วชิ าประวตั ิศาสตร์สากล (ส30162) ชัน้ ม.6 : ครรู ชตะ ขาวดี หนา้ 200
แบบประเมนิ ผลงาน/กจิ กรรมเปน็ รายบคุ คล
ผลงาน/กจิ กรรมท่ี เรอื่ ง
แผนการจดั การเรยี นรทู้ ี่ หนว่ ยการเรียนรทู้ ี่
ชนั้ วนั เดอื น พ.ศ.
รายการประเมนิ ระดบั คณุ ภาพ
ท่ี ชื่อ–สกลุ ความถูก ้ตองการของผลงาน/กิจกรรม (6 คะแนน) 4321
จุดเด่นของผลงาน/ ิกจกรรม (4 คะแนน)
ความคิดสร้างสรรค์ (4 คะแนน)
รูปแบบการนาเสนอผลงาน (3 คะแนน)
การนาไปใช้ประโยชน์ (3 คะแนน)
รวมคะแนน (20 คะแนน)
1
2
3
4
5
6
7
8
9
10
เกณฑก์ ารประเมนิ
การสรุปผลการประเมินให้เป็นระดบั คุณภาพ 4, 3, 2, 1 กาหนดเกณฑ์ได้ตามความเหมาะสม หรอื
อาจใชเ้ กณฑด์ ังน้ี
9–10 คะแนน = 4 (ดีมาก)
7–8 คะแนน = 3 (ด)ี
5–6 คะแนน = 2 (พอใช)้
0–4 คะแนน = 1 (ควรปรบั ปรุง)
วิชาประวัติศาสตรส์ ากล (ส30162) ชัน้ ม.6 : ครรู ชตะ ขาวดี หน้า 201
แบบประเมนิ ผลงาน/กจิ กรรมเปน็ กลมุ่
ผลงาน/กจิ กรรมที่ เรอ่ื ง
แผนการจดั การเรียนรทู้ ่ี หนว่ ยการเรยี นรทู้ ่ี
ชนั้ วนั เดือน พ.ศ.
กลมุ่ ท่ี
รายการประเมนิ ระดบั คณุ ภาพ
ท่ี ชอ่ื –สกลุ ความ ูถกต้องการของผลงาน/กิจกรรม (6 คะแนน) 432 1
จุดเด่นของผลงาน/ ิกจกรรม (4 คะแนน)
ความคิดส ้รางสรรค์ (4 คะแนน)
ูรปแบบการนาเสนอผลงาน (3 คะแนน)
การนาไปใช้ประโยช ์น (3 คะแนน)
รวมคะแนน (20 คะแนน)
1
2
3
4
5
6
7
8
9
10
เกณฑก์ ารประเมนิ
การสรปุ ผลการประเมนิ ใหเ้ ปน็ ระดบั คณุ ภาพ 4, 3, 2, 1 กาหนดเกณฑ์ไดต้ ามความเหมาะสม หรอื อาจใช้
เกณฑด์ ังน้ี
9–10 คะแนน = 4 (ดมี าก)
7–8 คะแนน = 3 (ด)ี
5–6 คะแนน = 2 (พอใช้)
0–4 คะแนน = 1 (ควรปรับปรงุ )
วชิ าประวตั ิศาสตร์สากล (ส30162) ชน้ั ม.6 : ครรู ชตะ ขาวดี หนา้ 202
แบบประเมนิ พฤตกิ รรมในการทางานเปน็ รายบคุ คล
ผลงาน/กจิ กรรมที่ เรอื่ ง
แผนการจดั การเรยี นรทู้ ่ี หนว่ ยการเรียนรทู้ ี่
ชน้ั วนั เดือน พ.ศ.
คาชแี้ จง สงั เกตพฤติกรรมในการทางานของนักเรียน โดยเขียนเคร่อื งหมาย ลงในช่องรายการ
พฤติกรรมที่นกั เรียนปฏิบัติ
รายการประเมนิ ระดบั คณุ ภาพ
ที่ ชอื่ –สกลุ สนใจในการทางาน
ไม่เอาเปรียบเพ่ือนในการทางาน
เสนอความคิดเห็น 432 1
ัรบฟังความคิดเห็นของผู้ ่ือน
ให้ความ ่ชวยเห ืลอ ู้ผ ือ่น
มุ่งม่ันทางานให้สาเ ็รจ
ประเ ิมนและปรับปรุงงาน ้ดวยความเต็มใจ
เคารพ ้ขอตกลงของก ุล่ม
ทาตามห ้นา ่ีท ี่ทไ ้ด ัรบมอบหมาย
พอใจ ักบความสาเ ็รจของงาน
รวมคะแนน
1
2
3
4
5
6
7
8
9
10
เกณฑก์ ารประเมนิ
1. การใหค้ ะแนน ให้ 1 คะแนน
2. การสรุปผลการประเมินใหเ้ ป็นระดับคุณภาพ 4, 3, 2, 1 ใชเ้ กณฑ์ดังน้ี
9–10 คะแนน = 4 (ดีมาก)
7–8 คะแนน = 3 (ดี)
5–6 คะแนน = 2 (พอใช้)
0–4 คะแนน = 1 (ควรปรับปรงุ )
วชิ าประวตั ศิ าสตร์สากล (ส30162) ชนั้ ม.6 : ครูรชตะ ขาวดี หนา้ 203
แบบประเมนิ พฤตกิ รรมในการทางานเปน็ กลมุ่
ผลงาน/กจิ กรรมท่ี เรอ่ื ง
แผนการจดั การเรียนรทู้ ่ี หนว่ ยการเรยี นรทู้ ี่
ชนั้ วนั เดือน พ.ศ.
คาชแ้ี จง สงั เกตพฤตกิ รรมในการทางานของนักเรยี น โดยเขียนเครื่องหมาย ลงในชอ่ งรายการ
พฤติกรรมทนี่ ักเรยี นปฏิบัติ
รายการประเมนิ ระดบั คณุ ภาพ
ที่ ชอื่ –สกลุ แ ่บงงานกันรับผิดชอบ 432 1
ีมกระบวนการทางานเป็นข้ันตอน
ทาตามหน้าที่ที่ไ ้ด ัรบมอบหมาย
ร่วมกันแสดงความ ิคดเห็น
รับ ัฟงความ ิคดเห็นของสมา ิชกกลุ่ม
นามติ/ข้อตกลงของกลุ่มไปปฏิบัติ
ร่วม ักนปรับปรุงผลงาน ้ดวยความเต็มใจ
่มุงมั่นทางานใ ้หสาเร็จ
พอใจกับความสาเร็จของงาน
บรรยากาศในการทางาน
รวมคะแนน
1
2
3
4
5
6
7
8
9
10
เกณฑก์ ารประเมนิ
1. การใหค้ ะแนน ให้ 1 คะแนน
2. การสรุปผลการประเมินใหเ้ ป็นระดับคณุ ภาพ 4, 3, 2, 1 ใช้เกณฑ์ดงั นี้
9–10 คะแนน = 4 (ดีมาก)
7–8 คะแนน = 3 (ดี)
5–6 คะแนน = 2 (พอใช้)
0–4 คะแนน = 1 (ควรปรับปรงุ )
วชิ าประวตั ิศาสตรส์ ากล (ส30162) ชน้ั ม.6 : ครรู ชตะ ขาวดี หน้า 204
มติ คิ ณุ ภาพของการบนั ทกึ ผลงาน ระดบั คณุ ภาพ
กาหนดเกณฑ์การประเมนิ ผลการบันทึกผลงานโดยใชม้ าตราส่วนประเมนิ คา่ 4 ระดับ ดังนี้ 4
รายการประเมนิ 3
– บันทกึ ผลงานได้ถกู ต้องตามจดุ ประสงค์ เขียนบนั ทกึ ได้ชัดเจน แนวคดิ หลักถกู ตอ้ ง 2
มีประเดน็ สาคญั ครบถว้ น
1
– ใชภ้ าษาไดอ้ ย่างเหมาะสม คาศัพทถ์ กู ตอ้ ง
– บนั ทกึ ผลงานไดถ้ กู ตอ้ งตามจุดประสงค์ เขยี นบันทกึ ทีม่ บี างส่วนยังไมช่ ดั เจน
แนวคดิ หลักถูกต้อง สว่ นที่เปน็ ประเดน็ สาคญั มีไม่ครบถ้วน
– ใชภ้ าษา คาศัพท์ไม่ถูกตอ้ งในบางสว่ น
– บนั ทึกผลงานยดึ ตามจุดประสงค์ เขียนบนั ทึกไม่ชัดเจน แนวคดิ หลักบางสว่ นไม่
ถกู ตอ้ ง สว่ นทเ่ี ป็นประเดน็ สาคัญมีไม่ครบถว้ น
– ใชภ้ าษา คาศัพท์ไม่ถกู ต้องในบางสว่ น
– บันทกึ ผลงานไม่สอดคล้องกับจุดประสงค์ เขยี นบนั ทึกไม่ชัดเจน และแนวคดิ หลกั
สว่ นใหญไ่ ม่ถกู ตอ้ ง
– ใช้ภาษา คาศัพท์ไม่ถูกตอ้ ง
วิชาประวตั ิศาสตรส์ ากล (ส30162) ช้นั ม.6 : ครรู ชตะ ขาวดี หน้า 205
บนั ทกึ หลงั การจดั การเรยี นรู้
หวั ขอ้ การประเมนิ ผลการจดั การเรยี นรู้
1. ด้านความรู้
(K) ………………………………………………………………………………………………..……………………………………………………
2. ด้านทกั ษะ/กระบวนการ ………………………………………………………………………………………………….……………………………………………………….
(P)
………………………………………………………………………………………………..……………………………………………………
3. ดา้ นคณุ ลกั ษณะอนั พงึ ประสงค์
(A) ………………………………………………………………………………………………….……………………………………………………….
………………………………………………………………………………………………..……………………………………………………
………………………………………………………………………………………………….……………………………………………………….
………………………………………………………………………………………………..……………………………………………………
………………………………………………………………………………………………….……………………………………………………….
………………………………………………………………………………………………..……………………………………………………
………………………………………………………………………………………………….……………………………………………………….
………………………………………………………………………………………………..……………………………………………………
………………………………………………………………………………………………..……………………………………………………
………………………………………………………………………………………………….……………………………………………………….
………………………………………………………………………………………………..……………………………………………………
………………………………………………………………………………………………….……………………………………………………….
………………………………………………………………………………………………..……………………………………………………
………………………………………………………………………………………………….……………………………………………………….
………………………………………………………………………………………………..……………………………………………………
………………………………………………………………………………………………….……………………………………………………….
………………………………………………………………………………………………..……………………………………………………
………………………………………………………………………………………………….……………………………………………………….
………………………………………………………………………………………………..…………………………………………………….
………………………………………………………………………………………………..……………………………………………………
………………………………………………………………………………………………….……………………………………………………….
………………………………………………………………………………………………..……………………………………………………
………………………………………………………………………………………………….……………………………………………………….
………………………………………………………………………………………………..……………………………………………………
………………………………………………………………………………………………….……………………………………………………….
………………………………………………………………………………………………..……………………………………………………
………………………………………………………………………………………………….……………………………………………………….
………………………………………………………………………………………………..……………………………………………………
………………………………………………………………………………………………….……………………………………………………….
………………………………………………………………………………………………..…………………………………………………….
