The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

ปฐมบทแห่งการศึกษา, การพัฒนาวิชาชีพครูสู่ความเป็นมืออาชีพ, ภาวะผู้นำการเรียนรู้ของครูในอนาคต, บทบาทครู ผู้สร้างความเป็นมนุษย์, ครูกับการสร้างสำนึกความเป็นพลเมือง, ครูวิถีใหม่กับความฉลาดรู้ทางดิจิทัล, ปัจฉิมบท : ครูยุคปฏิรังสรรค์การศึกษา

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by ศรุดา ชัยสุวรรณ, 2022-08-06 01:50:50

ความเป็นครูยุคปฏิรังสรรค์การศึกษา

ปฐมบทแห่งการศึกษา, การพัฒนาวิชาชีพครูสู่ความเป็นมืออาชีพ, ภาวะผู้นำการเรียนรู้ของครูในอนาคต, บทบาทครู ผู้สร้างความเป็นมนุษย์, ครูกับการสร้างสำนึกความเป็นพลเมือง, ครูวิถีใหม่กับความฉลาดรู้ทางดิจิทัล, ปัจฉิมบท : ครูยุคปฏิรังสรรค์การศึกษา

Keywords: ความเป็นครู, ปฏิรังสรรค์การศึกษา,ภาวะผู้นำการเรียนรู้,่ครูวิถีใหม

191

ความเป็นครูยคุ ปฏิรงั สรรค์การศกึ ษา ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร. ศรดุ า ชัยสวุ รรณ

บทที่ 6

ครูวิถใี หมก่ ับความฉลาดรูท้ างดจิ ทิ ัล

192

ความเปน็ ครูยคุ ปฏิรงั สรรคก์ ารศกึ ษา ผชู้ ่วยศาสตราจารย์ ดร. ศรดุ า ชยั สวุ รรณ

193

ความเปน็ ครูยุคปฏิรงั สรรค์การศกึ ษา ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร. ศรดุ า ชยั สวุ รรณ

บทที่ 6

ครูวิถใี หม่กับความฉลาดรทู้ างดจิ ทิ ัล

ควำมเป็นมนุษย์ในนิยำมของนักสร้ำงหุ่นยนต์และปัญญำประดิษฐ์ภำยใต้ควำมรวดเร็วของ
เทคโนโลยีดิจิทัล รวมไปถึงควำมก้ำวไกลของระบบอินเทอร์เน็ตที่แทรกตัวเข้ำไปในทุกอณูของ
ชีวติ ประจำวัน ส่งผลใหส้ ิง่ ประดิษฐ์ลำ้ สมัย อุปกรณ์ที่สำมำรถทำหน้ำที่ธรรมดำๆ แทนมนุษย์ที่กำลัง
เข้ำมำมีบทบำทในชีวิตของพวกเรำมำกขึ้นเร่ือยๆ มนุษย์เท่ำน้ันที่มีศักยภำพในกำรคิดค้นนวัตกรรม
รูปแบบใหม่ เพื่อจะนำเทคโนโลยีมำใช้ให้เกิดประโยชน์สูงสุดแก่ผู้บริโภค นอกจำกนี้ผู้ที่จะประสบ
ควำมสำเร็จอำจไม่ใช่ผู้ที่มีเทคโนโลยีทันสมัยที่สุด แต่เป็นผู้ที่สำมำรถนำเทคโนโลยีเหล่ำนี้มำใช้เพื่อ
สนองคุณค่ำควำมเปน็ มนุษย์หรอื Human Value กำรเปลีย่ นแปลงในด้ำนต่ำงๆ ทีเ่ กิดข้ึนอย่ำงรวดเร็ว
แล้ว ยังมีสถำนกำรณ์ที่ไม่คำดคิดเกิดขึ้นในโลก นั่นคือกำรเกิดโรคระบำดของไวรัสโคโรนำ 2019
(COVID-19) ในปี 2563 จนถึงปัจจุบันส่งผลให้เกิดกำรปรับเปลี่ยนรูปแบบวิถีชีวิตของคนไทยและ
คนทั่วโลกเปลี่ยนไปและจำกแรงกดดันจำกกำรระบำดของไวรัสนี้ มีผลกระทบกับกำรศึกษำอย่ำง
มหำศำล อีกท้ังผู้เรียนที่เป็นคนรุ่นใหม่ คุ้นเคยกับกำรใช้ดิจิทัล (Digital Native) อุปกรณ์ดิจิทัล
กำรรับข้อมูลข่ำวสำรด้วยดิจิทัล อุปกรณ์ดิจิทัลที่เอื้ออำนวยต่อกำรใช้ประโยชน์มำกหมำยและ
หลำกหลำยกว่ำที่ผ่ำนมำ เทคโนโลยีได้รับกำรพัฒนำก้ำวหน้ำไปมำก กำรสื่อสำร อินเทอร์เน็ต
เชื่อมโยงสร้ำงโลกไซเบอร์ ให้ผู้คนออนไลน์ผ่ำนอุปกรณ์ที่ทันสมัย มีกำรจินตนำกำรท้ังทำงบวกและ
ทำงลบ กำรรับรู้ขอ้ มูลข่ำวสำรทีเ่ ปน็ ภำพและเสียงมำก ทำให้เกิดกิจกรรมใน โลกไซเบอร์ขึ้นมำกมำย
ทำให้หลกี เลี่ยงกำรอ่ำนหนังสือที่มีรำยละเอียด ส่งผลให้สมำธิส้ันลง ควำมอดทนลดลง สังคมควำม
เป็นอยู่เปลีย่ นไปมำก ควำมรู้ในรูปแบบของดิจิทัล เข้ำถึงง่ำย และใช้ร่วมกันจนเป็นส่วนหนึ่งของชีวิต
มีกำรสร้ำงเครือข่ำยสังคมแบบใหม่ ทุกคนมีสมำร์ทโฟน เป็นสังคมไซเบอร์ ออนไลน์ กิจกรรมต่ำงๆ
ทั้งกำรค้ำขำย กำรเงิน กำรบริกำร อยู่บนแพลตฟอร์มดิจิทัล กำรศึกษำก็เปลี่ยนจำกเดิมปรับมำใช้
แพลตฟอร์มดจิ ทิ ลั ด้วยเช่นกัน

เมื่อกำรระบำดของไวรัสโคโรนำ 2019 (COVID-19) มีควำมรุนแรงมำกขึ้น สถำนศึกษำเป็น
หนึ่งในสถำนที่เสี่ยงในกำรเผยแพร่เชื้อโรคไวรัส เนื่องจำกเป็นที่รวมและจัดกิจกรรมของนักเรียน
จำนวนมำก ตั้งแต่สถำนศึกษำขนำดเล็ก จนถึงสถำนศึกษำขนำดใหญ่ นักเรียนต้องทำกิจกรรม
กำรเรียนร่วมกัน หำกเกิดกำรระบำดก็จะเกิดเป็นกลุ่ม Cluster ที่ทำให้เกิดกำรแพร่กระจำยได้มำก
และเร็วเหมอื นโรคหวัด สถำนศกึ ษำจำเป็นต้องปิดอำคำรสถำนที่ และงดกำรจัดกำรเรียนกำรสอน

194

ความเป็นครูยคุ ปฏิรงั สรรค์การศกึ ษา ผชู้ ่วยศาสตราจารย์ ดร. ศรดุ า ชัยสุวรรณ

ในห้องเรียน ต้องเคร่งครัดในกำรรักษำระยะห่ำง (Social Distancing) ทำให้เกิดกำรเปลี่ยนแปลง
ทำงกำรเรยี นกำรสอนเรว็ ขึ้น เทคโนโลยีในปจั จุบนั รองรบั กำรเรียนกำรสอนแบบใหม่ได้ดี มีวิดีโอคอน
เฟอเรนซ์ (Video Conference) ที่รวมกลุ่มเห็นหน้ำกัน เรำจึงรวมกลุ่มคน เพื่อทำกิจกรรมกำรเรียน
บนโลกไซเบอร์ (Cyber World) ได้จัดกำรเรียนกำรสอน กำรสัมมนำและประชุมแบบออนไลน์
สำมำรถพูดคุยโต้ตอบระยะไกลได้เหมือนอยู่ใกล้ๆ กันกำรเรียนกำรสอนยังดำเนินกำรต่อโดยปรับ
รูปแบบวิถีใหม่ กำรจัดกำรเรียนกำรสอนเปลี่ยนเป็นรูปแบบ Remote Learning เป็นวิธีกำรเรียนกำร
สอนแบบใหม่ที่ใช้เทคโนโลยีช่วยทดแทนกำรมำโรงเรียน ในช่วงวิกฤติเช่นนี้หลำยโรงเรียนจึงต้องหำ
วิธีที่เหมำะสมตำมบริบทของโรงเรียน เพื่อแก้ปัญหำให้กำรศึกษำดำเนินต่อไป เป็นจังหวะที่
เทคโนโลยีดจิ ทิ ลั มำถึงจุดที่ใช้เพื่อกำรศึกษำได้ดี มีแหล่งควำมรู้อยู่บนอินเทอร์เน็ตมำกมำย เม่ือต้อง
ปิดสถำนศกึ ษำจงึ ตอ้ งหันมำทำกำรเรียนออนไลน์ที่บ้ำน (LFH : Learning From Home) หรือกรณีกำร
เปิดห้องเรียนแบบออนไลน์ใช้ซอฟต์แวร์ประชุมออนไลน์ เช่น ZOOM, Webex, Microsoft Team,
Google Meet ฯลฯ เพื่อกำรเรียนกำรสอนเหมือนห้องเรียนจริง ดังน้ันสำระในบทนี้ผู้เขียนจะกล่ำวถึง
ควำมเป็นครูวิถีใหม่ ควำมเป็นพลเมืองดจิ ทิ ลั และควำมฉลำดรู้ทำงดิจลิ ดังรำยละเอียดต่อไปนี้

ความเป็นครวู ถิ ใี หม่

วิชำชีพครูถือได้ว่ำวิชำชีพนี้เป็นหนึ่ง ในวิชำชีพที่ได้รับกำรส่งเสริมและสนับสนุนจนทำให้
เกิดกำรยอมรับ มผี สู้ นใจเดินเข้ำสู่เส้นทำงนีก้ นั อย่ำงล้นเหลือ ในรัชสมัยของในหลวงรัชกำลที่ 9 และ
รัชกำลที่ 10 แตใ่ นขณะเดียวกันด้วยกำรเปลี่ยนแปลงของโลกที่ไม่เคยหยุดนิ่งรูปแบบกำรพัฒนำหรือ
กำรสร้ำงครูในร้ัวสถำบันกำรศึกษำที่เริ่มต้นในโรงเรียนฝึกหัดครูจนสู่สถำบันอุดมศึกษำดังเช่นทุก
วันนี้ เพื่อผลิตนักศึกษำหรือบัณฑิตที่จะออกไปรับใช้สังคมก็ต้องมีกำรปรับระบบและแนวทำงให้
เหมำะหรอื สอดคล้องกบั บริบทในแต่ละหว้ งเวลำเชน่ เดียวกัน

วันนี้ถือได้ว่ำเป็นควำมโชคดีของสังคมไทยที่คนรุ่นใหม่ต่ำงสนใจที่จะเข้ำรับกำรศึกษำใน
วิชำชีพครมู ำกขึ้นตำมลำดับ ท้ังน้ขี อ้ มลู ในเชิงประจกั ษ์จะพบว่ำ กำรรับสมัครนักศึกษำในแต่ละปีจะมี
ตัวเลขผู้สมัครสูงเป็นลำดับต้นๆ ในขณะที่สถำบันกำรศึกษำที่มีคณะหรือหลักสูตรสำหรับกำรจัด
กำรศึกษำทำงด้ำนครุศำสตร์หรือศึกษำศำสตร์ ต่ำงมีเป้ำประสงค์และแนวทำงในกำรได้มำ ซึ่งตัว
ป้อนหรือผู้เรียนที่สอดคล้อง และเป็นไปในแนวทำงเดียวกัน ทั้งนี้ก็เพื่อให้ผู้ที่จะเดินเข้ำสู่วิชำชีพนี้จะ
ได้เป็นครู หรอื ต้นแบบที่พึงประสงค์ของสงั คมอย่ำงแท้จริง

195

ความเปน็ ครูยุคปฏิรงั สรรคก์ ารศกึ ษา ผชู้ ว่ ยศาสตราจารย์ ดร. ศรดุ า ชัยสุวรรณ

จำกกำรเปลี่ยนแปลงดังกล่ำวข้ำงต้น และกำรเกิดสถำนกำรณ์โรคระบำดของไวรัสโคโรนำ
2019 (COVID-19) ซึ่งเป็นโรคอุบัติใหม่ที่เรำยังไม่รู้จักมำก่อน ที่ยังไม่หมดไปจำกโลก ทำให้กำร
ดำเนินกำรหลำยอย่ำงหยุดชะงักลง ไม่สำมำรถดำเนินกำรต่อไปได้ องค์กร บริษัท ธุรกิจ ตลอดจน
ร้ำนค้ำ ร้ำนอำหำร หรือกิจกำรต่ำงๆ ได้รับผลกระทบอย่ำงมำก แต่มนุษย์ยังต้องฝ่ำฟันต่อ
สถำนกำรณ์ที่ส่งผลต่อวิถีชีวิตกำรทำงำน กำรดำเนินชีวิตประจำวันครั้งนี้ และเป็นสถำนกำรณ์
ที่หลำยคนคำดว่ำคงจะยำวนำนพอสมควร จนทำให้เกิดกำรเปลี่ยนแปลงอย่ำงถำวรในหลำย
พฤติกรรมของผู้คน ควำมไม่แน่นอนและกำรคำดเดำสถำนกำรณ์ไม่ได้ ประกอบกับกำรได้รับข้อมูล
ข่ำวสำรถึงผลกระทบต่ำงๆ อำจก่อให้เกิดควำมเครียด ควำมกลัว ในจิตใจของคนไทยได้ทุกเพศ
ทุกวัย เกิดกำรปรับหำวิถีกำรดำรงชีวิตแบบใหม่ เพื่อให้ปลอดภัยจำกกำรติดเชื้อควบคู่ไปกับ
ควำมพยำยำมรักษำและฟื้นฟูศักยภำพทำงเศรษฐกิจและธุรกิจ นำไปสู่กำรสรรค์สร้ำงสิ่งประดิษฐ์
ใหม่ๆ เทคโนโลยีใหม่ๆ มีกำรปรับแนวคิด วิสัยทัศน์ วิธีกำรจัดกำร ตลอดจนพฤติกรรมที่เคยทำมำ
เป็นกิจวัตร เกิดกำรบ่ำยเบนออกจำกควำมคุ้นเคยอันเป็นปกติมำแต่เดิมในหลำยมิติ ทั้งใน
ด้ำนอำหำร กำรแต่งกำย กำรรักษำสุขอนำมัย กำรศึกษำเล่ำเรียน กำรสื่อสำร กำรทำธุรกิจ ฯลฯ
ซึ่งสิ่งใหม่เหล่ำนี้ได้กลำยเป็นควำมปกติใหม่จนในที่สุด เม่ือเวลำผ่ำนไปจนทำให้เกิดควำมคุ้นชิน
กจ็ ะกลำยเปน็ ส่วนหนึง่ ของวิถีชีวติ ปกตขิ องผู้คนในสังคม

คำว่ำ วิถีใหม่ รำชบัณฑิตยสภำ บัญญัติศัพท์ "New Normal" หมำยถึง ควำมปกติใหม่ หรือ
ฐำนวิถีชีวิตใหม่ โดยเขียนทับศัพท์ว่ำ "นิวนอร์มัล" ส่วน New Norm หมำยถึง บรรทัดฐำนใหม่
อย่ำงไรกต็ ำม คณะกรรมกำรบัญญตั ิศัพท์นเิ ทศศำสตร์ได้บญั ญตั ิคำนีไ้ ว้แล้วว่ำ ควำมปกติใหม่, ฐำน
วิถีชีวิตใหม่ คณะกรรมกำรจึงมีควำมเห็นว่ำสำมำรถใช้สองคำนี้ได้ด้วย รูปแบบวิถีชีวิตใหม่นี้
ประกอบด้วยวิธีคิด วิธีเรียนรู้ วิธีสื่อสำร วิธีปฏิบัติและกำรจัดกำร กำรใช้ชีวิตแบบใหม่เกิดขึ้น
(สำนักงำนคณะกรรมกำรกำรศึกษำขั้นพื้นฐำน, 2563) หลังจำกเกิดกำรเปลี่ยนแปลงอย่ำงใหญ่
หลวง และรุนแรงอย่ำงใดอย่ำงหนึ่ง ทำให้มนุษย์ต้องปรับตัวเพื่อรับมือกับสถำนกำรณ์ปัจจุบัน
มำกกว่ำจะธำรงรักษำวิถีดั้งเดิมหรอื หวนหำถึงอดีต

ข้อมูลจำกธรรมนิติได้เผยแพร่ข้อมูลกำรสำรวจของซุปเปอร์โพล และนำเสนอแนวทำงชีวิต
วิถีใหม่ของคนไทยไว้ (กรมสุขภำพจิต, 2562) มีดงั นีค้ ือ

1. กำรใชเ้ ทคโนโลยี และอินเทอร์เนต็ เทคโนโลยีควบคู่กับอินเทอร์เน็ตจะเข้ำมำมีบทบำทกับ
กำรใชช้ ีวติ มำกขึ้น ทีจ่ ำกเดิมมีมำกอยู่แล้ว แต่ในสังคมยคุ New Normal สิง่ เหล่ำนีจ้ ะเข้ำไปอยู่ในแทบ
ทุกจังหวะชีวิต ไม่ว่ำจะเป็นกำรเรียนออนไลน์ กำรทำงำนที่บ้ำน กำรประชุมออนไลน์ กำรซื้อสินค้ำ
ออนไลน์ กำรทำธรุ กรรม และกำรเอน็ เตอร์เทนชีวติ รปู แบบต่ำงๆ อย่ำงดูหนัง ฟังเพลง

196

ความเปน็ ครูยคุ ปฏิรงั สรรค์การศกึ ษา ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร. ศรดุ า ชยั สวุ รรณ

2. กำรเว้นระยะห่ำงทำงสังคมผู้คนในสังคม จะเห็นควำมสำคัญของกำรเว้นระยะห่ำงที่เป็น
แนวทำงกำรใช้ชีวิตช่วงวิกฤติ COVID-19 และจะดำเนินชีวิตแบบนั้นต่อไป โดยรักษำระยะห่ำงทำง
กำยภำพเพิ่มขึ้น และใช้เทคโนโลยีเข้ำมำมีส่วนช่วยในกำรสื่อสำรและกำรใช้ชีวิต ลดกำรปฏิสัมพันธ์
กำรไปในสถำนทีส่ ำธำรณะ และเนน้ กำรทำกิจกรรมที่บ้ำนมำกขึ้น

3. กำรดูแลใส่ใจสุขภำพท้ังตัวเอง และคนรอบข้ำงโดยเกิดควำมคุ้นชินจำกช่วงวิกฤติ
COVID-19 ที่ต้องดูแลด้ำนสุขภำพและควำมสะอำดเพื่อป้องกันกำรแพร่เชื้อ ดังนั้นพฤติกรรมกำรใช้
หน้ำกำกอนำมัย เจลแอลกอฮอล์ และกำรล้ำงมืออย่ำงถูกวิธี และหม่ันสังเกตตัวเองเม่ือไม่สบำยจะ
ยังคงมีต่อไป รวมถึงกำรหันมำใส่ใจสุขภำพ กำรออกกำลังกำย และกำรทำประกันสุขภำพจะมี
แนวโน้มมำกขึ้น

4. กำรสร้ำงสมดุลชีวิตกำรมีโอกำสได้ทำงำนที่บ้ำน ลดจำนวนวันกำรเข้ำออฟฟิศ หรือ
กำรลดกำรพบปะผู้คนในสังคม แล้วหันมำใช้ชีวิต และทำงำนที่บ้ำน ทำให้ผู้คนมองเห็นแนวทำงที่จะ
สร้ำงสมดุลชีวิตระหว่ำงอยู่บ้ำนมำกขึ้น และจะเป็นแนวทำงในกำรปรับสมดุลชีวิตระหว่ำงเวลำ
ส่วนตวั กำรงำน และสงั คมให้สมดุลมำกยิ่งขนึ้

ในสถำนกำรณว์ ิกฤติที่เกิดขึ้น หำกภำคส่วนต่ำงๆ ไม่ว่ำจะเป็นภำคธุรกิจ ภำครัฐ หรือส่วน
บคุ คล ไม่วำ่ จะเปน็ ด้ำนสขุ ภำพ สังคม เศรษฐกิจ ลว้ นต้องปรับตวั อย่ำงไรก็ตำมทุกปัญหำมีทำงออก
เสมอ และทกุ อย่ำงเชือ่ วำ่ ยังมีโอกำสไปต่อได้ มีแนวทำงจำกองค์กรภำคธุรกิจ ซึ่งดูเหมือนจะปรับตัว
ได้เร็วได้นำเสนอแนวทำง 4 แนวทำงที่จะต้องพัฒนำให้ดีขึ้น หลังจบ COVID-19 ประกอบด้วย
(กรมสขุ ภำพจิต, 2562)

1. กำรเร่งปรับตัวช่องทำง Offline to Online ในธุรกิจที่มีช่องทำงขำยออฟไลน์ต้องมอง
ช่องทำงออนไลน์เข้ำมำเพิ่มเติมเพรำะท้ำยที่สุดหลังจบ COVID-19 กำรส่ังซื้อสินค้ำออนไลน์จะ
กลำยเป็นพฤติกรรมติดตัวผู้บริโภคส่วนด้ำนสุขภำพ นอกจำกกำรติดต่อสื่อสำรให้ข้อมูล
ประชำสัมพันธ์แล้ว กำรบริกำรสุขภำพผ่ำนช่องทำงดังกล่ำวน่ำจะได้รับควำมสนใจต่อผู้คนในสังคม
มำกยิ่งขึน้

2. กำรขยำยพืน้ ทีเ่ พื่อเข้ำถึงผู้บริโภค ในด้ำนเศรษฐกิจที่เห็นชัดตอนนี้ในช่วงวิกฤติที่ผ่ำนมำ
คือ ผู้ให้บริกำร Food Aggregator เพรำะเป็นโอกำสเพิ่มจำนวนผู้ใช้บริกำรจำกพฤติกรรมส่ัง Food
Delivery ที่เป็น New Normal จำกนี้ไปเรำคงจะเห็นบริกำรด้ำนสุขภำพมี Delivery มำกขึ้น
เชน่ เดียวกนั

3. พัฒนำโลจิสติกส์ จำกกำรเรียนรู้ในพฤติกรรมผู้บริโภคในสถำนกำรณ์ COVID-19 หำก
โลจสิ ติกส์ส่งช้ำจะเป็นปญั หำต่อกำรเติบโตของธรุ กิจ Delivery

197

ความเป็นครูยุคปฏิรงั สรรคก์ ารศกึ ษา ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร. ศรดุ า ชยั สุวรรณ

4. ขยำยแพลตฟอร์ม Social Media ของแต่ละธุรกิจให้เข้ำถึงผู้บริโภคให้มำกที่สุด เพรำะ
เทคโนโลยีมีกำรพัฒนำอย่ำงต่อเน่ืองให้ใช้งำนได้สะดวก เป็นสิ่งที่ผู้ผลิตและค้ำปลีกต้องใช้ประโยชน์
จำกแพลตฟอร์มโซเชยี ลมีเดียใหม้ ำกทีส่ ดุ

ครูรุ่นใหม่ควรมีควำมสำมำรถในกำรจัดกระบวนกำรเรียนกำรสอนในแนวใหม่ๆ สำมำรถ
ชี้แนะให้เด็กได้เรียนรู้ด้วยตัวเอง พัฒนำให้มีควำมสำมำรถในกำรคิดวิเครำะห์ มีควำมรับผิดชอบ มี
จติ สำนึกต่อสังคม และรู้จกั ที่จะสร้ำงสรรคส์ ิง่ ใหม่ๆ ให้กบั สังคมได้มำกขึ้น กระบวนกำรของสังคมยุค
ใหม่เปน็ กระบวนกำรทีค่ รูไม่สำมำรถจะใช้วิธีกำรแบบเดิม เช่น กำรบรรยำย กำรบอกควำมรู้ เพื่อให้
เด็กเกิดกำรแสวงหำให้เกิดกำรเรียนรู้ด้วยตัวเองได้ บทบำทที่สำคัญอีกประกำรหนึ่งของครู คือ กำร
เป็นผู้นำที่มีควำมสำมำรถในกำรรับมือกับกำรเปลี่ยนแปลง ผู้นำในยุคสมัยใหม่นี้จะต้องเป็นผู้ที่มี
ควำมยดื หยุ่นสงู ตนื่ ตวั ต่อสถำนกำรณ์รอบข้ำง และพยำยำมอย่ำงมำกเพือ่ เอำชนะและ ข้ำมผ่ำนกำร
เปลี่ยนแปลงไปได้โดยรำบร่ืน ซึ่ง วิษณุ เครืองำม (2554) ได้กล่ำวว่ำ คนเป็นผู้นำต้องเป็นคนที่มำ
อย่ำงถกู เวลำ มำช้ำไปไม่ทันเขำ มำเร็วเกินไปก็ไม่มีคนเห็นคุณค่ำ กำรมำในช่วงที่กำลัง มีปัญหำเป็น
กำรมำที่เหมำะเจำะ สำมำรถนำผู้อื่นไปสู่จุดหมำยปลำยทำงได้อย่ำงสัมฤทธิ์ โดยมีท้ัง ผู้ยอมรับและ
ยอมตำม ซึ่งควำมหมำยนี้ดูจะใช้ได้ในทุกสถำนกำรณ์ ถ้ำเป็นผู้นำที่นำแล้วไม่มีใครยอมรับและยอม
ตำมก็จะเปน็ ผทู้ ี่ไปถึงจุดหมำยอย่ำงโดดเดีย่ ว

