141
ความเป็นครูยุคปฏิรงั สรรค์การศกึ ษา ผูช้ ว่ ยศาสตราจารย์ ดร. ศรดุ า ชยั สวุ รรณ
2. คานงึ ถงึ ศักดิ์ศรคี วามเป็นมนุษย์ (Consider Human Dignity)
มนุษย์ทกุ คนมีคุณค่ำในฐำนะควำมเปน็ มนุษย์หรอื ทีเ่ รำมักเรียกกันว่ำมีศักดิศ์ รีควำมเปน็
มนุษย์ แม้ว่ำมนุษย์จะมีควำมแตกต่ำงกันก็ตำม แต่ทุกคนมีค่ำเหมือนกัน สิทธิมนุษยชนมีลักษณะ
ที่เป็นสำกล ไร้พรมแดน และไม่สำมำรถถ่ำยโอนให้แก่กันได้ โดยต้องคำนึงถึงควำมเสมอภำคและ
หำ้ มกำรเลือกปฏิบตั ิตลอดจนกำรมสี ่วนรว่ มของมนษุ ย์และกำรเป็นส่วนหนึ่งของสทิ ธิน้ัน
นิยำมคำวำ่ ศักดิ์ศรี หรือ Dignity คือระดับชั้นของควำมมีคุณค่ำ น่ำเคำรพ เชื่อถือในตัว
บุคคล กำรเหน็ แก่ศกั ดิ์ศรี คือกำรปฏิบตั ิตนหรอื กำรได้รับกำรปฏิบตั ิตำมหลักกำรพื้นฐำนที่ว่ำ มนุษย์
ทกุ คน มีควำมสขุ สำคัญ (Hornby, 2000) นิยำมน้ีมงุ่ ให้มนุษย์ไว้ศกั ดิศ์ รขี องกนั และกันด้วยกำรปฏิบัติ
ต่อกัน โดยเห็นว่ำทุกคนมีควำมสำคัญเท่ำกัน นิยำมดังกล่ำวดูจะสอดรับกับพฤติกรรมหรือค่ำนิยม
บำงประกำรของชำวตะวนั ตกที่แตกต่ำงจำกชำวเอเชยี หรือคนไทย
ควำมเป็นมำของคำว่ำ ศักดิ์ศรี (Wuerde) ในทำงประวัติศำสตร์ได้มีกำรนิยำมควำมหมำย
ของศักดิ์ศรีไว้แตกต่ำงกันออกไป เช่น ในควำมหมำยของชำวโรมัน ศักดิ์ศรี (Dignitas) หมำยถึง
เกียรติในทำงส่วนบุคคลที่ปรำกฏต่อสำธำรณะ ดังนั้นศักดิ์ศรีในควำมหมำยของชำวโรมัน จึงไม่ใช่
เรื่องของบคุ คลทุกคน หำกแต่หมำย เฉพำะบคุ คลที่ได้รับเกียรติจำกสำธำรณะ (บรรเจิด สิงคะเนติ,
2547) คำว่ำ ศักดิ์ศรีควำมเป็นมนุษย์ถูกนำมำใช้ในกำรแสดงข้อคิดเห็นทั้งด้ำนศีลธรรม จริยศำสตร์
และกำรเมืองในประเด็นที่ว่ำ มนุษย์มีสิทธิภำยในตัวเองที่จะได้รับควำมเคำรพและกำรปฏิบัติ
ต่ออย่ำงมีศีลธรรม ศักดิ์ศรีควำมเป็นมนุษย์เป็นคำที่แปลมำจำกคำว่ำ “Human Dignity” ใน
ภำษำอังกฤษ ซึ่งเป็นศพั ท์ทีน่ กั ปรัชญำ ของประเทศตะวนั ตกได้บัญญตั ิข้ึนในยคุ ที่มีกำรเรียกร้องสิทธิ
มนุษยชน (อุดม รัฐอมฤต และคณะ, 2544) และศักดิ์ศรีควำมเป็นมนุษย์น่ำจะเป็นรำกแก้วหรือเป็น
พืน้ ฐำนของแนวคิดเรอื่ งสทิ ธิมนุษยชน
รัตนะ ปัญญำภำ และคณะ (2558) ได้เขียนถึงศักดิ์ศรีควำมเป็นมนุษย์ ในพระพุทธศำสนำ
คือกำรให้อภัยและชนะใจตนเอง ซึ่งปัจจัยชี้วัดศักดิ์ศรีควำมเป็นมนุษย์ในพระพุทธศำสนำเถรวำทมี
ดงั น้ี
1. มนุษย์ในฐำนะสัตว์ที่มีศักยภำพในกำรพัฒนำตนเองในสมัยพุทธกำล สังคมอินเดียได้
วิวัฒนำกำรมำจนถึงข้ันที่มีกำรแบ่งวรรณะดังที่เรำทรำบกันดีว่ำ มี 4 วรรณะคือ พรำหมณ์ กษัตริย์
แพศย์ ศูทร
142
ความเปน็ ครูยคุ ปฏิรังสรรคก์ ารศกึ ษา ผูช้ ่วยศาสตราจารย์ ดร. ศรดุ า ชยั สุวรรณ
2. มนุษย์ในฐำนะสัตว์ที่มีศักยภำพในด้ำนปัญญำศักยภำพด้ำนควำมคิดหรือปัญญำของ
มนุษย์นับว่ำเป็นศักยภำพที่ยิ่งใหญ่ที่ทำให้มนุษย์สำมำรถมีอำนำจเหนือสิ่งอื่นในโลกได้ และ
ขณะเดียวกันถ้ำศักยภำพด้ำนควำมคดิ และสติปัญญำต่ำก็ย่อมส่งผลต่อควำมตกต่ำของชีวิต ปัญญำ
มีหน้ำทีท่ ำให้คนรจู้ ักตนเองเป็นเครือ่ งมอื ขจดั ควำมกลัวอนั โงเ่ ขลำ
3. มนุษย์ในฐำนะสัตว์ทีม่ ีศกั ยภำพในกำรเอำชนะกิเลส หำกกล่ำวโดยง่ำย ได้แก่ กำรควบคุม
ตนคือ ฝืนอำนำจกิเลส ใฝ่ต่ำ คือกำรควบคุมตนเอง ผลลัพธ์ที่จะเกิดจำกกำรควบคุมกิเลสดังกล่ำว
น้ัน คือ มนุษย์สำมำรถที่จะทำอะไรได้ดียิง่ ขึน้ กว่ำเดิม
วัชรฤทัย บุญธินันท์ (2562) กล่ำวว่ำ เรำต้องปลูกฝังคุณค่ำเร่ืองกำรเคำรพศักดิ์ศรีของ
ควำมเป็นมนุษย์และควำมเข้ำใจเร่ืองหลักกำรสิทธิมนุษยชนไปพร้อมๆ กัน โดยในส่วนของคุณค่ำ
ก็คงต้องปรับวิธีคิด และกำรปฎิบัติของคนในสังคม เช่น ในเร่ืองกำรมองคนไม่เท่ำกันในสังคมไทย
ก็จะต้องระวังมำกขึ้น โดยเฉพำะผู้ที่อยู่ในสถำนะที่เหนือกว่ำหรือมีอำนำจมำกกว่ำ อย่ำงครูกับ
นกั เรียน ซึ่งเรำยงั ได้ยินขำ่ วเรื่องกำรลงโทษหรือทำร้ำยร่ำงกำยเด็กนักเรียน โดยครู หรือผู้บริหำรอยู่
เป็นระยะๆ หรือเร่ืองกำรล่วงละเมิดทำงเพศ หรือกำรฝังวิธีคิดแบบชำยเป็นใหญ่และควำมสัมพันธ์
เชิงอำนำจด้วย ซึ่งในเร่ืองกำรปรับวิธีคิดและกำรปฏิบัตินี้ก็ต้องปลูกฝังในทุกระดับ ตั้งแต่ครอบครัว
ไปถึงสถำบนั กำรศกึ ษำ โดยเรำตอ้ งสรำ้ งวัฒนธรรมกำรเคำรพสิทธิมนษุ ยชน ในส่วนควำมเข้ำใจเร่ือง
หลกั กำรสิทธิมนุษยชน เรำกค็ งต้องทำให้ควำมรู้เร่อื งน้ีเข้ำไปอยู่ในสงั คมมำกขนึ้
ดังนั้น กำรเรียนกำรสอนจึงมุ่งเน้นให้นักศึกษำมีควำมเข้ำใจในปรัชญำแนวคิดทำง
สิทธิมนุษยชนที่เคำรพศักดิ์ศรีควำมเป็นมนุษย์ โดยใช้วิธีวิจัยที่หลำกหลำยในกำรเข้ำถึงองค์ควำมรู้
โดยมุ่งเน้นให้ผู้เรียนได้มีประสบกำรณ์ตรงจำกกำรลงพื้นที่เก็บข้อมูลจำกกลุ่มเป้ำหมำยจริง ท้ังใน
ส่วนของกำรเรียนกำรสอนที่เป็นหลักสูตรในระดับปริญญำตรีจนถึงระดับปริญญำเอก โดยมี
กำรพัฒนำหลักสตู รอบรมครูและอำจำรย์ และทำงำนกับกลุ่มเยำวชน ปัจจัยชี้วัดควำมมีศักดิ์ศรีของ
มนุษย์ ได้แก่ ควำมสำมำรถในกำรพัฒนำตนเอง ควำมสำมำรถด้ำนปัญญำ และควำมสำมำรถใน
กำรเอำชนะกิเลส
สรุปได้ว่ำ กำรคำนึงถึงศักดิ์ศรีควำมเป็นมนุษย์ หมำยถึง กำรเคำรพศักดิ์ศรีของควำมเป็น
มนุษย์และควำมเข้ำใจเร่ืองหลักกำรสิทธิมนุษยชน ให้คุณค่ำของคนทุกคนอย่ำงเสมอภำค เกียรติ
ศักดิ์แห่งควำมเป็นมนุษย์ คุณค่ำของมนุษย์ ที่เพื่อนมนุษย์พึงปฏิบัติต่อกัน แม้แต่กำรได้รับควำม
คุ้มครองจำกระเบียบ ขอ้ บังคับ หรอื กฎหมำยอย่ำงเสมอภำค
143
ความเปน็ ครูยคุ ปฏิรงั สรรคก์ ารศกึ ษา ผชู้ ่วยศาสตราจารย์ ดร. ศรดุ า ชยั สุวรรณ
3. พร้อมให้ความช่วยเหลือเพื่อนมนุษย์ (Helping Fellow Humans)
Aristotle นักปรำชญ์ชำวกรีก กล่ำวว่ำ มนุษย์เป็นสัตว์สังคม (Men are Social Animal)
กล่ำวคือ มนุษย์ส่วนใหญ่ต้องกำรอยู่รวมกันเป็นกลุ่ม ยกเว้นแต่ผู้ซึ่งตั้งใจจะปลีกวิเวกซึ่งเป็น
ข้อยกเว้น กำรอยู่รวมกันเป็นกลุ่มของมนุษย์น้ันเกิดจำกควำมจำเป็น 3 ประกำร ใหญ่ๆ คือ (วิชัย
เทียนถำวร, 2562)
3.1 มนุษย์มีควำมจำเป็นที่ต้องอยู่รวมกันเป็น “กลุ่ม” เพื่อร่วมแรงร่วมใจกันเพื่อ
“กำรอยู่รอด” ของมนุษย์เองที่เรียกว่ำ กำรอยู่รอดของเผ่ำพันธุ์โดยจะต้องร่วมมือกันต่อสู้กับสัตว์
ร้ำยที่จะเข้ำมำคร่ำชีวิตมนุษย์ รวมท้ังกำรต่อสู้กับเผ่ำพันธุ์อื่นที่อำจจะเข้ำมำรุกรำนแย่งอำหำรและ
จบั ไปเป็นทำส
3.2 มนุษย์จำเป็นต้องอยู่รวมกัน เพื่อทำกิจกรรมที่เอื้ออำนวยประโยชน์ต่อคนส่วนรวม
เนื่องจำกไม่สำมำรถกระทำด้วยเพียงหนึ่งคนหรือสองคน เป็นต้นว่ำกำรสร้ำงกำแพงหมู่บ้ำน หรือ
กำแพงเมืองต้องใช้คนเป็นจำนวนมำกในกำรสร้ำงสิ่งก่อสร้ำงดังกล่ำว หรือกำรสร้ำงสะพำนข้ำม
แมน่ ้ำ กต็ ้องอำศัยควำมรว่ มมอื จำกคนจำนวนมำก เพรำะมีขอบข่ำยของงำนที่เกินกว่ำควำมสำมำรถ
ของมนษุ ย์เพียงคนเดียวหรอื คนไม่กีค่ น
3.3 มนุษย์มีควำมต้องกำรและควำมจำเป็นทำง “จิตวิทยำ” ที่จะอยู่ร่วมกัน เพื่อให้เกิด
ควำมอบอุ่นและมีควำมรสู้ ึกเปน็ ชุมชนเดียวกัน ควำมตอ้ งกำรจิตวิทยำนี้ มีแม้กระทั่งในกลุ่มสัตว์และ
อยู่ที่รวมกันเป็นกลุ่มเป็นฝูง เช่น หมำป่ำ ฝูงนก และส่วนใหญ่จะเป็นสิ่งที่มีควำมใกล้เคียงกัน เช่น
มนษุ ย์เผ่ำเดียวกันอยู่รว่ มกันเปน็ กลุ่ม กำรอยู่ร่วมกนั ของคนตำ่ งเผ่ำกเ็ ป็นสิ่งที่เกิดขึ้นโดยเฉพำะอย่ำง
ยิง่ ในปจั จบุ ัน
มนุษย์ถูกสร้ำงมำในสภำพที่อ่อนแอ ต้องอยู่ร่วมกันเป็นสังคม ต้องพึ่งพำอำศัยซึ่งกันและ
กัน ไม่มีมนุษย์คนใดที่สำมำรถดำรงชีวิตอยู่ได้ด้วยตัวเพียงคนเดียว แต่มนุษย์นั้นจำเป็นต้องได้รับ
กำรช่วยเหลือจำกผู้อื่นเพื่อดำรงชีวิต นับต้ังแต่เรำเกิดมำเรำก็ได้รับกำรช่วยเหลือกำรเลี้ยงดูจำกพ่อ
แม่ ผู้ปกครอง เม่ือเรำเติบโตขึ้นเรำก็ได้รับกำรช่วยเหลือจำกเครือญำติ มิตรสหำย และผู้คนรอบตัว
เรำในสังคมมำกขึ้นๆ จนกระทั่งเรำตำยเรำก็ยังได้รับกำรช่วยเหลือจำกผู้อื่นอีกเช่นกัน ดังนั้นกำรให้
ควำมช่วยเหลือระหว่ำงมนษุ ย์นั้นถือเป็นพื้นฐำนของกำรดำรงชีวิตของมนุษย์ กำรให้ควำมช่วยเหลือ
ซึ่งกันและกันระหว่ำงมนุษย์นั้น นอกจำกจะเป็นพื้นฐำนของกำรดำรงชีวิตแล้วยังเป็นพื้นฐำนของ
กำรอยู่รว่ มกันในสงั คมอย่ำงเปน็ สุข กำรที่ผคู้ นในสงั คมนน้ั ต่ำงให้ควำมช่วยเหลือกันและกันในกิจกำร
ต่ำงๆ สร้ำงประโยชนต์ ่ำงๆ ให้เกิดข้ึนท้ังทำงดนุ ยำและศำสนำน้ัน ย่อมทำให้สงั คมนน้ั พัฒนำและอยู่
144
ความเป็นครูยคุ ปฏิรงั สรรคก์ ารศกึ ษา ผชู้ ่วยศาสตราจารย์ ดร. ศรดุ า ชัยสุวรรณ
ร่วมกันอย่ำงเป็นสุข แต่หำกสังคมใดขำดแคลน หรือไร้ ซึ่งกำรให้ควำมช่วยเหลือต่อกัน แน่นอน
สงั คมนน้ั ย่อมล้ำหลงั และจะเกิดควำมเสียหำยต่ำงๆ ตำมมำในไม่ช้ำ
ในปัจจุบันกำรเปลี่ยนแปลงที่มำพร้อมกับควำมเจริญด้ำนวัตถุที่เกิดขึ้นอย่ำงรวดเร็วภำยใต้
ภำวะวิกฤตสังคมไทยปัจจุบันที่คนส่วนใหญ่ มักดิ้นรนต่อสู้เพื่อตนเองไม่สนใจว่ำจะเกิดอะไรขึ้นกับ
ส่วนรวมเปน็ สิง่ ที่ยำก ที่ทุกคนรู้จักแต่จะใช้เพื่อประโยชน์ของตนเองเท่ำนั้น ถ้ำทุกคนยังนิ่งเฉยปล่อย
ให้คนในชำติ ขำดจิตสำธำรณะไปเร่ือยๆ สักวันหนึ่งประเทศชำติคงไม่เหลืออะไร ถึงเวลำที่ทุกคน
จะต้องร่วมมือกันในกำรปลกู ฝังจิตสำธำรณะให้เกิดกับบคุ คลในชำติ กำรพัฒนำด้ำนจิตใจ และสังคม
ที่มกั จะถูกละเลยไป โดยเฉพำะกำรพัฒนำทักษะกำรสื่อสำรโดยกำรใช้ปิยวำจำ ภำพกำรเห็นอกเห็น
ใจและคำนึงถึงประโยชน์ของผู้อื่น กำรมีน้ำใจไมตรีที่ดีต่อกันจึงจะอยู่กันได้อย่ำงสันติสุข ควำมมี
น้ำใจเป็นเร่ืองที่ทุกคนทำได้โดยไม่ต้องใช้เงินทองมำกมำยเพียงแต่แสดงควำมเมตตำกรุณำต่อเพื่อน
มนุษย์ โดยกำรช่วยเหลือเล็กๆ น้อยๆ ก็เป็นกำรแสดงน้ำใจได้ ดังที่จรรยำบรรณวิชำชีพครูได้ระบุถึง
จรรยำบรรณต่อผู้ร่วมประกอบวิชำชีพว่ำผู้ประกอบวิชำชีพทำงกำรศึกษำ พึงช่วยเหลือเกื้อกูลซึ่งกัน
และกันอย่ำงสร้ำงสรรคโ์ ดยยึดม่ันในระบบคุณธรรม สร้ำงควำมสำมัคคีในหมู่คณะ นักศึกษำวิชำชีพ
ครูจึงต้องมีศรัทธำเคำรพในคุณค่ำผู้อื่น ทักษะกำรสื่อสำรที่ดีกำรสร้ำงสัมพันธภำพที่ดีกับผู้อื่น
เห็นอกเห็นใจ กำรคำนึงถึงประโยชน์ของผู้อื่นตลอดจนมีควำมรับผิดชอบต่อสังคม โดยถือได้ว่ำ
เป็นควำมช่วยเหลือเพื่อนมนุษย์ด้วยกัน ดังที่ ไพฑูรย์ สินลำรัตน์ (2561 ข.) ได้กล่ำวว่ำ ครูต้องรู้
หลักครุศำสตร์อย่ำงดีที่สุด ต้องส่งเสริมให้ผู้เรียนสร้ำงผลงำนได้ ครูต้องเป็นผู้นำและผู้ตำมไป
พร้อมๆ กบั กำรสอน ครตู อ้ งรว่ มทกุ ข์ รว่ มสุขกับสังคม และเปน็ ทุกข์เป็นร้อนกับสังคมด้วย
สถำบัน ครอบครัว สถำบันกำรศึกษำ และผู้ที่เกี่ยวข้องต้องให้ควำมสำคัญในกำรปลูกฝัง
จิตสำนึกให้กับเด็กและเยำวชน ได้รับรู้ถึงคุณค่ำในตัวเอง และเล็งเห็นควำมสำมำรถในกำรทำ
คุณประโยชน์ให้แก่สังคม ไม่ว่ำจะเป็นกำรช่วยเหลือ ควำมไม่เห็นแก่ตัวไม่นิ่งดูดำยต้องเป็นผู้ที่มี
ควำมคิดเชิงบวกหรอื สร้ำงสรรค์ (Positive Thinking) ยิง่ กว่ำน้ัน ต้องเกิดควำมรู้สกึ อยำกเข้ำไปมีสว่ น
ร่วม (Participation) อันก่อให้เกิดกำรเปลี่ยนแปลงไปในทำงที่ดียิ่งขึ้น ดังน้ันถึงเวลำแล้วที่ทุกคน
จะต้องร่วมมือกันปลูกฝังจิตสำธำรณะให้เกิดขึ้นกับบุคคลในชำติ โดยเฉพำะในเด็ก เพรำะเด็กเป็น
วัยที่ผู้ใหญ่สำมำรถปลูกฝังลักษณะอันดีงำมให้เกิดขึ้นได้ง่ำยกว่ำทำในวัยผู้ใหญ่ ดังคำพังเพยที่ว่ำ
“ไม้อ่อนดัดง่ำย ไม้แก่ดัดยำก” เพรำะถ้ำสังคมมีคนที่มีจิตสำธำรณะมำกๆ มีควำมเห็นอกเห็นใจกัน
จะอยู่ร่วมกนั อย่ำงมคี วำมสุข
145
ความเปน็ ครูยุคปฏิรังสรรคก์ ารศกึ ษา ผู้ชว่ ยศาสตราจารย์ ดร. ศรดุ า ชยั สวุ รรณ
พระพทุ ธศำสนำเชอ่ื มน่ั ว่ำมนุษย์เป็นสัตว์ที่ฝึกฝนพัฒนำได้ ซึ่งเรียกว่ำมีศักยภำพ (พระธรรม
ปิฎก (ป.อ. ปยตุ โฺ ต), 2545) ผำ่ นกระบวนกำรศกึ ษำเรียนรู้ ฝึกหัด พัฒนำตนให้เป็นผู้มีควำมสำมำรถ
เป็นคนดี มีควำมคิดเห็นที่ถูกต้อง มีปัญญำพิจำรณำสิ่งต่ำงๆ ด้วยควำมเป็นธรรม สำมำรถกำหนด
เป้ำหมำย ทิศทำงกำรดำเนินชีวิต เลือกทำงเดินชีวิตที่เป็นไปในแนวทำงสร้ำงสรรค์ต่อชีวิต สังคม
และสิ่งแวดล้อมอย่ำงถูกต้องและเหมำะสม จึงเป็นอิสรภำพจำกควำมทุกข์หรอื ปญั หำท้ังปวง ควำมมี
เมตตำต่อกันนี้เป็นควำมละเอียดอ่อนของจิตที่ทำให้เห็นอกเห็นใจในทุกๆ ชีวิต สำมำรถมองเห็น
ควำมสัมพนั ธ์ทีเ่ ชอ่ื มโยงกนั เปน็ วงจรชีวติ ระหว่ำงคน สัตว์ และธรรมชำติมำกยิ่งขึ้น เกิดควำมสะอำด
บริสุทธิ์ประกอบอยู่ในควำมคิด คำพูด และกำรกระทำ มองเห็นควำมเป็นทุกข์ โทษและภัยของ
ควำมรุนแรง มีควำมเข้ำใจในเหตุปัจจัยต่ำงๆ และเรียนรู้หลักสันติวิธีที่จะระงับควำมรุนแรงอันเกิด
จำกคำพดู และกำรกระทำที่ไม่ก่อให้เกิดประโยชน์กบั ผู้ใด สำมำรถขจัดควำมขัดแย้งทั้งต่อตนเองและ
ผู้อื่น อันเป็นแนวทำงในกำรเสริมสร้ำงประโยชน์ควำมสุขควำมเจริญด้ำนสันติภำพสู่สังคมภำยนอก
ได้
ฉะน้ัน ผู้ที่ประกอบวิชำชีพนี้จะต้องประกอบวิชำชีพด้วยควำมรัก และชื่นชมในควำมสำคัญ
ของวิชำชีพ มีจิตสำนึกในกำรธำรง ปกป้อง และรักษำเกียรติภูมิของวิชำชีพของตน ไม่ให้ใครมำ
ดูหมิ่นดูแคลน หรือเหยียบย่ำ ทำให้สถำนะของวิชำชีพตกต่ำหรือ มัวหมอง (ภำนุวัฒน์ ติดทะ และ
พนมพร จนั ทร์ปัญญำ, 2558) ตำมที่จรรยำบรรณวิชำชีพครไู ด้ระบุจรรยำบรรณต่อผู้รบั บริกำรไว้
ดงั น้ี
1. ต้องรัก เมตตำ เอำใจใส่ ช่วยเหลือ ส่งเสริม ให้กำลงั ใจแก่ศิษย์ และผรู้ บั บริกำรตำม
บทบำทหนำ้ ทีโ่ ดยเสมอหน้ำ
2. ต้องส่งเสริมให้เกิดกำรเรียนรู้ ทักษะ และนิสัยที่ถูกต้องดีงำมแก่ศษิ ย์ และผรู้ บั บริกำร
ตำมบทบำทหน้ำที่ อย่ำงเต็มควำมสำมำรถด้วยควำมบริสุทธิใ์ จ
3. ต้องประพฤติ ปฏิบัติตน เปน็ แบบอย่ำงทีด่ ี ทั้งทำงกำย วำจำ และจติ ใจ
4. ต้องไม่กระทำตนเปน็ ปฏิปักษ์ ต่อควำมเจรญิ ทำงกำย สตปิ ัญญำ จติ ใจ อำรมณ์ และ
สงั คมของศษิ ย์ และผรู้ บั บริกำร
5. ต้องให้บริกำร ดว้ ยควำมจรงิ ใจ และเสมอภำค โดยไม่เรียกรับ หรอื ยอมรับผลประโยชน์
จำกกำรใช้ตำแหน่งหน้ำที่โดยมิชอบ
146
ความเปน็ ครูยคุ ปฏิรงั สรรค์การศกึ ษา ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร. ศรดุ า ชยั สวุ รรณ
รวมทั้งจรรยำบรรณต่อผู้ร่วมประกอบวิชำชีพที่ครูพึงช่วยเหลือเกื้อกูล ซึ่งกันและกันอย่ำง
สร้ำงสรรค์ โดยยึดมั่นในระบบคุณธรรม สร้ำงควำมสำมัคคีในหมู่คณะ ทั้งนี้กำรให้บริกำรเป็น
พืน้ ฐำนของผทู้ ีม่ อี ยู่ในมนษุ ย์ทกุ คน ซึง่ ปรำรถนำที่จะกระทำควำมดีต่อเพื่อนมนุษย์และสิ่งแวดล้อมที่
อยู่รอบตัวเรำ มองเห็นควำมสุข ควำมทุกข์ของเพื่อนมนุษย์ มีควำมปรำรถนำดี อดทน เสียสละ
