-๑๙๓-
โครงสรา้ งการจัดกจิ กรรมชมุ นมุ
ชั้นประถมศกึ ษาปที ่ี ๕ เวลาเรยี น ๓๐ ช่ัวโมง
ลาดับที่ เนอื้ หา/กจิ กรรม เวลา/ชว่ั โมง
๑ ชุมนมุ คอมพิวเตอร์ ๗
๒ ชุมนมุ วทิ ยาศาสตร์ ๗
๓ ชุมนมุ ฉลาดคดิ ฉลาดทา ๙
๔ ชุมนุมตามรอยประวัติศาสตร์ ๗
รวมเวลาเรยี นทัง้ หมด ๓๐ ช่ัวโมง/ปี
-๑๙๔-
ชุมนมุ คณิตพาเพลิน ชนั้ ประถมศกึ ษาปีที่ ๖
คาอธบิ าย
ศึกษาความรู๎พ้ืนฐานเบ้ืองต๎นในการคิด ผึเกทักษะการคิดคานวณอยํางงํายการให๎เหตุผลและกา ร'ฝึก
แก๎ปัญหาโดยให๎นักเรียนได๎ปฏิบัติจริงจากการเลํนเกมตํางๆ เซํน เกมA-Math เกมโซโดกุ เกมหมากล๎อมหมาก
รุก เกมการแก๎ปัญหาตํางๆโดยใช๎กระบวนการทางความคิด กระบวนการสร๎างความคิดรวบยอด กระบวนการ
กลํุม กระบวนการคิดคานวณเพ่ือให๎นักเรียนมีทักษะการคิดคานวณ การแก๎ปัญหา การ ให๎เหตุผล นํา
ประสบการณ์ด๎านความรู๎ ความคิด ทักษะกระบวน การที่ได๎นําไปใช๎ในการเรียนรู๎ตํางๆ และนําไปใช๎ใน
ชีวิตประจาวันอยํางสร๎างสรรค์ สามารถทางานอยํางเป็นระบบ มีความรับผิดชอบ มีวิจารณญาณ เชื่อมั่นใน
ตนเอง เห็นคุณคาํ และมีเจตคติท่ีดตี อํ ทุกสาระการเรียนรู๎
จดุ ประสงค์
๑. นักเรียนมีทักษะด๎านกระบวนการคิดคานวณ คิดอยํางมีระบบ ระเบยี บมี
เหตุผล ๒. นกั เรยี นมที กั ษะในการแกป๎ ัญหาในสถานการณ์ตํางๆได๎
๓. นักเรียนสามารถนําความร๎ทู ่ีไดร๎ บั ไปพฒั นาทักษะด๎านตํางๆโดยเฉพาะกระบวนการคิดในวิชาอน่ื ๆ
ตอํ ไป
-๑๙๕-
ชมุ นมุ นาฏศลิ ป์ ชน้ั ประถมศกึ ษาปีท่ี ๖
คาอธบิ าย
ศึกษาเพ่ือใหม๎ ีความรค๎ู วามเข๎าใจเร่ืองการขับร๎องเพลงใหถ๎ ูกต๎อง บอกประโยชน์ทไี่ ดร๎ ับจากการซมการ
แสดง,นาฏศลิ ป์และละคร การประดิษฐท์ ําทางประกอบจงั หวะเพลง และเพลงข๎าแบบจินตลีลาได๎
จุดประสงค์
๑. นักเรยี นสามารถขับร๎องเพลงให๎ถกู ต๎องได๎
๒. บอกประโยชน์ทไี่ ด๎รบั จากการซมการแสดงนาฏศลิ ป์และละครได๎
๓. ประดิษฐท์ าํ ทางประกอบจังหวะเพลงเรว็ ได๎
๔. ประดษิ ฐท์ ําทางประกอบเพลงขา๎ แบบจินตลีลาได๎
-๑๙๖
-
ชมุ นุมรักการอา่ น ช้นั ประถมศกึ ษาปีท่ี ๖
คาอธิบาย
นกั เรียนมคี วามรู๎ความเข๎าใจประโยชนข์ องการอํานและเลอื กสิ่งท่ีอาํ นได๎เหมาะสมกับวัยเพ่ือให๎ นกั เรียน
สามารถอํานภาษาไทยได๎ถกู ต๎องซัดเจนตลอดจนทาใหน๎ ักเรียนรจู๎ กั ใชเ๎ วลาวํางให๎เป็นประโยชน์
จุดประสงค์
๑. เพอ่ื ใหน๎ ักเรยี นมคี วามร๎ูความเข๎าใจประโยชน์ชองการอาํ นและเลือกส่งิ ท่ีอํานได๎เหมาะสมกบั วัย
๒. เพอ่ื ให๎นักเรียนสามารถอํานภาษาไทยได๎ถกู ต๎องซดั เจน ๓. เพ่ือให๎นักเรยี นร๎ูจักใช๎เวลาวาํ ง
ให๎เปน็ ประโยชน์
-๑๙๗-
ชมุ นมุ ขนมกบั ภูมิปญั ญา ชั้นประถมศกึ ษาปีท่ี ๖
คาอธบิ าย
ศึกษาเกี่ยวกับการเลือกสํวนผสมตํางๆท่ีเกี่ยวกับการประกอบอาหารและสามารถช่ังสิ่งของ การตวง
ส่ิงของเพื่อใหส๎ ํวนผสมของอาหารได๎สดั สํวนทตี่ อ๎ งการและสามารถท่ีจะทาตามชั้นตอนของการประกอบอาหาร ได๎
เป็นอยํางดี
จดุ ประสงค์
๑. บอกสํวนผสมตําง ๆ ได๎
๒. สามารถชัง่ ตวง สวํ นผสมตาํ ง ๆ ได๎
๓. ปฏิบัตติ ามขน้ั ตอนตามที่กาหนดทาได๎
-๑๙๘-
ชมุ นมุ English is fun. ชนั้ ประถมศึกษาปีที่ ๖
คาอธบิ าย
เปน็ การฝกึ ทกั ษะทั้ง ๔ ทักษะคือทักษะการฟูง ทักษะการพูด ทักษะการอําน และทักษะการเขียน ใช๎
ทักษะภาษาอังกฤษเพื่อสื่อความเกี่ยวกับ ตนเอง ครอบครัว โรงเรียน สิ่งแวดล๎อมใกล๎ตัว และนันทนาการและ
การเรียนรู๎คาศัพท์ในเรื่องตํางๆ น้ัน เพื่อให๎สามารถนําไปใช๎ในชีวิตประจาวันได๎ พูดให๎ข๎อมูลเก่ียวกับตนเอง
บุคคลใกล๎ตัวเรอ่ื งใกลต๎ ัวเช๎าใจคา เช๎าใจภาษาทาํ ทางได๎อยาํ งเหมาะสมตามวยั
การแสวงหาความรู๎ ความเพลิดเพลินจากภาษาอังกฤษ ใช๎ภาษาอังกฤษเพื่อรวบรวมคาศัพท์ที่ เกี่ยว
ช๎องใกล๎ตวั มีเจตคติท่ีดี เหน็ ประโยชน์และคณุ คําในการเรียนรภู๎ าษาองั กฤษ
จดุ ประสงค์
๑. เพ่อื ใหน๎ กั เรยี นเกิดเจตคติทดี่ ตี อํ ภาษาองั กฤษ
๒. เพอ่ื ฝึกเสริมทกั ษะการฟูง พูด อาํ น เขียน ได๎อยํางถูกต๎องเหมาะสมตามวัย
๓. เพื่อให๎นักเรียนนาความร๎ูไปใช๎ในชีวิตประจาวัน
-๑๙๙-
โครงสรา้ งการจัดกิจกรรมชมุ นมุ
ชั้นประถมศึกษาปีท่ี ๖ เวลาเรียน ๓๐ ชั่วโมง
ลาดบั ที่ เนอื้ หา/กิจกรรม เวลา/ชว่ั โมง
๑ ๖
๒ ชมุ นุมคณิตพาเพลิน ๖
๓ ชุมนมุ นาฏศลิ ป์ ๖
๔ ชุมนมุ รกั การอําน ๖
๕ ชมุ นุมขนมกับภมู ิปัญญา ๖
ชมุ นมุ English is fun. ๖
รวมเวลาเรยี นท้งั หมด ๓๐ ชัว่ โมง/ปี
-๒๐๐-
๓. กิจกรรมเพ่ือสงั คมและสาธารณประโยชน์
กิจกรรมเพ่ือสังคมและสาธารณประโยชน์เปน็ กิจกรรมท่ีสงํ เสรมิ ให๎ผ๎ูเรียนบาเพ็ญตนให๎เป็นประโยชนต์ อํ
ครอบครัว ชมุ ชน สังคม และประเทศชาติในลกั ษณะอาสาสมคั ร เพ่ือชํวยขดั เกลาจิตใจของผู๎เรียนใหม๎ ีความ
เมตตากรุณา มีความเสยี สละ และมีจิตสาธารณะ เพื่อชํวยสร๎างสรรค์สังคมให๎อยรูํ ํวมกันอยํางมคี วามสขุ
หลักการ
กจิ กรรมเพอื่ สงั คมและสาธารณประโยชน์เป็นกจิ กรรมท่ีต๎องสงํ เสรมิ ให๎ผ๎ูเรียนสามารถพฒั นาตนเองตาม
ธรรมชาติและเตม็ ตามศักยภาพ โดยคานึงถึงความแตกตํางระหวาํ งบคุ คลและพฒั นาการทางสมอง เน๎นให๎
ความสาคัญทั้งความรแ๎ู ละคุณธรรมจริยธรรม จัดกิจกรรมโดยใหผ๎ ู๎เรียนคิดสรา๎ งสรรคอ์ อกแบบกิจกรรมเพื่อ
สาธารณประโยชนอ์ ยาํ งหลากหลายรปู แบบ เพ่อื แสดงถึงความรบั ผิดชอบตํอสังคมในลกั ษณะจติ อาสา
วัตถุประสงค์
๑. เพือ่ ปลูกฝังและสรา๎ งจิตสานกึ ให๎แกผํ ๎ูเรยี นในการบาเพญ็ ตนให๎เป็นประโยชน์ตํอครอบครัว โรงเรียน
ชมุ ชน สงั คม และประเทศชาติ
๒. เพอื่ ใหผ๎ ๎เู รยี นมีความคิดริเรม่ิ สรา๎ งสรรคใ์ นการจดั กิจกรรมเพ่ือสังคมและสาธารณประโยชนต์ ามความ
ถนัดและความสนใจในลักษณะอาสาสมัคร
๓. เพื่อให๎ผเ๎ู รยี นมคี วามร๎ู คณุ ธรรมจรยิ ธรรม ตามคุณลักษณะอนั พึงประสงค์
