The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

หลักสูตรสถานศึกษาขั้นพื้นฐานโรงเรียนบ้านบ่อดิน พ.ศ. 2563

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by nathapons2004, 2021-11-16 08:45:11

หลักสูตรสถานศึกษาขั้นพื้นฐานโรงเรียนบ้านบ่อดิน พ.ศ. 2563

หลักสูตรสถานศึกษาขั้นพื้นฐานโรงเรียนบ้านบ่อดิน พ.ศ. 2563

https://sites.google.com/g.dlit.ac.th/banbordinschool/Home

ประกาศโรงเรียนบา๎ นบอํ ดิน
เรอ่ื ง ให๎ใช๎หลักสตู รโรงเรยี นบ๎านบอํ ดิน พุทธศกั ราช ๒๕๖๑ (ฉบบั ปรับปรุง พ.ศ. ๒๕๖๓)

ตามหลกั สูตรแกนกลางการศึกษาขนั้ พ้นื ฐาน พุทธศักราช ๒๕๕๑
---------------------------------

ตามที่กระทรวงศึกษาธิการ โดยสถาบันสงํ เสรมิ การสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ไดด๎ าเนินการจดั ทา
มาตรฐานการเรียนรแ๎ู ละตวั ชี้วดั กลมํุ สาระการเรยี นรู๎คณิตศาสตร์และวทิ ยาศาสตร์ (ฉบับปรบั ปรงุ พ.ศ.
๒๕๖๐) สานกั งานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพน้ื ฐานได๎ดาเนินการจัดทาสาระภูมิศาสตร์ในกลมุํ สาระการ
เรยี นรสู๎ งั คมศึกษา ศาสนา และวัฒนธรรม (ฉบับปรับปรงุ พ.ศ. ๒๕๖๐) และยกเลิกมาตรฐานการเรียนรแู๎ ละ
ตัวชวี้ ัด สาระที่ ๒ การออกแบบและเทคโนโลยี และสาระท่ี ๓ เทคโนโลยสี าระสนเทศและการสอ่ื สาร
ในกลมุํ สาระการเรียนรู๎การงานอาชพี และเทคโนโลยี ตามหลกั สูตรแกนกลางการศึกษาข้นั พืน้ ฐาน พุทธศกั ราช
๒๕๕๑ และเปล่ยี นชื่อกลุมํ สาระการเรยี นร๎ู พร๎อมทั้งจัดทาสาระการเรยี นรู๎แกนกลาง ของกลุํมสาระการเรยี นร๎ู
และสาระดงั กลําวในแตลํ ะระดบั ชั้น เพือ่ ใหเ๎ ขตพ้ืนท่ีการศกึ ษา หนวํ ยงาน ระดบั ท๎องถนิ่ และสถานศึกษาทุก
สงั กดั ทีจ่ ัดการศกึ ษาข้นั พ้นื ฐาน ไดน๎ าไปใชเ๎ ปน็ กรอบและทิศทาง ในการพัฒนาหลักสตู รสถานศึกษา และ
จัดการเรยี นการสอน

โรงเรยี นบ๎านบํอดนิ จงึ ได๎จดั ทาหลักสูตรโรงเรยี นบ๎านบอํ ดนิ พทุ ธศักราช ๒๕๖๑
(ฉบับปรับปรุง พ.ศ. ๒๕๖๓) ตามหลักสตู รแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช ๒๕๕๑ เพอื่ ให๎
สอดคล๎องกบั กับกระทรวงศึกษาธกิ าร โดยสถาบันสงํ เสรมิ การสอนวิทยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี ได๎ดาเนินการ
จัดทา มาตรฐานการเรยี นรู๎และตวั ช้ีวัด กลํุมสาระการเรยี นร๎ูคณิตศาสตร์และวิทยาศาสตร์ (ฉบบั ปรบั ปรุง พ.ศ.
๒๕๖๐) สานกั งานคณะกรรมการการศึกษาขนั้ พน้ื ฐาน ได๎ดาเนินการจดั ทาสาระภูมศิ าสตร์ในกลํุมสาระการ
เรยี นร๎สู งั คมศึกษา ศาสนา และวฒั นธรรม (ฉบับปรับปรุง พ.ศ. ๒๕๖๐) ตามหลกั สตู รแกนกลางการศึกษา
ข้ันพ้นื ฐาน พุทธศักราช ๒๕๕๑ และสานักงานคณะกรรมการการศกึ ษาขัน้ พนื้ ฐาน ยกเลกิ มาตรฐานการ
เรียนรแู๎ ละตัวชว้ี ัด สาระท่ี ๒ การออกแบบและเทคโนโลยี และสาระท่ี ๓ เทคโนโลยสี าระสนเทศและการ
สื่อสาร ในกลุมํ สาระการเรยี นรู๎การงานอาชีพและเทคโนโลยี ตามหลักสตู รแกนกลางการศกึ ษาขน้ั พ้ืนฐาน
พทุ ธศกั ราช ๒๕๕๑ และเปลีย่ นช่ือกลุมํ สาระการเรยี นร๎ู โดยมีรายละเอยี ด ดังน้ี

๑. หลักสูตรฉบับนเี้ รียกวาํ หลกั สูตรโรงเรียนบา๎ นบอํ ดนิ พุทธศกั ราช ๒๕๖๑
(ฉบับปรบั ปรุง พ.ศ.๒๕๖๓) ตามหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพืน้ ฐาน พุทธศกั ราช ๒๕๕๑

๒. โรงเรียนไดเ๎ ปล่ยี นแปลงมาตรฐานการเรยี นรูแ๎ ละตัวชว้ี ดั กลมํุ สาระการเรียนร๎ูคณิตศาสตร์
และวทิ ยาศาสตร์ ใหส๎ อดคล๎องกับกระทรวงศึกษาธกิ าร โดยสถาบนั สํงเสรมิ การสอนวิทยาศาสตร์ และ
เทคโนโลยี ได๎ดาเนนิ การจดั ทา มาตรฐานการเรยี นร๎ูและตวั ชี้วัด กลุมํ สาระการเรียนร๎คู ณิตศาสตร์ และ
วิทยาศาสตร์ (ฉบับปรับปรงุ พ.ศ. ๒๕๖๐) สานกั งานคณะกรรมการการศึกษาขน้ั พน้ื ฐาน
ไดด๎ าเนินการจัดทาสาระภมู ศิ าสตร์ในกลมุํ สาระการเรียนรูส๎ ังคมศึกษา ศาสนา และวัฒนธรรม
(ฉบบั ปรับปรงุ พ.ศ. ๒๕๖๐) ตามหลกั สูตรแกนกลางการศึกษาขัน้ พ้นื ฐาน พุทธศักราช ๒๕๕๑

๓. โรงเรียนได๎ ยกเลกิ มาตรฐานการเรียนร๎ูและตวั ชีว้ ดั ในกลํมุ สาระการเรียนรก๎ู ารงานอาชพี
ให๎สอดคล๎องกบั สานักงานคณะกรรมการการศกึ ษาขน้ั พนื้ ฐาน สาระที่ ๒ การออกแบบและเทคโนโลยี
และสาระท่ี ๓ เทคโนโลยสี าระสนเทศและการสื่อสาร ตามหลักสูตรแกนกลางการศกึ ษาขน้ั พ้ืนฐาน
พุทธศักราช ๒๕๕๑ คงเหลือ ๒ สาระ คือ สาระที่ ๑ การดารงชวี ิตและครอบครวั สาระที่ ๔ การอาชีพ
เปล่ียนช่อื สาระที่ ๔ การอาชพี เป็นสาระท่ี ๒ การอาชีพ ในกลุมํ สาระการเรยี นร๎ูการงานอาชีพ

เงือ่ นไขและระยะเวลาการยกเลกิ และเปลีย่ นชื่อสาระในกลุํมสาระการเรียนรก๎ู ารงานอาชพี ใหเ๎ ป็นไปดงั นี้
๓.๑ ปีการศกึ ษา ๒๕๖๑ ให๎ยกเลิกและเปลีย่ นช่อื สาระในชนั้ ประถมศึกษาปที ่ี ๑ และ ๔
๓.๒ ปกี ารศึกษา ๒๕๖๒ ใหย๎ กเลิกและเปล่ียนชอ่ื สาระในชั้นประถมศึกษาปีที่ ๑ ๒ ๔ และ ๕
๓.๓ ตง้ั แตปํ ีการศึกษา ๒๕๖๓ เปน็ ตน๎ ไป ใหย๎ กเลิกและเปล่ยี นช่ือสาระทุกชั้นเรยี น

๔. ต้งั แตํปกี ารศึกษา ๒๕๖๓ ให๎เปลีย่ นชื่อกลุํมสาระการเรยี นรู๎ ดงั น้ี
๔.๑ กลมุํ สาระการเรยี นรก๎ู ารงานอาชพี และเทคโนโลยี เปน็ กลํมุ สาระการเรียนรู๎การงานอาชีพ
๔.๒ กลุํมสาระการเรยี นร๎วู ทิ ยาศาสตร์ เปน็ กลมํุ สาระการเรียนรู๎วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี

๕. หลกั สูตรฉบบั นใี้ ห๎ใชค๎ วบคํูกับระเบยี บโรงเรียนบ๎านบํอดิน วาํ ด๎วยการวดั และการประเมินผลการ
เรยี นรูต๎ ามหลกั สตู รโรงเรยี นบ๎านบํอดนิ พทุ ธศักราช ๒๕๖๑ (ฉบับปรบั ปรงุ พ.ศ. ๒๕๖๓) ตามหลกั สตู ร
แกนกลางการศึกษาขนั้ พื้นฐาน พทุ ธศักราช ๒๕๕๑

๖. ให๎คณะกรรมการบริหารหลักสูตรและงานวิชาการสถานศึกษา กากับ ติดตาม ประเมินผลการใช๎
หลักสตู รและควบคุมการดาเนินการจัดกจิ กรรมการเรยี นการสอนให๎เป็นไปตามหลักสูตรฉบับนี้

๗. เงื่อนไขและระยะเวลาการใชห๎ ลักสตู รโรงเรยี นบา๎ นบอํ ดิน พทุ ธศักราช ๒๕๖๑
(ฉบบั ปรับปรุง พ.ศ. ๒๕๖๓) ตามหลกั สตู รแกนกลางการศึกษาข้นั พ้ืนฐาน พุทธศกั ราช ๒๕๕๑ ให๎เปน็ ไปดงั น้ี

๗.๑ ปกี ารศกึ ษา ๒๕๖๑ ใหใ๎ ช๎ในชน้ั ประถมศึกษาปีที่ ๑ และ ๔
๗.๒ ปกี ารศึกษา ๒๕๖๒ ให๎ใช๎ในชนั้ ประถมศึกษาปีที่ ๑ ๒ ๔ และ ๕
๗.๓ ต้ังแตปํ กี ารศึกษา ๒๕๖๓ เป็นต๎นไป ให๎ใชใ๎ นทกุ ชั้นเรยี น
๘. หลกั สูตรโรงเรยี นไดร๎ ับความเห็นชอบจากคณะกรรมการสถานศึกษาขนั้ พน้ื ฐาน เม่ือคราวประชมุ
คร้งั ท่ี ๓/๒๕๖๓ เม่อื วันที่ ๑๒ เดือนพฤษภาคม พ.ศ. ๒๕๖๓ จงึ ประกาศให๎ใช๎หลักสตู รโรงเรยี นบ๎าน
บํอดิน พุทธศกั ราช ๒๕๖๑ (ฉบับปรบั ปรุง พ.ศ. ๒๕๖๓) ตามหลกั สูตรแกนกลางการศึกษาขัน้ พืน้ ฐาน
พทุ ธศักราช ๒๕๕๑

ประกาศ ณ วันท่ี ๑๒ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๕๖๓

(นายหริ ัญ สดมสขุ ) (นายณัฐพล มเี วที)
ประธานคณะกรรมการสถานศึกษาขน้ั พน้ื ฐาน ผู๎อานวยการโรงเรียนบา๎ นบอํ ดิน

โรงเรยี นบ๎านบํอดนิ

คานา

ตามทกี่ ระทรวงศกึ ษาธกิ าร โดยสถาบันสงํ เสรมิ การสอนวิทยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี ได๎ดาเนินการ
จดั ทามาตรฐานการเรยี นร๎แู ละตวั ชวี้ ัด กลมุํ สาระการเรียนร๎ูคณิตศาสตร์และวิทยาศาสตร์ (ฉบับปรบั ปรงุ พ.ศ.
๒๕๖๐) สานักงานคณะกรรมการการศึกษาขนั้ พืน้ ฐานไดด๎ าเนินการจัดทา สาระภมู ิศาสตรใ์ นกลมํุ สาระการ
เรยี นรส๎ู ังคมศึกษา ศาสนา และวัฒนธรรม (ฉบบั ปรับปรุง พ.ศ. ๒๕๖๐) ตามหลักสูตรแกนกลางการศกึ ษาข้ัน
พน้ื ฐาน พทุ ธศักราช ๒๕๕๑ และยกเลิกมาตรฐานการเรยี นรูแ๎ ละตัวชี้วดั สาระที่ ๒ การออกแบบและ
เทคโนโลยี และสาระท่ี ๓ เทคโนโลยีสาระสนเทศและการสื่อสาร ในกลํมุ สาระการเรยี นร๎กู ารงานอาชีพ
ตามหลกั สตู รแกนกลางการศึกษาขัน้ พื้นฐาน พุทธศึกราช ๒๕๕๑ และเปลี่ยนชอ่ื กลุํมสาระการเรียนรู๎ พร๎อมทั้ง
จัดทาสาระการเรียนรแ๎ู กนกลาง ของกลมุํ สาระการเรียนรแ๎ู ละสาระดงั กลําวในแตลํ ะระดับชั้น เพ่อื ให๎เขตพ้นื ที่
การศกึ ษา หนวํ ยงาน ระดับท๎องถนิ่ และสถานศึกษาทุกสังกดั ทจ่ี ัดการศึกษาขน้ั พนื้ ฐาน
ได๎นาไปใชเ๎ ปน็ กรอบและทศิ ทาง ในการพฒั นาหลกั สูตรสถานศกึ ษา และจัดการเรยี นการสอน

โรงเรียนบา๎ นบํอดนิ จึงไดจ๎ ดั ทาหลักสตู รโรงเรยี นบ๎านบอํ ดิน พุทธศกั ราช ๒๕๖๑
(ฉบบั ปรับปรุง พ.ศ. ๒๕๖๓) ตามหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขัน้ พ้ืนฐาน พุทธศกั ราช ๒๕๕๑ เพ่ือให๎
สอดคล๎องกับกระทรวงศึกษาธกิ าร และสานกั งานคณะกรรมการการศึกษาขน้ั พนื้ ฐานที่ไดจ๎ ัดทาหลักสูตรข้ึนมา

ขอขอบคุณ โรงเรียนไดร๎ บั ความรวํ มมือจากบคุ คลหลายฝุาย เชํน คณะกรรมการสถานศึกษา
ขน้ั พ้ืนฐานโรงเรยี นบ๎านบํอดิน ผ๎ูบรหิ ารสถานศึกษา หวั หน๎ากลํมุ สาระการเรียนรู๎ ทัง้ ๘ กลุํมสาระ
การเรยี นร๎ู ครผู ส๎ู อน ศึกษานิเทศก์ ผ๎ูปกครองและชมุ ชน ที่ใหค๎ วามเห็นและขอ๎ เสนอแนะท่เี ป็นประโยชนต์ ํอ
การจัดทาหลักสูตร และขอขอบคุณคณะกรรมการบรรณาธกิ ารกจิ ทีไ่ ด๎กรุณาตรวจสอบใหค๎ าแนะนา ปรบั ปรุง
เอกสารหลกั สตู รให๎มีความสมบรู ณย์ ง่ิ ขน้ึ

หวังเปน็ อยาํ งยิ่งวาํ หลักสูตรโรงเรียนฉบบั นี้ จะเป็นกรอบในการดาเนนิ การจดั กิจกรรมการเรียนการ
สอน เพือ่ พัฒนาผู๎เรียนใหม๎ ีคุณภาพสงู สุด ตอํ ไป

สารบญั หน้า

ท่ี เร่อื ง ๑

ประกาศโรงเรยี นบา๎ นบํอดิน ๓

คานา ๓

๑ ความเป็นมา ๔
๒ วิสยั ทศั นห์ ลกั สตู รแกนกลางการศึกษาขน้ั พ้นื ฐาน พุทธศักราช ๒๕๕๑ ๔
๓ วสิ ัยทศั น์โรงเรียน ๔
๔ พันธกจิ ๕
๕ เปาู ประสงค์ ๕
๖ กลยทุ ธ์ ๖
๗ หลกั การ ๖
๘ จุดหมาย ๗
๙ สมรรถนะสาคัญของผ๎ูเรียน ๙
๑๐ คุณลักษณะอนั พึงประสงค์ ๑๑
๑๑ เปูาหมาย/จดุ เน๎น ๑๑
๑๒ กรอบสาระการเรียนร๎ทู ๎องถิ่น ๑๒
๑๓ สาระการเรียนรู๎ท๎องถิ่น ๑๓
๑๔ โครงสร๎างหลกั สูตรโรงเรยี น ๑๔
๑๕ โครงสรา๎ งเวลาเรยี น ๑๕
๑๖ โครงสรา๎ งหลักสูตรชั้นปี ๑๖
๑๗ โครงหลกั สูตรชั้นประถมศกึ ษาปที ่ี ๑ ๑๗
๑๘ โครงหลกั สูตรชัน้ ประถมศกึ ษาปที ี่ ๒ ๒๕
๑๙ โครงหลกั สตู รชน้ั ประถมศึกษาปีท่ี ๓ ๒๖
๒๐ โครงหลกั สตู รช้ันประถมศกึ ษาปที ี่ ๔ ๒๗
๒๑ โครงหลักสูตรช้ันประถมศกึ ษาปที ่ี ๕ ๒๘
๒๒ โครงหลกั สตู รชน้ั ประถมศกึ ษาปีท่ี ๖ ๒๙
๒๓ คาอธบิ ายรายวิชา ๓๐
๒๔ คาอธบิ ายรายวชิ าพนื้ ฐานกลมุํ สาระการเรยี นรภู๎ าษาไทย ๓๑
๒๕ คาอธบิ ายรายวชิ าพน้ื ฐานภาษาไทยชนั้ ประถมศกึ ษาปีที่ ๑ ๓๒
๒๖ คาอธิบายรายวิชาพน้ื ฐานภาษาไทยช้ันประถมศกึ ษาปีที่ ๒ ๓๓
๒๗ คาอธิบายรายวิชาพน้ื ฐานภาษาไทยชนั้ ประถมศกึ ษาปีท่ี ๓ ๓๔
๒๘ คาอธิบายรายวชิ าพ้ืนฐานภาษาไทยชั้นประถมศึกษาปีท่ี ๔
๒๙ คาอธบิ ายรายวิชาพื้นฐานภาษาไทย ชนั้ ประถมศึกษาปีท่ี ๕
๓๐ คาอธิบายรายวชิ าพืน้ ฐานภาษาไทย ชั้นประถมศึกษาปีที่ ๖
๓๑ คาอธิบายรายวชิ าพื้นฐานกลํุมสาระการเรยี นร๎ูคณิตศาสตร์
๓๒ คาอธิบายรายวชิ าพ้ืนฐานคณิตศาสตร์ ชัน้ ประถมศึกษาปีท่ี ๑
๓๓ คาอธบิ ายรายวชิ าพนื้ ฐานคณิตศาสตร์ ชน้ั ประถมศึกษาปีที่ ๒