ลงช่ือ (ครูผสู้ อน)
(นายรชตะ ขาวดี)
//
วิชาประวตั ศิ าสตร์สากล (ส30162) ช้ัน ม.6 : ครูรชตะ ขาวดี หนา้ 206
ขอ้ เสนอแนะความคดิ เหน็ เพม่ิ เตมิ
หวั หนา้ กลมุ่ สาระการเรยี นรู้
ลงช่ือ หวั หนา้ กลุ่มสาระสังคมศึกษาฯ
(นางปน่ิ แก้ว แก้วเปน็ บุญ)
วนั ที่ / /
รองผอู้ านวยการกลมุ่ บรหิ ารงานวชิ าการ
ลงชื่อ รองผอู้ านวยการกลุ่มบริหารงานวชิ าการ
(นางยคุ ลทร โพธ์ศิ ร)ี
วันท่ี / /
ผอู้ านวยการโรงเรยี น
ลงชอ่ื ผู้อานวยการโรงเรยี น
(นายเอกชัย คะษาวงค์)
วนั ท่ี / /
วิชาประวัตศิ าสตร์สากล (ส30162) ชนั้ ม.6 : ครรู ชตะ ขาวดี หนา้ 207
แผนการจดั การเรยี นรทู้ ี่ 17 เวลา 1 ชว่ั โมง
ทวปี เอเชยี ชน้ั มธั ยมศกึ ษาปที ่ี 6
สาระที่ 4 ประวตั ศิ าสตร์
หนว่ ยการเรยี นรู้ท่ี 6 ผลกระทบของการขยายอทิ ธพิ ลของประเทศในยโุ รป
1. สาระสาคญั
เม่ือชาวยโุ รปเขา้ มาหาผลประโยชนใ์ นดนิ แดนเอเชยี ในช่วงคริสต์ศตวรรษที่ 19 เกดิ ความเปลี่ยนแปลงในดา้ น
ต่าง ๆ ได้แก่ การเมอื งการปกครอง เศรษฐกิจ สงั คม วฒั นธรรม และศลิ ปกรรม
2. ตวั ชว้ี ดั ชว่ งชนั้
• วิเคราะห์ผลกระทบของการขยายอิทธิพลของประเทศในยโุ รปไปยังทวปี อเมรกิ า แอฟรกิ า และเอเชีย (ส
4.2 ม. 4–6/3)
3. จดุ ประสงคก์ ารเรยี นรู้
1. บอกเรือ่ งราวความเปน็ มาของทวีปเอเชยี ได้ (K)
2. สนใจศึกษาเกี่ยวกบั ทวปี เอเชีย (A)
3. วเิ คราะห์และอภปิ รายเกีย่ วกับอทิ ธิพลของประเทศในยุโรปท่ีมีผลต่อทวปี เอเชีย (P)
4. การวดั และประเมนิ ผลการเรยี นรู้
ดา้ นคณุ ธรรม จรยิ ธรรม
ดา้ นความรู้ (K) และคา่ นยิ ม (A) ดา้ นทกั ษะ/กระบวนการ (P)
1. ทดสอบหลังเรยี น • ประเมนิ พฤตกิ รรมการทางาน • ประเมินพฤตกิ รรมการทางาน
2. ซักถามความรเู้ รือ่ งทวีปเอเชีย เปน็ รายบคุ คลในด้านความมีวินัย เป็นรายบุคคลและเป็นกล่มุ
3. ตรวจผลงาน/กิจกรรมเป็น ใฝเ่ รียนรู้ ฯลฯ ในด้านการส่อื สาร การคิด
รายบุคคลหรือเป็นกลมุ่ การแกป้ ัญหา ฯลฯ
5. สาระการเรียนรู้
• ทวีปเอเชยี
1. การเมอื งการปกครอง
2. เศรษฐกิจ
3. สังคม
4. วัฒนธรรม
5. ศลิ ปกรรม
6. แนวทางบรู ณาการ
ภาษาไทย ฟงั พดู อา่ น และเขยี นขอ้ มลู เกี่ยวกบั ทวปี เอเชีย
ศลิ ปะ จดั ทาโปสเตอร์ E-book เกย่ี วกับทวปี เอเชีย
วชิ าประวตั ศิ าสตร์สากล (ส30162) ช้ัน ม.6 : ครรู ชตะ ขาวดี หน้า 208
7. กระบวนการจดั การเรยี นรู้
ขน้ั ที่ 1 นาเข้าสบู่ ทเรยี น
1. จัดกิจกรรมการเรียนรหู้ อ้ งเรียนออนไลน์ผา่ น แอพพลิเคชัน Line meeting ครแู จ้งตวั ช้วี ดั ชว่ งชน้ั
และจุดประสงค์การเรียนรใู้ ห้นักเรียนทราบ
2. ครนู าแผนท่ีทวีปเอเชียใหน้ กั เรียนดู แลว้ ถามวา่ อยบู่ ริเวณใด มคี วามสาคญั อย่างไร ใหน้ ักเรียนตอบ
ครูอธบิ ายเพื่อเชื่อมโยงเข้าสู่เน้ือหาที่จะเรียน
ขั้นที่ 2 กจิ กรรมการเรยี นรู้
3. ครใู ห้นักเรียนศกึ ษาค้นคว้าเรอื่ งทวีปเอเชีย
4. ครูใหน้ ักเรียนชว่ ยกันระดมสมองและวิเคราะห์ผลของการขยายอิทธิพลของประเทศในยุโรปตอ่ ทวีปเอเชีย
ในดา้ นตา่ ง ๆ ดังน้ี
1) การเมอื งการปกครอง
2) เศรษฐกจิ
3) สังคม
4) วฒั นธรรม
5) ศิลปกรรม
5. ครูให้นกั เรียนรว่ มกันสรุปผลการระดมสมองและวิเคราะห์ถงึ ผลทไ่ี ด้รบั
6. ครแู ละนกั เรียนรว่ มกันแสดงความคดิ เหน็ วา่ การทชี่ าวยโุ รปเข้ามาในทวีปเอเชียโดยเฉพาะประเทศสมาชิก
อาเซียนทาให้เกดิ การเปลี่ยนแปลงทัง้ ด้านการเมอื งการปกครอง เศรษฐกจิ สังคม วัฒนธรรม และศิลปกรรมอย่างไร
บา้ ง จากนน้ั ร่วมกนั สรปุ แล้วบันทึกลงในสมดุ
7. ในขณะปฏิบัตกิ จิ กรรมของนกั เรียน ใหค้ รสู ังเกตพฤติกรรมในการทางานและการนาเสนอผลงาน
ของนกั เรยี นตามแบบประเมนิ พฤตกิ รรมในการทางานเป็นรายบุคคลหรอื เป็นกลมุ่
ขั้นท่ี 3 ฝกึ ฝนผเู้ รยี น
8. ครูใหน้ กั เรียนทากิจกรรมเก่ียวกบั ทวปี เอเชยี และแบบทดสอบการวัดและประเมนิ ผลการเรียนรู้ ประจา
หน่วยการเรียนรู้ ในแบบฝกึ ทกั ษะประวัตศิ าสตร์
ขน้ั ที่ 4 นาไปใช้
9. ครใู ห้นักเรยี นยกตัวอย่างศิลปกรรมของทวปี เอเชยี ทีน่ ่าภาคภมู ใิ จในด้านอื่น ๆ
10. ครูใหน้ ักเรียนจัดทาโปสเตอร์ หรอื E-Book ทวีปเอเชีย เพ่ือเผยแพร่ความรู้
ขน้ั ที่ 5 สรปุ
11. ครูและนกั เรียนร่วมกนั สรุปความรู้เร่อื ง ทวีปเอเชีย โดยใหน้ กั เรียนสรุปเปน็ แผนท่ีความคิดดว้ ยโปรแกรม
Canva
12. ครใู ห้นกั เรยี นทาแบบทดสอบหลังเรียนผา่ นโปรแกรม Quizizz
8. กจิ กรรมเสนอแนะ
ครูให้นักเรียนศึกษาค้นคว้าเพม่ิ เตมิ เรอ่ื ง ทวีปเอเชีย แล้วนามาอภปิ รายแสดงความคดิ เหน็
วิชาประวัตศิ าสตร์สากล (ส30162) ช้นั ม.6 : ครูรชตะ ขาวดี หนา้ 209
9. สอ่ื /แหลง่ การเรยี นรู้
1. แบบทดสอบกอ่ นเรียนและหลงั เรยี น ผา่ นโปรแกรม Quizizz
2. โปรแกรม Classdojo
3. แผนทท่ี วปี เอเชีย
4. หนังสือเรยี น รายวิชาพื้นฐาน ประวัตศิ าสตร์ ม. 4–6 เลม่ 2 บริษทั สานักพิมพ์วฒั นาพานชิ จากดั
5. แบบฝกึ ทกั ษะรายวชิ าพ้ืนฐานประวตั ศิ าสตร์ ม. 6
วชิ าประวัติศาสตร์สากล (ส30162) ชั้น ม.6 : ครรู ชตะ ขาวดี หนา้ 210
แบบทดสอบหลงั เรยี น
หนว่ ยการเรยี นรทู้ ่ี 6 ผลกระทบของการขยายอทิ ธพิ ลของชาติตะวนั ตก
คาชแ้ี จง เลอื กคาตอบทถ่ี กู ตอ้ งทสี่ ดุ เพยี งคาตอบเดยี ว
1. รฐั ธรรมนญู แหง่ สหรฐั อเมรกิ าเกดิ จากความรว่ มมอื กนั ของผ้นู ามลรฐั กมี่ ลรฐั
ก 13 มลรัฐ
ข 15 มลรฐั
ค 26 มลรัฐ
ง 50 มลรฐั
2. ข้อใดกลา่ วถกู ตอ้ งเกย่ี วกบั การเมอื งการปกครองของสหรฐั อเมรกิ าปจั จบุ นั
ก แบ่งอานาจการปกครองเปน็ 3 ฝ่าย
ข ใชธ้ รรมนูญแหง่ สมาพนั ธรัฐปกครอง
ค มีรัฐธรรมนญู ท่ไี มเ่ ปน็ ลายลกั ษณ์อกั ษร
ง แต่งต้ังนายกรัฐมนตรีเป็นหวั หน้าฝ่ายบรหิ าร
3. อตุ สาหกรรมเหมอื งแร่ทที่ ารายไดใ้ หแ้ กส่ หรฐั อเมรกิ าจนถงึ ปจั จบุ นั คอื อะไร
ก ดีบกุ
ข เหล็ก
ค ยปิ ซมั
ง รตั นชาติ
4. การคา้ ทาสทาใหเ้ กดิ ปญั หาอะไรตามมา
ก โรคระบาด
ข ชมุ ชนแออดั
ค ความยากจน
ง การเหยยี ดสผี ิว
5. ข้อใดกลา่ วไมถ่ กู ตอ้ งเกย่ี วกบั สงั คมของชาวแอฟรกิ าปจั จบุ นั
ก เชอื่ เรอ่ื งวิญญาณ
ข พึง่ พาอุตสาหกรรม
ค มีวิถชี วี ติ ใกล้เคียงกบั บรรพบรุ ุษ
ง ยอมรบั วิทยาการของชาวตะวันตก
6. ผลของการเผยแผค่ รสิ ตศ์ าสนาและศาสนาอสิ ลามในแอฟรกิ าคอื อะไร
ก คนรนุ่ เก่าต่อตา้ น
ข ปกครองโดยใช้หลกั ศาสนา
ค ศาสนาประจาเผ่าเริม่ หมดความสาคัญ
ง ไม่มีข้อถกู
วชิ าประวตั ิศาสตร์สากล (ส30162) ชนั้ ม.6 : ครูรชตะ ขาวดี หน้า 211
7. จนี ไดร้ บั ผลกระทบอย่างไรจากการทาสนธสิ ญั ญาหนานจงิ
ก จนี ยกเกาะฮอ่ งกงให้อังกฤษ
ข จนี ยกเกาะไต้หวันให้องั กฤษ
ค จีนใหอ้ ังกฤษมีสว่ นร่วมในการปกครอง
ง จนี ใหอ้ งั กฤษเขา้ มาเปิดโรงงานอุตสาหกรรม
8. ขอ้ ใดไมใ่ ชก่ ารเปลีย่ นแปลงของเอเชยี หลงั การยอมรบั ระบบอตุ สาหกรรม
ก ช่างฝมี ือยากจนลง
ข สนิ ค้าอปุ โภคบริโภคได้รบั ความนิยม
ค อตุ สาหกรรมขนาดใหญเ่ ป็นรายไดห้ ลกั
ง ชนชนั้ ลา่ งเข้าไปทางานในโรงงานมากขึ้น
9. องั กฤษวางรากฐานการศกึ ษาใหอ้ นิ เดยี อย่างไร
ก ใหท้ กุ โรงเรียนมีครเู ป็นชาวอังกฤษ
ข ให้เรยี นเร่ืองการปกครองของอังกฤษ
ค สนับสนุนนกั เรียนอนิ เดยี ไปเรียนทอ่ี งั กฤษ
ง ใช้หลกั สตู รแบบอังกฤษและภาษาอังกฤษในการสอน
10. การทชี่ าวตะวนั ตะวนั ตกถา่ ยทอดภาษาใหช้ าวเอเชยี สง่ ผลดอี ยา่ งไร
ก เกดิ ชมุ ชนเมอื ง
ข ทาให้การศกึ ษาก้าวหน้า
ค เข้าใจชาวต่างชาติมากขนึ้
ง มีภาษาไวส้ ื่อสารทง้ั ในและตา่ งประเทศ
วชิ าประวัติศาสตร์สากล (ส30162) ชัน้ ม.6 : ครูรชตะ ขาวดี หน้า 212
แบบประเมนิ ผลงาน/กจิ กรรมเปน็ รายบคุ คล
ผลงาน/กจิ กรรมท่ี เรอ่ื ง
แผนการจดั การเรยี นรทู้ ี่ หนว่ ยการเรียนรทู้ ี่
ชนั้ วนั เดือน พ.ศ.
รายการประเมนิ ระดบั คณุ ภาพ
ที่ ชอื่ –สกลุ ความถูก ้ตองการของผลงาน/กิจกรรม (6 คะแนน) 4321
จุดเด่นของผลงาน/ ิกจกรรม (4 คะแนน)
ความคิดสร้างสรรค์ (4 คะแนน)
รูปแบบการนาเสนอผลงาน (3 คะแนน)
การนาไปใช้ประโยชน์ (3 คะแนน)
รวมคะแนน (20 คะแนน)
1
2
3
4
5
6
7
8
9
10
เกณฑก์ ารประเมนิ
การสรุปผลการประเมินใหเ้ ป็นระดับคุณภาพ 4, 3, 2, 1 กาหนดเกณฑไ์ ดต้ ามความเหมาะสม หรือ
อาจใชเ้ กณฑด์ ังนี้
9–10 คะแนน = 4 (ดมี าก)
7–8 คะแนน = 3 (ดี)
5–6 คะแนน = 2 (พอใช้)
0–4 คะแนน = 1 (ควรปรับปรุง)
วิชาประวัติศาสตรส์ ากล (ส30162) ชัน้ ม.6 : ครูรชตะ ขาวดี หน้า 213
แบบประเมนิ ผลงาน/กจิ กรรมเปน็ กลมุ่
ผลงาน/กจิ กรรมที่ เรอ่ื ง
แผนการจดั การเรียนรทู้ ่ี หนว่ ยการเรยี นรทู้ ่ี
ชนั้ วนั เดือน พ.ศ.