ช่วยเหลือผู้อ่นื โดยไม่หวังสง่ิ ตอบแทน ลดควำมเหน็ แก่ตัว มีควำมเมตตำ เอื้อเฟื้อต่อเพื่อนมนุษย์มำก
ขึน้ ส่งผลใหส้ ังคมอยู่รว่ มกนั อย่ำงสงบสุข ซึ่งกำรให้บริกำร กำรช่วยเหลือเกื้อกูลกนั เป็นคุณลักษณะที่
สำคัญของกำรมีจิตสำธำรณะ และเป็นหัวใจสำคัญอย่ำงยิ่งของกำรยกระดับคุณค่ำทำงจิตใจของ
มนุษย์ให้เป็นผู้ที่รู้จักรักษำคุณประโยชน์ของส่วนรวม กำรช่วยเหลือซึ่งกันและกัน ตลอดจนร่วมมือ
กนั พัฒนำสังคม และประเทศชำติใหม้ ีควำมสงบสขุ ตลอดไป
จำกสถำนกำรณ์กำรแพร่ระบำดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนำ 2019 (COVID-19) ในรอบปี
2563 – ปัจจุบัน กำรให้ควำมช่วยเหลือเพื่อนมนุษย์ด้วยกันคงเป็นกิจกรรมที่สำคัญขององค์กร
บริษัท สถำบันกำรศึกษำตลอดจนหน่วยงำนกำรกุศลอื่นๆ ที่มีวัตถุประสงค์หลักในกำรช่วยเหลือ
สมำชิกในสังคมด้วยกันกิจกรรมที่เกิดขึ้นอำจยกตัวอย่ำงให้เห็นชัดเจน คือ กิจกรรมของนักศึกษำ
สถำบันต่ำงๆ ที่เข้ำมำช่วยเหลือบุคลำกรทำงกำรแพทย์ หรือผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับกำรป้องกันหรือ
ช่วยเหลือผู้ติดเชื้อ ซึ่งกิจกรรมต่ำงๆ เหล่ำนี้ช่วยแบ่งเบำพละกำลังของบุคลำกรทำงกำรแพทย์
เพรำะไวรัสโคโรนำ 2019 (COVID-19) ส่งผลกระทบกับคนทั้งโลก มนุษยชำติคงต้องช่วยเหลือซึ่ง
กนั และกัน เกิดศักยภำพของกำรช่วยเหลือกันให้ผ่ำนพ้นวิกฤตินี้ไปได้ ผู้เขียนขอยกตัวอย่ำงกิจกรรม
ของนักศึกษำวิชำชีพครูที่พึงจะทำได้เช่น กำรบริจำคหน้ำกำกอนำมัย กำรร่วมเป็นจิตอำสำใน
กำรช่วยเหลือบุคลำกรทำงกำรแพทย์ในกำรฉีดวัคซีนให้กับผู้สูงวัย หรือประชำชนบุคลทั่วไป กำรให้
ควำมรู้เกี่ยวกับกำรป้องกันตนเองให้แก่ชุมชนเพื่อนำเอำควำมรู้ควำมสำมำรถที่มีอยู่มำทำประโยชน์
กลับคืนสสู่ งั คม เพอ่ื เปน็ ส่วนหนึง่ ของ “จติ วิญญำณทีแ่ ท้จรงิ ” ของวิชำชีพครู
สรปุ ได้วำ่ ควำมพร้อมให้ควำมช่วยเหลือเพื่อนมนษุ ย์ หมำยถึง หนำ้ ทีข่ องมนษุ ย์ในควำมมี
เมตตำต่อกัน มีจิตที่เห็นอกเห็นใจช่วยเหลือเกื้อกูลเพื่อนมนุษย์ด้วยกัน มองเห็นกำรแบ่งปันเป็นเร่ือง
ที่พึงกระทำต่อกันเม่ือเห็นเพื่อนร่วมชุมชน สังคม หรือโลกเกิดควำมทุกข์ร้อนและต้องกำร
ควำมช่วยเหลือ “กำรให้” จึงเป็นสิ่งที่ถึงกระทำเพรำะเป็นกำรหยิบยื่นบำงสิ่งบำงอย่ำงแก่ผู้อื่นที่
กำลังขำดหรือด้อยกว่ำ อำจเรียกได้ว่ำ กำรช่วยเหลือหรือกำรให้เป็นกำรส่งต่อควำมสุขให้เพื่อน
มนุษย์ด้วยกัน
147
ความเป็นครูยคุ ปฏิรังสรรคก์ ารศกึ ษา ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร. ศรดุ า ชัยสวุ รรณ
บทสรปุ
“กำรศึกษำ” เป็นเคร่ืองมือสำคัญในกำรพัฒนำมนุษย์ เป้ำหมำยของกำรจัดกำรศึกษำ
เพื่อให้ผู้เรียนเป็นมนุษย์ที่สมบูรณ์ สถำบันผลิตครูมีภำรกิจหลักในกำรสร้ำงและพัฒนำครูให้มี
คุณภำพ มีจิตสำนึกในกำรปฏิบัติตนสมกับควำมเป็นมนุษย์ที่สมบูรณ์ อยู่ร่วมกันในสังคมได้อย่ำง
สงบสุข บัณฑิตครูในอนำคตจะมีคุณค่ำอย่ำงสมบูรณ์ ต้องผ่ำนกระบวนกำรขัดเกลำทำงสังคมจำก
สถำบนั ต่ำงๆ เพือ่ ให้กำรอยู่ร่วมกันในสังคมอย่ำงสงบสุข ท่ำมกลำงสภำพปัจจุบันที่คนส่วนใหญ่เน้น
วัตถุนิยมและบริโภคนิยมมำกเกินไป ทำให้เกิดควำมบกพร่องในด้ำนคุณธรรม โดยเฉพำะกำรขำด
เมตตำ กำรไม่เคำรพกติกำของสังคม และกำรละเมิดสิทธิของผู้อื่น สะท้อนให้เห็นว่ำกำรสร้ำงควำม
เป็นมนุษย์ยังมีควำมบกพร่องและไม่สมบูรณ์ สถำบันกำรศึกษำระดับอุดมศึกษำที่มีบทบำทในกำร
ผลติ บัณฑิตออกไปพฒั นำประเทศชำติ
กำรสรำ้ งควำมเป็นมนุษย์ที่สมบูรณ์จะบรรลตุ ำมเป้ำหมำยได้อย่ำงมปี ระสิทธิผลคงต้องได้รับ
ควำมรว่ มมอื จำก ครู คณำจำรย์ผู้ทำหน้ำที่อบรมสัง่ สอนโดยตรง บทบำทครู ผู้สร้ำงควำมเป็นมนุษย์
ประกอบด้วยลักษณะ 3 ประกำร ดังต่อไปนี้คือ 1) ควำมเป็นมนุษย์ที่สมบูรณ์ 2) คำนึงถึงศักดิ์ศรี
ควำมเป็นมนษุ ย์ และ 3) พร้อมให้ควำมช่วยเหลือเพื่อนมนุษย์ ซึ่งเป็นควำมท้ำทำยในกำรผลิตครูใน
อนำคตเพื่อยกระดับกำรศกึ ษำของประเทศและยกระดับวิชำชีพครูให้เป็นวิชำชีพชั้นสูง หำกผู้สอนทุก
คน ตระหนักถึงควำมรับผดิ ชอบในฐำนะครูอำจำรย์ ที่นอกจำกจะประสิทธิ์ประสำทวิชำควำมรู้ให้แก่
ศิษย์แล้วยังมีหน้ำที่ต้องปลูกฝังและส่งเสริมคุณธรรม จริยธรรม เพื่อให้ศิษย์เป็นคนดี โดยจัด
กิจกรรมต่ำงๆ สอดแทรกกำรเรียนกำรสอนในวิชำของตน พร้อมด้วยกำรเอำใจใส่ดูแลอบรมส่ังสอน
ด้วยควำมเมตตำ และประพฤติตนเป็นแบบอย่ำงที่ดีให้แก่ศิษย์อย่ำงสม่ำเสมอ โดยไม่ละเลยหรือ
เพิกเฉยกำรสร้ำงควำมเปน็ มนษุ ย์ที่สมบูรณ์
148
ความเปน็ ครูยุคปฏิรงั สรรค์การศกึ ษา ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร. ศรดุ า ชัยสวุ รรณ
ครผู ู้สรา้ งความเป็นมนษุ ย์
ความตระหนักถึงความรับผิดชอบในหน้าที่ของครู โดยปลูกฝังและส่งเสริม
คุณธรรม จริยธรรม เพื่อให้ศิษย์เป็นคนดี มีความเป็นมนุษย์ที่สมบูรณ์ คานึงถึง
ศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ และ พร้อมให้ความช่วยเหลือเพื่อนมนุษย์ โดยอาศัย
การผสมผสานศาสตร์และศิลป์ ในการจัดกิจกรรมการเรียนรู้เพื่อเสริมสร้าง
ภูมิคุ้มกันด้านจิตนิยม มากกว่าวัตถุนิยมในโลกดิจิทัล ให้เป็นบุคคลที่มีคุณค่าและ
มีประโยชน์ตอ่ การสรา้ งความเจริญก้าวหน้าให้แก่ประเทศชาติ
149
ความเปน็ ครูยคุ ปฏิรงั สรรค์การศกึ ษา ผู้ชว่ ยศาสตราจารย์ ดร. ศรดุ า ชยั สุวรรณ
บทที่ 5
ครูกับการสร้างสานึก
ความเปน็ พลเมือง
150
ความเปน็ ครูยคุ ปฏิรงั สรรคก์ ารศกึ ษา ผชู้ ่วยศาสตราจารย์ ดร. ศรดุ า ชยั สวุ รรณ
151
ความเปน็ ครูยุคปฏิรงั สรรค์การศกึ ษา ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร. ศรดุ า ชยั สวุ รรณ
บทที่ 5
ครกู บั การสร้างสานกึ ความเป็นพลเมือง
"...การศึกษาเป็นเคร่อื งมืออนั สาคัญในการพฒั นา ความรู้ความคดิ ความประพฤติ
ทัศนคติ ค่านิยมและคุณธรรมของบคุ คล เพือ่ ให้เปน็ พลเมืองดมี ีคุณภาพและประสิทธิภาพ
เมือ่ บา้ นเมืองประกอบไปดว้ ยพลเมืองที่มีคณุ ภาพและประสิทธิภาพ การพัฒนาประเทศชาติ
กย็ อ่ มทาให้ได้โดยสะดวกราบร่ืนไดผ้ ลที่แน่นอน และรวดเร็ว..."
(พระรำชดำรัส พระรำชทำนแก่ครใู หญ่และนกั เรียน ณ ศำลำดุสิดำลยั พระรำชวังดสุ ิต
วันที่ 22 กรกฎำคม 2520) (ดำวพ์ งษ์ รตั นสวุ รรณ, 2562)
พระรำชดำรัสของพระบำทสมเด็จพระเจ้ำอยู่หัว ในรัชกำลที่ 9 ทรงเน้น ในเร่ืองกำรศึกษำ
ที่เป็นเคร่ืองมือที่สำคัญในกำรสร้ำงและพัฒนำหล่อหลอมคนให้เป็นทรัพยำกร ที่มีคุณภำพจำก
ควำมสำคัญดังกล่ำว สำนักงำนคณะกรรมกำรกำรศึกษำแห่งชำติ จึงได้กำหนดแนวทำงกำรพัฒนำ
เด็กและเยำวชนไทยใหเ้ ป็นพลเมืองดี โดยกำหนดไว้ในพระรำชบัญญัติกำรศึกษำแห่งชำติ พ.ศ. 2542
และที่แก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2545 มำตรำที่ 6 ควำมว่ำ กำรจัดกำรศึกษำต้องเป็นไปเพื่อ
พฒั นำคนไทยใหเ้ ปน็ มนุษย์ที่สมบูรณ์ทั้งร่ำงกำย จิตใจ สติปัญญำ ควำมรู้และคุณธรรม มีจริยธรรม
และวัฒนธรรม และมำตรำที่ 7 ควำมว่ำ ในกำรดำรงชีวิตสำมำรถอยู่ร่วมกับผู้อื่นได้อย่ำงมีควำมสุข
ในกระบวนกำรเรียนรู้ต้องมุ่งปลูกฝังจิตสำนึกที่ถูกต้องเกี่ยวกับกำรเมือง กำรปกครองในระบอบ
ประชำธิปไตยอันมีพระมหำกษัตริย์ทรงเป็นประมุขรู้จักรักษำและส่งเสริมสิทธิ หน้ำที่ เสรีภำพควำม
เคำรพกฎหมำย ควำมเสมอภำคและศักดิ์ศรีควำมเป็นมนุษย์มีควำมภำคภูมิใจในควำมเป็นไทยรู้จัก
รักษำผลประโยชน์ส่วนรวมและของประเทศชำติ รวมท้ังส่งเสริมศำสนำศิลปะ วัฒนธรรมของชำติ
กำรกีฬำ ภูมิปัญญำท้องถิ่นภูมิปัญญำไทย และควำมรู้อันเป็นสำกล ตลอดจนอนุรักษ์ทรัพยำกร
ธรรมชำติและสิ่งแวดล้อมมีควำมสำมำรถในกำรประกอบอำชีพ รู้จักพึ่งตนเองมีควำมคิดริเริ่ม
สร้ำงสรรค์ ใฝ่รแู้ ละเรียนรู้ดว้ ยตนเองอย่ำงตอ่ เนื่อง (สำนักงำนเลขำธิกำรสภำกำรศกึ ษำ, 2546)
152
ความเป็นครูยคุ ปฏิรงั สรรคก์ ารศกึ ษา ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร. ศรดุ า ชยั สวุ รรณ
อย่ำงไรก็ตำม มิติด้ำนรักษำและส่งเสริมสิทธิ หน้ำที่ เสรีภำพควำมเคำรพกฎหมำย ควำม
เสมอภำคและศักดิ์ศรีควำมเป็นมนุษย์มีควำมภำคภูมิใจในควำมเป็นไทยรู้จักรักษำผลประโยชน์
ส่วนรวมและของประเทศชำติ หรือที่เรียกว่ำ ควำมเป็นพลเมืองได้ก่อให้เกิดกำรเปลี่ยนแปลงอย่ำง
รวดเร็วในยุคของคนรุ่นใหม่ กำรปลูกฝังคุณธรรมจริยธรรมให้แก่คนในสังคมได้ถูกละเลยและให้
ควำมสำคัญน้อยลงไป ควำมเป็นพลเมืองจึงเป็นเคร่ืองมือนำพำประเทศให้อยู่รอดและก้ำวพ้น
วิกฤตกำรณ์ต่ำงๆ ได้เป็นอย่ำงดี กำรสร้ำงตระหนัก ควำมจำเป็นและคุณค่ำจะส่งผลให้ประชำชน
เป็นพลเมืองทีม่ คี ณุ ภำพ และส่งผลตอ่ กำรสร้ำงสรรค์สังคมที่เข้มแข็ง และมีคุณภำพหลำยประเทศที่
พัฒนำแล้วมีควำมตระหนักดีในเร่ืองดังกล่ำว จึงให้ควำมสำคัญต่อกระบวนกำรพัฒนำคนต้ังแต่
ระดับเยำวชน และขับเคลื่อนกำรศึกษำเพื่อสร้ำงควำมเป็นพลเมือง (Civic/ Citizenship Education)
เข้ำสู่ระบบกำรศกึ ษำ
ครูต้องมีหน้ำที่และรับผิดชอบมำกมำย โดยเฉพำะอย่ำงยิ่งงำนสอนเป็นหน้ำที่ครูที่มุ่งให้
ศิษย์รับกำรบ่มเพำะและนำควำมรู้ไปเติมเต็มให้กับชีวิต ในด้ำนกำรให้ควำมรู้ต่ำงๆ ที่จะเป็นข้อมูล
สำหรับกำรถ่ำยทอดต่อศิษย์น้ันต้องเป็นข้อมูลที่มำจำกกำรพิจำรณำไตร่ต รองจำกครูแล้วเช่นกัน
กำรบ่มเพำะและกำรถ่ำยทอดดังกล่ำว ต้องสำมำรถปรับเปลีย่ นพฤติกรรมของศิษย์ให้เป็นสมำชิกที่ดี
ในสังคม รับผิดชอบต่อตนเองและสังคมและที่สำคัญต้องแสดงออกถึงกำรมีคำรวธรรมเป็น
พฤติกรรมที่แสดงให้เห็นถึงควำมเคำรพซึ่งกันและกัน เคำรพในระเบียบกฎเกณฑ์หรือระเบียบ
ข้อบังคับของสังคมส่วนรวม มีควำมสำมัคคีธรรม เป็นพฤติกรรมที่แสดงออกของบุคคลในกำรอยู่
ร่วมกันในสังคมและมีกำรทำงำนร่วมกันด้วยควำมเต็มใจเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกัน ดังที่ผู้เขียนจะได้
นำเสนอเนื้อหำเกี่ยวกบั หนำ้ ที่และควำมรับผิดชอบของครู ควำมเป็นพลเมือง และควำมเป็นพลเมือง
ต่ืนรู้ ดงั สำระต่อไปนี้
หนา้ ทแ่ี ละความรบั ผิดชอบของครู
“ครู” เป็นผู้ที่มีบทบำทและหน้ำที่สำคัญในทุกภำคส่วนของกำรศึกษำ ดังนิยำมของคำว่ำครู
ทีว่ ำ่ ครคู ือ ผู้ที่ให้ควำมรู้ไม่จำกัดทุกที่ทุกเม่ือ ครูต้องเต็มไปด้วยควำมรู้และรู้จักขวนขวำยหำควำมรู้
ใหม่ สะสมควำมดี มีบำรมีมำก และครูที่ดีจะต้องไม่ปิดบังควำมรู้ ควรมีจิตวิญญำณของควำมเป็น
ครู (ดำว์พงษ์ รัตนสุวรรณ, 2559) กำรจัดกำรศึกษำเพื่อให้ผู้เรียนเกิดกระบวนกำรเรียนรู้ ตระหนัก
ถึงสิทธิ หน้ำที่ เสรีภำพควำมเคำรพกฎหมำย ควำมเสมอภำคและศักดิ์ศรีควำมเป็นมนุษย์มีควำม
ภำคภมู ิใจในควำมเป็นไทย ดงั ที่ผเู้ ขียนจะกล่ำวถึงหนำ้ ทีแ่ ละควำมรับผดิ ชอบของครดู งั ตอ่ ไปนี้
153
ความเปน็ ครูยคุ ปฏิรังสรรคก์ ารศกึ ษา ผชู้ ่วยศาสตราจารย์ ดร. ศรดุ า ชัยสวุ รรณ
หน้าท่ขี องครู
ครู เป็นอำชีพที่เก่ำแก่ที่สุดอำชีพหนึ่งในโลก สรรพวิทยำกำรท้ังหลำยของมวลมนุษย์ ถูก
ถ่ำยทอดจำก “ผู้รู้” สู่ “ผู้เรียน” มำกที่สุด ไม่ว่ำจะเป็นในระบบหรือนอกระบบ ระบบกำรเรียน
กำรสอนทำให้วิวัฒนำกำรของมนุษย์เป็นไปอย่ำงรวดเร็ว เพรำะกว่ำเรำจะรู้จักใช้หินเป็นเคร่ืองมือก็
กินเวลำนับแสนปี กว่ำเรำจะรู้จักทอผ้ำก็กินเวลำนับหม่ืนปี กว่ำเรำจะอยู่เป็นหลักแหล่งมีบ้ำนเมือง
ปึกแผ่น ก็ใช้เวลำนับพันปีกว่ำเรำจะผลิตเคร่ืองยนต์ เคร่ืองจักรกลได้ ก็ใช้เวลำหลำยร้อยปี และ
กำรพัฒนำคอมพิวเตอร์ขึ้นมำใช้ก็ใช้เวลำหลำยสิบปี แต่ทั้งหมดนี้เรำสำมำรถถ่ำยทอดโดย
กระบวนกำรเรียนรู้ของมนุษย์ เพียงใช้เวลำไม่กี่ปีเท่ำน้ันมนุษย์รุ่นใหม่ก็จะสำมำรถสร้ำงสรรค์สิ่ง
ใหม่ๆ ต่อไปได้อย่ำงไม่รู้จักจบสิ้น ภำระหน้ำที่ของครูในกำรถ่ำยทอดควำมรู้และพัฒนำควำม
สำมำรถของผู้เรียน จึงเป็นหน้ำที่ที่ไม่มีวันจบสิ้น ต้องคงอยู่ตลอดไป โดยมีกำรพัฒนำกระบวนกำร
เรียนรู้อยู่ตลอดเวลำ
โลกเปลีย่ นแปลงอย่ำงรวดเร็วในทุกมิติเป็นผลให้คนต้องปรับเปลี่ยนตนเองไปด้วย สำหรับ
วิชำชีพครู สังคมคำดหวังให้ครูปฏิบัติหน้ำที่อย่ำงมืออำชีพ กล่ำวคือ มีควำมรอบรู้ มีควำมสำมำรถ
และศักยภำพในด้ำนนวัตกรรมกำรสอน รักในอำชีพ และมีจิตวิญญำณควำมเป็นครู ครูอำจำรย์
จะต้องปฏิบัติหน้ำที่และมีควำมรับผิดชอบต่อกำรสอน ถ่ำยทอดศิลปวิทยำกำรทุกสิ่งทุกอย่ำงให้แก่
ศษิ ย์ เป็นกัลยำณมติ รของศิษย์ จะต้องคอยอบรมส่งั สอนให้ศิษย์ตั้งอยู่ในคุณธรรมควำมดีต่ำงๆ ซึ่งมี
นกั วิชำกำรได้ให้ควำมหมำยของคำว่ำ หน้ำที่ ไว้ดังต่อไปนี้
รัตนวดี โชติกพนิช (2550) อธิบำยว่ำ หน้ำที่ หมำยถึง งำนกำรปฏิบัติ กำรบริหำร หรือ
ธรุ กิจที่ตอ้ งกระทำตำมคำสั่งให้ เกิดผลด้วยควำมดี หรอื กำรปฏิบัติงำนตำมตำแหน่ง งำนอำชีพ หรอื
งำนวิชำชีพ หรือเป็นพฤติกรรมที่กำหนดให้กระทำโดยควำมจำเป็นทำงหลักศีลธรรม ควำมต้องกำร
ตำมขนบธรรมเนยี มหรอื ตำมควำมพอใจ โดยอำศัยควำมรู้สกึ นึกถึงควำมถกู ต้องและควำมเหมำะสม
ยนต์ ชุ่มจิต (2553) ได้ให้ควำมหมำยของคำว่ำ หน้ำที่ หมำยถึง กิจที่ต้องทำ หรือสิ่งที่
บคุ คลจำเป็นต้องกระทำ
ศรุดำ ชัยสุวรรณ (2556) ได้ให้ควำมหมำยของ หน้ำที่ (Duty) หมำยถึง ภำรกิจที่ต้องทำ
ตำมกฎหมำย หรือข้อตกลงของกำรปฏิบัติงำนที่ต้องกระทำตำมคำสั่งให้ เกิดผลด้วยควำมดี หรือ
กำรปฏิบัติงำนตำมตำแหน่ง งำนอำชีพ หรืองำนวิชำชีพ หรือเป็นพฤติกรรมที่กำหนดให้กระทำโดย
ควำมจำเป็นทำงหลักศีลธรรม ควำมต้องกำรตำม ขนบธรรมเนียมหรือตำมควำมพอใจ โดยอำศัย
ควำมรสู้ ึกนึกถึงควำมถกู ต้องและควำมเหมำะสม
154
ความเปน็ ครูยคุ ปฏิรังสรรค์การศกึ ษา ผ้ชู ว่ ยศาสตราจารย์ ดร. ศรดุ า ชยั สวุ รรณ
กรมพัฒนำฝีมือแรงงำน กระทรวงแรงงำน (2556) ระบุว่ำ “หน้ำที่” (Duty) หมำยถึง สิ่งที่
ผู้ครอบครองงำนจะต้องรับผิดชอบปฏิบัติ โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อให้เกิดผลงำน ซึ่งตรงกับตำแหน่ง
งำนของตน ท้ังนีใ้ นหน้ำทีแ่ ต่ละหนำ้ ทีจ่ ะประกอบไปด้วย “ภำรกิจ” หลำยๆ ภำรกิจด้วยกนั
สมศักดิ์ สำมัคคีธรรม (2559) ระบุหน้ำที่ หมำยถึง หน้ำที่ที่จะต้องปฏิบัติ ซึ่งถูกระบุไว้
ล่วงหน้ำแล้วในรปู ของกฎระเบียบ กฎหมำย และบรรทัดฐำนทำงสังคม รวมทั้งมำตรฐำนทำงวิชำชีพ
ที่กำหนดไว้ทั้งที่เป็นทำงกำรและไม่เป็นทำงกำร ในบำงครั้งบรรทัดฐำนดังกล่ำวมีกำรระบุไว้อย่ำง
ชัดเจน
Collins (2011) กล่ำวว่ำ หน้ำที่ (Duty) หมำยถึง ภำรกิจที่ต้องกระทำ เพรำะว่ำหน้ำที่เป็น
ส่วนหนึ่งของงำนตำมตำแหน่งที่ได้รับมอบหมำยหรือควำมคำดหวังในสังคม หน้ำที่ของครู คือ
