8877
ดังนั้น หากอยากให้เมกะโปรเจกต์หลายแสนล้านสาเร็จ ต้องเริ่มจาก “กระบวนการมีส่วนร่วม
อย่างมีคุณภาพ” รัฐควรเปิดพื้นที่และโอกาสให้ทุกคนสามารถเข้ามามีส่วนร่วมในกระบวนการพัฒนา
ต้ังแตก่ ารประเมินสิ่งแวดล้อมระดบั ยุทธศาสตร์ (Strategic Environmental Assessment - SEA) ท่ี
ครอบคลุมมิติทางสิ่งแวดล้อม เศรษฐศาสตร์ เทคโนโลยี และมติ ิคุณค่าทางสังคมวัฒนธรรม ซง่ึ สอดคล้อง
กับแนวนโยบายของรัฐท่ีกาหนดไว้ในมาตรา 58 ของรัฐธรรมนูญ ปี พ.ศ. 2560 ที่บัญญัติว่า “บุคคล
และชุมชนย่อมมีสิทธิได้รับข้อมูล คาช้ีแจงและเหตุผลจากหน่วยงานของรัฐก่อนการดาเนินการ”
(คมชัดลึก, 2561)
5) แนวทางการแก้ไขปัญหาความขัดแย้งโครงการขนาดใหญด่ ว้ ยสนั ติวธิ ี
อภิชัย สิงห์ศรี (2560) ได้ศึกษาปัญหาและแนวทางการแก้ไขปัญหาโครงการพัฒนาอุตสาหกรรม
ขนาดใหญ่ และมีข้อเสนอแนวทางการแก้ปัญหาความขัดแย้งได้ครอบคลุมภาคส่วนที่เก่ียวข้องซึ่ง
สามารถประยกุ ตใ์ ช้กบั โครงการขนาดใหญอ่ น่ื ๆ ได้มดี งั ต่อไปน้ี
แนวทางสาหรบั หนว่ ยงานผใู้ ห้อนญุ าตจดั ต้ังโครงการ
(1) ตรวจสอบข้อเท็จจริง และชี้แจงแก่ประชาชนให้ได้รับทราบ เพื่อคลายความสงสัย และ
ความโปรง่ ใสหนว่ ยงานทเี่ กี่ยวขอ้ งจะต้องชี้แจงให้กับประชาชนทราบถงึ ขน้ั ตอน และขอ้ เทจ็ จรงิ ตา่ ง ๆ
ให้ไดท้ ราบ
(2) การเจรจาไกลเ่ กลย่ี ประเด็นขัดแยง้ ทเ่ี กดิ ข้ึน ผู้พัฒนาโครงการ หรือหน่วยงานผูใ้ ห้อนญุ าต
ควรมตี ัวกลางไกล่เกลี่ย เพือ่ ใหป้ ระชาชนเข้าใจถงึ ข้อจากดั ของกฎหมายในปจั จุบันว่าโครงการสามารถ
ดาเนินการได้หรือไม่อย่างไร รวมถึงหาแนวทางในการดาเนินโครงการต่อไปท่ีประชาชนโดยรอบ
ยอมรับได้ เพอ่ื หาแนวทางออกในการอยู่อาศัยรว่ มกนั ระหวา่ งโครงการและชมุ ชนโดยรอบ
แนวทางสาหรบั ผู้พัฒนาโครงการ
(1) ต้องดาเนินการตามกฎหมายและมาตรการที่ระบุใน EIA, EHIA ผู้พัฒนาโครงการจะต้อง
ดาเนินการตามกฎหมาย และมาตรการ EIA, EHIA ที่ได้รับความเห็นชอบอย่างเคร่งครัด ทั้งน้ีเนื่องจาก
กฎหมายนั้นเป็นส่ิงที่ทุกคนต้องถือปฏิบัติ ดังนั้นโครงการจึงจาเป็นต้องปฏิบัติตามกฎหมายรวมถึง
มาตรการใน EIA, EHIA ซึง่ เป็นสงิ่ ทโ่ี ครงการจะต้องปฏิบตั ิเพอื่ ลดผลกระทบท้ังต่อชมุ ชนและตอ่ ส่ิงแวดล้อม
(2) การให้ข้อมูลโครงการแก่ประชาชน และข้ันตอนรวมถึงการทารายงานมาตรการติดตาม
ตรวจสอบให้แก่ตัวแทนของชุมชน รวมถึงนาเสนอข้ันตอนในการดาเนินการบางส่วน โดยละเอียด
ใหแ้ ก่ชมุ ชน เพอื่ สร้างความไวว้ างใจและความสัมพันธ์ท่ดี ีระหว่างชมุ ชน และโครงการ
88 88
(3) การออกแบบโครงการให้มีลักษณะท่ีสอดคล้องกับสภาพแวดล้อมโดยรอบโครงการ
ร่วมกับชมุ ชน เพ่อื ใหล้ ดข้อขัดแย้งและอยรู่ ่วมกบั ชมุ ชนได้
(4) การเข้าร่วมกิจกรรมของชุมชนต่าง ๆ รวมถึงเข้ากิจกรรมในขั้นตอนต่าง ๆ โดยอาศัย
หลักการมสี ว่ นรว่ มของประชาชนในกระบวนการตัดสินใจ
(5) จัดให้มีไตรภาคีในการหาข้อตกลงร่วมกันถึงแนวการดาเนินโครงการต่อไป หากโครงการ
ไม่ขัดต่อข้อกฎหมาย อาทิเช่น การออกแบบโครงการและพ้ืนที่โดยรอบโครงการตามที่ได้เสนอในที่
ประชุม โดยให้ประชาชนมีสว่ นร่วมในการแสดงความคิดเหน็ รวมท้ังร่วมตรวจสอบการดาเนินการก่อสร้าง
ของโครงการว่าเป็นไปตามแนวทางท่ีได้แจ้งให้แก่ประชาชน โดยไตรภาคีดังกล่าวจะต้องประกอบไปด้วย
ตัวแทนของผพู้ ัฒนาโครงการหน่วยงานภาครฐั และภาคประชาชน เพือ่ ให้ทกุ ฝ่ายสามารถอยรู่ ่วมกนั ได้
แนวทางสาหรับภาคประชาชน
(1) ประชาชนในพ้ืนที่ควรให้ความรว่ มมือในการแสดงความคิดเห็นในกระบวนการมีสว่ นร่วม
ของประชาชนในข้ันตอนการจัดทารายงาน EIA, EHIA รวมถึงพิจารณาผลกระทบจากโครงการอย่าง
เป็นกลางไม่มีอคติ เพื่อให้บริษัทที่ปรึกษาได้รับข้อมูลที่ถูกต้องและนาไปสู่มาตรการป้องกันและลด
ผลกระทบสง่ิ แวดล้อมทมี่ ปี ระสทิ ธภิ าพ
(2) ประชาชนจะต้องยอมรบั ความคิดเห็นในมุมมองที่แตกตา่ งกนั เพอื่ นาไปสู่การแก้ไขปัญหา
การอยู่รว่ มกนั ระหวา่ งคนในชุมชน และโครงการอย่างสันติ
8899
ภาพที่ 3-5 แสดงทต่ี ัง้ ของแหล่งพื้นท่ีพัฒนารว่ มไทย-มาเลเซยี (B)
ท่มี า : https://www.gotoknow.org/posts/189873
3.3.2 กรณีศึกษาความขัดแย้งจากโครงการขนาดใหญ่
1) กรณีโครงการท่อส่งก๊าซ และโรงงานแยกกา๊ ซไทย-มาเลเซีย
โครงการท่อส่งก๊าซและโรงแยกก๊าซไทย-มาเลเซีย เป็นโครงการด้านพลังงานขนาดใหญ่ ซึ่ง
ก่อใหเ้ กิดความขัดแยง้ ระหว่างเจา้ ของโครงการกับประชาชนในพื้นที่อย่างกวา้ งขวาง จะนาเสนอความ
เป็นมา และลาดับสถานการณ์ต่างๆทเ่ี กีย่ วขอ้ ง ดังรายละเอียดดงั ต่อไปน้ี (ประชาไท, 2549)
(1) ความเปน็ มา
แตเ่ ดิมไทยและมาเลเซียมปี ญั หาการอ้างสทิ ธเิ หล่ือมล้ากันของเส้นเขตไหล่ทวปี ในอ่าวไทย ซงึ่
ครอบคลุมพื้นที่ 7,250 ตร.กม. จนวันที่ 21 กุมภาพนั ธ์ พ.ศ. 2522 รฐั บาล พล.อ.เกรียงศักด์ิ ชมะนันทน์
และรัฐบาลนายดาโต๊ะ ฮสุ เซน ออนน์ ไดล้ งนามในบันทึกความเขา้ ใจการร่วมพัฒนาพนื้ ที่เหลื่อมล้าให้
เป็นพ้ืนที่พัฒนาร่วม (Joint Development Area หรือ JDA) ซ่ึงต่อมา มีการจัดตั้งองค์กรร่วมไทย-
มาเลเซีย (Malaysia-Thailand Joint Development Authority หรือ MTJA) ข้ึนในปี พ.ศ. 2533
เพอื่ ดแู ลการสารวจและแสวงหาประโยชนจ์ ากปิโตรเลยี มบนหลักการแบง่ ปนั ผลประโยชน์อย่างทัดเทียม
90 90
โครงการท่อก๊าซและโรงแยกก๊าซธรรมชาติไทย-มาเลเซีย เป็นการร่วมทุนระหวา่ ง ปตท.และ
บรษิ ัทปโิ ตรนาส กาลิการ่ี ของมาเลเซีย ในอัตราสว่ น 50:50 มมี ูลคา่ การลงทนุ ประมาณ 40,000 ล้าน
บาท ซ่ึงแต่ละฝ่ายลงทุนฝ่ายละ 20,000 ล้านบาทในการพัฒนาการใช้ประโยชน์ก๊าซธรรมชาติจาก
แหล่งพัฒนาร่วม (JDA) ตัวโครงการประกอบด้วยการวางท่อในทะเลจากแหล่งผลิตมาขึ้นฝั่งที่ อ.จะนะ
ไปเช่ือมต่อกับระบบในประเทศมาเลเซียผ่านทางชายแดน อ.สะเดา จ.สงขลา รวมระยะทาง 353
กิโลเมตร แนวท่อก๊าซบนบกจะพาดผ่านพื้นท่ี 4 อาเภอของ จ.สงขลา ได้แก่ จะนะ, นาหม่อม,
หาดใหญ่ และสะเดา ใน 15 ตาบล 49 หมบู่ ้าน ซง่ึ มปี ระชาชนราว 35,000 คน สว่ นโรงแยกก๊าซ เปน็
โรงแยกขนาดกาลังผลิต 425 ล้านลูกบาศก์ฟุต/วัน จะตั้งอยู่ในเขตคาบเกี่ยวระหว่างบ้านตล่ิงชันและ
บ้านโคกสกั ของ อ.จะนะ ซ่ึงมปี ระชาชนอาศยั อยูป่ ระมาณ 3,000 คน
(2) ลาดบั เหตกุ ารณส์ าคญั ๆ โครงการท่อส่งก๊าซ และโรงแยกก๊าซไทย-มาเลเซยี
22 เมษายน 2541 นายชวน หลกี ภัย นายกรัฐมนตรขี องไทย และ ดร.มหาเธร์ โมฮมั หมดั
นายกรัฐมนตรีมาเลเซยี เปน็ ประธานพธิ ลี งนามข้อตกลงเบ้ืองตน้ สญั ญาซ้อื ขายกา๊ ซ
JDA ที่อาคารอเนกประสงค์สวน พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ อ.เมือง จ.สงขลา สมชั ชา
นกั ศกึ ษาภาคใต้ประท้วงดว้ ยการลอยเรือในทะเลสาบสงขลาเรียกร้องใหม้ ีการทา
ประชาพิจารณ์
ธันวาคม 2541 หลงั รัฐธรรมนญู บังคับใช้ 1 ปี 2 เดือน ปตท.ว่าจา้ งคณะการจดั สง่ิ แวดล้อม
มหาวิทยาลยั สงขลานครินทร์ วทิ ยาเขตหาดใหญ่ ศกึ ษาและประเมินผลกระทบ
สิ่งแวดลอ้ ม (EIA) โครงการท่อกา๊ ซและโรงแยกก๊าซไทย-มาเลเซีย หัวหน้าคณะ
ศึกษาเปดิ เผยวา่ ประชาชนส่วนใหญ่กงั วลเรอ่ื งระบบนเิ วศทางทะเล บางสว่ นมี
ทศั นคตเิ ชิงลบต่อการพฒั นาอุตสาหกรรม และการศึกษาจะใหค้ วามสาคัญกบั เรื่อง
ทรัพยากรประมง และระบบนเิ วศทางน้า
กันยายน 2542 ผลวิจัยปญั หาสง่ิ แวดลอ้ มของแผนการใช้ประโยชนจ์ ากก๊าซธรรมชาติเขตพฒั นารว่ ม
ไทย-มาเลเซีย ระบุว่าแนวท่อก๊าซมผี ลกระทบต่อเสียงขันของนกเขาชวา สร้างความ
วติ กให้กบั ผ้ปู ระกอบธรุ กจิ นกเขา และประกาศพร้อมจะออกมาคัดค้านโครงการ
30 ตลุ าคม 2542 ชาวบา้ นจาก อ.สะเดา อ.หาดใหญ่ อ.นาหม่อม อ.จะนะ และนกั ศกึ ษา
นักวชิ าการ องค์การพฒั นาเอกชน และองค์กรต่าง ๆ กวา่ 500 คน เขา้ แถวถือปา้ ย
ตอ่ ตา้ นโครงการและกรูเขา้ ล้อมขบวนรถเพื่อยื่นหนงั สือคดั ค้านขณะขบวนรถของ
นายชวน หลีกภัย และคณะเคล่ือนผ่านด่านชายแดนไทย เพ่อื เดินทางไปเปน็
9911
ประธานร่วมกับ ดร.มหาเธร์ โมฮัมหมัด นายกรฐั มนตรีมาเลเซยี ในพธิ ลี งนามสัญญา
รว่ มทนุ ระหว่าง ปตท.และปโิ ตรนาส ที่เมอื งอลอสตาร์ ประเทศมาเลเซีย
ธนั วาคม 2542 ชาวบ้าน ต.คลองเปียะ อ.จะนะ รว่ มกับชาวบา้ นอกี 4 อาเภอ มมี ติไม่ให้ทอ่ ก๊าซ
ผ่านพนื้ ท่ขี องตน เน่ืองจากเหน็ ผลเสียมากกว่าผลดี รวมท้งั เจ้าหน้าท่ี ปตท.ไม่
สามารถชแี้ จงข้อสงสยั และมวลชนสมั พนั ธข์ อง ปตท.สร้างความแตกแยกให้กับคน
ในพืน้ ท่ี
ตน้ ปี 2543 ปตท.และปโิ ตรนาส ได้จดทะเบียนรว่ มลงทุนโครงการท่อส่งก๊าซและโรงแยกก๊าซ
ไทย-มาเลเซีย ทโี่ รงแรมเจบี อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา ใช้ชอ่ื บริษัททดี่ าเนินการรว่ มกนั
ว่า บรษิ ทั ทรานสไ์ ทย-มาเลเซีย (ประเทศไทย) จากัด
29 กรกฎาคม 2543 ประชาพจิ ารณโ์ ครงการฯ คร้งั ที่1 ท่ีหอประชมุ เทศบาลนครหาดใหญ่ เกิดการ
ตะลมุ บอนกันระหวา่ งกลุ่มผูส้ นบั สนุนและผู้คดั ค้าน จนต้องปดิ และประกาสเล่อื น
การทาประชาพิจารณ์ออกไป
17 ตุลาคม 2543 นายพนัส ทัศนียานนท์ ประธานกรรมาธิการสง่ิ แวดลอ้ มวฒุ ิสภา ทาหนังสือถึง
นายชวน หลกี ภัย นายกรฐั มนตรขี อใหร้ ะงบั และปรับปรุงกระบวนการทาประชา
พิจารณ์ เพราะรฐั บาลยงั ไมเ่ ปิดเผยข้อมูลโครงการตา่ ง ๆ ท่ีจะตามมาให้ประชาชน
ทราบ
21-22 ตลุ าคม 2543 ประชาพิจารณ์โครงการฯ ครั้งที่ 2 ท่สี นามกีฬาจริ ะนคร เทศบาลนครหาดใหญ่
เกดิ เหตุปะทะระหวา่ งตารวจปราบปรามจลาจลกบั กลมุ่ ผู้คัดคา้ นจนมี
ผ้ไู ดร้ บั บาดเจบ็ จากน้ันตารวจไดต้ ้ังข้อหาแกนนาผ้ชู มุ นุมคัดค้านโครงการฯหลาย
ขอ้ หา ส่วนกลุ่มคัดค้าแจง้ ความกลบั นายชวน หลีกภัย นายสุวัจน์ ลปิ ตะพลั ลภ
รมว.อตุ สาหกรรม และ พล.อ.จรลั กลุ ละวณิขย์ ประธานกรรมการประชาพิจารณ์
ในขอ้ หาเปน็ เจ้าพนักงานปฏบิ ัติหนา้ ทโี่ ดยมชิ อบ ร่วมกันทาร้ายประชาชน ฯลฯ
กรกฎาคม 2544 กลมุ่ คดั ค้านโครงการฯได้ก่อตง้ั “มหาวิทยาลยั ลานหอยเสียบ” เพ่ือเป็นแหล่งศกึ ษา
เรียนรู้แก่สมาชิกในชมุ ชน
24 ตลุ าคม 2544 รองเลขาธิการสานกั งานนโยบายและแผนสิ่งแวดลอ้ ม (สผ.) ได้แถลงข่าววา่ มีการ
อนมุ ัตริ ายงานการศึกษาผลกระทบส่งิ แวดล้อมโครงการทอ่ ก๊าซและโรงแยกก๊าซ
ธรรมชาตไิ ทย-มาเลเซยี แล้ว โดยท่กี ารประเมนิ ผลกระทบทางด้านสงั คม (SIA) ยังไม่
ผา่ นการพิจารณาจากกรรมการผู้ชานาญการ
4 มกราคม 2545 พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวตั ร นายกรัฐมนตรีในขณะนั้นเดินทางลงพนื้ ที่ รับฟังความเห็น
ชาวบา้ นและรับปากกับชาวบ้านวา่ จะตัดสนิ ใจภายใน 3 เดือน
92 92
10 พฤษภาคม 2545 พ.ต.ท.ทกั ษิณ ชินวตั ร นายกรัฐมนตรี ได้ตดั สินใจให้รัฐบาลเดินหน้าโครงการ
ท่อก๊าซไทย-มาเลเซียต่อไป โดยใหม้ ีการเลื่อนแนววางท่อส่งก๊าซออกไปจากเส้นทาง
เดมิ ในระยะไมเ่ กนิ 5 กม. โดยโฆษกประจาสานกั นายกรฐั มนตรีไดแ้ ถลงผลการ
ตัดสนิ ใจดังกล่าวอยา่ งเป็นทางการ
24 พฤศจิกายน 2545 นกั วชิ าการจากสถาบันตา่ ง ๆ ร่วมกันแสดงจดุ ยืนคัดค้านโครงการท่อก๊าซและ
โรงแยกกา๊ ซไทย-มาเลเซียพร้อมกนั ที่โคราช ขอนแกน่ เชียงใหม่ และกรงุ เทพฯ
พร้อมรายช่อื นักวชิ าการ 1,384 คนท่ัวประเทศที่ร่วมกนั ลงช่อื คดั ค้าน
20 ธนั วาคม 2545 เหตกุ ารณ์สลายการชุมนนุ ของกลุ่มชาวบ้าน นกั ศึกษาและเจา้ หนา้ ที่องค์กร
พัฒนาเอกชนนับพนั คนซึ่งร่วมกนั ชุมนุมเพอื่ ยืน่ หนังสอื คัดค้านโครงการฯ ต่อ
พ.ต.ท.ทกั ษณิ ชินวัตร ทท่ี างเข้าโรงแรม เจ.บ.ี อ.หาดใหญ่ จงสงขลา มกี ารปะทะกบั
เจา้ หน้าทต่ี ารวจ
จากเหตกุ ารณด์ ังกลา่ วผชู้ ุมนุมถูกจบั กุมในทีเ่ กดิ เหตุ 12 คน ตอ่ มาถูกออก
หมายจับและดาเนินคดีอีก 20 คน รวมถูกดาเนนิ คดอี าญาทั้งส้นิ 32 คน แตต่ ่อมา
ศาลจังหวดั สงขลา และศาลอุธรณ์ พิพากษายกฟ้องจาเลยท้ังหมด เหตุจากการ
สลายการชมุ นุมไม่ชอบดว้ ยกฎหมาย
21-22 ธันวาคม 2545 การประชุม ครม.สญั จรภาคใต้ ทโี่ รงแรมเจบหี าดใหญ่ จ.สงขลา มขี ึ้นตาม