๔. เพ่อื ให๎ผเ๎ู รียนมจี ติ สาธารณะและใชเ๎ วลาวํางใหเ๎ ป็นประโยชน์
ขอบข่าย
เป็นกระบวนการจดั กจิ กรรมในลักษณะกิจกรรมบาเพ็ญประโยชน์ กิจกรรมอาสาพฒั นาหรอื กจิ กรรม
สร๎างสรรค์สังคม โดยผ๎เู รยี นดาเนินการด๎วยตนเองในลักษณะอาสาสมัคร เพื่อแสดงถึงความรับผิดชอบ ความดี
งาม ความเสยี สละตํอสังคม และมจี ติ สาธารณะ
แนวการจดั กจิ กรรม
การจดั กิจกรรมเพือ่ สังคมและสาธารณประโยชน์ เน๎นใหผ๎ ๎ูเรียนรวํ มกนั สารวจและ
วิเคราะหส์ ภาพปญั หา รํวมกันออกแบบการจดั กิจกรรม วางแผนการจัดกจิ กรรม ปฏบิ ัติกจิ กรรม
ตามแผน รวํ มสรุปและประเมินผลการจดั กิจกรรม รํวมรายงานผล พรอ๎ มท้ังประชาสัมพันธ์และ
เผยแพรผํ ลการจัดกิจกรรม
การจดั กจิ กรรมเพ่อื สังคมและสาธารณประโยชน์ ผู๎เรยี นสามารถเลือกจดั กิจกรรมหรอื
เขา๎ รวํ มกจิ กรรมได๎ ดังนี้
๑. จัดกจิ กรรมภายในโรงเรยี น (กิจกรรมในวิถีชีวติ โรงเรยี นเพือ่ ปลูกฝังจิตอาสา) เป็นกจิ กรรมท่ผี เ๎ู รยี นและ
ครูทีป่ รกึ ษากจิ กรรมรวํ มกนั วางแผนปฏิบตั ิกิจกรรมจิตอาสาในวถิ ชี วี ิตของ
ชนั้ เรยี นและโรงเรยี นจนเกดิ เปน็ นิสยั ในการสมคั รใจทางานตําง ๆ เพื่อประโยชนข์ องสวํ นรวม ซึ่งงาน
เหลํานจี้ ะขยายขอบเขตจากใกลต๎ วั ไปสูสํ งั คมท่ีอยภูํ ายนอกได๎
๒. จดั กจิ กรรมภายนอกโรงเรียน (กจิ กรรมอาสาสมัครเพื่อสังคม) เปน็ กจิ กรรมทีผ่ ูเ๎ รยี น
ไดร๎ ับการสนับสนุนตามแผนการจดั กิจกรรม โดยใหท๎ ากจิ กรรมด๎วยความสมัครใจทเ่ี ป็นประโยชน์
แกชํ ุมชนและสงั คมโดยรวม
-๒๐๑-
แนวการจดั กิจกรรมเพือ่ สังคมและสาธารณประโยชน์ มแี นวการจดั ดงั น้ี
๑. จดั กิจกรรมในลกั ษณะบูรณาการใน ๘ กลุํมสาระการเรยี นรู๎ โดยผู๎เรยี นสามารถจัดกิจกรรมตามองค์
ความร๎ทู ่ีไดจ๎ ากการเรยี นร๎ขู องแตํกลุมํ สาระการเรียนร๎ูตามความเหมาะสม
๒. จดั กิจกรรมลกั ษณะโครงการ/โครงงาน/กจิ กรรม หมายถงึ กจิ กรรมท่ีผเ๎ู รยี นนาเสนอการจดั กจิ กรรมตํอ
โรงเรียนเพอื่ ขอความเห็นชอบในการจัดทาโครงการหรือโครงงาน หรือกิจกรรมซงึ่ มรี ะยะเวลาเริ่มตน๎ และสิ้นสดุ
ทช่ี ดั เจน
๓. จัดกิจกรรมรํวมกบั องค์กรอนื่ หมายถงึ กจิ กรรมที่ผ๎ูเรียนอาสาสมคั รเขา๎ รวํ มกิจกรรมกบั หนวํ ยงานหรือ
องค์กรอ่นื ๆ ท่ีจัดกจิ กรรมในลักษณะเพ่ือสังคมและสาธารณประโยชน์ โดยผ๎ูเรยี นสามารถเลอื กเขา๎ รํวม
กจิ กรรมได๎ ดงั น้ี
๑) รวํ มกับหนวํ ยงานอื่นที่เข๎ามาจัดกิจกรรมในโรงเรียน
๒) รวํ มกบั หนํวยงานอืน่ ทจี่ ดั กิจกรรมนอกโรงเรยี น
เง่อื นไข
๑. เวลาเข๎ารํวมกจิ กรรม ผ๎เู รียนเข๎ารํวมกิจกรรมเพื่อสงั คมและสาธารณประโยชน์อยํางตํอเน่ืองทุกภาค
เรยี น/ปี โดยขน้ึ อยูํกับการบริหารจดั การของสถานศึกษา
๒. เน๎นใหผ๎ ๎ูเรยี นเป็นผ๎ูจัดกิจกรรมดว๎ ยตนเองทุกขน้ั ตอนและตอํ เน่ือง โดยมีครูเป็น
ทีป่ รึกษากจิ กรรม
๓. ผเู๎ รยี นจะจดั กิจกรรมหรอื แสดงพฤตกิ รรมเพ่ือสงั คมและสาธารณประโยชนใ์ นเวลา
สถานที่ หรอื รปู แบบของกิจกรรมใดก็ได๎ โดยคานึงถึงความเหมาะสมตามบริบทของแตลํ ะ
สถานศกึ ษา และขน้ึ อยูํกบั การบรหิ ารจดั การของสถานศกึ ษา
การประเมนิ กจิ กรรม
กิจกรรมเพ่ือสังคมและสาธารณประโยชน์ ผูเ๎ รียนต๎องเข๎ารวํ มกจิ กรรมใหค๎ รบตามกรอบเวลาในโครงสร๎าง
ของหลกั สตู รสถานศึกษา ดังน้ี
ระดับประถมศกึ ษา (ป.๑-ป.๖) มีเวลาเข๎ารวํ มกจิ กรรม ๑๐ ชั่วโมง/ปี การประเมินในแตลํ ะกิจกรรม
เพ่ือสังคมและสาธารณประโยชน์ มีผลการประเมินเป็น“ผําน”และ“ไมํผําน”ดงั นี้
ผาํ น หมายถงึ ผ๎เู รียนเข๎ารวํ มกจิ กรรมครบตามเวลา ปฏบิ ัติกจิ กรรมและมีผลงาน/ชนิ้ งาน/คณุ ลักษณะ
ตามเกณฑท์ สี่ ถานศึกษากาหนด
ไมผํ าํ น หมายถึง ผ๎เู รยี นเขา๎ รวํ มกจิ กรรมไมคํ รบตามเวลา ปฏบิ ตั ิกจิ กรรมหรอื มีผลงาน/ชนิ้ งาน/
คณุ ลกั ษณะไมํเปน็ ไปตามเกณฑท์ สี่ ถานศกึ ษากาหนดในกรณีทีผ่ เู๎ รยี นไมผํ ําน ครูทปี่ รึกษาต๎องใหผ๎ ู๎เรียนซํอม
เสรมิ การทากจิ กรรมใหค๎ รบตามเกณฑ์ท่สี ถานศกึ ษากาหนด
-๒๐๒-
โครงสร้างการจดั กจิ กรรมเพือ่ สงั คมและสาธารณประโยชน์
ชนั้ ประถมศึกษาปที ่ี ๑ - ๖ เวลาเรียน ๑๐ ชวั่ โมง / ปี
ลาดบั ที่ เน้ือหา / กจิ กรรม เวลา / ชัว่ โมง หมายเหตุ
๑ ๕
กิจกรรมการรณรงคใ์ นวันสาคัญตาํ ง ๆ
๒ ๑. รณรงคก์ าจัดลกู น้ายงุ ลายปูองกนั ไขเ๎ ลอื ดออก ๕
๒. รณรงคป์ ูองกันยาเสพตดิ
๓. รณรงคก์ ารเลือกตงั้
๔. รณรงค์ปูองกันโรคเอดส/์ โรคโควดิ - 19
ฯลฯ
กิจกรรมอาสาพัฒนา
๑. การทาความสะอาด/สถานทต่ี ําง ๆ
๒. การปลูกตน๎ ไม๎
๓. การรํวมการแขํงกีฬา
๔. การเข๎ารวํ มงานประเพณตี ําง ๆ
ฯลฯ
รวม ๑๐
แนวทางการประเมินผลกิจกรรมพฒั นาผ้เู รยี น
การประเมินการจดั กิจกรรมพัฒนาผ๎ูเรยี นตามหลักสตู รแกนกลางการศึกษาขัน้ พน้ื ฐาน พุทธศักราช
๒๕๕๑ เป็นการประเมนิ โดยผูเ๎ รยี นต๎องมเี วลาเขา๎ รวํ มกจิ กรรม ปฏิบตั กิ จิ กรรม และมผี ลงาน/ชิน้ งาน/
คุณลกั ษณะผํานการประเมนิ ตามเกณฑท์ ี่สถานศึกษากาหนด
-๒๐๓-
ค่านิยมหลกั ๑๒ ประการ
๑. มีความรักชาติ ศาสนา พระมหากษตั รยิ ์ ซง่ึ เปน็ สถาบนั หลกั ของชาติในปจั จบุ ัน
๒. ซื่อสตั ย์ เสยี สละ อดทน มอี ุดมการณ์ใน สงิ่ ที่ดงี ามเพื่อสวํ นรวม
๓. กตัญญตู ํอพํอแมํ ผู๎ปกครอง ครบู าอาจารย์
๔.ใฝหุ าความรู๎ หมั่นศึกษาเลําเรียนทางตรงและทางอ๎อม
๕. รักษาวัฒนธรรมไทย ประเพณีไทยอันงดงาม
๖. มศี ลี ธรรม รักษาความสตั ย์ หวงั ดตี อํ ผู๎อื่น เผือ่ แผํและแบงํ ปนั
๗. เข๎าใจ เรียนรู๎ การเปน็ ประชาธปิ ไตยอันมีพระมหากษตั ริย์ ทรงเปน็ ประมุขที่ถูกต๎อง
๘. มรี ะเบยี บวนิ ัยเคารพกฎหมาย ผน๎ู ๎อยร๎จู ักเคารพผใู๎ หญํ
๙. มสี ตริ ู๎ตวั รู๎คดิ ร๎ูทา ร๎ูปฏบิ ตั ิ ตามพระราช ดารัสของพระบาทสมเด็จพระเจ๎าอยูหํ วั
