คมู่ อื พระวทิ ยากรกลมุ่ คลนิ ิกคณุ ธรรม ๑๓๖
ได้ พอพระสงฆ์เร่ิม อนุโมทนาดว้ ยบท ยถา... ก็เริ่มกรวดน้าํ โดยต้งั ใจ
นึกอุทิศส่วนบุญ มือขวาจบั ภาชนะน้าํ ริน ใชม้ ือซ้ายประคอง แลว้ ว่าบท
กรวดน้าํ ในใจไปจนจบ การหลงั่ น้าํ กรวด ถา้ เป็ นพ้นื ดินควรหลงั่ ลงในที่
สะอาดหมดจด ถา้ อยบู่ นเรือนหรือสถานท่ี ทไี่ ม่ใช่พ้นื ดิน ตอ้ งหาภาชนะ
อ่ืนท่ีสมควร เช่น ถาดหรือขนั เป็ นตน้ รองน้าํ กรวดไวเ้ สร็จแลว้ จงึ นาํ ไป
เทลงดินตรงทีส่ ะอาด อยา่ ใชก้ ระโถนหรือภาชนะสกปรกรองเป็ นอนั ขาด
เพราะน้าํ ที่กรวดเป็น สกั ขพี ยานในการทาํ บุญของตนวา่ ทาํ ดว้ ยใจสะอาด
จริง ๆ
คาํ กรวดนา้ํ แบบสั้น (คาํ อุทิศของพระเจ้าพิมพิสาร)
อิทํ เม ญาตนี ํ โหตุ สุขิตา โหนฺตุ ญาตโญ
คําแปล ขอบุญน้ีจงสําเร็จแก่ญาติท้ังหลายของข้าพเจ้าเถิด
ขอญาตทิ ้งั หลายจงเป็ นสุข ๆ เถิด
ตวั อย่างคาํ ถาม
เพราะอะไรเราถึงตอ้ งมีศาสนพธิ ี คาํ ตอบ เพราะศาสนพธิ ี คือ แบบอยา่ ง
แบบแผน หรือรูปแบบตา่ งๆ ท่พี งึ ปฏบิ ตั ใิ นทางศาสนา
สรุป
ศาสนพธิ ี คอื แบบอยา่ ง แบบแผน หรือรูปแบบต่างๆ ทีพ่ งึ ปฏบิ ตั ิ
ในทางศาสนา โดยเฉพาะพระพุทธศาสนาเรียกว่า ศาสนพธิ ี ความจริง
เรื่อง ศาสนพธิ ี เป็นเรื่องที่มีดว้ ยกนั ทกุ ศาสนา และเป็ นเร่ืองเกิดข้ึนทีหลงั
พระวิทยากรกระบวนธรรมกลมุ่ คลนิ ิกคณุ ธรรม
ค่มู ือพระวิทยากรกลมุ่ คลนิ ิกคณุ ธรรม ๑๓๗
ศาสนา หมายความวา่ มีศาสนาเกิดข้นึ ก่อนแลว้ จึงมีพธิ ีตา่ งๆ เกิดตามมา
ภายหลงั แมศ้ าสนพธิ ีในพระพทุ ธศาสนาก็เช่นกนั เกิดข้ึนภายหลงั ท้งั ส้ิน
เหตุเกิดศาสนพิธีในพระพุทธศาสนาน้ี ก็เน่ืองจากมีหลักการของ
พระพทุ ธศาสนา ซ่ึงพระพทุ ธเจา้ ทรงวางไวแ้ ต่ในปี ทีต่ รัสรู้ เพอื่ สาวกจะ
ได้ถือเป็ นหลักในการออกไปประกาศพระศาสนา อันเรี ยกว่า
"โอวาทปาตโิ มกข"์ ในโอวาทน้นั มีหลกั การสาํ คญั ทที่ รงวางไวเ้ ป็ นหลกั
ทว่ั ๆไป ๓ ประการคอื
๑. สอนไม่ใหท้ าํ ความชวั่ ท้งั ปวง
๒. สอนใหอ้ บรมทาํ กศุ ลใหพ้ รอ้ ม
๓. สอนใหท้ าํ จติ ใจของตนใหผ้ อ่ งแผว้
พระวทิ ยากรกระบวนธรรมกลมุ่ คลนิ ิกคณุ ธรรม
คมู่ อื พระวิทยากรกลมุ่ คลนิ ิกคณุ ธรรม ๑๓๘
ฐานศีลธรรมนาํ ชีวติ
ศีล แปลวา่ ปกติ เยน็ ฉะน้นั "คนท่ีมีศีล" จึงหมายถึง คนท่ีสงบ
และเยน็ โดยศีลน้ันเป็ นเครื่องควบคุมกายและวาจา เม่ือทุกคนมีศีลการ
แสดงออกทางกายและวาจาก็จะดูสงบ และไม่เป็ นเพอ่ื การเบียดเบียนคน
อื่น ในพระพทุ ธศาสนาคนท่ีมีศีลเราสามารถพบลกั ษณะไดค้ ือ
๑) หากใครมีศีลขอ้ ๑ คือ ห้ามฆ่าและทาํ ร้ายสัตว์ จะทาํ ให้
ร่างกายแข็งแรง มีอวยั วะสมบูรณ์ มีปัญญาฉลาดหลกั แหลม มีรูปร่าง
หนา้ ตาดี ไม่พกิ ลพกิ าร รูปงาม เป็นที่ชื่นชมของผพู้ บเห็น ไม่คอ่ ยมีศตั รู มี
บริวารมาก โรคนอ้ ย ไม่คอ่ ยพลดั พรากจากส่ิงที่รกั มีอายยุ นื
๒) หากใครมีศีลขอ้ ๒ คอื หา้ มลกั ทรพั ยส์ ินของรกั ของคนอ่ืน จะ
ทาํ ใหม้ งั่ มีดว้ ยเงนิ ทอง ไดส้ ่ิงทปี่ รารถนาไม่มีใครชิงสมบตั ิไปได้ ไม่วา่ จะ
เป็ นภยั ใดๆน้าํ ไฟ โจร หรือผอู้ ื่น อยอู่ ยา่ งมีความสุขไม่ตอ้ งหวาดระแวง
ผอู้ ่ืน
๓) หากใครมีศีลขอ้ ๓ คือไม่พรากความรักของผูอ้ ่ืนมาเป็ นของ
ตน จะทาํ ให้ไม่มีศตั รู เป็ นที่รักของทุกคน ไม่ค่อยโกรธคนอ่ืน เป็ นท่ีรัก
ของผอู้ ื่น อยอู่ ยา่ งมีความสุข ไม่ตอ้ งกลวั ภยั ใด ๆ และไม่ค่อยพลดั พราก
จากคนท่รี ัก
พระวิทยากรกระบวนธรรมกลมุ่ คลนิ ิกคณุ ธรรม
คมู่ ือพระวทิ ยากรกลมุ่ คลนิ กิ คณุ ธรรม ๑๓๙
๔) หากใครมีศีลขอ้ ๔ คือไม่พดู เทจ็ จะทาํ ให้มีผวิ พรรณผอ่ งใส
พดู จาไพเราะน่าฟัง มีร่างกายที่สมบูรณ์ มีวาจาน่าเช่ือถือ จิตใจไม่ฟุ้งซ่าน
ไม่มีคนคอยนินทาวา่ ร้าย
๕) หากใครมีศีลขอ้ ๕ คือไม่ด่ืมสุราและน้าํ เมาจนทาํ จนทาํ ให้
ขาดสติ จะทาํ ใหเ้ ป็นผทู้ ่ีมีปัญญาดี มีไหวพริบแกป้ ัญหาเก่ง ไม่โง่ ไม่เกียจ
ครา้ น ไม่หยาบคาย ไม่โกรธง่าย
ตวั อย่างคาํ ถาม
นกั เรียนคิดว่าศีลขอ้ ไหนสาํ คญั ท่สี ุด คําตอบคือ ศีลขอ้ ๕ เพราะ
ทาํ ใหข้ าดสติ และเม่ือขาดสติแลว้ ก็อาจจะทาํ ให้ผิดศีลขอ้ อื่นตามมาได้
งา่ ยไปดว้ ย
สรุป
ฉะน้นั หากโลกน้ีปราศจากซ่ึงศีลธรรมเสียแลว้ ถึงแมจ้ ะมีความ
เจริญรุ่งเรืองทางดา้ นวตั ถุเทคโนโลยมี ากมายเพียงใด ก็มิอาจทาํ ใหโ้ ลกน้ี
เป็ นโลกทนี่ ่าอยไู่ ด้ เพราะถา้ หากโลกน้ีเตม็ ไปดว้ ยการแยง่ ชิง แขง่ ขนั เอา
รัดเอาเปรียบ มองคนอ่ืนเป็ นศตั รู มองคนอื่นเป็ นเหยอื่ เพอื่ หลอกล่อเอา
ผลประโยชน์ มองคนอ่ืนเป็ นคู่แข่งเพ่ือที่จะเอาชนะมองไม่เห็นคุณค่า
แห่งชีวติ ความเป็นมนุษย์ ท่ีทกุ คนมีเทา่ เทียมกนั แลว้ จะอยรู่ ่วมกนั อยา่ งมี
ความสุขไดอ้ ยา่ งไร ดง่ั คาํ ท่ีหลวงพอ่ พุทธทาสกล่าวไวว้ ่า “ศีลธรรมไม่
กลบั มาโลกาจะวินาศ”
พระวทิ ยากรกระบวนธรรมกลมุ่ คลนิ กิ คณุ ธรรม
ค่มู ือพระวทิ ยากรกลมุ่ คลนิ กิ คณุ ธรรม ๑๔๐
(พระวทิ ยากรนําผู้เข้าอบรมว่าตาม)
“อันสตรี ไม่มีศีล ก็ส้ินสวย บุรุษด้วย ไม่มีศีล กส็ ิ้นศรี
ภิกษเุ ล่า ไม่มีศีล กส็ ิ้นดี ข้าราชการ ศีลไม่มี ก็เลวทราม”
ฐานชีวติ กบั ความรัก”
ต้ังประเด็นคาํ ถาม “ความรกั คอื อะไร” (ใหน้ กั เรียนช่วยกนั ตอบ)
เฉลย....ความหมายของความรกั อาจแบ่งไดเ้ ป็น ๒ จาํ พวกง่าย ๆ คอื
๑.พวกท่ี ๑ รักแล้วมืดบอด เพราะทุกขก์ บั ความรกั รักแบบลุ่ม
หลงมวั เมา หนา้ มืดตามวั จนมองไม่เห็นเหตผุ ล หรือความเป็นจริงใด ๆ
ตรงกบั ความหมายของความรัก หรือ LOVE ในภาษาองั กฤษทวี่ า่
L = Lake of sorrow แปลว่า ทะเลทรายแห่งความเศร้าสุด
O = Ocean of tear แปลว่า มหาสมทุ รแห่งนํา้ ตา
V = Velley of death แปลว่า หน้าผาแห่งความตาย
E = End of life แปลว่า จุดสุดท้ายของชีวติ
พวกน้ีมี ๑๐ ข้นั ตอนของความรัก คอื
๑. รักนัยน์ตาสวย คนเราจะรักกันได้ตอ้ งมองตากนั ก่อน ไม่มี
หรอกประเภทรักกนั โดยไม่มองหน้า และภาษาทางร่างกายที่อ่านง่าย
พระวทิ ยากรกระบวนธรรมกลมุ่ คลนิ ิกคณุ ธรรม
ค่มู อื พระวทิ ยากรกลมุ่ คลนิ กิ คณุ ธรรม ๑๔๑
ทส่ี ุด คือภาษากายทแ่ี สดงออกมาผา่ นตา ซ่ึงหากเรามีปฏกิ ิริยาอยา่ งไรทาง
ร่างกายสายตาก็จะแสดงออกมาเป็ นอยา่ งแรกเช่นกนั ตรงกบั อาการที่วา่
"รกั แรกพบ"
๒. ผูกพันทางใจ ไม่ได้พบหน้า ได้แอบฝันก็ยังดี พวกน้ีก็
ประเภท เอาดอกไมม้ าเด็ดแลว้ ทาํ นายวา่ รักหรือไม่รัก จนกวา่ จะทาํ นาย
เจอคาํ วา่ "รัก" จึงจะพอใจ
๓. กระสัน เป็ นคาํ ที่แสดงออกถึงความอยากได้ ประมาณว่า
ไม่ไดเ้ จอแลว้ ทนอยไู่ ม่ไหว หรือนง่ั เพอ้ หรือไม่รูต้ วั ไดเ้ ป็ นเวลานานๆ
๔. นอนไม่หลับ แมจ้ ะข่มใจอยา่ งไรใหห้ ลบั ตาลง ก็ไม่สามารถ
ข่มตาใหห้ ลบั ลงได้
๕. ซูบผอม กินไม่ได้ เวลากินก็มีหน้ามาอยู่ในจานขา้ ว เวลาดู
หนงั สือกม็ ีหนา้ มาอยบู่ นหนงั สือ เวลาเขา้ หอ้ งนา้ กเ็ ห็นหนา้ อยใู่ น…..
