The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.
Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by chaiwat laosot, 2024-01-25 10:26:48

รวมแผนสุขะ

รวมแผนสุขะ

แผนการจัดการเรียนรู้ที่7 แผนการจัดการเรียนรู้สุขศึกษาและพลศึกษา (สุขศึกษา) ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6 รายวิชา พ 33102 สุขศึกษา เวลา 1 ชั่วโมง หน่วยการเรียนรู้ที่ 2 การจัดการกับความขัดแย้ง เรื่อง การแก้ไขปัญหาความขัดแย้ง ภาคเรียนที่ 2/2566 ผู้สอน นายชัยวัฒน์ เหล่าโสด ตำแหน่ง นักศึกษาฝึกประสบการณ์วิชาชีพครู วันที่....... เดือน............... พ.ศ. 2566 โรงเรียนอุดรพัฒนาการ มาตรฐานการเรียนรู้ พ 2.1 เข้าใจและเห็นคุณค่าของตนเอง ครอบครัว เพศศึกษา และมีทักษะการดำเนินชีวิต ตัวชี้วัด ม. 4-6/4 วิเคราะห์สาเหตุและผลของความขัดแย้งที่อาจเกิดขึ้นระหว่างนักเรียน หรือเยาวชน ในชุมชนและเสนอแนวทางแก้ปัญหา จุดประสงค์การเรียนรู้ 1.บอกสาเหตุของความขัดแย้งที่เกิดจากนักเรียนหรือเยาวชนในชุมชนได้(K) 2.เห็นความสำคัญของการแก้ไขปัญหาความขัดแย้ง (A) 3.วิเคราะห์สาเหตุและผลของความขัดแย้งที่อาจเกิดขึ้นระหว่างนักเรียนหรือเยาวชนในชุมชนได้ (P) 4. สามารถสื่อสารในการทำงาน คิดรวบยอด และสามารถนำสิ่งที่เรียนรู้มาใช้ใน ชีวิตประจำวัน (C) สาระสำคัญ ความขัดแย้งเป็นการกระทำที่ไม่ลงรอยกันซึ่งสามารถเกิดขึ้นได้ระหว่างตัวนักเรียนเองหรือ ครอบครัว ซึ่งผลที่เกิดขึ้นอาจทำให้เกิดปัญหาสุขภาพ ปัญหาครอบครัว และปัญหาสังคมตามมา สาระการเรียนรู้ 1.ความหมายของความขัดแย้ง 2.สาเหตุของความขัดแย้งระหว่างบุคคล 3.ผลของความขัดแย้ง


4.แนวทางแก้ปัญหาความขัดแย้ง 5.ทักษะที่เหมาะสมในการป้องกัน ลดความขัดแย้งและแก้ปัญหาเรื่องเพศและครอบครัว สมรรถนะผู้เรียน 1. ความสามารถในการสื่อสาร 2. ความสามารถในการคิด 3. ความสามารถในการใช้ทักษะชีวิต 4. ความสามารถในการแก้ปัญหา คุณลักษณะอันพึงประสงค์ 1. มีวินัย 2. ใฝ่เรียนรู้ 3. มุ่งมั่นในการทำงาน ภาระงานหรือชิ้นงาน ใบงานเรื่อง การแก้ปัญหาความขัดแย้ง คำถามท้าทาย - กระบวนการจัดการเรียนรู้ ขั้นนำเข้าสู่บทเรียน ( 15 นาที ) 1. ครูใช้คำถาม ดังนี้ - ถ้าเพื่อนของเราทะเลาะกัน เราควรทำอย่างไร 2. ครูและนักเรียนร่วมกันพูดคุยกันเรื่องความขัดแย้งต่างๆที่เกิดขึ้น ขั้นสอน ( 30 นาที ) 1. ครูเปิดVDOเรื่องความขัดแย้งที่เกิดขึ้นระหว่างบุคคล หรือสังคม หรือระหว่าง ประเทศ ในนักเรียนดูพร้อมแจกใบความรู้เรื่อง ความขัดแย้ง 2.ครูแจกกระดาษชาร์จให้แต่ละกลุ่ม แต่ละกลุ่มยกตัวอย่างปัญหาความขัดแย้ง ระหว่างบุคคลกับบุคคลหรือเยาวชนในชุมชน โดยมีหัวข้อดังนี้ - ชื่อ ปัญหาความขัดแย้ง - สาเหตุของปัญหา


- ผลของความขัดแย้ง - แนวทางการแก้ไขปัญหาความขัดแย้ง 3. ครูให้แต่ละกลุ่มนำเสนอปัญหาความขัดแย้งระหว่างบุคคลหรือเยาวชนในชุมชน 4. ครูอธิบายเพิ่มเติมพร้อมทั้งเปิดโอกาสให้นักเรียนซักถาม 5.ครูให้นักเรียนทำใบงานเรื่อง วิเคราะห์ข่าวความขัดแย้ง ขั้นสรุปความรู้ ( 15 นาที ) 1. นักเรียนสรุปเรื่องความขัดแย้งระหว่างบุคคลกับบุคคล 2. ครูเปิดโอกาสให้นักเรียนซักถาม 3. ครูนัดหมายการเรียนเพื่อเรียนในชั่วโมงหน้า สื่อ / แหล่งการเรียนรู้ VDOเรื่องความขัดแย้งที่เกิดขึ้นระหว่างบุคคล หรือสังคม หรือระหว่างประเทศ


การวัดและการประเมินผล จุดประสงค์ วิธีการวัด เครื่องมือ เกณฑ์ที่ใช้ประเมิน ภาระงาน/ ชิ้นงาน 1.บอกสาเหตุของความ ขัดแย้งที่เกิดจาก นักเรียนหรือเยาวชนใน ชุมชนได้ การถาม-ตอบ นักเรียน ตอบคำถามได้ถูกต้อง ครบถ้วน แบบประเมิน การถามตอบ 3 คะแนน = อธิบายได้ถูกต้อง สมบูรณ์ ครบถ้วน 2 คะแนน = อธิบายได้ถูกต้อง แต่ไม่ครบถ้วน 1 คะแนน = อธิบายได้ไม่ ถูกต้อง 2.วิเคราะห์สาเหตุและผล ของความขัดแย้งที่อาจ เกิดขึ้นระหว่างนักเรียน หรือเยาวชนในชุมชนได้ ทำใบงานเรื่อง วิเคราะห์ ข่าวความขัดแย้ง แบบประเมิน ใบงาน คะแนนใบงานงาน5 คะแนน ใบงานเรื่อง วิเคราะห์ข่าว ความขัดแย้ง 3.เห็นความสำคัญของ การแก้ไขปัญหาความ ขัดแย้ง การสังเกตพฤติกรรม ความมุ่งมั่น ความอดทน ความพยายาม การ ทำงานร่วมกับผู้อื่น แบบประเมิน คุณลักษณะ อันพึงประสงค์ ผ่านเกณฑ์เฉลี่ยระดับคุณภาพ 4 ขึ้นไป กิจกรรมเสนอแนะ ............................................................................................................................. ................................... ................................................................................................ ................................................................ ............................................................................................................................. ................................... ............................................................................................................................................................. ... ............................................................................................................................. ................................... ............................................................................................................................. ...................................


แบบประเมินการตอบคำถามของนักเรียน คำชี้แจง ให้ทำเครื่องหมาย ลงในช่องรายการสังเกตพฤติกรรมที่นักเรียนตอบคำถาม เลขที่ ชื่อ – สกุล รายการ อธิบายได้ ถูกต้อง สมบูรณ์ ครบถ้วน อธิบายได้ ถูกต้อง แต่ ไม่ครบถ้วน อธิบายได้ ไม่ถูกต้อง 3 2 1 1 2 3 4 5 6 7 8 9 10 11 12 13 14 15 เกณฑ์การให้คะแนน อธิบายได้ถูกต้องสมบูรณ์ ครบถ้วน=3คะแนน อธิบายได้ถูกต้อง แต่ไม่ครบถ้วน =2 คะแนน อธิบายได้ไม่ถูกต้อง =1 คะแนน ลงชื่อ ....................................... ผู้ประเมิน (.........................................) ............./............./...........


แบบประเมินใบงานของนักเรียน คำชี้แจง ให้ทำเครื่องหมาย ลงในช่องรายการคะแนนที่นักเรียนทำใบงาน เลขที่ ชื่อ-สกุล รายการ เขียน อธิบายได้ สมบูรณ์ทุก ข้อ เขียน อธิบายได้ สมบูรณ์ บางข้อ เขียนอธิบาย ได้ไม่สมบูรณ์มี บกพร่องบาง ข้อ เขียนอธิบาย ได้ไม่สมบูรณ์ มีข้อบกพร่อง เป็นส่วนใหญ่ เขียน อธิบาย ได้ไม่ สมบูรณ์ 5 4 3 2 1 1 2 3 4 5 6 7 8 9 10 11 12 13 14 เกณฑ์การให้คะแนน เขียนอธิบายได้สมบูรณ์ทุกข้อ 5คะแนน เขียนอธิบายได้สมบูรณ์บางข้อ 4 คะแนน เขียนอธิบายได้ไม่สมบูรณ์มีบกพร่องบางข้อ 3 คะแนน เขียนอธิบายได้ไม่สมบูรณ์มีข้อบกพร่องเป็นส่วนใหญ่ 2 คะแนน เขียนอธิบายได้ไม่สมบูรณ์ 1 คะแนน ลงชื่อ ....................................... ผู้ประเมิน (.........................................) ............./............./...........


แบบบันทึกการประเมินพฤติกรรม รายวิชาสุขศึกษา ระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6 1. จุดประสงค์ เพื่อประเมินคุณลักษณะอันพึงประสงค์ของนักเรียนในแต่ละชั่วโมง 2. จุดประสงค์ที่ต้องการประเมิน (คะแนนเต็ม 10 คะแนน) เลข ที่ พฤติกรรมด้านจิตพิสัยที่ต้อง ประเมินและผลการ ประเมิน ชื่อ –สกุล ความมีระเบียบวินัย ความรับผิดชอบ ความตั้งใจ ขยันหมั่นเพียร ความสนใจในการ เรียน ความเสียสละมีน้ำใจ ซื่อสัตย์ รวม สรุปผล การประเมินผล 2 2 2 2 2 10 1 2 3 4 1 2 3 4 5 6 7 8 9 10 บันทึกเพิ่มเติม ……………………………………………………………………………………… การประเมินคุณลักษณะอันพึงประสงค์ กำหนดระดับคุณภาพ 4 ระดับ ระดับ 4 คะแนนได้ 9 - 10 คะแนน หมายถึง ดีมาก ระดับ 3 คะแนนได้ 7 - 8 คะแนน หมายถึง ดี ระดับ 2 คะแนนได้ 5 - 6 คะแนน หมายถึง พอใช้ ระดับ 1 คะแนนได้ 0 - 4 คะแนน หมายถึง ปรับปรุง ลงชื่อ ....................................... ผู้ประเมิน (.........................................) ............./............./...........