ภำรกิจท้ังปวงทีอ่ ยู่ในควำมรบั ผดิ ชอบของครู หนำ้ ทีค่ รูจึงเปน็ สิง่ ที่หนกั และยิ่งใหญ่
ครู ผู้สอน เป็นผู้ทำหน้ำที่หลักทำงด้ำนกำรเรียนกำรสอน เป็นบุคคลแถวหน้ำที่ต้องสัมผัส
กับผู้เรียน จัดกิจกรรมกำรเรียนกำรสอนหลักและเสริมประสบกำรณ์แก่ผู้เรียน ดูแลชีวิตผู้เรียนใน
โรงเรียน สถำนศึกษำ สนับสนุนให้ผู้เรียนได้พัฒนำเต็มตำมศักยภำพมีอิทธิพลอย่ำงมำกต่อ
ควำมสำเร็จหรือล้มเหลวของผู้เรียนถึงแม้ว่ำระบบกำรศึกษำและแนวทำงกำรจัดกำรศึกษำจะมี
กำรเปลี่ยนแปลงไปอย่ำงไรหำกครูยังคงยึดติดกับกำรสอนแบบเดิมๆ ไม่มีกำรพัฒนำตนเอง ไม่
พัฒนำกระบวนกำรเรียนรู้ ไม่คำนึงผลที่จะเกิดขึ้นจริงกับผู้เรียนกำรปฏิรูปกำรเรียนรู้ก็จะไม่เกิดขึ้น
ดังนน้ั ครูต้องเป็นผู้เปลี่ยนแปลงก่อนเป็นอันดับแรก โดยมีบุคลำกรทำงกำรศึกษำอื่น เป็นผู้สนับสนุน
ทำให้ผู้เรียนเกิดกำรเรียนรู้ที่ดีขึ้นจำกกำรเปลี่ยนแปลงนั้น ปัจจุบันโลกมีกำรเปลี่ยนแปลงอย่ำง
รวดเร็วท่ำมกลำงกระแสวัฒนธรรมที่หลำกหลำย เศรษฐกิจตกต่ำ ประชำกรเพิ่มมำกขึ้นตลอดจน
พฤติกรรมที่เปลี่ยนแปลงไป เกิดกำรแข่งขันอย่ำงรุนแรง จริยธรรมถดถอย ครูจะถ่ำยทอดอะไร
สู่ผู้เรยี น และจะถ่ำยทอดอย่ำงไร เพื่อเตรียมพร้อมรับสิ่งเหล่ำนี้ให้สมกับกำรเป็น “ครูมืออำชีพ” ใน
สังคมปัจจุบันแม้มีควำมสลับซับซ้อน แต่เม่ือพิจำรณำหน้ำที่ของผู้ประกอบวิชำชีพครู ซึ่งเป็นวิชำชีพ
ที่ต้องมีปฏิสัมพันธ์กับผู้เรียน ผู้ปกครอง ชุมชน สังคมโดยมีเป้ำหมำยหลักในกำรพัฒนำผู้เรียน
ซึง่ อบุ ล เลี้ยววำรณิ (2556) ได้จำแนกหนำ้ ที่ของครูเปน็ 7 หนำ้ ที่ ดังน้ี
1. หน้าท่ขี องครูตอ่ ตนเอง
ครคู วรมีหน้ำทีท่ ี่พึงปฏิบัติต่อตนเอง ดังน้ี
1.1 ครูควรทำหน้ำที่ ดูแลเอำใจใส่ ดูแลสุขภำพร่ำงกำยของตนให้แข็งแรง และรักษำ
สขุ ภำพจิตของตนเองให้ผ่องใสเสมอ เพื่อสำมำรถทำหนำ้ ที่ควำมเปน็ ครูได้อย่ำงสมบูรณ์
155
ความเปน็ ครูยุคปฏิรงั สรรคก์ ารศกึ ษา ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร. ศรดุ า ชัยสุวรรณ
แก่ผู้เรยี น 1.2 ครคู วรพัฒนำตนเองให้ทันสมยั อยู่เสมอ
1.3 ครูควรศึกษำค้นคว้ำเพิ่มพนู ควำมรทู้ ำงวิชำกำรให้แก่ตนเองอย่ำงต่อเน่อื ง
1.4 ครูควรประพฤติตนอยู่ในกรอบแหง่ ศีลธรรม เปน็ ผู้มีคุณธรรม และจรยิ ธรรม
1.5 ครคู วรพฒั นำบคุ ลิกภำพของตนให้เหมำะสมกบั กำรทำหน้ำทีค่ รูที่ต้องเป็นตวั แบบ
1.6 ครูควรมีควำมม่ันใจและศรัทธำในวิชำชีพครู
2.หน้าทข่ี องครตู อ่ ผ้เู รยี น
ครูควรมีหน้ำทีท่ ีพ่ ึงปฏิบตั ิต่อผู้เรยี น ดังน้ี
2.1 ครูมีหน้ำที่ออกแบบกิจกรรมกำรเรียนรู้ และวำงแผนกำรจดั กำรเรียนกำรสอน
ตลอดจนจดั เตรยี มสือ่ อุปกรณ์ เครื่องมือ สภำพแวดล้อมที่เอือ้ ต่อในกำรเรียนรู้
2.2 ครมู ีหน้ำที่และจดั ทำเอกสำรประกอบกำรเรียนรู้ จัดเตรียมแหล่งข้อมูล สถำนที่
จัดกิจกรรมกำรเรียนรู้ และประสำนกับบุคลำกรที่เกี่ยวข้อง เพื่อกำรจัดกระบวนกำรเรียนรู้ที่เน้น
ผเู้ รียนเปน็ สำคญั
2.3 ครูมีหน้ำทีส่ รำ้ งควำมคุ้นเคยกบั ผเู้ รียน รู้จักผู้เรยี นเปน็ รำยบุคคล ศกึ ษำทำควำม
เข้ำใจควำมแตกต่ำงระหว่ำงบุคคลของผู้เรยี น
2.4 ครมู ีหน้ำทีก่ ระตุ้นและเสรมิ แรงเพือ่ ให้ผู้เรยี นมีควำมกระตือรือร้นและสนใจใฝ่เรียน
ใฝ่รู้
2.5 ครมู ีหน้ำที่ประพฤติตนเปน็ ผู้นำและเป็นแบบอย่ำงทีด่ ีที่มคี ุณธรรมแก่ผเู้ รียนแสดง
ควำมรักควำมเมตตำ ควำมห่วงใย เอำใจใส่ดแู ลทุกข์สขุ ของผู้เรยี นทีเ่ ป็นศิษย์อยู่เสมอ
2.6 ครตู ้องทำหน้ำที่เป็นที่ปรึกษำ ให้คำแนะนำแก่ผู้เรียน เพื่อให้ผู้เรียนได้ศึกษำเรียนรู้
และแก้ไขปญั หำต่ำงๆ ด้วยตนเอง
2.7 ครูมีหน้ำที่ปลกู ฝังจติ สำนึกของควำมเป็นพลเมืองดแี ก่ผู้เรยี น
หน้ำที่อบรมคุณธรรมและจริยธรรม (Ethics Instruction) ภำรกิจสำคัญอีกประกำรที่
สังคมคำดหวังไว้กค็ ือ กำรอบรมจรยิ ธรรมให้แก่ศิษย์ จริยธรรมเป็นสิ่งที่ทำให้มนุษย์มีพฤติกรรมต่ำง
จำกสตั ว์ ครูเป็นผู้อบรมกติกำสังคมกฎเกณฑ์ของสังคม ตลอดจนกิริยำมำรยำทที่สังคมพึงประสงค์
ให้ศิษย์ โดยทั่วไปกำรอบรมจริยธรรมน้ันมีหลักกำรสำคัญคือ ครูต้องสั่งสอนสิ่งที่ควรกระทำ สิ่งที่
ควรปฏิบตั ิให้ก่อน ให้เข้ำใจวิธีกำรกระทำสง่ิ ตำ่ งๆ ที่ถูกที่ควรแลว้ ใหศ้ ษิ ย์ได้ปฏิบัติได้ฝกึ ฝนจนได้ รับรู้
ผลจำกกำรปฏิบตั ิดีตำมนนั้ ใหม้ ีประสบกำรณต์ รงวำ่ กำรประพฤติดีนนั้ ทำให้มคี วำมสขุ ได้
156
ความเป็นครูยุคปฏิรังสรรค์การศกึ ษา ผชู้ ว่ ยศาสตราจารย์ ดร. ศรดุ า ชัยสุวรรณ
3.หน้าทข่ี องครูต่อสถานศึกษา
ครูควรมีหน้ำที่ที่พึงปฏิบตั ิต่อสถำนศกึ ษำ ดังน้ี
3.1 ครูมีหน้ำที่สำคัญในกำรรักษำชื่อเสียง สร้ำงชื่อเสียงและควำมน่ำเชื่อถือของสถำน
ศกึ ษำ
3.2 ครมู ีหน้ำทีส่ ร้ำงศรัทธำและควำมน่ำเช่อื ถือให้กับศษิ ย์ ผปู้ กครอง และบุคคลอืน่ ๆ
ทวั่ ไป
3.3 ครูมีหน้ำที่สรำ้ งชือ่ เสียงทำงวิชำกำรจำกควำมสำมำรถในกำรเรียนรู้และพัฒนำตน
อย่ำงตอ่ เนอื่ งในสงั คมแห่งกำรเรียนรปู้ ัจจบุ ัน เพือ่ สร้ำงควำมน่ำเช่อื ถือแก่สถำนศึกษำ
3.4 ครูมีหน้ำที่เอำใจใส่ดแู ลรกั ษำทรัพย์สมบัติและผลประโยชน์ของสถำนศกึ ษำ
3.5 ครมู ีหน้ำที่เปน็ ตัวกลำงให้เกิดกำรเรยี นรู้ รักษำระเบียบวินัย รักษำกติกำต่ำงๆ ของ
สถำนศกึ ษำ ปฏิบัติตนเสมือนเป็นพ่อแมเ่ ปน็ ที่พึง่ ของเดก็
3.6 ครูมีหน้ำที่ช่วยเหลือพัฒนำสถำนศึกษำในทุกด้ำน เช่น ช่วยดูแลอำคำรสถำนที่
กำรใช้งำนของอุปกรณ์เคร่ืองใช้ไฟฟ้ำต่ำงๆ กำรจัดระเบียบของกำรให้บริกำรต่ำงๆ ในสถำนศึกษำ
เปน็ ต้น
4. หนา้ ทข่ี องครตู อ่ ครอบครวั
ครอบครัวเป็นสถำบนั ที่มคี วำมสำคัญอนั ดบั แรกของคนทุกคน ครูในฐำนะที่เป็นสมำชิก
คนหน่งึ ของครอบครัว ย่อมมหี นำ้ ที่ที่พึงปฏิบตั ิตอ่ ครอบครวั ดงั น้ี
4.1 ครูมีหน้ำที่ปฏิบัติเป็นแบบอย่ำงที่ดีให้แก่บุคคลในครอบครัว และทำให้ครอบครัวมี
ควำมสุข
4.2 ครูมีหน้ำทีส่ ่งเสริมสนบั สนนุ บตุ รธิดำได้เล่ำเรียนตำมควำมสนใจอย่ำงเต็มศักยภำพ
4.3 ครูมีหน้ำที่ให้ควำมรักควำมอบอุ่นแก่สมำชิกของครอบครวั เท่ำเทียมเสมอหนำ้
4.4 ครูมีหน้ำที่ประหยัด มัธยัสถ์ อดออมและร่วมสร้ำงฐำนะควำมเป็นอยู่ที่ดีให้
ครอบครวั
4.5 ครูมีหน้ำทีช่ ่วยเหลือเกือ้ กลู ญำตพิ ีน่ อ้ งให้มีควำมสุขตำมสมควรแก่ฐำนะ
157
ความเปน็ ครูยุคปฏิรังสรรค์การศกึ ษา ผู้ชว่ ยศาสตราจารย์ ดร. ศรดุ า ชัยสุวรรณ
5.หน้าทข่ี องครูต่อเพื่อนครู
ในกำรทำงำนรว่ มกันของครูในสถำนศกึ ษำ ครจู งึ มหี นำ้ ที่ที่พึงปฏิบัติตอ่ เพื่อนครูด้วยกัน
ครูควรมีหนำ้ ที่ที่พึงปฏิบัติตอ่ สถำนศกึ ษำ ดังนี้
5.1 ครูมีหน้ำที่ให้ควำมรว่ มมอื ช่วยเหลือซึ่งกันและกนั ระหว่ำงเพื่อนครูในทำงวิชำกำร
5.2 ครูมีหน้ำที่จัดกำรเรียนรู้แทนเมือ่ เพ่ือนครมู ีภำรกิจจำเป็นหรอื เจ็บป่วย
5.3 ครคู วรมีนำ้ ใจ ช่วยเหลืองำนส่วนตัวของเพื่อนครูเท่ำที่จะสำมำรถทำได้ ดูแลรักษำ
ผลประโยชน์ใหแ้ ก่เพือ่ นครู
5.4 ครูควรยอมรับควำมคิดเห็นที่แตกต่ำงของเพื่อนครู ให้ควำมร่วมมือในกำรปฏิบัติ
งำนและรักษำควำมสำมคั คี
5.5 ครคู วรใหเ้ กียรตแิ ละรักษำชื่อเสียงของเพื่อนครูด้วยกนั
6. หน้าทข่ี องครูต่อผู้ปกครอง
ผปู้ กครองเปน็ ผู้มีบทบำทสำคญั ในกำรพฒั นำกำรเรียนรขู้ องผู้เรยี น ซึง่ เปน็ บุตรหลำน
ครูจงึ มหี นำ้ ทีท่ ีพ่ ึงปฏิบัติตอ่ ผปู้ กครอง ดังน้ี
6.1 ครูมีหน้ำที่แจ้งผลกำรเรียนหรือควำมเจริญก้ำวหน้ำของศิษย์ให้ผู้ปกครองทรำบ
เปน็ ระยะๆ อย่ำงตอ่ เนือ่ ง
6.2 ครูมีหน้ำที่ติดต่อประสำนกับผู้ปกครองเพื่อร่วมกันแก้ปัญหำของศิษย์ ในกรณีที่
ศษิ ย์มีปัญหำทำงกำรเรียน มีปัญหำควำมประพฤติ มีปญั หำสุขภำพ หรอื มีปัญหำอน่ื ๆ
6.3 ครูมีหน้ำทีว่ ำงแผนและทำกำหนดกำรเยี่ยมผู้ปกครองเพื่อสร้ำงควำมคุ้นเคย กำร
เชญิ ผปู้ กครองเข้ำร่วมกิจกรรมต่ำงๆ ของสถำนศึกษำ กำรร่วมงำนของผู้ปกครองนักเรียน เช่น งำน
ทำบุญ งำนอุปสมบท งำนศพ หรอื งำนมงคลสมรส
6.4 ครูมีหน้ำที่ในกำรให้ควำมร่วมมือกับชุมชนที่ผู้ปกครองอยู่อย่ำงสม่ำเสมอ และ
ร่วมงำนกับชุมชนในโอกำสทีช่ มุ ชนจดั งำนต่ำงๆ เชน่ งำนประจำปีของวัด หรอื งำนเทศกำลตำ่ งๆ
6.5 ครมู ีหน้ำทีแ่ จง้ ขอ้ มูลข่ำวสำรทีเ่ ป็นประโยชน์ต่อผู้ปกครอง โดยให้ผู้ปกครองทรำบ
เป็นระยะๆ กำรส่งข่ำวสำรอำจผ่ำนทำงนักเรียน หรือติดประกำศตำมที่อ่ำนหนังสือประจำหมู่บ้ำน
เป็นต้น
158
ความเปน็ ครูยุคปฏิรังสรรค์การศกึ ษา ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร. ศรดุ า ชยั สุวรรณ
7.หนา้ ทข่ี องครูต่อสงั คม
ครูเป็นสมำชิกคนหนึ่งของสังคม ซึ่งได้รับกำรยอมรับว่ำเป็นบุคคลที่มีภูมิรู้ ภูมิธรรม
สังคมจงึ คำดหวงั ในตัวครู ครูจงึ มหี นำ้ ทีท่ ี่พึงปฏิบตั ิตอ่ ผปู้ กครอง ดังน้ี
7.1 ครูมีหน้ำทีป่ ระพฤติตนเปน็ แบบอย่ำงที่ดี เป็นต้นว่ำ เปน็ สมำชิกทีด่ ขี องสังคม
7.2 ครูมีหน้ำที่ศึกษำและสำรวจชุมชนที่โรงเรยี นต้ังอยู่ บริบท สภำพแวดล้อม เพือ่ นำ
ผลมำเปน็ ข้อมูลปรับปรงุ พัฒนำชุมชน
7.3 ครูมีหน้ำที่สร้ำงเครือข่ำยควำมสัมพันธ์ที่ดีระหว่ำงชุมชนและสังคม ตระหนักถึง
ควำมรบั ผดิ ชอบต่อสังคมและชมุ ชน ให้ควำมร่วมมอื ในกำรเข้ำร่วมกิจกรรมของสงั คม
7.4 ครูมีหน้ำที่เป็นผู้นำชมุ ชนในกำรทำกิจกรรมเพือ่ กำรพัฒนำด้ำนต่ำงๆ ของสงั คม
7.5 ครมู ีหน้ำที่ให้บริกำรท้ังทำงด้ำนวิชำกำร ด้ำนวิชำชีพ และด้ำนต่ำงๆ แก่ชุมชนและ
ทำนบุ ำรุงสง่ เสริมเผยแพร่ศิลปวัฒนธรรมและเอกลกั ษณ์ของท้องถิ่น
สรุป ครูเป็นผู้ที่มีหน้ำที่สร้ำงประสบกำรณ์กำรเรียนรู้ ให้เกิดในตัวผู้เรียน เพื่อให้มีควำมรู้
ควำมสำมำรถและประสบกำรณ์ในเชิงวิชำกำร นำไปสู่กำรมีสภำพชีวิตควำมเป็นอยู่ที่ดีขึ้น รวมทั้ง
กำรดำรงตนเป็นสมำชิกที่ดีของสังคม ดังน้ันกำรจะพัฒนำกำรศึกษำให้มีคุณภำพจึงย่อมต้องพึ่งพำ
อำศัยครูที่มีคุณภำพ ครูที่มีควำมเป็นครู ครูมีหน้ำที่ในกำรแนะนำ อธิบำยให้เข้ำใจแจ่มแจ้ง คิดสอน
ฝึกให้ศิษย์รู้จักเลี้ยงตัว และดำรงรักษำตนให้เกิดสันติสุขและสันติภำพ บอกศิลปะวิทยำกำรให้แก่
ศษิ ย์โดยสิ้นเชิง ไม่ปิดบังอำพรำงตลอดจนครูมหี นำ้ ทีต่ อ่ ตนเอง ผเู้ รียน สถำนศึกษำ ครอบครัว เพื่อน
ครู ผปู้ กครองและตอ่ สงั คม
ความรบั ผิดชอบของครู
ควำมรับผดิ ชอบของครูเป็นกิจที่ผู้เป็นครูจำเป็นต้องกระทำให้เสร็จสิ้นสมบูรณ์ ซึ่งอำจเป็น
ควำมจำเป็นโดยอำศัยหลักศีลธรรม คุณธรรม จริยธรรม กฎหมำย หรือด้วยควำมสำนึกในควำม
ถูกต้องเหมำะสมก็ได้
ความหมายและประเภทของความรับผิดชอบ
ควำมสำนึกรับผิดชอบ (Accountability) เป็นองค์ประกอบสำคัญของ ธรรมำภิบำล (Good
Governance) ซึ่งมีควำมสัมพันธ์อย่ำงแนบแน่นกับควำมคิดว่ำด้วย ควำมโปร่งใส (Transparency)
กำรขัดกันในผลประโยชน์ (Conflict of Interests) หลักนิติธรรม (Rule of Law) และกำรมีส่วนร่วม
สำธำรณะ (Public Participation) ในแงน่ จี้ งึ อำจกล่ำวได้ว่ำ ควำมสำนึกรบั ผิดชอบ เปน็ มโนทัศนท์ ี่มี
159
ความเป็นครูยคุ ปฏิรังสรรคก์ ารศกึ ษา ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร. ศรดุ า ชัยสวุ รรณ
ควำมสำคัญยิ่ง กำรขำดควำมสำนึกรับผิดชอบยังนำไปสู่ปัญหำกำรบริหำรจัดกำรที่ขำดควำม
โปร่งใสไม่ยึดหลักนิติธรรม กำรทำงำนที่ไร้ประสิทธิภำพและประสิทธิผล ควำมสำนึกรับผิดชอบ
จึงกลำยมำเป็นองค์ประกอบที่สำคัญยิ่งของหลักธรรมำภิบำล (Good Governance) (สมศักดิ์
สำมคั คีธรรม, 2559)
สำนักงำนลูกเสือ ยุวกำชำดและกิจกำรนักเรียน (2552) ระบุว่ำ หลักควำมรับผิดชอบ
หมำยถึง กำรตระหนักในสิทธิและหน้ำที่ ควำมสำนึกในควำมรับผิดชอบต่อสังคม กำรใส่ใจปัญหำ
กำรบริหำรจัดกำร กำรกระตือรือร้นในกำรแก้ปัญหำ และเคำรพในควำมคิดเห็นที่แตกต่ำง รวมทั้ง
ควำมกล้ำทีจ่ ะยอมรับผลดแี ละผลเสียจำกกระทำของตนเอง
ทัศนำ ประสำนตรี (2561) ให้ควำมหมำยว่ำ ควำมรับผิดชอบเป็นลักษณะควำมเป็น
พลเมอื งดที ี่สำคญั อย่ำงยิง่ เป็นปจั จยั อนั สำคญั ทีช่ ่วยให้ทำงำนทุกอย่ำงสำเร็จตำมเป้ำหมำยทันเวลำ
ได้รับกำรยกย่องให้สังคมเป็นระเบียบและสงบสุข ควำมรับผิดชอบเป็นลักษณะของควำมเป็น
พลเมืองอย่ำงหนึ่งนอกจำกควำมมีวินัยทำงสังคม ควำมเอื้อเฟื้อและควำมเกรงใจเน่ืองจำกควำม
รับผิดชอบเป็นลักษณะนิสัยของบุคคล ซึ่งเป็นเคร่ืองผลักดันให้บุคคลปฏิบัติตำมกฎหมำย ระเบียบ
เคำรพสิทธิของผู้อื่น ทำตำมหน้ำที่ของตนและมีควำมซื่อสัตย์สุจริต กำรเป็นคนมีควำมรับผิดชอบนี้
สอดคล้องกับหลักเกณฑ์ของสังคม โดยไม่ต้องมีกำรบังคับจำกผู้อื่น ไม่ทำให้เป็นต้นเหตุของควำม
เสื่อมและควำมเสียหำยแก่สว่ นรวม ทำให้เกิดควำมก้ำวหน้ำสงบสุขเรียบร้อยแก่สงั คม
สรุปได้ว่ำ ควำมรับผิดชอบ (Accountability) หมำยถึง กำรปฏิบัติงำนและหน้ำที่ที่ได้รับ
มอบหมำยให้ดีที่สุดที่จะสำมำรถทำได้เป็นคุณสมบัติที่เชื่อถือได้ของบุคคลในกำรปฏิบัติงำนและ
หน้ำที่ที่ได้รับหมอบหมำยให้ดีที่สุดตำมควำมสำมำรถของตน อำจทำตำมคำสั่ง กฎหมำย หรือ
ควำมรสู้ ึกสำนกึ ดีของบุคคลก็ได้
ควำมสำนึกรับผิดชอบเป็นแนวคิดทำงวิชำกำรที่มีควำมหมำยกว้ำง ซับซ้อน และ
คลุมเครือ แต่ควำมสำนึกรับผิดชอบเป็นแนวคิดที่สำคัญในกำรประพฤติปฏิบัติตนและเป็นองค์
องค์ประกอบหนึ่งของหลักธรรมำภิบำล (Good Governance) ซึ่งมีควำมสัมพันธ์กับควำมโปร่งใส
หลกั นิตธิ รรม กำรมีสว่ นร่วมสำธำรณะและกำรขัดกันในผลประโยชน์ ควำมสำนึกรับผิดชอบมีหลำย
ประเภท และแตล่ ะประเภทต่ำงสอดคล้องกับลักษณะขององค์กำรทีแ่ ตกต่ำงกัน
160
ความเป็นครูยคุ ปฏิรงั สรรคก์ ารศกึ ษา ผ้ชู ว่ ยศาสตราจารย์ ดร. ศรดุ า ชัยสุวรรณ
ประเภทของความสานึกรับผิดชอบ
ประเภทสานกั ความรับผิดชอบ ตามแนวคิดของ Romzek & Dubnick
Romzek & Dubnick และ Romzek ได้แบ่งประเภทควำมสำนึกรับผิดชอบ 4 ประเภท
(Romzek & Dubnick, 1987) ดังตำรำง 3
ตาราง 3 : ประเภทของควำมสำนึกรบั ผิดชอบ
ระดบั ของ แหล่งที่มาของการควบคุม
การควบคุม
ควบคุมสงู / เข้มขน้ มาจากภายในองคก์ าร มาจากภายนอกองค์การ
ควบคุมต่ำ / ไม่เข้มขน้ ควำมสำนึกรบั ผิดชอบที่มำจำก ควำมสำนึกรับผิดชอบที่มำจำก
สำยกำรบงั คับบญั ชำ (Hierarchical กำรตรวจสอบตำมกฎหมำยจำก
Accountability) ภำยนอก (Legal Accountability)
ควำมสำนึกรบั ผิดชอบทีม่ ำจำก ควำมสำนึกรบั ผิดชอบทำงกำรเมอื ง
ควำมเชี่ยวชำญทำงวิชำชีพ (Political Accountability)
(Professional Accountability)
ทม่ี า: Romzek & Dubnick. (1987). Accountability in the Public Sector: Lessons
from the Challenger Tragedy. Public Administration Review. (p. 229).