กาหนดการเดิม ภายหลงั เหตกุ ารณส์ ลายการชุมชนสงบลงราว 3 ทมุ่ ครง่ึ ของคนื
วันท่ี 20 ธันวาคม 2545
มถิ นุ ายน 2546 โครงการท่อสง่ กา๊ ซและโรงแยกกา๊ ซ ไทย-มาเลเซยี เรม่ิ การกอ่ สรา้ งในพ้นื ท่ี
ธนั วาคม 2546 ผชู้ มุ นุมรวม 30 คน ร่วมกนั ฟ้องต่อศาลปกครองสงขลา ให้สานักงานตารวจแหง่ ชาติ
(สตช.) รับผิดชอบต่อความเสียหายจากการถกู ละเมดิ สทิ ธิเสรภี าพในการชุมนุม เป็น
เงนิ คนละ 20,000 บาท และการทถ่ี ูกทาร้ายร่างกายและทาลายทรัพยส์ ินซ่ึงศาล
ปกครองสงขลารบั คาฟ้องเฉพาะผู้ฟ้องคดีท่ี1-24 กรณคี วามเสยี หายตอ่ เสรีภาพใน
การชุมนมุ
ธนั วาคม 2547 ศาลอาญา จ.สงขลา มคี าพิพากษายกฟ้องจาเลยทัง้ 20 คน และให้คืนรถยนต์
ทั้งหมดทยี่ ึดมาแกช่ าวบา้ น
1 มถิ นุ ายน 2549 ศาลปกครองสงขลามีคาพพิ ากษาให้ สตช. ชาระเงินแก่ชาวบา้ นรายละ 10,000
บาท พรอ้ มดอกเบี้ยร้อยละ 7.5 ตอ่ ปี คดีตารวจสลายการชุมชนคัดคา้ นโครงการฯ
9933
ประชาไท (2556) ได้รายงานความเคลื่อนไหวกรณีชาวบ้านกลุ่มคัดค้านโครงการได้ฟ้องศาล
ปกครองกรณีตารวจละเมิดสิทธิ การชุมนุมตามรัฐธรรมนูญ วันที่ 13 กันยายน พ.ศ. 2554 ศาลปกครอง
สูงสุด พิจารณาคาอุธรณ์ของสานักงานตารวจแห่งชาติ และเมื่อ วันที่ 16 มกราคม พ.ศ. 2556 ศาล
ปกครองสุงสุดพิพากษาคดีสลายการชุมนุมชาวบ้านผู้คัดค้านโครงการฯช้ีตารวจละเมิดสิทธิ การชุมนุม
ตามรฐั ธรรมนูญ ใหช้ าวบ้านชนะคดี โดยให้ สตช. จ่ายค่าเสียหายเปน็ เงินจานวน 100,000 บาท
(3) ผลกระทบจากโครงการ
ความขดั แย้ง อนั เกดิ จากการดาเนนิ โครงการดังกลา่ วมผี ลกระทบต่อสังคมวฒั นธรรมของคน
ใตใ้ นประเดน็ ต่าง ๆ ซึ่ง เนติกร ธนยุ ุทะกลุ (2554) ไดส้ รปุ ไว้ 7 ประการดงั น้ี
ประการที่ 1. กระทบความสัมพนั ธใ์ นระดบั เครือญาติ คนใต้ได้ชือ่ วา่ เป็นกลุม่ ทมี่ ีคา่ นยิ มรัก
พวกพ้องเครือญาติอย่างเขม้ ข้นมภี ูมิปญั ญาในการสรา้ งเครือข่ายเครอื ญาตใิ นรูปแบบต่าง ๆ เช่น การ
ผกู เกลอ การผูกดอง เป็นตน้ ระบบความสมั พนั ธด์ งั กล่าวเคยสร้างความมัน่ คงในการปกป้องชวี ติ และ
ทรัพย์สนิ จากการรงั แกคุกคามของคนตา่ งกลมุ่ ตา่ งพวกได้เปน็ อยา่ งดี กระบวนการประชาสัมพนั ธท์ า
ความเขา้ ใจเกย่ี วกับโครงการดงั กล่าวมสี ว่ นในการทาลายระบบความสัมพันธ์แบบเครือญาตขิ องชุมชน
ในพ้นื ท่ีโครงการโดยการเสนอผลประโยชน์ อามิส บางอย่างเปน็ เหยื่อล่อ เชน่ การบริการด้านสาธารณสุข
การแจกทุนการศึกษาแกน่ ักเรียนในเขตพ้ืนท่ีโครงการ การนาไปทัศนศกึ ษาโรงไฟฟ้าขนอม จังหวดั
นครศรธี รรมราช หรือโรงแยกก๊าซท่มี าบตาพดุ จังหวัดระยอง เปน็ ตน้ ทาให้เครอื ญาตมิ ีความบาดหมาง
กนั แบง่ เป็นพวกเขาพวกเรา
ประการที่ 2. ผลกระทบระบบความสมั พันธข์ องคนในชุมชน ชาวบ้านในพื้นท่ีโครงการเคยอยู่
ร่วมกันมาอย่างสันติสงบสุขตามประสาของชุมชนชนบทท่ัวไป แต่หลังจากมีการเคล่ือนไหวของ
โครงการดังกล่าวทาให้ชุมชนเกิดความแตกแยก แตกความสามัคคีอันเป็นผลมาจากการดาเนินการ
ของคณะทางานประชาสัมพันธ์ทาความเขา้ ใจและการทาประชาพจิ ารณแ์ บบมดั มือชก
ประการที่ 3. ทาลายความศรัทธาของชาวบ้านต่อระบบราชการ การดาเนินโครงการทุก
ขั้นตอนต้ังแตก่ ารลงนามในสัญญาร่วมลงทุน การประชาสมั พนั ธ์ การศึกษาผลกระทบด้านส่ิงแวดล้อม
และการทาประชาพิจารณ์ล้วนทาลายความเชื่อม่ัน ศรัทธาของชาวบ้านต่อระบบราชการที่มีน้อยอยู่
แล้วให้หมดไป กลายเป็นความเกลียดชัง เพราะชาวบ้านมีความรู้สกึ ว่ารัฐบาลและเจ้าหน้าท่ีของรัฐไม่
มีความจริงใจในการดาเนินการ มีการใส่ร้ายป้ายสีชาวบ้านต่าง ๆ นานา และบิดเบือนข้อเท็จจริงจน
ชาวบา้ นไมย่ อมเชอ่ื คาพูดและขอ้ มูล ไมย่ อมรับฟังความคิดเห็นของฝ่ายรัฐบาลทุกกรณี
ประการที่ 4. ทาลายเจตนารมณ์ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ.2540 และ
2550 การตัดสินใจดาเนินโครงการขนาดใหญ่ที่มีผลกระทบต่อวิถีชีวิตของประชาชน โดยไม่รับฟัง
ความคิดเห็นของประชาชน โดยใช้วิธีประชาพิจารณ์ และการปิดก้ันไม่ให้ประชาชนมีส่วนร่วมในการ
94 94
จัดการทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมของชุมชนและท้องถิ่น ฯลฯ เป็นการกระทาที่สวนทางกับ
เจตนารมณ์ของรัฐธรรมนูญ โดยเฉพาะการดาเนินคดีกับชาวบ้านท่ีพยายามจะพิทักษ์สิทธิเสรีภาพใน
การแสดงความคิดเห็นและการมีส่วนร่วมในทางการเมือง อนั เป็นการละเมิดสิทธิมนุษยชนของรัฐบาล
สรา้ งความอคติใหช้ าวบ้านต่อรัฐบาลอย่างรุนแรงจนยากที่จะคล่คี ลายลงไปได้ดว้ ยดี
ประการท่ี 5. สร้างความแตกแยกระหว่างกลุ่มคนต่างศาสนา เนื่องจากโครงการดังกล่าว
ดาเนินการในพนื้ ทท่ี ่ีมีชาวมสุ ลมิ เป็นคนสว่ นใหญ่ และเมือ่ เกิดเสียงคดั ค้านและมีความรนุ แรงเกดิ ข้ึนใน
ทานองว่า "มึงสร้าง กูเผา" "ประชาพิจารณ์เลือด" หรือ "ธันวาทมิฬ" ทาให้คนใต้ท่ีเป็นไทยพุทธ
บางส่วนเกิดความคิดเห็นว่า ชาวไทยมุสลิมเป็นชนกลุ่มน้อยของประเทศมีนิสัยนิยมความรุนแรง และ
ชอบให้รัฐบาลเอาใจตนจนเคยตัว ประกอบกับสถานการณ์ในทางสากลท่ีเกิดความรุนแรง โดยมีชาว
มุสลิมเข้าไปเกี่ยวข้อง เช่น กรณีก่อวินาศกรรมสหรัฐอเมริกา สงครามอ่าวเปอร์เซีย และความรุนแรง
ในตะวนั ออกกลาง ย่งิ ทาให้ชาวไทยพทุ ธมองไทยมสุ ลิมดว้ ยสายตาทีม่ ีอคตยิ ิ่งขน้ึ โดยเฉพาะกรณคี วาม
รุนแรงใน 4 จงั หวดั ภาคใตท้ ่ถี ูกมองว่า ความว่นุ วายมาจากชาวมุสลมิ ทัง้ ขบวนการโจรแบ่งแยกดนิ แดน
และ" โจรแขก" ธรรมดาเป็นกลมุ่ หลกั
ประการท่ี 6. ทาลายหลักการสาคัญของการใช้กฎหมายและการตีความกฎหมายในสังคม
การใช้กฎหมายมีหลักการสาคัญอยู่ 2 ประการคือ 1) การใช้กฎหมายในทางทฤษฎี คือการนา
กฎหมายไปใช้กับบุคคลในเวลาและสถานที่หรือเหตุการณ์หรือเงื่อนไข เง่ือนเวลาหน่ึง ๆ โดยสัมพันธ์
กับการร่างกฎหมายและเป็นการวางหลักเบ้ืองต้น 2) การใช้กฎหมายในทางปฏิบัติ คือการนาตัวบท
กฎหมายไปปรับใช้แก่คดีหรือเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นโดยเฉพาะเจาะจงเพ่ือหาคาตอบหรือเพ่ือวินิจฉัย
พฤติกรรมของบุคคลในเหตุการณ์ต่าง ๆ ข้อจากัดของการใช้กฎหมายในทางทฤษฎีข้ึนอยู่กับหลักบาง
ประการ ได้แก่หลักในระบอบประชาธิปไตย หลักสิทธิมนุษยชน หลักกฎหมายระหว่างประเทศและ
หลักความเป็นธรรม เพื่อป้องกันมิให้มีการร่างหรือใช้กฎหมายอย่างไม่เป็นธรรม หลักการใช้กฎหมาย
ต้องยึดหลักยุติธรรมหรือหลักความเป็นธรรมเป็นสาคัญ การใช้ดุลยพินิจเป็นสิ่งสาคัญข้อหนึ่งในการ
อานวยความยุติธรรม แต่ต้องใช้ดุลยพินิจไปในทางท่ีสอดคล้องต่อมโนธรรม ศีลธรรมและความ
ต้องการของสังคม ปัญหาการใช้กฎหมายในกรณีผู้ต้องหาเปน็ แกนนา ในการคัดค้านโครงการท่อก๊าซ
เกิดจากการไม่ใช้ดุลยพินิจ หรือใช้ดุลยพินิจที่ไม่สอดคล้องกับมโนธรรม ศีลธรรมและความต้องการ
ของสังคม และ
ประการที่ 7. ทาลายความนา่ เชื่อถือของสื่อมวลชน ส่ือมวลชนหลายสาขา ท้ังวทิ ยุกระจายเสียง
วิทยุโทรทัศน์และหนังสือพิมพ์ ท่ีได้รับประโยชน์จากการโฆษณา ประชาสัมพันธ์ของฝ่ายเจ้าของ
โครงการ ต่างถูกชาวบ้านพิพากษาว่าไม่มีความเป็นกลาง ไม่น่าเชื่อถือ และไม่ให้ความเป็นธรรม การ
ตอ่ สู้ของชาวบา้ นตกเป็นเครอ่ื งมือของ ปตท. และรัฐบาล บดิ เบือนขอ้ เทจ็ จริง
9955
(4) แนวทางแกไ้ ขความขัดแย้งโครงการท่อส่งกา๊ ซไทย-มาเลเซีย
ไชยา เกษารัตน์ และคณะ (2558) ได้สรุปแนวทางในการจัดการความขัดแย้งระหว่างรัฐกับ
ประชาชนจากการดาเนินโครงการโรงแยกกา๊ ซธรรมชาตจิ ะนะ 5 แนวทาง ดงั น้ี
แนวทางแรก การสรา้ งความเข้าใจอนั ดีต่อกันในการพฒั นาพ้นื ท่ีและประเทศ การสรา้ งความ
เข้าใจอันดีต่อกันในการพัฒนาระหว่างเจ้าหน้าท่ีภาครัฐรวมถึงหน่วยงานของรัฐเองกับประชาชนใน
พื้นทจ่ี ะ ทาให้ระดบั ของความขัดแยง้ ลดลงได้
แนวทางที่สอง การประชาสัมพันธ์อย่างละเอียดและท่ัวถึง การให้ข้อมูลแก่ประชาชนและ
ชุมชนในพ้ืนท่ีตั้งโครงการอย่างครบถ้วนและไม่ปิดบัง ตลอดจนแจ้งถึงผลดีผลเสียของการดาเนิน
โครงการจะสรา้ งใหเ้ กดิ ความเชื่อมนั่ ตอ่ การดาเนนิ โครงการน้ันได้
แนวทางที่สาม การได้รับการชดเชยท่ีเหมาะสม เป็นธรรม การได้รับการชดเชยท่ีเป็นธรรม
จะทาให้ระดบั ของความขัดแยง้ ลดลงได้
แนวทางที่สี่ การสร้างความร่วมมือของผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย วิธีการหน่ึงในการในการจัดการ
ความขัดแย้ง คือการนาผู้มีส่วนได้ส่วนเสียเข้ามามีบทบาทในการดาเนินโครงการต้ังแต่ต้นโครงการ
ตลอดจนหลังการดาเนินโครงการ หากทาได้เช่นนี้จะมีส่วนสาคัญในการสร้างความยอมรับจากชุมชน
และมสี ่วนช่วยในการลดความขัดแย้งในพนื้ ทไี่ ด้
แนวทางสุดท้าย การสร้างให้มีระบบการวางผังเมืองท่ีดี การวางผังเมืองถือเป็นกลไกสาคัญ
ต่อการพัฒนาพ้ืนท่ีและลดความขัดแย้งอันเกิดจากการดาเนินโครงการของรัฐได้ แต่ถึงอย่างไรก็ตาม
ในข้ันตอนการทาต้องเปิดโอกาสใหป้ ระชาชนในพนื้ ท่เี ขา้ มามีส่วนร่วมในการตดั สินใจ
96 96
ภาพที่ 3-6 พนื้ ท่ีโครงการก่อสร้างทา่ เทยี บเรือนา้ ลึกปาบารา จังหวดั สตลู
ทีม่ า: https://thaipublica.org/2015/05/rapeepat-5/
2) กรณี โครงการทา่ เรอื น้าลึกปากบารา จังหวัดสตูล
(1) ข้อมูลพืน้ ฐาน
กลุ่มศึกษาและติดตามแผนพัฒนาภาคใต้ (2556) ได้รายงานสถานการณ์ของโครงการก่อสร้าง
ท่าเรือน้าลึกปากบารา อาเภอละงู จังหวัดสตูลว่า มีการศึกษาออกแบบเรียบร้อยแล้ว ขณะเดียวกัน
รายงานการศึกษาผลกระทบสิ่งแวดล้อมก็ผ่านความเห็นชอบจากคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ
ไปแล้ว เมื่อวันที่ 30 ตุลาคม 2552 พบว่า ในรายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อม โครงการ
กอ่ สรา้ งทา่ เทยี บเรือนา้ ลึกและถมทะเล ระยะที่ 1 บรเิ วณปากคลองปากบารา อาเภอละงู จงั หวัดสตลู
จัดทาโดยบริษัทเซ้าท์อ๊ีสท์เอเชียเทคโนโลยี จากัด และบริษัท ทีมคอนซัลติ้งเอนจีเนียร่ิงแอนด์แมเนจ
เมนท์ จากัด ระบุรายละเอยี ดโครงการกอ่ สร้างทา่ เทียบเรือนา้ ลึกปากบารา ดงั น้ี
ท่าเทยี บเรือนา้ ลึกปากบาราและลานกองสินค้าเป็นพน้ื ท่ีถมทะเลในอ่าวปากบารา ตาบลปากน้า
อาเภอละงู อยูใ่ กลแ้ นวนา้ ลกึ หา่ งจากฝั่ง 4.2 กโิ ลเมตร โดย แบ่งการพฒั นาออกเปน็ 3 ระยะ
ระยะที่ 1 อยู่บนพื้นท่ีถมทะเลขนาด 430 X 1,086 เมตร คิดเป็น 198– 3–50 ไร่ ด้านหน้า
เป็นท่าเทียบเรือสินค้าตู้คอนเทนเนอร์ ด้านข้างเป็นท่าเทียบเรือบริการ และด้านหลังเป็นลานกองตู้
สนิ คา้ และรางรถไฟโดยแบ่งการพฒั นาออกเป็น 2 สว่ น คอื
9977
1.ท่าเทียบเรือสินค้าคอนเทนเนอร์ 2 ท่า ความยาวหน้าท่า 750 เมตร ท่าเทียบเรือบริการ
ยาว 212 เมตร ลานกองสินคา้ ตู้ กว้าง 280 เมตร ยาว 350 เมตร อาคารต่าง ๆ 26 อาคาร ถนน ลาน
จอดรถบรรทุกสินค้า ระบบสาธารณูปโภค สะพาน และถนนเข้าสู่ทา่ เทียบเรือ การขุดลอกร่องน้าแอ่ง
กลบั เรอื และท่ีจอดเรอื บรเิ วณหนา้ ท่า ทางรถไฟเขา้ ท่าเทยี บเรอื และลานขนส่งตู้สินคา้ จากรถไฟ
2.ประกอบด้วย ลานกองเก็บตู้สินค้า กว้าง 280 เมตร ยาว 35 เมตร และ ระบบสาธารณูปโภค
เพมิ่ เตมิ
ระยะที่ 2 เกดิ ขนึ้ หลังจากท่าเรอื ระยะที่ 1 เปดิ ใชง้ านไปแล้ว 6 ปี โดยถมทะเลสว่ นปลายดา้ น
ท่อี ยใู่ กล้ชายฝง่ั เป็นรปู ตวั L ทาเปน็ ท่าเทียบเรอื ความยาวหน้าท่า 500 เมตร พรอ้ มลานกองตสู้ นิ คา้
และอาคารประกอบ
ระยะท่ี 3 ถมทะเลกอ่ สรา้ งท่าเทียบเรอื ดา้ นทศิ ตะวันออกของทา่ เรือเดิม หลังเปิดใช้งานแลว้
12 ปี โดยให้มคี วามยาวหนา้ ทา่ 1,000 เมตร
รวมมูลค่าโครงการท้ัง 3 ระยะ ประมาณ 17,000 ล้านบาท โดยเมื่อวันท่ี 4 พฤษภาคม พ.ศ.
2554 กระทรวงคมนาคมได้เสนอต่อท่ีประชุมคณะรัฐมนตรีให้อนุมัติงบประมาณแก่กรมเจ้าท่าเพื่อ
ดาเนนิ โครงการก่อสร้างทา่ เรือนา้ ลึกปากบาราวงเงิน 9,741.130 ล้านบาท ระยะเวลาดาเนินงาน 6 ปี
คณะรฐั มนตรีจึงมอบหมายให้สานักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.)