ใบความรู้เรื่อง ความขัดแย้ง ความขัดแย้ง หมายถึง ปฏิสัมพันธ์ที่มีลักษณะของความไม่เป็นมิตรหรือตรงกันข้ามหรือไม่ลง รอยกันหรือความไม่สอดคล้องกัน ลักษณะของความไม่ลงรอยกันหรือไม่สอดคล้องกันนี้จะเกี่ยวข้อง กับประเด็นต่างๆ หลายประเด็น เช่น เป้าหมาย ความคิด ทัศนคติ ความรู้สึก ค่านิยม ความสนใจ ความสัมพันธ์เป็นต้น ลักษณะของความขัดแย้ง ลักษณะของความขัดแย้ง อาจจะแสดงออกมาหรือมีลักษณะ ดังต่อไปนี้ จะมีบุคคลหรือฝ่ายอย่างน้อยที่สุด 2 ฝ่าย หรือบุคคล 2 บุคคลที่เข้ามาเกี่ยวข้องสัมพันธ์กันและมี ปฏิสัมพันธ์บางอย่างต่อกันแต่ละบุคคลหรือแต่ละฝ่าย จะมีความเชื่อและค่านิยมเฉพาะ ซึ่งแต่ละ บุคคลหรือสมาชิกในแต่ละฝ่ายตระหนักและมองเห็นในความเชื่อและค่านิยมนั้นปฏิสัมพันธ์ระหว่าง แต่ละฝ่าย ซึ่งจะแสดงออกมาเป็นพฤติกรรมที่แสดงถึงการข่มขู่ การลดพลัง การกดดันฝ่ายตรงข้าม เพื่อให้ได้มาซึ่งชัยชนะแต่ละบุคคลหรือแต่ละฝ่าย เผชิญหน้ากันหรือแสดงปฏิกิริยาในลักษณะตรงข้าม กันหรือเป็นปฏิปักษ์ต่อกันแต่ละบุคคลหรือแต่ละฝ่ายจะแสดงปฏิกิริยาที่ก่อให้เกิดความเหนือกว่า ทางด้านอำนาจต่ออีกฝ่ายหนึ่งจากลักษณะของความขัดแย้งดังกล่าวข้างต้น จะเรียกว่าเป็นความ ขัดแย้งระหว่างบุคคล ซึ่งนอกจากจะเกิดระหว่างบุคคลหรือกลุ่มหรือฝ่ายแล้ว ยังเกิดขึ้นในตัวบุคคล ด้วย ตัวอย่างเช่น บุคคลคนหนึ่งอาจจะมีความคิดที่ขัดแย้ง เช่น นักเรียนอาจจะชอบเพื่อนในห้องชื่อ เอ แต่เออาจจะรักใคร่ชอบพอสนิทสนมกับบี ซึ่งนักเรียนไม่ชอบบี ความรู้สึกขัดแย้งอาจจะเกิดขึ้นกับ นักเรียน ความยุ่งยากในการตัดสินใจก็จะเกิดขึ้นว่าควรจะเลิกคบกับเอหรือไม่ เป็นต้น สาเหตุหรือที่มาของความขัดแย้ง ความขัดแย้งระหว่างบุคคลหรือระหว่างกลุ่มเกิดขึ้นได้จากสาเหตุหรือแหล่งต่างๆ ดังนี้ มนุษย์สัมพันธ์ระหว่างบุคคลหรือกลุ่มบุคคล ซึ่งมีลักษณะ ดังนี้ - ความไม่เข้าใจกัน - ความสัมพันธ์ที่เพิกเฉยและไม่เกื้อกูลกัน - ความล้มเหลวของการสื่อความหมายอย่างเปิดเผยและซื่อตรง - บรรยากาศของการไม่ไว้วางใจซึ่งกันและกัน ความกดดัน และการแข่งขัน - การรับรู้ของบุคคลที่อยู่ในสภาวการณ์ของความขัดแย้งที่มีผลต่อบุคคลอื่น ใน สภาวการณ์นั้น ซึ่งเป็นไปในทางส่งเสริมให้เกิดความขัดแย้ง - การแข่งขันเพื่อให้ได้มาซึ่งรางวัลที่มีอยู่จำกัด ไม่ว่าจะเป็นสิ่งตอบแทนอื่นๆ สถานภาพ ความรับผิดชอบ และอำนาจ - องค์ประกอบส่วนบุคคล ความขัดแย้งอาจเกิดจากบุคลิกภาพส่วนบุคคล เช่น การมีสัณ ชาตญาณของความรุนแรง ก้าวร้าว ต้องการการกแข่งขัน ฯลฯ ซึ่งแต่ละคนอาจจะมีมากน้อย แตกต่างกัน


ผลกระทบที่เกิดจากความขัดแย้ง ความขัดแย้งเป็นสิ่งที่ดีหรือไม่ดี ขึ้นอยู่กับแนวคิดและความเชื่อของแต่ละบุคคล บางคนมอง ความขัดแย้งเป็นสิ่งไม่ดี เป็นของคู่กับความรุนแรง สำหรับกลุ่มบุคคลบางกลุ่มในปัจจุบัน มี แนวความคิดว่าความขัดแย้งเป็นสิ่งปกติที่เกิดขึ้นตามธรรมชาติ ความขัดแย้งบางอย่างเป็นสิ่งที่ดี เพราะช่วยกระตุ้นให้คนพยายามแก้ปัญหา โดยเปลี่ยนความขัดแย้งให้มีประโยชน์และสร้างสรรค์ ในกรณีที่มีพฤติกรรมก้าวร้าวรุนแรงระหว่างสมาชิกในกลุ่มที่มีความขัดแย้งกัน อาจจะก่อให้เกิดการ บาดเจ็บหรือถึงขั้นเสียชีวิต รวมไปถึงบุคคลอื่นอาจได้รับความเดือดร้อนจากการกระทำนั้นๆ ซึ่งไม่ได้มี ส่วนเกี่ยวข้องกับปัญหาความขัดแย้งของกลุ่มนี้แต่อย่างใด จากปัญหาความขัดแย้งระหว่างกลุ่มอาจจะ ขยายวงกว้างกลายเป็นความขัดแย้งของคนกลุ่มใหญ่ จนกระทั่งกลายเป็นปัญหาของสังคม ซึ่งปัญหา ความรุนแรงดังกล่าวจะมีผลต่อคุณภาพการศึกษาเล่าเรียนของเยาวชนกลุ่มนี้ตามไปด้วย เกิด ภาพพจน์ทางด้านลบของสมาชิกในกลุ่มและของสถาบันทางการศึกษาที่กลุ่มสังกัดอยู่ รวมถึงความ วิตกกังวล ความกลัวของประชาชนในสังคมที่มีต่อกลุ่มเหล่านี้ แนวทางในการแก้ปัญหาหรือลดความขัดแย้ง การแก้ปัญหาความขัดแย้ง หมายถึง การลดหรือขจัดความขัดแย้ง เพื่อทำให้พฤติกรรมของ การขัดแย้งหายไปหรือสิ้นสุดลง ซึ่งปัญหาด้านความขัดแย้งของวัยรุ่น มีแนวทางแก้ปัญหา ดังนี้ ให้คำแนะนำแก่วัยรุ่นที่มีปัญหา โดยหาบุคลากรที่มีประสบการณ์ เข้าใจความรู้สึกและความต้องการ ของวัยรุ่นมาช่วยแก้ปัญหาครู อาจารย์ และผู้ปกครองต้องเข้าใจปัญหาความขัดแย้งและหาแนว ทางแก้ไข เช่น การแก้ปัญหาโดยการใช้แนวคิดเชิงบวก การให้นักเรียนมีส่วนร่วมในการแก้ปัญหา ตลอดจนการแก้ปัญหาโดยไม่ใช้ความรุนแรงวัยรุ่นที่มีอารมณ์รุนแรง สามารถใช้หลักธรรมเพื่อช่วย ระงับอารมณ์ได้ เช่น การฝึกวิปัสสนาเจริญสติปัฏฐานหรือฝึกอานาปานสติ เป็นต้น จัดให้มีโครงการ เสริมสร้างสันติวัฒนธรรมในโรงเรียนและพัฒนาศักยภาพบุคลากรในสถานศึกษามีวิธีการหรือ กระบวนการคลี่คลายความขัดแย้งโดยใช้หลักการประนีประนอมทักษะการสื่อสารกับการแก้ปัญหา ความขัดแย้ง สาเหตุของปัญหาความขัดแย้งซึ่งทำให้เกิดการใช้ความรุนแรง อาจเป็นเพราะทักษะการ สื่อสารไม่ดีพอ ซึ่งก่อให้เกิดความเข้าใจผิดและส่งผลให้เกิดปัญหาต่างๆ ตามมา การสื่อสาร หมายถึง การนำข่าวสารส่งไปยังที่หมายโดยการพูดหรือการแสดงพฤติกรรม ต่างๆ ดังนั้น การสื่อสารจึงเป็นกุญแจสำคัญในความสำเร็จของความสัมพันธ์ ซึ่งการสื่อสารที่ดีจะช่วย ลดปัญหาความขัดแย้งระหว่างนักเรียนหรือเยาวชนในชุมชนลงได้ กระบวนการสื่อสาร มีกระบวนการสื่อสารที่มีประสิทธิภาพ ซึ่งกระบวนการของการสื่อสาร ประกอบด้วย 3 ส่วน คือ ผู้ส่งข่าวสาร สื่อที่ใช้ส่งข่าวสาร และผู้รับข่าวสาร ทักษะการสื่อสารเพื่อลดและแก้ปัญหาความขัดแย้ง


ทักษะการสื่อสารที่มีประสิทธิภาพ สามารถช่วยลดและแก้ปัญหาความขัดแย้งได้ ซึ่งควร เสริมสร้างทักษะการสื่อสาร ดังนี้ การเป็นผู้ส่งข่าวสารที่ดี ต้องเป็นผู้ที่ส่งและรับข่าวสารได้ดี มีทักษะพูดที่ดี เช่น พูดด้วยระดับ น้ำเสียงที่เหมาะสม ไม่เร็วไม่ช้าจนเกินไป ชัดถ้อยชัดคำ พูดตรงประเด็น ขณะพูดควรหันหน้าให้ผู้ฟัง เป็นต้น การรับข่าวสารและการเป็นผู้ฟังที่ดี ควรทักษะการฟังที่ดี เช่น ฟังอย่างตั้งใจ และทบทวนสิ่ง ที่ฟังอย่างมีเหตุผล มีสมาธิในการฟัง เป็นต้น อ้างอิง พรสุข หุ่นนิรันดร์ และคณะ. (2552). หนังสือเรียน รายวิชาพื้นฐาน สุขศึกษา ชั้นมัธยมศึกษา ปีที่ 4. กรุงเทพฯ : อักษรเจริญทัศน์.


