The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

หนังสือเล่มนี้เป็นการรวบรวมพรรณไม้ที่สำรวจได้ในมหาวิทยาลัยราชภัฏนครสวรรค์ รวมทั้งศูนย์การเรียนรู้ย่านมัทรี จำนวน 300 ชนิด เพื่อใช้ประกอบการเรียนการสอน การวิจัยการบริการวิชาการ และเพื่อเผยแพร่สู่สาธารณชนทั่วไป รวมทั้งเพื่อเทิดพระเกียรติสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เนื่องในวโรกาสเฉลิมฉลองพระชนมายุครบ 60 พรรษา

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by infinity.foto43, 2023-03-09 03:41:48

พรรณไม้ในมหาวิทยาลัยราชภัฏนครสวรรค์

หนังสือเล่มนี้เป็นการรวบรวมพรรณไม้ที่สำรวจได้ในมหาวิทยาลัยราชภัฏนครสวรรค์ รวมทั้งศูนย์การเรียนรู้ย่านมัทรี จำนวน 300 ชนิด เพื่อใช้ประกอบการเรียนการสอน การวิจัยการบริการวิชาการ และเพื่อเผยแพร่สู่สาธารณชนทั่วไป รวมทั้งเพื่อเทิดพระเกียรติสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เนื่องในวโรกาสเฉลิมฉลองพระชนมายุครบ 60 พรรษา

Keywords: ลักษณะพรรณไม้,การขยายพันธุ์,การใช้ประโยชน์,บริเวณที่พบ

ลักษณะทั่วไป เป็นไม้ต้นขนาดกลาง สูง 8 - 15 เมตร ราก เป็นระบบรากแก้ว ไม่พบทั้งรากหายใจและราก ค�้ำจุน ล�ำต้น ตั้งตรง ไม้เนื้อแข็ง แตกกิ่งระดับต�่ำ เรือนยอดแน่นทึบ เปลือกหยาบสีเทาเข้ม ใบเดี่ยว เรียงเวียนรอบ กิ่ง หนาแน่นที่ปลายกิ่ง แผ่นใบรูปไข่กลับ ปลายใบกลม หรือแหลมกว้าง ดอกแบบช่อกระจะที่ปลายกิ่ง ช่อดอกสั้น กลีบดอก 4 กลีบ สีขาวไม่ติดกันรูปรีโค้งออก ผลมีขนาดใหญ่ เห็นเป็นเหลี่ยมชัดเจน ผลอ่อนสีเขียวเมื่อแก่สีน�้ำตาล ผลแก่ไม่แตกมี 1 เมล็ด การขยายพันธุ์ การเพาะเมล็ด การตอนกิ่ง ประโยชน์ เปลือกต้มท�ำเป็นยาทาภายนอก แก้ปวดข้อ รากฝนผสมกับน�้ำมะนาว ใช้ปิดปากแผลที่ถูกงูกัด แก้พิษงู ผลชงน�้ำดื่ม แก้ไอ แก้หืด แก้ท้องเสีย เมล็ดทุบให้แตก ชงน�้ำดื่มแก้จุกเสียดบีบให้น�้ำมัน ใช้เป็นเชื้อไฟให้ความสว่าง เปลือกของเมล็ด ทุบให้แตกตีกับน�้ำ ใส่บ่อใช้เบื่อปลา บริเวณที่พบ ศูนย์การเรียนรู้ย่านมัทรี จิกทะเล Barringtonia asiatica (L.) Kurz LECYTHIDACEAE จิงเล โดนเล (ภาคใต้) อามุง (มาเล-นราธิวาส) ชื่อวิทยาศาสตร์ ชื่อวงศ์ ชื่ออื่น ๆ 99 โครงการอนุรักษ์พันธุกรรมพืชอันเนื่องมาจากพระราชด�ำริ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี (อพ.สธ.)


ลักษณะทั่วไป ไม้ต้นผลัดใบ แต่ผลิใบใหม่เร็ว สูงได้ถึง 17 เมตร เปลือกต้นเรียบ สีน�้ำตาลแดง ใบเดี่ยวเรียงสลับ เป็นกลุ่มที่ปลายกิ่ง ก้านใบสั้น รูปรีแกมรูปไข่กลับถึงรูปหอกแกมรูปไข่กลับ โคนใบสอบเรียว ปลายใบแหลม บางครั้งมนและเว้าเล็กน้อย ขอบใบจักถี่เป็นซี่แหลมๆ ผิวใบเกลี้ยงทั้งสองด้าน ดอกออกเป็นช่อคล้ายหางกระรอก ย้อยห้อยลงตามซอกใบ กลีบเลี้ยง 4 กลีบ สีชมพู ถึงสีแดง เกสรเพศผู้มาก สีแดงสด ผลรูปแท่งเป็นเหลี่ยมมน 4 มุม การขยายพันธุ์ การเพาะเมล็ด การตอนกิ่ง ประโยชน์ รากใช้เป็นยาระบาย เปลือกใช้ชะล้างบาดแผล และ เบื่อปลา ใบแก้ท้องร่วง เมล็ดเป็นยาขับลมแก้ร้อนใน บริเวณที่พบ ศูนย์การเรียนรู้ย่านมัทรี Barringtonia acutangula (L.) Gaertn. LECYTHIDACEAE จิ๊ก (กรุงเทพ) กระโดนสร้อย (พิษณุโลก) ล�ำไพ่ (อุตรดิตถ์) กระโดนทุ่ง กระโดนน�้ำ (หนองคาย-ภาค อีสาน) ตอง ปุยสาย (ภาคเหนือ) ตอง จิกน�้ำ (ภาคกลาง) จิกนา จิกอินเดีย จิกมุจรินทร์ จิกนา ชื่อวิทยาศาสตร์ ชื่อวงศ์ ชื่ออื่น ๆ 100 พรรณไม้ในมหาวิทยาลัยราชภัฏนครสวรรค์


ลักษณะทั่วไป เป็นไม้ยืนต้นขนาดกลาง สูง 3 - 10 เมตร ล�ำต้นเกลี้ยง เปลือกสีเทาด�ำ แตกกิ่งแขนงมากมาย ใบ ประกอบแบบนิ้วมือ ออกสลับกัน สีเขียวเข้มทึบ ปลายใบมนหรือแหลม โคนใบมน ผิวใบเรียบ ก้านใบย่อยสั้น ดอก ช่อแบบกระจุกหรือดอกเดี่ยว ดอกย่อยมีสีเขียวอมขาว มีใบประดับ รูปริบบิ้น ขนาดเล็ก รูปขอบขนาน ปลายกลีบ แหลม ผิวกลีบเรียบ ขอบกลีบเป็นขนนิ่ม ไม่มีกลีบดอก ผลเป็นผลสด รูปรี หรือทรงกลมเท่าหัวแม่มือ บิดเบี้ยวเล็ก น้อย เมื่อผลสุกจะมีสีเหลืองเข้ม ภายในผลจะมีเมล็ดประมาณ 2 - 3 เมล็ด เมล็ดรูปไต การขยายพันธุ์ การเพาะ เมล็ดการตอนกิ่ง ประโยชน์ รากปรุงรับประทานเป็นยาบ�ำรุงก�ำลัง แก้ปัสสาวะพิการ เปลือก ราก และใบ ต้มน�้ำ ดื่มแก้ดีซ่าน หน้ามืด ตาฟาง ไข้จับสั่น ใบ และยอด ต�ำใช้สีฟัน แก้แมงกินฟันท�ำให้ฟันทน และแก้ไข้ เปลือกบ�ำรุง ก�ำลัง แก้หน้ามืดตาฟาง และเปลือกไม้ ราก ต้มอาบ กิน แก้อัมพฤกอัมพาต ยอดอ่อนผสมเกลือ รักษาโรคร�ำมะ นาด แก้ปวดฟัน บริเวณที่พบ ศูนย์การเรียนรู้ย่านมัทรี แจง Maerua siamensis (Kurz) Pax. CAPPARACEAE แกง (นครราชสีมา) แก้ง แจ้ง ชื่อวิทยาศาสตร์ ชื่อวงศ์ ชื่ออื่น ๆ 101 โครงการอนุรักษ์พันธุกรรมพืชอันเนื่องมาจากพระราชด�ำริ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี (อพ.สธ.)


ลักษณะทั่วไป ไม้ต้น ผลัดใบ สูง 15 - 30 เมตร ล�ำต้นตั้งตรง กิ่งอ่อนมีขนกระจายทั่วไป ใบประกอบแบบขนนก เรียงสลับ ใบย่อย 9 - 13 ใบ รูปรีแกมขอบขนาน กว้าง 1 - 2 ซม. ยาว 1.5 - 4.5 ซม. หลังใบสีเขียวเข้ม ท้องใบ สีนวล ดอกช่อแยกแขนง ออกเป็นช่อสั้นๆ ที่ซอกใบและปลายกิ่ง ดอกย่อยจ�ำนวนมาก รูปดอกถั่ว สีขาวครีม ผลเป็นฝัก รูปขอบขนาน แบน ผิวเรียบมี 1-3 เมล็ด เมื่อสุกสีด�ำ การขยายพันธุ์ การเพาะเมล็ด ประโยชน์ เปลือกต้น ผสมล�ำต้นตาปู ล�ำต้นตาเสือ ต้มน�้ำดื่ม แก้คอพอก เนื้อไม้ใช้ท�ำเยื่อกระดาษ บริเวณที่พบ ศูนย์การเรียนรู้ ย่านมัทรี Dalbergia nigrescens Kurz FABACEAE กระพี้ กระพี้โพรง พันชั้น ฉนวน ชื่อวิทยาศาสตร์ ชื่อวงศ์ ชื่ออื่น ๆ 102 พรรณไม้ในมหาวิทยาลัยราชภัฏนครสวรรค์


ลักษณะทั่วไป ไม้ยืนต้นขนาดย่อม ใบแฝดออกสลับกันตามข้อต้น มีขนาดเล็กกว่าใบชงโค เนื้อใบจะหยาบ ระคายมือ ปกติแล้วใบจะพับงอเข้าหากัน รูปทรงใบจะดูแล้วคล้ายกับปีกแมลง ใบมีสีเขียว ดอกออกเป็นช่อสั้นๆ สีเหลืองอ่อน ออกดอกตลอดปี การขยายพันธุ์ การเพาะเมล็ด ประโยชน์ ดอกและแก่นมีสรรพคุณแก้โรคบิด ใบมีสรรพคุณขับปัสสาวะ บริเวณที่พบ ศูนย์การเรียนรู้ย่านมัทรี ชงโคดอกเหลือง Bauhinia tomentosa L. FABACEAE โยทะกา (กรุงเทพฯ) เสี้ยวเหลือง ชื่อวิทยาศาสตร์ ชื่อวงศ์ ชื่ออื่น ๆ 103 โครงการอนุรักษ์พันธุกรรมพืชอันเนื่องมาจากพระราชด�ำริ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี (อพ.สธ.)