จำกตำรำง 3 ประเภทของควำมสำนึกรับผิดชอบ สำมำรถอธิบำยได้ดังต่อไปนี้ (Romzek &
Dubnick, 1987)
ประเภทแรก ควำมสำนึกรับผิดชอบที่มำจำกสำยกำรบงั คบั บัญชำ (Hierarchical
Accountability) ผู้บังคับบัญชำเป็นผู้ได้รับสิทธิอำนำจในกำรกำกับ/ ควบคุมกำรดำเนินงำนของ
พนักงำนภำยในองค์กำร เพื่อให้เป็นไปตำมกฎระเบียบและกระบวนกำรที่จัดวำงไว้อย่ำง
ประสิทธิภำพและประสิทธิผล ควำมสำนกึ รบั ผดิ ชอบประเภทนี้จึงเป็นกำรควบคุมภำยในองค์กำรที่มี
ควำมใกล้ชิดและเข้มขน้ สงู โดยเปิดโอกำสใหพ้ นักงำนใช้ดลุ พินจิ ในกำรตดั สินใจตำ่
161
ความเปน็ ครูยคุ ปฏิรังสรรค์การศกึ ษา ผู้ชว่ ยศาสตราจารย์ ดร. ศรดุ า ชยั สุวรรณ
ประเภทที่สอง ควำมสำนึกรับผิดชอบที่มำจำกกำรตรวจสอบตำมกฎหมำยจำกภำยนอก
(Legal Accountability) โดยหน่วยงำนภำยนอกได้รับมอบหมำยให้มีสิทธิอำนำจตำมระเบียบ /
กฎหมำยให้ทำหน้ำที่ในกำรตรวจสอบ แต่องค์กำรที่ถูกตรวจสอบยังคงเป็นอิสระจำกหน่วยงำน
ภำยนอกที่เข้ำมำตรวจสอบ กล่ำวคือ องค์กำรที่ถูกตรวจสอบมิได้ขึ้นต่อหรืออยู่ภำยใต้กำรบังคับ
บญั ชำขององค์กำรตรวจสอบแตป่ ระกำรใด
ประเภทที่สำม ควำมสำนึกรับผิดชอบที่มำจำกควำมเชี่ยวชำญทำงวิชำชีพ (Professional
Accountability) องค์กำรที่ใช้ควำมชำนำญทำงเทคนิคระดับสูง เพื่อก่อให้เกิดประสิทธิภำพใน
กำรจัดกำรกับปัญหำที่ซับซ้อน ซึ่งจำเป็นต้องใช้พนักงำนที่มีควำมเชี่ยวชำญระดับสูง โดยปกติแล้ว
พนักงำนทีม่ ีควำมเช่ยี วชำญระดับสูงมกั ต้องกำรพืน้ ที่ในกำรทำงำนที่เป็นอิสระ (ถูกควบคุมต่ำ) ซึ่งจะ
ทำให้พวกเขำสำมำรถดึงควำมรู้ควำมสำมำรถออกมำใช้ในกำรทำงำนได้อย่ำงเต็มที่ พนักงำน
ประเภทนี้ จงึ ตอ้ งกำรเสรมิ สร้ำงควำมสำนกึ รับผดิ ชอบทีม่ ำจำกตัวเองเป็นสำคัญพวกเขำจึงเรียกร้อง
ควำมไว้วำงใจจำกองค์กำรและผบู้ ังคับบัญชำ เพือ่ ให้พวกเขำได้ดแู ลตวั เองอันเป็นบริบทที่เอื้ออำนวย
ให้เกิดผลกำรปฏิบตั ิงำนทีด่ ีทีส่ ดุ
ประเภทสดุ ท้ำย ควำมสำนึกรบั ผิดชอบทำงกำรเมอื ง (Political Accountability)กำรพิจำรณำ
ควำมสำนึกรับผิดชอบประเภทนี้ เริ่มตน้ จำกกำรตอบคำถำมที่ว่ำ ผู้บริหำรงำนสำธำรณะเป็นตัวแทน
ของใคร? ซึ่งอำจตอบได้ว่ำ เป็นตัวแทนของสำธำรณชนท่ัวไป หรือกลุ่มผลประโยชน์บำงกลุ่ม หำก
ผู้บริหำรงำนสำธำรณะเป็นตัวแทนของคนกลุ่มหนึ่ง (หรือหลำยกลุ่ม) ที่มีขอบเขตชัดเจนก็สำมำรถ
คำดหวังได้ว่ำผู้บริหำรงำนสำธำรณะดังกล่ำวจะต้องทำหน้ำที่ตอบสนองต่อควำม ต้องกำรของ
สำธำรณชนที่เขำเป็นตัวแทน
ประเภทของความสานึกรับผิดชอบ ตามแนวคิดของ Koppell
Koppell (2005) ได้แบ่งประเภทของควำมรับผดิ ชอบได้ดังต่อไปนี้
ประเภทแรก ควำมสำนึกรับผิดชอบด้ำนควำมโปร่งใส / ตรวจสอบได้ (Accountability for
Transparency) เป็นควำมสำนึกรับผิดชอบที่หน่วยงำนรำชกำรจะต้องสำมำรถอธิบำยได้ถึงกำร
กระทำของตน โดยไม่บิดเบือน ซ่อนเร้นหรอื อำพรำงควำมผิดของตนเพื่อหลบหลีกกำรถูกตรวจสอบ
ควำมโปร่งใส / ตรวจสอบได้เป็นเคร่ืองมือสำคัญของหลักธรรมำภิบำล ในทำงปฏิบัติหน่วยงำน
รำชกำร ที่มีควำมโปร่งใสก็จะมีกำรตรวจสอบเป็นระยะๆ รวมท้ังข้อมูลข่ำวสำรของหน่วยงำนก็
จะต้องเข้ำถึงได้โดยสำธำรณชน ส่อื มวลชน กลุ่มผลประโยชน์ และผทู้ ี่สนใจอ่นื ๆ
162
ความเป็นครูยคุ ปฏิรังสรรคก์ ารศกึ ษา ผู้ชว่ ยศาสตราจารย์ ดร. ศรดุ า ชยั สวุ รรณ
ประเภทที่สอง ควำมสำนึกรับผิดชอบด้ำนชดใช้ผลกำรกระทำ (Accountability for Liability)
หมำยถึง ควำมสำนึกรับผิดชอบที่บุคคลหรือ องค์กำรจะต้องเผชิญหน้ำกับผลกำรปฏิบัติงำนของ
ตนเอง โดยจะต้องยอมรับผิดอันเกิดจำกกำรกระทำของตัวเอง และยินดีที่จะถูกลงโทษ อำทิ
สมำชิกสภำผแู้ ทนรำษฎรยอมรับที่จะถูกอภปิ รำย เพื่อถอดถอนในกรณีที่มีกำรกระทำควำมผดิ
ประเภทที่สำม ควำมสำนึกรับผิดชอบด้ำนกำรควบคุม (Accountability for Controllability)
หมำยถึง กำรควำมสำนึกรับผิดชอบที่มีต่อผู้บังคับบัญชำ อันเป็นพื้นฐำนของกำรจัดระเบียบของ
ระบบรำชกำร โดยอำจเป็นกำรควบคมุ โดยผู้บงั คบั บญั ชำกับลูกน้อง หรือระหว่ำงหน่วยงำนต้นสังกัด
กับหนว่ ยงำนระดับล่ำงที่อยู่ภำยใต้กำรดแู ล
ประเภทที่สี่ ควำมสำนึกรับผิดชอบในหน้ำที่ (Accountability for Responsibility หมำยถึง
หน้ำที่ที่จะต้องปฏิบัติ ซึ่งถูกระบุไว้ล่วงหน้ำแล้วในรูปของกฎระเบียบ กฎหมำย และบรรทัดฐำนทำง
สังคม รวมทั้งมำตรฐำนทำงวิชำชีพที่กำหนดไว้ท้ังที่เป็นทำงกำรและไม่เป็นทำงกำร ในบำงคร้ัง
บรรทัดฐำนดังกล่ำวมีกำรระบุไว้อย่ำงชัดเจน เช่น ประมวลจริยธรรมทำงวิชำชีพ คู่มือจรรยำบรรณ
ในกำรปฏิบัติงำน ฯลฯ ซึ่งจะต้องมีกำรอบรมให้แก่พนักงำนของรัฐทุกๆ คนในบำงกรณีบรรทัดฐำน
เหล่ำนีป้ รำกฏในรปู ของหลกั คุณธรรมที่มกี ำรยึดถือปฏิบตั ิต่อๆ กนั มำอย่ำงไม่เป็นทำงกำร
ประเภทสุดท้ำย ควำมสำนึกรบั ผิดชอบด้ำนกำรตอบสนองต่อควำมต้องกำรของผู้ใช้บริกำร
(Accountability for Responsiveness) ควำมสำนึกรับผิดชอบ ในด้ำนนี้วำงอยู่บนพื้นฐำนของแนวคิดที่
ให้ควำมสำคัญกับลูกค้ำในฐำนะ ที่เป็นผู้ใช้บริกำรตำมแนวคิดของกำรจัดกำรภำครัฐแนวใหม่ (New
Public Management) สำมำรถจำแนก ควำมตอ้ งกำร ออกเป็น 2 แบบ คือ Demands (ควำมต้องกำร
ที่มำจำกผู้ใชบ้ ริกำร) กับ Needs (ควำมตอ้ งกำรที่องค์กำรเป็นผู้กำหนด)
ครูและความรับผิดชอบ
กำรจัดกำรศึกษำที่มีคุณภำพและเหมำะสมกับแต่ละพื้นที่ สิ่งสำคัญที่เรำขำดคือ ขำดหลัก
ธรรมำภิบำลในกำรจัดกำรศึกษำ ฉะน้ันโรงเรียนต้องมีควำมรับผิดรับชอบในกำรจัดกำรศึกษำใน
โรงเรียน ทำอย่ำงไรให้คนดี และคนเก่งมำจัดกำรศึกษำ ที่สำคัญต้องมีควำมโปร่งใสในกำรบริหำร
และตรวจสอบได้ (เกษม วฒั นชัย, 2561)
สำนกั งำนปลดั กระทรวงศกึ ษำธิกำร (2552) ได้ระบวุ ่ำ ในกำรประกอบวิชำชีพครู นอกจำก
จะมีมำตรฐำนวิชำชีพครู เป็นแนวทำงกำรดำเนินงำนแล้ว พระรำชบัญญัติกำรศึกษำแห่งชำติ พ.ศ.
2542 และที่แก้ไขเพิม่ เติม(ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2545 ได้กำหนดแนวทำงจัดกำรศกึ ษำเพื่อเป็นแนวทำง
163
ความเป็นครูยุคปฏิรังสรรค์การศกึ ษา ผ้ชู ว่ ยศาสตราจารย์ ดร. ศรดุ า ชัยสุวรรณ
กำรปฏิบัติงำนของผู้มีหน้ำที่จัดกระบวนกำรเรียนรู้ไว้ด้วย ซึ่งผู้ประกอบวิชำชีพครูจะต้องยึดถือ
เปน็ แนวทำงกำรปฏิบัติ เชน่ เดียวกนั ซึ่งมีดังนี้
1. จดั กำรเรยี นกำรสอน โดยยึดหลกั ว่ำผเู้ รียนทุกคนมคี วำมสำมำรถเรียนรแู้ ละพัฒนำ
ตนเองได้ และถือว่ำผู้เรียนมีควำมสำคัญที่สุด รวมถึงจะต้องส่งเสริมให้ผู้เรียนสำมำรถพัฒนำตำม
ธรรมชำติ และเต็มตำมศักยภำพ
2. จัดสำระกำรเรียนรู้ โดยเน้นควำมสำคัญท้ังควำมรู้ คุณธรรม กระบวนกำรเรียนรู้และ
บรู ณำกำรตำมควำมเหมำะสมของแต่ละระดบั กำรศกึ ษำ กล่ำวคือ
2.1 ควำมรู้เกี่ยวกับตนเอง และควำมสัมพันธ์ของตนเองกับสังคม ได้แก่ ครอบครัว
ชุมชนชำติ สังคมโลก รวมทั้งควำมรู้เกี่ยวกับประวัติศำสตร์ ควำมเป็นมำของสังคมไทย และระบบ
กำรเมอื งกำรปกครอง ในระบอบประชำธิปไตย อนั มีพระมหำกษัตรยิ ์ทรงเป็นประมุข
2.2 ควำมรู้และทักษะ ด้ำนวิทยำศำสตร์และเทคโนโลยี รวมท้ังควำมรู้ ควำมเข้ำใจและ
ประสบกำรณ์ เร่ืองกำรจัดกำร กำรบำรุงรักษำ และกำรใช้ประโยชน์จำกทรัพยำกรธรรมชำติและ
สิง่ แวดล้อมอย่ำงสมดลุ ยง่ั ยืน
2.3 ควำมรู้เกี่ยวกับศำสนำ ศิลปะ วัฒนธรรม กำรกีฬำ ภูมิปัญญำไทย และกำร
ประยกุ ต์ใชภ้ ูมปิ ญั ญำ
2.4 ควำมรู้ และทักษะด้ำนคณิตศำสตร์ ด้ำนภำษำ เน้นกำรใชภ้ ำษำไทยอย่ำงถกู ต้อง
2.5 ควำมรู้ และทกั ษะในกำรประกอบอำชีพและกำรดำรงชีวติ อย่ำงมีควำมสขุ
3. จัดเนือ้ หำสำระ และกิจกรรมให้สอดคล้องกับควำมสนใจ และควำมถนัดของผู้เรียน โดย
คำนงึ ถึงควำมแตกต่ำงระหว่ำงบคุ คล
4. ฝึกทักษะ กระบวนกำรคิด กำรจัดกำร กำรเผชิญสถำนกำรณ์ และกำรประยุกต์ควำมรู้
มำใช้เพื่อป้องกนั และแก้ปัญหำ
5. จัดกิจกรรม ให้ผู้เรียนได้เรียนรู้จำกประสบกำรณ์จริง ฝึกกำรปฏิบัติ ให้ทำได้ คิดเป็น
ทำเปน็ รักกำรอ่ำนและเกิดกำรใฝร่ ู้อย่ำงตอ่ เนือ่ ง
6. จัดกำรเรียนกำรสอน โดยผสมผสำนสำระควำมรู้ด้ำนต่ำงๆ อย่ำงได้สัดส่วนสมดุลกัน
รวมทั้งปลกู ฝงั คณุ ธรรม ค่ำนิยมทีด่ ีงำม และคุณลักษณะอันพึงประสงค์ไว้ในทกุ วิชำ
7. จัดบรรยำกำศ สภำพแวดล้อม สื่อกำรเรียน และอำนวยควำมสะดวกเพื่อให้ผู้เรียนเกิด
กำรเรียนรู้ และมีควำมรอบรู้ รวมท้ังสำมำรถใช้กำรวิจัย เป็นส่วนหนึ่งของกระบวนกำรเรียนรู้ท้ังนี้
ผสู้ อนและผเู้ รียนอำจเรียนรู้ไปพร้อมกนั จำกสื่อกำรเรียนกำรสอน และวิทยำกรประเภทต่ำงๆ
164
ความเป็นครูยคุ ปฏิรังสรรค์การศกึ ษา ผชู้ ่วยศาสตราจารย์ ดร. ศรดุ า ชัยสวุ รรณ
8. จัดกำรเรียนรู้ ให้เกิดขึ้นได้ทุกเวลำ ทุกสถำนที่ มีกำรประสำนควำมร่วมมือกับบิดำ
มำรดำ ผู้ปกครอง และบุคลำกรในชมุ ชน ทุกฝำ่ ย เพือ่ ร่วมกนั พัฒนำกำรเรียน ตำมศกั ยภำพ
9. จัดกำรประเมินผู้เรียน โดยพิจำรณำจำกพัฒนำกำรของผู้เรียน ควำมประพฤติ สังเกต
พฤติกรรมกำรเรียน กำรร่วมกิจกรรม และกำรทดสอบควบคู่ไปในกระบวนกำรเรียนกำรสอน ตำม
ควำมเหมำะสมของแต่ละระดบั และรูปแบบกำรศกึ ษำ
10. จัดทำสำระของหลักสูตรในส่วนที่เกี่ยวกับสภำพปัญหำในชุมชนและสังคม ภูมิปัญญำ
ท้องถิ่นรวมท้ังคุณลักษณะอันพึงประสงค์ เพื่อให้ผู้เรียนเป็นสมำชิกที่ดีของครอบครัว ชุมชน สังคม
และประเทศชำติ โดยสำระของหลักสูตร ทั้งที่เป็นวิชำกำรและวิชำชีพ ต้องมุ่งพัฒนำคน ให้มี
ควำมสมดุล ทั้งด้ำนควำมรู้ ควำมคิด ควำมสำมำรถ ควำมดงี ำม และควำมรับผดิ ชอบต่อสังคม
11. ร่วมกับบุคคล ครอบครัว ชุมชน องค์กรชุมชน องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น เอกชน
องค์กรเอกชน องค์กรวิชำชีพ สถำบันศำสนำ สถำนประกอบกำร และสถำบันสังคมอื่น ส่งเสริม
ควำมเข้มแข็งของชุมชน โดยจัดกระบวนกำรเรียนรู้ภำยในชุมชน เพื่อให้ชุมชนมีกำรจัดกำรศึกษำ
อบรม มีกำรแสวงหำควำมรู้ ข้อมูล ข่ำวสำร และรู้จักเลือกสรรภูมิปัญญำและวิทยำกรต่ำงๆ เพื่อ
พัฒนำชุมชนให้สอดคล้องกับสภำพปัญหำและควำมต้องกำร รวมทั้งหำวิธีกำรสนับสนุนให้มี
กำรแลกเปลี่ยนประสบกำรณ์ กำรพัฒนำระหว่ำงชุมชน
12. พัฒนำกระบวนกำรเรียนกำรสอนที่มีประสิทธิภำพ และดำเนินกำรวิจัย เพื่อพัฒนำ
กำรเรียนรทู้ ีเ่ หมำะสมกับผเู้ รียน แต่ละระดบั กำรศกึ ษำ
13. พัฒนำขีดควำมสำมำรถ ในกำรใช้เทคโนโลยีเพื่อกำศึกษำของผู้เรียน เพื่อให้มีควำมรู้
และทักษะเพียงพอที่จะใช้เทคโนโลยี เพื่อกำรศึกษำในกำรแสวงหำควำมรู้ด้วยตนเอง อย่ำงต่อเนื่อง
ตลอดชวี ิต
14. ปฏิบตั ิงำน และประพฤติปฏิบัติตนตำมมำตรฐำนและจรรยำบรรณของวชิ ำชีพครู
ทัศนำ ประสำนตรี (2556) ได้แบ่งควำมรับผดิ ชอบของครู ออกเปน็ 5 ด้ำน ดงั น้ี
1. ควำมรับผิดชอบต่อตนเอง เป็นกำรรับผิดชอบในหน้ำที่หรืองำนที่ได้รับมอบหมำย และ
กำรประพฤติตนทีเ่ หมำะสม ควำมรับผดิ ชอบตนเองของครู ควรมีดงั นี้
1.1 กำรเรียนกำรสอน ครูมีหน้ำที่รับผิดชอบเกี่ยวกับกำรเรียนกำรสอนโดยตรง หน้ำที่
สำคัญทีส่ ุดคือกำรให้ผู้เรยี นเรียนรเู้ นือ้ หำสำระและพฒั นำผู้เรยี นใหเ้ ป็นผู้ใหญ่ที่ดีในอนำคต
1.2 กำรจัดทำแผนกำรสอน ครูมีหน้ำที่รับผิดชอบในกำรจัดทำแผนกำรสอนไว้ล่วงหน้ำ
โดยจัดทำท้ังแผนกำรสอนรำยวัน รำยสัปดำห์ รำยเดือนและรำยปี
165
ความเป็นครูยคุ ปฏิรงั สรรคก์ ารศกึ ษา ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร. ศรดุ า ชัยสวุ รรณ
1.3 กำรรักษำสภำพแวดล้อมให้สะอำดปลอดภัย ครูมีหน้ำที่รับผิดชอบในกำรรักษำ
สภำพแวดล้อมในโรงเรียนให้มีควำมปลอดภัย ต้องตระหนักถึงภัยจำกสิ่งแวดล้อม เพรำะอำจเป็น
อันตรำยต่อผู้เรียน อันตรำยต่อกำรเรียนรู้ของผู้เรียน ดังน้ันครูต้องสร้ำงห้องเรียนให้เอื้อต่อ
กำรเรียนรู้
1.4 กำรให้ควำมช่วยเหลือครูผู้สอนที่ดีต้องให้ควำมช่วยเหลือและให้คำปรึกษำครูผู้สอน
คนอืน่ และช่วยเหลือและให้คำปรึกษำแก่ผู้นำหรอื ผบู้ ริหำรในกำรดำเนินงำนนโยบำยและตำมระเบียบ
กฎหมำยทำงวิชำกำร
1.5 กำรติดต่อสื่อสำร ครูต้องมีกำรสื่อสำรเกี่ยวกับกำรเรียนกำรสอนของผู้เรียน
เพื่อแจ้งให้กับบิดำ มำรดำหรือผู้ปกครองทรำบควำมก้ำวหน้ำของควำมสำเร็จในกำรเรียน และ
รำยงำนให้ผู้บงั คบั บัญชำทรำบ
1.6 กำรประเมินผลกำรปฏิบัติงำน ครูต้องมีกำรประเมินผลในกำรสอนผู้เรียนอย่ำง
ต่อเนอ่ื ง พร้อมกับรำยงำนผลกำรสอบของผู้เรยี น
1.7 บนั ทึกกำรปฏิบตั ิงำนครูต้องมีกำรบันทึกสิ่งตำ่ งๆ เช่น กำรเข้ำร่วมประชุมกำรติดต่อ
ผปู้ กครองผู้เรยี น กำรประสำนงำนกับเจ้ำหนำ้ ทีเ่ พื่อใชเ้ ป็นหลกั ฐำนเม่อื เกิดปัญหำทำงกฎหมำย
2. ควำมรับผิดชอบต่อครอบครัว เป็นกำรช่วยเหลือทำงครอบครัว กำรร่วมกิจกรรมใน
ครอบครวั กำรช่วยแก้ปญั หำในครอบครัว และกำรไม่สรำ้ งควำมเดือดร้อนมำสู่ครอบครวั
3. ควำมรับผิดชอบต่อเพื่อน เป็นกำรไม่เอำเปรียบเพื่อนครูไม่รังแกเพื่อนครู กำรให้
ควำมช่วยเหลือในโอกำสอันควรและกำรมคี วำมรักและควำมจริงใจต่อเพือ่ นครู
4. ควำมรบั ผิดชอบต่อชุมชนและสังคม เป็นกำรเคำรพสิทธิของผู้อื่น กำรใช้สิทธิหน้ำที่กำร
ปฏิบัติตำมกฎหมำย กำรรักษำทรัพย์สมบัติของส่วนรวมและกำรช่วยเหลือแก่ผู้อื่นและ ให้ควำม
ร่วมมือ กบั ชุมชนหรอื ผอู้ ื่น
5. ควำมรบั ผดิ ชอบต่อประเทศชำติ เป็นกำรปฏิบตั ิหนำ้ ทีพ่ ลเมืองดีกำรปฏิบัติตำมกฎหมำย
และกำรอนรุ ักษ์ศิลปวฒั นธรรมรวมถึงทรัพยำกรธรรมชำติของประเทศ
ความรับผิดชอบของครู มีดงั ตอ่ ไปนี้
1. สอนศิลปวิทยำให้แก่ศิษย์ ซึ่งถือเป็นหน้ำที่สำคัญสำหรับครู ครูที่ดีต้องทำกำรสอน
อย่ำงมีประสิทธิภำพ มีกำรพัฒนำกำรสอนให้สอดคล้องกับควำมสำมำรถและควำมสนใจของ
นักเรียน นอกจำกนั้นตอ้ งสำมำรถใหบ้ ริกำรกำรแนะแนวในด้ำนกำรเรียน กำรครองตน และรกั ษำ
166
ความเปน็ ครูยคุ ปฏิรังสรรค์การศกึ ษา ผ้ชู ว่ ยศาสตราจารย์ ดร. ศรดุ า ชัยสวุ รรณ
สุขภำพอนำมยั จัดทำและใช้ส่อื กำรเรียนกำรสอนอย่ำงมีประสิทธิภำพรวมทั้งสำมำรถปรับหลักสูตร
กำรเรียนกำรสอนให้สอดคล้องกับนโยบำยกำรพัฒนำสภำพแวดล้อมของท้องถิ่น และสถำนกำรณ์
บ้ำนเมืองในปัจจุบัน
2. แนะแนวกำรศึกษำและอำชีพที่เหมำะสมให้แก่ศิษย์ เพื่อช่วยให้ศิษย์ของตนสำมำรถ
เลือกวิชำเรียนได้ตำมควำมเหมำะสม ทั้งนี้ครูต้องคำนึงถึงสติปัญญำ ควำมสำมำรถ และควำมถนัด
ของบุคลิกภำพของศษิ ย์ด้วย
3. พัฒนำและส่งเสริมควำมเจริญก้ำวหน้ำของศิษย์ โดยกำรจัดกิจกรรม ซึ่งมีท้ังกิจกรรม
กำรเรียนกำรสอนในหลกั สตู ร และกิจกรรมกำรเรียนกำรสอนนอกหลักสตู ร
4. ประเมินผลควำมเจริญก้ำวหน้ำของศิษย์ เพื่อจะได้ทรำบว่ำ ศิษย์ได้พัฒนำและมีควำม
เจริญ ก้ำวหน้ำมำกน้อยเพียงใดแล้ว กำรประเมินผลควำมเจริญก้ำวหน้ำของศิษย์ควรทำอย่ำง
สมำ่ เสมอ
5. อบรมคณุ ธรรม จริยธรรม ควำมมีระเบียบวินัย และค่ำนิยมที่ดีงำมให้แก่ศิษย์ เพื่อศิษย์
จะได้เป็นผู้ใหญ่ทีด่ ีของสังคมในวนั หน้ำ
6. ปฏิบัติตำมกฎระเบียบของหน่วยงำนและสถำนศึกษำ ปฏิบัติตำมพระรำชบัญญัติครู
และจรรยำบรรณครู เพือ่ เป็นแบบอย่ำงทีด่ ีแก่ศิษย์
7. ตรงต่อเวลำ โดยกำรเข้ำสอนและเลือกสอนตำมเวลำ ทำงำนสำเร็จครบถ้วนตำมเวลำ
และรกั ษำเวลำที่นัดหมำย
8. ปฏิบตั ิงำน ทำงำนในหน้ำทีท่ ี่ได้รบั มอบหมำยอย่ำงมีประสิทธิภำพ
9. ส่งเสริมและพฒั นำควำมรคู้ วำมสำมำรถของคน โดยกำรศกึ ษำค้นคว้ำหำควำมรู้
เพิม่ เติมอยู่เสมอ
สรปุ ได้ว่ำ ควำมรับผิดชอบของครู คือกำรปฏิบัติหน้ำที่สอน ซึ่งหน้ำที่สอนเป็นภำรกิจหลัก
ของบุคคลที่ประกอบวิชำชีพครู ดังน้ันครูจำเป็นต้องกระทำให้เสร็จสิ้นสมบูรณ์ ซึ่งอำจเป็นควำม
จำเป็นโดยอำศัยหลักศีลธรรม คุณธรรม จริยธรรม กฎหมำย หรือด้วยควำมสำนึกในควำมถูกต้อง
เหมำะสมกไ็ ด้
167
ความเปน็ ครูยคุ ปฏิรงั สรรค์การศกึ ษา ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร. ศรดุ า ชัยสวุ รรณ
ความเปน็ พลเมือง
คำวำ่ “พลเมอื ง” เกิดข้ึนครงั้ แรกเมื่อเกิดกำรปฏิวัติใหญ่ในฝร่ังเศสเริ่มต้นเม่ือปี ค.ศ. 1789
ชำวฝร่ังเศสลุกฮือกันขึ้นมำล้มล้ำงระบอบกำรปกครองของพระเจ้ำหลุยส์ที่ 16 ล้มล้ำงระบบชนช้ัน
ต่ำงๆ ขณะนั้นได้แก่ พระรำชวงศ์ ขุนนำง ข้ำรำชกำร สมณะ นักพรต นักบวช และไพร่ ประกำศ
ควำมเสมอภำคของชำวฝรัง่ เศสทุกคน ต่อมำคำวำ่ “Citoyen” จงึ แปลเปน็ “Citizen” ในภำษำองั กฤษ
สำหรับประเทศไทย คำว่ำ “พลเมือง” น่ำจะถูกนำมำใช้สมัยหลังเปลี่ยนแปลงกำรปกครอง พ.ศ.
