The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

เอกสารประกอบการสอน ประวัติศาสตร์โลก ม.6

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by great.willyoo, 2022-09-08 11:58:43

เอกสารประกอบการสอน ประวัติศาสตร์โลก ม.6

เอกสารประกอบการสอน ประวัติศาสตร์โลก ม.6

เอกสารประกอบการสอน
บทเรียนสำเร็จรูป

วิชา ประวัติศาสตร์โลก (ส30105)
ชน้ั มธั ยมศึกษาปที ี่ 6 ประจำปกี ารศึกษา 2565

ผูส้ อน ครอู ุไทย โกยชยั

กล่มุ สาระการเรียนรู้สังคมศึกษา ศาสนาและวัฒนธรรม
โรงเรยี นวิทยาศาสตร์จฬุ าภรณราชวทิ ยาลัย เลย

สำนกั งานเขตพ้นื ที่การศึกษามธั ยมศกึ ษา เลย หนองบัวลำภู



1[บทเรยี นสำเร็จรูป เร่ือง อารยธรรมโลกสมัยโบราณ]

[เลม่ ท1ี่ อารยธรรมเมโสโปเตเมีย]

สวัสดีค่ะ....บทเรยี นในเลม่ ท่ี 1 นี้เพ่ือนๆจะได้ศกึ ษาเก่ียวกับ ปัจจัยทสี่ ่งเสริมให้
เกดิ อารยธรรมเมโสโปเตเมีย ภูมปิ ัญญาของกลุ่มชนต่างๆ และการสรา้ งสรรคอ์ ารยธรรม
ของชนชาตติ ่างๆในดนิ แดนเมโสโปเตเมีย ดว้ ยนะคะ…

กอ่ นอ่นื เพ่อื นๆต้องทำแบบทดสอบก่อนเรยี น มที งั้ หมด 10 ขอ้ กอ่ นนะคะ
ให้ทำลงในกระดาษคำตอบ ขอใหส้ นกุ กบั บทเรียนชุดนีน้ ะคะ…..

เพ่อื นๆ ต้องซอื่ สัตยต์ ่อตนเองด้วยนะคะ
เอา้ !ทำแบบทดสอบกันเลยคะ่ 

คณุ ธรรมท่ตี ้องการเน้น คอื
1. ขยันและกระตอื รือรน้ ในการเรยี นสม่ำเสมอ
2. สนใจหาความรทู้ างประวตั ศิ าสตร์เพ่ิมเติม

[นายอุไทย โกยชยั ]หนา้ 1 [บทเรียนสำเรจ็ รปู เรื่อง อารยธรรมโลกสมัยโบราณ] 2

[เลม่ ท1่ี อารยธรรมเมโสโปเตเมีย]

แบบทดสอบก่อนเรียน(Pre-test)
เรอ่ื ง อารยธรรมเมโสโปเตเมีย

คำชีแ้ จง ให้นักเรยี นกากบาท (X) ทับข้อที่ถูกท่ีสดุ เพียงขอ้ เดียวในกระดาษคำตอบ
1. ชนกล่มุ แรกที่สรา้ งสรรค์อารยธรรมเมโสโปเตเมีย คอื ขอ้ ใด
ก. ฮบิ รู
ข. คาลเดยี น
ค. สุเมเรยี น
ง. บาบิโลเนียน
2. การใช้เลข 60 และ 24 กำหนดเวลาเปน็ นาที ชั่วโมงและวนั เกดิ ข้นึ ในสมยั ใด
ก. สุเมเรียน
ข. คาลเดยี น
ค. อัสซีเรียน
ง. ฟนิ ิเชยี
3. กฎหมายที่มีลักษณะ “ตาต่อตา ฟนั ต่อฟนั ”ของพระเจา้ ฮัมบรู าบี เป็นผลงานของชนชาติใด
ก. สเุ มเรียน
ข. คาลเดยี น
ค. อมอไรท์
ง. เปอรเ์ ซีย
4. ผลงานการสรา้ งสรรค์ของชนชาติฮิบรทู ่ีส่งผลถึงปัจจบุ ันคืออะไร
ก. อักษรอัลฟาเบต
ข. การเพาะปลกู ในทะเลทราย
ค. การขุดคลองเพ่ือระบายนํ้า
ง. กําเนิดศาสนายดู ายหรอื ศาสนายิว คริสต์และอสิ ลาม

[นายอุไทย โกยชัย]หน้า 2 [บทเรียนสำเรจ็ รูป เรือ่ ง อารยธรรมโลกสมยั โบราณ] 3

[เล่มท1ี่ อารยธรรมเมโสโปเตเมยี ]

5. สวนลอยแห่งบาบิโลน เกดิ ขึ้นได้จากความรู้ ความสามารถในด้านใด
ก. ดาราศาสตร์
ข. ประตมิ ากรรม
ค. วทิ ยาศาสตร์
ง. การชลประทาน

6. การประดิษฐอ์ กั ษรลม่ิ และการสร้างวหิ ารซกิ กแู รตของชาวสุเมเรยี น สะท้อนใหเ้ ห็นถงึ ปจั จัย
สภาพแวดล้อมทางธรรมชาติในข้อใด

ก. อิทธพิ ลของธรรมชาตเิ หนอื มนษุ ยจ์ งึ มกี ารประดษิ ฐอ์ ักษรศักดส์ิ ิทธิ์
ข. สภาพแวดล้อมทโี่ หดร้ายมภี ัยธรรมชาติทีม่ นุษย์ต้องพึง่ พาศาสนา
ค. สภาพแวดล้อมท่เี ปน็ ที่ราบล่มุ แมน่ ํ้า ดินเปน็ ดินเหนยี วจงึ นาํ มาใช้เป็นวัสดุ
ง. ความอุดมสมบูรณ์ของธรรมชาติดงึ ดูด มนุษยจ์ งึ มาตัง้ ถน่ิ ฐาน สร้างสรรคว์ ัฒนธรรม
7. เพราะเหตใุ ดจึงถือว่าประมวลกฎหมายของพระเจา้ ฮมั มรู าบเี ปน็ มรดกทางอารยธรรมช้นิ สำคัญของโลก
ก. เปน็ ประมวลกฎหมายฉบบั แรกของโลก
ข. มบี ทลงโทษท่รี ุนแรงซึง่ ช่วยลดจำนวนผู้เป็นภัยตอ่ สังคม
ค. เปน็ เครือ่ งแสดงว่าอำนาจรัฐเขม้ แขง็ พอท่จี ะบังคับพลเมอื งไดแ้ ลว้
ง. เปน็ แบบอย่างของความพยายามทีจ่ ะให้เกดิ ความยตุ ธิ รรมในการปกครอง
8. ข้อใดแสดงถึงความเจรญิ รุ่งเรืองของศลิ ปวฒั นธรรมและภูมปิ ัญญาสมัยจักรวรรดอิ สั ซีเรียน
ก. หอ้ งสมุดเมอื งนเิ นเวห์
ข. ความรู้ทางดาราศาสตร์
ค. ความเขม้ แข็งทางการทหาร
ง. หนังสือสรรพวิชาทำด้วยกระดาษ

[นายอไุ ทย โกยชยั ] หนา้ 3 4[บทเรียนสำเรจ็ รปู เร่ือง อารยธรรมโลกสมัยโบราณ]

[เล่มที่1 อารยธรรมเมโสโปเตเมีย]

9. เหตุใดชาวฟนี ิเชยี นจึงต้องมีการพฒั นาตวั อกั ษรโบราณของอียิปต์ 22 ตัว มาใช้
ก. อักษรอียิปต์เปน็ อักษรทใี่ ชก้ ันท่วั โลก
ข. เพื่อใช้เป็นเอกสารในการติดต่อค้าขาย
ค. ชาวฟนี ิเซยี นสบื เชอื้ สายมาจากอยี ิปต์
ง. เพื่อให้เกดิ ความคล่องตวั ด้านการปกครอง

10. ดินแดนรูปพระจันทร์เสี้ยว หมายถงึ ดินแดนใด
ก. ทร่ี าบลมุ่ แมน่ ้ำไนล์
ข. ท่ีราบล่มุ แมน่ ้ำสนิ ธุ
ค. ทร่ี าบลมุ่ แมน่ ำ้ ฮวงโห
ง. ท่รี าบลุ่มแม่นำ้ ไทกรสี -ยูเฟรตีส

ไมย่ ากเลยใชไ่ หมครบั เพ่ือนๆ
ไหนลองตรวจดสู ิครบั ได้ก่ีคะแนน

[นายอุไทย โกยชยั ] หนา้ 4 [บทเรยี นสำเรจ็ รปู เร่ือง อารยธรรมโลกสมยั โบราณ] 5

[เลม่ ท1ี่ อารยธรรมเมโสโปเตเมีย]

เฉลยแบบทดสอบกอ่ นเรยี น( Pre - test )
เรือ่ ง อารยธรรมเมโสโปเตเมยี

1. ค
2. ก
3. ค
4. ง
5. ง
6. ค
7. ง
8. ก
9. ข
10. ง

[นายอไุ ทย โกยชยั ] หนา้ 5 [บทเรียนสำเรจ็ รปู เร่ือง อารยธรรมโลกสมัยโบราณ] 6

[เลม่ ท1่ี อารยธรรมเมโสโปเตเมยี ]

สวสั ดคี รับ... นอ้ งๆ
วันนพ้ี ่ีโมจะมาแนะนำความรู้เรื่อง อารยธรรมเมโสโปเตเมยี

ใหน้ อ้ งๆฟงั นะครับ…

แลว้ เราจะเรยี นรูจ้ ากทไ่ี หนดีละคะ พโี่ ม

เราไปห้องสมุดดีไหมครับ เห็นว่าห้องสมุดมีหนังสือ
บทเรยี นสำเร็จรปู เรื่อง อารยธรรมเมโสโปเตเมยี
ทค่ี รทู ำไว้หลายเรื่อง นา่ สนใจมากนะ

ดีจังเลย! สตางคก์ ำลังสนใจพอดี
ขอไปด้วยคนนะคะ

[นายอุไทย โกยชยั ] หนา้ 6 [บทเรยี นสำเร็จรูป เรื่อง อารยธรรมโลกสมัยโบราณ] 7

[เล่มท1ี่ อารยธรรมเมโสโปเตเมีย]

กรอบท่ี 1 ปัจจัยท่สี ง่ เสริมให้เกดิ อารยธรรมเมโสโปเตเมีย

เมโสโปเตเมยี เปน็ คำในภาษากรีก เป็นช่ือเรยี กดินแดนที่อยู่ระหว่างแม่น้ำ 2 สายในตะวันออกกลาง
คือ แม่น้ำไทกริส (Tigris) มีต้นน้ำจากท่ีราบสูงทางตะวันออกของตุรกี ไหลผ่านชายแดนประเทศซีเรีย เข้า
ดินแดนอารยธรรมเมโสโปเตเมียเดิมหรือ อิรัก ในปัจจุบัน โดยไหลผ่านทางด้านตะวันออกเฉียงใต้
และแม่น้ำยูเฟรตีส (Euphrates) มีต้นกำเนิดในตุรกี ณ เทือกเขาอาร์เมเนีย ไหลเข้าสู่ดินแดนของอิรัก โดย
ขนานไปทางใต้ของแม่น้ำไทกริส เป็นแม่น้ำท่ีไหลช้ากว่า ตล่ิงเตี้ยกว่า จึงเหมาะแก่การสัญจรและการ
เพาะปลกู พืชหลายชนิด โดยเฉพาะข้าวสาลี และบารเ์ ลย์ ซ่ึงเริ่มเพาะปลูกที่นี่เป็นคร้ังแรกในโลก และบรรจบ
กับแม่น้ำไทกริสในเมืองบาสรา ดินแดนดังกล่าวนี้เป็นส่วนหนึ่งของ "พระจันทร์เส้ียวอันอุดมสมบูรณ์"
(Fertile Crescent) ซึ่งเป็นดินแดนรปู ครึง่ วงกลมผืนใหญ่ ทอดโค้งขน้ึ ไปจากฝ่ังทะเลเมดเิ ตอร์เรเนียนไปจรด
อ่าวเปอรเ์ ซีย ระหว่างสองฝ่งั แม่นำ้ ทง้ั สองสายเปน็ พื้นดนิ ที่มีความอุดมสมบูรณ์เหมาะแก่การเพาะปลูก ทำให้
กลมุ่ ชนชาติตา่ งๆเขา้ มาสรา้ งอารยธรรมขน้ึ รวมทง้ั ถา่ ยทอดอารยธรรมจากกล่มุ หน่ึงสูก่ ลุม่ หนึง่

ปัจจยั ทสี่ ง่ เสรมิ ใหเ้ กิดอารยธรรมเมโสโปเตเมียมดี งั นี้
1. สภาพภูมิศาสตร์ ได้รับความอุดมสมบูรณ์จากแม่น้ำ ไทกริสและยูเฟรตีส โดยน้ำจากหิมะละลาย

บนเทือกเขาซากรอส (zagros) และที่ราบสงู อารเ์ มเนียทางตอนเหนอื ซ่งึ พัดพาโคลนตมมาทบั ถม บริเวณสอง
ฝั่งแม่น้ำ กลายเป็นปุ๋ยในการเพาะปลูก กลุ่มชนอ่ืนท่ีอยู่ใกล้เคียงจึงพยายามขยายอำนาจเข้ามาครอบครอง
ดินแดนแห่งนี้

2. ภูมิปัญญาของกลุ่มชน อารยธรรมเมโสโปเตเมียเกิดจากภูมิปัญญาของกลุม่ ชนท่ีอาศัยในดินแดน
แห่งน้ี การคิดค้นและพัฒนาความเจริญเกิดจากความจำเป็นท่ีต้องเอาชนะธรรมชาติเพื่อความอยู่รอด การจัด
ระเบยี บในสังคม และความต้องการขยายอำนาจ

คำถามกรอบที่ 1

ปจั จัยทส่ี ง่ เสรมิ ใหเ้ กดิ อารยธรรมเมโสโปเตเมียมอี ะไรบ้าง

ตอบ ……………………………………………………………………………………

แล้วทต่ี ง้ั ของดนิ แดนเมโสโปเตเมีย เรามาหาท่ตี ัง้ ของดินแดน

มีอาณาเขตติดต่อกบั ทใ่ี ดบา้ งครบั เมโสโปเตเมียกนั เลยคะ

กันเลยค่ะ

[นายอไุ ทย โกยชยั ] หนา้ 7 [บทเรียนสำเร็จรูป เร่อื ง อารยธรรมโลกสมัยโบราณ] 8

[เลม่ ท1่ี อารยธรรมเมโสโปเตเมีย]

