[นายอุไทย โกยชยั ] หนา้ 23 24
[ ]บทเรยี นสำเร็จรูป เรือ่ ง อารยธรรมโลกสมยั โบราณ
[เลม่ ที่ 5 อารยธรรมอนิ เดยี ]
คำตอบกรอบที่ 5
พฒั นาจากศลิ ปะแบบเก่า มคี วามสมดุลได้สัดสว่ น มีความละเอียดอ่อน
สวยงามท่ีเปน็ ธรรมชาติ มีรปู รา่ งและเส้นเดน่ ชดั
ด้านประติมากรรม (ต่อ)
ศิลปะแบบทมิฬ
ศิลปะแบบทมิฬแบบท่ีเก่าสุดมีประติมากรรมจากศิลา รูปสำริด และรูปสลักจากไม้ ประติมากรรม
สำริดทรี่ ู้จกั กันดีคอื รปู พระศวิ นาฏราชฟอ้ นรำอยู่ในวงเปลวไฟ สถาปตั ยกรรมส่วนใหญห่ ลังคาสรา้ งเป็นหนิ ซอ้ น
กันเป็นช้ันเช่น สถาปัตยกรรมที่เป็นเทวสถานใหญ่ช่ือลิงคราชที่เมืองภูวเนศวร ศิลปะปาละ เสนะ ศิลปะทาง
พุทธศาสนาของอินเดียภาคเหนือภายใต้การอุปถัมภ์ของราชวงศ์ปาละ-เสนะ ใน แคว้นเบงคอลและพิหาร
ระหว่างพุทธศตวรรษที่ 14-18 พุทธศาสนาในสมัยปาละ คือ พุทธศาสนาลัทธิตันตระซึ่ง กลายมาจากลัทธิ
มหายาน โดยผสมความเชื่อในลัทธิฮินดูเข้าไปปะปนสถาปัตยกรรมที่สำคัญคือ มหาวิทยาลัยนาลันทาซ่ึงเป็น
ศนู ย์กลางการสอนพุทธศาสนาลัทธติ ันตระในแคว้นเบงคอล ส่วนประติมากรรมมีท้ังภาพสลักจากศิลาและหล่อ
จากสำริดทัง้ ทางพุทธศาสนาและตามคติแบบฮินดู ประติมากรรมสลักจากศิลาในสมยั น้ีแบ่งออกเป็น 3 ยคุ คือ
1. ยคุ แรกพทุ ธศตวรรษที่ 14-15 มีพระโพธสิ ตั วแ์ ละ พระพุทธรปู ทรงเครื่อง
2. ยคุ สองพทุ ธศตวรรษที่ 16-17 พระพทุ ธรูปทรงเครอื่ งมากข้ึน สร้างตามคตินยิ มลัทธิ ตันตระ
3. ยุคที่สามยุคราชวงศ์เสนะ พุทธศตวรรษท่ี 18 นับถือศาสนาฮินดูจึงเป็นยุคของประติมากรรมแบบ
ฮินดู ศิลปะแบบปาละ เสนะ ไดแ้ พรห่ ลายไปยังทีต่ ่าง ๆ เชน่ ประเทศเนปาล ธิเบต ศรีลังกา ชวาทางภาคกลาง
เกาะ สุมาตราในอนิ โดนเี ซยี พมา่ และประเทศไทย
ภาพท่ี 8.11 แสดงภาพศลิ ปะแบบทมฬิ
ที่มา : http://bosssuper17.blogspot.com/2014/09/blog-post.html
[ ]บทเรียนสำเร็จรปู เรอ่ื ง อารยธรรมโลกสมยั โบราณ 25
[เลม่ ท่ี 5 อารยธรรมอินเดีย]
ดา้ นจิตรกรรม
จิตรกรรม อินเดียตามประวัติศาสตร์แล้ว วิวัฒนาการมากจากการเขียนภาพบุคคลในศาสนาและ
พระมหากษัตริย์ จิตรกรรมอินเดียเปน็ คำที่มาจากตระกูลการเขียนหลายตระกูลท่ีเกิดขนึ้ ในอนุทวีปอินเดยี ซง่ึ มี
ลักษณะแตกต่างกันไปมีตั้งแต่จิตรกรรมฝาผนังขนาดใหญ่ของถ้ำเอลเลรา (Ellora Caves) ไปจนถึงงานที่
ละเอียดลออของจลุ จิตรกรรมของจติ รกรรมโมกลุ และงานโลหะจากตระกลู Tanjore ส่วนจติ รกรรมจากแคว้น
คันธาระ-ตักกสิลา “พระรามกับสีดาในป่า” แบบปัญจาบ ค.ศ. 1780 เป็นจิตรกรรมที่ได้รับอิทธิพลจาก
จิตรกรรมเปอร์เซียทางตะวันตก จิตรกรรมในอินเดียตะวันออกวิวัฒนาการในบริเวณตระกูลการเขียนของ
นาลนั ทา ทเี่ ป็นงานที่ได้รับอทิ ธิพลจากตำนานเทพอนิ เดีย
สมัย คุปตะ และหลังสมัยคุปตะ เป็นสมัยท่ีรุ่งเรืองท่ีสุดของอินเดียพบงานจิตรกรรมท่ี ผนังถ้ำอชันตะ
เป็นภาพเขียนในพระพทุ ธศาสนาแสดงถึงชาดกต่างๆ ที่งดงามมาก ความสามารถในการวาดเส้นและการอาศัย
เงามดื บริเวณขอบภาพ ทำให้ภาพแลดูเคลอ่ื นไหว ใหค้ วามรู้สกึ สมจรงิ
ภาพท่ี 8.12 แสดงภาพจิตรกรรมพระรามกบั สดี าในปา่ และภาพจิตรกรรมบนผนังถำ้ อชันตะ
ท่ีมา : http://indiancivilize.blogspot.com/2012/07/blog-post_1533.html
คำถามกรอบที่ 5
งานจติ รกรรมที่ ผนงั ถ้ำอชันตะ เป็นภาพเขยี นในพระพทุ ธศาสนามลี ักษณะแบบใด
ตอบ…………………………………………………………………………………………………………………
[ ]บทเรยี นสำเรจ็ รูป เรื่อง อารยธรรมโลกสมยั โบราณ 26
[เลม่ ท่ี 5 อารยธรรมอินเดีย]
คำตอบกรอบท่ี 5
แสดงถึงชาดกต่างๆ ท่ีงดงามมาก ความสามารถในการวาดเส้นและการอาศัยเงามืด
บริเวณขอบภาพ ทำให้ภาพแลดูเคลื่อนไหว ใหค้ วามร้สู กึ สมจริง
ดา้ นนาฏศิลปแ์ ละสงั คีตศลิ ป์
เกี่ยวกับการฟ้อนรำ เป็นส่วนหนึ่งของพิธีกรรมเพ่ือบูชาเทพเจ้าตามคัมภีร์พระเวท ส่วนบทสวด
สรรเสริญเทพเจ้าท้ังหลาย ถือเป็นแบบแผนการร้องท่ีเก่าแก่ที่สุดใน สังคีตศิลป์ของอินเดีย แบ่งเป็นดนตรี
ศาสนา ดนตรใี นราชสำนักและดนตรีทอ้ งถิ่น เครือ่ งดนตรีสำคัญ คอื วีณา หรอื พิณ ใช้สำหรับดีด เวณุ หรือขลุ่ย
และกลอง เป็นการแสดงท่ีมีการใช้ภาษาท่าในการสื่อความหมาย แสดงเพื่อเป็นการแสดงความเคารพต่อพระ
วิษณุ แหลง่ กำเนิดอยทู่ างตอนใตข้ องอินเดยี
ประเภทของนาฏศิลป์อนิ เดยี
Bharatanatyam Kathakali
คนอินเดียจะออกเสียงเรียกว่า " ภรัตนาฏยัม "เป็น เป็นการแสดงที่เกี่ยวของกับ Ramanattam หรือ
นาฏศิลปท์ ี่เก่าแก่ทส่ี ดุ ในอนิ เดีย มีส่วนสำคัญในพิธขี องศาสนาฮินดู รามายณะ และมีการแสดงเกี่ยวกับเร่ืองราวของเทพเจ้าในศาสนา
สมัยโบราณ ลกั ษณะท่ีโดดเด่น คือ ความเขม้ แข็ง ความชัดเจนของ ฮินดู เช่น พระราม พระกฤษณะการแต่งหน้ามีเทคนิกซับซ้อน
จงั หวะ และความสวยงามของท่าทาง และใช้ระยะเวลานาน โขน ของบ้านเราก็น่าจะได้รับวัฒนธรรม
แหล่งกำเนดิ อยูท่ ่ี Tamil Nadu, Karnataka ทางตอนใต้ของอนิ เดยี บางส่วน ไปจากการแสดงประเภทน้ี
แหล่งกำเนดิ อยทู ี่ Kerala ทางตอนใต้ของอนิ เดีย
ภาพท่ี 8.13 แสดงภาพประเภทของนาฏศิลป์อนิ เดีย
ที่มา : http://nontaleeaumaim.blogspot.com/2010/04/classical-dances-of-india.html
[ ]บทเรยี นสำเร็จรูป เรอื่ ง อารยธรรมโลกสมยั โบราณ 27
[เลม่ ที่ 5 อารยธรรมอนิ เดยี ]
ด้านนาฏศิลปแ์ ละสงั คตี ศิลป์ (ตอ่ )
ประเภทของนาฏศลิ ป์อนิ เดีย
Odissi Kathak
คนอินเดียจะออกเสียงเรียกว่า " โอดิซิ "ถือว่าการแสดงท่ี การแสดงท่ีดูมีชีวิตชีวาประกอบเพลงบรรเลงและ
เก่าแก่และเคยสูญหายและได้ถูกกลับนำมาฟื้นฟูอีกคร้ัง การแสดงจะ การขับรอ้ ง มีลักษณะการเคล่ือนไหวของนาฏศิลปเ์ ปอร์เซียเข้า
เป็นพิธีกรรมที่เก่ียวกับวัด โอดิซิ มีลักษณะการแสดงที่อ่อนช้อยและ มาเกย่ี วขอ้ ง มกี ารหมนุ หลายรอบ และจบดว้ ยทา่ ยืนที่สวยงาม
นุ่มนวล มตี น้ กำเนิดอยทู่ ี่ รัฐ Orissa แถบอนิ เดยี ตะวนั ออก มี ต้ น ก ำ เนิ ด อ ยู่ ที่ Rajasthan, Uttar Pradesh (Banaras,
Jaipur, และ Lucknow gharana) ทางภาคเหนือของอินเดยี
Manipuri Mohiniyattam
ลักษณะการแสดง อ่อนช้อยนุ่มนวล มีการใช้เข่ากระทบ เป็ นก ารแ ส ด งที่ มี การใช้ ภ าษ าท่ าใน การสื่ อ
จงั หวะในการรำ ต้นกำเนิดมาจากรัฐ Manipur, North Easten India ความหมาย แสดงเพ่ือเป็นการแสดงความเคารพต่อพระวิษณุ
ใกล้กับพมา่ โดยได้รับอิทธิพลมาจากการแสดง Bharatanatyam และ
Kathakali แหลง่ กำเนิดอยู่ท่ี Kerala ทางตอนใตข้ องอนิ เดยี
ภาพที่ 8.14 แสดงภาพประเภทของนาฏศลิ ป์อนิ เดยี
ที่มา : http://nontaleeaumaim.blogspot.com/2010/04/classical-dances-of-india.html
คำถามกรอบที่ 5
การแสดงเพอื่ เปน็ การแสดงความเคารพต่อพระวิษณุ คือการแสดงอะไร และมแี หลง่ กำเนิดอยทู่ ใี่ ด
ตอบ………………………………………………………………………………………………………………………….
[ ]บทเรียนสำเรจ็ รปู เรื่อง อารยธรรมโลกสมัยโบราณ 28
[เล่มท่ี 5 อารยธรรมอินเดยี ]
คำตอบกรอบที่ 5
การแสดง Mohiniyattam แหล่งกำเนดิ อยู่ท่ี Kerala ทางตอนใต้ของอินเดยี
ดา้ นวรรณกรรม
วรรณกรรม อนิ เดยี ที่มีอิทธพิ ล ไดแ้ ก่ รามายณะ มหาภารตะ คัมภรี ป์ ุราณะและเรื่องอื่นๆ ที่
เกี่ยวกับธรรมเนียมกษัตริย์ การสืบราชวงศ์ตามแบบธรรมเนียมโบราณของราชวงศ์ในลุ่มแม่น้ำคงคา
วรรณกรรมอินเดียมีอิทธิพลต่อชีวิตชาวบ้านในเอเชยี ตะวันออกเฉียงใต้ โดยการเล่า การอ่านนิทาน การแสดง
หุ่นกระบอก หนงั และการแสดงเก่ียวกับเน้อื เรอ่ื งในวรรณกรรม รามายณะ มหากาพย์ และชาดก
รามาวตาร หรือ รามจันทราวตาร พระราม และ พระนางสีดา
หรือ พระราม จากมหากาพย์
รามายณะ ชาวไทยรู้จักกันในช่ือ หนมุ าน
เรอื่ ง รามเกียรต์ิ เปน็ อวตารแห่งพระศวิ ะ
เพื่ อ ม า ช่ ว ย พ ร ะ วิ ษ ณุ ใ น ม ห า
ทศกณั ฐ์ หรอื อสรู ราพณ์ กาพยเ์ รื่องน้ี
ศตั รูของพระราม
ภาพท่ี 8.15 แสดงภาพวรรณกรรม มหากาพยร์ ามายณะอินเดีย
ท่มี า : http://nontaleeaumaim.blogspot.com/2010/04/classical-dances-of-india.html
คำถามกรอบที่ 5
วรรณกรรมอนิ เดีย ถกู ถ่ายทอดเรื่องราว ผ่านทางใดบ้าง
ตอบ……………………………………………………………………….
[ ]บทเรยี นสำเร็จรปู เรอ่ื ง อารยธรรมโลกสมัยโบราณ 29
[เลม่ ที่ 5 อารยธรรมอินเดยี ]
คำตอบกรอบท่ี ]5
การเล่า การอา่ นนทิ าน การแสดงหนุ่ กระบอก หนงั และการแสดงเกยี่ วกับเน้ือเรอ่ื งใน
วรรณกรรม รามายณะ มหากาพย์ และชาดก
ดา้ นวรรณกรรม
วรรณกรรมเร่ิมจากเป็นบทสวดและท่องจำสืบต่อกันมา โดยวรรณกรรมอินเดียจะเน้นไปทางศาสนา แบ่ง
ออกเป็น 4 กลุ่ม คอื
1. วรรณกรรมภาษาในคมั ภีร์พระเวท ประกอบดว้ ย ฤคเวท ยชรุ เวท สามเวท และอาถรรพเวท
ฤคเวท เป็นคำออ้ นวอนและบทสรรเสรญิ เทพเจ้าต่างๆ
ยชรุ เวท เป็นบทสวดในพธิ บี ูชายญั
สามเวท เปน็ บทสวดสำหรบั ใช้ทว่ั ไปในหมู่ประชาชน เพื่อประกอบในพธิ กี รรมตา่ งๆ
อาถรรพเวท เป็นบททวี่ า่ ด้วยคาถาอาคม ใช้สวดเพ่อื นำสิรมิ งคลมาให้แกต่ น
2. วรรณกรรมตันติสันสกฤต มักเป็นร้อยกรองท่ีเรียกว่า โศลก เร่ืองสำคัญคือ มหาภารตะ และ รามายณะ
และยังมบี ทละครทม่ี ีชือ่ เสียง เรอ่ื งศกนุ ตลา
3. วรรณกรรมสนั สกฤตผสม ใชเ้ ขยี นหลักธรรมทางพทุ ธศาสนา งานที่มชี ือ่ เสยี งคอื พุทธจรติ
4. วรรณกรรมภาษาอ่นื ๆ ได้แก่ ภาษาบาลี ใช้เขยี นหลักธรรมทางศาสนาพุทธนกิ ายเถรวาท เชน่ พระไตรปฎิ ก
คำถามกรอบที่ 5
1. ยชรุ เวท เป็นคัมภีร์ที่ใช้สวดในกิจกรรมใด
ตอบ……………………………………………………………………………………………………………….
2. หลกั ธรรมทางศาสนาพทุ ธนกิ ายเถรวาท ใชภ้ าษาใดในการเขยี นพระไตรปฎิ ก
ตอบ……………………………………………………………………………………………………………….