๑๐ .รจู๎ ักดารงตนอยูโํ ดยใช๎หลักปรัชญาเศรษฐกจิ พอเพียงตามพระราชดารัสของพระบาทสมเด็จพระเจา๎ อยหูํ วั
รจู๎ กั อดออมไวใ๎ ช๎เมื่อยามจาเป็น มีไว๎พอกนิ พอใช๎ ถ๎าเหลอื ก็แจกจําย จาหนําย และขยายกิจการเมื่อมีความ
พรอ๎ มโดยมภี ูมิค๎มุ กันที่ดี
๑๑. มคี วามเข๎มแข็งทั้งรํางกายและจิตใจ ไมํยอมแพ๎ตอํ อานาจฝาุ ยต่าหรอื กเิ ลส มีความละอายเกรงกลวั ตํอบาป
ตามหลักของศาสนา
๑๒. คานงึ ถึงผลประโยชน์ของสวํ นรวมและตํอชาติมากกวาํ ผลประโยชนข์ องตนเอง
------๐๐๐------
ภาคผนวก
คาสง่ั กระทรวงศึกษาธกิ าร
ท่ี สพฐ ๒๙๓ / ๒๕๕๑
เร่อื ง ใหใ๎ ช๎หลักสูตรแกนกลางการศกึ ษาขน้ั พ้ืนฐาน พุทธศักราช ๒๕๕๑
------------------------------------
เพื่อใหก๎ ารจัดการศึกษาขนั้ พน้ื ฐานสอดคลอ๎ งกับสภาพความเปลยี่ นแปลงทางเศรษฐกิจสงั คมและความเจรญิ ก๎าวหน๎าทาง
วทิ ยาการ เปน็ การสรา๎ งกลยุทธ์ใหมํในการพัฒนาคุณภาพการศกึ ษาให๎สามารถสอดคลอ๎ งกับความตอ๎ งการของบคุ คล สงั คมไทย
ผูเ๎ รยี นมีศักยภาพในการแขงํ ขันและรวํ มมอื อยาํ งสรา๎ งสรรคใ์ นสงั คมโลก ปลูกฝังใหผ๎ ู๎เรยี นมจี ติ สานึกในความเป็นไทย มรี ะเบยี บ
วนิ ยั คานึงถึงประโยชนส์ วํ นรวมและยดึ ม่ันในการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษตั ริยท์ รงเป็นประมุข เปน็ ไป
ตามเจตนารมณม์ าตรา ๘๐ ของรัฐธรรมนญู แหํงราชอาณาจกั รไทย พทุ ธศกั ราช ๒๕๕๐ และพระราชบญั ญัติการศกึ ษาแหงํ ชาติ
พ.ศ. ๒๕๔๒ และท่แี ก๎ไขเพิม่ เติม(ฉบบั ท่ี ๒) พ.ศ. ๒๕๔๕
ฉะนัน้ อาศัยอานาจตามความในมาตรา ๑๒ และมาตรา ๑๕ แหงํ พระราชบญั ญตั ิระเบยี บบรหิ ารราชการกระทรวงศกึ ษาธิการ
พ.ศ. ๒๕๔๖ และคณะกรรมการการศกึ ษาขน้ั พ้นื ฐานไดม๎ ีมติเหน็ ชอบให๎ใชห๎ ลกั สูตรแกนกลางการศกึ ษาขั้นพน้ื ฐาน พทุ ธศักราช
๒๕๕๑ กระทรวงศกึ ษาธิการจงึ ประกาศให๎ใช๎หลักสตู รแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน พทุ ธศกั ราช ๒๕๕๑ ดังปรากฏแนบท๎าย
คาส่งั นแี้ ทนหลกั สูตรการศึกษาข้ันพ้นื ฐาน พทุ ธศักราช ๒๕๔๔ เง่ือนไขและระยะเวลาการใช๎หลกั สูตรแกนกลางการศึกษาขัน้
พื้นฐาน พุทธศักราช ๒๕๕๑ ใหเ๎ ปน็ ไปดังนี้
๑. โรงเรยี นตน๎ แบบการใชห๎ ลักสตู รและโรงเรยี นทีม่ ีความพรอ๎ มตามรายชื่อท่กี ระทรวงศกึ ษาประกาศ
(๑) ปกี ารศกึ ษา ๒๕๕๒ ให๎ใช๎หลักสตู รแกนกลางการศึกษาขั้นพน้ื ฐาน พุทธศักราช ๒๕๕๑ ในช้ัน
ประถมศึกษาปีที่ ๑-๖ และชน้ั มธั ยมศึกษาปีที่ ๑ และ ๔
(๒) ปีการศึกษา ๒๕๕๓ ใหใ๎ ชห๎ ลักสตู รแกนกลางกรศึกษาขน้ั พืน้ ฐาน พทุ ธศกั ราช ๒๕๕๑ ในชั้น
ประถมศึกษาที่ ๑-๖ และชั้นมัธยมศึกษาปที ่ี ๑ และ ๒ และ ชน้ั มัธยมศกึ ษาปที ่ี ๔ และ ๕
(๓) ตงั้ แตํปีการศึกษา๒๕๕๔ เปน็ ต๎นไป ให๎ใช๎หลักสตู รแกนกลางการศึกษาขนั้ พ้นื ฐาน พทุ ธศกั ราช
๒๕๕๑ ทกุ ช้ันเรยี น
๒. โรงเรียนทัว่ ไป
(๑) ปกี ารศกึ ษา ๒๕๕๓ ใหใ๎ ช๎หลักสตู รแกนกลางการศึกษาขั้นพนื้ ฐานพุทธศกั ราช ๒๕๕๑ ในชัน้
ประถมศกึ ษาปีที่ ๑-๖ และชน้ั มธั ยมศกึ ษาปีที่ ๑ และ ๔
(๒) ปกี ารศึกษา ๒๕๕๔ ให๎ใชห๎ ลักสตู รแกนกลางการศกึ ษาขน้ั พนื้ ฐานพุทธศักราช ๒๕๕๑ ในช้นั
ประถมศึกษาปที ี่ ๑-๖ และช้นั มัธยมศกึ ษาปที ี่ ๑ และ ๒ และช้นั มัธยมศึกษาปีท่ี ๔ และ ๕
(๓) ตง้ั แตปํ กี ารศกึ ษา ๒๕๕๕ เป็นตน๎ ไป ใหใ๎ ช๎หลักสตู รแกนกลางการศึกษาขน้ั พนื้ ฐาน พุทธศกั ราช
๒๕๕๑ ทุกชน้ั เรยี น
ใหเ๎ ลขาธกิ ารคณะกรรมการการศึกษาขนั้ พนื้ ฐานโดยความเหน็ ชอบของคณะกรรมการการศึกษาข้นั
พน้ื ฐานมอี านาจในการยกเลกิ เพมิ่ เติม เปลี่ยนแปลงหลกั สูตรแกนกลางการศึกษาข้ันพนื้ ฐาน พทุ ธศกั ราช ๒๕๕๑ ใหเ๎ หมาะสม
กบั กลํุมเปูาหมายและวธิ ีการจัดการศกึ ษา
สัง่ ณ วันท่ี ๑๑ กรกฎาคม พ.ศ. ๒๕๕๑
สมชาย วงศ์สวสั ดิ์
(นายสมชาย วงศ์สวสั ด์)ิ
รฐั มนตรีวําการกระทรวงศึกษาธกิ าร
คาส่งั สานกั งานคณะกรรมการการศึกษาขนั้ พ้ืนฐาน
ท่ี ๖๘๓/๒๕๕๒
เรื่อง การปรบั ปรุงโครงสรา๎ งเวลาเรยี นและเกณฑก์ ารจบการศึกษาตามหลกั สตู รแกนกลางการศึกษา
ข้ันพ้ืนฐาน พุทธศกั ราช ๒๕๕๑
…………….
อนสุ นธคิ าสง่ั กระทรวงศึกษาธกิ าร ที่ สพฐ. ๒๙๓/๒๕๕๑ เรือ่ งใหใ๎ ช๎หลักสตู รแกนกลาง
การศกึ ษาขนั้ พนื้ ฐาน พุทธศักราช ๒๕๕๑ ลงวนั ที่ ๑๑ กรกฎาคม ๒๕๕๑
กระทรวงศึกษาธกิ ารเหน็ สมควรปรับปรงุ โครงสรา๎ งเวลาเรียนและเกณฑก์ ารจบการศึกษาตาม
หลักสูตรเกณฑ์กลางการศึกษาขน้ั พ้นื ฐาน พุทธศกั ราช ๒๕๕๑ เพอื่ ให๎สอดคลอ๎ งกับนโยบายของ
กระทรวงศกึ ษาธกิ ารที่ต๎องการเน๎นการเรียนการสอนประวัติศาสตร์ จึงใหม๎ ีการปรบั ปรุงโครงสรา๎ งเวลาเรียน
และเกณฑ์การจบการศกึ ษาระดับมัธยมศึกษาตอนต๎อนและระดบั มธั ยมศึกษาตอนปลายท่ีแนบ
ทัง้ น้ี ตง้ั แตํบดั น้ีเป็นต๎นไป
สั่ง ณ วนั ที่ ๑๓ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๕๕๒
กษมา วรวรรณ ณ อยธุ ยา
(คุณหญิงกษมา วรวรรณ ณ อยุธยา)
เลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขน้ั พน้ื ฐาน
ที่ ศธ ๐๔๐๑๐/ว ๘๑๐ สานกั งานคณะกรรมการการศึกษาข้นั พื้นฐาน
กระทรวงศึกษาธิการ กทม. ๑๐๓๐๐
๑๔ พฤษภาคม ๒๕๕๒
เรือ่ ง ชแี้ จงแนวปฏบิ ตั ิท่ีสอดคล๎องกับนโยบายการจัดการเรยี นการสอนประวตั ิศาสตร์
เรยี น ผู๎อานวยการสานกั งานเขตพนื้ ทก่ี ารศึกษาทุกเขต/ผู๎อานวยการสถานศึกษา
อา๎ งถึง หนงั สือ สพฐ. ท่ี ศธ ๐๔๐๑๐/ว ๓๐ ลงวนั ที่ ๑๕ มกราคม ๒๕๕๒ เรอ่ื งการดาเนินการตาม
โครงการประชมุ สมั มนาเชงิ ปฏบิ ัติการ เร่อื งการเรียนร๎ปู ระวตั ศิ าสตร์
ตามหนังสอื ทอี่ ๎างถึง ใหส๎ ถานศกึ ษาจัดการเรยี นการสอนประวัตศิ าสตร์ เปน็ วิชาเฉพาะอยาํ งน๎อย
สัปดาห์ละ ๑ ชัว่ โมง จึงมีข๎อคาถามเก่ยี วกับเรือ่ งน้ตี ลอดเวลา เพือ่ ใหม๎ คี วามชดั เจนในการปฏบิ ตั ิ สพฐ.