สถำนศึกษำต่ำงๆ จำเป็นต้องปรับเปลี่ยนวิธีกำรจัดกำรเรียนรู้อย่ำงเร่งด่วนในกำรพัฒนำ
กำรเรียนกำรสอนของครมู ำเป็นแบบออนไลน์ (Online) เพื่อลดกำรเผชิญหน้ำกัน ซึ่งเดิมมีกำรจัดกำร
เรียนรู้แบบออนไลน์บ้ำงแต่ไม่มำกนัก กลำยมำเป็นจัดกำรเรียนรู้ออนไลน์ 100% ต้องมีกำรเว้น
ระยะหำ่ งระหว่ำงผู้เรียนและผู้สอน งดกำรเดินทำงมำเรียน งดกำรมำรวมกลุ่มกันเป็นจำนวนมำกงด
กิจกรรมหลำยๆ กิจกรรมที่จัดเพื่อพัฒนำผู้เรียนมำเป็นกิจกรรมแบบออนไลน์ กำรสวมใส่หน้ำกำก
อนำมัย กำรประชุมออนไลน์ สอบป้องกันวิทยำนิพนธ์แบบออนไลน์ กิจกรรมทำนุบำรุงศำสนำ เช่น
เวียนเทียนออนไลน์ ลอยกระทงออนไลน์ เปน็ ต้น

โดยครูน้ันถือเป็นองค์ประกอบสำคัญในกำรพัฒนำนักเรียนให้มีประสิทธิภำพ ดังน้ันจึง
กล่ำวได้ว่ำครูจำเป็นต้องมีภำวะผู้นำทำงวิชำกำร เพื่อเป็นผู้ชี้นำให้คำปรึกษำหำรือ เป็นแรงจูงใจให้
นักเรียนปฏิบตั ิในสิ่งที่ถกู ต้อง และเกิดควำมเปลีย่ นแปลงในสิง่ ที่พึงประสงค์ของสถำนศึกษำ ในฐำนะ
ของครูผู้มีภำวะผู้นำทำงวิชำกำรน้ันจำเป็นต้องมีวิสัยทัศน์กว้ำงไกล เป็นผู้จัดระเบียบสถำนศึกษำ
ผู้นำและผู้ประเมิน เพื่อเป็นกำรรับประกันควำมก้ำวหน้ำทำงวิชำกำรของสถำนศึกษำ โดยมี
วตั ถปุ ระสงค์เพื่อที่จะทำให้นักเรียนประสบผลสำเร็จในกำรเรียนรู้สงู ขึน้ ครจู งึ มผี ลตอ่ กำรพฒั นำ

198

ความเป็นครูยคุ ปฏิรังสรรคก์ ารศกึ ษา ผูช้ ว่ ยศาสตราจารย์ ดร. ศรดุ า ชยั สวุ รรณ

นักเรียนท้ังด้ำนกำรเรียนและพฤติกรรมโดยตรง ภำวะผู้นำทำงวิชำกำรจึงเป็นสิ่งสำคัญที่ครูควร
ได้รับกำรส่งเสริม และพฤติกรรมของครูที่ควรได้รับกำรส่งเสริมเป็นเบื้องต้น คือ กำรพัฒนำ
หลักสูตร กำรจัดกระบวนกำรเรียนรู้ กำรพัฒนำสื่อนวัตกรรมและเทคโนโลยีทำงกำรศึกษำ
กำรพัฒนำแหล่งเรียนรู้และกำรให้กำรนิเทศกำรศึกษำ ซึ่งเป็นพฤติกรรมของครูที่ส่งผลกระทบต่อ
นกั เรียนอย่ำงชัดเจน (ธีรธร สุธีธร และคณะ, 2559)

องค์กำรอนำมัยโลก (WHO) แถลงสถำนกำรณ์ตอนนี้ ยังไม่เข้ำใกล้กำรสิ้นสุดของโรค
ระบำดเลย สิ่งที่ต้องทำสำหรับชีวิต New Normal คือ กำรเรียนรู้ว่ำจะอยู่กับโรคระบำดนี้ อยู่กับ
COVID-19 นี้อย่ำงไรเรำทุกคนต้องดำเนินชีวิตปกติแบบใหม่ ที่เรียกว่ำ New Normal ที่สำคัญ ส่งผล
ถึงกำรจัดกำรเรียนกำรสอนที่ต้องปรับตัวเอง ท้ังผเู้ รียน ผสู้ อน ต้องมีกำรเรียนกำรสอนแบบออนไลน์
100 % ก่อให้เกิดแอปพลิเคชัน หรือโปรแกรมต่ำงๆ ที่เกี่ยวข้องกับกำรติดต่อสื่อที่สำมำรถใช้ได้
ท้ังกำรเรียนกำรสอน ประชุมทำงไกล ธุรกิจซื้อขำยสินค้ำ กำรสั่งอำหำร เป็นเคร่ืองมืออำนวย
ควำมสะดวกเพื่อป้องกันกำรแพร่ระบำด และกำรแพร่ระบำดของไวรัสโคโรนำ 2019 (COVID-19)
สถำนศึกษำ หน่วยงำนภำคเอกชนเรียนรู้ที่จะอยู่กับชีวิตวิถีใหม่ (New Normal) และกำลังพร้อมจะ
ก้ำวไปสู่ชีวติ วิถีถดั ไป (Next Normal) แล้ว

กำรเรียนรู้วิถีใหม่ที่มำพร้อมกับกำรอุบัติใหม่ของโรคระบำดได้เชื่อมโยงกับกำรสร้ำง
ควำมสำมำรถที่จะเกิดขึ้นและใช้ในอนำคต จึงต้องให้ควำมสำคัญในเร่ืองผู้เรียนเป็นศูนย์กลำง
กล่ำวคือในยุคหลังกำรแพร่ระบำดของไวรัสโคโรนำ 2019 (COVID-19) กิจกรรม เน้ือหำสำระ
ควำมรู้อยู่บนคลำวด์ (Cloud) มำกมำย กำรเรียนจึงไม่ได้หมำยถึง กำรถ่ำยทอดเน้ือหำตำมหลักสูตร
ที่ครูและโรงเรยี นกำหนดฝ่ำยเดียว เพรำะหลักสูตรจะเป็นเพียงกรอบเท่ำน้ัน มีควำมรู้ที่ต้องเรียนอีก
มำกมำย นักเรียนสำมำรถเรียนรู้ได้ด้วยตนเองตำมควำมสนใจบนคลำวด์ (Cloud) มีสื่อกำรศึกษำ
แบบเปิด มีรปู แบบเป็นมัลตมิ ีเดีย คลิปวิดีโอ ทั้งนี้โดยเฉพำะช่วงที่เกิดโรคระบำดดังกล่ำว ได้เกิด ครู
Live สด ครู YouTube ครู TikTok ที่ช่วยกระตุ้นควำมสนใจ ควำมสนุกและแรงบันดำลใจให้อยำกดู
ครูอยู่ในฐำนะที่ช่วยให้ผู้เรียนเรียนรู้ได้ด้วยตนเอง ประคับประคองควำมคิดเชิงลบที่อำจจะเกิดขึ้น
ส่งเสริมควำมคิดเชิงบวก และเสริมทักษะที่จำเป็นให้ผู้เรียน โดยใช้เทคโนโลยีดิจิทัลออนไลน์เป็น
เคร่ืองมือ เช่น โปรแกรมซูม (Zoom) กูเกิลมีท (Google Meet) กูเกิล พลัส (Google+) เฟชบุ๊ค
(Facebook) ยูทูบ (YouTube) อินสตำแกรม (Instagram) พ็อดคำสท์ (Podcast) ทวิตเตอร์ (Twitter)
บล็อกกิ้ง (Blogging) สไกพ์ (Skype) เพรซี (Prezi) กล็อกสเตอร์ (Glogster) ไททันแพด (Titan Pad)
และรำยวิชำออนไลน์แบบเปิดสู่มวลชน (Massive Open Online Course: MOOC) เปน็ ต้น กำรเรียนรู้

199

ความเปน็ ครูยคุ ปฏิรงั สรรคก์ ารศกึ ษา ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร. ศรดุ า ชยั สวุ รรณ

จึงเป็นไปในรูปแบบเฉพำะตัวมำกขึ้น เรียนตำมควำมสนใจ ผู้เรียนแต่ละคน มีลักษณะประจำตัวกับ
จดุ แขง็ แตกต่ำงกนั กำรเรยี นยคุ ใหมจ่ ะต้องเน้นกำรพัฒนำทักษะควำมคิดสร้ำงสรรค์ เสริมสร้ำงพลัง
จนิ ตนำกำรและควำมคิดริเร่มิ ของผู้เรยี น

ครวู ิถีใหม่ จงึ เปน็ ครทู ีส่ ำมำรถออกแบบกำรจดั กำรเรียนรู้วถิ ีใหมบ่ นพืน้ ฐำนกำรสร้ำงควำม
สำมำรถ สมรรถนะ กำรกำหนดทักษะควำมสำมำรถที่จะได้รับจำกกิจกรรมกำรเรียน แล้วประเมิน
และวัดผลระดับควำมสำมำรถที่ผู้เรยี นได้รบั เพื่อมำช่วยวำงแผนกำรเรียนกำรสอนให้บรรลเุ ป้ำหมำย
กำรเรียน จึงต้องเน้นให้เกิดกำรแสดงออก เช่น ใช้แบบอภิปรำย ครูจะเป็นผู้กระตุ้นกำรเรียนแบบ
อภปิ รำยใหม้ ีประสิทธิภำพยิ่งขึน้ เทคโนโลยีมีส่วนช่วยในเร่ืองเหล่ำนี้ได้รวมท้ังต้องพัฒนำผลงำนของ
ตนเอง เรยี นรู้สิ่งใหม่ และพัฒนำส่งิ ใหมๆ่ เพื่อให้โรงเรียนได้ก้ำวไปสู่กำรเปลี่ยนแปลงอย่ำงแท้จริง มี
กำรสร้ำงพลังเชิงบวกให้กับตนเองและผู้เรียน นอกจำกนี้บำงคร้ังอำจต้องมีวิญญำณของควำมเป็น
เด็ก เพื่อปรับตัวให้เข้ำกับพื้นฐำนควำมคิดของผู้เรียน Generation ใหม่ตลอดจนเพื่อพัฒนำผู้เรียนให้
มีทกั ษะมีควำมสำมำรถในกำรใชช้ ีวติ ในท่ำมกลำงควำมเปลี่ยนแปลงได้อย่ำงมคี วำมสขุ

ความเปน็ พลเมืองดิจิทลั

คำว่ำ มนุษย์ ได้ถูกหลงลืมและหำยไปในโลกของเครือข่ำย วิทยำศำสตร์ที่เข้ำมำมีบทบำท
มำกขึ้นจนถึงขั้นปัญญำประดิษฐ์ (Artificial Intelligence) ระบบสื่อใหม่มีลักษณะเป็นเครือข่ำย
แบบแนวนอนผ่ำนอินเทอร์เน็ตทำให้เกิดพลเมืองชนิดใหม่ที่ เรียกว่ำ พลเมืองเน็ต ลักษณะเป็น
เครือข่ำยแนวนอน ซึ่งเอื้อต่อกำรสนทนำในรูปแบบต่ำงๆ มีแอปพลิเคชันที่โยงใยผู้คนเข้ำด้วยกัน
ทำให้เกิดสื่อสังคม (Social Media) ที่พลเมืองเข้ำมำใช้ได้สะดวก โดยไม่จำเป็นต้องมีวิชำชีพ
(Non-Professional) พลเมืองเน็ตสื่อสำรกันด้วยเร่ืองส่วนตัว หรือเร่ืองใดๆ ก็ตำมที่อยำกสื่อสำร
ออกไป มีทั้งเร่ืองควำมสุข ทุกข์ รวย จน ควำมเหงำ ใส่ร้ำยป้ำยสี ไปจนถึงเร่ืองกำรเมือง ธุรกิจ
สังคม ส่งผลให้พลเมืองเน็ตมีที่ระบำยและแสดงตัวตน และเป็นแหล่งระบำยควำมรู้สึกและสั่งสม
อำรมณน์ ำนำชนิด ควำมรัก เมตตำ เกลียดชงั โกรธแค้นไปจนถึงกำรสร้ำงสรรค์เพื่อทำลำยไปพร้อม
กัน จึงเป็นเหตุให้คนจำนวนมำกไม่ไว้วำงใจเน็ต พลเมืองเน็ตต้องระวังตัวเอง ในกำรสังสรรค์กับคน
แปลกหน้ำ และรัฐเริ่มเข้ำมำหำทำงควบคุมโลกของเน็ต เม่ือพลเมืองเน็ตส่งเสียงดังมำกขึ้น
อำณำจักรของพวกเขำก็ถูกเฝ้ำระวังมำกขึ้น นำนวันเข้ำ พลเมืองเน็ตก็ถูกลืมว่ำเป็นมนุษย์เพรำะถูก
มองในภำพรวมของเครือขำ่ ย อีกทั้งยังเข้ำมำละลำยควำมยิ่งใหญ่ของมนุษยภำพ (Humanity) เพรำะ
สมองมนุษย์ไม่อำจสู้กับคอมพิวเตอร์ได้ นั่นเป็นสิ่งที่ท้ำทำยควำมสำมำรถของมนุษย์ที่จะยืนหยัดให้
ได้บนโลกมนุษย์ (สกุ ญั ญำ สุดบรรทดั , 2561) ครูต้องเป็นผู้ปฏิรังสรรคก์ ำรศกึ ษำเพื่อช่วย

200

ความเป็นครูยุคปฏิรังสรรคก์ ารศกึ ษา ผ้ชู ่วยศาสตราจารย์ ดร. ศรดุ า ชยั สุวรรณ

สร้ำงควำมเป็นมนุษย์ที่สมบูรณ์ มีคุณลักษณะสอดคล้องกับบริบทโลกดิจิทัลในด้ำนควำมรู้
จริยธรรม ทักษะกำรคิดอย่ำงมีเหตุผล ค่ำนิยม ทัศนคติที่พร้อมก้ำวสู่ควำมเป็นพลเมืองดิจิทัล
ดังเช่นแผนกำรศึกษำแห่งชำติ พ.ศ. 2560-2579 ได้กำหนดวิสัยทัศน์ มุ่งให้คนไทยทุกคนได้รับ
กำรศึกษำและเรียนรู้ตลอดชีวิตอย่ำงมีคุณภำพ ดำรงชีวิตอย่ำงเป็นสุข สอดคล้องกับหลัก ปรัชญำ
ของเศรษฐกิจพอเพียง และกำรเปลี่ยนแปลงของโลกศตวรรษที่ 21 แสดงให้เห็นถึงกำรเตรียมคนให้
เข้ำกบั กำรเปลี่ยนแปลง

สังคมสมัยใหม่ส่งเสริมให้บุคคลมีทัศนะแบบวัตถุนิยมและบริโภคนิยมมำกขึ้น คนส่วนใหญ่
ล้วนมีเป้ำหมำยของชีวิตที่ต้องกำรควำมเจริญก้ำวหน้ำทั้งชีวิตส่วนตัวและกำรทำงำน ซึ่งหมำยถึง
ควำมร่ำรวย และควำมมั่งคั่งที่อุดมไปด้วยทรัพย์สมบัติ อำนำจและเกียรติยศชื่อเสียง ซึ่งควำม
ต้องกำรเหล่ำนี้ เกิดจำกกำรเรียนรู้หรือประสบกำรณ์ต่ำงๆ ที่บุคคลได้รับในฐำนะที่เป็นสมำชิกของ
สงั คม ทกุ คนจงึ ตำ่ งมงุ่ หวงั ทีจ่ ะประสบควำมสำเรจ็ ในทกุ ๆ ดำ้ นเท่ำที่จะทำได้โดยไม่สนใจวิธีกำร กำร
แข่งขัน กำรเอำรัดเอำเปรียบ และกำรแก่งแย่งชิงดีชิงเด่นกัน จึงปรำกฏมำกขึ้นในขณะเดียวกัน โดย
ภำวะน้สี ง่ ผลใหห้ ลำยคนมอี ำกำรหมกมุ่นกับกำรเช็คข้อมูลข่ำวสำรจำกสื่อสังคมออนไลน์ตลอดเวลำ
จนเกิดปัญหำทำงสุขภำพจิต ซึ่งส่งผลกระทบต่อพฤติกรรมกำรแสดงออกและควำมสัมพันธ์กับ
บุคคลรอบข้ำงอย่ำงเห็นได้ชัด จึงเกิดภำวะที่เรียกว่ำ Fear of Missing Out (FOMO) ซึ่งเป็นภำวะ
กลวั กำรตกกระแส จัดเป็นอำกำรทำงจิตเวชประเภทหนึ่ง ที่ในตอนนี้ได้ขยำยสู่แวดวงสังคมออนไลน์
เป็นลักษณะควำมปรำรถนำที่จะเชื่อมต่ออย่ำงต่อเนื่องกับสิ่งที่คนอื่นกำลังทำอยู่ เพื่อรับรู้ข่ำวสำร
ต่ำงๆ ก่อนคนอื่น ซึ่งจะสร้ำงควำมภำคภูมิใจ หำกตนรู้เร่ืองเหล่ำนั้นก่อนใคร ตอบสนองควำม
ต้องกำรของกำรได้เป็นทีย่ อมรบั เปน็ คนสำคัญ และเป็นที่สนใจของคนรอบข้ำง พฤติกรรมที่สังเกตได้
คือ ต้องเข้ำถึงสื่อสังคมออนไลน์ได้ตั้งแต่ต่ืนนอนและตลอดท้ังวัน ไม่ว่ำจะทำกิจกรรมหรือภำรกิจ
อะไรอยู่ หรอื มีประสบกำรณด์ ้ำนอำรมณใ์ นเชิงบวกหรอื เชงิ ลบ ขณะที่สื่อสังคมออนไลน์มีอิทธิพลท้ัง
ด้ำนบวกและด้ำนลบ อำทิ กำรมเี พื่อนในสื่อสงั คมออนไลน์มำกขึ้น กำรเพิม่ เพื่อนมำกขึ้น โดยทักทำย
หรือพูดคุยกับคนแปลกหน้ำที่ตนเองน้ันสนใจและทำให้ผู้อื่นประทับใจตนเองมำกขึ้น โดยกำรโพสต์
ควำมคิดเห็นบนรูปภำพและกำรอัปเดตสถำนะจนเครียดโดยไม่รู้ตัว หำกวันไหนยอดกด
ถูกใจ (Like) ลดน้อยลงก็รู้สึกว่ำตนเป็นคนไม่สำคัญก็จะเกิดควำมวิตกกังวล หลำยคนละทิ้ง
ควำมสัมพันธ์ในโลกแห่งควำมจริง ไม่สนใจเพื่อนหรือบุคคลที่น่ังอยู่ข้ำงๆ เพรำะจดจ่อกับสื่อสังคม
ออนไลน์ ทำให้โกรธง่ำยและขำดควำมคิดสร้ำงสรรค์จนเกิดภำวะซึมเศร้ำในขณะที่ใช้สังคมออนไลน์
ซึง่ ส่งผลกระทบถึงกำรทำงำน และควำมผิดปกติอ่นื ๆ ได้อกี มำกมำย

201

ความเป็นครูยุคปฏิรงั สรรค์การศกึ ษา ผู้ชว่ ยศาสตราจารย์ ดร. ศรดุ า ชัยสวุ รรณ

ยุคดิจิทัลที่มีกำรใช้สื่อเทคโนโลยีกันท่ัวทุกมุมโลก ก่อให้เกิดกำรเปลี่ยนแปลงสังคม
วัฒนธรรมที่รวดเร็ว สังคมที่ก้ำวสู่ยุคดิจิทัลจัดเป็นสังคมยุค Generation Alpha ที่เด็กเกิดมำพร้อม
เทคโนโลยี จำกกำรศึกษำงำนวิชำกำรพบว่ำ เด็กยุคดิจิทัลมีควำมฉลำดรอบรู้มำก กล้ำแสดงควำม
คิดเห็นและมีกำรใช้เทคโนโลยีและฐำนข้อมูล รวมท้ังเอื้อประโยชน์ในหน้ำที่กำรงำน มีค่ำนิยมมอง
ประโยชน์ส่วนตนเป็นที่ต้ัง แต่ขำดทักษะกำรจัดกำรคุมอำรมณ์ ขำดควำมอึดอดทนอ่อนต่อวิชำชีวิต
และควำมเคำรพต่อกัน โดยเฉพำะกับคนที่ต่ำง Generation และขำดทักษะเผชิญควำมยำกลำบำก
เด็กในยุคดิจิทัลจำเป็นอย่ำงยิ่งในกำรได้รับกำรพัฒนำคุณลักษณะที่เป็นจุดอ่อน (สุริยเดว ทรีปำตี,
2562)

จำกกำรสำรวจของสำนักงำนพัฒนำธุรกรรมทำงอิเล็กทรอนิกส์ (สพธอ.) Electronic
Transactions Development Agency หรือ ETDA ได้ทำกำรสำรวจพฤติกรรมผู้ใช้อินเทอร์เน็ต
ในประเทศไทยปี 2563 พบว่ำ ผู้ตอบแบบสำรวจฯ ใช้อินเทอร์เน็ตเฉลี่ยวันละ 11 ชั่วโมง 25 นำที
เพิ่มขึ้นจำกปีที่แล้ว 1 ชั่วโมง 3 นำที โดยปีแรกที่ ETDA เริ่มทำผลสำรวจ คือปี 2556 คนไทย
ใช้เน็ตเฉลี่ยเพียงวันละ 4 ชั่วโมง 36 นำทีเท่ำนั้น คิดเป็นอัตรำกำรเติบโตที่เพิ่มขึ้นถึง 3 เท่ำตัว
มีกำรใช้อินเทอร์เน็ตที่เพิ่มมำกขึ้นจำกเหตุผลหลักคือ กำรที่สำมำรถเข้ำถึงอินเทอร์เน็ตได้
ง่ำย และมีเครือข่ำยที่ครอบคลุม ส่วนสำเหตุรองลงมำคือ มีควำมจำเป็นต้องใช้อินเทอร์เน็ต
เพิ่มขึ้น และบริกำรต่ำงๆ ในชีวิตประจำวันสำมำรถทำผ่ำนออนไลน์มำกขึ้นด้วย ขณะเดียวกัน
ผลกระทบจำก COVID -19 ยังเป็นอีกปัจจัยหนึ่งที่ช่วยกระตุ้นให้ผู้คนหันมำเลือกทำกิจกรรม
ออนไลน์เพิ่มมำกขึ้น แทนกำรเดินทำงจำกบ้ำนเรือนหรือเพื่อหลีกเลี่ยงกำรต้องพบปะผู้คน
โดยเฉพำะในที่สำธำรณะอีกด้วย (กระทรวงดิจทิ ลั เพือ่ เศรษฐกิจและสังคม, 2563)

ขณะเดียวกัน สื่อสังคมออนไลน์ที่มำแรงในปีนี้อย่ำง TikTok ก็ยังได้รับควำมนิยมอย่ำง
รวดเร็วโดยมีผู้ใช้บริกำรคิดเป็น 35.8% สำหรับประเด็น Hot Issue ในเรื่องข่ำวปลอมเชื่อว่ำมี
เพียง 50.2% ของข้อมูลข่ำวสำร ที่พบเห็นบนโลกอินเทอร์เน็ต เป็นข้อมูลจริง สำมำรถเชื่อถือ
ได้ โดยไม่จำเป็นต้องตรวจสอบแสดงให้เห็นว่ำ ผู้ใช้อินเทอร์เน็ตในประเทศไทยยังมีควำมเคลือบ
แคลง ลังเลและสงสัยถึงควำมน่ำเชื่อของข้อมูลข่ำวสำรที่พบ และยังไม่ได้เชื่อข่ำวที่พบเห็นบน
โลกออนไลน์ทุกข่ำวในทันที นอกจำกนี้จำกผลกำรสำรวจของ ETDA ยังพบว่ำ กิจกรรมออนไลน์
ยอดนิยม 10 อนั ดบั แรกที่คนไทยนิยมมำกที่สุด ได้แก่

1. ใช้ Social Media เชน่ Facebook, LINE, Instagram คิดเป็น 95.3%
2. ดโู ทรทัศน์ / ดคู ลิป / ดหู นัง / ฟังเพลงออนไลน์ คิดเปน็ 85.0%
3. กำรค้นหำข้อมูล คดิ เปน็ 82.2%

202

ความเปน็ ครูยุคปฏิรงั สรรค์การศกึ ษา ผ้ชู ว่ ยศาสตราจารย์ ดร. ศรดุ า ชัยสุวรรณ

4. กำรติดต่อสอ่ื สำรออนไลน์ท้ังกำรโทรศพั ท์ และพูดคุย (Chat) คิดเปน็ 77.8%
5. กำรรบั -ส่งอีเมลล์ คิดเปน็ 69.0%
6. กำรซื้อสนิ ค้ำออนไลน์ คิดเปน็ 67.3%
7. กำรอ่ำนข่ำว/ บทควำม/ หนงั สืออเิ ลก็ ทรอนิกส์ (e-Book) คิดเป็น 64.2%
8. กำรเรียนออนไลน์ (E-Learning) คิดเปน็ 57.5%
9. กำรเล่นเกมออนไลน์ คิดเปน็ 56.8%
10. กำรทำธรุ กรรมทำงกำรเงินออนไลน์ คิดเป็น 56.5%

ด้วยอัตรำภัยคุกคำมทำงสุขภำพกำยและใจที่เกิดจำกภำวะ FOMO (Fear Of Missing Out)
นี่เอง ทำให้คนเริ่มกลับมำถำมตัวเองว่ำ วันหนึ่งๆ ต้องใช้เวลำกับสื่อดิจิทัลมำกมำยขนำดนี้เลยหรือ
และผลของกระแสควำมตื่นรู้นี้เองที่นำมำสู่เทรนด์ที่ค่อยๆ เกิดขึ้นในโลกในทำงตรงกันข้ำมกับ
ภำวะ FOMO วิธีกำรรบั มือกับภำวะ FOMO ทีด่ ที ี่สดุ คอื กำรรู้เท่ำทนั ในกำรเสพสื่อออนไลน์ ซึ่งเป็นที่
น่ำดีใจว่ำ ในตอนนไี้ ด้เกิดกระแสในทำงสรำ้ งสรรคข์ นึ้ กบั พฤติกรรมกำรเสพสื่อออนไลน์ของผู้คนแล้ว
น่ันคือแนวโน้ม (Trend) ที่เกิดในทำงตรงกันข้ำมกับ FOMO เรียกว่ำ JOMO หรือ Joy of Missing Out
นั่นเอง คือ กลุ่มที่เรียกว่ำ JOMO หรือ Joy of Missing Out ที่ผู้คนในสังคมเริ่มตระหนักและกลับมำ
คิดว่ำตนเองใช้เวลำกำรเสพสื่อออนไลน์มำกไปจนเรียกได้ว่ำ เสพติด หรือเปล่ำ มีกำรตื่นรู้และ
วิจำรณญำณในกำรรับข้อมูลข่ำวสำร เสพสื่อออนไลน์แบบประเทืองปัญญำ เรียกว่ำมี ควำมเป็น
พลเมอื งดจิ ทิ ัล คือมีพ้นื ฐำนของควำมรับผดิ ชอบ กำรมีจริยธรรม กำรมีส่วนร่วม ควำมเห็นอกเห็นใจ
และเคำรพผู้อื่น โดยมุ่งเน้นควำมเป็นธรรมในสังคม ปฏิบัติและรักษำไว้ซึ่งกฎเกณฑ์ เพื่อสร้ำงควำม
สมดุลของกำรอยู่ร่วมกันอย่ำงมีควำมสุข (สำนักงำนปลัดกระทรวง กระทรวงกำรอุดมศึกษำ
วิทยำศำสตร์ วิจยั และนวัตกรรม, 2561)

