คมู่ ือพระวิทยากรกลมุ่ คลนิ กิ คณุ ธรรม ๓๖
จนกระทงั่ อยูม่ าวนั หน่ึงภรรยาทาํ อาหารหล่น แลว้ เปล่งอุทาน
ดว้ ยคาํ พูดที่แสดงออกถึงความเคารพต่อพระพุทธเจา้ พราหมณ์ก็เกิด
ความไม่พอใจยง่ิ นกั จึงไปเพ่อื ที่จะเอาชนะดว้ ยการถามให้พระพทุ ธเจา้
จนปัญญาในการตอบปัญหาว่า “บุคคลกาํ จดั อะไรไดจ้ ึงอยเู่ ป็ นสุข กาํ จดั
อะไรได้จึงไม่เศร้าโศก ขา้ แต่พระโคดม พระองคท์ รงพอพระทัยการ
กาํ จดั ธรรมอยา่ งหน่ึงคอื อะไร”
พระพทุ ธเจา้ ทรงใชก้ ลวิธีแกไ้ ขปัญหาเฉพาะหนา้ ดว้ ยการตรัส
ตอบวา่ “บุคคลกาํ จดั ความโกรธไดจ้ ึงอยเู่ ป็ นสุข กาํ จดั ความโกรธไดจ้ ึง
ไม่โศกเศรา้ พราหมณ์ พระอริยะท้งั หลายสรรเสริญการกาํ จดั ความโกรธ
ซ่ึงมีรากเหงา้ เป็ นพิษ มียอดหวานเพราะบุคคลกาํ จดั ความโกรธน้นั ได้
แลว้ จึงไม่เศร้าโศก”
หลงั จากที่พระพทุ ธเจา้ ตรัสแกป้ ัญหาจบ พราหมณ์จึงเกิดความ
เลื่อมใสและยอมรับที่จะเป็ นสาวกของพระองค์ ซ่ึงเน้ือหาในการตรัส
ตอบปัญหาดว้ ยการแกป้ ัญหาเฉพาะหนา้ กบั พราหมณ์ แสดงถึงลกั ษณะ
ความเป็ นบรมครูของพระพทุ ธเจา้ อยา่ งหาใครเปรียบไม่ได้
พระวทิ ยากรกระบวนธรรมกลมุ่ คลนิ ิกคณุ ธรรม
คมู่ อื พระวทิ ยากรกลมุ่ คลนิ ิกคณุ ธรรม ๓๗
โครงสร้างหลกั สูตรค่ายคุณธรรม จริยธรรมกล่มุ คลนิ กิ คณุ ธรรม
ท า ง ค ณ ะ พ ร ะ วิ ท ย า ก ร ก ลุ่ ม ค ลิ นิ ก คุ ณ ธ ร ร ม ไ ด้จัด กิ จก รรม
โดยเน้นไปที่การพฒั นาปัจเจกบุคคลแต่ละคนตามหลัก ไตรสิกขา
เพอ่ื ส่งเสริมการสร้างสติ เสริมธรรมะ โดยมีกิจกรรม ดงั น้ี
๑. กิจกรรมที่เน้นพัฒนาด้านศีล เพ่ือสร้างสติในการดาํ เนินชีวิต
เช่น
๑.๑. กิจกรรมมอบตวั เป็นศิษย์
๑.๒. กิจกรรมการแสดงตนเป็นพทุ ธมามกะ
๑.๓. กิจกรรมมารยาทชาวพทุ ธ
๑.๔. กิจกรรมขอขมาบชู าครู
๑.๕. กิจกรรมบณิ ตามพระ
๑.๖. กิจกรรมธรรมจากส่ือ (กฎแห่งกรรม)
๑.๗. กิจกรรมชีวติ กบั ความประมาท
๒. กิจก ร ร ม ที่เ น้ น พัฒ น า ด้ า น ส ม า ธิ เพ่ือ ล ด ค วา ม โ ก ร ธ
และสร้างธรรมะในการดาํ เนินชีวติ เช่น
๒.๑. กิจกรรมสวดมนตท์ าํ วตั ร
๒.๒ กิจกรรมเจริญจติ ภาวณา
๒.๓. กิจกรรมธรรมะนนั ทนาการ
๒.๔.กิจกรรมตามหาหวั ใจ
พระวิทยากรกระบวนธรรมกลมุ่ คลนิ ิกคณุ ธรรม
ค่มู ือพระวิทยากรกลมุ่ คลนิ กิ คณุ ธรรม ๓๘
๓. กิจกรรมท่ีเน้ นพัฒนาด้ านปัญญา เพ่ือลดละความหลง
และเป็นอิสระจากกิเลส เช่น
๓.๑. กิจกรรมฐานธรรมมะ
๓.๒. กิจกรรมแสงเทยี นแห่งปัญญา
๓.๓. กิจกรรมชีวติ กบั ความฝันใฝ่
๓.๔. กิจกรรมหน่ึงคาํ บนั ดาลใจ
๓.๕. กิจกรรมเป้าหมายของชีวติ
๓.๖. กิจกรรม D-project
๓.๗. กิจกรรมมองใหเ้ ป็นกเ็ ห็นคา่
๓.๘. กิจกรรมออ้ มกอดที่ควรตอบแทน
๓.๙. กิจกรรมแสงเทยี นแสงธรรม
๓.๑๐. กิจกรรมสายน้าํ แห่งชีวติ
๓.๑๑. กิจกรรมชีวติ และจติ ใจ
๓.๑๒. เพอื่ ชีวติ ทด่ี ีงาม
๓.๑๓. กิจกรรมตน้ แบบตน้ ธรรม
๓.๑๔. กิจกรรมรู้โลกอยา่ งเท่าธรรม์
พระวทิ ยากรกระบวนธรรมกลมุ่ คลนิ กิ คณุ ธรรม
ค่มู ือพระวิทยากรกลมุ่ คลนิ กิ คณุ ธรรม ๓๙
รายละเอยี ดกจิ กรรมของกล่มุ คลนิ ิกคุณธรรม
พระวทิ ยากรกระบวนธรรมกลมุ่ คลนิ ิกคณุ ธรรม
ค่มู ือพระวิทยากรกลมุ่ คลนิ ิกคณุ ธรรม ๔๐
กจิ กรรม การแสดงตนเป็ นพทุ ธมามกะ
วตั ถุประสงค์
๑) เพือ่ ให้เด็กและเยาวชนสืบความเป็ นชาวพุทธตามวงศต์ ระกูล
ตอ่ ไป
๒) เพ่ือให้เด็กและเยาวชนได้รําลึกอยู่เสมอว่าตน เป็ น
พทุ ธศาสนิกชน
๓) เพอื่ ปลูกฝังนิสยั เดก็ และเยาวชนใหม้ น่ั คงในพระพทุ ธศาสนา
เนื้อหา
เมื่อมีบุคคลต่างศาสนาเกิดความเล่ือมใสในพระพุทธศาสนา
ตอ้ งการจะประกาศตนเป็นชาวพทุ ธ ก็ประกอบพธิ ีแสดงตนเป็ นพทุ ธมาม
กะ เพือ่ ประกาศวา่ นบั แต่น้ีไปตนไดย้ อมรับนบั ถือพระพุทธศาสนาแลว้
การแสดงตนเป็ นพุทธมามกะกระทาํ ซ้าํ บ่อย ๆ ก็ไดไ้ ม่จาํ กดั คร้ังเพราะ
เป็ นการแสดงความมน่ั คงใน
การนับถือพระพุทธศาสนา
เพื่อปลูกฝังให้ผไู้ ดเ้ ขา้ รับการ
อบรม เกิดความตระหนัก
เห็นความสาํ คญั ของพระพุทธ
พ ร ะ ธ ร ร ม พ ร ะ ส ง ฆ์
พระวทิ ยากรกระบวนธรรมกลมุ่ คลนิ ิกคณุ ธรรม
ค่มู ือพระวิทยากรกลมุ่ คลนิ กิ คณุ ธรรม ๔๑
เป็ นเครื่ องยึดเหนี่ ยวทางด้านจิตใจ และเกิ ดความเลื่อมใสใน
พระพุทธศาสนา ในฐานะที่เป็ นชาวพุทธจึงควรประพฤติปฏิบตั ิตนตาม
หลกั หน้าที่ชาวพุทธ คือ ทาํ นุบาํ รุงพระพุทธศาสนาให้ยนื ยงสืบไป อาจ
ด้วยวิธีหม่ันศึกษาหาความรู้ในหลักธรรมและการนําไปใช้ในการ
ดาํ รงชีวติ ปฏบิ ตั ติ ามหลกั พธิ ีกรรมทางพระพทุ ธศาสนาดว้ ยการแสดงตน
เป็ นพทุ ธมามกะ ซ่ึงถือวา่ เป็นการประกาศตนของศาสนิกชนแสดงตนว่า
เป็ นผูน้ บั ถือพระพทุ ธ พระธรรม และพระสงฆ์ เป็ นส่ิงสูงสุดและเป็ นที่
พ่ึงท่ีระลึกของตน สาํ หรับผูท้ ่ีเป็ นพุทธมามกะ แลว้ ก็คือ ผูท้ ี่ยดึ ม่นั ใน
หลกั ธรรมคาํ สอนในพระพทุ ธศาสนาอยา่ งมนั่ คง ตลอดจนร่วมมือกนั เผย
แผ่ และปกป้องพระพทุ ธศาสนาใหเ้ จริญรุ่งเรืองยง่ิ ๆข้นึ ไป
พระวทิ ยากรกระบวนธรรมกลมุ่ คลนิ กิ คณุ ธรรม
ค่มู ือพระวทิ ยากรกลมุ่ คลนิ กิ คณุ ธรรม ๔๒
สิ่งที่จําเป็ นในการแสดงตนเป็ นพุทธมามกะ
การแสดงตนเป็นพทุ ธมามกะจะตอ้ งแสดงตอ่ หนา้ พระสงฆ์ หรือ
ในที่ประชุมสงฆ์ โดยมีส่ิงจาํ เป็นตอ้ งใช้ ดงั น้ี
๑) โตะ๊ หมู่บูชา
๒) พระพทุ ธรูป
๓) ดอกไมธ้ ูปเทียน
๔) พุทธมามกะบตั ร เพอ่ื มอบให้แก่ผแู้ สดงตน และเก็บไวเ้ ป็ น
หลกั ฐาน
ลาํ ดับข้นั ตอนการแสดงตนเป็ นพทุ ธมามกะ
ข้ันตอนที่ ๑ เมื่อจัดสถานที่หอประชุม และที่น่ังพระสงฆ์
เรียบรอ้ ยแลว้ จึงนิมนตพ์ ระสงฆเ์ ขา้ สู่บริเวณพธิ ี
ข้ันตอนท่ี ๒ ตวั แทนผเู้ ขา้ รับการอบรมเขา้ ไปนง่ั คุกเข่าหน้าโต๊ะ
หมู่บูชา จุดธูปเทียนและวางดอกไมบ้ ูชา ส่วนผูเ้ ขา้ ร่วมพิธีนัง่ คุกเข่าและ
ประนมมือ สงบจิตใจระลึกถึงคุณของพระรัตนตรยั เมื่อผแู้ ทนนกั เรียนนาํ
กล่าวคาํ บูชาพระรัตนตรัย ให้ทุกคนวา่ ตามพร้อม ๆ กนั เมื่อจบแล้วให้
กราบแบบเบญจางคประดิษฐ์
พระวทิ ยากรกระบวนธรรมกลมุ่ คลนิ กิ คณุ ธรรม
คมู่ ือพระวทิ ยากรกลมุ่ คลนิ กิ คณุ ธรรม ๔๓
คาํ บูชาพระรัตนตรัย
อิมินา สักกาเรนะ พทุ ธัง ปเู ชมะ ข้าพเจ้าขอบชู าพระพทุ ธเจ้าด้วย
เคร่ืองสักการะ (กราบ)
อิมินา สักกาเรนะ ธัมมัง ปูเชมะ ข้าพเจ้าขอบูชาพระธรรมด้วย
เครื่องสักการะนี้ (กราบ)
อิมินา สักกาเรนะ สังฆัง ปูเชมะ ข้าพเจ้าขอบูชาพระสงฆ์ด้วย
เคร่ืองสักการะนี้ (กราบ)
ข้ันตอนท่ี ๓ ตวั แทนผเู้ ขา้ รับการอบรม ถวายพานเครื่องสกั การะ
พรอ้ มกบั รายชื่อผูเ้ ขา้ รบั การอบรมที่เขา้ ร่วมพธิ ีท้งั หมดแด่พระสงฆ์ ส่วน
ผเู้ ขา้ ร่วมพธิ ีนงั่ คุกเข่า ประนมมือแลว้ กราบแบบเบญจางคประดิษฐพ์ ร้อม
กนั
ข้ันตอนที่ ๔ กล่าวคาํ นมสั การพระพุทธเจา้ และคาํ ขอแสดงตน