สารบัญ (ต่อ) หน้า
ที่ เรอ่ื ง ๓๖
๓๔ คาอธบิ ายรายวิชาพื้นฐานคณติ ศาสตร์ ชนั้ ประถมศกึ ษาปที ี่ ๓ ๓๘
๓๕ คาอธิบายรายวิชาพน้ื ฐานคณิตศาสตร์ ช้ันประถมศึกษาปีที่ ๔ ๔๐
๓๖ คาอธบิ ายรายวิชาพน้ื ฐานคณิตศาสตร์ ช้ันประถมศึกษาปที ี่ ๕ ๔๒
๓๗ คาอธิบายรายวิชาพนื้ ฐานคณิตศาสตร์ ช้นั ประถมศกึ ษาปที ี่ ๖ ๔๔
๓๘ คาอธิบายรายวิชาพืน้ ฐานกลํุมสาระการเรยี นรู๎วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ๔๕
๓๙ คาอธิบายรายวชิ าพื้นฐานวทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี ชน้ั ประถมศึกษาปีที่ ๑ ๔๗
๔๐ คาอธบิ ายรายวชิ าพ้นื ฐานวทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี ชั้นประถมศึกษาปที ี่ ๒ ๔๙
๔๑ คาอธบิ ายรายวชิ าพื้นฐานวทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี ชั้นประถมศึกษาปีที่ ๓ ๕๒
๔๒ คาอธบิ ายรายวิชาพืน้ ฐานวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ช้นั ประถมศึกษาปที ่ี ๔ ๕๕
๔๓ คาอธิบายรายวชิ าพืน้ ฐานวทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี ช้นั ประถมศึกษาปที ี่ ๕ ๕๘
๔๔ คาอธบิ ายรายวิชาพื้นฐานวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ช้ันประถมศกึ ษาปที ่ี ๖ ๖๒
๔๕ คาอธบิ ายรายวิชาพ้ืนฐานกลมํุ สาระการเรียนร๎ูสงั คมศึกษา ศาสนา และวัฒนธรรม ๖๓
๔๖ คาอธบิ ายรายวิชาพน้ื ฐานประวัติศาสตร์ ชั้นประถมศึกษาปที ี่ ๑ ๖๔
๔๗ คาอธบิ ายรายวิชาพน้ื ฐานประวตั ศิ าสตร์ ช้ันประถมศึกษาปีที่ ๒ ๖๕
๔๘ คาอธบิ ายรายวิชาพื้นฐานประวัตศิ าสตร์ ชั้นประถมศึกษาปีที่ ๓ ๖๖
๔๙ คาอธบิ ายรายวิชาพน้ื ฐานประวตั ศิ าสตร์ ชนั้ ประถมศึกษาปที ่ี ๔ ๖๗
๕๐ คาอธิบายรายวชิ าพื้นฐานประวัตศิ าสตร์ ชั้นประถมศึกษาปีท่ี ๕ ๖๘
๕๑ คาอธบิ ายรายวิชาพน้ื ฐานประวตั ศิ าสตร์ ชัน้ ประถมศึกษาปีที่ ๖ ๖๙
๕๒ คาอธบิ ายรายวชิ าพน้ื ฐานสังคมศึกษา ฯ ชนั้ ประถมศึกษาปที ี่ ๑ ๗๐
๕๓ คาอธิบายรายวชิ าพน้ื ฐานสังคมศกึ ษา ฯ ชัน้ ประถมศกึ ษาปีที่ ๒ ๗๑
๕๔ คาอธิบายรายวิชาพนื้ ฐานสังคมศึกษา ฯ ช้ันประถมศกึ ษาปีที่ ๓ ๗๓
๕๕ คาอธบิ ายรายวชิ าพ้ืนฐานสงั คมศกึ ษา ฯ ช้นั ประถมศกึ ษาปีที่ ๔ ๗๕
๕๖ คาอธบิ ายรายวิชาพน้ื ฐานสงั คมศึกษา ฯ ชัน้ ประถมศกึ ษาปีท่ี ๕ ๗๗
๕๗ คาอธิบายรายวิชาพื้นฐานสังคมศึกษา ฯ ช้ันประถมศึกษาปที ่ี ๖ ๗๙
๕๘ คาอธบิ ายรายวชิ าเพิ่มเติมหน๎าทพี่ ลเมือง ช้นั ประถมศึกษาปที ่ี ๑ ๘๐
๕๙ คาอธบิ ายรายวิชาเพม่ิ เติมหนา๎ ท่ีพลเมอื ง ชน้ั ประถมศึกษาปที ี่ ๒ ๘๑
๖๐ คาอธิบายรายวิชาเพิ่มเติมหน๎าท่ีพลเมือง ช้นั ประถมศึกษาปที ่ี ๓ ๘๒
๖๑ คาอธิบายรายวิชาเพมิ่ เติมหน๎าทพ่ี ลเมอื ง ชนั้ ประถมศึกษาปที ่ี ๔ ๘๔
๖๒ คาอธิบายรายวิชาเพิม่ เติมหนา๎ ทพ่ี ลเมือง ชน้ั ประถมศึกษาปีท่ี ๕ ๘๖
๖๓ คาอธบิ ายรายวชิ าเพมิ่ เติมหน๎าท่พี ลเมือง ชั้นประถมศึกษาปีท่ี ๖ ๘๘
๖๔ คาอธิบายรายวชิ าพน้ื ฐานกลํุมสาระการเรยี นร๎สู ุขศึกษาและพลศึกษา ๘๙
๖๕ คาอธิบายรายวิชาพนื้ ฐานสขุ ศึกษาฯ ชน้ั ประถมศกึ ษาปที ่ี ๑ ๙๐
๖๖ คาอธบิ ายรายวิชาพืน้ ฐานสขุ ศึกษาฯ ชน้ั ประถมศึกษาปีที่ ๒ ๙๑
๖๗ คาอธบิ ายรายวชิ าพ้นื ฐานสุขศึกษาฯ ช้นั ประถมศกึ ษาปีที่ ๓ ๙๒
๖๘ คาอธิบายรายวชิ าพน้ื ฐานสขุ ศึกษาฯ ชัน้ ประถมศกึ ษาปีที่ ๔ ๙๓
๖๙ คาอธบิ ายรายวิชาพนื้ ฐานสุขศึกษาฯ ช้นั ประถมศึกษาปที ่ี ๕ ๙๕
๗๐ คาอธบิ ายรายวชิ าพื้นฐานสุขศกึ ษาฯ ชั้นประถมศึกษาปที ่ี ๖

สารบัญ (ต่อ) หนา้
ที่
๙๗
เร่อื ง ๙๘
๙๙
๗๑ คาอธบิ ายรายวชิ าพื้นฐานกลมํุ สาระการเรยี นร๎ูศิลปะ ๑๐๐
๗๒ คาอธบิ ายรายวิชาพื้นฐานศิลปะ ชั้นประถมศึกษาปีที่ ๑ ๑๐๒
๗๓ คาอธิบายรายวิชาพื้นฐานศิลปะ ช้นั ประถมศกึ ษาปีที่ ๒ ๑๐๔
๗๔ คาอธิบายรายวิชาพื้นฐานศิลปะ ชั้นประถมศกึ ษาปที ี่ ๓ ๑๐๕
๗๕ คาอธบิ ายรายวิชาพน้ื ฐานศลิ ปะ ชน้ั ประถมศึกษาปที ี่ ๔ ๑๐๗
๗๖ คาอธิบายรายวิชาพ้ืนฐานศลิ ปะ ชน้ั ประถมศึกษาปีที่ ๕ ๑๐๘
๗๗ คาอธิบายรายวิชาพื้นฐานศิลปะ ชน้ั ประถมศกึ ษาปที ่ี ๖ ๑๐๙
๗๘ คาอธบิ ายรายวชิ าพนื้ ฐานกลุมํ สาระการเรียนร๎ูการงานอาชีพ ๑๑๐
๗๙ คาอธิบายรายวชิ าพ้ืนฐานการงานอาชีพ ช้ันประถมศึกษาปีที่ ๑ ๑๑๑
๘๐ คาอธิบายรายวชิ าพื้นฐานการงานอาชพี ชั้นประถมศึกษาปีท่ี ๒ ๑๑๒
๘๑ คาอธิบายรายวชิ าพน้ื ฐานการงานอาชีพ ชน้ั ประถมศึกษาปีท่ี ๓ ๑๑๓
๘๒ คาอธิบายรายวชิ าพื้นฐานการงานอาชีพ ชั้นประถมศึกษาปที ี่ ๔ ๑๑๔
๘๓ คาอธบิ ายรายวชิ าพน้ื ฐานการงานอาชีพ ชน้ั ประถมศึกษาปที ี่ ๕ ๑๑๕
๘๔ คาอธิบายรายวิชาพืน้ ฐานการงานอาชพี ชน้ั ประถมศึกษาปที ่ี ๖ ๑๑๖
๘๕ คาอธิบายรายวิชาพน้ื ฐานกลุํมสาระการเรยี นร๎ูภาษาตาํ งประเทศ (ภาษาอังกฤษ) ๑๑๗
๘๖ คาอธบิ ายรายวชิ าพื้นฐาน ภาษาองั กฤษ ชน้ั ประถมศึกษาปที ี่ ๑ ๑๑๘
๘๗ คาอธิบายรายวิชาพนื้ ฐาน ภาษาองั กฤษ ชน้ั ประถมศึกษาปที ่ี ๒ ๑๑๙
๘๘ คาอธบิ ายรายวิชาพน้ื ฐานภาษาองั กฤษ ช้นั ประถมศึกษาปีที่ ๓ ๑๒๐
๘๙ คาอธบิ ายรายวชิ าพื้นฐาน ภาษาอังกฤษ ชน้ั ประถมศึกษาปที ี่ ๔ ๑๒๑
๙๐ คาอธบิ ายรายวิชาพ้นื ฐาน ภาษาองั กฤษช้ันประถมศกึ ษาปีท่ี ๕ ๑๓๓
๙๑ คาอธบิ ายรายวชิ าพน้ื ฐานภาษาอังกฤษ ชนั้ ประถมศึกษาปีที่ ๖ ๑๔๘
๙๒ กจิ กรรมพฒั นาผเ๎ู รียน ๑๔๘
๙๓ • กจิ กรรมแนะแนว ๑๖๘
๙๔ • กจิ กรรมนักเรียน ๒๐๐
๙๕ - กจิ กรรมลกู เสือ เนตรนารี ๒๐๓
๙๖ - กจิ กรรมชุมนมุ
๙๗ • กจิ กรรมเพื่อสังคมและสาธารณประโยชน์
๙๘ คํานยิ มหลกั ๑๒ ประการ

ภาคผนวก

-๑-

๑. ความเปน็ มา

กระทรวงศึกษาธิการได๎ประกาศใช๎หลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช ๒๕๕๑ให๎
เป็นหลักสูตร แกนกลางของประเทศ เม่ือวันท่ี ๑๑ กรกฎคม ๒๕๕๑ ซ่ึงใช๎มาเป็นเวลากวํา ๙ ปี สานักงาน
คณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐานโดยสานักวิชาการและมาตรฐานการศึกษาได๎ดาเนินการติดตามผลการนา
หลักสูตรไปสํูการปฏิบัติอยํางตํอเน่ือง ในหลายรูปแบบ ทั้งการประชุมรับฟูงความคิดเห็น การนิเทศติดตามผล
การใช๎หลักสูตรของโรงเรียน การรับฟังความคิด เห็นผํานเว็บไซต์ของสานักวิชาการและมาตรฐานการศึกษา
รายงานผลการวจิ ัยชองหนํวยงานและองคก์ รท่ีเกีย่ วข๎องกับหลกั สตู รและการใช๎หลักสตู รแกนกลางการศึกษาขั้น
พ้ืนฐาน พุทธศักราช ๒๕๕๑ ผลจากการศึกษา พบวํา ปัญหาสํวนใหญํ เกิดจาก การนาหลักสูตรแกนกลาง
การศึกษาข้ันพ้ืนฐาน พุทธศักราช ๒๕๕๑ สํูการปฏิบัติในสถานศึกษา และในห๎องเรียน อยํางไรก็ตาม ในด๎าน
ของเนื้อหาสาระในกลุํมสาระการเรียนรู๎ตามหลักสูตรแกนกลางฯ พบวํา มาตรฐาน การเรียนรู๎ และ ตัวชี้วัดใน
บางกลุํมสาระการเรียนรู๎ได๎แกํ กลุํมสาระการเรียนรู๎วิทยาศาสตร์ คณิตศาสตร์ การงานอาชีพและเทคโนโลยี
และ สังคมศึกษา ศาสนา และวัฒนธรรม ซึ่งเป็นเปูาหมายการพัฒนาคุณภาพผู๎เรียน ยังไมํเพียงพอตํอการ
รองรับสถานการณ์โลก ท่ีเปลี่ยนแปลงอยํางรวดเร็ว โดยเฉพาะอยํางย่ิงการเปลี่ยนแปลงทางวิทยาศาสตร์และ
เทคโนโลยี ซงึ่ เปน็ หัวใจของการวาง รากฐาน ขีดความสามารถในการแขํงขันของประเทศ การพัฒนาศักยภาพ
คน ยกระดับคุณภาพการศึกษาและการเรียนร๎ูท่ี สอดคล๎องกับการเรียนร๎ูในศตวรรษที่ ๒๑ ให๎สามารถพัฒนา
เศรษฐกจิ ลังคม กา๎ วหันและทดั เทียมนานาชาติ

นอกจากนีก้ ารศกึ ษาขอ๎ มูลทิศทางและกรอบยุทธศาสตร์ของแผนพัฒนาเศรษฐกิจและลังคมแหํงชาติ
ฉบับท่ี ๑๒ (พ.ศ. ๒๕๖๐-๒๕๖๔) ซึ่งเกิดข้ึนในชํวงเวลาของการปฏิรูปประเทศและสถานการณ์โลก ท่ี
เปล่ียนแปลงอยํางรวดเร็ว และเช่ือมโยงใกล๎ชิดกันมากขึ้น โดยจัดทาบนพ้ืนฐานของกรอบยุทธศาสตร์ชาติ ๒๐
ปี (พ.ศ. ๒๕๖๐-๒๕๗๙) ซึ่งเป็น แผนหลักของการพัฒนาประเทศ และเปูาหมายชองการพัฒนาท่ีย่ังยืน
(Sustainable Development Goals: SDGs) แผนการศึกษาแหํงชาติ พ.ศ. ๒๕๖๐-๒๕๗๙ รวมท้ังการปรับ
โครงสร๎างประเทศไปสํูประเทศไทย ๔.๐ ซ่ึงยุทธศาสตร์ชาติ ที่จะใช๎เป็นกรอบแนวทางการพัฒนาในระยะ ๒๐
ปตี อํ จากน้ี ประกอบดว๎ ย ๖ ยุทธศาสตร์ ได๎แกํ (๑) ยุทธศาสตร์ ด๎านความมั่นคง (๒) ยุทธศาสตร์ด๎านการสร๎าง
ความสามารถในการแขํงขัน (๓) ยุทธศาสตร์การพัฒนาและเสริมสร๎าง ศักยภาพคน (๔) ยุทธศาสตร์ด๎านการ
สร๎างโอกาสความเสมอภาคและเทําเทียมกันทางสังคม (๕) ยุทธศาสตร์ด๎านการสร๎าง การเติบโตบนคุณภาพ
ชีวิตที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล๎อม และ (๖) ยุทธศาสตร์ด๎านการปรับสมดุลและพัฒนาระบบการบริหาร จัดการ
ภาครัฐ เพ่ือมุํงสูํวิสัยทัศน์และทิศทางการพัฒนาประเทศ “ความม่ันคง มั่งคั่ง ย่ังยืน” เป็นประเทศพัฒนาแล๎ว
ด๎วยการพัฒนาตามหลักปรชั ญาของเศรษฐกิจพอเพียง

กระทรวงศึกษาธกิ ารโดยสานกั งานคณะกรรมการการศึกษาขนั้ พ้ืนฐาน จงึ ได๎พิจารณา
ปรับปรุงหลักสตู ร แกนกลางการศกึ ษาขัน้ พื้นฐาน พทุ ธศักราช ๒๕๕๑ ใหส๎ อดคลอ๎ งกับแผนดงั กลําว
ในประเด็นดา๎ นการสรา๎ งความสามารถ ในการแขํงขัน การพัฒนาและเสริมสร๎างศกั ยภาพคน เพ่ือการรองรับ
การเปล่ียนแปลง และทเี่ ก่ียวขอ๎ งกบั วิทยาศาสตร์ และเทคโนโลยี โดยกาหนดใหป๎ รับปรุงและพฒั นาหลกั สตู ร
และการจัดการเรยี นการสอน ๔ กลํุมสาระการเรยี นรู๎ ได๎แกํ กลมุํ สาระการเรียนรู๎คณติ ศาสตร์ วิทยาศาสตร์
การงานอาชีพและเทคโนโลยี และสงั คมศกึ ษา ศาสนา และวฒั นธรรม เฉพาะกลุํมสาระการเรียนร๎ู
คณิตศาสตร์ เปน็ นโยบายสาคัญเรํงดวํ น โดยปรบั ปรุงมาตรฐานการเรียนรแู๎ ละตวั ข้ึนใหม๎ ีความชัดเจน
ครอบคลุมยดื หยุนํ ทั้งเนื้อหา เวลา สอดคลอ๎ งกับบรบิ ทของโรงเรียน ตามเจตนารมณ์ของหลกั สตู รแกนกลาง
การศึกษาข้ันพ้ืนฐาน พทุ ธศักราชการ ๒๕๕๑

-๒-

หลกั สูตรโรงเรยี นบ๎านบอํ ดนิ พุทธศักราช ๒๕๖๑ (ฉบบั ปรบั ปรุง พ.ศ.๒๕๖๓) ตามหลักสตู ร
แกนกลางการศึกษาขนั้ พืน้ ฐาน พุทธศกั ราช ๒๕๕๑ เป็นแผนหรือแนวทางหรือข๎อกาหนดของการจัด
การศึกษาของโรงเรยี นบา๎ นบํอดิน ท่ีจะใชใ๎ นการจัดการเรียนการสอนเพ่ือพัฒนาผเ๎ู รยี นใหม๎ ีคณุ ภาพตาม
มาตรฐานท่กี าหนดมํงุ พฒั นาผเู๎ รียนใหเ๎ ปน็ คนดี มปี ัญญา มีความสขุ มีศักยภาพในการศึกษาตํอและประกอบ
อาชพี โดยมุํงหวงั ให๎มคี วามสมบูรณท์ งั้ ดา๎ นราํ งกายจติ ใจและสติปัญญาท้ังมีความร๎แู ละทกั ษะท่ีจาเปน็ สาหรับ
การดารงชีวิตและมีคุณภาพไดม๎ าตรฐานสากลเพ่ือการแขํงขนั ในยุคปจั จุบนั ดงั นนั้ มคี วามสาคญั ในการพฒั นา
ผ๎เู รียนใหม๎ คี ณุ ภาพตามมาตรฐานการเรียนร๎ู ตัวช้วี ดั และคณุ ลักษณะอนั พงึ ประสงค์ตามท่ีกาหนดไวเ๎ ปน็
แนวทางให๎ผบ๎ู ริหารสถานศึกษา ครู อาจารย์ ตลอดจนผู๎เกี่ยวข๎องกับการจดั การศึกษาของสถานศกึ ษา
ในการจดั มวลประสบการณใ์ หแ๎ กํผเ๎ู รียนได๎พฒั นาให๎บรรลุถึงคุณภาพตามมาตรฐานในการพัฒนาเยาวชนของ
ชาติ นอกเหนือจากการใชเ๎ ป็นแนวทาง หรือข๎อกาหนดในการจดั การศกึ ษาของสถานศึกษาใหบ๎ รรลตุ าม
จดุ หมายของการจัดการศึกษาแลว๎ เป็นหลกั สูตรท่ีมีจดุ มงํุ หมายใหค๎ รอบครัว ชุมชน องค์กรในท๎องถ่ินทั้ง
ภาครฐั และเอกชนเขา๎ รํวมจัดการศึกษา ของสถานศึกษานอกจากนัน้

เกย่ี วกับแนวทางการพัฒนาคนในสังคมไทย และจุดเนน๎ ของกระทรวงศกึ ษาธิการในการพฒั นาเยาวชนสํู
ศตวรรษที่ ๒๑ เพอ่ื นาไปสกูํ ารพัฒนาตามหลักสตู รแกนกลางการศึกษาข้นั พนื้ ฐาน พุทธศกั ราช ๒๕๕๑ ท่ีมี
ความเหมาะสม ชัดเจน ท้งั เปูาหมายของหลกั สูตรในการพัฒนาคุณภาพผเู๎ รียน และกระบวนการนาหลกั สูตร
ไปสกํู ารปฏบิ ตั ใิ นระดบั เขตพื้นทีก่ ารศึกษาและสถานศึกษา โดยได๎มีการกาหนดวสิ ยั ทศั น์ จุดหมาย สมรรถนะ
สาคญั ของผู๎เรียน คณุ ลกั ษณะอันพึงประสงค์มาตรฐานการเรียนร๎แู ละตัวชวี้ ดั ท่ชี ัดเจน เพื่อใชเ๎ ป็นทศิ ทางใน
การจัดทาหลกั สูตร การเรยี นการสอนในแตํละระดบั นอกจากนั้นได๎กาหนดโครงสร๎างเวลาเรียนขนั้ ต่าของแตํ
ละกลุํมสาระการเรียนรใู๎ นแตํละช้ันปีไว๎ในหลกั สตู รแกนกลาง และเปิดโอกาสใหส๎ ถานศึกษาเพิ่มเตมิ เวลาเรียน
ไดต๎ ามความพร๎อมและจุดเนน๎ อีกทัง้ ไดป๎ รับกระบวนการวดั และประเมนิ ผลผู๎เรยี น เกณฑ์การจบการศึกษาแตํ
ละระดบั และเอกสารแสดงหลกั ฐานทางการศกึ ษาใหม๎ ีความสอดคล๎องกบั มาตรฐานการเรยี นร๎ู และมคี วาม
ชดั เจนตอํ การนาไปปฏิบัติเอกสารหลักสตู รแกนกลางการศึกษาขัน้ พ้นื ฐาน พุทธศกั ราช ๒๕๕๑ นี้ จัดทาขน้ึ
สาหรับทอ๎ งถนิ่ และสถานศกึ ษาไดน๎ าไปใช๎เป็นกรอบและทิศทางในการจัดทาหลักสูตรสถานศกึ ษาและจัดการ
เรียนการสอนเพอื่ พัฒนาเด็กและเยาวชนไทยทุกคนในระดับการศกึ ษาข้นั พื้นฐานใหม๎ ีคุณภาพดา๎ นความร๎ูและ
ทกั ษะทจ่ี าเปน็ สาหรบั การดารงชวี ิตในสงั คมทมี่ ีการเปลีย่ นแปลง และแสวงหาความร๎เู พ่ือพัฒนาตนเองอยาํ ง
ตอํ เนอ่ื งตลอดชีวติ

มาตรฐานการเรยี นรแ๎ู ละตวั ช้วี ัดท่ีกาหนดไวใ๎ นเอกสารน้ีชวํ ยทาให๎หนํวยงานที่เก่ียวข๎องในทุกระดับเห็นผล
คาดหวังทตี่ ๎องการในการพัฒนาการเรยี นรข๎ู องผูเ๎ รยี นทช่ี ดั เจนตลอดแนว ซง่ึ จะสามารถชํวยใหห๎ นวํ ยงาน
ที่เกี่ยวข๎องในระดับท๎องถิ่นและสถานศึกษารํวมกันพัฒนาหลักสูตรได๎อยํางม่ันใจ ทาให๎การจัดทาหลักสูตรใน
ระดับสถานศึกษามีคุณภาพและมีความเป็นเอกภาพยิ่งขึ้น อีกท้ังยังชํวยให๎เกิดความชัดเจนเรื่องการวัดและ
ประเมนิ ผลการเรยี นรู๎ และชวํ ยแก๎ปญั หาการเทียบโอนระหวํางสถานศึกษา ดังนั้นในการพัฒนาหลักสูตรในทุก
ระดับต้ังแตํระดับชาติจนกระท่ังถึงสถานศึกษา จะต๎องสะท๎อนคุณภาพตามมาตรฐานการเรียนรู๎และตัวชี้วัดท่ี
กาหนดไว๎ ในหลักสตู รแกนกลางการศึกษาขั้นพ้ืนฐาน รวมทั้งเป็นกรอบทิศทางในการจัดการศึกษาทุกรูปแบบ
และครอบคลุมผ๎เู รยี นทุกกลํุมเปูาหมายในระดับการศึกษาขั้นพ้ืนฐาน การจัดหลักสูตรการศึกษาข้ันพื้นฐานจะ
ประสบความสาเร็จตามเปูาหมายที่คาดหวังได๎ ทุกฝุายท่ีเก่ียวข๎องท้ังระดับชาติ ชุมชน ครอบครัว และบุคคล
ต๎องรํวมรับผิดชอบ โดยรํวมกันทางานอยํางเป็นระบบ และตํอเน่ือง ในการวางแผน ดาเนินการ สํงเสริม
สนับสนนุ ตรวจสอบ ตลอดจนปรบั ปรุงแก๎ไข เพ่ือพัฒนาเยาวชนของชาติไปสูํคุณภาพตามมาตรฐานการเรียนร๎ู
ทีก่ าหนดไว๎