กระทรวงการคลังและสานักงบประมาณทาความเห็นประกอบการพิจารณา ขณะเดียวกันกระทรวง
คมนาคมยังขอให้คณะรัฐมนตรีมอบหมายให้กรมอุทยานแห่งชาติสัตว์ป่าและพันธ์ุพืช กระทรวง
ทรัพยากรธรรมชาติและส่ิงแวดล้อม ดาเนินการเพิกถอนพื้นที่อุทยานแห่งชาติหมู่เกาะเภตรา เพื่อ
สร้างท่าเทียบเรือน้าลึกปากบารา จานวน 4,734–0–62 ไร่ และสานักปลัดกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติ
และสิ่งแวดล้อมได้เตรียมเอกสารเพ่ือขอเพิกถอนพ้ืนท่ีอุทยานแห่งชาติหมู่เกาะเภตราดังกล่าว ต่อที่
ประชุมคณะกรรมการอุทยานแห่งชาติ หากได้รับความเห็นชอบข้ันตอนต่อไปคือนาเสนอต่อคณะรฐั มนตรี
เพื่อออกพระราชกฤษฎีกาเพิกถอนพื้นท่ีอุทยานแห่งชาติต่อไป ต่อมาท่ีประชุมคณะกรรมการพัฒนา
ระบบการบริหารจัดการขนส่งสินค้า และบริการประเทศไทย (กบส.) ท่ีมี นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ
นายกรัฐมนตรีเป็นประธานเม่ือวันท่ี 21 มิถุนายน พ.ศ. 2553 มีมติส่ังทบทวนโครงการทางรถไฟ
เชื่อมโยงการขนส่งสินค้าระหว่างท่าเรือฝ่ังอ่าวไทย และฝ่ังอันดามัน (แลนด์บริดจ์) พร้อมกับปรับ
ขนาดการลงทุนท่าเรือน้าลึกปากบารา ให้เป็นเพียงท่าเรือเพ่ือส่งออกสินค้าสาหรับภาคใต้ และเพ่ือ
การทอ่ งเที่ยว
เมื่อวันที่ 7 ธันวาคม พ.ศ. 2553 ท่ีประชุมคณะรัฐมนตรีมีมติให้กระทรวงคมนาคมปรับ
แผนการก่อสร้างท่าเรือน้าลึกปากบาราใหม่ โดยให้ลดขนาดการก่อสร้างจากท่าเรือน้าลึกเป็นท่าเรือ
อเนกประสงค์ รองรับการขนส่งในเขตภาคใต้ และสนับสนุนการท่องเท่ียวเท่าน้ัน แต่กรมเจ้าท่า
กระทรวงคมนาคม แสดงท่าทีไม่เห็นด้วย ในขณะท่ีสานักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและ
98 98
สังคมแห่งชาติ (สศช.) ก็ยงั ไม่ไดศ้ ึกษาทบทวนแผนพฒั นาภาคใต้ทั้งระบบตามที่คณะรัฐมนตรีเคยมีมติ
ให้ดาเนินการตามข้อเสนอของสมัชชาสขุ ภาพแห่งชาติ ครงั้ ท่ี 2 ตัง้ แต่ปี พ.ศ. 2552
(2) ผลประโยชนแ์ ละผลเสยี ของโครงการ
รพพี ัฒน์ อิงคสทิ ธ์ิ (2558) นักวชิ าการดา้ นเศรษฐศาสตร์ ได้รวบขอ้ มูล เพื่อแสดงให้เห็น
ผลกระทบทั้งทางบวกและทางลบของโครงการท่าเรอื น้าลกึ ปากบารา ดังต่อไปน้ี
ผลประโยชนเ์ ชิงเศรษฐกจิ ประกอบดว้ ยองค์ประกอบ 6 ส่วน ไดแ้ ก่
1. ผลประโยชน์จากค่าภาระสินค้าท่เี ทียบทา่ เรือ ร้อยละ 19 หมายถึงค่าภาระและ
ค่าธรรมเนยี มที่ทา่ เทียบเรือได้รับ หรือคา่ เสยี โอกาสท่ีประเทศไทยควรได้รบั ในส่วนทค่ี าดการณ์วา่ ผคู้ า้
ระหว่างประเทศจะมาใช้บริการท่าเทียบเรือปากบาราทีส่ ร้างใหม่ แทนที่จะใชบ้ ริการท่าเทียบเรอื ใน
ตา่ งประเทศ
2. ผลประโยชนจ์ ากการประหยดั ค่าขนส่งสินคา้ ในภาคใต้ ร้อยละ 25 คือค่าใชจ้ ่ายท่ปี ระหยดั
ได้ในการขนส่งสินคา้ เปรยี บเทียบระหว่างหาดใหญ่ไปยงั ท่าเรอื ปนี ัง และระหวา่ งหาดใหญไ่ ปยงั ท่า
เทยี บเรือนา้ ลกึ ปากบารา
3. ผลประโยชนจ์ ากการประหยดั คา่ ขนสง่ สนิ คา้ ในภาคอน่ื รอ้ ยละ 3 คือคา่ ใชจ้ ่ายทปี่ ระหยดั
ได้ในการขนสง่ สินค้าเปรียบเทียบระหว่างกรงุ เทพฯและทา่ เรือแหลมฉบัง กับระหว่างกรุงเทพฯไปยงั
ทา่ เทียบเรือปากบารา ในกรณขี นส่งสนิ คา้ ไปทวปี ยุโรป
4. ผลประโยชนจ์ ากการประหยัดเวลาในการขนสง่ สนิ คา้ ร้อยละ 18 เน่ืองจากการส่ง
สนิ ค้าออกท่ีทา่ เทยี บเรือปากบาราจะทาให้ระยะเวลาในการขนส่งสนั้ ลง ซงึ่ จะชว่ ยประหยัดจานวนวนั
ในการขนสง่ สินค้า จึงนามาคานวณเปน็ ผลประโยชน์
5. ผลประโยชนจ์ ากการเพ่มิ มูลคา่ ท่ดี ิน ร้อยละ 8 คือมูลค่าท่ีดนิ ซึ่งเพม่ิ ขนึ้ เน่ืองจากการ
ก่อสรา้ งระบบสาธารณูปโภคพ้นื ฐาน ท่จี ะทาให้เกิดธรุ กรรมทางเศรษฐกิจเพิม่ ขึน้
6. ผลประโยชนจ์ ากการจา้ งแรงงานในพ้นื ที่ ร้อยละ 27 ประเมินจากการเพ่ิมขึ้นของ
สวัสดกิ ารสงั คมในรูปการจา้ งงานท่คี าดว่าจะเพิ่มข้ึนในรูปของรายไดผ้ ลติ ภัณฑ์มวลรวม
ภายในประเทศ (GDP)
ผลกระทบจากโครงการผลกระทบเชิงลบตอ่ สังคม
เน่อื งจากประชาชนส่วนใหญ่ในจงั หวัดสตลู หาเลย้ี งชีพโดยการทาเกษตร ประมง และการ
ท่องเทีย่ ว โครงการก่อสรา้ งท่าเรือนา้ ลึกปากบาราย่อมส่งผลกระทบต่อวิถีชีวติ ดัง้ เดมิ เช่นปรมิ าณสตั ว์
นา้ ลดลงจากมลภาวะ หรือมีนักท่องเท่ียวลดลงเนอื่ งจากทัศนยี ภาพทีเ่ ปล่ยี นแปลงไป รวมไปถึง
ผลกระทบต่อประเพณีวฒั นธรรม หรอื การต้องยา้ ยถิ่นฐาน สง่ิ เหลา่ นค้ี อื ต้นทุนทสี่ งั คมจาเปน็ ตอ้ งแบก
รบั ทง้ั ในสว่ นของรายได้ท่ีลดลง และรายจา่ ยที่เพิม่ ขนึ้ ซึ่งควรมกี ารศึกษาและคานวณออกมาเป็น
ต้นทนุ ทางเศรษฐศาสตร์
9999
นอกจากนี้ การก่อสรา้ งท่าเรอื ขนาดใหญ่ยงั กอ่ ให้เกดิ มลภาวะทางอากาศ เชน่ ฝุ่นควันจาก
การขนส่ง เสยี งรบกวนจากการดาเนนิ การในท่าเรอื รวมท้งั อุบัติเหตุจากรถบรรทุก ส่งผลถงึ สุขภาพ
ความเครยี ด การสูญเสียชวี ติ และทรัพย์สิน ซง่ึ เปน็ สิง่ ทีส่ ังคมต้องแบกรับ
ผลกระทบเชิงลบต่อส่ิงแวดล้อม
ปัจจุบันแนวคิดด้านนิเวศบริการ (Ecological Services) เร่ิมเป็นท่ีแพร่หลายมากข้ึน ซ่ึงเป็น
แนวคิดในการคานวณผลประโยชน์จากการมีระบบนิเวศต่อมนุษย์ เช่นแนวปะการังช่วยลดการกัด
เซาะชายฝั่ง หรือป่าชายเลนเป็นแหล่งอนุบาลสัตว์น้าวัยอ่อน ทาให้เครื่องมือจานวนมากในการ
ประเมินมูลค่าของระบบนิเวศที่ต้องสญู เสยี ไปจากการก่อสร้างโครงการขนาดใหญ่ สาหรับท่าเรือปาก
บารา ควรมีการวิเคราะห์ถึงผลกระทบท่ีจะเกิดกับระบบนิเวศและนาไปบวกรวมเป็นต้นทุนทาง
เศรษฐศาสตร์ เชน่
1.การสูญเสียสัตว์หน้าดินจากการขุดลอกร่องน้าเพอื่ ให้เรือเดินสมทุ รสามารถเดินทางเขา้ มา
ได้ ซ่งึ สัตว์หนา้ ดนิ เหล่าน้ันเปรยี บเสมือนจดุ เริ่มต้นของห่วงโซ่อาหารในทะเล
2.การสญู เสียความหลากหลายทางชีวภาพในบริเวณใกล้เคียง เนอ่ื งจากมลภาวะจากการ
ก่อสรา้ งและเรอื เดินสมทุ รอาจสง่ ผลกระทบต่อระบบนเิ วศทม่ี ีความออ่ นไหวใกลเ้ คยี ง เชน่ ระบบนิเวศ
ปะการงั ระบบนเิ วศหญา้ ทะเล และระบบนิเวศปา่ ชายเลน
3.การสูญเสยี ความหลากหลายทางชวี ภาพ รวมถงึ ความเสยี่ งต่อการสูญเสยี พชื และสัตว์
เฉพาะถิน่ เชน่ ปูทหารปากบารา
ผลกระทบด้านสภาพอากาศ
มลภาวะจากการขนส่งทางเรือ และการขนส่งทางบกทหี่ นาแน่นขน้ึ รวมทงั้ น้าเสีย และคราบ
นา้ มัน ท่ีอาจปนเปื้อนลงสูแ่ หลง่ นา้
ตน้ ทุนทเ่ี กดิ จากอุบตั ิเหตุรา้ ยแรง
อบุ ัตเิ หตุทีร่ ุนแรงซึ่งมักเกิดขึน้ ในทา่ เรือคือการรัว่ ไหลของสารเคมีหรือวัสดุอนั ตราย ซง่ึ อาจจะ
เกดิ จากแรงกระแทกระหว่างเรือหรือรถขนสง่ หรอื การทางานผิดพลาดของอปุ กรณ์ขนถ่าย หรอื ความ
ผดิ พลาดทเ่ี กิดข้นึ โดยมนุษย์ อบุ ตั เิ หตนุ ้ันมหี ลากหลายรูปแบบ ข้นึ อยกู่ ับสนิ คา้ ท่ีท่าเรือขนถ่าย รวมทง้ั
ลักษณะทางกายภาพของท่าเรือและสภาพแวดล้อม อย่างไรก็ดีได้มีงานวิจัยที่สรุปแนวทางการ
ประเมินตน้ ทุนคร่าว ๆ ไว้ดงั นี้
1.ความสญู เสยี ตอ่ มนุษยท์ ี่เกดิ จากการบาดเจ็บหรือเสยี ชวี ิตในอุบตั ิเหตุ
100 100
2.การประเมินมูลค่าของชีวิตมนุษย์น้ันเป็นเรื่องที่ยากและยังมีข้อถกเถียงอย่างมาก แต่
แนวทางที่ใช้กันทั่วไปคือการคานึงถึงปัจจัยเช่นสถานการณ์แต่งงาน อายุ ลูกหลาน และผู้สูงอายุใน
ความดแู ล นาไปคานวณรว่ มกบั วนั เวลาที่ใช้ในการรักษาตัวในโรงพยาบาล
3.ความสญู เสียด้านสิง่ แวดล้อม
องค์ประกอบทางสิ่งแวดล้อมที่จะได้รับผลกระทบจากอุบัติเหตุร้ายแรงในท่าเรือมีสองด้าน
คือผลกระทบบนผืนดิน และผลกระทบในแหล่งน้า รวมถึงต้นทุนในการทาความสะอาดสารเคมีหรือ
คราบน้ามนั
4.ความสญู เสียในดา้ นธุรกจิ
หากเกดิ อบุ ัตเิ หตรุ า้ ยแรง แนน่ อนวา่ ย่อมส่งผลตอ่ เคร่อื งจักร เรือขนสง่ และโครงสรา้ งพ้ืนฐาน
ของทา่ เรือ ซ่ึงท่าเรืออาจตอ้ งปิดทาการในชว่ งเวลาหน่งึ เพ่อื ซ่อมบารุง นาไปสกู่ ารสูญเสียทางธรุ กจิ
การประเมินโอกาสเกิดอุบัติเหตุนนั้ ทาได้ไม่ง่ายนักสาหรับโครงการที่ยังไม่ได้ก่อสรา้ ง แต่อาจ
ใช้ข้อมูลในอดีตของท่าเรือในประเทศไทยเช่นท่าเรือแหลมฉบัง นามาปรับด้วยตัวแปรทางกายภาพ
ของทะเลฝ่ังอนั ดามนั ซ่งึ มีคลื่นลมรนุ แรงกวา่ ฝั่งอ่าวไทย เพ่ือประมาณความน่าจะเปน็ ที่จะเกิดอบุ ตั เิ หตุ และ
นาไปคานวณร่วมกับต้นทนุ หากมีการเกดิ อบุ ัติเหตุ เพ่ือพิจารณาว่าโครงการท่าเรือน้าลึกยังคุ้มค่าหรือไม่
ปัจจุบัน ท่าเรือปากบารายังไม่อาจเดินหน้า ท่ามกลางกระแสคัดค้านจากชาวสตูลที่ไม่เห็น
ด้วยกับการเปล่ียนภาคใต้เป็นพื้นที่อุตสาหกรรมขนาดใหญ่ โดยจะใช้ท่าเรือน้าลึกปากบาราเป็นก้าว
แรก และข้ออ้างกึง่ สาเรจ็ รปู ในการเดนิ หน้าพัฒนานคิ มอุตสาหกรรมเพื่อให้ ‘คุ้มคา่ ค้มุ ทนุ ’ กับเม็ดเงิน
ท่ี ‘ลงทุนไปแล้ว’ จะให้ปลอ่ ยรา้ งหรอื ร้อื ท้งิ คงไมค่ ้มุ
(3) แนวทางในการจัดการความขัดแย้งระหวา่ งรัฐกบั ประชาชนจากการดาเนิน โครงการ
ก่อสรา้ งท่าเทียบเรอื ในจังหวัดสงขลาและจังหวัดสตูล
ไชยา เกษารัตน์ และคณะ(2559) ได้สรุปให้ความเห็นถึงแนวทางการแก้ไขปัญหาทั้งจาก
เจ้าหนา้ ท่ีของรฐั และประชาชน โดยแบง่ ออก ได้เป็น 2 กลุม่ ไดแ้ ก่
กล่มุ แรก แนวทางในการบรหิ ารจดั การภายในระบบงานราชการ
โดยรัฐต้องมกี ารบังคับใชก้ ฎหมายท่ีเกย่ี วข้องเป็นไปอย่างมปี ระสทิ ธิภาพและทา อย่างสม่าเสมอ
และต่อเน่ือง รวมถึงมีการสร้างระบบการบริหารจัดการโครงการต้ังแต่ก่อนเร่มิ ดาเนินโครงการ ระหว่าง
การดา เนินโครงการตลอดจนเม่ือโครงการแล้วเสร็จ โดยเฉพาะ อย่างยิ่ง ระบบการบรรเทาทุกข์ผู้ได้รับ
ผลกระทบจากโครงการ อาทเิ ช่น การไดร้ ับการชดเชย ทเี่ หมาะสมและเปน็ ธรรม
กลมุ่ ท่ีสอง แนวทางในการบริหารจดั การร่วมกนั ระหว่างรฐั และประชาชนในพน้ื ที
110011
โดยรัฐต้องให้ความสาคัญ ต่อการทาความเข้าใจกับประชาชนในพ้ืนที่เกี่ยวกับแนวนโยบาย
ของรฐั เรอ่ื งการพัฒนาพื้นทีและประเทศเพ่ือทา ให้เกดิ การยอมรับจากประชาชน ทั้งน้ี รัฐจะต้องคานึงถึง
วิถีการดาเนิน ชีวิตของประชาชนในพ้ืนที่เป็นสาคัญ นอกจากนั้น รัฐจะต้องเปิดโอกาสให้ประชาชน
และท้องถิ่นเข้ามีส่วนร่วมในการดาเนินโครงการของรัฐมากย่ิงขึ้น และจะต้องมีการเปิดเผยข้อมูล
เกี่ยวกับการดา เนินโครงการแก่ประชาชนและชุมชนในพ้ืนที่ต้ังโครงการอย่างครบถ้วนและ ไม่ปิดบัง
ซ่ึงแนวทางเหลา่ นจี้ ะทา ให้ประชาชนเกดิ ความเช่ือม่ันต่อการดาเนินโครงการของรฐั และเป็นส่งิ สาคัญ
ตอ่ การสร้างความยอมรับจากชุมชนและมีสว่ นชว่ ยในการลดความขดั แยง้ ในพ้นื ที่ได้
สถานการณ์โครงการก่อสร้างท่าเทียบเรือน้าลึกปาบารา ล่าสดุ รายงานโดยฐานเศรษฐกิจ (2563)
ได้ว่า วันท่ี 4 มีนาคม พ.ศ. 2563 กรมเจ้าท่าได้ยุติโครงการท่าเทียบเรือน้าลึกปากบาราแล้วหลังจาก
เครือข่ายประชาชนจังหวัดสตูล เข้าพบและยื่นข้อเสนอ “ยกเลิกโครงการท่าเรือนุาลึกจังหวัดสตูล
(ปากบารา) ต่อ นายถาวร เสนเนียม รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคมสมัยนั้น
102 102
3.4 ความขัดแย้งในพื้นท่ีจังหวดั ชายแดนภาคใตแ้ ละการแกไ้ ขโดยสนั ติวิธี
1) สภาพทวั่ ไปของพืน้ ที่
กลุ่มจงั หวัดภาคใตช้ ายแดน ประกอบดว้ ย จงั หวดั นราธิวาส ปัตตานี และจังหวัดยะลา ตง้ั อยู่
ตอนล่างของประเทศ ต้ังอยู่ใต้สุดของประเทศและติดกับประเทศมาเลเซีย มีอาณาเขตติดต่อด้านใต้
และด้านตะวันตกกับประเทศมาเลเซีย รวมระยะทางพรมแดนไทย – มาเลเซีย 258 กิโลเมตร โดยมี
เทอื กเขาสนั กาลาคีรเี ป็นแนวกั้นด้านเหนือ และดา้ นตะวนั ออกตดิ ทะเลอ่าวไทยเปน็ ระยะทาง 172.31
กิโลเมตร มีเนื้อที่รวมประมาณ 10,936.864 ตารางกิโลเมตร หรือประมาณ 6.80 ล้านไร่ ซ่ึงจังหวัด
นราธวิ าสมพี ื้นที่ 4,475.430 ตร.กโิ ลเมตรหรอื 2.79 ล้านไร่ ติดตอ่ กับรัฐกลนั ตันและรฐั เปรัค ประเทศ
มาเลเซีย จังหวัดปัตตานีมีพ้ืนที่ 1,940.356 ตร.กิโลเมตร และจังหวัดยะลามีพื้นที่ 4,521.078 ตร.
กโิ ลเมตร ติดต่อกับรัฐเปรัคและรัฐเคดาห์ ประเทศมาเลเซยี
เขตการปกครองของกลุ่มจังหวัดภาคใตช้ ายแดน ประกอบดว้ ย 3 จังหวัด (นราธวิ าส ปัตตานี
และยะลา) ซ่ึงการปกครองส่วนภูมิภาคประกอบดว้ ย 33 อาเภอ 250 ตาบล 1,614 หมู่บ้าน และการ
ปกครองส่วนท้องถ่ิน ประกอบด้วย 1 เทศบาลนคร 5 เทศบาลเมือง 31 เทศบาลตาบล 227 องค์การ
บริหารส่วนตาบล กลุ่มจังหวัดภาคใต้ชายแดน มีจานวนประชากรท้ังส้ิน 2,012,921 คน ซ่ึงแยกเป็น
ประชากรชาย 997,429 คน และประชากรหญิง 1,015,492 คน ประชากรส่วนใหญ่ร้อยละ 82.62
นับถือศาสนาอิสลาม ร้อยละ 16.94 นับถือศาสนาพุทธ และอีกร้อยละ 0.44 นับถือศาสนาอื่น ๆ
(คริสต์/ฮินดู) ทาให้พ้ืนที่ 3 จังหวัดชายแดนมีเอกลักษณ์ทางสังคมและวิถีประชาชนท่ีแตกต่างจาก
พ้ืนท่สี ว่ นอ่นื ๆ ของประเทศ
2) ภาพรวมปัญหาและความต้องการของประชาชนในกลุ่มจงั หวดั ภาคใต้ชายแดน
(1) ด้านเศรษฐกิจ ราคาผลผลิตทางการเกษตรตกต่า ต้นทุนการผลิตสูง ราคาสินค้าแพง
และค่าครองชีพสูง ประชาชนขาดความรู้ความเชี่ยวชาญในการพัฒนาคุณภาพการแปรรูปเป็นผลิตภัณฑ์
การเกษตรขาดตลาดรองรับผลผลิตและผลติ ภัณฑ์ รวมท้ังระบบโครงขา่ ยคมนาคมทีไ่ ด้มาตรฐาน
(2) ด้านการทอ่ งเทีย่ ว แหล่งท่องเที่ยวเส่อื มโทรม ขาดการดแู ลและปรบั ปรงุ ไมไ่ ด้รับ
การพัฒนาและส่งเสริมการท่องเท่ียวอย่างต่อเนื่อง ขาดการส่งเสริมและสร้างความเชื่อมั่นให้
นกั ทอ่ งเทยี่ ว
110033
(3) ด้านทรัพยากรธรรมชาติและส่ิงแวดล้อม การบุกรุกทาลายป่าเพื่อที่ดินทากินและ
ส่ิงปลูกสร้างปัญหาขยะมูลฝอยและคุณภาพของแหล่งน้าโดยเฉพาะอย่างย่ิงในแหล่งชุมชนใกล้เคียงใช้เป็น
โรงงานอุตสาหกรรม ปัญหาการกัดเซาะชายฝั่งจากคล่ืนทะเล ภัยแล้งและอุทกภัยที่ประสบปัญหา ทั้ง
เขตเมอื งและชนบทเป็นประจาทกุ ปี
(4) ด้านสังคม ผลสัมฤทธิ์ทางการศึกษาต่ากว่าเกณฑ์มาตรฐาน อัตราการศึกษาต่อน้อย
การแพร่ระบาดของยาเสพติด บุคลากรทางการแพทย์ไม่เพียงพอ ประชาชนขาดความรู้เรื่องการดูแล
สุขภาพ ประเพณี วัฒนธรรมทอ้ งถิน่ ถกู ละเลย
(5) ด้านความม่ันคงปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สิน ประชาชนประสบปัญหาการก่อ
ความไม่สงบ ซึ่งมีอยู่อย่างต่อเนื่องในจังหวัดปัตตานี นราธิวาส และยะลา มีความจาเป็นอย่างย่ิงใน
การสร้างความเชื่อม่ันให้ประชาชนรู้สึกถึงความปลอดภัยในการดารงชีวิต สร้างความเข้มแข็งของชุมชน
ท้ังนี้การแพร่ระบาดของยาเสพติดกย็ ังเปน็ ปัญหาสาคัญของกล่มุ จังหวดั ภาคใต้ชายแดน (กล่มุ งานบรหิ าร
ยทุ ธศาสตร์กลมุ่ จังหวดั ภาคใต้ชายแดน, 2564)
104 104
ภาพที่ 3-7 ที่ต้ังสามจงั หวดั ชายแดนภาคใต้
ทม่ี า: https://www.nesdc.go.th/ewt_dl_link.php?nid=7530
3) อตั ลักษณ์ “มาลายูปาตานี”
อารีฟิน บินจิ (2550) ได้ใหค้ วามหมายของคาว่า “ปาตานี” ว่า ปาตานี, ปตานี หรอื ปะตานี
หมายถึงอาณาจักรมาลายูในอดีตก่อนตกเป็นเมืองขึ้นสยาม ซ่ึงมี 43 หัวเมือง สมัยสุลต่านมูฮัมหมัดท่ี 1
พ.ศ. 2193-2205 (ค.ศ. 1650-1662) มอี านาจปกครองตั้งแต่เมืองพัทลุงถึงตรังกานูเรียก “ปาตานีบือซาร์”
และยังหมายถึงชนชาวมลายูในพื้นที่ 3 จังหวัดภาคใต้ และบางส่วนของสงขลา ส่วน “ปัตตานี” คือ
เมืองมาลายูที่ตกอยู่ภายใต้สยาม ใช้เป็นช่ือหัวเมือง ช่ือมณทล และกลายเป็นจังหวัดหนึ่งในภาคใต้
ของไทย ปจั จุบนั
วรวิทย์ บารู และคณะ (2551) ได้อธิบายว่า ชาวมลายูปาตานจี ะกาหนดอัตลกั ษณ์มลายูของ
ตนเองด้วยองค์ประกอบที่สาคัญ 3 องค์ประกอบ คือ ศาสนาอิสลาม ภาษามลายู วัฒนธรรมอิสลาม
และวัฒนธรรมมลายู องค์ประกอบเร่ืองศาสนาอิสลาม ภาษามลายูและการปฏิบัติตามวัฒนธรรม
อิสลามและมลายูน้ันเป็นสิ่งบ่งบอกถึงความเป็นมลายูปาตานี สิ่งน้ีมีความสอดคล้องกับชนชาวมลายู
110055
ท่ัวท้ังภูมิภาคมลายู (Nusantara) ที่ถือว่าคนมลายูก็คือ Melayu Adatnya Melayu Bahasanya
Islam agamanya องค์ประกอบท้ังสามตัวนี้เป็นองค์ประกอบท่ีมิอาจจะขาดตัวใดตัวหน่ึงได้ ค่านิยม
ของชาวมลายูปาตานี โดยท่ัวไปแล้วจะมีลักษณะเหมือนคนมลายูท่ัว ๆ ไป ในภูมิภาคมลายู คือ มี
แนวคิดในเรื่อง “สถานะ” ของตนท่ีใฝ่ฝันท่ีจะให้สูงข้ึน ต้องการให้คนอ่ืนปฏิบัติอย่าง “เหมาะสม”
ตามแนวทางของขนบธรรมเนยี มประเพณีและความเหน็ รว่ มกันของส่วนใหญ่ (Muafakat) ไดร้ บั ความ