ใบงานที่ 5 เรื่อง วิเคราะห์ข่าวความขัดแย้ง (5 คะแนน) วิชา สุขศึกษา (พ 33101) ให้นักเรียนหาข่าวเกี่ยวกับความขัดแย้งมาคนละ 1 ข่าว พร้อมวิเคราะห์สาเหตุของความขัดแย้ง ชื่อข่าว ……………………………………………………………………………………………………………………………………………… สาเหตุของปัญหา ……………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………… ผลของความขัดแย้ง ……………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………… แนวทางการแก้ไขปัญหาความขัดแย้ง ……………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………… ชื่อ…………………………………………………สกุล………………………………………ชั้น…………….เลขที่……….……


แผนการจัดการเรียนรู้ที่8 แผนการจัดการเรียนรู้สุขศึกษาและพลศึกษา (สุขศึกษา) ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6 รายวิชา พ 33102 สุขศึกษา เวลา 1 ชั่วโมง หน่วยการเรียนรู้ที่ 2 การจัดการกับความขัดแย้ง เรื่อง การแก้ไขความขัดแย้ง (2) ภาคเรียนที่ 2/2566 ผู้สอน นายชัยวัฒน์ เหล่าโสด ตำแหน่ง นักศึกษาฝึกประสบการณ์วิชาชีพครู วันที่....... เดือน............... พ.ศ. 2566 โรงเรียนอุดรพัฒนาการ มาตรฐานการเรียนรู้ พ 2.1 เข้าใจและเห็นคุณค่าของตนเอง ครอบครัว เพศศึกษา และมีทักษะการดำเนินชีวิต ตัวชี้วัด ม. 4-6/4 วิเคราะห์สาเหตุและผลของความขัดแย้งที่อาจเกิดขึ้นระหว่างนักเรียน หรือเยาวชน ในชุมชนและเสนอแนวทางแก้ปัญหา จุดประสงค์การเรียนรู้ 1.บอกสาเหตุของความขัดแย้งที่เกิดจากนักเรียนหรือเยาวชนในชุมชนได้(K) 2.เห็นความสำคัญของการแก้ไขปัญหาความขัดแย้ง (A) 3.วิเคราะห์สาเหตุและผลของความขัดแย้งที่อาจเกิดขึ้นระหว่างนักเรียนหรือเยาวชนในชุมชนได้ (P) 4. สามารถสื่อสารในการทำงาน คิดรวบยอด และสามารถนำสิ่งที่เรียนรู้มาใช้ใน ชีวิตประจำวัน (C) สาระสำคัญ ความขัดแย้งเป็นการกระทำที่ไม่ลงรอยกันซึ่งสามารถเกิดขึ้นได้ระหว่างตัวนักเรียนเองหรือ ครอบครัว ซึ่งผลที่เกิดขึ้นอาจทำให้เกิดปัญหาสุขภาพ ปัญหาครอบครัว และปัญหาสังคมตามมา สาระการเรียนรู้ 1. ความหมายของความขัดแย้ง 2. สาเหตุของความขัดแย้งระหว่างบุคคล 3. ผลของความขัดแย้ง 4. แนวทางแก้ปัญหาความขัดแย้ง 5. ทักษะที่เหมาะสมในการป้องกัน ลดความขัดแย้งและแก้ปัญหาเรื่องเพศและครอบครัว


สมรรถนะผู้เรียน 1. ความสามารถในการสื่อสาร 2. ความสามารถในการคิด 3. ความสามารถในการใช้ทักษะชีวิต 4. ความสามารถในการแก้ปัญหา คุณลักษณะอันพึงประสงค์ 1. มีวินัย 2. ใฝ่เรียนรู้ 3. มุ่งมั่นในการทำงาน ภาระงานหรือชิ้นงาน ใบงานเรื่อง วิเคราะห์ข่าวความขัดแย้ง คำถามท้าทาย - กระบวนการจัดการเรียนรู้ ขั้นนำเข้าสู่บทเรียน ( 15 นาที ) 1. คุณครูพานักเรียนทำกิจกรรม “หัวเอวไหล่” 2. ครูพูดถึงความขัดแย้งในวัยรุ่นที่เกิดขึ้นในสังคมไทย ขั้นสอน ( 30 นาที ) 1.ครูให้นักเรียนดูคลิป วิดีทัศน์เรื่อง วัยรุ่นทะเลาะวิวาทกัน ประมาณ 5 นาที 2.ครูให้นักเรียนแบ่งกลุ่มๆละเท่ากัน 4 กลุ่ม ให้ตัวแทนแต่ละออกมาจับฉลาก ดังนี้ - ความขัดแย้งเรื่องเพศ - ความขัดแย้งในตัวบุคคล - ความขัดแย้งระหว่างบุคคล - ความขัดแย้งในชุมชนหรือสังคม แต่ละกลุ่มมีเวลา 10 นาที หาข่าวจากอินเทอร์เน็ตเกี่ยวกับความขัดแย้งที่กลุ่ม ตนเองได้ แสดงบทบาทสมมติ กลุ่มละ 5นาที 3. ครูจับฉลากให้แต่ละกลุ่มออกมาแสดงบทบาทสมมติที่กลุ่มตนเองได้ 4. ครูอธิบายเพิ่มเติมพร้อมทั้งเปิดโอกาสให้นักเรียนซักถาม 5.ครูให้นักเรียนทำใบงานเรื่อง วิเคราะห์ข่าวความขัดแย้ง


ขั้นสรุปความรู้( 15 นาที ) 1. นักเรียนร่วมกันสรุปเรื่องความขัดแย้งที่เกิดขึ้น 2. ครูเปิดโอกาสให้นักเรียนซักถาม 3. ครูนัดหมายการเรียนเพื่อเรียนในชั่วโมงหน้า สื่อ / แหล่งการเรียนรู้ 1. วิดีทัศน์เรื่อง วัยรุ่นทะเลาะวิวาท 2. อินเทอร์เน็ต การวัดและการประเมินผล จุดประสงค์ วิธีการวัด เครื่องมือ เกณฑ์ที่ใช้ประเมิน ภาระงาน/ ชิ้นงาน 1.บอกสาเหตุของความ ขัดแย้งที่เกิดจาก นักเรียนหรือเยาวชนใน ชุมชนได้ การถาม-ตอบ นักเรียน ตอบคำถามได้ถูกต้อง ครบถ้วน แบบประเมิน การถามตอบ 3 คะแนน = อธิบายได้ถูกต้อง สมบูรณ์ ครบถ้วน 2 คะแนน = อธิบายได้ถูกต้อง แต่ไม่ครบถ้วน 1 คะแนน = อธิบายได้ไม่ ถูกต้อง 2.วิเคราะห์สาเหตุและผล ของความขัดแย้งที่อาจ เกิดขึ้นระหว่างนักเรียน หรือเยาวชนในชุมชนได้ แสดงบทบาทสมมติ เกี่ยวกับความขัดแย้ง แบบประเมิน นำเสนอ คะแนนนำเสนอ 5 คะแนน 3.เห็นความสำคัญของ การแก้ไขปัญหาความ ขัดแย้ง การสังเกตพฤติกรรม ความมุ่งมั่น ความอดทน ความพยายาม การ ทำงานร่วมกับผู้อื่น แบบประเมิน คุณลักษณะ อันพึงประสงค์ ผ่านเกณฑ์เฉลี่ยระดับคุณภาพ 4 ขึ้นไป กิจกรรมเสนอแนะ ............................................................................................................................. ................................... ................................................................................................ ................................................................ ............................................................................................................................. ................................... ............................................................................................................................................................. ...


แบบประเมินการตอบคำถามของนักเรียน คำชี้แจง ให้ทำเครื่องหมาย ลงในช่องรายการสังเกตพฤติกรรมที่นักเรียนตอบคำถาม เลขที่ ชื่อ – สกุล รายการ อธิบายได้ ถูกต้อง สมบูรณ์ ครบถ้วน อธิบายได้ ถูกต้อง แต่ ไม่ครบถ้วน อธิบายได้ ไม่ถูกต้อง 3 2 1 1 2 3 4 5 6 7 8 9 10 11 12 13 14 15 เกณฑ์การให้คะแนน อธิบายได้ถูกต้องสมบูรณ์ ครบถ้วน=3คะแนน อธิบายได้ถูกต้อง แต่ไม่ครบถ้วน =2 คะแนน อธิบายได้ไม่ถูกต้อง =1 คะแนน ลงชื่อ ....................................... ผู้ประเมิน (.........................................) ............./............./...........


แบบสังเกตพฤติกรรมการนำเสนอเป็นกลุ่ม คำชี้แจง ให้ทำเครื่องหมาย ลงในช่องรายการคะแนน เกณฑ์การให้คะแนน ปฏิบัติสมบูรณ์ชัดเจน 5 คะแนน ปฏิบัติได้ดีแต่ไม่สมบูรณ์ 4 คะแนน ปฏิบัติมีข้อบกพร่องบางส่วน 3 คะแนน ปฏิบัติมีข้อบกพร่องเป็นส่วนใหญ่ 2 คะแนน ปฏิบัติไม่ได้เลย 1 คะแนน ช่วงคะแนน ระดับคุณภาพ 17-20 ได้ 5 คะแนน 13-16 ได้ 4 คะแนน 9-12 ได้ 3 คะแนน 5-8 ได้ 2 คะแนน 0-4 ได้ 1 คะแนน เลข ที่ ชื่อ-สกุล นำเสนอ เนื้อหาได้ ถูกต้อง การนำเสนอ มีความ น่าสนใจ ความ เหมาะสมกับ เวลา ความกล้า แสดงออก บุคลิกภาพ น้ำเสียง เหมาะสม รวม 20คะแนน 5 4 3 2 1 5 4 3 2 1 5 4 3 2 1 5 4 3 2 1 5 4 3 2 1 1 2 3 4 5 6 7 8 9 10 ลงชื่อ ....................................... ผู้ประเมิน (.........................................) ............./............./...........


แบบบันทึกการประเมินพฤติกรรม รายวิชาสุขศึกษา ระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6 1. จุดประสงค์ เพื่อประเมินคุณลักษณะอันพึงประสงค์ของนักเรียนในแต่ละชั่วโมง 2. จุดประสงค์ที่ต้องการประเมิน (คะแนนเต็ม 10 คะแนน) เลข ที่ พฤติกรรมด้านจิตพิสัยที่ต้อง ประเมินและผลการ ประเมิน ชื่อ –สกุล ความมีระเบียบวินัย ความรับผิดชอบ ความตั้งใจ ขยันหมั่นเพียร ความสนใจในการ เรียน ความเสียสละมีน้ำใจ ซื่อสัตย์ รวม สรุปผล การประเมินผล 2 2 2 2 2 10 1 2 3 4 1 2 3 4 5 6 7 8 9 10 บันทึกเพิ่มเติม ……………………………………………………………………………………… การประเมินคุณลักษณะอันพึงประสงค์ กำหนดระดับคุณภาพ 4 ระดับ ระดับ 4 คะแนนได้ 9 - 10 คะแนน หมายถึง ดีมาก ระดับ 3 คะแนนได้ 7 - 8 คะแนน หมายถึง ดี ระดับ 2 คะแนนได้ 5 - 6 คะแนน หมายถึง พอใช้ ระดับ 1 คะแนนได้ 0 - 4 คะแนน หมายถึง ปรับปรุง ลงชื่อ ....................................... ผู้ประเมิน (.........................................) ............./............./...........