กลมุ่ ท่ี
รายการประเมนิ ระดบั คณุ ภาพ
ท่ี ชอ่ื –สกลุ ความ ูถกต้องการของผลงาน/กิจกรรม (6 คะแนน) 432 1
จุดเด่นของผลงาน/ ิกจกรรม (4 คะแนน)
ความคิดส ้รางสรรค์ (4 คะแนน)
ูรปแบบการนาเสนอผลงาน (3 คะแนน)
การนาไปใช้ประโยช ์น (3 คะแนน)
รวมคะแนน (20 คะแนน)
1
2
3
4
5
6
7
8
9
10
เกณฑก์ ารประเมนิ
การสรปุ ผลการประเมนิ ใหเ้ ปน็ ระดบั คณุ ภาพ 4, 3, 2, 1 กาหนดเกณฑ์ไดต้ ามความเหมาะสม หรอื อาจใช้
เกณฑด์ ังน้ี
9–10 คะแนน = 4 (ดมี าก)
7–8 คะแนน = 3 (ด)ี
5–6 คะแนน = 2 (พอใช้)
0–4 คะแนน = 1 (ควรปรับปรงุ )
วชิ าประวตั ิศาสตร์สากล (ส30162) ช้นั ม.6 : ครูรชตะ ขาวดี หน้า 214
แบบประเมนิ พฤตกิ รรมในการทางานเปน็ รายบคุ คล
ผลงาน/กจิ กรรมท่ี เรอื่ ง
แผนการจดั การเรียนรทู้ ่ี หนว่ ยการเรยี นรทู้ ่ี
ชน้ั วนั เดอื น พ.ศ.
คาชแี้ จง สังเกตพฤติกรรมในการทางานของนักเรยี น โดยเขยี นเคร่ืองหมาย ลงในช่องรายการ
พฤตกิ รรมที่นกั เรยี นปฏบิ ัติ
รายการประเมนิ ระดบั คณุ ภาพ
ท่ี ชอ่ื –สกลุ สนใจในการทางาน
ไม่เอาเปรียบเพ่ือนในการทางาน
เสนอความคิดเห็น 432 1
ัรบฟังความคิดเห็นของผู้ ่ือน
ให้ความ ่ชวยเห ืลอ ู้ผ ือ่น
มุ่งม่ันทางานให้สาเ ็รจ
ประเ ิมนและปรับปรุงงาน ้ดวยความเต็มใจ
เคารพ ้ขอตกลงของก ุล่ม
ทาตามห ้นา ่ีท ี่ทไ ้ด ัรบมอบหมาย
พอใจ ักบความสาเ ็รจของงาน
รวมคะแนน
1
2
3
4
5
6
7
8
9
10
เกณฑก์ ารประเมนิ
1. การใหค้ ะแนน ให้ 1 คะแนน
2. การสรุปผลการประเมินใหเ้ ป็นระดับคณุ ภาพ 4, 3, 2, 1 ใช้เกณฑ์ดังนี้
9–10 คะแนน = 4 (ดีมาก)
7–8 คะแนน = 3 (ด)ี
5–6 คะแนน = 2 (พอใช้)
0–4 คะแนน = 1 (ควรปรบั ปรงุ )
วชิ าประวัติศาสตรส์ ากล (ส30162) ชน้ั ม.6 : ครูรชตะ ขาวดี หนา้ 215
แบบประเมนิ พฤตกิ รรมในการทางานเปน็ กลมุ่
ผลงาน/กจิ กรรมท่ี เรอื่ ง
แผนการจดั การเรียนรทู้ ่ี หนว่ ยการเรยี นรทู้ ี่
ชนั้ วนั เดอื น พ.ศ.
คาชแ้ี จง สงั เกตพฤตกิ รรมในการทางานของนกั เรียน โดยเขยี นเครื่องหมาย ลงในช่องรายการ
พฤติกรรมทนี่ ักเรยี นปฏบิ ัติ
รายการประเมนิ ระดบั คณุ ภาพ
ที่ ชอื่ –สกลุ แ ่บงงานกันรับผิดชอบ 432 1
ีมกระบวนการทางานเป็นข้ันตอน
ทาตามหน้าที่ที่ไ ้ด ัรบมอบหมาย
ร่วมกันแสดงความ ิคดเห็น
รับ ัฟงความ ิคดเห็นของสมา ิชกกลุ่ม
นามติ/ข้อตกลงของกลุ่มไปปฏิบัติ
ร่วม ักนปรับปรุงผลงาน ้ดวยความเต็มใจ
่มุงมั่นทางานใ ้หสาเร็จ
พอใจกับความสาเร็จของงาน
บรรยากาศในการทางาน
รวมคะแนน
1
2
3
4
5
6
7
8
9
10
เกณฑก์ ารประเมนิ
1. การใหค้ ะแนน ให้ 1 คะแนน
2. การสรุปผลการประเมินใหเ้ ป็นระดบั คณุ ภาพ 4, 3, 2, 1 ใชเ้ กณฑด์ งั นี้
9–10 คะแนน = 4 (ดีมาก)
7–8 คะแนน = 3 (ด)ี
5–6 คะแนน = 2 (พอใช้)
0–4 คะแนน = 1 (ควรปรบั ปรงุ )
วชิ าประวตั ิศาสตรส์ ากล (ส30162) ชัน้ ม.6 : ครูรชตะ ขาวดี หน้า 216
มติ คิ ณุ ภาพของการบนั ทกึ ผลงาน ระดบั คณุ ภาพ
กาหนดเกณฑ์การประเมนิ ผลการบันทกึ ผลงานโดยใช้มาตราส่วนประเมนิ ค่า 4 ระดบั ดังนี้ 4
รายการประเมนิ 3
– บันทึกผลงานไดถ้ ูกตอ้ งตามจุดประสงค์ เขียนบนั ทึกได้ชัดเจน แนวคดิ หลกั ถกู ตอ้ ง 2
มปี ระเด็นสาคัญครบถว้ น
1
– ใช้ภาษาได้อย่างเหมาะสม คาศัพท์ถกู ตอ้ ง
– บันทึกผลงานได้ถกู ตอ้ งตามจดุ ประสงค์ เขยี นบันทกึ ทีม่ ีบางส่วนยังไม่ชดั เจน
แนวคดิ หลกั ถกู ต้อง สว่ นท่ีเปน็ ประเดน็ สาคัญมไี มค่ รบถ้วน
– ใช้ภาษา คาศพั ทไ์ ม่ถกู ตอ้ งในบางส่วน
– บนั ทกึ ผลงานยึดตามจดุ ประสงค์ เขยี นบนั ทกึ ไมช่ ดั เจน แนวคดิ หลกั บางสว่ นไม่
ถกู ตอ้ ง สว่ นทเี่ ปน็ ประเด็นสาคัญมีไมค่ รบถ้วน
– ใช้ภาษา คาศพั ทไ์ ม่ถูกตอ้ งในบางส่วน
– บนั ทกึ ผลงานไมส่ อดคลอ้ งกับจดุ ประสงค์ เขียนบันทึกไม่ชัดเจน และแนวคิดหลัก
สว่ นใหญ่ไมถ่ ูกต้อง
– ใช้ภาษา คาศพั ท์ไมถ่ ูกต้อง
วชิ าประวัตศิ าสตร์สากล (ส30162) ชนั้ ม.6 : ครรู ชตะ ขาวดี หน้า 217
บนั ทกึ หลงั การจดั การเรยี นรู้
หวั ขอ้ การประเมนิ ผลการจดั การเรยี นรู้
1. ดา้ นความรู้
(K) ………………………………………………………………………………………………..……………………………………………………
2. ด้านทกั ษะ/กระบวนการ ………………………………………………………………………………………………….……………………………………………………….
(P)
………………………………………………………………………………………………..……………………………………………………
3. ด้านคณุ ลกั ษณะอนั พงึ ประสงค์
(A) ………………………………………………………………………………………………….……………………………………………………….
………………………………………………………………………………………………..……………………………………………………
………………………………………………………………………………………………….……………………………………………………….
………………………………………………………………………………………………..……………………………………………………
………………………………………………………………………………………………….……………………………………………………….
………………………………………………………………………………………………..……………………………………………………
………………………………………………………………………………………………….……………………………………………………….
………………………………………………………………………………………………..……………………………………………………
………………………………………………………………………………………………..……………………………………………………
………………………………………………………………………………………………….……………………………………………………….
………………………………………………………………………………………………..……………………………………………………
………………………………………………………………………………………………….……………………………………………………….
………………………………………………………………………………………………..……………………………………………………
………………………………………………………………………………………………….……………………………………………………….
………………………………………………………………………………………………..……………………………………………………
………………………………………………………………………………………………….……………………………………………………….
………………………………………………………………………………………………..……………………………………………………
………………………………………………………………………………………………….……………………………………………………….
………………………………………………………………………………………………..…………………………………………………….
………………………………………………………………………………………………..……………………………………………………
………………………………………………………………………………………………….……………………………………………………….
………………………………………………………………………………………………..……………………………………………………
………………………………………………………………………………………………….……………………………………………………….
………………………………………………………………………………………………..……………………………………………………
………………………………………………………………………………………………….……………………………………………………….
………………………………………………………………………………………………..……………………………………………………
………………………………………………………………………………………………….……………………………………………………….
………………………………………………………………………………………………..……………………………………………………
………………………………………………………………………………………………….……………………………………………………….
………………………………………………………………………………………………..…………………………………………………….
ลงชอ่ื (ครูผ้สู อน)
(นายรชตะ ขาวดี)
//
วชิ าประวตั ิศาสตรส์ ากล (ส30162) ช้ัน ม.6 : ครูรชตะ ขาวดี หนา้ 218
ขอ้ เสนอแนะความคดิ เหน็ เพมิ่ เตมิ
หวั หนา้ กลมุ่ สาระการเรยี นรู้
ลงช่ือ หัวหน้ากล่มุ สาระสังคมศึกษาฯ
(นางปิ่นแกว้ แกว้ เปน็ บุญ)
วนั ที่ / /
รองผอู้ านวยการกลมุ่ บรหิ ารงานวชิ าการ
ลงชื่อ รองผู้อานวยการกลมุ่ บรหิ ารงานวิชาการ
(นางยุคลทร โพธิ์ศรี)
วันที่ / /
ผอู้ านวยการโรงเรยี น
ลงชอ่ื ผู้อานวยการโรงเรยี น
(นายเอกชัย คะษาวงค์)
วนั ท่ี / /
วิชาประวตั ิศาสตร์สากล (ส30162) ช้ัน ม.6 : ครูรชตะ ขาวดี หนา้ 219
หนว่ ยการเรยี นรทู้ ่ี 7 ความขดั แยง้ และการประสานประโยชนร์ ะหวา่ งประเทศ
เวลา 6 ชวั่ โมง
ผงั มโนทศั นเ์ ปา้ หมายการเรยี นรแู้ ละขอบขา่ ยภาระงาน/ชนิ้ งาน
ด้านทกั ษะ/กระบวนการ ดา้ นความรู้ ดา้ นคณุ ธรรม จรยิ ธรรม
1. การสือ่ สาร 1. ความขัดแยง้ และคา่ นยิ ม
2. การคดิ 2. การประสานประโยชน์
3. การใช้กระบวนการกลุม่ 1. มวี นิ ัย
4. การใชเ้ ทคโนโลยี ความขดั แยง้ 2. ใฝ่เรียนรู้
และการประสาน 3. รกั ความเปน็ ไทย
ประโยชนร์ ะหวา่ งประเทศ 4. ม่งุ ม่ันในการทางาน
ภาระงาน/ชนิ้ งาน
1. การทาแบบทดสอบ
2. การสบื คน้ ขอ้ มูล
3. การอภปิ ราย
4. การนาเสนอผลงาน
วชิ าประวตั ิศาสตรส์ ากล (ส30162) ชั้น ม.6 : ครรู ชตะ ขาวดี หนา้ 220
หนว่ ยการเรยี นรทู้ ่ี 7 ความขดั แยง้ และการประสานประโยชนร์ ะหวา่ งประเทศ
ขั้นที่ 1 ผลลพั ธป์ ลายทางทตี่ อ้ งการใหเ้ กดิ ขน้ึ กบั นกั เรยี น
ตวั ชว้ี ดั ชว่ งชนั้
• วิเคราะหเ์ หตกุ ารณส์ าคัญตา่ ง ๆ ท่สี ่งผลตอ่ การเปล่ียนแปลงทางสังคม เศรษฐกจิ และการเมืองเขา้ สู่
โลกสมัยปัจจบุ นั (ส. 4.2 ม. 4–6/2)
ความเขา้ ใจทคี่ งทนของนกั เรยี น คาถามสาคญั ที่ทาใหเ้ กดิ ความเขา้ ใจทคี่ งทน
นกั เรยี นจะเขา้ ใจวา่ ...