อับอายหรือเจ็บใจ สามารถนามาซ่ึงการกระทาในทางรุนแรง หรือแสดงออกในเชิงตอบโต้ คนมลายู
เปน็ คนเอื้ออารี มกี ิรยิ ามารยาทและอ่อนโยน ไม่ชอบใช้วาจากดดันผู้อื่น หรอื ไม่ชอบใหค้ นอื่นใช้คาพูด
กดดันตน มีแนวโน้มไปในทางอนุรักษ์นิยม (Conservative) หรือเช่ือในลิขิตของพระเจ้า หรือ
โชคชะตา (Fatalism)
จากการศึกษาพบว่า คนมลายูในชุมชนที่มีความเข้มแข็งทางอัตลักษณ์มลายู และชุมชนท่ี
คลี่คลายความเข้มแข็งทางอัตลักษณ์มลายู เข้าใจและยอมรับได้กับคาเรียกว่า “ออแร ซีแย” ของคน
ไทยพุทธ หรือคนมลายูมุสลิมในมาเลเซีย ท่ีเรียกพวกตนคนไทยท่ีมีเชื้อสายมลายู แต่ในทางกลับกัน
ความหมายคา ๆ นี้เปลี่ยนไปทันทีหาก คาว่า “ออแร ซีแย” พูดในบริบทฝ่ังชายแดนไทย เพราะ
หมายถึง “คนไทยพุทธ” เท่าน้ันการค้นพบท่ีสาคัญย่ิงอีกประการหน่ึงก็คือ ชุมชนท่ีมีความเข้มแข็ง
ทางอัตลักษณ์มลายทู ี่อยู่รว่ มกันกบั คนไทยพุทธในชุมชนเดยี วกัน มีความร้สู กึ ว่าวฒั นธรรมของเขาเป็น
วัฒนธรรมหลกั และมีพื้นท่ีในชุมชน ไดร้ บั การเคารพและการยอมรับจากเพ่ือนต่างวัฒนธรรมในชุมชน
ในลักษณะแลกเปลี่ยนเรียนรู้ และปฏิบัติในกรอบของความเชื่อทางศาสนาของแต่ละฝ่ายอย่างเกื้อกูล
ต่อกัน ทาให้ปฏิสัมพันธ์ในชุมชนเป็นไปตามธรรมชาติ และก่อให้เกิดความสงบสุขในชุมชน ชาวมลายู
ไม่ร้สู ึกว่าวฒั นธรรมของตนกาลังถูกแทรกแซงหรือถูกผสมกลมกลืนกบั วฒั นธรรมอื่น แต่ในทางตรงกัน
ข้ามในชุมชนหรือหมู่บ้านท่ีมีความเข้มแข็งทางอัตลักษณ์ ท่ีสมาชิกของชุมชนทั้งหมดเป็นมลายูมุสลิม
จะไวต่อความรู้สึกว่ารัฐมีเจตนาทาลายหรือผสมกลมกลืนวัฒนธรรมของพวกเขา รู้สึกว่ารัฐกระทาต่อ
วัฒนธรรมของเขาโดยมีเป้าหมายเพ่ือการผสมกลมกลืนในท่ีสุดเหมือนกับชุมชนท่ีคล่ีคลายความ
เข้มแข็งทางอัตลักษณ์มลายูไปแล้ว แม้ว่าชุมชนน้ันจะมีสมาชิกหรือไม่มีสมาชิกที่เป็นไทยพุทธก็ตาม
มักจะมองว่ารัฐกระทาต่ออัตลักษณ์มลายูของพวกเขา จนกระทั่งเกิดการเปล่ียนแปลง หรือแปร่งไป
จากเดิม ความเปล่ียนแปลงทางอัตลักษณ์มลายู ความเปลย่ี นแปลงทางอตั ลกั ษณ์มลายไู ด้เปลี่ยนแปลง
ไปจากเดิมกล่าวคือ อัตลักษณ์มลายูมิได้ผูกไว้กับองค์ประกอบความสัมพันธ์ทางสายเลือด
(Geneology) อีกต่อไป แต่ถูกรวมไว้ให้เป็นหนึ่งเดียว โดยองค์ประกอบทางวัฒนธรรม (Cultural
Factors) เดยี วกนั
106 106
4) สถานการณ์ความรนุ แรงจากความขดั แย้งในพนื้ ท่จี ังหวัดชายใต้
สถานการณใ์ นรอบ 18 ปี
ศรสี มภพ จิตร์ภิรมยศ์ รี (2565) ความรุนแรงและสันตภิ าพจงั หวัดชายแดนภาคใตป้ ะทุเป็นจุด
ระเบิดในปี พ.ศ. 2547 และต่อเน่ืองมาถึงปัจจุบันในปี พ.ศ. 2565 นับเป็นเวลา 18 ปีเต็ม ปีน้ีถือเป็น
ปีที่ 19 แล้ว ในระยะหลังดูเหมือนข่าวเก่ียวกับเหตุการณ์ท่ีภาคใต้จะเบาลง อันท่ีจริงเหตุการณ์ก็ดู
เหมือนจะลดลงจริง ๆ แตป่ ญั หากย็ ังไม่หายไป ในพื้นท่ีเองแม้สถานการณจ์ ะดูสงบลงมากกว่าเดิมแล้ว
การเกิดเหตุการณ์มากข้ึนในช่วงปี พ.ศ. 2564 แสดงว่ายังมีส่ิงผิดปกติซ่อนเร้นอยู่ท่ีรอวันแตกระเบิด
ขึ้นมาถ้าไม่ทาความเข้าใจให้ดี ข้อเท็จจริงก็คือสถานการณ์ท่ัวไปในจังหวัดชายแดนภาคใต้ ต้ังแต่ปี
พ.ศ. 2547-2564 มีเหตุการณ์ท่ีเก่ียวข้องกับความขัดแย้งเกิดขึ้นท้ังหมดประมาณ 21,328 เหตุการณ์
ในเหตุการณ์ดังกล่าวมีผู้เสียชีวิตทั้งหมด 7,314 ราย บาดเจ็บจานวน 13,584 ราย รวมผู้บาดเจ็บล้ม
ตาย 20,898 ราย นับว่าเป็นพื้นท่ีท่ีความรุนแรงจากเหตุการณ์ความไม่สงบสูงท่ีสุดในประเทศไทยใน
รอบ 18 ปที ีผ่ ่านมา
โดยทวั่ ไปแล้ว แนวโน้มสถานการณ์ในจงั หวดั ชายแดนภาคใต้ลดลงอย่างเป็นระบบนับตั้งแต่ปี
พ.ศ. 2556 อันเป็นปีที่เริ่มมีการพูดคุยสันติภาพและสถิติเหตุการณ์รายปีมีสภาพท่ีความถี่ของการใช้
ความรุนแรงลดลงอย่างต่อเน่ืองมาถึงปี พ.ศ. 2563 ในการน้ีจานวนผู้เสยี ชีวิตและบาดเจ็บโดยทั่วไปก็
ลดลงเช่นกัน แต่เป็นที่น่าสังเกตด้วยว่าเหตุการณ์ในปี พ.ศ. 2564 กลับสูงข้ึนมากกว่าปี พ.ศ. 2563
จาก 335 เหตกุ ารณ์มาเป็น 481 เหตกุ ารณ์ ปที ่แี ล้วจึงมีเหตุการณ์สูงขึ้นถงึ ร้อยละ 44 ซงึ่ ถือได้ว่าเป็น
ครั้งแรกนับตั้งแต่ปี พ.ศ. 2556 ท่ีเหตุการณ์ความขัดแย้งในจังหวัดชายแดนภาคใต้ท้ังปีสูงขึ้นมากกวา่
ปีทผ่ี ่านมาก่อนหน้านน้ั
ทิศทางเดียวกนั น้ยี ังมองเห็นได้จากสถิตผิ ู้บาดเจ็บล้มตายในเหตุการณ์ขา้ งต้นท่ีเพมิ่ สูงข้ึนเป็น
คร้ังแรกนับตั้งแต่ปี พ.ศ. 2556 เป็นต้นมา กล่าวคือข้อมูลในปี พ.ศ. 2564 พบว่ามีผู้บาดเจ็บล้มตาย
รวมทั้งสิ้น 303 ราย ซึ่งเพ่ิมข้ึนจากในปี พ.ศ. 2563 ที่มีอยู่ 277 ราย ถึงร้อยละ 9 ในจานวนน้ีมี
ผบู้ าดเจบ็ 190 ราย และมผี ้เู สียชวี ติ 113 ราย
ลักษณะความแปรปรวนของสถานการณใ์ นตอนนี้มตี ัวบง่ ชีห้ รือส่ิงบอกเหตุมาก่อนหน้าน้นั นา่
สังเกตว่าในระยะหลัง ความถี่ของเหตุการณ์ความไม่สงบรายเดือนต้ังแต่ปี พ.ศ. 2560-2564 มีสภาพ
คงที่และขึ้น ๆ ลง ๆ ในบางครั้งแสดงวา่ มีสภาพอะไรบางอยา่ งในพ้ืนที่และปัญหาทางนโยบายที่แก้ไม่
ตก แต่ในรอบสองปีท่ีผ่านมาคือระหว่าง ปี พ.ศ. 2563-2564 อาจเป็นจุดการแปรผันที่ชัดเจนมาก
เห็นไดช้ ดั วา่ ปี 2564 เหตุการณร์ ายเดือนมรี ะดบั ความถ่สี งู มากกวา่ ปี พ.ศ. 2563 แทบจะทกุ เดอื น
เหตกุ ารณแ์ ทรกซอ้ นที่สาคัญคือ ในปี พ.ศ. 2563 เร่ิมการแพร่ระบาดของโควดิ 19 ทั่วประเทศ
และในพ้ืนท่ีจนทาให้มีมาตรการล็อกดาวน์ในพ้ืนท่ีโดยรัฐ ประกอบกับอีกปัจจัยหน่ึงคือขบวนการ BRN
ไดป้ ระกาศยตุ คิ วามรุนแรงฝ่ายเดียวดงั ท่ีมีรายงานข่าววา่ ขบวนการแนวรว่ มปฏวิ ัตแิ ห่งชาติ หรอื บอี าร์เอ็น
107
110077
(Barisan Revolusi Nasional - BRN) ออกแถลงการณ์หยุดกจิ กรรมความเคล่ือนไหวท้ังหมดของกลุ่มลง
(ชB่ัวaคriรsาaวn เRพeื่อvเoปluิดsทiาNงaใหsi้oปnรaะlช-าชBนRNใน)จอังอหกวแัดถชลางยกแารดณน์หภยาคุดใกติจ้ไกดร้เรขม้าคถวึงาคมวเาคมลชื่อ่วนยไเหหวลทือ้ังดห้ามนดมขนอุษงยกธลรุ่มรลมง
ชแล่ัวคะใรหาห้วนเพ่วย่ืองเปานิดดท้าานงใสหา้ปธารระณชาสชุขนไดในป้ จฏังิบหัตวิงัดาชนาใยนแชดว่ นงทภเี่ าชคื้อใไตว้ไรดัส้เโขค้าโถรึงนคาวสาามยชพ่วนั ยธเห์ุใหลมือก่ ดา้าลนังมแนพุษร่รยะธบรารดม
แกลาระทให่ีเกห้ ิดนสว่ ภยงาาพนดดังา้กนลส่าาวธทาารใณหส้เหุขตไดุกป้ าฏรณิบตั์คิงวาานมใไนมช่ส่วงงบทใีเ่ นชปื้อไี วพร.ัสศโ.ค2โ5รน63าสลาดยลพงนั มธาุ์ใกหมแก่ ตา่กลาังรแปพฏริบ่ระัตบิกาดร
ก“บารังทคั่ีบเกใิดชส้กภฎหาพมดายังก”ลข่าอวงทเจา้าให้เนห้าตทุกี่ฝา่ รยณรัฐ์คกว็ยาังมคไงมด่สางเบนินในตปอ่ ีไปพเ.หศม. ือ2น56เด3ิมลซด่ึงลมงีผมลาทกาแใหต้เ่กกาิดรกปาฏรปิบิดัตลิก้อามร
ต“บรวังจคคับ้นใชแ้กลฎะหปมฏาิบยัต”ิกขาอรงทเจา้างยหุทนธ้าทวิธ่ีฝีห่ายลราัฐยกจ็ยุดังคมงีกดาารเวนิสินาตมอ่ ัญไปฆเาหตมกือรนรเมดหิมลซาึ่งยมกีผรลณทีเากใิหดข้เก้ึนิดใกนาชร่วปงิดเวลล้อาม
ดตังรกวจลค่าว้นแจลาะกปนฏั้นิบปัตฏิกบาัตริกทาารงคยวุทาธมวริธุนีหแลรางยทจ้ังุสดอมงีกฝ่ารยวเริสิ่มาสมูงัญขฆึ้นานตับกตร้ังรแมตห่ตล้นาปยี กพร.ณศ.ีเก2ิด5ข64ึ้นใรนะชด่วับงคเวลามา
รดนุังกแลรง่าใวนแจตากล่ นะเ้ันดปือฏนิบจงึัตสิกงู าขร้ึนคทวกุาเมดรอื ุนนแใรนงปที ั้งพส.ศอ.งฝ2่5าย6เ4ริ่มสูงขึ้นนับตั้งแต่ต้นปี พ.ศ. 2564 ระดับความ
รุนแรงในแต่ละเดอื นจึงสงู ขึ้นทุกเดอื นในปี พ.ศ. 2564
ภาพท่ี 3-8 เหตุการณ์ความขัดแย้งจงั หวดั ชายแดนใต้ มกราคม พ.ศ. 2547- 2564
ภาพท่ี 3-8 เหตุการณ์ควทาม่มี าข:ดั hแtยtpง้ sจ:/งั /หcsวcัดdช.pาsยuแ.aดcน.tใhต/t้ hม/กnรoาdคeม/3พ57.ศ. 2547- 2564
ทม่ี า: https://cscd.psu.ac.th/th/node/357
108 110088
ภภาาพพทที่ี่ 33--99เเปปรรียียบบเเททียยี บบจจาานนววนนเเหหตตุกุกาารรณณ์ค์คววาามมขขัดัดแแยย้ง้งจจงังั หหววดัดั ชชาายยแแดดนนใใตต้้ มมกกรราาคคมม พพ..ศศ.. 22554477-- 22556644
ททม่ีม่ี าา:: hhttttppss::////ccssccdd..ppssuu..aacc..tthh//tthh//nnooddee//335577
ภภาาพพทท่ีี่ 33--1100 เเปปรรียยี บบจจาานนววนนมเมเสสกกยีียรรชชาาีวคีวคิตมิตมแแพลพล.ะ.ะศศบบ..าา22ดด55เเ4จ4จ7บ็7็บจจ--าา22กก55คค66วว44าามมขขัดดั แแยย้งง้ จจังังหหววัดดั ชชาายยแแดดนนใใตต้้
ททม่ีม่ี าา:: hhttttppss::////ccssccdd..ppssuu..aacc..tthh//tthh//nnooddee//335577
110099
109
ภาพท่ี 3-11 สถิตเิ หตกุ ารณ์ความขดั แย้งจังหวัดชายแดนใต้รายเดอื น
ภาพที่ 3-11มกสรถาติ คิเหมตพุก.าศร.ณ25์ค6ว0าม–ขัดธันแยว้างจคังมหพวัด.ศช.า2ย5แ6ด4นใต้รายเดือน
มกราคม พ.ศ. 2560 – ธันวาคม พ.ศ. 2564
ทม่ี า: https://cscd.psu.ac.th/th/node/357
ทม่ี า: https://cscd.psu.ac.th/th/node/357
ภาพท่ี 3-12 สถิตเิ หตกุ ารณ์ความขดั แย้งจงั หวดั ชายแดนใต้รายเดอื น
ภาพที่ 3-12มสกถราติ คิเหมตพกุ .าศร.ณ2์ค5ว6า3ม-ขธดั ันแวยา้งคจมงั หพว.ัดศช.า2ย5แ6ด4นใต้รายเดอื น
มกราคม พ.ศ. 2563 - ธันวาคม พ.ศ. 2564
ทม่ี า: https://cscd.psu.ac.th/th/node/357
ทม่ี า: https://cscd.psu.ac.th/th/node/357
110 110
ภาพท่ี 3-13 สถิติเหตุการณ์ความขดั แย้งจงั หวัดชายแดนใต้รายเดอื น
เปรยี บเทียบปี พ.ศ. 2563 - 2564
ทม่ี า: https://cscd.psu.ac.th/th/node/357
กลา่ วโดยภาพรวม เหตุการณท์ วั่ ไปแม้จะลดลงแต่ความแปรปรวนของสถานการณ์ความไม่สงบ
ยงั คงมอี ยู่ สถานการณ์จึงยังคงไม่แน่นอน ซับซ้อน และยังคงมีโอกาสเป็นไปได้ท่ีจะมีอัตราเร่งขยายตัว
อีก อันส่งผลในทางจิตวิทยาการเมือง ดังจะเห็นได้จากประชาชนในพื้นที่จานวนมากมองว่าสถานการณ์
แย่ลงหรือเหมือนเดิม จากการสารวจความคิดเห็นของประชาชนในจังหวัดชายแดนภาคใต้ (Peace
Survey) คร้ังท่ี 6 โดยเครือข่ายวิชาการ Peace Survey เม่ือเดือนเมษายน-พฤษภาคม 2564 ก็ยัง
พบว่าประชาชนร้อยละ 60.8 คิดวา่ สถานการณย์ งั คงเหมอื นเดิมหรือแย่ลง
111111
ภาพท่ี 3-14 การสารวจความคิดเห็นของประชาชนต่อสถานการณ์พนื้ ท่ชี ายแดนภาคใต้
เมษายน-พฤษภาคม2564
ทม่ี า: https://cscd.psu.ac.th/th/node/357
ในแงข่ องสถานการณ์ความไม่สงบน้ัน ยังมีอกี ประเดน็ หน่งึ ที่น่าสนใจสาหรับพลวัตที่เกิดข้ึนใน
ปี พ.ศ. 2564 นั่นก็คือแม้ว่าจานวนเหตุการณ์ท่ีเก่ียวข้องกับความขัดแย้งจะสูงขึ้น แต่เป้าหมายของ
การก่อเหตุความรุนแรงท่ีมีเป้าหมายต่อพลเรือนซึ่งไร้อาวุธลดลงอย่างเห็นได้ชัด ในปี พ.ศ. 2563 นั้น
พบว่าเป้าหมายการก่อเหตุที่เป็นพลเรือน 180 ราย คิดเป็นร้อยละ 65 ของจานวนผู้บาดเจ็บล้มตาย
แต่ในปี 2564 จะพบว่ามี 174 ราย คิดเป็นร้อยละ 52 ของจานวนท้ังหมด ซึ่งสะท้อนว่าแม้เหตุการณ์จะ
เพิ่มข้ึน แต่แนวโน้มการก่อเหตุท่ีมีต่อพลเรือนก็ลดลงอย่างเห็นได้ชัด ในทางกลับกันสัดส่วนของ
เป้าหมายของผ้ทู ีถ่ อื อาวธุ กเ็ พม่ิ สงู ข้นึ ไปด้วยในเวลาเดียวกัน
112 112
ภาพที่ 3-15 สดั ส่วนผูบ้ าดเจบ็ ลม้ ตายในเหตุการณ์ความขดั แย้งจังหวัดชายแดนใต้รายเดือน
ปี พ.ศ. 2563 และ 2564
ทม่ี า: https://cscd.psu.ac.th/th/node/357
จากการมองภาพเหตุการณ์ดังกล่าว ประเด็นเชิงโครงสร้างท่ีจะต้องคิดต่อก็คือ รัฐบาลได้
ดาเนินการอย่างไรเพื่อแก้ปัญหาจังหวดั ชายแดนภาคใต้เพื่อใหเ้ กิดสันติภาพจริง ๆ ในที่นี้สิ่งท่ีน่าสนใจ
ก็คือการกาหนดแนวทางยุทธศาสตร์ การวางแผนงบประมาณ และกาลังคนท่ีทุ่มเททรัพยากรลงไป
จานวนมากเพ่ือสร้างภาวะสงบสันติ แต่ประเด็นที่ชวนคิดก็คือคาถามท่ีว่าตกลงแล้วสันติภาพคืออะไร
กันแน่? ใช่การลดลงของเหตุการณ์ความรุนแรงหรือ? ใช่การพัฒนาเศรษฐกิจสังคม แก้ปัญหาความ
เหล่ือมล้า สิทธิของประชาชน การสร้างความยุติธรรม และปัญหาเชิงวัฒนธรรมอัตลักษณ์หรือ?
สันติภาพท่ีว่านี้จะมาจากการเจรจาพูดคุยเพื่อแสวงหาทางออกจากความขัดแย้งโดยสันติวิธีด้วย
หรือไม่? สิ่งท่ีจะต้องพิจารณาคือนโยบาย และทรัพยากรท่ีทุ่มลงไปมากมายนั้นทาไปเพื่อความม่ันคง
การพฒั นา หรอื เพ่ือสนั ติภาพ?
เม่ือดูให้ละเอียด งบประมาณรายจ่ายใน “แผนงานบูรณาการขับเคล่ือนการแก้ไขปัญหา
จังหวัดชายแดนภาคใต้” ในปีงบประมาณ 2565 ต้ังไว้จานวน 7,144,319,600 บาท เมื่อเปรียบเทยี บ
กับงบประมาณปีท่ีผ่านมาในปี 2564 อาจถือว่าลดลง เม่ือเทียบกับงบประมาณแผนงานบูรณาการ
ขับเคล่ือนการแก้ไขปัญหาจังหวัดชายแดนภาคใต้ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2561 เป็นต้นมาก็ถือได้ว่าลดลงมาโดย
ตลอด การลดลงของงบประมาณ และการลดลงของเหตุการณ์ความไม่สงบน่าจะเป็นส่ิงดีซึ่งรัฐ
111133
ต้องการจะแสดงภาพน้ีให้เห็น แต่ในความเป็นจริงแล้วอะไรเกิดขึ้น เมื่อหันมามองดูในภาพรวมแล้ว
ถ้ารวมเอางบประมาณต่าง ๆ ที่เกี่ยวกับการแก้ปัญหาจังหวัดชายแดนภาคใต้ ในแผนงานอื่น ๆ ที่
หน่วยราชการใช้ดาเนินการในจังหวัดชายแดนภาคใต้ เราจะพบว่างบประมาณที่รวมทุกแผนงานที่
เก่ียวกับจงั หวัดชายแดนภาคใต้นนั้ ปีงบประมาณ 2565 กลบั สงู เปน็ จานวนถงึ 31,479,705,499 บาท
อันท่ีจริงแล้ว งบประมาณแผ่นดินท่ีใช้ในการแก้ปัญหาจังหวัดชายแดนภาคใต้ “ท้ังหมด” สูง
โด่งเพมิ่ ข้ึนนับตงั้ แต่ปี พ.ศ. 2559 ในปเี ดียวประมาณได้กว่า 3 หมื่นลา้ นบาท ซ่งึ เป็นปีหลังจากการก่อ
รฐั ประหารของ คสช. เม่อื ปี พ.ศ. 2557 และงบประมาณสูงพรวดถึง 4 หม่ืนลา้ นบาทในปี พ.ศ. 2561
จนกระทั่งในปี พ.ศ. 2565 ก็ยังสูงถึงประมาณ 3.1 หมื่นล้านบาท แม้จะลดลงแต่ก็ยังสูงมากกว่า
งบประมาณรายปใี นแกป้ ญั หาจังหวัดชายแดนภาคใต้ของรัฐบาลก่อนการรฐั ประหาร
คณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) และรัฐบาลพลเอกประยุทธไ์ ด้ปรับโครงสร้างภายในให้
มีกลไกทางนโยบายเพื่อแก้ปัญหาจังหวัดชายแดนภาคใต้หลายๆอย่างนับตั้งแต่ปี พ.ศ. 2557 โดยมี
จุดเน้นคือสร้างเอกภาพ ประสิทธิภาพ บูรณาการ และการประสานสอดคล้องซึ่งดูเหมือนว่าจะดี แต่
ซ่อนปัญหาอื่น ๆ ไวม้ ากมายท่แี กไ้ มไ่ ด้ กลา่ วโดยทั่วไป แผนงานและงบประมาณทงั้ หมดทุกแผนงานที่
เกี่ยวกับจังหวัดชายแดนภาคใต้ให้ความสาคัญอย่างมากกับงานในด้านความม่ันคง งบประมาณส่วนมาก
จึงเทไปที่ กอ.รมน. ตารวจ มหาดไทยและกลาโหม จุดเน้นคู่กันคือโครงการก่อสร้าง งบประมาณ
จานวนมากจึงลงไปท่ีกรมโยธาธิการฯ กรมชลประทาน กรมทางหลวง กรมทางหลวงชนบท ซ่ึงแต่ละ
หนว่ ยจะได้งบประมาณมากกวา่ พันล้านบาท โดยเฉพาะกรมโยธาธกิ ารฯ ได้ถึง 2,282 ล้าน
จุดสาคัญคืองบประมาณโดยรวมทุกแผนงานท่ีเก่ียวกับจังหวัดชายแดนภาคใต้ในปี พ.ศ. 2565
สะท้อนให้เห็นว่ารัฐบาลให้ความสนใจด้านความม่ันคงมากเป็นอันดับหน่ึง ตามมาด้วยงบประมาณใน
การก่อสร้าง ปัญหาท่ียิ่งน่าเป็นห่วงก็คืองบประมาณด้านความมั่นคงส่วนมากจะเป็นประเภท
“งบรายจ่ายอ่ืน” ซ่ึงย่ิงเป็นการเปิดกว้างให้มีการดาเนินการโดยไม่โปร่งใสมาก โดยท่ีการกระจาย
รายได้ การสร้างอาชีพ การพัฒนาท้องถ่ินและสวัสดิการสังคมแม้จะถูกกล่าวเอาไว้แต่สัดส่วนไม่มาก
และถูกละเลยจากยุทธศาสตร์ โครงสร้างแผนงานและงบประมาณแบบนที้ ่ีให้ความสาคญั กบั งานความ
มน่ั คง การพัฒนาเพื่อความม่นั คงหรอื การศกึ ษาเพอ่ื ความม่นั คง ฯลฯ
114 111144
ภภาาพพทท่ี่ี 33--1166 งงบบปปรระะมมาาณณรราายยจจ่าา่ ยยกกาารรแแกกป้ป้ ััญญหหาาจจงัังหหววดััดชชาายยแแดดนนภภาาคคใใตต้้ พพ..ศศ.. 22556600 -- 22556655
รรววมมททุกุกแแผผนนงงาานน ((บบาาทท))
ททมม่่ีี าา:: hhttttppss::////ccssccdd..ppssuu..aacc..tthh//tthh//nnooddee//335577
ภภาาพพทที่ี่ 33--1177 เเปปรรยียี บบเเททยีียบบงงบบปปรระะมมาาณณรราายยจจ่าา่ ยยกกาารรแแกกป้ป้ ญััญหหาาจจังงั หหววัดัดชชาายยแแดดนนภภาาคคใใตต้้
พพ..ศศ.. 22556600 -- 22556655 งงบบแแผผนนบบููรรณณาากกาารรแแลละะแแผผนนงงาานนออืน่ืน่
ททมม่่ีี าา:: hhttttppss::////ccssccdd..ppssuu..aacc..tthh//tthh//nnooddee//335577
115
115
ภาพที่ 3-18 งบประมาณรายจ่ายการแกป้ ัญหาจังหวัดชายแดนภาคใต้ ในรอบ 19 ปี
ระหว่าง พ.ศ. 2547 - 2565
ทม่ี า: https://cscd.psu.ac.th/th/node/357
ประเดน็ ทตี่ ้องขบคิดให้มากก็คือถึงที่สุดแลว้ เราต้องการสันติภาพเชิงลบหรือสันตภิ าพเชิงบวก?