ฉลาก ความขัดแย้งเรื่องเพศ ความขัดแย้งในตัวบุคคล ความขัดแย้งระหว่างบุคคล ความขัดแย้งในชุมชนหรือสังคม


แผนการจัดการเรียนรู้ที่9 แผนการจัดการเรียนรู้สุขศึกษาและพลศึกษา (สุขศึกษา) ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6 รายวิชา พ 33102 สุขศึกษา เวลา 1 ชั่วโมง หน่วยการเรียนรู้ที่ 2 การจัดการกับความขัดแย้ง เรื่อง การแก้ไขความขัดแย้ง (3) ภาคเรียนที่ 2/2566 ผู้สอน นายชัยวัฒน์ เหล่าโสด ตำแหน่ง นักศึกษาฝึกประสบการณ์วิชาชีพครู วันที่....... เดือน............... พ.ศ. 2566 โรงเรียนอุดรพัฒนาการ มาตรฐานการเรียนรู้ พ 2.1เข้าใจและเห็นคุณค่าของตนเอง ครอบครัว เพศศึกษา และมีทักษะการดำเนินชีวิต ตัวชี้วัด ม. 4-6/4 วิเคราะห์สาเหตุและผลของความขัดแย้งที่อาจเกิดขึ้นระหว่างนักเรียน หรือ เยาวชนในชุมชนและเสนอแนวทางแก้ปัญหา จุดประสงค์การเรียนรู้ 1.บอกสาเหตุของความขัดแย้งที่เกิดจากนักเรียนหรือเยาวชนในชุมชนได้(K) 2.เห็นความสำคัญของการแก้ไขปัญหาความขัดแย้ง (A) 3.วิเคราะห์สาเหตุและผลของความขัดแย้งที่อาจเกิดขึ้นระหว่างนักเรียนหรือเยาวชนในชุมชนได้ (P) 4. สามารถสื่อสารในการทำงาน คิดรวบยอด และสามารถนำสิ่งที่เรียนรู้มาใช้ใน ชีวิตประจำวัน (C) สาระสำคัญ ความขัดแย้งเป็นการกระทำที่ไม่ลงรอยกันซึ่งสามารถเกิดขึ้นได้ระหว่างตัวนักเรียนเองหรือ ครอบครัว ซึ่งผลที่เกิดขึ้นอาจทำให้เกิดปัญหาสุขภาพ ปัญหาครอบครัว และปัญหาสังคมฉะนั้นการ วิเคราะห์หาสาเหตุและผลของความขัดแย้ง จะช่วยลดความขัดแย้ง และแก้ปัญหาเรื่องเพศ และ ครอบครัว และสามารถสร้างสัมพันธภาพได้เป็นอย่างดี สาระการเรียนรู้ การสร้างสัมพันธภาพที่ดี


สมรรถนะผู้เรียน 1. ความสามารถในการสื่อสาร 2. ความสามารถในการคิด 3. ความสามารถในการใช้ทักษะชีวิต 4. ความสามารถในการแก้ปัญหา คุณลักษณะอันพึงประสงค์ 1. มีวินัย 2. ใฝ่เรียนรู้ 3. มุ่งมั่นในการทำงาน ภาระงานหรือชิ้นงาน ใบงานเรื่อง การสร้างสัมพันธภาพ คำถามท้าทาย - กระบวนการจัดการเรียนรู้ ขั้นนำเข้าสู่บทเรียน ( 15 ) 1. คุณครูพานักเรียนทำกิจกรรม “โป้งไอ้หย๋า” 2. ครูและนักเรียนร่วมกันพูดคุยกันเรื่องสร้างสัมพันธภาพเพื่อป้องกันและขจัดความ ขัดแย้งได้อย่างเหมาะสม ขั้นสอน ( 30 นาที ) 1. ครูแจกกระดาษ ขนาด 4x6นิ้ว ให้นักเรียนคนละ1 แผ่น แล้วให้นักเรียนเขียน ชื่อเพื่อนที่นักเรียนสนิทและประทับใจมากที่สุด 1 คน พร้อมระบุเหตุผลที่ประทับใจสั้นๆ 2. ให้นักเรียนแต่ละคนนำกระดาษที่ครูแจกให้มาใส่ลงไปในกล่องที่ครูจัดเตรียมไว้ เมื่อครบทุกคนแล้วครูสุ่มหยิบกระดาษออกมาอ่านให้นักเรียนฟัง 10-15 แผ่น เพื่อให้นักเรียนเกิด ความเข้าใจและตระหนักถึงความหมายของคำว่าเพื่อน ที่เกิดจากความประทับใจซึ่งกันและกัน 3. ครูอธิบายให้นักเรียนเข้าใจและตระหนักถึงความหมายของคำว่าเพื่อน และการ รักษาสัมพันธภาพที่ดีระหว่างเพื่อนต่อเพื่อน และบุคคลอื่นๆ ที่อยู่ร่วมกันในสังคม 4. ให้นักเรียนศึกษาความรู้เกี่ยวกับการสร้างสัมพันธภาพที่ดี ใบความรู้เรื่องการ สร้างเสริมสัมพันธภาพ


5. ให้นักเรียนบอกประโยชน์ของการสร้างสัมพันธภาพที่ดีระหว่างกันของบุคคลใน ครอบครัว เพื่อน และบุคคลอื่นๆ ในสังคม 6. ครูให้นักเรียนจับคู่กันตามความสมัครใจ แล้วให้แต่ละคู่ส่งตัวแทนออกมาจับ สลากวิธีการสร้างและรักษาสัมพันธภาพที่ดีกับผู้อื่นตามที่จับสลากได้ ดังนี้ - วิธีการสร้างและรักษาสัมพันธภาพที่ดีกับพ่อแม่ - วิธีการสร้างและรักษาสัมพันธภาพที่ดีกับญาติผู้ใหญ่ - วิธีการสร้างและรักษาสัมพันธภาพที่ดีกับครูอาจารย์ - วิธีการสร้างและรักษาสัมพันธภาพที่ดีกับพี่น้อง - วิธีการสร้างและรักษาสัมพันธภาพที่ดีกับเพื่อน - วิธีการสร้างและรักษาสัมพันธภาพที่ดีกับคู่รัก หรือแฟน 7. ครูให้นักเรียนแต่ละคู่บอกวิธีการสร้างสัมพันธภาพที่ดีตามที่จับสลากได้ และ เขียนบทสนทนาให้สอดคล้องกับวิธีการสร้างสัมพันธภาพลงในใบงานที่เรื่องการสร้างเสริม สัมพันธภาพแล้วให้แต่ละคู่ฝึกซ้อมวิธีการพูดเพื่อสร้างสัมพันธภาพ 8. ครูสุ่มเรียกนักเรียน 4 - 5 คู่ ออกมาพูดสนทนาตามที่ได้ฝึกซ้อม และชมเชย นักเรียนคู่ที่ปฏิบัติได้ดีและมีความคิดสร้างสรรค์ ขั้นสรุปความรู้( 15 นาที ) 1. ครูและนักเรียนร่วมกันสรุปเรื่อง การสร้างสัมพันธภาพ 2. ครูเปิดโอกาสให้นักเรียนซักถาม 3. ครูนัดหมายการเรียนเพื่อเรียนในชั่วโมงหน้า สื่อ / แหล่งการเรียนรู้ 1.กระดาษขนาด 4x6 นิ้ว 2.ใบความรู้เรื่องการสร้างเสริมสัมพันธภาพ


การวัดและการประเมินผล จุดประสงค์ วิธีการวัด เครื่องมือ เกณฑ์ที่ใช้ประเมิน ภาระงาน/ ชิ้นงาน 1.บอกสาเหตุของความ ขัดแย้งที่เกิดจาก นักเรียนหรือเยาวชนใน ชุมชนได้ การถาม-ตอบ นักเรียน ตอบคำถามได้ถูกต้อง ครบถ้วน แบบประเมิน การถามตอบ 3 คะแนน = อธิบายได้ถูกต้อง สมบูรณ์ ครบถ้วน 2 คะแนน = อธิบายได้ถูกต้อง แต่ไม่ครบถ้วน 1 คะแนน = อธิบายได้ไม่ ถูกต้อง 2.วิเคราะห์สาเหตุและผล ของความขัดแย้งที่อาจ เกิดขึ้นระหว่างนักเรียน หรือเยาวชนในชุมชนได้ ทำใบงานเรื่อง การสร้าง สัมพันธภาพ แบบประเมิน ใบงาน คะแนนใบงาน5 คะแนน ใบงานเรื่อง การสร้าง สัมพันธภาพ 3.เห็นความสำคัญของ การแก้ไขปัญหาความ ขัดแย้ง การสังเกตพฤติกรรม ความมุ่งมั่น ความอดทน ความพยายาม การ ทำงานร่วมกับผู้อื่น แบบประเมิน คุณลักษณะ อันพึงประสงค์ ผ่านเกณฑ์เฉลี่ยระดับคุณภาพ 4 ขึ้นไป กิจกรรมเสนอแนะ ............................................................................................................................. ................................... ................................................................................................ ................................................................ ............................................................................................................................. ................................... ............................................................................................................................................................. ... ............................................................................................................................. ...................................


แบบประเมินการตอบคำถามของนักเรียน คำชี้แจง ให้ทำเครื่องหมาย ลงในช่องรายการสังเกตพฤติกรรมที่นักเรียนตอบคำถาม เลขที่ ชื่อ – สกุล รายการ อธิบายได้ ถูกต้อง สมบูรณ์ ครบถ้วน อธิบายได้ ถูกต้อง แต่ ไม่ครบถ้วน อธิบายได้ ไม่ถูกต้อง 3 2 1 1 2 3 4 5 6 7 8 9 10 11 12 13 14 15 เกณฑ์การให้คะแนน อธิบายได้ถูกต้องสมบูรณ์ ครบถ้วน=3คะแนน อธิบายได้ถูกต้อง แต่ไม่ครบถ้วน =2 คะแนน อธิบายได้ไม่ถูกต้อง =1 คะแนน ลงชื่อ ....................................... ผู้ประเมิน (.........................................) ............./............./...........


แบบประเมินใบงานของนักเรียน คำชี้แจง ให้ทำเครื่องหมาย ลงในช่องรายการคะแนนที่นักเรียนทำใบงาน เลขที่ ชื่อ-สกุล รายการ เขียน อธิบายได้ สมบูรณ์ทุก ข้อ เขียน อธิบายได้ สมบูรณ์ บางข้อ เขียนอธิบาย ได้ไม่สมบูรณ์มี บกพร่องบาง ข้อ เขียนอธิบาย ได้ไม่สมบูรณ์ มีข้อบกพร่อง เป็นส่วนใหญ่ เขียน อธิบาย ได้ไม่ สมบูรณ์ 5 4 3 2 1 1 2 3 4 5 6 7 8 9 10 เกณฑ์การให้คะแนน เขียนอธิบายได้สมบูรณ์ทุกข้อ 5คะแนน เขียนอธิบายได้สมบูรณ์บางข้อ 4 คะแนน เขียนอธิบายได้ไม่สมบูรณ์มีบกพร่องบางข้อ 3 คะแนน เขียนอธิบายได้ไม่สมบูรณ์มีข้อบกพร่องเป็นส่วนใหญ่ 2 คะแนน เขียนอธิบายได้ไม่สมบูรณ์ 1 คะแนน ลงชื่อ ....................................... ผู้ประเมิน (.........................................) ............./............./...........