-๓-

๒. วิสยั ทศั น์หลกั สูตรแกนกลางการศกึ ษาข้ันพื้นฐาน พุทธศักราช ๒๕๕๑
หลกั สตู รแกนกลางการศึกษาขัน้ พ้นื ฐาน มุงํ พฒั นาผ๎ูเรยี นทกุ คน ซ่ึงเป็นกาลงั ของชาติใหเ๎ ปน็ มนุษย์ที่มีความ
สมดุลทั้งดา๎ นราํ งกาย ความรู๎ คุณธรรม มีจิตสานกึ ในความเปน็ พลเมืองไทย และเปน็ พลโลก ยดึ มัน่ ในการ
ปกครองตามระบอบประชาธิปไตยอันมพี ระมหากษตั ริย์ทรงเป็นประมุข มคี วามรู๎และทักษะพ้ืนฐาน รวมทง้ั
เจตคติ ที่จาเป็นตํอการศกึ ษาตอํ การประกอบอาชีพและการศกึ ษา ตลอดชวี ิต โดยมุํงเนน๎ ผูเ๎ รยี นเปน็ สาคัญ
บนพ้นื ฐานความเชื่อวาํ ทุกคนสามารถเรยี นรู๎และพฒั นาตนเองได๎เต็มตามศักยภาพ

๓. วิสัยทัศนโ์ รงเรียน ( Vision)
หลักสตู รโรงเรยี นบ๎านบํอดิน พ.ศ. ๒๕๖๑ ตามหลกั สูตรแกนกลางการศกึ ษาข้ันพ้นื ฐาน พุทธศักราช

๒๕๕๑ มงํุ จัดการศกึ ษาเพ่ือพฒั นาผ๎เู รียนใหม๎ ีคุณภาพ เป็นคนดคี นเกํง มีความสุขรักการเรยี นรู๎ พ่ึงตนเองได๎
ตามหลักหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง มจี ติ สานกึ ในความเป็นพลเมืองไทยและเป็นพลโลก ยึดม่นั ในการ
ปกครองตามระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตรยิ ์ทรงเป็นประมุข มคี วามร๎ูและทักษะพืน้ ฐาน รวมทัง้ เจต
คติทจี่ าเปน็ ตํอการศึกษาตํอ การประกอบอาชพี และการศึกษาตลอดชวี ติ โดยมํงุ เน๎นผูเ๎ รียนเป็นสาคญั บน
พืน้ ฐานความเชอ่ื วาํ ทุกคนสามารถเรยี นรแู๎ ละพฒั นาตนเองได๎เต็มตามศักยภาพโดยครูมืออาชีพ จากการ
บรหิ ารทีม่ ปี ระสิทธภิ าพ ด๎วยเทคโนโลยีท่หี ลากหลาย

๔. พันธกิจ (Mission)
๑. สํงเสริมโอกาสทางการศกึ ษาใหแ๎ กํประชากรวยั เรียนในเขตบรกิ ารทุกคน
๒. สงํ เสริมสนับสนุนการจดั การศกึ ษาตามมาตรฐานขน้ั พื้นฐานอยาํ งท่ัวถงึ และมีคุณภาพ
๓. สงํ เสรมิ การอนรุ ักษ์ธรรมชาตแิ ละส่งิ แวดลอ๎ ม ยดึ หลกั ปรชั ญาเศรษฐกจิ พอเพยี ง
๔. สงํ เสรมิ การใช๎เทคโนโลยี เพอ่ื การเรยี นรู๎
๕. พัฒนาระบบการบริหารจัดการศึกษา พร๎อมรบั การกระจายอานาจ

๕. เป้าประสงค์ (Objective)
๑. ประชากรวัยเรยี นในเขตบริการของโรงเรยี นไดร๎ ับโอกาสในการศึกษาขั้นพนื้ ฐาน

ตามสิทธอิ ยาํ งเทาํ เทียมและทั่วถึง
๒. ผเู๎ รียนทกุ คนไดร๎ บั การศึกษาที่มีคณุ ภาพตามมาตรฐานการศกึ ษาขัน้ พืน้ ฐาน
๓. โรงเรียนรวํ มกับทอ๎ งถน่ิ อนุรักษ์ธรรมชาติและสงิ่ แวดลอ๎ ม ผ๎ูเรียนใช๎คุณธรรมนาความร๎ู

ตามหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง
๔. ใชเ๎ ทคโนโลยีเพอื่ การเรียนรูแ๎ ละการบรหิ ารจัดการอยํางทั่วถงึ
๕. โรงเรยี นบริหารจัดการไดม๎ าตรฐาน ชมุ ชนมีสํวนรวํ มในการจดั การศึกษา

๖. กลยทุ ธ์ (Strategy)
๑. สรา๎ งความเสมอภาคและเพ่มิ โอกาสให๎ผ๎ูเรียนไดร๎ ับการศึกษาข้นั พื้นฐาน
๒. เรงํ รัดพัฒนาบุคลากร ผ๎ูเรยี นให๎เป็นคนดี มีคุณธรรม ใชช๎ วี ติ ตามหลกั ปรัชญา

เศรษฐกจิ พอเพยี ง
๓. เสริมสร๎างประสิทธิภาพระบบการดูแลชํวยเหลอื นกั เรยี น
๔. พัฒนาครแู ละบคุ ลากรเพื่อพฒั นากระบวนการจดั การเรยี นร๎ู
๕. พัฒนาคุณภาพระบบบรหิ ารจดั การโดยใชส๎ ถานศึกษาเป็นฐาน

-๔-

๗. หลักการ
หลักสูตรแกนกลางการศึกษาขน้ั พื้นฐาน มีหลักการที่สาคัญ ดงั นี้

๑. เปน็ หลักสูตรการศึกษาเพื่อความเปน็ เอกภาพของชาติ มีจุดหมายและมาตรฐาน การเรียนรเู๎ ป็น
เปูาหมายสาหรับพัฒนาเด็กและเยาวชนให๎มีความร๎ู ทักษะ เจตคติ และคุณธรรม บนพน้ื ฐานของความเปน็ ไทย
ควบคกํู ับความเปน็ สากล

๒. เป็นหลักสูตรการศึกษาเพื่อปวงชน ทป่ี ระชาชนทุกคนมีโอกาสได๎รับการศึกษาอยาํ งเสมอภาค และมี
คุณภาพ

๓. เปน็ หลกั สตู รการศึกษาที่สนองการกระจายอานาจ ให๎สังคมมสี วํ นรํวมในการจัดการศกึ ษาให๎สอดคล๎อง
กบั สภาพและความต๎องการของท๎องถน่ิ

๔. เปน็ หลกั สูตรการศึกษาทมี่ ีโครงสรา๎ งยืดหยนํุ ท้งั ด๎านสาระการเรียนรู๎ เวลาและการจดั การเรยี นร๎ู
๕. เป็นหลกั สูตรการศึกษาทเ่ี น๎นผูเ๎ รียนเปน็ สาคัญ
๖. เป็นหลกั สูตรการศึกษาสาหรบั การศึกษาในระบบ นอกระบบ และตามอธั ยาศัย ครอบคลุมทกุ
กลํมุ เปาู หมาย สามารถเทียบโอนผลการเรยี นร๎ู และประสบการณ์

๘. จดุ หมาย
หลักสูตรแกนกลางการศกึ ษาข้ันพน้ื ฐาน มงํุ พัฒนาผเ๎ู รียนใหเ๎ ปน็ คนดี มปี ญั ญา มคี วามสุข

มศี กั ยภาพในการศกึ ษาตํอ และประกอบอาชพี จึงกาหนดเป็นจุดหมาย เพ่ือใหเ๎ กิดกบั ผู๎เรียน เมอ่ื จบ
การศกึ ษาขนั้ พ้ืนฐาน ดงั นี้

๑. มีคณุ ธรรม จริยธรรม และคาํ นิยมท่ีพึงประสงค์ เห็นคุณคําของตนเอง มีวนิ ัยและปฏบิ ัตติ นตาม
หลักธรรมของพระพทุ ธศาสนา หรือศาสนาท่ีตนนบั ถอื ยดึ หลักปรชั ญาของเศรษฐกิจพอเพียง

๒. มีความร๎อู นั เป็นสากลและมีความสามารถในการส่ือสาร การคิด การแก๎ปัญหา การใชเ๎ ทคโนโลยี
และมีทักษะชีวิต

๓. มสี ุขภาพกายและสขุ ภาพจติ ทีด่ ี มีสขุ นสิ ัย และรักการออกกาลังกาย
๔. มคี วามรักชาติ มีจติ สานึกในความเป็นพลเมืองไทยและพลโลก ยดึ ม่ันในวถิ ีชวี ติ และการปกครอง
ในระบอบประชาธปิ ไตยอนั มีพระมหากษัตรยิ ท์ รงเป็นประมขุ
๕. มจี ติ สานึกในการอนรุ ักษ์วฒั นธรรมและภูมปิ ัญญาไทย การอนุรักษแ์ ละพัฒนาสิ่งแวดล๎อม มจี ิต
สาธารณะทีม่ ํุงทาประโยชน์และสรา๎ งสงิ่ ท่ดี ีงามในสังคม และอยรํู ํวมกันในสงั คมอยํางมคี วามสุข

๙. สมรรถนะสาคญั ของผ้เู รียน
หลกั สตู รโรงเรยี นบ๎านบํอดิน พุทธศักราช ๒๕๖๑ (ฉบับปรบั ปรงุ พ.ศ. ๒๕๖๓) มงํุ ให๎ผ๎ูเรยี นเกิดสมรรถนะ
สาคัญ ๕ ประการ ดงั นี้

๑. ความสามารถในการส่อื สาร เปน็ ความสามารถในการรบั และสํงสาร มวี ฒั นธรรมในการใช๎ภาษา
ถํายทอดความคดิ ความร๎คู วามเข๎าใจ ความรสู๎ ึก และทัศนะของตนเอง เพ่ือแลกเปลีย่ นข๎อมูลขาํ วสารและ
ประสบการณ์อนั จะเป็นประโยชน์ตํอการพัฒนาตนเองและสงั คม รวมทง้ั การเจรจาตํอรองเพอ่ื ขจดั และลด
ปญั หาความขดั แยง๎ ตําง ๆ การเลอื กรับหรอื ไมรํ ับขอ๎ มลู ขําวสารดว๎ ยหลกั เหตุผลและความถกู ต๎อง ตลอดจนการ
เลอื กใช๎วิธีการสือ่ สาร ท่ีมปี ระสทิ ธภิ าพ โดยคานึงถึงผลกระทบที่มีตํอตนเองและสงั คม

๒. ความสามารถในการคิด เปน็ ความสามารถในการคิดวเิ คราะห์ การคิดสงั เคราะหก์ ารคิดอยาํ ง
สร๎างสรรค์ การคดิ อยํางมวี จิ ารณญาณ และการคิดเปน็ ระบบ เพอื่ นาไปสูกํ ารสร๎างองค์ความรู๎หรอื สารสนเทศ
เพ่ือการตดั สนิ ใจเกย่ี วกับตนเองและสงั คมได๎อยาํ งเหมาะสม

-๕-

๓. ความสามารถในการแกป๎ ัญหา เปน็ ความสามารถในการแกป๎ ัญหาและอุปสรรคตาํ ง ๆ ทเ่ี ผชิญได๎
อยํางถูกต๎องเหมาะสมบนพ้ืนฐานของหลักเหตุผล คุณธรรมและข๎อมลู สารสนเทศ เขา๎ ใจความสัมพันธ์และ
การเปลี่ยนแปลงของเหตุการณ์ตาํ ง ๆ ในสังคม แสวงหาความรู๎ ประยกุ ต์ความรม๎ู าใชใ๎ นการปูองกนั และแก๎ไข
ปญั หา และมีการตัดสนิ ใจที่มีประสิทธภิ าพโดยคานึงถึงผลกระทบท่ีเกดิ ข้นึ ตํอตนเอง สังคมและสง่ิ แวดล๎อม

๔. ความสามารถในการใช๎ทกั ษะชวี ติ เปน็ ความสามารถในการนากระบวนการตาํ ง ๆ ไปใช๎
ในการดาเนินชีวิตประจาวัน การเรยี นร๎ูด๎วยตนเอง การเรียนรูอ๎ ยํางตํอเนือ่ ง การทางาน และการอยรํู ํวมกนั
ในสังคมดว๎ ยการสรา๎ งเสรมิ ความสัมพันธ์อนั ดรี ะหวํางบุคคล การจัดการปัญหา และความขัดแย๎งตําง ๆ
อยํางเหมาะสม การปรบั ตวั ใหท๎ ันกับการเปลยี่ นแปลงของสงั คมและสภาพแวดลอ๎ ม และการร๎จู ักหลีกเลี่ยง
พฤติกรรมไมํพงึ ประสงคท์ ี่สงํ ผลกระทบตํอตนเองและผ๎ูอ่นื

๕. ความสามารถในการใชเ๎ ทคโนโลยี เป็นความสามารถในการเลือก และใช๎ เทคโนโลยี ด๎านตํางๆ
และมที ักษะกระบวนการทางเทคโนโลยี เพอื่ การพฒั นาตนเองและสังคม ในด๎านการเรยี นรู๎ การส่ือสาร การ
ทางาน การแก๎ปัญหาอยํางสรา๎ งสรรค์ ถูกต๎อง เหมาะสม และมคี ุณธรรม

๑๐. คุณลักษณะอนั พงึ ประสงค์

หลกั สตู รโรงเรียนบ๎านบํอดิน พุทธศกั ราช ๒๕๖๑ (ฉบับปรบั ปรุง พ.ศ. ๒๕๖๓) มํงุ พัฒนาผู๎เรียนใหม๎ ี

คณุ ลกั ษณะอนั พงึ ประสงค์ เพ่ือให๎สามารถอยํรู วํ มกบั ผ๎ูอ่นื ในสังคมไดอ๎ ยํางมีความสขุ ในฐานะเป็นพลเมืองไทย

และพลโลก ดังน้ี

๑. รกั ชาติ ศาสน์ กษตั ริย์ ๖. มํุงมนั่ ในการทางาน

๒. ซื่อสัตยส์ ุจรติ ๗. รักความเป็นไทย

๓. มวี นิ ยั ๘. มีจติ สาธารณะ

๔. ใฝเุ รียนรู๎ ๙. มคี วามสามัคคี

๕. อยํอู ยาํ งพอเพยี ง ๑๐. มีความกตญั ญูกตเวที

๑๑. เปา้ หมาย/จดุ เนน้ กรอบสาระการเรียนร๎ู การประเมนิ คุณภาพการศกึ ษา ระดบั ท๎องถิ่น
จากการนาขอ๎ มลู ที่เกี่ยวข๎อง เชนํ ขอ๎ มูลการเขา๎ รวํ มสนทนากลมํุ รํวมกบั องค์กรตํางๆ ในทอ๎ งท่ี

จงั หวัดบรุ ีรัมย์ ไดป๎ ัญหาและความต๎องการในระดับจังหวัด และข๎อมลู พ้นื ฐาน ของสานักงานเขตพน้ื ที่
การศกึ ษาประถมศกึ ษาบรุ ีรมั ย์ เขต ๒ ทไ่ี ดร๎ วบรวมเป็นข๎อมูล ในการกาหนดเปาู หมาย/จดุ เน๎น ไดแ๎ กํข๎อมูล
ดา๎ นผลสมั ฤทธิ์นักเรียน ข๎อมูลด๎านนักเรยี นอํานไมํไดเ๎ ขียนไมไํ ด๎ ข๎อมูล การประเมินคุณภาพการศึกษา
ภายนอก สมศ. รอบหนงึ่ รอบสอง และรอบสาม สานักงานเขตพ้ืนทก่ี ารศึกษาประถมศึกษาบุรีรมั ย์ เขต ๒
โดยคณะกรรมการและผู๎มสี ํวนเกย่ี วขอ๎ ง ได๎นาข๎อมูลดงั กลําว สงั เคราะห์เพื่อกาหนดเปูาหมาย/จดุ เน๎น และ
สาระการเรียนรู๎ท๎องถิ่น ไดด๎ งั น้ี

๑. การอาํ น การเขยี น และคิดคานวณ
๒. การคดิ วิเคราะห์
๓. รกั และภมู ใิ จในทอ๎ งถนิ่ จงั หวัดบรุ ีรัมย์

-๖-

๑๒. กรอบสาระการเรียนรทู้ ้องถนิ่
คณะกรรมการได๎กาหนดกรอบการจดั การเรียนรูห๎ ลกั สูตรระดับท๎องถนิ่ ตามเปูาหมายหรือจุดเน๎นไวด๎ งั นี้

๑. การอําน การเขยี น และคดิ คานวณ
๑.๑ การอํานการเขยี น คาบัญชพี ืน้ ฐาน และคาที่ใช๎ในชีวติ ประจาวัน
๑.๒ การคดิ คานวณทักษะพน้ื ฐาน บวก ลบ คณู หาร และแก๎โจทยป์ ญั หา

๒. การคิดวเิ คราะห์
๒.๑ ทกั ษะกระบวนการคิด
๒.๒ ทักษะการแกป๎ ญั หา
๒.๓ พฒั นาทกั ษะชวี ิต

๓. มีความรักและภูมใิ จในท๎องถนิ่ ชาวบรุ ีรัมย์
๓.๑ ประวตั ิจงั หวดั บุรรี ัมยแ์ ละท๎องถิ่น
๓.๒ สภาพภูมศิ าสตรข์ องท๎องถิ่น
๓.๓ ศลิ ปะ วัฒนธรรม และประเพณี ในท๎องถิ่น
๓.๔ ภาษาทอ๎ งถ่นิ ไทยอีสาน
๓.๕ ความอํอนนอ๎ ม ถํอมตน ตามวถิ ีชวี ติ ชาวจงั หวดั บรุ รี มั ย์
๓.๖ แหลงํ ทอํ งเทยี่ วในท๎องถนิ่
๓.๗ บุคคลสาคญั ในทอ๎ งถน่ิ
๓.๘ ภมู ปิ ญั ญาทอ๎ งถน่ิ

๑๓. สาระการเรยี นรทู้ ้องถิน่
๑. ประวัตจิ งั หวดั บุรีรัมย์และท๎องถน่ิ
๑.๑ ความเปน็ มา
๑.๒ คาขวัญจงั หวัดบรุ ีรัมย์ “ เมอื งปราสาทหนิ ถ่ินภูเขาไฟ ผา๎ ไหมสวย รวยวัฒนธรรม
เลิศล้าเมืองกีฬา ”
๒. สภาพภูมิศาสตร์ ของท๎องถ่ิน
๒.๑ ลักษณะภูมิประเทศ เชํน ที่ราบ สงู ต่า
๒.๒ ลกั ษณะภมู อิ ากาศ
๒.๓ ขนาดและทตี่ ั้ง
๒.๔ แมํนา้ เชํน นา้ ชี
๒.๕ ภูเขา เชนํ เทือกเขาพนมดงรกั
๒.๖ ทรัพยากรธรรมชาติ เชนํ ยางพารา ยูคาลิปตัส มันสาปะหลงั อ๎อย ขา๎ ว

๓. ศลิ ปะ วัฒนธรรม และประเพณี ในท๎องถน่ิ
๓.๑ การแตํงกายท๎องถิ่น
๓.๒ ภาษาและวรรณกรรมจังหวัดบรุ ีรมั ย์
๓.๓ โบราณสถาน,โบราณวตั ถุ
๓.๔ บญุ บัง้ ไฟงานขา๎ วมะลหิ อม ปลาจํอมก๎ุง ชมทุํงนกประโคนชัย แหเํ ทียนพรรษา
๓.๕ กลมุํ ชาตพิ ันธ์เุ ชํน กลมุํ ไทยโคราช กลุํมไทยลาว กลมํุ ไทยเขมร กลํุมไทยกวย (กูย)

-๗-

๔. ภาษาไทย
๔.๑ ภาษาและวรรณกรรม เชํน ภาษาไทยอีสาน, นิทานพื้นบา๎ น
๔.๒ ผญา/กนั ตรึม/เจรยี ง/หมอลา

๕. ความอํอนนอ๎ ม ถํอมตน ตามวิถีชวี ิตชาวบรุ ีรัมย์
๕.๑ การประพฤติปฏบิ ัติตน
๕.๒ การมสี ัมมาคารวะ
๕.๓ วิถชี ีวติ

๖. แหลํงทอํ งเทย่ี วในท๎องถิน่
๖.๑ แหลํงทอํ งเท่ยี วสาคญั ของจังหวดั บุรรี ัมย์ ปราสาทเขาพนมรง๎ุ ปราสาทหนิ เมืองตา่
เขากระโดง สวนนก
๖.๒ แหลํงทอํ งเที่ยวสาคญั ของอาเภอไดแ๎ กํ สวนนกประโคนชัย ปราสาทหินเมืองตา่
๖.๓ แหลงํ ทอํ งเทยี่ วในชุมชน ไดแ๎ กํ วดั บ๎านบํอดิน

๗. บคุ คลสาคญั ในทอ๎ งถ่ิน
๗.๑ บคุ ลสาคญั ในจังหวดั บุรีรมั ย์
๗.๒ บุคคลสาคญั ในอาเภอ หมบูํ ๎าน

๘. คาขวญั อาเภอประโคนชัย
“วฒั นธรรมเลศิ ลา้ เมืองตา่ ปราสาทหิน ถิน่ ข๎าวมะลหิ อม ปลาจํอมรสดี ร๎อยพันปักษี
คนมีนา้ ใจงาม”

