเรียนรวมกันสรุปสิ่งที่ไดเรียนรู สิ่งที่ไดเรียนรู การแกโจทยปญหาทําไดโดย อานทําความเขาใจปญหา วางแผนแกปญหา หาคําตอบ และตรวจสอบ ความสมเหตุสมผลของคําตอบ จากนั้นใหนักเรียนทําแบบฝกหัด 9.10 หนา 69 - 71 รวมคิดรวมทํา (1 ชั่วโมงกิจกรรม รมบมปญญา อุปกรณ1 ชุด ประกอบดวย บัตรโจทยที่ 1 2 และ 3 เตรียมสถานที่ ใชหองเรียนตามปกติ จัดโตะเปนกลุม


90 วิธีจัดกิจกรรม 1. ครูแบงนักเรียนเปนกลุม กลุมละเทา ๆ กัน แจกอุปกรณกลุมละ 1 ชุด 2. ครูใหนักเรียนแตละกลุมชวยกันหาคําตอบของบัตรโจทยที่ 1 และ 2 ครูใหนักเรียนแตละกลุม นําเสนอวิธีคิด 3. ครูใหนักเรียนแตละกลุมชวยกันหาคําตอบของบัตรโจทยที่ 3 พรอมนําเสนอวิธีคิด ครูและนักเรียน รวมกันตรวจสอบความถูกตอง จากนั้นครูใหนักเรียนทําแบบฝกทาทายหนา 72 - 74 9. สื่อ/อุปกรณและแหลงการเรียนรู 1. หนังสือเรียนหนา 54 – 99 2. แบบฝกหัดหนา 45 – 74 3. แบบบันทึกกิจกรรม ใบกิจกรรม บัตรภาพตาง ๆ และอุปกรณตาง ๆ ที่ใชประกอบกิจกรรม ดังนี้ • เครื่องวัดความยาว เชนไมเมตร ไมบรรทัด สายวัดตัว สายวัดชนิดตลับ • สิ่งของที่ตองการวัดความยาวเปนเมตรและเซนติเมตร เชน เชือก ริบบิ้น • สิ่งของที่ตองการวัดความยาวเปนเซนติเมตรและมิลลิเมตร เชน ปากกา ดินสอ ยางลบ แกวน้ํา แปรงสีฟน ขวดน้ํา • สิ่งของที่มีความยาวเปนเมตร เชน เชือก แถบกระดาษสีตาง ๆ ตูหนังสือ ตูเก็บเอกสาร • สิ่งของที่มีความยาวเปนเซนติเมตร เชน ดินสอ ยางลบ หนังสือ ขวดน้ํา แจกัน • บัตรขอความ บัตรภาพ บัตรโจทย • ใบกิจกรรม แบบบันทึกกิจกรรม 4. สื่อเพิ่มเติมหนา 56 59 71 89 และ 99 (Download ไดจาก QR code หนา 54)


91 10. การวัดและประเมินผล วิธีการวัด / สิ่งที่วัด เครื่องมือวัด เกณฑการวัด ดานความรู(K 1 ตรวจแบบทดสอบการ เลือกใชเครื่องวัดความยาว ที่ เหมาะสม วัดและบอกความยาว ของสิ่งตาง ๆ เปนเซนติเมตรและ มิลลิเมตร เมตรและเซนติเมตร 2 ตรวจแบบทดสอบการ คาดคะเนความยาวเปนเมตรและ เปนเซนติเมตร 3 ตรวจแบบทดสอบการ เปรียบเทียบความยาวระหวาง เซนติเมตรกับมิลลิเมตร เมตรกับ เซนติเมตร กิโลเมตรกับเมตร จาก สถานการณตาง ๆ 4 ตรวจแบบทดสอบการแสดง วิธีหาคําตอบ ของโจทยปญหา เกี่ยวกับความยาวที่มีหนวยเปน เซนติเมตรและมิลลิเมตร เมตรและ เซนติเมตร กิโลเมตรและเมตร ดานความรู(K 1 แบบทดสอบการเลือกใช เครื่องวัดความยาวที่เหมาะสม วัด และบอกความยาวของสิ่งตาง ๆ เปน เซนติเมตรและมิลลิเมตร เมตรและ เซนติเมตร 2 แบบทดสอบการคาดคะเน ค ว า ม ย า ว เ ป น เ ม ต ร แ ล ะ เ ป น เซนติเมตร 3 แบบทดสอบการเปรียบเทียบ ความยาวระหวางเซนติเมตรกับ มิลลิเมตร เมตรกับเซนติเมตร กิโลเมตรกับเมตร จากสถานการณ ตาง ๆ 4 แบบทดสอบการแสดงวิธีหา คําตอบ ของโจทยปญหาเกี่ยวกับ ความยาวที่มีหนวยเปนเซนติเมตร และมิลลิเมตร เมตรและเซนติเมตร กิโลเมตรและเมตร ดานความรู(K แบบทดสอบไดถูกตองรอยละ ๕๐ ขึ้นไป ดานทักษะ/กระบวนการ(P ทักษะการแกปญหา ทั ก ษ ะ ก า ร สื่ อ ส า ร แ ล ะ สื่ อ ความหมายทางคณิตศาสตร ทักษะการเชื่อมโยง ทักษะการใหเหตุผล ทักษะการคิดสรางสรรค ดานทักษะ/กระบวนการ(P แบบประเมินทักษะทางคณิตศาสตร ดานทักษะ/กระบวนการ(P ไดคะแนนระดับ ๑ ขึ้นไป


92 วิธีการวัด / สิ่งที่วัด เครื่องมือวัด เกณฑการวัด ดานคุณลักษณะอันพึงประสงค(A รักชาติ ศาสน กษัตริย ซื่อสัตยสุจริต มีวินัย ใฝเรียนรู อยูอยางพอเพียง มุงมั่นในการทํางาน รักความเปนไทย มีจิตสาธารณะ ดานคุณลักษณะอันพึงประสงค(A แบบประเมินคุณลักษณะ อันพึงประสงคของนักเรียน ดานคุณลักษณะอันพึงประสงค(A ไดคะแนนระดับ ๑ ขึ้นไป สมรรถนะสําคัญของผูเรียน ความสามารถในการสื่อสาร ความสามารถในการคิด ความสามารถในการแกปญหา ความสามารถในการใชทักษะ ชีวิตความสามารถในการใช เทคโนโลยี สมรรถนะสําคัญของผูเรียน แบบประเมินสมรรถนะสําคัญของ ผูเรียน สมรรถนะสําคัญของผูเรียน ไดคะแนนระดับ 1 ขึ้นไป ลงชื่อ..................................................ผูสอน ( นายสุริยัน ไตรยพันธ ตําแหนง ครู ความเห็นผูตรวจแผนการจัดการเรียนรู ................................................................................................................................................................ .............................................................................................................................................................................. ลงชื่อ......................................................วิชาการสายชั้น ( นางภทรพร นิลรักษ ตําแหนง ครู วิทยฐานะ ครูชํานาญการพิเศษ


93 แผนการจัดการเรียนรูที่ 10 กลุมสาระการเรียนรูคณิตศาสตร ชั้นประถมศึกษาปที่ 3 วิชาคณิตศาสตร รหัสวิชา ค 13101 หนวยการเรียนรูที่ 10 เรื่อง การวัดน้ําหนัก เวลาเรียน 15 ชั่วโมง .............................................................................................................................................................................. 1. สาระที่ 2 การวัดและเรขาคณิต 2. มาตรฐาน ค 2.1 เขาใจพื้นฐานเกี่ยวกับการวัด วัดและคาดคะเนขนาดของสิ่งที่ตองการวัด และนําไปใช 3. ตัวชี้วัด ค 2.1 ป.3/7 เลือกใชเครื่องชั่งที่เหมาะสม วัดและบอกน้ําหนักเปนกิโลกรัมและขีด กิโลกรัมและ กรัม ค 2.1 ป.3/8 คาดคะเนน้ําหนักเปนกิโลกรัมและเปนขีด ค 2.1 ป.3/9 เปรียบเทียบน้ําหนักระหวางกิโลกรัมกับกรัม เมตริกตันกับกิโลกรัม จากสถานการณ ตาง ๆ ค 2.1 ป.3/10 แสดงวิธีหาคําตอบของโจทยปญหาเกี่ยวกับน้ําหนักที่มีหนวยเปนกิโลกรัมกับกรัม เมตริกตันกับกิโลกรัม 4. สาระสําคัญ - การบอกน้ําหนักของสิ่งตาง ๆ อาจบอกเปนกิโลกรัมและขีด กิโลกรัมและกรัม - การวัดน้ําหนักของสิ่งตาง ๆ ควรเลือกใชเครื่องชั่งใหเหมาะสมและบอกน้ําหนักโดยใชหนวยน้ําหนัก ที่เหมาะสม - การคาดคะเนน้ําหนักของสิ่งตาง ๆ เปนการบอกน้ําหนักใหใกลเคียงน้ําหนักจริงโดยไมใชเครื่องชั่ง อาจเทียบกับน้ําหนักของสิ่งตาง ๆ ที่เราทราบน้ําหนักแลว - การเปรียบเทียบน้ําหนักที่มีหนวยตางกันตองเปลี่ยนหนวยใหเปนหนวยเดียวกันกอน แลวจึงนํามา เปรียบเทียบกันโดยใชความสัมพันธ 1 กิโลกรัม เทากับ 1,000 กรัม หรือ 1 เมตริกตัน เทากับ 1,000 กิโลกรัม - การแกโจทยปญหาทําไดโดยอานทําความเขาใจปญหา วางแผนแกปญหา หาคําตอบและ ตรวจสอบความสมเหตุสมผลของคําตอบซึ่งในการแกโจทยปญหาอาจใชความรูเรื่องการหาผลบวก ผลลบ ผลคูณและผลหารเกี่ยวกับน้ําหนัก 5. จุดประสงคการเรียนรู 5.1 ดานความรู 1 เลือกใชเครื่องชั่งที่เหมาะสม วัดและบอกน้ําหนักเปนกิโลกรัมและขีด กิโลกรัมและกรัม 2 คาดคะเนน้ําหนักเปนกิโลกรัมและเปนขีด 3 เปรียบเทียบน้ําหนักระหวางกิโลกรัมกับกรัม เมตริกตันกับกิโลกรัม จากสถานการณตาง ๆ


94 4 แสดงวิธีหาคําตอบของโจทยปญหาเกี่ยวกับน้ําหนักที่มีหนวยเปนกิโลกรัมกับกรัม เมตริกตัน กับกิโลกรัม 5.2 ดานทักษะกระบวนการ 1 ทักษะการแกปญหา 2 ทักษะการสื่อสารและสื่อความหมายทางคณิตศาสตร 3 ทักษะการเชื่อมโยง 4 ทักษะการใหเหตุผล 5.3 ดานคุณลักษณะอันพึงประสงค 1 ซื่อสัตยสุจริต 2 มีวินัย 3 ใฝเรียนรู 4 มุงมั่นในการทํางาน 6. สมรรถนะสําคัญของผูเรียน - ความสามารถในการสื่อสาร (ตอบคําถามกิจกรรมเตรียมความพรอมไดถูกตอง - ความสามารถในการคิด (เลือกใชเครื่องวัดน้ําหนักที่เหมาะสม - ความสามารถในการแกปญหา (แสดงวิธีหาคําตอบ ของโจทยปญหาเกี่ยวกับการวัดน้ําหนัก - ความสามารถในการใชทักษะชีวิต (คาดคะเนความยาวเปนกิโลกรัมและกรัม กิโลกรัมและขีดได - ความสามารถในการใชเทคโนโลยี (หาคําตอบกิจกรรมรวมคิดรวมทําไดถูกตอง 7. การบูรณาการ -


95 8. กระบวนการจัดการเรียนรู การจัดการเรียนรูการเตรียมความพรอม (1 ชั่วโมง 1. ใชขอมูลในหนังสือเรียนหนาเปดบทเพื่อกระตุนความสนใจเกี่ยวกับการวัดน้ําหนัก โดยใชคําถาม เชน - นักเรียนเห็นอะไรในภาพ (ใหนักเรียนเลาสิ่งที่เห็นจากภาพ - สถานที่ที่ปรากฏในภาพคือที่ใด ใครทําอะไรบาง และมีปายบอกอะไรบาง - มีอะไรในภาพที่นักเรียนไมเขาใจบาง - รถบรรทุกมีน้ําหนักเทาไร - รถบรรทุกคันนี้สามารถวิ่งบนถนนนี้ไดตามขอกําหนดของการใชถนนหรือไม ครูสนทนาเกี่ยวกับน้ําหนักและหนวยน้ําหนักของรถบรรทุก เชน 15,000 กิโลกรัม มากกวา หรือนอยกวา 25 ตัน ครูเปดโอกาสใหนักเรียนแสดงความคิด โดยอาจจะไมคาดหวังใหนักเรียนบอก ความหมายหรือบอกคําตอบที่ถูกตองเกี่ยวกับหนวยเมตริกตันและบอกนักเรียนวาเราจะมาเรียนรูใน บทเรียนนี้ 2. ครูนําเขาสูบทเรียนโดยใชกิจกรรมเตรียมความพรอม ชั่งแบบไหนดี ตามหนังสือเรียนหนา 102 เพื่อทบทวนเกี่ยวกับการวัดและบอกน้ําหนักเปนกิโลกรัมและกรัม กิโลกรัมและขีด และเตรียมความพรอม เกี่ยวกับการวัดน้ําหนักโดยครูเตรียมถุงทรายที่มีน้ําหนักแตกตางกัน เชน น้ําหนัก 1 กิโลกรัม น้ําหนัก 500 กรัม และน้ําหนัก 100 กรัม โดยครูไมตองบอกน้ําหนักของถุงทรายที่เตรียมไว จากนั้นครูแบงนักเรียนเปนกลุม ใหแตละกลุมชั่งน้ําหนักของถุงทรายที่ครูเตรียมไววาแตละถุงหนักเทาไร ครูเตรียมบัตรแสดงน้ําหนักที่เปน


96 กิโลกรัมและกรัม กิโลกรัมและขีดไวหลาย ๆ บัตร อาจสแกน QR Code จากหนาเปดบทก็ได จากนั้นครูสุม หยิบบัตรแสดงน้ําหนักทีละบัตร แลวใหนักเรียนเลือกถุงทรายที่มีน้ําหนักตาง ๆ มารวมกันเพื่อใหไดน้ําหนัก รวมเทากับน้ําหนักที่แสดงในบัตรแสดงน้ําหนักที่ครูเลือกซึ่งแตละกลุมอาจเลือกถุงทรายไดแตกตางกันแต ผลรวมของน้ําหนักเทากัน เชน บัตรแสดงน้ําหนัก 2 กิโลกรัม 5 ขีด นักเรียนอาจเลือกถุงทรายที่น้ําหนัก 1 กิโลกรัม 2 ถุง และถุงทรายที่น้ําหนัก 500 กรัม 1 ถุง หรือนักเรียนอาจเลือกถุงทรายน้ําหนัก 500 กรัม 5 ถุง เปนตน จากนั้นครูใหนักเรียนชั่งน้ําหนักของถุงทรายทั้งหมดที่เลือกมาเพื่อตรวจสอบวาไดน้ําหนักเทากับ น้ําหนักในบัตรแสดงน้ําหนักหรือไม ครูอาจทํากิจกรรมเปนรอบ รอบละ 1 บัตรแสดงน้ําหนักตรวจสอบน้ําหนัก ของถุงทรายที่นักเรียนเลือกเปนรอบ แลวจึงสุมหยิบบัตรแสดงน้ําหนักในรอบตอไป ในแตละรอบครูอาจให นักเรียนแลกเปลี่ยนวิธีการหาคําตอบ โดยใหความสําคัญกับวิธีการที่หลากหลายที่นักเรียนใชในการเลือกถุง ทรายที่มีน้ําหนักตาง ๆ แลวนํามาอภิปรายวาแตละวิธีมีความเหมือนและแตกตางกันอยางไร จากนั้นใหนักเรียนทําแบบฝกหัดเตรียมความพรอม หนา 75 - 76