แบบบันทึกการประเมินพฤติกรรม รายวิชาสุขศึกษา ระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6 1. จุดประสงค์ เพื่อประเมินคุณลักษณะอันพึงประสงค์ของนักเรียนในแต่ละชั่วโมง 2. จุดประสงค์ที่ต้องการประเมิน (คะแนนเต็ม 10 คะแนน) เลข ที่ พฤติกรรมด้านจิตพิสัยที่ต้อง ประเมินและผลการ ประเมิน ชื่อ –สกุล ความมีระเบียบวินัย ความรับผิดชอบ ความตั้งใจ ขยันหมั่นเพียร ความสนใจในการ เรียน ความเสียสละมีน้ำใจ ซื่อสัตย์ รวม สรุปผล การประเมินผล 2 2 2 2 2 10 1 2 3 4 1 2 3 4 5 6 7 8 9 10 บันทึกเพิ่มเติม ……………………………………………………………………………………… การประเมินคุณลักษณะอันพึงประสงค์ กำหนดระดับคุณภาพ 4 ระดับ ระดับ 4 คะแนนได้ 9 - 10 คะแนน หมายถึง ดีมาก ระดับ 3 คะแนนได้ 7 - 8 คะแนน หมายถึง ดี ระดับ 2 คะแนนได้ 5 - 6 คะแนน หมายถึง พอใช้ ระดับ 1 คะแนนได้ 0 - 4 คะแนน หมายถึง ปรับปรุง ลงชื่อ ....................................... ผู้ประเมิน (.........................................) ............./............./...........


ใบความรู้เรื่อง การสร้างเสริมสัมพันธภาพ การมีสัมพันธภาพที่ดีกับสมาชิกในครอบครัว เพื่อน และบุคคลอื่นในสังคม จะทำให้เกิด มิตรภาพที่ดีระหว่างกัน สร้างความอบอุ่นในครอบครัว สร้างความยอมรับ ความรักใคร่สมัครสมาน สามัคคี และความร่วมมือในกลุ่มเพื่อนและบุคคลรอบข้าง ดังนั้นการสร้างเสริมสัมพันธภาพจึงเป็นสิ่ง ที่นักเรียนควรเรียนรู้และนำไปปฏิบัติเพื่อจะได้เกิดความสำเร็จและความสุขในการดำเนินชีวิต ความหมายและความสำคัญของสัมพันธภาพ สัมพันธภาพ (relationship) หมายถึง ความสัมพันธ์อันดีระหว่างบุคคล อันจะทำให้เกิด ความรัก ความนับถือ และความร่วมมือ หรืออีกความหมายหนึ่งคือ การอยู่ร่วมกับบุคคลอื่นได้อย่างมี ความสุข มนุษย์ไม่สามารถที่จะอยู่อย่างโดดเดี่ยวตามลำพังได้ จำเป็นต้องอยู่ร่วมกับบุคคลอื่นในสังคม จึงมีต้องการติดต่อสัมพันธภาพที่ดีกับบุคคลอื่นจะทำให้การติดต่อ และการปฏิบัติงานร่วมกับผู้อื่น เป็นไปได้ด้วยดีทำให้เกิดความสุขการดำเนินชีวิตในที่สุด หลักการสร้างเสริมสัมพันธภาพที่ดีของบุคคล การสร้างเสริมสัมพันธภาพหรือมิตรภาพที่ดีกับผู้อื่นนั้นจะต้องเริ่มต้นที่ตัวเราเอง โดยจะต้อง รู้จักปรับปรุงตนเองก่อน ซึ่งหลักทั่วไปในการ ปฏิบัติมีดังนี้ 1. การสร้างหรือแก้ไขหรือทำให้ตัวเองมีอารมณ์เป็นผู้ใหญ่ ได้แก่ การเป็นคนมีอารมณ์หนัก แน่น ไม่มีความหวาดกลัว หวาดระแวง ไม่อ่อนแอจนต้องพึ่งผู้อื่นตลอดเวลา แต่ก็ไม่ใช่เป็นคนแข็งจน กระด้าง และ ลักษณะเช่นนี้จะต้องมีความสมบูรณ์ถาวร ไม่เปลี่ยนแปลงผันแปรง่าย 2. การรู้จักปรับตนเองให้เข้ากับบุคคล เหตุการณ์ และสถานที่ การรู้จักปรับปรุงตนเองให้ ปฏิบัติตามกฎเกณฑ์และระเบียบต่างๆ นับว่าเป็นสิ่งจำเป็นมาก ถ้าเรารู้จัก บทบาทของตนเองว่าควร จะปฏิบัติอย่างไรในโอกาสไหนแล้ว ก็ย่อมจะไม่มีข้อขัดแย้งกับใคร 3. การรู้จักสังเกต รู้จด และรู้จำ การสังเกตจะช่วยให้เราสามารถเข้ากับทุกคน ทุกชั้น ทุก เพศ และทุกวัยได้ดี เช่น มารยาทในสังคมจะปฏิบัติได้ดีหรือไม่ดีจะอยู่ที่การสังเกตแล้วนำมาปฏิบัติถ้า หมั่นสังเกตก็จะจำได้ แต่ถ้าจำไม่ได้ก็ควรจดบันทึกไว้แม้กระทั่งผู้ที่เคยพบกันหรือขอความช่วยเหลือ จากเขาเพื่อกันลืม 4. การรู้จักตนเอง รู้จักประมาณตน และรู้จักสถานการณ์ของตน คุณลักษณะเช่นนี้จะทำให้ คนรู้จักลดทิฐิ และเห็นความสำคัญของผู้อื่น ซึ่งจะสร้างความพึงพอใจให้แก่เขาด้วย 5. การรู้จักสาเหตุและใช้เหตุผล การปฏิบัติต่อผู้อื่นด้วยเหตุผล ไม่ใช้อารมณ์วู่วาม จะทำให้ การคบหาสมาคมหรือปฏิบัติงานร่วมกันดำเนินไปด้วยดี 6. การมีความมั่นใจในตนเองและรู้จักเป็นตัวของตัวเอง คุณลักษณะเช่นนี้จะทำให้ความสัมพันธ์ ระหว่างบุคคลดำเนินไปได้อย่างราบรื่น ไม่เช่นนั้นอาจมีความโลเล หลงเชื่อบุคคลอื่นได้ง่าย


การสร้างเสริมสัมพันธภาพกับบุคคลในครอบครัว การได้อยู่ในครอบครัวที่มีความสัมพันธภาพอบอุ่นเป็นความสุขอย่างหนึ่งที่คนทุกเพศทุกวัย และทุกฐานะ ปรารถนาและเป็นกุญแจสำคัญของการมีสุขภาพจิตที่แข็งแรงสมบูรณ์สมาชิกใน ครอบครัวไม่ว่าจะเป็นสามีภรรยา หรือลูกก็ตามที่ได้อยู่ในครอบครัวอันอบอุ่นจะรู้สึกว่าอยากกลับบ้าน เมื่อเลิกงานหรือเลิกเรียน อยากมีกิจกรรมกับคนที่บ้าน เช่น รับประทานอาหารเย็นร่วมกันเล่นกีฬา ร่วมกัน มีข่าวร้ายข่าวดีอยากบอกคนที่บ้าน เพื่อให้ความช่วยเหลือหรือร่วมดีอกดีใจด้วย ส่วนครอบครัวที่มีสัมพันธภาพไม่ดีนั้นไม่มีใครอยากอยู่บ้าน ไม่มีใครอยากปฏิบัติกิจกรรม ร่วมกับใครทุกคนไขว่คว้าหาความสุขนอกบ้าน จะกลับบ้านเมื่อจำเป็น เช่น เงินหมด หรือต้องการ พักผ่อนนอนหลับเท่านั้น สัมพันธภาพในครอบครัวเริ่มต้นจากความรักความอบอุ่นของสามีภรรยาที่ดี ต่อกัน เมื่อมีลูกสัมพันธภาพนั้นจะขยายไปสู่ลูก เป็นความสัมพันธ์ระหว่าง พ่อ แม่ ลูก ซึ่งทุกคนเป็น ทั้งผู้ให้และผู้รับประกอบกับมีความผูกพันทางสายเลือดของพ่อแม่ที่มีต่อลูก ครอบครัวจึงเป็นแหล่ง ความรัก ความอบอุ่นที่สำคัญและยั่งยืนกว่าสัมพันธภาพใดๆ การสร้างเสริมสัมพันธภาพกับบุคคลใน ครอบครัวมีแนวทางในการปฏิบัติดังนี้ 1. ความผูกพันในครอบครัว สามีภรรยาต้องช่วยกับประคับประคองชีวิตครอบครัวให้ราบรื่น มั่นคงและช่วยกันเลี้ยงดูลูกด้วยความรักและเอาใจใส่ ในครอบครัวที่พ่อแม่หย่าร้างกันใหม่ๆ ความ ผูกพันฉันสามีภรรยาและพ่อแม่ลูกที่เคยมีถูกตัดหายไป คนเหล่านี้จะรู้สึกขาดความรักความอบอุ่น ถูก ทอดทิ้งให้อยู่อย่างโดดเดี่ยว โดยเฉพาะเด็กที่ยังพึ่งตนเองไม่ได้จะรู้สึกว้าเหว่มาก ดังนั้นการที่จะสร้าง เสริมสัมพันธภาพที่อบอุ่นในครอบครัวจึงจำเป็นต้องรักษาความผูกพันไว้เป็นอันดับแรก ความผูกพัน ระหว่างแม่กับลูกนั้นเป็นความผูกพันที่ที่แม่เป็นผู้ให้กำเนิดและฟูมฟักดูแลจนลูกเจริญเติบโต ส่วนผู้ เป็นพ่อนั้นมีความผูกพันการลูกด้วยการช่วยเลี้ยงดู ปกป้องคุ้มครองเป็นตัวอย่าง และชี้แนะแนวทาง ให้ลูกเดินในทางที่ถูกต้อง สำหรับผู้เป็นลูกนั้นก็ควรให้ความเคารพเชื่อฟังคำสั่งสอนอบรมของพ่อแม่ และแสดงความรักต่อพ่อแม่โดยการขยันหมั่นเพียรในการศึกษาเล่าเรียน ประพฤติตนเป็นคนดี ช่วย พ่อแม่ทำงานบ้าน ไม่เกเร เสพสารเสพติด เล่นการพนัน รวมทั้งปฏิบัติกิจกรรมภายในยามว่างร่วมกับ ครอบครัว เช่น ออกกำลังกายร่วมกัน ไปเที่ยวนอกบ้านด้วยกัน นอกจากนี้ความผูกพันที่ครอบครัวไม่ ควรละเลยอีกประการหนึ่ง คือ ความกตัญญูต่อปู่ย่าตายาย การให้ความรักเอาใจใส่ ตอบแทนพระ คุณท่านที่ได้เลี้ยงดูแลเรามา 2.การเอาใจใส่ คือ การให้ความสนใจและสนับสนุนตามความต้องการอย่างเหมาะสม การเอา ใจใสต้องมีความพอดี เช่น ลูกจะเรียนแล้วกลับบ้านกี่โมงก็ได้ไม่มีใครสนใจ จะทำให้ครอบครัวมีสภาพ เหมือนต่างคนต่างอยู่ การเอาใจใส่มากเกินไปก็จะทำให้รำคาญ ไม่เป็นตัวของตัวเองนอกจากนี้การเอา ใจใส่ต้องมีความเป็นธรรม ได้รับความสำคัญเท่าเทียมกันทุกคนไม่ว่าจะเป็นพ่อแม่หรือลูกก็ตาม