ขอเรียนช้แี จงรายละเอยี ด ดังนี้
๑. ปรบั โครงสรา๎ งเวลาเรยี นหลักสตู รแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน พทุ ธศกั ราช ๒๕๕๑ ดังน้ี
ระดบั ประถมศกึ ษา (ช้นั ประถมศกึ ษาปีท่ี ๑-๖) เพ่ิมเวลาเรียนสาระพ้นื ฐานในกลุํมสาระการ
เรยี นรูส๎ งั คมศึกษา ศาสนาและวัฒนธรรม จาก ๘๐ ชั่วโมงตํอปี เปน็ ๑๒๐ ชวั่ โมงตอํ ปี โดยกาหนดให๎เรียน
สาระประวตั ศิ าสตร์ ๔๐ ชั่วโมงตํอปี และเรียนสาระศาสนา ศีลธรรม จรยิ ธรรม สาระหน๎าท่ีพลเมือง
วัฒนธรรมและการดาเนนิ ชวี ติ ในสังคม สาระเศรษฐศาสตร์และสาระภมู ิศาสตร์ ๘๐ ชว่ั โมงตอํ ปี ปรับเวลา
เรียนรวม (พน้ื ฐาน) จาก ๘๐๐ ชวั่ โมงตอํ ปี เป็น ๘๔๐ ชวั่ โมงตํอปี และปรบั เวลาเรยี นรายวิชา/กจิ กรรมที่
สถานศกึ ษจัดเพ่ิมเตมิ ตามความพรอ๎ มและจุดเนน๎ จาก ๘๐ ชั่วโมงตํอปี เปน็ ปีละไมํเกนิ ๔๐ ช่วั โมงตอํ ปี
ระดับมัธยมศกึ ษาตอนต้น (ชั้นมธั ยมศกึ ษาปีท่ี ๑-๓) เพ่ิมเวลาเรยี นสาระพ้ืนฐานในกลํุมสาระการ
เรยี นรูส๎ ังคมศึกษา ศาสนาและวฒั นธรรม จาก ๑๒๐ ชัว่ โมงตํอปี (๓ หนวํ ยกิต) เปน็ ๑๖๐ ชว่ั โมงตอํ ปี (4
หนํวยกติ) โดยกาหนดให๎เรียนสาระประวตั ศิ าสตร์ ๔๐ ชวั่ โมงตํอปี (๑ หนํวยกติ ) และเรียนสาระศาสนา
ศีลธรรม จรยิ ธรรม สาระหน๎าท่ีพลเมือง วฒั นธรรมและการดาเนินชวี ิตในสงั คม สาระเศรษฐศาสตร์และสาระ
ภมู ศิ าสตร์ ๑๒๐ ช่ัวโมงตํอปี (๓ หนวํ ยกติ ) ปรบั เวลาเรยี นรวม (พน้ื ฐาน) จาก ๘๔๐ ชว่ั โมงตอํ ปี (๒๑
หนวํ ยกิต) เปน็ ๘๘๐ ชว่ั โมงตอํ ปี (๒๒ หนวํ ยกิต) และปรับรายวชิ า/กิจกรรมที่สถานศึกษาจัดเพ่ิมเติมตามความ
พร๎อมและจุดเน๎นจาก ๒๔๐ ชั่วโมงตอํ ปี เปน็ ปีละไมเํ กนิ ๒๐๐ ช่ัวโมงตํอปี
ระดบั มัธยมศกึ ษาตอนปลาย (ชัน้ มธั ยมศกึ ษาปที ี่ ๔-๖) เพ่มิ เวลาเรียนสาระพืน้ ฐานในกลุมํ สาระ
การเรียนรส๎ู ังคมศึกษา ศาสนาและวฒั นธรรม จาก ๒๔๐ ช่ัวโมงตลอด ๓ ปี (๖ หนวํ ยกิต) เป็น ๓๒๐
ชวั่ โมงตลอด ๓ ปี (๘ หนํวยกติ ) โดยกาหนดใหเ๎ รียนสาระประวัตศิ าสตร์ ๘๐ ชวั่ โมงตลอด ๓ ปี (๒ หนํวย
กิต) และเรียนสาระศาสนา ศีลธรรม จริยธรรม สาระหนา๎ ทีพ่ ลเมอื ง วฒั นธรรมและการดาเนินชีวติ ในสงั คม
สาระเศรษฐศาสตรแ์ ละสาระภมู ิศาสตร์ ๒๔๐ ชว่ั โมงตลอด ๓ ปี (๖ หนวํ ยกติ ) ปรับเวลาเรยี นรวม(พ้นื ฐาน)
จาก ๑,๕๖๐ ชั่วโมงตลอด ๓ ปี (๓๙ หนวํ ยกติ ) เปน็ ๑,๖๔๐ ชั่วโมงตลอด ๓ ปี (๔๑ หนํวยกิต) และปรบั
รายวชิ า/กิจกรรมทส่ี ถานศึกษาจัดเพิม่ เติมตามความพร๎อมและจุดเน๎นจาก ไมํน๎อยกวํา ๑,๖๘๐ ช่วั โมงตลอด
๓ ปี เปน็ ไมํน๎อยกวาํ ๑,๖๐๐ ชวั่ โมงตลอด ๓ ปี
๒. ปรบั เกณฑ์การจบการศกึ ษาตามหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขนั้ พืน้ ฐาน พุทธศักราช ๒๕๕๑
ระดับมธั ยมศึกษาตอนต๎นและระดับมธั ยมศึกษาตอนปลาย ดงั นี้
มธั ยมศกึ ษาตอนต้น ปรบั เกณฑ์การจบการศึกษา รายวิชาพ้ืนฐาน จากเดมิ ๖๓ หนํวยกติ เปน็
๖๖ หนวํ ยกิต และรายวิชาเพ่ิมเติมจากเดิมไมนํ ๎อยกวํา ๑๔ หนวํ ยกติ เปน็ ไมํน๎อยกวํา ๑๑ หนวํ ยกิต
มัธยมศึกษาตอนปลาย ปรับเกณฑ์การจบการศึกษา รายวิชาพื้นฐาน จากเดิม ๓๙ หนํวยกิต
เปน็ ๔๑ หนํวยกติ และรายวชิ าเพิ่มเตมิ จากเดิมไมนํ ๎อยกวํา ๓๘ หนํวยกติ เป็นไมนํ อ๎ ยกวํา ๓๖ หนํวยกิต
จึงเรียนมาเพื่อโปรดทราบและพัฒนาหลักสูตรสถานศึกษาให๎เป็นไปตามแนวปฏิบัติดังกลําวทั้งนี้
สพฐ. กาลังดาเนินการจัดทาคาสั่ง สพฐ. เร่ือง การปรับปรุงโครงสร๎างเวลาเรียนและเกณฑ์การจบการศึกษา
ตามหลกั สูตรแกนกลางการศกึ ษาข้ันพ้นื ฐาน พทุ ธศกั ราช ๒๕๕๑
ขอแสดงความนบั ถือ
กษมา วรวรรณ ณ อยุธยา
(คุณหญงิ กษมา วรวรรณ ณ อยุธยา)
เลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขัน้ พืน้ ฐาน
สานักวชิ าการและมาตรฐานการศกึ ษา
กลมํุ พฒั นาหลักสตู ร
โทร. ๐๒ ๒๘๘ ๕๗๗๖ , ๕๗๗๘
โทรสาร ๐๒ ๒๘๘ ๕๗๗
คาสั่งสานักงานคณะกรรมการการศึกษาขน้ั พนื้ ฐาน
ที่ ๑๑๐/๒๕๕๕
เรอ่ื ง การแกไ๎ ขโครงสร๎างเวลาเรยี นและเกณฑ์การจบการศึกษาตามหลักสูตรแกนกลางการศกึ ษาขน้ั พน้ื ฐาน
พทุ ธศักราช ๒๕๕๑
………………
อนสุ นธิคาสัง่ สานกั งานคณะกรรมการการศกึ ษาขัน้ พ้ืนฐาน ที่ ๖๘๓/๒๕๕๒ เรื่อง การปรบั ปรงุ
โครงสรา๎ งเวลาเรยี นและเกณฑก์ ารจบการศึกษาตามหลักสูตรแกนกลางการศึกษาข้ันพื้นฐาน พุทธศกั ราช
๒๕๕๑
โดยทเี่ ปน็ การสมควรแก๎ไขโครงสรา๎ งเวลาเรยี นและเกณฑก์ ารจบการศึกษาตามหลักสตู รแกนกลาง
การศึกษาข้ันพ้ืนฐาน พทุ ธศักราช ๒๕๕๑ ให๎เหมาะสมกับบริบทและจดุ เน๎นของสถานศึกษา สานักงาน
คณะกรรมการการศกึ ษาขนั้ พื้นฐานจงึ ให๎มกี ารแกไ๎ ขโครงสร๎างเวลาเรียนและเกณฑ์การจบการศกึ ษา
ดังตํอไปน้ี
๑. ให๎ยกเลกิ ข๎อกาหนดเวลาเรียนในรายวิชากจิ กรรมท่สี ถานศกึ ษาจดั เพ่ิมเติมตามความพรอ๎ มและ
จดุ เนน๎ ระดับประถมศึกษา “ปีละไมเํ กิน ๔๐ ชวั่ โมง” และระดับมัธยมศกึ ษาตอนตน๎ “ปีละไมํเกนิ ๒๐๐
ช่ัวโมง” ของโครงสร๎างเวลาเรียน หลกั สูตรแกนกลางการศกึ ษาขน้ั พน้ื ฐาน พทุ ธศกั ราช ๒๕๕๑ และให๎ใช๎
ขอ๎ กาหนดเวลาเรยี นตอํ ไปนีแ้ ทน
“ระดบั ประถมศึกษา ปีละไมนํ ๎อยกวํา ๔๐ ช่ัวโมง
ระดับมัธยมศกึ ษาตอนตน๎ ปีละไมนํ อ๎ ยกวํา ๒๐๐ ชั่วโมง”
๒. ยกเลกิ ขอ๎ กาหนดเวลาเรยี นรวมท้ังหมด ระดับประถมศึกษา “ไมํเกิน ๑,๐๐๐ ชวั่ โมง/ปี” และ
ระดับมัธยมศึกษาตอนตน๎ “ไมเํ กิน ๑,๒๐๐ ชวั่ โมง/ปี” ของโครงสร๎างเวลาเรียน หลักสตู รแกนกลางการศึกษา
ขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช ๒๕๕๑ และให๎ใชข๎ อ๎ กาหนดเวลาเรยี นตํอไปน้ีแทน
“ระดบั ประถมศึกษา ไมนํ ๎อยกวํา ๑,๐๐๐ ช่ัวโมง/ปี
ระดบั มัธยมศกึ ษาตอนต๎น ไมํน๎อยกวํา ๑,๒๐๐ ชัว่ โมง/ป”ี
๓. ให๎ยกเลกิ ความในขอ๎ ๑) ของเกณฑ์การจบระดับประถมศึกษา หลักสตู รแกนกลางการศกึ ษาขน้ั
พน้ื ฐาน พทุ ธศักราช ๒๕๕๑ ทว่ี ํา “ผเ๎ู รยี นเรียนรายวชิ าพ้นื ฐาน และรายวิชา/กจิ กรรมเพิม่ เติมตามโครงสรา๎ ง
เวลาเรียนท่ีหลกั สตู รแกนกลางการศึกษาขนั้ พ้ืนฐานกาหนด” และใหใ๎ ชค๎ วามตํอไปนีแ้ ทน
๑) ผเ๎ู รียนเรยี นรายวชิ าพ้ืนฐานและรายวชิ า/กิจกรรมเพ่ิมเตมิ โดยเป็นรายวิชาพน้ื ฐานตาม