๖. ไม่รู้หนาวรู้ร้อน เริ่มหมดความรู้สึกทางด้านร่างกาย และ
จติ ใจกจ็ ะเริ่มไม่รู้สึกเช่นกนั
๗. ไม่รู้จักอาย เวลาเจอความรักครอบงาํ ก็จะทาํ ให้เกิดอาการ
หนา้ ดา้ น ทาํ อะไรกไ็ ด้ ขอใหไ้ ดม้ าซ่ึงรักน้นั ก็แลว้ กนั
๘. ใจเลื่อนลอย ไปทไี่ หนก็ไปแบบตวั ไป ใจไม่อยกู่ บั เน้ือกบั ตวั
๙. ลมใส่ เร่ิมเป็นลมบอ่ ยข้นึ เวลาไม่ไดพ้ บเจอคนทต่ี วั เองรกั
๑๐. ตาย ข้เี กียจหายใจ เพราะไม่รู้จะอยไู่ ปทาํ ไมหากขาดความรัก
พระวิทยากรกระบวนธรรมกลมุ่ คลนิ ิกคณุ ธรรม
คมู่ ือพระวิทยากรกลมุ่ คลนิ กิ คณุ ธรรม ๑๔๒
๒. พวกท่ี ๒ รักแล้วตาสว่าง ในทางพระพทุ ธศาสนาสอนความรัก
แบบน้ีวา่ เป็นความรักทที่ าํ ใหเ้ ราเขา้ ใจตวั เองและผอู้ ื่น เป็ นความรกั แบบ
เมตตา เป็ นความรักแห่งการเสียสละ เป็ นความรักแห่งการให้อภยั รักใน
ความดีและยอมทุ่มเทท้งั ชีวติ จิตใจเพอื่ รักษาไว้ ตรงกบั คาํ วา่ LOVE ใน
ภาษาองั กฤษ ซ่ึงมีความหมายวา่
L = Light of life แปลว่า แสงสว่างแห่งชีวติ
O = Oxygen of mind แปลว่า อากาศของใจ
V = Vitamin of soul แปลว่า ยาบํารุงแห่งจิตวญิ ญาณ
E = Energy of spirit แปลว่า พลังงานแห่งชีวติ
เสริมด้วยหลกั ธรรม
ความรักที่แทจ้ ริง ความรักท่ีถูกต้อง ต่อให้จะแฝงไปด้วย
ตณั หา ราคะ แต่ถา้ มีคุณธรรมไปประกอบดว้ ยก็จะเป็ นการยกจิตใจและ
ความรกั ของเราใหส้ ูงข้ึน โดยหลกั ธรรมท่เี ก่ียวเน่ืองกบั ความรัก เช่น
๑. ฆราวาสธรรม แปลว่า คุณสมบตั ิของผูป้ ระสบความสําเร็จใน
การดาํ เนินชีวติ ทางโลก ประกอบดว้ ยธรรมะ ๔ ประการ คือ
๑. สัจจะ แปลวา่ ความจริงใจ
๒. ทมะ แปลว่า ข่มจิต และรักษาใจ บงั คบั ตวั เองเพื่อลด
และละกิเลส และรักษาสจั จะ
พระวทิ ยากรกระบวนธรรมกลมุ่ คลนิ กิ คณุ ธรรม
คมู่ ือพระวทิ ยากรกลมุ่ คลนิ ิกคณุ ธรรม ๑๔๓
๓. ขนั ติ แปลวา่ อดทน ไม่ใช่แพยี งแตอ่ ดทนกบั คาํ พดู หรือ
การกระทาํ ของผอู้ ื่นที่เราไม่พอใจ แต่หมายถึงการอดทน
อดกล้นั ต่อการบบี บงั คบั ของกิเสส
๔. จาคะ แปลวา่ เสียสละ
๒. พรหมวหิ าร ๔ คอื
๑. เมตตา คือ ความรกั ความปรารถนาใหเ้ ขามีความสุข
๒. กรุณา คอื ความปรารถนาดี คอยช่วยเหลือ ไม่พยาบาท
ไม่ปองรา้ ย
๓. มฑุ ติ า คอื พลอยยนิ ดีเม่ือผอู้ ่ืนไดด้ ี
๔. อุเบกขา คือ ความวางใจเป็นกลาง
สรุป
แมค้ วามรักประเภทแรกจะมีความสุข แต่ก็เป็ นเพียงความสุขในช้นั
กาม ซ่ึงจะมีความทุกข์เจือปนอยู่มาก เป็ นความสุขท่ีมีความขดั แยง้
บกพร่อง แตถ่ ึงแมจ้ ะมีโทษอยมู่ าก ทวา่ หากเราใชส้ ตปิ ัญญานาํ หลกั ธรรม
เขา้ มาพฒั นาความรักให้มีความสุขที่ประณีตมากยิ่งข้ึน น่ันจึงจะเป็ น
ความรักทถี่ ูกทาง
(พระวิทยากรนําผู้เข้าอบรมว่าตาม)
“รักทีเ่ กิดจากการให้โดยไม่ขอ รักจะก่อประโยชน์อันย่งิ ใหญ่
ยิ่งเขารัก เรายิง่ สบายใจ ใครไม่เคย ให้ใครลองให้ดู”
พระวทิ ยากรกระบวนธรรมกลมุ่ คลนิ กิ คณุ ธรรม
คมู่ อื พระวทิ ยากรกลมุ่ คลนิ กิ คณุ ธรรม ๑๔๔
แนวคดิ กิจกรรมมองให้เป็ น....กเ็ ห็นค่า
หลกั สาํ คญั อนั หน่ึงของมนุษยค์ ือ “การใหค้ ุณค่า” โดยการสร้าง
ความรู้สึกถึงคุณค่าในชีวิตว่าตนเองเป็ นมนุษยท์ ่ีมีคุณค่า ซ่ึงความรู้สึก
ดงั กล่าวจาํ เป็นตอ้ งไดร้ ับการส่งเสริมต้งั แต่ในวยั เด็กท่ีจาํ เป็ นตอ้ งรู้วา่ มีแต่
ตวั เขาเท่าน้นั ท่ีจะลดคุณคา่ ของตวั เองที่ ชิกมนั ด์ ฟรอยด์ กล่าววา่ “ภายใต้
แรงกระตุ้นแบบไร้สํานึกของเรา แทบทุกวนั หรือทุกชั่วโมง เราจะ
พยายามกาํ จดั ทุกคนท่ีขวางทางเรา คนที่ทาํ ใหเ้ ราไม่พอใจ หรือคนท่ีทาํ
ใหเ้ ราบาดเจบ็ จริงๆ แลว้ จิตไร้สาํ นึกของเราจะลงมือฆ่าแมก้ ระทง่ั เร่ือง
เล็กนอ้ ย” เป็นท่ีมาของหลกั การที่จะช่วยทาํ ใหเ้ ขาเพมิ่ คุณค่าตวั เองข้ึนมา
ดว้ ยการป้องกนั ส่ิงที่ไม่ดีอันเกิดจากความไม่พอใจต่างๆ ดว้ ยการฝึ ก
หลกั การหน่ึงท่ีเรียกวา่ “การป้องกนั ตวั เองดว้ ยหลกั ศีลธรรม” ซ่ึงทฤษฎี
ดงั กล่าวใชม้ ุมมองในการสร้างคุณค่าใหก้ บั ชีวติ ดงั น้ี
ก. การเสียสละ ในประเทศอินเดียมีคนอยู่ ๒ บุคคลท่ีคนอินเดีย
นับถืออยา่ งมากคือ ๑. พระพทุ ธเจา้ ๒. มหาตมะ คานธี ในส่วนของวิถี
พระพุทธเจา้ น้ันเป็ นวิสัยแห่งการหลีกออกจากสังคม แต่ในที่น้ีจะขอ
กล่าวถึงประวตั มิ หาตมะ คานธีเพอ่ื เป็นการศกึ ษาผา่ นวสิ ยั โลกหรือสังคม
บา้ งวา่ จาํ เป็ นในการใชห้ ลกั ศลี ธรรมในการดาํ เนินชีวติ อยา่ งไร ?
หลงั จากที่คานธีไดจ้ บเนติบณั ฑิต เรียบร้อยแลว้ ก็ไดเ้ ขา้ ฝึ กหัด
ดาํ เนินอาชีพทนายความ ในเมืองบอมเบย์ ก่อนจะเดินทางไปแอฟริกาใต้
พระวทิ ยากรกระบวนธรรมกลมุ่ คลนิ กิ คณุ ธรรม
ค่มู อื พระวทิ ยากรกลมุ่ คลนิ ิกคณุ ธรรม ๑๔๕
ถึง ๒๐ ปี จึงไดร้ ู้ถึงชีวิตอนั ดบั แคน้ ของเพ่ือนร่วมชาติที่ไดร้ ับเกี่ยวกบั
อุปสรรคในการถือผวิ และการเลือกท่ีรักมกั ที่ชงั ในสงั คม มีความกดดนั
อยา่ งหลากหลายและมีกฎหมายอนั ไม่เป็นธรรม ซ่ึงขดั ขวางชาวอินเดียที่
ประกอบอาชีพอยใู่ นแอฟริกาใต้
คานธีพยายามใหช้ าวอินเดียใหไ้ ดร้ ับสิทธิในการเดินทางช้นั หน่ึง
รวมถึงสวมใส่เครื่องแตง่ กายท่ีเหมาะสม เขาคน้ พบกฎสาํ คญั ระหวา่ งการ
ต่ อ สู้ เ พื่ อ วั ต ถุ ป ร ะ ส ง ค์ ข อ ง ค น เ ห ล่ า น้ั น ด้ ว ย วิ ธี ก า ร
ไม่นิยมความรุนแรงหรืออหิงสา (Non-Violent Movement)
คานธีเดินทางกลบั อินเดียและออกเดินทางไปตามภาคต่างๆของ
ประเทศ ท้งั น้ีเพ่อื ศึกษาและรู้เห็นอินเดียอยา่ งแทจ้ ริง โดยใชย้ วดยานทุก
ชนิด พร้อมด้วย “ตาหูท่ีเปิ ดแต่ปากท่ีปิ ด” เขาได้เห็นผูค้ นมากมายที่
เปลี่ยนความคิดเขา เพราะตอนแรกเขาไปในชุดแบบตะวนั ตก ทาํ ให้คน
ไม่ค่อยฟังในสิ่งท่ีเขาพูด เขาจึงเปลี่ยนเป็ นชุดพ้ืนบา้ นสีขาวทอดว้ ยป่ าน
ดิบแบบคนอินเดีย คนจงึ เริ่มมองเขาวา่ ไม่ใช่คนแปลกหนา้ อีกต่อไป
มีเหตุการณ์หน่ึงเล่าถึงเหตุการณ์ตอนเดินทางไปทว่ั อินเดียของ
มหาตมะ คานธี วา่ ขณะกาํ ลงั จะกา้ วข้นึ รถไฟ รองเทา้ ของทา่ นกห็ ลุดล่วง
ลงไป ตอนน้นั รถไฟเร่ิมเคลื่อนออกจากชานชะลาแลว้ ถา้ เป็ นบางคนอาจ
โมโหและปารองเทา้ น้นั ท้ิงเพราะเราคงใชต้ อ่ ไม่ไดด้ ว้ ยไม่รู้จะมีไวท้ าํ ไม
แคข่ า้ งเดียว แต่ทา่ นกลบั ปารองเทา้ น้นั ไปยงั ทชี่ านชะลาท่ีรองเทา้ ท่านตก
อยู่ เพ่ือว่าใครได้มาเจอจะได้ใช้ได้ ท่านคิดถึงและเผ่ือแผ่คนอ่ืนอยู่
พระวทิ ยากรกระบวนธรรมกลมุ่ คลนิ กิ คณุ ธรรม
ค่มู ือพระวทิ ยากรกลมุ่ คลนิ ิกคณุ ธรรม ๑๔๖
ตลอดเวลาอย่างน้ี การกระทาํ ของท่านจึงเป็ นไปด้วยมุมมองของนัก
เสียสละท่ีใหค้ ุณคา่ กบั คนอื่นอยา่ งแทจ้ ริง
ข. อารมณ์ ขัน อารมณ์ขนั ในที่น้ีคือมุมมองท่ีไม่เป็ นไปตามส่ิงท่ี
เราประสงค์ ไม่ใช่การสร้างหวั เราะดว้ ยกิเลส แต่เป็ นการสร้างความเขา้
ใจความจริง คือเป็ นการสร้างระงบั อารมณ์โกรธหรือหงุดหงิดไม่พอใจ
ในชีวิตดว้ ยการเปลี่ยนมุมมองต่อเร่ืองน้นั ซ่ึงคนอาจมองวา่ เป็ นอารมณ์
ขนั ท่านอาจารยช์ ยสาโรแห่งวดั ป่ านานาชาติ ซ่ึงเป็ นสาขาของวดั หนอง
ป่ าพงท่านใชค้ าํ พดู ง่ายๆ ไขปัญหาใหผ้ ฆู้ ราวาสที่เขา้ มาปฏบิ ตั ธิ รรม ทา่ น
ทาํ เร่ืองทฆี่ ราวาสเห็นวา่ ยงุ่ ยากใหง้ ่ายข้ึน
คาํ ถาม “เราจะรู้ได้อย่างไรว่าใครเป็ นพระฝ่ ายเถรวาทหรื อ
มหายาน
คาํ ตอบ “กถ็ ามท่าน ง่ายจะตาย
คาํ ถาม “ถ้าเราจะทาํ หมันสุนัขหรือแมวจะบาปไหมครับ
คาํ ตอบ “ตอ้ งขออนุญาต ถา้ มนั ไม่วา่ อะไรกไ็ ม่บาป”
คาํ ถาม “รู้สึกเบื่อสามี เลยมาปฏิบัติธรรมจะบาปไหมที่หนีสามี
มา แต่เขากอ็ นุญาต”
คาํ ตอบ ไม่รู้วา่ เขาจะเบ่ือเรามากกวา่ เราเบอ่ื หรือเปล่านะ”
คําถาม “เรื่องการอบรมปฏิบัติธรรมตามโรงเรียน ตอน้ีมี
ความเห็นแบ่งเป็นสองฝ่าย ฝ่ายหน่ึงควรใหบ้ งั คบั อีกฝ่ ายใหส้ มคั รใจท่าน
อาจารยเ์ ห็นวา่ ควรตดั สินใจอยา่ งไรดีเจา้ คะ”
พระวทิ ยากรกระบวนธรรมกลมุ่ คลนิ กิ คณุ ธรรม
คมู่ อื พระวทิ ยากรกลมุ่ คลนิ กิ คณุ ธรรม ๑๔๗
คาํ ตอบ “ก็เอาทางสายกลางสิ เราก็บงั คบั เฉพาะคนที่ไม่สมคั ร
ใจ”
คาํ ถาม “มาปฏิบัติธรรมทไี่ ร ฝนตกทุกท่ีเลยครับ ไม่ทราบว่าเป็ น
เพราะอะไร”
คาํ ตอบ “กน็ ่ีฤดูฝนนะ”
ความซบั ซอ้ นของจิตทาํ ใหเ้ รามองทุกอยา่ งวนุ่ วายไปหมดแต่พอ
ฟังคาํ ตอบที่แสนเรียบง่ายของท่านอาจารยช์ ยสาโรทาํ ให้เห็นว่าจิตที่มี
เคร่ืองผูกมดั น้อยย่อมเป็ นอิสระ เม่ือเป็ นอิสระจึงมองเห็นทุกอย่างได้
อย่างครอบคลุมและทว่ั ถึง อีกท้งั ยงั ง่ายอย่างยิ่งในการเข้าใจว่าท่ีจริง
ปัญหาน้ันไม่ไดซ้ ับซ้อน มีเพียงใจคนเท่าน้นั ท่ีปรุงแต่งให้ดูขบั ซ้อนเท่า
น้นั เอง
อาจารยพ์ ระราชวุฒาจารย์ (หลวงป่ ูดูลย์ อตุโล) เป็ นศิษยอ์ าวโุ ส
รุ่นแรกของหลวงป่ ูมน่ั ภูริทตฺโต ท่านจาํ พรรษาอยทู่ ่ีวดั บูรพารามสุรินทร์
ลูกศิษยท์ ่านไดร้ วบรวมบนั ทึกคติธรรมและธรรมเทศนาของท่านไวใ้ น
หนงั สือเล่มเลก็ ๆ ช่ือ “หลวงป่ ฝู ากไว”้
มีคร้งั หน่ึงพระเถระอาวโุ สรูปหน่ึงจากกรุงเทพฯสนทนากบั ท่าน
ถึงขอ้ กมั มฏั ฐานกบั หลวงป่ ูเป็ นเวลานาน ลงทา้ ยก็ถามหลวงป่ ูส้นั ๆ ว่า
ท่านยงั โกรธอยู่ไหม ? หลวงป่ ูตอบอยา่ งรวดเร็วว่า “มี แต่ไม่เอา” เป็ น
เรื่องธรรมดาท่ีสุดที่คนจะมีกิเลสเขา้ มาไม่ว่าจะเป็ นใครก็ตามเพียงแต่
ท่านท่ีมีสติสามารถเลือกได้ว่าอะไรดีและไม่ดี เลือกจะเอาหรือไม่เอา
พระวิทยากรกระบวนธรรมกลมุ่ คลนิ ิกคณุ ธรรม
ค่มู ือพระวทิ ยากรกลมุ่ คลนิ กิ คณุ ธรรม ๑๔๘
คาํ ตอบของหลวงป่ ูช่วยทาํ ใหเ้ ราเห็นว่าทุกอยา่ งเป็ นเรื่องของกรรมจริงๆ
เราเลือกแบบไหนเราก็ทาํ แบบน้นั และทาํ แบบไหนกต็ อ้ งรับผลแบบน้นั
ตอ่ ไป
อีกเร่ืองหน่ึงเล่าถึงโยมท่ีเป็ นสุภาพสตรีคนหน่ึงเขา้ ไปหาท่าน