คำตอบกรอบท่ี 1

สภาพภูมิศาสตร์ และภูมปิ ัญญาของกลุ่มชน

กรอบท่ี 2 ท่ตี ั้งของดนิ แดนเมโสโปเตเมยี

อาณาบริเวณท่ีเรียกว่า เมโสโปเตเมีย มีทิศเหนือจรดทะเลดำและทะเลสาบแคสเปียน ทิศตะวันตก
เฉียงใต้จรดคาบสมุทรอาหรับซึ่งล้อมรอบด้วยทะเลแดงและมหาสมทุ รอินเดีย ทิศตะวันตกจรดท่ีราบซเี รียและ
ปาเลสไตน์ สว่ นทิศตะวนั ออกจรดทร่ี าบสูงอิหร่าน

ภาพท่ี 1.1 ที่ต้งั ของดนิ แดนเมโสโปเตเมยี
ทมี่ า : http://civilizacioneshistoricas.blogspot.com
อารยธรรมเมโสโปเตเมีย (Mesopotamia) เป็นแหล่งอารยธรรมแห่งแรกของโลกและเป็นต้นกำเนิด

ของอารยธรรมตะวันตก ถือกำเนิดเม่ือประมาณ 3,500 ปี ก่อนคริสต์ศักราช บริเวณท่ีราบลุ่มแม่น้ำไทกริส

(Tigris) และแม่นำ้ ยเู ฟรตีส (Euphrates) อันอดุ มสมบรู ณ์ (ประเทศอิรกั ในปัจจุบัน)

คำถามกรอบที่ 2 เพ่ือนๆ คงสงสัยเหมือนผมหรอื ไม่ว่า
บ ริ เว ณ ดิ น แ ด น แ ห่ ง นี้ มี ช น ช า ติ ใด
แหล่งอารยธรรมเมโสโปเตเมยี อาศยั อยู่บา้ ง
ถา้ สงสยั มาศกึ ษากรอบต่อไปกนั เลย

ปจั จบุ นั คอื ประเทศอะไร

ตอบ …………………………………………………………………………

[นายอุไทย โกยชัย] หนา้ 8 [บทเรยี นสำเร็จรูป เรอื่ ง อารยธรรมโลกสมยั โบราณ] 9

[เลม่ ที่1 อารยธรรมเมโสโปเตเมยี ]

คำตอบกรอบท่ี 2

ประเทศอริ กั

กรอบที่ 3 การสรา้ งสรรค์อารยธรรมของชนชาติต่างๆ

ในดนิ แดนเมโสโปเตเมยี

ทราบไหมคะ....ว่าอารยธรรมเมโสโปเตเมยี
เป็นอารยธรรมของชนชาติใดบ้าง เราไปดกู นั เลย…

อารยธรรมในดินแดนเมโสโปเตเมียมีชนชาติต่างๆ ผลัดเปลี่ยนกันเข้ามาครอบครองและสร้างความ
เจริญ แล้วหล่อหลอมรวมเป็นอารยธรรมเมโสโปเตเมีย เน่ืองจากบรเิ วณน้ีเป็นท่ีราบลุ่มแม่น้ำอันอุดมสมบูรณ์
ทา่ มกลางทะเลทรายและเขตภูเขา เหมาะแกก่ ารตัง้ ถ่ินฐาน ชนชาตติ ่างๆทเ่ี ขา้ มาปกครอง ได้แก่

➢ สุเมเรยี น

คนกลุ่มแรกทีส่ ร้างสรรค์อารยธรรมเมโสโปเตเมยี ขนึ้ คอื ชาวสเุ มเรียน ผคู้ ดิ ประดษิ ฐ์ตัวอกั ษรข้นึ เป็นครั้ง
แรกในโลก อารยธรรมที่ชาวสุเมเรียนสร้างขึ้นเป็นพื้นฐานสำคัญของอารยธรรมเมโสโปเตเมีย สถาปัตยกรรม
ตวั อักษร วรรณกรรม ศิลปกรรมอ่ืนๆ ตลอดจนทัศนคติต่อชีวิตและเทพเจ้าของชาวสุเมเรียนได้ดำรงอยู่และมี
อทิ ธิพลอยู่ในลุม่ แม่น้ำทง้ั สองตลอดช่วงสมยั โบราณ

การปกครอง
พระหรือนักบวชมีอำนาจมาก พระมีอำนาจในการปกครองแผ่นดินและเป็นประมุขสูงสุด
เรยี กว่า Patesi ทำการปกครองในนามของพระเจา้ ดูแลควบคมุ กิจการภายในนครรฐั
เศรษฐกิจและสังคม
อาชพี หลักคือเกษตรกรรม มีความชำนาญ มกี ารใชร้ ะบบชลประทาน ขดุ คลองระบายน้ำ
ทำการเพาะปลูกโดยเป็นไร่ขนาดใหญ่ ปลูกผลไม้ ประดิษฐ์คันไถ เคร่ืองหยอดเมล็ด มีการเลี้ยง
สัตว์ เครื่องป้ันดินเผา มีมาตราชั่งตวงวัด การทอผ้าและย้อมผ้ามีการแบ่งชนช้ันทางสังคมเป็น 3 กลุ่มคือ ชน
ชั้นสูง ได้แก่ 1. กษัตริย์ พระราชวงศ์ พระชั้นผู้ใหญ่ 2. ขุนนางชนช้ันสามัญ เป็นเสรีชน ลูกจ้างของขุนนาง
3. ทาสชาวต่างประเทศและเชลยสงคราม หรอื อาชญากรท่ถี ูกลงโทษ

[นายอุไทย โกยชยั ] หนา้ 9 [บทเรียนสำเรจ็ รปู เร่อื ง อารยธรรมโลกสมยั โบราณ] 10

[เลม่ ท1่ี อารยธรรมเมโสโปเตเมีย]

การเขียนหนังสือ
ชาวสุเมเรียนเปน็ ชนชาติแรกในเมโสโปเตเมยี ท่ีรจู้ กั การเขียนหนังสือตง้ั แต่ 3000 ปีก่อนครสิ ตกาล โดย
การประดิษฐ์อักษรรูปล่ิม หรือที่เรียกว่า คูนิฟอร์ม (Cuneiform) ภายหลังได้ดัดแปลงแก้ไข มีการคิด
เคร่ืองหมายตา่ งๆ เพื่อใชแ้ ทนภาพ

ภาพที่ 1.2 อักษรรปู ล่มิ หรือที่เรียกวา่ คนู ิฟอรม์ (Cuneiform)
ทีม่ า : https://yuttapoomsose.wordpress.com

ศาสนา
มีส่วนสำคัญมากในชีวิตของชาวสุเมเรียน พระดำรงตำแหน่งในการปกครองและตำแหน่งสำคัญอื่นๆ
นับถือพระเจ้าหลายองค์พร้อมๆกัน มีการสร้างหอวิหารใหญ่โตเรียกว่าซิกกูแรต (Ziggurat) มีรูปร่างคล้าย
พรี ะมิด ทำเป็นชั้นๆสร้างข้ึนด้วยอิฐ เพอื่ เปน็ ที่บูชาเทพเจา้

ทราบไหมครบั …………วา่ ซกิ กูแรต นน้ั สร้างขึ้นด้วย
วสั ดุอุปกรณใ์ ดบ้าง ถ้าอย่างรู้เราไปศึกษากนั เลย

[นายอุไทย โกยชยั ] หนา้ 10 [บทเรยี นสำเร็จรูป เร่อื ง อารยธรรมโลกสมยั โบราณ] 11

[เลม่ ที่1 อารยธรรมเมโสโปเตเมีย]

สถาปตั ยกรรม

ส่วนใหญ่ก่อสร้างด้วยอิฐ เน่ืองจากมีดินเหนียวบริเวณนี้มาก มีสองประเภทคือ อิฐตากแห้ง
(Sun dried brick) และอิฐเผาไฟ (baked brick) ซ่ึงป้องกันความชื้นได้ดี ใช้สร้างยกพ้ืน กำแพงและส่วน
ก่อสร้างทตี่ ้องการความม่นั คงถาวร

ซิกกูแรต (Ziggurat) เป็นสิ่งก่อสร้างของอารยธรรมสุเมเรียน (Sumerians) ในบริเวณเมโสโปเตเมีย มี
ลักษณะคล้ายพีระมิดแบบข้ันบันไดแต่ไม่ก่อสร้างสูงจนเป็นยอดแหลม ด้านบนของซิกกูแรตซ่ึงเป็นพื้นที่ราบ
กว้างจะสร้างเป็นวิหาร ในระยะแรกการสร้างซิกูแรตมีวัตถุประสงค์เพ่ือใช้ประกอบพิธีกรรมทางศาสนา
แตต่ ่อมาซิกกแู รตนไ้ี ด้กลายเปน็ ส่วนหนงึ่ ของพระราชวังกษตั รยิ ์ เช่น ซิกกูแรตท่ีเมอื งอรู ์ (Ur)

ซิกกูแรตสร้างข้ึนด้วยวัสดุจำพวกอิฐและไม้ ความแข็งแรงคงทนจึงสู้งานสถาปัตยกรรมยุคต่อมา เช่น
พีระมิดอียิปต์ไม่ได้ เพราะงานของอียิปต์สร้างด้วยวัสดุจำพวกหิน ซิกกูแรตเก่าแก่ที่สุดเท่าท่ีค้นพบมีช่ือ
ว่า “The White Temple” พบท่ีเมืองอูรุค (Uruk)หรือวาร์กา (Warka) บริเวณพื้นท่ีประเทศอิรักในปัจจุบัน
มอี ายุประมาณ 3,500 – 3,000 ปี กอ่ นคริสตกาล ซ่งึ เก่าแก่กว่าพรี ะมิดของอยี ปิ ต์หลายร้อยปี

ภาพท่ี 1.3 ซกิ กูแรต (Ziggurat)
ทีม่ า : https://sites.google.com

[นายอไุ ทย โกยชยั ] หนา้ 11 [บทเรียนสำเร็จรปู เรอ่ื ง อารยธรรมโลกสมัยโบราณ] 12

[เลม่ ที่1 อารยธรรมเมโสโปเตเมยี ]

ปฏิทนิ และคณติ ศาสตร์
เป็นแบบจันทรคติ เดือนหน่ึงมปี ระมาณ 29.5 วนั ปีหน่งึ แบ่งเปน้ 12 เดือน มี 354 วัน เดือนหนึ่งแบ่ง
ออกเปน็ 4 สัปดาห์ๆ ละ 7-8 วัน แบ่งวันออกเปน็ 24 ชวั่ โมง แบ่งช่ัวโมงเป็น 60 นาที แบ่งมมุ รอบจดุ เป็น 360
องศา และมุมฉากเป็น 90 องศา รู้จักวิธีคูณ หาร ยกกำลัง คำนวณพ้ืนท่ีของวงกลม คำนวณระยะทาง และคิด
มาตรา ชง่ั ตวง วัด
วรรณกรรม
มนี ยิ ายกาพย์ กลอน ซ่ึงทอ่ งจำต่อๆกนั มา งานส่วนใหญเ่ กี่ยวกับศาสนา เช่น บทสวด คำโคลงสดุดีเทพ
เจ้า ฯลฯ ที่เด่นท่ีสุดคือ มหากาพย์กิลกาเมช (Gilgamesh) เป็นตำนานน้ำท่วมโลกที่เก่าแก่ของเมโสโปเตเมีย
โบราณ ปรากฏในจารึก 12 แท่งดว้ ยกัน เรือ่ งราวของวีรบรุ ษุ กลิ กาเมซซ่ึงเป็นกษตั ริย์ ชาวอูรกุ มหากาพย์เรอ่ื ง
น้จี ารึกไว้ในแผ่นดินเหนยี วในหอเก็บจารกึ ของกษตั ริย์แหง่ อสั ซเี รีย เมื่อราวศตวรรษท่ี 7 กอ่ นครสิ ตกาล

ภาพท่ี 1.4 จารึกมหากาพย์กิลกาเมช ที่เกย่ี วข้องกับเหตกุ ารณน์ ้ำท่วมโลก
ทม่ี า : https://th.wikipedia.org/wiki /File:GilgameshTablet.jpg

คำถามกรอบท่ี 3 1.ชาวสเุ มเรยี น ประดิษฐ์อักษรเรียกว่าอะไร
(ชนชาตสิ เุ มเรียน) ตอบ……………………………………………………
2. การสร้างซิกแู รตมวี ตั ถุประสงคเ์ พื่ออะไร
ตอบ……………………………………………………
3. วรรณกรรมทีเ่ ด่นท่ีสุดของชาวสุเมเรยี นคอื อะไร
ตอบ……………………………………………………

[นายอไุ ทย โกยชยั ] หนา้ 12 [บทเรยี นสำเรจ็ รปู เร่ือง อารยธรรมโลกสมยั โบราณ] 13

[เลม่ ท1ี่ อารยธรรมเมโสโปเตเมีย]

คำตอบกรอบที่ 3 (ชนชาติสเุ มเรียน)
1. คนู ิฟอรม์ 2. ใช้ประกอบพิธีกรรมทางศาสนา 3. มหากาพย์กิลกาเมช

➢ อมอไรท์

ชาวอมอไรท์หรือชาวบาบิโลเนีย ประมาณปี 2,000 ก่อนคริสตกาล อมอไรท์เป็นเซมิติคเร่ร่อนจาก
ซีเรียเข้ารุกรานดินแดนตะวันตกของอัคคัต ภายใต้การนำของฮัมมูราบี (Hummurabi1792-1750 B.C.)
กษัตรยิ ์องค์ที่ 6 ของอมอไรท์ ได้รวมดินแดนซเู มอร์-อคั คตั เขา้ ดว้ ยกัน ก่อตัง้ จกั รวรรดิบาลิโลเนียคร้ังท่ีหนึ่งขึ้น
(The First Babylonian Empire) ท่ีเมืองบาบิโลน (Badylon) บนฝั่งแม่น้ำยูเฟรตีสเป็นเมืองหลวงสมัยของ
กษัตริยฮ์ มั มูราบี คอื ยคุ ทองของจักรวรรดบิ าบโิ ลน

บาบโิ ลนเขม้ แขง็ ข้นึ ตามลำดับจนได้เป็นนครใหญ่ของอาณาจกั รเมโสโปเตเมียท้ังหมด ต่อมาเปน็ ท่ีรูจ้ ัก
กนั แพร่หลายวา่ จักรวรรดิบาบโิ ลเนีย พวกบาบิโลนสามารถเอาชนะบรรดาเพื่อนบ้านคือพวกอคั คาเดียน และสุ
เมเรียนได้

พระเจ้าฮัมมูราบีทรงเปน็ กษัตริย์ท่ีสามารถรวบรวมดนิ แดนแม่น้ำไทกริส - ยูเฟรตีส เข้าไว้ในอำนาจแต่
เพียงผู้เดียว และสถาปนารัฐบาลที่เข้มแข็งขึ้นปกครองบาบิโลนซ่ึงครั้งหนึ่งเคยเป็นเพียงเมืองเล็กๆ ท่ีไม่มี
ความหมายนักกลายเป็นศูนยก์ ลางของนกั ปราชญ์ราชบนั ฑิตเป็นจกั รวรรดิบาบโิ ลเนียแรก (First Babylonian
Empire) ทรงปกครองอยู่ 43 ปี (1792-1750 B.C.)