เป็นพทุ ธมามกะพร้อม ๆ กนั
คาํ นมสั การพระพทุ ธเจ้า
นะโม ตสั สะ ภะคะวะโต อะระหะโต สัมมาสัมพทุ ธัสสะ
นะโม ตสั สะ ภะคะวะโต อะระหะโต สัมมาสัมพทุ ธัสสะ
นะโม ตสั สะ ภะคะวะโต อะระหะโต สัมมาสัมพทุ ธัสสะ
(คาํ แปล) ข้าพเจ้าขอนอบน้อม แด่พระผ้มู พี ระภาค พระอรหันต์
สัมมาสัมพทุ ธเจ้า พระองค์นั้น
พระวทิ ยากรกระบวนธรรมกลมุ่ คลนิ ิกคณุ ธรรม
คมู่ อื พระวทิ ยากรกลมุ่ คลนิ กิ คณุ ธรรม ๔๔
คาํ ขอแสดงตนเป็ นพุทธมามกะ
เอเต (ชาย) เอตา (หญิง) มะยงั ภนั เต สุจิระปรินิพตุ มั ปิ ตงั ภะคะ
วนั ตัง สะระณัง คัจฉามะ ธัมมัญจะ สังฆัญจะ พุทธมามกาติ (ชาย) พุทธ
มามิกาติ (หญิง) โน สังโฆ ธาเรตุ
(คาํ แปล) ข้าแต่พระสงฆ์ผ้เู จริญ ข้าพเจ้าขอถึง พระผ้มู ีพระภาค
เจ้า พระองค์นั้น แม้ปรินิพพานแล้ว ทั้งพระธรรม พระสงฆ์ เป็ นสรณะที่
ระลึกนบั ถือ ขอพระสงฆ์จงรับ ข้าพเจ้าไว้เป็นพทุ ธมามกะด้วยเถิด
ข้ันตอนท่ี ๕ เม่ือกล่าวจบแลว้ พระสงฆ์ประนมมือรับ “สาธุ”
ผเู้ ขา้ ร่วมพธิ ีนงั่ พบั เพยี บ ประนมมือฟังโอวาทจากประธานสงฆ์
ข้ันตอนที่ ๖ เมื่อจบโอวาทแลว้ ใหผ้ ูเ้ ขา้ ร่วมพิธีรับ “สาธุ” แลว้
น่ังคุกเข่า ประนมมือ ตวั แทนผูเ้ ขา้ รับการอบรม นาํ กล่าวคาํ อาราธนา
ศลี ๕
มะยงั ภันเต, วิสุง วิสุง รักขะณัตถายะ, ติสะระเณนะ สะหะ,ปัญ
จะสีลานิ ยาจามะ
ทุติยมั ปิ มะยงั ภันเต, วิสุง วิสุง รักขะณัตถายะ, ติสะระเณนะสะ
หะ, ปัญจะสีลานิ ยาจามะ
ตะติยมั ปิ มะยงั ภนั เต, วิสุง วิสุง รักขะณัตถายะ, ติสะระเณนะ
สะหะ, ปัญจะสีลานิ ยาจามะ
พระวทิ ยากรกระบวนธรรมกลมุ่ คลนิ กิ คณุ ธรรม
คมู่ อื พระวิทยากรกลมุ่ คลนิ ิกคณุ ธรรม ๔๕
ข้ันตอนที่ ๗ พระสงฆ์เป็ นผบู้ อกคาํ สมาทานศีล ๕ ผเู้ ขา้ ร่วมพิธี
ว่าตามเป็ นตอน ๆ หลังจากน้ันพระสงฆ์จะกล่าวสรุปหลังจากการ
สมาทานศลี ๕ เพยี ง ๑ คร้งั และผเู้ ขา้ ร่วมพธิ ีกล่าวตาม ๓ คร้งั วา่
อิมานิ ปัญจะ สิกขาปะทานิ สะมาทิยามิ
ข้ันตอนที่ ๘ พระสงฆบ์ อกอานิสงส์ของศีล ซ่ึงผเู้ ขา้ ร่วมพธิ ีไม่
ตอ้ งกล่าวตาม ดงั น้ี
สีเลนะ สุคะติง ยนั ติ สีเลนะ โภคะสัมปทา สีเลนะ นิพพตุ ิง ตสั
มา สีลงั วิโสธะเย
หลงั จากน้นั ผเู้ ขา้ ร่วมพธิ ีหรือตวั แทนผเู้ ขา้ รับการอบรมรับพุทธ
มามกะ ถวายเครื่องไทยธรรมแด่พระสงฆ์ เมื่อพระสงฆ์อนุโมทนาผู้
แสดงตนเป็ นพทุ ธมามกะกรวดน้าํ รบั พร เสร็จแลว้ คุกเขา่ กราบพระสงฆ์
๓ คร้ัง เป็ นอันเสร็จพิธี หรือหลังจากเสร็จพิธีอาจมีการทาํ บุญถวาย
ภตั ตาหารแด่พระสงฆไ์ ด้
พระวิทยากรกระบวนธรรมกลมุ่ คลนิ กิ คณุ ธรรม
คมู่ ือพระวทิ ยากรกลมุ่ คลนิ กิ คณุ ธรรม ๔๖
สรุป
การแสดงตนเป็ นพุทธมามกะนับเป็ นมงคลพิธีสํา หรับ
พทุ ธศาสนิกชน เพราะเป็ นโอกาสไดป้ ระกาศศรัทธาในพระพทุ ธศาสนา
ของตนต่อหน้าพระพุทธปฏิมาท่ามกลางสงฆ์ พร้อมท้ังได้รับการ
ประสาทพรจากสงฆ์ เป็ นพธิ ีท่ีแสดงถึงความภาคภูมิ และความมน่ั ใจใน
พระพทุ ธศาสนา อนั เป็นพธิ ีทเ่ี สริมสร้างสาํ นึกทางจริยธรรมคุณธรรมให้
แขง็ แกร่งแน่วแน่ยง่ิ ข้นึ
พระวิทยากรกระบวนธรรมกลมุ่ คลนิ ิกคณุ ธรรม
คมู่ ือพระวิทยากรกลมุ่ คลนิ กิ คณุ ธรรม ๔๗
เพราะผทู้ ปี่ ระกาศตนเป็ นพทุ ธมามกะแลว้ เทา่ กบั ไดถ้ วายสญั ญา
ใจกบั พระพุทธเจา้ ท่ามกลางสงฆ์ว่า จะเคารพนับถือพระพุทธศาสนา
อย่างมั่นคง และจะดํารงตนอยู่ในหลักศีลธรรม คุณธรรมของ
พระพทุ ธศาสนาท่ไี ดร้ ับคาํ แนะนาํ ศกึ ษาน้นั ตลอดไป
การแสดงตนเป็ นพุทธมามกะ คือ ประกาศให้รู้ว่ายึดถือ
พระพทุ ธเจา้ พระธรรม พระสงฆ์ เป็นท่พี ่งึ ที่ระลึกตลอดชีวติ จดั เป็ นการ
ถึงสรณะทป่ี ระเสริฐกวา่ สรณะอ่ืนในโลก
คุณานิสงส์ที่พระสมั มาสัมพุทธเจา้ ทรงแสดงไวใ้ น พระไตรปิ ฎก ขทุ ทก
นิกายธรรมบท วา่
“มนุษยเ์ ป็ นอนั มากถูกภยั คุกคามแลว้ ย่อมถึงภูเขา ป่ า อาราม
และรุกขเจดียว์ ่าเป็ นที่พ่ึงสรณะน่ันแลไม่เกษมสรณะนานแล ไม่อุดม
(สูงสุด ประเสริฐ) เพราะบคุ คลอาศยั สรณะนนั่ ยอ่ มไม่พน้ ไปจากทุกข์ท้งั
ปวงได้
ส่วนบุคคลใดถึงพระพทุ ธ พระธรรม พระสงฆ์วา่ เป็ นท่ีพ่งึ ยอ่ ม
เห็นอริยสัจ ๔ คือ ทุกข์ เหตุให้เกิดทุกข์ ความกา้ วล่วงทุกขแ์ ละมรรคมี
องค์ ๘ อนั ประเสริฐซ่ึงยงั สตั วใ์ ห้ถึงความสงบแห่งทุกขด์ ว้ ยปัญญาชอบ
สรณะนน่ั แลของบุคคลน้นั เกษม สรณะน้นั อดุม (สูงสุด ประเสริฐ)เพราะ
บุคคลอาศยั สรณะน้นั ยอ่ มพน้ จากทกุ ขท์ ้งั ปวงได”้
พระวทิ ยากรกระบวนธรรมกลมุ่ คลนิ กิ คณุ ธรรม
ค่มู ือพระวทิ ยากรกลมุ่ คลนิ กิ คณุ ธรรม ๔๘
กจิ กรรม มารยาทชาวพทุ ธ”
ความหมายและความสําคญั ของกจิ กรรม
คาํ วา่ มารยาท (propriety of conduct) หมายถึง ระเบยี บแบบแผน
ท่ีบุคคลพงึ ปฏิบตั ิ เพอื่ ใหเ้ กิดความสงบสุขท้งั แก่ตนเองและส่วนรวม ผทู้ ี่
มีมารยาทคือผทู้ ่มี ีกิริยาวาจาท่ีเรียบรอ้ ยงดงาม
มารยาททาํ ให้คนเราอยรู่ ่วมกนั อยา่ งมีความสงบสุข แสดงให้
เห็นถึงความเป็ นผมู้ ีคุณธรรม และวฒั นธรรมอนั เจริญ เป็ นการแสดงถึง
ความเป็ นผูม้ ีความเคารพอ่อนน้อม ส่งผลให้เกิดความเคารพในพระ
รตั นตรัย และเคารพในการปฏสิ นั ถาร สามารถยงั จิตของผพู้ บเห็นใหย้ นิ ดี
เลื่อมใส เป็นมงคลอนั สูงสุดอีกทางหน่ึง ดงั ทพี่ ระพทุ ธองคไ์ ดต้ รัสไวใ้ น
มงคลสูตรวา่
"คารโว จ นิวาโต จ เอตมุมงคลมุตตม์ :
การรู้จกั ความเคารพและประพฤตเิ ป็ นคนความอ่อนน้อมถ่อมตน
เป็ นมงคลอนั สูงสุด"
อีกท้งั ยงั เป็นการประกาศศกั ด์ิศรีแห่งความเป็ นมนุษยใ์ นตวั วา่ มี
การประพฤติที่ประเสริจกวา่ สตั วเ์ ดรัจฉาน เราชาวไทยสมควรอยา่ งยง่ิ ที่
จะเรียนรู้ และปฏิบตั ิใหถ้ ูกตอ้ ง
พระวิทยากรกระบวนธรรมกลมุ่ คลนิ ิกคณุ ธรรม
คมู่ ือพระวทิ ยากรกลมุ่ คลนิ กิ คณุ ธรรม ๔๙
มารยาทเบือ้ งต้น "ย ว ท" (ยมิ้ ไหว้ ทกั ทาย)
ย หมายถึงยมิ้ คือใหม้ ีใบหนา้ ท่ียม้ิ แยม้ แจ่มใส เป็ นดงั กุญแจไข
ไปสู่ประตูแห่งมิตรภาพอนั อบอุ่น
ว หมายถึงการไหว้ คือให้ยกมือข้ึนนอ้ มไหว้ การไหวไ้ ม่เคยทาํ
ใหใ้ ครตกต่าํ ลง มีแตจ่ ะทาํ ใหส้ ูงส่งมากข้ึน
ท หมายถึงทกั ทาย คาํ ทกั ทายพระสงฆ์ คาํ สากลนิยมใช้คาํ ว่า
นมสั การครับ/ค่ะ พระอาจารย์ หรือจะใชค้ าํ ว่า "ธรรมะสวสั ดีครับ/ค่ะ
พระอาจารย"์ หรือใชแ้ คค่ าํ วา่ "สวสั ดีครบั /ค่ะ พระอาจารย์ ก็ได้
มารยาทในการแสดงความเคารพ
การประนมมือ
คาํ ว่า "ประนมมือ" มาจากคาํ วา่ "อญั ชลี" คือการกระพ่มุ มือท้งั
สองข้ึนระหว่างหนา้ อก
ให้ปลายต้งั ข้ึนขา้ งบน
โดยฝ่ ามือท้งั สองชิดกนั
ใชแ้ สดงความเคารพใน
การไหว้ การกราบพระ
รัตนตรัย การฟังเจริญ
พระพุทธมนต์ สวด
มนต์ ฟังเทศน์ รบั พรพระ และขณะสนทนาธรรมกบั พระสงฆ์ เป็ นตน้
พระวิทยากรกระบวนธรรมกลมุ่ คลนิ ิกคณุ ธรรม
ค่มู ือพระวิทยากรกลมุ่ คลนิ กิ คณุ ธรรม ๕๐