โครงสรา๎ งเวลาเรียนท่ีหลกั สตู รแกนกลางการศึกษาขนั้ พ้นื ฐานกาหนด และรายวิชา/กิจกรรมเพิ่มเติมตามที่
สถานศึกษากาหนด
๔. ให๎ยกเลกิ ความในข๎อ ๑) ของเกณฑ์การจบระดับมธั ยมศึกษาตอนต๎น หลักสตู รแกนกลางการศึกษา
ขั้นพืน้ ฐาน พทุ ธศักราช ๒๕๕๑ ท่วี ํา “ผเ๎ู รยี นเรยี นรายวชิ าพืน้ ฐานและเพมิ่ เติมไมํเกิน ๘๑ หนวํ ยกิต โดยเปน็
รายวชิ าพ้ืนฐาน ๖๖ หนํวยกิต และรายวชิ าเพิม่ เติมตามทีส่ ถานศกึ ษากาหนด” และให๎ใชค๎ วามตอํ ไปน้แี ทน
“๑) ผเ๎ู รียนเรียนรายวิชาพืน้ ฐานและเพิ่มเติม โดยเป็นรายวิชาพืน้ ฐาน ๖๖ หนํวยกติ และ
รายวชิ าเพิ่มเติมตามทสี่ ถานศึกษากาหนด”
๕. ใหย๎ กเลิกความในข๎อ ๑) ของเกณฑ์การจบระดบั มัธยมศกึ ษาตอนปลาย หลักสตู รแกนกลาง
การศกึ ษาขนั้ พน้ื ฐาน พุทธศักราช ๒๕๕๑ ท่วี าํ “ผ๎เู รียนเรยี นรายวชิ าพื้นฐานและเพิ่มเติมไมํน๎อยกวํา ๘๑
หนํวยกติ โดยเป็นรายวชิ าพื้นฐาน ๔๑ หนวํ ยกติ และรายวิชาเพม่ิ เตมิ ตามทส่ี ถานศกึ ษากาหนด” และให๎ใช๎
ความตํอไปน้ีแทน
“๑) ผ๎เู รยี นเรียนรายวิชาพ้ืนฐานและเพิ่มเตมิ โดยเปน็ รายวิชาพืน้ ฐาน ๔๑ หนวํ ยกิต และรายวิชา
เพิม่ เติมตามท่สี ถานศึกษากาหนด”
ท้งั น้ี ตั้งแตบํ ัดนเ้ี ปน็ ต๎นไป
สง่ั ณ วันท่ี ๒๕ มกราคม พ.ศ. ๒๕๕๕
ชินภัทร ภูมิรตั น
(นายชินภัทร ภูมริ ตั น)
เลขาธกิ ารคณะกรรมการการศึกษาขัน้ พื้นฐาน
ท่ี ศธ ๐๔๐๑๐/ว ๗๗๙ สานักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพ้นื ฐาน
กระทรวงศึกษาธกิ าร กทม.๑๐๓๐๐
๒๖ มถิ นุ ายน ๒๕๕๗
เรื่อง แนวปฏบิ ตั ิทส่ี อดคล๎องกับนโยบายการจดั การเรียนการสอนประวัตศิ าสตร์และหน๎าท่พี ลเมือง
เรียน ผ๎ูอานวยการสานกั งานเขตพ้นื ที่การศึกษาทุกเขต
สิ่งที่สํงมาดว๎ ย โครงสร๎างเวลาเรยี นตามหลักสตู รแกนกลางการศึกษาขน้ั พื้นฐาน พุทธศักราช ๒๕๕๑
ตามหนงั สือทก่ี ระทรวงศกึ ษาธกิ ารมนี โยบายเกี่ยวกับการปรับปรุงหลักสตู รการเรยี นการสอนและการ
บริหารจดั การศกึ ษา เรอ่ื ง การปลกู ฝังคุณธรรม จรยิ ธรรม การสร๎างวนิ ัย การมีจติ สานึกรบั ผดิ ชอบตํอสังคม
ยดึ มน่ั ในสถาบนั ชาติ ศาสนา พระมหากษัตรยิ ์ และมีความภาคภูมใิ จในความเป็นไทย ตลอดจนการเรยี นการ
สอนในวชิ าประวัตศิ าสตร์ และหน๎าทข่ี องพลเมือง รวมถงึ การสอนศลี ธรรมแกนํ ักเรียนซ่งึ เป็นสง่ิ สาคัญ และ
ควรสํงเสริมการเรียนใหเ๎ ข๎มข๎น น้ัน เพื่อให๎มีความชดั เจนในการปฏิบัติ สานักงานคณะกรรมการการศึกษาขน้ั
พ้นื ฐาน จงึ กาหนดแนวปฏบิ ัติดงั นี้
๑. การจดั การเรยี นการสอนประวตั ิศาสตร์ให๎เป็นไปตามโครงสร๎างเวลาเรยี นของหลกั สูตรแกนกลาง
การศกึ ษาข้นั พ้นื ฐาน พุทธศักราช ๒๕๕๑
๒. การจดั การเรียนการสอนหน๎าที่พลเมือง ใหส๎ ถานศกึ ษาจัดรายวชิ าหนา๎ ที่พลเมืองเป็นรายวิชา
เพม่ิ เติม ทุกระดบั ช้ันและชํวงชน้ั โดยดาเนินการดงั นี้
ระดับประถมศึกษา (ชน้ั ประถมศึกษาปีที่ ๑ – ๖) และระดับมัธยมศกึ ษาตอนต๎น (ชนั้
มัธยมศึกษาปีที่ ๑ – ๓) ให๎สถานศึกษาจดั รายวชิ า “หน๎าที่พลเมือง” เป็นรายวชิ าเพมิ่ เติม จานวน ๔๐
ชั่วโมงตํอปี
ระดับมัธยมศึกษาตอนปลาย (ชั้นมัธยมศึกษาปที ่ี ๔ – ๖) ให๎สถานศกึ ษาจดั รายวิชา “หน๎าท่ี
พลเมือง” เป็นรายวิชาเพม่ิ เติม จานวน ๘๐ ช่ัวโมงตลอด ๓ ปี (๒ หนํวยกิต)
จึงเรยี นมาเพือ่ ทราบและแจ๎งใหส๎ ถานศึกษาทุกแหํงพัฒนาหลกั สตู รสถานศึกษาให๎เป็นไปตามแนว
ปฏิบตั ิดังกลาํ ว โดยดาเนนิ การตัง้ แตํภาคเรียนท่ี ๒ ของปีการศกึ ษา ๒๕๕๗ เปน็ ต๎นไป ท้ังนี้ สานกั งาน
คณะกรรมการการศึกษาขน้ั พ้ืนฐานจะดาเนนิ การจัดทาคูํมือการจัดกจิ กรรมการเรยี นการสอนและสอื่ การเรียนร๎ู
ตอํ ไป
ขอแสดงความนบั ถือ
อภิชาติ จรี ะวฒุ ิ
(นายอภิชาติ จีระวุฒ)ิ
เลขาธิการคณะกรรมการการศกึ ษาขั้นพื้นฐาน
ท่ี ศธ ๐๔๐๑๐/ว ๑๒๓๙ สานกั งานคณะกรรมการการศึกษาข้ันพืน้ ฐาน
กระทรวงศึกษาธิการ กทม.๑๐๓๐๐
๑ กันยายน ๒๕๕๗
เรอ่ื ง ชีแ้ จงแนวปฏบิ ัติทสี่ อดคล๎องกับนโยบายการจดั การเรียนการสอนหนา๎ ท่ีพลเมืองเพ่มิ เตมิ
เรียน ผู๎อานวยการสานักงานเขตพื้นทีก่ ารศึกษาทกุ เขต
อ๎างถึง สานกั งานคณะกรรมการการศึกษาขัน้ พนื้ ฐาน ท่ี ศธ ๐๔๐๑๐/ว ๗๗๙ ลงวันท่ี ๒๖ มถิ นุ ายน ๒๕๕๗
ตามหนังสือที่อา๎ งถึง สานกั งานคณะกรรมการการศกึ ษาขัน้ พืน้ ฐาน ไดม๎ หี นังสือแจ๎งแนวปฏิบตั ิที่
สอดคลอ๎ งกับนโยบายการจดั การเรยี นการสอนประวัติศาสตรแ์ ละหน๎าที่พลเมือง ดงั น้ี
๑. การจัดการเรยี นการสอนประวัตศิ าสตรใ์ ห๎เปน็ ไปตามโครงสร๎างเวลาเรยี นของหลกั สูตรแกนกลาง
การศึกษาข้ันพ้ืนฐาน พุทธศักราช ๒๕๕๑
๒. การจดั การเรียนการสอนหนา๎ ที่พลเมือง ใหส๎ ถานศกึ ษาจัดรายวชิ าหน๎าท่ีพลเมอื งเป็นรายวิชา
เพิม่ เติม ทุกระดับชนั้ และชวํ งชนั้ โดยดาเนนิ การดงั นี้
ระดบั ประถมศึกษา (ชัน้ ประถมศกึ ษาปที ่ี ๑ – ๖) และระดบั มัธยมศกึ ษาตอนตน๎ (ชน้ั
มธั ยมศึกษาปีท่ี ๑ – ๓) ให๎สถานศกึ ษาจดั รายวิชา “หนา๎ ท่พี ลเมอื ง” เป็นรายวชิ าเพมิ่ เติม จานวน ๔๐
ชวั่ โมงตํอปี
ระดับมัธยมศึกษาตอนปลาย (ชน้ั มัธยมศึกษาปที ี่ ๔ – ๖) ใหส๎ ถานศึกษาจัดรายวชิ า “หนา๎ ที่
พลเมอื ง” เปน็ รายวิชาเพิ่มเติม จานวน ๘๐ ชัว่ โมงตลอด ๓ ปี (๒ หนวํ ยกิต) นั้น
เพื่อใหเ๎ ปน็ ไปตามแนวทางปฏบิ ัติ สานักงานคณะกรรมการการศึกษาข้ันพน้ื ฐาน ขอชี้แจงเพ่ิมเติม
ดังนี้
๑.ใหส๎ ถานศึกษาเพิ่มรายวิชา “หนา๎ ทีพ่ ลเมือง” ลงในหลกั สตู รของสถานศึกษาเปน็ “รายวิชา
เพิ่มเติม” ในกลุํมสาระการเรียนร๎ูสังคมศึกษา ศาสนาและวัฒนธรรม คอื
๑.๑ ระดบั ประถมศึกษา (ชั้นประถมศึกษาปีที่ ๑ – ๖) จานวน ๖ รายวิชา รายวชิ าละ ๔๐ชว่ั โมงตอํ
ปี
๑.๒ ระดบั มธั ยมศึกษาตอนต๎น (ชั้นมัธยมศกึ ษาปีท่ี ๑ – ๓) จานวน ๖ รายวชิ า รายวชิ าละ ๒๐
ช่วั โมง (๐.๕ หนํวยกติ ) ตํอภาคเรยี น
๑.๓ ระดับมัธยมศึกษาตอนปลาย (ชัน้ มธั ยมศกึ ษาปีที่๔ – ๖) จานวน ๔ รายวชิ า รายวิชาละ๒๐
ชัว่ โมง (๐.๕ หนํวยกติ ) ตอํ ภาคเรยี น (ตลอด ๓ ปี ๒ หนวํ ยกติ )
๒.ให๎สถานศึกษากาหนดรหัสรายวิชาหน๎าทีพ่ ลเมอื ง ในกลุํมสาระการเรียนรส๎ู งั คมศึกษา ศาสนาและ
วฒั นธรรมโดยใชร๎ หสั รายวชิ า ๑ – ๔ ตามทกี่ าหนด สํวนหลักที่ ๕ และ ๖ ลาดับท่ีของรายวิชา ให๎เป็นไปตาม