คำถามกรอบที่ 3(อมอไรท์)

ผมเพิง่ ทราบนะครบั ว่า ชาวอมอไรท์ เปน็ ชนเผ่าใด และเรร่ ่อนมาจากท่ีใด
พระเจ้าฮัมมูราบี คือกษัตริย์ ตอบ…………………………………………………………………
ที่สามารถรวบรวมดนิ แดน
แม่น้ำไทกรีส – ยเู ฟรตีส

…………………………………………………………………..........................………….

[นายอุไทย โกยชยั ] หนา้ 13 14[บทเรยี นสำเร็จรปู เรือ่ ง อารยธรรมโลกสมัยโบราณ]

[เล่มท่ี1 อารยธรรมเมโสโปเตเมีย]

คำตอบกรอบที่ 3 (อมอไรท)์
เซมติ ิค เร่รอ่ นมาจากซเี รยี

ผมอยากรู้ว่าประมวลกฎหมาย
ฮัมบรู าบมี ีการตัดสนิ อย่างไรครับ

ถ้าหนูอยากรู้ ก็ลองอา่ น
จากกรอบน้ไี ด้เลยจะ๊

ประมวลกฎหมายฮมั บรู าบี
1. คล้ายกฎหมายของพวกสุเมเรียน คือ อาศยั หลัก Lextalionis คือ ใชล้ ัทธิสนองตอบ คือ
“ตาต่อตา ฟันตอ่ ฟัน” (An eye for an eye , a tooth for a tooth)
2. มีความเปล่ยี นแปลงไปจากกฎหมายของพวกสเุ มเรยี น คอื การใหค้ วามยตุ ิธรรมนั้นต้องเปน็ หน้าที่
ของรัฐ (การใหค้ วามยุตธิ รรมในสมัยแรกเรม่ิ น้ันเปน็ หนา้ ที่ของบุคคล)
3. ให้สทิ ธิแก่สตรี สตรีมสี ิทธฟิ อ้ งสามีได้
4. การค้าขายจะตอ้ งไดพ้ ระบรมราชานญุ าต จำกัดกำไรใหเ้ พยี ง 20%
5. กำหนดเวลาการตกเปน็ ทาสหนี้สนิ เพยี ง 3 ปี
สรุปหลักของประมวลกฎหมายฮมั มูราบี แสดงแนวคิดท่ีจะใหค้ วามยตุ ิธรรมแก่ผคู้ นในสังคม
หลักดังกล่าว คือ ตาต่อตา ฟันต่อฟัน ในการลงโทษผู้กระทำความผิด โดยผู้ใดทำความผิดอย่างไร
ก็จะได้รับโทษอย่างน้ัน ซึ่งแนวคิดท่ีจะให้ความยุติธรรมแก่ผู้คนในสังคมน้ี ได้เป็นรากฐานของ
เจตนารมณ์ของกฎหมายในประเทศต่างๆ ในปจั จบุ นั

คำถามกรอบท่ี 3(อมอไรท)์

ตอบคำถามใหถ้ กู
❖ ประมวลกฎหมายฮัมบรู าบี มลี ักษณะเด่นอยา่ งไร นะครบั เพ่ือนๆ….

ตอบ ……………………………………………………………………

[นายอุไทย โกยชยั ] หนา้ 14 15[บทเรยี นสำเรจ็ รปู เรือ่ ง อารยธรรมโลกสมัยโบราณ]

[เล่มที่1 อารยธรรมเมโสโปเตเมยี ]

คำตอบกรอบที่ 3 (อมอไรท)์
ตาตอ่ ตา ฟันต่อฟนั

➢ อัสซเี รียน

อาณาจักรอัสซเี รยี นไดร้ ับอารยธรรมจากสุเมเรยี น เช่นเดยี วกบั บาบิโลเนีย เพราะฉะนั้น ศิ ล ป ก ร ร ม
ของอาณาจักรเหลา่ นี้มีลักษณะคล้ายคลงึ กัน ชนเผ่าอสั ซีเรียมีนิสัยท่ีโหดร้ายทารณุ ตรงข้ามกบั ชาวบาบิโลเนยี มี
นิสัยท่ีอ่อนโยนและสุภาพ แต่เป็นส่ิงน่าแปลกมากท่ีชาวอสั ซีเรียนกลบั เป็นพวกที่มีอารยธรรมสูงไม่แพ้ชาวเมโส
โปเตเมียกลมุ่ อน่ื ๆ ผลงานทส่ี ำคัญ ได้แก่

1. แผ่นจารึก

ทน่ี กั โบราณคดไี ด้ค้นพบนั้นแสดงใหเ้ ห็นวา่ ชนกลุ่มนมี้ คี วามสามารถในการแตง่ บทประพันธ์และตำนาน
ต่าง ๆ โดยจารึกเป็นอักษรคูนิฟอร์ม (Cuneiform) เก็บไว้ในสถานท่ีที่เราอาจจะเรียกได้ว่าเป็นห้องสมุด การ
เขียนหนังสือของคนพวกนี้ใช้วิธีเดียวกับชาวสเุ มเรียและชาวบาบิโลเนีย โดยใช้เหล็กจารึกลงบนดินเหนียวแล้ว
นำไปเผาไฟ แผ่นจารึกอักษรคูนิฟอร์มแบบนี้นอกจากจะเป็นบันทึกในทางประวัติศาสตร์ ตำนาน และคำ
ประพันธแ์ ลว้ บางชิ้นยังมีลักษณะเป็นจดหมายสอ่ื สารอีกด้วย เพราะเหตุว่าแผน่ จารึกที่เป็นจดหมายเหล่าน้ีจะ
ถูกเก็บไวใ้ นกอ้ น ดินเผา ซ่ึงทำหน้าที่เหมือนกับซองจดหมายเวลาเขย่าจะมีเสียงดัง เพราะฉะนั้น เวลาจะอ่าน
จดหมายเหลา่ น้จี ำเปน็ ตอ้ งทบุ ส่วนนอกก่อน แลว้ จึงจะพบตวั จดหมาย

คำถามกรอบท่ี 3(อัสซเี รยี น)

1. ลักษณะนสิ ยั ของชนเผา่ อัสซเี รียน เปน็ แบบใด
ตอบ …………………………………….............................................................

2. การเขียนหนงั สอื จารึก เปน็ อกั ษรคนู ิฟอร์ม ของชนเผ่าอัสซเี รีย ใชว้ ธิ กี ารใด
ตอบ …………………………………….............................................................

[นายอไุ ทย โกยชัย] หนา้ 15 16[บทเรยี นสำเรจ็ รูป เร่อื ง อารยธรรมโลกสมัยโบราณ]

[เล่มท่ี1 อารยธรรมเมโสโปเตเมีย]

คำตอบกรอบท่ี 3(อัสซีเรียน)
1. โหดร้ายทารุณ 2. ใชเ้ หล็กจารกึ ลงบนดินเหนียวแลว้ นำไปเผาไฟ

2. สถาปตั ยกรรม
ท่สี ำคัญท่ีสุดและแสดงให้เห็นถึงอำนาจอันย่ิงใหญ่ของอาณาจกั รอัสซีเรยี น สามารถดูได้จากพระราชวัง
ของพระเจ้าซาร์กอน (Sargon) ท่ีคอร์ซาบัด (Khorsabas) พระราชวังน้ีสร้างประมาณ 2,340 - 2,180
B.C. กอ่ เป็นกำแพงสงู ทบึ เป็นชั้น ๆ ขน้ึ ไป นกั โบราณคดีหลายทา่ นสันนิษฐานว่าการท่ีกอ่ สร้างตกึ สงู เป็นชั้น ๆ
โดยมีพระราชวังอยชู่ ั้นบนน้ันเพื่อให้พ้นจากภัยน้ำท่วมครั้งใหญ่ ตัวกำแพงท่ีทำหน้าที่ค้ำตัวอาคาร และบรรดา
ป้อมค่ายต่างๆ เหล่าน้ี ล้วนมีรูปทรงเรขาคณิต โดยเฉพาะส่วนโค้งนับว่าเป็นรูปแบบท่ีสำคัญท่ีสุดในการสร้าง
พระราชวงั พวกอัสซีเรีย พวกเขาสามารถสร้างให้สว่ นโคง้ กับตัวอาคารอ่ืน ๆ มคี วามสอดคล้องและสมั พันธ์กัน
การท่ีชาวอัสซีเรียได้นำเอาลักษณะโค้งเข้ามาใช้ในสถาปัตยกรรมน้ีเอง ทำให้นักโบราณคดีส่วนมากเชื่อว่า
ศลิ ปกรรมของเมโสโปเตเมีย เป็นพ้ืนฐานทางศิลปกรรมของพวกอียปิ ต์ และยโุ รปในสมัยตอ่ มา

ภาพท่ี 1.5 พระราชวงั ของพระเจ้าซาร์กอน
ทมี่ า : http://www.thaigoodview.com

คำถามกรอบท่ี 3(อัสซีเรยี น)

❖ ลักษณะเด่นของพระราชวังของพระเจ้าซารก์ อนเป็นแบบใด
ตอบ …………………………………….............................................................

[นายอุไทย โกยชัย] หนา้ 16 17[บทเรียนสำเรจ็ รูป เร่ือง อารยธรรมโลกสมยั โบราณ]

[เลม่ ที่1 อารยธรรมเมโสโปเตเมีย]

คำตอบกรอบที่ 3 (อัสซเี รียน)
สร้างให้สว่ นโค้งกบั ตัวอาคารอ่ืนๆ มีความสมั พันธส์ อดคล้องกัน

3. การสลักภาพนนู ต่ำ( base relief )
เป็นมรดกทางศลิ ปกรรมทีส่ ำคัญ แสดงภาพเก่ียวกบั ชีวิตประจำวนั ของชาวอสั ซเี รีย ไดแ้ ก่ การล่าสัตว์
การทำสงคราม ศิลปวฒั นธรรมเจรญิ สูงสดุ ในสมยั พระเจ้าอสั ซูร์บานิปาล
4. หอ้ งสมุดนิเนเวห์
มีการเกบ็ รวบรวมงานเขียนที่เป็นแผน่ จารึกตา่ ง ๆไวถ้ งึ 22,000 แผน่ นับเป็นห้องสมุดท่ีมีขนาดใหญ่
ที่สุดสมัยนนั้ สรา้ งโดยพระเจา้ อัสซรู ์บานปิ าล

ภาพท่ี 1.6 การสลกั ภาพนูนต่ำ ( base relief ) ภาพท่ี 1.7 ห้องสมุดนเิ นเวห์

ทมี่ า: https://writer.dek-d.com

คำถามกรอบที่ 3(อัสซเี รียน)

❖ ใครเป็นผู้สร้างหอ้ งสมดุ นเิ นเวห์
ตอบ …………………………………….............................................................

[นายอไุ ทย โกยชยั ] หนา้ 17 18[บทเรียนสำเรจ็ รปู เรอื่ ง อารยธรรมโลกสมัยโบราณ]
คคคคคต9ต9[เลต่ม1ท่ี11อ9ารยธรรมเมโสโปเตเมีย]

คำตอบกรอบท่ี 3 (อสั ซีเรยี น)
พระเจ้าอัสซูรบ์ านิปาล

➢ คาลเดียน

เม่ือ 612 ปีกอ่ นคริสต์ศักราช พวกคาลเดียน (Chaldean) ซ่ึงเป็นชนเผา่ ฮีบรูทางทิศตะวันออกเฉียงใต้
ของลุ่มแมน่ ้ำไทกรสิ -ยเู ฟรทีสก็สามารถเข้ายึดกรงุ นิเนเวหไ์ ด้สำเร็จ และสถาปนากรุงบาบิโลนข้ึนเป็นเมอื งหลวง
อีกครั้งหน่ึง และจัดต้ังเป็นอาณาจักรบาบิโลเนียขึ้นมา อาณาจักรบาบิโลเนียใหม่เป็นอาณาจักรที่รุ่งเรือง
มาก อาณาจักรคาลเดียนรับวัฒนธรรมจากดินแดนเมโสโปเตเมียเพียงอย่าง เดียว คือ วัฒนธรรมด้านภาษา
นอกจากน้ันเป็นวฒั นธรรมของชาวแคลเดยี นเองทั้งสิน้

1. สถาปัตยกรรม สถาปัตยกรรมเจริญขีดสุดในสมัยกษัตริย์เนบูคัสเนซซาร์ ผลงานคือ สวนลอยแห่ง
บาบิโลน (The Hanging Garden of Babylon) ตำนานกล่าวไว้ว่า สวนลอยแห่งบาบิโลนสร้างข้ึนประมาณ
ศตวรรษท่ี 9 กอ่ นคริสตกาล โดยคำ บัญชาของกษัตรยิ ์"เนบูคัสเนซซาร์"เพื่อเป็นของขวัญแก่นางอามิธีส ราชินี
ชาวเปอร์เซียของพระองค์ซ่ึงถือได้ว่าเป็นสิ่งมหัศจรรย์ของโลกยุคโบราณเพราะสามารถใช้ความรู้ในการ
ชลประทาน ทำใหส้ วนลอยนเ้ี ขียวขจีไดต้ ลอดทง้ั ปี

ภาพท่ี 1.8 สวนลอยแหง่ บาบโิ ลน (The Hanging Garden of Babylon)
ท่ีมา: https://sites.google.com/a/samakkhi.ac.th/gilgamesh-of-babylon/