๑๔. โครงสร้างหลักสตู รโรงเรยี น
หลกั สูตรโรงเรยี นบ๎านบอํ ดิน พุทธศักราช ๒๕๖๑ (ฉบับปรับปรุง พ.ศ. ๒๕๖๓) ตามหลักสตู ร

แกนกลางการศึกษาขั้นพืน้ ฐาน พุทธศักราช ๒๕๕๑ ไดก๎ าหนดโครงสรา๎ งของหลกั สตู รสถานศึกษา เพื่อให๎
ผส๎ู อน และผทู๎ ีเ่ กยี่ วข๎องในการจดั การเรยี นรูต๎ ามหลักสตู รของสถานศึกษามีแนวปฏบิ ัติ ดงั นี้

๑. ระดับการศึกษา กาหนดหลักสตู รเปน็ ๑ ระดับ ตามโครงสร๎างของหลักสตู รแกนกลางการศึกษา
ขน้ั พนื้ ฐาน พุทธศักราช ๒๕๕๑ และตามภารกิจหลกั ของการจดั การเรียนการสอนในระดบั ประถมศึกษาของ
สถานศึกษา ดงั นี้

๑.๑ ระดบั ประถมศึกษา (ชน้ั ประถมศึกษาปีท่ี ๑ – ๖) การศกึ ษาระดับนเี้ ป็นชํวงแรกของ
การศกึ ษาภาคบงั คับ มงํุ เน๎นทักษะพื้นฐานดา๎ นการอําน การเขียน การคดิ คานวณ ทักษะการคิดพ้นื ฐาน การ
ติดตํอสื่อสาร กระบวนการเรียนรท๎ู างสงั คม และพื้นฐานความเปน็ มนษุ ย์ การพัฒนาคณุ ภาพชีวิต อยํางสมบูรณ์
และสมดลุ ทง้ั ในดา๎ นรํางกาย สติปัญญา อารมณ์ สังคม และวัฒนธรรม โดยเนน๎ จดั การเรยี นร๎ูแบบบูรณาการ

๑.๒ -

-๘-

๒. สาระการเรียนร๎ู สาระการเรียนรใ๎ู นหลกั สูตรโรงเรียนบ๎านบํอดิน พทุ ธศักราช ๒๕๖๑ (ฉบับ
ปรบั ปรงุ พ.ศ. ๒๕๖๓) ตามหลกั สูตรแกนกลางการศึกษาขัน้ พ้ืนฐาน พุทธศกั ราช ๒๕๕๑ ไดก๎ าหนดไว๎ใน
หลักสตู ร ประกอบด๎วยองค์ความรู๎ ทกั ษะหรอื กระบวนการเรยี นรู๎ และคุณลักษณะหรอื คํานยิ ม คณุ ธรรม
จริยธรรมของผเู๎ รยี น ๘ กลํุมสาระการเรียนรู๎ คือ

๒.๑ ภาษาไทย
๒.๒ คณติ ศาสตร์
๒.๓ วิทยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี
๒.๔ สังคมศึกษา ศาสนา และวฒั นธรรม

๒.๔.๑ ประวัติศาสตร์
๒.๔.๒ รายวิชาเพ่ิมเตมิ หน๎าทพ่ี ลเมือง
๒.๕ สขุ ศึกษาและพลศึกษา
๒.๖ ศิลปะ
๒.๗ การงานอาชีพ
๒.๘ ภาษาอังกฤษ
๓. กิจกรรมพัฒนาผเู๎ รยี น กิจกรรมพัฒนาผ๎ูเรยี น มุํงให๎ผเ๎ู รียนได๎พัฒนาตนเองตามศักยภาพ
พัฒนาอยํางรอบด๎านเพื่อความเป็นมนุษย์ท่สี มบรู ณ์ ท้ังรํางกาย สตปิ ัญญา อารมณ์ และสงั คม เสริมสรา๎ งใหเ๎ ป็น
ผม๎ู ศี ีลธรรม จริยธรรม มีระเบียบวนิ ยั ปลกู ฝังและสร๎างจิตสานกึ ของการทา
ประโยชนเ์ พื่อสังคม สามารถจัดการตนเองได๎ และอยูํรํวมกับผอ๎ู ่นื อยาํ งมีความสุข แบํงเปน็ 3 ลกั ษณะ ดังนี้
๓.๑ กิจกรรมแนะแนว เปน็ กจิ กรรมที่สํงเสริมและพฒั นาผู๎เรยี นใหร๎ ูจ๎ ักตนเอง
รรู๎ กั ษส์ ิ่งแวดลอ๎ ม สามารถคดิ ตดั สินใจ คิดแก๎ปัญหา กาหนดเปาู หมาย วางแผนชวี ิตทง้ั ด๎านการเรียนและอาชีพ
สามารถปรับตนได๎อยาํ งเหมาะสม นอกจากนยี้ ังชํวยใหค๎ รรู ู๎จักและเข๎าใจผู๎เรียน ท้งั ยงั เป็นกิจกรรมที่ชํวยเหลือ
และให๎คาปรึกษาแกผํ ปู๎ กครองในการมีสวํ นรวํ มพฒั นาผ๎เู รียน
๓.๒ กจิ กรรมนกั เรยี น เปน็ กิจกรรมท่มี งุํ พฒั นาความมรี ะเบยี บวนิ ยั ความเปน็ ผูน๎ าผู๎ตามที่ดี
ความรบั ผิดชอบ การทางานรํวมกัน การรจ๎ู ักแกป๎ ัญหา การตดั สินใจทเี่ หมาะสม ความมีเหตผุ ล
การชวํ ยเหลอื แบํงปันกนั เออ้ื อาทร และสมานฉันท์ โดยจัดใหส๎ อดคล๎องกบั ความสามารถ ความถนัด และ
ความสนใจของผ๎เู รยี น ใหไ๎ ด๎ปฏบิ ตั ดิ ว๎ ยตนเองในทุกขัน้ ตอน ไดแ๎ กํ การศกึ ษาวเิ คราะห์วางแผน ปฏิบัติตามแผน
ประเมินและปรับปรุงการทางาน เนน๎ การทางานรํวมกันเป็นกลุํม ตามความเหมาะสมและสอดคล๎องกบั วุฒิ
ภาวะของผเ๎ู รยี น บริบทของสถานศึกษาและท๎องถ่ิน กจิ กรรมนกั เรยี นในหลักสูตรโรงเรียนบา๎ นบอํ ดิน
พุทธศักราช ๒๕๖๑ (ฉบับปรับปรงุ พ.ศ. ๒๕๖๓) ตามหลกั สูตรแกนกลางการศกึ ษาข้นั พน้ื ฐาน พุทธศักราช
๒๕๕๑ ประกอบด๎วย
๓.๒.๑ กิจกรรมลูกเสือ เนตรนารี
๓.๒.๒ กิจกรรมชุมนุม
๓.๓ กจิ กรรมเพื่อสังคมและสาธารณประโยชน์ เปน็ กจิ กรรมท่ีสงํ เสรมิ ใหผ๎ เ๎ู รียนบาเพ็ญตน
ให๎เป็นประโยชนต์ ํอสังคม ชมุ ชน และทอ๎ งถน่ิ ตามความสนใจในลกั ษณะอาสาสมคั ร เพื่อแสดงถงึ ความ
รบั ผิดชอบ ความดงี าม ความเสียสละตอํ สงั คม มจี ติ สาธารณะ
๔. เวลาเรียน หลักสตู รโรงเรยี นบ๎านบํอดิน พุทธศกั ราช ๒๕๖๑ (ฉบบั ปรบั ปรงุ พ.ศ. ๒๕๖๓)
ตามหลกั สตู รแกนกลางการศึกษาข้ันพืน้ ฐาน พทุ ธศักราช ๒๕๕๑ ได๎กาหนดกรอบโครงสร๎างเวลาเรยี นขั้นต่า
สาหรับกลํุมสาระการเรยี นรู๎ ๘ กลํมุ และกจิ กรรมพัฒนาผ๎ูเรียนซึ่งผู๎สอน สามารถเพิ่มเตมิ ได๎ตามความพร๎อม
และจดุ เนน๎ ของสถานศกึ ษาโดยสามารถปรบั ใหเ๎ หมาะสมตามบริบทของสถานศึกษาและสภาพของผเู๎ รียน ดงั นี้

-๙-

๑๕. โครงสรา้ งเวลาเรยี น
ระดบั ประถมศกึ ษา ไดป๎ รับโครงสร๎างเวลาเรียน มีเวลาเรยี นตลอดหลักสูตรไมํเกิน

๑,๐๐๐ ชว่ั โมงตอํ ปี แบงํ เปน็ รายวิชาพืน้ ฐาน ๘๔๐ ชัว่ โมงตอํ ปี รายวิชาเพ่ิมเติม ๔๐ ช่วั โมงตอํ ปี กิจกรรม
พัฒนาผ๎ูเรียน ๑๒๐ ชั่วโมงตอํ ปี

การบริหารจดั การเวลาเรยี น
ใหส๎ ถานศึกษาข้ันพ้ืนฐานทุกแหํง เพ่มิ เวลาเรียนกลุํมสาระการเรยี นรู๎ภาษาตํางประเทศ
(ภาษาองั กฤษ) ในชัน้ ประถมศึกษาปีท่ี ๑-๓ จาก ๔๐ ชั่วโมงตํอปี เปน็ ๒๐๐ ช่ัวโมงตํอปี หรอื ๑ ชัว่ โมง
ตอํ สปั ดาห์ เป็น ๕ ชว่ั โมงตอํ สัปดาห์ ท้ังนีต้ ้ังแตํภาคเรยี นท่ี ๑ ปีการศึกษา ๒๕๖๑ เปน็ ต๎นไป

โครงสร๎างเวลาเรียนช้นั ประถมศกึ ษาปที ี่ ๑-๓ และการลงเวลาในแบบ ปพ. ๑

เวลาเรยี น (ชั่วโมง/ปี)

กล่มุ สาระการเรยี นรู้/กจิ กรรม ป.๑-๓

กลํุมสาระการเรยี นร๎ู ป.๑ ป.๒ ป.๓ ปพ.๑
ภาษาไทย
คณิตศาสตร์ ๒๐๐ ๒๐๐ ๒๐๐ ๒๐๐
วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ๒๐๐ ๒๐๐ ๒๐๐ ๒๐๐
สงั คมศึกษา ศาสนาและวัฒนธรรม ๖๐ ๖๐ ๖๐ ๖๐
๐ ประวัตศิ าสตร์ ๘๐ ๘๐ ๘๐ ๘๐
๐ ศาสนา ศีลธรรม จรยิ ธรรม (๔๐) (๔๐) (๔๐) (๔๐)
๐ หน๎าท่พี ลเมอื ง วฒั นธรรม และการ
(๔๐) (๔๐) (๔๐) (๔๐)
ดาเนินชวี ติ ในสงั คม
๐ เศรษฐศาสตร์ ๔๐ ๔๐ ๔๐ ๔๐
๐ ภูมิศาสตร์ ๔๐ ๔๐ ๔๐ ๔๐
สขุ ศกึ ษาและพลศึกษา ๒๐ ๒๐ ๒๐ ๒๐
ศลิ ปะ ๒๐๐ ๒๐๐ ๒๐๐ ๒๐๐
การงานอาชพี ๘๔๐ ๘๔๐ ๘๔๐ ๘๔๐
ภาษาตาํ งประเทศ (ภาษาอังกฤษ) ๔๐ ๔๐ ๔๐ ๔๐
๑๒๐ ๑๒๐ ๑๒๐ ๑๒๐
รวมเวลาเรยี นพนื้ ฐาน ๔๐ ๔๐ ๔๐ ๔๐
รายวิชาเพิม่ เตมิ หน๎าท่พี ลเมือง
๔๐ ๔๐ ๔๐ ๔๐
กิจกรรมพัฒนาผูเ๎ รยี น
๐ กิจกรรมแนะแนว ๓๐ ๓๐ ๓๐ ๓๐
๐ กิจกรรมนกั เรยี น
๑๐ ๑๐ ๑๐ ๑๐
- กจิ กรรมลกู เสือ เนตรนารี
- กจิ กรรมชมุ นุม ไม่เกนิ ๑,๐๐๐ ชัว่ โมง/ปี
๐ กจิ กรรมเพื่อสงั คมและสาธารณประโยชน์

รวมเวลาเรียนทง้ั หมด

-๑๐-

โครงสรา๎ งเวลาเรยี นชนั้ ประถมศกึ ษาปีที่ ๔-๖ และการลงเวลาในแบบ ปพ. ๑

เวลาเรยี น (ชั่วโมง/ปี)

กลมุ่ สาระการเรียนรู้/กจิ กรรม ป.๔-๖

กลมุํ สาระการเรยี นรู๎ ป.๔ ป.๕ ป.๖ ปพ.๑
ภาษาไทย
คณิตศาสตร์ ๑๖๐ ๑๖๐ ๑๖๐ ๑๖๐
วิทยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี ๑๖๐ ๑๖๐ ๑๖๐ ๑๖๐
สังคมศึกษา ศาสนาและวัฒนธรรม ๑๒๐ ๑๒๐ ๑๒๐ ๑๒๐
๐ ประวัตศิ าสตร์ ๑๒๐ ๑๒๐ ๑๒๐ ๑๒๐
๐ ศาสนา ศีลธรรม จริยธรรม (๔๐) (๔๐) (๔๐) (๔๐)
๐ หนา๎ ทพ่ี ลเมอื ง วฒั นธรรม และการ
(๘๐) (๘๐) (๘๐) (๘๐)
ดาเนินชวี ิตในสงั คม
๐ เศรษฐศาสตร์ ๘๐ ๘๐ ๘๐ ๘๐
๐ ภมู ิศาสตร์ ๘๐ ๘๐ ๘๐ ๘๐
สุขศึกษาและพลศึกษา ๔๐ ๔๐ ๔๐ ๔๐
ศลิ ปะ ๘๐ ๘๐ ๘๐ ๘๐
การงานอาชพี ๘๔๐ ๘๔๐ ๘๔๐ ๘๔๐
ภาษาตาํ งประเทศ (ภาษาอังกฤษ) ๔๐ ๔๐ ๔๐ ๔๐
๑๒๐ ๑๒๐ ๑๒๐ ๑๒๐
รวมเวลาเรยี นพื้นฐาน ๔๐ ๔๐ ๔๐ ๔๐
รายวชิ าเพม่ิ เตมิ หนา๎ ท่ีพลเมือง
๔๐ ๔๐ ๔๐ ๔๐
กิจกรรมพฒั นาผูเ๎ รยี น
๐ กจิ กรรมแนะแนว ๓๐ ๓๐ ๓๐ ๓๐
๐ กิจกรรมนักเรยี น
๑๐ ๑๐ ๑๐ ๑๐
- กจิ กรรมลูกเสอื เนตรนารี
- กจิ กรรมชมุ นุม ไม่เกนิ ๑,๐๐๐ ชัว่ โมง/ปี
๐ กิจกรรมเพ่ือสังคมและสาธารณประโยชน์

รวมเวลาเรียนทั้งหมด

-๑๑-

๑๖. โครงสร้างหลกั สูตรช้นั ปี เป็นโครงสรา๎ งท่ีแสดงรายละเอยี ดเวลาเรียนของรายวชิ าพืน้ ฐาน
รายวิชา/กจิ กรรมเพ่ิมเตมิ และกิจกรรมพัฒนาผ๎ูเรียน ในแตํละชน้ั ปี

โครงสร้างหลักสตู รชั้นประถมศึกษาปีท่ี ๑ เวลาเรยี น(ชม./ป)ี
๘๔๐
รายวชิ า/กิจกรรม ๒๐๐
รายวิชาพ้นื ฐาน ๒๐๐
ท ๑๑๑๐๑ ภาษาไทย ๑ ๖๐
ค ๑๑๑๐๑ คณติ ศาสตร์ ๑ ๔๐
ว ๑๑๑๐๑ วทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี ๑ ๔๐
ส ๑๑๑๐๑ สงั คมศกึ ษา ศาสนา และวฒั นธรรม ๑ ๔๐
ส ๑๑๑๐๒ ประวัติศาสตร์ ๑ ๔๐
พ ๑๑๑๐๑ สุขศกึ ษาและพลศึกษา ๑ ๒๐
ศ ๑๑๑๐๑ ศิลปะ ๑ ๒๐๐
ง ๑๑๑๐๑ การงานอาชพี ๑
อ ๑๑๑๐๑ ภาษาตาํ งประเทศ (ภาษาองั กฤษ) ๑ ๔๐
รายวิชา/กิจกรรมทส่ี ถานศึกษาจัด ๑๒๐
เพิ่มเตมิ ตามความพร๎อมและจดุ เนน๎
ส ๑๑๒๓๑ หนา๎ ท่ีพลเมอื ง ๑ ๔๐
กิจกรรมพัฒนาผเู้ รียน
๔๐
๐ กิจกรรมแนะแนว ๓๐
๐ กจิ กรรมนักเรยี น ๑๐

- กิจกรรมลูกเสอื เนตรนารี
- กิจกรรมชมุ นุม
๐ กจิ กรรมเพ่ือสงั คมและสาธารณประโยชน์

รวมเวลาเรยี นทัง้ หมด ไม่เกนิ ๑,๐๐๐ ชวั่ โมง/ปี

หมายเหตุ กิจกรรมเพ่ือสงั คมและสาธารณประโยชน์ โรงเรียนสามารถจดั บูรณาการในรายวิชาหรือ
กจิ กรรมอ่นื ๆ โดยจดั ไดท๎ ้งั ในเวลาและนอกเวลาเรยี น ทงั้ น้ตี ๎องจดั กิจกรรมให๎ครบตามเวลาท่ีหลกั สูตร
แกนกลางกาหนดในแตํละระดับการศึกษาและสามารถบริหารจดั การไดต๎ ามบรบิ ทและความพร๎อมของโรงเรยี น
ระดับประถมศึกษา (ป. ๑-๖) รวม ๖ ปี จานวน ๖๐ ชว่ั โมง

-๑๒- เวลาเรยี น(ชม./ปี)
๘๔๐
โครงสรา้ งหลกั สูตรชั้นประถมศกึ ษาปีท่ี ๒ ๒๐๐
๒๐๐
รายวิชา/กจิ กรรม ๖๐
รายวิชาพื้นฐาน ๔๐
ท ๑๒๑๐๑ ภาษาไทย ๒ ๔๐
ค ๑๒๑๐๑ คณิตศาสตร์ ๒ ๔๐
ว ๑๒๑๐๑ วิทยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี ๒ ๔๐
ส ๑๒๑๐๑ สังคมศึกษา ศาสนา และวฒั นธรรม ๒ ๒๐
ส ๑๒๑๐๒ ประวัติศาสตร์ ๒ ๒๐๐
พ ๑๒๑๐๑ สขุ ศกึ ษาและพลศกึ ษา ๒
ศ ๑๒๑๐๑ ศิลปะ ๒ ๔๐
ง ๑๒๑๐๑ การงานอาชพี ๒ ๑๒๐
อ ๑๒๑๐๑ ภาษาตํางประเทศ (ภาษาอังกฤษ) ๒
รายวชิ า/กจิ กรรมท่ีสถานศึกษาจดั ๔๐
เพ่ิมเติมตามความพร๎อมและจุดเน๎น
ส ๑๒๒๓๒ หนา๎ ที่พลเมือง ๒ ๔๐
กจิ กรรมพัฒนาผูเ้ รยี น ๓๐
๑๐
๐ กิจกรรมแนะแนว
๐ กจิ กรรมนกั เรียน

- กิจกรรมลูกเสือ เนตรนารี
- กจิ กรรมชมุ นมุ
๐ กิจกรรมเพื่อสงั คมและสาธารณประโยชน์

รวมเวลาเรียนท้งั หมด ไม่เกนิ ๑,๐๐๐ ชวั่ โมง/ปี

หมายเหตุ กจิ กรรมเพอ่ื สังคมและสาธารณประโยชน์ โรงเรยี นสามารถจัดบูรณาการในรายวชิ าหรือ
กจิ กรรมอน่ื ๆ โดยจัดไดท๎ ้ังในเวลาและนอกเวลาเรียน ท้งั นต้ี อ๎ งจัดกจิ กรรมให๎ครบตามเวลาทหี่ ลกั สตู ร
แกนกลางกาหนดในแตํละระดับการศึกษาและสามารถบริหารจัดการไดต๎ ามบรบิ ทและความพร๎อมของโรงเรยี น
ระดบั ประถมศึกษา (ป. ๑-๖) รวม ๖ ปี จานวน ๖๐ ชว่ั โมง

-๑๓- เวลาเรยี น(ชม./ป)ี
๘๔๐
โครงสรา้ งหลกั สูตรชั้นประถมศกึ ษาปีท่ี ๓ ๒๐๐
๒๐๐
รายวิชา/กจิ กรรม ๖๐
รายวิชาพื้นฐาน ๔๐
ท ๑๓๑๐๑ ภาษาไทย ๓ ๔๐
ค ๑๓๑๐๑ คณิตศาสตร์ ๓ ๔๐
ว ๑๓๑๐๑ วิทยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี ๓ ๔๐
ส ๑๓๑๐๑ สังคมศึกษา ศาสนา และวฒั นธรรม ๓ ๒๐
ส ๑๓๑๐๒ ประวัติศาสตร์ ๓ ๒๐๐
พ ๑๓๑๐๑ สขุ ศกึ ษาและพลศกึ ษา ๓
ศ ๑๓๑๐๑ ศิลปะ ๓ ๔๐
ง ๑๓๑๐๑ การงานอาชพี ๓ ๑๒๐
อ ๑๓๑๐๑ ภาษาตํางประเทศ (ภาษาอังกฤษ) ๓
รายวชิ า/กจิ กรรมท่ีสถานศึกษาจัด ๔๐
เพ่ิมเติมตามความพร๎อมและจุดเน๎น
ส ๑๓๒๓๓ หนา๎ ที่พลเมอื ง ๓ ๔๐
กจิ กรรมพัฒนาผูเ้ รยี น ๓๐
๑๐
๐ กิจกรรมแนะแนว
๐ กจิ กรรมนกั เรียน

- กิจกรรมลูกเสือ เนตรนารี
- กจิ กรรมชมุ นมุ
๐ กิจกรรมเพื่อสงั คมและสาธารณประโยชน์

