ลักษณะทั่วไป ไม้ต้น สูง 3 - 12 เมตรแตกกิ่งก้านน้อย ใบประกอบแบบขนนกสามชั้น ขนาดใหญ่ เรียงตรงข้าม รวมกันอยู่บริเวณปลายกิ่ง ใบย่อยรูปไข่หรือรูปไข่แกมวงรี กว้าง 4 - 8 ซม. ยาว 6 - 12 ซม. ดอกช่อ ออกที่ ปลายยอด ก้านช่อดอกยาว ดอกย่อยขนาดใหญ่กลีบดอกสีนวลแกมเขียว โคนกลีบเป็นหลอดสีม่วงแดง หนาย่น บานกลางคืน ผลเป็นฝัก รูปดาบ เมื่อแก่จะแตก ภายในเมล็ดแบน สีขาว การขยายพันธุ์ การเพาะเมล็ด การปักช�ำกิ่ง ประโยชน์ เมล็ด ต้มน�้ำดื่ม แก้ไอและขับเสมหะ ใช้เป็นยาระบาย ฝักแก่ มีรสขมรับประทานได้ แก้ร้อนในกระหายน�้ำ ช่วยเจริญอาหาร ระงับไอ ใบ ต้มน�้ำดื่ม แก้ปวดท้อง บริเวณที่พบ มหาวิทยาลัยราชภัฏ นครสวรรค์ , ศูนย์การเรียนรู้ย่านมัทรี เพกา Oroxylum indicum (L.) Kurz BIGNONIACEAE มะลิดไม้ มะลิ้นไม้ ลิดไม้ (เหนือ) ลิ้นฟ้า (เลย) หมากลิ้นก้าง หมากลิ้นซ้าง (ฉาน-เหนือ) กาโด้โด้ง (กะเหรี่ยง-กาญจนบุรี) ดอก๊ะ ด๊อกก๊ะ ดุแก (กะเหรี่ยง-แม่ฮ่องสอน) เบโก (มาเล-นราธิวาส) ชื่อวิทยาศาสตร์ ชื่อวงศ์ ชื่ออื่น ๆ 199 โครงการอนุรักษ์พันธุกรรมพืชอันเนื่องมาจากพระราชด�ำริ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี (อพ.สธ.)
ลักษณะทั่วไป ไม้ล้มลุก สูง 0.5 - 0.9 เมตร โคนต้นค่อนข้างแข็ง ใบเดี่ยว ออกตรงข้าม รูปไข่กลับ ปลายมนหรือ เว้าเข้าเล็กน้อย โคนมนสีเขียวเข้มเป็นมันก้านและเส้นกลางใบมีสีขาว ดอก มีหลายสี เช่น ขาว ม่วง ชมพู ออกตามซอกใบ 1 - 3 ดอก กลีบดอกเป็นหลอด ปลายแยกเป็น 5 กลีบ เกสรตัวผู้ 5 อัน ผล เป็นฝัก เมื่อแก่แตกได้ การขยายพันธุ์ การเพาะเมล็ด ประโยชน์ ใบบ�ำรุงหัวใจ รากแก้บิด ขับพยาธิ ใช้ห้ามเลือดรักษามะเร็งใน เม็ดเลือด ต้นแก้เบาหวาน ลดความดัน ขับปัสสาวะ แก้บวม ถอนพิษส�ำแดง ถอนพิษต่างๆ แก้อาการตัวเหลือง อันเกิดจากพิษสุรา แก้โรคหนองใน หัด ผื่นคันและแผลอักเสบอื่นๆ บริเวณที่พบ มหาวิทยาลัยราชภัฏนครสวรรค์ , ศูนย์การเรียนรู้ย่านมัทรี Catharanthus roseus (L.) G.Don APOCYNACEAE พงพวยบก แพงพวยฝรั่ง (กรุงเทพฯ) นมอิน (สุราษฎร์ธานี) ผักปอดบก (ภาคเหนือ) แพงพวยบก พังพวยบก แพงพวยฝรั่ง พังพวยฝรั่ง (ภาคกลาง) แพงพวยฝรั่ง ชื่อวิทยาศาสตร์ ชื่อวงศ์ ชื่ออื่น ๆ 200 พรรณไม้ในมหาวิทยาลัยราชภัฏนครสวรรค์
ลักษณะทั่วไป ไม้ต้นสูง 15 - 30 เมตร ใบเดี่ยวเรียงสลับหรือเวียนรอบกิ่ง ใบรูปไข่กว้างหรือสามเหลี่ยม ขอบใบ เรียบหรือเป็นคลื่นเล็กน้อย ปลายใบแหลม ฐานใบรูปหัวใจหรือเว้า เล็กน้อย ใบยาว 12 - 19 ซม. กว้าง 7 - 11 ซม. ก้านใบ 5 - 12 ซม. มีหูใบใหญ่ปลายแหลม ผล เป็นแบบมะเดื่อ ยาว 1.5 - 2 ซม. ผลกลม เมื่อสุกมีสีม่วงถึงด�ำ ผลไม่มีก้าน การขยายพันธุ์ การเพาะเมล็ด การปักช�ำกิ่ง ประโยชน์ ผลเมื่อสุกใช้รับประทานกับเกลือรักษา โรคเบาหวาน เป็นยาระบายอ่อนๆ ใบและเปลือกรักษาโรคเท้าช้าง เมล็ดเป็นยาเย็นซ่อมแซมส่วนที่สึกหรอ ในร่างกาย และเป็นยาระบาย ยาแก้เท้าเป็นหนอง บริเวณที่พบ มหาวิทยาลัยราชภัฏนครสวรรค์ , ศูนย์การเรียนรู้ ย่านมัทรี โพ Ficus religiosa L. MORACEAE โพ โพศรีมหาโพ (ภาคกลาง) สลี (ภาคเหนือ) ย่อง (ฉาน-แม่ฮ่องสอน) ชื่อวิทยาศาสตร์ ชื่อวงศ์ ชื่ออื่น ๆ 201 โครงการอนุรักษ์พันธุกรรมพืชอันเนื่องมาจากพระราชด�ำริ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี (อพ.สธ.)
ลักษณะทั่วไป ไม้ยืนต้นขนาดเล็ก มีความสูงประมาณ 8 - 12 เมตร ใบเป็นใบเดี่ยวออกเรียงสลับ ลักษณะของใบ คล้ายรูปหัวใจ ปลายใบกว้างแหลมยาวถึงเรียวแหลม ส่วนฐานใบเว้าลึก ขอบใบเรียบ ออกดอกตามง่ามใบ ดอก เป็นดอกเดี่ยวหรือดอกคู่ตามซอกใบ ส่วนก้านดอกอ้วนสั้นหรือยาวประมาณ 2 - 5 ซม. และมีเกล็ด ผลมีลักษณะ ค่อนข้างกลม มีขนาดเส้นผ่าศูนย์กลางประมาณ 2 - 3 ซม. ผลเป็นสันตื้นๆ 5 สัน มีน�้ำยางสีเหลือง มีก้านผลยาว ประมาณ 2 - 8 ซม. ผลอ่อนเป็นสีเขียวอ่อน ส่วนผลแก่เป็นสีเขียวเข้ม การขยายพันธุ์ การเพาะเมล็ด การปักช�ำราก ประโยชน์ รากใช้เป็นยาระบาย ส่วนใบใช้ท�ำเป็นยาระบายอ่อนๆ บริเวณที่พบ ศูนย์การเรียนรู้ ย่านมัทรี Thespesia populnea (L.) Soland ex Corr. MALVACEAE ปอกะหมัดไพร (ราชบุรี) ปอหมัดไซ (เพชรบุรี) บากู (ปัตตานี มลายู-นราธิวาส) โพทะเล โพธิ์ทะเล (ภาคกลาง) โพทะเล ชื่อวิทยาศาสตร์ ชื่อวงศ์ ชื่ออื่น ๆ 202 พรรณไม้ในมหาวิทยาลัยราชภัฏนครสวรรค์
ลักษณะทั่วไป ไม้ต้นขนาดกลางถึงขนาดใหญ่ ทรงพุ่มแผ่กว้างแตกกิ่งใหญ่ มีหนาม มีน�้ำยางสีขาว ใบเดี่ยว เรียงสลับ รูปหัวใจ รูปไข่ถึงรูปรี ก้านใบยาวเท่าๆกับแผ่นใบ ที่ปลายก้านใบมีตุ่ม 2 ตุ่ม ช่อดอกออกตามซอกใบ และปลายยอด ดอกแยกเพศอยู่ร่วมต้น หรืออาจอยู่ร่วมช่อ ไม่มีกลีบดอก ผลรูปรีตามขวาง ปลายผล และ โคนผลบุ๋ม ผลเป็นพูลึก สีเขียว เมื่อแก่สีน�้ำตาลแดง ถิ่นก�ำเนิดอเมริกาใต้ และคอสตาริกา การขยายพันธุ์ การเพาะเมล็ด การปักช�ำกิ่ง ประโยชน์ ยางใช้เป็นยาเบื่อปลา ผลและเมล็ดมีฤทธิ์ในการฆ่าแมลง บริเวณที่พบ มหาวิทยาลัยราชภัฏนครสวรรค์ โพศรี Hura crepitans L. DIPTEROCARPACEAE โพธิ์อินเดีย โพธิ์หนาม โพธิ์ศรีมหาโพธิ์ โพธิ์ทะเล โพธิ์ฝรั่ง ทองหลางฝรั่ง ชื่อวิทยาศาสตร์ ชื่อวงศ์ ชื่ออื่น ๆ 203 โครงการอนุรักษ์พันธุกรรมพืชอันเนื่องมาจากพระราชด�ำริ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี (อพ.สธ.)
ลักษณะทั่วไป ไม้ยืนต้นประเภทพุ่มกึ่งเลื้อย ใบเดี่ยว ออกเรียงสลับ ใบเป็นรูปไข่ รูปรี หรือรูปหัวใจ ปลาย ใบแหลม โคนใบมน ส่วนขอบใบเรียบ ออกดอกเป็นกระจุกตามง่ามใบและปลายกิ่ง มี 3 ดอก ดอกมีหลายสี ทางจีนนิยมน�ำมาใช้เป็นยา คือ ดอกสีม่วง หรือสีแดง ผลมีขนาดเล็ก ลักษณะเป็นสัน 5 เหลี่ยม เปลือกแข็งและมีเมล็ด ติดกับเปลือก การขยายพันธุ์ การตอนกิ่ง การปักช�ำกิ่ง การเสียบยอด ประโยชน์ ดอกบ�ำรุงหัวใจและระบบ ขับถ่าย บริเวณที่พบ มหาวิทยาลัยราชภัฏนครสวรรค์ , ศูนย์การเรียนรู้ย่านมัทรี Bougainvillea glabra Choisy NYCTAGINACEAE ดอกต่างใบ (กรุงเทพฯ) ดอกกระดาษ ดอกโคม (ภาคเหนือ) ตรุษจีน (ภาคกลาง) เฟื่องฟ้า ชื่อวิทยาศาสตร์ ชื่อวงศ์ ชื่ออื่น ๆ 204 พรรณไม้ในมหาวิทยาลัยราชภัฏนครสวรรค์
ลักษณะทั่วไป ไม้ต้นขนาดเล็ก สูง 2 - 8 เมตร เปลือกต้นเรียบ สีน�้ำตาล มีหนามแหลมตามกิ่งก้าน ใบประกอบ ที่มีใบย่อยใบเดี่ยว ออกเรียงสลับ ปลายใบและโคนใบมน ขอบใบเรียบ แผ่นใบเรียบเป็นมันสีเขียวเข้ม มีต่อม น�้ำมันอยู่ตามผิวใบ มีกลิ่นหอมเฉพาะ ก้านใบมีปีกดูคล้ายใบ ดอก ออกเป็นช่อตามซอกใบที่ปลายกิ่ง ดอกสีขาว กลีบเลี้ยงมี 5 กลีบ กลีบดอกมี 5 แฉก โคนกลีบดอกติดกัน ผล เป็นรูปทรงกลมหรือรูปไข่ โคนผลเรียวเป็นจุก ผิวขรุขระ มีต่อมน�้ำมัน ผลอ่อนสีเขียวแก่ สุกเป็นสีเหลือง มีรสเปรี้ยว เมล็ดกลมรี สีขาว มีหลายเมล็ด การขยายพันธุ์ การตอนกิ่ง ประโยชน์ ราก กระทุ้งพิษ แก้ฝีภายในและแก้เสมหะเป็นพิษ ใบ มีน�้ำมันหอมระเหย น�้ำคั้นจากผล ใช้แต่งกลิ่น สระผมรักษาชันนะตุ รังแค ท�ำให้ผมสะอาด ผิวจากผลปรุงเป็นยาขับลมในล�ำไส้ แก้แน่น เป็นยาบ�ำรุงหัวใจ บริเวณที่พบ มหาวิทยาลัยราชภัฏนครสวรรค์ มะกรูด Citrus hystrix DC. RUTACEAE มะขุน มะขูด (ภาคเหนือ) มะขู (กะเหรี่ยง-แม่ฮ่องสอน) ส้มกรูด ส้มมั่วผี (ภาคใต้) ชื่อวิทยาศาสตร์ ชื่อวงศ์ ชื่ออื่น ๆ 205 โครงการอนุรักษ์พันธุกรรมพืชอันเนื่องมาจากพระราชด�ำริ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี (อพ.สธ.)