2475 เนื่องจำกผู้นำคณะรำษฎรบำงท่ำนเคยเรียนที่ประเทศฝร่ังเศส จึงได้นำเอำคำนี้มำใส่ไว้ใน
รัฐธรรมนูญฉบับถำวร ซึ่งประกำศใช้เม่ือวันที่ 10 ธันวำคม พ.ศ. 2475 (ศูนย์ปฏิบัติกำรต่อต้ำนกำร
ทุจรติ กระทรวงคมนำคม, 2562)
คำว่ำ พลเมือง มำจำกภำษำลำตินว่ำ Cives (พลเมือง) ซึ่งเคยใช้ในยุคโบรำณซึ่งเกี่ยวข้อง
กบั ระบบประชำธิปไตยในกรีกและโรมัน ต่อมำในยุคสมัยกลำงไม่ได้นำมำใช้ แต่อย่ำงไรก็ตำม คำว่ำ
พลเมือง ก็มีกำรนำกลับมำใช้อีกในช่วงของกำรปฏิวัติในประเทศอังกฤษ สหรัฐอเมริกำและ
ฝรั่งเศสในปลำยศตวรรษ 18 กำรเป็นพลเมืองมีหลำยมิติ ซึ่งกำรที่จะเป็นพลเมืองได้น้ันจะต้องมี
องค์ประกอบ (Abowitz & Harnish, 2006) ดังตอ่ ไปนี้
1. มีเอกลกั ษณ์ที่มำจำกควำมเป็นสมำชิกของชุมชนทำงกำรเมอื ง
2. ยึดถือคำ่ นิยมเฉพำะและอดุ มคติ
3. มีสทิ ธิและหนำ้ ที่
4. มีสว่ นร่วมทำงกำรเมอื ง
5. มีควำมรู้ ควำมเข้ำใจเกีย่ วกบั กำรเมอื งกำรปกครอง
สำหรบั คำว่ำ พลเมอื ง และ ควำมเป็นพลเมือง ได้มนี กั วิชำกำรให้ควำมหมำย สรุปได้พอ
สังเขป ดังน้ี
Pancer (2015) ให้ควำมหมำยของคำว่ำ พลเมือง หมำยถึง บุคคลที่มีสถำนะที่ชอบด้วย
กฎหมำย ซึง่ ประกอบไปด้วยสิทธิและโอกำส และเปน็ บุคคลทีม่ คี วำมรบั ผดิ ชอบต่อประเทศ
ถวิลวดี บุรีกุล และคณะ (2555) ระบุว่ำ คำว่ำ “พลเมือง” มำจำกภำษำลำตินว่ำ
Cives (พลเมือง) เคยใช้ในยุคโบรำณ ซึ่งเกี่ยวข้องกับระบบประชำธิปไตยในกรีกและโรมัน ต่อมำ
ในยุคสมัยกลำงไม่ได้นำมำใช้ แต่อย่ำงไรก็ตำม คำว่ำ พลเมือง ก็มีกำรนำกลับมำใช้อีกในช่วงของ
กำรปฏิบตั ิในประเทศอังกฤษ สหรฐั อเมริกำและฝรง่ั เศสในปลำยศตวรรษ 18 ซึง่ กำรเป็นพลเมือง
168
ความเป็นครูยคุ ปฏิรังสรรคก์ ารศกึ ษา ผ้ชู ว่ ยศาสตราจารย์ ดร. ศรดุ า ชัยสุวรรณ
มีหลำยมิติ กำรที่จะเป็นพลเมืองได้นั้น จะต้องมีองค์ประกอบดังต่อไปนี้ 1) มีเอกลักษณ์ที่มำจำก
ควำมเป็นสมำชิกของชุมชนทำงกำรเมือง 2) ยึดถือค่ำนิยมเฉพำะและอุดมคติ 3) มีสิทธิและหน้ำที่
4) มีสว่ นร่วมทำงกำรเมอื ง และ 5) มีควำมรู้ ควำมเข้ำใจเกีย่ วกับกำรเมอื งกำรปกครอง
สำนักงำนเลขำธิกำรสภำผู้แทนรำษฎร (2555) ให้ควำมหมำยว่ำ พลเมือง หมำยถึง กำลัง
ของเมือง หมำยถึง คนท้ังหมดซึ่งเป็นกำลังของประเทศ ท้ังทำงเศรษฐกิจกำรทหำรและอำนำจ
ต่อรองกับประเทศอื่น จึงหมำยถึงคนที่สนับสนุนเป็นกำลังอำนำจของผู้ปกครอง เป็นคนที่อยู่ใน
ควำมดูแลของผู้ปกครอง ควำมเป็นพลเมือง ควำมหมำยที่สะท้อนให้เห็นถึงบทบำทหน้ำที่ และ
ควำมรบั ผดิ ชอบของสมำชิกทำงสงั คมทีม่ ตี ่อรัฐ ซึง่ ต่ำงจำกประชำชน ซึง่ มีควำมหมำยว่ำ คนท่ัวไป
ธัญธัช วิภัติภูมิประเทศ (2556) ระบุว่ำ พลเมือง หมำยถึง สมำชิกของชุมชนหรือสังคมที่มี
อำนำจในกำรปกครองตนเอง มีสิทธิเสรีภำพ หน้ำที่ ควำมรับผิดชอบและร่วมแก้ไขปัญหำของสังคม
ท้ังนี้ จะต้องมีควำมเคำรพผู้อน่ื และเคำรพกติกำทีใ่ ช้รว่ มกนั ในสังคม
ทิพย์พำพร ตันติสุนทร (2557) กล่ำวว่ำ พลเมือง หมำยถึง คนที่มีควำมสำมำรถใน
กำรแสดงควำมรับผดิ ชอบท้ังต่อตัวเองและสว่ นรวม มีควำมรแู้ ละช่วยตัดสินใจในปัญหำสำคัญๆ ของ
สงั คม ชมุ ชน และประเทศ มีสว่ นร่วมในควำมคิดอย่ำงอสิ ระ
สำนักงำนเลขำธิกำรสภำกำรศึกษำ (2557) ระบุว่ำหน้ำที่และควำมเป็นพลเมือง หมำยถึง
ภำรกิจที่บุคคลได้รับกำรปลูกฝัง/ สร้ำงจิตสำนึกให้ประพฤติปฏิบัติตำมหลักศีลธรรมและคุณธรรม
ทำงศำสนำ กฎหมำย ขนบธรรมเนียมประเพณี และวัฒนธรรมของชำติ ตลอดจนคำสั่งสอนของพ่อ
แม่ ครู อำจำรย์ หรือจิตสำนึกที่ถูกต้อง เพื่อเป็นสมำชิกที่ดีของสังคม และเป็นกำรสร้ำงคุณค่ำของ
ตนเองให้เป็นที่ยอมรับของสังคม สำมำรถรับผิดชอบตนเองได้ ตลอดจนบุคคลนั้นๆ จะต้องเสียสละ
ควำมรคู้ วำมสำมำรถของตนเอง เพื่อประโยชนต์ ่อสว่ นรวมและควำมเจรญิ ก้ำวหน้ำของประเทศ
บวรศักดิ์ อวุ รรณโณ (2558) กล่ำวว่ำ พลเมอื ง คือผู้ทีเ่ ป็นกำลงั ของเมือง เปน็ ผู้ทีข่ ำดจำก
กำรอยู่ภำยใต้กำรชีน้ ำของผู้ปกครอง ซึ่งเป็นนกั กำรเมือง เป็นข้ำรำชกำร
มำนิจ สขุ สมจติ ร (2558) กล่ำวไว้สอดคล้องกันว่ำ พลเมือง คือผู้ที่เป็นกำลังของบ้ำนเมือง
ที่รวมตัวกันทำเร่ืองดีๆ เพื่อช่วยให้สังคมและประเทศชำติมีควำมเจริญ และเป็นเมืองที่ผู้คน
มีคุณธรรม จริยธรรม ซื่อสัตย์สุจริต ยึดม่ันในควำมถูกต้องชอบธรรม เสียสละ และเป็นคนมีเหตุผล
มีสว่ นร่วมในกำรปกครองประเทศ
169
ความเป็นครูยุคปฏิรงั สรรค์การศกึ ษา ผชู้ ่วยศาสตราจารย์ ดร. ศรดุ า ชัยสุวรรณ
ควำมเป็นพลเมือง (Citizenship) เป็นคุณลักษณะที่พึงประสงค์ที่ทุกสังคมต้องกำร เพรำะ
กำรที่สังคม มีพลเมืองที่เป็นคนดี ปฏิบัติหน้ำที่ที่สังคมกำหนดให้ย่อมทำให้สังคมมีควำมสงบสุข
ซึ่งพจนำนุกรม ฉบับรำชบัณฑิตยสถำน พ.ศ. 2554 (รำชบัณฑิตยสภำ, 2556) ได้ให้ควำมหมำย
ของพลเมือง หมำยถึง ประชำชน รำษฎร ชำวประเทศ ซึ่ง วรำกรณ์ สำมโกเศศ (2554) กล่ำวว่ำ
ควำมเป็นพลเมือง เป็นคำที่มีควำมสำคัญต่อกำรพัฒนำประชำธิปไตย ประชำธิปไตยจะประสบ
ควำมสำเร็จได้ ไม่ใช่เพียงแต่มีรัฐธรรมนูญที่ดีเท่ำน้ัน แต่ประชำชนจะต้องเป็น พลเมือง ตำมระบอบ
ประชำธิปไตยด้วย กล่ำวคือ มีสมำชิกของสังคมที่ใช้สิทธิเสรีภำพ โดยมีควำมรับผิดชอบ เคำรพสิทธิ
ผู้อื่น เคำรพควำมแตกต่ำง เคำรพกติกำ ในนำนำประเทศ อำทิ ประเทศสหรัฐอเมริกำและประเทศ
เยอรมนี จัดให้มีกำรศึกษำ เพื่อสร้ำงควำมเป็นพลเมือง (Civic Education) ขึ้นมำและประสบ
ควำมสำเร็จในกำรสร้ำงพลเมือง จนเป็นตัวอย่ำงให้กับประเทศต่ำงๆ และปัจจุบันกำรศึกษำ
เพื่อสร้ำงควำมเป็นพลเมืองได้กลำยเป็นปัจจัยควำมสำเร็จในกำรปกครองระบอบประชำธิปไตยของ
ประเทศตำ่ งๆ ทวั่ โลก
ปริญญำ เทวำนฤมิตรกุล (2555) ระบุว่ำ ควำมเป็นพลเมือง (Citizenship) ของระบอบ
ประชำธิปไตย หมำยถึง กำรเป็นสมำชิกของสังคม ที่มอี ิสรภำพควบคู่กับควำมรับผิดชอบ และมีสิทธิ
เสรีภำพ ควบคู่กับหนำ้ ที่โดยมีควำมสำมำรถในกำรยอมรบั ควำมแตกต่ำง และเคำรพกติกำในกำรอยู่
ร่วมกัน พร้อมท้ังมีสว่ นร่วมตอ่ ควำมเปน็ ไปและกำรแก้ปัญหำของสงั คมของตนเอง
สำนักงำนปลัดกระทรวงศึกษำธิกำร (2559) ระบุว่ำ ควำมเป็นพลเมือง หมำยถึง
คุณลักษณะของบุคคลที่มีกำรแสดงออกถึงกำรมีควำมรู้ควำมเข้ำใจ ควำมคิดหรือเจตคติ และ
กำรปฏิบัติตนในทำงที่ดีงำมต่อตนเอง ต่อผู้อื่น และต่อสังคม ว่ำเป็นบุคคลที่มีควำมรับผิดชอบต่อ
ตนเอง รบั ผิดชอบต่อสังคม และมีควำมเคำรพผู้อน่ื ตำมระบอบกำรปกครองแบบประชำธิปไตย เพื่อ
ประโยชน์ตอ่ กำรดำรงชีวติ รว่ มกันในสังคมอย่ำงสนั ตสิ ขุ
คณะอนุกรรมกำรนโยบำยปฏิรูปกำรศึกษำในทศวรรษที่สอง ด้ำนพัฒนำกำรศึกษำ เพื่อ
สร้ำงควำมเป็นพลเมืองดี (2554) ได้อธิบำยและนิยำม พลเมือง ไว้ว่ำ พลเมืองในระบอบ
ประชำธิปไตยแตกต่ำงจำกพลเมืองของระบอบอื่นที่พลเมืองจะมี “คุณสมบัติ” อย่ำงไร จะเป็นไป
ตำมที่ผู้มีอำนำจประสงค์จะให้เป็น ขณะที่ระบอบประชำธิปไตย เจ้ำของอำนำจสูงสุดคือ ประชำชน
ดังนั้น ประชำชนซึ่งเป็นเจ้ำของอำนำจจึงกำหนดชีวิตตนเองได้ ประชำชนในระบอบประชำธิปไตย
จึงแตกต่ำงหลำกหลำยได้ เม่ือแตกต่ำงหลำกหลำยได้ จึงต้องเคำรพซึ่งกันและกัน และใช้กติกำ
ในกำรแก้ปัญหำ จึงจะสำมำรถอยู่ร่วมกันและปกครองกันตำมวิถีทำงประชำธิปไตยได้ ดังน้ัน
พลเมอื ง ในระบอบประชำธิปไตย จงึ หมำยถึงสมำชิกของสงั คมทีพ่ ึ่งตนเองและรับผิดชอบตนเองได้
170
ความเปน็ ครูยคุ ปฏิรงั สรรค์การศกึ ษา ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร. ศรดุ า ชัยสุวรรณ
ใช้สิทธิเสรีภำพโดยควบคู่กับควำมรับผิดชอบ เคำรพสิทธิเสรีภำพของผู้อื่น เคำรพควำมแตกต่ำง
เคำรพหลักควำมเสมอภำค เคำรพกติกำ ไม่แก้ปัญหำด้วยควำมรุนแรง ตระหนักว่ำตนเองเป็นส่วน
หนึ่งของสังคม ร่วมรับผิดชอบต่อสังคม มีจิตสำธำรณะ และกระตือรือร้นที่จะรับผิดชอบหรือร่วม
ขับเคลื่อนสังคมและแก้ปัญหำสังคมในระดับต่ำงๆ ต้ังแต่ในครอบครัว ชุมชน จนถึงระดับประเทศ
ระดับอำเซียน และระดบั ประชำคมโลก
จำกผลพวงแห่งควำมเจริญที่รวดเร็วนี้มีผลกระทบกับทุกๆ ภำคส่วน ท้ังส่วนบุคคล
กำรศึกษำ กำรจัดกำรธุรกิจ อุตสำหกรรม รวมทั้งภำคกำรเกษตร ที่นับเป็นส่วนหนึ่งของระบบ
วิถีชีวิตของกำรดำรงชีวิตของมนุษย์ (อำรีย์ นัยพินิจ และคณะ, 2557) โดยที่มนุษย์มีกำรเรียนรู้
โดยธรรมชำติและถ่ำยทอดกำรเรียนรู้ จำกคนรุ่นเก่ำไปยังคนรุ่นใหม่ต่อเน่ืองกันอย่ำงไม่เป็นทำงกำร
เมือ่ มนษุ ย์อยู่รวมกันเปน็ สังคมเปน็ ชุมชนที่ใหญ่ข้ึนกำรดำเนนิ ชีวิตสลับซับซ้อนมำกขึ้น ควำมต้องกำร
ตอบสนองควำมสะดวกสบำยพุ่งขึ้นอย่ำงรวดเร็วจนเกินที่จะยับย้ัง จำกอดีตเรำหำควำมรู้
จำกกำรอ่ำนหนงั สือ อดีตเรำกม็ ีใบลำน แต่ปัจจุบันเรำใช้อินเทอร์เน็ต กำรรับรู้ข่ำวสำรก็เปลี่ยนที่เรำ
เปลี่ยนไปมำก คือ "เปลี่ยนจำกโลกจริงเป็นโลกเสมือนจริง (From Real World to Surreal World) ใน
อดีตสังคมไทยเคยยกย่องครู โดยเปรียบเทียบเป็นปูชนียบุคคลที่รอบรู้ รู้จริง รู้แจ้ง ทั้งนี้เพรำะครูใน
อดีตส่วนใหญ่คือ พระอำลักษณ์ นักปรำชญ์และผู้รู้ในหมู่บ้ำน ซึ่งเป็นที่ยอมรับในฐำนะที่เป็น คนดี
คนเก่ง ในวิชำควำมรู้แขนงต่ำงๆ แต่ในปัจจุบันควำมรู้สึกผูกพันต่อครูดังกล่ำวได้เสื่อมถอยลงอัน
เน่ืองมำจำกครูต้องปรับพฤติกรรมตำมสภำพทำงเศรษฐกิจสังคมที่เปลี่ยนแปลงไป ควำมเชี่ยวชำญ
ทำงวิชำกำรและควำมเอำใจใส่ต่อเด็กลดถอยลง นโยบำยให้ควำมสำคัญต่อกำรศึกษำแต่ละเลย
กำรให้ควำมสำคัญกับครู จึงส่งผลให้คุณภำพกำรศึกษำของประเทศชำติลดลงอย่ำงต่อเน่ือง
(ฤตินนั ท์ สมุทร์ทยั , 2556)
ดังนั้นพลเมืองเป็นเร่ืองที่ต้องอำศัยเวลำนำน หำกไม่เร่งลงมือพัฒนำแก้ไขอย่ำงจริงจัง
อนำคตของประเทศอำจตกอยู่ในสภำวกำรณ์ที่น่ำเป็นห่วงในกำรที่จะยืนหยัดอยู่รอดปลอดภัย
ได้อย่ำงมั่นคงท่ำมกลำงกระแสของกำรเปลี่ยนแปลงที่รุนแรงขึ้นเร่ือยๆ ท้ังนี้เป็นผลมำจำกควำม
ก้ำวหน้ำทำงเทคโนโลยีที่เป็นเสมือนหัวใจสำคัญที่มีผลต่อกำรขับเคลื่อนโลกในศตวรรษที่ 21
กำรเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นไม่เพียงแต่จะส่งผลทำงเศรษฐกิจ สังคมและวัฒนธรรม หำกแต่ส่งผลต่อ
บริบทด้ำนกำรศึกษำหลำยประกำร ต้ังแต่ด้ำนผู้เรียน ครู บุคลำกรทำงกำรศึกษำ และผู้บริหำร
กำรศึกษำ ส่งผลให้วงกำรศึกษำกล่ำวถึงแนวโน้มกำรเปลี่ยนแปลงคร้ังยิ่งใหญ่ (Mega Trends) ที่
เกิดข้ึนบนโลกและส่งผลกระทบที่ยิ่งใหญ่ต่อกำรบริหำรจัดกำรศึกษำไทย
171
ความเปน็ ครูยุคปฏิรังสรรคก์ ารศกึ ษา ผูช้ ่วยศาสตราจารย์ ดร. ศรดุ า ชัยสุวรรณ
กำรศึกษำเป็นหนึ่งในรำกฐำนสำคัญเพื่อยกระดับคุณภำพชีวิตของผู้คน ซึ่งจะนำไปสู่
กำรเปลี่ยนแปลงสังคมโดยรวมให้ดีขึ้น กำรจัดกำรศึกษำเพื่อให้ได้คุณภำพจึงเป็นปัญหำระดับโลก
ระดับประเทศ และระดับท้องถิ่น ขณะที่ตลอดหลำยทศวรรษที่ผ่ำนมำ ปัญหำกำรศึกษำอยู่ในระดับ
ที่ดีขึ้นกว่ำเดิม โดยเฉพำะในกลุ่มประเทศกำลังพัฒนำหลำยประเทศ ทั้งนี้ ควำมล้มเหลว
ทำงกำรเรียนรู้ไม่ได้หมำยถึงแค่กำรอ่ำนไม่ออก หรือคิดคำนวณไม่ได้เท่ำน้ัน แต่ยังหมำยรวมถึงกำร
ที่นักศึกษำเรียนจบ แต่ไม่ได้พัฒนำทักษะกำรคิด (Cognitive Skills) ซึ่งเป็นทักษะที่จำเป็นอย่ำงมำก
ในตอนนี้ คนกลุ่มนี้จึงอำจจะเจอทำงตันในกำรทำงำน และได้งำนที่มีโอกำสเติบโตทำงรำยได้น้อย
เพรำะงำนในตลำดแรงงำนส่วนใหญ่เริ่มเปลี่ยนจำกกำรใช้กำลังทำงกำย (Physical) เป็นงำนที่ต้องใช้
ทักษะทำงควำมคิด รวมถึงทักษะทำงอำรมณ์และสังคม (Socio Emotional Skills) แทน ประกอบกับ
กำรที่เทคโนโลยีเรม่ิ มบี ทบำทในตลำดแรงงำนมำกขึ้นดว้ ย
จำกสภำพสังคมในปัจจุบันมีกำรเปลี่ยนแปลงไป กำรเอำเปรียบในรูปแบบต่ำงๆ ได้เกิดขึ้น
มำกมำยและต่อเนื่อง ขยำยตัวขยำยวง ขยำยรูปแบบวิธีกำรมำกขึ้นจนเป็นที่น่ำวิตก อำชญำกรรม
กำรพนัน กำรใช้สำรเสพติด ครอบครัวแตกแยก กำรทำร้ำยเด็กและผู้หญิงโดยผู้ใกล้ชิด ควำมเสื่อม
ถอยของสถำบันศำสนำ กำรมุ่งเสพวัตถุและบริกำรจนเกินสมควร กำรตกอยู่ในวงจรอุบำทว์ของ
กำรเปน็ หน้ีสนิ ควำมเหล่อื มล้ำทำงเศรษฐกิจและควำมไม่เปน็ ธรรมทำงสังคมที่มีแนวโน้มเพิ่มมำกขึ้น
ควำมเสื่อมโทรมของทรัพยำกรธรรมชำติและสภำพแวดล้อม ภัยพิบัติทำงธรรมชำติและโดยฝีมือ
มนุษย์ที่มีแนวโน้มบ่อยขึ้นและรุนแรงกล่ำวได้ว่ำ สังคมไทยกำลังอยู่ในช่วง วิกฤตทำงคุณธรรม
ควำมดี ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญทำให้ควำมสำมำรถของสังคมเสื่อมถอยด้อยลงไปด้วย (วีรวิท คงศักดิ์,
2555) เศรษฐกิจเริ่มมีควำมซบเซำผคู้ นมีควำมเครียดสูง อำรมณร์ ้อนและรุนแรงมำกขึ้น สภำพจิตใจ
แย่ลงขำดสติศีลธรรม ไม่มีจิตใต้สำนึก เกิดพฤติกรรมกำรเลียนแบบ มีเหตุให้เกิดขึ้นบ่อย ผู้ก่อเหตุ
มีอำยุน้อยลงหรือยังไม่บรรลุนิติบรรลุภำวะ ท้ังยังมีควำมรุนแรงและโหดเห้ียมมำกขึ้นเร่ือยๆ
ส่วนหนึ่งเกิดจำกสภำพแวดล้อม กำรเลี้ยงดูจำกครอบครัว ผู้ปกครองขำดกำรเอำใจใส่ไม่มีเวลำให้
กฎหมำยอ่อนแอไม่มีควำมเด็ดขำดและมีแรงงำนต่ำงด้ำวเข้ำมำทำงำนในประเทศไทยมำกขึ้น
กฎหมำยไม่มีควำมเด็ดขำด จึงทำให้ผู้คนกล้ำที่จะก่อเหตุไม่มีควำมเกรงกลัวต่อกฎหมำย คนใจร้อน
กันมำกขึ้น มีควำมเหลื่อมล้ำทำงสังคม กำรแต่งกำยของผู้หญิงที่มีควำมล่อแหลม มีกำรก่อเหตุ
อำชญำกรรมแบบรำยวันและสื่อทุกวันนี้เข้ำถึงได้ง่ำย และมำกขึ้นจำกกำรมีคุณภำพชีวิตที่ลดลง
ยำกจนลง ปัญหำอำชญำกรรม กำรใช้ควำมรุนแรงในบ้ำน ปัญหำอุบัติเหตุบนท้องถนน กำรทุจริต
คอรัปชัน่ อยู่ในระดับรุนแรง โดยเฉพำะช่วงเศรษฐกิจตกต่ำ ผคู้ นล้มเลิกกิจกำร เกิดปัญหำคนว่ำงงำน
ควำมแตกต่ำงระหว่ำงคนจนกบั คนรวย จงึ ก่อให้เกิดปญั หำอำชญำกรรมที่มีผลกระทบต่อคนใน
172
ความเปน็ ครูยคุ ปฏิรงั สรรคก์ ารศกึ ษา ผ้ชู ่วยศาสตราจารย์ ดร. ศรดุ า ชยั สวุ รรณ
สงั คมไทยท้ังในด้ำนชีวติ ร่ำงกำย และทรพั ย์สิน เป็นปญั หำที่สำคัญมำกที่ตอ้ งกำรแก้ไขให้หมดไป ซึ่ง
มีควำมเป็นไปได้ว่ำสะท้อนวัฒนธรรมที่ผิดพลำดบำงประกำรของคนในสังคมที่มำจำกกระบวนกำร
กล่อมเกลำทำงสังคม ขำดควำมรับผิดชอบต่อสังคมกำรให้กำรศึกษำหรือกำรกล่อมเกลำทำงสังคม
ของไทย จงึ ไม่สอดคล้องกับทั้งเป้ำหมำยของกำรจดั กำรศึกษำ ดังปรำกฏในรำยงำนสถิติคดีประจำปี
งบประมำณ 2562 กรมพินิจและคุ้มครองเด็กและเยำวชน (2563) ต่อไปนี้
ตาราง 4 จำนวนและร้อยละของคดีเดก็ และเยำวชนที่ถกู ดำเนนิ คดีโดยสถำนพินจิ ฯ ทัว่ ประเทศ
ปีงบประมำณ 2562 จำแนกตำมระดับกำรศกึ ษำ
ระดบั การศกึ ษา จานวน ร้อยละ
รวม 20, 842 100.000
ไมไ่ ด้รบั กำรศึกษำ 193 0.93
ประถมศึกษำ 3,439 16.50
มธั ยมศกึ ษำตอนต้น 12,104 58.07
มธั ยมศกึ ษำตอนปลำย 5,097 24.46
อ่นื ๆ 0.04
9
ทม่ี า : กรมพินิจและคุ้มครองเดก็ และเยำวชน. (2563). รายงานสถิตคิ ดีประจาปี
งบประมาณ 2562 กรมพินิจและคุ้มครองเด็กและเยาวชน. หนำ้ 5.
ตาราง 5 จำนวนและร้อยละของคดีเด็กและเยำวชนที่ถูกดำเนินคดีโดยสถำนพินจิ ฯ ทั่วประเทศ
ปีงบประมำณ 2562 จำแนกตำมอำชีพ
อาชีพ จานวน รอ้ ยละ
รวม 20, 842 100.000
นกั เรียน / นกั ศกึ ษำ 6,427 30.84
รับจ้ำง 3,590 17.22
ทำงำนรว่ มกบั ครอบครัว 2,019
ไมไ่ ด้ประกอบอำชพี 8,731 6.69
อำชีพส่วนตวั 41.59
75 0.36
ท่มี า : กรมพินิจและคุ้มครองเด็กและเยำวชน. (2563). รายงานสถิตคิ ดีประจาปี
งบประมาณ 2562 กรมพินิจและคุ้มครองเดก็ และเยาวชน. หนำ้ 6.
