The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

หนังสือเล่มนี้เป็นการรวบรวมพรรณไม้ที่สำรวจได้ในมหาวิทยาลัยราชภัฏนครสวรรค์ รวมทั้งศูนย์การเรียนรู้ย่านมัทรี จำนวน 300 ชนิด เพื่อใช้ประกอบการเรียนการสอน การวิจัยการบริการวิชาการ และเพื่อเผยแพร่สู่สาธารณชนทั่วไป รวมทั้งเพื่อเทิดพระเกียรติสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เนื่องในวโรกาสเฉลิมฉลองพระชนมายุครบ 60 พรรษา

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by infinity.foto43, 2023-03-09 03:41:48

พรรณไม้ในมหาวิทยาลัยราชภัฏนครสวรรค์

หนังสือเล่มนี้เป็นการรวบรวมพรรณไม้ที่สำรวจได้ในมหาวิทยาลัยราชภัฏนครสวรรค์ รวมทั้งศูนย์การเรียนรู้ย่านมัทรี จำนวน 300 ชนิด เพื่อใช้ประกอบการเรียนการสอน การวิจัยการบริการวิชาการ และเพื่อเผยแพร่สู่สาธารณชนทั่วไป รวมทั้งเพื่อเทิดพระเกียรติสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เนื่องในวโรกาสเฉลิมฉลองพระชนมายุครบ 60 พรรษา

Keywords: ลักษณะพรรณไม้,การขยายพันธุ์,การใช้ประโยชน์,บริเวณที่พบ

ลักษณะทั่วไป ไม้ยืนต้น ใบเดี่ยว เรียงสลับ ดอกออกเป็นช่อตามซอกใบเกิดภายในฐานรองดอก ทรงกลมคล้าย ผลไม่มีกลีบดอก ผลกลม เมื่อสุกสีเหลืองส้ม การขยายพันธุ์ การเพาะเมล็ด การตอนกิ่ง การปักช�ำกิ่ง ประโยชน์ รากอากาศเป็นยาขับปัสสาวะ แก้ไตพิการ บ�ำรุงน�้ำนม และเป็นไม้ปลูกประดับ บริเวณที่พบ มหาวิทยาลัยราชภัฏ นครสวรรค์ , ศูนย์การเรียนรู้ย่านมัทรี ไทรย้อยใบแหลม Ficus benjamina L. MORACEAE จาเรย (เขมร) ไทร (นครศรีธรรมราช) ไทรกระเบื้อง (ประจวบคีรีขันธ์) ไทรย้อย ไทรย้อยใบแหลม (กรุงเทพฯ) ชื่อวิทยาศาสตร์ ชื่อวงศ์ ชื่ออื่น ๆ 149 โครงการอนุรักษ์พันธุกรรมพืชอันเนื่องมาจากพระราชด�ำริ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี (อพ.สธ.)


ลักษณะทั่วไป ไม้ยืนต้น สูงประมาณ 5 - 15 เมตร ปลายกิ่งลู่ลง เมื่อแก่ขนจะหลุดออก ผิวเปลือกขรุขระ แตกเป็นสะเก็ดสีเทาหรือสีเทาปนด�ำ ปลายใบมนหรือกลมหรือเว้าหยักเข้า โคนใบเรียวหรือสอบแคบๆ ผิวหลังใบ เรียบเกลี้ยงอาจมีขนเล็กน้อย ใต้ท้องใบจะมีขนและเส้นแขนงของใบเห็นได้ชัดมาก มีประมาณ 9 - 13 คู่ ก้านใบ สั้นประมาณ 2 - 3 มม. สีขาวหรือสีขาวปนเหลือง กลีบดอกและกลีบรองดอกมี 5 กลีบ ผลค่อนข้างกลมสีเขียว เมื่อสุกสีม่วงเข้ม ปลายผลหยักหรือเว้าเล็กน้อย การขยายพันธุ์ การเพาะเมล็ด การปักช�ำกิ่ง ประโยชน์ ปลูกเป็น ไม้ประดับ ให้ร่มเงา บริเวณที่พบ ศูนย์การเรียนรู้ย่านมัทรี Buchanania siamensis Miq. ANACARDIACEAE พังพวยนก พังพวยป่า ลันไชย (ราชบุรี) รวงไทร รางไทร รางไทย (อุบลราชธานี) ลังไทร (ปราจีนบุรี) ธนนไชย ชื่อวิทยาศาสตร์ ชื่อวงศ์ ชื่ออื่น ๆ 150 พรรณไม้ในมหาวิทยาลัยราชภัฏนครสวรรค์


ลักษณะทั่วไป ไม้ต้นสูง 15 - 30 เมตร ใบประกอบแบบขนนกสองชั้น มีหูใบขนาดเล็ก ดอกมีสีเหลือง ก้านดอก ยาว 1 - 3 ซม. กลีบเลี้ยง 5 กลีบ กลีบดอก 5 กลีบ แผ่นใบย่อยรูปขอบขนาน ปลายใบเว้าบุ๋ม ท้องใบมีขน ช่อดอก ออกตามกิ่ง ผล เป็นฝักแบน รูปบรรทัดแกมรูปใบหอก สีน�้ำตาลแดง เมล็ด เรียงตามขวางกับฝัก 4 - 8 เมล็ด รูปหอก หัวและท้ายฝักสอบแหลม ฝักแก่จะไม่แตกอ้าออกจากกัน การขยายพันธุ์ การเพาะเมล็ด การ ปักช�ำกิ่ง ประโยชน์ ใบอ่อนรับประทานเป็นผักสด เปลือกมีรสฝาด เป็นยากล่อมเสมหะ แก้โรคท้องร่วงเป็น ยาขับลม บริเวณที่พบ ศูนย์การเรียนรู้ย่านมัทรี นนทรี Peltophorum pterocarpum (DC.) K. Heyne FABACEAE กระถินป่า กระถินแดง (ตราด) สารเงิน (แม่ฮ่องสอน) ชื่อวิทยาศาสตร์ ชื่อวงศ์ ชื่ออื่น ๆ 151 โครงการอนุรักษ์พันธุกรรมพืชอันเนื่องมาจากพระราชด�ำริ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี (อพ.สธ.)


ลักษณะทั่วไป นมแมวมีถิ่นก�ำเนิดใบประเทศไทย เป็นไม้เถารอเลื้อยหรือไม้พุ่มขนาดเล็ก กิ่งอ่อนมีขนสีน�้ำตาล ใบเป็นใบเดี่ยวเรียงสลับ ใบรูปขอบขนานแกมใบหอก ดอกเดี่ยวออกดอกที่กิ่งหรือปลายกิ่ง ดอกย่อย 2 - 5 ดอก ดอกมีขนาดเล็ก กลีบแข็ง สีนวล มีกลิ่นหอม ผลเป็นผลกลุ่ม ผลย่อยรูปทรงกลม เมื่อสุกเหลือง เมล็ดมีลักษณะ กลมแบน หนังเหนียวเคลือบอยู่ การขยายพันธุ์ การเพาะเมล็ด การปักช�ำกิ่ง ประโยชน์ รากและเนื้อไม้ มีสรรพคุณแก้ไข้หวัด แก้ไข้เพื่อขับเสมหะ แก้ไข้ทับฤดู ผลสุกรับประทานได้มีรสหวานหอม บริเวณที่พบ ศูนย์การเรียนรู้ย่านมัทรี Rauwenhoffia siamensis Scheff. ANNONACEAE น�้ำจ้อย (ยโสธร) ตราแป (มลายู) นมแมว ชื่อวิทยาศาสตร์ ชื่อวงศ์ ชื่ออื่น ๆ 152 พรรณไม้ในมหาวิทยาลัยราชภัฏนครสวรรค์


ลักษณะทั่วไป ไม้เถาเลื้อยที่อาศัยไม้อื่นพยุงตัวขึ้นไป เปลือกเถาเรียบเป็นสีเทา ล�ำต้นเหนียว เนื้อไม้แข็ง มีกิ่ง ที่ปลายเป็นหนามแข็งอยู่ทั่วไปตามล�ำต้น ตามกิ่งอ่อนมีขนสีน�้ำตาลขึ้นปกคลุม ใบเป็นใบเดี่ยว ออกเรียงสลับสอง ด้านในระนาบเดียวกัน ลักษณะของใบเป็นรูปไข่กลับแกมขอบขนาน ปลายใบเป็นติ่งแหลม โคนใบมนหรือเว้า เล็กน้อย ออกดอกเดี่ยวหรือออกเป็นกระจุกตามซอกใบและปลายยอด ดอกเป็นสีเหลือง สีชมพูอ่อน หรือสีเหลือง อมชมพู ดอกมีลักษณะห้อยลง กลีบดอกมี 6 กลีบ แบ่งออกเป็น 2 ชั้น ชั้นละ 3 กลีบ วางสับหว่างกัน กลีบดอก บางเป็นรูปไข่ ออกผลเป็นกลุ่ม ผลย่อยมีลักษณะเป็นรูปกระสวยหรือรูปทรงกระบอก ผิวผลเรียบ ผลสดเป็น สีเขียว เมื่อสุกแล้วจะเปลี่ยนเป็นสีเหลืองจนถึงสีแดงเข้ม มีรสหวาน การขยายพันธุ์ การเพาะเมล็ด การปักช�ำกิ่ง ประโยชน์ ล�ำต้นหรือรากน�ำมาต้มกับน�้ำดื่มเป็นยาบ�ำรุงน�้ำนมขณะอยู่ไฟของสตรี บริเวณที่พบ ศูนย์การเรียนรู้ ย่านมัทรี นมแมวซ้อน Anomianthus dulcis (Dunn) J. Sinclair ANNONACEAE ตบหู ตีนตังน้อย (นครพนม) ตีนตั่ง (อุบลราชธานี) นมวัว ชื่อวิทยาศาสตร์ ชื่อวงศ์ ชื่ออื่น ๆ 153 โครงการอนุรักษ์พันธุกรรมพืชอันเนื่องมาจากพระราชด�ำริ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี (อพ.สธ.)