โดย Ribble (2015) ได้ให้ควำมหมำย ควำมเป็นพลเมืองยุคดิจิทัล ไว้ว่ำหมำยถึง ปทัสถำนที่
เป็นแนวทำงกำรประพฤติปฏิบัติในกำรใช้เทคโนโลยีอย่ำง เหมำะสมและมีควำมรับผิดชอบ
ประกอบด้วย

1. กำรเข้ำถึงเทคโนโลยีดจิ ทิ ลั โดยสมบูรณ์ (Digital Access)
2. กำรซื้อขำยสินค้ำทำงอเิ ล็กทรอนิกส์ (Digital Commerce)
3. กำรแลกเปลีย่ นข้อมูลขำ่ วสำรผ่ำนสือ่ ดจิ ทิ ัล (Digital Communication)
4. กำรใชเ้ ทคโนโลยีดจิ ทิ ลั อย่ำงรู้เท่ำทัน (Digital Literacy)
5. กำรปฏิบตั ิตน หรอื มำรยำทในกำรใชส้ ือ่ ดจิ ทิ ลั (Digital Etiquette)

203

ความเปน็ ครูยุคปฏิรงั สรรค์การศกึ ษา ผชู้ ่วยศาสตราจารย์ ดร. ศรดุ า ชยั สวุ รรณ

6. กฎหมำยเกีย่ วกับกำรใชส้ ือ่ ดจิ ทิ ลั (Digital Law)
7. สิทธิและควำมรับผดิ ชอบในโลกดิจทิ ลั (Digital Rights and Responsibilities)
8. สขุ ภำพกำยใจทีด่ ีในโลกดิจทิ ลั (Digital Health and Wellness)
9. กำรป้องกนั ตนเองเพื่อควำมปลอดภัยในโลกดิจทิ ัล (Digital Security and Self-Protection)

กำรเป็นพลเมืองดิจิทัล ไม่ได้หมำยถึง พลเมืองที่มีควำมสำมำรถในกำรใช้อุปกรณ์ต่ำงๆ ไม่
ว่ำจะเป็นมือถือ คอมพิวเตอร์ หรือแท็บเล็ตในชีวิตประจำวันเท่ำน้ัน แต่ควำมหมำยของคำนี้
ครอบคลุมหลำกหลำยมิติของชีวิต และมีพัฒนำกำรไปตำมควำมเปลี่ยนแปลงของเทคโนโลยี อีกทั้ง
ยังเกี่ยวข้องกับชุดของทักษะควำมสำมำรถและควำมรู้ในกำรเท่ำทัน ซึ่งเป็นเร่ืองที่ต้องผ่ำน
กระบวนกำรเรียนรู้ท้ังในและนอกห้องเรียนรวมถึงกำรเรียนรู้ ตลอดชั่วชีวิตของเรำด้วย ควำมฉลำด
ในกำรรับสื่อสำหรับพลเมือง จึงจำเป็นต้องรู้ข้อจำกัดในกำรนำเสนอข่ำวสำรของสื่อ ซึ่งเกิดขึ้น
ภำยใต้เง่ือนไขของกฎกติกำที่รัฐ กำหนดและยิ่งเม่ือกฎกติกำไม่ได้มีควำมชัดเจน บรรยำกำศของ
กำรเซนเซอร์ตัวเองก็เกิดขึ้นตำมมำ นอกเหนือจำกกำรควบคุมกำรสื่อสำรโดยรัฐแล้ว กำรนำเสนอ
ของสื่อมวลชนล้วนเป็นกำรนำเสนอผ่ำนตัวกรองต่ำงๆ และมีกำรประกอบสร้ำงควำมจริงชุดหนึ่งๆ
ในกำรนำเสนออยู่แล้ว

ประกำศกระทรวงศึกษำธิกำรเร่ือง มำตรฐำนคุณวุฒิระดับปริญญำตรี สำขำครุศำสตร์และ
สำขำศึกษำศำสตร์ (หลักสูตรสี่ปี) พ.ศ. 2562 ได้ระบุมำตรฐำนผลกำรเรียนรู้ด้ำนทักษะทำงปัญญำ
ว่ำครูจะต้องคิดค้นหำ วิเครำะห์ข้อเท็จจริง และประเมินข้อมูล สื่อ สำรสนเทศจำกแหล่งข้อมูลที่
หลำกหลำยอย่ำง รู้เท่ำทัน เป็นพลเมืองต่ืนรู้ มีสำนึกสำกล สำมำรถเผชิญและก้ำวทันกับกำร
เปลี่ยนแปลงในโลกยุคดิจิทัล เทคโนโลยีข้ำมแพลทฟอร์ม (Platform) และโลกอนำคตนำไป
ประยุกต์ใช้ในกำรปฏิบัติงำนและวินิจฉัยแก้ปัญหำและพัฒนำงำนได้อย่ำงสร้ำงสรรค์ โดยคำนึงถึง
ควำมรู้ หลักกำรทำงทฤษฎี ประสบกำรณ์ภำคปฏิบัติ ค่ำนิยม แนวคิด นโยบำยและยุทธศำสตร์ชำติ
บรรทดั ฐำนทำงสงั คมและผลกระทบทีอ่ ำจเกิดขึ้น

ปัจจุบันมีกำรพัฒนำและกำรเปลี่ยนแปลงของเทคโนโลยีอย่ำงรวดเร็ว ส่งผลถึงสภำพ
ทำงธุรกิจและระบบเศรษฐกิจจึงต้องมีกำรเปลี่ยนแปลง เพื่อให้หน่วยงำนหรือองค์กรสำมำรถดำรง
อยู่ได้และที่สำคัญหน่วยงำนหรือองค์กรนั้นๆ ต้องมีศักยภำพแข่งขันได้ส่งผลให้องค์กรธุรกิจ
ต่ำงๆ รวมถึงองค์กรกำรศึกษำมีควำมจำเป็นที่จะต้องเผชิญกับภำวะของกำรปรับตัวคร้ังใหญ่
มีปรับเปลี่ยนรูปแบบกำรดำเนินงำนให้เท่ำทันต่อสภำพแวดล้อมดังกล่ำว กำรบริหำรสถำนศึกษำ
จงึ จำเป็นต้องพัฒนำอย่ำงก้ำวกระโดดเพือ่ ใหส้ ำมำรถแข่งขนั และพฒั นำคุณภำพทำงวิชำกำรได้อย่ำง

204

ความเป็นครูยคุ ปฏิรังสรรค์การศกึ ษา ผชู้ ว่ ยศาสตราจารย์ ดร. ศรดุ า ชยั สวุ รรณ

มีประสิทธิภำพ สิ่งที่มีอิทธิพลต่อกำรพัฒนำองค์กร โดยอำศัยสื่อเทคโนโลยีในกำรติดต่อสื่อสำร
และบริหำรงำนมีควำมเป็นดิจิทัลสูง ผู้บริหำรทุกองค์กรในปัจจุบัน จึงต้องมีลักษณะส่วนบุคคลที่
สำมำรถบริหำรและใช้เทคโนโลยีดิจิทัลได้อย่ำงมีประสิทธิภำพ เพื่อนำองค์กรไปสู่เป้ำหมำยอย่ำง
มีคุณภำพ ทันยุค ทันเหตุกำรณ์ กำรตระหนักในควำมเป็นพลเมืองดิจิทัล มีควำมสำคัญอย่ำงมำก
ในยุคของกำรเปลี่ยนผ่ำนทำงดจิ ทิ ลั โดยเฉพำะอย่ำงยิง่ กับประชำชนไทยที่เป็นดิจิทัลเนทีฟ เน่ืองจำก
เปน็ กำลังสำคัญของกำรพฒั นำเศรษฐกิจและสงั คมดิจิทลั ของประเทศ (ศรุดำ ชัยสวุ รรณ, 2563)

สิ่งสำคญั ในกำรพัฒนำกำรของดิจิทัลครอบคลุมถึงประเด็นต่ำงๆ เกี่ยวกับจริยธรรมสังคม

และกำรสะท้อน (Reflection) ซึ่งฝังอยู่ในกำรทำงำน กำรเรียนรู้ กำรพักผ่อน และชีวิตประจำวัน

ภำยใต้ "กำรรู้ดิจิทัล" คือควำมหลำกหลำยของทักษะต่ำงๆ ที่เกี่ยวข้องสัมพันธ์กัน ซึ่งทักษะเหล่ำนั้น

อยู่ภำยใต้กำรรู้สื่อ (Media Literacy) กำรรู้เทคโนโลยี (Technology Literacy) กำรรู้สำรสนเทศ

(Information Literacy) กำรรู้เกี่ยวกับสิ่งที่เห็น (Visual literacy) กำรรู้กำรสื่อสำร (Communication

literacy) และกำรรู้สังคม (Social literacy) (National Science and Technology Development Agency

(NSTDA), 2015)
กำรศกึ ษำเป็นกระบวนกำรพฒั นำอนชุ นรนุ่ ต่อไป เพื่อใหส้ ำมำรถสืบทอดและจรรโลงสังคม

ปัจจุบันให้เข้มแข็งคงอยู่ต่อไปในอนำคต ดังน้ันกำรเตรียมควำมพร้อมให้กับเยำวชนปัจจุบัน
สำหรับอนำคตจึงเป็นสิ่งที่จำเป็น สภำพสังคมและวัฒนธรรมที่เป็นปัจจุบัน และแนวโน้มของ
กำรเปลี่ยนแปลงในอนำคต จึงเป็นสิ่งสำคัญ สำหรับพิจำรณำเพื่อจัดทำหลักสูตร และกระบวนกำร
เรียนรู้สำหรับเตรียมเยำวชน ปัจจุบันให้พร้อมสำหรับอนำคต กำรศึกษำจะช่วยควบคุม
กำรเปลีย่ นแปลงสังคมให้เปน็ ไปในทิศทำงทีพ่ ึงปรำรถนำ โดยเหตุน้หี ลักสูตรซึ่งจะนำไปสอนเหล่ำนั้น
จึงมีควำมเกี่ยวข้องสัมพันธ์กับค่ำนิยมและสังคมอย่ำงแยกไม่ออก และโดยธรรมชำติของสังคมและ
วัฒนธรรมน้ันมักจะมีกำรเปลี่ยนแปลงไปตำมกำลเวลำ ดังน้ันกำรพัฒนำหลักสูตรและกำรเรียน
กำรสอน จึงมีควำมจำเปน็ จะต้องคำนงึ ถึงขอ้ มูลทำงดำ้ นสงั คม และวฒั นธรรมที่เป็นอยู่ในปัจจุบันอยู่
เสมอ ซึ่งจะทำให้หลักสูตรและกำรสอนนั้นมีควำมสอดคล้องกับสภำพปัจจุบัน และแนวโน้ม
กำรเปลี่ยนแปลงในอนำคตของสังคม สำมำรถแก้ปัญหำและสนองควำมต้องกำรของสังคมได้อย่ำง
เหมำะสม ซึ่งในปัจจุบันกระแสกำรเปลี่ยนแปลงเกิดอย่ำงรวดเร็ว และท่ัวโลกจนกลำยเป็นกระแส
ที่เรยี กว่ำกระแสโลกำภวิ ัตน์ ซึง่ ส่งผลกระทบโดยตรงตอ่ กำรจดั กำรศกึ ษำของประเทศ

แ ม้ ว่ ำ เ ท ค โ น โ ล ยี ดิ จิ ทั ล จ ะ เ ป็ น เ ค ร่ื อ ง มื อ ส ำ คั ญ ต่ อ ก ำ ร เ รี ย น รู้ แ ล ะ ก ำ ร ศึ ก ษ ำ ก็ ต ำ ม
สถำนศึกษำกว่ำ 30,000 แห่งที่ต้ังอยู่ท่ัวประเทศไทยยังประสบปัญหำด้ำนกำรเชื่อมต่อเครือข่ำย
อินเทอร์เน็ต และโรงเรียนอีกจำนวนมำก ยังมีปัญหำเร่อื งควำมเร็วในกำรเชือ่ มต่อกำรให้บริกำร

205

ความเป็นครูยคุ ปฏิรงั สรรค์การศกึ ษา ผชู้ ว่ ยศาสตราจารย์ ดร. ศรดุ า ชยั สุวรรณ

ไม่ทั่วถึง จำนวนคอมพิวเตอร์และอุปกรณ์กำรเรียนกำรสอนยังล้ำสมัยและมีไม่เพียงพอต่อผู้เรียน
ครูผู้สอนยังขำดควำมชำนำญในกำรประยุกต์ใช้เทคโนโลยีเข้ำกับกำรสอน ทำให้ไม่สำมำรถ
ใช้เทคโนโลยีในกำรเรียนกำรสอนได้อย่ำงมีประสิทธิภำพ นอกจำกนี้ยังมีเน้ือหำในรูปแบบสื่อดิจิทัล
ที่หลำกหลำย เหมำะสม และสอดคล้องกับควำมต้องกำรของคนในประเทศไม่เพียงพอ มีปัญหำ
ควำมเหลื่อมล้ำทำงด้ำนเนื้อหำ (Content Divide) ขำดสื่อกำรเรียนรู้เพื่อนำไปใช้ประกอบอำชีพ และ
สื่อที่ตอบสนองต่อควำมต้องกำรของประชำชนในระดับท้องถิ่นท้ังในเชิงเศรษฐกิจ สังคม กำรศึกษำ
และวัฒนธรรมที่ต่ำงกัน ที่สำคัญประชำชนส่วนใหญ่ยังคงเน้นกำรใช้เทคโนโลยีดิจิทัล เพื่อ
ควำมสนุกสนำน บันเทิง โดยไม่ได้นำเทคโนโลยีไปก่อให้เกิดประโยชน์เท่ำที่ควร และยังต้องมี
กำรพฒั นำทกั ษะดิจทิ ลั ทีจ่ ำเป็นสำหรบั สงั คมใหม่ ที่รวมถึงกำรคิด วิเครำะห์ แยกแยะ สื่อต่ำงๆ และ
กำรใช้เทคโนโลยีอย่ำงมีควำมรับผิดชอบต่อสังคมด้วย (กระทรวงเทคโนโลยีสำรสนเทศและ
กำรส่อื สำร, 2559)

Ribble (2015) ซึ่งเปน็ ผู้มชี ื่อเสียงและได้นำเสนอแนวคิดเกี่ยวกับพลเมืองดิจิทัลไว้หลำยเล่ม
โดยเฉพำะแนวคิดในเร่ืองนี้สำหรับครูและผู้บริหำร ได้จำแนกคุณลักษณะที่ดีของพลเมืองดิจิทัลเป็น
9 ประกำร และจัดกลุ่มเป็น 3 กลุ่ม เรียกว่ำ REPs (Respect, Educate, Protect) สรุปได้ดังนี้

1. การให้ความเคารพ (Respect)
กำรเข้ำถึงดิจิทัล (Digital Access) กำรสนับสนุนให้เกิดสิทธิและกำรเข้ำถึงดิจิทัลที่เท่ำ

เทียมกนั ซึ่งนบั เปน็ จดุ เริ่มต้นของกำรเป็นพลเมืองดจิ ทิ ัล

มำรยำททำงดจิ ทิ ัล (Digital Etiquette) กฎเกณฑ์และนโยบำย รวมทั้งมำรยำทใน
กำรแสดงออกในโลกออนไลน์

กฎหมำยดิจิทัล (Digital Law) ควำมเข้ำใจวิธีกำรใช้และแชร์ทรัพย์สินทำงดิจิทัลที่
เหมำะสม

2. การศึกษา (Educate)
กำรสื่อสำรทำงดิจิทัล (Digital Communication) กำรเรียนรู้วิธีกำรเลือกเคร่ืองมือที่

เหมำะสมกบั ผรู้ ับข่ำวสำรและข้อมลู
ควำมฉลำดรู้ทำงดิจิทัล (Digital Literacy) มีควำมหมำยมำกกว่ำกำรใช้เป็น แต่รวมถึง

ควำมสำมำรถในกำรค้นหำ กำรประเมนิ และกำรอำ้ งองิ เอกสำรข้อมูลทำงดจิ ทิ ัล
กำรพำณิชย์ทำงดิจิทัล (Digital Commerce) กำรซื้อขำยออนไลน์ ควำมเข้ำใจวิธีกำร

เปน็ ผขู้ ำยและผู้ซือ้ ที่ดใี นเศรษฐกิจดิจทิ ัล

206

ความเปน็ ครูยคุ ปฏิรงั สรรคก์ ารศกึ ษา ผูช้ ่วยศาสตราจารย์ ดร. ศรดุ า ชยั สวุ รรณ

3. การป้องกัน (Protect)
สิทธิและควำมรับผิดชอบทำงดิจิทัล (Digital Rights and Responsibilities) ควำมเข้ำใจ

สิทธิพ้ืนฐำนทีเ่ กี่ยวกบั ควำมเป็นส่วนตัวและเสรีภำพในกำรแสดงออก
ควำมปลอดภัยและควำมมั่นคงทำงดิจิทัล (Digital Safety and Security) พลเมือง

ดิจทิ ัลจำเป็นต้องรู้วธิ ีกำรป้องกันข้อมลู โดยกำรกำหนดระดับควำมเปน็ ส่วนตวั และควำมปลอดภัย
สุขภำวะทำงดิจิทัล (Digital Health and Wellness) ควำมสำคัญประกำรหนึ่งในกำรใช้

ชีวิตในโลกดิจิทัลคือกำรรู้ว่ำเม่ือไรจะต้องหยุดใช้ (Unplug) พลเมืองดิจิทัลจำเป็นต้องรู้จักตัดสินใจ
กำหนดลำดับควำมสำคญั ของกิจกรรมและกำรใชเ้ วลำออนไลน์

สถำบันส่งเสริมกำรสอนวิทยำศำสตรแ์ ละเทคโนโลยี (2561) ได้แบ่งมิติของควำมเป็น
พลเมอื งดจิ ทิ ลั ได้เปน็ 4 มิติ ดังน้ี

1. มิติการรักษาอัตลกั ษณแ์ ละข้อมลู ส่วนบคุ คล
กำรสร้ำงอัตลักษณ์ออนไลน์ถือเป็นปรำกฏกำรณ์ใหม่ ที่ทำให้บุคคลสำมำรถ

แสดงออกถึงควำมเป็นตัวตนของตนเองต่อสังคมภำยนอก ด้วยกำรอำศัยช่องทำงกำรสื่อสำรผ่ำน
เว็บไซต์เครือข่ำยสังคม เพื่ออธิบำยรูปแบบใหม่ของกำรสื่อสำรแบบมีปฏิสัมพันธ์ทำงอินเทอร์เน็ต ที่
ทำให้เกิดกำรแสดงออกเกี่ยวกับตัวตนผ่ำนเว็บไซต์เครอื ข่ำยสังคมต่ำงๆ เพื่อกำรสื่อสำรและเชื่อมต่อ
ควำมสมั พนั ธ์กบั บคุ คลอืน่ กำรที่ผใู้ ช้ปรบั ตัวใหเ้ ข้ำกับเทคโนโลยีส่อื ใหม่และกำรใช้กลยุทธ์ต่ำงๆ เพื่อ
นำเสนอตัวตนบนโลกออนไลน์ พลเมืองดิจทิ ัลจะต้องมีควำมตระหนักในควำมเท่ำเทียมกันทำงดิจิทัล
กำรรักษำควำมปลอดภัยของข้อมูลตนเองในสังคมดิจิทัล ที่มีควำมจำเป็นจะต้องบริหำรจัดกำร
ข้อมูลของตนเอง รู้วำ่ ข้อมูลใดควรเผยแพรแ่ ละข้อมลู ใดไม่ควรเผยแพร่ กำรปกป้องข้อมูลส่วนบุคคล
กำรจดั กำรกบั ควำมเสีย่ งของข้อมลู ของตนในสื่อสงั คมดจิ ทิ ัล

2. มิติของกิจกรรมบนสือ่ สังคมดิจิทลั
พลเมืองดิจิทัลทีควำมจำเป็นต้องมีควำมสำมำรถในกำรจัดกำรธุรกรรมกำรเงิน

ทำงอนิ เทอร์เน็ต เชน่ กำรซือ้ ขำยสินค้ำในอินเทอร์เน็ต บัตรเครดิตอิเล็กทรอนิกส์ กำรค้ำแบบดิจิทัล
กำรเมือง เศรษฐกิจ กำรมีส่วนร่วมวัฒนธรรมพลเมืองดิจิทัล ต้องรู้จักใช้ศักยภำพของอินเทอร์เน็ต
ในกำรมีส่วนร่วมทำงกำรเมือง เศรษฐกิจ และสังคม อินเทอร์เน็ตเป็นได้ทั้งเคร่ืองมือเพิ่มกำรมีส่วน
ร่วมทำงกำรเมืองในระบบ เช่น รัฐบำลใช้อินเทอร์เน็ตในกำรรับฟังควำมเห็นของประชำชนก่อนออก
กฎหมำย กำรลงคะแนนเสียงอิเล็กทรอนิกส์ หรือกำรยื่นคำร้องออนไลน์ อีกทั้งพลเมืองดิจิทัล
จะต้องกำรรักษำควำมสัมพันธ์ทีด่ ีกบั คนในสงั คมดิจิทลั มนี ้ำใจกำรแสดงควำมเห็นอก เหน็ ใจ เสียใจ

207

ความเป็นครูยุคปฏิรงั สรรคก์ ารศกึ ษา ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร. ศรดุ า ชัยสวุ รรณ

เห็นด้วย ไม่เห็นด้วย ยินดี สนุกสนำน เพื่อสำนสัมพันธ์กับผู้คนในโลกออนไลน์ กำรสร้ำง
ควำมสมั พนั ธ์ระหว่ำงตนเองกับสังคม และสง่ิ แวดล้อมเพื่อให้สำมำรถอยู่ในสังคมได้อย่ำงมคี วำมสุข

3. มิติทกั ษะและความสามารถในสภาพแวดลอ้ มดิจทิ ลั
พลเมืองดิจิทัลต้องมีควำมรู้ควำมสำมำรถในกำรเข้ำถึงใช้สร้ำงสรรค์ ประเมิน
สงั เครำะห์ และส่อื สำรข้อมูลขำ่ วสำรผ่ำนเครื่องมอื ดิจิทัล ดังน้ันพลเมืองยุคใหม่จึงต้องมีควำมรู้ด้ำน
เทคนิคในกำรเข้ำถึงและใช้เคร่ืองมือดิจิทัล เช่น คอมพิวเตอร์ สมำร์ตโฟน แท็บเล็ต ได้อย่ำง
เชี่ยวชำญ รวมถึงทักษะในกำรรู้คิดข้ันสูง เช่น ทักษะกำรคิดอย่ำงมีวิจำรณญำณ ซึ่งจำเป็นต่อ
กำรเลือก จัดประเภท วิเครำะห์ ตีควำม และเข้ำใจข้อมูลข่ำวสำร มีควำมรู้และทักษะใน
สภำพแวดล้อมดิจิทัล กำรรู้ดิจิทัลโดยมุ่งให้เป็นผู้ใช้ที่ดี เป็นผู้เข้ำใจบริบทที่ดี และเป็นผู้สร้ำงเน้ือหำ
ทำงดจิ ทิ ลั ทีด่ ใี นสภำพแวดล้อมสังคมดิจิทลั
4. มิติจริยธรรมทางดิจิทลั
พลเมืองดิจิทัล จะต้องเป็นผู้รู้กฎหมำยที่เกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ กำรกระทำควำมผิด
ทำงคอมพิวเตอร์ กำรใช้เทคโนโลยีอย่ำงรู้จริยธรรม รู้จักคุณค่ำและจริยธรรมจำกกำรใช้เทคโนโลยี
มีควำมรใู้ นงำนลิขสิทธิ์และเคำรพทรัพย์สินทำงปัญญำของผู้อื่น และกำรปกป้องตนเองและชุมชน มี
ควำมรับผดิ ชอบทำงดจิ ทิ ลั รจู้ ักสิทธิเสรีภำพให้เกียรติในกำรพูดกำรกระทำในสังคมดิจิทัล มำรยำท
ทำงดจิ ทิ ัล เข้ำใจถึงกำรรบั ควำมในกำรบริหำรจดั กำรควำมเสี่ยงในโลกออนไลน์ เช่น กำรไม่ไปรังแก
และสำมำรถจัดกำรกับกำรถูกรังแกบนโลกไซเบอร์ (Cyberbullying) รวมไปถึงกำรเกี้ยวพำรำสี กำร
เหยียดผิว-เหยียดชนช้ัน รวมไปถึงเน้ือหำต่ำงๆ ที่สุ่มเสี่ยง เช่น เน้ือหำที่มีควำมรุนแรง โป๊เปลือย
ลำมกหยำบคำยด้วย
วรพจน์ วงศ์กิจรุ่งเรือง (2561) ได้เสนอแนวทำงพัฒนำควำมเป็นพลเมืองดิจิทัล โดย
กำรเสริมสรำ้ งควำมรู้ ทกั ษะกำรคิด จรยิ ธรรม สรุปได้ดงั นี้
1. ควำมรู้ด้ำนสำรสนเทศ เพื่อสร้ำงคนให้มีควำมสำมำรถในกำรจัดกำรและใช้ประโยชน์
จำกสำรสนเทศ ออนไลน์ได้อย่ำงมีประสิทธิภำพ โดยสำมำรถในกำรเข้ำถึงข้อมูลได้อย่ำงทันท่วงที
ควำมเข้ำใจวิธีกำรเลือกใช้คำค้น หรือใช้กลยุทธ์กำรค้นหำอันหลำกหลำย กำรรู้จักแหล่งข้อมูลที่ดี
กำรรเู้ ท่ำทันว่ำเนื้อหำที่พบในโลกออนไลน์ ควำมสำมำรถประเมินควำมถูกต้อง และควำมน่ำเชื่อถือ
ของข้อมูลอย่ำงมีวิจำรณญำณ กำรจัดกำรกับข้อมูลได้อย่ำง เป็นระบบ ควำมสำมำรถประยุกต์ใช้
ข้อมูลได้อย่ำงสร้ำงสรรค์ในกำรแก้ไขปัญหำต่ำงๆ และควำมเข้ำใจประเด็นทำงจริยธรรม และ
กฎหมำยที่เกี่ยวข้องกับกำรเข้ำถึงและกำรใชข้ ้อมูล