173
ความเป็นครูยคุ ปฏิรังสรรคก์ ารศกึ ษา ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร. ศรดุ า ชยั สวุ รรณ
จำกตัวเลขดังกล่ำว เป็นตัวเลขที่น่ำกลัวมำกในปัจจุบันและอนำคต เน่ืองจำกเป็นตัวบ่งชี้
หนึ่งที่จะชี้ให้เห็นว่ำ สังคมไทยยังบกพร่องในกำรสร้ำงควำมเป็นพลเมืองให้กับคนไทย กำรศึกษำยัง
ไม่สำมำรถพฒั นำคนใหเ้ ป็นมนษุ ย์ที่สมบูรณ์ตำมพระรำชบัญญัติกำรศึกษำแห่งชำติ พ.ศ. 2542 และ
ที่แก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2545 ซึ่งในปัจจุบันก็มำกกว่ำ 20 ปีแล้วที่ประเทศไทยได้ประกำศ
แนวทำงกำรปฏิรูปกำรศึกษำตั้งปี พ.ศ. 2542 นอกจำกนี้ยังมีข้อมูลกำรสำรวจของศูนย์วิจัย
มหำวิทยำลัยกรุงเทพได้ทำกำรสำรวจในหัวข้อ “อะไรทำให้กำรศึกษำไทยถดถอย ในควำมคิด
เยำวชน” เม่ือวันที่ 18 กันยำยน 2557 ได้ศึกษำ “กำรศึกษำไทยในปัจจุบันอยู่ในยุค ตกต่ำ ย่ำแย่”
เยำวชนสว่ นใหญ่คิดเปน็ ร้อยละ 66.3 เห็นด้วยกบั คำกล่ำวดงั กล่ำว (โดยใหเ้ หตุผลว่ำครู / อำจำรย์มี
ประสิทธิภำพน้อยลง ระบบกำรเรียนกำรสอนทำให้นักเรียนขำดควำมกระตือรือร้น ติดโลกออนไลน์
มำกไป ฯลฯ) และมีเพียงรอ้ ยละ 7.0 เท่ำน้ันที่ไม่เห็นดว้ ย (โดยให้เหตุผลว่ำ กำรเรียนกำรสอนยังดีอยู่
มีมำตรฐำน ไม่ได้รู้สึกแย่ ฯลฯ) ที่เหลือร้อยละ 26.7 ไม่แน่ใจในส่วนของสำเหตุที่ทำให้คุณภำพ
กำรศกึ ษำไทยอนั ดบั แย่ลงกว่ำประเทศเพื่อนบ้ำน (จำกข้อมูลของ World Economic Forum) เยำวชน
ร้อยละ 70.7 คิดว่ำสำเหตุดังกล่ำวเกิดมำจำกตัวนักเรียนเองที่มีสมำธิ / ควำมตั้งใจเรียนลดลง เช่น
ใช้เวลำกับ Social Media และเร่ืองอื่นๆ มำกกว่ำกำรเรียน รองลงมำร้อยละ 42.5 คิดว่ำมำจำก
ปัญหำกำรเมืองส่งผลทำให้นโยบำยกำรศึกษำไม่ต่อเน่ือง และร้อยละ 35.6 คิดว่ำมำจำกหลักสูตร
กำรเรียนกำรสอนทีไ่ ม่เข้มข้น สำหรับพฤติกรรมที่ไม่เหมำะสมของครู อำจำรย์ ที่เยำวชนเคยพบเห็น
คือ สอนแบบปล่อยเกรด ไม่เข้มงวดไม่จริงจัง (ร้อยละ 77.0) รองลงมำคือ สอนอย่ำงไม่มี
ควำมพร้อม ไม่เตรียมกำรเรียนกำรสอน (ร้อยละ 64.6) และเน้นสอนพิเศษ / เชิญชวนให้เรียนพิเศษ
ไม่เน้นสอนในห้องเรียน (ร้อยละ 56.9)
สำเหตุที่เด็กหรือเยำวชนกระทำควำมผิดอำจเกิดขึ้น เพรำะเหตุผลว่ำเด็กหรือเยำวชนเป็น
ผทู้ ีม่ อี ำยยุ ังนอ้ ย ยังมีภูมิคุ้มกันไม่มำกพอท้ังในด้ำนสติปัญญำ ควำมรู้ควำมสำมำรถ ควำมรู้ผิดชอบ
กำรศึกษำเล่ำเรียนและประสบกำรณ์ชีวิตหรือทักษะในกำรดำรงชีวิตยังน้อยกว่ำผู้ใหญ่ ห้องเรียนใน
สถำนศึกษำจึงถือว่ำเป็นกำรจำลองของระบบสังคม ในกำรอยู่ร่วมกัน เนื่องจำกห้องเรียนเป็นหน่วย
ย่อยของสถำนศึกษำ เป็นสถำนที่ที่เพำะบ่มควำมรู้ ขัดเกลำผู้เรียนในฐำนะเยำวชนให้มีควำมรู้ทั้ง
ทำงด้ำนวิชำกำรและคุณธรรมจริยธรรมและปลอดภัย กำรฝึกทักษะให้ผู้เรียนรู้จักจัดกำรปัญหำ
และควบคมุ อำรมณ์ตนเอง ส่งเสริมกำรเรียนรู้ในกำรอยู่ด้วยกัน ฝึกให้คิดและมีสติก่อนที่จะตัดสินใจ
ในกำรกระทำที่อำจจะส่งผลต่อควำมรุนแรงได้ รวมทั้งส่งเสริมให้หรือเปิดโอกำสให้แก่ผู้เรียน
ได้มีโอกำสเข้ำทำงำนในสถำนประกอบกำรต่ำงๆ ท้ังในและนอกเวลำเรียน เพื่อให้เกิดประโยชน์
ต่อตนเองและสงั คม
174
ความเปน็ ครูยคุ ปฏิรงั สรรค์การศกึ ษา ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร. ศรดุ า ชยั สวุ รรณ
สังคมในปัจจุบันและอนำคตต้องกำรพลเมืองและพลโลก คนรุ่นใหม่ที่มีควำมเมตตำกรุณำ
(Compassion) มีสมรรถนะ (Competent) มีจริยธรรม (Ethic) และกำรเป็นพลเมืองที่รับผิดชอบและรับ
ใช้สังคม (Engaged Citizens) โดยเยำวชนคนรุ่นใหม่จะต้องได้รับกำรพัฒนำควำมเป็นมนุษย์ที่
สมบูรณ์ท้ังกำย ใจ และสมอง ให้เพียบพร้อมด้วยทักษะทำงอำรมณ์ สังคมและควำมมีคุณธรรม ซึ่ง
โดยรวมๆ เรียกว่ำ กระบวนกำรเรียนรู้แนวจิตตปัญญำศึกษำ (อนุชำติ พวงสำลี, 2552) ทำงเลือก
หนึ่งในกำรที่จะแก้ไขวิกฤติสังคมไทยที่เกิดจำกปัญหำทำงกำรเมือง เศรษฐกิจ สังคมและควำม
ขัดแย้งของคนในชำติในยุคปัจจุบัน อยู่ที่กำรปรับเปลี่ยนมำเป็นกำรให้ควำมสำคัญกับกำรเมืองภำค
ประชำชน และกำรสร้ำงจิตสำนึกของพลเมือง ที่เป็นหัวใจสำคัญของประชำสังคมไทย รวมท้ังวิถี
ประชำธิปไตยของพลเมือง ก็นบั ได้วำ่ เปน็ ทำงเลือกที่สำคัญทำงหนึ่งในสังคมปัจจุบัน กำรสร้ำงควำม
เป็นพลเมือง มีควำมจำเป็นต้องสร้ำงควำมตระหนักให้เกิดขึ้นในสังคมสร้ำงควำมรู้ควำมเข้ำใจและ
ควำมต่ืนตัวในวงกว้ำง กำรใช้สื่อมวลชน ทั้งสื่อ โทรทัศน์ วิทยุ สื่อสิ่งพิมพ์ อินเตอร์เน็ต และสื่อ
ทำงเลือกต่ำงๆ ในกำรรณรงค์สร้ำงควำมรู้ควำมเข้ำใจและควำมตื่นตัวในเร่ืองพลเมือง และพัฒนำ
ตนเองให้เป็น พลเมือง รู้จักทำหน้ำที่ รู้จักรักษำสิทธิ และรู้จักเคำรพผู้อื่นเคำรพกติกำ กำรอยู่
ร่วมกนั และร่วมกนั แก้ปญั หำของสงั คมโดยเริ่มต้นที่ตนเองก่อน สำธำรณะที่ดี สังคมที่ดี ก็จะเกิดขึ้น
ได้ดว้ ยควำมเปน็ พลเมืองทีม่ คี วำมรสู้ ึกสำธำรณะเปน็ หน่งึ เดียวกัน ที่จะเชื่อมพลเมืองแต่ละคนเข้ำกับ
สังคมที่กว้ำงขวำงออกไปร่วมกับคนอื่นๆ และจัดให้ควำมสัมพันธ์มีควำมสอดคล้องกับเง่ือนไข
ควำมเปน็ สงั คมของพลเมืองที่ควรจะเป็นไปในแต่ละหว้ งเวลำของกำรเปลีย่ นแปลงของสงั คม
ควำมท้ำทำยใหม่ของกำรจัดกำรศึกษำและพัฒนำสังคมไทย โดยใช้สถำนกำรณ์ทำงสังคม
ปัจจุบันเป็นเคร่ืองมือสำคัญในกำรสร้ำงควำมเป็นพลเมือง ที่ใช้ชื่อว่ำ พลเมืองเข้มแข็ง เพื่อปลุก
กระแสควำมต่ืนตัว และควำมตระหนักของคนในบริบทสังคมไทยให้เกิดควำมกล้ำหำญในกำรยก
สถำนะของตนเองให้เป็นพลเมือง อันเป็นควำมหวังใหม่ของสังคมไทยในปัจจุบัน แนวทำงกำรสร้ำง
พลเมอื ง ด้วยกำรปฏิรูปรงั สรรคก์ ำรเรียนรใู้ หม่ และกำรปรบั เปลีย่ นแนวคิดให้ปรำศจำกกำรชี้นำทำง
กำรเมือง ซึ่งควำมเป็นพลเมืองในควำมใหม่ คือ พลเมืองที่มีส่วนเป็นผู้กระทำ มีจิตสำธำรณะ เห็น
ประโยชน์ส่วนรวม มีควำมรับผิดชอบให้กับผู้เรียนในทุกระดับ ท้ังนี้เพื่อให้เป็นผู้ที่เห็นชอบด้วย
กฎหมำย คำนึงถึงสิทธิและโอกำส และเป็นผู้ที่มีควำมรับผิดชอบต่อประเทศ ดังที่ Bank J. A. (ED)
(2004) ได้กล่ำวว่ำ พลเมือง (Citizen) คือ สมำชิกของชำติและสมำชิกของชำติจะต้องมีสิทธิที่จะ
ได้รับควำมคุ้มกัน ส่วนควำมเป็นพลเมือง (Citizenship) คือ กำรที่สมำชิกของชำติมีสิทธิประโยชน์
และภำระหน้ำที่ จิตสำนึกพลเมือง (Civic Mindedness) คือ ควำมรู้สึกภำยในที่เกิดขึ้นกับบุคคลใน
ด้ำนกำรมจี ติ อำสำเพือ่ ชุมชน มีควำมรับผดิ ชอบต่อชุมชน
175
ความเป็นครูยุคปฏิรังสรรค์การศกึ ษา ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร. ศรดุ า ชัยสุวรรณ
กำรศึกษำหรือกำรจัดกิจกรรมกำรเรียนรู้ เพื่อสร้ำงควำมเป็นพลเมือง (Civic Education)
เป็นปัจจัยที่สำคัญอย่ำงยิ่งในกำรพัฒนำสมำชิกของสังคม ให้มีควำมรู้ ควำมเข้ำใจมีจิตสำนึกของ
ควำมเป็นพลเมืองมีเจตคติ ที่ถูกต้องสอดคล้องกับแนวทำงประชำธิปไตย มีควำมคิดอย่ำงมี
วิจำรณญำณโดยปรำศจำกอคติและกำรครอบงำ มีคุณลักษณะและปฏิบัติตนได้อย่ำงถูกต้อง
เหมำะสม เห็นคุณค่ำในควำมเป็นมนุษย์อย่ำงมีศักดิ์ศรีมีควำมเสมอภำคกันและรักในควำมยุติธรรม
ทำให้สังคมเกิดกำรพัฒนำอย่ำงสมดุลและย่ังยืนด้วย ท้ังนี้คนไทย 4.0 จะเกิดขึ้นได้จะต้องมี
กำรเรียนรใู้ น 4 เรือ่ งสำคญั คอื (สุวิทย์ เมษิณทรีย์, 2559)
1. กำรเรียนรู้ เพื่อสร้ำงเสริมแรงบนั ดำลใจให้มีชีวติ อยู่อย่ำงมคี วำมหมำย (Purposeful
Learning)
2. กำรเรียนรู้ เพื่อบ่มเพำะควำมคิดสร้ำงสรรค์ และควำมสำมำรถในกำรรงั สรรค์ส่ิงใหมๆ่
(Generative Learning)
3. กำรเรียนรู้ เพื่อปลกู ฝังจิตสำธำรณะ และยึดประโยชน์สว่ นรวมเป็นทีต่ ้ัง (Mindful
Learning)
4. กำรเรียนรู้ เพือ่ มุ่งกำรทำงำนให้เกิดผลสัมฤทธิ์ (Result-Based Learning)
สรปุ ได้ว่ำ ควำมเป็นพลเมืองจึงเป็นเร่ืองของกำรอยู่ร่วมกันในสังคม ร่วมกันสร้ำงข้อตกลง
หรือกติกำในกำรดำเนินชีวิต ซึ่งอำจอยู่ในรูปของประเพณี วัฒนธรรม บรรทัดฐำน คุณธรรม
จริยธรรม จำรีต กฎหมำย ที่สมำชิกในกลุ่มยอมรับร่วมกันว่ำเป็นสิ่งที่ดีงำม เหมำะสมกับชุมชนหรือ
สังคมของตน โดยมีกระบวนกำรอบรมขัดเกลำให้สมำชิกได้เรียนรู้และยอมรับร่วมกัน ข้อตกลงหรือ
กติกำดังกล่ำวมีส่วนสำคัญในกำรสนับสนุนให้สมำชิกคำนึงถึงควำมอยู่รอดของสังคมและเห็นแก่
ประโยชน์ส่วนรวมมำกกว่ำประโยชน์ส่วนตน กล่ำวคือ เป็นผู้ที่มีจิตสำนึกและยึดถือคุณธรรมเพื่อ
ส่วนรวมทีเ่ รียกว่ำ Civic Virtue นั่นเอง ควำมเป็นพลเมือง จึงได้ถูกกำหนดเป็นควำมสัมพันธ์ระหว่ำง
ประชำชนและรัฐ ในขณะที่รัฐให้ควำมคุ้มครองประชำชนในกำรมีส่วนร่วมที่จะรักษำสถำบัน ท้ังนี้
โดยระบอบที่แตกต่ำงกันได้มีควำมสัมพันธ์กับรูปแบบของกำรเป็นพลเมืองที่ต่ำงกัน นอกจำกน้ัน
บทบำทของพลเมืองยังมีควำมแตกต่ำงกันภำยใต้ระบอบกำรปกครองที่ต่ำงกัน เพรำะต้องกำร
กำรสนับสนุนสิง่ ที่ต่ำงกันของระบอบเหล่ำนี้
สิรพิ รรณ นกสวน สวสั ดี และคณะ (2553) กล่ำวว่ำ สำหรบั กำรพัฒนำควำมเปน็ พลเมือง
ให้กับเยำวชนเป็นหน้ำที่โดยตรงของสถำบันกำรศึกษำ โดยสถำนศึกษำต้องแสดงบทบำทสำคัญใน
กำรเรียนกำรสอนเร่อื งค่ำนิยม ทศั นคตคิ วำมรู้ และทกั ษะให้กบั นักเรียน กำรบ่มเพำะให้เคำรพหนำ้ ที่
176
ความเปน็ ครูยคุ ปฏิรงั สรรคก์ ารศกึ ษา ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร. ศรดุ า ชยั สุวรรณ
ในบรรทัดฐำนของกำรมีปฏิสัมพันธ์ร่วมกัน มีหลักกำรตัดสินใจในฐำนะบุคคลหรือในฐำนะกลุ่ม
เคำรพในสิทธิของผู้อน่ื และกำรมสี ่วนรวมทำงสงั คมกำรเมอื งเป็นกระบวนกำรเรียนรู้ตลอดชีวิต และ
เกิดข้ึนในชีวติ ประจำวนั
วิชัย วงษ์ใหญ่ (2554) ได้เสนอคุณลักษณะของพลเมืองในระบอบประชำธิปไตยว่ำประกอบ
ด้วย
1. สมำชิกของสังคมที่มอี ิสรภำพ
2. พึ่งพำตัวเองได้
3. ใช้สทิ ธิเสรีภำพโดยควบคู่กบั ควำมรบั ผดิ ชอบ
4. เคำรพสิทธิเสรีภำพของผู้อืน่ ควำมแตกต่ำง หลักควำมเสมอภำค และกติกำ
5. ไม่แก้ปัญหำด้วยควำมรุนแรง ตระหนกั ว่ำตวั เองเป็นส่วนหนึ่งของสงั คม
6. กระตือรือร้นที่จะรับผิดชอบร่วมกันขับเคลื่อน และแก้ปัญหำสังคมในระดับต่ำงๆ ตั้งแต่
ครอบครวั ชมุ ชน ระดบั ประเทศ อำเซียน และประชำคมโลก
ส่วน นิภำพรรณ เจนสนั ติกุล (2556) อธิบำยองค์ประกอบของกำรเปน็ พลเมือง คือ
1. มีควำมตระหนัก (Awareness) ในกำรส่งเสริมกำหนดกฎเกณฑ์มำตรฐำนทำงสังคมผ่ำน
กระบวนกำรปฏิสงั สรรคท์ ำงสังคม (Social Practice) ด้วยกำรเริ่มต้นต้ังแต่เด็กในกำรฝึกระเบียบวินัย
ปลูกฝังอุดมกำรณ์ควำมเป็นประชำธิปไตยให้กับประชำชนทุกระดับได้เรียนรู้และตระหนักถึงสิทธิ
หนำ้ ทีข่ องตนเอง
2. กำรร้อยเรียง (Cohesion) ร้อยเรียงเร่ืองของกำรตระหนักถึงสิทธิ หน้ำที่ของควำมเป็น
พลเมอื ง เพื่อให้ประชำชนสำมำรถแสดงบทบำทของพลเมอื งในรูปแบบต่ำงๆ
3. กำรร่วมกัน (Inclusion) เป็นกำรสร้ำงควำมเชื่อร่วมกันในเร่ืองของสิทธิหน้ำที่ของ
ประชำชน เพื่อให้เกิดควำมไว้วำงใจและพลังกำรขับเคลื่อนร่วมกันบนควำมแตกต่ำงของปัจเจก
บคุ คลที่มสี ิทธิและเสรภี ำพในลักษณะกลุ่มร่วมกัน (Collective Group)
4. กำรเสริมพลงั อำนำจ (Empowerment) ในกำรเข้ำไปมีส่วนร่วมในทำงกำรเมืองที่ไม่ใช่แค่
กำรไปใช้สิทธิเลือกต้ัง แต่ต้องครอบคลุมถึงสิทธิในกำรออกเสียงประชำมติ สิทธิสมัครรับเลือกตั้ง
สิทธิในกำรจดั ตงั้ พรรคกำรเมอื ง สิทธิทีจ่ ะยื่นถอดถอนบคุ คลออกจำกตำแหน่งและสิทธิในกำรเข้ำชื่อ
เสนอกฎหมำย เป็นต้น
177
ความเป็นครูยุคปฏิรงั สรรค์การศกึ ษา ผู้ชว่ ยศาสตราจารย์ ดร. ศรดุ า ชัยสวุ รรณ
ภาพประกอบ 13 จดุ เริ่มต้นของกำรสร้ำงควำมเปน็ พลเมือง
ท่มี า: นิภำพรรณ เจนสนั ติกุล. (2556). โครงสรำ้ งทำงสังคมบทบำทและนโยบำย
สำธำรณะกับควำมเป็นพลเมอื ง. วารสารศลิ ปศาสตร์ .หนำ้ 54.
จำกภำพประกอบ 13 นี้จะเห็นได้ว่ำ กำรเป็นพลเมืองจะต้องมีกำรปฏิรังสรรค์ และต้องมี
กำรสอ่ื สำรทีเ่ ป็นเครือ่ งมอื ของกำรเมอื งภำคพลเมอื งในกำรทำควำมเข้ำใจถึงบทบำทและสถำนะของ
กำรเป็นพลเมืองในรัฐอย่ำงแท้จริง กำรไม่ตระหนักและมีจิตสำนึกควำมเป็นเจ้ำของสิทธิเสรีภำพ
และกำรไม่สำมำรถรวมตัวกันอย่ำงเข้มแข็งพอ จึงจำเป็นที่จะต้องสร้ำงโอกำสกำรเรียนรู้กำรได้รับ
ข้อมูลขำ่ วสำร กำรปลกู ฝังจติ สำนึกในกำรสนับสนนุ กำรรวมตวั ของประชำชน
สมหวัง พิธิยำนุวัฒน์ (2555) ได้สรปุ คณุ ลักษณะของพลเมืองดีในศตวรรษที่ 21 มีดังน้ี
1. มีควำมสำมำรถในกำรมองปญั หำและหำแนวทำงที่จะแก้ปญั หำในฐำนะเปน็ สมำชิกใน
สังคมโลก
2. มีควำมสำมำรถในกำรทำงำนร่วมกบั ผอู้ ื่นได้ และรู้จักรบั ผดิ ชอบต่อบทบำทหน้ำทีข่ อง
ตนเองในสังคม
3. มีสมรรถภำพในกำรคิดอย่ำงมวี ิจำรณญำณและมีวธิ ีคิดอย่ำงเป็นระบบ
4. มีควำมตง้ั ใจที่จะแก้ปญั หำควำมขดั แย้งด้วยสันติวิธี
5. มีควำมเตม็ ใจในกำรที่จะเปลี่ยนกำรดำเนินชีวติ และลกั ษณะนิสัยในกำรบริโภคส่วนตน
เพื่อพิทกั ษ์ส่งิ แวดล้อม
6. มีจริยธรรมและคุณธรรม
7. มีควำมรทู้ ่วั ไปเพื่อดำรงชีวิตและมีควำมรเู้ ฉพำะในกำรประกอบอำชีพ
8. มีทกั ษะกำรเรียนรแู้ ละนวตั กรรม
9. มีทักษะทำงเทคโนโลยี สือ่ และสำรสนเทศ
10. มีทักษะทำงอำชีพ และทักษะชีวติ
178
ความเป็นครูยคุ ปฏิรังสรรคก์ ารศกึ ษา ผู้ชว่ ยศาสตราจารย์ ดร. ศรดุ า ชยั สุวรรณ
สมพร ใช้บำงยำง (2556) ระบคุ ุณลักษณะควำมเปน็ พลเมือง ดังน้ี
1. ปัญหำชุมชนท้องถิ่น เป็นเร่ืองที่บุคคลที่มีควำมเป็นพลเมืองจะต้องให้ควำมสำคัญมี
จติ สำธำรณะ เสียสละ มีควำมรับผดิ ชอบ เหน็ ประโยชน์สว่ นรวมมำกกว่ำประโยชน์สว่ นตน
2. มีบทบำทในกำรทำงำนเพื่อชุมชนท้องถิ่น มีควำมรับผิดชอบต่อสังคม มีส่วนร่วมใน
กำรทำงำนรว่ มกับผอู้ ื่น ยอมรบั ฟงั ควำมคดิ เหน็ ข้อปฏิบัติตำ่ งๆ ของสังคมเพือ่ ควำมเปน็ อยู่อย่ำงมี
ควำมสขุ
3. รับฟงั ควำมคิดเห็นของผู้อน่ื เคำรพสิทธิและกำรตัดสินใจของผู้อน่ื ใช้เหตผุ ลในกำรแก้ไข
ปัญหำยึดหลกั ควำมเสมอภำคและควำมเท่ำเทียม
4. มีควำมซื่อสัตย์ สุจริต ปฏิบัติตนอย่ำงถูกต้อง ไม่ยึดเอำสิ่งของผู้อื่นมำเป็นของตน
มีควำมตงั้ ใจในกำรปฏิบัติหนำ้ ทีข่ องตนเองอย่ำงถกู ต้อง
5. มีควำมสำมคั คี กำรช่วยเหลือซึ่งกนั และกนั มีน้ำใจต่อกัน ใช้เสียงขำ้ งมำกโดยไม่ละเมิด
สิทธิเสียงข้ำงนอ้ ย มีควำมเอือ้ เฟื้อเผอ่ื แผ่
6. ทำควำมดี ละเว้นควำมชวั่ ยึดมนั่ ในหลักธรรมของศำสนำที่นับถือ
7. มีควำมเชื่อมั่น กล้ำที่จะทำในสิ่งที่ถูกต้องและพร้อมที่จะปฏิเสธในสิ่งที่ไม่ถูกต้อง
มีจริยธรรมในกำรดำรงตน
8. ส่งเสริมคนดี ยินดีชืน่ ชมคนทำดี เพือ่ เป็นกำลังใจกำรทำปฏิบตั ิตนเป็นคนดี
ไพฑูรย์ สินลำรัตน์ (2559) ได้กล่ำวว่ำ ควำมเป็นพลเมืองประกอบไปด้วยคุณลักษณะที่
สำคัญอย่ำงนอ้ ย 7 ประกำร คือสตั ตำลักษณ์ของควำมเป็นพลเมือง ประกอบด้วย
1. รู้จกั แยกแยะควำมดี/ ควำมงำม/ ควำมถกู ต้อง
2. เป็นตัวของตวั เอง/ รู้ว่ำต้องกำรอะไร/ มีเป้ำหมำยในชีวติ
3. เข้ำใจเพือ่ นมนุษย์/ ทำงำนร่วมกับคนอื่นๆได้/ ร่วมกนั ผักดันทิศทำงทีเ่ หมำะสม/ คิดถึง
ประโยชน์ของส่วนรวม
4. เข้ำใจปญั หำของประเทศ/ มองเห็นทิศทำงของสงั คม/ รู้วำ่ เรำควรมีบทบำทในสงั คม
อย่ำงไร
5. มีควำมมงุ่ ม่ัน ไม่ย่อท้อต่ออุปสรรค/ ล้มแล้วลุก
6. แสวงหำสิง่ ที่ดกี ว่ำ/ ผลกั ดันกำรเปลีย่ นแปลง/ ควำมสำเรจ็ เปน็ ของทุกคน
7. เช่อื ในสันติวธิ ี/ มีเหตุมีผล มคี ุณธรรมพ้ืนฐำน/ ไม่นิยมควำมรนุ แรง
179
ความเป็นครูยคุ ปฏิรังสรรคก์ ารศกึ ษา ผ้ชู ว่ ยศาสตราจารย์ ดร. ศรดุ า ชยั สวุ รรณ
ส่วน พิณสุดำ สิริธรังศรี (2560) ระบุว่ำ กำรศึกษำเพื่อควำมเป็นพลเมืองเป็นเร่ืองที่มี
ควำมสำคัญเป็นกลไกสำคัญในกำรพัฒนำคุณภำพคนเพื่อกำรพัฒนำประเทศ ที่ครอบคลุมท้ัง
กำรศกึ ษำในระบบกำรศกึ ษำนอกระบบและกำรศึกษำตำมอัธยำศัย โดยเฉพำะกำรเรียนรู้ตลอดชีวิต
ที่ตอ้ งปลกู ฝังเดก็ เยำวชน และประชำชนนับตั้งแต่เกิดจนตำย ให้เรื่องของควำมเป็นพลเมืองตื่นรู้ทั้งใน
เรื่องของสิทธิและหน้ำที่ ควำมรับผิดชอบ มีจิตสำธำรณะ เห็นแก่ประโยชน์ส่วนรวมมำกกว่ำส่วนตน
กำรมีส่วนร่วม มีทักษะกำรคิดวิเครำะห์และมีพฤติกรรมที่พึงประสงค์ในกำรดำรงตนในวิถี
ประชำธิปไตย
สรุปได้ว่ำ ควำมเป็นพลเมือง เป็นคุณลักษณะที่สังคมต้องกำรให้สมำชิกปฏิบัติหน้ำที่ที่
สังคมกำหนด โดยมีกำรดำเนินชีวิตในรูปของประเพณี วัฒนธรรม บรรทัดฐำน คุณธรรม จริยธรรม
จำรีต กฎหมำย ที่สมำชิกยอมรับร่วมกันว่ำเป็นสิ่งที่ดีงำมมีควำมรับผิดชอบ เคำรพสิทธิผู้อื่น เคำรพ
ควำมแตกต่ำง เคำรพกติกำ ภำยใต้กำรปกครองระบอบประชำธิปไตย
ดังน้ัน จะเห็นได้ว่ำ “พลเมือง” มีควำมแตกต่ำงจำกคำว่ำ “ประชำชน” และ“รำษฎร” ตรง
ทีว่ ำ่ พลเมอื งจะแสดงออกถึงควำมกระตือรอื ร้นในกำรรักษำสิทธิต่ำงๆ ของตน รวมถึงกำรมีส่วนร่วม
ทำงกำรเมืองโดยกำรแสดงออก ซึ่งสิทธิเสรีภำพในกำรแสดงควำมคิดเห็นควำมเป็นพลเมือง
(Citizen) มีควำมหมำยทีส่ ะท้อนใหเ้ ห็นถึงบทบำทหนำ้ ทีแ่ ละควำมรบั ผดิ ชอบของสมำชิกทำงสังคมที่มี
ต่อรัฐต่ำงจำกคำว่ำ ประชำชนที่กลำยเป็นผู้รับคำสั่งทำตำมผู้อื่น ดังน้ันกำรเปลี่ยนแปลงที่สำคัญจึง
อยู่ที่กำรเปลี่ยนให้ประชำชนคนธรรมดำได้กลำยเป็นพลเมืองที่มีสิทธิกำหนดทิศทำงของประเทศได้
(ปรัชญำ ชุ่มนำเสียว, 2559) ควำมเป็นพลเมือง เป็นเคร่ืองมือพัฒนำกำรอยู่ร่วมกัน และส่งเสริมให้
ระบบกำรเมอื งกำรปกครองจนก้ำวไปสู่ควำมเป็นพลเมืองในสังคม กำรยอมรับและช่วยเหลือเกื้อกูล
ให้สังคมน้ันก้ำวไปสู่กำรพัฒนำประเทศภำยใต้ระเบียบโลกใหม่โดยง่ำย ดังน้ันต้องปลูกฝังรำกฐำน
ควำมรคู้ วำมเปน็ พลเมืองให้สืบทอดได้อย่ำงมั่นคงและยัง่ ยืน
จำกมำตรฐำนกำรศึกษำของชำติ พ.ศ. 2561 ได้กำหนด พลเมืองที่เข้มแข็งว่ำ เป็นผู้มีควำม
รักชำติ รักท้องถิ่น รู้ถูกผิด มีจิตสำนึกเป็นพลเมืองไทยและพลโลก มีจิตอำสำ มีอุดมกำรณ์และมี
ส่วนรว่ มในกำรพัฒนำชำติ บนหลักกำรประชำธิปไตย ควำมยุติธรรม ควำมเท่ำเทียม เสมอภำค เพื่อ
กำรจัดกำรทรัพยำกรธรรมชำติและสิ่งแวดล้อมที่ย่ังยืน และกำรอยู่ร่วมกันในสังคมไทยและ
ประชำคมโลกอย่ำงสันติ อย่ำงต่อเนื่อง เชื่อมโยงและสะสมตั้งแต่ระดับกำรศึกษำปฐมวัย กำรศึกษำ
ขั้นพ้ืนฐำน กำรอำชีวศกึ ษำ จนถึงระดบั อุดมศกึ ษำ (สำนกั งำนเลขำธิกำรสภำกำรศกึ ษำ, 2562 ก.)