[นายอไุ ทย โกยชยั ] หนา้ 18 19[บทเรียนสำเร็จรูป เร่อื ง อารยธรรมโลกสมยั โบราณ]

[เลม่ ที่1 อารยธรรมเมโสโปเตเมยี ]

2. ดา้ นวิทยาศาสตร์
พวกคาลเดียนในบาบิโลเนียใหม่ เริ่มต้นงานด้านวิทยาศาสตร์ โดยเฉพาะอย่างย่ิงทางดาราศาสตร์
มีการแบ่งสัปดาห์ออกเป็น 7 วัน แบ่งวันออกเป็น 12 คาบคาบละ 120 นาที และยังสามารถพยากรณ์
สุริยุปราคาตลอดจนคำนวณเวลาการโคจรของดวงอาทติ ยใ์ นรอบปีได้อย่างถูกตอ้ ง ชาวคาลเดียนเป็นชาติแรกที่
รเิ ริ่มนำความรทู้ างดาราศาสตร์มาทำนายโชคชะตาของมนษุ ย์
ต่อมา 539 ปีก่อนคริสตกาล กองทัพเปอร์เซีย โดยการนำของพระเจ้าไซรัสมหาราช(Cyrus The
Great 559 – 530 ปีก่อนคริสตกาล) ได้ยึดครองอาณาจักรคาลเดียหรือบาบิโลเนียใหม่เป็นส่วนหนึ่งของ
จักรวรรดเิ ปอร์เชยี นับว่าดินแดนแถบเมโสโปเตเมยี ในยุคโบราณได้สิ้นสุดลงไปด้วย

คำถามกรอบท่ี 3
(คาลเดยี น)

1. อาณาจกั รคาลเดยี นรบั วัฒนธรรมจากดินแดนเมโสโปเตเมยี เพียงอย่างเดียวคอื อะไร
ตอบ …………………………………….............................................................
2. สวนลอยแห่งบาบิโลน (The Hanging Garden of Babylon) สรา้ งขึ้นในสมยั ใด
ตอบ …………………………………….............................................................
3. อาณาจักรคาลเดียหรือบาบิโลเนียใหม่สน้ิ สุดลงดว้ ยสาเหตใุ ด
ตอบ …………………………………….............................................................

20[บทเรยี นสำเร็จรูป เร่ือง อารยธรรมโลกสมยั โบราณ]

[เล่มที่1 อารยธรรมเมโสโปเตเมยี ]

คำตอบกรอบท่ี 3 (คาลเดยี น)
1. วัฒนธรรมดา้ นภาษา
2. กษตั รยิ "์ เนบูคัสเนซซาร"์
3. กองทัพเปอร์เซีย โดยการนำของพระเจ้าไซรัสมหาราช(Cyrus The Great 559
– 530 ปีก่อนคริสตกาล) ได้ยดึ ครองอาณาจกั รคาลเดียหรอื บาบโิ ลเนียใหม่เป็นสว่ น
หนง่ึ ของจกั รวรรดิเปอรเ์ ชีย

กรอบท่ี 4 อารยธรรมของชนชาติในเอเชยี ไมเนอร์และดนิ แดนใกล้เคยี ง

ชนชาติเก่าแก่ในเอเชียไมเนอร์ (หมายถึง ดินแดนในภูมิภาคเอเชียตะวันตกเฉียงใต้ ซึ่งอยู่ระหว่าง
ทะเลดำ ทะเลเมดิเตอร์เรเนียน และอ่าวเปอร์เซีย) และใกล้เคียงที่มีส่วนสร้างสรรค์อารยธรรมตะวันตก
ประมาณ 1,200-700 ปี ก่อนคริสต์ศกั ราช ได้ถา่ ยทอดความเจรญิ ให้กับอารยธรรมตะวันตก มดี ังน้ี

➢ เปอรเ์ ซีย

ชนเผา่ เปอรเ์ ซีย ซ่ึงเป็นกลุ่มชนที่ใช้ภาษาอนิ โด-ยูโรเปยี น มีถ่นิ ฐานเดิมอยู่บรเิ วณทางเหนอื ของทะเลดำ
ไดก้ อ่ ตัวและขยายอำนาจครอบครองอารยธรรมโบราณอื่นๆ และได้กา้ วขึ้นมามีบทบาทเป็นศูนย์กลางของความ
เจรญิ รุ่งเรอื งของโลกยุคโบราณ ภายใตก้ ารปกครองของพระเจ้าไซรัสมหาราช พระองคไ์ ดด้ ำเนินนโยบายขยาย
ดินแดนของเปอร์เซียออกไปอย่างกว้างขวาง มีอาณาจักรกว้างใหญ่ไพศาลกลายเป็นจุดศูนย์กลางของการ
เชื่อมโยงดินแดนท้ังเอเชียตะวันออก เอเชียกลาง อินเดีย อียิปต์และดินแดนแถบเมดิเตอร์เรเนียน จนทำให้
เปอรเ์ ซียกลายเปน็ จกั รวรรดิใหญแ่ ห่งแรกหลงั การลม่ สลายของอาณาจักรยคุ โบราณ

คำถามกรอบท่ี 4
(เปอรเ์ ซีย)

❖ ชนเผ่าเปอร์เซีย เปน็ กลมุ่ ชนท่ใี ช้ภาษาใด
ตอบ……………………………………...................

ภาพท่ี 1.9 พระเจ้าไซรัสมหาราช
ท่มี า: https://sites.google.com/site/phensirikm/neuxha-bth-reiyn/xarythrrm-pexrseiy

[นายอไุ ทย โกยชัย] หนา้ 19 21[บทเรยี นสำเรจ็ รปู เรือ่ ง อารยธรรมโลกสมัยโบราณ]

[เลม่ ที่1 อารยธรรมเมโสโปเตเมีย]

คำตอบกรอบที่ 4 (เปอรเ์ ซีย)
ภาษาอินโด – ยโู รเปียน

ชาวเปอร์เซียได้พัฒนาความคิดความเช่ือเก่ียวกับเท พเจ้าขึ้นได้เป็นระบบศาสนาข้ึนมาคือ
“ศาสนาโซโรอัสเตอร์” (Zoroaster) เป็นศาสนาที่สอนให้นบั ถือบูชาเทพเจา้ สูงสดุ ชื่อว่ “อหุระมาสดา”(Ahura
Mazda) เป็นเทพแห่งปัญญา รวมถึงเป็นเทพเจ้าผู้สร้าง ดังคาถาท่ีปรากฏในคัมภีร์ อเวสตะ ซ่ึงเป็นคัมภีร์ของ
ศาสนาโซโรอัสเตอร์ว่า “อหุระ มาสดา ผู้ทรงสร้าง มีรัศมีรุ่งโรจน์ ยิ่งใหญ่ท่ีสุด ดีที่สุด งามที่สุด มั่งคงที่สุด
ฉลาดท่ีสุด เปน็ วญิ ญาณที่มีมหากรณุ าที่สุด”

ภาพท่ี 1.10 เทพเจ้าสูงสดุ “อหรุ ะ มาสดา” (Ahura Mazda)
ท่ีมา:https://www.baanjomyut.com

คำถามกรอบที่ 4
(เปอรเ์ ซยี )

❖ ชนเผา่ ชาวเปอรเ์ ซียนบั ถอื ศาสนาใด
ตอบ……………………………………...............................
...............

22[บทเรียนสำเร็จรปู เรือ่ ง อารยธรรมโลกสมัยโบราณ]

[เล่มท่ี1 อารยธรรมเมโสโปเตเมีย]

คำตอบกรอบที่ 3 (เปอร์เซยี )
ศาสนาโซโรอสั เตอร์

ศาสนาโซโรอสั เตอร์นีบ้ างครง้ั เรียกว่า “ลัทธิบูชาไฟ” ในวิหารจะมพี ระคอยจดุ ไฟศักดส์ิ ิทธ์ิให้ลุกช่วงอยู่
ตลอดเวลา “เป็นการจำเป็นที่จะต้องระวังรักษาอาคารบูชาไฟไว้ให้ดแี ละคอยระวงั มใิ ห้ไฟดับได้ สง่ิ ที่ไม่สะอาด
ไมบ่ รสิ ุทธิ์อย่าเอาใสเ่ ขา้ ไปในไฟ และจะต้องให้สตรีมรี ะดูอยู่ห่างจากที่บชู าไฟ 3 กา้ ว” ชาวเปอร์เซียได้รับอทิ ธิ
จากคำสอนของศาสนาโซโรอัสเตอร์ว่า โลกประกอบด้วยส่ิงสองด้าน คือ ดีและชั่ว เทพเจ้าอหุระ มาสดา คือ
ตวั แทนของความดี และเทพอาห์รมิ ัน (Ahriman) คือตัวแทนของความชว่ั ร้าย ต่อสู้กันในท่ีสดุ ฝา่ ยดจี ะเปน็ ฝ่าย
มีชัยเหนือฝ่ายชั่ว ชะตากรรมของมนุษย์จึงขึ้นอยู่กับการเลือกว่าจะทำดีหรือชั่ว แนวความคิดน้ีมีอิทธิพลต่อ
ศาสนายูดายหรือยิวและคริสต์ศาสนา รวมทั้งความเช่ือในเรื่องเทวดา นางฟ้า วันสิ้นโลก และการไปสู่สวรรค์
และนรกในเวลาต่อมา และประมาณคริสต์ศตวรรษท่ี 7 มุสลิมได้แผ่ขยายอำนาจเข้ามาครอบครองดินแดน
เปอร์เซีย อาณาจกั รแห่งนี้จึงตกอยูภ่ ายใต้การปกครองของศาสนาอิสลาม และแนวความคดิ จากศาสนาโซโรอัส
เตอรก์ ม็ ผี ลตอ่ การพัฒนาแนวความคิดและหลกั คำสอนของศาสนาอสิ ลาม

คำถามกรอบที่ 3
(เปอรเ์ ซีย)

❖ ศาสนาโซโรอัสเตอร์มหี ลกั คำสอนอย่างไร
ตอบ…………………………………….........................................
ภาพท่ี 1.11 กษัตรยิ ต์ ่อสกู่ บั อาห์ริมนั หรือวญิ ญาณ..ฝ..า่.ยรา้ ย
ท่ีมา:https://www.baanjomyut.com

23[บทเรียนสำเรจ็ รูป เร่ือง อารยธรรมโลกสมัยโบราณ]

[เล่มท1ี่ อารยธรรมเมโสโปเตเมีย]

คำตอบกรอบท่ี 3 (เปอร์เซยี )
โลกประกอบด้วยส่ิงสองดา้ น คอื ดแี ละชว่ั

➢ ฟนี ิเชียน

ฟีนิเชียน (Phoenicians) ระหว่างปี 1000-700 ปีก่อนคริสต์ศักราช พวกฟีนิเชยี นอาศัยอยู่ในดินแดน
ฟินิเชียซึ่งเป็นท่ีตั้งของประเทศเลบานอนปัจจุบัน และมีการปกครองแบบนครรัฐ ลักษณะที่ตั้งมีเทือกเขา
สลับซับซ้อนกั้นระหว่างที่ราบแคบๆ ซึ่งขนานกับชายฝั่งทะเลเมดิเตอร์เรเนียนกับดินแดนอื่นๆ ทำให้พวก
ฟนี เิ ชยี นไม่สามารถขยายดินแดนของตนออกไปได้ จงึ ดำรงชวี ิตด้วยการเดนิ เรือและค้าขายทางทะเล

นอกจากมีชอ่ื เสียงในด้านการค้าแล้ว ชาวฟีนิเชยี นยังมีช่ือเสยี งในด้านอุตสาหกรรมต่อเรอื ซ่ึงทำจากไม้
ซีดาร์ท่ีมี อยู่มากบนเทือกเขาในเลบานอนและการทำอุตสาหกรรมเคร่ืองใช้จากแร่โลหะต่างๆ เช่น ทองคำ
ทองแดง ทองเหลือง แร่เงิน และเครอื่ งแก้ว นอกจากนี้ยังริเริ่มการทอผ้าขนสตั ว์และย้อมผา้ รวมท้ังได้จับจอง
อาณานิคมในเขตทะเลเมดิเตอร์เรเนียนจำนวนมาก เพ่ือเป็นศูนยก์ ลางการค้าของตน เช่น เกาะซิซลี ี ซาร์ดเิ นีย
และมอลตา อน่ึง ชาวฟีนิเชียนจำเป็นต้องใช้เอกสารและหลักฐานในการติดต่อค้าขายจึงได้พัฒนาตัวอักษร
เฮียราติกและคูนิฟอร์ม และจากอักษรโบราณของอียิปตจ์ ำนวนรวม 22 ตวั อักษรฟีนิเชียนจึงเป็นมรดกทาง
อารยธรรมท่สี ำคญั ของโลกตะวันตก ชาวกรีกและโรมนั ได้นำไปใช้จนถึงปัจจบุ ัน

ภาพท่ี 1.12 แผ่นศลิ าจารกึ อกั ษรฟินิเชยี น คำถามกรอบท่ี 3
มีอายรุ าว 900 ปีก่อนคริสตกาล ถกู ค้นพบโดย (ฟนิ ีเซยี น)
นกั โบราณคดีชาวเยอรมนั ในปลายคริสต์ศตวรรษที่ 19
ที่มา:https://th.wikipedia.org ❖ เหตุใดชาวฟินีเชยี นจึงตอ้ งพฒั นา
ตัวอกั ษรโบราณของอียิปตม์ าใช้

ตอบ……………………………………..................
............................
สอนอยา่ งไร

24[บทเรียนสำเร็จรปู เรอ่ื ง อารยธรรมโลกสมยั โบราณ]

[เลม่ ท่ี1 อารยธรรมเมโสโปเตเมีย]

คำตอบกรอบท่ี 3 (ฟินีเชยี น)
เพื่อใชเ้ ป็นเอกสารและหลักฐานในการติดต่อค้าขาย

เพอ่ื นๆคทา้ รขาาบยหรอื ไมว่ า่ ชาวฮีบรูนน้ั ไดส้ ร้างสรรคอ์ ารยธรรม

อะไรไวบ้ นโลกนบี้ ้าง ถา้ อยากร้อู า่ นกรอบตอ่ ไปเลยครบั

➢ ฮีบรู
ชาวฮีบรูหรือยิว (Hebrews) เป็นชนเผ่าเซมิตกิ ทเ่ี รร่ ่อนอยู่ในดินแดนต่างๆ เคยอาศัยอยใู่ นเขตซูเมอร์