97 10.1 การวัดน้ําหนักเปนกิโลกรัมและขีด กิโลกรัมและกรัม (1 ชั่วโมง แนวการจัดการเรียนรูการพัฒนาความรู 1. ครูทบทวนเกี่ยวกับการชั่งน้ําหนักโดยใชเครื่องชั่งสปริง นําสิ่งของวางบนเครื่องชั่งแลวใหนักเรียน บอกน้ําหนักของสิ่งของเปนกรัม เปนขีด เปนกิโลกรัมและขีด เปนกิโลกรัมและกรัม จากนั้นครูติดบัตรภาพการ ชั่งสิ่งของตาง ๆ ดวยเครื่องชั่งสปริงบนกระดานตามภาพในหนังสือหนา 103 ทีละภาพ และใหนักเรียนอาน น้ําหนักจากเครื่องชั่งสปริงเปนกิโลกรัมและขีด กิโลกรัมและกรัม ครูอธิบายเพิ่มเติมวา เครื่องชั่งสปริงที่ใช ในการชั่งน้ําหนักนั้นมีหลายขนาด ถาตองการชั่งสิ่งของที่มีน้ําหนักมากก็ใชเครื่องชั่งที่สามารถชั่งได เชน เงาะ 50 กิโลกรัม 7 ขีด ก็ใชเครื่องชั่งสปริงที่สามารถชั่งสิ่งของที่มีน้ําหนักขนาดนี้ได และปกไกหนัก 35 กิโลกรัม 5 ขีด ก็ใชเครื่องชั่งที่สามารถชั่งได ครูอาจเพิ่มเติมตัวอยางการชั่งสิ่งของตาง ๆ อีก 2 - 3 ตัวอยาง เพื่อให นักเรียนไดฝกการอานน้ําหนักจากเครื่องชั่งสปริงหลาย ๆ ขนาด 2. จากนั้นครูยกตัวอยางการอานน้ําหนักจากเครื่องชั่งดิจิทัลหรือเครื่องชั่งแบบใชตัวเลข ในการใช เครื่องชั่งดิจิทัลสามารถอานน้ําหนักของสิ่งของที่ชั่งไดจากหนาจอแสดงผล ซึ่งจะแสดงผลเปนตัวเลข เชน การ อานน้ําหนักตัวจากเครื่องชั่งน้ําหนักตัวแบบใชตัวเลขหนาจอแสดงผลเปน 50.7 อานน้ําหนักไดเปน หาสิบจุด เจ็ดกิโลกรัม ตัวเลขหลังจุดเปนเลขโดดตัวเดียว ตัวเลขนั้นจะแสดงน้ําหนักเปนขีด หรือ 100 กรัม ในที่นี้ 50.7 กิโลกรัม หมายถึง 50 กิโลกรัม 7 ขีด หรือ 50 กิโลกรัม 700 กรัม ตามหนังสือเรียนหนา 104 ถาหนาจอ แสดงผลเปน 9.475 อานน้ําหนักไดเปนเกาจุดสี่เจ็ดหากิโลกรัม ตัวเลขหลังจุดเปนเลขโดดสามตัว ตัวเลขนี้จะ แสดงน้ําหนักเปนกรัม ในที่นี้ 9.475 กิโลกรัม หมายถึง 9 กิโลกรัม 475 กรัม ตามหนังสือเรียนหนา 104 ครูแนะนําอักษรยอของหนวยน้ําหนัก กิโลกรัม ใชอักษรยอ กก. และ กรัม ใชอักษรยอ ก. และแนะนําการ เขียนหนวยน้ําหนักเปนภาษาอังกฤษ kilogram เขียนยอวา kg และ gram เขียนยอวา g ครูอาจยกตัวอยางการ ชั่งน้ําหนักที่ใชเครื่องชั่งน้ําหนักแบบใชตัวเลขในชีวิตจริงเพิ่มเติม เชน การชั่งน้ําหนักสิ่งของที่ซื้อจากซุปเปอร มาเก็ต จากรูปน้ําหนัก 0.512 กก. อานวา ศูนยจุดหาหนึ่งสองกิโลกรัม หมายถึงน้ําหนัก 512 กรัม


98 จากรูปน้ําหนัก 1.006 กก. อานวา หนึ่งจุดศูนยศูนยหกกิโลกรัม หมายถึง น้ําหนัก 1 กิโลกรัม 6 กรัม หรือน้ําหนักของสิ่งของที่สงทางไปรษณีย ดังนี้ จากรูปน้ําหนัก 2.274 Kg. อานวา สองจุดสองเจ็ดสี่กิโลกรัม หมายถึง น้ําหนัก 2 กิโลกรัม 274 กรัม ครูอาจเนนย้ําเกี่ยวกับการอานน้ําหนักจากเครื่องชั่งดิจิทัลที่แสดงผลเปนตัวเลขวา ตัวเลขหนาจุดแสดงน้ําหนัก เปนกิโลกรัม ตัวเลขหลังจุดแสดงน้ําหนักเปนขีดหรือเปนกรัม 3. ครูนําเสนอวานอกจากเครื่องชั่งที่เราคุนเคยในชีวิตประจําวันแลว ยังมีเครื่องชั่งที่ใชสําหรับชั่ง สิ่งของที่มีน้ําหนักมาก ๆ ซึ่งใชในทางอุตสาหกรรม เชน เครื่องชั่ง รถบรรทุก เครื่องชั่งทอนเหล็ก เปนตน ครู อาจติดรูปเครื่องชั่งน้ําหนักที่มีพิกัดน้ําหนักมากที่หลากหลายเพื่อใหนักเรียนรูจัก ครูยกตัวอยางการอาน น้ําหนักจากเครื่องชั่งน้ําหนักรถและเครื่องชั่งแบบแขวนตามหนังสือเรียนหนา 105 โดยอธิบายวา การอาน น้ําหนักใหอานแบบเดียวกับการอานน้ําหนักจากเครื่องชั่งดิจิทัล ครูสาธิตการอานน้ําหนักจากตัวอยางใน หนังสือเรียนหนา 105 ดังนี้ รถบรรทุกหนัก 23,680 กิโลกรัม อานวา รถบรรทุกหนักสองหมื่นสามพันหกรอยแปดสิบกิโลกรัม ทอนเหล็กหนัก 4,880 กิโลกรัม อานวา ทอนเหล็กหนักสี่พันแปดรอยแปดสิบกิโลกรัม ครูควรชี้ใหนักเรียน สังเกตหนวยน้ําหนักที่ระบุบนเครื่องชั่งจะไดรูวาเครื่องชั่งแตละเครื่องจะตองอานน้ําหนักอยางไร จากนั้นให นักเรียนชวยกันอานน้ําหนักจากเครื่องชั่งน้ําหนักรถและเครื่องชั่งแบบแขวนในกรอบทายหนังสือเรียนหนา 105ครูและนักเรียนรวมกันตรวจสอบความถูกตอง กก. การตรวจสอบความเขาใจ 4. ตรวจสอบความเขาใจของนักเรียนเปนรายบุคคล โดยใหนักเรียนอานน้ําหนักจากเครื่องชั่งแลวบอก น้ําหนักของสิ่งตาง ๆ ตามหนังสือเรียนหนา 106 ครูและนักเรียนรวมกันตรวจสอบความถูกตองและสรุปสิ่งที่ ไดเรียนรู สิ่งที่ไดเรียนรู การบอกน้ําหนักของสิ่งตาง ๆ อาจบอกเปนกิโลกรัมและขีด กิโลกรัมและกรัม จากนั้นใหนักเรียนทําแบบฝกหัด 10.1 หนา 77 - 78


99 10.2 การเลือกเครื่องชั่งที่เหมาะสม (1 ชั่วโมง แนวการจัดการเรียนรูการพัฒนาความรู 1. ครูสนทนากับนักเรียนเกี่ยวกับเครื่องชั่งที่พบในชีวิตจริง โดยใหนักเรียนบอกชนิดของเครื่องชั่งตางๆ เชน เครื่องชั่งสปริง เครื่องชั่งน้ําหนักตัว ครูอาจเตรียมบัตรภาพเครื่องชั่งชนิดตาง ๆ ไว หากนักเรียนพูดถึง เครื่องชั่งชนิดใดใหติดบัตรภาพเครื่องชั่งชนิดนั้นบนกระดาน ครูนําอภิปรายเกี่ยวกับเครื่องชั่งน้ําหนักที่ติดบน กระดานตามหนังสือเรียนหนา 107 วามีความเหมือนหรือแตกตางกันอยางไร ครูสรุปเกี่ยวกับประเภทของ เครื่องชั่งวา เครื่องชั่งมีหลากหลายประเภท เชน เครื่องชั่งน้ําหนักตัวมีทั้งแบบมีเข็มและแบบใชตัวเลข เปนตน และเครื่องชั่งมีพิกัดน้ําหนักสูงสุดที่แตกตางกัน ครูอธิบายคําวาพิกัดน้ําหนัก คือ คาที่บอกน้ําหนักสูงสุดที่เครื่อง ชั่งนั้นสามารถชั่งได เชน เครื่องชั่งสปริงพิกัด 5 กิโลกรัม แสดงวาเครื่องชั่งสปริงนี้สามารถชั่งน้ําหนักไดสูงสุด 5 กิโลกรัม จากนั้นครูแสดงบัตรภาพสิ่งของชนิดตาง ๆ เพื่อใหนักเรียนเลือกเครื่องชั่งที่ติดอยูบนกระดานวาจะ เลือกเครื่องชั่งชนิดใดมาชั่งสิ่งของในบัตรภาพ โดยใชการถาม – ตอบ พรอมกับรวมกันอภิปรายเหตุผล เชน - ถาตองการชั่งแตงโม 1 ผล ควรเลือกใชเครื่องชั่งชนิดใด เพราะเหตุใด - ถาตองการชั่งขาวสาร 1 กระสอบ ควรเลือกใชเครื่องชั่งชนิดใด เพราะเหตุใด - ถาตองการชั่งหอมหัวใหญ 1 หัว ควรเลือกใชเครื่องชั่งชนิดใด เพราะเหตุใด - ถาตองการชั่งรถยนต 1 คัน ควรเลือกใชเครื่องชั่งชนิดใด เพราะเหตุใด ครูและนักเรียนรวมกันสรุปวา ถาตองการชั่งสิ่งของที่มีน้ําหนักมาก เชน กระสอบขาว ลังผลไม ขนาดใหญ หรือ รถยนตตองใชเครื่องชั่งที่สามารถชั่งสิ่งของนั้นไดหรือเปนเครื่องชั่งที่มีพิกัดน้ําหนักสูง ถา ตองการชั่งสิ่งของที่มีน้ําหนักนอย เชน สวนผสมของยา สวนผสมตาง ๆ ในการทําขนม ที่ตองใชเครื่องชั่งที่มี ความละเอียดอาจตองใชเครื่องชั่งดิจิทัลที่สามารถชั่งน้ําหนักเปนกรัมได ดังนั้นในการชั่งน้ําหนักของสิ่งตาง ๆ ควรเลือกเครื่องชั่งใหมีความเหมาะสมกับสิ่งที่ตองการชั่ง 2. ครูแบงนักเรียนเปนกลุม แลวใหแตละกลุมจับคูบัตรภาพเครื่องชั่งกับบัตรภาพสิ่งของที่ตองการชั่ง ใหเหมาะสมกัน โดยครูอาจเตรียมบัตรภาพของสิ่งของตามหนังสือเรียนหนา 108 จากนั้นใหแตละกลุมออกมา นําเสนอและรวมกันแลกเปลี่ยนความคิดเห็นถามีกลุมใดเลือกเครื่องชั่งที่แตกตางจากกลุมอื่น ครูและนักเรียน รวมกันตรวจสอบความถูกตอง 3. ครูยกตัวอยางเกี่ยวกับการใชหนวยน้ําหนักของสิ่งตาง ๆ และอภิปรายเกี่ยวกับการเลือกใชหนวย น้ําหนักใหเหมาะสมตามหนังสือเรียน หนา 109 โดยใชการถาม - ตอบ เชน - น้ําหนักของตนกลาควรใชหนวยน้ําหนักใด - น้ําตาล 1 ถุง ควรใชหนวยน้ําหนักใด - ขนมกรุบกรอบ 1 ถุงควรใชหนวยน้ําหนักใด - แตงโม 1 ผลควรใชหนวยน้ําหนักใด


100 จากนั้นครูใหนักเรียนชวยกันเลือกหนวยน้ําหนักเปนกิโลกรัมหรือเปนกรัมใหเหมาะสมกับสิ่งของที่ กําหนดใหตามหนังสือเรียนหนา 109 เชน ไก 10 นอง หนัก 2 ……… ควรใชหนวยน้ําหนักเปนกิโลกรัมหรือเปนกรัม นักเรียนควรตอบไดวา นอง ไก 10 นอง หนัก 2 กิโลกรัม จากนั้นครูและนักเรียนรวมกันตรวจสอบความถูกตอง การตรวจสอบความเขาใจ 4. ตรวจสอบความเขาใจของนักเรียนเปนรายบุคคลโดยใหนักเรียนเลือกเครื่องชั่งที่เหมาะสม ในที่นี้จะ มีเครื่องชั่งมาใหเลือกวาจะเลือกเครื่องชั่งชนิดใด และใหนักเรียนเลือกหนวยน้ําหนักที่เหมาะสม ในที่นี้มีหนวย น้ําหนักใหเลือกเปนกิโลกรัมหรือเปนกรัม ตามหนังสือเรียนหนา 110 ครูและนักเรียนรวมกันตรวจสอบความ ถูกตองและรวมกันสรุปสิ่งที่ไดเรียนรู สิ่งที่ไดเรียนรู การวัดน้ําหนักของสิ่งตาง ๆ ควรเลือกใชเครื่องชั่งใหเหมาะสมและบอกน้ําหนักโดยใชหนวยน้ําหนักที่ เหมาะสม จากนั้นใหนักเรียนทําแบบฝกหัด 10.2 หนา 79 - 81