ลักษณะทั่วไป ไม้ยืนต้น ผลัดใบ สูง 15 - 25 เมตร ล�ำต้นกลม ตั้งตรง เปลือกสีเทา หนา เรียบ เปลือก ใบ และ ผล มีกลิ่นหอม ใบประกอบแบบขนนกเรียงตรงข้ามกัน หรือเยื้องกันเล็กน้อย ฐานใบมนเบี้ยว ขอบใบเรียบ ใบค่อนข้างนุ่ม ใบอ่อนสีน�้ำตาลแดง ดอกแยกเพศอยู่บนต้นเดียวกัน ออกเป็นช่อตามซอกใบ สีขาวครีม กลีบดอกรูปรี ปลายกลีบดอกแหลม กลีบดอกสีขาว ผลสด มีเนื้อ ฉ�่ำน�้ำ รูปไข่ ผลแก่สีเหลืองอมเขียว ถึงสีเหลือง อ่อน ประกอบด้วยจุดสีเหลือง และด�ำ รสเปรี้ยวจัด เมล็ดเดียวขนาดใหญ่และแข็งมาก ผิวเป็นเสี้ยนขรุขระ การขยายพันธุ์ การเพาะเมล็ด ประโยชน์ ผล รสเปรี้ยวอมหวานเย็น เป็นยาฝาดสมาน แก้เลือดออกตาม ไรฟัน เนื่องจากมีวิตามินซีสูง แก้กระหายน�้ำ ท�ำให้ชุ่มคอ แก้ธาตุพิการ แก้โรคขาดแคลเซียม เนื้อในผล แก้ธาตุ พิการเพราะน�้ำดีไม่ปกติ และกระเพาะอาหารพิการ แก้บิด ผล ใบ และเปลือกล�ำต้น แก้ร้อนใน ช่วยให้ชุ่มคอ แก้กระหายน�้ำ บริเวณที่พบ ศูนย์การเรียนรู้ย่านมัทรี Spondias pinnata (L.f.) Kurz ANARCARDIACEAE กอก กอกกุ๊ก กอกทรวง กอกเขา มะกอกป่า กุก มะกอก ชื่อวิทยาศาสตร์ ชื่อวงศ์ ชื่ออื่น ๆ 206 พรรณไม้ในมหาวิทยาลัยราชภัฏนครสวรรค์
ลักษณะทั่วไป ไม้ยืนต้น ขนาดกลางถึงขนาดใหญ่ ผลัดใบ สูง 10 - 25 เมตร ล�ำต้นตั้งตรง เรือนยอดกลม เปลือกสีน�้ำตาลอมเทาถึงเทาแก่ เมื่อแห้งเป็นสีน�้ำตาลด�ำ ใบประกอบแบบขนนกปลายคี่ เรียงเวียน ใบ รูปขอบขนานหรือรูปรีแกมรูปไข่ ปลายเป็นติ่งแหลม โคนมนหรือเบี้ยวเล็กน้อย ใบแก่สีแดงเข้ม ช่อดอก แบบช่อเชิงลด มีทั้งดอกสมบูรณ์เพศและดอกแยกเพศอยู่บนต้นเดียวกัน กลีบดอกสีขาวแกมเหลือง ผลสด รูปกระสวย ผลอ่อนสีเหลือง ผลแก่สีเขียวอมเหลือง เมล็ดรูปกระสวย 3 เมล็ด เรียงกันเป็นรูปสามเหลี่ยม ชั้นหุ้มเมล็ดแข็งมาก การขยายพันธุ์ การเพาะเมล็ด ประโยชน์ ยางรสฝาด ทาแก้เม็ดผื่นคัน และเป็นเครื่องหอม ผล เป็นยาแก้ไอ ขับเสมหะ แก้น�้ำลายเหนียว แก่น รสเฝื่อน แก้โลหิตระดูพิการ แก้ประดง เนื้อในเมล็ดรับประทาน ได้มีรสมัน บริเวณที่พบ ศูนย์การเรียนรู้ย่านมัทรี มะกอกเกลื้อน Canarium subulatum Guillaumin BURSERACEAE มะเกิ้ม (เหนือ) มะกอกเลือด (ใต้) มะเลื่อม (พิษณุโลก) กอกกัน (อีสาน) มักเหลี่ยม (จันทบุรี) โมกเลื่อม (ปราจีนบุรี) ชื่อวิทยาศาสตร์ ชื่อวงศ์ ชื่ออื่น ๆ 207 โครงการอนุรักษ์พันธุกรรมพืชอันเนื่องมาจากพระราชด�ำริ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี (อพ.สธ.)
ลักษณะทั่วไป ไม้ต้นขนาดใหญ่ สูง 8 - 15 เมตร ทรงพุ่มกลมค่อนข้างทึบ เปลือกล�ำต้น สีน�้ำตาลแดง ใบ เป็น ใบเดี่ยว ออกจากล�ำต้นแบบสลับ แต่ช่วงปลายยอดจะออกแบบเวียน ใบ รูปไข่หรือรูปรี ปลายใบแหลม ฐานใบมน มีหูใบ ขอบใบเป็นหยักเล็กน้อย ก้านใบมีสีแดง ดอก ออกเป็นช่อแบบราซีม ออกตรงซอกใบ เป็นดอกสมบูรณ์เพศ มีกลีบเลี้ยง 5 กลีบ สีขาว มีลักษณะเป็นริ้ว มีเกสรตัวผู้จ�ำนวนมาก มีเกสรตัวเมีย 1 อัน ผล เป็นรูปดรุป (Drupe) มีเปลือกหุ้มเมล็ดที่แข็งมาก ภายในมี 1 เมล็ด สีน�้ำตาลอ่อน เมล็ด รูปกระสวย ผิวขรุขระ การขยายพันธุ์ การเพาะเมล็ด การตอนกิ่ง ประโยชน์ ผล ใช้ดองน�้ำเกลือ รับประทานเป็นอาหารแทนมะกอกฝรั่ง จะมีรสเปรี้ยว ฝาดเล็กน้อย น�้ำให้ชุ่มคอ แก้กระหายน�้ำได้ดี ดอกแก้พิษโลหิต ก�ำเดา บริเวณที่พบ ศูนย์การเรียนรู้ย่านมัทรี Elaeocarpus hygrophilus Kurz. ELAEOCARPACEAE สารภีน�้ำ (ภาคกลาง) สมอพิพ่าย (ระยอง) มะกอกน�้ำ ชื่อวิทยาศาสตร์ ชื่อวงศ์ ชื่ออื่น ๆ 208 พรรณไม้ในมหาวิทยาลัยราชภัฏนครสวรรค์
ลักษณะทั่วไป ไม้ยืนต้นขนาดกลางถึงใหญ่ สูง 15-20 เมตร ล�ำต้นเปลาตรง เปลือกสีเทา เรียบ มีต่อมระบาย อากาศ เรือนยอดเป็นพุ่มกว้าง โปร่ง กิ่งอ่อนอวบ ใบเป็นช่อแบบสองชั้น เรียงสลับ ช่อย่อยประกอบด้วยใบทรงรูป ไข่หรือรูปหอก ดอกขนาดเล็กสีขาวกลิ่นหอมอ่อนๆ เป็นดอกสมบูรณ์เพศออกรวมกันเป็นช่อใหญ่ๆตามง่ามใบและ ปลายกิ่ง ผลกลมรีๆ ผลแก่สีเหลืองอมเขียว เมล็ดใหญ่ การขยายพันธุ์ การเพาะเมล็ด ประโยชน์ ผลมีรสเปรี้ยว ใช้เป็นยาระบาย ผลสุกเป็นอาหารของสัตว์ป่าเช่น กระรอก กวาง เป็นต้น บริเวณที่พบ ศูนย์การเรียนรู้ย่านมัทรี มะกัก Spondias bipinnata A. Shaw & Forman ANACARDIACEAE มะกอกป่า กอกกัก หมักกัก กอกกุก กูก กอกหมอง กอกเขา กอก มะกอดง ไพแซ หมากกอก มะกอกฝรั่ง กะไพ้ย ไพ้ย ชื่อวิทยาศาสตร์ ชื่อวงศ์ ชื่ออื่น ๆ 209 โครงการอนุรักษ์พันธุกรรมพืชอันเนื่องมาจากพระราชด�ำริ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี (อพ.สธ.)