กล่าวกันวา่ โมเสส (Moses) เปน็ ผ้นู ำคนสำคัญได้ปลดแอกชาวฮีบรูจากการเป็นทาสของอียิปต์ และพาชาวฮบี รู
ท้ังหมดอพยพไปต้ังถิ่นฐานในดินแดนแห่งคำม่ันสัญญา(The promised land )อันได้แก่ ดินแดนปาเลสไตน์
(Palestine) หรือแคนาน (Canaan) ท่ีเชื่อกันวา่ เป็นดินแดนที่พระเจ้าของบรรพบุรุษอับราฮัมหรือพระเยโฮวา
(Yehovah) ทรงประทานให้ชนชาตินมี้ ีกษัตริยท์ ี่มีความสามารถและสร้างความเจริญใหแ้ ก่อาณาจักรคอื กษัตรยิ ์
เดวิดและกษัตริย์โซโลมอน

อารยธรรมท่ีชาวฮีบรูได้มอบให้แก่โลกคือ ศาสนาของพวกฮีบรู หรือท่ีเรียกว่าศาสนายูดาย
(Judaism) เป็นศาสนาที่เน้นการบูชาพระเจ้าองค์เดียว ซ่ึงได้แก่ พระเยโฮวา การนับถือพระเจ้าองค์เดียวของ
ชาวฮีบรูเป็นต้นกำเนิดของศาสนาท่ีสำคัญของโลก คือ ศาสนายูดายหรอื ศาสนายวิ คริสตแ์ ละอิสลาม อาจกล่าว
ได้ว่าพระคัมภีร์ของพวกฮีบรูเป็นวรรณกรรมที่ย่ิงใหญ่ที่สุดเร่ืองหน่ึงและเป็นผลงานท่ีส่งเสริมความเจริญของ
อายธรรมตะวนั ตกในดา้ นภาษา ชวี ติ ความเปน็ อยแู่ ละทศั นคตใิ นการครองชีพมากทสี่ ดุ

ชาวยิวมีกฎหมาย วรรณกรรม และศาสนาของตนเอง ประมวลกฎหมายเรียกว่า “กฎหมายโมเสส”
วรรณกรรมท่ีสำคัญคือคัมภีรไ์ บเบิล ซ่ึงประมวลกฎหมายเรือ่ งราวตง้ั แต่การกำเนิดของโลกมนษุ ย์ จนกระทั่งถึง
พฒั นาการทางประวัตศิ าสตรข์ องชนชาติยิว คมั ภีร์ไบเบิลฉบับนเี้ ป็นหลักฐานทางประวตั ิศาสตร์ทีส่ ำคัญและเป็น
ภาคพระคมั ภีร์เก่า (Old Testament) ในคัมภรี ์ไบเบิลของศาสนาคริสตด์ ว้ ย

คำถามกรอบที่ 3 ❖ ชาวฮีบรูเปน็ ต้นกำเนิดของศาสนาทส่ี ำคญั ของโลก คือ
(ฮบี รู) ศาสนาใดบา้ ง

ตอบ…………………………………….......................................

.......

25[บทเรยี นสำเรจ็ รปู เรอ่ื ง อารยธรรมโลกสมัยโบราณ]

[เลม่ ที่1 อารยธรรมเมโสโปเตเมยี ]

คำตอบกรอบที่ 3 (ฮีบร)ู
ศาสนายูดาย ครติ ส์ และอิสลาม

แบบทดสอบหลงั เรยี น(Post -test)
เรอื่ ง อารยธรรมเมโสโปเตเมยี

1. ดนิ แดนรูปพระจันทร์เสย้ี ว หมายถงึ ดินแดนใด
ก. ทร่ี าบลุ่มแมน่ ำ้ ไนล์
ข. ทรี่ าบลุ่มแม่นำ้ สินธุ
ค. ทีร่ าบลุ่มแม่น้ำฮวงโห
ง. ทีร่ าบล่มุ แมน่ ้ำไทกรีส-ยูเฟรตีส

2. การใช้เลข 60 และ 24 กำหนดเวลาเป็นนาที ชั่วโมงและวัน เกดิ ขนึ้ ในสมยั ใด
ก. สเุ มเรียน
ข. คาลเดียน
ค. อัสซีเรยี น
ง. ฟินิเชยี

3. ชนกลมุ่ แรกท่ีสร้างสรรค์อารยธรรมเมโสโปเตเมีย คือขอ้ ใด
ก. ฮิบรู
ข. คาลเดยี น
ค. สุเมเรยี น
ง. บาบิโลเนยี น

4. กฎหมายท่ีมีลักษณะ “ตาต่อตา ฟันตอ่ ฟัน”ของพระเจ้าฮมั บรู าบี เป็นผลงานของชนชาติใด
ก. สุเมเรยี น
ข. คาลเดียน
ค. อมอไรท์
ง. เปอรเ์ ซีย

26[บทเรียนสำเรจ็ รูป เรอื่ ง อารยธรรมโลกสมยั โบราณ]

[เล่มท1ี่ อารยธรรมเมโสโปเตเมยี ]

5. สวนลอยแห่งบาบโิ ลน เปน็ สถาปัตยกรรมทีไ่ ด้รบั ยกย่องใหเ้ ป็นสงิ่ มหัศจรรยข์ องโลกสมยั โบราณ
เพราะความรู้ความสามารถของชาวคาลเดียนในด้านใด

ก. ดาราศาสตร์
ข. ประตมิ ากรรม
ค. วทิ ยาศาสตร์
ง. การชลประทาน
6. เพราะเหตใุ ดจึงถือว่าประมวลกฎหมายของพระเจ้าฮัมมูราบีเปน็ มรดกทางอารยธรรมช้นิ สำคัญของโลก
ก. เป็นประมวลกฎหมายฉบบั แรกของโลก
ข. มบี ทลงโทษทรี่ นุ แรงซ่งึ ชว่ ยลดจำนวนผู้เปน็ ภัยต่อสังคม
ค. เปน็ เครอ่ื งแสดงว่าอำนาจรัฐเข้มแข็งพอที่จะบังคับพลเมืองได้แล้ว
ง. เป็นแบบอยา่ งของความพยายามท่จี ะใหเ้ กิดความยุติธรรมในการปกครอง
7. ขอ้ ใดแสดงถงึ ความเจริญร่งุ เรอื งของในศิลปวฒั นธรรมและภูมิปัญญาสมัยจักรวรรดิอสั ซีเรียน
ก. ห้องสมุดเมอื งนเิ นเวห์
ข. ความรู้ทางดาราศาสตร์
ค. ความเข้มแขง็ ทางการทหาร
ง. หนงั สือสรรพวชิ าทำด้วยกระดาษ
8. การประดษิ ฐอ์ กั ษรลิ่มและการสร้างวหิ ารซิกกแู รตของชาวสุเมเรยี น สะท้อนใหเ้ ห็นถึงปจั จัย
สภาพแวดลอ้ มทางธรรมชาตใิ นข้อใด
ก. อิทธพิ ลของธรรมชาตเิ หนือมนษุ ยจ์ ึงมีการประดษิ ฐอ์ ักษรศกั ดส์ิ ิทธ์ิ
ข. สภาพแวดลอ้ มทโ่ี หดร้ายมภี ัยธรรมชาติท่มี นุษยต์ อ้ งพ่ึงพาศาสนา
ค. สภาพแวดล้อมท่เี ปน็ ทีร่ าบลมุ่ แม่นํ้าดินเป็นดินเหนยี วจงึ นาํ มาใช้เป็นวสั ดุ
ง. ความอุดมสมบูรณ์ของธรรมชาตดิ ึงดูด มนุษย์จึงมาตงั้ ถน่ิ ฐาน สร้างสรรค์วัฒนธรรม

27[บทเรยี นสำเร็จรูป เรอ่ื ง อารยธรรมโลกสมัยโบราณ]

[เลม่ ท่ี1 อารยธรรมเมโสโปเตเมีย]

9. ผลงานการสรา้ งสรรคข์ องชนชาตฮิ ิบรูที่ส่งผลถงึ ปัจจุบันคอื อะไร
ก. อักษรอัลฟาเบต
ข. การเพาะปลกู ในทะเลทราย
ค. การขุดคลองเพอ่ื ระบายนํ้า
ง. กําเนิดศาสนายดู ายหรือศาสนายวิ ครสิ ตแ์ ละอิสลาม

10. เหตุใดชาวฟนี ิเชยี นจงึ ต้องมกี ารพฒั นาตัวอักษรโบราณของอยี ปิ ต์ 22 ตัว มาใช้
ก. อักษรอยี ปิ ต์เป็นอกั ษรที่ใชก้ นั ท่ัวโลก
ข. เพื่อใช้เป็นเอกสารในการติดต่อค้าขาย
ค. ชาวฟีนิเซียนสืบเช้ือสายมาจากอยี ิปต์
ง. เพ่อื ให้เกดิ ความคลอ่ งตัวด้านการปกครอง

ไม่ยากเลยใชไ่ หมครับเพอ่ื นๆ
ไหนลองตรวจดสู คิ รบั
ได้กี่คะแนน

28[บทเรยี นสำเร็จรูป เร่อื ง อารยธรรมโลกสมัยโบราณ]

[เล่มท1่ี อารยธรรมเมโสโปเตเมยี ]

เฉลยแบบทดสอบหลงั เรียน( Post - test )
เร่ือง อารยธรรมเมโสโปเตเมีย

1. ง
2. ก
3. ค
4. ค
5. ง
6. ง
7. ก
8. ค
9. ง
10. ข

[นายอุไทย โกยชยั ] หนา้ 28

[ ]บทเรียนสำเรจ็ รปู เรื่อง อารยธรรมโลกสมยั โบราณ 1

[เล่มท่ี 2 อารยธรรมอียิปต์]

สวัสดีครับ....บทเรยี นในเล่มท่ี 2 น้ีเพ่ือนๆจะได้ศึกษาเก่ียวกบั ปจั จัยที่สง่ เสริม
ให้เกิดอารยธรรมอียิปต์ ภมู ิปญั ญาของกล่มุ ชนตา่ งๆ และการสรา้ งสรรค์อารยธรรมของ
อยี ปิ ต์ ดว้ ยนะครับ…

ก่อนอนื่ เพ่อื นๆตอ้ งทำแบบทดสอบกอ่ นเรยี น มที ้งั หมด 10 ขอ้ ก่อนนะครบั
ใหท้ ำลงในกระดาษคำตอบ ขอให้สนุกกับบทเรียนชุดนน้ี ะจะ๊ …..

เพ่ือนๆ ต้องซือ่ สัตย์ต่อตนเองด้วยนะคะ
เอา้ ! ทำแบบทดสอบกนั เลย

คุณธรรมทีต่ ้องการเน้น คือ
3. ความมรี ะเบียบวนิ ยั และความรบั ผดิ ชอบ
4. ทำงานท่ีได้รับมอบหมายเต็มความสามารถ

[นายอุไทย โกยชัย] หนา้ 1 [ ]บทเรยี นสำเร็จรปู เรอ่ื ง อารยธรรมโลกสมยั โบราณ 2

[เลม่ ท่ี 2 อารยธรรมอียิปต์]

]

แบบทดสอบก่อนเรยี น (Pre-test)
เร่ือง อารยธรรมอียปิ ต์

คำช้แี จง ให้นกั เรยี นกากบาท (X) ทับข้อที่ถกู ท่ีสดุ เพยี งข้อเดียวในกระดาษคำตอบ

1. แหลง่ อารยธรรมอียิปต์ เรยี กอีกอย่างหนง่ึ ว่าอยา่ งไร
ก. อารยธรรมล่มุ แม่นำ้ คงคา
ข. อารยธรรมล่มุ แม่น้ำสนิ ธุ
ค. อารยธรรมลุ่มแม่น้ำไนล์
ง. อารยธรรมลมุ่ แม่นำ้ หวงเฮอ

2. สถานท่ีต้ังในปัจจุบันของอารยธรรมอียิปต์อยู่ที่ใด
ก. ทางทิศใตข้ องทวปี แอฟริกา
ข. ทางทิศเหนือของแอฟรกิ า
ค. ทางทิศตะวนั ออกของแอฟริกา
ง. ทางทิศตะวันออกเฉียงเหนอื ของทวีปแอฟรกิ า

3. อียปิ ตบ์ นมลี กั ษณะเฉพาะคอื อะไร
ก. ดินเหนียวสดี ำ ช่มุ น้ำ
ข. อยู่ตอนในของทวปี ค่อนข้างแห้งแล้ง
ค. ดินอดุ มสมบรู ณจ์ ากตะกอนนำ้ พัดพา
ง. อยู่ตอนบนของอยี ปิ ตต์ ดิ ทะเล ติดต่อค้าขายสะดวก

4. ชาวอียิปตโ์ บราณสร้างพรี ะมดิ ขึน้ มาเพอื่ อะไร
ก. รกั ษาพระศพของฟาโรห์ไมใ่ ห้เน่าเปอื่ ย
ข. เปน็ การสรา้ งงานระหวา่ งที่แม่น้ำไนล์ท่วม
ค. รักษาความเช่อื ในเร่อื งชวี ิตหลงั จากความตาย
ง. เพื่อเก็บพระศพของกษัตริยแ์ ละยกย่องเชิดชูกษัตริย์

[นายอไุ ทย โกยชัย] หนา้ 2 [ ]บทเรียนสำเร็จรูป เรื่อง อารยธรรมโลกสมัยโบราณ 3

[เล่มท่ี 2 อารยธรรมอียิปต์]

5. คำวา่ เฮียโรกลิฟฟคิ มีความหมายตรงกบั ขอ้ ใด
ก. อักษรภาพ
ข. อักษรศกั ด์สิ ิทธิ์
ค. อักษรของฟาโรห์
ง. อกั ษรภาพแบบเขยี นหวัด

6. ขอ้ ใดไม่ใชม่ รดกความเจริญท่เี รม่ิ ตน้ มาจากอียิปต์
ก. การใชก้ ระดาษและน้ำหมกึ
ข. การคำนวณหาพื้นที่วงกลม
ค. การสรา้ งศาสนสถานขนาดใหญ่
ง. การใช้น้ำเกลอื ในการรักษาบาดแผล