101 10.3 การคาดคะเนน้ําหนักเปนกิโลกรัมและเปนขีด (2 ชั่วโมง แนวการจัดการเรียนรูการพัฒนาความรู 1. ครูใหนักเรียนฝกการคาดคะเนน้ําหนักเปนขีดโดยการทํากิจกรรมเรื่อง คาดคะเนน้ําหนักเปนขีด ตามหนังสือเรียนหนา 111 ครูแบงนักเรียนเปนกลุมและแจกอุปกรณกลุมละ 1 ชุด จากนั้นวางแถบกระดาษ บนโตะและวางขวดน้ําที่มีน้ําหนัก 5 ขีด 10 ขีด 15 ขีด และ 20 ขีด ใหตรงตามขีดบอกน้ําหนักบนแถบ กระดาษ ครูใหนักเรียนคาดคะเนน้ําหนักของสิ่งตาง ๆ ที่ครูเตรียมไวให ซึ่งในการคาดคะเนน้ําหนักของสิ่งตางๆ นั้น ครูอาจใหนักเรียนลองยกขวดน้ําที่ทราบน้ําหนักแลว และลองยกสิ่งตาง ๆ เทียบกับน้ําหนักของขวดน้ําเพื่อ เทียบน้ําหนักและคาดคะเนน้ําหนักของสิ่งตาง ๆ ประกอบการตัดสินใจวาน้ําหนักของสิ่งนั้นควรจะหนักเทาไร นักเรียนสามารถยกขวดน้ําเพื่อทดสอบกี่ครั้งก็ไดจนกวาจะมั่นใจในการคาดคะเนน้ําหนักของสิ่งนั้น จากนั้นให นักเรียนวางบัตรคําที่ระบุชื่อของสิ่งนั้นบนแถบกระดาษในตําแหนงที่คาดคะเนวาจะเปนน้ําหนักของสิ่งนั้น ดัง ภาพตัวอยางในหนังสือเรียนหนา 111 ใหนักเรียนทําเชนเดียวกันกับสิ่งของที่ครูกําหนดใหทุกชิ้น ครูอาจให นักเรียนบันทึกน้ําหนักที่คาดคะเนของสิ่งของทุกชิ้นลงในแบบบันทึกกิจกรรม เมื่อทุกกลุมวางบัตรคําของสิ่ง ตาง ๆ ในตําแหนงที่คาดคะเนน้ําหนักของสิ่งนั้นเสร็จเรียบรอยแลว ใหนักเรียนตรวจสอบน้ําหนักจริงของสิ่ง ตาง ๆ ทุกชิ้นดวยเครื่องชั่งสปริง ครูอาจใหนักเรียนบันทึกน้ําหนักจริงของสิ่งตาง ๆ เพื่อตรวจสอบผลการ คาดคะเน จากนั้นครูและนักเรียนรวมกันสรุปวา การคาดคะเนน้ําหนักของสิ่งตาง ๆ เปนขีด เปนการบอก น้ําหนักใหใกลเคียงกับน้ําหนักจริงเปนขีดโดยไมใชเครื่องชั่ง อาจเทียบกับน้ําหนักของสิ่งตาง ๆ ที่เราทราบ น้ําหนักแลว ในที่นี้นักเรียนทราบน้ําหนักของขวดน้ําแตละขวดวาหนักเทาไร แลวลองยกสิ่งของที่ตองการ คาดคะเนน้ําหนักเทียบกับขวดน้ําแตละขวดแลวคาดคะเนน้ําหนักของสิ่งนั้น 2. ครูใหนักเรียนฝกการคาดคะเนน้ําหนักเปนกิโลกรัมโดยใหนักเรียนแตละกลุมทํากิจกรรม คาดคะเน น้ําหนักเปนกิโลกรัม กอนทํากิจกรรมครูอาจใหนักเรียนอภิปรายเกี่ยวกับวิธีการคาดคะเนน้ําหนักเปนขีดที่ทํา ผานมาแลว โดยใหแตละกลุมนําเสนอวิธีการที่ใชในการคาดคะเนน้ําหนักเปนขีดและใหกลุมอื่นนําเสนอวิธีการ ที่แตกตาง ครูอาจตั้งคําถมเพื่อใหนักเรียนอภิปรายเกี่ยวกับวิธีการคาดคะเนน้ําหนัก เชน - จะคาดคะเนน้ําหนักของสิ่งตาง ๆ ตองรูอะไรบาง (ตองรูน้ําหนักของสิ่งที่จะนํามาเทียบ - ตองรูน้ําหนักของสิ่งที่จะนํามาเทียบอยางนอยกี่สิ่ง เพราะอะไร (อยางนอย 1 สิ่ง เพราะตองเทียบวา น้ําหนักของสิ่งที่จะคาดคะเนน้ําหนักนั้นหนักกวาสิ่งที่จะนํามาเทียบหรือเบากวาสิ่งที่จะนํามาเทียบ ครูอธิบายเพิ่มเติมวา ถาทราบน้ําหนักของสิ่งที่จะนํามาเทียบอยางนอย 2 สิ่ง นักเรียนจะสามารถ คาดคะเนชวงของน้ําหนักของสิ่งที่ตองการคาดคะเนไดใกลเคียงกับน้ําหนักจริงมากขึ้น จากนั้นครูใหนักเรียนทํา กิจกรรม คาดคะเนน้ําหนักเปนกิโลกรัม ตามหนังสือเรียนหนา 112 โดยครูกําหนดน้ําหนักสิ่งที่จะเทียบให 2 สิ่ง ที่มีน้ําหนัก 1 กิโลกรัม และน้ําหนัก 5 กิโลกรัม ใหนักเรียนลองยกน้ําหนักของสิ่งของ 2 สิ่งนี้ แลวให นักเรียนคาดคะเนน้ําหนักของสิ่งตาง ๆ ที่อยูในหองเรียนวามีน้ําหนักกี่กิโลกรัมโดยเทียบกับน้ําหนัก 1 กิโลกรัม และ 5 กิโลกรัม และบันทึกลงในแบบบันทึกกิจกรรม ครูควรเนนย้ําใหนักเรียนคาดคะเนโดยอางอิงกับน้ําหนัก


102 ของขวดน้ําที่ครูเตรียมให เมื่อทุกกลุมคาดคะเนน้ําหนักของสิ่งตาง ๆ เรียบรอยแลว ใหนักเรียนแตละกลุมใช เครื่องชั่งสปริงชั่งน้ําหนักจริงของสิ่งนั้นและบันทึกน้ําหนักในแบบบันทึกกิจกรรม จากนั้นระบุวาน้ําหนักที่ คาดคะเนนั้นมากกวาหรือนอยกวาน้ําหนักจริงของสิ่งนั้น ครูอาจใหนักเรียนแตละกลุมนําเสนอวิธีการคาดคะเน และใหกลุมอื่นนําเสนอวิธีการที่แตกตาง จากนั้นครูและนักเรียนรวมกันสรุปวา การคาดคะเนน้ําหนักของสิ่ง ตาง ๆ เปนกิโลกรัม เปนการบอกน้ําหนักใหใกลเคียงกับน้ําหนักจริงเปนกิโลกรัมโดยไมใชเครื่องชั่ง อาจเทียบ กับน้ําหนักของสิ่งตาง ๆ ที่เราทราบน้ําหนักแลว ในที่นี้เราทราบน้ําหนักของขวดน้ํา 1 กิโลกรัมและขวดน้ํา 5 กิโลกรัม เราจึงคาดคะเนน้ําหนักของสิ่งตาง ๆ เทียบกับน้ําหนัก 1 กิโลกรัมและน้ําหนัก 5 กิโลกรัม โดยเทียบ น้ําหนักของสิ่งนั้นวามีน้ําหนักมากกวา 1 กิโลกรัม แตนอยกวา 5 กิโลกรัม และน้ําหนักของสิ่งนั้นใกลเคียง 1 กิโลกรัม หรือใกลเคียง 5 กิโลกรัม มากกวากัน ถาน้ําหนักของสิ่งนั้นใกลเคียง 5 กิโลกรัมมากกวา อาจ คาดคะเนน้ําหนักของสิ่งนั้นเปน 4 กิโลกรัม เปนตน ดังนั้นการคาดคะเนน้ําหนักของสิ่งตาง ๆ เมื่อเทียบกับสิ่งที่ ทราบน้ําหนัก 2 สิ่ง เราจึงสามารถคาดคะเนน้ําหนักของสิ่งนั้นไดใกลเคียงน้ําหนักจริงมากขึ้น 3. ครูใหนักเรียนแตละกลุมทํากิจกรรม ชวยแมจายตลาด ตามหนังสือเรียนหนา 113 และแจกบัตร น้ําหนักกลุมละ 1 บัตรแลวใหนักเรียนเลือกผักและผลไมใหไดน้ําหนักตามบัตรน้ําหนักและตรวจสอบน้ําหนัก ของผักและผลไมโดยใชเครื่องชั่งสปริงและบันทึกในแบบบันทึกกิจกรรมครูใหนักเรียนเลือกผักและผลไมใหมอีก 2 ครั้ง เพื่อใหไดน้ําหนักใกลเคียงกับน้ําหนักในบัตรน้ําหนักมากที่สุด แลวใหแตละกลุมนําเสนอวิธีการเลือกผัก และผลไมที่ใกลเคียงกับน้ําหนักในบัตรน้ําหนักมากที่สุด ครูและนักเรียนรวมกันอภิปรายเกี่ยวกับการคาดคะเน น้ําหนักเปนกิโลกรัมและเปนขีด ครูอาจใชคําถามตอไปนี้ในการอภิปราย เชน - หนวยน้ําหนักในบัตรน้ําหนักคืออะไร - หนวยน้ําหนักนั้นชวยในการเลือกสิ่งของอยางไร เปนตน ครูและนักเรียนรวมกันสรุปวา หนวยของน้ําหนักชวยในการคาดคะเนน้ําหนักของสิ่งของที่ตองการได โดยพิจารณาจากน้ําหนักเปนกิโลกรัมและเปนขีด การตรวจสอบความเขาใจ 4. ตรวจสอบความเขาใจของนักเรียนเปนรายบุคคลโดยใหนักเรียนแตละคนคาดคะเนน้ําหนักของ สิ่งของที่ครูเตรียมไวและบันทึกผลตามหนังสือเรียนหนา 114 จากนั้นรวมกันตรวจสอบผลการคาดคะเน น้ําหนักโดยชั่งน้ําหนักจริงของสิ่งของดวยเครื่องชั่งสปริง ครูอาจนําสิ่งของที่ทราบน้ําหนักแลวมาใหนักเรียน ลองยกเทียบน้ําหนักกอนก็ไดเพื่อใหนักเรียนไดเทียบกับน้ําหนักของสิ่งของที่ตองการคาดคะเน จากนั้นครูและ นักเรียนรวมกันสรุปสิ่งที่ไดเรียนรู สิ่งที่ไดเรียนรู การคาดคะเนน้ําหนักของสิ่งตาง ๆ เปนการบอกน้ําหนักใหใกลเคียงน้ําหนักจริงโดยไมใชเครื่องชั่ง อาจเทียบกับน้ําหนักของสิ่งตาง ๆ ที่เราทราบน้ําหนักแลว จากนั้นใหนักเรียนทําแบบฝกหัด 10.3 หนา 82 – 83


103 10.4 ความสัมพันธระหวางหนวยน้ําหนัก (1) (1 ชั่วโมง แนวการจัดการเรียนรูการพัฒนาความรู 1. ครูทบทวนความสัมพันธของหนวยน้ําหนัก 1 กิโลกรัม เทากับ 10 ขีด 1 ขีด เทากับ 100 กรัม 1 กิโลกรัม เทากับ 1,000 กรัม แลวแบงนักเรียนเปนกลุม ใหแตละกลุมทํากิจกรรมแบงลูกปดขาย ตามหนังสือหนา 115 และแจก อุปกรณกลุมละ 1 ชุด ใหแบงลูกปด 1 กิโลกรัม เปน 10 ถุงที่มีน้ําหนักเทากัน แลวตรวจสอบน้ําหนักลูกปดแต ละถุงโดยใชเครื่องชั่งสปริง เขียนน้ําหนักติดที่หนาถุง พรอมกําหนดราคาขาย ครูและนักเรียนรวมกันอภิปราย วิธีการแบงลูกปดออกเปน 10 ถุงที่มีน้ําหนักเทากัน ครูควรใหนักเรียนที่มีวิธีการแตกตางกันมานําเสนอวิธีการ ของตนเอง ครูตั้งคําถามวา หากแบงลูกปด 1 กิโลกรัม ออกเปน 10 ถุงที่มีน้ําหนักเทากัน แตละถุงจะมีน้ําหนัก เทาไร จากกิจกรรมครูและนักเรียนรวมกันสรุปวา ถาแบงลูกปดหนัก 1 กิโลกรัม ออกเปน 10 สวน เทา ๆ กัน เมื่อนําแตละสวนไปชั่งจะไดน้ําหนักสวนละ 100 กรัม ดังนั้น 1 กิโลกรัม เทากับ 1,000 กรัม ครูใหนักเรียนใช ความสัมพันธ “1 กิโลกรัม เทากับ 1,000 กรัม” ตอบคําถามตอไปนี้ - ลูกปดหนัก 2 กิโลกรัม คิดเปนกี่กรัม (2,000 กรัม - ลูกปดหนัก 3 กิโลกรัม คิดเปนกี่กรัม (3,000 กรัม - ลูกปดหนัก 2 กิโลกรัม 500 กรัม คิดเปนกี่กรัม (2,500 กรัม ครูใหนักเรียนอภิปรายรวมกันเพื่อหาคําตอบที่ถูกตองและควรใหโอกาสนักเรียนแสดงคําตอบ และวิธีคิดที่หลากหลาย 2. ครูติดแผนภาพแสดงความสัมพันธระหวางกิโลกรัมกับกรัมตามหนังสือหนา 116 บนกระดาน ครูอธิบายการอานน้ําหนักจากแผนภาพโดยเนนใหนักเรียนสังเกตวา แผนภาพนี้มีหนวยน้ําหนักอะไรบาง (กิโลกรัม กับ กรัม ครูถามนักเรียนวา 1 กิโลกรัม เทากับกี่กรัม (1,000 กรัม ครูใหนักเรียนสังเกตเสนที่แสดง น้ําหนัก 1 กิโลกรัม ดานบนจะบอกน้ําหนักเปนกิโลกรัม ดานลางจะบอกน้ําหนักเปนกรัม ดังนั้น เสนที่แสดง น้ําหนัก 1 กิโลกรัมกับเสนที่แสดงน้ําหนัก 1,000 กรัม จึงเปนเสนเดียวกันจากนั้นครูถามนักเรียนวา มีน้ําหนัก อะไรอีกบางที่แสดงน้ําหนักเปนเสนเดียวกัน เชน 2 กิโลกรัม กับ 2,000 กรัมหรือ 3 กิโลกรัม กับ 3,000 กรัม ครูอธิบายการอานน้ําหนักจากแผนภาพดังนี้ ถานักเรียนตองการอานน้ําหนักเปนกิโลกรัมใหอานน้ําหนักจาก แถบตัวเลขดานบน แตถาตองการอานน้ําหนักเปนกรัมใหอานน้ําหนัก จากแถบตัวเลขดานลาง นักเรียน สามารถอานน้ําหนักโดยผสมกันระหวางหนวยเปนกิโลกรัมและหนวยเปนกรัม ตามแผนภาพไดดังนี้