สันติภาพท่ีเน้นการทุ่มกาลังการควบคุมด้วยการทหารและการบังคับใช้กฎหมายพิเศษมากกว่าสร้าง
ความยุติธรรม ไม่เน้นการเคารพสิทธิมนุษยชน ไม่ให้สิทธิของท้องถิ่น และไม่สามารถลดความเหล่ือม
ล้าทางสังคมเศรษฐกิจ ไม่ได้ทาให้การพูดคุยสันติภาพ/สันติสุขมีความก้าวหน้าอย่างเป็นรูปธรรม
ท้ังหมดน้ีมีความหมายวา่ แม้จะมีความรุนแรงลดลง แต่มีสภาพการเมืองและสงั คมในเชิงลบ ทั้งหมดนี้
ความหมายก็คือยังไม่มีสันติภาพท่ีแท้จริงเกิดข้ึนในจังหวัดชายแดนภาคใต้ เมื่อมุ่งสู่สันติภาพเชิงลบ
ปัญหาก็จะกลับมาปะทุอีก การย้อนกลับมาของความรุนแรงที่เกิดขึ้นจึงเป็นสิ่งบอกเหตุท่ีจะต้องมี
ความระมดั ระวงั เป็นอย่างมาก
5) สาเหตุของปญั หาและทิศทางการแกไ้ ขความขัดแย้ง
เมธัส อนุวัตรอุดม (2554) ได้อธิบายรากเหง้าส่วนหน่ึงของความขัดแย้งในชั้นท่ีลึกท่ีสุดคือ
ความกังวลท่ีถูกสั่งสมมาแต่อดีตสู่ ปัจจุบันของประชาชนในจังหวดั ชายแดนภาคใต้ว่าอัตลักษณ์มลายู
มุสลิมของตนจะถูกทาให้จางหายไป ด้วยวิธีคิดและการกระทาของผู้มีอานาจรัฐบางส่วน และด้วย
โครงสรา้ งทางการเมืองและสังคมวัฒนธรรมที่ไม่ไดส้ ะท้อนถงึ ความแตกต่างหลากหลายทางวฒั นธรรม
ทมี่ ีอยู่จริงในสังคมไทย ในขณะเดยี วกันกับทร่ี ัฐและสังคมใหญ่บางสว่ นมองความแตกต่างทางชาติพันธุ์
116 116
โดยเฉพาะในพ้ืนที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ดว้ ยสายตาท่ี หวาดระแวงและเกรงว่าคนในพื้นที่ดังกล่าวจะ
ไม่มี “ความเปน็ ไทย” ตามจินตภาพของตน
เมื่อความรู้สึกถูกกดทับทางวฒั นธรรมและชาติพันธ์ยุ ังคงดารงอยู่ และเม่ือความตอ้ งการ (Needs)
ของคนในพ้ืนที่ท่ีเสนอผ่านข้อเรียกร้องด้วยสันติวิธีโดยเฉพาะอย่างยิ่งในกรณีของฮัจญีสุหลง อันเป็น
เรื่องของการรกั ษาอัตลักษณม์ ลายมู สุ ลิมและการยืนยันสทิ ธิพน้ื ฐานในการมีสว่ นรว่ มทางการเมืองตาม
หลักประชาธิปไตยเพ่ือดูแลกิจการท้องถิ่นภายใต้กรอบกฎหมายไทยนั้นไม่ได้รับการตอบสนอง เสียง
ร้องแห่งสันติ จึงแปลงเปลย่ี นเปน็ เสยี งปนื แหง่ ความรุนแรง
การต่อสู้ปะทะกันได้ส่งผลข้างเคียงตามมาคือการละเมิดสิทธิมนุษยชนที่เกิดจากกระทา ทั้ง
โดยตั้งใจและไม่ตั้งใจจากท้ังกลุ่มก่อความไม่สงบและเจ้าหน้าที่รัฐบางส่วน ซ่ึงในส่วนของการกระทา
จากเจ้าหน้าท่ีรัฐดังกล่าวท่ีแม้จะเป็นส่วนน้อยนั้นก็ย่ิงตอกย้าความรู้สึกที่ฝังลึกและการรบั รู้ที่สะสมวา่
รัฐเลอื กปฏบิ ตั ิและไมใ่ ห้ความเป็นธรรม มกี ารตอบโต้แก้แค้นกันไปมาด้วยความรุนแรงในลักษณะของ
ตาต่อตา ฟันต่อ ฟัน ก่อให้เกิดความเกลียดชัง ความหวาดระแวงและไม่ไว้เน้ือเช่ือใจกันในสังคม
เปรียบเสมือนน้ามันที่หล่อเลี้ยงเชื้อไฟให้ลุกไหม้อย่างต่อเน่ือง แน่นอนที่สุด การพยายามทาความ
เข้าใจสาเหตุรากเหง้าดังกล่าวของความรุนแรงมิได้หมายความว่าการใช้ความรุนแรงดังกล่าวมี
ความชอบธรรมแต่ประการใด หากแต่เป็นจุดเร่ิมต้นที่จะขจัดความรุนแรงอันเลวร้ายน้ีด้วยการสร้าง
ความเป็นธรรมใหเ้ กิดข้ึนในสงั คม
อนั เดอร์ส แองวัลล์ และ นอร์เบิรต์ โรเพอรส์ (2563) ได้สรุปเง่ือนไขความขัดแย้งที่เกิดข้ึนใน
พ้ืนที่สามจังหวัดชายแดนภาคใต้ได้แบ่งออกเป็น 2 เงื่อนไขท่ีสาคัญได้แก่เงื่อนไขของบริบทของพื้นที่
และเงื่อนไขทางประวตั ิศาสตร์ ดงั ตอ่ ไปนี้
เงื่อนไขทางบริบทของพน้ื ท่ี ได้แก่
1. ประชากรส่วนใหญ่ในพ้ืนท่ีสามจังหวัดชายแดนภาคใต้เป็นกลุ่มชาติพันธ์ุมาลายู โดย
แสดงออกผ่านทางวัฒนธรรมต่าง ๆ อย่างเด่นชัด ขณะเดียวกันรัฐไทยมีแนวโน้นการส่งเสริมบรรทัด
ฐานวัฒนธรรมเด่ียวมักให้ความสาคัญกับอัตลักษณ์ของชาติพันธุ์ไทย ส่งผลให้เกิดการต่อต้านรัฐไทย
จากคนในพ้นื ท่ี
2. ภาษามาลายมู ีความแตกต่างอย่างมากกับภาษาไทย จึงกลายเป็นอุปสรรคทส่ี าคญั ต่อการ
มีปฏสิ มั พนั ธร์ ะหว่างชาวบ้านกบั และตัวแทนของรัฐ นโยบายการใชภ้ าษาไทยอยา่ งเข้มงวด ซงึ่ ถูกมอง
ว่าเป็นการเลือกปฏิบัติต่อภาษาของชนกลุ่มน้อยในพื้นที่ จะเห็นว่าพื้นท่ีซ่ึงมีระดับความขัดแย้งสูงมี
แนวโนม้ จะเป็นพ้นื ที่ซึง่ มีผ้ใู ช้ภาษามาลายาสูงเช่นกนั
111177
3. สาหรบั การศกึ ษา ส่วนใหญค่ นในพืน้ ที่นิยมการเรยี นในโรงเรยี นปอเนาะหรือโรงเรยี นเอกชน
สอนศาสนาอิสลามซึ่งเป็นการศึกษานอกระบบของรัฐบาล และกว่าหนึ่งในสามของประชากรที่ใน
พ้ืนท่ีไม่ได้รับการศึกษาในระบบ และเกิดการว่างงาน สะท้อนถึงความเช่ือท่ีว่ารัฐไทยไม่สามารถ
ตอบสนองความต้องการทางการศึกษาของคนในพ้ืนท่ีได้ ทาให้เกิดความรู้สึกห่างไกลจากรัฐบาลและ
สถาบันต่าง ๆ ของรัฐ
4. สภาพทางภูมิศาสตร์ นอกจากจะเป็นตัวกาหนดเร่ืองอาชีพและโอกาสทางเศรษฐกิจของ
ประชาชนในพื้นท่ีแล้ว ยังส่งผลกระทบต่อลักษณะความขัดแย้งท่ีรุนแรงด้วย ไม่ว่าจะเป็นยุทธศาสตร์
ของผู้ก่อความไม่สงบหรือของรัฐเช่นพ้ืนท่ีราบชุมชนหนาแน่นมีเส้นทางเข้าออกง่าย หรือพื้นท่ีทาง
ตอนลา่ งเป็นเขตป่าพ้ืนท่สี ูงไม่มถี นนเข้าถึง ตดิ ชายแดนมาเลเซียประชาชนขา้ นแดนได้หลายชอ่ งทาง
เงือ่ นไขทางประวตั ศิ าสตร์
ทั้งความคิดและการปฏิบัติของฝ่ายผู้ก่อความไม่สงบและฝ่ายรัฐไทยได้รับอิทธิพลอย่างลึกซ้ึง
จากเร่ืองเล่าและวาทกรรมทางประวัติศาสตร์ของแต่ละฝ่ายซึ่งมีความแตกต่างกัน ในตารา
ประวัติศาสตร์ไทยมักเน้นเร่ืองพัฒนาการของความหลากหลายทางศาสนา ภาษาของกลุ่มชาติพันธุ์
และทางการเมือง ซึ่งทาให้เกิดเป็นพ้ืนท่ีชายแดนใต้ของไทยในปัจจุบัน แต่วาทกรรมของชาวมาลายูก็
จะให้ความสาคญั กับการประกอบสร้างทางประวัตศิ าสตรข์ องเครือขา่ ยรฐั สลุ ตา่ นอสิ ลาม
โดยในช่วงคริสต์ศตวรรษที่ 16 และ 17 เป็นยุครุ่งเรื่องของรัฐสุลต่านปาตานี ต่อมาใน
คริสต์ศตวรรษท่ี18 (พ.ศ. 2328-2329) ปาตานีต้องพ่ายแพ้และสวามิภักดิ์ต่ออาณาจักรสยาม ในช่วง
ศตวรรษท่ี 19 เกิดภัยคุกคามจากการล่าอาณานิคมของชาติยุโรปในประเทศแถบอินโดจนี สยามก็ถูก
ลดอานาจการปกครองตนเองไปด้วย แต่ปาตานียังคงมีอานาจในการปกครองตนเองค่อนข้างอิสระ
ถึงแมอ้ ยู่ภายใตก้ ารปกครองของสยามก็ตาม ในช่วงปลายศตวรรษท่ี 19 (พ.ศ. 2444-2445) รัฐบาลไทย
เร่งปฏิรูปการบริหารราชการและเพ่ิมอานาจการควบคุมจากส่วนกลาง ปาตานีจึงถูกผนวกรวมเป็น
ส่วนหนึ่งของการบริหารราชการไทยและทาให้เลิกล้มระบบสุลต่านในท้องถ่ิน การรวมศูนย์อานาจ
ส่งผลให้เกิดการก่อขบถต่อต้านการปกครองของสยามในคร้ังแรกในปี พ.ศ. 2446 จากความไม่พอใจ
ของกลุ่มชนช้ันสูงของปาตานี หลังจากนั้นชนชั้นสูงในพ้ืนท่ีเร่ิมสูญเสยี ตาแหน่งการบริหารส่วนจังหวดั
ให้กับชาวพุทธท่ีถูกส่งมาจากส่วนกลางมากขึ้น และความสัมพันธ์ระหว่างรัฐไทย(สยาม)กับมาลายู
มุสลิมก็มีปัญหามากข้ึนเมื่อรัฐบาลชาตินิยมของไทยที่มีทหารเป็นแกนนาขึ้นสู่อานาจช่วงปลาย
คริสต์ศตวรรษ 1930 ใช้กาลังบังคับเพ่ือผนวกกลืนทางวัฒนธรรมต่อประชากรชาวมาลายูมุสลิม เช่น
การส่ังห้ามไม่ให้ชาวมาลายูมุสลิมสวมเสื้อผ้าแบบพื้นเมือง ไม่ให้ต้ังช่ือด้วยภาษามาลายู ห้ามไม่ให้
118 118
เรียนและพูดภาษามาลายู และจอมพล ป. พิบูลสงคราม สั่งให้ยกเลิกศาลอิสลามด้วยต้ังแต่ ปี พ.ศ.
2444 ส่งผลใหค้ นจานวนมากไม่พอใจเป็นอยา่ งย่ิง
การตอ่ ต้านรัฐบาลไทยเพ่ือเรียกร้องอานาจในการปกครองตนเอง เกิดขบวนการคู่ขนาน กลุม่
หนึ่งเป็นขบวนการที่เกิดข้ึนนอกประเทศโดยแกนนาเป็นลูกหลานของอดีตสุลต่าน และอีกกลุ่มหนึ่ง
เป็นขบวนการในประเทศมีแกนนาเป็นผู้นาศาสนา คือ หะยีสุหลง อับดุลกาเดร์ ซ่ึง หะยีสุหลงมีข้อ
เรียกร้องพ้ืนฐาน 7 ประการ จึงถูกปราบปรามอย่างรนุ แรง ถูกจาคุกในข้อหาขบถและถูกบังคับให้สญู
หายไปในปี พ.ศ. 2497
ในช่วงทศวรรษต่อมาการต่อต้านของชาวมาลายูมุสลิมก็ยังดาเนินต่อไป ภายหลังคริสต์
ทศวรรษ 1960 รูปแบบของขบวนการต่อต้านได้เปลี่ยนจากกระบวนการท่ีมีแกนนาเป็นชนชั้นสูง มา
เป็นขบวนการต่อต้านที่ใชก้ าลังและขับเคลื่อนด้วยอุดมการณก์ ารแบ่งแยกดนิ แดน ด้วยการวางระเบิด
การวางเพลิง และการยิงใส่ตัวแทนของรัฐบาลไทย เกิดอย่างต่อเนื่อง ในช่วงปี ค.ศ. 1970-1980 การ
ต่อสู้เพ่ือแยกดินแดนนาโดย องค์กรปลดปล่อยสหปาตานี หรือ พูโล (Patani United Liberation
Organization-PULO) และต่อมาองค์กรนี้ก็เส่ือมลง องค์กรแนวร่วมปฏิวัติแห่งชาติมาลายูปาตานี
(Barisan Revolusi National-BRN) เกดิ ขึน้ และเป็นกลุ่มท่ีก่อความไม่สงบในพื้นที่เป็นหลักซึ่งมีหน่วยรบ
ลาดตระเวนขนาดเล็ก หรอื Runda Kumpulan Kecil -RKK ) เป็นหน่วยปฏิบตั กิ ารระดับย่อย
และความรุนแรงในรอบปัจจบุ ันประทุข้ึนเม่ือเดือนมกราคม 2547 จากการบุกโจมตีค่ายจุฬา
ภรณ์ในจังหวัดนราธิวาสโดยสามารถปล้นอาวุธสงครามไปได้เป็นจานวนมาก ต่อมาในวันท่ี 28
เมษายน 2547 เกิดการบุกโจมตีตามจุดตรวจหลายจุดทั่วพ้ืนท่ีชายแดนใต้ และจบลงด้วยทหารได้บุก
เข้าไปในมัสยิดกรือเซะซ่ึงเป็นท่ีหลบซ่อนของกลุ่มผู้ก่อการ ทาให้ผู้ชาย 105 คนถูกสังหารโดย
เจ้าหน้าท่ี และในวันท่ี 25 ตุลาคม 2547 เกิดเหตุชุมนุมประท้วงนอกสถานีตารวจภูธรอาเภอตากใบ
จงั หวดั นราธวิ าส เกิดเหตุบานปลายจนทาให้ผปู้ ระท้วง 7 คนเสียชีวิต และอกี 78 คนเสยี ชีวิตเนื่องจาก
ขาดอากาศหายใจระหว่างถูกจับซ้อนในรถทหาร เพ่ือส่งไปยังค่ายทหารที่อยู่ไกลออกไปหลายช่ัวโมง
เหตุการณ์ความไม่สงบทั้งการลอบโจมตีของผู้ก่อการและการปราบปรามโต้ตอบจากกาลังตารวจ
ทหารของทางการไทยกเ็ กิดขึน้ อยา่ งต่อเน่ืองจนมาถึงปัจจุบัน
111199
6) ข้อเสนอทิศทางการแก้ปัญหาความขดั แย้งจังหวัดชายแดนใต้
เมธัส อนุวัตรอุดม (2554) เสนอทิศทางที่ควรจะเป็นในการแก้ไขความขัดแย้งทางการเมืองท่ี
เกี่ยวเนื่องกับอัตลักษณ์วัฒนธรรมน้ี (Identity based Conflict) จะต้องให้ความสาคัญกับการใช้
แนวทางทางการเมืองที่ชัดเจนและเป็นรูปธรรมมาก ย่ิงข้ึน การดาเนินการใด ๆ ของภาครัฐจะต้อง
สามารถตอบโจทย์ทางอัตลักษณ์และประวัติศาสตร์ สามารถทาให้ คนในพื้นที่สัมผัสได้ถึงความเป็น
ธรรมทางการเมือง สังคมวัฒนธรรม และเศรษฐกิจ ซึ่งที่ผ่านมา ภาครัฐยัง ไม่ได้ให้น้าหนักในการ
ทางานเชิงสร้างสรรค์ในมิติทางการเมืองและวัฒนธรรมมากพอท่ีจะแก้ปัญหา รากเหง้าได้ตรงจุด แต่
กลับมุ่งเน้นไปท่ีการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมโดยท่ัวไป โดยพื้นฐานแล้วรัฐมีหน้าที่จะต้องปกป้อง
คุ้มครองและธารงรักษาทุกกลุ่มชาติพันธ์ุบนผืนแผ่นดินไทย ให้อยู่ในสังคมไทยได้อย่างเสมอภาคและ
เท่าเทียม รวมท้ังส่งเสริมความเข้าใจระหว่างกลุ่มวัฒนธรรมให้สามารถ อยู่ร่วมกันบนความหลากหลาย
ได้อย่างย่ังยืน ซ่ึงกลุ่มชาติพันธุ์มลายูมุสลิมก็ถือเป็นอีกกลุ่มวัฒนธรรมหน่ึงท่ีรัฐ ต้องดูแลให้เขาเกิด
ความรู้สกึ ว่าไดร้ ับความเป็นธรรมและเกิดความภาคภูมใิ จที่เปน็ สว่ นหนึ่งของสงั คมไทยด้วย แนวทางนี้
จึงจะจัดว่าเปน็ งานการเมืองอย่างแทจ้ ริง เมอ่ื เป็นเช่นนี้ ทิศทางหลักในการแกป้ ัญหาความไม่สงบด้วย
สนั ติวธิ ีที่รฐั จะตอ้ งทาใหป้ ระชาชนใน จังหวดั ชายแดนภาคใต้เห็นเปน็ รูปธรรมจงึ มีอยู่ 5 ประการ
(1) การลดหรือขจัดเง่ือนไขทางการเมืองและสังคมที่จะถูกกลุ่มผู้ก่อความไม่สงบนามา
อา้ งความชอบธรรมให้ได้อย่างเปน็ รูปธรรม ทผ่ี า่ นมา แมภ้ าครฐั จะพยายามป้องกันมใิ หม้ ีการละเมิด
สิทธิมนุษยชน หรือมีการกระทาใด ๆ ที่กระทบต่อความรู้สึกของประชาชน แต่การกระทานอกแถว
ของเจ้าหน้าที่รัฐ เพียงจานวนเล็กน้อยก็สามารถท่ีจะนามาซึ่งความเสื่อมเสียแก่ภาครัฐท้ังหมดได้ ซึ่ง
เจ้าหน้าที่รัฐ บางส่วนน้ันยังมีความเช่ือที่คลาดเคลื่อนว่าสันติวิธีเป็นอุปสรรคต่อการแก้ไขปัญหา จึง
มุ่งเน้นการ สถาปนาอานาจและความม่ันคงของรัฐมากกว่าการเสริมสร้างความมั่นคงของประชาชน
และชุมชน ประเด็นสาคัญคือ เม่ือมีการละเมิดกฎหมายขึ้นแล้ว ก็จาเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องเร่งรัดนาตวั
ผู้กระทาผิด เข้าสู่กระบวนการยุติธรรมโดยเร็ว พิสูจน์ให้พื้นที่ได้เห็นว่าผู้ละเมิดกฎหมายจะต้องได้รับ
โทษไม่ว่าคน คนน้ันจะเป็นใครก็ตาม รวมถึงการเปิดเผยความจริงให้สาธารณชนได้รับทราบ ไม่ว่าจะ
เป็นกรณีตากใบ หรือเหตุท่ีมัสยิดอัลฟุรกอน เป็นต้น โดยจัดตั้งคณะกรรมการแสวงหาความจริงและ
ความ สมานฉันท์สาหรับเป็นกลไกในการแสวงหาความจริงท่ีทุกฝ่ายยอมรับร่วมกัน โดยท่ีผ่านมาไม่
ปรากฏต่อสาธารณะว่ามีเจ้าหน้าท่ีรัฐถูกดาเนินคดีตามกระบวนการยุติธรรม ซึ่งสวนทางกับการรับรู้
ความจรงิ ในพ้นื ท่ขี องประชาชน ท้งั นก้ี ารจัดตั้งองค์กรดังกล่าวก็เป็นไปเพื่อป้องกันมใิ ห้การกระทาผิด
120 120
กฎหมายต่าง ๆ ท่ีเกิดขึ้นนั้น ถูกนามาอ้างซ้าแล้วซ้าเล่าโดยกลุ่มต่อต้านรัฐที่อาศัยบาดแผลดังกล่าว
เป็นเชอ้ื ไฟในการปลุกเร้าและหล่อเลีย้ งวงจรความรุนแรงต่อไปอย่างไมม่ ที ี่สน้ิ สุด
(2) การเปิดพ้ืนที่ทางการเมืองบนพ้ืนฐานของความไว้ใจซ่ึงกันและกัน โดยให้ทุกภาคส่วน
ไม่ว่าจะเป็นประชาชนในพ้ืนท่ีท้ังพุทธและมุสลิม ผู้นาชุมชน ผู้นาศาสนา หรือนักวิชาการต่าง ๆ ได้มี
ส่วนร่วมใน การแสดงความคิดเห็น กาหนดแนวทางและตัดสินใจในเชิงนโยบาย รวมถึงประเมินผล
การทางานของ ภาครัฐในส่วนท่ีเก่ียวข้องกับความเป็นไปของท้องถ่ินท้ังในแง่ของการแก้ไขปัญหา
ความไม่สงบและการ พัฒนาบ้านเมือง โดยไม่ควรระแวงว่าคนกลุ่มใดกลุ่มหน่ึงจะเป็นแนวร่วมของ
