ลักษณะทั่วไป ไม้ยืนต้นขนาดเล็ก สูง 6 - 10 เมตร ผลัดใบ ทรงพุ่มเป็นรูปเจดีย์ต�่ำ เปลือกเรียบสีเทา มีรอยย่น ขวางตามล�ำดับ ใบประกอบแบบนิ้วมือ ช่อเรียงสลับหรือเวียนสลับ แต่ละช่อมีใบย่อย 3 ใบ ใบรูปรี หรือรูปไข่ ปลายใบแหลม โคนใบแหลมหรือสอบ ขอบใบเรียบ แผ่นใบหนา ดอกสีขาวอมเขียวแล้วเปลี่ยนเป็นสีเหลืองหรือ สีชมพูอ่อน ช่อดอกแบบช่อกระจะ ออกตามซอกใบใกล้ปลายกิ่ง กลีบเลี้ยงรูปรี เมื่อแห้งเป็นสีส้มมี 4 กลีบ กลีบดอก 4 กลีบ เกสรเพศผู้สีม่วง ผลสดแบบมีเนื้อหลายเมล็ด ทรงกลม เปลือกมีจุดแต้มสีน�้ำตาลอมแดง เมล็ดรูปเกือกม้าหรือรูปไต การขยายพันธุ์ การเพาะเมล็ด การปักช�ำกิ่ง ประโยชน์ เปลือกต้นมีสรรพคุณใช้เป็น ยาระงับประสาทและยาบ�ำรุง ใบและรากเปลือกรากใช้ถูนวดให้เลือดมาเลี้ยงบริเวณนั้นมากๆ บริเวณที่พบ ศูนย์การเรียนรู้ย่านมัทรี กุ่มบก Crateva adansonii DC. subsp. trifoliate (Roxb.) Jacobs CAPPARACEAE กุ่ม ผักกุ่ม กะงัน ก่าม ผักก่าม สะเบาถะงัน (ภาคอีสาน) ชื่อวิทยาศาสตร์ ชื่อวงศ์ ชื่ออื่น ๆ 49 โครงการอนุรักษ์พันธุกรรมพืชอันเนื่องมาจากพระราชด�ำริ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี (อพ.สธ.)
ลักษณะทั่วไป ไม้ต้นขนาดกลาง สูง 8 - 15 เมตร ล�ำต้นมักคดงอ แตกเป็นร่องลึก ใบเดี่ยว รูปไข่กลับ โคนใบสอบ ปลายใบกว้างและจักเว้าเข้าแผ่นใบหนาสีเขียวเป็นมัน หลังใบสีขาวหรือนวล ดอกสีเหลืองนวล มีกลิ่นหอม ออกเป็นกระจุกตามซอกใบ กลีบเลี้ยง 6 กลีบ เรียงเป็นสองชั้นชั้นละ 3 กลีบ กลีบดอกมี 18 กลีบ เกสรเพศผู้ 6 อัน เกสรเพศผู้ปลอม 6 อัน อยู่สลับกัน ผลกลมสีเหลืองถึงสีแสด การขยายพันธุ์ การเพาะเมล็ด การปักช�ำกิ่ง ประโยชน์ ผลสุกรับประทานได้และเป็นอาหารของสัตว์ต่างๆ บริเวณที่พบ ศูนย์การเรียนรู้ย่านมัทรี Manilkara hexandra Dubard SAPOTACEAE ราชายตนะ ครินี ไรนี เกด ชื่อวิทยาศาสตร์ ชื่อวงศ์ ชื่ออื่น ๆ 50 พรรณไม้ในมหาวิทยาลัยราชภัฏนครสวรรค์
ลักษณะทั่วไป ไม้ต้นขนาดกลางถึงขนาดใหญ่ สูงได้ถึง 20 เมตร ทุกส่วนมียางสีเหลือง เปลือกเรียบ ใบเดี่ยว เรียงตรงข้าม รูปไข่กลับ ปลายมนกว้าง โคนสอบ ขอบหนา แผ่นใบหนา ด้านบนเรียบไม่เห็นเส้นใบ หรือเห็นเพียงรางๆ ด้านล่างเห็น เส้นกลางใบชัด ก้านใบมีรอยบุ๋มที่โคนก้านเห็นได้ชัดดอกเดี่ยว ออกตามง่ามใบ หรือปลายกิ่ง กิ่งละ 2 - 3 ดอก ใบประดับ 2 - 4 ใบ กลีบเลี้ยง 4 - 6 กลีบ แยกกัน กลีบดอก 6 - 8 กลีบ แยกกัน สีขาวหรือสีชมพู รูปไข่กลับ หรือเกือบกลม ดอกแยกเพศ ดอกเพศผู้มีเกสรเพศผู้โดยรอบเรียงกันหลายชั้นเกสรที่สมบูรณ์อยู่ตอนใน และติดกันเป็นรูปถ้วย ดอกเพศเมียมีเกสรเพศผู้ ไม่สมบูรณ์ติดกันเป็นรูปถ้วย รังไข่กลม ไม่มีก้านเกสรเพศเมีย ยอดเกสรเพศเมียแยกเป็น รัศมี 6 - 9 แฉก ผลแก่แล้วแตก สีเขียวอมน�้ำตาล ภายในสีอ่อนกว่า มีเมล็ดบางๆ ติดอยู่กับแกนกลาง เนื้อนุ่ม มีเยื่อสีแดงเข้มหุ้มเมล็ด การขยายพันธุ์ การเพาะเมล็ด ประโยชน์ ปลูกเป็นไม้ประดับ บริเวณที่พบ ศูนย์การเรียนรู้ย่านมัทรี เกล็ดกระโห้ Clusia rosea Jacq CLUSIACEAE Copey Clusia ชื่อวิทยาศาสตร์ ชื่อวงศ์ ชื่ออื่น ๆ 51 โครงการอนุรักษ์พันธุกรรมพืชอันเนื่องมาจากพระราชด�ำริ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี (อพ.สธ.)
ลักษณะทั่วไป ไม้ต้น ใบประกอบแบบขนนกปลายคี่ เรียงสลับ ใบย่อย 5 - 9 ใบ สีเขียวเข้มเป็นมัน มีต่อมน�้ำมัน ช่อดอกแบบช่อกระจะสั้นๆ ออกตามง่ามใบ ดอกสีขาว กลิ่นหอม จานฐานดอกเป็นวง รูปรีหรือรูปไข่ ผลแบบ ผลมีเนื้อ ผลแก่สีแดงอมส้ม การขยายพันธุ์ การเพาะเมล็ด การตอนกิ่ง ประโยชน์ ใบ ปรุงเป็นยาขับระดูที่เรียกว่า ยาประสะใบแก้ว และใช้เป็นยาระบายลม แก้จุกเสียดแน่นเฟ้อ ใช้เป็นยาฝาดสมาน บริเวณที่พบ มหาวิทยาลัย ราชภัฏนครสวรรค์ , ศูนย์การเรียนรู้ย่านมัทรี Murraya paniculata (L.) Jack RUTACEAE กะมูนิง (มลายู ปัตตานี) แก้วขาว (กลาง) แก้วขี้ไก่ (ยะลา) แก้วพริก (เหนือ) แก้วลาย (สระบุรี) จ๊าพริก (ล�ำปาง) และ ตะไหลแก้ว (เหนือ) แก้ว ชื่อวิทยาศาสตร์ ชื่อวงศ์ ชื่ออื่น ๆ 52 พรรณไม้ในมหาวิทยาลัยราชภัฏนครสวรรค์
ลักษณะทั่วไป ไม้พุ่มหรือไม้ต้นขนาดเล็ก สูง 2 - 10 เมตร ใบประกอบแบบขนนกปลายคู่ เรียงตรงข้าม ใบย่อย 2 - 3 คู่ ไม่มีก้าน รูปไข่กลับหรือรูปรี แผ่นใบหนา โคนใบสอบ ปลายใบมน ขอบใบเรียบ ดอกออกเป็นกระจุก ตามซอกใบและปลายกิ่ง กลีบดอก 5 กลีบ สีฟ้าอมม่วงหรือฟ้าคราม สีจะจางลงเมื่อใกล้โรย ผลเป็นผลแห้งแตก รูปคล้ายหัวใจ ปลายมีติ่งแหลม สีเหลืองอมส้ม เมล็ดมีเยื่อหุ้มสีแดง การขยายพันธุ์ การเพาะเมล็ด การตอนกิ่ง การปักช�ำ ประโยชน์ ใบน�ำมาคั้นน�้ำกินแก้อาการท้องเฟ้อ เปลือกและดอกมีสรรพคุณเป็นยาระบาย ดอกท�ำเป็น ยาชงเพื่อบ�ำรุงก�ำลัง บริเวณที่พบ ศูนย์การเรียนรู้ย่านมัทรี แก้วเจ้าจอม Guaiacum officinale L. ZYGOPHYLLACEAE กณิการ์ กรณิการ์ ชื่อวิทยาศาสตร์ ชื่อวงศ์ ชื่ออื่น ๆ 53 โครงการอนุรักษ์พันธุกรรมพืชอันเนื่องมาจากพระราชด�ำริ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี (อพ.สธ.)
ลักษณะทั่วไป ไม้เถาเนื้อแข็ง มีหนาม ใบเป็นใบประกอบแบบขนนกสองชั้น ใบย่อย 7 - 10 คู่ รูปขอบขนาน แกมรูปไข่ ขอบใบเรียบ ดอกสีขาว ออกเป็นช่อตามซอกใบ และปลายกิ่ง กลีบรองดอก 5 กลีบ กลีบดอก 5 กลีบ กลีบนอกสุดรูปรี ตรงกลางพับเข้าด้านใน เกสรเพศผู้มีลักษณะเป็นมัด ผลเป็นฝักแบนสีน�้ำตาลแดง มีปีกเดียว การขยายพันธุ์ การเพาะเมล็ด ประโยชน์ เป็นพันธุ์ไม้ป่าของไทย บริเวณที่พบ ศูนย์การเรียนรู้ย่านมัทรี Pterolobium macropterum Kurz FABACEAE แก้วตาไว แก้วมือไว (ภาคกลาง) เครือจ๋ายแดง หนามจับ (ภาคเหนือ) หนามกะแทง (ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ) หนามขี้แรด (สุพรรณบุรี) แก้วตาไว ชื่อวิทยาศาสตร์ ชื่อวงศ์ ชื่ออื่น ๆ 54 พรรณไม้ในมหาวิทยาลัยราชภัฏนครสวรรค์
ลักษณะทั่วไป ไม้เลื้อยเถาเล็กแตกยอดจ�ำนวนมาก ทุกส่วนของล�ำต้นมีน�้ำยางขาว ใบเป็นใบเดี่ยวเรียงตรงข้าม ใบคู่เป็นรูปหัวใจ ปลายใบแหลม โคนใบเว้า ขอบใบเรียบ มีช่อดอกสีเหลืองอมชมพู อ่อน ออกเป็นช่อแบบซี่ร่ม ดอกย่อยมีกลีบเลี้ยงเชื่อมติดกันส่วนปลายแยก 5 แฉกกลีบดอกเชื่อมติดกันเป็นหลอดสั้นๆ ปลายกลีบ แยกเป็น 5 แฉก ดอกบานไม่พร้อมกันดอกอ่อนสีเขียว การขยายพันธุ์ การเพาะเมล็ด การช�ำเถา ประโยชน์ ยอดอ่อน ดอก ลูกอ่อน บ�ำรุงธาตุ บ�ำรุงตับ ปอด แก้เสมหะเป็นพิษ ราก ท�ำให้อาเจียน ถอนพิษเบื่อเมา บริเวณที่พบ ศูนย์การ เรียนรู้ย่านมัทรี ขจร Telosma minor Craib ASCLEPIADACEAE สลิด ผักสลิดคาเลา สลิดป่า ผักสลิด กะจอน ขะจอน ผักขิก ชื่อวิทยาศาสตร์ ชื่อวงศ์ ชื่ออื่น ๆ 55 โครงการอนุรักษ์พันธุกรรมพืชอันเนื่องมาจากพระราชด�ำริ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี (อพ.สธ.)