ลักษณะทั่วไป ไม้ยืนต้นขนาดเล็ก สูงถึง 10 เมตร ใบ เดี่ยว เรียงสลับ ใบรูปรีหรือรูปไข่กลับขนาด ยาว 7 - 20 ซม. กว้าง 3 - 7 ซม. ผิวใบเกลี้ยงทั้งสองด้าน ก้านใบสั้น ดอก ออกเป็นกระจุกตามซอก ใบ ดอกเล็ก ดอกเพศผู้และดอกเพศเมีย อยู่ในกระจุกเดียวกัน ดอกเพศผู้ กว้าง 0.3 - 0.5 ซม. ก้านดอก สั้น 1.5 - 3 มม. ดอกเพศเมีย กว้าง 0.4 - 0.6 ซม. ไม่มีก้านดอก ผล เป็นผลสดรูปกลมขนาดเล็กสีเขียว การขยายพันธุ์ การเพาะเมล็ด ประโยชน์ ใบใช้เป็นยาระบายอย่างอ่อน โดยน�ำใบสดหรือแห้ง ปิ้งไฟ พอกรอบ ขนาด 1.5 - 2 กรัม ชงน�้ำเดือด แช่ไว้ประมาณ 10 - 20 นาที ดื่มก่อนนอน อาการข้างเคียงคือ ปวดมวนท้อง คลื่นไส้ เปลือกฝาดสมานแผล บริเวณที่พบ มหาวิทยาลัยราชภัฏนครสวรรค์ , ศูนย์การเรียนรู้ ย่านมัทรี Bridelia ovata Decne. EUPHORBIACEAE กอง ก้องแกบ ขี้เหล้า มาดกา มัดกา ส่าเหล้า มะกา ชื่อวิทยาศาสตร์ ชื่อวงศ์ ชื่ออื่น ๆ 210 พรรณไม้ในมหาวิทยาลัยราชภัฏนครสวรรค์
ลักษณะทั่วไป ไม้ต้นขนาดกลางถึงขนาดใหญ่ สูง 10 - 30 เมตร ไม่ผลัดใบ ล�ำต้นเป็นพูพอน เปลือกสีด�ำแตก เป็นสะเก็ดหรือเป็นร่อง ใบเดี่ยว เรียงสลับ รูปไข่ ปลายใบสอบทู่หรือสอบเรียว โคนใบสอบทู่ ใบอ่อนมีขนนุ่ม เส้นแขนงใบข้างละ 10 - 15 เส้น ดอก สีเหลือง ออกเป็นช่อแบบช่อกระจุกตามซอกใบ ดอกแยกเพศต่างต้น ดอกเพศผู้มีกลีบเลี้ยงรูปถ้วยปลายแยก 4 แฉก เกสรเพศผู้มี 14 - 24 อัน ดอกเพศเมียออกเป็นดอกเดี่ยวเหมือน เพศผู้แต่มีขนาดใหญ่กว่า ผลสดแบบมีเนื้อ ทรงกลมไข่ สีด�ำ จุกผล 4 กลีบโคนเชื่อมติดกัน กลีบพับกลับ 1 - 6 เมล็ดต่อ 1 ผล การขยายพันธุ์ การเพาะเมล็ด ประโยชน์ เดิมใช้เป็นยาถ่ายพยาธิ เมล็ดในผลสุกรับประทานได้ บริเวณที่พบ มหาวิทยาลัยราชภัฏนครสวรรค์ , ศูนย์การเรียนรู้ย่านมัทรี มะเกลือ Diospyros mollis Griff. EBENACEAE ผีเผา (ฉาน-ภาคเหนือ) มักเกลือ (เขมร-ตราด) ชื่อวิทยาศาสตร์ ชื่อวงศ์ ชื่ออื่น ๆ 211 โครงการอนุรักษ์พันธุกรรมพืชอันเนื่องมาจากพระราชด�ำริ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี (อพ.สธ.)
ลักษณะทั่วไป ไม้ต้นขนาดกลางถึงใหญ่ ล�ำต้นเปลาตรง เปลือกนอกเป็นสะเก็ดที่โคนต้น ช่วงบนเรียบเป็น หลุมตื้นๆ เปลือกในสีน�้ำตาลแดง ใบเดี่ยวออกตรงข้าม ใบรูปรี ปลายแหลม โคนใบมน ใบอ่อนมีขนทั้ง 2 ด้าน เส้นแขนงด้านล่างใบชัดเจน มีต่อมที่โคนก้านใบ 1 คู่ ดอกออกเป็นช่อ สีค่อนข้างเหลือง กลีบรองดอกเชื่อมติดกัน รูปถ้วย ปลายแยกเป็น 5 กลีบ ปกคลุมด้วยขนสีน�้ำตาล ผลแห้งรูปมน มีครีบ 2 ครีบ แบนแผ่กว้าง มีขนสีน�้ำตาล สั้นปกคลุม มีเมล็ดเดียว การขยายพันธุ์ การเพาะเมล็ด ประโยชน์ เปลือกต้นมีสรรพคุณปรุงเป็นยาแก้บิดมูกเลือด และลงแดง บริเวณที่พบ ศูนย์การเรียนรู้ย่านมัทรี Terminalia mucronata Craib & Hutch. COMBRETACEAE ตะแบกเลือด เปีย เปี๋อยปั่ง เปี๋อยปี เปี๋อยสะแอน มะเกลือเลือด ชื่อวิทยาศาสตร์ ชื่อวงศ์ ชื่ออื่น ๆ 212 พรรณไม้ในมหาวิทยาลัยราชภัฏนครสวรรค์
ลักษณะทั่วไป มะขวิดเป็นไม้ยืนต้นขนาดกลาง ใบประกอบแบบขนนก เรียงสลับ รูปขอบขนานแกมไข่กลับ เนื้อใบมีต่อมน�้ำมันกระจายอยู่บริเวณขอบใบ กลีบดอกสีเหลืองแกมเขียวเจือด้วยสีแดง ผลสด รูปทรงกลม เมื่อสุก สีเทาแกมน�้ำตาล การขยายพันธุ์ การเพาะเมล็ด การปักช�ำกิ่งประโยชน์ ราก เปลือก ดอกและผลมีสรรพคุณ แก้ท้องเสีย แก้บวม ขับพยาธิ ใบมีสรรพคุณแก้ปวดบวม รักษาฝี และโรคผิวหนังบางชนิด แก้ท้องเสีย แก้ตกเลือด ผลรับประทานได้ บริเวณที่พบ มหาวิทยาลัยราชภัฏนครสวรรค์ , ศูนย์การเรียนรู้ย่านมัทรี มะขวิด Limonia acidissima L. RUTACEAE มะฟิด ชื่อวิทยาศาสตร์ ชื่อวงศ์ ชื่ออื่น ๆ 213 โครงการอนุรักษ์พันธุกรรมพืชอันเนื่องมาจากพระราชด�ำริ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี (อพ.สธ.)
ลักษณะทั่วไป ไม้ยืนต้น สูง 15 - 30 เมตร เปลือกสีเทาหรือสีน�้ำตาลเข้ม ใบประกอบแบบขนนก ใบย่อย รูปขอบขนาน จ�ำนวน 10 - 20 คู่ ออกตรงข้าม ขอบใบเรียบ ปลายเป็นติ่งแหลม ช่อดอก แบบช่อเชิงลดห้อยลง ก้านช่อดอก ยาว 5 - 10 มม. กลีบเลี้ยง เป็นแผ่นรูปช้อน 2 แผ่น กลีบดอก มี 5 กลีบ กลีบเจริญ 3 กลีบ สีเหลือง อ่อนมีเส้นภายในสีแดง กลีบดอก 2 กลีบ ลดรูป เกสรเพศผู้ มีก้านเกสรเชื่อมติดกัน เกสรที่สมบูรณ์ 3 อัน อีก 2 อัน เป็นเส้นเรียว เกสรเพศเมีย เหนือกลีบเลี้ยง ปลายเกสร เป็นก้อนรูปรี ผล แบบฝัก โค้ง ค่อนข้างแบน ยาว 7 - 15 ซม. กว้าง 2 - 3 ซม. เปลือกเมื่อแก่สีน�้ำตาลเข้ม เมล็ด สีน�้ำตาลเข้มหรือสีด�ำ การขยายพันธุ์ การเพาะเมล็ด การตอนกิ่ง ประโยชน์ เมล็ดส�ำหรับการถ่ายพยาธิตัวกลม พยาธิเส้นด้าย ใบ ขับเสมหะ เนื้อเป็นยา ระบาย ขับเสมหะ แก้ไอ ผลรับประทานได้ บริเวณที่พบ ศูนย์การเรียนรู้ย่านมัทรี Tamarindus indica L. FABACEAE ขาม (ภาคใต้) ตะลูบ (ชาวบน-นครราชสีมา) ม่องโคล้ง (กะเหรี่ยง-กาญจนบุรี) อ�ำเปียล (เขมร-สุรินทร์) หมากแกง (เงี้ยว-แม่ฮ่องสอน) ส่ามอเกล (กะเหรี่ยง-แม่ฮ่องสอน) มะขาม ชื่อวิทยาศาสตร์ ชื่อวงศ์ ชื่ออื่น ๆ 214 พรรณไม้ในมหาวิทยาลัยราชภัฏนครสวรรค์
ลักษณะทั่วไป ไม้พุ่มสูง 60 - 120 ซม มีอายุอยู่ได้หลายฤดูกาล มีถิ่นก�ำเนิดอยู่ในประทศอินเดีย ใบมีขนาด ใหญ่ เรียงตัวแบบสลับดอกมีขนาดใหญ่ สีม่วงหรือสีขาว เป็นดอกเดี่ยวผลมีรูปร่างกลมแบนหรือรูปไข่ ผลอาจมีสี ขาว เขียว เหลือง ม่วง ขึ้นอยู่กับพันธุ์ การขยายพันธุ์ การเพาะเมล็ด ประโยชน์ ผลดิบ ต้มหรือลวกจิ้มน�้ำพริก ใส่แกงเผ็ด นิยมทานผลดิบกับน�้ำพริกผักสด สรรพคุณทางยา รากขับเสมหะ ท�ำให้น�้ำลายแห้ง แก้ไข้สันนิบาต แก้น�้ำลายเหนียว แก้ไอ กระทุ้งพิษไข้ แก้ไข้ที่มีพิษร้อน ช่วยลดระดับโคเลสเตอรอลในเลือด ฆ่าเชื้อแบคทีเรีย และ ขับปัสสาวะ บริเวณที่พบ มหาวิทยาลัยราชภัฏนครสวรรค์ มะเขือเปราะ Solanum xanthocarpum Schrad. & Wendl. SOLANACEAE มะเขือขื่น มะเขือเสวย (ภาคกลาง) มะเขือขันค�ำ มะเขือคางกบ มะเขือด�ำ มะเขือแจ้ มะเขือจาน มะเขือแจ้ดิน (เหนือ) เขือพา เขือหิน (ใต้) มั่งคอเก (กะเหรี่ยง-แม่ฮ่องสอน) มะเขือหืน (ภาคอีสาน) ชื่อวิทยาศาสตร์ ชื่อวงศ์ ชื่ออื่น ๆ 215 โครงการอนุรักษ์พันธุกรรมพืชอันเนื่องมาจากพระราชด�ำริ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี (อพ.สธ.)