7. การสร้างสุสานหนิ พีระมดิ ให้คงอยู่ไดท้ กุ วันนแ้ี สดงวา่ ชาวอียิปต์มีความรูเ้ หนอื ชนชาตอิ น่ื ในยคุ
เดยี วกันในขอ้ ใด

ก. ทางเลขคณติ และ เรขาคณิต
ข. ทางเลขคณติ เรขาคณิต เคมี
ค. ทางเลขคณติ เรขาคณติ ฟิสกิ ส์
ง. ทางเลขคณติ เรขาคณิต เคมีและฟิสิกส์
8. อียิปตโ์ บราณเร่ิมก่อสร้างความเจริญข้นึ ได้เพราะอะไร
ก. ผูน้ ำใช้ทหารเป็นเครื่องมือ
ข. เป็นชนชาติที่เจรญิ มาก่อน
ค. จัดระบบการทำงานด้วยการแบ่งหนา้ ที่กนั อย่างเปน็ ระเบยี บ
ง. ทต่ี ัง้ ภูมศิ าสตรเ์ หมาะสมท้ังในดา้ นอาชีพและระบอบการปกครอง

[นายอไุ ทย โกยชยั ] หนา้ 3 [ ]บทเรียนสำเรจ็ รูป เรอื่ ง อารยธรรมโลกสมยั โบราณ 4

[เลม่ ท่ี 2 อารยธรรมอยี ิปต์]

9. ท่รี าบลุ่มของอยี ปิ ต์โบราณอุดมสมบูรณ์เพราะอะไร
ก. ฝนตกตลอดปี
ข. บำรงุ ท่ดี ินโดยการใช้ปยุ๋
ค. น้ำทว่ มลน้ ฝ่งั แม่น้ำไนล์
ง. เนอ้ื ดินซ่ยุ เหมาะแกก่ ารไถคราด

10. เหตใุ ดทที่ ําใหอ้ าณาจักรล่มสลาย
ก. เพราะภัยธรรมชาติ
ข. เพราะความเปน็ แกต่ วั ของกษตั ริย์
ค. เพราะความอดอยาก ปัญหาการเมอื ง
ง. เพราะมีการโกงกนั ของเจา้ นาย ขา้ ราชการ

ไม่ยากเลยใช่ไหมครับเพ่ือนๆ
ไหนลองตรวจดสู ิครบั ได้กี่คะแนน

[นายอไุ ทย โกยชยั ] หนา้ 4 [ ]บทเรียนสำเร็จรูป เรื่อง อารยธรรมโลกสมยั โบราณ 5

[เล่มท่ี 2 อารยธรรมอยี ปิ ต์]

เฉลยแบบทดสอบกอ่ นเรยี น( Pre - test )
เร่ือง อารยธรรมอียิปต์

1. ค
2. ง
3. ข
4. ง
5. ข
6. ค
7. ค
8. ง
9. ค
10. ค

[นายอไุ ทย โกยชยั ] หนา้ 5 [ ]บทเรยี นสำเรจ็ รปู เร่อื ง อารยธรรมโลกสมยั โบราณ 6

[เลม่ ท่ี 2 อารยธรรมอียิปต์]

สวัสดคี รบั เพื่อนๆ วันนเ้ี รามาศึกษาเกี่ยวกับ
เรื่อง อารยธรรมอยี ปิ ต์กันดกี ว่า นะครบั

เอ! แล้วอารยธรรมอียปิ ตต์ ้งั อยู่บรเิ วณใด
มคี วามสำคัญอย่างไรคะ

จะรอช้าอะไรอกี ล่ะ.....
เรารบี ไปศึกษากันเลยครับ

จริงๆ ด้วย หนกู อ็ ยากร้เู หมอื นกนั คะ่ วา่ อารยธรรมอยี ปิ ต์ตัง้ อย่บู รเิ วณใด
มีความสำคัญอยา่ งไรคะ

[นายอไุ ทย โกยชยั ] หนา้ 6 [ ]บทเรยี นสำเร็จรูป เรอ่ื ง อารยธรรมโลกสมัยโบราณ 7

[เล่มท่ี 2 อารยธรรมอียิปต์]

กรอบที่ 1 ปัจจัยที่ส่งเสรมิ ใหเ้ กดิ อารยธรรมอยี ปิ ต์

อารยธรรมอียิปต์ได้ช่ือว่าเป็นของขวัญจากแม่น้ำไนล์ (The gift of the Nile) เนื่องจาก
ลกั ษณะท่ีตัง้ ของอยี ิปต์และสภาพภูมศิ าสตร์ในลุ่มแมน่ ้ำไนล์ มีอิทธพิ ลต่อการดำรงชวี ิต การประกอบอาชพี และ
การสร้างสรรค์อารยธรรมอียิปต์ นอกจากนี้แล้ว ระบอบการปกครองตลอดจนภูมิปัญญาของชาวอียิปต์ก็เป็น
ปจั จัยสำคญั ทส่ี ง่ เสริมการสรา้ งสรรค์อารยธรรมของอยี ิปต์

สภาพภูมิศาสตร์ของอียิปต์โดยทั่วไปมีลักษณะร้อนและแห้งแล้ง พ้ืนที่ส่วนใหญ่เป็นเขต
ทะเลทรายซึ่งไม่เอื้อต่อการเพาะปลูก ยกเว้นบริเวณ 2 ฝ่ังแม่น้ำไนล์ที่มักมีน้ำท่วมขังเป็นประจำในช่วงฤดูฝน
นำ้ ฝนและหิมะทลี่ ะลายจากยอดเขาจะไหลจากต้นแม่น้ำไนล์ และท่วมลน้ สองฝ่ังแม่น้ำต้ังแตเ่ ดือนกันยายนของ
ทกุ ปีตะกอนและโคลนทน่ี ้ำพดั พามา ได้กลายเป็นปยุ๋ ท่ดี สี ำหรับการเพาะปลูกบริเวณที่ลุ่มรมิ ฝัง่ แมน่ ้ำ

คำถามกรอบท่ี 1

1. เหตใุ ดอียิปต์จึงได้ชอ่ื ว่าเป็นของขวัญจากแม่น้ำไนล์ (The gift of the Nile)
ตอบ........................................................................................................................................

..........................................................................................................................................
2. สภาพภมู ิศาสตรข์ องอยี ปิ ต์โดยท่ัวไปมีลักษณะเป็นแบบใด
ตอบ........................................................................................................................................

..........................................................................................................................................

เราต้องมคี วามซ่ือสัตยต์ ่อตนเองนะครับ

[นายอไุ ทย โกยชัย] หนา้ 7 [ ]บทเรียนสำเรจ็ รูป เรื่อง อารยธรรมโลกสมัยโบราณ 8

[เล่มท่ี 2 อารยธรรมอยี ิปต์]

คำตอบกรอบท่ี 1
1. เนื่องจากลกั ษณะท่ตี ง้ั ของอยี ปิ ต์และสภาพภมู ศิ าสตรใ์ นลุม่ แม่นำ้ ไนล์ มอี ิทธพิ ล
ต่อการดำรงชีวติ การประกอบอาชพี และการสรา้ งสรรค์อารยธรรมอียปิ ต์
2. ร้อนและแหง้ แลง้ พน้ื ทีส่ ่วนใหญเ่ ปน็ เขตทะเลทรายซ่งึ ไม่เออ้ื ต่อการเพาะปลูก
ยกเวน้ บริเวณ 2 ฝ่ังแมน่ ้ำไนล์

กรอบที่ 2 ทต่ี ้ังของดินแดนอยี ิปต์

สถานทต่ี งั้ ในอดตี

บรเิ วณทรี่ าบลุ่มแมน่ ำ้ ไนล์ ประเทศอยี ิปต์ อยู่บนสองฟากฝง่ั แมน่ ้ำไนล์ มพี รมแดนธรรมชาติ ทิศเหนอื

คอื ทะเลเมดิเตอรเ์ รเนียน ทิศตะวันออกคือทะเลแดง ทิศใต้คอื ประเทศนูเบยี หรอื ซูดานในปจั จุบนั สว่ นทศิ

ตะวนั ตกคือ ทะเลทรายซะฮารา อียปิ ตโ์ บราณประกอบดว้ ยบริเวณสองแหง่ คอื อียิปต์บน (Upper Egypt) อยู่

บรเิ วณตอนบนของแม่นำ้ ไนลร์ ะหวา่ งเข่ือนอัสวนั และกรงุ ไคโรในปัจจบุ ัน โดยแม่น้ำไนล์ไหลผา่ นหุบเขา มคี วาม

ยาวประมาณ 500 ไมล์ ทั้งสองฝั่งของแม่น้ำไนล์ตอนน้ีเป็นหนา้ ผาลาดกวา้ งไปจนสุดสายตา เต็มไปด้วยเนนิ เขา

ทแ่ี ห้งแลง้ มีเนนิ ทรายสีแดงและสีเหลอื งเปน็ ตอนๆ และอียปิ ต์ล่าง (Lower Egypt) ทแ่ี มน่ ้ำไนล์แตกสาขา

ออกเป็นรูปพดั ไหลลงสทู่ ะเลเมดเิ ตอร์เรเนียน บริเวณนชี้ าวกรีกโบราณเรียกวา่ เดลตา้ เป็นบรเิ วณปลายสุดของ

ลำนำ้ มีความยาวประมาณ 200 ไมล์ และกว้างระหว่าง 6-22 ไมล์ อารยธรรมโบราณของอียปิ ตไ์ ดเ้ จริญขนึ้ ใน

บรเิ วณแถบเดลต้าน้ี

สถานที่ตงั้ ในปจั จุบัน

บรเิ วณประเทศอยี ปิ ต์ ทางทิศตะวันออกเฉียงเหนือของทวปี แอฟริกาอียิปต์บน (Upper Egypt อย่บู รเิ วณ

ตอนบนของแมน่ ำ้ ไนล์ ระหวา่ งเข่ือนอสั วนั และกรงุ ไคโรในปจั จุบัน และอียปิ ตล์ ่าง (Lower Egypt) อยูบ่ รเิ วณ

สามเหลยี่ มปากแมน่ ้ำ คำถามกรอบท่ี 2

สถานท่ีตง้ั ในอดีตของอารยธรรมอียปิ ต์อยบู่ ริเวณใด
ตอบ ……………………………………………………………………………………………………………………….

[นายอไุ ทย โกยชัย] หนา้ 8 [ ]บทเรียนสำเร็จรูป เรื่อง อารยธรรมโลกสมยั โบราณ 9

[เล่มท่ี 2 อารยธรรมอยี ิปต์]

คำตอบกรอบท่ี 2

บริเวณที่ราบลุ่มแม่น้ำไนล์ ประเทศอียิปต์ อยู่บนสองฟากฝั่งแม่น้ำไนล์ มีพรมแดน
ธรรมชาติ ทิศเหนือ คือ ทะเลเมดิเตอร์เรเนียน ทิศตะวันออกคือทะเลแดง ทิศใต้คือ
ประเทศนเู บียหรอื ซูดานในปจั จบุ ัน ส่วนทศิ ตะวนั ตกคอื ทะเลทรายซะฮารา

ภาพท่ี 2.1 แสดงแผนท่ีอยี ิปต์
ท่ีมา : https://assnuy555.wordpress.com

[นายอุไทย โกยชัย] หนา้ 9 [ ]บทเรยี นสำเร็จรปู เรอ่ื ง อารยธรรมโลกสมัยโบราณ 10

[เลม่ ท่ี 2 อารยธรรมอยี ปิ ต์]

กรอบท่ี 3 ปัจจัยทางภมู ิศาสตร์ที่ทำให้อยี ิปต์สามารถรวบรวมและปกครองดนิ แดนทั้งหมด

1. การที่อิยิปต์ล้อมรอบด้วยทะเลทราย ทงั้ ทางทิศตะวันตก และทิศตะวันออกตลอดจนการที่แม่น้ำ
ไนลม์ ี แก่งโจน(Catarats) ต้งั แตป่ ากน้ำจนสดุ สายแมน่ ำ้ ซงึ่ ยาวประมาณ 700 ไมล์ ชว่ ยปอ้ งกนั การแทรกซึมของ
พวกลิเบยี จากทะเลทรายทางทิศตะวันตก หรือพวกเอเซียทางทิศตะวนั ออกและพวกนูเบยี จากทิศใต้ ทำให้เป็น
การยากแก่ศัตรูภายนอกท่ีจะเข้ารุกราน มีทางเดียวเท่านั้นที่ศัตรูจะเข้ามารุกรานอียิปต์ได้คือเดลต้าท่ีเชื่อม
ทวปี อัฟรกิ ากับเอเซียคอื ตรงบริเวณทะเลแดง แตก่ ็ป้องกันไดง้ ่าย

2. แมน่ ้ำไนลเ์ ปรียบเสมือนกระดกู สันหลังและระบบประสาท ในการรวมดินแดนเปน็ รัฐทเี่ ป็นอนั หนึ่ง
อันเดียวกัน แม่น้ำไนล์เป็นแม่น้ำท่ีเรือแพล่องไปมาได้สะดวก โดยอาศัยการควบคุมการเดินเรือในแม่น้ำไนล์
ผปู้ กครองก็สามารถควบคุมการเคล่ือนไหวของประชาชน และการถ่ายเทของสินค้าได้โดยอัตโนมัติ และอาศัย
แมน่ ำ้ ไนลเ์ ป็นเส้นทางคมนาคม สำหรบั การเดินเรือไปเก็บภาษอี ากรจากประชาชนตลอดจนเป็นเส้นทางเดินทัพ
นอกจากน้ีการท่ีเขตอุดมสมบูรณ์จำกัดอยู่ในบริเวณลมุ่ แม่น้ำไนล์เป็นแนวยาวตามสองฟากฝ่ัง ทำให้ประชากร
สว่ นใหญ่อาศัยอยู่เฉพาะในบริเวณน้ีก็ยังเอ้ือให้การปกครองประชาชนเป็นไปโดยง่าย ความอุดมสมบูรณ์อย่าง
สมำ่ เสมอที่อียิปต์ได้รับจากแม่นำ้ ไนล์ ดว้ ยเหตุนี้นักภูมิศาสตร์ จึงเรียกอียิปต์ว่า ดอกผลแห่งแม่น้ำไนล์ (Gift of
the Nile) ประกอบกับสภาพภูมิศาสตร์ท่ีเป็นปราการป้องกันศัตรูจากภายนอกทำให้ชาวอียิปต์โบราณมี
ความรสู้ ึกทมี่ นั่ คงปลอดภยั

3. การท่ีแม่น้ำไนล์ท่วมฝ่ังทุกปี ทำให้ประชาชนท่ีเข้าอยู่บริเวณน้ีต้องพยายามหาทางที่จะเอาชนะ
ธรรมชาติจึงเกิดความร่วมมือกันทำงาน เช่น มีการชลประทาน มีการขุดคูส่งน้ำ เมื่อมีคนมาอยู่มากก็ต้องมี
รฐั บาลปกครองเพ่ือความเป็นอยู่อย่างสงบสุข นอกจากนี้ความอดุ มสมบูรณ์ที่ได้รบั จากแม่น้ำไนล์ก็ยังมีสว่ นทำ
ให้ชาวอยี ิปตม์ ีจติ ใจท่ีจะคิดค้นและสรา้ งสมศิลปวัฒนธรรมและวรรรณคดตี า่ งๆ

คำถามกรอบที่ 3

❖ การสรา้ งสรรคอ์ ารยธรรมในการพยายามทจ่ี ะเอาชนะธรรมชาติของอยี ิปต์ มีอะไรบ้าง
ตอบ…………………………………………………………………………………………………………………….