208

ความเปน็ ครูยคุ ปฏิรังสรรคก์ ารศกึ ษา ผชู้ ว่ ยศาสตราจารย์ ดร. ศรดุ า ชัยสวุ รรณ

2. ควำมรู้ด้ำนสื่อ โดยกำรถ่ำยทอดและปลูกฝังจริยธรรม ค่ำนิยม ควำมรู้ควำมสำมำรถ
ในกำรเข้ำใจ ตีควำม วิเครำะห์ ประเมินเน้ือหำจำกสื่อต่ำงๆ โดยเฉพำะกำรแยกข้อเท็จจริงออกจำก
ควำมเห็น อคติ โฆษณำ วำระ ซ่อนเร้น ควำมเข้ำใจประเด็นทำงจริยธรรมและทำงกฎหมำย
ที่เกี่ยวข้องกับกำรเข้ำถึงและกำรใช้สื่อ และสำมำรถเลือกใช้เคร่ืองมือในกำรสร้ำงสรรค์สื่อได้อย่ำง
เหมำะสม

3. ควำมรดู้ ้ำนไอซีทีและกำรปลูกฝังจรยิ ธรรมและกำรสร้ำงควำมชอบธรรมเพื่อเสริมสร้ำง
ทักษะและควำมรู้ไอซีทีดังนี้ โดยเข้ำใจแนวคิดและกำรทำงำนพื้นฐำนของเคร่ืองมือดิจิทัล
กำรประยุกต์ใช้เทคโนโลยีในกิจกรรมต่ำงๆ ในชีวิตประจำวัน กำรเลือกใช้เทคโนโลยีได้เหมำะกับ
วัตถุประสงค์ กำรรู้เท่ำทันกำรเปลี่ยนแปลงของเทคโนโลยีและรู้จักวิธีใช้ เพื่อกำรเรียนรู้ตลอดชีวิต
ตลอดจนควำมเข้ำใจประเด็นทำงจริยธรรมและกฎหมำยที่เกีย่ วข้องกบั กำรเข้ำถึงและกำรใชไ้ อซีที

4. ควำมรแู้ ละทักษะอืน่ ๆ ประกอบด้วย ด้ำนกำรสื่อสำรและกำรทำงำนร่วมกับผู้อื่น กำรใช้
ไอซีทีเพือ่ กำรสอ่ื สำรและทำงำนรว่ มกบั ผอู้ ื่นได้อย่ำงมีประสิทธิผลและเหมำะสมกับกำลเทศะ ทักษะ
ควำมคิดสรำ้ งสรรคแ์ ละนวัตกรรม ทกั ษะกำรคิดเชิงวิพำกษ์และกำรแก้ไขปัญหำ ทักษะ ในกำรสร้ำง
เครือขำ่ ย

กำรปฏิวัติทำงเทคโนโลยีสำรสนเทศ กำรเปลี่ยนแปลงทำงด้ำนเศรษฐกิจ สังคม
กำรเมือง และวัฒนธรรมที่ส่งผลให้ผู้เรียนต้องพัฒนำตนเองในทุกๆ ด้ำนอย่ำงเต็มศักยภำพ เพื่อให้
พร้อมกับกำรก้ำวสู่สังคมแห่งกำรเรียนรู้ ซึ่งผู้เรียนจะต้องมีทักษะที่จำเป็นในกำรดำรงชีวิต มีทักษะ
ทำงเทคโนโลยีสำรสนเทศที่ดี เพื่อกำรติดต่อสื่อสำรกับเครือข่ำยที่หลำกหลำยรูปแบบ สำมำรถ
สืบเสำะข้อมูลผ่ำน เครือข่ำยอินเทอร์เน็ตได้อย่ำงมีประสิทธิภำพและสื่อสำรอย่ำงสร้ำงสรรค์ได้เป็น
อย่ำงดี (ประสำท เนืองเฉลิม, 2558) เทคโนโลยีสำรสนเทศที่มีควำมเจริญและได้รับกำรพัฒนำให้
ตำมควำมต้องกำรของก้ำวหน้ำของมนุษย์หรือสังคม คงจะปฏิเสธไม่ได้ว่ำอินเตอร์เน็ตและสื่อ
โซเชียลได้เข้ำมำมีบทบำทต่อสังคมโลก ปัจจุบันเป็นอย่ำงมำก เน่ืองจำกอินเตอร์เน็ตเป็นช่อง
ทำงกำรสื่อสำรที่คนทั่วโลกสำมำรถใช้ในกำรติดต่อสื่อสำร แลกเปลี่ยนข้อมูลข่ำวสำรต่ำงๆ กันได้
โดยง่ำยและรวดเร็วปรำศจำกข้อจำกัด เร่ืองเวลำและสถำนที่ส่งผลให้สังคมโลกก้ำวสู่ยุคแห่ง
โลกำภิวัตน์ที่เสมือนเชื่อมโลกไว้อย่ำงไร้พรมแดน กำรติดต่อสื่อสำรในยุคปัจจุบัน จึงเป็นเร่ืองที่
สะดวกมำกขึน้

209

ความเป็นครูยคุ ปฏิรังสรรค์การศกึ ษา ผูช้ ่วยศาสตราจารย์ ดร. ศรดุ า ชัยสุวรรณ

โดยสำนักงำนกองทุนสนับสนุนและสร้ำงเสริมสุขภำพ (2562) กำหนดว่ำพลเมืองดิจิทัล
ควรมีทักษะที่จำเป็น คือ 1) ทักษะในกำรรักษำอัตลักษณ์ที่ดีของตนเอง (Digital Citizen Identity)
2) ทักษะในกำรรักษำข้อมูลส่วนตัว (Privacy Management) 3) ทักษะในกำรคิดวิเครำะห์มี
วิจำรณญำณที่ดี (Critical Thinking) 4) ทักษะในกำรจัดสรรเวลำหน้ำจอ (Screen Time
Management) 5) ทกั ษะในกำรรับมือกับกำรคุกคำมทำงโลกออนไลน์ (Cyberbullying Management)
6) ทักษะในกำรบริหำรจัดกำรข้อมูล ที่ผู้ใช้งำนมีกำรทิ้งไว้บนโลกออนไลน์ (Digital Footprints)
7) ทักษะในกำรรักษำควำมปลอดภัยของตนเองในโลกออนไลน์ (Cyber security Management) และ
8) ทักษะในกำรใช้เทคโนโลยีอย่ำงมีจริยธรรม (Digital Empathy) ท้ังนี้ ศรุดำ ชัยสุวรรณ และคณะ
(2564) ได้ศึกษำทักษะควำมเป็นพลเมืองดิจิทัลของนักศึกษำสำขำวิชำกำรสอนภำษำจีน คณะกำร
จัดกำรกำรศึกษำเชิงสร้ำงสรรค์ สถำบันกำรจัดกำรปัญญำภิวัฒน์ พบว่ำ ด้ำนที่มีค่ำเฉลี่ยมำกที่สุด
คือ ทักษะในกำรรักษำข้อมูลส่วนตัว รองลงมำคือ ทักษะในกำรรักษำอัตลักษณ์ที่ดีของตนเอง และ
ทักษะในกำรใช้เทคโนโลยีอย่ำงมีจริยธรรม ส่วนด้ำนที่มีค่ำเฉลี่ยน้อยที่สุดคือ ทักษะในกำรจัดสรร
เวลำหนำ้ จอ

สังคมยุคดิจิทัลกับสื่อใหม่ คำที่ได้ยินเสมอควบคู่กับคำว่ำสังคมยุคดิจิทัลก็คือ คำว่ำ “สื่อ
ใหม่” เพรำะมีควำมสัมพันธ์กับรูปแบบกำรดำรงชีวิต พฤติกรรมและกำรเรียนรู้ของเด็กยุคดิจิทัล
นวัตกรรมที่มีควำมหลำกหลำย มีคุณสมบัติท้ังในเชิงเทคนิคในเชิงสังคม และมีคุณสมบัติที่ช่วย
ส่งเสริมให้กำรจัดกำรเรียนรู้ของครูผู้สอนสะดวก ง่ำย รวดเร็ว เนื่องจำกเป็นรูปแบบกำรสื่อสำรสอง
ทำง (Two – Way Communication) มีควำมสำมำรถเคลื่อนที่ได้สูง (Mobility) ทำให้สะดวกต่อ
กำรพกพำไปในที่ต่ำงๆ (Compactable) สำมำรถดัดแปลงเปลี่ยนรูปได้ (Convertibility) สำมำรถ
เชื่อมต่อกันโดยง่ำย (Connectivity) สำมำรถใช้ประโยชน์ได้ในทุกที่ (Ubiquity) มีควำมรวดเร็วใน
กำรสื่อสำร (Speed of Communication) มีลักษณะที่ไร้พรมแดน (Absence of Boundaries) และ
มีควำมเปน็ ดิจิทัล (Digitalization) สื่อใหม่ (New Media) มีควำมสำมำรถ ในกำรปฏิสัมพันธ์กับผู้ใช้ได้
เพื่อใช้ส่งข้อมูลข่ำวสำรไปยังกลุ่มเป้ำหมำยทั้งเฉพำะบุคคลและเครือข่ำยอื่นๆ และเป็นเคร่ืองมือ
สำคัญในกำรเข้ำถึงผู้เรียนในรูปแบบกำรเรียนกำรสอนแบบสมัยใหม่ ช่วยสร้ำงควำมน่ำสนใจให้กับ
บทเรียน สร้ำงเครือข่ำยควำมรู้แลกเปลี่ยนระหว่ำงกัน โดยกำรสื่อสำรต้องอำศัยเทคโนโลยีเข้ำมำ
ช่วย ทำให้กำรสื่อสำรนั้นๆ สำมำรถทำได้สะดวก รวดเร็วและมีประสิทธิภำพมำกขึ้น ชีวิตเด็กยุค
ดิจทิ ลั เดก็ ทีเ่ กิดในช่วงปลำยศตวรรษที่ 20 เป็นต้นมำ (ประสิทธิ์ สน่ันรมั ย์, 2564)

210

ความเป็นครูยคุ ปฏิรงั สรรคก์ ารศกึ ษา ผชู้ ่วยศาสตราจารย์ ดร. ศรดุ า ชัยสุวรรณ

สื่อเทคโนโลยีดิจิทัลที่เข้ำมำมีบทบำทในกำรจัดกำรเรียนรู้ และกำรดำเนินชีวิตของนักศึกษำ
วิชำชีพครู และมีแนวโน้มว่ำอำยุของผู้ใช้สื่อดิจิทัลในอนำคตจะลดลงไปเร่ือยๆ ซึ่งเป็นสถำนกำรณ์ที่
น่ำเป็นห่วง ถ้ำสื่อดิจิทัลเหล่ำนี้ไม่ผ่ำนกำรคัดกรองอย่ำงมีประสิทธิภำพ หรือถ้ำบุคคลที่มีส่วน
เกี่ยวข้องคัดเลือกเทคโนโลยีดิจิทัลในทำงที่ไม่เหมำะสมและขำดกำรจัดกำรที่ดี กำรเป็นพลเมือง
ดิจิทัลที่มีคุณภำพน้ันจำเป็นต้องมีทักษะและควำมรู้ทั้งในเชิงเทคโนโลยีและกำรคิดข้ันสูง จึงต้องมี
กำรวำงแผนกำรพฒั นำและสร้ำงเสริมทักษะควำมเป็นพลเมืองดิจิทัลของครูและผู้เรียนในปัจจุบันให้
ก้ำวทนั สู่ยุคเทคโนโลยีดจิ ทิ ลั ต่อไป

Ng (2012) ได้นำเสนอองค์ประกอบของกำรรู้ดิจิทัลในมิติทำงพุทธิพิสัย (Cognitive
Dimension) เกี่ยวกับควำมรู้ควำมเข้ำใจทำงปัญญำ ควำมสำมำรถคิดกลยุทธ์ใน กำรสืบค้นประเมิน
และสร้ำงวงจรของกำรจดั กำรสำรสนเทศดิจิทัล และยังหมำยถึงควำมสำมำรถในกำรประเมิน เลือก
โปรแกรมซอฟต์แวร์ที่เหมำะสมกับกำรเรียนรู้หรือกำรทำงำนที่เฉพำะเจำะจง ในมิตินี้ต้องกำรให้
ผใู้ ช้งำนเปน็ ผู้ทีม่ คี วำมรเู้ กี่ยวกบั จรยิ ธรรม คุณธรรม และประเด็นทำงกฎหมำยที่เกี่ยวข้องกับกำรซื้อ
ขำยออนไลน์ กำรคัดลอกสำรสนเทศดิจิทัล และมิติทำงสังคมและอำรมณ์ (Socio-Emotional
Dimension) ว่ำเป็นกำรรู้ดิจิทัล และพื้นที่ตัดระหว่ำงมิติทำงสังคมและอำรมณ์และมิติทำงพุทธิพิสัย
เกีย่ วข้องกับควำมสำมำรถในกำรใช้อินเทอร์เน็ตอย่ำงมีควำมรับผิดชอบต่อกำรสื่อสำรกำรเข้ำสังคม
และกำรเรียนรดู้ งั น้ี

1. มีมำรยำทอินเทอร์เน็ต (Netiquette) ผำ่ นแอปพลิเคชนั มีกฎที่คล้ำยกันกับกำรสื่อสำรกัน
แบบเห็นหน้ำ เช่น กำรเคำรพ และกำรใช้ภำษำที่เหมำะสม และคำพูดที่จะหลีกเลี่ยงกำรตีควำมผิด
และควำมเข้ำใจผดิ

2. กำรปกป้องควำมปลอดภัยของบุคคลและควำมเป็นส่วนตัว โดยกำรเก็บรักษำข้อมูล
ส่วนตวั และไม่เปิดเผยข้อมูลใดๆ เกินควำมจำเปน็

3. กำรรบั รู้เม่อื บุคคลกำลังถูกคุกคำม และรู้วธิ ีกำรจดั กำรภัยน้ัน

ความฉลาดรู้ของครูในยคุ ดิจทิ ลั

จำกกำรใช้เทคโนโลยีดิจิทัลรองรับกำรทำธุรกรรมทำงอิเล็กทรอนิกส์ ส่งผลให้รูปแบบ
กำรก่ออำชญำกรรมในยุคดิจิทัลเปลี่ยนแปลงไปจำกเดิม ทั้งวิธีกำร ควำมซับซ้อนของ กำรกระทำ
ควำมผิด กำรศึกษำของ World Economic Forum พบว่ำ ในปี 2025 อำชญำกรที่แสวงหำประโยชน์
ทำงไซเบอร์ในภูมิภำคอำเซียนจะมีมูลค่ำสูงถึง 8 พันล้ำนบำท ซึ่งปัจจุบันจำกข้อมูลตำรวจสำกล
และสำนักงำนว่ำด้วยยำเสพติดและอำชญำกรรมแห่งสหประชำชำติ (United Nations Office on

211

ความเปน็ ครูยคุ ปฏิรังสรรคก์ ารศกึ ษา ผู้ชว่ ยศาสตราจารย์ ดร. ศรดุ า ชยั สวุ รรณ

Drugs and Crime – UNODC) ระบุว่ำ ในปี พ.ศ. 2563 อำชญำกรรมทำงไซเบอร์เพิ่มสูงขึ้นถึง 3 เท่ำ
และมีควำมยำกในกำรบังคับใช้กฎหมำย กำรสืบสวนสอบสวน รวบรวมหลักฐำน กำรพิสูจน์
พยำนหลักฐำนทำงอิเล็กทรอนิกส์ เพื่อติดตำมผู้กระทำควำมผิดบนโลกออนไลน์ โดยกรณีของไทย
ในช่วงกำรระบำดของไวรัสโคโรน่ำ 2019 (COVID-19) พบว่ำ มีกำรก่ออำชญำกรรมผ่ำนเทคโนโลยี
เพิ่มมำกขึ้น อำทิ แอปพลิเคชัน (Application) กู้เงินนอกระบบหรือสินเชื่อเงินสดออนไลน์ และ
กำรหลอกลวงให้ลงทุนใน Cryptocurrency หรือ “บิตคอยน์” ศึกษำข้อมูลรอบด้ำน ขณะเดียวกันทุก
ภำคส่วนต้องสร้ำงเสริมควำมรู้ควำมเข้ำใจกำรใช้เทคโนโลยีอย่ำงปลอดภัยรู้เท่ำทันกำรหลอกลวง
ทำงออนไลน์ มีกำรกำกับดูแลโครงสรำ้ งพ้ืนฐำนระบบกำรเงนิ และกำรออกกฎหมำยเพื่อปูองกันไม่ให้
เกิดกำรละเมิดข้อมูลส่วนบุคคลและข้อมูลทำงกำรเงิน (กองพัฒนำข้อมูลและตัวชี้วัดสังคม
สำนักงำนสภำพัฒนำกำรเศรษฐกิจและสังคมแห่งชำติ, 2564) ควำมเปรำะบำงและอ่อนไหวใน
กำรเข้ำถึงสื่อดิจิทัล ท้ังที่ไม่เหมำะสม และมีแนวโน้มทวีควำมรุนแรงมำกขึ้นในทุกขณะ ส่งผลให้
ประเทศไทยอำจต้องหันกลับมำมองมิติ ในเชิงสังคมให้รอบด้ำนมำกขึ้นต่อกำรพัฒนำพลเมืองในยุค
ดิจทิ ลั ใหช้ ัดเจนยิ่งข้ึน อันนำไปสู่กำรกำหนดยทุ ธศำสตร์พฒั นำของประเทศไทยให้เกิดควำมตระหนัก
รู้เกี่ยวกับภัยของโลกออนไลน์ เพื่อนำไปสู่กำรเตรียมควำมพร้อมและกำหนดมำตรกำรสำคัญใน
กำรสร้ำงควำมมั่นคง และเสริมสร้ำงศักยภำพกำรเรียนรู้ทำงด้ำนดิจิทัลให้มีควำมพร้อมทั้งด้ำน
ร่ำงกำยและจิตใจ สำมำรถเข้ำใจหรือเสี่ยงทำในสิ่งที่ไม่ก่อให้เกิดผลเชิงลบต่อตนเองในโลกออนไลน์
รวมถึงกำรสง่ เสริมควำมฉลำดทำงดิจทิ ัลควบคู่กนั ไปด้วย (อติพร เกิดเรอื ง, 2563)

ควำมฉลำดรู้เร่ืองดิจิทัลเป็นศัพท์บัญญัติของคำว่ำ Digital literacy (Office of the Royal
Society, 2019: 27-29) ซึ่งคำภำษำอังกฤษเริ่มใช้ในช่วงทศวรรษ 1990 โดยเน้นสำรสนเทศใน
รูปแบบมัลติมีเดียและไฮเปอร์เท็กซ์ (Bawden, 2001) หนังสือเร่ือง Digital literacy เขียนโดย Paul
Gilster (Gilster, 1997) ซึ่งได้รับกำรอ้ำงอิงต่อๆ มำ อธิบำยแนวคิดในภำพกว้ำงว่ำคือ ควำมเข้ำใจ
และกำรใช้สำรสนเทศจำกแหล่งดิจิทัลที่หลำกหลำย เป็นควำมฉลำดรู้ที่จำเป็นในยุคดิจิทัล
นอกจำกนี้ยังพบว่ำคำว่ำ ควำมฉลำดรู้เร่ืองดิจิทัลปรำกฎในขณะที่คำว่ำควำมฉลำดรู้เร่ือง
สำรสนเทศ ควำมฉลำดรู้เร่ืองคอมพิวเตอร์ และควำมฉลำดรู้ทำงกำรใช้สื่อเป็นที่รู้จักและโดดเด่น
(Nichols & Stornaiuolo, 2019) โดยควำมฉลำดรู้เร่ืองดิจิทัลได้รับควำมสนใจ เม่ืออินเทอร์เน็ต
และเว็บเข้ำมำมีบทบำทในสังคม ในบริบทของประเทศไทย มีกำรแปลคำไว้หลำกหลำย เช่น กำรรู้
ดิจิทัล กำรเข้ำใจดิจิทัล ทักษะดิจิทัล ควำมสำมำรถทำงดิจิทัล ควำมสำมำรถด้ำนกำรใช้ดิจิทัล
สมรรถนะด้ำนกำรใช้ดิจิทัล ควำมฉลำดรู้ทำงไอซีทีหรืออื่นๆ ควำมฉลำดรู้เร่ืองดิจิทัลเป็นนโยบำย
ระดับชำติ สอดคล้องกบั กำรขับเคลือ่ นประเทศตำมแนวทำง “ไทยแลนด์ 4.0” และแผนพัฒนำดิจทิ ัล

212

ความเปน็ ครูยุคปฏิรังสรรค์การศกึ ษา ผชู้ ่วยศาสตราจารย์ ดร. ศรดุ า ชยั สวุ รรณ

เพื่อเศรษฐกิจและสังคม กำรให้ควำมสำคัญในกำรพัฒนำสมรรถนะและกำลังคนด้ำนดิจิทัลมี
กำรดำเนินกำรอย่ำงเป็นทำงกำร (ชุติมำ สัจจำนันท์, 2563) ประชำชนส่วนใหญ่ยังคงเน้นกำรใช้
เทคโนโลยีดจิ ทิ ลั เพือ่ ควำมสนุกสนำน บันเทิง โดยไม่ได้นำเทคโนโลยีไปก่อให้เกิดประโยชน์เท่ำที่ควร
และยังต้องมีกำรพัฒนำทักษะดิจิทัลที่จำเป็นสำหรับสังคมใหม่ที่รวมถึงกำรคิด วิเครำะห์ แยกแยะ
สือ่ ตำ่ งๆ และกำรใชเ้ ทคโนโลยีอย่ำงมีควำมรบั ผดิ ชอบต่อสังคมดว้ ย (กระทรวงเทคโนโลยีสำรสนเทศ
และกำรสอ่ื สำร, 2559)

กำรสร้ำงควำมเข้ำใจเกี่ยวกับสิทธิและควำมรับผิดชอบทำงดิจิทัล รวมทั้งควำมปลอดภัย
และควำมมั่นคงทำงดิจิทัล นอกจำกนี้กำรที่ท้ังสองกลุ่มเห็นว่ำมีปัญหำในระดับมำกทุกด้ำนน้ันอำจ
สะท้อนถึงควำมใส่ใจในเรื่องดังกล่ำว ในแง่มุมหนึ่งแสดงถึงควำมตระหนักถึงควำมสำคัญ (Sense of
Awareness) ของกำรเป็นพลเมืองดิจิทัล ซึ่งสอดคล้องกับนโยบำย Digital Thailand ของรัฐในอีก
แง่มุมหนึ่งกำรที่ผู้เรียนเห็นว่ำตนยังมีทักษะในด้ำนนี้ไม่เพียงพอและยังมีปัญหำด้ำนกำรเป็นพลเมือง
ดิจทิ ัลในหลำยด้ำน สถำนศกึ ษำจงึ ควรทบทวนนโยบำยและกำรปรับหลักสูตรกำรเรียน กำรสอนใน
ด้ำนนี้ ส่วนภำครฐั ควรมีกำรทบทวนมำตรกำรต่ำงๆ ดำเนินกำรสร้ำงควำมเข้ำใจและควำมตระหนัก
ให้ผู้เรียนและประชำชนอย่ำงต่อเน่ือง รวมท้ังเร่งสร้ำงควำมรู้สึกถึงควำมเร่งด่วน (Sense of
Urgency) ในกำรปรับตัวที่จะปฏิบัติตำมนโยบำยของภำครัฐได้อย่ำงเต็มที่ เพื่อให้ยุทธศำสตร์กำร
พัฒนำกำลังคนให้พร้อมเข้ำสู่ยุคเศรษฐกิจและสังคมดิจิทัลบรรลุเป้ำหมำย พัฒนำกำรทำงด้ำน
ดิจทิ ัล ทำให้เรำใช้ประโยชน์จำกสองสถำนะ สถำนะทำงกำยภำพกับสถำนะทำงโลกไซเบอร์ สถำนะ
ในโลกกำยภำพเป็นชีวิตที่ใกล้กัน แบบเชิงวัตถุ เห็นซึ่งกัน (Face to Face) เป็นสังคมอยู่รวมกัน แต่
เมื่อมีเทคโนโลยีดิจทิ ลั ก็สร้ำงนเิ วศดิจทิ ลั ใหม่ เปลี่ยนวัตถกุ ำยภำพใหก้ ลำยเป็นวตั ถุดิจิทัล ลองนึกถึง
หนังสือในห้องสมุด กระดำษ ดินสอ ยำงลบ วงเวียน ไม้บรรทัด กระดำษกรำฟ อุปกรณ์กำรเรียน
กำรสอน เปลีย่ นจำกของที่มตี ัวตน ไปเป็นกำรใช้ในไซเบอร์ด้วยวัตถุดิจิทัล เด็กรุ่นใหม่ เริ่มคุ้นชินกับ
กำรเขียนอ่ำนดิจิทัล มีทรัพยำกรกำรศึกษำแบบเปิด (Open Education Resource) เป็นแหล่งเรียนรู้
บนคลำวด์ เช่น คลิปยูทูบ รูปภำพบนเว็บ บทควำมจำกวิกิพีเดีย ค้นหำข้อมูลจำกกูเกิล นำบทเรียน
กำรศึกษำแบบเปิดมำเรียนรู้ได้มำกมำยเข้ำถึงแหล่งเรียนรู้ได้ทุกที่ ทุกเวลำ เขียน อ่ำน แบบดิจิทัล
กำรเรียนรจู้ งึ ตอ้ งเปลี่ยนวิธีกำรไปจำกแบบเดิมทีเ่ น้นแตท่ ำงกำยภำพมำร่วมกับทำงไซเบอร์