ทส่ี ถานศึกษากาหนด แลว๎ นาเสนอคณะกรรมการสถานศึกษาให๎ความเห็นชอบ โดยสถานศกึ ษาทาหมายเหตุ
ท๎ายโครงสร๎างหลักสตู รวาํ เพ่ิมเตมิ ตามหนังสอื ท่ี ศธ ๐๔๐๑๐/ว๗๗๙ ลงวนั ท่ี ๒๖ มถิ นุ ายน ๒๕๕๗
๓. สาหรบั ภาคเรยี นท่ี ๒ ปกี ารศึกษา ๒๕๕๗ ให๎สถานศึกษาจดั การเรยี นการสอนรายวชิ าเพิ่มเตมิ
“หนา๎ ทพ่ี ลเมือง” ดงั นี้
๓.๑ ระดบั ประถมศึกษา ใหส๎ ถานศึกษาจดั การเรยี นการสอนรายวชิ าหน๎าที่พลเมอื ง ดงั นี้
- ชน้ั ประถมศึกษาปีที่ ๑ จัดการเรียนการสอนรายวิชาหนา๎ ที่พลเมือง ๑
- ชนั้ ประถมศึกษาปีท่ี ๒ จดั การเรยี นการสอนรายวชิ าหนา๎ ทีพ่ ลเมือง ๒
- ชัน้ ประถมศึกษาปีท่ี ๓ จัดการเรียนการสอนรายวิชาหนา๎ ทพี่ ลเมือง ๓
- ชนั้ ประถมศึกษาปีที่ ๔ จัดการเรยี นการสอนรายวิชาหนา๎ ทีพ่ ลเมือง ๔
- ช้นั ประถมศึกษาปีที่ ๕ จัดการเรียนการสอนรายวชิ าหนา๎ ที่พลเมือง ๕
- ชั้นประถมศึกษาปีที่ ๖ จดั การเรยี นการสอนรายวิชาหน๎าที่พลเมือง ๖
โดยใชเ๎ วลาเรียน ๒๐ ช่วั โมง ใหม๎ ีการวัดและประเมนิ ผลโดยคิดเวลาเรียน ไมนํ ๎อยกวํา ร๎อยละ ๘๐
จากเวลาเรียน ๒๐ ช่ัวโมง
๓.๒ ระดบั มัธยมศึกษาตอนตน๎ ใหส๎ ถานศึกษาจัดการเรยี นการสอนรายวิชาหน๎าท่ีพลเมอื ง
- ชน้ั มัธยมศกึ ษาปีที่ ๑ จัดการเรียนการสอนรายวิชาหน๎าท่พี ลเมือง ๒
เวลาเรียน ๒๐ ชัว่ โมง (๐.๕ หนวํ ยกติ ) ตํอภาคเรียน
- ชั้นมัธยมศกึ ษาปีที่ ๒ จัดการเรยี นการสอนรายวชิ าหนา๎ ทพ่ี ลเมือง ๔
เวลาเรียน ๒๐ ชวั่ โมง (๐.๕ หนํวยกติ ) ตอํ ภาคเรียน
- ชั้นมธั ยมศกึ ษาปีท่ี ๓ จดั การเรยี นการสอนรายวิชาหน๎าทพ่ี ลเมือง ๖
เวลาเรียน ๒๐ ช่ัวโมง (๐.๕ หนวํ ยกติ ) ตํอภาคเรียน
และให๎มกี ารวัดและประเมินผลเป็นรายวิชา
๓.๓ ระดบั มธั ยมศกึ ษาตอนปลายใหส๎ ถานศึกษาจัดการเรยี นการสอนรายวชิ าหน๎าทพี่ ลเมือง
- ช้ันมธั ยมศึกษาปีที่ ๔ จัดการเรียนการสอนรายวชิ าหน๎าที่พลเมือง ๑
เวลาเรยี น ๒๐ ชว่ั โมง (๐.๕ หนวํ ยกติ ) ตํอภาคเรียน
- ช้นั มัธยมศึกษาปที ่ี ๕ จัดการเรียนการสอนรายวชิ าหนา๎ ทพ่ี ลเมือง ๒
เวลาเรยี น ๒๐ ชว่ั โมง (๐.๕ หนํวยกติ ) ตอํ ภาคเรยี น
- ชั้นมธั ยมศึกษาปีที่ ๖ จัดการเรยี นการสอนรายวิชาหน๎าที่พลเมือง ๔
เวลาเรยี น ๒๐ ชว่ั โมง (๐.๕ หนวํ ยกิต) ตํอภาคเรียน
และใหม๎ ีการวัดและประเมินผลเป็นรายวิชา
ตงั้ แตํปกี ารศึกษา ๒๕๕๘ เปน็ ต๎นไป ให๎สถานศกึ ษาจัดการเรียนการสอนรายวชิ าเพิ่มเติม
หน๎าทพ่ี ลเมือง เปน็ ไปตามหลักสตู รสถานศึกษาท่ีปรับปรุงแลว๎ ทั้งน้ี สถานศึกษาสามารถดาวนโ์ หลดข๎อมลู ได๎
จากเว็บไซต์ (http://obec.go.th) และหนํวยงานท่ีเกยี่ วข๎อง
จึงเรียนมาเพื่อทราบและแจ๎งใหส๎ ถานศึกษาทุกแหงํ พฒั นาหลกั สูตรสถานศึกษาใหเ๎ ป็นไปตามแนวปฏิบัติ
ดังกลาํ ว
ขอแสดงความนบั ถือ
กมล รอดคล๎าย
(นายกมล รอดคลา๎ ย)
เลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขน้ั พื้นฐาน
สานักวชิ าการและมาตรฐานการศึกษา
กลํมุ พฒั นาหลักสูตรและมาตรฐานการเรยี นร๎ู
โทร. ๐ ๒๒๘๘ ๕๗๗๘ โทรสาร ๐ ๒๒๘๘ ๕๗๘๐
ที่ ศธ ๐๔๐๑๐/ว ๑๓๒๔ สานักงานคณะกรรมการการศกึ ษาข้ันพ้ืนฐาน
กระทรวงศกึ ษาธกิ าร กทม.๑๐๓๐๐
๒๙ กันยายน ๒๕๕๗
เรือ่ ง แนวปฏิบตั เิ กย่ี วกับคํานิยมหลกั ๑๒ ประการสกํู ารปฏบิ ัติ
เรียน ผูอ๎ านวยการสานักงานเขตพื้นที่การศึกษาทุกเขต
ตามหนงั สือท่คี ณะรักษาความสงบแหํงชาติ (คสช.) และกระทรวงศึกษาธกิ ารมีนโยบายสร๎างสรรค์
ประเทศไทยให๎เขม๎ แข็ง โดยตอ๎ งสรา๎ งคนในชาตใิ ห๎มีคํานยิ มหลกั ของคนไทย ๑๒ ประการ เพ่ือเป็นพื้นฐาน
สาคญั ในการปลูกฝงั คาํ นิยม คุณธรรม จริยธรรมให๎เกิดข้นึ กับเยาวชนไทย ซ่งึ คํานิยมดังกลําวครอบคลุมและ
สอดคลอ๎ งกับคุณลักษณะอนั พึงประสงค์ ตามหลักสูตรแกนกลางการศกึ ษาขั้นพ้นื ฐาน พทุ ธศักราช ๒๕๕๑
ดงั นน้ั เพอ่ื ให๎การพัฒนาผู๎เรยี นในดา๎ นคุณธรรม จริยธรรม และคํานยิ มหลัก ๑๒ ประการ มีแนวปฏบิ ัติที่
ชดั เจน สานกั งานคณะกรรมการการศึกษาข้นั พื้นฐานจงึ ให๎มกี ารดาเนินการ ดงั ตํอไปน้ี
๑. ให๎สถานศกึ ษาผนวกคํานยิ มหลกั ๑๒ ประการ ในการจัดการเรียนร๎ูทกุ กลุํมสาระการเรียนร๎ู และ
จดั กิจกรรมพฒั นาผ๎เู รียนอยาํ งเป็นรูปธรรม เชํน กลํุมสาระการเรียนรูภ๎ าษาไทย มีการประกวดเลําเรอ่ื ง อําน
ทานองเสนาะ ทํองบทอาขยาน คดั ลายมือ แตํงเพลง กาพย์ กลอน ฯลฯ กลํมุ สาระการเรียนรสู๎ ังคมศึกษา
ศาสนา และวฒั นธรรม มกี จิ กรรมการเรียนร๎ตู ามแหลํงประวัติศาสตร์ ทาโครงการ/โครงงานตามแนว
พระราชดาริ กจิ กรรมเพื่อสังคมและสาธารณประโยชน์ และกลุํมสาระการเรยี นรู๎ศิลปะ มีการประกวดวาด
ภาพ รอ๎ งเพลงเกย่ี วกบั วัฒนธรรมประเพณีไทย เปน็ ตน๎
๒. ให๎สถานศกึ ษาปลูกฝงั และพฒั นาคาํ นยิ มหลกั ๑๒ ประการใหก๎ บั นักเรียนอยาํ งสมา่ เสมอและ
ตอํ เนื่อง เนน๎ การปฏิบตั จิ ริงในชีวิตประจาวนั จนเกิดเป็นพฤติกรรมท่ียั่งยนื ทั้งน้ีให๎มีการพัฒนาและประเมนิ
อยํางเข๎มข๎นในแตํละระดับช้นั ดงั นี้
- ชั้นประถมศึกษาปีที่ ๑-๓ เนน๎ ในด๎านการรักชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ (ขอ๎ ๑) ความ
กตญั ญู (ข๎อ ๓) และการมีระเบยี บวนิ ยั เคารพกฎหมาย (ข๎อ ๘)
- ชนั้ ประถมศึกษาปีที่ ๔-๖ เน๎นในดา๎ นซอ่ื สัตย์ เสียสละ อดทน (ข๎อ ๒) ใฝหุ าความรู๎ หมัน่
ศึกษาเลําเรียน (ขอ๎ ๔) และมคี วามเข๎มแข็งทง้ั กายใจ (ข๎อ ๑๑)
- ชน้ั มัธยมศึกษาปีท่ี ๑-๓ เน๎นในด๎านรกั ษาวฒั นธรรมประเพณีไทย (ข๎อ ๕) เขา๎ ใจ เรยี นรู๎
ประชาธปิ ไตยท่ีถกู ต๎อง (ข๎อ ๗) และปฏบิ ตั ติ ามพระราชดารัสพระบาทสมเดจ็ พระเจา๎ อยํูหวั (ข๎อ ๙)
- ชั้นมัธยมศกึ ษาปีท่ี ๔-๖ เนน๎ ในด๎านมีศลี ธรรม รักษาความสัตย์ (ขอ๎ ๖) ดารงตนตามหลกั
ปรชั ญาของเศรษฐกจิ พอเพยี ง (ข๎อ ๑๐) และการเหน็ แกํประโยชนส์ วํ นรวม (ข๎อ ๑๒)
๓. ใหส๎ ถานศึกษากาหนดวธิ ีการเรยี นรคู๎ าํ นยิ มหลัก ๑๒ ประการให๎เหมาะสมกับวยั และศักยภาพ
ผ๎ูเรยี น เชนํ
- ระดบั ประถมศกึ ษา ใหเ๎ รียนรู๎ผาํ นบทเพลง นทิ าน เหตุการณ์ หรอื การศึกษาจากแหลํงเรียนร๎ู
ตาํ ง ๆ อาทิ สถานทีจ่ ริงทางประวตั ศิ าสตร์ หนํวยงานตามโครงการพระราชดาริ พิพธิ ภัณฑ์ ฯลฯ