104 อานน้ําหนักเงาะ มะมวง และ แตงโม เปนกิโลกรัม เปนกรัม หรือ เปนกิโลกรัมและกรัม สิ่งของ อานจากแถบตัวเลขดานบน อานจากแถบตัวเลขดานลาง เงาะ 3 กิโลกรัม 3,000 กรัม มะมวง 2 กิโลกรัม 2,000 กรัม แตงโม 2 กิโลกรัม 500 กรัม 2,500 กรัม จากนั้นครูใหนักเรียนชวยกันบอกน้ําหนักของสิ่งตาง ๆ ตามแผนภาพในกรอบทายหนังสือเรียน หนา 116 1) ปลาสวายหนัก 1 กิโลกรัม 500 กรัม หรือ 1,500 กรัม 2) ปลากะพงหนัก 2 กิโลกรัม 200 กรัม หรือ 2,200 กรัม 3. ครูใหนักเรียนใชความสัมพันธ 1 กิโลกรัม เทากับ 1,000 กรัม ในการเปลี่ยนหนวยน้ําหนักตาม ตัวอยางในหนังสือเรียนหนา 117 เชน น้ําหนัก 3 กิโลกรัม 756 กรัม เทากับน้ําหนักกี่กรัม นักเรียนอาจใช แผนภาพแสดงความสัมพันธระหวางกิโลกรัมกับกรัม จะไดวา 3 กิโลกรัม เทากับ 3,000 กรัม ดังนั้น 3 กิโลกรัม 756 กรัม เทากับ 3,000 กรัม กับ 756 กรัม เปน 3,756 กรัม ครูอาจถามในทางกลับกัน เชน น้ําหนัก 2,498 กรัม เทากับน้ําหนักกี่กิโลกรัม กี่กรัม นักเรียนอาจใชแผนภาพแสดงความสัมพันธระหวางกิโลกรัมกับ กรัม จะไดวา 2 กิโลกรัม เทากับ 2,000 กรัม ดังนั้น 2,498 กรัม เทากับ 2 กิโลกรัม กับ 498 กรัม หรือ 2 กิโลกรัม 498 กรัม จากนั้นครูใหนักเรียนชวยกันเปลี่ยนหนวยน้ําหนักใหเปนหนวยน้ําหนักตามที่กําหนดใน กรอบทายหนังสือเรียนหนา 117 การตรวจสอบความเขาใจ 4. ตรวจสอบความเขาใจของนักเรียน เปนรายบุคคลโดยใหนักเรียนตอบคําถามตามหนังสือเรียนหนา 118 ซึ่งนักเรียนตองใชความสัมพันธระหวางหนวยน้ําหนักกิโลกรัมและกรัม ครูอาจทบทวนความสัมพันธ 1 กิโลกรัม เทากับ 1,000 กรัม กอนแลวจึงตรวจสอบความเขาใจของนักเรียน จากนั้นครูและนักเรียนรวมกัน ตรวจสอบความถูกตองและสรุปสิ่งที่ไดเรียนรู สิ่งที่ไดเรียนรู การบอกน้ําหนักของสิ่งตาง ๆ อาจบอกเปนกิโลกรัมและกรัมหรือบอกเปนกรัม โดยใชความสัมพันธ 1 กิโลกรัม เทากับ 1,000 กรัม จากนั้นใหนักเรียนทําแบบฝกหัด 10.4 หนา 84 – 86


105 10.5 ความสัมพันธระหวางหนวยน้ําหนัก (2) (1 ชั่วโมง แนวการจัดการเรียนรูการพัฒนาความรู 1. ครูยกตัวอยางสิ่งของที่มีน้ําหนักมาก ๆ เชน รถบรรทุกขาว รถบรรทุกออย กระสอบทราย เปนตน เมื่อนําสิ่งเหลานี้ไปชั่งน้ําหนักและบอกน้ําหนัก จะบอกน้ําหนักเปนกิโลกรัม ถาสิ่งของมีน้ําหนักมากขึ้นไปอีก เชน 23,980 กิโลกรัม นอกจากจะบอกน้ําหนักของสิ่งเหลานี้เปนกิโลกรัมแลวยังสามารถบอกน้ําหนักเปน เมตริกตัน โดยครูอธิบายวา น้ําหนัก 1 เมตริกตัน เทากับน้ําหนัก 1,000 กิโลกรัม หนวยเมตริกตัน เรียกสั้น ๆ วา ตัน ครูยกตัวอยางสิ่งของที่มีน้ําหนักเปนตันตามหนังสือเรียนหนา 119 เชน รถยนตขนาดเล็ก หรือ รถยนต อีโค (Eco car) มีน้ําหนักประมาณ 1 ตัน หรือ 1,000 กิโลกรัม หรือ ถุงปูนซีเมนตถุงละ 50 กิโลกรัม จํานวน 20 ถุง จะหนักเทากับ 1 ตัน หรือ 1,000 กิโลกรัม จากนั้นครูถามนักเรียนวา สัตวขนาดใหญ เชน ชาง หรือ แรด ตัวโตเต็มที่อาจมีน้ําหนักถึง 3,000 กิโลกรัม คิดเปนกี่ตัน (3 ตัน ครูอธิบายเพิ่มเติมวา หนวยเมตริกตัน หรือ ตัน เขียนเปนอักษรยอวา ต. สามารถเขียนเปนภาษาอังกฤษวา ton หรือเขียนเปนอักษรยอวา t 2. ครูติดแผนภาพแสดงความสัมพันธระหวางเมตริกตันกับกิโลกรัมตามหนังสือเรียนหนา 120 ครู อธิบายการอานน้ําหนักจากแผนภาพ โดยเนนใหนักเรียนสังเกตวา แผนภาพนี้มีหนวยน้ําหนักอะไรบาง (ตัน กับ กิโลกรัม ครูถามนักเรียนวา 1 ตัน เทากับกี่กิโลกรัม (1,000 กิโลกรัม ครูใหนักเรียนสังเกตเสนที่แสดง น้ําหนัก 1 ตัน ดานบนจะบอกน้ําหนักเปนตัน ดานลางจะบอกน้ําหนักเปนกิโลกรัม ดังนั้น เสนที่แสดงน้ําหนัก 1 ตันกับเสนที่แสดงน้ําหนัก 1,000 กิโลกรัม จึงเปนเสนเดียวกัน จากนั้นครูถามนักเรียนวา มีน้ําหนักอะไรอีก บางที่แสดงน้ําหนักเปนเสนเดียวกัน เชน 2 ตัน กับ 2,000 กิโลกรัม หรือ 3 ตัน กับ 3,000 กิโลกรัม ครูอธิบาย การอานน้ําหนักจากแผนภาพดังนี้ ถานักเรียนตองการอานน้ําหนักเปนตันใหอานน้ําหนักจากแถบตัวเลขดานบน แตถาตองการอาน น้ําหนักเปนกิโลกรัมใหอานน้ําหนักจากแถบตัวเลขดานลาง นักเรียนสามารถอานน้ําหนักโดยผสมกันระหวาง หนวยเปนตันและหนวยเปนกิโลกรัมตามแผนภาพไดดังนี้ อานน้ําหนักวาฬ ถุงทรายบิ๊กแบค และ รถบรรทุก เปนตัน เปนกิโลกรัม หรือ เปนตันและกิโลกรัม สิ่งของ อานจากแถบตัวเลขดานบน อานจากแถบตัวเลขดานลาง วาฬ 2 ตัน 2,000 กิโลกรัม ถุงทรายบิ๊กแบค 1 ตัน 1,000 กิโลกรัม รถบรรทุก 2 ตัน 400 กิโลกรัม 2,400 กิโลกรัม จากนั้นครูใหนักเรียนชวยกันบอกน้ําหนักของสิ่งตาง ๆ ตามแผนภาพในกรอบทายหนังสือเรียนหนา 120 1) รถยนตหนัก 1 ตัน 500 กิโลกรัม หรือ 1,500 กิโลกรัม 2) รถบดถนนหนัก 3 ตัน หรือ 3,000 กิโลกรัม 3) รถตูหนัก 2 ตัน 200 กิโลกรัม หรือ 2,200 กิโลกรัม


106 3. ครูใหนักเรียนใชความสัมพันธ1 เมตริกตัน เทากับ 1,000 กิโลกรัม ในการเปลี่ยนหนวยน้ําหนัก ตามตัวอยางในหนังสือเรียนหนา 121 เชน น้ําหนัก 1 ตัน 240 กิโลกรัม เทากับน้ําหนักกี่กิโลกรัม นักเรียน อาจใชแผนภาพแสดงความสัมพันธระหวางตันกับกิโลกรัม จะไดวา 1 ตัน เทากับ 1,000 กิโลกรัม ดังนั้น 1 ตัน 240 กิโลกรัม เทากับ 1,000 กิโลกรัม กับ 240 กิโลกรัม เปน 1,240 กิโลกรัม ครูอาจถามในทางกลับกัน เชน น้ําหนัก 3,592 กิโลกรัม เทากับน้ําหนักกี่ตัน กี่กิโลกรัม นักเรียนอาจใชแผนภาพแสดงความสัมพันธระหวางตัน กับกิโลกรัม จะไดวา 3 ตัน เทากับ 3,000 กิโลกรัม ดังนั้น 3,592 กิโลกรัม เทากับ 3 ตัน กับ 592 กิโลกรัม หรือ 3 ตัน 592 กิโลกรัม จากนั้นครูให นักเรียนชวยกันเปลี่ยนหนวยน้ําหนักใหเปนหนวยน้ําหนักตามที่กําหนดในกรอบทายหนังสือเรียนหนา 121 การตรวจสอบความเขาใจ 4. ตรวจสอบความเขาใจของนักเรียนเปนรายบุคคลโดยใหนักเรียนตอบคําถามตามหนังสือเรียนหนา 122 ซึ่งนักเรียนตองใชความสัมพันธระหวางหนวยน้ําหนักเมตริกตันและกิโลกรัม ครูอาจทบทวนความสัมพันธ 1 เมตริกตัน เทากับ 1,000 กิโลกรัม กอนแลวจึงตรวจสอบความเขาใจของนักเรียน จากนั้นครูและนักเรียน ร ว ม กั น ต ร ว จ ส อ บ ค ว า ม ถู ก ต อ ง แ ล ะ ส รุ ป สิ่ ง ที่ ไ ด เ รี ย น รู สิ่งที่ไดเรียนรู การบอกน้ําหนักของสิ่งตาง ๆ อาจบอกเปนเมตริกตันและกิโลกรัมหรือบอกเปนกิโลกรัม โดยใช ความสัมพันธ1 เมตริกตัน เทากับ 1,000 กิโลกรัม จากนั้นใหนักเรียนทําแบบฝกหัด 10.5 หนา 87 - 89


107 10.6 การเปรียบเทียบน้ําหนัก (1 ชั่วโมง แนวการจัดการเรียนรูการพัฒนาความรู 1. ครูทบทวนเกี่ยวกับความสัมพันธของหนวยน้ําหนัก โดยการถาม - ตอบ เชน - น้ําหนัก 5 กิโลกรัม เทากับกี่กรัม (5,000 กรัม - น้ําหนัก 2 ตัน เทากับกี่กิโลกรัม (2,000 กิโลกรัม - น้ําหนัก 2,370 กรัม เทากับกี่กิโลกรัม กี่กรัม (2 กิโลกรัม 370 กรัม - น้ําหนัก 12,500 กิโลกรัม เทากับกี่ตัน กี่กิโลกรัม (12 ตัน 500 กิโลกรัม จากนั้นครูยกตัวอยางการเปรียบเทียบน้ําหนักของสิ่งของที่เปนหนวยเดียวกันกอน เชน ปลาหนัก 2 กิโลกรัม 500 กรัม กับ หมึกหนัก 5 กิโลกรัม 100 กรัม สิ่งใดหนักกวา นักเรียนควรตอบไดวา หมึกหนักกวา ปลาเพราะ 5 กิโลกรัม มากกวา 2 กิโลกรัม จากนั้นครูยกตัวอยางการเปรียบเทียบน้ําหนักของสิ่งของที่เปน หนวยตางกันซึ่งตองใชความสัมพันธระหวางหนวยน้ําหนักในการเปลี่ยนหนวยน้ําหนักใหเปนหนวยเดียวกัน ตามหนังสือเรียนหนา 123 เชน องุนหนัก 2 กิโลกรัม 500 กรัม กับ กุงแหงหนัก 1,200 กรัม องุนหนักกวาหรือ เบากวากุงแหง ครูใหนักเรียนสังเกตวาหนวยน้ําหนักของสิ่งของสองสิ่งที่นํามาเปรียบเทียบกันนั้นมีหนวย น้ําหนักตางกัน ครูอาจใชการถาม - ตอบ เพื่อใหนักเรียนใชความสัมพันธระหวางหนวยน้ําหนักในการเปลี่ยน หนวยน้ําหนัก ดังนี้ - องุนหนักเทาไร (2 กิโลกรัม 500 กรัม - กุงแหงหนักเทาไร (1,200 กรัม - สองสิ่งนี้มีหนวยน้ําหนักเหมือนกันหรือตางกัน (ตางกัน - ถาตองการเปรียบเทียบน้ําหนักของสองสิ่งนี้ตองทําอยางไร (เปลี่ยนหนวยน้ําหนักใหเปน หนวยเดียวกัน - เปลี่ยนหนวยน้ําหนักของสิ่งใดใหเปนหนวยอะไร (เปลี่ยนหนวยน้ําหนักขององุนเปนกรัม หรือเปลี่ยนหนวยน้ําหนักของกุงแหงเปนกิโลกรัมและกรัม - ถาเปลี่ยนหนวยน้ําหนักขององุนเปนกรัม จะไดองุนหนักกี่กรัม (2,500 กรัม - เปรียบเทียบน้ําหนักขององุน 2,500 กรัม กับ กุงแหง 1,200 กรัม องุนเบากวาหรือหนักกวา กุงแหง (องุนหนักกวากุงแหง - ถาเปลี่ยนหนวยน้ําหนักของกุงแหงเปนกิโลกรัมและกรัม จะไดกุงแหงหนักกี่กิโลกรัม กี่กรัม (1 กิโลกรัม 200 กรัม - เปรียบเทียบน้ําหนักขององุน 2 กิโลกรัม 500 กรัม กับ กุงแหง 1 กิโลกรัม 200 กรัม องุน เบากวาหรือหนักกวากุงแหง (องุนหนักกวากุงแหง ครูยกตัวอยางการเปรียบเทียบน้ําหนักที่เปนหนวยตางกันเพิ่มเติมอีก 2 - 3 ตัวอยาง เชน น้ําหนัก 3 กิโลกรัม 450 กรัม มากกวาหรือนอยกวา น้ําหนัก 3,120 กรัม จากนั้นครูและนักเรียนรวมกันสรุปเกี่ยวกับการ เปรียบเทียบน้ําหนักที่เปนหนวยตางกันวา การเปรียบเทียบน้ําหนักที่มีหนวยตางกันตองเปลี่ยนหนวยใหเปน หนวยเดียวกันกอนแลวจึงนํามาเปรียบเทียบกัน เชน ถาตองการเปรียบเทียบน้ําหนักที่มีหนวยน้ําหนักเปน