รวมเวลาเรียนท้งั หมด ไม่เกนิ ๑,๐๐๐ ชวั่ โมง/ปี

หมายเหตุ กจิ กรรมเพอ่ื สังคมและสาธารณประโยชน์ โรงเรยี นสามารถจัดบูรณาการในรายวชิ าหรือ
กจิ กรรมอน่ื ๆ โดยจัดได๎ท้ังในเวลาและนอกเวลาเรยี น ท้งั นต้ี อ๎ งจัดกจิ กรรมให๎ครบตามเวลาท่หี ลักสตู ร
แกนกลางกาหนดในแตํละระดับการศึกษาและสามารถบริหารจัดการไดต๎ ามบรบิ ทและความพร๎อมของโรงเรยี น
ระดบั ประถมศึกษา (ป. ๑-๖) รวม ๖ ปี จานวน ๖๐ ชว่ั โมง

-๑๔-

โครงสรา้ งหลักสูตรช้นั ประถมศกึ ษาปีที่ ๔ เวลาเรียน(ชม./ปี)
๘๔๐
รายวชิ า/กิจกรรม ๑๖๐
รายวิชาพื้นฐาน ๑๖๐
ท ๑๔๑๐๑ ภาษาไทย ๔ ๑๒๐
ค ๑๔๑๐๑ คณิตศาสตร์ ๔ ๘๐
ว ๑๔๑๐๑ วิทยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี ๔ ๔๐
ส ๑๔๑๐๑ สังคมศึกษา ศาสนา และวัฒนธรรม ๔ ๘๐
ส ๑๔๑๐๒ ประวตั ิศาสตร์ ๔ ๘๐
พ ๑๔๑๐๑ สขุ ศึกษาและพลศกึ ษา ๔ ๔๐
ศ ๑๔๑๐๑ ศลิ ปะ ๔ ๘๐
ง ๑๔๑๐๑ การงานอาชีพ ๔
อ ๑๔๑๐๑ ภาษาตาํ งประเทศ (ภาษาองั กฤษ) ๔ ๔๐
รายวิชา/กจิ กรรมทส่ี ถานศกึ ษาจดั ๑๒๐
เพิม่ เตมิ ตามความพร๎อมและจุดเนน๎
ส ๑๔๒๓๔ หนา๎ ท่ีพลเมือง ๔ ๔๐
กจิ กรรมพฒั นาผู๎เรียน
๔๐
๐ กิจกรรมแนะแนว ๓๐
๐ กิจกรรมนกั เรียน ๑๐

- กจิ กรรมลูกเสอื เนตรนารี ไม่เกิน ๑,๐๐๐ ชั่วโมง/ปี
- กิจกรรมชมุ นุม
๐ กจิ กรรมเพ่ือสังคมและสาธารณประโยชน์

รวมเวลาเรยี นท้งั หมด

หมายเหตุ กิจกรรมเพอ่ื สังคมและสาธารณประโยชน์ โรงเรียนสามารถจดั บูรณาการในรายวิชาหรือ
กจิ กรรมอืน่ ๆ โดยจัดได๎ท้ังในเวลาและนอกเวลาเรยี น ทงั้ นี้ต๎องจดั กิจกรรมให๎ครบตามเวลาทหี่ ลักสูตร
แกนกลางกาหนดในแตํละระดับการศึกษาและสามารถบริหารจดั การไดต๎ ามบริบทและความพร๎อมของโรงเรยี น
ระดับประถมศึกษา (ป. ๑-๖) รวม ๖ ปี จานวน ๖๐ ชว่ั โมง

-๑๕-

โครงสร้างหลักสตู รช้ันประถมศกึ ษาปที ี่ ๕ เวลาเรียน(ชม./ป)ี
๘๔๐
รายวิชา/กจิ กรรม ๑๖๐
รายวชิ าพน้ื ฐาน ๑๖๐
ท ๑๕๑๐๑ ภาษาไทย ๕ ๑๒๐
ค ๑๕๑๐๑ คณิตศาสตร์๕ ๘๐
ว ๑๕๑๐๑ วทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี ๕ ๔๐
ส ๑๕๑๐๑ สังคมศกึ ษา ศาสนา และวฒั นธรรม ๕ ๘๐
ส ๑๕๑๐๒ ประวัตศิ าสตร์ ๕ ๘๐
พ ๑๕๑๐๑ สุขศกึ ษาและพลศกึ ษา ๕ ๔๐
ศ ๑๕๑๐๑ ศลิ ปะ ๕ ๘๐
ง ๑๕๑๐๑ การงานอาชพี ๕
อ ๑๕๑๐๑ ภาษาตาํ งประเทศ (ภาษาองั กฤษ) ๕ ๔๐
รายวชิ า/กจิ กรรมทสี่ ถานศกึ ษาจัด ๑๒๐
เพ่มิ เติมตามความพรอ๎ มและจุดเนน๎
ส ๑๕๒๓๕ หน๎าทีพ่ ลเมอื ง ๕ ๔๐
กิจกรรมพัฒนาผู๎เรียน
๔๐
๐ กจิ กรรมแนะแนว ๓๐
๐ กจิ กรรมนักเรียน ๑๐

- กจิ กรรมลูกเสือ เนตรนารี ไม่เกิน ๑,๐๐๐ ชวั่ โมง/ปี
- กิจกรรมชมุ นุม
๐ กจิ กรรมเพ่ือสังคมและสาธารณประโยชน์

รวมเวลาเรียนทั้งหมด

หมายเหตุ กิจกรรมเพ่ือสังคมและสาธารณประโยชน์ โรงเรียนสามารถจัดบูรณาการในรายวิชา
หรอื กจิ กรรมอ่ืนๆ โดยจดั ได๎ท้งั ในเวลาและนอกเวลาเรียน ทัง้ น้ตี อ๎ งจดั กจิ กรรมใหค๎ รบตามเวลาท่หี ลักสูตร
แกนกลางกาหนดในแตลํ ะระดบั การศึกษาและสามารถบริหารจดั การได๎ตามบริบทและความพร๎อมของโรงเรียน
ระดับประถมศึกษา (ป. ๑-๖) รวม ๖ ปี จานวน ๖๐ ชวั่ โมง

-๑๖-

โครงสร้างหลกั สูตรชัน้ ประถมศึกษาปีท่ี ๖ เวลาเรยี น(ชม./ปี)
๘๔๐
รายวิชา/กจิ กรรม ๑๖๐
รายวิชาพน้ื ฐาน ๑๖๐
ท ๑๖๑๐๑ ภาษาไทย ๖ ๑๒๐
ค ๑๖๑๐๑ คณิตศาสตร์ ๖ ๘๐
ว ๑๖๑๐๑ วิทยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี ๖ ๔๐
ส ๑๖๑๐๑ สงั คมศกึ ษา ศาสนา และวฒั นธรรม ๖ ๘๐
ส ๑๖๑๐๒ ประวตั ิศาสตร์ ๖ ๘๐
พ ๑๖๑๐๑ สขุ ศกึ ษาและพลศึกษา ๖ ๔๐
ศ ๑๖๑๐๑ ศิลปะ ๖ ๘๐
ง ๑๖๑๐๑ การงานอาชพี ๖
อ ๑๖๑๐๑ ภาษาตาํ งประเทศ (ภาษาองั กฤษ) ๖ ๔๐
รายวชิ า/กิจกรรมท่ีสถานศึกษาจดั ๑๒๐
เพิม่ เติมตามความพร๎อมและจดุ เน๎น
ส ๑๖๒๓๖ หนา๎ ท่ีพลเมอื ง ๖ ๔๐
กิจกรรมพฒั นาผเู๎ รียน
๔๐
๐ กจิ กรรมแนะแนว ๓๐
๐ กจิ กรรมนักเรียน ๑๐

- กจิ กรรมลูกเสอื เนตรนารี ไมเํ กนิ ๑,๐๐๐ ชว่ั โมง/ปี
- กจิ กรรมชมุ นมุ
๐ กจิ กรรมเพ่ือสงั คมและสาธารณประโยชน์

รวมเวลาเรยี นทัง้ หมด

หมายเหตุ กิจกรรมเพื่อสงั คมและสาธารณประโยชน์ โรงเรียนสามารถจดั บูรณาการในรายวิชา
หรอื กิจกรรมอืน่ ๆ โดยจดั ได๎ทัง้ ในเวลาและนอกเวลาเรียน ทัง้ น้ีต๎องจัดกิจกรรมใหค๎ รบตามเวลาทีห่ ลกั สตู ร
แกนกลางกาหนดในแตลํ ะระดบั การศึกษาและสามารถบริหารจดั การได๎ตามบรบิ ทและความพร๎อมของโรงเรียน
ระดับประถมศึกษา (ป. ๑-๖) รวม ๖ ปี จานวน ๖๐ ชวั่ โมง

-๑๗-

๓. คาอธิบายรายวิชา
คาอธิบายรายวิชา ประกอบด๎วย รหัสวชิ า ชอ่ื รายวชิ า กลํุมสาระการเรียนร๎ู ชน้ั ปี จานวนเวลา

เรียน และ/หรอื หนํวยกติ ทส่ี อนตลอดปหี รือตลอดภาคเรียน การเขยี นคาอธบิ ายรายวชิ า เขียนเป็นเรียงความ
ระบุองค์ความรู๎ ทักษะ/กระบวนการ คุณลักษณะอนั พงึ ประสงค์เป็นภาพรวมท่ีต๎องการใหเ๎ กดิ กบั ผู๎เรยี นและ
สะทอ๎ นตัวช้วี ดั ในรายวชิ าพืน้ ฐาน หรือผลการเรียนรใู๎ นรายวิชาเพิม่ เตมิ และระบุรหัสตัวชว้ี ัดหรือผลการ
เรียนรข๎ู องรายวชิ าน้ันๆ การเขยี นคาอธิบายรายวิชาแตลํ ะระดบั การศกึ ษา ควรเขียนภาพรวมของรายวิชา
พ้นื ฐานและเพ่ิมเติมแตลํ ะกลุํมสาระการเรียนรู๎วาํ มีการจัดการเรียนการสอนวิชาอะไรบา๎ ง(สรุปคาอธิบาย
รายวชิ าแตํละกลํุมสาระการเรียนร๎ู)

๑. รายวชิ าพื้นฐานกล่มุ สาระการเรยี นร้ภู าษาไทย

รายวชิ าพน้ื ฐานภาษาไทย จานวน ๒๐๐ ชั่วโมง
ท ๑๑๑๐๑ ภาษาไทย จานวน ๒๐๐ ช่วั โมง
ท ๑๒๑๐๑ ภาษาไทย จานวน ๒๐๐ ชว่ั โมง
ท ๑๓๑๐๑ ภาษาไทย จานวน ๑๖๐ ชั่วโมง
ท ๑๔๑๐๑ ภาษาไทย จานวน ๑๖๐ ชัว่ โมง
ท ๑๕๑๐๑ ภาษาไทย จานวน ๑๖๐ ช่วั โมง
ท ๑๖๑๐๑ ภาษาไทย

รายวชิ าเพิม่ เติม
-

-๑๘-

๒. รายวชิ าพืน้ ฐานกลุ่มสาระการเรยี นรู้คณิตศาสตร์

รายวชิ าพื้นฐานคณติ ศาสตร์ จานวน ๒๐๐ ชว่ั โมง
ค ๑๑๑๐๑ คณติ ศาสตร์ จานวน ๒๐๐ ชว่ั โมง
ค ๑๒๑๐๑ คณติ ศาสตร์ จานวน ๒๐๐ ชั่วโมง
ค ๑๓๑๐๑ คณิตศาสตร์ จานวน ๑๖๐ ชั่วโมง
ค ๑๔๑๐๑ คณติ ศาสตร์ จานวน ๑๖๐ ชว่ั โมง
ค ๑๕๑๐๑ คณติ ศาสตร์ จานวน ๑๖๐ ชั่วโมง
ค ๑๖๑๐๑ คณิตศาสตร์

รายวิชาเพ่มิ เติม
-

-๑๙-

๓. รายวชิ าพื้นฐานกลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์
และเทคโนโลยี

รายวชิ าพ้ืนฐานวทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี จานวน ๖๐ ช่วั โมง
ว ๑๑๑๐๑ วทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี จานวน ๖๐ ช่ัวโมง
ว ๑๒๑๐๑ วิทยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี จานวน ๖๐ ชว่ั โมง
ว ๑๓๑๐๑ วทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี จานวน ๑๒๐ ชว่ั โมง
ว ๑๔๑๐๑ วิทยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี จานวน ๑๒๐ ชว่ั โมง
ว ๑๕๑๐๑ วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี จานวน ๑๒๐ ช่ัวโมง
ว ๑๖๑๐๑ วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี

รายวชิ าเพิม่ เติม
-

-๒๐-

๔. รายวชิ าพ้ืนฐานและเพม่ิ เตมิ กลมุ่ สาระการเรยี นรู้
สงั คมศึกษา ศาสนาและวัฒนธรรม

รายวชิ าพ้นื ฐานสังคมศึกษา ศาสนาและวฒั นธรรม จานวน ๔๐ ช่วั โมง
ส ๑๑๑๐๑ สังคม ศาสนาและวัฒนธรรม จานวน ๔๐ ชว่ั โมง
ส ๑๒๑๐๑ สังคม ศาสนาและวฒั นธรรม จานวน ๔๐ ชั่วโมง
ส ๑๓๑๐๑ สงั คม ศาสนาและวัฒนธรรม จานวน ๘๐ ชั่วโมง
ส ๑๔๑๐๑ สงั คม ศาสนาและวัฒนธรรม จานวน ๘๐ ชว่ั โมง
ส ๑๕๑๐๑ สังคม ศาสนาและวัฒนธรรม จานวน ๘๐ ชว่ั โมง
ส ๑๖๑๐๑ สังคม ศาสนาและวัฒนธรรม
จานวน ๔๐ ช่ัวโมง
รายวิชาพน้ื ฐานประวตั ศิ าสตร์ จานวน ๔๐ ชั่วโมง
ส ๑๑๑๐๒ ประวตั ิศาสตร์ จานวน ๔๐ ช่ัวโมง
ส ๑๒๑๐๒ ประวัตศิ าสตร์ จานวน ๔๐ ชว่ั โมง
ส ๑๓๑๐๒ ประวัติศาสตร์ จานวน ๔๐ ชั่วโมง
ส ๑๔๑๐๒ ประวัติศาสตร์ จานวน ๔๐ ชั่วโมง
ส ๑๕๑๐๒ ประวัติศาสตร์
ส ๑๖๑๐๒ ประวัตศิ าสตร์ ปีละ ๔๐ ชว่ั โมง
ปีละ ๔๐ ชั่วโมง
รายวชิ าเพิ่มเติมหนา้ ท่ีพลเมือง ปีละ ๔๐ ช่วั โมง
ส ๑๑๒๓๑ หน๎าทพ่ี ลเมือง ๑ ปีละ ๔๐ ช่ัวโมง
ส ๑๒๒๓๒ หน๎าทีพ่ ลเมอื ง ๒ ปลี ะ ๔๐ ชวั่ โมง
ส ๑๓๒๓๓ หนา๎ ทพ่ี ลเมอื ง ๓ ปีละ ๔๐ ชัว่ โมง
ส ๑๔๒๓๔ หน๎าท่พี บเมอื ง ๔
ส ๑๕๒๓๕ หนา๎ ทีพ่ ลเมือง ๕
ส ๑๖๒๓๖ หนา๎ ที่พลเมอื ง ๖

-๒๑-

๕. รายวิชาพน้ื ฐานกลมุ่ สาระการเรยี นรูส้ ุขศกึ ษา
และพลศกึ ษา

รายวิชาพน้ื ฐานสุขศกึ ษาและพลศึกษา จานวน ๔๐ ชว่ั โมง
พ ๑๑๑๐๑ สขุ ศึกษาและพลศกึ ษา จานวน ๔๐ ชั่วโมง
พ ๑๒๑๐๑ สุขศึกษาและพลศึกษา จานวน ๔๐ ชัว่ โมง
พ ๑๓๑๐๑ สุขศกึ ษาและพลศกึ ษา จานวน ๘๐ ชั่วโมง
พ ๑๔๑๐๑ สขุ ศกึ ษาและพลศกึ ษา จานวน ๘๐ ชว่ั โมง
พ ๑๕๑๐๑ สุขศึกษาและพลศกึ ษา จานวน ๘๐ ชว่ั โมง
พ ๑๖๑๐๑ สขุ ศกึ ษาและพลศกึ ษา

-๒๒-

๖. รายวิชาพืน้ ฐานกลมุ่ สาระการเรยี นรศู้ ลิ ปะ

รายวชิ าพ้ืนฐานศิลปะ จานวน ๔๐ ชั่วโมง
ศ ๑๑๑๐๑ ศลิ ปะ จานวน ๔๐ ชั่วโมง
ศ ๑๒๑๐๑ ศลิ ปะ จานวน ๔๐ ชั่วโมง
ศ ๑๓๑๐๑ ศลิ ปะ จานวน ๘๐ ชั่วโมง
ศ ๑๔๑๐๑ ศลิ ปะ จานวน ๘๐ ชว่ั โมง
ศ ๑๕๑๐๑ ศลิ ปะ จานวน ๘๐ ชัว่ โมง
ศ ๑๖๑๐๑ ศลิ ปะ

-๒๓-

๗. รายวชิ าพื้นฐานกลมุ่ สาระการเรยี นรกู้ ารงานอาชีพ

รายวชิ าพื้นฐานการงานอาชีพ จานวน ๒๐ ชว่ั โมง
ง ๑๑๑๐๑ การงานอาชีพ จานวน ๒๐ ชวั่ โมง
ง ๑๒๑๐๑ การงานอาชพี จานวน ๒๐ ชวั่ โมง
ง ๑๓๑๐๑ การงานอาชีพ จานวน ๔๐ ชว่ั โมง
ง ๑๔๑๐๑ การงานอาชีพ จานวน ๔๐ ชว่ั โมง
ง ๑๕๑๐๑ การงานอาชีพ จานวน ๔๐ ชว่ั โมง
ง ๑๖๑๐๑ การงานอาชีพ

-๒๔-

๘. รายวชิ าพืน้ ฐานกลุม่ สาระการเรยี นรู้
ภาษาตา่ งประเทศ ( ภาษาอังกฤษ)

รายวชิ าพ้ืนฐานภาษาต่างประเทศ(ภาษาองั กฤษ) จานวน ๒๐๐ ช่วั โมง
อ ๑๑๑๐๑ ภาษาอังกฤษ จานวน ๒๐๐ ชว่ั โมง
อ ๑๒๑๐๑ ภาษาองั กฤษ จานวน ๒๐๐ ชวั่ โมง
อ ๑๓๑๐๑ ภาษาองั กฤษ จานวน ๘๐ ชั่วโมง
อ ๑๔๑๐๑ ภาษาองั กฤษ จานวน ๘๐ ชว่ั โมง
อ ๑๕๑๐๑ ภาษาองั กฤษ จานวน ๘๐ ช่ัวโมง
อ ๑๖๑๐๑ ภาษาองั กฤษ

-๒๕-

๑. กลมุ่ สาระการเรยี นรู้ภาษาไทย

-๒๖-

คาอธบิ ายรายวชิ าพนื้ ฐาน

ท ๑๑๑๐๑ ภาษาไทย กลุ่มสาระการเรยี นรู้ภาษาไทย
ช้นั ประถมศกึ ษาปีที่ ๑ เวลา ๒๐๐ ช่ัวโมง

อาํ นคา คาคล๎องจอง และข๎อความส้นั ๆ ที่ประกอบด๎วยคาพน้ื ฐานที่ใชใ๎ นชวี ติ ประจาวนั
ไมํน๎อยกวาํ ๖๐๐ คา รวมท้งั คาที่ใชใ๎ นกลุํมสาระการเรียนรู๎อ่นื ความหมายของคา และขอ๎ ความ
เรอ่ื งจากสื่อตํางๆ เร่ืองจากหนงั สือตามความสนใจ เครอ่ื งหมายหรือสญั ลักษณ์สาคัญที่มกั พบเหน็ ใน
ชีวติ ประจาวัน และมารยาทในการอําน คัดลายมือตัวบรรจงเตม็ บรรทัดตามรปู แบบ การเขียน ตัวอักษรไทย
เขียนส่อื สารดว๎ ยคา คาคลอ๎ งจองและประโยคงาํ ยๆ มมี ารยาทในการเขียน การฟังและปฏิบัติตามคาแนะนา
คาสั่งงาํ ยๆ เรื่องท่ฟี ังและดูท้ังที่เปน็ ความร๎แู ละความบนั เทิง การพูดส่อื สารในชวี ิตประจาวัน มีมารยาท ใน
การฟงั การดู และการพูด บอกและเขยี น พยัญชนะ สระและวรรณยุกต์ เลขไทย เขียนสะกดคา แจกลกู
ละอํานเป็นคา มาตราตวั สะกดท่ตี รงตามมาตราและไมตํ รงตามมาตรา การผันคา บอกความหมายของคา
การเรยี บเรยี งคาเป็นประโยค แตํงประโยค และตํอคาคล๎องจองงํายๆ บอกข๎อคิดจากการอํานหรือฟัง
วรรณกรรมร๎อยแก๎ว และรอ๎ ยกรองสาหรับเด็ก เชํน นิทาน เรื่องสั้นงํายๆ ปรศิ นาคาทาย บทรอ๎ งเลนํ บท
อาขยาน บทร๎อยกรอง วรรณคดี และวรรณกรรมในบทเรียนโดยการอํานออกเสียงคา ขอ๎ ความ ประโยค
เครอ่ื งหมายหรือสญั ลกั ษณ์ หาความหมาย บอกความหมาย อภปิ รายรวํ มกัน สอบถามจากผ๎รู ู๎ และค๎นคว๎า
จากพจนานุกรม อาํ นจบั ใจความ ตอบคาถาม เลาํ เรอ่ื งยํอ คาดคะเนเหตุการณ์ การนาเสนอ การฝึก
มารยาทในการฟัง การดู การพูด การอําน การเขยี น การสื่อสารโดยการพดู การแสดงความคดิ เห็นและ
บอกขอ๎ คิดจากการอําน