ลักษณะทั่วไป ไม้ยืนต้นขนาดใหญ่สูงประมาณ 15 - 30 เมตร ดอกออกเป็นช่ออัดกันแน่นและอยู่บนต้น เดียวกัน ใบเดี่ยวเรียงสลับ แผ่นใบเป็นรูปรี ปลายใบทู่ถึงแหลม โคนใบมน ใบหนา ผิวด้านบนของใบจะมีสีเขียว เข้มเป็นมัน ส่วนผิวใบด้านล่างจะสากมือ การขยายพันธุ์ การเพาะเมล็ด การติดตา การทาบกิ่ง ประโยชน์ เปลือก เป็นยาพอกแก้โรคผิวหนัง และแผลบวมอักเสบ ราก แก้โรคผิวหนัง รักษามะเร็ง แก้ท้องเสีย แก้ ไข้ บ�ำรุงเลือด ยาง ทาแผลบวมอักเสบ แผลมีหนอง แก้โรคผิวหนัง แก้ซิฟิลิส และแก้ไข้ ใบ แก้ปวดหู หูเป็น น�้ำหนวก แก้แผลมีหนอง ต้มกินขับน�้ำนม ใช้ได้ทั้งในคนและสัตว์ ผลดิบแก้ท้องเสีย เป็นยาฝาดสมาน ผลสุกเป็นยาระบาย แก้กระหายน�้ำ แก้เมาสุรา บริเวณที่พบ มหาวิทยาลัยราชภัฏนครสวรรค์ , ศูนย์การเรียนรู้ ย่านมัทรี Artocarpus heterophyllus Lam. MORACEAE ขะนู (จันทบุรี) นะยวยซะ (กาญจนบุรี) เนน (นครราชสีมา) ซีคึย ปะหน่อย หมากกลาง(แม่ฮ่องสอน) นากอ (ปัตตานี) มะหนุน (ภาคเหนือ ภาคใต้) ลาน ล้าง (ภาคเหนือ) หมักหมี้ (ตะวันอองเฉียงเหนือ) ขนุน ชื่อวิทยาศาสตร์ ชื่อวงศ์ ชื่ออื่น ๆ 56 พรรณไม้ในมหาวิทยาลัยราชภัฏนครสวรรค์
ลักษณะทั่วไป ไม้เถา เนื้อไม้มีสีเหลือง ใบเดี่ยวเรียงเวียนรูปไข่หรือรูปขอบขนาน โคนใบมน ปลายใบแหลม และ ขอบใบเรียบ แผ่นใบด้านบนสีเขียวเข้มเป็นมัน ด้านล่างสีจางกว่า ดอกแยกเพศ ช่อดอกแบบช่อแยกแขนง ออก ที่เถาหรือง่ามใบ ดอกมีขนาดเล็กสีเหลืองอ่อน หรือแกมเขียวก้านดอกสั้น ผลรูปรี หรือรูปไข่ สีเหลือง หรือ สีส้ม รสชาติเปรี้ยวอมหวาน เมล็ดรูปรี การขยายพันธุ์ โดยการตัดเอาเถาตรงข้อมาปักช�ำหรือแยกต้นเล็กๆ ปลูก ประโยชน์ เนื้อไม้เป็นยาบ�ำรุงธาตุ บ�ำรุงโลหิต ขับประจ�ำเดือน แก้ท้องเสีย ราก และล�ำต้นใช้เป็นยาแผนโบราณ เพื่อบ�ำรุงร่างกาย เป็นยาขับปัสสาวะ บริเวณที่พบ ศูนย์การเรียนรู้ย่านมัทรี ขมิ้นเครือ Arcangelisia flava Merr. MENISPERMACEAE เถาวัลย์ทอง (เพชรบุรี) พระพาย (สุพรรณบุรี) ชื่อวิทยาศาสตร์ ชื่อวงศ์ ชื่ออื่น ๆ 57 โครงการอนุรักษ์พันธุกรรมพืชอันเนื่องมาจากพระราชด�ำริ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี (อพ.สธ.)
ลักษณะทั่วไป ไม้กึ่งพุ่มขนาดเล็ก ใบรูปไข่กลับ ปลายใบแหลม ขอบใบหยักซี่ฟันห่างๆ ดอกช่อออกที่ยอดและซอก ใบ ดอกสีม่วงเป็นกระจุกเล็ก ผลแห้งรูปทรงกระบอก สีขาว ผลแห้ง ไม่แตก การขยายพันธุ์ การเพาะเมล็ด การ ปักช�ำกิ่ง ประโยชน์ รากมีสรรพคุณแก้ไข้ ขับเหงื่อ ต้นและใบมีสรรพคุณขับปัสสาวะ แก้ริดสีดวงทวาร แก้ริดสีดวง จมูก แก้เบาหวาน แก้เลือดลม ผื่นคันตามผิวหนัง บริเวณที่พบ ศูนย์การเรียนรู้ย่านมัทรี Pluchea indica (L.) Less. ASTERACEAE ขี้ป้าน (แม่ฮ่องสอน) หนาดวัวหนาดงัว หนวดงั่ว หนวดงิ้ว (อุดรธานี) ขลู่ (ภาคกลาง) เพี้ยฟาน (ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ) ขลู คลู (ภาคใต้) ขลู่ ชื่อวิทยาศาสตร์ ชื่อวงศ์ ชื่ออื่น ๆ 58 พรรณไม้ในมหาวิทยาลัยราชภัฏนครสวรรค์
ลักษณะทั่วไป ไม้พุ่มหรือไม้ต้น มียางขาว ทุกส่วนมีขนหยาบสีน�้ำตาล ใบเรียงเวียน รูปไข่กลับ รูปใบหอกกลับ หรือรูปรี ดอกแยกเพศ มีทั้งอยู่ร่วมต้นและต่างต้น สีเขียวอ่อน ดอกเพศผู้ออกเป็นช่อกระจุก ดอกเพศเมียเป็น ดอกเดี่ยวหรือเป็นกลุ่ม 2-4 ดอก ผลค่อนข้างกลม ผลสุกสีเหลืองถึงส้ม วงกลีบรวมติดทน การขยายพันธุ์ การเพาะเมล็ด การตอนกิ่ง การปักช�ำราก ประโยชน์ กิ่งสด ขนาดเล็กน�ำมาทุบใช้สีฟัน ท�ำให้เหงือกและฟันทน เปลือกต้นน�ำมาต้มใส่เกลือให้เค็มใช้รักษาโรค แก้ปวดฟัน ผลบ�ำรุงธาตุ แก้ลม เมล็ดแก้ท้องอืดเฟ้อ แก้โลหิตและ ลม ขับลมในล�ำไส้ บริเวณที่พบ มหาวิทยาลัยราชภัฏนครสวรรค์ , ศูนย์การเรียนรู้ย่านมัทรี ข่อย Streblus asper Lour. MORACEAE ตองขะแหน่ (กาญจนบุรี) กักไม้ฝอย (ภาคเหนือ) ส้มพอ (เลย) ชื่อวิทยาศาสตร์ ชื่อวงศ์ ชื่ออื่น ๆ 59 โครงการอนุรักษ์พันธุกรรมพืชอันเนื่องมาจากพระราชด�ำริ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี (อพ.สธ.)
ลักษณะทั่วไป ไม้ยืนต้นขนาดกลาง สูง 7 - 13 เมตร ทรงพุ่มแน่นทึบ เปลือกต้นสีน�้ำตาลแก่ ผิวบางเรียบ เนื้อไม้สีขาว ใบเดี่ยว เรียงสลับ ดอกสีเขียวอมเหลืองอ่อน ออกเป็นช่อสั้นๆ เมล็ดค่อนข้างกลม หนึ่งผลมี 3 เมล็ด การขยายพันธุ์ การเพาะเมล็ด การตอนกิ่ง ประโยชน์ รากแก้ลม แก้ประดง แก้พิษในกระดูก แก้โรคผิวหนัง รักษา น�้ำเหลืองเสีย เปลือกต้น แก้ลมเป็นพิษ แก้โรคผิวหนัง แก้กลากเกลื้อน รักษามะเร็ง รักษามะเร็งคุด เป็นยาถ่าย เป็นยาระบาย บริเวณที่พบ ศูนย์การเรียนรู้ย่านมัทรี ขันทองพยาบาท Suregada multiflorum (A. Juss) Baill. EUPHORBIACEAE ดูกใส (อีสาน) ยางปลอก ยายปลวก ฮ่อสะพานควาย (แพร่ น่าน) ขันทองพยาบาท (ภาคกลาง) ดูกหิน (สระบุรี) ข้าวตาก (กาญจนบุรี) มะดูกเลื่อม (เหนือ) ขันทอง (พิษณุโลก) ขุนทอง (ประจวบคีรีขันธ์) กระดูก (ใต้) ชื่อวิทยาศาสตร์ ชื่อวงศ์ ชื่ออื่น ๆ 60 พรรณไม้ในมหาวิทยาลัยราชภัฏนครสวรรค์
ลักษณะทั่วไป ไม้ยืนต้นผลัดใบขนาดกลางถึงขนาดใหญ่มีความสูง 15 - 30 เมตร เปลือกต้นสีขาวนวล เรือนยอด เป็นพุ่มทึบ กิ่งอ่อนมีขนสีน�้ำตาลนุ่ม ใบเป็นใบเดี่ยวเรียงสลับ รูปไข่ ขอบใบหยักคล้ายฟันเลื่อย ออกดอกเป็นช่อ ตามง่ามใบและปลายกิ่ง ดอกขนาดเล็ก สีเหลืองอ่อน การขยายพันธุ์ การเพาะเมล็ด การปักช�ำกิ่ง ประโยชน์ เนื้อไม้สีน�้ำตาลอมเหลือง แข็ง เหนียว ใช้ท�ำเครื่องเรือน เสา ด้ามเครื่องมือทางการเกษตร บริเวณที่พบ ศูนย์ การเรียนรู้ย่านมัทรี ขานาง Homalium tomentosum (Vent.) Benth. FABACEAE ค่านาง ช้างเผือกหลวง เปลือย ลิงง้อ ชื่อวิทยาศาสตร์ ชื่อวงศ์ ชื่ออื่น ๆ 61 โครงการอนุรักษ์พันธุกรรมพืชอันเนื่องมาจากพระราชด�ำริ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี (อพ.สธ.)