การเอาใจใส่ที่ควรระมัดระวัง คือ การใช้เงินทดแทนการเอาใจใส่ พ่อแม่ไม่มีเวลาก็ให้เงินลูกไว้ใช้เที่ยว เตร่หรือซื้อของตามที่ต้องการ เมื่อถึงวันเกิดก็ซื้อของมียี่ห้อราคาแพงให้เพื่อแสดงถึงความสนใจใส่ใจ ของพ่อแม่ สิ่งเหล่านี้จะสร้างความอบอุ่นแบบจอมปลอมและความเป็นนักวัตถุนิยมให้แก่ลูก 3.ความเข้าใจ คำนี้เป็นปัญหาสำหรับครอบครัวเสมอมา สามีภรรยาไม่เข้าใจกัน พ่อแม่ไม่เข้าใจ ลูกลูกไม่เข้าใจพ่อแม่ สิ่งที่ครอบครัวควรเข้าใจกันก็คือ ลักษณะนิสัยใจคอ ข้อดี ข้อบกพร่องของแต่ละ คนเพื่อเป็นพื้นฐานในการอยู่ร่วมกันหรือปรับตัวเข้าหากัน เช่น พ่อชอบบ้านที่เงียบสงบแต่แม่ชอบบ่น พ่ออาจจะต้องพูดคุยกับแม่ถึงเรื่องหรือสาเหตุที่ทำให้แม่รำคาญใจ ส่วนพ่อก็ปรับปรุงแก้นิสัยของ ตนเองให้แม่เกิดความพอใจ เมื่อพ่อแก้ไขแล้วแม่ก็ควรลดหรือหยุดพฤติกรรมการบ่น 4.การพูดจา เป็นสิ่งสำคัญที่จะสร้างหรือทำลายสัมพันธภาพอันอบอุ่นในครอบครัว นอกจาก การพูดจาสุภาพและให้เกียรติกันแล้ว สมาชิกในครอบครัวควรรู้จักการแสดงความรู้สึกที่ดีต่อกัน เช่น การแสดงความรัก คำชมเชย การให้กำลังใจ การปลอบใจ การพูดถึงข้อดีและข้อเสนอแนะให้แก้ไข ปรับปรุง ส่วนเมื่อเกินความไม่พอใจหรือความขัดแย้ง ควรหาโอกาสพูดหรือสื่อให้สมาชิกในครอบครัว ได้เข้าใจถึงความรู้สึกเพื่อปรับความเข้าใจกัน และในครอบครัวจะไม่มีการพูดจาเกิดขึ้นเลยถ้าไม่มีการ ฟัง ดังนั้นนอกจากการพูดแล้วทุกคนควรยอมรับการรับฟังและความคิดเห็นของกันและกันด้วย สิ่งที่มักจะเป็นอุปสรรคสำคัญของการสร้างสัมพันธภาพที่อบอุ่นในครอบครัว ได้แก่ 1.การอ้างว่าไม่มีเวลา ต้องทำมาหากิน แต่ถ้าเห็นสัมพันธภาพที่อบอุ่นของครอบครัวมีคุณค่าต่อ จิตใจของทุกคนในครอบครัว คำกล่าวอ้างนั้นอาจหายไปหรือลดน้อยลง 2.การอ้างว่าให้แล้ว เช่น ให้เงินลูกแล้วอยากได้อะไรก็ไปซื้อเอาเอง ให้เวลากับครอบครัว แล้วแต่เวลาที่ให้คือดูรายการโทรทัศน์ร่วมกัน 3.การอ้างว่าจะทำให้เหลิง คำนี้มักเป็นคำอ้างของพ่อที่ไม่อยากแสดงท่าทางให้ลูกรู้ว่าพ่อรักลูก ทำให้ลูกกลัวไม่กล้าใกล้ชิดพ่อ ซึ่งบางครั้งกว่าจะถึงเวลาที่พ่อบอกว่ารักลูกก็สายเกินไปเสียแล้ว ความรักความอบอุ่นเป็นสิ่งที่ทุกคนต้องการ ดังนั้นต้องช่วยกันสร้างสัมพันธภาพที่อบอุ่นเพื่อความสุข ของทุกๆคนในครอบครัว การสร้างเสริมสัมพันธภาพกับเพื่อน เพื่อนมีความจำเป็นต่อคนเรา เพราะเราไม่สามารถอยู่อย่างโดดเดี่ยวเพียงลำพังได้ โดยเฉพาะวัยรุ่นจะให้ความสำคัญกับเพื่อนเป็นอย่างมาก การได้อยู่กับเพื่อนวัยเดียวกันจะทำให้วัยรุ่น มีผู้ที่คอยร่วมทุกข์ร่วมสุข ปรับทุกข์ เพราะต่างก็มีปัญหาคล้ายกัน ดังนั้น วัยรุ่นจึงมีความปรารถนาที่ จะมีสัมพันธภาพที่ดีกับเพื่อน เพราะจะนำมาซึ่งการยอมรับนับถือ ความสัครสมานสามัคคี และ ร่วมมือกันระหว่างกัน


การสร้างเสริมสัมพันธภาพกับเพื่อนมีแนวทางในการปฏิบัติดังนี้ 1.รู้จักตนเองและรู้จักผู้อื่น นักเรียนต้องมีความเข้าใจในความต้องการของตนและของเพื่อน ยอมรับสภาพความเป็นจริงของตน ไม่ยึดถือข้อบกพร่องใดๆ ในร่างกายของตนเป็นปมด้อยจนขาด ความมั่นใจในการคบหากับผู้อื่น และยอมรับความแตกต่างในตัวเพื่อนกับตัวเอง ไม่อิจฉาริษยาเพื่อน ที่มีฐานะดีกว่าหรือมีความสามารถมากกว่า และไม่ยกตนข่มท่านหรือดูถูกเหยียดหยามเพื่อนที่ด้อย กว่าตน แต่ให้ยินดีกับความสำเร็จของเพื่อน และคอยช่วยเหลือสนับสนุนเพื่อนหากมีโอกาส 2.มีมนุษยสัมพันธ์ที่ดี รู้จักพูด รู้จักฟัง เรียนรู้ที่จะพูดเรื่องต่างๆในจังหวะที่เหมาะสมเปิด โอกาสให้เพื่อนได้แสดงความคิดเห็นและยอมรับฟังความคิดเห็นของเพื่อน เอาใจใส่ในตัวเพื่อน และให้ ความสำคัญกับเพื่อนด้วยความบริสุทธิ์ใจ ตลอดจนมีความซื่อสัตย์และจริงใจต่อเพื่อน 3.มองโลกในแง่ที่เป็นจริง ไม่มองในแง่ดีจนเกินไป อันอาจถูกหลอกหลวงและคดโกงได้ แต่ก็ ไม่ควรมองคนในแง่ร้ายจนเกินไป เพราะจะทำให้เป็นคนใจแคบ ไม่รู้จักการให้อภัย 4.มีน้ำใจนักกีฬา ยอมรับผิดเมื่อรู้ว่าตนผิด ปฏิเสธในสิ่งที่ตนไม่สามารถทำได้ เมื่อให้สัญญา อย่างไรไว้กับใครก็ต้องพยายามทำตามสัญญานั้นให้ดีที่สุด นอกจากนี้ยังต้องรู้จักเสียสละและให้อภัย แก่เพื่อนเมื่อเกิดข้อผิดพลาด โดยทำความเข้าใจถึงสาเหตุที่ทำให้เกิดข้อผิดพลาดนั้น และร่วมมือกับ ปรับปรุงแก้ไขตามเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นต่อไป 5.รู้จักแนะนำและชักชวนเพื่อนปฏิบัติกิจกรรมที่ดีมีประโยชน์ เช่น เล่นกีฬา เล่นดนตรี เรียน ภาษาอังกฤษ เรียนคอมพิวเตอร์ เข้าร่วมในกิจกรรมพัฒนาต่างๆ ในชุมชุน โดยเลือกตามความสนใจ และมีความเหมาะสมกับตนเอง จะได้เป็นการใช้เวลาว่างให้เกิดประโยชน์ การสร้างเสริมสัมพันธภาพกับบุคคลทั่วไป การมีสัมพันธภาพอันดีกับบุคคลอื่นในสังคมจะทำให้เราเป็นผู้ที่ได้รับการยอมรับนับถือ ความพอใจรักใคร่ ความร่วมมือที่ดี และอยู่ร่วมกับบุคคลอื่นในสังคมได้อย่างมีความสุข การสร้างเสริมสัมพันธภาพกับบุคคลทั่วไปมีแนวทางในการปฏิบัติดังนี้ 1. รู้จักยอมรับคำติชม เช่น รับฟังความคิดเห็นหรือคำวิพากษ์วิจารณ์ของผู้อื่นเกี่ยวกับตัว เราเองด้วยความเต็มใจ เป็นธรรม ไม่ลำเอียงเข้าข้างตัวเอง และสามารถควบคุมอารมณ์ได้ 2. รู้จักมีอารมณ์ขัน มองโลกในแง่ดี และควรเป็นคนยิ้มง่าย การที่มีใบหน้ายิ้มแย้ม กิริยา ท่าทางร่าเริงแจ่มใส และเป็นผู้ที่มรอารมณ์ขัน เป็นบุคลิกลักษณะที่ดีและเป็นเสน่ห์ที่ทำให้ผู้พบเห็น หรือคบหาสมาคมด้วยรู้สึกนิยมชมชอบ เกิดความสุขความสบายใจ นับเป็นสิ่งสำคัญยิ่งอย่างหนึ่งที่ นำไปสู่การต้อนรับและความร่วมมือที่ดี 3. รู้จักอ่อนน้อมถ่อมตน ไม่คุยโอ้อวดความสามารถของตน ไม่พูดจาดูถูกหรือยกตนข่ม ผู้อื่น และรู้จักยอมรับข้อบกพร่องหรือความด้อยของตนเองในด้านต่างๆ


4.รู้จักรับผิดชอบต่อหน้าที่ เช่น หน้าที่สำคัญของนักเรียน คือ เรียน ครูมีหน้าที่ให้การศึกษา อบรมแก่นักเรียน นักศึกษา ถ้าทุกคนมีความรับผิดชอบต่อหน้าที่แล้วปัญหายุ่งยากต่างๆ ก็จะไม่ เกิดขึ้น 5.รู้จักประนีประนอม เมื่อเกิดปัญหาหรืออุปสรรคขึ้นควรมีการประนีประนอมหรือรอมชอม กัน ซึ่งแนววิธีการที่คนเราตกลงกันได้อย่างยุติธรรมและมีเหตุผล 6.รู้จักเอาใจเขามาใส่ใจเรา ให้คิดเสมอว่าอะไรที่เราเองไม่ชอบ ไม่ต้องการให้ผู้อื่นกระทำต่อ เรา ก็จงอย่ากระทำสิ่งนั้นต่อบุคคลอื่น และถ้าต้องการให้บุคคลอื่นกระทำสิ่งใดต่อเรา ก็จงกระทำสิ่ง นั้นต่อเขา 7.รู้จักให้กำลังคนอื่น เช่น ยกย่องให้เกียรติ ให้กำลังใจผู้อื่นด้วยความชมเชย รู้จักแสดงความ ชื่นชมยินดีต่อความสำเร็จของเพื่อนร่วมห้อง เพื่อนร่วมงาน 8.รู้จักไว้วางใจคนอื่น คือ รู้จักไว้เนื้อเชื่อใจคนอื่นบ้างพอสมควร เพราะคนอื่นอาจจะมี ความสามารถด้านต่างๆได้เช่นเดียวกับเรา นอกจากนี้บางครั้งการประเมินค่าความสามารถของผู้อื่น ด้อยเกินไปอาจนำมาซึ่งความผิดหวังได้ด้วย 9.รู้จักร่วมมือกับคนอื่น เช่น การให้ความร่วมมือกับหมู่คณะในการประกอบกิจกรรมต่างๆ ของส่วนรวมด้วยความเต็มใจ เพราะการเป็นผู้ที่เห็นแก่ตัวหรือเอาแต่ได้ย่อมเป็นที่รังเกียจของสังคม 10.รู้จักเคารพสิทธิของผู้อื่น เช่น ไม่ควรใช่ทรัพย์สิ่งของของผู้อื่นโดยพลการ ไม่ก้าวก่ายหรือ ละเมิดสิทธิซึ่งเป็นผลประโยชน์อันชอบธรรมของผู้อื่น