แลว้ เล่าเร่ืองความทุกขใ์ ห้ฟังว่า ตอนน้ีเพง่ิ ยา้ ยมาอยทู่ ่ีน่ี ญาติๆ เลยเสนอ
ใหข้ ายของอยา่ งน้นั อยา่ งน้ี จนทาํ ใหเ้ ธอเกิดความลงั เลวา่ ตกลงจะขาย
อะไรดี จึงถามหลวงป่ ูเพ่ือให้ช่วยตดั สินใหว้ า่ ตกลงเธอควรขาย
อะไรดี
“ขายอะไรกด็ ที ง้ั น้นั แหละ ถ้ามีคนซือ้ นะ” หลวงป่ ตู อบส้นั ๆ
คาํ ตอบของหลวงป่ ูง่ายๆ ไม่ชับซ้อน แค่คิดถึงคนซ้ือเท่าน้ัน
ไม่ใช่คิดถึงตวั เอง บางคนคา้ ขายคิดแต่ว่าตนเองมีอะไรจะขายเท่าน้นั ลืม
คิดไปวา่ คนซ้ือเขาตอ้ งการอะไร ถา้ เราเอาใจเขามาใส่ใจเรา จะพบคาํ ตอบ
ท่ีเราคน้ หา ไม่ใช่แค่เพียงการคา้ ขายเท่าน้ัน แมแ้ ต่ชีวิตของเราเองก็จะ
ประสบความสาํ เร็จไปดว้ ย
กิจกรรมน้ีจึงเป็ นการเล่าเร่ืองท่ีมีค่าในแง่มุมใดแง่มุมหน่ึง| โดย
เนน้ ไปท่เี ร่ืองเล่า และประวตั บิ ุคคลต่างๆ ท่ีท้งั ใหแ้ ง่คดิ แรงบนั ดาลใจใน
การทาํ ความดีหรือสร้างมุมมองท่ีชวนให้เราเห็นคุณค่าในตวั เองไม่ถูก
กิเลสตา่ งๆ ท้งั ความโกรธหรืออคตนิ าํ พาเราไปได้
พระวิทยากรกระบวนธรรมกลมุ่ คลนิ กิ คณุ ธรรม
ค่มู ือพระวทิ ยากรกลมุ่ คลนิ ิกคณุ ธรรม ๑๔๙
รูปแบบกจิ กรรม
กิจกรรมเนน้ ไปในการปลูกฝังทศั นคตเิ กี่ยวกบั ตวั เอง มองตนเอง
วา่ มีคุณคา่ ดว้ ยการสรา้ งความดี และลดละอารมณ์โกรธ อคติ ดว้ ยเรื่องเล่า
ใน ๒ ช่วงเวลาคือ
กิจกรรมช่วงเช้า : เป็ นการเล่าเรื่องเพ่ือสร้างแรงบนั ดาลใจใน
การทาํ ความดี ช้ีใหเ้ ห็นคุณค่าของตวั เองผา่ นการทาํ ดีในทุกมิติ
กิจกรรมช่ วงคํ่า : เป็ นการเล่าเพ่ือตรวจสอบหรือทบทวนสิ่ง
ไม่ไดท้ ่ีเราไดท้ าํ ไปดว้ ยอารมณ์ หรืออคติ ช้ีให้เห็นวธิ ีเปลี่ยนมุมมองต่อ
อารมณ์เหล่าน้นั และแกไ้ ขใหม่ในวนั ตอ่ ไป
วตั ถปุ ระสงค์
ก. เพ่ือให้ผูเ้ ขา้ รับการอบรมไดก้ ระตุน้ ตนเองให้ตื่นตัวพร้อม
เรียนรู้เตรียมพรอ้ มเรียนรูใ้ นวนั ใหม่
ข. เพื่อให้ผู้เข้ารับการอบรมได้ทบทวนตนเองและแก้ไข
ขอ้ ผดิ พลาดตอ่ ไป
ค. เพือ่ ให้ผเู้ ขา้ อบรมไดม้ ีความรู้เพิ่มเติมเก่ียวกบั คุณธรรมต่างๆ
มีคุณธรรมในพระพทุ ธศาสนา เป็นตน้
พระวิทยากรกระบวนธรรมกลมุ่ คลนิ ิกคณุ ธรรม
คมู่ ือพระวทิ ยากรกลมุ่ คลนิ กิ คณุ ธรรม ๑๕๐
ขอบเขตเนื้อหา / หลกั ธรรมทีเ่ กย่ี วข้อง
๑. บรรยายให้เห็นคุณค่าของการทาํ หน้าที่ของส่ิงต่างๆ ท่ีอยู่
รอบตวั เรา เช่น พระอาทติ ย์ ที่ไม่เคยบิดพลิ้วตอ่ การทาํ หนา้ ท่ี ชีวติ เราเม่ือ
ยงั มีลมหายใจตอ้ งต่อสูด้ ิ้นรนตอ่ ไป
๒. บรรยายให้เห็นคุณค่าของตนเอง มีคุณค่าพร้อมท่จี ะเป็ นแสง
ทองของชีวติ ใหก้ บั ผอู้ ่ืน ดว้ ยหลกั การเป็นกลั ยาณมิตรท่ดี ีต่อตนเอง
๓. บรรยายให้เห็นสัมมาทิฏฐิ คือ ความเห็นชอบ ตามทาํ นอง
ครองธรรมในการดาํ เนินชีวติ
๔. บรรยายให้คิดทบทวนถึงวิถีชีวิตกับการแก้ปัญหาในมิติที่
ตา่ งกนั
๕. บรรยายให้เกิดคุณธรรมต่างๆ เกิดข้ึน เช่น ความกตัญ�ู
กตเวที, ความเมตตา เป็นตน้
กิจกรรมนําเสนอ “ธรรมะรับอรุณ”
เป็ นการกระตนุ้ ใหค้ วามดี หรือการตอ้ งการทาํ บางอยา่ ง คอื เนน้
วธิ ีการในการเลือก หรือแรงบนั ดาลใจในการทาํ ความดีเป็ นหลกั
พระวทิ ยากรกระบวนธรรมกลมุ่ คลนิ กิ คณุ ธรรม
ค่มู ือพระวทิ ยากรกลมุ่ คลนิ ิกคณุ ธรรม ๑๕๑
ตัวอย่างการบรรยาย
ความอยากไม่สิ้นสุด
ในเชา้ ท่ีใครหลายคนกาํ ลังต้งั หน้าต้งั ตาออกไปปฏิบตั ิหน้าท่ี
เรียนบา้ ง ทาํ งานบา้ ง แต่ละหน้าท่ีอาจมีระดบั สุขและทุกขท์ ี่ต่างกนั ไป
ส่ิงท่ีเหมือนกนั ท่ีทาํ ใหเ้ ราใชช้ ีวติ อยกู่ บั ความทุกขไ์ ดใ้ นแต่ละวนั อาจมา
จากการทีเ่ รารูจ้ กั เรียนรูท้ ่จี ะสรา้ งความสุขข้ึนมาเช่นกนั
เมื่อเราตอ้ งเผชิญกบั ทุกขม์ ากเท่าไร ก็ตอ้ งคิดถึงความสุขใหท้ นั
ถา้ คิดว่าตอ้ งเจอความทุกข์ ทุกๆ หน่ึงนาที เราก็ตอ้ งคิดถึงความสุขทุกๆ
วนิ าที สุขจะช่วยทาํ ใหท้ ุกขเ์ บาบางลง.
ลองดูชีวติ ของชายรับจา้ งคนหน่ึง เขาอาศยั เรียวแรงกายแลกกบั
เศษเงินเล็กๆ นอ้ ยๆ ทกุ คร้งั เวลาไดเ้ งนิ มาทลี ะนิดทาํ ใหเ้ ขารูจ้ กั คุณค่าของ
เงนิ จึงพยายามจะไม่ใชจ้ ่ายฟ่ มุ เฟือย แมจ้ ะตอ้ งลาํ บากจากทาํ งานอยา่ งไร
กต็ าม แต่เม่ือเห็นเงินท่ตี นเองทาํ งานมาไดก้ ใ็ หเ้ กิดภาคภูมิโจเช่นกนั
เขานาํ เงินที่ไดไ้ ปเกบ็ ไวต้ ามซอกตึกท่ีอยไู่ กลออกไป และน่ีอาจ
เป็นวธิ ีเกบ็ เงนิ ท่ีดีวธิ ีหน่ึง ท้งั ป้องกนั โจรผรู้ ้ายที่จะมาปลน้ ชิงจากเราและ
ยงั ป้องกนั ตวั เองไม่ใหห้ ยบิ มาใชไ้ ดง้ า่ ยๆ
ลองดูก็ไดเ้ วลาใครก็ตามมีเงินแลว้ เก็บดว้ ยวิธีน้ีน่าจะเป็ นเศรษฐี
ที่มง่ั มีในอนาคตได้ คือเก็บไวไ้ กลๆ ตวั ถ้าฝากกบั ธนาคารก็ไม่ตอ้ งทาํ
พระวทิ ยากรกระบวนธรรมกลมุ่ คลนิ กิ คณุ ธรรม
คมู่ อื พระวทิ ยากรกลมุ่ คลนิ กิ คณุ ธรรม ๑๕๒
บตั รATM ตอ้ งเดินไปฝาก-ไปถอนเอง ยงิ่ ธนาคารน้นั ไกลเท่าไรยง่ิ ดี และ
มีเงนิ ตดิ ตวั ใหน้ อ้ ยทส่ี ุด จะไดป้ ระหยดั
เขาใชว้ ธิ ีน้ีจนมีเงินเก็บไวจ้ าํ นวนหน่ึง ตอนอยคู่ นเดียวกเ็ ก็บเงิน
ไวไ้ ม่คอ่ ยไดใ้ ชจ้ ่าย แตพ่ อเขาเริ่มสนใจผหู้ ญิงคนหน่ึงทร่ี ับจา้ งเหมือนกนั
ก็เลยปรึกษากนั วา่ จะนาํ เงินที่มีน้ีไปเท่ียวกนั เลยคิดจะเอาเงินมารวมกนั
เพอ่ื ไปเที่ยวในเมืองโดยวางแผนจะกินเทา่ น้ี เที่ยวเล่นเทา่ น้นั พอวางแผน
เสร็จก็ตา่ งแยกยา้ ยไปนาํ เงนิ ที่เกบ็ ไวม้ า
...พออย่คู นเดยี วเขาอาจคิดวิธีการเก็บเงินได้ แต่พอเร่ิมมีคนอื่น
เข้ามาในชีวิต ไม่ว่าจะเป็ นใคร เรื่องกิน เร่ืองเท่ียว เร่ืองสังคมซึ่งล้วนแต่
เป็ นเรื่องเสียเงินกจ็ ะตามมา เราลองสังเกตดู
ชายหนุ่มคนน้นั ก็รีบวิ่งไปยงั ท่ีเก็บเงิน พลางก็ร้องเพลงไปดว้ ย
ท้งั ที่อากาศก็ร้อนๆ แต่เขากลบั มีใบหน้ายม้ิ แยม้ ตลอดเวลา สร้างความ
สงสยั ใหก้ บั พระราชาทีก่ าํ ลงั ประทบั ยนื อยทู่ สี่ ีหบญั ชร จงึ รับสงั่ ให้ทหาร
ไปเรียกตวั แตเ่ ขากลบั พดู ข้ึน “พระราชาเป็นใคร ไม่สน เราไม่ไดท้ าํ อะไร
ผดิ เราไม่ไป” ทหารจงึ จบั ตวั เขา้ มา
พอมาถึงพระราชาก็ให้ทหารปล่อยตวั เขาแลว้ ถามข้ึน “อากาศก็
รอ้ นถึงเพยี งน้ี ทาํ ไมเจา้ ทาํ ไม่รูส้ ึกรูส้ า ยงั ร้องเพลงอยไู่ ด้ เจา้ ไม่รอ้ นหรือ”
เขาจึงเล่าเหตุการณ์ให้ฟัง พระราชาเลยถามต่อ “ถา้ อยา่ งน้นั เจา้ คงมีเงิน
พระวิทยากรกระบวนธรรมกลมุ่ คลนิ ิกคณุ ธรรม
คมู่ ือพระวิทยากรกลมุ่ คลนิ ิกคณุ ธรรม ๑๕๓
เก็บไวเ้ ยอะละซิถึงไดห้ ัวเราะ คงหลายแสนแน่” “ไม่ถึงหรอกพระองค”์
เขาตอบ “ถา้ อยา่ งน้นั ก็ตอ้ งหลกั หมื่น” พระราชาทาย เขาก็ปฏเิ สธอีก
“ตกลงเจา้ มีเท่าไรแน่” พระราชาถาม “หม่อมฉนั มีแค่บาทเดียว
เอง” เขาตอบ “มีแคน่ ้ีทาํ ไมดีใจขนาดน้นั ” พระราชาถาม “กค็ วามสุขของ
หม่อมฉันกับพระองค์แตกต่างกัน หม่อมฉันมีเงินเท่าน้ีก็มีความสุข
เล็กๆน้อยๆ ตามอตั ภาพ และท่ีสาํ คญั หม่อมฉนั ภมู ิใจทไ่ี ดเ้ ก็บเงินไวด้ ว้ ย
ความเหนื่อยยาก ไม่ใช่หาไดง้ ่ายจึงรู้ซ่ึงถึงคุณค่าของเงินที่มี ไม่เหมือน
พระองค์ที่สุขสบายมาต้งั แต่เกิด” เขาตอบอยา่ งภาคภูมิใจพร้อมเหน็บ
พระราชานิดหน่อย
พระราชาไม่ไดโ้ กรธแถมยงั ประทบั ใจในความคิดของชายคน
น้นั จึงรบั สง่ั ให้พระราชทานเงนิ ให้เพอื่ ทีเ่ ขาจะไดไ้ ม่ตอ้ งว่งิ รอ้ นๆ ไปเอา
เงินแค่บาทเดียวน้นั แต่เขาก็ยงั กรานจะไปเอาไม่วา่ จะไดเ้ งนิ เท่าไรก็ตาม
พระราชาเห็นความมุ่งมั่นของเขายิ่งประทบั ใจข้ึนไปอีก จึง
ตดั สินใจมอบราชสมบตั ิให้คร่ึงหน่ึง ตอนน้ีเขาจึงยนิ ยอมรับโดยดี และ
ลืมเงินท่ีตนเองฝังไวต้ รงมุมตึก อีกท้งั หญิงสาวท่ีตนเองจะไปเท่ียวดว้ ย
เขาไดร้ ่วมราชสมบตั คิ รองราชยร์ ่วมกบั พระราชาอยา่ งมีความสุข
พระราชาท้งั สองพระองคก์ ็ครองราชยด์ ว้ ยดีในช่วงแรก แต่ดว้ ย
ความที่เขาเคยรับจา้ งมาก่อน เคยผา่ นความลาํ บากมา กวา่ จะไดเ้ งินมาแต่
ก่อนช่างลาํ บาก ตอนน้ีตอ้ งการอะไรก็ง่ายแสนง่าย ขา้ วปลาอาหารอุดม
พระวิทยากรกระบวนธรรมกลมุ่ คลนิ กิ คณุ ธรรม
ค่มู ือพระวทิ ยากรกลมุ่ คลนิ ิกคณุ ธรรม ๑๕๔
สมบรู ณ์ นางสนมก็มากมายลว้ นแลว้ แต่สวยงามท้งั สิ้น เขาจึงไม่ตอ้ งการ
แคร่ าชสมบตั คิ ร่ึงเดียวอีกตอ่ ไป แต่อยากไดท้ ้งั หมดลืมวา่ ความสุขน้ีไดม้ า
จากใคร กลบั คิดคดตอ้ งการอยากครอบครองไวเ้ สียคนเดียว จึงพกพระ
แสงดาบติดตวั ตลอดดว้ ยหวงั จะปลงพระชนม์พระราชาเสีย ก็สบโอกาส
เม่ือพระราชาพรอ้ มเขาไดเ้ สด็จพระราชอุทยานเพอ่ื เล่นกีฬาร่วมกนั
พระราชาทรงเล่นกีฬาจนเหน่ือยจึงบรรทมหลบั ไป ปล่อยใหร้ าช
บริพารเล่นกนั ต่อ เขาเห็นช่องอยา่ งน้นั จึงชกั พระแสงดาบออกมาจากฝัก
แลว้ ก็หวนคิดข้ึนได้ “พระราชาพระองคน์ ้ีช่วยเปลี่ยนเราที่เคยเป็ นคนจน
คนอนาถาให้มีฐานะ มีความสบาย แลว้ น่ีเรากาํ ลงั จะฆ่าคนน้ีไดอ้ ยา่ งไร”
พอไดส้ ติก็เลยรีบทิ้งดาบ แตค่ วามอยากท่มี ีกท็ าํ ใหเ้ ขาหยบิ ดาบข้ึนอีกคร้ัง
แลว้ กท็ ิ้งไปอีกหลายคร้งั จึงรีบปลุกพระราชา ก่อนท่เี ขาจะควบคุมตวั เอง
ไม่ได้
พอพระราชาต่ืนก็เล่าเร่ืองราวท้งั หมดใหฟ้ ัง พระราชาแทนท่ีจะ
โกรธกลบั ให้อภยั ในความดีท่ีเขาสารภาพ จึงพดู ข้ึน “เรายกโทษให้และ
ถา้ ท่านอยากได้ราชสมบตั ิ เราก็จะให้ท่านครองราชยส์ ่วนเราขอเป็ น
อุปราชคอยดูแลทา่ นเอง”
แทนที่เขาจะรู้สึกอยากได้เหมือนเดิม เขากลบั คิดไดว้ ่า “เพราะ
ราชสมบตั ิน้ีเกือบทาํ ให้เขาตอ้ งฆ่าคนท่ีมีพระคุณ”เขามาถึงทางตันของ
ชีวิต เม่ือความสุขเป็ นสิ่งที่ทุกคนตอ้ งการแต่กลบั พบว่า ความสุขน้ัน
พระวทิ ยากรกระบวนธรรมกลมุ่ คลนิ กิ คณุ ธรรม
ค่มู อื พระวิทยากรกลมุ่ คลนิ ิกคณุ ธรรม ๑๕๕
เกือบทาํ ให้ตอ้ งทุกข์ตลอดชีวิต ถ้าไม่ได้สติเสียก่อน ทาํ ให้ตัวเลือก
ต่อไปน้ีอาจทาํ ใหค้ วามสุขทแ่ี ทก้ ลบั มาอีกคร้งั คือ.