ลักษณะทั่วไป ไม้ต้นขนาดกลาง เปลือกนอกสีเทาด�ำ เรียบหรือแตกร่อนเป็นสะเก็ด เปลือกในสีน�้ำตาล ใบประกอบขนนกปลายคู่ ใบย่อยมี 3 - 4 คู่ แผ่นใบหนา รูปรีหรือไข่กลับ ปลายใบมนเว้าตื้น โคนใบสอบลิ่ม หรือมน ดอกสีเหลืองแกมแดงออกเป็นช่อ ทุกส่วนมีขนสีน�้ำตาล กลีบรองดอกรูปไข่กว้าง ปลายกลีบมีหนาม ขนาดเล็ก เกสรเพศผู้มี 10 อัน มี 2 อันใหญ่กว่าอันอื่น ผลเป็นฝักเดี่ยว สีด�ำ มีหนามแหลมที่ผิวทั่วไป รูปไข่กว้าง โคนเบี้ยว และมักมีติ่งแหลม ภายในมี 1 - 3 เมล็ด การขยายพันธุ์ การเพาะเมล็ด ประโยชน์ เปลือกมีสรรพคุณ แก้ซาง และอีสุกอีไส เมล็ดรักษาโรคผิวหนัง ขับพยาธิ เมล็ดเผาไฟรับประทานได้ บริเวณที่พบ ศูนย์การเรียนรู้ ย่านมัทรี Sindora siamensis Teijsm. & Miq. FABACEAE กรอก๊อส ก่อเก๊าะ ก้าเกาะ กอกก้อ แต้ มะค่าหนาม มะค่าหยุม มะค่าแต้ ชื่อวิทยาศาสตร์ ชื่อวงศ์ ชื่ออื่น ๆ 216 พรรณไม้ในมหาวิทยาลัยราชภัฏนครสวรรค์
ลักษณะทั่วไป ไม้ต้นขนาดกลาง เปลือกนอกสีน�้ำตาลแกมเทา เรียบหรือเป็นสะเก็ดเล็กน้อย เปลือกใน สีน�้ำตาลแดง มีน�้ำยางใสสีขาว ใบเดี่ยวรูปหอกกลับ หรือรูปหอกแกมรูปไข่ ออกเรียงเวียนสลับถี่ๆ ตามปลายกิ่ง โคนใบสอบเรียว ปลายใบแหลม หรือบางครั้งมน เนื้อใบหนา เกลี้ยง เส้นแขนงใบถี่ ใบอ่อนยอดอ่อนสีแดง ดอก สีขาว ออกเป็นกระจุกใหญ่ๆ ตามปลายกิ่ง บางครั้งอาจจะอยู่ตามง่ามใบ กลีบรองดอก 4 กลีบ โคนกลีบดอกเชื่อม ติดกันเป็นรูปถ้วย ผลกลม ผลอ่อนยังคงมีหลอดเกสรเพศเมียติดอยู่ การขยายพันธุ์ การเพาะเมล็ด ประโยชน์ ผลรับประทานได้ มีรสหวาน น�้ำมันจากเมล็ดใช้ปรุงอาหารได้ เนื้อไม้ใช้ท�ำเสา เครื่องใช้ ไม้แกะสลัก บริเวณที่พบ ศูนย์การเรียนรู้ย่านมัทรี มะซาง Madhuca grandiflora H.R.Fletcher SAPOTACEAE ละมุดสีดา ชื่อวิทยาศาสตร์ ชื่อวงศ์ ชื่ออื่น ๆ 217 โครงการอนุรักษ์พันธุกรรมพืชอันเนื่องมาจากพระราชด�ำริ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี (อพ.สธ.)
ลักษณะทั่วไป มะดันมีถิ่นก�ำเนิดทั่วไปในไทยและมาเลเซีย เป็นไม้ต้นรอเลื้อยขนาดกลาง ใบเดี่ยวออก ตรงข้ามกันเป็นคู่ รูปขอบขนาน ปลายใบมน โคนสอบขอบเรียบ ดอกออกตามง่ามใบ ออกเป็นกระจุกๆ ละ 3 - 6 ดอก ดอกสีแดงเรื่อหรือสีชมพู ผลเป็นผลสด รูปรี ผิวบางเกลี้ยง สีเขียวเป็นมัน ผลฉ�่ำน�้ำ มีรสเปรี้ยว การขยายพันธุ์ การเพาะเมล็ด ประโยชน์ รากและผลมีสรรพคุณแก้ไข้ ขับฟอกโลหิต ขับเสมหะ เป็นยา ระบาย เปลือกต้นมีสรรพคุณแก้ไข้ทับระดู ใบมีสรรพคุณแก้หวัด แก้ไอ ขับเสมหะ ขับฟอกโลหิต ยาระบายอ่อน ขับปัสสาวะ ผลและยอดอ่อนรับประทานได้ บริเวณที่พบ ศูนย์การเรียนรู้ย่านมัทรี Garcinia schomburgkiana Pierre CALOPHYLLACEAE ส้มมะดัน ส้มไม่รู้ถอย มะดัน ชื่อวิทยาศาสตร์ ชื่อวงศ์ ชื่ออื่น ๆ 218 พรรณไม้ในมหาวิทยาลัยราชภัฏนครสวรรค์
ลักษณะทั่วไป ไม้ต้นขนาดกลาง เปลือกนอกสีเทาด�ำ แตกเป็นร่องตามความยาวของล�ำต้น เปลือกในสีน�้ำตาลอม เหลือง ใบเดี่ยวเรียงสลับ รูปรี โคนสอบ ปลายแหลม ขอบใบเป็นคลื่นเล็กน้อย ผิวใบเกลี้ยง มีเส้นใบ 7 - 10 คู่ ดอก ออกเป็นช่อตามกิ่ง สีขาวแกมชมพู เมื่อแก่จะเป็นสีเหลือง กลีบรองดอกและกลีบดอกมีอย่างละ 5 กลีบ ปลายกลีบ ด้านบนสีเหลือง เกสรเพศผู้มี 8 อัน ผลกลม ขนาดเส้นผ่าศูนย์กลาง 1.5 - 2.5 ซม. การขยายพันธุ์ การเพาะเมล็ด ประโยชน์ รากมีสรรพคุณรักษาพิษฝีภายใน บ�ำรุงกระดูก ดับพิษในกระดูก ขับน�้ำเหลืองเสีย แก้ประดง ผื่นคัน เปลือกแก้ไอ แก้ไข้ทับระดู ใบแก้หวัด แก้ไอ ผลสุกรับประทานได้ บริเวณที่พบ ศูนย์การเรียนรู้ย่านมัทรี มะดูก Siphonodon celastrineus Griff. CELASTRACEAE บั๊กโค้ก ยายปลวก ดูกแข็ง ชื่อวิทยาศาสตร์ ชื่อวงศ์ ชื่ออื่น ๆ 219 โครงการอนุรักษ์พันธุกรรมพืชอันเนื่องมาจากพระราชด�ำริ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี (อพ.สธ.)
ลักษณะทั่วไป ไม้ยืนต้นขนาดกลางถึงใหญ่ สูงได้ถึง 12 เมตร ไม่ผลัดใบ ล�ำต้นตั้งตรงเปลือกหนา ต้นและ กิ่งมีลักษณะเป็นข้อปล้องชัดเจน ทุกส่วนมีน�้ำยางสีขาวขุ่น ใบเดี่ยว เรียงตรงข้ามสลับตั้งฉาก รูปไข่แกมขอบขนาน หรือรูปขอบขนานแกมรูปไข่กลับ ปลายใบแหลม โคนใบมน ผิวใบด้านล่างมีขนนุ่ม ใบแก่มีขนหยาบๆ ล�ำต้นอ่อน กลวง ดอก ออกเป็นช่อแบบชนิดช่อมะเดื่อ ตามกิ่งและล�ำต้น ดอกย่อยมีขนาดเล็กอัดกันแน่น ดอกอ่อนสีเขียว ดอกแก่สีเหลือง ชนิดของผลแบบมะเดื่อ กลมแป้น รูปลูกข่าง ผลอ่อนสีเขียว แบบมะเดื่อ เมื่อแก่สีเหลือง รูป ลูกข่าง แคบที่ฐาน ยอดผลแบนหรือบุ๋ม การขยายพันธุ์ การเพาะเมล็ด การปักช�ำกิ่ง ประโยชน์ ผล มีรสขม เป็นยาเย็น แก้กระหายน�้ำ ผลแห้ง รักษาแผลในปาก ท�ำให้อาเจียน รากและเปลือกต้น รสฝาดเฝื่อน ใช้ต�ำทาแก้ฝี แก้เม็ดผื่นคันตามผิวหนัง บริเวณที่พบ ศูนย์การเรียนรู้ย่านมัทรี Ficus hispida L.f. MORACEAE เดื่อป่อง (นครราชสีมา กรุงเทพฯ) เดื่อปล้อง (นครศรีธรรมราช สระบุรี ภาคเหนือ) เดื่อสาย (เชียงใหม่) ตะเออน่า เอาแหน่ (แม่ฮ่องสอน) มะเดื่อปล้อง (ภาคกลาง) มะเดื่อปล้อง ชื่อวิทยาศาสตร์ ชื่อวงศ์ ชื่ออื่น ๆ 220 พรรณไม้ในมหาวิทยาลัยราชภัฏนครสวรรค์
ลักษณะทั่วไป เป็นไม้ยืนต้นขนาดใหญ่มีน�้ำยางขาว กิ่งอ่อนและผลมีขนละเอียดสีขาว ใบเดี่ยวเรียงสลับรูปไข่ รูปขอบขนานหรือรูปใบหอก ดอกช่อเกิดภายในฐานรองดอกที่มีรูปร่างคล้ายผล ออกที่ล�ำต้นและกิ่ง ผลเป็นผลสด รูปไข่แกมสามเหลี่ยม เมื่อสุกสีแดงแกมส้ม การขยายพันธุ์ การเพาะเมล็ด และปักช�ำกิ่ง ประโยชน์ รากมีสรรพคุณ แก้ไข้ แก้ร้อนใน ต้นและเปลือกต้นมีสรรพคุณแก้อาการท้องเสีย แก้อาเจียน ห้ามเลือด ผล มีสรรพคุณขับลม ยางมีสรรพคุณแก้งูสวัดและเริม บริเวณที่พบ ศูนย์การเรียนรู้ย่านมัทรี มะเดื่ออุทุมพร Ficus racemosa L. MORACEAE มะเดื่อเกลี้ยง เดื่อน�้ำ เดื่อใหญ่ ชื่อวิทยาศาสตร์ ชื่อวงศ์ ชื่ออื่น ๆ 221 โครงการอนุรักษ์พันธุกรรมพืชอันเนื่องมาจากพระราชด�ำริ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี (อพ.สธ.)
ลักษณะทั่วไป ไม้ต้นขนาดกลาง สูง 10-15 เมตร เปลือกสีน�้ำตาลอมเหลือง ใบเดี่ยว เรียงสลับ ออกหนาแน่นตาม ปลายกิ่ง รูปไข่แกมรูปใบหอก โคนใบแหลมมน ปลายใบเป็นติ่งแหลม ขอบใบจักซี่ฟัน ดอกเดี่ยว สีขาว ออกตาม ซอกใบใกล้ปลายกิ่ง มี 5-6 กลีบ หลุดร่วงง่าย กลีบเลี้ยงสีเขียว รูปซ้อนมี 5 กลีบ ผลกลมใหญ่มีกาบแข็งหุ้ม มีเมล็ด จ�ำนวนมาก พบขึ้นตามป่าดิบชื้นริมล�ำธาร การขยายพันธุ์ การเพาะเมล็ด ประโยชน์ ใบ และเปลือกแก้บิด ผลรับ ประทานแทนผัก แก้ไข้ บริเวณที่พบ ศูนย์การเรียนรู้ย่านมัทรี Dillenia indica L. DILLENIACEAE ส้มปรุ ส้านกว้าง ส้านท่า ส้านใหญ่ (สุราษฎร์ธานี) สร้านป้าว (เชียงใหม่) แส้น (นครศรีธรรมราช ตรัง) มะตาด ชื่อวิทยาศาสตร์ ชื่อวงศ์ ชื่ออื่น ๆ 222 พรรณไม้ในมหาวิทยาลัยราชภัฏนครสวรรค์
ลักษณะทั่วไป ไม้ยืนต้นขนาดเล็กถึงขนาดกลาง ผลัดใบ สูง 10 - 15 เมตร เรือนยอดรูปไข่ เปลือกต้นสีเทา เรียบหรือแตกเป็นร่องตื้นๆตามยาว มีสีขาวแกมเหลือง และมีกลิ่นหอม ใบ เป็นใบประกอบแบบมีใบย่อย 3 ใบ ออกเรียงสลับ ใบรูปไข่ ปลายใบสอบ โคนใบแหลม ขอบใบเรียบหรือมีหยักมนๆ แผ่นใบเรียบเกลี้ยงเป็นมัน ใบอ่อนสีเขียวอ่อนหรือสีชมพู มีขนละเอียด ใบแก่สีเขียวเข้ม เรียบเกลี้ยง ดอกออกเป็นช่อตามซอกใบและปลายกิ่ง ออกรวมกันเป็นช่อสั้นๆ ดอกสีขาวอมเขียวหรือสีเหลืองอ่อน มีกลิ่นหอม กลีบดอกมี 5 กลีบ รูปไข่กลับ ผิวเรียบ เกลี้ยง เปลือกหนา แข็งมากไม่แตก ผลอ่อนมีสีเขียวพอสุกมีสีเหลือง เนื้อผลมีสีเหลือง นิ่ม มีกลิ่นหอม เมล็ด สีน�้ำตาลอ่อน จ�ำนวนมาก มียางใสเหนียวหุ้มเมล็ดอยู่ เมล็ดรูปรีๆ และแบน การขยายพันธุ์ การเพาะเมล็ด ประโยชน์ ผล รสฝาด หวานชุ่ม เป็นยาเย็น ออกฤทธิ์ต่อกระเพาะและล�ำไส้ ใช้เป็นยาแก้ท้องเดิน ผลดิบแห้ง ชงน�้ำดื่ม แก้ท้องเสีย แก้บิด ผลสุก รสหวานเย็น เป็นยาระบาย ผลอ่อน รสฝาดร้อน บดเป็นผง ต้มกินแก้ธาตุพิการ แก้ท้องเสีย บริเวณที่พบ ศูนย์การเรียนรู้ย่านมัทรี มะตูม Aegle marmelos (L.) Correa ex Roxb. RUTACEAE มะปิน (ภาคเหนือ) กระทันตาเถร ตุ่มเต้ง ตูม (ปัตตานี) มะปีส่า (กะเหรี่ยง-แม่ฮ่องสอน) ชื่อวิทยาศาสตร์ ชื่อวงศ์ ชื่ออื่น ๆ 223 โครงการอนุรักษ์พันธุกรรมพืชอันเนื่องมาจากพระราชด�ำริ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี (อพ.สธ.)