ลักษณะทั่วไป ชมพู่มีล�ำต้นค่อนข้างใหญ่ สูงประมาณ 15 - 25 เมตร ล�ำต้นขรุขระไม่ตรง แตกกิ่งก้านสาขามาก สีน�้ำตาลคล�้ำ ใบ ค่อนข้างใหญ่เรียวยาวเป็นมัน ดอก สีขาวเป็นแบบชนิดดอกสมบูรณ์เพศ ดอกใหญ่มีกลิ่นหอม เล็กน้อย ผล มีลักษณะคล้ายระฆังคว�่ำ เนื้อสีขาวถึงขาวขุ่นมี 1 - 3 เมล็ด เวลาแก่จัดเมล็ดจะเปลี่ยนจากสีขาว เป็นสีน�้ำตาลเข้ม การขยายพันธุ์ การเพาะเมล็ด การตอนกิ่ง ประโยชน์ วิตามิน และเกลือแร่สูง ท�ำให้ชุ่มคอ แก้กระหายน�้ำได้ดี เป็นยาระบายอ่อนๆ บริเวณที่พบ มหาวิทยาลัยราชภัฏนครสวรรค์ , ศูนย์การเรียนรู้ย่านมัทรี Eugenia javanica Lamk. MYRTACEAE ฝรั่งน�้ำ ชมพูน�้ำ (ใต) ชมพูน�้ำดอกไม้ (ไทย) มะชมพู มะน�้ำหอม (พายัพ ) มะชามุต (นาน) ยามูปะนาวา (มลายู-ยะลา) ชมพู่ ชื่อวิทยาศาสตร์ ชื่อวงศ์ ชื่ออื่น ๆ 104 พรรณไม้ในมหาวิทยาลัยราชภัฏนครสวรรค์


ลักษณะทั่วไป ไม้ต้น ผลัดใบ ขนาดกลาง สูง 8 - 18 เมตร แตกกิ่งก้านมากมาย ผิวล�ำต้นขรุขระมีสีน�้ำตาล ใบเรียงตรงข้าม ใบประกอบแบบนิ้วมือ มีใบย่อย 5 ใบ ใบรูปรี โคนใบแหลม ปลายใบเรียวแหลม ขอบใบเรียบ ดอกช่อออกเป็นกระจุกตามกิ่ง ช่อละ 5 - 8 ดอก กลีบดอกเชื่อมติดกันเป็นหลอด ปลายกลีบแยกเป็น 5 กลีบ ดอกเป็นสีชมพูอมม่วงหรือชมพูอ่อน เมื่อบานเส้นผ่าศูนย์กลางประมาณ 3 ซม. เกสรเพศผู้มี 4 อันร่วงง่าย ผลเป็นฝักกลม เมื่อแก่จะแตก ด้านเดียว เมล็ดมีปีกปลิวไปได้ไกล การขยายพันธุ์ การเพาะเมล็ด ตอนกิ่งหรือ ปักช�ำ ประโยชน์ ใบต้มแก้เจ็บท้องหรือท้องเสีย ต�ำให้ละเอียดใส่แผล ล�ำต้น ใช้ท�ำฟืน และเยื่อใช้ท�ำกระดาษ บริเวณที่พบ มหาวิทยาลัยราชภัฏนครสวรรค์ , ศูนย์การเรียนรู้ย่านมัทรี ชมพูพันธุ์ทิพย์ Tabebuia rosea (Bertol.) DC. BIGNONIACEAE ชมพูอินเดีย ธรรมบูชา ตาเบบูย่าพันธุ์ทิพย์ แตรชมพู ชื่อวิทยาศาสตร์ ชื่อวงศ์ ชื่ออื่น ๆ 105 โครงการอนุรักษ์พันธุกรรมพืชอันเนื่องมาจากพระราชด�ำริ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี (อพ.สธ.)


ลักษณะทั่วไป ไม้ยืนต้นสูง 5 - 10 เมตร ล�ำต้นหยาบขรุขระ มีสีน�้ำตาล ใบ เป็นใบเดี่ยว เรียงตัวแบบคู่ตรงข้าม สลับฉาก รูปร่างรูปขอบขนาน ปลายใบแหลม โคนใบมน ขอบใบเรียบ ผิวใบเรียบทั้ง 2 ด้าน ใบกว้าง 8 - 20 ซม. ยาว 10 - 40 ซม. ใบมีเส้นขอบใบชัดเจน ดอก เป็นดอกช่อจะออกตามล�ำต้นหรือกิ่ง ดอกมีสีชมพูเข้ม กลีบเลี้ยงเชื่อมกันที่ฐานปลายแยกกัน 4 กลีบ กลีบดอกแยกกัน 4 กลีบสีชมพูมีกลิ่นหอม ผลกลม หรือยาวรี ผลสุก สีแดง หรือขาวลายแดง เมล็ดกลม มี 1 เมล็ด การขยายพันธุ์ การเพาะเมล็ด การตอนกิ่ง ประโยชน์ มีรสชุ่มคอ แก้กระหายน�้ำ บริเวณที่พบ มหาวิทยาลัยราชภัฏนครสวรรค์ , ศูนย์การเรียนรู้ย่านมัทรี Syzygium malaccense Merr. & L. M. Perry MYRTACEAE ชมพู่สาแหรก ม่าเหมี่ยว ชมพู่แดง ชมพู่ม่าเหมี่ยว ชมพู่มะเหมี่ยว ชื่อวิทยาศาสตร์ ชื่อวงศ์ ชื่ออื่น ๆ 106 พรรณไม้ในมหาวิทยาลัยราชภัฏนครสวรรค์


ลักษณะทั่วไป ไม้พุ่มขนาดเล็ก มีน�้ำยางสีขาว ล�ำต้นอ่อน ใบเดี่ยว เรียงเป็นกลุ่มใกล้ปลายยอด รูปไข่กลับ โคนใบ สอบเรียว ปลายใบมน มีติ่งสั้นๆ ผิวใบเป็นมัน ดอกมีหลายสี เช่น แดง ชมพู ขาวอมชมพู ม่วง และขาว กลีบดอก เชื่อมติดกันรูปปากแตร ปลายแยกเป็น 5 กลีบ เกสรเพศผู้ 5 อัน ผลเป็นฝักคู่ มีขนปลิวได้ที่ปลายทั้ง 2 ด้าน การขายายพันธุ์ การเพาะเมล็ด การเสียบยอด ประโยชน์ ไม้มงคล นิยมปลูกเป็นไม้ประดับ บริเวณที่พบ มหาวิทยาลัยราชภัฏนครสวรรค์ , ศูนย์การเรียนรู้ย่านมัทรี ชวนชม Adenium obesum (Forssk.) Roem. & Schult. APOCYNACEAE ลั่นทมแดง ลั่นทมยะวา (กรุงเทพฯ) ชื่อวิทยาศาสตร์ ชื่อวงศ์ ชื่ออื่น ๆ 107 โครงการอนุรักษ์พันธุกรรมพืชอันเนื่องมาจากพระราชด�ำริ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี (อพ.สธ.)


ลักษณะทั่วไป ชะมวงเป็นไม้ต้นขนาดกลาง สูง 10 - 30 เมตร ไม่ผลัดใบ เรือนยอดเป็นพุ่มกรวยคว�่ำ แตกกิ่ง ชั้นเดียว เปลือกเรียบสีน�้ำตาล แตกเป็นร่องลึกตามยาวล�ำต้น ใบ ใบเดี่ยว เรียงตรงข้ามสลับตั้งฉาก รูปใบหอก ปลายใบแหลม โคนใบสอบ ผิวใบด้านมีจุดเล็กๆ สีด�ำ ใบอ่อนมีสีแดงอมเหลือง เส้นแขนงใบถี่มาก ดอก สีเหลือง ชมพูหรือแดง ดอกแยกเพศต่างต้น ดอกเพศผู้ออกเป็นช่อแบบช่อกระจุก กลีบเลี้ยงและกลีบดอกอย่างละ 4 กลีบ เกสรเพศผู้จ�ำนวนมาก ดอกเพศเมียออกเป็นดอกเดี่ยว ปลายก้านเกสรแบน ผลสดทรงกลมแบบมีเนื้อหลาย เมล็ด ผลสุกสีเหลือง ผลแห้งสีด�ำขนาด 3 - 4 ซม. เมล็ดเหลี่ยมสีส้มขนาดใหญ่ 3 - 8 เมล็ดต่อผล การขยายพันธุ์ การเพาะเมล็ด การตอนกิ่ง ประโยชน์ รากแก้ไข้ แก้ร้อนในกระหายน�้ำ แก้บิดและเสมหะเป็นพิษ ใบและผลช่วย ระบาย บริเวณที่พบ มหาวิทยาลัยราชภัฏนครสวรรค์ , ศูนย์การเรียนรู้ย่านมัทรี Garcinia cowa Roxb. ex DC. CALOPHYLLACEAE ส้มป้อง มะป่อง (คนเมือง) หมากโมก (อุดรธานี) มวงส้ม (นครศรีธรรมราช) กะมวง มวง ส้มมวง (ภาคใต้) กานิ (มลายู-นราธิวาส) ตระมูง (เขมร) ยอดมวง ส้มม่วง ส้มโมง ส้มป่อง ชะมวง ชื่อวิทยาศาสตร์ ชื่อวงศ์ ชื่ออื่น ๆ 108 พรรณไม้ในมหาวิทยาลัยราชภัฏนครสวรรค์


ลักษณะทั่วไป ไม้ต้นขนาดเล็ก ล�ำต้นมักคดงอ แตกกิ่งต�่ำ เปลือกนอกสีน�้ำตาลด�ำคล�้ำ เรียบหรือแตกเป็นสะเก็ด เปลือกในสีน�้ำตาลแดง ใบเดี่ยว เรียงสลับ รูปขอบขนานแกมรูปไข่ หรือรูปหอก ขอบใบหยักฟันเลื่อย เนื้อใบ เกลี้ยงทั้งสองด้าน เส้นใบละเอียด ดอกสีเหลือง ออกเป็นช่อกระจุกตามปลายกิ่งและง่ามใบใกล้ยอด กลีบรองดอก 5 กลีบ จะคงอยู่และเปลี่ยนเป็นกลีบผลสีแดงคล�้ำ กลีบดอกมี 5 - 10 กลีบ หลุดร่วงง่าย ผลค่อนข้างกลม สีเขียว เมื่อแก่เปลี่ยนเป็นสีด�ำ ผิวมัน การขยายพันธุ์ การเพาะเมล็ด การตอนกิ่ง การปักช�ำกิ่ง ประโยชน์ ปลูกเป็น ไม้ประดับ ให้ดอกสวยงาม ใบอ่อนรับประทานเป็นผัก รากมีสรรพคุณเป็นยาขับพยาธิ แก้น�้ำเหลืองเสีย เปลือก แก้ตาเคือง ปวดตา เนื้อไม้แก้กระษัย ขับเสมหะและโลหิต แก้ปวดเมื่อย ถ่ายพิษตับ ต้มดื่มแก้ปวดท้อง คลายกล้าม เนื้อท้อง รักษาโรคทางเดินปัสสาวะ บริเวณที่พบ ศูนย์การเรียนรู้ย่านมัทรี ช้างน้าว Ochna integerrima (Lour.) Merr. OCHNACEAE ช้างโน้ม (ตราด) ช้างโหม (ร้อยเอ็ด) ขมิ้นพระต้น (จันทบุรี) ช้างน้าว ตานนกกรด (นครราชสีมา) แง่ง (บุรีรัมย์) ฝิ่น (ราชบุรี) กระแจะ ช้างโน้ม ช้างโหม (ระยอง) ตาลเหลือง (ภาคเหนือ) ก�ำลังช้างสาร (กลาง) ชื่อวิทยาศาสตร์ ชื่อวงศ์ ชื่ออื่น ๆ 109 โครงการอนุรักษ์พันธุกรรมพืชอันเนื่องมาจากพระราชด�ำริ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี (อพ.สธ.)