ขอ้ แรก คือ เขาควรแสวงหาความสุขที่ละเอียดยิง่ ข้ึนไปกว่าน้ี
ดว้ ยการออกบวช เม่ือความสุขท่ีมีอยูแ่ ละท่ีเราแสวงหาไม่ได้ทาํ ให้เรา
สบายใจข้ึน กลบั ยง่ิ ทาํ ใหท้ ุกขม์ ากข้ึน แสดงว่าสุขน้นั ไม่ใช่สุขที่แทจ้ ริง
สุขท่ีแทอ้ าจมาจากการทเี่ ราตดั ความอยากท้งิ ไปอยา่ งท่ีนกั บวชเขาทาํ กนั
หรือจะเลือกขอ้ ที่สอง คือ เขาควรยอ้ นกลบั ไปหาความสุขก่อน
หนา้ น้ีทเ่ี ขาภาคภูมิใจ เป็นสุขทีเ่ กิดจากการไดผ้ า่ นทกุ ข์ ความอยาก ความ
ลาํ บาก จากการไดล้ งแรงดว้ ยตนเอง แมส้ ุขน้นั จะดูเล็กน้อยในสายตาคน
อื่น แตก่ ็เป็นความสุขทีเ่ พยี งพอแลว้ กบั ชีวติ ของตนเอง เป็ นสุขทไี่ ม่ไดไ้ ป
เปรียบเทียบกับผูอ้ ่ืน และสุขน้ีไดห้ ายไปตอนท่ีเขาตดั สินใจเลือกราช
สมบตั ิที่เขาคิดว่าน่าจะให้ความสุขไดม้ ากกว่า แต่กลายเป็ นว่าเขากลบั
ทุกขม์ ากกวา่ ตามไปดว้ ย
สรุป
ชีวิตของเราตอนน้ีก็คือการเลือกระหว่างความสุขท้งั สองอยา่ งน้ี
จะเลือกหาสุขท่ีละเอียดข้ึนไป หรือจะยอ้ นกลบั ไปหาความสุขเล็ก ๆ ท่ี
เกิดจากความภาคภูมิใจที่ไดท้ าํ ที่ไดม้ า ท้งั สองความสุขท่ีวา่ มาลว้ นเป็น
ความละเอียดและเล็ก ๆ ท้งั ส้ิน ไม่ใช่อะไรที่ใหญ่โตอยา่ งท่ีเราอยากได้
กนั เลยแมแ้ ตน่ อ้ ย ลองเลือกกนั ดู
พระวิทยากรกระบวนธรรมกลมุ่ คลนิ กิ คณุ ธรรม
คมู่ ือพระวทิ ยากรกลมุ่ คลนิ กิ คณุ ธรรม ๑๕๖
ปัญญาแก้ไขปัญหาชีวิต
พ้นื ท่ีรกร้างว่างเปล่าสุดลูกหูลูกตา ยงั มีแพะแม่ลูกเดินเล็มหญา้
อนั เหลืออยนู่ อ้ ยนิด ยง่ิ ระยะหลงั อากาศแหง้ แลง้ จนหญา้ ทเี่ คยเขียวสดเริ่ม
แหง้ ตายจนหมด พน้ื ดินแยกออกจากกนั เพราะความชุ่มช่ืนที่เคยมีลดนอ้ ย
ถอยลง เจ้าแพะแม่ลูกเริ่มเดินจากทุ่งหญ้าตัดตรงเข้าไปสู่ป่ า ด้วย
ความหวงั วา่ จะมีตน้ ไมใ้ บเขยี วใหก้ ินพอประทงั ความหิว
ถา้ แม่แพะตวั เดียวกินใบไมเ้ ลก็ ๆ นอ้ ยๆ ไม่นานกค็ งอ่ิม แต่น่ีตอ้ ง
แบกทอ้ งของลูกๆ อีกหลายตวั มนั เลยตอ้ งทาํ งานหนกั มากกวา่ เดิมไหน
จะตอ้ งเดินหาแหล่งอาหารไหนจะตอ้ งระวงั ภยั อนั ตรายจากสัตวป์ ่ า อีก
ท้งั อากาศยามน้ีทาํ ใหต้ น้ ไมแ้ หง้ เหลือแต่ตน้ แม่แพะจงึ ตอ้ งเดินลึกเขา้ ไป
ในป่ าอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ลูกแพะไม่ได้สนใจอย่างอ่ืนนอกจาก
เพลิดเพลินอยกู่ บั การกินใบไมอ้ ยา่ งเอร็ดอร่อย แม่แพะพยายามเดินและ
ตอ้ นลูกแพะไม่ใหไ้ ปไกลจากตนมากนกั เพราะป่ าลึกและไม่คุน้ เคยอาจมี
ภยั ไดต้ ลอด
ห่างออกไปไม่ไกลนักก็มีเจา้ ลายพาดกลอนเสือโคร่งตวั ใหญ่
กาํ ลงั เดินหากินอยเู่ ช่นกนั หลายวนั มาน้ีเจา้ เสือไม่ค่อยไดก้ ินอะไรมานาน
พอไดก้ ลิ่นฝูงแพะ มนั จึงเริ่มออกเดินตามกลิ่นทนั ที พอใกลฝ้ งู แพะ แม่
แพะท่ีคอยระวงั ภยั อยแู่ ลว้ จึงไดก้ ลิ่นสาบเสือเขา้ อยา่ งจงั พอหนั ไปก็เห็น
ลวดลายเส้ือผลุบๆ โผล่ๆ จึงคิดว่าจะรีบหนี แต่ลืมไปว่าคราวน้ีตนเอง
ไม่ไดม้ าลาํ พงั ยงั มีลูกๆ อยดู่ ว้ ย ใจทค่ี ดิ หนีจึงหยดุ ไวแ้ ละคิดหาทางแกไ้ ข
พระวิทยากรกระบวนธรรมกลมุ่ คลนิ กิ คณุ ธรรม
ค่มู อื พระวทิ ยากรกลมุ่ คลนิ กิ คณุ ธรรม ๑๕๗
ทนั ที โดยช่วงที่แม่แพะหากินอยกู่ ็หาวิธีหลบภยั ไปดว้ ย จึงพบวา่ มีโพลง
ไมข้ นาดใหญ่พอใหต้ วั เองและลูกๆ เขา้ ไปหลบได้ แม่แพะจึงตอ้ นลูกๆ
เขา้ ไปก่อน และตวั มนั เขา้ ไปเป็นตวั สุดทา้ ย พอเจา้ เสือเดินมาใกล้
แม่แพะระวงั ตวั อยู่แลว้ พอไดก้ ล่ินเจ้าเสือมาใกลโ้ พลงไม้ จึง
ตะโกนดงั ข้ึน “เจา้ ลูกพวกน้ีร้องอยไู่ ด้ ไม่รู้จกั อ่ิมกนั บา้ งหรือไง เมื่อเชา้
แม่ใหข้ า้ งกินไป ๒ ตวั เส้ืออีกตวั ยงั ไม่พออีกหรือ” เจา้ เสือไดย้ นิ แคน่ ้นั ก็
ย้งั เทา้ ไม่ไปต่อ เพราะเริ่มไม่แน่ใจว่าสตั วท์ ่ีอยใู่ นโพลงน้นั เป็ นอะไร จึง
หนั หลงั แลว้ วงิ่ หนีเขา้ ไปในป่ าอยา่ งรวดเร็ว ก่อนจะมาหยดุ ยนื หอบอยใู่ ต้
ตน้ ไมใ้ หญต่ น้ หน่ึง
และบนตน้ ไมน้ ้นั ก็มีเจา้ ลิงตวั หน่ึงจบั อยพู่ อดี พอลิงเห็นเสือวิ่ง
หอบมาเท่าน้นั ก็ประหลาดใจ เพราะทุกวนั จะเห็นเสือเท่าน้นั ที่ว่ิงไล่จบั
สัตว์ วนั น้ีทาํ ไมเสือถึงถูกไล่มาบา้ ง แสดงวา่ ตอ้ งมีสัตวอ์ ะไรสักอยา่ งน่า
กลวั มากๆ อยแู่ ถวน้ี เป็ นดว้ ยความสงสยั ประกอบกบั ความกงั วลใจวา่ จะ
มีสัตวท์ ่ีน่ากลวั อยใู่ นป่ าจึงถามข้ึน “พ่ีเสือ พห่ี นีอะไรมาหรือ” เสือก็เล่า
ใหฟ้ ังถึงเหตุการณ์ท่ีตนเองไดก้ ล่ินสัตวช์ นิดหน่ึงจึงหวงั จะจบั กินใหอ้ ่ิม
แต่ปรากฏว่าไปไดย้ นิ มนั คุยกนั ว่าวา่ จบั ชา้ งและเสือกินไปหลายตวั แล้ว
“ดีนะที่พ่ีหนีมาได้ไม่ง้นั คงตายอยแู่ ถวน้นั แล้ว” เจา้ เสือบอกดว้ ยความ
ภมู ิใจ
เจา้ ลิงพอได้ฟังก็ถึงกับหัวเราะออกมา เพราะเม่ือเช้าตนเองก็
กระโดดอยแู่ ถวน้นั ไม่เห็นมีสตั วอ์ ะไรอยา่ งอื่นนอกจากฝูงแพะเท่าน้ัน
พระวทิ ยากรกระบวนธรรมกลมุ่ คลนิ ิกคณุ ธรรม
ค่มู ือพระวทิ ยากรกลมุ่ คลนิ กิ คณุ ธรรม ๑๕๘
จึงบอกเสือว่า “ตรงน้นั มีแต่แพะ ทาํ ไมพ่ีเสือไปกลวั มนั ได้ มาน่ีผมจะพา
ไปพิสูจน์ สิงอาสา ฝ่ ายเจา้ เสือรู้สึกอายกับคาํ พูดน้ันอย่ไู ม่น้อยแต่ก็ยงั
หวน่ั ๆอยู่ จึงบอกแบบไวล้ ายเสือวา่ “ไม่จริงหรอก ถา้ เจา้ หลอกขา้ ละ เอา
อยา่ งน่ีเพ่ือไม่ใหเ้ จา้ หนีขา้ ได้ เรามาจบั หางผกู กนั ไวก้ ่อน” เจา้ ลิงก็ตกลง
แลว้ ท้งั คู่กก็ ลบั ไปที่เดิม
แม่แพะพอเห็นเจา้ เสือไปก็พาลูกๆ ออกมากินใบไมเ้ หมือนเดิม
ก่อนจะไดก้ ลิ่นเสืออีกคร้ังเลยตอ้ นลูกเขา้ ไปในโพลง ส่วนตนเองก็ยนื ดู
สถานการณ์วา่ ทาํ ไมเสือจงึ กลา้ กลบั มาอีกก็เห็นวา่ มีเจา้ ลิงอยบู่ นหลงั จึงจาํ
ไดว้ า่ เมื่อเชา้ ตอนตนมามีลิงกระโดดอยแู่ ถวน้ี แพะจึงรู้ว่าลิงคงบอกเสือ
เรื่องตวั เองแลว้ ตอนน้ีรู้สึกถึงความหนักอ้ึงถึงปัญหา แต่ดีท่ีแม่แพะรู้ตวั
วา่ ตนเองอ่อนแอจึงฝึกปัญญามาไวส้ าํ หรับเหตุการณ์ไม่คาดคิดเสมอ จึง
หาวธิ ีออก วา่ แลว้ ก็ตะโกนพอให้เสือและลิงไดย้ นิ วา่ “เจา้ ลูกพวกน้ีหยดุ
รอ้ งกนั ไดแ้ ลว้ เมื่อเชา้ ใหก้ ินอะไรตอ่ อะไรเขา้ ไปกย็ งั ไม่อ่ิม รอเดี่ยวสิ แม่
ใหล้ ิงไปหลอกเสือมาใหเ้ จา้ กินอยู่ หยดุ รอ้ งไดแ้ ลว้ ” เจา้ เสือไดย้ นิ เท่าน้นั
กร็ ู้วา่ ท้งั หมดเป็ นแผนของเจา้ ลิง จงึ หนั หลงั และวงิ่ อยา่ งไม่คดิ ชีวติ ขณะที่
เจา้ ลิงอยบู่ นหลงั เสือไม่ทนั ระวงั จึงตกลงมาถูกเสือลากไป ท่ีสุดลิงก็หาง
ขาดและตาย ฝ่ ายฝงู แพะกร็ อดชีวติ ไปได้
สรุป
เราอาจเคยพบเสือที่มีอาํ นาจแต่ขาดปัญญา มีทุกอยา่ งพร้อมแต่
ขาดดุลยพินิจที่รอบคอบ เราอาจเคยพบลิงที่สุดแสนฉลาด แต่กลบั ไป
พระวิทยากรกระบวนธรรมกลมุ่ คลนิ ิกคณุ ธรรม
คมู่ ือพระวทิ ยากรกลมุ่ คลนิ กิ คณุ ธรรม ๑๕๙
หลงเชื่อคนมีอาํ นาจโดยไม่ไดใ้ คร่ครวญใหด้ ีว่าเขาเป็ นคนพาลหรือเป็ น
บณั ฑิต สุดทา้ ยกพ็ บจุดจบของชีวติ เพราะเคราะหก์ รรมท่เี ลือกเขา้ ขา้ งคน
ผิด และเราอาจจะเคยพบแพะท่ีไม่มีอาํ นาจข่มใครได้ แต่กลบั มีปัญญาที่
ไม่ใช่หาแต่ดีใส่ตวั แต่มุ่งมน่ั ป้องกนั รักและเสียสละเพอื่ คนอื่น ๆ ลองหา
ดูสิวา่ เราพบคนแบบไหนกนั มากข้ึนในสงั คมเราตอนน้ี
ข้อคดิ ก่อนนิทรา
เนน้ ขอ้ คิดและย้าํ เตอื นใหเ้ กิดสติ พจิ ารณาขอ้ ผดิ พลาดและแกไ้ ข
หรือปรบั ปรุงตวั เองในวนั ต่อ ๆ ไป
ตวั อย่างการบรรยาย
ความกตญั �ู
คร้งั หน่ึงนานมาแลว้ บนยอดเนินเล็กๆ ขา้ งหมู่บา้ นมีตน้ แอปเปิ้ ล
ตน้ หน่ึงใหญ่โตมาก ทุกวนั จะมีเด็กชายตวั นอ้ ยคนหน่ึงมาว่ิงเล่นรอบๆ
ตน้ แอปเปิ้ ล
เขามักจะชอบปื นข้ึนไปบนต้นแอปเป้ิ ลปื นไปจนถึงยอด
หลงั จากท่ีเขาเล่นจนเหนื่อยเขามกั จะอาศยั ร่มเงาของตน้ แอปเปิ้ ลเป็ นที่
นอนหลบั เสมอ เด็กน้อยรักตน้ แอปเป้ิ ลน้ีมาก และตน้ แอปเปิ้ ลเองก็รัก
เขาเช่นกนั
พระวทิ ยากรกระบวนธรรมกลมุ่ คลนิ ิกคณุ ธรรม