108 กิโลกรัมและกรัมกับน้ําหนักที่มีหนวยน้ําหนักเปนกรัมตองเปลี่ยนหนวยใหเปนหนวยกรัมเหมือนกัน สิ่งใดหนัก กวาสิ่งนั้นจะมีน้ําหนักมากกวา หรือเปลี่ยนหนวยใหเปนกิโลกรัมและกรัมเหมือนกัน สิ่งใดมีน้ําหนักเปน กิโลกรัมมากกวาจะหนักกวา ถาน้ําหนักเปนกิโลกรัมเทากัน สิ่งใดมีน้ําหนักเปนกรัมมากกวาจะหนักกวา 2. ครูยกตัวอยางการเปรียบเทียบน้ําหนักของสิ่งที่มีหนวยน้ําหนักตางกันโดยใชสถานการณที่เกิดขึ้นใน ชีวิตจริง เชน การกําหนดน้ําหนักรถที่ตองการใชสะพานตามหนังสือเรียนหนา 124 ครูติดบัตรภาพสะพานและ ปายกําหนดน้ําหนักรถ 7 ตัน ครูใหนักเรียนรวมกันแสดงความคิดเห็นวาปายกําหนดน้ําหนักรถที่ติดบนสะพาน หมายความวาอยางไร ซึ่งปายดังกลาว จะเปนปายกําหนดน้ําหนักสูงสุดของรถที่สามารถใชสะพานนี้ได เชน ปายนี้กําหนดใหรถที่สามารถใชสะพานนี้มีน้ําหนักไดไมเกิน 7 ตัน ครูใหนักเรียนชวยกันบอกน้ําหนักของ รถบรรทุก แลวครูถามนักเรียนวารถบรรทุกคันนี้สามารถใชสะพานนี้ไดหรือไมเพราะเหตุใด ครูอาจใชการถาม - ตอบ เพื่อใหนักเรียนเปรียบเทียบน้ําหนักของรถบรรทุกกับน้ําหนักที่กําหนดไวที่ปายกําหนดน้ําหนักรถ ดังนี้ - รถบรรทุกหนักเทาไร (8,800 กิโลกรัม - ปายกําหนดน้ําหนักรถไวเทาไร (7 ตัน - จะรูไดอยางไรวา รถคันนี้สามารถใชสะพานนี้ไดหรือไม (เปรียบเทียบน้ําหนัก 8,800 กิโลกรัม กับ 7 ตัน - เปรียบเทียบน้ําหนัก 8,800 กิโลกรัม กับ 7 ตัน ไดอยางไร (เปลี่ยนหนวยน้ําหนักกิโลกรัม เปนตัน หรือเปลี่ยนหนวยน้ําหนักตันเปนกิโลกรัม - น้ําหนัก 8,800 กิโลกรัม เทากับกี่ตัน กี่กิโลกรัม (8 ตัน 800 กิโลกรัม - น้ําหนักรถ 8 ตัน 800 กิโลกรัม มากกวาหรือนอยกวา น้ําหนัก 7 ตัน ที่ปายกําหนด (มากกวา) หรือ อาจเปลี่ยนหนวยน้ําหนักดังนี้ - น้ําหนัก 7 ตัน เทากับกี่กิโลกรัม (7,000 กิโลกรัม - น้ําหนัก 8,800 กิโลกรัม มากกวาหรือนอยกวา น้ําหนัก 7,000 กิโลกรัม (มากกวา) - ดังนั้น รถบรรทุกคันนี้สามารถใชสะพานนี้ไดหรือไม เพราะเหตุใด (ไมได เพราะมีน้ําหนักเกินจากที่ ปายกําหนดน้ําหนักไว ครูยกตัวอยางการเปรียบเทียบน้ําหนักที่เปนหนวยตางกันเพิ่มเติมอีก 2 - 3 ตัวอยาง เชน น้ําหนัก 9 ตัน 780 กิโลกรัม มากกวาหรือนอยกวา น้ําหนัก 9,980 กิโลกรัม จากนั้นครูและนักเรียนรวมกันสรุปเกี่ยวกับ การเปรียบเทียบน้ําหนักที่เปนหนวยตางกันวา การเปรียบเทียบน้ําหนักที่มีหนวยตางกันตองเปลี่ยนหนวยให เปนหนวยเดียวกันกอนแลวจึงนํามาเปรียบเทียบกัน เชน ถาตองการเปรียบเทียบน้ําหนักที่มีหนวยน้ําหนักเปน ตันและกิโลกรัมกับน้ําหนักที่มีหนวยน้ําหนักเปนกิโลกรัมตองเปลี่ยนหนวยใหเปนหนวยกิโลกรัมเหมือนกัน สิ่ง ใดหนักกวาสิ่งนั้นจะมีน้ําหนักมากกวา หรือเปลี่ยนหนวยใหเปนตันและกิโลกรัมเหมือนกัน สิ่งใดมีน้ําหนักเปน ตันมากกวาจะหนักกวา ถาน้ําหนักเปนตันเทากัน สิ่งใดมีน้ําหนักเปนกิโลกรัมมากกวาจะหนักกวา จากนั้นครูให นักเรียนเปรียบเทียบน้ําหนักที่มีหนวยตางกันในกรอบทายหนังสือเรียนหนา 124 ครูและนักเรียนรวมกัน ตรวจสอบความถูกตอง


109 3. ครูใหนักเรียนชวยกันตอบคําถามเกี่ยวกับการเปรียบเทียบน้ําหนักที่มีหนวยตางกันตามหนังสือ เรียนหนา 125 ครูอาจใหนักเรียนทบทวนขอสรุปเกี่ยวกับการเปรียบเทียบน้ําหนักที่มีหนวยตางกันกอนวา การ เปรียบเทียบน้ําหนักที่มีหนวยตางกันตองเปลี่ยนหนวยใหเปนหนวยเดียวกันกอนแลวจึงนํามาเปรียบเทียบกัน ถาตองการเปรียบเทียบน้ําหนักที่มีหนวยน้ําหนักเปนกิโลกรัมและกรัมกับน้ําหนักที่มีหนวยน้ําหนักเปนกรัมตอง เปลี่ยนหนวยใหเปนหนวยกรัมเหมือนกัน สิ่งใดหนักกวาสิ่งนั้นจะมีน้ําหนักมากกวา หรือเปลี่ยนหนวยใหเปน กิโลกรัมและกรัมเหมือนกัน สิ่งใดมีน้ําหนักเปนกิโลกรัมมากกวาจะหนักกวา ถาน้ําหนักเปนกิโลกรัมเทากัน สิ่ง ใดมีน้ําหนักเปนกรัมมากกวาจะหนักกวา ถาตองการเปรียบเทียบน้ําหนักที่มีหนวยน้ําหนักเปนตันและกิโลกรัม กับน้ําหนักที่มีหนวยน้ําหนักเปนกิโลกรัมตองเปลี่ยนหนวยใหเปนหนวยกิโลกรัมเหมือนกัน สิ่งใดหนักกวาสิ่งนั้น จะมีน้ําหนักมกกวา หรือเปลี่ยนหนวยใหเปนตันและกิโลกรัมเหมือนกัน สิ่งใดมีน้ําหนักเปนตันมากกวาจะหนัก กวา ถาน้ําหนักเปนตันเทากัน สิ่งใดมีน้ําหนักเปนกิโลกรัมมากกวาจะหนักกวา จากนั้นครูและนักเรียน รวมกันตรวจสอบความถูกตอง การตรวจสอบความเขาใจ 4. ตรวจสอบความเขาใจของนักเรียนเปนรายบุคคลโดยใหนักเรียนบอกวาสิ่งใดเบาที่สุดและสิ่งใดหนัก ที่สุดตามหนังสือเรียนหนา 126 ครูและนักเรียนรวมกันตรวจสอบความถูกตองและสรุปสิ่งที่ไดเรียนรู สิ่งที่ไดเรียนรู การเปรียบเทียบน้ําหนัก • ถามีหนวยตางกันตองเปลี่ยนหนวยใหเปนหนวย เดียวกันกอนแลวจึงนํามาเปรียบเทียบกัน • ถามีหนวยเปนกิโลกรัมและกรัม สิ่งที่มีน้ําหนักเปนกิโลกรัมมากกวาจะหนักกวา ถาน้ําหนักเปน กิโลกรัมเทากัน สิ่งที่มีน้ําหนักเปนกรัมมากกวาจะหนักกวา • ถามีหนวยเปนตันและกิโลกรัม สิ่งที่มีน้ําหนักเปนตันมากกวาจะหนักกวา ถาน้ําหนักเปนตันเทากัน สิ่งที่มีน้ําหนักเปนกิโลกรัมมากกวาจะหนักกวา จากนั้นใหนักเรียนทําแบบฝกหัด 10.6 หนา 90 - 92


110 10.7 การบวกและการลบเกี่ยวกับน้ําหนัก (1 ชั่วโมง แนวการจัดการเรียนรูการพัฒนาความรู 1. ครูทบทวนการบวกและการลบเกี่ยวกับน้ําหนักที่เปนหนวยเดี่ยวและเปนหนวยเดียวกัน เชน - 2 ตัน บวก 1 ตัน เทากับเทาไร (3 ตัน - 500 กิโลกรัม ลบดวย 150 กิโลกรัม เทากับเทาไร (350 กิโลกรัม - 1,420 กรัม ลบดวย 872 กรัม เทากับเทาไร (548 กรัม ครูทบทวนการบวกเกี่ยวกับน้ําหนักที่เปนหนวยผสมและเปนหนวยเดียวกัน โดยสุมใหนักเรียนออกมา เขียนแสดงวิธีหาผลบวกบนกระดาน เชน - 20 กิโลกรัม 430 กรัม บวก 10 กิโลกรัม 120 กรัม เทากับเทาไร นักเรียนอาจเขียนแสดงวิธีหา ผลบวก ไดดังนี้ ดังนั้น 20 กิโลกรัม 430 กรัม บวก 10 กิโลกรัม 120 กรัม เทากับ 30 กิโลกรัม 550 กรัม จากนั้นครู ยกตัวอยางการบวกเกี่ยวกับน้ําหนักที่เปนหนวยตางกันและเปนหนวยผสมตามหนังสือเรียนหนา 127 เชน 2 ตัน บวก 1,750 กิโลกรัม เทากับเทาไร ครูอาจใชการถาม – ตอบ ใหนักเรียนสังเกตวา หนวยน้ําหนักเปนหนวย เดียวกันหรือหนวยตางกัน ถาตองการนํามาบวกกันตองเปลี่ยนหนวยใหเปนหนวยเดียวกันแลวนําจํานวนที่เปน หนวยเดียวกันมาบวกกัน เชน ตองเปลี่ยน 2 ตัน เปน 2,000 กิโลกรัม แลวนํามาบวกกับ 1,750 กิโลกรัม ได 3,750 กิโลกรัม หรือ 3 ตัน 750 กิโลกรัม หรือ เปลี่ยน 1,750 กิโลกรัม เปน 1 ตัน 750 กิโลกรัม แลวจึงนําไป บวกกับ 2 ตัน เขียนแสดงวิธีหาคําตอบไดดังนี้ ซึ่งในการสอนการบวกเกี่ยวกับน้ําหนักที่เปนหนวยตางกันนั้น ครูอาจเนนย้ําโดยการใหนักเรียนหาคําา ตอบหลาย ๆ โจทย เพื่อใหไดขอสรุปการบวกเกี่ยวกับน้ําหนัก ดังนี้ ครูติดบัตรโจทย - 2 ตัน บวก 750 กิโลกรัม เทากับเทาไร - 2 ตัน บวก 1 ตัน 750 กิโลกรัม เทากับเทาไร


111 - 2 ตัน บวก 1,750 กิโลกรัม เทากับเทาไร แลวใหนักเรียนรวมกันอภิปรายเกี่ยวกับวิธีการหาคําตอบเปนกลุม ครูใหแตละกลุมนําเสนอบน กระดาน และรวมกันสรุปวา ในการหาผลบวกเกี่ยวกับน้ําหนัก ใหนําน้ําหนักหนวยเดียวกันบวกกัน ครู ยกตัวอยางการบวกเกี่ยวกับน้ําหนักเพิ่มเติมอีก 2 - 3 ตัวอยาง แลวใหนักเรียนชวยกันเขียนแสดงวิธีหาคําตอบ ในกรอบทายหนังสือเรียนหนา 127 ครูและนักเรียนรวมกันตรวจสอบความถูกตอง 2. ครูทบทวนการลบเกี่ยวกับน้ําหนักที่เปนหนวยผสมและเปนหนวยเดียวกัน โดยสุมใหนักเรียน ออกมาเขียนแสดงวิธีหาผลลบบนกระดาน เชน - 6 กิโลกรัม 750 กรัม ลบดวย 4 กิโลกรัม 295 กรัม เทากับเทาไร นักเรียนอาจเขียนแสดงวิธีหาผล ลบ ไดดังนี้ ดังนั้น 6 กิโลกรัม 750 กรัม ลบดวย 4 กิโลกรัม 295 กรัม เทากับ 2 กิโลกรัม 455 กรัม จากนั้นครูยกตัวอยางการลบเกี่ยวกับน้ําหนักที่เปนหนวยผสมตามหนังสือเรียนหนา 128 เชน 6 กิโลกรัม 400 กรัม ลบดวย 2 กิโลกรัม 500 กรัม เทากับเทาไร ครูอาจใชการถาม - ตอบ ใหนักเรียนสังเกตวา หนวยน้ําหนักเปนหนวยเดียวกันหรือหนวยตางกัน ถาตองการนํามาลบกันตองนําจํานวนที่เปนหนวยเดียวกัน มาลบกัน เขียนแสดงวิธีหาคําตอบไดดังนี้ ครูใหนักเรียนสังเกตวา ในหนวยกรัม ตัวตั้ง 400 กรัม นอยกวา ตัวลบ 500 กรัม จึงตองกระจาย จํานวนที่เปนหนวยกิโลกรัมมา 1 กิโลกรัม หรือ 1,000 กรัม รวมกับ 400 กรัม เปน 1,400 กรัม แลวจึงนํามา ลบกับ 500 กรัม ไดผลลบในหนวยกรัมเปน 900 กรัม ตัวตั้งในหนวยกิโลกรัม 6 กิโลกรัม กระจายไปแลว 1 กิโลกรัม เหลือตัวตั้งในหนวยกิโลกรัม 5 กิโลกรัม นํามาลบกับ 2 กิโลกรัม ไดผลลบในหนวยกิโลกรัมเปน 3 กิโลกรัม ดังนั้น 6 กิโลกรัม 400 กรัม ลบดวย 2 กิโลกรัม 500 กรัม เทากับ 3 กิโลกรัม 900 กรัม จากนั้นครูยกตัวอยางการลบเกี่ยวกับน้ําหนักเพิ่มเติมอีก 2 - 3 ตัวอยาง เชน 7 ตัน 450 กิโลกรัม ลบดวย 5 ตัน 500 กิโลกรัม เทากับเทาไร เขียนแสดงวิธีหาคําตอบไดดังนี้


112 ครูใหนักเรียนชวยกันเขียนแสดงวิธีหาคําตอบในกรอบทายหนังสือเรียนหนา 128 ครูและนักเรียน รวมกันตรวจสอบความถูกตอง ครูอาจแสดงขั้นตอนการลบโดยใชการวาดรูป เชน 6 กิโลกรัม 400 กรัม ลบ ดวย 2 กิโลกรัม 500 กรัม เทากับเทาไร โดยใชการวาดรูปดังนี้ ดังนั้น 6 กิโลกรัม 400 กรัม ลบดวย 2 กิโลกรัม 500 กรัม เทากับ 3 กิโลกรัม 900 กรัม 3. ครูยกตัวอยางการบวกและการลบเกี่ยวกับน้ําหนักตามหนังสือเรียนหนา 129 โดยสุมนักเรียน ออกมาเขียนแสดงวิธีหาคําตอบ เชน 2 ตัน 496 กิโลกรัม บวก 5,749 กิโลกรัม เทากับเทาไร เขียนแสดงวิธีหา คําตอบไดดังนี้