ลักษณะทั่วไป ไม้ยืนต้น สูง 3 - 5 เมตร ใบเดี่ยว เรียงสลับ รูปใบหอกแกมขอบขนาน กว้าง 3 - 6 ซม. ยาว 7 - 13 ซม. ดอกเดี่ยว ออกที่ซอกใบ ห้อยลง กลีบดอกสีเหลืองแกมเขียว 6 กลีบ เรียง 2 ชั้น ๆ ละ 3 กลีบ หนาอวบน�้ำ มีเกสรตัวผู้และรังไข่จ�ำนวนมาก ผลเป็นผลกลุ่ม ค่อนข้างกลม การขยายพันธุ์ การเพาะเมล็ด การปักช�ำกิ่ง การตอนกิ่ง ประโยชน์ ใบสด หรือ เนื้อในเมล็ดสด รักษาเหา รักษาหิด บริเวณที่พบ มหาวิทยาลัย ราชภัฏนครสวรรค์ , ศูนย์การเรียนรู้ย่านมัทรี Annona squamosa L. ANNONACEAE น้อยแน่ (ภาคใต้) มะนอแน่ มะแน่ ( ภาคเหนือ) มะออจ้า มะโอล่า (เงี้ยว-ภาคหนือ) ลาหนัง (ปัตตานี) หน่อเกล๊าะแซ (เงี้ยว-แม่ฮ่องสอน) บักเขียบ (ภาคอีสาน) น้อยหน่า ชื่อวิทยาศาสตร์ ชื่อวงศ์ ชื่ออื่น ๆ 154 พรรณไม้ในมหาวิทยาลัยราชภัฏนครสวรรค์


ลักษณะทั่วไป ไม้พุ่มประมาณ 5 - 8 เมตร เปลือกต้นแก่มีสีเทาใบเดี่ยว ออกเรียงสลับ เป็นรูปขอบขนานแกม รูปใบหอก โคนใบแหลม ใบสีเขียวสด ดอกเดี่ยวๆ หรือออกเป็นช่อกระจุก 2 - 3 ดอก กลีบดอกค่อนข้างหนา มีกลีบดอก 3 กลีบ กลีบดอกมีสีเหลืองแกมเขียว และดอกมีกลิ่นหอมแบบเอียนๆ ผลรูปกลมหรือรูปทรงหัวใจ ผิวเปลือกบางเรียบแต่เหนียว ไม่มีตาโปนออกมาตามเปลือกเหมือนน้อยหน่า ผลดิบเปลือกมีสีเขียวจางๆ ปนแดงเรื่อๆ แต่เมื่อสุกจะเป็นสีแดงอมน�้ำตาลเข้ม เนื้อข้างในผลหนามีสีขาว มีเมล็ดจ�ำนวนมาก การขยายพันธุ์ การเพาะเมล็ด การปักช�ำกิ่ง การตอนกิ่ง ประโยชน์ ใบใช้ต�ำน�ำมาพอกแก้อาการฟกบวม เปลือกใช้เป็น ยาห้ามเลือดและช่วยสมานแผลได้ บริเวณที่พบ ศูนย์การเรียนรู้ย่านมัทรี น้อยโหน่ง Annona reticulata L. ANNONACEAE น้อยหนัง มะโหน่ง หมากอ้อ ชื่อวิทยาศาสตร์ ชื่อวงศ์ ชื่ออื่น ๆ 155 โครงการอนุรักษ์พันธุกรรมพืชอันเนื่องมาจากพระราชด�ำริ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี (อพ.สธ.)


ลักษณะทั่วไป ไม้พุ่มรอเลื้อย กิ่งอ่อนและยอดอ่อนมีขนสีขาวคลุม ใบเดี่ยวออกเรียงสลับ แผ่นใบบาง มีขนทั้ง 2 ด้าน รูปขอบขนานแกมใบหอก ดอกออกเป็นช่อตามซอกใบ กลีบเลี้ยงโคนเชื่อมติดกันเป็นรูปถ้วย ดอกสีขาว มี 5 กลีบ เชื่อมติดกันเป็นหลอดสั้น เมื่อสุกเป็นสีเหลืองแซมส้ม ปลายเป็นวง เมล็ดเดียว การขยายพันธุ์ การเพาะเมล็ด การปักช�ำกิ่ง ประโยชน์ ล�ำต้นมีสรรพคุณแก้โรคไตพิการ ยอดอ่อนต้มหรือลวกจิ้มน�้ำพริก บริเวณที่พบ ศูนย์การเรียนรู้ย่านมัทรี Olax scandens Roxb. OLACACEAE กะทกรก สอกทอก อีทก นางจุม น�้ำใจใคร่ ชื่อวิทยาศาสตร์ ชื่อวงศ์ ชื่ออื่น ๆ 156 พรรณไม้ในมหาวิทยาลัยราชภัฏนครสวรรค์


ลักษณะทั่วไป ไม้พุ่มขนาดเล็ก ทุกส่วนของต้นเป็นสีเงิน ใบเดี่ยว เรียงสลับ รูปไข่กลับ โคนใบแหลม ปลายใบมน ขอบใบเรียบ เนื้อใบเป็นสีเงินทั้งหน้า และหลังใบ ดอกเดี่ยว สีม่วงแดง ออกตามซอกใบใกล้ปลายกิ่ง บานพร้อมกัน เหมือนเป็นช่อกระจุก ดอกเชื่อมติดกันเป็นรูประฆัง ปลายแยกเป็น 5 กลีบ ภายในหลอด และกลีบดอกมีขน ประปราย ปลูกเป็นไม้ประดับ ถิ่นก�ำเนิดเทกซัส ถึงเม็กซิโก การขยายพันธุ์ การปักช�ำกิ่ง ประโยชน์ ปลูกเป็น ไม้ประดับ บริเวณที่พบ ศูนย์การเรียนรู้ย่านมัทรี นีออน Leucophyllum frutescens (Berland.) I. M. Johnst. SCROPHULARIACEAE - ชื่อวิทยาศาสตร์ ชื่อวงศ์ ชื่ออื่น ๆ 157 โครงการอนุรักษ์พันธุกรรมพืชอันเนื่องมาจากพระราชด�ำริ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี (อพ.สธ.)


ลักษณะทั่วไป ไม้พุ่มขนาดกลางถึงใหญ่ สูง 2 - 4 เมตร ล�ำต้นสีน�้ำตาลเข้ม ใบเดี่ยว รูปไข่กลับ ปลายใบเรียวแหลม ใบหนาเป็นมันด้านหน้าใบ แผ่นใบเรียวแคบไปถึงโคนใบ ดอกสีขาวอมชมพูเข้ม มีกลิ่นหอม ดอกเดี่ยว ออกตาม ซอกใบใกล้ปลายกิ่ง กลีบห่อซ้อนกันเป็นชั้น เกสรโค้งงอเข้าหากลางดอก มีสีชมพูเข้มและสีเหลือง ผลลักษณะทรง รูปไข่ผ่าครึ่ง มีสีเขียวปนน�้ำตาล ปลูกเป็นไม้ประดับ ถิ่นก�ำเนิดประเทศโคลัมเบีย การขยายพันธุ์ การเพาะเมล็ด การตอนกิ่ง ประโยชน์ น�้ำจากก้านดอกอ่อนหมักแล้วกลั่นรับประทาน บ�ำรุงโลหิต และบ�ำรุงธาตุ ใบต้มท�ำยา แก้พิษจากการถูกธนูพิษยิง แก้พิษไข้ แก้หวัด บริเวณที่พบ ศูนย์การเรียนรู้ย่านมัทรี Gustavia gracillima Miers LECYTHIDACEAE บัวฝรั่ง กัสตาเวีย บัวสวรรค์ ชื่อวิทยาศาสตร์ ชื่อวงศ์ ชื่ออื่น ๆ 158 พรรณไม้ในมหาวิทยาลัยราชภัฏนครสวรรค์


ลักษณะทั่วไป ไม้พุ่ม สูง 40 - 150 ซม. มีขนราบนุ่ม ใบเรียงสลับ ใบเดี่ยว รูปหอกหรือใบหอกแกมไข่ โคนใบ รูปลิ่ม ปลายใบแหลม ขอบใบหยักฟันเลื่อย ใบมีขนและกลิ่นฉุนเนื่องจากมีต่อมน�้ำมัน ผิวใบมัน เส้นกลางใบ นูนชัด ดอกเดี่ยวออกตามซอกใบและปลายกิ่ง ใบประดับรูปหอก ปลายแหลม กลีบเลี้ยงเชื่อมติดกัน เป็นหลอด ปลายแยกเป็น 5 แฉก กลีบดอกสีเหลือง 5 กลีบ ผลรูปไข่ ปลายมน เมล็ดจ�ำนวนมาก การขยายพันธุ์ การเพาะเมล็ด ประโยชน์ ปลูกเป็นไม้ประดับ บริเวณที่พบ มหาวิทยาลัยราชภัฏนครสวรรค์ , ศูนย์การเรียนรู้ ย่านมัทรี บานเช้าสีเหลือง Turnera ulmifolia L. TURNERACEAE บานเช้าต้น เหลืองราชา บานเช้าดอกเหลือง ชื่อวิทยาศาสตร์ ชื่อวงศ์ ชื่ออื่น ๆ 159 โครงการอนุรักษ์พันธุกรรมพืชอันเนื่องมาจากพระราชด�ำริ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี (อพ.สธ.)


ลักษณะทั่วไป ไม้พุ่มรอเลื้อย ล�ำต้นเป็นข้อปล้อง มีน�้ำยางสีขาว ใบเดี่ยว เรียงรอบข้อ รูปไข่ โคนใบมน ปลายใบแหลมเป็นติ่ง ดอกสีเหลืองอ่อนออกเป็นช่อ 2 - 5 ดอก รูปปากแตรกว้าง ทยอยบาน โคนกลีบดอก เชื่อมติดกันเป็นหลอด ปลายแยกเป็น 5 กลีบ มีทั้งชนิดกลีบซ้อน และกลีบชั้นเดียว ปลูกเป็นไม้ประดับ ถิ่นก�ำเนิดอเมริกาใต้ การขยายพันธุ์ การปักช�ำกิ่ง การตอนกิ่ง ประโยชน์ ใบมีสรรพคุณเป็นยาระบาย แก้จุกเสียด บริเวณที่พบ มหาวิทยาลัยราชภัฏนครสวรรค์ , ศูนย์การเรียนรู้ย่านมัทรี Allamanda cathartica L. APOCYNACEAE บานบุรี บานบุรีเหลือง บานพารา บานบุรีหอม บานบุรีสีเหลือง ชื่อวิทยาศาสตร์ ชื่อวงศ์ ชื่ออื่น ๆ 160 พรรณไม้ในมหาวิทยาลัยราชภัฏนครสวรรค์


ลักษณะทั่วไป ไม้พุ่ม สูง 30 - 120 ซม. ใบเดี่ยว เรียงตรงข้ามสลับตั้งฉาก รูปไข่ โคนใบมนกว้าง ปลายใบแหลม ขอบใบเรียบ หรือเป็นคลื่น ดอกสีขาว ม่วงอ่อน หรือม่วงเข้ม ออกเป็นช่อที่ซอกใบและที่ยอด กลีบเลี้ยง 5 กลีบ โคนกลีบดอกเชื่อมติดกันเป็นหลอด ปลายแยกเป็น 5 กลีบ ปลายกลีบมนกว้างขนาดเกือบเท่ากัน เกสรเพศผู้ 4 อัน ผลแบบผลแห้งแตก มี 4 เมล็ด ถิ่นก�ำเนิดเขตร้อนชื้นทวีปเอเชีย และแอฟริกาใต้ การขยายพันธุ์ การเพาะเมล็ด การปักช�ำกิ่ง ประโยชน์ ใบ แก้ปวดบวม แก้ปวดตามข้อ ถ่ายพยาธิ บริเวณที่พบ มหาวิทยาลัย ราชภัฏนครสวรรค์ บาหยา Asystasia gangetica (L.) T. Anderson ACANTHACEAE อ่อมแซบ ย่าหยา ผักกูดเน่า อังกาบ บุษบาฮาวาย ชื่อวิทยาศาสตร์ ชื่อวงศ์ ชื่ออื่น ๆ 161 โครงการอนุรักษ์พันธุกรรมพืชอันเนื่องมาจากพระราชด�ำริ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี (อพ.สธ.)