สังคมโลกในปจั จุบนั แตล่ ะประเทศมีลักษณะ เพราะเหตุใดจงึ เกดิ ความขดั แย้งและการ
ทางสงั คมทแ่ี ตกต่างกันไปท้ังทางดา้ นเช้ือชาติ ประสานประโยชนร์ ะหวา่ งประเทศข้นึ ในสงั คมโลก
เผา่ พันธ์ุ ส่งิ แวดล้อม ความเชือ่ วฒั นธรรมและ
ประเพณี จึงทาใหเ้ กิดความขัดแยง้ และการแข่งขัน
กันขนึ้ จนกระทั่งบางคร้งั นาไปสู่สงคราม แต่
ขณะเดยี วกนั แตล่ ะประเทศก็จาเปน็ ตอ้ งรว่ มมอื กัน
เพื่อผลประโยชนแ์ ละลดปัญหาความขัดแย้งเพ่อื ให้
บรรลเุ ป้าหมายรว่ มกัน
ความรขู้ องนกั เรยี นท่ีนาไปสคู่ วามเข้าใจทค่ี งทน ทกั ษะ/ความสามารถของนกั เรยี นทีน่ าไปสู่
นกั เรยี นจะรวู้ า่ ... ความเขา้ ใจทคี่ งทน นกั เรยี นจะสามารถ...
1. คาสาคัญ ไดแ้ ก่ ชาตินิยม การคา้ เสรี 1. อธิบายสาเหตกุ ารเกดิ ความขัดแยง้ และการ
จกั รวรรดินยิ ม มหาอานาจ พนั ธมติ รสัมพันธมติ ร ประสานประโยชน์ระหว่างประเทศ
คา่ ปฏกิ รรมสงคราม ชาตอิ าณานคิ ม สงคราม 2. วเิ คราะหผ์ ลกระทบทเี่ กิดจากความขดั แย้ง
ตัวแทน และการประสานประโยชน์ระหว่างประเทศ
2. ในชว่ งศตวรรษที่ 20 ความขัดแยง้ ระหวา่ ง
ประเทศครง้ั สาคญั ทนี่ าไปสู่สงครามทมี่ ผี ลกระทบ
ต่อโลกอย่างกวา้ งขวาง ได้แก่ สงครามโลกครั้งท่ี 1
เปน็ สงครามครง้ั ใหญ่ทเี่ กดิ จากความขัดแยง้ ของ
ประเทศในทวปี ยุโรป และลุกลามไปยังประเทศ
ตา่ งๆ ทวั่ โลกมากกว่า 30 ประเทศ สร้างความ
เสียหายให้แกส่ ังคมโลกอย่างรา้ ยแรง จึงมผี ูเ้ รยี ก
สงครามน้อี กี อยา่ งหนง่ึ ว่า มหาสงคราม
สงครามโลกคร้งั ที่ 2 เปน็ ความขัดแย้งของ
ประชาชาติที่เกิดขึ้นเมื่อวันท่ี 3 กันยายน ค.ศ.
1939 สนิ้ สุดเมื่อวันท่ี 2 กันยายน ค.ศ.
1945 รวมเวลา 6 ปี สงครามโลกครั้งนี้สรา้ ง
ความเสยี หายอยา่ งกว้างขวางและมากกว่า
วชิ าประวตั ศิ าสตรส์ ากล (ส30162) ช้นั ม.6 : ครรู ชตะ ขาวดี หนา้ 221
สงครามโลกคร้ังที่ 1 หลายเทา่ และสงคราม
เย็นเป็นเหตุการณ์สาคญั ในประวัตศิ าสตร์โลกยุค
หลงั สงครามโลกคร้งั ที่ 2 เน่ืองจากเหตุการณ์
ดังกล่าวเป็นเหตกุ ารณ์ความสัมพนั ธร์ ะหวา่ งชาติ
มหาอานาจ อนั สง่ ผลกระทบต่อภูมิภาคต่าง ๆ
ของโลก และทาให้สังคมโลกต้องตกอยู่ในสภาวะ
ความตงึ เครยี ดยาวนานถึง 45 ปี
3. จากความขัดแยง้ ท่ไี มส่ ามารถยุติได้ ย่อมทา
ความเสยี หายแก่มนษุ ยชาตทิ ้ังชีวติ และทรพั ยส์ นิ
ประเทศต่าง ๆ จึงพยายามหาวิธีปกป้อง
ผลประโยชน์ของตน โดยการร่วมมือชว่ ยเหลอื
กนั ระหว่างกลมุ่ เพ่อื ประสานสัมพันธใ์ นการทจ่ี ะ
รักษาผลประโยชน์รว่ มกนั ซึ่งการประสาน
ประสานประโยชน์ที่สาคัญ ได้แก่ องค์การ
สนั นิบาตชาติ องค์การสหประชาชาติ องคก์ าร
สนธิสญั ญาแอตแลนติกเหนือหรือนาโต องค์การ
สนธิสัญญาวอร์ซอ องคก์ ารการค้าโลก องค์การ
ประเทศผสู้ ง่ ออกน้ามันหรือโอเปก สหภาพยุโรป
หรืออยี ู สมาคมการค้าเสรีแหง่ ยุโรปหรอื เอฟตา
เขตการค้าเสรีอเมรกิ าเหนือหรอื นาฟตา เขต
การค้าเสรี
ขั้นที่ 2 ภาระงานและการประเมนิ ผลการเรยี นรซู้ ง่ึ เปน็ หลกั ฐานทแ่ี สดงว่านกั เรียนมผี ลการเรยี นรตู้ ามที่
กาหนดไวอ้ ยา่ งแทจ้ รงิ
1. ภาระงานทน่ี กั เรียนตอ้ งปฏบิ ตั ิ
1.1 สืบคน้ ขอ้ มลู เกย่ี วกบั ความขดั แย้ง
1.2 อภปิ รายเก่ยี วกับการประสานประโยชน์
2. วธิ กี ารและเครอ่ื งมอื ประเมนิ ผลการเรยี นรู้
2.1 วิธกี ารประเมนิ ผลการเรียนรู้ 2.2 เครื่องมือประเมินผลการเรยี นรู้
1) การทดสอบ 1) แบบทดสอบกอ่ นเรยี นและหลังเรียน
2) การประเมนิ ผลงาน/กจิ กรรมเปน็ 2) แบบประเมนิ ผลงาน/กจิ กรรมเป็น
รายบุคคลหรอื เป็นกลุ่ม รายบคุ คลหรือเป็นกลมุ่
3) การประเมนิ ดา้ นคุณธรรม จริยธรรม 3) แบบประเมินด้านคณุ ธรรม จรยิ ธรรม
และค่านยิ ม และคา่ นยิ ม
4) การประเมินด้านทกั ษะ/กระบวนการ 4) แบบประเมนิ ดา้ นทักษะ/กระบวนการ
วิชาประวัตศิ าสตร์สากล (ส30162) ชั้น ม.6 : ครูรชตะ ขาวดี หนา้ 222
3. สง่ิ ทม่ี งุ่ ประเมนิ
3.1 ความเข้าใจ 6 ด้าน ได้แก่ การอธบิ าย ชแี้ จง การแปลความและตีความ การประยกุ ต์ ดดั แปลง
และนาไปใช้ การมีมุมมองท่หี ลากหลาย การใหค้ วามสาคญั และใสใ่ จในความรสู้ ึกของผ้อู ่ืน และการรู้จกั
ตนเอง
3.2 ทักษะ/กระบวนการ เช่น การสอื่ สาร การคดิ การแกป้ ญั หา การใชเ้ ทคโนโลยี กระบวนการ
กลุ่ม
3.3 คณุ ธรรม จริยธรรม และคา่ นยิ ม เช่น รกั ชาติ ศาสน์ กษัตรยิ ์ ซือ่ สตั ยส์ ุจริต มีวินยั ใฝเ่ รียนรู้
อยู่อย่างพอเพียง มงุ่ มน่ั ในการทางาน รกั ความเป็นไทย มจี ติ สาธารณะ
ข้นั ที่ 3 แผนการจดั การเรยี นรู้
แผนการจัดการเรียนรูท้ ่ี 18 ความขัดแย้ง เวลา 3 ชั่วโมง
แผนการจัดการเรียนรู้ที่ 19 การประสานประโยชน์ เวลา 3 ช่วั โมง
วชิ าประวตั ิศาสตร์สากล (ส30162) ชนั้ ม.6 : ครรู ชตะ ขาวดี หนา้ 223
แผนการจดั การเรยี นรทู้ ่ี 18 เวลา 3 ชวั่ โมง
ความขดั แยง้ ชน้ั มธั ยมศกึ ษาปที ่ี 6
สาระท่ี 4 ประวตั ศิ าสตร์
หนว่ ยการเรียนรูท้ ี่ 7 ความขดั แยง้ และการประสานประโยชนร์ ะหวา่ งประเทศ
1. สาระสาคญั
ในชว่ งศตวรรษท่ี 20 ความขดั แยง้ ระหว่างประเทศครั้งสาคัญท่ีนาไปสู่สงครามที่มผี ลกระทบตอ่ โลกอย่าง
กวา้ งขวาง ได้แก่ สงครามโลกครง้ั ท่ี 1 เปน็ สงครามครั้งใหญท่ เี่ กดิ จากความขดั แย้งของประเทศในทวปี ยุโรป และลุ
ลามไปยงั ประเทศต่าง ๆ ท่ัวโลกมากกว่า 30 ประเทศ สร้างความเสยี หายให้แก่สงั คมโลกอย่างร้ายแรง จึงมผี เู้ รียก
สงครามนอ้ี กี อยา่ งหนึ่งว่า มหาสงคราม สงครามโลกครงั้ ที่ 2 เป็นควาขดั แย้งของประชาชาติที่เกดิ ขน้ึ เม่ือวนั ท่ี 3
กันยายน ค.ศ. 1939 สิ้นสุดเมือ่ วันที่ 2 กนั ยายน ค.ศ. 1945 รวมเวลา 6 ปี สงครามโลกครง้ั น้สี รา้ งความ
เสยี หายอยา่ งกว้างขวางและมากกวา่ สงครามโลกครั้งที่ 1 หลายเท่า และสงครามเยน็ เปน็ เหตุการณ์สาคญั ใน
ประวัติศาสตรโ์ ลกยุคหลังสงครามโลกครง้ั ท่ี 2 เนอ่ื งจากเหตกุ ารณ์ดังกล่าวเปน็ เหตุการณค์ วามสัมพันธร์ ะหวา่ งชาติ
มหาอานาจ อนั ส่งผลกระทบต่อภมู ภิ าคต่าง ๆ ของโลก และทาให้สังคมโลกตอ้ งตกอยู่ในสภาวะความตึงเครยี ด
ยาวนานถงึ 45 ปี
2. ตวั ชวี้ ดั ชว่ งชนั้
• วเิ คราะหเ์ หตกุ ารณ์สาคัญตา่ ง ๆ ที่ส่งผลต่อการเปลี่ยนแปลงทางสังคม เศรษฐกจิ และการเมือง
เขา้ สู่โลกสมัยปัจจุบัน (ส. 4.2 ม. 4–6/2)
3. จดุ ประสงคก์ ารเรยี นรู้
1. อธิบายสาเหตทุ ี่ทาใหเ้ กดิ ความขัดแย้งได้ (K)
2. สนใจศึกษาความสาคัญของความขดั แย้ง (A)
3. วิเคราะห์ผลกระทบท่เี กดิ ข้ึนจากความขัดแยง้ ได้ (P, K)
4. การวดั และประเมนิ ผลการเรยี นรู้
ด้านความรู้ (K) ด้านคณุ ธรรม จรยิ ธรรม ด้านทกั ษะ/กระบวนการ (P)
และคา่ นยิ ม (A)
1. ทดสอบกอ่ นเรียน • ประเมนิ พฤติกรรมการทางาน • ประเมินพฤติกรรมการทางาน
2. ซกั ถามความรเู้ รื่อง ความ เปน็ รายบคุ คลในด้านความมวี ินัย เป็นรายบุคคลและเปน็ กล่มุ
ขดั แย้ง ความใฝ่เรียนรู้ ฯลฯ ในด้านการสื่อสาร การคดิ
3. ตรวจผลงาน/กิจกรรมเป็น การแก้ปัญหา ฯลฯ
รายบคุ คลหรอื เป็นกลุ่ม
5. สาระการเรียนรู้
• ความขดั แยง้
1. สงครามโลกคร้ังที่ 1
วิชาประวตั ิศาสตรส์ ากล (ส30162) ช้ัน ม.6 : ครรู ชตะ ขาวดี หนา้ 224