ลักษณะทั่วไป มะพร้าวเป็นไม้ยืนต้นจ�ำพวกปาล์ม ล�ำต้นตั้งตรง ไม่แตกกิ่ง ใบประกอบแบบขนนก เรียงสลับ หนาแน่นบริเวณที่ยอด ใบย่อยรูปพัดจีบ ดอกช่อออกระหว่างก้านใบ ดอกย่อยจ�ำนวนมาก ดอกตัวผู้สีเหลือง หม่น ดอกตัวเมียสีเขียวหรือเขียวแกมเหลือง ผลเป็นผลสด รูปไข่แกมทรงกลมหรือรูปไข่กลับ สีเขียวหรือเขียวแกม เหลือง เนื้อสีขาว การขยายพันธุ์ การเพาะเมล็ด ประโยชน์ รากและดอกมีสรรพคุณแก้ไข้ ขับเสมหะ ขับปัสสาวะ แก้ท้องเสีย แก้อ่อนเพลีย เปลือกต้นมีสรรพคุณแก้ปวดฟัน น�้ำมะพร้าวมีสรรพคุณท�ำให้ชุ่มคอ มีฤทธิ์ขับปัสสาวะ เล็กน้อย แก้ท้องเสีย น�้ำมันมะพร้าวมีสรรพคุณรักษาโรคผิวหนัง รักษาแผลไฟไหม้ น�้ำร้อนลวก รักษาแผลเรื้อรัง แผลสด บริเวณที่พบ มหาวิทยาลัยราชภัฏนครสวรรค์ , ศูนย์การเรียนรู้ย่านมัทรี Cocos nucifera L. ARECAEAE ดุง (จันทบุรี) เฮ็ดดุง (เพชรบูรณ์) โพล (กาญจนบุรี) คอส่า (แม่ฮ่องสอน) พร้าว (นครศรีธรรมราช) หมากอุ๋น มะพร้าว ชื่อวิทยาศาสตร์ ชื่อวงศ์ ชื่ออื่น ๆ 224 พรรณไม้ในมหาวิทยาลัยราชภัฏนครสวรรค์
ลักษณะทั่วไป ไม้ต้นขนาดกลางถึงใหญ่ เรือนยอดเป็นพุ่มกลม เปลือกนอกสีน�้ำตาลปนเทา เป็นสะเก็ด เปลือก ในสีน�้ำตาลแดง ใบเดี่ยวเรียงสลับ รูปรีแกมไข่ โคนมน ปลายเป็นติ่งสั้นๆ เนื้อใบหนา ด้านล่างใบมีคราบขาว เด่นชัด ขอบใบเรียบ ดอกออกเป็นช่อสั้นๆ ตามปลายกิ่ง สีขาว มีกลิ่นหอมอ่อนๆ โคนกลีบรองดอกและกลีบดอก เชื่อมเป็นรูปกรวยปากกว้าง ผลรูปรีหรือทรงกลมผิวขรุขระคล้ายมีตุ่มสีเทาปนน�้ำตาลทั่วไป การขยายพันธุ์ การเพาะเมล็ด ประโยชน์ เนื้อไม้ใช้ท�ำฝา ท�ำฝ้าเพดาน เนื้อในเมล็ดใช้รับประทานได้ น�้ำมันจากเมล็ดใช้ทา เครื่องเงินให้เป็นเงา ทากระดาษร่มกันน�้ำซึม ใช้เป็นน�้ำมันเคลือบธนบัตร ท�ำให้ทนทานเป็นเงา กลิ่นหอม และเนื้อ กระดาษไม่ติดกัน เปลือกประคบแก้ช�้ำใน และปวดบวม แก่นต้มน�้ำดื่มและอาบแก้ประดง แก้ผื่นคัน ปวดแสบร้อน มีน�้ำเหลืองไหลซึม รักษาโรคหืด บริเวณที่พบ ศูนย์การเรียนรู้ย่านมัทรี มะพอก Parinari anamense Hance CHRYSOBLANACEAE กระท้อนลอก จัด จั๊ด ตะเลาะ ตะโลก ท่าลอก ประดงไฟ ประดงเลือด พอก มะเมื่อ ชื่อวิทยาศาสตร์ ชื่อวงศ์ ชื่ออื่น ๆ 225 โครงการอนุรักษ์พันธุกรรมพืชอันเนื่องมาจากพระราชด�ำริ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี (อพ.สธ.)
ลักษณะทั่วไป มะเฟืองมีถิ่นก�ำเนิดที่อเมริกาใต้ เป็นไม้ยืนต้นขนาดกลาง ใบประกอบแบบขนนก เรียงสลับ ใบ ย่อยรูปขอบขนานแกมใบหอก ดอกช่อออกดอกที่ซอกใบ ดอกย่อยขนาดเล็ก กลีบดอกสีชมพูแกมม่วง ผลเป็นผล สด อวบน�้ำ มีสันโดยรอบ 5 เส้น ผลดิบสีเขียว ผลสุกสีเหลือง มีรสเปรี้ยวอมหวาน การขยายพันธุ์ การตอนกิ่ง การเพาะเมล็ด ประโยชน์ ดอกมีสรรพคุณเป็นยาขับพยาธิและแก้ไข้ ใบและรากมีสรรพคุณแก้ไข้ ผลมีสรรพคุณ เป็นยาระบาย ขับปัสสาวะ แก้กระหายน�้ำ แก้ไอ แก้ไข้ แก้หวัด แก้ปวดฟัน แก้อักเสบ บริเวณที่พบ ศูนย์การเรียนรู้ ย่านมัทรี Averrhoa carambola L. OXALIDACEAE มะเฟืองส้ม (สกลนคร) มะเฟืองเปรี้ยว สะบือ เฟือง มะเฟือง ชื่อวิทยาศาสตร์ ชื่อวงศ์ ชื่ออื่น ๆ 226 พรรณไม้ในมหาวิทยาลัยราชภัฏนครสวรรค์
ลักษณะทั่วไป ไม้ยืนต้น มีผลออกเป็นช่อ ผลอ่อนของมะไฟมีขนคล้ายก�ำมะหยี่ ถ้าผลแก่ผิวจะเกลี้ยง มีเปลือก สีเหลือง เนื้อมีสีขาวหรือขาวใสอมชมพู แล้วแต่สายพันธุ์ที่ปลูก ส่วนเมล็ดจะแบนและมีสีน�้ำตาล การขยายพันธุ์ การตอนกิ่ง การเพาะเมล็ด ประโยชน์ ใบช่วยแก้และบรรเทาอาการไอ ขับปัสสาวะ รากสดหรือรากแห้ง ช่วยรักษา โรคเริม บริเวณที่พบ ศูนย์การเรียนรู้ย่านมัทรี มะไฟ Baccaurea ramiflora Lour. EUPHORBIACEAE แซเครือแซ ผะยิ้ว ส้มไฟ หัมกัง ชื่อวิทยาศาสตร์ ชื่อวงศ์ ชื่ออื่น ๆ 227 โครงการอนุรักษ์พันธุกรรมพืชอันเนื่องมาจากพระราชด�ำริ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี (อพ.สธ.)
ลักษณะทั่วไป มะม่วงเป็นไม้ยืนต้นขนาดกลางถึงขนาดใหญ่ สูงประมาณ 10 – 30 เมตร ใบเดี่ยวสีเขียว ขอบ ใบเรียบ ฐานใบมน ปลายใบแหลม ดอกเป็นช่อ กลีบดอกมี 5 กลีบ เกสรสีแดงเรื่อๆ ดอกออกช่วงเดือนธันวาคม ถึงเดือนกุมภาพันธ์ ช่วงฤดูร้อนจะติดผล ลูกดิบสีเขียว เมื่อสุกเปลี่ยนเป็นสีเหลือง หรือเหลืองส้ม มีเมล็ดภายใน 1 เมล็ด การขยายพันธุ์ การเพาะเมล็ด การตอนกิ่ง ประโยชน์ ผลสดแก่รับประทานแก้คลื่นไส้อาเจียน วิงเวียน กระหายน�้ำ ผลสุกหลังรับประทานแล้วล้างเมล็ดตากแห้ง ต้มเอาน�้ำดื่ม หรือบดเป็นผง รับประทานแก้ท้องอืดแน่น ขับพยาธิ ใบสด 15 – 30 กรัม ต้มเอาน�้ำดื่ม แก้ล�ำไส้อักเสบเรื้อรัง ท้องอืดแน่น เอาน�้ำต้มล้างบาดแผลภายนอก ได้ เปลือกต้น ต้มเอาน�้ำดื่ม แก้ไข้ตัวร้อน เปลือกผลดิบ คั่วรับประทานร่วมกับน�้ำตาล แก้อาการปวดเมื่อยเมื่อ มีประจ�ำเดือน แก้ปวดประจ�ำเดือน บริเวณที่พบ มหาวิทยาลัยราชภัฏนครสวรรค์ , ศูนย์การเรียนรู้ย่านมัทรี Mangifera indica (L.) ANACARDIACEAE ตะเคาะซะ (กะเหรี่ยงเชียงใหม่) จ๋องบั่วะ (ม้ง) มะม่วง ชื่อวิทยาศาสตร์ ชื่อวงศ์ ชื่ออื่น ๆ 228 พรรณไม้ในมหาวิทยาลัยราชภัฏนครสวรรค์
ลักษณะทั่วไป ไม้ต้นขนาดกลาง ล�ำต้นเปลาตรง เรือนยอดเป็นพุ่มกลมทึบ ก้านและกิ่งอ่อนมีขนยาว สีน�้ำตาลแดงทั่วไป เปลือกนอกสีเทาแก่หรือด�ำ แตกเป็นร่องหรือเป็นสะเก็ดตามยาวและตามขวาง เปลือกใน สีน�้ำตาลแดง ใบเดี่ยวรูปขอบขนานแกมรูปไข่ โคนใบสอบ ปลายใบมนหรือสอบแหลม เนื้อใบหนา ด้านบน ใบเกลี้ยง ด้านล่างใบมีขนสากๆมากตามเส้นกลางใบ และเส้นแขนงใบ ดอกออกเป็นช่อตามปลายกิ่ง มีขน สีน�้ำตาลแดงแน่น แยกแขนงเป็นเส้นๆ ดอกขนาดเล็กสีขาว กลีบดอกและกลีบรองดอก มีอย่างละ 5 กลีบ ด้านนอกกลีบรองดอกและรังไข่มีขนแน่น ผลสีเขียวปนม่วงค่อนข้างกลม หรือป้อม ผิวเรียบ การขยายพันธุ์ การเพาะเมล็ด ประโยชน์ ผลรับประทานได้ เมล็ดสกัดน�้ำมันท�ำยาแก้โรคผิวหนัง ยางและราก บดท�ำยาแก้โรค ท้องร่วง ท�ำสีย้อมผ้า บริเวณที่พบ ศูนย์การเรียนรู้ย่านมัทรี มะม่วงหัวแมลงวัน Buchanania lanzan Spreng. ANACARDIACEAE ขี้แมงวัน มะม่วงแมงวัน รักหมู ฮักหมู ฮักผู้ ชื่อวิทยาศาสตร์ ชื่อวงศ์ ชื่ออื่น ๆ 229 โครงการอนุรักษ์พันธุกรรมพืชอันเนื่องมาจากพระราชด�ำริ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี (อพ.สธ.)