กำรเตรียมควำมพร้อมให้บุคลำกรทุกกลุ่มมีควำมรู้และทักษะที่เหมำะสมต่อกำรดำเนิน
ชีวิตและกำรประกอบอำชีพในยุคดิจิทัล เพื่อให้ประเทศไทยมีกำลังคนด้ำนดิจิทัลที่มีควำมรู้
ควำมสำมำรถ และควำมเชี่ยวชำญ ระดับมำตรฐำนสำกลและกำลังคนในประเทศมีควำมรอบรู้
และสำมำรถใช้เทคโนโลยีดิจทิ ัลเปน็ เครื่องมอื ในกำรปฏิบตั ิและสร้ำงสรรคผ์ ลงำน และให้ประชำชน

213

ความเป็นครูยคุ ปฏิรงั สรรคก์ ารศกึ ษา ผชู้ ว่ ยศาสตราจารย์ ดร. ศรดุ า ชัยสุวรรณ

มีควำมสำมำรถในกำรพัฒนำและใช้สำรสนเทศอย่ำงมีประสิทธิภำพ มีควำมตระหนัก ควำมรู้ ควำม
เข้ำใจ มีทกั ษะกำรใชเ้ ทคโนโลยีดจิ ทิ ลั ใหเ้ กิดประโยชน์และสรำ้ งสรรค์ หรอื ที่เรยี กกันว่ำ “ควำมฉลำด
รู้ทำงดิจทิ ลั (Digital literacy)” (ชนิตำ รกั ษ์พลเมือง, 2562)

ยุทธศำสตร์ที่ 3 ในแผนกำรศึกษำแห่งชำติ พ.ศ. 2560-2579 (สำนักงำนเลขำธิกำรสภำ
กำรศึกษำ, 2560 ก.) ที่มุ่งเน้นให้ผู้เรียนมีคุณลักษณะและทักษะกำรเรียนรู้ในศตวรรษที่ 21 เพิ่มขึ้น
มีกำรจัดกิจกรรม/ กระบวนกำรเรียนรู้ตำมหลักสูตรอย่ำงมีคุณภำพและมำตรฐำนมีแหล่งเรียนรู้
ตำรำ นวัตกรรม และสื่อกำรเรียนรู้ที่สำมำรถเข้ำถึงได้ไม่จำกัดเวลำและสถำนที่ มีระบบและกลไก
กำรวัดและประเมินผลที่มีประสิทธิภำพ จึงส่งผลให้ครูในยุคดิจิทัลต้องปรับตัวให้ทันต่อ
กำรเปลี่ยนแปลง อีกท้ังยังต้องนำประโยชน์ของเทคโนโลยีต่ำงๆ มำใช้ในกำรจัดกำรเรียนกำรสอน
รวมถึงกำรทำงำนในวิชำชีพครูในด้ำนต่ำงๆ เพื่อปฏิบัติหน้ำที่ของควำมเป็นครูได้อย่ำงสมบูรณ์แบบ
ที่สุด (Karaca, Can, & Yildirim, 2013) แต่ที่สำคัญคือ มิติของคน กำรพัฒนำคนให้มีควำมฉลำดรู้
ที่จำเป็นสำหรับกำรเรียนรู้และกำรดำรงชีวิตในสภำพแวดล้อมดิจิทัล สำมำรถก้ำวทัน
กำรเปลี่ยนแปลงในสภำพแวดล้อมกำรเรียนรู้ใหม่ที่เกิดจำกเทคโนโลยีที่เปลี่ยนโลก (Disruptive
Technologies) ซึ่งส่งผลกระทบอย่ำงรุนแรงและตอ่ เนื่องในโลกเสมือนจริง

ธีระ รุญเจริญ (2562 ข.) ได้กล่ำวว่ำ บทบำทของผู้ที่เกี่ยวข้องไม่ว่ำจะเป็นนักเรียน
นักศึกษำ ครู คณำจำรย์ ผู้บริหำร สถำนศึกษำ ผู้นำท้องถิ่น พ่อแม่ ผู้ปกครอง ฯลฯ จำต้อง
ปรับเปลี่ยนจำกเดิม จึงจะทำให้กำรศึกษำก้ำวหน้ำ เปลี่ยนไปทันยุคและเทคโนโลยีโดยเฉพำะสื่อ
กิจกรรม Digital Technology ซึ่งทุกคน ทุกบทบำท จำเป็นต้องใช้ เพื่อนำไปสู่ Smart Students,
Smart Classroom, Smart School และทุกคนจะมี Digital เป็นคำนำหน้ำลักษณะ Digital Teachers,
Digital Administrator, Digital Parents, Digital Leaders เป็นต้น ดังน้ัน กำรศึกษำจะเน้นควำมเป็น
เฉพำะตัว (Personalized) มำกขึ้นและกลับด้ำน (Flipped) แทบทุกอย่ำง กำรจัดกำรศึกษำเรียนรู้
จะต้องปรบั เปลีย่ นให้เข้ำลักษณะหลำยอย่ำง เชน่

1. อำศัยกำรบูรณำกำรศำสตร์ สำขำวิชำต่ำง ๆ สมรรถนะในกำรสร้ำงนวัตกรรมใหม่ๆ ใช้
Digital Technology กำรศึกษำเรียนรู้ โดยกำรพึ่งตนเอง และมีคุณลักษณะ ทักษะและควำมรู้เชิงที่
เอือ้ ต่อ Digital

2. ทุกคนจำต้องมีลักษณะที่ยอมรับกำรเปลี่ยนแปลง (Dynamic) ยืดหยุ่น (Flexible)
สร้ำงสรรค์ (Creative) บูรณำกำร (Integrated) ปรับควำมเหมำะสม สอดคล้องกับตนเอง (Tailor –
Mead) มีสมรรถนะในกำรมองภำพอนำคต (Visional) มีควำมฉลำด มีทักษะ (Digital)

3. ทุกคนต้องรกั กำรเรียนรู้และแสวงหำวิธีเรียนรู้ใหมๆ่

214

ความเปน็ ครูยคุ ปฏิรงั สรรคก์ ารศกึ ษา ผ้ชู ่วยศาสตราจารย์ ดร. ศรดุ า ชัยสวุ รรณ

บทสรปุ

ครูเป็นผู้ที่มีควำมสำคัญอย่ำงในกำรพัฒนำนักเรียนในทุกด้ำน ซึ่งครูจะต้องมีควำมรู้
ควำมสำมำรถ และจัดกำรเรียนกำรสอนให้ประสบควำมสำเร็จได้นั้น จำเป็นต้องมีทิศทำงใน
กำรปฏิบัติเพื่อให้บรรลุเป้ำหมำยของโรงเรียน น่ันคือ วิสัยทัศน์ แรงบัลดำลใจสนับสนุนให้เกิด
ควำมคิดสร้ำงสรรค์และกำรสนับสนุน ท้ังภำยในและภำยนอกโรงเรียนในควำมต้องกำรพัฒนำ
โรงเรียนอย่ำงต่อเนื่อง กำรสร้ำงควำมเข้ำใจเกี่ยวกับสิทธิและควำมรับผิดชอบทำงดิจิทัล รวมทั้ง
ควำมปลอดภัยและควำมมั่นคงทำงดิจิทัล แสดงถึงควำมตระหนักถึงควำมสำคัญ (Sense of
Awareness) ของกำรเป็นพลเมืองดิจิทัล ปรับหลักสูตรกำรเรียนกำรสอน เพื่อสร้ำงควำมเข้ำใจและ
ควำมตระหนักให้ผู้เรียน และประชำชนอย่ำงต่อเน่ือง รวมทั้งเร่งสร้ำงควำมรู้สึกถึงควำมเร่งด่วน
(Sense of Urgency) ในกำรปรับตัวที่จะปฏิบัติตำมนโยบำยของภำครัฐได้อย่ำงเต็มที่ เพื่อให้
ยทุ ธศำสตรก์ ำรพฒั นำกำลังคนให้พรอ้ มเข้ำสู่ยุคเศรษฐกิจ และสังคมดิจิทัลบรรลุเป้ำหมำย สำมำรถ
ออกแบบกำรจัดกำรเรียนรู้วิถีใหม่ โดยนำประโยชน์ของเทคโนโลยีต่ำงๆ มำใช้ในกำรจัดกำรเรียน
กำรสอน ดังน้ันจึงต้องพัฒนำคนให้มีควำมฉลำดรู้ดิจิทัล ในสภำพแวดล้อมกำรเรียนรู้ใหม่ที่เกิดจำก
เทคโนโลยีที่เปลี่ยนโลก ซึ่งส่งผลกระทบอย่ำงรุนแรงและต่อเน่ืองในโลกเสมือนจริง สื่อเทคโนโลยี
ดิจิทัลที่เข้ำมำมีบทบำทในกำรจัดกำรเรียนรู้และกำรดำเนินชีวิต แนวโน้มของผู้ใช้สื่อดิจิทัลมีอำยุ
ลดลงไปเรื่อยๆ เพื่อนำไปสู่กำรเตรียมควำมพร้อมและเสริมสร้ำงศักยภำพกำรเรียนรู้ทำงด้ำนดิจิทัล
จงึ ตอ้ งมกี ำรวำงแผน กำรพฒั นำและสร้ำงเสริมทกั ษะควำมเป็นพลเมืองดิจิทัลของครูและผู้เรียน ใน
ปัจจุบนั ให้ก้ำวทนั สู่ยคุ เทคโนโลยีดจิ ทิ ัลต่อไป

ความฉลาดรทู้ างดิจทิ ลั

ความสามารถทางการรับรู้ อารมณ์และสังคมที่จะทาให้บุคคลนั้นสามารถ
เผชิญกับความท้าทายบนเส้นทางของวิถีชีวิตในโลกดิจิทัล และสามารถนาความรู้
ทักษะ ทัศนคติ ในการปรับตัวให้เข้ากับวิถีชีวิตในโลกออนไลน์ได้ ตลอดจน
ครอบคลุมถึงค่านิยมที่จาเป็นต่อการใช้ชีวิตในฐานะสมาชิกของโลกออนไลน์ กล่าว
อีกนัยหนึ่งคือ ทักษะการใช้สื่อ การรู้เท่าทันต่อข้อมูลข่าวสาร การพึงระวังในข้อมูล
ทีเ่ ปน็ เท็จ และการบริหารตนเองตอ่ การเข้าสังคมในโลกออนไลน์

215

ความเป็นครูยคุ ปฏิรงั สรรค์การศกึ ษา ผู้ชว่ ยศาสตราจารย์ ดร. ศรดุ า ชยั สุวรรณ

บทที่ 7

ปัจฉิมบท :
ครยู ุคปฏริ ังสรรค์การศกึ ษา

216

ความเปน็ ครูยคุ ปฏิรงั สรรคก์ ารศกึ ษา ผชู้ ่วยศาสตราจารย์ ดร. ศรดุ า ชยั สวุ รรณ

217

ความเปน็ ครูยคุ ปฏิรงั สรรค์การศกึ ษา ผ้ชู ว่ ยศาสตราจารย์ ดร. ศรดุ า ชยั สุวรรณ

บทที่ 7
ปจั ฉมิ บท : ครยู ุคปฏริ งั สรรคก์ ารศึกษา

กำรจัดกำรศึกษำในสภำวกำรณ์ที่โลกเกิดควำมพลิกผัน และ ท่ำมกลำงกระแส
กำรเปลี่ยนแปลงของเทคโนโลยีที่มีควำมก้ำวหน้ำมำกขึ้น ส่งผลให้ในช่วงเวลำที่ผ่ำนมำเกิด
กำรเปลีย่ นแปลงในทุกด้ำน อีกทั้งโลกเกิดสถำนกำรณ์กำรแพร่ระบำดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนำ
2019 (COVID-19) ส่งผลใหผ้ ปู้ ระกอบวิชำชีพครแู ละผเู้ รียนก้ำวเข้ำสชู่ ีวติ วิถีใหม่ (New Normal) เพื่อ
ปรับตัวให้เท่ำทันกำรเปลี่ยนแปลงไปสู่ยุคดิจิทัลเป็นกำรศึกษำยุคที่จัดกำร กำรเรียนรู้ให้เกิด กำร
พัฒนำทักษะของเด็กไทยให้มีศักยภำพสูงพอในกำรดำรงชีวิตในโลกดิจิทัล รวมถึงกำรเตรียมควำม
พร้อมในกำรพัฒนำบุคลำกรให้มีควำมสำมำรถ มีศักยภำพและยกระดับคุณภำพของบุคลำกร
ในหน่วยงำนท้ังภำครัฐและเอกชนให้ทันต่อกำรเปลี่ยนแปลงของเทคโนโลยีในยุคดิจิทัลได้อย่ำง
มีคุณภำพ ตำมนโยบำยของรัฐบำลที่นำประเทศไปสู่กำรพัฒนำทักษะในศตวรรษที่ 21 ครูจะต้องเป็น
ผมู้ ีวสิ ยั ทัศนแ์ ลกเปลีย่ นควำมคิดเหน็ กับผเู้ รียน เน้นให้เด็กเกิดกำรเรียนรู้ โดยกำรส่งเสริมกำรเรียนรู้
แบบผู้เรียนเป็นสำคัญ เพื่อให้ผู้เรียนตกผลึกทำงควำมคิดได้ด้วยตัวเอง และมีโอกำสแลกเปลี่ยน
ควำมคิดเห็นระหว่ำงกัน ในบทสุดท้ำยนี้ผู้เขียนขอนำเสนอในประเด็นของปรำกฏกำรณ์ของโลก
ที่เปลี่ยนแปลง ปรำกฏกำรณ์ของผู้เรียนที่เปลี่ยนแปลง ปรำกฏกำรณ์ของครูที่ต้องเปลี่ยนแปลง ครู
ยุคปฏิรังสรรค์กำรศึกษำ เพื่อเป็นบทสรุปของตำรำเล่มนี้ ทั้งนี้เพื่อให้เป็นแนวคิดสำหรับผู้ประกอบ
วิชำชีพครู ผบู้ ริหำรสถำนศกึ ษำและผบู้ ริหำรกำรศึกษำในกำรนำมำจดั กำรศึกษำต่อไปในอนำคต

ปรากฏการณข์ องโลกทีเ่ ปลีย่ นแปลง

จำกที่กล่ำวมำแล้วในบทแรกว่ำ เม่ือเกิดกำรเปลี่ยนแปลงโลกหลังยุคใหม่ (Post-
Modernization) ทุกประเทศต่ำงพยำยำมสร้ำงกระบวนทัศน์ใหม่ในทุกๆ ด้ำน ไม่ว่ำจะเป็นด้ำน
กำรเมืองกำรปกครอง ด้ำนเศรษฐกิจ ด้ำนสังคม โดยเฉพำะด้ำนกำรศึกษำเนื่องจำกกำรจัด
กำรศกึ ษำในยุคนีม้ ีกำรเปลี่ยนแปลงและควำมซบั ซ้อนอย่ำงมำกมำย

ธงชยั สมบูรณ์ (2560) ได้กล่ำวถึงลักษณะของสังคมโลกยุคใหม่ไว้ดงั นี้
1. เป็นสังคมที่ไร้ขีดจำกัดของข้อมูลข่ำวสำร (Unlimited Information Society) เป็นยุคที่มี
กำรเปลีย่ นผำ่ นและมีกำรแลกเปลี่ยนข้อมลู ระหว่ำงกลุ่มคน องค์กรมำกยิง่ ขนึ้ กำรเข้ำถึงขอ้ มูล

218

ความเป็นครูยคุ ปฏิรงั สรรค์การศกึ ษา ผ้ชู ว่ ยศาสตราจารย์ ดร. ศรดุ า ชยั สวุ รรณ

ข่ำวสำรตลอดจนสำรสนเทศมีควำมสะดวกสบำยมำกยิ่งขึ้น และที่สำคัญกำรไร้ขีดจำกัดของข้อมูล
เหล่ำนสี้ ำมำรถนำมำเป็นข้อมูลพืน้ ฐำนในกำรพฒั นำประเทศได้เปน็ อย่ำงดี

2. เป็นสังคมฐำนกำรเรียนรู้ (Learning-Based Society) โลกหลังยุคใหม่ถือว่ำเป็นยุคที่มี
กำรขับเคลื่อนด้วยสื่อทำงเทคโนโลยีและนวัตกรรมทำงด้ำนควำมรู้ต่ำงๆ (Innovative Knowledge)
ผคู้ นในยคุ นี้มกี ำรได้อิงแอบและสมั ผสั กบั ข้อมูลมำกมำยยิ่งขึ้น และเป็นผลที่ทำให้ผู้คนสำมำรถนำมำ
พิจำรณำประกอบกำรตัดสินใจในกำรดำเนินงำนต่ำงๆ ได้ดียิ่งขึ้น อนึ่งลักษณะของสังคมยุคนี้จะ
นำมำซึ่งควำมเปลี่ยนแปลงแบบฉับไว จนบำงครั้งทำให้เกิดสภำพสังคมที่ตื่นตระหนก (Awaken
Society) ได้

3. เป็นสังคมแบบย่อส่วน (Condensed Society) ด้วยควำมเป็นโลกำภิวัตน์อริยะ อิทธิพล
ของกำรส่อื สำรที่ก้ำวไกลทั้งระบบดำวเทียม ระบบดิจทิ ลั และระบบอื่นๆ อีก ทำให้โลกมีสภำพที่แคบ
ลง กำรไหล่บ่ำและกำรผสมรวมของวัฒนธรรมเป็นไปอย่ำงรวดเร็วและกลมกลืน นอกจำกนี้
กำรไหลบ่ำของข้อมูลข่ำวสำรมีช่องทำงหลำกหลำยยิ่งขึ้น มีลักษณะท่ัวถึงกันอย่ำงไร้ทิศทำง ส่งผล
ให้เกิดกำรเชื่อมโยง (Interconnectedness) ประเทศต่ำงๆ ในโลกมีควำมใกล้ชิดกันมำกกว่ำสังคมใน
ยุคที่ผ่ำนมำ เช่น มีผลิตภัณฑ์ (Products) ที่สำมำรถส่งถึงกันและสำมำรถใช้ได้ในเวลำเดียวกัน มี
ควำมรวดเร็วในกำรขนส่งที่สะดวกสบำย ในทำงตรงกันข้ำม สิ่งที่น่ำเป็นห่วงของสังคมยุคนี้ประกำร
หนง่ึ คอื ผลกระทบของสง่ิ แวดล้อมอย่ำงหนึ่งสำมำรถส่งถึงกนั ได้อย่ำงรวดเรว็ เช่นกัน

ในปัจจุบันอยู่ในยุคของควำมเกี่ยวโยงซึ่งกันและกัน (Connection World) เพรำะฉะน้ัน
กำรเปลีย่ นแปลงของโลกในด้ำนใดด้ำนหนง่ึ ที่ใดที่หนึ่ง เหตุใดเหตุหนึ่งจึงกระทบมำถึงกำรศึกษำของ
ไทยอย่ำงชดั เจน โลกเกิดกำรเปลีย่ นแปลงไปในประเด็นสำคัญต่อไปนี้ (ไพฑูรย์ สินลำรตั น์, 2563)

1. โลกดิจิทัลและโลกปจั เจกบุคคล
ลักษณะของ Digitalization และ Individualization นี้ มีควำมสัมพันธ์กันมำก คือ กำรเข้ำ

สู่โลกของเทคโนโลยีที่มีควำมรวดเร็วของยุค Digital จะทำให้เกิดเคร่ืองมือ อุปกรณ์ เคร่ืองใช้
เทคโนโลยีต่ำงๆ ที่จะนำไปสู่กำรใช้ชีวิตที่ไม่ต้องพึ่งใครทำให้คนต่ำงคนต่ำงอยู่ได้ด้วยตนเอง ผลต่อ
กำรศกึ ษำทีช่ ัดเจนก็คือ

1.1 มีแหล่งควำมรู้และเกิดควำมรใู้ หม่ๆ เกิดขึน้ มำก
1.2 เด็กเรียนตำมควำมถนัดและควำมสนใจของตนเอง
1.3 เดก็ เลือกเรียนทีเ่ นือ้ หำและวิธีกำรทีต่ นเองถนัด
1.4 มีรปู แบบกำรเรียนเฉพำะตัว เรยี นกนั เอง
1.5 เครื่องมือทีใ่ ห้เดก็ เรียนได้ด้วยตนเองมีมำกและมีใหมๆ่ ขึน้

219

ความเปน็ ครูยคุ ปฏิรังสรรคก์ ารศกึ ษา ผู้ชว่ ยศาสตราจารย์ ดร. ศรดุ า ชัยสุวรรณ

1.6 ควำมเปน็ อยู่และควำมคิดของคนรุ่นใหม่ๆ ไม่ฟงั ใครทำตำมทีต่ ัวเองสนใจ
1.7 เป็น Personalized Education
1.8 ครแู ละโรงเรียนไม่มีควำมจำเป็น
2. โลกการค้าและโลกโลกาภิวตั น์
กำรค้ำและโลกำภวิ ตั น์ เปน็ แนวคิดคู่กันและส่งผลซึ่งกันและกันอย่ำงมำก เป้ำหมำยของ
โลกำภิวัตน์ที่สำคัญก็คือ กำรท้ำทำยและค้ำขำยเทคโนโลยีเป็นหลักใหญ่ ซึ่งจะส่งผลต่อกำรศึกษำ
คือ
2.1 กำรศกึ ษำถกู ธุรกิจครอบงำมำกขึ้น
2.2 เรียนแล้วตอ้ งใชป้ ระโยชนไ์ ด้ไม่เรยี นเพียงแค่รู้เท่ำนั้น
2.3 เลือกเรียนกำรศึกษำทีเ่ ป็นกำรลงทนุ ได้
2.4 กำรลงทนุ ทำงกำรศกึ ษำมีลักษณะเป็นนำนำชำติมำกขนึ้
2.5 ควำมคิดเร่อื งพลเมืองโลก (Global Citizenship) มีมำกขึ้น
2.6 บทบำทของจีนจะเป็นตัวนำใน Globalization ยคุ ใหม่ชดั เจนขึ้น
2.7 เดก็ และคนในสังคมจะต้องรู้จกั ชวี ิตแบบใหม่ๆ ธรุ กิจแบบใหม่ กำรค้ำใหม่อย่ำงดพี อ
3. โลกความเป็นเมืองและโลกความไม่แน่นอน
อนำคตของโลกใน 30-50 ปี ข้ำงหน้ำมีลักษณะควำมเป็นเมือง (Urbanization) ชีวิตคน
ในเมืองยุคใหม่ จะพบกับควำมเปลี่ยนแปลงและควำมไม่แน่นอนสูงซึ่งเป็นโลกของ VUCA World
(V = Volatility U = Uncertainly C = Complexity A = Ambiguity) และมีผลต่อสำขำวิชำต่ำงๆ อย่ำง
มำก ซึง่ จะมีผลต่อคนในเมือง คือ
3.1 อำชีพใหม่ๆ เกิดขึน้ มำก
3.2 แหลง่ ควำมรู้หลำกหลำย เรยี นได้ตลอดเวลำ ไม่ต้องพึ่งโรงเรยี น
3.3 กำรบริหำรกำรศกึ ษำยำกขึ้น เพรำะไม่รู้อนำคตที่แน่นอน
3.4 หลกั กำรบริหำรและผบู้ ริหำรรนุ่ ใหม่ต้องเป็นคนใหมแ่ ละฉลำดรู้ในหลำยเรอ่ื ง
3.5 ทำงำนอย่ำงเคร่งครัด เร่งรีบ และคล่องแคล่ว
3.6 พร้อมรับกำรเปลีย่ นแปลง

220

ความเป็นครูยคุ ปฏิรังสรรค์การศกึ ษา ผชู้ ่วยศาสตราจารย์ ดร. ศรดุ า ชัยสวุ รรณ

ปรากฏการณ์ของผูเ้ รียนทเ่ี ปลีย่ นแปลง

โลกในปัจจุบันหมุนเร็วขึ้นกว่ำเดิมท้ังในเร่ืองของข้อมูล ข่ำวสำรต่ำงๆ ที่หลั่งไหลเข้ำมำให้
บุคคลได้รับรู้เรียนรู้อย่ำงมำกมำยในทุกๆ วินำที ควำมสะดวกสบำยในชีวิตประจำวันและ
กำรติดต่อสื่อสำรที่ทำให้ทุกอย่ำงได้เพียงปลำยนิ้วสัมผัส ควำมเจริญก้ำวหน้ำทำงเทคโนโลยี
และกำรเข้ำถึงอินเตอร์เน็ต ส่งผลให้โลกใบนี้แคบลง เหตุกำรณ์ต่ำงๆ ที่เกิดขึ้นอยู่ในซีกโลกหนึ่ง
สำมำรถรับรู้ถึงบุคคลอีกซีกโลกหนึ่ง (Real time) (พัชรำ ตันติชูเวช, 2560) คนในยุคใหม่ก็ต้อง
มีกำรเปลี่ยนแปลงตั้งแต่กำรรับรู้และกำรเรียนรู้ตำมควำมรู้ที่มีมำกขึ้นอย่ำงมหำศำล ดังที่กล่ำว
มำแล้ววำ่ โลกในปัจจุบันนมี้ ีคนทีย่ ังมชี ีวิตอยู่ท้ังหมด 5 Generation คือ เบบี้บูมเมอร์ (Baby Boomers)
เจเนอเรชนั่ เอก็ ซ์ (Generation X) เจเนอเรชัน่ วำย (Generation Y) เจเนอเรชั่น ซี (Generation Z) และ
เจเนอเรชัน่ อลั ฟำ (Generation Alpha) (สถำบันวิจัยประชำกรและสังคม มหำวิทยำลัยมหิดล, 2559)
จึงจำเป็นอย่ำงยิ่งที่ค รูและผู้ที่เ กี่ยวข้องกั บ กำรจัดก ำรศึกษ ำทุก ฝ่ ำยค วรท ำค วำมรู้ค วำมเ ข้ำใ จ
เกี่ยวกับลักษณะ พฤติกรรมกำรแสดงออก และกำรเรียนรู้ของเด็กใน Generation Alpha ซึ่งใน
กำรจัดกำรเรียนกำรสอนของครูจำเป็นอย่ำงยิ่งที่ต้องได้รับกำรพัฒนำและมีกำรปรับเปลี่ยนรูปแบบ
กำรจัดประสบกำรณ์ใหเ้ หมำะสมสำหรับเดก็ ใน Generation Alpha นอี้ ีกด้วย