[ ]บทเรยี นสำเรจ็ รปู เรอื่ ง อารยธรรมโลกสมยั โบราณ 30
[เล่มท่ี 5 อารยธรรมอินเดีย]
คำตอบกรอบท่ี 5
1. เป็นบทสวดในพธิ บี ูชายัญ
2. ภาษาบาลี
ด้านภาษาศาสตร์
ภาษาศาสตร์ ชาวอนิ เดียให้ความสนใจด้านภาษามาก มีการแต่งหนังสือศัพทานกุ รม (โกศะ) ขึ้นหลาย
เลม่ เมือ่ มสุ ลิมเติรก์ เข้าปกครองได้นำเอาภาษาสนั สกฤต ภาษาอารบิก และภาษาเปอรเ์ ชยี มาผสมกันเป็นภาษา
ใหม่ เรียกวา่ ภาษาอูรดู ซ่งึ เป็นภาษาที่ มุสลมิ ในอนิ เดยี ใช้พดู กนั ในปัจจบุ ัน
คัมภรี ์พระธรรมศาสตรแ์ ละนิตศิ าสตร์
คมั ภีร์พระธรรมศาสตร์ เป็นกฎหมายทน่ี ักปราชญ์ พราหมณผ์ ู้หนงึ่ ในชมพทู วปี เป็นผู้แต่งไว้
หลายพันปีมาแล้ว ผู้แต่งมีนามว่า "มนู" ในทางสากลเรียกกฎหมายน้ีว่ากฎหมายมนู หรือ
ธรรมศาสตร์ฮนิ ดู
เนื้อหาของคัมภีรธ์ รรมศาสตร์ของท่านมนูน้ันกล่าวกันว่าเกี่ยวกับการสร้างโลก และสภาพ
ของวิญญาณเมอื่ มนุษย์ตายไปแล้ว และเร่อื งราวอ่ืนๆ ที่เกีย่ วกบั จารีตประเพณีและสังคมอนิ เดียสมัย
น้ัน เช่น หนา้ ท่ีของวรรณะหรือชนชั้นตา่ งๆ การศาสนาและอนื่ ๆ ซ่ึงถือกันว่าเป็นกฎหมายทีด่ ีและมี
อิทธิพลย่งิ ในสมยั น้ัน และสมัยต่อมา
สว่ นนิติศาสตร์หรือ อรรถศาสตร์ ว่าด้วยการเมืองการปกครอง และการบริหาร บ้านเมือง
ใหม้ ง่ั คง่ั โดยมีอรรถศาสตรข์ องเกาฎิลยะ เป็นงานเขียนท่เี ก่ยี วกบั การเมืองการปกครองท่ีสำคญั
คำถามกรอบที่ 5 31
คมั ภรี พ์ ระธรรมศาสตร์ กลา่ วเกย่ี วกับอะไร
ตอบ……………………………………………………………………………………………….
[นายอไุ ทย โกยชยั ] หนา้ 30
[ ]บทเรยี นสำเรจ็ รปู เร่อื ง อารยธรรมโลกสมัยโบราณ
[เลม่ ท่ี 5 อารยธรรมอินเดีย]
คำตอบกรอบที่ 5
การสรา้ งโลก และสภาพของวญิ ญาณเมอื่ มนุษยต์ ายไปแล้ว
หนา้ ท่ขี องวรรณะหรือชนช้ันต่างๆ การศาสนาและอนื่ ๆ
ด้านแพทยศาสตร์ ดาราศาสตร์ โหราศาสตร์ และคณติ ศาสตร์
แพทยศาสตร์ หลักฐานทางประวตั ิศาสตร์ได้แสดงออกว่าการแพทยข์ องอินเดียมมี านานแล้ว ในจารึก
ของพระเจ้าอโศกมหาราชกล่าวถึงโรงพยาบาลสำหรับรักษาผู้เจ็บป่วย และในบันทึกของเมกัสเธนีส ทูตกรีก
ที่เข้ามายังกรุงปาฏลีบุตรในสมัยพระเจ้าจันทรคุปต์กล่าวถึงเรื่องการแพทย์ นอกจากน้ีมีหนังสือหลายเล่ม
กล่าวถึงวิชาการแพทย์ เช่น อรรถศาสตร์ ระบุถึงการใช้ยาพิษ หนังสือมหาภาสนะ ของปตัญชลี มีศัพท์ว่า
ไวทยกัม ซ่ึงหมายถึงอายุรเวทหรือแพทยศาสตร์น่ันเอง คัมภีร์บาลีของฝ่ายพระพุทธศาสนากล่าวถึง
หมอชวี กะ แพทยผ์ มู้ ีช่อื เสียง
ยงั มีตำราทางอายุรเวทของอินเดียโบราณที่สำคัญอีกหลายเล่ม เช่น จรกะสงั หิตา ของจรกะ เขียนขึ้น
ราวคริสตศ์ ตวรรษที่ 1 กล่าวถึงเรอ่ื ง ยารักษาโรค อาหาร กายวิภาค และชวี วิทยา ว่าด้วยสัตว์แรกเกิด อาการ
ของโรค การศึกษาเกี่ยวกับอายุรเวททั่วไป และตำรา สุศรุตสังหิตา แต่งโดย สุศรุต กล่าวถึง ศัลยศาสตร์ และ
แปลเปน็ ภาษาอาหรบั ในคริสต์ศตวรรษท่ี 8
ดาราศาสตร์ โหราศาสตร์ และคณิตศาสตร์ เป็นศาสตร์ท่ีใช้ประกอบพิธีกรรม โดยฤกษ์ยาม
เป็นสิ่งสำคญั มาก จึงต้องอาศัยในเรอ่ื งของดาราศาสตร์ โหราศาสตร์ และคณิตศาสตร์ เพ่ือคำนวณหาตำแหน่ง
ของดวงดาวต่างๆ นอกจากนี้ชาวอินเดียยังเป็นชนชาติแรกท่ีประดิษฐ์เลขศูนย์ ทำให้เกิดหลักหน่วย สิบ ร้อย
พัน ใชใ้ นการคำนวณอีกด้วย
คำถามกรอบท่ี 5
1. คมั ภีร์บาลีของฝ่ายพระพทุ ธศาสนากล่าวถงึ แพทย์ผู้มชี ื่อเสียง คอื ใคร
ตอบ…………………………………………………………………………………………………………………………………………….
2. การคำนวณหาตำแหนง่ ของดวงดาวตา่ งๆโดยใช้ดาราศาสตร์ โหราศาสตร์ และคณิตศาสตร์ เพือ่ อะไร
ตอบ……………………………………………………………………………………………………………………………………………..
[ ]บทเรียนสำเร็จรูป เร่ือง อารยธรรมโลกสมยั โบราณ 32
[เลม่ ท่ี 5 อารยธรรมอนิ เดยี ]
คำตอบกรอบที่ 5
1. หมอชีวกะ
2. เพือ่ หา กษย์ ามในการประกอบพิธีกรรม
กรอบท่ี 6
การขยายอำนาจของอังก ษในอินเดีย
จักรวรรดิโมกุลเร่ิมเส่ือมหลงั สมัยพระเจ้าอัคบาร์มหาราช เน่ืองจากจักรพรรดิพระองค์อ่ืนไม่ได้ดำเนิน
แนวทางปกครองอาณาจักรตามที่พระองค์ทรงวางไว้ โดยหันมาปกครองจักรวรรดิอย่างกดข่ีข่มเหง มีการเก็บ
ภาษีศาสนาจากพวกท่ีไม่ใช่ชาวมุสลิมอย่างหนัก ทำให้จักรวรรดิเริ่มแตกแยกประกอบกับในสมัยหลังๆ
จกั รวรรดิตอ้ งประสบปัญหาแย่งชิงอำนาจของเชือ้ พระวงศ์ในราชวงศ์โมกลุ ทำให้ศนู ยก์ ลางอำนาจของราชธานีที่
กรุงเดลฮีอ่อนแอลง เจ้าผู้ครองนครแคว้นฮินดูเร่ิมเป็นกบฏต่อต้านอำนาจราชวงศ์โมกุล เกิดสงครามระหว่าง
แควน้ ตลอดเวลาตง้ั แต่ศตวรรษท่ี 16 - 18 จักรวรรดิโมกุลจงึ แตกแยกออกเป็นสว่ นๆ จักรพรรดิมีอำนาจแทจ้ ริง
เหลอื เพียงราชธานีท่ีกรุงเดลฮี และดินแดนรอบๆเท่าน้ัน เปิดโอกาสให้ชาติตะวนั ตกทเ่ี ขา้ มาในอินเดียต้ังแต่ช่วง
คริสต์ศตวรรษท่ี 17 เพ่ือการติดต่อคา้ ขาย สามารถแทรกแซงทางการเมืองและการทหาร อันนำไปสู่การผนวก
และยึดครองดนิ แดนตา่ งๆของอินเดียในปลายครสิ ตศ์ ตวรรษที่ 18
การขยายอำนาจขององั ก ษในอนิ เดยี
หลังจากที่รัฐบาลอังกฤษปกครองอินเดีย ได้จัดการปกครองอินเดียใหม่ แบ่งการปกครองเป็น 2 ลักษณะ คือ รัฐบาล
อินเดียภายใต้การปกครองของอังกฤษ โดยมผี ู้ปกครองเป็นตัวแทนกษตั ริยอ์ ังกฤษมาปกครองในตำแหน่งอปุ ราช ปกครองดนิ แดน
ส่วนใหญ่ของอนิ เดยี โดยเฉพาะเมอื งสำคัญ เช่น บอมเบย์ มัทราช เบงกอล ไมซอร์ ไฮเดอราบัด เป็นต้น สว่ นทีเ่ หลือใหช้ าวพน้ื เมอื ง
ปกครองตนเองแตน่ โยบายทางทหารและตา่ งประเทศใหอ้ งั กฤษเป็นผูด้ ูแล
สภาพสังคม ระบบวรรณะทีเ่ คยเข้มงวดในสังคมอินเดยี ได้ผ่อนคลายลง มีการขยายตัวทางสังคมไปสู่สังคมชนบท มกี าร
เลียนแบบวฒั นธรรมตะวนั ตกทั้งการแตง่ กาย วัฒนธรรม ค่านิยม เป็นต้น
การศกึ ษา ภาษาอังกฤษเป็นภาษาราชการใชใ้ นอินเดยี องั กฤษได้วางรากฐานการศึกษาในอินเดีย ตั้งแต่ระดบั มัธยมจนถึง
มหาวิทยาลยั ศึกษาแนวความคิดและวิทยาการก้าวหนา้ ตามแบบตะวันตก ทำใหช้ าวอนิ เดียไดร้ ับแนวคดิ เรือ่ งสทิ ธเิ สรีภาพมากขน้ึ
หลังจากท่ีชาวอินเดียได้เรียนรู้อารยธรรมตะวันตกจากอังกฤษ ทำให้มีการเรียกร้องสิทธิเสรีภาพอิสรภาพจากอังกฤษ
โดยมีขบวนการต่อสู้เพ่ือเอกราชที่สำคัญแบ่งแยกตามศาสนา คือ คองเกรซแห่งชาติอินเดีย ซ่ึงเป็นตัวแทนของชาวฮินดู และ
สนั นิบาตสมุสลิม ผู้นำคนสำคัญในการเรียกร้องเอกราชคือ มหาตะมะคานธี โดยใช้หลักอหิงสา หรอื การต่อสู้โดยสงบ อังกฤษได้
ประกาศให้อิสรภาพแก่อินเดีย หลังสงครามโลกครั้งท่ี 2 ในปี ค.ศ. 1948 แต่ด้วยความขัดแย้งทางศาสนา ทำให้อินเดียถูกแบ่ง
ออกเปน็ 2 ประเทศ คอื อนิ เดีย ซง่ึ มปี ระชากรสว่ นใหญ่นับถือศาสนาฮนิ ดู และปากีสถานซึ่งประชากรสว่ นใหญน่ บั ถือศาสนาอิสลาม
[ ]บทเรียนสำเร็จรูป เรื่อง อารยธรรมโลกสมัยโบราณ 33
[เล่มท่ี 5 อารยธรรมอนิ เดีย]
กรอบท่ี 7
การเผยแพรแ่ ละการถ่ายทอดอารยธรรมอนิ เดีย
พัฒนาการหลายพันปีของอารยธรรมอินเดียแพร่ขยายเข้าไปสภู่ ูมภิ าคต่างๆทั่วทวีปเอเชยี โดยผ่านทาง
การค้า ศาสนา การเมือง การทหาร และได้ผสมผสานกับอารยธรรมแต่ละประเทศจนกลายเป็นส่วนหนึ่งของ
อารยธรรมนน้ั ๆ การเผยแพรแ่ ละการถา่ ยทอดอารยธรรมอินเดยี ไปสู่ภูมิภาคตา่ งๆมดี ังน้ี
1. เอเชียตะวนั ออก พระพุทธศาสนานิกายมหายานของอนิ เดียมอี ิทธิพลอย่างลึกซึ้งต่อชาวจนี ทั้ง
ในฐานะศาสนาสำคญั และในฐานะที่มีอิทธิพลตอ่ การสร้างสรรค์ศิลปะจีน
2. ภูมิภาคเอเชียกลาง กลุ่มชนต่างๆในภูมิภาคนี้มีพัฒนาการทางประวัติศาสตร์ และวัฒนธรรม
ร่วมกับชาวอินเดียมาต้ังแต่ยุคสมัยแรกๆ อิทธิพลที่ปรากฏชัดเจน คือ ศาสนสถาน ส่ิงก่อสร้าง รวมท้ัง
ศลิ ปวตั ถุในพุทธศาสนานิกายมหายาน นับตงั้ แตค่ ริสต์ศตวรรษที่ 7 เปน็ ต้นมา เมอ่ื อำนาจทางการเมืองของ
พวกมุสลมิ จากตะวนั ออกกลางขยายเข้ามาในเอเชียกลาง อารยธรรมอสิ ลามจึงเข้ามาแทนที่
3. ดนิ แดนในตะวันออกกลาง เร่มิ ตงั้ แต่คริสต์ศตวรรษที่ 7 เม่ือพวกมสุ ลิมอาหรับ ซงึ่ มีอำนาจใน
ตะวันออกกลาง ได้นำวิทยาการหลายอย่างไปใช้ ได้แก่ การแพทย์ คณิตศาสตร์ ดาราศาสตร์ เป็นต้น
ขณะเดียวกันอินเดียก็รับอารยธรรมบางอย่าง ท้ังของเปอรเ์ ซียและของกรกี โดยเฉพาะทางด้านศิลปกรรม
ประตมิ ากรรม เชน่ พระพุทธรปู ศลิ ปะ คนั ธาระ แสดงให้เห็นถงึ อทิ ธพิ ลของกรกี อย่างชัดเจน
4. อิทธิพลของเปอร์เซีย จะปรากฏในรูปของการปกครองและสถาปัตยกรรม เช่น พระราชวัง
การเจาะภูเขาเป็นถำ้ เพ่ือสร้างศาสนาสถาน สำหรบั อารยธรรมอินเดยี ที่ถา่ ยทอดให้กับดินแดนในตะวนั ออก
กลางนำเอาวทิ ยาการหลายอย่างของอินเดียไปใช้ ไดแ้ ก่ การแพทย์ คณิตศาสตร์ และดาราศาสตร์
5. เอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ภูมิภาคท่ีปรากฏอิทธิพลของอารยธรรมอินเดียเด่นชัดมากที่สุด
พ่อค้า พราหมณ์ และภิกษุสงฆ์ชาวอินเดียเดินทางมาสู่เอเชียตะวันออกเฉยี งใต้ และนำอารยธรรมอินเดีย
มาเผยแพร่ ขณะเดียวกันคนในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ก็เดินทางไปอินเดียด้วยจุดประสงค์ต่างๆ
ทงั้ การจาริกแสวงบุญและการค้า และได้นำอารยธรรมอนิ เดียกลบั มาเผยแพร่ในดินแดนของตน
อารยธรรมอินเดียปรากฏชัดอยู่ในวัฒนธรรมเอเชียตะวันออกเฉียงใต้แทบทุกด้าน โดยเฉพาะใน
ด้านศาสนา ความเชือ่ การปกครอง ศาสนาพราหมณ์-ฮินดูและพระพุทธศาสนาได้หลอ่ หลอมจนกลายเป็น
รากฐานสำคัญท่ีสุดของประเทศตา่ งๆในภูมิภาคนี้ ศิลปกรรมอนิ เดียทุกยุคสมัยไม่ว่าจะเป็นศิลปะอมราวดี
มถุรา คุปตะ ปาละ และเสนะ ปรากฏชัดอยู่ตามศาสนสถานและศิลปวัตถุท่ัวดินแดนเอเชียตะวันออก
เฉยี งใต้ และตัวอักษรอนิ เดียก็นบั เป็นมรดกสำคญั ที่ตกทอดมาถงึ ภมู ิภาคนดี้ ว้ ย
[ ]บทเรียนสำเร็จรูป เรื่อง อารยธรรมโลกสมยั โบราณ 34
[เล่มท่ี 5 อารยธรรมอนิ เดยี ]
คำถามกรอบที่ 7
ใหน้ กั เรียนเลอื กขอ้ ความทก่ี ำหนดให้เติมลงในชอ่ งวา่ งใหถ้ ูกต้อง
เอเชยี ตะวนั ออก ภูมิภาคเอเชยี กลาง ดนิ แดนในตะวนั ออกกลาง อทิ ธพิ ลของเปอร์เซีย
เอเชยี ตะวนั ออกเฉียงใต้
การแพทย์ คณิตศาสตร์ พระพุทธศาสนานกิ ายมหายาน ดา้ นศาสนา ความเชอื่
และดาราศาสตร์ การสร้างสรรค์ศิลปะจีน การปกครอง ศาสนาพราหมณ์-
ฮนิ ดูและพระพุทธศาสนา
การเผยแพรแ่ ละการถ่ายทอด
อารยธรรมอนิ เดยี ไปสภู่ มู ภิ าคต่างๆ
พวกมุสลิมอาหรับ ซึ่งมีอำนาจในตะวันออกกลาง ได้ มีพัฒนาการทางประวัติศาสตร์และวัฒนธรรมร่วมกับ
นำวิทยาการหลายอย่างไปใช้ ได้แก่ การแพทย์ ชาวอินเดียมาต้ังแต่ยุคสมัยแรกๆ อิทธิพลที่ปรากฏ
คณติ ศาสตร์ ดาราศาสตร์ ชัดเจน คอื ศาสนสถาน สง่ิ ก่อสร้าง รวมทั้งศลิ ปวัตถุใน
พทุ ธศาสนานกิ ายมหายาน
[ ]บทเรียนสำเรจ็ รปู เรอ่ื ง อารยธรรมโลกสมัยโบราณ 35
[เล่มท่ี 5 อารยธรรมอนิ เดีย]
คำตอบกรอบท่ี 7
ใหน้ ักเรยี นเลอื กข้อความทก่ี ำหนดใหเ้ ตมิ ลงในช่องวา่ งใหถ้ กู ตอ้ ง