ลักษณะทั่วไป ไม้พุ่มรอเลื้อย หรือไม้ต้นขนาดเล็ก สูงถึง 5 เมตร มียางขาว ใบ เดี่ยว ออกตรงข้าม รูปขอบขนาน หรือรูปไข่ กว้าง 1.5 - 4 ซม. ยาว 3 - 7 ซม. ปลายมนหรือเว้าบุ๋ม ดอก ออกเป็นช่อ ยาวประมาณ 3.5 - 5.5 ซม. กลีบดอกสีขาว หรือสีชมพู โคนเชื่อมเป็นหลอด ยาว 16 - 21.5 มม. ปลายแยกเป็นแฉก ผลรูปไข่ กว้าง 12 - 17 มม. ยาว 15 - 23 มม. สีแดง ชมพู หรือด�ำ การขยายพันธุ์ การเพาะเมล็ด ประโยชน์ ผลช่วยบรรเทาอาการ ของโรคภูมิแพ้ ช่วยขยายหลอดเลือดป้องกันการเกิดโรคหัวใจ รากแก้คัน ท�ำให้เจริญอาหาร บ�ำรุงธาตุ ขับพยาธิ บ�ำรุงกระเพาะอาหาร ดับพิษร้อน แก้ไข้ บริเวณที่พบ ศูนย์การเรียนรู้ย่านมัทรี Carissa carandas L. APOCYNACEAE มะนาวไม่รู้โห่ (ภาคกลาง) มะนาวโห่ (ภาคใต้) หนามขี้แฮด (เชียงใหม่) มะม่วงหาวมะนาวโห่ ชื่อวิทยาศาสตร์ ชื่อวงศ์ ชื่ออื่น ๆ 230 พรรณไม้ในมหาวิทยาลัยราชภัฏนครสวรรค์
ลักษณะทั่วไป ไม้ต้นขนาดเล็ก ล�ำต้นมีกิ่งก้านเรียวเล็ก เปลือกนอกสีน�้ำตาลแกมเทา เรียบ เปลือกใน สีเหลืองอ่อน ใบเดี่ยวเรียงสลับ รูปหอกกลับ ปลายติ่งแหลม โคนสอบลิ่ม ใบแก่บาง มีขนคล้ายก�ำมะหยี่สีเหลือง 2 ด้าน ดอกเป็นช่อ แยกเพศ ผลรูปกลมหรือเบี้ยวเล็กน้อย เท่าเมล็ดพริกไทย สีเขียวแกมขาวมีขนละเอียดและ ผิวเป็นตุ่ม ห้อยย้อยลงตามกิ่งก้าน การขยายพันธุ์ การเพาะเมล็ด การทาบกิ่ง การเสียบยอด ประโยชน์ ต้น และราก รสจืด ขับปัสสาวะ แก้กระษัย บ�ำรุงไต แก้มดลูกพิการ แก้ตกขาว แก้เส้นเอ็นพิการ แก้ปวดเมื่อย ตามร่างกาย แก้มดลูกอักเสบช�้ำบวม ขับโลหิตและน�้ำคาวปลา ผลสุกรับประทานได้ ใช้ท�ำไวน์ บริเวณที่พบ ศูนย์การเรียนรู้ย่านมัทรี มะเม่าควาย Antidesma velutinosum Blume EUPHORBIACEAE เหม้า หมากเหม้า บ่าเหม้า (ภาคเหนือ) มะเม่า ต้นเม่า หมากเม่า (ภาคกลาง) ชื่อวิทยาศาสตร์ ชื่อวงศ์ ชื่ออื่น ๆ 231 โครงการอนุรักษ์พันธุกรรมพืชอันเนื่องมาจากพระราชด�ำริ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี (อพ.สธ.)
ลักษณะทั่วไป ไม้ยืนต้น ขนาดเล็กถึงขนาดกลาง เปลือกต้นขรุขระ ใบประกอบ ขอบใบเรียบ ดอกออกเป็นช่อ ตามกิ่ง สีเหลืองอมน�้ำตาลเรื่อๆ ผลมีสามพูชัดเจน เมล็ดรูปร่างกลม แข็ง สีน�้ำตาลอ่อน การขยายพันธุ์ การ เพาะเมล็ด ประโยชน์ ใบ ช่วยรักษาโรคอีสุกอีใส ด้วยการใช้ใบต้มกับน�้ำแล้วน�ำมาอาบ บริเวณที่พบ มหาวิทยาลัย ราชภัฏนครสวรรค์ , ศูนย์การเรียนรู้ย่านมัทรี Phyllanthus acidus (L.) Skeels PHYLLANTHACEAE หมักยม (ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ) มะยม ชื่อวิทยาศาสตร์ ชื่อวงศ์ ชื่ออื่น ๆ 232 พรรณไม้ในมหาวิทยาลัยราชภัฏนครสวรรค์
ลักษณะทั่วไป ไม้ต้น สูงได้ถึง 30 เมตร เปลือกสีด�ำ เปลือกในสีน�้ำตาลแดง ใบเดี่ยว เรียงสลับ รูปขอบขนาน หรือรูปรีแกมรูปขอบขนานหลังใบมีขนสีเงินเป็นมัน เส้นใบย่อยแบบร่างแห เห็นชัดทางหลังใบ กลีบเลี้ยง และ กลีบดอกมี 4 กลีบ ดอกสีขาว หรือเหลืองอ่อน โคนติดกันเป็นหลอดรูปเหยือกน�้ำ มีขนแน่นตามผิวด้านนอก เกสรเพศผู้เป็นหมัน 4 - 5 อัน ผลกลม หรือค่อนข้างแป้น แรกๆ มีสีน�้ำตาลอมแดง หรือสีทอง เนื้อไม้น�ำมา แกะสลัก และท�ำเครื่องดนตรี ถิ่นก�ำเนิดประเทศฟิลิปปินส์ การขยายพันธุ์ การเพาะเมล็ด การปักช�ำกิ่ง ประโยชน์ ใช้ท�ำเครื่องเรือน เครื่องใช้ชั้นดี ด้ามเครื่องมือ หีบบุหรี่ หีบประดับมุก กรอบรูป ด้ามปืน เครื่องดนตรี บริเวณที่พบ ศูนย์การเรียนรู้ย่านมัทรี มะริด Diospyros blancoi A. DC. DIPTEROCARPACEAE มะริด ชื่อวิทยาศาสตร์ ชื่อวงศ์ ชื่ออื่น ๆ 233 โครงการอนุรักษ์พันธุกรรมพืชอันเนื่องมาจากพระราชด�ำริ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี (อพ.สธ.)
ลักษณะทั่วไป ไม้ยืนต้นสูง 4 เมตร ใบเป็นใบประกอบแบบขนนก ชนิดที่แตกใบย่อย 3 ชั้น ยาว 20 - 40 ซม. ออกเรียงแบบสลับ ใบย่อยยาว 1 - 3 ซม. รูปไข่ ปลายใบและฐานใบมน ผิวใบด้านล่างสีอ่อนกว่าและมีขนเล็ก น้อยขณะที่ใบยังอ่อน ใบมีรสหวานมัน ออกดอกในฤดูหนาว บางพันธุ์ออกดอกหลายครั้งในรอบปี ดอกเป็นดอก ช่อ สีขาว กลีบดอกมี 5 กลีบแยกกัน ดอกมีรสขม หวาน มันเล็กน้อย ผลเป็นฝักยาว เปลือกสีเขียวมีส่วนคอดและ ส่วนมน เป็นระยะ ๆ ตามยาวของฝัก ฝักยาว 20 - 50 ซม. ฝักมีรสหวาน เมล็ดเป็นรูปสามเหลี่ยม มีปีกบางหุ้ม 3 ปีก การขยายพันธุ์ การเพาะเมล็ด การปักช�ำกิ่ง ประโยชน์ ใบ ใช้ถอนพิษไข้ แก้เลือดออกตามไรฟัน แก้อักเสบ แก้แผล ฆ่าเชื้อแบคทีเรีย ขับปัสสาวะ ป้องกันมะเร็ง ลดความดันโลหิต ดอก ใช้แก้ไข้หัวลม เป็นยาบ�ำรุง ขับปัสสาวะ ขับน�้ำตา ฆ่าเชื้อแบคทีเรีย ป้องกันมะเร็ง บริเวณที่พบ มหาวิทยาลัยราชภัฏนครสวรรค์ , ศูนย์การเรียนรู้ย่านมัทรี Moringa oleifera Lam. MORINGACEAE กาเน้งเดิง (กะเหรี่ยง-กาญจนบุรี) ผักเนื้อไก่ (ฉาน-แม่ฮ่องสอน) ผักอีฮึม ผักอีฮุม มะค้อนก้อม (ภาคเหนือ) เส่ช่อยะ (กะเหรี่ยง-แม่ฮ่องสอน) มะรุม ชื่อวิทยาศาสตร์ ชื่อวงศ์ ชื่ออื่น ๆ 234 พรรณไม้ในมหาวิทยาลัยราชภัฏนครสวรรค์
ลักษณะทั่วไป ไม้ล้มลุก อายุหลายปี สูง 3 - 6 เมตร เปลือกต้นเรียบ สีน�้ำตาลออกขาว ล�ำต้นตรง ไม่มีแก่น แตกกิ่งก้านน้อย มีรอยแผลใบชัดเจน มียางขาวข้น ใบ เป็นใบเดี่ยว ออกเรียงสลับรอบต้นหนาแน่นที่ปลายยอด ใบรูปฝ่ามือ ขอบใบเว้าเป็นแฉกลึกถึงแกนก้าน ก้านใบเป็นหลอด กลมกลวง ดอกแยกเพศอยู่คนละต้น ดอก เพศผู้ออกเป็นช่อยาวห้อยลง ดอกสีขาว กลีบดอกมี 5 กลีบ มีกลิ่นหอม ดอกเพศเมียสีขาว ออกเป็นช่อกระจุก ตามซอกใบ ดอกมีขนาดใหญ่ กว่าดอกเพศผู้ ผล รูปกระสวย ผิวเรียบ เปลือกบาง มียางสีขาว ผลสดสีเขียวเข้ม พอสุกเปลี่ยนเป็นสีส้ม รับประทานได้ มีเมล็ดมาก เมล็ดกลมสีด�ำ มีเยื่อหุ้มเมล็ดสีขาวใส การขยายพันธุ์ การเพาะเมล็ด ประโยชน์ ผลสุก เป็นยากันหรือแก้โรคเลือดออกตามไรฟัน เป็นยาระบาย ยางจากผลดิบ เป็นยา ช่วยย่อย ฆ่าพยาธิ ราก ขับปัสสาวะ บริเวณที่พบ มหาวิทยาลัยราชภัฏนครสวรรค์ , ศูนย์การเรียนรู้ย่านมัทรี มะละกอ Carica papaya L. CARICACEAE มะก้วยเทศ (ภาคเหนือ) หมักหุ่ง (ลาว นครราชสีมา เลย) ลอกอ (ภาคใต้) กล้วยลา (ยะลา) แตงต้น (สตูล) ชื่อวิทยาศาสตร์ ชื่อวงศ์ ชื่ออื่น ๆ 235 โครงการอนุรักษ์พันธุกรรมพืชอันเนื่องมาจากพระราชด�ำริ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี (อพ.สธ.)