ลักษณะทั่วไป ไม้พุ่มเตี้ย แตกกิ่งก้านสาขาระดับต�่ำจ�ำนวนมาก ไม่เป็นระเบียบ ใบเดี่ยวเรียงสลับ รูปขอบขนาน ถึงรูปหอก ปลายใบแหลม โคนใบมนและเบี้ยว ขอบจักฟันเลื่อยถี่ ดอกออกเป็นช่อกระจุกตามง่ามใบใกล้ปลายกิ่ง ดอกเล็กสีขาว หรือเหลืองอ่อน กลีบเลี้ยงและกลีบดอกมีอย่างละ 5 กลีบ ผลแบบผลแห้งไม่แตก รูปกลมมี 2 - 4 พู ผิวเกลี้ยงเป็นมัน เมล็ดแข็งมีจ�ำนวนเท่ากับพูของผล การขยายพันธุ์ การเพาะเมล็ด ประโยชน์ เนื้อไม้ ใช้แก้ลมพิษ แก้กามโรค เปลือกต้น เป็นยาแก้โรคผิวหนังกลากเกลื้อน นอกจากนี้ยังใช้เป็นยาบ�ำรุงเหงือก ท�ำให้ฟันทน ยาถ่าย และฆ่าพยาธิ บริเวณที่พบ ศูนย์การเรียนรู้ย่านมัทรี Grewia tomentosa Juss. TILIACEAE ข้าวกี่วอก ยาบขี้ไก่ ห�ำม้า ชามัด ปอแป๋ (ภาคเหนือ) ข้าวตาก ข้าวม่าย (ภาคกลาง) เจเนรา (ภาคใต้) ข้าวตาก ชื่อวิทยาศาสตร์ ชื่อวงศ์ ชื่ออื่น ๆ 62 พรรณไม้ในมหาวิทยาลัยราชภัฏนครสวรรค์
ลักษณะทั่วไป ไม้ต้นขนาดเล็ก สูง 4 - 8 เมตร เรือนยอดเป็นพุ่มโปร่ง เปลือกหนาสีเทาอมด�ำ ใบเดี่ยว เรียงสลับ สองข้างกิ่งใบระนาบเดียวกัน แผ่นใบรูปขอบขนานแกมรูปไข่กลับ ปลายเรียวแหลม โคนใบสอบ ใบด้านบนสีเขียว เข้มเป็นมัน ด้านล่างสีอ่อนกว่า ก้านใบยาว ดอก เดี่ยวหรือออกเป็นกระจุก 2 - 5 ดอก ตามล�ำต้น กิ่งและตาม ง่ามใบ ก้านดอกยาว กลีบดอกยาวสีเหลืองนวลถึงสีชมพู ผล ออกเป็นกลุ่ม 6 - 12 ผล รูปกลมรี หรือทรงกระบอก ไม่มีก้านผล สีเขียวอมเหลือง การขยายพันธุ์ การเพาะเมล็ด การปักช�ำกิ่ง ประโยชน์ ผสมแก่นส้านดิน รากเกด แช่น�้ำดื่ม แก้ซางเด็ก ผสมกับสมุนไพรอื่น ดองเหล้าหรือต้มดื่มบ�ำรุงก�ำลัง บริเวณที่พบ ศูนย์การเรียนรู้ย่านมัทรี ข้าวหลามดง Goniothalamus laoticus (Finet & Gagnep.) ANNONACEAE จ�ำปีหิน (ชุมพร) นมงัว (ปราจีนบุรี) ชื่อวิทยาศาสตร์ ชื่อวงศ์ ชื่ออื่น ๆ 63 โครงการอนุรักษ์พันธุกรรมพืชอันเนื่องมาจากพระราชด�ำริ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี (อพ.สธ.)
ลักษณะทั่วไป ไม้ต้น สูงถึง 14 เมตร เปลือกสีน�้ำตาลอ่อน ค่อนข้างหยาบ ใบ ประกอบแบบขนนกปลายคู่ เรียงสลับ มีใบย่อย 5 - 9 ใบ เรียงสลับ แผ่นใบย่อยรูปรี หรือรูปไข่กลับ ปลายมน หรือกลม โคนสอบแคบ มักเบี้ยว ขอบเรียบ ผิวใบมีขนนุ่ม ดอก สีขาว มีกลิ่นหอมอ่อนๆ แยกเพศ ออกเป็นช่อตามง่ามใบหรือที่ปลายยอด ผล มีครีบ บางคล้ายปีก การขยายพันธุ์ การเพาะเมล็ด ประโยชน์ เปลือกต้นมีสรรพคุณแก้ไข้ ดับพิษร้อน แก้หวัดคัดจมูก แก้ร้อนใน ใบมีสรรพคุณแก้ร้อนใน บริเวณที่พบ ศูนย์การเรียนรู้ย่านมัทรี Zollingeria dongnaiensis Pierre. SAPINDACEAE ขี้มอด (นครราชสีมา ขอนแก่น) ขี้หนอน ชื่อวิทยาศาสตร์ ชื่อวงศ์ ชื่ออื่น ๆ 64 พรรณไม้ในมหาวิทยาลัยราชภัฏนครสวรรค์
ลักษณะทั่วไป ไม้ต้น ใบประกอบแบบขนนกปลายคู่ เรียงเวียน ใบย่อยรูปไข่แกมรูปขอบขนาน ช่อดอกแบบ ช่อแยกแขนงออกที่ปลายกิ่ง ดอกสีเหลือง ผลแบบผลแห้งแตกสองแนว รูปคล้ายทรงกระบอก มีเมล็ดมาก การขยายพันธุ์ การเพาะเมล็ด การปักช�ำกิ่ง ประโยชน์ ดอกอ่อนและใบอ่อนปรุงเป็นอาหารและเป็นยาระบาย บริเวณที่พบ มหาวิทยาลัยราชภัฏนครสวรรค์ , ศูนย์การเรียนรู้ย่านมัทรี ขี้เหล็กบ้าน Senna siamea (Lam.) Irwin & Barneby FABACEAE ขี้เหล็กใหญ่ (ภาคกลาง) ขี้เหล็กแก่น (ราชบุรี) ขี้เหล็กหลวง (ภาคเหนือ) ขี้เหล็กบ้าน (ล�ำปาง สุราษฎร์ธานี) ผักจี้ลี้ (เงี้ยว-แม่ฮ่องสอน) แมะขี้แหละพะโด (กะเหรี่ยง-แม่ฮ่องสอน) ยะหา (มลายู-ปัตตานี) ชื่อวิทยาศาสตร์ ชื่อวงศ์ ชื่ออื่น ๆ 65 โครงการอนุรักษ์พันธุกรรมพืชอันเนื่องมาจากพระราชด�ำริ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี (อพ.สธ.)
ลักษณะทั่วไป ไม้พุ่มขนาดกลาง ส่วนผิวของล�ำต้นนั้นจะเป็นสีเทา ตกกระเป็นดวงสีขาวๆ ใบเดี่ยวและ ใบประกอบแบบขนนกปะปนกัน เรียงสลับ ปลายใบจะเรียวเล็ก ดอกสีขาว มีกลิ่นหอม ออกเป็นช่อตามซอกใบ ผลสีแดงกลม ในผลหนึ่งมีเมล็ดอยู่เพียง 1 เมล็ด เมล็ดกลมสีด�ำ การขยายพันธุ์ การเพาะเมล็ด การปักช�ำกิ่ง ประโยชน์ เปลือกต้นมีสรรพคุณใช้รักษาฝีภายนอกภายใน ขับพิษและขับน�้ำนม ดอกและผลมีสรรพคุณแก้หิด รากมีสรรพคุณแก้พิษทั้งภายในและภายนอก แก้พิษงู พิษไข้กาฬ แก้โรคผิวหนังพุพอง ขับน�้ำนม บริเวณที่พบ ศูนย์การเรียนรู้ย่านมัทรี Glycosmis pentaphylla (Retz.) DC. RUTACEAE เขยตายแม่ยายชักปรก ลูกเขยตาย ต้นชมชื่น ลูกเขยตายแม่ยายท�ำศพ หญ้ายาง น�้ำเข้า โรคน�้ำเข้า (ใต้) กะรอกน�้ำข้าว ละรอก กะรอกน�้ำ (ชลบุรี) ส้มชื่น ศรีชมชื่น น�้ำข้าวต้น พิษนาคราช พุทธรักษา (สุโขทัย) ประยงค์ใหญ่ (กรุงเทพฯ) มันหมู (ประจวบคีรีขันธ์) เขยตาย ชื่อวิทยาศาสตร์ ชื่อวงศ์ ชื่ออื่น ๆ 66 พรรณไม้ในมหาวิทยาลัยราชภัฏนครสวรรค์
ลักษณะทั่วไป ไม้เถา ล�ำต้นมีหนามโค้งประปราย ใบเดี่ยวออกเรียงสลับ รูปรีกว้าง ปลายใบแหลม โคนใบมนเว้า ตื้นๆ แผ่นใบหนา เส้นแขนงใบออกจากโคน 5 - 7 เส้น ที่โคนกาบใบเป็นรูปหัวใจเว้าลึกโอบรอบล�ำต้น ปลายแหลม มีมือพัน 1 คู่ ดอกออกตามโคน หรือกลางกิ่ง เป็นช่อแบบซี่ร่ม ที่โคนของแก่นช่อดอกมีใบประดับรูปไข่ปลายแหลม เมื่อบานกลีบจะโค้งลง ผลรูปทรงกลม เป็นช่อ เนื้อนุ่ม เมื่อสุกมีสีแดง ภายในมีเมล็ด 1 - 2 เมล็ด เมล็ดสีแดงเข้ม การขยายพันธุ์ การเพาะเมล็ด การแยกเหง้า ประโยชน์ รากเหง้าปรุงเป็นยาแก้ต่อมน�้ำเหลืองภายใน และปรุงเป็น ยาแก้ฝีภายใน บริเวณที่พบ ศูนย์การเรียนรู้ย่านมัทรี เขือง Smilax perfoliata Lour. SMILACACEAE ก�ำลังควายถึง (ภาคกลาง) ก้ามกุ้ง (อุตรดิตถ์) เครือเถา เดาน�้ำ สะเดา (เชียงใหม่) เขือง (ภาคอีสาน) เขืองปล้องสั้น (นครราชสีมา) ชื่อวิทยาศาสตร์ ชื่อวงศ์ ชื่ออื่น ๆ 67 โครงการอนุรักษ์พันธุกรรมพืชอันเนื่องมาจากพระราชด�ำริ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี (อพ.สธ.)