เอเชยี ตะวนั ออก ภูมภิ าคเอเชียกลาง ดินแดนในตะวันออกกลาง อทิ ธิพลของเปอร์เซีย
เอเชยี ตะวนั ออกเฉยี งใต้
อิทธิพลของเปอรเ์ ซีย เอเชยี ตะวนั ออก เอเชียตะวนั ออกเฉยี งใต้
การแพทย์ คณิตศาสตร์ พระพทุ ธศาสนานกิ ายมหายาน ดา้ นศาสนา ความเช่ือ
และดาราศาสตร์ การสร้างสรรค์ศิลปะจีน การปกครอง ศาสนาพราหมณ์-
ฮินดแู ละพระพทุ ธศาสนา
การเผยแพรแ่ ละการถ่ายทอด
อารยธรรมอินเดยี ไปสู่ภูมภิ าคต่างๆ
พวกมุสลิมอาหรับ ซึง่ มีอำนาจในตะวันออกกลาง ได้ มีพัฒนาการทางประวัติศาสตร์และวัฒนธรรมร่วมกับ
นำวิทยาการหลายอย่างไปใช้ ไดแ้ ก่ การแพทย์ ชาวอินเดียมาต้ังแต่ยุคสมัยแรกๆ อิทธิพลที่ปรากฏ
คณติ ศาสตร์ ดาราศาสตร์ ชัดเจน คือ ศาสนสถาน ส่ิงก่อสร้าง รวมทั้งศิลปวัตถุ
ในพทุ ธศาสนานิกายมหายาน
ดินแดนในตะวันออกกลาง ภูมิภาคเอเชยี กลาง
[ ]บทเรียนสำเรจ็ รปู เร่อื ง อารยธรรมโลกสมยั โบราณ 36
[เล่มที่ 5 อารยธรรมอนิ เดีย]
แบบทดสอบหลังเรยี น (Post-test)
เรอื่ ง อารยธรรมอินเดยี
คำช้แี จง ใหน้ กั เรียนกากบาท (X) ทับขอ้ ที่ถกู ท่ีสุดเพยี งขอ้ เดยี วในกระดาษคำตอบ
1. ลกั ษณะเดน่ ของอารยธรรมอนิ เดียโบราณ คอื เร่อื งใด
ก. เปน็ แหลง่ กําเนิดศาสนาที่สาํ คญั ของโลก
ข. มอี าณาเขตกวา้ งขวางประกอบดว้ ยหลายเชอ้ื ชาติ
ค. พฒั นาจากลัทธบิ ูชาธรรมชาตมิ าเป็นนบั ถือพระเจ้าหลายองค์
ง. เดิมเป็นอารยธรรมของชาวผิวดาํ พัฒนามาเปน็ อารยธรรมของชาวผวิ ขาว
2. อารยธรรมอินเดยี เรม่ิ ต้นบรเิ วณใด
ก. ลมุ่ แม่น้ําสินธุ
ข. ล่มุ แม่น้าํ คงคา
ค. เกาะศรีลงั กา
ง. เชิงเขาหมิ าลัย
3. พระมนูธรรมศาสตร์มีความสำคญั อยา่ งไร
ก. เปน็ หลกั ศาสนา
ข. เป็นหลักกฎหมาย
ค. เปน็ หลกั การศกึ ษา
ง. เป็นหลกั การปกครอง
4. ระบบวรรณะในอารยธรรมอนิ เดียแสดงถึงความเช่ือเร่อื งใด
ก. มนษุ ย์ไม่สามารถเปลย่ี นแปลงสถานภาพของตนได้
ข. คนผวิ ขาวมคี วามเจริญทางอารยธรรมมากกว่าคนผวิ ดำ
ค. มนษุ ย์เกดิ มามีฐานะไม่เทา่ กันเพราะผลกรรมทที่ ำไว้ในอดีต
ง. พระพรหมไดล้ ิขิตชะตาชีวิตมนษุ ยไ์ วแ้ ล้วจงึ ไมอ่ าจเปล่ียนแปลงได้
[ ]บทเรยี นสำเร็จรปู เร่ือง อารยธรรมโลกสมยั โบราณ 37
[เล่มที่ 5 อารยธรรมอนิ เดีย]
5. ข้อใดจัดเป็นลกั ษณะเด่นทางด้านสถาปตั ยกรรมของเมืองโบราณในอินเดยี
ก. มีการวางผังเมืองอยา่ งเป็นระเบียบ
ข. นบั ถอื พระพุทธศาสนาเปน็ ศาสนาประจำเมอื ง
ค. เลย้ี งสัตวเ์ พ่อื บริโภคและใช้แรงงาน
ง. มีการสรา้ งพระพุทธรูป
6. วรรณกรรมเรอ่ื งรามายณะ และมหาภารตะ สะทอ้ นใหเ้ ห็นความสำคญั เกี่ยวกับเรื่องใด
ก. ความสามัคคี
ข. การทำหนา้ ที่
ค. ความกตัญญกู ตเวที
ง. การแสดงอภินิหาร
7.“ทัชมาฮลั ” ในสมยั ราชวงศ์โมกลุ สร้างขนึ้ เพือ่ จุดประสงคใ์ ด
ก. แสดงความยง่ิ ใหญ่ของอินเดีย
ข. ปอ้ งกันการรกุ รานของข้าศกึ
ค. เป็นอนสุ รณแ์ ห่งความรกั
ง. ใชป้ ระกอบพธิ ีทางศาสนาอิสลาม
8. การได้รบั เอกราชของอนิ เดียเกิดจากสาเหตุข้อใดมากท่สี ุด
ก. ชาวมสุ ลิม และอ่นื ๆ รว่ มใจการจับอาวุธขึน้ สู้กับอังกฤษ
ข. ชยั ชนะของพลงั ชาตินิยมเหนือพลงั ทหารของอังกฤษ
ค. การต่อสู้แบบอหิงสาภายใต้การนำของมหาตมะ คานธี
ง. องั กฤษมีนโยบายผอ่ นปรนทีจ่ ะให้เอกราชแกอ่ ินเดียหลังสงครามโลกครั้งที่ 2
9. วรรณกรรมข้อใดแสดงถึงอิทธพิ ลของวรรณกรรมอินเดีย
ก. อเิ หนา อณุ รทุ
ข. ราชาธริ าช อิเหนา
ค. ศกนุ ตลา รามเกียรต์ิ
ง. รามเกียรติ์ ขุนช้าง ขนุ แผน
[ ]บทเรยี นสำเร็จรูป เร่ือง อารยธรรมโลกสมยั โบราณ 38
[เลม่ ที่ 5 อารยธรรมอินเดยี ]
10. วรรณะใดที่เกิดจากพระโอษฐข์ องพระพรหม
ก. ศทู ร
ข. แพศย์
ค. กษัตรยิ ์
ง. พราหมณ์
เพอื่ นๆ ศึกษาจนจบบทเรยี นแลว้ เรามาดูผลการประเมิน
กันเลยดกี วา่ นะครับ ในเร่ืองนีก้ รอบละ 1 คะแนนนะครบั
ถา้ กรอบใดมีแบบทดสอบ 2 ข้อกข็ ้อละ 1 คะแนน นะครับ
พักเหนอื่ ยกอ่ นนะคะ แลว้ ช่วั โมงต่อไป
เรามาเรียนเร่อื ง
“อารยธรรมจีน” ค่ะ
[ ]บทเรยี นสำเรจ็ รูป เรอ่ื ง อารยธรรมโลกสมยั โบราณ 39
[เล่มท่ี 5 อารยธรรมอินเดยี ]
เฉลยแบบทดสอบหลงั เรียน (Post-test)
เรื่อง อารยธรรมอนิ เดีย
1. ก
2. ก
3. ข
4. ค
5. ก
6. ข
7. ค
8. ค
9. ค
10. ง
[บทเรยี นสำเรจ็ รปู เรอื่ ง อารยธรรมโลกสมัยโบราณ] 1
[เลม่ ท่ี 6 อารยธรรมจีน]
สวสั ดคี รบั .. บทเรียนในเล่มท่ี 6 น้ี เพอ่ื นๆ จะไดศ้ ึกษาอารยธรรมจนี
ซง่ึ เป็นอกี อารยธรรมหนึ่งที่ทกุ คนตอ้ งเรียนรู้ และนำไปใช้ในการเตรยี มสอบ
ประเมินผลและสอบเข้าศึกษาต่อในระดับท่ีสงู ขึ้น
ขอให้เพื่อนๆ ทำแบบทดสอบก่อนเรียน จำนวน 10 ขอ้ ก่อน
โดยใหท้ ำในกระดาษคำตอบที่ครูแจกให้ ขอใหส้ นกุ กบั การเรียนนะครบั …..
เพ่ือนๆ ตอ้ งซ่อื สตั ย์ต่อตนเองด้วยนะครับ
เอ้า..ทำแบบทดสอบกันเลย
คณุ ธรรมที่ตอ้ งการเน้น คอื
14. ความมีวินยั
15. ความซื่อสัตย์
16. การทำงานร่วมกับผอู้ ื่น
[นายอุไทย โกยชยั ] หนา้ 1 [บทเรยี นสำเร็จรูป เรอ่ื ง อารยธรรมโลกสมยั โบราณ] 2
[เลม่ ท่ี 6 อารยธรรมจีน]
แบบทดสอบก่อนเรียน(Pre – test)
เรื่อง อารยธรรมจนี
คำช้แี จง ให้นกั เรยี นกากบาท (X) ทบั ข้อท่ีถูกท่ีสดุ เพียงข้อเดียวในกระดาษคำตอบ
1. ความเช่ือเรอื่ งอาณตั สิ วรรคส์ ่งผลตอ่ ชาวจีนอยา่ งไร
ก. เกิดการลกุ ฮือของประชาชนขึ้นล้มลา้ งราชวงศเ์ ดมิ ตง้ั ราชวงศใ์ หม่
ข. ชาวจีนขาดความกระตือรือรน้ เพราะรอความช่วยเหลอื จากสวรรค์
ค. ชาวจีนอยู่อย่างสนั ติสุขเพราะทุกคนยอมรับผ้ปู กครองท่ีสวรรค์เลือกให้
ง. เกิดการเลือกผู้นำดว้ ยวิธีการเสีย่ งทายเพอ่ื ท่ีจะไดผ้ นู้ ำตามทีส่ วรรคต์ ้องการ
2. อารยธรรมจนี ในเรอ่ื งใดท่มี ีอทิ ธพิ ลต่อการสอ่ื สารของมนษุ ยใ์ นปัจจุบัน
ก. ระบบตัวอักษรยอ่
ข. การผลิตกระดาษและนำ้ หมึก
ค. การคดิ ค้นระบบลกู คดิ ในการคา้ ขาย
ง. การใช้สตั ว์เป็นตวั กลางในการสง่ สาร
3. อารยธรรมจีนเรอื่ งใดทชี่ ่วยในการพฒั นาทางคณติ ศาสตร์ของมนุษย์
ก. ระบบเลขทศนยิ ม
ข. ระบบเลขยกกำลงั
ค. การหาพื้นที่วงกลม
ง. การประดิษฐล์ ูกคดิ
4. ลัทธขิ งจื๊อให้ความสำคัญในเร่ืองใด
ก. การคา้
ข. การศกึ ษา
ค. การเขา้ รับราชการ
ง. การสร้างครอบครัว
[นายอไุ ทย โกยชัย] หนา้ 2 [บทเรียนสำเร็จรูป เรื่อง อารยธรรมโลกสมัยโบราณ] 3
[เลม่ ที่ 6 อารยธรรมจีน]
5. วรรณกรรมจีนสมัยราชวงศ์ชิงหรือแมนจู ท่ีสะท้อนให้เห็นความรุ่งเรืองและความตกต่ำของชีวิต
ในสังคมและความรักท่ีย่ิงใหญค่ ือเร่ืองใด
ก. บ้าน
ข. ซอ้ งกั๋ง
ค. ดอกบัวทอง
ง. ความฝันในหอแดง
6. ขอ้ ใดเปน็ ลกั ษณะเครือ่ งปน้ั ดนิ เผาของวัฒนธรรมหยางเชา
ก. สมี ่วงขัดมนั เงา
ข. เปน็ ลายเขยี นสี
ค. เนอ้ื บางและแกร่ง
ง. เนอ้ื ละเอียดมี 3 – ขา
7. เส้นทางการค้าในขอ้ ใดท่ีมีความสำคัญต่อการคา้ ของจีนกับตะวันออกกลางในสมยั ราชวงศ์ฮ่นั
และราชวงศถ์ งั
ก. เสน้ ทางเรอื จากคองสุเอช
ข. เส้นทางสายไหมทางบก
ค. เสน้ ทางเร่มิ จากอา่ วเปอรเ์ ซยี
ง. เสน้ ทางสายแพรไหมทางทะเล
8. ตวั อักษรจนี ระยะแรกปรากฎในงานสรา้ งสรรค์ในข้อใด
ก. กระดกู เสี่ยงทาย
ข. กำแพงเมอื งจีน
ค. รปู ปน้ั เจ้าแม่กวนอิม
ง. เครอื่ งปั้นดนิ เผาสเี ขยี วเทา
9. ไทยยตุ คิ วามสมั พันธ์กับจีนในระบบระบบ “บรรณาการเพื่อการค้า” ครั้งสดุ ท้ายในสมัยใด
ก. รชั กาลท่ี 1
ข. รัชกาลที่ 2
ค. รัชกาลท่ี 3
ง. รชั กาลท่ี 4
[นายอไุ ทย โกยชัย] หนา้ 3 [บทเรียนสำเรจ็ รปู เรอื่ ง อารยธรรมโลกสมัยโบราณ] 4
[เลม่ ท่ี 6 อารยธรรมจนี ]
10. จีนมีส่วนสำคญั ในการสรา้ งเสริมอารยธรรมของโลกหลายประการ ยกเว้น ในเร่อื งใดตอ่ ไปนี้
ก. การทำปฏิทิน
ข. การทำกระดาษ
ค. การค้นพบว่าโลกกลม
ง. การเล้ยี งไหมและทอผา้ ไหม
ไมย่ ากเลยใช่ไหมครบั เพอื่ นๆ
ไหนลองตรวจดูสิครบั ได้ก่ีคะแนน
[นายอุไทย โกยชยั ] หนา้ 4 [บทเรียนสำเรจ็ รูป เรอ่ื ง อารยธรรมโลกสมัยโบราณ] 5
[เลม่ ที่ 6 อารยธรรมจีน]
เฉลยแบบทดสอบกอ่ นเรยี น( Pre - test )
เรอื่ ง อารยธรรมจนี
21. ค
22. ข
23. ง
24. ข
25. ง
26. ข
27. ข
28. ก
29. ง
30. ค
[นายอไุ ทย โกยชยั ] หนา้ 5 [บทเรียนสำเร็จรปู เรื่อง อารยธรรมโลกสมัยโบราณ] 6
[เล่มท่ี 6 อารยธรรมจีน]
สวัสดีครับ เพ่อื นๆ
อารยธรรมจนี กน็ ่าสนใจ นะครบั
แลว้ ...เราจะศึกษาอารยธรรมจนี
ด้านใดบ้างคะ
สำหรับอารยธรรมจีน เราจะศึกษาเกี่ยวกับ ปัจจัยท่ีส่งเสริมให้เกิด
อารยธรรมจีน ที่ตง้ั ของอารยธรรมจนี อารยธรรมจีนสมัยก่อนประวัติศาสตร์
อารยธรรมจีนสมัยประวัติศาสตร์ การสร้างสรรค์อารยธรรมจีน และการ
ถ่ายทอดอารยธรรมจนี ส่ดู ินแดนต่างๆ
ถ้าง้ันเรามาศกึ ษาอารยธรรมจนี
ในหัวข้อตามกรอบตา่ งๆเลยนะ
ครบั นอ้ งๆ
[นายอุไทย โกยชัย] หนา้ 6 [บทเรียนสำเรจ็ รปู เรอ่ื ง อารยธรรมโลกสมัยโบราณ] 7
[เล่มที่ 6 อารยธรรมจนี ]
กรอบท่ี 1 ปัจจัยท่สี ง่ เสรมิ ใหเ้ กดิ อารยธรรมจีน
อารยธรรมจีนเป็นอารยธรรมท่ีมีเอกภาพสูง ซ่ึงแตกต่างจากอารยธรรมอื่นๆ เนื่องจากอารยธรรม
พฒั นาภายในดนิ แดนของตนเองเป็นส่วนใหญ่ โดยได้รับอทิ ธิพลจากโลกภายนอกไมม่ ากนกั อารยธรรมจีนจึงมี
รากฐานท่ีมั่นคง และมีเอกลักษณ์เฉพาะตนเอง ประวัติศาสตร์จีนมีทั้งช่วงท่ีเป็นปึกแผ่นและแตกเป็นหลาย
อาณาจักรสลับกันไป ในบางคร้ังก็ถูกปกครองโดยชนชาติอืน่ วัฒนธรรมของจีนมีอิทธิพลอย่างสูงต่อชาติอื่นๆ
ในทวีปเอเชยี
ลกั ษณะภมู ิประเทศท่ีโดดเด่ียว จีนเปน็ แผน่ ดินท่ีกวา้ งใหญ่ พืน้ ทปี่ ระกอบด้วยเทือกเขาสูง จำนวนมาก
ทีก่ ้ันระหวา่ งภาคตา่ งๆของจีน และยังกน้ั จนี จากโลกภายนอกอีกดว้ ย ส่วนทางดา้ นตะวันออกของจีนตงั้ แตเ่ หนือ
จรดใต้ก็ติดต่อกับมหาสมุทรแปซิฟิก มีโอกาสติดต่อกับแหล่งความเจริญอ่ืนๆไม่มากนัก จึงพัฒนาความเจริญ
ภายในดินแดนของตนเอง การอยู่อย่างโดดเด่ียวท่ามกลางความเจริญที่พัฒนาขึ้นมาเองทำให้ชาวจีน ภูมิใจใน
อารยธรรมของตนว่า “ดีที่สุด” จนมองชนชาติอ่ืนว่า “ด้อยกว่า” นี่เป็นจุดอ่อนของจีนในการปรบั ตัวเข้าสู่โลก
ยคุ ใหม่
จีนมีเขตที่ราบลุ่มแม่น้ำที่อุดมสมบูรณ์หลายแห่ง ได้แก่ ลุ่มแม่น้ำหวางเหอ ลุ่มแม่น้ำแยงซีเกียง
และลุ่มแมน่ ้ำฉี เขตท่ีราบลุ่มแมน่ ้ำเหลา่ นี้เปน็ ศูนย์กลางของประชากรและความเจรญิ ของจีน แต่ต้องประสบภัย
พิบัติในฤดูน้ำหลากด้วย ชาวจีนได้สร้างเข่ือนและทำนบกั้นน้ำ เพ่ือป้องกันน้ำท่วมบ้านเรือน ไร่นา และหาวิธี
ป้องกันไม่ให้เข่ือนพังโดยขุดคลอง เพ่ือช่วยผันน้ำ คลองเหล่าน้ีทำประโยชน์ให้ชาวจีนตลอดปี และยังใช้เป็น
เส้นทางคมนาคมอีกด้วย สภาพภูมิศาสตร์เป็นปัจจัยหนึ่งที่ส่งเสริมให้ชาวจีนพัฒนาภูมิปัญญาเพ่ือเอาชนะ
ธรรมชาติ
คำถามกรอบท่ี 1 ทำเสร็จเรยี บรอ้ ยแลว้
ตรวจคำตอบไดเ้ ลยครับ
เหตุใดจงึ กล่าวว่าอารยธรรมจนี เป็นอารยธรรมท่มี เี อกภาพสูง
ตอบ…………………………………………………………………………………….