2. สงครามโลกครั้งที่ 2
3. สงครามเย็น
6. แนวทางบรู ณาการ
ภาษาไทย ฟัง พดู อ่าน และเขียนข้อมลู เกยี่ วกบั ความขดั แย้ง
วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีฯ ศกึ ษาความรูเ้ กีย่ วกบั ความขดั แยง้ จากอินเทอร์เน็ต
7. กระบวนการจดั การเรยี นรู้
ขั้นที่ 1 นาเข้าสบู่ ทเรยี น
1. จัดกิจกรรมการเรียนรู้ห้องเรียนออนไลน์ผ่าน แอพพลิเคชัน Line meeting ครูแจ้งตัวช้ีวัดช่วงชั้นและ
จดุ ประสงค์การเรยี นรใู้ หน้ ักเรยี นทราบ
2. ครใู หน้ ักเรียนทาแบบทดสอบกอ่ นเรียน ผ่านโปรแกรม Quizizz
3. ครูใหน้ ักเรยี นดูข่าวเก่ียวกับสงครามท่ีเกิดขน้ึ ในปัจจุบัน แลว้ ใหน้ ักเรียนแสดงความคดิ เหน็ เก่ียวกบั เหตกุ ารณ์
ดังกล่าวว่านักเรียนรสู้ กึ อย่างไร และนกั เรียนคิดว่า สงครามที่เกิดข้นึ เกิดข้ึนเพราะเหตุใดเปน็ สาคัญ ครูสรุปคาตอบ
ของนกั เรียนแล้วโยงเข้าสู่เนอื้ หาทีจ่ ะเรยี น
ข้ันท่ี 2 กจิ กรรมการเรยี นรู้
4. ครูให้นักเรียนแบง่ กลุ่ม 3 กลมุ่ โดยจดั กลมุ่ และแสดงรายชือ่ กลมุ่ ในโปรแกรม Classdojo แชรห์ นา้ จอ
ใหน้ ักเรยี นเห็น และสมุ่ เลือกหวั ขอ้ ในการสืบคน้ ข้อมลู ต่อไปน้ี
กลมุ่ ที่ 1 สืบค้นข้อมลู เรื่อง สงครามโลกครัง้ ท่ี 1
กลมุ่ ท่ี 2 สืบคน้ ขอ้ มูลเรือ่ ง สงครามโลกครัง้ ท่ี 2
กลมุ่ ท่ี 3 สบื ค้นข้อมลู เรอื่ ง สงครามเยน็
5. ครูให้นักเรียนแตล่ ะกลมุ่ ปรึกษากันเก่ียวกบั ประเดน็ ต่าง ๆ ทจ่ี ะสบื คน้ ขอ้ มูลในเรื่องทไี่ ดร้ บั ผิดชอบแล้ว
นาเสนอใหค้ รูพจิ ารณา
6. ครูใหน้ ักเรยี นแต่ละกลุม่ สบื คน้ ข้อมูลในหัวข้อที่ได้รับผดิ ชอบในประเด็นต่าง ๆ แล้วนาขอ้ มูลมาบนั ทกึ ลงใน
แบบบนั ทกึ ความรู้
7. ครูให้นักเรียนรว่ มกนั อภิปรายวา่ ความขดั แย้งในสงครามโลกครง้ั ที่ 1 สงครามโลกครั้งท่ี 2
และสงครามเย็นมผี ลตอ่ อาเซยี นอย่างไรบ้าง หลงั จากทน่ี กั เรียนอภิปรายจบ ครสู รปุ แล้วให้นกั เรียนบนั ทกึ ความรู้
ทไ่ี ด้ลงในแบบบันทึกความรู้
8. ขณะนกั เรียนปฏบิ ตั กิ จิ กรรม ใหค้ รสู งั เกตพฤตกิ รรมในการทางานและการนาเสนอผลงานของนักเรยี น
ตามแบบประเมนิ พฤตกิ รรมในการทางานเป็นรายบคุ คลหรือเป็นกล่มุ
ครูชมเชยและใหก้ าลงั ใจนักเรียนในการทากิจกรรม
ขน้ั ที่ 3 ฝกึ ฝนผู้เรยี น
9. ครูให้นกั เรยี นทากิจกรรมเกี่ยวกบั ความขัดแยง้ ในแบบฝึกทกั ษะประวตั ิศาสตร์
ขั้นที่ 4 นาไปใช้
10. ครใู ห้นักเรยี นนาความรเู้ รอ่ื ง ความขัดแยง้ ไปเผยแพรใ่ หผ้ ปู้ กครองและคนในชมุ ชนฟัง
วชิ าประวัติศาสตร์สากล (ส30162) ช้ัน ม.6 : ครรู ชตะ ขาวดี หนา้ 225
ขัน้ ท่ี 5 สรปุ
11. ครแู ละนักเรยี นรว่ มกันสรปุ ความรเู้ กยี่ วกบั ความขัดแยง้ เปน็ แผนที่ความคดิ ด้วยโปรแกรม Canva
8. กจิ กรรมเสนอแนะ
ครูใหน้ ักเรียนคน้ หาข้อมูลเพ่ิมเตมิ เกยี่ วกบั เหตกุ ารณ์ทเี่ กิดจากความขัดแย้งระหวา่ งประเทศ จากน้นั นามา
เลา่ ให้เพื่อนฟัง
9. สอื่ /แหลง่ การเรยี นรู้
1. แบบทดสอบกอ่ นเรยี นและหลังเรยี น ผา่ นโปรแกรม Quizizz
2. โปรแกรม Classdojo
3. ขา่ วทีเ่ ก่ียวกบั สงครามที่เกดิ ขึ้นในปจั จุบัน
4. แบบบันทกึ ความรู้
5. หนังสือเรียน รายวิชาพื้นฐาน ประวัติศาสตร์ ม. 4–6 เล่ม 2 บรษิ ทั สานักพิมพ์วัฒนาพานชิ จากดั
6. แบบฝึกทักษะรายวิชาพื้นฐานประวัตศิ าสตร์ ม. 6
วิชาประวัตศิ าสตรส์ ากล (ส30162) ชั้น ม.6 : ครูรชตะ ขาวดี หน้า 226
แบบทดสอบก่อนเรยี น
หนว่ ยการเรยี นรทู้ ี่ 7 ความขดั แยง้ และการประสานประโยชนร์ ะหวา่ งประเทศ
คาชแี้ จง เลอื กคาตอบทถี่ กู ทสี่ ุดเพยี งคาตอบเดยี ว
1. มหาสงครามหมายถงึ อะไร
ก สงครามเยน็
ข สงครามเวยี ดนาม
ค สงครามโลกครงั้ ท่ี 1
ง สงครามโลกครง้ั ที่ 2
2. สหรฐั อเมรกิ าเขา้ รว่ มรบในสงครามโลกครง้ั ที่ 1 เพราะอะไร
ก เยอรมนโี จมตีทางอากาศ
ข เยอรมนใี ช้ระเบดิ นวิ เคลียร์
ค เยอรมนีทาสงครามด้วยเรอื ดาน้า
ง เยอรมนบี กุ ยึดพ้ืนทบี่ างรฐั ของสหรัฐอเมริกา
3. ในชว่ งสงครามโลกครงั้ ที่ 2 ผนู้ าประเทศคนใดใชล้ ทั ธนิ าซใี นการปกครอง
ก อดอลฟ์ ฮติ เลอร์
ข เบนโิ ต มสุ โสลินี
ค วินสตัน เชอรช์ ิลล์
ง แฮรร์ ี เอส. ทรูแมน
4. ประเทศตา่ ง ๆ ใชว้ ธิ ใี ดตอ่ ต้านญปี่ นุ่ ในการยดึ อินโดจนี
ก ไม่ซื้อสินค้าจากญปี่ ุ่น
ข จากัดน่านนา้ ไมใ่ ห้ญีป่ ุ่นเดินเรือไดส้ ะดวก
ค ประกาศไม่ให้ญป่ี ่นุ รบโดยใชร้ ะเบดิ ปรมาณู
ง งดขายสนิ ค้าทใ่ี ช้ในการทาสงครามให้ญ่ีปุ่น
5. ขอ้ ใดไมใ่ ชบ่ ทลงโทษทเี่ ยอรมนไี ดร้ บั หลงั เสรจ็ สนิ้ สงครามโลกครงั้ ท่ี 2
ก หา้ มผลติ อาวุธ
ข ถูกควบคมุ การผลิตโลหะ
ค แบง่ ประเทศออกเป็น 4 ส่วน
ง ให้สหภาพโซเวยี ตปกครองนครเบอรล์ นิ
6. ขอ้ ใดตอ่ ไปนสี้ มั พันธก์ บั สงครามเยน็
ก สงครามศาสนา
ข สงครามตวั แทน
ค สงครามกลางเมือง
ง สงครามแบ่งแยกดนิ แดน
วิชาประวัตศิ าสตรส์ ากล (ส30162) ช้นั ม.6 : ครูรชตะ ขาวดี หนา้ 227
7. ใครเปน็ ผสู้ รา้ งกาแพงเบอร์ลนิ
ก สหรัฐอเมรกิ า
ข สหภาพโซเวยี ต
ค รฐั บาลเยอรมนีตะวนั ตก
ง รัฐบาลเยอรมนีตะวนั ออก
8. สงครามเกาหลียตุ ลิ งอยา่ งไร
ก สหรัฐอเมรกิ าเปน็ ฝ่ายชนะสงคราม
ข สหประชาชาตไิ กล่เกลี่ยให้เจรจากนั
ค เกาหลเี หนอื และจีนประกาศยอมแพ้
ง ฝ่ายพันธมติ รเข้ายดึ ครองเกาหลีเหนือ
9. วตั ถปุ ระสงคส์ าคญั ที่สดุ ขององคก์ ารสนั นบิ าตชาตคิ อื อะไร
ก การสง่ เสริมความร่วมมือทางเศรษฐกจิ
ข การอนุรกั ษศ์ าสนาและศลิ ปวัฒนธรรม
ค การเสรมิ สรา้ งความรว่ มมือระหวา่ งประเทศ
ง การดารงสันติภาพและป้องกนั สงครามในอนาคต
10. องคก์ ารใดตง้ั ขน้ึ มาเพอ่ื ตอ่ ตา้ นสหภาพโซเวยี ต
ก องคก์ ารนาโต
ข องค์การการค้าโลก
ค องค์การสหประชาชาติ
ง องคก์ ารสนธิสัญญาวอรซ์ อ
วชิ าประวตั ศิ าสตรส์ ากล (ส30162) ชัน้ ม.6 : ครูรชตะ ขาวดี หน้า 228
ชอ่ื นามสกลุ เลขที่ ชนั้
แบบบนั ทกึ ความรู้
แผนการจดั การเรยี นรทู้ ่ี เรือ่ ง
1. สรุปความรทู้ ไี่ ด้
2. สรปุ แนวคดิ ใหมท่ ี่ได้
3. การนาไปใช้ประโยชน์
วชิ าประวัติศาสตร์สากล (ส30162) ชัน้ ม.6 : ครรู ชตะ ขาวดี หนา้ 229
แบบประเมนิ ผลงาน/กจิ กรรมเปน็ รายบคุ คล
ผลงาน/กจิ กรรมท่ี เรอื่ ง
แผนการจดั การเรยี นรทู้ ี่ หนว่ ยการเรยี นรทู้ ี่
ชนั้ วนั เดือน พ.ศ.
รายการประเมนิ ระดบั คณุ ภาพ
ท่ี ชื่อ–สกลุ ความถูก ้ตองการของผลงาน/กิจกรรม (6 คะแนน) 4321
จุดเด่นของผลงาน/ ิกจกรรม (4 คะแนน)
ความคิดสร้างสรรค์ (4 คะแนน)
รูปแบบการนาเสนอผลงาน (3 คะแนน)
การนาไปใช้ประโยชน์ (3 คะแนน)
รวมคะแนน (20 คะแนน)
1
2
3
4
5
6
7
8
9
10
เกณฑก์ ารประเมนิ
การสรุปผลการประเมินให้เป็นระดบั คุณภาพ 4, 3, 2, 1 กาหนดเกณฑ์ได้ตามความเหมาะสม หรอื
อาจใชเ้ กณฑด์ ังน้ี
9–10 คะแนน = 4 (ดีมาก)
7–8 คะแนน = 3 (ด)ี
5–6 คะแนน = 2 (พอใช)้
0–4 คะแนน = 1 (ควรปรับปรุง)
วิชาประวตั ิศาสตร์สากล (ส30162) ชน้ั ม.6 : ครรู ชตะ ขาวดี หน้า 230
แบบประเมนิ ผลงาน/กจิ กรรมเปน็ กลมุ่
ผลงาน/กจิ กรรมที่ เรอ่ื ง
แผนการจดั การเรยี นรทู้ ่ี หนว่ ยการเรยี นรทู้ ี่
ชน้ั วนั เดือน พ.ศ.