ลักษณะทั่วไป ไม้ต้นสูงประมาณ 15-25 เมตร เรือนยอดเป็นพุ่มทึบ ไม่ผลัดใบ ใบเดี่ยว แผ่นใบหนา รูปหอก หรือรูปขอบขนานแกมรูปหอก ดอกเดี่ยว หรือเกิดเป็นกระจุกตามง่ามใบ กลีบดอกสีขาวจนถึงสีเหลืองอ่อน ผลรูปไข่ ส่วนปลายโค้งแหลม ภายในมีเมล็ด 1-2 เมล็ด การขยายพันธุ์ การเพาะเมล็ด การตอนกิ่ง ประโยชน์ ใบรักษาบาดแผลสด พอกบาดแผลสด แก้พิษงู รากขับลมในล�ำไส้ บริเวณที่พบ ศูนย์การเรียนรู้ย่านมัทรี Mesua ferrea L. CALOPHYLLACEAE ก๊าก่อ ก�้ำก่อ นาคบุตร ปะนาคอ สารภีดอย บุนนาค ชื่อวิทยาศาสตร์ ชื่อวงศ์ ชื่ออื่น ๆ 162 พรรณไม้ในมหาวิทยาลัยราชภัฏนครสวรรค์


ลักษณะทั่วไป ไม้ต้นขนาดเล็ก สูง 3 - 10 เมตร ทรงพุ่มโปร่ง แตกกิ่งก้านจ�ำนวนมาก ใบเดี่ยว เรียงตรงข้าม รูปใบหอก กว้าง 6 - 8 ซม. ยาว 10 - 15 ซม. มีก้านใบสีส้ม มีช่อดอกสีขาว ยาว 10 - 20 ซม. การขยายพันธุ์ การตอนกิ่ง การปักช�ำกิ่ง ประโยชน์ ปลูกเป็นไม้ประดับ บริเวณที่พบ ศูนย์การเรียนรู้ย่านมัทรี บุหงาส่าหรี Citharexylum spinosum L. VERBENACEAE บุหงาบาหลี บุหงาแต่งงาน ราชาวดี ชื่อวิทยาศาสตร์ ชื่อวงศ์ ชื่ออื่น ๆ 163 โครงการอนุรักษ์พันธุกรรมพืชอันเนื่องมาจากพระราชด�ำริ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี (อพ.สธ.)


ลักษณะทั่วไป ไม้ยืนต้น ผลัดใบ สูง 10 - 20 เมตร เรือนยอดแผ่กว้าง กิ่งลู่ลง ใบประกอบแบบขนนก ใบย่อย 3 - 5 ใบ ออกสลับ แผ่นใบย่อยรูปไข่รูปรี หรือรูปใบหอก กว้าง 2.5 ซม. ยาว 6 ซม. ปลายมน โคนมน ดอก สีแดงคล�้ำ ออกเป็นช่อกระจุกตามกิ่ง ผลเป็นฝักแบน กว้าง 1 - 3 ซม. มี 1 - 2 เมล็ด การขยายพันธุ์ การเพาะเมล็ด ประโยชน์ ราก ใช้แก้ไข้ บ�ำรุงโลหิต คุมธาตุ แก้เสมหะ แก่น ใช้บ�ำรุงโลหิต แก้พิษเบื่อเมา แก้คุดทะราด แก้ผื่นคัน แก้ปัสสาวะพิการ แก้กษัย เปลือกใช้สมานบาดแผล แก้ท้องเสีย ใบใช้พอกแผล พอกฝี ให้สุกเร็ว แก้ผดผื่นคัน ยาง แก้โรคท้องเสีย โรคปากเปื่อย ปากแห้ง แตกระแหง บริเวณที่พบ มหาวิทยาลัยราชภัฏ นครสวรรค์ , ศูนย์การเรียนรู้ย่านมัทรี Phyllocarpus septentrionalis Donn. Sm. FABACEAE วาสุเทพ (กรุงเทพฯ) ประดู่แดง ชื่อวิทยาศาสตร์ ชื่อวงศ์ ชื่ออื่น ๆ 164 พรรณไม้ในมหาวิทยาลัยราชภัฏนครสวรรค์


ลักษณะทั่วไป ไม้ยืนต้น สูง 10 - 20 เมตร เปลือกนอกสีน�้ำตาลด�ำ ใบเป็นใบประกอบแบบขนนกชั้นเดียว ปลายคี่ ผิวใบด้านบนเป็นมัน ดอก เป็นช่อออกตามง่ามใบ ดอกมีกลิ่นหอม ผล เป็นแบบฝักมีปีกกลม การขยายพันธุ์ การเพาะเมล็ด การปักช�ำกิ่ง ประโยชน์ เนื้อไม้ ใช้แปรรูปเป็นเครื่องประดับตกแต่งบ้าน เครื่องดนตรี ก่อสร้าง บริเวณที่พบ มหาวิทยาลัยราชภัฏนครสวรรค์ , ศูนย์การเรียนรู้ย่านมัทรี ประดู่บ้าน Pterocarpus indicus Willd. FABACEAE ประดู่กิ่งอ่อน สะโน อังสนา ชื่อวิทยาศาสตร์ ชื่อวงศ์ ชื่ออื่น ๆ 165 โครงการอนุรักษ์พันธุกรรมพืชอันเนื่องมาจากพระราชด�ำริ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี (อพ.สธ.)


ลักษณะทั่วไป ไม้ต้นสูง 25 - 30 เมตร ใบประกอบแบบขนนกชั้นเดียวปลายคี่ ใบย่อย 4 - 6 คู่ เรียงสลับ รูปไข่ หรือรูปรียาว 4 - 8 ซม. กว้าง 2 - 4 ซม. ปลายใบแหลม ขอบใบเรียบ ฐานใบมน แผ่นใบมีขนที่เส้นใบด้านล่าง ดอกช่อออกที่ซอกใบ ยาว 5 - 9 ซม. กลีบเลี้ยงเชื่อมกันเป็นหลอดคล้ายรูประฆัง ปลายแยก 5 แฉก มีขนปกคลุม กลีบดอกมี 4 กลีบสีเหลือง เกสรเพศผู้ 1 อัน เชื่อมติด 2 กลุ่ม รังไข่ไม่มีขน ผลเส้นผ่าศูนย์กลาง 6 - 10 ซม. มีปีก เป็นคลื่นรอบๆผล ปลายผลมีติ่งเล็กๆ ผลอ่อนมีขน ผลแก่มีสีน�้ำตาล การขยายพันธุ์ การเพาะเมล็ด ประโยชน์ ใบ ชงกับน�้ำใช้สระผม พอกฝีให้สุกเร็ว ฟอกบาดแผล เปลือกต้นสมานบาดแผล ต้มดื่มแก้ท้องเสีย แก่น แก้คุดทะราด แก้ไข้ บ�ำรุงโลหิต แก้โลหิตจาง แก้พิษเบื่อเมา แก้ผื่นคัน ขับปัสสาวะพิการ บริเวณที่พบ มหาวิทยาลัยราชภัฏนครสวรรค์เก่า , ศูนย์การเรียนรู้ย่านมัทรี Pterocarpus macrocarpus Kurz. FABACEAE จิต๊อก ฉะนอง ดู่ ดู่ป่า ตะเลอ เตอะเลอ ประดู่ ประดู่เสน ประดู่ป่า ชื่อวิทยาศาสตร์ ชื่อวงศ์ ชื่ออื่น ๆ 166 พรรณไม้ในมหาวิทยาลัยราชภัฏนครสวรรค์


ลักษณะทั่วไป ไม้พุ่มกึ่งไม้ต้นขนาดเล็ก สูง 2-3 เมตร แตกกิ่งก้านตั้งแต่โคนต้น เปลือกต้นเรียบ สีเทา ใบประกอบ แบบขนนก ออกเรียงสลับ รูปรี ปลายใบมน โคนใบแหลม ขอบใบเรียบ แผ่นใบเรียบ สีเขียวเป็นมัน ก้านใบแผ่ ออกเป็นปีก ดอกออกเป็นช่อตามซอกใบ ดอกสีเหลือง กลีบดอกมี 6 กลีบ ผลรูปทรงกลมรี ผิวเรียบเป็นมัน ผลอ่อนสีเหลืองอ่อน ผลสุกสีแดง เมล็ดเดี่ยว สีน�้ำตาล การขยายพันธุ์ การเพาะเมล็ด การตอนกิ่ง ประโยชน์ ราก เป็นยาท�ำให้อาเจียน ยาแก้พิษ ราก ใบ ใช้แก้อาการไอเจ็บในทรวงอก ยากระตุ้น แก้ไข้ ยาบ�ำรุง และบรรเทา อาการหดเกร็งของกล้ามเนื้อ น�้ำต้มใบกินแก้ประจ�ำเดือนมามากผิดปกติในช่วงหมดประจ�ำเดือน บริเวณที่พบ ศูนย์การเรียนรู้ย่านมัทรี ประยงค์ Aglaia odorata Lour. MELIACEAE ขะยง ขะยม พะยงค์ ยม (ภาคเหนือ) ประยงค์ใบใหญ่ (ภาคกลาง) หอมไกล (ภาคใต้) ชื่อวิทยาศาสตร์ ชื่อวงศ์ ชื่ออื่น ๆ 167 โครงการอนุรักษ์พันธุกรรมพืชอันเนื่องมาจากพระราชด�ำริ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี (อพ.สธ.)