การไหว้
คาํ วา่ "ไหว"้ เป็นคาํ ไทย ภาษาบาลีใชค้ าํ วา่ "นมสั การ" ภาษา
สนั สกฤตใชค้ าํ วา่ "วนั ทา" คอื การยกมือกระพมุ่ ท่ที รวงอก ใหฝ้ ่ ามือท้งั
สองประกบกนั นิ้วชิดกนั ปลายนิ้วต้งั ตรงข้นึ ใหเ้ อนออกขา้ งหนา้
ประมาณ ๕๐ องศา ใหศ้ อกท้งั สองขา้ งแนบลาํ ตวั แลว้ ยกมือท่ปี ระนมข้นึ
จรดใบหนา้ พร้อมกบั กม้ ศรี ษะลงเล็กนอ้ ย ส่วนปลายนิ้วหวั แม่มือจะจรด
ทสี่ ่วนไหนกข็ ้ึนก็กบั วา่ เราจะยกมือไหวผ้ ใู้ ด
การยืนไหว้ทาํ ความเคารพ
สาํ หรบั ผชู้ าย เวลาไหวใ้ หย้ นื สน้ เทา้ ชิด ปลายเทา้ แยกเล็กนอ้ ย ยก
มือข้ึนพร้อมกบั คอ้ มศรี ษะลง
สาํ หรับผหู้ ญงิ สามารถทาํ ได้ ๒ แบบ คอื แบบท่ี ๑ ยนื สน้ เทา้ ชิด
ปลายเทา้ เสมอกนั ยกมือข้นึ พรอ้ มกบั นอ้ มศีรษะลง (เหมือนผชู้ าย) แบบ
ท่ี ๒ คือ ให้กา้ วขาขวาไปขา้ งหนา้ หรือถอยเทา้ ขา้ งใดขา้ งหน่ึงตามถนดั
ไปข้างหลังคร่ึงก้าว (เพ่ือยนั พ้ืนป้องกันไม่ให้ล้ม) แล้วย่อเข่าลง
พอสมควร พร้อมยกมือข้ึนไหว้ ยกเวน้ ในกรณีไหวผ้ ูเ้ สมอกนั ไม่ตอ้ งยอ่
ตวั
การไหว้ ๕ ระดับ
๑) การไหว้พระภิกษุ ใหห้ วั แม่มือจรดระหวา่ งคิ้ว ปลายนิ้วช้ีแนบ
ส่วนบนของหน้าผากเป็ นการแสดงความเคารพที่สูง คือเคารพดว้ ยเศียร
พระวิทยากรกระบวนธรรมกลมุ่ คลนิ กิ คณุ ธรรม
ค่มู อื พระวิทยากรกลมุ่ คลนิ ิกคณุ ธรรม ๕๑
เกลา้ เพราะท่านเป็ นผูม้ ีศีลมากกว่า และใหด้ วงตาท่ีสาม คือดวงตาแห่ง
ธรรมะ ดวงตาแห่งสติปัญญา (Third eyes wisdom eyes) ใหแ้ ก่เรา
๒) ไหว้บิดามารดา (รวมท้งั ป่ ูยา่ ตายาย ดว้ ย) ให้หัวแม่มือจรดท่ี
ปลายจมูก เพราะทา่ นเป็นผใู้ หช้ ีวติ ใหล้ มหายใจแก่เรามา
๓) ไหว้ครูอาจารย์ ให้หัวแม่มือจรดท่ีปาก เพราะท่านเมตตาใช้
ปากอบรมสัง่ สอนเรา ให้วชิ าความรู้คู่ความดีแก่เรา ทาํ ใหเ้ รามีความรู้มี
อาชีพในการดาํ รงชีวติ
๔) ไหว้คนทั่วไป ให้หัวแม่มือจรดที่ปลายคาง เพราะผใู้ หญ่ผา่ น
โลกมาก่อน เป็ นฐานใหเ้ ราพกั พงิ เป็นทปี่ รึกษา เชิดหนา้ ชูตาใหแ้ ก่เราได้
๕) ไหว้ผู้เสมอกัน ให้ประนมมือไวท้ ่ีระหว่างหน้าอก เพราะ
คนเราคบกนั ดว้ ยใจ ตอ้ งจริงใจตอ่ กนั
การรับไหว้
คือการยกมือประนม
ข้ึ น รั บ ไ หว้ระ หว่าง
หน้าอก พร้อมกับก้ม
ศีรษะเล็กน้อย ใช้ใน
กรณีผอู้ ่อนอาวโุ ส หรือ
ผมู้ ีอายนุ อ้ ยกวา่ มาไหว้
พระวทิ ยากรกระบวนธรรมกลมุ่ คลนิ ิกคณุ ธรรม
ค่มู ือพระวทิ ยากรกลมุ่ คลนิ ิกคณุ ธรรม ๕๒
การกราบ
มาจากภาษาบาลีวา่ "อภิวาท" คอื การหมอบกราบใหม้ ือลงถึงพน้ื
ใชไ้ ดท้ ้งั การกราบพระ และบุคคลธรรมดา แต่รูปแบบต่างกนั ดงั น้ี
การกราบพระรตั นตรัย ตอ้ งกราบดว้ ย "เบญจางคประดิษฐ"์ ซ่ึง
ประกอบดว้ ยองค์ ไดแ้ ก่ เขา่ ๒ ฝ่ ามือ ๒ หนา้ ผาก ๑ รวมเป็น ๕
วธิ ีการกราบมดี ังนี้
ท่าเตรียม
ผชู้ าย ใหน้ งั่ ทา่ เทพบตุ ร คือนงั่ คุกเข่าปลายเทา้ ต้งั เขา่ ท้งั สองแยก
ออกจากกนั ประมาณ ๑ คบื ของตน คว่าํ มือพาดไวท้ ี่เหนือเข่า
ผู้หญิง ให้นั่งท่า
เทพธิดา คือน่ังให้เข่าท้ัง
สองชิดกัน ส้นเท้าราบ
หงายฝ่ าเทา้ ขนานกับพ้ืน
(นงั่ ทบั สน้ )
พระวิทยากรกระบวนธรรมกลมุ่ คลนิ ิกคณุ ธรรม
คมู่ ือพระวิทยากรกลมุ่ คลนิ กิ คณุ ธรรม ๕๓
การกราบมี ๓ จังหวะ คือ
จงั หวะที่ ๑ เรียกวา่ "อญั ชลี" คือประนมมือไวร้ ะดบั อก
จงั หวะที่ ๒ เรียกวา่ "วนั ทนา" หรือ "วนั ทา" คือยกมือทป่ี ระนม
ข้ึนจรดศีรษะ และกม้ นอ้ มศรี ษะลงเลก็ นอ้ ย
จงั หวะที่ ๓ เรียกวา่ "อภวิ าท" คอื ลดมือท้งั สองลง นอ้ มตวั ไป
ขา้ งหนา้ กม้ ลงกราบพรอ้ มกบั ทอดมือท้งั สองลงกบั พน้ื พร้อมกนั คว่าํ มือ
ท้งั สองแบนราบ ใหน้ ิ้วท้งั ๕ ชิดกนั มือท้งั สองวางห่างกนั พอประมาณ
กม้ ศีรษะลง ใหห้ นา้ ผากจรดพ้นื ในระหวา่ งมือท้งั สอง
ผู้ชาย ให้ข้อศอกต่อเข่าทงั้ สอง และจรดกับพืน้
ผู้หญงิ ศอกทั้งสองคร่อมเข่า หรือแนบข้างเข่า
จากน้นั ลุกเงยข้นึ แลว้ ปฏิบตั ิต่อไปเช่นน้ี จนครบ ๓ คร้งั
ในการกราบพระรัตนตรยั น้นั เพอื่ ใหเ้ กิดความพร้อมเพยี งกนั พงึ
ปฏบิ ตั ดิ งั น้ี
เมื่อกราบคร้ังท่ี ๑ ใหก้ ล่าวคาํ วา่ “พุทโธ เม นาโถ” แลว้ ลุกเงยข้ึน
เม่ือกราบคร้ังที่ ๒ ใหก้ ล่าวคาํ วา่ “ธัมโม เม นาโถ” แลว้ ลุกเงยข้ึน
เมื่อกราบคร้ังที่ ๓ ใหก้ ล่าวคาํ วา่ “สังโฆ เม นาโถ” แลว้ ลุกเงยข้ึน
พระวิทยากรกระบวนธรรมกลมุ่ คลนิ กิ คณุ ธรรม
ค่มู ือพระวทิ ยากรกลมุ่ คลนิ กิ คณุ ธรรม ๕๔
ในจงั หวะสุดทา้ ย เมื่อกราบครบ ๓ คร้งั แลว้ ใหเ้ งยหนา้ ข้นึ แลว้
ยกมือข้ึนมานอ้ มวนั ทาทหี่ นา้ ผากอีกหน่ึงคร้งั จากน้นั ใหเ้ ล่ือนมือมา
ประนมทห่ี นา้ อก ในกรณีที่จะสวดมนตห์ รือไหวพ้ ระตอ่ และในกรณีที่
ไม่ไดส้ วดมนตไ์ หวพ้ ระตอ่ กใ็ หล้ ดมือท้งั สองลงมาวางทเี่ ขา่ ท้งั สองขา้ ง
เหมือนในท่าเตรียมกราบ
การหมอบกราบ ใชก้ ราบบคุ คลทว่ั ไป เช่น ป่ ู ยา่ ตา ยาย พอ่ แม่
ครูอาจารย์ มีวธิ ีปฏบิ ตั ิ ดงั น้ี
ใหน้ ง่ั พบั เพยี บขวา (เก็บปลายเทา้ ไปทางขวา)มือซา้ ยหงายข้นึ
วางไวท้ ่เี ข่าซา้ ย แลว้ วางมือขวาทบั มือซา้ ยกราบใหแ้ ขนท้งั สองขา้ งคร่อม
อยรู่ ะหวา่ งเขา่ ซา้ ย (แขนท้งั สองแนบชิดติดเข่าซา้ ย) วางมือประนมพร้อม
กบั กม้ ศรี ษะลง ใหห้ นา้ ผากจดทม่ี ือท้งั สองและกราบหน่ึงคร้งั ไม่แบมือ
ในกรณีที่จะใหผ้ เู้ ขา้ อยา่ งชา้ ๆ ใหใ้ ชจ้ งั หวะกม้ กราบ ๓ จงั หวะ, เงยข้นึ ๓
จงั หวะก่อนก็ได้ เวลาหมอบใหผ้ เู้ ขา้ อบรมฝึกการหมอบกราบ
ท่าเตรียม
นงั่ พบั เพยี บขวา วางมือประสานบนหนา้ ขาซา้ ย (มือซา้ ยหงายข้นึ
มือขวาวางทบั มอื ซา้ ย)
จงั หวะที่ ๑ นอ้ มตวั ลงยนื มือซา้ ยไปขา้ งหนา้ แขนซา้ ยแนบชิดตน้
ขาซา้ ย วางมือซา้ ยลงกบั พน้ื
พระวทิ ยากรกระบวนธรรมกลมุ่ คลนิ กิ คณุ ธรรม
คมู่ ือพระวิทยากรกลมุ่ คลนิ ิกคณุ ธรรม ๕๕
จงั หวะท่ี ๒ วางมือขวาประกบมือซา้ ย (ประนมมือวางลงกบั พน้ื )
ใหแ้ ขนขวาแนบขา้ งเข่าซา้ ย
จงั หวะที่ ๓กม้ นอ้ มศรี ษะลง ใหห้ นา้ ผากจรดท่ีมีอท้งั สองขา้ ง
การลกุ เงย ข้ึนชา้ ๆ ๓ จงั หวะ มีดงั น้ี
จงั หวะที่ ๑ เงยหนา้ ข้ึนมา โดยทศ่ี อกท้งั สองขา้ งยงั ติดกบั พน้ื อยู่
จงั หวะที่ ๒ ดึงมือขวาเลื่อนข้ึนมาวางไวท้ ี่เข่าซา้ ย
จงั หวะท่ี ๓ ดึงมือซา้ ยวางไวท้ ี่เข่าซา้ ย ยกตวั ข้นึ น่งั ตวั ตรง วางมือ
ขวาทบั มือซา้ ย เหมือนทา่ เตรียม
พระวทิ ยากรกระบวนธรรมกลมุ่ คลนิ กิ คณุ ธรรม
ค่มู ือพระวิทยากรกลมุ่ คลนิ ิกคณุ ธรรม ๕๖
มารยาทการลุกการน่ัง (ในค่ายธรรมะ)
ก่อนลุกหรือก่อนนง่ั ในการอบรมค่ายธรรมะ เพือ่ ให้เกิดความ
พร้อมเพียง เป็ นระเบียบ ได้มารยาท ฝึ กความเป็ นคนอ่อนน้อมถ่อม
ก่อนที่ผเู้ ขา้ อบรมจะลุกข้ึนยนื พระวิทยากรควรสั่งให้ผเู้ ขา้ อบรมคุกเข่า