กลุ่มขบวนการ ซึ่งในเบ้ืองต้นสามารถกระทาได้โดยผ่านสภาที่ปรึกษาการบริหารและพัฒนาจังหวัด
ชายแดนภาคใตใ้ น โครงสร้างของศูนย์อานวยการบรหิ ารจังหวดั ชายแดนภาคใต้ปจั จุบัน ทั้งน้สี ่ิงสาคัญ
คือรัฐจะต้องมีความจริงใจท่ีจะรับฟังเสียงของประชาชนในพื้นท่ีและนามาดาเนนิ การใหเ้ กิดผลในทาง
ปฏิบัติอย่างจริงจัง เน่ืองจากที่ผ่านมานั้นภาครัฐจะให้ประชาชนมีส่วนร่วมในลักษณะของการเข้ารว่ ม
แสดงความคดิ เห็นโดยทวั่ ไปผา่ นเวทีการสัมมนาเป็นสว่ นใหญ่เท่านน้ั แตย่ ังไม่ได้ให้มีสว่ นร่วมในระดับ
ท่ีมีนัยสาคัญต่อการเปลี่ยนแปลงในเชิงนโยบายและการริเริ่มโครงการต่าง ๆ ตามความต้องการของ
ท้องถ่ินจริง ๆ ซ่ึงแนวโน้มในอนาคต ภาครัฐจะต้องมีการกระจายอานาจให้ประชาชนในพื้นท่ีได้ดูแล
ตวั เองตาม เจตนารมณข์ องรฐั ธรรมนญู อยา่ งแทจ้ ริง
(3) การริเริ่มและส่งเสริมกระบวนการพูดคุยเพื่อสันติภาพ (Peace Talk) อย่างจริงจัง
และตอ่ เน่ืองกับ กลุม่ ผู้เห็นต่างจากรัฐทุกกลุ่ม โดยเริม่ ต้นจากส่วนทตี่ อ้ งการจะใชส้ ันติวิธีในการแก้ไข
ปัญหาทั้งที่อยู่ภายในประเทศและภายนอกประเทศก่อน อีกท้ังต้องเปิดโอกาสให้ภาคส่วนอ่ืน ๆ
นอกเหนือจากภาครัฐที่สามารถเข้าถึงกลุ่มบุคคลเหล่าน้ีได้ ดาเนินการพูดคุยควบคู่กันไปด้วยโดยมี
เปา้ หมายเดียวกันคือ สงั คมสนั ตสิ ุขในจังหวัดชายแดนภาคใต้ ซง่ึ จะเป็นการสร้างโอกาสของประเทศชาติ
ในการสร้างสนั ตภิ าพ ท้ังนีก้ ระบวนการพูดคุยดังกล่าวมิใช่การเจรจาต่อรองกับรฐั แต่อย่างใด หากแต่เป็น
ขน้ั ตอน เบ้อื งต้นในการสร้างบรรยากาศที่จะเอื้อต่อการแก้ไขความขัดแย้งด้วยสันติวิธีต่อไป การจัดใหม้ ี
พ้ืนที่ปลอดภัยสาหรับการใช้สันติวิธีน้ีจะเป็นการจากัดพื้นที่การใช้ความรุนแรงให้เหลือน้อยมากที่สุด
ไปโดย ปรยิ ายโดยมิต้องใช้การสรู้ บทางการทหารมากเกนิ ความจาเปน็
(4) การเปิดพ้ืนท่ีทางวัฒนธรรมด้วยการยอมรับความแตกต่างหลากหลายอย่างสนิทใจ
รูปธรรมที่ดาเนินการได้เลยคือการให้ลูกหลานของคนในพ้ืนที่ได้เรียนหลักสูตรการศึกษาใน
โรงเรยี นรฐั ที่ สอดคลอ้ งกับวิถีวัฒนธรรม กล่าวคอื เป็นหลักสูตรทีบ่ ูรณาการสายสามญั กับศาสนาเข้า
ด้วยกันอย่างเหมาะสม บรรจุวิชาภาษามลายูไว้ในหลักสูตรการศึกษาอีกวิชาหนึ่ง เพ่ือให้มีการเรียน
112211
การสอนอย่างต่อเนื่องและเป็นระบบโดยมีครูผู้สอนที่จบทางด้านการสอนภาษาโดยเฉพาะ ซ่ึง
ครูผู้สอนในส่วนของวิชาภาษาไทยก็ควรต้องมีคุณสมบัติดังกล่าวด้วยเช่นเดียวกัน มีการจัดตั้งหรือ
พฒั นามหาวิทยาลยั ของรัฐในพืน้ ทใี่ ห้เป็นมหาวิทยาลัยที่เนน้ สอนสาขาวชิ าต่าง ๆ ที่อยบู่ นพื้นฐานของ
หลักอิสลาม นอกจากนี้ในแง่ของจิตวิทยาน้ัน ควรต้องมีการใช้ภาษามลายูควบคู่กับภาษาไทยและ
ภาษาอังกฤษกากบั บนป้ายต่าง ๆ โดยเฉพาะป้ายของทางราชการ ซึ่งในจังหวัดเชยี งใหมก่ ็มกี ารใช้ป้าย
ภาษาท้องถ่ินในจานวนมากข้ึนแล้ว ท้ังน้ีการส่งเสริมอัตลักษณ์ท้องถิ่นดังกล่าวไม่ได้เป็นการก่อให้เกิด
ความแตกแยกมากข้นึ หากแต่ทาให้ประชาชนในพืน้ ทก่ี ลับรสู้ ึกว่าสงั คมไทยเปดิ รับความแตกต่าง และ
รูส้ กึ สบายใจทจ่ี ะเป็น ส่วนหน่งึ ของสังคมไทย
(5) การสื่อสารกับสังคมใหญ่และผู้เก่ียวข้องจากทุกภาคส่วนในการแก้ไขปัญหาเพ่ือสร้าง
ความเขา้ ใจต่อ รากเหง้าความขัดแยง้ ในจังหวัดชายแดนภาคใต้และเสริมสร้างทัศนคตทิ ี่เอ้ือต่อการอยู่
รว่ มกนั ดว้ ยสนั ติวธิ ี โดยผลกั ดันใหเ้ ป็นวาระแหง่ ชาติ
7) การเมืองการปกครองกับการจัดการความขดั แย้งในสามจังหวดั ชายแดนภาคใต้
ศรีสมภพ จิตร์ภิรมย์ศรี (2563) ไดเ้ สนอทางเลือกการจัดการความขัดแย้งในพื้นท่ีสามจังหวัด
ชายแดนภาคใตใ้ นมุมมองของนักรัฐศาสตร์ โดยใช้แนวทางการกระจายอานาจ การให้ความสาคัญกบั
พื้นฐานของการอยู่ร่วมกันอย่างสงบสุขในระบอบประชาธิปไตยไม่ว่าจะเป็นเรื่องของสิทธิความเป็ น
พลเมือง สิทธิของความเป็นมนุษย์ การพูดคุยปรึกษาหารือเพื่อหาทางออกร่วมกัน โดยประมวลและ
สังเคราะห์ข้อเสนอจากการระดมความคิดเห็นจากประชาชนทุกกลุ่มในท้องถิ่น 200 เวที สามารถจัด
กลุ่มออกเป็น 6 ทางเลือกในการบริหารการปกครองเพ่ือให้ประชาชนในจังหวัดชายแดนภาคใต้ได้
พิจารณาพรอ้ มกบั การระบขุ อ้ วจิ ารณ์เพม่ิ เตมิ ดังต่อไปนี้
ทางเลือกท่ี 1 คือสิ่งที่เป็นปัจจุบัน ซ่ึงคือศูนย์อานวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้หรือ
“ศอ.บต.” ภายใต้การรับผิดชอบของเลขาธิการ ท่ีมาจากการแต่งตั้ง โดยมีผู้ว่าราชการจังหวัดท่ีมา
จากการแตง่ ตง้ั ดแู ลในรายจงั หวัดและมี อบจ. เทศบาล และ อบต.เป็นองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น
ข้อสนับสนุน: มีความเป็นเอกภาพในการบริหารราชการและเป้นนิติบุคคล เลขาธิการมี
อานาจส่ังย้ายข้าราชการฝ่ายพลเรือนท่ีมีพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสมออกนอกพื้นที่ได้ โครงสร้างบริหาร
ราชการและอานาจหน้าทีย่ ังคงเดิม ไม่เปล่ียนไปจากปัจจุบนั
122
122
ข้อวิจารณ์: พ้ืนท่ีรับผิดชอบครอบคลุมจังหวัดที่ไม่ได้มีความขัดแย้งท่ีมีการใช้ความรุนแรง
องค์กรปกครองส่วนท้องถ่ินไม่มีอานาจเต็มท่ี มีงบประมาณจากัด ขาดอิสระ คนในพื้นท่ีไม่ได้มีโอกาส
เลอื กผ้บู ริหาร (ผวู้ ่าราชการจังหวดั )
ทางเลือกที่ 2 คอื “ทบวง” ซ่งึ มสี ถานะเทยี บเท่ากระทรวงจังหวดั ชายแดนภาคใต้ภายใต้การ
รับผิดชอบของรัฐมนตรี โดยมีผู้ว่าราชการจังหวัดแต่ละจังหวัดท่ีมาจากการแต่งต้ังทาหน้าท่ีเป็นรอง
ปลัดทบวง และมี อบจ. เทศบาล และ อบต. เป็นองคก์ รปกครองส่วนท้องถิน่
ข้อสนับสนุน: เป็นการถ่วงดุลกลุ่มพลังทุกฝ่าย โดยประนีประนอมระหว่างส่วนกลางกับส่วน
ท้องถิ่นและระหวา่ งกลมุ่ ต่าง ๆ ในทอ้ งถน่ิ ผู้วา่ ราชการจงั หวดั ทม่ี าจากการแต่งต้ังจะหายไป กลายเป็น
รองปลัดทบวง บทบาทการบริหารราชการส่วนภูมิภาคลดลง เปล่ียนไปเป็นทบวงท่ีประสานและ
สนับสนุนท้องถิ่น มีฝ่ายการเมืองเป็นผู้ทาหน้าที่บริหารพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้โดยตรง มีจังหวะ
กา้ วท่ีเป็นจรงิ เนื่องจากไมก่ ระทบกับโครงสร้างเดิมมากนัก
ข้อวิจารณ์: ไม่ได้เกิดการเปล่ียนแปลงมากนักในแง่ของการกระจายอานาจสู่ประชาชน
เนื่องจากยังยึดติดอยู่กับระบบบริหารราชการ ไม่มีหลักประกันว่ารัฐมนตรีทบวงจะสะท้อนความเป็น
ตัวแทนของประชาชนในพื้นท่ีโดยตรง องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นไม่มีอานาจจริง งบประมาณจากัด
ขาดอิสระ
ทางเลอื กท่ี 3 คอื “สามนครสองชั้น” ภายใต้การรบั ผิดชอบของผูว้ ่าราชการจงั หวัดที่มาจาก
การเลอื กตั้งโดยตรงของประชาชนเป็นรายจังหวัดโดยคงเทศบาลและ อบต. ไว้ตามเดมิ
ขอ้ วิจารณ์: องค์กรปกครองสว่ นท้องถ่นิ ไม่มีอานาจจริง งบประมาณจากดั ขาดอิสระ การเปิด
ให้มีการเลือกต้ังผู้ว่าราชการจงั หวัดจะทาให้กลุม่ ผู้มีอิทธิพลข้ามามีอานาจทางการเมืองมากขนึ้ และมี
แนวโน้มที่จะมีการทุจริตมากตามไปด้วย และประชาชนอาจจะยังไม่มีความพร้อมในการเลือกต้ังผู้ว่า
ราชการจงั หวดั
ทางเลือกท่ี 4 คือ “สามนครหน่งึ ชั้น” ภายใต้การรับผิดชอบของผ้วู ่าราชการจงั หวัดที่มาจาก
การเลอื กตง้ั โดยตรงของประชาชนเป็นรายจงั หวดั โดยยกเลกิ เทศบาล และ อบต.
ข้อสนับสนุน : ประชาชนสามารถเลอื กผ้นู าทีต่ วั เองต้องการ ในขณะทผี่ ู้นาทีไ่ ดร้ ับการเลือกต้ัง
มีความเป็นตัวแทนสงู และมีพันธะรับผิดชอบโดยตรงต่อผคู้ นที่เลอื กเขามา ผู้ว่าราชการจังหวัดที่ได้รับ
การเลือกต้ังมีอานาจเต็มในการบริหารและจัดการท้ังจังหวัด อัตรากาลังข้าราชการในท้องถิ่นจะ
ขยายตัวเพ่ิมขึ้น ทาให้ประชาชนในพ้ืนที่มีโอกาสจะได้รับการบรรจุเป็นข้าราชการในท้องถิ่นมากข้ึน
ตามไปด้วย
123
123
ข้อวิจารณ์: เกิดแรงต่อต้านจากนักการเมืองท้องถ่ินที่เคยมีบทบาทในองค์กรปกครองส่วน
ท้องถิ่นเดิม อิสระ การเปิดให้มีการเลือกต้ังผู้ว่าราชการจังหวดั จะทาให้กลุ่มผูม้ ีอิทธิพลข้ามามีอานาจ
ทางการเมืองมากขึ้น และมีแนวโน้มท่ีจะมีการทุจริตมากตามไปด้วย และประชาชนอาจจะยังไม่มี
ความพร้อมในการเลือกตัง้ ผูว้ ่าราชการจังหวดั
ทางเลือกท่ี 5 คือ “มหานครสองชั้น” ภายใต้การรับผิดชอบของผวู้ ่าราชการจังหวัดหนึ่งคน
ท่ีมาจากการเลือกต้ังโดยตรงของประชาชน โดยรวมพ้ืนท่ีจังหวัดชายแดนภาคใต้เข้าด้วยกันเป็นหนึ่ง
หน่วยการปกครองท้องถิ่นขนาดใหญ่ และคงเทศบาลและ อบต. ไว้ตามเดิมเป็นองค์กรปกครองส่วน
ทอ้ งถนิ่
ข้อสนับสนนุ : ประชาชนสามารถเลือกผู้นาที่ตวั เองต้องการ ในขณะท่ผี ้นู าท่ีไดร้ ับการเลือกต้ัง
มีความเป็นตัวแทนสูงและมีพันธะรับผิดชอบโดยตรงต่อผู้คนที่เลือกเขามา ลดแรงต้านจากองค์กร
บริหารส่วนท้องถ่ินในปัจจุบัน เพราะเทศบาลและ อบต.ยังคงอยู่ตามเดิม อัตรากาลังข้าราชการใน
ท้องถน่ิ จะขยายตวั เพ่ิมขนึ้ ทาใหป้ ระชาชนในพน้ื ทมี่ โี อกาสจะได้รบั การบรรจเุ ปน็ ข้าราชการในท้องถิ่น
มากข้นึ ตามไปดว้ ย
ข้อวิจารณ์: อานาจของผู้ว่าราชการมหานครอาจจะทับซ้อนกับของเทศบาลและ อบต. ทาให้
ไม่สามารถบริหารจัดการพื้นที่ได้อย่างเต็มท่ี การเปิดให้มีการเลือกตั้งผูว้ ่าราชการจังหวัดจะทาใหก้ ล่มุ
ผู้มีอิทธิพลข้ามามีอานาจทางการเมืองมากขึ้น และมีแนวโน้มที่จะมีการทุจริตมากตามไปด้วย และ
ประชาชนอาจจะยังไม่มคี วามพร้อมในการเลอื กต้ังผู้ว่าราชการจงั หวดั
ทางเลือกท่ี 6 คือ “มหานครหนง่ึ ช้นั ” ภายใตก้ ารรับผิดชอบของผ้วู ่าราชการจังหวัดคนหนึ่ง
ท่ีมาจากการเลือกต้ังโดยตรงของประชาชน โดยรวมพ้ืนท่ีจังหวัดชายแดนภาคใต้ ด้วยกันเป็นหน่ึง
หน่วยการปกครองท้องถิ่นขนาดใหญ่ และยกเลิก อบจ. เทศบาล และ อบต. จากที่มีอยู่เดิม
ข้อสนับสนนุ : ประชาชนสามารถเลือกผู้นาท่ีตวั เองต้องการ ในขณะท่ผี ูน้ าท่ีได้รับการเลือกต้ัง
มีความเป็นตัวแทนสูงและมีพันธะรับผิดชอบโดยตรงต่อผู้คนท่ีเลือกเขามา การรวมพื้นที่จังหวัด
ชายแดนใต้เข้าดว้ ยกันสอดคล้องกับลักษณะเฉพาะทางประวตั ิศาสตร์ของพน้ื ที่ อัตรากาลังขา้ ราชการ
ในท้องถ่ินจะขยายตัวเพ่ิมข้ึน ทาให้ประชาชนในพ้ืนที่มีโอกาสจะได้รับการบรรจุเป็นข้าราชการใน
ทอ้ งถน่ิ มากข้ึนตามไปด้วย
ข้อวิจารณ์: เกิดแรงต้านจากองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นในปัจจุบัน เพราะ อบจ. เทศบาล
และ อบต. จะถูกยกเลิกไป การเปิดให้มีการเลือกตั้งผู้ว่าราชการจงั หวดั จะทาให้กล่มุ ผู้มีอิทธิพลข้ามา
มอี านาจทางการเมืองมากขึ้น และมีแนวโนม้ ทจี่ ะมกี ารทจุ รติ มากตามไปด้วย และประชาชนอาจจะยัง
ไม่มีความพรอ้ มในการเลือกต้ังผู้ว่าราชการจังหวัด
124 124
8) บทเรียนการศกึ ษาขบวนการเอกราชทีอ่ ืน่ ๆ กบั ข้อเสนอสู่สนั ติภาพปาตานี
มารค ตามไท (2563) ได้ศึกษาขบวนการเอกราชใน Catalonia (แคว้นคาตาโลเนีย
ราชอาณาจักรสเปน), Quebec (รัฐควิเบก แคนาดา), Scotland (ซึ่งเคยถูกอังกฤษปกครอง) และ
Okinawa (จงั หวัดโอกนิ าว่า ประเทศญีป่ ุน่ ) มขี ้อค้นพบท่ีสาคัญ 2 ขอ้
(1) ในช่วงต้นของการเคล่ือนไหวเพื่อเอกราชจะมีกลุ่มที่ใช้ความรุนแรงในระดับต่างกันทุก
กรณี แต่เม่ือมีการกระจายอานาจถึงจุดที่มีพ้ืนที่ทางการเมืองให้คนในพ้ืนท่ีน้ัน ๆ ถกกันเองว่าควรจะ
เดินทาง ตามเส้นทางไปสู่เอกราชหรือไม่นั้น กลุ่มท่ีใช้ความรุนแรงจะค่อย ๆ สลายไปเน่ืองจากความ
รุนแรงทาให้ขบวนการเอกราชท่ีเคล่ือนไหวทางการเมืองด้วยคุณค่าศักดิ์สิทธิเดียวกันเสียคะแนนใน
การถกกนั เร่ืองน้ี
(2) ทุกคนในพื้นที่ท่ีกาลังมีการเรียกร้องเอกราชจะยึดในสิทธิในการกาหนดชะตากรรมตัวเอง
เป็นคุณค่าศักด์ิสิทธิไม่ว่า ตัวเองสนับสนุนเอกราชหรือไม่ ถ้ารัฐห้ามให้คนในพื้นท่ีตัดสินเร่ืองเอกราช
ด้วยประชามติหรือวิธีอ่ืน หลายครั้ง คนท่ีก่อนหน้าน้ันไม่สนับสนุนเอกราชก็เปล่ยี นใจหันมาสนับสนุน
เอกราชเพราะมองวา่ รฐั จะมาตัดสินในคุณค่าน้ี เองโดยไมฟ่ งั เสียงเจา้ ของคณุ คา่ ในเมอื่ เหตผุ ลของการ
ตัดสินใจต่าง ๆ เป็นเร่ืองของการรกั ษาคุณค่าศักดส์ิ ิทธิ์ไว้ ถ้าการใช้ความรุนแรง เป็นวิธีเดียวให้คุณคา่
นี้ดารงอยใู่ นชวี ติ ได้ ความรุนแรงก็จะอยู่ตอ่ ไป แตถ่ ้าสามารถหาทางอื่นซง่ึ รักษาคุณค่า ศกั ดิ์สทิ ธิไว้โดย
ไมใ่ ช้ความรนุ แรง แนวทางน้นั กอ็ าจเป็นทางออกได้
ในขณะท่ี มารค ตามไท (2563) ไดร้ วบรวมข้อมลู จากการสัมภาษณช์ าวปาตานีท่ีเห็นด้วยกับ
การมีเอกราช 1,000 คน พบว่าส่วนมากมีลักษณะส่ีกลุ่มคือ 1. เป็นดินแดนของฉัน 2. จะสามารถมี
อนาคตตามท่ีตอ้ งการดกี ว่า 3. สามารถแกป้ ญั หาท่ีกาลังมกี บั รฐั ไทย 4. เปน็ ศาสนกจิ ในสี่กลุ่มนี้กลุม่ ท่ี
1 กลุ่มที่ 2 และกลุ่มที่ 3 เป็นลักษณะของคุณค่าศักด์ิสิทธิ์ จึงอาจกล่าวได้ว่าความปรารถนาเอกราช
ของคนกลุม่ นเ้ี ป็นคุณคา่ ศักดส์ิ ิทธิ์ จากการศึกษาเร่อื งคุณคา่ ศักดิ์สทิ ธิ์พบว่าคุณค่าแบบน้มี จี รงิ เปน็ คุณ
ค่าท่ีจะไม่ยอมแลกเปลย่ี นกับของตอบแทนทางโลก และพร้อมที่จะอดทนถึงตายเพ่ือท่ีจะรักษาคุณค่า
นีไ้ ว้ รวมทัง้ หากมกี ารเสนอแลกกบั วัตถุจะเกิดปฏกิ ิรยิ าตีกลับ (backfire effect)
งานวจิ ยั ชิ้นนไี้ ด้มขี อ้ เสนอตอ่ ความขัดแยง้ จงั หวดั ชายแดนภาคใต้ทน่ี ่าสนใจวา่ “รฐั ไทยควรจะ
ยุติความพยายามที่จะให้คนปาตานีท่ีมีความฝันที่จะได้เอกราชท้ิงความฝันนี้ เพราะความพยายาม