ลักษณะทั่วไป ช�ำมะเลียงมีถิ่นก�ำเนิดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เป็นไม้ยืนต้นขนาดเล็กจนถึงขนาดใหญ่ ใบประกอบแบบขนนก เรียงสลับ ใบย่อยรูปหอก ปลายใบแหลม ฐานใบมนสอบเข้า ขอบใบเรียบ ดอกช่อออกดอก บริเวณกิ่ง สีม่วงแดง ผลสดรูปกลมหรือรูปไข่ สีด�ำแดง เมล็ดทรงกลมแบน การขยายพันธุ์ การเพาะเมล็ด การปักช�ำกิ่ง ประโยชน์ รากมีสรรพคุณแก้ไข้ แก้ร้อนใน ผลแก่มีสรรพคุณให้เด็กทานแก้โรคท้องเสีย บริเวณที่พบ มหาวิทยาลัยราชภัฏนครสวรรค์ , ศูนย์การเรียนรู้ย่านมัทรี Lepisanthes fruticosa (Roxb.) Leenh. SAPINDACEAE โคมเรียง (ตราด) พูเวียง (นครราชสีมา) มะเถ้า ผักเต้า (ภาคเหนือ) หวดข้าใหญ่ภูเวียง (ภาคอีสาน) ช�ำมะเลียง ช�ำมะเลียงบ้าน พุมเรียงพุมเรียงสวน (ภาคกลาง) ช�ำมะเลียง ชื่อวิทยาศาสตร์ ชื่อวงศ์ ชื่ออื่น ๆ 110 พรรณไม้ในมหาวิทยาลัยราชภัฏนครสวรรค์


ลักษณะทั่วไป ไม้พุ่ม สูง 2 - 6 เมตร เปลือกสีเทา มีหนามที่ล�ำต้น ใบเดี่ยว รูปไข่แกมรูปขอบขนาน โคนใบมน ปลายใบมนหรือแหลม ใบเกลี้ยงเป็นมัน ดอกสีขาว ออกตามซอกใบ รูปขอบขนาน หลุดร่วงง่าย กลีบดอกมี 5 กลีบ ผลทรงกลมค่อนข้างรี มี 4 ร่องตามยาว เมื่อสุกสีเหลืองแดง การขยายพันธุ์ การเพาะเมล็ด ประโยชน์ ผลสุกรับประทานได้ บริเวณที่พบ ศูนย์การเรียนรู้ย่านมัทรี ชิงชี่ Capparis micracantha DC. APOCYNACEAE พญาจอมปลวก กระดาดขาว กระโรกใหญ่ จิงโจ้ แสมซอ กระดาดป่า ค้อนฆ้อง ชื่อวิทยาศาสตร์ ชื่อวงศ์ ชื่ออื่น ๆ 111 โครงการอนุรักษ์พันธุกรรมพืชอันเนื่องมาจากพระราชด�ำริ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี (อพ.สธ.)


ลักษณะทั่วไป ไม้ต้นขนาดเล็ก สูง 5 - 8 เมตร ไม่ผลัดใบ ทรงพุ่มแล้ว มีกิ่งห้อยย้อยลง ปลายกระดกขึ้น เปลือก เรียบสีน�้ำตาลอมเทา ล�ำต้นบิดงอ ดอกสีขาวอมชมพู ออกเป็นช่อแบบช่อเชิงลดที่ปลายกิ่ง หรือ ซอกใบใกล้กิ่ง ช่อดอกยาว ผลเมล็ดแข็งค่อนข้างกลม สีเขียวเข้มมีนวลสีขาว การขยายพันธุ์ การเพาะเมล็ด ประโยชน์ น�้ำมันในเมล็ด ใช้ในการปรุงอาหาร แก่นต้นน�ำมาแช่น�้ำใช้อาบแก้ฟกช�้ำภายใน บริเวณที่พบ ศูนย์การเรียนรู้ ย่านมัทรี Xanthophyllum lanceatum (Miq.) J. J. Sm. XANTHOPHYLLACEAE กระเบียน แก้ว ขางข้าวต้นเกลี้ยง สองแสง แสง แสงกึน ชุมแสง ชื่อวิทยาศาสตร์ ชื่อวงศ์ ชื่ออื่น ๆ 112 พรรณไม้ในมหาวิทยาลัยราชภัฏนครสวรรค์


ลักษณะทั่วไป ไม้พุ่มขนาดเล็ก สูง 2 - 4 เมตร ใบเดี่ยว เรียงตรงข้าม รูปไข่กลับค่อนข้างกลม โคนใบรูปลิ่ม ปลายใบมน ด้านหน้าใบสีเขียวเข้ม ด้านหลังใบสีเขียวอ่อน ดอกสีชมพู ออกเป็นช่อตามซอกใบใกล้ปลายกิ่ง กลีบดอก 5 กลีบ กลีบยับย่น ผลเป็นผลสดสีเขียว เมื่อแก่สีแดง มีพูตามยาว 4 - 5 พู การขยายพันธุ์ การเพาะเมล็ด การทาบกิ่ง การปักช�ำกิ่ง ประโยชน์ ผลสดรับประทานได้ เป็นยาระบายอ่อนๆ ป้องกันโรคเลือดออกตามไรฟัน และปลูกประดับ บริเวณที่พบ มหาวิทยาลัยราชภัฏนครสวรรค์ , ศูนย์การเรียนรู้ย่านมัทรี เชอรี่ Malpighia glabra L. MALPIGHIACEAE เชอรี่ไทย ชื่อวิทยาศาสตร์ ชื่อวงศ์ ชื่ออื่น ๆ 113 โครงการอนุรักษ์พันธุกรรมพืชอันเนื่องมาจากพระราชด�ำริ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี (อพ.สธ.)


ลักษณะทั่วไป ดองดึงมีถิ่นก�ำเนิดในประเทศแถบเอเชีย เป็นไม้เถาล้มลุกขนาดเล็ก เถาสีเขียวสด มีเหง้าเป็น หัวใต้ดิน สีขาว ใบเดี่ยวเรียงสลับเรียงรอบเถา รูปใบหอกค่อนข้างยาว โคนใบมนกว้าง ปลายใบเรียวยาวและ ม้วนลงเป็นมือเกาะ ดอกเดี่ยวออกดอกที่ซอกใบใกล้ปลายเถา กลีบดอกสีเหลืองปลายแดง เมื่อแก่จะเป็นสีแดง ทั้งกลีบขอบกลีบย้วยเป็นคลื่น ผลรูปกระสวยมี 3 พลู การขยายพันธุ์ การเพาะเมล็ด การแยกเหง้า การแยกหัว ประโยชน์ หัวใต้ดินและเมล็ดมีสรรพคุณแก้โรคปวดข้อ ฆ่าเซลล์มะเร็งบางชนิด แก้โรคเรื้อน รักษาบาดแผล แก้เสมหะ แก้พิษสัตว์กัดต่อย บริเวณที่พบ ศูนย์การเรียนรู้ย่านมัทรี Gloriosa superba L. COLCHICACEAE คมขวาน บ้องขวาน หัวขวาน (ชลบุรี) ก้ามปู ดาวดึงส์ ว่านก้ามปู (กลาง) พันมหา (นครราชสีมา) มะขาโก้ง (เหนือ) ดองดึงหัวขวาน ด้ามขวาน หัวฟาน ดองดึง ชื่อวิทยาศาสตร์ ชื่อวงศ์ ชื่ออื่น ๆ 114 พรรณไม้ในมหาวิทยาลัยราชภัฏนครสวรรค์


ลักษณะทั่วไป ไม้พุ่มขนาดเล็ก สูง 2 - 3 เมตร ใบเดี่ยว เรียงตรงข้ามสลับตั้งฉาก รูปรี โคนใบมน ปลายแหลม ขอบใบเป็นคลื่น มีขนปกคลุม ดอกออกเป็นช่อกระจุกที่ปลายยอด มีหลายสีตามชนิดพันธุ์ กลีบเลี้ยง 5 กลีบ ลักษณะคล้ายกลีบดอก รูปไข่กลับหรือรูปรี กลีบดอกเชื่อมติดกันเป็นหลอดรูปปากแตร ปลายแยกเป็น 5 กลีบ ภายในหลอดมีขนหนาแน่น ปลูกเป็นไม้ประดับ ถิ่นก�ำเนิดประเทศฟิลิปปินส์ การขยายพันธุ์ การเพาะเมล็ด การปักช�ำกิ่ง ประโยชน์ ปลูกเป็นไม้ประดับ บริเวณที่พบ มหาวิทยาลัยราชภัฏนครสวรรค์ , ศูนย์การเรียนรู้ ย่านมัทรี ดอนญ่า Mussaenda sp. RUBIACEAE ดอนญ่า ชื่อวิทยาศาสตร์ ชื่อวงศ์ ชื่ออื่น ๆ 115 โครงการอนุรักษ์พันธุกรรมพืชอันเนื่องมาจากพระราชด�ำริ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี (อพ.สธ.)