[นายอุไทย โกยชัย] หนา้ 10 [ ]บทเรยี นสำเร็จรปู เรอื่ ง อารยธรรมโลกสมยั โบราณ 11

[เล่มท่ี 2 อารยธรรมอียิปต์]

คำตอบกรอบท่ี 3
การชลประทาน และการขุดคสู ง่ นำ้

กรอบที่ 4 ทรัพยากรธรรมชาติและภมู ิปัญญาของชาวอยี ปิ ต์

ทรัพยากรธรรมชาติ

แม้ว่าพื้นท่ีส่วนใหญ่ของอียิปต์จะเป็นทะเลทรายท่ีแห้งแล้ง แต่บริเวณสองฝ่ังแม่น้ำไนล์
ก็ประกอบด้วยหินแกรนิตและหินทราย ซึ่งเป็นวัสดุสำคัญท่ีชาวอียิปต์ใช้ในการก่อสร้างและพัฒนาความ
เจริญรุ่งเรืองทางด้านสถาปัตยกรรม วัสดุเหล่าน้ีมีความคงทนแข็งแรงและช่วยรักษ ามรดกทางด้าน
อารยธรรมของอียปิ ต์ ให้ปรากฏแก่ชาวโลกมาจนกระท่ังทุกวันนี้ นอกจากนี้ ต้นอ้อโดยเฉพาะปาปิรุส ซ่ึงข้ึน
ชุกชุมบรเิ วณสองฝง่ั แม่น้ำไนล์ก็เป็นวัสดุธรรมชาติสำคัญท่ีชาวอียิปตใ์ ช้ทำกระดาษทำให้เกิดความกา้ วหน้า
ในการบันทกึ และสร้างผลงานด้านวรรณกรรม

ภูมปิ ัญญาของชาวอียิปต์

ชาวอียิปต์เป็นชนชาติท่ีมีความสามารถในการคิดค้นเทคโนโลยีและวิทยาการความเจริญ
ด้านต่างๆ เพอ่ื ตอบสนองการดำรงชวี ิต ความเชอื่ ทางศาสนาและการสร้างความเจริญรงุ่ เรอื งใหแ้ กจ่ ักรวรรดิ
อียิปต์ เช่น ความรู้ทางคณิตศาสตร์ เรขาคณิต และฟิสิกส์ ได้ส่งเสริมความเจริญในด้านการก่อสร้างและ
สถาปตั ยกรรม ความรู้ด้านดาราศาสตรช์ ่วยให้ชาวอยี ิปต์ประดษิ ฐ์ปฏิทินร่นุ แรกๆของโลก

ความสามารถในการประดิษฐ์อักษรที่เรียกว่า “ไฮโรกลิฟิก” (Hieroglyphic) ทำให้เกิดการ
บนั ทึกเร่ืองราวท่ีเก่ียวกับศาสนาและฟาโรห์ และความเจริญทางการแพทย์กท็ ำให้ชาวอียิปต์สามารถคดิ ค้น
วิธีผ่าตัดเพื่อรักษา ผู้ป่วย ตลอดจนใช้น้ำยารักษาศพไม่ให้เน่าเปื่อย (มัมม่ี) ความเจริญเหล่านี้ทำให้สังคม
อียิปต์เจริญรุ่งเรืองต่อเนื่องหลายพันปี สามารถหล่อหลอมอารยธรรมของตนให้ก้าวหน้าและเป็นรากฐาน
ของอารยธรรมตะวันตกในเวลาต่อมา

คำถามกรอบที่ 4

❖ ชาวอยี ปิ ตม์ คี วามรู้เร่อื งใดทีช่ ่วยส่งเสริมความเจริญในดา้ นการก่อสรา้ งและสถาปตั ยกรรม
ตอบ…………………………………………………………………………………………………………………….

[ ][นายอุไทย โกยชยั ] หนา้ 11 บทเรียนสำเรจ็ รูป เร่อื ง อารยธรรมโลกสมัยโบราณ 12

[เล่มท่ี 2 อารยธรรมอียปิ ต์]

คำตอบกรอบที่ 4
คณิตศาสตร์ เรขาคณติ และฟสิ กิ ส์

กรอบที่ 5 ระบอบการปกครองของอียิปต์

ระบอบการปกครอง

1. กษัตริย์หรือฟาโรห์ (Pharaoh) ฟาโรห์ เป็นผู้ที่ชาวอียิปต์โบราณยอมรับว่าเป็นเทพเจ้าและเป็น
กษตั รยิ ์ในเวลาเดียวกัน หนา้ ท่ีของฟาโรห์คอื เป็นผูน้ ำทางการปกครองและศาสนา กฎ ระเบียบ ข้อบงั คับใน
การปกครองเกดิ จากการกำหนดขนึ้ ของกษัตรยิ ผ์ ู้เป็นเจ้าของชีวิตของชาวอยี ิปต์โบราณ

2. ขุนนางชั้นผู้ใหญ่หรือวิเชียร (Vizier) เป็นตำแหน่งใช้เรียกผู้บริหารที่สำคัญรองจากกษัตริย์
ตำแหน่งน้ีในสมัยราชวงศ์ต้นสงวนเฉพาะสำหรบั ราชโอรส แตต่ ่อมามีการเปลี่ยนแปลงตกทอดแก่ขุนนางช้ัน
ผใู้ หญแ่ ละมกี ารสืบทอดแกค่ นในตระกูลเดยี วกัน

3. ขุนนาง (Noble) ทำหน้าที่รับผิดชอบหน่วยงานท่ีสำคัญ เช่น ในการเก็บภาษีและการ
ชลประทาน เป็นต้น

4. ขุนนางมณฑลหรือผู้ว่าการมณฑลหรือโนมาร์ซ (Nomarch) เป็นตำแหน่งข้าหลวงประจำตาม
มณฑลหรือเมืองที่ห่างไกลจากเมอื งหลวง มณฑลหรือเขตนั้นเรียกว่านอม (Nome) ขุนนางประเภทน้ีมกั ก่อ
กบฎวุน่ วายและเปน็ ตวั การสำคญั ท่ีทำให้อาณาจักรสมัยตา่ งๆ ในอดตี ตอ้ งเส่ือมลง

ภาพท่ี 2.2 แสดงลำดับชนชั้นการปกครองของอยี ิปต์
ทีม่ า : https://chawalit069.wordpress.com

[ ][นายอไุ ทย โกยชยั ] หนา้ 12 บทเรียนสำเรจ็ รปู เรอื่ ง อารยธรรมโลกสมัยโบราณ 13

[เล่มท่ี 2 อารยธรรมอียปิ ต์]

ประวัติศาสตร์ของอียิปต์แบ่งออกได้เปน็ 4 ยุค ดังนี้
1. ยคุ ราชวงศ์เร่มิ แรก อยู่ในช่วง 3100-2686 ปีก่อนครสิ ตกาล โดยเริ่มต้งั แตพ่ ระเจ้าเมเนส

รวบรวมเมอื งตา่ งๆ ได้ทง้ั ในอยี ิปต์ล่างและอยี ปิ ต์บนเข้าเป็นอาณาจักรเดยี วกนั และเขา้ ส่รู าชวงศท์ ี่ 1 และ 2 ยุค
นี้เป็นยุคการสรา้ งอียปิ ต์ใหม้ ีความเป็นปกึ แผน่ เข็มแข็ง

2. ยุคราชวงศเ์ กา่ อยใู่ นชว่ ง 2686-2181 กอ่ นครสิ ตกาล โดยเรมิ่ จากราชวงศ์ที่ 3 อียิปต์
ประสบความวุ่นวายทางการเมือง มกี ารยา้ ยเมืองหลวงไปตามเมอื งตา่ งๆ แต่หลงั จากนน้ั กม็ ีราชวงศอ์ ยี ปิ ต์
ปกครองตอ่ มาอีก 2 ราชวงศ์ คอื ราชวงษท์ ่ี 9 และ 10 ในยคุ นอ้ี ียปิ ตม์ ฟี าโรหป์ กครอง เรม่ิ ตั้งแตร่ าชวงศ์ท่ี 3 ถงึ
ราชวงศท์ ี่ 6 ราชวงศท์ ่ีโดดเดน่ ในสมัยนี้คอื ราชวงศท์ ี่ 4 ซงึ่ มกี ารสร้างปิรามดิ ทย่ี ิ่งใหญม่ ากมาย โดยเฉพาะ
มหาปิรามิดของฟาโรหค์ ูฟทู เี่ มืองกิเซห์ ซ่งึ สร้างข้นึ ประมาณ 2,500 ปีกอ่ นครสิ ตกาล อียิปต์ในยคุ นี้ถือว่าเป็นยคุ
ทรี่ งุ่ เรืองที่สดุ ยคุ หนึง่ และการสร้างสรรคค์ วามเจริญในยุคนไ้ี ด้เป็นรากฐานและแบบแผนของความเจรญิ ของ
อียิปต์ในสมยั ราชวงศต์ อ่ ๆมา

3. ยุคราชวงศ์กลาง อยู่ในช่วง 2,040-1,782 ปีก่อนคริสตกาล ระหว่างราชวงศ์ท่ี 11-13
ฟาโรหท์ ี่มบี ทบาทในการสร้างความรุ่งเรืองใหก้ บั อยี ิปต์ในยุคน้ีคอื อเมเนมเฮตท่ีหนึ่ง (Amenemhet I) จนเรียก
ได้ว่าเป็นยุคทองของอียิปต์ด้านเศรษฐกิจ สถาปัตยกรรม การสร้างคลองติดต่อไปถึงทะเลแดง การสรา้ งเขื่อน
ก้ันน้ำ วรรณคดีท้ังบทร้อยแก้วและรอ้ ยกรอง แตค่ วามรุง่ เรืองของอียิปต์กห็ ยุดชะงักลงจากการรกุ รานของกลุ่ม
ชนปศุสัตว์เร่ร่อนคือ พวกฮิกโซส (Hyksos) เพราะพวกฮิกโซสมีความเก่งกาจในการรบกว่าชาวอียิปต์ ทำให้
สามารถครอบครองอียิปต์ไว้ได้ตั้งแต่ 1,670-1,570 ปีก่อนคริสตกาล แต่เนื่องด้วยอียิปต์มีความเจริญที่
เหนือกว่า พวกฮิกโซสจึงเป็นฝ่ายรับความเจริญไปจากอียิปต์ ระหว่างราชวงศ์ท่ี 18-31 เม่ือ ชาวอียิปต์ได้ก่อ
กบฏและมีชัยเหนอื ชาวฮิกโซส จึงเริม่ ราชวงศท์ ่ี 18 และขยายอำนาจการปกครองไปยงั ดินแดนซีเรีย ปาเลสไตน์
และฟนิ ิเซีย เพราะมอี าณาเขตกว้างมากขึ้น สมัยน้ีจึงไดร้ ับการขนานนามว่า “สมัยจักรวรรดิ” (Empire) จนถึง
ประมาณ 700 ปีก่อนคริสตกาล อียิปต์ก็พ่ายแพ้ต่อชาวอัสซีเรียน และเม่ืออาณาจักรเปอร์เซียได้เข้ายึดครอง
เมโสโปเตเมีย อียิปต์ก็ตกเป็นส่วนหน่ึงของเปอร์เซยี และประมาณ 332 ปีกอ่ นครสิ ตกาล ดนิ แดนอารยธรรมท้ัง
เมโสโปเตเมยี เปอร์เซีย และอียิปต์ก็ได้ตกอยู่ภายใตอ้ ำนาจการปกครองของพระเจ้าอเล็กซานเดอรม์ หาราช

[ ][นายอไุ ทย โกยชยั ] หนา้ 13 บทเรียนสำเร็จรูป เรอื่ ง อารยธรรมโลกสมัยโบราณ 14

[เล่มท่ี 2 อารยธรรมอียิปต์]

4. สมัยเสื่อมอำนาจ (The Decline) หลังการสวรรคตของรามเสสท่ี3 อียิปต์กลับสู่ความ
วุ่นวายอีกคร้ัง สาเหตุจากปัญหาการเมืองและความอดอยาก ในที่สุดอียิปต์ก็แตกแยกกลายเป็นก๊กเป็นเหล่า
บรรดาเมืองต่างๆตัง้ ตนเปน็ อิสระ ชาวลิเบียซึ่งเปน็ นักโทษสงครามของรามเสส ถอื โอกาสตั้งตนเปน็ อสิ ระ ผู้นำ
ของพวกเขานามว่า โชชอง(Chochong) ไดเ้ ป็นฟาโรหแ์ ละรวบรวมแผ่นดินได้สำเรจ็ แตก่ ็เป็นเพียงชว่ งส้นั ๆและ
บา้ นเมืองก็เข้าสู่สภาพแตกแยกอีกครั้ง จักรวรรดิอียปิ ต์เสื่อมอำนาจต้ังแต่ประมาณปี 1,100 ก่อนคริสต์ศักราช
ในสมัยนช้ี าวต่างชาติ เช่น พวกแอลซีเรียนและพวกเปอร์เซยี จากเอเชยี รวมทั้งชนชาติในแอฟริกาไดเ้ ข้ารุกราน
อียิปตแ์ ละปกครองบางสว่ นของอียิปต์ แต่ฟาโรห์ของอยี ปิ ตก์ ็ยังคงปกครองดนิ แดนของตนต่อมาจนถงึ ประมาณ
ปี 300 ก่อนคริสต์ศักราช ซ่ึงเป็นช่วงเวลาท่ีอาณาจักรอียิปต์เสื่อมสลายและถูกรวมเข้าเป็นส่วนหน่ึงของ
จกั รวรรดิเปอร์เซยี หลงั จากนน้ั ก็ตกอยภู่ ายใตอ้ ำนาจการปกครองของกรีกและโรมนั ตามลำดบั

คำถามกรอบที่ 5

1. กษัตริย์ของอียปิ ตเ์ รยี กวา่ อะไร
ตอบ…………………………………………………………………………………………………………………….
2. การสรา้ งสรรค์อารยธรรมของอียิปตใ์ นยุคใดท่ีมีความเจญิ รุ่งเรอื งมากท่สี ดุ
ตอบ…………………………………………………………………………………………………………………….
3. ยคุ ทองของอียปิ ตด์ ้านเศรษฐกิจ สถาปตั ยกรรม วรรณคดีทั้งบทรอ้ ยแก้วและร้อยกรองอย่ใู นชว่ งยคุ ใด
ตอบ…………………………………………………………………………………………………………………….
4. เหตุใดท่ีทาํ ให้อาณาจักรอียิปตล์ ่มสลาย
ตอบ…………………………………………………………………………………………………………………….