ข้ึนก่อน เมื่อพระวทิ ยากรสง่ั วา่ ยนื หรือเชิญครับ ใหผ้ เู้ ขา้ อบรมประนมมือ
แลว้ กล่าวคาํ วา่ "ขอบคุณครับ/คะ่ พระอาจารย"์ ตอ่ จากน้นั ใหน้ อ้ มไหว้ ๑
คร้ังด้วยความอ่อนน้อมถ่อมตน (น้อมกายลงต่าํ ให้ศอกมาแตะหรือ
สมั ผสั ท่ีตน้ ขา) แลว้ เงยหนา้ ข้นึ ต้งั ตวั ตรง พรอ้ มกบั คอ่ ยๆลุกยนื ข้นึ
การนั่ง เมื่อพระวิทยากรอนุญาตให้ผูเ้ ขา้ อบรมนั่งลง ให้ผูเ้ ข้า
อบรมประนมมือ แล้วกล่าวคําว่า "ขอบคุณครับค่ะ พระอาจารย์"
ต่อจากน้ันน้อมไหว้ ๑ คร้ัง (ไหวใ้ ห้อ่อนและน้อมจริงๆ ท้งั ศีรษะและ
หลงั ใหค้ อ้ มตวั ไปดว้ ยกนั โดยใหห้ วั แม่มืออยรู่ ะหวา่ งค้วิ ) แลว้ นงั่ ลงดว้ ย
อาการอนั สงบ(พระวทิ ยากรตอ้ งให้ผเู้ ขา้ อบรมกล่าวคาํ วา่ "ขอบคุณ" ให้
ชดั เจน และใหน้ อ้ มไหวอ้ ยา่ งพรอ้ มเพยี งกนั เพอ่ื ใหเ้ กิดความเป็ นระเบียบ
และดูสวยงาม)
การเปล่ียนท่าน่ังต่างๆ ก่อนที่จะเปลี่ยนท่าน่งั จากอิริยาบถหน่ึง
ไปเป็ นอีกอิริยาบถหน่ึงน้ัน ให้ผูเ้ ขา้ อบรมคุกเข่าข้ึน หรือยกตวั ข้ึนนิด
หน่ึงต่อจากน้ันค่อยสลับหรือม้วนเทา้ ไปทางดา้ นหลัง ในการเปล่ียน
อิริยาบท ไม่ควรมว้ นเทา้ หรือยนื่ เทา้ มาขา้ งหน้า โดยเฉพาะเม่ือน่งั อยตู่ ่อ
หนา้ พระสงฆ์
พระวทิ ยากรกระบวนธรรมกลมุ่ คลนิ ิกคณุ ธรรม
คมู่ ือพระวิทยากรกลมุ่ คลนิ ิกคณุ ธรรม ๕๗
มารยาทและการแสดงความเคารพในการพบพระสงฆ์
การหลีกทางใหแ้ ก่พระภิกษุสงฆ์ เป็ นกิริยาอาการแสดงความ
เคารพ เอ้ือเฟ้ือแก่พระภกิ ษสุ งฆ์ ถือวา่ เป็นการแสดงความเคารพทช่ี าว
พทุ ธนิยมปฏิบตั กิ นั สืบมาตราบจนปัจจุบนั
วิธีปฏบิ ตั เิ ม่ือเดนิ สวนทางกบั พระภกิ ษุสงฆ์ เมือ่ พระภกิ ษสุ งฆ์
เดินตามมาขา้ งหลงั นิยมปฏบิ ตั ติ อ่ ท่าน ดงั น้ี
๑) หลีกเขา้ ชิดขา้ งทางดา้ นซา้ ยมือของพระภิกษสุ งฆ์
๒) ยนื ตรง มือท้งั สองหอ้ ยประสานไวข้ า้ งหนา้ หนั หนา้ มาทาง
ท่าน
๓) เมื่อพระภิกษสุ งฆเ์ ดินผา่ นเฉพาะหนา้ ใหน้ อ้ มตวั ลงยกมอื
ไหว้
๔) ถา้ ทา่ นพดู ดว้ ย ใหป้ ระนมมือพดู กบั ท่าน
๕) ถา้ ท่านไม่ไดพ้ ดู ดว้ ย เม่ือยกมือไหวแ้ ลว้ วางมือท้งั สองหอ้ ย
ประสานกนั ไวข้ า้ งหนา้ มองดูทา่ น จนทา่ นเดินเลยไปจงึ ค่อยเดินต่อไป
หรือตามหลงั ท่านไป
พระวิทยากรกระบวนธรรมกลมุ่ คลนิ กิ คณุ ธรรม
ค่มู อื พระวิทยากรกลมุ่ คลนิ กิ คณุ ธรรม ๕๘
วิธีปฏบิ ัติเม่ือพบพระภกิ ษุสงฆ์ยืนอยู่ ถา้ คฤหสั ถช์ ายหญิง เดิน
ไปพบพระภกิ ษสุ งฆย์ นื อยู่ นิยมปฏิบตั ิ ดงั น้ี
๑) หยดุ ยนื ตรง
๒) นอ้ มตวั ลง พรอ้ มยกมอื ไหว้
๓) ถา้ ทา่ นพดู ดว้ ย ประนมมือพดู กบั ทา่ น
๔) เดินหลีกไปทางซา้ ยของพระภิกษุสงฆ์
วิธีปฏบิ ัตเิ ม่ือพบพระภิกษุสงฆ์น่ังอยู่ ถา้ คฤหสั ถผ์ ชู้ ายและ
ผหู้ ญงิ เดินไปพบพระภกิ ษุสงฆน์ งั่ อยู่ นิยมปฏิบตั ิตอ่ ทา่ น ดงั น้ี
๑) หยดุ นง่ั ลง ถา้ พ้นื ทน่ี ง่ั สะอาด นิยมนงั่ คุกเข่า หรือนงั่ พบั เพยี บ
ถา้ พ้นื ไม่สะอาด นิยมนง่ั กระหยง่
๒) นอ้ มตวั ลง ยกมือไหว้
๓) ถา้ ท่านพดู ดว้ ย ใหป้ ระนมมือพดู กบั ท่าน
๔) ลูกข้นึ เดินหลีกไปทางซา้ ยของพระภกิ ษสุ งฆ์
๕) ถา้ พระภิกษุสงฆอ์ ยใู่ นที่กลางแจง้ มีเงาปรากฏอยู่ คฤหสั ถ์
ผชู้ าย และผหู้ ญงิ ไม่ควรเดินเหยยี บเงาของพระภกิ ษุสงฆ์ ควรเดินหลีกไป
เสียอีกทางหน่ึง
พระวิทยากรกระบวนธรรมกลมุ่ คลนิ ิกคณุ ธรรม
คมู่ ือพระวิทยากรกลมุ่ คลนิ กิ คณุ ธรรม ๕๙
วิธีเดนิ ตามหลังพระภกิ ษสุ งฆ์ การเดินตามหลงั พระภิกษสุ งฆน์ ้ี
เป็ นกิริยาอาการแสดงความเคารพแก่พระภิกษุสงฆอ์ ยา่ งหน่ึง ซ่ึงชาวพทุ ธ
นิยมปฏบิ ตั สิ ืบกนั มา มีวธิ ีปฏบิ ตั ิ ดงั น้ี
๑) เดินตามไปเบ้ืองหลงั ของพระภกิ ษสุ งฆ์ โดยใหเ้ ยอ้ื งไป
ทางซา้ ยของทา่ น
๒) เวน้ ระยะห่างจากทา่ นประมาณ ๒ - ๓ กา้ ว
๓) เดินตามท่านไปดว้ ยกิริยาอาการสาํ รวมเรียบร้อย
๔) ขณะเดินตามทา่ นอยู่ ไม่นิยมแสดงความเคารพผอู้ ่ืน
๕) ไม่นิยมพดู คุยทกั ทายปราศรัยกบั ผอู้ ื่น
การสนทนาธรรมกบั พระสงฆ์
พระภิกษสุ งฆเ์ ป็นผปู้ ระพฤติดี ปฏิบตั ิซื่อตรง ประพฤติเพอื่
ออกไปจากทุกข์ ประพฤตถิ ูกตอ้ ง และเป็นเน้ือนาบญุ ของชาวโลก ดงั น้นั
ในขณะสนทนากบั พระภิกษสุ งฆ์ พงึ ปฏบิ ตั ิ ดงั น้ี
๑) นง่ั พบั เพยี บให้เรียบรอ้ ย ไม่นงั่ สูงกวา่ พระสงฆ์
๒) ไม่พดู ลอ้ เล่น ไม่พดู หยาบโลน ไม่ยกตวั ตเี สมอคลา้ ยเพอื่ น
หรือยกตวั สูงกวา่
๓) ถา้ พระภิกษสุ งฆร์ ูปน้นั เป็นพระผใู้ หญ่ ใหป้ ระนมมือพดู กบั
ท่านทุกคร้งั ท่กี ราบเรียนทา่ น และรบั คาํ พดู ของทา่ น ในกรณีทีผ่ เู้ ขา้ อบรม
พระวิทยากรกระบวนธรรมกลมุ่ คลนิ ิกคณุ ธรรม
คมู่ อื พระวทิ ยากรกลมุ่ คลนิ กิ คณุ ธรรม ๖๐
เป็ นเยาวชน นกั เรียน นกั ศึกษา ควรแนะนาํ ใหป้ ระนมมือทุกคร้ังใน
ขณะท่สี นทนาธรรมถามตอบกบั พระภกิ ษสุ งฆ์ เพอ่ื ฝึกใหเ้ กิดเป็ นความ
เคยชินเป็ นบุคลิกลกั ษณะนิสยั ทด่ี ีงาม และเป็นแบบอยา่ งใหแ้ ก่บคุ คลอ่ืน
ไดด้ ว้ ย
บทกลอนสุภาษติ ข้อคดิ คตธิ รรม คาํ คม
- ความอ่อนนอ้ มถอ่ มตน ไม่เคยทาํ ใหค้ นเสียหาย
- ความอ่อนนอ้ มถอ่ มตน เป็นมนตอ์ นั ศกั ด์ิสิทธ์ิ
- ความอ่อนนอ้ มถ่อมตน ทาํ ใหค้ นกา้ วหนา้
- ความเยอ่ หยงิ่ ยโส ทาํ ใหป้ ระสบความลม้ เหลว
- การยกมือไหวค้ นอื่น ไม่ไดท้ าํ ใหเ้ ราตกต่าํ ลง แต่กลบั จะทาํ ให้
เราสูงส่งและเจริญยง่ิ ข้นึ
- แทท้ ่ีจริง การยกมือไหวค้ นอื่น ก็คอื การบูชาคุณงามความดีใน
จิตใจของตนเอง
- บุคคลท่เี ป็ นใหญ่จริง มกั จะมีความอ่อนนอ้ มถ่อมตนเสมอ
วธิ ีการจดั กิจกรรม
ก. พระวิทยากรจัดระเบียบแถวผู้เข้ารับการฝึ กอบรมให้มี
ระยะห่างมากพอสาํ หรบั การฝึกกราบ ฝึกไหวไ้ ดอ้ ยา่ งสะดวก
ข. เกร่ินนาํ ใหผ้ ูเ้ ขา้ รับการฝึ กอบรมเห็นถึงความสาํ คญั ของการ
เรียนรู้เร่ืองมารยาทชาวพุทธ ดว้ ยการให้ดูส่ือวดี ีทศั น์ หรือทดสอบถาม
เล่านิทานประกอบการบรรยาย เช่น พระวิทยากรถามผูเ้ ขา้ ร่วมอบรมวา่
พระวิทยากรกระบวนธรรมกลมุ่ คลนิ ิกคณุ ธรรม
ค่มู ือพระวิทยากรกลมุ่ คลนิ กิ คณุ ธรรม ๖๑
ส่วนที่สูงที่สุดของตน้ ไมเ้ ขาเรียกว่าอะไร? คาํ ตอบคือ ยอดไม้ ถามตอ่ วา่
ยอดไมอ้ ่อนหรือแขง็ ? คาํ ตอบคือ อ่อน คนเราก็เหมือนกนั คนทีจ่ ะข้ึนสู่ที่
สูงได้ เป็ นยอดคนได้ ต้องเป็ นคนท่ีมีความอ่อนน้อมถ่อมตน, พระ
วิทยากรอาจจะถามต่อว่า ลวดกับเหล็กอันไหนแข็ง? (เหล็ก) อันไหน
สามารถรดั อนั ไหนได้ (ลวดรัดเหล็ก) ลวดที่อ่อนสามารถรดั เหล็ก
ที่แขง็ ได้ คนเราก็เหมือนกนั ให้เอาชนะคนท่ีสูงกว่าดว้ ยความอ่อนน้อม
ถ่อมตน เอาชนะคนบางคนดว้ ยการเฉย, นี่คือธรรมชาติสอนคนในทาง
พระพุทธศาสนาให้ความสําคญั อยา่ งมากเก่ียวกับการทาํ ความเคารพ
ความอ่อนนอ้ มถ่อมตน ดงั ในหลกั การสร้างบุญสร้างความดี(บุญกิริยา