คมู่ ือพระวทิ ยากรกลมุ่ คลนิ กิ คณุ ธรรม ๑๖๐
วนั เวลาผา่ นไป เดก็ นอ้ ยเร่ิมโตข้นึ เขาไม่ไดม้ าเล่นท่ีตน้ แอปเปิ้ ล
เช่นทกุ วนั เหมือนแตก่ ่อน อยมู่ าวนั หน่ึง เดก็ นอ้ ยกลบั มาทีต่ น้ แอปเปิ้ ลเขา
ดูท่าทางเศร้าๆ ตน้ แอปเปิ้ ลจึงพดู กบั เดก็ นอ้ ยวา่
“เขา้ มาน้ีสิ มาเล่นกบั ฉนั เถอะ”
เด็กนอ้ ยก็เขา้ ไปนงั่ อยใู่ กลต้ น้ แอปเปิ้ ล แลว้ พดู วา่
“ฉันไม่ใช่เด็กอีกต่อไปแล้วนะ ฉันคงเล่นกับเธอเหมือนเดิม
ไม่ได้ ตอนน้ีกลุม้ ใจมา เพราะฉันอยากไดข้ องเล่น จึงตอ้ งการเงินไปซ้ือ
ของเล่นทวี่ า่ น้นั ”
เม่ือตน้ แอปเปิ้ ลไดฟ้ ังเดก็ นอ้ ยพดู เช่นน้นั ดว้ ยความรกั ท่มี ีตอ่ เด็ก
น้อย จึงพูดข้ึนดว้ ยความรู้สึกท่ีตอ้ งการจะเสียสละอะไรบางอย่างของ
ตวั เองออกไปใหเ้ ขาวา่
“เสียใจนะ ฉนั ไม่มีเงินใหเ้ ธอหรอก แต่ฉนั ก็มีสิ่งท่ีจะทาํ ให้เธอ
ไดข้ องเล่นน้นั มาไดน้ ะ เธอสามารถเก็บเอาผลแอปเปิ้ ลท้งั หมดน้ีไปขาย
ได้แล้วก็จะมีเงินไปซ้ือของเล่นอยา่ งท่ีเธอตอ้ งการ ฉันยนิ ดีท่ีจะให้เธอ
เกบ็ ลูกแอปเป้ิ ลไปขายได”้
เมื่อเด็กน้อยได้ฟังเช่นน้ันก็ดีใจยิ่งนัก จึงรีบเก็บผลแอปเปิ้ ล
ท้งั หมดที่มีอยบู่ นตน้ เพ่ือเอาไปขาย เม่ือไดด้ ง่ั ที่ใจตอ้ งการแลว้ ก็จากไป
ดว้ ยสีหนา้ ท่ีมีความสุข แลว้ เขากไ็ ม่เคยยอ้ นกลบั มาหาตน้ แอปเปิ้ ลอีกเลย
ปล่อยใหต้ น้ แอปเปิ้ ลเสียใจ แตต่ น้ แอปเปิ้ ลกย็ งั รอคอยการกลบั มาของเขา
พระวทิ ยากรกระบวนธรรมกลมุ่ คลนิ ิกคณุ ธรรม
ค่มู ือพระวิทยากรกลมุ่ คลนิ กิ คณุ ธรรม ๑๖๑
เสมอ จนวนั หน่ึง เด็กนอ้ ยที่โตข้นึ ก็กลบั มา ตน้ แอปเปิ้ ลดีใจมากท่ีไดเ้ จอ
เดก็ นอ้ ยอีก จงึ พดู ทกั ทายข้ึนวา่
“ดีใจจงั ท่ีไดเ้ จอเธอ เขา้ มาน่ีสิ มาเล่นกบั ฉนั เถอะ”
เด็กน้อยไดฟ้ ังตน้ แอปเปิ้ ลกล่าวเช่นน้นั แทนที่จะรู้สึกดีใจ หรือ
ตื่นเตน้ ท่ตี น้ แอปเป้ิ ลไม่เคยลืมตวั เอง กลบั ตอบอยา่ งเยน็ ชาวา่
“ฉนั ไม่มีเวลาท่ีจะมาเล่นกบั เธอหรอก เพราะฉันมีงานตอ้ งทาํ มี
ครอบครัวที่ตอ้ งดูแล และพวกเขาก็รอฉนั อยู่ พวกเราตอ้ งการสร้างบา้ น
เพอ่ื เป็นที่พกั อาศยั ตน้ แอปเป้ิ ลช่วยฉนั ไดม้ ้ยั ”
แทนที่แอปเปิ้ ลไดฟ้ ังเขาพดู เช่นน้นั จะกล่าวตดั พอ้ ที่เด็กนอ้ ยโต
มีครอบครัวแล้ว และไม่ใยดีต่อตนเองเลย ต้นแอปเป้ิ ลกลบั กล่าวให้
ความหวงั แก่เขาวา่
“เสียใจนะ ฉนั ไม่มีบา้ นจะใหเ้ ธอหรอก แตเ่ ธอก็สามารถท่ีจะตดั
เอากิ่งของฉนั ไปสร้างบา้ นไดน้ ะ ฉันยนิ ดีที่จะเสียสละก่ิงกา้ นของตวั เอง
ถา้ เธอตอ้ งการ”
ชายหนุ่มไดฟ้ ังเช่นน้นั แทนที่จะเห็นใจที่ตน้ แอปเป้ิ ลยอมลาํ บาก
เพือ่ ตวั เอง เขากลบั เลือกที่จะตดั เอากิ่งของตน้ แอปเป้ิ ลท้งั หมดไปสร้าง
บา้ น ตน้ แอปเปิ้ ลกด็ ีใจท่ีเห็นเดก็ นอ้ ยจากไปอยา่ งมีความสุข หลงั จากวนั
น้นั เด็กนอ้ ยก็ไม่เคยยอ้ นกลบั มาหาตน้ แอปเปิ้ ลอีกเช่นเคย ปล่อยใหต้ น้
พระวิทยากรกระบวนธรรมกลมุ่ คลนิ ิกคณุ ธรรม
คมู่ ือพระวิทยากรกลมุ่ คลนิ กิ คณุ ธรรม ๑๖๒
แอปเป้ิ ลอยอู่ ยา่ งโดดเด่ียว เปลี่ยวเหงาและเศรา้ ใจอยตู่ ามกาลเวลาที่หมุน
ผา่ นไป
จนกระทงั่ วนั หน่ึงของฤดูร้อน เด็กน้อยที่ยา่ งเลยวยั กลางคนก็
ยอ้ นกลบั มา ฝ่ ายตน้ แอปเปิ้ ลเห็นเขาก็ดีใจเป็นอยา่ งมาก จงึ พดู กบั เขาวา่
“เธอไปไหนมาเสียนาน เขา้ มานี่สิ มาเล่นกบั ฉนั เถอะ”
ชายวยั ท่ีอายเุ ร่ิมมากข้ึนไดฟ้ ังตน้ แอปเป้ิ ลพูดเช่นน้นั แทนที่จะ
รู้สึกรักษาน้าํ ใจกนั บา้ ง กลบั พดู เหมือนกบั กาํ ลงั เรียกร้องบางส่ิงจากตน้
แอปเป้ิ ลเช่นเคยวา่
“ฉันมีเร่ืองทุกข์ใจ ไม่มีอารมณ์จะเล่นกบั เธอหรอก ตอนน้ีฉัน
กาํ ลงั เศร้า คือฉนั กเ็ ร่ิมแก่แลว้ ตอ้ งการแล่นเรือเพอื่ พกั ผอ่ นตวั คนเดียว แต่
ยงั หาเรือไม่ได้ ตน้ แอปเปิ้ ลมีเรือใหฉ้ นั ไหม”
ตน้ แอปเปิ้ ลไดย้ นิ เช่นน้นั รูท้ ้งั รูว้ า่ เขากาํ ลงั ขอบางสิ่งบางอยา่ งที่
มากข้นึ กวา่ เดิมจากตนเอง แต่ตน้ แอปเปิ้ ลกลบั กลา้ ท่ีจะใหใ้ นส่ิงที่เขาขอ
โดยกล่าวตอบกลบั ไปวา่
“ฉนั ไม่สามารถใหเ้ รือแก่เธอไดห้ รอก แต่ฉนั สามารถทจี่ ะใหเ้ ธอ
ตดั เอาไปทาํ เป็ นเรือได้ แลว้ เธอก็จะสามารถแล่นไปไดไ้ กลตามที่ใจเธอ
ตอ้ งการ”
พระวทิ ยากรกระบวนธรรมกลมุ่ คลนิ ิกคณุ ธรรม
ค่มู อื พระวทิ ยากรกลมุ่ คลนิ ิกคณุ ธรรม ๑๖๓
เดก็ นอ้ ยท่ยี า่ งเขา้ สู่วยั ท่ีตอ้ งการทอ่ งเที่ยว เม่ือไดย้ นิ เช่นน้นั กร็ ีบ
จดั การตดั เอาลาํ ตน้ ของตน้ แอปเปิ้ ลไปสร้างเรือทนั ที แลว้ เขาก็จากไปอีก
เช่นเคย
เวลาผา่ นไปหลายปี ตน้ แอปเป้ิ ลที่เหลือแต่ตอ ก็ไดแ้ ต่เฝ้ารอว่า
เม่ือไรเด็กนอ้ ยที่ตนเองรักจะกลบั มาเยย่ี มสกั ทีเป็ นเวลาเนิ่นนาน แต่ตน้
แอปเป้ิ ลก็รอคอยดว้ ยความหวงั ว่าวนั หน่ึงคนท่ีตนเองรักจะกลบั มา แลว้
จู่ๆวนั หน่ึง การรอคอยน้นั ก็สมหวงั อีกคร้ัง เด็กน้อยท่ีบดั น้ีไดก้ ลายเป็ น
คนแก่ชราหลงั ค่อมไดเ้ ดินทางกลบั มายงั ตน้ แอปเปิ้ ลทเี่ หลือแตต่ ออีกคร้งั
คร้นั ชายชรามายนื อยใู่ กลๆ้ คร้งั น้ีตน้ แอปเปิ้ ลไดพ้ ดู ข้นึ ก่อนวา่
“เสียใจดว้ ยนะเด็กนอ้ ยของฉนั คร้ังน้ีฉันคงไม่เหลืออะไรท่ีจะ
ใหเ้ ธอไดอ้ ีกแลว้ ฉนั ไม่มีผลแอปเปิ้ ลใหเ้ ธอเลยสกั ลูกไม่มีกิ่งกา้ นไม่มีลาํ
ตน้ ใหเ้ ธอนาํ ไปใชป้ ระโยชน์เหมือนแตก่ ่อน แต่ส่ิงทีพ่ อจะเหลืออยบู่ า้ ง ก็
คงเป็ นเพยี งตอและรากของฉนั เทา่ น้นั เอง”
เดก็ นอ้ ยทีก่ ลายเป็นคนแก่ชราก็พดู ข้ึนดว้ ยน้าํ เสียงเรียบๆเหมือน
ประหน่ึงวา่ เขาไม่ตอ้ งการอะไรจากตน้ แอปเปิ้ ลอีกแลว้ วา่
“ฉนั กไ็ ม่มีฟันท่จี ะสามารถกดั กินแอปเปิ้ ลได้ ในตอนน้ีก็แก่มาก
เกินกว่าท่ีจะปี นเล่นได้อีกเช่นกัน ฉันไม่ต้องการอะไรมากไปกว่าน้ี
นอกจากเพยี งแค่ไดท้ ่ีพกั ผอ่ นบา้ งเท่าน้นั เพราะฉนั เองกเ็ หนื่อยต่อการใช้
ชีวติ ทผี่ า่ นมาเหลือเกิน”
พระวทิ ยากรกระบวนธรรมกลมุ่ คลนิ กิ คณุ ธรรม
ค่มู อื พระวทิ ยากรกลมุ่ คลนิ กิ คณุ ธรรม ๑๖๔
ตน้ แอปเปิ้ ลท่ีบดั น้ีเหลือแต่ตอและราก ไดฟ้ ังชายชราท่ีเคยเป็ น
เด็ก เป็ นหนุ่ม และเป็ นคนท่ีมีอายมุ ากข้ึนตามวยั กล่าวเช่นน้ัน ก็ไดแ้ ต่
กล่าวใหก้ าํ ลงั ปลอบขวญั เขา ประหน่ึงวา่ ชีวิตน้ีไม่เคยคิดที่จะโกรธเขา
เลยแมเ้ พียงนิด ตน้ แอปเป้ิ ลไดพ้ ดู ข้ึนอยา่ งคนทีด่ ีใจที่เห็นคนที่ตนเองรกั
กลบั บา้ นวา่
“ง้นั ก็ดีแลว้ ฉนั ขอใชร้ ากไมแ้ ก่ๆ ใหเ้ ธอเป็ นทพ่ี กั พงิ เอง ท่แี ห่งน้ี
จะเป็ นสถานท่ีใหเ้ ธอไดเ้ อนกายแลว้ พกั ผอ่ นอยา่ งสงบ เธอเขา้ มาทีน่ ่ีสิเขา้
มานง่ั ลงขา้ งๆ ฉนั แลว้ ก็หลบั ตาลง นอนใหห้ ลบั สบายเถอะ ฉนั จะอยเู่ ป็ น
เพอื่ นเธอเอง”
เด็กน้อยที่กา้ วสู่วยั ชราไดฟ้ ังตน้ แอปเปิ้ ลพูดเช่นน้นั ก็ดีใจเป็ น
นกั หนา น้าํ ตาที่เอ่ออยขู่ า้ งในก็หลง่ั ไหลออกมาอาบสองแกม้ อยา่ งไม่อาย
ใคร เขาดีใจทีต่ น้ แอปเปิ้ ลพรอ้ มท่ีจะใหอ้ ภยั เขาเสมอ ท้งั ๆ ท่ผี า่ นมาเขามี
แต่เอาเปรียบตน้ แอปเปิ้ ลอยฝู่ ่ ายเดียว เขาไดใ้ หส้ ญั ญากบั ตน้ แอปเป้ิ ลวา่
จะไม่ยอมไปไหนอีกแลว้
ในท่ีสุด ตน้ แอปเปิ้ ลและชายชราก็ได้ใช้ชีวิตท่ีเหลืออยรู่ ่วมกนั
อยา่ งผาสุก ซ่ึงตน้ แอปเปิ้ ลน้นั ก็ไดแ้ ต่ดีใจเป็ นอยา่ งยง่ิ ท่ีการรอคอยของ
เขาจะไม่ว่างเปล่าอีกต่อไป แมว้ ่าตวั เองจะเหลืออยูเ่ ฉพาะแค่ตอและที่
พรอ้ มจะกลายเป็นเศษไม้ หรือเถา้ ธุลีในวนั ขา้ งหนา้ กต็ าม
พระวทิ ยากรกระบวนธรรมกลมุ่ คลนิ ิกคณุ ธรรม
ค่มู อื พระวทิ ยากรกลมุ่ คลนิ กิ คณุ ธรรม ๑๖๕
ให้ทุกคนลืมตาข้ึนได้ หลงั จากฟังเรื่องน้ีจบลง พระอาจารยข์ อ
ถามวา่ เด็กนอ้ ยคนน้ี อกตญั �ูไหม ? ไม่รู้บญุ คุณของตน้ แอปเปิ้ ลม้ยั ?ถา้
พวกเราตอบวา่ ใช่ พวกเราคดิ วา่ เด็กนอ้ ยคนน้ีเหมือนใคร ใหล้ องมองยอ้ น
ดูใหด้ ีคลา้ ยกนั เราไหม ?