ลักษณะทั่วไป ไม้ล้มลุกมีเหง้าใต้ดิน สูงได้ถึง 5 เมตร ใบเดี่ยว รูปขอบขนาน กว้าง 15 - 20 ซม. ยาวประมาณ 50 ซม. ผิวใบเกลี้ยง ดอกมีหลายสี สีขาวนวล สีแดง สีชมพู ออกเป็นช่อจากเหง้าใต้ดิน ขนาดผ่าศูนย์กลาง 10 - 18 ซม. ก้านช่อดอกยาวถึง 1 เมตร กลีบประดับรอบนอกแผ่บาน ปลายมน กว้าง 2 - 4 ซม. ยาว 4 - 7.5 ซม. กลีบประดับชั้นในเรียงซ้อนกันแน่น มีขนาดลดหลั่นกัน ยาว 1 - 3.5 ซม. ดอกย่อยสีขาว กลีบดอกเชื่อมกัน เป็นหลอด ปลายแยกเป็นสามแฉก กลีบปากมีขอบสีเหลือง เกสรตัวผู้สมบูรณ์ 1 อัน ผล รูปกลม มีขนนุ่มขนาด เส้นผ่าศูนย์กลาง 1 - 2 ซม. เมล็ดมีขนาดเล็ก การขยายพันธุ์ แยกหน่อ แยกเหง้า ปักช�ำหน่อแก่ ประโยชน์ ปลูกเป็นไม้ประดับ บริเวณที่พบ มหาวิทยาลัยราชภัฏนครสวรรค์ , ศูนย์การเรียนรู้ย่านมัทรี Etlingera elatior ZINGIBERACEAE กาหลา กะลา ดาหลา ชื่อวิทยาศาสตร์ ชื่อวงศ์ ชื่ออื่น ๆ 116 พรรณไม้ในมหาวิทยาลัยราชภัฏนครสวรรค์


ลักษณะทั่วไป ไม้ยืนต้นไม่ผลัดใบ ใบเป็นใบเดี่ยว ออกเรียงสลับ ลักษณะของใบเป็นรูปวงรี แกมใบหอก หรือเป็นรูปใบหอก ปลายใบเรียวแหลม โคนใบแหลม ดอกเป็นแบบแยกเพศอยู่ต่างต้นกัน โดยจะออกดอกตาม ซอกใบ ผลมีลักษณะค่อนข้างกลม ภายในผลมีเมล็ดประมาณ 2 - 3 เมล็ด การขยายพันธุ์ การเพาะเมล็ด การปักช�ำกิ่ง ประโยชน์ ต้น น�้ำต้มเปลือก กินเป็นยาแก้ปวดท้อง ใบ มีพิษ น�้ำต้มใบ เมื่อดื่มมากๆ อาจท�ำให้สตรี แท้งบุตรได้ เมล็ดกินเป็นยาระบาย บริเวณที่พบ ศูนย์การเรียนรู้ย่านมัทรี ดีหมี Cleidion spiciflorum (Burm. f.) Merr. EUPHORBIACEAE มะดีหมี จ๊ามะไฟ ดินหมี กาดาวกระจาย กาไล ก�ำไล คัดไล เซียงเมี่ยง ชื่อวิทยาศาสตร์ ชื่อวงศ์ ชื่ออื่น ๆ 117 โครงการอนุรักษ์พันธุกรรมพืชอันเนื่องมาจากพระราชด�ำริ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี (อพ.สธ.)


ลักษณะทั่วไป ล�ำต้นเป็นเหง้าอยู่ใต้ดินแล้วแตกหน่อขึ้นมาเป็นกอ ใบเป็นใบเดี่ยว ปลายใบแหลม สีเขียวเข้ม เป็นมัน ดอกมีจานดอกสีขาว เวลาออกดอกจะแทงก้านขึ้นมา มีใบประดับเรียกว่า จานดอก มีอันเดียว มีลักษณะ เป็นกาบหรือจานรูปหัวใจ ปลายแหลม ส่วนดอกจะอยู่ที่ช่อดอก ซึ่งเรียกว่า ปลี ลักษณะทรงกระบอกมีดอกเล็กๆ เรียงติดกันอยู่ มีกลิ่นหอม จะบานและส่งกลิ่นล่อแมลง การขยายพันธุ์ การแยกกอ การแยกเหง้า การแตกหน่อ ประโยชน์ ดูดสารพิษจ�ำพวกแอลกอฮอล์ อาซีโตน ไตรคลอไรเอทีรีน เบนซีนและฟอร์มาดีไฮด์ และสามารถดูดได้ ในปริมาณมาก บริเวณที่พบ มหาวิทยาลัยราชภัฏนครสวรรค์ , ศูนย์การเรียนรู้ย่านมัทรี Spathiphyllum sp. ARACEAE เดหลีดอกขาว เดหลีใบเล็ก หน้าวัวไทย เจ็ดทิวา เดหลี ชื่อวิทยาศาสตร์ ชื่อวงศ์ ชื่ออื่น ๆ 118 พรรณไม้ในมหาวิทยาลัยราชภัฏนครสวรรค์


ลักษณะทั่วไป ไม้ต้นขนาดกลางถึงใหญ่ ยอดอ่อนมีขนสีเหลืองปกคลุม เปลือกนอกเรียบ สีเทาอมแดง เปลือกใน สีน�้ำตาลแดง ใบประกอบแบบขนนก 2 ชั้น มีใบย่อย 4 - 5 คู่ ใบย่อยรูปไข่หรือรูปไข่แกมรูปขอบขนาน ปลายใบ แหลมมน โคนใบมักจะเบี้ยว ใบแก่เกลี้ยง หรืออาจมีขนประปรายด้านล่างใบ ดอกสีเหลืองอ่อนเป็นช่อกลมเดี่ยวๆ หรือเป็นช่อสั้นๆ ไม่แตกแขนง ดอกย่อยขนาดเล็กมีกลีบดอก 5 กลีบ ผลเป็นฝักแบนรูปขอบขนานเรียว และโค้ง การขยายพันธุ์ การเพาะเมล็ด ประโยชน์ เนื้อไม้แข็ง เหนียว ใช้ก่อสร้างทั่วไป เมล็ดของฝักอ่อนกินได้ เมล็ดฝัก แก่น�ำไปคั่วหรือเผาไฟให้สุกกินได้รสมันคล้ายเมล็ดแตงโม เปลือกแก้ประดง แก่นแก้กระษัยโลหิต เป็นยาระบาย แก้ช�้ำใน แก้ไข บ�ำรุงหัวใจ ดอกแก้ไข้ บ�ำรุงหัวใจ บริเวณที่พบ ศูนย์การเรียนรู้ย่านมัทรี แดง Xylia xylocarpa (Roxb.) Taub. var. kerrii (Craib & Hutch.) I. C. Nielsen FABACEAE ไคว กร้อม คว้า จะลาน ตะกร้อม ไปรน์ ผ้าน เพ้ย สะกรอม ชื่อวิทยาศาสตร์ ชื่อวงศ์ ชื่ออื่น ๆ 119 โครงการอนุรักษ์พันธุกรรมพืชอันเนื่องมาจากพระราชด�ำริ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี (อพ.สธ.)


ลักษณะทั่วไป ไม้ล้มลุก มีล�ำต้นสูงประมาณ 20 - 30 ซม. ตามล�ำต้นจะมีขนอ่อนๆ ขึ้นปกคลุมอยู่เล็กน้อย ใบเป็น ใบเดี่ยว ออกเรียงกันเป็นคู่ๆ ไปตามข้อของล�ำต้น แผ่นใบมีสีเขียว ลักษณะใบเป็นรูปมนรี ปลายใบและโคนใบ แหลม ส่วนขอบใบเรียบไม่มีจักและอาจมีคลื่นเล็กน้อย ออกดอกเป็นช่อหรือบางทีออกเป็นดอกเดี่ยวๆ ตามง่าม ใบบริเวณส่วนยอดของต้น ดอกเป็นสีม่วงและชมพู ดอกมีลักษณะเป็นรูปกรวย ปลายดอกแยกออกเป็น 5 กลีบ กลางดอกมีเกสร 4 อัน แบ่งเป็นอันสั้น 2 อัน และอันยาว 2 อัน ผลมีลักษณะเป็นฝักยาว มีความยาวได้ประมาณ 1 นิ้วกว่า ถ้าฝักแห้งได้รับความชื้นหรือถูกน�้ำมากๆ ฝักจะแตกออกเป็น 2 ซีก ภายในฝักมีเมล็ดอยู่ 8 เมล็ด การขยายพันธุ์ การเพาะเมล็ด ประโยชน์ รากใช้เป็นยารักษาโรคไอกรน ยาขับเลือด ช่วยท�ำให้อาเจียน ใบใช้เป็น ยาถ่ายพยาธิ ใช้พอกแก้อาการปวดเมื่อยกล้ามเนื้อ เมล็ดใช้พอกฝีเพื่อดูดหนองและช่วยลดการอักเสบ แก้อาการ ผดผื่นคัน บริเวณที่พบ มหาวิทยาลัยราชภัฏนครสวรรค์ , ศูนย์การเรียนรู้ย่านมัทรี Ruellia tuberosa L. ACANTHACEAE ต้อยติ่งเทศ ต้อยติ่งน�้ำ ต้นอังกาบ อังกาบฝรั่ง เป๊าะแป๊ะ ต้อยติ่งเทศ ชื่อวิทยาศาสตร์ ชื่อวงศ์ ชื่ออื่น ๆ 120 พรรณไม้ในมหาวิทยาลัยราชภัฏนครสวรรค์


ลักษณะทั่วไป ตะโกนาเป็นไม้ต้นขนาดกลาง สูง 10 - 15 เมตร เปนไมเนื้อแข็งและเหนียว ลําตนมีเปลือกหุม สีดําแตกเปนสะเก็ดหนาๆ ใบเดี่ยวเรียงสลับกันรูปไข โคนใบรูปลิ่ม ปลายใบมน ปาน เวาเขาหรือเปนติ่งสั้นๆ ผิวเกลี้ยง ดอกออกเป็นชอแยกเพศที่ซอกใบ กานดอกยาว 1 - 3 มม. มีขนนุม ดอกเพศผูจะออกเปนชอๆ ละประมาณ 3 ดอก ดอกเพศเมียออกดอกเดี่ยวๆ ผลกลม เมื่อออนมีขนนุมสีน�้ำตาลแดง ผลแกเกลี้ยงและออก สีเหลือง อมเขียว กลีบจุกผลมีเสนลายกลีบพอสังเกตเห็นได โคนและปลายผลมักบุม การขยายพันธุ์ การเพาะเมล็ด การตอนกิ่ง ประโยชน์ เปลือกและเนื้อไม้เป็นยาบ�ำรุง แก้โรคกามตายด้าน ผลแก้ท้องร่วง แก้พยาธิ รากแก้เหน็บชา บริเวณที่พบ มหาวิทยาลัยราชภัฏนครสวรรค์ , ศูนย์การเรียนรู้ย่านมัทรี ตะโกนา Diospyros rhodocalyx Kurz EBENACEAE ตะโก โก มะถ่านไฟผี นมงัว มะโก ชื่อวิทยาศาสตร์ ชื่อวงศ์ ชื่ออื่น ๆ 121 โครงการอนุรักษ์พันธุกรรมพืชอันเนื่องมาจากพระราชด�ำริ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี (อพ.สธ.)