วตั ถุ ๑๐) ขอ้ ที่ 4 กล่าวว่า "อปจายนมัย" การทาํ บุญดว้ ยการอ่อนนอ้ มถ
อมตน แม่แต่บทอาํ นวยพร ท่ีพระท่านกล่าวเป็ นภาษาบาลี บ่อยมากท่สี ุด
คือ บทว่า "อภิวาทะนะสีลิสสะ นิจจัง วุฑฒาปะจายิโน จัตตาโร ธัมมา
วัฑฒันติ อายุ วัณโณ สุขัง พะลัง" แปลเป็ นภาษาไทยว่า"พรส่ีประการ
คอื อายุ วรรรณะ สุขะ พละ ยอ่ มเจริญแก่ผทู้ ีม่ ีปกติใหว้ กราบ มีปกติอ่อน
นอ้ มถ่อมตน ตอ่ ผใู้ หญอ่ ยเู่ ป็นนิตย"์
ดังน้ัน ทุกคร้ังที่เรายกมือไหวเ้ คารพผูใ้ หญ่ น้ันเป็ นการทาํ บุญ
สร้างคุณงามความดีให้แก่ตนเอง พระพุทธเจา้ ตรัสรับรองไวว้ ่า "คนที่
รู้จกั ขนบธรรมเนียม ยอ่ มเคารพผูห้ ลกั ผูใ้ หญ่ ในชาติน้ีก็มีผูส้ รรเสริญ
ชาตหิ นา้ กไ็ ปดี" เป็นตน้
พระวิทยากรกระบวนธรรมกลมุ่ คลนิ ิกคณุ ธรรม
ค่มู อื พระวทิ ยากรกลมุ่ คลนิ ิกคณุ ธรรม ๖๒
ค. พระวิทยากรสาธิตแสดงท่าทางประกอบ และใหผ้ ูเ้ ขา้ รับการ
ฝึกอบรม ฝึกปฏิบตั จิ ริงตามลาํ ดบั
- การไหว้ ๕ แบบ พระวทิ ยากรสาธิตเป็ นตวั อยา่ ง ใหผ้ เู้ ขา้ รบั
การฝึกอบรมฝึกปฏบิ ตั จิ ริง
- การกราบพระรตั นตรัย พระวทิ ยากรสาธิตเป็นตวั อยา่ ง ใหผ้ เู้ ขา้
รับการฝึกอบรมฝึกปฏบิ ตั จิ ริง
- การหมอบกราบ พระวทิ ยากรสาธิตเป็ นตวั อยา่ ง ใหผ้ เู้ ขา้ รับการ
ฝึกอบรมฝึกปฏิบตั จิ ริง
- การลุก การนง่ั การเปลี่ยนทา่ นง่ั สาธิตเป็ นตวั อยา่ ง ใหผ้ เู้ ขา้ รบั
การฝึกอบรมฝึกปฏบิ ตั ิจริง
ง. พระวิทยากรบรรยาย พร้อมกับเลือกผูเ้ ขา้ รับการฝึ กอบรม
ออกมาสาธิตเกี่ยวกับมารยาทในการเดินสวนทางพระสงฆ์ การเดิน
ตามหลงั พระสงฆก์ ารทาํ ความเคารพเวลาพระสงฆย์ นื อยู่ นงั อยู่ การเดิน
ตามหลงั พระสงฆ์ และการสนทนาธรรมกบั พระภกิ ษุสงฆ์
ฉ. พระวทิ ยากรและผเู้ ขา้ รับการฝึกอบรมช่รน+9วยกนั สรุป โดย
ใชบ้ ทกลอน สุภาษิต หรือ วธิ ีอื่นทีเ่ หมาะสมมาประกอบ เช่น ดูภาพ ดูสื่อ
มารยาทที่ปฏิบตั ิถูกตอ้ งเป็ นตวั อยา่ ง เช่น มารยาทเป็ นดงั เบา้ หล่อหลอม
ทางวฒั นธรรมอนั งตงาม ที่ทาํ ใหผ้ ูค้ นในสงั คมสามารถดาํ รงอยรู่ ่วมกนั
ไดเ้ ป็ นอยา่ งดี ช่วยก่อให้เกิดลกั ษณะนิสัยท่ีพ่ึงประสงค์ คือ ความสุภาพ
พระวิทยากรกระบวนธรรมกลมุ่ คลนิ กิ คณุ ธรรม
ค่มู อื พระวิทยากรกลมุ่ คลนิ ิกคณุ ธรรม ๖๓
เรียบร้อย ความเคารพนอบน้อม ความช่ืนชม รักใคร่ เอ็นดู และสร้าง
ความประทบั ใจแก่ผพู้ บเห็น ดงั คาํ กล่าวท่ีวา่
“ความสวยสะดดุ ตา แต่ความดีสะดุดใจ” “ วชิ าสร้างอํานาจ
มารยาทสร้ างเสน่ ห์ ”
พระวิทยากรกระบวนธรรมกลมุ่ คลนิ กิ คณุ ธรรม
ค่มู อื พระวิทยากรกลมุ่ คลนิ ิกคณุ ธรรม ๖๔
กจิ กรรม ตามหาหวั ใจ
ข้นั ตอนการเตรียมการ (ก่อนการจดั งาน)
- ใหต้ ดั กระดาษแขง็ สีเป็นรูปหวั ใจ
- เขยี นรายการดงั ต่อไปน้ีตามลาํ ดบั แถว คอื ชื่อกลุ่ม/คาํ แปลชื่อ
กลุ่ม/พทุ ธศาสนสุภาษิต-คาํ แปลพทุ ธศาสนสุภาษติ
- ตดั หวั ใจเป็นจิ๊กซอร์ตามจาํ นวนผเู้ ขา้ อบรม และเหลือหน่ึงชิ้น
ใหพ้ ระวทิ ยากร (หากมีครูหรือพเี่ ล้ียงประจาํ กลุ่มกใ็ หต้ ดั แบง่ ใหด้ ว้ ย)
พระวิทยากรกระบวนธรรมกลมุ่ คลนิ ิกคณุ ธรรม
ค่มู ือพระวทิ ยากรกลมุ่ คลนิ กิ คณุ ธรรม ๖๕
- นาํ หวั ใจที่ตดั ไวม้ ามอบใหพ้ ระวทิ ยากรประจาํ กลุ่ม ๑ ช้ิน (หาก
มีครูหรือพี่เล้ียงก็อีกคนละชิ่น) แลว้ นาํ ท่ีเหลือมาคละกันในภาชนะที่
เตรียมไวส้ กั ๔-๕ ใบ ใหแ้ บง่ ในแต่ละถงั ตามปริมาณเท่าๆ กนั
ข้นั ตอนการดาํ เนินกจิ กรรม
- พระวิทยากรแนะนําผูเ้ ข้าอบรมว่า "กิจกรรมต่อไปชื่อว่า
กิจกรรมตามหาหัวใจ" แล้วให้สัญญาณโดยให้คณะครู หรือพ่ีเล้ียงนํา
ภาชนะที่เตรียมไวม้ าเดินให้ผูเ้ ขา้ อบรมจบั เลย หรือจะกาํ หนดให้ผูเ้ ขา้
อบรมนงั่ สมาธิหลบั ตาแลว้ คณะครู หรือพเ่ี ล้ียงจะวางใหก้ ็ได้
- เม่ือแจกเสร็จแลว้ พระวทิ ยากรใหส้ ญั ญาณวา่ "เร่ิมตามหาหวั ใจ
ได"้
- เมื่อผูเ้ ขา้ อบรมต่อจนเกือบเสร็จจะพบวา่ ช้ินส่วนหายไปหน่ึง
ช้ินก็ใหพ้ ระวทิ ยากรแนะนาํ เพมิ่ เตมิ วา่ "ตอนน้ีเรามาอยรู่ ่วมกนั เราทกุ คน
จึงตอ้ งมีใจเดียวกนั สามคั คีกนั แลว้ คิดวา่ ช้ินส่วนหวั ใจที่เหลือน่าจะอยู่
กบั ใครมากที่สุด" ผูเ้ ขา้ อบรมก็จะเดินเขา้ มาหา พระอาจารยก์ ็จะแนะนาํ
ให้ไหวห้ รือกราบเป็ นเบ้ืองตน้ ก่อนจะมอบหัวใจให้ไป พระวิทยากร
แนะนําให้ผูเ้ ขา้ อบรมลอ้ มเป็ นวงกลม โดยนาํ อาสนะหรือเกา้ อ้ีให้พระ
วทิ ยากรประจาํ กลุ่มนง่ั เพอ่ื เขียนป้ายชื่อ และแนะนาํ ดวั กนั เองในกลุ่ม
พระวิทยากรแน ะนํา หลัก ธ รรม พ ร้อมแล กเ ปลี่ ยน เ รี ย น รู้ กับ
สมาชิกภายในกลุ่มท่านอ่ืนๆ วา่ เมื่อเห็นหลกั ธรรมน้ีแลว้ นึกถึงเร่ืองราว
พระวทิ ยากรกระบวนธรรมกลมุ่ คลนิ ิกคณุ ธรรม
คมู่ ือพระวทิ ยากรกลมุ่ คลนิ กิ คณุ ธรรม ๖๖
อะไรบา้ ง ผลดั กนั เล่า และพระวิทยากรประจาํ กลุ่มช่วยสรุปพร้อมกบั นาํ
วา่ พทุ ธศาสนสุภาษิตตอ่ ไป
พระวิทยากรกระบวนธรรมกลมุ่ คลนิ กิ คณุ ธรรม
คมู่ ือพระวทิ ยากรกลมุ่ คลนิ ิกคณุ ธรรม ๖๗
พระวทิ ยากรสรุปกิจกรรม โดยใหผ้ เู้ ขา้ รับการอบรมช่วยกนั สรุป
ขอ้ คดิ ท่ีไดจ้ ากการทาํ กิจกรรม เช่น
(๑) เวลาเราต่อหัวใจเราเดินไปหาเขาหรือเรียกให้เขาเขา้ มา ก็
เหมือนชีวิตจริงหากเรามีปัญหาก็ตอ้ งเดินเขา้ ไปหากลั ยาณมิตรให้ช่วย
ไม่ใช่รอเวลาจะใหใ้ ครมาช่วยอยา่ งเดียว
(๒) การต่อรูปหัวใจ ระหว่างที่มีตวั อกั ษร กบั ที่วา่ งอนั ไหนต่อ
ยากกว่ากนั ทุกคนจะบอกว่าไม่มีตวั อักษรต่อยาก ก็เหมือนชีวิตตอ้ งมี
หลกั ธรรมหรือวชิ าความรู้ก่อนจึงจะสามารถตอ่ สูอ้ ุปสรรคปัญหาที่เขา้ มา
ได้ แตก่ บั คนไม่มีธรรมะหรือความรู้กม็ กั จะเดินทางผดิ ไดง้ ่ายเช่นกนั
(๓) ให้แต่ละกลุ่มส่งตัวแทนภายในกลุ่มได้ร่ วมแบ่งปั น
ป ร ะ ส บ ก า ร ณ์ เ ก่ี ย ว กับ ห ลัก ธ ร ร ม ภ า ย ใ น ก ลุ่ ม แ ล ะ ส่ ง ตัว แ ท น ม า เล่ า
เรื่องราวท่ีไดแ้ บ่งปันกนั
(๔) เป้าหมายของกติกาสัญญาใจ คือ ทุกสังคมตอ้ งมีกติกาใน
การควบคุมกายและวาจาในการอยรู่ ่วมกนั ซ่ึงในที่น่ีจะเนน้ ดว้ ยธรรมะ
แต่ละหมวดคือ เก่ง, ดี, ดูดี, มีความสุข โดยยดึ เป็ นธรรมประจาํ ใจในการ
สร้างบคุ ลิกในแนวทางเหล่าน้ี พรอ้ มกบั ใหท้ ุกกลุ่มวา่ พทุ ธศาสนสุภาษิต
ทกุ วนั หรือทกุ คร้งั ที่มีโอกาส
พระวิทยากรกระบวนธรรมกลมุ่ คลนิ ิกคณุ ธรรม
ค่มู อื พระวิทยากรกลมุ่ คลนิ ิกคณุ ธรรม ๖๘
กจิ กรรม สายนํา้ แห่งชีวติ
จดุ มุ่งหมายของกจิ กรรม
กิจกรรมสายน้ําแห่งชีวิต ช่วยให้ผูเ้ ข้าอบรมไดม้ องชีวิตของ
ตวั เองผา่ นภาพทีว่ าดลงไป ซ่ึงในรายละเอียดของภาพที่วาดน้นั ลว้ นเป็ น
สัญลักษณ์ท่ีสะท้อนความรู้สึกของผูว้ าดเอง ไม่ว่าจะเป็ นสีท่ีใช้วาด
รู ปภาพท่ีปรากฏ ตลอดถึงภาพรวมของภาพท่ีระบายลงไป ใน