ใบงานที่ 6 เรื่อง การสร้างสัมพันธภาพ (5 คะแนน) วิชา สุขศึกษา (พ 33101) คำชี้แจงบอกวิธีการสร้างสัมพันธภาพที่ดีตามที่จับสลากได้ และเขียนบทสนทนาให้สอดคล้องกับ วิธีการสร้างสัมพันธภาพ วิธีการสร้างสัมพันธภาพที่ดี ……………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………… บทสนทนา ……………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………… ชื่อ.............................................. สกุล..................................................... ชั้น .......... .... เลขที่ ........... ชื่อ.............................................. สกุล..................................................... ชั้น .......... .... เลขที่ ........... (เฉลยตามคำตอบของนักเรียน โดยอยู่ในดุลยพินิจของคุณครู)


แผนการจัดการเรียนรู้ที่10 แผนการจัดการเรียนรู้สุขศึกษาและพลศึกษา (สุขศึกษา) ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6 รายวิชา พ 33102 สุขศึกษา เวลา 1 ชั่วโมง หน่วยการเรียนรู้ที่ 3 ทักษะชีวิตวัยรุ่นไทย เรื่อง ทักษะทางเพศ (1) ภาคเรียนที่ 2/2566 ผู้สอน นายชัยวัฒน์ เหล่าโสด ตำแหน่ง นักศึกษาฝึกประสบการณ์วิชาชีพครู วันที่....... เดือน............... พ.ศ. 2566 โรงเรียนอุดรพัฒนาการ มาตรฐานการเรียนรู้ พ 2.1 เข้าใจและเห็นคุณค่าของตนเอง ครอบครัว เพศศึกษา และมีทักษะการดำเนินชีวิต ตัวชี้วัด ม. 4-6/1 วิเคราะห์อิทธิพลของครอบครัวเพื่อน สังคม และวัฒนธรรมที่มีผลต่อพฤติกรรม ทางเพศและการดำรงชีวิต จุดประสงค์การเรียนรู้ 1.อธิบายความหมายของพฤติกรรมทางเพศได้ (K) 2.เห็นความสำคัญของพฤติกรรมทางเพศ (A) 3.วิเคราะห์ปัจจัยของพฤติกรรมทางเพศได้ (P) 4. สามารถสื่อสารในการทำงาน คิดรวบยอด และสามารถนำสิ่งที่เรียนรู้มาใช้ใน ชีวิตประจำวัน (C) สาระสำคัญ ครอบครัว เพื่อน สังคมและวัฒนธรรม มีอิทธิพลต่อพฤติกรรมทางเพศและการดำเนินชีวิต โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ค่านิยมทางเพศที่ส่งผลต่อพฤติกรรมที่แสดงออกอย่างยิ่งเปิดเผยในเรื่องเพศทำให้ เกิดปัญหาต่างๆตามมา การปฏิบัติตนตามวัฒนธรรมไทยจะช่วยให้วัยรุ่นมีค่านิยมที่เหมาะสมในการ ดำเนินชีวิต สาระการเรียนรู้ พฤติกรรมทางเพศ


สมรรถนะผู้เรียน 1. ความสามารถในการสื่อสาร 2. ความสามารถในการคิด 3. ความสามารถในการใช้ทักษะชีวิต 4. ความสามารถในการแก้ปัญหา คุณลักษณะอันพึงประสงค์ 1. มีวินัย 2. ใฝ่เรียนรู้ 3. มุ่งมั่นในการทำงาน ภาระงานหรือชิ้นงาน ใบงานเรื่อง สื่อสัมพันธ์อันตราย คำถามท้าทาย นักเรียนมีความคิดเห็นอย่างไรเมื่อคนที่นักเรียนไม่รู้จักมาขอเป็นแฟน กระบวนการจัดการเรียนรู้ ขั้นนำเข้าสู่บทเรียน ( 15 นาที ) 1. คุณครูพานักเรียนทำกิจกรรม การปรบมือเป็นจังหวะ 2. ครูร่วมพูดคุยกับนักเกี่ยวกับภาวะทางเพศ ขั้นสอน ( 30 นาที ) 1.ครูชวนนักเรียนพูดคุยและตอบคำถามที่ว่า “ทำไมเด็กวัยรุ่นจึงชอบคุยกับเพื่อนใน วัยเดียวกัน” มีวิธีไหนบ้างที่วัยรุ่นหาเพื่อนคุยได้ 2. ครูให้นักเรียนแบ่งกลุ่มเป็น 6 กลุ่ม ๆ ละเท่าๆกัน 3. ครูให้นักเรียนฟังเรื่อง สื่อสัมพันธ์อันตราย โดยครูให้ตัวแทนนักเรียนออกมาอ่าน ให้เพื่อนฟัง แล้วให้แต่ละกลุ่มช่วยวิเคราะห์ ว่านักเรียนรู้สึกอย่างไรเมื่อได้ฟังเรื่องดังกล่าว 4. ครูให้นักเรียนแต่ละกลุ่มวิเคราะห์เรื่อง สื่อสัมพันธ์อันตราย ลงในใบกิจกรรม และให้ตัวแทนกลุ่มออกมานำเสนอ 5. ครูคอยให้คำแนะนำเพิ่มเติม ขั้นสรุปความรู้ ( 15 นาที ) 1. ครูและนักเรียนร่วมกันสรุปเรื่อง ทักษะทางเพศ 2. ครูเปิดโอกาสให้นักเรียนซักถาม


3. ครูนัดหมายการเรียนเพื่อเรียนในชั่วโมงหน้า สื่อ / แหล่งการเรียนรู้ 1. หนังสือสุขศึกษา ม.6 2. ใบความรู้เรื่อง สื่อสัมพันธ์อันตราย การวัดและการประเมินผล จุดประสงค์ วิธีการวัด เครื่องมือ เกณฑ์ที่ใช้ประเมิน ภาระงาน/ ชิ้นงาน 1.อธิบายความหมายของ พฤติกรรมทางเพศได้ การถาม-ตอบ นักเรียน ตอบคำถามได้ถูกต้อง ครบถ้วน แบบประเมิน การถามตอบ 3 คะแนน = อธิบายได้ถูกต้อง สมบูรณ์ ครบถ้วน 2 คะแนน = อธิบายได้ถูกต้อง แต่ไม่ครบถ้วน 1 คะแนน = อธิบายได้ไม่ ถูกต้อง 2.วิเคราะห์ปัจจัยของ พฤติกรรมทางเพศได้ ทำใบงานเรื่อง สื่อ สัมพันธ์อันตราย แบบประเมิน ใบงาน คะแนนใบงานงาน5 คะแนน ใบงานเรื่อง สื่อสัมพันธ์ อันตราย 3.เห็นความสำคัญของ พฤติกรรมทางเพศ การสังเกตพฤติกรรม ความมุ่งมั่น ความอดทน ความพยายาม การ ทำงานร่วมกับผู้อื่น แบบประเมิน คุณลักษณะ อันพึงประสงค์ ผ่านเกณฑ์เฉลี่ยระดับคุณภาพ 4 ขึ้นไป กิจกรรมเสนอแนะ ............................................................................................................................. ................................... ................................................................................................ ................................................................ ............................................................................................................................. ................................... ............................................................................................................................................................. ... ..................................................................................................................................................... ...........


แบบประเมินการตอบคำถามของนักเรียน คำชี้แจง ให้ทำเครื่องหมาย ลงในช่องรายการสังเกตพฤติกรรมที่นักเรียนตอบคำถาม เลขที่ ชื่อ – สกุล รายการ อธิบายได้ ถูกต้อง สมบูรณ์ ครบถ้วน อธิบายได้ ถูกต้อง แต่ ไม่ครบถ้วน อธิบายได้ ไม่ถูกต้อง 3 2 1 1 2 3 4 5 6 7 8 9 10 11 12 13 14 15 เกณฑ์การให้คะแนน อธิบายได้ถูกต้องสมบูรณ์ ครบถ้วน=3คะแนน อธิบายได้ถูกต้อง แต่ไม่ครบถ้วน =2 คะแนน อธิบายได้ไม่ถูกต้อง =1 คะแนน ลงชื่อ ....................................... ผู้ประเมิน (.........................................) ............./............./...........


แบบประเมินใบงานของนักเรียน คำชี้แจง ให้ทำเครื่องหมาย ลงในช่องรายการคะแนนที่นักเรียนทำใบงาน เลขที่ ชื่อ-สกุล รายการ เขียน อธิบายได้ สมบูรณ์ทุก ข้อ เขียน อธิบายได้ สมบูรณ์ บางข้อ เขียนอธิบาย ได้ไม่สมบูรณ์มี บกพร่องบาง ข้อ เขียนอธิบาย ได้ไม่สมบูรณ์ มีข้อบกพร่อง เป็นส่วนใหญ่ เขียน อธิบาย ได้ไม่ สมบูรณ์ 5 4 3 2 1 1 2 3 4 5 6 7 8 9 10 เกณฑ์การให้คะแนน เขียนอธิบายได้สมบูรณ์ทุกข้อ 5คะแนน เขียนอธิบายได้สมบูรณ์บางข้อ 4 คะแนน เขียนอธิบายได้ไม่สมบูรณ์มีบกพร่องบางข้อ 3 คะแนน เขียนอธิบายได้ไม่สมบูรณ์มีข้อบกพร่องเป็นส่วนใหญ่ 2 คะแนน เขียนอธิบายได้ไม่สมบูรณ์ 1 คะแนน ลงชื่อ ....................................... ผู้ประเมิน (.........................................) ............./............./...........