ลักษณะทั่วไป เป็นไม้พุ่มขนาดเล็ก สูง 2 - 3 เมตร แตกกิ่งน้อย ตามซอกใบมีหนามแหลม ใบเดี่ยวเรียงสลับ รูปรี ผิวใบเป็นมัน หนาแข็ง เส้นใบเห็นไม่เด่นชัด ขอบใบจักละเอียด ดอกเดี่ยว ออกที่ปลายยอด กลีบดอกบาง สีขาว มีเกสรเพศผู้เส้นเล็กเป็นกระจุกสีเหลืองตรงกลางดอก เมื่อบานมีเส้นผ่าศูนย์กลาง 6 - 8 ซม. ไม่ติดผล การขยายพันธุ์ การตอนกิ่ง ประโยชน์ ปลูกเป็นไม้ประดับ บริเวณที่พบ ศูนย์การเรียนรู้ย่านมัทรี Oncoba spinosa Forssk. FABACEAE ทะโล้ เมี่ยง เมี่ยงหลวง ไข่ดาว ชื่อวิทยาศาสตร์ ชื่อวงศ์ ชื่ออื่น ๆ 68 พรรณไม้ในมหาวิทยาลัยราชภัฏนครสวรรค์
ลักษณะทั่วไป ไข่เน่าเป็นไม้ยืนต้นขนาดกลาง ใบประกอบแบบนิ้วมือเรียงตรงข้าม ใบย่อยรูปไข่กลับแกมวงรี หรือรูปหอกใบกลับ ดอกช่อออกที่ซอกใบ กลีบดอกสีม่วงอ่อน มีขนละเอียด ผลสดรูปไข่หรือรูปไข่กลับ เมื่อสุก สีม่วงด�ำ การขยายพันธุ์ การเพาะเมล็ด การตอนกิ่ง ประโยชน์ รากและเปลือกต้นมีสรรพคุณแก้ท้องเสีย ขับพยาธิ เจริญอาหาร แก้โรคเบาหวาน แก้บิด แก้ไข้ บริเวณที่พบ ศูนย์การเรียนรู้ย่านมัทรี ไข่เน่า Vitex glabrata R. Br. LAMIACEAE ขี้เห็น (อุบลราชธานี เลย) คมขวาน ฝรั่งโคก (ภาคกลาง) ชื่อวิทยาศาสตร์ ชื่อวงศ์ ชื่ออื่น ๆ 69 โครงการอนุรักษ์พันธุกรรมพืชอันเนื่องมาจากพระราชด�ำริ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี (อพ.สธ.)
ลักษณะทั่วไป ไม้ต้นขนาดกลาง สูง 20 เมตร ล�ำต้นสีเทา ใบประกอบแบบขนนกปลายคี่ เรียงสลับ รูปไข่ โคนใบมน ปลายใบเป็นติ่ง แผ่นใบบาง ดอกสีขาว ออกเป็นช่อกระจุกแยกแขนงที่ปลายกิ่ง กลีบเลี้ยง 5 กลีบ สีน�้ำตาลอมม่วง กลีบดอก 5 กลีบ ผลแห้งแตก มีครีบ 3 ครีบตามยาว เมล็ดสีด�ำมีขนสีน�้ำตาล พบขึ้นทั่วไป ตามป่าดิบแล้ง การขยายพันธุ์ การเพาะเมล็ด การปักช�ำกิ่ง ประโยชน์ เปลือกแก้พุพอง น�้ำเหลืองเสีย โรคผิวหนัง เปื่อยเน่า แก้ร้อนใน เจริญอาหาร บริเวณที่พบ ศูนย์การเรียนรู้ย่านมัทรี Arfeuillea arborescens Pierre SAPINDACEAE ช้างเผือก (ล�ำปาง) สมุยกุย (นครราชสีมา) ตะไล (ราชบุรี) ตะไลคงคา (ชัยนาท) คงคาเลือด หมากเล็กหมากน้อย (ภาคกลาง) คงคาเดือด ชื่อวิทยาศาสตร์ ชื่อวงศ์ ชื่ออื่น ๆ 70 พรรณไม้ในมหาวิทยาลัยราชภัฏนครสวรรค์
ลักษณะทั่วไป ไม้พุ่มแกมเถา กิ่งก้านมีหนาม ใบประกอบแบบขนนกเรียงสลับ ใบย่อยเป็นรูปไข่ ขอบใบหยัก ใบอ่อนมีสีแดง ดอกช่อออกเป็นกระจุกที่ซอกใบ กลีบดอกด้านนอกสีแดงแกมม่วง ด้านในสีนวล ดอกมีสีขาว ผลกลมและฉ�่ำน�้ำ การขยายพันธุ์ การเพาะเมล็ด การปักช�ำกิ่ง ประโยชน์ รากและต้นมีสรรพคุณแก้ไข้ แก้บวม แก้บิด แก้ท้องร่วง ขับลม สมานบาดแผล แก้ปวดเมื่อย แก้ร้อนใน ขับโลหิต เปลือกมีสรรพคุณแก้ไข้ แก้บิด แก้ท้องร่วง ใบมีสรรพคุณแก้ปวด ดอกมีสรรพคุณแก้พิษแมลงต่อย บริเวณที่พบ ศูนย์การเรียนรู้ย่านมัทรี คนทา Harrisonia perforata Merr. RUTACEAE ขี้ต�ำตา (เชียงใหม่) หนามกะแท่ง (เลย) โกทา หนามโกทา (ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ) คนทา (ภาคกลาง) กะลันทา สีฟัน สีฟันคนทา สีฟันคนตาย ชื่อวิทยาศาสตร์ ชื่อวงศ์ ชื่ออื่น ๆ 71 โครงการอนุรักษ์พันธุกรรมพืชอันเนื่องมาจากพระราชด�ำริ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี (อพ.สธ.)
ลักษณะทั่วไป ไม้ต้นผลัดใบ เรือนยอดแผ่กว้าง พุ่มใบห้อยลง กิ่งก้านมีหนามโค้ง ยอดและใบอ่อนมีขนนุ่มสีเหลือง เปลือกสีเทาอมน�้ำตาล แตกเป็นร่องลึก ใบเดี่ยวเรียงสลับ รูปรี หรือรูปไข่ ปลายใบแหลม โคนใบรูปลิ่ม ขอบใบ เรียบ ใต้ใบมีขนละเอียด ดอกสีขาว ออกเป็นช่อซี่ร่มตามปลายกิ่ง กลีบเลี้ยง 4 กลีบ รูปรีกว้าง และโค้งสีขาว มีขน ที่กลีบนอก กลีบดอก 4 กลีบ รูปไข่กลับ มีเกสรเพศผู้จ�ำนวนมาก ผลสดแบบมีเนื้อ ทรงกลมผิวเรียบ ผลแก่สีม่วง อมชมพูมี 1 - 6 เมล็ด การขยายพันธุ์ การเพาะเมล็ด ประโยชน์ น�ำทั้งต้นผสมหญ้าข้าวก�่ำทั้งต้น ต้มน�้ำดื่ม บ�ำรุง โลหิต บริเวณที่พบ ศูนย์การเรียนรู้ย่านมัทรี Capparis grandis L. f. CAPPARACEAE การบูร ผักคราดหัวแหวน ระงับ สาบแร้ง ค้อนกลอง ชื่อวิทยาศาสตร์ ชื่อวงศ์ ชื่ออื่น ๆ 72 พรรณไม้ในมหาวิทยาลัยราชภัฏนครสวรรค์
ลักษณะทั่วไป ไม้ต้นขนาดเล็ก สูง 4 - 5 เมตร ใบเดี่ยว เรียงสลับ รูปไข่ โคนใบมน ปลายใบแหลม ขอบใบเป็นคลื่น ผิวใบสากคายมือ ดอกสีแดงอมส้ม ออกเป็นช่อกระจะที่ปลายกิ่ง โคนกลีบดอกเชื่อมติดกัน ปลายแยกเป็น 6 กลีบ ปลายกลีบโค้งมน กลีบบางและย่น ผลสีเขียวอมเหลือง รูปค่อนข้างกลม ปลายเรียวแหลม การขยายพันธุ์ การเพาะเมล็ด การปักช�ำกิ่ง การตอนกิ่ง ประโยชน์ ทุกส่วนของต้นเป็นยาแก้โรคเกี่ยวกับล�ำไส้ โรคกระเพาะ อาหารและหลอดลม โดยต�ำรายาแผนไทย ใช้ต้มน�้ำดื่ม เมล็ดลดอาการระคายเคือง และลดไข้ บริเวณที่พบ มหาวิทยาลัยราชภัฏนครสวรรค์ , ศูนย์การเรียนรู้ย่านมัทรี คอร์เดีย Cordia sebestena L. APOCYNACEAE หมันแดง ชื่อวิทยาศาสตร์ ชื่อวงศ์ ชื่ออื่น ๆ 73 โครงการอนุรักษ์พันธุกรรมพืชอันเนื่องมาจากพระราชด�ำริ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี (อพ.สธ.)
ลักษณะทั่วไป ไม้ต้นผลัดใบ โคนเป็นพูพอน เปลือกเรียบสีเทาอมน�้ำตาล ใบประกอบแบบขนนกสองชั้นปลายคู่ เรียงสลับ ใบย่อยรูปขอบขนาน และรูปเคียว 15 - 25 คู่เรียงตรงข้าม ปลายใบแหลมหรือมน โคนใบเบี้ยว ขอบใบ เรียบ ดอกสีขาว มีกลิ่นหอม ออกเป็นช่อแบบช่อกระจุกแน่นมี 10 - 15 ช่อ ผลเป็นฝักแห้งแตก ลักษณะแบน สีน�้ำตาลเข้ม ผิวเกลี้ยง เมล็ดนูนเรียงตามขวางหลายเมล็ด การขยายพันธุ์ การเพาะเมล็ด ประโยชน์ ใบมีสรรพคุณ แก้ไอ ดอกแก้ปวดตามแผล แก้ฟกช�้ำบวม เปลือกไม้ใช้ย้อมให้สีแดง บริเวณที่พบ ศูนย์การเรียนรู้ย่านมัทรี Albizia lebbeckoides Benth. FABACEAE กาง ก๋าง ข่าง คาง คางแดง จามจุรีดง จามจุรีป่า คาง ชื่อวิทยาศาสตร์ ชื่อวงศ์ ชื่ออื่น ๆ 74 พรรณไม้ในมหาวิทยาลัยราชภัฏนครสวรรค์
ลักษณะทั่วไป ไม้ยืนต้น ผลัดใบในช่วงสั้นๆ ก่อนออกดอก สูง 7-15 เมตร ทรงพุ่มกลมและโปร่ง แตกกิ่งน้อย กิ่งอ่อนเป็นรูปสี่เหลี่ยม และมีขน เปลือกสีเทาเข้มเรียบ ใบออกเป็นกระจุกที่ปลายยอด เป็นใบเดี่ยว เรียงตรงข้าม ดอกเดี่ยว ออกที่ซอกใบ หรือตามปลายยอด ผลสด มีเนื้อสีเขียวเข้ม เมื่อแก่เปลี่ยนเป็นสีด�ำ รูปกระสวยแกม ไข่กลับ การขยายพันธุ์ การเพาะเมล็ด ประโยชน์ เมล็ด ต้มน�้ำผสมเป็นยาสระผม ฆ่าเหา แก่นผสมกับแก่นมะพอก ต้มรวมกันให้หญิงอยู่ไฟอาบและใช้สระผม บริเวณที่พบ ศูนย์การเรียนรู้ย่านมัทรี ค�ำมอกหลวง Gardenia sootepensis Hutch. RUBIACEAE แสลงหอมไก๋ หอมไก๋ (ล�ำปาง) ไข่เน่า (นครพนม) ผ่าด้าม ยางมอกใหญ่ (นครราชสีมา) ค�ำมอกช้าง (ภาคเหนือ) ชื่อวิทยาศาสตร์ ชื่อวงศ์ ชื่ออื่น ๆ 75 โครงการอนุรักษ์พันธุกรรมพืชอันเนื่องมาจากพระราชด�ำริ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี (อพ.สธ.)