- ระดบั มัธยมศึกษา ให๎เรียนร๎ผู ํานการศึกษาเปรียบเทียบ วิเคราะห์ สังเคราะห์ชีวประวตั ิบุคคล
สาคัญ บุคคลท่ีทาคุณประโยชน์ตอํ สวํ นรวม หรือเหตุการณ์สาคญั ในอดีตและปจั จบุ นั เพื่อการพฒั นาการ
อยูรํ ํวมกันในเชงิ สร๎างสรรค์
๔. ให๎ผู๎บริหารสถานศกึ ษากากับ ตดิ ตาม นิเทศการดาเนินงานเก่ยี วกับคํานยิ มหลกั ๑๒ ประการ
ใหบ๎ รรลวุ ัตถปุ ระสงค์
๕. ใหส๎ านักงานเขตพนื้ ท่กี ารศกึ ษาตดิ ตาม นิเทศ และประเมนิ สถานศึกษาท่ีดาเนินการเกีย่ วกับ
คาํ นยิ มหลกั ๑๒ ประการอยํางเป็นรปู ธรรม และเกิดประสทิ ธผิ ลที่ชัดเจน
จึงเรียนมาเพ่อื ทราบและแจ๎งสถานศกึ ษาดาเนินการตอํ ไป
ขอแสดงความนบั ถือ
กมล รอดคลา๎ ย
(นายกมล รอดคลา๎ ย)
เลขาธิการคณะกรรมการการศกึ ษาขนั้ พ้นื ฐาน
สานักวิชาการและมาตรฐานการศกึ ษา
โทร ๐ ๒๒๘๘ ๕๗๖๗-๖๘
โทรสาร ๐ ๒๒๘๘ ๕๗๔๕
ที่ ศธ ๐๔๐๑๐/ว ๑๔๐๙ สานกั งานคณะกรรมการการศกึ ษาข้นั พน้ื ฐาน
กระทรวงศกึ ษาธกิ าร กทม.๑๐๓๐๐
๒๐ ตุลาคม ๒๕๕๗
เรื่อง แนวปฏิบัตเิ กีย่ วกับการจัดกจิ กรรมการเรียนการสอนกลมุํ สาระการเรียนรู๎สขุ ศึกษาและพลศึกษา
เรียน ผอู๎ านวยการสานักงานเขตพน้ื ทีก่ ารศึกษาทกุ เขต
สืบเนื่องจากการประชมุ หารือระหวาํ งกระทรวงศกึ ษาธิการและกระทรวงการทํองเท่ยี วและกีฬา ที่
สรปุ วาํ ควรจัดเวลาใหน๎ ักเรียนทกุ คนเรียนพลศึกษาและกีฬาอยาํ งน๎อย ๒ ชั่วโมงตํอสัปดาหแ์ ละเป็นไปตาม
ขอ๎ ตกลงของปฏญิ ญากรุงเทพ (Bangkok Agenda ปี ค.ศ. ๒๐๐๕) ท่รี ะบุวํา ควรมีการกาหนดใหท๎ ุก
โรงเรียนจัดเวลาสาหรบั การเรียนพลศึกษาและกีฬาให๎นกั เรียนทกุ คนได๎เรียนวชิ าพลศึกษาอยาํ งน๎อย ๑๒๐ นาที
ตํอสัปดาห์ เพื่อพัฒนาเด็กและเยาวชนท้งั ดา๎ นรํางกาย จติ ใจ อารมณ์ สงั คม และสติปัญญา เดก็ และเยาวชน
ควรออกกาลงั กายอยํางน๎อยสัปดาห์ละ ๒ ชั่วโมงอยาํ งตอํ เน่ืองในทุกภาคเรยี น สาหรับหลกั สูตรแกนกลาง
การศกึ ษาข้นั พน้ื ฐาน พุทธศักราช ๒๕๕๑ กลมํุ สาระการเรียนรส๎ู ุขศึกษาและพลศึกษาได๎กาหนดเวลาเรียนชัน้
ประถมศึกษาปที ี่ ๑ ถงึ ชั้นมัธยมศกึ ษาปีที่ ๓ จานวนปลี ะ ๘๐ ชัว่ โมง ชั้นมัธยมศึกษาปีท่ี ๔-๖ จานวน
๑๒๐ ชวั่ โมง และสถานศกึ ษาเปน็ ผจ๎ู ดั การเรียนการสอน โดยจดั เปน็ รายวิชาสุขศึกษาและรายวิชาพลศึกษา
อยูํแลว๎ เพอื่ ให๎เด็กและเยาวชนเกดิ การพัฒนาศักยภาพอยํางตํอเน่ืองและยั่งยืน เปน็ ไปตามข๎อสรุปการหารือ
ระหวาํ งกระทรวงศึกษาธกิ ารกบั กระทรวงการทํองเทีย่ วและกีฬา และสอดคลอ๎ งกับข๎อตกลงของปฏิญญา
กรงุ เทพ ปี ค.ศ. ๒๐๐๕ สานกั งานคณะกรรมการการศึกษาขนั้ พน้ื ฐาน จงึ กาหนดแนวปฏิบัติเกยี่ วกับการจดั
กิจกรรมการเรยี นการสอนกลุํมสาระการเรยี นร๎ูสุขศึกษาและพลศึกษา ตามโครงสรา๎ งหลักสูตรแกนกลาง
การศกึ ษาขัน้ พื้นฐาน พทุ ธศักราช ๒๕๕๑ ดังนี้
๑. จดั การเรยี นสอนสุขศึกษาและพลศึกษาควบคํูกันทุกสัปดาห์ ในระดับประถมศกึ ษาปีท่ี ๑-๖
๒. จดั การเรยี นสอนสุขศกึ ษาและพลศึกษาควบคํูกนั ทุกภาคเรยี น ในระดับมธั ยมศึกษาปีท่ี ๑-๖
๓. จัดกจิ กรรมกายบรหิ ารในชํวงเชา๎ หลงั เคารพธงชาติ หรือกํอนเลิกเรียนทกุ วัน วันละ ๑๕-๒๐ นาที
๔. จดั กิจกรรมชมุ นุม/ชมรมพลศึกษา โดยจดั กจิ กรรมออกกาลังกายหรอื กีฬาที่หลากหลาย เพอ่ื ให๎
นักเรยี นได๎เลือกกิจกรรมตามความถนดั และความสนใจ
๕. จดั การเรียนการสอนออกกาลงั กายบูรณาการกับกลุมํ สาระการเรียนร๎ูอ่ืน ๆ
จึงเรยี นมาเพอื่ ทราบและแจ๎งสถานศกึ ษาดาเนินการตั้งแตํภาคเรียนท่ี ๒ ปีการศึกษา ๒๕๕๗
เป็นตน๎ ไป
ขอแสดงความนบั ถือ
กมล รอดคลา๎ ย
(นายกมล รอดคลา๎ ย)
เลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขัน้ พ้นื ฐาน
สานักวิชาการและมาตรฐานการศึกษา
โทร ๐ ๒๒๘๘๕๗๗๙
โทรสาร ๐ ๒๒๘๘ ๕๗๘๐
ท่ี ศธ ๐๔๐๘๓/ว ๓๗๓๕ สานักงานเขตพื้นท่ีการศึกษาประถมศึกษาบรุ ีรมั ย์ เขต ๒
อาเภอประโคนชยั จังหวดั บรุ ีรมั ย์ ๓๑๑๔๐
๗ พฤศจิกายน ๒๕๕๗
เรือ่ ง แนวปฏิบัติเกีย่ วกบั คํานิยมหลัก ๑๒ ประการสูํการปฏิบตั ิ
เรียน ผอ๎ู านวยการโรงเรียนในสังกัดทุกแหํง
สิง่ ทส่ี ํงมาดว๎ ย แนวปฏบิ ตั ิเกี่ยวกบั คาํ นิยมหลัก ๑๒ ประการ ตามหนงั สือท่ี ศธ ๐๔๐๑๐/ว ๑๓๒๔
ลว ๒๙ ก.ย. ๕๗
ตามทคี่ ณะรักษาความสงบแหงํ ชาติ (คสช.) และกระทรวงศึกษาธิการมนี โยบายสรา๎ งสรรค์ประเทศไทย
ใหเ๎ ขม๎ แข็ง โดยต๎องสรา๎ งคนชาติให๎มีคาํ นยิ ม ๑๒ ประการ เพอื่ เป็นพน้ื ฐานสาคัญในการปลูกฝัง คาํ นยิ ม
คณุ ธรรมจรยิ ธรรมใหเ๎ กิดข้ึนกับเยาวชนไทย ท้ังนส้ี านักงานคณะกรรมการการศกึ ษา
ขัน้ พืน้ ฐาน ได๎กาหนดแนวปฏบิ ตั ิทีช่ ัดเจนให๎สถานศกึ ษาดาเนนิ การ เพ่ือใหก๎ ารดาเนินงานเป็นไปอยํางมี
ประสทิ ธภิ าพ สานกั งานเขตพ้นื ท่กี ารศึกษาประถมศึกษาบุรีรมั ย์ เขต ๒ ใหโ๎ รงเรียนดาเนินการ ดังน้ี
๑. ให๎สถานศึกษาผนวกคํานยิ ม ๑๒ ประการ ในการจดั การเรยี นร๎ูทุกกลํุมสาระการเรียนรู๎
และกิจกรรมพฒั นาผเู๎ รยี น
๒. ปลูกฝังคํานยิ ม ๑๒ ประการแกนํ ักเรยี นอยํางสม่าเสมอและตํอเนือ่ ง เน๎นการปฏิบัติจริง
ในชีวติ ประจาวนั จนเปน็ พฤตกิ รรมทย่ี ่ังยนื
๓. กาหนดวิธกี ารเรียนรู๎คาํ นิยม ๑๒ ประการผํานกิจกรรมท่ีหลากหลายให๎เหมาะสมกับวัย
และศักยภาพนักเรียน
๔. ใหผ๎ ู๎บรหิ ารสถานศกึ ษากากับ ติดตามนิเทศการดาเนินงานเกี่ยวกบั คาํ นยิ ม ๑๒ ประการ
ใหบ๎ รรลุวตั ถปุ ระสงค์
จงึ เรยี นมาเพื่อทราบและดาเนินการ
ขอแสดงความนบั ถือ
สมศกั ดิ์ ชอบทาดี
(นายสมศักด์ิ ชอบทาดี)
ผ๎อู านวยการสานกั งานเขตพนื้ ท่ีการศึกษาประถมศึกษาบรุ ีรัมย์ เขต ๒
กลํุมนิเทศตดิ ตามและประเมินผลการจัดการศึกษา
โทร ๐ ๔๔๖๗ ๑๑๔๓
โทรสาร ๐ ๔๔๖๗ ๑๐๙๔
คาส่งั สานกั งานคณะกรรมการการศึกษาข้นั พน้ื ฐานพื้นฐาน
ที่ ๙๒๑ /๒๕๖๑
เรื่อง ยกเลิกมาตรฐานการเรียนรแู๎ ละตวั ช้วี ัด สาระที่ ๒ การออกแบบและเทคโนโลยี และสาระที่ ๓
เทคโนโลยสี ารสนเทศและการสอื่ สาร ในกลมุํ สาระการเรยี นรกู๎ ารงานอาชพี และเทคโนโลยี
ตามหลักสูตรแกนกลางการศกึ ษาขน้ั พน้ื ฐาน พุทธศกั ราช ๒๕๕๑ และเปล่ยี นชอ่ื กลุํม
สาระการเรียนรู๎
…………………
อนุสนธิคาส่งั กระทรวงศกึ ษาธกิ าร ท่ี สพฐ. ๑๒๓๙/๒๕๖๐ สง่ั ณ วนั ที่ ๗ สิงหาคม ๒๕๖๐ เรื่อง ให๎ใช๎