กลมุ่ ท่ี
รายการประเมนิ ระดบั คณุ ภาพ
ที่ ชอื่ –สกลุ ความ ูถกต้องการของผลงาน/กิจกรรม (6 คะแนน) 432 1
จุดเด่นของผลงาน/ ิกจกรรม (4 คะแนน)
ความคิดส ้รางสรรค์ (4 คะแนน)
ูรปแบบการนาเสนอผลงาน (3 คะแนน)
การนาไปใช้ประโยช ์น (3 คะแนน)
รวมคะแนน (20 คะแนน)
1
2
3
4
5
6
7
8
9
10
เกณฑก์ ารประเมนิ
การสรปุ ผลการประเมนิ ใหเ้ ปน็ ระดับคุณภาพ 4, 3, 2, 1 กาหนดเกณฑไ์ ดต้ ามความเหมาะสม หรอื อาจใช้
เกณฑด์ งั น้ี
9–10 คะแนน = 4 (ดีมาก)
7–8 คะแนน = 3 (ดี)
5–6 คะแนน = 2 (พอใช)้
0–4 คะแนน = 1 (ควรปรบั ปรุง)
วชิ าประวัตศิ าสตร์สากล (ส30162) ชั้น ม.6 : ครูรชตะ ขาวดี หน้า 231
แบบประเมนิ พฤตกิ รรมในการทางานเปน็ รายบคุ คล
ผลงาน/กจิ กรรมท่ี เรอื่ ง
แผนการจดั การเรียนรทู้ ่ี หนว่ ยการเรยี นรทู้ ่ี
ชน้ั วนั เดอื น พ.ศ.
คาชแ้ี จง สังเกตพฤตกิ รรมในการทางานของนกั เรยี น โดยเขียนเคร่ืองหมาย ลงในช่องรายการ
พฤตกิ รรมท่ีนกั เรยี นปฏบิ ัติ
รายการประเมนิ ระดบั คณุ ภาพ
ท่ี ชอ่ื –สกลุ สนใจในการทางาน
ไม่เอาเปรียบเพ่ือนในการทางาน
เสนอความคิดเห็น 432 1
ัรบฟังความคิดเห็นของผู้ ่ือน
ให้ความ ่ชวยเห ืลอ ู้ผ ือ่น
มุ่งม่ันทางานให้สาเ ็รจ
ประเ ิมนและปรับปรุงงาน ้ดวยความเต็มใจ
เคารพ ้ขอตกลงของก ุล่ม
ทาตามห ้นา ่ีท ี่ทไ ้ด ัรบมอบหมาย
พอใจ ักบความสาเ ็รจของงาน
รวมคะแนน
1
2
3
4
5
6
7
8
9
10
เกณฑก์ ารประเมนิ
1. การใหค้ ะแนน ให้ 1 คะแนน
2. การสรุปผลการประเมนิ ใหเ้ ป็นระดับคณุ ภาพ 4, 3, 2, 1 ใช้เกณฑ์ดังนี้
9–10 คะแนน = 4 (ดีมาก)
7–8 คะแนน = 3 (ด)ี
5–6 คะแนน = 2 (พอใช้)
0–4 คะแนน = 1 (ควรปรบั ปรงุ )
วชิ าประวัตศิ าสตรส์ ากล (ส30162) ชนั้ ม.6 : ครูรชตะ ขาวดี หนา้ 232
แบบประเมนิ พฤตกิ รรมในการทางานเปน็ กลมุ่
ผลงาน/กจิ กรรมที่ เรอ่ื ง
แผนการจดั การเรียนรทู้ ่ี หนว่ ยการเรยี นรทู้ ี่
ชนั้ วนั เดอื น พ.ศ.
คาชแ้ี จง สงั เกตพฤตกิ รรมในการทางานของนกั เรยี น โดยเขียนเครอ่ื งหมาย ลงในชอ่ งรายการ
พฤติกรรมทีน่ ักเรยี นปฏิบัติ
รายการประเมนิ ระดบั คณุ ภาพ
ที่ ชอื่ –สกลุ แ ่บงงานกันรับผิดชอบ 432 1
ีมกระบวนการทางานเป็นข้ันตอน
ทาตามหน้าที่ที่ไ ้ด ัรบมอบหมาย
ร่วมกันแสดงความ ิคดเห็น
รับ ัฟงความ ิคดเห็นของสมา ิชกกลุ่ม
นามติ/ข้อตกลงของกลุ่มไปปฏิบัติ
ร่วม ักนปรับปรุงผลงาน ้ดวยความเต็มใจ
่มุงมั่นทางานใ ้หสาเร็จ
พอใจกับความสาเร็จของงาน
บรรยากาศในการทางาน
รวมคะแนน
1
2
3
4
5
6
7
8
9
10
เกณฑก์ ารประเมนิ
1. การใหค้ ะแนน ให้ 1 คะแนน
2. การสรุปผลการประเมินใหเ้ ป็นระดับคณุ ภาพ 4, 3, 2, 1 ใชเ้ กณฑ์ดงั น้ี
9–10 คะแนน = 4 (ดีมาก)
7–8 คะแนน = 3 (ด)ี
5–6 คะแนน = 2 (พอใช้)
0–4 คะแนน = 1 (ควรปรบั ปรุง)
วชิ าประวตั ศิ าสตรส์ ากล (ส30162) ช้ัน ม.6 : ครรู ชตะ ขาวดี หนา้ 233
มติ คิ ณุ ภาพของการบนั ทกึ ผลงาน ระดบั คณุ ภาพ
กาหนดเกณฑ์การประเมินผลการบันทกึ ผลงานโดยใช้มาตราสว่ นประเมินค่า 4 ระดบั ดังนี้ 4
รายการประเมนิ 3
– บนั ทึกผลงานไดถ้ ูกตอ้ งตามจดุ ประสงค์ เขยี นบันทกึ ได้ชัดเจน แนวคิดหลักถกู ตอ้ ง 2
มปี ระเด็นสาคัญครบถว้ น
1
– ใชภ้ าษาได้อย่างเหมาะสม คาศัพทถ์ กู ต้อง
– บันทึกผลงานได้ถกู ต้องตามจุดประสงค์ เขยี นบันทึกทม่ี บี างส่วนยังไม่ชดั เจน
แนวคดิ หลกั ถกู ต้อง สว่ นทีเ่ ปน็ ประเดน็ สาคัญมไี ม่ครบถว้ น
– ใช้ภาษา คาศพั ท์ไมถ่ ูกต้องในบางสว่ น
– บนั ทกึ ผลงานยึดตามจดุ ประสงค์ เขียนบันทึกไม่ชดั เจน แนวคิดหลกั บางส่วนไม่
ถกู ตอ้ ง สว่ นทีเ่ ป็นประเดน็ สาคัญมีไมค่ รบถ้วน
– ใช้ภาษา คาศพั ทไ์ มถ่ กู ต้องในบางสว่ น
– บนั ทกึ ผลงานไมส่ อดคลอ้ งกับจุดประสงค์ เขียนบนั ทกึ ไมช่ ัดเจน และแนวคดิ หลกั
สว่ นใหญ่ไมถ่ ูกต้อง
– ใชภ้ าษา คาศพั ทไ์ ม่ถกู ต้อง
วิชาประวตั ิศาสตรส์ ากล (ส30162) ช้นั ม.6 : ครรู ชตะ ขาวดี หน้า 234
บนั ทกึ หลงั การจดั การเรยี นรู้
หวั ขอ้ การประเมนิ ผลการจดั การเรยี นรู้
1. ด้านความรู้
(K) ………………………………………………………………………………………………..……………………………………………………
2. ด้านทกั ษะ/กระบวนการ ………………………………………………………………………………………………….……………………………………………………….
(P)
………………………………………………………………………………………………..……………………………………………………
3. ดา้ นคณุ ลกั ษณะอนั พงึ ประสงค์
(A) ………………………………………………………………………………………………….……………………………………………………….
………………………………………………………………………………………………..……………………………………………………
………………………………………………………………………………………………….……………………………………………………….
………………………………………………………………………………………………..……………………………………………………
………………………………………………………………………………………………….……………………………………………………….
………………………………………………………………………………………………..……………………………………………………
………………………………………………………………………………………………….……………………………………………………….
………………………………………………………………………………………………..……………………………………………………
………………………………………………………………………………………………..……………………………………………………
………………………………………………………………………………………………….……………………………………………………….
………………………………………………………………………………………………..……………………………………………………
………………………………………………………………………………………………….……………………………………………………….
………………………………………………………………………………………………..……………………………………………………
………………………………………………………………………………………………….……………………………………………………….
………………………………………………………………………………………………..……………………………………………………
………………………………………………………………………………………………….……………………………………………………….
………………………………………………………………………………………………..……………………………………………………
………………………………………………………………………………………………….……………………………………………………….
………………………………………………………………………………………………..…………………………………………………….
………………………………………………………………………………………………..……………………………………………………
………………………………………………………………………………………………….……………………………………………………….
………………………………………………………………………………………………..……………………………………………………
………………………………………………………………………………………………….……………………………………………………….
………………………………………………………………………………………………..……………………………………………………
………………………………………………………………………………………………….……………………………………………………….
………………………………………………………………………………………………..……………………………………………………
………………………………………………………………………………………………….……………………………………………………….
………………………………………………………………………………………………..……………………………………………………
………………………………………………………………………………………………….……………………………………………………….
………………………………………………………………………………………………..…………………………………………………….
ลงช่ือ (ครูผู้สอน)
(นายรชตะ ขาวดี)
//
วิชาประวตั ศิ าสตรส์ ากล (ส30162) ช้ัน ม.6 : ครูรชตะ ขาวดี หน้า 235
ขอ้ เสนอแนะความคดิ เหน็ เพม่ิ เตมิ
หวั หนา้ กลมุ่ สาระการเรยี นรู้
ลงช่ือ หวั หน้ากลุม่ สาระสังคมศึกษาฯ
(นางปน่ิ แก้ว แก้วเปน็ บุญ)
วนั ที่ / /
รองผอู้ านวยการกลมุ่ บรหิ ารงานวชิ าการ
ลงชื่อ รองผ้อู านวยการกลุ่มบริหารงานวชิ าการ
(นางยคุ ลทร โพธ์ศิ ร)ี
วันท่ี / /
ผอู้ านวยการโรงเรยี น
ลงชอ่ื ผ้อู านวยการโรงเรยี น
(นายเอกชัย คะษาวงค์)
วนั ท่ี / /
วชิ าประวัติศาสตร์สากล (ส30162) ช้ัน ม.6 : ครูรชตะ ขาวดี หนา้ 236
แผนการจดั การเรยี นรทู้ ่ี 19 เวลา 3 ชว่ั โมง
การประสานประโยชน์ ชน้ั มธั ยมศกึ ษาปที ่ี 6
สาระท่ี 4 ประวตั ศิ าสตร์
หนว่ ยการเรยี นรทู้ ่ี 7 ความขดั แยง้ และการประสานประโยชนร์ ะหวา่ งประเทศ
1. สาระสาคญั
การประสานประโยชน์ร่วมกนั ระหวา่ งประเทศเปน็ การรว่ มมือกนั เพือ่ รักษาและปกป้องผลประโยชนข์ องตน และเป็น
การระงบั กรณคี วามขดั แย้งระหวา่ งประเทศ ซ่งึ การประสานประสานประโยชน์ทสี่ าคญั ไดแ้ ก่ องค์การสนั นิบาตชาติ
องคก์ ารสหประชาชาติ องคก์ ารสนธิสญั ญาแอตแลนตกิ เหนือหรือนาโต องคก์ ารสนธิสญั ญาวอร์ซอ องค์การการคา้ โลก
องคก์ ารประเทศผูส้ ง่ ออกนา้ มันหรือโอเปก สหภาพยุโรปหรืออยี ู สมาคมการคา้ เสรแี ห่งยโุ รปหรือเอฟตา เขตการค้าเสรี
อเมรกิ าเหนอื หรือนาฟตา เขตการค้าเสรี
2. ตวั ชว้ี ดั ชว่ งช้ัน