ลักษณะทั่วไป ไม้ต้นขนาดเล็กถึงกลาง เปลือกนอกสีเทาปนด�ำ แตกเป็นสะเก็ด กิ่งแก่สีด�ำ เปลือกในสีน�้ำตาลแดง ใบเดี่ยวเรียงสลับ รูปไข่ ปลายมน โคนสอบหรือหยักเป็นสองลอนกว้างๆ เนื้อใบค่อนข้างหนาเป็นมัน และเกลี้ยง 2 ด้าน ดอกออกเป็นช่อ หรือเดี่ยวๆตามง่ามใบ ผลรูปมนหรือกลม ผิวหนาแข็งเกลี้ยง หรือมีขนนุ่มๆ ใกล้ๆ โคน ปลายผลมีติ่งแข็งสั้นๆ กลีบจุก มี 3 กลีบ การขยายพันธุ์ การเพาะเมล็ด ประโยชน์ น�้ำต้มเปลือกกินเป็น ยาบ�ำรุงร่างกาย ผลเป็นยาฝาดสมาน แก้อาเจียน แก้ท้องร่วง ผลทุบใช้เบื่อปลา บริเวณที่พบ ศูนย์การเรียนรู้ ย่านมัทรี Diospyros castanea Fletcher EBENACEAE ชาติตะโก ตะโกพนม ชื่อวิทยาศาสตร์ ชื่อวงศ์ ชื่ออื่น ๆ 122 พรรณไม้ในมหาวิทยาลัยราชภัฏนครสวรรค์


ลักษณะทั่วไป ตะโกสวนเป็นไม้ยืนต้นขนาดกลาง เปลือกนอกสีเทาปนด�ำเรียบหรือแตกเป็นร่องเล็กๆ ตามยาว เปลือกในสีน�้ำตาลปนแดงอ่อน ใบเดี่ยวเรียงสลับ รูปขอบขนาน ปลายแหลมทู่ โคนใบมน ดอกเล็กสีขาว หรือเหลืองอ่อน ผลค่อนข้างกลม การขยายพันธุ์ การเพาะเมล็ด การปักช�ำกิ่ง การตอนกิ่ง ประโยชน์ เปลือก และผลมีสรรพคุณลดไข้ แก้บิด แก้ท้องร่วง แก้ไข้มาลาเรีย รักษาแผลในปาก และแก้คออักเสบ บริเวณที่พบ ศูนย์การเรียนรู้ย่านมัทรี ตะโกสวน Diospyros malabarica (Desr.) EBENACEAE ตะโกไทย ตะโก มะเขือ ปลาบ ชื่อวิทยาศาสตร์ ชื่อวงศ์ ชื่ออื่น ๆ 123 โครงการอนุรักษ์พันธุกรรมพืชอันเนื่องมาจากพระราชด�ำริ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี (อพ.สธ.)


ลักษณะทั่วไป ตะขบไทยเป็นไม้ต้นขนาดเล็กถึงขนาดกลาง สูง 5 - 15 เมตร ผลัดใบ เรือนเป็นพุ่มกลมค่อนข้าง โปร่ง ล�ำต้นค่อนข้างเปลาตรงหรือเป็นปุ่มปม เปลือกสีน�้ำตาลอมเทา ใบเดี่ยว เรียงสลับ ใบรูปไข่แกมรูปขอบขนาน หรือรูปไข่ ปลายใบเรียวแหลม โคนใบมน ผิวใบด้านบนเขียวเข้มเป็นมัน ขอบใบเป็นคลื่นและจักฟันเลื่อย ดอก มีกลิ่นหอม สีเหลืองอ่อน ออกเป็นช่อแบบช่อกระจะสั้นๆ ตามปลายกิ่ง ดอกแยกเพศอยู่ต้นเดียวกัน ผลสดแบบ มีเนื้อหลายเมล็ด ทรงกลม เมื่อสุกผลสีแดง ผิวเกลี้ยง เมล็ดสีน�้ำตาล รีแบน การขยายพันธุ์ การเพาะเมล็ด การตอนกิ่ง ประโยชน์ รากแก้ผื่นคัน กามโรค ขับเหงื่อ ละลายเสมหะ เนื้อไม้แก้ท้องร่วง บิด ขับพยาธิไส้เดือน บริเวณที่พบ ศูนย์การเรียนรู้ย่านมัทรี Flacourtia rukam Zoll. & Moritzi FLACOURTIACEAE ตะขบไทย ครบดง ตะขบบ้าน ชื่อวิทยาศาสตร์ ชื่อวงศ์ ชื่ออื่น ๆ 124 พรรณไม้ในมหาวิทยาลัยราชภัฏนครสวรรค์


ลักษณะทั่วไป ไม้ต้นขนาดเล็ก สูง 2 - 15 เมตร ผลัดใบ เปลือกสีน�้ำตาล ใบเดี่ยว เรียงสลับ รูปไข่กลับ ปลายใบ แหลมหรือมน โคนใบสอบเรียว ขอบใบเรียบหรืออาจจักเล็กน้อย ดอก สีขาว ออกเป็นช่อแบบช่อกระจะสั้นตาม ซอกใบและปลายกิ่ง โคนช่อดอกมีใบประดับ ดอกแยกเพศ ผลสดแบบมีเนื้อ ทรงกลม เมื่อสุกผลสีแดงปนส้ม หรือม่วงปนด�ำมัน มีก้านเกสรเพศเมียติดอยู่ที่ปลายผล มี 5 - 6 เมล็ด การขยายพันธุ์ การตอนกิ่ง การแยกหน่อ การเพาะเมล็ด ประโยชน์ ผลมีวิตามินบีสูงแก้อ่อนเพลีย คลื่นไส้อาเจียนและเป็นยาระบาย เปลือกชงแก้เสียงแห้ง ใบสดลดไข้ในเด็ก น�้ำต้มใบแห้งขับเสมหะ แก้หืดหอบ เมล็ดน�ำมาต�ำแล้วพอกแก้ปวดข้อ บริเวณที่พบ ศูนย์การเรียนรู้ย่านมัทรี ตะขบป่า Flacourtia indica (Burm. f.) Merr. FLACOURTIACEAE ตานเสี้ยน มะเกว๋นนก มะเกว๋นป่า เบนโคก ชื่อวิทยาศาสตร์ ชื่อวงศ์ ชื่ออื่น ๆ 125 โครงการอนุรักษ์พันธุกรรมพืชอันเนื่องมาจากพระราชด�ำริ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี (อพ.สธ.)


ลักษณะทั่วไป ตะขบฝรั่งเป็นไม้ต้น เปลือกสีเทา กิ่งแผ่สาขามาก ตามกิ่งมีขนนุ่มปกคลุมและปลายเป็นตุ่ม ใบเดี่ยว เรียงสลับ รูปใบขอบขนานแกมรูปไข่ ปลายใบเรียวแหลม โคนใบเบี้ยว ขอบใบหยักฟันเลื่อย มีขนปกคลุม หนาแน่น ก้านใบมีขน ดอกเดี่ยวออกตามซอกใบ ก้านดอกมีขน กลีบดอกมี 5 กลีบ สีขาว กลีบเลี้ยงมี 5 กลีบ แยกกัน สีเขียว รูปใบหอก ผลกลม ผิวบางเรียบ มีเมล็ดเล็กๆ จ�ำนวนมากอยู่ภายใน เมื่อสุกสีแดง การขยายพันธุ์ การเพาะเมล็ด ประโยชน์ เปลือกชงเป็นยาระบาย ดอกและดอกแห้งต้มดื่มแก้ไข้ ปวดศีรษะ บริเวณที่พบ ศูนย์การเรียนรู้ย่านมัทรี Muntingia calabura L. TILIACEAE ตะขบ ตะขบป่า ลูกครบ ลูกขรบ ตะขบฝรั่ง ชื่อวิทยาศาสตร์ ชื่อวงศ์ ชื่ออื่น ๆ 126 พรรณไม้ในมหาวิทยาลัยราชภัฏนครสวรรค์


ลักษณะทั่วไป ไม้ต้นขนาดใหญ่ เปลือกนอกสีน�้ำตาลเทา หรือสีด�ำ แตกล่อนเป็นสะเก็ดเล็กน้อย เปลือกใน สีน�้ำตาลแดง ใบประกอบแบบขนนกเรียงสลับ มีใบย่อย 2 - 4 คู่ เรียงตรงข้าม บางครั้งเยื้องกัน แผ่นใบย่อยรูปรี ถึงรูปไข่ คู่ล่างเล็กกว่าคู่บน ปลายเว้าตื้นถึงมนเป็นติ่งสั้นๆ โคนเบี้ยว ด้านบนใบค่อนข้างเกลี้ยง ด้านล่างใบมีขน ดอกเล็กสีเหลืองนวล หรือเขียวอ่อน กลิ่นหอม ผลรูปไข่กว้างถึงค่อนข้างกลม เมื่อสุกสีเหลือง เมล็ดมีเยื่อหุ้ม สีเหลือง การขยายพันธุ์ การเพาะเมล็ด การตอนกิ่ง ประโยชน์ เนื้อไม้ ใช้ในการอุตสาหกรรม ท�ำฟืนหรือถ่าน ใบอ่อนกินเป็นผัก เยื่อหุ้มเมล็ดกินได้มีรสเปรี้ยว เมล็ดน�ำมาสกัดเอาน�้ำมัน แก้ผมร่วง เปลือกผล เป็นยาสมานแผล ในล�ำไส้ เปลือกให้สีย้อม สมานท้อง แก้ฝีหนอง แก้ท้องเสีย ขับน�้ำนมสตรีหลังคลอดบุตร บริเวณที่พบ ศูนย์การเรียนรู้ย่านมัทรี ตะคร้อ Schleichera oleosa (Lour.) Oken SAPINDACEAE บักคร้อ (อีสาน) มะโจ๊ก เคาะ ค้อ คอส้ม (เหนือ) ตะคร้อไข่ (ภาคกลาง) ชื่อวิทยาศาสตร์ ชื่อวงศ์ ชื่ออื่น ๆ 127 โครงการอนุรักษ์พันธุกรรมพืชอันเนื่องมาจากพระราชด�ำริ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี (อพ.สธ.)