113 จากนั้นครูใหนักเรียนจับคูกันแลวชวยกันเขียนแสดงวิธีหาคําตอบคูละ 1 ขอ และออกมานําเสนอ จนครบทุกขอ ตามหนังสือเรียนหนา 129 ครูและนักเรียนรวมกันตรวจสอบความถูกตอง ครูอาจเนนย้ํา เรื่องการบวกและการลบเกี่ยวกับน้ําหนัก โดยนําน้ําหนักที่มีหนวยน้ําหนักเดียวกันมาบวกหรือลบกัน ถา ผลบวกในหนวยใดสามารถเปลี่ยนหนวยไดใหเปลี่ยนหนวยและถาตัวตั้งในหนวยใดนอยกวาตัวลบใหกระจาย จากหนวยถัดไปทางซายมารวมกับตัวตั้งเดิมกอนแลวจึงนํามาลบกัน การตรวจสอบความเขาใจ 4. ตรวจสอบความเขาใจของนักเรียนเปนรายบุคคลโดยใหนักเรียนเขียนแสดงวิธีหาคําตอบตาม หนังสือเรียนหนา 130 ครูและนักเรียนรวมกันตรวจสอบความถูกตองและสรุปสิ่งที่ไดเรียนรู ถาพบวามี นั ก เ รี ย น เ ขี ย น แ ส ด ง วิ ธี ห าคํ า ต อ บ ไ ม ถู ก ต อ ง ค รู ค ว ร ใ ห นั ก เ รี ย น ฝ ก เ พิ่ ม เ ติ ม สิ่งที่ไดเรียนรู การหาผลบวกหรือผลลบเกี่ยวกับน้ําหนัก ทําไดโดยนําน้ําหนักที่เปนหนวยเดียวกันมาบวกหรือลบกัน จากนั้นใหนักเรียนทําแบบฝกหัด 10.7 หนา 93 - 95


114 10.8 การคูณและการหารเกี่ยวกับน้ําหนัก (1 ชั่วโมง แนวการจัดการเรียนรูการพัฒนาความรู 1. ครูทบทวนการคูณเกี่ยวกับน้ําหนักที่เปนหนวยเดี่ยว ดังนี้ ครูติดบัตรโจทย - สิ่งของ 2 ถุง หนักถุงละ 3 กิโลกรัม สิ่งของทั้งหมดหนักเทาไร - สิ่งของ 3 กลอง หนักกลองละ 300 กรัม สิ่งของทั้งหมดหนักเทาไร แลวใหนักเรียนชวยกัน หาผลคูณเกี่ยวกับน้ําหนัก ดังนี้ สิ่งของ 2 ถุง หนักถุงละ 3 กิโลกรัม สิ่งของทั้งหมด หนัก 2 × 3 = 6 กิโลกรัม สิ่งของ 3 กลอง หนักกลองละ 300 กรัม สิ่งของทั้งหมดหนัก 3 × 300 = 900 กรัม จากนั้น ครูยกตัวอยางการคูณเกี่ยวกับน้ําหนักที่เปนหนวยผสมตามหนังสือเรียนหนา 131 เชน 6 กิโลกรัม 620 กรัม คูณ 9 เทากับเทาไร ครูและนักเรียนรวมกันเขียนแสดงวิธีหาคําตอบดังนี้ ครูใหนักเรียนสังเกตวา การคูณเกี่ยวกับน้ําหนักจะคูณทีละหนวยน้ําหนัก ในที่นี้จะคูณในหนวยกรัม กอนแลวจึงคูณในหนวยกิโลกรัม เมื่อไดผลคูณแลวเขียนผลคูณใหตรงกับหนวยน้ําหนัก ถาหนวยน้ําหนักใด ไดผลคูณที่สามารถเปลี่ยนหนวยน้ําหนักไดใหเปลี่ยนหนวยน้ําหนัก และนําหนวยน้ําหนักที่เปลี่ยนแลวไปรวม กับผลคูณในหนวยถัดไปทางซาย ในที่นี้ไดผลคูณในหนวยกรัมเปน 5,580 กรัม จึงเปลี่ยนเปนหนวยกิโลกรัม และกรัม ได 5 กิโลกรัม 580 กรัม แลวนําไปรวมกับผลคูณในหนวยกิโลกรัมได 59 กิโลกรัม 580 กรัม จากนั้นครูยกตัวอยางการคูณเกี่ยวกับน้ําหนักที่เปนหนวยผสมเพิ่มเติมอีก 2 - 3 ตัวอยาง เชน 2 ตัน 393 กิโลกรัม คูณ 4 เทากับเทาไร เขียนแสดงวิธีหาคําตอบไดดังนี้


115 ครูใหนักเรียนชวยกันเขียนแสดงวิธีหาคําตอบในกรอบทายหนังสือเรียนหนา 131 แลวรวมกันตรวจสอบความ ถูกตอง 2. ครูทบทวนการหารเกี่ยวกับน้ําหนักที่เปนหนวยเดี่ยวดังนี้ ครูติดบัตรโจทย - ขาวสาร 6 กิโลกรัม แบงใสถุง 2 ถุง ถุงละเทาๆ กัน จะไดขาวสารถุงละกี่กิโลกรัม - พริกแหง 900 กรัม แบงใสถุง 5 ถุง ถุงละเทาๆ กัน จะไดพริกแหงถุงละกี่กรัม แลวใหนักเรียนชวยกันหาผลหารเกี่ยวกับน้ําหนัก ดังนี้ ขาวสาร 6 กิโลกรัม แบงใสถุง 2 ถุง ถุงละเทาๆ กัน จะไดขาวสารถุงละ 6 ÷ 2 = 3 กิโลกรัม พริกแหง 900 กรัม แบงใสถุง 5 ถุง ถุงละเทาๆ กัน จะไดพริกแหงถุงละ 900 ÷ 5 = 180 กรัม จากนั้นครูยกตัวอยางการหารเกี่ยวกับน้ําหนักที่เปนหนวยผสมตามหนังสือเรียนหนา132 เชน 44 กิโลกรัม 100 กรัม หารดวย 7 เทากับเทาไร ครูและนักเรียนรวมกันเขียนแสดงวิธีหาคําตอบดังนี้ ครูใหนักเรียนสังเกตวา การหารเกี่ยวกับน้ําหนักจะเปนการหารสั้นโดยหารทีละหนวยน้ําหนักในที่นี้จะ หารในหนวยกิโลกรัมกอนแลวจึงหารในหนวยกรัม เมื่อหารในหนวยกิโลกรัมไดผลหารและเศษ เศษที่ไดจาก การหารในหนวยกิโลกรัมใหเปลี่ยนเปนหนวยกรัมกอนแลวนําไปรวมกับตัวตั้งในหนวยกรัม แลวจึงหารในหนวย กรัม ในที่นี้ 44 กิโลกรัม หารดวย 7 ไดผลหารในหนวยกิโลกรัมเปน 6 กิโลกรัม เศษ 2 กิโลกรัม หรือ เศษ 2,000 กรัม นํา 2,000 กรัม ไปรวมกับ 100 กรัม เปน 2,100 กรัม แลวหารดวย 7 ไดผลหารในหนวยกรัมเปน 300 กรัม จากนั้นครูยกตัวอยางการหารเกี่ยวกับน้ําหนักที่เปนหนวยผสมเพิ่มเติมอีก 2 - 3 ตัวอยาง เชน 16 ตัน 500 กิโลกรัม หารดวย 3 เทากับเทาไร ครูและนักเรียนรวมกันเขียนแสดงวิธีหาคําตอบไดดังนี้ ครูใหนักเรียนชวยกันเขียนแสดงวิธีหาคําตอบในกรอบทายหนังสือเรียนหนา 132 แลวรวมกัน ตรวจสอบความถูกตอง ครูอาจแสดงการหาผลหารเกี่ยวกับน้ําหนักโดยใชการวาดรูป ดังนี้ 4 กิโลกรัม 200 กรัม หารดวย 3 เทากับเทาไร


116 แบง 4 กิโลกรัมเปน 3 กลุม กลุมละเทา ๆ กัน ไดกลุมละ 1 กิโลกรัม เศษ 1 กิโลกรัม นําเศษ 1 กิโลกรัม หรือ 1,000 กรัม ไปรวมกับหนวยกรัม 200 กรัม เปน 1,200 กรัม แบง 1,200 กรัม เปน 3 กลุม กลุมละเทา ๆ กัน ไดกลุมละ 400 กรัม ดังนั้น 4 กิโลกรัม 200 กรัม หารดวย 3 เทากับ 1 กิโลกรัม 400 กรัม ครูใหนักเรียนตรวจคําตอบโดยนํา 1 กิโลกรัม 400 กรัม คูณ 3 จะได 4 กิโลกรัม 200 กรัม ดังนั้น 1 กิโลกรัม 400 กรัม เปนคําตอบที่ถูกตอง


117 3. ครูยกตัวอยางการคูณและการหารเกี่ยวกับน้ําหนักตามหนังสือเรียนหนา 133 โดยสุมนักเรียน ออกมาเขียนแสดงวิธีหาคําตอบ เชน 9 ตัน 500 กิโลกรัม คูณ 7 เทากับเทาไร เขียนแสดงวิธีหาคําตอบไดดังนี้ จากนั้นครูใหนักเรียนจับคูกันแลวชวยกันเขียนแสดงวิธีหาคําตอบคูละ 1 ขอ และออกมานําเสนอ จนครบทุกขอ ตามหนังสือเรียนหนา 133 ครูและนักเรียนรวมกันตรวจสอบความถูกตอง ครูอาจเนนย้ําเรื่อง การคูณเกี่ยวกับน้ําหนักวา ใหคูณน้ําหนักทีละหนวยโดยเริ่มจากหนวยที่อยูทางขวาเมื่อไดผลคูณที่สามารถ เปลี่ยนหนวยไดใหเปลี่ยนหนวยแลวนําไปรวมกับผลคูณที่ไดในหนวยถัดไปทางซาย ครูอาจเนนย้ําเรื่องการหาร เกี่ยวกับน้ําหนักวา ใหหารน้ําหนักโดยการหารสั้นและหารทีละหนวย เริ่มหารจากหนวยที่อยูทางซาย เมื่อได ผลหารและเศษใหนําเศษที่ไดเปลี่ยนหนวยแลวไปรวมกับตัวตั้งในหนวยถัดไปทางขวา แลวจึงนําไปหารกัน การตรวจสอบความเขาใจ 4. ตรวจสอบความเขาใจของนักเรียนเปนรายบุคคล โดยใหนักเรียนเขียนแสดงวิธีหาคําตอบตาม หนังสือเรียน หนา 134 ครูและนักเรียนรวมกันตรวจสอบความถูกตองและสรุปสิ่งที่ไดเรียนรู ถาพบวามี นั ก เ รี ย น เ ขี ย น แ ส ด ง วิ ธี ห าคํ า ต อ บ ไ ม ถู ก ต อ ง ค รู ค ว ร ใ ห นั ก เ รี ย น ฝ ก เ พิ่ ม เ ติ ม สิ่งที่ไดเรียนรู การหาผลคูณหรือผลหารเกี่ยวกับน้ําหนักทําไดโดยคูณหรือหารน้ําหนักทีละหนวยน้ําหนัก จากนั้นใหนักเรียนทําแบบฝกหัด 10.8 หนา 96 - 98


118 10.9 โจทยปญหาเกี่ยวกับน้ําหนัก (1) (1 ชั่วโมง แนวการจัดการเรียนรูการพัฒนาความรู 1. ครูทบทวนการบวกและการลบเกี่ยวกับน้ําหนักวา ตองนําน้ําหนักในหนวยเดียวกันมาบวกหรือลบ กัน แลวเขียนผลบวกหรือผลลบใหตรงกับหนวยน้ําหนักที่นํามาบวกหรือลบกัน เชน 4 กิโลกรัม 150 กรัม บวก 2 กิโลกรัม 380 กรัม หาผลบวกไดโดยนําน้ําหนักที่เปนหนวยเดียวกันมาบวกกันจะได 4 กิโลกรัม บวก 2 กิโลกรัม ไดผลบวกเปน 6 กิโลกรัม และนํา 150 กรัม บวก 380 กรัม ไดผลบวกเปน 530 กรัม ดังนั้น 4 กิโลกรัม 150 กรัม บวก 2 กิโลกรัม 380 กรัม เทากับ 6 กิโลกรัม 530 กรัม จากนั้นครูยกตัวอยางสถานการณ ที่เปนโจทยปญหาการบวกตามหนังสือเรียนหนา 135 เชน แมซื้อทุเรียนผลใหญหนัก 3 กิโลกรัม 200 กรัม ผลเล็กหนัก 1 กิโลกรัม 900 กรัม แมซื้อทุเรียนหนักรวมกันเทาไร ครูถามนักเรียนวา ในการแกโจทยปญหา ตองวิเคราะหโจทยปญหาอยางไรบาง นักเรียนควรตอบไดวาตองวิเคราะหโจทยปญหาวา โจทยถามอะไร โจทยบอกอะไร หาคําตอบไดอยางไร แลวครูใหนักเรียนชวยกันวิเคราะหโจทยขอนี้วา - โจทยถามอะไร (แมซื้อทุเรียนหนักรวมกันเทาไร - โจทยบอกอะไร (แมซื้อทุเรียนผลใหญหนัก 3 กิโลกรัม 200 กรัม ผลเล็กหนัก 1 กิโลกรัม 900 กรัม - หาคําตอบไดอยางไร (หาคําตอบไดโดยการนําน้ําหนักมาบวกกัน ครูอาจใหนักเรียนชวยกันคิดหา คําตอบเปนกลุม แลวใหนักเรียนแสดงความคิดเห็นและวิธีการหาคําตอบที่แตกตางกัน ครูควรใหนักเรียนเขียน แสดงวิธีหาคําตอบที่แตกตางกันทั้งหมดบนกระดานและถามคําถามเพื่อเชื่อมโยงวิธีคิดที่แตกตางเหลานั้น ครู ควรเริ่ม การอภิปรายจากวิธีการที่มีความตรงไปตรงมากอนแลวเชื่อมโยงไปสูวิธีการแกปญหาแบบอื่น ๆ ครู ควรเนนวานักเรียนสามารถเขียนหรือวาดรูปเพื่ออธิบายความคิดของตนเอง ครูควรเนนใหนักเรียนเขียนหรือ วาดภาพโดยละเอียดเพื่อใหคนอื่นสามารถเขาใจวิธีที่ตนเองคิดได เมื่อไดคําตอบแลว ครูและนักเรียนรวมกัน เขียนแสดงวิธีหาคําตอบดังนี้ จากนั้นครูและนักเรียนรวมกันตรวจสอบความสมเหตุสมผลของคําตอบดังนี้ 5 กิโลกรัม 100 กรัม เปนคําตอบที่สมเหตุสมผลเพราะทุเรียนผลใหญหนักมากกวา 3 กิโลกรัม ทุเรียนผลเล็กหนักมากกวา 1 กิโลกรัม เมื่อนํามารวมกันควรหนักมากกวา 4 กิโลกรัม ดังนั้น 5 กิโลกรัม 100 กรัม จึงเปนคําตอบที่ สมเหตุสมผล