ลักษณะทั่วไป ไม้ต้น สูงได้ถึง 30 เมตร กิ่งก้านมีขนละเอียดสีน�้ำตาล ใบเดี่ยว เรียงสลับ รูปใบหอกหรือรูปไข่กลับ ดอกช่อ ออกเป็นกระจุกที่ซอกใบ กลีบดอกสีขาว ผลแห้ง แตกได้ รูปไข่มีขนละเอียดสีน�้ำตาล เมล็ดสีด�ำมีเยื่อหุ้ม สีแดงสด การขยายพันธุ์ การเพาะเมล็ด ประโยชน์ กิ่งก้านและต้น ต้มน�้ำดื่มแก้ปวดท้องเกร็ง แก้ท้องอืดท้องเฟ้อ ช่วยเจริญอาหาร ผสมต้นพลับพลา ก�ำแพงเจ็ดชั้น ต้นสบู่ขาว ต้นพลองเหมือด และแก่นจ�ำปา ต้มน�้ำดื่มแก้หืด เปลือกต้น และแก่น ต้มน�้ำดื่มแก้ไตพิการ (โรคเกี่ยวกับระบบทางเดินปัสสาวะ มีปัสสาวะขุ่นข้น เหลืองหรือแดง มักมีอาการแน่นท้อง กินอาหารไม่ได้) บริเวณที่พบ ศูนย์การเรียนรู้ย่านมัทรี Ellipanthus tomentosus Kuze var. tomentosus CONNARACEAE หมาตายทากลาก ห�ำฟาน (เชียงใหม่) อุ่นขี้ไก่ (ล�ำปาง) ตานนกกดน้อย ประดงเลือด (สุโขทัย) กะโรงแดง ค�ำรอก ช้างน้าว จันนกกด จับนกกรด (นครราชสีมา) ตานนกกดน้อย (สุรินทร์) กะโรงแดง ค�ำรอก จันนกกด ช้างน้าว (ราชบุรี) กะโรงแดง หมาตายทากลาก (ภาคตะวันออก) ตานนกกรดตัวเมีย (ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ) ค�ำรอก ชื่อวิทยาศาสตร์ ชื่อวงศ์ ชื่ออื่น ๆ 76 พรรณไม้ในมหาวิทยาลัยราชภัฏนครสวรรค์
ลักษณะทั่วไป ไม้เถาขนาดเล็ก มีกลิ่นเหม็นเขียวเฉพาะ และมียางขาวทั้งต้น ใบเป็นใบเดี่ยวออกเรียงสลับ รูปหอก ปลายแหลมหรือเรียวยาว โคนเว้ารูปหัวใจ ขอบใบเรียบ ผิวเรียบมัน เถาและใบมีขนละเอียดปกคลุม ช่อดอกออก เป็นกระจะตามซอกใบดอกย่อยสีชมพู การขยายพันธุ์ การเพาะกล้าจากเมล็ด การปักช�ำเถา ประโยชน์ ราก แก้ตาฟาง ตาแฉะ ตามัว ดอกขับน�้ำนม แก้ไข้จับสั่น ผลขับน�้ำนม แก้ไข้จับสั่น แก้ริดสีดวง แก้ท้องมาน แก้หืดไอ เถา แก้ซาง แก้ดีรั่ว แก้ธาตุพิการ แก้ท้องเสีย บริเวณที่พบ ศูนย์การเรียนรู้ย่านมัทรี เครือตดหมู ตดหมา Paederia linearis Hook. f. RUBIACEAE ต�ำยานตัวผู้ พังโหม ย่านพาโหม หญ้าตดหมา ชื่อวิทยาศาสตร์ ชื่อวงศ์ ชื่ออื่น ๆ 77 โครงการอนุรักษ์พันธุกรรมพืชอันเนื่องมาจากพระราชด�ำริ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี (อพ.สธ.)
ลักษณะทั่วไป ไม้เถาเลื้อยเนื้อแข็ง แตกกิ่งก้านมาก กิ่งมียางขาว ใบเดี่ยว เรียงตรงข้าม ใบรูปขอบขนาน แกมใบหอก ปลายใบแหลม โคนใบรูปลิ่มถึงมน ขอบใบเรียบ แผ่นใบหนา ดอกแบบช่อแยกแขนง มีกลิ่นหอมเย็น อ่อนๆ ดอกมีขนาดเล็กออกที่ซอกใบ และปลายกิ่ง ดอกย่อยช่อละ 11 - 80 ดอก กลีบดอกสีขาว หรือสีเหลืองนวล ผลเป็นฝักคู่ รูปทรงกระบอกปลายแหลม เมื่อฝักแห้งแตกตะเข็บเดียว เมล็ดสีน�้ำตาล มีขนชูชีพสีขาวเป็นกระจุก ที่ปลายเมล็ดด้านหนึ่ง การขยายพันธุ์ การเพาะเมล็ด ประโยชน์ มีสรรพคุณเป็นสมุนไพรรักษาได้หลายโรค เช่น แก้อาการเลือดออกที่เหงือก อาการชัก แก้บิด ลิ้นอักเสบ ปัสสาวะเป็นเลือด บรรเทาปวดจากแมลงกัด บริเวณ ที่พบ ศูนย์การเรียนรู้ย่านมัทรี Ichnocarpus frutescens R. Br APOCYNACEAE เครือเจ็น (เชียงใหม่) เครือซุด เครือซุดแดง ชัยสง (เลย) เครืออีโม้ เต่าไห้ (ตราด) เถาโก (ประจวบคีรีขันธ์) เถายอดแดง (อ่างทอง) เถาวัลย์แดง หัวขวาน (ชลบุรี) ปอเต่าไห้ (จันทบุรี) หุนน�้ำ (สระบุรี) จามจุรีดง จามจุรีป่า เครือปลาสงแดง ชื่อวิทยาศาสตร์ ชื่อวงศ์ ชื่ออื่น ๆ 78 พรรณไม้ในมหาวิทยาลัยราชภัฏนครสวรรค์
แค ลักษณะทั่วไป ไม้ต้นขนาดเล็ก สูง 3 - 6 เมตร แตกกิ่งก้านสาขามาก เปลือกต้นสีน�้ำตาลปนเทา ขรุขระ แตกเป็น สะเก็ด ใบประกอบแบบขนนก ออกเรียงสลับ ใบย่อยรูปรีขอบขนานปลายใบและโคนใบมน ขอบใบเรียบ แผ่นใบ เรียบ สีเขียว ดอก ออกเป็นช่อตามซอกใบ 2 - 4 ดอก ดอกสีขาวหรือแดง มีกลิ่นหอม ก้านเกสรเพศผู้สีขาว 60 อัน ผล เป็นฝัก ฝักแก่แตกเป็น 2 ซีก เมล็ดกลมแป้น สีน�้ำตาล มีหลายเมล็ด การขยายพันธุ์ การเพาะเมล็ด ประโยชน์ เปลือกมีสรรพคุณแก้โรคบิดมีตัว แก้มูกเลือด แก้ท้องเดิน ท้องร่วง คุมธาตุ ภายนอกใช้ชะล้างบาดแผล ดอก และ ใบรับประทานแก้ไข้เปลี่ยนอากาศ เปลี่ยนฤดู ใบสด รับประทาน ใบแคท�ำให้ระบาย ต�ำละเอียด พอกแก้ช�้ำชอก บริเวณที่พบ มหาวิทยาลัยราชภัฏนครสวรรค์ , ศูนย์การเรียนรู้ย่านมัทรี Sesbania grandiflora (L.) Desv. FABACEAE แค แคบ้านดอกแดง แคขาว (ภาคกลาง) แคแดง (เชียงใหม่) ชื่อวิทยาศาสตร์ ชื่อวงศ์ ชื่ออื่น ๆ 79 โครงการอนุรักษ์พันธุกรรมพืชอันเนื่องมาจากพระราชด�ำริ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี (อพ.สธ.)
แคเขา ลักษณะทั่วไป ไม้ต้น สูง 10 - 20 เมตร ผลัดใบ เรือนยอดเป็นพุ่มกลมทึบ กิ่งอ่อนมีขนแน่น เปลือกเรียบหรือ เกือบเรียบสีเทาหรือสีน�้ำตาล ใบประกอบแบบขนนก ปลายคี่ เรียงเวียนสลับ เรียงตรงข้าม ใบรูปรีแกมรูป ขอบขนาน ใบมนและเบี้ยว แผ่นใบหนา ผิวใบสาก ขอบใบจักถี่ๆ หรือเรียบ ดอกสีเหลืองหม่นๆ และมีสีน�้ำตาล แดงที่โคนหลอด กลีบเลี้ยงโคนเชื่อมติดกันแยกออกเป็นรูปกาบรองดอก มีขนหนาแน่น กลีบดอกโคนเชื่อมติดกัน เป็นรูประฆังปลายแยก 5 แฉก ผลเป็นผลแห้งแตกแบนคล้ายดาบ ผิวฝักคลุมด้วยขนยาวสีเทาหนาแน่น เมล็ด รูปขอบขนานมีปีก การขยายพันธุ์ การเพาะเมล็ด ประโยชน์ ใบน�ำมาต้มกับน�้ำเป็นยาบ้วนปาก บริเวณที่พบ ศูนย์การเรียนรู้ย่านมัทรี Markhamia stipulata Seem. var. kerrii Sprague BIGNONIACEAE แคหัวหมู ชื่อวิทยาศาสตร์ ชื่อวงศ์ ชื่ออื่น ๆ 80 พรรณไม้ในมหาวิทยาลัยราชภัฏนครสวรรค์
ลักษณะทั่วไป ไม้ต้นขนาดเล็กถึงขนาดกลาง สูงได้ถึง 10 - 20 เมตร ผลัดใบ เปลือกล�ำต้นสีน�้ำตาลอ่อนอมเทา อาจมีจุดด�ำประ ผิวเรียบ หรือล่อนเป็นเกล็ดขนาดเล็ก ล�ำต้นเปลาตรง มักแตกกิ่งต�่ำ ใบประกอบแบบขนนก ชั้นเดียว ปลายคี่ ออกตรงข้าม 3 - 5 คู่ รูปไข่แกมขอบขนาน ปลายแหลม โคนใบเบี้ยว ขอบใบหยักแบบซี่ฟันตื้นๆ ผิวใบด้านล่างมีขนสั้นประปรายบนก้านใบ ดอกเป็นดอกช่อแบบช่อกระจะสั้น ดอกใหญ่ รูปแตร สีขาว กลิ่นหอม ผลเป็นฝัก ช่อละ 3 - 4 ฝัก แบน รูปขอบขนาน โค้ง บิดเป็นเกลียว การขยายพันธุ์ การเพาะเมล็ด การปักช�ำกิ่ง ประโยชน์ ราก มีรสหวานเย็น แก้เสมหะและลม บ�ำรุงโลหิต เปลือกต้น มีรสหวานเย็น แก้ท้องอืดท้องเฟ้อ ใช้กับสตรีหลังคลอด ใบ มีรสเย็น ใช้ต�ำพอกแผล หรือต้มน�้ำบ้วนปาก ดอก มีรสหวานเย็น ใช้ขับเสมหะ โลหิต และลม ขับผายลม เมล็ด รสหวานเย็น แก้อาการปวดประสาท แก้โรคชัก บริเวณที่พบ มหาวิทยาลัยราชภัฏ นครสวรรค์ , ศูนย์การเรียนรู้ย่านมัทรี แคนา Dolichandrone serrulata (DC.) Seem. BIGNONIACEAE แคป่า แคขาว แคเค็ตถวา (เชียงใหม่) แคทราย (นครราชสีมา) แคแน แคฝอย (ภาคเหนือ) แคภูฮ่อ (ล�ำปาง) แคยอดด�ำ (สุราษฎร์ธานี) แคยาว แคอาว (ปราจีนบุรี) ชื่อวิทยาศาสตร์ ชื่อวงศ์ ชื่ออื่น ๆ 81 โครงการอนุรักษ์พันธุกรรมพืชอันเนื่องมาจากพระราชด�ำริ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี (อพ.สธ.)