มาตรฐานการเรียนรู๎และตัวชี้วัด กลุํมสาระการเรียนรู๎คณิตศาสตร์ วิทยาศาสตร์ และสาระภูมิศาสตร์ ในกลํุม
สาระการเรียนร๎ูสังคมศึกษา ศาสนา และวัฒนธรรม (ฉบับปรับปรุง พ.ศ. ๒๕๖๐) ตามหลักสูตร แกนกลาง
การศึกษาข้ันพ้ืนฐาน พุทธศักราช ๒๕๕๑ และคาสั่งสานักงานคณะกรรมการการศึกษาข้ันพื้นฐาน ท่ี ๓๐/
๒๕๖๑ สั่ง ณ วันท่ี ๕ มกราคม ๒๕๖๑ เร่ือง ให๎เปล่ียนแปลงมาตรฐานการเรียนรู๎และตัวช้ีวัด กลํุมสาระ การ
เรยี นรค๎ู ณิตศาสตร์ และวิทยาศาสตร์ (ฉบับปรบั ปรุง พ.ศ.๒๕๖๐) ตามหลกั สูตรแกนกลางการศึกษา ขั้นพื้นฐาน
พุทธศักราช ๒๕๕๑ เพือ่ ให๎สถานศกึ ษาพัฒนาผ๎เู รยี นให๎มศี กั ยภาพในการแขํงขันและดารงชีวิตอยําง สร๎างสรรค์
ในประชาคมโลก ตามหลกั ปรชั ญาของเศรษฐกจิ พอเพยี ง
ฉะน้ัน อาศยั อานาจตามคาสั่งกระทรวงศึกษาธิการ ที่ สพฐ. ๒๙๓/๒๕๕๑ เรื่อง ใหใ๎ ช๎ หลกั สตู ร
แกนกลางการศึกษาข้นั พน้ื ฐาน พทุ ธศกั ราช ๒๕๕๑ ใหเ๎ ลขาธิการคณะกรรมการการศกึ ษาขัน้ พ้ืนฐาน โดยความ
เหน็ ชอบของคณะกรรมการการศึกษาข้ันพ้ืนฐาน มีอานาจในการยกเลิก เพิ่มเติม เปล่ียนแปลง หลกั สูตร
แกนกลางการศึกษาข้นั พ้ืนฐาน พทุ ธศักราช ๒๕๕๑ ให๎เหมาะสมกับกลํุมเปาู หมายและวิธกี ารจดั การศกึ ษา
ดังนน้ั เพอ่ื เปน็ การลดความซ้าซ๎อนของเน้ือหาสาระเกีย่ วกับเทคโนโลยี โดยความเหน็ ชอบของ คณะกรรมการ
การศึกษาข้ันพื้นฐาน ในคราวประชุมคณะกรรมการการศึกษาขน้ั พ้ืนฐาน คร้ังท่ี ๔/๒๕๖๑ เมอื่ วนั ท่ี ๒๐
เมษายน ๒๕๖๑ จงึ ให๎ดาเนินการดงั นี้
๑. ยกเลิกมาตรฐานการเรียนรแ๎ู ละตวั ชี้วัด สาระท่ี ๒ การออกแบบและเทคโนโลยี และสาระท่ี ๓
เทคโนโลยีสารสนเทศและการส่อื สาร ในกลมํุ สาระการเรียนรก๎ู ารงานอาชพี และเทคโนโลยี ตามหลักสูตร
แกนกลางการศึกษาขั้นพน้ื ฐาน พทุ ธศกั ราช ๒๕๕๑ คงเหลือ ๒ สาระ คือ สาระท่ี ๑ การดารงชวี ิตและ
ครอบครัว และสาระที่ ๔ การอาชพี
๒. เปลีย่ นช่อื สาระท่ี ๔ การอาชีพ เปน็ สาระท่ี ๒ การอาชีพ ในกลํุมสาระการเรียนรู๎การงานอาชีพ และ
เทคโนโลยี ตามหลักสตู รแกนกลางการศกึ ษาขั้นพืน้ ฐาน พุทธศักราช ๒๕๕๑
เงือ่ นไขและระยะเวลาการยกเลกิ และเปลี่ยนซื่อสาระ ตามขอ๎ ๑ และ ขอ๎ ๒ ใหเ๎ ปน็ ไปดังน้ี
๑. ปีการศึกษา ๒๔๖๑ ใหย๎ กเลิกและเปลย่ี นชือ่ สาระในชัน้ ประถมศึกษาปีท่ี ๑ และ ๔ และ
ชั้นมธั ยมศกึ ษาปีที ๑ และ ๔
๒. ปกี ารศกึ ษา ๒๕๖๒ ให๎ยกเลกิ และเปลยี่ นซื่อสาระในช้นั ประถมศึกษาปีที่ ๑ ๒ ๔ และ ๕
และช้นั มัธยมศึกษาปีที่ ๑ ๒ ๔ และ ๕
๓. ตั้งแตํปีการศึกษา ๒๕๖๓ เป็นต๎นไป ใหย๎ กเลิกและเปลี่ยนชอื่ สาระทุกชน้ั เรียน
๔. ต้งั แตํปีการศึกษา ๒๔๖๓ ให๎เปลีย่ นชื่อกลมํุ สาระการเรียนร๎ู ดังนี้
๔.๑ กลมํุ สาระการเรียนรกู๎ ารงานอาชพี และเทคโนโลยี เป็น กลมํุ สาระการเรียนร๎ู
การงานอาชพี
๔๒ กลุมํ สาระการเรียนรว๎ู ทิ ยาศาสตร์ เป็น กลํุมสาระการเรียนร๎ูวทิ ยาศาสตร์
และเทคโนโลยี
ทง้ั น้ี ต้งั แตํบดั นเ้ี ป็นตน๎ ไป
ส่ัง ณ วนั ที่ ๓ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๔๖๑
(นายบญุ รกั ษ์ ยอดเพชร)
เลขาธิการคณะกรรมการการศกึ ษาข้ันพ้ืนฐาน
คาสั่งสานักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพืน้ ฐาน
ท่ี ๙๒๒/๒๕๖๑
เรื่อง การปรบั ปรุงโครงสรา๎ งเวลาเรียน ตามหลกั สตู รแกนกลางการศึกษาขั้นพืน้ ฐาน พุทธศักราช ๒๕๕๑
……..
อนุสนธิดาสั่งกระทรวงศึกษาธิการ ท่ี สพฐ. ๑๒๓๙/๒๕๖๐ ส่ัง ณ วันที่ ๗ สิงหาคม ๒๕๖๐
เร่อื ง ให๎ใช๎มาตรฐานการเรยี นรแ๎ู ละตวั ชว้ี ัด กลมุํ สาระการเรียนรค๎ู ณติ ศาสตร์ วิทยาศาสตร์ และสาระภูมิศาสตร์
ในกลํุมสาระการเรียนรู๎สังคมศึกษา ศาสนา และวัฒนธรรม (ฉบับ.ปรับปรุง พ.ศ. ๒๕๖๐) ตามหลักสูตร
แกนกลางการศึกษาขัน้ พนื้ ฐาน พทุ ธศักราช ๒๕๕๑ และคาสั่งสานักงานคณะกรรมการการศึกษาข้ันพื้นฐาน ท่ี
๓๐/๒๕๖๑ สั่ง ณ วันที่ ๕ มกราคม ๒๕๖๑ เรื่อง ให๎เปลี่ยนแปลงมาตรฐานการเรียนร๎ูและตัวช้ีวัด กลุํมสาระ
การเรียนรู๎คณิตศาสตร์ และวิทยาศาสตร์ (ฉบับปรับปรุง พ.ศ. ๒๕๖๐) ตามหลักสูตรแกนกลางการศึกษา ขั้น
พื้นฐาน พุทธศักราช ๒๕๕๑ เพื่อให๎สถานศึกษาพัฒนาผู๎เรียนให๎มีศักยภาพในการแขํงขันและดารงชีวิต อยําง
สรา๎ งสรรคใ์ นประชาคมโลก ตามหลักปรัชญาของเศรษฐกจิ พอเพียง
ฉะนั้น อาศยั อานาจตามคาส่ังกระทรวงศึกษาธิการท่ี สพฐ. ๒๙๓/๒๕๕๑ เรือ่ ง ใหใ๎ ช๎หลักสูตร
แกนกลางการศึกษาข้ันพ้ืนฐาน พุทธศักราช ๒๕๕๑ ให๎เลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาข้ันพ้ืนฐาน โดย
ความเห็นชอบของคณะกรรมการการศึกษาข้ันพ้ืนฐาน มีอานาจในการยกเลิก เพ่ิมเติม เปลี่ยนแปลงหลักสูตร
แกนกลางการศึกษาขั้นพ้ืนฐาน พุทธศักราช ๒๕๕๑ ให๎เหมาะสมกับกลํุมเปูาหมายและวิธีการจัดการศึกษา
ดังนั้น เพ่ือให๎สถานศึกษาสามารถบริหารจัดการเวลาเรียนได๎เหมาะสมกับบริบทและจุดเน๎นของสถานศึกษา
โดยความเหน็ ขอบของคณะกรรมการการศึกษาข้ันพ้ืนฐาน ในคราวประชุมคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน
คร้งั ท่ี ๔/๒๕๖๑ เมอื่ วนั ท่ี ๒๐ เมษายน ๒๕๖๑ จงึ ปรับปรงุ โครงสรา๎ งเวลาเรยี นใหม๎ คี วามยดื หยุํน ดงั น้ี
๑. ระดบั ประถมศกึ ษา
๑) ปรับเวลาเรียนพ้ืนฐานของแตํละกลํุมสาระการเรียนรู๎ได๎ตามความเหมาะสม
สอดคล๎องกับ บริบท จุดเน๎นของสถานศึกษา และศักยภาพของผ๎ูเรียน โดยจัดเวลาเรียนพ้ืนฐานสาหรับสาระ
ประวัติศาสตร์ ๔๐ ช่ัวโมงตํอปี ท้ังน้ี ต๎องมีเวลาเรียนพ้ืนฐานรวม จานวน ๘๔๐ ช่ัวโมงตํอปี และผ๎ูเรียนต๎องมี
คณุ ภาพ ตามมาตรฐานการเรยี นร๎แู ละตวั ชวี้ ดั ทกี่ าหนด
๒) จัดเวลาเรียนเพิ่มเติม โดยจัดเป็นรายวิชาเพ่ิมเติม หรือกิจกรรมเพิ่มเติมให๎สอดคล๎อง
กบั จุดเนน๎ และความพรอ๎ มของสถานศึกษา และเกณฑ์การจบหลักสูตร เฉพาะระดับขั้นประถมศึกษาปีที่ ๑- ๓
สถานศึกษาอาจจัดให๎เป็นเวลาสาหรับสาระการเรียนรู๎พ้ืนฐานในกลุํมสาระการเรียนร๎ูภาษาไทยและกลํุมสาระ
การเรยี นรูค๎ ณิตศาสตร์
๓) จดั เวลาสาหรับกจิ กรรมพฒั นาผู๎เรยี น จานวน ๑๒๐ ชั่วโมงตํอปี
๔) จดั เวลาเรยี นรวมทั้งหมด ให๎เป็นไปตามความเหมาะสมของสถานศกึ ษา ท้งั นี้ ควร
คานงึ ถึง ศักยภาพและพัฒนาการตามชวํ งวัยชองผ๎เู รียนและเกณฑ์การจบหลกั สูตร