119 ครูใหนักเรียนชวยกันเขียนแสดงวิธีหาคําตอบในกรอบทายหนังสือเรียนหนา 135 ครูควรเปดโอกาสให นักเรียนไดตรวจสอบความสมเหตุสมผลของคําตอบที่หลากหลาย 2. ครูยกตัวอยางโจทยปญหาการลบเกี่ยวกับน้ําหนักตามหนังสือเรียนหนา 136 เชน ครูใหนักเรียนชวยกันวิเคราะหโจทย โดยใชการถาม - ตอบ ดังนี้ - โจทยถามอะไร (ควรเลือกใชลิฟตตัวใดและยังสามารถบรรทุกน้ําหนักไดอีกเทาไร - โจทยบอกอะไร (โรงงานแหงหนึ่งติดตั้งลิฟต 3 ตัว ลิฟต A มีพิกัดบรรทุก 2 ตัน ลิฟต B มีพิกัด บรรทุก 1 ตัน และ ลิฟต C มีพิกัดบรรทุก 750 กิโลกรัม ตองการขนสินคาหนัก 1,500 กิโลกรัม - หาคําตอบไดอยางไร (หาคําตอบไดโดยเลือกลิฟตตัวที่สามารถรับน้ําหนักสินคา 1,500 กิโลกรัมได แลวนําน้ําหนักที่ลิฟตสามารถรับน้ําหนักไดมาลบกับน้ําหนักสินคา) ครูอาจใหนักเรียนชวยกันคิดหาคําตอบนักเรียนอาจมีวิธีคิดที่แตกตางกัน ครูควรใหนักเรียนที่มีวิธีคิดที่ แตกตางนําเสนอหนาชั้นเรียน และครูควรนําอภิปรายเพื่อใหเห็นความเชื่อมโยงของวิธีคิดเหลานั้น ครูอาจใช การวาดรูปหรือใชแผนภาพเพื่อสรางความเขาใจในการแกโจทยปญหา เชน ขนสินคาหนัก 1,500 กิโลกรัม สามารถใชลิฟต A ไดตัวเดียวเพราะพิกัดน้ําหนักของลิฟต A มากกวาน้ําหนักของสินคา และในการหาน้ําหนัก ที่สามารถบรรทุกไดอีก ตองใชการลบเพื่อหาวาลิฟตตัวนี้ยังสามารถบรรทุกน้ําหนักไดอีกเทาไร จึงตองนําพิกัด บรรทุกของลิฟต A ลบดวยน้ําหนักของสินคาที่บรรทุก ครูอาจใหนักเรียนออกมาเขียนแสดงวิธีหาคําตอบและ อธิบายความสมเหตุสมผลของคําตอบรวมกัน ซึ่งในการลบน้ําหนักสามารถทําไดโดยลบน้ําหนักในหนวย เดียวกัน หรือเปลี่ยนใหเปนหนวยน้ําหนักเดียวกันกอนแลวจึงนํามาลบกันก็ได ครูและนักเรียนรวมกันเขียน แสดงวิธีหาคําตอบ ดังนี้


120 3. ครูยกตัวอยางโจทยปญหาการบวกและโจทยปญหาการลบเกี่ยวกับน้ําหนักตามหนังสือเรียน หนา 137 แลวใหนักเรียนอานโจทยปญหาพรอมกัน และชวยกันวิเคราะหโจทยปญหาวาโจทยถามอะไร โจทย บอกอะไร และจะหาคําตอบไดอยางไร ครูใหนักเรียนชวยกันแสดงวิธีคิดที่หลากหลาย และตรวจสอบความ สมเหตุสมผลของคําตอบ แลวใหนักเรียนชวยกันเขียนแสดงวิธีหาคําตอบ ดังนี้ จากนั้นครูใหนักเรียนจับคูกันแลวใหแตละคูชวยกันเขียนแสดงวิธีหาคําตอบพรอมตรวจสอบความ สมเหตุสมผลของคําตอบคูละ 1 ขอ แลวใหนําเสนอจนครบทุกขอครูและนักเรียนรวมกันตรวจสอบความ ถูกตองโดยครูและนักเรียนอาจรวมกันทบทวนขอสรุปเกี่ยวกับการหาผลบวกและการหาผลลบเกี่ยวกับน้ําหนัก ดังนี้ การหาผลบวกเกี่ยวกับน้ําหนัก ใหเขียนตัวเลขแสดงจํานวนในหนวยเดียวกันใหตรงกันแลวนําจํานวน มาบวกกัน เขียนผลบวกที่ไดใหตรงกับหนวยน้ําหนัก ถาผลบวกในหนวยใดสามารถเปลี่ยนหนวยไดใหเปลี่ยน หนวย แลวนําไปรวมกับผลบวกในหนวยถัดไปทางซาย การหาผลลบเกี่ยวกับน้ําหนักใหเขียนตัวเลขแสดงจํานวนในหนวยเดียวกันใหตรงกันแลวนําจํานวนมา ลบกัน เขียนผลลบที่ไดใหตรงกับหนวยน้ําหนัก ถาตัวตั้งในหนวยใดนอยกวาตัวลบใหกระจายจํานวนจากหนวย


121 ถัดไปทางซาย แลวเปลี่ยนหนวยใหเปนหนวยเดียวกันกับตัวตั้งและนํามารวมกับตัวตั้งเดิมกอนแลวจึงนํามาลบ กัน การตรวจสอบความเขาใจ 4. ตรวจสอบความเขาใจของนักเรียนเปนรายบุคคล โดยใหนักเรียนเขียนแสดงวิธีหาคําตอบตาม หนังสือเรียนหนา 138 ครูและนักเรียนรวมกันตรวจสอบความถูกตองและสรุปสิ่งที่ไดเรียนรู ถาพบวามี นั ก เ รี ย น ค น ใ ด ที่ เ ขี ย น แ ส ด ง วิ ธี ห าคํ า ต อ บ ไ ม ถู ก ต อ ง ค รู ค ว ร ใ ห นั ก เ รี ย น ฝ ก เ พิ่ ม เ ติ ม สิ่งที่ไดเรียนรู การแกโจทยปญหาทําไดโดย อานทําความเขาใจปญหา วางแผนแกปญหา หาคําตอบ และตรวจสอบ ความสมเหตุสมผลของคําตอบ จากนั้นใหนักเรียนทําแบบฝกหัด 10.9 หนา 99 - 101


122 10.10 โจทยปญหาเกี่ยวกับน้ําหนัก (2) (1 ชั่วโมง แนวการจัดการเรียนรูการพัฒนาความรู 1. ครูทบทวนเกี่ยวกับการแกโจทยปญหาเกี่ยวกับน้ําหนักวา ในการแกโจทยปญหานั้นนักเรียนตอง อานทําความเขาใจปญหา วางแผนแกปญหา หาคําตอบ และตรวจสอบความสมเหตุสมผลของคําตอบแลว นําเขาสูสถานการณโจทยปญหาตามหนังสือเรียนหนา 139 เพื่อฝกทักษะการแกโจทยปญหาเกี่ยวกับน้ําหนัก โดยครูติดบัตรโจทย ชางแอฟริกามีน้ําหนัก 7 ตัน ชางเอเชียมีน้ําหนักนอยกวาชางแอฟริกา 1 ตัน 500 กิโลกรัม ชางเอเชียมีน้ําหนักเทไร ครูใหนักเรียนอานโจทยพรอมกัน ครูใชการถาม - ตอบเพื่อใหนักเรียน ชวยกันวิเคราะหวา โจทยถามอะไร โจทยบอกอะไร และหาคําตอบไดอยางไร ซึ่งโจทยขอนี้ครูอาจใชบารโมเดล เพื่อใหนักเรียนวิเคราะหวาจะหาคําตอบโดยการบวก การลบ การคูณ หรือการหาร ดังนี้ จากโจทยตองการหา น้ําหนักของชางเอเชียที่หนักนอยกวาชางแอฟริกาโดยกําหนดน้ําหนักของชางแอฟริกา และน้ําหนักที่ชางเอเชีย หนักนอยกวาชางแอฟริกา ครูติดแถบบารโมเดลบนกระดาน ดังนี้ จากแถบบารโมเดลครูใหนักเรียนวิเคราะหวา ถาตองการทราบน้ําหนักของชางเอเชียจะหาคําตอบ ไดอยางไร นักเรียนควรตอบไดวา ตองนําน้ําหนักของชางแอฟริกาลบดวยน้ําหนักที่กําหนดวาชางเอเชียหนัก นอยกวาชางแอฟริกา ครูและนักเรียนชวยกันเขียนแสดงวิธีหาคําตอบ ดังนี้ ครูและนักเรียนรวมกันตรวจสอบความสมเหตุสมผลของคําตอบ ดังนี้ 5 ตัน 500 กิโลกรัม เปนคําตอบที่สมเหตุสมผลเพราะนอยกวา 7 ตัน หรืออาจตรวจคําตอบโดยการนํา 5 ตัน 500 กิโลกรัม บวก 1 ตัน 500 กิโลกรัม ไดผลบวกเปน 7 ตัน ดังนั้น 5 ตัน 500 กิโลกรัม เปนคําตอบที่ ถูกตอง ครูอาจใหนักเรียนฝกแสดงการตรวจสอบความสมเหตุสมผลของคําตอบที่หลากหลาย ซึ่งเปนสวนหนึ่ง ของการฝกทักษะการแกปญหาทางคณิตศาสตร 2. ครูยกตัวอยางโจทยปญหาการบวกและโจทยปญหาการลบเกี่ยวกับน้ําหนักตามหนังสือเรียนหนา 140 แลวใหนักเรียนชวยกันวิเคราะหโจทยปญหาวา โจทยถามอะไร โจทยบอกอะไรและจะหาคําตอบได อยางไร ครูอาจใหนักเรียนวาดรูปแสดงวิธีคิดที่หลากหลาย และควรใหนักเรียนตรวจสอบความสมเหตุสมผล


123 ของคําตอบ ดังนี้ จากโจทยกําหนดน้ําหนักเดือนนี้ของแม และบอกวาน้ําหนักของแมเดือนนี้นอยกวาน้ําหนัก ของแมในเดือนที่แลวและใหหาน้ําหนักของแมเดือนที่แลว ครูติดแถบบารโมเดลแสดงน้ําหนักของแม ดังนี้ จากแถบบารโมเดลครูใหนักเรียนวิเคราะหวา จะหาน้ําหนักของแมเดือนที่แลวไดอยางไร นักเรียนควร ตอบไดวา ตองนําน้ําหนักของแมเดือนนี้บวกกับน้ําหนักที่โจทยบอกวาน้ําหนักของแมเดือนนี้นอยกวาน้ําหนัก ของแมในเดือนที่แลว ครูและนักเรียนชวยกันเขียนแสดงวิธีหาคําตอบ ดังนี้ ครูและนักเรียนรวมกันตรวจสอบความสมเหตุสมผลของคําตอบ ดังนี้ 56 กิโลกรัม 400 กรัม เปนคําตอบที่สมเหตุสมผลเพราะมากกวา 54 กิโลกรัม 900 กรัม 3. ครูยกตัวอยางโจทยปญหาการบวกและโจทยปญหาการลบเกี่ยวกับน้ําหนักตามหนังสือเรียนหนา 141 เชน รถบรรทุกหนัก 9 ตัน 600 กิโลกรัม รถบรรทุกหนักมากกวารถยนต 7 ตัน 850 กิโลกรัม รถยนตหนัก เทาไร ครูใหนักเรียนชวยกันวิเคราะหโจทยปญหาวา โจทยบอกอะไร โจทยถามอะไร และจะหาคําตอบได อยางไร ครูควรใหนักเรียนวาดรูปหรือใชบารโมเดลชวยในการคิดหาคําตอบ ครูและนักเรียนชวยกันเขียนแสดง วิธีหาคําตอบ ดังนี้ จากนั้นครูใหนักเรียนจับคูกันแลวใหแตละคูชวยกันเขียนแสดงวิธีหาคําตอบพรอมตรวจสอบความ สมเหตุสมผลของคําตอบคูละ 1 ขอ แลวใหนําเสนอจนครบทุกขอ ครูและนักเรียนรวมกันตรวจสอบความ ถูกตอง


124 การตรวจสอบความเขาใจ 4. ตรวจสอบความเขาใจของนักเรียนเปนรายบุคคล โดยใหนักเรียนเขียนแสดงวิธีหาคําตอบตาม หนังสือเรียนหนา 142 โดยครูและนักเรียนอาจรวมกันทบทวนขอสรุปเกี่ยวกับการหาผลบวกและการหาผลลบ เกี่ยวกับน้ําหนักดังนี้ การหาผลบวกเกี่ยวกับน้ําหนักใหเขียนตัวเลขแสดงจํานวนในหนวยเดียวกันใหตรงกันแลวนําจํานวน มาบวกกันเขียนผลบวกที่ไดใหตรงกับหนวยน้ําหนัก ถาผลบวกในหนวยใดสามารถเปลี่ยนหนวยไดใหเปลี่ยน หนวยแลวนําไปรวมกับผลบวกในหนวยถัดไปทางซาย การหาผลลบเกี่ยวกับน้ําหนักใหเขียนตัวเลขแสดง จํานวนในหนวยเดียวกันใหตรงกันแลวนําจํานวนมาลบกัน เขียนผลลบที่ไดใหตรงกับหนวยน้ําหนัก ถาตัวตั้งใน หนวยใดนอยกวาตัวลบใหกระจายจํานวนจากหนวยถัดไปทางซาย แลวเปลี่ยนหนวยใหเปนหนวยเดียวกันกับ ตัวตั้ง และนํามารวมกับตัวตั้งเดิมกอนแลวจึงนํามาลบกัน ครูและนักเรียนรวมกันตรวจสอบความถูกตองและสรุปสิ่งที่ไดเรียนรู ถาพบวามีนักเรียนคนใดที่เขียน แ ส ด ง วิ ธี ห า คํ า ต อ บ ไ ม ถู ก ต อ ง ค รู ค ว ร ใ ห นั ก เ รี ย น ฝ ก เ พิ่ ม เ ติ ม สิ่งที่ไดเรียนรู การแกโจทยปญหาทําไดโดย อานทําความเขาใจปญหา วางแผนแกปญหา หาคําตอบ และตรวจสอบ ความสมเหตุสมผลของคําตอบ จากนั้นใหนักเรียนทําแบบฝกหัด 10.10 หนา 102 – 104