• วิเคราะหเ์ หตุการณ์สาคญั ตา่ ง ๆ ที่ส่งผลตอ่ การเปลย่ี นแปลงทางสังคม เศรษฐกิจ และการเมืองเขา้ สูโ่ ลกสมยั
ปัจจบุ ัน (ส. 4.2 ม. 4–6/2)
3. จดุ ประสงคก์ ารเรยี นรู้
1. อธิบายการดาเนนิ การเพอื่ ประสานประโยชน์พอสังเขปได้ (K)
2. สนใจใฝเ่ รยี นรแู้ ละตระหนักถงึ ความสาคญั ของการประสานประโยชน์ (A)
3. วเิ คราะห์ผลทเี่ กิดข้ึนจากการประสานประโยชน์ (P, K)
4. การวดั และประเมนิ ผลการเรยี นรู้
ดา้ นความรู้ (K) ดา้ นคณุ ธรรม จรยิ ธรรม ดา้ นทกั ษะ/กระบวนการ (P)
และคา่ นยิ ม (A)
1. ทดสอบหลงั เรียน • ประเมนิ พฤติกรรมในการทางาน • ประเมนิ พฤติกรรมการทางาน
2. ซกั ถามความรเู้ ร่ือง การประสาน เปน็ รายบคุ คลในดา้ นความมวี ินยั เป็นรายบุคคลและเปน็ กลุ่มในด้าน
ประโยชน์ ใฝเ่ รียนรู้ ฯลฯ การสือ่ สาร การคดิ การแกป้ ัญหา
3. ตรวจผลงาน/กิจกรรมเป็น ฯลฯ
รายบคุ คลหรอื เป็นกลุ่ม
5. สาระการเรยี นรู้
• การประสานประโยชน์
1. องคก์ ารสนั นิบาตชาติ
2. องค์การสหประชาชาติ
3. องคก์ ารสนธิสญั ญาแอตแลนติกเหนือหรือนาโต
4. องค์การสนธสิ ัญญาวอร์ซอ
5. องคก์ ารการค้าโลก
วิชาประวตั ศิ าสตรส์ ากล (ส30162) ชนั้ ม.6 : ครูรชตะ ขาวดี หนา้ 237
6. องคก์ ารประเทศผู้สง่ ออกน้ามนั หรือโอเปก
7. สหภาพยุโรปหรืออียู
8. สมาคมการคา้ เสรีแห่งยโุ รปหรือเอฟตา
9. เขตการคา้ เสรอี เมรกิ าเหนือหรอื นาฟตา
10. เขตการค้าเสรีหรอื ข้อตกลงเขตการคา้ เสรี
6. แนวทางบรู ณาการ ฟงั พดู อา่ น และเขียนขอ้ มูลเกย่ี วกบั การประสานประโยชน์
ภาษาไทย
วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี สบื คน้ ความรู้/ทาแผ่นพับ เร่ือง การประสานประโยชน์
7. กระบวนการจดั การเรยี นรู้
ข้นั ท่ี 1 นาเขา้ สบู่ ทเรยี น
1. จัดกิจกรรมการเรยี นรู้หอ้ งเรียนออนไลนผ์ า่ น แอพพลิเคชัน Line meeting ครูแจ้งตัวช้ีวัดช่วงชั้นและ
จดุ ประสงค์การเรยี นรู้ใหน้ กั เรียนทราบ
2. ครูสนทนากับนักเรียนทบทวนความรูเ้ รือ่ ง ความขดั แย้ง แล้วให้นกั เรยี นแสดงความคดิ เหน็ วา่ วิธีการใดทจ่ี ะทาให้
ยตุ ิความขัดแยง้ ได้
ข้ันท่ี 2 กจิ กรรมการเรยี นรู้
3. ครูใหน้ กั เรยี นแต่ละคนสืบคน้ ข้อมลู ความรเู้ ก่ียวกบั การประสานประโยชน์ ในหวั ขอ้ ตอ่ ไปน้ี จากแหล่งการเรียนรู้
ตา่ ง ๆ เช่น ห้องสมุด อนิ เทอร์เน็ต แล้วบันทกึ ข้อมูลลงในแบบบันทึกความรู้
หัวขอ้ ในการศกึ ษาข้อมูล
1) องค์การสนั นิบาตชาติ
2) องคก์ ารสหประชาชาติ
3) องค์การสนธิสญั ญาแอตแลนตกิ เหนือหรือนาโต
4) องค์การสนธิสญั ญาวอร์ซอ หรือกตกิ าสญั ญาวอรซ์ อ
5) องคก์ ารการค้าโลก
6) องคก์ ารประเทศผ้สู ง่ ออกนา้ มันหรือโอเปก
7) สหภาพยโุ รป หรอื อียู
8) สมาคมการค้าเสรแี ห่งยโุ รปหรือเอฟตา
9) เขตการคา้ เสรีอเมรกิ าเหนอื หรือนาฟตา
10) เขตการคา้ เสรีหรือข้อตกลงเขตการคา้ เสรี
4. ครูให้นกั เรียนร่วมกนั อภปิ รายระดมความร้เู กีย่ วกับการประสานประโยชนร์ ะหวา่ งประเทศในหัวข้อต่าง ๆ
ในประเด็นต่อไปน้ี
1) ความเปน็ มา
2) วตั ถปุ ระสงค์
3) การดาเนินงาน
4) ผลทไี่ ด้รับจากการดาเนินงาน
5. ครูทาหนา้ ที่เป็นประธานในการอภิปรายและคดั เลอื กนักเรียนเปน็ เลขานุการบันทึกการอภปิ ราย 2–3 คน ขณะ
อภปิ รายครูทาหนา้ ทใ่ี ห้นักเรยี นได้แสดงความคิดเหน็ ทุกคน เม่ืออภิปรายเสร็จครูทาหนา้ ท่ีสรุปผลการอภปิ ราย
วิชาประวตั ิศาสตร์สากล (ส30162) ชน้ั ม.6 : ครรู ชตะ ขาวดี หน้า 238
6. ครใู ห้ความรูเ้ พิ่มเตมิ ว่า ข้อตกลงการคา้ เสรอี าเซียนเปน็ สนธสิ ัญญาขอกลมุ่ ประเทศสมาชกิ อาเซยี นทท่ี าขึน้ เพ่ือ
จัดตั้งเป็นเขตการคา้ เสรีอาเซียนหรืออาฟตา รากฐานสาคญั ของการจดั ตัง้ ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียนเร่มิ ต้นมาจากเขตการคา้
เสรีอาเซียน ซงึ่ เปน็ การรวมกลุ่มทางเศรษฐกจิ ทป่ี ระเทศสมาชกิ อาเซียนมารวมกลุ่มกัน โดยมีข้อตกลงว่าประเทศสมาชกิ ใน
กลุม่ จะไมม่ กี ารเกบ็ ภาษศี ุลกากรระหว่างกัน เขตการค้าเสรอี าเซียนได้รบั การลงนามในสงิ คโปร์เมื่อวนั ท่ี 28 มกราคม พ.ศ.
2535
ขั้นท่ี 3 ฝกึ ฝนผู้เรยี น
7. ครใู หน้ กั เรยี นทากิจกรรมเกีย่ วกับการประสานประโยชน์ และแบบทดสอบการวัดและประเมินผลการเรียนรู้
ประจาหนว่ ยการเรียนรู้ ในแบบฝึกทกั ษะประวตั ศิ าสตร์
ขั้นที่ 4 นาไปใช้
8. ครูให้นกั เรยี นจบั คกู่ นั เลือกองคก์ ารท่เี ก่ยี วข้องกับการประสานประโยชน์ 1 องค์การ ทาแผน่ พับไว้สาหรบั เผยแพร่
ความรูใ้ นส่ือออนไลน์
ข้ันท่ี 5 สรปุ
9. ครสู มุ่ เลอื กนกั เรยี นสรปุ ความรทู้ ่ไี ด้จากการศกึ ษาเรอ่ื ง การประสานประโยชน์
10. ครูใหน้ กั เรียนทาแบบทดสอบหลังเรยี นผา่ นโปรแกรม Quizizz
8. กจิ กรรมเสนอแนะ
ครูใหน้ กั เรียนจับคู่ค้นหาข้อมลู เก่ยี วกบั การประสานประโยชน์รว่ มกันระหว่างประเทศไทยกับประเทศเพื่อนบ้าน
แล้วนามาเล่าให้เพือ่ นฟงั
9. สอื่ /แหลง่ การเรยี นรู้
1. แบบทดสอบกอ่ นเรยี นและหลงั เรียนผ่านโปรแกรม Quizizz
2. โปรแกรม Classdojo
3. แบบบันทกึ ความรู้
4. หนงั สอื เรียน รายวิชาพน้ื ฐาน ประวตั ศิ าสตร์ ม. 4–6 เล่ม 1 บริษทั สานักพมิ พว์ ฒั นาพานชิ จากัด
5. แบบฝึกทกั ษะรายวชิ าพ้นื ฐานประวัติศาสตร์ ม. 6
วชิ าประวตั ศิ าสตรส์ ากล (ส30162) ชัน้ ม.6 : ครูรชตะ ขาวดี หน้า 239
ชอ่ื นามสกลุ เลขที่ ชนั้
แบบบนั ทกึ ความรู้
แผนการจดั การเรยี นรทู้ ่ี เรือ่ ง
1. สรุปความรทู้ ไี่ ด้
2. สรปุ แนวคดิ ใหมท่ ี่ได้
3. การนาไปใช้ประโยชน์
วิชาประวัตศิ าสตรส์ ากล (ส30162) ชั้น ม.6 : ครูรชตะ ขาวดี หน้า 240
แบบทดสอบหลงั เรยี น
หนว่ ยการเรยี นรทู้ ี่ 7 ความขดั แยง้ และการประสานประโยชนร์ ะหวา่ งประเทศ
คาชแี้ จง เลอื กคาตอบทถี่ กู ทสี่ ุดเพียงคาตอบเดยี ว
1. มหาสงครามหมายถงึ อะไร
ก สงครามเยน็
ข สงครามเวยี ดนาม
ค สงครามโลกครงั้ ท่ี 1
ง สงครามโลกครง้ั ที่ 2
2. สหรฐั อเมรกิ าเขา้ รว่ มรบในสงครามโลกครง้ั ที่ 1 เพราะอะไร
ก เยอรมนโี จมตีทางอากาศ
ข เยอรมนใี ช้ระเบดิ นวิ เคลยี ร์
ค เยอรมนีทาสงครามด้วยเรือดาน้า
ง เยอรมนบี กุ ยึดพ้ืนทบี่ างรัฐของสหรฐั อเมริกา
3. ในชว่ งสงครามโลกครงั้ ที่ 2 ผนู้ าประเทศคนใดใชล้ ทั ธนิ าซใี นการปกครอง
ก อดอลฟ์ ฮติ เลอร์
ข เบนโิ ต มสุ โสลินี
ค วินสตัน เชอรช์ ิลล์
ง แฮรร์ ี เอส. ทรูแมน
4. ประเทศตา่ ง ๆ ใชว้ ธิ ใี ดตอ่ ตา้ นญปี่ นุ่ ในการยดึ อินโดจนี
ก ไม่ซื้อสินค้าจากญปี่ ุ่น
ข จากัดน่านนา้ ไมใ่ ห้ญีป่ ุ่นเดินเรือได้สะดวก
ค ประกาศไม่ให้ญป่ี ่นุ รบโดยใชร้ ะเบิดปรมาณู
ง งดขายสนิ ค้าทใ่ี ช้ในการทาสงครามใหญ้ ี่ปนุ่
5. ขอ้ ใดไมใ่ ชบ่ ทลงโทษทเี่ ยอรมนไี ดร้ บั หลงั เสรจ็ สน้ิ สงครามโลกครงั้ ท่ี 2
ก หา้ มผลติ อาวุธ
ข ถูกควบคมุ การผลิตโลหะ
ค แบง่ ประเทศออกเป็น 4 สว่ น
ง ให้สหภาพโซเวยี ตปกครองนครเบอร์ลิน
6. ขอ้ ใดตอ่ ไปนสี้ มั พันธก์ บั สงครามเยน็
ก สงครามศาสนา
ข สงครามตวั แทน
ค สงครามกลางเมือง
ง สงครามแบ่งแยกดนิ แดน
วชิ าประวัติศาสตรส์ ากล (ส30162) ชัน้ ม.6 : ครรู ชตะ ขาวดี หนา้ 241
7. ใครเปน็ ผสู้ รา้ งกาแพงเบอร์ลนิ
ก สหรัฐอเมรกิ า
ข สหภาพโซเวยี ต
ค รฐั บาลเยอรมนีตะวนั ตก
ง รัฐบาลเยอรมนีตะวนั ออก
8. สงครามเกาหลียตุ ลิ งอยา่ งไร
ก สหรัฐอเมรกิ าเปน็ ฝ่ายชนะสงคราม
ข สหประชาชาตไิ กล่เกลี่ยใหเ้ จรจากนั
ค เกาหลเี หนอื และจีนประกาศยอมแพ้
ง ฝ่ายพันธมติ รเข้ายดึ ครองเกาหลีเหนือ
9. วตั ถปุ ระสงคส์ าคญั ที่สดุ ขององคก์ ารสนั นบิ าตชาตคิ อื อะไร
ก การสง่ เสริมความร่วมมือทางเศรษฐกจิ
ข การอนุรกั ษศ์ าสนาและศลิ ปวัฒนธรรม
ค การเสรมิ สรา้ งความรว่ มมือระหวา่ งประเทศ
ง การดารงสันติภาพและป้องกันสงครามในอนาคต
10. องคก์ ารใดตง้ั ขน้ึ มาเพอ่ื ตอ่ ตา้ นสหภาพโซเวียต
ก องคก์ ารนาโต
ข องค์การการค้าโลก
ค องค์การสหประชาชาติ
ง องคก์ ารสนธิสัญญาวอรซ์ อ
วชิ าประวตั ิศาสตร์สากล (ส30162) ชัน้ ม.6 : ครรู ชตะ ขาวดี หนา้ 242
แบบประเมนิ ผลงาน/กจิ กรรมเปน็ รายบคุ คล
ผลงาน/กจิ กรรมท่ี เรอื่ ง
แผนการจดั การเรยี นรทู้ ี่ หนว่ ยการเรยี นรทู้ ี่
ชนั้ วนั เดอื น พ.ศ.