เพือ่ ความรกั ชาติ ศาสน์ กษตั ริย์ ซอื่ สัตยส์ ุจรติ มีวินยั ใฝุเรียนรู๎ อยอูํ ยํางพอเพยี ง
มํุงมน่ั ในการทางาน รกั ความเป็นไทย และมจี ติ สาธารณะ

รหสั ตัวช้ีวดั
ท ๑.๑ ป.๑/๑ ป.๑/๒ ป.๑/๓ ป.๑/๔ ป.๑/๕ ป.๑/๖ ป.๑/๗ ป.๑/๘
ท ๒.๑ ป.๑/๑ ป.๑/๒ ป.๑/๓
ท ๓.๑ ป.๑/๑ ป.๑/๒ ป.๑/๓ ป.๑/๔ ป.๑/๕
ท ๔.๑ ป.๑/๑ ป.๑/๒ ป.๑/๓ ป.๑/๔
ท ๕.๑ ป.๑/๑ ป.๑/๒

รวมท้ังหมด ๒๒ ตัวชว้ี ัด

-๒๗-

คาอธิบายรายวชิ าพื้นฐาน

ท ๑๒๑๐๑ ภาษาไทย กลุ่มสาระการเรียนรภู้ าษาไทย
ช้นั ประถมศึกษาปีที่ ๒ เวลา ๒๐๐ ชวั่ โมง

อํานออกเสยี งคา คาคลอ๎ งจอง ขอ๎ ความ บทร๎อยกรองงํายๆ ที่ประกอบดว๎ ยถ๎อยคาพ้ืนฐานทีเ่ พ่มิ
จาก ป.๑ ไมนํ อ๎ ยกวํา ๘๐๐ คา อธบิ ายความหมายของคา และข๎อความ จบั ใจความสาคญั
ตงั้ คาถาม ตอบคาถาม ระบุใจความสาคัญ และรายละเอียดจากเร่ืองทอี่ ําน แสดงความคดิ เห็น คาดคะเน
เหตกุ ารณ์ อาํ นหนังสอื ข๎อเขียนเชิงอธบิ าย ปฏิบัตติ ามคาสัง่ คาแนะนา จากนิทาน เร่ืองสน้ั ๆ บทเพลง
บทรอ๎ ยกรองงาํ ยๆ เรอ่ื งราวจากบทเรยี นในกลุมํ สาระการเรียนร๎ูภาษาไทย และกลุํมสาระการเรยี นร๎ูอ่นื ขาํ ว
และเหตกุ ารณป์ ระจาวัน มมี ารยาทในการอํานคัดลายมือตัวบรรจงเตม็ บรรทัดตามรูปแบบการเขียนอักษรไทย
เขยี นเรื่องสนั้ ๆ เกยี่ วกับประสบการณ์ เขียนเรื่องสัน้ ๆตามจินตนาการ และมมี ารยาทในการเขยี นฟงั
คาแนะนา คาสง่ั ท่ซี บั ซ๎อนและปฏิบตั ติ าม จับใจความสาคัญ ต้งั คาถาม ตอบคาถาม
พดู แสดงความคิดเหน็ ความรูส๎ กึ จากเรอื่ งทฟ่ี ัง และดูท้ังท่ีเปน็ ความร๎ู และความบนั เทงิ พูดสื่อสาร
ในชีวติ ประจาวัน มมี ารยาทในการฟัง การดู และการพดู บอกและเขยี นพยัญชนะ สระวรรณยุกต์ เลขไทย
เขยี นสะกดคา บอกความหมายของคา เรยี บเรียงคาเปน็ ประโยค ข๎อความ บอกลักษณะคาคลอ๎ งจอง
ภาษาไทยมาตรฐาน และภาษาถิน่ ระบุข๎อคดิ จากการอํานหรอื การฟงั วรรณกรรมร๎อยแก๎ว และรอ๎ ยกรอง
สาหรับเด็ก นทิ าน เร่ืองสน้ั ๆ ปรศิ นาคาทาย บทอาขยาน บทรอ๎ ยกรอง บทร๎องเลนํ ในทอ๎ งถ่นิ การละเลํน
ของเด็กไทย ทํองจาบทอาขยานตามท่ีกาหนด และบทร๎อยกรองตามความสนใจ วรรณคดแี ละวรรณกรรม
ในบทเรยี น

เพือ่ ความรักชาติ ศาสน์ กษตั รยิ ์ ซือ่ สตั ย์สจุ รติ มวี นิ ยั ใฝเุ รียนรู๎ อยอํู ยํางพอเพียง
มํุงมัน่ ในการทางาน รกั ความเปน็ ไทย และมจี ติ สาธารณะ

รหสั ตวั ช้ีวัด
ท ๑.๑ ป.๒/๑ ป.๒/๒ ป.๒/๓ ป.๒/๔ ป.๒/๕ ป.๒/๖ ป.๒/๗ ป.๒/๘
ท ๒.๑ ป.๒/๑ ป.๒/๒ ป.๒/๓ ป.๒/๔
ท ๓.๑ ป.๒/๑ ป.๒/๒ ป.๒/๓ ป.๒/๔ ป.๒/๕ ป.๒/๖ ป.๒/๗
ท ๔.๑ ป.๒/๑ ป.๒/๒ ป.๒/๓ ป.๒/๔ ป.๒/๕
ท ๕.๑ ป.๒/๑ ป.๒/๒ ป.๒/๓

รวมท้ังหมด ๒๗ ตัวช้ีวดั

-๒๘-

คาอธบิ ายรายวชิ าพืน้ ฐาน

ท ๑๓๑๐๑ ภาษาไทย กลุม่ สาระการเรียนรภู้ าษาไทย
ชั้นประถมศึกษาปีที่ ๓ เวลา ๒๐๐ ชัว่ โมง

อํานคา ข๎อความ เร่ืองส้ันๆ และบทรอ๎ ยกรองงาํ ยๆ ที่ประกอบดว๎ ยคาพื้นฐาน เพิ่มจาก

ชน้ั ประถมศึกษาปที ี่ ๒ ไมนํ ๎อยกวาํ ๑,๒๐๐ คา รวมทง้ั คาทเ่ี รียนรใู๎ นกลมํุ สาระการเรียนรูอ๎ ่ืน

การหาความหมายของคา เรื่องจากหนังสือตามความสนใจ นิทาน เรอ่ื งเลําสัน้ ๆ บทเพลง

บทร๎อยกรอง ขาํ วและเหตุการณใ์ นชีวติ ประจาวนั การอาํ นข๎อเขียนเชงิ อธิบาย และปฏิบัตติ ามคาสั่งหรือ

ขอ๎ แนะนาตาํ งๆ การอํานประกาศ ปูายโฆษณา และคาขวญั ขอ๎ มลู จากแผนภาพ แผนท่ี แผนภมู ิ การมี

มารยาทในการอําน การคดั ลายมือตัวบรรจงเต็มบรรทดั ตามรูปแบบการเขยี นอกั ษรไทย เขียนบรรยาย

เกย่ี วกับลักษณะของคน สัตว์ ส่งิ ของ สถานที่ การเขียนบันทึกประจาวนั การเขยี นจดหมายลาครู การ

เขยี นเร่อื งตามจนิ ตนาการ และมีมารยาทในการเขยี น เลํารายละเอียดเกี่ยวกบั เร่ืองท่ีฟัง จบั ใจความ และพูด

แสดงความคดิ เห็น ความรู๎สกึ จากเรื่องที่ฟังและดู ทัง้ ทเี่ ป็นความร๎ูและความบนั เทิง เชํน เรอ่ื งเลาํ สารคดี

สาหรับเดก็ นทิ าน การต์ ูน เรื่องขบขนั รายการสาหรบั เดก็ ขําว และเหตกุ ารณ์ บทเพลง และบอก

สาระสาคญั การต้ังคาถาม ตอบคาถาม การพดู ส่ือสารในชีวิตประจาวนั การมีมารยาทในการฟงั และพูด

เขยี นและบอกความหมายของคา ระบชุ นดิ และหน๎าท่ีของคาในประโยค การใช๎พจนานุกรมค๎นหาความหมาย

ของคา การแตงํ ประโยคงํายๆ การเขียนคาคล๎องจอง คาขวญั เลอื กใชภ๎ าษาไทยมาตรฐานและภาษาถิ่นได๎

เหมาะสมกบั กาลเทศะ ระบุข๎อคิดที่ได๎จากการอํานวรรณกรรม เชํน นทิ าน บทรอ๎ ยกรอง เรอ่ื งสั้นงาํ ยๆ

ปรศิ นาคาทาย เพลงกลํอมเด็ก เพลงพนื้ บ๎านและวรรณกรรม วรรณคดตี ามความสนใจ แสดงความคิดเห็น

จากวรรณกรรมท่ีอาํ นมีความชืน่ ชมในวฒั นธรรมทอ๎ งถิ่น ทอํ งจาบทอาขยานตามทก่ี าหนด และบทรอ๎ ยกรองที่

มีคุณคํา ตามความสนใจเพอ่ื ความรกั และความภาคภูมใิ จในความเป็นไทย อันมชี าติ

ศาสนา และพระมหากษัตรยิ ์ เปน็ สงิ่ ยึดมน่ั ประจาใจ มวี นิ ัย มีความซื่อสัตย์ มีความรับผิดชอบ มคี วาม

ขยนั หมั่นเพียร ใฝเุ รยี นร๎ูอยูํเป็นนจิ และมีชีวติ อยํอู ยํางพอเพียง

รหสั ตัวชี้วดั
ท ๑.๑ ป.๓/๑ ป.๓/๒ ป.๓/๓ ป.๓/๔ ป.๓/๕ ป.๓/๖ ป.๓/๗ ป.๓/๘ ป.๓/๙
ท ๒.๑ ป.๓/๑ ป.๓/๒ ป.๓/๓ ป.๓/๔ ป.๓/๕ ป.๓/๖
ท ๓.๑ ป.๓/๑ ป.๓/๒ ป.๓/๓ ป.๓/๔ ป.๓/๕ ป.๓/๖
ท ๔.๑ ป.๓/๑ ป.๓/๒ ป.๓/๓ ป.๓/๔ ป.๓/๕ ป.๓/๖
ท ๕.๑ ป.๓/๑ ป.๓/๒ ป.๓/๓ ป.๓/๔

รวมท้ังหมด ๓๑ ตัวชีว้ ัด

-๒๙-

คาอธิบายรายวิชาพ้ืนฐาน

ท ๑๔๑๐๑ ภาษาไทย กลุ่มสาระการเรยี นรภู้ าษาไทย
ชน้ั ประถมศึกษาปที ่ี ๔ เวลา ๑๖๐ ชั่วโมง

ฝึกอํานออกเสยี งบทร๎อยแก๎วและบทร๎อยกรอง อธิบายความหมายของคา ประโยคและสานวนจาก
เรือ่ งที่อําน อํานเรื่องสนั้ ๆ ตามเวลาท่กี าหนดและตอบคาถามจากเร่ืองทีอ่ ําน แยกข๎อเทจ็ จริง และข๎อคดิ เหน็
จากเรอ่ื งที่อําน คาดคะเนเหตกุ ารณจ์ ากเรอ่ื งท่อี ําน โดยระบุเหตุผลประกอบ สรปุ ความรู๎และข๎อคิดจากเร่ือง
ทีอ่ ําน เพื่อนาไปใชใ๎ นชีวติ ประจาวัน เลือกอํานหนังสือที่มีคณุ คาํ ตามความสนใจอยํางสมา่ เสมอ และแสดง
ความคดิ เหน็ เกี่ยวกับเร่อื งท่ีอําน มมี ารยาทในการอาํ น

ฝึกคดั ลายมือดว๎ ยตัวบรรจงเต็มบรรทดั และครึ่งบรรทัด เขยี นส่ือสารโดยใช๎คาได๎ถกู ตอ๎ งชดั เจน และ
เหมาะสม เขียนแผนภาพโครงเร่ือง และแผนทค่ี วามคดิ เพื่อใช๎พัฒนางานเขียน
เขยี นยอํ ความจากเรื่องสนั้ ๆ เขียนจดหมายถึงเพื่อน และญาติ เขียนบนั ทึก และเขยี นรายงานจากการศึกษา
คน๎ คว๎า เขียนเรอ่ื งตามจนิ ตนาการ มีมารยาทในการเขยี น

ฝึกทักษะการฟัง การดู และการพูด จาแนกข๎อเท็จจริง และข๎อคดิ เหน็ เรื่องที่ฟงั และดู
พดู สรุปเร่อื งจากการฟัง และดู พดู แสดงความรู๎ ความคิดเหน็ และความร๎สู ึกเกยี่ วกับเร่ืองท่ีฟังและดู ตง้ั
คาถาม และตอบคาถามเชิงเหตุผลจากเรอื่ งท่ีฟงั และดู พูดรายงานเร่อื งหรือประเดน็ ท่ีศึกษาคน๎ คว๎า จากการ
ฟัง การดู และการสนทนา มมี ารยาทในการฟัง การดู และการพดู

ฝึกเขยี นตามหลักการเขยี น เขยี นสะกดคาและบอกความหมายของคาในบริบทตาํ ง ๆ
ระบชุ นิด และหน๎าท่ีของคาในประโยค ใชพ๎ จนานุกรมคน๎ หาความหมายของคา แตงํ ประโยคได๎ถกู ต๎องตาม
หลักภาษา แตํงบทร๎อยกรอง และคาขวญั บอกความหมายของสานวน เปรยี บเทยี บภาษาไทยมาตรฐาน
และภาษาถ่นิ ไดร๎ ะบุข๎อคดิ จากนิทานพน้ื บ๎านหรือนิทานคติธรรม อธิบายขอ๎ คิดจากการอําน เพื่อนาไปใช๎
ในชีวติ จริง ร๎องเพลงพน้ื บ๎าน ทอํ งจาบทอาขยานตามที่กาหนด และบทรอ๎ ยกรองท่ีมีคุณคาํ
ตามความสนใจโดยใชก๎ ระบวนการอาํ น กระบวนการเขียน กระบวนการแสวงหาความรู๎ กระบวนการกลํุม
กระบวนการคดิ วเิ คราะห์ และสรุปความ กระบวนการคิดอยาํ งมวี ิจารณญาณ กระบวนการสือ่ ความ
กระบวนการแกป๎ ญั หา การฝึกปฏบิ ตั ิ อธบิ าย บนั ทกึ การตงั้ คาถาม ตอบคาถาม ใชท๎ ักษะการฟงั การดู
และการพดู พดู แสดงความคิดเหน็ กระบวนการสร๎างความคดิ รวบยอด เพ่อื ให๎เกดิ ความร๎ู ความคดิ ความ
เข๎าใจ ส่อื สารได๎ถกู ต๎อง รักการเรียนภาษาไทย เห็นคุณคาํ ของการอนรุ ักษภ์ าษาไทยและตัวเลขไทย สามารถ
นาความร๎ไู ปใชใ๎ หเ๎ กดิ ประโยชน์ในชีวติ ประจาวนั ไดอ๎ ยํางถูกต๎องเหมาะสม
เพอ่ื ความรกั และความภาคภมู ิใจในความเป็นไทย อนั มชี าติ ศาสนา และพระมหากษัตรยิ ์
เปน็ สง่ิ ยึดมัน่ ประจาใจ มวี นิ ยั มีความซือ่ สัตย์ มีความรับผิดชอบ มคี วามขยนั หมั่นเพยี ร
ใฝุเรยี นรู๎อยูํเปน็ นจิ และมชี วี ิตอยอํู ยํางพอเพยี ง

รหสั ตัวชี้วัด
ท ๑.๑ ป.๔/๑ ป.๔/๒ ป.๔/๓ ป.๔/๔ ป.๔/๕ ป.๔/๖ ป.๔/๗ ป.๔/๘
ท ๒.๑ ป.๔/๑ ป.๔/๒ ป.๔/๓ ป.๔/๔ ป.๔/๕ ป.๔/๖ ป.๔/๗ ป.๔/๘
ท ๓.๑ ป.๔/๑ ป.๔/๒ ป.๔/๓ ป.๔/๔ ป.๔/๕ ป.๔/๖
ท ๔.๑ ป.๔/๑ ป.๔/๒ ป.๔/๓ ป.๔/๔ ป.๔/๕ ป.๔/๖ ป.๔/๗
ท ๕.๑ ป.๔/๑ ป.๔/๒ ป.๔/๓ ป.๔/๔

รวมท้ังหมด ๓๓ ตัวชีว้ ดั

-๓๐-

คาอธิบายรายวิชาพื้นฐาน

ท ๑๕๑๐๑ ภาษาไทย กลุ่มสาระการเรยี นรภู้ าษาไทย
ชนั้ ประถมศึกษาปที ่ี ๕ เวลา ๑๖๐ ชวั่ โมง

อํานออกเสียงบทร๎อยแก๎ว และบทร๎อยกรองได๎ถูกต๎อง อธิบายความหมายของคา ประโยค
และข๎อความทีเ่ ปน็ การบรรยาย อธิบายความหมายโดยนยั จากเรือ่ งทีอ่ าํ นอยํางหลากหลาย แยกแยะ
ขอ๎ เทจ็ จรงิ และข๎อคิดเหน็ จากเรอ่ื งทีอ่ าํ น วเิ คราะห์ และแสดงความคดิ เห็นเก่ยี วกบั เร่ืองที่อาํ นเพือ่ นาไปใช๎
ในการดาเนนิ ชีวติ อาํ นงานเขยี นเชิงอธบิ าย คาส่งั ข๎อแนะนา และปฏิบตั ิตาม อํานหนงั สอื ทีม่ ีคณุ คําตาม
ความสนใจอยาํ งสม่าเสมอ และแสดงความคดิ เหน็ เก่ยี วกับเรอื่ งที่อําน และนาความรคู๎ วามคดิ ไปประยุกตใ์ ช๎
แก๎ปัญหาในการดาเนนิ ชีวิต มมี ารยาท และมีนิสยั รักการอาํ น

คัดลายมอื ตวั บรรจงเตม็ บรรทัด และคร่ึงบรรทัด เขยี นสื่อสารโดยใช๎คาได๎ถูกตอ๎ งชัดเจนและ
เหมาะสม เขียนแผนภาพโครงเร่อื ง และแผนภาพความคิดเพือ่ ใช๎พฒั นางานเขียน เขยี นสอื่ สาร
ในรปู แบบตํางๆ โดยใช๎ภาษาได๎ถูกตอ๎ งตรงตามวัตถุประสงค์ เขียนยอํ ความจากเรื่องท่ีอําน
เขียนจดหมายถึงผู๎ปกครอง และญาติ เขยี นแสดงความรู๎สึก และความคิดเห็นได๎ตรงตามเจตนา
กรอกแบบรายการตาํ งๆ เขยี นเรื่องตามจินตนาการ มีมารยาทในการเขียนพูดแสดงความร๎ู ความคิดเห็น
และความรู๎สกึ จากเรื่องที่ฟังและดู ตง้ั คาถามและตอบคาถามเชิงเหตผุ ลจากเร่ืองท่ีฟังและดู วิเคราะหค์ วาม
นําเชอ่ื ถือจากเร่ืองที่ฟงั และดูอยาํ งมเี หตุผล พดู รายงานเรื่องหรือประเดน็ ที่ศกึ ษาคน๎ ควา๎ จากการฟัง การดู
และการสนทนา มีมารยาทในการฟงั การดู การพดู ระบุชนดิ และหน๎าท่ขี องคาในประโยค จาแนก
สวํ นประกอบของประโยค เปรยี บเทยี บภาษาไทยมาตรฐานกบั ภาษาถิ่น ใช๎คาราชาศพั ท์ บอกคา
ภาษาตํางประเทศในภาษาไทย แตงํ บทร๎อยกรอง ใช๎สานวนได๎ถูกต๎อง

สรปุ เรอ่ื งจากวรรณคดีหรอื วรรณกรรมท่ีอําน ระบุความรแู๎ ละข๎อคิดจากการอาํ นวรรณคดแี ละ
วรรณกรรมท่ีสามารถนาไปใช๎ในชีวติ จรงิ อธิบายคณุ คาํ ของวรรณคดแี ละวรรณกรรม ทํองจา บทอาขยาน
ตามที่กาหนด และบทร๎อยกรองทีม่ ีคุณคาํ ตามความสนใจโดยใชก๎ ระบวนการอาํ น กระบวนการเขียน
กระบวนการแสวงหาความร๎ู กระบวนการกลมํุ กระบวนการคดิ วิเคราะห์ และสรปุ ความ กระบวนการคดิ
อยาํ งมวี จิ ารณญาณ กระบวนการสอ่ื ความ กระบวนการแก๎ปัญหา การฝึกปฏิบตั ิ อธิบาย บันทึก การตง้ั
คาถาม ตอบคาถาม ใช๎ทักษะการฟัง การดูและการพดู พดู แสดงความคดิ เห็น กระบวนการสรา๎ งความคดิ
รวบยอด เพ่อื ใหเ๎ กดิ ความรู๎ ความคดิ ความเขา๎ ใจ สอื่ สารได๎ถกู ต๎อง รกั การเรียนภาษาไทย เหน็ คณุ คาํ ของ
การอนุรักษภ์ าษาไทย และตัวเลขไทย สามารถนาความร๎ไู ปใช๎ใหเ๎ กดิ ประโยชนใ์ นชวี ิตประจาวันได๎อยําง
ถกู ต๎องเหมาะสม

เพื่อความรกั และความภาคภมู ใิ จในความเปน็ ไทย อนั มชี าติ ศาสนา และพระมหากษัตรยิ ์
เปน็ ส่ิงยดึ มนั่ ประจาใจ มีวนิ ัย มีความซ่ือสัตย์ มคี วามรับผดิ ชอบ มีความขยันหม่ันเพยี ร
ใฝุเรียนรู๎อยเํู ป็นนจิ และมีชีวิตอยูอํ ยาํ งพอเพียง