ลักษณะทั่วไป ไม้ยืนต้น เปลือกต้นด้านนอกเป็นสีน�้ำตาลแดง แตกล่อนเป็นสะเก็ด ส่วนเปลือกด้านในและกระพี้ เป็นสีเหลืองอ่อน และแก่นกลางเป็นสีน�้ำตาลเขียว จะผลัดใบหมดก่อนผลิดอก ใบเป็นใบเดี่ยว ออกเรียงสลับ ใบเป็นรูปรี รูปขอบขนาน หรือเป็นรูปหอกกลับ ปลายใบแหลมหรือมีติ่งแหลมออกมา โคนใบแคบแหลมหรือ สอบเรียว ดอกเป็นช่อรวมกันเป็นกระจุกตามซอกใบหรือตามกิ่งเหนือรอยแผลใบ ดอกเป็นสีขาวนวลหรือ เป็นสีเหลืองอ่อน และมีกลิ่นหอม ผลเป็นกระจุก ลักษณะของผลเป็นรูปทรงกลมหรือเป็นรูปรี ปลายผลมีกลีบรอง กลีบดอกติดอยู่ ผลอ่อนเป็นสีเขียว เมื่อแก่แล้วจะเปลี่ยนเป็นสีด�ำ ผลจะไม่แตก การขยายพันธุ์ การเพาะเมล็ด ประโยชน์ เปลือกต้นมีรสฝาด ใช้ต้มกับน�้ำกินเป็นยาบ�ำรุงธาตุไฟ ปิดธาตุ ผลมีรสร้อนเบื่อ สรรพคุณเป็นยา บ�ำรุงธาตุ เปลือกรากสดน�ำมาต�ำให้ละเอียด หรือคั้นเอาแต่น�้ำใช้ล้างแผล แก้โรคผิวหนัง บริเวณที่พบ ศูนย์การเรียนรู้ย่านมัทรี Alangium salviifolium Wang. ALANGIACEAE ปรู ผลู มะเกลือกา มะตาปู๋ ปรู๋ ชื่อวิทยาศาสตร์ ชื่อวงศ์ ชื่ออื่น ๆ 168 พรรณไม้ในมหาวิทยาลัยราชภัฏนครสวรรค์


ลักษณะทั่วไป ไม้ต้นขนาดเล็ก กิ่งและก้านมีสีด�ำ ใบยาวเป็นใบประกอบแบบขนนกเรียงสลับ ใบย่อยรูปหอก หรือรูปหอกแกมรูปไข่กลับ ปลายเรียว ดอกช่อขนาดใหญ่สีแดง หรือม่วงแดง ออกตามง่ามใบ ดอกย่อยขนาดเล็ก กลีบดอกสีม่วงแดง ผลเป็นผลสด ผลรูปรี หรือรูปไข่ การขยายพันธุ์ การเพาะเมล็ด การปักช�ำกิ่ง ประโยชน์ รากมีสรรพคุณแก้ไข้ รักษาวัณโรค ถ่ายพิษต่างๆ แก้บวม ถ่ายพิษเสมหะ ถ่ายพิษโลหิต เปลือกมีสรรพคุณแก้ไข้ ผลมีสรรพคุณแก้บิด บริเวณที่พบ ศูนย์การเรียนรู้ย่านมัทรี ปลาไหลเผือก Eurycoma longifolia Jack SIMAROUBACEAE คะนาง ขะนาง ไหลเผือก (ตราด) ตุงสอ แฮพันชั้น (ภาคเหนือ) หยิกปอถอง หยิกไม่ถึง เอียนดอย (ภาคอีสาน) เพียก (ภาคใต้) กรุงบาดาล (สุราษฎร์ธานี) ตรึงบาดาล (ปัตตานี) ตุวุเบ๊าะมิง ดูวุวอมิง (มลายู-นราธิวาส) ชื่อวิทยาศาสตร์ ชื่อวงศ์ ชื่ออื่น ๆ 169 โครงการอนุรักษ์พันธุกรรมพืชอันเนื่องมาจากพระราชด�ำริ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี (อพ.สธ.)


ลักษณะทั่วไป ไม้พุ่มสูง 0.5 - 1 เมตร หรือไม้พุ่มรอเลื้อย กิ่งอ่อนมีขน กิ่งแก่ไม่มีขน ใบเดี่ยวออกตรงข้าม หรือสลับ รูปรีหรือรูปไข่กลับหรือรูปเกือบกลม ปลายใบมนหรือแหลมมน ฐานใบสอบ ขอบใบเรียบ ดอกช่อ แบบร่ม ออกที่ปลายยอด ใบประดับช่อดอกรูปรี ผิวมีขนทั้งสองด้าน กลีบดอกสีเขียว รูปลิ้น เกสรเพศผู้ เรียง 3 วงไล่ระดับลงมาจากโคนแฉกกลีบถึงกลางหลอดกลีบดอก แต่ละวงมี 5 อัน ติดอับเรณูที่ฐาน อับเรณูสีเหลือง ถึงสีส้ม รูปรี อับเรณูที่อยู่วงล่างสุดติดกับยอดเกสรเพศเมีย ยาว 0.05 - 1 มม. อับเรณูที่อยู่เหนือขึ้นไป และ อับเรณูที่ติดกับโคนแฉกกลีบดอก เกสรเพศเมีย รังไข่เหนือวงกลีบ รูปรี ผิวมีขน ยอดเกสรกลม การขยายพันธุ์ การเพาะเมล็ด ประโยชน์ แก่น แก้ประดง (อาการโรคผิวหนัง เป็นเม็ดขึ้นคล้ายผด คันมาก มักมีไข้ร่วมด้วย) แก้ผื่นคันตามผิวหนัง แก้โรคเรื้อน คุดทะราด แก้ไอหืด ขับเสมหะ ขับลม ยาพื้นบ้านใช้ ราก ประมาณ 2 ข้อนิ้วมือ ต้มน�้ำดื่ม เป็นยาระบาย บริเวณที่พบ มหาวิทยาลัยราชภัฏนครสวรรค์ Enkleia siamensis (Kurz) Nevling THYMELAEACEAE เต่าไห้ พญาไม้ผุ (ราชบุรี) พันไฉน พันไสน (กรุงเทพฯ) ปอตับเต่า (ภาคเหนือ เลย) ปอเต่าไห้ ชื่อวิทยาศาสตร์ ชื่อวงศ์ ชื่ออื่น ๆ 170 พรรณไม้ในมหาวิทยาลัยราชภัฏนครสวรรค์


ลักษณะทั่วไป ไม้ยืนต้นจ�ำพวกปาล์ม ใบประกอบแบบขนนก เรียงสลับ ออกเป็นกระจุกที่ปลายยอด ใบย่อย รูปดาบ ดอกช่อเชิงลด ออกระหว่างก้านใบ มีใบประดับขนาดใหญ่ 2 ใบ กลีบดอกสีขาวนวล ผลสด รูปทรงกลม เมื่อสุกสีส้มแดง การขยายพันธุ์ การเพาะเมล็ด ประโยชน์ น�้ำมันจากเมล็ดใช้เป็นน�้ำมันปรุงอาหารและเป็น ตัวท�ำลายส�ำหรับต�ำรับยาทาแก้ โรคผิวหนัง บริเวณที่พบ ศูนย์การเรียนรู้ย่านมัทรี ปาล์มน�้ำมัน Elaeis guineensis Jacq. ARECACEAE มะพร้าวลิง มะพร้าวหัวลิง หมากมัน ชื่อวิทยาศาสตร์ ชื่อวงศ์ ชื่ออื่น ๆ 171 โครงการอนุรักษ์พันธุกรรมพืชอันเนื่องมาจากพระราชด�ำริ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี (อพ.สธ.)


ลักษณะทั่วไป ไม้ต้น สูง 25 เมตร ผลัดใบ เรือนยอดพุ่มทรงกระบอก เปลือกสีน�้ำตาล แตกเป็นร่องลึก ไม่เป็นระเบียบ ใบประกอบแบบขนนก 2 - 3 ชั้น ใบรูปไข่ ปลายใบแหลม โคนใบมน ด้านล่างใบอ่อนมีขน เส้นแขนงใบข้างละ 3 - 5 เส้น ดอก มีกลิ่นหอม สีขาวหรือสีชมพู ออกเป็นช่อแบบช่อกระจุกซ้อนตามปลายกิ่ง ช่อดอกยาว 10-35 ซม. มีขน กลีบเลี้ยงเชื่อมติดกันเป็นรูปถ้วยปลายแยก 5 แฉก กลีบดอกเชื่อมเป็นหลอด ปลายแยกเป็น 4 แฉก มี 1 กลีบที่ปลายแยกเป็น 2 แฉก ดอกบานเต็มที่กว้าง 3.5 - 4 ซม. ผลแห้งฝักแบน สีน�้ำตาล หัวท้ายแหลม เมล็ดแบนมีปีกบางจ�ำนวนมาก การขยายพันธุ์ การเพาะเมล็ด ประโยชน์ รากบ�ำรุงปอด รักษาวัณโรค ดอกสูบแก้ริดสีดวงจมูก บริเวณที่พบ มหาวิทยาลัยราชภัฏนครสวรรค์ , ศูนย์การเรียนรู้ย่านมัทรี Millingtonia hortensis L.f. BIGNONIACEAE กาซะลอง กาดสะลอง (ภาคเหนือ) เต็กตองโพ่ (กะเหรี่ยง-กาญจนบุรี) ปีบ ชื่อวิทยาศาสตร์ ชื่อวงศ์ ชื่ออื่น ๆ 172 พรรณไม้ในมหาวิทยาลัยราชภัฏนครสวรรค์


ลักษณะทั่วไป ไม้พุ่มขนาดกลาง สูง 3 - 5 เมตร ใบประกอบแบบขนนกสองชั้น เรียงตรงข้ามสลับตั้งฉาก ใบย่อยเรียงตรงข้ามมี 2 คู่ ปลายคี่ ดอกสีขาวอมชมพู รูประฆัง กลีบเลี้ยงเป็นรูปถ้วย สีเขียว โคนกลีบดอกเชื่อม ติดกัน ปลายแยกเป็น 5 กลีบ ขอบกลีบหยักและย่น ภายในหลอดเป็นสีเหลืองอมส้ม ปลูกเป็นใบประดับ ถิ่นก�ำเนิดเขตร้อนชื้นภาคใต้ของจีน การขยายพันธุ์ การตอนกิ่ง ประโยชน์ ปลูกเป็นไม้ประดับ บริเวณที่พบ ศูนย์การเรียนรู้ย่านมัทรี ปีบยูนาน Radermachera sinica Hemsl. BIGNONIACEAE ปีบไหนาน ชื่อวิทยาศาสตร์ ชื่อวงศ์ ชื่ออื่น ๆ 173 โครงการอนุรักษ์พันธุกรรมพืชอันเนื่องมาจากพระราชด�ำริ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี (อพ.สธ.)