180
ความเปน็ ครูยุคปฏิรงั สรรคก์ ารศกึ ษา ผู้ชว่ ยศาสตราจารย์ ดร. ศรดุ า ชัยสวุ รรณ
นอกจำกนี้ ประกำศกระทรวงศึกษำธิกำร เร่ือง มำตรฐำนคุณวุฒิระดับปริญญำตรี สำขำ
ครุศำสตร์และสำขำศกึ ษำศำสตร์ (หลกั สตู รสี่ปี) พ.ศ. 2562 ได้ระบคุ ณุ ลักษณะบัณฑติ ที่พึงประสงค์
ของบัณฑิตครูว่ำต้องเป็นพลเมืองที่เข้มแข็ง และใส่ใจสังคม มีควำมรักชำติ รักท้องถิ่น มีจิตสำนึก
ไทยและจิตสำนึกสำกล รู้คุณค่ำและมีส่วนร่วมในกำรพัฒนำ อนุรักษ์สิ่งแวดล้อม วัฒนธรรมและภูมิ
ปัญญำไทยและท้องถิ่น มีจิตอำสำและดำเนินชีวิตตำมวิถีประชำธิปไตย มีควำมยุติธรรมและมีควำม
กล้ำหำญทำงจริยธรรม ยึดม่ันในควำมถูกต้องรู้ถูก รู้ผิด รู้ชอบ ช่ัว ดี กล้ำปฏิเสธและต่อต้ำน
กำรกระทำที่ไม่ถกู ต้อง เคำรพสิทธิ เสรีภำพ และศักดิ์ศรคี วำมเปน็ มนษุ ย์ มีจิตสำนึกเป็นพลเมืองไทย
และพลเมอื งโลก (รำชกิจจำนเุ บกษำ, 2562)
หำกจัดกำรศึกษำในสังคมเรำมีเนื้อหำที่ไม่สอดคล้องกับชีวิตจริง ไม่มีคุณภำพ และ
มีหลักกำรที่ไม่เหมำะสมกับผู้เรียน กำรศึกษำก็เป็นเพียงเส้นทำงเพื่อให้เข้ำรับปริญญำ แต่ไม่ได้
พัฒนำทักษะในกำรอยู่ในสังคม ขำดกำรเคำรพสิทธิส่วนบุคคล ขำดกำรเคำรพกติกำ ขำดกำรให้
อภัย หรือแม้แต่กำรไม่ฟังเหตุผล สิ่งที่ตำมมำคือ ควำมไม่สงบสุขในสังคม หำกกำรศึกษำที่มี
มำตรฐำน มีคุณภำพ และมีศีลธรรม ควำมปลอดภัยในสังคมก็จะตำมมำ หำกปริมำณกำรผลิตของ
สถำนศึกษำมีควำมก้ำวหน้ำ แต่คุณภำพของหรือกำรผลิตและผลลัพธ์ไม่สอดคล้องกัน สำนึกของ
ควำมเป็นพลเมืองไม่ได้ก้ำวไปพร้อมกัน มีช่องว่ำงในกำรจัดกำรเรียนรู้ ก่อให้เกิดปัญหำตำมมำ จะ
เหน็ ได้จำกควำมก้ำวหน้ำทำงเทคโนโลยีที่สง่ ผลให้ทุกคนต้องมีโทรศัพท์มือถือ และใช้โทรศัพท์มือถือ
ในอย่ำงสะดวกรวดเร็วและง่ำยดำย เปิดรบั ข้อมูลข่ำวสำรได้ตลอดเวลำไม่เว้นแม้แต่เวลำรับประทำน
อำหำร เรียน ประชุม ทำงำน หรือแม้แต่ในสถำนที่สำธำรณะ ใช้โทรศัพท์ขับรถ ข้ำมถนน ซึ่งต้องใช้
ควำมระมัดระวังเป็นพิเศษ แต่ผู้รับสำรและผู้ส่งสำรขำดวิจำรณญำณในกำรรับส่งข้อมูล เพรำะขำด
กำรศกึ ษำที่เพียงพอ บ่งบอกถึงกำรขำดจิตสำนกึ ควำมเปน็ พลเมือง
กล่ำวโดยสรปุ สังคมไทยจะมีควำมสงบสุขและอยู่ร่วมกันอย่ำงสันติสุขได้น้ัน คนไทยทุกคน
ต้องได้รับกำรศกึ ษำอย่ำงถูกต้อง เพือ่ ให้ตระหนกั ถึงบทบำทหนำ้ ทีข่ องตน ด้วยควำมรับผิดชอบอย่ำง
เตม็ ทีแ่ ละสอดคล้องกับหลักธรรม วัฒนธรรม ประเพณี ตลอดจนหน้ำที่ตำมที่รัฐธรรมนูญบัญญัติไว้
กำรเป็นพลเมืองที่เคำรพกฎหมำย เคำรพสิทธิเสรีภำพของผู้อื่น มีควำมรับผิดชอบต่อตนเอง ต่อ
สังคม และกระตือรือร้นที่จะเข้ำมำมีส่วนร่วมในกำรแก้ปัญหำของชุมชนและสังคม มีคุณธรรมและ
จรยิ ธรรมเป็นหลักในกำรดำเนินชีวิต รวมท้ังรู้ถึงบทบำททำงสังคมที่ตนดำรงอยู่ ซึ่งสมำชิกทุกคนใน
สังคมย่อมต้องมีบทบำทหน้ำที่ตำมสถำนภำพของแต่ละคนแตกต่ำงกัน ถ้ำสมำชิกทุกคนในสังคมได้
ปฏิบัติตำมบทบำทหน้ำที่ของตนอย่ำงถูกต้องแล้ว จะได้ชื่อว่ำเป็นพลเมืองที่ดีของสังคมและของ
ประเทศชำติ
181
ความเปน็ ครูยคุ ปฏิรงั สรรคก์ ารศกึ ษา ผูช้ ว่ ยศาสตราจารย์ ดร. ศรดุ า ชัยสวุ รรณ
ความเปน็ พลเมืองตืน่ รู้
ยุค Digital Disruption เป็นโลกยุคสังคมหลังฐำนควำมรู้ เป็นโลกที่เน้นในเร่ืองกัลยำณมิตร
แทนพันธมิตร ก้ำวขำ้ มเรอ่ื งกำรแข่งขนั ส่งผลใหเ้ กิดผลผลิตในเชิงพำณิชย์ ทั้งนวัตกรรม องค์ควำมรู้
และควำมคิดที่พัฒนำขึ้นบนพื้นฐำนของกำรร่วมสร้ำงสรรค์ของปัจเจกบุคคล เพื่อทำสิ่งใดสิ่งหนึ่ง
และใช้ประโยชน์ร่วมกัน โดยมีปัจจัยของเทคโนโลยีดิจิทัลที่เป็นทั้งผู้ส่งเสริมและทำลำยล้ำงในเวลำ
เดียวกัน ดังนั้นในโลกที่มีกำรปั่นป่วนในปัจจุบันหำกไม่มีกำรปรับเปลี่ยนกำรจัดกำรศึกษำในวันนี้
อย่ำงทันเวลำแล้วในอนำคตอำจไม่มนี ักเรียนเหลืออยู่ในระบบกำรศึกษำก็เป็นได้ เพรำะกำรศึกษำใน
ระบบหรอื ปริญญำอำจไม่มคี ่ำหรอื ควำมสำคญั อีกต่อไป
กำรเปลี่ยนแปลงในยุค Disruption ปัจจัยสำคัญคือ เทคโนโลยีสำรสนเทศ (Information
Technology) ได้เข้ำมำมีบทบำทในทุกวงกำร แม้วงกำรศึกษำก็มีผลกระทบจำกกำรเปลี่ยนแปลงด้วย
กล่ำวคือ ในกำรจัดกำรเรียนกำรสอนยุคใหม่นั้น นอกจำกครูผู้สอนจะต้องมีควำมรู้ควำมเข้ำใจใน
เรือ่ งของแนวคิดหลักแหง่ วิชำชีพครูและเนือ้ หำสำระวิชำทีส่ อนแล้วยงั จำเปน็ ต้องมีควำมรคู้ วำมเข้ำใจ
ในเร่ืองของเคร่ืองมือที่จะใช้แสวงหำควำมรู้ เพื่อช่วยเติมเต็มควำมรู้ให้กับผู้เรียนเกิดทักษะ ควำมรู้
สร้ำงสรรคป์ ระสบกำรณ์ และควำมสำมำรถในกำรคิดวิเครำะห์และแก้ปัญหำได้อันจะเกิดประโยชน์
สูงสุดต่อผู้เรียน ทุกคน ดังน้ันสื่อกำรเรียนรู้ไม่ว่ำจะเป็นสื่อบุคคล วัสดุ อุปกรณ์ ตลอดจนเทคนิค
วิธีกำรล้วนเป็นสือ่ กลำงที่ทำให้ผู้เรยี นเกิดควำมเรียนรตู้ ำมวัตถุประสงค์กำรเรียนรู้ที่กำหนดไว้ได้ง่ำย
และรวดเร็ว จึงถือเป็นเคร่ืองมือสำคัญยิ่งที่จะนำควำมต้องกำรของครูผู้สอนไปสู่ผู้เรียน เพื่อให้
ผู้เรียนเกิดกำรเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมเป็นไปตำมจุดมุ่งหมำยของกำรเรียนรู้ได้อย่ำงถูกต้อง
เหมำะสม และที่สำคัญคือครูผู้สอนต้องรู้จักเลือกสรรสื่อกำรเรียนรู้ที่จะนำไปใช้เพื่อให้ผู้เรียนเกิด
กำรเรียนรไู้ ด้อย่ำงมปี ระสิทธิภำพมำกที่สดุ
กระทรวงศึกษำธิกำร ได้กำหนดให้ กำรเป็นพลเมืองที่เข้มเเข็ง/ ตื่นรู้ที่มีสำนึกสำกลเป็น
หนึ่งในสิบสมรรถนะผู้เรียนระดับกำรศึกษำข้ันพื้นฐำน เป็นสมรรถนะหลักที่เด็กและเยำวชนไทย
จะต้องได้รับกำรพัฒนำในช่วงเวลำ 12 ปี ของกำรศึกษำขั้นพื้นฐำน เพื่อให้สำมำรถก้ำวทันกำร
เปลี่ยนแปลงและดำรงชีวิตได้อย่ำงมีคุณภำพในโลกแห่งศตวรรษที่ 21 โดยกำหนดคำอธิบำยและ
รำยละเอียดไว้ดงั น้ี ผเู้ รียนปฏิบตั ิตนในฐำนะพลเมอื งทีม่ คี วำมรับผิดชอบ ด้วยกำรปฏิบัติตำมบทบำท
หนำ้ ที่ ขนบธรรมเนยี มประเพณี เคำรพกฎ กติกำ ข้อตกลง และกฎหมำยปฏิบตั ิตนในฐำนะพลเมืองที่
มีส่วนร่วมด้วยกำรเรียนรู้ เพื่อให้ตนเองมีควำมรู้พื้นฐำนด้ำนกำรเมืองกำรปกครองอยู่ร่วมกับผู้อื่น
อย่ำงพึง่ พำอำศยั กนั ประยกุ ต์ใชค้ วำมรดู้ ้วยกำรทำงำนจติ อำสำรบั ผดิ ชอบต่อสว่ นรวม โดยร่วมมือ
182
ความเป็นครูยคุ ปฏิรงั สรรค์การศกึ ษา ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร. ศรดุ า ชยั สุวรรณ
กับผู้อื่นในกำรแก้ปัญหำและพัฒนำสังคมปฏิบัติตนในฐำนะพลเมืองที่มุ่งเน้นควำมเป็นธรรมของ
สังคมเคำรพศักดิ์ศรีควำมเป็นมนุษย์ เชื่อม่ันในหลักกำรกำรอยู่ร่วมกันท่ำมกลำงควำมแตกต่ำง
หลำกหลำย มีสว่ นร่วมทำงกำรเมอื งในระดับต่ำงๆ แก้ไขควำมขัดแย้งอย่ำงสันติวิธี มีส่วนร่วมในกำร
สร้ำงกำรเปลี่ยนแปลงให้เกิดควำมเท่ำเทียมและเป็นธรรมในระดบั ท้องถิ่น ประเทศชำติและโลกท้ังใน
ควำมเป็นจริงและโลกดิจิทัลเพื่อให้เกิดสันติภำพและควำมยั่งยืน (สำนักงำนเลขำธิกำรสภำ
กำรศกึ ษำ (2562 ข.)
นอกจำกนีเ้ ม่อื ปี พ.ศ. 2563 เป็นปีทีจ่ ะต้องบนั ทึกไว้ในประวัติศำสตร์วำ่ โรคระบำดของไวรัส
โคโรนำ 2019 (Covid-19) ทำให้เกิดกำรชะงักงนั ท้ังดำ้ นสังคม เศรษฐกิจและกำรศึกษำที่กว้ำงขวำงนี้
มีผลไปทั่วโลก และยังได้มีกำรระบำดใหม่ในปี พ.ศ. 2564 ทำให้บทบำทของกำรสื่อสำรด้วย
เครือข่ำย อินเทอร์เน็ตมีควำมสำคัญขึ้นมำเป็นทวีคูณในสังคมฐำนควำมรู้ที่ต้องใช้ควำมรู้และ
นวัตกรรมเป็นปัจจัยสำคัญในกำรพัฒนำและจำเป็นอย่ำงยิ่งที่จะต้องเสริมสร้ำงควำมรู้ที่เข้มแข็ง
ให้กับประเทศชำติให้ทันกับภำวกำรณ์เปลี่ยนแปลงของสังคมโลก ควำมเจริญก้ำวหน้ำของ
กำรสื่อสำรโทรคมนำคมและเทคโนโลยีสำรสนเทศสมัยปัจจุบันทำให้โลกแคบลง สำมำรถ
ติดตอ่ สือ่ สำรข้อควำมถึงกันและกันได้อย่ำงรวดเร็ว ทำให้วัฒนธรรม วิถีชีวิตควำมเชื่อ ควำมคิดของ
สังคม สำมำรถเผยแพร่กระจำยและถ่ำยโอนกันได้ง่ำยและรวดเร็ว เกิดลัทธิเอำอย่ำงตำมกระแส
ชำวโลกและเป็นไปอย่ำงรวดเร็ว จึงเป็นกำรยำกที่จะควบคุมกำรเปลี่ยนแปลงที่จะเกิดต่อสังคมได้
กำรเปลี่ยนแปลงดังกล่ำวหำกเป็นไปรวดเร็วในอัตรำที่เกินจะรับได้ สังคมก็จะมีปัญหำขำดควำม
สมดุลทำงสังคม แต่หำกกำรเปลี่ยนแปลงเป็นไปในอัตรำที่พอรับได้ ประชำชนในสังคมนั้นก็จะ
สำมำรถดำรงชีพอยู่ได้อย่ำงพอสุข กำรศึกษำจะเป็นสิ่งที่สำมำรถนำสังคมไปในทิศทำงที่ปรำรถนำ
และนำไปสู่เป้ำหมำยทีต่ อ้ งกำร
แนวทำงหนึ่งที่น่ำสนใจว่ำ อำจเป็นหนทำงแก้ไขหรือสร้ำงสังคมให้ดีขึ้นได้อย่ำงย่ังยืน น่ันคือ
กำรสรำ้ งคนที่มีควำมตระหนักรู้และสนใจปัญหำสังคม อย่ำงที่เรียกว่ำ Active Citizen หรือ พลเมือง
ตนื่ รู้ ให้เกิดข้ึนในสังคม Active Citizen หรอื พลเมืองตื่นรู้ นอกจำกจะเป็นคนที่มีจิตอำสำแล้ว ยังต้อง
พร้อมเรยี นรู้อยู่เสมอ รบู้ ทบำทหน้ำที่ของตัวเอง มีควำมรับผิดชอบต่อสังคมและสิ่งแวดล้อม รวมท้ัง
มีจิตสำธำรณะ โดยหวังว่ำกำรเป็นพลเมืองที่ Active จะทำให้เรำใช้ชีวิตอยู่ในสังคมที่เปลี่ยนแปลง
อย่ำงรวดเร็วได้ และเป็นส่วนสำคัญในกำรผลักดันสังคมให้ก้ำวไปข้ำงหน้ำได้อีกด้วย อย่ำงไรก็ตำม
กำรสรำ้ งพลเมืองตนื่ รใู้ ห้เกิดข้ึนในประเทศไทยดูจะไม่ง่ำยนกั เพรำะวิธีกำรเรียนรู้ของระบบกำรศึกษำ
ไทยน้ันชวนหลับเสียเหลือเกิน (พรชนก ปรีปำน, 2561)
183
ความเปน็ ครูยคุ ปฏิรงั สรรค์การศกึ ษา ผ้ชู ว่ ยศาสตราจารย์ ดร. ศรดุ า ชยั สวุ รรณ
กำรตื่นรู้ หมำยถึง ควำมเข้ำใจทำงควำมคิดที่แสดงให้เห็นถึงกำรรับทรำบข้อเท็จจริง
กำรเข้ำใจข้อเท็จจริงจำกเดิมที่ไม่เกิดควำมเข้ำใจ กำรต่ืนรู้สำมำรถเปรียบเทียบได้กับคำว่ำ
สัมปชญั ญะ เปน็ ควำมรู้ตัวทวั่ พร้อม ควำมรตู้ ระหนัก ควำมรู้ชัดเข้ำใจชัด ซึ่งสิ่งที่นึกได้มักมำคู่กับสติ
เปน็ สติต่นื รจู้ ำกที่กล่ำวมำคำวำ่ กำรตนื่ รสู้ ำมำรถเทียบได้กับปัญญำกำรต่ืนรู้ จึงเป็นปัญญำหรือกำร
รู้อันนำไปสู่กำรแก้ปัญหำหรอื นำไปใช้ในกำรดำเนินชีวติ ได้อย่ำงถูกต้องตำมหลกั ควำมจริงของธรรมะ
ผู้ตื่นรู้จึงเป็นผู้ที่มีปัญญำ (ปรำโมทย์ ยอดแก้ว, 2561) สถำบันกำรศึกษำสำมำรถพัฒนำกำรต่ืนรู้ได้
แต่อำจจะไม่ชัดเจนพอเพรำะกำรต่ืนรู้ที่แท้จริงเป็นเร่ือง ของจิตที่จะต้องดึงสติมำสร้ำงควำมเข้ำใจ
อย่ำงแท้จริง ซึ่งศำสนำเป็นที่หล่อหลอมจิตใจในกำรสร้ำงควำมเชื่อจนเกิดศรัทธำโดยเฉพำะ
พระพทุ ธศำสนำ
สถำบันกำรศึกษำที่มีหน้ำที่ผลิตครู จะต้องพิจำรณำร่วมกันในกำรผลิตครูอย่ำงไรให้ได้
คุณลักษณะที่พึงประสงค์ให้มีควำมสอดคล้องกับบริบทและสถำนกำรณ์ปัจจุบัน กำรจัดกำรเรียน
กำรสอนจึงต้องมีกำรเปลี่ยนแปลงไปตำมยุคสมัย กำรสร้ำงแรงบันดำลใจในกำรจัดกำรเรียนรู้
เชงิ สรำ้ งสรรคแ์ ละกำรมสี ่วนรว่ มคิดของผู้เรยี น จงึ เป็นกระบวนทัศน์ใหม่ในกำรปรับตัวด้ำนกำรเรียน
กำรสอนตำมยุคสมัย จำกกำรศึกษำควำมหมำยของแรงบันดำลใจ (Inspiration) หมำยถึง พลัง
อำนำจในตนเอง กำรสำนึกรู้ (Conscious) เป็นตัวกำหนดในกำรขับเคลื่อนกำรคิดและกำรกระทำใดๆ
ทีพ่ ึงประสงค์ เพื่อให้บรรลุผลสำเร็จได้ตำมต้องกำรในยุคของอิทธิพลกำรเปลีย่ นแปลงทำงเทคโนโลยี
ดิจทิ ัล (Digital Technology) (วรชยั วภิ อู ุปรโคตร และคณะ, 2562)
ศุภรัตน์ รัตนมุขย์ (2556) กล่ำวว่ำ กำรพัฒนำสู่ควำมเป็นพลเมืองต่ืนรู้นั้น กระบวนกำร
ทำงกำรศึกษำและกำรทำกิจกรรมจิตอำสำเปน็ แนวทำงทีห่ ลำยๆ ประเทศกำลังดำเนินกำรขับเคลื่อน
กำรบริกำรสงั คม (Service – Learning) นับเปน็ แนวทำงกำรเรียนรเู้ ชงิ ประสบกำรณ์ทีท่ ำให้ผู้ปฏิบัติได้
มีโอกำสลงมือทำกิจกรรมเพื่อสังคม โดยกิจกรรมน้ันจะสะท้อนควำมคิดและมองเห็นควำมสำคัญ
ของกำรทำกิจกรรมจิตอำสำ และทำให้เกิดพฤติกรรมกำรเป็นพลเมืองต่ืนรู้ กระบวนกำรจิตอำสำ
นอกจำกเร่ืองกำรทำควำมดีแล้ว สิ่งที่ตำมมำจำกกำรมีจิตอำสำคือ จิตสำธำรณะที่เชื่อมโยงกับ
คณุ ลักษณะของกำรเปน็ พลเมืองตืน่ รู้
ญำศินี เกิดผลเสริฐ (2558) ให้แนวคิดว่ำกำรพัฒนำทุนมนุษย์สู่ควำมเป็นพลเมืองที่ตื่นตัว
(Active Citizenship) กล่ำวว่ำ กำรเป็นพลเมืองตื่นรู้มีควำมสำคัญยิ่งในระบอบประชำธิปไตยใน
กำรปฏิรูปภำครฐั พัฒนำประเทศด้วยกำรเสริมสรำ้ งบทบำทของกำรเป็นพลเมืองที่ตื่นรู้ พลเมืองเป็น
รำกฐำนที่สำคัญในกำรพัฒนำประเทศ จึงควรให้ควำมสำคัญกับกระบวนกำรพัฒนำทุนมนุษย์เพื่อ
กำรเสริมสร้ำงบทบำทของควำมเป็นพลเมืองทีต่ น่ื ตวั ในระบอบประชำธิปไตย
184
ความเป็นครูยุคปฏิรงั สรรคก์ ารศกึ ษา ผ้ชู ่วยศาสตราจารย์ ดร. ศรดุ า ชยั สวุ รรณ
สุวิทย์ เมษินทรีย์ (2562) ได้กล่ำวว่ำ พลเมืองต่ืนรู้ คือ ฐำนรำกที่แท้จริงของระบอบ
ประชำธิปไตย ประเทศไม่ได้อยู่เพรำะประชำธิปไตย ไม่ได้อยู่เพรำะรัฐธรรมนูญ ไม่ได้อยู่เพรำะ
กฎหมำย แต่ประเทศจะย่ังยืนอยู่ได้ด้วยกำลังของพลเมืองดี หัวใจสำคัญของโมเดล "ประเทศไทย
4.0" คือ กำรสร้ำง "คนไทย 4.0" และหนึ่งในคุณลักษณ์สำคัญของคนไทย 4.0 คือ กำรเป็นพลเมือง
ตน่ื รู้ ในหนำ้ ทีแ่ ละสทิ ธิของตนเอง มีควำมปรำรถนำดีต่อชำติบ้ำนเมืองและยึดประโยชน์ของส่วนรวม
เป็นที่ตั้ง กำรปรับเปลี่ยนจำก พลเมืองที่เฉื่อยชำ (Passive Citizen) ไปสู่กำรเป็นพลเมืองต่ืนรู้จึงเป็น
หนง่ึ ในภำรกิจสำคัญทีต่ อ้ งขบั เคลื่อนใน "ประเทศไทย 4.0 "
Peter Fauser กล่ำวว่ำโรงเรียนทีด่ คี วรสำมำรถสร้ำงนักเรียนใหเ้ ปน็ คนเก่งมีควำมรบั ผดิ ชอบ
และอยู่บนพืน้ ฐำนของประชำธิปไตยกำรสร้ำงพลเมือง ตื่นรู้ในสถำบันกำรศึกษำ มีเป้ำหมำยส่งเสริม
ให้จัดกำรตัวเอง เรียนรู้อย่ำงเต็มที่ อย่ำงเข้ำใจมีควำมรับผิดชอบและใฝ่ควำมสำเร็จต้องใส่ใจเร่ือง
กำรพัฒนำศกั ยภำพเปน็ รำยบุคคลกระบวนกำรเรียนรู้ในโรงเรียน เสมือนกำลังเป็น Active Citizen ใน
ชีวติ จรงิ ไม่ว่ำจะเป็นเร่ืองกติกำกำรอยู่ร่วมกัน กำรยอมรับและชื่นชมในควำมแตกต่ำงระหว่ำงคนใน
โรงเรียน สิทธิซึง่ มำพร้อมหน้ำที่และควำมรบั ผดิ ชอบ (คิม จงสถิตย์วัฒนำ, 2560)
สำนักงำนกองทุนสนับสนุนกำรสร้ำงเสริมสุขภำพ (2557) ได้กำหนดคุณลักษณะของ
กำรเปน็ พลเมืองตื่นรู้ (Active Citizen) 8 ระดับ ได้แก่
1. เคำรพกติกำสงั คม ปฏิบัติตนตำมทีก่ ฎหมำยกำหนด
2. ทำหนำ้ ทีท่ ำงสงั คม รู้หน้ำทีก่ ำรใช้สทิ ธิเลือกต้ังเสียภำษี เข้ำรับกำรเกณฑท์ หำร
3. ติดตำมข่ำวสำรบ้ำนเมือง สนใจกับปัญหำสังคม สำมำรถวิเครำะห์ประเมินตนเองใน
กำรช่วยเหลือตอ่ เหตุกำรณต์ ่ำง ๆ
4. เข้ำรว่ มกิจกรรมของชุมชน กำรมีส่วนร่วมในกิจกรรมของชุมชน ช่วยเหลืองำนพัฒนำงำน
ในชุมชน
5. กล้ำแสดงควำมคิดเห็นไม่ว่ำจะเห็นด้วยหรือไม่เห็นด้วย สำมำรถแสดงควำมคิดเห็น
บนพืน้ ฐำนหลกั กำรประชำธิปไตยในกำรรบั ฟงั ซึง่ กนั และกัน
6. ไม่เพิกเฉยต่อควำมอยุติธรรมต่ำงๆ ในสังคมแสดงออกในสิ่งที่ไม่เห็นด้วยต่อควำม
อยุติธรรมต่อผู้ดอ้ ยโอกำสผทู้ ี่เสียเปรียบ
7. อำสำสมัครเข้ำร่วมในสถำนกำรณ์หลำยๆ เหตุกำรณ์ที่เกิดขึ้นไม่ได้ต้องกำรแค่เงิน