ตะคร้อหนาม ลักษณะทั่วไป ไม้ต้นขนาดกลาง สูง 6 - 15 เมตร ผลัดใบ เรือนยอดรูปกรวยต�่ำ เปลือกสีเทาหรือเทาอมน�้ำตาล ค่อนข้างเรียบ ใบประกอบแบบขนนก ปลายคู่เรียงสลับระนาบเดียว ใบรูปไข่แกมรูปขอบขนาน ปลายใบแหลม โคนใบเบี้ยว หรือรูปลิ่ม ขอบใบเรียบ ผิวใบด้านบนเกลี้ยง ด้านล่างมีขน เส้นแขนงใบข้างละ 9 - 14 เส้น ดอกช่อ แบบช่อกระจะ สีขาว ออกตามซอกใบ บริเวณปลายกิ่ง ผลแห้งแตกค่อนข้างกลม มีหนามอ่อนปกคลุมคล้ายเงาะ สีเขียวอมน�้ำตาล ผลแก่แตกมีเมล็ด 1 - 3 เมล็ด เนื้อหุ้มเมล็ดสีเหลือง หอม รับประทานได้ เมล็ดผิวเกลี้ยงขนาด ประมาณ 1 ซม. การขยายพันธุ์ การเพาะเมล็ด การปักช�ำกิ่ง ประโยชน์ ล�ำต้นแก้อัมพฤกษ์ อัมพาต เมล็ดกลั่น น�้ำมัน ใช้จุดตะเกียงและปรุงเครื่องส�ำอาง บริเวณที่พบ ศูนย์การเรียนรู้ย่านมัทรี Sisyrolepis muricata (Pierre) Leenh. SAPINDACEAE เคาะหนาม เคาะหยุม มะจ๊กหนาม มะโจ๊กหนาม มะจ๊กหยุม ค้อหนาม ชื่อวิทยาศาสตร์ ชื่อวงศ์ ชื่ออื่น ๆ 128 พรรณไม้ในมหาวิทยาลัยราชภัฏนครสวรรค์


ตะคร�้ำ ลักษณะทั่วไป ไม้ยืนต้นผลัดใบขนาดกลาง ล�ำต้นเปลาตรง มีความสูงได้ประมาณ 10 - 20 เมตร ใบเป็น ใบประกอบแบบขนนกปลายคี่ ออกเรียงเวียนสลับเป็นกระจุกบริเวณปลายกิ่ง ก้านช่อหนึ่งจะมีใบย่อยประมาณ 7 - 13 ใบ ออกดอกเป็นช่อใหญ่บริเวณปลายกิ่งหรือส่วนยอดของต้น ช่อดอกยาวประมาณ 6 นิ้ว ดอกย่อย มีจ�ำนวนมาก เป็นดอกแบบสมบูรณ์ ผลเป็นผลสด ลักษณะของผลเป็นรูปทรงกลม อวบน�้ำ มีเมล็ดอยู่ภายใน สีเขียวอมเหลือง เมื่อแก่จัดจะเปลี่ยนเป็นสีด�ำ การขยายพันธุ์ การเพาะเมล็ด ประโยชน์ ต้นสดน�ำมาคั้น เอาน�้ำใช้หยอดตา แก้ตามัวเนื่องจากเยื่อตาอักเสบ เปลือกต้นใช้ต้มอาบส�ำหรับสตรีหลังคลอด บริเวณที่พบ ศูนย์การเรียนรู้ย่านมัทรี Garuga pinnata Roxb. BURSERACEAE กะตีบ แขกเต้า ค�้ำ หวีด (ภาคเหนือ) ตะคร�้ำ (ภาคกลาง ภาคเหนือ) ปีชะออง (กะเหรี่ยง กาญจนบุรี) อ้อยน�้ำ (จันทบุรี) ชื่อวิทยาศาสตร์ ชื่อวงศ์ ชื่ออื่น ๆ 129 โครงการอนุรักษ์พันธุกรรมพืชอันเนื่องมาจากพระราชด�ำริ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี (อพ.สธ.)


ลักษณะทั่วไป ไม้ยืนต้นขนาดใหญ่ สูง 20 - 40 เมตร ไม่ผลัดใบ เรือนยอดเป็นพุ่มกลมทึบ ล�ำต้นเปลาตรง เปลือกหนาสีน�้ำตาลด�ำ แตกเป็นร่องตามยาว ล�ำต้นมีชันสีเหลืองเกาะตามรอยแตก ใบเดี่ยว เรียงสลับ รูปไข่ แกมรูปใบหอกหรือรูปดาบ ปลายใบแหลม โคนใบมนเบี้ยว ผิวใบเกลี้ยงเป็นมัน ดอก มีกลิ่นหอมอ่อนๆ สีขาว นวล ออกรวมกันเป็นช่อแบบช่อแยกแขนงตามซอกใบและปลายกิ่ง ก้านช่อดอก ก้านดอกและกลีบรองกลีบดอก มีขนนุ่ม กลีบเลี้ยงและกลีบดอกอย่างละ 5 กลีบ ผลแห้งทรงกลมหรือไข่ปลายแหลม มีปีกรูปใบพายยาว 2 ปีก ซึ่งยาวได้ถึง 5.5 ซม. การขยายพันธุ์ การเพาะเมล็ด ประโยชน์ เปลือกต้มกับเกลือ อมรักษาฟัน หรือล้างบาดแผล แก้อักเสบ แก่นผสมยารักษาเลือดลม ยางผสมน�้ำมันรักษาแผล บริเวณที่พบ มหาวิทยาลัยราชภัฏนครสวรรค์ , ศูนย์การเรียนรู้ย่านมัทรี Hopea odorata Roxb. DIPTEROCARPACEAE กะกี้ โกกี้ แคน จะเคียน จูเค้ โซเก ตะเคียน ตะเคียนทอง ชื่อวิทยาศาสตร์ ชื่อวงศ์ ชื่ออื่น ๆ 130 พรรณไม้ในมหาวิทยาลัยราชภัฏนครสวรรค์


ลักษณะทั่วไป ต้นไม้ผลัดใบ สูง 15 - 30 เมตร ใบเดี่ยว ออกตรงข้ามหรือเยื้องกันเล็กน้อย ใบอ่อนสีแดงมีขนสั้น อ่อนนุ่มปกคลุม ใบแก่ขนจะหลุดหายไป แผ่นใบรูปขอบขนานแกมรูปหอก ปลายใบเป็นติ่งแหลม โคนสอบ ดอก สีม่วงอมชมพูต่อมาเปลี่ยนเป็นสีขาวหรือเกือบขาว ออกรวมกันเป็นช่อตามปลายกิ่ง ผล รูปรี ยาวประมาณ 2 ซม. การขยายพันธุ์ การเพาะเมล็ด ประโยชน์ น�้ำต้มราก แก้ปวดระหว่างมีไข้ ชาวมลายูใช้ใบต�ำพอกแก้ไข้ น�้ำต้มเปลือก ใช้เข้ายาแก้ท้องร่วง และแก้พิษ บริเวณที่พบ มหาวิทยาลัยราชภัฏนครสวรรค์ , ศูนย์การเรียนรู้ ย่านมัทรี ตะแบกนา Lagerstroemia floribunda Jack LYTHRACEAE กระแบก ตะแบกไข่ ตะเเบก เปื๋อยด้อง เปื๋อยนา เปื๋อยหางค่าง ชื่อวิทยาศาสตร์ ชื่อวงศ์ ชื่ออื่น ๆ 131 โครงการอนุรักษ์พันธุกรรมพืชอันเนื่องมาจากพระราชด�ำริ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี (อพ.สธ.)


ลักษณะทั่วไป เป็นไม้ยืนต้นขนาดเล็ก ตามกิ่งจะปกคลุมด้วยขนนุ่มๆ เปลือกสีชมพู ใบเป็นใบประกอบ ใบย่อย รูปหอก ปลายแหลมโคนมน ดอกช่อออกตามล�ำต้นและกิ่งก้าน กลีบดอกสีแดง มีกลิ่นหอม ผลเป็นช่อผลรูปร่าง ยาวรี ผิวของลูกอ่อนสีเขียว รสเปรี้ยวจัด เมื่อแก่กลายเป็นสีเหลือง การขยายพันธุ์ การเพาะเมล็ด การติดตา การทาบกิ่งและการตอนกิ่ง ประโยชน์ ใบมีสรรพคุณแก้คัน รักษาอาการอักเสบ ดอกมีสรรพคุณแก้ไอ ผลมีสรรพคุณเจริญอาหาร บ�ำรุงกระเพาะอาหาร ลดไข้ บริเวณที่พบ ศูนย์การเรียนรู้ย่านมัทรี Averrhoa bilimbi L. OXALIDACEAE บลีมิง หลิงปลิง ตะลิงปลิง ชื่อวิทยาศาสตร์ ชื่อวงศ์ ชื่ออื่น ๆ 132 พรรณไม้ในมหาวิทยาลัยราชภัฏนครสวรรค์


ลักษณะทั่วไป ไม้ต้นผลัดใบ เปลือกล�ำต้นสีด�ำ ใบเดี่ยวรูปขอบขนาน ปลายใบแหลม ออกเรียงสลับ ดอกสีเขียว อมเหลือง ขนาดเล็ก มี 4 กลีบ ออกที่ตามง่ามใบ ผลสดรูปกลม เมื่อสุกสีเหลือง มีรสฝาด มีมากกว่า 1 เมล็ด การขยายพันธุ์ การเพาะเมล็ด ประโยชน์ รากมีสรรพคุณขับพยาธิ แก่นแก้ไตพิการ แก้ตานซาง แก้ผอมแห้ง ผลเป็นพิษใช้เบื่อปลา บริเวณที่พบ มหาวิทยาลัยราชภัฏนครสวรรค์ , ศูนย์การเรียนรู้ย่านมัทรี ตานด�ำ Diospyros montana Roxb. EBENACEAE ตานส้าน ถ่านไฟผี มะเกลือป่า มะตูมด�ำ ชื่อวิทยาศาสตร์ ชื่อวงศ์ ชื่ออื่น ๆ 133 โครงการอนุรักษ์พันธุกรรมพืชอันเนื่องมาจากพระราชด�ำริ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี (อพ.สธ.)


ลักษณะทั่วไป ไม้ต้นผลัดใบ เรือนยอดทรงกระบอก กิ่งก้านมีหนาม เปลือกสีน�้ำตาลปนด�ำ แตกเป็นร่องถี่ตื้น ใบเดี่ยวเรียงเวียนเป็นกลุ่มที่ปลายกิ่งใบรูปไข่กลับ ปลายใบมนหรือเว้าเข้า โคนใบรูปลิ่ม ขอบใบเรียบ ใต้ใบมีขน หนาแน่น หน้าใบสีเขียวเข้ม เป็นมัน ดอกสีขาว มีกลิ่นหอม ออกเป็นช่อแบบช่อกระจุกตามซอกใบใกล้ปลายกิ่ง กลีบเลี้ยง 5 กลีบ กลีบดอก 10 กลีบ ผลสดแบบมีเนื้อ หลายเมล็ด ทรงกลม เมล็ดรูปรีมี 1-4 เมล็ด การขยายพันธุ์ การเพาะเมล็ด ประโยชน์ ผลดิบกินแทนผักสด ผลสุกเป็นอาหารของสัตว์ป่าบริเวณที่พบ ศูนย์การเรียนรู้ย่านมัทรี Pouteria cambodiana Baehni SAPOTACEAE นมนาง ตานนม ชื่อวิทยาศาสตร์ ชื่อวงศ์ ชื่ออื่น ๆ 134 พรรณไม้ในมหาวิทยาลัยราชภัฏนครสวรรค์


ลักษณะทั่วไป ไม้ต้น สูง 5 - 8 เมตร ใบประกอบแบบนิ้วมือ ใบย่อย 5 ใบ กว้าง 1.3 - 2.4 ซม. ยาว 4.5 - 8.3 ซม. รูปรีแกมรูปขอบขนาน ปลายใบและโคนใบมน ขอบใบเรียบ ดอกออกเป็นช่อแบบช่อกระจุกตามปลายกิ่ง สีเหลือง กลีบเลี้ยงเชื่อมติดเป็นรูปถ้วย ปลายแยก 5 แฉก กลีบดอกเชื่อมติดกันเป็นกรวย ปลายแยกเป็น 5 กลีบ รูปกลมมน เนื้อกลีบบาง ผลรูปทรงกระบอก แห้งแตก สีน�้ำตาล การขยายพันธุ์ การเพาะเมล็ด การตอนกิ่ง การปักช�ำกิ่ง ประโยชน์ รากแก้ปวดกล้ามเนื้อเมื่อมีไข้ เปลือกแก้บิด ใบแก้ไข้ บริเวณที่พบ มหาวิทยาลัยราชภัฏ นครสวรรค์ , ศูนย์การเรียนรู้ย่านมัทรี ตาเบเหลือง Tabebuia argentea Britt. BIGNONIACEAE เหลืองปรีดียาธร ตาเบบูญ่า ชื่อวิทยาศาสตร์ ชื่อวงศ์ ชื่ออื่น ๆ 135 โครงการอนุรักษ์พันธุกรรมพืชอันเนื่องมาจากพระราชด�ำริ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี (อพ.สธ.)