ลักษณะทั่วไป ไม้ล้มลุก มีล�ำต้นเป็นเหง้าใต้ดิน ใบเดี่ยวแนบไปกับพื้นดิน มักมีใบ 2 ใบ ขอบใบสีม่วง ดอกแบบ ช่อกระจุกแน่นออกที่ซอกใบ สีขาวหรือม่วง ผลรูปไข่ สีขาว การขยายพันธุ์ การแยกหน่อ ประโยชน์ เหง้า มีสรรพคุณแก้หวัด แก้ก�ำเดา ขับลมในล�ำไส้ แก้อาการอักเสบเนื่องจากแมลงกัดต่อย บริเวณที่พบ ศูนย์การเรียนรู้ ย่านมัทรี Kaempferia roscoeana Wall. ZINGIBERACEAE ว่านพญาเย็น ว่านธรณีเย็น เปราะป่า ชื่อวิทยาศาสตร์ ชื่อวงศ์ ชื่ออื่น ๆ 174 พรรณไม้ในมหาวิทยาลัยราชภัฏนครสวรรค์


ลักษณะทั่วไป เป็นไม้พุ่มหรือไม้ยืนต้นขนาดเล็ก ใบเดี่ยวเรียงสลับ รูปใบหอกกลับ ดอกช่อออกที่ซอกใบ บริเวณปลายกิ่ง ดอกช่อย่อยขนาดเล็ก กลีบดอกสีนวล ผลแห้ง แตกได้ การขยายพันธุ์ การเพาะเมล็ด การปักช�ำกิ่ง ประโยชน์ เปลือกมีสรรพคุณรักษาโรคท้องเสียบ�ำรุงโลหิตประจ�ำเดือน ใบมีสรรพคุณสมานแผล ในกระเพาะอาหาร รากมีสรรพคุณแก้โรคผิวหนัง ขับลม ขับเสมหะ บ�ำรุงก�ำลัง กระพี้มีสรรพคุณคุมก�ำเนิด ช่วยย่อยอาหาร แก้ร้อนใน ขับเสมหะ บริเวณที่พบ ศูนย์การเรียนรู้ย่านมัทรี เปล้าน้อย Croton stellatopilosus Ohba EUPHORBIACEAE เปล้าท่าโพ (ภาคตะวันออกเฉียงใต้) ชื่อวิทยาศาสตร์ ชื่อวงศ์ ชื่ออื่น ๆ 175 โครงการอนุรักษ์พันธุกรรมพืชอันเนื่องมาจากพระราชด�ำริ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี (อพ.สธ.)


ลักษณะทั่วไป ไม้ยืนต้นขนาดเล็ก เป็นไม้ผลัดใบ มีความสูงของต้นประมาณ 8 เมตร ใบเป็นใบเดี่ยว ออกเรียง สลับกัน ลักษณะของใบเป็นรูปไข่ รูปขอบขนาน รูปวงรีแกมขอบขนาน หรือเป็นรูปใบหอก ใบรียาว มีความกว้าง ประมาณ 5 - 10 ซม. ออกดอกเป็นช่อที่ปลายกิ่ง ช่อดอกมีหลายช่อ ช่อดอกมีความยาวประมาณ 12 - 22 ซม. กลีบดอกมีสีเหลืองแกมสีเขียว ผลอ่อนสีเขียว เมื่อแก่ผลจะแห้งแตก ลักษณะของผลเป็นรูปทรงกลมแบน มีพู 3 พู การขยายพันธุ์ การเพาะจากเมล็ด ประโยชน์ น�้ำต้มเปลือก กินเป็นยาลดไข้ แก้ตับอักเสบ ปวดข้อ และปวดเมื่อย กล้ามเนื้อ เมล็ดกินเป็นยาถ่าย สกัดให้น�้ำมันที่เป็นยาถ่ายอย่างแรง และเป็นพิษ บริเวณที่พบ ศูนย์การเรียนรู้ ย่านมัทรี Croton roxburghii N. P. Balakr. EUPHORBIACEAE เปาะ เปล้าหลวง เปล้าใหญ่ ชื่อวิทยาศาสตร์ ชื่อวงศ์ ชื่ออื่น ๆ 176 พรรณไม้ในมหาวิทยาลัยราชภัฏนครสวรรค์


ลักษณะทั่วไป ไม้ต้น สูง 6 - 18 เมตร เรือนยอดแคบรูปไข่ ไม่ผลัดใบ เปลือกสีน�้ำตาลแตกเป็นร่องลึก กิ่งสีน�้ำตาล มีขนปกคลุม ใบเดี่ยวเรียงสลับเวียนรอบกิ่ง แผ่นใบรูปหอก ปลายใบและโคนใบรูปลิ่ม ขอบใบมีขน ผิวใบด้านบน และด้านล่างมีขนครุย แผ่นใบมีต่อมน�้ำมัน ใบยาว 2 - 9 ซม. กว้าง 0.5 - 0.7 มม. ก้านใบมีขนครุยปกคลุม ยาว 0.5 มม. ดอกเดี่ยวเกิดที่ซอกใบ กลีบเลี้ยงเชื่อมติดกันรูปถ้วยปลายแยกเป็น 5 แฉก เกสรเพศผู้ จ�ำนวนมาก เชื่อมกันที่ฐาน เกสรสีแดงแกมชมพู เกสรเพศเมียรังไข่อยู่ใต้วงกลีบ การขยายพันธุ์ การเพาะเมล็ด ประโยชน์ ปลูกเป็นไม้ประดับ บริเวณที่พบ มหาวิทยาลัยราชภัฏนครสวรรค์ , ศูนย์การเรียนรู้ย่านมัทรี แปรงล้างขวด Callistemon lanceolatus DC. MYRTACEAE หลิวดอก ชื่อวิทยาศาสตร์ ชื่อวงศ์ ชื่ออื่น ๆ 177 โครงการอนุรักษ์พันธุกรรมพืชอันเนื่องมาจากพระราชด�ำริ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี (อพ.สธ.)


ลักษณะทั่วไป ไม้พุ่มเป็นกอ ล�ำต้นตั้งตรง กลม เป็นทรงกระบอกกลวง ขนาด 5 - 8 ซม. ผิวเกลี้ยง สีเหลืองมี เส้นแถบสีเขียวอ่อนตามยาวบ้าง ไม่มีหนาม เนื้อเเข็ง มีข้อปล้องชัดเจน แต่ละปล้องยาว 30 - 40 ซม. การขยายพันธุ์ การตอนกิ่ง การแยกล�ำพร้อมเหง้า การแยกกอขนาดเล็ก การเพาะเมล็ด ประโยชน์ หน่อสามารถ รับประทานได้ ไม้ท�ำเครื่องดนตรี บริเวณที่พบ ศูนย์การเรียนรู้ย่านมัทรี Phyllostachys sulphurea (Carr.) A. & C. Riv. POACEAE ไผ่เหลืองทอง ไผ่ซางทอง ชื่อวิทยาศาสตร์ ชื่อวงศ์ ชื่ออื่น ๆ 178 พรรณไม้ในมหาวิทยาลัยราชภัฏนครสวรรค์


ลักษณะทั่วไป ไม้จ�ำพวกไผ่แตกกอหนาแน่น กิ่งก้านมีหนามแหลม ใบเดี่ยวเรียงสลับ รูปดาบ ดอกช่อแยกแขนง ไม่มีกลีบดอก มีแต่ใบประดับ 2 ใบ ผลแห้ง ไม่แตก การขยายพันธุ์ การตอนกิ่ง การแยกล�ำพร้อมเหง้า การแยกกอ ขนาดเล็ก การเพาะเมล็ด ประโยชน์ หน่อรับประทานได้ ต้นมีสรรพคุณแก้ปวดท้อง อาหารไม่ย่อย อาหารเป็นพิษ บริเวณที่พบ ศูนย์การเรียนรู้ย่านมัทรี ไผ่รวก Thyrsostachys siamensis Gamble POACEAE ตีโย รวก ว่าบอบอ แวบ้าง แวปั่ง ฮวก สะลอม ชื่อวิทยาศาสตร์ ชื่อวงศ์ ชื่ออื่น ๆ 179 โครงการอนุรักษ์พันธุกรรมพืชอันเนื่องมาจากพระราชด�ำริ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี (อพ.สธ.)