ช่วยเหลือแต่ตอ้ งกำรอำสำสมัครเพือ่ ช่วยเหลือในเหตุกำรณ์เหลำ่ นั้น
8. มีควำมเป็นผู้นำ กล้ำคิด กล้ำตัดสินใจ มีควำมรับผิดชอบ มีธรรมมำภิบำล พร้อมเป็น
ผนู้ ำกำรเปลี่ยนแปลง
185
ความเปน็ ครูยุคปฏิรังสรรคก์ ารศกึ ษา ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร. ศรดุ า ชยั สวุ รรณ
ฉัตรชยั สำริกัลยะ (2560) ได้พิจำรณำและเห็นชอบแผนระบบสือ่ และวถิ ีสุขภำวะทำงปัญญำ
ซึง่ เน้นยุทธศำสตรป์ ี 2561 ในกำรสร้ำง “พลเมอื งตน่ื รู้” ใน 3 ประเด็นคือ รู้เท่ำทันสื่อยุค 4.0 (Media
Literacy) ฉลำดรู้สุขภำพ (Health Literacy) สุขภำวะทำงปัญญำ (Spiritual Health) เน่ืองจำกปัจจุบัน
เป็นยุคสื่อเปลี่ยนวิถีชีวิตประชำชนทุกคนคือ ผู้ผลิตและผู้ใช้สื่อ สมำร์ทโฟนคือ ศูนย์กลำงของสื่อ
ยุคดิจิทัล โดยเฉพำะเด็กไทยอำยุ 6-14 ปี ใช้อินเทอร์เน็ตในอัตรำสูงขึ้นต่อเนื่องถึงร้อยละ 61.4 ใน
ปี 2559 สูงขึ้นจำกร้อยละ 58 ในปี 2558 เยำวชนมีโอกำสเข้ำถึงสื่อไม่ดีมำกกว่ำสื่อดี เน่ืองจำก
กำรสำรวจพบว่ำในช่วงเวลำสำหรับเด็ก มีกำรเผยแพร่สื่อที่ปรำกฏเน้ือหำควำมรุนแรงถึงร้อยละ
57 มีเนื้อหำ และกำรใช้ภำษำส่อทำงเพศและหยำบคำยถึงร้อยละ 53 และร้อยละ 9 ตอกย้ำอคติ/
กำรเลือกปฏิบตั ิ
UNESCO (2013) ได้ให้ข้อเสนอแนะในกำรกำหนดกลยุทธ์ในกำรส่งเสริมกำรรู้เท่ำทันสื่อว่ำ
ควรดำเนินกำรในกลุ่มอื่นๆ ร่วมด้วย นอกเหนือจำกในระบบหรือหลักสูตรกำรศึกษำเท่ำนั้น ได้แก่
กำรส่งเสริมในระบบนอกหลักสตู รกำรศึกษำหรอื กำรศกึ ษำ แบบไม่เปน็ ทำงกำรและกำรส่งเสริมผ่ำน
กลุ่มผู้มีส่วนได้เสียอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง เน่ืองจำกกำรดำเนินกำรดังกล่ำวจำเป็นต้องได้รับควำมร่วมมือ
และร่วมแรงจำกหน่วยต่ำงๆ ในประชำสังคม ไมว่ ่ำจะเป็นกลุ่มพ่อแม่ ผู้ปกครองและนักวิชำกำร กลุ่ม
องค์กรทีไ่ ม่ใช่ภำครัฐ กลุ่มทำงสงั คมที่ขับเคลื่อนประเด็นทำงสงั คม ในหลำกหลำยมิติเช่น กำรพัฒนำ
พลเมือง กำรคุ้มครองและพัฒนำเยำวชน กำรส่งเสริมควำมหลำกหลำย กำรส่งเสริมควำมเท่ำทียม
กันของผพู้ ิกำร เป็นต้น เพื่อให้เกิดกำรบูรณำกำรเร่ืองกำรพัฒนำสมรรถนะ กำรรู้เท่ำทันกำรสื่อสำร
เข้ำไปเป็นส่วนหนึง่ ในเป้ำหมำยของกำรขับเคลื่อน
ดังนนั้ จะเห็นได้ว่ำ ควำมเจรญิ ก้ำวหน้ำส่งผลให้ควำมเป็นพลเมืองในปัจจุบันต้องปรับเปลี่ยน
ตำมแนวโน้มของกระแสโลกทั้งเศรษฐกิจโลก (The Global Economy) เทคโนโลยีและกำรสื่อสำร
(Technology and Communications) ประชำกรและสิ่งแวดล้อม (Population and Environment) และ
พลวัตรของโลก (Global Movement) กระแสท้ังหมดต้องอำศัยกำรติดต่อข่ำวสำรที่ฉับไว สำมำรถ
ติดตอ่ สือ่ สำรข้อควำมถึงกันและกันได้อย่ำงรวดเร็ว ทำให้วัฒนธรรม วิถีชีวิตควำมเชื่อ ควำมคิดของ
สงั คม สำมำรถเผยแพรก่ ระจำยและถ่ำยโอนกนั ได้ง่ำยและรวดเร็ว ดังนั้นกำรติดต่อที่ต้องกำรส่งสำร
ที่มีจำนวนมหำศำล จึงต้องอำศัยเทคโนโลยีเข้ำมำเป็นเคร่ืองมือในกำรช่วยกระชับเวลำ เส้นทำง
กำรสื่อสำรภำยใต้จำนวนประชำกรที่มีเพิ่มมำกขึ้น ปัญหำต่ำงๆ จึงตำมพร้อมกับเปลี่ยนแปลงของ
กระแสโลก สมรรถนะของพลเมืองด้ำนด้ำนดิจิทัลจึงต้องมีเพิ่มขึ้น นอกเหนือจำกกำรเคำรพกฎ
กติกำกำรศึกษำจะเปน็ สิง่ ที่สำมำรถนำสังคมไปในทิศทำงคำดหวงั ได้
186
ความเป็นครูยุคปฏิรังสรรคก์ ารศกึ ษา ผชู้ ่วยศาสตราจารย์ ดร. ศรดุ า ชยั สุวรรณ
สำนักงำนคณะกรรมกำรดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมแห่งชำติ กระทรวงดิจิทัลเพื่อ
เศรษฐกิจและสังคม (2561) ได้กำหนดกรอบสมรรถนะด้ำนดิจิทัล สำหรับพลเมืองไทยได้แบ่ง
ออกเปน็ 4 ด้ำน เพื่อใหส้ อดคล้องกับบริบทของประเทศไทย ได้ดังนี้
1. กำรเข้ำใจดิจิทัล (Digital Literacy) เพื่อให้พลเมืองมีควำมสำมำรถในกำรเข้ำถึง วิเครำะห์
และสร้ำงขอ้ มลู สำรสนเทศและเนือ้ หำสื่อได้อย่ำงเหมำะสม ถกู ต้อง ปลอดภยั ไม่ละเมดิ กฎหมำย
2. กำรใช้ดิจิทัล (Digital Skill/ICT Skill) เพื่อให้พลเมืองใช้เคร่ืองมือดิจิทัลพื้นฐำนได้อย่ำงมี
ประสิทธิภำพ เพื่อเป็นต้นทุนต่อยอดในกำรประยุกต์ใช้งำนในกำรประกอบอำชีพ กำรดำเนิน
ชีวติ ประจำวัน และกำรพฒั นำตนเอง
3. กำรแก้ปญั หำดว้ ยเครื่องมอื ดิจทิ ลั (Problem Solving with Digital Tools) เพื่อให้พลเมือง
ใช้เครื่องมอื ดิจทิ ัลหรอื เทคโนโลยีเพือ่ แก้ปญั หำต่ำงๆ ได้ และใช้งำนอย่ำงสรำ้ งสรรค์
4. กำรปรับตัวสู่กำรเปลี่ยนแปลงดิจิทัล (Adaptive Digital Transformation) เพื่อให้พลเมือง
มีควำมสำมำรถในกำรเอำตวั รอดในโลกยุคปัจจุบนั และอนำคตที่มแี นวโน้มกำรเปลีย่ นแปลงที่รวดเร็ว
ได้อย่ำงคล่องแคล่ว (Digital Agility) และสำมำรถใช้เทคโนโลยีเพื่อกำรเปลี่ยนแปลงชีวิตในทำงที่ดีขึ้น
หรือเกิดเป็นวัฒนธรรมดิจิทัลได้ (Digital Culture) โดยสำมำรถสร้ำงสรรค์นวัตกรรมที่มีควำม
แตกต่ำงกนั รวมถึงสำมำรถพฒั นำตนเองได้อย่ำงยง่ั ยืน
ควำมเข้ำใจในกำรพัฒนำมนุษย์ไปสู่ควำมเป็นพลเมืองที่ตื่นตัว และบริบทที่สำคัญของควำม
เป็นไปของพลเมืองโลก ควำมเปน็ พลเมืองทีต่ ่นื ตัว จึงเป็นองค์ประกอบที่สำคัญในกำรพัฒนำระบอบ
ประชำธิปไตยให้เกิดควำมมีเสถียรภำพต่อไปในกำรอยู่ร่วมกันในทุกสังคมภำยใต้บรรทัดฐำน กติกำ
กฎระเบียบ และมำรยำท ตลอดจนกำรเขำ้ สู่สงั คมโรงเรียน สิ่งที่อำจต่ำงออกไปคือเร่ืองของมำรยำท
ควำมใกล้ชิดสนิทสนมกันเป็นเร่ืองดี แต่หลำยครั้งควำมสนิทสนมก็เกินขอบเขตจนเกินไป ระหว่ำง
นักเรียนและนักเรียน หรอื ระหว่ำงนักเรียนและครู เพรำะบทบำทของครูไม่ได้มแี ค่สอนหนังสือแต่ต้อง
สอนถึงกำรใช้ชีวิต กำรมีมำรยำท และกำรปฏิบัติต่อผู้อื่นในฐำนะมนุษย์ด้วยกัน ควำมศรัทธำต่อครู
ของนักเรียนโดยกำรยกมือไหว้โดยไม่เคลือบแคลงใจ และกำรที่นักเรียนได้เรียนรู้กับครูอย่ำงมี
ควำมสุข กำรให้เกียรตินักเรียน กำรให้เกียรติผู้ใหญ่คนอื่นๆ ในสังคม เพรำะนักเรียนคือมนุษย์คน
หน่งึ ครกู ็คือมนุษย์คนหนึ่ง ดังนั้น มนุษย์คนหนึ่งในฐำนะครู ต้องอบรมส่ังสอน ชี้แนะ ขัดเกลำมนุษย์
คนหนึ่งในฐำนะนักเรียนให้กลำยเป็นผู้ใหญ่ที่มีคุณภำพและอยู่ในสังคมอย่ำงมีควำมสุขต่อไป ครูกับ
กำรสร้ำงสำนึกควำมเป็นพลเมือง จึงเป็นบุคคลที่มีหน้ำที่ในกำรจัดกำรเรียนรู้ จึงต้องตระหนักถึง
ควำมสำคญั ในกำรจดั เนือ้ หำสำระ กิจกรรม และฝกึ ทักษะเพื่อผเู้ รียนได้รบั กำรปลกู ฝงั จติ สำนึก
187
ความเป็นครูยุคปฏิรงั สรรค์การศกึ ษา ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร. ศรดุ า ชยั สวุ รรณ
ที่ถูกต้องในกำรรักษำและส่งเสริมสิทธิ หน้ำที่ เสรีภำพควำมเคำรพกฎหมำย ควำมเสมอภำคและ
ศกั ดิศ์ รคี วำมเปน็ มนษุ ย์ สรำ้ งสำนึกควำมเปน็ พลเมืองให้กบั ผเู้ รียน ได้ดังต่อไปนี้
1. จดั กิจกรรมเพื่อสร้ำงสรรค์กำรรจู้ กั พึ่งตนเองและกำรรับผิดชอบตนเองได้
2. ฝึกแนวคิดในกำรให้ควำมสำคัญกับผู้อื่นเหมือนกับกำรให้ควำมสำคัญกับตนเอง เคำรพ
สิทธิผู้อน่ื เหมอื นกำรเคำรพตัวเอง
3. สร้ำงสำนึกในกำรเคำรพควำมแตกต่ำง ท้ังนี้เน่ืองจำกแต่ละคนต่ำงก็มีควำมรู้สึกนึกคิดที่
แตกต่ำงกันไป เม่ือมำอยู่ร่วมกันจึงเกิดปัญหำในเร่ืองควำมคิดแตกต่ำงกัน เพื่อให้ผู้เรียนได้เข้ำใจ
แนวคิดพื้นฐำนในกำรวิเครำะห์ควำมแตกต่ำงทำงบุคลิกภำพของคน ควำมสำมำรถและควำมถนัด
ของแต่ละบุคคล นอกจำกนี้ยังมีด้ำนอื่นๆ ที่มีควำมละเอียดอ่อนที่ผู้เรียนต้องพิจำณำเพิ่มเติม คือ
พื้นฐำนทำงครอบครัว ประเพณี วัฒนธรรม เชื้อชำติและศำสนำ ท้ังจะสร้ำงให้เกิดพลังสร้ำงสรรค์
(Synergism) ทีจ่ ะทำให้ผู้เรยี นคำนึงถึงศักดิ์ของควำมเป็นมนุษย์ในกำรอยู่รว่ มกนั ในสังคมและโลก
4. จัดกิจกรรมพัฒนำผู้เรียน เพื่อบูรณำกำรองค์ควำมรู้ต่ำงๆ ที่เกื้อกูลส่งเสริมกำรเรียนให้
ผเู้ รียนได้ค้นพบและใชศ้ ักยภำพที่มใี นตนเองอย่ำงเต็มที่ เลือกตดั สินใจได้อย่ำงมเี หตผุ ลและเหมำะสม
กับตนเอง และสำมำรถวำงแผนชีวิตและอำชีพได้อย่ำงมีคุณภำพ เน้นกำรสร้ำงเสริมกำรสร้ำงทักษะ
ชีวิต วุฒิภำวะทำง อำรมณ์ ศีลธรรม และจริยธรรม รู้จักสร้ำงสัมพันธภำพที่ดีเพื่อปรับตัวให้เข้ำกับ
บคุ คลและสถำนกำรณ์ตำ่ งๆ ได้อย่ำงมคี วำมสุข
5. แสดงออกถึงควำมเท่ำเทียม บริหำรจัดกำรช้ันเรียนโดยใช้หลักควำมเสมอภำค จนผู้เรียน
สำมำรถสงั เกตได้ และมองเหน็ ควำมสำคญั เคำรพซึง่ กนั และกนั ในช้ันเรยี น
6. สร้ำงกฎ กติกำในช้ันเรียน ฝึกกำรเคำรพกติกำระหว่ำงผู้เรียนและผู้เรียน ครูและผู้เรียน
เพื่อให้ผู้เรยี นเหน็ ควำมสำคัญถึงกำรเคำรพกติกำ
7. ฝึกทักษะให้ผู้เรียนรู้จักจัดกำรปัญหำและควบคุมอำรมณ์ตนเอง รู้แพ้ รู้ชนะ รู้อภัย
ส่งเสริมจริยธรรมและคุณธรรม ฝึกกำรมีสติก่อนที่จะตัดสินใจในกำรกระทำที่อำจจะส่งผลต่อ
ควำมรนุ แรงต่อตนเองและผอู้ ื่นได้
8. ปลูกฝังควำมรบั ผดิ ชอบต่อสงั คมใหก้ บั ผเู้ รียน ให้เข้ำใจร่วมกนั ในกำรอยู่ร่วมกันอย่ำงสันติ
สุข กำรเป็นสมำชิกทีด่ ขี องกลุ่ม กำรรว่ มทุกข์ร่วมสุขในกำรเผชิญกบั ปญั หำที่สง่ ผลต่อกลุ่มและสงั คม
พลเมืองตื่นรู้ จึงหมำยถึง หรือพลเมืองที่ให้ควำมใส่ใจในสังคม เข้ำใจถึงหน้ำที่และตระหนัก
ถึงกำรกระทำด้วยควำมรับผิดชอบในกำรช่วยพัฒนำชุมชนและสังคม เข้ำใจและให้ควำมสำคัญกับ
กำรแก้ไขปัญหำทีเ่ กิดขึน้ ในชมุ ชน เปน็ ผู้ที่มคี วำมเข้ำใจเรือ่ งกำรมสี ่วนรว่ มตำมหลักประชำธิปไตย
188
ความเป็นครูยุคปฏิรงั สรรคก์ ารศกึ ษา ผชู้ ่วยศาสตราจารย์ ดร. ศรดุ า ชยั สวุ รรณ
ประกอบด้วย 3 แนวคิด คือ มีควำมรับผิดชอบต่อหน้ำที่ กำรมีส่วนร่วมในกิจกรรมของ
ชุมชน และเป็นผู้ที่เข้ำใจปัญหำของสังคมและพร้อมที่จะแก้ไขปัญหำเหล่ำน้ัน กำรเป็นพลเมืองต่ืนรู้
(Active Citizen) คือ บคุ คลมีควำมรับผดิ ชอบต่อสังคม มีจิตอำสำ จิตสำธำรณะที่ไม่หวังผลตอบแทน
มีควำมตระหนักรู้ในสิ่งที่ตนทำ เห็นประโยชน์ส่วนรวมเป็นสำคัญ คำว่ำ Citizen แปลว่ำ “พลเมือง”
ซึ่งหมำยถึง “กำลังของเมือง” (พละ + เมือง) เม่ือทุกคนคือพลเมืองของประเทศน้ันๆ กำรเป็น
พลเมอื งตน่ื รทู้ ี่รหู้ นำ้ ที่ สิทธิ ควำมรับผิดชอบของตัวเอง จึงเป็นสิ่งที่ทุกประเทศพึงปรำรถนำหำกเกิด
จำกกำรบ่มเพำะโดยพ่อแม่ ครู และสังคม ทุกคนที่เกิดในแผ่นดินไทยล้วนมีฐำนะเป็นพลเมืองไทย
(Thai Citizen) แต่ถ้ำจะเป็น Active Citizen แล้วจะต้องเป็นคนมีควำมรับผิดชอบครูในฐำนะผู้สร้ำง
พลเมืองจึงต้องสร้ำงให้เด็กและเยำวชนเป็นพลเมืองที่มีควำมรับผิดชอบ มีส่วนร่วมกับกำรพัฒนำ
และสำมำรถทีจ่ ะเปลี่ยนแปลงสังคมไปในทิศทำงทีด่ ีข้ึน
ผู้เขียนเชื่อว่ำ กำรพัฒนำควำมเป็นพลเมือง สู่พลเมืองต่ืนรู้ ให้กับผู้เรียนในยุคปฏิรังสรรค์
น้ันจะเป็นเคร่ืองมือสำคัญในกำรให้สังคมสำมำรถดำรงอยู่ได้ แม้จะเกิดจำกควำมขัดแย้งทำง
ควำมคิดแต่ก็ไม่ได้ทำให้เกิดควำมเสื่อมสลำยในกำรอยู่ร่วมกันในสังคมเดียวกัน คนทุกคนย่อมมิได้
มีควำมคิดควำมเห็นเหมือนกันหรือตรงกันหมดทุกเร่ือง แต่ทุกคนก็ย่อมที่จะต้องรับฟังควำมคิดเห็น
ของกันและกัน ไม่ใช้อคติส่วนตัวในกำรตัดสินปัญหำ หำกแต่ต้องใช้ “ปัญญำ” และ “สติ”ในกำรหำ
ทำงออก กำรส่งเสริมหรือพัฒนำผู้เรียนให้มีคุณสมบัติของควำมเป็น “พลเมือง” ย่อมจะทำให้เกิด
สิ่งที่เรียกว่ำ ควำมเชื่อมแน่นทำงสังคม (Social Cohesion) ขึ้น เพรำะพลเมืองจะเป็นผู้ที่ปฏิบัติตำม
ทำนองคลองธรรม (Legitimacy) ของสังคม มีวุฒิภำวะ สำมำรถปรับตัวอยู่ร่วมกับผู้อื่นได้อย่ำง
รำบรน่ื หำกทกุ ฝ่ำยสำมำรถร่วมกนั สร้ำงผู้ทีม่ คี ณุ สมบตั ิของควำมเปน็ พลเมอื งให้เกิดขึ้นในสังคมไทย
ได้มำก ก็เชือ่ แน่วำ่ สงั คมไทยจะกลำยเป็นสังคมอุดมสุข ที่อำนวยประโยชน์ให้กับบุคคลทุกกลุ่มที่อยู่
อำศัยโดยไม่แบ่งหรอื เลือกชนช้ันวรรณะหรอื อำชีพในสงั คมอย่ำงแนน่ อน
บทสรปุ
กำรจัดกำรศึกษำเป็นหน้ำที่ของครู ท้ังนี้ครูต้องคำนึงถึงคุณลักษณะที่พึงประสงค์ของ
ผู้เรียนยุคปัจจุบัน อีกทั้งทักษะที่สำคัญที่สำมำรถอยู่ร่วมกันในสังคมได้ ให้สมำชิกของสังคม
พึง่ ตนเองและรบั ผิดชอบตนเองได้ ใช้สทิ ธิเสรีภำพโดยควบคู่กับควำมรับผิดชอบ เคำรพสิทธิเสรีภำพ
ของผู้อื่น เคำรพควำมแตกต่ำง เคำรพหลักควำมเสมอภำค เคำรพกติกำ ไม่แก้ปัญหำด้วย
ควำมรุนแรง ตระหนักว่ำตนเองเป็นส่วนหนึ่งของสังคม ร่วมรับผิดชอบต่อสังคม มีจิตสำธำรณะ
และกระตอื รอื ร้นที่จะรับผิดชอบหรอื ร่วมขับเคลื่อนสังคมและแก้ปัญหำสงั คมในระดับต่ำงๆ ต้ังแตใ่ น
189
ความเป็นครูยคุ ปฏิรงั สรรค์การศกึ ษา ผู้ชว่ ยศาสตราจารย์ ดร. ศรดุ า ชัยสวุ รรณ
ครอบครัว ชุมชน จนถึงระดับประเทศ ระดับอำเซียน และระดับประชำคมโลก คุณลักษณะที่
พึงประสงค์ที่สำคัญในยุคนี้ คือ สมรรถนะในกำรคิดวิเครำะห์และควำมคิดสร้ำงสรรค์ ที่ต้องอยู่ใน
ห้องเรียนที่มีบรรยำกำศเปิดกว้ำง มีกำรบูรณำกำรวิชำต่ำงๆ ได้ เช่น ประวัติศำสตร์ สังคมศึกษำ
กำรงำนอำชีพ คณิตศำสตร์ในประเด็นหัวข้อที่กำหนด ที่ผู้เรียนสำมำรถตั้งคำถำม ถกเถียงและ
ช่วยกันหำคำตอบ และควำมสัมพันธ์ทำงสังคมระหว่ำงผู้สอนกับผู้เรียนควรมีควำมเท่ำเทียมกันมำก
ขึ้น ห้องเรียนน้ันคือ กำรจำลองของระบบสังคมที่เป็นประชำธิปไตย กำรคิดวิเครำะห์เป็น มีตรรกะ
เชื่อมโยงกับกำรแสดงออกทำงจริยธรรมที่ออกมำจำกใจอย่ำงแท้จริง และเป็นทักษะจำเป็น
ของพลเมืองในยุคนี้ กำรตื่นรู้ ด้วยสติ นำไปสู่ปัญญำหรือกำรรู้อันนำไปสู่กำรแก้ปัญหำหรือนำไปใช้
ในกำรดำเนินชีวิตได้อย่ำงถูกต้อง แก้ไขปัญหำควำมไม่ยุติธรรมทำงสังคมที่มำจำกกำรพัฒนำที่ไม่
สมดลุ และทั่วถึง รวมทั้งปกป้องตัวเองได้จำกกำรถูกเอำรัดเอำเปรียบและถูกครอบงำ ส่วนกำรผลิต
พลเมืองที่มีคุณภำพก็เริ่มต้นที่ห้องเรียน ที่ผู้เรียนและครูที่อยู่ร่วมกันในสังคมจำลองที่ถือได้ว่ำเป็น
หัวใจสำคัญในกำรเริม่ ต้นสรำ้ งควำมสขุ สรำ้ งจิตสำนึกควำมเป็นพลเมืองด้วยมือของผเู้ รียนเอง
ความเปน็ พลเมือง
การปฏิบัติหน้าที่ในฐานะส่วนหนึ่งของสังคม โดยการดาเนินชีวิตตามรูปแบบ
ของบรรทัดฐานที่ยอมรับกันในสังคม เป็นสิ่งที่ดีงามที่สามารถปกป้องความขัดแย้ง
เน่ืองจากมีการเคารพสิทธิผู้อื่น เคารพความ ยึดม่ันในความถูกต้องรู้ถูก รู้ผิด
รู้ชอบ ช่ัว ดี กล้าปฏิเสธและต่อต้านการกระทาที่ไม่ถูกต้อง เคารพสิทธิ เสรีภาพ
และปฏิบตั ิตอ่ ผอู้ ืน่ ในฐานะมนุษย์ดว้ ยกนั
ความเป็นพลเมืองตืน่ รู้
ความตระหนกั รู้และสนใจปัญหาสังคม มีจิตสาธารณะในการช่วยเหลือให้ปัญหา
น้ันคลี่คลายตามทานองคลองธรรม (Legitimacy) เป็นผู้รู้เท่าทันสื่อยุคดิจิทัล
ฉลาดรู้สุขภาพ สุขภาวะทางปัญญา ครูผู้สอนต้องรู้จักเลือกสรรข้อมูล ข่าวสาร
ทีถ่ ูกต้องเพื่อให้ผู้เรยี นเกิดการเรียนรู้ได้อย่างมปี ระสิทธิภาพมากที่สุด
190
ความเปน็ ครูยคุ ปฏิรงั สรรคก์ ารศกึ ษา ผชู้ ่วยศาสตราจารย์ ดร. ศรดุ า ชยั สวุ รรณ