ดังกล่าวจะไม่สาเร็จ แต่ควรจะเปิดพ้ืนท่ีทางการเมืองให้มีขบวนการเอกราชปาตานีที่ยึดหลักไม่ใช้
ความรุนแรง เพื่อให้มีการถกกันอย่างเปิดเผยและกว้างขวางระหว่างคนปาตานีกันเองว่าการไปสู่เอก
ราชคอื เส้นทางท่ีเหมาะสมสาหรับปาตานีหรอื ไม่”
112255
9) การเจรจาสนั ตสิ ุขจังหวดั ชายแดนภาคใต้ครงั้ ลา่ สุด (พ.ศ.2565)
สถานการณ์การเจรจาลา่ สุด บีบซี ีไทย (2022) ไดร้ ายงานเม่อื วันที่ 2 เมษายน พ.ศ. 2565 วา่
การเจรจาสันติภาพระหว่างบีอาร์เอ็นกับรัฐบาลไทยคร้ังท่ี 4 ระหว่างวันท่ี 31 มี.ค.-1 เม.ย. ที่ผ่านมา
คณะพูดคุยเพอ่ื สนั ติสุขจังหวัดชายแดนภาคใต้ นาโดย พล.อ.วลั ลภ รักเสนาะ กบั คณะผ้แู ทนบีอาร์เอ็น
นาโดยอซุ ตาสอานัส อบั ดลุ เราะหม์ าน โดยมี ตนั ซรี อับดุลราฮิม บนิ โมฮัมหมดั นอร์ เปน็ ผอู้ านวยความ
สะดวกและมีผู้เชี่ยวชาญร่วมสังเกตการณ์ เน้ือหาของแถลงการณ์ระบุว่า ในการเจรจาคร้ังน้ี ทั้งสอง
ฝา่ ยได้บรรลขุ อ้ ตกลงในบางประเด็น ได้แก่
(1) การรับรองอย่างเปน็ ทางการสาหรับหลักการทัว่ ไปที่ได้รบั การลงนามของผู้เชีย่ วชาญ
นานาชาติสองท่าน โดยท้ังฝ่ายบีอาร์เอ็นและรัฐบาลไทยแลกเปลี่ยนหนังสือรับรองของแต่ละฝ่าย ซึ่ง
ถือวา่ เปน็ การรบั ประกันสาหรับข้อตกลงเก่ียวกับหลักการทั่วไปดงั กล่าวอย่างสมบรู ณ์
(2) ทัง้ สองฝ่ายตกลงกนั ท่ีจะยุตปิ ฏิบตั ิการทางการทหารตลอดชว่ งเดือนรอมฎอน จนถึง
วนั ท่ี 10 ของเดอื นเชาวลั ซึง่ เริม่ ต้นตัง้ แตว่ ันที่ 3 เม.ย. ถึงวนั ท่ี 14 พ.ค. 2565 เป้าหมายของข้อตกลง
ดังกล่าวคือเพ่ือให้เกิดบรรยากาศที่สงบสุขสาหรับสังคมปาตานีที่อยู่ในพ้ืนท่ี และยังเป็นกระบวนการ
สร้างความไวเ้ นอ้ื เชอื่ ใจกนั ระหวา่ งทั้งสองฝ่ายเพ่ือสร้างสันติภาพอันแทจ้ รงิ ทป่ี าตานี
(3) ท้ังสองฝ่ายได้นาเสนอกรอบการทางานหรือ TOR เกี่ยวกับการจัดตั้งคณะทางานร่วม
(Joint Working Group, JWG) เพ่ือประเด็นสารัตถะ ได้แก่ 1) ทางออกทางการเมือง 2) การรับฟัง
ความเห็นสาธารณะ และ 3) การลดการใช้ความรนุ แรงของท้ังสองฝา่ ย
(4) ท้ังสองฝ่ายได้แต่งต้ังผู้ประสานงาน (contact persons) ภายใต้การดูแลของกอง
เลขานุการผู้อานวยความสะดวกสาหรบั ประเด็นสารัตถะแต่ละประเด็นที่บันทึกไว้ใน "ข้อตกลงท่ัวไป"
โดยมีตวั แทนสามคนจากแตล่ ะฝา่ ย
3.5 สรปุ ทา้ ยบท
ความขัดแยง้ ในสังคมของไทยท่เี กิดขน้ึ ต้ังแต่อดตี จนถงึ ปจั จุบัน โดยหลกั ๆ แล้ว เปน็ เรือ่ งของ
ความขัดแย้งทางอุดมการทางการเมือง ความขัดแย้งในเรื่องผลประโยชน์ในด้านต่าง ๆ และความขัดแย้ง
ทางคุณค่าความเชื่อท่ีแตกต่างกัน ผู้เขียนได้นาเสนอรายละเอียดของสถานการณ์ สาเหตุ ผลกระทบ
รวมถงึ รปู แบบของการจดั การความขดั แยง้ ท่เี กิดขนึ้ ในประเทศไทยดังต่อไปนี้
ความขดั แย้งทางการเมือง ประเทศไทยเราต้องประสบกับความขัดแย้งทางเมืองมาอย่างต่อเน่ือง
นับว่าตั้งแต่เริ่มเปลี่ยนการปกครองเมื่อปี พ.ศ. 2475 ก็ว่าได้ ย้อนกลับไปเม่ือ 10-15 ปี ท่ีผ่านมาเกิด
ความขดั แย้งทางการเมืองอยา่ งรุนแรงจนนาไปสู่การทารฐั ประหารเมื่อ 19 กันยายน พ.ศ. 2547 และ
126 126
22 พฤษภาคม พ.ศ. 2557 รูปแบบของการจัดการความขัดแย้งในคร้ังน้ัน ได้แก่ การไกล่เกล่ียปรองดอง
ทางการเมือง แต่ก็ยังไม่เป็นผลสาเร็จ ยิ่งในปัจจุบัน (ปี พ.ศ. 2563-2565) ก็อยู่ในสถานการณ์ความ
ขัดแย้งคุกกรุ่นตลอดเวลา โดยเฉพาะอย่างยิ่งรัฐบาลชุดปัจจุบันกับคนรุ่นใหม่ ท้ังนักเรียน นักศึกษา
ออกมาชุมนุมประท้วงเรียกร้องให้มีการเปล่ียนแปลงรัฐบาล การแก้กฎหมาย การแก้กฎระเบียบของ
โรงเรยี น และข้อเสนอต่าง ๆ ท่ีเกีย่ วขอ้ งกับจุดยืนทางการเมือง โดยมีการใชส้ ญั ลักษณ์ต่าง ๆ เช่น ผกู
โบว์สีขาว การชู3นิ้ว เป็นต้น และใช้การส่ือสารกันผ่าน social media เป็นหลัก ส่วนแนวทางแก้ไขที่
สาคัญคือ การสร้างกรอบกติกาทางการเมืองให้เป็นท่ียอมรับของทุกฝ่าย การรับฟังความเห็นท่ี
แตกตา่ ง และการคนื ความถูกตอ้ งและชอบธรรมให้กับทกุ ฝ่าย
นอกจากนั้นการเมืองท้องถ่ินของประเทศไทยเราก็เกิดปัญหาความขัดแย้งกันอย่างต่อเน่ือง
เช่นกัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งช่วงก่อนและหลังการเลือกต้ังองค์การปกครองส่วนท้องถิ่นบางกรณีถึงขั้น
การลอบสังหาร สมาชิกสภา หรือผู้บริหารท้องถิ่น เกิดขึ้น ซ่ึงมีสาเหตุมาจากการแย่งชิงการเข้าสู่
อานาจ ผลประโยชน์ทับซ้อน และการทุจริตคอรัปช่ัน แนวทางที่สาคัญสาหรบั การแก้ปัญหาการเมือง
ท้องถิ่นได้แก่การใช้แนวคิด “การเมืองการเมืองปรองดอง การเมืองสมานฉันท์” ให้ชุมชนมีส่วนร่วม
ทางการเมืองอย่างแท้จริง การใช้หลักบูรณาการระหว่าง ท้องถ่ิน ท้องท่ี องค์กรชุมชน การปรึกษาหารือ
และฉันทามติ เป็นต้นซ่ึงขึ้นกับต้นทุนทางสังคมของเฉพาะชุมชนท้องถิ่นน้ัน ๆ ยังไม่สามารถ
ดาเนินการท่ัวไปได้ อย่างไรก็ตามปัญหาความขัดแย้งการเมืองทุกระดับของประเทศไทยเราสามารถ
ลดลงหรือคล่ีคลายลงได้ จะต้องทาให้ทุกคนในสังคมต้องมีเชื่อว่าสันติวิธีเป็นแนวทางในการแก้ปัญหา
ความขดั แยง้ และเช่ือวา่ สามารถขัดแย้งกนั ได้แต่เราจะไม่แตกแยก
ความขัดแย้งด้านทรัพยากรและสิ่งแวดล้อม ทรัพยากรธรรมชาติมีคุณค่า มีความสาคัญต่อ
มนุษย์และโลกของเรามากเช่น ช่วยทาให้สิ่งแวดล้อมโลกของเราสะอาดขึ้น ช่วยป้องกันภัยพิบัติ เป็น
แหล่งท่ีอยู่อาศัยของส่ิงมีชีวิตต่าง ๆ ช่วยในการผลิตอาหารและขยายพันธ์ุของสัตว์และพืชนานาพันธ์ุ
เปน็ ตน้ เม่อื มีการใชป้ ระโยชนจ์ ากความอุดมสมบูรณข์ องทรัพยากรธรรมชาตขิ องกลมุ่ ต่าง ๆ จนทาให้
เกิดความขัดแย้งขึ้น มีเงื่อนไขการเปล่ียนแปลงที่สาคัญที่ทาให้เกิด “สงครามแย้งชิงทรัพยากร”
รุนแรงเพิ่มขึ้นดังนี้ 1) การเปล่ียนแปลงจากสังคมเกษตรกรรมมาเป็นอุตสาหกรรม เป็นช่วงของการ
ช่วงชิงทางทรัพยากรธรรมชาติอย่างรุนแรง 2) การเปลี่ยนแปลงระบบเศรษฐกิจสู่ตลาดและการเงิน
แบบเสรี มีการเปิดพ้ืนท่ีของตลาดใหม่มากข้ึน มีการผูกขาดมากขึ้น 3) การปฏิวัติเทคโนโลยี ข้อมูล
ข่าวสารทาให้ประเทศท่ีคุมกระบวนการและเทคโนโลยีสามารถเข้าถึงข้อมูลทุกชนิดทั่วโลกรวมถึงข้อมูล
ทรพั ยากรดว้ ย 4) การกระจกุ ตวั ของทุน ประเทศทม่ี ีทนุ มากจะมอี านาจสงู ควบคมุ ทรพั ยากรโลก
112277
บทบาทของทรัพยากรธรรมชาติในมิติของความขัดแย้ง มีอยู่ 3 ประการได้แก่ การทาให้เกิด
ความขัดแย้งจากการต่อสู้แย่งชิงทรัพยากร ทรัพยากรธรรมชาติ คือ เป็นแหล่งรายได้สาหรับท้ังสอง
ฝา่ ยทก่ี าลังต่อสกู้ ัน และทรพั ยากรธรรมชาติเป็นปัจจยั ของความม่ันคง ทรัพยากรมีอยู่จากดั กอ่ ให้เกิด
ความขดั แย้ง ขาดความมน่ั คงของประเทศ
รูปธรรมของความขัดแย้งด้านทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ในประเทศไทยที่เกิดข้ึน
มากมาย ตามสภาพพืน้ ท่ี และกลมุ่ ผู้ใชป้ ระโยชน์ต่าง ๆ เช่น ความขัดแย้งการประมงระหว่างเรือประมง
ขนาดใหญ่เคร่ืองมือทาลายล้างกับชาวประมงพ้ืนบ้าน ความขัดแย้งจากกรณีก๊าซธรรมชาติและน้ามัน
ความขัดแย้งเรื่องการบริหารจดั การน้า วามขดั แยง้ เรื่องการจัดการมลพิษ น้าเสยี และขยะ ความขัดแย้ง
ในเรือ่ งการใช้ประโยชน์ท่ดี ิน การบุกรุกทีส่ าธารณะ เขตอทุ านทบั ที่ดนิ ทากิน เปน็ ต้น
แนวทางในการจัดการความขัดแย้งด้านทรัพยากรธรรมชาติและส่ิงแวดล้อม ได้แก่ การเพ่ิม
ทกั ษะการวิเคราะหค์ วามขัดแย้งการเจรจาต่อรองและไกลเ่ กลี่ย การเสริมสร้างความสมั พันธ์และสร้าง
ความไว้วางใจกันของกลุ่มผู้ใช้ประโยชน์กลมุ่ ต่าง ๆ การเพิ่มความเข้มแข็งให้กับภาคประชาชนในการ
ควบคุมการเข้าถึงและการใช้ประโยชน์อย่างยุติธรรม ส่งเสริมให้ทุกภาคส่วนมีส่วนร่วมในการจัดการ
ทรัพยากรธรรมชาติได้อย่างยั่งยืน นอกจากนั้นควรมีแนวทางการจัดการความขัดแย้งในลักษณะเฉพาะ
ของทรพั ยากร เช่น ทรัพยากรดนิ ทรัพยากรน้า ทรพั ยากรปา่ ไม้และสัตวป์ ่า ทรพั ยากรทอ่ งเทยี่ วและรี
สอร์ต เป็นต้น โดยเน้นการปรับปรุงเชิงนโยบายและกฎหมายให้สอคล้องกับสถานการณ์และการมี
ส่วนร่วมของผู้ที่เก่ียวข้องในการบริหารจัดการ การกระจายอานาจให้ท้องถ่ินมีบทบาทสาคัญในการ
ดแู ลและจัดการบรหิ าร เป็นตน้
ความขดั แยง้ จากโครงการขนาดใหญ่ เกิดจากแนวคดิ กระแสโลกาภวิ ัตน์ ทีข่ บั เคลอื่ นดว้ ยกลุ่ม
ทุนและได้แทรกซึมสู่สังคมไทย สอดคล้องกับนโยบายรัฐและการวางแผนพัฒนาท้ังในประเทศและ
ความรว่ มมอื กบั ประเทศเพ่ือบา้ นโดยเน้นการส่งเสริมการผลิตภาคอุตสาหกรรมและนโยบายการจัดการ
ทรัพยากรอย่างคุ้มค่าเพื่อตอบสนองภาคการผลิตผ่านโครงการขนาดใหญ่ ผลกระทบท่ีสาคัญได้แก่
ประการแรก โครงการขนาดใหญ่จานวนมากละเมิดต่อสิทธิของชุมชนโดยในกระบวนการประเมินผล
กระทบด้านสังคม หรือด้านส่ิงแวดล้อม หรือด้านสุขภาพมีลักษณะการดาเนินการที่ไม่สมบูรณ์และ
ขาดความโปร่งใส ประการทสี่ อง หลายชมุ ชนได้รบั ผลกระทบดา้ นสุขภาพอย่าง รุนแรง ประการทส่ี าม
การละเมิดต่อสิทธิขั้นพ้ืนฐานในการ รับรู้ข้อมูลข่าวสารของประชาชน ประการท่ีส่ี การเข้าถึง
กระบวนการยุติธรรมยังไม่มีท่ัวถึง และประการสุดท้าย โครงการขนาดใหญ่ของรัฐยังคงเกิดข้ึนเพื่อ
ผลติ ซ้าความบอบชา้ ของชุมชน
128 128
แนวทางแก้ปัญหาความขัดแย้งทส่ี ำคญั คือผ้ทู เ่ี กยี่ วข้องอยา่ ง 3 ฝ่ายต้องใหค้ วามสนใจและเข้า
มามสี ว่ นร่วม ไดแ้ ก่ 1)หน่วยงานผใู้ หอ้ นญุ าตจัดตง้ั โครงการตอ้ งติดตามตรวจสอบขอ้ เทจ็ จรงิ และชี้แจง
ให้ประชาชนให้ได้รับทราบทุกเรือ่ ง กรณีที่มีความขัดแย้งต้องเป็นผู้ท่ีเจรจาไกลเ่ กลี่ยสร้างความเข้าใจ
จนได้ข้อยุติหรือข้อตกลง 2) ผู้พัฒนาโครงการ ต้องดำเนินตามกฎหมายและมาตรการที่ระบุไว้ใน EIA
และ EHIA อย่างเครง่ ครัด ให้ขอ้ มูลแกป่ ระชาชนรอบด้าน ออกแบบโครงการให้สอดคลอ้ งกบั สภาพแวดล้อม
ของชุมชนรอบ ๆ โครงการ ใช้แนวทางการมีส่วนของชุมชนเป็นสำคัญ และการจัดให้มีไตรภาคีหา
ข้อตกลงร่วมกันในการดำเนินโครงการ 3) ภาคประชาชน ร่วมมือและมีส่วนร่วมในกระบวนการรับฟัง
ความเห็นขั้นตอนต่าง ๆ ด้วยข้อมูลที่เป็นจริงและยอมรับมุมมองความคิดเห็นที่แตกต่างกัน ตระหนักถึง
การอยู่ร่วมกันในสังคมอย่างสันติ ตัวอย่างโครงการขนาดใหญ่ท่ีทำให้เกิดความขัดแย้ง เช่น โครงการท่อ
ส่งก๊าซ และโรงงานแยกก๊าซไทย-มาเลเซยี โครงการทา่ เรอื นำ้ ลึกปากบารา เปน็ ต้น
ความขัดแย้งในพื้นที่จงั หวัดชายแดนภาคใต้ ที่กล่าวถงึ ในบทนี้ ประกอบไปด้วย จังหวัดปตั ตานี
ยะลา นราธิวาส และ 4 อำเภอของจังหวัดสงขลา ซึ่งเป็นพื้นที่ที่มีความอุดมสมบูรณ์ไปด้วย
ทรัพยากรธรรมชาติ เป็นฐานทรัพยากรทางเศรษฐกิจที่สำคัญของประชาชนที่อาศัยอยู่ในพื้นที่แห่งน้ี
เป็นสังคมที่มีความหลากหลายทางวัฒนธรรมส่วนใหญ่นับถือศาสนาอิสลาม (ประมาณ 82 %) มี
ประวตั ิศาสตรอ์ ันยาวนาน ในนามอาณาจกั รมาลายูหรือ “ปาตาน”ี ซึง่ มีความเข้มแขง็ ทางอัตลักษณ์
จากปรากฎการณ์ที่เกิดเหตุความรุนแรงปรากฏชัดเจนตั้งแต่ปี พ.ศ. 2547 จนมาถึง ปัจจุบันนี้
จากข้อมูลถึงเดือน ธันวาคม พ.ศ. 2564 มีจำนวนเหตุการณ์ 21,328 เหตุการณ์ มีผู้เสียชีวิต 7,314 ราย
และผู้ได้รับบาดเจ็บ 13,584 ราย หากดูเฉพาะสถิติในปี พ.ศ. 2564 มีจำนวนเหตุการณ์ 222 เหตุการณ์
มีผู้เสียชีวิต 113 รายและผู้ได้รับบาดเจ็บ 190 ราย ซึ่งหลังปี พ.ศ. 2556 เหตุการณ์ค่อย ๆ ลดลง
จนถึงปี พ.ศ. 2563 ซึ่งเป็นช่วงของการระบาดของ COVID-19และขบวนการ BRN ประกาศหยุด
กิจกรรมความเคลื่อนไหวชั่วคราว และเริ่มเพิ่มขึ้นอีกครั้งในปี พ.ศ. 2564 เนื่องจากมีการปฏิบัติการ
รุนแรงทั้งสองฝ่ายเรมิ่ สูงข้ึนอกี
สาเหตุความขัดแย้งที่สำคัญ ได้แก่ ความระแวง ความแปลกแยกถูกสั่งสมมาแต่อดีต จนถึง
ปจั จุบันในเรอ่ื งลักษณ์มลายูมุสลิมของตนจะถูกทำลายจากผมู้ ีอำนาจรัฐบางส่วน และสังคมบางส่วนก็
มองความแตกต่างทางชาติพันธุ์โดยเฉพาะในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ด้วยสายตาที่ไม่ไว้ใจ
หวาดระแวง มีประวัติศาสตร์การต่อต้านรัฐไทยเพื่อเรียกร้องในการปกครองตนเองมาอย่างยาวนาน
เช่นการเรียกร้องโดยสันติวิธีต่อรัฐไทยในกรณีของฮัจญีสุหลง สถานการณ์การต่อสู้เพื่ออิสระจึง
112299
แปรเปล่ียนเปน็ ความรนุ แรง ซ่ึงสอดคลอ้ งกบั เง่อื นไขไมว่ า่ เร่อื งของความแตกต่างของภาษาการสื่อสาร
ชอ่ งว่างทางการศึกษาของคนในพนื้ ท่ี ความห่างไกลทุรกนั ดารและติดชายแดนของพน้ื ที่ เปน็ ตน้
แนวทางในการแก้ปัญหาโดยสันติวธิ ี ไดแ้ ก่ การเปิดพน้ื ที่ทางการเมืองให้ทุกฝา่ ยมีสว่ นร่วมใน
การแสดงความคิดเห็นท้ังผู้เห็นด้วยกับไม่เห็นด้วยกับการมีเอกราช ร่วมกาหนดแผนนโยบาย และ
ประเมินการทางานของหน่วยงาน ลดความหวาดระแวงและไม่ไว้ใจกัน การมีกระบวนการพูดคุยเพื่อ
สันติอย่างต่อเน่ืองและจริงจัง รวมถึงการจัดการศึกษาทุกระดับเพื่อตอบสนองต่อความหลากหลาย
ทางวัฒนธรรม และการส่ือสารสังคมเพ่ือเสริมสร้างทัศนคติให้อยู่ร่วมกันอย่างสันติ ตลอดจนการ
แนวทางการกระจายอานาจ การให้ความสาคัญกับพื้นฐานของการอยู่ร่วมกันอย่างสงบสุขในระบอบ
ประชาธิปไตยไม่วา่ จะเปน็ เรื่องของสิทธิความเป็นพลเมือง สทิ ธขิ องความเปน็ มนุษย์
130 130
3.6 คาถามทา้ ยบท
1. ใหอ้ ธิบายสาเหตทุ ี่ทาใหเ้ กดิ ความขดั แย้งทางการเมืองของประเทศไทย และทา่ นคิดวา่ มี
แนวทางการแกป้ ญั หาดังกล่าวได้อยา่ งไร?