ลักษณะทั่วไป ไม้ต้น ขนาดกลาง สูง 3 - 5 เมตร ผิวเปลือกต้นเรียบเกลี้ยง กิ่งอ่อนเป็นสี่เหลี่ยม ใบหนา หยาบ ใต้ท้องใบเป็นริ้ว เห็นเส้นใบชัดเจนขนขึ้นนวลบาง ใบยาวประมาณ 10 ซม. กว้างประมาณ 6 ซม. ดอกช่อ ช่อหนึ่ง มีดอกย่อย 3 - 5 ดอก ดอกเล็ก สีขาวอมเขียวอ่อน กลีบเลี้ยงแข็ง ผลรูปทรงกลม รูปไข่ หรือรูปรี ผิวเกลี้ยง สีเขียว เนื้อในขาว รสหวาน กรอบ ผลสุกสีเหลือง - เขียว มีเมล็ดเล็กๆ แข็งอยู่ภายใน การขยายพันธุ์ การเพาะเมล็ด การตอนกิ่ง การตัดยอดปกชํา ประโยชน์ ใบ แก้ท้องเสีย ท้องร่วง ท้องเดิน ผลอ่อน แก้ท้องเสีย ท้องร่วง ท้องเดิน ระงับกลิ่นปาก รากแก้น�้ำเหลืองเสีย เป็นฝี แผลพุพอง แก้เลือดก�ำเดาไหล บริเวณที่พบ มหาวิทยาลัยราชภัฏนครสวรรค์ , ศูนย์การเรียนรู้ย่านมัทรี Psidium guajava L. MYRTACEAE มะก้วย มะก้วยก๋า มะก๋า มะมั่น มะจีน สีดา ฝรั่ง ชื่อวิทยาศาสตร์ ชื่อวงศ์ ชื่ออื่น ๆ 180 พรรณไม้ในมหาวิทยาลัยราชภัฏนครสวรรค์


ลักษณะทั่วไป ไม้ยืนต้นขนาดกลาง ใบประกอบแบบขนนกสองชั้น เรียงสลับ ช่อดอกแบบช่อแยกแขนง ออกที่ปลายกิ่งและซอกใบใกล้ปลายกิ่ง ออกรวมกันเป็นช่อ ใบประดับรูปใบหอก ผลเป็นฝักรูปขอบขนาน แกมรูปไข่กลับ แบนแข็งเป็นจะงอยแหลม มีสีน�้ำตาลเข้ม เมล็ด 2 - 4 อัน รูปรี การขยายพันธุ์ การเพาะเมล็ด การปักช�ำกิ่ง ประโยชน์ เนื้อไม้เป็นยาขับระดูอย่างแรง แก่น รสฝาด เค็ม ชุ่ม เป็นยาสุขุม ออกฤทธิ์ต่อหัวใจและตับ เป็นยาบ�ำรุงโลหิตสตรี ใช้เป็นยาแก้ปวด แก้บวม บริเวณที่พบ ศูนย์การเรียนรู้ย่านมัทรี ฝาง Caesalpinia sappan L. FABACEAE ขวาง ง้าย ฝางส้ม ฝางเสน หนามโค้ง ชื่อวิทยาศาสตร์ ชื่อวงศ์ ชื่ออื่น ๆ 181 โครงการอนุรักษ์พันธุกรรมพืชอันเนื่องมาจากพระราชด�ำริ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี (อพ.สธ.)


ลักษณะทั่วไป ไม้ต้น ผลัดใบ สูง 7 - 15 เมตร เปลือกเรียบ กิ่งก้านคอคด ใบเดี่ยวออกเวียนสลับ รูปหัวใจมี 5 แฉก ปลายแฉกแหลม โคนเว้าขอบเป็นคลื่น ใบแก่ร่วงเปลี่ยนเป็นสีออกแดง ดอก สีเหลือง มีกลิ่นหอมอ่อน ออกเป็นช่อที่ปลายกิ่ง ทยอยบาน กลีบดอก 5 กลีบ เมื่อบานวัดเส้นผ่าศูนย์กลาง 6 - 8 ซม. เกสรเพศผู้สีเหลืองโค้ง ขนาดไม่เท่ากัน มีจ�ำนวนมาก ผล รูปไข่กลับ กว้าง 2.5 - 3 ซม. ยาว 5 - 7 ซม. เมื่อแก่แตกเป็น 3 - 5 พู เมล็ดสีน�้ำตาล รูปถั่ว มีปุยคล้ายปุยฝ้ายหุ้ม การขยายพันธุ์ การเพาะเมล็ด การปักช�ำกิ่ง ประโยชน์ ดอกแห้งและใบตากแห้ง ใช้เป็นยาบ�ำรุงก�ำลัง บริเวณที่พบ มหาวิทยาลัยราชภัฏนครสวรรค์ , ศูนย์การเรียนรู้ย่านมัทรี Cochlospermum regium (Mart. & Schrank) BIXACEAE สุพรรณิการ์ ฝ้ายค�ำ ชื่อวิทยาศาสตร์ ชื่อวงศ์ ชื่ออื่น ๆ 182 พรรณไม้ในมหาวิทยาลัยราชภัฏนครสวรรค์


ลักษณะทั่วไป ไม้ยืนต้นขนาดเล็ก ไม่มีหนาม มีน�้ำยางสีขาวมาก อวบน�้ำ แตกกิ่งก้านสาขามาก ล�ำต้นสีเขียว ผิวเกลี้ยง ใบเดี่ยวออกเฉพาะที่ข้อส่วนปลายยอดลดรูปเป็นแผ่นขนาดเล็กรูปยาว ร่วงง่าย ดอกช่อออกเป็นกระจุก ที่ปลายกิ่ง ใบประดับสีเหลืองอ่อน ผลมี 3 พลู มีขนสีน�้ำตาลเข้ม ผลแห้งแตกได้ เมล็ดรูปไข่ การขยายพันธุ์ การปักช�ำกิ่ง ประโยชน์ ใบมีสรรพคุณเป็นยาระบายอ่อนๆ ยางมีสรรพคุณกัดหูดและหัวริดสีดวงทวาร บริเวณที่พบ มหาวิทยาลัยราชภัฏนครสวรรค์ , ศูนย์การเรียนรู้ย่านมัทรี พญาไร้ใบ Euphorbia tirucalli L. EUPHORBIACEAE เคียะจีน พญาร้อยใบ เคียะเทียน ชื่อวิทยาศาสตร์ ชื่อวงศ์ ชื่ออื่น ๆ 183 โครงการอนุรักษ์พันธุกรรมพืชอันเนื่องมาจากพระราชด�ำริ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี (อพ.สธ.)


ลักษณะทั่วไป ไม้พุ่ม ล�ำต้นตั้งตรง สูงได้ถึง 0.5 - 4 เมตร เปลือกต้นเรียบ สีน�้ำตาลแกมเขียว กิ่งอ่อนต้นอ่อนเป็น สี่เหลี่ยม ไม่ค่อยแตกกิ่งก้าน ใบเดี่ยวเรียงตรงข้ามสลับตั้งฉาก รูปฝ่ามือ รูปไข่กว้างหรือเกือบกลม ปลายแฉกแหลม ฐานใบรูปหัวใจ ปลายใบแหลม ขอบใบจักฟันเลื่อย แผ่นใบมีขน ดอกช่อแบบแยกแขนงขนาดใหญ่ออกที่ปลายยอด สีแดงหรือส้ม รูปเป็นชั้นคล้ายฉัตรหรือรูปไข่ ผลสดรูปทรงกลม ขนาดเล็ก สีเขียว ผล ผนังชั้นในแข็ง ทรงกลมๆ มี 2 - 4 พู เมื่อสุกเปลี่ยนเป็นสีน�้ำเงินแกมเขียว หรือด�ำ มีเมล็ดเดียว แข็ง เมื่อสุกมีสีแดงคล�้ำ การขยายพันธุ์ การเพาะเมล็ด ประโยชน์ ราก ฝนทา แก้ฝี ประดงลม ประดงไฟ ฝนกับน�้ำดื่ม แก้ปวดท้อง แก้ไข้ หรือต้มน�้ำดื่ม ช่วยขับน�้ำคาวปลา บ�ำรุงน�้ำนม ใบ รสเมาออกร้อน ใช้ต�ำพอกแก้ลมในทรวงอก แก้ทรวงอกอักเสบ รักษาอาการ แน่นหน้าอก บริเวณที่พบ ศูนย์การเรียนรู้ย่านมัทรี Clerodendrum paniculatum L. LAMIACEAE พวงพีแดง (อุบลราชธานี) พวงพีเหลือง (เลย) หัวลิง (สระบุรี) ฉัตรฟ้า สาวสวรรค์ (นครราชสีมา) ปรางมาลี (กลาง) นมสวรรค์ (ใต้) น�้ำนมสวรรค์ (ระนอง) พนมสวรรค์ ชื่อวิทยาศาสตร์ ชื่อวงศ์ ชื่ออื่น ๆ 184 พรรณไม้ในมหาวิทยาลัยราชภัฏนครสวรรค์


ลักษณะทั่วไป ไม้ต้นขนาดกลางถึงขนาดใหญ่ สูง 15 - 25 เมตร ผลัดใบ เปลือกสีน�้ำตาลอมเหลืองหรือ เทาเข้มขรุขระ ใบประกอบแบบขนนกสองชั้น เรียงสลับ ใบย่อยรูปรีแกมรูปไข่ ปลายใบมน โคนใบเบี้ยว ด้าน ล่างมีขนตามเส้นกลางใบ ดอก มีกลิ่นหอมอ่อนๆ สีขาว ออกเป็นช่อเดี่ยวหรือช่อกระจุก ผลเป็นฝักรูปขอบขนาน แบนและกว้าง กว้าง 2.3 - 5 ซม. ยาว 10 - 30 ซม. สีเทาอมเหลือง ภายในฝักมี 4 - 12 เมล็ด การขยายพันธุ์ การเพาะเมล็ด ประโยชน์ ยอดอ่อนรับประทานได้โดยผ่านการท�ำให้สุก เมล็ดและเปลือกใช้เป็นยาสมาน ใบใช้ ดับพิษ บริเวณที่พบ มหาวิทยาลัยราชภัฏนครสวรรค์ , ศูนย์การเรียนรู้ย่านมัทรี พฤกษ์ Albizia lebbeck (L.) Benth. FABACEAE จ๊าขาม ตุ๊ด มะรุมป่า พญากะบุก ชื่อวิทยาศาสตร์ ชื่อวงศ์ ชื่ออื่น ๆ 185 โครงการอนุรักษ์พันธุกรรมพืชอันเนื่องมาจากพระราชด�ำริ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี (อพ.สธ.)