แผ่นกระดาษลว้ นสะทอ้ นให้เห็นตวั ตนของคนๆน้นั ไดเ้ สมอ กิจกรรมน้ี
ทาํ ให้ผเู้ ขา้ อบรมไดร้ ะบายความรู้สึกท่ีอดั อ้นั ตนั ใจ ไม่กลา้ บอกใคร แต่
สามารถสื่อผา่ นภาพได้ ท้งั ยงั เป็ นการกระตุน้ ให้ผูว้ าดไดเ้ รียนรู้ท่ีจะเปิ ด
ใจ และรู้จกั รับฟังผูอ้ ่ืนดว้ ยการฟังอย่างมีสติ ซ่ึงจะช่วยให้ได้รับขอ้ คิด
มุมมองทีม่ ีประโยชน์ต่อการพฒั นาตนเองใหด้ ียงิ่ ๆ ข้นึ ไป
กิจกรรมสายน้าํ แห่งชีวติ เป็ นเคร่ืองมือชนิดหน่ึงในการกลบั ยอ้ น
มามองตนเองใหต้ ระหนกั รู้ กลบั มาดูชีวติ เป็นกระบวนการทาํ ใหเ้ กิดการ
รูต้ นเอง กลา้ ทจ่ี ะเปิ ดเผยตน ท่ีจะพดู ถึงตนเอง ทาํ ใหไ้ ดท้ บทวนตนเอง
โดยอาศยั ภาพวาดเป็นเคร่ืองสะทอ้ นเร่ืองราว ในขณะเดียวกนั กไ็ ดเ้ รียนรู้
คนอ่ืนดว้ ย ผนู้ าํ กิจกรรมจะไดเ้ รียนรู้ผเู้ ขา้ อบรมผา่ นกิจกรรมน้ี
พระวทิ ยากรกระบวนธรรมกลมุ่ คลนิ ิกคณุ ธรรม
ค่มู อื พระวิทยากรกลมุ่ คลนิ กิ คณุ ธรรม ๖๙
วัตถุประสงค์
๑. เพอ่ื ใหผ้ เู้ ขา้ รบั การอบรมไดฝ้ ึกทีจ่ ะมองดูตวั เองผา่ นภาพวาด
เพอ่ื ตระหนกั รูใ้ นขอ้ บกพร่องของตวั เอง
๒. เพอื่ ใหผ้ เู้ ขา้ อบรมไดเ้ รียนรู้ท่จี ะพดู และฟังอยา่ งลึกซ้ึงอนั จะ
นาํ ไปสู่การแลกเปลี่ยนขอ้ คิด มุมมองท่ีก่อใหเ้ กิดประโยชน์
ระหวา่ งผเู้ ขา้ อบรมดว้ ยกนั
๓. เพอื่ ใหผ้ เู้ ขา้ อบรมไดร้ ู้จกั ทจี่ ะต่อยอดคุณคา่ ทต่ี วั เองมีอยแู่ ละ
ส่ิงดี ๆ ทไ่ี ดร้ ับจากผอู้ ื่น อนั จะนาํ ไปสู่การพฒั นาทางอารมณ์
ความคดิ สติปัญญา ใหม้ ีความเขา้ ใจในทางทถี่ ูกตอ้ ง
วธิ ีการดาํ เนินงาน
๑. พระวิทยากรเล่าเรื่องว่า "ชีวติ ท่ีเปรียบเหมือนกบั สายน้าํ สาย
หน่ึงสายน้าํ น้นั ตอ้ งผา่ นอะไรมาบา้ ง จากสายน้าํ เล็กๆทม่ี ีสายฝนทตี่ กจาก
ฟ้ามาหล่อเล้ียงจนมากพอ กลายเป็ นหว้ ย หนอง คลอง บึง แม่น้าํ ทะเล
จนกระทั่งเป็ นมหาสมุทร สายน้ําสายน้ีมีรายละเอียดหลายอย่าง
เหมือนกับชีวิตของเรา ก็ตอ้ งผ่านเรื่องราวมามากมาย แต่ละคนก็ไม่
เหมือนกนั บา้ งก็ดี บา้ งก็ร้าย คละเคลา้ กนั ไป แต่เราก็สามารถที่จะเรียนรู้
ใหช้ ีวติ ดีข้ึน มีความหมายมากข้ึน จากทุกเร่ืองที่ผ่านเขา้ มาในชีวิตของ
เราเสมอ
๒. หลงั จากอธิบายเกี่ยวกบั สายน้าํ แห่งชีวติ แลว้ ก็แจกกระดาษ
และสีเทยี น หรือสีท่ีใชร้ ะบายภาพใหผ้ เู้ ขา้ อบรม แลว้ ใหท้ กุ คนวาดภาพ
พระวิทยากรกระบวนธรรมกลมุ่ คลนิ ิกคณุ ธรรม
ค่มู อื พระวทิ ยากรกลมุ่ คลนิ กิ คณุ ธรรม ๗๐
ลงไปในแผน่ กระดาษน้นั อาจจะใชภ้ าพหลกั เป็ นสายน้าํ แลว้ มีภาพอ่ืนๆ
เขา้ มาประกอบดว้ ย หรือวาดภาพทีต่ วั เองรู้สึกอยากบอกเลา่ ความรู้สึกท่ี
ซ่อนอยภู่ ายในใจกไ็ ด้ โดยใหม้ ีเร่ืองราวทเ่ี กี่ยวกบั ตวั เองมากทีส่ ุด
๓. เม่ือวาดเสร็จเรียบรอ้ ย ก็ใหแ้ ตล่ ะคนหรือทุกคนที่อยใู่ นกลุ่ม
เล่าสู่กนั ฟัง โดยภาพเป็นส่ือในการบอกเล่าความรู้สึก แต่ถา้ ในกรณีกลุ่ม
ใหญเ่ กินไป อาจใหส้ ่งตวั แทนของกลุ่มน้นั ๆมาเล่า สุดแทแ้ ต่เวลาหรือ
บรรยากาศจะอาํ นวยใหก้ ิจกรรมน้นั ดาํ เนินไปได้ หรือผอู้ บรมมีความสุข
ทจ่ี ะเลาชีวติ ของ
๔. เม่ือผเู้ ขา้ อบรมเล่าจบลง พระวทิ ยากรก็ใหข้ อ้ คดิ เรื่องชีวติ ท่ี
เปรียบเหมือนสายน้าํ แลว้ เพม่ิ เติมขอ้ คดิ ทช่ี ่วยตอ่ ยอดสติปัญญาใหก้ บั ผู้
เขา้ อบรม เพอื่ นาํ ไปคดิ ตอ่ ยอดใหเ้ กิดประโยชนส์ ูงสุดสาํ หรบั ตนเอง
พระวทิ ยากรกระบวนธรรมกลมุ่ คลนิ กิ คณุ ธรรม
ค่มู ือพระวทิ ยากรกลมุ่ คลนิ กิ คณุ ธรรม ๗๑
กจิ กรรมชีวติ และจติ ใจ
จดุ มุ่งหมายของกิจกรรม
ชีวิตและจิตใจ เป็ นกิจกรรมท่ีชวนให้ผูเ้ ข้ารับการอบรมได้
ท บ ท ว น ถึ ง ห น ท า ง แ ห่ ง ก า ร ดํา เ นิ น ชี วิ ต ท่ี ผ่ า น ม า ว่ า ไ ด้ป ร ะ ส บ กับ
เหตกุ ารณ์อะไรบา้ งทที่ าํ ใหต้ นเองมกั จะระลึกถึงดว้ ยความรู้สึกท่ีเบิกบาน
ใจ ภมู ิใจ ปล้ืมใจ กบั ชีวติ ในช่วงเวลาน้นั ๆ ทาํ ใหช้ ีวติ ของตนเองมีคุณค่า
น่ารกั ษาใหอ้ ยตู่ อ่ ไปยาวนานท่ีสุด เพอื่ ตนเองและบุคคลทม่ี องเห็นคุณค่า
ในชีวติ ของเรา เรื่องดงั กล่าวเป็นเร่ืองที่ตนเองดีใจทีส่ ุดในชีวติ ทผ่ี า่ นมา
แต่ในอีกมุมหน่ึงของชีวิตที่ผา่ นมาที่ทาํ ให้ชีวติ ตอ้ งพบกบั ความ
มืดมนโศกเศรา้ เสียใจ เป็นเร่ืองราวทีอ่ ยากจะลืม แตย่ ง่ิ พยายามลืมกลบั จาํ
ไดอ้ ยา่ งแม่นยาํ น่นั คือเร่ืองราวที่เสียใจทสี่ ุดในชีวติ ท้งั สองเร่ืองราวเป็ น
ส่ิงตอ้ งการใหผ้ เู้ ขา้ รบั การอบรมไดบ้ อกเล่าแลกเปล่ียนเรียนรูอ้ ยา่ งเห็นอก
เห็นใจกนั ใหก้ าํ ลงั ใจกนั เพอ่ื จะไดม้ ีกาํ ลงั ใจยนื ยดั ต่อไปไดอ้ ยา่ งไม่ย่อ
ทอ้ ตอ่ อุปสรรค
วัตถปุ ระสงค์
๑) เพื่อใหผ้ ูเ้ ขา้ รับการอบรมไดท้ บทวนถึงเร่ืองราว ที่ดีใจท่ีสุด
และเสียใจทสี่ ุด ท่ผี า่ นมาในชีวติ
๒) เพอื่ ให้ผเู้ ขา้ รับการอบรมไดแ้ สดงออกซ่ึงความรู้สึกตอ่ เพอื่ น
ที่นง่ั สนทนากนั ดว้ ยความเขา้ ใจ
พระวิทยากรกระบวนธรรมกลมุ่ คลนิ ิกคณุ ธรรม
คมู่ ือพระวิทยากรกลมุ่ คลนิ กิ คณุ ธรรม ๗๒
๓) เพอ่ื เป็นการประสานใจของผเู้ ขา้ รับการอบรมใหม้ ีความเป็น
หน่ึงเดียวกนั
วธิ ีการ
๑) แจกกระดาษให้คนละหน่ึงแผ่นให้น่ังทบทวน และเขียน
เร่ืองราวที่ดีใจท่สี ุดในชีวติ และเร่ืองราวทเี่ สียใจทสี่ ุดในชีวติ การใหผ้ เู้ ขา้
รับการอบรมได้เขียนก่อนเล่าเป็ นการทบทวนให้มีความชัดเจนกับ
เร่ืองราวมากยงิ่ ข้นึ เพราะไดผ้ า่ นกระบวนการคิดและเขยี น
๒) ให้ผูเ้ ขา้ รับการอบรมแยกยา้ ยไปนั่งพูดคุยกบั พระวิทยากร
ประจาํ กลุ่ม โดยท่ีพระวิทยากรเป็ นผูเ้ กร่ินนําเพื่อเขา้ สู่กิจกรรม และ
กาํ หนดเวลาใหเ้ หมาะสมกบั จาํ นวนสมาชิก โดยใหโ้ อกาสทุกคนไดเ้ ล่า
เร่ืองราวครบถว้ นทุกคนรวมท้งั พระวทิ ยากรดว้ ย การเล่าเร่ืองอาจจะเร่ิม
ดว้ ยเร่ือง ดีใจ หรือ เสียใจ ก่อนน้ัน ให้ถามความเห็นของสมาชิกส่วน
ใหญ่ เสียงส่วนใหญ่เห็นเป็ นอยา่ งไรก็ดาํ เนินตามน้นั การเริ่มตน้ เล่าเรื่อง
จะเร่ิมตน้ ท่ใี ครใหส้ มาชิกสมคั รใจก่อน หากไม่มีก็ใหเ้ ลือกคนแลว้ พดู จา
ส่ือสารไดด้ ีท่ีสุด จะทาํ ให้กิจกรรมดาํ เนินไปไดไ้ ม่ติดขดั เม่ือเล่าจบคน
หน่ึงก็เปิ ดโอกาสให้เพ่ือนๆ ที่ฟังอย่ไู ดถ้ ามไถ่ในประเด็นที่ไม่ชดั เจน
หรือยงั สงสัยอยู่ เมื่อจบคนหน่ึงให้เพ่ือนๆ ได้ให้กาํ ลังใจ และสาธุ ให้
เพอ่ื นพร้อมๆ กนั หน่ึงคร้ัง ดาํ เนินการดงั กล่าวไปเร่ือยๆ กระทงั่ จบหมด
ทุกคน
พระวทิ ยากรกระบวนธรรมกลมุ่ คลนิ ิกคณุ ธรรม
ค่มู ือพระวทิ ยากรกลมุ่ คลนิ ิกคณุ ธรรม ๗๓
๓) เม่ือทุกคนเล่าจบแลว้ พระวิทยากรประจาํ กลุ่มก็ใหท้ ุกคนได้
ช่วยกบั สรุปกิจกรรมบอกถึงความรู้สึกที่ไดจ้ ากการทาํ กิจกรรมแลว้ พระ
วทิ ยากรประจาํ กลุ่มจึงสรุปปิ ดทา้ ยใหข้ อ้ คิดใหก้ าํ ลงั ใจ จากน้นั ก็กราบลา