ลักษณะทั่วไป ไม้ยืนต้นขนาดกลาง สูง 15 - 20 เมตร เรือนยอดเป็นพุ่มกลมค่อนข้างทึบ เปลือกล�ำต้น สีน�้ำตาลเข้ม แตกเป็นร่องตามยาว ใบเป็นใบประกอบแบบขนนกปลายคี่ ยาวประมาณ 30 - 45 ซม. ใบย่อย มี 4 - 9 คู่ รูปรีถึงรูปไข่ ขอบใบเป็นริ้วเล็กน้อย ปลายใบแหลมและมักจะงุ้มลง มีขนเล็กน้อย มีขนาดยาว 5 - 12 ซม. กว้าง 2 - 5 ซม. ดอกเป็นช่อตั้ง ออกที่ปลายกิ่ง ดอกย่อยมีจ�ำนวนมาก โคนกลีบดอกติดกัน ปลายแผ่ เป็นรูปแตร ปลายแยกเป็น 4 - 5 กลีบ กลีบดอกยับย่น สีส้มแสดถึงสีแดงแสด ดอกทยอยบาน ร่วงง่าย ผลแก่ สีน�้ำตาลด�ำ ผลแก่จะแตกเป็นด้านเดียวเมล็ดเล็กแบนมีปีก การขยายพันธุ์ การเพาะเมล็ด การปักช�ำกิ่ง ประโยชน์ เปลือกรักษาแผล โรคผิวหนัง แผลเรื้อรัง แก้บิด ใบและดอก ใช้พอกแผล ดอก ใช้รักษาแผลเรื้อรัง บริเวณที่พบ มหาวิทยาลัยราชภัฏนครสวรรค์ , ศูนย์การเรียนรู้ย่านมัทรี Spathodea campanulata Beauv. BIGNONIACEAE แคแดง (กรุงเทพฯ) ยามแดง แคแสด ชื่อวิทยาศาสตร์ ชื่อวงศ์ ชื่ออื่น ๆ 82 พรรณไม้ในมหาวิทยาลัยราชภัฏนครสวรรค์
ลักษณะทั่วไป ไม้ต้นขนาดเล็กถึงกลาง ล�ำต้นมักคดงอ เรือนยอดเป็นพุ่มกลมทึบ เปลือกในสีเหลืองเรื่อๆ เปลือก นอกสีเทาค่อนข้างเรียบ ตามกิ่งอ่อนมีขนสีน�้ำตาล และมีช่องระบายอากาศ ใบประกอบแบบขนนกปลายคี่ มี 1 - 4 คู่ ออกตรงข้ามกัน โคนใบมนและมักเบี้ยว ปลายใบมนหรือเป็นติ่งแหลมสั้นๆ เนื้อใบหนา ด้านบนใบ เกลี้ยง ด้านล่างใบมีขนสากๆทั่วไป ดอกโตสีเหลืองอ่อน ออกเป็นช่อใหญ่ตามปลายกิ่ง กลีบรองดอกรูปถ้วย กลีบดอกเป็นหลอดช่วงบนขยายกว้าง เป็นริ้วๆ ฝักรูปทรงกระบอก โต มีสันเป็นเส้นตามยาว 5 สัน และมีขน สีน�้ำตาลแดงทั่วไป ฝักแก่แตกตามรอยประสาน เมล็ดแบน มีเยื่อบางๆคล้ายปีก การขยายพันธุ์ การพาะเมล็ด การปักช�ำกิ่ง ประโยชน์ ดอกใช้เป็นอาหารได้ และฝักอ่อนน�ำมาย่างไฟลดความขมหรือต้มรับประทานเป็นผัก จิ้มน�้ำพริก เปลือกแก้ท้องอืด ท้องเฟ้อ ใบรักษาแผลสด แผลไฟไหม้ น�้ำร้อนลวก รักษาโรคผิวหนัง เมล็ดแก้ขัด บ�ำรุงโลหิต ขับเสมหะ บริเวณที่พบ ศูนย์การเรียนรู้ย่านมัทรี แคหางค่าง Fernandoa adenophylla (Wall. ex G. Don) Steenis BIGNONIACEAE แคบิด แคร้าว แคลาว (เลย) แฮงป่า (จันทบุรี) แคพอง (สุราษฎ์ธานี) แคหัวหมู (นครราชสีมา) แคขน (ภาคเหนือ) แคหางค่าง (ภาคกลาง) ชื่อวิทยาศาสตร์ ชื่อวงศ์ ชื่ออื่น ๆ 83 โครงการอนุรักษ์พันธุกรรมพืชอันเนื่องมาจากพระราชด�ำริ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี (อพ.สธ.)
ลักษณะทั่วไป ไม้เถาเลื้อยขนาดเล็ก ใบประกอบแบบขนนก มีใบย่อย 3 ใบ เรียงสลับ รูปใบหอก โคนใบมน ปลายใบแหลม ขอบใบจักเว้าลึก ดอกสีขาว ขนาดเท่าเมล็ดถั่วเขียว ออกดอกเป็นช่อขนาดเล็กช่อละ 3 - 4 ดอก ก้านช่อดอกยาวมาก ใต้ก้านดอกมีมือเกาะ 2 เส้น กลีบเลี้ยงสีเขียว 4 กลีบ กลีบดอก 4 กลีบ ผลแห้งแตก สีเขียว อมเหลือง เป็น 3 พูพองลม ภายในมีเมล็ด 1 - 3 เมล็ด การขยายพันธุ์ การเพาะเมล็ด ประโยชน์ ต้นหรือเถา รักษา อาการไข้จับ ดับพิษทั้งปวง บริเวณที่พบ ศูนย์การเรียนรู้ย่านมัทรี Cardiospermum halicacabum L. SAPINDACEAE ตุ้มต้อก (แพร่) วิวี่ วี่หวี่ (ปราจีนบุรี) โพออม โพธิ์ออม (ปัตตานี) เครือผักไล่น�้ำ ลูกลีบเครือ (ภาคเหนือ) กะดอม โคกกระออม (ภาคกลาง) โคกกระออม ชื่อวิทยาศาสตร์ ชื่อวงศ์ ชื่ออื่น ๆ 84 พรรณไม้ในมหาวิทยาลัยราชภัฏนครสวรรค์
ลักษณะทั่วไป ไม้ต้นขนาดเล็กถึงขนาดกลาง ไม่ผลัดใบ เรือนยอดแผ่กว้างพุ่มใบทึบ แตกกิ่งต�่ำ กิ่งอ่อน เกลี้ยง เปลือกเรียบหรือหยาบเล็กน้อยสีน�้ำตาลปนเทา ใบเดี่ยว เรียงเวียนสลับ ใบรูปรีถึงรูปใบหอก กว้าง 1.5 - 5.5 ซม. ยาว 7 - 19 ซม. ปลายใบเว้าตื้น โคนใบสอบ ผิวใบด้านบนเกลี้ยง ผิวใบด้านล่างมีขน ประปราย ในช่วงที่เป็นใบอ่อน ใบหนา ดอกสีขาว มีกลิ่นหอม ออกเป็นช่อแบบช่อกระจะห้อยลง ออกตาม ซอกใบใกล้ปลายกิ่ง ช่อดอกยาว 6 - 10 ซม. กลีบเลี้ยง 5 กลีบ รูปใบหอกสีขาวอมเหลือง กลีบดอก 5 กลีบ รูปไข่กลับ มีขนประปรายทั้งสองด้าน โคนกลีบดอกด้านในมีกลุ่มขนเรียงตัวเป็นสองแถว ปลายกลีบเป็นริ้ว ละเอียด ดอกบานเต็มที่กว้าง 2 - 2.5 ซม. ผลสดเเบบมีเนื้อ รูปทรงกระสวยหรือรูปรี กว้าง 1.5 - 2 ซม. ยาว 3 - 4 ซม. เมล็ดรูปกระสวย มีเมล็ดเดียว การขยายพันธุ์ การเพาะเมล็ด และการตอนกิ่ง ประโยชน์ ปลูกเป็น ไม้ประดับ บริเวณที่พบ ศูนย์การเรียนรู้ย่านมัทรี ไคร้ย้อย Elaeocarpus grandiflorus J. E. Sm. ELAEOCARPACEAE จิก ดอกปีใหม่ แต้วน�้ำ สารภีน�้ำ ชื่อวิทยาศาสตร์ ชื่อวงศ์ ชื่ออื่น ๆ 85 โครงการอนุรักษ์พันธุกรรมพืชอันเนื่องมาจากพระราชด�ำริ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี (อพ.สธ.)
ลักษณะทั่วไป ไม้พุ่มหรือไม้ต้น มีหนามตรงหรือโค้งเล็กน้อย ใบเดี่ยวเรียงสลับ รูปไข่ หรือรูปรี ดอกสีเหลือง ออกดอกเดี่ยวตามง่ามใบ กลีบเลี้ยง 4 กลีบ กลีบดอก 4 กลีบ รูปไข่กลับ เกสรเพศผู้ 6 - 12 อัน สีค่อนข้าง เหลือง ก้านชูเกสรเพศเมียโค้ง ผลแบบผลมีเนื้อ มีหนึ่งถึงหลายเมล็ด ผลรูปรีค่อนข้างกลม ปลายเป็นติ่งแหลม ผิวตะปุ่มตะป�่ำ มีขนสีเทา เมล็ดมีเนื้อสีเหลืองหุ้ม การขยายพันธุ์ การเพาะเมล็ด ประโยชน์ ใบมีสรรพคุณเป็น ยาขับลม เนื้อไม้ป่นเป็นผงท�ำเป็นควันใช้สูดดมแก้อาการวิงเวียนศีรษะ บริเวณที่พบ ศูนย์การเรียนรู้ย่านมัทรี Capparis flavicans Kurz CAPPARACEAE วัวเลีย (อุบลราชธานี) งวงช้าง (อุดรธานี) งัวเลีย (ขอนแก่น) หนามนมวัว โกโรโกโส หนามเกาะไก่ (นครราชสีมา) ทะลุ่มอิด ตะลุ่มอิฐ (นครสวรรค์) ก่อทิง ก่อทิ้ง (ชัยภูมิ) ไก่ให้ ไก่ไห้ (พิษณุโลก) กระโปรงแจง กะโปงแจง (สุโขทัย) กะอิด (ราชบุรี) ตะครอง (นครศรีธรรมราช) ค้อนก้อง (ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ) กระจิก (ภาคกลาง) งัวเลีย ชื่อวิทยาศาสตร์ ชื่อวงศ์ ชื่ออื่น ๆ 86 พรรณไม้ในมหาวิทยาลัยราชภัฏนครสวรรค์
ลักษณะทั่วไป ไม้ต้นผลัดใบ เปลือกสีเทา มีหนามแหลมตามล�ำต้นและกิ่งก้าน กิ่งอ่อนอวบ และมีรอยแผล ปรากฎอยู่ ใบประกอบแบบนิ้วมือ มีใบย่อย 5 - 7 ใบ ปลายใบเรียวแหลม โคนใบสอบ มีขนที่ผิวใบด้านล่าง ดอก เป็นดอกเดี่ยวสีขาว กลีบเลี้ยงเป็นรูปถ้วยแข็ง กลีบดอกมี 5 กลีบ เมื่อบานปลายกลีบจะพับออกด้านนอก มีเกสร สีขาวจ�ำนวนมาก ผลแห้งแตกเป็นทรงกระสวย หรือทรงกระบอก ผิวแข็ง มีพูยาว 5 พู เมล็ดกลมเล็ก สีด�ำ มีจ�ำนวนมาก ห่อหุ้มด้วยปุยฝ้ายสีขาวฟู การขยายพันธุ์ การเพาะเมล็ด ประโยชน์ ดอกมีสรรพคุณรักษาแผล น�้ำร้อนลวก ผลให้ใยฝ้ายส�ำหรับท�ำหมอนและที่นอน บริเวณที่พบ ศูนย์การเรียนรู้ย่านมัทรี ง้าว Bombax anceps Pierre var. cambodiense Robyns BOMBACACEAE งิ้วป่า (ภาคใต้) ง้าวป่า นุ่นป่า (ภาคกลาง) งิ้วดอกขาว งิ้วผา (ภาคเหนือ) ชื่อวิทยาศาสตร์ ชื่อวงศ์ ชื่ออื่น ๆ 87 โครงการอนุรักษ์พันธุกรรมพืชอันเนื่องมาจากพระราชด�ำริ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี (อพ.สธ.)