แบบบันทึกการประเมินพฤติกรรม รายวิชาสุขศึกษา ระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6 1. จุดประสงค์ เพื่อประเมินคุณลักษณะอันพึงประสงค์ของนักเรียนในแต่ละชั่วโมง 2. จุดประสงค์ที่ต้องการประเมิน (คะแนนเต็ม 10 คะแนน) เลข ที่ พฤติกรรมด้านจิตพิสัยที่ต้อง ประเมินและผลการ ประเมิน ชื่อ –สกุล ความมีระเบียบวินัย ความรับผิดชอบ ความตั้งใจ ขยันหมั่นเพียร ความสนใจในการ เรียน ความเสียสละมีน้ำใจ ซื่อสัตย์ รวม สรุปผล การประเมินผล 2 2 2 2 2 10 1 2 3 4 1 2 3 4 5 6 7 8 9 10 บันทึกเพิ่มเติม ……………………………………………………………………………………… การประเมินคุณลักษณะอันพึงประสงค์ กำหนดระดับคุณภาพ 4 ระดับ ระดับ 4 คะแนนได้ 9 - 10 คะแนน หมายถึง ดีมาก ระดับ 3 คะแนนได้ 7 - 8 คะแนน หมายถึง ดี ระดับ 2 คะแนนได้ 5 - 6 คะแนน หมายถึง พอใช้ ระดับ 1 คะแนนได้ 0 - 4 คะแนน หมายถึง ปรับปรุง ลงชื่อ ....................................... ผู้ประเมิน (.........................................) ............./............./...........


ใบความรู้เรื่อง สื่อสัมพันธ์อันตราย กรณีศึกษาเรื่อง “สื่อสัมพันธ์อันตราย” “ผมกำลังศึกษามหาวิทยาลัยปีที่ 1 เป็นคนรูปร่างค่อนข้างเตี้ยผิวคล้ำเกือบดำริมฝีปากหนาฟัน หน้าห่างรักต้นไม้และสายน้ำแต่เกลียดสัตว์เป็นชีวิตจิตใจโดยเฉพาะสุนัขเจอเมื่อไหร่เป็นเตะกระเด็น ต้องการมีเพื่อนสตรีไว้เป็นเพื่อนคุยยามเหงาขอเพียงเป็นคนซื่อสัตย์และเซ่อมากผมยินดีตอบจดหมายทุก ฉบับและตามไปฟันทุกคนครับ” หากชายหนุ่มผู้นั้นโฆษณาตนเองลงในคอลัมน์สื่อหามิตรด้วยความจริงใจเช่นนี้เกดก็คงไม่สนใจ และไม่ต้องพบความช้ำชอกดังเช่นทุกวันนี้แต่นี่คำโฆษณาของเขามันช่างน่าเชื่อถือเหลือเกิน “ผมกำลังศึกษามหาวิทยาลัยปีที่ 1 สูง 168 เซนติเมตรอายุ18 ปีผิวสีแทนเป็น คนรักธรรมชาติต้องการมีเพื่อนสุภาพสตรีไว้เป็นเพื่อนคุยยามเหงาหรือจะเป็นเพื่อนใจได้ยิ่งดีขอเพียงไม่ เป็นคนหลอกลวงและมอบความจริงใจให้ผมรูปร่างหน้าตาไม่สำคัญสนใจติดต่อ..............ยินดีตอบ จดหมายทุกฉบับครับ” เกดสาวน้อยวัย 15 ปีเช่นเดียวกับสาวน้อยวัยหวานทั่วไปเธอต้องการมีเพื่อนชายไว้พูดคุย แลกเปลี่ยนความคิดเห็นในเรื่องต่างๆโดยที่ยังไม่ต้องการเห็นหน้าเห็นตาเพราะจะทำให้เธอสะดวกใจ มากกว่าเพราะสามารถคุยอะไรก็ได้สำหรับสาวน้อยขี้อายและเรียบร้อยเช่นเธอไว้คุยกันถูกใจแล้วค่อยนัด พบเจอ เพื่อนเกดบางคนคุยกับเพื่อนทางอินเตอร์เน็ตหรือนัดเวลาคุยกันในแชทบางคนโทรศัพท์คุยกันใน แชทไลน์เพื่อนๆบอกว่าสนุกดีคุยอะไรก็คุยได้ไม่ต้องเห็นหน้ากันเพื่อนบางคนคุยกันนานเป็นชั่วโมงเกดไม่ กล้าคุยแบบนั้นและที่บ้านไม่มีอินเตอร์เน็ต เกดอ่านพบข้อความของผู้ชายคนหนึ่งในคอลัมน์สื่อหามิตรทางจดหมายเกดจึงเขียนจดหมายไป ถึงเขาตามที่อยู่ที่เขาลงไว้ไม่นานนักก็มีจดหมายตอบมาเขียนคุยกันถูกใจเพียง 2 ฉบับเขาก็ขอนัดเธอให้ไป ที่สถานีรถไฟเวลา 10 โมงเช้าในอีก 5 วันข้างหน้า เกดแต่งตัวออกจากบ้านไปถึงที่นัดหมายตรงตามกำหนดเวลาและได้พบกับชายแปลกหน้าสอง คนที่มาคอยเธออยู่เขาตรงเข้ามาทักทายและแนะนาตัวเขาแนะนำชายที่มาด้วยว่าเป็นเพื่อนของเขา เขาชวนให้เธอไปนั่งเล่นที่ชายทะเลโดยซ้อนมอเตอร์ไซด์ไปด้วยกันสามคนพอไปถึงก็หาที่นั่งคุย กันอยู่นานพอสมควรเขาจึงขอตัวไปซื้อบุหรี่ทั้งสองหายไปพักใหญ่ก็กลับมาพร้อมถุงน้ำส้ม


ใบงานที่ 7 เรื่อง สื่อสัมพันธ์อันตราย(5 คะแนน) วิชา สุขศึกษา (พ 33101) คำชี้แจงให้นักเรียนรวมกลุ่มกันกลุ่มลุคนร่วมกันแลกเปลี่ยนความคิดเห็นเพื่อให้ได้ข้อสรุปตาม ประเด็นที่ได้รับมอบหมายกลุ่มละ 1 ประเด็นเสร็จแล้วให้เตรียมนำเสนอข้อสรุปให้เพื่อนฟังหน้าห้อง ชื่อ.............................................. สกุล................................................. ชั้น .............. เลขที่ ................. (เฉลยตามคำตอบของนักเรียน โดยอยู่ในดุลยพินิจของคุณครู) การคบเพื่อนใหม่ที่ยังไม่รู้จักคุ้นเคยยังไม่เคยเห็นหน้ากันเช่นการติดต่อกันทางจดหมายมี ผลดีผลเสียอะไรบ้าง ........................................................................................................................................................... ........................................................................................................................................................... ........................................................................................................................................................... .......................................................................................................................................................... ........................................................................................................................................................... ........................................................................................................................................................... ........................................................................................................................................................... ........................................................................................................................................................... ........................................................................................................................................................... ........................................................................................................................................................... ........................................................................................................................................................... ........................................................................................................................................................... ........................................................................................................................................................... .......................................................................................................................................................... ........................................................................................................................................................... ........................................................................................................................................................... ..........................................................................................................................................................


แผนการจัดการเรียนรู้ที่11 แผนการจัดการเรียนรู้สุขศึกษาและพลศึกษา (สุขศึกษา) ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6 รายวิชา พ 33102 สุขศึกษา เวลา 1 ชั่วโมง หน่วยการเรียนรู้ที่ 3 ทักษะชีวิตวัยรุ่นไทย เรื่อง ทักษะทางเพศ (2) ภาคเรียนที่ 2/2566 ผู้สอน นายชัยวัฒน์ เหล่าโสด ตำแหน่ง นักศึกษาฝึกประสบการณ์วิชาชีพครู วันที่....... เดือน............... พ.ศ. 2566 โรงเรียนอุดรพัฒนาการ มาตรฐานการเรียนรู้ พ 2.1 เข้าใจและเห็นคุณค่าของตนเอง ครอบครัว เพศศึกษา และมีทักษะการดำเนินชีวิต ตัวชี้วัด ม. 4-6/1 วิเคราะห์อิทธิพลของครอบครัวเพื่อน สังคม และวัฒนธรรมที่มีผลต่อพฤติกรรม ทางเพศและการดำรงชีวิต จุดประสงค์การเรียนรู้ 1.อธิบายความหมายของพฤติกรรมทางเพศได้ (K) 2.เห็นความสำคัญของพฤติกรรมทางเพศ (A) 3.วิเคราะห์ปัจจัยของพฤติกรรมทางเพศได้ (P) 4. สามารถสื่อสารในการทำงาน คิดรวบยอด และสามารถนำสิ่งที่เรียนรู้มาใช้ใน ชีวิตประจำวัน (C) สาระสำคัญ ครอบครัว เพื่อน สังคมและวัฒนธรรม มีอิทธิพลต่อพฤติกรรมทางเพศและการดำเนินชีวิต โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ค่านิยมทางเพศที่ส่งผลต่อพฤติกรรมที่แสดงออกอย่างยิ่งเปิดเผยในเรื่องเพศทำให้ เกิดปัญหาต่างๆตามมา การปฏิบัติตนตามวัฒนธรรมไทยจะช่วยให้วัยรุ่นมีค่านิยมที่เหมาะสมในการ ดำเนินชีวิต สาระการเรียนรู้ พฤติกรรมทางเพศ


สมรรถนะผู้เรียน 1. ความสามารถในการสื่อสาร 2. ความสามารถในการคิด 3. ความสามารถในการใช้ทักษะชีวิต 4. ความสามารถในการแก้ปัญหา คุณลักษณะอันพึงประสงค์ 1. มีวินัย 2. ใฝ่เรียนรู้ 3. มุ่งมั่นในการทำงาน ภาระงานหรือชิ้นงาน ใบงานเรื่อง ปัจจัยที่มีอิทธิพลต่อพฤติกรรมทางเพศ คำถามท้าทาย ถ้านักเรียนมีความต้องการทางเพศ นักเรียนควรทำอย่างไร กระบวนการจัดการเรียนรู้ ขั้นนำเข้าสู่บทเรียน ( 15 นาที ) 1. ครูนำนักเรียนสนทนาเกี่ยวกับปัญหาที่เกิดจากพฤติกรรมทางเพศ โดยครูเล่า ตัวอย่างจากข่าวที่เกิดขึ้นในปัจจุบัน ให้นักเรียนฟัง เพื่อให้นักเรียนเกิดความเข้าใจและตระหนักถึง ความสำคัญของปัญหาพฤติกรรมทางเพศที่เกิดขึ้น 2. ให้นักเรียนทุกคนเขียนวิธีการจัดการกับอารมณ์ทางเพศมาให้มากที่สุดภายใน เวลา5นาที 3. ให้นักเรียนนำเสนอวิธีการจัดการกับอารมณ์ทางเพศที่เขียนมา แล้วร่วมกันแสดง ความคิดเห็นและครูประมวลวิธีการที่นักเรียนนำเสนอทั้งหมด เขียนไว้บนกระดาน ขั้นสอน ( 30 นาที ) 1. ครูอธิบายเรื่อง การเกิดอารมณ์ทางเพศของวัยรุ่น และการจัดการอารมณ์ทาง เพศอย่างเหมาะสม 2. ครูแบ่งนักเรียนเป็น 4 กลุ่ม ให้นักเรียนร่วมกันวิเคราะห์เรื่อง ปัจจัยที่มีอิทธิพล ต่อพฤติกรรมทางเพศ ตามประเด็นที่กำหนด ดังนี้ - อิทธิพลที่เกิดจากตนเอง


Click to View FlipBook Version