[นายอไุ ทย โกยชัย] หนา้ 7 [บทเรยี นสำเรจ็ รปู เรื่อง อารยธรรมโลกสมยั โบราณ] 8
[เลม่ ที่ 6 อารยธรรมจนี ]
คำตอบกรอบท่ี 1
เนอ่ื งจากอารยธรรมพัฒนาภายในดินแดนของตนเองเป็นส่วนใหญ่
กรอบท่ี 2
ทต่ี ั้งของอารยธรรมจีน
ท่ตี ัง้
ทิศเหนือ ติดมองโกเลียและรสั เซยี
ทศิ ตะวนั ออกเฉียงเหนอื ติดเกาหลเี หนอื และทะเลจีนตะวนั ออก
ทศิ ตะวันตก ติดคาซกั สถานปากีสถานอฟั กานสิ ถานอนิ เดีย เนปาล และภูฏาน
ทศิ ใตแ้ ละทิศตะวนั ออก ตดิ พม่า ลาว และเวียดนาม
พื้นที่ 9,596,960 ตารางกิโลเมตร
ภาพท่ี 6.1 แสดงแผนที่และทตี่ งั้ ของอารยธรรมจีน
ทม่ี า : http://www.trueplookpanya.com/learning/detail/31217/043748
[นายอไุ ทย โกยชยั ] หน้า 8 [บทเรยี นสำเรจ็ รูป เรอ่ื ง อารยธรรมโลกสมัยโบราณ] 9
[เล่มท่ี 6 อารยธรรมจีน]
กรอบที่ 3
อารยธรรมจีนสมยั กอ่ นประวัติศาสตร์
ความเป็นมาของประเทศจนี ในยคุ ก่อนประวัตศิ าสตร์ ล้วนแตไ่ ด้มาโดยการสันนษิ ฐานและการอ้างตาม
ซากวัตถุท่ีนักโบราณคดีขุดพบขึ้น แล้วมาต้ังเป็นทฤษฏี จีนเป็นประเทศที่มีวัฒนธรรมเก่าแก่มากที่สุดประเทศ
หนึ่ง แต่แมก้ ระท่ังปจั จุบนั วฒั นธรรมของจีนไมไ่ ด้สญู สน้ิ ไปกับกาลเวลาเหมือนกบั วัฒนธรรรมท่เี ก่าแก่อ่ืนๆ ของ
โลก ตรงกนั ขา้ มจีนกำลังสร้างความเป็นเอกภาพให้ตนเอง ไม่ทราบแน่ชัดวา่ ประวัติศาสตร์จนี ถอื กำเนิดเมอ่ื ไหร่
แต่ตามทฤษฏีได้รับการยอมรับเชื่อว่า เกิดข้ึนในยุคน้ำแข็งต้ังแต่ประมาณ 350,00 – 400,000 ปีมาแล้ว ทั้งนี้
โดยอ้างจากซากของมนุษย์ปักก่ิงที่ค้นพบทางตอนใต้ของจีน เรียกซากดึกดำบรรพ์ของมนุษย์วานรยุคแรกว่า
“รามาปิเทคุส” หลังจากส้ินสุดยุคน้ำแข็งได้มีการรวมตัวกันข้ึนในบริเวณที่ราบอุดมสมบูรณ์ของแม่น้ำเหลือง
จากนน้ั ชาวจีนไดเ้ ร่มิ สรา้ งสังคมเมอื งแบบพ้ืนฐาน
ในยุคหินใหม่ ชุมชนที่ตั้งถิ่นฐานอยู่ที่ราบลุ่มน้ำหวางเหอไดส้ ร้างสรรค์วฒั นธรรม “หยางเชา” ขึ้น และ
อีกชุมชนหน่ึงอยู่บริเวณมณฑลซานดุง ได้สร้างสรรค์วัฒนธรรมที่เรียกว่าวั ฒนธรรม “หลงชาน” ข้ึน
ทั้งสองวัฒ น ธรรมกำหน ดอายุได้ประมาณ 5,000 ปี ถึง 2,000 ปี ก่อ น คริสต์ศักราชตามลำดับ
ในยุคก่อนประวัติศาสตร์น้ันไม่มีหลักฐานแน่ชัดว่าเริม่ ต้นเม่ือไร แต่จากการขุดพบวตั ถุโบราณบริเวณ
ลุ่มน้ำฉางเจียงและหวางเหอ แบ่งช่วงเวลานี้ออกได้เป็นสังคม 2 แบบ แบบแรกคือ ช่วงท่ีผู้หญิงเป็นใหญ่
เรยี กว่า วฒั นธรรมหยางเชา และชว่ งทผ่ี ู้ชายเป็นใหญ่ เรยี กว่า วฒั นธรรมหลงชาน ตามตำนาน เล่ากันวา่ บรรพ
บุรุษจีนมชี ื่อเรยี กว่า หวางต้ี และ เหยยี นต้ี
คำถามกรอบที่ 3
1. ซากของมนษุ ย์ปกั กิง่ ท่คี ้นพบทางตอนใต้ของจีน เรียกซากดึกดำบรรพข์ องมนษุ ยว์ านรยุคแรกว่าอะไร
ตอบ…………………………………………………………………………………………………………………………………………..
2. การขุดพบวัตถโุ บราณบริเวณลมุ่ น้ำฉางเจยี งและหวางเหอ แบง่ ชว่ งเวลาน้อี อกได้เปน็ ก่ีแบบ อะไรบ้าง
ตอบ…………………………………………………………………………………………………………………………………………..
[นายอุไทย โกยชัย] หนา้ 9 [บทเรียนสำเร็จรปู เรอ่ื ง อารยธรรมโลกสมัยโบราณ] 10
[เลม่ ท่ี 6 อารยธรรมจนี ]
คำตคอำบตกอรบอกบรทอี่บ3ที่ 2
1. เกษตรกรรม1.แ“ลระาเดมินาเปรเิอื ทคสุ 2”. ดอเรยี น (Dorians)
2. สงั คม 2 แบบ แบบแรกคือ ช่วงที่ผู้หญงิ เปน็ ใหญ่ เรยี กว่า วฒั นธรรมหยางเชา
และช่วงทผี่ ูช้ ายเปน็ ใหญ่ เรยี กวา่ วัฒนธรรมหลงชาน
อารยธรรมลุ่มแม่น้ำฮวงโห พบความเจริญท่ีเรียกว่า “วัฒนธรรมหยางเชา” พบหลักฐานคือ
เคร่ืองปั้นดินเผาลายเขียนสีจำนวนมากที่มีความงดงามและมีความประณีตในการตกแต่ง ลายที่เขียนมักเป็น
ลายเรขาคณิต พชื นก สตั วต์ ่างๆ และภาพใบหน้ามนุษย์ สีที่ใชเ้ ป็นสีดำหรือสีมว่ งเข้ม วัฒนธรรมนี้ได้สืบทอดมา
จนถงึ สมยั สำริดและสมยั ประวัติศาสตร์
อารยธรรมลุ่มแม่น้ำแยงซี พบความเจริญที่เรียกว่า “วัฒนธรรมหลงชาน” พบหลักฐานคือ
เครื่องปั้นดินเผามีเน้ือละเอียด สีดำ ขัดมันเงา คุณภาพดี เน้ือบางและแกร่ง แสดงว่ามีการใช้แป้นหมุน และมี
การเผาภาชนะดินเผาที่กา้ วหนา้ กว่าวฒั นธรรมหยางเชา รูปแบบของภาชนะดินเผาทีส่ ำคัญคอื ภาชนะ 3 ขา ซ่ึง
สบื ทอดมาในยุคสำริด
ในสมัยต่อมาความเป็นอยู่ของคนจีนอยู่กันเป็นหมู่บ้าน มีกำแพงดนิ เผาล้อมรอบหมู่บ้าน บ้านกอ่ สร้าง
โดยอาศยั ซากปรกั หกั พังทมี่ อี ยู่กอ่ น และใช้ดนิ โคลนเป็นวตั ถุ มีการสาธารณปู โภคอื่นๆ เชน่ การขดุ บอ่ น้ำเพ่อื ใช้
บริโภค เชื่อกันว่าในสมัยหยางเชา การทำนายโชคชะตาเป็นประเพณีท่ีนิยม อารยธรรมจีนแพร่หลายอย่าง
กว้างขวางในภาคตะวันออกและเปน็ ที่สนใจของคนทัว่ โลก
คำถามกรอบที่ 3
“วฒั นธรรมหลงชาน” หลักฐานท่ีค้นพบมอี ะไรบา้ ง
ตอบ……………………………………………………………………
ภาพที่ 6.2 แสดงภาพเครอ่ื งปนั้ ดินเผาหยางเชาและเคร่อื งป้ันดนิ เผาหลงชาน
ทม่ี า : https://writer.dek-d.com/lady_feries/story/viewlongc.php?id=685580&chapter=3
[นายอไุ ทย โกยชัย] หน้า 10 [บทเรียนสำเร็จรปู เร่ือง อารยธรรมโลกสมัยโบราณ] 11
[เลม่ ท่ี 6 อารยธรรมจนี ]
คำตอบกรอบที่ 3
เครือ่ งปน้ั ดนิ เผามเี นอื้ ละเอียด สีดำ ขัดมันเงา คณุ ภาพดี เนือ้ บางและแกรง่
กรอบที่ 4
อารยธรรมจนี สมยั ประวตั ศิ าสตร์
แหล่งอารยธรรมของจีนถือกำเนิดในบริเวณท่รี าบลุ่มแม่น้ำฮวงโห ทั้งนี้จีนเข้าสู่ “สมัยประวัติศาสตร์”
ในสมัยราชวงศ์ชาง (Shang Dynasty) ระหว่าง 1,776-1,112 ปี ก่อนคริสต์ศักราช เม่ือมีการใช้ตัวหนังสือ
รูปภาพ เขยี นบนกระดกู สัตว์หรือกระดองเตา่ เรียกวา่ กระดูกมงั กร ใช้สำหรบั เสีย่ งทายหรอื ทำนายโชคชะตา
สมัยประวตั ิศาสตร์ของจนี แบง่ ได้ 4 ยคุ
1. ประวัตศิ าสตรส์ มัยโบราณ เรม่ิ ตั้งแตส่ มัยราชวงศ์ชาง ส้ินสุดสมัยราชวงศ์โจว
2. ประวัติศาสตรส์ มยั จักรวรรดิ เริม่ ตั้งแตส่ มยั ราชวงศ์จ๋นิ จนถงึ ปลายราชวงศช์ งิ หรือเชง็
3. ประวัติศาสตร์สมัยใหม่ เริ่มปลายราชวงศ์ชิงจนถงึ การปฏิวัตเิ ข้าส่รู ะบอบสงั คมนยิ ม
4. ประวัติศาสตร์ร่วมสมัย เร่ิมตั้งแต่จีนปฏิวัติเปล่ียนแปลงการปกครองเข้าสู่ระบอบสังคมนิยมหรือ
คอมมิวนิสต์จนถึงปัจจุบนั
ราชวงศ์ชาง
ราชวงศ์ชาง เป็นราชวงศ์แรกของจีน อยู่บริเวณตอนกลางของแม่น้ำหวงเหอ มีเมืองอันยาง
มณฑลโฮนาน เป็นเมืองหลวง มีอำนาจปกครองขนเผ่าตา่ งๆ และมีความเขม้ แขง็ ทางทหาร เรมิ่ มกี ารตั้ง
ชุมชน และการปกครองแบบนครรัฐ ลักษณะสงั คมแบบเกษตรกรรม มีการประดิษฐ์อักษรภาพ 5,000
ตัว เขียนบนกระดองเต่า มีเทพเจ้าท่ีสำคัญคือ เทพเจ้าแห่งความอุดมสมบูรณ์ เทพเจ้าแห่งสงคราม
มกี ารประกอบพิธบี ูชาบรรพบรุ ษุ เซน่ ไหวเ้ ทพเจา้
คำถามกรอบท่ี 4
ราชวงศช์ างมกี ารปกครองแบบใด
ตอบ…………………………………………………………………………………………………………….