ท้ังนี้มีนักวิชกำรได้เขียนถึงรูปแบบกำรเรียนรู้ของ Generation Alpha อำจมีเน้ือหำ
เปลี่ยนแปลงไปตำมบริบททำงด้ำนกำรเมือง เศรษฐกิจ สังคม และวัฒนธรรมของโลกที่กำลัง
เปลี่ยนแปลงอย่ำงรวดเร็ว รูปแบบกำรเรียนรทู้ ี่ เหมำะสมควรมีลักษณะทีส่ ำคัญ ดงั นี้

จินตนำ สุจจำนนท์ (2556) ได้เขียนถึงรูปแบบกำรเรียนรู้ที่เหมำะสมของ Generation Alpha
ควรมีลักษณะทีส่ ำคญั ดงั นี้

1. เป็นระบบกำรศึกษำที่เพิ่มศักยภำพกำรเรียนรู้ของบุคคล ครอบครัว และชุมชนและ
ส่งเสริมทักษะกระบวนกำรเรียนรู้ด้วยกำรวิจัย เพื่อสำมำรถพัฒนำตนเองได้ต่อเน่ืองและตลอดชีวิต
มีกำรใชเ้ ทคโนโลยีและนวัตกรรมเป็นเคร่ืองมือที่สำคัญในกำรแสวงหำควำมรู้และเรียนรู้ได้อย่ำงเท่ำ
เทียมกนั ทกุ เพศ วยั เช้อื ชำติ และศำสนำ

2. มุ่งพัฒนำสตปิ ัญญำของมนษุ ย์ตั้งแตก่ ่อนวยั เรียนจนกระทั่งถึงวยั ผู้สูงอำยุ เพื่อใช้ปัญญำ
เป็นเครือ่ งมอื ในกำรพฒั นำคน สร้ำงโอกำสและเพิม่ มลู ค่ำของชีวติ สงั คม และประเทศชำติ

3. ส่งเสริมสุขภำพ สุขภำพจิต สุขภำพสมองและสติปัญญำควบคู่กับคุณธรรม จริยธรรม
กำรต้ำนกระแสวัตถุนิยมและบริโภคนิยม กำรมีจิตสำธำรณะ กำรขจัดควำมขัดแย้ง ทำให้คนมี
ควำมเป็นมนุษย์และมีจิตใจสูง หลักสูตรกำรจัดกำรเรียนกำรสอนและกำรประเมินผลจะต้องเน้นทั้ง
ควำมรแู้ ละคุณธรรมควบคู่ไปอย่ำงบูรณำกำร

221

ความเปน็ ครูยุคปฏิรังสรรคก์ ารศกึ ษา ผชู้ ่วยศาสตราจารย์ ดร. ศรดุ า ชัยสุวรรณ

4. รปู แบบกำรจดั กำรศกึ ษำทีเ่ หมำะสมในอนำคต ได้แก่ กำรใหอ้ ิสระผเู้ รียนใหท้ ำงออก
และทำงเลือกแก่ทุกคน ทำให้คนรักท้องถิ่นและสำมำรถดำเนินชีวิตในท้องถิ่นได้อย่ำงพึงพอใจช่วย
ให้ผู้เรียนสำมำรถทำงำนอย่ำงมีเสรีภำพและมีควำมรับผิดชอบในหน้ำที่ มีกำรจัดกำรศึกษำใน
รปู แบบทีห่ ลำกหลำย เพือ่ สนองควำมต้องกำรและลกั ษณะที่แตกต่ำงกนั ของบุคคลและชุมชน

5. ส่งเสริมกำรอนรุ กั ษ์และพฒั นำศลิ ปวัฒนธรรม ธรรมชำติและส่งิ แวดล้อมที่ผ่ำนกระบวน
กำรเรียนรู้อย่ำงเป็นระบบ ทั้งในระบบ นอกระบบและตำมอัธยำศัย เป็นสื่อให้คนไทยเข้ำถึงแก่น
วฒั นธรรมท้ังของไทย และวิถีชีวติ ของชนชำติตำ่ งๆ

6. บทบำทกำรจัดกำรศกึ ษำของภำครฐั ลดลง และใช้ควำมหลำกหลำยขององค์กรปกครอง
ส่วนท้องถิ่นและเอกชนให้เป็นประโยชน์ ได้แก่ ครอบครัว ชุมชน สื่อมวลชน องค์กรศำสนำ
ภำคเอกชน สำธำรณประโยชน์และองค์กรเฉพำะกิจ

7. สถำนศึกษำมีกำรแข่งขันกันเชิงคุณภำพมำกยิ่งขึ้น เพื่อรองรับควำมต้องกำรพัฒนำทำง
เศรษฐกิจ สังคม ยุคเศรษฐกิจสังคมฐำนควำมรู้ช่วยสร้ำงควำมสมดุลระหว่ำงภำคเศรษฐกิจที่
ทนั สมัยกับคณุ ค่ำแบบไทยทีเ่ น้นค่ำนิยมและจรยิ ธรรมตำมแนวทำงของศำสนำ

8. กระบวนกำรทำงวิทยำศำสตร์ เทคโนโลยี และนวัตกรรมเข้ำมำมีส่วนส่งเสริมกำรจัด
กำรศกึ ษำมำกขึ้น เกิดกำรวจิ ัยและพัฒนำองค์ควำมรู้กำรพัฒนำสมองของมนุษย์และของผู้สูงวัยให้มี
สขุ ภำพสมองยืนยำวด้วยกระบวนกำรทำงกำรแพทย์ที่ทันสมัย

9. ผู้สูงวัยจะได้รับกำรเตรียมกำรด้วยกำรศึกษำตลอดชีวิตและกำรใช้ประโยชน์จำกสมอง
ภูมปิ ญั ญำ และประสบกำรณข์ องผู้สูงวยั มำใชส้ นับสนุนกำรศกึ ษำ ทั้งในรูปแบบของผู้ทรงคุณวุฒิ ครู
ภมู ปิ ญั ญำ และแหล่งเรียนรู้ที่เปน็ ทรพั ยำกรบุคคลอนั มีค่ำของชำติ

10. สร้ำงดุลยภำพหรือควำมพอดีในกำรผสมผสำนคุณลักษณะต่ำงขั้ว ได้แก่ ควำมเป็น
ผู้นำกับผู้ตำม ควำมสำมำรถในกำรทำงำนเป็นหมู่คณะ เสรีภำพกับควำมรับผิดชอบ ควำมสำมำรถ
ในกำรแข่งขันกับควำมสมถะ กำรเห็นควำมสำคัญและประโยชน์ในวิทยำกำรสมัยใหม่กับภูมิปัญญำ
แบบท้องถิ่น

ท้ังนี้ สุรยิ เดว ทรีปำตี (2562) ได้ระบุสัตตลักษณะเด็ก Generation Alpha บนวิถีชีวิตดิจิทัล
ไว้ดังนี้

1. ควำมเปน็ ตวั ตนสูงขึ้นมำก (Individualism) อยู่ได้ด้วยตนเองบนโลกไซเบอร์โดยไม่ต้องง้อ
สังคมชมุ ชนแบบสมยั ก่อน

222

ความเป็นครูยุคปฏิรงั สรรค์การศกึ ษา ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร. ศรดุ า ชยั สวุ รรณ

2. โอกำสสร้ำงปฏิสัมพันธ์หรือควำมรักควำมเข้ำใจกับผู้คนและสังคมที่ตนเองอำศัยอยู่
ลดลง (Less of Human Contact, Relationship)

3. กำรเข้ำถึงเทคโนโลยีและข้อมูลที่หลำกหลำย (Robust Education Technology Savvy)
ง่ำยมำกตลอดเวลำ ทำให้มีควำมรอบรู้มำกขึ้นโดยไม่ต้องสนใจระบบกำรศึกษำแบบเดิมๆ ขำด
ศรัทธำต่อระบบกำรศกึ ษำขำดศรทั ธำต่อครผู ู้สอน

4. ควำมต้องกำรทำงำนหลำยๆ อำชีพในครำวเดียวกัน (Entrepreneurial Generation)
ควำมรกั ในอำชีพแบบทุ่มเทลดลงแต่กลบั ขึน้ กับค่ำตอบแทน

5. เกิดควำมห่ำงไกลจำกวิถีธรรม เพรำะด้วยวิถีชีวิตที่เป็นไปอย่ำงเร่งรีบและกำรแข่งขัน
ตลอดเวลำในขณะที่กำรนำหลักธรรมมำสู่วิถีชีวิตกลับไม่เห็นพื้นที่ปฏิบัติกำรณ์ จึงทำให้เด็กในยุคนี้
อ่อนแอตอ่ คณุ ธรรม จรยิ ธรรมและแม้แต่จิตสำนึก (Moral and Spiritual Weakness)

6. ควำมสะดวกสบำยในชีวิตต้ังแต่เกิด ทำให้ขำดพลังควำมอดทน ไม่อยำกเผชิญปัญหำ
อปุ สรรค หรอื ควำมยำกลำบำกใดๆ ทำให้ควำมเพียรพยำยำมน้อยลง (Less of Resilience)

7. กำรดูแลแบบประคบประหงมมำก (Extreme Coddle) เนื่องจำกพ่อแม่มีลูกน้อยลง
และด้วยกำรดูแลประคบประหงมมำกไปแบบสำลักควำมรัก รักตำมใจไม่อยำกให้ลูกผิดหวังใดๆ
ไม่อยำกใหล้ กู แสดงอำรมณค์ วำมไม่พอใจใดๆ ไม่กล้ำวำงกรอบกติกำ

ผู้เรียน Generation Alpha ที่เติบโตมำกับสภำพแวดล้อมด้วยเทคโนโลยีทำให้เป็นบุคคลที่
ขำดควำมอดทน พืน้ นิสยั เปรำะบำง มีควำมยืดหยุ่นทำงควำมคิดน้อย มีจุดอ่อนด้ำนกำรสื่อสำร และ
ทักษะทำงสงั คม (วิชัย วงษ์ใหญ่ และมำรุต พัฒผล, 2562) กำรจัดกำรเรียนรู้ให้กับผู้เรียนที่เป็นกลุ่ม
เดก็ ทีเ่ กิดในยุคดิจิทลั โดยครแู ละผบู้ ริหำรสถำนศึกษำที่เป็นกลุ่มบุคคลที่เกิดก่อนที่จะมีกำรใช้ดิจิทัล
อย่ำงแพร่หลำย นับเปน็ ควำมท้ำทำยในกำรบริหำรกำรศึกษำในยุคดิจิทัลอย่ำงมำก ครูและผู้บริหำร
สถำนศกึ ษำต้องทำควำมเข้ำใจว่ำผเู้ รียนในยคุ นี้ มีกำรเรียนรู้อย่ำงไร และจะทำอย่ำงไรให้ครูสำมำรถ
จัดกำรเรียนรู้ควบคุ่กันไปด้วย (จิณณวิตร ปะโคทัง, 2561) กระบวนทัศน์ใหม่ในกำรพัฒนำเด็กยุค
Generation Alpha ให้เป็นมนุษย์ที่สมบูรณ์เป็นกำรพัฒนำเด็กให้ที่ทักษะรู้คิดเพื่อก้ำวสู่สัมมำชีพและ
ใฝ่เรียนรู้ควบคู่ไปกับกำรพัฒนำทักษะกำรอยู่ร่วมกับสังคมและจิต สำนึกสำธำรณะเพื่อให้เกิด
ปฏิสมั พนั ธ์ที่ดีตอ่ กันอยู่รว่ มกันได้ด้วยสนั ติสขุ (สรุ ิยเดว ทรีปำตี, 2562) ดงั แสดงในภำพประกอบ 14

223

ความเปน็ ครูยุคปฏิรงั สรรคก์ ารศกึ ษา ผชู้ ่วยศาสตราจารย์ ดร. ศรดุ า ชัยสุวรรณ

ภาพประกอบ 14 กระบวนทศั นใ์ หม่เรียนรู้แนวใหม่เพื่อเป็นมนษุ ย์ทีส่ มบูรณ์
ท่มี า: สรุ ิยเดว ทรีปำตี. (2562). คุณลักษณะและจติ สำนึกของเดก็ ยคุ ดิจทิ ัลกบั กำรปรบั

กระบวนทัศนใ์ หม่. วารสารการจดั การทางการศกึ ษาปฐมวยั . หน้ำ 98.

จำกภำพประกอบ 14 แสดงถึงกระบวนทศั นใ์ นกำรพัฒนำศักยภำพและกำรเรียนรู้แนวใหม่
เพื่อเป็นมนุษย์ที่สมบูรณ์ (New Positive Development Model to Humanity) สู่กำรพัฒนำทักษะรู้คิด
(Cognition) และจติ สำนึก (Mindfulness) ทั้งต่อตนเอง (Self) และต่อสังคมแวดล้อมที่ล้อมรอบตนเอง
(Social) กำรเรียนรู้แนวใหม่นี้เป็นกำรผสมผสำนกำรเรียนรู้ตำมระบบปกติที่พัฒนำศักยภำพเด็ก
จำกที่ต้องพึ่งผู้อื่นขึ้นมำเป็นกำรมีสัมมำชีพที่พึ่งตนเองได้สมดุลกับกำรพัฒนำศักยภำพกำรอยู่
ร่วมกนั ในสงั คมผำ่ นกำรเรียนรรู้ ่วมนอกห้องเรียนท้ังเด็กและผู้ใหญ่จนเกิดศักยภำพในกำรอยู่ร่วมกัน
และจติ สำนึกทั้งต่อตนเองและสงั คมแวดล้อมทีต่ นอำศยั ผำ่ นภูมิปญั ญำในท้องถิน่ นนั่ เอง

จำกควำมพลิกผันของโลกที่เปลี่ยนแปลงดังกล่ำว สมรรถนะหลักของผู้เรียนไทยในระดับ
กำรศึกษำขั้นพื้นฐำนในโลกยุค VUCA ที่พลิกผัน ไม่แน่นอนและคลุมเครือ และมีกำรเปลี่ยนแปลง
อย่ำงรวดเร็วท่ำมกลำงกระแสโลกำภิวัตน์ และกำรพัฒนำอย่ำงก้ำวกระโดดของเทคโนโลยี
กำรแข่งขันสภำพแวดล้อมทำงธุรกิจเศรษฐกิจทั้งภำยในและภำยนอก ทำให้ทุกภำคส่วน
ได้รบั ผลกระทบส่งผลใหก้ ำรศกึ ษำไทยจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนจำกกำรให้ควำมสำคัญที่ควำมรมู้ ำเปน็

224

ความเปน็ ครูยคุ ปฏิรังสรรค์การศกึ ษา ผูช้ ่วยศาสตราจารย์ ดร. ศรดุ า ชยั สุวรรณ

กำรให้ควำมสำคัญที่กระบวนกำรคิดของผู้เรียน เพื่อให้ผู้เรียนสำมำรถดำรงชีวิตและประกอบ
สัมมำชีพได้อย่ำงเป็นปกติสุข ครู อำจำรย์และนักวิชำกำร จึงควรให้ควำมสนใจในกำรพัฒนำ
หลักสูตรและกำรจดั กำรเรยี นกำรสอนให้สอดคล้องเท่ำทันกับกำรเปลีย่ นแปลงที่เกิดขึน้ ควรประกอบ
ด้วย 5 สมรรถนะหลกั ที่เปน็ Hard Skills และ Soft Skills ที่สำคญั จำเป็นต่อกำรใชช้ ีวติ และกำรปฏิบตั ิ
งำนให้ประสบควำมสำเรจ็ (วฒั นำพร ระงับทกุ ข์, 2563) ดงั น้ี

1. การจัดการ (Self Management : SM) หมำยถึง กำรรู้จักตนเอง พึ่งตนเอง นำ
ตนเองในกำรเรียนรู้ กำหนดเป้ำหมำยชีวิต และกำรทำงำนตำมควำมสำมำรถและควำมถนัดของตน
มีวินัยในตนเอง สำมำรถบริหำรจัดกำรเวลำและทรัพยำกร เพื่อบรรลุเป้ำหมำยได้อย่ำงมี
ประสิทธิภำพ รู้เท่ำทนั ต่อกำรเปลีย่ นแปลง มีควำมสุข สมดลุ ทั้งร่ำงกำย จติ ใจ อำรมณแ์ ละสงั คม

2. การสื่อสาร (Communication : CM) หมำยถึง ควำมสำมำรถในกำรสื่อสำรบนควำม
เข้ำใจ รู้เท่ำทันสื่อสำรสนเทศ เทคโนโลยีดจิ ทิ ลั และสำมำรถสือ่ สำรเชิงดิจิทัล เคำรพในควำมคิดเห็น
และวัฒนธรรมทีแ่ ตกต่ำงให้บรรลเุ ป้ำหมำย โดยใช้ภำษำไทยและภำษำอังกฤษได้เปน็ อย่ำงดี

3. การรวมพลังทางานเป็นทีม (Collaboration in Teamwork : CT) หมำยถึง กำรเป็น
ผู้นำและสมำชิกที่ดีของกลุ่ม สำมำรถทำงำนร่วมกับผู้อื่นด้วยควำมร่วมแรงร่วมใจ มีกระบวนกำร
ทำงำนและมนุษยสัมพันธ์ที่ดี พร้อมปรับตัว ประสำนควำมคิดที่แตกต่ำง ใช้สันติวิธีในกำรลดหรือ
ขจัดควำมขัดแย้ง จนประสบควำมสำเรจ็

4. การคิดขั้นสูง (Higher Order Thinking : HOT) หมำยถึง กำรจัดระบบกำรคิด
วิเครำะห์ วิพำกษ์ สำมำรถใช้ข้อมูลในกำรตัดสินใจแก้ปัญหำ มีควำมยืดหยุ่นทำงควำมคิด ประสำน
หรอื สงั เครำะหค์ วำมคิดทีแ่ ตกต่ำง ริเรม่ิ ควำมคดิ ใหมๆ่ โดยคำนึงถึงผลกระทบรอบด้ำน

5. การเป็นพลเมืองท่ีเข้มแข็ง (Active Citizen : AC) หมำยถึง กำรปฏิบัติตนในฐำนะ
พลเมืองไทย พลโลก และพลเมืองดิจิทัลที่มีควำมรับผิดชอบต่อส่วนรวม เคำรพควำมแตกต่ำง
ระหว่ำงบุคคล โดยคำนึงถึงสิทธิหน้ำที่และกติกำ มีส่วนร่วมรับผิดชอบในกำรแก้ปัญหำ กำรจัดกำร
สิ่งแวดล้อม พัฒนำสังคมและสร้ำงกำรเปลี่ยนแปลงที่เป็นธรรมในระดับท้องถิ่น ประเทศและโลก
มีบทบำทในกำรสร้ำงสรรคว์ ัฒนธรรม อัตลักษณ์ควำมเปน็ ไทย มีวถิ ีชวี ิตพอเพียงและย่งั ยืน

225

ความเป็นครูยุคปฏิรังสรรคก์ ารศกึ ษา ผูช้ ่วยศาสตราจารย์ ดร. ศรดุ า ชยั สุวรรณ

ภาพประกอบ 15 สมรรถนะเด็กไทยในยคุ โลกพลิกผนั (VUCA World)
ทม่ี า: วัฒนำพร ระงบั ทุกข์. (2563). สมรรถนะเดก็ ไทยในยุคโลกพลิกผัน

(VUCA World). ครุ สุ ภาวิทยาจารย.์ หน้ำ 17.

สรุปสมรรถนะทั้ง 5 ด้ำนนี้ จะเป็นแกนหลักในกำรกำหนดเป้ำหมำยกำรพัฒนำผู้เรียน
ในหลักสูตรฐำนสมรรถนะที่ต้องมีกำรพัฒนำให้ครบถ้วนสมบูรณ์ ตำมหลักกำรพัฒนำหลักสูตร
และองค์ประกอบของหลักสูตร เพื่อเป็นกรอบหรือพิมพ์เขียวในกำรจัดกำรศึกษำของสถำนศึกษำ
ครูและบุคลำกรกำรศึกษำที่เกี่ยวข้อง ซึ่งจะต้องมีกำรสร้ำงควำมรู้ ควำมเข้ำใจและควำมชำนำญใน
กำรนำหลกั สูตรไปปฏิบัติตอ่ ไป

226

ความเปน็ ครูยุคปฏิรงั สรรค์การศกึ ษา ผชู้ ว่ ยศาสตราจารย์ ดร. ศรดุ า ชัยสุวรรณ

ปรากฏการณ์ของครูที่ต้องเปลีย่ นแปลง

ควำมพลิกผันของโลก และคุณสมบัติของผู้เรียน Generation Alpha ที่กล่ำวมำ ครูเป็น
บุคคลสำคัญ (Teacher-centered Approach) คือ กำรถ่ำยทอดควำมรู้ควำมจำ จำกครูไปสู่นักเรียน
แบบทีเ่ คยทำมำในอดีตไม่ได้ เพรำะกำรเรียนของคนในปัจจุบันเกิดข้ึนได้ทุกที่ ทุกเวลำและไร้ขอบเขต
จำกัด ดังนั้นครูจำเป็นต้องพัฒนำตนเองไปเป็นครูฝึก (Coach) หรือผู้อำนวยควำมสะดวกใน
กำรเรียนรู้ (Learning Facilitator) และต้องเรียนรู้ทักษะในกำรทำหน้ำที่ สำมำรถสร้ำงหรือผลิตสื่อ
กำรสอนที่ใช้วิทยำกำรสมัยใหม่ และสำมำรถดึงดูดควำมสนใจของนักเรียนได้นำนขึ้น เช่น สื่อผสม
(Multimedia) เป็นต้น ครูต้องปรับเปลี่ยนบทบำทของตนมำเป็นผู้สนับสนุนหรือผู้เอื้ออำนวย
(Facilitator) ให้นักเรียนเกิดกำรเรียนรู้ โดยนักเรียนมีบทบำทในกำรแสวงหำควำมรู้ด้วยตนเอง เพิ่ม
มำกขึ้นหรือที่เรียกว่ำ กำรสอนแบบยึดนักเรียนเป็นสำคัญ (Student-centered Approach) ครูที่
ปรบั เปลี่ยนควำมคิดและวิธีทำงำนได้ดังกล่ำวข้ำงต้น เชื่อแน่ว่ำนักเรียนจะมีผลสัมฤทธิ์ทำงกำรเรียน
เพิ่มขึ้นอย่ำงชัดเจนและครูก็จะได้ชื่อว่ำเป็นมืออำชีพ อย่ำงไรก็ตำมกำรมีผลสัมฤทธิ์ทำงกำรเรียน
เพิ่มขึ้นก็มิได้เป็นเป้ำหมำยหลักประกำรเดียวของกำรจัดกำรศึกษำของชำติ หำกแต่ต้องมี
คุณลักษณะที่พึงประสงค์ หรือเป็นคนดีอีกด้วย นอกจำกนี้ บัณฑิต ทิพำกร (2564) ยังกล่ำวว่ำครู
จำเป็นต้องมีบุคลิกภำพเป็นผู้นำในสภำวะดิจิทัล มีควำมสำมำรถในกำรสื่อสำรเป้ำหมำยอนำคตให้
เห็นอย่ำงชัดเจน กำรสื่อสำรผู้เรียนให้เห็นภำพชัดเจนของผลลัพธ์กำรเรียนรู้ที่จะต้องเกิดขึ้นใน
อนำคต ควำมสำมำรถในกำรคิดเชิงระบบ (Systematic Thinking) เพื่อคิดวิเครำะห์และแยกแยะสิ่งที่
ซับซ้อน และยุ่งเหยิงให้เป็นระบบย่อย และเข้ำใจถึงควำมสัมพันธ์เชื่อมโยงของแต่ละส่วนได้อย่ำง
ชัดเจน และควำมสำมำรถในกำรทำงำนแบบ Scientific Experiment ที่มีระบบติดตำมและประเมินผล
กำรทำงำน เพื่อพฒั นำปรบั ปรงุ อย่ำงตอ่ เนื่อง และมีข้อมูลสนับสนุนกำรตัดสินใจอย่ำงรวดเร็วทันกับ
สถำนกำรณ์

ครูจะต้องปรับตัวเข้ำสู่อนำคต โดยติดตำมกำรเปลี่ยนแปลงของโลกทั้งโลกนำนำชำติ โลก
ของประเทศโลกของสังคมตลอดจนโลกของกำรศึกษำ เพื่อให้ทันกับอนำคตที่เปลี่ยนแปลงมำเร็ว
มำก กำรตดิ ตำมนี้จะทำให้เรำเองเข้ำสู่อนำคตได้อย่ำงรู้เท่ำทันแล้วยังสำมำรถชี้นำผู้เรียนอย่ำงรู้เท่ำ
ทันตำมไปด้วย ร่วมกันวิเครำะห์กำรเปลี่ยนแปลงกับผู้บริหำรทั้งผลดีและผลร้ำย เพื่อให้เกิด
กำร “ระวัง” ภัยจำกเทคโนโลยี ภัยจำกข้อมูลข่ำวสำร ภัยจำกภำยนอก รวมท้ังภัยภำยในประเทศ
โรงเรียนของเรำเอง (วำสนำ วิสฤตำภำ, 2561)