ลักษณะทั่วไป ไม้พุ่มยืนต้นขนาดเล็ก ใบเดี่ยวเรียงตรงข้ามรูปวงรีแกมรูปโล่ ดอกเป็นกระจุกตามซอกใบ กลีบดอกสีม่วง ฐานรองดอกรูประฆัง ผลเป็นผลสดรูปทรงกลม สีเขียว เมื่อแก่มีสีด�ำ การขยายพันธุ์ การเพาะเมล็ด ประโยชน์ รากต้มผสมกับสมุนไพรอื่นแก้ประดง แก้หืด ต้น และใบต้มดื่มขับปัสสาวะ แก้ปัสสาวะขัด บริเวณที่พบ ศูนย์การเรียนรู้ย่านมัทรี Memecylon edule Roxb. MEMECYLACEAE พลองด�ำ (ประจวบคีรีขันธ์) เหมียด (สุรินทร์) เหมือดแอ่ (มหาสารคาม) พลองเหมือด ชื่อวิทยาศาสตร์ ชื่อวงศ์ ชื่ออื่น ๆ 186 พรรณไม้ในมหาวิทยาลัยราชภัฏนครสวรรค์


ลักษณะทั่วไป ไม้ต้นผลัดใบขนาดเล็กถึงขนาดกลาง สูงถึง 20 เมตร เปลือกสีน�้ำตาลปนเทาแตกล่อนเป็น แผ่นสะเก็ดบางๆ ใบเดี่ยว เรียงสลับ รูปรีแกมรูปขอบขนาน โคนใบมน ปลายเป็นติ่งแหลมสั้นๆ ผิวใบทั้งสองด้าน มีขนรูปดาวปกคลุม ขอบใบจักฟันเลื่อยถึงเรียบ ดอกสีเหลืองออกดอกเป็นช่อแยกแขนงตามซอกใบและปลายกิ่ง กลีบเลี้ยงและกลีบดอกมี 5 กลีบ ผลสดแบบมีเนื้อ เมล็ดเดียวทรงกลมแกมไข่กลับ ผลสุกสีม่วงด�ำพบขึ้นกระจาย ทั่วไปทั้งป่าดิบแล้ง และป่าดิบชื้น การขยายพันธุ์ การเพาะเมล็ด ประโยชน์ ใช้แก่นผสมโมกหลวง ล�ำต้น ก�ำแพงเจ็ดชั้น ล�ำต้นสบู่ขาว ล�ำต้นพองเหมือด แก่นจ�ำปาและต้นค�ำรอก ต้มน�้ำดื่มแก้หืด บริเวณที่พบ ศูนย์การเรียนรู้ย่านมัทรี พลับพลา Microcos tomentosa Sm. TILIACEAE พลับพลา ขี้เถ้า กะปกกะปู ค่อม พลา ลาย สากกะเบือดง สากกะเบือละว้า หมากหอม ก้อมส้ม คอมส้ม คอมเกลี้ยง ชื่อวิทยาศาสตร์ ชื่อวงศ์ ชื่ออื่น ๆ 187 โครงการอนุรักษ์พันธุกรรมพืชอันเนื่องมาจากพระราชด�ำริ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี (อพ.สธ.)


ลักษณะทั่วไป ไม้ล้มลุกที่ขึ้นเป็นกอ มีหัวอยู่ใต้ดิน ล�ำต้นกลม ใบมีสีเขียวจะออกรอบๆ ล�ำต้น ลักษณะของใบ มีลักษณะใบแคบ เรียวยาว ขอบใบจะเป็นคลื่น ปลายใบแหลม ใบหนาอวบน�้ำ ดอกเป็นช่อใหญ่ ดอกมีกลิ่นหอม ผลสีเขียวอ่อน ลักษณะของผลค่อนข้างกลม การขยายพันธุ์ การแยกหน่อ ประโยชน์ ใบใช้เป็นยาบ�ำรุงก�ำลัง ช่วยบรรเทาอาการปวดศีรษะ ใช้เป็นยาระบาย เมล็ดช่วยขับเลือดประจ�ำเดือนให้ออกมาจนหมด บริเวณที่พบ มหาวิทยาลัยราชภัฏนครสวรรค์ , ศูนย์การเรียนรู้ย่านมัทรี Crinum asiaticum L. AMARYLLIDACEAE ลัว (ภาคเหนือ) ว่านชน (อีสาน) วิรงรอง (ชวา) พลับพลึงขาว พลับพลึงดอกขาว พลับพลึง ชื่อวิทยาศาสตร์ ชื่อวงศ์ ชื่ออื่น ๆ 188 พรรณไม้ในมหาวิทยาลัยราชภัฏนครสวรรค์


ลักษณะทั่วไป ไม้เถาเลื้อยที่มีเถาเนื้ออ่อนขนาดเล็ก แต่ตรงส่วนโคนจะแข็งแรงมาก ล�ำเถาเป็นสีเขียวอ่อน ใบเป็นใบเดี่ยว ออกเรียงสลับกันไปตามข้อต้น ใบช่วงโคนมักมีขนาดใหญ่กว่าใบช่วงปลายกิ่ง ลักษณะของใบ เป็นใบโพธิ์หรือรูปหัวใจ ปลายใบแหลมหรือแหลมยาว โคนใบมนเว้าเป็นรูปหัวใจ ดอกเป็นช่อ ช่อดอกเป็นแบบ ช่อกระจะแยกแขนง ออกตามซอกใบ ซอกกิ่ง และที่ปลายยอด ผลแห้งเมล็ดล่อน ลักษณะของผลเป็น รูปสามเหลี่ยม การขยายพันธุ์ การเพาะเมล็ด การตอนกิ่ง การปักช�ำกิ่ง ประโยชน์ รากและเถาใช้เป็น ยากล่อมประสาท ช่วยท�ำให้นอนหลับ ด้วยการใช้เถาประมาณ 1 ก�ำมือ หรือใช้รากประมาณ 1/2 ก�ำมือ น�ำมาต้มกับน�้ำ 4 ถ้วยแก้ว แล้วต้มให้เหลือ 2 ถ้วยแก้ว ใช้รับประทานก่อนนอนครั้งละ 3 ช้อนแกง บริเวณที่พบ มหาวิทยาลัยราชภัฏนครสวรรค์ , ศูนย์การเรียนรู้ย่านมัทรี พวงชมพู Antigonon leptopus Hook. & Arn. POLYGONACEAE ชมพูพวง (กรุงเทพฯ) พวงนาค (ภาคกลาง) หงอนนาค (ปัตตานี) ชื่อวิทยาศาสตร์ ชื่อวงศ์ ชื่ออื่น ๆ 189 โครงการอนุรักษ์พันธุกรรมพืชอันเนื่องมาจากพระราชด�ำริ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี (อพ.สธ.)


ลักษณะทั่วไป ไม้พุ่มหรือไม้พุ่มกึ่งเลื้อย สูง 1 - 2 เมตร ใบประกอบแบบขนนกปลายคี่ เรียงตรงข้าม ใบย่อย 2-4 คู่ รูปหอกหรือรูปรี โคนใบสอบ ปลายใบแหลม ขอบใบหยัก ดอกออกเป็นช่อที่ปลายกิ่ง กลีบเลี้ยง 5 กลีบ เชื่อมติดกันเป็นหลอด กลีบดอก 5 กลีบ สีส้มแดงหรือเหลือง เชื่อมติดกันเป็นหลอด ผลเป็นฝัก รูปทรงกระบอก แตกเป็นสองซีก เมล็ดแบน จ�ำนวนมาก การขยายพันธุ์ โดยการเพาะเมล็ดหรือปักช�ำกิ่ง ประโยชน์ ปลูกเป็นไม้ประดับ บริเวณที่พบ มหาวิทยาลัยราชภัฏนครสวรรค์ , ศูนย์การเรียนรู้ย่านมัทรี Tecoma capensis (Thunb.) Lindl. BIGNONIACEAE หงอนนกยูง Cape honeysuckle พวงแสดต้น ชื่อวิทยาศาสตร์ ชื่อวงศ์ ชื่ออื่น ๆ 190 พรรณไม้ในมหาวิทยาลัยราชภัฏนครสวรรค์


ลักษณะทั่วไป เป็นไม้ต้น สูง 15 - 30 เมตร ใบเดี่ยวเรียงสลับ ใบรูปขอบขนานแกมรูปไข่ปลายใบแหลม ขอบใบเรียบหรือเว้าเป็นคลื่นเล็กน้อย ฐานใบมน ผิวใบเรียบทั้ง 2 ด้าน ดอกช่อแยกแขนง สีเขียวอมเหลือง ยาว 5 - 9 ซม. ดอกย่อยสีขาวมี 5 กลีบ บิดเวียนเข้าหากันเชื่อมติดกันที่ฐาน กลีบดอกยาว 1.5 ซม. กลีบเลี้ยง เชื่อมติดกันที่ฐานของดอกมีสีเหลือง ปลายกลีบแยกเป็น 5 แฉก เกสรเพศผู้มี 15 อัน ก้านเกสรสั้น ตรงกลาง อับเรณูมีขน 1 เส้น เกสรเพศผู้เชื่อมติดกับรังไข่ ผล มี 3 ปีกใหญ่ ผลยาว 1.2 - 1.5 ซม. ปลายผลยาวและแหลม การขยายพันธุ์ การเพาะเมล็ด ประโยชน์ เปลือกต้นต้มน�้ำดื่มแก้ท้องร่วง แก้ท้องเดิน และล�ำไส้อักเสบ ฝนทาสมานบาดแผล ใช้ล้างแผลสด ดอกปรุงเป็นยาแก้ลม บ�ำรุงหัวใจ ลดไข้ บริเวณที่พบ มหาวิทยาลัยราชภัฏ นครสวรรค์ , ศูนย์การเรียนรู้ย่านมัทรี พะยอม Shorea roxburghii G. Don DIPTEROCARPACEAE กะยอม ขะยอม พะยอมแดง แคน พะยอมทอง ยางหยวก ชื่อวิทยาศาสตร์ ชื่อวงศ์ ชื่ออื่น ๆ 191 โครงการอนุรักษ์พันธุกรรมพืชอันเนื่องมาจากพระราชด�ำริ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี (อพ.สธ.)