สรุป
ตน้ แอปเป้ิ ลน้ันเปรียบเสมือนพ่อและแม่ของเราเมื่อเรายงั เด็ก
ชอบท่จี ะเล่นกบั พอ่ และแม่ แต่เม่ือเราโตข้ึนแลว้ แยกตวั ออกไป เวลาเดียว
ท่ีเราจะกลบั มาหาทา่ น ก็คือเม่ือเราตอ้ งการบางส่ิงบางอยา่ งที่ไม่สามารถ
หาเองได้ เราก็จะกลบั มาขอใหท้ ่านช่วยเหลือ ซ่ึงท่านเองก็ไม่เคยมีคาํ วา่
ปฏิเสธในคาํ ร้องขอของลูกท่านเลย ท่านมีแต่ให้สามารถให้ไดท้ ุกสิ่ง
อย่างที่มีอยู่ในชีวิตของท่าน เพื่อท่ีจะทาํ ให้เราผู้เป็ นลูกของท่านมี
ความสุข
พวกเราอาจคิดวา่ เด็กนอ้ ยน้นั โหดร้ายไม่ต่างอะไรกบั การท่ีเรา
ปฏิบตั ิต่อพ่อแม่ของเราดังเช่นทุกวนั น้ีขอให้เราระลึกถึงท่านให้ดีนะ
เพราะเราไม่รู้ว่าท่านจะอยูก่ บั เราอีกนานเท่าไร ขอให้ต้งั ใจเป็ นลูกที่ดี
กตญั �ูกตเวทีต่อท่านในขณะท่ีท่านยงั ลมหายใจอยู่ ก่อนนอนคืนน้ีกอ็ ยา่
ลืมกราบระลึกถึงคุณของท่านดว้ ยเพอื่ จะไดน้ อนหลบั ฝันดีตลอดท้งั คนื
พระวิทยากรกระบวนธรรมกลมุ่ คลนิ ิกคณุ ธรรม
ค่มู ือพระวิทยากรกลมุ่ คลนิ ิกคณุ ธรรม ๑๖๖
ธรรมะวาไรตี้
กิจกรรมน้ีเนน้ การ ถาม-ตอบ ถือวา่ เป็ นวธิ ีที่พระพทุ ธเจา้ ทรงใช้
สอนหลักธรรมต่างๆที่พระองค์ได้ตรัสรู้มา และเปล่ียนแนวคิดที่ผิด
(มิจฉาทิฏฐิ) ของบุคคลท่ีพระองค์ได้ตรัสด้วย ให้กลับมาเป็ นคิดถูก
(สัมมาทิฏฐิ) จนกลายเป็ นหลักที่เราใช้ยึดปฏิบตั ิกันในเร่ืองการตอบ
ปัญหา คือ
๑) เอกังสพยากรณียปัญหา ปัญหาท่ีควรแยกแยะหรือจาํ แนก
ตอบ เช่น ถามว่าส่ิงที่ไม่เที่ยงได้แก่จกั ษุใช่ไหม ? พึงตอบได้ทีเดียว
แน่นอนลงไปวา่ ใช่
๒) วิภัชชพยากรณียปัญหา ปัญหาที่ควรแยกแยะหรือจาํ แนก
ตอบ เช่น ถามวา่ ส่ิงที่ไม่เที่ยงไดแ้ ก่จกั ษุใช่ไหม ? จึงแยกแยะตอบวา่ ไม่
เฉพาะจกั ษเุ ทา่ น้นั แมโ้ สตะ ฆานะ เป็นตน้ ก็ไม่เท่ียง
๓) ปฏิปจฉาพยากรณียปัญหา ปัญหาท่ีไม่ควรตอบ แต่ใช้วิธี
ยอ้ นถาม เช่น ถามวา่ จกั ษฉุ นั ใด โสตะก็ฉนั น้นั โสตะฉนั ใด จกั ษกุ ฉ็ นั น้นั
ใช่ไหม ? จึงยอ้ นถามวา่ มุ่งความหมายแง่ใด ถามใด หมายถึงแง่ใชด้ ูหรือ
เห็นก็ไม่ใช่ แต่ถา้ มุ่งความหมายแง่วา่ ไม่เทยี่ งกใ็ ช่
๔) �ูปนียปัญหา ปัญหาท่พี งึ ยบั ย้งั หรือพบั เสีย ไม่ควรตอบ เช่น
ถามวา่ ชีวะกบั สุรีระ คือ สิ่งเดียวกนั ใช่ไหม พงึ ยบั ยง้ั เสียไม่ตอ้ งตอบ
พระวทิ ยากรกระบวนธรรมกลมุ่ คลนิ กิ คณุ ธรรม
คมู่ ือพระวทิ ยากรกลมุ่ คลนิ ิกคณุ ธรรม ๑๖๗
กิจกรรมน้ีจึงเป็ นการส่งเสริมใหท้ ุกคนกลา้ แสดงออกผ่านการ
ถามคาํ ถามข้อสงสัย เพื่อให้ผู้เข้าอบรมได้เปิ ดใจรับฟังข้อคิดจาก
กลั ยาณมิตร ท่ีผา่ นการศึกษาท้งั ทางโลกและหลกั ธรรมท้งั ช่วยคล่ีคลาย
ปัญหาทส่ี งสยั ในใจดว้ ย อีกอยา่ ง แนวทางการแกป้ ัญหาในชีวติ ทด่ี ีท่ีสุดก็
คือ การพูดคุยกันนั่นเอง ยง่ิ ถามมากเท่าใด ก็จะไดร้ ับความรู้และความ
เขา้ ใจมากยง่ิ ข้นึ ดว้ ย โดยมีรูปแบบการดาํ เนินกิจกรรมดงั น้ี
พธิ ีกร ๑ ท่าน
- พระวทิ ยากรผตู้ อบปัญหาประมาณ ๓-๔ รูปโดยประมาณ หรือ
อาจจะให้วทิ ยากรผเู้ ป็ นฆราวาสมาร่วมดว้ ยก็ไดใ้ นกรณีที่คาํ ถามน้นั เป็น
แนวคาํ ถามเกี่ยวกบั โลกๆ ซ่ึงบางคร้ังผูอ้ ย่ใู นมิติของความเป็ นฆราวาส
อาจจะให้ขอ้ มูลเสริมท่ีน่าสนใจเพิม่ ข้ึนต่อจากมุมมองในทางหลกั ธรรม
ไปแลว้
- พิธีกรผชู้ ่วย ซ่ึงจะมีหนา้ ท่ีในการแจกกระดาษคาํ ถาม และเกบ็
กระดาษคาํ ถาม (ในกรณีท่ีผูเ้ ขา้ อบรมตอ้ งเขยี นคาํ ถามใส่กระดาษ) หรือ
ช่วยส่งไมคใ์ หผ้ เู้ ขา้ อบรมไดถ้ ามคาํ ถามสด
- จดั ต้งั โต๊ะ เก้าอ้ีสําหรับนัง่ หรืออาสนะให้ดูเป็ นทางการ เพื่อ
สรา้ งบรรยากาศใหน้ ่าเชื่อถือในการถาม-ตอบ
- เตรียมกระดาษ ปากกาให้พร้อม ในกรณีที่ผูเ้ ขา้ อบรมยงั ไม่
คุน้ เคยตอ่ การถามคาํ ถามสด
พระวทิ ยากรกระบวนธรรมกลมุ่ คลนิ กิ คณุ ธรรม
ค่มู ือพระวทิ ยากรกลมุ่ คลนิ กิ คณุ ธรรม ๑๖๘
- พธิ ีกรสรุปให้เห็นวิธีการคิดให้คิดถูก เห็นถูกก่อน และฟังคาํ
กัลยาณมิตรแนะนาํ ดังที่พระธรรมโกศาจารย์ (ประยูร ธมมจิตโต) ได้
ประพนั ธไ์ ว้
“เดินตามรอยคนดที ่อี ย่หู น้า
มือเคยเลยี้ งเรามาจงอย่าเผา
อย่าประทุษร้ ายเพ่ือนสนิทมิตรของเรา
อีกคนเขลาไร้ สติอย่าริ ตาม”
พระวิทยากรกระบวนธรรมกลมุ่ คลนิ ิกคณุ ธรรม
ค่มู ือพระวทิ ยากรกลมุ่ คลนิ ิกคณุ ธรรม ๑๖๙
กจิ กรรมอ้อมกอดที่ควรตอบแทน
ข้นั ตอนการจดั กิจกรรม
ข้นั เตรียมการ
- เตรียมติดต้งั จอภาพ - เครื่องโปรเจกเตอร์/หากโรงเรียนไหน
เคยเขา้ คา่ ยธรรมะแลว้ ก็ควรปรบั เปลี่ยนเน้ือหาการบรรยายหรือกิจกรรม
ซ่ึงแตกตา่ งในรูปการณ์นาํ เสนอแตเ่ ป้าหมายเดียวกนั
- การเตรียมการบรรยาย พระวทิ ยากรตอ้ งประเมินก่อนวา่ เป็ น
ค่ายธรรมะทไี่ ปเชา้ เยน็ กลบั หรือมีการคา้ งคนื ก็ควรจดั บรรยากาศใหเ้ ขา้
กบั สถานการณ์
- เบ้ืองตน้ ก่อนเริ่มบรรยาย อาจจะมีการสอบถามวา่ จะเล้ียงแม่
ไดอ้ ายเุ ท่าไร? ตอนน้ีคิดว่าเล้ียงแม่ไดห้ รือไม่? หรือเร่ิมตน้ ดว้ ยการฉาย
สื่อทเ่ี หมาะกบั วยั ของผเู้ ขา้ อบรม
ข้นั ดําเนินการ
เปิ ดดนตรีบรรเลง พระวิทยากรบรรยาย เสียงบรรยายปกติ
อาจจะใหน้ กั เรียนกม้ ลงกราบ พรอ้ มกบั เพลง "บชู าบุพการี"หรืออาจจะมี
การสัมภาษณ์ความรู้หลงั จากบรรยาย โดยถามวา่ ใครเคยทาํ ความผดิ กบั
พอ่ และแม่บา้ ง แลว้ ใหย้ กมือตอบ พระวทิ ยากรบรรยายสรุป
พระวทิ ยากรกระบวนธรรมกลมุ่ คลนิ ิกคณุ ธรรม
ค่มู ือพระวิทยากรกลมุ่ คลนิ กิ คณุ ธรรม ๑๗๐
ข้นั สรุป
- ความกตญั �เู ป็นเครื่องหมายของคนดี
- วธิ ีการจะบาํ รุงพอ่ แม่ ดว้ ยปัจจยั ๔
- การครองชีวติ ในยคุ ปัจจบุ นั
- การมีชีวติ เพอื่ คนทเี่ รารกั
ตัวอย่างเนื้อหาประกอบการบรรยาย ๑
ขอความสุขความเจริญในธรรมจงมีแก่เหล่าคนดีผูเ้ ป็ นที่รัก
ท้งั หลาย ธรรมบรรยายน้ีไดถ้ ูกจดั ข้ึนมา เพ่อื จะไดน้ ้อมนาํ รําลึกถึงบุพ
พการีชน ผเู้ ป็นท่รี กั
หากแม้คุณความดีที่
เกิดจากธรรมบรรยายน้ีจะพงึ
มีอยบู่ า้ ง พวกเราท้งั หลาย ขอ
อุทิศคุณความดีท้งั หมดน้ี แก่
พ่อแม่ของปวงชนชาวไทย
และดวงวิญญาณของแม่ทุก
ดวงท่ีอยบู่ นผืนแผน่ ดินน้ี ลาํ ดบั ต่อไปน้ีขอเชิญท่านท้งั หลายจงน้อมจิต
ระลึกถึงใครคนหน่ึงที่มีคุณคา่ ตอ่ ชีวติ เรามากทส่ี ุดในโลก
พระวิทยากรกระบวนธรรมกลมุ่ คลนิ ิกคณุ ธรรม
ค่มู ือพระวทิ ยากรกลมุ่ คลนิ ิกคณุ ธรรม ๑๗๑
ลูก ๆ ท่ีรักท้งั หลาย คงจะจาํ ความคร้ังเก่าในอดีตไดด้ ี ถา้ หากวา่
ไม่มีบุคคลผนู้ ้ีเราท่านท้งั หลายคงจะไม่มีวนั น้ี เขาเป็ นบุคคลท่ีรักเรามาก
ท่สี ุดในโลก เป็นผทู้ ี่ห่วงใยเรามากทีส่ ุดในโลก
ในขณะท่ีลูก ๆ กา้ วเทา้ ออกมาจากประตู ลูกเคยทราบไหมวา่ ได้
มีสายตาคู่หน่ึงเฝ้าคอยมองดูเราดว้ ยความรักและความห่วงใย ลูกของแม่
วนั น้ีจะไปถึงโรงเรียนหรือเปล่า จะกลบั บา้ นมืดคาํ หรือเปล่า เป็ นคาํ ถาม
เป็ นความห่วงใย ทมี่ ีอยใู่ นใจแม่เสมอ
ในขณะทล่ี ูก ๆ กาํ ลงั สนุกสนานเพลิดเพลินอยนู่ ้ีลูก ๆ ทราบบา้ ง
ไหมว่ามีบุคคลคนหน่ึง กาํ ลงั เหง่ือไหไครยอ้ ย คร่าํ เครียดอยกู่ บั งานเพ่ือ
หาเงินมาเล้ียงลูก ในขณะท่ีลูก ๆกาํ ลงั ใชจ้ ่าย. ลูกทราบหรือเปล่าว่า มี
บุคคลที่กาํ ลงั อดเพื่อให้เราไดอ้ ิ่ม. มีบุคคลหน่ึงท่ีกาํ ลงั ทกุ ข์ เพื่อให้เราได้
สุข..ลูกทราบบา้ งหรือเปล่าวา่ บางคร้ังแม่ไม่กลา้ ท่ีจะควกั เงินแค่ ๕ บาท
มาซ้ือน้าํ กินท้งั ๆ ท่ีหิวแทบขาดใจ แต่ก็กลวั ลูกจะไม่มีเงินไปโรงเรียน
กลวั ลูกไม่มีขา้ วกิน กลวั ลูกมีเงินมาโรงเรียนไม่ครบ ไม่มีเงนิ ซ้ือขนม
ลูกเคยถามตนเองบา้ งไหมวา่ ชีวติ และร่างกายที่ครบอาการ ๓๒
น้ี เราอยรู่ อดมาไดเ้ พราะใคร เราใชจ้ ่ายเงินของคุณแม่หมดไปกี่บาทแลว้
ลูกถามตนเองบา้ งหรือไม่วา่ เรากินขา้ วของคุณแม่หมดไปก่ีกระสอบแล้ว
ใครใหท้ ่พี กั อาศยั ใครใหย้ าในยามป่ วยไข้ ใครรกั และห่วงใยเรามากท่ีสุด
ในโลก
พระวิทยากรกระบวนธรรมกลมุ่ คลนิ กิ คณุ ธรรม
ค่มู อื พระวทิ ยากรกลมุ่ คลนิ ิกคณุ ธรรม ๑๗๒
แม่ คือผูใ้ ห้ทุกส่ิงทุกอยา่ งแมก้ ระทง่ั ชีวติ เธออาจจะมีเพื่อนได้
หลายคน แต่เธอมีแม่ไดเ้ พียงแค่คนเดียวเท่าน้นั เธอจะเอาแต่สนุก เธอรู้
หรือเปล่าวา่ คนเป็นแม่น้นั ลาํ บาก ขนาดไหน
แม่ลําบาก ตรากตรํา ทุกคา่ํ เช้า หนักก็เอา เบาก็สู้ ไม่รู้หนี
แม่เหน็ดเหน่ือย เมื่อยล้า ทง้ั ตาปี แม่ยอมพลี ชีวติ และจติ ใจ
ลูกก่ีคน ทนเลย้ี งได้ ไม่ทุกข์หนัก เท่าลูกรัก ประพฤตติ น เป็ นคนชั่ว
ลูกกคี่ น คนเลย้ี งได้ ไม่หมองมัว ไม่โศกเศร้า เท่าลูกตัว ชั่วระยาํ
ลูก ๆ ทราบบา้ งหรือไม่วา่ พอ่ แม่น้นั มีทกุ ขอ์ ยู่ ๓ ประการดว้ ยกนั
คือ ทุกขป์ ระการที่ ๑ ทุกขเ์ พราะไม่มีลูก อยากจะมีลูกแต่มีไม่ได้ พระ
วดั ใหนดี หลวงพอ่ วดั ไหนดงั ก็ไปบนบานศาลกล่าวเพอื่ ใหไ้ ดล้ ูกมา
ทุกขป์ ระการที่ ๒ ทุกขเ์ พราะลูกตาย ลูกน้อยกาํ ลังอยใู่ นวยั ที่
น่ารัก แต่โชคร้ายมาชิงตวั ตายไปเสียก่อน
ทกุ ขป์ ระการท่ี ๑ และทุกขป์ ระการที่ ๒ น้นั ยงั ไม่หนกั เท่า ทุกข์
ประการที่ ๓ ทุกข์เพราะลูกช่วั ลูกเลว ลูกล้าง ลูกผลาญ ลูกทาํ ลายวงศ์
ตระกูล มีลูกกบั เขาท้งั ทกี ม็ ีแตล่ ูกชวั่ ลูกลา้ ง ลูกผลาญ
ลูกกคี่ นหนเล้ียงได้ไม่ทุกข์หนัก เท่าลูกรักประพฤติตนเป็ นคนช่ัว
ลูกก่คี นทนเลีย้ งได้ไม่หมองมัว ไม่โศกเศร้าเท่าลูกตวั ช่ัวระยํา
ลูกคนใดกระทาํ กรรมแก่แม่ สุดเลวแท้ช่ัวข้าส้ินราศี
พระวทิ ยากรกระบวนธรรมกลมุ่ คลนิ กิ คณุ ธรรม
คมู่ อื พระวิทยากรกลมุ่ คลนิ ิกคณุ ธรรม ๑๗๓
ลูกด่าแม่ดแี ม่ลูกกาลี ลูกไม่ดีทําแม่ซํ้านํ้าตาริน
นํ้าตาแม่รินไหลเมอ่ื ลูกร้าย นํ้าตาแม่เป็ นสายเมอ่ื ลูกหมนิ่
น้ําตาแม่หลงั ลงรดพืน้ ดนิ เมอื่ ได้ยินลูกเสเพลเนรคุณ
ลูกที่รักท้งั หลาย ลองมองดูเทียนเล่มน้ีสิลูก ถา้ พระอาจารยจ์ ะ
เปรียบเทียนเล่มน้ีเหมือนกบั ชีวิตแม่ของเรา เทียนเล่มน้ีมนั ส่องแสงให้
มากเท่าใด ลาํ เทียนเองก็จะส้นั ลง ๆ เหมือนกบั ชีวิตของแม่ให้ลูกมากแค่
ไหน อายุของแม่ก็จะส้ันลง ๆ บางคร้ังเทียนมันก็ลุกโชติช่วงชชั วาล