227

ความเป็นครูยคุ ปฏิรงั สรรค์การศกึ ษา ผชู้ ว่ ยศาสตราจารย์ ดร. ศรดุ า ชยั สุวรรณ

กระบวนกำรเรียนรู้เพ่อื กำรเปลีย่ นแปลงที่ประกอบด้วย 10 ข้ัน (Mezirow, 2000) ได้แก่
1. กำรให้ผู้เรียนได้เผชิญกับสถำนกำรณ์ที่ไม่เป็นไป ตำมมุมมองเดิมของตน (Disorienting
Dilemma)
2. กำรตรวจสอบอำรมณ์ ควำมรสู้ ึกของตนเอง (Self-Examination)
3. กำรประเมนิ สมมตุ ฐิ ำน ควำมคิด หรอื ควำมเชื่อของตนอย่ำงจริงจงั (Sense of Alienation)
4. กำรเปิดใจยอมรับกำรเปลี่ยนแปลงแลกเปลี่ยน กับผู้อื่น (Relating Discontent to Others)
5. กำรสำรวจ ค้นหำทำงเลือกในกำรกระทำใหม่ (Explaining Options of New Behavior)
6. กำรวำงแผนกำรกระทำใหม่ (Planning a Course of Action)
7. กำรหำควำมรู้ และทักษะที่จำเปน็ สำหรับกำรปฏิบตั ิตำมแผน (Knowledge to Implement
Plans)
8. กำรเริ่มทดลองทำตำมบทบำทใหม่ในชวี ิตจริง (Experimenting with New Roles)
9. กำรสรำ้ งควำมสำมำรถ ควำมมน่ั ใจในบทบำท กำรกระทำและควำมสมั พนั ธ์ใหม่
(Building Confidence in New Ways)
10. กำรบูรณำกำรจนเป็นวิถีชีวติ ใหม่ของตน (Reintegration)

ก่อนที่โลกจะมำถึงยุคดิจิทัล มนุษย์ถูกจำกัดกำรสื่อสำรด้วยกระดำษและดินสอ กำรที่ผู้รู้
จะถ่ำยทอดควำมรคู้ วำมเข้ำใจใหก้ ับผอู้ ืน่ จึงไม่มที ำงเลือกอื่นที่ดีกว่ำกำรเขียนบันทึกลงไปในหนังสือ
ปัจจุบันมีช่องทำงกำรสื่อสำรประเภทต่ำงๆ ที่อำจเรียกว่ำ ทุกคนทุกภำคส่วนของสังคมสำมำรถ
เชื่อมต่อถึงกันได้หมดด้วยกำรสื่อสำรเกิดเป็นสังคมที่มีลักษณะใหม่ ต่ำงไปจำกสังคมโบรำณ
โดยสิ้นเชิง ขอให้นกึ ภำพสมองที่มเี ซลล์สมองประมำณ 100,000 ล้ำนตัว และเชื่อมโยงถึงกันทั้งหมด
เขำเรียกว่ำ Neural Networks หรือเครือข่ำยประสำท ซึ่งเป็นโครงสร้ำงวิจิตรที่สุดในจักรวำล ทำให้
มนุษย์มีศักยภำพในกำรเรียนรู้สูงสุด ถ้ำคนแต่ละคนเป็นประดุจเซลล์สมอง (Neuron) บัดนี้คน
ท้ังหมดสำมำรถเชือ่ มโยงกันเป็นเครือข่ำยด้วยกำรสื่อสำร เป็น Human Networks - เครือข่ำยมนุษย์
หรือ Social Networks เครือข่ำยสังคม เครือข่ำยสังคมจึงมีสภำพคล้ำยเครือข่ำยเซลล์สมอง
มีศกั ยภำพในกำรเรียนรู้สูงสุด (ประเวศ วะสี, 2557) เนื่องจำกกำรสื่อสำรเป็นกระบวนกำรที่จะช่วย
สร้ำงควำมเข้ำใจให้เกิดขึ้นระหว่ำงกันได้ โดยในกำรสื่อสำรของครูน้ันแน่นอนว่ำไม่ได้มีเพียงแค่
กำรสื่อสำรกับนักเรียนเท่ำนั้น หำกแต่ยังรวมถึงกำรสื่อสำรระหว่ำงเพื่อนครูด้วยกัน กำรสื่อสำร
ระหว่ำงครูและผปู้ กครอง กำรสอ่ื สำรระหว่ำงครูและชุมชน เป็นต้น แมว้ ่ำในปัจจุบนั กำรส่อื สำร

228

ความเปน็ ครูยคุ ปฏิรงั สรรค์การศกึ ษา ผูช้ ่วยศาสตราจารย์ ดร. ศรดุ า ชัยสวุ รรณ

จะขยำยวงกว้ำงและทั่วถึงมำกยิ่งขึ้น แต่อุปสรรคในกำรสื่อสำรก็ยังคงมีอยู่และอำจจะมีมำกขึ้นตำม
ไปด้วย เนื่องจำกผู้รับสำรแต่ละคนนั้นก็มีลักษณะที่แตกต่ำงกัน ประกอบกับกำรใช้ภำษำของผู้ส่ง
สำร (ครู) ก็อำจจะใช้ภำษำที่เป็นวิชำกำรมำกเกินไป หรือช่องทำงในกำรสื่อสำรที่เลือกใช้อำจ
ไม่เหมำะสมนัก ทั้งนี้ ศุภศิริ บุญประเวศ (2564) ได้นำเสนอวิธีกำรสื่อสำรของครูไทยในยุคดิจิทัล
เพื่อให้กำรสอ่ื สำรมีประสิทธิภำพมำกยิง่ ข้นึ ดงั น้ี

1. เลือกชอ่ งทำงในกำรส่ือสำรให้เหมำะสม ปัจจุบันช่องทำงในกำรสื่อสำรมีเป็นจำนวนมำก
ถ้ำไม่นับกำรสื่อสำรผ่ำนช่องทำงในรูปแบบเดิม (จดหมำยข่ำว ข้อควำม กำรประชุม) กำรสื่อสำรใน
ยุคดิจิทัลจะเน้นกำรสื่อสำรผ่ำนช่องทำงออนไลน์มำกขึ้น โดยแอปพลิเคชันที่เลือกใช้นั้น ครูควร
เลือกใช้ให้เหมำะสมกับเนื้อหำและจุดประสงค์ที่ต้องกำร เช่น ถ้ำต้องกำรแจ้งข่ำวสำรทั่วไป ให้
ผู้ปกครองรับทรำบอำจใช้ ไลน์ (Line) หรือ กลุ่มเฟซบุ๊ก (Facebook Group) ถ้ำต้องกำรเผยแพร่
ภำพนิ่ง หรือคลิปวิดีโอ ผลงำนของนักเรียนอำจใช้ ยูทูป (YouTube) อินสตำแกรม (Instagram) หรือ
ติก๊ ต๊อก (TikTok) เป็นต้น กำรเรียนรู้ช่องทำงกำรส่อื สำรใหม่ๆ จะช่วยทำให้กำรส่ือสำรของครูทันสมัย
มำกยิง่ ขนึ้ ตำมไปด้วย

2. เรียบเรียงเนื้อหำให้สั้น กระชับ ชัดเจน : กำรสื่อสำรในยุคดิจิทัลมีจุดเด่นคือ ควำม
รวดเร็วและควำมท่ัวถึง แต่จุดอ่อนของจุดเด่นก็คือ ถ้ำเกิดข้อผิดพลำดจะยิ่งขยำยควำมผิดพลำดไป
ได้เร็วมำกยิ่งขึ้น ดังน้ันกำรเรียบเรียงเนื้อหำเพื่อสื่อควำมไปยังผู้รับสำร (เพื่อนครู ผู้ปกครอง
นักเรียน) จึงควรเรียบเรียงเนื้อหำให้ส้ัน กระชับชัดเจน และได้ใจควำมมำกที่สุด แต่ถ้ำเน้ือหำที่ครู
ต้องกำรส่งไปนั้นมีขนำดยำวมำกครูอำจจะต้องเลือกใช้กำรสื่อสำรในรูปแบบของกำ รเผชิญหน้ำ
(Face to Face) เพื่อลดอุปสรรคที่อำจจะเกิดข้ึนจำกกำรส่อื สำรที่ผิดพลำด

3. ใช้ภำษำให้ถูกต้องและเหมำะสม : กำรใช้ภำษำเป็นส่วนสำคัญมำกสำหรับครู เน่ืองจำก
ครูคือต้นแบบของนักเรียน ดังน้ันกำรเลือกใช้คำ กำรสะกดคำตลอดจนกำรใช้คำให้ถูกต้องและ
เหมำะสมกับระดับของภำษำจะช่วยทำให้นักเรียนตลอดจนผู้ปกครองเกิดควำมเชื่อถือมำกยิ่งขึ้น
แมว้ ่ำครูหลำยท่ำนอำจจะคิดว่ำกำรส่อื สำรในยคุ ดิจทิ ัลไม่เป็นจำเป็นต้องถูกต้องมำกนัก แต่ก็อย่ำลืม
ว่ำ ถ้ำครูใช้ภำษำไม่ถูกต้องหรือไม่เหมำะสม ผู้เรียนก็จะเลียนแบบในสิ่งนั้น ขณะเดียวกันผู้ปกครอง
หรอื ชมุ ชนกจ็ ะไม่ศรัทธำในครูเชน่ กนั

กำรใชเ้ ทคโนโลยีในกำรทำให้ทฤษฎีมีชีวติ ขนึ้ มำแบบนีม้ ีศักยภำพสูงที่จะทำให้ผู้เรียนเห็นถึง
ควำมสำคญั และเข้ำใจหลักกำรได้ลึกซึ้งกว่ำกำรเริ่มเรียนจำกหน้ำกระดำษ ในกระบวนกำรสื่อสำร
นั้น ครูไม่เพียงแต่เป็นผู้ส่งสำร หำกแต่ ครูก็มีบทบำทในกำรเป็นผู้รับสำรด้วย ดังน้ันกำรกำหนด
ช่องทำงในกำรสอ่ื สำรเพือ่ เข้ำถึงครูให้หลำกหลำยขึน้ หรอื ให้สะดวกขนึ้ กเ็ ปน็ อีกประกำรสำคญั ทีจ่ ะ

229

ความเปน็ ครูยุคปฏิรังสรรคก์ ารศกึ ษา ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร. ศรดุ า ชัยสุวรรณ

ช่วยทำให้ควำมผูกพันเกิดขึ้นระหว่ำง “ครู” และ “นักเรียน” ตลอดจน ผู้ปกครอง ชุมชน สังคม
หรอื หนว่ ยงำนตำ่ งๆ

ครูยคุ ปฏิรังสรรคก์ ารศึกษา

จำกกำรเริ่มประกำศใชพ้ ระรำชบัญญตั ิกำรศกึ ษำแหง่ ชำติ พ.ศ. 2542 และทีแ่ ก้ไขเพิ่มเติม
(ฉบับที่2) พ.ศ. 2545 มำตรำ 22 กำรจัดกำรศึกษำต้องยืดหลัก ให้ผู้เรียนทุกคนมีควำมสำมำรถ
เรียนรู้และพัฒนำตนเองได้ และถือว่ำผู้เรียนมีควำมสำคัญที่สุด กระบวนกำรจัดกำรศึกษำต้อง
ส่งเสริมให้ผู้เรยี นสำมำรถพฒั นำตำมธรรมชำติและเต็มตำมศักยภำพมำตรำ 24 กำรจัดกระบวนกำร
เรียนรู้ให้สถำนศกึ ษำ และหน่วยงำนที่เกี่ยวข้องดำเนินกำรจัดเนื้อหำสำระและกิจกรรมให้สอดคล้อง
กับควำมสนใจ ควำมถนัดของผู้เรียน ฝึกทักษะ กระบวนกำรคิด จัดกิจกรรมให้ผู้เรียนได้เรียนรู้จำก
ประสบกำรณจ์ รงิ กำรจดั กำรเรียนรู้ดังกล่ำวไม่ใช่เปน็ เพียงกำรพฒั นำกำรเรียน รู้ให้เกิดกับตัวผู้เรียน
เท่ำน้ัน จำกคำว่ำ ผู้เรียนเป็นศูนย์กลำง จนมำสู่คำว่ำ ผู้เรียนเป็นสำคัญ ได้ส่งผลให้ครูและผู้บริหำร
สถำนศึกษำตระหนักถึงกระบวนกำรจัดกำรเรียนรู้ที่จะให้ผู้เรียนสำมำรถเรียนรู้ได้ด้วยตนเองผู้เรียน
จะสร้ำงองค์ควำมรู้ขึ้นด้วยตนเองกำรลงมือปฏิบัติหรือสร้ำงงำนที่ตนเองสนใจกำรเรียนรู้ต้องถูกจัด
ขึ้นมำให้เหมำะกับควำมสนใจที่แตกต่ำงของนักเรียน และเน้นพัฒนำให้ผู้เรียนคิดเป็น ทำเป็น
แก้ปัญหำเป็น ข้อกำหนดเหล่ำนี้ชี้ให้เห็นว่ำกำรสอนให้เด็กเรียนเก่งได้เกรดสูงๆ เพียงอย่ำงเดียว
ไม่เพียงพอเสียแล้ว เพรำะในโลกปัจจุบันผู้เรียนไม่ได้เรียนรู้เฉพำะในห้องเรียนเท่ำน้ัน โลกในสังคม
ออนไลน์ได้ปรับเปลี่ยนพฤติกรรมกำรเรียนรู้ของผู้เรียน ผู้เรียนตกผลึกทำงควำมคิดและเกิด
กำรเรียนรู้เองได้ด้วยตัวเอง ครูจะเป็นผู้สอนอย่ำงเดียวเหมือนเม่ือก่อนไม่ได้ จะต้องให้ผู้เรียนเรียนรู้
ด้วยตนเองควบคู่กันไปด้วย โดยที่ครูออกแบบกำรเรียนรู้ เป็นผู้แนะนำและอำนวยควำมสะดวกใน
กำรเรียนรใู้ ห้กบั ผเู้ รียน รวมทั้งทกั ษะเพื่อกำรดำรงชีวติ ของคนในศตวรรษที่ 21

นอกจำกนี้ ไพฑูรย์ สินลำรัตน์ (2561 ก.) ได้เขียนหนังสือ จำเป็นต้องปฏิรังสรรค์
กำรศึกษำไทย และเสนอแนวทำงกำรปฏิรังสรรคก์ ำรศกึ ษำ ตอ้ งคำนึงถึงประเดน็ บำงประกำร ดงั นี้

1. นิยำมของกำรศึกษำใหม่ให้หมำยถึง กำรพัฒนำศักยภำพของมนุษย์ โดยองค์รวมทั้ง
ศักยภำพทำงควำมรู้ ควำมคิด จติ ใจ สิง่ แวดล้อม และวัฒนธรรมไปพร้อมกนั

2. สร้ำงพลงั กำรเรยี นรู้ และสำนึกแหง่ จริยธรรมให้เปน็ ปัจจัยหลักของชีวติ
3. คิดระบบกำรเรียนรู้ใหม่ให้สร้ำงพลังทำงปัญญำของผู้เรียนจำกวิชำกำรควำมเป็นจริง
เทคโนโลยีสง่ิ แวดล้อมและจติ ใจ

230

ความเปน็ ครูยุคปฏิรงั สรรคก์ ารศกึ ษา ผชู้ ว่ ยศาสตราจารย์ ดร. ศรดุ า ชัยสวุ รรณ

4. พัฒนำระบบที่ให้กำรศึกษำนำไปสู่กำรสร้ำงพลังปัญญำประชำชนในวงกว้ำงและรอบ
ด้ำน

5. วำงบทบำทกำรศกึ ษำให้เป็นส่วนสำคัญและเป็นส่วนนำในกำรเปลี่ยนแปลงสังคม
6. จัดรูปแบบของแหล่งควำมรู้ ใหม่ให้สอดคล้องกับกำรเปลี่ยนแปลงของเทคโนโลยี
เศรษฐกิจและวฒั นธรรม
7. จัดระบบควำมสัมพันธ์ระหว่ำงกำรศึกษำภำครัฐและเอกชนใหม่ให้กลมกลืนเป็นหนึ่ง
เดียวและเป็นตวั เร่งซึง่ กันและกัน
8. แสวงหำวิธีให้ประชำชนมีส่วนร่วมในกำรจัดและรับผิดชอบกำรศึกษำ อย่ำงเป็นระบบ
เปิด
9. เชอ่ื มโยงให้กำรศกึ ษำเปน็ อันหน่ึงอันเดียวกันกับวัฒนธรรมค่ำนิยมและจิตวิญญำณของ
ไทยยังคำนึงถึงควำมเปลีย่ นแปลงของกระแสโลก
10. สร้ำงระบบประกันโอกำสทำงกำรศึกษำของผู้ด้อยโอกำสทำงสังคมและมีทำงออกที่
เหมำะสมให้กับคนที่มคี วำมคำดหวังและ มีควำมสำมำรถแตกต่ำงกัน
11. พฒั นำระบบประกันคุณภำพกำรศกึ ษำให้ได้คุณภำพสงู สุด
12. วำงระบบบริหำรองคก์ รทรพั ยำกรและบุคลำกรใหมใ่ ห้คล่องตัวยืดหยุ่น ทันสมัยสอดรับ
กับหนำ้ ที่และภำรกิจใหมท่ ี่จะเกิดข้ึนของกำรศกึ ษำ

วิชัย วงษ์ใหญ่ และมำรุต พัฒผล (2563) ได้เสนอหลักกำรจัดกำรเรยี นรู้แบบบูรณำกำรเชิง
สร้ำงสรรค์ ไว้ดังนี้

1. พัฒนำผู้เรียนให้มี Growth Mindset โดยให้ผู้เรียนตอบคำถำมตนเอง ว่ำต้องกำรบรรลุ
เป้ำหมำยอะไรหรืออยำกทำอะไรให้ประสบควำมสำเร็จเนื่องจำก Growth Mindset เป็นปัจจัย
เบอื้ งตน้ ทีส่ ำคญั ทีส่ ดุ ในกำรเรียนรู้ของผเู้ รียน

2. จัดกิจกรรมให้ผู้เรียนเกิด Concept เชิงบูรณำกำร และควรมีกิจกรรม ในลักษณะที่เป็น
Project Works ให้ผู้เรียนนำ Concept หลำยๆ Concept มำประยุกต์ใช้ในกำรสร้ำงสรรค์สิ่งต่ำงๆ
ตำมควำมสนใจของผเู้ รียน

3. กิจกรรมกำรเรียนรู้ควรมีลักษณะเปิด (Open space) คือเปิดโอกำส ให้ผู้เรียนทุกคน
ได้ใช้ควำมสำมำรถหรือศักยภำพของตนเองอย่ำงเต็มที่โดยไม่ปิดก้ัน ควำมคิดสร้ำงสรรค์และ
จนิ ตนำกำรของผู้เรยี น

231

ความเปน็ ครูยคุ ปฏิรังสรรค์การศกึ ษา ผชู้ ว่ ยศาสตราจารย์ ดร. ศรดุ า ชัยสวุ รรณ

4. กระตุ้นให้ผู้เรียนแสวงหำควำมรู้และสร้ำงแนวคิด (Idea) ในกำรนำ Concept ที่เรียนมำ
ออกแบบและสร้ำงสรรค์นวัตกรรมตำมควำมสนใจ ซึ่งแนวคิดที่ดี แนวคิดใหม่ๆ เป็นจุดเริ่มต้นของ
กำรสรำ้ งสรรคน์ วตั กรรม

5. ผู้สอนมีบทบำทในกำรโค้ชผู้เรียนให้ใช้ศักยภำพในกำรเรียนรู้มำกที่สุด โดยกำรให้
คำชี้แนะ ให้คำแนะนำ แลกเปลี่ยนประสบกำรณ์และให้ข้อมูลย้อนกลับเชิงสร้ำงสรรค์ (Creative
Feedback) ให้ผู้เรยี นพฒั นำตนเองอย่ำงตอ่ เนื่อง

ในมุมมองของผู้เขียนขอสรุปประเดน็ สำคัญโดยคำนึงถึงกำรเตรียมครู เตรียมผู้บริหำร เพื่อ
เตรียมเผชิญกับสถำนกำรณ์ที่แปรเปลี่ยนไปของโลกอนำคต โดยมุ่งให้เกิดกำรเรียนรู้ที่ได้ทั้งควำมรู้
และทักษะ สอนให้ผู้เรียนคิดสร้ำงสรรค์และจินตนำกำร ตำมคำกล่ำวที่ได้ยินกันมำกในวงกำรศึกษำ
ว่ำ จิตนำกำรเหนือควำมรู้ ปลูกฝังจิตวิญญำณแห่งควำมดี เริ่มจำกควำมซื่อสัตย์ สู้งำน เห็นแก่
ประโยชน์สว่ นรวมและสังคม เข้ำใจและทำงำนร่วมกับคนอื่นได้ สำมำรถสื่อสำรเป็นเกิดกำรเรียนรู้ที่
แท้จริง (Mastery learning) เน่ืองจำกหัวใจของกำรศึกษำที่ดี คือ กำรสอนให้คนมีควำมรู้และมี
จติ สำนึกที่ดชี ่วยเหลือตวั เองได้ไม่รอควำมช่วยเหลือจำกผู้อน่ื มีศกั ดิศ์ รีและภำคภูมิใจในควำมเป็นคน
ไทย นึกถึงประโยชน์สว่ นรวมเป็นสำคัญ ตลอดจนรู้จักแบ่งปันแก่ผู้อื่น สร้ำงควำมเข้ำใจกับผู้เรียนว่ำ
กำรเรียนคือ กำรสรำ้ งอนำคต (Motivation) เรียนเพื่ออนำคตไม่ใช่เรียนเพื่อสอบผ่ำน ครูจึงเป็นกลไก
สำคัญและเป็นตัวแปรสำคัญในด้ำนกำรจัดกำรศึกษำให้มีคุณภำพและมีอิทธิพลสูงสุดต่อคุณภำพ
ของผลลัพธ์ทีจ่ ะเกิดข้ึน โดยต้องมีอุดมกำรณ์และควำมมุ่งมั่นให้กำรศึกษำมีคุณภำพควบคู่คุณธรรม
ต้องมีคุณลักษณะโดดเด่นเหมำะสม มีควำมรู้เชิงทฤษฎี ทักษะ บทบำทหน้ำที่ของครูและผู้บริหำร
คุณธรรมและประสบกำรณ์กำรจัดกำรศึกษำยุคใหม่ เพื่อนำพำสถำนศึกษำให้ประสบผลสำเร็จ
สำมำรถสนองตอบต่อกำรแขง่ ขัน และทันสมยั เหมำะสมกับกำรเปลี่ยนแปลง ดงั น้ี

1. ครตู ้องเป็นผูส้ ร้างแรงบนั ดาลใจ
ครคู ือกำรสรำ้ งแรงปรำรถนำแรงบนั ดำลใจในกำรเรียนรู้ ชีแ้ นะให้ผู้เรยี นมีจนิ ตนำกำร

สร้ำงสรรคใ์ ห้ผู้เรียนใช้ศักยภำพของตนเองในกำรเรียนรู้ผ่ำนกำรลงมือปฏิบัติ กำรคิดไตร่ตรอง และ
สร้ำงองค์ควำมรู้ ได้ด้วยตนเอง มีควำมสำมำรถในกำรปรับปรุงและพัฒนำตนเองอย่ำงต่อเน่ือง ซึ่ง
บทบำทผู้สอนดังกล่ำวนี้เป็นรำกฐำน ทำงควำมคิดเกี่ยวกับกำรโค้ชเพื่อพัฒนำศักยภำพผู้เรียน จึง
จำเป็นต้องใช้กระบวนกำรที่ส่งเสริมควำมคิดสร้ำงสรรค์ จินตนำกำร มองเห็นเป็นภำพแห่งอนำคต
(Picture in the Future) หรือหำกเป็นภำพควำมฝัน ต้องเป็นฝันที่เป็นจริงได้ (Possible Dream) ครูมี
หน้ำที่กระตุ้นวิสัยทัศน์ (Stimulate Vision) ให้เป็นจริงได้ ดังนั้นต้องเกิดจำกกำรลงมือทำ (Action)
เพือ่ ให้เกิดกำรจัดกำรเรียนรู้ที่มีคณุ ภำพและสมู่ ำตรฐำนโลก

232

ความเปน็ ครูยคุ ปฏิรงั สรรค์การศกึ ษา ผู้ชว่ ยศาสตราจารย์ ดร. ศรดุ า ชัยสวุ รรณ

ครตู ้องเปน็ ผู้สรำ้ งแรงบันดำลใจ ซึง่ แรงบันดำลใจ (Inspiration) หมำยถึง พลงั อำนำจ
ในตนเอง กำรสำนึกรู้ (Conscious) เป็นตัวกำหนดในกำรขับเคลื่อนกำรคิดและกำรกระทำใดๆ ที่
พึงประสงค์เพื่อให้บรรลุผลสำเร็จได้ตำมต้องกำร (ศรุดำ ชัยสุวรรณ, 2560) ในยุคของอิทธิพล
กำรเปลีย่ นแปลงทำงเทคโนโลยีดิจทิ ัล (Digital Technology) ด้วยขอ้ จำกัดของทรัพยำกร จึงเป็นหัวใจ
สำคญั ของกำรอยู่รอดและกำรปรับตัว กำรสร้ำงแรงบันดำลใจให้ผู้เรียนของครูด้ำนกำรจัดกำรเรียน
กำรสอน วิธีที่กำรสอนที่ร่วมสมัยในกำรกระตุ้นให้เกิดกำรเรียนรู้เชิงสร้ำงสรรค์และกำรมีส่วนร่วม
ของผู้เรียนเป็นตัวเร่งให้เกิดจินตนำกำรและควำมคิดสร้ำงสรรค์ของผู้เรียน กำรมุ่งสร้ำงควำม
แตกต่ำง กำรสรำ้ งสรรคอ์ งค์ควำมรู้และนวัตกรรมใหมๆ่ กำรสรำ้ งแรงบันดำลใจในกำรจัดกำรเรียนรู้
เชิงสร้ำงสรรค์ และกำรมีส่วนร่วมคิดของผู้เรียน จึงเป็นกระบวนทัศน์ใหม่ในกำรปรับตัวด้ำน
กำรจัดกำรเรียนรู้ให้สอดคล้องกบั บริบท วัฒนธรรมและสงั คมโลกที่เปลี่ยนแปลงไป

2. ครูตอ้ งเกง่ ในการจุดประกายและให้แนวคดิ
ครู คือ ผู้จุดประกำยควำมสว่ำง เกิดปัญญำส่องทำงให้ชีวิต ครูคือผู้ชี้นำทำงควำมคิด