ลักษณะทั่วไป ไม้ต้นขนาดใหญ่ สูง 25 เมตร ผลัดใบ เรือนยอดเป็นพุ่มกลมค่อนข้างโปร่ง เปลือกสีน�้ำตาลแดง เรียบหรือแตกสะเก็ดอ้าสี่เหลี่ยม ใบประกอบแบบขนนกปลายคี่ ช่อใบยาว 10 - 15 ซม. ใบรูปไข่แกมรูปขอบขนาน ปลายใบแหลม โคนใบมน ผิวใบด้านบนสีเขียวเข้ม ด้านล่างสีขาวนวล เส้นแขนงใบข้างละ 5 - 7 เส้น ดอก สีขาว ส่งกลิ่นหอมอ่อนๆ ออกเป็นช่อแยกแขนงตามซอกใบและปลายกิ่ง กลีบเลี้ยงรูปถ้วยปลายแยก 5 แฉก ดอกรูปถั่ว มี 5 กลีบ ดอกบานเต็มที่ ผลเป็นฝักแห้งไม่แตก สีน�้ำตาลแดง แบนและบาง กว้าง 1 - 2 ซม. ยาว 4 - 6 ซม. เมล็ดรูปไตสีน�้ำตาลเข้ม 2 - 4 เมล็ด การขยายพันธุ์ การเพาะเมล็ด การปักช�ำกิ่ง ประโยชน์ รากแก้ไข้พิษ น�้ำต้มเปลือกอมแก้ปากเปื่อย ยางสดทาแก้ปากเปื่อย บริเวณที่พบ ศูนย์การเรียนรู้ย่านมัทรี Dalbergia cochinchinensis Pierre FABACEAE ขะยุง (อุบลราชธานี) แดงจีน (ปราจีนบุรี) ประดู่ตม ประดู่น�้ำ (จันทบุรี) พะยูงไหม (สะบุรี) ประดู่ลาย (ชลบุรี) ประดู่เสน (ตราด) กระยง กระยุง พะยุง ชื่อวิทยาศาสตร์ ชื่อวงศ์ ชื่ออื่น ๆ 192 พรรณไม้ในมหาวิทยาลัยราชภัฏนครสวรรค์


ลักษณะทั่วไป ไม้ยืนต้นขนาดกลางถึงขนาดใหญ่สูง 10 - 25 เมตร ใบเดี่ยวเรียงสลับ รูปไข่หรือรูปรีกว้าง 2 - 5 ซม. ปลายใบแหลม โคนมน หลังใบสีเขียวเข้มเป็นมันเลื่อม ขอบใบเป็นคลื่น ดอกเดี่ยวสีขาวปนเหลือง ออกที่ซอกใบ กลีบดอกสีขาวนวล กลิ่นหอม กลีบเลี้ยงสีน�้ำตาลมีขนนุ่ม ออกดอกตลอดปี ผลสด รูปไข่ ปลายแหลม เมล็ดมี 1 เมล็ด เมื่อสุกสีแดงอมส้ม การขยายพันธุ์ การปักช�ำกิ่ง การเพาะเมล็ด ประโยชน์ รากท�ำยา ขับเสมหะ ใบใช้ท�ำยารักษากามโรค ดอกใช้รักษาเกลื้อน แก่นท�ำยาบ�ำรุงหัวใจ รักษาไข้ผลแก้ไข้ ฆ่าแมลงกินฟัน แก้เหงือกอักเสบ บริเวณที่พบ มหาวิทยาลัยราชภัฏนครสวรรค์ , ศูนย์การเรียนรู้ย่านมัทรี พิกุล Mimusops elengi L. SAPOTACEAE กุน แก้ว ซางดง พิกุลเขา พิกุลเถื่อน พิกุลป่า ชื่อวิทยาศาสตร์ ชื่อวงศ์ ชื่ออื่น ๆ 193 โครงการอนุรักษ์พันธุกรรมพืชอันเนื่องมาจากพระราชด�ำริ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี (อพ.สธ.)


ลักษณะทั่วไป ไม้ต้นไม่ผลัดใบ สูงได้ถึง 5 เมตร เปลือกต้นเรียบสีน�้ำตาลแดง กิ่งก้านสีเขียวมีขนเล็กน้อย เปลือกชั้นในมีน�้ำยางสีขาว ใบเดี่ยวเรียงสลับ แผ่นใบรูปรีถึงรูปขอบขนาน ปลายใบเรียวแหลม โคนใบเป็นรูปลิ่ม ขอบใบเรียบหรือเป็นคลื่นเล็กน้อย ใบสีเขียวเข้มเป็นมัน ดอกออกเป็นช่อกระจุก กลีบดอกเกลี้ยงเป็นมัน สีขาว โคนเชื่อมกัน ปลายแยก 5 กลีบ ปากหลอดกลีบดอกสีแดงอมชมพู มีกลิ่นหอมอ่อนๆ ผลสดรูปไข่ ผลแก่เป็น สีด�ำ เมล็ดแข็งค่อนข้างรีสีด�ำเป็นมัน การขยายพันธุ์ การเพาะเมล็ด ประโยชน์ ปลูกเป็นไม้ประดับ บริเวณที่พบ ศูนย์การเรียนรู้ย่านมัทรี Kopsia arborea Blume APOCYNACEAE มะดีควาย หน�ำเลียบเทียม ปิ่นมาลา พุดดง ชื่อวิทยาศาสตร์ ชื่อวงศ์ ชื่ออื่น ๆ 194 พรรณไม้ในมหาวิทยาลัยราชภัฏนครสวรรค์


ลักษณะทั่วไป ไม้พุ่ม สูง 2-3 เมตร มีน�้ำยางสีขาว ใบเดี่ยว เรียงตรงข้าม รูปรี หรือรูปไข่ โคนและปลายใบแหลม ขอบเรียบสีเขียวเข้มเป็นมัน ดอกสีขาว ออกเป็นช่อกระจุกที่ปลายกิ่ง หรือตามซอกใบใกล้ปลายกิ่ง ใบประดับ รูปแถบ กลีบเลี้ยง 5 กลีบ เชื่อมติดกันเล็กน้อย ดอกซ้อน มี 5-10 กลีบ ปลายกลีบเป็นคลื่น ผลเป็นฝักคู่ รูปกระสวยเบี้ยว และแคบ ปลายเรียวแหลมเป็นติ่ง ปลูกเป็นใบประดับ ถิ่นก�ำเนิดเขตร้อนชื้นประเทศอินเดีย การขยายพันธุ์ การเพาะเมล็ด การปักช�ำกิ่ง ประโยชน์ ปลูกเป็นไม้ประดับ บริเวณที่พบ มหาวิทยาลัยราชภัฏ นครสวรรค์ , ศูนย์การเรียนรู้ย่านมัทรี พุดฝรั่ง Tabernaemontana divaricata (L.) R. Br. ex Roem. & Schult. APOCYNACEAE พุดจีบ พุดสวน พุดสา (ภาคกลาง) พุดป่า (ล�ำปาง) ชื่อวิทยาศาสตร์ ชื่อวงศ์ ชื่ออื่น ๆ 195 โครงการอนุรักษ์พันธุกรรมพืชอันเนื่องมาจากพระราชด�ำริ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี (อพ.สธ.)


ลักษณะทั่วไป ไม้พุ่ม สูงถึง 2 เมตร กิ่งก้านสีน�้ำตาลแดง ใบเดี่ยว เรียงตรงข้าม รูปใบหอกแกมรูปรี โคนใบ กลมมน ปลายใบเรียวแหลมเป็นติ่งสั้น ขอบใบเรียบ ดอกสีขาว ออกเป็นช่อกระจุกที่ปลายกิ่ง โคนเชื่อมติดกัน เป็นหลอดแคบยาว ปลายแยกเป็น 5 กลีบ ขอบกลีบเป็นคลื่นเล็กน้อย รยางค์เป็นแผ่นแคบแข็ง ปลายเป็นริ้ว ปลูกเป็นไม้ประดับ ถิ่นก�ำเนิดประเทศศรีลังกา การขยายพันธุ์ การเพาะเมล็ด การปักช�ำกิ่ง ประโยชน์ ปลูกเป็น ไม้ประดับ บริเวณที่พบ มหาวิทยาลัยราชภัฏนครสวรรค์ , ศูนย์การเรียนรู้ย่านมัทรี Wrightia antidysenterica (L.) R. Br. APOCYNACEAE อิดด้า พุดพิชญา ชื่อวิทยาศาสตร์ ชื่อวงศ์ ชื่ออื่น ๆ 196 พรรณไม้ในมหาวิทยาลัยราชภัฏนครสวรรค์


ลักษณะทั่วไป ไม้พุ่ม สูง 2 - 5 เมตร มีน�้ำยางสีขาว ใบเดี่ยว เรียงตรงข้าม รูปรี ถึงรูปรีแคบ โคนใบสอบ ปลายใบเรียวแหลม ขอบใบเรียบ สีเขียวเป็นมัน ดอกสีขาว ออกเป็นช่อแยกแขนงตามซอกใบใกล้ปลายกิ่ง โคน เชื่อมติดกันเป็นหลอดรูปปากแตร ปลายแยกเป็น 5 กลีบ บิดเวียน ภายในหลอดเป็นสีเหลือง ผลเป็นฝักคู่ รูปกระสวย ปลายแหลมและโค้งขึ้น สีส้มแดง แตกด้านเดียว มี 4 - 10 เมล็ด ปลูกเป็นไม้ประดับ นิยมน�ำมาร้อยมาลัย ถิ่นก�ำเนิดทวีปเอเชีย การขยายพันธุ์ การเพาะเมล็ด การปักช�ำกิ่ง ประโยชน์ ปลูกเป็นไม้ประดับ บริเวณที่พบ มหาวิทยาลัยราชภัฏนครสวรรค์ , ศูนย์การเรียนรู้ย่านมัทรี พุดร้อยมาลัย Tabernaemontana pandacaqui Poir. APOCYNACEAE พุดตุม มะลิฝรั่ง ชื่อวิทยาศาสตร์ ชื่อวงศ์ ชื่ออื่น ๆ 197 โครงการอนุรักษ์พันธุกรรมพืชอันเนื่องมาจากพระราชด�ำริ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี (อพ.สธ.)


ลักษณะทั่วไป ไม้พุ่มขนาดเล็ก แตกกิ่งก้านยืดยาว ทรงพุ่มโปร่ง ใบเดี่ยว เรียงตรงข้ามเป็นคู่ แต่ละคู่ตั้งฉากกัน ใบรูปไข่กลับ ปลายใบมน โคนสอบแคบขอบใบเรียบ ผิวใบด้านบนสีเขียวเข้ม เส้นกลางใบสีขาว ดอกสีแดง ออกเป็นช่อแบบช่อกระจุกแน่นตามซอกใบที่ปลายกิ่ง โคนกลีบเลี้ยงเชื่อมติดกันเป็นหลอด ปลายแยกเป็น 5 แฉก รูปสามเหลี่ยม กลีบดอก 5 กลีบ เกสรเป็นเส้นสีแดงยาวและดอกดูคล้ายผลเงาะ ผลแห้ง เปลือกเเข็งสีเขียว มีสันตามยาว 5 สัน มีเมล็ดเดียว การขยายพันธุ์ การเพาะเมล็ด การปักช�ำกิ่ง การตอนกิ่ง ประโยชน์ ปลูกเป็น ไม้ประดับ บริเวณที่พบ มหาวิทยาลัยราชภัฏนครสวรรค์ Combretum erythrophyllum (Burchell) Sonder. COMBRETACEAE เงาะงาม พู่อมร ชื่อวิทยาศาสตร์ ชื่อวงศ์ ชื่ออื่น ๆ 198 พรรณไม้ในมหาวิทยาลัยราชภัฏนครสวรรค์


Click to View FlipBook Version