125 10.11 โจทยปญหาเกี่ยวกับน้ําหนัก (3) (2 ชั่วโมง แนวการจัดการเรียนรูการพัฒนาความรู 1. ครูทบทวนการหาผลคูณเกี่ยวกับน้ําหนักวาใหคูณทีละหนวยน้ําหนักโดยเริ่มจากหนวยที่อยูทางขวา เมื่อไดผลคูณที่สามารถเปลี่ยนหนวยไดใหเปลี่ยนหนวยแลวนําไปรวมกับผลคูณที่ไดในหนวยถัดไปทางซาย เชน 9 ตัน 500 กิโลกรัม คูณ 7 เทากับเทาไร ครูใหนักเรียนชวยกันเขียนแสดงวิธีหาคําตอบ ดังนี้ จากนั้นครูทบทวนการแกโจทยปญหาเกี่ยวกับน้ําหนักวา ในการแกโจทยปญหานักเรียนตองอานทํา ความเขาใจปญหา วางแผนแกปญหา หาคําตอบ และตรวจสอบความสมเหตุสมผลของคําตอบ จากนั้นครู นําเขาสูสถานการณโจทยปญหาตามหนังสือเรียนหนา 143 เพื่อฝกทักษะการแกปญหาเกี่ยวกับน้ําหนักโดยครู ติดบัตรโจทย พอบรรจุปุยคอกใสกระสอบ 9 กระสอบ หนักกระสอบละ 50 กิโลกรัม 500 กรัม พอบรรจุปุย คอกทั้งหมดหนักเทาไร ครูใหนักเรียนอานโจทยพรอมกัน ครูใชการถาม - ตอบเพื่อใหนักเรียนวิเคราะหโจทย ดังนี้ - โจทยถามอะไร (พอบรรจุปุยคอกทั้งหมดหนักเทาไร - โจทยบอกอะไร (พอบรรจุปุยคอกใสกระสอบ 9 กระสอบ หนักกระสอบละ 50 กิโลกรัม 500 กรัม - หาคําตอบไดอยางไร (หาคําตอบไดโดยการนําจํานวนกระสอบคูณกับน้ําหนักของปุยคอกแตละ กระสอบ ครูอาจใหนักเรียนวาดรูปเพื่อชวยใหนักเรียนเขาใจโจทยและสามารถหาคําตอบไดงายขึ้นจากโจทยพอ บรรจุปุยคอกใสกระสอบ กระสอบละ 50 กิโลกรัม 500 กรัม จํานวน 9 กระสอบ ใหนักเรียนวาดรูปตามที่ โจทยกําหนด จะไดวาตองใชการคูณในการหาคําตอบ ครูและนักเรียนชวยกันเขียนแสดงวิธีหาคําตอบดังนี้


126 ครูและนักเรียนรวมกันตรวจสอบความสมเหตุสมผลของคําตอบ ดังนี้ ถาปุยคอกหนักกระสอบละ 50 กิโลกรัม 9 กระสอบ หนัก 9 × 50 = 450 กิโลกรัม เนื่องจากแตละกระสอบ หนักมากกวา 50 กิโลกรัม 9 กระสอบ น้ําหนักทั้งหมดควรมากกวา 450 กิโลกรัม ดังนั้น 454 กิโลกรัม 500 กรัม จึงเปนคําตอบที่ สมเหตุสมผล จากนั้นครูใหนักเรียนชวยกันเขียนแสดงวิธีหาคําตอบในกรอบทายหนังสือเรียนหนา 143 และ ชวยกันวิเคราะหโจทยปญหาวา โจทยถามอะไร โจทยบอกอะไร และจะหาคําตอบไดอยางไร ครูควรใหนักเรียนวาดรูปประกอบการคิดและใหนักเรียน ตรวจสอบความสมเหตุสมผลของคําตอบที่หลากหลาย เชน ในตัวอยางขางตนนักเรียนอาจตรวจสอบความ สมเหตุสมผลของคําตอบดังนี้ถาปุยคอก 10 กระสอบ หนักกระสอบละ 50 กิโลกรัม 500 กรัม ทั้งหมดหนัก 10 × 50 = 500 กิโลกรัม 10 × 500 = 5,000 กรัม หรือ 5 กิโลกรัม รวมเปน 505 กิโลกรัม แตพอบรรจุ 9 กระสอบ ทั้งหมดหนัก 454 กิโลกรัม 500 กรัม จึงเปนคําตอบที่สมเหตุสมผลเพราะนอยกวา 505 กิโลกรัม 2. ครูทบทวนการหารเกี่ยวกับน้ําหนักวา ใหหารน้ําหนักโดยการหารสั้นและหารทีละหนวยน้ําหนัก เริ่มหารจากหนวยที่อยูทางซาย เมื่อไดผลหารและเศษใหนําเศษที่ไดเปลี่ยนหนวยแลวไปรวมกับตัวตั้งในหนวย ถัดไปทางขวาแลวจึงนําไปหารกัน เชน 16 ตัน 500 กิโลกรัม หารดวย 3 เทากับเทาไร ครูใหนักเรียนชวยกัน เขียนแสดงวิธีหาคําตอบ ดังนี้ จากนั้นครูใหนักเรียนอานโจทยปญหาตาม หนังสือเรียนหนา 144 พรอมกัน และใหชวยกันวิเคราะห โจทยปญหาวา โจทยถามอะไร โจทยบอกอะไร และจะหาคําตอบไดอยางไร ครูควรใหนักเรียนวาดรูปประกอบ การคิดแกปญหาที่หลากหลาย และใหนักเรียนตรวจสอบความสมเหตุสมผลของคําตอบ เชน จากโจทย แมคาจัดมังคุด 1 ตัน 300 กิโลกรัม ใสเขง 5 เขง แตละเขงหนักเทา ๆ กัน ดังนั้น ในการหาคําตอบตองใช การหาร ครูอาจใหนักเรียนออกมาอธิบายวิธีหาคําตอบ ครูและนักเรียนชวยกันเขียนแสดงวิธีหาคําตอบ ดังนี้ ครูและนักเรียนชวยกันตรวจคําตอบโดยนํา 5 คูณกับ 260 กิโลกรัม ได 1,300 กิโลกรัม หรือ 1 ตัน 300 กิโลกรัม ดังนั้น 260 กิโลกรัม จึงเปนคําตอบที่ถูกตอง จากนั้นครูใหนักเรียนชวยกันเขียนแสดงวิธีหา


127 คําตอบในกรอบทายหนังสือเรียนหนา 144 และชวยกันวิเคราะหโจทยปญหาวาโจทยถามอะไร โจทยบอกอะไร และจะหาคําตอบไดอยางไร ครูควรใหนักเรียนวาดรูปประกอบการคิดหาคําตอบและแสดงวิธีคิดที่หลากหลาย และควรใหนักเรียนตรวจสอบความสมเหตุสมผลของคําตอบดวย 3. ครูยกตัวอยางโจทยปญหาการคูณและโจทยปญหาการหารเกี่ยวกับน้ําหนักตามหนังสือเรียนหนา 145 เชน สินคา 8 กลอง มีน้ําหนักรวม 550 กิโลกรัม ถาแตละกลองมีน้ําหนักเทากัน สินคาแตละกลองหนัก เทาไร ครูใหนักเรียนชวยกันวิเคราะหโจทยปญหาวา โจทยบอกอะไร โจทยถามอะไร และจะหาคําตอบได อยางไร ครูควรใหนักเรียนวาดรูปชวยในการคิดหาคําตอบ ครูและนักเรียนชวยกันเขียนแสดงวิธีหาคําตอบ ดังนี้ จากนั้นครูใหนักเรียนจับคูกันแลวใหแตละคูชวยกันเขียนแสดงวิธีหาคําตอบพรอมตรวจสอบความ สมเหตุสมผลของคําตอบคูละ 1 ขอ แลวใหนําเสนอจนครบทุกขอ ครูและนักเรียนรวมกันตรวจสอบความ ถูกตอง การตรวจสอบความเขาใจ 4. ตรวจสอบความเขาใจของนักเรียนเปนรายบุคคลโดยใหนักเรียนเขียนแสดงวิธีหาคําตอบตาม หนังสือเรียนหนา 146 โดยครูและนักเรียนอาจรวมกันทบทวนขอสรุปเกี่ยวกับการหาผลคูณและการหาผลหาร เกี่ยวกับน้ําหนักดังนี้ การหาผลคูณเกี่ยวกับน้ําหนักใหคูณทีละหนวยน้ําหนักโดยเริ่มจากหนวยที่อยูทางขวา เมื่อไดผลคูณที่ สามารถเปลี่ยนหนวยไดใหเปลี่ยนหนวยแลวนําไปรวมกับผลคูณที่ไดในหนวยถัดไปทางซาย การหาผลหาร เกี่ยวกับน้ําหนักใหหารน้ําหนักโดยการหารสั้นและหารทีละหนวยน้ําหนัก ใหเริ่มหารจากหนวยที่อยูทางซาย เมื่อไดผลหารและเศษ ใหนําเศษที่ไดเปลี่ยนหนวยเปนหนวยเดียวกันกับหนวยทางขวาแลวนําไปรวมกับตัวตั้ง ในหนวยถัดไปทางขวาแลวจึงนํามาหารกัน ครูและนักเรียนรวมกันตรวจสอบความถูกตองและสรุปสิ่งที่ได เรียนรู ถาพบวามีนักเรียนคนใดที่เขียนแสดงวิธีหาคําตอบไมถูกตอง ครูควรใหนักเรียนฝกเพิ่มเติม สิ่งที่ไดเรียนรู การแกโจทยปญหาทําไดโดย อานทําความเขาใจปญหา วางแผนแกปญหา หาคําตอบ และตรวจสอบ ความสมเหตุสมผลของคําตอบ


128 จากนั้นใหนักเรียนทําแบบฝกหัด 10.11 หนา 105 - 107 รวมคิดรวมทํา (1 ชั่วโมง กิจกรรม เลือกเสนทาง อุปกรณ แผนผังการเดินทาง (Download ไดจาก QR code หนาเปดบท วิธีจัดกิจกรรม 1. ครูแบงนักเรียนเปนกลุม แลวแจกอุปกรณกลุมละ 1 ชุด แลวใหนักเรียนแตละคนเลือกเสนทางจาก จุด A ไปยังจุด P ใหดําเนินการกับน้ําหนักแตละจุดตามสัญลักษณที่กําหนดไวที่คิดวาเสนทางที่เลือกนั้นตองได น้ําหนักมากที่สุด จากนั้นครูใหนักเรียนแตละคนนําเสนอเสนทางการเดินทางของตนเองในกลุม ใหนักเรียนใน กลุมรวมกันตรวจสอบความถูกตองของการคํานวณน้ําหนักของสมาชิกแตละคนในกลุม แลวเลือกเสนทางของ คนที่ไดน้ําหนักมากที่สุด 2. ครูใหนักเรียนแตละกลุมนําเสนอเสนทางการเดินทางที่ไดน้ําหนักมากที่สูงของกลุมเมื่อนักเรียน นําเสนอเสนทางการเดินทางแลว ใหนักเรียนรวมกันตรวจสอบวิธีการเดินทางของเพื่อนกลุมอื่นวาถูกตอง หรือไม และชวยกันตรวจสอบวาเปนเสนทางที่ทําใหไดน้ําหนักมากที่สุดแลวหรือยัง 3. ถาไมมีนักเรียนกลุมใดเลยที่สามารถเลือกเสนทางที่ทําใหไดน้ําหนักมากที่สุด ครูอาจชี้แนะ และรวมกันเฉลยคําตอบ จากนั้นใหนักเรียนทําแบบฝกทาทายหนา 108 – 109 9. สื่อ/อุปกรณและแหลงการเรียนรู 1. หนังสือเรียนหนา 100 – 147 2. แบบฝกหัดหนา 75 – 109 3. แบบบันทึกกิจกรรม ใบกิจกรรม บัตรภาพตาง ๆ และอุปกรณตาง ๆ ที่ใชประกอบกิจกรรมดังนี้ - สิ่งของสําหรับทํากิจกรรม เชน ถุงทรายที่มีน้ําหนักตาง ๆ ขวดบรรจุน้ํา สิ่งของตาง ๆ ที่มี น้ําหนักแตกตางกัน ถุงลูกปด - เครื่องชั่ง เชน เครื่องชั่งสปริง - ใบกิจกรรม แบบบันทึกกิจกรรม บัตรแสดงน้ําหนัก แถบกระดาษ บัตรภาพการชั่งน้ําหนัก 4. สื่อเพิ่มเติมหนา 102 111 112 113 และ 147 (Download ไดจาก QR code หนา 100)


129 10. การวัดและประเมินผล วิธีการวัด / สิ่งที่วัด เครื่องมือวัด เกณฑการวัด ดานความรู(K 1 ตรวจแบบทดสอบเลือกใช เครื่องชั่งที่เหมาะสม วัดและบอก น้ํ า ห นั ก เ ป น กิ โ ล ก รั ม แ ล ะ ขี ด กิโลกรัมและกรัม 2 ตรวจแบบทดสอบคาดคะเน น้ําหนักเปนกิโลกรัมและเปนขีด 3 ตรวจแบบทดสอบ เปรียบเทียบน้ําหนักระหวาง กิโลกรัมกับกรัม เมตริกตันกับ กิโลกรัม จากสถานการณตาง ๆ 4 ตรวจแบบทดสอบแสดงวิธี หาคําตอบของโจทยปญหาเกี่ยวกับ น้ําหนักที่มีหนวยเปนกิโลกรัมกับ กรัม เมตริกตันกับกิโลกรัม ดานความรู(K 1 แบบทดสอบเลือกใชเครื่องชั่ง ที่เหมาะสม วัดและบอกน้ําหนักเปน กิโลกรัมและขีด กิโลกรัมและกรัม 2 แบบทดสอบคาดคะเนน้ําหนัก เปนกิโลกรัมและเปนขีด 3 แบบทดสอบเปรียบเทียบ น้ําหนักระหวางกิโลกรัมกับกรัม เ ม ต ริ ก ตั น กั บ กิ โ ล ก รั ม จ า ก สถานการณตาง ๆ 4 แบบทดส อบแสดงวิธีหา คําตอบของโจทยปญหาเกี่ยวกับ น้ําหนักที่มีหนวยเปนกิโลกรัมกับกรัม เมตริกตันกับกิโลกรัม ดานความรู(K แบบทดสอบไดถูกตองรอยละ ๕๐ ขึ้นไป ดานทักษะ/กระบวนการ(P ทักษะการแกปญหา ทั ก ษ ะ ก า ร สื่ อ ส า ร แ ล ะ สื่ อ ความหมายทางคณิตศาสตร ทักษะการเชื่อมโยง ทักษะการใหเหตุผล ทักษะการคิดสรางสรรค ดานทักษะ/กระบวนการ(P แบบประเมินทักษะทางคณิตศาสตร ดานทักษะ/กระบวนการ(P ไดคะแนนระดับ ๑ ขึ้นไป ดานคุณลักษณะอันพึงประสงค(A รักชาติ ศาสน กษัตริย ซื่อสัตยสุจริต มีวินัย ใฝเรียนรู อยูอยางพอเพียง มุงมั่นในการทํางาน รักความเปนไทย มีจิตสาธารณะ ดานคุณลักษณะอันพึงประสงค(A แบบประเมินคุณลักษณะ อันพึงประสงคของนักเรียน ดานคุณลักษณะอันพึงประสงค(A ไดคะแนนระดับ ๑ ขึ้นไป


130 วิธีการวัด / สิ่งที่วัด เครื่องมือวัด เกณฑการวัด สมรรถนะสําคัญของผูเรียน ความสามารถในการสื่อสาร ความสามารถในการคิด ความสามารถในการแกปญหา ความสามารถในการใชทักษะ ชีวิตความสามารถในการใช เทคโนโลยี สมรรถนะสําคัญของผูเรียน แบบประเมินสมรรถนะสําคัญของ ผูเรียน สมรรถนะสําคัญของผูเรียน ไดคะแนนระดับ 1 ขึ้นไป ลงชื่อ..................................................ผูสอน ( นายสุริยัน ไตรยพันธ ตําแหนง ครู ความเห็นผูตรวจแผนการจัดการเรียนรู ................................................................................................................................................................ .............................................................................................................................................................................. ลงชื่อ......................................................วิชาการสายชั้น ( นางภทรพร นิลรักษ ตําแหนง ครู วิทยฐานะ ครูชํานาญการพิเศษ


Click to View FlipBook Version