รหัสตัวช้ีวัด
ท ๑.๑ ป.๕/๑ ป.๕/๒ ป.๕/๓ ป.๕/๔ ป.๕/๕ ป.๕/๖ ป.๕/๗ ป.๕/๘

ท ๒.๑ ป.๕/๑ ป.๕/๒ ป.๕/๓ ป.๕/๔ ป.๕/๕ ป.๕/๖ป.๕/๗ ป.๕/๘ ป.๕/๙
ท ๓.๑ ป.๕/๑ ป.๕/๒ ป.๕/๓ ป.๕/๔ ป.๕/๕
ท ๔.๑ ป.๕/๑ ป.๕/๒ ป.๕/๓ ป.๕/๔ ป.๕/๕ ป.๕/๖ป.๕/๗
ท ๕.๑ ป.๕/๑ ป.๕/๒ ป.๕/๓ ป.๕/๔
รวมท้ังหมด ๓๓ ตัวช้วี ดั

-๓๑-

คาอธิบายรายวิชาพืน้ ฐาน

ท ๑๖๑๐๑ ภาษาไทย กลุม่ สาระการเรยี นรภู้ าษาไทย
ช้ันประถมศกึ ษาปีที่ ๖ เวลา ๑๖๐ ชว่ั โมง

อํานออกเสยี งบทรอ๎ ยแกว๎ และบทร๎อยกรอง อธบิ ายความหมายของคา ประโยคและข๎อความทเ่ี ป็น

โวหาร อํานเรอ่ื งสัน้ ๆ อยํางหลากหลาย แยกข๎อเทจ็ จรงิ และข๎อคดิ เห็นจากเร่อื งท่ีอําน วิเคราะหแ์ ละแสดง

ความคิดเห็นเกย่ี วกับเร่อื งท่ีอํานเพือ่ นาไปใชใ๎ นการดาเนินชีวติ อาํ นงาน เขยี นเชิงอธบิ าย

คาสัง่ ขอ๎ แนะนา และปฏบิ ตั ิตาม อธิบายความหมายของข๎อมูลจากการอาํ นแผนผงั แผนที่ แผนภมู ิและ

กราฟ เลอื กอํานหนังสอื ตามความสนใจและอธิบายคุณคาํ ทไ่ี ดร๎ บั มีมารยาทในการอําน

คัดลายมอื ดว๎ ยตัวบรรจงเตม็ บรรทัดและครึ่งบรรทดั เขียนสื่อสารโดยใชค๎ าได๎ถูกต๎อง ชัดเจน และ

เหมาะสม เขียนแผนภาพโครงเรอ่ื งและแผนภาพความคดิ เพ่อื ใช๎พฒั นางานเขียน เขียนเรียงความ เขียนยํอ

ความจากเร่ืองอําน เขียนจดสํวนตัว กรอกแบบรายการตํางๆ เขยี นเร่ืองตามจนิ ตนาการและสร๎างสรรค์ มี

มารยาทในการเขยี น ทักษะการฟงั การดูและการพูด พูดแสดงความร๎ู ความเขา๎ ใจจดุ ประสงคข์ องเรื่องที่ฟัง

และดู ตงั้ คาถามและตอบคาถามเชงิ เหตผุ ลจากเร่ืองท่ีฟงั และดู วเิ คราะห์ความนําเชื่อถือจากเร่ืองท่ีฟังและดู

สอ่ื โฆษณาอยาํ งมเี หตผุ ล พูดรายงานเร่อื งหรือประเด็นทีศ่ ึกษาคน๎ ควา๎ จากการฟัง การดูและการสนทนา พูด

โน๎มนา๎ วอยาํ งมีเหตผุ ลและนําเช่ือถือ มีมารยาทในการฟัง การดแู ละการพูด

วเิ คราะห์ชนิดและหน๎าทข่ี องคาในประโยค ใชค๎ าได๎เหมาะสมกบั กาลเทศะและบุคคลรวบรวมและ

บอกความหมายของคาภาษาตาํ งประเทศท่ใี ชใ๎ นภาษาไทย ระบุลักษณะของประโยค แตงํ บทร๎อยกรอง

วเิ คราะห์เปรยี บเทียบสานวนทีเ่ ป็นคาพังเพยและสภุ าษิตแสดงความคิดเห็นจากวรรณคดีหรือวรรณกรรมท่อี ําน

เลาํ นิทานพน้ื บ๎านทอ๎ งถนิ่ ตนเองและนิทานพืน้ บา๎ นของท๎องถ่ินอ่นื อธบิ ายคณุ คาํ ของวรรณคดแี ละวรรณกรรม

ท่อี ํานและนาไปประยุกตใ์ ช๎ในชวี ติ จรงิ ทอํ งจาบทอาขยานตามท่ีกาหนดและบทร๎อย

โดยใช๎กระบวนการอาํ น การเขยี น การแสวงหาความร๎ู กระบวนการกลุมํ การคิดวิเคราะหแ์ ละสรุป

ความ กระบวนการคดิ อยํางมวี ิจารณญาณ กระบวนการสื่อความ กระบวนการแก๎ปัญหา กระบวนการ

สงั เกต กระบวนการแยกข๎อเทจ็ จรงิ กระบวนการค๎นควา๎ กระบวนการใช๎เทคโนโลยใี นการส่ือสาร

กระบวนการใชท๎ ักษะทางภาษา การฝกึ ปฏบิ ตั ิ อธบิ าย บนั ทึก การต้งั คาถาม ตอบคาถาม ใช๎ทกั ษะการฟัง

การดูและการพูด พูดแสดงความคดิ เห็น กระบวนการสรา๎ งความคดิ รวบยอด เพื่อให๎เกิดความร๎ู ความคดิ

ความเข๎าใจ สือ่ สารไดถ๎ ูกต๎อง รักการเรยี นภาษาไทย เหน็ คุณคาํ ของการอนรุ ักษ์ภาษาไทย และตัวเลขไทย

สามารถนาความรู๎ไปใชใ๎ ห๎เกดิ ประโยชนใ์ นชีวติ ประจาวนั ได๎อยํางถูกต๎องเหมาะสม เพ่ือความรักและความ

ภาคภูมใิ จในความเป็นไทย อันมชี าติ ศาสนา และพระมหากษัตริย์ เปน็ ส่งิ ยดึ ม่ันประจาใจ มวี ินัย มีความ

ซอื่ สัตย์ มีความรับผดิ ชอบ มคี วามขยันหมน่ั เพียรใฝเุ รยี นรูอ๎ ยํูเปน็ นิจ และมีชวี ิตอยํูอยํางพอเพียง

รหัสตวั ชว้ี ัด
ท ๑.๑ ป.๖/๑ ป.๖/๒ ป.๖/๓ ป.๖/๔ ป.๖/๕ ป.๖/๖ ป.๖/๗ ป.๖/๘ ป.๖/๙
ท ๒.๑ ป.๖/๑ ป.๖/๒ ป.๖/๓ ป.๖/๔ ป.๖/๕ ป.๖/๖ ป.๖/๗ ป.๖/๘ ป.๖/๙
ท ๓.๑ ป.๖/๑ ป.๖/๒ ป.๖/๓ ป.๖/๔ ป.๖/๕ ป.๖/๖
ท ๔.๑ ป.๖/๑ ป.๖/๒ ป.๖/๓ ป.๖/๔ ป.๖/๕ ป.๖/๖
ท ๕.๑ ป.๖/๑ ป.๖/๒ ป.๖/๓ ป.๖/๔

รวมทัง้ หมด ๓๔ ตัวชี้วดั

-๓๒-

๒. กลมุ่ สาระการเรยี นร้คู ณติ ศาสตร์

-๓๓-

ค ๑๑๑๐๑ คณิตศาสตร์ คาอธบิ ายรายวชิ าพ้นื ฐาน
ชน้ั ประถมศกึ ษาปีท่ี ๑ กลุ่มสาระการเรยี นรคู้ ณติ ศาสตร์
เวลา ๒๐๐ ชัว่ โมง

ผเ๎ู รยี นทุกคนไดศ๎ ึกษา ฝกึ ทักษะการคดิ คานวณ และฝึกการแก๎ปญั หาในสาระตํอไปนี้
จานวนนับ ๑ ถงึ ๑๐๐ และ ๐ : การบอกจานวน การนบั ทลี ะ ๑ และทีละ ๑๐ การอํานและ

การเขยี นตวั เลขฮนิ ดูอารบิกตัวเลขแสดงจานวน การแสดงจานวนนับไมํเกนิ ๒๐ ในรูปความสมั พันธข์ อง
จานวนแบบสํวนยอํ ย สวํ นรวม (Part - Whole relationship) การบอกอนั ดบั ท่ี หลกั คําเลขโดดในแตลํ ะ
หลักและการเขยี นตวั เลขแสดงจานวนในรปู กระจาย การเปรยี บเทียบจานวนและการใช๎เครอ่ื งหมาย = ≠
> < การเรียงลาดับ

การบวก การลบ จานวนนบั ๑ ถงึ ๑๐๐ และ ๐ : ความหมายของการบวก ความหมายของ
การลบการหาผลบวก การหาผลลบ และความสัมพันธ์ของการบวกและการลบ การแกโ๎ จทย์ปญั หาการบวก
โจทยป์ ญั หาการลบ และการสรา๎ งโจทย์ปัญหาพรอ๎ มทัง้ หาคาตอบ

แบบรูป : แบบรูปของจานวนที่เพ่ิมขึ้นหรอื ลดลงท่ลี ะ ๑ และทลี ะ ๑๐ แบบรูปซ้าของจานวน
รูปเรขาคณิต และรปู อน่ื ๆ

ความยาว : การวัดความยาวโดยใชห๎ นวํ ยทีไ่ มํใชหํ นํวยมาตรฐาน การวัดความยาวเป็นเป็น
เซนตเิ มตร เป็นเมตร การเปรียบเทยี บความยาวเป็นเซนติเมตร เป็นเมตร การแกโ๎ จทยป์ ญั หาการบวก การ
ลบเก่ยี วกบั ความยาวท่ีมีหนวํ ยเป็นเซนติเมตร เป็นเมตร

นา้ หนัก : การวัดนา้ หนักโดยใชห๎ นวํ ยท่ีไมใํ ชหํ นวํ ยมาตรฐาน การวัดนา้ หนกั เปน็ กโิ ลกรมั เปน็ ขีด
การเปรยี บเทียบนา้ หนักเป็นกิโลกรมั เปน็ ขดี การแก๎โจทย์ปัญหาการบวก การลบเก่ยี วกับนา้ หนักที่มหี นวํ ย
เปน็ กโิ ลกรัม เปน็ ขีด

รูปเรขาคณติ เรขาคณิตสองมิติและรูปเรขาคณิตสามมิติ : ลกั ษณะของสี่เหล่ียมมุมฉาก ทรง
กลม ทรงกระบอก กรวย ลักษณะของรสู ามเหลยี่ ม รูปสี่เหลีย่ ม วงกลม และวงรี

การนาเสนอขอ้ มูล : การอาํ นแผนภมู ิรปู ภาพ
การจัดประสบการณ์หรือสรา๎ งสถานการณ์ท่ีใกลต๎ วั ใหผ๎ ๎ูเรียนไดศ๎ ึกษาค๎นคว๎า โดยปฏบิ ัติจริง
ทดลอง สรปุ รายงาน เพอ่ื พฒั นาทักษะ / กระบวนการในการคดิ คานวณ การแกป๎ ัญหา การใหเ๎ หตผุ ล
การส่อื ความหมายทางคณิตศาสตร์ และนาประสบการณ์ดา๎ นความร๎ู ความคิด ทกั ษะกระบวนการที่ได๎
ไปใชใ๎ นการเรียนร๎สู ง่ิ ตํางๆ และใชใ๎ นชีวติ ประจาวนั อยํางสร๎างสรรค์ รวมทงั้ เห็นคุณคําและมีเจตคตทิ ดี่ ี
ตอํ คณติ ศาสตร์ สามารถทางานอยาํ งเปน็ ระบบ ระเบยี บ รอบคอบ มีความรับผิดชอบ มวี ิจารณญาณและ
เชอื่ ม่ันในตนเอง
การวดั และประเมินผล :ใช๎วิธหี ลากหลายตามสภาพความเป็นจริงของเน้ือหาและทักษะทตี่ ๎องการวัด
รหัสตัวชว้ี ดั

ค ๑.๑ ป.๑/๑ ป.๑/๒ ป.๑/๓ ป.๑/๔ป.๑/๕
ค ๑.๒ ป.๑/๑
ค ๒.๑ ป.๑/๑ ป.๑/๒
ค ๒.๒ ป.๑/๑
ค ๓.๑ ป.๑/๑
รวมทั้งหมด ๑๐ ตัวชี้วัด

-๓๔-

คาอธิบายรายวิชาพืน้ ฐาน

ค ๑๒๑๐๑ คณิตศาสตร์ กลมุ่ สาระการเรยี นรคู้ ณิตศาสตร์
ชน้ั ประถมศกึ ษาปีท่ี ๒ เวลา ๒๐๐ ชัว่ โมง

ผ๎เู รยี นได๎ศึกษา ฝึกทักษะการคิดคานวณ และฝึกการแกป๎ ัญหาในสาระตํอไปนี้
จานวนนบั ไมเ่ กนิ ๑,๐๐๐ และ ๐ : การนบั ทลี ะ ๒ ทีละ ๕ ทีละ ๑๐และทีละ ๑๐๐ การอําน

และการเขยี นตัวเลขฮินดูอารบิกตวั เลขไทย และตวั หนงั สือแสดงจานวน จานวนคูํ จานวนค่ี หลัก คาํ เลข
โดดในแตลํ ะหลกั และการแสดงตัวเลขจานวนในรปู กระจาย การเปรยี บเทียบและเรยี งลาดับจานวน

การบวก การลบ การคูณ การหาร จานวนนับไม่เกนิ : ๑,๐๐๐ และ ๐ : การบวกและการลบ
ความหมายของการคู ความหมายของการหาร การหาผลคณู การหาผลหารและเศษ และความสัมพนั ธข์ อง
การการคูณและการหาร การบวก ลบ คณู หารระคน การแกโ๎ จทย์ปญั หาและการสร๎างโจทย์ปัญหา
พร๎อมทั้งหาคาตอบ

แบบรปู : แบบรูปของจานวนท่เี พ่มิ ขน้ึ หรอื ลดลงทลี ะ ๒ ทีละ ๕ และทีละ ๑๐๐ แบบรปู ซ้า
เวลา : การบอกเวลาเปน็ นาฬิกาและนาที (ชวํ ง ๕ นาที) การบอกระยะเวลาเป็นชั่วโมง เปน็ นาที
การเปรยี บเทียบระยะเวลาเป็นชว่ั โมงเป็นนาที การอาํ นปฏิทนิ การแก๎โจทย์ปญั หาเก่ียวกับเวลา
ความยาว : การวัดความยาวเปน็ เมตรและเซนตเิ มตร การคาดคะเนความยาวเป็นเมตร การ
เปรียบเทยี บความยาวโดยใช๎ความสมั พนั ธร์ ะหวํางเมตรกบั เซนติเมตร การแกโ๎ จทยป์ ัญหาเก่ยี วกบั ความยาวที่
มีหนํวยเป็นเมตรและเซนติเมตร
นา้ หนกั : การวัดนา้ หนกั เป็นกโิ ลกรัมและกรัม กโิ ลกรมั และขีด การคาดคะเนน้าหนักเปน็ กิโลกรมั
การเปรยี บเทียบนา้ หนักโดยใช๎ความสมั พันธร์ ะหวํางกิโลกรมั กบั กรัม กิโลกรมั กับขีด การแก๎โจทยป์ ญั หา
เกี่ยวกบั น้าหนักที่มีหนวํ ยเป็นกโิ ลกรัมและกรมั กโิ ลกรมั และขีด

ปรมิ าตรและความจุ : การวดั ปริมาตรและความจุโดยใช๎หนํวยทีไ่ มํใชหํ นํวยมาตรฐาน การวัด
ปริมาตรและความจุ เป็นชอ๎ นชา ชอ๎ นโตะ๏ ถว๎ ยตวง ลติ ร การเปรยี บเทียบปริมาตรและความจุเป็นเป็นชอ๎ น
ชา ชอ๎ นโต๏ะ ถว๎ ยตวง ลิตร การแกโ๎ จทยป์ ัญหาเกีย่ วกับปรมิ าตรและความจุ ทม่ี หี นํวยเป็นช๎อนชา ชอ๎ นโตะ๏
ถ๎วยตวง ลิตร

รปู เรขาคณิตสองมติ ิ : ลักษณะรปู หลายเหลี่ยม วงกลม และวงรี และการเขียนรูปเรขาคณิตสองมติ ิ
โดยใช๎แบบของรูป

การนาเสนอขอ้ มูล : การอํานแผนภูมิรปู ภาพ
การจดั ประสบการณห์ รือสร๎างสถานการณ์ท่ใี กลต๎ ัวใหผ๎ เู๎ รยี นได๎ศึกษาคน๎ ควา๎ โดยปฏบิ ัติจริง
ทดลอง สรุป รายงาน เพ่ือพัฒนาทกั ษะ/กระบวนการในการคิดคานวณ การแก๎ปญั หา การให๎เหตผุ ล การ
สอ่ื ความหมายทางคณิตศาสตร์ และนาประสบการณด์ ๎านความร๎ู ความคิด ทักษะกระบวนการทีไ่ ด๎ไปใช๎ใน
การเรยี นรู๎สง่ิ ตาํ งๆ และใชใ๎ นชีวิตประจาวันอยํางสร๎างสรรค์ รวมทัง้ เห็นคุณคําและมเี จตคตทิ ่ดี ตี ํอคณติ ศาสตร์
สามารถทางานอยาํ งเป็นระบบ ระเบยี บ รอบคอบ มคี วามรบั ผดิ ชอบ มีวิจารณญาณและเชอื่ มั่นในตนเอง
การวัดและประเมนิ ผล : ใชว๎ ธิ ีการหลากหลายตามสภาพความเปน็ จรงิ ของเน้ือหาและทักษะท่ี
ตอ๎ งการวดั

-๓๕-

รหัสตวั ชว้ี ดั
ค ๑.๑ ป.๒/๑ ป.๒/๒ ป.๒/๓ ป.๒/๔ ป.๒/๕ ป.๒/๖ ป.๒/๗ ป.๒/๘
ค ๑.๒ -
ค ๒.๑ ป.๒/๑ ป.๒/๒ ป.๒/๓ ป.๒/๔ ป.๒/๕ ป.๒/๖
ค ๒.๒ ป.๒/๑
ค ๓.๑ ป.๒/๑

รวมท้งั หมด ๑๖ ตวั ชวี้ ดั

-๓๖-

คาอธิบายรายวิชาพนื้ ฐาน

ค ๑๓๑๐๑ คณติ ศาสตร์ กลุ่มสาระการเรยี นรูค้ ณติ ศาสตร์
ช้นั ประถมศกึ ษาปีที่ ๓ เวลา ๒๐๐ ชั่วโมง

ผเู๎ รียนได๎ศกึ ษา ฝึกทักษะการคิดคานวณ และฝกึ การแกป๎ ัญหาในสาระตํอไปนี้
จานวนนบั ไมเ่ กนิ ๑๐๐,๐๐๐ และ ๐ : การอาํ น การเขียนตวั เลขฮินดูอารบิกตวั เลขไทย และ

ตวั หนงั สอื แสดงจานวน หลกั คาํ ของเลขโดดในแตลํ ะหลักและการเขยี นตัวเลขแสดงจานวนในรูปกระจาย
การเปรียบเทียบและเรียงลาดับจานวน

เศษสว่ น : เศษสํวนทีต่ วั เศษน๎อยกวาํ หรอื เทํากบั ตัวสํวน การเปรยี บเทยี บเรยี งลาดับเศษสํวน
การบวก การลบ การคูณ การหารจานวนนับไม่เกนิ ๑๐๐,๐๐๐ และ ๐ : การบวกและการลบ
การคณู การหารยาวและการหารสัน้ การบวก ลบ คณู หารระคน การแกโ๎ จทย์ปัญหาและการสร๎างโจทย์
ปัญหา พร๎อมท้งั หาคาตอบ
การบวก การลบเศษสว่ น : การบวกและการลบเศษสวํ น การแกโ๎ จทย์ปัญหาการบวกและโจทย์
ปญั หาการลบเศษสํวน
แบบรูป : แบบรปู ของจานวนที่เพมิ่ ข้นึ หรอื ลดลงท่ีละเทําๆ กัน
เงิน : การบอกจานวนเงินและเขยี นแสดงจานวนเงนิ แบบใช๎จดุ การเปรยี บจานวนเงนิ และการ
แลกเงิน การอาํ นและเขยี นบันทกึ รายรบั รายจําย การแกโ๎ จทย์ปัญหาเกยี่ วกบั การเงนิ
เวลา : การบอกเวลาเปน็ นาฬกิ าและนาที การเขียนบอกเวลาโดยใชม๎ หพั ภาค (.) หรอื ทวภิ าค (:)
และการอําน การบอระยะเวลาเปน็ ช่วั โมงและนาที การเปรยี บระยะเวลาโดยใช๎ความสัมพันธร์ ะหวาํ งชว่ั โมง
กบั นาที การอาํ นและการเขียนบันทกึ กิจกรรมที่ระบุเวลา การแกโ๎ จทยป์ ัญหาเกย่ี วกับเวลาและระยะเวลา
ความยาว : การวดั ความยาวเป็นเซนติเมตรและ มลิ ลิเมตร เมตรและเซนติเมตร กิโลเมตรและ
เมตร การเลือกเครือ่ งวัดความยาวท่เี หมาะสม การคาดคะเนความยาวเป็นเมตรและเป็นเซนตเิ มตร
การเปรียบเทียบความยาวโดยใช๎ความสมั พันธร์ ะหวํางหนํวยความยาว การแก๎โจทย์ปญั หาเกยี่ วกับความยาว
นา้ หนกั : การเลือกเคร่ืองช่งั ทเ่ี หมาะสม การคาดคะเนนา้ หนักเปน็ กโิ ลกรมั และเป็นขดี
การเปรียบเทยี บนา้ หนักโดยใชค๎ วามสัมพนั ธ์ ระหวาํ งกิโลกรัมกับกรัม เมตรกิ ตนั กบั กโิ ลกรมั การแกโ๎ จทย์
ปัญหาเกี่ยวกบั นา้ หนัก
ปรมิ าตรและความจุ : การวดั ปริมาตรและความจุเป็นลิตร และมลิ ลลิ ิตรการเลือกเครื่องตวงที่
เหมาะสม การคาดคะเนปริมาตรและความจเุ ป็นลิตร การเปรียบเทียบปรมิ าตรและความจุ โดยใช๎
ความสัมพนั ธร์ ะหวํางลติ รกับ มลิ ลลิ ิตร ช๎อนชา ชอ๎ นโต๏ะ ถ๎วยตวงกบั มิลลลิ ิตร การแก๎โจทยป์ ญั หาเกีย่ วกับ
ปริมาตรและ ความจุท่มี ีหนวํ ยเป็นลิตรและมลิ ลลิ ิตร
รูปเรขาคณติ สองมิติ: รูปทม่ี ีแกนสมมาตร
การเกบ็ รวบรวมขอ้ มูลและการนาเสนอขอ้ มลู : การเกบ็ รวบรวมข๎อมูลและจาแนกข๎อมูล การอําน
และการเขียนแผนภมู ิรูปภาค การอาํ นและการเขียนตารางทางเดียว (One-Way table)
การจดั ประสบการณห์ รือสรา๎ งสถานการณ์ท่ใี กลต๎ ัวให๎ผ๎ูเรยี นได๎ศึกษาค๎นควา๎ โดยปฏิบตั จิ รงิ
ทดลอง สรปุ รายงาน เพ่ือพฒั นาทักษะ / กระบวนการในการคดิ คานวณ การแกป๎ ัญหา การใหเ๎ หตผุ ล
การสอื่ ความหมายทางคณิตศาสตร์ และนาประสบการณ์ด๎านความร๎ู ความคดิ ทักษะกระบวนการท่ีได๎
ไปใชใ๎ นการเรียนรู๎สงิ่ ตํางๆ และใชใ๎ นชีวิตประจาวนั อยาํ งสรา๎ งสรรค์ รวมทง้ั เหน็ คุณคําและมีเจตคตทิ ดี่ ี
ตอํ คณิตศาสตร์ สามารถทางานอยํางเปน็ ระบบ ระเบียบ รอบคอบ มีความรบั ผิดชอบ มีวจิ ารณญาณและ
เช่อื มัน่ ในตนเอง