บางคร้งั ก็ลิบหร่ีหรือไม่ก็ดบั แลว้ น้าํ ตาเทยี นก็ไหลหยดยอ้ ยเหมือนหยาด
น้าํ ตาของผเู้ ป็ นแม่ของเรา เทียนเล่มน้ีไม่เคยรู้เลยกา้ นไมข้ ีดทพ่ี ระอาจารย์
ชูข้ึนอยขู่ ณะน้ีมาจากป่ าไหน ผลิตจากโรงงานอะไร เทียนไม่รู้ฉนั ใดแม่
ของเราก็ฉนั น้นั แม่ไม่เคยรู้เลยว่าดวงวิญญาณของลูก ๆ ทุกดวงที่มาเกิด
ในทอ้ งของท่านมาจากสวรรคช์ ้นั ไหน หรือมาจากนรกขมุ ใด แต่ดวงใจ
ของแม่ไดย้ อมรบั ดวงวญิ ญาณของลูกทุกดวง
ลูก ๆ ที่รักครับ ในท่ีสุดเทียนเล่มน้ีก็จะเหลือเพียงไส้ดาํ ๆ วาระ
สุดทา้ ยของแม่เราก็จะเป็ นอยา่ งน้ี แม่จะเหลือเพยี งกระดูกที่เป็ นเถา้ ถ่าน
ใหล้ ูกนอ้ ยไปรบั ทีเ่ ชิงตะกอน
ลูก ๆ ต้งั ใจนะลูก พระอาจารยเ์ คยถามเด็กบางคนวา่ เธอจะเล้ียง
แม่ไดเ้ ม่ือไหร่ เด็กบางคนตอบว่า ๒๐ ปี บา้ ง ให้หนูเรียนจบก่อนบา้ ง
พระวทิ ยากรกระบวนธรรมกลมุ่ คลนิ กิ คณุ ธรรม
ค่มู ือพระวิทยากรกลมุ่ คลนิ ิกคณุ ธรรม ๑๗๔
หรือใหห้ นูมีงานทาํ ทมี่ น่ั คงก่อนบา้ ง แต่ถา้ วนั น้ีหรือพรุ่งน้ีคุณแม่มาชิงตวั
ตายไปเสียก่อนเธอจะมีโอกาสเล้ียงมีโอกาสตอบแทนบญุ คุณท่านไดห้ รือ
เด็กบางคน ยามแม่มีชีวติ อยู่ ขนมซกั กอ้ นหน่ึง น้าํ สกั แกว้ หน่ึง
ไม่เคยใหแ้ ม่เลยแตพ่ อคุณแม่ตายลงไป นาํ ร่างท่ีไร้วญิ ญาณของแม่ไปใส่
โลงทองอยา่ งดี เอาไปไวว้ ดั แลว้ นิมนต์พระมาสวด ๗ วนั ๗ คืน คิดว่า
ดวงวญิ ญาณของแม่จะไปสู่สวรรค์ คุณแม่ของเราจะไดอ้ ะไรบา้ ง
ลูก ๆ ท่ีรักครับ ถา้ เยน็ น้ีคุณแม่ตายไป คุณแม่จะไดอ้ ะไร จะได้
เพยี งแต่ขา้ วตม้ ถว้ ยเดียวและน้าํ เปล่าคร่ึงแกว้ ใส่ถาดเอาไปวางไวข้ า้ งโลง
ศพเท่าน้นั หรือ แลว้ ลูกชายลูกหญิงผูโ้ ง่เขลาก็จะไปเคาะขา้ งโลง พร้อม
กบั พดู ว่า "แม่จําลุกข้ึนมากินข้าวเถอะ แม่จําลุกขึ้นมากินน้ําเถอะ แม่จํา
พระมาแล้วฟังสวดนะแม่นะ" แต่ในขณะทแ่ี ม่มีชีวติ อยู่ เราจะไดย้ นิ แต่คาํ
ว่า"ลูกจําลูกหิวหรือเปล่า ลูกต้องการอะไรหรือเปล่า ลูกจ๋าลูกไม่สบาย
หรือเปล่า ทานยาแล้วยงั ลูก”
จะมีลูกซกั ก่ีคนท่ีจะถามแม่เช่นน้นั หรือเธอจะรอใหแ้ ม่เธอตาย
ไปซะก่อนแลว้ คอ่ ยถามอยา่ งน้นั หรือ ถา้ เธอตอ้ งการอยา่ งน้นั สกั วนั เธอ
คงจะไดต้ ามท่ีเธอตอ้ งการ
ลูกท่ีรักท้งั หลายครับ ลุกรักคนอื่นได้ ลูกช่วยงานคนอ่ืนได้ ลูก
ตอ้ งรักแม่ได้ ช่วยงานคุณแม่ไดล้ ูกอาจจะมีเพอ่ื นไดห้ ลายคน แต่ลุกจะมี
แม่ไดเ้ พียงคนเดียวเท่าน้นั ... กลบั ไปเยน็ น้ีไปกราบตกั ท่าน ไปดูดวงตา
พระวทิ ยากรกระบวนธรรมกลมุ่ คลนิ ิกคณุ ธรรม
ค่มู ือพระวิทยากรกลมุ่ คลนิ กิ คณุ ธรรม ๑๗๕
ท่านสิวา่ ท่านมีความสุขหรือมีความทุกข์ ไม่ตอ้ งอายในการทาํ ความดีมี
อะไรช่วยท่านไดช้ ่วยเลยอยา่ น่ิงดูดาย ถา้ พรุ่งน้ีไม่กลบั ไปกราบเทา้ ท่าน
เธออาจจะหมดโอกาสกราบท่าน ตอนท่ีแม่มีชีวิตอยแู่ ลว้ เธอจะไป ออ้ น
วอนตอนทแ่ี ม่ไรว้ ญิ ญาณแลว้ คงไม่มีความหมาย น้าํ สกั หน่ึงแกว้ ในตูเ้ ยน็
เอาไปให้ท่านดื่ม สามารถต่อชีวิตแม่ได้เป็ นปี ๆ อยา่ เอาไปให้ท่านด่ืม
ตอนท่ีท่านไม่มีชีวิตแลว้ มนั ไม่มีประโยชน์อะไร ทุกคนประนมมือข้นึ สิ
ค่อย ๆ หลบั ตาลงแลว้ ใหเ้ ราคิดดูสิวา่ แม่เคยม้ยั ทไ่ี ม่รักเรา
ให้ของขวัญแก่แม่นับแต่นี้ ด้วยทําดีต่อพ่อแม่ตอนแก่เฒ่า
ให้ท่านได้ประจักษ์รักของเรา ดกี ว่าเฝ้าทาํ บุญเมอื่ วายชนม์
พระอาจารยเ์ ช่ือเหลือเกินวา่ อาจจะมีลูก ๆ บางคนที่ผดิ พลาดทาํ
ใหค้ ุณแม่ตอ้ งเสียน้าํ ตาทาํ ใหค้ ุณแม่ตอ้ งเสียใจ แลว้ บดั น้ีเดก็ คนน้นั จะไม่
ทาํ ใหค้ ุณแม่เสียใจและเสียน้าํ ตาอีกแล้ว ขอใหล้ ูกต้งั ใจขอขมาในความ
ผิดพลาดที่เคยทาํ มา ต่อไปน้ีเราจะไม่ทาํ ให้คุณแม่เสียใจอีกตลอดไปให้
ลูกไปกราบที่เทา้ ของแม่ ต่อไปน้ีใหล้ ูก ๆ กม้ หมอบกราบลงพร้อม ๆ กบั
นึกถึงความผดิ พลาด ความพล้งั เผลอท่ีลูก ๆ ไดท้ าํ แก่เแม่
พระอาจารยข์ อใหล้ ูก ๆ ทุกคน ประนมมือข้ึน กล่าวคาํ มนั่ สญั ญา
และขอขมาต่อแม่พร้อม ๆ กนั ว่าตาม พระอาจารย์ "ด้วยกายกด็ ี ด้วย
วาจาก็ดี ด้วยใจก็ดี ท่ีลูกเคยล่วงเกิน เคยกระทําความผิด ต่อคุณพ่อและ
คณุ แม่ เคยทําให้คุณพ่อและคุณแม่ ต้องเสียใจต้องผดิ หวงั ต้องน้ําตาไหล
พระวทิ ยากรกระบวนธรรมกลมุ่ คลนิ กิ คณุ ธรรม
ค่มู อื พระวทิ ยากรกลมุ่ คลนิ กิ คณุ ธรรม ๑๗๖
บัดนี้.... ลูกสํานึกแล้ว ลูกจะกลับตัวใหม่ เริ่มต้นเป็ นคนดี เช่ือฟังคําส่ัง
สอน ของคณุ พ่อและคุณแม่ ครูอาจารย์ จะไม่ทําให้คุณพ่อและคณุ แม่ต้อง
ผิดหวัง ไม่ทําให้ครูอาจารย์ ต้องเดือดร้อน ด้วยสัจจะวาจาน้ี ขอพรอัน
ประเสริฐ จงบงั เกดิ มแี ก่ลูก ๆ ท้งั หลาย ตลอดกาลนาน เทอญ....
คาํ มัน่ สัญญา ว่า.. .
๑. เป็นเด็กทด่ี ีของคุณพอ่ คุณแม่
๒. ช่วยงานของท่านทกุ อยา่ ง
๓. ไม่ทาํ ความกา้ วร้าวกบั ท่าน ชื่อฟังคาํ สงั่ สอน ไม่เถียง.
๔. จะยกมือไหวพ้ อ่ แม่ก่อนออกจากบา้ น- เขา้ บา้ นทกุ คร้งั
๕. จะต้งั ใจเรียน ไมโดดเรียน...
สุดท้ายแห่งการบรรยาย พระอาจารย์ ขออ้างอิงคุณพระศรี
รัตนตรยั ขอใหค้ ุณพอ่ คุณแม่ ของลูก ๆ ทกุ คน จงเป็ นผมู้ ีอายมุ น่ั ขวญั ยนื
ปรารถนาสิ่งหน่ึงประการโด ที่เป็ นไปดว้ ยซอบประกอบดว้ ยธรรม ส่ิง
น้นั ไม่เบียดเบียนผอู้ ่ืนไม่ผิดกฎหมาย ไม่ผดิ ศีลธรรมอนั ดีงาม ขอจงพลนั
สาํ เร็จ พลนั สาํ เร็จ พลนั สาํ เร็จ แก่คุณแม่และลูก ๆ ทุกคน ทุกทิวาราตรี
กาลเทอญ ฯ
ตวั อย่างเนื้อหาประกอบการบรรยาย ๒
ต่อจากน้ีไป พวกเราจะไดเ้ ขา้ สู่พิธีอันสาํ คญั ซ่ึงมีความหมาย
ระหว่างบุคคลผูม้ ีนามวา่ พ่อ แม่ และลูก เป็ นกิจกรรมท่ีจดั ข้ึนเพ่ือทกุ คน
พระวิทยากรกระบวนธรรมกลมุ่ คลนิ กิ คณุ ธรรม
คมู่ อื พระวิทยากรกลมุ่ คลนิ ิกคณุ ธรรม ๑๗๗
ในฐานะที่เป็ นลูก จึงขอใช้กิจกรรมน้ี เพื่อแสดงออกถึงความรัก ความ
เคารพ
ต่อผมู้ ีพระคุณของเรา โดยเฉพาะคุณพ่อและคุณแม่ ซ่ึงเป็ นผูม้ ี
พระคุณอยา่ งประมาณคา่ มิได้
เราลองพิจารณาให้ดีซิวา่ เรามีชีวิตอยจู่ นถึงปัจจุบนั น้ีได้ เพราะ
ใคร ? ร่างกายและจิตใจท่ีเราไดม้ า เราไดม้ าจากใคร ? ถา้ มิใช่จากพ่อแม่
ของเรา การท่ีเราไดม้ ีโอกาสเกิดมาลืมตาดูโลก พวกเราลว้ นเกิดมาจาก
ความรักของพอ่ แม่เราเสมอ
ลูกบางคนตดั พอ้ ต่อวา่ พอ่ แม่ของตวั เองวา่ พอ่ แม่ไม่เคยรกั เราไม่
ตอ้ งการเรา เราไม่ไดเ้ กิดมาจากความรกั ของทา่ น พจิ ารณาใหล้ ึกซ้ึงลงไป
ซิว่า ถ้าหากพ่อแม่ไม่รักเรา ดงั ที่เราต่อว่าท่าน ท่านจะให้กาํ เนิดเรามา
ทาํ ไม ถา้ หากวา่ ทา่ นไม่ตอ้ งการเรา ไม่รักเราท่านฆ่าเราต้งั แต่เรายงั อยใู่ น
ทอ้ งของท่านก็ได้ แต่ทาํ ไมท่านไม่ทาํ เพราะอะไร ? ถา้ มิใช่ท่านรักและ
ตอ้ งการเรา
การเล้ียงลูกลาํ บากก็ลาํ บาก หมดขา้ วและเงนิ ไปเท่าไหร่ เพอื่ ใคร
ถา้ มิใช่เพ่ือลูก เวลาจะกิน ถา้ ลูกกินไม่อ่ิม พอ่ แม่ก็เป็ นทุกข์ ยามจะนอน
ถา้ ลูกนอนไม่หลบั ทา่ นกเ็ ป็นทุกข์ เป็นห่วงลูกอยตู่ ลอดเวลา เพราะแม่คือ
ผใู้ หช้ ีวติ คือผใู้ หเ้ ลือด คือผใู้ หค้ วามรัก แม่คอื ผใู้ หท้ กุ สิ่งทุกอยา่ งคือยอด
พระวิทยากรกระบวนธรรมกลมุ่ คลนิ ิกคณุ ธรรม
ค่มู ือพระวิทยากรกลมุ่ คลนิ กิ คณุ ธรรม ๑๗๘
ผเู้ สียสละ แม่ไม่เคยหิวถา้ ลูกยงั ไม่อ่ิม ไม่เคยง่วงถา้ ลูกยงั ไม่หลบั ไม่เคย
หนาวถา้ ลูกยงั ไม่อุ่น ไม่เคยรอ้ นถา้ ลูกยงั ไม่เยน็
กวา่ เราจะมีโอกาสไดเ้ กิดมา และเติบโตมาจนกระทง่ั ทุกวนั น้ีแม่
ตอ้ งต้งั ทอ้ งเกา้ เดือน โดยมีพ่อเป็ นผใู้ ห้การดูแล จะไปใหนก็ไม่สะดวก
อยากกินอะไรกต็ อ้ งนึกถึงลูกผูอ้ ยใู่ นทอ้ ง ว่าจะกระทบกระเทือนลูกไหม
สายใยแห่งความรัก ความผูกพนั ไดเ้ กิดข้ึนแลว้ แก่พอ่ และแม่ ต้งั แต่รู้ว่า
แม่เร่ิมต้งั ครรภ์
ในระหวา่ งการคลอดลูก ความรู้สึกของการเจบ็ ปวด ความทุกข์
ทรมานในการคลอดลูกน้นั ยากนักที่จะพรรณนาได้ ผูเ้ ป็ นพอ่ ก็กลวั ต่อ
ความไม่ปลอดภัย ในการคลอดลูกของภรรยา สิ่งท่ีพอจะทาํ ได้ใน
ขณะน้ันก็คือการจุดธูป ขอให้ส่ิงศกั ด์ิสิทธ์ิท้งั หลาย โปรดเมตตาดล
บนั ดาลใหภ้ รรยาและลูกทีก่ าํ ลงั จะคลอดมามีความปลอดภยั ท้งั คู่ ในการ
คลอดลูกของแม่น้นั เลือดทีแ่ ม่เสียไป
ในระหวา่ งการคลอดแตล่ ะคร้งั น้นั อาจเป็นการเสียเลือดเป็ นคร้ัง
สุดทา้ ย ในชีวิตของท่านก็เป็ นได้ เพราะไม่แน่ใจวา่ หลงั จากท่ีคลอดลูก
แลว้ ไม่รู้วา่ แม่จะมีโอกาส ไดเ้ ห็นหน้าลูกหรือเปล่าการคลอดลูกแต่ละ
คร้งั ของแม่ เปรียบเหมือนการกา้ วขาขา้ งหน่ึงไปสู่ความตาย จึงมีคาํ กล่าว
ไวว้ ่า การคลอดลูกในวนั น้ัน เราถือกนั ว่าเป็ นวนั เกิด แต่ผูเ้ ป็ นแม่น้ัน
อาจจะเป็นวนั ตายของทา่ นกเ็ ป็นได้ ขาขา้ งหน่ึงของแม่เหยยี บอยใู่ นเมือง
ผี อีกขา้ งหน่ึงอยใู่ นเมืองมนุษย์
พระวทิ ยากรกระบวนธรรมกลมุ่ คลนิ กิ คณุ ธรรม
คมู่ อื พระวิทยากรกลมุ่ คลนิ กิ คณุ ธรรม ๑๗๙
ถา้ การคลอดลูกในคร้ังน้ีประสบความสาํ เร็จ ความปี ติยนิ ดีของ
พ่อและแม่ก็มีมาก เกินกว่าจะพรรณนาได้ ลูกจะเปรียบเหมือนสมบตั ิ
อนั มีค่ามหาศาล ในชีวติ ของพ่อและแม่ เปรียบเหมือนแกว้ ตาดวงใจดวง
ใหม่ของท่าน พ่อแม่จะคอยมองดูหน้าเล็ก ๆ ของลูกน้อย ดูรอยยิม้ อนั
สดใส ดูมือนอ้ ย ๆ ของลูกอยเู่ สมอ
การท่ีเราจะหารักแท้จากผูอ้ ่ืนน้ัน ช่างเป็ นส่ิงท่ียากยิ่งนัก แต่
ความรักของพ่อแม่น้ัน เป็ นความรักที่บริสุทธ์ิ ไม่มีส่ิงใดมาเจือปนให้
ลูกๆเศร้าหมอง คาํ ว่าพ่อแม่จึงเป็ นคาํ ที่มีความหมายมากที่สุด เป็ นคาํ ท่ี
ศกั ด์ิสิทธ์ิสาํ หรบั ลูก ยากนกั ท่ีจะหาสิ่งใดมาเปรียบได้
หากเราจะบรรยายพระคุณพ่อแม่น้นั ถึงจะเปรียบเอาโลกมาทาํ
เป็ นปากกา เอาทอ้ งนภามาแทนกระดาษ เอาน้าํ หมดมหาสมุทรแทนหมึก
วาดประกาศพระคุณท่านคงไม่พอ หากเราพิจารณาให้ดี ต้งั แต่เล็กจนโต
พอ่ แม่เคยขออะไรจากลูกๆ ไหม ? นอกจากขอให้ลูกของท่านเป็ นคนดี
ขอให้ลูกของท่านประสบความสาํ เร็จในชีวติ แลว้ เราล่ะ ในฐานะท่ีเป็ น
ลูก เรายอ้ นถามตวั เราเองซิว่า เราเคยทาํ อะไรใหพ้ ่อแม่ภูมิใจไหม? เคย
บา้ งไหมท่จี ะถามวา่ พอ่ แม่เหน่ือยไหม ? หิวไหม ?