รายการประเมนิ ระดบั คณุ ภาพ
ท่ี ชื่อ–สกลุ ความถูก ้ตองการของผลงาน/กิจกรรม (6 คะแนน) 4321
จุดเด่นของผลงาน/ ิกจกรรม (4 คะแนน)
ความคิดสร้างสรรค์ (4 คะแนน)
รูปแบบการนาเสนอผลงาน (3 คะแนน)
การนาไปใช้ประโยชน์ (3 คะแนน)
รวมคะแนน (20 คะแนน)
1
2
3
4
5
6
7
8
9
10
เกณฑก์ ารประเมนิ
การสรุปผลการประเมินให้เป็นระดบั คุณภาพ 4, 3, 2, 1 กาหนดเกณฑ์ได้ตามความเหมาะสม หรอื
อาจใชเ้ กณฑด์ ังน้ี
9–10 คะแนน = 4 (ดีมาก)
7–8 คะแนน = 3 (ด)ี
5–6 คะแนน = 2 (พอใช)้
0–4 คะแนน = 1 (ควรปรับปรุง)
วชิ าประวตั ิศาสตรส์ ากล (ส30162) ชน้ั ม.6 : ครรู ชตะ ขาวดี หน้า 243
แบบประเมนิ ผลงาน/กจิ กรรมเปน็ กลมุ่
ผลงาน/กจิ กรรมท่ี เรอื่ ง
แผนการจดั การเรียนรทู้ ่ี หนว่ ยการเรยี นรทู้ ี่
ชน้ั วนั เดือน พ.ศ.
กลมุ่ ที่
รายการประเมนิ ระดบั คณุ ภาพ
ท่ี ชอ่ื –สกลุ ความ ูถกต้องการของผลงาน/กิจกรรม (6 คะแนน) 432 1
จุดเด่นของผลงาน/ ิกจกรรม (4 คะแนน)
ความคิดส ้รางสรรค์ (4 คะแนน)
ูรปแบบการนาเสนอผลงาน (3 คะแนน)
การนาไปใช้ประโยช ์น (3 คะแนน)
รวมคะแนน (20 คะแนน)
1
2
3
4
5
6
7
8
9
10
เกณฑก์ ารประเมนิ
การสรปุ ผลการประเมนิ ใหเ้ ปน็ ระดับคณุ ภาพ 4, 3, 2, 1 กาหนดเกณฑไ์ ดต้ ามความเหมาะสม หรอื อาจใช้
เกณฑ์ดงั น้ี
9–10 คะแนน = 4 (ดีมาก)
7–8 คะแนน = 3 (ดี)
5–6 คะแนน = 2 (พอใช)้
0–4 คะแนน = 1 (ควรปรับปรุง)
วชิ าประวตั ิศาสตรส์ ากล (ส30162) ชน้ั ม.6 : ครรู ชตะ ขาวดี หนา้ 244
แบบประเมนิ พฤตกิ รรมในการทางานเปน็ รายบคุ คล
ผลงาน/กจิ กรรมท่ี เรอ่ื ง
แผนการจดั การเรยี นรทู้ ่ี หนว่ ยการเรียนรทู้ ี่
ชน้ั วนั เดือน พ.ศ.
คาชแี้ จง สงั เกตพฤตกิ รรมในการทางานของนกั เรยี น โดยเขียนเคร่อื งหมาย ลงในช่องรายการ
พฤตกิ รรมทนี่ ักเรียนปฏิบัติ
รายการประเมนิ ระดบั คณุ ภาพ
ที่ ชอ่ื –สกลุ สนใจในการทางาน
ไม่เอาเปรียบเพ่ือนในการทางาน
เสนอความคิดเห็น 432 1
ัรบฟังความคิดเห็นของผู้ ่ือน
ให้ความ ่ชวยเห ืลอ ู้ผ ือ่น
มุ่งม่ันทางานให้สาเ ็รจ
ประเ ิมนและปรับปรุงงาน ้ดวยความเต็มใจ
เคารพ ้ขอตกลงของก ุล่ม
ทาตามห ้นา ่ีท ี่ทไ ้ด ัรบมอบหมาย
พอใจ ักบความสาเ ็รจของงาน
รวมคะแนน
1
2
3
4
5
6
7
8
9
10
เกณฑก์ ารประเมนิ
1. การใหค้ ะแนน ให้ 1 คะแนน
2. การสรุปผลการประเมนิ ใหเ้ ป็นระดับคุณภาพ 4, 3, 2, 1 ใชเ้ กณฑ์ดังน้ี
9–10 คะแนน = 4 (ดมี าก)
7–8 คะแนน = 3 (ด)ี
5–6 คะแนน = 2 (พอใช้)
0–4 คะแนน = 1 (ควรปรบั ปรุง)
วชิ าประวตั ิศาสตรส์ ากล (ส30162) ชน้ั ม.6 : ครูรชตะ ขาวดี หนา้ 245
แบบประเมนิ พฤตกิ รรมในการทางานเปน็ กลมุ่
ผลงาน/กจิ กรรมที่ เรอ่ื ง
แผนการจดั การเรียนรทู้ ่ี หนว่ ยการเรยี นรทู้ ี่
ชนั้ วนั เดือน พ.ศ.
คาชแ้ี จง สงั เกตพฤตกิ รรมในการทางานของนกั เรียน โดยเขยี นเคร่ืองหมาย ลงในชอ่ งรายการ
พฤติกรรมทีน่ ักเรียนปฏิบัติ
รายการประเมนิ ระดบั คณุ ภาพ
ที่ ชอื่ –สกลุ แ ่บงงานกันรับผิดชอบ 432 1
ีมกระบวนการทางานเป็นข้ันตอน
ทาตามหน้าที่ที่ไ ้ด ัรบมอบหมาย
ร่วมกันแสดงความ ิคดเห็น
รับ ัฟงความ ิคดเห็นของสมา ิชกกลุ่ม
นามติ/ข้อตกลงของกลุ่มไปปฏิบัติ
ร่วม ักนปรับปรุงผลงาน ้ดวยความเต็มใจ
่มุงมั่นทางานใ ้หสาเร็จ
พอใจกับความสาเร็จของงาน
บรรยากาศในการทางาน
รวมคะแนน
1
2
3
4
5
6
7
8
9
10
เกณฑก์ ารประเมนิ
1. การใหค้ ะแนน ให้ 1 คะแนน
2. การสรุปผลการประเมินใหเ้ ป็นระดบั คุณภาพ 4, 3, 2, 1 ใชเ้ กณฑ์ดงั น้ี
9–10 คะแนน = 4 (ดมี าก)
7–8 คะแนน = 3 (ด)ี
5–6 คะแนน = 2 (พอใช)้
0–4 คะแนน = 1 (ควรปรบั ปรงุ )
วชิ าประวตั ศิ าสตรส์ ากล (ส30162) ชน้ั ม.6 : ครรู ชตะ ขาวดี หน้า 246
มติ คิ ณุ ภาพของการบนั ทกึ ผลงาน ระดบั คณุ ภาพ
กาหนดเกณฑ์การประเมนิ ผลการบันทกึ ผลงานโดยใชม้ าตราส่วนประเมนิ คา่ 4 ระดับ ดังนี้ 4
รายการประเมนิ 3
– บนั ทกึ ผลงานได้ถกู ต้องตามจดุ ประสงค์ เขยี นบนั ทึกไดช้ ัดเจน แนวคดิ หลักถกู ตอ้ ง 2
มีประเดน็ สาคญั ครบถว้ น
1
– ใช้ภาษาไดอ้ ย่างเหมาะสม คาศัพทถ์ ูกต้อง
– บนั ทกึ ผลงานไดถ้ กู ตอ้ งตามจุดประสงค์ เขยี นบนั ทกึ ทมี่ ีบางส่วนยังไมช่ ดั เจน
แนวคดิ หลักถูกต้อง สว่ นที่เปน็ ประเดน็ สาคัญมีไมค่ รบถว้ น
– ใชภ้ าษา คาศัพท์ไม่ถูกตอ้ งในบางสว่ น
– บันทึกผลงานยดึ ตามจุดประสงค์ เขียนบนั ทึกไมช่ ดั เจน แนวคดิ หลักบางสว่ นไม่
ถกู ต้อง สว่ นท่เี ป็นประเดน็ สาคัญมีไม่ครบถว้ น
– ใชภ้ าษา คาศัพท์ไม่ถกู ต้องในบางสว่ น
– บนั ทกึ ผลงานไม่สอดคล้องกับจุดประสงค์ เขียนบนั ทกึ ไมช่ ัดเจน และแนวคดิ หลกั
ส่วนใหญไ่ ม่ถกู ตอ้ ง
– ใช้ภาษา คาศัพท์ไม่ถูกตอ้ ง
วิชาประวตั ิศาสตรส์ ากล (ส30162) ช้นั ม.6 : ครรู ชตะ ขาวดี หนา้ 247
บนั ทกึ หลงั การจดั การเรยี นรู้
หวั ขอ้ การประเมนิ ผลการจดั การเรยี นรู้
1. ด้านความรู้
(K) ………………………………………………………………………………………………..……………………………………………………
2. ด้านทกั ษะ/กระบวนการ ………………………………………………………………………………………………….……………………………………………………….
(P)
………………………………………………………………………………………………..……………………………………………………
3. ดา้ นคณุ ลกั ษณะอนั พงึ ประสงค์
(A) ………………………………………………………………………………………………….……………………………………………………….
………………………………………………………………………………………………..……………………………………………………
………………………………………………………………………………………………….……………………………………………………….
………………………………………………………………………………………………..……………………………………………………
………………………………………………………………………………………………….……………………………………………………….
………………………………………………………………………………………………..……………………………………………………
………………………………………………………………………………………………….……………………………………………………….
………………………………………………………………………………………………..……………………………………………………
………………………………………………………………………………………………..……………………………………………………
………………………………………………………………………………………………….……………………………………………………….
………………………………………………………………………………………………..……………………………………………………
………………………………………………………………………………………………….……………………………………………………….
………………………………………………………………………………………………..……………………………………………………
………………………………………………………………………………………………….……………………………………………………….
………………………………………………………………………………………………..……………………………………………………
………………………………………………………………………………………………….……………………………………………………….
………………………………………………………………………………………………..……………………………………………………
………………………………………………………………………………………………….……………………………………………………….
………………………………………………………………………………………………..…………………………………………………….
………………………………………………………………………………………………..……………………………………………………
………………………………………………………………………………………………….……………………………………………………….
………………………………………………………………………………………………..……………………………………………………
………………………………………………………………………………………………….……………………………………………………….
………………………………………………………………………………………………..……………………………………………………
………………………………………………………………………………………………….……………………………………………………….
………………………………………………………………………………………………..……………………………………………………
………………………………………………………………………………………………….……………………………………………………….
………………………………………………………………………………………………..……………………………………………………
………………………………………………………………………………………………….……………………………………………………….
………………………………………………………………………………………………..…………………………………………………….
ลงช่ือ (ครผู ้สู อน)
(นายรชตะ ขาวดี)
//
วิชาประวัติศาสตร์สากล (ส30162) ชั้น ม.6 : ครรู ชตะ ขาวดี หน้า 248
ขอ้ เสนอแนะความคดิ เห็นเพมิ่ เตมิ
หวั หนา้ กลมุ่ สาระการเรยี นรู้
ลงช่ือ หวั หน้ากลมุ่ สาระสังคมศึกษาฯ
(นางปน่ิ แก้ว แกว้ เปน็ บุญ)
วนั ที่ / /
รองผอู้ านวยการกลมุ่ บรหิ ารงานวชิ าการ
ลงชื่อ รองผูอ้ านวยการกล่มุ บริหารงานวชิ าการ
(นางยคุ ลทร โพธิ์ศรี)
วันท่ี / /
ผอู้ านวยการโรงเรยี น
ลงชอ่ื ผอู้ านวยการโรงเรียน
(นายเอกชัย คะษาวงค์)
วนั ท่ี / /
วชิ าประวัตศิ าสตรส์ ากล (ส30162) ช้นั ม.6 : ครูรชตะ ขาวดี หน้า 249
หนว่ ยการเรยี นรทู้ ี่ 8 สถานการณส์ าคญั ของโลกในครสิ ตศ์ ตวรรษท่ี 21
เวลา 3 ชวั่ โมง
ผงั มโนทศั นเ์ ปา้ หมายการเรยี นรแู้ ละขอบขา่ ยภาระงาน/ชน้ิ งาน
ความรู้
1. เหตุการณ์ 11 กนั ยายน 2001
2. การก่อการร้าย
3. ความขดั แยง้ ทางศาสนา
ดา้ นทกั ษะ/กระบวนการ สถานการณส์ าคญั ของโลก ดา้ นคณุ ธรรม จรยิ ธรรม
1. การส่อื สาร ในครสิ ตศ์ ตวรรษท่ี 21 และคา่ นยิ ม
2. การคิด
3. การใช้กระบวนการกลมุ่ 1. มีวินัย
4. การใช้เทคโนโลยี 2. ใฝ่เรยี นรู้
3. รบั ผิดชอบ
4. มงุ่ ม่ันในการทางาน
ภาระงาน/ช้ินงาน
1. การทาแบบทดสอบ
2. การวเิ คราะห์ข่าว
3. การอภิปราย
4. การนาเสนอผลงานแผนที่ความคดิ แผ่นพบั
โปสเตอร์ ด้วยโปรแกรม Canva