[นายอุไทย โกยชยั ] หน้า 11 [บทเรียนสำเร็จรูป เรอ่ื ง อารยธรรมโลกสมัยโบราณ] 12
[เล่มท่ี 6 อารยธรรมจนี ]
คำตอบกรอบท่ี 4
ปกครองแบบนครรฐั
ราชวงศ์โจว
ราชวงศโ์ จว ชว่ งเวลา 1,122-221 ปี ก่อนคริสต์ศักราช เป็นราชวงศ์ทปี่ กครองจีนยาวนาน
สดุ เกือบ 900 ปี มีเมอื งหลวงอยทู่ ี่ นครซีอาน โดยยอมรับความเจริญของราชวงศ์ชางเกือบทุกอย่าง
เช่น การใชโ้ ลหะสำริด และตัวอักษรจีน เป็นต้น แนวความคดิ ด้านการปกครอง เชอื่ เรอื่ งกษัตรยิ ์เป็น
โอรสแห่งสวรรค์ สวรรคม์ อบอำนาจให้มาปกครองมนุษย์เรยี กวา่ “อาณัตแิ หง่ สวรรค์”เร่มิ ต้นยุคศักดิ
นาของจนี เกิดลทั ธิขงจอ๊ื และลัทธิเต๋า
ลทั ธิขงจื๊อ มีหลกั คำสอนท่ีม่งุ แก้ไขปัญหาการเมืองและสงั คมของจนี โดยเน้นดา้ นคุณธรรม
จริยธรรม เน้นความสัมพันธ์และการทำหน้าที่ของผู้คนในสังคม ระหว่างจักรพรรดิกับราษฎร
บิดากับบุตร พ่ีชายกับน้องชาย สามีกับภรรยา เพ่ือนกับเพ่ือน เน้นความกตัญญู เคารพผู้อาวุโส
ให้ความสำคัญกบั ครอบครัว เนน้ ความสำคัญของการศึกษา
ลัทธิเต๋า โดยเล่าจ๊ือ มีแนวทางเน้นการดำเนินชีวิตท่ีเรียบง่าย ไม่ต้องมีระเบียบแบบแผน
พิธีรีตองใดใด เน้นปรับตัวเข้าหาธรรมชาติ ดำรงชีวิตสันโดษเรียบง่าย ลัทธินี้มีอิทธิพลต่อการ
สร้างสรรคง์ านศลิ ปนิ กวี และจิตรกรจีน ดา้ นศลิ ปกรรมของจีนทุกยุคสมยั
คำสอนทั้งสองลทั ธิเปน็ ทีพ่ ่ึงทางใจของผคู้ น
คำถามกรอบท่ี 4
ลทั ธิใดท่ีมีแนวคดิ ด้านคุณธรรม จริยธรรม เน้นความสมั พันธแ์ ละการทำหน้าท่ขี องผู้คนในสงั คม
ตอบ……………………………………………………………………………………………………..………….
[นายอไุ ทย โกยชยั ] หน้า 12 [บทเรยี นสำเรจ็ รปู เรอ่ื ง อารยธรรมโลกสมัยโบราณ] 13
[เลม่ ที่ 6 อารยธรรมจีน]
คำตอบกรอบที่ 4
ลทั ธขิ งจ๊ือ
ราชวงศ์ฉนิ๋
ราชวงศ์ฉ๋ิน มีอำนาจการปกครองจีนเพียง 15 ปี (221-206 ปี ก่อนคริสต์ศักราช) เป็น
ราชวงศ์แรกที่รวมแผ่นดินจีนให้เป็นปึกแผ่น และมีดินแดนกว้างใหญ่ไพศาล ผู้ปกครองมีฐานะเป็น
จักรพรรด(ิ ฮอ่ งเต้ หรอื หวงต้)ี ซึ่งต่อมาจีนปกครองด้วยระบอบจักรพรรดติ อ่ เนือ่ งกันมากว่าสองพนั ปี
จักรพรรดิจน๋ิ ซฮี อ่ งเต้ (หรือฉินสื่อหวงตี้) ผกู้ ่อต้งั จกั รวรรดิราชวงศ์ฉนิ มีอำนาจเดด็ ขาดทาง
การทหาร และรวมอำนาจการปกครองเข้าสู่ส่วนกลาง (เมืองหลวงซีอาน) มณฑลต่างๆต้องข้ึนตรง
ต่อเมืองหลวง รฐั ควบคมุ การเก็บภาษีอากร มีการเกณฑ์แรงงานอยา่ งเข้มงวดเพ่ือไปทำงานก่อสรา้ ง
และเป็นทหาร บังคับให้ใช้ตัวหนังสือจีนหรือภาษาเขียน มาตราชั่ง ตวง วัด และเหรียญกษาปณ์ท่ัว
ทงั้ จักรวรรดิ ช่วยให้การติดต่อส่ือสารและการคา้ ขายเป็นไปอย่างสะดวก ทำให้จีนรกั ษาอารยธรรม
ของตนไว้ได้อย่างยาวนาน
ปราบปรามลัทธขิ งจอ้ื โดยเผาทำลายตำราเพ่ือไม่ใหน้ ำไปเผยแพร่ และลงโทษผู้ฝ่าฝืนอย่าง
รนุ แรง เพราะเห็นว่าเปน็ อปุ สรรคต่อการพัฒนาประเทศ
การสรา้ งกำแพงเมืองจีน โดยสร้างต่อจากแนวท่ีมมี าแต่เดิมและเชอ่ื มตอ่ กับแนวกำแพง
ของเมืองตางๆ ซง่ึ ตอ่ มามีการสรา้ งเพมิ่ เตมิ ในสมยั ราชวงศห์ ลงั ๆ จนมคี วามยาวถงึ 6,400 กิโลเมตร
เพอ่ื ปอ้ งกันการรุกรานของเผ่าเร่ร่อนทางภาคเหนอื
การทำดนิ ดำหรอื ดนิ ปืน ชาวจีนสมัยราชวงศ์ฉนิ เป็นชาติแรกท่ีรู้จกั การทำดนิ ดำหรือดนิ ปนื
แสดงถงึ การมคี วามรทู้ างเคมี ตอ่ มามกี ารนำมาใชใ้ นกจิ การทหารสมัยราชวงศ์ถัง
คำถามกรอบท่ี 4
เพราะเหตุใดสมัยราชวงศฉ์ ิน จึงมีการปราบปรามลัทธขิ งจ้ือ โดยเผาทำลายตำราเพ่ือไม่ให้นำไปเผยแพร่
ตอบ…………………………………………………………………………………………………………………..
[นายอุไทย โกยชยั ] หนา้ 13 [บทเรยี นสำเร็จรปู เรือ่ ง อารยธรรมโลกสมัยโบราณ] 14
[เลม่ ที่ 6 อารยธรรมจีน]
คำตอบกรอบที่ 4
เพราะเห็นวา่ เปน็ อปุ สรรคต่อการพัฒนาประเทศ
ราชวงศฮ์ นั่
ราชวงศฮ์ นั่ มอี ำนาจการปกครองจีน 206 ปีกอ่ นคริสตศ์ กั ราช ถงึ ค.ศ. 220 จีนมีความ
รุ่งเรอื งมากในชว่ งเวลากว่า 400 ปี ท่รี าชวงศ์ฮนั่ ปกครอง ไดช้ ื่อวา่ เป็นสมัยแห่งความเจรญิ ทาง
อารยธรรมของจีน
ความเจรญิ รงุ่ เรอื งสมัยราชวงศ์ฮนั่
การค้าระหว่างประเทศเจริญรุ่งเรืองมาก พ่อค้าจีนเดินทางไปค้าขายยังดินแดนที่อยู่
ห่างไกล ทั้งอินเดีย เอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เอเชียกลาง เปอร์เชีย และยุโรป ทำให้เกิดเส้นทาง
การค้าท่ีเรียกว่า เส้นทางสายไหม เริ่มต้ังแต่เมืองหลวงฉางอาน (ปัจจุบันคือเมืองซีอาน) ผ่าน
ทะเลทรายเข้าไปทางเอเชียกลาง อัฟกานิสถาน ไปออกทะเลเมดิเตอร์เรเนียน และลงเรือขนถ่าย
สนิ คา้ ไปยังกรงุ โรม (ประเทศอติ าลีในปัจจุบนั ) สนิ คา้ ทส่ี ำคัญท่ีชาวจนี นำขายคือ ผ้าไหม และเคร่ือง
ลายคราม การคา้ ขายทำใหเ้ กิดการแลกเปล่ยี นวฒั นธรรม
การฟื้นฟูความสำคัญของลัทธิขงจ้ือ ราชวงศ์ฮ่ันได้นำปรัชญาของลัทธิขงจื้อ มาใช้เป็น
หลักในการปกครองบ้านเมือง และนักปราชญ์ได้รบั การสนับสนนุ จากราชสำนัก มีการสอบเพ่ือเข้า
รบั ราชการเรยี กวา่ การสอบจอหงวน โดยใชต้ ำราขงจ้ือเป็นเกณฑ์วดั ความรู้ ซ่ึงใช้ต่อมานับพนั ปี
ซือหม่า เซียน เขียนหนังสือ สื่อจี้ หรือบันทึกของนักประวัติศาสตร์ เป็นงานเขียนท่ีมี
ระเบียบแบบแผน โดยใหค้ วามสำคญั กับการใช้หลักฐานทางประวตั ิศาสตร์ อย่างเท่ียงตรง เน้ือเรือ่ ง
กล่าวถึงจีนสมัยโบราณจนถึงสมยั ราชวงศ์ฮน่ั ต่อมาไดร้ ับยกย่องให้เป็นบิดาแหง่ วชิ าประวตั ิศาสตร์
ของโลกตะวนั ออก
คำถามกรอบที่ 4 การค้าขายตามเสน้ ทางสายไหม ส่งผลให้เกิดสิง่ ใด
ตอบ………………………………………………………………….
[นายอไุ ทย โกยชัย] หน้า 14 [บทเรียนสำเรจ็ รปู เรอื่ ง อารยธรรมโลกสมยั โบราณ] 15
[เลม่ ที่ 6 อารยธรรมจีน]
คำตอบกรอบที่ 4
ทำใหเ้ กิดการแลกเปลี่ยนวฒั นธรรม
ราชวงศ์ถงั
ราชวงศ์ถัง ปกครองจักรวรรดิจีนระหว่าง ค.ศ. 618 – 907 จีนขยายอำนาจไปอย่าง
กว้างขวางมากกว่าสมัยใดๆ และมีความเจริญรุ่งเรืองทางด้านศิลปวัฒนธรรมมากท่ีสุดสมัยหน่ึง
โดยเฉพาะด้านวรรณกรรม ไดช้ ือ่ วา่ เป็นยุคทองของวรรณกรรมจีน
ความเจริญรุ่งเรอื งสมัยราชวงศถ์ งั
พระพุทธศาสนามีความเจริญเป็นอย่างมาก เนื่องจากจักรพรรดิถังไท่จง ทรงนับถือ
พระพุทธศาสนา ทรงจดั สง่ พระภิกษชุ ่ือ ถังซำจั๋ง ไปอัญเชญิ พระไตรปิฎกจากประเทศอนิ เดยี เข้ามา
เผยแพรใ่ นจนี
ศิลปวัฒนธรรมสมัยราชวงศ์ถังได้รับอิทธิพลจากพระพุทธศาสนาเกือบท้ังส้ิน ทั้งด้าน
วรรณกรรม จิตรกรรม สถาปัตยกรรม และประติมากรรม ซึ่งเป็นต้นแบบของวัฒนธรรมญ่ีปุ่น
เกาหลี เวียดนาม ทางราชสำนกั ให้การสนับสนุนนักปราชญร์ าชบณั ฑิต กวี และจิตรกรอยา่ งมาก
นครฉางอาน (ปัจจุบันคือเมืองซีอาน) เมืองหลวงราชวงศ์ถัง ได้ช่ือว่าเป็นศูนย์กลางของ
โลก เพราะมีชาวต่างชาติเข้ามาจำนวนมาก ทั้งพ่อค้าและนักบวชซ่ึงได้นำอารยธรรมของตนมา
เผยแพร่ เชน่ ศาสนาอสิ ลาม และคริสตศ์ าสนา เปน็ ต้น
ตอนปลายราชวงศ์ถัง มีการต่อต้านพระพุทธศาสนาและการฟ้ืนฟูลัทธิขงจื้อ ซ่ึงเป็น
วัฒนธรรมด้ังเดมิ ของจีน โดยการสนับสนุนของจกั รพรรดิ ขุนนาง และนกั ปราชญร์ าชบัณฑิต
คำถามกรอบที่ 4 พระภกิ ษชุ ่ือ ถังซำจัง๋ มีบทบาทอยา่ งไรเกี่ยวกบั
พระพุทธศาสนา
ตอบ………………………………………………………………
[นายอไุ ทย โกยชยั ] หนา้ 15 [บทเรยี นสำเร็จรปู เรอื่ ง อารยธรรมโลกสมัยโบราณ] 16
[เล่มท่ี 6 อารยธรรมจีน]
คำตอบกรอบที่ 4
อญั เชญิ พระไตรปิฎกจากประเทศอินเดยี เข้ามาเผยแพรใ่ นจนี
ราชวงศ์ซ่ง หรอื ซ้อง
ราชวงศ์ซ่ง หรือซ้อง ปกครองจีนระหว่าง ค.ศ. 960 – 1279 เป็นสมัยที่จีนถูกรกุ รานโดยพวก
อานารยชนเผ่ามองโกลทางตอนเหนืออยูต่ ลอดเวลา จึงต้องยา้ ยเมอื งหลวงหนีลงมาทางตอนใต้ลุ่มแม่น้ำ
แยงซี คือ นครหังโจว
ความเจริญสมัยราชวงศซ์ ่งคือ การค้าระหวา่ งประเทศเจริญรุ่งเรืองมาก เหรียญเงินของราชวงศ์
ซ่ง ไดร้ ับการยอมรับอย่างแพรห่ ลายให้เป็นสอ่ื กลางในการแลกเปลี่ยนสนิ ค้า
ร้จู กั การใชด้ ินดำหรือลูกปนื ทำพลุ ประทดั และดอกไม้ไฟ
วฒั นธรรมท่แี สดงถงึ ความตกต่ำทางสังคมสมัยราชวงศ์ซง่ คือ ประเพณีการรดั เท้าเด็กหญิงให้มี
ขนาดเล็กเรียว ซ่ึงได้รับความนิยมในหมู่ชนช้ันสูง เพ่ือให้สตรีมีลักษณะบอบบาง ทำให้เดินไม่สะดวก
สะท้อนใหเ้ ห็นถงึ คา่ นิยมกดข่สี ตรีให้ทำหน้าทส่ี นองความตอ้ งการของผู้ชายท่ีมีอำนาจ
คำถามกรอบที่ 4
วัฒนธรรมที่แสดงถึงความตกตำ่ ทางสังคมสมยั ราชวงศซ์ ่งคอื อะไร
ตอบ……………………………………………………………………………………………………………………………
เพ่อื นๆทราบหรือไมว่ า่ อารยธรรมจีนเคยตกอยู่ภายใตก้ ารปกครอง
ของชนเผา่ อนื่ ถา้ อยากรู้เราไปศกึ ษากันตอ่ เลยครับ
[นายอไุ ทย โกยชยั ] หนา้ 16 [บทเรยี นสำเรจ็ รปู เรอ่ื ง อารยธรรมโลกสมัยโบราณ] 17
[เลม่ ท่ี 6 อารยธรรมจีน]
คำตอบกรอบท่ี 4
ประเพณีการรัดเท้าเดก็ หญิงให้มีขนาดเลก็ เรียว
ราชวงศห์ ยวน
ราชวงศห์ ยวน เป็นชนเผา่ มองโกลท่ีเข้ามาปกครองจีนในระยะเวลาสนั้ ๆ เพียง 89 ปี ระหวา่ ง
ค.ศ. 1279 – 1368 ฮ่องเต้องค์แรกคือ กุบไลข่าน หรือหงวนสีโจ๊วฮ่องเต้ จีนสมัยน้ีมีอำนาจทาง
การเมอื งและการทหารเข้มแข็ง เป็นที่เกรงขามของดินแดนในภมู ิภาคใกล้เคียง
ความเจริญของจีนสมัยราชวงศ์หยวน ชาวมองโกลเป็นชนเผ่าเรร่ อ่ น มวี ฒั นธรรมลา้ หลังดอ้ ย
กว่าจีน เม่ือราชวงศ์หยวนเข้ามาปกครองจีน จึงยอมรับวัฒนธรรมและประเพณีต่างๆของจีน เช่น
ลทั ธิขงจอ้ื และการสอบคัดเลอื กเขา้ รบั ราชการ (จอหงวน) เปน็ ต้น
ครสิ ต์ศาสนามคี วามเจรญิ รุ่งเรืองมาก ชนชั้นปกครองในราชสำนักของราชวงศ์หยวนเล่ือมใส
ศรัทธา และต้อนรับการเผยแผ่ศาสนาของขาวตะวันตก จึงเกิดการแลกเปลี่ยนในวิทยาการ
และวัฒนธรรมระหวา่ งจีนกับยโุ รป
ชาวตะวันตกเขา้ มาติดต่อคา้ ขายมาก เชน่ มาร์โคโปโล พอ่ ค้าชาวเมืองเวนสี อติ าลี
คำถามกรอบท่ี 4
1. เมอื่ ราชวงศห์ ยวนเข้ามาปกครองจีน เหตุใดจึงยอมรับวัฒนธรรมและประเพณีตา่ งๆของจีน
ตอบ…………………………………………………..……………………………………………………………..………….