ลักษณะทั่วไป ไม้ยืนต้นขนาดกว้างถึงขนาดใหญ่ ใบเป็นใบประกอบแบบนิ้วมือมีใบย่อยประมาณ 3 - 7 ใบ เรียง สลับกัน ลักษณะของใบเป็นรูปรีถึงรูปไข่ ปลายใบเรียวแหลม โคนใบสอบเรียว ส่วนขอบใบเรียบ ดอกเป็นดอก เดี่ยว ออกตามปลายกิ่งหรือตามปลายยอด ดอกมีขนาดใหญ่สีชมพูแกมเลือดหมู สีแดง สีแสด ผลมีลักษณะยาวรี คล้ายฝักรูปทรงกระบอก ที่ปลายทั้งสองข้างของผลจะแหลม ผลเมื่ออ่อนเป็นสีเขียว เมื่อแก่จะเป็นสีน�้ำตาล ใน ผลมีเส้นหรือปุยสีขาวและมีเมล็ดขนาดเล็กจ�ำนวนมาก ลักษณะเป็นรูปทรงกลมสีด�ำ และถูกห่อหุ้มด้วยปุยฝ้าย สีขาวๆ การขยายพันธุ์ การเพาะเมล็ด ประโยชน์ รากใช้เป็นยาบ�ำรุงก�ำลัง ดอกแห้งใช้ท�ำเป็นยาแก้พิษไข้ หนาม มีสรรพคุณแก้ไข้ ลดความร้อน ดับพิษร้อน ผลอ่อนใช้บ�ำบัดรักษาแผลเรื้อรังในไต ดอกและรากมีสรรพคุณ ช่วย ห้ามเลือด บริเวณที่พบ ศูนย์การเรียนรู้ย่านมัทรี Bombax ceiba L. BOMBACACEAE งิ้วบ้าน (ทั่วไป) งิ้วแดง (กาญจนบุรี) งิ้วปง งิ้วปกแดง สะเน้มระกา (ชอง-จันทบุรี) งิ้ว ชื่อวิทยาศาสตร์ ชื่อวงศ์ ชื่ออื่น ๆ 88 พรรณไม้ในมหาวิทยาลัยราชภัฏนครสวรรค์
ลักษณะทั่วไป เป็นไม้พุ่มสูง 3 - 5 เมตร ล�ำต้นมีขนาดเล็ก มี การแตกหน่อ มองดูเป็นกอเหมือนกอไผ่ ล�ำต้น แข็งเหนียว คล้ายหวาย ใบมีแผ่นใบหยาบๆ สีน�้ำตาลเข้มคลุมบาง ๆ ใบเป็นใบประกอบ รูปฝ่ามือ มีใบย่อย 8 - 10 ใบ สีเขียวเป็นมัน แผ่เป็นครึ่งวงกลม ก้านใบเรียบเป็นมัน ปลายใบทู่ ดอกช่อ ออกตามซอกใบบริเวณปลายยอด ดอกเป็นช่อ ออกตามยอดระหว่างทางใบ ดอกไม่สมบูรณ์เพศแยกกันอยู่คนละต้น ดอกเพศเมียจะมีผลติด เป็น พวงสั้นๆ ผล ขนาดเล็กกลม สีเขียวอ่อนอมเหลือง เมื่อแก่สีคล�้ำและมีสีชมพูอ่อนๆ มีเมล็ดเดียว การขยายพันธุ์ การเพาะเมล็ด การแยกหน่อ ประโยชน์ ปลูกเป็นไม้ประดับ บริเวณที่พบ มหาวิทยาลัยราชภัฏนครสวรรค์ , ศูนย์ การเรียนรู้ย่านมัทรี จั๋งจีน Rhapis humilis Blume ARECACEAE จั๋งเชียงใหม่ ชื่อวิทยาศาสตร์ ชื่อวงศ์ ชื่ออื่น ๆ 89 โครงการอนุรักษ์พันธุกรรมพืชอันเนื่องมาจากพระราชด�ำริ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี (อพ.สธ.)
ลักษณะทั่วไป ไม้ต้นขนาดกลาง สูง 10 - 20 เมตร ผลัดใบ แต่ผลิใบใหม่ไว เรือนยอดพุ่มกลมทึบหรือรูปไข่ ล�ำต้น เปลาตรง เปลือกสีด�ำแตกเป็นสะเก็ดทั่วไป ใบเดี่ยว เรียงสลับ ใบรูปขอบขนานหรือรูปรีแกมรูปขนาน ปลายใบ สอบทู่หรือแหลม โคนใบมนหรือสอบแคบ ใบมีขนประปราย ขอบใบหยัก ดอกเพศผู้และเพศเมียต่างต้นกัน ดอก เพศผู้ สีครีมออกเป็นช่อเล็กๆ ประมาณ 3 ดอก กลีบเลี้ยงและกลีบดอกมี 5 กลีบ ส่วนต่างๆมีขนสีน�้ำตาลแดง ดอกเพศเมียมีสีขาวหรือครีม ออกเป็นดอกเดี่ยวตามกิ่งเล็กๆ ดอกมีลักษณะเช่นเดียวกับดอกเพศผู้แต่มีขนาดใหญ่ กว่า รังไข่ป้อม ผลสดแบบมีเนื้อหลายเมล็ด ทรงกลมหรือแป้น สุกสีเหลืองนวล ผิวผลเกลี้ยง จุกผลมีกลีบไม่เชื่อม ติดกัน ปลายกลีบโค้งกลับ ขอบกลีบไม่เป็นคลื่นและพื้นกลีบไม่จีบ เมล็ดสีน�้ำตาล การขยายพันธุ์ การเพาะเมล็ด ประโยชน์ ผลสุกรับประทานได้ มีรสหวานและมีกลิ่นหอม แก้อาการนอนไม่หลับ กระวนกระวาย บริเวณที่พบ มหาวิทยาลัยราชภัฏนครสวรรค์ , ศูนย์การเรียนรู้ย่านมัทรี Diospyros decandra Lour. EBENACEAE จันอิน จันโอ จันขาว จันลูกหอม อิน (กลาง) จัน ชื่อวิทยาศาสตร์ ชื่อวงศ์ ชื่ออื่น ๆ 90 พรรณไม้ในมหาวิทยาลัยราชภัฏนครสวรรค์
ลักษณะทั่วไป ไม้ต้นขนาดเล็กถึงขนาดกลาง (สูงประมาณ 5 - 15 เมตร) ต้นค่อนข้างตรง เปลือกเกลี้ยง เรือนยอด เป็นพุ่มรีหรือกว้าง ใบเป็นใบเดี่ยว รูปรียาว สีเขียวเข้ม เรียงตัวแบบเวียนไปตามกิ่งห่างๆ กัน ดอกออกตามกิ่งเป็น ช่อเล็กๆ ทยอยบานครั้งละ 1 - 2 ดอก แต่มักจะมีช่อหลายช่อเป็นกระจุกและเรียงเป็นระยะๆ ตามกิ่ง กลีบเลี้ยง มีขนสีน�้ำตาล กลีบดอกเรียงเวียนซ้อนเกยกันเล็กน้อย ด้านในสีขาวนวลหรืออมชมพู ด้านนอกมีแถบแคบๆ มี ขนละเอียดสีน�้ำตาลอมแดง กลิ่นหอมแรง การขยายพันธุ์ การเพาะเมล็ด ประโยชน์ ดอกมีกลิ่นหอมค่อนข้างแรง มากและสามารถน�ำดอกมาปรุงเป็นยาหอม แก้ลม และบ�ำรุงหัวใจ บริเวณที่พบ ศูนย์การเรียนรู้ย่านมัทรี จันทน์กะพ้อ Vatica diospyroides Symington DIPTEROCARPACEAE เขี้ยวงูเขา (พังงา) จันทน์พอ จันทน์พ้อ (ภาคใต้) ชื่อวิทยาศาสตร์ ชื่อวงศ์ ชื่ออื่น ๆ 91 โครงการอนุรักษ์พันธุกรรมพืชอันเนื่องมาจากพระราชด�ำริ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี (อพ.สธ.)
ลักษณะทั่วไป เป็นไม้พุ่ม สูง 1.5 - 2 เมตร ไม่ผลัดใบ รูปทรงไม่แน่นอน ต้นตรง เปลือกเกลี้ยง สีเทา ใบเดี่ยว ออกเวียนเรียงสลับถี่ที่ปลายยอด ใบเรียวยาว ปลายใบแหลม สีเขียวเข้ม ก้านใบมีกาบหุ้มซ้อนทับกันรอบต้น ดอก ออกเป็นช่อใหญ่ตามซอกใบ กลีบดอก 6 กลีบ ตรงกลางดอกมีจุดสีแดง ดอกสีขาว ฝัก/ผล รูปทรงกลมเล็ก สีเขียว เมื่อสุกสีแดงคล�้ำ เป็นพวงคล้ายผลหมากเล็กๆ การขยายพันธุ์ การเพาะเมล็ด การแยกกอ ประโยชน์ แก่นมี รสขมเย็น ใช้แก้ไออันเกิดจากซางและดี บ�ำรุงหัวใจ แก้เลือดออกตามไรฟัน แก้บาดแผล และใช้เป็นส่วน ผสมในน�้ำยาอุทัย ใช้ท�ำยาหอม ช่วยบ�ำรุงหัวใจ ดับพิษไข้ บริเวณที่พบ มหาวิทยาลัยราชภัฏนครสวรรค์ , ศูนย์ การเรียนรู้ย่านมัทรี Dracaena loureiri Gagnep. ASPARAGACEAE จันทน์ผา (ภาคเหนือ) จันทน์แดง (ภาคกลาง สุราษฎร์ธานี) ลักกะจันทน์ ลักจั่น (ภาคกลาง) จันทร์ผา ลักกะจั่น จันทร์แดง จันทน์ผา ชื่อวิทยาศาสตร์ ชื่อวงศ์ ชื่ออื่น ๆ 92 พรรณไม้ในมหาวิทยาลัยราชภัฏนครสวรรค์
ลักษณะทั่วไป ไม้พุ่ม สูงถึง 5 เมตร ใบเดี่ยว เรียงตรงข้ามสลับตั้งฉาก รูปขอบขนาน โคนใบสอบ ปลายใบ เรียวแหลม ขอบใบเรียบ ผิวใบเป็นมัน ดอกสีขาว มีกลิ่นหอม ออกเป็นช่อกระจุกตามซอกใบใกล้ปลายกิ่ง และ ปลายกิ่ง กลีบเลี้ยงรูปถ้วยสีเขียว กลีบดอกเชื่อมติดกันเป็นหลอดยาวแคบ ปลายแยกเป็น 5 กลีบ รูปขอบขนาน เกสรเพศผู้ 5 อัน ผลเป็นผลสดรูปทรงกลม เมื่อแก่เป็นสีเขียวเข้มอมน�้ำตาล การขยายพันธุ์ การเพาะเมล็ด ประโยชน์ แก่นมีสรรพคุณช่วยรักษาโรคเลือดลม บริเวณที่พบ ศูนย์การเรียนรู้ย่านมัทรี จันทนาใบเล็ก Tarenna wallichii (Hook. f.) Ridl. RUBIACEAE เข็มป่า (นราธิวาส) ยาโรง (มลายู-นราธิวาส) ชื่อวิทยาศาสตร์ ชื่อวงศ์ ชื่ออื่น ๆ 93 โครงการอนุรักษ์พันธุกรรมพืชอันเนื่องมาจากพระราชด�ำริ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี (อพ.สธ.)