แยกยา้ ยเขา้ ทาํ กิจกรรมอ่ืนตอ่ ไป
ตวั อย่างการดาํ เนินการภายในกลุ่ม
ขอใหท้ ุกคนนง่ั เป็ นคร่ึงวงกลม ใหส้ ามารถมองเห็นหนา้ กนั ทกุ
คนนะ เม่ือทุกคนพร้อมแลว้ กราบพระอาจารยพ์ ร้อมกนั สามคร้ังพร้อม
แล้วกราบๆ ให้ทุกคนน่ังสบายๆ แต่เรียบร้อยนะ บรรยากาศท่ีนี่เป็ น
อยา่ งไรบา้ ง เป็ นธรรมชาติดีไหม น่ีชื่ออะไรกนั บา้ งหละ
เอาหละเม่ือก้ีตอนอยใู่ นห้องประชุม พระอาจารยใ์ หพ้ วกเราได้
เขียน เร่ืองท่ีดีใจี่สุดและ เร่ืองท่ีเสียใจท่ีสุด ทุกคนเขียนเสร็จแล้วนะ
ต่อไปน้ีเราจะมาเล่าสู่กนั ฟัง โดยท่ีพระอาจารยม์ ีกติกาให้เรา คือ เม่ือเรา
เล่าตอ้ งดว้ ยความต้งั ใจ เมื่อเราฟังตอ้ งฟังอยา่ งต้งั ใจนะ ตกลงตามน้ีนะเรา
จะเร่ิมตน้ จากใครก่อนดี ใครพร้อมก่อนเล่าก่อนไดเ้ ลยนะ เราไดฟ้ ังเพอ่ื น
เราเล่ามา เราไดข้ อ้ คิด และรู้สึกกบั เร่ืองราวอยา่ งไรบา้ ง ใหแ้ สดงความคิด
มาทกุ คน
เอาหละเร่ืองเล่าท้งั หมดท่ีพวกเราได้เล่าน้ีมีท้งั สุขและเศร้าน่ี
แหละทเ่ี รียกวา่ มนุษย์ ขอใหเ้ ราเรียนรู้เรื่องราวเหล่าน้ีดว้ ยความเขา้ ใจและ
รู้จกั แยกแยะเป็ นบทเรียนสําหรับชีวิตของเราต่อไป เรื่องราวที่เป็ น
พระวทิ ยากรกระบวนธรรมกลมุ่ คลนิ กิ คณุ ธรรม
ค่มู ือพระวิทยากรกลมุ่ คลนิ ิกคณุ ธรรม ๗๔
กาํ ลงั ใจขอใหเ้ ราไดเ้ ก็บเอาไวใ้ นยามทอ้ แท้ ส่วนเร่ืองราวแยๆ่ ที่ผ่านเขา้
มาในชีวติ เราก็ขออยา่ ให้มนั เกิดข้ึนอีก ถือเป็ นบทเรียนสาํ หรับชีวิตของ
เราทุกคน
วธิ ีการสรุป
เราแตล่ ะคนควรมีกาํ ลงั ใจ และกาํ ลงั ใจน้นั อาจมาจากคนรอบขา้ ง
เราจะเห็นวา่ ทกุ คนเคยผดิ พลาด แต่ทุกความผดิ พลาดจะเป็ นครูคอยเตอื น
ใหเ้ ราไม่ผดิ อีกเรามานงั่ สงบและทบทวนคุณค่าภายในตวั เอง
พระวิทยากรกระบวนธรรมกลมุ่ คลนิ ิกคณุ ธรรม
ค่มู อื พระวทิ ยากรกลมุ่ คลนิ กิ คณุ ธรรม ๗๕
กจิ กรรม เพื่อชีวติ ดงี าม
จดุ มุ่งหมายของกจิ กรรม
กิจกรรมน้ีเป็ นการส่ือให้ผูเ้ ขา้ อบรมได้รู้จกั มองให้เห็นท้งั ขอ้ ดี
และขอ้ บกพร่องท่ีตวั เองมีอยู่ ในส่วนของการมองผูอ้ ่ืนน้นั ก็เพือ่ ใจเรา
รู้จกั ท่ีจะมองในมุมที่ดีของเขาเป็ นหลกั และรู้จกั ให้กระตุน้ ให้กาํ ลงั ใจ
ผูอ้ ื่น โดยมีส่ิงดีๆ ที่เขามีอยนู่ ้ันเป็ นจุดเปล่ียนที่ให้เขาไดร้ ู้จกั ที่จะเห็น
คุณค่าของตน เพ่ือการพฒั นาชีวติ ของตนใหม้ ีความดีงาม กิจกรรมน้ีเนน้
ให้ผูอ้ บรมได้รู้จกั ทบทวนท้งั ขอ้ ดีและขอ้ บกพร่องท่ีแต่ละคนมีอยู่แลว้
นาํ ไปสู่การปรับเปล่ียนเรียนรู้ใหช้ ีวติ มีพฒั นาการใหเ้ กิดความดีงามยงิ่ ๆ
ข้ึนไป อนั จะส่งผลตอ่ การมีชีวิตท่ีมีความสุข มีความหมายต่อทุกสิ่งทีต่ วั
เราไดเ้ ขา้ ไปเกี่ยวขอ้ งมากข้ึนอยา่ งไม่มีไม่มีที่สิ้นสุด
วตั ถุประสงค์
๑) เพ่ือให้ผูเ้ ขา้ อบรมรู้จกั มองเห็นขอ้ ดีและข้อบกพร่องของ
ตวั เอง แลว้ นาํ ไปสู่การพฒั นาส่ิงทไี่ ดร้ ู้จกั ใหด้ ีข้นึ
๒) เพอ่ื ใหผ้ เู้ ขา้ อบรมรู้จกั มองคนอ่ืนในแง่ดีแลว้ กระตนุ้ ให้คนๆ
น้นั ไดม้ องเพอื่ ใหผ้ ูเ้ ขา้ อบรมท้งั หมดรู้จกั นาํ ท้งั ขอ้ ดีและขอ้ บกพร่องท่ีแต่
ละคนมีอยู่ ไปสู่การพัฒนาให้มีการเปล่ียนแปลงในทางท่ีดีมากข้ึน
กวา่ เดิม
พระวิทยากรกระบวนธรรมกลมุ่ คลนิ กิ คณุ ธรรม
ค่มู อื พระวิทยากรกลมุ่ คลนิ ิกคณุ ธรรม ๗๖
วธิ ีการ ๑) กระดาษขนาด A ๔ ตามจาํ นวนผเู้ ขา้ อบรม
๒) ปากกาสาํ หรบั เขียนขอ้ ความ
๓) สีสาํ หรับเพิ่มสีสันในแผน่ กระดาษน้นั (ถา้ ตอ้ งการใหแ้ ผน่ ท่ี
เขียนดูมีความสวยงาม)
ข้นั ตอนการดาํ เนินกจิ กรรม
๑) พระวทิ ยากรช้ีแจงกฎกติกาในการประกอบกิจกรรมโดยให้ผู้
เข้าอบรมรู้จักมองให้เห็นข้อดีของตัวเองอย่างน้อยสัก ๕ ข้อและ
ขอ้ บกพร่องของตวั เองสกั ๕ ขอ้ เช่นกนั แลว้ ใหล้ งมือเขียนตามท่ีตวั เอง
ไดค้ ิดไว้ ตอ้ งเนน้ ให้ผูเ้ ขา้ อบรมคดิ อยา่ งแยบคายในเรื่องท่ีจะเขยี นลงไป
ดว้ ย
๒) หลงั จากเขียนขอ้ ดีและขอ้ บกพร่องของตวั เองเรียบร้อยแลว้
พระวทิ ยากรก็ให้ผูเ้ ขา้ อบรมรู้จกั มองใหเ้ ห็นคนอื่น หรือคนในกลุ่มของ
ตวั เองวา่ เขามีขอ้ ดีคอื อะไร ตอ้ งย้าํ ใหช้ ดั เสมอวา่ "ตอ้ งใหเ้ ป็ นเฉพาะขอ้ ดี
เทา่ น้นั " ส่วนขอ้ บกพร่องไม่ตอ้ งเขยี นลงในกระดาษของคนอื่น
๓) เม่ือช้ีแจงวิธีการเรียบร้อยแลว้ พระวิทยากรให้ผูเ้ ขา้ อบรมลง
มือเขยี นเป็นรูปหัวใจลงไปในกระดาษทีก่ าํ หนดไว้ แลว้ แต่ผเู้ ขา้ อบรมจะ
เขียนรูปหัวใจขนาดใด ตามแต่ท่ีแต่ละคนตอ้ งการส่ือความหมายจาก
พระวิทยากรกระบวนธรรมกลมุ่ คลนิ ิกคณุ ธรรม
ค่มู ือพระวิทยากรกลมุ่ คลนิ ิกคณุ ธรรม ๗๗
ความรู้สึกของตนเอง ถา้ มีขนาดใหญ่ก็จะดีมาก เพราะขอ้ ความของคนอ่นื
ทีจ่ ะเขียนลงไปควรอยใู่ นรูปหวั ใจน้นั ดว้ ย
๔) พระวทิ ยากรใหผ้ เู้ ขา้ อบรมแยกกลุ่มและนัง่ เป็ นวงกลมแล้ว
ใหผ้ เู้ ขา้ อบรมแต่ละกลุ่มน้นั เวียนกระดาษไปทาง "ขวามือ" ของตวั เอง
หลงั จากน้นั แต่ละคนที่ไดร้ ับกระดาษของผูอ้ ื่น ก็ลงมือเขียนขอ้ ดีของคน
ที่ตัวเองได้รับกระดาษแผ่นน้ันมา ก่อนเขียนควรมองไปที่เจ้าของ
กระดาษแผน่ ทม่ี ีอยดู่ ว้ ย เพราะจะทาํ ให้เราไดม้ ีโอกาสสาํ รวจส่ิงดีๆ ที่เขา
มีอยอู่ ยา่ งผูร้ ู้จกั พิจารณา ยกตวั อยา่ งขอ้ ความที่เขียนลงในกระดาษของ
ผอู้ ่ืน เช่น "เอ... ดูเป็ นคนใจดี จริงใจ และมีความมุ่งมนั่ ในเป้าหมายใน
ชีวติ สูงมาก, บี.. ดูเป็ นคนท่ียมิ้ สวย เวลายม้ิ จะดูมีเสน่ห์มากๆ, ซี..- เป็ น
คนทม่ี ีความเช่ือมน่ั ในตวั เองสูง แตก่ ด็ ูเป็นคนอ่อนโยนเสมอ"
๕) หลงั จากเขียนเสร็จแต่ละแผน่ แล้ว ก็ใหส้ ่งหมุนเวียนต่อไป
เรื่อยๆ ตามกลุ่มทต่ี วั เองอยรู่ ่วมกนั จนกวา่ จะไดเ้ ขียนขอ้ ดีของสมาชิกใน
กลุ่มจนหมด เมื่อแผน่ กระดาษของตวั เองเวยี นมาถึงกใ็ หเ้ กบ็ ไว้
๖) เม่ือผูเ้ ขา้ อบรมเขียนเสร็จทุกคนแลว้ หากมีเวลาเหลือก็ใหแ้ ต่
ละคนหรือบางคนในกลุ่มอ่านขอ้ ความที่สมาชิกได้เขียนให้ทุกคนใน
กลุ่มไดฟ้ ัง เป็ นการสะทอ้ นภาพรวมของตวั เองผา่ นสิงท่คี นอื่นไดส้ ะทอ้ น
บอกไป
พระวิทยากรกระบวนธรรมกลมุ่ คลนิ กิ คณุ ธรรม
คมู่ ือพระวทิ ยากรกลมุ่ คลนิ ิกคณุ ธรรม ๗๘
๗) พระวิทยากรประจาํ กลุ่มสรุปความหมายของกิจกรรมเพ่อื
ชีวิตดีงาม" แลว้ ให้ขอ้ คิดผ่านกิจกรรมน้ี โดยเนน้ ใหผ้ เู้ ขา้ อบรมรู้จกั มอง
ใหเ้ ห็นคุณค่าของตวั เอง ในส่วนขอ้ บกพร่องท่แี ต่ละคนมีอยนู่ ้นั ก็ให้รู้จกั
ปรบั ปรุงแกไ้ ขใหด้ ีข้นึ สุดทา้ ยพระวทิ ยากรประจาํ กลุ่มก็ควรใหข้ อ้ คิดใน
เรื่องท่ีจะทาํ ให้ชีวติ มีแต่ดีงาม เช่น การรู้จกั มองโลกในแง่ดีการรู้จกั มอง
โลกและชีวติ ดว้ ยปัญญา การรู้จกั ทาํ สิ่งต่างๆ อยา่ งผูม้ ีวิจารณญาณ, การ
รู้จกั เลือกคบคนดี เป็ นตน้