ลักษณะทั่วไป ต้นเดี่ยว เมื่อแก่มีสีน�้ำตาล สูง 20 - 25 เมตร ใบลักษณะคล้ายรูปพัดแกนโค้ง ก้านใบยาว 2 เมตร และมีนวลสีขาวปกคลุม เรียงสลับสีเขียวอมฟ้า ทรงพุ่มสวย ขอบใบจักลึกถึงครึ่งตัวใบ ดอกออกช่อดอกระหว่าง กาบใบแยกเพศเป็นต้นตัวผู้ ตัวเมีย ผลกลมรี การขยายพันธุ์ การเพาะเมล็ด ประโยชน์ ไม้ประดับ ใบใช้มุงหลังคา ฝาบ้านหรือสานเป็นตะกร้า แกนกลางล�ำต้นรับประทานได้ บริเวณที่พบ ศูนย์การเรียนรู้ย่านมัทรี Bismarckia nobilis Hildebr. & H. Wendl. ARECACEAE ปาล์มมาดากัสการ์ ตาลฟ้า ชื่อวิทยาศาสตร์ ชื่อวงศ์ ชื่ออื่น ๆ 136 พรรณไม้ในมหาวิทยาลัยราชภัฏนครสวรรค์


ลักษณะทั่วไป ไม้เลื้อย มีมือเกาะ ใบเป็นใบเดี่ยว แผ่นใบแผ่เว้าเป็น 5 แฉก ขอบใบมีต่อมคายน�้ำ โคนใบเป็นรูป หัวใจ ปลายใบแหลมมน ผิวใบเกลี้ยง ดอกสีขาว เป็นดอกเดี่ยว แยกเพศ อยู่ต่างต้น กลีบดอก 5 กลีบ เกสรเพศผู้ 3 อัน อับเรณูขนาดใหญ่รูปขอบขนาน สีเหลืองเป็นก้อนอยู่ในคอดอก ดอกเพศเมีย กลีบดอกเหมือนดอกเพศผู้ ยอดเกสรแยกเป็น 3 - 5 แฉก ผลเป็นผลสด รูปขอบขนานหรือรูปป้อม ผลแก่สีแดงส้ม เมล็ดแบนรีมีจ�ำนวนมาก การขยายพันธุ์ การเพาะเมล็ด การปักช�ำเถา ประโยชน์ น�้ำยางช่วยดับพิษและแก้คัน รากต้มเป็นยาลดไข้ เมล็ด ต�ำกับน�้ำมันมะพร้าวใช้ทาแก้หิด บริเวณที่พบ มหาวิทยาลัยราชภัฏนครสวรรค์ , ศูนย์การเรียนรู้ย่านมัทรี ต�ำลึง Coccinia grandis Voigt CUCURBITACEAE ผักแคบ (เหนือ) ผักต�ำนิน (อีสาน) สี่บาท (ภาคกลาง) พรหมพิชัย แคเด๊าะ ชื่อวิทยาศาสตร์ ชื่อวงศ์ ชื่ออื่น ๆ 137 โครงการอนุรักษ์พันธุกรรมพืชอันเนื่องมาจากพระราชด�ำริ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี (อพ.สธ.)


ลักษณะทั่วไป ไม้ต้นขนาดเล็กถึงใหญ่ ผลัดใบ สูง 8 - 30 เมตร ล�ำต้นเปลาตรง มีน�้ำยางสีเหลืองแกมแดง ใบเดี่ยว เรียงตรงข้าม รูปรีหรือรูปใบหอก กว้าง 2 - 3.5 ซม. ยาว 4.5 - 10 ซม. ดอกเดี่ยวหรือออกเป็นกระจุกๆ ละ 2 - 5 ดอก ที่ซอกใบหรือปลายกิ่ง กลีบดอกสีส้มหรือแดง ผลแห้งแตก รูปรี แข็ง เกลี้ยงเป็นมัน แตกเป็น 3 พู เมล็ดมีปีกบางๆ การขยายพันธุ์ การเพาะเมล็ด การปักช�ำกิ่ง ประโยชน์ เปลือกต้น ใช้รักษาอาการเสียดท้อง หรืออาการเกี่ยวกับล�ำไส้ น�้ำยางจากเปลือกที่เปลี่ยนเป็นสีแดง ใช้รักษาโรคหิด บริเวณที่พบ ศูนย์การเรียนรู้ ย่านมัทรี Cratoxylum cochinchinense (Lour.) Blume. CALOPHYLLACEAE ขี้ติ้ว ติ้วใบเลื่อม (เหนือ) ติ้วแดง (สุรินทร์) ติ้วหม่น ติ้วเกลี้ยง ชื่อวิทยาศาสตร์ ชื่อวงศ์ ชื่ออื่น ๆ 138 พรรณไม้ในมหาวิทยาลัยราชภัฏนครสวรรค์


ลักษณะทั่วไป ไม้ต้น สูง 8 - 15 เมตร มีน�้ำยางเหลือง ใบเดี่ยว เรียงตรงข้าม รูปวงรีแกมไข่กลับหรือ รูปขอบขนาน กว้าง 2.5 - 4.5 ซม. ยาว 3 - 13 ซม. ผิวใบมีขนละเอียดทั้งสองด้าน ดอกช่อ ออกเป็นกระจุกตาม กิ่งเหนือรอยแผลใบ กลีบดอกสีชมพูแกมม่วง ผลแห้ง แตกได้ รูปไข่แกมกระสวย การขยายพันธุ์ การเพาะเมล็ด การปักช�ำกิ่ง ประโยชน์ รากและใบ น�้ำต้มกินเป็นยาแก้ปวดท้อง ยางจากเปลือกต้นทาแก้คัน น�้ำต้มเปลือกต้น กินแก้ธาตุพิการ เปลือกและใบต�ำผสมกับน�้ำมันมะพร้าว ทาแก้โรคผิวหนังบางชนิด บริเวณที่พบ ศูนย์การเรียนรู้ ย่านมัทรี ติ้วขน Cratoxylum formosum subsp. pruniflorum (Kurz) Gogel. CALOPHYLLACEAE ติ้วขาว ติ้วแดง ติ้วยาง ติ้วเลือด ติ้วเหลือง ติ้วหิน ชื่อวิทยาศาสตร์ ชื่อวงศ์ ชื่ออื่น ๆ 139 โครงการอนุรักษ์พันธุกรรมพืชอันเนื่องมาจากพระราชด�ำริ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี (อพ.สธ.)


ลักษณะทั่วไป ไม้ต้น สูง 10 - 25 เมตร ล�ำต้นเมื่อยังเล็กมีหนาม ใบเดี่ยวออกตรงข้ามกัน ใบรูปรีแกม ขอบขนาน ปลายใบเป็นติ่งทู่ โคนใบแหลมถึงทู่ ขอบใบเรียบ ผิวใบเกลี้ยง ใบอ่อนสีชมพูแกมแดง ดอกสีชมพูอ่อน ออกเป็นกระจุกตามกิ่งบริเวณเหนือแผลเป็นของใบ ผลรูปกระสวย เมื่อแห้งจะแตกออกเป็นสามซีก การขยาย พันธุ์ การเพาะเมล็ด การปักช�ำกิ่ง ประโยชน์ ยอดอ่อนและดอกรับประทานเป็นผัก บริเวณที่พบ ศูนย์การเรียนรู้ ย่านมัทรี Cratoxylum formosum (Jack) Dyer CALOPHYLLACEAE แต้วหอม มูโต๊ะ ติ้วส้ม ชื่อวิทยาศาสตร์ ชื่อวงศ์ ชื่ออื่น ๆ 140 พรรณไม้ในมหาวิทยาลัยราชภัฏนครสวรรค์


ลักษณะทั่วไป ไม้ต้นขนาดเล็ก ไม่ผลัดใบ เรือนยอดทรงกลมทึบ ล�ำต้นมักแตกกิ่งต�่ำ เปลือกเรียบสีเทา มีช่องระบายอากาศเป็นร่องยาว มีน�้ำยางสีขาว ใบเดี่ยว เรียงเวียนสลับ ใบรูปใบหอกแกมรูปไข่กลับ ดอกสีขาว กลางดอกมีสีเหลือง ออกเป็นช่อแบบช่อกระจุกที่ปลายกิ่ง ผลสดแบบมีเนื้อเมล็ดเดียว ทรงกลมหรือค่อนข้างกลม เป็นสองพูตื้นๆ สีเขียวอมม่วงถึงม่วงเข้ม การขยายพันธุ์ การเพาะเมล็ด ประโยชน์ เปลือกต้นเป็นยาถ่าย ใบรักษา โรคผิวหนังกลากเกลื้อน บริเวณที่พบ ศูนย์การเรียนรู้ย่านมัทรี ตีนเป็ดทะเล Cerbera odollam Gaertn. APOCYNACEAE ตีนเป็ด ตีนเป็ดน�้ำ ตุม สั่งลา ชื่อวิทยาศาสตร์ ชื่อวงศ์ ชื่ออื่น ๆ 141 โครงการอนุรักษ์พันธุกรรมพืชอันเนื่องมาจากพระราชด�ำริ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี (อพ.สธ.)