2. ฮอ่ งเตอ้ งค์แรกในสมัยราชวงศห์ ยวนมีช่ือวา่ อะไร
ตอบ…………………………..……………………………………………………………………………………..………….
[นายอไุ ทย โกยชัย] หนา้ 17 [บทเรยี นสำเรจ็ รูป เร่ือง อารยธรรมโลกสมัยโบราณ] 18
[เลม่ ท่ี 6 อารยธรรมจีน]
คำตอบกรอบท่ี 4
1. ชาวมองโกลเปน็ ชนเผ่าเร่รอ่ น มีวฒั นธรรมลา้ หลงั ด้อยกวา่ จนี
2. กุบไลขา่ น หรือหงวนสโี จ๊วฮอ่ งเต้
ราชวงศ์หมิง
ราชวงศ์หมิง ปกครองจีนระหว่าง ค.ศ. 1368 – 1644 เป็นสมัยท่ีราชวงศ์จีนมีอำนาจ
ปกครองแผน่ ดินจีนของตนอีกคร้งั หน่งึ โดย จหู ยวนจาง ปฐมกษัตริย์แหง่ ราชวงศ์หมงิ เปน็ ผนู้ ำในการ
ขับไล่อำนาจของราชวงศ์มองโกลได้สำเร็จ
ความเจริญสมัยราชวงศ์หมิง ทางราชสำนักส่งเสริมให้ชาวจีนรักษาอารยธรรมจีนอย่าง
เหนยี วแน่น เปน็ ผลมาจากความรสู้ ึกตอ่ ตา้ นคนต่างชาติมองโกลท่ีมอี ยู่อย่างฝังใจ แต่กลบั เกิดผลเสีย
ตอ่ จีนเองคอื ไม่สามารถปรับตัวยอมรับในวัฒนธรรมตะวันตกและวิทยาการสมัยใหม่ ท่ีหล่ังไหลเข้า
มาพรอ้ มๆกับค้าและการเผยแผค่ รสิ ต์ศาสนา
ผลงานศิลปกรรมแขนงตา่ งๆ ในสมัยราชวงศ์หมิง นิยมเลียนแบบของเก่าท่ีมีมาตงั้ แต่สมัย
ราชวงศ์ก่อนๆ เช่น พระราชวังกรุงปักก่ิง เป็นสิ่งก่อสร้างท่ียิ่งใหญ่ที่สุดของราชวงศ์หมิง มีขนาด
ใหญ่โต สร้างด้วยอิฐ กระเบ้ืองและหินอ่อปนระสม่ววนลกรฎุงหปมักากยิ่งจมัสีกตาเิ นรวียานงผ(TังhเมeือJงuเsปt็นinรiaูปnส่ีเCหoลdี่ยeม)จตุรัส
คล้ายๆกับเมอื งของนครฉางอาน เมืองหลมวีงคสวมามยั สราำชควญั งอศย์ถ่างั งไร ตอบ………………………………………………...
การค้ากับต่างประเทศขยายตัวอย่างมาก ส่วนใหญ่เปน็ การคา้ ขายทางเรือสำเภา สินคา้ ที่
สำคัญคอื ผา้ ไหมและภาชนะเครือ่ งเคลอื บ
คำถามกรอบท่ี 4
ปฐมกษตั ริย์แห่งราชวงศ์หมิง ผูน้ ำในการขับไลอ่ ำนาจของราชวงศ์มองโกลได้สำเรจ็ คอื ใคร
ตอบ……………………………………………………………………………………………………………………………
[นายอไุ ทย โกยชยั ] หนา้ 18 [บทเรียนสำเรจ็ รปู เรื่อง อารยธรรมโลกสมัยโบราณ] 19
[เลม่ ท่ี 6 อารยธรรมจีน]
คำตอบกรอบที่ 4
จูหยวนจาง
ราชวงศ์ชงิ หรอื ราชวงศ์แมนจู
ราชวงศ์ชิง เป็นชาวแมนจู ซึ่งอยู่ทางตอนเหนือเข้ามาปกครองจักรวรรดิจีนระหว่าง
ค.ศ. 1644 – 1911 และเป็นราชวงศ์สุดท้ายก่อนเกิดการปฏิวัติเปลี่ยนแปลงการปกครองเป็น
ระบอบสาธารณรัฐในปี ค.ศ.1911
ความเจรญิ สมัยราชวงศ์แมนจู ศิลปวัฒนธรรมแขนงต่างๆ ในสมัยแมนจูไดล้ อกเลียนแบบ
อารยธรรมจีนในสมัยราชวงศ์ก่อนๆ ทั้งด้านสถาปัตยกรรม ประติมากรรม จิตรกรรม และ
วรรณกรรม โดยการปรับปรุงหรือดัดแปลงของเกา่ ทีม่ อี ยู่แล้วให้ดยี ิ่งขน้ึ
รา ช ว งศ์ แ ม น จู ไม่ ต้ อ งก า รผ ส ม ผ ส า น ท า งด้ า น เชื้ อ ช า ติ แ ล ะ วั ฒ น ธ รรม กั บ ช า ว จี น
แต่พยามธำรงรักษาเอกลักษณ์ทางวฒั นธรรมของตนไว้ เช่น ห้ามมิให้ชาวจีนแต่งงานกับชาวแมนจู
ผูช้ ายจีนต้องโกนผมและถกั หางเปียไว้ด้านหลงั เพือ่ ใหร้ ู้ว่าเป็นคนจีน การนำภาษาแมนจูมาใช้เป็น
ภาษาราชการ แต่ไม่ประสบความสำเร็จ เพราะชาวแมนจูเองก็นิยมเรียนภาษาจีน ในที่สุดต้องนำ
ภาษาจนี มาใช้เป็นภาษาราชการอีกคร้ัง ภาษาแมนจูค่อยๆเลือนหายไปจากสังคมจนี จะมีใช้เฉพาะ
ภายในราชสำนักเทา่ นั้น
ตอนปลายราชวงศช์ ิง จนี ต้องเผชิญกับภยั คุกคามจากลัทธจิ ักรวรรดนิ ยิ มตะวันตก โดยชน
ช้ันปกครองแมนจูไม่ยอมรับการปฏิรูปบ้านเมืองให้ก้าวทันต่อการเปล่ียนแปลงของโลก จีนต้อง
ปราชัยต่ออังกฤษในสงครามฝิ่น ( ค.ศ. 1839 – 1842 ) และปราชัยต่อญี่ปุ่นในสงครามเมื่อ ค.ศ.
1895 ทำใหต้ ้องเสยี ดินแดนฝ่งั ทะเลตะวันออกใหช้ าตมิ หาอำนาจตะวันตก และญ่ีปุ่นจำนวนมาก
คำถามกรอบท่ี 4
ในสมัยราชวงศแ์ มนจู เหตุใดผชู้ ายจนี ตอ้ งโกนผมและถกั หางเปียไวด้ า้ นหลัง
ตอบ………………………………………………………………………………………………………………………………
[นายอไุ ทย โกยชัย] หนา้ 19 [บทเรียนสำเร็จรปู เรื่อง อารยธรรมโลกสมัยโบราณ] 20
[เลม่ ท่ี 6 อารยธรรมจีน]
คำตอบกรอบที่ 4
เพอ่ื ให้รู้ว่าเปน็ คนจนี เพราะแมนจูไม่ต้องการผสมผสานทางดา้ นเช้ือชาตแิ ละวัฒนธรรมกับชาวจีน
จีนสมยั สาธารณรฐั และคอมมวิ นิสต์
ปลายยุคราชวงศช์ ิง ดร.ซนุ ยตั เซน็ จัดต้ังสมาคมสันนิบาต เพอื่ ลม้ ล้างราชวงศ์ชิง โดยประกาศ
ลัทธไิ ตรราษฎร์ ประกอบด้วย
1. หลกั เอกราช 2. หลักแห่งอำนาจอธปิ ไตยของประชาชน 3. หลกั ความยตุ ธิ รรมในการครองชพี
ส่วนนโยบายปฏิวัติ คือ โค่นล้มราชวงศ์แมนจู และจัดต้ังรัฐบาลประชาชน จัดต้ังรัฐบาลตามระบอบ
สาธารณรฐั จัดสรรที่ดนิ ใหแ้ กป่ ระชาชน และก่อต้งั พรรคชาตนิ ยิ ม หรือ พรรคก๊กมินตั๋ง ขึ้นในทสี่ ดุ
ต่อมา ดร.ซุนยัตเซ็น ได้ร่วมมือกับ ยวน ซไี ข ทำการปฏิวัตลิ ้มราชวงศช์ ิงได้สำเร็จเปลี่ยนการ
ปกครองเข้าสูร่ ะบอบสาธารณรฐั (จักรพรรดปิ ยู ี เปน็ กษตั รยิ ์องคส์ ุดท้ายของจนี ) มีการแย่งชิงอำนาจของ
ผนู้ ำทางทหารเรียกวา่ ยุคขุนศกึ
ซนุ ยัตเซน็ ได้เสนอให้ ยวน ซไี ข เป็นประธานาธบิ ดขี องสาธารณรัฐจนี
ยวน ซไี ข คดิ สถาปนาตนเองเป็นจกั รพรรดิและร้ือฟืน้ ระบบศักดนิ า
ดร.ซนุ ยัตเซน็ ตง้ั พรรคกก๊ มินต๋งั
เม่ือ ยวน ซีไข เสยี ชวี ิตลง ดร.ซุนยตั เซ็นเป็นประธานาธบิ ดี แต่เป็นไดไ้ ม่นานกเ็ สียชีวติ
หลงั จาก ดร. ซุนยภัตาเซพน็ที่ เ3ส.8ียชแวี สติ ดงเจรปูียงปไั้นคเเทชพ็คเจข้านึ้ อเะปทน็ นี ผาู้นแำลพะรปูรคปกน้ั ก๊ เทมพินเตจงั๋ า้ แซลุสะผูน้ ำจีน
แตร่ ฐั บาลทเมี่ จายี ง:ไhคtเtชp็คs:ป//รmะสeบtrปicัญsyหsาt.ฉfi้อleรsา.ษwฎoรrd์บpงั หreลsวsง.cกoดmข/่ีร2า0ษ1ฎ3ร/02/02.jpg
จีนเกิดการปฏิวัติอีกครั้ง โดยพรรคคอมมิวนิสต์จีน ภายใต้การนำของ เหมา เจ๋อตุง รัฐบาล
เจยี งไคเชค็ ตอ่ สกู้ ับพรรคคอมมิวนิสตแ์ ตแ่ พ้
เหมา เจอ๋ ตุง สถาปนา “สาธารณรัฐประชาชนจีน” ปกครองดว้ ยระบอบคอมมวิ นิสต์ มีการจัด
ระเบียบสังคมใหม่ เรียกว่า การปฏิวตั ิทางวฒั นธรรม เพือ่ ต่อต้านจารตี ศักดนิ าแบง่ ชนชั้น
หลังจาก เหมา เจ๋อตุง เสียชีวิต เต้ิงเสี่ยวผิงขึน้ เปน็ ผู้นำจีนแทน ประกาศพัฒนาประเทศด้วย
นโยบายสี่ทันสมัย คือด้านเกษตรกรรม อุตสาหกรรม การทหาร วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี โดย
อนุญาตให้ต่างชาติเข้ามาลงทุนภายในประเทศ รวมท้ังผ่อนปรนวิถีการดำเนินชีวิตของประชาชนให้
คลายความเขม้ งวดลง
คำถามกรอบที่ 4 ลัทธไิ ตรราษฎร์ ประกอบด้วย อะไรบ้าง
ตอบ………………………………………………
[นายอไุ ทย โกยชัย] หนา้ 20 [บทเรียนสำเรจ็ รปู เรอ่ื ง อารยธรรมโลกสมัยโบราณ] 21
[เล่มท่ี 6 อารยธรรมจนี ]
คำตอบกรอบที่ 4
1. หลกั เอกราช 2. หลักแห่งอำนาจอธปิ ไตยของประชาชน 3. หลกั ความยุตธิ รรมในการครองชพี
กรอบที่ 5
การสรา้ งสรรคอ์ ารยธรรมจนี
ดา้ นจิตรกรรม
มีวิวฒั นาการมาจากการเขียนตัวอักษรจนี จารึกบนกระดกู เส่ียงทายเพราะตัวอกั ษรจีนมีลกั ษณะ
เหมือนรปู ภาพ
งานจติ รกรรมจนี รุ่งเรอื งมากในสมัยราชวงศฮ์ ่ัน มีการเขียนภาพและแกะสลักบนแผ่นหิน ท่ีนยิ ม
มากคือ การเขียนภาพบนผา้ ไหม ภาพวาดเป็นเรอ่ื งเลา่ ในตำราขงจือ๊ พระพทุ ธศาสนาและภาพธรรมชาติ
สมัยราชวงศ์ถัง มีการพัฒนาการใช้พู่กันสีและกระดาษภาพส่วนใหญ่ได้รับอิทธิพลจากพุทธ
ศาสนาและลทั ธเิ ต๋า
สมัยราชวงศ์ซ้อง จิตรกรรมจัดว่าเด่นมาก ภาพวาดมักเป็นภาพมนุษย์กับธรรมชาติ ทิวทัศน์
ดอกไม้
ภาพที่ 9.3 แสดงภาพอกั ษรจีนจารึกบนกระดองเต่าและการเขียนภาพบนผ้าไหม
ท่มี า : https://sites.google.com/site/rgrgg5h/xar
คำถามกรอบท่ี 5 สมัยราชวงศ์ถงั จติ รกรรมสว่ นใหญไ่ ด้รับอิทธิพลจากอะไร
ตอบ……………………………………………………………………
[นายอุไทย โกยชยั ] หนา้ 21 [บทเรียนสำเร็จรปู เร่อื ง อารยธรรมโลกสมัยโบราณ] 22
[เล่มท่ี 6 อารยธรรมจีน]
คำตอบกรอบที่ 5
จากพทุ ธศาสนาและลัทธเิ ต๋า
ด้านประติมากรรม
ส่วนใหญ่เป็นเครื่องปั้นดินเผามีอายุเก่าแก่ต้ังแต่ก่อนประวัติศาสตร์ ทำจากดินสีแดง มีลวดลาย
แดง ดำ และขาวเปน็ ลวดลายเรขาคณิต
สมยั ราชวงศ์ชาง มีการแกะสลักงาชา้ ง หนิ อ่อน และหยกตามความเช่ือและความนิยมของชาวจีน
ที่เช่อื วา่ หยก ทำให้เกดิ ความเปน็ สริ มิ งคล ความสขุ สงบ ความรอบรู้ ความกล้าหาญ ภาชนะสำรดิ เป็นหม้อ
สามขา
สมัยราชวงศ์ถัง มีการพัฒนาเครื่องเคลือบดินเผาเป็นเคลือบ 3 สีคอื เหลือง น้ำเงิน เขียว ส่วนสี
เขยี วไขก่ ามีชอ่ื เสียงมากในสมัยราชวงศ์ซอ้ ง สว่ นพระพทุ ธรูปนิยมสร้างในสมยั ราชวงศ์ถัง ท้ังงานหลอ่ สำริด
และแกะสลักจากหิน ซึ่งมีสดั ส่วนงดงาม เป็นการผสมผสานระหว่างศิลปะอินเดียและจีนท่ีมีลักษณะเป็น
มนษุ ย์มากกวา่ เทพเจา้ นอกจากนี้มีการปั้นรูปพระโพธิสัตว์กวนอิม
สมัยราชวงศ์หมิง เครื่องเคลือบได้พัฒนาจนกลายเป็นสินค้าออก คือ เครอ่ื งลายครามและลายสี
แดง ถงึ ราชวงศ์ชิง เครือ่ งเคลอื บจะนยิ มสีสันสดใส เชน่ เขียว แดง ชมพู
สมัยราชวงศ์ฉิ๋น มีการสรา้ งสุสานของจักรพรรดิจ๋ินซี ทางด้านตะวันออกองเมืองซีอาน ภายในมี
การขุดพบประตมิ ากรรมดินเผารูปทหารเท่าคนจริงจำนวนหลายพันรูป และขบวนมา้ ศึก จดั ตามตำราพชิ ัย
สงคราม
งานแกะสลักงาชา้ ง เครื่องปนั้ ดินเผาสีเขียวไข่กา สุสานของจักรพรรดิจน๋ิ ซี
ภาพที่ 9.4 แสดงภาพประตมิ ากรรม
ทีม่ า : hคttำpถs:/า/sมitกesร.gอooบgทleี่.c5om/a/samakkhi.ac.th/natthaporn-chinese-civilization/home/silp-wathnthrrm
สสุ านของจักรพรรดจิ นิ๋ ซี สรา้ งในสมยั ราชวงศ์ใด
ตอบ……………………………………………………………………
[นายอไุ ทย โกยชยั ] หนา้ 22 [บทเรียนสำเร็จรูป เรอื่ ง อารยธรรมโลกสมยั โบราณ] 23
[เลม่ ท่ี 6 อารยธรรมจนี ]
คำตอบกรอบที่ 5
สมยั ราชวงศฉ์ ิ๋น
ด้านสถาปัตยกรรม
กำแพงเมอื งจีน สร้างในสมัยราชวงศฉ์ ิ๋น เพือ่ ป้องกันการรกุ รานของมองโกล
เมืองปักก่ิง สร้างในสมัยราชวงศ์หยวน โดยกุบไลข่าน ซ่ึงได้รับการยกย่องทางด้านการวางผังเมือง
สว่ นพระราชวงั ตอ้ งหา้ มสร้างในสมยั ราชวงศ์หมงิ
พระราชวัง ดูร้อน สร้างในสมัยราชวงศ์ชิง โดยพระนางซูสีไทเฮา ซึ่งเป็นสถาปัตยกรรมที่ผสมผสาน
ระหว่างยุโรปและจนี โบราณ
จัตุรสั เทียนอนั เหมิน สรา้ งเมื่อปีค.ศ. 1417 ในสมยั ราชวงศ์หมิงมีชอ่ื เดิมว่า “เฉิงเทียนเหมนิ ” พอมาใน
สมัยจักรพรรดิซุ่นจื้อแห่งราชวงศ์ชิง มีการซ่อมแซมใหม่ ในปี ค.ศ. 1651 ได้เปลี่ยนชื่อเป็น “เทียนอันเหมิน”
คำว่า ‘เทยี น’ แปลวา่ ฟา้ ‘อนั ’ แปลว่า ผาสกุ ‘เหมนิ ’ แปลว่า ประตู
วัดลามะ สร้างสมัยราชวงศ์ชิง สถาปัตยกรรมในสมัยนี้ส่วนมาก สืบทอดลักษณะท่ีมีมาแต่ด้ังเดิมของ
สมัยราชวงศ์หมงิ แตห่ รูหรากวา่ สมยั ราชวงศห์ มิง
เจดีย์ขาวในวัดเมีย่ วอิง สมัยราชวงศ์หยวน การสร้างวัดวาอาราม ในสมัยหยวนเจริญมาก เจดีย์ขาวใน
วดั เมีย่ วอิงกรุงปกั กิง่ เปน็ วดั ศาสนาลามะที่ออกแบบสร้างขน้ึ โดยนายช่างชาวเนปาล
กำแพงเมืองจนี พระราชวังตอ้ งห้าม พระราชวงั ฤดูรอ้ น
จัตรุ สั เทยี นอันเหมิน วัดลามะ เจดีย์ขาวในวัดเม่ยี วอิง
ภาพท่ี 9.5 แสดงภาพสถาปัตยกรรมจีน
ท่มี า : http://thai.china.com/baike/6276/20150204/273183_2.html
คำถามกรอบท่ี 5 จุดประสงคข์ องการสรา้ งกำแพงเมอื งจนี คอื อะไร ตอบ…………………….