ลักษณะทั่วไป ไม้เลี้อย หรือไม้รอเลื้อย มีอายุยืนนานหลายปี แตกกิ่งขนาดเล็ก สีน�้ำตาลจ�ำนวนมาก ใบเดี่ยว รูปไข่กว้าง ถึงรูปขอบขนานแกมรูปรี ปลายใบแหลม โคนใบสอบถึงมน แผ่นใบหนา ดอกสีขาว แบบช่อกระจุก มี 7 - 21 ดอก แฉกกลีบเลี้ยงสั้นมาก หลอดกลีบดอกสีม่วงแดง ดอกมีกลิ่นหอมอ่อนๆตลอดวัน ผลทรงกลม ผลสุกมีสีม่วงด�ำ การขยายพันธุ์ การเพาะเมล็ด การปักช�ำกิ่ง ประโยชน์ ปลูกเป็นไม้ดอกไม้ประดับ บริเวณที่พบ ศูนย์การเรียนรู้ย่านมัทรี Jasminum anodontum Gagnep. OLEACEAE มะลิป่า มะลิไส้ไก่ก้านแดง ชื่อวิทยาศาสตร์ ชื่อวงศ์ ชื่ออื่น ๆ 236 พรรณไม้ในมหาวิทยาลัยราชภัฏนครสวรรค์
ลักษณะทั่วไป ไม้ยืนต้นขนาดกลาง สูงประมาณ 5 - 10 เมตร แผ่กิ่งก้านจ�ำนวนมาก ตั้งฉากกับล�ำต้นออกเป็นทรง พุ่ม ล�ำต้นและกิ่งก้าน มีหนามแหลมยาว แข็ง ใบประกอบแบบขนนกชั้นเดียว หรือสองชั้น ออกเวียนเป็นเกลียว ตามกิ่ง ใบอ่อนออกเป็นคู่ตรงข้ามกัน ตรงปลายมีใบยอดเพียงใบเดียว ใบกลมรี ขอบใบเว้าเข้าหาเส้นกลางใบ ดูคล้ายก้างปลา มี 3 - 5 แฉก แผ่นใบโค้งขึ้นด้านบนเล็กน้อย สีเขียวเข้ม เป็นมันวาว ฐานใบแหลม มน หรือ กลม ตามผิวใบมีต่อมน�้ำมัน ดอกออกเป็นช่อแยกแขนงที่ซอกใบ คล้ายดอกกระถิน เป็นปุยๆ มีสีขาว ผลสี เขียวคล้ายผลมะนาว รูปกลม เมื่อแก่จัดสีน�้ำตาล เปลือกแข็งและหนามาก มีเมล็ดจ�ำนวนมาก การขยายพันธุ์ การเพาะเมล็ด การปักช�ำกิ่ง ประโยชน์ แก่น รวมกับแก่นมะขาม ใช้ต้มน�้ำดื่มขณะอยู่ไฟ ราก ต้มน�้ำดื่ม หรือ ฝนน�้ำกิน แก้ไข้ ผลอ่อน แก้ไข้ ใบ แก้ท้องอืดเฟ้อ ใบ รสฝาดมัน บ�ำรุงร่างกาย สมานบาดแผล แก้ท้องเดิน ผลมีรสเปรี้ยว ใช้แทนมะนาวได้ ยอดอ่อน และใบอ่อนกินสด หรือน�ำไปปิ้งไฟให้หอม เป็นผักได้ บริเวณที่พบ มหาวิทยาลัยราชภัฏนครสวรรค์ มะสัง Feroniella lucida (Scheff.) Swingle RUTACEAE หมากกะสัง (กลาง) กะสัง (ใต้) หมากสัง ชื่อวิทยาศาสตร์ ชื่อวงศ์ ชื่ออื่น ๆ 237 โครงการอนุรักษ์พันธุกรรมพืชอันเนื่องมาจากพระราชด�ำริ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี (อพ.สธ.)
ลักษณะทั่วไป เป็นไม้ผลยืนต้น ล�ำต้น ตรงสูง 5 - 12 เมตร แตกกิ่งเป็นมุมแหลม เปลือกล�ำต้นชั้นนอกมีสีน�้ำตาล ผิวขรุขระ ใบประกอบแบบขนนก ก้านใบกลมแผ่นใบย่อยรูปร่างขอบขนาน ปลายใบมน ขอบใบเรียบ ใบมี สีเขียวเข้ม ด้านล่างเส้นใบนูนเด่น ดอก เป็นช่อห้อย เกิดตามปลายกิ่งมีสีขาว ผล เป็นผลสด เมื่อแก่มีสีเหลือง เขียว แดง เมื่อสุกจะมีสีด�ำแดง ผิวเรียบ เนื้อฉ�่ำน�้ำ เมื่อรับประทานจะมีสีม่วงที่ลิ้น เมล็ด กลมรี เปลือกหุ้มเมล็ด ค่อนข้างหนา การขยายพันธุ์ การเพาะเมล็ด ประโยชน์ ราก แก้ไข้แก้พิษฝีภายใน ผลสุกแก้อาการท้องร่วง บริเวณที่พบ มหาวิทยาลัยราชภัฏนครสวรรค์ , ศูนย์การเรียนรู้ย่านมัทรี Lepisanthes rubiginosa (Roxb.) Leenh. SAPINDACEAE สีหวด (นครราชสีมา) ก�ำซ�ำ กะซ�่ำ มะหวด (ภาคกลาง) ชันรู มะหวดบาท มะหวดลิง (ภาคตะวันออกเฉียงใต้) ก�ำจ�ำ (ภาคใต้) ซ�ำ (ทั่วไป) น�ำซ�ำ มะจ�ำ (ภาคใต้) มะหวดป่า หวดคา (ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ) สีฮอกน้อย หวดลาว (ภาคเหนือ) หวดฆ่า (อุดรธานี) มะหวด ชื่อวิทยาศาสตร์ ชื่อวงศ์ ชื่ออื่น ๆ 238 พรรณไม้ในมหาวิทยาลัยราชภัฏนครสวรรค์
ลักษณะทั่วไป ไม้ยืนต้นขนาดใหญ่ ใบเดี่ยวเรียงสลับ สูงประมาณ 15 - 20 เมตร และอาจสูงได้ถึง 30 เมตร รูปขอบขนานหรือรูปวงรี ดอกช่อออกที่ซอกใบ ดอกค่อนข้างกลม ผลเป็นผลรวม สีเหลือง ผิวขรุขระ มีขนนุ่ม การขยายพันธุ์ การเพาะเมล็ด ประโยชน์ เปลือกต้นมีสรรพคุณเป็นยาถ่ายพยาธิเส้นด้าย พยาธิไส้เดือน และ พยาธิตัวตืด แก่นและเนื้อไม้มีสรรพคุณขับลม ยาระบาย แก้ผื่นคัน บริเวณที่พบ ศูนย์การเรียนรู้ย่านมัทรี มะหาด Artocarpus lacucha Roxb. MORACEAE หาด (ทั่วไป) มะหาดใบใหญ่ (ตรัง) หาดขนุน ปวกหาด (เหนือ) ขนุนป่า ชื่อวิทยาศาสตร์ ชื่อวงศ์ ชื่ออื่น ๆ 239 โครงการอนุรักษ์พันธุกรรมพืชอันเนื่องมาจากพระราชด�ำริ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี (อพ.สธ.)
ลักษณะทั่วไป มะฮอกกานีใบเล็กเป็นไม้ยืนต้นขนาดกลาง ใบประกอบเรียวแหลม โคนใบเบี้ยว ขอบใบเรียบ ดอกช่อออกตามง่ามใบตอนปลายกิ่ง ดอกสีเหลืองอ่อนอมเขียว ผลแก่สีน�้ำตาล แตกเป็น 5 พลู เปลือกหนา เมล็ดมีปีกสีน�้ำตาล การขยายพันธุ์ การเพาะเมล็ด ประโยชน์ เปลือกต้นมีสรรพคุณสมานแผล แก้ไข้ เจริญอาหาร เมล็ดมีสรรพคุณแก้ไข้ บริเวณที่พบ ศูนย์การเรียนรู้ย่านมัทรี Swietenia mahogani (L.) Jacq MELIACEAE มะฮอกกานีใบเล็ก มะฮอกกานีใบเล็ก ชื่อวิทยาศาสตร์ ชื่อวงศ์ ชื่ออื่น ๆ 240 พรรณไม้ในมหาวิทยาลัยราชภัฏนครสวรรค์
ลักษณะทั่วไป ไม้ต้นขนาดใหญ่ สูง 15 - 25 เมตร ผลัดใบ ล�ำต้นเปลาตรง เปลือกต้น สีน�้ำตาลอมด�ำ แตกเป็นร่อง ตามแนวยาวและหลุดล่อนเป็นแผ่น ใบประกอบแบบขนนกปลายคู่ เรียงเวียนสลับ ใบย่อย 3 - 8 คู่ เรียงตรงข้าม รูปรี ปลายใบเรียวแหลม โคนใบเบี้ยว สีเขียวเข้มเป็นมัน ดอก มีกลิ่นหอม สีเหลืองอมเขียว ออกเป็นช่อแบบ ช่อแยกแขนงที่ซอกใบใกล้ปลายกิ่ง กลีบเลี้ยง 5 กลีบ สีเขียวอ่อน ผลแห้งแตก รูปไข่ เปลือกหนา สีน�้ำตาลอม เหลือง เมื่อสุกมีสีน�้ำตาลอมเทา แตกจากโคนเป็น 5 พู เมล็ดเป็นแผ่น มีปีกรูปรียาว ปลายปีกบางสีน�้ำตาล หลายเมล็ด การขยายพันธุ์ การเพาะเมล็ด ประโยชน์ เปลือกช่วยเจริญอาหาร สมานแผล เนื้อในฝักเป็นยาระบาย เนื้อในเมล็ดแก้ไข้จับสั่น บริเวณที่พบ มหาวิทยาลัยราชภัฏนครสวรรค์ , ศูนย์การเรียนรู้ย่านมัทรี มะฮอกกานีใบใหญ่ Swietenia macrophylla King. MELIACEAE มะฮอกกานีใบใหญ่ ชื่อวิทยาศาสตร์ ชื่อวงศ์ ชื่ออื่น ๆ 241 โครงการอนุรักษ์พันธุกรรมพืชอันเนื่องมาจากพระราชด�ำริ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี (อพ.สธ.)