วธิ ีการสรุป
- เราแต่ละคนมีท้งั จุดตีและจุดบกพร่องในตวั เอง จุดดีเราอาจ
มองเห็น แต่จุดบกพร่องถา้ เราไม่อคติในการมอง เราก็ควรใหเ้ พอื่ นช่วย
มองและสะทอ้ นใหเ้ ราเห็น
- เราควรมองแต่แง่ดีของคนอื่น และหากใครจะมีแง่ไม่ดีเราก็
ควรแนะนาํ ดว้ ยความเป็นกลั ยาณมิตร
- เรามานงั่ สงบและทบทวนคุณคา่ ภายในตวั เอง
พระวิทยากรกระบวนธรรมกลมุ่ คลนิ ิกคณุ ธรรม
ค่มู ือพระวิทยากรกลมุ่ คลนิ กิ คณุ ธรรม ๗๙
กจิ กรรม ต้นแบบต้นธรรม
แนวคดิ
การขบั เคล่ือนงานภายในชุมชนหรือองคก์ รให้มีประสิทธิภาพ
จาํ เป็ นตอ้ งอาศยั การมีส่วนร่วมของทุกคนที่ประสานเขา้ กันอยา่ งเป็ น
ระบบและเป็ นรูปธรรม รวมถึงการจดั การบริหารอยา่ งมีประสิทธิภาพ
โดยมีบุคคลท่ีเป็ นผูน้ าํ ที่เป็ นตน้ แบบและมีการเขา้ ใจชุมชนอยา่ งชดั เจน
เพอื่ ใหเ้ กิดการใชท้ รพั ยากรและสรา้ งประสิทธ์ิผลตอ่ ชุมชนอยา่ งยง่ั ยนื
กิจกรรมตน้ แบบตน้ ธรรมน้ีเป็ นกิจกรรมที่ให้ผูเ้ ขา้ รับการอบรม
แต่ละคนไดห้ าคนตน้ แบบแล้วหาหลกั ธรรมท่ีคนตน้ แบบน้ันมีนํามา
รวมกนั เป็ นคนใหม่ จึงเป็นตน้ แบบตน้ ธรรม
กิจกรรมน้ีทาํ ให้ผเู้ ขา้ รับการอบรมไดม้ ีมุมมองที่หลากหลาย ได้
เรียนรู้คุณธรรมทีส่ ามารถนาํ ไปเป็นแบบอยา่ งในการใชช้ ีวติ ไดจ้ ริง
พระวิทยากรกระบวนธรรมกลมุ่ คลนิ กิ คณุ ธรรม
คมู่ ือพระวิทยากรกลมุ่ คลนิ กิ คณุ ธรรม ๘๐
การท่ีนาํ แนวคิด แนวปฏิบตั ิ คุณธรรมของบุคคลตน้ แบบต้น
ธรรมมารวมกันแล้ว ทาํ ให้เกิดความหลากหลายทางความคิด แนว
ทางการปฏิบัติ ทําให้ผู้เข้าอบรมมีทางเลือกในการท่ีจะหยิบเอา
แนวความคิด แนวทางการปฏิบตั เิ หล่าน้นั มาสอนตนเองและบุคคลอื่นได้
อยา่ งเหมาะสมยง่ิ ข้ึน เมื่อเจอปัญหาก็ทาํ ให้ชีวิตมีทางเลือกมากข้ึน ถ้า
เปรียบเป็ นตน้ ไมก้ ็เป็ นตน้ ไมใ้ หญ่ท่ีให้ร่มเงาไดเ้ ยอะ เป็ นประโยชน์ต่อ
คนหมู่มาก
จุดประสงค์
๑. เม่ือส้ินสุดการอบรมผูเ้ ขา้ อบรมสามารถแสดงให้เห็น
บทบาทของผนู้ าํ การเปล่ียนแปลงตน้ แบบได้
๒. สามารถวิเคราะห์แนวทางในการปฏิบตั ิตนที่ดีในการ
เป็ นตน้ แบบของผนู้ าํ ได้
๓. สร้างทักษะการเป็ นผู้นําในการพัฒนาตนเองและ
หน่วยงานของตนเองได้
ข้นั ตอนการดาํ เนินกจิ กรรม
๑) พระวิทยากรพาผู้เข้าอบรมให้เบิกบานด้วยกิจกรรม
นันทนาการยอ่ ยเพ่ือให้เกิดความตื่นตวั พร้อมที่จะเขา้ ร่วม
กิจกรรมดว้ ยความสดใส
พระวทิ ยากรกระบวนธรรมกลมุ่ คลนิ กิ คณุ ธรรม
ค่มู ือพระวทิ ยากรกลมุ่ คลนิ กิ คณุ ธรรม ๘๑
๒) พระวทิ ยากรยกตวั อยา่ งบุคคลทีถ่ ือว่าเป็ นคนดี เป็ นคนเก่งมี
ความสามารถ เป็ นผูน้ าํ ในการเปล่ียนแปลงสังคมไปในทาง
ท่ดี ี
๓) พระวิทยากรอธิบายกฎกติกาและบอกเวลา โดยใหเ้ วลาคิด
และเตรียมประมาณ ๔๕ นาที (ไม่ควรเกิน ๑ ชวั่ โมง) และ
นาํ เสนอประมาณ ๕ นาที ไม่เกิน ๗ นาที
๔) ให้พระวิทยากรแบ่งกลุ่มตามผูเ้ ข้าอบรม เช่น หากเป็ น
ประชาชนก็ใหอ้ ยใู่ นชุมชนเดียวกนั หรือเป็ นนกั เรียนก็ให้
อยใู่ นช้นั เดียวกนั เป็นตน้
๕) กาํ หนดให้ผูเ้ ขา้ อบรมลองกาํ หนดคุณสมบตั ิของผูน้ าํ หรือ
คนดีในความคดิ ของตนเองวา่ ควรมีคุณสมบตั ใิ ดบา้ ง
๖) หลงั จากผเู้ ขา้ อบรมไดแ้ ลกเปล่ียนปรึกษาหารือกนั เรียบร้อย
แลว้ ใหล้ องนาํ คุณสมบตั ทิ ้งั หมดมาสรา้ งเป็ นบุคคลตวั อย่าง
ในการเป็นบุคคลตน้ แบบของผเู้ ขา้ อบรมเอง
๗) พระวทิ ยากรปล่อยให้ผูเ้ ขา้ อบรมทาํ งานกนั เอง โดยคอยเป็ น
พ่ีเล้ียงและดูแลอย่างใกลช้ ิด เพราะอาจจะเกิดเหตุการณ์
ความขดั แยง้ และความคิดที่แตกต่างกนั
พระวทิ ยากรกระบวนธรรมกลมุ่ คลนิ กิ คณุ ธรรม
คมู่ ือพระวิทยากรกลมุ่ คลนิ ิกคณุ ธรรม ๘๒
๘) หลงั จากน้นั ใหแ้ ต่ละกลุ่มออกมานาํ เสนอบุคคลตน้ แบบของ
กลุ่มตนเอง จะไดเ้ รียนรู้ถึงคุณสมบตั ิท่ีหลากหลายของแต่
ละกลุ่ม
ข้นั ตอนการสรุป
- ใหผ้ เู้ ขา้ อบรมช่วยกนั สรุปขอ้ คิดทไ่ี ดจ้ ากการทาํ กิจกรรม
- พระวทิ ยากรผนู้ าํ กิจกรรมสรุปเพมิ่ เตมิ วา่ คุณสมบตั ติ ่าง ๆ ท่ี
ผเู้ ขา้ รับการอบรมเขียนมาน้นั ตวั เราเองสามารถทาํ ไดม้ าก
นอ้ ยแคไ่ หน
พระวทิ ยากรกระบวนธรรมกลมุ่ คลนิ กิ คณุ ธรรม
ค่มู อื พระวทิ ยากรกลมุ่ คลนิ กิ คณุ ธรรม ๘๓
กจิ กรรม ชีวติ และความฝันใฝ่ (จุดประกายระบายฝัน)
วตั ถปุ ระสงค์
เพอื่ ใหผ้ เู้ ขา้ รบั การอบรมไดเ้ รียนรูก้ ารสรา้ งชีวติ จาํ ลองแบบการ
ใช้ชีวิต การจัดการและการวางแผนชีวิตโดยใช้หลักธรรมทาง
พ ร ะ พุ ท ธ ศ า ส น า ม า ป ฏิ บัติ เ พื่ อ ใ ห้ เ กิ ด ก า ร นํ า พ า ชี วิ ต ใ ห้ ป ร ะ ส บ
ความสาํ เร็จในเป้าหมายไดม้ ากทส่ี ุด
พระวทิ ยากรกระบวนธรรมกลมุ่ คลนิ กิ คณุ ธรรม
คมู่ ือพระวทิ ยากรกลมุ่ คลนิ กิ คณุ ธรรม ๘๔
วธิ ีการจดั กิจกรรม
๑. เกร่ินนําเขา้ เรื่องดว้ ยสื่อมัลติมีเดียเก่ียวกับการสร้างแรง
บนั ดาลใจ
๒. พระวิทยากรบรรยายถึงความสาํ คญั ในการต้งั เป้าหมายของ
ชีวติ
๓. ผเู้ ขา้ รบั การอบรมแยกไปตามกลุ่มของตนเอง
๔. พระวิทยากรประจาํ กลุ่มใหผ้ ูเ้ ขา้ รับการอบรมวาดรูปอาชีพ
หรืออนาคตทตี่ วั เองอยากจะเป็นในอนาคต
๕. ให้ผูเ้ ขา้ รับการอบรมออกมานําเสนอถึงอาชีพหรืออนาคต
ของตนเองพร้อมอธิบายเหตุผล
พระวทิ ยากรกระบวนธรรมกลมุ่ คลนิ ิกคณุ ธรรม
ค่มู อื พระวิทยากรกลมุ่ คลนิ กิ คณุ ธรรม ๘๕
สรุปกิจกรรม
พระวทิ ยากรประจาํ กลุ่มยกตวั อยา่ งบคุ คลท่ีใชค้ วามพยายาม ไม่
ทอ้ ถอยจนสุดทา้ ยเคา้ ก็ประสบความสาํ เร็จในชีวติ เช่น
แวนโก๊ะ (Vincent van Gogh) น่าแปลกว่าชีวิตของเขาไม่เคย
ประสบความสาํ เร็จเลยตอนท่ีมีชีวิตอยู่ เขาขายภาพไดเ้ พียงภาพเดียว
ใหแ้ ก่เพอื่ นเพอื่ แลกเงิน แต่เขาก็ไม่เคยทิง้ งานวาคภาพเลย เด๋ียวน้ีเรากร็ ูว้ ่า
ภาพของเขามีมูลค่ามหาศาลขนาดไหน
ไมเคิล จอร์แดน (Michael Jordan) นกั บาสเก็ตบอลชาวอเมริกนั
ที่คร้ังหน่ึงไดถ้ ูกคดั ชื่อออกจากทีมบาสฯ โรงเรียน เขาเคยเล่าว่าเคยชู้ต
พลาดกวา่ 5,000 คร้งั และแพก้ วา่ ๓00 นดั แตเ่ ขาก็ผา่ นมาไดแ้ ละประสบ
ความสาํ เร็จสูงสุดกบั กีฬาท่เี ขาเคยพลาดไดข้ นาดน้นั
ไอสไตน์ (Albert Finstein) ท่ีเคยถูกปฏิเสธไม่รับเข้าเรียนที่
Zurich Polytechnic School อาจมาจากพฒั นาการท่ลี ่าชา้ เพราะเขาไม่พดู
จนเขาอายุ ๔ ขวบ และไม่อ่านหนงั สือจนกระทง่ั ๗ ขวบ แต่สุดทา้ ยเขา
กลบั ลบขอ้ ปฏิเสธในวยั เด็กดว้ ยการกลายมาเป็นอจั ฉริยะคนหน่ึงในโลก
แค่เราไม่ละเป้าหมาย ปักหลักต่อเป้าหมายน้ันให้เป็ นหน่ึง
เดียวกบั ลมหายใจ และตราบที่มีลมหายใจอยกู่ ็เท่ากับเรากาํ ลงั ใช้ความ
เพยี ร โดยไม่รูต้ วั เพอ่ื นาํ ตวั เองไปสู่เป้าหมายทีละนอ้ ย เหมือนกบั เราแทบ
จะไม่รู้ตวั เลยยามเมื่อเราหายใจเขา้ ออก
พระวิทยากรกระบวนธรรมกลมุ่ คลนิ กิ คณุ ธรรม