ลักษณะทั่วไป ไม้ต้นขนาดใหญ่ สูง 15 - 20 เมตร ผลัดใบ เรือนยอดเป็นพุ่มแผ่กว้าง โคนเป็นพูพอน เปลือก สีน�้ำตาลเทา แตกตามยาว ผิวขรุขระไม่เป็นระเบียบ ใบประกอบแบบขนนกสองชั้น ปลายคู่ เรียงสลับ ใบย่อย 2 - 10 คู่ รูปไข่ ดอกสีชมพู ออกเป็นช่อแบบช่อกระจุกแน่นตามซอกใบ ช่อดอกยาว 3 ซม. กลีบดอกโคนเชื่อม ติดกันเป็นรูปแตร 5 แฉก เกสรเพศผู้สีชมพู ผลเป็นฝักแห้งสีน�้ำตาลแก่ ทรงขอบขนาน ฝักคอดเป็นตอนระหว่าง เมล็ด เมล็ดแบนสีน�้ำตาลเข้มเป็นมัน การขยายพันธุ์ การเพาะเมล็ด ประโยชน์ ใบแก้ปวดแสบปวดร้อน เมล็ด ใช้รักษาโรคผิวหนัง เปลือกสมานแผลในปากและคอ แก้ท้องร่วง บริเวณที่พบ ศูนย์การเรียนรู้ย่านมัทรี Samanea saman (Jacq.) Merr. FABACEAE ก้ามกราม ก้ามกุ้ง ก้ามปู จามจุรี (ภาคกลาง) กิมบี๊ (กระบี่) ฉ�ำฉา สารสา ส�ำสา ลัง (ภาคเหนือ) ตุ๊ดตู่ (ตาก) เส่คุ เส่ดู่ (กะเหรี่ยง-แม่ฮ่องสอน) จามจุรี ชื่อวิทยาศาสตร์ ชื่อวงศ์ ชื่ออื่น ๆ 94 พรรณไม้ในมหาวิทยาลัยราชภัฏนครสวรรค์
ลักษณะทั่วไป ไม้ต้นขนาดกลางถึงขนาดใหญ่ สูง 15 - 30 เมตร ล�ำต้นตรง ทรงพุ่มโปร่งเป็นรูปกรวยคว�่ำ ค่อนข้างโปร่ง แตกกิ่งจ�ำนวนมากที่ยอด เปลือกสีเทาอมขาว มีกลิ่นฉุน ใบเดี่ยว ปลายใบแหลม โคนใบสอบ เนื้อใบบาง ใบอ่อนมีขน ดอกเดี่ยวสีเหลืองอมส้ม ออกตามซอกใบใกล้ปลายกิ่ง ดอกตั้งขึ้น ดอกตูมรูปกระสวย มีแผ่นสีเขียวคลุมอยู่ และจะหลุดไปเมื่อดอกบาน เป็นกลุ่ม ยาว 6 - 9 ซม. ผลย่อยค่อนข้างกลม การขยายพันธุ์ การเพาะเมล็ด การทาบกิ่ง และการตอนกิ่ง ประโยชน์ ดอก บ�ำรุงหัวใจ บ�ำรุงเลือด เปลือกต้น แก้ไข้ บริเวณที่พบ มหาวิทยาลัยราชภัฏนครสวรรค์ , ศูนย์การเรียนรู้ย่านมัทรี จ�ำปา Michelia champaca L. MAGNOLIACEAE จ�ำปากอ (มลายู-ใต้) จ�ำปาเขา จ�ำปาทอง (นครศรีธรรมราช) จ�ำปาป่า (สุราษฎร์ธานี) ชื่อวิทยาศาสตร์ ชื่อวงศ์ ชื่ออื่น ๆ 95 โครงการอนุรักษ์พันธุกรรมพืชอันเนื่องมาจากพระราชด�ำริ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี (อพ.สธ.)
ลักษณะทั่วไป ไม้ต้นสูง 5 - 10 เมตร ใบเป็นใบเดี่ยวเรียงแบบสลับ ใบรูปไข่แกมรูปหอก ยาว 15 - 30 ซม. กว้าง 5 - 9 ซม. ปลายใบแหลม ขอบใบเรียบ ฐานใบมน แผ่นใบด้านล่าง มีขนสั้นนุ่ม ก้านใบ 1.5-3 ซม. ก้านใบมีขน ดอกมีสีขาว มี 8 - 10 กลีบ ผลขนาดเส้นผ่าศูนย์กลาง 1.5 - 2 ซม. ผล มีสีเขียวอมเหลือง มีจุดสีจางกว่าเปลือก การขยายพันธุ์ การเพาะเมล็ด การตอนกิ่ง ประโยชน์ ดอกมีสรรพคุณแก้ลม แก้ไข้ บ�ำรุงหัวใจ ขับน�้ำดี บ�ำรุง โลหิต กลีบดอกสด มีน�้ำมันหอมระเหย ใช้ทาแก้ปวดศรีษะ เปลือกต้นมีสรรพคุณแก้ไข้ แก่นมีสรรพคุณบ�ำรุง ประจ�ำเดือน บริเวณที่พบ มหาวิทยาลัยราชภัฏนครสวรรค์ , ศูนย์การเรียนรู้ย่านมัทรี Michelia alba DC. MAGNOLIACEAE จุมปี จุ๋มปี๋ (ภาคเหนือ) จ�ำปี ชื่อวิทยาศาสตร์ ชื่อวงศ์ ชื่ออื่น ๆ 96 พรรณไม้ในมหาวิทยาลัยราชภัฏนครสวรรค์
ลักษณะทั่วไป ไม้ต้นขนาดกลาง สูง 20 - 25 เมตร ล�ำต้นเปลาตรง ทรงพุ่มกลมโปร่ง เปลือกแตกเป็นร่อง ตามยาว กิ่งที่อยู่ในระดับสูงมีเปลือกสีขาว กิ่งอ่อนมีสีเขียวอมน�้ำตาล มีช่องอากาศเป็นจุดหรือขีดนูนกระจาย ใบรูปรี ปลายใบมนทู่ถึงแหลม โคนใบกลมหรือรูปลิ่ม ขอบใบเรียบ เนื้อใบหนาแข็งกรอบ แผ่นใบด้านบนมีขนเล็กน้อย ดอกเป็นดอกเดี่ยวออกตรงซอกใบใกล้ปลายยอด ดอกบานตั้งขึ้น สีขาวนวล กาบหุ้มดอกมี 1 แผ่น สีเขียวอ่อนและ มีขนอ่อนๆคลุมอยู่ ผลเป็นรูปกลม ผลมีช่องอากาศเป็นจุดสีขาว ผลอ่อนสีเขียว เมื่อแก่แล้วเปลี่ยนเป็นสีน�้ำตาล อ่อน แต่ละผลมี 1 - 6 เมล็ด เมล็ดสีแดงเข้ม รูปกลมรี การขยายพันธุ์ การเพาะเมล็ด การตอนกิ่ง ประโยชน์ ดอกใช้ลดความร้อนในเลือด ใช้เป็นยาบ�ำรุงหัวใจ บ�ำรุงประสาท บ�ำรุงธาตุ ขับปัสสาวะ ใบรักษาโรคเส้นประสาท รากแห้งและเปลือกหุ้มรากใช้บ่มฝี เปลือกต้นแก้คอแห้ง แก่นแก้โรคเรื้อน ยางใช้รักษาโรคริดสีดวง บริเวณที่พบ ศูนย์การเรียนรู้ย่านมัทรี จ�ำปีสิรินธร Magnolia sirindhorniae Noot. & Chalermglin MAGNOLIACEAE จ�ำปา จ�ำปีสัก (ลพบุรี) ชื่อวิทยาศาสตร์ ชื่อวงศ์ ชื่ออื่น ๆ 97 โครงการอนุรักษ์พันธุกรรมพืชอันเนื่องมาจากพระราชด�ำริ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี (อพ.สธ.)
ลักษณะทั่วไป ไม้ต้นขนาดเล็ก สูง 5 - 10 เมตร ผลัดใบ เรือนยอดเป็นพุ่มกลมทึบ ล�ำต้นเปลาตรง เปลือกสีน�้ำตาล แตกเป็นร่องลึกตามยาวและขวางของล�ำต้น ใบเดี่ยว เรียงสลับถี่ๆที่ปลายยอด รูปใบหอกกลับ ปลายใบแหลม หรือเรียวกลม โคนใบรูปลิ่ม ผิวใบด้านบนมันเกลี้ยง ด้านล่างสีอ่อนกว่า แผ่นใบหนาคล้ายแผ่นหนัง ดอกสีขาวอม สีส้มอ่อน มีกลิ่นหอมอ่อนๆ ออกเป็นช่อแบบช่อเชิงลดห้อยลงตามปลายกิ่ง ผลสดมีเนื้อเมล็ดเดียว ทรงรี มีขน สีขาวปกคลุม เมล็ดสีน�้ำตาล รูปรีแกมรูปไข่ การขยายพันธุ์ การเพาะเมล็ด การตอนกิ่ง ประโยชน์ รากมีสรรพคุณ เป็นยาระบาย ต้นมีสรรพคุณแก้ปวดศีรษะ เลือดออกตามไรฟัน ขับเสมหะ เนื้อไม้มีสรรพคุณขับระดูขาว เปลือก มีสรรพคุณเป็นยาเบื่อปลา เมล็ดมีสรรพคุณแก้แน่น แก้อาเจียน แก้ไอ แก้ไข้ ใบมีสรรพคุณแก้ท้องร่วง สมาน บาดแผล แก้บิด บริเวณที่พบ ศูนย์การเรียนรู้ย่านมัทรี Barringtonia pauciflora King LECYTHIDACEAE จิกดง (จันทบุรี ตราด) จิกดง ชื่อวิทยาศาสตร์ ชื่อวงศ์ ชื่ออื่น ๆ 98 พรรณไม้ในมหาวิทยาลัยราชภัฏนครสวรรค์