ลักษณะทั่วไป ไม้พุ่มกึ่งไม้ยืนต้นขนาดเล็ก ใบเดี่ยวเรียงสลับมีขนทั้งสองด้าน ปลายใบแหลม กลางใบกว้าง ดอกออกเป็นช่อแบบช่อกระจะตามกิ่ง ดอกแยกเพศต่างต้น ผลดิบสีเขียว ผลสุกสีแดง เมื่อสุกจัดจะมีสีด�ำ ผลให้ รสเปรี้ยวคล้ายยอดมะขามอ่อน เมื่อสุกมีรสหวานอมเปรี้ยว การขยายพันธุ์ การเพาะเมล็ด ประโยชน์ ล�ำต้น น�ำมาต้มกับน�้ำดื่มเป็นยาแก้ซางเด็ก บริเวณที่พบ ศูนย์การเรียนรู้ย่านมัทรี Antidesma acidum Retz. EUPHORBIACEAE ขะเม่าผา เม่าไข่ปลา เม่าทุ่ง มังเม่า เม่าตาควาย เม่าสร้อย มะเม่าข้าวเบา เม่าสร้อย ชื่อวิทยาศาสตร์ ชื่อวงศ์ ชื่ออื่น ๆ 242 พรรณไม้ในมหาวิทยาลัยราชภัฏนครสวรรค์
ลักษณะทั่วไป ไม้พุ่มขนาดเล็ก สูง 2 - 4 เมตร มีน�้ำยางสีขาว เปลือกสีน�้ำตาลอมเทา ใบเดี่ยว เรียงตรงข้าม รูปรี โคนใบมน ปลายใบแหลม ด้านหน้าใบเป็นมันสีเข้มกว่าด้านหลังใบ เส้นกลางใบนูนเห็นชัดด้านหลังใบ ดอก สีส้มอมแดง มี 5 กลีบ ออกเป็นกระจุกตามซอกใบและปลายกิ่ง ผลเป็นฝักคู่ กลมยาว สีน�้ำตาลเข้ม ออกดอก ตลอดปี พบขึ้นทั่วไปตามป่าดิบแล้งภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และป่าดิบชื้นภาคใต้ การขยายพันธุ์ การเพาะเมล็ด การตอนกิ่ง ขุดแยกหน่อที่แตกจากรากใต้ดิน ประโยชน์ ผลใช้ปรุงเป็นยาขับระบบไหลเวียนโลหิต บริเวณที่พบ ศูนย์การเรียนรู้ย่านมัทรี โมกแดง Wrightia dubia (Sims) Spreng. APOCYNACEAE โมกป่า (จันทบุรี) มุ มูก มูกมัน (ภูเก็ต) โมกแดง (ใต้) โมกมัน (นครราชสีมา) ชื่อวิทยาศาสตร์ ชื่อวงศ์ ชื่ออื่น ๆ 243 โครงการอนุรักษ์พันธุกรรมพืชอันเนื่องมาจากพระราชด�ำริ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี (อพ.สธ.)
ลักษณะทั่วไป ไม้พุ่มขนาดเล็ก สูง 1 - 3 เมตร มีน�้ำยางสีขาว เปลือกสีน�้ำตาลต�ำ ผิวเกลี้ยง ใบเดี่ยว เรียงตรงข้าม แผ่นใบบาง รูปรี หรือรูปใบหอก ขอบใบเรียบ โคนใบสอบ ปลายใบแหลม ดอกสีขาว มีกลิ่นหอม ออกเป็นช่อ มีทั้งชนิดดอกชั้นเดียว และดอกซ้อนห้อยลงมี 4 - 8 ดอกในหนึ่งช่อ ผลเป็นฝักคู่ โค้งเข้าหากัน ออกดอกตลอดปี พบขึ้นทั่วทุกภาค การขยายพันธุ์ การเพาะเมล็ด การตอนกิ่ง ประโยชน์ ราก ปรุงเป็นยารักษาโรคผิวหนังจ�ำพวก โรคเรื้อน บริเวณที่พบ มหาวิทยาลัยราชภัฏนครสวรรค์ , ศูนย์การเรียนรู้ย่านมัทรี Wrightia religiosa (Teijsm. & Binn.) Benth. ex Kurz APOCYNACEAE ปิดจงวา (เขมร-สุรินทร์) โมกซ้อน โมกบ้าน (ภาคกลาง) หลักป่า (ระยอง) โมกบ้าน ชื่อวิทยาศาสตร์ ชื่อวงศ์ ชื่ออื่น ๆ 244 พรรณไม้ในมหาวิทยาลัยราชภัฏนครสวรรค์
ลักษณะทั่วไป ไม้ยืนต้นขนาดเล็กผลัดใบ มีความสูงของต้นประมาณ 5 - 15 เมตร เปลือกล�ำต้นเป็นสีขาวหรือ สีเทาอ่อน ใบเป็นใบเดี่ยว ออกเรียงตรงข้ามกันสลับตั้งฉาก ลักษณะของใบเป็นรูปรีหรือรูปไข่ ออกดอกเป็นช่อ กระจุกตามปลายกิ่ง ช่อหนึ่งยาวประมาณ 3 - 6 ซม. ดอกเป็นสีขาวอมเหลือง ดอกมีกลิ่นหอม ก้านช่อดอกและ ก้านดอกย่อยมีขนสั้นนุ่มขึ้นอยู่ประปรายถึงหนาแน่น กลีบดอกมี 5 กลีบ ผลเป็นฝักยาวและห้อยลง ลักษณะของ ฝักเป็นรูปทรงกระบอก เป็นร่อง 2 ร่อง การขยายพันธุ์ การเพาะเมล็ด การตอนกิ่ง ประโยชน์ เปลือกต้นเป็นยา ช่วยท�ำให้เจริญอาหาร ผลมีรสเมา สรรพคุณช่วยแก้ฟันผุ ดอกมีรสจืด เป็นยาระบาย เปลือกต้นและผล มีสรรพคุณ ช่วยฆ่าเชื้อร�ำมะนาด บริเวณที่พบ ศูนย์การเรียนรู้ย่านมัทรี โมกมัน Wrightia arborea (Dennst.) Mabb. APOCYNACEAE แนแก มักมัน มูกน้อย มูกมัน โมกน้อย เส่ทือ ชื่อวิทยาศาสตร์ ชื่อวงศ์ ชื่ออื่น ๆ 245 โครงการอนุรักษ์พันธุกรรมพืชอันเนื่องมาจากพระราชด�ำริ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี (อพ.สธ.)
ลักษณะทั่วไป ไม้พุ่ม หรือไม้ต้นขนาดเล็ก สูงถึง 6 เมตร มีน�้ำยางสีขาว ใบเดี่ยว เรียงตรงข้าม ก้านใบสั้น รูปรี โคนใบสอบถึงทู่ ปลายใบแหลม ผิวใบเกลี้ยงถึงมีขนประปราย ดอกสีขาว ออกเป็นช่อสั้นๆที่ปลายกิ่ง กลีบเลี้ยง 5 กลีบ กลีบดอก 5 กลีบ โคนเชื่อมติดกันเป็นหลอดสั้นๆ มีแถบกระบังเป็นริ้วแยกแขนงคล้ายขน เกสรเพศผู้ 5 อัน เชื่อมติดกันเป็นรูปกรวยคว�่ำ ผลรูปหลอดเรียวยาว แตกแนวเดียว ออกเป็นคู่ กระจายพันธุ์เฉพาะในประเทศไทย บริเวณเขาหินปูน จังหวัดสระบุรี และจังหวัดสระแก้ว การขยายพันธุ์ การเพาะเมล็ด การตอนกิ่ง ประโยชน์ ปลูกเป็นไม้ประดับและไม้มงคล บริเวณที่พบ มหาวิทยาลัยราชภัฏนครสวรรค์ , ศูนย์การเรียนรู้ย่านมัทรี Wrightia sirikitiae D. J. Middleton & Santisuk APOCYNACEAE โมกสิริกิตติ์ โมกราชินี ชื่อวิทยาศาสตร์ ชื่อวงศ์ ชื่ออื่น ๆ 246 พรรณไม้ในมหาวิทยาลัยราชภัฏนครสวรรค์
ลักษณะทั่วไป ไม้ต้นขนาดใหญ่ ล�ำต้นเปลาตรง เปลือกนอกสีน�้ำตาลแดง แตกร่อนเป็นสะเก็ดตามยาวล�ำต้น เปลือกในสีน�้ำตาลแดง ใบประกอบแบบขนนก ใบย่อยมี 11 - 21 ใบ รูปหอกแกมขอบขนาน โคนใบมน ปลายใบแหลม ดอกสีเหลือง ออกเป็นช่อที่ปลายยอด กลีบรองดอก 4 - 5 กลีบ รูปถ้วย กลีบดอก 4 - 5 กลีบ เกสรเพสผู้ 8 - 10 อัน ผลเป็นผลแห้ง รูปไข่ เมื่อสุกสีด�ำ การขยายพันธุ์ การเพาะเมล็ด ประโยชน์ เปลือก มีสรรพคุณเป็นยาสมานแผล ใบน�้ำต้มใบอ่อนใช้อาบป้องกันการติดเชื้อในทารกแรกเกิด บริเวณที่พบ มหาวิทยาลัยราชภัฏนครสวรรค์ , ศูนย์การเรียนรู้ย่านมัทรี ยมหิน Chukrasia tabularis A. Juss. MELIACEAE มะเฟืองช้าง สะเดาช้าง สะเดาหิน ยมขาว โค้โย่ง เสียดค่าง ชื่อวิทยาศาสตร์ ชื่อวงศ์ ชื่ออื่น ๆ 247 โครงการอนุรักษ์พันธุกรรมพืชอันเนื่องมาจากพระราชด�ำริ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี (อพ.สธ.)
ลักษณะทั่วไป ไม้ต้น สูง 2 - 6 เมตร เปลือกต้นสีน�้ำตาล แตกเป็นสะเก็ดแล้วหลุดออก ใบเดี่ยว ออกตรงข้าม รูปรี กว้าง 8 - 15 ซม. ยาว 10 - 20 ซม. สีเขียวเข้มเป็นมัน ดอก สีขาว มีกลิ่นหอม ออกเป็นช่อกลมตามซอก ใบ กลีบดอก โคนเชื่อมติดกันเป็นหลอดปลายแยกเป็น 5 แฉก ผล ผลรวม ผิวขรุขระเป็นตุ่ม ผลสุกกลิ่นเหม็น เอียน เมล็ดสีน�้ำตาลหลายเมล็ด การขยายพันธุ์ การเพาะเมล็ด ประโยชน์ รากเป็นยาระบาย ใบทาแก้ปวดข้อ ใบย่างน�ำมาประคบแก้โรคเกาต์ ต้มดื่มแก้ไข้ ผลห่ามแก้คลื่นไส้อาเจียน ช่วยระบายท้อง แก้ท้องอืดเฟ้อขับพยาธิ ตัวกลมและเส้นด้าย ห้ามใช้เวลามีครรภ์อาจแท้งได้ ผลสุกมีกลิ่นฉุนช่วยขับลมในล�ำไส้ บริเวณที่พบ มหาวิทยาลัย ราชภัฏนครสวรรค์, ศูนย์การเรียนรู้ย่านมัทรี Morinda citrifolia L. RUBIACEAE ยอบ้าน (ภาคกลาง) มะตาเสือ (ภาคเหนือ) ยอ แยใหญ่ (กะเหรี่ยง-แม่ฮ่องสอน) ยอบ้าน ชื่อวิทยาศาสตร์ ชื่อวงศ์ ชื่ออื่น ๆ 248 พรรณไม้ในมหาวิทยาลัยราชภัฏนครสวรรค์