ส่งั สอนศษิ ย์ด้วยควำมรักและเมตตำทำให้เกิดควำมหวังหรอื ควำมคิดทีเ่ ริ่มจะทำสิ่งใดสิ่งหนึ่ง เพรำะ
แนวคิด ทศั นคติ คำพูด และกำรกระทำที่มผี ลตอ่ วิถีชีวติ และทำให้ชีวิตพบเจอแต่สิ่งดีๆ เช่น ควำมสุข
ควำมสำเร็จในด้ำนต่ำงๆ พลังบวกทำให้เกิดกำรมองโลกในแง่ดี มั่นใจในตัวเอง และอยำกออกไปใช้
ชีวติ พลงั เชงิ บวก เป็นพลังที่ขับเคลื่อนให้เรำทำสิ่งที่ดีๆ ทำงำนที่ท้ำทำย ผ่ำนปัญหำและอุปสรรคได้
ทำให้เรำตืน่ ขึน้ มำแล้วรสู้ ึกว่ำวนั นีเ้ ป็นวันที่ดี แล้วรสู้ ึกว่ำตัวเองโชคดี มีควำมสุขกบั ตัวเรำในแบบที่เรำ
เป็นจนคนรอบข้ำงทักว่ำเรำมีใบหน้ำแห่งควำมสุข มีควำมสุขที่เต็มเปี่ยมจนต้องกระจำยควำมสุข
ออกไปรอบข้ำง ครูในฐำนะผู้สร้ำงพลังกำรเรียนรู้ต้องสร้ำงหลักกำรทั้งเชิงบวกเชิงรุกและวิธีกำร
ดูแลเอำใจใส่ ต้องให้เวลำในกำรพบปะพูดคุยกับนักเรียน ครูและผู้ปกครองรับรู้และเห็นคุณค่ำของ
พวกเขำ เคำรพผู้คน และก็เห็นคุณค่ำของผู้อื่น ซึ่งจะส่งผลให้เกิดกำรสร้ำงวัฒนธรรมควำมสุขใน
กำรจัดกำรเรียนรู้ ฝึกกำรค้นหำทรัพยำกรอันมีค่ำที่มีอยู่ในตัวของเรำเองซึ่งบำงครั้งเรำอำจหลงลืม
คุณค่ำในตัวเอง หลังจำกน้ันจึงนำมำสร้ำงแนวคิดและให้แนวคิด เพื่อให้ผู้เรียนมีพลังบวกในกำรต่อ
ยอด แนวคิดดีๆ จำกครู สำมำรถสร้ำงโลกให้กับผู้เรียนได้ ดังคำกล่ำวที่ว่ำ “คำพูดสร้ำงโลก” ครู
ต้องพร้อมที่จะให้กำรช่วยเหลือสนับสนุน เปิดใจก็ทำให้เข้ำใจกันมำกขึ้น คอยเติมเต็มกำลังใจให้กับ
ผเู้ รียนอย่ำงสม่ำเสมอในขณะที่ผู้เรยี นมีพลงั บวกและพลังลบ

233

ความเปน็ ครูยคุ ปฏิรังสรรค์การศกึ ษา ผู้ชว่ ยศาสตราจารย์ ดร. ศรดุ า ชยั สวุ รรณ

3. ครูตอ้ งหมน่ั พฒั นาความคิดเพื่อการเติบโต
Mindset แปลว่ำ “ควำมเชือ่ ที่สง่ ผลต่อพฤติกรรม” โดยมีคำทีเ่ หมอื นกนั คือ Attitude

และ Belief ดังน้ันกำรพัฒนำควำมคิดเพื่อกำรเติบโต (Growth Mindset) จึงเป็นกรอบควำมคิด
ควำมเชื่อมั่นในคุณค่ำ ในควำมสำมำรถของตนเอง จนส่งผลต่อกำรเปลี่ยนแปลงทำงพฤติกรรมไป
ในทำงที่ดีขึ้น ซึ่งมีควำมแตกต่ำงจำกคนประเภทกรอบควำมคิดจำกัด (Fixed Mindset) นั้นก็คือคนที่
มีควำมคิดที่ว่ำควำมเก่ง ควำมฉลำดน้ันมีติดตัวมำแต่กำเนิด เปลี่ยนแปลงไม่ได้ไม่จำเป็นต้องพัฒนำ
หรอื พยำยำม ไขว่คว้ำ คนประเภทนี้จะชอบทำงำนง่ำยๆ ที่ไม่ต้องใช้ควำมพยำยำมมำก และหลีกหนี
อุปสรรคเสมอ เป็นคนทำอะไรก็ชอบที่จะล้มเลิกงำ่ ยๆ ชอบโทษคนอื่น และมีควำมคิดว่ำจะต้องเลือก
ทำแต่งำนที่ตัวเองถนัดเท่ำน้ัน บุคคลที่มีกรอบควำมคิดเติบโต (Growth Mindset) เชื่อว่ำ
ควำมสำมำรถของพวกเขำสำมำรถพัฒนำ ได้โดยกำรทำงำนหนัก กำรวำงกลยุทธ์ที่ดีและกำรเรียนรู้
จำกคำแนะนำของคนรอบข้ำง จัดเป็นบุคคลที่มีกรอบวิธีคิดแบบเติบโต ซึ่งมีแนวโน้มที่จะประสบ
ควำมสำเร็จมำกกว่ำผู้ที่มีกรอบวิธีคิดติดฝังแน่น (Dweck, 2016) ผู้เรียนที่มี Growth Mindset จะ
สำมำรถมองตนเองในด้ำนบวก เชื่อมั่นในควำมสำมำรถของตนเอง มองกำรเรียนรู้สิ่งใหม่ว่ำเป็น
โอกำสกำรพฒั นำ เรียนรู้สิ่งใหม่อย่ำงสม่ำเสมอ มุงม่ันและพยำยำมในกำรเรียนรู้ แลกเปลี่ยนเรียนรู้
กบั บคุ คลอื่น ใช้กระบวนกำรเรียนรู้ทีห่ ลำกหลำยและยืดหยุ่น สะท้อนคดิ เพือ่ นำไปสูกำรปรับปรุงและ
พัฒนำตนเองอย่ำงตอ่ เนื่อง นำบุคคลอื่นให้เกิดกำรเรียนรู้และพัฒนำ มองตนเองในด้ำนบวก เชื่อมั่น
ในควำมสำมำรถของตนเอง มองกำรเรียนรู้สิ่งใหม่ว่ำเป็นโอกำสกำรพัฒนำ นอกจำกนี้ยังสำมำรถ
นำบุคคลอื่น (Lead) ให้เกิดกำรเรยี นรู้และพฒั นำ (วิชัย วงษ์ใหญ่ และมำรุต พัฒผล, 2562) ทั้งนี้เพื่อ
ควำมเข้ำใจของคุณลักษณะที่แตกต่ำงของผู้ที่มีกรอบควำมคิดเติบโตและกรอบควำมคิดจำกัด
ผเู้ ขียนขอนำเสนอในภำพประกอบ 16

234

ความเป็นครูยุคปฏิรังสรรคก์ ารศกึ ษา ผชู้ ว่ ยศาสตราจารย์ ดร. ศรดุ า ชัยสุวรรณ

ภาพประกอบ 16 รปู แบบกรอบควำมคิดของ Carol S. Dweck
ทีม่ า: OECD. (2021). Sky’s the limit: Growth mindset, students, and schools in

PISA. p14.

จำกภำพประกอบ 16 แสดงให้เห็นว่ำกำรให้ควำมสำคัญต่อ กำรเรียนรู้มำกกว่ำกำรพิสูจน์
ภำพลักษณ์ของตน รวมถึงกำรปรับตัวที่เหมำะสมเม่ือประสบควำมล้มเหลว เป็นคุณลักษณะของผู้ที่
มีกรอบควำมคิดเติบโตซึ่งล้วนแล้วแต่เป็นคุณลักษณะที่พึงประสงค์ โดยผู้ที่มีกรอบควำมคิดเติบโต
จะมีกระบวนกำรจัดกำรเรียนรู้สำหรับตนเองได้อย่ำงมีประสิทธิภำพ (Yan, Thai, & Bjork, 2014) ซึ่ง
ทำให้บุคคล สำมำรถพัฒนำตนเองและประสบควำมสำเรจ็ ในด้ำนต่ำงๆ ได้

235

ความเปน็ ครูยุคปฏิรังสรรคก์ ารศกึ ษา ผชู้ ว่ ยศาสตราจารย์ ดร. ศรดุ า ชัยสวุ รรณ

Brock and Hundley (2016) ได้เสนอแนวทำงกำรพัฒนำที่สำมำรถดำเนินกำรควบคู่ไปกบั
กำรปฏิบัติงำนตำมปกติของครูผสู้ อนทีม่ ี Growth Mindset ได้ดงั น้ี

1. เปิดใจ (Open Mind) รบั ฟงั และแสวงหำควำมคิดใหม่ๆ อยู่เสมอ
2. สื่อสำรควำมก้ำวหนำ้ ทำงกำรเรียนรู้ของผู้เรยี นไปยังพ่อแม่ผู้ปกครองของผเู้ รียนอย่ำง
สร้ำงสรรค์
3. คิดคนวิธีกำรจัดกำรเรียนรู้ใหมๆ่ ที่ทำให้ผเู้ รียนเกิดกำรเรียนรู้ได้ดที ีส่ ุด
4. เสริมสร้ำงให้ผเู้ รียนมีโอกำสได้รับกำรประสบควำมสำเรจ็ ในกำรเรียนรู้
5. เรียนร้แู ละพัฒนำจำกเพือ่ รว่ มวิชำชีพและต่ำงวิชำชีพ
6. ปรบั ปรุงและพัฒนำกิจกรรมกำรเรียนรู้ใหด้ ีที่สุดและเหมำะสมกบั ผเู้ รียนแต่ละบุคคล
7. กระตุ้นใหผ้ เู้ รียนเกิดแรงบันดำลใจในกำรเรียนรู้และพัฒนำตนเอง
8. สร้ำงควำมเชอ่ื มั่นว่ำผเู้ รียนสำมำรถเรียนรู้และประสบควำมสำเร็จได้

กรอบควำมคิดเติบโต (Growth Mindset) เป็นควำมเชื่อของมนุษย์ที่มีต่อลักษณะและ
คุณลักษณะของตนเองว่ำ สำมำรถเปลี่ยนแปลงได้และพัฒนำได้ โดยกรอบควำมคิดเติบโตมีส่วน
สำคัญในกำรพัฒนำศักยภำพของมนุษย์ เน่ืองจำกสำมำรถเพิ่มแรงจูงใจในกำรเรียนรู้และนำไปสู่
กำรมีคุณลักษณะที่พึงประสงค์ ไม่ว่ำจะเป็นกำรแสวงหำ ควำมท้ำทำยกำรจัดกำรกับอุปสรรค
กำรปรับตัว และกำรเรียนรู้จำกควำมผิดพลำด ซึ่งคุณลักษณะเหล่ำนี้จะนำไปสู่กำรประสบ
ควำมสำเร็จในกำรเรียน (ชนิตำ รุ่งเรืองและเสรี ชัดแช้ม, 2559) ครูที่ทุ่มเทในกำรจัดกิจกรรม
กำรเรียนรู้เพื่อพัฒนำผู้เรียนอย่ำงเต็มที่เพรำะเชื่อว่ำผู้เรียนของตนจะสำมำรถพัฒนำศักยภำพได้
หำกผู้เรียนเหล่ำนั้นได้รับกำรสนับสนุนที่เหมำะสมและมีควำมพยำยำมที่จะเรียนรู้ โดยไม่คำนึงถึง
ควำมเหนด็ เหนอ่ื ย ขณะที่ครูบำงคนเชอ่ื ว่ำศกั ยภำพหรอื ควำมสำมำรถของผเู้ รียนเป็นสิ่งที่ผู้เรียนมีมำ
ต้ังแตเ่ กิด

4. ครูตอ้ งมีภาวะผนู้ าการเรียนรู้
ครูยุคปฏิรังสรรค์กำรศึกษำต้องให้ควำมสำคัญกับกำรเป็นผู้นำกำรเรียนรู้ น่ันคือ มี

ควำมสำมำรถในกำรเรียนรู้ “Learn” โดยสร้ำงสรรค์วัฒนธรรมกำรเรียนรู้แบบใหม่ ในกำรเรียนรู้
สิ่งใหม่ๆ คือ กำรหำควำมรเู้ พิ่มเติม หรือกำรรับรู้ข้อมูลบำงอย่ำง ซึ่งถือเป็นกระบวนกำรที่เริ่มต้นขึ้น
ต้ังแต่เรำเกิดและดำเนินไปอย่ำงต่อเนื่องตลอดชีวิตต้องมีกำรเรียนรู้ที่รวดเร็วและปรำดเปรียว
(Agile Learners) ซึ่งเปน็ คณุ ลักษณะหน่งึ ของผนู้ ำแบบปรำดเปรียว (Agile Leadership)

236

ความเปน็ ครูยคุ ปฏิรงั สรรคก์ ารศกึ ษา ผู้ชว่ ยศาสตราจารย์ ดร. ศรดุ า ชยั สวุ รรณ

การหมั่นเรียนรู้ ต้องไม่เลือกว่ำจะเปน็ กำรเรียนรจู้ ำกผู้มำกประสบกำรณก์ ว่ำหรอื
ผอู้ ่อนประสบกำรณ์ เพรำะแตล่ ะคนมคี วำมคิดหรอื มมุ มองต่อสถำนกำรณ์แตกต่ำงกันอย่ำงไร ส่งผล
ให้มีกำรออกแบบวิธีแก้ไขปัญหำหรือออกแบบแนวทำงกำรทำงำนได้หลำกหลำย ไม่ยึดติดอยู่กับ
โจทย์และวิธีกำรเดิมๆ กำรเรียนรู้ที่ล้ำสมัยจะส่งผลต่อสมอง (Unlearn) กำรไม่ยึดติด ละทิ้งสิ่งที่เคย
เรียนรู้มำ จะทำให้ครูเปิดรับมุมมองใหม่เกี่ยวกับสิ่งต่ำงๆ กำรเรียนรู้สิ่งที่เรำเคยรู้แล้วด้วยมุมมอง
ใหม่ (Relearn) และตระหนักถึงคุณค่ำของควำมรู้ที่เรำได้รับจำกมุมมองน้ันๆ นั่นแปลว่ำ คนเรำ
สำมำรถเรียนรู้บำงอย่ำงในแง่มุมใหม่ได้เสมอ และเรำสำมำรถพัฒนำควำมรู้และทักษะของเรำได้
ตลอดเวลำมีทกั ษะภำวะผู้นำทีป่ รบั เปลี่ยนไป (Leadership in the Next Normal)

5. ครตู อ้ งมีความสุขในการสอน
กำรเรียนรู้อย่ำงมีควำมสุขจะต้องมีแนวคิดพื้นฐำนเกิดจำกกำรสร้ำงควำมรักและ

ควำมศรัทธำให้กับนักเรียน เพรำะศรัทธำเป็นจุดเริ่มต้นของกำรเรียนรู้ที่ดีที่สุด กำรเรียนรู้ที่ดีเกิด
จำกกำรได้สัมผัสและสัมพันธ์กับของจริงและธรรมชำติ กำรเปิดโอกำสให้นักเรียนได้เรียนรู้ตนเอง
และบุคคลรอบข้ำง ช่วยใหเ้ ขำปรบั ตัวได้อย่ำงเหมำะสมกับสิ่งแวดล้อมรอบตัว ควำมสุขที่เกิดขึ้นจำก
กำรไปโรงเรียนเริ่มที่ครูผู้สอน ถ้ำครูผู้สอนอำรมณ์ดี จิตใจดี เด็กจะมีควำมสุขทำให้เกิดควำมสนใจ
ในกำรเรียน ทำให้อยำกเรียน อยำกมำโรงเรียนทกุ วนั เพรำะมีควำมสุขกับกำรได้มำโรงเรียน เด็กทุก
คนมีควำมคิดสรำ้ งสรรค์ และควำมกระตือรือร้นที่จะเรียนรู้ได้มำกมำย กำรกระตุ้นให้เด็กมีควำมสุข
ส่งเสริมให้เด็กได้คิดอย่ำงอิสระ มีควำมสุขที่ได้นำเสนอควำมคิด วิธีกำรหำคำตอบให้เหมำะสมกับ
ควำมคิด ประสบกำรณ์ของตน และพัฒนำควำมสำมำรถที่มีอยู่ให้เต็มศักยภำพ โดยผ่ำน
กระบวนกำรเรียนรู้อย่ำงมคี วำมสุข นอกจำกนั้นกำรจัดบรรยำกำศที่เอื้อต่อกำรเรียนรู้ก็ส่งผลให้เด็ก
เกิดควำมสุขกับกำรเรียนด้วยเช่นกัน อีกทั้งมีส่วนจูงใจให้เด็กอยำกมำโรงเรียน อยำกร่วมกิจกรรม
กำรเรียนกำรสอนในห้องเรียน ส่งผลใหเ้ กิดโรงเรียนแห่งควำมสุขข้ึนในใจของเด็กแล้ว

วัฒนธรรมควำมสุขจะต้องควบคู่ไปกับวัฒนธรรมกำรทำงำนที่มีคุณภำพ ซึ่งจะเกิดผลดีกับ
ท้ังระดับตัวบุคคลที่จะทำให้มีคุณภำพชีวิตที่ดี มีควำมสุขในกำรทำงำนอีกทั้งเป็นผลดีกับระดับ
สถำนศึกษำที่จะส่งผลให้กำรทำงำนเป็นไปด้วยควำมรำบร่ืน มีประสิทธิภำพและมีผลิตภำพ
(Productivity) สูงยิ่งขึ้นที่เกิดจำกครูและบุคลำกรภำยในสถำนศึกษำร่วมแรงร่วมใจกันทำงำน
มี ควำมกระตอื รอื ร้น รักและผูกพนั ต่องำนและสถำนศึกษำได้รับกำรประเมินผลงำนที่ดี สถำนศึกษำ
มีชื่อเสียง และผลดีที่สำคัญที่สุดก็คือ ผู้เรียนได้เรียนรู้จำกครูผู้สอนที่ทุ่มเทในกำรทำงำนอันเกิดจำก
กำรสร้ำงควำมสุขในสถำนศึกษำ สร้ำงวัฒนธรรมควำมสุข คือ “สุข เมื่อ สอน” ก็จะทำให้ผู้เรียน
เติบโตเปน็ บคุ คลที่มคี ณุ ค่ำสกู่ ำรพฒั นำประเทศชำติตอ่ ไป

237

ความเปน็ ครูยุคปฏิรงั สรรค์การศกึ ษา ผ้ชู ่วยศาสตราจารย์ ดร. ศรดุ า ชัยสุวรรณ

6. ครูต้องเปน็ ผสู้ ร้างโลกที่ยัง่ ยืน
สังคมไทยเปลี่ยนแปลงไปมำกจำกอดีตเข้ำไปเป็นส่วนหนึ่งของสังคมโลกอย่ำง

ใกล้ชิด กำรจัดกำรศึกษำมุ่งพัฒนำจิตสำนึกควำมเป็นพลโลกและพัฒนำผู้เรียนเป็นพลเมืองของ
ภมู ภิ ำคของสงั คมโลก มุ่งเน้นให้ผู้เรยี นมีควำมรู้ควำมเข้ำใจเกี่ยวกับพลเมืองของโลกที่อยู่อำศัยอยู่ใน
ภูมิภำคต่ำงๆ มีแนวคิดที่ดีต่อกำรอยู่ร่วมกันของมนุษยชำติ ควำมสัมพันธ์กำรแลกเปลี่ยน และกำร
พึ่งพำอำศัยซึ่งกันและกัน มีควำมสำมำรถในกำรคิดและกำรแก้ปัญหำอย่ำงสร้ำงสรรค์ สำมำรถ
ทำงำนรว่ มกับผอู้ ืน่ โดยใช้ควำมร่วมมือและกำรสื่อสำรอย่ำงมีประสิทธิภำพ เพื่อควำมเป็นพลเมืองที่
มีคณุ ภำพของสังคม ซึ่งทำให้เกิดสนั ตสิ ขุ ของโลก เป็นบุคคลแห่งกำรเรียนรู้ (Knowledge Worker) ที่
มีลักษณะแสวงหำควำมรู้อยู่เสมอรู้เท่ำทันสถำนกำรณ์กำรเปลี่ยนแปลง ของโลกเพื่อให้สำมำรถ
ปรับตัวได้ดี (วิชัย วงษ์ใหญ่, 2554) กำรสร้ำงควำมเข้มแข็งของภำคีต่ำงๆ เข้ำมำมีส่วนร่วมในกำร
บริหำรกำรศึกษำ ดังเช่น ครู ผู้ปกครอง สถำบันศำสนำ และชุมชน ให้มีกำรประสำนงำนกันเพื่อ
ปลูกฝังคุณธรรมจริยธรรมให้แก่นักเรียน นักศึกษำระดับต่ำงๆ พร้อมกันน้ันก็วำงแผนจัดกำรเรียน
กำรสอน โดยกำรบูรณำกำรควำมรู้ ทักษะ ในด้ำนคุณธรรมจริยธรรมเข้ำมำในหลักสูตรกำรสอน
อย่ำงผสมกลมกลืน

จำกแนวคิดดงั กล่ำว ผู้เขียนขอสรุปว่ำ ครูยคุ ปฏิรังสรรคก์ ำรศกึ ษำ จะต้องปรบั แปลง
ปรับแต่ง แปลงโฉมแนวคิดเดิมเป็นแนวคิดวิถีชีวติ ใหม่ ดงั ภำพประกอบ 17

ภาพประกอบ 17 ครูยคุ ปฏิรงั สรรคก์ ำรศกึ ษำ

238

ความเปน็ ครูยคุ ปฏิรังสรรค์การศกึ ษา ผู้ชว่ ยศาสตราจารย์ ดร. ศรดุ า ชัยสวุ รรณ

ครูยุคปฏิรังสรรค์กำรศึกษำ ถือว่ำเป็นครูเชิงนวัตกรรม (Innovative Leadership) มีควำม
ชัดเจนในกำรมุ่งพัฒนำนวัตกรรมอย่ำงสร้ำงสรรค์และรับผิดชอบ โดยมีควำมรู้ควำมสำมำรถทักษะ
ที่จำเป็นและมีเจตคติต่อกำรทำงำน กำรพัฒนำนวัตกรรม อันได้แก่ กำรคิดวิเครำะห์ด้วยวิสัยทัศน์
กว้ำงไกล พยำกรณ์กำรเปลี่ยนแปลง ที่จะเกิดขึ้นโดยใช้เทคโนโลยี เพื่อกำรวิเครำะห์และใช้ข้อมูล
สำระสนเทศช่วยในกำรตัดสินใจ กำรคิดริเริ่มสร้ำงสรรค์ช่วยกันปฏิรังสรรค์กำรศึกษำด้วยกำรหำวิธี
ใหม่ในกำรจดั กำรเรยี นรู้ ในสถำนกำรณต์ ่ำงๆ ยึดม่ันในหลกั ธรรมำภบิ ำล

บทสรปุ

ควำมก้ำวหน้ำทำงเทคโนโลยีทำให้กำรเข้ำถึงควำมรู้ทำได้ง่ำยขึ้น ครูยุคใหม่จะต้องเปลี่ยน
บทบำทจำกครูผู้สอนเป็นโค้ช หรือผู้สนับสนุนกำรเรียนรู้ ทำหน้ำที่กระตุ้น สร้ำงแรงบันดำลใจ
ให้คำปรึกษำ ชี้แนะวิธีกำรเรียนรู้วิธีคิดที่สำมำรถบูรณำกำรควำมรู้ และเชื่อมโยงควำมรู้สู่
ชีวิตประจำวันให้แก่ผู้เรียน ครูจึงเป็นกุญแจที่สำคัญที่สุดดอกหนึ่ง ที่จะช่วยสร้ำงสรรค์ปัญญำอัน
สูงสุดของผู้เรียน ช่วยให้ผู้เรียนสร้ำงองค์ควำมรู้ด้วยตนเองให้มำกที่สุด โดยใช้ทฤษฎีปฏิรังสรรค์
(Constructionism) วิชำชีพครูจะมีควำมหมำยมำกขึ้นกว่ำเดิม กำรเรียนกำรสอนจะสนุกสนำน
เน่ืองจำกนักเรียนมีควำมสนใจทำงำนมำกขึ้น ครูก็มีกำลังใจที่จะทำงำนตำมไปด้วย ผลที่ได้รับ
ทำงดำ้ นพัฒนำกำรของนักเรียน ซึง่ เกิดจำกควำมพยำยำมของครูก็เห็นผลชัดเจนขึ้นมำก ไม่เพียงแต่
พัฒนำกำรทำงดำ้ นวิชำกำร แตร่ วมถึงทักษะกำรคิดแก้ไขปัญหำ กำรมีควำมคิดริเริ่ม กำรทำงำนเป็น
ทีม ทำให้เกิดพฒั นำกำรข้ึนอย่ำงเป็นองค์รวม ซึง่ เป็นกำร “สร้ำงมนุษย์” อย่ำงแท้จริง

ครยู ุคปฏิรงั สรรคก์ ารศึกษา

ครู ต้องเป็นผู้ที่มีแรงปรารถนา แรงบันดาลใจในการเรียนรู้ ชี้แนะให้ผู้เรียน

มีจินตนาการ หม่ันการจุดประกายและเสริมแนวคิดเชิงบวก ทาให้ผู้เรียนเกิด
ความหวังหรือความคิดที่ริเริ่มจะทาสิ่งใดสิ่งหนึ่ง พัฒนาความคิดเพื่อการเติบโต
(Growth Mindset) เช่อื มัน่ ในความสามารถของตนเอง เรียนรู้สิ่งใหม่อย่างสม่าเสมอ
มองการเรียนรู้สิ่งใหม่ว่าเป็นโอกาสในการพัฒนา ต้องมีภาวะผู้นาการเรียนรู้ และ
ต้องเรียนรู้ที่รวดเร็ว ทันสมัยและปราดเปรียว (Agile Learners) เพื่อนาความรู้น้ัน
มาถ่ายทอดจนเกิดความสุข คือ “สุข เม่ือ สอน” และเป็นผู้สร้างโลกที่ย่ังยืนใน
สังคมทีเ่ ปลีย่ นแปลง

239

ความเป็นครูยุคปฏิรงั สรรคก์ ารศกึ ษา ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร. ศรดุ า ชยั สวุ รรณ

บรรณานกุ รม

240

ความเปน็ ครูยคุ ปฏิรงั สรรคก์ ารศกึ ษา ผชู้ ่วยศาสตราจารย์ ดร. ศรดุ า ชยั สวุ รรณ


Click to View FlipBook Version