เพือ่ นๆอยากร้หู รือเปล่าครับ วา่ ชาวอียปิ ต์ไดส้ ร้างสรรค์อารยธรรม
อะไรไว้บา้ ง ถา้ อยากรู้ เราไปศึกษากรอบตอ่ ไปกนั เลยครบั …

[ ][นายอไุ ทย โกยชัย] หนา้ 14 บทเรียนสำเรจ็ รปู เรอ่ื ง อารยธรรมโลกสมยั โบราณ 15

[เล่มท่ี 2 อารยธรรมอยี ปิ ต์]

คำตอบกรอบที่ 5
1. ฟาโรห์
2. ยคุ ราชวงศเ์ กา่
3. ยุคราชวงศ์กลาง สมยั กษัตริย์ อเมนเนมเฮตที่หนึง่ (Amenemhet I)
4. ปญั หาการเมืองและความอดอยาก

กรอบที่ 6 สังคมของอียปิ ต์

ในอยี ปิ ตแ์ มจ้ ะมกี ารแบง่ ชนชัน้ แต่ก็ไม่มรี ะบบชนชั้นทถ่ี าวร สังคมอยี ปิ ต์แบง่ ประชาชน
ออกเป็น 5 ชนชนั้ คอื

1. ราชวงศ์
2. พระ
3. ขุนนาง
4. เสมยี น พ่อคา้ ชา่ งฝีมอื ต่างๆและชาวไรช่ าวนาทร่ี ำ่ รวย
5. ชาวนา ซึง่ เปน็ ชนส่วนใหญ่ของสงั คม

แต่ในสมัยจักรวรรดิมีทหารอาชีพขึ้นมา เม่ือฟาโรห์มีนโยบายจะขยายอำนาจและอาณาเขต
และได้เชลยศึกมาเป็นทาสจำนวนมากจากการรบชนะ ทำให้อียิปต์มีชนชั้นเพ่ิมอีก 2 ชนชั้น คือ ชนช้ันที่ 6
ทหารอาชีพ และชนช้นั ท่ี 7 ทาส

ทาสจะถูกเกณฑ์ไปทำงานในเหมืองหนิ และที่ดินของวัด ต่อมาก็ถกู เกณฑ์เป็นทหารและบ้างก็

ไปรับใช้ฟาโรห์ ในอาณาจักรสมัยเก่า พระและขุนนางมีอำนาจมากอยู่ใต้ฟาโรห์ สมยั อาณาจักรกลาง สามัญชน

เป็นอิสระเป็นตัวของตัวเอง พ่อค้าและชาวไร่ชาวนา ไดร้ ับสิทธิพเิ ศษจากรัฐบาล การสรา้ งอาณาจักรมีผลทำให้

เกิดขนุ นางชนช้นั ใหม่ขึ้นคือข้าราชการ

ขนุ นางท่ีร่ำรวยจะอาศัยอยู่ในบ้านตากอากาศที่หรูหราติดกับสวนที่มีกลนิ่ ดอกไม้ สถานภาพ

สตรีของชาวอียิปต์ ห้ามมีสามีภรรยาหลายคน แม้แต่ฟาโรห์ซึ่งสามารถมีฮาเรม็ ท่ีมีสนมและนางบำเรอจำนวน

มากอาศัยอยู่ แต่ฟาโรห์กม็ ีมเหสีองค์เดยี ว สตรีอียิปต์ยังไม่ตกอยใู่ ต้อำนาจของชายทั้งหมดทีเดยี ว ภรรยาจะไม่

ถูกแบง่ แยกแตส่ ตรีสามารถมกี รรมสทิ ธิร์ บั มรดกและประกอบธุรกจิ ได้

คำถามกรอบที่ 6 สังคมอยี ิปตแ์ บ่งประชาชนออกเป็นกชี่ นชัน้ อะไรบา้ ง

ตอบ………………………………………………………………

[ ][นายอุไทย โกยชัย] หน้า 15 บทเรยี นสำเร็จรูป เรื่อง อารยธรรมโลกสมัยโบราณ 16

[เล่มท่ี 2 อารยธรรมอียิปต์]

คำตอบกรอบที่ 6
7 ชนช้ันคือ 1. ราชวงศ์ 2. พระ 3. ขุนนาง
4. เสมียน พอ่ ค้า ช่างฝมี อื ตา่ งๆและชาวไรช่ าวนาท่ีรำ่ รวย
5. ชาวนา ซง่ึ เปน็ ชนส่วนใหญ่ของสงั คม
6. ทหารอาชพี
7. ทาส

กรอบท่ี 7 การสรา้ งสรรค์อารยธรรมของอียปิ ต์ ด้านศาสนา

ชาวอียิปต์ได้สร้างความเจริญให้แก่ชาวโลกเป็นจำนวนมาก อารยธรรมส่วนใหญ่เกิดจากการ
สร้างสรรค์โดยภูมิปัญญาของชาวอียิปต์ ซึ่งได้ประดิษฐ์และคิดค้นความเจริญด้านต่างๆ เพ่ือตอบสนองความ
จำเปน็ ในการดำเนนิ ชีวิตและความเช่อื ทางศาสนา

ศาสนามีอิทธิพลสำคัญต่อการดำเนินชีวิตและการสรา้ งสรรค์อารยธรรมอียปิ ต์ ความเชื่อทาง
ศาสนาของชาวอียิปต์ผูกพันกับธรรมชาตแิ ละสภาพภูมิศาสตร์ จะเห็นได้ว่าชาวอียิปต์นับถือเทพเจ้าหลายองค์
ท้ังที่เป็นสรรพสิ่งตามธรรมชาติและวิญญาณของอดีตฟาโรห์ โดยบูชาสัตว์ต่างๆ เช่น แมว สุนัข หมาไน วัว
เหยยี่ ว แกะ ฯลฯ เพราะเชอื่ ว่าสัตวเ์ หลา่ นั้นเป็นทส่ี งิ สถติ ของเทพซงึ่ พทิ ักษม์ นุษย์ ไดแ้ ก่

1. เร หรือ รา (Re or Ra) เป็นเทพเจ้าท่ีเช่ือว่ามีอำนาจปกครองจักรวาล เทพแห่งดวง
อาทิตยแ์ ละเปน็ หัวหนา้ แห่งเทพเจา้ ท้ังปวง

2. โอซิริส (Osiris) เปน็ เทพแห่งแม่น้ำไนล์ ผู้บันดาลความอุดมสมบรู ณ์ใหแ้ กอ่ ยี ิปตแ์ ละเป็นผู้
พทิ ักษ์ดวงวิญญาณหลงั ความตาย

3. ไอซสิ (Isis) ซ่ึงเป็นเทพผี ้สู รา้ งและชบุ ชวี ิตคนตาย และยังเป็นชายาของเทพโอซริ ิสอีกด้วย
4. เซท (Seth) เทพเจ้าประจำอียิปต์บน ผู้ประหารโอซิริส ภายหลังถูกทำร้ายจนตาบอด
หมายถึง ความจงเกลียดจงชัง ทำให้ตาบอดมืดมัวมองไม่เห็น เป็นตัวแทน ความมืดของพายุร้ ายกลาง
ทะเลทราย

[ ][นายอไุ ทย โกยชัย] หนา้ 16 บทเรียนสำเรจ็ รปู เร่ือง อารยธรรมโลกสมยั โบราณ 17

[เลม่ ท่ี 2 อารยธรรมอยี ิปต์]

5. โฮรสั (Horus) เป็นโอรสของโอซิรสิ และไอซสิ มีศีรษะเปน็ เหยยี่ ว ถอื เครอ่ื งหมายของชวี ิต

6. อนูบิส (Anubis) เดิมเป็นเทพเจ้าผู้ดูแลซากศพ ต่อมาเป็นเทพเจ้าแห่งโลกหน้า เป็นผู้
นำเอาหัวใจ (วิญญาณ) ของผู้ตาย ข้ึนตราชูช่ังน้ำหนักกับขนนก เพ่ือวัดว่าผู้น้ันทำบุญ และบาป มากน้อย
เพยี งใด เทพเจา้ อนูบิสมศี รี ษะเป็นสุนัข

7. อามอน (Amon) เทพเจ้าประจำเมืองธีบิส มีสัญลักษณ์ได้หลายอย่าง เช่น แกะ แพะ งู

ฯลฯ

Isis

ภาพท่ี 2.3 แสดงเทพเจ้าของอียปิ ต์
ทมี่ า : https://chawalit069.wordpress.com

[นายอไุ ทย โกยชัย] หนา้ 17 [ ]บทเรียนสำเรจ็ รปู เร่ือง อารยธรรมโลกสมยั โบราณ 18

[เลม่ ท่ี 2 อารยธรรมอียปิ ต์]

ชาวอยี ิปตน์ ับถือฟาโรห์ของตนเสมือนเทพเจา้ องค์หนง่ึ และเชื่อว่าวิญญาณเปน็ อมตะ จึงสร้าง
สุสานขนาดใหญ่หรือพีระมิดสำหรับเก็บร่างกายที่ทำให้ไม่เน่าเป่ือยด้วยวิธีการมัมม่ี เพื่อรองรับวิญญาณที่จะ
กลับคืนมา อนึ่ง ความเช่ือทางศาสนายังทำให้เกิดการบันทึกเร่ืองราวเกี่ยวกับความเช่ือ และพิธีกรรม ตาม
สถานที่ต่างๆ ที่สำคัญได้แก่ คัมภีรข์ องผู้ตายหรือคัมภีรม์ รณะ (Book of The Dead) ซ่ึงอธิบายผลงานและคุณ
ความดใี นอดีตของดวงวญิ ญาณทรี่ อรับการตัดสินของเทพโอริซสิ บันทึกเหล่านี้ช่วยใหเ้ ขา้ ใจถึงวถิ ีชีวิตชาวอียปิ ต์
และพฒั นาการของอารยธรรมดา้ นต่างๆ ได้ดี

คำถามกรอบที่ 7

ใหน้ กั เรียนนำตวั เลขมาใส่ในชอ่ งวา่ งใหถ้ ูกต้อง

..........เร หรอื รา (Re or Ra) 1. เทพแห่งแม่น้ำไนล์

……….โอซิริส (Osiris) 2. เทพเจ้าประจำเมอื งธีบิส มสี ญั ลักษณ์ได้หลายอยา่ ง

……….ไอซสิ (Isis) 3. หวั หน้าแหง่ เทพเจา้ ทง้ั ปวง

……….เซท (Seth) 4. มศี รี ษะเปน็ สนุ ขั

……….โฮรสั (Horus) 5. เป็นเทพีผู้สรา้ งและชุบชวี ิตคนตาย

……….อนบู ิส (Anubis 6. เทพเจ้าประจำอียิปต์บน ผปู้ ระหารโอซิริส
……….แอมมอน (Amon) 7. มีศรี ษะเปน็ เหยย่ี ว ถือเคร่ืองหมายของชวี ิต

รหู้ รือไม่ ศาสนามบี ทบาทสาํ คญั ในการส่งเสรมิ อาํ นาจการปกครองของสถาบันกษัตริย์

อยี ปิ ต์ เป็นการสรา้ งความชอบธรรมให้แก่สถานะและอํานาจของฟาโรห์ นอกจากนี้ความเช่อื
ทางศาสนาของชาวอียิปต์ยังสง่ เสรมิ ใหเ้ กิดความเจริญทางด้านวิทยาการดา้ นต่างๆ และ
ศิลปกรรมอีกด้วยนะครับ

[นายอุไทย โกยชัย] หนา้ 18 [ ]บทเรียนสำเรจ็ รปู เร่อื ง อารยธรรมโลกสมัยโบราณ 19

[เลม่ ท่ี 2 อารยธรรมอยี ิปต์]

คำตอบกรอบที่ 7

ไม่ยากเลยใชไ่ หมครบั เพื่อนๆ
อา้ ว ใครตอบถูกหมดยกมือขึน้

ให้นักเรียนนำตวั เลขมาใส่ในชอ่ งว่างใหถ้ ูกต้อง

......3....เร หรอื รา (Re or Ra) 1. เทพแหง่ แม่น้ำไนล์

……1….โอซิริส (Osiris) 2. เทพเจ้าประจำเมืองธีบสิ มีสัญลกั ษณ์ได้หลายอยา่ ง

……5….ไอซสิ (Isis) 3. หวั หน้าแหง่ เทพเจา้ ทั้งปวง

……6….เซท (Seth) 4. มีศีรษะเป็นสุนัข

……7….โฮรัส (Horus) 5. เป็นเทพีผู้สร้างและชุบชวี ิตคนตาย

……4….อนบู สิ (Anubis 6. เทพเจ้าประจำอียปิ ตบ์ น ผ้ปู ระหารโอซิริส

……2….แอมมอน (Amon) 7. มศี รี ษะเปน็ เหยี่ยว ถือเครอ่ื งหมายของชีวิต

รหู้ รือไม่ ชาวอียปิ ตไ์ ด้คดิ คน้ และสร้างสรรคอ์ ารยธรรมดา้ นวิทยาการตา่ งๆ
ไว้ให้กบั มนษุ ยชาตมิ ากมาย ถา้ อยากรเู้ ราไปศกึ ษากรอบต่อไปกนั เลยครับ


Click to View FlipBook Version