-๓๗-

การวดั และประเมนิ ผล : ใชว๎ ิธกี ารหลากหลายตามสภาพความเปน็ จริงของเนื้อหาและทักษะ
ที่ตอ๎ งการวัด

รหัสตัวชี้วัด
ค ๑.๑ ป.๓/๑ ป.๓/๒ ป.๓/๓ ป.๓/๔ ป.๓/๕ ป.๓/๖ ป.๓/๗ ป.๓/๘ ป.๓/๙ ป.๓/๑๐
ป.๓/๑๑
ค ๑.๒ ป.๓/๑
ค ๒.๑ ป.๓/๑ ป.๓/๒ ป.๓/๓ ป.๓/๔ ป.๓/๕ ป.๓/๖ ป.๓/๗ ป.๓/๘ ป.๓/๙ ป.๓/๑๐
ป.๓/๑๑ ป.๓/๑๒ ป.๓/๑๓
ค ๒.๒ ป.๓/๑
ค ๓.๑ ป.๓/๑ ป.๓/๒

รวมทั้งหมด ๒๘ ตัวชี้วัด

-๓๘-

คาอธิบายรายวชิ าพ้นื ฐาน

ค ๑๔๑๐๑ คณติ ศาสตร์ กล่มุ สาระการเรยี นรู้คณติ ศาสตร์
ชัน้ ประถมศึกษาปีท่ี ๔ เวลา ๑๖๐ ชวั่ โมง

ผ๎เู รยี นทุกคนได๎ศึกษา ฝกึ ทักษะการคดิ คานวณ และฝกึ การแกป๎ ัญหาในสาระตํอไปน้ี
จานวนนบั ที่มากกวา่ ๑๐๐,๐๐๐ และ ๐ : การอาํ น การเขียนตวั เลขฮินดูอารบิก ตัวเลขไทย

และตวั หนังสอื แสดงจานวน หลัก คาํ ประจาหลักและคาํ ของเลขโดด ในแตํละหลกั และการเขียนตวั เลข แสดง
จานวนในรูปกระจาย การเปรียบเทยี บและเรียงลาดบั จานวน คําประมาณของจานวนนบั และการใช๎
เคร่อื งหมาย ≈

เศษส่วน : เศษสํวนแท๎ เศษเกนิ จานวนคละ ความสัมพันธ์ระหวาํ งจานวนคละและเศษเกนิ
เศษสวํ นที่เทาํ กนั เศษสํวนอยํางตา่ และเศษสวํ นท่ีเทาํ กับจานวนนับ การเปรียบเทียบเรียงลาตบั เศษสวํ น
และจานวนคละ

ทศนยิ ม : การอาํ นและการเขยี นทศนิยมไมํเกนิ ๓ ตาแหนงํ ตามปริมาณท่กี าหนด หลัก คํา
ประจาหลกั คําของเลขโดดในแตํละหลักของทศนยิ ม และการเขยี น ตัวเลขแสดงทศนิยมในรปู กระจาย
ทศนิยมท่เี ทํากนั การเปรยี บเทยี บและเรยี งลาดับทศนยิ ม

การบวก การลบ การคณู การหารจานวนนับทม่ี ากกว่า ๑๐๐,๐๐๐ และ ๐ : การ
ประมาณผลลัพธ์ของการบวก การลบ การคณู การหาร การบวกและการลบ การคณู และการหาร การบวก
ลบ คูณ หารระคน การแก๎โจทยป์ ัญหาและการสรา๎ ง โจทย์ปัญหา พรอ๎ มทง้ั หาคาตอบ

การบวก การลบเศษส่วน : การบวก การลบเศษสวํ นและจานวนคละ การแกโ๎ จทยป์ ัญหา
การบวก และโจทยป์ ญั หา การลบเศษสํวนและจานวนคละ

การบวก การลบทศนิยม : การบวก การลบทศนยิ ม การแก๎โจทยป์ ัญหาการบวก การลบ
ทศนิยมไมํเกิน ๒ ขั้นตอน

แบบรปู : แบบรปู ของจานวนทเี่ กิดจากการคณู การหารดว๎ ยจานวนเดยี วกนั
เวลา : การบอกระยะเวลาเปน็ วนิ าที นาที ช่วั โมง วัน สัปดาห์ เดือน ปี การเปรยี บเทียบ
ระยะเวลาโดยใช๎ ความสัมพันธร์ ะหวาํ งหนํวยเวลา การอํานตารางเวลา การแกโ๎ จทย์ปญั หาเกีย่ วกับเวลา
การวดั และสร้างมุม : การวัดขนาดของมมุ โดยใช๎โพรแทรกเตอร์ การสร๎างมมุ เมื่อกาหนด
ขนาดของมุม
รูปสเ่ี หล่ยี มมมุ ฉาก : ความยาวรอบรูปของรปู ลี่เหล่ียมมมุ ฉาก
พืน้ ที่ของรปู ล่เี หล่ียมมุมฉาก การแกโ๎ จทย์ปญั หาเกีย่ วกบั ความยาว รอบรปู และพ้ืนทีข่ องรูปล่ีเหลีย่ มมุมฉาก
รปู เรขาคณิต : ระนาบ จุด เสน๎ ตรง รงั สี สํวนของเส๎นตรง และสัญลักษณ์แสดงเส๎นตรง รังสี
สวํ นของเส๎นตรง มมุ สํวนประกอบของมุม การเรียกซื่อมุม สัญลักษณแ์ สดงมุม ชนดิ ของมมุ
ชนดิ และสมบัตขิ องรูปสเ่ี หล่ียมมมุ ฉาก การสร๎างรปู สเ่ี หลีย่ มมมุ ฉาก
การนาเสนอข้อมลู : การอํานและการเขียนแผนภูมิแทํง (ไมํรวมการยํนระยะ) การอาํ น
ตารางสองทาง (two-way table)
การจัดประสบการณ์หรือสร๎างสถานการณ์ทีใ่ กลต๎ วั ใหผ๎ ูเ๎ รยี นไดศ๎ กึ ษาคน๎ ควา๎ โดยปฏิบตั จิ รงิ
ทดลอง สรปุ รายงาน เพื่อพัฒนาทักษะ / กระบวนการในการคิดคานวณ การแกป๎ ัญหา การใหเ๎ หตผุ ล
การสื่อความหมายทางคณิตศาสตร์ และนาประสบการณ์ด๎านความร๎ู ความคิด ทักษะกระบวนการที่ได๎
ไปใชใ๎ นการเรยี นร๎สู ิง่ ตํางๆ และใช๎ในชีวติ ประจาวันอยาํ งสรา๎ งสรรค์ รวมทง้ั เหน็ คณุ คําและมเี จตคตทิ ดี่ ี
ตํอคณิตศาสตร์ สามารถทางานอยํางเปน็ ระบบ ระเบียบ รอบคอบ มีความรบั ผดิ ชอบ มีวิจารณญาณ
และเชือ่ มัน่ ในตนเอง

-๓๙-

การวัดผลและประเมนิ ผล : ใช๎วิธีหลากหลายตามสภาพความเป็นจริงของเน้ือหาและทักษะทีต่ ๎อง
การวัด

รหัสตวั ชวี้ ัด
ค ๑.๑ ป.๔/๑ ป.๔/๒ ป.๔/๓ ป.๔/๔ ป.๔/๕ ป.๔/๖ ป.๔/๗ ป.๔/๘ ป.๔/๙ ป.๔/๑๐
ป.๔/๑๑ ป.๔/๑๒ ป.๔/๑๓ ป.๔/๑๔ ป.๔/๑๕ ป.๔/๑๖
ค ๑.๒ –
ค ๒.๑ ป.๔/๑ ป.๔/๒ ป.๔/๓
ค ๒.๒ ป.๔/๑ ป.๔/๒
ค ๓.๑ ป.๔/๑

รวมทัง้ หมด ๒๒ ตัวชี้วดั

-๔๐-

ค ๑๕๑๐๑ คณติ ศาสตร์ คาอธิบายรายวิชาพ้นื ฐาน
ชั้นประถมศกึ ษาปีที่ ๕ กลุ่มสาระการเรียนรู้คณิตศาสตร์
เวลา ๑๖๐ ชว่ั โมง

ผเ๎ู รยี นไดศ๎ กึ ษา ฝึกทักษะการคดิ คานวณ และฝกึ การแกป๎ ัญหาในสาระตํอไปนี้
ทศนยิ ม : ความสมั พนั ธ์ระหวํางเศษสํวนและทศนิยม คําประมาณทศนยิ มไมเํ กนิ ๓

ตาแหนงํ ทเ่ี ปน็ จานวนเต็ม ทศนยิ ม ๑ ตาแหนํงและ ๒ ตาแหนงํ การใช๎เครื่องหมาย ≈
จานวนนบั และ ๐ การบวก การลบ การคูณ และการหาร : การแกโ๎ จทยป์ ัญหาโดยใช๎

บัญญัตไิ ตรยางศ์
เศษสว่ น และการบวก การลบ การคูณ และการหารเศษสว่ น : การเปรียบเทยี บเศษสํวน

จานวนคละ การบวก การลบของเศษสวํ นและจานวนคละ การคูณ การหารของเศษสํวนและจานวนคละ
การบวก ลบ คณู หารระคนของเศษสวํ นและจานวนคละ การแกโ๎ จทย์ปญั หาเศษสวํ นและจานวนคละ

การคูณ การหารทศนยิ ม : การประมาณผลลัพธ์ของการบวก การลบ การคณู การหารทศนยิ ม
การคณู ทศนยิ ม การหารทศนิยม การแก๎โจทย์ปัญหาเกี่ยวกบั ทศนยิ ม

รอ้ ยหรือเปอร์เซ็นต์ : การอํานและการเขียนร๎อยละหรอื เปอรเ์ ซน็ ต์ การแก๎โจทยป์ ัญหาร๎อยละ
ความยาว : ความสมั พันธ์ระหวํางหนํวยความยาวเซนติเมตรกบั มลิ ลิเมตร เมตรกับเซนตเิ มตร
กิโลเมตรกับเมตร โดยใชค๎ วามรเ๎ู รือ่ งทศนยิ ม การแกโ๎ จทย์ปญั หาเก่ยี วกบั ความยาวโดยใช๎ความรูเ๎ ร่ืองการ
เปลี่ยนหนํวยและทศนิยม

นา้ หนัก : ความสมั พนั ธร์ ะหวาํ งหนวํ ยนา้ หนัก กิโลกรมั กับกรมั โดยใชค๎ วามรูเ๎ รอื่ งทศนยิ ม
การแก๎โจทยป์ ญั หาเกี่ยวกับน้าหนัก โดยใช๎ ความร๎เู ร่อื งการเปลยี่ นหนวํ ยและทศนิยม

ปริมาตรและความจุ : ปริมาตรของทรงล่ีเหลยี่ มมุมฉากและ ความจุของภาชนะทรงส่เี หลีย่ มมุม
ฉากความสัมพนั ธร์ ะหวาํ ง มิลลิลิตร ลติ ร ลกู บาศกเ์ ซนตเิ มตร และลูกบาศก์เมตร การแก๎โจทย์ปญั หาเกย่ี วกับ
ปริมาตร ของทรงล่ีเหล่ยี มมุมฉากและความจุ ของภาชนะทรงสี่เหลยี่ มมุมฉาก

รปู เรขาคณติ สองมิติ : ความยาวรอบรูปของรปู ลี่เหลี่ยม พื้นทข่ี องรปู ส่ีเหล่ียมด๎านขนานและ
รปู สเ่ี หลยี่ มขนมเปียกปูน การแกโ๎ จทย์ปญั หาเกีย่ วกบั ความยาวรอบรูป ของรปู สีเ่ หล่ยี มและพื้นทขี่ องรปู
สี่เหลีย่ ม ด๎านขนานและรปู สเี่ หลีย่ มขนมเปยี กปูน

รูปเรขาคณติ : เส๎นตง้ั ฉากและสญั ลักษณแ์ สดงการตงั้ ฉาก เส๎นขนานและสัญลกั ษณ์แสดงการ
ขนาน การสรา๎ งเสน๎ ขนาน มมุ แย๎ง มุมภายใน และมมุ ภายนอก ที่อยํูบนช๎างเดยี วลนั ของเส๎นตดั ขวาง
(Transversal)

รปู เรขาคณิตสองมิติ : ชนดิ และสมบตั ิของรูปล่ีเหลย่ี ม การสร๎างรูปลีเ่ หลี่ยม
รูปเรขาคณติ สามมติ ิ : ลักษณะและสํวนตาํ ง ๆ ของปริซึม
การนาเสนอขอ้ มูล : การอํานและการเขยี นแผนภมู ิแทํง การอํานกราฟเส๎น
การจัดประสบการณ์หรือสร๎างสถานการณ์ท่ใี กลต๎ ัว ให๎ผ๎เู รยี นได๎ศึกษาคน๎ คว๎าโดยปฏบิ ตั จิ ริง
ทดลอง สรปุ รายงาน เพื่อพฒั นาทักษะ / กระบวนการในการคิดคานวณ การแก๎ปญั หา การให๎เหตุผล
การสอื่ ความหมายทางคณิตศาสตร์ และนาประสบการณ์ด๎านความรู๎ ความคิด ทักษะกระบวนการท่ไี ด๎
ไปใช๎ในการเรียนร๎ูสง่ิ ตํางๆ และใชใ๎ นชวี ติ ประจาวนั อยาํ งสร๎างสรรค์ รวมทั้งเห็นคณุ คําและมเี จตคติท่ีดี
ตอํ คณิตศาสตร์ สามารถทางานอยํางเปน็ ระบบ ระเบียบ รอบคอบ มีความรับผิดชอบ มีวิจารณญาณ
และเชอ่ื มัน่ ในตนเอง
การวดั ผลและประเมินผล : ใชว๎ ิธีหลากหลายตามสภาพความเปน็ จรงิ ของเนอื้ หาและทักษะทต่ี ๎อง
การวัด

-๔๑-

รหัสตวั ชีว้ ัด
ค ๑.๑ ป.๕/๑ ป.๕/๒ ป. ๕/๓ ป.๕/๔ ป.๕/๕ ป.๕/๖ ป.๕/๗
ป.๕/๘ ป.๕/๙
ค ๑.๒ -
ค ๒.๑ ป.๕/๑ ป.๕/๒ ป.๕/๓ ป.๕/๔
ค ๒.๒ ป.๕/๑ ป.๕/๒ ป.๕/๓ ป.๕/๔
ค ๓.๑ ป.๕/๑ ป.๕/๒

รวมทั้งหมด ๑๙ ตวั ชี้วัด

-๔๒-

คาอธบิ ายรายวิชาพ้นื ฐาน

ค ๑๖๑๐๑ คณติ ศาสตร์ กล่มุ สาระการเรยี นรู้คณิตศาสตร์
ชนั้ ประถมศึกษาปีท่ี ๖ เวลา ๑๖๐ ชั่วโมง

ผู๎เรียนได๎ศกึ ษา ฝกึ ทักษะการคิดคานวณ และฝกึ การแก๎ปัญหาในสาระตํอไปนี้
เศษสว่ น : การเปรียบเทยี บและเรียงลาดบั เศษสํวนและจานวนคละโดยใช๎ความรู๎เรื่อง ค.ร.น.
อตั ราสว่ น : อัตราสํวน อตั ราสํวนทเ่ี ทาํ กนั และมาตราสํวน
จานวนนบั และ ๐ : ตัวประกอบ จานวนเฉพาะ ตัวประกอบเฉพาะ และการแยกตัวประกอบ

ห.ร.ม. และ ค.ร.น. การแก๎โจทยป์ ญั หาเกี่ยวกับ ห.ร.ม. และ ค.ร.น.
การบวก การลบ การคูณ การหารเศษสว่ น : การบวก การลบเศษสํวนและจานวนคละโดยใช๎

ความร๎ูเรือ่ ง ค.ร.น. การบวก ลบ คูณ หารระคนของเศษสํวนและจานวนคละ การแก๎โจทยป์ ัญหาเศษสํวน
และจานวนคละ

ทศนิยม และการบวก การลบ การคณู การหาร : ความสัมพันร์ ะหวํางเศษสํวนและทศนยิ ม
การหารทศนยิ ม การแกโ๎ จทยป์ ญั หาเกี่ยวกบั ทศนยิ ม (รวมการแลกเงนิ ตํางประเทศ)

อตั ราสว่ นและร้อยละ : การแก๎โจทยป์ ญั หาอตั ราสํวนและมาตราสํวน การแก๎โจทย์ปัญหารอ๎ ยละ
แบบรปู : การแก๎ปัญหาเกี่ยวกบั แบบรปู
ปริมาตรและความจุ :ปริมาตรของรูปเรขาคณติ สามมติ ิ ทป่ี ระกอบด๎วยทรงลี่เหล่ียมมมุ ฉาก
การแก๎โจทย์ปัญหาเก่ียวกบั ปรมิ าตร ของรปู เรขาคณิตสามมติ ิทีป่ ระกอบดว๎ ย ทรงสีเ่ หล่ยี มมมุ ฉาก
รปู เรขาคณิตสองมิติ : ความยาวรอบรปู และพ้ืนที่ของรูปสามเหลี่ยมมุมภายในของรูปหลายเหลี่ยม
ความยาวรอบรปู และพน้ื ทข่ี องรูปหลายเหลีย่ ม การแก๎โจทยป์ ญั หาเก่ียวกบั ความยาวรอบรูป และพ้ืนที่ของรูป
หลายเหล่ยี ม ความยาวรอบรปู และพน้ื ทขี่ องวงกลม การแก๎โจทย์ปญั หาเกยี่ วกบั ความยาวรอบรูป และพื้นที่
ของวงกลม
รปู เรขาคณิตสองมิติ : ชนิดและสมบตั ขิ องรปู สามเหล่ยี ม การสรา๎ งรูปสามเหลีย่ ม สวํ นตาํ ง ๆ
ของวงกลม การสร๎างวงกลม
รูปเรขาคณติ สามมติ ิ : ทรงกลม ทรงกระบอก กรวย พีระมดิ รูปคลข่ี องทรงกระบอก กรวย
ปริซมึ พรี ะมิด
การนาเสนอขอ้ มลู : การอํานแผนภมู ิรูปวงกลม
การจดั ประสบการณ์หรือสรา๎ งสถานการณ์ท่ใี กล๎ตัว ให๎ผูเ๎ รียนได๎ศึกษาคน๎ ควา๎ โดยปฏิบตั ิจริง
ทดลองสรุป รายงานเพอ่ื พฒั นาทกั ษะ/กระบวนการในการคิดคานวณการแก๎ปัญหาการใหเ๎ หตผุ ลการสื่อ
ความหมายทางคณิตศาสตร์ และนาประสบการณด์ ๎านความรู๎ความคดิ ทักษะกระบวนการท่ีได๎ไปใช๎
ในการเรียนรู๎ส่ิงตํางๆ และใชใ๎ นชีวิตประจาวันอยํางสร๎างสรรค์ รวมทง้ั เห็นคณุ คําและมีเจตคติท่ีดีตอํ
คณิตศาสตรส์ ามารถทางานอยาํ งเปน็ ระบบระเบยี บรอบคอบมคี วามรับผดิ ชอบมวี จิ ารณญาณและเช่ือม่นั ใน
ตนเอง
การวดั ผลและประเมินผล : ใช๎วิธีหลากหลายตามสภาพความเป็นจริงของเนอื้ หาและทักษะท่ตี ๎อง
การวัด

-๔๓-

รหสั ตัวชว้ี ัด
ค ๑.๑ ป.๖/๑ ป.๖/๒ ป. ๖/๓ ป.๖/๔ ป๖/๕ ป.๖/๖ ป.๖/๗ ป.๖/๘ ป.๖/๙ ป.๖/๑๐
ป.๖/๑๑ ป.๖/๑๒
ค ๑.๒ ป.๖/๑
ค ๒.๑ ป.๖/๑ ป.๖/๒ ป.๖/๓
ค ๒.๒ ป.๖/๑ ป.๖/๒ ป.๖/๓ ป ๖/๔
ค ๓.๑ ป.๖/๑

รวมท้ังหมด ๒๑ ตวั ชี้วดั


Click to View FlipBook Version