พ่อแม่ตอ้ งทาํ งานอยา่ งหนัก เพ่ือแลกมาซ่ึงความสุขสบายใหก้ บั
ลูกของตน เวลาแห่งการทาํ งานเกินกว่าค่อนชีวิต ที่พ่อแม่อุทิศเพื่อลูก
ทุ่มเททุกอยา่ งให้กบั ลูก มนั ช่างแสนยาวนานเหลือเกิน แต่เวลาบ้นั ปลาย
พระวทิ ยากรกระบวนธรรมกลมุ่ คลนิ ิกคณุ ธรรม
ค่มู ือพระวทิ ยากรกลมุ่ คลนิ กิ คณุ ธรรม ๑๘๐
ของชีวติ ไม่รู้ว่าส่ิงท่ีพ่อแม่สร้างข้นึ มา เพอื่ มอบใหแ้ ก่ลูก ลูกจะสาํ นึกถึง
ความเหน่ือยยากบา้ งหรือเปล่า
ลูกบางคนพอไดด้ ี มีหนา้ ที่การงานทาํ แลว้ มีครอบครวั แลว้ กลบั
ลืมพ่อแม่ ท้ิงพ่อแม่ ไดล้ งคอ โดยเฉพาะพอ่ แม่ท่ีไม่มีทรัพยส์ ินเงินทอง
ติดตวั ในยามท่ีท่านแก่เฒ่า ลูกบางคนจะถือเป็ นความอบั อายต่อสังคม
เพื่อนๆ ไม่กลา้ ที่จะบอกว่าพ่อแม่ของตนเป็ นใคร เพราะอายท่ีมีพ่อแม่
เป็ นคนจน
คนชราสองคนอาศยั อยู่กันตามลาํ พงั ลูกๆปล่อยให้พ่อแม่อยู่
อยา่ งโดดเด่ียว อา้ งวา้ ง โหยหิว ท่านท้งั สองตอ้ งตกอยใู่ นความรู้สึกทีข่ ม
ขื่น ใครเล่าจะคอยดูแลท่าน เม่ือพอ่ แม่มีอนั ดอ้ งป่ วย ลม้ หมอนนอนเสื่อ
ใครเล่าจะเป็ นคนพาไปหาหมอ ใครเล่าจะเป็นคนคอยเช็ดตวั ใหเ้ ม่ือไขข้ ้นึ
สูงใครเล่าจะคอยทาํ ความสะอาด เวลาท่านขบั ถ่าย
อยา่ งไรก็ตาม ถึงพ่อแม่จะโดนลูกทอดท้ิง แต่ในใจของท่าน ก็
เพยี รเฝ้าห่วงใยต่อลูกอยเู่ สมอ ถึงลูกจะเป็ นอยา่ งไร พอ่ แม่ก็รัก ถึงลูกจะ
ชว่ั ชา้ เลวทรามสักปานใด ลูกจะเป็ นอยา่ งไร พอ่ แม่ก็ยงั รักลูกอยเู่ สมอ มี
แต่ความปรารถนาดีต่อลูกไม่เสื่อมคลาย ตราบส้ินลมหายใจ
ในวนั น้ีเป็ นวนั ที่พวกเราลูกๆ ไดม้ าร่วมกนั สร้างสรรคค์ วามดี
วนั น้ีคือวนั เกิดหลายๆ ส่ิง เป็ นวนั เกิดความดีงามสาํ หรับลูก เป็ นวนั เกิด
พระวทิ ยากรกระบวนธรรมกลมุ่ คลนิ ิกคณุ ธรรม
คมู่ ือพระวิทยากรกลมุ่ คลนิ ิกคณุ ธรรม ๑๘๑
ปี ติแห่งความภูมิใจ ในความดีของลูกๆ ของพ่อแม่ ไม่ใช่เป็ นวนั เกิดที่
ลูกๆไปฉลองสนุกสนาน
วนั เกิดที่เราจดั ข้ึนอยา่ งสนุกสนานน้นั คิดและพจิ ารณาใหด้ ีซิวา่
วนั ท่ีเราฉลองกนั อยา่ งสนุกสนานน้นั คือวนั ที่ใครเกือบสิ้นใจ พอ่ แม่ให้
กาํ เนิดเรามา ดว้ ยความยากลาํ บาก แต่พอมาถึงวนั เกิด แทนที่เราจะราํ ลึก
ถึงความทุกข์ ความสาํ บากของทา่ น เรากลบั เอาวนั แห่งความทุกขข์ องพอ่
แม่มาฉลอง
เราน่าจะเปลี่ยนจากความสนุกสนาน มาเป็ นการกราบบูชาความ
ทุกขข์ องท่าน ที่ยอมลาํ บากเพ่อื เรา ถา้ เราสามารถเอาส่วนที่สูงที่สุดของ
ร่างกายคอื ศรี ษะของเรา กราบลงที่ต่าํ สุดของพอ่ แม่ คือเทา้ ของทา่ น สิ่งๆ
น้ีคือการกระทาํ ที่ประเสริฐทส่ี ุด สิ่งๆน้ีคือวนั เกิดทดี่ ีงาม ระหวา่ ง
พอ่ แม่และลูกอยา่ งแทจ้ ริง
งานวนั เกดิ ยิ่งใหญ่ ใครคนน้ัน
ฉลองกนั ในกลุ่ม ผู้ลุ่มหลง
หลงลาภยศ สรรเสริญ เพลินทะนง
วนั เกดิ ส่ง ชีพสิ้น เร่ งวันตาย
อีกมุมหน่ึง ซึ่งเหงา น่ าเศร้ าแท้
หญงิ แก่แก่ น่ังหงอย และคอยหา
พระวทิ ยากรกระบวนธรรมกลมุ่ คลนิ ิกคณุ ธรรม
ค่มู ือพระวิทยากรกลมุ่ คลนิ กิ คณุ ธรรม ๑๘๒
โอ้วนั นั้น เป็ นวัน อันตราย
แทบปลิดชนม์
แม่คลอดสาย โลหิต วนั ตายแม่
มิได้บ่น
วนั เกิดลูก เกอื บคล้าย รอดเป็ นคน
นี่เพราะใคร
เจบ็ ท้องแท้ เท่าไหร่ ในวันน้ัน
กนั ผ่องใส
กว่าอุ้มท้อง กว่าจะคลอด ระเริงใจ
อนิจจา
เติบโตจน บดั น้ี ว่าวันเกดิ
ประเสริฐกว่า
แม่เจบ็ เจียน ขาดใจ ควรเปลี่ยนมา
จึงถูกจริง
กลับเป็ นวัน ลูกฉลอง กันเถิดนะ
กราบเท้าแม่
ให้ชีวติ แล้วก็หลง
ลมื ผู้ให้ ชีวติ
ไฉนจงึ เรียกกนั
วนั ผู้ให้ กาํ เนิด
คาํ อวยพร ที่เขียน
ให้มารดา คุณเป็ นสุข
เลกิ จัดงาน วันเกิด
ควรท่จี ะ คกุ เข่า
พระวทิ ยากรกระบวนธรรมกลมุ่ คลนิ กิ คณุ ธรรม
คมู่ ือพระวทิ ยากรกลมุ่ คลนิ ิกคณุ ธรรม ๑๘๓
ระลึกถงึ พระคณุ อบอุ่นแด
อย่ามัวแต่ จัดงาน ประจานเรา
ในโอกาสน้ี พระอาจารยข์ อใหล้ ูก ๆ ทุกคน จงเรียนรู้ที่จะตอบ
แทนพระคุณของพอ่ แม่เสียต้งั แต่วนั น้ี เพราะยงั ไม่สายเกินไป ที่เราจะ
ตอบแทนพระคุณท่าน สุดทา้ ยน้ี หากบทความน้ีมีคุณค่าต่อผูม้ ีโอกาส
ไดร้ ับรู้ ขออุทิศคุณงามความดีท้งั หมดน้ี เพอ่ื เป็ นการบูชาคุณของพอ่ แม่
ของพวกเรา ขอให้คุณพ่อและคุณแม่ทุกท่าน จงประสบแต่ความสุข
ตลอดไป ฯ
ตัวอย่างเนื้อหาประกอบการบรรยาย ๓ (กจิ กรรมฉีกกระดาษ)
ต่อไปน้ีพระอาจารยจ์ ะเล่าเรื่องๆหน่ึงใหพ้ วกเราท้งั หลายไดฟ้ ัง
และเรื่อง ๆ น้ีเกี่ยวขอ้ งกบั พวกเราโดยตรง หากพวกเราเป็ นหน่ึงใน ๘ คน
น้ัน พวกเราจะตอ้ งผ่านวิกฤตในชีวิตท้งั หมด ๗ เหตุการณ์ และถ้าใน
เหตุการณ์หน่ึง พระอาจารยส์ ง่ั ใหพ้ วกพวกเราเลือก พวกเราตอ้ งเลือก เมื่อ
สงั่ ใหแ้ ลก ตอ้ งแลก ไม่เลือก ไม่แลก ไม่ได้
ก้าวที่ ๑
เยน็ วนั หน่ึงพวกเราเลิกงานไป กาํ ลงั จะเดินขา้ มถนน ไม่ทนั ได้
มองซ้ายมองขวา ในระหวา่ งท่ีขา้ มน้นั มีรถคนั หน่ึงว่ิงมาชนเขา้ อยา่ งจงั
พวกเราลม้ ลง เลือดไหลนองทว่ มตวั ศีรษะกระแทกพ้นื อาการอยใู่ นข้นั
โคม่า ถา้ หากไม่มีใครพาไปส่งโรงพยาบาลภายใน ๑๐ - ๒๐ นาทีน้ี พวก
พระวทิ ยากรกระบวนธรรมกลมุ่ คลนิ ิกคณุ ธรรม
คมู่ ือพระวทิ ยากรกลมุ่ คลนิ กิ คณุ ธรรม ๑๘๔
เราตอ้ งตายแน่ในขณะที่รอความช่วยเหลือ ปรากฏวา่ กไ็ ม่มีใครพาไปส่ง
เลย ยงั ไงตอ้ งตายแน่ๆ ในใจของพวกเราตอนน้นั คิดถึงแต่พอ่ แต่แม่อยาก
ใหพ้ อ่ และแม่มาอยขู่ า้ ง ๆ เธอ บางคนกน็ ึกถึงลูก ๆ เธออยากเห็นหนา้ เขา
เป็ นคร้งั สุดทา้ ยแต่มนั ก็เป็นไปไม่ได้
แตอ่ ยดู่ ี ๆก็มีเสียง ๆ หน่ึงกระซิบดงั ขา้ งหูแลว้ บอกกบั พวกเราวา่
ฉันสามารถช่วยเหลือเธอได้ ฉันจะพาเธอไปส่งท่ีโรงพยาบาลไดอ้ ยา่ ง
ปลอดภยั และเธอจะไดเ้ ห็นหน้าพ่อและแม่ของเธอเหมือนเดิม แต่มีขอ้
แมว้ า่ ฉันขอแลกชีวิตคนรักของเธอหน่ึงคน แลกกบั ชีวติ ของเธอ ลืมตา
ข้ึนมาเลือกหน่ึงชีวิต แลกกับชีวิตเธอ เลือกออกมา ฉีก และขยาํ ทิ้งลง
ขา้ งหนา้
ก้าวที่ ๒
หลงั จากที่เธอแลกชีวิตคนรักของเธอหน่ึงคนไปเม่ือสกั ครู่ เขาก็
ทําตามสัญญา พาเธอไป
โรงพยาบาลอย่างปลอดภยั
พ่อแม่ เธอก็รี บตามไปที่
โรงพยาบาล ไม่นานนกั คุณ
หมอก็เดินออกมา จากห้อง
ไอซียู พ่อของเธอรีบเดินเขา้
ไป พ่อของเธอถามหมอว่า ลูกของผมเป็ นไงบา้ ง คุณหมอไม่พูดอะไร
ส่ายหน้า คุณพอ่ ก็ขย้นั ขยอถามอยนู่ น่ั และ และสุดทา้ ยหมอก็เลยบอกวา่
พระวทิ ยากรกระบวนธรรมกลมุ่ คลนิ กิ คณุ ธรรม
ค่มู ือพระวทิ ยากรกลมุ่ คลนิ ิกคณุ ธรรม ๑๘๕
เราจาํ เป็ นตอ้ งตดั ขาขา้ งหน่ึงของลูกคุณท้ิง คนที่ถูกตดั ขาคือคนท่ีพกิ าร
เดินเหิน ไม่สะดวก ไปไหนมาไหนก็ลาํ บาก. ไปไหนมาใหนก็ถูกลอ้ ถูก
วา่ อยดู่ ี ๆ หมอจะมาตดั ขาขา้ งหน่ึงน้ีท้ิง ขาน้ีมนั สาํ คญั นะหากจะมีใครมา
ซ้ือขาของเธอ ดว้ ยเงินเป็ นแสนเป็ นลา้ นเธอก็คงไม่กลา้ ตดั ให้เขาเพราะ
มนั สาํ คญั อยดู่ ี ๆ หมอจะมาตดั ท้งิ
ในขณะที่ทุกคนกลุม้ แม่เธอไม่อยากให้ลูกถูกตดั ขา พอ่ เธอไม่
อยากให้ลูกถูกตดั ขา ก็มีเสียง ๆ หน่ึงกระซิบข้ึนมาอีกว่าฉันสามารถ
ช่วยเหลือเธอได้ เธอจะไม่ตอ้ งถูกตดั ขา แต่มีขอ้ แมอ้ ยา่ งหน่ึงว่า ฉนั ขอ้
แลกชีวติ คนรักของเธออีกหน่ึงคน แลกกบั การทเี่ ธอไม่ตอ้ งถูกตดั ขา และ
เธอจะไดก้ ลับมาเดินไดเ้ หมือนคนปกติทวั่ ไป ลืมตาข้ึนมาแลว้ แลกอีก
หน่ึงชีวติ เลือกออกมา ฉีก และขยาํ ทิง้ ลงขา้ งหนา้
ก้าวท่ี ๓
หลงั จากทเี่ ธอแลกหน่ึงชีวติ ไปอีกเม่ือสกั ครู่ ลองถามตวั เองดูสิวา่
ชีวติ ๒ คนทผ่ี า่ นไป มีความสาํ คญั กบั เธอในฐานะเป็ นอะไร ทาํ ไมเธอจึง
เลือก ๒ คนน้ีเป็นคนแรก อีกคนท่ีเหลือ ทาํ ไม เธอเหลือไวท้ าํ ไม แลว้ นึก
ถึงหนา้ คน ๒ คน ที่จากเธอไปซิ คนที่จากเธอไปตอนที่เธอมีชีวติ อยกู่ บั
เขา เธอปฏิบตั ิตนกบั เขาอยา่ งไรบา้ ง นี่เป็ นวิกฤตที่ ๓ ที่เธอตอ้ งกา้ วขา้ ม
มนั ไม่ให้ เธอลองนึกดูสาํ หรบั ๕ คน ท่ีเหลือตอ่ จากน้ี มีใครบา้ ง และใคร
จะเป็ นคนต่อไป
พระวทิ ยากรกระบวนธรรมกลมุ่ คลนิ ิกคณุ ธรรม