2. จงยกตัวอยา่ งความขัดแย้งด้านทรพั ยากรธรรมชาติของประเทศไทยทท่ี า่ นทราบมา
1 กรณี อธิบายสภาพปัญหาและผลกระทบที่เกดิ ขึน้ และท่านมีความคิดเห็นว่าปัญหา
ดงั กล่าวควรมีวิธีการแก้ไขอย่างไร?
3. ตามขา่ วสถานการณ์ในปจั จบุ ัน มชี าวบา้ นคัดค้านโครงการขนาดใหญ่ตา่ ง ๆ โดยชุมนุม
ประทว้ งหนา้ ศาลากลางจงั หวัด เรยี กรอ้ ง ย่นื ข้อเสนอของเจรจา ให้หนว่ ยงานที่เกี่ยวขอ้ ง
แก้ปัญหา ท่านคดิ ว่าวธิ กี ารดังกล่าวเป็นการใช้แนวทางทางสันตวิ ิธีหรือไม่ เพราะอะไร
4. ในความคดิ เห็นของทา่ น ปัญหาสามจังหวดั ชายแดนภาคใต้เกดิ จากอะไร ควรแกป้ ญั หา
แบบสนั ติวธิ ีหรอื ไม่อย่างไร?
5. ท่านในฐานะท่ีเป็นคนไทยคนหนึ่งทา่ นจะมีบทบาทช่วยคลค่ี ลายปัญหาสามจังหวดั ชายแดน
ภาคใต้อย่างไรไดบ้ ้าง?
113311
3.7 เอกสารอา้ งอิง
กรุณา มธุลาภรงั สรรค์. (2563). ปัจจัยและเงอ่ื นไขความขัดแยง้ ในสงั คมไทย วารสารสถาบันวิจยั
ญาณสังวร (12)1, 120-130.
กลุ่มงานบริหารยทุ ธศาสตรก์ ลุ่มจงั หวัดภาคใตช้ ายแดน. (2564). แผนพัฒนากลมุ่ จังหวดั ภาคใต้
ชายแดนภาคใต้. ศาลากลางจังหวดั ยะลา ช้นั 3 ถนนสขุ ยางค์ อาเภอเมอื งยะลา จงั หวัด
ยะลา.
กลุม่ ศกึ ษาและติดตามแผนพัฒนาภาคใต้. (2556). เจาะแผนพฒั นาภาคใต้. สงขลา: สานกั งาน
คณะกรรมการการสขุ ภาพแห่งชาติ (สช.).
คมชัดลกึ . (2561). รายงานพิเศษ เปดิ 4 จดุ อ่อน เมกะโปรเจกต์หม่นื ล้าน. สบื คน้ จาก
https://www.komchadluek.net/news/scoop/332911.
เจตวรรณ กรุตรนยิ ม. (2557). โครงการวจิ ัยเชงิ ปฏิบัตกิ ารเพื่อประเมนิ การเปลีย่ นแปลงเชิงพฤตกิ รรม
ในการ ดาเนนิ งานของเครือข่ายเฝา้ ระวงั และการจดั การคุณภาพนา้ ในลุ่มน้าคลองอตู่ ะเภา.
รายงานฉบบั สมบรู ณ์ คณะการจัดการส่ิงแวดล้อม มหาวิทยาลยั สงขลานครินทร์.
ฉันทนา บรรพศิริโชติ. (2542). ความขดั แยง้ ในสังคมไทย : ช่องวา่ งของการรบั รู้และความเข้าใจ ใน
พัชรี สิโรรส และทวดิ า กมลเวชช (บรรณาธกิ าร), ความขดั แยง้ ในสงั คมไทยยุควิกฤต
เศรษฐกจิ (หน้า 13-63) กรงุ เทพฯ : คณะรัฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวทิ ยาลัย.
ไชยรัตน์ เจรญิ สินโอฬาร. (2554). วาทกรรมการพฒั นา: อานาจ ความรู้ เอกลกั ษณ์ และความเป็นอ่ืน
กรุงเทพฯ: สานกั พมิ พ์วิภาษา.
ไชยา เกษารตั น์ , อิศรฏั ฐ์ รินไธสง และคณน ไตรจนั ทร.์ (2558). การจดั การความขัดแย้งระหวา่ งรฐั
กับประชาชนจากการดาเนินโครงการหรือกิจการท่อี าจ ก่อใหเ้ กดิ ผลกระทบต่อชมุ ชน: ข้อมลู
เชงิ คุณภาพจากโครงการโรงแยกก๊าซธรรมชาตจิ ะนะ จังหวัดสงขลา.การประชุมหาดใหญ่
วชิ าการระดับชาติ ครง้ั ท่ี 6 26 มถิ ุนายน 2558 มหาวิทยาลัยหาดใหญ่.
ฐานเศรษฐกิจ. (2563). ยุติโครงการท่าเรือปากบารา หลงั กระทบประมงพ้ืนบ้าน. สืบค้นจาก
https://www.thansettakij.com/general-news/423567.
ณัฐกร วทิ ติ านนท. (2553). การลอบสงั หาร ในการเมืองท้องถ่นิ ไทย: บทสารวจ ‘ตวั เลข’ ขัน้ ตน้ ใน
รอบทศวรรษ (พ.ศ. 2543 - พ.ศ. 2552) King Prajadhipok's Institute Journal (8)3, 1-
17.
132 132
ธนาคารกรงุ ศรีอยธุ ยา. (2564). แนวโนม้ ธุรกิจและอุตสาหกรรมไทย ปี 2564-2566. สบื คน้ จาก
https://www.krungsri.com/th/research/industry/summary-outlook/industry-
summary-outlook-2021-2023.
เนตกิ ร ธนยุ ุทะกลุ . (2554). ทวงคาถาม จากท่อก๊าซไทย-มาเลเซีย. สืบคน้ จาก
http://huzsman.blogspot.com/.
บีบีซีไทย. (2022). รอมฎอน : ข้อตกลงหยดุ ยิงไดผ้ ลแค่ไหน ประเมนิ สถานการณช์ ายแดนใตก้ อ่ น
สิ้นสดุ “รอมฎอนสันตสิ ุข” สบื ค้นจาก https://www.bbc.com/thai/thailand-
61268240.
ประชาไท. (2549). “ลาดบั เหตุการณ์ ปราบขบวนการค้านทอ่ ก๊าซ ...รัฐผิด ต้องชดใช้” สบื ค้นจาก
http://www.prachatai.com/journal/2006/06/8577.
_______. (2556). ‘สลายมอ็ บท่อก๊าซ’ 10 ปี คดีความ กับกวา่ 16 ปี ‘การต่อสู้’ ของคนจะนะ.
สืบค้นจาก http://www.prachatai.com/journal/2013/01/44718.
_______. (2563). 26 รฐั ประหาร-พลังประชาชน เขาอา้ งอะไรกนั . สบื ค้นจาก
https://prachatai.com/journal/2019/09/84189.
พิชญา สกุ ใส. (2554). การจัดการความขัดแยง้ ทางการเมืองไทย ระหว่าง พ.ศ. 2547-2553. สืบค้น
จาก http://www.loveuthailand.com/site/?page_id=6.
พงศ์ศักดิ์ เหลอื งอรา่ ม และ ยุทธนา เศรษฐปราโมทย์. (2018). ต้นทุนทางเศรษฐกจิ ของความไม่
แน่นอนทางการเมอื งในประเทศไทย. รายงานวจิ ัย สถาบันวจิ ยั เศรษฐกจิ ปว๋ ย อึง้ ภากรณ์.
เพ่มิ ศักดิ์ มกราภริ มย.์ (2555). การบริหารจัดการความขดั แย้งรุนแรง ดา้ นทรัพยากรและสง่ิ แวดล้อม.
เอกสารประกอบการสัมมนากรณคี วามขดั แย้งทางสงั คมการเมอื ง ในโครงการอบรม “การ
เปลี่ยนแปลงความขัดแยง้ ” ครง้ั ที่ 5 จดั โดย ศนู ย์ศกึ ษาและพัฒนาสันติวิธีมหาวทิ ยาลัย
มหดิ ล วนั ท่ี 12 -13 พฤษภาคม 2554.
มารค ตามไท. (2563). สานฝันปาตานโี ดยไม่ใชค้ วามรนุ แรง: การวิเคราะหจ์ ากบทสนทนาเพ่อื สร้าง
จนิ ตนาการใหม่. รายงานการวิจยั กองทนุ สนับสนนุ การวจิ ัย (สกว.).
เมธัส อนุวัตรอดุ ม. (2554). อีกมมุ หน่ึงต่อรากเหงา้ ความขัดแย้งและทิศทางการแกไ้ ขปัญหาความไม่
สงบที่ชายแดนใต้. รายงานเพิ่มเตมิ นาเสนอต่อคณะอนุกรรมาธิการจัดทารายงานใน
คณะกรรมาธกิ ารวิสามัญ ตดิ ตาม เรง่ รัด ประเมินผลการแกไ้ ขปัญหาและการพฒั นาจงั หวัด
ชายแดนภาคใต้ วฒุ สิ ภา.
รพพี ัฒน์ อิงคสทิ ธ์ิ. (2558). ท่าเรือน้าลึกปากบารา กับความคมุ้ ค่าทางเศรษฐศาสตร์. สบื ค้นจาก
http://thaipublica.org/2015/05/rapeepat-5/.
113333
ลิขิต ธีรเวคิน. (2553). ความขดั แย้งและการแกป้ ญั หา วารสารสถาบันพระปกเกล้า (8)1, 5-15.
วิกิพเี ดิย.(2565). เมกะโปรเจกต์. สบื ค้นจาก
https://th.wikipedia.org/wiki/%E0%B9%80%E0%B8%A1%E0%B8%81%E0%B8%
B0%E0%B9%82%E0%B8%9B%E0%B8%A3%E0%B9%80%E0%B8%88%E0%B8%
81%E0%B8%95%E0%B9%8C.
วรวิทย์ บารู และคณะ. (2551). มลายูปาตานี : ชาตพิ ันธ์ุ อัตลักษณ์ และการเปล่ียนแปลง. รายงาน
วิจยั คณะมนุษยศาสตรแ์ ละสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์.
วรศกั ด์ิ พ่วงเจริญ. (2549). ทฤษฎคี วามขัดแย้งและการวเิ คราะหป์ ญั หาความขดั แย้งดา้ นส่ิงแวดลอ้ ม
ในประเทศไทย. เอกสารทางวิชาการ หมายเลข 33โครงการการมสี ่วนร่วมของประชาชน ใน
การจัดทารา่ งแผนทรัพยากรธรรมชาติและส่ิงแวดลอ้ ม.โครงการนโยบายสาธารณะเพ่อื
คณุ ภาพชวี ิตท่ดี ี ดาเนินการโดย มูลนิธิสาธารณสขุ แห่งชาติ (มสช.).
ศรสี มภพ จติ ร์ภิรมยศ์ รี. (2563). การเมืองการปกครองและการจดั การความขัดแย้งในจังหวดั ชายแดน
ภาคใต(้ ปาตานี). สถานวิจัยความหลากหลายทางวฒั นธรรมภาคใต้
มหาวิทยาลยั สงขลานครินทร์ วทิ ยาเขตปัตตานี.
_______________. (2565). ชายแดนใต/้ ปาตานี 2547-2564: ก้าวเข้าปีทส่ี บิ เก้า สนั ติภาพจะ
เดินหน้าไปถึงไหนในปี 2565?. สถานวิจัยความขดั แยง้ และความหลากหลายทางวัฒนธรรม
ภาคใต้ มหาวทิ ยาลยั สงขลานครินทร์ วทิ ยาเขตปตั ตานี.
สถาบนั พฒั นาองค์กรชุมชน. (2558). ควนรกู ารเมอื งสมานฉนั ทส์ ่สู ภาพลเมือง. สบื คน้ จาก
http://www.codi.or.th/index.php/news/documentary-communities-news/42-
2009-09-22-05-47-57/4126-2015-02-23-04-05-34.
สถาบันพระปกเกล้า. (2555). การสร้างความปรองดองแหงชาติ. รายงานวิจยั รายงานเสนอตอ่
คณะกรรมาธิการวสิ ามัญพิจารณาศกึ ษาแนวทางการสรา้ งความปรองดองแหง่ ชาติ สภา
ผแู้ ทนราษฎร โดย สถาบนั พระปกเกล้า มนี าคม พ.ศ. 2555.
______________. (2560). กระบวนการมีส่วนรว่ มอย่างมีคณุ ภาพของพลเมืองในโครงการพัฒนา
ขนาดใหญ่เพื่อการพฒั นาอย่างสันติและยั่งยืน (โมเดล 4ส8) รายงาน นกั ศกึ ษาหลกั สตู รการ
เสรมิ สรา้ งสังคมสนั ตสิ ุข รุ่นท่ี 8.
สถาบนั วจิ ัยการพฒั นาประเทศไทย(TDRI). (2546). ความขัดแยง้ กันระหว่างผลประโยชน์สว่ นตัวและ
ผลประโยชน์สว่ นรวม : กรณศี ึกษาองค์กรปกครองส่วนท้องถิน่ . สบื คน้ จาก
www.local.moi.go.th/coi.doc.
134
134
สรุ นนั ท์ วงศว์ ทิ ยกาจร. (2561). แนวทางการบริหารจดั การโครงการโครงสรา้ งพื้นฐานขนาดใหญใ่ น
ทศวรรษหน้า. นักศึกษา ปรอ. ร่นุ ที่ 14 วิทยาลัยป้องกนั ราชอาณาจกั ร.
สานกั งานนโยบายและแผนทรพั ยากรธรรมชาตแิ ละส่งิ แวดล้อม. (2542). กรณีศึกษาสิทธิชมุ ชนต่อ
ทรพั ยากรปลากะตกั . สบื ค้นจาก www.onep.go.th/download/soe42/ soe42_3.doc.
สานกั งานส่งิ แวดลอ้ มภาคท่ี 16. (2552). รายงานสถานการณ์คุณภาพแหลง่ นา้ ผวิ ดินในพ้ืนที่จังหวดั
สงขลา.สงขลา: สานักงานสงิ่ แวดล้อมภาคที่ 16 กระทรวงทรัพยากรธรรมชาตแิ ละ
สง่ิ แวดล้อม.
อภิชัย สิงห์ศรี. (2560). ความขดั แยง้ จากโครงการพฒั นาอุตสาหกรรมขนาดใหญ่ : กรณศี ึกษา นคิ ม
อุตสาหกรรมระยอง (บา้ นค่าย). วิทยานิพนธ์น้เี ปน็ สว่ นหน่งึ ของการศึกษาตามหลักสตู ร
วิทยาศาสตร์มหาบัณฑิต (การจัดการสงิ่ แวดล้อม) คณะบริหารการพัฒนาสง่ิ แวดลอ้ ม
สถาบนั บัณฑติ พฒั นบริหารศาสตร์.
อภิญญา ดิสสะมาน. (2558). แนวทางแก้ไขปัญหาความขัดแย้งดา้ น ทรพั ยากรธรรมชาติและ
สิ่งแวดลอ้ มโดยสนั ติวธิ ี กรณีศึกษา อาเภอสวนผึง้ จังหวัดราชบรุ ี วารสารการจัดการ
สิ่งแวดล้อม, (11)2, 60-75.
อริยา อรุณินท.์ (2549). เมกะโปรเจกต์ : เพอ่ื ราษฎรเ์ พ่ือรฐั หรือเพื่อใคร? การประชุมวิชาการ สาระ
ศาสตรค์ รั้งท่ี 10 ในหัวข้อ "สถานการณส์ านสาระ" วนั ที่ 26-27ตลุ าคม 2549
ณ คณะสถาปัตยกรรมศาสตร์ จฬุ าลงกรณ์มหาวิทยาลัย.
อนั เดอร์ส แองวลั ล์ และ นอร์เบิรต์ โรเพอร์ส. (2563). ความขดั แย้งในภาคใต้และการเปล่ยี นผา่ น:
ภาพรวม. ใน อันเดอร์ส แองวัลล์ ศรสี มภพ จติ ร์ภิรมย์ศรี นอร์เบิร์ต โรเพอร์ส เอม็ มา่ พจน์
พรกลุ (บรรณาธิการ) ทาความเขา้ ใจมิติความขดั แยง้ และสันตภิ าพ/ปาตานีกรงุ เทพฯ (หนา้
10-56) ศูนย์ความร่วมมือทรัพยากรสันตภิ าพ.
อารีฟนิ บนิ จิ และคณะ. (2556). ปาตานี...ประวตั ิศาสตร์และการเมืองในโลกมาลายู. สงขลา: มูลนิธิ
วฒั นธรรมอิสลาม ภาคใต้.
อุทยั ปริญญาสุทธินนั ท์ และคณะ. (2555). การผลติ ซ้าโครงการขนาดใหญ่ของรฐั และความบอบชา้
ของชมุ ชน: กรณโี ครงการทา่ เรือนา้ ลกึ สงขลาแห่งท่ี 2 อาเภอจะนะ จังหวดั สงขลา และ
โครงการทา่ เรือน้าลึกปากบารา อาเภอละงู จงั หวดั สตูล. วารสารวิจยั มข : (2)1, 1-32.
Deep South Watch. (2564). สรุปเหตุการณ์ในพืน้ ทีจ่ งั หวัดชายแดนภาคใต้ ประจาเดือนกนั ยายน
2564. สืบคน้ จาก :https://deepsouthwatch.org/index.php/th/node/12812.
FAO. (2000). Conflict and Natural Resource Management. Food and Agriculture
Organization.
135
135
____. (2007). Negotiation and mediation techniques for natural resource
management CASE STUDIES AND LESSONS LEARNED. FOOD AND
AGRICULTURE ORGANIZATION OF THE UNITED NATIONS ROME.
OECD. (2006). Cost-Benefit Analysis and the Environment: Recent Developments. By
Pearce, of the United Nations, Viale delle Terme di Caracalla, 00100, Rome,
Italy.
UNEP. (2009). From conflict to peacebuilding The role of natural resources and the
environment. United Nations Environment Programme, Nairobi, KENYA.
_____. (2012). TOOLKIT AND GUIDANCE FOR PREVENTING AND MANAGING LAND AND
NATURAL RESOURCES CONFLICT Renewable Resources and Conflict D.,
Atkinson, G., and Mourato. S. Paris: Organization for Economic Cooperation
and Development, Nairobi, KENYA.
136
บทท่ี 4
ความขดั แยง้ และสันตภิ าพในตา่ งประเทศ
นอกจากปัญหาความขัดแย้งในประเทศไทยในประเด็นต่าง ๆ ท่ีกล่าวถึงในบทท่ีแล้ว ในภาพ
กว้างออกไปของต่างประเทศเกือบทุกประเทศก็มีความขัดแย้งเกิดขึ้นเช่นกันซึ่งมีหลาย ๆ สาเหตุด้วย
ทั้ง ความแตกต่างในเร่ือง ศาสนา ความเชื่อ และวัฒนธรรม ความเป็นชนกลุ่มน้อยของประเทศที่เคย
เป็นรัฐอิสระในประวัติศาสตร์ถูกผนวกปกครองและถูกละเมิดสิทธิมนุษยชน การถูกเอาเปรียบการ
จัดสรรประโยชน์จากทรัพยากรธรรมชาติ หรือความแตกต่างของชาติพันธ์ุขัดแย้งกันทาลายล้างซึ่งกนั
และกัน และอุดมการณ์ทางการเมืองที่ต่างกันต้องการระบอบการปกครองประเทศท่ีกลุ่มตัวเอง
ต้องการ บางส่วนของความขัดแย้งเหล่าน้ีมาจากกลุ่มชนต่าง ๆ ภายในประเทศของตัวเอง และ
บางส่วนประเทศเจา้ อาณานิคมที่ปกครองประเทศเหล่าน้ีในอดีตมีส่วนทาให้เกิดความขัดแย้งดังกล่าว
อย่างไรก็ตามสถานการณ์ดังกล่าวส่วนใหญ่ก็จบท่ีกระบวนการสันติภาพ โดยใช้สันติวิธีในการ
แก้ปัญหาซ่ึงมีรูปแบบที่แตกต่างและหลากหลาย และมีบางส่วนที่ความขัดแย้งก็ประทุข้ึนอีก และ
มาถึงปัจจุบนั กย็ ังไม่สามารถยตุ ไิ ด้ จะประมวลสรุปตวั อย่างสถานการณ์ความขัดแยง้ และสันตภิ าพของ
บางประเทศที่มีนักวิจัยนักวิชาการหลายท่านได้ทาไว้พอสังเขป ซึ่งจะเป็นตัวอย่างและบทเรียนบาง
ประการทสี่ ามารถนามาประยุกต์ใชก้ บั ประเทศไทยของเราไดด้ งั ต่อไปน้ี
4.1 ความขดั แย้งและสนั ตภิ าพในไอรแ์ ลนดเ์ หนอื
ไอร์แลนด์เหนือไม่ได้เป็นส่วนหนึ่งของประเทศไอร์แลนด์ แต่เป็นส่วนหน่ึงของอังกฤษ มี
ประชากรประมาณ 1.8 ล้านคน เม่ือคร้ังไอร์แลนด์ประกาศอิสรภาพขึ้นเป็นประเทศไอร์แลนด์ในปี
ค.ศ. 1922 ไอร์แลนด์เหนือไม่ได้ต้องการแยกออกจากสหราชอาณาจักรอังกฤษ เน่ืองจากประชาชน
ส่วนใหญเ่ ป็นโปรเตสแตนต์ทส่ี บื เช้ือสายจากอังกฤษจึงเลือกทจ่ี ะเป็นส่วนหน่ึงของอังกฤษ ตัง้ แต่นน้ั มา
ชาวไอร์แลนด์เหนือท่ีเป็นคาทอลิกซึ่งเป็นชนส่วนน้อยท่ีต้องการเป็นส่วนหนึ่งของไอร์แลนด์เริ่มแตกแยก
และช่วงยุค ค.ศ.1960 ปัญหาทวีความรุนแรงจนก่อให้เกิดการต่อสู้เพื่ออิสระภาพและก่อการร้าย
ยาวนานกว่า 30 ปี มีการยิงกัน 36,900 คร้ังและระเบิดกว่า 16,200 ครั้ง โดยมีผู้เสียชีวิตราว 3,500 คน
และบาดเจ็บกว่า 50,000 ราย จนถึงปี ค.ศ.1998 ทางการอังกฤษได้ร่วมเซ็นสัญญา Good Friday
Agreement กับรัฐบาลท้องถิ่นทาให้ปัญหาลดลง แต่ก็ยังมีเหตุไม่สงบอยู่เป็นระยะ จนวันท่ี 26