ลักษณะทั่วไป ไม้ยืนต้น ผลัดใบ ล�ำต้นตรง เปลือกสีน�้ำตาลปนเทา แตกเป็นร่องและเป็นสะเก็ดหนา ใบเดี่ยว ใบอ่อนมีขนประปราย ดอกช่อ ออกที่ปลายยอด ก้านดอกย่อยสั้นมาก ดอกย่อยขนาดเล็กสีขาว การขยายพันธุ์ การเพาะเมล็ด ประโยชน์ ต้น เปลือก ฝนกับน�้ำปูนใส กินเป็นยาฝาดสมาน แก้น�้ำเหลืองเสียและช่วยห้ามเลือด เป็นยาสมานแผล รักษาแผลเรื้อรัง แผลพุพอง บริเวณที่พบ ศูนย์การเรียนรู้ย่านมัทรี Shorea obtusa Wall. ex Blume DIPTEROCARPACEAE แงะ เอื้อ ชันตก เต็งขาว เน่าใน เต็ง ชื่อวิทยาศาสตร์ ชื่อวงศ์ ชื่ออื่น ๆ 142 พรรณไม้ในมหาวิทยาลัยราชภัฏนครสวรรค์


ลักษณะทั่วไป ไม้เถาเนื้ออ่อน ล�ำต้นและกิ่งสีน�้ำตาลแดง มีขนสั้นปกคลุมทุกส่วน มีน�้ำยางสีขาว ใบเดี่ยว ออกเป็นคู่ตรงข้าม ทรงรี แผ่นใบมีขนนุ่มปกคลุม โคนใบสอบ ปลายใบแหลมคล้ายหาง ดอกออกเป็นช่อกระจุก ตามซอกใบที่ปลายยอด มีกลีบดอก 5 กลีบ สีชมพูอมม่วง ขอบกลีบสีขาว ผลเป็นฝักคู่ ทรงกระบอก ผิวมีขนสั้น ปกคลุม มีเมล็ดมาก มีขนละเอียดสีขาวที่ขั้วเมล็ด การขยายพันธุ์ การเพาะเมล็ด ประโยชน์ ปลูกเป็นไม้ดอก ไม้ประดับ ต้นต้มน�้ำดื่มแก้ท้องเสีย แก้อ่อนเพลีย บ�ำรุงก�ำลัง บริเวณที่พบ ศูนย์การเรียนรู้ย่านมัทรี เถาประสงค์ Streptocaulon juventas (Lour.) Merr. APOCYNACEAE หยั่งสมุทร ต�ำยายฮากหอม จุกโรหินี นวยนั่ง นอยนั่ง เถาไพสง ชื่อวิทยาศาสตร์ ชื่อวงศ์ ชื่ออื่น ๆ 143 โครงการอนุรักษ์พันธุกรรมพืชอันเนื่องมาจากพระราชด�ำริ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี (อพ.สธ.)


ลักษณะทั่วไป ไม้ต้นขนาดกลาง สูง 5 - 15 เมตร ผลัดใบ เรือนยอดพุ่มกลมทึบ แตกกิ่งคดงอ เปลือกเรียบ สีเทาคล�้ำ บางครั้งแตกเป็นร่องตื้นๆ ใบประกอบแบบขนนก ปลายคี่ เรียงเวียนสลับ ใบย่อย 3 ใบ เรียงตรงข้าม ใบย่อยที่ปลายเป็นรูปมนเกือบกลม ใบย่อยด้านข้างรูปไข่เบี้ยว ปลายใบมน โคนใบสอบ ผิวด้านบนเกลี้ยง ด้านล่างมีขนสาก เส้นแขนงใบข้างละ 5 - 7 เส้น ดอก สีส้มสดหรือสีเหลือง ออกเป็นช่อกระจะตามปลายกิ่งหรือ ซอกใบ ก้านช่อดอกมีขนสีน�้ำตาล กลีบเลี้ยง 5 กลีบ มีขน กลีบดอก 5 กลีบ ดอกบานเต็มที่กว้าง 6 ซม. ผลเป็น ฝักแบนรูปบรรทัด เมื่อแก่สีน�้ำตาลอมเหลือง มีขนอ่อนนุ่ม สีขาวเป็นมัน มี 1 เมล็ดตรงปลายฝัก การขยายพันธุ์ การเพาะเมล็ด การปักช�ำกิ่ง ประโยชน์ ต�ำใบพอกแก้ฝี แก้ริดสีดวง ดอกถอนพิษไข้ ขับปัสสาวะ แก้ตาแดง เมล็ด ขับพยาธิ บริเวณที่พบ มหาวิทยาลัยราชภัฏนครสวรรค์ , ศูนย์การเรียนรู้ย่านมัทรี Butea monosperma (Lam.) Taub. FABACEAE กวาว ก๋าว จอมทอง จ้า จาน ทองธรรมชาติ ทองต้น ทองกวาว ชื่อวิทยาศาสตร์ ชื่อวงศ์ ชื่ออื่น ๆ 144 พรรณไม้ในมหาวิทยาลัยราชภัฏนครสวรรค์


ลักษณะทั่วไป ไม้พุ่ม สูง 60 - 120 ซม. ใบเดี่ยว รูปไข่ หรือรูปใบหอก โคนและปลายใบแหลม ขอบเรียบ หรือ เป็นคลื่นเล็กน้อย ดอกสีขาว ออกเป็นช่อตามซอกใบ กลีบเลี้ยง 5 กลีบ กลีบดอกรูปปากเปิด โคนเชื่อมติดกัน เป็นหลอดยาว ปลายแยกเป็น 2 ปาก กลีบปากบนแคบตั้งขึ้น ปลายแยกเป็น 2 กลีบแหลมสั้นๆ กลีบปากล่าง แผ่กว้าง ปลายแยกเป็น 3 กลีบมน มีจุดประแต้มสีแดงตรงโคนกลีบ เกสรเพศผู้ 2 อัน ผลแบบผลแห้งแตก มี 4 เมล็ด ถิ่นก�ำเนิดเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ การขยายพันธุ์ การเพาะเมล็ด การปักช�ำกิ่ง ประโยชน์ เป็นยาพื้นบ้าน รักษากลาก เกลื้อน โดยใช้ใบ หรือรากสด หรือแห้ง โขลกให้ละเอียดแช่แอลกอฮอล์ 70% หรือแช่เหล้าโรง 7 วัน จึงน�ำน�้ำยามาทา บริเวณที่พบ มหาวิทยาลัยราชภัฏนครสวรรค์ , ศูนย์การเรียนรู้ย่านมัทรี ทองพันชั่ง Rhinacanthus nasutus (L.) Kurz ACANTHACEAE ทองคันชั่ง หญ้ามันไก่ ชื่อวิทยาศาสตร์ ชื่อวงศ์ ชื่ออื่น ๆ 145 โครงการอนุรักษ์พันธุกรรมพืชอันเนื่องมาจากพระราชด�ำริ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี (อพ.สธ.)


ลักษณะทั่วไป ไม้ยืนต้นผลัดใบ สูง 5 - 10 เมตร กิ่งอ่อนมีหนามเรือนยอดเป็นพุ่มกลมโปร่ง ใบเป็นใบประกอบ แบบขนนก มีใบย่อย 3 ใบ ใบกลางจะโตกว่าสองใบด้านข้าง ออกดอกเป็นช่อยาวประมาณ 30 - 40 ซม. การขยาย พันธุ์ การเพาะเมล็ด การปักช�ำกิ่ง ประโยชน์ ปลูกเป็นไม้ประดับ บริเวณที่พบ ศูนย์การเรียนรู้ย่านมัทรี Erythrina variegata L. FABACEAE ปาริชาติ ปาริฉัตร ทองบ้าน ทองเผือก ทองหลางด่าง มังการา (ฮินดู) ทองหลางลาย ชื่อวิทยาศาสตร์ ชื่อวงศ์ ชื่ออื่น ๆ 146 พรรณไม้ในมหาวิทยาลัยราชภัฏนครสวรรค์


ลักษณะทั่วไป ไม้พุ่มขนาดเล็ก สูง 1 - 2.5 เมตร ใบเดี่ยว เรียงตรงข้าม ใบรูปวงรีแกมขอบขนาน หรือรูป ขอบขนานแกมใบหอกกลับ เส้นกลางใบงอโค้งเข้าหาล�ำต้น ปลายและโคนใบแหลม ดอกช่อแยกแขนง ออกที่ ปลายกิ่ง เป็นพุ่มกระจาย คล้ายฉัตรเป็นช่อชั้นๆ ตั้งขึ้น กลีบดอกสีขาว เชื่อมติดกันเป็นหลอดยาว กลีบเลี้ยงสี เขียว หรือแดง มี 5 แฉก ผลสดรูปทรงกลมแป้น เมื่อสุกมีสีน�้ำเงินแกมสีด�ำ หรือสีด�ำแดง มีกลีบเลี้ยงสีแดงติดอยู่ การขยายพันธุ์ การเพาะเมล็ด ประโยชน์ ราก รสจืดขื่น เป็นตัวยาในพิกัดยาเบญจโลกวิเชียรแก้ไข้ แก้พิษ สัตว์กัดต่อย ราก ใบ แก้หืด ต้น รสจืดเฝื่อน ขับเสมหะให้ลงเบื้องต�่ำ ขับพิษไข้ทุกชนิด แก้ร้อนใน บริเวณที่พบ มหาวิทยาลัยราชภัฏนครสวรรค์ , ศูนย์การเรียนรู้ย่านมัทรี เท้ายายม่อม Clerodendrum indicum (L.) Kuntze LAMIACEAE พญารากเดียว ไม้เท้าฤาษี กาสะลอง จรดพระธรณี ดอกคาน ปิ้งหลวง ปิ้งขม พญาเล็งจอน เล็งจ้อน ใต้ หญ้าลิ้นจ้อน พินพี โพพิ่ง พมพี พอกวอ ชื่อวิทยาศาสตร์ ชื่อวงศ์ ชื่ออื่น ๆ 147 โครงการอนุรักษ์พันธุกรรมพืชอันเนื่องมาจากพระราชด�ำริ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี (อพ.สธ.)


ลักษณะทั่วไป ไม้ยืนต้นสูง 15 - 20 เมตร ไม่ผลัดใบ เรือนยอดทรงกลมแผ่กว้าง เปลือกต้นสีน�้ำตาล กิ่งก้านห้อย ย้อยลง มีรากอากาศห้อยย้อย มีน�้ำยางขาวทุกส่วนของต้น รากอากาศมีน�้ำยางสีขาว ใบเดี่ยว เรียงสลับ รูปไข่ กลับ โคนใบสอบ ปลายใบทู่ แผ่นใบค่อนข้างหนาเป็นมัน สีเขียวเข้ม เส้นกลางใบเห็นชัด แต่เส้นแขนงใบไม่ค่อย ชัดนัก ขอบใบเรียบ ดอกออกเป็นช่อย่อยเป็นแบบดอกมะเดื่อ โดยฐานรองดอกพลิกหุ้มดอกเพศผู้และเพศเมีย ไว้ภายใน ช่อดอกย่อยรูปค่อนข้างกลมหรือรูปไข่ ดอกขนาดเล็ก ออกเป็นคู่จากข้างกิ่ง ไม่มีกลีบดอกเมื่อติดผล ช่อ ผลแบบมะเดื่อ สีเหลือง ส้ม หรือแดงเข้ม ผลสดทรงกลม ช่อผลแบบมะเดื่อ สีเหลือง ส้มหรือแดงเข้ม การขยาย พันธุ์ การเพาะเมล็ด การตอนกิ่ง การปักช�ำกิ่ง ประโยชน์ รากอากาศเป็นยาขับปัสสาวะ แก้ไตพิการ ซูบผอม โลหิตจาง ปวดเมื่อย บริเวณที่พบ มหาวิทยาลัยราชภัฏนครสวรรค์ , ศูนย์การเรียนรู้ย่านมัทรี Ficus retusa L. MORACEAE ไทรทอง ไทรยอดทอง ไทรย้อยใบทู่ ชื่อวิทยาศาสตร์ ชื่อวงศ์ ชื่ออื่น ๆ 148 พรรณไม้ในมหาวิทยาลัยราชภัฏนครสวรรค์


Click to View FlipBook Version