[นายอุไทย โกยชัย] หน้า 23 [บทเรยี นสำเรจ็ รูป เรื่อง อารยธรรมโลกสมัยโบราณ] 24
[เลม่ ที่ 6 อารยธรรมจนี ]
คำตอบกรอบท่ี 5
เพ่ือปอ้ งกนั การรุกรานของมองโกล
ด้านวรรณกรรม
สามกก๊ (สันนษิ ฐานว่าเขียนขน้ึ ในครสิ ต์ศตวรรษท่ี 14) เปน็ เรือ่ งราวของความแตกแยกในจนี ต้งั แต่
ปลายสมัยราชวงศ์จ๋ิน จนถึงราชวงศ์ฮ่ัน (วุยก๊ก ปกครองโดยโจโฉ) (จ๊กก๊ก ปกครองโดยเล่าป่ี)
(ง่อกก๊ ปกครองโดย ซนุ กวน)
ซอ้ งก๋ัง เป็นเรื่องประท้วงสังคม ความทุกข์ของผู้คนในมือชนช้ันผู้ปกครอง และสะท้อนความทุกข์
ของชาวจนี ภายใต้การปกครองของพวกมองโกล
ไซอิ๋ว เปน็ เร่อื งราวการเดินทางไปนำพระสูตรจากสวรรค์ทางตะวันตกมายังประเทศจีน
จนิ ผิงเหมย (ดอกบัวทอง) แต่งขึ้นในราวคริสต์ศตวรรษที่ 16-17 เปน็ นยิ ายเกย่ี วกับสงั คมและชวี ิต
ครอบครัว เป็นเรื่องราวของชีวิตท่ีร่ำรวย มีอำนาจขนึ้ มาด้วยเล่ห์เหลย่ี ม แต่ด้วยการทำชั่วและผิดศีลธรรม
ในท่ีสุดต้องได้รบั กรรม
หงโหลวเมิ่ง หรือ ความฝันในหอแดง (วรรณกรรมท่ีเดน่ ทีส่ ุดในคริสต์ศตวรรษท่ี 18) เร่ืองราวเต็ม
ไปด้วยการแก่งแย่งชิงดี อิจฉาริษยากัน วรรณกรรมจีนสมัยราชวงศ์ชิงหรือแมนจู ท่ีสะท้อนให้เห็นความ
รงุ่ เรืองและความตกต่ำของชีวิตในสังคม และความรักทีย่ ่ิงใหญ่เนื้อเรื่องสะท้อนให้เห็นสังคมศักดนิ าของจีน
ทีก่ ำลงั เสอ่ื มโทรมก่อนการเปลี่ยนแปลงสงั คมเข้าสูย่ คุ ใหม่
บนั ทึกประวตั ศิ าสตร์ ของ สอ่ื หมา่ เซยี น
สามกก๊ ไซอิว๋ ความฝนั ในหอแดง
ซ้องกัง๋ บนั ทกึ ประวตั ศิ าสตร์ ของ สื่อหมา่ เซียน จนิ ผงิ เหมย ( ดอกบวั ทอง )
คำถามกรอบท่ี 5 ภาพที่ 9.6 แสดงภาพวรรณกรรมจีน
ทีม่ า : https://th.wikipedia.org/wiki/
วรรณกรรมทเ่ี ปน็ เร่อื งราวของความแตกแยกในจนี ตัง้ แต่ปลายสมยั
ราชวงศ์จิ๋น จนถงึ ราชวงศฮ์ นั่ คือเร่อื งใด
ตอบ………………………………………………………………………………..…….
[นายอุไทย โกยชัย] หน้า 24 25
[บทเรยี นสำเร็จรปู เรอ่ื ง อารยธรรมโลกสมัยโบราณ]
[เล่มที่ 6 อารยธรรมจนี ]
คำตอบกรอบที่ 5
สามกก๊
ด้านความกา้ วหน้าทางวทิ ยาการของจีน
1. ตัวอักษรจนี กำเนดิ สมยั ราชวงศช์ างประมาณ 1,600 ปกี ่อนคริสต์ศกั ราช เป็นตวั อักษรกึ่งภาพ
2. กระดาษและการพมิ พ์ ชาวจีนเป็นชาติแรกท่ีคดิ คน้ ทำกระดาษ เมื่อประมาณ ค.ศ. 105 ไช่หลุน
(Cai Lun ประมาณ ค.ศ. 62–121) ขุนนางจนี เป็นผ้นู ำเปลอื กไม้ เศษปอหรือปา่ น ผา้ เก่า และแห มาทำกระดาษ
3. การแพทย์ เร่มิ ตง้ั แตส่ มยั ราชวงศ์โจว มกี ารตรวจรกั ษาโรคด้วยวธิ ีต่าง ๆ
4. ความรทู้ างวศิ วกรรมโลหะ ชาวจีนสามารถหลอ่ สำรดิ ขนาดเล็กเปน็ เครื่องประดบั ไปจนถึงขนาดใหญ่
5. การต่อเรอื สมัยราชวงศถ์ ังมกี ารตอ่ เรือเดินทะเลขนาดใหญ่
6. ดนิ ปืน สมยั ราชวงศฉ์ นิ มกี ารทำดินดำหรือดินปนื
7. ดาราศาสตร์และปฏิทิน ชาวจนี สนใจมานานแล้ว เพราะเกีย่ วข้องกับการกำหนดวนั ทำพธิ กี รรม
มีใชม้ าตง้ั แต่สมยั ราชวงศช์ าง
8. แผนท่ี สว่ นใหญท่ ำเพ่ือใชท้ างการทหาร ภายหลงั นำมาใชใ้ นการเดนิ เรือ
9. คณติ ศาสตร์และการคำนวณ สมยั ราชวงศ์ฮั่นรูจ้ กั ประดิษฐ์ลูกคดิ เพ่ือชว่ ยในการคำนวณ
10. เข็มทิศ สมยั ราชวงศ์ฮัน่ สามารถประดษิ ฐ์เข็มทิศได้ และนำมาใช้ในการทหารเปน็ คร้งั แรก
ดาราศาสตรแ์ ละปฏิทนิ กระดาษและการพมิ พ์ ลูกคดิ เขม็ ทิศ
ภาพท่ี 9.6 แสดงภาพความกา้ วหนา้ ทางวทิ ยาการของจีน
ทม่ี า : http://www.thongkasem.com/knowledge.php?kid=68
http://heaven-sign.blogspot.com/2013/12/blog-post_5.html
คำถามกรอบท่ี 5
ตัวอกั ษรจนี กำเนิดสมยั ราชวงศ์ใด และเป็นตัวอักษรแบบใด
ตอบ……………………………………………………………………………
[บทเรยี นสำเร็จรูป เรือ่ ง อารยธรรมโลกสมัยโบราณ] 26
[เลม่ ท่ี 6 อารยธรรมจนี ]
คำตอบกรอบท่ี 5
ราชวงศ์ชาง เป็นตวั อกั ษรกึง่ ภาพ
กรอบท่ี 6
การถ่ายทอดอารยธรรมจนี สูด่ ินแดนตา่ งๆ
อารยธรรมจีนแผ่ขยายขอบข่ายออกไปอย่างกว้างขวางทั้งในเอเชียและยุโรป อันเป็นผลมาจากการ
ติดต่อทางการทตู การค้า การศึกษา ตลอดจนการเผยแผ่ศาสนา อย่างไรกต็ ามลกั ษณะการถา่ ยทอดแตกตา่ งกัน
ออกไป ดินแดนท่ีเคยตกอย่ภู ายใตก้ ารปกครองของจีนเป็นเวลานาน เชน่ เกาหลี และเวียดนาม จะได้รับอารย
ธรรมจีนอย่างสมบูรณ์ ท้ังในด้านวัฒนธรรม การเมือง ขนบธรรมเนียมประเพณี การสร้างสรรค์ และการ
แสดงออกทางศิลปะ ทั้งน้เี พราะราชสำนกั จีนจะเปน็ ผูก้ ำหนดนโยบายและบงั คับให้ประเทศทัง้ สองรบั วฒั นธรรม
จนี โดยตรง
อารยธรรมจนี ในเอเชียตะวนั ออกเฉยี งใต้
เอเชียตะวันออกเฉียงใต้มีอีกชื่อหนึ่งว่า “อินโดจีน” หมายถึงภูมิประเทศท่ีได้รับอารยธรรมอินเดียและ
อารยธรรมจีน อันเน่ืองมาจากท่ีต้ังอยู่ตรงการระหว่างสองประเทศน่ันเอง และจากประวัติศาสตร์ที่มีมาอย่างยาวนาน
ทั้งประเทศอินเดียและประเทศจีนก็มีการติดต่อค้าขายมาตลอด ไม่ว่าจะเป็นทางบกหรือทางเรือ ประเทศต่าง ๆ ใน
เอเชียตะวันออกเฉยี งใต้จงึ กลายเป็นทางผ่านท่ีสำคัญ เป็นที่พักสนิ ค้า เติมน้ำจืด และท่หี ลบลมมรสุม การค้าขายนี่เอง
ทำให้เกิดการแพร่กระจายทางวัฒนธรรมทง้ั จนี และอินเดยี ในภมู ภิ าคนี้
อทิ ธิพลทางด้านการเมือง โบราณนานมากแล้วกษัตริย์จีนทุกพระองค์ถือว่าทรงเป็นสมมตุ ิเทพมฐี านะเหนือ
ผปู้ กครองของประเทศต่าง ๆ ในดินแดนเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ผู้ปกครองในภมู ิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้จะต้อง
สง่ เครื่องบรรณาการไปให้กับกษัตรยิ ์จนี อย่างน้อยปลี ะ 3 ครง้ั เพ่ือประโยชนท์ างการคา้ เรยี กว่า “จิ้มก้อง” หากมีการ
ผลัดเปลี่ยนกษตั ริย์ จะต้องมีการแจ้งเร่อื งให้กับกษัตริย์จีนทรงทราบ เพอ่ื ให้จีนรบั รอง ทั้งนีท้ ั้งนั้นก็เพื่อเสถียรภาพใน
การปกครองของผู้นำรัฐต่าง ๆ การจิ้มก้องนี้เป็นคุณประโยชน์กับประเทศต่าง ๆ เป็นอย่างมาก เพราะการได้สิทธิ
คา้ ขายกับจีนน้ันถือว่าเปน็ ความม่ันคงของรัฐต่าง ๆ อย่างแท้จริง และรฐั ต่าง ๆ จะไมต่ ้องถูกจีนโจมตี ยกตัวอยา่ งเช่น
พม่า ช่วงพระเจ้ามังระที่ขณะน้ันตกี รุงศรอี ยุธยาแตกครั้งท่ี 2 พมา่ ไม่ไดส้ ่งบรรณาการให้กับจนี หลายงวด จีนทวงถาม
หลายคร้งั ก็ไม่ได้รับคำตอบ จีนจึงยกกำลังมาตีพม่า พม่ายกกำลังทหารส่วนใหญ่ไปรับศึกจีน เหลือกำลังนอ้ ยนิดไว้ใน
ไทย น่ีคือสาเหตุหนึ่งทีท่ ำให้พม่าไม่สามารถปกครองไทยได้นาน และพระเจ้าตากสินจึงกู้เอกราชไดอ้ ย่างรวดเรว็ เพียง
หกเดือนเศษ สำหรับประวัติศาสตร์ไทยมีหลักฐานการส่งบรรณการกับจีนมานานแล้ว อย่างน้อยท่ีสุดก็ตั้งแต่สมัย
สโุ ขทัย ไทยหยุดส่งเครื่องบรรณาการให้จนี สมัยรัชกาลที่ 4 แหง่ กรงุ รัตนโกสนิ ทร์ ส่วนในระดับภูมิภาคมีหลักฐานจาก
เอกสารจีนว่า รัฐฟนู ัน มกี ารส่งเครอ่ื งบรรณาการให้จีนแล้ว
[บทเรียนสำเร็จรปู เรื่อง อารยธรรมโลกสมยั โบราณ] 27
[เล่มท่ี 6 อารยธรรมจีน]
ประเทศเวียดนาม นับว่าได้รับอารยธรรมจีนมากที่สุด เพราะมีความใกล้ชิดกับจีน เมื่อจีนเข้าปกครอง
เวียดนามก็ใช้วิธีการปกครองแบบกลืนชาติ เวยี ดนามจึงมีระเบียบการปกครองแบบจีน มีการสอบเขา้ รับราชการแบบ
จีนโดยใช้ตำราของขงจือ้ มีการใช้อักษรจีน นับถือเทพเจ้าแบบจีน นับถือขงจ้ือ งานศิลปกรรม สถาปัตยกรรม แม้แต่
เครื่องแตง่ กาย ตัวอย่างท่ีเหน็ ได้ชัดท่ีสุดคือ พระราชวังหลวงเว้ ท่มี ีความเป็นจนี สูงมาก จนเมอื่ ฝร่ังเศสเข้าปกครองจีน
ความรู้และอารยธรรมแบบตะวันตกจึงค่อย ๆ เขา้ มาในประเทศเวียดนาม
อทิ ธพิ ลทางด้านเศรษฐกจิ ในฐานะที่จีนเป็นตลาดการค้าใหญ่ มีสนิ ค้าตา่ ง ๆ ท่รี ัฐตา่ ง ๆ ในเอเชียตะวันออก
เฉียงใต้ต้องการ เช่น เคร่ืองปั้นดินเผา ผ้าไหม จีนจึงบังคับให้รัฐต่าง ๆ ส่งเครื่องบรรณาการให้กับจีนก่อน แล้วจีนจึง
คา้ ขายดว้ ย แต่สว่ นใหญ่จะเป็นการแลกเปล่ียน อาจารย์ผู้สอนประวัติศาสตรจ์ นี ให้สอนผเู้ รยี นว่า จนี ถือตนวา่ เป็นผู้ใหญ่
เม่ือผ้นู อ้ ยเอาของมาให้ ผูใ้ หญ่ตอ้ งมขี องแลกเปน็ การตอบแทน แต่เม่ือเปน็ ผู้ใหญก่ ็ต้องใหม้ ากกว่าผนู้ อ้ ย ดังนั้นจงึ เปน็ ที่
ช่นื ชอบแก่รัฐต่าง ๆ เป็นอันมาก อาณาจกั รท่ีรงุ่ เรอื งกับการค้าขายกับจีน เชน่ อาณาจักรฟูนนั ศรวี ิชัย อันนัม สโุ ขทัย
อยธุ ยา รตั นโกสินทร์ ฯลฯ
สาเหตทุ ี่จนี มอี ิทธิพลกบั ทางเอเชยี ตะวนั ออกเฉียงใตน้ อ้ ย
เพราะจีนไม่ค่อยออกจากประเทศทำการค้าขายมากนักเนื่องจากความเชื่อเร่ืองชาติพรรณ และเชื่อว่า
ตนเองเป็นศนู ย์กลางของจักรวาล ประเทศต่าง ๆ ต้องเขา้ ไปหาจีนเอง ยกเว้นช่วงราชวงศห์ มิงเท่านั้นท่กี ารค้าทางทะเล
ของจีนรุ่งเรื่อง ดังนั้นการแพร่ออกของวัฒนธรรมจีนจึงมีน้อยกว่าอารยธรรมอนิ เดีย ซ่ึงอนิ เดียเปน็ เจ้าแหง่ การเดนิ เรือ
คา้ ขาย
จีนไม่สนใจขยายอทิ ธิพลทางทะเล หรือขยายดินแดน ยกเวน้ ช่วงราชวงศห์ ยวน เพราะศกึ ล้อมรอบประเทศ
จากกลุ่มชนต่าง ๆ โดยเฉพาะทางภาคเหนอื ก็ทำใหจ้ นี ตอ้ งพะวงอยู่ตลอดเวลา อีกทงั้ จนี เช่ือว่าประเทศต่าง ๆ ในเอเชีย
ตะวันออกเฉียงใตก้ ็เปน็ เกราะปอ้ งกนั ให้กับจนี ดีพออยแู่ ล้ว
ลัทธิความเชื่อของชาวจีน เช่น ลัทธิขงจื้อ ไม่ส่งเสริมให้จีนออกนอกประเทศ แต่ปัจจุบัน ชาวจีนได้
แพร่กระจายออกไปท่ัวโลก แทบจะทุกประเทศก็มีชุมชนจีน วัฒนธรรมจีนจึงติดตัวไปกับชาวจีนท่ีย้ายถิ่นฐานต่าง ๆ
ไปสู่ประเทศเหล่านัน้ จากชมกลมุ่ น้อยก็แทบจะกลายเป็นชนกลุ่มใหญ่ เช่นในประเทศไทย สิงค์โปร และด้วยความท่ีมี
ประชากรเยอะท่ีสดุ ในโลก ราว 1,300 ล้านคน การค้าของจนี ทั้งซือ้ และขายท่ัวโลกจึงใหค้ วามสนใจ ผู้คนต่างเรมิ่ ศกึ ษา
วฒั นธรรมจีนและเลือกรบั วัฒนธรรมจนี ไปเรือ่ ยๆ คำถามกรอบที่ 6
1. อารยธรรมจนี แผข่ ยายขอบข่ายออกไปอยา่ งกวา้ งขวางทง้ั ในเอเชียและยโุ รป อนั เป็นผลมาจากสิง่ ใด
ตอบ…………………………………………………………………………………………………..……………………………………
2. เหตุใดจงึ กลา่ วว่าประเทศเวยี ดนาม ไดร้ บั อารยธรรมจีนมากที่สุด
ตอบ………………………………………………………………………………………………………………………….…………
[บทเรยี นสำเร็จรปู เร่อื ง อารยธรรมโลกสมัยโบราณ] 28
[เลม่ ท่ี 6 อารยธรรมจนี ]
คำตอบกรอบที่ 6
1. การตดิ ตอ่ ทางการทตู การคา้ การศกึ ษา ตลอดจนการเผยแผ่ศาสนา 2. มีความใกลช้ ดิ กบั จนี มีระเบยี บการปกครองแบบจนี
อารยธรรมจีนในเอเชียใต้
ประเทศท่ีแลกเปล่ียนวัฒนธรรมกับจีนอย่างใกล้ชิด คือ อินเดีย พระพุทธศาสนามหายานของอินเดีย
แพร่หลายเข้ามาในจีนจนกระท่ังเป็นศาสนาสำคัญที่ชาวจีนนับถือ นอกจากนี้ศิลปะอินเดียยังมีอิทธิพลต่อการ
สร้างสรรคศ์ ิลปะบางอยา่ งของจีน เช่น ประตมิ ากรรมท่ีเปน็ พระพทุ ธรูป
อารยธรรมจนี ในภูมิภาคเอเชยี กลางและตะวันออกกลาง
ภมู ิภาคเอเชียกลางและตะวันออกกลางน้ัน เนื่องจากบริเวณท่ีเส้นทางการค้าสายแพรไหมผ่าน จึงทำหน้าท่ี
เป็นสื่อกลางนำอารยธรรมตะวันตกและจีนมาพบกัน อารยธรรมจีนท่ีเผยแพร่ไป เช่น การแพทย์ การเลี้ยงไหม
กระดาษ การพมิ พ์ และดินปืน เปน็ ตน้ ซง่ึ ชาวอาหรบั จะนำไปเผยแพร่แก่ชาวยุโรปอีกต่อหน่ึง
ความสมั พันธ์ระหว่างไทยและจีนในสมยั โบราณ
นับต้ังแต่สมัยสุโขทัยจนถึงรัตนโกสินทร์ตอนต้นเป็นความสัมพันธ์ใน “ระบบบรรณาการ” (Tribute)
หรือเจงิ กุง (ไทยมักอา่ นวา่ จิ้มกอ้ ง) อันเป็นประเพณีสัมพนั ธไมตรขี องจีนกับประเทศอืน่ ๆ ในสมยั โบราณ ทัง้ นี้เพราะจีน
มีความเช่ือมานานตามอิทธพิ ลทางความคดิ ของลทั ธขิ งจ้อื ที่ว่า จีนเปน็ อาณาจกั รกลาง (จงกัว๊ หรอื Middle Kingdom)
เป็นศูนย์กลางของอำนาจและอารยธรรมโลก เน่ืองจากมีความเจริญมาช้านาน ดังนั้น จีนจึงมักมองดินแดนอ่ืนท่ีอยู่
โดยรอบวา่ ดอ้ ยกว่า และจะตอ้ งยอมรับสวามิภักดก์ิ บั จีน โดยการส่งเครื่องบรรณาการแก่จักรพรรดิจีนตามกำหนด สว่ น
จีนซึ่งเป็นประเทศท่ีใหญ่กว่าและเจริญกว่า จะให้ความช่วยเหลือคุ้ มครองประเทศเล็กๆ เหล่านี้ อีกทั้งยังให้
ผลประโยชนอ์ ่นื ๆ ทง้ั ทางการเมอื งโดยยอมรบั ฐานะกษัตรยิ ์ และทางเศรษฐกิจโดยอนญุ าตใหค้ า้ ขายไดอ้ ย่างเสรี
ความสัมพันธ์ระหว่างไทยกับจีนใน “ระบบบรรณาการเพ่อื การคา้ ” น้ีได้ลดความสำคัญและประโยชน์ลง ใน
ตอนปลายรัชกาลพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยหู่ ัว รัชกาลท่ี 4 ไทยได้ทำการค้ากับตะวันตกมากขึ้นหลังจากการ
ทำสนธสิ ัญญาเบาริง่ กับอังกฤษ พ.ศ. 2398 ในขณะท่ผี ลกำไรจากการคา้ สำเภาจีนได้ลดลงตามลำดบั ทั้งนีเ้ พราะความ
ไม่ปลอดภัยในการเดินทาง เนื่องจากจักรพรรดิร์ าชวงศ์ชิงในระยะหลังอ่อนแอ อีกท้ังเผชิญกับปัญหาการต่อตา้ นจาก
ภายในและการท้าทายคุกคามจากภายนอก ไทยไดส้ ่งคณะทูตไปจีนเป็นครัง้ สุดท้ายในปี พ.ศ. 2396 และหลังจากน้ัน
พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจา้ อยู่หัวก็ทรงยุติการส่งคณะทูตและ การค้าบรรณาการกับจีน เพราะพระองศ์ท่านไม่
ประสงค์จะทำให้เกิดความเข้าใจผิดในหมู่ประเทศท่ีติดต่อกับไทย อีกท้ังประโยชน์ทางเศรษฐกิจท่ีไทยได้รับไม่คุ้มกับ
การลงทุนเนื่องจากความไม่ปลอดภัยในการเดินทาง อาจกล่าวได้ว่า พ.ศ. 2396 เป็นปีสุดท้ายของการส่งบรรณาการ
เพื่อการค้า นบั เป็นการสิ้นสุดความสมั พันธ์ระหวา่ งไทยและจีนในสมัยโบราณภายใตร้ ะบบบรรณาการเพอื่ การค้า
[บทเรียนสำเร็จรปู เร่อื ง อารยธรรมโลกสมยั โบราณ] 29
[เล่มท่ี 6 อารยธรรมจนี ]
แบบทดสอบหลงั เรียน (Post-test)
เรอื่ ง อารยธรรมจีน
คำช้แี จง ให้นกั เรียนกากบาท (X) ทบั ขอ้ ที่ถกู ที่สุดเพยี งข้อเดยี วในกระดาษคำตอบ
1. อารยธรรมจนี ในเรื่องใดท่ีมีอทิ ธิพลต่อการสอื่ สารของมนษุ ย์ในปัจจบุ นั
ก. ระบบตัวอักษรยอ่
ข. การผลิตกระดาษและน้ำหมึก
ค. การคดิ คน้ ระบบลกู คดิ ในการคา้ ขาย
ง. การใช้สตั ว์เปน็ ตวั กลางในการสง่ สาร
2. ความเชือ่ เรื่องอาณัติสวรรคส์ ่งผลต่อชาวจีนอย่างไร
ก. เกิดการลกุ ฮอื ของประชาชนขน้ึ ลม้ ล้างราชวงศ์เดิมต้ังราชวงศ์ใหม่
ข. ชาวจนี ขาดความกระตือรือร้นเพราะรอความช่วยเหลือจากสวรรค์
ค. ชาวจนี อยู่อย่างสนั ติสขุ เพราะทกุ คนยอมรับผู้ปกครองที่สวรรค์เลือกให้
ง. เกดิ การเลือกผนู้ ำดว้ ยวธิ กี ารเส่ียงทายเพ่ือท่จี ะไดผ้ ู้นำตามทส่ี วรรคต์ อ้ งการ
3. ลัทธขิ งจอ๊ื ให้ความสำคญั ในเรอ่ื งใด
ก. การค้า
ข. การศึกษา
ค. การเข้ารับราชการ
ง. การสรา้ งครอบครัว
4. อารยธรรมจนี เรอื่ งใดที่ชว่ ยในการพฒั นาทางคณิตศาสตรข์ องมนุษย์
ก. ระบบเลขทศนยิ ม
ข. ระบบเลขยกกำลัง
ค. การหาพื้นที่วงกลม
ง. การประดิษฐ์ลูกคิด
5. จนี มีส่วนสำคญั ในการสรา้ งเสรมิ อารยธรรมของโลกหลายประการ ยกเวน้ เร่อื งใด
ก. การทำปฏิทิน ข. การทำกระดาษ
ค. การค้นพบว่าโลกกลม ง. การเล้ยี งไหมและทอผา้ ไหม
[บทเรียนสำเร็จรูป เรอ่ื ง อารยธรรมโลกสมยั โบราณ] 30
[เล่มที่ 6 อารยธรรมจนี ]
6. ขอ้ ใดเป็นลักษณะเคร่ืองป้ันดนิ เผาของวัฒนธรรมหยางเชา
ก. สีมว่ งขัดมนั เงา
ข. เป็นลายเขียนสี
ค. เนือ้ บางและแกรง่
ง. เนื้อละเอยี ดมี 3 – ขา
7. เสน้ ทางการค้าในข้อใดที่มีความสำคัญตอ่ การค้าของจีนกับตะวันออกกลางในสมัยราชวงศฮ์ ัน่
และราชวงศ์ถงั
ก. เสน้ ทางเรอื จากคองสเุ อช
ข. เสน้ ทางสายไหมทางบก
ค. เสน้ ทางเริม่ จากอา่ วเปอรเ์ ซยี
ง. เสน้ ทางสายแพรไหมทางทะเล
8. วรรณกรรมจนี สมยั ราชวงศ์ชิงหรือแมนจู ที่สะท้อนให้เห็นความรงุ่ เรืองและความตกตำ่ ของชีวิต
ในสงั คมและความรักท่ยี ่ิงใหญ่คือเร่อื งใด
ก. บ้าน
ข. ซ้องก๋งั
ค. ดอกบัวทอง
ง. ความฝันในหอแดง
9. ตัวอักษรจนี ระยะแรกปรากฎในงานสรา้ งสรรคใ์ นข้อใด
ก. กระดูกเส่ียงทาย
ข. กำแพงเมอื งจนี
ค. รูปปน้ั เจ้าแม่กวนอมิ
ง. เครื่องป้ันดนิ เผาสเี ขยี วเทา
10. ไทยยตุ คิ วามสมั พันธ์กบั จนี ในระบบระบบ “บรรณาการเพ่ือการคา้ ” ครงั้ สดุ ทา้ ยในสมัยใด
ก. รชั กาลที่ 1
ข. รชั กาลท่ี 2
ค. รัชกาลท่ี 3
ง. รัชกาลที่ 4
[บทเรยี นสำเร็จรูป เร่อื ง อารยธรรมโลกสมัยโบราณ] 31
[เล่มที่ 6 อารยธรรมจนี ]
เฉลยแบบทดสอบหลังเรยี น
( Post - test )
11. ข
12. ค
13. ข
14. ง
15. ค
16. ข
17. ข
18. ง
19. ก
20. ง
เพ่ือนๆศึกษาจนจบบทเรยี นแลว้ เรามาดูผลการประเมินกัน
เลยดีกว่านะครับ ในกรอบนี้กรอบละ 1 คะแนน ถ้ากรอบใด
มีแบบทดสอบ 2 ขอ้ กข็ ้อละ 1 คะแนน
[ ]บทเรยี นสำเร็จรูป เรื่อง อารยธรรมโลกสมยั โบราณ 1
[ ]เล่มที่ 7 การติดตอ่ ระหวา่ งโลกตะวันออกกบั โลกตะวนั ตก และอิทธพิ ลทม่ี ตี ่อกัน
สวัสดคี รับ.. บทเรยี นในเลม่ ท่ี 7 นี้ เพอ่ื นๆ จะได้ศึกษาเกี่ยวกับการติดตอ่ ระหว่าง
โลกตะวันออกกบั โลกตะวนั ตก และอทิ ธิพลที่มตี ่อกัน ซ่งึ เป็นอีกเรื่องหนึ่งท่ีทุกคนตอ้ งเรยี นรู้
และนำไปใชใ้ นการเตรียมสอบประเมนิ ผลและสอบเขา้ ศึกษาตอ่ ในระดับท่สี งู ขึน้
ขอให้เพอื่ นๆ ทำแบบทดสอบก่อนเรยี น จำนวน 10 ขอ้ ก่อน
โดยให้ทำในกระดาษคำตอบท่ีครแู จกให้ ขอใหส้ นุกกับการเรียนนะครบั …..
เพ่อื นๆ ต้องซอื่ สตั ยต์ ่อตนเองด้วยนะครับ
เอ้า..ทำแบบทดสอบกนั เลย
คณุ ธรรมทต่ี อ้ งการเน้น คอื
17. ความมีวินัย
18. ความซอ่ื สัตย์
19. การทำงานร่วมกับผอู้ ่ืน